คณิ ตศาสตร์เพิม เติม ชั นมัธยมศึกษาปี ที 4
เล่ม 2
สารบัญ บทที่ 1 ระบบสมการเชิงเสนและเมทริกซ ผลการเรียนรูที่คาดหวัง ขอเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะ ตัวอยางแบบทดสอบ เฉลยตัวอยางแบบทดสอบ กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร เฉลยแบบฝกหัด 1.1 เฉลยแบบฝกหัด 1.2 เฉลยแบบฝกหัด 1.3 เฉลยแบบฝ หัด 1.4 กษาขัน ตามหลั กสูตกรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ เฉลยแบบฝกหัด 1.5
หนา 1 1 2 11 22 24 30 34 46 56 73
จัดทําโดย บทที่ 2 ฟงกชัน ผลการเรียนรูที่คาดหวัง สถาบั นสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ขอเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะกระทรวงศึกษาธิการ ตัวอยางกิจกรรม เฉลยแบบฝกหัด 2.1ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 เฉลยแบบฝกหัด 2.2 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม เฉลยแบบฝกหัด 2.3.1 ก เฉลยแบบฝกหัด 2.3.1 ขพ.ศ. ๒๕๔๗ เฉลยแบบฝกหัด 2.3.2 เฉลยแบบฝกหัด 2.3.3 องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย เฉลยแบบฝกหัด 2.3.4 มพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว เฉลยแบบฝกหัดพิทบทวน
85 85 86 94 102 103 106 110 114 117 132 146 149
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
บทที่ 3 เรขาคณิตวิเคราะห ผลการเรียนรูที่คาดหวัง ขอเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะ เฉลยแบบฝกหัด 3.1.1 เฉลยแบบฝกหัด 3.1.2 เฉลยแบบฝกหัด 3.1.3 ดสาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร เฉลยแบบฝกลุ กหัม 3.1.4 เฉลยแบบฝกหัด 3.1.5 เฉลยแบบฝกหัด 3.1.6 เฉลยแบบฝ หัด 3.1.7กษาขัน ตามหลั กสูตกรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ เฉลยแบบฝกหัด 3.2.1 เฉลยแบบฝกหัด 3.2.2 เฉลยแบบฝกหัด 3.2.3 จัดทําโดย เฉลยแบบฝกหัด 3.2.4 เฉลยแบบฝ กหัดม3.2.5 สถาบั นสงเสริ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เฉลยแบบฝกหัดทบทวน
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
กระทรวงศึกษาธิการ
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
หนา 156 156 157 171 189 197 203 208 212 217 223 226 232 248 257 270 285
30
เฉลยแบบฝกหัด 1.1 1. x + 3y = 8 x – 2y = 3 วิธีทํา
x + 3y = 8 x – 2y = 3 นําสมการ (1) ลบดวยสมการ (2) จะได 5y = 5 y = 1 กลุจะได ม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร แทนคา y ในสมการ (2) x = 5 ดังนั้น คําตอบของระบบสมการคือ (x, y) = (5, 1)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
---------- (1) ---------- (2)
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 2. x – y ตามหลั = – 4 กสูตรการศึกษาขัน 2x + 3y = 22 วิธีทํา x–y = –4 ---------- (1) 2x + 3y จัดทํ=าโดย 22 ---------- (2) นํา 2 คูณสมการ (1) จะได – 2y =ทยาศาสตร –8 สถาบันสงเสริม2xการสอนวิ และเทคโนโลยี---------- (3) นําสมการ (2) ลบดวยสมการ (3) จะได กระทรวงศึ 5y = กษาธิ 30การ y = 6 แทนคา y ในสมการ (1) จะได ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 x = 2 พิ ม พ ค รั ง ้ ที ห ่ นึ ง ่ ๑๐,๐๐๐ เลม ดังนั้น คําตอบของระบบสมการคือ (x, y) = (2, 6) พ.ศ. ๒๕๔๗
3. x + y + z = 6 x–y+z = 2 x+y–z = 0
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
31 x+y+z = 6 x–y+z = 2 x+y–z = 0 นําสมการ (3) บวกสมการ (2) จะได 2x = 2 x = 1 นําสมการ (1) บวกสมการ (2) จะได 2x + 2z = 8 แทนคา x ในสมการ (4) จะได z =ยนรูค กลุม สาระการเรี 3ณิตศาสตร แทนคา x และ z ในสมการ (3) จะได y = 2 ดังนั้น คําตอบของระบบสมการ คือ (x, y, z) = (1, 2, 3) วิธีทํา
---------- (1) ---------- (2) ---------- (3)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
---------- (4)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
4. x + 2y – z = 3 3x + y = 6 2x + y = 1 วิธีทํา
จัดทําโดย
x + 2y – z = 3 ---------- (1) 3x + y = 6 ---------- (2) สถาบันสงเสริมการสอนวิ ท ยาศาสตร แ ละเทคโนโลยี 2x + y = 1 ---------- (3) นําสมการ (2) ลบดวยสมการ (3)กระทรวงศึ จะได กษาธิการ x = 5 แทนคา x ในสมการ (3) จะได ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 y = –9 พิม(1)พคจะได รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม แทนคา x และ y ในสมการ –zพ.ศ. ๒๕๔๗ = 16 z = –16 ดังนั้น คําตอบของระบบสมการคือ (x, y, z) = (5, –9, –16)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
32 5. 2x – 3y + z = 8 –x + 4y + 2z = – 4 3x – y + 2z = 9 วิธีทํา
2x – 3y + z = 8 ---------- (1) ---------- (2) –x + 4y + 2z = –4 3x – y + 2z = 9 ---------- (3) นําสมการ (3) ลบสมการ (2) จะได 4x – 5y = 13 ---------- (4) นํา 2 คูณสมการ (1) จะได 6y + 2z =ยนรูค ---------- (5) กลุ4xม –สาระการเรี 16ณิตศาสตร นําสมการ (5) ลบดวยสมการ (2) จะได 5x – 10y = 20 ---------- (6) นํา 2 คูณสมการ (4) จะได 8x –ก10y ตามหลักสูตรการศึ ษาขัน้ พื= น้ ฐาน26 พุทธศักราช ๒๕๔๔---------- (7) นําสมการ (7) ลบดวยสมการ (6) จะได 3x = 6 x จัดทํ=าโดย 2 แทนคา x ในสมการ (4) จะได y = –1 สถาบั น ส ง เสริ ม การสอนวิ ท ยาศาสตร และเทคโนโลยี แทนคา x และ y ในสมการ (1) จะได z = กษาธิ 1 การ กระทรวงศึ ดังนั้น คําตอบของระบบสมการคือ (x, y, z) = (2, –1, 1)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
6. x – y + 2z = –3 y – 3z = 5 x + 4y – 8z = 17 วิธีทํา
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
x – y + 2z = –3 y – 3z = 5 + 4y – 8z องคกx ารค าของคุรุส=ภาจัด17พิมพจําหนาย จากสมการ (2) จะได y = 5 + 3z มพท(3)ี่โรงพิ แทนคา y ลงในสมการ (1) พิและ จะไดมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
---------- (1) ---------- (2) ---------- (3)
33 x–z = 2 x + 4z = –3 นําสมการ (4) ลบดวยสมการ (5) จะได –5z = 5 z = –1 แทนคา z ในสมการ (2) จะได y = 2 แทนคา y และ z ในสมการ (1) จะได x–2–2 = –3 x =ยนรูค กลุม สาระการเรี 1ณิตศาสตร ดังนั้น คําตอบของระบบสมการคือ (x, y, z) = (1, 2, –1)
---------- (4) ---------- (5)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
7. x + y = 2 x + 3y +ตามหลั z = 5 กสูตรการศึกษาขัน ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 3x + y – z = 3 วิธีทํา x+y = 2 ---------- (1) x + 3y + z ---------- (2) จัดทํ=าโดย 5 3x + y – z = 3 ---------- (3) จากสมการ (1) จะได x = 2 – y แทนคาลงในสมการ (2) และ (3) จะได สถาบัน2ส+ง2yเสริ + z ม=การสอนวิ 5 หรือ ท 2yยาศาสตร + z = 3 และเทคโนโลยี และ 6 – 2y – z =กระทรวงศึ 3 หรือ 2yกษาธิ + z =การ 3 ดังนั้น ระบบสมการนี้มีไดหลายคําตอบ คือ (x, y, z) = (2 – y, y, 3 – 2y) เมื่อ y ∈ R 8. 2x + 2y + 3z + 2t x + y + 2z + 2t 2y + 5z + 2t x + y + 3z + 4t วิธีทํา
= = = =
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9
11 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 6 พิมพครัง้ ทีห 5 พ.ศ. ๒๕๔๗ 1 2x + 2y + 3z + 2t = 11 x + y + 2z + 2t องค การคาของคุรุส=ภาจัด6พิมพจําหนาย 2y + 5z + 2t = 5 พท+ี่โ4tรงพิมพ=คุรุสภาลาดพร าว x + yพิ+ม3z 1 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
---------- (1) ---------- (2) ---------- (3) ---------- (4)
34 นํา 2 คูณสมการ (2) จะได 2x + 2y + 4z + 4t = 12 นําสมการ (5) ลบดวยสมการ (1) จะได z + 2t = 1 นํา 2 คูณสมการ (4) จะได 2x + 2y + 6z + 8t = 2 นําสมการ (7) ลบดวยสมการ (1) จะได 3z + 6t = –9 หรือ z + 2t = –3 เห็นไดชัดวา ไมมี z, tกลุ ที่ทม สมการ (6), (8)ยเปนรู นจริค น ําใหสาระการเรี งณิพรตอมกัศาสตร ดังนั้น ระบบสมการที่กําหนดไมมีคําตอบ
---------- (5) ---------- (6)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
---------- (7)
---------- (8)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกเฉลยแบบฝ ษาขัน้ พืน้ กฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ หัด 1.2 1. (1) 2C – 3E
=
⎡ 3 −1 ⎢ 2⎢ 4 1 ⎢ 2 1 ⎣
จัดทําโดย 03 ⎤⎥ – 3 ⎡⎢ ⎥ ⎢ 3 ⎥⎦
2 −4 1 1
⎢⎣ 2
2
5 ⎤ − 1 ⎥⎥ 0 ⎥⎦
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ⎡ 0 10 − 9 ⎤ ⎢ 5 −1 = กระทรวงศึ กษาธิ3 ก⎥⎥ าร ⎢ ⎢⎣− 2 − 4
(2) AB
6 ⎥⎦
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ⎡ 1 0⎤ เลม พิมพครัง้ ⎡ ที1 ห่ 2นึง่ 0⎤ ๑๐,๐๐๐ ⎥ ⎢ = ⎢2 1 4⎥ ⎢2 1⎥ ⎣ ⎦ ⎢ 3 2⎥ พ.ศ. ๒๕๔๗ ⎦ ⎣ =
⎡ 5 ⎢16 ⎣
2⎤ 9⎥⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
35 BA
=
⎡ 1 0⎤ ⎢2 1⎥ ⎡ 1 2 0⎤ ⎥ ⎢ 2 1 4⎥ ⎢ ⎦ ⎢⎣ 3 2⎥⎦ ⎣
=
⎡ 1 2 0⎤ ⎢ 4 5 4⎥ ⎥ ⎢ ⎢⎣7 8 8⎥⎦
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(3)
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ ⎡ 3 − 2⎤ ⎡ 3 − 2⎤ ⎢2 0⎥⎦ 0⎥⎦ ⎢⎣2 ⎣
D2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร =
⎡ 5 − 6⎤ ⎢6 − 4⎥ ⎣ ⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ⎡ 5 2⎤ ⎡ 5 − 6⎤ 2 + ⎢ AB + D = ⎢ ⎥ ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุ⎥ทธศักราช ⎣16 9⎦
=
⎣6 − 4 ⎦
๒๕๔๔
⎡10 − 4⎤ ⎢22 5⎥⎦ ⎣
จัดทําโดย
(4)
3⎤ ⎡ 3 − 1 3แ⎤ ละเทคโนโลยี ⎡ 3 − 1ทยาศาสตร สถาบั น ส ง เสริ ม การสอนวิ ⎢ 2C 2 ⎢4 1 0⎥⎥ ⎢⎢4 1 0⎥⎥ = ⎢⎣2 1 3⎥⎦ ⎢⎣2 กระทรวงศึ กษาธิการ1 3⎥⎦ 2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 0⎤ ⎡22 − 2 36⎤ ⎡ 1 2 ๒๕๔๗ พ.ศ. ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ =
BA – 2C2
⎡22 − 2 36⎤ ⎢32 − 6 24⎥ ⎥ ⎢ ⎢⎣32 4 30⎥⎦
=
⎢4 5 4⎥ − ⎢32 − 6 24⎥ ⎢⎣32 ⎢⎣7 8 8⎥⎦ 4 30⎥⎦
− 36⎤ ⎡ − 21รุส4ภาจั องคการคาของคุ ดพิ⎥ มพจําหนาย ⎢
=
⎢− 28 11 − 20⎥ ⎢⎣− 25 4 − 22⎥⎦
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
36 (5) t t
AB
=
⎡1 2 ⎤ ⎢2 1 ⎥ ⎡1 2 3⎤ ⎥ ⎢0 1 2⎥ ⎢ ⎦ ⎢⎣0 4⎥⎦ ⎣
=
⎡1 4 7 ⎤ ⎢2 5 8 ⎥ ⎥ ⎢ ⎢⎣0 4 8 ⎥⎦
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ ⎡4 − 8 10 ⎤ ⎢2 2 − 2⎥⎥ ⎢ ⎢⎣4 4 0 ⎥⎦
2E
t t
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
A B + 2E
ชั=น้ มัธยมศึกษาป ที่ ๔ +
⎡4 − 8 10 ⎤ ⎢2 2 − 2⎥⎥ ⎢ ⎢⎣4 4 0 ⎥⎦
⎡1 4 7 ⎤ ⎢2 5 8 ⎥ ⎥ ⎢ ⎢⎣0 4 8 ⎥⎦
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ =
⎡5 − 4 ⎢4 7 ⎢ ⎢⎣4 8
17⎤ 6 ⎥⎥ 8 ⎥⎦
จัดทําโดย
(6)
⎡ 5 2⎤ ⎡ 3 − 2⎤ (AB)D ⎢ ยาศาสตร ⎢16 9⎥ ท สถาบั นสงเสริม= การสอนวิ และเทคโนโลยี 0 ⎥⎦ ⎣ ⎦ ⎣2 กระทรวงศึ กษาธิการ 10 ⎤ ⎡19
=
(7) C+E
⎢66 − 32⎥ ⎣ ⎦
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ⎡3ทีห่ −นึ1 ง่ 3๑๐,๐๐๐ เลม ⎤ ⎡2 − 4 5 ⎤ ⎢4 1๒๕๔๗ 0⎥⎥ + ⎢⎢1 1 − 1⎥⎥ = ⎢ พ.ศ. ⎥ ⎥ ⎢ ⎢ ⎣2
1
3⎦
⎣2
2
0⎦
⎡5 − 5 8 ⎤ ⎢5 2 − 1⎥⎥ ⎢ ⎢⎣4 3 3 ⎥⎦
องคก=ารคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
37 BA(C + E)
2. (1)
ABC BC
=
⎡1 2 0 ⎤ ⎡ 5 − 5 8 ⎤ ⎢ 4 5 4⎥ ⎢5 2 − 1⎥⎥ ⎥⎢ ⎢ ⎢⎣7 8 8 ⎥⎦ ⎢⎣4 3 3 ⎥⎦
=
⎡ 15 − 1 ⎢ 61 2 ⎢ ⎢⎣107 5
6⎤ 39⎥⎥ 72 ⎥⎦
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม =
A(BC)
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ 2⎤ ⎡− 1 ⎡ − 1 3 2⎤ ⎢ 1 ⎥⎥ ⎢ 1 3 0⎥ ⎢ 0 ⎣ ⎦ ⎢ 3 − 2⎥ ⎦ ⎣
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชั=น้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ⎡ 7 − 3⎤ ⎢− 1 5⎥⎦ ⎣
ตามหลั กสูตรการศึ กษาขั ้ พื3⎤⎥น้ ⎡⎢ ฐาน 7 − 3พุ ⎤ ทธศักราช ๒๕๔๔ ⎡1 น A(BC) = ⎥ ⎢ ⎣ 2 − 1⎦ ⎣− 1
=
(2)
5⎦
12 ⎤ ⎡ 4 ⎢ 15 − 11⎥ ⎣ ⎦
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3⎤ ⎡− 1 3 2⎤ ⎡1 AB = ⎢ 2 − 1⎥ ⎢ 1 3 0⎥ ⎣ ษาธิการ ⎦ ⎣ ⎦ก กระทรวงศึ
ACt
=
⎡ 2 12 2⎤ ⎢ − 3 3 4⎥ ⎣ ⎦
=
⎡ 5 ⎢− 4 ⎣
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ⎡ ที1 ห่ นึ3ง่ ⎤ ⎡๑๐,๐๐๐ เล3ม⎤ −1 0 = ⎢ 2 − 1⎥ ⎢ 2 1 − 2⎥⎦ ⎣ ⎦ ⎣ พ.ศ. ๒๕๔๗ 3 −1
− 3⎤ 8 ⎥⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
38 AB + ACt
(3)
A2
=
⎡ 2 12 2⎤ ⎢ − 3 3 4⎥ ⎦ ⎣
=
⎡ 7 ⎢− 7 ⎣
3 − 3⎤ ⎡ 5 ⎢− 4 − 1 8⎥⎦ ⎣
+
15 − 1⎤ 2 12⎥⎦
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม =
3⎤ ⎡1 3⎤ ⎡1 ⎢2 − 1⎥ ⎢2 − 1⎥ ⎦⎣ ⎣ ⎦
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ ⎡7 0 ⎤ ⎢0 7 ⎥ ⎦ ⎣
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร A2 – 2BC
=
⎡7 0 ⎤ ⎢0 7 ⎥ ⎦ ⎣
–
⎡− 7
6⎤
⎡ 14 − 6⎤ ⎢− 2 10 ⎥ ⎦ ⎣
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
= กษาขั ⎢ 2น ตามหลักสูตรการศึ ้ ⎥⎦ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ − 3น ⎣ ้ พื 3.
AB
=
⎡1 2⎤ ⎡ 2 − 1⎤ ⎢3 2⎥ ⎢ − 3 4 ⎥ ⎦ ⎣ ⎣ ⎦
จัดทําโดย
=
⎡− 4 ⎢ 0 ⎣
7⎤ 5⎥⎦
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 1 2⎤ การ ⎡ 2 − 1⎤ก⎡ษาธิ BA = กระทรวงศึ ⎢− 3 4 ⎥ ⎢3 2⎥ ⎣
⎦ ⎣
⎦
1 2-⎤01 - 3820 - 9 ISBN⎡−974 ⎢ 9 2⎥ ⎦ ⎣ พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ AB ≠ BA
=
∴
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
39 4. (1)
2At
1 3⎤ ⎥ ⎣− 1 2⎦
=
2 ⎡⎢
=
⎡ 2 6⎤ ⎢ − 2 4⎥ ⎦ ⎣ ⎡1 − 1⎤ ⎢3 2⎥⎦ ⎣
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
2At – A
=
⎡ 2 ⎢− 2 ⎣
6⎤ 4⎥⎦
–
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ ⎡ 1 ⎢− 5 ⎣
7⎤ 2⎥⎦
วกกั สาระการเรี นรูกซค ณิ2Aตt ศาสตร ∴ เมทริกกลุ ซที่บม บ A แลวไดเยมทริ คือ ⎡⎢ 1
7⎤ 2⎥⎦
⎣− 5
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2)
A2
=
⎡1 − 1⎤ ⎡1 − 1⎤ ⎢3 2⎥⎦ ⎢⎣3 2⎥⎦ ⎣
=
⎡− 2 − 3⎤ ⎢ 9 1⎥⎦ ⎣
=
⎡− 2 − 3⎤ ⎢ 9 1⎥⎦ ⎣
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
2
A –A
จัดทําโดย ⎡1 –
⎢3 ⎣
− 1⎤ 2⎥⎦
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ⎡ − 3 − 2⎤ = ⎢ 6 − 1⎥ ⎣ กระทรวงศึ ก⎦ ษาธิการ ∴ (3)
เมทริกซที่บวกกับ A แลวไดเมทริกซ A2 คือ
⎡− 3 ⎢ 6 ⎣
− 2⎤ − 1 ⎥⎦
⎡x ⎢z ⎣
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม y ⎤ ⎡1 −1⎤ x −1 y +1⎤ –⎢ = ⎡⎢ เมื่อ x, y, z, t เปนจํานวนจริง ⎥ ⎥ t ⎦ ⎣3 2⎦ พ.ศ. ⎣๒๕๔๗ z −3 t − 2⎥⎦
∴
เมทริกซที่บวกกับ A แลวไดเมทริกซ
⎡x ⎢z ⎣
y⎤ t ⎥⎦
คือ
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
⎡ x −1 ⎢z − 3 ⎣
y +1⎤ t − 2⎥⎦
40 5. (1)
A+X = 2X = X = ∴
2A – X A 1 A 2
เมทริกซ X ที่ทําให A + X = 2A – X เปนจริงคือ X =
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม (2)
⎡ 1 ⎢ 2 ⎢ ⎢− 1 ⎣ 2
1 2 1 2
⎤ 1⎥ ⎥ 3⎥ 2⎦
คณิตศาสตร เลม ๒
AAt X 2I2
= 2I2 + X = 2I2 – AAt 0⎤ ⎡2 ⎢ ⎥ยนรูค กลุม =สาระการเรี ณิตศาสตร ⎣0
2⎦
ชั=น้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ⎡ 1 ⎢− 1 ⎣
t
AA
=
⎡6 ⎢6 ⎣
⎡1 2⎤ ⎢ 1 3⎥⎦ ⎢ ⎢⎣2
1 1
− 1⎤ 1⎥⎥ 3⎥⎦
6⎤ 11⎥⎦
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ∴ (3)
เมทริกซ X ที่ทําให AAt = 2I2 + X เปนจริง คือ X =
2AtA X
= =
X –จัIด3 ทําโดย 2AtA + I3
=
⎡ 4 ⎢ 0 ⎢ ⎢⎣− 2
⎡ − 4 − 6⎤ ⎢ − 6 − 9⎥ ⎣ ⎦
⎡1 − 1 ⎤ สถาบั นสงเสริม= การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2A A 2 ⎢⎢1 1⎥⎥ ⎡⎢ 1 1 2 ⎤⎥ −1 1 3⎦ ⎢⎣2 3⎥⎦ ⎣ กระทรวงศึกษาธิการ t
I3
− 2⎤ 10 ⎥⎥ 26 ⎥⎦
0 4
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 10 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 0 0⎤ ⎡1 พ.ศ. ๒๕๔๗ ⎢ 0 1 0⎥ = ⎢ ⎢⎣0
0
⎥ 1⎥⎦
มพนจริจํางหน ∴ เมทริองค กซ Xการค ที่ทําาใหของคุ 2AtAรุส= ภาจั X – ดI3 พิเป คือาXย = พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
⎡ 5 ⎢ 0 ⎢ ⎢⎣− 2
0 5 10
− 2⎤ 10 ⎥⎥ 27 ⎥⎦
41 6. (1)
A+B
=
⎡1 − 1⎤ ⎢0 2 ⎥ ⎣ ⎦
=
⎡2 − 1⎤ ⎢1 4 ⎥⎦ ⎣
+
⎡1 0⎤ ⎢1 2⎥ ⎣ ⎦
⎡2 − 1⎤ ⎡2 − 1⎤ ⎢1 4 ⎥⎦ 4 ⎥⎦ ⎢⎣1 ⎣
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(A + B)2
=
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ ⎡3 − 6 ⎤ ⎢6 15⎥ ⎣ ⎦
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร A2
=
⎡1 − 1⎤ ⎡1 − 1⎤ ⎢0 2 ⎥ ⎢0 2 ⎥ ⎦ ⎣ ⎦⎣
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ⎡1 − 3⎤
= กษาขั ⎢0 น ⎥น ตามหลักสูตรการศึ ⎣ ้ 4พื ⎦ ้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ B2
=
⎡1 0⎤ ⎡1 0⎤ ⎢1 2⎥ ⎢1 2⎥ ⎦ ⎣ ⎦⎣
จัดทําโดย
=
⎡1 0⎤ ⎢3 4⎥ ⎣ ⎦
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 0⎤ การ 2AB = กระทรวงศึ 2 ⎡⎢1 − 1⎤⎥ ก⎡⎢1ษาธิ 0 2 1 2⎥ ⎣
⎦⎣
⎦
ISBN⎡0974− 4-⎤01 - 3820 - 9 ⎢4 8 ⎥⎦ ⎣ พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ⎡1 − 3๒๕๔๗ ⎤ ⎡0 − 4⎤ ⎡1 พ.ศ. A2 + 2AB + B2 = ⎢ ⎥ + ⎢ ⎥ + ⎢ =
⎣0
=
4⎦
⎣4
8⎦
0⎤ ⎥ ⎣3 4⎦
⎡2 − 7 ⎤ ⎢7 16⎥ ⎣ ⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
∴ (A + B)2 ≠ A2 + 2AB + B2 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
42 (2)
A–B
=
⎡1 − 1⎤ ⎢0 2 ⎥ ⎣ ⎦
=
⎡ 0 − 1⎤ ⎢− 1 0⎥ ⎣ ⎦
⎡1 0⎤ ⎢1 2⎥ ⎣ ⎦
–
⎡2 − 1⎤ ⎡ 0 − 1⎤ ⎢1 4 ⎥⎦ ⎢⎣ − 1 0 ⎥⎦ ⎣
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(A + B)(A – B) =
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ ⎡ 1 − 2⎤ ⎢− 4 − 1 ⎥ ⎣ ⎦
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร A2 – B2
⎡1 − 3⎤ ⎢0 4 ⎥⎦ ⎣
=
–
⎡1 0⎤ ⎢3 4⎥ ⎣ ⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ⎡ 0 − 3⎤
= กษาขั ⎢− 3น ตามหลักสูตรการศึ ้ ⎥⎦ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ⎣ ้ พื0น ∴ (A + B)(A – B) 7.
2
A
=
≠
A2 – B2
⎡0 ⎢0 ⎢ ⎢⎣0
a 0
⎢0 ⎢⎣0
0
จัดทําโดย 1⎤ b ⎥⎥ 0 ⎥⎦
⎡0 ⎢0 ⎢ ⎢⎣0
1⎤ b ⎥⎥ 0 ⎥⎦
a 0
0 0 และเทคโนโลยี สถาบันสงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตร 0 ab⎤กษาธิการ ⎡0กระทรวงศึ ⎥ ⎢
=
3
A
=
0
0⎥ ≠ 0 ⎥⎦
0 เพราะ ab ≠ 0
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 0 ab⎤ ⎡0 พิAม2⋅Aพครั=ง้ ทีห่ นึง่ ⎡⎢00 ๑๐,๐๐๐ เล ม⎥ ⎢0 0 0 ⎥ ⎢ ⎢ ⎢⎣0 0 0 ⎥⎦ ⎢⎣0 พ.ศ. ๒๕๔๗ =
⎡0 ⎢0 ⎢ ⎢⎣0
0 0
a 0 0
0⎤ 0⎥⎥ 0⎥⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิ0มพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
∴ n = 3 คือ จํานวนเต็มบวกที่นอยที่สุด ที่ทําให An = 0 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1⎤ b ⎥⎥ 0 ⎥⎦
43 8. (1)
ให B =
⎡b 11 ⎢ ⎣b 21
b 12 ⎤ ⎥ b 22 ⎦
โดยที่ b11, b12, b21 และ b22 เปนจํานวนจริง
AB = 0 ⎡1 ⎢2 ⎣
2⎤ 4⎥⎦
⎡b 11 ⎢ ⎣b 21
b 12 ⎤ ⎥ b 22 ⎦
=
⎡0 ⎢0 ⎣
0⎤ 0⎥⎦
คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม =
⎡b11 + 2b 21 ⎢ ⎣2b11 + 4b 21
b12 + 2b 22 ⎤ ⎥ 2b12 + 4b 22 ⎦
⎡0 ⎢0 ⎣
0⎤ 0⎥⎦
คณิตศาสตร เลม ๒
จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
= 0 b11 + 2b21 2b11 + 4b21 = 0 b + 2b22 = 0 ตามหลัก2bสู12ตรการศึ ก ษาขั น ้ พื น้ ฐาน = 0 12 + 4b22 ∴
b11 b12
= =
พุทธศักราช ๒๕๔๔
–2b21 –2bจั22ดทําโดย
− 2b 22 ⎤ ⎡− 2b 21 ทยาศาสตร ดังสถาบั นั้น นสBงเสริม = การสอนวิ ⎢ ⎥ และเทคโนโลยี ⎣
b 21
b 22 ⎦
กระทรวงศึกษาธิการ (2)
ให
C CA ⎡c11 ⎢ ⎣c 21
=
⎡c11 ⎢ ⎣c 21
c12 ⎤ ⎥ c 22 ⎦
โดยที่ c11, c12, c21 และ c22 เปนจํานวนจริง
ISBN0 974 - 01 - 3820 - 9 = เลม⎡⎢0 พิccมพ⎤⎥ ค⎡⎢12รัง้ 24ที⎤⎥ ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ ⎣0 ⎦ ⎦ ⎣ พ.ศ. ๒๕๔๗ =
12
22
⎡c11 + 2 c12 ⎢ ⎣c 21 + 2c 22
2c11 + 4c12 ⎤ ⎥ 2c 21 + 4c 22 ⎦
=
0⎤ 0⎥⎦
⎡0 0⎤ ⎢0 0⎥ ⎣ ⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
44 จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได c11 + 2c12 = 0 = 0 2c11 + 4c12 c21 + 2c22 = 0 2c21 + 4c22 = 0 ∴
คูมc อื ครู= สาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม –2c 11
c21
–2c คณิ= ตศาสตร เลม ๒ 22
⎡ 12 =สาระการเรี ยนรู12 ค ⎤⎥ ณิตศาสตร C กลุม ⎢ − 2c
ดังนั้น 9. ให A =
12
c
⎣− 2c 22
⎡a ⎢ dc ⎣ ⎡1 ⎢0 ⎣
b⎤ d ⎥⎦ 1⎤ 0 ⎥⎦
c 22 ⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ มีสมบัติวา AB = BA ทุกเมทริกซ B ที่มีมิติ 2 × 2
ตามหลักสูตรการศึ กษาขัน้ พืน้ 0ฐาน0⎤พุทธศักราช ๒๕๔๔ และ B = ⎡
ให B1 =
เนื่องจาก AB1 = B1A ⎡a ⎢c ⎣
a⎤ c ⎥⎦
⎢1 ⎣
2
1 ⎥⎦
จึงไดวา =
⎡a + c ⎢ 0 ⎣
b + d⎤ ⎥ ⎦
จัดทําโดย0
ฉะนั้น a = b + d และ c = 0 ---------- (1) เนื่องจากสถาบั AB2 น = สB2งAเสริม จึงการสอนวิ ไดวา ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ⎡b ⎢d ⎣
b⎤ d ⎥⎦
⎡ ⎤ =กระทรวงศึ ⎢ กษาธิ⎥ การ 0 ⎣a + c
0 b + d⎦
ฉะนั้น b = 0 และ d = a + c ---------- (2) จาก (1) และ (2) จึงสรุปไดวา ISBN a = d 974 และ- 01b -=3820 c = 0- 9 ดังนั้น A =
⎡a ⎢0 ⎣
0⎤ a ⎥⎦
นจํานวนจริเลงใด พิ=มพคaIรั2 ง้ ทีเมืห่ ่อ นึa ง่ เป๑๐,๐๐๐ มๆ พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
45 10. จะแสดงวา ไมมีเมทริกซ A, B ที่มีมิติ 2 × 2 ซึ่ง AB – BA = I2 พิสูจน
สมมติวา มีเมทริกซ A, B ที่มีมิติ 2 × 2 ซึ่ง AB – BA = I2 ให A =
b⎤ d ⎥⎦
⎡a ⎢c ⎣
,
B =
⎡w ⎢y ⎣
x⎤ z ⎥⎦
โดยที่ a, b, c, d, w, x, y, z
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
เปนจํานวนจริง AB =
คณิตศาสตร เลม ๒
⎡aw + by ⎢cw + dy ⎣
ax + bz ⎤ cx + dz ⎥⎦
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
BA =
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
⎡ wa + xc ⎢ ya + zc ⎣
wb + xd ⎤ yb + zd ⎥⎦
จากที ่สมมุตกิไวสูตรการศึกษาขัน ตามหลั ้ พืน้ ฐาน AB – BA = I2 ⎡by − xc ⎢(cw + dy) − ( ya + zc) ⎣
(ax + bz) − ( wb + xd )⎤ ⎥ cx − yb ⎦
จัดทําโดย
พุทธศักราช ๒๕๔๔ =
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1 ⎥⎦
จะไดวา
by – xc = 1 ---------- (1) yb ม = การสอนวิ 1 ---------(2) และเทคโนโลยี สถาบันสcxง-เสริ ทยาศาสตร สมการ (1) = (2) กระทรวงศึกษาธิการ by – xc = cx – yb 2by = 2cx by = cx ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 แทนคา by = cx พิ ลงในสมการ มพครัง้ ที(1) ห่ นึจะได ง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 0 = 1 เปนไปไมได พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังนั้น แสดงวา ไมมีเมทริกซ A, B ที่มีมิติ 2 × 2 ซึ่ง AB – BA = I2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
46
เฉลยแบบฝกหัด 1.3 ⎡1 ⎢0 ⎣
1. ให A =
2⎤ 3⎥⎦
และ
A–1
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
x2 ⎤ ⎥ x4 ⎦
เนื่องจาก A–1A = I ดังนั้น
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
หรือ
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
x2 ⎤ ⎥ x4 ⎦
⎡1 ⎢0 ⎣
2⎤ 3⎥⎦
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม =
คณิตศาสตร เลม ๒ =
2 x 1 + 3x 2 ⎤ ⎥ 2 x 3 + 3x 4 ⎦
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได x1 = 1 = 0 2x1 + 3x2 x3 กษาขั = น ตามหลักสูตรการศึ ้ พื0น้ ฐาน พุทธศักราช 2x3 + 3x4 = 1 ∴ x1 = 1, x2 = − 23 , x3 = 0 และ x4 = 13
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
–1
ดังนั้น
ให
A
⎡ ⎢1 ⎢ ⎢0 ⎣
=
๒๕๔๔
2⎤ − ⎥ 3 ⎥ 1⎥ 3⎦
จัดทําโดย
ตอบ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ⎡y ⎡ 1 2⎤ B = กระทรวงศึ และ B = ⎢y ⎥ ษาธิ ⎢−1 0ก การ ⎦ ⎣ ⎣ –1
1
3
ISBNI 974 - 01 - 3820 - 9 พิyมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 2⎤ ⎤⎡ 1 ⎡1 = ⎥⎢ ⎥ ⎢0 y ⎦ ⎣−1 พ.ศ.0⎦๒๕๔๗ ⎣
เนื่องจาก
B–1B =
ดังนั้น
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
หรือ
2
4
⎡ y1 − y 2 ⎢ ⎣y3 − y 4
2 y1 ⎤ ⎥ 2y 3 ⎦
=
⎡1 ⎢0 ⎣
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
0⎤ 1⎥⎦ 0⎤ 1⎥⎦
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
y2 ⎤ y 4 ⎥⎦
47 จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได y1 – y2 = 1 = 0 2y1 y3 – y4 = 0 2y3 = 1 y2 = –1 y3 = 12 ∴ y1 = 0,
1 2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น
B–1
และ
y4 =
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ −1 ⎤ 1 ⎥⎥ 2⎦
⎡0 ⎢1 ⎢ ⎣2
ตอบ
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ให
C
และ ที่ ๔ C ชั=น้ มัธยมศึกษาป 1⎤ 2⎥⎦
⎡2 ⎢1 ⎣
–1
เนื่องจากตามหลักCสู–ต1Cรการศึ = กษาขั I น ้ พืน้ ฐาน ดังนั้น หรือ
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
x 2 ⎤ ⎡2 ⎥ x 4 ⎦ ⎢⎣1
⎡2 x 1 + x 2 ⎢ ⎣2 x 3 + x 4
1⎤ 2⎥⎦
x2 ⎤ ⎥ x4 ⎦
พุทธศักราช ๒๕๔๔
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
จัดทําโดย
x 1 + 2x 2 ⎤ ⎥ x 3 + 2x 4 ⎦
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
=
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึ จากบทนิยามของการเทากันของเมทริ กซ จะได กษาธิการ 2x1 + x2 = 1 x1 + 2x2 ISBN= 974 - 001 - 3820 - 9 = 0 2x3 + x4 พิ ม พ ค รั ง ้ ที ห ่ นึ ง ่ ๑๐,๐๐๐ เลม x3 + 2x4 = 1
พ.ศ. ๒๕๔๗
แกระบบสมการเพื่อหาคา x1, x2, x3 และ x4 ซึ่งได x1 = 23 , x2 = − 13 , x3 = − 13 ดังนั้น
⎡ 2
1⎤
⎢ ⎢− 1 ⎣ 3
⎥ 2⎥ 3⎦
และ x4 =
− ⎥ ดพิมพจําหนาย องค ก ารค า ของคุ ⎢ 3 รุสภาจั –1 3 C =
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
2 3
ตอบ
48 ให
D
เนื่องจาก
D–1D =
ดังนั้น
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
−1⎤ 2⎥⎦
⎡ 3 ⎢−1 ⎣
=
และ
D–1
=
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1 ⎥⎦
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
y2 ⎤ ⎥ y4 ⎦
I −1⎤ 2⎥⎦
y2 ⎤ ⎡ 3 ⎥ y 4 ⎦ ⎢⎣−1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม ⎡3y1 − y 2 ⎢3y − y 4 ⎣ 3
หรือ
− y1 + 2 y 2 ⎤ − y 3 + 2 y 4 ⎥⎦
=
คณิตศาสตร เลม ๒
จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได ม สาระการเรี ย1 นรูค ณิตศาสตร = 3yกลุ 1 – y2 –y1 + 2y2 = 0 3y3 – y4 = 0 –y3 + 2y4 = 1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
แกระบบสมการเพื่อหาคา y1, y2, y3 และ y4 ซึ่งจะได y2 = 15 , y3 = 15 y1 = 52 , ดังนั้น
ให
D–1
=
E
=
และ
y4 =
จัดทําโดย
⎡2 ⎢5 ⎢ ⎢1 ⎣5
3 5
1⎤ 5⎥ ⎥ 3⎥ 5⎦
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึ กษาธิการ 2⎤ ⎡x ⎡1
เนื่องจาก E–1E = ดังนั้น
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
หรือ
⎡ x 1 +3x 2 ⎢ ⎣ x 3 + 3x 4
x2 x4
⎢3 ⎣
4⎥⎦
E–1
และ
=
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 0⎤ 2⎤ ⎤ ⎡1 ⎡1 = ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ 1⎥⎦ 4⎦ พ.ศ. ๒๕๔๗⎣0 ⎦ ⎣3 I
2x 1 + 4x 2 ⎤ ⎥ 2x 3 + 4x 4 ⎦
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1
⎢ ⎣x 3
ตอบ
x2 ⎤ ⎥ x4 ⎦
49 จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได x1 + 3x2 = 1 = 0 2x1 + 4x2 x3 + 3x4 = 0 2x3 + 4x4 = 1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
แกระบบสมการเพื่อหาคา x1, x2, x3 และ x4 ซึ่งจะได
x = เลมและ คณิx ต= 1,ศาสตร ๒
x1 = –2,
2
ดังนั้น
E–1
=
ให
F
3 2
x4 =
−
1 2
1 ⎤ ยนรูค ⎡− 2 กลุม สาระการเรี ณิตศาสตร ⎢ 3 1⎥ ⎢ ⎣ 2
− ⎥ 2⎦
=
⎡− 2 ⎢ 1 ⎣
−1⎤ 3 ⎥⎦
=
I
ตอบ
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
และ
F–1
=
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
y2 ⎤ ⎥ y4 ⎦
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
เนื่องจาก F–1F ⎡ y1 ⎢ ⎣y3
หรือ
3
y 2 ⎤ ⎡− 2 ⎥ y 4 ⎦ ⎢⎣ 1
⎡ − 2 y1 + y 2 ⎢− 2 y + y 3 4 ⎣
−1⎤ 3 ⎥⎦
จัดทําโดย
− y 1 + 3y 2 ⎤ − y 3 + 3y 4 ⎥⎦
⎤ ⎡ = ⎢ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ⎥ละเทคโนโลยี 1 ⎣0
0 1⎦
กระทรวงศึ จากบทนิยามของการเทากันของเมทริ กซ จะได กษาธิการ –2y1 + y2 = 1 –y1 + 3y2 ISBN= 974 - 001 - 3820 - 9 = 0 –2y3 + y4 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม –y3 + 3y4 = 1 พ.ศ. ๒๕๔๗
แกระบบสมการเพื่อหาคา y1, y2, y3 และ y4 ซึ่งจะได y2 = − 15 , y3 = y1 = − 53 ,
1 5
และ y4 =
2 5
องคการค าของคุ รุสภาจัดพิมพจําหนาย 1⎤ ⎡ 3 ดังนั้น
F
–1
= ๒๒๔๙
− ⎥ ⎢− 5 5 ⎢ ⎥ 2⎥ ⎢ 1 5าว⎦ ⎣ 5 ถนนลาดพร
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
ตอบ
50 2. จากโจทยตองแสดงวา AB = I AB
⎡2 ⎢1 ⎢ ⎢⎣3
=
1 0 1
−1⎤ 2⎥⎥ −1 ⎥⎦
⎡ ⎢−1 ⎢ 7 ⎢ ⎢ 2 ⎢ 1 ⎢⎣ 2
0 1 2 1 2
⎤ 1⎥ 5⎥ − ⎥ 2⎥ 1⎥ − ⎥ 2⎦
คูม= อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม ⎡1 ⎢0 ⎢ ⎢⎣0
0
1
0⎤ 0⎥⎥ 1 ⎥⎦
คณิตศาสตร เลม ๒
∴
0
B เปนตัวผกผันของ A
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
3. ให A =
⎡a ⎢c ⎣
b⎤ d ⎥⎦
ชัโดยที น้ มั่ ธa, b,ยมศึ กนษาป ทงี่ ๔และ A = 0 c, d เป จํานวนจริ 2
⎡ a 2 + bc
⎤⎡ ⎤ 2 ้ พืน้ ฐาน Aตามหลั = ⎡⎢ กสูต = ⎢น ⎥ รการศึ ⎥ กษาขั ⎢ a ⎣c
b a d ⎦ ⎣c
b d⎦
⎢⎣ ca + dc
⎤ พุทabธศั+ กbdราช ⎥ ๒๕๔๔ bc + d 2 ⎥⎦
เนื่องจาก A2 = 0 จะไดวา a2 + bc = 0 จัดทํ--------าโดย (1) b(a + d) = 0 --------- (2) c(a +นd)ส=งเสริ 0 มการสอนวิ--------(3) สถาบั ท ยาศาสตร และเทคโนโลยี 2 d + bc = 0 --------- (4)
กระทรวงศึกษาธิการ
จาก (2) จะไดวา b = 0 หรือ a + d = 0 กรณี b=0 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 เมื่อแทน b = 0 ลงใน (1) และ (4) จะไดวา a = d = 0 ∴
A
พิ=มพครัง้ ⎡ที0 ห่ นึง่ 0⎤๑๐,๐๐๐ เลม ⎢c 0 ⎥⎦ ⎣ พ.ศ. ๒๕๔๗
กรณี a + d = 0 จะได d = –a จาก (1) จะไดวา bc = –a2 ถา
องคการค จําหนแรก าย b = 0 แลวจะได A = า⎡⎢ของคุรุส⎤⎥ภาจัดพิดัมงพในกรณี 0 ⎣c
0 0⎦
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
51 ถา
b
≠
0 แลว ⎡a ⎢c ⎣
สรุปไดวา A = ⎡0 ⎢c ⎣
c = b⎤ d ⎥⎦
⎡ a 0⎤ ⎢ 2 , 0 ⎥⎦ ⎢ −a ⎢⎣ b
−a 2 b
ทําให A =
⎡ a ⎢ 2 ⎢ −a ⎣⎢ b
b⎤ ⎥ −a ⎥ ⎦⎥
ซึ่ง A2 = 0 ทั้งหมดคือ
b⎤ ⎥ −a ⎥ ⎥⎦
เมื่อ a, b, c R ยและ คูม อื ครูสาระการเรี นรูbเ พิ0 ม่ เติม
4. ให A = 2
A =
⎡a ⎢c ⎣
∈
≠
คณิตศาสตร เลม ๒
b⎤ d ⎥⎦
โดยที่ a, b, c, d เปนจํานวนจริง และ A2 = I2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
⎡ a 2 + bc ⎢ ⎣⎢ ca + dc
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ab + bd ⎤ ⎥ bc + d 2 ⎦⎥
้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช เนื่องจากตามหลั A2 = กIสู2 ตรการศึ จะไดกวาษาขัน a2 + bc = 1 ---------- (1) b(a + d) = 0 ---------- (2) c(a + d) = 0 จัดทํ---------าโดย (3) 2 ---------- (4) d + bc = 1
๒๕๔๔
สถาบันน2สกรณี งเสริคือมกรณี การสอนวิ แยกพิจารณาเป a+d ≠ ท 0 ยาศาสตร และกรณี a + แd ละเทคโนโลยี =0 กรณี a + d ≠ 0 กระทรวงศึกษาธิการ จาก (2) และ (3) จะไดวา b = c = 0 และจาก (1) และ (4) จะไดวา a = ±1, d = ±1 ดังนั้น A =
⎡ 1 0⎤ ⎢0 1⎥ , ⎦ ⎣
กรณี a + d = 0
ISBN 974 - 01, ⎡-−3820 1 0-⎤ 9 ⎢ 0 − 1⎥ ⎦ ⎣ พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
⎡ 1 0⎤ ⎡ − 1 0⎤ ⎢0 −1⎥ , ⎢ 0 1⎥ ⎦ ⎣ ⎦ ⎣
จาก (1) และ (4) จะไดวา a2 = d2 = 1 – bc เนื่องจาก 0 ≤ a2 ฉะนั้น bc ≤ 1 และทําใหไดวา a = ± องค 1 − bcก,ารคdาของคุ = ± 1ร−ุสbcภาจัเมื 1 าย ดพิ่อ มพbcจํา≤หน
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
52 แต a+d = 0 หรือ a = –d ฉะนั้น (a, d) = ( 1 − bc , − 1 − bc ) , ( − ⎡ 1 − bc ⎢ ⎢⎣ c
ดังนั้น A =
⎤ b ⎥ − 1 − bc ⎥⎦
⎡a ⎢c ⎣
⎡
, ⎢− ⎢⎣
b⎤ d ⎥⎦
1− bc
,
1− bc
b ⎤ ⎥ 1 − bc ⎥⎦
1 − bc c
)
เมื่อ bc
≤
1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
สรุปไดวา เมทริกซ A =
ซึ่ง A2 = I2 ทั้งหมด คือ
คณิตศาสตร เลม, ๒
⎡ 1 0⎤ ⎡ 1 0⎤ ⎡− 1 0⎤ ⎡− 1 0⎤ ⎡ 1 − bc ⎢0 1⎥ , ⎢0 −1⎥ , ⎢ 0 1⎥ , ⎢ 0 − 1⎥ , ⎢ ⎦ ⎣ ⎦ ⎣ ⎦ ⎣ ⎦ ⎣⎢ c ⎣
เมื่อ bc
≤
5. จาก จะได
1
⎤ ⎡− 1 − bc b ⎥ ⎢ − 1 − bc ⎦⎥ ⎣⎢ c
⎤ b ⎥ − 1 − bc ⎦⎥
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชั=น้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 1⎡ 3 3 ⎢⎣−1
A+B
1⎤ 2 ⎥⎦
⎤ 1⎡ น ตามหลั ้ 3 พืน้ 1ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 3A + ก3Bสูตรการศึ = กษาขั ⎢ ⎥ 3 ⎣−1
และ 3A + 3B + (3A – 3B) = หรือ
6A
=
2⎦
6A ⎡ 3 ⎢−1 ⎣
1⎤ 2⎥⎦
+
จัดทําโดย
⎡ 2
⎡−1 ⎢−1 ⎣
−1⎤ 0⎥⎦
0⎤
1 สถาบันสAงเสริม= การสอนวิ และเทคโนโลยี 6 ⎢⎣− 2 ทยาศาสตร 2 ⎥⎦ กระทรวงศึ กษาธิ⎡ก1าร ⎤ 1⎤ ⎡
B
=
⎢ 1 ⎢ ⎢− 1 ⎣ 3
3⎥ ⎥ 2⎥ 3⎦
⎢0 ⎣
⎥ 3⎦
–
⎢ 3 ⎢ ⎢− 1 ⎣ 3
0⎥ ⎥ 1⎥ 3⎦
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ⎡ 2ทีห่ นึง่ 1 ⎤๑๐,๐๐๐ เลม ⎢3 3⎥ = ⎢พ.ศ. ๒๕๔๗ ⎥ 1
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
53 ให
A–1
เนื่องจาก
A–1A =
ดังนั้น
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
=
x2 ⎤ ⎥ x4 ⎦
และ
B–1
=
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
I ⎡ 1 ⎢ 3 ⎢ ⎢− 1 ⎣ 3
x2 ⎤ ⎥ x4 ⎦
⎤ 0⎥ ⎥ 1⎥ 3⎦
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เล ม ๒ =
1 ⎡1 ⎢ 3 x1 − 3 x 2 ⎢ ⎢1 x 3 − 1 x 4 3 ⎣3
หรือ
1 ⎤ x 3 2⎥ ⎥ 1 ⎥ x 3 4⎦
⎡1 ⎢0 ⎣
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
0⎤ 1⎥⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได 1 1 = 1 x1 − x 2 3 3
ตามหลักสู1 ตx รการศึกษาขั น้ พื0น้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ = 3 2 1 1 x − x 3 3 3 4 1 x 3 4
∴ x1 = 3,
=
0
=
จัดทํ1าโดย
= 0, x = 3 และ x = 3 สถาบันสงเสริมx การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี กษาธิการ เนื่องจาก B B = กระทรวงศึ I 2
3
4
–1
ดังนั้น
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
หรือ
⎡2 ⎢ 3 y1 ⎢ ⎢ 2 y3 ⎣3
ISBN 97413 -⎤⎥ 01 - 3820 - 9 ⎡1 = ⎥ ⎢ พิมพครัง้ ทีห่ 13นึ⎥⎦ง่ ๑๐,๐๐๐ เลม⎣0 พ.ศ. ๒๕๔๗ ⎡2 y2 ⎤ ⎢3 ⎥ ⎢ y4 ⎦ ⎢ 0 ⎣
1 ⎤ 1 y + y 3 1 3 2⎥ ⎥ 1 1 y3 + y4 ⎥ 3 ⎦ 3
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
0⎤ 1⎥⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
y2 ⎤ ⎥ y4 ⎦
54 จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได 2 y = 1 3 1 1 1 y1 + y 2 3 3 2 y 3 3 1 1 y + y 3 3 3 4
=
0
=
0
=
1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม ∴ y1 =
y = 0 และ y = 3 คณิตศาสตร เลม ๒
3 , 2
y2 =
−
3 , 2
3
4
กลุม =สาระการเรี และ ณิตศาสตร 0ย⎤ นรูค ⎡3 B =
A–1
ดังนั้น
⎢3 ⎣
–1
3 ⎥⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
⎡3 ⎢2 ⎢ ⎣0
6. เนื่องจาก A–1 + B–1 + 2A–1 – B–1 = 3A–1
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
จะได
⎡ 2 ⎢−1 ⎣
3A–1 = =
2⎤ 3⎥⎦
+ ⎡⎢
1 ⎣4
1⎤ 3⎥⎦
จัดทําโดย
⎡3 ⎢3 ⎣
3⎤ 6⎥⎦
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
x2 ⎤
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 1⎤ ⎡1 A = ⎢1 2⎥⎦ กษาธิการ ⎣ กระทรวงศึ –1
ให
A
=
⎥ - 01 - 3820 - 9 ISBNx 974 ⎦ พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม I พ.ศ. ๒๕๔๗
เนื่องจาก A–1A = ดังนั้น
⎡1 ⎢1 ⎣
1⎤ 2⎥⎦
⎡x 1 ⎢ ⎣x 3
x2 ⎤ ⎥ x4 ⎦
4
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
หรือ
⎡x 1 + x 3 ⎢ ⎣ x 1 + 2x 3
x2 +x4 ⎤ ⎥ x 2 + 2x 4 ⎦
⎡1
0⎤
⎢0 พิมพที่โรงพิมพค= ุรุสภาลาดพร าว1⎥⎦ ⎣
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
3⎤ − ⎥ 2 ⎥ 3⎦
55 จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได x1 + x3 = 1 = 0 x1 + 2x3 x2 + x4 = 0 x2 + 2x4 = 1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
แกระบบสมการเพื่อหาคา x1, x2, x3 และ x4 ซึ่งจะได
คณิตศาสตร เลม ๒ x = –1 และ x = 1
x1 = 2,
x2 = –1,
4
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ⎡ 2 ⎢−1 ⎣ ⎡ 2 ⎢−1 ⎣
2⎤ 3⎥⎦
=
⎡ 1 ⎢− 2 ⎣
1⎤ 1⎥⎦
=
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
y2 ⎤ ⎥ y4 ⎦
จาก A–1 + B–1 = จะได B
3
–1
=
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 2⎤ 3⎥⎦
– ⎡⎢
1 ⎣1
1⎤ 2⎥⎦
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
ให
B
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เนื่องจาก B B = I กระทรวงศึกษาธิการ –1
1⎤ 1⎥⎦
ดังนั้น
⎡ 1 ⎢− 2 ⎣
หรือ
⎡ y1 + y 3 ⎢ ⎣− 2 y1 + y 3
⎡ y1 ⎢ ⎣y3
y2 ⎤ ⎥ y4 ⎦
=
⎡1 ⎢0 ⎣
0⎤ 1⎥⎦
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 0⎤ ⎡1 เลม พิy ม+พyครัง้⎤⎥ ทีห่ นึง่ = ๑๐,๐๐๐ ⎢ 1⎥⎦ − 2y + y ⎦ ⎣0 พ.ศ. ๒๕๔๗ 2
4
2
4
จากบทนิยามของการเทากันของเมทริกซ จะได = 1 y1 + y3 องค การคาของคุ –2y = รุส0ภาจัดพิมพจําหนาย 1 + y3 y2 + y4 พิมพที่โรงพิ = มพค0 ุรุสภาลาดพราว –2y2 + yถนนลาดพร = าว วังทองหลาง 1 4 ๒๒๔๙ กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
56 แกระบบสมการเพื่อหาคา y1, y2, y3 และ y4 ซึ่งจะได y3 = 23 และ y4 = y1 = 13 , y2 = − 13 , ⎡ 2 ⎢−1 ⎣
∴ A=
−1⎤ 1⎥⎦
และ
B=
⎡1 ⎢3 ⎢ ⎢2 ⎣3
1 3
1⎤ − ⎥ 3 ⎥ 1⎥ 3⎦
คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม เฉลยแบบฝกหัด 1.4
คณิตศาสตร เลม ๒
1. ให A แทนเมทริกซในแตละขอ (1)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
2 4 4
–1 2 2
0 1 1
2 4 4
–1 2 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลั กสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ det (A) = (4 – 4 + 0) – (0 + 4 – 4) = 0 (2)
(3)
–2 1 0
2 –1 1
3 0 4
–2 2 1 จัดทํ–1 าโดย 0 1
สถาบั นสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี det (A) = (8 + 0 + 3) – (0 + 0 + 8) = 3 กระทรวงศึกษาธิการ –2 1 3
1 4 6
4 –2 –6
–2 1 1 4 ISBN3974 - 016 - 3820 - 9
ครั–ง้ (48 ทีห่ +นึ24ง่ – ๑๐,๐๐๐ det (A) = (48 –พิ6ม+พ24) 6) = 0 เลม (4)
2 0 0
3 5 0
1 –2 –2
พ.ศ. ๒๕๔๗ 2 0 0
3 5 0
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
det (A) = (–20 พิ + ม0 พ+ ท0)ี่โ–รงพิ (0 +ม0พ+ค0) –20 าว ุรุส=ภาลาดพร ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
57 (5)
ใชสมบัติของดีเทอรมิแนนต กระจายตามหลักที่ 4 จะได det (A) = = =
⎡− 3 2 ⎢⎢ 2 ⎢⎣− 4
3⎤ 0⎥⎥ 3⎥⎦
8 3 5
2(–27 – 48 + 66) –18
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
(6) det (A) =
⎡ 1 −1 ⎢ 0 1 ⎢ ⎢ −1 0 ⎢ ⎣− 2 − 1
2 − 2⎤ 2 3⎥⎥ 1 2⎥ ⎥ 0 1⎦
⎡ 1 −1 ⎢ 0 1 ⎢ ⎢ 0 −1 ⎢ ⎣− 2 − 1
2 − 2⎤ 2 3⎥⎥ 3 0⎥ ⎥ 0 1⎦
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ = กสูตรการศึกษาขัน นําแถวที่ 1 ไปบวกกับแถวที่ 3
จัดทําโดย ⎡1 −1 ⎢0 1 ⎢ ⎢0 − 1 ⎢ ⎣0 − 3
2 − 2⎤ 2 3⎥⎥ 3 0⎥ ⎥ 4 − 3⎦
สถาบั=นสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี คูณแถวที่ 1 ดวย 2 แลวนําไปบวกกับแถวที่ 4 กระทรวงศึกษาธิการ =
⎡ 1 ⎢ −1 ⎢ ⎢⎣− 3
=
0
3⎤ 0⎥⎥ 4 − 3⎥⎦
2 3
สมบัติของดีเทอรมิแนนต กระจายตามหลักที่ 1 ISBN 974 - 01ใช- 3820 -9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = –9 – 6 + 15 พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
58 2. (1)
adj (A)
=
–
5 –3
6 1
2 –3
1 1
2 5
1 6
4 – 2
6 1
–3 2
1 1
–3 4
1 6
–
4 2
5 –3
–3 2
2 –3
–3 4
2 5
t
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ =
–
กลุม สาระการเรี ย−นรู22⎤ค tณิตศาสตร 8 ⎡23 ⎢− 5 ⎢ ⎢⎣ 7
− 5 ⎥⎥ − 23 ⎥⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ −5
22
−5 7⎤ ⎡ 23กษาขั ตามหลัก=สูตรการศึ น ้ พื น ้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ⎢ 8 −5 22 ⎥ ⎢ ⎢⎣ − 22
(2)
3 –7
−5
⎥ − 23⎥⎦
จั1ดทําโดย 6 –8
–
4
1 –8
6 4
3 –7
t
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 4 2 –3 2 –3 4 adj (A) = – กระทรวงศึกษาธิการ – –7 –8 4 –8 4 –7
=
ISBN - 3820 -29 –3 4 974 2 - 01–3 – 6 1 เลม 6 พิมพค3 รัง้ ที1ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ 52 ๒๕๔๗ − 54 ⎤ t ⎡− 17 พ.ศ. ⎢ 18 ⎢ ⎢⎣− 2
16 15
− 5 ⎥⎥ − 33⎥⎦
18 − 2⎤ ⎡−17 องค ก ารค า ของคุ ร ุ ส ภาจั ดพิมพจําหนาย ⎢ 52 16 15 ⎥ = ⎢
⎥
− 5มพ− พิ⎢⎣ม−พ54ที่โรงพิ ค33 ุรุส⎥⎦ภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
4 3
59 (3)
12 6 adj (A)
=
–
4 1 – 3 1
4 3
1 6
–3 3
5 1
–3 3
1 12
–3 5 – 4 1
–3 4
1 1 –
12 6
5 1
1 6
5 1
1 12
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
t
t
1 −6 ⎤ ⎡ 12 กลุ ม สาระการเรี ย นรู ค ณิตศาสตร ⎢ = − 21 18 − 29⎥ ⎢ ⎢⎣ 40
⎥ 59 ⎥⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ⎡ 12 ⎢ 1 ⎢ ⎢⎣ − 6
− 23
− 21 18 − 29
40 ⎤ − 23 ⎥⎥ 59⎥⎦
ตามหลัก=สูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (4)
0 10 30 10 จัดทํ–าโดย 10 1 0 1
30 0
0 10
t
สถาบันสงเสริมการสอนวิ –5 5 ทยาศาสตร 10 5 และเทคโนโลยี 10 –5 adj (A) = – – 10 1 กษาธิ 0 ก1าร 0 10 กระทรวงศึ –5
=
5
10
5
10
ISBN 974 - –01 -30382010- 9 30 0 10 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม − 30 300⎤ t ⎡− 100 ⎢ 55 พ.ศ. 10 ๒๕๔๗ − 100 ⎥⎥ ⎢ ⎢⎣ − 50
50
150 ⎥⎦
⎡ − 100
55
− 50 ⎤
⎢ 300
− 100
150⎥
⎢ − 30 าของคุร10ุสภาจัดพิ50 มพ⎥⎥ จําหนาย =องคการค ⎢ ⎦ พิ⎣มพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร าว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
–5 0
60 3. (1)
เนื่องจาก det (A) = (8 + 0 + 3) – (0 + 0 + 8) = 3 ดังนั้น A มีตัวผกผัน 1 A–1 = adj(A) det(A) –1 1
0 1 – 4 0
≠
0 4
0
1 0
–1 1
t
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม =
คณิต2ศาสตร 3 –2 เล3ม ๒–2 1 3
–
1
4
0
4
–
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร0 3 ก–2 ชัน้ มั2 ธยมศึ ษาป3ที่ ๔ –2 –1
0 – 1
0
1
2 1 2 –1
ตามหลักสูตรการศึ กษาขั− 4น้ พืน้ ฐาน tพุทธศักราช ๒๕๔๔ 1⎤ ⎡− 4 =
=
1 ⎢ −5 3 ⎢
⎢⎣ 3
3
⎡− 4
−5 −8
⎢⎣ 1
2
1 ⎢ −4 3 ⎢
2 ⎥⎥ 0⎥⎦
−8
จัดทําโดย3 ⎤ 3 ⎥⎥ 0⎥⎦
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี −5 ⎡− 4 ⎤ 1⎥ ⎢ กระทรวงศึ 3 3 ⎢ ⎥กษาธิการ =
(2)
⎢− 4 ⎢ 3 ⎢ 1 ⎢ ⎣ 3
−8 3 2 3
1⎥ ⎥ ⎥ 0⎥ ⎦
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม det (A) = (– 44พ.ศ. + 0 – 33) – (0 – 42 – 34) = –1 ≠ 0 ๒๕๔๗
เนื่องจาก ดังนั้น A มีตัวผกผัน
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
61 11 –7 –1 – 3 –2 0 A–1
= – –
–17 11 3 –2
–7 –2
2 0
11 –2
–17 11 2 – 11 –7 –1
11 –7
–1 0
11 3
t
2 –17 0 3
–
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
2 –17 –1 11
คณิตศาสตร เลม ๒
− 2 ยนรู − 3ค ⎡−1 ⎤ ณิตศาสตร กลุ ม สาระการเรี ⎢ − −1 −4 − 6⎥ = t
⎢ ⎢⎣− 2
3
⎥ 5 ⎥⎦
⎡−1 − ⎢⎢− 2 ⎢⎣− 3
−1 −4 −6
− 2⎤ 3 ⎥⎥ 5⎥⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลัก=สูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ⎡1 ⎢2 ⎢ ⎢⎣3
=
1
2⎤ − 3⎥⎥ − 5 ⎥⎦
จัดทําโดย
4 6
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
(3)
เนื่องจาก det (A) = (9 – 3 + 32) – (36 – 4 + 6) = 0 ดังนั้น A ไมมีตัวผกผันกระทรวงศึกษาธิการ
(4)
เนื่องจาก det (A) = ISBN (6 + 0 +974 0) –- (–4 0 + 0)- 9= 10 01 -+3820 ดังนั้น A มีตัวผกผัน
0
≠
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม –2 พ.ศ. 0 ๒๕๔๗ 1 0 1 0
–1
A
3
–
1
3
1
0 2 –1 2 –1 องค 1 การคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย = – – 10
0
3
1
3
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
1
–2 0 0 0
๒๒๔๙ ถนนลาดพร 0 า2ว วังทองหลาง –1 กรุ2 งเทพมหานคร –1 0 มี–2ลขิ สิทธิ0ต์ ามพระราชบั ญ ญั ต ิ 1 0 1 –2
t
62 =
=
⎡− 6 1⎢ 0 10 ⎢ ⎢⎣ 4
−3 −5
⎡− 6 1⎢ −3 10 ⎢ ⎢⎣ 2
0
2
2⎤ 0 ⎥⎥ 2⎥⎦
t
4⎤ 2 ⎥⎥ 2⎥⎦
−5 0
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม (5)
คณิตศาสตร เลม ๒
เนื่องจาก det (A) = 1 ≠ 0 ดังนั้น A มีตัวผกผัน หา Cij(A) ทุก i, j จะได C11(A) = 1 กลุ, ม C12(A) = 1 ยนรู , ค = 3 สาระการเรี Cณิ13(A)ตศาสตร C21(A) = 0 , C22(A) = 1 , C23(A) = 1 C31(A) = 0 , C32(A) = 0 , C33(A) = 1 C41(A) = 0 , C42(A) = 0 , C43(A) = 0
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
, , , ,
C14(A) C24(A) C34(A) C44(A)
= = = =
8 3 1 1
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศั t กราช ๒๕๔๔ A–1
=
1 0 0 0
1 3 1 1 0 1 จั0ดทําโดย 0
8 3 1 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิ 1 0 ทยาศาสตร 0 0 และเทคโนโลยี 1 1 ก0ษาธิการ 0 กระทรวงศึ = 3 8
1 3
1 1
0 1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ่ นึง่ ดังนั๑๐,๐๐๐ มน (6) เนื่องจาก det (A) พิ=มพ1ค≠รัง้ 0ทีห ้น A มีตัวเลผกผั หา Cij(A) ทุก i, j จะได พ.ศ. ๒๕๔๗ C11(A) C21(A) C31(A) C41(A)
= –1 = 2 = –1 = –1
, C12(A) = – 4 , C13(A) = 0 , , C22(A) = 9 , C23(A) = 1 , , C (A) = –5 , C (A) = –1 , องคการค32 าของคุรุสภาจัดพิ33มพจําหนาย , C42(A) = – 6 , C43(A) = –1 ,
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
C14(A) C24(A) C34(A) C44(A)
= 3 = –5 = 3 = 3
63
A–1
–1 2 –1 –1
=
–4 9 –5 –6
0 1 –1 –1
3 –5 3 3
t
2 –1 ยนรู – 1 เ พิม คูม อื ครูส– 1าระการเรี ่ เติม –4 0 3
9 1 –5
–5 –1 3
–6 –1 3
คณิตศาสตร เลม ๒
=
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
4. ให A แทนเมตริกซในแตละขอ (1)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
1 2 3 1 2 – 4 กษาขั 0 น 0 ก5สูตรการศึ ตามหลั ้ พืน้ 5 ฐาน 2 8 x 2 8
พุทธศักราช ๒๕๔๔
det (A)
= (5x – 16 + 0) – (30 – 32 + 0) = 5x – 14 จัดทําโดย ให det (A) = 0 ดัสถาบั งนั้น น5xส–ง14เสริม = การสอนวิ 0 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี x = 145
กระทรวงศึ กษาธิการ 14
∴ x เปนจํานวนจริง โดยที่ x (2)
x 1 0
–1 x 1
≠
5
x ISBNx974 - 01 –1 - 3820 - 9 พิ0มพครัง้ 1ทีห่ นึง่ x๑๐,๐๐๐ เลม –1 0 1
พ.ศ. ๒๕๔๗
= (–x2 + 0 + x) – (0 + 0 + 1) = –x2 + x – 1 ให det (A) =องค 0 การคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย 0 มพคุรุสภาลาดพราว ดังนั้น –x2 + x – 1พิม=พที่โรงพิ 2 x๒๒๔๙ – x + 1 ถนนลาดพร = 0 าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
det (A)
มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
64 จากสูตร
x =
จะได
x =
− b ± b 2 − 4ac 2a 1± 3i 2
∴ x เปนจํานวนจริง (3)
x–1 x–1 x 2 1 1 2
x 1 2
x–1 x
x–1 2 1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
det (A)
1 2
คณิตศาสตร เลม ๒ =
1 1 x− 2 2 9 7 x – 2 2
(4x – 4 +
+ x2) – (x + x – 1 + 2x2 – 2x)
กลุม สาระการเรี ย–xนรู+ ค ณิตศาสตร = 2
ให det (A) ดังนั้น –x2 +
ชัน้ มัธ=ยมศึ0กษาปที่ ๔
9 x 2
–
7 2
=
0
ตามหลัก2xสูต2 –รการศึ ้ พื0น้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 9x + 7 กษาขั = น (2x – 7)(x – 1) = x =
0 7 , 2
1
โดย x ∴ x เปนจํานวนจริง โดยที่ x จั≠ด1ทําและ (4)
≠
7 2
x+2 ท0ยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบัx+2นส0งเสริมx การสอนวิ –2 x –1 –2 x ก1 ษาธิการ 1 1 x กระทรวงศึ 1 = (x3 + 2x2 + 0 – 2x) – (x2 – x – 2 + 0) ISBN 974 - =01 - 3820 -9 x3 + x2 – x + 2 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ = ๑๐,๐๐๐ ให det (A) 0 เลม ดังนั้น x3 + x2 – x + 2 พ.ศ. ๒๕๔๗ = 0 = 0 (x + 2)(x2 – x + 1) ∴ x เปนจํานวนจริง โดยที่ x ≠ –2 det (A)
5. เพราะวา det (A) ≠ 0องคดังกนัารค ้น Aาของคุ มีตัวผกผัรุส น ภาจัดพิมพจําหนาย จาก A–1 = 1พิมadj พท(Aี่โ)รงพิมพคุรุสภาลาดพราว det(A) ถนนลาดพร จะได adj (A) ๒๒๔๙ = det(A) A–1 าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
65 ดังนั้น
det (adj (A))
= = =
det (det(A) A–1) (det (A))n det (A–1) , n ≥ 2 และ det (A) เปนคาคงตัว –1 Q det (A) det(A ) = 1 (det (A))n det(1A)
= =
(det (A))n–1 det (A)n–1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 2
6.
A
=
⎡4 ⎢4 ⎢ ⎢⎣6
9⎤ 7 ⎥⎥ 13⎥⎦
7 7
, B
2
=
คณิตศาสตร เลม ๒ 11
2 − 4⎤ ⎡1 ⎢0 11 − 4⎥⎥ ⎢ ⎢⎣0 − 10 19 ⎥⎦
1 3⎤ ค −นรู ⎡ 4 ⎡− 13 กลุ ม สาระการเรี ย ณิ ต ศาสตร ⎥ ⎢ 1 1 , adj (B) −2 = = ⎢ 0
adj (A)
⎢ ⎢⎣ 0
⎥ 1 ⎥⎦
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ −1
⎡ 14 ⎢− 10 ⎢ ⎢⎣ 2
2
adj (A )
8 −2
− 14⎤ 8 ⎥⎥ 0 ⎥⎦
2
⎢ ⎢⎣
0
⎡169 ⎢ 0 ⎢ ⎢⎣ 0
2 −3 −5 − 17 19
, adj (B ) = ตามหลัก=สูตรการศึกษาขั น ้ พื น ้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔10 −2 t
A (1)
=
⎡1 ⎢1 ⎢ ⎢⎣2
1 2 1
1⎤ 2⎥⎥ 3 ⎥⎦
จัดทําโดย
det (2A–1B)
= 23det(A–1)det(B) สถาบันสงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 1 = 8( )(−13) 2
กษาธิการ = กระทรวงศึ –52
(2)
(3)
det (Atadj(B))
t
t = ISBNdet(A 974)det(adj(B)) - 01 - 3820 - 9 = 2(169) พิ=มพครั338 ง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม
det (BA adj(A))
= = =
พ.ศ. ๒๕๔๗
det(B) det(At) det(adj(A)) (–13)(2)(4) –104
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย (4)
23det(adj(A det (2adj(A2)B) พิ=มพที่โรงพิ มพคุรุส2))det(B) ภาลาดพราว = 8(16)(–13) ๒๒๔๙ ถนนลาดพร าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ทธิต์ ามพระราชบัญญัติ = มีลขิ สิ–1664
− 3⎤ − 2 ⎥⎥ 1 ⎥⎦ 32 ⎤ 4 ⎥⎥ 11 ⎥⎦
66 (5)
det(A2adj(B2))
= = =
det(A2)det(adj(B2)) 4(28561) 114,244
(6)
det (–A–1Badj(A))
= =
–det(A–1)det(B)det(adj (A)) 1 − ( ) (–13)(4) 2
คูม อื ครู= สาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม 26 7. วิธีที่ 1
คณิตศาสตร เลม ๒
ให l เปนเสนตรงที่ผานจุด P(a, b) และ Q(c, d)
l สาระการเรี นรูค ณิYตศาสตร กรณี a = c จะไดกลุ วา ม เปนเสนตรงที่ขยนานแกน และผานจุด P(a, b) ฉะนั้นเสนตรง l มีสมการเปน x = a
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
x a c
y b d
1 1 1
x a a
y b d
1 1 1
c พิจารณาตามหลั สมการ กสูตรการศึกษาขั=น ้ พื0น้ ฐานเมืพุ่อ ทธศัa =กราช
จะได
จั=ดทํ0าโดย เมื่อ
b
≠
๒๕๔๔
d
(bx + ayสถาบั + ad) – (ab + ay)มการสอนวิ = 0 นส+งdxเสริ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี (b – d)x – a(b – d) = 0 (x – a)(b – d) กระทรวงศึ = 0 ∴กษาธิ x – a ก=าร0 เพราะ b – d ≠ 0 หรือ x = a ซึ่งคือสมการของเสนตรง l กรณี a ≠ c ถา b = d แลว l ฉะนั้นเสนตรง l
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม เปนเสนตรงที่ขนานกับแกน X และผานจุด (a, b) มีสมการเปน y =พ.ศ. b ๒๕๔๗
เมื่อ b = d สมการ
x a
y b
1 1
= 0
องคc การคb าของคุ1 รุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
คือสมการ (bx + cy + ab) – (bc + bx + ay) = 0 าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร หรือ (c – a)y + b(a๒๒๔๙ – c) = ถนนลาดพร 0 มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
67 หรือ y–b = 0 เพราะ a – c ≠ 0 ฉะนั้น ไดสมการ y = b ซึ่งคือสมการของเสนตรง l พิจารณากรณี b ≠ d เราทราบมาแลววาเสนตรง l ตองมีสมบัติเปน Ax + By = C ---------- (1) เมื่อ A, B, C เปนคาคงตัว และ A, B ไมเปน 0 พรอมกัน เนื่องจากเสนตรง l ผานจุด (a, b) และ (c, d) เราจึงไดวา Aa + Bb = C ---------- (2) Ac + Bd = C ฉะนั้น A(a – c) + กลุ B(b ม = 0 ----------ย(3)นรูค – d)สาระการเรี ณิตศาสตร เนื่องจาก a – c ≠ 0 และ b – d ≠ 0 ฉะนั้น A = 0 ก็ตอเมื่อ B = 0 แตเนื่องจาก A, B ไมเปน 0 พรอมกัน ฉะนั้น A, B ≠ 0
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ A C x+y = B B A d−b = B a −c A C a+b = B B
จาก (1)
จะไดวา
จาก (2)
ไดวา
ฉะนั้น
C = ⎛⎜ d − b ⎞⎟ a + b = B ⎝ a −c ⎠ A = d − b และ C B a −c B d−b ad − bc x+y = a −c a −c
----------(4)
้ พืน้ ฐาน จาก (3) ตามหลั จะไดวกา สูตรการศึกษาขัน
แทน
พุทธศักราช ๒๕๔๔
ad − ab + ab − bc
จัดทําโดยa − c =
ad − bc a −c
=
ad − bc a −c
ลงใน (4) จะไดสมการ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น สมการของเสนตรง l กระทรวงศึ คือ กษาธิการ (d – b)x + (a – c)y = ad – bc จากสมการ
x
y
a
b
c
d
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 1 = 0 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 1 พ.ศ. ๒๕๔๗
1
จะได (bx + cy + ad) – (bc + dx + ay) = 0 (b – d)x + (c – a)y = –ad + bc หรือ (d – b)x + (a – c)y = ad + bc องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย ซึ่งก็คือสมการของเสนตรง l นั่นเอง
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
68 วิธีที่ 2
ความชันของเสนตรง PQ =
Y d b
สมการเสนตรงที่ผานจุด P(a, b) และมีความชัน • •
Q (c, d)
P (a, b)
คือ y – b =
(
b −d )( x − a ) a −c
b −d a −c
(y – b)(a – c) = (b – d)(x – a) ay – ab – cy + bc = bx – ab – dx + ad ay – cy + bc – bx + dx – ad = 0 ---------- (1)
คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม X a
จาก
b −d a −c
x a c
c
คณิตศาสตร เลม ๒
y 1 1สาระการเรี ย0 นรูค ณิตศาสตร b กลุม = d 1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
จะได bx + cy + ad – bc – dx – ay = 0 ตามหลั ้ 0พื---------น้ ฐาน(2)พุทธศักราช ๒๕๔๔ หรือ ay – cyก+สูbcต–รการศึ bx + dxก–ษาขั ad = น x y 1 เพราะวา สมการ (1) เทากับสมการ (2) ดังนั้น สมการของเสนตรงที่ผานจุด P และ Q คือ a b 1 = 0 จัดทําโดย c d 1 8.
Y มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบันสงเสริ ,c) c กระทรวงศึC(cกษาธิ การ 1
2
2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 B(b1, b2) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม a2 A(a , a ) 1 2 พ.ศ. ๒๕๔๗
b2
P a1 พื้นที่ ∆ ABC
c1
Q
R b1
X
รุส+ภาจั พจําหน =องคกพืารค ้นทีา่ ของคุ APQC พื้นทีด่ พิมCQRB – พืา้นยที่ APRB 1 1 1 c 2 )(cม1 พ a 1ุร)ุส+ภาลาดพร (b 2 + c 2า)(วb1 − c1 ) − (a 2 + b 2 )(b1 − a 1 ) −ค = พิม(พa 2ท+ี่โรงพิ ๒๒๔๙ =
2 2 2 1 ถนนลาดพร งเทพมหานคร [a 2 c1 − aา1วa 2วั+งทองหลาง c1c 2 − a 1cกรุ 2 + b 1 b 2 − b 2 c1 + b 1 c 2 − c 1 c 2 2
มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
−a 2 b 1 + a 1 a 2 − b 1 b 2 + a 1 b 2 ]
69 พื้นที่ ∆ ABC
= =
a1 1 b1 2 c1
a2 1 b2 1 c2
1 [ a 2 c 1 − a 1 c 2 − b 2 c1 + b 1 c 2 − a 2 b 1 + a 1 b 2 ] 2 1 [ a 1 b 2 + a 2 c1 + b 1 c 2 − a 1 c 2 − a 2 b 1 − b 2 c1 ] 2
=
1 [ a 1 b 2 + a 2 c1 + b 1 c 2 − b 2 c 1 − a 1 c 2 − a 2 b 1 ] 2
=
1 [ a 1 b 2 + a 2 c1 + b 1 c 2 − a 1 c 2 − a 2 b 1 − b 2 c1 ] 2
1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
เพราะวา สมการ (1) เทากับสมการ (2)
a1 1 b1 2 c1
a2 1 b2 1
ดังนั้น พื้นที่ของรูปสามเหลี ม ABC เทากับ ยนรูค กลุม ่ยสาระการเรี ณิตศาสตร c2
1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 9. วิธีที่ 1 ให A, B, C เปนจุดในระนาบ XY ถามีจุด 2ตามหลั จุดใน A, กB,สูCตเป นจุดเดียกวกั น แล รการศึ ษาขั น้ วพืน้ ฐาน a1 b1 c1
a2 b2 c2
1 1 1
=
จัดทําโดย
พุทธศักราช ๒๕๔๔
0
เพราะดีเสถาบั ทอรมิแนนต รากฏจะเป นดีเทอรมิแนนต ของเมทริกซแทละเทคโนโลยี ี่มี 2 แถวเหมือนกัน นสทงี่ปเสริ มการสอนวิ ทยาศาสตร เชน ถา A(a1, a2) = B(b1, b2) แลว a1 = b1 และ a2 = b2 ดังนั้น
a1 b1 c1
a2 b2 c2
1 1 1
กระทรวงศึกษาธิการ
a1 a2 1 a2 ISBN= 974 - a011 - 3820 -9 1 c1 c2 1
= 0
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม สมมติวา A, B, C แตกตางกันทั้งหมดพ.ศ. ๒๕๔๗
จากขอ 7 จะไดวา สมการเสนตรง l ที่ผานจุด B,C คือ
x y 1 องค ก ารค า ของคุ รุส=ภาจัดพิ0 มพจําหนาย b1 b2 1 พิc2มพที่โรงพิ c1 1 มพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
---------- (1)
---------- (2)
70 ถาเสนตรง l ผานจุด A(a1, a2) (นั่นคือ A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกัน) แลว เมื่อแทน x ดวย a1 และ y ดวย a2 ลงในสมการของเสนตรง l สมการจะยังคงเปนจริง ดังนั้น
a2 b2 c2
a1 b1 c1
1 1 1
=
0
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม a2 b2 c2
a1 ตอไปจะแสดงวา ถา b1 c1
1 1 = 0 แลว A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกัน 1
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
โดยการแสดงวา ถา A, B, C ไมอยูในแนวเสนตรงเดียวกัน แลว
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
a2 1 a1 b2 กษาขั 1 น ตามหลักbสู1 ตรการศึ ้ พื≠น้ ฐาน0 พุทธศักราช c1 c2 1
๒๕๔๔
เพราะขอความทั้งสองสมมูลกัน ทําโดย สมมติวา A, B, C ไมอยูในแนวเสจันดตรงเดี ยวกัน ฉะนั้น รูปสามเหลี่ยม ABC มีพื้นที่ (มากกวา 0) เทากับ ครึ่งหนึ่งของคาสัมบูรณของ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี a a 1 กษาธิจากข การอ 8 b b กระทรวงศึ 1
ดังนั้น
วิธีที่ 2
1
2
1
2
c1
c2
a1 b1 c1
1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9
a2 1 พิbม2 พครั1ง้ ทีห่ นึง่ ≠ ๑๐,๐๐๐ 0 เลม c2 1พ.ศ. ๒๕๔๗
ใหแสดงวา จุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกัน ก็ตอเมื่อ
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
a1 a2 1 พิbม2 พที่โรงพิ าว b1 1 มพค= ุรุสภาลาดพร 0 ๒๒๔๙ ถนนลาดพร c1 c2 1 าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
71 a1 b1 c1
ถาจุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกันแลว
a2 1 b2 1 = 0 c2 1
จุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกัน นั่นคือ ความชันของเสนตรง AB เทากับความชันของ เสนตรง AC
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม a2 − a1 − a2 − a1 −
ความชันของเสนตรง AB =
b2 b1 c2 c1
---------- (1)
คณิตศาสตร เลม ๒
ความชันของเสนตรง AC =
สมการ (1) เทากับสมการ (2)
---------- (2)
จะได (a2 – b2)(a1 – c1) = (a2 – c2)(a1 – b1)
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร aa –ac –ab +bc = aa –ab –ac +bc 1 2
2 1
1 2
2 1
1 2
2 1
1 2
2 1
1 2
b + a c ก+ ษาป b c – bท c –ี่ ๔ ac –ab ชัน้ มัธaยมศึ
จาก
a2 1 a1 ตามหลั ้ 0 พืน้ ฐาน b1 กbสู2 ตรการศึ 1 กษาขั = น c1 c2 1
1 2
2 1
2 1
= 0
1 2
---------- (3)
พุทธศักราช ๒๕๔๔
0 จะได a1b2 + a2c1 + b1c2 – b2c1 – a1c2 – a2จัbด1 ทํ=าโดย สมการ (3) เทากับสมการ (4)
---------- (4) a1
a2 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น ถาจุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกันแลว b b 1 = 0 กระทรวงศึกษาธิกcาร c 1 ถา
a1 b1 c1
a2 b2 c2
1
2
1
2
1 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 1 = 0 แลวจุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกัน พิ1มพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม
พ.ศ. ๒๕๔๗ จาก
a1 b1 c1
a2 b2 c2
1 1 1
1 2
= 0
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
72 จะได
= a1b2 + a2c1 + b1c2 – b2c1 – a1c2 – a2b1 a1b2 + a2c1 + b1c2 – b2c1 – a1c2 – a2b1 + a1a2 – a1a2 = (a1a2 – a1b2 – a2c1 + b2c1) – (a1a2 – a1c2 – a2b1 + b1c2) = (a1 – c1)(a2 – b2) – (a1 – b1)(a2 – c2) = a 2 −b2 a 1 − b1 a 2 −b2 a 1 − b1 a 2 −c 2 a 1 − c1
=
0 0 0 0 a 2 −c 2 a 1 − c1
---------- (5)
---------(6) เ พิม คูม อื ครูสาระการเรี ยนรู ่ เติม
แตความชันของเสนตรง AB =
---------- (7) คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ จากสมการ (5) สมการ (6) และสมการ (7) ความชันของเสนตรง AC =
กลุนตรง ม สาระการเรี นรูค นณิตรงตAC ศาสตร จะไดวา ความชันของเส AB = ความชันยของเส ดังนั้น จุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกัน a2 1 a1 b2 1 เทากับ 0 และจุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกัน นั่นคือ ถา b1 ตามหลัc1 กสูตcรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 1กษาขัน 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
จากที่แสดงมาขางตนสรุปไดวา จุด A, B, C อยูในแนวเสนตรงเดียวกันก็ตอเมื่อ
จัดทําโดย
a2 1 a1 b1 b2 1 = 0 สถาบั น ส ง เสริ ม การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี c1 c2 1
กระทรวงศึกษาธิการ
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
73
เฉลยแบบฝกหัด 1.5 การแกระบบสมการในแบบฝกหัดนี้ ผูสอนอาจจะใหผูเรียนใชกฎของคราเมอร แตสําหรับเฉลยในคูมือครูเลมนี้จะใชการดําเนินการตามแถว
หรือวิธีการใดก็ได
1. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติมและใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 2 3
คูม4 อื ครู–2สาระการเรี ย1นรูเ พิ2 ม่ เติ–1ม 0 5
∼
1 3 ม 5๒ คณิ0 ตศาสตร เล
0
2 –1 กลุม สาระการเรี∼ยนรูค 1ณิตศาสตร 0
–1
3
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
0 1
1 R 2 1
0 1 R2–3R1
1 2 –1 0 –1 –R2 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน0 พุทธศั1กราช–3๒๕๔๔ ∼ ∼
จัดทําโดย
1 0
0 1
5 –3
2 R1 – 2R2 –1
เราไดวา x + 5z = 2 และ y – 3z = –1 ดังนั้น เซตคําตอบของระบบสมการที่กําหนด คือ {(x, y, z)⏐x + 5z = 2, y – 3z = –1} สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี = {(2 – 5c, –1 + 3c, c) ⏐c ∈ R}
กระทรวงศึกษาธิการ
2. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 1 3
2 7
1 ISBN8 974 - 01 - 3820 1 -9 2 ∼ 0 เล1ม พิ6มพครั26ง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐
พ.ศ. ๒๕๔๗1 ∼
0
0 1
1 3
8 2 R2–3R1
–5 3
4 R1–2R2 2
เราไดวา x – 5z = องค 4 และ 3z = ร2ุสภาจัดพิมพจําหนาย การคyา+ของคุ ดังนั้น เซตคําตอบของระบบสมการที่กําหนด คือ {(x, y, z)⏐x – 5z = 4, y + 3z = 2} พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร = {(4 + 5c,าว2 – 3c, c) ⏐c ∈ R} ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
74 3. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ ⎡ 1 ⎢−1 ⎢ ⎢⎣ 2
−2 3 −5
3 0 5
9⎤ − 4 ⎥⎥ 17 ⎥⎦
∼
⎡ 1 ⎢ 0 ⎢ ⎢⎣ 0
−2 1 −1
3 3 −1
9⎤ 5 ⎥⎥ −1⎥⎦
⎡ 1 ⎢ 0 ⎢ ⎢⎣ 0
0 1 0
9 3 2
19⎤ 5 ⎥⎥ 4 ⎥⎦
⎡ 1 ⎢ 0 ⎢ ⎢⎣ 0
0 1 0
9 3 1
19⎤ 5 ⎥⎥ 2 ⎥⎦
R2 + R1 R3 – 2R1 R1 + 2R2
∼ คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติมR + R
คณิตศาสตร เลม ๒ ∼
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ∼
⎡ 1 ⎢ 0 ⎢ ⎢⎣ 0
0 1 0
0 0 1
1⎤ −1 ⎥⎥ 2 ⎥⎦
3
2
1 R 2 3
R1 – 9R3 R2 – 3R3
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
คําตอบของระบบสมการที่กําหนด คือ x = 1, y = –1, z = 2
4. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 1 0 –3 –2 จัดทําโดย 1 0 –3 –2 3 1 –2 5 ∼ 0 1 7 11 R2 – 3R1 2 นส2 งเสริม1การสอนวิ 4 0 2และเทคโนโลยี 7 8 R3 – 2R1 สถาบั ทยาศาสตร
กระทรวงศึกษาธิ1 การ 0 ∼
0 0
1 0
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 1 0 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ∼ ๑๐,๐๐๐ เล ม 0 1 พ.ศ. ๒๕๔๗0 0
–3 7 –7
–2 11 –14 R3 – 2R2
–3 7 1
–2 11 2
1 0 0 ∼ 0 1 0 องคการคาของคุรุสภาจัดพิ0 มพจํา0หนาย 1 มพทอี่โรงพิ คําตอบของระบบสมการที่กําพิหนดคื x =มพ 4,คุรyุสภาลาดพร = –3, z า=ว2 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1 − R3 7
4 R1 + 3R3 –3 R2 – 7R3 2
75 5. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติมและใชการดําเนินตามแถวไดดังนี้ 1 1 2 3
–1 0 –3 2
2 1 5 –1
4 6 4 1
2 –1 1 –7
4 2 R2 – R1 – 4 R3 – 2R1 –11 R4 – 3R1
1 0 1 0 1 –1 ∼ 0 0 0 กลุม สาระการเรียนรูค 0ณิตศาสตร 0 –2
6 R1 + R2 2 –2 R3 + R2 –21 R4 – 5R2
∼
1 0 0 0
–1 1 –1 5
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ในแถวที่ 3 ของเมทริกซแตงเติมจะพบวา 0x + 0y + 0z = –2 กสูเพราะว ตรการศึ น้ พืง น้ x,ฐาน ธศักองกัราช ๒๕๔๔ ซึ่งไมมีทตามหลั างเปนไปได าไมมกีจษาขั ํานวนจริ y, z ทีพุ่สทอดคล บสมการ 0x + 0y + 0z = –2 ดังนั้น ระบบสมการนี้ไมมีคําตอบ 6. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซจัแดตทํ งเติามโดย และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 3 1 4 2 –1 2 8 4 R12 สถาบั ทยาศาสตร –1 นส2 งเสริม 8 การสอนวิ 4 3 แ1ละเทคโนโลยี 4 2 2 5 20 10 ∼ 2 5 20 10 กระทรวงศึ ก ษาธิ ก าร 2 8 32 16 2 8 32 16
ISBN 974 - 01 - 38201- 9 –2 3 1 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ∼ 2 5 พ.ศ. ๒๕๔๗ 2 8
–8 4 20 32
1 –2 –8 7 องคการคาของคุรุสภาจัดพิม0 พจําหน าย 28 ∼ 0 9 36 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร า ว 0 12 48 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
– 4 –R1 2 10 16 –4 14 R2 – 3R1 18 R3 – 2R1 24 R4 – 2R1
76
∼
1 0
–2 1
–8 4
–4 2
0
1
4
2
0
1
4
2
คูม อื ครูสาระการเรีย1นรูเ พิ0ม่ เติม0 0 0 0
1 0 0
คณิตศาสตร เลม ๒ ∼ กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
4 0 0
1 R 7 2 1 R 9 3 1 R 12 4
0 R1+ 2R2 2 0 R3 – R2 0 R4 – R2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
เราไดวา x = 0 , y + 4z = 2 ดังนั้น เซตคําตอบของระบบสมการที่กําหนด คือ {(x, y, z)⏐x = 0, y + 4z = 2} = {(0, c, 2−4 c )⏐c ∈ R}
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
7. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 1 5 2 6 จัดทําโดย 1 5 2 6 2 10 2 6 0 0 –2 – 6 R2 – 2R1 1 นส5งเสริม 1 การสอนวิ 3 ∼ทยาศาสตร 0 0และเทคโนโลยี –1 –3 R3 – R1 สถาบั 4 20 5 15 0 0 –3 –9 R4 – 4R1
กระทรวงศึกษาธิการ 1 0
5 0
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ∼ 0 0 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 0 0 พ.ศ. ๒๕๔๗
1 5 0 0 องคการคาของคุรุส∼ภาจัดพิ0มพจําหน 0 าย 0 าว0 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร
2 1
6 3
1 1
3 3
0 1 1 1
0 R1 – 2R2 3 3 3
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1 − R2 2
−R 3 1 − R4 3
77 เราไดวา z = 3, x + 5y = 0 ดังนั้น เซตคําตอบของระบบสมการที่กําหนดคือ {(x, y, z)⏐z = 3, x + 5y = 0} = {(–5c, c, 3)⏐c ∈ R} 8. จากสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 2 3 1 5
1 4 5 2
–1 0 2 –1
2 1 6 –1
–16 1 –3 3
1 3 2 5
5 4 1 2
2 0 –1 –1
6 1 2 –1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม ∼
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรีย1 นรูค 5ณิตศาสตร 2 0กษาป –11 ที่ ๔ –6 ชัน้ มัธยมศึ ∼ 0 –9 –5 0
–23
–11
1 5 0 1 ∼ จัดทํ0าโดย –9 0 –23
2 –1 –5 –11
–3 R13 1 –16 3
6 –3 –17 10 R2 – 3R1 –10 –10 R3 – 2R1 –31 18 R4 – 5R1
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 6 –3 –10 –31
–3 2 2R2 – R4 –10 18
0 21 –13 R – 5R สถาบันสงเสริมการสอนวิ1ทยาศาสตร แ7ละเทคโนโลยี 0 1 –1 –3 2 ∼ กระทรวงศึ0 กษาธิ0 การ–14 –37 8 R + 9R 0
0
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9
–34
–100
1
2
3
2
64 R4 + 23R2
จากเมทริกซแตงเติม จะไดวา มพครั---------ง้ ทีห่ นึง่ (1)๑๐,๐๐๐ เลม x + 7z + 21t = พิ–13 y – z – 3t = 2 ---------(2) พ.ศ. ๒๕๔๗ –14z – 37t = 8 ---------- (3) –34z – 100t = 64 ---------- (4) จากสมการ (3) และ (4) จะได z = 11.041, t = – 4.394 องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย แทนคา z และ t ในสมการ (1) และ (2) จะได x = 1.986, y = –0.141 พิมพ่กทําหนดคื ี่โรงพิมอ พxคุร=ุส1.986, ภาลาดพร ∴ คําตอบของระบบสมการที y =าว– 0.141, z = 11.041 และ t = – 4.394 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
78 9. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติมและใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 4
12
–7
–20
22
3
9
–5
–28
30
∼
1
3
– 74
–5
11 2
3
9
–5
–28
30
1
3
−
–5
11 2 27 2
7 4
∼ คูม อื ครูสาระการเรี ่ เติ–13ม 0 ย0นรูเ พิม 1 4
1 R 4 1
R2 – 3R1
คณิตศาสตร เล 1 3 ม๒ ∼
–5
3 ที่ ๔ 0 ชัน้ มัธ∼ยมศึ1กษาป
–96
100 R1 +
0
–52
54
−
7 4
1 –52 กลุม สาระการเรีย0 นรูค 0ณิตศาสตร 0
1
11 2
54 4R2 7 R 4 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
เราไดวา z – 52t = 54 และ x + 3y – 96t = 100 ดังนั้น เซตคําตอบของระบบสมการที่กําหนด คือ {(x, y, z, t)⏐z – 52t = 54, x + 3y – 96t = 100} 10. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมตริกซจัแดตงทํเติามโดย และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 1 3
2 สถาบั2นสง4เสริม11การสอนวิ1ทยาศาสตร 2 2และเทคโนโลยี 4 11 6 5 12 30 ∼ 0 0 –1 0 –3 R2 – 3R1
กระทรวงศึกษาธิการ ∼
1 0
2 0
2 1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 2 เล0ม พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ 1 ๑๐,๐๐๐ ∼ 0 0 1 พ.ศ. ๒๕๔๗
4 0 4 0
11 3 –R2 5 R1 – 2R2 3
เราไดวา z = 3 และ x + 2y + 4w = 5 ดังนั้น เซตคําตอบของระบบสมการที่กําหนดคือ {(x, y, z, w)⏐z = 3, x + 2y + 4w = 5}
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
79 11. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 2 1 1 1
1 2 0 1
–3 2 –2 1
4 10 12 6
1 1 1 2
∼
1 2 0 1
1 2 –2 –3
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 1 1 1 0 1 1 –1 –3 กลุม สาระการเรีย∼นรูค 00ณิตศาสตร –1 –5
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาป ที่ ๔0 1
6 R14 10 12 4 6 4 R2 – R1 6 R3 – R1 –8 R4 – 2R1
0 2 R1 – R2 0 1 1 4 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื∼น้ ฐาน0 พุทธศั0กราช–2๒๕๔๔ 10 R3 + R2 0 0 – 4 – 4 R4 + R2
จัดทําโดย 1
0 1 0
0 1 1
2 4 –5
1 0 0 ISBN 974 - 01 - 3820 -9 1 ∼ 0 0 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เล ม 0 0
0 0 0 1
2 3 R2 – R4 – 6 R3 – R4 1
∼
0 0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 0 0 1 1 กระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. ๒๕๔๗
ในแถวที่ 3 ของเมตริกซแตงเติม จะพบวา 0x + 0y + 0z = – 6 ซึ่งไมมีทางเปนไปได องค เพราะว าไมมาีจของคุ ํานวนจริ x, y,ดzพิทีม่สพอดคล องกัาบยสมการ การค รุสง ภาจั จําหน 0x + 0y + 0z = – 6 ดังนั้น ระบบสมการนี้ไมมีคําตอบ
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1 − R3 2 1 − R4 4
80 12. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 2
4
2
10
1
2
1
5
1 3 1
0 –2 1
3 0 1
9 4 8
1 3 1
0 –2 1
3 0 1
9 4 8
∼
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 1 2 คณิตศาสตร เล ม ๒ 0 –2
–8 กลุม สาระการเรีย∼นรูค 0ณิตศาสตร 0
–1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
1 2 –3 0
1 R 2 1
5 4 R2 – R1 –11 R3 – 3R1 3 R4 – R1
1 2 1 5 4 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน0 พุทธศั–2กราช2๒๕๔๔ ∼ 0 –8 –3 –11 0 1 0 –3 –R4
จัดทําโดย 1
0 1 11 R1 – 2R4 0 0 2 –2 R2 + 2R4 0 –3 –35 R3 + 8R4 สถาบันสงเสริมการสอนวิ∼ทยาศาสตร แ0ละเทคโนโลยี 0 1 0 –3
กระทรวงศึกษาธิการ
1 0 0 -9 0 974 - 01 - 3820
ISBN 0 เลม0 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ∼ ๑๐,๐๐๐ 1 พ.ศ. ๒๕๔๗0
1 0 0 0 องคการคาของคุรุส∼ภาจัดพิ0 มพจําหน 0 าย 0 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร าว1
1 1
11 –1
–3 0
–35 –3
0 1 0 0
12 R1 – R2 –1 –38 R3 + 3R2 –3
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1 R 2 2
81 ในแถวที่ 3 ของเมทริกซแตงเติม จะพบวา 0x + 0y + 0z = –38 ซึ่งไมมีทางเปนไปได เพราะวาไมมีจํานวนจริง x, y, z ที่สอดคลองกับสมการ 0x + 0y + 0z = –38 ดังนั้น ระบบสมการนี้ไมมีคําตอบ
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
13. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 0 1 2 1
1 2 4 –4
1 –1 1 –7
คณิ ตศาสตร เล ม–1๒ –2 –3 1 2
0 2 0 1ณิตศาสตร 1 –2 กลุ0ม สาระการเรี ∼ ยนรูค –3 –2 2 4 1 –3 –1 –19 1 –4 –7 –1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
2 R12 –3 –2 –19
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื1น้ ฐาน2 พุทธศั–1กราช0 ๒๕๔๔ 2 0 1 0 0 จัดทํ0าโดย – 6
∼
1 3 –6
–2 –3 –1
–3 – 6 R3 – 2R1 –21 R4 – R1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 1 0 –3 4 8 R – 2R กระทรวงศึ0 กษาธิ1 การ 1 –2 –3 1
∼
0 0 3 0 -9 0 974 - 001 - 3820
ISBN พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ 1 0 –3 ∼
0 0
1 0
1 1
–3 –13
4 –2 –1
องคการคาของคุรุส0ภาจัดพิ0 มพจํา0หนาย 1 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
2
–6 –39 R4 + 6R2
8 –3 –2 3
1 R 3 3 1 − R4 13
82
∼
1 0 0 0
0 1 0 0
0 0 1 0
1 –1 –1 1
2 R1 + 3R3 –1 R2 – R3 –2 3
1 0 0 0
0 1 0 0
0 0 1 0
0 0 0 1
–1 R1 – R4 2 R2 + R4 1 R3 + R4 3
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม ∼
คณิตศาสตร เลม ๒ กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
คําตอบของระบบสมการที่กําหนดคือ x = –1, y = 2, z = 1, w = 3
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
14. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 4 1 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 4 2 0
2 3 –4
1 4 –7
4 2 –1
∼
1 4 2
2 4 0
3 2 –4
4 1 –7
1
2
3
4
จัดทําโดย
2 R12 4 –1 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิ0ทยาศาสตร และเทคโนโลยี – 4 –10 –15 – 4 R – 4R ∼ กระทรวงศึ0 กษาธิ– 4การ–10 –15 –5 R – 2R 1
2
3
ISBN 974 - 001 - 3820 -9 – 4 –10 พิมพครัง้ ที∼ห่ นึง่ 0 ๑๐,๐๐๐ 0 เลม0 พ.ศ. ๒๕๔๗
4 –15 0
ในแถวที่ 3 ของเมทริกซแตงเติมจะพบวา 0x + 0y + 0z + 0t = –1 ซึ่งไมมีทางเปนไปได เพราะวาไมมีจํานวนจริง x, y, z, t ที่สอดคลองกับสมการ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย 0x + 0y + 0z + 0t = –1 มพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ดังนั้น ระบบสมการนี้ไมมีคพิําตอบ ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
2 –4 –1
2
1
3
1
R3 – R2
83 15. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 1 0 0 0
6 1 1 0
0 1 –1 0
0 0 1 1
4 3 –1 5
–2 1 1 2
∼
1 0 0 0
0 1 0 0
–6 1 –2 0
0 –14 0 3 1 –4 1 5
1 0 0
0 1 0
–6 1 1
0 –14 0 3 1 − 2 2
0
0
0
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ∼
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
1
1 0 0 –3 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ 0ฐาน 1พุทธศั0กราช1 2 ∼
0
0
1
0
0
0
จัดทําโดย
−
–8 R1 – 6R2 1 0 R3 – R2 2 –8 1 0
5
−
1 R 2 3
2
–2 –8 R1 + 6R3 ๒๕๔๔ 1 1 R2 – R 3
1 2
2
0
1
5
2
1 0 0 0 13 –2 R1 + 3R4 0 1 แ0ละเทคโนโลยี 0 − 32 0 R2 – 12 R4 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร ∼
0
0
1
0
9 2
1 R3 + 12 R4
0
0
0
1
5
2
กระทรวงศึกษาธิการ
จากเมทริกซแตงเติม จะไดวา ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 x1 + 13x5 = –2 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม x2 – 32 x 5 = 0 พ.ศ. ๒๕๔๗ x3 + 92 x 5 = 1 x4 + 5x5 = 2 x4พ , xจ5)ํา⏐หน x1 +า13x ดังนั้น เซตคําตอบของสมการที ่กําหนด คือรุส {(xภาจั องคการค าของคุ ย 5 = –2, x2 – 1, x2,ดxพิ 3, ม x3 + 92 x 5 = 1, x4 + 5x5 = 2}พิม=พท{(–2 – 9 c , 2 –า5c, ี่โรงพิ– มc,พ32คcุร,ุส1ภาลาดพร ว c)⏐c ∈ R} 2 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
3 x 2 5
= 0,
84 16. จากระบบสมการที่กําหนด เขียนเมทริกซแตงเติม และใชการดําเนินการตามแถวไดดังนี้ 1 2 0
3 6 0
–2 –5 5
1
3
0
0 –2 10
2 4 0
0 0 0
2 0 0
0 0 0 คูม 4อื ครู2 สาระการเรี ยนรู เ พิ2ม่ เติ4ม
0 0 R2 – 2R1 0 15 R3
0
0 R4 – R1
คณิตศาสตร เลม ๒
2 0 0 0
0 R1 + 2R3 0 R2 + R 3 0 0 R4 – 2R3
∼
1 0 0
3 0 0
–2 –1 1
0 –2 2
1 3 0 4 0 0 0 0 ∼ ยนรู 0 ค 1 2 กลุม สาระการเรี ณิ0ตศาสตร 0 0 0 0
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
จากเมทริกซแตงเติมจะไดวา x1 + 3x2 + 4x4 + 2x5 = 0, x3 + 2x4 = 0 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ดังนั้น เซตคําตอบของระบบสมการที่กําหนด คือ {(x1, x2, x3, x4, x5)⏐x1 + 3x2 + 4x4 + 2x5 = 0, x3 + 2x4 = 0}
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
103
เฉลยแบบฝกหัด 2.1 1. (1) (2) (3) (4)
A×B A×B A×B A×B
= = = =
{(1, 3), (1, 6), (1, 7), (2, 3), (2, 6), (2, 7)} {(–1, 0), (–1, 1), (–1, 2), (0, 0), (0, 1), (0, 2), (1, 0), (1, 1), (1, 2)} {(a, e), (a, f), (b, e), (b, f), (c, e), (c, f)} {(–3, 1), (–3, 2), (–3, 3), (–2, 1), (–2, 2), (–2, 3), (–1, 1), (–1, 2), (–1, 3)}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
2. จํานวนสมาชิกของเซต A เทากับ n และจํานวนสมาชิกของเซต B เทากับ m ดังนั้น จํานวนสมาชิกของ A × B เทากับ n⋅m = nm A ม ากับ m⋅n = ย mnนรูค จํานวนสมาชิกของ B ×กลุ เทสาระการเรี ณิตศาสตร 2 จํานวนสมาชิกของ A × A เทากับ n⋅n = n จํานวนสมาชิกของ B × B เทากับ m⋅m = m2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
3. (1) (2) (3) (4)
(M × N) ∪ (M × P) = {(1, 2), (1, 3), (2, 2), (2, 3), (1, 4), (1, 5), (2, 4), (2, 5)} ้2),พื(1,น้ 3),ฐาน ทธศั กราช (N ∪ P)กสูตรการศึ = กษาขั {(1, น (1, 4),พุ(1, 5), (2, 2), (2,๒๕๔๔ 3), (2, 4), (2, 5)} M ×ตามหลั M × (N ∩ P) = M×∅ = ∅ (M × N) ∩ (M × P) = ∅
จัดทําโดย
4. เปน 5. (1) r (2) r 6.
= นส{(2, 0), (2, 1), (4, 0), (4, 1),ท(4, 2)} สถาบั งเสริ มการสอนวิ ยาศาสตร และเทคโนโลยี = {(x, y) ∈ A × B⏐x > y} กระทรวงศึกษาธิการ = =
{(1, 5), (2, 4), (3, 3), (4, 2), (5, 1)} {1, 2, 3, 4, 5}
R r1
=
{1, 2, 3, 4, 5}
r2 Dr2
= =
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม {(3, 3), (4, 3), (5, 3)} พ.ศ. ๒๕๔๗ {3, 4, 5}
R r2
=
{3}
r3 Dr3
= =
∅
R r3
=
∅
r1 Dr1
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
∅
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
104 Rr = {0, 1, 4, 9} 7. (1) Dr = {–3, –2, –1, 0, 1, 2, 3} (2) Dr = {–2, –1, 0, 1, 2} Rr = {0, 1, 2 } Rr = {x⏐x ∈ R} (3) Dr = {x⏐x ∈ R} (4) Dr = {x⏐x ∈ I} Rr = {x⏐x ∈ I} (5) Dr = {x⏐x ∈ R} Rr = {x⏐x ≥ 0} (6) Dr = {x⏐x ∈ R, x ≥ 0} Rr = {x⏐x ∈ R} Rr = {x⏐x = 2 } (7) Dr = {x⏐x ∈ R} (8) Dr = {x⏐x ∈ R} Rr = {x⏐x ∈ R} (9) Dr = {x⏐x ∈ R} จาก y = x2 + 1 เมื่อกลุ x เป จํานวนจริงใด ๆยนรู x2 มีค ่สุดเมื่อ x = 0 ม นสาระการเรี คาณินอตยทีศาสตร ดังนั้น y มีคานอยที่สุดเมื่อ x = 0 นั่นคือ y ≥ 1 จะได Rr = {x⏐x ≥ 1} (10) Dr = {x⏐x ≥ 0} Rr = {x⏐x ≤ 0} (11) Dr ตามหลั = {x⏐xก∈สูI}ตรการศึกษาขัน = {xพุ ⏐xทธศั ≥ 0,กxราช ∈ I} ๒๕๔๔ ้ พืRน้ r ฐาน (12) Dr = {x⏐x ∈ R} Rr = {x⏐x ≥ 0}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(13) จากสมการ y = x 2 + 2 จะเห็นวา x2 + 2 ≥ 2 เสมอไมวา x จะเปนจํานวนจริงใด ๆ จัดทําโดย ดังนั้น Dr = {x⏐x ∈ R} เพราะวา x2 + 2 ≥ 2 จะได y ≥ 2 สถาบั น ส ง เสริ ม การสอนวิ และเทคโนโลยี ดังนั้น Rr = {x⏐x ≥ ท2ยาศาสตร } (14) จากสมการ นั่นคือ จะได ดังนั้น จาก จะได ดังนั้น
กระทรวงศึกษาธิการ
y = x −1 จะเห็นวา x2 – 1 ตองไมนอยกวาศูนย x2 – 1 ≥ 0 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 (x + 1)(x – 1) ≥ 0 มพอ คxรัง้ ≤ที–1 ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม x ≥ 1 พิหรื Dr = {x⏐x ∈ Rพ.ศ.ยกเว น –1 < x < 1} ๒๕๔๗ y = x 2 −1 เมื่อ x เปนจํานวนจริงยกเวน –1 < x < 1 y≥0 Rr = {x⏐x ≥ 0} 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
105 (15) จากสมการ นั่นคือ
จะได ดังนั้น จาก ดังนั้น
y = 1− x 2 จะเห็นวา 1 – x2 ตองไมนอยกวาศูนย 1 – x2 ≥ 0 x2 – 1 ≤ 0 (x – 1)(x + 1) ≤ 0 –1 ≤ x ≤ 1 Dr = {x⏐–1 ≤ x ≤ 1} y = 1− x 2 เมื่อ –1 ≤ x ≤ 1 จะได 0 ≤ y ≤ 1 Rr = {x⏐0 ≤ x ≤ 1}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
(16) จากสมการ
จะเห็นวา xยนรู เปนค งใด ๆ ก็ไดยกเวน 1 y กลุ = ม 1สาระการเรี จําณินวนจริ ตศาสตร 1− x
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ดังนั้น จาก
Dr = {x⏐x ≠ 1} y = 1 เพราะวา 1− x
⏐1 – x⏐ > 0
= {x⏐xกษาขั > 0} น ดังนัตามหลั ้น กRสูrตรการศึ ้ พืน้ ฐาน
เสมอจะได y > 0 เสมอ
พุทธศักราช ๒๕๔๔
(17) Dr = {x⏐x ≠ 2} การหาเรนจของความสัมพันธนั้นอาจหาไดจากการจัดสมการใหมโดยหาคาของ x จัดทําโดย ในรูปของ y จาก
y =
1 x −2
จะได
x =
1+ 2 y y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี จะเห็นวา y มีคาใด ๆ ก็ไดยกเวนศูนย ดังนั้น R = {x⏐x ≠ 0}กระทรวงศึกษาธิการ r
(18) จากสมการ ดังนั้น จาก
3x x +5
นจํานวนจริ ISBNจะเห็ 974นว-า01x -เป3820 - 9 งใด ๆ ก็ไดยกเวน –5 Dr = พิ{xม⏐พxค≠รัง้ –5} ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 3x y = x + 5 จะได x = 35−yy พ.ศ. ๒๕๔๗ y =
จะเห็นวา y มีคาใด ๆ ก็ไดยกเวน 3 ดังนั้น Rr = {x⏐x ≠ 3}
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
106 (19) จากสมการ
y=
นั่นคือ
2
จะได ดังนั้น จาก
1 9− x
จะเห็นวา 9 – x2 ตองมากกวาศูนย
2
x –9 < 0 (x – 3)(x + 3) < 0 –3 < x < 3 Dr = {x⏐–3 < x < 3} 1 จะเห็นวา y = 2
มากทีม่สุดเมื่อ x = 0 คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิมีม่ คาเติ 9− x
9− x 2
คณิตศาสตร เลม ๒
นั่นคือ y จะมีคานอยที่สุด เมื่อ x = 0 จะได y ≥ ดังนั้น
Rr = {x⏐x
≥
1 3
1 } 3
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ เฉลยแบบฝกหัด 2.2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
1. (1) Dr = {1, 2, 3, 4} Rr = {1, 2, 3} r–1 = {(2, 1), (3, 4), (2, 2), (1, 2), (1, 3)}
จัดทําโดย
Rr = {2, 3, 4} (2) Dr = {1, 2, 3} r–1 = {(2, 2), (3, 2), (4, 1), (2, 3), (3, 3)} (3)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี D = {x⏐x ∈ R} กระทรวงศึRกษาธิ = {xก⏐าร x ∈ R} 1− x
r
r –1
r
= {(x, y) ∈ R × R⏐y =
2
}
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 Rr = {x⏐x ∈ R} พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม r–1 = {(x, y) ∈ R × R⏐y = 2 − x } 3 พ.ศ. ๒๕๔๗
(4) Dr = {x⏐x ∈ R}
Rr = {x ∈ R⏐x (5) Dr = {x ∈ R⏐x ≥ 0} –1 2 r = {(x, y) ∈ R × R⏐y = x , x ≥ 0}
≥
0}
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
107 2. (1) r–1 = {(3, 1), (4, 2), (7, 3), (7, 6), (10, 6)} โดเมนของ r–1 = {3, 4, 7, 10} เรนจของ r–1 = {1, 2, 3, 6} (2) s–1 = { ..., (4, –5), (2, –3), (0, –1), (2, 1), (4, 3), (6, 5), ...} โดเมนของ s–1 = {0, 2, 4, 6, ...} เรนจของ s–1 = {..., –5, –3, –1, 1, 3, 5, ...}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
(3) t–1 = {(x, y) ∈ R × R⏐y = x – 2} เรนจของ t–1 = {x⏐x ∈ R} โดเมนของ t–1 = {x⏐x ∈ R} –1
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(4) u = {(x, y) ∈ R × R⏐xy = 1} โดเมนของ u–1 = {x⏐x ≠ 0}
ชัน้ มัธยมศึเรนจ กษาป ของ ท u ี่ ๔ = {x x –1
⏐ ≠ 0}
้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (5) v–1 ตามหลั = {(x,กy)สูต ∈ รการศึ R × R⏐yก<ษาขั x} น เรนจของ v–1 = {x⏐x ∈ R} โดเมนของ v–1 = {x⏐x ∈ R} 3. (1) r = {(1, 2), (1, 3), (1, 4), (2, 3), (2, 4),ทํา(3,โดย 4)} จั ด ดังนั้น r–1 = {(2, 1), (3, 1), (4, 1), (3, 2), (4, 2), (4, 3)} หมายเหตุ สําหรับการเขียนแจกแจงสมาชิกของ r และ r–1 (ในกรณีที่เขียนแจกแจงได) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี –1 จะชวยใหไมสับสน และเขียนกราฟของ r และ r ไดงายขึ้น
กระทรวงศึกษาธิการ
Y
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิ4 มพครัง้ ทีrห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗r–1 6
2 X
2 รุสภาจั4 ดพิมพ6จําหนาย องคก0ารคาของคุ
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
108 (2) r = {(–1, –3), (0, –2), (1, –1), (2, 0), (3, 1)} r–1 = {(–3, –1), (–2, 0), (–1, 1), (0, 2), (1, 3)} Y 4
r–1
2 คูม อื ครูสาระการเรี ยนรู เ พิม่ เติม r X 0 คณิต–2 ศาสตร 4 ๒ 2 เลม
–4
–2 กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร –4 ชัน้ มัธยมศึ กษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(3) ถา r = {(x, y) ∈ I × I⏐y2 = x} r–1 = {(x, y) ∈ I × I⏐y = x2} หมายเหตุ สําหรับขอนี้ยังมีสมาชิกของ r และ r–1 อีกมาก แตเฉลยเฉพาะสมาชิกใน จัดทําโดย โดเมนของ r เมื่อ x ∈ I และ x ≤ 9 และสมาชิกในโดเมนของ r–1 เมื่อ x ∈ I และ x ≤ 3 เทานั้น
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี Y กระทรวงศึกษาธิการ 12
r–1
ISBN 8 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 4 พ.ศ. ๒๕๔๗ r –4
0
4
8
12
องคการค– 4าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
109 (4) ถา r = {(x, y) ∈ R × R⏐y = 2x} r–1 = {(x, y) ∈ R × R⏐y = x2 } Y
r
คูม อื ครูสาระการเรี ่ r เติม 2 ยนรูเ พิม –1
คณิตศาสตร ม๒X 0 เล –2 2 กลุม สาระการเรี–2ยนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ สูตy)รการศึ ้ –พื1}น้ ฐาน (5) ถา ตามหลั r = ก{(x, ∈ R × Rก⏐ษาขั y < xน r–1 = {(x, y) ∈ R × R⏐y > x + 1}
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําYโดย 4
r–1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแr ละเทคโนโลยี กระทรวงศึ0กษาธิการ X –4
4
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 –4 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
110
เฉลยแบบฝกหัด 2.3.1 (ก) 1. (1) {(1, a), (2, b), (3, b), (5, c)} เปนฟงกชัน เพราะไมมีคูอันดับที่มีสมาชิกตัวหนาซ้ํากันเลย (2) {(1, a), (2, b), (3, c), (4, d), (4, e)} ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับ (4, d), (4, e) ที่มีสมาชิกตัวหนาซ้ํากัน แตสมาชิกตัวหลังตางกัน (3) {(1, a), (2, a), (3, a), (4, a)} เปนฟงกชัน เพราะไมมีคูอันดับใดที่สมาชิกตัวหนาซ้ํากันเลย (4) ให r = {(x, y) ∈ A × A⏐y ≥ x} ; A = {1, 2, 3} ม สาระการเรี (2,ณิ2),ตศาสตร 1), (1, 2), (1, 3),ย(2,นรู 1),ค (2, 3), (3, 1), (3, 2), (3, 3)} A × A =กลุ{(1, ดังนั้น r = {(1, 1), (1, 2), (1, 3), (2, 2), (2, 3), (3, 3)} ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับ (2, 2), (2, 3) ที่มีสมาชิกตัวหนาซ้ํากัน แตสมาชิกตัวหลังตางกัน (5) {(x, y) ∈ B × B⏐y = x – 2} ; B = {–2, –1, 0, 1, 2} กสูตรการศึ น้ พืกน้ ตัวฐาน ธศักราช ๒๕๔๔ เปนตามหลั ฟงกชัน เพราะไม มีคูอันดักบษาขั ที่มีสมาชิ หนาซ้ําพุกัท นเลย (6) {(x, y)⏐x = 3} ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับ เชน (3, 1), (3, 2) ที่มีสมาชิกตัวหนาซ้ํากัน แตสมาชิกตัวหลังตางกัน (7) {(x, y)⏐y = –2} จัดทําโดย เปนฟงกชัน เพราะไมมีคูอันดับที่มีสมาชิกตัวหนาซ้ํากันเลย (8) {(x, y)⏐y = x } สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เปนฟงกชัน เพราะไมมีคูอันดับที่มีสมาชิกตัวหนาซ้ํากันเลย (9) ให r = {(x,กระทรวงศึ y) ∈ A × B⏐yก<ษาธิ x} ; การ A = {0, 1}, B = {–1, 1} A × B = {(0, –1), (0, 1), (1, –1), (1, 1)} ดังนั้น r = {(0,ISBN –1), (1,974 –1)}- 01เป-น3820 ฟงกช-ัน9เพราะไมมีคูอันดับใดที่มีสมาชิกตัวหนา ซ้ํากันเลย
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(10) {(x, y)⏐y
=
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 1 เมื่อ x ≥ 0 พ.ศ. ๒๕๔๗ }
–1 เมื่อ x
≤
0
ไมเปนฟงกชัน เพราะมีคูอันดับ (0, 1) และ (0, –1) ที่มีสมาชิกตัวหนาซ้ํากัน แตสมาชิก ตัวหลังตางกัน
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
111 2. f1 f3 f5 f7
= = = =
{(x, 1), (y, 1), (z, 1)} {(x, 1), (y, 0), (z, 1)} {(x, 1), (y, 1), (z, 0)} {(x, 0), (y, 0), (z, 1)}
f2 f4 f6 f8
= = = =
{(x, 0), (y, 0), (z, 0)} {(x, 1), (y, 0), (z, 0)} {(x, 0), (y, 1), (z, 1)} {(x, 0), (y, 1), (z, 0)}
3. (1) (2) (3) (4) (5)
เปนฟงกชัน เปนฟงกชัน (a) ไมเปนฟงกชัน (b) เปนฟงกชัน (a) เปนฟงกชัน (b) ไมเปนฟงกชัน (a) เปนฟงกชัน กลุม (b) ไมยเปนรู นฟงค สาระการเรี กณิชันตศาสตร
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
ชัน้ มัธยมศึกษาปทx ี่+๔2xb + b + 3x + 3b – 5,
4. –5, –7, 13, a2 + 3a – 5, a2 + 2ab + b2 + 3a + 3b – 5, 5. 1, 1, 1, 1, 3 , 2, − h1 เมือ่ h > 0
้ ไมพืเน้ ทาฐาน 6. (1) ไมเตามหลั ทากัน กสูตรการศึกษาขั (2) น กัน
2
2
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
2x + 3 + h
112 8. ถา h(x) = x2 – 6 และโดเมนของ h คือ {x⏐– 4 < x < 3} จะได เรนจของ h คือ {y⏐– 6 ≤ y < 10} วิธีคิด เนื่องจาก h(x) = x2 – 6 จะเห็นไดวา x2 ≥ 0 เสมอไมวาจะแทนดวยจํานวนใดในโดเมน ดังนั้น 1) x2 – 6 มีคาต่ําสุด เมื่อ x2 = 0 แต x2 = 0 เมื่อ x = 0 ดังนั้น คาต่ําสุดของจํานวน ที่เปนสมาชิกของเรนจของ h คือ h(0) = 0 – 6 = –6 2) x2 – 6 มีคาสูงสุด เมื่อ x2 มีคาสูงสุด แต x2 มีคาสูงสุดเมื่อ ⏐x⏐ มีคาสูงสุดในโดเมน พิจารณาโดเมนของ h จะพบวา ไมมี x ซึ่งมีคาสัมบูรณสูงสุด แตทราบวา คาสัมบูรณของ สมาชิกทุกตัวในโดเมนมี คาไมเกิน 4 เพราะโดเมนคื อต{x ⏐– 4 < x < 3} กลุม สาระการเรี ย นรู ค ณิ ศาสตร ดังนั้น คาของ h(x) ตองนอยกวา 42 – 6 หรือ 10 ไมวาจะแทน x ดวยจํานวนใดในโดเมน ดังนั้น จะเห็นวา จํานวนที่จะเปนสมาชิกของเรนจของ h ได ตองเปนจํานวนที่อยูในเซต A = {y⏐– 6 ≤ y < 10}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
พิจารณาสมการ h(x) = x2 – 6 จะไดวา x2 = h(x) + 6 จะเห็นไดวา ไมวาแทน h(x) ดวยจํานวนใดในเซต A จะเกิดสมการซึ่งหาสมาชิกของโดเมน จัดทําโดย ของ h ที่ทําใหสมการเปนจริงไดเสมอ ดังนั้น สรุปไดวาเรนจของ h คือ A หรือ {y⏐– 6 ≤ y < 10} สถาบั น ส เสริมวการสอนวิ ทยาศาสตร ละเทคโนโลยี นอกจากวิธีดังกลงาวมาแล อาจหาเรนจของฟ งกชัน h ไดโแดยการเขี ยนกราฟของ –6 h(x) = x2 กระทรวงศึ กษาธิการ 9. (1) ฟงกชันจาก A ไป B มี f1, f2, f4, f5 และ f6 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 (2) ฟงกชันจาก A ไปทั่วถึง B มี f2 และ f5 ครัง้ ทีf7 ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (3) ฟงกชันจาก B ไป A พิมี มf3พและ (4) ฟงกชันจาก B ไปทั่วถึง B ไมมพ.ศ. ี ๒๕๔๗ (5) ฟงกชันจาก A ไป A มี f4 และ f6 (6) ฟงกชันจาก 1 – 1 มี f2, f5 และ f7 (7) ฟงกชันจาก B ไปทั่วถึง A มี f7 องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย หมายเหตุ การเขี ย นแผนภาพแสดงการจับคูระหวางสมาชิกของเซต 2 เซต จะชวยใหผูเรีย น พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว มองฟงกชันไดงายขึ้น ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
113 f(x) = x2 + x f(x1) = x 12 + x1 f(x2) = x 22 + x2 ถา f(x1) = f(x2) จะได x 12 + x1 = x 22 + x2 x 12 – x 22 = x2 – x1 (x1 – x2)(x1 + x2) = –(x1 – x2) ถา x1 ≠ x2 จะได x1 + x2 = –1 x1 = –1 – x2 = –(1 + x2)ยนรูค กลุม สาระการเรี ณิตศาสตร ถาให x2 = 0 จะได x1 = –1 ซึ่งทําให f(0) = 0 = f(–1) แต 0 ≠ –1 นั่นคือ f ไมเปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง
10. (1) จาก จะได
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(2) จาก จะได
g(x) = 2x + 5 = 2x1 + 5 g(x1) g(x2) = 2x2 + 5 จัดทําโดย ถา g(x1) = g(x2) จะได 2x1 + 5 = 2x2 + 5 สถาบันสx1งเสริมการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี = x2 ดังนั้น ถา g(x1) กระทรวงศึ = g(x2) แลกวษาธิx1การ = x2 นั่นคือ g เปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง
(3) จาก จะได
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9
h(x) = ⏐2x – 1⏐ ่ นึง่ ⏐2x๑๐,๐๐๐ เลม h(x1) พิมพครั=ง้ ทีห 1 – 1⏐ h(x2) =พ.ศ. ๒๕๔๗ ⏐2x2 – 1⏐ ถา h(x1) = h(x2) จะได ⏐2x1 – 1⏐ = ⏐2x2 – 1⏐ (ยกกําลังสองทั้งสองขางของสมการ) องคการคาของคุรุสภาจั2 ดพิมพจําหนาย 4x 12 – 4x1 + 1 = 4x 2 – 4x2 + 1 าว x 12 – x1พิมพที่โรงพิ = มพคxุร22ุส–ภาลาดพร x2 2 ๒๒๔๙ x 12 – x ถนนลาดพร = าว วังทองหลาง x1 – x2 กรุงเทพมหานคร 2 มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
114 = x1 – x2 (x1 – x2)(x1 + x2) จะได x1 + x2 = 1 = 1 – x2 x1 ถาให x2 = 0 จะได x1 = 1 ซึ่งทําให h(0) = 1 = h(1) แต 0 ≠ 1 นั่นคือ h ไมเปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง
ถา x1
≠
x2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิเฉลยแบบฝ ตศาสตร เล ม ๒ กหัด 2.3.1 (ข)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
1. (1) ให x1, x2 ∈ (0, ∞) ถา x1 < x2 จะได –3x1 > –3x2 –3x1 + 7 > –3x2 + 7 ดังนัตามหลั ้น > f(x กf(x สูต1)รการศึ กษาขั น้ พืน้ ฐาน 2) นั่นคือ f เปนฟงกชันลดบนเซต (0, ∞)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ พุทธศักราช ๒๕๔๔
(2) ให x1, x2 ∈ (–∞, 0] ถา x1 < x2 จะได x 12 > x 22 จัดทําโดย – x 12 < – x 22 2 สถาบันส–งxเสริ ม<การสอนวิ – x 22 + 5 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 1 +5 ดังนั้น f(x1) < f(x2) กระทรวงศึกษาธิการ นั่นคือ f เปนฟงกชันเพิ่มบนเซต (–∞, 0] (3) f(x) = พิจารณา
x
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 f(2) พิ=มพค2 รัง้ ทีห ่ = นึง่ 2 ๑๐,๐๐๐ เลม f(–1) = −1 = 1 พ.ศ. ๒๕๔๗ f(–2) = − 2 = 2
จะเห็นวา –1 < 2 และ f(–1) < f(2) –2 < –1 แต f(–2) > f(–1) ของคุเปรนุสฟภาจั พิมพจําหน ดังนั้น f ไมเปนองค ฟงกกชันารค เพิ่มาและไม งกชันดลดบนเซต [–2,าย2]
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
115 (4) f(x) = x2 + 1 พิจารณา f(–5) = (–5)2 + 1 = 26 f(–3) = (–3)2 + 1 = 10 f(6) = 62 + 1 = 37 จะเห็นวา –5 < –3 แต f(–5) > f(–3) –3 < 6 และ f(–3) < f(6) ดังนั้น f ไมเปนฟงกชันเพิ่มและไมเปนฟงกชันลดบนเซต R
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
2. (1) กราฟของฟงกชันที่กําหนดใหมีคาเพิ่มขึ้นบนชวง [–1, 1] และบนชวง [2, 4] กราฟของฟงกชันกลุ ที่กําม มีคาลดลงบนช หนดให สาระการเรี ยนรูวง ค [1,ณิ2]ตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2) กราฟของฟงกชันที่กําหนดใหมีคาเพิ่มขึ้นบนชวง [0, 1] กราฟของฟงกชันที่กําหนดใหมีคาลดลงบนชวง [–2, 0] และบนชวง [1, 4]
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(3) กราฟของฟงกชันที่กําหนดใหมีคาเพิ่มขึ้นบนชวง [–2, –1] และบนชวง [1, 2] กราฟของฟงกชันที่กําหนดใหมีคาลดลงบนชวง [–3, –2] , [–1, 1] และบนชวง [2, 4]
จัดทําโดย
(4) กราฟของฟงกชันที่กําหนดใหมีคาเพิ่มขึ้นบนชวง [–1, 1] กราฟของฟงกชันที่กําหนดใหมีคาลดลงบนชวง [–3, –1) และบนชวง (1, 3]
3.
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ตัวอยางกราฟที่มีสมบัติตามที่โจทย กําหนด กระทรวงศึ กษาธิการ
(1) f เปนฟงกชันเพิ่ม และ f(x) > 0
สําหรับทุกคาของ x
ISBN 974 -Y01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
X
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
116 (2) f เปนฟงกชันลด และ f(x) > 0
สําหรับทุกคาของ x Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ Xเติม
คณิตศาสตร เลม ๒ กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(3) f เปนฟงกชันเพิ่ม และ f(x) < 0
สําหรับทุกคาของ x
ชัน้ มัธยมศึYกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ X
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
(4) f เปนฟงกชันลด และ f(x) < 0
สําหรับทุกคาของ x
ISBN 974 - 01 Y - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ X
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
117
เฉลยแบบฝกหัด 2.3.2 1. (1) โดเมนของ f และ g คือ R โดเมนของ f + g, f – g และ fg คือ R โดเมนของ gf คือ {x⏐x ≠ 2} (f + g)(x) (f – g)(x) (fg)(x) f ( )( x ) g
g(x) = ยxนรู + xเ –พิ 2ม คูม= อื ครูf(x)ส+าระการเรี ่ เติม 2
= =
=
f(x) – g(x) f(x)g(x)
= =
x2 – x + 2 x3 – 2x2
f (x) g( x )
=
x2 x −2
คณิตศาสตร เลม ๒ กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2) โดเมนของ f คือ {x⏐–3 ≤ x ≤ 3} และโดเมนของ g คือ {x⏐x ≥ 2 ∪ x ≤ − 2 } โดเมนของ f + g, f – g และ fg คือ Df ∩ Dg = {x⏐–3 ≤ x ≤ − 2 ∪ 2 ≤ x ≤ 3} ตามหลัgfกสูคืตอ รการศึ น้ g พืและน้ ฐาน {x⏐x ∈กDษาขั g(x) ≠พุ0}ทธศั = {xก⏐ราช –3 ≤๒๕๔๔ x < − 2 ∪ 2 < x ≤ 3} โดเมนของ f∩ D
(3)
(f + g)(x) (f – g)(x) (fg)(x)
= = =
f(x) + g(x) = f(x) – g(x) = f(x)g(x) จัดทํ=าโดย
9−x 2 + x 2 −2
f ( )( x ) g
=
f (x) g( x )
9−x2 x2 −2
9 − x 2 − x 2 −2
− x 4 + 11x 2 − 18
=
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี โดเมนของ f และ g คือ กระทรวงศึ R กษาธิการ โดเมนของ f + g, f – g, fg และ (f + g)(x) (f – g)(x) (fg)(x)
= = =
f ( )( x ) g
=
f g
คือ R
f(x)ISBN + g(x) 974 - =01 - 3820 x3 +- 7x 92+1 f(x) – g(x) = x3 + x2 – 1 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม f(x)g(x) = 3x5 + 12x4 + x3 + 4x2 f (x) g( x )
พ.ศ. ๒๕๔๗ x =
3
+ 4x 2 3x 2 +1
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
118 (4) โดเมนของ f คือ {x⏐x ≠ 0} และโดเมนของ g คือ {x⏐x ≠ –2} โดเมนของ f + g, f – g และ fg คือ Df ∩ Dg = {x⏐x ∈ R – {–2, 0}} โดเมนของ gf คือ {x⏐x ∈ Df ∩ Dg และ g(x) ≠ 0} = {x⏐x ∈ R – {–2, 0}} (f + g)(x)
=
f(x) + g(x)
=
(f – g)(x)
=
f(x) – g(x)
=
(fg)(x) f ( )( x ) g
− 2x + 4 x 2 + 2x 6x + 4 x 2 + 2x −8 2 x + 2x
คูม= อื ครูf(x)g(x) สาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม = =
= คณิตศาสตร เลม ๒ − ( x + 2) 2x
f (x) g( x )
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(5) โดเมนของ f คือ R และโดเมนของ g คือ {x⏐x ≤ 1} โดเมนของ f + g, f – g และ fg คือ Df ∩ Dg = {x⏐x ≤ 1} โดเมนของ gf คือ {x⏐x ∈ Df ∩ Dg และ g(x) ≠ 0} = {x⏐x < 1}
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ษาขัน้ พื=น้ ฐาน (f +ตามหลั g)(x) ก=สูตรการศึ f(x) +กg(x) (f – g)(x) = f(x) – g(x) = (fg)(x) = f(x)g(x) = f ( )( x ) g
=
f (x) g( x )
จัดทํ=าโดย
พุx ท+1ธศั+ กราช 1− x ๒๕๔๔ 2
x 2 +1
–
1− x
− x 3 + x 2 − x +1 x 2 +1 1− x
สถาบัfนคืสอ ง{xเสริ ทยาศาสตร (6) โดเมนของ ⏐x ม ≠ การสอนวิ –2} และโดเมนของ g คือ {xแ⏐ละเทคโนโลยี x ≠ 1} โดเมนของ f + g, f – g และ fg คือ Df ∩ Dg = {x⏐x ∈ R – {–2, 1}} กระทรวงศึกษาธิการ โดเมนของ gf คือ {x⏐x ∈ Df ∩ Dg และ g(x) ≠ 0} = {x⏐x ∈ R – {–2, 1, 0}} 2
(f + g)(x)
=
x + 3x −1 f(x)ISBN + g(x) 974 - =01 - 3820 2- 9
(f – g)(x)
=
(fg)(x)
=
พิf(x) มพ–คg(x) รัง้ ทีห่ นึง่ = ๑๐,๐๐๐ เลม f(x)g(x) พ.ศ. ๒๕๔๗ =
f ( )( x ) g
=
f (x) g( x )
=
x + x −2 − x 2 − x −1 x 2 + x −2 x 2 x + x −2 x −1 2 x + 2x
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
119 2. (1) โดเมนของ f(x) = (2) โดเมนของ g(x) =
x
x+2 −
3. (1) f(g(0)) g(f(0))
คือ {x⏐0 ≤ x ≤ 2} คือ {x⏐x ≥ –2 และ x ≠ 0}
2− x 1 x 1
(3) โดเมนของ h(x) = (4) โดเมนของ
+
( x + 2) 2 ( x − 4) 4
k(x) =
x +5 x −1
คือ {x⏐x
คือ {x⏐x ≥
≥
4}
–5 และ x ≠ 1}
คูม= อื ครูf(1)สาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
= –2 = g(–5) = กลุม –24 สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2) f(f(4))
= f(7) = 16 g(g(1)) g(0) กษาขัน ตามหลัก=สูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน = 1
พุทธศักราช ๒๕๔๔
(3) (f°g)(–2)
= f(g(–2)) จัดทําโดย = f(–3) = –14 การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (g°สถาบั f)(–2) นส=งเสริม g(f(–2)) = g(–11) กระทรวงศึกษาธิการ = –120
(4) (f°f)(–1)
(g°g)(2)
= = = = = =
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 f(f(–1)) พิf(–8)) มพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม –29 พ.ศ. ๒๕๔๗ g(g(2)) g(–3) –8
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
120 (5) (f°g)(x)
(g°f)(x)
= = = = = = = = =
f(g(x)) f(1 – x2) 3(1 – x2) – 5 –3x2 – 2 g(f(x)) g(3x – 5) 1 – (3x – 5)2 1 – (9x2 – 30x + 25) –9x2 + 30x – 24
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม (6) (f°f)(x)
คณิตศาสตร เลม ๒ กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
= f(f(x)) = f(3x – 5) = 3(3x – 5) – 5 9x – 20 ตามหลัก=สูตรการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน (g°g)(x) = g(g(x)) = g(1 – x2) = 1 – (1 – x2)2 จัดทําโดย = 1 – (1 – 2x2 + x4) = –x4 + 2x2
4.
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ พุทธศักราช ๒๕๔๔
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี โดเมนของ f คือ {–3, 0, 2} และโดเมนของ g คืกอษาธิ {–3, ก1,าร 2} กระทรวงศึ ฉะนั้น โดเมนของ f + g คือ Df
∩ Dg
= {–3, 2}
- 9 (–3, 3) อยูใน f + g (1) (f + g)(–3) = f(–3) + g(–3)ISBN = 1974 + 2 - =013- 3820 จะได (f + g)(2) = f(2) + g(2) 6 จะได เล(2, พิมพค=รัง้ 0ที+ห่ 6นึง่ = ๑๐,๐๐๐ ม 6) อยูใ น f + g ดังนั้น f + g = {(–3, 3), (2, 6)} พ.ศ. ๒๕๔๗
(2) (f – g)(–3) = f(–3) – g(–3) = 1 – 2 = –1 จะได (–3, –1) อยูใน f – g (f – g)(2) = f(2) – g(2) = 0 – 6 = –6 จะได (2, –6) อยูใ น f – g ดังนั้น f – g = {(–3, องคก–1),ารค(2,า–6)} ของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
121 (3) โดเมนของ ⎛g⎞ ⎜ ⎟(−3) ⎝f ⎠ ดังนั้น gf
(4) โดเมนของ ⎛f ⎞ ⎜ ⎟(−3) ⎝g⎠ ⎛f ⎞ ⎜ ⎟(2) ⎝g⎠ ดังนั้น gf
g f
คือ {x⏐x ∈ Df g (−3) f (−3)
=
=
∩ Dg
และ f(x) ≠ 0} = {–3}
2 1
= 2
และ g(x)
จะได (–3, 2) อยูใน
g f
= {(–3, 2)} f g
คือ {x⏐x ∈ Df
∩ Dg
=
f (−3) g (−3)
1 2
=
f ( 2) g( 2)
≠
0} = {–3, 2}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม =
จะได
1⎞ ⎛ ⎜ − 3, ⎟ 2⎠ ⎝
คณิ=ตศาสตร เล = 0 จะไดม (2,๒ 0) 0 6
= {(–3, ), (2, 0)} กลุม 12สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร
อยูใน
f g
อยูใน
f g
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔จะได
(5) (fg)(–3) = f(–3)g(–3) = 1⋅2 = 2 (fg)(2) = f(2)g(2) = 0⋅6 = 0 รการศึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน ดังนัตามหลั ้น fg =กสูต {(–3, 2), (2,ก0)} (6) (g – f)(–3) = g(–3) – f(–3) = 2 – 1 = 1 (g – f)(2) = g(2) – f(2) = 6 – 0 = 6 จัดทําโดย ดังนั้น g – f = {(–3, 1), (2, 6)}
(–3, 2) อยูใน fg จะได (2, 0) อยูใน fg
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จะได (–3, 1) อยูใน g – f จะได (2, 6) อยูใ น g – f
สถาบันส=งเสริมการสอนวิ (7) f°g(–3) f(2) = 0 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี f°g(1) = f(2) = 0 กระทรวงศึ กษาธิการ = f(6) แต 6 ไมอยูในโดเมนของ f f°g(2) ฉะนั้น 2 ไมอยูในโดเมนของ f°g ดังนั้น f°g = {(–3, 0), (1,ISBN 0)} 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม g(1) = 2 พ.ศ. ๒๕๔๗ g(4) แต 4 ไมอยูในโดเมนของ g
= (8) g°f(–3) = g°f(0) ฉะนั้น 0 ไมอยูในโดเมนของ g°f g°f(2) = g(0) แต 0 ไมอยูในโดเมนของ g การคาของคุ ฉะนั้น 2 ไมอยูองค ใ นโดเมนของ g°f รุสภาจัดพิมพจําหนาย ดังนั้น g°f = {(–3, 2)}พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
122 = f(4) แต 4 ไมอยูในโดเมนของ f (9) f°h(2) ฉะนั้น 2 ไมอยูในโดเมนของ f°h = f(0) = 4 f°h(1) ดังนั้น f°h = {(1, 4)} = h(1) = 0 (10) h°f(–3) h°f(0) = h(4) แต 4 ไมอยูในโดเมนของ h ฉะนั้น 0 ไมอยูในโดเมนของ h°f h°f(2) = h(0) แต 0 ไมอยูในโดเมนของ h ฉะนั้น 2 ไมอยูในโดเมนของ h°f กลุม {(–3, สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร ดังนั้น h°f = 0)}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
= h(2) = 4 (11) h°g(–3) h°g(1) = h(2) = 4 ตามหลั ก สู ต รการศึ ้ 6พืไมน้ อฐาน พุทธศักhราช h°g(2) = h(6)กษาขั แต น ยูในโดเมนของ ฉะนั้น 2 ไมอยูในโดเมนของ h°g ดังนั้น h°g = {(–3, 4), (1, 4)}
จัดทําโดย
๒๕๔๔
(12) g°h(2) = g(4) แต 4 ไมอยูในโดเมนของ g ฉะนั้น 2 ไมอยูในโดเมนของ g°h สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี g°h(1) = g(0) แต 0 ไมอยูในโดเมนของ g กระทรวงศึ กษาธิการ ฉะนั้น 1 ไมอยูในโดเมนของ g°h ดังนั้น g°h = ∅ 5. (1)
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 f(x) = 3x + 2, g(x) = 4x – 1 พิf(g(x)) มพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม f°g(x) = = f(4x – 1)พ.ศ. ๒๕๔๗ = 3(4x – 1) + 2 = 12x – 1 โดเมนของ f°g คือ R g°f(x) =องคกg(f(x)) ารคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย = g(3x + 2) พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว = 4(3x + 2) – 1 = 12x + 7 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
123 โดเมนของ g°f คือ R f°f(x) = f(f(x)) = f(3x + 2) = 3(3x + 2) + 2 โดเมนของ f°f คือ R g°g(x) = g(g(x)) = g(4x – 1) = 4(4x – 1) – 1 โดเมนของ g°g คือ R
=
9x + 8
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม = 16x – 5 คณิตศาสตร เล ม๒
(2)
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร x
f(x) = 5x – 6, g(x) = f°g(x)
=
ชัf(g(x)) น้ มัธยมศึ=กษาปที่ ๔ 3
=
x f( ) 3 x 5( ) − 6 3
=
5x −6 3
=
5x −2 3
ตามหลั กสูfต°gรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ โดเมนของ คือ Rกษาขัน g°f(x)
=
g(f(x))
= =
จัดทําโดย
g(5x – 6) 5x − 6 3
โดเมนของ g°f คือ R f°f(x) นส=งเสริม f(f(x)) f(5x – 6)และเทคโนโลยี สถาบั การสอนวิ=ทยาศาสตร = 5(5x – 6) – 6 = 25x – 36 กษาธิการ R โดเมนของ f°f คือ กระทรวงศึ
(3)
g°g(x)
=
g(g(x))
f°g(x)
=
f(g(x))
x
ISBN 974 - =01 - 3820g( 3- )9 โดเมนของ g°g คือ R พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม f(x) = x2, g(x) = x + 5 พ.ศ. ๒๕๔๗ = =
f(x + 5) (x + 5)2
=
x ( ) 3 3
=
x2 + 10x + 25
โดเมนของ f°g คือ R องคการคาของคุรุสภาจัดพิม2พจําหนาย g°f(x) = g(f(x)) = g(x ) = โดเมนของ g°f คืพิอมพRที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
x2 + 5
=
x 9
124 f(f(x)) f°f(x) = โดเมนของ f°f คือ R g(g(x)) g°g(x) = โดเมนของ g°g คือ R (4)
=
f(x2)
=
g(x + 5) =
=
x4 (x + 5) + 5 = x + 10
f(x) = x3 + 1, g(x) = x + 2 f°g(x) = f(g(x))
คูม อื ครูสาระการเรี นรู+ 2)เ พิม่ เติม = ยf(x =
(x + 2)3 + 1
คณิตศาสตร เลม ๒
=
x3 + 6x2 + 12x + 9
โดเมนของ f°g คือ R g°f(x) = g(f(x))
= g(x3 + 1) กลุม สาระการเรีย= นรูค xณิ3 +ต1ศาสตร +2 = x3 + 3 โดเมนของ g°f คือ R f°f(x) = f(f(x)) = f(x3 + 1) 3 3 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื=น้ ฐาน(xพุ+ท1)ธศั+ ก1 ราช ๒๕๔๔ โดเมนของ f°f คือ R g°g(x) = g(g(x)) = g(x + 2) = x+2+2 = x+4 จัดทําโดย โดเมนของ g°g คือ R
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(5)
f(x) = น1x ส, งg(x) 2x + 3 สถาบั เสริ=มการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี f°g(x) = f(g(x)) กระทรวงศึ= กษาธิf(2xก1าร+ 3) =
โดเมนของ f°g คือ g°f(x)
=
2x + 3
{x⏐x ≠ − 32 }
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 1 g(f(x)) = g( ) x เลม พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ 2 +3 = x พ.ศ. ๒๕๔๗
โดเมนของ g°f คือ {x⏐x ≠ 0} f(f(x)) = f°f(x) =
f ( 1x )
=
x
โดเมนของ f°f ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมน f และ f(x) อยูในโดเมนของ f องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย ดังนั้น โดเมนของ f°f คือ {x⏐x ≠ 0}
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
125 g°g(x)
=
g(g(x))
= =
g(2x + 3) 2(2x + 3) + 3
=
4x + 9
โดเมนของ g°g คือ R (6)
f(x) = x2, g(x) = x − 5 f°g(x) = f(g(x))
= f( x − 5 ) = ( x − 5 )2 = x–5 โดเมนของ f°g ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมนของ g และ g(x) อยูในโดเมนของ f ดังนั้น โดเมนของ f°g คือ {x⏐x ≥ 5} g°f(x) = g(f(x)) = g(x2) = x 2 −5 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร โดเมนของ g°f คือ {x⏐x2 – 5 ≥ 0} = {x⏐x ≤ − 5 หรือ x ≥ 5 } g°g(x) = g(g(x)) = g( x − 5 ) 5 −5 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื=น้ ฐาน พุxท−ธศั กราช ๒๕๔๔ โดเมนของ g°g ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมนของ g และ g(x) อยูใน โดเมนของ g x อยูในโดเมนของ g ก็ตอเมื่อ x ≥ 5 จัด่อ ทําโดย x −5 ≥ 5 g(x) อยูในโดเมนของ g ก็ตอเมื หรือ x ≥ 30 สถาบั สงเสริมg°การสอนวิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น น โดเมนของ g คือ {x⏐x ≥ท30}
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(7)
กษาธิการ f(x) = x , g(x) = กระทรวงศึ 2x – 5 f°g(x) = f(g(x)) = f(2x – 5) = โดเมนของ f°g คือ ISBN R 974 - 01 - 3820 - 9 g( x ) g°f(x) = พิg(f(x)) มพครัง้ ทีห่ นึง่ = ๑๐,๐๐๐ เลม = โดเมนของ g°f คือ R พ.ศ. ๒๕๔๗ f°f(x) = f(f(x)) = f(x ) = โดเมนของ f°f คือ R g°g(x) = g(g(x)) = g(2x – 5) องคการคาของคุรุส=ภาจัดพิ2(2x มพ–จ5)ําหน – 5 าย = โดเมนของ g°g คืพิอมRพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
2x − 5
2 x −5
x
4x – 15
=
x
126 (8)
f(x) = x + 4, g(x) = x − 4 f°g(x) = f(g(x)) โดเมนของ f°g คือ R g°f(x) = g(f(x)) โดเมนของ g°f คือ R f°f(x) = f(f(x)) โดเมนของ f°f คือ R g°g(x) = g(g(x)) โดเมนของ g°g คือ R
=
f(⏐x – 4⏐)
=
x−4 +4
=
g(x + 4)
=
x+4−4
=
f(x + 4)
=
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม = g( คณิตศาสตร เล ม) ๒
(9)
x−4
=
x
x+4+4 = x+8 x−4 −4
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
f(x) =
x +1 , x
f°g(x)
=
g(x) = 2x – 3
ชัf(g(x)) น้ มัธยมศึ กษาปที่ ๔ = f(2x – 3) =
โดเมนของ f°g คือ {x⏐x
≠
2x − 3 + 1 2x − 3
=
3 } 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ xฐาน พุทธศักราชx + 1๒๕๔๔ +1 g°f(x)
=
=
g(f(x))
=
g(
x
)
=
2(
=
x +1 +1 x x +1 x
x
)−3
=
2x − 2 2x − 3
−x + 2 x
โดเมนของ g°f คือ {x⏐x ≠ 0} f°f(x)
=
f(f(x))
จั=ดทําf โดย x +1 ) ( x
=
2x + 1 x ⋅ x x +1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี= 2xx++11 โดเมนของ f°f ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมนของ f และ f(x) อยูใน กระทรวงศึกษาธิการ โดเมนของ f x อยูในโดเมนของ f ก็ตอเมื่อ x ≠ 0 974่อ - x01+1- 3820 -9 ≠ 0 f(x) อยูในโดเมนของISBN f ก็ตอเมื x
่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม นั่นคือ x ≠ –1 พิมพครัง้ ทีห ดังนั้น โดเมนของ f°f คือ พ.ศ. {x⏐x ๒๕๔๗ ≠ –1 และ x ≠ 0} g°g(x) = g(g(x)) = g(2x – 3) = 2(2x – 3) – 3 = 4x – 9 โดเมนของ g°g(x) คือ R องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
127 (10)
1 x
f(x) = f°g(x)
, g(x) = x2 + 4x
=
f(g(x))
=
f(x2 + 4x)
1
=
2
x + 4x
2
x อยูในโดเมนของ f°g ก็ตอเมื่อ x + 4x > 0 นั่นคือ x(x + 4) > 0 หรือ x > 0 หรือ x < – 4 ดังนั้น โดเมนของ f°g คือ {x⏐x > 0 หรือ x < – 4} g°f(x) = g(f(x)) = g( 1 ) =
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
1 2 1 ) + 4( ) x x 1 4 + x x
(
x
=
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
โดเมนของ f°g คือ {x⏐x > 0} f°f(x)
=
ชัf(f(x)) น้ มัธยมศึ = กษาปท=ี่ ๔ f(
1 ) x
1
=
x
โดเมนของ f f คือ {x⏐x > 0} °
= (x2 + 4x)2 + 4(x2 + 4x) = x4 + 8x3 +20x2 + 16x จัดทําโดย โดเมนของ g°g คือ R f(x) = x , g(x) = x สถาบั นสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี f°g(x) = f(g(x)) = f( x ) = x โดเมนของ f°g คือ กระทรวงศึ {x⏐x ≥ 0} กษาธิการ 3
6
g°f(x) = g(f(x)) = g(3 x ) = โดเมนของ g°f คือ {xISBN ⏐x ≥ 0} 974 - 01 - 3820 - 9 f(f(x)) = f (3 x ) = f°f(x) = พิ ม พ ค รั ง ้ ที ห ่ นึ ง ่ ๑๐,๐๐๐ เล ม โดเมนของ f°f คือ R g°g(x) = g(g(x)) พ.ศ. = ๒๕๔๗ g( x ) = โดเมนของ g°g คือ {x⏐x ≥ 0}
6
x
9
x
4
x
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1
x4
° ตามหลั ก สู ต รการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ g g(x) = g(g(x)) = g(x2 + 4x)
(11)
1
128 (12)
f(x) = f°g(x)
2 x
x−2 x
, g(x) = =
f(g(x))
=
f(
x−2 ) x
2x x−2
=
โดเมนของ f°g ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมนของ g และ g(x) อยูในโดเมนของ f x อยูในโดเมนของ g ก็ตอเมื่อ x ≠ 0 g(x) อยูในโดเมนของ f ก็ตอเมื่อ x x− 2 ≠ 0
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
นั่นคือ x ≠ 2 โดเมนของ f°g คือ {x⏐x ≠ 0 และ x ≠ 2} g°f(x)
2 −2 กลุ ม สาระการเรี ย นรู ค ณิ ต ศาสตร = g(f(x)) = g( 2 ) = x x
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
2 x
=
2 − 2x x ⋅ x 2
= 1–x โดเมนของ g°f ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมนของ f และ f(x) อยูใน ตามหลั กสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ โดเมนของ g ดังนั้น โดเมนของ g°f คือ {x⏐x ≠ 0} f°f(x) = f(f(x)) = f ( x2 ) = 22 = 22x = x ( ) จัดทําโดย x
โดเมนของ f°f ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมนของ f และ f(x) นโดเมนของ f สถาบั นสอยูงใเสริ มการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น โดเมนของ f°f คือ {x⏐x ≠ 0}
กระทรวงศึ กษาธิx −ก2 าร −2 x −2
g°g(x) = g(g(x)) =
g(
x
)
=
x x −2 x
=
x − 2 − 2x x ⋅ x x −2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 = − 2 − x x −2 พิ ม พ ค รั ง ้ ที ห ่ นึ ง ่ ๑๐,๐๐๐ เล ม โดเมนของ g°g ประกอบดวยจํานวนจริง x ซึ่งอยูในโดเมนของ g และ g(x) อยูในโดเมนของ พ.ศ. g ๒๕๔๗ x อยูในโดเมนของ g ก็ตอเมื่อ x ≠ 0 g(x) อยูใ นโดเมนของ g ก็ตอเมื่อ x x− 2 ≠ 0
นั่นคือรุสภาจั x ≠ ด2พิมพจําหนาย องคการคาของคุ
โดเมนของ g°g คือ {x⏐x ≠ 0 และ x ≠ 2}
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
129 6. (1)
f(x) = x + 1, g(x) = x , h(x) = x – 1 f°(g°h)(x) (f°g)°h(x) = (f°g)(h(x)) = (f°g)(x – 1) = f (g( x −1) ) = f ( x −1) = x −1 +1
= = = = =
f(g°h(x)) f(g(h(x))
= = = =
f(g°h(x)) f(g(x2 + 1)) f((x2 + 1)3)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(2)
f(x) =
1 x
คณิ ตศาสตร เลf ม(g h)(x)๒ = (f g)(x + 1)
f (g( x −1) f ( x −1) x −1 +1
, g(x) = x3, h(x) = x2 + 1
(f°g)°h(x)
2
°
° °
f(g(x + 1)) ยนรูค กลุ= ม สาระการเรี ณิตศาสตร 2
= =
f((x2 + 1)3)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 1 ( x +1) 3 1 6 4 x + 3x + 3x 2 +1 2
=
=
1 ( x +1) 3 1 6 4 x + 3x + 3x 2 +1 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (3)
(4)
f(x) = x4 + 4, g(x) = x – 5, h(x) = x f°(g°h) (x) = f(g°h(x)) (f°g)°h(x) = (f°g)( x ) = f(g( x )) = f(g( x ))จัดทําโดย = f( x –5) = f( x –5) = ( x − 5) 4 + 4 = มการสอนวิ ( x − 5) 4 + 4 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบันสงเสริ f(x) =
x,
(f°g)°h(x)
g(x) = = =
กระทรวงศึ h(x) = กxษาธิการ
x , x −1
5
(f°g)( 5 x ) f°(g°h)(x) 5 f(g( x )) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ⎛
5
⎞
พิมพf ⎜⎜ครัxง้ x−1ทีห่ ⎟⎟ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ⎝ ⎠ xพ.ศ. ๒๕๔๗ =
=
5
5
5
x −1
= =
f(g°h(x)) f(g( 5 x ))
=
⎛ 5x ⎞ ⎟ f ⎜⎜ ⎟ 5 ⎝ x −1 ⎠
=
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
5 5
x x −1
130 7. ขอสังเกต คําตอบสําหรับขอนี้ฟงกชัน f และ g มีคําตอบมากกวา 1 ชุด (1)
h(x) = (x – 9)8 เชน ให f(x) = x8, g(x) = x – 9 f°g(x) = f(g(x)) = f(x – 9) = (x – 9)8 = h(x)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(2)
คณิตศาสตร เลม ๒
h(x) = x + 5 เชน ให f(x) = x + 5, g(x) = x กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร f°g(x) = f ( x ) = x + 5 = h(x)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(3)
h(x) =
x2 x2 +2
เชน
ให f(x) =
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ f°g(x)
x2 x2 +2
จัด=ทําh(x) โดย
h(x) =นxส+1ง10เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบั เชน ให f(x) = 1x , = x + 10 กระทรวงศึg(x)กษาธิ การ f°g(x)
(5)
g(x) = x2
= f(x2) =
(4)
x , x+2
= f(x + 10) = x +110 = h(x)
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม h(x) = 1− x พิมพครัง้ ทีห เชน ให f(x) = x พ.ศ. , g(x) = 1 – x5 ๒๕๔๗ 5
f°g(x)
= f(1 – x5) = 1− x 5 = h(x)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
131 (6)
h(x) =
2+ x
ให f(x) = f°g(x) = = 8. A(x) = 1.05x A°A(x)
2+ x
, g(x) =
x
f( x) 2+ x
=
h(x)
คูม อื ครู= สาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม A(A(x))
คณิตศาสตร เลม ๒
= A(1.05x) = (1.05)2x = A(A°A(x)) A°A°A( x) A((1.05)ย2x)นรูค (1.05)3x กลุม =สาระการเรี =ณิตศาสตร A°A°A°A ( x) = A(A°A°A (x)) = A((1.05)3x) = (1.05)4x ดังนั้น ฟงกชันประกอบของฟงกชัน A จํานวน n ฟงกชัน คือ (1.05)nx ซึ่งแทนจํ านวนเงิ ่จะไดกเมืษาขั ่อครบกํ n ป พุทธศักราช ๒๕๔๔ ตามหลั กสูนตรวมที รการศึ น้ พืาหนด น้ ฐาน
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
9. h(x) = 4x2 + 4x + 7 = (4x2 + 4x +จั1)ด+ทํ6าโดย = (2x + 1)2 + 6 = (g(x))2 + 6 สถาบั นส=งเสริมx2 การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ให f(x) +6 2 ดังนั้น f°g(x) = f(g(x)) = (g(x)) + 6การ= h(x) กระทรวงศึ กษาธิ 10. f°g(x) = h(x) = 3x2 + 3x + 2 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ดังนั้น 3g(x) + 5 = f(g(x)) = 3x2 + 3x + 2 ∴ g(x) = =
พิ3มxพ+ค3รัxง้ +ที2ห่ − 5นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 3 2 x + x – 1พ.ศ. ๒๕๔๗ 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
132
เฉลยแบบฝกหัด 2.3.3 1. (1) (2) (3) (4) (5)
f–1(10) f(– 4) f–1(18) f(3) f(x) ให ∴
= = = = = =
f–1(f(3)) f(f–1(3)) f–1(f(10)) f(f–1(4)) 5 + 2x 5 + 2x
=
y− 5 2
= = = =
3 3 10 4
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
y x
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
เปลี่ยน x เปน y และ y เปน x x −5 y = 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ดังนั้น
f–1(x) =
x −5 2 10− 5 2
ตามหลั รการศึ ้ พืน้ =ฐาน52พุทธศักราช ๒๕๔๔ ∴ กfสู1ต(10) = กษาขัน –
(6)
2. (1)
g(x) = x2 + 4x เมื่อ x ≥ –2 ให x ที่ทําให g(x) = 12 2 x + 4x = 12 จัดทําโดย 0 x2 + 4x – 12 = (x + น 6)(xส–ง2) 0 สถาบั เสริม= การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴ x = 2, – 6 กษาธิการ Q x ≥ กระทรวงศึ –2 ∴ x = 2 จะไดวา g(2) = ISBN12974 - 01 - 3820 - 9 ดังนั้น g–1(12) พิ=มพครั2ง้ ทีห ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม f(x) = x + 5, g(x) = x – 5พ.ศ. ๒๕๔๗ f(g(x)) = f(x – 5) f°g(x) = = x–5+5 = x ารคาของคุ= รุสg(x ภาจั+ ด5)พิมพจําหนาย g°f(x) =องคกg(f(x)) – 5 = าวx พิมพที่โรงพิ=มพคx ุร+ุส5ภาลาดพร ดังนั้น f ๒๒๔๙ และ g ถนนลาดพร เปนตัวผกผัานว ของกั นและกันกรุงเทพมหานคร วังทองหลาง มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
133 (2)
f(x) = 3x, g(x) = f°g(x)
=
−
x 3
f(g(x))
= =
g°f(x)
=
g(f(x))
x f (− ) 3 x 3(− ) 3
=
g(3x)
=
(−3x ) 3
=
–x
=
–x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน (3)
คณิตศาสตร เลม ๒
f(x) = 2x + 5, g(x) = f°g(x)
x −5 2
x − 5ค f(g(x)) สาระการเรี ) ณิตศาสตร = กลุม = ยf (นรู 2
= กษาปที่ ๔ ชัน้ มัธยมศึ 2(
x −5 )+5 2
= x–5+5 = x g°f(x) ก=สูตรการศึ g(f(x))กษาขั=น + 5) พุทธศักราช ตามหลั ้ พืg(2x น2้ xฐาน + 5−5 = x = 2
๒๕๔๔
ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน (4)
f(x) =
3− x 5
จัดทําโดย
, g(x) = 3 – 5x
f°g(x) = = f(3 – 5x) สถาบั นสงเสริมf(g(x)) การสอนวิ ท3−ยาศาสตร และเทคโนโลยี (3 − 5x ) = = x 5 กระทรวงศึกษาธิการ g f(x) = g(f(x)) = g( 3− x ) °
(5)
5
=
3 – 5 ( 3−5 x )
=
=
1 f( ) x 1 1 ( ) x
x
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม f(x) = 1x , g(x) = 1x พ.ศ. ๒๕๔๗ f°g(x)
=
f(g(x))
=
=
x
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
134 g°f(x)
=
g(f(x))
= =
1 g( ) x 1 1 ( ) x
=
x
ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน (6)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
f(x) = x5, g(x) = 5 x f°g(x) = f(g(x)) = f (5 x ) = (5 x ) 5 = กลุม xสาระการเรียนรูค ณิตศาสตร g°f(x) = g(f(x)) = g(x5) 5 x5 = ตามหลัก=สูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช x กษาขัน ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(7)
๒๕๔๔
f(x) = x2 – 4 , x ≥ 0 ; g(x)จัด=ทําโดย x+4 , x ≥ –4 ถา x ≥ –4 f°g(x) = f(g(x)) สถาบั นส=งเสริมf( การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี x+4 ) = ( กระทรวงศึ x + 4)2 − 4 กษาธิการ = x+4–4 = x ถา x≥0 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 g°f(x) = g(f(x)) พิg(xมพ2 –ค4)รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = = x 2 − 4 +พ.ศ. 4 ๒๕๔๗ = x2 = x = x ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
135 (8)
1
f(x) = x3 + 3, g(x) = (x − 3) 3 f°g(x) = f(g(x)) 1 f (( x − 3) 3
=
g°f(x)
= = = =
)
1 (( x − 3) 3 ) 3
+3
x g(f(x)) g(x3 + 3)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ 1
( x 3 + 3 − 3) 3 = = กลุม xสาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน
(9)
f(x) =
1 x −3
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
, x
≠
3,
g(x) =
1 +3 x
, x ≠0
ถา 0 ตามหลั กxสูต≠ รการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ f°g(x)
= =
f(g(x))
1 f ( + 3) x 1 1 + 3−3 x
=
จัดทํ=าโดย x
ถา x ≠3 สถาบั การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี g°f(x) นส=งเสริม g(f(x)) 1 g(กระทรวงศึ ) = กษาธิการ x −3 1 +3 1 ( ) x −3
=
=
x–3+3 = x
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม , 0 ≤ x ≤ 2 ; g(x) = 4 − x , 0 ≤ x ≤ 2 พ.ศ. ๒๕๔๗
ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน (10)
f(x) = ถา f°g(x)
4− x 2
0 = =
≤
2
x
2 f(g(x)) f( 4 − x 2 ) ≤
าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย =องคการค 4 − ( 4 − x 2 )2 พิม4พ−ท(4ี่โ−รงพิ = x 2 )มพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพร = x 2 = าว วังทองหลาง x = กรุงเทพมหานคร x มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
136 g°f(x)
= =
g(f(x)) g( 4 − x 2 )
= 4−( 4− x 2 )2 = 4 − (4 − x 2 ) = x2 = x = ดังนั้น f และ g เปนตัวผกผันของกันและกัน
x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
3. (1)
f(x) = 3x + 1 ให y ∴
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ 3x + 1
y −1 ยนรูค =สาระการเรี ณิตศาสตร x กลุม 3
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y x −1 y = 3 x −1
–1
ดังนั้น กfสูต (x)รการศึ = กษาขั ตามหลั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 3 น (2)
(3)
f(x) = 5 – x ให y = 5–x จัดทําโดย ∴ x = 5–y เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y สถาบันสyงเสริม= การสอนวิ 5 – x ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น f–1(x) = กระทรวงศึ 5 – x กษาธิการ f(x) = 5x + 7 ให y
=
∴
y
=
ดังนั้น
f–1(x) =
ISBN5x974 - 01 - 3820 - 9 +7 พิ=มพครัง้ yที−ห่ 7 นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ∴ x 5 พ.ศ. เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เป๒๕๔๗ นy x −7 5 x −7 5
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
137 (4)
f(x) = 5 – 3x ให y 3x x
= =
5 – 3x 5–y
=
5− y 3
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y 5− x ∴ y = 3 ดังนั้น (5)
f(x) = ให
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 5− x 3
f–1(x) =
คณิตศาสตร เลม ๒
x 5
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
y
x 5
=
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
∴ x = 5y เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y ตามหลักyสูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน = กษาขั 5x น 5x ดังนั้น f–1(x) = (6)
f(x) =
1 x2
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย
, x>0
เมื่อ x>0 1 สถาบั ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ให นสy งเสริ=มการสอนวิ 2 2
∴
x
=
x
=
x 1 y
กระทรวงศึกษาธิการ 1 ± y
ISBN 9741 - 01 - 3820 - 9 เนื่องจาก x > 0 ดังนั้น x = พิมพครัง้ ทีห่ นึyง่ ๑๐,๐๐๐ เลม เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x พ.ศ. ๒๕๔๗ 1 y
ดังนั้น
=
f–1(x) =
x 1 x
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
138 (7)
f(x) = ให
1 x+2
y
1 x+2 1 y 1 –2 y
=
x+2 = ∴
x
=
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x 1 ∴ y = –2 x ดังนั้น (8)
f(x) = ให
–2 คณิตศาสตร เลม ๒ 1 x
f–1(x) =
กลุ, ม xสาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร ≠2
x+2 x−2
y
ชั=น้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ x+2 x−2
y(x – 2) = x+2 ตามหลัxyก–สู2yตรการศึ ้ พืน้ ฐาน = กษาขั x + 2น xy – x = 2 + 2y x(y – 1) = 2y + 2 ∴
x
พุทธศักราช ๒๕๔๔
2y + 2 y −1
จัดทําโดย
=
เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x 2x + 2 ∴ นสy งเสริ=มการสอนวิ สถาบั ทยาศาสตรและเทคโนโลยี x −1 ดังนั้น (9)
f(x) =
f–1(x) = 5 − 2x 1+ 3x
2x + 2 x −1
x ≠ 1การ กระทรวงศึ,กษาธิ
, x
1
≠ − ISBN 3 974 - 01 - 3820 - 9 5 − 2x ให y พิ=มพครัง้ ที1+ห่ 3xนึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม y(1 + 3x) = 5 – 2x พ.ศ. ๒๕๔๗
y + 3xy = 3xy + 2x = x(3y + 2) =
∴
5 – 2x 5–y 5–y
5−ร y ุสภาจัดพิมพจําหนาย x องคก=ารคาของคุ 3y + 2
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
139 เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y 5− x ∴ y = 3x + 2 f–1(x) =
ดังนั้น (10)
f(x) = 3 – 4x5 ให y 4x5
5− x 3x + 2
, x
≠ −
2 3
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม x
3 – 4x5 3–y
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ 3− y 4
x5 ∴
= = =
3− y 4
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร 5
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y ∴
ชั=น้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
y
5
ดังนั้น f–1(x)
3− x 4 3− x
= ตามหลักสูตรการศึ กษาขัน้ 4 พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (11)
f(x) = ให
5
2− 5x
y y2
= =
x
=
2− 5x
2 จั– ด5xทําโดย 2− y2 5
สถาบั มการสอนวิ เปลี่ยน นy สเปงนเสริ x และเปลี ่ยน x เปนทyยาศาสตรและเทคโนโลยี 2−x ∴ y = กระทรวงศึ กษาธิการ 5 2
f–1(x) =
ดังนั้น (12)
2−x 2 5
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 f(x) = x + x, x ≥ − 12 พิมพครัง้ ที2 ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ให y = x +x พ.ศ. 0 ๒๕๔๗ x2 + x – y = 2
∴
x
เนื่องจาก x ดังนั้น
x
= ≥−
−1− 1− 4 y 2
1 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย −1+ 1− 4 y
พิ= มพที่โรงพิมพ2คุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
140 เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x
(13)
∴
y
ดังนั้น
f–1(x) =
=
−1+ 1− 4x 2 −1+ 1− 4x 2
f(x) = 5 – x2 , x ≥ 0 ให y = 5 – x2 x2 = 5–y ∴ x = ± 5− y เนื่องจาก x ≥ 0 ดังนั้น x = 5− y กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x จะได y = 5− x ดังนั้น f–1(x) = 5− x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(14)
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ f(x) = ให
2 x +1
y y2
= =
x
=
2 x +1
2x + 1
จัดทําโดย
y 2 −1 2
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y สถาบั นสงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี x −1 ∴ y = 2 กระทรวงศึ x −1 กษาธิการ ดังนั้น f (x) = 2
–1
2
2
(15)
f(x) = ให
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิ=มพครั5+ ง้ ทีห่ xนึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม y (y – 5)3 = xพ.ศ. ๒๕๔๗
5+ 3 x
3
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y ∴ y = (x – 5)3 ดังนั้น f–1(x) = (x – 5)3
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
141 (16)
f(x) = (4 – x3)5 ให y = (4 – x3)5 5 y = 4 – x3 x3 = 4− 5 y 3 4− 5 y ∴ x = เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y 3 4− 5 x ∴ y = 3 ดังนั้น f–1(x) = 4− 5 x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
(17)
f(x) = ให
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
1+ x +1
y = 1+ x +1 y–1 = x +1 x +1 = (y – 1)2 ตามหลักxสูตรการศึ ้ 2พื– 1น้ ฐาน = กษาขั (y – 1)น ∴ x = y2 – 2y เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x ∴ y = x2 –จั2xดทําโดย x2 – 2x ดังนั้น f–1(x) = (18)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ พุทธศักราช ๒๕๔๔
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี f(x) = 16−x , 0 ≤ x ≤ 4 ให y = กระทรวงศึ 16− x กษาธิการ 2
2
y2 x2 x
= = =
16 – x2 – y2 - 01 - 3820 - 9 ISBN16 974 ± 16− y 2
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ๒๕๔๗ เนื่องจาก x ≥ 0 ดังนั้น xพ.ศ. = 16− y 2
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y ∴ y = 16− x 2 1 2 ดังนั้น f–องค (x) ก=ารคาของคุ 16−รxุส ภาจัดพิมพจําหนาย
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
142 f(x) = x6 , x ≥ 0 ให y = x6 x = ±6 y เนื่องจาก x ≥ 0 ดังนั้น x = 6 y เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y 6 ∴ y = x –1 6 ดังนั้น f (x) = x
(19)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
f(x) = 3 – x3 ให yกลุม =สาระการเรี 3 – x3 ยนรูค ณิตศาสตร 3 x = 3–y 3 3− y ∴ x = เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y ตามหลั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 3− xน ∴ กสูyตรการศึ = ก3ษาขั 3 ดังนั้น f–1(x) = 3− x
(20)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
y=x
Y
4. (1) f(x) = 3x + 6
๒๕๔๔
จัดทําโดย 6
4 สถาบันสงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี f(x) 2 กระทรวงศึกษาธิการ f (x) –1
–6 – 4
ให
y
=
∴ x
=
–2
2
4
5
6
ISBN 974–2- 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึ–ง่ 4 ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ 3x + 6 y− 6 3
เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x องคการค าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย x −6 ∴ y = 3
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
143 ดังนั้น f–1(x) = (2) f(x) =
x −6 3
Y x +3
f–1(x)
y=x f(x)
คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม –3
คณิตศาสตร–3 เลม ๒
X
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ให y = x +3 ∴ x = y2 – 3 รการศึ่ยนกyษาขั ้ xพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ เปลีตามหลั ่ยน x เปนกสูy ตและเปลี เปนน ∴ y = x2 – 3 ดังนั้น f–1(x) = x2 – 3 Y จัดทําโดย 9 y=x (3) f(x) = 9 – x2, x ≥ 0 f(x) สถาบันสงเสริมการสอนวิ6ทยาศาสตรและเทคโนโลยี
กระทรวงศึ3 กษาธิการ ISBN 974 - 01 - 38203- 9 6 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 9 – x2 พ.ศ. ๒๕๔๗
ให y = ∴ x = ± 9− y เนื่องจาก x ≥ 0 ดังนั้น x = 9− y เปลี่ยน x เปน yองค และเปลี ่ยนาของคุ y เปน รxุสภาจัดพิมพจําหนาย การค ∴ y = พิม9−พทx ี่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
ดังนั้น f–1(x) ๒๒๔๙ = 9− x ถนนลาดพร าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
f–1(x) 9
X
144 (4) f(x) = x3 – 2 Y
f(x)
y=x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม –2 คณิตศาสตร เลม ๒ –2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
y = x3 – 2 = y+2 x3 3 y+ 2 ∴ x = จัดทําโดย เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x 3 ∴y = x+2 สถาบั น ส ง เสริ ม การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3 ดังนั้น f–1(x) = x+2
ให
กระทรวงศึกษาธิการ
5. f°I (x) I°f (x) f–1°f (x) f°f–1(x)
= = = =
f(I(x)) = f(x) I(f(x)) = f(x) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 –1 f (f(x)) = x = I(x) ่ นึง่ x ๑๐,๐๐๐ ม f(f–1(x))พิมพครั=ง้ ทีห = เลI(x)
6. h°g–1 (x)
= = = = =
h(g–1(x)) f°g(g–1(x)) –1 f(g(g องคก(x))) ารคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย f(I(x)) พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว f(x) ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
พ.ศ. ๒๕๔๗
f–1(x) X
145 7. (1) ให
y
=
2x + 1
∴
x
=
y −1 2
เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x x −1 ∴ y = 2 ดังนั้น
g–1(x) =
x −1 2
คูม อื ครู= สาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม h(g (x))
f(x) = h°g–1 (x)
–1
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ =
x −1 ) 2 4( x − 1) 2
h(
+
4( x − 1) +7 2
2 กลุม =สาระการเรี –ณิ2 ต+ 7ศาสตร x – 2x +ย1นรู + 2xค 2
2
+ 6 กษาปที่ ๔ ชั=น้ มัธxยมศึ 2
(2) f–1°h (x)
= f–1°f°g (x) ตามหลักสูตรการศึ กษาขั น้ พืน้ ฐาน = f–1(f(g(x))) = g(x) ดังนั้น g = f–1°h ให y = 3x จั+ด5 ทําโดย =
y −5 3
f–1(x) =
x −5 3
x
พุทธศักราช ๒๕๔๔
เสริมการสอนวิ เปลีสถาบั ่ยน x เปนนสyงและเปลี ่ยน y เปน x ทยาศาสตรและเทคโนโลยี x −5 ∴ y = กระทรวงศึ กษาธิการ 3 ดังนั้น
g(x)
= ISBNf–1974 °h(x)- 01 - 3820 - 9 = f–1(h(x)) พิมพครัง้ –ที1 ห่ 2นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = f (3x + 3x + 2) = =
พ.ศ. 3x + 3๒๕๔๗ x + 2−5 2
2
3
x +x–1
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
146
เฉลยแบบฝกหัด 2.3.4 1. กราฟของฟงกชันในแตละขอเขียนไดดังนี้ (1)
Y
คูม อื ครูสาระการเรีf(x)ย=นรู1เ พิม่ เติม x −1
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ f(x)มั=ธยมศึ กษาปที่ ๔ 1
X
x
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ จัดทําโดย (2)
Y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 g(x) = พิม1พค+2รัง้ ทีห ่ นึง่ g(x) ๑๐,๐๐๐ x −1 = 1 เลม x พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
147 Y
(3)
h(x) =
x+3
h(x) =
x
–3 คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม
X
คณิตศาสตร เลม ๒ (4)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึYกษาปที่ ๔ k(x) =
3 +3
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 3
k(x) =
x
X
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
2. (1) f(x) = (x – 3)2 + 2 จะไดจากการเลื่อนกราฟขึ้นบน 2 หนวย แลวเลื่อนไปทางขวาอีก 3 หนวย Y ISBN 974 8 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ที6ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ.4 ๒๕๔๗ 2
องค –5การคาของคุรุสภาจัดพิมพ5จําหนาย –2มพคุรุสภาลาดพราว พิมพที่โรงพิ ๒๒๔๙ ถนนลาดพร–าว4 วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
148 (2) f(x) = (x + 5)3 – 1 จะไดจากการเลื่อนกราฟลงขางลาง 1 หนวย แลวเลื่อนไปทางซายอีก 5 หนวย Y 5 4 3 2 1 X –6 –5 –4 –3 –2 –1 0 1 2 3 4 5 6 –1 –2 –3 –4 กลุม สาระการเรี ณิตศาสตร –5 ยนรูค –6
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(3) f(x) =
1 x − −2 2
จะไดจากการเลื่อนกราฟไปทางขวา 12 หนวย แลวเลื่อนกราฟลงขางลาง 2 หนวย
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
จัดทําโดย –6 – 4 –2 0
2
4
6
X
สถาบันสงเสริมการสอนวิ–2ทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ (4) f(x) =
x +1 + 5
จะไดจากการเลื่อนกราฟไปทางซาย 1 หนวย แลวเลื่อนกราฟขึ้นขางบน 5 หนวย
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 Y พิมพครัง้ ที10 ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ.8 ๒๕๔๗ 6 4
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย 2
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
6 8 X –8๒๒๔๙ –6 ถนนลาดพร – 4 –2 าว 0วังทองหลาง 4 งเทพมหานคร 2 กรุ มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
149
เฉลยแบบฝกหัดทบทวน สําหรับแบบฝกหัดทบทวนขอ 1 – 4 ขอไมเฉลยในคูมือครูเลมนี้เนื่องจากเปนการทบทวน บทนิยามตาง ๆ ซึ่งสามารถดูไดจากเนื้อหาในหนังสือเรียน
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
5. f(x) = x2 + 3x – 2 , g(x) = 5 – 3x (1) (f + g)(x) = f(x) + g(x) = x2 +3x – 2 + 5 – 3x = x2 + 3
คณิตศาสตร เลม ๒
(2) (f – g)(x)
= = =
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร f(x) – g(x) x2 +3x – 2 – 5 + 3x x2 + 6x – 7
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลัก=สูตรการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ f(x)g(x)
(3) (fg)(x)
= = = (4)
(x2 +3x – 2)(5 – 3x) 5x2 + 15x – 10 – 3x3 – 9x2 + 6x ดทํ–าโดย –3x3 – 4x2 +จั21x 10
f (x) x 2 + 3x − 2 = = x≠ 5 5 − 3x สถาบันgส(xง) เสริมการสอนวิ ท, ยาศาสตร และเทคโนโลยี 3
f ( )( x ) g
(5) (f°g)(x)
(6) (g°f)(x)
= = = = =
f(g(x)) กระทรวงศึกษาธิการ f(5 – 3x) (5 –3x)2 + 3(5 – 3x) – 2 ISBN 9742 - 01 - 3820 - 9 25 – 30x + 9x + 15 – 9x – 2 พิ9xม2พ–ค39x รัง้ +ที38ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม
พ.ศ. ๒๕๔๗
= g(f(x)) = g(x2 + 3x – 2) = 5 – 3(x2 + 3x – 2) =องคก5ารค – 3xา2ของคุ – 9x +ร6ุสภาจัดพิมพจําหนาย พิ–3x มพ2 ท– ี่โ9xรงพิ + 11มพคุรุสภาลาดพราว = ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
150 6. f(x) = x2 + 1, (1) f°g(x)
g(x) = x − 2 = f(g(x))
= = = =
f ( x −2) ( x − 2 ) 2 +1
x–2+1 x–1
คูม= อื ครูg(f(x)) สาระการเรี ยg(xนรู+เ 1)พิม่ เติม = 2
(2) g°f(x)
คณิตศาสตร เลม ๒ = =
x 2 +1− 2
x 2 −1
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(3) f°g(2) = หรือ เนื่องจาก ∴
f(g(2)) f°g(x) f°g(2)
= = =
f(0) = x–1 2–1 = 1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
0+1 =
1
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(4) f°f(x)
=
f°f(2)
=
(5)
f(f(x))
= = จัดทํ=าโดย = 16 + 2(4) + 2 =
f(x2 + 1) (x2 + 1)2 + 1 x4 + 2x2 + 1 + 1 x4 + 2x2 + 2 26
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี = f(g(f(x))) f°g°f(x) กระทรวงศึ= กษาธิf(g(x การ+ 1)) 2
= f ( x 2 +1− 2 ) = f ( x 2 −1) ISBN 974 - =01 - 3820( x- 29−1) 2 +1 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ = ๑๐,๐๐๐ x2 – 1 เล + 1ม =
(6) g°f°g(x)
=
x2
พ.ศ. ๒๕๔๗
g(f(g(x)))
= g(f ( x − 2 )) = g(( x − 2 ) 2 +1) = g(x – 2 + 1) องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย = g(x – 1) พิมพที่โรงพิมพค= ุรุสภาลาดพร x −1−า2ว = ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
x −3
151 7. (1) f(x) = 3x + 1, g(x) = 2x – x2 f°g(x) = f(g(x)) = f(2x – x2) = 3(2x – x2) + 1 = –3x2 + 6x + 1 โดเมนของ f°g คือ R g°f(x) = g(f(x)) = g(3x + 1) = 2(3x + 1) – (3x + 1)2 = 6x + 2 – (9x2 + 6x + 1) = –9x2 + 1 โดเมนของ g°f คืกลุ อ Rม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร f°f(x) = f(f(x)) = f(3x + 1) = 3(3x + 1) + 1 = 9x + 4 R โดเมนของ ตามหลัf°กf สูคืตอรการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ g°g(x) = g(g(x)) = g(2x – x2) = 2(2x – x2) – (2x – x2)2 = 4x – 2x2 – (4x2 – 4x3 + x4) จัดทําโดย 2 2 3 4 = 4x – 2x – 4x + 4x – x = –x4 + 4x3 – 6x2 + 4x สถาบันg°สg งคืเสริ โดเมนของ อ R มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2) f(x) = f°g(x)
x,
g(x) =
=
f(g(x))
กระทรวงศึ กษาธิการ 1 x −4 1
) -9 f ( - 3820 ISBN= 974 - 01 x −4 1 พิมพครั=ง้ ทีห่ นึง่ x๑๐,๐๐๐ เลม −4 1 =พ.ศ. ๒๕๔๗ x −4
โดเมนของ f°g คือ {x⏐x > 4} g°f(x) = g(f(x)) = g( x ) 1 = รุสภาจั องคการคาของคุ ดพิมพจําหนาย x −4
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
152 โดเมนของ g ° f ประกอบด ว ย จํานวนจริ ง x ที่ อ ยู ใ นโดเมนของ f และ f(x) อยู ใ น โดเมนของ g x อยูในโดเมนของ f ก็ตอเมื่อ x ≥ 0 f(x) อยูในโดเมนของ g ก็ตอเมื่อ x ≠ 4 นั่นคือ x ≠ 16 ดังนั้น โดเมนของ f°g คือ {x⏐x ≥ 0 และ x ≠ 16} = f(f(x)) = f( x) f°f(x) = x = 4x โดเมนของ f°f คือ {x⏐x ≥ 0} = กลุม ) g°g(x) g(g(x)) สาระการเรีย= นรูค ณิg( xต1−ศาสตร 4
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 1 1 −4 x −4 x −4 1− 4x +16 x −4 − 4x +17
= =
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื=น้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ โดเมนของ g°g ประกอบดวยจํานวนจริง x ที่อยูในโดเมนของ g และ g(x) อยูในโดเมนของ g x อยูในโดเมนของ g ก็ตอเมื่อ x ≠ 4 1 ≠ 4 g(x) อยูในโดเมนของ g ก็จัตอดเมืทํ่อาโดย x −4 นั่นคือ
x
≠
17 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี 17 ดังนั้น โดเมนของ g°g คือ {x⏐x ≠ 4 และ x ≠ } กระทรวงศึกษาธิก4าร 8. f°g°h(x)
= = = = = = = = =
f(g(h(x))) f(g(2 + x ISBN )) 974 - 01 - 3820 - 9 f(1 – (2พิ+มพxค) 2รั)ง้ ทีห ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม f(1 – 4 – 4 x – x) พ.ศ. ๒๕๔๗ f(–3 – 4 x – x) 1+ 3 + 4 x + x 4+ 4 x + x
องค (2 + กxารค ) าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย 2
x +2
= มพคh(x) พิมพที่โรงพิ ุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
153 9. เชน ให
h(x)
∴ f°g°h(x)
=
x
= = = =
, g(x) = 2 + x และ f(x) =
1 x
f(g(h(x))) f(g( x )) f(2 + x ) 1
=
T(x)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 2+ x
10. (1) f(x) = 4 + x3 สมมติวามีจํานวนจริง x1 , x2 ที่ทําให f(x1) = f(x2) จะได 4 + x 13 = 4 + x 32 กลุม =สาระการเรี ยนรูค (ลบด ณิตศาสตร x 13 x 32 วย 4) 3 ∴ x1 = x 32 = x2 3 หรือ x2 = x 13 = x1 ดังนั้น f(x) เปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(2) h(x) =
1 x4
เนื่องจาก
h(1)
=
h(–1)
=
1 14
=
1
=
1
จั1 ดทําโดย
(−1) 4
ดังนั้น h ไมเปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง
(3)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี g(x) = 3 – 3x + x กระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจาก g(1) = 3 – 3(1) + 1 = 1 2
2
g(2) = 3 – 3(2) + 22 = 1 ดังนั้น g ไมเปนฟงกชันหนึISBN ่งตอหนึ974 ่ง - 01 - 3820 - 9
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม
(4) r(x) = 3 + x + 2 สมมติมี x1, x2 ที่ทําให r(x1) =พ.ศ. ๒๕๔๗ r(x2) จะได 3+ x 1 + 2 = 3+ x 2 + 2 x1 + 2 = x2 +2 (ลบดวย 3) + 2 การคาของคุ = รุสxภาจั x1องค 2 + 2ดพิมพจํา(ยกกํ หนาาลัยงสอง) = x2 (ลบดวย 2) ∴ x1
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
ดังนั้น r เปนฟงกชันหนึ่งตอหนึ่ง ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
154 11. (1) f(x) = 2x – 3 ให y = ∴ x
=
2x – 3 y+ 3 2
เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y x +3 y = 2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น f–1(x) =
x +3 2
คณิตศาสตร เลม ๒
(2) f(x) = (x + 2)3 ให y = (x + 2)3 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร 3 y = x+2 3 y −2 ∴ x = เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y 3 y ก=สูตรการศึ x −2 ตามหลั กษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช –1 3 ดังนั้น f (x) = x −2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
3x +1 2
(3) f(x) = ให
y
=
3x +1 2
๒๕๔๔
จัดทําโดย
2y นส=งเสริม 3xการสอนวิ +1 สถาบั ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2 y −1 ∴ x = 3 กระทรวงศึ กษาธิการ เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y y
=
ดังนั้น f–1(x) =
2 x −1 3 2 x −1 3
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
(4) f(x) = 1+ 3 x − 2 ให y = 1 + 3 x −2 3 y–1 = x −2 3 x – 2 =องคก(y – 1)าของคุ =ภาจัดพิy3ม–พ3yจ2ํา+หน 3y –าย1 ารค ร ุ ส ∴ x = y3 – 3y2 + 3y + 1
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
155 เปลี่ยน y เปน x และเปลี่ยน x เปน y y = x3 – 3x2 + 3x + 1 ดังนั้น f–1(x) = x3 – 3x2 + 3x + 1 12. (1) – (2)
y=x
f(x) คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม 6 Y
4 คณิตศาสตร เลม ๒
f–1(x)
2 กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร –6
–4
ชัน้ –2มัธยมศึก2 ษาป4 ที่ ๔6
X
–2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้– 4พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ –6
จัดทําโดย y = x2 – 3 , x ≥ 0 สถาบั y + 3นส=งเสริม x2 การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴ x = ± กระทรวงศึ y+ 3 กษาธิการ เนื่องจาก x ≥ 0 จะไดวา x = y+ 3 เปลี่ยน x เปน y และเปลี่ยน y เปน x ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 y = x +3 พิมxพ+ค3 รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ดังนั้น f–1(x) =
(3) ให
พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
189 Loran เปนระบบคนหาตําแหนงซึ่งประกอบดวย สถานีสงสัญญาณที่รูตําแหนงแนนอนตั้งแต 2 สถานีขึ้นไป สงสัญญาณคลื่นวิทยุที่มีความถี่เทากันออกมาพรอมกันไปยังตัวรับสัญญาณที่เคลื่อนที่ ตัวรับสัญญาณ Loran จะวัดความแตกตางของเวลาของสัญญาณที่มาถึงจากสถานีตาง ๆ ความแตกตาง คงตัวของเวลาที่มาถึงของสัญญาณจากสถานีสงคูหนึ่งจะกําหนดเปนโคงไฮเพอรโบลา ซึ่งตัวรับสัญญาณ จะตองอยูบนโคงนี้ โดยปกติสถานีสงสัญญาณจะใชตั้งแต 3 สถานีขึ้นไปเพื่อขจัดความไมแนนอนของ ตําแหนงของตัวรับสัญญาณ
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 3.1.1 คณิตเฉลยแบบฝ ศาสตรกหัด เล ม๒
1. ให จุด O แทนจุกลุ ดกําม ด (0, 0) เนิสาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร จุด P แทนจุดที่โจทยกําหนดให
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(1) (3, 4) OP =
(3 − 0) 2 + ( 4 − 0) 2
=
5
หนวย
(2) (0, 3) OP =
(0 − 0) 2 + (3 − 0) 2
=
3
หนวย
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(3) (–1, –3) OP =
จัดทําโดย (−1− 0) 2 + ( −3 − 0) 2
=
10
หนวย
นสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (4) (s, สถาบั t) (s − 0) 2 + ( t − 0) 2 = s2 +t 2 หนวย OP = กระทรวงศึกษาธิการ
2. (1) (2, 5) และ (9, 5) ให P แทนจุด (2, 5) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 Q แทนจุด (9,พิ5)มพครัง้ ทีห ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม เพราะวา P และ Q มีคาพิกัดหลังเทากัน พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังนั้น PQ = ⏐2 – 9⏐ = 7 หนวย (2) (– 4, 7) และ (6, 7) ให P แทนจุ 4, า7)ของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย องคดก(–ารค Q แทนจุด (6, 7) พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว เพราะวา P และ Q มีคาพิกัดหลังเทากัน ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ⏐– 4 – 6⏐ = 10 หนวย ดังนั้น PQ = ๒๒๔๙ มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
190 (3) (–5, 6) และ (–5, –3) ให P แทนจุด (–5, 6) Q แทนจุด (–5, –3) เพราะวา P และ Q มีคาพิกัดแรกเทากัน ดังนั้น PQ = ⏐6 – (–3)⏐ = 9 หนวย
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(4) (– 4, –8) และ (– 4, –2) ให P แทนจุด (– 4, –8) Q แทนจุด (– 4, –2) เพราะวา P และ กลุ Q มีม พิกัดแรกเทากัน ยนรูค คาสาระการเรี ณิตศาสตร ดังนั้น PQ = ⏐–8 – (–2)⏐ = 6 หนวย
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
3. (1) (3, 4) และ (2, 2) ให ตามหลั P กแทนจุ ด (3, 4)กษาขัน สูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Q แทนจุด (2, 2) (3 − 2) 2 + (4 − 2) 2 = 5 หนวย PQ =
จัดทําโดย
(2) (–1, –2) และ (3, – 4) ให P แทนจุด (–1, –2) สถาบั น ส งเสริด ม(3,การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี Q แทนจุ – 4) PQ = (−1− 3) 2 กระทรวงศึ + (−2 − (−4)) 2 กษาธิ = การ 20 = 2 5 หนวย (3) (0, s) และ (t, 0) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ให P แทนจุด (0, s) ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม Q แทนจุดพิ(t,มพ0)ครัง้ ทีห 2 PQ = (0 − t ) 2 + (s − 0) พ.ศ. t 2 +s 2 ๒๕๔๗= (4) (0, s + t) และ (s + t, 0) ให P แทนจุด (0, s + t) องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย Q แทนจุด (s + t, 0) าว 2(s + t) 2 PQ = (0 − (sพิ +ม t ))พ2ท+ี่โ((รงพิ s + t )ม−พ0ค ) 2ุรุสภาลาดพร = ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง= กรุงเทพมหานคร 2 (s + t ) มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
หนวย
หนวย
191 (5) (2, 13) และ (8, 5) ให P แทนจุด (2, 13) Q แทนจุด (8, 5) (2 − 8) 2 + (13 − 5) 2 PQ =
=
(6) (–5, 3) และ (0, 8) ให P แทนจุด (–5, 3) Q แทนจุด (0, 8) PQ = (−5 − 0) 2 + (3 − 8) 2
10
หนวย
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เล ม๒ =
หนวย
5 2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(7) (–6, 4) และ (–6, 17) ให P แทนจุด (–6, 4) Q แทนจุด (–6, 17) 2 PQตามหลั = กสู(ต−รการศึ 6 − (−6)) 2ก+ษาขั (4 −17น = 13 ้ ) 2พืน้ ฐาน= พุทธศั13กราช ๒๕๔๔
หนวย
(8) (–2, –1) และ (–7, –6) ให P แทนจุด (–2, –1) จัดทําโดย Q แทนจุด (–7, –6) PQ = (−2 − (−7)) 2 + (−1− (−6)) 2 =
หนวย
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
4. (1)
52 +52
=
5 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี พิกัดของจุด C กระทรวงศึกษาธิการ
กําหนดให C มีพิกัดเปน (x, 4) ( จากรูป ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ที่มีดาน BC ขนานกับดาน AD และขนานกับ ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 แกน X)
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม Y พ.ศ. ๒๕๔๗ B (–1, 4)
C
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย A(– 4, 0) O
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
D
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
192 จากโจทย BC = 8 หนวย และ B มีพิกัดเปน (–1, 4) จะได BC 8 8 x
= = = =
( x − ( −1)) 2 + (4 − 4) 2 ( x +1) 2 x +1
7, –9
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
แตจากรูป C อยูในจตุภาคที่ 1 ดังนั้น จุด C มีพิกัดเปน (7, 4)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(2) ความยาวของสวนของเสนตรง AB จากโจทย A มีพิกัดเปน (– 4, 0) และ B มีพิกัดเปน (–1, 4) จะได 2 = กษาขั (−น + (0 −พุ 4)ท2 ธศักราช ตามหลักAB สูตรการศึ ้4 −พื(−น้ 1))ฐาน = 32 + 4 2 AB = 5 หนวย
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
๒๕๔๔
จัดทําโดย
(3) พิกัดของจุด D กําหนดให D มีพิกัดเปน (x, 0) นสอยูงเสริ มการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี (เนืสถาบั ่องจาก AD บนแกน X) จากโจทย A มีพิกัดเปน (–กระทรวงศึ 4, 0) จะได กษาธิการ AD = ( x − ( −4)) 2 + (0 − 0) 2 AD = ( x + 4) 2 ISBNx 974 - 01 - 3820 - 9 AD = +4 ---------- (1) ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม หา AD ไดจากสูตร พิมพครัง้ ทีห พื้นที่
ABCD =
1 × 2
พ.ศ. ๒๕๔๗ สูง × ผลบวกของดานคูขนาน
ความสูงของ ABCD คือ ความยาวของเสนที่ลากจากจุด B มาตั้งฉากกับแกน X ที่จุด (–1, 0) องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย ดังนั้นความสูงของ ABCD มีขนาดเทากับ (−1− (−1)) 2 + (4 − 0) 2 = 4 หนวย
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
193 48
=
48
=
48 48 32 AD
= = = =
1 × 4 × (BC + AD) 2 1 × 4 × (8 + AD) 2
2(8 + AD) 16 + 2AD 2AD 16 หนวย
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
แทนคา AD = 16 หนวย ใน (1) จะได 16 = x+4 =สาระการเรี ณิตศาสตร x กลุม 12, –20 ยนรูค แตจากรูป D อยูบนแกน X ทางดานบวก ดังนั้น จุด D มีพิกัดเปน (12, 0)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
5.
Y
A ( -4, 2 ) -5
จะได นั่นคือ ดังนั้น นั่นคือ
2 0
จากรูป AB = B ( 1, 1 ) จัดทําโดย BC = X AC =
(− 4 − 1) 2 + (2 − 1) 2
(1+1) 2 + (1+1) 2 (− 4 + 1) 2 + (2 + 1) 2
= = =
C (-1,น-1 สถาบั ส-2ง) เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ = ( 8 ) 2 + ( 18 ) 2 = 26 หนวย BC2 + AC2 = ISBN 974 BC2 +- 01 AC-2 3820 - 9 AB2 ABC เปนรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (1, 1), (–1, –1) และ (– 4, 2) เปนจุดยอดของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
26 8 18
หนวย หนวย หนวย
194
Y
6. P ( -3 , 0 )
X
0
ระยะระหวางจุด (–3, – 4) กับแกน X คือ ระยะระหวางจุด Q(–3, – 4) และ P(–3, 0) ดังนั้น PQ = [−3 − (−3)] 2 + (− 4 − 0) 2 = 4 หนวย
Q ( -3 , -4 ) -5
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ 7. ความยาวของเสนรอบรูกลุ ปสามเหลี ่ยม ABC = AB + AC ม สาระการเรี ยนรู ค ณิ+ BCตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึABกษาป = ที่ ๔
Y
(7 − 3) 2 + (8 − 4) 2
10
= 32 วย ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน= พุทธศั4 ก2ราชหน๒๕๔๔ A(3, 4) 5 AC = (3 − (−1)) 2 + (4 − (−2)) 2 = 52 X 0 = 2 13 หนวย -5 5 10 จั ด ทํ า โดย C (-1, -2) BC = (7 − (−1)) 2 + (8 − (−2)) 2 = 164 = 2 41 หนวย สถาบั น ส ง เสริ ม การสอนวิ ท ยาศาสตร แ ละเทคโนโลยี ดังนั้น ความยาวของเสนรอบรูปสามเหลี่ยม ABC = AB + AC + BC = 4 2 + 2 13 + 2 41 หนวย B (7, 8)
กระทรวงศึกษาธิการ
8. สมมุติใหจุด A มีพิกัด (0, y1) ซึ่งอยูบนแกน Y หางจากจุด B(2, 5) และ C(3, –7) เปนระยะเทากัน เพราะวา AB = AC (0 − 2) 2 + ( y1 − 5) 2 = ISBN (974 0 − 3-) 201 +[ -y13820 − ( −7-)]92 4 + ( y1 − 5) 2 =มพครัง้ ที9 +ห ( y 1 + 7) 2 พิ ่ นึง่ 2๑๐,๐๐๐ เลม 2 4 + (y1 – 5) = 9 + (y1 + 7) พ.ศ. ๒๕๔๗ 4 + y12 −10 y1 + 25 = 9 + y12 +14 y1 + 49 y12 −10 y1 + 29 = y 12 +14 y 1 + 58 –24y1 = 29 29 − รุสภาจัดพิมพจําหนาย y1องคก=ารคาของคุ 24 ดังนั้น A มีพิกัด (0,
−
29 ) 24
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
195 9. ให A(4, 6), B(6, 8) และ C(–2, –2) เปนจุดยอดของรูปสามเหลี่ยม จะได AB = (4 − 6) 2 + (6 −8) 2 = 2 2 Y BC = (−2 − 6) 2 + (−2 −8) 2 = 2 41 10 B (6, 8) CA = (−2 − 4) 2 + (−2 − 6) 2 = 10 A (4, 6) 5
คูม อื ครู5สาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม X 10
0 5 C (-2, -2) -5
คณิตศาสตร เลม ๒
ความยาวของ AB, BC กลุ และม ไมมีคูใดที่เทายกันรู นเลยค ACสาระการเรี ณิตศาสตร ดังนั้น รูปสามเหลี่ยมซึ่งมีจุดสามจุดนี้เปนจุดยอด จึงไมเปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
10. ให P(–3, 2) เปนจุดศูนยกลางของวงกลมที่ผานจุด Q(7, 4) 2 รัศมีของวงกลมคื (−3 − 7ก) ษาขั + (2 น 2 26พุหน วย กราช ตามหลัอ กPQสูต=รการศึ ้− 4พื) 2น้ =ฐาน ทธศั
๒๕๔๔
Y 20
จัดทําโดย
10
สถาบันสงเสริPม(-3,การสอนวิ ทQยาศาสตร และเทคโนโลยี (7, 4) 2) X 0 -20 20 กระทรวงศึกษาธิการ -10 11.
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม Y พ.ศ. ๒๕๔๗
C (-8, 8) 10 8 6 4 องค ก ารค า ของคุ ร ุ ส ภาจั าย 0) D (-8, 0) 2 ดพิมพจําหนA(10, B (-12, 0) -5 มพคุรุสภาลาดพร -15 พิ-10 5 าว 10 X มพที่โรงพิ -2 ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
196 จากรูป จากจุด C(–8, 8) ลากเสนตรงขนานแกน Y ตัดแกน X ที่จุด D จะไดพิกัดของจุด D คือ D(–8, 0) ----------- (1) พื้นที่ของสามเหลี่ยม = 12 × ฐาน × สูง ถาให AB เปนความยาวฐาน ดังนั้น CD จะเปนความสูงของรูปสามเหลี่ยม ABC [10 − (−12)] 2 + (0 − 0) 2 = 22 ความยาวฐานคือ AB = ความสูงคือ CD = [−8 − (−8)] 2 + (8 − 0) 2 = 8 = 88 ตารางหนวย ดังนั้น พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ABC = 12 × 22 × 8
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
12. ให A(0, 0), B(8, 18) และ C(12, 27) เปนจุดสามจุด (0 − 8) 2ย+นรู (0 −ค = 2 97 ABกลุม =สาระการเรี 18ณิ) 2 ตศาสตร BC = (8 −12) 2 + (18 − 27) 2 = 97 AC = (0 −12) 2 + (0 − 27) 2 = 3 97 จะไดวา AC = AB + BC ดังนั้น ตามหลั (0, 0), (8,กสู18)ตรการศึ และ (12,กษาขั 27) อยูน นตรงเดีพุยวกั น กราช ๒๕๔๔ ้ บพืนเสน้ ฐาน ทธศั
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
13. เงื่อนไขที่ทําใหจุด P1, P2 และ P3 ใด ๆ อยูบนเสนเดียวกันคือ P1P2 + P2P3 = P1P3
จัดทําโดย
14. ให A(3, 4) เปนจุดศูนยกลางของวงกลมที่ผานจุด B(6, 8) ให C มีพสถาบั กิ ัดเปน น (0,ส0)งเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี AB = (3 − 6) 2 + ( 4 − 8) 2 = 9 +16 = 5 หนวย กระทรวงศึ AC = (3 − 0) 2 + ( 4 − 0) 2กษาธิ = การ 9 +16 = 5 หนวย จุด C(0, 0) อยูบนวงกลม เพราะอยูหางจากจุดศูนยกลางเทากับความยาวของรัศมีของ วงกลม ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 Y พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ 15. ใหแกนเลXม สัมผัสวงกลมที่จุด B(x, 0) พ.ศ. ๒๕๔๗เมื่อแกน X สัมผัสกับวงกลมรัศมี AB B (x, 0) ยอมตั้งฉากกับแกน X X 0 10 จะได x = 4 ดังนั้น จุดสัมผัสคือ (4, 0) A องค (4, -3)การคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย -5
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
197
เฉลยแบบฝกหัด 3.1.2 1. (1) ใหจุด P1 มีพิกัด
1 ( , 2) 2
ใหจุด P2 มีพิกัด (3, –1) และจุดกึ่งกลางระหวาง P1 และ P2 คือ P(x, y)
คูมx อื ครู= สาระการเรีย=นรูเ พิม่ เติม y
1 ( + 3) 2 2 (2 + (−1)) 2
7 4 1 2
คณิ= ตศาสตร เล = ม๒
ดังนั้น จุดกึ่งกลางระหวางจุด P1 และ P2 คือ ( 74 ,
1 ) 2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2) ใหจุด P1 มีพิกัด (–1, –3) ใหจุด P2 มีพิกัด (5, 3) และจุ ดกึ่งกลางระหว าง P1 และ P2 น y) ตามหลั กสูตรการศึ กษาขั ้ คือพืP(x, น้ ฐาน x
=
y
=
( −1+ 5) 2 ( −3 + 3) 2
พุทธศักราช ๒๕๔๔
=
2
=
0
จัดทํP2าโดย ดังนั้น จุดกึ่งกลางระหวางจุด P1 และ คือ (2, 0) 5 (3) ใหจสถาบั ุด P1 มีนพส − การสอนวิ ิกัดงเสริ (3, ม ) ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2
ใหจุด P2 มีพิกัด (–3, –9) กระทรวงศึกษาธิการ และจุดกึ่งกลางระหวาง P1 และ P2 คือ P(x, y) x
=
(3 + ( −3)) 2 5 (− + ( −9)) 2 2
=
0
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 = เลม− 23 y พิ=มพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ 4 23 ดังนั้น จุดกึ่งกลางระหวางจุด P1 พ.ศ. และ P๒๕๔๗ 2 คือ (0, − 4 ) (4) ใหจุด P1 มีพิกัด (–3, –2) ใหจุด P2 มีพิกัดองค (–1,การค –1) าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย และจุดกึ่งกลางระหวาง P1 และ P2 คือ P(x, y)
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
198 x
=
y
=
(−3 + (−1)) 2 (−2 + (−1)) 2
ดังนั้น จุดกึ่งกลางระหวางจุด P1 และ P2 คือ 2. (1) ใหจุด P มีพิกัด (x, y) จะได 1 =
=
–2
=
−
3 2
3 (−2, − ) 2
คูม อื ครูสาระการเรียนันรู ่ = เติ ่นคือเ พิ xม –1 ม
และ
3+ x 2 4+ y 2
นั่นคืม อ y๒ =0 คณิ= ตศาสตร เล
2
ดังนั้น พิกัดของจุด P คือ (–1, 0)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาป ที่ ๔ นั่นคือ x = –5
(2) ใหจุด P มีพิกัด (x, y) จะได 5 =
x +15 2 y− 4 2
16 และตามหลัก6สูตรการศึ = กษาขัน ้ พืน้ ฐานนั่นพุคืทอ ธศัy ก=ราช ดังนั้น พิกัดของจุด P คือ (–5, 16)
๒๕๔๔
3. ให AC และ BD เปนเสนทแยงมุมสองเสน
จัดทําโดย 2+9
1+ 3 ) , 2 2 ( 7 +2 4 , 1 +2 3 )
จุดกึ่งกลางของเสนทแยงมุม AC คือ
(
11 , 2) 2 11 = ( , 2) 2 เปนจุดเดียวกันคือ (11 , 2) 2
=
(
จุดกึสถาบั ่งกลางของเส ทแยงมุ BD คือ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี นสงนเสริ มมการสอนวิ
ดังนั้น จุดกึ่งกลางของเสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยม ABCD
กระทรวงศึกษาธิการ
4. ให O เปนจุดกึ่งกลางระหวาง P(2, 1) และ Q(6, 5) ดังนั้น O =
(
2 + 6 1+ 5 , ) 2 2
ISBN 974 - 01(8 −- 43820 -9 ) + (2 − 3) = 17 หนวย พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ( x + 3x ) ( y + 3y ) ⎞ ๒๕๔๗ 5. จุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง คือ ⎛⎜พ.ศ. , ⎟ = (2x1, 2y1) 2 2 ระยะระหวางจุด O(4, 3) กับจุด A(8, 2) คือ 1
2
1
⎝
6. พิกัดของจุดศูนยกลางคือ
(
1+ 7 3 +11 ) , 2 2
1
2
1
⎠
= (4, 7)
องคการค าของคุราุสงจุภาจั หน3)ายเทากับ 5 ความยาวของรัศมีของวงกลม = ระยะระหว ด (4,ด7)พิมกับพจุจดํา(1, พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
= (4, 3)
199 7. เสนมัธยฐานคือ เสนที่ลากจากจุดยอดมุมมาแบงครึ่งฐาน ดังนั้น จุดปลายของเสนมัธยฐานคือ จุดที่แบงครึ่งดานของรูปสามเหลี่ยม ให P1(x1, y1) เปนจุดปลายเสนมัธยฐานของรูป ∆ ABC ที่มี AB เปนฐาน จะได x1 = 4 +2 3 = 72 y1 = ดังนั้น
9+8 2
=
17 2 17 ) 2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
p1 มีพิกัดเปน ( 72 ,
คณิตศาสตร เล ม๒ = 1
ให P2(x2, y2) เปนจุดปลายเสนมัธยฐานของรูป ∆ ABC ที่มี BC เปนฐาน จะได
x2 y2
=
3 + (−1) 2 8+ 2 2
สาระการเรีย= นรูค 5ณิตศาสตร = กลุม
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ดังนั้น P2 มีพิกัดเปน (1, 5) ให P3(x3, y3) เปนจุดปลายเสนมัธยฐานของรูป ∆ ABC ที่มี AC เปนฐาน จะได
x3
=
y3
=
4 + (−1) 2 9+ 2 2 3 11 ( , ) 2 2
=
3 2 11 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
ดังนั้น P3 มีพิกัดเปน
=
จัดทําโดย
8. ให R มีพิกัด (4, y) A มีพิกัด (–5, 2) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี C มีพิกัด (13, –6) โดยพิกัดจุด R อยูหางจากจุด A กระทรวงศึ และจุด C เปนระยะทางเท ากัน กษาธิการ จะได RA = RC (4 + 5) 2 + ( y − 2) 2 = ISBN (974 4 −13) 2 + ( y + 6) 2 - 01 -2 3820 - 9 2 81+ ( y − 2) = 81+ ( y + 6) พิ ม พ ค รั ง ้ ที ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม y = –2 ห
พ.ศ. ๒๕๔๗
9. หาจุดกึ่งกลางของดานของรูปสี่เหลี่ยม ABCD ไดดังนี้ จุดกึ่งกลางของดาน AB คือ P( − 42+ 4 , 3 +2 5 ) หรือ P(0, 4)
4 + 8 5 +11 ร)ุสภาจั พิมพ8)จําหนาย จุดกึ่งกลางของดาน BCองค คือ การค หรือ ดQ(6, , Q( าของคุ 2 2
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
200 จุดกึ่งกลางของดาน CD คือ จุดกึ่งกลางของดาน DA คือ
8 − 8 11+ 7 , ) 2 2 −8 − 4 7 + 3 ) , S( 2 2 R(
หรือ R(0, 9) หรือ S(–6, 5)
หาความยาวรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยม PQRS ไดดังนี้ PQ = (0 − 6) 2 + (4 − 8) 2 QR = (6 − 0) 2 + (8 − 9) 2 RS = (0 + 6) 2 + (9 − 5) 2 SP = (−6 − 0) 2 + (5 − 4) 2 นั่นคือ ความยาวของเสนรอบรูป PQRS = 2 13 +
= = = =
52
=
2 13
37
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติ=ม 52 37
คณิตศาสตร เล+ม ๒+ 37
2 13
2 13
37
=
4 13
+2
37
กลุ่ยมมุม สาระการเรี ณิตศาสตร 10. ให ABC เปนรูปสามเหลี มฉากโดยที่ ยนรูค
ชัน้ มัธยมศึA,กBษาป ที่ ๔ และ C มีพิกัดเปน (x, y), (0, 0) และ (x, 0)
Y P(
x y , ) 2 2
ตามลําดับ
A(x, y)
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืPน้ เปฐาน ทธศักราช นจุดกึพุ่งกลางของ AB ๒๕๔๔ C(x, 0)
B(0, 0)
X
ดังนั้น จุด P มีพิกัด
x y ( , ) 2 2
จัดทํปาสามเหลี โดย ่ยมมุมฉาก หาระยะระหวางจุด P กับจุดยอดทั้ง 3 จุดของรู PA = = PB = = PC = =
สถาบั x นสงyเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ( − x ) + ( − y) 2 2 y กระทรวงศึกษาธิการ x + 2
2
2
4
4
2
y x ( − 0) 2 + ( − 0) 2 2 2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 y x + 4 4 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม y x ( − x ) + ( − 0) พ.ศ. ๒๕๔๗ 2 2 2
2
2
2
2 x2 y + 4 4
จะไดวา PA = PB = PC ารคาของคุ รุสภาจั พิมพจําปหน าย ่ยมมุมฉากกับจุดยอด ดังนั้น ระยะระหวาองค งจุดกึก่งกลางของด านตรงข ามมุดมฉากของรู สามเหลี ทั้งสามมีความยาวเท พิามกัพนที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
201 11. ให ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน Y
AC และ BD เปนเสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยม ดานขนาน ABCD ให P(x, y) เปนจุดกึ่งกลางของเสนทแยงมุม AC
C(x1+ x2, y2)
D(x2, y2)
P(x, y) มีพิกัด
(
x1 + x 2 y 2 , ) 2 2
X คูม B(xอื , ครู ยนรูเ พิม่ เติม 0) สาระการเรี
A(0, 0)
1
คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ ให Q(x′, y′) เปนจุด กึ่งกลางของเสนทแยงมุม BD
y ( xสาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 1 +x2 , 2) Q(x′, y′) มีพิกัดเปกลุ นม 2 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
จะเห็นวา P(x, y) และ Q(x′, y′) มีพิกัดเดียวกัน ดังนั้น P(x, y) เปนจุดเดียวกันกับ Q(x′, y′) นั่นคือ เสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานยอมแบงครึ่งซึ่งกันและกัน
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
12.
ให A(x, y) เปนจุดกึ่งกลางของ R(–7, –5) T(6, 1) ดังนั้น จุดกึ่งกลางของ RT คือ A(− 12 , − 2)
Y 8
S(3, 7)
จัดทําโดย
หาความยาวของเสนมัธยฐาน SA ไดโดย
4
1 (3 + ) 2 + (7 + 2) 2 SA = T(6, 1) 2 สถาบัน0 สง4เสริม8 การสอนวิ X ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 8 -4 373 = หนวย หรือ 4 -4 กระทรวงศึกษาธิการ R(-7, -5)
13.
ISBN 974 - 01 -Y3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 10 พ.ศ. ๒๕๔๗ T
R S
B(-5, 6)
A(2, 7)
5
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย X 0 -10พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร าว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
373 2
หนวย
202 วิธีที่ 1
แบงสวนของเสนตรง AB ใหเปน 4 สวน จุดที่แบงกําหนดใหเปนจุด R, S, T ซึ่งมีพิกัด (x, y), (x1, y1), (x2, y2) ตามลําดับ จากรูป จุด R คือจุดที่อยูหางจากจุด A เทากับ
3 4
ของระยะระหวาง A และ B
หาพิกัดของจุด R โดย 1.
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
หาพิกัดของจุด S ซึ่งจุด S เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง AB − 5+ 2 3 x1 − = = 2 2 y1
=
คณิตศาสตร เลม ๒ =
13 2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ดังนั้น จุด S มีพิกัด 2.
6+ 7 2 3 13 (− , ) 2 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
หาพิกัดของจุด R ซึ่งจุด R เปนจุดกึ่งกลางของสวนของเสนตรง BS 3 10 3 (−5) น (− )ก+ษาขั (− ก))ราช ๒๕๔๔ (−พุท + ธศั ตามหลักสูตรการศึ ้ พื น ้ ฐาน 13 2 2 2
x
=
2
13 ( + 6) 2 y = 2 13 25 ดังนั้น จุด S มีพิกัด (− 4 , 4 ) ระหวาง A และ B คือ (− 134 , 25 ) 4
วิธีที่ 2
=
2 13 +12 ) ( 2 2
=
−
=
25 4 อยู 34
จันัด่นคืทํอาโดย พิกัดของจุดซึ่งอยูหางจาก A
4
ของระยะ
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ให C(x, y) เปนจุดทีกระทรวงศึ ่อยูบนสวนของเสกนษาธิ ตรง A(2, การ7) B(–5, 6) ซึ่งทําให CA = Y
10 A′(-5, 7) C′(x, 7) B(-5, 6) C(x, y)5 -10
=
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม A(2, 7) พ.ศ. ๒๕๔๗
Y 10 A(2, 7) D(2, y) A′(2, 6)
C(x, y) B(-5, 6) 5
องค X รุสภาจัดพิมพจําหนาย 0 การคาของคุ -10
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
3 AB 4
0
X
203 ลาก CD และ BA′ ขนานกับแกน X ตัดกับ AA′ ซึ่งลากขนานกับแกน Y ที่จุด D และ A′ ตามลําดับ จะไดพิกัดของจุด D คือ (2, y) พิกัดของจุด A′ คือ (2, 6) ∆ AA′B คลายกับ ∆ ADC AC = ดังนั้น AAD A′ AB
ลาก CC′ และ BA′ ขนานกับแกน Y ตัดกับ AA′ ซึ่งลากขนานกับแกน X ที่จุด C′ และ A′ ตามลําดับ จะไดพิกัดของจุด C′ คือ (x, 7) พิกัดของจุด A′ คือ (–5, 7) ∆ AA′B คลายกับ ∆ AC′C AC ดังนั้น AAAC′′ = AB
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
แต
AC AB
จะได
AC′
คณิตศาสตร เลแตม ๒
AC AB
=
AD = กลุม สาระการเรียนรูค ณิจะได ตศาสตร
=
=
⏐2 – x⏐
=
4 – 4x + x2 =
3 4 3 AA ′ 4 3 ⏐2 – (–5)⏐ 4 441 16
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(4x + 13)(4x – 29) = 0 ตามหลั ก สู ต รการศึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน 13 ก29 − , x = 4 4
แต ดังนั้น
(
⏐7 – y⏐
y
= =
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําเปโดย นจุดอยูนอกสวนของเสนตรง
29 25 13 31 29 31 , ) , (− , ), ( , ) 4 4 4 4 4 4 พิกัดของจุด C คือ ( − 134 , 25 ) 4
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึ การ เฉลยแบบฝกกษาธิ หัด 3.1.3
1. (1) m = (2) m = (3) m = (4) m = (5) m = (6) m =
6−0 2−0 6−0 − 2−0 7 −3 12 − 5 −4−0 −3− 0 7 − (−8) −5−3 s −3−s 2 t − ( t +1)
ISBN 3 974 - 01 - 3820 - 9 พิ=มพ–3 ครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = 4 พ.ศ. ๒๕๔๗ =
= =
7 4 3 15 − 8 −3 t −1
องคการคาของคุรุสภาจัดพิม3 พจําหนาย =
=
1− t พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร าว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
3 4 3 AA ′ 4 3 ( 7 −6 ) 4 25 31 , 4 4
204 2. (1) P(5, 2) และ Q(x, 6) ; m = 4 m
=
4
=
4(x – 5) 4x – 20 4x x
= = = =
( y 2 − y1 ) (x 2 − x 1 ) ( 6 − 2) ( x − 5)
4 4 24 6
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
(2) P(4, x) และ Q(–3, ; m = 12 ยนรูค กลุม 1)สาระการเรี ณิตศาสตร m 1 2 1 2 7 − 2
=
( y 2 − y1 ) (x 2 − x 1 ) (1− x ) (−3 − 4) (1− x ) −7
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ =
= กษาขัน ตามหลักสูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ =
1–x
x
=
1+
x
=
7 2
จั9ดทําโดย 2
นสQ(9, งเสริx)ม; การสอนวิ (3) P(6,สถาบั –3) และ m = − 23 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี m
( y 2 − y1 ) กษาธิการ = กระทรวงศึ (x − x ) 2
2 − 3
–2 x
=
1
( x − (−3)) (9 − 6)
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
= x+3 พิ=มพครัง้ ที–5ห่ นึง่
(4) P(x, 12) และ Q(5, 12) ; m = 0 m 0
=
( y 2 − y1 ) (x 2 − x 1 ) (12 −12) (5 − x )
องคก=ารคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
ี่โรงพินม5พคุรุสภาลาดพราว ดังนั้น x คือ จํานวนจริพิงมใดพๆทยกเว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
205 (5) P(1, x) และ Q(4, 3) ; m =
3.
m m
m
=
4 3
=
4 x
= =
= = =
4 3 ( y 2 − y1 ) (x 2 − x 1 ) (3 − x ) ( 4 −1)
3–x –1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
( y 2 − y1 ) (x 2 − x 1 )
b a ( − ) a b b−a ⎛ b2 −a 2 ⎜⎜ ⎝ ab
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ⎞ ⎟⎟ ⎠
(b − a ) (b − a )(b + a ) ab(b − a ) b+ a ab
= ตามหลั กสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ = 4.
Y
จัดทําโดย A(2, 10) 10
B(5, แ7)ละเทคโนโลยี สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร 5 กระทรวงศึกC(2, ษาธิ4)การ 0
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พิจารณาดาน AB พ.ศ. (5 − 2๒๕๔๗ ) + (7 −10) ความยาวของ AB = 2
10
X
2
= 9+9 = 18 3 2 รุสหน องคก=ารคาของคุ ภาจัวยดพิมพจําหนาย ความชันของ AB
=
(7 −10) (5 − 2)
= พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร า–1 ว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
206 พิจารณาดาน BC ความยาวของ BC
= = = =
(5 − 2) 2 + (7 − 4) 2 9+9 18
หนวย
3 2 ( 7 − 4) (5 − 2)
= คูม อื ครูสาระการเรี ย1นรูเ พิม่ เติม
ความชันของ BC
พิจารณาดาน AC ความยาวของ AC
=
คณิตศาสตร เลม ๒
(2 − 2) 2 + (10 − 4) 2 = กลุม =สาระการเรี ณิตศาสตร 0 + 36 ยนรูค = 6 หนวย
ความชันของ AC
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ =
(10 − 4) (2 − 2) 6 0
= กษาขัน ตามหลักสูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ดังนั้น เสนตรง AC ไมมีความชัน เพราะไมนิยาม 5.
จัดYทําโดย 5
4) 4) สถาบันสงเสริP(-6, มการสอนวิ ทQ(1, ยาศาสตร และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ -10
S(-8, -1)
0 R(-1, -1)
X
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม จะไดวา สี่เหลี่ยม PQRS เปนรูปพ.ศ. สี่เหลี่ย๒๕๔๗ มดานขนาน
ดังนั้น เสนตรงที่แบงพื้นที่สี่เหลี่ยมดานขนาน PQRS ออกเปน รูปสามเหลี่ยมสองรูปที่มีพื้นที่เทากัน คือ เสนทแยงมุม PR และ QS 5 −1− 4 ความชันของ PRองคก=ารคาของคุ = − ร ุ ส ภาจั ด พิ ม พ จ ํ า หน าย = −1− (−6) 5
ความชันของ QS
4 − ( −1)
5
= พิ=มพที่โรงพิ 1− ( −ม8พ) คุรุสภาลาดพราว 9
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
–1
207 6.
Y 5 D(-6, 2) C(-2, 2)
คูม -10A(-6, อื ครู-2)สาระการเรียนรูB(2, เ พิม่ -2)เติม X
คณิตศาสตร-5 เลม ๒
D(-6, -6) C(-2,ยนรู -6) ค กลุม สาระการเรี ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
จากโจทย พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ABCD = 24 ตารางหนวย 1 × ผลบวกของดานคูขนาน พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู = 2
×
สูง
ตามหลักสูตรการศึ ้ พื1น้ ×ฐาน ทธศั× กADราช---------๒๕๔๔ 24 กษาขั = น (AB +พุCD) (1) 2
ความยาวของ AB = (− 6 − 2) 2 + (−2 − (−2)) 2 = 64 = จากโจทย ดาน AB เปนฐานที่ยาวเปน 2 เทาของดานคูขนาน DC จัดทํ=าโดย 8 จะไดวา AB = 2DC หนวย ดังนั้น DC = 4 หนวย แทนค า นสAB 8 หน วย และ DC = 4 หนวย สถาบั งเสริม= การสอนวิ ทยาศาสตร และเทคโนโลยี 1 × (8 + 4) × AD จะได 24 = 2 24
=
AD
=
กระทรวงศึ กษาธิการ 1 2
4
× 12 × AD
หนวย
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ใหจุด D มีพิกัด (– 6, y)พิมพครัง้ ทีห ดังนั้น AD = (− 6 +๒๕๔๗ 6) + ( y + 2) พ.ศ. 2
2
4 = ( y + 2) 2 y = 2, – 6 ดังนั้น จุด D มีพิกัด (– 6, 2) หรือ (– 6, – 6) องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย ดังนั้น จุด C มีพิกัด (–2, 2) หรือ (–2, – 6)
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
8 หนวย
ลงใน (1)
208 หาความชันของ BC ไดโดย − 6 − (−2) (−2 − 2) −4 −4
กรณีที่ 1 C มีพิกัด (–2, –6) ความชันของ BC = = =
1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม −2−2 2 − (−2) −4 4
กรณีที่ 2 C มีพิกัด (–2, 2) ความชันของ BC =
= คณิตศาสตร เล ม ๒ = –1
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ด 3.1.4 ชัน้ มัเฉลยแบบฝ ธยมศึกกหัษาป ที่ ๔ 3 7 1. ความชันของเส นตรงที ด (–2, ก–ษาขั 4) และ 3) คือ พุ−−ท42 −−ธศั = ตามหลั กสู่ผตานจุ รการศึ น้ พื(3,น้ ฐาน ก ราช ๒๕๔๔ 3 5
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด (1, –2) และ (6, 5) คือ
− 2−5 1− 6
=
7 5
จะเห็นวา ความชันของเสนตรงทั้งสองเทากัน แสดงวา เสนตรงทั้งสองขนานกัน
จัดทําโดย 2. เนื่องจากเสนตรงสองเสนขนานกันความชันจึงเทากัน เทากับ 3.
y 2 − y1 x 2 − x1
, x1
≠
x2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เนื่องจากเสนตรงสองเสนขนานกันความชันจึงเทากัน กระทรวงศึกษาธิการ −2−7 −4−2 − 3− k
=
k =
1− 3
0
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมดพ(–2, ครัง้ –1)ทีห่ และ นึง่ (1,๑๐,๐๐๐ 4. ใหความชันของเสนตรงที่ผานจุ 0) เปน เล m1ม −1− 0 1 m1 = = พ.ศ. ๒๕๔๗ − 2 −1 3 ใหความชันของเสนตรงที่ผานจุด (4, 3) และ (1, 2) เปน m2 3− 2 1 m2 = = 4 −1 3
Y 4 (1, 2) 2 (-2, -1) -2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
(1, 0)
(4, 3) 5
X
209 ใหความชันของเสนตรงที่ผานจุด (1, 0) และ (4, 3) เปน m3 0 −3 m3 = = 1 1− 4 ใหความชันของเสนตรงที่ผานจุด (–2, –1) และ (1, 2) เปน m4 −1− 2 m4 = = 1 − 2 −1 จะเห็นวา m1 = m2 และ m3 = m4 ดังนั้น (–2, –1), (1, 0), (4, 3) และ (1, 2) เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม= ๒1
5. ความชันของเสนตรงที่ผานจุด (1, 2), (6, 7) เทากับ ความชันของเสนตรงที่ผานจุด (1, 2), (–3, 4) เทากับ
7−2 6 −1 4−2 − 3 −1
=
1 2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร −
จะเห็นวาความชันของเสนตรงทั้งสองไมเทากัน ดังนั้น จุด (1, 2), (6, 7) และ (–3, 4) ไมอยูบนเสนตรงเดียวกัน
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
6. จุดทั้งสามจะอยู บนเส ยวกันกไดษาขั เมื่อน ของเสพุนท ตรงที 6), (–1, 4) และ ตามหลั กนสูตรงเดี ตรการศึ ้ความชั พืน้ นฐาน ธศั่ผกานจุ ราชด (b,๒๕๔๔ ความชันของเสนตรงที่ผานจุด (–1, 4), (– 4, 2) มีคาเทากัน ดังนั้น จะไดวา 4−2 6−4 = จัดทําโดย b − (−1) − 1 − (− 4)
b 7.
=
2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เสนตรงที่ผานจุด (p, q + r) และ (q, r + p) มีความชันเทากับ (q + r ) − ( r + p ) q−p กษาธิ=การ p − q = กระทรวงศึ = p−q
p −q
− (p − q)
–1
เสนตรงที่ผานจุด (p, q + r) และ (r, p + q) มีความชันเทากับ
p - 01 - 3820 - 9 r−p ISBNr −974 = p−r − ( r − p) พิ ม พ ค รั ง ้ ที ห ่ นึ ง ่ ๑๐,๐๐๐ เล ม เสนตรงที่ผานจุด (q, r + p) และ (r, p + q) มีความชันเทากับ ( r + p) − ( p + q ) r − q ๒๕๔๗ r −q พ.ศ. = = (q + r ) − ( p + q ) p−r
q−r
=
q−r
− (r − q)
ดังนั้น จุด (p, q + r) + (q, r + p) และ (r, p + q) อยูบนเสนตรงเดียวกัน
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
=
–1
=
–1
210 8. ความชันของเสนตรง AB = ความชันของเสนตรง CD = ความชันของเสนตรง BC = ความชันของเสนตรง AD =
6−6 6 − (−6) 0 − (−6) 12 − 6 0−6 12 − 6 −6−6 6 − (−6)
Y
= 0 = 1
A(-6, 6)
10
= –1
B(6, 6)
5
= –1
10
-10 จะเห็นวา เสนตรง BC และเสนตรง AD มีความชันเทากัน ดังนั้น มีดาน BC ขนานกับดาน AD เพียงคูเดียว นั่นคือ A(–6, 6), B(6, 6), C(12, 0) และ D(6, –6) เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมคางหมู
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติ-5 ม
คณิตศาสตร เลม ๒-10
C(12, 0) X
D(6, -6)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
9. ใหจุด A, B, C และ D เปนจุดกึ่งกลางของดาน PQ, QR, RS และ SP ดังนั้น หาพิกัดของจุดกึ่งกลางทั้งสี่ไดดังนี้ (–1, 4) A = ( − 32+1 , 2 +2 6 ) =
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
B
=
C
=
D
=
Y
ตามหลั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 8๒๕๔๔ 1+ 5 6ก + 4สูตรการศึกษาขัน ( , ) = (3, 5) 2 2 5+ 3 4+ 0 ( , ) 2 2 3− 3 0 + 2 ( , ) 2 2
ความชันของดาน AB เทากับ
=
(4, 2)
=
(0, 1)
4−5 −1− 3 5− 2 3− 4 2 −1 4−0 1− 4 0 +1
=
6 A(-1, 4)
จัดทําโดย 1 4
P(-3, 2)
Q(1, 6) B(3, 5) R(5, 4)
4 2
C(4, 2)
1) ความชันของด าน น BCสเท ากับ มการสอนวิ = –3 ทยาศาสตรแD(0, สถาบั งเสริ ละเทคโนโลยี -5 S(3, 0) 5 ความชันของดาน CD เทากับ = 14 กระทรวงศึกษาธิการ -2 ความชันของดาน DA เทากับ = –3
จะเห็นวา ความชันของดาน AB ISBN = ความชั CD - 9 974นของด - 01 า-น3820 และ ความชันของดาน BC = ความชันของดาน DA พิม้งสีพ่ขคองรู รัง้ ปทีสีห่ ่เหลี นึง่ ่ยม๑๐,๐๐๐ ดังนั้น จุดกึ่งกลางของดานทั PQRS เปนเลจุดมยอดของรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน
พ.ศ. ๒๕๔๗
10.
Y
ให ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่มีดาน AB // DC เพื่อความสะดวกใหจุด A มีพิกัดเปน (0, 0) D(d , c) C(b, c) จุด B อยูบนแกน X มีพิกัดเปน (a, 0) องคการค a + b าcของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย d c ( , ) ( , ) จุด C มีพิกัด (b, c) 2 2 2 2 พิมพที่โรงพิมพคจุดุรุสDภาลาดพร าว มีพิกัด (d, c) X A(0, 0) ๒๒๔๙B(a, 0) ถนนลาดพร าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
211 เนื่องจากความชันของดาน AB เทากับ 0 และ AB // DC ดังนั้น ความชันของดาน DC เทากับ 0 จะได จุดกึ่งกลางระหวางจุด A(0, 0) และ D(d, c) คือ
d c ( , ) 2 2 จุดกึ่งกลางระหวางจุด B(a, 0) และ C(b, c) คือ ( a +2 b , 2c ) ความชันของเสนตรงที่ผานจุด ( d2 , 2c ) และ ( a +2 b , 2c ) เทากับ
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
0
นั่นคือ เสนตรงที่เชื่อมจุดกึ่งกลางของดานที่ไมใชดานคูขนานของสี่เหลี่ยมคางหมูจะขนานกับดาน คูขนาน
คณิตศาสตร เลม ๒
11.
A(0, 0), B(x , 0), C(x , y ) และ D(x , y ) กลุม สาระการเรียให นรู ค ณิตศาสตร เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ 1
Y D(x3, y3)
2
2
ชัC(xน้ มั, yธ) ยมศึPกเปษาป ี่ ๔ าน AB มีพิกัดเปน นจุดกึ่งท กลางของด
R
2
2
Q เปนจุดกึ่งกลางของดาน BC
Q
้ พืน้ ฐาน Sตามหลักสูตรการศึกษาขัน X P A(0, 0) B(x1, 0)
พุทธศักราช ๒๕๔๔
x2 + x3 y2 + y3 , ) 2 2 x y3 ( 3, ) 2 2 (
นสงานเสริ S เปนจุดสถาบั กึ่งกลางของด ADมมีการสอนวิ พิกัดเปน ทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ความชันของเสนตรง PQ
=
y2 − 0 2 x x1 + x 2 − 1 2 2
=
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม y + y y − 2 พ.ศ.2 ๒๕๔๗ ความชันของเสนตรง RS = = x x + x 2
3
2
3
2
ดังนั้น
3
−
3
y2 x2
y2 x2
2
เสนตรง PQองค ขนานกั บเสานของคุ ตรง RS การค รุสภาจัดพิมพจําหนาย
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
3
x1 , 0) 2 มีพิกัดเปน ( x 1 +2 x 2 , y22 )
จัดทําโดย R เปนจุดกึ่งกลางของดาน CD มีพิกัดเปน
3
(
212 ความชันของเสนตรง QR
ความชันของเสนตรง PS
=
y2 + y3 − 2 x2 + x3 x − 1 2
=
y3 − 0 2 x3 x − 1 2 2
y2 2 + x2 2
=
y3 x 3 − x1
=
y3 x 3 − x1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
ดังนั้น เสนตรง PS ขนานกับเสนตรง QR แสดงวา P, Q, R และ S เปนจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน PQRS
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัเฉลยแบบฝ ธยมศึกกหัษาป ที่ ๔ ด 3.1.5 สูตรการศึ ้ บเสพืนน้ ตรง ฐานl 1. ให m เปตามหลั นความชันกของเส นตรงที่ตกั้งษาขั ฉากกัน จะได 34 × m = –1 m
=
−
4 3
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย
2. ให m1 เปนความชันของเสนตรงที่ตั้งฉากกับเสนตรง l k จะได สถาบั × m1นส =งเสริม–1การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี m m1
=
−
m k
กระทรวงศึกษาธิการ
3. ใหเสนตรงซึ่งผานจุด (3, 4) และ (–3, –5) มีความชันเทากับ m m
=
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 −9 พิ−−ม53พ−−ค43รัง้ ทีห่ นึง่ = ๑๐,๐๐๐ เลม= −6 พ.ศ. ๒๕๔๗
3 2
ใหความชันของเสนตรงที่ตั้งฉากกับเสนตรงที่ผานจุด (3, 4) และ (–3, –5) คือ m1 ดังนั้น m⋅m1 = –1 3 ⋅m = –1 2 1 m1
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
=
−
2 3
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
213 4. ใหความชันของเสนตรงซึ่งผานจุด (4, 3) และ (–3, –5) คือ m −5−3 −8 = = m = −3− 4 −7
8 7
ใหความชันของเสนตรงซึ่งผานจุด (–2, –3) และ (–8, 2) คือ m1 − 3− 2 −5 m1 = = − 2 − (−8) 6
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น
m⋅m1
จะเห็นวา m⋅m1
= ≠
8 ⎛ 5⎞ ⎜− ⎟ 7 ⎝ 6⎠
=
40 42
=
คณิดังนัต้น ศาสตร เลม ๒ เสนตรงสองเสนนี้ไมตั้งฉากกัน −
20 21
–1
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
5. ความชันของเสนตรงที่ผานจุด O (0, 0) และ P(a, b) คือ m1 =
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ความชันของเสนตรงที่ผานจุด O (0, 0) และ Q(–b, a) คือ m2 = จะได
−
b a a −b
m ⋅m = –1 แสดงวา สวนของเสนตรง OP ตั้งฉากกับสวนของเสนตรง OQ
1 2 ตามหลั กสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
6. ให P1(1, 6), P2(8, 8) และ P3(–7, 2) เปนจุดยอดของรูปสามเหลี่ยม 6 −8 = ความชันของ P1P2 = = m1 1− 8
จัดทําโดย =
m2
=
ความชันของ P2P3
m3
=
ความชันของ P1P3
=
5 2 2 1 × 7 2
=
8− 2 8+ 7 6−2 1+ 7
= =
2 7 6 15 4 8
สถาบันสงเสริม2 การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 2 4 พิจารณา m m = = 35 ≠ –1 × 7 5 2 กระทรวงศึ 1 mm × = = 1 ก≠ษาธิ –1 การ 1 2 2 3
m1m3
=
5 1 7
≠
–1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 7. ให m เปนความชันของเสนตรง ซึ่งผาพ.ศ. นจุด (k, 7) และ (–3, –2) ๒๕๔๗
แสดงวา จุด (1, 6), (8, 8) และ (–7, 2) ไมเปนจุดยอดของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
m
= =
−2−7 − 3− k −9 −3− k
องคกนารค ุสภาจั ดพิม(1,พจ–ํา4)หนาย ให m1 เปนความชันของเส ตรงซึา่งของคุ ผานจุดร(3, 2) และ −4−2 −6 = = 3 m1 พิม1−พ3ที่โรงพิมพค=ุรุสภาลาดพร − 2 าว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
= =
2 5 1 2
214 เนื่องจากเสนตรงทั้งสองเสนตั้งฉากกันดังนั้น m⋅m1 = –1 −9 ⋅3 = –1 −3− k − 27 − (3 + k )
=
–1
–27 k
= =
3+k –30
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
8. เสนทแยงมุมทั้งสองของรูปสี่เหลี่ยม คือ เสนตรงที่ผานจุด (2, 5) และ (6, 9) กับเสนตรงที่ผานจุด (2, 9) และ (6, 5) ดังรูป Y
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร (2, 9)กษาป (6,ท9)ี่ ๔ ชัน้ มั10ธยมศึ 8
6 น ตามหลักสูตรการศึกษาขั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 4
(2, 5)
(6, 5)
2 0
จัดทําโดย 2
4
6
8
X
ใหความชัสถาบั นของเสน นทแยงมุ นจุด (2, 5) และ (6, 9) เปน mแ1ละเทคโนโลยี ซึ่งเทากับ 69 −− 52 = 1 สงเสริมทีม่ผาการสอนวิ ทยาศาสตร ใหความชันของเสนทแยงมุมที่ผกระทรวงศึ านจุด (2, 9) และกษาธิ (6, 5)กเปาร น m2 ซึ่งเทากับ
จะเห็นวา m1⋅m2 = –1 ดังนั้น เสนทแยงมุมทั้งสองตั้งฉากซึ่งกันและกัน
5−9 6−2
= –1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัปง้ ทีสี่เห่ หลีนึ่ยง่ มซึ๑๐,๐๐๐ ม 1), (6, 4), (3, 8) และ (–1, 5) 9. ให A, B, C และ D เปนจุดยอดของรู ่งมีพิกัดเปนเล(2, ตามลําดับ พ.ศ. ๒๕๔๗ AB = (2 − 6) 2 + (1− 4) 2 = 5 BC = (6 − 3) 2 + (4 − 8) 2 = 5 (3 +1) 2 + (8 − 5) 2 CD = องคการคาของคุ รุส2 ภาจัดพิ2 มพจํา=หนาย 5 AD = (2 +1) + (1− 5) = 5
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
215 ดังนั้น ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมดานเทา = ความชันของดาน AB = m1 ความชันของดาน BC = m2 m1m2 =
3 4 (− ) 4 3
=
4 −1 6−2 8− 4 3− 6
3 4 4 − 3
= =
= –1
นั่นคือ AB ⊥ BC ในทํานองเดียวกันจะแสดงไดวา BC ⊥ CD , CD ⊥ AD และ ดังนั้น ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นที่ของ ABCD = 5 × 5 = 25 ตารางหนวย
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
DA ⊥ AB
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
10. (1) กําหนดจุด A(–5, 4), B(4, 9), C(9, 0) และ D(0, –5) AB = (−5 − 4) 2 + (4 − 9) 2 = 106 BC = (9 − 4) 2 + (0 − 9) 2 = 106 CD ก=สูตรการศึ (9 − 0) 2 + (0 + 5) 2 = พุทธศั106 ตามหลั กษาขั น ้ พื น ้ ฐาน กราช 2 2 AD = (0 + 5) + (−5 − 4) = 106 ดังนั้น ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมดานเทา (2) ความชันของดาน AB = m1 = 4 −9 −(−45) = 95
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ความชันของดาน BC = m2 =
๒๕๔๔
จัดทําโดย
0−9 9−4
=
−
9 5
m m น=สง95เสริ ( − 95 ม) การสอนวิ = –1 สถาบั ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น AB และ BC ตั้งฉากกัน กระทรวงศึกษาธิการ ในทํานองเดียวกัน จะแสดงไดวา BC ⊥ CD , CD ⊥ AD และ DA ⊥ AB 1 2
เนื่องจาก ABCD มีดานทั้ง 4 ยาวเทากัน และมีมุมทุกมุมเปนมุมฉาก ISBN ดังนั้น ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมจั ตุรัส 974 - 01 - 3820 - 9
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 11. (1) กําหนดจุด A(6, 8), B(5, 4), C(3, 6) และ D(4, 10) พ.ศ. ๒๕๔๗8 − 4 ให m1
=
ความชันของดาน AB =
m2
=
ความชันของดาน CD =
m3
=
ความชั ของดาาของคุ น BC รุส= ภาจัดพิมพจํา=หนาย องคกนารค
m4
=
ความชันพิของด ADมพ=คุรุสภาลาดพรา=ว มพทาี่โนรงพิ
6 −5 6 −10 3− 4 4−6 5−3 8 −10 6−4
=
4
=
−4 −1 −2 2 −2 2
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
=
4
=
–1
=
–1
216 จะได AB ขนานกับ CD และ BC ขนานกับ ดังนั้น ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน (2) เพราะ m1m3 = 4(–1) = – 4 ดังนั้น AB ไมตั้งฉากกับ BC นั่นคือ ABCD ไมเปนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
AD
คูม อื ครูสาระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม จากรูป
12.
ใหพิกัดของจุดยอดของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส คณิตศาสตร เล ม๒ ABCD คือ A(0, 0), B(x , 0), C(x , y ) และ D(0, y )
Y
1
1
1
, y) นั้น ค นของเสนทแยงมุม AC = กลุC(xม สาระการเรี ยดังนรู ความชั ณิตศาสตร
D(0, y1)
1
1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ A(0, 0)
B(x , 0)
=
และ ความชันของเสนทแยงมุม BD =
X
1 ตามหลักสูตรการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ =
y1 − y1 ( x1 x1
m1m2 =
) =
1
0 − y1 0 −x1 y1 = x1
m1
y1 − 0 0 − x1 − y1 = x1
m2
− y12 x 12
แต y1 = x1 เพราะ ABCD เปนรูปสี่เหลี ุรัส จัด่ยมจั ทําตโดย ดังนั้น m1m2 = –1 นั่นคือ สถาบั เสนทแยงมุ หลี่ยมจัตุรัส ABCD ตัดกันเปนแ มุมละเทคโนโลยี ฉาก นสมงของรู เสริปมสี่เการสอนวิ ทยาศาสตร Y
กระทรวงศึใหกษาธิ การB(a, 0) และ C(b, c) เปนจุดยอดของ A(0, 0),
13. C(b, c) E(x2, y2) A(0, 0)
รูปสามเหลี่ยม และ D(x1, y1), E(x2, y2) เปนจุดกึ่งกลาง าน BC,- 9AC ตามลําดับ 974 - ของด 01 - 3820 เพราะวา x1 = a +2 b , y1 = 2c
ISBN D(x พิม1, พy1ค) รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ดังนั้น D มีพิกัดเปน พ.ศ. ๒๕๔๗ B(a , 0)
X
x2 =
b , 2
ดังนั้น E มีพิกัดเปน
a +b c , ) 2 2 y2 = 2c b c ( , ) 2 2 (
แตเสนมัธยฐานของรูปองค สามเหลี ่ยมเทาาของคุ กัน 2 เสรนุสภาจั นั่นคืดอพิAD การค มพ=จําBE หนาย หรือ
(
a+b 2 c 2 ) +( ) 2 2
b
c
= มพคุร(ุส2 ภาลาดพร − a ) + ( ) าว พิมพที่โรงพิ 2 2
2
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
217 จะได ดังนั้น
b
a 2
=
AC =
b2 +c2
BC =
(b − a ) 2 + c 2
=
a2 2 +c 4
=
a ( −a) 2 + c 2 2
=
a2 2 +c 4
จะเห็นวา สามเหลี่ยม ABC มีดานยาวเทากัน 2 ดาน ดังนั้น ABC เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ เฉลยแบบฝยนรู กหัดค ณิ 3.1.6 กลุม สาระการเรี ตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึ (3) เปนกษาปท (4)ี่ ๔ เปน
1. (1) ไมเปน (2) ไมเปน 2. (1) {(x, y) ∈ R × R⏐y = 73 }
้ พืน้ ฐาน (2) {(x,ตามหลั y) ∈ R ×กRสู⏐ตx รการศึ = − 23 }กษาขัน
(5) ไมเปน
พุทธศักราช ๒๕๔๔
(3) {(x, y) ∈ R × R⏐y = 7 หรือ y = –1} (4) {(x, y) ∈ R × R⏐x = 3 หรือ x = –7}
จัดทําโดย
3. ความชัน (1) (2) (3) (4)
ระยะตัดแกน X
ระยะตัดแกน Y
7 7 − สถาบัน23 สงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตร และเทคโนโลยี 3 2 5 2 1 − กระทรวงศึ ก ษาธิ ก 4 5 2 าร
–5
1 4 3 − 2
7 ISBN − 974 - 01 - 3820 - 9 3 พิมพค11รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ –11 เลม 5 32พ.ศ. ๒๕๔๗–18
(5)
5
(6)
9 16
(7) (8)
1 0
(9) (10)
ไมมีความชัน −
2 3
5 4 7 − 2
0 ไมตัดแกน X
0 −
3 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย 4
ไมตัดแกน Y
พิมพที่โ7รงพิมพคุรุสภาลาดพร าว 7
2 3 ๒๒๔๙ ถนนลาดพร าว วังทองหลาง กรุ งเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
218 4. เสนตรง 3y = 2x – 6 มีความชันเทากับ 2 x +1 3
เสนตรง y = ดังนั้น
มีความชันเทากับ
2 3 2 3
เสนตรง 3y = 2x – 6 ขนานกับเสนตรง y =
2 x+1 3
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
5. ใหเสนตรง 2x + y = 8 มีความชันเทากับ –2 ใหเสนตรง y = 12 x − 5 มีความชันเทากับ 12
คณิตศาสตร เลม ๒
แต (–2)( 12 ) = –1
สาระการเรี 12ณิx −ต5ศาสตร ดังนั้น เสนตรง 2x + yกลุ = 8ม ตั้งฉากกับเสนตรงยนรู y =ค
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
6. เสนตรง x + 2y + 12 = 0 มีความชันเทากับ
−
1 2
ดังนั้น สมการเสนตรงที่ผานจุด (7, 5) และขนานกับเสนตรง x + 2y + 12 = 0 คือ ตามหลักสูตรการศึกษาขั1 น้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (y – 5) = − ( x − 7) 2 x 2
y–5
=
−
+
x +y 2 x +y 2
=
7 +5 2 17 2
7 2
จัดทําโดย
=
สถาบั ทยาศาสตรและเทคโนโลยี x + 2yน–ส17งเสริม = การสอนวิ 0 กระทรวงศึ3กษาธิการ
7. เสนตรง 3x – 2y + 12 = 0 มีความชันเทากับ
2
ดังนั้น สมการเสนตรงที่ผานจุด (3, 2) และตั้งฉากกับเสนตรง 3x – 2y + 12 = 0 จะมีความชัน ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 เทากับ m พิ–1มพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = โดยที่ m⋅ 32 m และมีสมการคือ
=
−
(y – 2) = y–2 =
2 3
พ.ศ. ๒๕๔๗
2 − ( x − 3) 3 2x − +2 3
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
3y – 6 = –2x + 6 2x + 3y – 12 พิ=มพท0ี่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
219 8. จุดที่เสนตรง 2x – 3y + 1 = 0 ตัดแกน X คือจุด (− 12 , จุดที่เสนตรง 2x – 3y + 1 = 0 ตัดแกน Y คือจุด (0,
0)
1 ) 3
จุดที่เสนตรง x + y – 2 = 0 ตัดแกน X คือจุด (2, 0) จุดที่เสนตรง x + y – 2 = 0 ตัดแกน Y คือจุด (0, 2) เขียนกราฟไดดังนี้ Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิต4 ศาสตร เลม ๒
2x - 3y + 1 = 0 กลุม สาระการเรี ย นรู ค ณิตศาสตร 2 -4
ชัน้ มัธยมศึ กษาป ที่ ๔X 2 4
-2
= 0 กราช ๒๕๔๔ ตามหลักสูตรการศึ-2กษาขัน้ พืน้ ฐานx + พุy -ท2ธศั หาจุดตัดของเสนตรงทั้งสองโดยการแกสมการไดดังนี้ จัดทํา(1)โดย 2x – 3y + 1 = 0 ---------x+y–2 = 0 ---------- (2) จาก (2) สถาบันxสง=เสริ 2–ม y การสอนวิ ---------- ท (3)ยาศาสตรและเทคโนโลยี แทนคา (3) ลงใน (1) กษาธิการ 2(2 – y) – 3y + 1 = กระทรวงศึ 0 4 – 2y – 3y + 1 = 0 4 – 5y + 1 = ISBN 0 974 - 01 - 3820 - 9 y พิ=มพค1 รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม แทนคา y = 1 ลงใน (2) จะได พ.ศ. ๒๕๔๗ x+1–2 = 0 x = 1 ดังนั้น จุดตัดของเสนตรงทั้งสองคือ จุด (1, 1)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
220 9. (1) เสนตรงที่ผานจุด (1, 2) และ (–3, 4) มีความชัน 4−2 m = − 3 −1 =
−
1 2
ดังนั้น สมการเสนตรงที่ผานจุด (–1, 0) และมีความชันเทากับ (y – 0)
−
1 2
คือ
1 − ( x +1) 2 x 1 − − 2 2
=
คูมy อื ครู= สาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
x + 2y + 1 = 0 เขียนความสัมพันธไดดังนี้ {(x, y)⏐x + 2y + 1 = 0}
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(2) ใหความชันของเสนตรงที่ตั้งฉากกับเสนตรงที่ผานจุด (–1, 3) และ (–2, –2) มีความชันเปน m1 m = −−22−+13 = 5
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
m⋅m
=
5⋅m
=
–1
1 1 ตามหลั ก สู ต รการศึ ก ษาขั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 1น = − ∴ m 1
5
ดังนั้น สมการเสนตรงที่ผานจุด (–1, – 4) และมีความชันเทากับ − 15 คือ (y + 4)
=
y+4
=
1 (x + 1) 5 x 1 − − 5 5 −
จัดทําโดย
20 มการสอนวิ = –x – 1 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบันส5yง+เสริ x + 5y +21 = 0 กษาธิ เขียนความสัมพันธไดดังนีกระทรวงศึ ้ {(x, y)⏐x + 5y + 21 =การ 0} (3)
ISBNY 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ X (2, 0) (6, 0) องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
221 ดังนั้น จุดทุกจุดบนเสนตรงที่อยูหางจากจุด (6, 0) และ (2, 0) เปนระยะทางเทากัน คือ เสนตรงที่ขนานกับแกน Y และตัดแกน X ที่จุด (4, 0) เขียนความสัมพันธไดดังนี้ {(x, y)⏐x = 4} 10. จากโจทย เสนตรงที่ตองการ ตั้งฉากกับเสนตรง x – 7y – 11 = 0 หาความชันของเสนตรงที่ตองการไดโดย A 1 −1 m = − = = B −7 7
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
m⋅m1 1 ⋅m 7 1
= =
คณิ–1–1 ตศาสตร เลม ๒
–7สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร m1 = กลุม ดังนั้น ความชันของเสนตรงที่ตองการคือ –7 จุดที่เสนตรงนี้ผานคือจุดตัดระหวางเสนตรง x – 7y – 11 = 0 กับเสนตรง 3x + 5y – 7 = 0 x – 7y – 11 = 0 ---------- (1) ตามหลั ก สู ต รการศึ ก ษาขั น ้ พื น้ ฐาน(2)พุทธศักราช ๒๕๔๔ 3x + 5y – 7 = 0 ---------(1) × 3 3x – 21y – 33 = 0 ---------- (3) (2) – (3) 26y + 26 = 0 ---------- (4) y = –1 จัดทําโดย แทนคา y = –1 ลงใน (1) จะได x + 7 –น 11สงเสริม = การสอนวิ 0 สถาบั ทยาศาสตรและเทคโนโลยี x = 4 กษาธิการ ดังนั้น จุดที่เสนตรงนี้ผานคือ จุดกระทรวงศึ (4, –1) ดังนั้น สมการเสนตรงที่ตองการคือ (y + 1) = ISBN–7(x 974– 4)- 01 - 3820 - 9 y+1 พิ=มพครั–7x ง้ ทีห่ + นึ28ง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 7x + y – 27 = 0
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
222 Y 11.
A 0
B
X
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 4
2
คณิตศาสตร เลม ๒
จากรูป ใหระยะระหวางจุกลุ ด (0, 0) และ (4, 0) ยเปนรู นฐานของรู ปสามเหลี่ยม ฐานของรูปสามเหลี่ยม ม สาระการเรี ค ณิตศาสตร ยาว 4 หนวย พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม = 12 × ฐาน × สูง
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
4
=
1 × 4⏐y⏐ 2
ตามหลัก⏐สูyต⏐รการศึ= กษาขั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 2 น y = 2 หรือ –2 คูอันดับที่ตองการคือ สมาชิกของเซต {(x, y)⏐y = –2 หรือ y = 2, x ∈ R}
จัดทําโดย
12. ความชันของเสนตรง 5x – 3y + 17 = 0
คือ
m1 =
5 3
สถาบันตรง นสง3xเสริ ความชันของเส + 5yม–การสอนวิ 6 = 0 คืทอยาศาสตร m2 = −แ53 ละเทคโนโลยี ความชันของเสนตรง 5x – 3y กระทรวงศึ – 8 = 0 คือกษาธิmก3 าร = 53 ความชันของเสนตรง 3x + 5y + 4 = 0
คือ
m4 = −
3 5
จะเห็นวา m1 = m3 และ m2 =ISBN m4 974 - 01 - 3820 - 9 พิมนพค5xรั–ง้ ที3yห่ +นึ17ง่ =๑๐,๐๐๐ เลม– 3y – 8 = 0 ขนานกัน แสดงวา เสนตรงซึ่งมีสมการเป 0 กับ 5x และเสนตรงซึ่งมีสมการเปน 3x + 5y –พ.ศ. 6 = 0๒๕๔๗ กับ 3x + 5y + 4 = 0 ขนานกัน พิจารณา m1m2 = ( 53 )(− 53 ) = –1 ในทํานองเดียวกัน จะได m2m3 = m3m4 = m4m1 = –1 แสดงวา เสนตรงที่มีความชั m3 ตัา้งของคุ ฉากกับรเสุสนภาจั ตรงที m2าและ องคนการค ด่มพิีคมวามชั พจํานหน ย m4 เสนตรงที่มีความชัน m1 ตั้งฉากกับเสนตรงที่มีความชัน m2 และ m4 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ดังนั้น 5x – 3y + 17 = 0, 3x + 5y – 6 = 0, 5x – 3y – 8 = 0 าว วังปทองหลาง และ 3x + 5y +๒๒๔๙ 4 = 0 ถนนลาดพร เปนดานของรู สี่เหลี่ยมผืกรุ นผงาเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
223 13. เสนตรง ax + by = d1 มีความชันเทากับ เสนตรง ax + by = d2 มีความชันเทากับ
a b a − b −
ดังนั้น เสนตรง ax + by = d1 ขนานกับเสนตรง ax + by = d2
คูม อื ครูสเฉลยแบบฝ าระการเรี ่ เติม กหัย ด นรู 3.1.7เ พิม 1. (1) d = = (2) d =
คณิตศาสตร เลม ๒
6(2) − 8( −3) + 4
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
6 2 + (−8) 2
4 หนวย
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
4(0) + 3(6) − 8 4 2 + 32
ตามหลั สูตวยรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ = 2 กหน (3) d = =
2(0) + 3(0) −13 2 2 + 32
13 13
จัดทํหน าโดย วย
=
13
นสง2เสริ2 มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (4) d สถาบั = 7(8) − 5(11) −1 7 +5
= (5) d =
กระทรวงศึกษาธิการ
0 หนวย 1−1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 = 0 หนวย พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 2. (1) เลือกจุดบนเสนตรง 3x + 4y – 7พ.ศ. = 0 ๒๕๔๗ มาหนึ่งจุด เชน (1, 1) 12
หาระยะทางระหวางเสนตรง 3x + 4y + 3 = 0 กับจุด (1, 1) d
=
3(1) + 4(1) + 3
องคการคาของคุ3รุส+ 4ภาจัดพิมพจําหนาย =
2
2
2
หนวย
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
224 (2) เลือกจุดบนเสนตรง 3x – 4y – 7 = 0 มาหนึ่งจุด เชน (1, –1) หาระยะทางระหวางเสนตรง 6x – 8y + 16 = 0 กับจุด (1, –1) d
= =
6(1) − 8(−1) +16 6 2 + (−8) 2
3
หนวย
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(3) เลือกจุดบนเสนตรง 5x + 12y – 15 = 0 มาหนึ่งจุด เชน (3, 0) หาระยะทางระหวางเสนตรง 10x + 24y + 9 = 0 กับจุด (3, 0) d
คณิ= ตศาสตร เลม ๒ 10(3) + 24(0) + 9 10 2 + 24 2
กลุม =สาระการเรี ยหนนรู ณิตศาสตร 3 วย ค 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(4) เลือกจุดบนเสนตรง x – y – 3 = 0 มาหนึ่งจุด เชน (3, 0) หาระยะทางระหวางเสนตรง 3x – 3y + 7 = 0 กับจุด (3, 0)
ตามหลักสูตรการศึกษาขั น้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 3(3) − 3(0) + 7 d
=
=
3 2 + (−3) 2 16 3 2
=
จัดทําโดย
8 2 3
หนวย
(5) เลือกจุดบนเสนตรง 3x + y + 5 = 0 มาหนึ่งจุด เชน (0, –5) สถาบันสงาเสริ หาระยะทางระหว งเสนม ตรงการสอนวิ 7 – 3x – y =ท0ยาศาสตร กับจุด (0, –5)และเทคโนโลยี d
= กระทรวงศึ กษาธิ การ 2 2 7 − 3(0) − (−5) (−3) + ( −1)
=
12 10
=
6 10 5
หนวย
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 3. ให y = mx + c เปนสมการของเสนตรงที่ตองการหา แตเสนตรงนี้ขนานกับเสนตรง 3x – 4yพ.ศ. – 5 =๒๕๔๗ 0 จะได m = 3 4
ดังนั้น สมการของเสนตรงนี้คือ y =
3 x +c 4
หรือ
จากสมการ 3x – 4y – 5 = 0 เมื่อ y = 0 จะได
3 x − y+c 4 x = 53
= 0
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
225 จะได
( 53 , 0) เปนจุดอยูบนเสนตรง 3x – 4y – 5 = 0
ดังนั้นจุด ( 53 , 0) อยูหางจากเสนตรง จากสูตร ในที่นี้
d
=
d = 1, A =
3 , 4
3 x − y+c = 4 Ax 1 + By1 + C
0 เปนระยะ 1 หนวย
A 2 + B2
B = –1,
x1 =
5 , 3
y1 = 0
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม จะได
3 5 ( )( ) + (−1)(0) + c 4 3
คณิ= ตศาสตร เลม ๒
1
9 +1 16
5 กลุม =สาระการเรี ณิตศาสตร + c ยนรูค 4
5 4
C
ชั=น้ มัธ0,ยมศึกษาปที่ ๔ −
ดังนั้น สมการเสนตรงที่ตองการคือ y =
5 2
3 x 4
หรือ y =
3 5 x − 4 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 4. สมการเสนตรงที่ขนานกับเสนตรง 4x – 3y + 26 = 0 คือ 4x – 3y + c = 0 หาคา c โดย 2
=
4(8) − 3(8) + c
จัดทําโดย
4 2 + (−3) 2
10 = 8+ c นส=งเสริม2 การสอนวิ ดังนั้น สถาบั c หรือ –18 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น สมการเสนตรงที่ตองการคื อ 4x – 3y + 2 ก=ษาธิ 0 หรืกอาร4x – 3y – 18 = 0 กระทรวงศึ 5. สมการเสนตรงที่ตั้งฉากกับเสนตรง 12y = 5x – 7 คือ 12x + 5y + c = 0 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 หาคา c โดย 3
=
พิ12 มพ(−ค1)รั+ง้ 5ที(2ห่ ) +นึcง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (12) + 5 พ.ศ. ๒๕๔๗ −2+c 2
2
39 = c = -37 หรือ 41 ดังนั้น สมการที่ตองการคือ 12x + 5y – 37 = 0 หรือ 12x + 5y + 41 = 0
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
226 6. สมการของเสนขนานคูนั้นคือ 12x – 5y + c = 0 และ 12x – 5y + c1 = 0 ซึ่งอยูหางกัน 8 หนวย จากโจทย เสนตรง 12x – 5y – 10 = 0 อยูกึ่งกลางระหวางเสนขนาน ดังนั้น เสนขนานคูนั้นจะหางจากเสนตรง 12x – 5y – 10 = 0 เปนระยะทาง 4 หนวย เลือกจุดที่อยูบนเสนตรง 12x – 5y – 10 = 0 มาหนึ่งจุด เชน (0, –2) หาคา c ไดโดย 4
12(0) − 5(−2) + c
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม =
12 2 + (−5) 2
คณิตศาสตร เลม ๒
52 = 10 + c ดังนั้น c = 42, –62 ดังนั้น เสนขนานคูนั้นมีสมการเปน 12x – 5y + 42 = 0 และ 12x – 5y – 62 = 0
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ เฉลยแบบฝกหัด 3.2.1
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 1. (1) แทนคา r = 3 h = 2 และ k = –1 ลงในสมการมาตรฐาน จะได (x – 2)2 + (y + 1)2 = 9
จัดทําโดย
(2) แทนคา (h, k) = (0, 0) จะได x2 + y2 = r2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แทนคา (x, y) = (7, 4) จะได r2 = 49 + 16 = 65กระทรวงศึกษาธิการ ดังนั้น สมการวงกลมที่ตองการคือ x2 + y2 = 65
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (3) แทนคา (h, k) = (–1,พิ5)มพจะได (x + 1)2 + (y – 5)2 = r2 พ.ศ. ๒๕๔๗
แทนคา (x, y) = (– 4, – 6) จะได r2 = (– 4 + 1)2 + (– 6 – 5)2 = 130 ดังนั้น สมการวงกลมที ่ตารค องการคื อ รุสภาจัดพิมพจําหนาย องค ก า ของคุ (x + 1)2 + (y – 5)2 = 130
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
227 (4) ดังนั้น จุดศูนยกลาง คือ (h, k) =
⎛ −1+ 7 3 + (−5) ⎞ , ⎜ ⎟ 2 ⎠ ⎝ 2
= (3, –1)
ดังนั้น จะไดสมการ (x – 3)2 + (y + 1)2 = r2 แทนคา (x, y) = (–1, 3) จะได r2 = (–1 – 3)2 + (3 + 1)2 = 32 ดังนั้น สมการวงกลม คือ (x – 3)2 + (y + 1)2 = 32
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
(5) เนื่องจากรัศมีของวงกลมคือ ระยะหางระหวางเสนสัมผัส y = 0 กับจุดศูนยกลางของวงกลม 0(7) +1(−3) + 0
∴ r =
= 3 กลุ1 ม + 0สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 2
2
จะได สมการวงกลมที่ตองการคือ (x – 7)2 + (y + 3)2 = 9
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
สูตรการศึ กษาขัาน้งระหว พืน้ าฐาน (6) เนื่อตามหลั งจากรัศมีขกองวงกลมคื อ ระยะห งเสนสัพุ มผัทสธศั xก = ราช 0 กับจุ๒๕๔๔ ดศูนยกลางของวงกลม (h, k) 1(h ) + 0(k ) + 0 12 + 0 2
= 5
∴ h = 5 จัดทําโดย เนื่องจากวงกลมอยูในควอดรันตที่ 1 จะได h = h = 5
สถาบั 0(h )น + 1ส (kง) เสริ + 0 มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี = 5 0 +1 กษาธิการ ∴ k = k = กระทรวงศึ 5
และ
2
2
ดังนั้น สมการวงกลมคือ (x – 5)2 + (y – 5)2 =ISBN 25
974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 2 2 2. (1) x + y + 4x – 2y + 1 = 0 (x2 + 4x) + (y2 – 2y) = –1 พ.ศ. ๒๕๔๗ (x2 + 4x + 4) + (y2 – 2y + 1) = –1 + 4 + 1 (x + 2)2 + (y – 1)2 = 4 การคเาปของคุ รุสภาจัดพิม่มพีจจุดําศูหน ย (–2, 1) และรัศมี 2 หนวย จะไดวา สมการทีองค ่กําหนดให นสมการของวงกลมที นยกาลาง
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
228 (2) x2 + y2 + y = 0 x2 + (y2 + y) = 0 x2 + (y2 + y + 14 ) = x2 + (y + 12 )2 =
1 4
1 4
จะไดวา สมการที่กําหนดใหเปนสมการของวงกลมที่มีจุดศูนยกลาง (0, – 12 ) และรัศมี 2
2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
1 2
หนวย
(3) x + y + 10x – 4y + 13 = 0 (x2 + 10x) + (y2 – 4y) = –13 (x2 + 10x + 25) + (y2 – 4y + 4) = –13 + 25 + 4 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร (x + 5)2 + (y – 2)2 = 16 จะไดวา สมการที่กําหนดใหเปนสมการของวงกลมที่มีจุดศูนยกลาง (–5, 2) และรัศมี 4 หนวย
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(4) x2 + y2 + x + 2y + 1 = 0 ้ พืน้ ฐาน (x2 ตามหลั + x) + (y2 ก+ สู 2y)ตรการศึ = –1 กษาขัน (x2 + x + 14 ) + (y2 + 2y + 1) = –1 + 14 + 1 (x + 12 )2 + (y + 1)2 =
1 4
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย
จะไดวา สมการที่กําหนดใหเปนสมการของวงกลมที่มีจุดศูนยกลาง (− 12 , −1) และรัศมี 12 หนวย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
(5) x2 + y2 + 6x + 2 = 0 (x2 + 6x) + (y2) = –2 กระทรวงศึกษาธิการ (x2 + 6x + 9) + y2 = –2 + 9 (x + 3)2 + y2 = 7 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 จะไดวา สมการที่กําหนดใหเปนสมการของวงกลมที่มีจุดศูนยกลาง (–3, 0) และรัศมี
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (6) x2 + y2 – 12 x + 12 y – 18 = 0 พ.ศ. ๒๕๔๗ (x2 – 12 x) + (y2 + 12 y) =
หนวย
1 8
(x2 – 12 x + 161 ) + (y2 + 12 y + 161 ) = (x –
7
1 + 1 8 16
+ 161
องคก= ารค 1 าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
1 2 1 2 ) + (y + ) 4 4
4
พิมพเทปี่โนรงพิ มพคุรุสภาลาดพร จะไดวา สมการที่กําหนดให สมการของวงกลมที ่มีจุดาศูวนยกลาง ( 14 , – 14 ) และรัศมี 12 หนวย ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
229 3. หารัศมีของวงกลมโดยหาระยะทางจากจุด (–1, 1) ถึงเสนตรง 3x – 2y + 18 = 0 r
3(−1) − 2(1) +18
=
3 2 + (−2) 2
= 13 หนวย ดังนั้น สมการวงกลม คือ (x + 1)2 + (y – 1)2 = 13
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
---------- (1) 4. x2 + y2 – x – 3y = 0 x+y = 1 ---------- (2) กลุม ---------สาระการเรี ณิตศาสตร x = 1–y (3) ยนรูค แทนคา (3) ลงใน (1) (1 – y)2 + y2 – (1 – y) – 3y = 0 1 – 2y + y2 + y2 – 1 + y – 3y = 0 ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 2y2 – 4y ตามหลักสูตรการศึ = กษาขั 0 น 2y(y – 2) = 0 y = 0, 2 แทนคา y = 0 ใน (3) ได x =จัด1 ทําโดย y = 2 ใน (3) ได x = –1 2 ดังนั้น จุดสถาบั ตัดระหวนางกราฟ = 1 และ xท +ยาศาสตร y2 – x – 3y =แ0ละเทคโนโลยี คือ (1, 0) และ (–1, 2) สงเสริx ม+ yการสอนวิ
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
5. (1) {(x, y)⏐x2 + y2 ≤ 4}
กระทรวงศึกษาธิการ Y
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ที(0,ห่ นึ2)ง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ (2, 0) (-2, 0)
X
(0, -2)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
230 (2) {(x, y)⏐x2 + y2 > 9}
Y
(0, 3)
คูม อื ครู เ พิ0)ม่ เติมX (-3,ส0)าระการเรียนรู(3,
คณิตศาสตร เลม ๒ (0, -3)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
6. x2 + y2 – 4y – 12 = 0 x2 + (y2 – 4y) = 12 x2 + (y2 –ตามหลั 4y + 4) ก= สูต 12รการศึ + 4 กษาขัน ้ พืน้ ฐาน 2 2 Y x + (y – 2) = 16
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย (0, 6)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี (0, 2) x + y – 4y – 12 = 0 กระทรวงศึกษาธิการ X 2
(-2, 0)
พื้นที่ที่ตองการ
= = =
2
(2, 0) (0, -2)
ISBN = 4 - 01 - 3820 - 9 x2 + y2 974 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ – π(2)2 π(16 – 4) 12 π ตารางหนวย π(4)
2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
231 7.
Y
(0, 3)
y= x
คูม อื (-3,ครู0)สาระการเรียนรู เ พิม่ เติXม (3, 0)
คณิตศาสตร xเล+ yม= 9๒ 2
2
(0, -3)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 2 9 = กษาขั π น วย พื้นที่ที่ตอตามหลั งการ = กสู14 ตπ(3) รการศึ ้ ตารางหน พืน้ ฐาน 4
พุทธศักราช ๒๕๔๔
8. สมการเส น สั ม ผั ส วงกลม x 2 + y 2 – 10x = 0 ณ จุ ด ที่ ว งกลมนี้ ตั ด กั บ เส น ตรง 4x + 3y = 20 คือ สมการเสนตรงที่ตั้งฉากกับสมการเสจันดตรง 4x + 3y = 20 และมีระยะหางจากจุดศูนยกลางของ ทําโดย วงกลม (5, 0) เปนระยะทาง 5 หนวย 3x – 4y + c = 0
สถาบั นสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 3(5) − 4(0) + c = 5 3 +4 กระทรวงศึกษาธิการ 2
2
= 25 c = 10, – 40 - 9 3x – 4y – 40 = 0 ดังนั้น สมการเสนตรงที่ตองการคืISBN อ 3x –974 4y +- 01 10 -=3820 0 และ 15+ c
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
232
เฉลยแบบฝกหัด 3.2.2 1. (1)
x 2 y2 + = 1 9 25
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y a2 = 25, b2 = 9 ∴ c2 = 25 – 9 = 16 จะได a = 5, b = 3 และ c = 4 จุดยอดของวงรีคือ (0, ±5) โฟกัสของวงรีคือ (0, ±4)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 4
ความเยื้องศูนยกลางคือ
ชัน้ อ มัธ10ยมศึกษาปที่ ๔ ความยาวแกนเอกคื ความยาวแกนโทคือ
5
6
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
จัดทําโดย (0, 5) (0, 4) สถาบันสงเสริมการสอนวิทFยาศาสตร และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิก(3,าร0) (-3, 0) 1
X
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 2(0, -4) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ F๑๐,๐๐๐ เลม (0, -5) พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
233 (2)
x 2 y2 + = 1 25 16
เนื่องจากตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน X a2 = 25, b2 = 16 ∴ c2 = 25 – 16 = 9 จะได a = 5, b = 4 และ c = 3 จุดยอดของวงรีคือ (±5, 0) โฟกัสของวงรีคือ (±3, 0)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
ความเยื้องศูนยกลางคือ
3 5
ความยาวแกนเอกคือ 10 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ความยาวแกนโทคือ 8
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ Y พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (0, 4)
จัดทําโดย (-5, 0)
F2(–3, 0)
F1(3, 0) (5, 0)
X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึ (0, ก-4)ษาธิการ ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
234 (3) 9x2 + 4y2 = 36 หารดวย 36 ตลอดทั้งสมการจะได x 2 y2 + = 1 4 9
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y a2 = 9 และ b2 = 4 ∴ c2 = 9 – 4 = 5 จะได a = 3, b = 2 และ c = 5 จุดยอดของวงรีคือ (0, ±3) โฟกัสของวงรีคือ (0, ± 5 )
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 5
ความเยื้องศูนยกลางคือ
ชัน้ มัธ6ยมศึกษาปที่ ๔
ความยาวแกนเอกคือ ความยาวแกนโทคือ
3
4
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
จัดทําโดย (0, 3)
0, 5 ) สถาบันสงเสริมการสอนวิFท1 ( ยาศาสตร และเทคโนโลยี (-2, 0)กระทรวงศึกษาธิ(2, การ0) X
ISBN 974 -F01 - 3820 - 9 2 ( 0, − 5 ) พิมพครัง้ ทีห่ นึ(0,ง่ -3) ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
235 (4) 4x2 + 25y2 = 100 หารดวย 100 ตลอดทั้งสมการจะได x 2 y2 + = 1 25 4
เนื่องจากตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน X a2 = 25 และ b2 = 4 ∴ c2 = 25 – 4 = 21 จะได a = 5, b = 2 และ c = 21 จุดยอดของวงรีคือ (±5, 0) โฟกัสของวงรีคือ (± 21 , 0)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรี ณิตศาสตร 21 ยนรูค
ความเยื้องศูนยกลางคือ
ชัน้ มัธ10ยมศึกษาปที่ ๔
ความยาวแกนเอกคือ ความยาวแกนโทคือ
5
4
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
2) จัดทํ(0,าโดย (-5, 0)
(5, 0) X F ( 21 , 0 ) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร1 และเทคโนโลยี F2 ( − 21 ,0 )
(0, -2) กระทรวงศึ กษาธิการ
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
236 (5) x2 + 4y2 = 16 หารดวย 16 ตลอดทั้งสมการจะได x 2 y2 + = 1 16 4
เนื่องจากตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน X a2 = 16 และ b2 = 4 ∴ c2 = 16 – 4 = 12 จะได a = 4, b = 2 และ c = 2 3 จุดยอดของวงรีคือ (±4, 0) โฟกัสของวงรีคือ (± 2 3 , 0)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 3
ความเยื้องศูนยกลางคือ
ชัน้ มัธ8ยมศึกษาปที่ ๔
ความยาวแกนเอกคือ ความยาวแกนโทคือ
2
4
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
จัดทํา(0,โดย2) 0) 0) มการสอนวิทยาศาสตรแ(4, สถาบันส(-4,งเสริ ละเทคโนโลยี X F (2 3 , 0 ) F (−2 3 , 0 ) กระทรวงศึกษาธิการ 1
2
(0, -2)
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
237 (6) 4x2 + y2 = 16 หารดวย 16 ตลอดทั้งสมการจะได x 2 y2 + = 1 4 16
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y a2 = 16 และ b2 = 4 ∴ c2 = 16 – 4 = 12 จะได a = 4, b = 2 และ c = 2 3 จุดยอดของวงรีคือ (0, ±4) โฟกัสของวงรีคือ (0, ± 2 3 )
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 3
ความเยื้องศูนยกลางคือ
ชัน้ มัธ8ยมศึกษาปที่ ๔
ความยาวแกนเอกคือ ความยาวแกนโทคือ
2
4
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
จัดทํา(0,โดย4)
F1 ( 0 , 2 3 )
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (-2,กระทรวงศึ 0) กษาธิก(2,าร0) X ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ( 0 , − 2 3เล) ม พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ F2๑๐,๐๐๐ (0, -4) พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
238 (7) 2x2 + y2 = 3 หารดวย 3 ตลอดทั้งสมการจะได y2 x2 + = 1 ⎛3⎞ 3 ⎜ ⎟ ⎝2⎠
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
a2 = 3 และ b2 = ∴ c2 = 3 –
3 2
จะได a =
b=
3,
3 2
3 2 3 2
=
คณิตและศาสตร เลม ๒ c= 3 2
กลุม คือสาระการเรี ณิตศาสตร จุดยอดของวงรี (0, ± 3ย) นรูค
ชัน้ มัธ(0,ยมศึก) ษาปที่ ๔
โฟกัสของวงรีคือ
ความเยื้องศูนยกลางคือ
±
3 2
1 2
ตามหลั กสูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ความยาวแกนเอกคื อ กษาขั 2 3น ความยาวแกนโทคือ
6
จัดทําโดย Y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (0, 3 ) กระทรวงศึกษาธิ3การ F1 ( 0,
(−
2
)
ISBN 974 - 01 - 3820 -( 93 , 0 ) 2 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 3 พ.ศ. ๒๕๔๗ F ( 0, − )
3 ,0) 2
2
X
2
( 0 ,− 3 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
239 (8) 5x2 + 6y2 = 30 หารดวย 30 ตลอดทั้งสมการจะได x 2 y2 + = 1 6 5
เนื่องจากตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน X a2 = 6 และ b2 = 5 ∴ c2 = 6 – 5 = 1 จะได a = 6 , b = 5 และ c = 1 จุดยอดของวงรีคือ (± 6 , 0) โฟกัสของวงรีคือ (±1, 0)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 1
ความเยื้องศูนยกลางคือ
6
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ความยาวแกนเอกคือ ความยาวแกนโทคือ
2 6 2 5
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
จัดทํา(โดย 0, 5 ) 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิ F1 ( 1, 0 ) และเทคโนโลยี F2 ( −1, 0 )ทยาศาสตร X ( 6 , 0) ( − 6 , 0กระทรวงศึ ) กษาธิการ -2
ISBN 974 - 01( 0 -, −38205 -) 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
240 (9) x2 + 4y2 = 1 จะได
x2 +
y2 = 1 ⎛1⎞ ⎜ ⎟ ⎝4⎠
เนื่องจากตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน X a2 = 1 และ b2 =
1 4
คูม อื =ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
∴ c2 = 1 –
1 4
3 4
คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ จุดยอดของวงรีคือ ( 1, 0)
จะได a = 1, b =
1 2
3 2
และ c =
±
กลุคม ือสาระการเรี ณิตศาสตร 0)นรูค โฟกัสของวงรี (± 3 , ย 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ความเยื้องศูนยกลางคือ
3 2
ความยาวแกนเอกคือ 2 ตามหลั กสูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน ความยาวแกนโทคื อ กษาขั 1 น
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย Y
1 สถาบันสงเสริมการสอนวิ(ท0,ยาศาสตร และเทคโนโลยี ) 2 3 3 F (− , 0) F( , 0) 2 กระทรวงศึกษาธิการ 2 2
(–1, 0)
1
(1, 0)
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 1 − ) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ (0,๑๐,๐๐๐ เลม 2 พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
241 (10) 9x2 + 4y2 = 1 จะได
y2 x2 + = 1 ⎛1⎞ ⎛1⎞ ⎜ ⎟ ⎜ ⎟ ⎝9⎠ ⎝4⎠
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y a2 = ∴ c2 = จะได a =
1 4 1 4 1 , 2
1 9
และ b2 =
คูม – อื ครู= สาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 1 9
5 36
คณิตศาสตร เลม ๒
b=
1 3
5 6 1 ± ) 2 5 ± 6
และ c =
จุดยอดของวงรีคือ
(0,
โฟกัสของวงรีคือ
(0,
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร )
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 5 3
ความเยื้องศูนยกลางคือ ความยาวแกนเอกคือ
1
ตามหลักสูตรการศึกษาขั ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 2 น ความยาวแกนโทคือ
3
Y
จัดทําโดย 1 ( 0, ) 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 5 F ( 0, ) กระทรวงศึ กษาธิการ 6 1
1 (− , 0 ) 3
1 ( ,0) 3
X
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 5 F ( 0, − ) 6 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 1 พ.ศ. ๒๕๔๗ ( 0, − ) 2
2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
242 (11)
1 2 1 2 x+ y 2 8
=
1 4
คูณดวย 4 ตลอดทั้งสมการจะได y2 x2 + = 1 ⎛1⎞ 2 ⎜ ⎟ ⎝2⎠
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้นวงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
a2 = 2 และ b2 = 1 2
∴ c2 = 2 – จะได a =
2,
1 2
คณิตศาสตร เลม ๒ 3 2 1
=
b=
3 2
และ c =
2 กลุ ม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร จุดยอดของวงรีคือ (0, ± 2 )
ชัน้ มัธ(0,ยมศึก) ษาปที่ ๔
โฟกัสของวงรีคือ
±
3 2
3 ตามหลักสูตรการศึกษาขั2 น้ พืน้ ฐาน ความยาวแกนเอกคือ 2 2 ความยาวแกนโทคือ 2
ความเยื้องศูนยกลางคือ
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย Y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ( 0 , 2 ) กษาธิการ กระทรวงศึ F1 ( 0,
3 ) 2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 X 1 1 ( , 0 ) ( − , 0 ) พิมพค2 รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 2 3 F ( 0, − ) พ.ศ. ๒๕๔๗ 2 2
(0, − 2 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
243 (12) x2 = 4 – 2y2 หารดวย 4 ตลอดทั้งสมการ จะได 2 x2 y + 4 2
=1
เนื่องจากตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้น วงรีมีแกนเอกอยูบนแกน X a2 = 4 และ b2 = 2 ∴ c2 = 4 – 2 = 2 จะได a = 2, b = 2 และ c = 2 จุดยอดของวงรีคือ (±2, 0) โฟกัสของวงรีคือ ( ± 2 , 0)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 2
ความเยื้องศูนยกลางคือ
2
ชัน้ มัธ4ยมศึกษาปที่ ๔
ความยาวแกนเอกคือ ความยาวแกนโทคือ
2 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ Yฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (0, 2 ) F2 ( − 2 ,จั0 )ดทําโดย (-2, 0)
F1 ( 2 , 0 ) (2, 0)
X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร ( 0 , − 2 ) และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ (13) y2 = 1 – 2x2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม วหารของ x2 ดังนั้น วงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัพ.ศ. ๒๕๔๗ จะได
2
x2 y + 1 1 ( ) 2
= 1
a2 = 1 และ b2 =
∴ c2 = 1 –
1 2
1 2
1 2
=
จะได a = 1, bองค = ก1 ารคและ c =รุส1ภาจัดพิมพจําหนาย าของคุ 2
2
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
244 จุดยอดของวงรี คือ
(0, ±1)
โฟกัสของวงรี คือ
(0,
2 2
)
Y
2 2
ความเยื้องศูนยกลาง คือ ความยาวแกนเอก คือ ความยาวแกนโท คือ
±
(0, 1)
2 F1 ( 0,
2
2 ) 2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(
คณิตศาสตร เลม ๒ 2 (− ,0) 2
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(14) 20x2 + 4y2 = 5 หารด วย 5 ตลอดทั สมการ กจะได ตามหลั กสูต้งรการศึ ษาขัวาน้ พืน้ ฐาน y2 x2 + 1 5 ( ) ( ) 4 4
= 1
F2 ( 0, −
2 ,0) 2
X
2 ) 2
(0, -1)
พุทธศักราช ๒๕๔๔
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้น วงรีมีแกนเอกอยูบนแกน Y จัดทําโดย a2 = 54 และ b2 = 14 Y 2 5 1 ∴ c = 4– 4 = 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 5 ( 0, ) 2 จะได a = 25 , b = 12 และ c = 1 กระทรวงศึ5 กษาธิการ F1 ( 0 ,1) จุดยอดของวงรีคือ
(0,
±
2
)
1 ( ,0) 2
1 โฟกัสของวงรีคือ ±1) ISBN(0,2974 - 01 - 3820(−- 92 ,0) ความเยื้องศูนยกลางคือ
พิมพครัง้ ที5ห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ความยาวแกนเอกคือ 5 พ.ศ. ๒๕๔๗ ความยาวแกนโทคือ 1
F2 ( 0 , − 1 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
( 0, −
5 ) 2
X
245 2. (1) จากกราฟจะไดวา a = 5, b = 4 และแกนเอกอยูบนแกน X ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 16 25
= 1
(2) จากกราฟจะไดวา a = 4 , c = 3 และแกนเอกอยูบนแกน Y ∴ b2 = a2 – c2 = 16 – 9 = 7
คูม อื ครูสาระการเรี= ย1นรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 16 7
คณิตศาสตร เลม ๒
(3) จากกราฟจะไดวา b = 2, c = 2 และแกนเอกอยูบนแกน Y ∴ a2 = b2 + c2กลุ =ม +4 = 8 4 สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 8 4
= 1
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(4) จากกราฟจะไดวา (x, y) = (8, 6), a = 16 แกนเอกอยูบนแกน X ตามหลั ตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ แทนค า (x, y)กสูลงในสมการมาตรฐานจะได ( 6) 2 (8) 2 + 2 256 b 36 2
b 36 b2
=
1
=
1–
=
3 4
64 256
จัดทําโดย
∴สถาบั b2 นสงเสริม = การสอนวิ 48 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 48 256
= 1
กระทรวงศึกษาธิการ
3. (1) จากเงื่อนไขจะไดวา c = 4, a = 5 และแกนเอกอยูบนแกน X ∴ b2 = a2 – c2 = 25ISBN – 16 =9749 - 01 - 3820 - 9
มพคอรัง้ xทีห่ +นึง่y ๑๐,๐๐๐ ดังนั้น สมการวงรีที่ตอพิงการคื = 1 เลม 2
2
25
9
พ.ศ. ๒๕๔๗ (2) จากเงื่อนไขจะไดวา c = 3, a = 5 และแกนเอกอยูบนแกน Y ∴ b2 = a2 – c2 = 25 – 9 = 16 2
2
16
25
x ดังนั้น สมการวงรีองค ที่ตอกงการคื + ารคาอของคุ รุสyภาจั=ด1พิมพจําหนาย
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
246 (3) จากเงื่อนไขจะไดวา
a = 2, b = 1 และแกนเอกอยูบนแกน Y
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ (4) จากเงื่อนไขจะไดวา
y2 x2 + 4 1
= 1
a = 3, b = 2 และแกนเอกอยูบนแกน X
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 4 9
= 1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(5) จากเงื่อนไขจะไดวา c = 2, b = 3 และแกนเอกอยูบนแกน Y ∴ a2 = b2 + c2 = 9 + 4 = 13
คณิตศาสตร เลม ๒
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 13 9
= 1
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(6) จากเงื่อนไขจะไดวา c = 5, a = 6 และแกนเอกอยูบนแกน X ∴ b2 = a2 – c2 = 36 – 25 = 11 ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 11 36
= 1 ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(7) จากเงื่อนไขจะไดวา a = 10, c = 3 และแกนเอกอยูบนแกน X ∴ b2 = a2 – c2 = 100 – 9 = 91 ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
จัดทําโดย= 1
y2 x2 + 91 100
สถาบั นสงวเสริ ทยาศาสตรบนแกน และเทคโนโลยี (8) จากเงื ่อนไขจะได า ม b การสอนวิ = 3, c = 4 และแกนเอกอยู X ∴ a2 = b2 + c2 = 9กระทรวงศึ + 16 = 25 กษาธิการ ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 x2 + 9 25
= 1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9
(9) จากเงื่อนไขจะไดวา a = 5, (x, y) = ( 5 , 2) และแกนเอกอยูบนแกน X พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม แทนคา (x, y) ลงในสมการมาตรฐานจะได ( 5)2 25
∴
+
( 2) 2 b2 4 b2
b2
พ.ศ. ๒๕๔๗
= 1 = 1–
5 25
4 5
=
= 5
องคการคาของคุ รุสyภาจัดพิมพจําหนาย x
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
2
25
+
2
5
= 1
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
247 (10) จากเงื่อนไขจะไดวา 2 a
=
c a
1 , 9
=
c = 2 และแกนเอกอยูบนแกน Y
1 9
∴ a = 18 ∴ b2 = a2 – c2 = 324 – 4 = 320 y2 x2 + 320 324
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
= 1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม = 0.8, c = 1.5 และแกนเอกอยูบนแกน X คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ = 0.8
(11) จากเงื่อนไขจะไดวา 1 .5 a
c a
สาระการเรี ย15นรูค ณิตศาสตร 1 .5 = กลุม = 0 .8 8
∴a
= ที่ ๔ ชัน้ –มัธ=ยมศึกษาป
225 64
∴ b2 = a2 – c2 =
225 − 144 64 2 64 y 2 64x + 225 81
9 4
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
81 64
= 1
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(12) จากเงื่อนไขจะไดวา c 2
c a
=
3 2
, a = 2 และแกนเอกอยูบนแกน Y
3 2
=
จัดทําโดย
∴c = 3 ∴ b2 = a2 – c2 = 4 – 3 = 1
สถาบันสงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี y x ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ 1 + 4 = 1 กระทรวงศึกษาธิการ 2
2
4. จากโจทยจะไดวา ∴ และ
2a
=
a
=
(1.47 + 1.53) × 108 กิโลเมตร
10 - 01 - 3820 - 9 8 ISBN3×974 = 1.5 × 10 กิโลเมตร 2 8 พิ=มพครั(1.5 ง้ ทีห่ –นึ1.47) ง่ ๑๐,๐๐๐ เลม × 108 กิโลเมตร c × 10 = 0.03 0.0009) × 1016 = 2.2491 × 1016 b2 = a2 – c2 = (2.25 พ.ศ. –๒๕๔๗ 8
∴ ดังนั้น สมการวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย คือ x2 2.25 × 1016
+
y2 2.2491× 1016
=
1
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
248 c a
5. จากโจทยจะไดวา
= 0.25 และ 2b = 1 × 1010 กิโลเมตร
∴ b = 5 × 109 กิโลเมตร = b2 + c2 a2 a2 = (25 × 1018) + (0.25a)2 625 ⎞ 2 ⎛ ⎟a ⎜1− 10 ,000 ⎠ ⎝
∴ a2
25 × 1018
=
คูม =อื ครูสาระการเรีย=นรูเ พิม่ เติม 10000 × 25 × 1018 9375 9 80 ×10 9 ≈ 5.16 × 10 3
80 ×1018 3
คณิตศาสตร เลกิโมลเมตร๒
∴ a
=
∴ c
=
80 ×10 9 ≈ 3
0.25
1.29 × 109 กิโลเมตร
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ระยะทางระหวางดาวพลูโตกับดวงอาทิตย ที่ perihelion เทากับ a–c
– 1.29) ชัน้ มัธยมศึก(5.16ษาป ที่ ๔10
ที่
9
กิโลเมตร 9 ≈ 3.87 × 10 กิโลเมตร 9 aphelion บ a + cน × 10 กิโลเมตร ตามหลักเทสูตากัรการศึ กษาขั ้ ≈พืน้ (5.16 ฐาน+ 1.29) พุ9ทธศั กราช ๒๕๔๔ ≈ 6.45 × 10 กิโลเมตร ≈
×
จัดทําโดย เฉลยแบบฝกหัด 3.2.3
สถาบันสxงเสริ มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี = 14 y กระทรวงศึกษาธิการ จะได 4p = 1
1. (1) จากสมการ
∴ p =
2
4 1 16
> 0
9 ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูISBN ในแนวตั974 ้งซึ่ง-โค01งเป- 3820 ดขึ้นด-านบน ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม โฟกัส คือ (0, 161 ) พิมพครัง้ ทีห
ไดเรกตริกซ คือ y =
−
พ.ศ. ๒๕๔๗
1 16
ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ
1 4
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
249 Y 0.4 0.2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 1 1 (− , ) 8 16
-0.5
F( 0 ,
1 ) 16 ( 1 , 1 ) 8 16
คณิตศาสตร เลม ๒
y=−
1 16
X
0.5
กลุม สาระการเรี ณิตศาสตร -0.2 ยนรูค
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ (2) จากสมการ x ตามหลักyสู2 ต=รการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน จะได 4p = 1 1 > 0 ∴ p = 4
พุทธศักราช ๒๕๔๔
ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวนอนซึ จัดทํา่งโค โดยงเปดไปทางขวา โฟกัส คือ ( 14 , 0)
ไดเรกตริ = −ม14การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบักซนคืสอ งxเสริ Y ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ 1 กระทรวงศึกษาธิก1าร
ISBN 974 - 01 - 3820 0.5- 9 ( 1 , 1 ) 4 2 1 พิมพครัง้ ทีห่ นึxง่ = −๑๐,๐๐๐ เล ม 4 1 F( , 0 ) 4 -1 พ.ศ. ๒๕๔๗ -0.5
1 1 ( ,− ) 4 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย -1 าว พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1
X
250 (3) x2 = 9y จะไดวา ∴
4p p
= =
9 9 4
>0
ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้งซึ่งโคงเปดขึ้นทางดานบน โฟกัส คือ (0, 94 )
Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติ4ม
ไดเรกตริกซ คือ y =
−
9 4
ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ 9
คณิตศาสตร เลม ๒ 9 9 (− , ) 2 4
2
9 F( 0 , ) 4
กลุม สาระการเรียนรูค -5ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
9 9 ( , ) 2 4
X
5
-2
y=−
-4
9 4
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (4) x2 =
1 y 3
จะไดวา
4p
=
∴
p
=
1 3 1 12
จัดทําโดย >0
ดังนัสถาบั ้น พาราโบลามี แกนอยู ในแนวตั้งซึ่งโคทงยาศาสตร เปดขึ้นทางดานบน นสงเสริ มการสอนวิ และเทคโนโลยี 1 โฟกัส คือ (0, 12 ) ไดเรกตริกซ คือ y =
−
กระทรวงศึ กษาธิการ 1
Y
12
ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ
1 3
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ 1 ๑๐,๐๐๐ เลม 1 (− , ) 6 12 พ.ศ. ๒๕๔๗ 0.2
F( 0,
1 ) 12
1 1 ( , ) 6 12
-0.5
0.5
y=− -0.2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1 12
X
251 (5) y2 = 5x จะไดวา ∴
4p p
= =
5 5 4
>0
ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวนอนซึ่งโคงเปดทางขวา Y โฟกัส คือ ( 54 , 0 ) 4 ไดเรกตริกซ คือ x = − 5
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 4
ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ 5
คณิตศาสตร เลม ๒2 x =−
5 5 ( , ) 4 2
5 4
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
X
5 F ( ,0 ) 4
-2
5 5 ( ,− ) 4 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ -4
จัดทําโดย (6) y2 = –2x จะไดวา 4p = –2 1 − < 0 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴สถาบันสpงเสริม = การสอนวิ Y 2 ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูกระทรวงศึ ในแนวนอนซึ่งโค งเปดทางซ าย ก ษาธิ ก าร โฟกัส คือ ( − 12 , 0) ไดเรกตริกซ คือ x =
1 2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ 2 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
1 (− ,1) 2 1 F(− ,0) 2 1 ( − , −1) 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
x=
1 2
X
252 (7) x2 = –8y จะไดวา 4p = –8 ∴ p = –2 < 0 ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้งซึ่งโคงเปดดานลาง โฟกัส คือ (0, –2) ไดเรกตริกซ คือ y = 2 Y ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ 8
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 4
y=2
คณิตศาสตร เลม ๒ 2
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร F(0, –2) (–4, –2) -5
-2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
5
10
(4, –2)
-4
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ -6
-8
(8) y2 = 2x จะไดวา ∴
4p p
= =
2 1 2
จัดทําโดย >0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวนอนซึ่งโคงเปดทางดานขวา กระทรวงศึกษาธิการY โฟกัส คือ ( 12 , 0) ไดเรกตริกซ คือ x =
−
1 2
ความยาวของเลตัสเรกตัม คืISBN อ2
974 - 01 - 3820 - 9 1 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม( 2 , 1 ) พ.ศ. ๒๕๔๗ x=−
1 2
1 F( ,0 ) 2 1
, −1) 2 าย องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจํา(หน
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
X
253 (9) y2 = – 16 x จะไดวา
4p
=
∴
p
=
1 6 1 − 24 −
<0
ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวนอนซึ่งโคงเปดทางซาย 1 , 0) โฟกัส คือ ( − 24 Y ไดเรกตริกซ คือ x = 1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 24
คณิตศาสตร เลม ๒
ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ
0.6
1 6
กลุม สาระการเรี ณิตศาสตร 1 ค 1ยนรู F(− , ) 24 12
1 24
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
-1
-0.5
F( −
x=
1 ,0) 24
0.5
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (−
1
1 1 ,− ) 24 12
จัดทําโดย -0.6
(10) x2 = 7y จะได วา นส4pงเสริม = การสอนวิ 7 สถาบั ทยาศาสตรและเทคโนโลยี 7 >0 ∴ p = 4
กระทรวงศึกษาธิการ
ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้งซึ่งโคงเปดขึ้นทางดานบน Y โฟกัส คือ (0, 74 )
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ความยาวของเลตัสเรกตัพิมมคืพอครั7 ง้ ทีห พ.ศ. ๒๕๔๗
ไดเรกตริกซ คือ y =
−
7 4
8 6 4
7 7 (− , ) 2 4
2
7 F(0, ) 4
7 7 ( , ) 2 4
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย -5
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพรา-2ว
y=−
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
5
7 4
X
254 (11) x2 =
3 − y 5
จะไดวา
4p
=
∴
p
=
3 5 3 − 20 −
<0
ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้งซึ่งโคงเปดดานลาง 3 ) โฟกัส คือ (0, − 20
Y ม คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติ y=
ไดเรกตริกซ คือ y =
3 20
3 20
คณิตศาสตร เลม ๒
ความยาวของเลตัสเรกตัม คือ
3 5
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
X
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ (−
3 3 ,− ) 10 20
3 F (0, − 20 )
•
(
3 3 ,− ) 10 20
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
y=
(12) y2 =
−
2 x 3
จะไดวา
4p
=
∴
p
=
จัดทําโดย
2 3 1 − 6
−
5 − x2 3
<0
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น พาราโบลามีแกนอยูในแนวนอนซึ่งโคงเปดทางดานซาย โฟกัส คือ ( − 16 , 0) กระทรวงศึกษาธิการ ไดเรกตริกซ คือ x =
Y
1 6
ความยาวของเลตัสเรกตัม คืISBN อ 23
974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม(− 16 , 13 ) พ.ศ. ๒๕๔๗ F(− 1 ,0)
1
6
-1
1 1 ( − ,− ) 6 3
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
-1
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
x=
1 6
X
255 2. (1) จากเงื่อนไขจะได p = 2 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวนอน ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y2 = 8x (2) จากเงื่อนไขจะได p =
−
1 2
และพาราโบลามีแกนอยูในแนวนอน
ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y2 = –2x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(3) จากเงื่อนไขจะได p = –8 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้ง ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = –32y
คณิตศาสตร เลม ๒
(4) จากเงื่อนไขจะได p = 5 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้ง = 20y ดังนั้น สมการพาราโบลาที ่ตองการคือ xย2 นรู กลุม สาระการเรี ค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(5) จากเงื่อนไขจะได p = –2 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้ง ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = –8y
ตามหลั กสูตpรการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน ธศักราช (6) จากเงื ่อนไขจะได = – 6 และพาราโบลามี แกนอยูพุใท นแนวนอน ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y2 = –24x
๒๕๔๔
(7) จากเงื่อนไขจะได p = 10 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวนอน จัดทําโดย ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y2 = 40x
สถาบั นสงเสริ ทยาศาสตร และเทคโนโลยี และพาราโบลามี แกนอยูในแนวตั ้ง (8) จากเงื ่อนไขจะได p = ม12การสอนวิ ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = 2y
กระทรวงศึกษาธิการ
(9) จากเงื่อนไขจะได 2p = 2 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวนอน ∴p=1 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 2 ดังนั้น สมการพาราโบลาที 4x พิมพ่ตอคงการคื รัง้ ทีห่ อ นึyง่ =๑๐,๐๐๐ เลม (10) จากเงื่อนไขจะได p = – 6 และพาราโบลามี แกนอยูในแนวตั้ง พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = –24y (11) จากเงื่อนไขจะได p = 8 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้ง องคการค่ตอางการคื ของคุอรุสx2ภาจั ดพิมพจําหนาย ดังนั้น สมการพาราโบลาที = 32y
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
256 (12) จากเงื่อนไขจะได 4(–p) = 8 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้ง ∴ p = –2 ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = –8y 3. (1) จากกราฟจะได p = –3 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้ง ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = –12y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(2) จากกราฟจะได p = 2 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวนอน ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y2 = 8x
คณิตศาสตร เลม ๒
(3) จากกราฟจะได pกลุ =ม และพาราโบลามี แกนอยู –2สาระการเรี ย2 นรู ค ณิในแนวนอน ตศาสตร ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y = –8x
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(4) จากกราฟจะได p = 1 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวตั้ง ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = 4y
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(5) จากกราฟจะได p = 2 และพาราโบลามีแกนอยูในแนวนอน ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y2 = 8x
จัดทําโดย (6) จากกราฟจะได p = – 4 และพาราโบลามี แกนอยูในแนวตั้ง ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 = –16y 4. (1)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี = 4px พิจารณาสมการ y 2กษาธิ 15 การ ( , ) ลงไปในสมการ จะได แทนคา (x,กระทรวงศึ y) = 2
3
15 ( )2 2
=
2 2 4 p( ) 3 675 32
ISBN= 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ x ๑๐,๐๐๐ เลม ดังนั้น สมการพาราโบลาคือ y2 = 675 8 พ.ศ. ๒๕๔๗ ∴
p
(2) การติดตั้งอุปกรณรวมสัญญาณไวที่จุดโฟกัส คือ หางจากจุดยอด
675 32
(
675 , 0) 32
ฟุต
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
257
เฉลยแบบฝกหัด 3.2.4 1. (1) x2 –
y2 9
=
1
Y
2
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x เทากับ 1 เปนจํานวนบวก ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวนอน ในที่นี้จะไดวา a2 = 1 และ b2 = 9 ∴ a = 1 และ b = 3 3 ∴ c = a 2 + b 2 = 1+ 9 = 10 ดังนั้น จะไดวา F1 Fศาสตร กลุ ม สาระการเรี ย นรู ค ณิ ต 2 จุดยอดคือ (±1, 0) 1 ( 10 , 0 ) (−– 10 , 0 ) -1 โฟกัสคือ ( ± 10 , 0) เสนกํากับคือ y = ±3x -3
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
X
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(2)
y2 x2 − 16 4
จัดทําโดย
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 4
นจํานวนบวก สถาบันสงเสริมการสอนวิทเปยาศาสตร และเทคโนโลยี ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง กระทรวงศึ b = 16 กษาธิการ ในที่นี้จะไดวา a = 4 และ 2
2
∴ a = 2 และ b = 4 Y b 2 = 974 4+-16 2 5- 9 ∴ c = a 2 +ISBN 01 -=3820 ดังนั้น จะไดวา พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม F1 (0 , 2 5 ) จุดยอดคือ (0, ±2) 2 โฟกัสคือ (0, ± 2 5 ) พ.ศ. ๒๕๔๗ เสนกํากับคือ y = ± 1 x -4 4 2 -2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนFาย (0 , −– 2 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
2
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
5)
X
258 (3) y2 – x2 = 1 สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ 1 เปนจํานวนบวก ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง Y ในที่นี้จะไดวา a2 = 1 และ b2 = 1 ∴ a = 1 และ b = 1 ∴ c = a 2 + b 2 = 1+1 = 2 (0, 2 ) ดังนั้น จะไดวา F1 จุดยอดคือ (0, ±1) –1 1 F 2 โฟกัสคือ (0, ± 2 ) (0,− 2 ) เสนกํากับคือ y กลุ = ±ม x สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
X
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (4) x2 – 4y2 – 8 = 0 ∴
y2 x2 − 2 8
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x2 เทากัจับดทํ18 าโดย เปนจํานวนบวก ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวนอน ในทีสถาบั ่นี้จะไดวนา สa2ง=เสริ 8 มการสอนวิ และ b2 =ท2ยาศาสตรและเทคโนโลยี Y ∴ a = 2 2 และ b = 2 กระทรวงศึกษาธิการ ∴ c = a 2 + b 2 = 8+ 2 = 10 ดังนั้น จะไดวา 2 จุดยอดคือ (±2 2 , 0)ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ( − 10 ,0 )เล−ม2 2 2 2 ( 10 ,0 0)พครัง้ ทีห โฟกัสคือ ( ± 10 พิ, ม ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ F F1 2 เสนกํากับคือ y = ± 1 x พ.ศ. ๒๕๔๗ 2 − 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
259 (5)
y2 − x2 4
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 4
เปนจํานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง Y 2 2 ในที่นี้จะไดวา a = 4 และ b = 1 ∴ a = 2 และ b = 1 ∴ c = a 2 + b 2 = 4+1 = 5 ดังนั้น จะไดวา (0, 5 ) F1 จุดยอดคือ (0, ±2) 2 โฟกัสคือ (0, ± 5 ) กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร 1 -1 เสนกํากับคือ y = ±2x -2 F2 ( 0 ,− 5 )
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
X
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(6)
y2 x2 − 9 16
จัดทําโดย
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x2 เทากับ
1 9
นจํานวนบวก สถาบันสงเสริมการสอนวิทเปยาศาสตร และเทคโนโลยี ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวนอน Y กระทรวงศึ b = 16 กษาธิการ ในที่นี้จะไดวา a = 9 และ 2
2
∴ a = 3 และ b = 4 ∴ c = a 2 +ISBN b 2 = 974 9+-16 5 -9 01 -=3820 ดังนั้น จะไดวา พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม จุดยอดคือ (±3, 0) F2 พ.ศ. ๒๕๔๗ โฟกัสคือ (±5, 0) (-5 , 0) -3 เสนกํากับคือ y = ± 4 x 3
4 F1 3 (5 , 0) -4
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
260 (7) 9y2 – 4x2 = 36 ∴
y2 x2 − 4 9
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 4
เปนจํานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง ในที่นี้จะไดวา a2 = 4 และ b2 = 9 ∴ a = 2 และ b = 3 ∴ c = a 2 + b 2 = 4+ 9 = 13 ดังนั้น จะไดวา -3 จุดยอดคือ (0, ±2) กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร โฟกัสคือ (0, ± 13 ) เสนกํากับคือ y = ± 23 x
Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม F
1
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(8) y2 –ตามหลั 2x2 = 3 กสูตรการศึกษาขัน ้ พืน้ ฐาน ∴
2
y 2x − 3 3
2
( 0 , 13 )
2 3 -2
F2
(0,− 13 )
พุทธศักราช ๒๕๔๔
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 3
เปนจํานวนบวก
จัดทําโดย้ง ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั ในที่นี้จะไดวา a2 = 3 และ b2 = 32
สถาบั นสa งเสริ มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴ = 3 และ b = 32 3 กษาธิก ∴ c = a กระทรวงศึ +b = = 3 าร= 3 2 3+ 2
2
2
2
2
ดังนั้น จะไดวา จุดยอดคือ (0,
Y
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ± 3) ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐3 เล2ม โฟกัสคือ (0, ± 3พิ22มพ ) ครัง้ ทีห (0, ) F 2 เสนกํากับคือ y = ± 2 x พ.ศ. ๒๕๔๗ 1 3
−
3 2
3 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิ−มพ3จําหนาย F2 า ว พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร 3 2
(0,− ) ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุง2เทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
X
261 (9) 16x2 – y2 = 144 ∴
y2 x2 − 144 9
= 1
Y
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x2 เทากับ
1 9
เปนจํานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวนอน ในที่นี้จะไดวา a2 = 9 และ b2 = 144 ∴ a = 3 และ b = 12 ∴ c = a 2 + b2 = 9 + 144 = 3 17 F2 ดังนั้น จะไดวา -3 (−3 17 , 0) จุดยอดคือ (±3, 0) กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร โฟกัสคือ ( ± 3 17 , 0) เสนกํากับคือ y = ±4x
12
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
3
F1 (3 17 , 0)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
-12
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (10)
x2 −
y2 25
= 1 2
จัดทําโดย
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x เทากับ 1 เปนจํานวนบวก Y ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวนอน สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ในที่นี้จะไดวา a2 = 1 และ b2 = 25 ∴ a = 1 และ b = 5 กษาธิการ 5 กระทรวงศึ ∴ c = a 2 + b 2 = 1+ 25 = 26 ดังนั้น จะไดวา ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 จุดยอดคือ (±1, 0) F2 F1 พิ ม พ ค รั ง ้ ที ห ่ นึ ง ่ ๑๐,๐๐๐ เลม -1 1 โฟกัสคือ ( ± 26 , 0) (− 26 , 0) ( 26 , 0) พ.ศ. ๒๕๔๗ เสนกํากับคือ y = ±5x -5
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
X
262 (11) 25y2 – 9x2 = 225 ∴
y2 x2 − 25 9
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 9
เปนจํานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง ในที่นี้จะไดวา a2 = 9 และ b2 = 25 Y ∴ a = 3 และ b = 5 ∴ c = a 2 + b 2 = 9+ 25 = 34 F1 (0, ดังนั้น จะไดวา 3 จุดยอดคือ (0, ±3) กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร โฟกัสคือ (0, ± 34 ) -5 เสนกํากับคือ y = ± 53 x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
34 )
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
5
X
-3
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช F2 (0,๒๕๔๔ − 34 ) (12) y2 – 4x2 + 1 = 0 ∴ 4x2 – y2 = 1 จัดทําโดย สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x2 เทากับ 4 เปนจํานวนบวก ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวนอน สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี Y ในที่นี้จะไดวา a2 = 14 และ b2 = 1 ∴
a =
∴
c =
กระทรวงศึ และ b = 1 กษาธิการ
1 2
a 2 +b2
=
1 +1 4
=
5 2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 5 ( − ,0เล)Fม2 ๑๐,๐๐๐ 2 พ.ศ. ๒๕๔๗ ( ± 25 , 0)
ดังนั้น จะไดวา ่ นึง่ จุดยอดคือ ( ± 12 , 0)พิมพครัง้ ทีห โฟกัสคือ
1
−
1 2
1 2
เสนกํากับคือ y = ±2x
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
-1
F1 ( 5 , 0 ) X 2
263 (13) 9y2 – 25x2 = 225 y2 x2 − 25 9
∴
= 1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 25
Y
เปนจํานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง ในที่นี้จะไดวา a2 = 25 และ b2 = 9 ∴ a = 5 และ b = 3 ( 0, F34 ) 2 2 1 ∴ c = a + b = 25 + 9 = 34 5 ดังนั้น จะไดวา 3 -3 จุดยอดคือ (0, ±5) กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร โฟกัสคือ (0, ± 34 ) -5 เสนกํากับคือ y = ± 53 x F2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
X
(0,− 34 )
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (14)
y2 − x2 2
=1
จัดทําโดย
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 2
เปนจํานวนบวก
ดังนัสถาบั ้น ไฮเพอร ้ง นสโบลามี งเสริแกนตามขวางในแนวตั มการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี Y ในที่นี้จะไดวา a2 = 2 และ b2 = 1 กระทรวงศึกษาธิการ ∴ a = 2 และ b = 1 ∴ c = a 2 + b 2 = 2 +1 = 3 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ดังนั้น จะไดวา (0, 3 ) จุดยอดคือ (0, ± พิ2 ม) พครัง้ ทีห F1 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 2 โฟกัสคือ (0, ± 3 ) พ.ศ. ๒๕๔๗ –1 1− 2 เสนกํากับคือ y = ± 2 x F2 (0 ,− 3 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
264 (15) y2 – x2 – 4 = 0 ∴
y2 x2 − 4 4
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 4
เปนจํานวนบวก
Y
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางในแนวตั้ง ในที่นี้จะไดวา a2 = 4 และ b2 = 4 ∴ a = 2 และ b = 2 ( 0,2 2 ) F1 ∴ c = a 2 + b2 = 4+4 = 2 2 2 ดังนั้น จะไดวา -2 2 จุดยอดคือ (0, ±2) -2 กลุ ม สาระการเรี ย นรู ค ณิ ต ศาสตร F2 โฟกัสคือ (0, ± 2 2 ) (0,−2 2 ) เสนกํากับคือ y = ±x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
X
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ จัดทําโดย (16) 9y2 – 16x2 = 1 สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ 9 เปนจํานวนบวก Y นสโบลามี งเสริแกนตามขวางในแนวตั มการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี ดังนัสถาบั ้น ไฮเพอร ้ง ในที่นี้จะไดวา a2 = 19 และ b2 = 161 ∴
a =
∴
c =
กระทรวงศึ1 กษาธิการ
1 3
4 1 1 + 9 16
(0,
เสนกํากับคือ y =
2
a +b
2
F1
5 12
ISBN= 974 - 01 - =3820 - 9 ดังนั้น จะไดวา พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 1 จุดยอดคือ (0, ± 3 ) พ.ศ. ๒๕๔๗
โฟกัสคือ
(0,
และ b =
−
5 ) 12
1 4
5 ) 12 4 ± x 3
±
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1 4
F2 (0,−
5 ) 12
X
265 2. (1) จากกราฟ จะได a = 2, c = 4 และไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางอยูในแนวนอน ∴ b = c2 −a 2 = 16 − 4 = 12 ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
y2 x2 − 4 12
= 1
(2) จากกราฟ จะได a = 12, c = 13 และไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง 169 −144 = 5 ∴ b = c2 −a 2 =
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
y2 x2 − 144 25
= 1
คณิตศาสตร เลม ๒
(3) จากกราฟ จะได กลุ a =ม (x, y) = (3, –5) 4,สาระการเรี ยนรูและแกนตามขวางอยู ค ณิตศาสตร ในแนวตั้ง แทนคา (x, y) ลงในสมการมาตรฐานจะได ( −5) 2 ( 3) 2 − 2 = 1 b 16 9 9 25 = กษาขั −1 = ตามหลักสูต2 รการศึ น ้ พื น ้ ฐาน พุ ท ธศั 16กราช ๒๕๔๔ 16
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
b
∴
b2
=
16
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
y2 x2 − 16 16
= 1
จัดทําโดย
(4) จากกราฟ จะได a = 2 3 , (x, y) = (4, 4) และแกนตามขวางอยูในแนวนอน แทนค า (x, น y) ส ลงในสมการมาตรฐานจะได สถาบั งเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (4) 2
−
(2 3 ) 2
(4) 2
= 1 กระทรวงศึ กษาธิการ
b2
16 b2
=
b2
=
16 −1 12
4 12
=
=
1 3
ISBN48974 - 01 - 3820 - 9 y x ดังนั้น สมการไฮเพอรโพิบลาที − =1 มพค่ตรัอง้งการคื ทีห่ นึอง่ 12๑๐,๐๐๐ 48 เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ ∴
2
(5) จากกราฟ จะได ∴
b a
b =
=
1 , 2 3 2
2
a = 3 และแกนตามขวางอยูในแนวนอน
y x ดพิ4ม องคกโบลาที ารคา่ตของคุ พจ=ําหน ดังนั้น สมการไฮเพอร องการคืรอุสภาจั − 1 าย 2
2
9
9
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
266 a = 3, a = 3 และแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง b b = 1
(6) จากกราฟ จะได ∴
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
y2 − x2 9
=1
3. (1) จากโจทย จะได c = 5, a = 3 และแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง ∴ b2 = c2 – a2 = 25 – 9 = 16
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม= 1 ๒
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
y2 x2 − 9 16
10,สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร (2) จากโจทย จะได กลุ c =ม a = 8 และแกนตามขวางอยู ในแนวนอน ∴ b2 = c2 – a2 = 100 – 64 = 36
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
y2 x2 − 64 36
=1
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(3) จากโจทย จะได c = 2, a = 1 และแกนตามขวางอยูในแนวนอน ∴ b2 = c2 – a2 = 4 – 1 = 3 ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
x2 −
จัดทําโดย
y2 3
=1
(4) จากโจทยจะไดวา c = 6, a = 2 และแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง 2 สถาบั ∴ นสb2งเสริ = c2 –มaการสอนวิ = 36 – 4 = ท32ยาศาสตรและเทคโนโลยี x ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที ่ตองการคือ กy ษาธิ − การ =1 กระทรวงศึ
(5) จากโจทยจะไดวา a = 1,
2
2
4
32
b
= 5974และแกนตามขวางอยู ISBN - 01 - 3820 - 9 ในแนวนอน a ∴ b = 5 พิมพครัง้ ทีห ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ x − y = 1 พ.ศ. ๒๕๔๗25 2
(6) จากโจทยจะไดวา a = 6, ∴
a b
=
1 3
2
และแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง
b = 18
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
y2 x2 − 36 324
=1
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
267 (7) จากโจทยจะไดวา c = 8,
a b
=
1 2
และแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง
∴
c2
=
a2 + b2
∴
c2 b2 64 b2
=
a ( ) 2 +1 b 1 +1 = 4
∴ ∴
=
4 64 ( ) = 5 2 b = 4
5 4
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม b2
=
256 5
คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ =1 ∴
a2
=
64 5 5y 2 5x 2 − 64 256
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(8) จากโจทยจะไดวา a = 6, (x, y) = (–5, 9) และแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง แทนคา (x, y) ลงในสมการมาตรฐาน (9) 2 (−5) 2 − 36 b2 81 25 − 2 36 b 25
= ตามหลักสูตรการศึกษาขั น้ พื1น้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ∴ ∴ ∴
b
b2
2
=
1
=
81 −1 = 36 25×36 = 45 y2 x2 − 36 20
=
จัดทําโดย
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ (9)
45 36
20 =1
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึ และการ (x, y) = (5, 3) ลงในสมการมาตรฐาน ถาแกนตามขวางอยูในแนวตั ้งแทนคา ab =ก1ษาธิ
จะได a 2 – (5)2 (974 ) - 01 = - 3820 9 – 25- 9 = –16 a2 = (3)2ISBN b
ซึ่งเปนไปไมได
ดังนั้น แกนตามขวางอยูพิใมนแนวนอน พครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม b แทนคา = 1 และ (x, (5, 3) ลงในสมการมาตรฐาน จะได พ.ศ.y) =๒๕๔๗ a
∴
b2 = (5)2 ( ba ) 2 − 3 2
∴
a2 = b2 = 16
=
25 – 9 =
16
x ดังนั้น สมการไฮเพอร องการคืรอุสภาจั − องคกโบลาที ารคา่ตของคุ ดพิy มพ=จํา1หนาย 2
2
16
16
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
268 (10) จากโจทยจะได c = 3, (x, y) = (4, 1) และแกนตามขวางอยูในแนวนอน แทนคา (x, y) ลงในสมการมาตรฐานจะได ( 4) 2 a2
−
(1) 2 b2
=
1
∴
= (ab)2 ---------- (*) 16b2 – a2 a2 + b2 = c2 = 9 = 9 – b2 ∴ a2 แทนคา a2 ลงใน (*) (9 – b2)b2 16b2 – (9 – b2) = 16b2 – 9 + b2 = 9b2 – b4 2สาระการเรี ย0 นรูค ณิตศาสตร 4 ม ∴ bกลุ + 8b –9 = ∴ (b2 + 9)(b2 – 1) = 0 = 1 ∴ b2 8 ∴ a2 = 9 - 1 =
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ x ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 2
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
8
− y2
= 1
(11) จากโจทยจะไดวา c = 5, a = 3 และแกนตามขวางอยูในแนวนอน จัดทําโดย ∴ b2 = c2 – a2 = 25 – 9 = 16 y2 x2 − 9 16
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
=1 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี กษาธิการ ในแนวตั้ง (12) จากโจทยจะไดวา c = 1, กระทรวงศึ a = 12 และแกนตามขวางอยู ∴
b2 = c2 – a2 = 1 –
1 4
=
3 4
ISBN 974 - 01 - 382016x- 9 = 1 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ = 1
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ 4y2 – 4. (1) ∴
y2 x2 − 4 4
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x2 เทากับ
1 4
2
เปนจํานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางอยูในแนวนอน = กb2ารคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย ∴ a2 = 4องค ∴ a = 2 = bพิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
269 จะได เสนกํากับ คือ y = x และ y = –x ∴ m1m2 = 1(–1) = -1 ดังนั้น เสนกํากับทั้งสองเสนตั้งฉากกัน (2) เนื่องจากเสนกํากับตั้งฉาก ดังนั้น
b b ( )(− ) a a
= –1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
∴ b2 = a2 ∴b =a ∴ c2 = a2 + a2 ∴ a2 =
2
c 2
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
จากโจทย จะไดวา ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางอยูในแนวนอน
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ =๔1
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ 5.
2x 2 c2
−
2y 2 c2
ตามหลั=ก–1สูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
⎛ b ⎞⎛ b ⎞ ⎜ − ⎟⎜ ⎟ ⎝ a ⎠⎝ a ⎠
∴ ∴
b2 = a2 b = a c2 = a2 +จัbด2ทําโดย = 2a2 ∴ c = 2a )a ม = การสอนวิ c - a ทยาศาสตร = 2 × 10แ9 ละเทคโนโลยี ไมล สถาบั( น2ส−ง1เสริ a = 4.83 × 109 ไมล การ× 1018 ไมล ∴ b2 = กระทรวงศึ a2 = กษาธิ23.33
ISBNอ สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคื
974 -x01 - 3820 – -9 y = 1 23.33×10 23.33×10 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ 2
2
18
18
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
270
เฉลยแบบฝกหัด 3.2.5 1. (1)
( y − 2) 2 ( x − 1) 2 + =1 9 4
เนื่องจากตัวหารของ (y – 2)2 มากกวาตัวหารของ (x – 1)2 Y ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวตั้ง เนื่องจาก a2 = 9 และ b2 = 4 (1,5) ∴ a = 3 และ b = 2 ∴ c2 = a2 – b2 = 9 – 4 = 5 (-1,2) (1,2) (3,2) ∴ c = 5 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร จุดศูนยกลางคือ (1, 2) โฟกัสคือ (1, 2± 5 ) จุดยอดคือ (1, 5), (1, –1) (1,-1) ความยาวแกนเอกคื 6 ตามหลักสูตอรการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ความยาวแกนโทคือ 4
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2)
( y + 3) 2 +
( x − 3) 2 =1 16 2
X
จัดทําโดย
เนื่องจากตัวหารของ (x – 3) มากกวาตัวหารของ (y + 3)2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน สถาบันสa2งเสริ มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เนื่องจาก = 16 และ b2 = 1 Y กระทรวงศึ ∴ a = 4 และ b = 1 กษาธิการ ∴ c2 = a2 – b2 = 16 – 1 = 15 ∴ c = 15ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 จุดศูนยกลางคือ (3, –3) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (3,-2) โฟกัสคือ (3, ± 15 , –3) (-1,-3) (3,-3) จุดยอดคือ (7, –3), (–1, –3)พ.ศ. ๒๕๔๗ ความยาวแกนเอกคือ 8 (3,-4) ความยาวแกนโทคือ 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X (7,-3)
271 (3)
( x + 5) 2 y2 + 25 9
= 1
เนื่องจากตัวหารของ (x + 5)2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน เนื่องจาก a2 = 25 และ b2 = 9 ∴ a = 5 และ b = 3 ∴ c2 = a2 – b2 = 25 – 9 = 16 (-5,3) ∴ c =4 จุดศูนยกลางคือ (–5, 0) (-10,0) (-5,0) โฟกัสคือ (–1, 0), (–9, 0) (–10, สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร จุดยอดคือ (0,กลุ 0),ม 0) (-5,-3) ความยาวแกนเอกคือ 10 ความยาวแกนโทคือ 6
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
Y
คณิตศาสตร เลม ๒
(0,0)
X
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (4)
x2 +
( y + 2) 2 4
= 1
จัดทําโดย
เนื่องจากตัวหารของ (y + 2)2 มากกวาตัวหารของ x2 Y ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวตั้ง การสอนวิ เนื่อสถาบั งจาก นสa2งเสริ = 4 มและ b2 = 1 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี (0,0) ∴ a = 2 กระทรวงศึ และ b = 1 กษาธิการ ∴ c2 = a2 – b2 = 4 – 1 = 3 ∴ c = 3 (0,-2) (1,-2) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 (-1,-2) จุดศูนยกลางคือ (0, –2) ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม โฟกัสคือ (0, − 2±พิม3พ)ครัง้ ทีห จุดยอดคือ (0, 0), (0, – 4) พ.ศ. ๒๕๔๗ (0,-4) ความยาวแกนเอกคือ 4 ความยาวแกนโทคือ 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
272
Y
2
2. (1) (x – 3) = 8(y + 2) สังเกตวา 4p = 8 ∴ p=2>0 ดังนั้น พาราโบลา เปนโคงเปดทางดานบน จุดยอดคือ (3, –2) โฟกัสคือ (3, 0) เสนไดเรกตริกซคือ y = – 4
0
(3,0)
X
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม(3,-2)
y = -4
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร Y x=
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(2) (y – 5)2 = –6(x – 2) สังเกตวา 4p = – 6 < ต0 รการศึกษาขัน ∴ตามหลั p = −23กสู ้ พืน้ ฐาน
พุทธศัก1ราช ๒๕๔๔ ( ,5) 2
ดังนั้น พาราโบลา เปนโคงเปดทางดานซาย จุดยอดคือ (2, 5) โฟกัสคือ ( 12 , 5) จัดทําโดย เสนไดเรกตริกซคือ y =
7 2
(2, 5)
X
7 2
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ 1 1
(3) ∴(x + 2 )2 = สังเกตวา 4p =
− y 4 1 − 4
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ∴ p= <0 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐(−เล1 ม, 0) ดังนั้น พาราโบลา เปนโคงเปดลงดานลาง 2 พ.ศ. ๒๕๔๗ จุดยอดคือ ( − 1 , 0) −1 16
1 1 ( − ,− ) 2 16
2
โฟกัสคือ ( − 12 ,
−
1 16
)
เสนไดเรกตริกซคือ y =
1
16าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย องคการค
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
y=
Y 1 16
X
Y
273 (4) y2
= 16(x + 12 )
สังเกตวา 4p = 16 ∴ p = 4 >0 ดังนั้น พาราโบลา เปนโคงเปดไปทางขวา จุดยอดคือ ( − 12 , 0) X= โฟกัสคือ ( 72 , 0)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม −
9 2
( − 12 , 0)
( 72 , 0)
X
คณิตศาสตร เลม ๒
เสนไดเรกตริกซคือ x = 3. (1)
−
9 2
( y + 3) 2 ( x − 1) 2 − =1 16 9
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (x – 1)2 เทากับ
1 9
ซึ่งเปนจํานวนบวก ชั น ้ มั ธ ยมศึ ก ษาป ที่ ๔ ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวนอน
Y
จะได a2 = 9 และ b2 = 16 สูตรการศึ ้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ∴ตามหลั a = 3กและ b = ก4ษาขัน ∴ c = a 2 +b2 = 9+16 = 5 ดังนั้น จุดศูนยกลางคือ (1, –3) จัดทําโดย F2(-4,-3) โฟกัสคือ (6, –3), (– 4, –3) (1,-3) จุดยอดคือ (4, –3), (–2, –3) สมการเส อ yม + 3การสอนวิ = ± 43 (x – 1)ทยาศาสตรและเทคโนโลยี สถาบันกํนากัสบงคืเสริ (2) ( x + 8) 2 − ( y − 6) 2 = 1 กระทรวงศึกษาธิการ สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (x + 8)2 เทากับ 1 ซึ่งเปนจํานวนบวก ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวนอน ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 = ค1รัง้ ทีห จะได a2 = 1 และ พิbม2 พ ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ∴ a = 1 และ b = 1 พ.ศ. ๒๕๔๗ ∴ c = a 2 +b2 = 1+1 = 2 (-8,6) ดังนั้น จุดศูนยกลางคือ (–8, 6) F1 ( −8 − 2 ,6 ) F2 ( −8 + 2 ,6) โฟกัสคือ ( −8± 2 , 6) องค6),การค จุดยอดคือ (-7, (–9, า6)ของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย สมการเสนกํากับ คือ พิyม–พ6ท=ี่โรงพิ ±(x + มพ8)คุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร Y มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X F1(6,-3)
Y
X F1 (1, 5 )
274 (3)
y2 −
( x − 1) 2 =1 4
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ 1 ซึ่งเปนจํานวนบวก ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง จะได a2 = 1 และ b2 = 4 ∴ a = 1 และ b = 2 ∴ c = a 2 + b 2 = 1+ 4 = 5 ดังนั้น จุดศูนยกลางคือ (1, 0) โฟกัสคือ (1, ± 5 ) จุดยอดคือ (1, ±1) yสาระการเรี ณิตศาสตร สมการเสนกํากับ กลุ คือ ม = ± 12 (x −1) ยนรูค
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
(4)
( y − 1) 25
2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
− ( x − 3) 2
=1
1 ตามหลั กสูตทรการศึ น้ าพืกับน้ ฐาน กราช ๒๕๔๔ สังเกตว า สัมประสิ ธิ์ของ (yก–ษาขั 1)2 เท ซึพุ ่งเปทนธศั จํานวนบวก 25
ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง Y 2 2 จะได a = 25และ b = 1 ∴ a = 5 และ b = 1 จัดทําโดย ∴ c = a 2 + b 2 = 25+1 = 26 ดังนัสถาบั ้น จุดศูนนยส กลาง 1) งเสริคือม(3,การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี(3 , 1 + 26 ) โฟกัสคือ (3, 1± 26 ) กษาธิการ จุดยอดคือ (3, 6), (3,กระทรวงศึ – 4) (3 , 1) สมการเสนกํากับ คือ y – 1 = ±5(x – 3)
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
( 3 , 1 − 26 )
X
275 4. (1) จากกราฟ จะได (h, k) = (0, 4), (x, y) = (1, 0) และพาราโบลาเปนโคงเปดลงดานลาง แทนคา (x, y) ลงในสมการมาตรฐานจะได 4p (0 – 4) (1 – 0)2 = 1 − ∴p = 16 ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ x2 =
1 − ( y − 4) 4
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(2) จากกราฟ จะได (h, k) = (– 6, 0), p = 6 และพาราโบลาเปนโคงเปดไปทางดานขวา ∴p = 6 ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ y2 = 24(x + 6)
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(3) จากกราฟ จะได 2a = 10 , 2b = 8 และแกนเอกอยูในแนวแกน X ∴ a = 5, b = 4 (h, k) = ( 10+2 0 , 0 ) = (5, 0)
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
y2 ( x − 5) 2 + 16 25
=1
(4) จากกราฟ จะได (h, k) = (2, –3) จัและ = 6, 2b = 4 และแกนเอกอยูในแนวแกน Y ดทํา2aโดย ∴ a = 3 และ b = 2 2
2
( x − 2) = แ1 ละเทคโนโลยี ดังนัสถาบั ้น สมการวงรี ี่ตองการคื อ ( y + 3) ท+ยาศาสตร นสงทเสริ มการสอนวิ 9
4
กระทรวงศึกษาธิการ
(5) จากกราฟ จะได (h, k) = (0, 1) และ 2a = 2 และแกนตามขวางอยูในแนวตั้ง ดังนั้น ab = 1
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9
∴ a = 1 และ b = 1 มพค่ตรัอง้งการคื ทีห่ นึอง่ (y๑๐,๐๐๐ = ม1 ดังนั้น สมการไฮเพอรโพิบลาที – 1)2 – x2 เล
พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
276 (6) จากกราฟ จะได 2a = 6 – 2 = 4, (x, y) = (8, 4), (h, k) = (4, 0) และแกนตามขวางอยูใน แนวนอน ∴a = 2 แทนคา (x, y) ลงในสมการมาตรฐาน 2
( 4 − 0) 2 = 1 b2 16 ∴ = −1 = 3 4 16 = ∴ b2 3 2 2 สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ (x − 4) − 3y 4 16
∴
(8 − 4) 4 16 b2
–
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น
คณิตศาสตร เลม ๒
=1
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
5. (1) 9y2 – 36y + 4x2 = 0 ∴ 9(y2 – 4y + 4) – 36 + 4x2 = 0 36 ∴ 9(y – 2)2 + 4x2 =
ตามหลักสูตรการศึ กษาขัxน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ ( y − 2) ∴
2
4
+
2
9
=
1
เปนสมการวงรี
เนื่องจากตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ (y – 2)2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน จัดทําโดย ∴ a2 = 9 และ b2 = 4 = 3 และ b = 2 สถาบันส∴งเสริมa2 การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴ c = a2 – b2 = 9 – 4 = 5 Y กษาธิการ ∴ c กระทรวงศึ = 5 จุดศูนยกลางคือ (0, 2) (0, 4) โฟกัสคือ ( ± 5 , 2) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 (3, 2) (-3, 2) จุดยอดคือ (±3, 2) (0, 2) พิ ม พ ค รั ง ้ ที ห ่ นึ ง ่ ๑๐,๐๐๐ เล ม ความยาวแกนเอกคือ 6 พ.ศ. ๒๕๔๗ ความยาวแกนโทคือ 4 (0, 0)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
277 (2)
∴ ∴
= 4y + 8x x2 x2 – 8x + 16 = 4y + 16 (x – 4)2 = 4(y + 4) สังเกตวา 4p = 4 ∴ p = 1>0 ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดขึ้นดานบน จุดยอดคือ (4, – 4) โฟกัส คือ (4, –3) ไดเรกตริกซคือ y = –5
เปนสมการพาราโบลา Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
X (4, -3)
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
(4, -4)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ (3) y2 – 2y – 4x2 + 16x = 20 สูต2 –รการศึ ้ พื20น้ +ฐาน – 2y + 1) –ก4(x 4x + 4) กษาขั = น 1 – 16พุทธศักราช (y2 ตามหลั (y – 1)2 – 4(x – 2)2 = 5 ∴
4( x − 2) 2 ( y − 1) 2 − 5 5
=
1
y = -5
๒๕๔๔
เปนสมการไฮเพอรโบลา
1 สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (y – 1)2 จัเทดาทํกับาโดย ซึ่งเปนจํานวนบวก 5 Y ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง
2 สถาบั เสริมbการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี = 54 จะได a2 = น5สงและ
กษาธิการ และ bกระทรวงศึ = 25
∴ a =
5
∴ c =
a 2 +b2
=
5+
5 4
=
5 2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ดังนั้น จุดศูนยกลางคือพิ(2, มพ1)ครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม โฟกัสคือ (2, 72 ), (2, − 32 ) พ.ศ. ๒๕๔๗ จุดยอดคือ (2, 1 ± 5 ) เสนกํากับคือ (y – 1) =
7 F1 ( 2 , ) 2 (2 ,1 + 5 )
(1 , 2) X ( 2 ,1 − 5 )
±2(x – 2)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย F (2 , − 32 ) 2
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
278 12y (4) x2 + 6x + 9 = ∴ (x + 3)2 = 12y เปนสมการพาราโบลา สังเกตวา 4p = 12 ∴ p = 3 ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดขึ้นดานบน จุดยอดคือ (–3, 0) โฟกัสคือ (–3, 3) ไดเรกตริกซคือ y = –3
Y
(-3,3)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
X
(-3,0) y = -3
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(5) 4x2 – 24x + 25y2 + 250y = –561 4(x2 – 6x + 9) + 25(y2 +10y + 25) = –561 + 36 + 625 2 2 4(xตามหลั – 3) + 25(y กสู+ต5)รการศึกษาขัน้ พื=น้ ฐาน100พุทธศักราช ∴
( x − 3) 2 ( y + 5) 2 + 25 4
=
1
๒๕๔๔
เปนสมการวงรี
เนื่องจากตัวหารของ (x – 3)2 มากกวาตัวหารของ (y + 5)2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน จัดทําโดย Y 2 2 a = 25 และ b = 4 ∴สถาบั a = น 5 สงเสริม และการสอนวิ b = 2 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴ c2 = a2 – b2 = 25 – 4 = 21 กระทรวงศึกษาธิการ ∴ c = 21 (3,-3) จุดศูนยกลางคือ (3, –5) (-2,-5) (3,-5) ISBN 974 01 3820 9 โฟกัสคือ (3 ± 21 , –5) (3,-7) จุดยอดคือ (8, –5), (–2,พิม–5)พครัง้ ทีห ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ความยาวแกนเอกคือ 10 ความยาวแกนโท คือ 4
พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
(8,-5)
279 (6) x2 – 2x + 2y2 = 1 x2 – 2x + 1 + 2y2 = 2 (x – 1)2 + 2y2 = 2 ∴
( x −1) 2 2
+ y2 = 1
เปนสมการวงรี
สังเกตวา ตัวหารของ (x – 1)2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน Y 2 2 a = 2 และ b = 1 ∴ a = 2 และ b = 1 (1,1) ∴ c2 = a2 – b2 = 2 – 1 = 1 สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ∴ c = 1 กลุม (1,0) จุดศูนยกลางคือ (1, 0) (1 − 2 ,0 ) โฟกัสคือ (0, 0), (2, 0) จุดยอดคือ (1 ± 2 , 0) ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศั( 1ก, ราช -1 ) ความยาวแกนเอกคือ 2 2 ความยาวแกนโทคือ 2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(1 + 2 ,0 )
๒๕๔๔
(7) 16x2 – 96x – 9y2 = –288 จัดทําโดย 16(x2 – 6x + 9) – 9y2 = –288 + 144 2 9yส –144 16(xสถาบั – 3)2 –น งเสริม= การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴
( x − 3) 2 y2 − 16 9
=
1
เปนสมการไฮเพอรโบลา
กระทรวงศึ1 กษาธิการ
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
16
ซึ่งเปนจํานวนบวก
ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง Y 2 2 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 Q a = 16 และ b =9 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ∴ a = 4 และ พิbมพ = ค3รัง้ ทีห ∴ c = a 2 + b 2 = 16+ 9 พ.ศ. = 5 ๒๕๔๗ F1 ( 3,5) (3,4) จุดศูนยกลางคือ (3, 0) โฟกัสคือ (3, ±5) (3,0) จุดยอดคือ (3, ±4) องค4การคาของคุรุสภาจัดพิมพจํา(3,-4) หนาย เสนกํากับคือ y = ± (x − 3) 3 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพร F2า(ว3,−5) ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
X
280 (8) 4y2 – 4y 1 4( y 2 − y + ) 4 1 2 4( y − ) 2 1 2 (y − ) 2
สังเกตวา ∴ p
= =
8x – 9 8x – 9 + 1
=
8(x – 1)
=
2(x – 1) เปนสมการพาราโบลา
4p
= =
2
คูม อื ครูสาระการเรียนรู=เ พิม่ เติม 1 > 0 2
x
1 2
คณิตศาสตร เลม ๒
ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดไปทางขวา จุดยอดคือ (1, 12 ) โฟกัสคือ
Y
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
3 1 ( , ) 2 2
ไดเรกตริกซคือ x =
1 (1, ) 2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 1 2
3 1 ( , ) 2 2
X
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (9) x2 – 4(y2 + 2x) = –16 Y จั ด ทํ า โดย 2 2 x – 8x – 4y = –16 x2 – 8x + 16 – 4y2 = 0 2 สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (x –สถาบั 4)2 – 4yน = 0 ∴ y = ± 12 (x – 4)กระทรวงศึกษาธิการ ( 4 , 0)
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
281 (10) x2 – 10x – y2 + 10y = 1 x2 – 10x + 25 – (y2 – 10y + 25) = 1 + 25 – 25 (x – 5)2 – (y – 5)2 = 1 เปนสมการไฮเพอรโบลา สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (x – 5)2 เทากับ 1 เปนจํานวนบวก ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวนอน Y ∴ a2 = 1 = b2 ∴ a =1=b ∴ c = a 2 +b2 = 1+1 = 2 ( 5 −ตศาสตร 2 ,5) (4,5) (6,5) ( 5 + 2 ,5) จุดศูนยกลางคือ (5, กลุ5)ม สาระการเรียนรูค ณิ (5,5) โฟกัสคือ (5 ± 2 , 5) จุดยอดคือ (6, 5), (4, 5) เสนกํากับคือ y – 5 = ± (x – 5)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
X
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
(11) 3x2 – 6x + 4y2 – 24y = –39 3(x2 – 2x + 1) + 4(y2 – 6y กระทรวงศึ + 9) = –39 + 3 +ก36 ษาธิการ 2 2 3(x – 1) + 4(y – 3) = 0 (y – 3)2 = − 34 (x −1) 2 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 เนื่องจาก (y – 3)2
3
(1, 3)
2
≤ 0 พิมพครัง้ −ที4ห่ (xนึ–1ง่ )๑๐,๐๐๐ เลม 2 3 ดังนั้น (y – 3) = 0 = − 4 (x −1) พ.ศ. ๒๕๔๗ ≥
0 และ
Y
2
∴ x = 1 และ y = 3
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
282 (12) x2 + 20x + 4y2 – 40y = –300 x2 + 20x + 100 + 4(y2 – 10y + 25) = –300 + 100 + 100 = –100 (x + 10)2 + 4(y – 5)2 ซึ่งเปนไปไมได เนื่องจาก –100 < 0 แต (x + 10)2 + 4(y – 5)2 ≥ 0 ดังนั้น สมการไมมีกราฟในระนาบจํานวนจริง
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ =
6. (1) 2y2 – 4y + x + 5 = 0 ∴ y
− (− 4) ± (− 4) 2 − 4(2)( x + 5)
= =
2( 2) กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 4 ± 16 − 8( x + 5)
ชั1น้ ± มั1 ธ4ยมศึ กษาปที่ ๔ − 2 x − 10 4
2 1 1 ± กษาขั − 2 xน ตามหลัก=สูตรการศึ ้ −พื6 น้ ฐาน 2 ใชเครื่องคํานวณเขียนกราฟของ 1 1+ − 2x − 6 y = 2
และ y
=
1−
พุทธศักราช ๒๕๔๔
จัดทําโดย
1 − 2x − 6 2
2 งเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (2) 9y2สถาบั – 36y + น 4xส =0
∴ y
กระทรวงศึกษาธิการ
=
− (−36) ± (−36) 2 − 4(9)(4 x 2 ) 2(9)
=
36 ± (36) 2 −36( 4x 2 ) 18 6( 2) 9− x 2 2± 18 2 2± 9− x 2 3
= =
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
ใชเครื่องคํานวณเขียนกราฟของ 2 2+ 9− x 2 y = 3 และ y
=
2−
2 9− x 2 3
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
283 (3) 9y2 – 36y + 36 – 6x – x2 = 0 ∴ y
=
− (−36) ± (−36) 2 − 4(9)(36 − 6 x − x 2 ) 2(9)
=
36 ± (36) 2 − 36(36 − 6 x − x 2 ) 18 6 2± 36 − 36 + 6x + x 2 18 1 2 ± x 2 + 6x 3
=
คูม= อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม ใชเครื่องคํานวณเขียนกราฟของ 1 2 ± x 2 + 6x y = 3
คณิตศาสตร เลม ๒
1 = กลุม 2 − x 2 + 6x ยนรูค สาระการเรี ณิตศาสตร 3
และ y
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(4) –4y2 + 8y + x2 + 4x = 0 ∴ y
=
− 8 ± 82 − 4(−4)( x 2 + 4x ) 2( −4)
=
− 8 ± 64 +16( x 2 + 4x ) −8 4 1± 4 + (x 2 + 4x ) 8 1 1± 4 + 4x + x 2 2
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ = =
จัดทําโดย
ใชเครื่องคํานวณเขียนกราฟของ 1 สถาบั 1+การสอนวิ 4 + 4 x + x 2ทยาศาสตรและเทคโนโลยี y นส=งเสริม 2 =
1 4 + 4x + x กษาธิการ กระทรวงศึ 2
1−
2
7. 4x2 + 4x + y2 – 8y = –F ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 4(x2 + x + 14 ) + y2 – 8y + 16 = –F + 1 + 16 4(x +
1 2 ) + (y – 4)2 2
=
(1) ถาสมการเปนวงรี ∴ 17 – F > 0 ∴ F < 17
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม 17 – F พ.ศ. ๒๕๔๗
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
284 (2) ถาสมการเปนจุดจุดเดียว ∴ 17 – F = 0 ∴ F = 17 (3) ถาสมการเปนเซตวาง ∴ 17 – F < 0 ∴ F > 17
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
8.
2
y ∴ y2 สังเกตวา ∴p
คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ = – x + 100
สาระการเรี ณิตศาสตร = กลุม – (x – 100) ยนรูค 4p = –1 1 − < 0 = 4
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดทางดานซาย ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ∴ จุดยอดคือ (100, 0) , 0) และโฟกัสคือ ( 399 4
พุทธศักราช ๒๕๔๔
เนื่องจากโฟกัสอีกจุดคือ จุดกําเนิด ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวแกน X จัดทําโดย 399 ∴ 2c = 4
สถาบันส=งเสริม399การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 8 399 จุดศูนยกลางคือ ( 12 ( 399 +กระทรวงศึ 0), 0) = ( กษาธิ , 0) การ 4 8 ∴ c ∴ a
=
∴ b2
=
100 −
399 8
401 8
=
=
974 - 01 - 3820 - 9 พิ⎛⎜ม401 พค⎞⎟ รัง้−ที⎛⎜ ห่ 399นึ⎞⎟ง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ⎝ 8 ⎠ ⎝ 8 ⎠ พ.ศ. ๒๕๔๗ 160801 159201 −
=
25
=
a2 –ISBN c2 2
64
2
64
399 2 ) y2 8 + 160801 25
64( x −
1 าย ดังนั้น สมการวงรีองค ที่ตอกงการคื ารคาอของคุรุสภาจัดพิมพจ=ําหน
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
285
แบบฝกหัดทบทวน 1. (x – h)2 + (y – k)2 = r2
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
2. (1) วงรี คือ เซตของจุดทัง้ หมดในระนาบซึง่ ผลบวกของระยะทางจากจุดใด ๆ ไปยังจุด 2 จุด ซึง่ ตรึงอยูก ับที่ มีคาคงตัว และเรียกจุดคงที่ซึ่งตรึงอยูกับที่ทั้งสองวา โฟกัส (2) จุดยอด คือ (±a, 0) โฟกัส คือ (±c, 0) โดยที่ c = a 2 − b 2 กลุม นสาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร แกนเอก คือ สวนของเส ตรงที่เชื่อมจุดยอด แกนโท คือ สวนของเสนตรงที่เชื่อมจุด (0, b) กับจุด (0, – b)
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึ กษาปที่ ๔ Y
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ (0,พืน้ b)ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (–a, 0)
F2(–c, 0) จัดทําFโดย 1(c, 0)
(a, 0)
X
สถาบันสงเสริมการสอนวิ(0,ท–b)ยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ (3) ความเยื้องศูนยกลาง คือ อัตราส วน c974 ตอ -a01ใช- 3820 วัดความรี ISBN - 9 ของวงรี ถาความเยื้องศูนยกลางเขาพิใกล มีความรีมเล ากม มพ1ครัแสดงว ง้ ทีห่ นึา ง่ วงรี๑๐,๐๐๐ ถาความเยื้องศูนยกลางเขาใกล 0 แสดงวา วงรีมีความรีนอย พ.ศ. ๒๕๔๗ คํานวณโดย e = ac โดยที่ c = a 2 − b 2 (4)
x2 b2
+
y2 a2
= 1, a > b > 0
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
286 3. (1) พาราโบลา คือ เซตของจุดทั้งหมดในระนาบซึ่งหางจากจุดจุดหนึ่งที่ตรึงอยูกับที่และเสนตรง ที่ตรึงอยูกับที่เสนหนึ่งเปนระยะทางเทากัน เราจะเรียกจุดที่ตรึงอยูกับที่วาโฟกัส Y และเรียกเสนตรงที่ตรึงอยูกับที่วาไดเรกตริกซ
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(2) จุดยอด คือ (0, 0) โฟกัส คือ (0, p) ไดเรกตริกซ คือ y = –p
คณิตศาสตร เลม ๒
F(o, p) X
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
y = -p
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ถา p < 0 กราฟของพาราโบลาจะมีลักษณะเปนโคงเปดลงดานลาง
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ Y พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ y =p
จัดทําโดย
X
F(o, -p)
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ Y
(3) จุดยอด คือ (0, 0) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 โฟกัส คือ (p, 0) = -p ่ นึง่ x ๑๐,๐๐๐ เลม ไดเรกตริกซ คือ x = –pพิมพครัง้ ทีห
พ.ศ. ๒๕๔๗
F(p , 0 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
287 ถา p < 0 พาราโบลาจะเปนโคงเปดไปทางดานซาย Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูx =เ pพิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
X กลุม F(-p สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร ,0)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 4. (1) ไฮเพอรโบลา คือ เซตของจุดทั้งหมดในระนาบ ซึ่งผลตางของระยะทางจากจุดใด ๆ ไปยังจุด 2 จุด ซึ่งตรึงอยูกับที่มีคาคงตัว จุด 2 จุดดังกล กวาโฟกัส จัดาวเรี ทํายโดย (2) จุดยอด คือ (±a, 0) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี โฟกัส คือ (±c, 0) โดยที่ c = a 2 + b 2 เสนกํากับ คือ y = ± ba x กระทรวงศึกษาธิการ แกนตามขวาง คือ สวนของเสนตรงที่เชื่อมจุดยอดทั้งสอง
ISBN 974 -Y01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม b b ๒๕๔๗ y = − พ.ศ. x y= x a a
(-a,0)รุสภาจั (a,0)ดพิFม2(c,0) องคกFารค าของคุ พจําหนาย 1(-c,0)
พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
288 (3)
y2 a2
–
x2 b2
= 1
(4) วิธีเขียนกราฟของไฮเพอรโบลา 1) วาดรู ป สี่ เ หลี่ ย มมุ ม ฉากศู น ย ก ลาง ซึ่ ง เป น รู ป สี่ เ หลี่ ย มมุ ม ฉากมี จุ ด กําเนิ ด เป น ศู น ย ก ลาง มีแตละดานขนานกับแกนพิกัดและตัดแกนพิกัดที่ ±a และ ±b 2) ลากเสนกํากับ ซึ่งเปนเสนตรงที่เกิดจากการตอเสนทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ จุดที่ระยะตัดแกน Y ทั้งสอง (y = ) ของ =1
3) ลงจุดยอด คือ จุดที่ระยะตัดแกน X ทั้งสองที่จุด (x = ±a
y2
−
±a )
ของ
x2 a2
−
y2 b2
=1
หรือ
x2
กลุม สาระการเรี ยนรูดยอดที ค ณิลตะจุศาสตร 4) เขียนกราฟของไฮเพอร โบลา เริ่มตนจากจุ ด แลวลากเสนโคง ลูเขาหาเสนกํากับ a2
b2
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
5. (1) แทน x ดวย x – h กราฟจะเลื่อนไปทางขวา h หนวย แทน x ดวย x + h กราฟจะเลื่อนไปทางซาย h หนวย ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช (2) แทน y ดวย y – k กราฟจะเลื่อนขึ้นบางบน k หนวย แทน y ดวย y + k กราฟจะเลื่อนลงขางลาง k หนวย
๒๕๔๔
จัดทําโดย 6. กราฟจะเปนวงกลม ถา A = C กราฟจะเปนวงรี ถา A และ C มีเครื่องหมายเหมือนกัน กราฟจะเปนสถาบั พาราโบลา าAม หรืการสอนวิ อ C เปน 0 แค ตัวใดตัวหนึ่ง และเทคโนโลยี นสงถเสริ ทยาศาสตร กราฟจะเปนไฮเพอรโบลา ถา A และ C มีเครื่องหมายตรงกันขาม
กระทรวงศึกษาธิการ
7. (x – 2)2 + (y + 5)2 = 4
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 8. (h, k) = (–5, 1) และ (x, y) พิ= ม(0, พค0)รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม แทนคา (x, y) ลงในสมการมาตรฐานจะได พ.ศ. ๒๕๔๗ (0 + 5)2 + (0 – 1)2 = r2 ∴ r2 = 26 ดังนั้น สมการวงกลมที่ตองการคือ (x + 5)2 + (y – 1)2 = 26
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
289 9. จากโจทยจะไดจุดศูนยกลาง คือ 2r = = ∴ r =
(
2 + ( −1) 3 + 8 ) , 2 2
1 11 ( , ) 2 2
=
(2 − (−1)) 2 + (3 − 8) 2
=
9+ 25
34
34 2
คูม อื ครูสาระการเรีย=นรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น สมการวงกลมที่ตองการคือ
17 2
11 1 (x − ) 2 + ( y − ) 2 2 2
คณิตศาสตร เลม ๒
10. (1) x2 + 2x + y2 – 6y = –9 x2 + 2x + 1 + y2 – 6yกลุ + 9ม = –9ย+นรู 1 +ค สาระการเรี 9 ณิตศาสตร ∴ (x + 1)2 + (y – 3)2 = 1 เปนสมการวงกลม จุดศูนยกลาง คือ (–1, 3) รัศมี คือ 1 หนวย
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
(2) 2x2 – 2x + 2y2 + 8y
=
2 1 2( x 2 − x + ) + 2(y + 4y + 4) 4 ∴ 2( x − 12 ) 2 + 2( y + 2) 2 ∴ (x − 12 ) 2 + ( y + 2) 2 จุดศูนยกลาง คือ ( 12 , − 2) รัศมี คือ 3 หนวย 2
1 2
=
1 1 + +8 2 2
=
9 2
= จัด9ทําโดย
เปนสมการวงกลม
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
(3) x2 – 12x + y2 = ISBN –72 974 - 01 - 3820 - 9 x2 – 12x + 36 + y2 =พิมพค–72 รัง้ ที+ห่ 36นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = –36พ.ศ. ๒๕๔๗ ∴ (x – 6)2 + y2 ซึ่งเปนไปไมได เนื่องจาก –36 < 0 ดังนั้น ไมมีกราฟในระนาบจํานวนจริง
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
290 = –34 (4) x2 – 6x + y2 – 10y 2 2 x – 6x + 9 + y – 10y + 25 = –34 + 9 + 25 = 0 (x – 3)2 + (y – 5)2 = – (y – 5)2 ∴ (x – 3)2 เนื่องจาก (x – 3)2 ≥ 0 และ – (y – 5)2 ≤ 0 ดังนั้น (x – 3)2 = 0 = – (y – 5)2 ∴ x = 3 และ y = 5 ดังนั้น กราฟนี้ คือ จุด 1 จุด
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
11. (1) ∴
y2 x2 + 4 16
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
= 1
สังเกตวา ตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน ตามหลักสูตรการศึกษาขั น้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ b2 = 4 ∴ a2 = 16 และ ∴ a = 4 และ b =2 ∴ c2 = a2 – b2 = 16 – 4 = 12 จัดทําโดย ∴ c = 2 3 จุดศูนยกลาง คือ (0, 0) สถาบั จุดยอด คือ (±น4,ส0)งเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี โฟกัส คือ (± 2 3 , 0) กระทรวงศึกษาธิYการ ความยาวแกนเอก คือ 8 ความยาวแกนโท คือ 4
ISBN 974 - 01 - 3820(-09,2 ) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ( -4 ,0 ) ( −2 3 ,0 ) พ.ศ. ๒๕๔๗
( 2 3 ,0 ) ( 4 ,0 )
( 0 ,-2 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
291 (2) ∴
y2 x2 + 1 1 ( ) ( ) 9 4
=1
เนื่องจากตัวหารของ y2 มากกวาตัวหารของ x2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวตั้ง Q a2 = 14 และ b2 = 19 1 ∴ a = 12 และ b = 3 ∴ c = a 2 − b 2 = 1 − 1 = 65
Y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
1 (0, ) 2 5 ) 6
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร 4
จุดศูนยกลาง คือ (0, 0) จุดยอด คือ (0, ± 12 ) โฟกัส คือ (0,
±
5 6
(0,
9
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
1 ( ,0) 3
1 (− ,0) 3
)
ตามหลักสูคืตอรการศึ กษาขัน้ พืน้ ฐาน ความยาวแกนเอก 1 ความยาวแกนโท คือ 23
X
5 ,− ๒๕๔๔ ) พุทธศัก(0ราช 6
1 (0,− ) 2
จัดทําโดย (3) 4x2 + 9y2 – 36y = 0 4x2 + 9 (y2 – 4y + 4) = 36 2 + 9(yน – 2) 36 ∴ 4x สถาบั ส2งเสริ= มการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ∴
( y − 2) 2 x2 + 9 4
=
1 กระทรวงศึ กษาธิการ
สังเกตวา ตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ (y – 2)2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 Y ∴ a2 = 9 และ b2 = 4 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม ∴ a = 3 และ bพิม= พ2 ครัง้ ทีห (0,4) ∴ c = a 2 − b 2 = 9 − 4 พ.ศ. = 5๒๕๔๗ จุดศูนยกลาง คือ (0, 2) ( -3 , 2 ) ( − 5 , 2 ) ( 5 , 2) ( 3 , 2 ) จุดยอด คือ (±3, 2) (0,2) โฟกัส คือ ( ± 5 , 2) องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนา(ย0 , 0 ) ความยาวแกนเอก คือ 6 ความยาวแกนโท คือ 4 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
292 (4) 2x2 – 4x + y2 + 4y = 2 2(x2 – 2x + 1) + (y2 + 4y + 4) = 2 + 2 + 4 2(x – 1)2 + (y + 2)2 = 8 ∴
( y + 2) 2 ( x − 1) 2 + 8 4
Y
=1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
เนื่องจากตัวหารของ (y + 2)2 มากกวาตัวหารของ (x – 1)2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวตั้ง ∴ a2 = 8 และ b2 = 4 (-1,-2) ∴ a = 2 2 และ b = 2 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ∴ c = a 2 − b 2 = 8− 4 = 2 จุดศูนยกลาง คือ (1, –2) จุดยอด คือ (1, − 2 ± 2 2 ) โฟกัส คือ (1, 0), (1, – 4) ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราชY ความยาวแกนเอก คือ 4 2 ความยาวแกนโท คือ 4
(1,−2 + 2 2 )
คณิตศาสตร เลม ๒
(1,0)
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
(1,-4)
(1,-2)
(3,-2)
(1,−2 − 2 2 )
๒๕๔๔ y =2
(0,0) จัดทําโดย = –8y 12. (1) ∴ x2 สังเกตวา 4p = –8 (0,-2) ∴ สถาบั p น=สงเสริ –2ม<การสอนวิ 0 ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดลงดานลาง กระทรวงศึกษาธิการ จุดยอด คือ (0, 0) โฟกัส คือ (0, –2) Y ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ไดเรกตริกซ คือ y = 2
= (2) ∴ y2 สังเกตวา 4p = ∴ p =
X
X
พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
2x 2 1 2
>0
x=−
1 2
ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดทางขวา จุดยอด คือ (0, 0)องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย โฟกัส คือ ( 12 , 0) พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ไดเรกตริก๒๒๔๙ ซ คือ xถนนลาดพร = − 12 าว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1 ( ,0) 2
X
293 = (3) y2 – 4y ∴ y2 – 4y + 4 ∴ (y – 2)2 สังเกตไดวา 4p ∴ p =
x–2 = x–2+4 = (x + 2) = 1 >0
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม 1 4
Y
ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดไปทางขวา จุดยอด คือ (–2, 2) โฟกัส คือ (− 74 , 2) x = −9
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม 9สาระการเรี4ยนรูค ณิตศาสตร
ไดเรกตริกซ คือ x =
−
ชัน้ มัธยมศึ (-2, 2) ก( ษาป , 2) ที่ ๔ 4
−
7 4
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔
X
จัดทําโดย (4) 2x2 + 6x = –5y – 10 สถาบั น ส ง เสริ ม การสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี = –5y – 10 + 92 2(x2 + 3x + 94 ) 3 2( x + ) 2 2 3 2 (x + ) 2
=
สังเกตวา 4p =
−
=
กระทรวงศึ กษาธิการ –5y – 11 2 11 5 − (y + ) 10 2
Y
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพ< ค0รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ 19 เลม (− 3 , − 11 ) ∴ p = y=− 2 10 40 3 69 พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดลงดานลาง ( − ,− ) 2 40 จุดยอด คือ
โฟกัส คือ
5 2 5 − 8
3 11 (− , − ) 2 10 69 3 (− , − ) 40 2
ารคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย ไดเรกตริกซ คือ yองค = −ก19 40 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
294 13. (1) ∴
x 2 y2 − 16 8
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ x2 เทากับ
1 16
ซึ่งเปนจํานวนบวก
ดังนั้น ไฮเพอรโบลามีแกนตามขวางอยูในแนวนอน ∴ a2 = 16 และ b2 = 8 ∴ a = 4 และ b = 2 2 ∴ c = a 2 + b 2 = 16+ 8 = 2 6 Y จุดศูนยกลาง คือ (0, 0) จุดยอด คือ (±4, 0) 2 y=− x โฟกัส คือ ( ± 2 6 , 0) y= 2 2 2) (0,ศาสตร กลุม สาระการเรี ย นรู ค ณิ ต เสนกํากับ คือ y = ± 22 x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธ(−ยมศึ กษาปที่ ๔ 2 6 ,0 ) ( -4 , 0 )
2 x 2
( 4 , 0 ) ( 2 6 ,0 ) F1
F2
X
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ (0, – 2
(2) ∴
2
2
y x − 4 16
2)
จัดทําโดย =1
สถาบั สงเสริ และเทคโนโลยี สังเกตว า สัมนประสิ ทธิ์ขม องการสอนวิ y2 เทากับ 14 ทซึยาศาสตร ่งเปนจํานวนบวก ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั ้ง กระทรวงศึ กษาธิการ ∴ a2 = 4 และ b2 = 16 ∴ a = 2 และ b = 4 ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 ∴ c = a 2 +b2 ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = 4 +16 พิ=มพ2ครั5ง้ ทีห (-4,0) จุดศูนยกลาง คือ (0, 0) พ.ศ. ๒๕๔๗ จุดยอด คือ (0, ±2) โฟกัส คือ (0, ± 2 5 ) เสนกํากับ คือ y = ± 12 x
Y
F1 ( 0 ,2 5) (0,2) (4,0) (0,-2)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย F2 (0,−2 พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
5)
X
295 (3) 9y2 + 18y – (x2 + 6x) = 18 9(y2 + 2y + 1) – (x2 + 6x+ 9) = 18 + 9 – 9 9(y + 1)2 – (x + 3)2 = 18 ∴
( y + 1) 2 ( x + 3) 2 − 2 18
=1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (y + 1)2 เปนจํานวนบวก ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง ∴ a2 = 2 และ b2 = 18 ∴ a = 2 และ b = 3 2 ∴ c = a 2 + b 2 = 2 +18 = 2 5 –1)สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร จุดศูนยกลาง คือ กลุ (–3,ม จุดยอด คือ (–3, −1± 2 ) โฟกัส คือ (–3, −1± 2 5 ) เสนกํากับ คือ y = ± 13 x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ Y
F1 ( −3,จั−1ด+ทํ2าโดย 5)
สถาบันสงเสริมการสอนวิ และเทคโนโลยี ( −3,−1 + ท2ยาศาสตร ) X ( −3 − 3 2 ,−1) กระทรวงศึ กษาธิการ( −3 + 3 2 ,−1) (-3,-1) ( −3,−1 − 2 )
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพFค(รั−ง้3,ที−1ห่ −นึ2 ง่ 5 )๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
296 (4) y2 – 6y – x2 y2 – 6y + 9 – x2 ∴
= 0 = 9
( y − 3) 2 x2 − 9 9
=
1
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (y – 3)2 เทากับ
1 9
ซึ่งเปนจํานวนบวก
ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง Y ∴ a2 = 9 = b2 ∴ a =3=b ∴ c = a 2 + b 2 = 9+ 9 = 3 2 F1 (0 ,3 + 3 2 ) จุดศูนยกลาง คือ (0, 3) กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร (0,6) จุดยอด คือ (0, 0), (0, 6) (-3,3) (0,3) (3,3) โฟกัส คือ (0, 3± 3 2 ) เสนกํากับ คือ y = ±x (0,0)
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
X
ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักFราช ๒๕๔๔ 3 2) 2 ( 0 ,3 − จัดทําโดย 14. (1) ∴ y2 = –12(x – 1) เปนสมการพาราโบลา Y สถาบั นส=งเสริ–12มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี สังเกตว า 4p ∴ p = –3 <กระทรวงศึ 0 กษาธิการ ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงเปดทางซาย x=4 จุดยอด คือ (1, 0) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 โฟกัส คือ (–2, 0) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลมF(-2,0) (1,0)
พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
297 (2) ∴ ∴ ∴ ∴
y2 − y x2 + 12 144 1 y2 − y + 2 4 + x 12 144 1 2 (y − ) x2 2 + 12 144 1 2 (y − ) 2 2 + x 1 3 ( ) 4
=
0
=
1 48
=
1 48
คูม อื ครูส= าระการเรี ยนรูเ พิม่ เติม 1 เปนสมการวงรี
คณิตศาสตร เลม ๒ 1 (y − ) 2 2
สังเกตวา ตัวหารของ x2 มากกวาตัวหารของ
ดังนั้น แกนเอกอยูกลุ ในแนวนอน ม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร 2 และ b2 = 14 ∴ a =3 ∴ a =
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
∴ c =
1 2 1 3− 4
และ b =
3
11
= 2 ตามหลักaสู−ตbรการศึ กษาขัน้ =พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ 2
2
จุดศูนยกลาง คือ (0, จุดยอด คือ ( ± โฟกัส คือ
(±
3,
11 , 2
1 ) 2 1 ) 2 1 ) 2
จัดทําโดย
Y
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 1 0, ) กระทรวงศึ 11 ก 1 ษาธิก(าร 1 11 1 2 , ) (− 3 , ) F (− , ) F( 2
2
2
2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
1
2
2
1 ( 3, ) 2
X
298 (3) x2 – y2 = –144 ∴
y2 144
2
x – 144 = 1
เปนสมการไฮเพอรโบลา
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 144
ซึ่งเปนจํานวนบวก
ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวตั้ง ∴ a2 = 144 = b2 ∴ a = 12 = b ∴ c = a 2 + b 2 = 144 +144 = 12 2 จุดยอด คือ (0, ±12) โฟกัส คือ (0, ± 12 2 ) เสนกํากับ y = ±x
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
ชัน้ มัธยมศึYกษาปที่ ๔ ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ F1 (0 ,12 2 )
(0,12)
จัดทําโดย (-12,0)
(12,0)
X สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึก(0,-12) ษาธิการ
ISBN 974 - 01F -(3820 0, −12- 92 ) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
299 (4) x2 + 6x – 9y2 = 0 x2 + 6x + 9 – 9y2 = 9 ∴ (x + 3)2 – 9y2 = 9 ∴
( x + 3) 2 − y2 9
= 1
เปนสมการไฮเพอรโบลา
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (x + 3)2 เทากับ
1 9
ซึ่งเปนจํานวนบวก
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวนอน ∴ a2 = 9 และ b2 = 1 ∴ a = 3 และ b = 1 ∴ c = a 2 + b 2 = 10 กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร จุดยอด คือ (0, 0), (–6, 0) เสนกํากับ y = ± 1 (x + 3) โฟกัส คือ (–3 ± 10 , 0 )
คณิตศาสตร เลม ๒ ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ 3
Y พุทธศักราช ๒๕๔๔ ตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน
จัดทําโดย (−3 − 10 , 0)
F2
(-6,0)
(-3,0)
(0,0)
(−3 + 10 , 0)
F1
X
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = 0พ.ศ. ๒๕๔๗
(5) 4x2 – 8x + y2 – 8y 4(x2 – 2x + 1) + y2 – 8y + 16 4(x – 1)2 + (y – 4)2 = ( x −1) 2 5
+
( y − 4) 2 20
= 20
4 + 16
1 รุสเปภาจั นสมการวงรี องคก=ารคาของคุ ดพิมพจําหนาย
สังเกตวา ตัวหารของ (yพิม– พ4)ท2 ี่โมากกว (x – า1)ว2 รงพิมพาตัควุรหารของ ุสภาลาดพร ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
300 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวตั้ง ∴ a2 = 20 และ และ ∴ a = 2 5 ∴ c = a 2 −b2 = จุดศูนยกลาง คือ (1, 4) จากยอด คือ (1, 4 ± 2 5 ) โฟกัส คือ (1, 4 ± 15 )
Y 2
b =5 b= 5 20 − 5 =
(1,4 + 2 5 )
15
F1 (1, 4 + (1 − 5 ,4 )
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม (1,4 )
คณิตศาสตร เลม ๒
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
15 )
(1 + 5 ,4)
F2 (1, 4 −
15 )
X
(1,4 − 2 5 )
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ (6) 3x2 – 6x – 6y = 10 2 ้ 10พื+น้ 3 ฐาน – 2x + 1)กสูตรการศึ = กษาขั 6y +น 3(xตามหลั 13 = 2( y + ) ∴ (x – 1)2 6 สังเกตวา ∴
4p p
= =
พุทธศักราช ๒๕๔๔
2 1 2
จั>ด0ทําโดย
ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงซึ่งเปดขึ้นดานบน Y 13 สถาบั สง−เสริ )มการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี จุดยอด คือ น(1, 6 โฟกัส คือ
5 (1, − ) 3
กระทรวงศึกษาธิการ ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗ (1, − 53 ) (1, − 136 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
301 (7) y2 – 16y + 64 ∴ (y – 8)2 สังเกตวา 4p ∴ p
= = = =
x + 64 x + 64 1 1 >0 4
Y
257 x=− 4
ดังนั้น พาราโบลาเปนโคงซึ่งเปดไปทางขวา จุดยอด คือ (– 64, 8) (-64,8) 255 โฟกัส คือ (− 4 , 8)
F(−
255 ,8) 4
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
คณิตศาสตร เลม ๒
เสนไดเรกตริกซ คือ x =
−
257 4
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร
X
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ (8) 2x2ตามหลั – 4x – y2 ก= สู–ต4รการศึกษาขัน ้ พืน้ ฐาน 2 2 = –4+2 2(x – 2x + 1) – y 2(x – 1)2 – y2 = –2 ∴
y2 − ( x − 1) 2 2
=
1
พุทธศักราช ๒๕๔๔
เปนสมการไฮเพอรโบลา
จัดทําโดย
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ y2 เทากับ
1 2
ซึ่งเปนจํานวนบวก
Y ดังนัสถาบั ้น แกนตามขวางอยู ในแนวตั ้ง น ส ง เสริ ม การสอนวิ ท ยาศาสตร แ ละเทคโนโลยี ∴ a2 = 2 และ b2 = 1 กระทรวงศึ ∴ a= 2 และ b = 1 กษาธิการ ∴ c = a 2 +b2 = 2 + 1 = 3 จุดศูนยกลาง คือ (1, 0) ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 F1(1, 3 ) จุดยอด คือ (1, ± 2 )พิมพครัง้ ทีห ่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (1, 2 ) โฟกัส คือ (1, ± 3 ) (1,0) พ.ศ. ๒๕๔๗ เสนกํากับคือ y = ± 2 (x −1) (1,− 2 ) F2(1,- 3 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
X
302 (9) 2x2 – 12x + y2 + 6y 2(x2 – 6x) + y2 + 6y 2(x2 – 6x + 9) + y2 + 6y + 9
= = =
–26 –26 –26 + 18 + 9
( x − 3) 2 + ( y + 3) 2 1 ( ) 2
=
1
∴
เปนสมการวงรี
สังเกตวา ตัวหารของ (y + 3)2 มากกวาตัวหารของ (x – 3)2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวตั้ง ∴ a2 = 1 และ b2 = 12
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
∴ a =1 ∴ c =
คณิ ต ศาสตร เล ม ๒ และ b = 1 2
กลุม สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 1 =
a 2 −b2
้ มัธยมศึกษาปที่ ๔ จุดศูนยกลาง คือ (3, ชั –3)น 2
จุดยอด คือ (3, –2), (3, – 4) 1 ตรการศึ ้ พืน้ ฐาน โฟกัตามหลั ส คือ (3,กสู− 3± ) กษาขัน
พุทธศักราช ๒๕๔๔
2
Y
จัดทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร และเทคโนโลยี X (3, –2) กระทรวงศึกษาธิF ก(3าร 1 , − 3+ ) 1 ,−3) (3 − 2
1
(3,-3)
2
(3 +
1 ,−3) 2
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ ม1) F2 (3, เล − 3− 2 พ.ศ. ๒๕๔๗(3,-4)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
303 = (10) 36x2 – 36x – 4y2 – 8y 36(x2 – x + 14 ) – 4(y2 + 2y + 1) = 1 36( x − ) 2 − 4( y + 1) 2 2 2 ∴ (x − 1 ) 2 − ( y + 1) 2 9
=
31 31 + 9 – 4 =
36
1
เปนสมการไฮเพอรโบลา
สังเกตวา สัมประสิทธิ์ของ (x – 12 )2 เทากับ 1 ซึ่งเปนจํานวนบวก
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
ดังนั้น แกนตามขวางอยูในแนวนอน ∴ a2 = 1 และ b2 = 9 ∴ a = 1 และ b = 3 =สาระการเรี ณิตศาสตร + b 2ม 1+ 9 = 10ยนรูค ∴ c = a 2 กลุ จุดศูนยกลาง คือ ( 12 , –1)
คณิตศาสตร เลม ๒
จุดยอด คือ
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
( − 12 , –1), ( 32 , 1 ( ± 10 , −1) 2
–1)
โฟกัตามหลั ส คือ กสูตรการศึกษาขัน ้ พืน้ ฐาน เสนกํากับคือ (y + 1) =
พุทธศักราช ๒๕๔๔
1 ± 3( x − ) 2
จัดYทําโดย
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ X
ISBN 974 - 01 - 3820 - 9( 12 + 10 ,−1) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม พ.ศ. ๒๕๔๗
1 1 3 ( − 10 ,−1) (− ,−1) 1 ( ,1) 2 2 ( ,−1) 2 2
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
304 –27 (11) 9x2 – 15x + 8y2 + 8y = 25 ) + 8( y 2 + y + 14 ) = 9(x2 – 53 x + 36 5 1 9( x − ) 2 + 8( y + ) 2 6 2
=
ซึ่งเปนไปไมได เนื่องจาก
− −
− 27 +
25 +2 4
75 4
< 0 แต 9(x – 56 )2 + 8(y + 12 )2
75 4
≥
0
ดังนั้น ไมมีกราฟในระนาบจํานวนจริง
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(12) x2 – 4x + 4y2 x2 – 4x + 4 + 4y2 (x – 2)2 + 4y2 ( x − 2) 2 y2 + 12 3
คณิตศาสตร เลม ๒ = = =
8 8+4 12
=
1
กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร เปนสมการวงรี
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
สังเกตวา ตัวหารของ (x – 2)2 มากกวาตัวหารของ y2 ดังนั้น แกนเอกอยูในแนวนอน ้ 3พืน้ ฐาน พุทธศักราช และ กษาขั b2 =น ดังนัตามหลั ้น a2 = 12กสูตรการศึ b= 3 ∴ a = 2 3 และ ∴ c = a 2 − b 2 = 12− 3 = 3 จุดศูนยกลาง คือ (2, 0) จัดทําโดย จุดยอด คือ (2 ± 2 3 , 0) โฟกัส คือ (5, 0), (–1, 0)
๒๕๔๔
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี Y กระทรวงศึ กษาธิการ ISBN 974 ( 2, - 01 3 ) - 3820 - 9 พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม (5, 0) ( 2 + 2 3 ,0 ) ( 2 − 2 3 ,0 ) (–1, 0) (2, 0) X พ.ศ. ๒๕๔๗ F1 F2 ( 2,− 3 )
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
305 15. (1) จากโจทย จะไดวา พาราโบลาเปนโคงเปดขึ้นดานบน ∴ 2p = 1 – (–1) = 2 ∴ p = 1 ∴ จุดยอด คือ (0,
1+ (−1) ) 2
= (0, 0)
ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการ คือ x2 = 4y
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(2) จากโจทย จะไดวา แกนเอกอยูในแนวตั้ง 8− 0 = 4 ∴ c = 2 ∴ 2a ∴ a ∴ b2
คณิตศาสตร เลม ๒
= 10 =กลุม 5 สาระการเรี ยนรูค ณิตศาสตร 2 2 = a –c = 25 – 16 = 9
ชัน้ มัธยมศึกษาป=ท1ี่ ๔ ( y − 4) 2 x2 + 9 25
ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการ คือ
(3) จากโจทย จะได แกนตามขวางอยู ้ง ตามหลั กสูวาตรการศึ กษาขัใน้ นแนวตั พืน้ ฐาน (h, k)
=
∴ a
=
a b
=
∴ b
=
∴
พุทธศักราช ๒๕๔๔
2 + (−2) ) (0, 2 2 − (−2) 2 1 2
=
(0, 0)
=
2
2a
4
จัดทําโดย
=
y x นสงเสริโบลาที มการสอนวิ ดังนัสถาบั ้น สมการไฮเพอร ่ตองการ คือทยาศาสตร − = แ1ละเทคโนโลยี 2
2
4
16
กษาธิกในแนวตั าร ้ง (4) จากโจทย จะไดวา ไฮเพอรกระทรวงศึ โบลามีแนวตามขวางอยู 7−1 = 3 ∴ c = 2 6 −ISBN 2 974 - 01 - 3820 - 9 = 2 ∴ a = 2 พิม2 พค2 รัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ เลม = c –a = 9–4 = 5 ∴ b2 พ.ศ. ๒๕๔๗ ( y − 4) – 4
ดังนั้น สมการไฮเพอรโบลาที่ตองการคือ
2
( x − 2) 2 5
=1
(5) จากโจทย จะไดวา วงรีมีแกนเอกอยูในแนวตั้ง 3−1 = 1 ∴ c =องคการค 2 าของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย (h, k)
=
1+1 1+ 3
) = (1, 2) พิ(ม2พท, ี่โรงพิ 2 มพคุรุสภาลาดพราว
๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ
306 เนื่องจากจุดยอดจุดหนึ่งอยูบนแกน X ดังนั้น จุดยอดจุดนั้น คือ (1, 0) ∴ a = 2–0 = 2 ∴ b2 = a2 – c2 = 4–1 = 3 ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการคือ
( x − 1) 2 ( y − 2) 2 + 3 4
= 1
คูม อื ครูสาระการเรียนรูเ พิม่ เติม
(6) จากโจทย จะไดวา พาราโบลาเปนโคงเปดดานขวา ∴ p = 5–0 = 5 ดังนั้น สมการพาราโบลาที่ตองการคือ (y – 5)2 = 20(x – 5)
คณิตศาสตร เลม ๒
(7) จากโจทย จะไดวา วงรีมีแกนเอกอยูในแนวตั้ง กลุม สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร ∴ 2a = 12 – (–8) = 20 ∴ a = 10
ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ ๔
∴ (h, k)
=
(
7 + 7 12 + (−8) ) , 2 2
=
(7, 2)
ตามหลั น้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ แทนค า (x, y)กสู=ตรการศึ (1, 8)กษาขั ลงในสมการมาตรฐาน (1 − 7) 2 (8 − 2) 2 + = 1 100 b2 36 ∴ 362 + 100 = 1 b จัดทําโดย 64 36 = ∴ 100 b2 225 3600 = 2 ∴สถาบั b นสงเสริม = การสอนวิ ท ยาศาสตร และเทคโนโลยี 64 4 2 2 ดังนั้น สมการวงรีที่ตองการ คือ 4(x − 7) + ( y − 2) = 1 225 กษาธิ100 กระทรวงศึ การ
(8) จากโจทย พาราโบลาเปนโคงเปดทางขวา Y x = -2 (-1,0)
(0,0)
ISBN 974 - 01 - 3820 -9 สมการมาตรฐานคื อ y2 = 4p(x + 1) ------ (1) แทนคเล า ม(x, y) = (0, 2) ลงในสมการ (1) พิมพครัง้ ทีห่ นึง่ ๑๐,๐๐๐ 4 = 4p(0 + 1) พ.ศ. ๒๕๔๗p = 1 X
ดังนั้น สมการมาตรฐานที่ตองการคือ y2 = 4(x + 1)
องคการคาของคุรุสภาจัดพิมพจําหนาย พิมพที่โรงพิมพคุรุสภาลาดพราว ๒๒๔๙ ถนนลาดพราว วังทองหลาง กรุงเทพมหานคร มีลขิ สิทธิต์ ามพระราชบัญญัติ