one year o-n
Another Language [ Sawasdee English / หรรษาภาษามลายู ] บทความ : Faraway / ณ ทรายขาว
{ September 2014 - August 2015 }
one year o-n
[ one year o-n ] คือ โปรเจกต์เล็กๆ ที่รวบรวมเนื้อหาแต่ละคอลัมน์ของนิตยสาร o-n ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาให้มาอยู่ ในที่แห่งเดียวกัน
Another Language คือ คอลัมน์บทความแบ่งปันความรู้ภาษาต่างประเทศ ภาษาอังกฤษ และ ภาษามลายู
Sawasdee English ภาษาอังกฤษง่ายๆ วันละนิด ที่ ใช้ ได้จริง :) บทความ : Faraway
Have / Do สวัสดีคะ่ ผู้อา่ นที่นา่ รัก และรัก ภาษาทุกคน ในคอลัมน์ Another Language ในภาษา English ที่เราคุ้นเคยกันดี (แต่จะ พูดแต่ละทีก็จะมีปัญหาทุกครัง้ ^^) ในวันนี ้ขอเสนอหลักการใช้ Have, Do ค�ำกริ ยาง่ายๆ ที่อาจมีอะไรมากกว่า Have ที่แปลว่า ‘มี’ และ Do ที่แปลว่า ‘ท�ำ’ โดยเราจะน�ำสองค�ำนี ้มา ‘Recycle’ - ‘น�ำ กลับมาใช้ ใหม่’ ให้ ไฉไลกว่าเดิม และสื่อ ความหมายที่มากขึ ้น เป็ นธรรมชาติเหมือน เจ้ าของภาษาใช้ พดู กันมากที่สดุ ค่ะ เรามาเริ่ มที่ Have /แฮฟ/ กัน ก่อนเลยนะคะ ปกติเราจะใช้ ค�ำนี ้ในควาย หมายว่า ‘มี’ เช่น I have a pen. เป็ นต้ น แต่ จริ งๆ แล้ วในภาษาอังกฤษ เราสามารถใช้ Have ในการพูดถึงการ ‘กิน’ และ ‘ดื่ม’ ได้ เช่น Have+มื ้ออาหาร เพื่อบอกว่าเรา ‘รับ ประทาน’ (มื ้อไหน) เช่น I have breakfast (มื ้อเช้ า)/lunch (มื ้อเที่ยง)/dinner (มื ้อเย็น) นัน่ เองค่ะ และ Have+เครื่ องดื่ม เพื่อจะบอก ว่าดื่มอะไร มีความหมายเหมือน drink เช่น She has tea with cookies.
ส่วน Do นอกจากแปลว่าท�ำ ที่ เราชอบใช้ บอกว่า “ท�ำการบ้ าน” I do my homework อย่างเดียวแล้ ว ยังมี ‘ท�ำ’ แต่ ใช้ กบั ท�ำงานอย่างอื่นที่มากกว่าการบ้ าน ซึง่ สามารถใช้ “Do+ งานบ้ าน” ได้ เช่นกันค่ะ เช่น do the cleaning (ท�ำความสะอาด), do the ironing (รี ดผ้ า), do the laundry (ซักผ้ า), และ do the cooking (ท�ำอาหาร) เป็ นต้ น หรื อ “Do+การออกก�ำลังกาย” เพื่อ บอกท่ากายบริ หารแบบต่างๆเช่น do pushup (วิดพื ้น), do sit-ups (ซิตอัป) และ do jump rope (กระโดดเชือก) เห็นมัย๊ คะเราสามารถน�ำค�ำง่ายๆ ที่ เ ราคุ้น เคยดี ก ลับ มาใช้ เ พิ่ ม คลัง ค� ำ ศัพ ท์ เพื่อใช้ สื่อสารให้ เราได้ เพียงแค่เราไม่ละเลย หมัน่ หาความรู้เพิ่มเติม่ และให้ เวลาใส่ใจ กับมันอีกนิด ภาษาอังกฤษก็เป็ นเรื่ องง่ายได้ จริ งๆ ค่ะ โลกของเราก็เช่นกันถ้าทุกคนใส่ใจ น�ำของทีม่ ี มา Recycle ใช้ซ�้ำ นอกจากเรา จะช่วยลดขยะให้โลก เราอาจได้สิ่งประดิ ษฐ์ และไอเดียใหม่ๆ จากการสร้างสรรค์ผลงาน เราก็ได้ ทุกคนว่าจริ งมัย้ ล่ะคะ :)
ที่มา : O-N issue 01 | เราไม่ ใช่คนกู้ โลก
พกศัพท์ไปนอก สวั ส ดี ค่ ะ คุ ณ ผู้ อ่ า นที่ น่ า รั ก ของ O-N Magazine ที่นา่ รักทุกคน พบกันอีก แล้ วนะค่ะกับ Sawasdee English ^^ เมื่ อ คอลัม น์ ที่ แ ล้ ว เราพู ด ถึ ง การ Recycle การใช้ Have กับ Do ไป แต่ฉบับ นี ้เราจะเหินฟ้าไปเรี ยนรู้ศพั ท์ส�ำหรับการออก นอกประเทศกันค่ะ อย่างแรกเลยไปต่างประเทศเราใช้ go abroad / go overseas นะค่ะ ไม่ใช่ go inter หรื อบางคนใช้ ค�ำนี ้ เพื่อให้ ร้ ูวา่ ดังไปทัว่ โลก แต่ภาษาอังกฤษที่ถกู ต้ องใช้ go global ค่ะ (go inter เป็ นค�ำที่วยั รุ่นไทย only ใช้ กนั ฝรั่งฟั งอาจจะงงได้ นะคะ) มาเข้ าเรื่ องกันดีกว่าค่ะ หลายคน ไม่คอ่ ยได้ เดินทาง ยิ่งต่างประเทศไม่ต้องพูด ถึง กลัว!!! ทังภาษาที ้ ่เราพูดไม่ได้ และความ แตกต่างที่เราไม่ค้ นุ เคย เลยได้ แต่ไป see my friend off at the airport ส่งเพื่อนที่สนามบิน (ไม่ใช่ send นะค่ะ เพราะ send ใช้ สง่ สิง่ ของ เท่านันค่ ้ ะ) แต่ถ้าเรามีโอกาสได้ ไป สิง่ แรกที่ เราต้ องเตรี ยมส�ำหรับไปต่างประเทศ คือ Passport -- หนังสือเดินทาง พร้ อมกับ Boarding Pass -- ตั๋วเครื่ องบิน เป็ นหลัก ฐานติดตัวพร้ อมผ่านช่องส�ำหรับ Departure -- ผู้โดยสารขาออก เพื่อจะได้ ไปเดินผ่าน
ช่อง Arrival -- ผู้โดยสารขาเข้ า ยังประเทศ เป้าหมายของเราค่ะ แต่ ก ว่ า จะได้ เ ข้ า ประเทศของคน อื่นเนี่ย ทุกคนจะต้ องผ่านจุดวัดใจที่เรี ยก ว่า ตม.!! ด่ านตรวจคนเข้ าเมือง หรื อ Immigration นัน่ เองค่ะ ทังๆ ้ ที่เราไม่ได้ ท�ำผิด อะไรเล้ ยยย (เสียงสูง 55+) และเข้ าประเทศ คนอื่นถูกต้ อง แต่จะผ่านจุดนี ้ทีไรก็แอบกลัว ไม่ได้ ใช่มยค่ ั ้ ะ อย่าไปกลัวค่ะ!! สัน่ สู้ไปเลย ^^ ด้ วยภาษาอังกฤษอัน professional -มืออาชีพ ของเรา ฮิ ้วววววว ค� ำ ถามที่ เ รามั ก จะได้ ยิ น จากพี่ ตม. น่าโหดอย่างแรกเลยก็ คือ “Could I see your passport, please?” เราก็อย่ายืน ยิ ้มท�ำหน้ างงนะค่ะ รี บยื่น passport ของ เราให้ พี่แกดูไวๆ แต่โดยดี ถ้ าหน้ าเรากับใน passport ส�ำเนาถูกต้ องพี่แกก็จะเบาใจไป หน่อยนึง และอาจจะซักข้ อมูลของเราอีกเล็ก น้ อย เช่น “Where will you be staying?” “คุณจะพักที่ไหน” เราก็ตอบไปเลยว่า “I will be staying at …place -- สถานที่ท่ เี รา พัก…” หรื อ “How long do you plan to stay here?” “คุณจะพักนานแค่ไหน” ก็ตอบไป เลยว่า “I plan to stay here for+จ�ำนวนวัน เช่น 3 days/ a week” ส่วนค�ำถามอื่นๆ ที่
อาจจะถูกถาม เช่น “What’s the purpose of your trip today?” “เป้าหมายในการเดินทาง ของคุณคืออะไร” ถ้ าเรามาเที่ยวก็ตอบเลย ว่า “I’m coming for travelling.” เป็ นต้ น ค่ะ เห็ น มัย้ คะว่ า ไม่ อ ยากเกิ น ความ สามารถ แค่ตงใจฟั ั ้ งดีๆ ตอบสันๆ ้ ให้ กระชับ ได้ ใจความ แค่นี ้ก็สามารถเดินผ่านจุด ทดสอบภาษาอังกฤษด่านแรกไปได้ แล้ ว ที่ เหลือก็ใช้ ความ professional ของเราอีกเช่น เคย ลุยดาบหน้ านะค่ะ สู้ๆ ค่ะ! สุดท้ ายไหนๆ นิตยสารเราฉบับนี ้ก็ เน้ นการเดินทางซะขนาดนี ้ เราจะหมกตัวอยู่ บ้ านอุดอู้ดซู ีรีย์เกาหลีกนั ท�ำไม ไปเดินทาง หาประสบการณ์ ค รั ง้ แรกในชี วิ ต กัน ดี ก ว่ า “เพราะชี วิต ใช้ซะ!” แล้ วอย่าลืมเอาภาษา อังกฤษไปใช้ ด้วยนะคะ ลุยโลดค่ ะ!!!!!
ที่มา : O-N issue 02 | ส�ำรวจความคิดผ่านการเดินทาง
What is your SEX? สวัสดีคะ่ คุณผู้อา่ น O-N Magazine ที่นา่ รักทุกคน ผ่านไปอีกแล้ ว หนึง่ เดือนเร็ วจริ งๆ (มารู้ตวั อีกทีได้ เวลาเขียน คอลัมน์สง่ บ.ก. อีกแล้ วนี ้หว่า!! นาทีสดุ ท้ าย อีกแล้ ว!!! แฮๆๆ) Sawasdee English ของเราฉบับ นี ้ไม่ได้ ทะลึง่ นะคะ หลายคนอ่านหัวข้ อของ เราแล้ วอาจต๊ กกะใจ เพราะเห็นค�ำว่า SEX (เซ็กส์) ที่วนั นี ้เราไม่ได้ จะมาพูดถึงการมีเพศ สัมพันธ์ หรื อเปิ ดคลาสสอนเพศศึกษากัน แต่อย่างใด แต่วนั นี ้เราจะมาเรี ยนรู้การถาม เพศที่สภุ าพและน่ารักๆ กันค่ะ รวมถึงอาจ จะท�ำให้ ใครหลายคนเข้ าใจความแตกต่าง ระหว่างเพศมากขึ ้นก็ได้ ^^ ในภาษาอังกฤษถ้ าจะถามว่าคุณ เป็ นเพศไหน (ในกรณีที่เห็นหน้ าแล้ วแบบไม่ มัน่ ใจว่าใช่เพศที่เราคิดรึปล่าว >.<) การใช้ ค�ำถามว่า What is your sex? ก็สามารถ ถามได้ ฝรั่งก็เข้ าใจ แต่ถ้าจะให้ ดีควรใช้ ค�ำถาม What is your gender? จะดีกว่า มากค่ะ ทัง้ Gender (เจ็นเดอร์ ) และ Sex แปลว่า เพศได้ เหมือนกัน แต่ Sex สามารถ แปลว่า 'การมีเพศสัมพันธ์' หรื อที่ฝรั่งใช้ อีก ค�ำว่า 'make love' ได้ ด้วยและคนส่วนใหญ่ เมื่ อ ได้ ยิ น ค� ำ นี จ้ ะนึ ก ถึ ง การมี เ พศสัม พัน ธ์
มากกว่า หรื อถ้ าไม่อยากถามตรงๆ ฝรั่งเค้ า ก็มีการถามเพศที่อ้อมๆ และน่ารักๆ นะค่ะ โดยใช้ ค�ำว่า Are you from Mars or Venus? แปลตรงๆ ว่า คุณมาจากดาวอังคาร หรื อ ดาวพฤหัส? หลายคนอาจจะงงว่าดาวอังคาร และดาวพฤหัส มันเกี่ยวกับการถามเพศชาย หรื อหญิงตรงไหน ค�ำตอบอยูต่ รงค�ำว่า Mars (มาซ์) หรื อ Venus (วีนสั ) นี่ละ่ ค่ะ Mars แปลว่า ดาวอังคาร หรื อ เทพเจ้ าแห่งสงคราม ซึง่ เป็ นเทพแห่งความ แข็งแกร่งและดุดนั แทนคุณผู้ชาย ส่วน Venus แปลว่า ดาวพฤหัส หรื อ เทพเจ้ าแห่ง ความรัก ซึง่ เป็ นเทพแห่งความงามและความ อ่อนโยน แทนคุณผู้หญิง ที่เปรี ยบคุณผู้หญิง และคุณผู้ชาย มาจากคนละดวงดาวแบบนี เ้ พราะความ แตกต่างกันมากระหว่างเพศสองเพศนี ้ทังรู้ ป ร่างและพื ้นฐานจิตใจ รวมถึงอารมณ์ความ รู้สกึ พี่ฝรั่งเลยเปรี ยบเล่นๆ ว่าที่เป็ นแบบ นี เ้ พราะเรามาจากดาวคนละดวงนั่น เอง ค่ะ ส่วนท�ำไมต้ องเป็ น Mars แทน ผู้ชาย และ Venus แทนผู้หญิง ค�ำตอบคง เห็นได้ ชัดจากค�ำแปลของทัง้ สองค�ำนะคะ ^^ เพราะฉะนันถ้ ้ าเราจะต้ องถามหรื อต้ องการ
ให้ ชาวต่างชาติระบุเพศของเค้ าว่าเป็ น Male – ผู้ชาย หรื อ Female – ผู้หญิง ในการกรอก ประวัตหิ รื อเก็บข้ อมูลอะไรก็แล้ วแต่ แนะน�ำ ว่าควรใช้ ค�ำว่า Gender ตรงประเด็นและ ปลอดภัยสุดค่ะ เหตุที่ต้องปลอดภัยสุดก็ เพราะพี่ไทยของเราเคยสร้ างวีรกรรมกับค�ำนี ้ มาแล้ ว โดยเขียนค�ำว่า Sex และเว้ นช่องว่าง ไว้ เฉยๆ ไม่ระบุค�ำว่า Male / Female ขยาย ความ พี่ฝรั่งก็เลยคิดไปไกลว่าเราก�ำลังเก็บ ข้ อมูลการท�ำกิจกรรมเข้ าจังหวะของเค้ าอยู่ (18+) หรื อแอบสงสัยว่าเราอยากรู้ไปท�ำไม เลยได้ ค�ำตอบที่ไปไกลเช่นกันและไม่ตรงกับ ความตังใจ ้ (อันบริ สทุ ธิ์) ของเราตังแต่ ้ แรก (555+) ว๊ าาา!!! งานนี ้เลยอดรู้เลยว่าจริ งๆ ว่าเค้ าเพศอะไรกันแน่ น่าเสียดายนะค่ะ (รึ ป่ าว?) :P
แต่ ไ ม่ ว่ า คุ ณ จะมาจากดาวดวง ไหน แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่ทกุ ดาวก็ลว้ นมี ความพิ เศษในตัวของมัน และเราก็จะอยู่ร่วม โลกกันได้อย่างสงบสุข ด้วยความรัก ความ เข้าใจ และการให้เกี ยรติ ซึ่งกันและกันค่ะ
ป.ล.หลายครัง้ ที่เกิดความไม่เข้ าใจ กันระหว่างผู้หญิ งและผู้ชายและต่างฝ่ ายก็ ต่างโทษความซับซ้ อนและความซื่อบื ้อของ กันและกัน แต่จะท�ำไงได้ ละคะก็เพราะผู้ชาย ดันมาจากดาวอังคาร และผู้หญิงก็ดนั มา จากดาวพฤหัส ไม่มีใครมาจากโลกอันแสนสุขและ แสนเพอร์ เฟคกันสักคน จะงี่เง่าไปบ้ างก็ให้ อภัยกันเถอะนะคะ และทุ ก วัน นี โ้ ลกเราก็ ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ มนุษย์ดาวอังคารและดาวพฤหัสซะด้ วย
ที่มา : O-N issue 03 | เพราะเราคือเรา
Are you a สวีดดั สวัสดีคะ่ คุณผู้อา่ น O-N Magazine ที่นา่ รักทุกคน พบกับอีกแล้ วนะ คะกับ O-N Magazine ที่เดินทางมาถึงฉบับ ที่ 4 กันแล้ ว!! วันนี ้ Sawasdee English ก็ ยังเกาะติดนิตยสารเล่มนีอ้ ย่างเหนียวแน่น หนึบ ไม่หนีคณ ุ ผู้อา่ นไปไหนแน่นอน กลัว แต่คณ ุ ผู้อา่ นนันแหละ ้ อย่าเพิ่งหนีเค้ าไป ไหนนะ please!!! (โปรดอ่านประโยคข้ อร้ อง นี ้ พร้ อมจินตนาการดวงตาแบ๊ วๆ ของพุช อินบู๊ทเหมียวจอมซ่าพร้ อมดาบจิ๋วในเชร็ ค แล้ วจะรู้วา่ ผู้เขียนน่ารักแค่ไหน ฮิ ้ววววว!!!) เอิ่มๆๆ กลับมาเข้ าหัวข้ อของเราดีกว่า ^^ เดาว่ า คุ ณ ผู้ อ่ า นหลายท่ า นเห็ น หัวข้ อของเราวันนี ้ อาจจะไม่เข้ าใจ หรื อพูด เป็ นภาษาปะกิดว่า “I don’t get it!” นัน่ เอง แต่ๆๆ อย่าเพิ่งงงค่ะ! วันนี ้เราไม่ได้ มาเสนอ สารคดี ชี วิ ต หนอนหรื อ การเลี ย้ งนอนสูต ร ใหม่ด้วยหนังสือ 55+ แต่เราจะมาคุยกัน เรื่ อง Book (บุ๊ค) หรื อ หนังสือ ที่เป็ นมากกว่า กระดาษที่บรรจุตวั อักษรแบบที่เรารู้จกั แล้ ว ไอ้ ภาพข้ างบนมันเกี่ยวอะไรยังไง ค�ำตอบรอ อยูข่ ้ างล่างนี ้แล้ วล่ะค่ะ Book เป็ นค�ำนาม (noun) แปล ว่า 'หนังสือ' เชื่อว่าพวกเรารู้จกั ค�ำนี ้อย่าง ดี เพราะแทบจะเป็ นภาษาอังกฤษค�ำแรกๆ ตอนที่เราเริ่ มเรี ยนกัน ส่วนค�ำกริ ยาที่มกั จะ
?
ใช้ คกู่ บั ค�ำนี ้เพื่อสื่อความก็มกั จะเป็ น Read (อ่าน) Write (เขียน) โดยถ้ าใครชอบอ่าน หนังสือก็พดู ว่า I like reading. ไม่ต้อง เติม a book/books เพราะซ� ้ำซ้ อนและแค่นี ้ ฝรั่งก็เข้ าใจแล้ ว แต่ถ้าใครชอบเข้ า Library หรื อ 'ห้ องสมุด' แน่นอนว่านอกจากไปอ่าน หนังสือ บางคนก็มกั จะมีหนังสือติดไม้ ตดิ มือ มาเสมอ ซึง่ 'ยืม' ภาษาอังกฤษคือ borrow (บอโรว) อยากยืมหนังสือ ก็แค่พดู ว่า I want to borrow a book from a library. อ่าน เสร็ จจะน�ำไป 'คืน' หรื อ return (รี เทิร์น) ก็แค่ พูดว่า I return a book to a library. แค่นี ้เอง ค่ะ :) นอกจาก Book จะเป็ นค�ำนาม แต่ Book ยังถูกน�ำไปใช้ เป็ นค�ำกริ ยา (Verb) ที่ ไม่ได้ เกี่ยวกับหนังสือแต่อย่างใด แต่ใช้ ใน ความหมายว่า 'จอง' ที่มีความหมายเดียว กับ reserve (รี เซิร์ฟว) ค่ะ เช่นถ้ าเราไปจะไป กินข้ าวที่ร้านอาหารดังๆ ตามธรรมเนียมเรา ก็ต้องโทรไปจองก่อนเพื่อให้ เราไปแล้ วได้ กิน แน่นอน ซึง่ ในการจองพูดเป็ นภาษาอังกฤษ ได้ วา่ I would like to book/reserve a table for.. (one two, three..ตามจ� ำนวนคน ค่ะ) เช่นเดียวกับการจองตัว๋ เครื่ องบินก็พดู คล้ ายๆ กันเลยค่ะ โดยเราสามารถพูดได้ วา่ I would like to book/reserve the flight to.. (ตามด้ วยสถานที่ที่เราจะไป เช่น Bangkok
กรุงเทพก็ได้ คะ่ ) หรื อแม้ แต่การจองตัว๋ หนัง ถ้ าช่วงไหนเรื่ องไหนดังๆ ฮิตๆ เราสามารถ แนะน�ำเพื่อนฝรั่งของเราให้ จองตัว๋ ก่อนเพื่อ กันพลาด ก็แค่พดู ว่า "You should book/ reserve a ticket in advance." แค่นี ้ก็รับ ประกันว่าได้ ดแู น่นอนค่ะ ^^ แต่เดี๋ยวก่อนๆๆ ความสนุกของเรา ยังไม่จบเพียงแค่นี ้ค่ะ เพราะพี่ Book เนี่ย ยังถูกน�ำไปใช้ ในส�ำนวนเท่ห์ๆ ที่นอกจะสื่อ ความได้ เป๊ ะแล้ ว คนที่พดู ส�ำนวนนี ้ก็ยงั ดู ดี มีระดับ และดูโปรอังกฤษมากๆ ด้ วยนะ คะ (ฮึๆๆๆ) ซึง่ ส�ำนวนแรกที่พี่ฝรั่งชอบน�ำพี่ Book ของเราไปพูดเพื่อสื่อความหมายว่า คุณเป็ นคนที่อา่ นง่ายมากๆ หรื อพูดถึงคน ที่แสดงความรู้สกึ ทุกอย่างบนใบหน้ า ชนิด ที่เห็นหน้ าปั๊ บรู้เลยว่าเราคิดอะไร หรื อรู้สกึ อะไรอยู่ เค้ าก็จะพูดกันว่า “You are an open book.” ซึง่ เราสามารถเปลี่ยนประธาน เป็ น I am/ We, They are/ He, She, It is + an open book ได้ เลยค่ะ และอีกค�ำที่พี่ฝรั่ง ชอบพูดมากๆๆๆๆๆ นัน่ ก็คือ “Don’t judge a book by its cover.” แปลตรงๆ ก็คืออย่า ตัดสินคุณค่าหนังสือแค่เพียงหน้ าปก แต่ ความหมายจริ งๆ ของส�ำนวนนี ้ต้ องการสื่อ ว่า “คนเรานั้นตัดสินกันทีภ่ ายนอกไม่ ได้ " ค่ะ และสุดท้ ายยยยยย เรามาเฉลย
ภาพปริ ศนากันดีกว่า (ฮิฮิ) ในภาพมีภาพ หนังสือ ก็คือ Book และมีภาพหนอนก็คือ Worm เมื่อน�ำสองสิง่ ที่ไม่หน้ าเข้ ากันมารวม กัน Book + Worm ก็จะได้ ค�ำว่า 'Bookworm' ก็คือตัวกินหนังสือ เอ้ ย!!! 'หนอนหนังสือ' นัน่ เองค่ะ เป็ นหนอนชนิดหนึง่ (ไม่ใช่!!!!!- -!) ฮาๆๆ เป็ น “คนทีร่ ั กการอ่ าน” เหมือนคุณผู้ อ่านไงค่ะ ^__^ ก่อนจากอย่าลืมนะคะ DO NOT JUDGE A BOOK BY ITS COVER. เพราะ หน้านอกบอกความงาม หน้าในบอกความดี ส่วนหน้าทีบ่ อกความสามารถ จะเลือกหน้ าไหนคิดดีๆ ก่อนนะคะ เพราะบางครัง้ ชีวิตพลาดแล้ วพลาดเลย :P
ที่มา : O-N issue 04 | จังหวะชีวิตในห้องสมุด
English & I-D-I-0-M สวัสดีคะ่ คุณผู้อา่ น คิดถึงกันมัย้ เอ่ย? Do you miss me? ^^ Sawasdee English มีสาระดีๆ มาน�ำเสนออีกแล้ ว ววววววว วันนี ้เราจะพูดถึงกันเรื่ อง I-D-IO-M หรื อ 'Idiom' (อิด'เดียม) 'ส�ำนวนใน ภาษาอังกฤษ' นัน่ เองค่ะ หลายครัง้ ที่ฟังหลายๆ คนบ่นว่า ฟั งฝรั่งพูดออกทุกค�ำเลยนะ แต่ไม่เข้ าใจว่า พี่แกต้ องการสื่ออะไร ท�ำไมถึงเป็ นแบบนัน้ ไปได้ ? แล้ วคุณผู้อา่ นล่ะคะเคยเจอปั ญหานี ้ มัย? ้ ถ้ าใครยังนึกไม่ออกลองดูประโยค นี ้ ถ้ าจูๆ่ ก็มีฝรั่งคนหนึง่ มาพูดกับเราว่า I am under the weather. แน่นอนว่าถ้ าเรารู้วา่ under แปลว่า ใต้ และรู้วา่ weather แปล ว่าอากาศ ประโยคนี ้ก็จะแปลได้ วา่ ฉันอยูใ่ ต้ อากาศ เห็นมัยคะง่ ้ ายจะตาย ใครก็ฟังออก และเราก็แปลได้ แต่ถามว่า ฉันอยูใ่ ต้ อากาศ คืออะไร??? นัน่ ล่ะค่ะปั ญหา แต่ถ้าเรารู้จกั เจ้ า I-D-I-O-M นี่แล้ วล่ะก็ปัญหาเหล่านี ้ก็ จะหมดไปและการพูดภาษาอังกฤษของเรา ก็จะ So So Cool!!!! เท่ห์กิ๊บเก๋ มากๆๆๆๆๆ แน่นอนค่ะ Confirm!! ^___^
เริ่ มกันด้ วย be / feel under the weather ที่กล่าวถึงตอนแรกก่อนเลย จริ งๆ ส�ำนวนนี ้หมายถึง ' feel ill ' หรื อ รู้สกึ ป่ วย เพราะฉะนัน้ I am under the weather. หรื อ I feel under the weather. ก็คือ ฉันรู้สกึ ป่ วย หรื อไม่สบายนัน่ เองค่ะ ส่วนส�ำนวนอื่นๆ ดัง ตัวอย่างข้ างล่างเลย 1. see eye to eye หมายถึง การ แสดงความเห็นด้ วยกับความคิดเห็นของอีก ฝ่ าย > I actually see eye to eye on your plan. - ฉันเห็นด้ วยกับแผนของคุณ 2. when pigs fly หมายถึง สิง่ ที่ เป็ นไปไม่ได้ หรื อไม่มีวนั จะเกิดขึ ้น > She will study hard when pigs fly. – เทอจะเรี ยนหนักเมื่อตอนหมูบนิ ก็คือ เธอไม่มีทางจะตังใจเรี ้ ยนแน่นอน 3. break a leg หมายถึง ขอให้ โชค ดี > Break a leg Ann, I’m sure you can make it. – โชคดีนะแอน ฉันรู้เธอ ท�ำได้ (ซึง่ ไม่ได้ ไปหักขาแอนแต่อย่างใดนะ คะ 55+)
นี่ก็เป็ นตัวอย่างเพียงเล็กๆ น้ อยๆ ของส�ำนวนที่ถ้าเราไม่ร้ ูความหมายจริ งๆ ล่ะ ก็ถ้าแปลตรงตัวมีหวังออกอ่าวออกทะเลกัน แน่ ฮ่าๆๆ ยังไงก็ฝึกใช้ กนั เยอะๆ นะคะ ส่วนใครอยากหาความรู้ เพิ่ มเติม ลองกด Like เพจของ Scholarship.in.th ทุนเรี ยนต่อต่างประเทศ ดูนะคะ แล้ วคุณ จะรู้ ว่า โลกโซเชี ย ลก็ ท� ำ ให้ เ ราเก่ ง ภาษาได้ เหมือนกัน (โดยไม่ต้องเสียตังค่าเรี ยนด้ วย อิอิ ^^)… แล้ วเจอกันใหม่ฉบับหน้ าค่ะ
ที่มา : O-N issue 05 | ไปดีมาดี
Love is Blind Happy Valentine’s day สวัสดีค๊าาา คุณผู้อา่ นที่นา่ love ของนิตยสารเรา และสุขสันต์วนั แห่งความ love ด้ วยนะคะ <3 <3 แหม่ๆๆๆ เดือนแห่งความรักแบบ นี ้ทังที ้ ่ ต้ องจัดค�ำว่า 'love' อยากบอกเธอว่า 'รั ก' กันสักหน่อย อิอิ (^3^) เดากันได้ เลยใช่มยค่ ั ้ ะว่าพอวนมา เดือน February - กุมภาพันธ์ ของทุกปี ที่มี Valentine’s day - วันวาเลนไทน์ แบบนี ้ ภาษาอังกฤษที่เราจะเสนอในวันนี ้ไม่พ้นค�ำ ว่า love แน่นอนค่ะ 'รั กแรกพบ' เนี่ยในภาษาอังกฤษ ใช้ ค�ำว่า 'Love at first sight' หนุม่ ๆ อยาก บอกว่าผมรักคุณตังแต่ ้ แรกเห็นก็เพียงพูดว่า I loved you at first sight. หรื อ You are my love at first sight. ก็ได้ คะ่ วี ้ดวิ ้วววว++ ยังค่ะ ยังไม่หมด ความหวาน ของเรายังมีอีก (จัดกันแบบให้ คนโสดกระ อักเลือด คนเขียนก็ก�ำลังกระอักเหมือนกัน ฮาๆๆ) ต่อไป to be falling in love with… ประมาณ 'ตกหลุมรั ก' เจอค�ำนี ้ I love you จืดไปเลยนะคะ ^^ เราตกหลุมรักใครก็บอก
ไปเลยว่า…“I am falling in love with you.” หรื อ “He is falling in love with me.” จริ งๆ with ใครก็ได้ คะ่ ใส่ ช่ ือไปเลย :) ต่อกันโลดด้ วย The apple of my eyes เห็นค�ำนี ้อย่าเพิ่งตกใจ รี บไปล้ างตา เอาแอปเปิ ล้ ออก (กล้ าเล่น 555++) ค�ำนี ้ไม่ เกี่ยวกับแอปเปิ ล้ เลยค่ะ แต่ค�ำนี ้หวานมากๆ นะคะเพราะมันแปลว่า 'แก้ วตาดวงใจ' เป็ นส�ำนวนค่ะ นอกจากจะสื่อถึงความรัก หนุม่ สาวที่หวานมากๆ แล้ ว ยังใช้ พดู บอก รักคนในครอบครัวได้ อีกด้ วยนะคะ แค่พดู ว่า “You are the apple of my eye.” - “My sister is the apple of my eye.” ท�ำนองนี ้ ค่ะ สุดท้ าย to be one’s everything ค�ำง่ายๆ พื ้นๆ นี่ละค่ะ แต่จบั ใจได้ เหมือน กัน เพราะบางครัง้ เราก็ไม่ต้องการค�ำสวยหรู อะไรมากมาย แค่มนั ออกมาจากใจและออก มาจากปากคนที่เรารักและรักเราจริ งก็เพียง พอแล้ ว^^ ถ้ ามีใครมาบอกเราว่า You are my everything. หรื อเราบอกใครว่า He/She is my everything. รู้ไว้ เถอะค่ะว่าคนที่เรา บอกหรื อบอกเราค�ำนี ้นะให้ ความส�ำคัญกับ
เรามากเพราะมันหมายความว่า “คุณหรื อ เขาหรื อเธอคือทุกสิ่ง” ส�ำหรับผู้พดู นัน่ เอง ค่ะ ค�ำว่ารักไม่ตอ้ งพูดบ่อย แต่ถา้ มัน ออกมาจากใจ ไม่ว่าจะพูดกี ค่ รัง้ ค�ำๆ นีก้ ็จะ กิ นใจคนฟั งได้เสมอค่ะ สุขสันต์วนั แห่งความรักนะค่ะ ^__^
ที่มา : O-N issue 06 | with love, girl band, you rock!
Sing A Song Sing me a sad song and make me feel better. Sing me a happy song and I might start to cry. Because everything feel like it’s go…อะอ้ าววววสวัสดีคณ ุ ผู้อา่ นนิตยสาร O-N ทุกคน แหม่ๆๆ เกือบร้ องเพลงเพลิน (เสียดายไม่ ได้ ยินเสียงจะได้ ยินเสียงอันไพเราะของผู้เขียน ฮิๆๆๆ) สองประโยคบนนี ้เป็ นท่อนฮุคของเพลง Sad Song ของเจ๊ Lenka นัน่ เองค่ะ อยากเข้ า ใจฟี ลว่าเพลงนี ้เพราะแค่ไหน ลองเปิ ดเพลงนี ้ ระหว่างอ่านคอลัมน์วนั นี ้ไปด้ วยนะคะ ^___^ เพราะวันนี ้เราจะมาคุยกันเรื่ อง Music and Song กันค่ะ ในภาษาอั ง กฤษถ้ าอยากถามว่ า คุณชอบฟั งเพลงมัย้ ก็แค่ถามว่า "Do you like listening to music? " 'Listen' แปลว่า 'ฟั ง' จะต่างกับ 'Hear' ที่แปลว่า 'ได้ ยนิ ' เพราะได้ ยินไม่ใช่การ ตังใจฟั ้ ง ฝรั่งจะถาม "Do you hear me?" กรณี ย� ้ำว่าเราได้ ยินที่เค้ าพูดรึปล่าว แต่ถ้าคุณครู ในห้ องบอกเด็กๆ ว่า "Listen to me." เป็ นค�ำ สัง่ เมื่อไหร่ คือบอกให้ เด็กๆ ตังใจฟั ้ งที่ครูสอน นัน่ เองค่ะ ส่ ว นถ้ าอยากถามฝรั่ ง ว่ า ชอบร้ อง เพลงไหมก็แค่ถามว่า "Do you like singing?"
Sing แปลว่า ร้ องเพลง ไม่ต้อง Sing a song นะคะเพราะมันเวิ่นเว้ อซ� ้ำซ้ อนไป แค่ singing ก็เข้ าใจแล้ ว ส่วน Like แปลว่าชอบถ้ า ตามด้ วย V-ing จะให้ ความหมายว่าชอบท�ำ อะไรเป็ นนิสยั คะ เช่น I like cooking. ชอบท�ำ อาหาร He likes dancing. ชอบเต้ น เป็ นต้ นคะ ส่วน แนวเพลง -- Music Genre (Genre ที่ถกู อ่านว่า ชองระห์ ไม่ใช่ เจนรี่ หรื อ เจนเร่อ หรื อ เจนเร่ นะคะ ^^) มี เพลงหลายประเภทที่ เรารู้ จักกันดี เช่น Pop ป็ อป, Rock ร็อก, R&B-Rhythm and Blue, Classical คลาสสิค, Easy Listening เพลงฟั งสบายๆ, Jazz แจ๊ ส เป็ นต้ น ถ้ าเรา ต้ องการถามว่ า ชอบฟั งเพลงแนวไหนก็ แ ค่ ถามว่า "What kind of music do you like to listen?" / "What kind of song do you like most?" ถ้ าชอบทุกแนวก็บอกว่า "I like listening every kind of them." แต่ถ้าชอบแนว ไหนเป็ นพิเศษก็ระบุไปเลยคะ เช่น I like pop/ jazz/ classical etc. ถ้ าเราไม่ร้ ู จะชวนฝรั่ งคุยเรื่ องอะไรก็ สามารถยกเรื่ องนี ้มาพูดได้ คะ่ ถือว่าเป็ นการเริ่ ม ต้ นที่ดีทีเดียว ส่ว นการฝึ กภาษาด้ ว ยการฟั ง เพลง ยิ่งเป็ นเรื่ องที่ควรท�ำอย่างยิ่ง แต่อย่าฟั งเฉยๆ
ลองหา Lyrics (ลิริก) -- เนือ้ เพลง มาแปล หาความหมายด้ วยนะคะ มันถึงจะพัฒนาภาษา เราได้ จริ งๆ ค่ะ ^__^
ที่มา : O-N issue 07 | ในโลกอีกใบที่ ใช้ ใจบันดาลแรง
หรรษาภาษามลายู บทความ : ณ ทรายขาว
ฉันรักเธอ ค�ำว่า 'รัก' เป็ นค�ำที่พิเศษ หากใคร ได้ กล่าวค�ำนี ้กับเรา โดยการบอกรักเรา เรา คงจะมีความรู้สกึ ดีไม่น้อย ไม่วา่ จะเป็ นตัว ของคนพูดเอง หรื อแม้ กระทัง่ คนฟั ง คนทังคู ้ ่ คงจะเกิดความรู้ สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูก เลยว่ามีความสุขมากมายขนาดไหนเมื่อได้ ยินค�ำๆ นี ้ หลายคนอยากบอกรั ก คนที่ เ รา รัก หรื อแม้ กระทัง่ คนที่เราแอบรัก แอบชอบ แต่ไม่กล้ า เพราะไม่ร้ ูวา่ จะบอกยังไง กลัว เขาคนนันจะรู ้ ้ กลัวทุกสิง่ อย่าง กลัวการ เปลี่ยนแปลง กลัวไปหมด ได้ แต่แอบบอกรัก เขาในใจ ดังนันวั ้ นนี ้ เพื่อเป็ นการช่วยให้ คนที่ อยากบอกรักได้ สมหวัง ผู้เขียนจึงอยากสอน ค�ำว่า “ฉันรั กเธอ” ในภาษามลายูเอาไว้ เผื่อ วันหนึง่ ผู้อา่ นมีโอกาสเมื่อไหร่ จะได้ เดินเข้ า ไปใกล้ ๆ คนที่เรารักหรื อแอบชอบอยู่ แล้ ว ก็พดู ลอยๆ หรื อบอกให้ เขาได้ ยินว่า “ฉันรัก เธอ” ซึง่ ค�ำว่า 'ฉันรักเธอ' ในภาษามลายูนนั ้ เราจะใช้ ค�ำว่า "Saya cinta kamu" อ่านว่า ซา-ยา จิน-ตา กา-มู แปลว่า ฉันรักเธอ ซึง่ ขอแปลตามตัวดังนี ้ คือ ค�ำว่า 'Saya' อ่าน ว่า ซา-ยา แปลว่า 'ฉัน' ค�ำว่า 'cinta' อ่านว่า
จิน-ตา แปลว่า 'รั ก' และค�ำว่า 'kamu' อ่าน ว่า กา-มู แปลว่า 'เธอ' ซึง่ เมื่อน�ำมารวมกัน แล้ วจะแปลได้ ความหมายว่า "ฉันรักเธอ" แ ล ะ เ ร า ส า ม า ร ถ เ ป ลี่ ย น ตั ว สรรพนามตัวหลัง (หลังค�ำว่า cinta) เป็ นชื่อ ของคนที่เรารัก เราชอบก็ได้ เช่น Saya cinta Brad Pitt ก็จะแปลออกมาได้ วา่ ฉันรักแบรด พิตต์ เป็ นต้ น หากเราอยากบอกรักพ่อ แม่ ก็ สามารถบอกได้ เช่นกัน โดยน�ำค�ำว่า Ibu (อีบู) ซึง่ แปลว่า แม่ หรื อค�ำว่า Bapa (บา-ปะ) ที่แปลว่า พ่ อ มาเติมหลังค�ำว่า cinta ก็จะ ได้ ประโยคที่วา่ Saya cinta Ibu อ่านว่า ซา ยา จินตา อีบู แปลว่า ฉันรักแม่ หรื อ Saya cinta Bapa อ่านว่า ซายา จินตา บาปะ แปล ว่า ฉันรักพ่อ เป็ นต้ น โอเคนะคะ ส�ำหรับการเรี ยนรู้ ภาษามลายูในวันนี ้ หวังว่าบทความอันนี ้ คงจะมีประโยชน์กบั ผู้อ่านบ้ างไม่มากก็น้อย และที่ส�ำคัญอย่าลืมน�ำประโยคนี ้ "saya cinta kamu" ไปใช้ บอกเราคนที่เรารักหรื อ ชอบด้ วยนะคะ เพราะเขาคงจะดีใจมากหาก ได้ ยินค�ำว่ารักที่ออกมาจากปากของคุณค่ะ
ที่มา : O-N issue 01 | เราไม่ ใช่คนกู้ โลก
" ฉันชื่อ . . . " เรากลับ มาพบกั น อี ก แล้ ว นะคะ ส�ำหรับหัวข้ อเรื่ องหรรษาภาษามลายู ในครัง้ ที่แล้ วพวกเราได้ เรี ยนรู้ วิธีหรื อประโยคบอก รักเป็ นภาษามลายูกนั ไปแล้ ว มาในคราวนี ้ เราจะมาเรี ยนรู้ ถึงประโยคการแนะน�ำตัวเอง เป็ นภาษามลายูกนั บ้ างค่ะ (ความจริ งเราน่า จะเรี ยนเรื่ องนี ้ก่อนหรื อป่ าวนะ ก่อนที่จะไป บอกรักคนอื่นเค้ า 555) ส� ำ หรั บ ในภาษามลายูนัน้ เวลาที่ เราจะบอกคนอื่นว่าเราชื่ออะไร เราจะใช้ ค�ำ พูดว่า Nama Saya... อ่านว่า นา-มา ซายา... และให้ ตามด้ วยชื่อของเราเอง ซึง่ จะ แปลความว่า ฉันชื่อ...
เพื่อนๆ ชื่อหนูดี เพื่อนๆ ก็สามารถแนะน�ำ ตัวเองเป็ นภาษามาลายูได้ วา่ "Nama Saya NuDee" อ่านว่า ซา-ยา นา-มา หนูดี แปลว่า "ฉันชื่อหนูด"ี เป็ นต้ น เป็ นยังไงกันบ้ างคะกับการแนะน�ำ ตัวเองสันๆ ้ เป็ นภาษามลายู ในวันนี ้ ง่าย มากเลยใช่ไหมคะ อยากให้ เพื่อนๆ ลองน�ำ ประโยคเหล่านี ้ไปฝึ กพูด ฝึ กคุยกันดูบอ่ ยๆ เพราะมันจะท�ำเราก็จะเก่งขึ ้นเรื่ อยๆ ค่ะ แล้ ว พบกันใหม่ในครัง้ ต่อไปนะค่ะ ส�ำหรับตอนนี ้ สวัสดีคะ่
โดยที่ค�ำว่า 'Nama' อ่านว่า นา-มา แปลว่า 'ชื่อ' ส่วนค�ำว่า 'Saya' อ่านว่า ซายา แปลว่า 'ฉัน' และที่จดุ ๆ ไว้ ให้ พวกเราใส่ ชื่อของตัวเองตามลงไปได้ เลยค่ะ เช่นสมมติ ว่า ชื่อ ไมค์ ก็ให้ พดู แนะน�ำตนเองเป็ นภาษา มลายูวา่ "Nama Saya Mike" ก็จะอ่านว่า นา-มา ซา-ยา ไมค์ ซึง่ จะแปลว่า "ฉันชื่อ ไมค์ " เพียงเท่านี ้ก็เรี ยบร้ อยแล้ วค่ะ หรื อหาก
ที่มา : O-N issue 02 | ส�ำรวจความคิดผ่านการเดินทาง
สวัสดี กลั บ มาพบกั น อี กเช่ น เคยนะ คะ ส�ำหรับหัวข้ อเรื่ องหรรษาภาษามลายู ส�ำหรั บในครั ง้ นีเ้ ราจะมาเรี ยนรู้ เกี่ ยวกับค�ำ ทักทายอย่างค�ำว่า 'สวัสดี' ในภาษามลายู กันค่ะ ส�ำหรั บภาษามลายูนัน้ การกล่าว ค�ำว่า 'สวัสดี' หรื อการกล่าวค�ำทักทายจะมี การแบ่งเป็ นช่วงเวลาคล้ ายๆ กันกับภาษา อัง กฤษที่ จ ะมี ก ารกล่ า วทัก ทายอย่ า งเช่ น Good Morning ที่แปลว่าอรุณสวัสดิ์หรื อ สวัสดีตอนเช้ า หรื อ Good Afternoon ที่ แปลว่าสวัสดีตอนกลางวัน เป็ นต้ น ในภาษา มลายูก็เช่นเดียวกันค่ะ เราจะมีการกล่าวค�ำ ว่าสวัสดีหรื อการกล่าวทักทายแบ่งตามช่วง เวลาเช่นเดียวกัน ดังนี ้ Selamat Pagi อ่านว่า เซอลามัต-ปาฆี /ปากี แปลว่า สวัสดีตอนเช้ า Selamat Tengah Hari อ่านว่า เซอลามัต-เตองะ-ฮารี แปลว่า สวัสดีตอนกลางวัน
Selamat Petang อ่านว่า เซอลามัต-เปอตัง แปลว่า สวัสดีตอนเย็น Selamat Malam อ่านว่า เซอลามัต-มาลัม แปลว่า สวัสดีตอนกลางคืน /ราตรี สวัสดิ์ เป็ นยังไงบ้ างคะ ส�ำหรับการกล่าว ค�ำทักทายเป็ นภาษามลายูในครัง้ นี ้ ไม่ยาก เลยใช่ไหมคะ เพื่อนๆ ทุกคนสามารถจดจ�ำ และน�ำไปใช้ ในชีวิตประจ�ำวันกับคนใกล้ ชิด หรื อคนอื่นๆ ดู เพื่อที่จะช่วยพัฒนาภาษา ของเราให้ ดีขึ ้นได้ อีกด้ วยค่ะ แล้ วเราจะรู้ ว่าการเรี ยนรู้ภาษาใหม่ๆ หรื อการน�ำไปใช้ นันเป็ ้ นสิง่ ที่งา่ ยดายมาก อีกทังหากยิ ้ ่งฝึ กฝน มากขึ ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งท�ำให้ เพื่อนๆ เก่งมาก ขึ ้นเท่านัน้ และจะช่วยให้ พฒ ั นาได้ เร็ วขึ ้นอีก ด้ วยค่ะ สุดท้ายนีข้ อให้ทกุ คนโชคดี แล้ว พบกันใหม่ในฉบับหน้าค่ะ
ที่มา : O-N issue 03 | เพราะเราคือเรา
นับ 1 ให้ถึง 10 หรรษาภาษามลายูในฉบับนี ้จะมา ชวนเพื่อนๆ นับเลขเป็ นภาษามลายูกนั นะคะ ซึง่ หลายๆ คนอาจจะนับเลขเป็ น ภาษาอังกฤษหรื อภาษาจีนได้ แต่คราวนี ้เพื่อ เป็ นการต้ อนรับประชาคมอาเซียน เราลอง มาเรี ย นรู้ การนับ เลขเป็ นภาษามลายูกัน ดี กว่า โดยตอนนี ้จะขอเริ่ มการนับตัวเลขจาก เลข 1 ไปจนถึงเลข 10 ก่อนนะคะ ไว้ มีโอกาส คราวหน้ าจะมาสอนเพิ่มเติมค่ะ เพื่อไม่ให้ เป็ นการเสียเวลา เรามาเริ่ มนับตัวเลขเป็ น ภาษามลายูกนั ดีกว่าค่ะ เลข 1 เลข 2 เลข 3 เลข 4 เลข 5 เลข 6
ในภาษามลายู คือ Satu อ่านว่า ซา-ตู ในภาษามลายู คือ Dua อ่านว่า ดู-วา ในภาษามลายู คือ Tiga อ่านว่า ตี-ฆา / ตี-กา ในภาษามลายู คือ Empat อ่านว่า เอิม-ปั ต ในภาษามลายู คือ Lima อ่านว่า ลี-มา ในภาษามลายู คือ Enam
ที่มา : O-N issue 04 | จังหวะชีวิตในห้องสมุด
อ่านว่า เออ-นัม เลข 7 ในภาษามลายู คือ Tujuh อ่านว่า ตู-ญุหฺ เลข 8 ในภาษามลายู คือ Lapan อ่านว่า ลา-ปั น เลข 9 ในภาษามลายู คือ Sembilan อ่านว่า เซิม-บิ-ลัน เลข 10 ในภาษามลายู คือ Sepuluh อ่านว่า เซอ-ปู-ลุหฺ เป็ นยังไงบ้ างคะ การนับเลขใน ภาษามลายูงา่ ยพอๆ กับการนับเลขในภาษา ไทยหรื อภาษาอื่นๆ ที่เคยเรี ยนมาหรื อเปล่า คะ หวังว่าเพื่อนๆ คงจะสนุกกับการ เรี ยนภาษามลายูในบทนี ้กันนะคะ ไว้ เจอกัน ใหม่ในฉบับหน้ าค่ะ และเช่นเดิมก่อนจะจาก กันไป ขอฝากไว้ วา่ ไม่มีอะไรทีย่ ากเกิ นความ พยายามของเราไปได้ ขอให้ตงั้ ใจท�ำอย่าง เต็มที ่ แล้วสักวันเราก็จะประสบความส�ำเร็ จ ได้อย่างแน่นอน สูๆ้ กันต่อไปค่ะ!
นับเลขให้ถึง 20 ในฉบับที่แล้ วเราได้ เรี ยนรู้ ในเรื่ อง ของการนับเลข 1-10 เป็ นภาษามลายูกนั ไป แล้ วนะคะ ดังนันในฉบั ้ บที่ 5 นี ้เราจะมาเรี ยน รู้การนับเลขจาก 11-20 เป็ นภาษามลายูกนั ต่อค่ะ โดย เลข 11 ในภาษามลายู คือ Sebelas อ่านว่า เซอ-เบอ-ลัส เลข 12 ในภาษามลายู คือ Dua belas อ่านว่า ดูวา-เบอ-ลัส เลข 13 ในภาษามลายู คือ Tiga belas อ่านว่า ตีฆา-เบอ-ลัส / ตีกา-เบอ-ลัส เลข 14 ในภาษามลายู คือ Empat belas อ่านว่า เอิมปั ต-เบอ-ลัส เลข 15 ในภาษามลายู คือ Lima belas อ่านว่า ลีมา-เบอ-ลัส เลข 16 ในภาษามลายู คือ Enam belas อ่านว่า เออนัม-เบอ-ลัส เลข 17 ในภาษามลายู คือ Tujuh belas อ่านว่า ตูญหุ ฺ-เบอ-ลัส เลข 18 ในภาษามลายู คือ Lapan belas อ่านว่า ลาปั น-เบอ-ลัส เลข 19 ในภาษามลายู คือ Sembilan belas
อ่านว่า เซิมบิลนั -เบอ-ลัส เลข 20 ในภาษามลายู คือ Dua Puluh อ่านว่า ดูวา-ปูลหุ ฺ ซึ่งหากเราลองสังเกตดูเราจะพบ ว่ารูปแบบหรื อโครงสร้ างของตัวเลข 1119 นันจะมี ้ โครงสร้ างในการนับเลขดังนี ้ค่ะ ตัวเลข + Belas เช่น เลข 13 ก็คือ Tiga Belas หรื อ เลข 15 ก็คือ Lima belas เป็ นต้ น เห็นไหมค่ะว่าไม่ได้ ยากอะไรเลย การที่ เ ราจะสามารถนับ เลขเป็ น ภาษามลายูได้ เพียงแค่จดจ�ำหรื อเข้ าใจ โครงสร้ างของตัวเลขดังกล่าว ในส่วนของ ตัวเลขเต็มสิบ อย่างเช่น 20 30 40 50 60 70 80 90 ก็จะมีโครงสร้ างหรื อรูปแบบของการ นับเลขเป็ น ตัวเลข + Puluh เหมือนอย่าง เช่น เลข 20 ก็คือ Dua Puluh หรื อ เลข 30 ก็ คือ Tiga Puluh เป็ นต้ น ซึง่ โครงสร้ างหรื อรูป แบบในการนับตัวเลขก็จะคล้ ายๆ กันไปแบบ นี ้ค่ะ ไว้ มีโอกาสใหม่ในคราวต่อไป เรา จะมาเรี ยนรู้ การนับตัวเลขเป็ นภาษามลายู ในจ�ำนวนที่ขึ ้นมากกว่านี ้นะคะ ส�ำหรับใน ฉบับที่ 5 ขอจบเพียงแต่นี ้ สวัสดีคะ่
ที่มา : O-N issue 05 | ไปดีมาดี
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ สวัสดีเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่ง ความรัก เดือนที่อบอวลไปด้ วยอุน่ ไอแห่ง ความรักและความสุขส�ำหรับคนที่มีความรัก ให้ แก่ตนเองและผู้อื่นๆ ในช่วงเดือนนีจ้ ึงอาจจะท�ำให้ โลก ของใครบางคนมีแต่สีชมพูเต็มไปหมด ใน ขณะเดียวกันก็อาจจะท�ำให้ คนโสด (รวม ถึงผู้เขียนด้ วย) อิจฉาตาร้ อน แกมหมัน่ ไส้ เพราะเราเป็ นคนไม่มีคเู่ หมือนอย่างใครเขา ดังนัน้ เพื่อต้ อนรับเดือนแห่งความ รัก เราจึงจะมาสอนให้ เพื่อนๆ พูดค�ำว่า “สุขสันต์ วันวาเลนไทน์ ” เป็ นภาษามลายู กันค่ะ โดยในภาษามลายูค�ำว่า “สุขสันต์ วันวาเลนไทน์” จะเขียนว่า "Selamat merayakan Hari Valentine" อ่านว่า เซอ ลามัต เม อรายากัน ฮารี วาเลนตีน ซึง่ เพื่อนๆ สามารถน�ำประโยคเหล่านี ้ไปใช้ พดู ได้ โดยทัว่ ไป และเพื่อเป็ นการเฉลิมฉลองเดือน แห่งความรัก ทางเราจึงมีสงิ่ พิเศษมาน�ำ เสนอให้ แก่เพื่อนๆ อีกเล็กน้ อย เผื่อว่าวัน หนึง่ เพื่อนๆ อาจจะอยากน�ำค�ำเหล่านี ้ หรื อ ประโยคเหล่านี ้ไปใช้ กบั คนที่เรารัก ค�ำแรกคือ ค�ำว่า 'Sayang' อ่านว่า ซายัง แปลว่า 'รั ก' หรื อ 'ที่รัก' (ซึง่ เพื่อนๆ
สามารถน�ำไปเรี ยกแทนชื่อแฟนของเราก็ได้ ค่ะ (คล้ ายๆ กับเวลาเราเรี ยกแฟนของเรา ว่าที่รักในภาษาไทยนัน่ เอง) ประโยคบอกรัก "Saya kasih kamu" อ่านว่า ซายา กาซิห์ กามู แปลว่า ฉัน รั กคุณ เพื่อนๆ ลองน�ำประโยคเหล่านี ้ไป ใช้ ดนู ะคะ และขอให้ ทกุ คนสมหวังในความ รักค่ะ ส�ำหรับใครที่มีคแู่ ล้ วก็ขอให้ มีความ สุขมากยิ่งขึ ้นในเดือนนี ้ และส�ำหรับใครที่ยงั ไม่มีคู่ ก็ขอให้ เจอเนื ้อคูใ่ นเร็ ววันค่ะ และสิ่ ง สุด ท้ า ยที่ อ ยากจะฝากไว้ ก่ อ นจากกัน คื อ การแสดงออกถึ ง ความรั ก ต่อคนที่เรารัก ไม่จ�ำเป็ นที่จะต้ องรอให้ ถงึ วัน วาเลนไทน์ เราสามารถแสดงให้ เขาเห็นถึง ความรักที่เรามีตอ่ เขาได้ ในทุกๆ วันค่ะ ความ รักเกิดขึ ้นได้ ในทุกๆ วัน เช่นเดียวกันกับที่เรา สามารถบอกรักคนข้ างกายได้ ในทุกๆ วัน ไม่เฉพาะแค่แฟน หรื อเพื่อนๆ เท่านัน้ แต่ยงั หมายรวมไปถึงพ่อแม่ ปูยา่ ตายาย และคน อื่นๆ ด้ วยค่ะ และที่ส�ำคัญอย่าลืมที่จะบอก รักตัวเองในทุกๆ วันที่ตื่นนอนด้ วยนะคะ เพราะตัวเราเองคือคนที่เราต้ องรักและดูแล อย่างดีที่สดุ รั กคนอื่นได้ แต่ ต้องไม่ ลืมที่ จะรั กตัวเองด้ วยเช่ นกันค่ ะ
ที่มา : O-N issue 06 | with love, girl band, you rock!
มาจากที่ไหนคะ? วั น นี ห้ รรษาภาษามลายู ข อน� ำ เสนอบทสนทนาภาษามลายูงา่ ยๆ เป็ นเรื่ อง เกี่ยวกับการถาม-ตอบ ว่าคุณเป็ นคนที่ไหน หรื อมาจากไหนค่ะ เผื่อเพื่อนๆ จะลองน�ำ ไปใช้ ถามคนข้ างบ้ านดูวา่ เขาเหล่านันมี ้ ภูมิล�ำเนาหรื อมีบ้านเกิด หรื อเป็ นคนจังหวัด ไหน เป็ นต้ นค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ คงจะสนุกกับ การได้ เรี ยนรู้บทสนทนาในตอนนี ้นะคะ "Selamat pagi, Nama saya Mari. Siapa nama kamu?" อ่านว่า เซอ ลามัต ปากี, นามา ซายา มารี . ซีอาปา นามา กามู แปลว่า "สวัสดีตอนเช้ าค่ ะ, ชื่อฉันมา รี ค่ะ คุณมีชื่อว่ าอะไรคะ?" "Selamat pagi, Nama saya Haris." อ่านว่า เซอลามัต ปากี, นามา ซายา ฮารี ส แปลว่า "สวัสดีตอนเช้ าครั บ, ชื่อผมฮารี สครั บ" "Kamu datang dari mana?" หรื อจะใช้ วา่ Kamu dari mana ก็ได้ อ่าน ว่า กามู (ดาตัง) ดารี มานา แปลว่า "คุณมา จากทีไ่ หนคะ?" "Saya datang dari Bangkok. Dan kamu berasal dari mana?" อ่านว่า
ซายา ดาตัง ดารี บางกอก ดาน กามู เบอร อาซาล ดารี มานา? แปลว่า "ผมมาจาก กรุ งเทพครั บ แล้ วคุณล่ ะมีภมู ลิ �ำเนาเดิม มาจากทีไ่ หนครั บ?" "Saya berasal dari wilayah Pattani." อ่านว่า ซายา เบอรอาซาล ดารี วี ลายะ ปั ตตานี. แปลว่า "ฉันมาจากจังหวัด ปั ตตานีค่ะ" "Ok. Selamat berkenalan Mari." อ่านว่า โอเค เซอลามัต เบอรเกอนาลัน แปล ว่า "โอเคครั บ ยินดีทไี่ ด้ ร้ ู จักครั บมารี " "Sama-Sama" อ่านมา ซามา ซา มา แปลว่า "เช่ นเดียวกันค่ ะ" "Terima kasih. Selamat tinggal dan Nanti jumpa lagi." อ่านว่า เตอรี มา กา ซิหฺ เซอลามัต ติงกัล ดาน นันตี จุมปะ ลากี. แปลว่า "ขอบคุณครั บ ลาก่ อนและค่ อย เจอกันใหม่ " "Ok Bye Bye. sampai jumpa lagi" อ่านว่า โอเค บายบาย ซัมไป จุมปะ ลากี แปลว่า "โอเคค่ ะ ลาก่ อน จนกว่ าจะ พบกันใหม่ " ค่ะ
ที่มา : O-N issue 07 | ในโลกอีกใบที่ ใช้ ใจบันดาลแรง
ก่อนจากอย่าลืมนะคะ DO NOT JUDGE A BOOK BY ITS COVER. เพราะหน้านอกบอกความ งาม หน้าในบอกความดี ส่วนหน้าทีบ่ อกความสามารถ - Faraway -
"Ok Bye Bye. sampai jumpa lagi" อ่านว่า โอเค บายบาย ซัมไป จุมปะ ลากี แปลว่า "โอเคค่ ะ ลาก่ อน จนกว่ าจะพบกันใหม่ " ค่ะ - ณ ทรายขาว [ Columnist : Another Language ]