คณิ ตศาสตร์เพิม เติม ชั นมัธยมศึกษาปี ที 5
เล่ม 1
สารบัญ หนา บทที่ 1 ฟงกชันเอกซโพเนนเชียลและฟงกชันลอการิทึม ผลการเรียนรูที่คาดหวัง ขอเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะ ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท เฉลยตัวอยางแบบทดสอบ เฉลยแบบฝกหัด 1.1 เฉลยแบบฝกหัด 1.2 เฉลยแบบฝกหัด 1.3 เฉลยแบบฝกหัด 1.4 เฉลยแบบฝกหัด 1.5 เฉลยแบบฝกหัด 1.6 เฉลยแบบฝกหัด 1.7 เฉลยแบบฝกหัด 1.8 เฉลยแบบฝกหัด 1.9
1 2 11 20 21 24 24 25 30 36 39 41 41 48
บทที่ 2 ฟงกชันตรีโกณมิติ ผลการเรียนรูที่คาดหวัง ขอเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะ ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท เฉลยตัวอยางแบบทดสอบ เฉลยแบบฝกหัด 2.2 ก เฉลยแบบฝกหัด 2.2 ข เฉลยแบบฝกหัด 2.3 เฉลยแบบฝกหัด 2.4
51 52 63 78 79 83 84 86 90
เฉลยแบบฝกหัด 2.5 เฉลยแบบฝกหัด 2.6 เฉลยแบบฝกหัด 2.7 เฉลยแบบฝกหัด 2.8 เฉลยแบบฝกหัด 2.9(1) เฉลยแบบฝกหัด 2.9(2) เฉลยแบบฝกหัด 2.10 เฉลยแบบฝกหัด 2.11 บทที่ 3 เวกเตอรในสามมิติ ผลการเรียนรูที่คาดหวัง ขอเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะ ตัวอยางแบบทดสอบประจําบท เฉลยตัวอยางแบบทดสอบ เฉลยแบบฝกหัด 3.1 เฉลยแบบฝกหัด 3.2 ก เฉลยแบบฝกหัด 3.2 ข เฉลยแบบฝกหัด 3.2 ค เฉลยแบบฝกหัด 3.3 ก เฉลยแบบฝกหัด 3.3 ข เฉลยแบบฝกหัด 3.4 เฉลยแบบฝกหัด 3.5
หนา 93 95 99 114 130 140 147 152
159 160 169 175 176 179 180 182 183 186 192 196 201
คําชี้แจง สาขาคณิ ต ศาสตร มั ธ ยมศึ ก ษา สถาบัน สงเสริมการสอนวิ ทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) ได รั บ มอบหมายจากกระทรวงศึ ก ษาธิ ก ารให พั ฒ นาหลั ก สู ต รกลุ ม สาระการเรี ย นรู คณิตศาสตร ชวงชั้นที่ 3 (มัธยมศึกษาปที่ 1–3) และชวงชั้นที่ 4 (มัธยมศึกษาปที่ 4–6) ในหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 นอกจากนั้นยังไดพัฒนาสื่อการเรียนการสอนคณิตศาสตร เพื่อใชประกอบหลักสูตรของชวงชั้นที่ 3 และ 4 อีกดวย คูมือครูสาระการเรียนรูเพิ่มเติม คณิตศาสตรของชวงชั้นที่ 4 จะมีดวยกันทั้งหมด 6 เลม โดยที่เลมที่ 1 ถึง 6 เรียกวา คูมือครูสาระการเรียนรูเพิ่มเติม คณิตศาสตร เลม 1 ชั้นมัธยมศึกษา ปที่ 4 เลม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 และเลม 2 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ตามลําดับ ทั้งนี้สถานศึกษาสามารถ นําไปปรับใชใหเหมาะสมกับหลักสูตรของสถานศึกษาในภาคการศึกษาใดก็ได คูมือครูคณิตศาสตรเลมนี้จัดทําขึ้นเพื่อใชประกอบการเรียนการสอนควบคูกับหนังสือเรียน สาระการเรียนรูเพิ่มเติม คณิตศาสตร เลม 1 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ซึ่งในแตละบทนั้นไดนําเสนอ ขอเสนอแนะเกี่ยวกับเนื้อหาสาระ กิจกรรมเสนอแนะ ตัวอยางแบบทดสอบประจําบทพรอมเฉลย รวมทั้งเฉลยแบบฝกหัดในหนังสือเรียน คณะผู จั ด ทําหวั ง ว า คู มื อ ครู เ ล ม นี้ จ ะเป น ประโยชน ต อ การเรี ย นการสอนคณิ ต ศาสตร อยางไรก็ดีหากทานผูใชคูมือครูเลมนี้มีขอเสนอแนะประการใด โปรดแจงใหสาขาคณิตศาสตร มัธยมศึกษา สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีทราบ เพื่อปรับปรุงเอกสารให สมบูรณยิ่งขึ้นตอไป
(นางสาวจารุวรรณ แสงทอง) หัวหนาสาขาคณิตศาสตรมัธยมศึกษา สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
24 เฉลยแบบฝกหัด 1.1 1. 1)
1 23
3) 16x10 5) 7) 9)
1 a7 16x12 y8
2) เท็จ เพราะ
6x7y5
4)
4 b2 2 ab5 9a 4 b6
6) 8)
1 3 10 x y
2. 1) เท็จ เพราะ
2)
10) 1 1 ⋅ xm xn xm = x −n
z3 x 7 y6
= x–m⋅x–n = x(–m)+(–n) = x–(m+n) xm 1 xn 1 1 xn
= xm⋅xn = xm+n
3) จริง เพราะ
1 x −n
4) เท็จ เชน
ถา x = 1, xm+xn = 1m + 1n = 2 แต xm+n = 1(m + n) = 1
=
= xn
5) จริง
เฉลยแบบฝกหัด 1.2 1. 1) 2 3) 4 5)
2x
2) 4)
–1 4
1 2
2. 1)
10 2
2)
35 5
3)
15 10 6 4
4)
2
5)
25 3. 1) 30 3) 6
2) 4)
27
4. 1) 15 2 + 30 3) 7 + 4 3 5) 5
2) 4)
1 12 – 5
2 6
5
เฉลยแบบฝกหัด 1.3 1. 1) 9 3) 0.125 5)
1 25
2)
1 2
4)
0.09
6)
−
7) 9
8)
9) 4
10)
2. 1)
1 2x 2 y3 13
3)
x2
5)
5 3 x y 3
3. 1) 6 2 3) 5 2 5) (2x – 4x2 + x4) 4. 1)
2 2− 3 5
3) 8 – 5)
42
36 5 + 20 7 23
1 5 27 64 1 4
2)
9x 2 y4
4)
x 2 y3
2) 4)
63 4
2)
2 2+ 3 5 153 + 5 30 91
1
2
43 3
x
4)
26 5. 1) 4 3) 1
2)
6(5 3 − 2)
6. 1) 2(p + p2 − q 2 ) 3) 6x + 11 + 4 2x 2 + 5x − 3
2)
13a2 + 5b2 – 12
7. 1) 0.5620 3) 117.8897
2)
4.2361
8. 1)
m −8 m
m 2)
5x + 1 + 6 5x + 1
5x + 1 = x
= = =
0 8 64
= = 16 =
10 4 3
3)
= r = r2 r2 + 5 ไมมีจํานวนจริงใดเปนคําตอบของสมการ
4)
= x–5 x+7 = (x – 5)2 x+7 = x2 – 10x + 25 x2 – 11x + 18 = 0 (x – 2)(x – 9) = 0 x = 2, 9 เนื่องจากเมื่อแทนคา x = 2 ลงในสมการจะได 2+7 = 3 และ 2 – 5 = –3 3 ≠ –3 ดังนั้น คําตอบของสมการคือ x = 9
r2 + 5
x+7
a 4 − b4
27 5)
= = = =
x+7
x+7 2x x 6)
3x + 1
3x + 1 6 3
= 2 x +1 = 2+ x ยกกําลังสองทั้งสองขางจะได x+1 = 4+4 x + x –3 = 4 x x +1 − x
−
3 4
=
x
ยกกําลังสองทั้งสองขางจะได 9 16
=
x
ตรวจสอบคําตอบ x +1 − x
= = =
9 9 +1 − 16 16 5 3 − 4 4 1 ≠2 2
แสดงวา คา x ที่ไมสอดคลองกับสมการที่กําหนดให ดังนั้น เซตคําตอบคือ { } 7)
= x −3 ยกกําลังสองทั้งสองขางจะได x–3 = x −6 x +9 –12 = −6 x 2 = x 4 = x ตรวจสอบคา x ที่ไดวาสอดคลองกับสมบัติที่กําหนดใหหรือไม x −3 = 4−3 = 1 = x −3 = 4 −3 = 2–3 = x −3
1 –1 ≠
x −3
28 แสดงวา คา x ที่ไดไมสอดคลองกับสมการที่กําหนดให ดังนั้น เซตคําตอบคือ { } 8)
= 2 x + 12 = 2− x ยกกําลังสองทั้งสองขางจะได 4−4 x + x x + 12 = 8 = −4 x –2 = x ยกกําลังสองทั้งสองขางจะได 4 = x ตรวจสอบคําตอบ x + 12 + x = 4 + 12 + 4 = 16 + 4 = 4+2 = 6 ≠2 แสดงวา คา x ที่ไดไมสอดคลองกับสมการที่กําหนดให ดังนั้น เซตคําตอบคือ { }
9)
= x+3 ยกกําลังสองทั้งสองขางจะได x2 + 21 = x2 + 6x + 9 6x = 12 x = 2 ตรวจสอบคําตอบ − x 2 + 21 = − 22 + 21 = − 25 = –5 x+3 = 2+3 = 5 ≠ − แสดงวา คา x ที่ไดไมสอดคลองกับสมการที่กําหนดให ดังนั้น เซตคําตอบคือ { }
x + 12 + x
− x 2 + 21
x 2 + 21
29 10)
3x + 4
3x + 4 = 4 – 81 + 5 –72 4 16 3x x 11)
= 9 – 3x − 5 81 – 18 3x − 5 + 3x − 5 = −18 3x − 5 = −18 3x − 5 = 3x − 5 = 3x – 5 = 21 = 7
4x + 1 2x x x2 0 x
= = = = = = = =
(x + 3)(x – 2) x–6 6
x+7 + x+2
=
6x + 13
4x + 1 − x − 2 4x + 1
12)
x+3 x+3 + x−2 x +3+ 2 x +3 x − 2 + x − 2 2 2+3 x −2 x+3 x−2
x+7+2 x+7 x+2 +x+2 2 x+7 x+2 x+7 x+2
(x + 7)(x + 2) x2 + 9x + 14 3x2 – x – 10 (3x + 5)(x – 2) x เนื่องจากเมื่อแทนคา x = x+7 + x+2
=
−
5 3
= = = = = = =
6x + 13 4x + 4 2x + 2 4x2 + 8x + 4 4x2 + 8x + 4 0 0
=
5 − , 2 3
ลงในสมการจะได 5 5 − +7 + − +2 3 3
30 16 1 + 3 3 5 3
= =
5 6(− ) + 13 3 29 ≠ 5 3 3
=
6x + 13
=
ดังนั้น คําตอบของสมการคือ x = 2
เฉลยแบบฝกหัด 1.4 1. 1) y = 5x เปนฟงกชันเพิ่ม
Y 5 4 3 2 1 1
–2 –1
2
X
–1
2) y =
1 ( )x 2
เปนฟงกชันลด
Y 6 4 2
–5
5
X
31 3) y = 3–x =
1 3x
=
1 ( )x 3
เปนฟงกชันลด
Y
8 6 4 2
X
5
–5
4) y = 42x เปนฟงกชันเพิ่ม
Y 6 4 2 5
5) y =
1 ( )x 4
เปนฟงกชันลด
X
Y 6 4 2
–5
5
X
32 6) y =
4 ( )x 3
เปนฟงกชันเพิ่ม
Y 6 4 2
–5
7) y =
1 ( ) 2x 3
X
5
เปนฟงกชันลด
Y 6 4 2
5
–5
8) y =
3 ( )x 4
เปนฟงกชันลด
X
Y 6 4 2
–5
5
X
33 2. 1) {2}
2)
{–3}
3) { 1 }
4)
{–4}
5) {3} 7) {xx ≤ 3}
6) 8)
{–3} {xx < –4}
1 4
2)
27
3) 2
4)
1295 16 1 8 1 72
2
3. 1)
5) 7)
3 2
หรือ
1
1 2
6) 8)
3
หรือ
80
15 16
4. ธาตุเรเดียมมีครึ่งชีวิต (half – life) 1,600 ป หมายความวา เมื่อเวลาผานไป 1,600 ป ธาตุเรเดียมซึ่งหนัก q0 มิลลิกรัม จากสมการ
q = q0 2kt
เมื่อ t = 1,600
จะได
จะมีน้ําหนักเหลือ
q0 2
=
q021600k
(2)–1 ดังนั้น 1600 k
= =
21600k –1
จะได
=
k
−
q0 2
1 1600
y = ax y = 9 และ x = 2 จะได 9 = a2 a=3 ฟงกชันเอกซโพเนนเชียลของกราฟในขอนี้คือ y = 3x
5. 1) จาก แทนคา
2) จาก แทนคา
y y= 1 5
= 1 5
ax
และ x = –1 จะได =
a–1
มิลลิกรัม
34 a = 5 ฟงกชันเอกซโพเนนเชียลของกราฟในขอนี้คือ y = 5x 3) จาก แทนคา
y y=
= 1 16
ax และ x = 2 จะได
1 16
=
a2
a
=
1 4
ฟงกชันเอกซโพเนนเชียลของกราฟในขอนี้คือ y = 4) จาก แทนคา
1 ( )x 4
y = ax y = 8 และ x = –3 จะได 8 = a–3 a
=
1 2
ฟงกชันเอกซโพเนนเชียลของกราฟในขอนี้คือ y = 6. 1) ค 3) จ 5) ง
2) 4)
1 ( )x 2
ก ข
Y
7. 1) y = 2x - 3 6 4 2 –5
5 –2 –4
X
35 2) y = 2x - 3
Y 6 4 2 -5
5
X
-2
1 3) y = 4 + 2
x
Y 6 4 2
X
5
-5 -2
4) y = 10x + 3
Y 6 4 2 -5
5 -2
X
36 5) y = 10-x
Y 6 4 2 -5
5
10
-2
เฉลยแบบฝกหัด 1.5 1. 1) 3)
2)
log279 =
1 4
=2
4)
log 0.0001 = –4
= –4
6)
log 2
log 1 2
5)
2 3
log416 = 2
log 1 16 2
3
= –3
8)
log 4 0.125
2. 1) 102 = 100
2)
25 = 32
3) 50 = 1
4)
4–3 =
5) 10–3 = 0.001
6)
33
1 3
2)
–2
3) 2 5) 24 7) 4
4) 6) 8)
–1 –2 2
7)
3. 1)
log
1 100
10000
= –2
27 8
2
=
1 64 3
9
=
−
3 2
X
37 4. 1) y =
log 1 x 3
Y 6 4 2 -5
5
X
-2 -4
2) y = log3x
Y 6 4 2 5
-5
X
-2 -4
3) y = log4x
Y 2 -5
5 -2 -4 -6
X
38 4) y = 2 + log3x
Y 4 2
X
5
-5 -2 -4 -6
5) y = log3(x – 2)
Y 4 2 5
-5
X
-2 -4 -6
6) y = log3(x – 1) – 2
Y 4 2 5
-5 -2 -4 -6
X
39 5. 1) 32 3) 10 5) 36
2) 4)
100 2
เฉลยแบบฝกหัด 1.6 1. 1) 4.5694 3) 2.9201
2) 4)
–2.4306 –1.0799
2. 1) 2.56 3) 0.256
2)
2,560
3. 1) ถา t = 0 ชั่วโมง, q = 2(30) = 2 พันตัว ดังนั้น จํานวนเดิมของแบคทีเรียเทากับ 2,000 ตัว 2) ถา t = log q =
1 10 ชั่วโมง, q = 2(36 ) 60 1 log 3 + log 2 = 1 × 0.4771 + 0.3010 6 6
จากตารางจะได คาลอการิทึมตางกัน
log 2.4 = 0.3802 log 2.41= 0.3820 0.0018 จํานวนจริงตางกัน 0.01
คาลอการิทึมตางกัน 0.00031 จํานวนจริงตางกัน log 2.40172 = log q = q = ดังนั้น จํานวนแบคทีเรียเมื่อเวลาผานไป 10 นาที 3) วิธีที่ 1 ถา t = log q =
1 2 1 2
ชั่วโมง,
q=
log 3 + log 2 =
จากตารางจะได
= 0.38051
0.01× 0.00031 0.0018
0.38051 log 2.40172 2.4017 พันตัว เทากับ 2,401 ตัว
1
2(3 2 )
1 × 0.4771 + 0.3010 2
log 3.46 log 3.47=
= 0.53955
= 0.5391 0.5403
= 0.00172
40 คาลอการิทึมตางกัน
0.0012
จํานวนจริงตางกัน 0.01
คาลอการิทึมตางกัน 0.00045 จํานวนจริงตางกัน ดังนั้น
log 3.46375 log q q
วิธีที่ 2 จาก
= = =
0.01× 0.00045 0.0012
= 0.00375
0.53955 log 3.46375 3.46375 พันตัว
q = 2(3t) t
=
แทนคา t จะได
1 2
ชั่วโมง
=
1 2
ชั่วโมง 1
= 2(3 2 ) = 2 3 = 3.464 พันตัว = 3,464 ตัว ดังนั้น จํานวนแบคทีเรียเมื่อเวลาผานไป 30 นาที เทากับ 3,464 ตัว 4) ถา t = 1 ชั่วโมง,
q
q
= 2(3) = 6 พันตัว ดังนั้น จํานวนแบคทีเรียเมื่อเวลาผานไป 1 ชั่วโมง เทากับ 6,000 ตัว
4. วิธีที่ 1 0.83 เมตร, จะได T = 2 × 3.14
ถา L
=
log T =
(log 2 + log 3.14) + =
1 2
0.83 9.78
log 0.83 – 1 log 9.78
0.3010 + 0.4969 +
2 1 (–1 + 0.9191 – 0.9903) 2
= 0.2623 จากตาราง log 1.82= 0.2601 log 1.83= 0.2625 คาลอการิทึมตางกัน 0.0024 จํานวนจริงตางกัน 0.01 คาลอการิทึมตางกัน 0.0002 จํานวนจริงตางกัน
0.01× 0.0002 0.0024
= 0.00083
41 ดังนั้น
log 1.82917 log T T
= = =
0.2623 log 1.82917 1.829
วิธีที่ 2 L =
0.83
เมตร
จากสูตร
T
=
2π
=
2(3.14)
L 9.78 0.83 9.78
= 1.829 ดังนั้น คาบของการแกวงเทากับ 1.829 วินาที
เฉลยแบบฝกหัด 1.7 1. 1) 3) 5) 7) 9)
2.3223 3.4828 6.5901 4.7361 4.6728
2) 4) 6) 8) 10)
2.5239 0.4929 6.0472 4.5949 –1.8139
2. 0.4491 3. 0.9206
เฉลยแบบฝกหัด 1.8 1. 1) 2x = 32 วิธีที่ 1 2x ∴
x
= = =
32 25 5
วิธีที่ 2 จาก 2x = จะได log2x = x log 2 = x
32 log32 5 log 2
=
5log 2 log 2
=
5
42 2) 3x = 36 จาก จะได
3x = x = log3 x log 3 =
36 log 36 log 36
x
log 36 log 3 1.5563 0.4771
= = =
3.2619
3) 9x = 32x 32x = 32x x คือ จํานวนจริงใด ๆ 4) 23x+1 log 23x+1 (3x+1)log 2 3x log 2 + log 2 x log 3 – x log 8
= = = = =
3x–2 log 3x–2 (x – 2)log 3 x log 3 – 2 log 3 log 2 + 2 log 3
5) 5x x log 5 x log 5 x(log 5 – log 4)
= = = =
4x+1 (x + 1) log 4 x log 4 + log 4 log 4
=
log 4 log 5 − log 4 0.6021 0.6990 − 0.6021
x
= = 2. 1) x22x – 2x 2x(x2 – 1) ดังนั้น x2 x
= = = =
0 0 1 ±1
6.2136
หรือ
2x = 0
ซึ่งไมเปนจริง
43 2) 4x3e–3x – 3x4e–3x x3e–3x (4 – 3x) = ดังนั้น x3e–3x ถา 4 – 3x
= 0 = =
x
=
4 3
x
= =
0 0
ถา
x3e–3x
ดังนั้น x มีคา 0 หรือ
0 0
หรือ
4 – 3x = 0
4 3
3) e2x – 3ex + 2 = x x (e – 1)(e – 2) = 0 ดังนั้น e x = 1 หรือ ถา ex = 1 x log e = log 1 x =
0
0 ex = 2 ถา x log e =
log1 log e
x =
=0 ดังนั้น x มีคา 0 หรือ 0.6931 0 4) e4x + 4e2x – 21 = (e2x – 3)(e2x + 7) = ดังนั้น e2x = 3 หรือ 2x ถา e = 3 2x log e = log 3 x = =
log 3 2 log e 0.4771 2(0.4343)
= 0.5493 ดังนั้น x มีคา 0.5493
0 e2x = –7
หาคาไมได
ex = 2 log 2 log 2 log e
=
0.3010 0.4343
=
0.6931
44 5) 22x+2 – 9(2x) + 2 (2x – 2)(22⋅2x – 1) ดังนั้น ถา
2x = 2
= =
0 0
หรือ
2x =
1 4
2x = 2
x log 2 =
ถา log 2
x = 1
2x =
1 4 1 4
x log 2 =
log
x log 2 =
–2 log 2
x =
−2 log 2 log 2
= –2 ดังนั้น x มีคา 1 หรือ –2 6) 32x+1 + 9 32x+1 – 28(3x) + 9 (3x – 9)(3⋅3x – 1) ดังนั้น 3x = ถา 3x x =
= = = = 9 2
28(3x) 0 0 9
หรือ 3⋅3x = ถา 3⋅3x = log3⋅3x = log 3 + x log 3 = x log 3 = x
ดังนั้น x มีคา 2 หรือ –1 3. 1) e10
2)
3) 500 5) 31.67 4. 1) 122–5x⋅8x+3 32–5x⋅22(2–5x)⋅23(x+3)
4)
= =
16 24
1 100 105
1 1 log 1 0 – log 3
=
− log 3 log 3
=
–1
45 (2 – 5x)log 3 + 2(2 – 5x)log 2 + 3(x + 3)log 2 = 4 log 2 2log 3 – 5x log 3 + 4 log 2 – 10x log 2 + 3x log 2 + 9 log 2 – 4 log 2 = 0 2 log 3 – 5x log 3 – 7x log 2 + 9 log 2 = 0 –5x log 3 – 7x log 2 = –9 log 2 – 2 log 3 x(5 log 3 + 7 log 2) = 7 log 2 + 2 log 3 x
=
9 log 2 + 2 log 3 5log 3 + 7 log 2
= 0.8154 2) 22x+1⋅32x+2 = 54x (2x + 1)log 2 + (2x + 2) log 3 = 4x log 5 2x log 2 + log 2 + 2x log 3 + 2 log 3 = 4x log 5 4x log 5 – 2x log 2 – 2x log 3 = log 2 + 2 log 3 x(4 log 5 – 2 log 2 – 2 log 3) = log 2 + 2 log 3 x
=
log 2 + 2 log 3 4 log 5 − 2 log 2 − 2 log 3
= 1.0121 3)
52x 2x −4
=
33x–7
2x log 5 – (x – 4) log 2 = (3x – 7) log 3 2x log 5 – x log 2 + 4 log 2 = 3x log 3 – 7 log 3 2x log 5 – x log 2 – 3x log 3 = –7 log 3 – 4 log 2 x(2 log 5 – log 2 – 3 log 3) = –7 log 3 – 4 log 2 x 5. 1) log(3x + 5) + 3 = log(2x + 1) – log(3x + 5)
=
−7 log 3 − 4 log 2 2 log 5 − log 2 − 3log 3
= 13.6018 log (2x + 1) = 3
(2x + 1) 3x + 5 2x + 1 3x + 5
=
3
=
103
2x + 1 –4999
= =
3000x + 5000 2998x
log
46 x
=
2) log(x + 2) – log(x + 1) =
–1.6674 3
(x + 2) (x + 1) x+2 x +1
=
3
=
1000
x+2 –998
= = =
1000x + 1000 999x –0.999
log
x
3) log(2x – 1) + log(x – 3)= log(2x – 1)(x – 3) = (2x – 1)(x – 3) = 2x2 – 7x + 3 – 100 = 2x2 – 7x – 97 = x =
2 2 100 0 0 8.93, –5.43
4) log (x – 1) + log (x + 1)= log (x – 1)(x + 1) = log (x2 – 1) = = x2 – 1 x2 – 2x – 2 = x =
log (2x + 1) log (2x + 1) log (2x + 1) 2x + 1 0 2.73, – 0.73
5) log x = 1 – log (x – 9) log x + log (x – 9) = log x (x – 9) = x(x – 9) = x2 – 9x – 10 = (x – 10)(x + 1) = x =
1 1 10 0 0 10, –1
47 6) log23 + log2x log23x 3x 2x x
= = = = =
7) log5(x + 1) – log5(x – 1)= log 5
x +1 x −1
x +1 x −1 x+1 24x
2
=
25
= =
25x – 25 26 26 24 1.08
=
x
=
8) log9(x – 5) + log9(x + 3) = log9(x – 5)(x + 3) = (x – 5)(x + 3) = = x2 – 2x – 15 x2 – 2x – 24 = (x – 6)(x + 4) = x = 9)
2
=
x
2 log5 x
log25 + log2(x – 2) log2(5x – 10) 5x – 10 10 5
1 1 9 9 0 0 –4, 6
=
1 16
=
2–4
2 log5 x
=
–4
–4 log5x
=
2
log5x
=
−
2 2
2 log5 x
1 2
48 x
= =
10) log2(log3x) log3x x
= = =
−
1
5 2 1 25
4 16 316
แบบฝกหัด 1.9 1. 1)
= 500e0.45(3) = 500 × e1.35 = 1928.7128 เมื่อเวลาผานไป 3 ชั่วโมง จํานวนแบคทีเรียจะมีประมาณ 1,929 ตัว n(3)
2) ใหเวลานาน x ชั่วโมง จึงจะมีแบคทีเรีย 10,000 ตัว จะได 500 × e0.45(x) = 10,000 e0.45x = 20 0.45x log e = log 20 x
= =
log 20 0.45log e 1.3010 0.1954
7 เปนเวลานานประมาณ 7 ชั่วโมง จึงจะมีแบคทีเรีย 10,000 ตัว 2. 1) จากนิยามการเติบโตของจํานวนประชากร n(t) = n0ert ในปนี้ n0 = 112,000 4 = 0.04 r = 100 ดังนั้น n(t) = 112,000e (แทนคา e = 2.718) เมื่อเวลาผานไป t ป จํานวนประชากรของจังหวัดนี้จะมีประมาณ 304,416 คน ≈
49 = 112,000e0.04(3) = 112,000e0.12 = 126279.6474 หลังจากเวลาผานไป 3 ป จะมีจํานวนประชากรประมาณ 126280 คน 3) ใหเมื่อผานไป x ป มีจํานวนประชากร 200,000 คน จะได 200,000 = 112,000e0.04x 200,000 0.04x = e 112,000 1.7857 = e0.04x 0.04x log e = log 1.7857
2)
n(3)
x
=
log1.7857 0.04 log e
≈ 15 จังหวัดนี้จะมีจํานวนประชากร 200,000 คน เมื่อผานไป 15 ป moe–rt 10 ln2 r = 30 ≈ 0.0231 ดังนั้น จํานวนซีเซียมที่เหลือเมื่อเวลาผานไป t ป คือ 10e–0.0231t 2) จากสมการ m(t) = 10e–0.0231t m(80) = 10e–0.0231(80) = 1.5753 ดังนั้น จํานวนซีเซียมที่เหลือเมื่อเวลาผานไป 80 ป คือ 1.5753 กรัม 3) ใหเวลานาน x ป จึงมีซีเซียมเหลืออยู 2 กรัม = 2 จะได 10e–0.0231x
3. 1) จากสมการ ในปนี้
m(t) m0
= =
1 5
e–0.0231x
=
–0.0231x log e
=
log 1
=
−0.6990 −0.0231(0.4343)
x
5
≈ 70 ดังนั้นจํานวนซีเซียมจะเหลืออยู 2 กรัม เมื่อเวลาผานไป 70 ป
50 4. จากสมการ ในที่นี้
m0e–rt 250 48 200 250 e–48r
m(t) m0 t m(t) 200
= = = = =
e–48r
=
–48r log e
=
log 0.8
=
−0.0969 −20.8464
=
.0046
จากความสัมพันธ r
=
จะได
l n2 r
ln 2 h
จะได
r
h
=
=
200 250
.6930 .0046
≈ 151 ครึ่งชีวิตของสารนี้คือ 151 ชั่วโมง
– log [H+] – log (H+) log (H+) 10–6.5
5. จากสมการ
pH 6.5 –6.5 H+
= = = =
6. จากสมการ
p
=
10 log I
98
=
10 log
I0
I 10−2
9.8 = log I – log 10–2 log I = log 10–2 + 9.8 log I = 7.8 I = 107.8 ดังนั้น รถไฟฟามีความเขมเสียง 107.8 วัตต / ตารางเมตร
83 เฉลยแบบฝกหัด 2.2 ก 1. 1) 3) 5) 7) 9) 11) 13) 15)
0, –1 0, –1 –1, 0 –1, 0 1, 0 0, –1 0, –1 –1, 0
2) 4) 6) 8) 10) 12) 14) 16)
0, 1 0, 1 1, 0 1, 0 –1, 0 0, –1 0, –1 1, 0
2. θ
2π 3 3π 4 5π 6 7π 6 5π 4 4π 3 5π 3 7π 4 11π 6
sin θ
cos θ
3 2 2 2 1 2 1 − 2 2 − 2 3 − 2 3 − 2 2 − 2 1 − 2
1 2 2 − 2 3 − 2 3 − 2 2 − 2 1 − 2 1 2 2 2 3 2 −
84 3. 1) 0, π, 2π, 3π, –π 2) 3)
ฯลฯ
π 5π 9π 3π 7 π , , ,− ,− 2 2 2 2 2 π 3π 5π π −3π , , ,− ,− 2 2 2 2 2
ฯลฯ ฯลฯ
4) 0, 2π, 4π, 6π, –2π 5)
ฯลฯ
3π 7π 11π π 5π , , ,− ,− 2 2 2 2 2
ฯลฯ
6) π, 3π, 5π, –π, –3π
ฯลฯ
π 5π 13π 7π 11π , , ,− ,− 6 6 6 6 6 3π 5π 11π 3π 5π , , ,− ,− 4 4 4 4 4 4π 5π 10π π 2π , , ,− ,− 3 3 3 3 3
ฯลฯ
7) 8) 9) 4. 1) 3)
ฯลฯ ฯลฯ
2 2 , − 2 2
2)
2 , 2
2 2
2 , 2
2 2
4)
2 2 , − 2 2
5)
−
3 , 2
1 2
6)
1 3 , − 2 2
7)
−
3 , 2
1 2
8)
3 1 , 2 2
9)
1 , 2
10)
3 1 , − 2 2
3 2
5. ไมมี เพราะ –1 ≤ sin θ ≤ 1
เฉลยแบบฝกหัด 2.2 ข 1. ควอดรันตที่ 1 และ 2 2. ควอดรันตที่ 2 และ 3 3. cos2x – sin2x cos2x – (1 – cos2x)
= =
1 2 1 2
85 2cos2x – 1
=
cos2x
=
cos x
=
4. 1) sin 13π cos 2)
3)
4)
5)
6)
12 13π 12
= =
5π 3 5π cos 3
=
7π 6 7π cos 6
=
7π 10 7π cos 10
=
9π 5 9π cos 5
=
16π ) 7 16π cos(− ) 7
=
sin
sin
sin
sin
sin(−
=
=
=
=
=
5. 1) จาก sin2θ + cos2θ cos2θ ∴ cos θ
1 2 3 4 −
3 2
π ≤x ≤ π 2
,
π ) 12 π cos(π + ) 12
=
π sin(2π − ) 3 π cos(2π − ) 3
=
− sin
=
cos
π sin(π + ) 6 π cos(π + ) 6
=
− sin
3π ) 10 3π cos(π − ) 10
=
π sin(2π − ) 5 π cos(2π − ) 5
=
− sin
=
cos
16π 7 16π cos 7
=
2π ) 7 2π cos(2π + ) 7
sin(π +
sin(π −
− sin
= =
=
=
=
=
1 1 – sin2θ
cos θ = 1 − sin 2 θ = 1 − (0.4848) 2 = 0.8746
π 12 π − cos 12 − sin
π 3
π 3
π 6 π − cos 6 3π 10 3π − cos 10
sin
π 5
π 5
− sin(2π +
= =
2π 7 2π cos 7 − sin
86 2) sin (π – θ)
6.
= =
sin θ 0.4848
3) cos (π + θ) = =
–cos θ –0.8746
4) sin (–θ)
–sin θ –0.4848
= =
5) cos (θ – 2π ) = =
cos θ 0.8746
6) sin (3π – θ) = =
sin θ 0.4848
sin(θ − π)
= =
– sin(π − θ) –sin θ
=
−
3 5
7. 1) เท็จ 2) จริง 3) จริง
เฉลยแบบฝกหัด 2.3 1. 1) 2) 3) 4)
ควอดรันตที่ 1 ควอดรันตที่ 3 ควอดรันตที่ 2 ควอดรันตที่ 2
87 2.
sin
cos
1) 0
0
1
0
–
1
–
π 2 π 4 3π 4 2π 3
1
0
–
1
–
0
2 2 2 2 3 2
2 2 2 − 2 1 − 2
6)
π
0
–1
7)
7π 4 4π 3 7π 2 5π 2
2 2 3 − 2
2 2 1 − 2
–1
–1
0
–
–1
–
0
1
0
–
1
–
0
11) 2π
0
1
0
–
1
–
2 2 2 2 3 − 2
2 2 2 − 2 1 2
− 2
− 2
ฟงกชัน จํานวนจริง
2) 3) 4) 5)
8) 9) 10)
−
12) − 3π
−
4 13) − 5π 4 14) − π 3
tan
cosec
1
sec
2 2
− 2
− 3
2 3 3
–2
0
–
1
−
–1 − 3
−
–1 1
−
–1
− 2 −
1
2
–1
3
3
– –1
2
2 3 3
1
−2
2
− 2
2 3 3
2
3
1 –1 −
1 3
15) –π
0
–1
0
–
–1
–
16) − 5π
–1
0
–
–1
–
0
1
0
–
1
–
0
0
1
0
–
1
–
2 17) − 7π 2
18) –2π
3. cos θ
=
1 − sin 2 θ
= ≈
1 − 0.482
0.88
cot
88 tan θ
sin θ cos θ 1 sin θ 1 cos θ cos θ sin θ
=
cosec θ = sec θ
=
cot θ
=
= = = =
0.48 0.88 1 0.48 1 0.88 0.88 0.48
วิธีที่ 1 sec θ + cosec θ =
4.
=
5
4
= θ
3
≈ 0.55 ≈
2.08
≈
1.14
≈
1.83
5 5 + 3 4 20 + 15 12
วิธีที่ 2
cos θ
=
1 − sin 2 θ
=
1−
35 12
≈ 2.92
= จะได sec θ =
9 25 5 3
16 25
=
3 5
ดังนั้น sec θ + cosec θ
=
5 5 + 3 4
=
20 + 15 12
≈ 2.92 5.
วิธีที่ 1 2 cos θ + cot θ = = 10
1
3
= θ
=
3 2 +3 10 6 +3 10 3 10 +3 5 10 + 5 3 5
วิธีที่ 2 sec2θ = 1 + tan2θ = sec θ =
1+
1 9
=
10 9
10 3
ดังนั้น 2 cos θ + cot θ = = =
3 2 +3 10 3 10 +3 5 10 + 5 3 5
89 6. 1) 2) 3) 4)
4 3 +1 3 1 3 6 + − 2 3 4 1 − + 3 2 2+ 3 2
= = =
4 3 +3 3 6+ 4 3 −3 6 12 2 3 −1 2
5) 2 7. 1) ไมจริง เพราะ
π π cos + 2 3
5π 6
=
cos
=
cos (π – π )
6 π − cos 6 3 − 2 1 0+ 2 π π cos + cos 2 3
= = π π cos + cos 2 3 ∴ cos( π + π ) 2 3
=
π π + sin 6 3 π sin 2 π ∴ sin + sin π 6 3 π π cos + 2 cos 6 3 5π cos 6
=
1 3 + 2 2
=
1
≠
sin
≠
2) จริง 3) ไมจริง เพราะ
4) ไมจริง เพราะ
sin
3 +1 2
= = = =
∴
π π cos + 2 cos 6 3
π 2
≠
π cos(π − ) 6 π − cos 6 3 − 2 5π cos 6
=
1 2
90 5) ไมจริง เพราะ
π π cos + sin 4 4
2 2 + 2 2
= =
π 2 π π cos + sin 4 4
sin
∴
2
=
1
≠
sin
π 2
เฉลยแบบฝกหัด 2.4 1. 1) 120° 3) 396° 5) 171.89° หรือ 171° 53′ 5π 3 7π − 4 25π − 9
2. 1) 3) 5) 3. 4.
2) 4)
–150° 720°
2)
−
169π 270 44π 9
4)
2π 15
ฟงกชัน มุม
1) 150° 2) 120° 3) 315° 4) –315° 5) 930°
sin 1 2 3 2 2 − 2 2 2 1 − 2
cos 3 2 1 − 2 2 2 2 2 3 − 2 −
−
tan
cosec
3 3
2
− 3
−
2 3 3
sec
cot
2 3 3
− 3
–2
–
3 3
–1
− 2
2
–1
1
2
2
1
3 3
–2
2 3 3
3
−
91 3 tan 2 135° − sec2 300° 2sin 330°
5. 1)
= =
tan(−480°) − sin(−840°) cos(−390°)
2)
=
=
6.
3(−1) 2 − (2) 2 1 2 − 2 3− 4 −1 3 3+ 2 3 2 2 3 3 + 2 2 3 2
=
1
=
3 3 2 × 2 3
12 = 2 61 cos A = 10 = 2 61 tan A = 12 = 10 10 sin B = = 2 61 12 cos B = = 2 61 tan B = 10 = 12 ดังนั้น CD = 10 × 6 = 60 61 61 ดังนั้น BD = 12 × 6 = 72 61 61
6 61 5 61
sin A =
A D2
10 C
61
B
12
จาก sin A = cos B =
CD 10 DB 12
7.
7 33
6 5 5 61 6 61 5 6
หนวย ≈ 7.68 หนวย หนวย ≈ 9.22 หนวย
กําหนด cos A =
4 7
ดังนั้น
33 7 33 4 7 33 33 7 4 4 33 33
sin A = tan A =
4
A
=
cosec A = sec A
=
cot A
=
3
92 8. เนื่องจาก –1 ≤ cos ≤ 1 หรือ
จะไดวา ไมมีจํานวนจริง
θ
0 ≤ cos θ ≤ 1 1 ≤ sec θ 1 ≤ sec θ
0≤
1
0≤
1
ดังนั้น sec θ ≥ 1 ใด ที่ทําให sec θ < 1
9. มี เพราะเรนจของฟงกชัน tangent เปนเซตของจํานวนจริง 10. เนื่องจาก tan2x =
sec2x – 1
จะได sec2x + sec2x – 1 2sec2x
=
9 2
sec x
=
±
π <x<π 2
แต
7 2
=
ดังนั้น sec x = จะได cos x =
11.
32 = a2 + 12 a2 = 9–1 = 8 a = 2 2 เนื่องจาก θ อยูในควอดรันตที่ 2
วิธีที่ 1
3
1 a
3 2 3 − 2 2 − 3
θ
จะได tan θ =
วิธีที่ 2 เพราะวา sec θ < 0
−
1 2 2
=
−
2 4
=
−
ดังนั้น cos θ < 0 ดวย
จาก
sin θ =
ดังนั้น
tan θ
1 3
จะทําให cos θ = = = =
sin θ cos θ 1 3 × 3 −2 2 −
2 4
1 1 − ( )2 3
2 2 3
93 12.
วิธีที่ 1
3
1
เพราะวา จาก
วิธีที่ 2
จะได cos θ =
θ
a
a2 = 12 + 52 a = 26 เนื่องจาก θ อยูในควอดรันตที่ 3
sin θ < 0 cot θ = 5
−
5 26
=
−
5 26 26
ดังนั้น cosec θ < 0 ดวย จะได cosec2θ = 1 + cot2θ = 1 + 25 cosec θ = − 26 จาก
1 26
sin θ
=
cot θ
= cos θ
5
=
cos θ 1 − 26
cos θ
=
−
−
5 26 26
เฉลยแบบฝกหัด 2.5 1. 1) 2) 3) 4) 5) 2.
ควอดรันตที่ 1 ควอดรันตที่ 2 ควอดรันตที่ 2 ควอดรันตที่ 1 ควอดรันตที่ 1
หรือ หรือ หรือ หรือ หรือ
ควอดรันตที่ 2 ควอดรันตที่ 3 ควอดรันตที่ 4 ควอดรันตที่ 3 ควอดรันตที่ 2
B
BC AB
BC = 10 (0.342) = 3.42 เซนติเมตร
10 C
= sin 20°
AC AB
20° A
= cos 20°
AC = 10 (0.9397) = 9.397 เซนติเมตร
94 B
3.
5 A 70°
50° C
P
AP = AB cos 70° PC = BC cos 50° AC = AP + PC
= 5(0.3420) = = 6.1338 × 0.6428 = = 1.71 + 3.9428 =
BP AB
=
sin 70°
BP
= =
5(0.9397) 4.6985 เซนติเมตร
BC
=
BP sin 50°
=
6.1338 เซนติเมตร
=
4.6985 0.7660
1.71 เซนติเมตร 3.9428 เซนติเมตร 5.6528 เซนติเมตร
4.
BD
6
= AB cos 40° = 6(0.7660) = 4.5960 เซนติเมตร AD = AB sin 40° = 6(0.6428) = 3.8568 เซนติเมตร 6.680 เซนติเมตร
A 110°
B 40°
30°
D
C
DC = AD cot 30° = 3.8568 × 1.7321 = CA =
AD sin 30°
= 2 × 6.680
BC = BD + DC
=
13.360 เซนติเมตร
= 4.5960 + 6.680 =
11.276 เซนติเมตร
A
5.
B
70°
D 40″
จากสมบัติของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว จะได BD = DC = 20″
70°
BD AB
C
= cos 70°
AB =
BD cos 70°
=
20 0.3420
= 58.4795 นิ้ว
∴ เสนรอบรูปของรูปสามเหลี่ยมหนาจั่วยาว 58.4795 + 58.4795 + 40 = 156.959 นิ้ว
95 D
6.
B 40 ฟุต A
40°
E
60 ฟุต
C
จาก
จากรูป
8.
60°
= sin 60°
C
15° 15°
B
C D
เนื่องจาก
AC AB
เฉลยแบบฝกหัด 2.6
คาบ 2) แอมพลิจูด คาบ 3) แอมพลิจูด คาบ
คือ
1 2 2π 1
=
2π
=
2π
=
4π
เทากับ 3 คือ
2π 1
เทากับ 3 คือ
50 ×2 3
x = AD – AC AE = AD = AB = 90 เซนติเมตร
x เซนติเมตร
เทากับ
=
จากรูป และ
นั่นคือ
1. 1) แอมพลิจูด
BC sin 60°
∴ ระยะทางที่นักวายน้ําวายขามฝง เทากับ
A
E
BC AB
AB =
50 เมตร A
= tan 40°
DE = 60(0.8391) = 50.346 ∴ ตึกที่สูงกวา สูง 40 + 50.346 = 90.346 ฟุต
B
7.
DE BE
2π 1 2
=
100 3 3
100 3 3
= cos 15°
AC = 90 cos 15° = 86.931 x = 90 – 86.931 = 3.069 เซนติเมตร
เมตร
96 4) แอมพลิจูด คาบ
คือ
5) แอมพลิจูด คาบ
เทากับ คือ
6) แอมพลิจูด คาบ
เทากับ คือ
7) แอมพลิจูด คาบ 8) แอมพลิจูด คาบ
2. 1) y =
เทากับ 4
1 sin 2θ 2
เทากับ คือ เทากับ คือ
2π 3 1 − 2 2π 4 −2 2π 1 2
= =
1 2 π 2
=
2
=
4π
1 2π 3 2π
Y
θ
2) y =
1 cos θ 2
Y
θ
97 3) y =
1 sin(−2θ) 2
Y
θ
4) y =
1 − sin(−2θ) 2
Y
θ
5) y =
1 −2sin θ − 1 2
Y
θ
98 6) y =
1 −2 cos θ + 1 2
Y
θ
7) y =
2sin 2θ + 1
Y
θ
8) y =
2 cos 2θ − 1
Y
θ
99 3. 1) 3) 5) 7) 9)
จ ก ซ ค ง
2) 4) 6) 8)
ฉ ฌ ข ช
เฉลยแบบฝกหัด 2.7 1. 1) cos (60° + 45°)
=
cos 60° cos 45° – sin 60° sin 45°
=
1 2 3 2 − 2 2 2 2 2 6 − 4 4 2− 6 4 1 ( 2 − 6) 4
= = = 2) cos ( 3π − π ) 2
3
= =
3) cos 165°
3π π 3π π cos + sin sin 2 3 2 3 3 0 + (−1) 2 cos
3 2
=
−
= =
cos (120° + 45°) cos 120° cos 45° – sin 120° sin 45°
=
1 2 3 2 − − 2 2 2 2
=
−
=
2 6 − 4 4 1 − ( 2 + 6) 4
100 4) cos 225°
5) sin 105°
= =
cos (180° + 45°) cos 180° cos 45° – sin 180° sin 45°
=
(–1)
=
−
= =
sin (60° + 45°) sin 60° cos 45° + cos 60° sin 45°
=
3 2 2 2
=
6 2 + 4 4 1 ( 6 + 2) 4
= 6) sin 135°
2 2 2
+ 1
=
2 (1) + 0 2 2 2
= =
=
tan 105°
2 2
sin (90° + 45°) sin 90° cos 45° + cos 90° sin 45°
=
8)
–0
= =
= 7) tan 75°
2 2
tan (30° + 45°) tan 30° + tan 45° 1 − tan 30° tan 45° 3 +1 3 3 1− (1) 3 3 +3 3 × 3 3− 3
=
3+ 3 3− 3
= =
tan (60° + 45°) tan 60° + tan 45° 1 − tan 60° tan 45°
101
9) sin 17π 12
=
3 +1 1 − ( 3)(1)
=
1+ 3 1− 3
=
3π π sin − 2 12 3π π 3π π sin cos − cos sin 2 12 2 12 π π (−1) cos − − 0 3 4 π π π π − cos cos + sin sin 3 4 3 4 1 2 3 2 − + 2 2 2 2 1 − ( 2 + 6) 4
= = = = = 10) cos
7π 12
= = = = = =
11)
tan
19π 12
= = = =
π π cos + 2 12 π π π π cos cos − sin sin 2 12 2 12 π π 0 − (1) sin − 3 4 π π π π − sin cos − cos sin 4 3 4 3 3 2 1 2 − − 2 2 2 2 1 ( 2 − 6) 4 tan(π +
7π ) 12
7π 12 7π 1 − tan π tan 12 1+ 3 0+ 1− 3 1− 0 1+ 3 1− 3 tan π + tan
102 12)
13)
tan
7π 12
π sin − 12
=
tan 105°
=
1+ 3 1− 3
=
π − sin 12 π π − sin − 3 4
= = = = 14)
π sec − 12
= = = = = = = = =
π π π π − sin cos − cos sin 4 3 4 3 3 2 1 2 − − 2 2 2 2 1 ( 2 − 6) 4 1 π cos − 12 1 π cos 12 1 π π cos − 3 4 1 π π π π cos cos + sin sin 3 4 3 4 1 1 2 3 2 + 2 2 2 2 4 2+ 6
4 2− 6 ⋅ 2+ 6 2− 6 4( 2 − 6) 2−6 6− 2
103 15)
5π cot − 12
= = =
= =
1 5π tan − 12 1 7π tan − π 12 1 7π tan − tan π 12 7π 1 + tan tan π 12 1 1+ 3 −0 1− 3 1− 3 1+ 3
2.
π π 5π 5π sin − sin + cos cos − 2 2 2 2
=
(–1)(1) + 0
3.
π π π π sin sin − + cos − cos 3 3 4 4
=
3 2 2 1 − + 2 2 2 2
=
−
=
1 ( 2 − 6) 4
=
6 2 + 4 4
4. 1) sin 20° cos 10° + cos 20° sin 10° = = =
sin (20° + 10°) sin 30°
2) cos 70° cos 20° – sin 70° sin 20° = = =
cos (70° + 20°) cos 90° 0
1 2
–1
104 3)
4)
tan 20° + tan 25° 1 − tan 20° tan 25°
sin
π 7π π 7π cos − cos sin 12 12 12 12
=
tan (20° + 25°)
= =
tan 45° 1
=
π 7π sin( − ) 12 12 π sin(− ) 2
=
5)
sin
π 5π 5π π cos − sin cos 12 12 12 12
=
–1
=
π 5π sin( − ) 12 12 π sin(− ) 3 3 − 2
= = 5. 1) 5
3 4 sin (α + β) = = = cos (α + β) = = =
5
1 α
2
β
sin α cos β + cos α sin β 3 2 5 5 2 = 5 5
+ 4 − 5
1 5
=
6 5 5
−
2 5 25
cos α cos β – sin α sin β 4 2 3 1 − − 5 5 5 5 8 3 11 = + 5 5 5 5 5 5
=
11 5 25
4 5 5
105 sin (α – β) =
sin α cos β – cos α sin β
=
3 2 4 1 − − 5 5 5 5 6 4 = + 5 5 5 5
=
tan α − tan β 1 + tan α tan β 3 1 −− 4 2 3 1 1+ − 4 2 5 5 8 4 = × 5 4 5 8
tan (α – β) = = =
2)
5
4 3 sin (α + β) =
1
4 1 3 3 + − 5 2 5 2
=
4 3 3 − 10 10
= =
=
2
β
sin α cos β + cos α sin β
=
cos (α + β) =
=
2
3 α
10 5 5
=
1 (4 − 3 3) 10
cos α cos β – sin α sin β 3 1 4 3 − − 5 2 5 2 3 4 3 1 − − − (3 + 4 3) = 10 10 10
2 5 5
106 sin (α – β) =
sin α cos β – cos α sin β
=
4 1 3 3 − − 5 2 5 2
=
4 3 3 + 10 10 tan α − tan β 1 + tan α tan β 4 − − 3 3 4 1 + − ( 3) 3
tan (α – β) = =
−4 − 3 3 3 3− 4 3 3 4+3 3 4 3 −3
= =
48 + 25 3 39
= 3)
13
5
12 sin (α + β) =
1 (4 + 3 3) 10
=
2
3
α
1 sin α cos β + cos α sin β
=
5 1 12 3 − + − 13 2 13 2
=
−
=
5 12 3 − 26 26 1 − (5 + 12 3) 26
β
107 cos (α + β) = =
12 1 5 3 − − − 13 2 13 2
=
12 5 3 − 26 26 1 (12 − 5 3) 26
= sin (α – β) =
5 1 12 3 − − − 13 2 13 2
=
−
tan (α – β) = = = = π sin + θ 2
π 2
5 12 3 + 26 26 1 (12 3 − 5) 26
tan α − tan β 1 + tan α tan β 5 − − (− 3) 12 5 1 + − (− 3) 12 12 3 − 5 12 12 + 5 3 12 12 3 − 5 5 3 + 12
=
π π sin cos θ + cos sin θ 2 2
=
cos θ
2) cos + θ =
= π 2
sin α cos β – cos α sin β
=
=
6. 1)
cos α cos β – sin α sin β
3) sin − θ =
=
π 2
π 2
cos cos θ – sin sin θ – sin θ π 2
π 2
sin cos θ – cos sin θ cos θ
108 4)
sin(π + θ)
= =
3π −θ = 2
5) cos 6)
3π sin + θ 2
sin π cos θ + cos π sin θ – sin θ cos
3π 3π cos θ + sin sin θ 2 2
=
– sin θ
=
sin
= 7) tan (π – θ) = =
3π 3π cos θ + cos sin θ 2 2
– cos θ tan π − tan θ 1 + tan π tan θ 0 − tan θ 1+ 0
= – tan θ 8) sin (α + β) + sin (α – β) = = 9)
sin(α + β) sin α cos β
= =
10)
cos(α + β) cos α cos β
sin(α + β) sin(α − β)
sin α cos β + cos α sin β sin α cos β cos α sin β 1+ sin α cos β
=
1 + cot α tan β
=
cos α cos β − sin α sin β cos α cos β sin α sin β 1− cos α cos β
=
11)
sin α cos β + cos α sin β + sin α cosβ – cos α sin β 2 sin α cos β
=
1 − tan α tan β
=
sin α cos β + cos α sin β sin α cos β − cos α sin β sin α cos β cos α sin β + sin α cos β − cos α sin β sin α cos β − cos α sin β 1 1 + 1 − cot α tan β tan α cot β − 1
= =
109 = = = 7. 1) tan (α – β) = = = = 2) 2 cos α sin β = = =
1 1 + tan β tan α −1 1− tan α tan β tan α tan β + tan α − tan β tan α − tan β tan α + tan β tan α − tan β sin(α − β) cos(α − β) sin α cos β − cos α sin β cos α cos β + sin α sin β sin α cos β cos α sin β − cos α cos β cos α cos β cos α cos β sin α sin β + cos α cos β cos α cos β tan α − tan β 1 + tan α tan β
,
cos α ≠ 0, cos β ≠ 0
cos α sinβ + cos α sin β sin (α + β) – sin α cos β – sin (α – β) + sin α cos β sin (α + β) – sin (α – β)
3) 2 cos α cos β = cos α cosβ + cos α cos β = cos (α + β) + sin α sin β + cos (α – β) – sin α sin β = cos (α + β) + cos (α – β) 4) 2 sin α sin β = sin α sinβ + sin α sin β = cos (α – β) – cos α cos β + cos α cos β – cos (α + β) = cos (α – β) – cos (α + β) 5) เนื่องจาก sin (x + y) – sin (x – y) = 2 cos x sin y ให α = x + y, β = x–y จะได x = α +β , y = α −β 2
∴ sin α – sin β = 2 cos
2 α + β sin 2
α −β 2
110 6) เนื่องจาก cos (x + y) + cos (x – y) = 2 cos x cos y α = x + y, β = x–y ให จะได x = α +β , y = α −β 2
∴ cos α + cos β = 2 cos
2 α+β α −β cos 2 2
7) เนื่องจาก cos (x + y) – cos (x – y) = –2 sin α sin β ให α = x + y, β = x–y จะได x = α +β , y = α −β 2
∴ cos α – cos β = 8) จาก
จาก ∴
9) จาก
จาก
α α + cos 2 2 2 α sin 2 = 2 α sin = 2 sin 2
2 –2 sin α + β sin α − β 2 2
=
1
1 − cos 2
α 2
± 1 − cos 2
α 2
=
α cos 2 + 1 2 2
=
± 1−
=
±
2 − cos α − 1 2
=
±
1 − cos α 2
α α + cos 2 2 2 α cos = 2
= 1
α cos 2 2 α sin 2
sin 2
α sin 2 2
=
=
cos α + 1 2
=
1 − cos α 2
cos α + 1 2
α 2 α 1 − cos 2 2 2 ± 1 − sin 2
111 ∴
10)
cos
α 2
α tan 2
± 1−
=
±
2 − 1 + cos α 2
=
±
1 + cos α 2
= =
8. 1) sin (90° – A) 2) tan (90° – A)
= = = = = =
3) cot (90° – B)
= =
4) sec (90° – A)
1 − cos α 2
=
α 2 α cos 2 1 − cos α ± 2 1 + cos α ± 2 sin
=
sin 90° cos A – cos 90° sin A cos A tan 90° − tan A 1 + tan 90° tan A 1 1 − cot 90° cot A 1 1+ cot 90° cot A cot A − cot 90° cot 90° cot A cot 90° cot A + 1 cot 90° cot A cot A − 0 = 0 +1 1 tan(90° − B) 1 cot B
cot A
= =
tan B
=
1 cos 90° cos A + sin 90° sin A 1 = csc A sin A
=
1 cos(90° − A)
±
1 − cos α 1 + cos α
112 5) csc (90° – B)
=
1 sin(90° − B)
=
1 sin 90° cos B − cos 90° sin B 1 = sec B cos B
= 6) sin (90° + A) 7) cos (270° – A) 8) tan (270° – A)
= = = = = = =
9. 1) cos (x – 30°) – cos (x + 30°)
2) cos (x + 45°) + cos (x – 45°)
3) sin (x – 30°) + sin (x + 30°)
sin 90° cos A + cos 90° sin A cos A cos 270° cos A + sin 270° sin A – sin A sin(270° − A) cos(270° − A) sin 270° cos A − cos 270° sin A cos 270° cos A + sin 270° sin A − cos A = cot A − sin A
= =
2 sin x sin 30°
= =
sin x 2 cos x cos 45°
=
2 2 2
= = =
0
4) sin (x + y) sin (x – y) = = = = =
2sin x 2
cos x
2 cos x
2 sin x cos 30° 2 3 2
sin x
3 sin x = (sin x cos y + cos x sin y)(sin x cos y – cos x sin y) sin2x cos2y – cos2xsin2y sin2x (1 – sin2y) – (1 – sin2x) sin2y sin2x – sin2x sin2y – sin2y + sin2x sin2y sin2x – sin2y
113 10.
cos 2x
=
2 cos2x – 1
=
3 2 −1 7 9 2 −1 49 31 − 49
= = 11.
tan 2x
= =
12.
13.
cos 32°
sin 0.52
=
1 + 0.44 2
=
1 1− 4
=
0.25
=
4 3
α 1 + cos α cos = ± 2 2
Q
=
32° อยูในควอดรันตที่ 1 0.72
1.04 2 1 − cos1.04 2 1 − 0.5 2
sin (x + y) = 5 = −
1
sin
=
=
=
64° 2
=
cos (x + y) =
13
cos
1 + cos 64° 2
=
15.
2 tan x 1 − tan 2 x 1 2 2 2 1 1− 2
=
=
14.
2
=
0.5
cos x cos y – sin x sin y 3 12 4 5 − − − − 5 13 5 13 36 20 56 = + 65 65 65
sin x cos y + cos x sin y 3 4 cos y + sin y 5 5
= 0.849
114 1)
เพราะวา 0 < x <
π 2
,
เพราะวา
π
ดังนั้น
cos (x + y) =
− 1 − sin 2 (x + y)
sin (x + y) = 5 = −
sin x cos y + cos x sin y 3 4 ---------- (*) cos y + sin y
cos (x + y) = 12 = −
cos x cos y – sin x sin y 4 3 ---------- (**) cos y − sin y
1 − sin 2 x
< x+y <
3π , 2
13
(*) × 4 – (**) × 3
จะได
ดังนั้น
16 65
tan (x + y)
1−
sin (x + y)
5
5 25 5
=
4 5 5 − 13 12 − 13
cos x =
sin y =
=
9 25
ดังนั้น
13
2)
3 5
sin x =
= =
5
5
sin y
=
−20 + 36 13
sin(x + y) cos(x + y) 5 − 13 12 − 13 5 12
= = =
เฉลยแบบฝกหัด 2.8 1. 1) arcsin 0 ให หาคา θ
arcsin 0 = θ เมื่อ − π ≤ θ ≤ π
จะได sin θ = 0 และ sin θ = 0
จะพบวา
เมื่อ
จะมี
ดังนั้น
arcsin 0 = 0
2 2 π π − ≤θ≤ 2 2
θ
= 0 เพียงคาเดียวที่ sin θ = 0
115 2) arccos 1 ให หาคา θ จะพบวา ดังนั้น
arcsin 0 = θ เมื่อ 0 ≤ θ ≤ π เมื่อ 0 ≤ θ ≤ π arccos 1 = 0
จะได cos θ = 1 และ cos θ = 1 จะมี θ = 0 เพียงคาเดียวที่ cos θ = 1
3) arcsin (–1) ให arcsin (–1) = θ เมื่อ − π ≤ θ ≤ π หาคา θ 2 2 π π − ≤θ≤ 2 2
จะพบวา
เมื่อ
ดังนั้น
arcsin (–1) =
−
จะได sin θ = –1 และ sin θ = –1 จะมี
θ
π 2
=
−
π 2
เพียงคาเดียวที่ sin θ = –1
4) arccos –1 ให หาคา θ จะพบวา ดังนั้น
arccos (–1) = θ เมื่อ 0 ≤ θ ≤ π เมื่อ 0 ≤ θ ≤ π arccos (–1) = π
จะได cos θ = –1 และ cos θ = –1 จะมี θ = π เพียงคาเดียวที่ cos θ = –1
5) arctan 0 ให หาคา θ
arctan 0 = θ เมื่อ − π < θ < π
จะได tan θ = 0 และ tan θ = 0
จะพบวา
เมื่อ
จะมี
ดังนั้น
arctan 0 = 0
2 2 π π − <θ< 2 2
6) arctan (–1) ให arctan (–1) =
θ
θ
= 0 เพียงคาเดียวที่ tan θ = 0
จะได tan θ = –1
116 π <θ< 2 π − <θ< 2
π 2 π 2
หาคา θ
เมื่อ
จะพบวา
เมื่อ
ดังนั้น
arctan (–1) =
−
π 4
2 2
=
θ
7) arcsin
−
arcsin
หาคา θ
π π ≤θ≤ 2 2 เมื่อ − π ≤ θ ≤ π 2 2 arcsin 2 = π 2 4
เมื่อ
จะพบวา ดังนั้น
−
θ
=
−
π 4
เพียงคาเดียวที่ tan θ = –1
จะได sin θ =
2 2
และ sin θ =
2 2
จะมี
θ
=
π 4
เพียงคาเดียวที่ sin θ =
2 2
3 3 3 3
จะได tan θ =
3 3
π π <θ< 2 2 เมื่อ − π < θ < π 2 2 arctan 3 = π 6 3
และ tan θ =
3 3
arctan 3 = θ เมื่อ − π < θ < π
จะได tan θ = และ tan θ =
ให
arctan
หาคา θ
เมื่อ
จะพบวา ดังนั้น 9) arctan ให หาคา θ จะพบวา ดังนั้น
จะมี
2 2
ให
8) arctan
และ tan θ = –1
=
−
θ
จะมี
θ
=
π 6
เพียงคาเดียวที่ tan θ =
3 3
3
2 2 π π เมื่อ − < θ < 2 2 π arctan 3 = 3
จะมี
θ
=
π 3
3 3
เพียงคาเดียวที่ tan θ =
3
117 10) arcsin (−
3 ) 2
arcsin (−
หาคา θ
π π ≤θ≤ 2 2 เมื่อ − π ≤ θ ≤ π 2 2 arcsin (− 3 ) = − π 2 3
เมื่อ
จะพบวา ดังนั้น 11) arccos (−
=
θ
−
3 2 3 − 2
จะได sin θ =
−
และ sin θ = จะมี
θ
=
−
π 3
เพียงคาเดียวที่ sin θ = −
3 2
3 ) 2 3 ) 2
ให
arccos (−
หาคา θ
เมื่อ
0≤θ≤π
และ cos θ =
จะพบวา
เมื่อ
0≤θ≤π
จะมี
ดังนั้น
arccos (−
12) arcsin (−
=
θ
3 ) 2
=
5π 6
2 ) 2
=
θ
จะได cos θ =
θ=
5π 6
3 2 3 − 2 −
เพียงคาเดียวที่ cos θ = −
3 2
2 ) 2
ให
arcsin (−
หาคา θ
π π ≤θ≤ 2 2 เมื่อ − π ≤ θ ≤ π 2 2 arcsin (− 2 ) = − π 4 2
จะพบวา ดังนั้น
เมื่อ
2. 1) 81° 10′ 4) 26° 50′ 3. 1)
3 ) 2
ให
−
2) 5)
cos(arcsin(−
3 )) 2
ให
arcsin −
=
θ
−
และ sin θ = จะมี
54° 50′ 20° 10′ 3 2
2 2 2 − 2
จะได sin θ =
θ
=
−
π 4
3)
เพียงคาเดียวที่ sin θ = −
55° 40′
จะได sin θ =
−
3 2
2 2
118 3 2
หา θ
ที่ sin θ = −
แต
3 π sin − = − 2 3 arcsin − 3 = − π 3 2 cos (arcsin − 3 ) = 2
จะได ดังนั้น
และ
1 2
1 sin(arcsin(− )) 2
ให
arcsin − 1 =
หา θ
ที่ sin θ =
แต
π sin − = 6 arcsin − 1 2
จะได ดังนั้น
2
−
cos(arccos(−
จะได sin θ =
θ
1 2
และ −
=
−
1 sin(arcsin(− )) 2
=
3 )) 2
3 2
หา θ
3 2 5π = − 3 cos 6 2 arccos − 3 = 5π 6 2
ดังนั้น
π π ≤ θ ≤ 2 2
π sin(− ) 6 1 − 2
arccos −
จะได
1 2
π 6
ให
แต
−
−
1 2
= 3)
π π ≤ θ ≤ 2 2
π cos(− ) 3
= 2)
−
ที่ cos θ =
=
จะได cos θ =
θ
และ 0
−
cos(arccos(−
3 )) 2
= =
5π 6 3 − 2 csc
−
≤ θ ≤ π
3 2
119 4)
1 tan(arcsin ) 3
ให หา
arcsin 1 =
θ
จะได sin θ =
ที่ sin θ =
1 3
และ
3
θ
เนื่องจาก
sin θ > 0
และ
1 3 π π − ≤θ≤ 2 2 π π − ≤θ≤ 2 2
ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป sin θ = 1 3 ( 2 2 , 1) และ tan θ = 1 = 2 4 2 2 3 1 1 ดั ง นั น ้ tan(arcsin ) = tan θ θ 3
=
2 2
5)
1 tan(arccos ) 3
ให
arccos 1 =
θ
จะได cos θ =
หา θ
ที่ cos θ =
1 3
และ 0
3
1 3
≤ θ ≤ π
เนื่องจาก cos θ > 0 และ 0≤θ≤π ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป cos θ = 1 (1, 2 2 ) 3
3 θ
6)
และ ดังนั้น
2 2
tan θ =
2 2
1 tan(arccos ) 3
= tan θ =
1
1 tan(arctan ) 2 1 2
ให
arctan
=
หา θ
ที่ tan θ =
เนื่องจาก
tan θ > 0
θ 1 2
จะได tan θ = และ และ
π 2 π − 2 −
1 2
<
θ
<
<
θ
<
π 2 π 2
2 2
2 4
120 1 tan(arctan ) 2
ดังนั้น 7)
= tan θ =
1 2
2 ) 3
cos(arcsin
2 3
ให
arcsin
หา θ
ที่ sin θ =
เนื่องจาก
sin θ > 0
=
2 3
จะได sin θ =
θ
2 3
และ และ
π ≤θ≤ 2 π − ≤θ≤ 2 −
π 2 π 2
ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ 2 3 cos θ = 7 3 3 cos(arcsin ) 3
จากรูป sin θ = ( 7, 2)
3
และ
2
ดังนั้น
θ 7
8)
= cos θ 7 3
=
cot(arcsin(−
2 )) 3
ให
arcsin (−
หา θ
ที่ sin θ =
เนื่องจาก
sin θ < 0
2 ) 3 −
= 2 3
θ
2 3 π π − ≤ θ ≤ 2 2 π π − ≤ θ ≤ 2 2
จะได sin θ = และ และ
−
ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป sin θ =
7 θ
3 (
และ
cot θ =
ดังนั้น
cot(arcsin(−
2
7, − 2)
2 3 7 − 2
−
2 ) 3
=
−
14 2
= cot θ =
−
14 2
121 9) csc (arctan 1 ) 2
1 2
ให
arctan
=
หา θ
ที่ tan θ =
เนื่องจาก
tan θ > 0
จะได tan θ =
θ
1 2
และ และ
π 2 π − 2 −
1 2
<
θ
<
<
θ
<
π 2 π 2
ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป tan θ = 1 (2, 1)
5 θ
2
และ ดังนั้น
1 2
2
=
10) sin (arctan (–3)) ให arctan (–3) = θ ที่ tan θ = –3 หา θ เนื่องจาก
csc θ = 5 csc (arctan 1 ) = csc θ 5
จะได tan θ = –3 และ − π < θ < π
tan θ < 0
และ
2 π − 2
<
θ
<
2 π 2
ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป tan θ = –3 1 และ sin θ = − 3 θ 10 3 ดังนั้น sin (arctan (–3)) = sin θ 10 (1, –3) = − 3 10 10
11)
cot(arccos(−
3 )) 3
ให
arccos −
หา
θ
3 3
ที่ cos θ =
−
= 3 3
θ
จะได cos = และ 0
−
3 3
≤ θ ≤ π
เนื่องจาก cos θ < 0 และ 0 ≤ θ ≤ π ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้
122 (− 3,
จากรูป cos θ =
6)
3
6
θ
3 3 3 − 6
−
และ
cot θ =
ดังนั้น
cot(arccos(−
=
3 )) 3
sec(arcsin
=
−
2 2
2 5 ) 5
ให หา
2 2
= cot θ
3
12)
−
arcsin
2 5 5
ที่ sin θ
θ
เนื่องจาก
2 5 5 π π − ≤θ≤ 2 2 π π − ≤θ≤ 2 2
=
θ
จะได sin θ =
=
2 5 5
และ
sin θ > 0
และ
ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป sin θ =
( 5, 2 5)
5
2 5
θ
และ
sec θ =
ดังนั้น
sec(arcsin
2 5 5 5 5 2 5 ) 5
5
= sec θ =
5
13)
=
5
1 csc(arccos ) 3
ให หา
arccos 1 =
θ
จะได cos θ =
ที่ cos θ =
1 3
และ 0
3
θ
1 3
≤ θ ≤ π
เนื่องจาก cos θ > 0 และ 0 ≤ θ ≤ π ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ 1 θ = จากรู ป cos (1, 2 2 ) 3
θ
2 2
1
และ ดังนั้น
3 csc θ = 3 2 2 1 csc(arccos ) 3
= csc θ
123 =
3 2 2
14) tan (arcsin 0.7030) ให arcsin 0.7030 = θ จะได sin θ = 0.7030 ที่ sin x = 0.7030 และ − π ≤ θ ≤ π หา θ 2
2
เปดตารางได θ = 44° 40′ ดังนั้น tan (arcsin 0.7030) = tan 44° 40′ = 0.9884 15) tan (arcsin (cos π ) ) = tan (arcsin 6
ให หา
arcsin θ
3 2
=
π 3
=
3 2 π ) 6
3 2 π π − ≤θ≤ 2 2
จะได sin θ =
θ
ที่ sin θ =
3 ) 2
3 2
และ
แต
sin
จะได
arcsin (cos
ดังนั้น
tan (arcsin (cos π ) = tan
=
π 3
6
16) cos (arctan 3.2709) ให arctan 3.2709 = θ หา θ ที่ tan θ = 3.2709
π 3
=
3
จะได tan θ = 3.2709 และ − π < θ < π 2
2
เปดตารางได tan 73° = 3.2709 จะได arctan 3.2709 = 73° ดังนั้น cos (arctan 3.2709) = cos 73° = 0.2924 17) cos2(arcsin 0.9261) ให arcsin 0.9261 =
θ
จะได sin θ = 0.9261
=
3 2 4
124 หา
ที่ sin θ = 0.9261
θ
และ
−
π π ≤θ≤ 2 2
เปดตารางได sin 67° 50′ = 0.9261 จะได arcsin 0.9261 = 67° 50′ ดังนั้น cos2(arcsin 0.9261) = cos2 67° 50′ = (0.3773)2 = 0.1424 18) sin (arctan 2) ให arctan 2 = θ หา θ ที่ tan θ = 2 เนื่องจาก
tan θ > 0 (1, 2) 5
θ
2 1
จะได tan θ = 2 และ − π < θ < และ
2 π − 2
<
θ
<
π 2 π 2
จากรูป
tan θ = 2
และ
sin θ =
ดังนั้น
sin (arctan 2) = sin θ
2 5
=
2 5 5
=
19) sin (2 arccos a) , a > 0 ให arccos a = θ , จะได cos θ = a หา θ ที่ cos θ = a และ 0 ≤ θ ≤ π เนื่องจาก cos θ > 0 และ 0 ≤ θ ≤ π ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉากและทฤษฎีบทพีทาโกรัสหาคําตอบไดดังนี้ sin θ = 1 − a 2 cos θ = a ดังนั้น sin (2 arccos a) = sin 2θ = 2 sin θ cos θ = 2 1− a2 a = 2a 1 − a 2 1 2 1− a
a
θ
2 5 5
125 20)
3 3 sin(arccos + arcsin(− )) 5 5 3 ให arccos = α 5 หา α ที่ cos α = 3 5
จะได cos α = และ 0
3 5
≤ α ≤ π
เนื่องจาก cos α > 0 และ 0 ≤ α ≤ π ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป sin α = 5 α
cos β =
4 3
ให arcsin (− 3 ) = 5
3 5
และ
เนื่องจาก sin β < 0
และ
หา β ที่ sin β =
−
3 5 π π − ≤β≤ 2 2 π π − ≤β≤ 2 2
จะได sin β =
β
−
ใชรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก และทฤษฎีบทพีทาโกรัส หาคําตอบไดดังนี้ จากรูป sin β = − 3 β
4
cos β = 3
5
5 4 5
ดังนั้น sin (arccos 3 + arcsin (– 3 ) = sin (α + β) 5
5
= sin α cos β + cos α sin β = ( 4 )( 4 ) + ( 3 )(− 3 ) =
5 5 5 16 9 − = 25 25
5 7 25
4 5 3 5
126 4. 1) ให จะได จาก ดังนั้น 2) ให
arcsin θ = x sin x = θ
และ
−
cos 2x = 1 – 2 sin2x = 1 – 2θ2 cos (2 arcsin θ) = cos 2x = 1 – 2θ2 arcsin
4 5
π π ≤x≤ 2 2
= x 4 5
และ
π π ≤x≤ 2 2
ดังนั้น
sin x =
จะได
cos x =
ให
arccos 12 = y
ดังนั้น
cos y =
จะได
sin y =
ให
arcsin 16 = z
ดังนั้น
sin z =
จะได
cos z =
เพราะวา
sin (x + y + z) = sin (x + (y + z)] = sin x cos (y + z) + cos x sin (y + z) = sin x (cos y cos z – sin y sin z) + cos x (sin y cos z + cos y sin z) = 4 (12 ⋅ 63 − 5 ⋅ 16 ) + 3 ( 5 ⋅ 63 + 12 ⋅ 16 )
1−
16 25
− 3 5
=
13
12 13 1−
และ 144 169
=
0≤y≤π 5 13
65
16 65 1− (
และ 16 2 ) 65
5 13 65 13 65
=
−
π π ≤z≤ 2 2
63 65
5 13 65 13 65
นั่นคือ
sin (x + y + z) = 1 จะได x + y + z =
ดังนั้น
4 12 16 arcsin + arccos + arcsin 5 13 65
=
π 2
π 2
127 3) arcsin 1 + arcsin 2
– arcsin (–1) =
ดังนั้น arcsin 1 + arcsin 2
4) ให จะได
=
π π + 6 3
3 2
= – arcsin (–1)
3 2 π 2
arctan x = tan θ = x
=
θ
และ
−
π π <θ< 2 2
sec (arctan x) = sec θ = 1 + tan 2 θ = 1+ x2 5) ให
arctan 1 = 3
1 3
tan θ =
เนื่องจาก
tan θ > 0
จะได 0
เพราะวา
tan 2θ =
2 tan θ 1 − tan 2 θ 2 3 1 1− 9 3 4
และ
= = เนื่องจาก
0 < 2θ <
จะได
2θ = arctan 3
6) ให จะได ดังนั้น
(sec2θ = 1 + tan2θ)
θ
ดังนั้น
นั่นคือ
π 2
−
π π <θ< 2 2 π < θ< 2
และ tan 2θ > 0
π
นั่นคือ 0 < 2θ <
จะได 0 < 2θ <
4
2 arctan
1 3
= arctan
arcsin x = θ sin θ = x cos θ =
3 4
และ
1− x2
−
π
π π ≤θ≤ 2 2
π 2
128 เพราะวา ดังนั้น 5. 1) ให จะได ดังนั้น จะได นั่นคือ
sin 2θ = 2 sin θ cos θ = 2x 1 − x 2 sin (2 arcsin x) = 2x 1 − x 2 arctan x = θ tan θ = x
และ
– tan θ = –x
และ
tan(–θ) = –x
และ
arctan (–x) = –θ arctan x + arctan (–x) =
อีกวิธีหนึ่ง ให arctan x = เพราะวา
β
tan (θ + β)
tan θ + tan β 1 − tan θ tan β x + (− x) 1 − x(− x)
= =
ดังนั้น นั่นคือ
−
π π <θ< 2 2
และ
=0
และ
จะได tan β = –x และ =
จาก
θ + (–θ)
จะได tan θ = x
θ
ให arctan (–x) =
π π <θ< 2 2 π π − < −θ < 2 2 π π − < −θ < 2 2 −
−
π <θ< 2 π − <β< 2 −
0 π π <β< 2 2
จะได
=0 arctan x + arctan (–x) = 0 θ+β
2) ให arcsin x = y sin y = x
และ
−
ให arccos x = z cos z = x
และ
0≤z≤π
π π ≤y≤ 2 2
−π < θ + β < π
π 2 π 2
129 ดังนั้น sin y = cos z จะได
y
โดยที่
= z
0≤y≤
π 4
=
นั่นคือ arcsin x + arccos x = y + z =
π 2
และ
π π + 4 4
=
0≤z≤
π 2
3) ให arctan x = A
จะได tan A = x
และ
ให arctan y = B
จะได tan B = y
และ
เมื่อ
−
π π <A< 2 2
และ
−
แต arctan x + arctan y < − π นั่นคือ
–π < A + B <
2 π − 2
0 < π + (A + B) < จาก
π
−
=
นั่นคือ arctan x + arctan y =
= =
tan (A + B)
tan A + tan B 1 − tan A tan B x+y = 1 − xy arctan x + y 1 − xy –π + arctan x + y 1 − xy –π + arctan x + y 1 − xy
4) ให arctan x = A
จะได tan A = x
และ
ให arctan y = B
จะได tan B = y
และ
เมื่อ
−
π π <A< 2 2
แต arctan x + arctan y > นั่นคือ
π 2
π 2
+ (A + B) =
A+B
π π <A< 2 2 π π − <B< 2 2 −
จะได –π < A + B < π
จะได A + B <
tan (π + (A + B))
จะได
π π <B< 2 2
π 2
π π <B< 2 2
และ
−
π 2
จะได A + B >
π <A+B<π 2 π − < −π + (A + B) < 0 2
π π <A< 2 2 π π − <B< 2 2 −
จะได –π < A + B < π π 2
130 จาก
จะได
tan (–π + (A + B))
= =
tan (A + B)
tan A + tan B 1 − tan A tan B x+y = 1 − xy = arctan x + y 1 − xy x+y = π + arctan 1 − xy x+y π + arctan 1 − xy
–π + (A + B) A+B
นั่นคือ arctan x + arctan y =
เฉลยแบบฝกหัด 2.9 (1) 1. 1) csc θ ⋅ cos θ
= =
2) 1 + tan2(–θ)
cos θ
=
cot θ
=
1+
=
cos 2 (−θ) + sin 2 (−θ) cos 2 θ 1 cos 2 θ
= = 3) cos θ (tan θ + cot θ)
1 sin θ cos θ sin θ
sin 2 (−θ) cos 2 (−θ)
sec2θ = = = = =
cos θ tan θ + cos θ cot θ sin θ cos θ ) + cos θ( ) cos θ sin θ sin 2 θ + cos 2 θ sin θ 1 sin θ
cos θ(
csc θ
131 4) tan θ cot θ – cos2θ
=
5) (sec θ – 1)(sec θ + 1) 6) (sec θ + tan θ)(sec θ – tan θ) 7) sin2θ (1 + cot2θ)
sin θ cos θ − cos 2 θ cos θ sin θ
= =
1 – cos2θ sin2θ
= =
sec2θ – 1 tan2θ sec2θ – tan2θ 1
= =
=
sin2θ + sin2θ
= =
sin2θ + cos2θ 1
cos 2 θ sin 2 θ
8) (sin θ + cos θ)2 + (sin θ – cos θ)2 = sin2θ + 2 sin θ cos θ + cos2θ + sin2θ – 2 sinθ cos θ + cos2θ = 2 sin2θ + 2 cos2θ = 2 (sin2θ + cos2θ) = 2 9) sec4θ – sec2θ
= = =
sec2θ (sec2θ – 1) (tan2θ + 1)tan2θ tan4θ + tan2θ
10) sec θ – tan θ
=
1 – sin θ cos θ cos θ 1 − sin θ (1 + sin θ) × cos θ (1 + sin θ)
= =
1 − sin 2 θ cos θ(1 + sin θ)
=
cos 2 θ cos θ(1 + sin θ) cos θ 1 + sin θ
=
132 11) 3 sin2θ + 4 cos2θ
12)
cos 2 θ 1− 1 + sin θ
= = =
3(1 – cos2θ) + 4 cos2θ 3 – 3 cos2θ + 4 cos2θ 3 + cos2θ
=
1 + sin θ 1 − sin 2 θ − 1 + sin θ 1 + sin θ 1 + sin θ − 1 + sin 2 θ 1 + sin θ sin θ(1 + sin θ) 1 + sin θ
= = = 13)
1 + tan θ 1 − tan θ
= = = = =
14)
sec θ sin θ + csc θ cos θ
= = =
15)
1 + sin θ 1 − sin θ
= =
sin θ sin θ cos θ sin θ 1− cos θ cos θ + sin θ cos θ cos θ − sin θ cos θ cos θ + sin θ cos θ − sin θ cos θ +1 sin θ cos θ −1 sin θ cot θ + 1 cot θ − 1
1+
sin θ sin θ + cos θ cos θ 2sin θ cos θ
2 tan θ 1 sin θ + sin θ sin θ 1 sin θ − sin θ sin θ csc θ + 1 csc θ − 1
133 16)
1 − sin θ cos + cos θ 1 − sin θ
=
1 − 2sin θ + sin 2 θ + cos 2 θ cos θ(1 − sin θ)
=
1 − 2sin θ + sin 2 θ + 1 − sin 2 θ cos θ(1 − sin θ) 2(1 − sin θ) cos θ(1 − sin θ) 2 cos θ
= = 17)
sin θ sin θ − cos θ
= = =
18)
1 − sin θ 1 + sin θ
= = = =
19)
cos θ sin θ + 1 − tan θ 1 − cot θ
1 − sin θ 1 − sin θ 1 + sin θ 1 − sin θ 1 − 2sin θ + sin 2 θ 1 − sin 2 θ 1 − 2sin θ + sin 2 θ cos 2 θ 2sin θ + tan 2 θ sec2 θ − 2 cos θ
sec2θ – 2 sec θ tan θ + tan2θ (sec θ – tan θ)2
=
cos θ sin θ + sin θ cos θ 1− 1− cos θ sin θ 2 cos θ sin 2 θ + cos θ − sin θ sin θ − cos θ cos 2 θ − sin 2 θ cos θ − sin θ (cos θ − sin θ)(cos θ + sin θ) cos θ − sin θ
= = cot θ tan θ + 1 − tan θ 1 − cot θ
1 sin θ − cos θ sin θ 1 1 − cot θ
= =
=
20)
2 sec θ
=
sin θ + cos θ
=
cot θ tan 2 θ + 1 − tan θ tan θ − 1 1 − tan 2 θ tan θ 1 − tan θ
=
134
2. 1)
cos x sin x + sec x csc x
=
1 − tan 3 θ tan θ(1 − tan θ)
=
(1 − tan θ)(1 + tan θ + tan 2 θ) tan θ(1 − tan θ)
=
1 + tan θ + cot θ
=
cos2x + sin2x
=
1
2) cot θ cos θ + sin θ = =
3) csc x – sin x
cos 2 θ sin 2 θ + sin θ sin θ 1 sin θ
=
csc θ
=
1 sin 2 x − sin x sin x 1 − 1 + cos 2 x sin x
= =
cos x cot x
4) sin2α cot2α + tan2α cos2α =
5) sec θ – sec θ sin2θ
= = =
sin 2 α
cos 2 α sin 2 α
+
sin 2 α cos 2 α 2 cos α
cos 2 α + sin 2 α
1 sec θ (1 – sin2θ)
=
1 − sin 2 θ cos θ
=
cos θ
6) 2 sin2α – 1
= = =
2(1 – cos2α) – 1 2 – 2 cos2α – 1 1 – 2cos2α
7) tan2θ – cot2θ
= =
(sec2θ – 1) – (csc2θ – 1) sec2θ – csc2θ
135 8) tan2θ – sin2θ
= = = =
sin 2 θ − sin 2 θ cos 2 θ cos 2 θ sin 2 (1 − cos 2 θ) cos 2 θ sin 2 θ sin 2 θ cos 2 θ
tan2θ sin2θ
3. 1) sin2θ tan θ + cos2θ cot θ + 2 sinθ cos θ = (1 – cos2θ) tan θ + (1 – sin2θ) cot θ + 2 sin θ cos θ = tan θ – cos2θ sin θ + cot θ – sin2θ
cos θ sin θ
cos θ
+ 2 sinθ cosθ
= tan θ + cot θ 2)
2sin θ cos θ − cos θ 1 − sin θ + sin 2 θ − cos 2 θ
= = =
4. 1) cos (α + β) cos (α – β)
=
cot θ
=
(cos α cos β – sin α sin β)(cos α cos β + sin α cos β) cos2α cos2β – sin2α sin2β cos2α – cos2α sin2β – sin2β + sin2β cos2β cos2α – sin2β
= = = 2) cos (45° – θ) – sin (45° + θ)
cos θ(2sin θ − 1) 1 − sin θ + sin 2 θ − 1 + sin 2 θ cos θ(2sin θ − 1) 2sin 2 θ − sin θ cos θ(2sin θ − 1) sin θ(2sin θ − 1)
=
cos 45° cos θ + sin 45° sin θ – sin 45° cos θ – cos 45° sin θ 2 2
= =
0
(cos θ + sin θ – cos θ – sin θ)
136 3) tan (45° – α)
= =
4) cot 2θ + tan θ
= = = = = = =
5)
5. 1)
tan(α − β) + tan β 1 − tan(α − β) tan β
sin 2θ 1 + cos 2θ
= =
csc 2θ tan (α – β + β)
=
tan α
=
2sin θ cos θ 1 + 2 cos 2 θ − 1 sin θ cos θ
= 2) cot α – tan α
=
tan θ
=
cos α sin α − sin α cos α cos 2 α − sin 2 α sin α cos α 2 cos 2α sin 2α
= = 3)
θ θ (sin − cos ) 2 2 2
t an 45° − tan α 1 + tan 45° tan α 1 − tan α 1 + tan α cos 2θ + sin θ sin 2θ cos θ 2 cos θ − sin 2 θ + sin θ 2sin θ cos θ cos θ cos θ sin θ sin θ − + 2sin θ 2 cos θ cos θ cos θ sin θ + 2sin θ 2 cos θ 2 cos 2 θ + 2sin 2 θ 4sin θ cos θ 2(cos 2 θ + sin 2 θ) 2(2sin θ cos θ) 1 sin 2θ
=
2 cot 2α
=
sin 2
=
1–
=
1 – sin θ
θ θ θ θ − 2sin cos + cos 2 2 2 2 2 θ sin 2( ) 2
137 4)
sin 2θ + sin θ cos 2θ + cos θ + 1
= = =
2sin θ cos θ + sin θ 2 cos 2 θ − 1 + cos θ + 1 sin θ(2 cos θ + 1) cos θ(2 cos θ + 1)
tan θ
6. 1) cos 3θ
= = = = = =
cos (2θ + θ) cos 2θ cos θ – sin 2θ sin θ (cos2θ – sin2θ) cos θ – 2 sinθ2 cos θ cos3θ – (1 – cos2θ) cos θ – 2 cosθ (1 – cos2θ) cos3θ – cos θ + cos3θ – 2 cos θ + 2 cos3θ 4 cos3θ – 3cos θ
2) cos 4θ
= = = = = =
cos (2θ + 2θ) cos 2θ cos 2θ – sin 2θ sin 2θ (2 cos2θ – 1)2 – 4 sin2θ cos2 θ 4 cos4θ – 4 cos2θ + 1 – 4 cos2θ (1 – cos2θ) 4 cos4θ – 4 cos2θ + 1 – 4 cos2θ + 4 cos4θ 8 cos4θ – 8 cos2θ + 1
3) tan 3θ
= =
tan (2θ + θ)
= = = 7. 1) sin A
= =
tan 2θ + tan θ 1 − tan 2θ tan θ 2 tan θ + tan θ 1 − tan 2 θ 2 tan 2 θ 1− 1 − tan 2 θ 2 tan θ + tan θ(1 − tan 2 θ) 1 − tan 2 θ − 2 tan 2 θ 3 tan θ − tan 3 θ 1 − 3 tan 2 θ
sin (180° – (B + C)) sin (B + C)
138 = cos (180° – (B + C)) = – cos (B + C) A+B A−B 2sin cos + sin C 3) sin A + sin B + sin C =
2) cos A
4)
2 2 A+B A−B 2sin cos + sin[180° − (A + B)] = 2 2 A+B A−B 2sin cos = + sin(A + B) 2 2 A+B A−B A+B A+B 2sin cos + 2sin cos = 2 2 2 2 A+B A−B A+B = 2sin (cos + cos ) 2 2 2 A−B A+B A−B A+B ( + ) ( − ) 180° − C 2 2 2 2 2sin( )2 cos cos = 2 2 2 C A B 4sin(90° − ) cos cos = 2 2 2 C C A B 4(sin 90° cos − cos 90° sin ) cos cos = 2 2 2 2 A B C 4 cos cos cos = 2 2 2 A+B A−B 2 cos cos + cos C cos A + cos B + cos C = 2 2 180° − C A−B C 2 cos( ) cos + (1 − 2sin 2 ) = 2 2 2 C A−B C = − 2sin 2 1 + 2sin cos 2 2 2 C A−B 180° − (A + B) 1 + 2sin (cos − sin ) = 2 2 2 C A−B A+B 1 + 2sin (cos − sin(90° − ) = 2 2 2 C A−B A+B = 1 + 2sin (cos − cos ) 2 2 2 A−B A+B A−B A+B 2 + 2 2 − 2 C = 1 + 2sin [−2sin sin ] 2 2 2 C A B = 1 + 2sin [−2sin sin(− )] 2 2 2 C A B 1 + 2sin [−2sin (− sin )] = 2 2 2 A B C 1 + 4sin sin sin = 2 2 2
139 8. 1)
sin 8θ + sin 2θ cos8θ + cos 2θ
= = =
sin(5θ + 3θ) + sin(5θ − 3θ) cos(5θ + 3θ) + cos(5θ − 3θ) 2sin 5θ cos 3θ 2 cos 5θ cos 3θ
tan 5θ
2) sin θ + sin 3θ + sin 5θ + sin 7θ = sin (2θ + θ) + sin (2θ – θ) + sin (6θ + θ) + sin (6θ – θ) = 2 sin 2θ cos θ + 2 sin 6θ cosθ = 2 cos θ (sin 2θ + sin 6θ) = 2 cos θ [sin(4θ + 2θ ) + sin (4θ – 2θ)] = 2 cos θ 2 sin 4θ cos 2θ = 4 cos θ sin 4θ cos 2θ 3)
sin θ + sin 3θ + sin 5θ cos θ + cos 3θ + cos 5θ
= = = =
sin 3θ + [sin(3θ + 2θ) + sin(3θ − 2θ)] cos 3θ + [cos(3θ + 2θ) + cos(3θ − 2θ)] sin 3θ + 2sin 3θ cos 2θ cos 3θ + 2 cos 3θ cos 2θ sin 3θ[1 + 2 cos 2θ] cos 3θ[1 + 2 cos 2θ]
tan 3θ
4) cos2A + cos2(60° + A) + cos2(60° – A) = cos2A + cos (60° + A) cos (60° + A) + cos (60 – A) cos (60 – A) = cos2A + [cos 60° cos A – sin 60° sin A]2 + [cos 60° cos A + sin 60° sin A]2 2
=
1 1 3 3 cos A + cos A − sin A + cos A + sin A 2 2 2 2
=
cos2A + 1 cos2A – 4
+ 3 sin2A 4
= = =
2
2
3 3 cos 2 A + sin 2 A 2 2 3 (cos 2 A + sin 2 A) 2 3 2
3 cos A sin A + 3 2 4
sin2A + 1 cos2A + 4
3 cos A sin A 2
140 5) cos 20° cos 40° cos 80°
= = = = = = =
1 cos 20°[2 cos80° cos 40°] 2 1 cos 20°[cos120° + cos 40°] 2 1 1 − cos 20° + [2 cos 20° cos 40°] 4 4 1 1 − cos 20° + [cos 60° + c os 20°] 4 4 1 1 1 − cos 20° + cos 60° + c os 20° 4 4 4 1 1 × 4 2 1 8
เฉลยแบบฝกหัด 2.9 (2) 1. 1) 2 cos2θ + cos θ = 0 cos θ (2 cos θ + 1) = 0 cos θ = 0 และ π 3π , θ = 2
2
2 cos θ + 1 = 0 cos θ = − 1 =
θ
ดังนั้น
θ
π 2π 4π 3π , , , 2 3 3 2
=
2) 2 sin2θ – sin θ – 1 = 0 (2 sin θ + 1)(sin θ – 1) = 0 2 sin θ + 1 = 0 และ sin θ = − 1 ดังนั้น
θ
=
θ
=
2 7π 11π , 6 6 π 7π 11π , , 2 6 6
2 2π 4π , 3 3
sin θ – 1 = 0 sin θ = 1 θ
=
π 2
141 3) tan θ = 2 sin θ sin θ − 2sin θ cos θ 1 sin θ − 2 cos θ
=
0
=
0
sin θ = 0
และ
θ
ดังนั้น
= 0,
θ
π
= 0, π , π, 3
2. 1) 4 sin2x – 3 = 0 ดังนั้น
1 −2 cos θ 1 cos θ
= 0
cos θ
=
θ
=
5π 3
จะได sin x =
±
π 2π 4π 5π , , , 3 3 3 3
x=
= 2 1 2 π 5π , 3 3
3 2
2) tan x ( sin x + 1) = 0 ถา tan x = 0 จะได x = 0, π ถา sin x + 1 = 0 นั่นคือ sin x = –1 แต tan 3π หาคาไมได 2
ดังนั้น
x = 0,
π
3) cos x (2 cos x – 3 ) = 0 ถา cos x = 0 จะได x = ถา 2 cos x – ดังนั้น
x=
3
=0
นั่นคือ cos x =
π π 3π 11π , , , 6 2 2 6
4) sin x ( 4 sin2x – 1) = 0 ถา sin x = 0 ถา 4 sin2x – 1 = 0
π 3π , 2 2 3 2
จะได x =
จะได x = 0, π
π 11π , 6 6
142 sin x
1 จะได 2 0, π , 5π , π, 7π , 11π 6 6 6 6
=
ดังนั้น
±
x =
x=
π 5π 7 π 11π , , , 6 6 6 6
5) sin2x – cos x + 5 = 0 1 – cos2x – cos x + 5 = 0 cos2x + cos x – 6 = 0 จะได (cos x + 3)(cos x – 2) = 0 ถา cos x + 3 = 0 จะได cos x = –3 ถา cos x – 2 = 0 จะได cos x = 2 แต cos θ ≤ 1 เสมอ ดังนั้น จึงไมมีคา x ใดที่สอดคลองกับสมการ 6) 3 sec x – cos x + 2 = 0 3 − cos x + 2 = 0,
cos x
cos x
≠
0
นั่นคือ (cos x – 3)(cos x + 1) = 0 3 – cos2x + 2 cos x = 0 ถา cos x – 3 = 0 ไมมีคา x ใดที่สอคคลองกับสมการนี้ ถา cos x + 1 = 0 นั่นคือ cos x = –1 จะได x = π ดังนั้น x = π 7)
3 csc 2 x + 2 csc x 3 sin 2 x
+
2 sin x
3 + 2sin x
ดังนั้น
= 0 = 0,
sin x ≠ 0
= 0,
sin x ≠ 0
sin x
=
x
=
8) cos 2x + 2cos2 x
2
=
3 2 4π 5π , 3 3
−
จะได x =
1
2 cos2x – 1 + (2 cos2 x – 1) =
0
2 cos2x – 1 + cos x (2 cos x – 1)(cos x + 1)
0 0
2
= =
4π 5π , 3 3
143 ถา 2 cos x – 1 = 0
จะได x = π , 5π
1 2
นั่นคือ cos x =
3
ถา cos x + 1 = 0 นั่นคือ cos x = –1 จะได x = ดังนั้น x = π , π, 5π 3
ถา cos x + 1 = 0 ดังนั้น x = 2π , π, 4π
= 0 = 0 = 0 = 0 นั่นคือ cos x =
จะได x =
2π 4π , 3 3
นั่นคือ cos x = –1
จะได x =
π
= 1 , sin x ≠ 0 = 0 = 0 นั่นคือ cos x = − 1
จะได x =
2π 4π , 3 3
−
1 2
3
10) cot x + 2 sin x = csc x cos x + 2 sin2x 2cos2x – cos x – 1 (2 cos x + 1)(cos x – 1 ) ถา 2 cos x + 1 = 0
2
ถา cos x – 1 = 0 นั่นคือ cos x = 1 แต x = 0 ทําให sin x = 0 ดังนั้น x = 2π , 4π 3
3. 1) 2 sin θ – 1 = 0
π
3
9) 2sin2x – 3 cos x – 3 2(1 – cos2x) – 3 cos x – 3 2 cos2x + 3 cos x + 1 (2 cos x + 1)(cos x + 1) ถา 2 cos x + 1 = 0
3
3
จะได x = 0
3
นั่นคือ sin θ =
1 2
ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {30°, 150°} 2) 3 tan2θ – 1 = 0 นัน่ คือ tan θ = ±
1 3
จะได
θ
= 30°, 150°
จะได
θ
= 30°, 150°, 210°, 330°
ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {30°, 150°, 210°, 330°} 3) 3 csc2θ + 2 csc θ = 0 จะได csc θ ( 3 csc θ + 2) = 0 ถา csc θ = 0 ไมมีคา θ ที่ทําให csc θ = 0
144 ถา
3
csc θ + 2 = 0
หรือ sin θ =
−
3 2
นั่นคือ csc จะได
θ
=
θ
−
2 3
= 240° , 300°
ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {240° , 300°} 4) 4 tan2θ – 3 sec2θ = 0 4 tan2θ – 3 (1 + tan2θ) = 0 จะได tan2θ = 3 นั่นคือ tan θ = ± 3 จะได θ = 60°, 120°, 240°, 300° ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {60°, 120°, 240°, 300°} 5) 2 cos2θ + 2 cos 2θ = 1 นั่นคือ 6 cos2θ – 3 = 0 นั่นคือ cos θ =
±
1 2
หรือ 2 cos2θ + 2(2 cos2θ – 1) = 1 หรือ cos2θ = 1 2
จะได
θ
= 45°, 135°, 225°, 315°
ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {45°, 135°, 225°, 315°} 6) sin 2θ – cos2θ + 3 sin2θ = 0 2 sin θ cos θ – cos2θ + 3 sin2θ = 0 (3 sin θ – cos θ)(sin θ + cos θ) = 0 ถา 3 sin θ – cos θ = 0 จะได tan θ =
1 ≈ 3
0.3333
จากตาราง tan 18° 30′ = 0.3346 และ tan 18° 20′ = 0.3314 คาของฟงกชันเพิ่มขึ้น 0.0032 คาของมุมเพิ่มขึ้น 10 ลิปดา คาของฟงกชันเพิ่มขึ้น 0.0019 คาของมุมเพิ่มขึ้น 10 × 0.0019 = 5.94 ลิปดา 0.0032
จะได tan 18° 25.9′ = 0.3333 จะได ดังนั้น ถา tan θ = 1 3
θ ≈
18° 26′, 198° 26′
ถา sin θ + cos θ = 0 นั่นคือ tan θ = –1 จะได ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {18° 26′, 135° , 198° 26′, 315°} 7) 4 csc θ – 4 sin θ = 2 2 cot θ นํา sin θ คูณตลอดจะได 4 – 4sin2θ =
2 2 cos θ
θ
= 135°, 315°
145 2 – 2 + 2 cos2θ = 2 cos θ 2 cos2θ – 2 cos θ = 0 นั่นคือ cos θ (2 cos θ – ถา cos θ = 0 จะได θ = 90° , 270° ถา 2 cos θ –
2
= 0 นั่นคือ cos θ =
2)
2 2
= 0
จะได
θ
= 45°, 315°
ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {45°, 90°, 270°, 315°} 8) cos θ + 4 sin θ – sin 2θ = 2 cos θ + 4 sin θ – 2 sin θ cos θ – 2 = cos θ – 2 – 2 sin θ (cos θ – 2) = (cos θ – 2)(1 – 2 sin θ) = ถา cos θ – 2 = 0 นั่นคือ cos θ = ถา 1 – 2 sin θ = 0 นั่นคือ sin θ =
0 0 0 2 ซึ่งไมมีคา θ ที่สอดคลองกับสมการนี้ 1 จะได θ = 30°, 150° 2
ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {30°, 150°} 9) 4 cos4θ = (sin 2θ)2 หรือ 4 cos4θ นั่นคือ 4 cos4θ – 4 sin2θ cos2θ = ดังนั้น 4 cos2θ (cos2θ – sin2θ) = นั่นคือ ถา 4 cos2θ = 0 ถา cos2θ – sin2θ = 0 นั่นคือ นั่นคือ ดังนั้น sin2θ = 1 2
– (2 sin θ cos θ)2 = 0 0 0 cos θ = 0 จะได θ = 90°, 270° 1 – 2 sin2θ = 0 sin θ = ± 1 2
จะได θ = 45°, 135°, 225°, 315° ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {45°, 90°, 135°, 225°, 270°, 315°} 10) sin 5θ + sin 3θ = 0 2sin
(5θ + 3θ) (5θ − 3θ) cos 2 2
= 0 นั่นคือ 2 sin 4θ cos θ = 0
ถา cos θ = 0 จะได θ = 90°, 270° ถา sin 4θ = 0 จะได 4θ = 0°, 180°, 360°, 540°, 720°, ..., 1260° θ = 0°, 45°, 90°, 135°, 180°, 225°, 270°, 315° ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {0°, 45°, 90°, 135°, 180°, 225°, 270°, 315°}
146 11) sin 3θ cos θ – cos 3θ sin θ = cos θ sin (3θ – θ) = cos θ 2 sin θ cos θ = cos θ (2 sin θ – 1) cos θ = 0 ถา cos θ = 0 จะได θ = 90°, 270° ถา 2 sin θ – 1 = 0 นั่นคือ sin θ =
1 2
จะได
θ
= 30°, 150°
ดังนั้น เซตคําตอบ คือ {30°, 90°, 150°, 270°} 4. 1) 4 sin2θ = 1 นั่นคือ
จะได sin θ = π 5π 7 π 11π , , , 6 6 6 6
=
θ
คาทั่วไปของ
±
1 2
ที่จะทําใหสมการเปนจริง คือ π 5π 7π 11π 2nπ + , 2nπ + , 2nπ + , 2nπ + เมื่อ n เปนจํานวนเต็ม θ
6
6
6
6
หรืออาจเขียนคําตอบรวมกันเปน
nπ ±
2) tan2x – 3 = 0 จะได tan x = x = π , 2π , 4π , 5π 3 3
3
π 6
เมื่อ n เปนจํานวนเต็ม
± 3
3
คาทั่วไปของ x ที่ทําใหสมการนี้เปนจริง คือ π 2π 4π 5π เมื่อ n เปนจํานวนเต็ม 2nπ + , 2nπ + , 2nπ + , 2nπ + 3
3
3
3
หรืออาจเขียนคําตอบรวมกันเปน 3) tan θ sin θ + tanθ = 0 ถา tan θ = 0 ถา sin θ + 1 = 0 แตถา
θ
=
3π , 2
nπ ±
π 3
เมื่อ n เปนจํานวนเต็ม
นั่นคือ tan θ (sin θ + 1) = 0 จะได θ = 0, π นั่นคือ sin θ = –1 จะได θ =
3π 2
tan θ ไมอาจจะหาคาได
ดังนั้น คาทั่วไปของ θ ที่ทําใหสมการนี้เปนจริงคือ 2nπ + 0°, 2nπ + π เมื่อ n ∈ I หรือ θ = nπ เมื่อ n เปนจํานวนเต็ม
147 4) sec2θ – 2 tan θ = 0 นั่นคือ 1 + tan2θ – 2 tan θ = 0 จะได (tan θ – 1)2 = 0 นั่นคือ tan θ = 1 จะได θ = π , tan θ – 1 = 0
4 π , 2nπ + 5π 4 4
ดังนั้น คาทั่วไปของ θ ที่ทําใหสมการนี้เปนจริงคือ 2nπ + เมื่อ n เปนจํานวนเต็ม หรือ 5) cos 2θ = sin θ 1 – 2 sin2θ = sin θ ถา 2 sin θ – 1 = 0 ถา sin θ + 1 = 0
θ
=
nπ +
π 4
5π 4
เมื่อ n เปนจํานวนเต็ม
นั่นคือ (2 sin θ – 1) (sin θ + 1) = 0 นั่นคือ sin θ = 1 จะได θ = π , 5π 2
นั่นคือ sin θ = –1 จะได
คาทั่วไปของ θ คือ 2nπ + π , 2nπ + 6
5π , 6
2nπ +
θ
3π 2
=
6 6 3π 2
เมื่อ n ∈ I
เฉลยแบบฝกหัด 2.10 1.
a2 = = = a =
1)
จากกฎของโคไซน
2) 3) 4)
ดังนั้น 2 19 254.34 จากกฎของโคไซน cos B
= =
b2 + c2 – 2bc cos A (40)2 + (60)2 – 2 × 40 × 60 cos 60° 2800 20 7
a 2 + c2 − b2 2ac 2 12 + 82 − 7 2 2 × 12 × 8
= 0.8281
= 0.8290 และ cos 34° 10′ = 0.8274 จากตาราง cos 34° คาของโคไซนเพิ่มขึ้น 0.0016 คาของมุมลดลง 10 ลิปดา × 0.0007 คาของโคไซนเพิ่มขึ้น 0.0007 คาของมุมลดลง 100.0016 = 4.4 ลิปดา
148 cos (34° 10′ – 4.4′) = 0.8274 + 0.0007 cos 34° 5.6′ = 0.8281 ดังนั้น B = 34° 5.6′ 5) จากกฎของโคไซน cos A
= =
b 2 + c2 − a 2 2bc (3.7) 2 + (5.2) 2 − (8.4) 2 2 × 3.7 × 5.2
= –0.7752
= 0.7753 และ cos 39° 20′ = 0.7735 จากตาราง cos 39° 10 ′ คาของโคไซนเพิ่มขึ้น 0.0018 คาของมุมลดลง 10 ลิปดา × 0.0001 = 0.56 ลิปดา คาของโคไซนเพิ่มขึ้น 0.0001 คาของมุมลดลง 100.0018 ดังนั้น cos 39° 10.56′ cos (180° - 39° 10.56′) cos 140° 49.44′ ดังนั้น A
= = = =
0.7752 –cos 39° 10.56′ = –0.7752 –0.7752 140° 49.44′
2. 1) A = 45°, C = 60°, b = 20 จงหา c เนื่องจาก A + B + C = 180° ดังนั้น B = 180° – A – C = 180° – 45° – 60° = 75° sin B sin C จากกฎของไซน = c b ดังนั้น c =
sin 75° 20 20sin 60° sin 75°
sin 60° c 20 × 0.8660 0.9659
= =
= 17.93
2) 16.06 3) 14.93, 13.39 3. 1) a = 15, b = 20 และ C = 65° พื้นที่รูปสามเหลี่ยม ABC = 12 ab sin C = 150
×
0.9063
=
1 × 2
15 × 20 sin 65°
= 135.9450 ตารางหนวย
149 2) 213.9280 ตารางหนวย 3) 179.107 ตารางหนวย ∧
∧
4. 1) A = 25° , B = 30.74 , c = 20.36 ∧
2) C = 37° , a = 85.82 , b = 57.56 ∧
∧
∧
∧
∧
∧
3) B = 60° , C = 90° , c = 2 4) A = 45° , C = 75° , a = 2
∧
∧
∧
∧
∧
∧
หรือ B = 120° , C = 30° , c = 1 3
หรือ A = 15° , C = 105° , a = 3 –
3
5) A = 75° , C = 60° , a = 3.86 หรือ A = 15° , C = 120° , a = 1.035 5.
ให ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน A BC = 135° C AB = 10 ซม. AD = 5 ซม. D A B = 180° – 135° = 45° ∧
D
∧
135° B
A ใน
∆
BD2 = AD2 + AB2 – 2AD⋅AB cos 45° = 25 + 100 – 2 × 5 × 10 × 0.707 = 54.3 BD = 7.36
ABD,
6.
ให ABC เปนรูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว มีฐาน BC ยาว 60 หนวย BA C = 30° ดังนั้น A BC = 180° 2− 30° = 75°
A
∧
∧
30°
∧
B 60 C
AC
=
sin BA C BC sin 75° × 60 sin 30°
=
∧
sin A BC AC
= 0.9659 × 60 × 2 = 115.908 ดังนั้น AB + AC + BC = (2 × 115.908) + 60 = 291.816 หนวย 7.
C
D
A
O
24
32
B
ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา AB = 32 เซนติเมตร , BC = 24 เซนติเมตร ใน ∆ ABC, AC2 = AB2 + BC2 = 1024 + 576
150 AC = 40 แต ABCD เปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา ดังนั้น AC = BD = 40 จะได AO = OD = 402 = 20 ใน
∆
AO 2 + OD 2 − AD 2 2 ⋅ AO ⋅ OD 400 + 400 − 576 2 × 20 × 20
AOD , cos A O D = ∧
= จากตาราง
= 73° 45′
∧
AOD
8.
ABCD เปนที่ดินรูปสี่เหลี่ยมของกลา ซึ่งมี AD = DC , A BC = 30° , BC = 20 , AB = 40 พื้นที่ของ ABCD = พื้นที่ของ ∆ ADC + พื้นที่ของ ∆ ABC CE = BC sin 30° = 20 × 12 = 10 ∧
D
C
A
E
30°
จะได พื้นที่
B
∆
ABC
AC2 พื้นที่ ∆ ADC
ดังนั้น พื้นที่
=
∆
ADC
พื้นที่ ABCD ดังนั้น กลามีที่ดิน ข
AB
×
= AD2 + DC2 = 12 AC2 = =
ก
1 × 2 2
CE =
1 × 2
40
×
10 = 200 ม.2
= BC + AB2 - 2AB⋅BC cos 30° = 2000-800 = 12 × AD × DC = 12 AD2
แต AC2 จะได AD2
9.
= 0.28
1 2 1 4
AD2
3
= 2 AD2 =
1 4
AC2
(2000-800 3 ) = 500 – 200
3
= 500 – 200 3 +200 = 700 – 200 × 1.732 เทากับ 353.6 ตารางเมตร 45°
ค
ก ข ค และ จ เปนตําแหนงที่บานของแกว ขวัญ คนึง และจิต ตั้งอยูตามลําดับ ∧
∧
ขค = 50 เมตร, ก ค จ = 45° , ข จ ค = 30° ∧
30° จ
ค ข จ = 180° – 30° – 45° = 105°
151 ใน ∆ คขจ sin 30° 50
∧
sin ข จ ค
ขค
sin 105° = จค
50sin 75° sin 30°
จค =
∧
sin ค ข จ
=
จค
= 50 × 2 × 0.9659 = 96.59
ใน ∆ กจค, กจ = จค sin 45° = 96.59 × 0.7071 แมน้ํากวาง 68.3 เมตร 10. จงพิสูจน Hero’s Formula ที่กลาววาพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมใด ๆ = s (s − a)(s − b)(s − c) เมื่อ a, b หรือ c เปนดานทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมและ s = a + 2b + c พื้นที่รูปสามเหลี่ยมใด ๆ
=
1 2
sin A
=
1 − cos 2 A
ดังนั้น พื้นที่รูปสามเหลี่ยม
= 12 bc =
1 2
bc sin A
bc
และ cos A =
1 − cos 2 A
= 12 bc
b2 + c2 − a 2 2 ) 2 bc
1 bc ⋅ (2 bc − b 2 − c 2 + a 2 ) (2 bc + b 2 + c 2 − a 2 ) 2 2 bc 1 a 2 − (b 2 − 2 bc + c 2 (b 2 + 2 bc + c 2 ) − a 2 4 1 a 2 − (b − c) 2 (b + c) 2 − a 2 4 1 (a − b + c)(a + b − c)(b + c − a) (b + c + a) 4 (a + b + c a + b + c a+b+c a +b+c ( )( − a) ( − b) ( − c) 2 2 2 2
= = =
กําหนดให s =
1− (
(2bc) 2 − (b 2 + c 2 − a 2 ) 2 (2 bc) 2
=
พื้นที่รูปสามเหลี่ยม =
b 2 + c2 − a 2 2 bc
a +b+c 2
ดังนั้น พื้นที่รูปสามเหลี่ยมใด ๆ =
s (s − a)(s − b)(s − c)
152
เฉลยแบบฝกหัด 2.11 1.
BC เปนความสูงของตึก CD เปนความสูงของเสาอากาศ A เปนจุดที่มองยอดตึกและยอดเสาอากาศ มุมเงย BAC = 30° และมุมเงย BAD = 60° ใน ∆ ABD , BD = AB tan 60° = 18 3 เมตร ใน ∆ ABC , BC = AB tan 30° = 18 = 6 3 เมตร
D
C 30°60°
B 2.
3
ดังนั้น DC
A
3
–6
3
= 12
3
เมตร
AB เปนประภาคารหลังหนึ่ง C และ D เปนตําแหนงที่เรือสองลําจอดอยูหางกัน 60 เมตร มุมเงย ACB = 45° และมุมเงย ADB = 30° ใน ∆ ABC, BC = tanAB45° จะได BC = AB
A 45° 30° B C D
ใน เพราะวา นั่นคือ
= 18
∆
ABD, BD =
AB tan 30°
BD – BC = CD AB – AB = 60 จะได AB ≈
3
=
3
AB
60 0.732
ดังนั้น เรือลําที่อยูใกลประภาคารอยูหางจากประภาคาร 81.96 เมตร 3.
AB2 = = = AB ≈ ดังนั้น บึงกวาง 3.47 เมตร E
4.
G
α
F 200 100
AC2 + BC2 – 2 AC⋅BC cos 75° (3.2)2 + (2.4)2 – 2 × 3.2 × 2.4 × 0.2588 10.24 + 5.76 – 3.98 3.47
ให EF เปนเสาอากาศของสถานีโทรทัศนแหงหนึ่ง H และ G เปนจุดที่พิชัยยืนหางจากเสาอากาศ 100 และ 200 เมตร ตามลําดับ θ
H
153 เพราะวา θ + α = 90° EF ใน ∆ EHF, FH = tan
มุมเงย EHF = จะได α = 90° – θ
= 200
= tan (90° – θ) =
α
…………… (2)
tan θ ดังนั้น เสาอากาศสูง 100 ×
= 2 = 141.4 เมตร
2
sin (90°− θ) cos (90° − θ)
cos θ sin θ 200 tan θ
=
C
α
…………… (1)
(1) = (2) จะได 100 tan θ
5.
และมุมเงย EFG =
θ
EF = 100 tan θ FF ใน ∆ EGF, FG = tan EF
θ
= 47° – 32° = 15° A C D = 90° – 47° = 43° BC E = 90° – C BE = 90° – 77° = 13° ดังนั้น A C B = A C D – BC E = 43° – 13° = 30° และ A BC = 180° – C A B – A C B = 180° – 15° – 30° = 135° C = sin 100 ∧
CAB ∧
100
A
77°
B
47° 32°
ใน
∧
E
∧
ABC,
∧
∧
D ∆
∧
sin B AC
AC = ใน ∆ ACD, CD = =
∧
∧
∧
100sin B 100sin135° 100sin 45° sin C sin 30° sin 30° ACsin 47° 100sin 45° sin 47° sin 90° sin 30° sin 90° 1 × 0.731 100 × 2 ≈ 1 ×1 2
=
=
=
103.36
ดังนั้น ความสูงของเนินดินจากพื้นราบ 103.36 เมตร E 6. F
60°
G
30°
H
G เปนปอมยามซึ่งอยูทางทิศตะวันออกของตึก H เปนรถบรรทุกซึ่งจอดอยูทางทิศใตของปอมยาม EF เปนตึกสูง 15 ชั้น E G F = 60° , E H F = 30° ∧
∧
154 ตึกหลังนี้สูง 15 × 4 = 60 เมตร ใน ∆ EFG, GF = tanEF60° = 20 3 ใน ∆ EFH, FH =
EF tan 30° 2
= 60
3
ใน ∆ FGH, GH2 = HF – FG2 = (60 3 )2 – (20 3 )2 รถบรรทุกอยูหางจากปอมยาม 40 6 เมตร 7.
ให EF เปนภูเขาลูกหนึ่ง G เปนจุดที่สุดายืนอยูทางทิศตะวันออกเฉียงใตของภูเขา GH เปนระยะที่สุดาเดินไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต 500 เมตร ดังนั้น GF ตั้งฉากกับ GH
E เหนือ ตก
F
35°
ออก
65°
G
H ใต
ใน ∆ EFH, FH = ใน ∆ EFG, FG =
EF tan 35° EF tan 65° 2
= =
EF 0.7002 EF 2.1445
ใน ∆ FGH, GH2 = FH – FG2 EF EF ) – ( ) 5002 = ( 0.7002 2.1445 2
2
EF2 = 250000 × 0.5488 = 137200 EF ≈ 370.4 ดังนั้น ภูเขาสูง 370.4 เมตร A
8.
h C
45°–α
ใน
∆
ABD, BD =
ใน
∆
ABC, BC =
45°+α
D CD
B = BC – BD = h tan (451 °− α) − tan (451°+ α)
h tan (45° + α) h tan (45° − α)
155 = h tantan(45(45°+°−αα) )−tantan(45(45° +°−αα) )
= h
tan 45° + tan α 1− tan 45° tan α tan 45° − tan α 1+ tan 45° tan α
tan 45° − tan α − 1+ tan 45° tan α tan 45°+ tan α × 1 − tan 45° tan α
α) − (1− tan α ) (1− tan α ) = h (1+ tan α)(1(1++tan tan α )(1− tan α)
= h
(1 + tan α ) 2 − (1− tan α) 2 (1 + tan α) (1 − tan α )
α) (1+ tan α −1+ tan α ) = h (1+ tan α +(11+− tan tan α )(1− tan α)
= h
2 × 2 tan α 2 1− tan α
= 2h tan 2α ดังนั้น วัตถุทั้งสองหางกัน 2h tan 2α เมตร 9.
A เปนจุดที่ชายคนนี้ยืนอยู BC แทนความสูงของภูเขา CD แทนหอคอย
D 60 เมตร
C
จากรูป จะได ∧
BCA
49° 37°
B
∧
จากกฎของไซน
=
จะได
AC
= =
sin 37° BC
A
= 12°,
∧
= 127° ,
DCA
= 41°
∧
sin D A C DC
จาก
∧
CDA
= 53°
∧
DAC
= =
sin C D A AC 60sin 41° sin12° 60(0.7156) 0.2079
206.52 BC AC
= 206.52 (0.6018) = 124.28 ดังนั้น ชายคนนี้อยูหางจากฐานหอคอย 206.52 เมตร และ ภูเขาสูง 124.28 เมตร
156 10.
จากรูป XY แทนความสูงของประภาคาร X
เพราะวา Z
40° 30°
∧
=
XAB
∧
=
X BY
∧
= 10° ,
ZXA ZXB
จะได
AXB
∧
= 30°
∧
= 40°
∧
Y
B 100 เมตร A
จากกฎของไซน sin B X A AB sin10° จะได = 100 BX
∧
จากกฎของไซน จะได
= = =
∧
=
= sin X A B BX sin 30° BX 100(0.5) 0.1736
=
288.02
sin B X A AB sin10° 100 100(0.6428) 0.1736
=
370.28
=
sin X B Y XY sin 40° XY
∧
จะได
= 140°
∧
sin X B A AX sin140° AX
AX จากกฎของไซน
∧
X BA
∧
sin X Y B BX sin 90° 288.02
=
XY
= 288.02 (0.6428) = 185.14 ดังนั้น ยอดประภาคารอยูหางจากจุด A เทากับ 370.28 เมตร ยอดประภาคารอยูหางจากจุด B เทากับ 288.02 เมตร ประภาคารสูงเทากับ 185.14 เมตร ∧
11. 4 กิโลเมตร
O
2 2 2 B จากกฎของโคไซน AB = OB + OA – 2(OB)(OA) cos BO A จะได AB2 = 42 + 62 – 2(4)(6) cos 30°
= 16 + 36 - 48 (
30° 6 กิโลเมตร
A
3 ) 2
= 52 – 24(1.7321)
157 = 10.4296 AB = 3.23 ดังนั้น A และ B อยูหางกันประมาณ 3.23 กิโลเมตร ∧
∆ AOB, AB2 = OA2 + OB2 – 2(OA)(OB) cos A O B
12. O
7.5
A 8
6
∧
82 = 7.52 + 7.52 – 2(7.5)(7.5) cos A O B 82 = 2(7.5)2(1 – cos AOB)
จะได O′ ∧
cos A O B
B
=
1−
82 2(7.5) 2
= 0.4311 จากการเปดตาราง cos 64° 20′ = 0.4331 cos 64° 30′ = 0.4305 คาของฟงกชันโคไซนตางกัน 0.002 มุมตางกัน จะได นั่นคือ
10 × 0.002 0.0026
= 7.7′
cos 64° 27.7′ = 0.4311 ∧
=
AOB
64° 27.7′
---------- * ∧
∆ AO′B , AB2 = O′A2 + O′B2 – 2(O′A)(O′B) cos A O′ E จะได
∧
82 = 62 + 62 – 2(6)(6) cos A O′ B ∧
cos A O′ E
=
1−
82 2(6) 2
= 0.1111 จากการเปดตาราง cos 83° 40′ = 0.1103 cos 83° 30′ = 0.1132 คาของฟงกชันโคไซนตางกัน 0.0008 มุมตางกัน 10 × 0.0008 = 2.8 0.0029
จะได
cos 83° 37.2′ =
นั่นคือ
A O′ E
∧
=
0.1111 83° 37.2′
---------- **
158 13.
H E 6 A
จาก AC2 จะได AC2 AC จาก EC2 จะได EC2
G F
D
C
5 B
12
EC
= = = = = = =
AB2 + BC2 122 + 52 13 AE2 + AC2 62 + 132 205 14.3 ∧
AE2 = AC2 + EC2 – 2(AC)(EC) cos A C E
จากกฎของโคไซน
∧
36
= 169 + 205 – 2(13)(14.3) cos A C E
∧
cos A C E = 0.9091 ∧
จะได ACE = 24° 37.5′ ---------- * เพราะวา HF = EG = AC = DB = 13 DF = EC = 14.3 จากกฎของโคไซน
HD2 + DF2 – 2(HD)(DF) cos H D F
169
36 + 205 – 2(36)(14.3) cos H D F
=
∧
cos H D F = จะได จาก จะได
∧
HDF
∆ HCG,
HC2 HC2 HC
จากกฎของโคไซน
= = = = =
∧
0.0699 86° CG2 + HG2 36 + 144 180 13.4
---------- **
∧
EH2 =
EC2 + HC2 – 2(EC)(HC) cos E C H
25
=
205 + 180 – 2(14.3)(13.4) cos E C H
∧
=
0.5349
∧
=
57° 40′
cos E C H จะได
∧
HF2 =
ECH
∧
---------- ***
179
เฉลยแบบฝกหัด 3.1 1. B(3, 5, 0) E(3, 5, 3)
C(1, 5, 0) G(1, 2, 3)
2. 1) E(3, 0, 0) 3) A(0, 0, 1) 5) B(0, 3, 1) 3. 1) 2) 3) 4) 5) 6)
D(1, 2, 0) H(3, 2, 3) 2) 4) 6)
จุดบนแกน X จุดบนแกน Y จุดบนแกน Z จุดในระนาบ XY จุดในระนาบ YZ จุดในระนาบ XZ
มีพิกัดเปน มีพิกัดเปน มีพิกัดเปน มีพิกัดเปน มีพิกัดเปน มีพิกัดเปน
4.
G(0, 3, 0) F(3, 3, 0) D(3, 0, 1) (x, 0, 0) (0, y, 0) (0, 0, z) (x, y, 0) (0, y, z) (x, 0, z)
Z
B(1, -1, 2) A(1, 1, 1) D(–1, –1, –2)
X
C(3, 2, -1)
Y
180 5. ภาพฉายของจุด ภาพฉายของจุด ภาพฉายของจุด ภาพฉายของจุด ภาพฉายของจุด ภาพฉายของจุด 6. PQ = = =
P(3, –4, 8) บนระนาบ XY คือ จุด (3, –4, 0) P(3, –4, 8) บนระนาบ YZ คือ จุด (0, –4, 8) P(3, –4, 8) บนระนาบ XZ คือ จุด (3, 0, 8) Q(7, –2, 8) บนระนาบ XY คือ จุด (7, –2, 0) Q(7, –2, 8) บนระนาบ YZ คือ จุด (0, –2, 8) Q(7, –2, 8) บนระนาบ XZ คือ จุด (7, 0, 8)
(−2 − 1) 2 +(−1 + 2) 2 + (0 − 7) 2
9 + 1 + 49 59
7. AB = 16 + 25 + 64 = 105 AC = 100 + 4 + 1 = 105 BC = 196 + 9 + 49 = 254 รูปสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดที่ A(1, 2, 1), B(–3, 7, 9) และ C(11, 4, 2) เปน รูปสามเหลี่ยมหนาจั่ว
เฉลยแบบฝกหัด 3.2 ก 1. ตัวอยางปริมาณสเกลาร ไดแก อัตราเร็ว ตัวอยางปริมาณเวกเตอร ไดแก ความเร็ว
ระยะทาง
มวล
การกระจัด
แรง
181 2.
D
C
F A
B
E
เวกเตอรที่มีทิศทางเดียวกัน คือ เวกเตอรที่อยูในแนวเสนตรงเดียวกันหรือเสนตรงที่ ขนานกัน และมีหัวลูกศรไปทางเดียวกัน ในรูปเชน AF กับ BE เวกเตอรที่มีทิศทางตรงกันขาม คือ เวกเตอรที่อยูในแนวเสนตรงเดียวกันหรือ เสนตรงที่ขนานกัน แตหัวลูกศรไปทางตรงกันขาม ในรูปเชน AF กับ DC และ BE กับ DC ทิศเหนือ
3. 1) 120 เมตร ไปทางทิศเหนือ มาตราสวน 1 ซม. : 60 เมตร
120 เมตร
2) 30 เมตร ไปทางทิศ 060° มาตราสวน 1 ซม. : 15 เมตร
060°
3) 80 กิโลเมตร ไปทางทิศ 300° มาตราสวน 1 ซม. : 40 กม.
80 กิโลเมตร 300°
4) 10 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มาตราสวน 1 ซม. : 5 กม.
4. 1) DC, –CD, –BA 3) –AD, CB 5) –EB, –DE
30 เมตร
2) 4) 6)
10 กิโลเมตร
–CE, –EA AD, –CB, –DA CE, –EC
182 5. 1) เชน AD กับ HE 2) เชน AD กับ HE 3) เชน BA กับ DC 6.
−u
BA กับ HG DC กับ HG BA กับ HG
CB กับ FG CB กับ FG AD กับ CB
แทนการเดินทาง 300 กิโลเมตร ในทิศ 180° + 075° = 255° C
7.
ใหชายคนนี้เดินทางจากจุด A ไปถึงจุด B เปนระยะทาง 3 กิโลเมตร ในทิศตะวันออก เฉียงเหนือ แลวเขาเดินตอไปถึงจุด C เปน ระยะทาง 3 กิโลเมตร ไปทางทิศ 315°
3 B 3
A ดังนั้น ระยะทางที่เขาอยูหางจากจุดเริ่มตน AC = และอยูหางจากจุดเริ่มตนในทิศเหนือ
32 + 32
=
3 2
กิโลเมตร
เฉลยแบบฝกหัด 3.2 ข 1. AB CA BD DB AF
= = = = =
a
CD + DA BC + CD DA + AB AD + DF
= = = =
c−f
f −e
หรือ หรือ หรือ หรือ
FA = FD + DA =
e−f
หรือ FA
AE = AD + DE =
f +c
หรือ AE หรือ AE หรือ AE
b+c −f + a
CA BD DB AF
= CB + BA = −b − a = BA + AD = −a + f = DC + CB = −c − b = AB + BC + CD + DF = a +b+c−e = FD + DC + CB + BA = e−c−b−a = AD + DF + FE = f − e − d = AB + BC + CE = a + b + 2c = AB + BC + CD + DF + FE = a +b+c−e−d
183 EA = FD + DA =
2. 1) PQ + (QS + SP) 2) (OR – QS) + RO 3) (PQ + QR) – SR
−e − f
= = =
หรือ EA = EF + FD + DA = d + e − f หรือ EA = EC + CB + BA = −2c − b − a หรือ EA = EF + FD + DC + CB + BA = d+e−c−b−a PQ + QP –QS + (OR + RO) PR - SR
3. 1) BA 2) EH 3) เชน AD + DE + EA , BC + CF + FG + GB 4. AD FD BD FC
= = = =
AB + BC + CD FE + ED BC + CD FD + DC
= = = =
−u + v − w −u + v v−w −u + v + w
เฉลยแบบฝกหัด 3.2 ค 1. 1) 2) 2.
u u
= =
v
1 − w 3
= (3a + 12b) u + (6a + 3b + 3) v 2s = (2b – 4a + 4) u + (4a – 6b – 2) v เนื่องจาก 3w = 2s 3w
= = =
0
–QS = SQ PR + RS = PS
184 ดังนั้น
3a + 12b 7a + 10b และ 6a + 3b + 3 2a + 9b แกสมการไดคา a = 2 3. 4) 2AE =
= = = = และ
2b – 4a + 4 4 4a – 6b – 2 –5 b = –1 และ
u+v
6)
---------- (1) ---------- (2)
AE =
u w − 2 2
เปนจริง
1 b 2
4. AX =
AZ = AG + GZ = (AB + BG) + 1 GF = (AB + AH) + 1 AD = 3
EY = EF + FY = DC + 1 FC = AB + 1 HA 2
XZ = XD + DC + CF + FZ =
2 1 AD + AB + AH + 2
5. OP = OB + 1 BA = OB +
1 (OA + OB) 2
= 6.
A
2 1 (BO + OA) 2
C
m
n
B
v u
O จากรูป จะได OA = v , OB = AB = AO + OB AB = – v + u ---------- (1)
u
1 a+c+ b 3
3 = a−1c 2 2 FG = 1 b + a + c − 2 b 2 3 3 1 = a− b+c 6
185 และ OC = OA + AC = v + m AB OC = OC = OC = OC =
N
D
7.
m+n m v+ (u − v) m+n m m v− v+ u m+n m+n n m v+ u m+n m+n 1 (nv + mu) m+n
C
v
M
u
B
A จาก AB = AB =
AM + MB 1 u + CB 2
1 CB 2
=
AB + u
u
= = =
v
u
=
v
+
u
=
v
+
3 AB 2
=
---------- (1)
และ u
AB
+ NM v + NC + CM 1 1 v + AB + CB
2 2 1 AB + (AB – u ) 2 3 AB – u 2
2u–v 4 2 = u− v 3 3
จาก (1)
186
เฉลยแบบฝกหัด 3.3 ก 1) AB =
3 − (−2) 2 − 1
=
5 1
2) AB =
−1 − 0 4 − 0
=
− 1 4
3) AB =
−1 − (−2) 2 − (−8)
=
1 10
4) AB =
2 −1 −1 − (−1) 0 − 2
=
1 0 −2
5) AB =
−1 − 7 8 − 3 3 − 1
6) AB =
0 −1 0 −1 0 − (−1)
2. 1)
a − 5b
=
= = =
2) นิเสธของ
a − 5b
=
,
−8 5 2 −1 −1 1
, ,
,
,
,
BA =
−2 − 3 1− 2
BA =
0 − (−1) 0−4
=
1 − 4
BA =
− 2 − (−1) −8− 2
=
−1 − 10
BA =
1− 2 −1 − (−1) 2 − 0
BA =
7 − (−1) 3−8 1 − 3
BA =
1− 0 1− 0 − 1 − 0
=
16 17
−1 3 3 − 5 4 −1 − 15 3 − 20 −16 −17
=
−16 − −17
−5 −1
=
=
−1 0 2
8 −5 − 2
=
=
1 1 − 1
187
3)
2c
–d
1 2 2 3 2 4 + 6
= =
4) นิเสธของ
3. 1)
u+v
2c
= = = =
2)
λ (u + v)
–d
−1 − 0 −7 1 0 = 7
=
a c b + d a + c b + d c + a d + b c a d + b
=
v+u
=
a c λ + b d a + c λ b + d
= = = = =
λa + λ c λb + λ d λa λ c λb + λ d a c λ +λ b d λu + λ v
3 − 4 13
3 4 13
=
−3 −4 − 13
188
3)
λ (µ v)
= = = =
4)
(λ + µ)u
(λµ)v
=
a (λ + µ) b λa + µa λb + µb λa µa λb + µb a a λ +µ b b
= =
(u + v) + w
λµc λµd c λµ d
=
=
5)
c λµ d µc λ µd
=
λ u + µu
=
a c e + + b d f a + c e b + d + f
= = =
a + c + e b + d + f a c + e b + d + f
=
a c e b + d + f
=
u + (v + w)
189
4. ให 1)
u
=
a b , c
u+v
= = =
2)
λ (u + v)
v
=
a b + c a + d b + e c + f d + a e + b f + c
=
d e f
=
v+u
= = = = =
+
d e , f d e f
w
a b c
a + d λ b + e c + f λa + λ d λb + λ e λc + λf λa λ d λb + λ e λc λf a d λ b + λ e c f λu + λ v
=
g h i
190 3)
λ (µ v)
= = =
4)
(λ + µ)u
d λ µ e f µd λ µe µf λµd λµe λµf
=
d (λµ) e f
=
(λµ)v
= = = = =
a (λ + µ) b c λa + µa λb + µb λc + µc λa µa λb + µb λc µc a a λ b + µ b c c
λ u + µu
191 5)
(u + v) + w
= = = = = =
a d g b + e + h c f i a + d g b + e + h c + f i a + d + g b + e + h c + f + i a d + g b + e + h c f + i a d g b + e + h c f i
u + (v + w)
จาก 1) – 5) แสดงวา สมบัติในขอ 3 เปนจริงใน 3 มิติ 5. เวกเตอรที่ขนานกันคือ 1)
2 −8 6 1 , −4 , 3
2)
1 2 , 1
−2 −4 −2
และ
1 2 2 , 4
และ
7 8 0 , 0
192
เฉลยแบบฝกหัด 3.3 ข 1. 1) OA = 2) OS = 3) AB = 4) CD = 5) PQ = 6) MN =
2. 1)
1 4
=
1 3 −4 −4 − 3 1 − 2 1 − (−3) −2 − 4 3 − 1 2 − (−1) 6 − 2 −1 − 0 −1 − 1 2 − 1
1 2
=
i + 2j
=
3 −4
=
3i − 4 j
=
−1 −4
=
−i − 4 j
=
3 2
=
3i + 2 j
=
=
1 0 = 1 + 4 0 1 1 0 0 = i + 3j − 4k 1 0 + 3 1 − 4 0 0 0 1
= = = =
1 0 0 + 4
=
−7 −1 4 −6
=
2 3 4 −1 −2 1
= = =
1 0 −7 + (−1) 0 1 1 0 4 – 6 0 1
1 0 0 2 0 + 3 1 + 4 0 0 0 1 1 0 0 −1 0 − 2 1 + 0 1 0 1
=
i + 4j
=
−7i − j
=
4i − 6 j
2i + 3j + 4k
=
−i − 2 j + k
i + 2j 12 + 22
=
5
=
9 + 16
=
=
1 + 16
=
17
=
9+4
=
13
3i − 4 j 32 + (−4) 2
5
i − 4j (−1) 2 + (−4) 2
3i − 2 j 32 + 22
193 2)
1 1 3
=
i + j + 3k
=
3 −1 2
=
3i − j + 2k
=
−4 0 −1
=
−4i − k
=
3) AB
4) RS
(3) – (2)
1 3 x + y 2 4
x + 3y 2x + 4y 2x + 6y 2y
=
11
3i − j + 2k 32 + (−1) 2 + 22
=
9 +1+ 4
=
14
=
16 + 1
=
17
−4i − k (−4) 2 + (−1) 2
5 − 1 7 − 2
=
4 2 + 52
=
−1 − 7 3 − 4 5 − 1
=
−8i − j + 4k
(1) × 2,
12 + 12 + 32
=
4i + 5j
3. 1)
i + j + 3k
=
4 5
=
=
16 + 25
=
(−8) 2 + (−1) 2 + 4 2
=
= 7 = 8 = 14 = 6
7 8
--------- (1) --------- (2) --------- (3)
=
ดังนั้น x = –2, y = 3
41
−8 −1 4
=
=
64 + 1 + 16
=
2)
1 −1 x + y 3 1
=
8i − j + 4k 81 3 2
x – y = 3 -------- (1) 3x + y = 2 -------- (2) 4x = 5 x = 5
y = 3 x = –2
4i + 5j
y
=
ดังนั้น x = 5 , y = 4
4 7 − 4 7 − 4
=9
194 3)
1 3 1 x 1 + y 2 + z 1 3 1 2
=
3 7 −1
x + 3y + z = x + 2y + z = 3x + y + 2z = (1) – (2), (3) – 2 × (2),
3 ----------- (1) 7 ----------- (2) –1 ----------- (3) y = –4 x – 3y = –15 x – 3(–4) = –15 x = –27 ∴ z = 3 – (–27) – 3(-4) z = 42 x = –27, y = –4, z = 42 4. 1)
u
=
u
=
2 1 22 + 12
=
5
∴ เวกเตอร 1 หนวย ที่มีทิศทางเดียวกันกับ u คือ 2)
a
=
a
=
1 2 5 1
=
2 1 i+ j 5 5
1 −3 −1 12 + (−3) 2 + (−1) 2
=
11
∴ เวกเตอร 1 หนวย ที่มีทิศทางเดียวกันกับ a คือ 1 1 −3 11 −1
3) AB AB
=
1 3 1 i− j− k 11 11 11
=
−4 − 1 5 − (−3)
=
−5 8
=
(−5) 2 + 82
=
89
∴ เวกเตอร 1 หนวย ที่มีทิศทางเดียวกันกับ AB คือ
1 −5 89 8
=
−5 8 i+ j 89 89
195 4) QC =
0 −1 −3 − 5 1 − 8
=
−1 −8 −7
,
QC
=
(−1) 2 + (−8) 2 + (−7)2
∴ เวกเตอร 1 หนวย ที่มีทิศทางเดียวกันกับ QC คือ −1 1 −8 114 −7
5. 1) 2) 3) 4)
=
−
1 8 7 i− j− k 114 114 114
8 4 i+ j 5 5 4 12 4 i− j− k 11 11 11 20 32 − i+ j 89 89 4 32 28 − i− j− k 114 114 114
6. ก) PQ =
3− 2 5−5 −1 − 3
1 0 −4
=
= 12 + (−4) 2 = 17 ∴ โคไซนแสดงทิศทางของ PQ คือ PQ
ข) RS =
2 − (−1) −4 − 4 7 − (−2)
=
= 32 + (−8) 2 + 92 = ∴ โคไซนแสดงทิศทางของ RS คือ ค) TV =
=
−4 17
3 −8 9
RS
4 − (−3) 2 − 1 8 − 0
1 , 0, 17
154 3 , 154
−8 , 154
9 154
7 , 114
1 , 114
8 114
7 1 8
= 7 2 + 12 + 82 = 114 ∴ โคไซนแสดงทิศทางของ TV คือ TV
=
114
196
7. ก)
PQ
=
−2 − 1 0 − 4 1 − 3
−3 −4 −2
=
= (−3) 2 + (−4) 2 + (−2) 2 โคไซนแสดงทิศทางของ PQ คือ −
=
PQ
ข)
a
=
a
=
OP
=
3 4 2 , − , − 29 29 29
3 4 2
32 + 42 + 22
โคไซนแสดงทิศทางของ
ค)
a
= คือ
29 3 , 29
= 52 + 2 2 = โคไซนแสดงทิศทางของ OP คือ จะไดวา PQ และ
u⋅v u⋅v u⋅v
= = = =
10 5 1 –3
2 29
29
a
5 , 0, 29
2 29
ขนานกัน โดยมีทิศทางตรงกันขาม
เฉลยแบบฝกหัด 3.4 u⋅v
4 , 29
5 0 2
OP
1. 1) 2) 3) 4)
29
197 2. 1) 2) 3) 4)
θ
3. 1) 2) 3) 4)
10 40 22 –4
4. 1) 2) 3) 4)
–52 94 80 –66
θ θ θ
= = = =
0° 90° 90° 132° 20′ 2
2
2
5. 1) มุมแหลม 2) มุมฉาก 3) มุมปาน
6. 1) 2) 3) 4)
เวกเตอรตั้งฉากซึ่งกันและกัน เวกเตอรตั้งฉากซึ่งกันและกัน เวกเตอรไมตั้งฉากซึ่งกันและกัน เวกเตอรไมตั้งฉากซึ่งกันและกัน
7. 1) m = –1, 4 2) m = −3 +
10 ,
−3 − 10
198 8. ให จะได
จาก
= v = u⋅v = u+v = 2 u = 2 v = 2 u+v = u
ดังนั้น และให
u v
จะได
u– v
u
2
u⋅v
v
จาก
ดังนั้น
2
= = = = = =
u−v u−v
u−v
2
ai + b j ci + d j
ac+ bd (a + c) i + (b + d) j a 2 + b2 c 2 + d2 u + v u + v = ( (a + c)2 + (b + d) 2 )( (a + c) 2 + (b + d)2 ) = (a + c)2 + (b + d)2 = a2 + 2ac + c2 + b2 + 2bd + d2 = (a2 + b2) + 2(ac + bd) + (c2 + d2) 2 2 = u + 2u ⋅ v + v 2 2 2 u+v = u + 2u ⋅ v + v ai + b j ci + di
(a − c)i + (b − d) j
a 2 + b2 ac + bd c 2 + d2 = = = = =
( (a − c) 2 + (b − d) 2 ( (a − c) 2 + (b − d) 2
a2 – 2ac + c2 + b2 – 2bd + d2 a2 + b2 – 2(ac + bd) + c2 + d2 2
2
2
2
u − 2u ⋅ v + v u − 2u ⋅ v + v
199 9.
ตั้งฉากกับ v 2 u+v = =
โดยที่
u
u ≠ 0, v ≠ 0
2
u + 2u ⋅ v + v 2
u +v
โดยที่
u − 2u ⋅ v + v
11.
B a C
12.
u
= 5,
( u + v )2
16 7 2u ⋅ v
( u − v )2
( u − v )2 u−v
≈ ≈
=0
= BA + AC 2 BC = ( BA + AC )2 2 BC = BA 2 + 2 ⋅ BA ⋅ AC + AC 2 เพราะวา BA ตั้งฉากกับ AC จะได BA⋅AC = 0 ดังนั้น a2 = c2 + b2
= 3, u + v = 4 2 2 = u + 2u ⋅ v + v = 25 + 2u ⋅ v + 9 = 25 + 2u ⋅ v = –18 = = = =
u⋅v
2
จาก BC
A
v
ดังนั้น
2
c b
=0
2
u ≠ 0, v ≠ 0
2
2
u⋅v
2
10. u ตั้งฉากกับ v 2 u−v = =
u +v
ดังนั้น
2
u − 2u ⋅ v + v
25 + 18 + 9 52 2 13
2(3.605) 7.21
2
200 13.
=
u
และ
w
( u − v )2 2
2
2
2
u − 2u ⋅ v + v u − 2u ⋅ v + v −2u ⋅ v
u v cos θ cos
π 5
π cos(π − ) 5 θ
14.
OA = i + 3j ,
=
u−v
v+w
= = = = =
( v + w )2
=
– cos θ
=
cos θ
=
4π 5
OB =
4i + j
2
v + 2v ⋅ w + w 2
u + 2v ⋅ w + v
2
2
2vw
− v w cos θ
AB
j
AB i + 3j
A
3i − 2 j
O
θ
B
D
i
4i + j
OA⋅OB 4+3 7 10 ×17
0.537 θ
= = =
cos θ
= =
cos θ cos–1(0.537)
OA OB
cos θ
( 10)( 17) cos θ
= = = = =
OB – OA 4i + j − (i + 3j) 3i − 2 j 9+4 13
201 จาก cos θ
OA
(0.537)( i + 3 j ) 0.537 i + 1.611 j
= = = = = = = =
OD OD
จาก
OA
2
10 DA
OD
=
2
DA
พื้นที่รูป ∆ OAD
OD OD 0.537 2 + 1.6112
1.698 2
OD + DA
2.883 + 7.117 2.668
DA
2 2
1 × ฐาน × สูง 2 1 × OD × AD 2 1 × 1.698 × 2.668 2
= = =
= 2.265 พื้นที่รูปสามเหลี่ยม OAD ประมาณ 2.27 ตารางหนวย
เฉลยแบบฝกหัด 3.5 1. 1)
u
=
u×v
v×u
2i + 3k ,
v
= i+2j – k
=
i 2 1
j 0 2
=
i 1 2
j 2 0
k 3 −1 k −1 3
=
−6i + 5j + 4k
=
6i − 5j − 4k
202 2)
u
=
u×v
v×u
3)
u
=
u×v
v×u
2.
u
1)
=
i + j− k
=
v
=
i 1 0
=
i 0 1
2i + 7 j ,
v
j
j 1 1 j 1 1
=
=
j 7 4
=
i 5 2
j 4 7
=
k −1 0
=
i + 0j+ k
k 0 −1
=
−i + 0 j − k
=
21i + 6 j − 27k
=
−21i − 6 j + 27k
5i + 4 j − 3k
i 2 5
5i − 3j + 4k , u×v
,
v
=
i 5 0
j k −3 4 1 −1
k 0 −3 k −3 0
j− k
=
2) u × v = (−1)2 + (5)2 + (5)2 = 3) จาก u = 25 + 9 + 16 = 50 และ v = 1 + 1 = 2 เนื่องจาก u × v = u v sin θ sin θ =
51 100
sin θ = 0.714
−i + 5j + 5k
51
203 3. ให
u v
= =
ai + b j + ck di + e j + f k
จงแสดงวา = =
u−v u+v
(u − v) × (u + v)
(a + d)i + (b + e) j + (c + f )k
=
=
= =
∴ จะไดวา 4. 1) 2) 3) 4) 5)
(u ⋅ v) ⋅ r (u ⋅ v)r (u × v) × r (u ⋅ v) × r u ⋅ (v × r)
(2u) × v
(a − d)i + (b − e) j + (c − f )k
=
2u × v
=
(u − v) × (u + v)
i 2a d
i (a − d) (a + d)
j (b − e) (b + e)
k (c − f ) (c + f )
[(b – e)(c + f) – (b + e)(c – f)] i – [(a – d)(c + f) – (a + d)(c – f)] j + [(a – d)(b + e) – (a + d)(b – e)] k [bc + bf – ec – ef – (bc – ef + ec – bf)] i – [ac – dc – df + af – (ac – df + dc – af)] j + [ab + ae – db – de – (ab – ae + db – de)] k 2(bf – ec) i – 2(af – dc) j + 2(ae – db) k j 2b e
k 2c f
(u − v) × (u + v)
=
= (2bf – 2ec) i – (2af – 2dc) j + (2ae – 2bd) k 2u × v
ไมมีความหมายเพราะสเกลารไมสามารถ Dot กับเวกเตอรได มีความหมายเปนเวกเตอร มีความหมายเปนเวกเตอร ไมมีความหมายเพราะสเกลารไมสามารถ Cross กับเวกเตอรได มีความหมายเปนสเกลาร
204 5.
u
=
2i − j + k
u⋅v u×v
=
v
−i + j − 2k
=
−2 − 1 − 2
=
i 2 −1
=
−1 1
j −1 1
= 5 k 1 −2
1 2 1 2 i− j+ −2 −1 − 2 −1
−1 k 1
= i + 3j + k เวกเตอรขนาด 1 หนวย ที่มีทิศทางเดียวกับเวกเตอร 1 1 คือ (i + 3j + k) = (i + 3j + k) 1+ 9 +1
u×v
11
ดังนั้น เวกเตอรขนาด 5 หนวย ที่มีทิศทางตั้งฉากกับระนาบที่ประกอบดวย 5 5 u และ v คือ (i + 3j + k) และ − (i + 3j + k) 11
11
6. พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมดานขนาน PORS = PO × PS = =
i 3 0
j −2 3
−2 3
PO × PS
k 0 4
0 3 i− 4 0
0 3 j+ 4 0
−2 k 3
= (−8) 2 + 122 + 92 = 17 พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมดานขนาน PORS เทากับ 17 ตารางหนวย PO × PS
7. พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ABC = AB = AC =
8−0 8−2 −2 − 2 9−0 12 − 2 6 − 2
= =
8 6 −4 9 10 4
1 AB × AC 2
=
8i + 6 j − 4k
=
9i + 10 j + 4k
205 ดังนั้น AB × AC = =
i 8 9
j k 6 −4 10 4
6 −4 8 i− 10 4 9
−4 8 j+ 4 9
6 k 10
= (24 + 40) i – (32 + 36) j + (80 – 54) k = 64i − 68j + 26k AB × AC = 642 + 682 + 262 = 9396 = 18 29 ∴ พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม ABC คือ 1 AB × AC = 1 ×18 2
2
29
=9
29
ตารางหนวย 8. 1) ปริมาตรของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานทรงตันเทากับ v×r
ดังนั้น
=
i 1 0
j 1 1
=
1 1
=
i − j+ k
u ⋅ (v × r)
k 0 1
0 1 i− 1 0
0 1 j+ 1 0
1 k 1
= (i + k) ⋅ (i − j + k) = (1)(1) + 0(−1) + (1)(1) = 2 = 2 ∴ ปริมาตรของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานทรงตัน เทากับ 2 ลูกบาศกหนวย u ⋅ (v × r)
206 2)
v×r
ดังนั้น
=
i 1 1
j −1 1
k 1 2
=
−1 1 1 i− 1 2 1
1 1 j+ 2 1
=
(−2 − 1)i − (2 − 1) j + (1 + 1)k
=
−3i − j + 2k
−1 k 1
= (2i + 3j − 4k) ⋅ (−3i − j + 2k) = −6−3−8 = −17 = 17 ∴ ปริมาตรของรูปสี่เหลี่ยมดานขนานทรงตันเทากับ 17 ลูกบาศกหนวย u ⋅ (v × r)