ขาวสารการอนุรักษ ปที่1 ฉบับที่ 1 มกราคม 2556
เรียน เครือขายพิพิธภัณฑ สถาบันพิพิธภัณฑการเรียนรูแหงชาติ โดยฝายเครือขายพิพธิ ภัณฑ ไดจัดทําขาวสารการอนุรกั ษขึ้น เพื่อประชาสัมพันธและ แลกเปลี่ยนขอมูลขาวสารระหวางเครือขายพิพิธภัณฑ โดยตั้งเปาหมายวาจะเผยแพรปละ 4 ฉบับ ในเดือน มกราคม เมษายน กรกฎาคม และตุลาคม ฉบับนี้เปนฉบับแรกซึ่งเจาหนาที่ฝายเครือขายพิพิธภัณฑไดรวบรวมกิจกรรมและเกร็ดความรูดา น อนุรักษมาเผยแพร หวังวาในฉบับตอๆ ไป จะมีขอมูลขาวสารจากเครือขายพิพิธภัณฑมาเผยแพรมากขึ้น ทานสมาชิกทานใด ประสงคจะปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนความรู กรุณาติดตอมายังสถาบันพิพิธภัณฑการเรียนรูแหงชาติ นายราเมศ พรหมเย็น ผูอํานวยการสถาบันพิพิธภัณฑการเรียนรูแหงชาติ กิจกรรม เจาหนาที่จากฝายเครือขายพิพิธภัณฑ กําลัง ดําเนินการจัดทําทะเบียนและอนุรักษวตั ถุ ณ พิพิธภัณฑวัดไลย อําเภอทาวุง จังหวัดลพบุรี
เจาหนาที่สถาบันพิพิธภัณฑการเรียนรูแหงชาติ ไปใหคาํ แนะนําในการอนุรักษ กลองมโหระทึก ณ วัดมัชฌิมาวาส อําเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร
คุณค่ าของผ้ าห่ อคัมภีร์ วัดเปนศูนยรวมจิตใจของประชาชนในทองถิ่น เปนสถานที่เคารพบูชาปฏิบัติกจิ ของพุทธศาสนิกชนและเปนแหลงศึกษา เลาเรียนถายทอด ศิลปวิทยาการ นอกจากนี้วดั ยังเปนศูนยรวมศิลปกรรมรูปแบบตาง ๆ ที่ชุมชนแตละแหงสรางสรรคขึ้นตาม ความเลื่อมใสศรัทธาและคตินิยม เพราะฉะนั้นวัดจึงเปนแหลงขอมูลชั้นดีที่สะทอนภาพของชุมชนโบราณไดอยางชัดเจน ในสมัย โบราณพุทธศาสนิกชนนิยมทําบุญดวยการสรางหนังสือถวายวัดหรือถวาย พระสงฆ เพื่อใชเปนตําราศึกษาเลาเรียนพระธรรม พรอมกันนั้นก็ได จัดทําผาหอคัมภีรขึ้นอยางวิจิตรบรรจงดวยความศรัทธาอยางแรงกลา ผา หอคัมภีรนอกจากจะทําหนาที่แยกคัมภีรแตละเลมหรือแตละเรื่องออกจาก กันแลวยังทําหนาที่ปกปองคุม ครองคัมภีรมใิ หชาํ รุดเสื่อมสภาพกอนเวลา อันควรไดอีกดวย พบวาคัมภีรท ี่มีอายุประมาณสองรอยปที่มีผาหอคัมภีร หอหุมอยูยังอยูในสภาพสมบูรณราวกับเพิ่งทําขึ้นใหม ในขณะที่ผาหอ คัมภีรเองมักอยูใ นสภาพชํารุดฉีกขาด บางก็ผเุ ปอย สีซีดจาง เนื่องจาก ผานการใชงานมาเปนเวลานาน ในอดีตมักมีผูมองขามคุณคาของผาหอคัมภีรอยูเ สมอ ผาหอคัมภีรจํานวนมากถูกทิ้งไปโดยรูเ ทาไมถึงการณ บางก็ นําไปเปนผาขี้ริ้ว บางก็นําไปทิง้ กองขยะ หากพิจารณากันใหลกึ ซึ้ง ผาหอคัมภีรสามารถใหขอ มูลเกี่ยวกับชนิดของผาที่แตละ ทองถิ่นผลิตขึ้นและผาที่มจี ําหนายในแตละยุคสมัย ขอมูลเหลานี้นอกจากจะบอกถึงภูมิปญญาของแตละทองถิ่นในสมัยตาง ๆ แลวยังโยงใยไปถึงความสัมพันธระหวางทองถิ่นตาง ๆ และเสนทางการคาในสมัยโบราณไดเปนอยางดี ผาหอคัมภีรจึงเปนแหลงศึกษาผาโบราณที่ดีที่สุด ที่สามารถสะทอนใหเห็นความหลากหลายของผา ทัง้ ที่เปนผาพื้นเมือง และผาที่สั่งซื้อจากตางประเทศในแตละยุคสมัย มีตั้งแตผาธรรมดาราคาถูกที่มใี ชทวั่ ไปในหมูสามัญชน ไปจนถึงผาในราชสํานัก พบวาผาทีใ่ ชในการทําผาหอคัมภีรมีมากมายหลายชนิดมีทั้งผาทีช่ าวบานทอขึ้นเองและผาที่ไดจากการซื้อหาแลกเปลี่ยนมาจาก ทองตลาดในแตละยุคสมัย รวมทั้งผาที่ไดมาจากราชสํานักและผาจากตางประเทศซึง่ พุทธศาสนิกชนที่มีฐานะดีสรรหานํามาถวาย วัดดวยแรงศรัทธาในพุทธศาสนา และโดยที่วัดเปนศูนยรวมของพุทธศาสนิกชนทุกระดับชั้นในทองถิ่น ผาหอคัมภีรเหลานี้จงึ เปน ผาที่มีใชอยูในทุกชนชั้นในทองถิน่ นั้น ๆ ตั้งแตชาวไร ชาวนา กรรมกร พอคาวานิช ไปจนถึงขาราชการและเจานาย เพราะฉะนั้น ขอความกรุณาทุก ๆ ทานชวยกันอนุรกั ษผาหอคัมภีรเอาไวใหเปนมรดกทางวัฒนธรรมใหเยาวชนรุนหลังได ศึกษาตอไปดวยนะคะ
ไรฝุ่ น ผูที่ทํางานในพิพิธภัณฑ มักประสบปญหากับอาการคันคะเยอ เวลาที่ตองสัมผัส ขนยายและปฏิบัติงานในหองคลัง และ ในอาคารบานเรือนทั่วไป บางคนเกิดอาการหอบหืดอยางรุนแรง ตนเหตุที่ทําใหเกิดอาการคันดังกลาว เกิดจากไรฝุน ซึ่งเปน สัตวตัวเล็ก ๆ ในกลุม เดียวกันกับเห็บ หมัด แมงมุม แมงปอง และไรที่เปนศัตรูพืชตาง ๆ ไรฝุนไมใชแมลง เนื่องจากมีขา 4 คู หรือ 8 ขา ในขณะที่แมลงมีขา 3 คู หรือ 6 ขา ไรฝุนไมมีปก ไมมีหนวด ไมมีตา หรือถามีตาจะเปนตาเดี่ยว ไมมีตาประกอบ ลําตัวมี 2 สวน คือสวนหัวรวมกับสวนอกและสวนทอง ตางจาก แมลงที่มีลําตัว 3 สวน แบงเปนสวนหัว สวนอก และสวนทอง ไร ฝุนหายใจผานทอหายใจขางลําตัว ไรฝุนผสมพันธุแบบอาศัยเพศ มีการเจริญเติบโตแบบลอกคราบจากตัวออนเปนตัวเต็มวัย ไร ฝุนมีขนาดเล็กมากจนมองไมเห็นดวยตาเปลา ลําตัวยาวประมาณ 250-300 ไมครอน และลําตัวโปรงใส หากตองการตรวจสอบไร ฝุนตองแวนขยายทีม่ ีกาํ ลังขยาย อยางนอย 10 เทา หรือใชกลอง จุลทรรศน ไรฝุนชอบอาศัยในที่ที่มีฝนุ ละอองมาก อาหารหลักของมัน คือผม ขน ขี้ไคล ขี้รังแค เกล็ด ฯลฯ ที่หลุดรวงจากรางกายคนและ สัตว และลองลอยไปมาอยูใ นอากาศ คลังวัตถุในพิพิธภัณฑมกั มีไรฝุนอาศัยอยูม ากมาย เพราะเปนที่ที่มีฝุนละอองสะสมมาก นอกจากนี้ยังมีอากาศรอน ชื้น และขาดการระบายอากาศ ตาม บานเรือน จะพบไรฝุนบนที่นอน ปลอกหมอน ผาหม ผาคลุมเตียง เครื่องเรือน พรม ผามาน นอกจากนี้ไรฝุนยังกินอาหารอื่น ๆ ได อีก เชนอาหารปลา เชื้อรา ธัญพืช เศษขนม ฯลฯ ไรฝุนหลาย ชนิดอาศัยอยูใ นรังนก คอกปศุสตั ว กองฟาง วัสดุที่มเี ชื้อรา เจริญมักพบไรฝุนอยูดวย เนื่องจากไรฝุนชอบกินอาหารที่เชื้อรา ยอยสลายเอาไวแลว ไรฝุนไมไดเปนพาหะของโรคติดตอ แตมันทําใหเกิดโรคภูมแิ พ เชน หอบหืด ผื่นคันตามผิวหนัง ตัวไรฝุนเองไมไดเปน ตนเหตุที่ทําใหเกิดอาการดังกลาว แตมูลและคราบของไรฝุน มีโปรตีนบางอยางที่ทาํ ใหคนบางคนเกิดอาการแพ เมื่อไดสัมผัส หรือหายใจ ผูที่แพโปรตีนชนิดนี้จะเกิดอาการคัน เชนคันที่ตา หนา ผิวหนัง จาม น้ํามูกไหล คัดจมูก บางคนมีผื่นคันสีแดงรอบ ลําคอ และขอพับ หรือบางคนเกิดอาการหอบหืดเมื่อหายใจเอาอากาศที่มีมูลและคราบของไรฝุนเขาไป บางคนมีอาการปวด ศีรษะ กลามเนื้อออนแรง ซึมเศรา รวมดวย อาการแพจะมากหรือนอยขึ้นอยูกับลักษณะทางพันธุกรรมของแตละคน บางคน แพมากจนเสียชีวติ อาการแพดังกลาวคาดวาเกิดจากเอนไซมหลายชนิดทีย่ อยโปรตีนในลําไสของไรฝุน และถูกขับถายออกมา กับมูลของฝุนดวย โปรตีนในมูลและคราบของไรฝุนทําใหคนที่เกิดอาการแพสราง antibodies ขึน้ มาทําใหเกิดอาการแพ
แลกเปลี่ยนความรู้ คุณวัชนี : ทําไมเครื่องปั ้นดินเผาบางใบมีรอยแตกรานทั่วทัง้ ใบ อาจารย์ จิราภรณ์ : เครื่องปนดินเผาที่มีรอยแตกราน เรียกวา เคลือบราน หรือเคลือบแตกลายงา ภาษอังกฤษเรียกวา crackle glaze สวนใหญเปนเครื่องกระเบื้องที่ผานการเคลือบดวยน้ํายาเคลือบทีม่ ีโซเดียม โปตัสเซียม และเฟลดสปารสูง จึงมีสัมประสิทธิ์ของ การขยายตัวหลังการเผาสูงมาก ถึงรอยละ 11-12 เมื่อน้ํายาเคลือบขยายตัวมากกวาเนื้อดิน ทําใหชั้นของเคลือบที่มีความ หนา 1-1.2 มม. ขยายตัวและดันกัน เกิดรอยแตก ตามปกติถาน้าํ ยาเคลือบและเนื้อดินขยายตัวและหดตัวเทากัน จะไมเกิดรอย แตกราวหรือแตกรานหลังการเผา แตผูผลิตมักทําใหเคลือบหดตัวมากกวาดินเพื่อใหชั้นของเคลือบสามารถรัดเนื้อภาชนะได แนนกระชับ และแข็งแกรงขึ้น เครื่องกระเบื้องของจีนบางสวน มีรอยแตกรานสวยงามทัว่ ทั้งใบ เกิดจากความตั้งใจทําใหเกิดรอยแตกรานดังกลาว โดย เลือกใชน้ํายาเคลือบที่ขยายตัวมากกวาดิน และดึงออกจากเตาเผาขณะที่ไฟในเตายังไมดับ เชนเปดเตาเผาที่ 200 องศา เซลเซียส แลวคอย ๆ ดึงรถเข็นทีว่ างภาชนะออกมา ทําใหน้ํายาเคลือบเย็นตัวลงอยางรวดเร็ว บางโรงงานนําเครื่องเคลือบที่ แตกรานไปแชในน้ําหมึกสีดาํ เพือ่ ใหเห็นรอยแตกรานชัดเจนยิง่ ขึน้ อีกสาเหตุหนึ่งที่ทําใหเครือ่ งปนดินเผามีรอยแตกรานคือ เนื้อดินเผาไมสุกหรือไมแกรงเทาทีค่ วร เนื้อดินจึงยังดูดซึมน้าํ ได อยู เมื่อเปยกน้ําหรือไดรับความชื้น ดินจะขยายตัวขึ้นและดันใหเคลือบแตกรานได การแตกรานประเภทนี้มักเกิดหลังการใช งานหรือลางน้ําบอย ๆ เชนกาน้าํ ชา ถวยชา
ผู้จัดทํา นางจิราภรณ อรัณยะนาค ที่ปรึกษาดานงานอนุรักษ นายศุภกร ปุญญฤทธิ์ นางวัชนี สินธุวงศานนท นางสาวพัชรลดา จุลเพชร นายคุณาพจน แกวกิ่ง นายพรพิชิต พรรัตน
สถาบันพิพิธภัณฑการเรียนรูแหงชาติ 4 ถ.สนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท 022252777 ตอ 109 fax 022251881-2 e-mail : pacharalada@ndmi.ro.th http://www.ndmi.or.th/home.php http://www.facebook.com/museumsiamfan