Muse Mag ฉบับที่ 4

Page 1

ฉบับที่ 4 เดือนธันวาคม 2557 – กุมภาพันธ์ 2558

จิรัฏฐ์ พรพนิตพันธุ์ “ความเป็นยักษ์อยู่ที่วิธีคิด ไม่ใช่วิธีทำ�” งานศิลป์ที่เห็นแล้วต้อง โอ้โห!! เพราะประติมากรรมยักษ์ทั่วโลก ล้อมคุณไว้หมดแล้ว


ฉบับที่ 3 เดือนธันวาคม 2557 – กุมภาพันธ์ 2558

Contents 3 Muse Chat

ชวนคุณมาปลุกยักษ์!

4 Muse Idol

คนเล็กบนไหล่ยักษ์

12 Muse Latitude

Size Does Matter ประติมากรรมยักษ์ ล้อมคุณไว้หมดแล้ว

18 Muse+

พับ เพียบ เรียบ ร้อย…เปเปอร์คราฟต์หัวใจไทย

24 Muse Forward

มองหาสิ่งสร้างแรงบันดาลใจ ด้วยภาพยนตร์ หนังสือ และเทศกาลงานศิลป์ดีๆ

28 Muse Check in

ถึงเวลาปลุก ‘พลัง’ ปลุก ‘ยักษ์’ ในตัวคุณ! ในเทศกาลเที่ยวพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืน Night at the Museum 5

กองบรรณาธิการ ชนกพร ถิ่นพังงา ภูษิต ช่วยชูฤทธิ์ ปิ่นมุข หนูนุ่ม สุธิดา บุปผากลิ่น

นิตยสารเสริมแรงบันดาลใจ สร้างสรรค์การเรียนรู้ โดย มิวเซียมสยาม | สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ

เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ : 0 2225 2777 โทรสาร : 0 2225 2775 www.museumsiam.org, www.facebook.com/museumsiamfan

ร่วมสร้างสรรค์เนื้อหาและออกแบบศิลปกรรม โดย

บริษัท เปเปอร์คอรัส จ�ำกัด 32/9 ถนนพุทธมณฑลสายสาย 2 ซอย 21 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170 โทร. 08 1919 5315 / 08 1513 4971

-2-


ชวนคุณมาปลุกยักษ์!

: ะภาพ ิการ ล แ ง เรื่อ รณาธ บร กอง

chat

เอ่ยถึงยักษ์ เรามักนึกถึงตัวตนทีม่ าพร้อมคมเขีย้ ว ความยิง่ ใหญ่ ความดุรา้ ย มีทั้งยักษ์ดี ยักษ์ดุร้าย อยู่ในหน้าต�ำราวรรณกรรม แต่รู้ไหมว่า ไม่ต้องมอง ที่ไหนอื่นไกล ยักษ์มีอยู่ในตัวเราทุกคน Muse เล่มนี้ บรรจุ ความยักษ์ ที่ถ่ายทอดออกมาหลายรูปแบบ ลองคลิก เมาส์พลิกดู… Muse Idol คนคิดยักษ์ คุยกับพี่ปู-จิรัฏฐ์ พรพนิตพันธุ์ พี่ใหญ่แห่งวงการ สตรีตแฟชัน่ บรรณาธิการนิตยสาร Cheeze ความเป็นยักษ์ของเขาฉายแวว มาตัง้ แต่ชว่ งชีวติ ทีเ่ ริม่ ต้นฟอร์มทีมผลิตนิตยสาร Cheeze เริม่ ต้นจากความ ไม่กลัว วิธีคัดเลือกทีมงานขอให้ใจรักและใจถึง ประสบการณ์ว่ากันทีหลัง ท่ามกลางคู่แข่งบนแผงมากมาย แต่ยักษ์เล็กๆ ตนนี้ ก็ไม่เคยครั่นคร้าม Muse Latitude ประติมากรรมใหญ่ยักษ์ เราคัดสรรมาทุกมุมโลก เห็น แล้วอยากจะร้องว้าว เพราะไม่เพียงมีดีแค่ความใหญ่ แต่แนวคิดที่ซ่อนอยู่ ใต้ความใหญ่นั่นล่ะ ที่ท�ำให้งานศิลปะเหล่านี้ ‘ยักษ์’ สมค�ำร�่ำลือ ไม่ว่าจะเป็นพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ พลังความกล้า ใครที่ตั้งท่าจะ เริ่มต้นปีใหม่ คิดๆ เล็งๆ ไว้ว่าอยากท�ำอะไรดีๆ แต่ยังกล้าๆ กลัวๆ นั่น เพราะพลังยักษ์อาจก�ำลังนอนหลับอยู่ก็ได้ มาปลุกยักษ์ในตัวเองกันเถอะ

ชวนร่วมสนุก อ่านจบเล่มแล้วมาตอบคำ�ถามกัน

คอลัมน์ Muse Idol ‘สมุดเล่มเล็กๆ ทีเ่ ป็นแรงบันดาลใจ ให้พปี่ ลู กุ ขึน้ มาท�ำนิตยสาร Cheeze และยังเก็บไว้อยูจ่ น ทุกวันนี้ มีชื่อว่าอะไร’ ของรางวัล : ผ้าปิดปากยักษ์ และหนังสือ ‘ปลุกยักษ์’ จากกิจกรรม Night at the Museum 5 จ�ำนวน 5 รางวัล ส่งค�ำตอบมาที่ museumsiam@ndmi.or.th ภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2558 -3-

กองบรรณาธิการ



เซีย พูฟิว วิภาส ม ช : ุญ เรื่อง าวรัตน์ บ น เ าพ :

คนเล็กบนไหล่

idol

ยักษ์

บุกไปคุยถึงโต๊ะท�ำงานของพี่ปู-จิรัฏฐ์ ผู้ชายมากสไตล์ แห่ง Cheeze Magazine ถึง งานประจ�ำชิ้นแรกในชีวิต งานที่ล้มเหลวแต่ไม่เคยล้มเลิก และงานวัด มิวสิควิดีโอ เบ้าหลอมที่ท�ำให้สไตล์และตัวตนของผู้ชายคนนี้ โดดเด่นจัดจ้านเช่นทุกวันนี้ จิรัฏฐ์ พรพนิตพันธุ์ หรือ ‘พี่ปู Cheeze Magazine’ รู้ไหมว่า 11 ปีที่แล้ว เขาคือ บรรณาธิการนิตยสารแฟชัน่ ทีป่ ดิ ตัวมาแล้วถึง 3 เล่ม แต่เพราะปราศจากความกลัวใน การเริม่ ต้น (ซ�ำ้ แล้วซ�ำ้ อีก) เขาก็ยงั คงเชือ่ มัน่ และเดินบนถนนสายแฟชัน่ นีต้ อ่ พร้อม ทีมงานน้องใหม่ไร้ประสบการณ์อีก 5 คน ก่อตั้งหนังสือขึ้นมา 1 เล่ม ด้วยความเชื่อ เต็มเปี่ยมว่า ‘คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงกระแสสังคมได้ที่แผงหนังสือ’ หากพูดกัน ตรงๆ เขาเปรียบเหมือนพี่ชายคนหนึ่งที่กางหนังสือออก และเชิญชวนให้เด็กวัยรุ่น กว่าครึง่ ประเทศกล้าฉีกกฎเกณฑ์ รือ้ ตูเ้ สือ้ ผ้า และเปิดใจเพือ่ สนุกกับสไตล์ของตัวเอง ถ้าหากเขาถอดใจถอยไปตั้งแต่ 11 ปีที่แล้ว วันนี้เราคงไม่มีหนังสือ Cheeze และ Looker Magazine เป็นสีสนั บนแผงหนังสือ บนท้องถนน ไปจนถึงเป็นสีสนั วัฒนธรรม ป๊อปร่วมสมัย ...และวันนี้คงไม่มี ‘คนเล็ก’ ที่ไม่ระย่อต่อความสูงและขนาด ปีนขึ้นไปจนอยู่บนไหล่ ยักษ์ได้ -5-


ก่อนเป็นพี่ปู Cheeze ในวันนี้ คุณสนใจเรื่องอะไร

ผมเคยผ่านการเป็นบรรณาธิการหนังสือถึง 3 เล่มที่ปิดตัวลง แต่ไม่ได้รู้สึกตัวเอง ล้มเหลวนะ เพราะตอนนั้นไม่ได้เข้าไปสนใจเรื่องธุรกิจ แต่สิ่งที่สนใจมากกว่าคือ กลไกใดที่จะท�ำให้หนังสืออยู่รอด ผมเป็นคนชอบวิเคราะห์ เลยคิดว่าถ้าอยากท�ำ หนังสือสักเล่มของตัวเอง ต้องมีกลไกใดบ้าง เรารู้จักหนังสือแล้วก็ต้องรู้จักธุรกิจ และธรรมชาติของมัน ประกอบกับสมัยนัน้ ผมเคยถูกฝรัง่ คนหนึง่ ขอถ่ายรูปทีป่ าก คลองตลาด แล้วเขายื่นสิ่งนี้ให้ (โชว์สมุดเล่มเล็ก STREETFA) ที่ผมยังเก็บไว้ จนถึงวันนี้ เขาบอกว่ายู เดี๋ยวอีกสักพักยูไปเข้าเว็บไซต์หนึ่ง แล้วใส่พาสเวิร์ดนี้ แล้วยูจะได้เห็นรูปตัวเองอยู่ในเว็บ ผมก็เข้าไปดู แล้วก็เห็นรูปตัวเองและเห็นรูป คนอื่นเต็มไปหมด แล้วเว็บไซต์นี้ก็เป็นสิ่งที่ปลุกกระแสชีวิตเรา เปิดโลกเราเมื่อ เกือบ 20 ปีที่แล้ว ค�ำว่า on street แล้วผมชอบอันนี้มาก ผมเป็นคนชอบดูคน อยู่แล้ว คนแต่งตัว ก็เลยเข้าไปค้นคว้า ที่อังกฤษก็เริ่มมี ที่ญี่ปุ่นก็เริ่มมี ที่ไหนๆ ก็เริ่มมี แต่ยังเฉพาะกลุ่มอยู่ ก็เลยคิดต่อว่าเมืองไทย เราอยากบันทึกการแต่งตัว ของคนไทยไว้ ผมก็เริ่มท�ำม็อกอัพ อยากจะสื่อสารด้วยวิธีนี้บ้างโดย ตระเวนถ่าย รูปคนกับสไตล์ที่สยาม ตั้งชื่อเล่มแรกว่า Topping เพราะรู้สึกว่าคนแต่งตัวสวยๆ เหมือน topping ของสังคม ผมชอบให้คนแต่งตัว แล้ววันหนึง่ ผมก็เจอ บริษทั แม็ทชิง่ สตูดโิ อ ก็ไปคุยกับเขา บอกว่าอยากท�ำหนังสือ เล่มนี้ พอเขาโอเค วันรุ่งขึ้นผมได้ท�ำเลย

คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นคนไม่กลัวการเริ่มต้น ‘เพราะยิ่งลุย แล้วยิ่งรู้สึกชีวิตมีกำ�ไร’ ยังจำ�บรรยากาศตอนทำ� Cheeze Magazine เล่มแรกได้ไหม ตอนนั้นลุยถึงขั้นไหน

ใช่ ทีมงานผมไม่มใี ครมีประสบการณ์สกั คนเลย เพราะผมเชือ่ เรือ่ งทัศนคติทสี่ ำ� คัญ มากกว่า ฝีมือยังไม่ดีก็ฝึกกันได้ แต่ถ้าทัศนคติดี แป๊บเดียว เราจะเก่งแล้วเราจะ ไปด้วยกัน วิธีของผมคือวันรุ่งขึ้นก็ไปตามหาน้องสไตลิสต์คนหนึ่งสมัยท�ำหนังสือ -6-


เล่มเก่าด้วยกันแต่ว่ายังเรียนไม่จบ เอามาเป็น บ.ก. แฟชั่นเลย น้องที่รู้จัก เขา บอกว่าอยากถ่ายรูป ผมโทรถามเลยได้งานหรือยัง น้องบอกยัง ผมก็บอกให้มาเป็น บ.ก. ถ่ายรูปเลย อีกคนเป็นรุ่นน้องที่ครุศิลป์ จุฬาฯ เคยเจอะเจอกันบ้าง ผมก็เอา มาเป็น บ.ก. ฝ่ายออกแบบ ตั้งกันสดๆ ตอนนั้น รวมๆ ก็ 5 คน ใช้เวลาท�ำงาน ด้วยกัน 6 เดือน ท�ำแล้วท�ำอีก ท�ำทิ้งท�ำขว้าง ท�ำทดลองนั่นนี่ขึ้นมา จนกลายเป็น proposal แล้วก็ตวั อย่างของหนังสือ 1 เล่ม จนเรามัน่ ใจว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือ ที่ดี แล้วเราก็พิมพ์เล่ม 0 หนึ่งเล่ม เพื่อไปให้เอเจนซี่อ่าน แล้วก็ให้คนทั่วไปอ่าน ว่ามันดีไหม คนสนใจไหม แล้วคนก็โอเค น่าสนใจ ยังไม่มีคนท�ำบนแผงหนังสือ ช่วงท�ำงานใหม่ๆ เราก็ระแวดระวัง แล้วได้พเี่ ลีย้ งจากทางบริษทั แม็ทชิง่ สตูดโิ อเรือ่ ง ของตลาดมุมกว้าง เดือนต่อมาเราก็พิมพ์เป็นเล่มจริงเล่ม 1 ซึ่งผลตอบรับก็ดีเกิน คาด เกินที่เราเคยคาดหวังไว้ พอเปิดตัวก็ยาวเลยทีนี้ เราโชคดีที่มันเกิดวันนั้นขึ้น

ย้อนกลับไปตอนนั้นที่เรายังไม่รู้ผลลัพธ์ มีความรู้สึกอย่างไร เกิดบ้าง ท้าทาย กลัว หรือมีแรงขับข้างในอย่างไร

ผมเป็นคนไม่กลัว เพราะไม่มีอะไรเสีย การได้ลงมือท�ำถือเป็นเรื่องดีเสียอีก จะได้ ตัดหัวข้อที่เราสงสัยอยู่ทิ้งไปซะ ท�ำไปถ้าไม่ใช่จะได้รู้ว่าสิ่งที่คิดมันไม่เวิร์ก แล้วจะ ได้ไปท�ำอย่างอื่น ถ้าผมมัวแต่คิดอยากท�ำหนังสือ Cheeze แต่ไม่ได้ลงมือท�ำ ไม่ ได้ลงมือพิสูจน์ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่ก�ำลังสงสัยในตัวเองอยู่ ให้ลุกขึ้นมาท�ำ มันอาจจะใช่ เวิร์กหรือไม่เวิร์กก็ได้ แต่อย่ามัวแต่นั่งคิดนั่งรอ ตอนนั้นผมคิดไว้ว่าจะเวิร์กไม่เวิร์กอยู่ที่เนื้อหา แล้วก็ จังหวะเวลา บางทีเนื้อหาใช่แต่เวลาอาจจะไม่ใช่ เหมือนเล่นคอนเสิร์ต จะให้คน เต้น มันต้องดูอารมณ์คนด้วย คนเราจะชอบท�ำอะไรหรืออยากท�ำอะไร มันไม่ได้ ตอบแบบมัว่ ๆ มันต้องตอบจากเคมีทมี่ ใี นร่างกาย หนูอยากเปิดร้านเสริมสวย หนู อยากเป็นหมอ คนทีต่ อบตัวเองได้แบบนี้ มันต้องมีเคมีในตัว มันมีเชือ้ เชือ้ นีม่ นั จุด ยังไงก็ตดิ คล้ายว่ามีความสนใจนิดหน่อยเราสามารถเพิม่ เติมได้ทนั ทีเลย เพิม่ เติม ด้วยทักษะ ไปเรียนเพิ่มเติม ไปเข้าคอร์ส ไปฝึกงาน หรือว่าไปเริ่มต้นครูพักลักจ�ำ เริ่มต้นหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ วันหนึ่งมันจะเป็น

ย้อนไปถึงตัวเองบ้าง คุณมีเชื้อไฟอะไรบ้างอยู่ในตัวเอง

ผมชอบแฟชัน่ มาตัง้ แต่เด็ก ชอบอ่านหนังสือ ชอบคุยกับคน ชอบช้อปปิง้ แต่เด็ก ชอบ เดินงานวัดแล้วไม่กลับบ้าน ดูทีวีแล้วก็ไปซื้อเสื้อผ้าเหมือนในทีวีมาใส่ ดูในมิวสิก วิดโี อนี่ เขาแต่งแบบไหน เราก็แต่งแบบนัน้ ใส่กางเกงยีนส์พบั ขา เสือ้ แขนจัม๊ พ์ เสือ้ แขนกุดก็ไปหา เห็นชุดขาวก็ไปหาชุดขาวมา จะออกจากบ้านไปงานไหนก็แล้วแต่ ถ้าชุดไม่ได้ ผมไม่ไปนะ แม่ถึงกับงง

เรียกว่าเสพสื่อแต่เด็ก...

ก็ดูตามทีวีกับมิวสิกวิดีโอไป รายการคอนเสิร์ตที่เราเห็นนักร้องเดินขึ้นเวทีแล้ว ก็ร้องเพลง เพราะทีวีเป็นสื่อเดียวที่ใกล้ชิดกับคนยุคนั้น โตขึ้นมาหน่อยก็มี แมกกาซีน หนังสือแฟชัน่ แนวประตูนำ�้ วัยน่ารัก ผมเป็นลูกคนโต มีนอ้ งอีกหนึง่ คน -7-

“ความเป็นยักษ์ของคนอยู่ที่ วิธีคิด ไม่ใช่วิธีทำ� ผมเชื่อว่า เราทุกคนมียกั ษ์อยูใ่ นตัว แต่ ทีย่ กั ษ์ไม่ออกมาเพราะเราคิด ว่าเราเล็ก เราคิดว่าเราด้อย”


“ทีมงานผมไม่มใี ครมีประสบการณ์ สั ก คนเลย เพราะผมเชื่ อ เรื่ อ ง ทัศนคติที่สำ�คัญมากกว่า ฝีมือยัง ไม่ ดี ก็ ฝึ ก กั น ได้ แต่ ถ้ า ทั ศ นคติ ดี แป๊บเดียว เราจะเก่งแล้วเราจะไป ด้วยกัน”

เป็นเด็กต่างจังหวัด ครอบครัวเป็นชาวสวน บ้านอยู่สมุย เป็นเด็กเกาะ แล้วก็ กระโดดมาอยู่กรุงเทพฯ ตอนอายุประมาณ 14-15 ปีครับ ตอนเรียนมัธยม ขึ้น มัธยมปลาย ผมเรียนสายวิทย์นะ อยากเข้าสถาปัตยฯ ชอบวาดรูป แต่เกเรไป หน่อย ไม่ค่อยตั้งใจเรียน ชอบเที่ยว แต่งตัว เดินช้อปปิ้งสวนจตุจักร มาบุญครอง สมัยก่อนสนุกสนาน เรียนรู้โลกภายนอกห้องเรียน แล้วก็เกรดไม่ดีมากเท่าไร ก็ เลยคิดว่าถ้าฝืนอยากเรียนสถาปัตย์ฯ ต้องเอนท์ไม่ติดแน่เพราะคะแนนสูงมาก สุดท้ายก็มาได้ที่ ม.เกษตรศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ แต่เรียนไปหนึ่งปี สุดท้ายผมก็ ตัดสินใจเอนท์ใหม่ มาติดอยู่ครุศาสตร์ ศิลปกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฮ้ว นอกบ้านแต่กย็ งั มีเพือ่ นสนิทตอนเรียนปีหนึง่ คือหนังสือ เวลาอยูค่ นเดียวผมก็อา่ น หนังสือวันละหนึ่งเล่ม เมื่อก่อนไม่มีทีวีนะครับ ตอนอยู่ปี 1 เดินขึ้นอะพาร์ตเมนต์ มันจะมีกองหนังสือที่อนุสาวรีย์ที่แบบเลขายเป็นกอง 5 บาท 7 บาท เราต้องซื้อ หนังสือทุกวัน แล้วแต่เงินที่เหลือในกระเป๋าตอนนั้น ที่ต้องอ่านหนังสือเพราะไม่มี อะไรท�ำ วันละหนึ่งเล่ม พอรู้ตัวอีกทีรู้สึกว่าเราได้อ่านหนังสือดีๆ ไปหมด

นี่เป็นที่มาของ ‘เชื้อ’ ที่คุณพูดถึงหรือเปล่า

เชื้อมันมีตั้งแต่เรียนปี 1 ที่จุฬาฯ แล้ว ผมเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสองที่จตุจักร พูด ให้ดดู เี หมือนส่งตัวเองเรียน แต่จริงๆ ขอเงินแม่มาต่อยอด คือแต่ละเดือนแม่จะให้ เงินก้อนหนึ่ง พอแค่ค่าอะพาร์ตเมนต์ แล้วค่ากินท�ำยังไง ก็เลยเปิดร้านที่จตุจักร ขายจนเรียนจบ ตอนจบปี 4 มีสองร้านด้วย ตอนปี 4 ขายไปร้านหนึ่งเพื่อเอาเงิน มาท�ำธีสิส แล้วก็พอเรียนจบปุ๊ปก็ขายอีก 1 ร้านเพื่อเอาเงินไปเที่ยว -8-


ทุกอย่างเป็นชีวิตที่วางแผนแล้ว

ไม่ได้วางแผนเลย เป็นคนที่ลุย ลุยแล้วรู้สึกว่าชีวิตมีก�ำไรมาก เป็นคนที่แปลกคือ รักความเป็นตัวเอง ไม่วา่ จะตัดสินใจแบบไหนก็ชอบทีต่ วั เองตัดสินใจ พลาดก็รสู้ กึ ว่าก็มนั สมควรพลาดแล้ว เป็นคนทีเ่ คารพการตัดสินใจทีผ่ า่ นมาเสมอแม้วา่ มันจะดี หรือไม่ดี ไม่เช่นนั้นเราจะไม่กล้าตัดสินใจอะไรอีกต่อไปเลย ตอนเปิดร้านถือเป็น หนึ่งในช่วงชีวิตที่ดีนะ เนื่องจากว่าเป็นคนชอบแต่งตัว การขายของมือสองจะมี ประโยชน์มากคือ หนึ่ง มันเอาเสื้อผ้ามาใส่เองได้ก่อน เบื่อแล้วก็ขายต่อในร้าน ได้ใส่เสื้อผ้าเยอะมาก พอเบื่อก็เอาไปขายๆๆ ซื้อมาเพิ่ม

ตอนนั้นแบ่งเวลาชีวิตอย่างไร

มันไม่ใช่เรื่องยาก พอถึงเวลาจริงๆ เราก็เรียนรู้ว่า จริงๆ หลักการใช้ชีวิต เราต้อง แบ่งสัดส่วนให้เป็นและรูว้ า่ สิง่ ทีเ่ ราท�ำจะต้องไม่กนิ เวลาอีกส่วนหนึง่ ผมเป็นคนไม่ ทิ้งการเรียนนะครับ พอขึ้นปี 4 มีสองร้าน เพื่อนคนหนึ่งจะขอเซ้ง พอดีช่วงนั้น จะเรียนจบพอดีต้องเอาเงินมาท�ำ supervise (ชื่อธีสิสในคณะครุศิลป์) ซึ่งต้อง ใช้เงินก้อนหนึ่ง ก็ขายร้าน ส่วนร้านที่ 2 ขายเพื่อเอาเงินไปเที่ยว เพราะเชื่อว่า เดี๋ยวท�ำงานเราจะไม่ได้เที่ยว และคิดว่าการเป็นพ่อค้าก็น่าจะเพียงพอแล้ว อยาก ลองท�ำงานกราฟิกบ้าง เลยขายร้านที่สองแล้วออกไปเที่ยว ไปสนุกสนานกับการ ใช้ชีวิต แล้วจึงมาเริ่มต้นชีวิตกราฟิกดีไซเนอร์ที่บริษัทเกาหลี จากนั้นก็ย้ายมาที่ ค่ายเบเกอรี่มิวสิก พืน้ ฐานเป็นคนทีช่ อบค้นหา ชอบท�ำอะไรใหม่ๆ บังเอิญว่าผันตัวเองมาเป็นดีไซเนอร์ ของหนังสือเสียก่อน เราก็ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ในการท�ำหนังสือ พอมาท�ำหนังสือ ยังไม่ได้เรียนรู้การเป็นดีไซเนอร์ที่ดี ก็ต้องกลายมาเป็น บ.ก. ซึ่งต้องมีทักษะการ บริหาร พอมาท�ำทักษะด้านบริหารดันชอบ ชอบคิด การบริหารคน ไปโฟกัสกับ เรื่องมาร์เก็ตติ้งว่าท�ำยังไงให้คนอ่าน ท�ำอย่างไรให้คนรู้จักหนังสือเรา ท�ำไมคน อ่านแบบนี้ ท�ำไมคนไม่อ่านแบบนี้ ไปดูหนังสือสวย ไปดูหลายๆ เรื่อง แล้วรู้สึก ว่าชอบการท�ำงานภาพรวม ชอบคิด รูส้ กึ ว่ามันท�ำได้หลายอย่าง ผมเชือ่ ว่าวันหนึง่ ร่างกายเราจะอ่อนแรง ถ้าเราท�ำงานโดยใช้แค่แรงที่มี วันหนึ่งถ้าเราไม่มีมือ ไม่มี เท้า เราไม่มีแรง เราจะอดตาย เพราะฉะนั้นจะท�ำทุกอย่างให้วิ่งเข้าไปสู่สมอง มากกว่า ท�ำงานด้วยสมองดีกว่า

การเป็นบรรณาธิการที่คลุกคลีกับวัยรุ่น คุณเจอสิ่งที่เหมือนกัน อย่างไรในตัววัยรุ่นบ้าง

ทุกวันนี้เวลาที่เขาชวนไปบรรยายตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ประเด็นว่า “เราจะท�ำ อะไร เราจะค้นพบตัวเองอย่างไร” ถ้าเรายังมัวแต่เดินตามหา “พี่ หนูจะค้นหาตัวเองอย่างไร” ผมรับประกันได้ว่าเขา จะหาตัวเองได้ชา้ กว่าคนทีไ่ ม่ถามใครแล้วลงมือท�ำเลย อันนีร้ สชาติเป็นไงอ่ะ อันนี้ รสชาติเป็นไงเหรอ อันนี้อร่อยไหม มาชิมสิ จริงไหม ถามท�ำไม ตัวเองเท่านั้นที่ ตอบตัวเองได้ เจออาหารตรงหน้าอยากรูว้ า่ รสชาติเป็นอย่างไร ชิมเลย พิสจู น์ดว้ ย ตัวเองไปเลย ไม่ต้องมัวแต่ถาม -9-


ถ้าใครลุกขึน้ มาถามว่า แล้วจะหาตัวเองได้อย่างไร ส่วนใหญ่ผมก็จะตอบว่า ก็ทำ� ไป สิ ชอบอะไรก็ไปท�ำ แล้วก็ตอบได้เลยนะ ระหว่างเดินทางไปหาค�ำตอบข้อที่สงสัย อยู่นั้น ดีไม่ดีเจอค�ำตอบที่ไม่ได้คาดหวังด้วยซ�้ำ ท�ำไปเถอะ สมมติเราอยากเปิด ร้านอาหาร อยากเป็นเจ้าของ ไปเปิดเลย มันอาจจะเจ๊ง แต่ได้เรียนรู้ว่าเราชอบ ท�ำอาหารมาก หรือท�ำร้านอาหารสุดท้ายเจ๊ง แต่อยู่ๆ มีคู่ค้ามาจัดเลี้ยง ให้ลองท�ำ แคเทอริ่งขึ้นมา ก็อาจจะเป็นอาชีพคุณใหม่ได้ ระหว่างทางมันจะท�ำให้คุณหา ค�ำตอบได้ ไม่ต้องมาถามว่าอร่อยไหมๆ รสชาติเป็นอย่างไร ชิมเลยๆ

เหมือนกับที่วันหนึ่งคุณชอบแฟชั่น คุณจึงเปิดร้านขายเสื้อผ้า แฟชั่น แล้วก็มาเป็นบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่น

ผมไม่ได้คิดหรอกว่าชีวิตมันจะกลายเป็น 1 2 3 ผมแค่เป็นคนที่ชอบพิสูจน์ รู้ แล้วก็พอ ถ้าไปต่อไม่ได้มันก็พอ การเป็นพ่อค้าจตุจักร ณ ตอนนั้นส�ำหรับผมมัน เพียงพอแล้ว แล้วสุดท้าย เราก็ได้ท�ำมากกว่านั้นหลายเท่า เราไปเดินจตุจักร คน มาถามว่า พี่ขายอะไรดี ท�ำเสื้อผ้าแบบนี้จะขายดีไหม ช่วยแนะน�ำหน่อย ถ้าผม ขายเสื้อผ้า ผมอาจจะขายเสื้อผ้าได้ทีละหนึ่งตัว แต่พอเรามาท�ำหนังสือ กางเกง ตัวนี้น่าใส่ มันซื้อเป็นพันตัว...ขายพันคน ไม่ต้องมานั่งขายของทีละตัว นี่คือพลัง ที่เราอาจไม่เคยรู้ว่าเราท�ำได้มากกว่านั้น

Muse Mag ฉบับนี้เป็นฉบับปลุกยักษ์ วันที่ Cheeze เริ่มต้น ก็เหมือนคนตัวเล็กๆ ไปเผชิญกับยักษ์ตัวใหญ่ นิตยสารหัวนอก ที่ล้นแผง คุณบอกกับตัวเองอย่างไร

ผมมีบคุ ลิกอย่างหนึง่ นะ ผมไม่เคยคิดว่าเราตัวเล็ก เราไม่เคยมีคแู่ ข่ง เพราะไม่คดิ จะแข่งกับใครแล้วใครจะมาแข่งเรา พอไม่มีคู่แข่ง เราไม่มีไซส์เปรียบเทียบ แต่เรา ใหญ่เพราะทัศนคติของเรา (พูดพลางชีไ้ ปทีห่ วั ) เรามีความปลืม้ ใจ เราอยากท�ำใน สิ่งที่เรารักก็ยิ่งใหญ่แล้ว แววตาของคนท�ำงานที่ตัวเองรัก จะท�ำให้เราใหญ่ ถ้าเปิด ร้านอาหารเล็กๆ แต่มีความภูมิใจในสิ่งที่ท�ำ ยักษ์มันไม่ได้ดูด้วยขนาด ยักษ์มันดู กันทีใ่ จ ผมท�ำ Cheeze, Looker, Snack ผมไม่แข่งกับใครเลย เราวิเคราะห์วา่ คน อ่านหนังสือก็เหมือนคนกินอาหาร ไม่ได้กินร้านเดียว ไม่ได้อ่านหนังสือเล่มเดียว เราวัดจากหลายๆ ปีทเี่ ราท�ำงานมาแล้วก็ตวั เราด้วย เราไม่ได้อา่ นเล่มนีแ้ ล้วไม่อา่ น เล่มนี้ เราก็มีหน้าที่ท�ำหนังสือของเราให้ดีและโดนใจวัยรุ่นคนอ่านก็เพียงพอแล้ว

คุณกำ�ลังจะบอกว่าขนาดไม่สำ�คัญ

ใช่ ความเป็นยักษ์ของคนอยู่ที่วิธีคิด ไม่ใช่วิธีท�ำ ผมเชื่อว่าเราทุกคนมียักษ์อยู่ใน ตัว แต่ที่ยักษ์ไม่ออกมาเพราะเราคิดว่าเราเล็ก เราคิดว่าเราด้อย คิดแบบนี้เราถึง เป็นมนุษย์ตัวจ้อยอยู่ไง เมื่อไรที่คิดว่าเป็นมนุษย์ตัวจ้อยก็ไม่มีความสุขล่ะ มองไป ทีไ่ หนเห็นคนอืน่ สูงหมด ยิง่ มองคนอืน่ ใหญ่กว่าคนอืน่ ดีกว่า คิดแบบนีแ้ พ้ตงั้ แต่คดิ แล้ว มนุษย์ทุกคนตัวใหญ่ได้หมด เพราะมียักษ์อยู่ในตัว -10-

“แววตาของคนทำ�งานที่ ตัวเองรัก จะทำ�ให้เราใหญ่”


ทุกวันนี้นิสัยรักการอ่านยังมีอยู่ไหม

ทุกวันนี้เรียกว่าเรา ‘อ่านโลก’ มากกว่า ผมอาจอ่านหนังสือน้อยลง แต่อ่านโลก อ่านคน ผ่านโซเชียลมีเดีย ช่วงหลังๆ หันมาอ่าน ดิกชันนารี ซื้อทุกแบบมาทุกส�ำนัก อ่านพจนานุกรม จะวางไว้ตาม ห้องน�้ำต่างๆ ที่บ้าน ผมมีความเชื่อว่าอะไรที่เคยผ่านตาเรา มันจะ แอบวิ่งมาอยู่ในสมอง เผื่อเรามีโอกาสได้ใช้

“ทุกๆ การทำ�งาน ผมจะตั้งคำ�ถาม”

ผมท�ำ Cheeze เพราะอยากท�ำหนังสือ on street อยากบันทึก การแต่งตัวของสังคมไทยแต่ละยุคสมัย แต่เทรนด์ยุคนั้นสไตล์ของ ผูห้ ญิงโดดเด่นกว่า แต่พอเราท�ำไปถ่ายไป 4-5 ปี เราเริม่ เห็นว่าผูช้ าย แต่งตัวเก่งขึ้นเรื่อยๆ พอเข้าปีที่ 6 เห็นว่าในหนังสือ Cheeze ผู้ชาย แต่งตัว 40% ผูห้ ญิงแต่งตัว 60% ผมก็กลับมาคิดย้อนกลับว่า เราก็ เป็นผูช้ ายคนหนึง่ นะ เราก็ชอบแต่งตัว เรามีเพือ่ นฝูงเยอะ ร้านเสือ้ ผ้า ผู้ชาย เมื่อก่อนเดินสิบร้านมีเสื้อผ้าผู้ชายร้านหนึ่ง ซึ่งหงุดหงิดมาก ไม่มีทางออก แล้วพอหนังสือที่วางบนแผง คนก็จะต้องคิดว่าผู้ชาย ต้องบ้าแต่ผหู้ ญิง รถสปอร์ต แต่ผชู้ ายทีช่ อบแฟชัน่ ก็มเี ยอะ เราจึงมา วิเคราะห์ตลาด ในเชิงของเอเจนซี่โฆษณาหรือบริบทของโลกในการ ผลิตสินค้า เริม่ มีครีมล้างหน้า มีเครือ่ งดืม่ ของผูช้ าย ผมจึงคิดว่าเมือง ไทยผู้ชายยังไม่มีที่พึ่ง เราจึงท�ำหนังสือ on street ในแบบของผู้ชาย กว่าจะคลอด Looker ผมใช้เวลา 8 เดือน วิเคราะห์ทกุ อย่างจนมัน่ ใจ ชอบตัง้ ค�ำถามเหมือนก�ำลังเผชิญกับใครสักคนทีเ่ ป็นศัตรูกบั หนังสือ ของเรา ลองตัง้ ค�ำถามแย้งหนังสือเราซิ เราจะตอบได้ทกุ ค�ำถามไหม จะมีคนอ่านเหรอ ผู้ชายจะดูเหรอ ตัวหนังสือแบบนี้มีคนอ่านเหรอ แล้วคิดยังไง ผมจะตั้งค�ำถามแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าโอเคเราไม่ กลัว เราตอบได้ทุกค�ำถาม ถ้ามีคนมาถามเราในที่ประชุมหรือเราไป ขายโฆษณาเราก็จะตอบอันนี้ เพราะว่าเรามีคำ� ตอบทุกอย่าง ผมเชือ่ ว่าโลกต่อจากนี้ จะมีทสี่ ำ� หรับผูช้ าย มีทสี่ ำ� หรับผูห้ ญิง มีทสี่ ำ� หรับเพศ ทางเลือก มีที่ส�ำหรับเด็ก มีที่ส�ำหรับคนแก่ เทรนด์มันเป็นแบบนั้น -11-


เรื่อง

: ณัช

e d u t i lat

Size Does Matter ประติมากรรมยักษ์ ล้อมคุณไว้หมดแล้ว ใครว่าขนาดไม่ส�ำคัญ โดยเฉพาะในงานศิลปะ ที่ทยอยมาสร้าง ความว้าว ความตื่นเต้นให้กับชาวโลก เริ่มกันตั้งแต่เจ้าเป็ดยักษ์ ที่มาพร้อมกับความน่ารักและอารมณ์ขัน ตะลอนทัวร์ไปทั่ว ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน�้ำในหลายประเทศทั่วโลก แต่รู้ไหมว่าวงการ ศิลปะทั่วโลกยังมีผลงานชิ้นโบแดงแบบยักษ์ๆ ที่เชื่อว่า ‘ขนาด’ สามารถสร้างความตะลึง ความหมาย และเป็นแม่เหล็กดึงผู้คน ทั่วไปให้สนใจ วิพากษ์ หรือน�ำไปต่อยอดแนวความคิด รวมถึง สอดแทรกแนวคิด ‘ยักษ์ใหญ่’ ที่ซ่อนไว้อยู่ Muse ฉบับนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเหล่าประติมากรรมยักษ์

-12-


What : เมื่อมนุษย์ยักษ์คืบคลานขึ้นมาจากพื้นพิภพ Where : กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

ศิลปิน Ervin Loránth Hervé ได้สร้างสรรค์ประติมากรรมที่น่าทึ่งและชวนร้อง ว้าวในรูปแบบ ‘ป๊อปอัพ’ วาดภาพมนุษย์ยักษ์คลานขึ้นมาจากพื้นดิน ผลงาน ประติมากรรมนี้ตั้งอยู่ที่จัตุรัส Széchenyi ในกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี และ เป็นหนึ่งในผลงานขโมยซีนที่โดดเด่นในงานตลาดศิลปะร่วมสมัยแห่งบูดาเปสต์ ปี 2014 ซึ่งเป็นนิทรรศการที่จัดขึ้นเป็นประจ�ำทุกปี โดยรวบรวมศิลปะร่วมสมัย ยุโรปกลางและศิลปะยุโรปตะวันออกเพื่อน�ำเสนอถึงความโดดเด่น มีกิจกรรม อภิปรายโต๊ะกลม เปิดตัวหนังสือ สัมภาษณ์ศิลปิน รวมถึงการน�ำเสนอผลงาน และอีเวนต์อื่นๆ ที่น่าสนใจ แม้จะมีขนาดที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรส�ำหรับชาวเมืองนัก ศิลปินต้องการบอกเราว่าผลงานร่วมสมัยใหญ่ยกั ษ์สามารถอยูบ่ นท้องถนนและอยู่ ร่วมกับผู้คน แถมยังท�ำให้ทุกคนสนุกได้ ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวที่จะหลงรักผลงาน ชิน้ นี้ แต่ยงั รวมไปถึงคนในพืน้ ทีท่ เี่ ปิดใจ และยังชักชวนให้ชาวบูดาเปสต์สนุกทีจ่ ะ สร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ออกมาแชร์และโชว์ร่วมกัน ภาพ : herveart.com | artmarketbudapest.hu -13-


What : หญิงสาวผู้แบกมหาสมุทรบนไหล่ Where : นอกชายฝั่งของแนสซอ, ประเทศบาฮามาส

เจสัน เดอแคลส์ เทย์เลอร์ (Jason deCaires Taylor) ศิลปินที่ท�ำงานในธุรกิจการสร้างพื้นที่เหนือจริง ราวกับความฝัน เช่นเดียวกับ ‘มหาสมุทรแอตลาส’ (Ocean Atlas) ชื่ อ ประติ ม ากรรมใต้ น�้ ำ ล่ า สุ ด ที่ โดดเด่นในเรื่องความมหึมา ความน่าทึ่งของงานชิ้นนี้ อยู่ที่เทย์เลอร์ได้ใช้วิธีจมรูปปั้นหญิงสาวขนาดยักษ์ หนัก 60 ตัน ในทะเลลึกลงไป 18 ฟุตนอกชายฝั่ง ของแนสซอ (Nassau) ในประเทศบาฮามาส เมื่อท�ำ ส�ำเร็จก็ถึงกับสามารถบันทึกเป็นสถิติได้ว่า รูปปั้นใต้ น�้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้จมดิ่งสู่ท้องทะเลที่นี่แล้ว ที่มาของชื่อประติมากรรมชิ้นนี้ มีที่มาจากแอตลาส ‘Atlas’ หนึ่งในเทพเจ้ากรีก (ผู้ชาย) ที่ต้องรับผิดชอบ แบกสวรรค์ไว้บนบ่าของตัวเอง แต่กลับกันงานโบแดง มหาสมุทรแอตลาส รูปปั้นขนาดใหญ่ใต้น�้ำนี้ สื่อถึง ‘หญิงสาว’ ผู้แบกมหาสมุทรไว้บนไหล่ เทย์เลอร์ยังมี ประติมากรรมใต้น�้ำจ�ำนวนมากกว่าหลายพันชิ้น แต่ ผลงานชิน้ นีม้ คี วามพิเศษอยูท่ สี่ ร้างจากซีเมนต์ ทีม่ คี า่ pH เป็นกลาง มีคณ ุ สมบัตชิ ว่ ยให้ปะการังเจริญเติบโต บนพื้นผิว ส่วนที่มาที่ไปของโปรเจ็กต์นี้มาจากการ ได้ รั บ มอบหมายจากมู ล นิ ธิ ก ารศึ ก ษาปะการั ง บาฮามาส เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งองค์กร แบบนี้สิ เรียกว่าใหญ่ทั้งโครงสร้าง และใหญ่ทั้งน�้ำใจ ภาพ : Ocean Atlas | underwatersculpture.com | Facebook | breef.org (h/t: colossal) -14-


What : ประติมากรรม ‘ต้นไม้’ ที่ละม้ายเซ็กซ์ทอยยักษ์ Where : จัตุรสั ปลาซวองโดม กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

งานศิลปะที่ถกเถียงกันจนเป็นประเด็นว่าบางอย่างใหญ่และตรงเกินไป ก็ไม่ดีนะเธอ ส�ำหรับประติมากรรมขนาดใหญ่สีเขียว ที่หน้าตาละม้าย คล้ายคลึงเซ็กซ์ทอยขนาดยักษ์ในกรุงปารีส (ด้วยหน้าตาที่มากกว่าจะ เป็นต้นไม้จริงๆ ตามค�ำกล่าวของนักวิจารณ์) มีนักวิจารณ์ประณามการ ติดตั้งงานศิลปะขนาด 80 ฟุตนี้ว่าเป็น ‘ความอัปยศ’ ของเมืองหลวงของ ฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ ผลงานนี้มีชื่อว่า ‘Tree’ หรือ ‘ต้นไม้’ สร้างสรรค์โดยศิลปินพอล แมคคาร์ธี โดยตัง้ ใจจะให้เป็นส่วนหนึง่ ของเทศกาลศิลปะนานาชาติ FIAC ปี 2014 และหวังจะให้มันเป็นสัญลักษณ์ของต้นคริสต์มาส แต่ถูกเบรก โดยชาวเมืองและนักวิจารณ์อนุรักษ์นิยม แถมหลังจากติดตั้งไม่นาน แมคคาร์ธี ศิลปินวัย 69 ปี เล่าว่าเขาถูกตบหน้าสามครั้งจากคนที่สัญจร ผ่านไปมา ที่น่าสนใจคือหลังจากนั้นศิลปินต้องตัดสินใจปล่อยลมออก ก็ เพราะเหตุผลเรือ่ งดีไซน์ จนสามารถพูดได้วา่ ศิลปะเป็นเรือ่ งของไซส์และ มุมมอง ภาพ : latimes.com | trbimg.com | mwcboard.com

What : กันดั้มจะคุ้มครองคุณ Where : โอไดบะ ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อปี 2009 บริษัทซันไรส์และบันไดนัมโคเคยร่วมกัน สร้างหุ่นโมบิลสูทขนาดเท่าของจริง ‘กันดั้ม RX-78-2’ สูง ถึง 18 เมตร เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปีกันดั้ม มาแล้วที่สวนสาธารณะ ‘ชิโอกาเซะ’ เมืองโอไดบะ จน ท�ำให้แฟนกันดั้มปลื้มปริ่ม นักท่องเที่ยวต้องทึ่ง ไม่นาน หลังจากนัน้ ก็ได้มกี ารต่อยอดเปิดตัวสวนสาธารณะกันดัม้ ใจกลางกรุงโตเกียวขึ้น โดยบันไดนัมโค บนพื้นที่ 2,050 ตารางเมตรภายในห้างสรรพสินค้าย่านโอไดบะเช่นกัน โดยไม่พลาดทีจ่ ะติดตัง้ ผลงานศิลปะในรูปแบบของหุน่ ยนต์ ขนาดยักษ์ คอยเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเทีย่ วทีม่ าเยือน โตเกียวโดยเฉพาะแฟนกันดั้ม นับเป็นชิ้นงานติดตั้งช่วย สร้างมูลค่าให้กับการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล ภาพ : alex-aroundtheworld.com| japandaman.com -15-


What : สมาร์ตโฟนยักษ์ ตอกย้ำ�เจเนอเรชั่นเซลฟี Where : แคลิฟอเนียร์ สหรัฐอเมริกา

ไม่นานมานี้ ศิลปินชาวแคลิฟอร์เนียได้สร้างโครงสร้างกระจกเงา ยักษ์ในกรอบของสมาร์ตโฟนที่ท�ำด้วยไม้ขนาด 7 ฟุตขึ้น เพื่อ ตั้งค�ำถามและหาค�ำตอบเกี่ยวกับเจเนอเรชั่นเซลฟีที่หลงใหล การถ่ายภาพตัวเองก่อนที่จะแชร์ Gabe Ferreira เจ้าของไอเดีย ต้องการจะน�ำเสนอเรือ่ งราวของ ‘หน้าจอทีแ่ สดงถึงอัตลักษณ์’ ซึง่ ประติมากรรมชิน้ นีม้ ขี นาดใหญ่พอทีจ่ ะถ่ายภาพบุคคลเต็มตัวได้ เมือ่ เข้าใกล้ชนิ้ งาน ผูท้ เี่ ดินผ่านชิน้ งานหลายคนตัง้ ค�ำถามและข้อ สงสัย ในขณะที่คนส่วนใหญ่ ‘ติดกับ’ คือหยุดอยู่ที่หน้ากระจก และแชะภาพตัวเองก่อนแชร์ ภาพ : dailydot.com

What : สงครามหุ่นยนต์ยักษ์ สู่ประติมากรรมขนาดใหญ่ Where : กรุงปักกิง่ สาธารณรัฐประชาชนจีน

สิ่งมีชีวิตจักรกลขนาดใหญ่โงหัวขึ้นมาพร้อมตาสีแดงเรืองแสง จมูกของม้ามังกร พ่นควันพร้อมเสียงค�ำรามดึกด�ำบรรพ์สะท้อนเรื่องราวความเชื่อท่ามกลางยุค สมัยทีเ่ ปลีย่ นไปผ่านการแสดง ในขณะทีอ่ กี ฟากมีเจ้าแมงมุมยักษ์กำ� ลังแผลงฤทธิ์ ท่ามกลางเสียงฮือฮา ความตกใจ และความตืน่ เต้น ทีด่ า้ นหน้าของสนามกีฬาแห่ง ชาติที่มีชื่อเล่นเรียกว่าสนามกีฬารังนกในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่ง นับเป็นการแสดงหุน่ ยนต์แห่งแรกของเมือง สิง่ มีชวี ติ จักรกลขนาดใหญ่ทเี่ ราก�ำลัง พูดถึงนี้เดินทางไกลก่อนจะมาถึงกรุงปักกิ่ง เพราะผลิตโดยบริษัทในประเทศ ฝรัง่ เศสทีอ่ ยูไ่ กลราว 8,000 กิโลเมตรจากพืน้ ทีก่ ารแสดง จัดท�ำขึน้ เนือ่ งในโอกาส ครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศฝรั่งเศสกับจีน โดยเจ้า ม้ามังกรยักษ์มีน�้ำหนัก 45 ตัน ความสูง 12 เมตร ส่วนแมงมุมยักษ์มีช่วงขายาว 20 เมตร และยังสามารถพ่นฟองทีป่ ากได้ดว้ ย หลังจบการแสดงเจ้าแมงมุมยักษ์จะ เดินทางออกจากประเทศจีน ในขณะทีม่ า้ มังกรจะติดตัง้ และจัดแสดงในปักกิง่ ต่อไป ภาพ : www.reuters.com -16-


What : เด็กยักษ์ เด็กดิน Where : ราชบุรี ประเทศไทย

ตัวอย่างสุดท้ายสร้างสรรค์ขึ้นโดยฝีมือของศิลปินชาวไทย โลเลทวิศักดิ์ ศรีทองดี ผู้สร้างผลงานประติมากรรมขนาดใหญ่ที่เป็นที่ รู้จักมาแล้วหลายชิ้น เช่น ดอลลาร์ (เคยอยู่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ) มอมแมม (เคยอยูบ่ นถนนราชประสงค์) และหนึง่ ในผลงานขนาดใหญ่ ล่าสุดที่มีชื่อว่า ‘เด็กดิน’ ประติมากรรมจากไฟเบอร์กลาส สูง 6.50 เมตร กว้าง 7.50 เมตร ใช้เวลาสร้างยาวนานกว่าสามปีเต็ม กลาย เป็นแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดราชบุรี ในแง่มุมของศิลปะร่วมสมัย โดยเด็กเป็นตัวแทนของการเปิดรับเชือ่ มโยงกับโลกภายนอก รูปทรง เกือบไม่สมบูรณ์เล่าถึงความตัง้ ใจทีอ่ าจมาไม่พร้อมความสมบูรณ์แบบ ส่วนดินหมายถึงการสร้างคุณค่าจากสิง่ ทีเ่ รามักมองข้ามไป ไปราชบุรี เมื่อไร ไปถ่ายรูปกับเด็กตัวใหญ่กันได้ที่ริมแม่น�้ำราชบุรี ภาพ : วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์

-17-


พับ เพียบ เรียบ ร้อย...

-18-


เปเปอร์คราฟต์หัวใจไทย ์จีรา กัลย รียบ ร้อย : ง เรื่อ เพียบ เ ับ พ:พ

ภา

หากนึกถึงงานเปเปอร์คราฟต์ เรามักจะนึกถึงงานเปเปอร์มาเช่ งานพับกระดาษ แบบญี่ปุ่น โอริงามิ หรือแม้แต่งานดอกไม้กระดาษ แต่ใครจะคาดคิดว่ากระดาษ สามารถรังสรรค์ผลงานศิลปะหรืองานออกแบบได้มากกว่านั้น Muse จะพาคุณ ไปท�ำความรู้จักกับนักสร้างสรรค์ดอกไม้กระดาษหัวใจไทย ที่ถ่ายทอดความร่วม สมัยของกาลเวลาและเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างโดดเด่น ทั้งกระดาษพวง มาลัย พานพุ่ม แทนความหมายแห่งความรัก ค�ำขอบคุณ ความเคารพและความ ศรัทธา ดังเช่นงานเปเปอร์คราฟต์ของ วิริน เชาวนะ แห่ง ‘พับ เพียบ เรียบ ร้อย’ ทีน่ ำ� ความเชือ่ มโยงระหว่างกระดาษกับงานดอกไม้สดไทยมาไว้ดว้ ยกันอย่างน่าทึง่ -19-

+


ก่อนพับให้เรียบแบบ ‘พับ เพียบ เรียบ ร้อย’

แรงบันดาลใจมากจากงานดอกไม้สดของไทย จากความสนใจในวัยเด็ก...สู่งาน ศิลปนิพนธ์...สู่เจ้าของงานหัตถกรรมพับกระดาษที่ใครต่อใครเรียกเธอว่า ‘เปเปอร์คราฟต์อาร์ทิสต์’ ผู้เปิดโลกวัฒนธรรมไทยเข้าสู่หัวใจคนรุ่นใหม่ วิริน เชาวนะ ค้นพบตัวเองจากอดีตจากกิจกรรมวัยเด็กที่ชอบเล่น เธอจ�ำได้ดีว่า ชอบพับกระดาษนอกเหนือจากชอบท�ำงานฝีมอื และวาดรูป จนกระทัง่ ได้เข้าศึกษา ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ สาขาออกแบบนิเทศศิลป์ จึงมีโอกาส ได้จบั งานศิลปะจากกระดาษอย่างจริงจังและเริม่ รูส้ กึ ตัวว่าชอบการพับกระดาษเป็น พิเศษ จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้เธอคิดท�ำผลงานการออกแบบงานพับกระดาษ ชุด ‘พับ เพียบ เรียบ ร้อย’ ในโปรเจ็กต์ศิลปนิพนธ์โดยไม่ลังเล ซึ่งผลงานของ เธอได้รับรางวัลชนะเลิศสุดยอดไอเดียสร้างสรรค์ไร้ขีดจ�ำกัดของ Brand’s Gen ปี 6 ได้จัดแสดงในงานปล่อยแสง ครั้งที่ 10 ของ TCDC และเป็น 1 ใน 5 ของ รางวัล Degree Shows 2013 ประเภท Graphic Design นับเป็นเครื่องการันตี ความสามารถได้อย่างดี ทุกอณูในความคิดที่กลั่นกลองออกมาเป็นชิ้นงาน รวมเสน่ห์ของ ‘กระดาษ’ และ ความงาม ‘ดอกไม้’ ผสมผสานร่วมกัน ซึ่งสิ่งที่ท�ำให้เธอแตกต่างและเป็นตัวเองก็ คือคุณวิรนิ ชอบความเป็นไทย โดยเฉพาะงานดอกไม้สดของไทยจ�ำพวกพวงมาลัย หรือเครื่องแขวนดอกไม้ และด้วยความเป็นคนช่างพินิจพิเคราะห์จึงท�ำให้เธอเห็น จุดเชื่อมโยงของดอกไม้ที่น�ำไปสู่งานพับกระดาษได้ “เรามองเห็นความเป็นรูปทรงเรขาคณิตในงานดอกไม้สดที่มีการร้อยต่อกันของ หน่วยเล็กๆ ในลักษณะสมมาตร ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับที่งานพับกระดาษ สามารถแทนที่ได้” และนั่นคือสิ่งจุดประกายความคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน แปลกใหม่ทจี่ ะต้องมีทงั้ ความเป็นไทย สไตล์เฉพาะอันแฝงความทันสมัยทีส่ ามารถ ใช้งานได้จริงและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า จุดมุ่งหมายของผลงานชิ้นนี้เธอ ต้องการส่งสารไปยังคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ เพื่อให้พวกเขาหวนตระหนักถึงคุณค่า -20-


“งานร้อยดอกไม้กระดาษไม่ได้แตกต่าง จากงานดอกไม้จริงเลย เราต้องค่อยๆ ร้อยอย่างมีสมาธิ และร้อยด้วยวิธีการ ตามตำ�ราร้อยมาลัย”

ของความเป็นไทย อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาสืบสานศิลปะวัฒนะธรรม จากงาน ดอกไม้สดแบบดั้งเดิมที่ถูกน�ำมาเล่าในรูปแบบใหม่โดยที่ให้ความรู้สึกประณีต สวยงามไม่แพ้ของเดิม กว่าจะออกมาเป็นพวงมาลัยหรือพานพุ่มกระดาษที่เหมือนงานดอกไม้สด วิริน ต้องผ่านการค้นคว้าข้อมูลของงานดอกไม้ ศึกษาลักษณะการเรียงตัวของดอกไม้ ในการพับหรือร้อย เรียกได้ว่างานชิ้นนี้ไม่เพียงเริ่มต้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ เท่านั้น แต่สาระส�ำคัญคือการด�ำรงไว้ซึ่งศาสตร์และศิลป์อันประณีตจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ส่วนอุบะของพวงมาลัยมีการเรียงตัวอย่างไร ต้องศึกษาส่วนประกอบที่เรียก ว่าดอกตุม้ ดอกครอบ ดอกสวม และค้นหาวิธกี ารตัดทอนขัน้ ตอนของงานรูปแบบ ดัง้ เดิมเพือ่ ให้สามารถแทนทีด่ ว้ ยการพับกระดาษได้โดยทีย่ งั คงมีองค์ประกอบของ งานดอกไม้สดครบ เสาะหาวัสดุกระดาษที่เหมาะส�ำหรับการน�ำมาใช้ซึ่งเป็นเรื่อง ยากเพราะในเมืองไทยมีกระดาษให้เลือกใช้น้อย เมื่อถึงขั้นตอนลงมือประดิษฐ์ และส�ำคัญคือต้องคงวิธีการร้อยดอกไม้แบบดั้งเดิมให้ได้มากที่สุด “เราเริ่มจาก การออกแบบแพตเทิร์นส่วนประกอบต่างๆ ของพวงมาลัยในคอมพิวเตอร์เพื่อวาง เส้นจะได้ไม่ต้องตีเส้นเอง แล้วค่อยๆ ทดลองขยับสัดส่วนทีละมิลลิเมตรจนได้ ขนาดที่เราต้องการ และพิมพ์ออกมาตัดเป็นกระดาษชิ้นเล็กๆ ทีละชิ้น จากนั้น ใช้เครื่องมือปลายแหลมที่เป็นโลหะกรีดให้เกิดรอยพับในชิ้นกระดาษเพื่อช่วยให้ พับสะดวกขึ้น แล้วเริ่มพับส่วนประกอบเป็นรูปทรงเรขาคณิตเล็กๆ ส�ำหรับแทน ดอกไม้ที่น�ำมาใช้ร้อยมาลัย โดยแต่ละชิ้นใช้เวลาพับประมาณ 5 นาที ซึ่งหนึ่ง งานใช้ชิ้นส่วนเล็กๆ นี้ไปเกือบร้อยชิ้น ส่วนร้อยกรองพวงมาลัยมาจากแพตเทิร์น กระดาษสี่เหลี่ยมที่พับทบกันไปมา จนถึงขั้นตอนสุดท้ายก็คือการร้อย ซึ่งเราใช้ วิธรี อ้ ยแบบพวงมาลัยจริงทีเ่ ริม่ จากการร้อยส่วนอุบะด้านล่างขึน้ มาเรือ่ ยๆ แล้วผูก เข้ากับส่วนร้อยกรองตรงกลาง” ซึ่งกว่าจะเสร็จสมบูรณ์เป็นพวงมาลัยกระดาษที่ สวยงามนั้นต้องใช้เวลาถึง 2 วันทีเดียว -21-


“จากงานดอกไม้สดแบบดั้งเดิมที่ถูกนำ�มาเล่า ในรูปแบบใหม่ ด้วยการพับกระดาษ โดยที่ให้ ความรู้สึกประณีตสวยงามไม่แพ้ของเดิม” ตัด ต่อ เติม เต็ม

ผลตอบรับจากงานพับกระดาษชุด ‘พับ เพียบ เรียบ ร้อย’ จากงานแสดงผลงาน ที่มหาวิทยาลัยท�ำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักและมีคนสั่งท�ำชิ้นงานเพื่อไปใช้งานจริงใน ชีวิตประจ�ำวัน อาทิ สั่งพวงมาลัยไปบูชาพระพุทธรูป มอบให้กับผู้ใหญ่ เป็นของ ช�ำร่วย สัง่ ท�ำพานพุม่ ไปประดับโต๊ะหมูบ่ ชู า และแม้แต่เทศกาลวันแม่กม็ หี นุม่ สาว สัง่ ท�ำพวงมาลัยไปมอบให้แม่ รวมถึงยังมีการจัดกิจกรรมเวิรก์ ช็อปสอนพับดอกไม้ กระดาษขึ้นที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมมากมาย หลากหลายโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว “กิจกรรมเวิร์กช็อปที่พิพิธภัณฑ์ดอกไม้จะ เป็นการสอนพับพวงมาลัยทีถ่ กู ตัดทอนขัน้ ตอนให้งา่ ยขึน้ เพือ่ ให้ผเู้ ข้าร่วมสามารถ ใช้เวลาท�ำเสร็จภายใน 2-3 ชัว่ โมง ส�ำหรับคนทีไ่ ม่มพี นื้ ฐานการพับกระดาษมาก่อน ก็สามารถท�ำได้ และแน่นอนในขณะทีเ่ ธอสอนคนรุน่ ใหม่สร้างสรรค์พวงมาลัยด้วย งานกระดาษ นั่นแปลว่านักเรียนของเธอก็ก�ำลังเรียนรู้ศาสตร์ของมาลัยไทย และ ดอกไม้สดแขนงโบราณควบคู่ทางอ้อมไปด้วย เพราะงานร้อยดอกไม้กระดาษของ คุณวิรินไม่ได้แตกต่างจากงานดอกไม้จริงเลยที่ต้องค่อยๆ ร้อยอย่างมีสมาธิและ ร้อยด้วยวิธกี ารตามต�ำราร้อยมาลัย ซึง่ เธอเล่าว่าการร้อยไม่ยากเท่ากับขัน้ ตอนของ การหาวิธพี บั ส่วนประกอบให้ได้เร็วและไม่ยบั สิง่ นีถ้ อื เป็นสิง่ ทีย่ ากทีส่ ดุ เนือ่ งจาก วิธกี ารพับสามารถพับได้หลายวิธี จึงต้องลองผิดลองถูกดูวา่ เริม่ พับจากตรงไหนถึง เร็วหรือถูกต้องทีส่ ดุ อีกส่วนทีย่ ากก็คอื การประกอบส่วนอุบะเข้ากับส่วนทีเ่ ป็นร้อย กรองดอกไม้ ซึง่ ถ้าพลาดก็จะเสียทัง้ ชิน้ งาน แต่สำ� หรับเธอ ทุกๆ ครัง้ ทีไ่ ด้ลงมือจับ กระดาษ ทุกๆ เวลาเริ่มต้นจากความสุขและความรักในงาน ในศิลปะของดอกไม้ โจทย์ที่ยาก ท้าทาย ยิ่งท�ำให้งานที่ออกมาน่าตื่นเต้นไปเสียทุกครั้ง เพราะกระดาษแผ่นเดียว สามารถสานต่อภูมปิ ญ ั ญาได้ดว้ ยใจและสองมือ ทุกวันนี้ เธอเรียกตัวเองได้เต็มปากว่ามีอาชีพเป็นนักพับกระดาษ แต่เธอก็ไม่เคยหยุด ความส�ำเร็จไว้เพียงเท่านี้ เธอบอกกับเราว่า “ยังมีอกี หลายสิง่ ทีต่ อ้ งเรียนรูเ้ กีย่ วกับ ดอกไม้ไทย ยังมีอีกหลายอย่างที่สามารถน�ำมาประยุกต์ได้ รวมถึงคิดหาวิธีการ อื่นๆ ที่จะสามารถเผยแพร่และสืบสานงานหัตถกรรมไทยต่อไป” คุณวิรินอยาก น�ำเอาศิลปหัตถกรรมไทยที่มีอยู่มาประยุกต์ออกแบบสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอีก เช่น งานหล่อ ที่เธอก�ำลังค้นหาวิธีการน�ำเสนอใหม่ในแบบฉบับของเธอเอง ด้วยเพราะ เธอเล็งเห็นในคุณค่าของภูมปิ ญ ั ญาไทยทีอ่ ยากให้คงอยูค่ กู่ าลเวลากับคนไทยตราบ นานเท่านาน

-22-


ทำ�ไมต้อง ‘พับ เพียบ เรียบ ร้อย’ ‘พับ’ คือ การพับกระดาษ ‘เพียบ’ คือ การพับเป็นชิ้นจ�ำนวนมาก ‘เรียบ’ คือ แม้มีการตัดทอนวิธีการแต่ยังคง ความประณีตดั้งเดิมของงานดอกไม้สด ‘ร้อย’ คือ การร้อยมาลัยร้อยดอกไม้ www.facebook.com/PubPiabRiabRoy

-23-


ย่างเข้าช่วงเวลาส่งท้ายปี ดีทั้งอากาศหนาวและดีทั้งวันหยุดยาวได้พักผ่อน ไม่มีอะไรดีไปกว่า มองหาสิ่งสร้างแรงบันดาลใจ ด้วยภาพยนตร์ หนังสือ และเทศกาลงานศิลป์ดีๆ

จำ� า ่ น � ำ ค

เรื่อง

ิวเซีย

พูฟ : ชม

d r a w for

“วันนี้ คือเวลาที่มีค่ามาก อย่าเลื่อนสิ่งที่ต้องทำ�ในวันนี้ไปทำ�พรุ่งนี้”

คิมรันโด นักเขียนชาวเกาหลี (เจ้าของหนังสือเบสต์เซลเลอร์ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด)

ieดู v o M นังน่า ห

ช่วงนี้คงเป็นเวลาของหนังแฟนตาซีสินะ! The Hobbit : The Battle of the Five Armies

บทสรุปการผจญภัยของบิลโบ แบ๊กกินส์ และเหล่าคณะคนแคระ ที่ทวงคืนบ้านเกิดของตนจากมังกรสมอว์ก ใครเป็นแฟนภาค 2 คงจ�ำได้วา่ เหล่าคณะเดินข้ามเขาหนีเหล่าออร์ก แต่กไ็ ม่วายเผลอ ไปปลุกพลังอันชั่วร้ายขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ เจ้าสมอว์กโกรธแค้น และพ่นไฟท�ำร้ายมนุษย์ทั้งหญิงชายและเด็กๆ ที่ไม่มีทางสู้ใน เมืองทะเลสาบด้วยความเดือดแค้น ท่ามกลางความรุนแรงและภัยอันตราย แต่กลับมีอันตรายที่ โหดร้ายกว่ารออยู่เบื้องหน้าซึ่งไม่มีใครมองเห็นได้นอกจาก พ่อมดแกนดัลฟ์ แถมเคราะห์รา้ ยหนัก ศัตรูผยู้ งิ่ ใหญ่อย่างซอรอน เคลื่อนทัพไปพร้อมกับกองทัพออร์กเพื่อแอบซุ่มโจมตีที่หุบเขา เดียวดาย (อันน�ำไปสู่ปฐมบทของ The Lord of The Rings) ผจญภัยไปกับความแฟนตาซีที่แฟนพันธุ์แท้ต้องติดตามต่อไป (ก�ำหนดฉาย 10 ธันวาคม) -24-


Into the Woods

สตูดิโอ วอลท์ ดิสนีย์ หยิบเทพนิยายของสองพี่น้องตระกูลกริมม์น�ำมาตีความ ใหม่ เรียกได้ว่ารวมฮิตขนตัวละครจากเทพนิยายมาทั้งป่า ซินเดอเรลล่า หนูน้อย หมวกแดง แจ็กผู้ฆ่ายักษ์ และเจ้าหญิงผมยาวบนหอคอย ราพันเซล ที่ผูกรวมกัน โดยเนือ้ เรือ่ งทีแ่ ต่งขึน้ มาใหม่เกีย่ วกับคนอบขนมและภรรยาของเขาจะเป็นอย่างไร เมือ่ เหล่าตัวเอกได้รบั พรวิเศษทีต่ วั ละครต่างๆ เหล่านีเ้ คยได้ขอไว้ และสิง่ ทีพ่ วกเขา ต้องเผชิญหลังจากได้รบั พรนัน้ จะสนุก เศร้า และเต็มอารมณ์ขนั แค่ไหน แต่รบั รอง ว่าการผจญภัยและต้องเผชิญค�ำสาปแห่งป่าพิศวงครั้งนี้ ไม่ได้หวานหยาดเยิ้ม เหมือนตอนเราเปิดนิทานเมื่อครั้งยังเด็กแน่นอน

หลงเชียงใหม่

FYI

‘Into the Woods’ ออกแสดงครั้งแรกในบรอดเวย์ ปี 1987 การแสดงชุดนี้ยาวนานถึง 764 โชว์ นับ เป็นละครเพลงยอดเยี่ยมที่น�ำไปแสดงรอบโลก และ น�ำกลับมาสร้างใหม่ของบรอดเวย์และลอนดอน สร้าง เป็นละครทีวี และดีวีดีคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปี อีกด้วย เอาล่ะ ได้เวลารอคอยเวอร์ชั่นความลับใน ป่าลับในแบบฉบับภาพยนตร์เดือนมกราคมนี้ ก�ำหนดฉาย 26 มกราคม 2558

re e h Clicเพkจนี้น่าติดตาม

https://www.facebook.com/lostinchiangmai เพราะอิทธิพลของเชียงใหม่ดีไซน์วีก (www.chiangmaidesignweek.com) ที่ จัดส�ำเร็จไปเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการตอกย�้ำว่า ไม่ว่ากาลเวลาจะ ผ่านไปเพียงไร เมืองเชียงใหม่ยังคงครองต�ำแหน่งเมืองน่ารัก น่าเที่ยว และน่าหา โอกาสมาสัมผัสเมืองทีห่ ลอมรวมไปด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติมากเพียงใด จน เคยมีคนบอกว่า จังหวัดเชียงใหม่ในตอนนี้ เปรียบเหมือนย่านบรูกลินในนิวยอร์ก ที่เต็มไปด้วยการรวมตัวของคนท�ำงานศิลปะ คาเฟ่น่านั่ง อากาศดีๆ น่าเดิน ร้าน ขายงานคราฟต์ มีสินค้าและบริการใหม่ๆ นักสร้างสรรค์ และสตูดิโอออกแบบใน พื้นที่ เราจึงขอแนะน�ำเพจเฟซบุ๊ก ‘หลงเชียงใหม่’ ที่อยากให้คุณได้คอยอัพเดต คาเฟ่ สถานที่ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้คุณอัพเดตเพื่อวางแผนไปทอดน่อง ท่องเมือง และร่วมค้นพบความเป็นเมืองแห่งความคิด -25-


kน o o b ือน่าอ่า ทูนหัวของบ่าว นัชญ์ ประสพสิน

หนังส

ส�ำนักพิมพ์ springbooks ราคา 179 บาท เชื่อว่าขณะนี้หลายๆ คนคงยอมรับว่าตัวเองได้ตกเป็น ‘ทาสแมว’ ไปเสียแล้ว เรา จึงอยากแนะน�ำให้คุณมาท�ำความรู้จักหนังสือเล่มนี้ เพื่อให้ได้เป็นทาสแมวอย่าง สมบูรณ์แบบ หนังสือภาพประกอบเรื่อง ทูนหัวของบ่าว จากแฟนเพจชื่อเดียวกัน ที่มียอดไลค์ล้านกว่าๆ ของ นัชญ์ ประสพสิน บ่าวผู้แสนดีที่ถ่ายทอดเกร็ดความรู้ ในการเลี้ยงของทาสแมวตัวจริง เพื่อให้แฟนๆ เต็มอิ่มกับภาพถ่ายสุดพิเศษ วีรกรรมสุดแสบของบรรดาทูนหัวทั้ง 5 ตัว ได้แก่ แมวตัวอ้วนกลม หน้าแป้น ตากลม ‘เสือโคร่ง’ แมวนายแบบแห่งโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ‘เสือสมิง’ แมวสาว หน้าตาสวย เริด เชิด แต่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับผู้ใด ‘มะลิ’ เจ่เจ้หน้าเหวี่ยง แมวสาม สีผู้กรีดอายไลเนอร์ และชอบแอบหนีเที่ยวนอกบ้าน ‘แมวอโศก’ จากอดีตแมว จรจัดผู้เคยเตร็ดเตร่อยู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ผันตัวมาเป็นแมวบ้านและ เฮียผู้อบอุ่นในบ้านทูนหัวของบ่าว และ ‘เสือชีตาห์’ ลูกแมวน่ารักน่าฟัดของพ่อ เสือโคร่งและแม่เสือสมิง เพราะติดตามเป็นแฟนเพจอาจไม่จุใจ ลองตามมาเป็น แฟนคลับฉบับหนังสือดีกว่าไหม (*รายได้ 5 บาทต่อเล่ม มอบให้องค์กรการกุศลเพือ่ ช่วยเหลือแมวและสุนขั จรจัด)

POPEYE นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

ส�ำนักพิมพ์ a book ราคา 235 บาท ป๊อปอาย มาจากค�ำว่า POP คือ ‘ป๊อปคัลเจอร์’ EYE คือการถ่ายทอดผ่าน สายตาที่มองความป๊อป ยุคนี้ พ.ศ. นี้ ทั้งไทยและเทศ ได้อย่างลงตัว ของ ‘เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์’ ที่เข้าใจ หยิบวัฒนธรรมป๊อปของ พ.ศ. นี้ ที่ ฮิตถล่มทลาย และพาเราไปแอบมองเบื้องหลังว่า ภายใต้ความป๊อปนั้นเพราะ อะไร ทัง้ เกมแคนดีค้ รัช เกมยอดฮิตของเหล่าสาวกลูกอมสีลกู กวาด เทรนด์คน รุ่นใหม่ที่ต้องการชีวิต slow life และเทรนดี้ พวกเขาก็ต้องไม่พลาดนิตยสาร Monocle และ Kinfolk หรือแม้แต่ซรี สี ฮ์ อร์โมนวัยว้าวุน่ ก็เข้าข่ายกระแสป๊อป แห่งยุคกับเขาด้วย บทความในเล่มไม่ได้ตัดสินว่าความป๊อปแบบนี้ผิดหรือ ถูก แต่เขาพาเราเดินไปถึงเบื้องลึกถึงแก่นสาร และเข้าใจที่มาของความป๊อป นั้นได้อย่างสนุก ส�ำนวนภาษาชวนเพลิน แนะน�ำให้มีไว้ในตู้หนังสือ 10 ปี ผ่านไป เวลาเปิดกลับมาอ่านจะได้รู้ว่า อ๋อ…ความป๊อปของยุคนี้ถูกบันทึกไว้ ในหนังสือเล่มนี้แล้ว -26-


aศrิลปt์น่าชม

งาน

‘สยาม ผ่านมุมกล้อง จอห์น ทอมสัน ๒๔๐๘-๒๔๐๙’

เพราะภาพ 1 ภาพ สะท้อนความจริงและฉายภาพวิถีชีวิตได้อย่าง ชัดเจน แม้เวลาจะผ่านไปเพียงใด และนี่ก็เป็นเวลากว่า 150 ปี ที่ เราจะได้เรียนรู้และหวนเวลาไปท�ำความรู้จักบุคคลส�ำคัญ ชาวบ้าน สภาพบ้านเมือง และทิวทัศน์ของประเทศไทยผ่านภาพถ่ายโดย ฝีมือของนายจอห์น ทอมสัน ซึ่งได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 4 ในช่วง พ.ศ. 2408-2409 และได้ถ่ายภาพเมื่อ 150 ปีที่แล้ว ภาพถ่ายทีน่ ำ� มาจัดแสดงได้มาจากต้นฉบับฟิลม์กระจกเดิมทีม่ าจาก สถาบันเวลคัมแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นับเป็นครั้งแรก ในประเทศไทยที่มีการน�ำภาพถ่ายโบราณมาจัดแสดงในรูปแบบ ขนาดใหญ่ที่อัดขยายจากต้นฉบับ มีความคมชัดสูง จัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า โดยมีหม่อมราชวงศ์ นริศรา จักรพงษ์ เป็นหนึ่งในผู้จัดนิทรรศการครั้งนี้

Idea มองหาไอเดียรับเทศกาลปีใหม่นี้กันเถอะ!

เว็บไซต์ ohhappyday.com เป็นเว็บไซต์ที่เปิดคลิกทีไร เรา ก็สนุกไปกับไอเดียบรรเจิดที่ จอร์แดน เฟอร์นีย์ (Jordan Ferney) บล็อกเกอร์สาวแห่งเมืองซานฟานซิสโก ส�ำหรับ งานประดิษฐ์ประดอยทีน่ า่ รัก มาพร้อมงานโปรเจ็กต์ดไี อวาย ทัง้ การห่อของขวัญ ออกแบบการ์ดง่ายๆ งบประหยัด เทคนิค ห่อของขวัญ จัดปาร์ตี้แบบไหนให้เพลิดเพลินทั้งคนจัดและ คนมาเที่ยว ไปจนถึงวันวาเลนไทน์ในอารมณ์ที่แตกต่าง ที่พิเศษสุดคือ ในเว็บมีลายพิมพ์การ์ดให้ดาวน์โหลดฟรี เสียด้วย นับเป็นเว็บไซต์ที่สนุกและเหมาะส�ำหรับมองหา แรงบันดาลใจใหม่ๆ -27-


-28-


พ: ละภา ิการ แ ง ื อ ่ เร รณาธ บร กอง

n

i k c e ch

ถึงเวลาปลุก ‘พลัง’ ปลุก ‘ยักษ์’ ในตัวคุณ!! ในเทศกาลเที่ยวพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืน Night at the Museum 5 ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ ‘คุณ’ จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปลุกต�ำนานแห่งพลังอัน ยิ่งใหญ่ สู่แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ โอกาสเดียวในรอบปีที่จะได้ท่องพิพิธภัณฑ์ตอนกลางคืน ในเทศกาล ‘ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม ครัง้ ที่ 5 (Night at the Museum 5) ตอน ปลุกยักษ์’ มหกรรม การเรียนรูส้ ดุ สร้างสรรค์ประจ�ำปี ทีจ่ ะพาคุณไขคติความเชือ่ เรือ่ งยักษ์ทสี่ บื ทอดกัน มาผ่านกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ • UP LEVEL จินตนาการกับสารพัดยักษ์นานาชาติและยักษ์ขนาดมหึมา • เตรียมปลดปล่อยพลังยักษ์ในตัวคุณผ่านเรื่องเล่าของคนเล็กคิดยักษ์ อาทิ เก่ง The Voice ตัวแทนคนเป็นยักษ์ ที่สร้างความต่างด้วยการน�ำความเป็น ไทยมาผสานกับสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล ตัวแทนของคนเห็นยักษ์ จะมาเล่าเรื่องราวคนคิด ยักษ์จากทั่วโลกที่เขาได้มีโอกาสไปพบเจอ จิรัฏฐ์ พรพนิตพันธุ์ ตัวแทนของ คน Gen ยักษ์ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร Cheeze ที่จุดกระแสการแต่งตัวแนวสตรีตแฟชั่นให้บูมขึ้นในเมืองไทย • เต็มอิ่มกับการแสดง The Spirit of Giant สุดอลังการ สนุกสนานกับบูธเกม นานาชนิด ตลาดอาหาร และสินค้าแนวคิดยักษ์ พบกับเทศกาล ‘ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม ครั้งที่ 5 (Night at the Museum 5) ตอน ปลุกยักษ์’ วันที่ 19-21 ธันวาคมนี้ เวลา 16.00 – 22.00 น. มิวเซียม สยาม (ท่าเตียน) เข้าชมฟรี!! สอบถามและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2225-2777, www.museumsiam.org หรือ facebook.com/museumsiamfan -29-


Fr

n issio m d A ee


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.