one year o-n
THE OWNER บทสัมภาษณ์ : กอง o-n ช่างภาพหลัก : ชยุตม์ พระสงฆ์ ออกแบบปกนิตยสาร : กมนนัทธ์ ค�ำดา
- ALL CREATORS ARE DREAMERS { September 2014 - August 2015 }
one year o-n
[ one year o-n ] คือ โปรเจกต์เล็กๆ ที่รวบรวมเนื้อหาแต่ละคอลัมน์ของนิตยสาร o-n ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาให้มาอยู่ ในที่แห่งเดียวกัน
THE OWNER คือ คอลัมน์หลักของนิตยสาร o-n หรือ Owneration Magazine ที่มีความเชื่อว่า 'All Creators Are Dreamers' นักสร้างสรรค์ทุกคนล้วนเคยเป็นนักฝันมาก่อน
ที่มา : O-N issue 01 | เราไม่ ใช่คนกู้ โลก
จะดีไหม..จะเราสามารถแปรเปลีย่ น สิง่ ของทีใ่ ช้ แล้ ว น�ำมาใช้ ใหม่ ในรูปแบบใหม่ๆ วันนี ้เราได้ มโี อกาสนไปนัง่ พูดคุยกับ สาวน้ อยคนหนึง่ เจ้ าของแบรนด์สินค้ าที่เข้ า ข่ า ยว่า เป็ นสิ น ค้ า รั ก ษ์ โ ลก แต่ร ะหว่า งบท สนทนาของเรานัน้ เธอกลับบอกกับเราว่า “ เราไม่ได้คิดว่าเราเป็ นคนกูโ้ ลก ” สาวน้ อยที่ออกตัวตังแต่ ้ ต้น บอกว่า ตัวเอง “เรี ยนไม่เก่ง” เป็ นลูกคุณหนู ไม่ได้ เรี ยนมหาวิทยาลัยจบตามก�ำหนด ท�ำงานที่ แรกก็ ยั ง โดนไล่ อ อกอี ก แต่ สุ ด ท้ ายเธอก็ สามารถฝ่ าฟั นอุปสรรคปั ญหาต่างๆ จนสร้ าง แบรนด์เป็ นของตัวเองได้ ในวันนี ้ แพร ฉัตรพร นิ ล ธรรมชาติ อายุ 27 ปี เจ้ า ของแบรนด์ RE+PAIR --------------------------จุดก�ำเนิดของ RE+PAIR เกิดขึ ้นตอนธีสทิ เราก็เสนอหัวข้ อไป “ตัวเรื อนนาฬิกาจากของเหลื อใช้” เราชอบ นาฬกิ า เลือกท�ำอะไรทีเ่ ราอินละกัน กอ่ นหน้ า นันเราก็ ้ นกึ ว่าเราจะท�ำอะไรดี เราก็คดิ ว่า “เรา ไปห้าง ห้างมันมีทกุ อย่าง แล้วเราชอบอะไร?” ก็คดิ แค่นี ้แล้ วเราก็พบว่าเราชอบนาฬิกา เรา เป็ นคนเหมื อ นพ่ อ ที่ ช อบเก็ บ นู่ น เก็ บ นี่ ม า ดัดแปลงใช้ เราก็เลยรู้สกึ ว่าถ้ าท�ำสายนาฬกิ า จากของที่มีอยูแ่ ล้ ว มันก็ดีเนอะ แต่จะท�ำจาก อะไรได้ บ้าง เราก็เลยคิดถึงยางรถยนต์ ตัดยาง ในเป็ นหนังยางสีด�ำธรรมดามาท�ำเป็ นสาย แล้ วเอาหัวตัวเรื อนมาใส่ พอไปส่งอาจารย์
อาจารย์ ก็บอกว่าคิดน้ อยไป ดูเหมื อนงาน ประดิษฐ์ ให้ ไปดรอป เราก็ไปดรอป แล้ วเราก็ ลงเรี ยนอีกเทอม เราอยากจะลองอีกสักตัง้ ตอนนัน้ เฟลมัย้ ? โห เฟลมากกก มันวางแผนไว้ หมด แล้ ว เตรี ยมสมัครงาน เตรี ยมอะไรไว้ แล้ ว ก็ โทรมาร้ องไห้ กบั แม่ แม่ก็บอกไม่เป็ นไร เราก็ เออ..ท�ำต่อ แล้ วเรารู้ สกึ ว่าเทอมนันที ้ ่เราอยู่ คนเดียว เราได้ อะไรเยอะมาก เพราะอยูก่ บั ตัว เองเยอะขึ ้น จริ งๆ อาจารย์มองว่าเราท�ำอะไร ทีม่ นั มีอยูแ่ ล้ วในท้ องตลาด มันเลยเปิ ดโลกเรา “เออ เราท�ำอะไรได้บา้ งนอกจากสายยางแบบ นัน้ ?” และไอเดี ย แรกมาจากเราไปกิ น ก๋วยเตี๋ยว ฝนตก ต้ องรอฝนหยุด ที่ร้านมีขวด น� ้ำทีเ่ ป็ นขวดแก้ ว แล้ วใช้ นิ ้วเกี่ยวฝาเปิ ดขึ ้นมา เราก็นงั่ มอง “คนก็เอานิ้ วเกี ย่ ว แล้วก็ทิ้งแล้ว มันหมดค่าแล้วเหรอ?” เราก็เริ่มเก็บตรงนันมา ้ มันมีของเยอะที่มนั โดนทิ ้งโดยที่ยงั ไม่หมดค่า ของมัน หลังจากนันก็ ้ เป็ นโรคจิต เริ่ มมองถัง ขยะ แล้ วสรุ ปเทอมสุดท้ ายเป็ นอย่ างไร? โอเคเลย เราก็เอาฝาขวดน� ้ำมาเย็บ ติดกับยางยืด จริ งๆ ท�ำทังหมด ้ 3 แบบ มีเป็ น ฝาขวด โซ่มอเตอร์ ไซค์ กระดาษกล่องนม คือ เรารู้สกึ ว่าเราต้ องเริ่ มตังค� ้ ำถาม เราว่ า creative มั น มาจากการตั้ ง ค� ำ ถาม แล้ ว พยายามตอบโจทย์ ให้ ได้ แล้ วก็ เริ่ มเป็ น RE+PAIR ขึ ้นมา ส่งอาจารย์แล้ วก็ผา่ น
พอกลับมากรุงเทพ มีงานปล่อยแสง ที่ TCDC เราก็ตดิ ต่อขอเข้ าไปโชว์ 100 ผลงาน ของนักศึกษาจบใหม่ ได้ รับผลตอบรับดีมาก เรื่ อง Green เรื่ อง ECO มันมาพอดี แล้ วเรา เป็ นคนเดียวในนัน้ ที่ท�ำ คนก็มาสัมภาษณ์ เยอะ ได้ ลงนิตยสาร เลยได้ ต่อยอดวางขาย จริ งใน shop TCDC ด้ วย ย้ อนกลับไปพืน้ ฐานชีวติ วัยเรี ยน เ ร า จ บ จ า ก ค ณ ะ วิ จิ ต ร ศิ ล ป์ ม.เชียงใหม่ เพราะเอนท์ไม่ติดจุฬา เราเรี ยน เซนโยเซฟคอนแวนต์ เราเป็ นคนเรี ยนไม่เก่ง แต่โดนเพือ่ นบิ ้วท์ เราก็เลยเลือกจุฬา 3 อันดับ อัน ดับ สุด ท้ า ยไม่ร้ ู จะเลื อ กอะไร เลยเลื อ ก มช.เป็ นติง่ ไว้ และคิดว่าถ้ าติดคงไม่ได้ ไปเรียน และเราก็ติดอันดับสุดท้ าย ติดคะแนนต�่ำสุด ของคณะด้ วยนะ แม่เลยบอกให้ เราไปเรี ยน ABAC แต่เรากลับรู้สกึ ว่าสังคมมันเหมือนโรง เรี ยนเลยอะ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คนขับรถ ไปรับไปส่ง เราก็ไปเรี ยนได้ แค่ 5 วัน เรารู้สกึ ไม่ตา่ งอะไรกับ 12 ปี ที่ผา่ นมาเลย ลูกช้ างเชือกใหม่ กลับ บ้ า นมาเย็ น วัน นัน้ เราได้ รั บ โปสการ์ ด จาก มช. “ยิ นดีตอ้ นรับลูกช้างเชือก ใหม่ มี รบั น้องรถไฟอีก 2 อาทิ ตย์” เราก็เลย ไม่ไปเรี ยนเอแบคละ ก็เลยไปเรี ยน มช. แล้ ว รู้สกึ ว่าได้ อะไรเยอะมากจากการไปเรี ยนต่าง จังหวัด ข้ อเสียอาจจะเป็ นเราไม่ร้ ูจกั ใคร แต่ ข้ อดีเหมือนได้ เริ่ มชีวิตใหม่ ต้ องท�ำอะไรด้ วย ตัวเองทุกอย่าง ได้ เจออะไรที่แบบมันคือโลก จริ งๆ ตอนแรกไปถึงเราร้ องไห้ แล้ วคณะเรา
รับหนักมาก เราเป็ นคนไม่เคยไกลบ้ าน ตอน นันโทรกลั ้ บมาบ้ าน ได้ ยินเสียงคนที่กรุ งเทพ ไม่ได้ ร้ องไห้ ตลอดเกือบเดือน พอหลังจากนัน้ ก็ร้ ูสกึ สบาย ไม่อยากกลับบ้ านเลย (หัวเราะ) ท�ำไมต้ อง RE+PAIR? RE คือการ rethink คิดใหม่ เปลี่ยน สิ่งเดิมๆ ที่เคยเห็นให้ มีฟังก์ชนั่ ใหม่ๆ ที่แตก ต่างจากเดิม PAIR คือชื่อของแพร ซึง่ เราจะ ออกแบบงานที่มาจากความชอบของตัวเรา เอง ชีวติ งานประจ�ำ ตอนจบมา เราคิดว่าเราไม่อยากขอ เงินแม่แล้ ว ตอนแรกไม่คดิ ว่าชอบไม่ชอบ คิด ว่าให้ ได้ ตงั ค์ก่อน ท�ำงานที่แรกเดือนเดียว เรา ก็โดนไล่ออก เราท�ำกราฟิ ก เขาเรี ยกเราไปคุย แล้ วถามว่า “แพรมีอะไรจะพูดไหม?” แล้ ว บอกว่าศุกร์ หน้ าท�ำวันสุดท้ ายแล้ วไม่ต้องมา ท�ำแล้ ว และยังบอกอีกว่า “เขาไม่ร้ ู ว่ารับเรา มาได้ ยงั ไง” เป็ นค�ำที่เจ็บมาก กับเด็กจบใหม่ โอ้ โห กลับมาร้ องไห้ เลย ค�ำถามเกิดขึ ้นเยอะ มาก เหมือนคนอกหัก เราก็เลยรู้สกึ ว่าเราผิด ปกติอะไร ในแพทเทิร์นปกติ คนส่วนใหญ่ ท�ำได้ ท�ำไมเราท�ำไม่ได้ ตังแต่ ้ เรี ยนเกินแล้ ว เราเป็ นคนเดียวที่อาจารย์ให้ ไปดรอป เราคิด ว่า “ท�ำไมเราโง่ขนาดนันเลยเหรอ?” ้ งานเรา อาจารย์ก็ไม่ได้ ชอบอะไร แต่พอมา TCDC แล้ วเขาชอบมาก เราก็รู้สึกว่าความไม่ทอ้ มัน จริ ง อะไรทีไ่ ด้มาง่ายๆ มันไม่ดี อะไรทีไ่ ด้มา ยากนัน่ แหละดี ตอนนีก้ ็พดู ได้ เพราะผ่านมา แล้ว แต่ตอนนัน้ ต้องใช้พลังงานสูงมาก
เราท�ำงานประจ�ำแล้ วเราไม่แฮปปี ้ เราก็เลยมานัง่ คิดว่าเราแฮปปี ต้ อนไหน เราก็ รู้ ว่ า เราได้ นั่ ง เอาขยะมากองแล้ วท� ำ งาน ประดิษฐ์ ต่อให้ ไม่ได้ ตงั ค์ เราก็จะไม่ทิ ้งมัน เรา สนุก แล้ วก็ตงใจจะท� ั้ ำคูก่ บั งานประจ�ำ แล้ ว ตังใจว่ ้ าถ้ าท�ำเงินจาก RE+PAIR ได้ จากงาน ประจ�ำ เราจะลาออกทันที พอ RE+PAIR เริ่ ม โอเค เราก็ลาออก ท�ำงานประจ�ำอยูท่ งหมด ั้ 3 ที่ งานประจ�ำแม่งไม่ใช่เรา คือ เราเอาเวลาเรา ทังเดื ้ อน และสุขภาพจิตทังหมด ้ ไปแลกกับ เงินหมื่นกว่าบาท แค่นนเองเหรอ ั้ จุดเริ่มต้ นของล�ำโพง RE+PAIR ตอนจบมาใหม่ๆ เราก็ อี เ มลล์ ไ ป สมัครงานกับ ดร.สิงห์ อินทรชูโต (เป็ นอาจารย์ ที่เก่งด้ าน ECO) ทังที ้ ่ไม่ร้ ูวา่ จะได้ ท�ำอะไร แต่ อยากอยูใ่ กล้ เผื่อได้ อะไรบ้ าง (หัวเราะ) แล้ ว เขาก็ตอบมาว่า เขาไม่มีงานประจ�ำนะ แต่เขา มีเพื่อนเปิ ดร้ าน ECO shop ที่สยาม คือ คุณ ท๊ อป เราก็เลยเอานาฬิกากล่องนมไปคุย เขา ชอบ เลยให้ ทำ� ไป 3 เรื อน รู้สกึ ว่าท�ำยาก ก็เลย ตังราคา ้ 1,200 บาท ซึง่ เราก็คดิ ว่าไม่ค้ มุ เลย วางไว้ 3 เดือน ขายไม่ได้ เลยสักเรื อน เขาบอก ว่าคนมาดูเยอะ ชอบไอเดีย แต่ราคามันแพง ไป เราก็เอาปั ญหานี ้ไปคุยกับ TCDC เราก็เลยได้ โจทย์ใหม่ “ลองคิดอะไรที่มนั ท�ำ ง่ายขึ ้น เข้ าถึงคนมากขึ ้น ราคาไม่สงู แล้ วเรา ผลิตได้ เยอะขึ ้น” ตอนนันเราไม่ ้ ได้ ยึดติดกับ นาฬิกา เลยคิดใหม่ว่าอยากได้ อะไรอีกบ้ าง พอได้ ไปเทีย่ วต่างจังหวัด เราชอบฟั งเพลง แต่ เดินออกไปนอกโรงแรมไม่ได้ ก็เลยอยากท�ำ
ล�ำโพงขึ ้นมา ที่ไม่ต้องใส่ถ่าน ไม่ต้องใช้ ไฟฟ้า ตามหาล�ำโพงที่บ้านหม้ อ กลับมาเราก็เลยปรึกษาคนรอบตัว เพราะเราไม่ร้ ูเรื่ องอิเล็กทรอนิกเลย แล้ วก็ได้ รู้จกั บ้ านหม้ อ มันเป็ นซอยทีข่ ายทุกอย่าง ขาย ล�ำโพงตู้มๆ เราก็เลยเรียกตุ๊กๆ ไปเลยคนเดียว ใช้ เวลาเดินอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ตอนนัน้ เราก็ไม่ร้ ู ศพั ท์ เราก็กลับมาท�ำการบ้ าน ต้ อง เรียนรู้ตอนหน้ างาน เหมือนหลุดเข้ าไปอีกโลก ค่อยๆ เรี ยนรู้ 2-3 เดือนถึงจะท�ำไปให้ TCDC ดูได้ เขาชอบ เขาบอกว่ามันดูดีวา่ นาฬิกานะ เราก็มาหาที่ใส่ล�ำโพง และแกนลอนนมที่แม่ ดื่มนมหมดแล้ วคือล�ำโพงตัวแรกของเรา ล�ำโพงแบบไหนชอบที่สุด? จริ ง ๆ ก็ ช อบทุ ก อั น เพราะเรา ออกแบบจากความชอบของเรา เรารู้สกึ ว่าทุก อย่างที่เราท�ำ เราจะถามตัวเองก่อนว่า “ถ้ามี คนขาย เราจะซื ้อมัย้ ?” ถ้ าไม่ผา่ นค�ำถามนี ้ ก็ อย่าท�ำออกมาขาย มันเหมือนเป็ นการเชค พอ เราเริ่ มท�ำแบบนี ้ มันก็ดีขึ ้น กลุ่มลูกค้ า ตอนแรกเราไม่ได้ คิดเลย เราคิดแค่ ว่า “ถ้ าเราซื ้อ คนอื่นก็นา่ จะซื ้อ” แล้ วก็เริ่มเช็ค กลุม่ ลูกค้ าตอนขายไปสักพัก ต่างชาติก็ชอบ แล้ วก็มีวยั รุ่น แล้ วก็คนที่ชอบอะไรที่ ECO
นอกจากล�ำโพง RE+PAIR มีอะไรอีก? ก็เริ่ มพัฒนาเป็ นโคมไฟ แต่ตอนนี ้ หลักๆ ก็ยงั เป็ นล�ำโพงอยูน่ ะ เราก็เริ่ มท�ำเป็ น แนวธุรกิจ เราก็เข้ าโครงการไปเรื่อยๆ ทีไ่ ม่ต้อง เสียเงิน เช่นโครงการของกรมส่งเสริ มการส่ง ออก โครงการ Talent Thai แล้ วปลายปี ที่แล้ ว ก็ได้ ไปออกแฟร์ ที่ฝรั่งเศส ก็เอาล�ำโพงไปวาง ใครสนใจ เราก็ขาย มีเจ้ าหนึง่ เข้ ามาสัง่ เขา บอกว่าอยากได้ 3,000 ชิ ้น จุดเปลี่ยนของการท�ำแบรนด์ RE+PAIR คือตอนไปออกแฟร์ ทฝี่ รั่งเศส คนสัง่ มาเยอะ เขาบีบเรา เรารู้สกึ เริ่ มไม่สนุกแล้ วอะ มันเขาลู้ปธุรกิจ เริ่มตังค� ้ ำถาม กลับมามองตัว เองอีกรอบนึง ว่า ”เราท�ำอะไรอยูว่ ะ?” ECO ในแบบเราคืออะไร? เราก็มองว่ามันคือการลด แล้ วการเป็ นนักออกแบบ คือ การออกแบบ อะไรที่ไม่จ�ำเป็ นขึ ้นมาให้ คนอยากได้ มีหน้ าที่ คือกระตุ้นต่อมอยากได้ มันคือการเพิ่มใช่ปะ แต่ ECO มันคือการลด แล้ วเราก็ได้ คำ� ตอบว่า เราอยากไปลองใช้ ชีวิตที่เรี ยบง่ายเพื่อเรี ยนรู้ ดูบ้างว่า ECO ในนิยามจริ งๆ มันคืออะไร ก็ เลยลองไปเข้ าคอร์ สเอาจริ งที่พนั พรรณของพี่ โจน จันใด ที่เชียงใหม่ ไปอยู่ 20 กว่าวัน ไปพันพรรณ พอลองไปอยู่ ก็เลยรู้ ว่า ECO คือ ต้ องการฟั งชั่นจริ งๆ การพึ่งพาตนเอง เงิน ไม่ใช่เรื่ องส�ำคัญ อยูโ่ ดยไม่ใช้ เงิน แล้ วเขาอยู่ กันยังไง? เราก็เริ่มตังค� ้ ำถามก่อนไป พอเราไป เราก็ร้ ู ว่าเขาอยู่กันได้ ชีวิตก็เริ่ มง่ายขึน้ เลย
จากตอนแรกที่อยากให้ ล�ำโพงขายได้ เยอะๆ แล้ วเอาเงินไปไหนวะ เอาเงินไปซื ้อความสุข เหรอ แล้ วเรามีความสุขเลยตอนนี ้ก็ได้ ECO คือการมีแค่นนั ้ แล้ วก็ใช้ แค่นนั ้ มันก็คือการ เริ่มที่ตวั เรา ที่ใจเรา ว่าเราเริ่มเห็นปั ญหา แล้ ว เราเริ่ มลด และของที่จ�ำเป็ นกับชีวิตเราก็แค่ ปั จจัยสี่ เราสร้ างเองได้ อย่างตอนนี ้เรากลับ มาสร้ างบ้ าน เริ่มรู้สกึ “ถ้ าสร้ างบ้ านได้ ยังต้ อง กลัวอะไรอีก” ตอนกลับมา RE+PAIR เราแทบ จะทิ ้งเลย เราท�ำในสิ่งที่เราอยากท�ำ เราว่า ชีวิตคือการทดลอง หลังที่เรากลับมาจากพัน พรรณ เรามีความสุขมาก เมื่ออุปกรณ์ การผลิตไม่ พอ? ตอนแรกท�ำจากสิง่ ที่มี พอมันไม่พอ ก็เริ่ มซื ้อ เรารู้ สึกขัดมาก รู้ สึกว่าเราต้ องปิ ด รู้ สกึ แย่มาก งันเราพรี ้ เซนต์ไปทางด้ านไม่ใช้ พลังงานก็แล้ วกัน แล้ วบอกว่าเราซื ้ออุปกรณ์ มา เราก็โล่งมาก (หัวเราะ) เราไม่ ได้ คดิ ว่ าเราเป็ นคนกู้โลก เราแค่เก็บของที่เหลือใช้ มาท�ำ แต่ พอเราออกไปสูส่ ายตาประชาชน คนก็มองเรา ว่าเรารักษ์ โลกร้ อน ตอนแรกเราก็หลงไปเป็ น แบบนัน้ โดยที่ไม่เป็ นตัวของตัวเอง แต่พอเริ่ ม อินเข้ าไป เราก็ร้ ู ว่าเราไม่ใช่ เราไม่ได้ ECO ขนาดนัน้ เรารู้ สึก ว่ า เวลาท� ำ อะไรในชี วิ ต ประจ�ำวันได้ โดยไม่ฝืน มันจะดี เริ่ มหาสมดุล ของชีวติ ตัวเอง พยายามไม่ยดึ ติดกับอะไร ได้ จากพันพรรณมาเยอะมาก เรารู้ สึกตัวเอง เปลีย่ นไปเลย เราไม่อยากตอบอะไรไปเท่ๆ แต่ ท�ำไม่ได้
คิดว่ า RE+PAIR ประสบความส�ำเร็จไหม?
สมดุลในชีวติ ตอนนี ้ คือ. . .
เราคิ ด ว่ า มัน เดิ น ต่ อ ไปได้ เ รื่ อ ยๆ ตอนเรี ยนเราเคยอยากมีของขายใน Loft แค่ นันก็ ้ เจ๋ง เราก็มีขายแล้ วอะ เราเคยอยากไป ออกแฟร์ เมืองนอก เราก็ได้ ไปแล้ ว แล้ วจะเอา อะไรอีก เป้าหมายตอนนี ้คือเราอยากช่วยคน ถ้ าให้ ตอบจริงๆ อะ “แพรอยากท�ำให้ มนั เล็ก ลงค่ ะ” เรารู้ สึกว่าใหญ่ โตมันไม่ตอบโจทย์ ความสุ ข แต่ ก่ อ นเราเป็ นคนที่ คิ ด ไกล RE+PAIR จะต้ องเป็ นโรงงาน แต่ตอนนี ้เรา คิดแค่วนั นี ้ เราอยากท�ำให้ มนั เล็กๆ ท�ำให้ มนั ดีฟขึ ้น ละเอียดขึ ้น เราเป็ นคนบ้ าอะไรแล้ วบ้ า สุด อย่างเราวาดรูป เราก็วาดรูปทุกวัน วาด อะไรก็ได้ ขอให้ ได้ วาด พอเวลาวาดรูป เราจะ เขียนวันทีไ่ ว้ แล้ วพอมาเทียบกับการวาดตอน นี ้ มันพัฒนาขึน้ มันคือประสบการณ์ จริ งๆ ค่อยๆ ท�ำ แล้ วค่อยๆ ดีขึ ้น
ใช้ ชีวิตแบบประหยัด คิดมากขึน้ ก่อนจะซื ้อ ก่อนจะซื ้อ คิดว่ามันจะไปอยูส่ ว่ น ไหนของบ้ าน ใช้ ได้ กี่ครัง้ เรารู้สกึ ว่าบางทีซื ้อ ของเต็มบ้ าน มันเหมือนเป็ นการสะสม มีอะไร ที่ยดึ ติดเยอะขึ ้น ท�ำให้ เราปล่อยวางยาก เรา ก็เลยตัดที่ต้นเหตุ แล้ วเราก็ท�ำอะไรที่เราชอบ สิ่งที่เราอยากท�ำ แล้ วเราก็เตรี ยมตัวตายทุก วัน โดยถามตัวเองว่า “ถ้าพรุ่งนีต้ าย วันนีเ้ รา จะท�ำอะไร?”
ความคิดทื่แตกต่ างกันในครอบครั ว เขาอยากให้ เราไปท�ำธุรกิจรถของครอบครัว แต่เรารู้ สกึ ว่ารถโคตรโลกร้ อนเลย ที่บ้านเรา ค่อนข้ างมีเงิน แต่เรากลับรู้สกึ ว่าเขาไม่คอ่ ยมี ความสุขเท่าไหร่ ตอนนี ้ตาเริ่ มรวย สร้ างตึก แต่ละคนอยูก่ นั คนละชัน้ แทบไม่ได้ เจอกันเลย พอเราเริ่ มท�ำบ้ านดิน เขาก็เลิกชวน แล้ วบอก ว่า “ไอแพรหลุดไปแล้ ว!” เรารู้สกึ ว่าธุรกิจสืบ ต่อรุ่ นต่อรุ่ นเราไม่เห็นด้ วย เราคิดว่าต้ องให้ อิสระในการคิด ให้ ชว่ ยเหลือตัวเองได้ ตอนนี ้ เขาก็เข้ าใจนะ เขาก็รับฟั ง
มีเพื่อนที่คุยกันได้ ทกุ เรื่ องไหม? แอมป์ เป็ นเพื่ อ นสนิ ท เราตัง้ แต่ โรงเรียน เราเป็ นคนกิจกรรมเยอะ แต่แอมป์ไม่ ค่อยท�ำกิจกรรม แต่พร้ อมร่วมกิจกรรมกับเรา เสมอ เราสร้ างบ้ านดิ นแอมป์ก็มาช่วย เรารู้สกึ ว่าสังคมคนที่มาช่วยสร้ างบ้ านดินที่บ้านเรา เป็ นอะไรที่ดีมาก มันเป็ นพันพรรณได้ เลย ทุก คนมาช่วยกันจริงๆ มีอะไรก็คยุ กัน เราได้ อะไร เยอะมากจากหลายๆ คน ปกติเขาให้ ฝากกัน พี่แพรอยากฝากอะไร กับคนรุ่ นใหม่ ? อย่าท้ อ อันนี เ้ ป็ นค�ำที่ตาสอนเรา “อยากท�ำอะไร ท�ำเลย” ส่วนใหญ่ คนคิด เยอะมักจะไม่ได้ ท�ำ เพราะความกลัว รู้เยอะ แล้ วก็เลยไม่ทำ� ดีกว่า เราเป็ นพวกคิดน้ อยแล้ ว ท�ำเลย มันอาจจะไม่เพอร์ เฟค พอท�ำ อาจจะ เจอปั ญหา เราก็คอ่ ยๆ ผ่านมันไป เหมือนเรา ซื ้อความรู้ มันก็ค้ มุ เหมือนอย่างท�ำบ้ าน เราก็ เจอปั ญหา ก็คอ่ ยๆ แก้ กนั ไป จะท�ำอะไรมัน
ไม่มีอะไรยากเกินหรอก เคยได้ยินเขาบอกว่า คนจะประสบความส�ำเร็ จ มันห่างกันแค่กา้ ว เดียว คิ ดว่า “อีกนิ ดนึงดิ วะ!” เราอยากจะฝากว่า เป้าหมายคน สมัยนี ้คือ เงิน พอคือเงิน แล้ วชีวิตมันซับซ้ อน ไปหมด อย่าไปเห็นว่าเงินมันใหญ่กว่าเรา คือ เราควบคุมมันได้ ถ้ าเราตัดความโลภได้ ชีวิต เราจะสบายขึ ้นเยอะ แล้ วต้ องคอยเช็คตลอด ว่าเราไม่เบียดเบียนใคร แล้ วเริ่มแบ่งปั นให้ กบั คนอื่น ลองคิดว่าให้ ให้ เยอะ แล้ วรับให้ น้อย ท�ำเท่าที่เราท�ำไหว เริ่ มที่ตวั เรา สังคมมันน่า จะดีขึ ้นนะ “ อยากให้ คนรุ่ นใหม่ เห็นแก่ ตวั ให้ น้อยลง แล้ วเป็ นตัวของตัวเองให้ มากขึน้ ”
ที่มา : O-N issue 02 | ส�ำรวจความคิดผ่านการเดินทาง
ตลอดการสัมภาษณ์ เราเห็นแววตา ความสุขระหว่างทีเ่ ล่าเรื่องการเดินทาง Backpack คนเดียวให้ เราฟั ง จนต้ องเอ่ยปากถาม ว่าเพราะเหตุใด? “ผมดีใจทุกครัง้ ทีม่ ีคนสนใจเรื ่องราว ของผมครับ” เพราะเรื่ องราวของเขาน่าสนใจ จน เข้ า ตาส� ำ นัก พิ ม พ์ แ ห่ ง หนึ่ ง กลายมาเป็ น หนังสือ ‘The Walking Backpack ออกเดิน แล้ ว อย่ าหันหลังกลับ’ นับเป็ นความโชคดีที่ o-n mag มี โอกาสได้ สมั ภาษณ์เขาช่วงทีก่ ลับมาเมืองไทย ระยะสันๆ ้ เพื่อมางานหนังสือแห่งหนึง่ ก่อนที่ เขาจะกลับ ไปเรี ย นคณะวิ ศ วกรรมศาสตร์ สาขาวัส ดุศ าสตร์ มหาวิ ท ยาลัย แห่ ง ชาติ สิงคโปร์ ตอ่ ในเทอมสุดท้ ายที่สงิ ค์โปร์ ถัด จากบรรทัด นี ้ มาร่ ว มส� ำ รวจ ความคิดจากการเดินทางของเขา ปั น้ -จิรภัทร พัวพิพฒ ั น์ เจ้ าของ Facebook Fanpage : The Walking Backpack -----------------------------นิยามการเดินทางสไตล์ walking backpack หน่ อยว่ าคืออะไร? มันคือสไตล์การเดินของผมครับ ผม มองว่าการเดินทางคือการพักผ่อน ที่อาจไม่ ได้ สะดวกสบายเหมือนนอนอยู่ริมชายหาด ทานอาหารอร่อยๆ แต่มนั คือการผจญภัย ไป เจอในสิ่งที่เราไม่เคยเจอ ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่มี
แบบแผน ทุก อย่ า งเกิ ด ขึน้ ตามสภาพของ ธรรมชาติ เป็ นการเปิ ดรับกับสิง่ ใหม่ๆ ทีเ่ ข้ ามา ทุกครัง้ ท� ำ ไมถึ ง เลื อ กการเดิ น ทางโดยไม่ มี แบบแผน? ผมได้ แรงบั น ดาลในจากหนั ง ประเภทผจญภัย ที่ตวั ละครหลักจะไม่มีการ วางแผนชัดเจน แล้ วเนื ้อเรื่ องด�ำเนินไปเรื่ อยๆ ตามการเดินทางตัวละคร ผมเลยสงสัยว่า ถ้ า ไม่วางแผนการเดินทาง จะเกิดสถานการณ์ อะไรเลวร้ ายทีส่ ดุ กับเรา เนือ่ งจากเป็ นการเดิน ทางครัง้ แรก ผมเลยให้ โจทย์ตวั เองไปว่า เรา มีเงิน มีเสื ้อผ้ า ที่เหลือไปหาข้ างหน้ า ทังหมด ้ นี ้มันจะเกิดอะไรขึ ้นกับเรา ประสบการณ์ การเดินทางคนเดียวครั ้ง แรกเป็ นอย่ างไร? ครั ง้ แรกที่ อ อกเดิ น ทางคนเดี ย ว เพราะไม่มีใครไปด้ วย ช่วงนันอยู ้ ใ่ นช่วงสอบ เพื่อนทุกคนก�ำลังยุ่งอยู่กับการอ่านหนังสือ แต่ผมอยากไปเที่ยว ก็ตดั สินใจไปเลย ผมพก ไปแค่ เ งิ น เสื อ้ ผ้ า และความรู้ ว่ า เดิ น ทาง อย่างไร เกาะที่จะไปด�ำน� ้ำอยูท่ ี่ไหน นอกนัน้ ไม่มอี ะไรเลย แต่ทกุ อย่างก็ราบรื่น ได้ ทำ� ในสิง่ ที่ต้องการ และก็ไปเจอเพื่อนเพิ่ม 2 คน ชื่อ คริ ส กับ ซาร่า ทังสองคนนี ้ ้เปิ ดโลกให้ เรารู้วา่ โลก นีม้ ีวฒ ั นธรรมการเดิ นทางอยู่ มันไม่ใช่แค่การ พักผ่อน แต่เป็ นสิ่ งทีท่ �ำให้เรี ยนรู้ชีวิต การเดิน ทางไม่ใช่เรื่ องราวของที่พกั ราคาถูก หรื อการ
ไปถ่ายรู ปกับแลนด์มาร์ ค แต่คือการพบเจอ กับคน การเรียนรู้วฒ ั นธรรมของเพือ่ นร่วมทาง แล้ วเอาประสบการณ์ของทุกคนมารวมๆ กัน ทราบมาว่ าการเดินทางครัง้ แรกจริงๆ คือ ตอนไปเรี ยนที่สิงคโปร์ ซึ่งตอนนั น้ ไม่ มี อาการ homesick เลย เพราะอะไร? ไม่เชิงครับ คือ ผมก็เป็ นเด็กผู้ชาย มี เพื่อนไปด้ วย แต่ที่คดิ ว่าไม่ homesick เพราะ ที่สิงคโปร์ กิจกรรมให้ ท�ำเยอะมาก เรี ยกว่า ตังแต่ ้ ตนื่ จนหลับ ต้ องมีอะไรให้ ท�ำตลอดเวลา เป็ นชาติที่ hyper active มาก คนทีโ่ น่นอยูว่ า่ ง ไม่ได้ ต้ องหาอะไรท�ำตลอดเวลา เช่น เล่นกีฬา จัดกิจกรรม รวมตัวโปรเจกต์แต่ ซึ่งแล้ วแต่ ความสนใจของแต่ละคน ล่ าสุดไปยุโรปมา เป็ นอย่ างไรบ้ าง? เหนื่อยมากครับ ไปมา 9 ประเทศ ประมาณ 20 เมือง ซึง่ ผมยังไม่ได้ นบั เลยว่าไป ทัง้ หมดกี่ เมืองกันแน่ ผมไม่เคยไปยุโรปมา ก่อน เคยอ่านแต่ในหนังสือ ท�ำให้ อยากรู้ ว่า หน้ าตาจริ งของเมืองเป็ นเหมือนอย่างที่เรา อ่านหรื อเปล่า เวลาเดินทางก็ศกึ ษาเส้ นทาง จากแผนที่ แล้ วเดินทางไปเรื่ อยๆ โดยที่ผมก็ ไม่ร้ ูวา่ เมืองต่อไปจะเป็ นทีไ่ หน รู้เพียงว่าเมือง นี ้ติดกับเมืองอะไรเท่านัน้ ทังทริ ้ ป ผมมีแผน อย่างดียว คือผมซื ้อตัว๋ เครื่ องบินราคาถูกล่วง หน้ าจากบาเซโลน่าไปกรุ งโรม จุดเริ่ มต้ นคือ อัมสเตอร์ ดมั มีเวลา 20 วัน หาวิธีอย่างไรก็ได้ ให้ ไปถึงบาเซโลน่า จากนัน้ หาวิธีกลับยังไง ก็ได้ ให้ ไปถึงอัมสเตอร์ ดมั อีกครัง้ รวมทังหมด ้ เป็ นเวลา 45 วัน เป็ นทริ ปที่มหาโหดเลย แต่
รู้สกึ ตืน่ เต้ น สนุกมาก และสิง่ ทีป่ ระทับใจทีส่ ดุ คือการค้ นพบว่า มันเหมือนสิง่ ทีผ่ มคาดเอาไว้ มาก คือ มันเจริญ มีสงิ่ สวยงามมากมาย และ ทุกคนใช้ ชีวิตแบบมีอารยธรรม การเดินทางปั ้นใช้ เงินจากไหน? ส่วนใหญ่ เป็ นเงินจากการท� ำงาน พิเศษของผม ตังแต่ ้ การสอนพิเศษ, งาน parttime, การฝึ กงาน อย่างช่วงนี ้ก็รับถ่ายรูปวัน เสาร์ อาทิตย์ บางส่วนก็จากคุณแม่ครับ ท่าน สนับสนุนให้ ไปเที่ ยว เวลาเดินทางจึงต้ อง จัดสรรเงินในการเดินทางดีๆ อะไรที่ประหยัด ได้ ผมก็จะประหยัดให้ ได้ มากที่สดุ ที่พกั ก็ขอ แบบถูกและปลอดภัยไว้ ก่อน ส่วนเวลาไป ไหนมาไหนก็ เน้ นการเดินเท้ า ปั่ นจักรยาน และก็รถโดยสารสาธาณะ เวลาเราไปเที่ยว ในสมองเราคิดอะไร? ส่วนใหญ่ พยายามเปิ ดรั บและตัง้ ค�ำถามครับ เพราะเราคิดว่าสิง่ ที่น่าสนใจคือ วิถีชีวิตของคน เวลาเห็นวิถีชีวิตคนอื่นจะเกิด ค�ำถามว่า ท�ำไมเขาถึงท�ำแบบนี ้ เขาท�ำอย่าง นันเพราะอะไร ้ เราพยายามเข้ าใจกับมัน ผม เป็ นคนมีค�ำถามในหัวตลอดเวลาครับ แล้ วก็ จะไปถามจากคนรอบข้ างที่พบเจอ ซึง่ จริ งๆ ผมก็ มีความกลัวอยู่นะ แต่ตราบใดที่ เรามี ค�ำถามที่อยากรู้ เราก็ต้องถามเขา อีกอย่าง มันเป็ นวัฒนธรรมอย่างหนึง่ เหมือนกัน ถ้ าคุณ เจอคนอื่น คุณก็ต้องทักทาย คนเดินทางส่วน ใหญ่เป็ นแบบนี ้แหละครับ อยากมีเพื่อนใหม่ อยากรู้จกั วัฒนธรรมคนอื่น
การทักทายท�ำให้ เกิดมิตรภาพระหว่ าง ทาง?
อะไรทีแ่ ตกต่างกับสิง่ ทีเ่ รามีอยู่ ไม่หยุดนิง่ ผม ชอบในความคิดของเขา
ใช่ครับ ผมว่ามันไม่เหมือนเพื่อนที่ เรารู้จกั ตอนมัธยม ประถม แต่ระหว่างการเดิน ทาง มันเป็ นมิตรภาพส�ำหรับการเรี ยนรู้ เขา มาจากไหน ท�ำไมวัฒนธรรมเขาเป็ นแบบนี สิ้ ง่ ส�ำคัญคือเพื่อนที่เจอระหว่างทาง เราอาจไม่ เจอกัน 3-4 ปี แต่กลับมาเจอกันอีกครัง้ เราก็ ยังคุยกันเหมือนเจอกันครัง้ แรก กลับมาแลก เปลี่ยนประสบการณ์
ในหนังสือคริสบอกว่ า การ backpack คน เดียวเป็ นเรื่ องปกติ ปั ้นมองว่ าท�ำไมคน ไทยถึงยังไม่ กล้ าออกไป backpack คน เดียว
สิ่ งทีผ่ มเรี ยนรู้จากการเดิ นทาง คือ การเรี ยนรู้จากเพือ่ น ไม่ว่าจะเป็ นวัฒนธรรม วิ ถีการใช้ชีวิตของเขา ผมเรี ยนรู้ว่าคนทุกคน มีทงั้ แง่ดีและแง่เสียครับ ออกสีเทาๆ มีทงั้ ขาว และด� ำ ผมพยายามมองหาข้อดี ของทุกคน เพราะว่าคนทุกคนมี ทงั้ ดีและแย่ ถ้ าเปรี ยบเทียบการเดินทางเป็ นคนหนึ่ง คน จะเปรี ยบเทียบเป็ นใคร? (นิง่ คิด) ผมชอบผู้ชายคนหนึง่ ชือ่ ว่า Sir Richard Branson เป็ นนัก ธุร กิ จ ชาว อังกฤษเจ้ าของ Virgin Group ชีวติ ของเขาคือ การเดินทางตลอดเวลา เขาบอกว่า โลกนี ้ เหลือสถิตใิ นการท�ำลายน้ อยมากแล้ ว หนึง่ ใน นันคื ้ อ การนัง่ บอลลูนรอบโลก ถ้ าเกิดกิจกรรม นี ้เป็ นหนึ่งในการผจญภัย แล้ วท�ำให้ ชื่อของ เขาติดอยู่ในประวัติศาสตร์ โลก เขาก็จะท�ำ และเขาก็ท�ำส�ำเร็จเสียด้ วย ก่อนเขาจะไป เขา ก็เขียนจดหมายหาลูกสาวไว้ วา่ “ท�ำอะไรก็ได้ แต่ อย่ าลืมอย่ างหนึ่งว่ า ใช้ ชีวติ อย่ างเต็ม ทีท่ ส่ี ุด” ผมว่าการเดินทางก็เป็ นแบบนัน้ หา
ความคิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของ คนไทยคือ การพักผ่อน อาหารอร่อย โรงแรม นอนสบาย จับจ่ายซื ้อของ แต่ผมก็ไม่ซีเรี ยส นะ ตราบใดก็ตามที่การไปเที่ยว คุณได้ ไป เรี ยนรู้โลก ได้ ไปเจออะไรใหม่ๆ ถ้ า เกิ ด ว่ า เป็ นตั ว แทนของ ททท. คิ ด สโลแกนให้ คนมาออกมาเที่ยว backpack คนเดียว? ถ้ า เป็ นสโลแกน (นิ่ ง คิด) คงเป็ น “มองเมืองไทย ด้ วยตาดวงใหม่” อาจจะเป็ น ตาดวงเดิมแต่วธิ ีการเปลีย่ นไป อาจไม่ต้องขับ รถ แต่นงั่ รถไฟแทน ผมว่าเมืองไทยเป็ นจุดสุด ยอดในเรื่ องศูนย์กลางของการเดินทางของ โลกเลยนะ ท�ำไมถึงคิดแบบนัน้ ? ประเทศไทยเป็ นเมืองที่ได้ รับความ นิ ย มมาก อย่ า งถนนข้ า วสารเรี ย กว่ า เป็ น จุดศูนย์กลางของการ backpack โลกเลยก็ ว่าได้ เพราะคนทุกคนทีเ่ ริ่มเดินทางใน southeast asia ที่ข้าวสาร ถึงแม้ กรุงเทพก็จะมีชื่อ เสียงด้ านลบค่อนข้ างเยอะ แต่ชาวต่างชาติ มองเมืองไทยค่อนข้ างเป็ นจุดศูนย์กลางของ สิง่ ดีๆ หลายๆ อย่าง เช่น วัฒนธรรม อาหาร
แต่ในทางเดียวกัน เรามีเรื่ องโสเภณี เรื่ องของ ยาเสพติด ที่ชาวต่างชาติทุกคนเดินทางมา เพื่ อประสบการณ์ นั น้ เหมื อนเราไป อัม สเตอร์ ดัม เพราะเรารู้ ว่ า มี กัญ ชาที่ ถูก กฎหมาย เราอยากรู้วา่ มันเป็ นอย่างไร ผมว่ามันส�ำคัญทีเ่ ราจะต้ องยอมรับ ว่าประเทศเรามันมีปัญหาอย่างนีจ้ ริ งๆ เรา ต้ องห้ ามปิ ดตรงนี ้ ชาวต่ างชาติท่ คี ุณเจอ เขาถามอะไรเกี่ยว กับเมืองไทยบ้ าง ทุกอย่างครับ อย่างล่าสุดที่ถกู ถาม บ่อยมากคือเรื่องการเมือง ผมก็อธิบายว่าเป็ น ประชาธิปไตยนี่แหละ แต่ไม่ค่อยมัน่ คงเท่า ไหร่ อีกเรื่ องคือสาวประเภทสอง มันเป็ นเรื่ อง ที่ ฝ รั่ ง ไม่ ส ามารถเข้ า ใจได้ ถ้ าพูด ถึ ง สิ ท ธิ เสรี ภ าพของสาวประเภทสอง กฎหมาย ประเทศไทยยังไม่ยอมรับ แต่ถ้าพูดถึงสังคม เรามีการยอมรั บในการอยู่ร่วมกัน เราเป็ น เบอร์ หนึง่ ของโลกในการอยูร่ ่ วมกัน ต่างชาติ เขาไม่เข้ าใจเพราะประเทศเขาไม่มอี ย่างนี มั้ น เป็ นเรื่ องสิทธิมนุษยชนครับ คุณมีสิทธิที่จะ เป็ นอะไรก็ได้ ตามที่คณ ุ ต้ องการ เราควรจะ ภูมิใจในเรื่ องนี ้ มีข้อโต้ แย้ งอะไรกับค�ำพูดที่ว่าการเดิน ทางคนเดียวมันดูบ้า ไร้ สาระ ติสท์ ? ผมยังยืนยันนะครับว่าผมไม่ได้ ตสิ ท์ แตกอะไร ยังสบายดี (หัวเราะ) ถ้ าเกิดมีใคร ได้ อ่านหนังสือ มีคนหลายคนบอกผมว่าพ่อ แม่บอกว่า “การเที่ยวเป็ นการสิ ้นเปลือง” ผม
มองว่าถ้ าไปเที่ยวช้ อปปิ ง้ สวยๆ ถ่ายรู ปกับ สถานที่ตา่ งๆ อาจเรี ยกเป็ นการสิ ้นเปลืองได้ แต่ผมมัน่ ใจว่าการเดินทางทุกครัง้ เราได้ เรี ยน รู้ บทเรี ยนนอกห้ องเรี ยน ที่ส�ำคัญมาก ที่ใน ห้ องเรียนไม่มสี อน มันเป็ นบทเรียนทีเ่ ริ่มตังแต่ ้ การเข้ ากับคนในสังคม การเรี ยนรู้วฒ ั นธรรม ของคนต่างชาติ และทีส่ ำ� คัญสุดคือการเอาตัว รอดในชีวิต เรี ยนรู้ที่จะอยูก่ บั ตัวเอง การเรี ยนรู้เกี่ยวกับตัวเอง ตามปกติ เราเรี ยนรู้เกี่ยวกับตัวเองน้ อยมากครับ ในการ ใช้ ชีวติ แต่ละวัน ทุกคนอยูใ่ นสังคมที่ไม่คอ่ ยมี เวลาจะมานัง่ คิด แต่ถ้าได้ ออกไปในทีท่ เ่ี ราไม่ร้ ู จักใครเลย แล้ วอยู่คนเดียว บางทีเราเรี ยนรู้ เกี่ยวกับตัวเองว่า แบบนี ้เราไม่ชอบนะ เราเป็ น คนแบบนี ้นี่เอง ท�ำไมเราไม่เคยรู้ เลยว่าเรามี ความรู้สกึ แบบนี ้ต่อสิง่ เหล่านี ้ การเดินทางนอกจากสอนเรื่ อง ราวภายนอกตัวเรา ยังสอนเรื่องราวเกี่ยว กับตัวเอง มันเป็ นเวลาทีใ่ ห้ เราทบทวนตัว เอง เพราะงันผมว่ ้ าการเดินทางไม่ใช่สงิ่ ที่สิ ้น เปลือง ท�ำเถอะครับ ยังมีอะไรทีค่ ณ ุ จะได้ เรียน รู้เกี่ยวกับตัวเองและโลกอีกเยอะครับ มาที่ ผ ลงานของปั ้ น กั น บ้ า ง เพจ The Walking Backpack มีจุดเริ่มต้ นอย่ างไร? เพจนี ้เปิ ดเมื่อมิถนุ ายน 2556 ตอน นันซื ้ ้อกล้ องถ่ายรูปใหม่มา รูปมันเยอะ ไม่ร้ ูจะ ลงทีไ่ หน ก็เลยเปิ ดเพจเล่นกับเพือ่ นๆ เริ่มมีรูป สวยๆ เลยเปิ ดเพจเอาไว้ แค่นนแหละครั ั้ บ
แล้ วคิดว่ าเหตุผลอะไรที่ทำ� ให้ เพจดังขึน้ มา? ทังหมดมั ้ นเริ่ มจากกระทู้พนั ทิป “1 ปี เดินทาง 6 ประเทศ” ผมว่าทุกคนโดยเฉพาะ คนรุ่นใหม่ มีความคิดในใจว่า “เห้ ย อยากไป ท�ำแบบนี ้ อยากไปเดินทาง” แต่ไม่เคยมีคน กล้ า ออกไปท� ำ แล้ ว สิ่ ง ที่ ผ มไปท� ำ ก็ ไ ม่ ไ ด้ ล�ำบาก ผมเป็ นนักเรี ยน มีวนั หยุดเยอะ ก็เลย ออกไปเที่ยว จากเพจมาสู่หนังสือ “The Walking Backpack ออกเดินแล้ ว อย่ าหันหลังกลับ” ได้ อย่ างไร? พอมีคนเริ่ มสนใจ ก็มีส�ำนักพิมพ์ ติดต่อมา ผมเองก็เห็นว่า เรื่ องราวพอจะรวม เล่มเป็ นหนังสือสักเล่มได้ เหมือนกัน ก็ลอง เขียนดูครับ เป็ นการเขียนหนังสือครัง้ แรกด้ วย ครับ เขียนอยู่ 4-5 เดือน ขุดทุกอย่างที่อยูใ่ น ความทรงจ�ำออกมา ตอนที่พิมพ์เสร็ จออกมา เป็ นเล่มดีใจมาก ผมไม่ได้ ถูกฝึ กให้ เป็ นนัก เขียน ผมเรี ยนวิทย์ ท�ำให้ พบว่า การเขียน หนังสือเป็ นสิง่ ที่ยากมาก ยังคิดจะเขียนต่ ออีกไหม? ผมกลัวจะเรียนไม่จบครับ พยายาม จะเรี ยนหนังสือให้ จบก่อน ก็คงอีกสักพักครับ
หน้ าตา หรื อเสือ้ ผ้ ามากกว่า แล้ วอีกอย่าง หน้ าตาเวลาเดินทางจะโทรมมาก อย่างรู ป หน้ าปกหนังสือ สังเกตดีๆ ผมใส่รองเท้ าแตะ นะ ตอนนันเพิ ้ ง่ ตืน่ ผมเลยหันหลังเหมือนดูววิ และใช้ เป็ นท่านี ้จนเป็ นประจ�ำ ซึง่ รูปที่ถ่ายมา ผมจะตกแต่งผ่านโปรแกรม Lightroom กับ Photoshop ก่ อ น ผมคิ ด ว่า มัน เป็ นศิ ล ปะ เหมือนกัน และอีกอย่างต้ องยอมรับว่า คนเรา ชอบอะไรทีม่ กี ารปรุงแต่ง ไม่งนมั ั ้ นไม่นา่ สนใจ จึงต้ องมีการแต่งครับ ในหนังสือบอกว่ า ค�ำถามที่คณ ุ ถามคนอื่น บ่ อยๆ คือ “ถ้ าหยุดเวลา แล้ วย้ อนเวลา กลับไปได้ คุณจะเปลี่ยนอะไรในชีวติ คุณ” แล้ วถ้ าถามให้ คุณตอบเองละ? (นิ่งคิดนาน) ในช่วงชีวิตของผม ผม ก็ท�ำทุกอย่างให้ ดีที่สดุ แล้ ว แต่ก็มีบางครัง้ ที่ ท�ำให้ หลายๆ คนเสียใจ ไม่ใช่เพราะว่าผม พฤฒิกรรมไม่ดี แต่เป็ นช่วงวัยนันที ้ ่เราอาจมี วุฒภิ าวะไม่ถงึ ถ้ ากลับไปได้ ผมอยากกลับไป ใช้ เวลากับคุณพ่อให้ มากขึน้ เพราะคุณพ่อ เสียตังแต่ ้ เด็ก ตังแต่ ้ ไปเรียนทีส่ งิ คโปร์ กม็ เี วลา ให้ ทา่ นไม่มาก และก็อยากกลับไปสร้ างความ สัมพันธ์ กบั แฟนที่เราเลิกไปแล้ วให้ ดีขึ ้น มัน เป็ นอีกสิง่ หนึง่ ที่ผมอยากกลับไปท�ำให้ ดีขึ ้น
สั ง เกตรู ป ที่ ถ่ า ยมา ท�ำ ไมต้ อ งหั น หลั ง ด้ วย?
รวมถึงมันมีประโยคหนึ่งในหนังสือที่คุณ นิยามตัวเองว่ า “เป็ นคนพเนจรที่ตามล่ า หาอนาคตที่สดใส” อนาคตที่ว่าคืออะไร ครั บ?
เวลาไปเที่ยว ผมก็ชอบถ่ายรูป และ อยากให้ มีตวั เองใน แต่ถ้าหันมา คนก็จะดู
จริงๆ ทีม่ าของประโยคนี คื้ อ มันเป็ น สถานะ facebook ของผมที่เขียนกับเพื่อนๆ
ประมาณ 2-3 ย่อหน้ า พูดถึงช่วงชีวิตตอนนัน้ ที่พอ่ แม่ของเราทุกคนจะบอกว่า ต้ องล�ำบาก ตอนนี ้ แล้ วเราจะสบายภายในอนาคต ตอน ประถมต้ องล�ำบากเพื่อสอบเข้ ามัธยม ตอน มัธยมต้ องล�ำบากเพื่อสอบเข้ ามหาวิทยาลัย ตอนมหาวิทยาลัยต้ องตังใจเรี ้ ยน เพื่อได้ งาน ดีๆ พอมีงานดีๆ ก็ต้องท�ำงานเพื่ออนาคต พอ มีอนาคต ก็ต้องล�ำบากท�ำงานเพื่อลูก! คือ กลายเป็ นว่า เราทุกคนมองเพื่ออนาคตตลอด เวลาเลยอะ แล้ วอนาคตที่สดใสมันอยู่ตอน ไหน เราถูกผลักดันให้ มองไปถึงสิ่งที่ลอยอยู่ ในอากาศ อุดมคติบางอย่างที่สงั คมตังเอาไว้ ้ คือผมมองว่า เราทุกคนมีความคิด แบบนี ้จนเราลืมไปว่า ชีวิตมันมีกระบวนการ ที่เราสามารถมีความสุขไปพร้ อมๆ กับ คือไอ้ ความสุขทีเ่ ราพยายามไปหา ผมว่ามันคงมีอยู่ อะแหละ แต่สิ่งที่ส�ำคัญที่สดุ ระหว่างที่คณ ุ พยายามเดินเข้ าหาความฝั นคุณ อย่าลืมที่จะ มีความสุขกับมันไปด้ วย ตังแต่ ้ การดื่มกาแฟ อ่านหนังสือตอนเช้ า มีความสุขกับสิง่ เล็กๆ ท�ำ ดีๆ กับคนรอบข้ างเรา มนั เป็ นสิง่ ทีเ่ ราห้ ามลืม ที่จะเตือนตัวเอง อย่างผมเป็ นคนชอบถ่ายรูป ทุกวัน ผมก็เลยติดกล้ องถ่ายรู ปเอาไว้ ระหว่างทาง ผมก็ได้ 3 รูป ก่อนกลับพระอาทิตย์ตก ก็ถ่าย รูปสวยๆ อีกสักหน่อย ผมคิดว่ามันอยูด่ ้ วยกัน ได้ เรามีกระบวนการหาความสุขได้ ตลอด เวลาครับ ไอ้ การหวังที่จะไปสบายในวันหน้ า มันยาก เราหาความสุขเล็กๆ น้ อยๆ ไปทุกวัน ดีกว่า ผมว่าบางทีคนเราก็ลืมว่าชีวิตของเรา จุดมุง่ หมายของมันคืออะไรกันแน่
แล้ วตอนนีค้ ณ ุ เจอความสุขในอนาคตที่ว่า นั่นหรื อยัง? ผมว่าผมยังเด็กมาครับ แล้ วผมยังมี อะไรที่ต้องเรี ยนรู้อีกเยอะมาก แต่ผมว่าหนึง่ สิง่ ที่ผมท�ำถูกต้ อง คือ พยายามมีความสุขใน ทุ ก เวลาให้ ได้ มากที่ สุ ด ขณะเดี ย วกั น ก็ พยายามท�ำในสิง่ ที่ฝัน พร้ อมๆ กับหน้ าที่ของ เราไปเรื่อยๆ ผมก็หวังว่าจะเป็ นวิธีทถี่ กู ต้ องใน การใช้ ชีวิต และต้ องเรี ยนรู้ตอ่ ไป ผมมองว่ าอนาคตอันสดใส ไม่ มี อยู่จริ ง ผมมองว่ าความสุ ข คือปั จจุบัน ครั บ
ที่มา : O-N issue 03 | เพราะเราคือเรา
“ถ้าพี เ่ ลื อกได้ พี ก่ ็อยากเลื อกที ่จะ กลับมาเป็ นเหมื อนเดิ ม บางทีมนั ก็เป็ นเพศที ่ สนุกดี อะ ไม่ต้องคิ ดอะไรมาก” ตุ๊ดคนหนึ่ง กล่าวด้ วยความรักและภาคภูมิใจในสิ่งที่ตวั เองเป็ น เธอฝี ปากกล้ า ตรงไปตรงมา และ เฮฮาสนุกสนาน ‘กัส-ธีร์ธวิต เศรษฐไชย’ หรื อที่ใครหลายคนรู้จกั กันในนาม “ช่า บันทึก ของตุ๊ด” เจ้ าของเพจเรื่ องเล่ากระตุกต่อมฮา ที่ใครๆ ต่างยกนิว้ ให้ ว่า เธอเล่าได้ อรรถรส มาาาาาาก! จนในที่สดุ .. เรื่ องเล่าของเธอก็ได้ ตีพมิ พ์ออกมาเป็ นหนังสือตามชื่อเพจของเธอ ว่า “บันทึกของตุ๊ด” เกินคาดคิด... ตุ๊ดผู้ก�ำลังโด่งดังใน โลกโซเชี ย ล ให้ เกี ย รติ ม าร่ ว มพู ด คุ ย กั บ นิตยสารของเราในวันนี ้ เพื่อไม่เป็ นการเสีย เวลาเรามาท�ำความรู้ จกั ตัวตนที่แท้ จริ งของ เธอกันเลย! -----------------------------ไม่ ทราบว่ าชื่อ ‘ช่ า’ มีท่ มี าอย่ างไร มาจากพี่มาช่าค่ะ มาช่า วัฒนพา นิช นัน่ แหละ มีอยูค่ รัง้ หนึง่ พี่บน่ ในเฟซบุ๊กว่า พี่อยากเป็ นเหมือนมาช่า ยิ่งอายุมากเขาก็ยิ่ง สวย พี่ก็เลยเรี ยกแทนตัวเองว่า ‘ช่า’ มาตลอด แล้ วก็ติดไปเรี ยกในเพจ ช่วงที่พี่เรี ยกแทนตัว เองว่า ‘ช่า’ ในเพจเนี่ย เป็ นช่วงที่เพจเริ่ มมีคน รู้จกั มากขึ ้น ท�ำให้ เรี ยกติดมาจนถึงทุกวันนี ้
ก่ อนอื่นต้ องขอชื่นชมว่ าพี่ช่าเป็ นนักเขียน ที่ มี ทั ก ษะการเล่ า เรื่ องที่ ดี ม ากคนหนึ่ ง นอกจากจะเล่ าได้ เห็นภาพแล้ วยังชวน ติดตาม มีความสนุ ก แล้ วก็แฝงไปด้ วย ข้ อคิด ขอให้ พ่ ีช่วยเล่ าถึงที่มาของเพจ บันทึกตุ๊ดให้ ฟังหน่ อยคะ เพราะคิดว่ ายัง มีอีกหลายคนที่ยังไม่ ทราบ ได้ ค่ะ ในช่วงเกิดน� ้ำท่วมปี 54 ค่ะ บ้ านพี่อยู่บางแค และเป็ นเขตสุดท้ ายที่น�ำ้ ท่ว ม แล้ ว ตอนนัน้ พี่ ร อน� ำ้ อยู่ ก็ ร อนานน่ ะ เข้ าใจว่ามันเริ่มมาตังแต่ ้ รังสิต แล้ วก็เข้ ามาใน เมื อ งเรื่ อ ยๆ จนมาถึง บางแค ซึ่ง มัน เป็ นที่ เกือบๆ สุดท้ าย พี่ก็บน่ ๆ ในเฟซบุ๊กว่าพี่เครี ยด กระสอบทรายมันจะกันน� ้ำได้ มยั ้ ของที่ตนุ ไว้ จะพอหรื อเปล่า และตอนนันข่ ้ าวสารมันก็มา จากทุกช่องทางมากมายด้ วย พี่ก็เลยเขียน บันทึกเหมือนไดอารี่ ตอนแรกเขียนในเฟซบุ๊ก ก่อน มีคนชอบ แล้ วก็มีคนเอาไปลงในพันทิป คนก็ชอบกันมาก พี่ก็เลยตัดสินใจว่าเปิ ดเป็ น เพจดีกว่า ชือ่ เพจ ‘บันทึกของตุ๊ด’ ตอนแรกเล่า แต่เรื่ องน� ้ำท่วม เป็ นเหมือนเพจเฉพาะกิจ พอ หมดช่ ว งน� ำ้ ท่ ว มเพจก็ เ งี ย บไปอยู่พัก หนึ่ ง ประมาณ 1-2 ปี พี่ก็เริ่ มคิดว่าชีวิตเพื่อนๆ น่า สนใจดี ก็เอามาเล่าในเพจ จนถึงทุกวันนี ้ค่ะ นอกจากจะเป็ นนั ก เขี ย นแล้ ว ตอนนี ้ ท�ำงานด้ านอื่นอยู่อีกหรื อเปล่ าคะ ไม่คะ ตอนนีพ้ ี่ไม่ได้ ท�ำแล้ ว พี่ลา ออกมาเพื่อเขียนหนังสือให้ เป็ นเรื่ องเป็ นราว ส�ำนักพิมพ์เขาบอกว่าจะมีประมาณ 5 เล่มนะ
ขอโทษนะคะ ไม่ ทราบว่ าลาออกจากงาน ประจ�ำมานานหรื อยัง 6 เดือนค่ะ แต่พี่ไม่มีเวลาเลยนะ ก็ พีล่ าออกมา พีก่ ต็ งใจจะไปเที ั้ ย่ วอะ พอเตรียม ตัวจะไป มีงานเข้ ามาอีก พอก�ำลังจะว่างก็มี งานเปิ ดตัวหนังสือ พอหลังจากงานเปิ ดตัว หนังสือ พี่ก็ไม่วา่ งอีกเลย ไม่ได้ ไปสักทีคะ่ ที่พี่ ลาออกมาก็ ตัง้ ใจจะไปเที่ ย ว เพื่ อ หาแรง บันดาลใจ จะเป็ นแบบตุ๊ดหรื อกระเทยอาร์ ทติสท์อะไรประมาณนัน้ แต่พอถึงเวลาจริ งๆ มันก็ท�ำไม่ได้ ธุรกิจมันรัดตัวมาก นอกจากนี ย้ ั ง มี ธุ ร กิจ อี ก อย่ า งหนึ่ ง คื อ Tood’s cream ใช่ ไหมคะ แรงบันดาลใจ ส�ำหรั บธุ รกิจนี ม้ าจากการที่เราเป็ นคน ชอบดู แ ลตั ว เอง ใส่ ใจรู ป ลั ก ษณ์ และ บุคลิกของตัวเองด้ วยหรื อเปล่ า เรี ยกว่ารายได้ เสริ มดีกว่า พี่ท�ำมา นาน 2 ปี แล้ วค่ะ ด้ วยความที่เราเป็ นคนรัก สวยรักงาม แล้ วพี่ก็เชื่อว่าทุกคนก็อยากจะมี ธุรกิจเป็ นของตัวเอง ไม่มใี ครอยากเป็ นลูกจ้ าง เขาไปตลอดหรอกค่ะ บางทีออกมาท�ำอะไร ด้ วยตัวเอง มันก็ดีนะ ส�ำหรับแรงบันดาลใจ มันก็มาจากแรงผลักดันของตัวพี่เองมากกว่า ต่ อไปจะขอถามในเชิงลึกบ้ างค่ ะ อยาก ทราบว่ าพี่ช่าเริ่ มค้ นพบตัวเองตัง้ แต่ เมื่อ ไหร่ หรืออะไรที่เป็ นจุดเริ่มต้ นให้ พ่ ชี ่ ารู้ใจ ตัวเองว่ าเราเบี่ยงเบนทางเพศคะ อยากเรียกค้ นพบเลย เรียกว่าบอร์ น (เกิดมาเพือ่ เป็ น) เลยดีกว่า มันไม่ได้ ค้นพบนะ
แต่บางคนก็เพิ่งมาค้ นพบตอนปี 1 แต่ส�ำหรับ พี่เท่าที่พี่จ�ำความได้ พี่ก็ว่าพี่เป็ นอย่างนี ้ พี่ ต้ องขอเรี ยกว่ามัน born ดีกว่า เพราะพี่เป็ น ตังแต่ ้ เด็กๆ แล้ ว ไม่ได้ มาเป็ นทีหลัง แสดงว่ าตอนเด็กๆ ก็ชอบเล่ นอะไรที่เป็ น ผู้หญิงสิคะ ไม่ใช่ จนทุกวันนี ้ก็ไม่ใช่ ไม่เกีย่ วด้ วย มีคนฝั งภาพว่าตอนเด็กๆ คนเป็ นตุ๊ดจะต้ อง เล่นบาร์ บี ้ตุ๊กตา จริ งๆ แล้ วไม่เกี่ยวเลย พี่ก็ใช้ ชีวิตแบบเด็กผู้ชายทัว่ ไป ก็เล่นกับเด็กผู้ชาย แล้ ว มั น มี อ ะไรที่ ต่ า งจากเด็ ก ผู้ ช ายคน อื่นๆ คะ ก็ มี น ะ มั น อยู่ ใ นความรู้ สึ ก เรา มากกว่า มันจะมีแพทเทิร์นเดียวกันส�ำหรับ เด็กที่เป็ นตุ๊ดเหมือนกัน ก็คือเอาส้ นสูงแม่มา ใส่ ลองลิปสติกแม่ ใช้ ผ้าขนหนูมาท�ำเป็ นผม อะไรท�ำนองนัน้ คือทุกคนต้ องผ่านค่ะ ซึง่ ตรง นีแ้ หละที่จะไม่เหมือนผู้ชาย จนทุกวันนีพ้ ี่ก็ เป็ นคนเล่นเกมแบบผู้ชายนะ พี่เป็ นคนมันส์ มาก คือมันไม่จ�ำเป็ นว่าต้ องชอบอะไรแบบผู้ หญิง ไม่เกี่ยวกันค่ะ ถ้ าอย่ างนัน้ ขอถามว่ าชอบแต่ งเป็ นผู้หญิง ไหมคะ มันเป็ นรูทนี (routine) มากกว่า ถาม ว่าพี่ชอบไหม ตอนนี ้พี่เริ่ มเหนื่อยแล้ วคะ่ มัน
เหนื่อยมากเลยนะ สัปดาห์หน้ าพี่ก็ต้องแต่ง อีกแล้ ว ไปงานวันเกิดเพื่อน เป็ นแบบนีท้ ุก สัป ดาห์ ค่ ะ มี เ รื่ อ งต้ อ งให้ พี่ แ ต่ ง ผู้ห ญิ ง ทุก สัปดาห์เลย แต่พอเวลาพีแ่ ต่งเป็ นผู้หญิงพีก่ ็มี ความสุขดี ได้ เห็นตัวเองสวยๆ งามๆ แต่ถ้าให้ แต่งทุกวันก็คงไม่ไหว ชอบทีจ่ ะเป็ นแบบนานๆ แต่งทีมากกว่า แล้ วทางบ้ านทราบตอนไหนคะ ประมาณ ม.ต้ น พี่เป็ นคนบอกเอง ก็คยุ กัน แรกๆ เขาก็รับมันไม่ได้ เป็ นเรื่ องปกติ พี่ ว่าทุก คนต้ อ งผ่า นนะ พอสัก ระยะนึงมัน เหมือนผ่านการพิสจู น์ตวั เองอะไรแบบนันค่ ้ ะ ก็กลายเป็ นว่าตอนนี ้โอเค ทีบ่ ้ านก็รับได้ สบาย อยากท�ำอะไรเขาก็คอยสนับสนุน จากการที่ได้ สัมผัสในเพจ พี่ช่าดูเป็ นคน รั กครอบครั วมากเลยนะคะ พี่ ว่า ทุก คนก็ ต้ อ งรั ก ครอบครั ว อยู่ แล้ ว แล้ วก็เพื่อนๆ รอบตัวพี่ด้วย เป็ นคนโชค ดีทวี่ า่ ครอบครัวเข้ าใจ เขาเปิ ดนะ แล้ วพีก่ ม็ อง ว่าคนที่เป็ นตุ๊ดแล้ วสุขภาพจิตดีหรื อไม่ดีมนั อยู่ที่ครอบครั ว อย่างพี่เนี่ ยพี่ไม่กังวลอะไร เรื่ องครอบครั วเลย ครอบครั วพี่อบอุ่นมาก สุขภาพจิตพี่ก็เลยดี เพื่อนพี่ก็เหมือนกัน มันก็ ตีกลับไปที่ครอบครัวค่ะ พอสุขภาพจิตเราดี เราก็ แ ฮปปี ้ที่ จ ะอยู่กับ ครอบครั ว เราก็ รั ก ครอบครัว พี่ก็เลยจะแคร์ เรื่ องในครอบครัว มาก
รู้ สึกอย่ างไรที่ทุกวันนีส้ ังคมเปิ ดรั บเพศที่ สามมากขึน้ อคติท่ คี นมีต่อเพศที่สามลด ลงไปมาก ก็ดีคะ่ พี่ร้ ู สกึ โชคดีมากที่เกิดมาใน ยุคนี ้ ยุคที่เขาเปิ ดเรื่ องเพศที่สาม แต่ถ้ามอง อีกมุมหนึง่ เมื่อมีคนยอมรับมาก ก็ยอ่ มเป็ นที่ จับตามองมาก จะท�ำอะไรก็ต้องระวังตัว คิดยังไงกับคนที่ไม่ กล้ าปลดปล่ อยความ เป็ นตัวเองออกมา พีค่ ดิ ว่ามันน่าจะเป็ นทีอ่ งค์ประกอบ รอบข้ า งของเขาด้ ว ย บางที อ าจจะเป็ นที่ ครอบครัวเขา เพื่อนเขา ที่บีบให้ เขาไม่กล้ า ปลดปล่อยความเป็ นตัวเองออกมา มันก็เป็ น เหตุผลของแต่ละคน แล้ วถ้ าพี่ช่าอยู่ในสถานการณ์ อย่ างนัน้ พี่ ช่ าจะท�ำอย่ างไรคะ พี่นึกไม่ออกเลย เพราะเหมือนมัน ท�ำอะไรที่ตวั เองอยากท�ำไม่ได้ พี่วา่ คนเราถ้ า มีสงั คมไม่เหมือนกันก็จะมีความคิดไม่เหมือน กัน ถ้ าสมมติพี่ไปเกิดในสังคมแบบนัน้ ใน สังคมที่คนรอบข้ างรับพี่ไม่ได้ พี่ก็คงไม่ได้ มี ความคิดแบบนี ้พี่ก็คงปกปิ ดความเป็ นตัวเอง ถ้ า มี น้ องๆ ที่ เ ป็ นแบบพี่ ช่ า แต่ ก� ำ ลั ง สั บ สน ไม่ ร้ ู จะบอกทางบ้ า นยั ง ไง จะ แสดงออกยั ง ไงให้ ค นในสั ง คมยอมรั บ และมีโอกาสได้ อ่านคอลัมน์ นีอ้ ยู่ พี่ช่ามี อะไรจะแนะน�ำไหมคะ
จริ งๆ แล้ วการที่ที่บ้านรู้ก็เป็ นสิง่ ที่ดี
นะคะ แต่สภาพแต่ละบ้ านก็ไม่เหมือนกัน ถ้ า ตัดสินใจอยากจะบอก ก็อยากให้ ดวู ฒ ั นธรรม ของที่บ้านให้ ดีๆ เหมือนบางบ้ านที่เป็ นลูกคน จีนจ๋า เขาก็รับอะไรแบบนี ้ไม่ได้ เลยนะ คือมัน จะมีจงั หวะหนึง่ ที่เราต้ องท�ำใจให้ ได้ วา่ ถ้ าเรา กล้ าบอกเราก็ต้องยอมรับสิง่ ทีจ่ ะตามมาให้ ได้ ด้ วย พี่คดิ ว่าตัวเราเองจะเข้ าใจครอบครัวเรา เองดีที่สดุ ว่าเราควรบอกหรื อไม่ควรบอก เคยคิดไหมคะว่ าวันหนึ่งความเป็ นตัวตน ของเราเองจะสร้ างแรงบันดาลใจให้ กับ คนอีกมากมาย ไม่เคยคิดค่ะ ก่อนที่พี่จะมีคนรู้ จกั มากพี่เคยเป็ นอย่างไรตอนนี ้พี่ก็ยงั เป็ นอย่าง นัน้ พี่ไม่เคยรู้สกึ ว่าพี่ต้องเป็ นคนดีขึ ้น หรื อว่า ต้ องพูดจาเรี ยบร้ อยขึ ้น พี่ก็ยงั เป็ นแบบที่ตวั เองเคยเป็ นอยู่ แต่พคี่ อ่ นข้ างโชคดีตรงทีว่ า่ คน รอบข้ างยอมรับในสิง่ ที่พี่เป็ นได้ ทงหมดเลย ั้ รู้สกึ ยังไงถ้ ามีคนบอกว่ าพี่ คือ “ตุ๊ดที่ใครๆ ก็ต้องตกหลุมรั ก” ไม่ถงึ ขนาดนันหรอกค่ ้ ะ พีไ่ ม่เคยคิด ว่าใครๆ จะต้ องรักพี่ คือทุกคนจะต้ องมีทงคน ั้ ที่รักและคนที่เกลียด จริ งไหมคะ ยิ่งถ้ าเราอยู่ ในที่ที่มนั สว่าง ที่สปอร์ ตไลท์มนั ส่อง มีคนที่ ชอบ เขาคุยกับเรา ส่วนคนทีไ่ ม่ชอบเขาก็หลบ อยู่ในมุมมืดเยอะแยะ เพราะฉะนันพี ้ ่ไม่เคย คิดเลยว่าทุกคนจะต้ องรักพี่ และเห็นด้ วยกับ สิง่ ทีพ่ เี่ ป็ น และพีก่ โ็ อเคกับคนทีพ่ รี่ ัก พีก่ อ็ ยูใ่ น ทีข่ องพี่ พีจ่ ะไม่ไปย่างกรายในทีท่ มี่ นั ดูนา่ กลัว ส�ำหรับพี่
รู้ สึกยังไงบ้ างคะ ที่ทุกวันนี ไ้ ด้ เป็ นส่ วน หนึ่งในการสร้ างความสุขให้ กับคนอื่น ก็ดคี ะ่ พีก่ ร็ ้ ูสกึ ดีทที่ กุ คนชอบในสิง่ ที่ พี่เขียน การที่เป็ นที่ร้ ู จักแบบนี ้ แน่ นอนว่ าต้ องมี คนจ�ำได้ เคยไปเดินเที่ยว แล้ วมีคนเข้ ามา ทัก มาขอถ่ ายรู ปไหม มากคะ พี่ว่ามีทกุ วัน เวลาออกไป ข้ างนอก ที่คนเยอะๆ อย่างเช่นแถวสยาม เคยอ่ านเจอพี่ช่าบอกว่ าเป็ นคนมีโลกส่ วน ตัวสูง แล้ วการที่เรากลายเป็ นที่ร้ ู จักของ คนมากมายขนาดนี ้ ท�ำให้ ความเป็ นส่ วน ตัวของเราลดลงไหม รู้ สึกอึดอัดไหม แรกๆ พีก่ ็ปรับตัวไม่ถกู เพราะพีเ่ ป็ น คนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก เป็ นคนที่ใส่หูฟัง ตลอดเวลา พี่จะไม่ค่อยได้ ยินเสียงอะไรข้ าง นอก เพราะฉะนันเวลามี ้ คนมาทักพี่คะ พี่จะ บอกอยู่เ สมอเลยว่ า ถ้ า อยากทัก พี่ อ ะต้ อ ง ท� ำให้ พี่เห็น ต้ องมาแบบแตะตัวพี่ หรื อว่า โบกมือให้ พี่เห็น เพราะว่าถ้ าเรี ยกพี่ พี่จะไม่ ได้ ยิน นี่ก็เป็ นอีกหนึ่งอย่างที่ตอนนี ้พี่ก็ยงั ไม่ ปรับ แต่พี่เป็ นคนที่ออกไปข้ างนอกแล้ วต้ อง ใส่หฟู ั งจริ งๆ เหมือนติดฟั งเพลง และพี่จะอยู่ กับโลกของตัวเอง ในช่วงเวลานัน้ พี่ก็เลยต้ อง ปรับตัว เมื่อเวลามีคนมาทักหน้ าพี่จะต้ องยิ ้ม อัตโนมัติ
จากมุ มมองคนส่ วนใหญ่ พี่ช่าคือคนที่ ตลก เฮฮา ดูเฟรนลี่ น่ าจะเข้ าหาคนเก่ ง มีเพื่อนเยอะ แต่ ใน 20 facts about me ของพี่ช่าข้ อนึง เขียนว่ า “เป็ นคนมีเพื่อน ยาก” เป็ นเพราะอะไรคะ
มีคนติดตามเพจมากอย่ างนี ้ ก็ต้องมีคน ส่ งข้ อความส่ วนตัวมาหาเยอะ ส่ วนใหญ่ ส่ งมาถามเรื่ องอะไรคะ เคยเจอข้ อความ อะไรแปลกๆ หรื อมาต่ อว่ าบ้ างไหม มีวธิ ี รั บมือยังไง
พี่ร้ ูสกึ ว่า เพื่อน ในความหมายของ พี่ ถ้ าพี่เรี ยกใครว่าเพื่อนก็ต้องเป็ นเพื่อนจริ งๆ จะเป็ นเพื่อนแบบที่วา่ คุยกับเรา ติดต่อกับกับ เราสม�่ำเสมอ มีความผูกพัน คนรู้จกั เยอะแต่ ก็ไม่ได้ หมายความว่าพีจ่ ะเรียกว่าเพือ่ นทุกคน นะ พี่มองว่าเป็ นเพื่อนกันก็ต้องรู้ ทงนิ ั ้ สยั ที่ดี และไม่ดีของเรา และยอมรับที่เราเป็ นเราได้
ส่วนใหญ่ก็สง่ มาล�ำไยอะ เรื่ องชีวิต ตัวเอง เรื่ องผัวๆ เมียๆ ตัวเอง ซึง่ พี่ก็ไม่ตอบ นะ และพีก่ เ็ คยพูดหลายรอบแล้ วด้ วย ว่า เรื่อง ผัวๆ เมียๆ มันเป็ นเรื่ องของคนสองคนที่เราไม่ ควรไปก้ าวก่าย หรื อยุง่ เรื่ องของเขา ถ้ าเราไม่ แนะน�ำอะไรโดยทีเ่ ราไม่ร้ ูรายละเอียดของชีวติ เขาทังหมด ้ ถ้ าเราแนะน�ำปุ๊ บแล้ วเขาไปท�ำ ตามที่เราบอก แต่รายละเอียดบางอย่างเขา เล่าเราไม่หมด มันก็กลายเป็ นว่าเราให้ ค�ำ แนะน� ำที่ ผิดๆ กับเขา พี่ ก็เลือกที่ จะไม่พูด อย่างเพื่อนพี่มาปรึกษาพี่ แบบนันพี ้ ่ร้ ูไงว่ามัน เป็ นคนยังไง ชีวิตผ่านอะไรมาบ้ าง พี่ก็ให้ ค�ำ ปรึกษาได้
หลายคนพูดว่ า พี่ช่าดูเป็ นตุ๊ดที่มคี วามสุข กั บทุกวั นในชี วิต ดูเหมื อนชี วิตเจอแต่ เรื่ องตลก สนุก เฮฮา จริ งๆ แล้ วมันก็มีอยูท่ กุ วันค่ะ เรื่ อง ที่ไม่สนุกในตัวพี่ บางทีก็จะไปเล่าเรื่ องที่ไม่ สนุกให้ คนในเพจฟั งมันก็ไม่ใช่ แต่บางทีพี่ก็มี นะแบบเราไม่ไหวแล้ ว เราก็อยากระบายให้ ใครฟั ง พี่ก็ร่ายยาวเลยถึงความเครี ยดของพี่ ก็มีเหมือนกัน แต่สว่ นใหญ่ก็จะเป็ นเรื่ องสนุก มากกว่า แต่ถ้าถามว่าชีวติ พีม่ แี ต่เรื่องสนุกมัย้ มันไม่มีใครมีแต่เรื่ องสนุกอยู่แล้ ว พี่ร้ ู สึกว่า ชีวิตพี่ผา่ นอะไรมาเยอะมากนะ ถ้ าเทียบว่าพี่ อายุ 28 พีร่ ้ ูสกึ ว่าชีวติ ตัวเองผ่านอะไรมาเยอะ มาก ท้ ออยูบ่ อ่ ยๆ นะ แต่สดุ ท้ ายก็ผา่ นมันมา ได้ อาจจะเป็ นเพราะว่าพี่เป็ นคนมองโลกใน แง่ดีด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีใครมองโลก ในแง่ดีตลอดเวลาหรอก
คิดบ้ างไหมคะว่ าท�ำไมเขาถึงกล้ ามาเล่ า ให้ เราฟั ง บางคนเขาก็ออกตัวเลยว่า เขาไม่ร้ ู จะไว้ ใจเล่าให้ ใครฟั ง อาจจะเพราะว่าพี่ดเู ป็ น คนเฟรนลี่ และดูเหมือนจะผ่านอะไรมาเยอะ ด้ วย จริ งๆ พี่ก็เป็ นคนเฟรนลี่นะ แต่พี่ก็ไม่ได้ เฟรนลี่กบั ทุกสถานการณ์ พี่ไม่ใช่คนแบบว่า จะมาคุย ได้ ทุก อย่ า ง มาถามพี่ ไ ด้ ทุก เรื่ อ ง บางทีพี่ก็มีโมเมนต์อย่างที่พี่บอกว่า พี่เป็ นคน ที่มีความเป็ นส่วนตัวสูง แต่พอพี่เป็ นที่ร้ ู จัก มากพี่ก็ต้องนิ่งให้ มากขึ ้น จะไปวีนไปเหวี่ยง อะไรแบบนี ้ก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็ นเรื่ อง พี่ เลยรู้สกึ ว่าเดี๋ยวนี ้ยากขึ ้นทุกวัน พี่ก็เลยเลือก
ที่จะไม่พดู
วางแผนอนาคตข้ างหน้ าไว้ ยังไงบ้ างคะ
รู้ สึกยังไงเวลามีคนมาดูถูกความเป็ นตัว เองของเรา
ก็คงท�ำธุรกิจไปเรื่ อยๆ นะ แล้ วก็มี ช่วงหนึง่ เราอาจจะเก็บเงิน พอเก็บได้ สกั ก้ อน และเราคิดว่ามันพอแล้ ว ก็อาจจะแบ่งให้ แม่ แล้ วก็เกษียณตัวเอง ออกไปท่องเทีย่ ว พีค่ ดิ ว่า พีค่ งไม่ทำ� งานจนอายุ 60 ปี พีอ่ ยากเทีย่ วตอน ที่พี่ยงั ไหวอยู่ อยากเที่ยวมานานแล้ วอะ แต่ก็ ยังไม่มีเวลาสักที อยากไปเรื่ อยๆ คะ อยากไป สถานที่สวยๆ งามๆ
มี ห ลายคนที่ เ ขาติ ด ตามพี่ ใ นเพจ แล้ วก็ตามมาทีเ่ ฟซบุ๊กส่วนตัว เขาก็มาวิจารณ์ ค�ำพูดที่หยาบคายของพี่ พี่ก็จะเชิญเขากลับ เพจ เพราะพีร่ ้ ูสกึ ว่าเฟซบุ๊กส่วนตัว มันคือส่วน หนึ่งของความเป็ นเรา ถ้ าเกิดว่าไม่ชอบหรื อ รั บไม่ได้ กับค� ำพูดบางอย่างก็ จงเอาตัวเอง ออกไปจากที่ตรงนัน้ ถ้ าสมมติว่าถ้ ามีใครมี ปั ญหากับพี่ พี่ก็จะคุยกับเขา ถ้ าเขาไม่เข้ าใจ พี่ก็จะปล่อยเลย พี่จะไม่มาเล้ าหลือ จะไม่มา แบบว่าเธอจะต้ องรักชัน้ เธอจะต้ องเข้ าใจชัน้ พี่ก็จะพูดแค่นนั ้ ถ้ าไม่เข้ าใจก็จะปล่อยไปเลย คืออยู่มานานๆ เราก็จะมีภมู ิต้านทานไปเอง ตอนนี ้พีจ่ ะไม่คอ่ ยแคร์ แล้ วนะ ว่าใครจะเข้ าใจ หรื อไม่เข้ าใจ ไม่เข้ าใจก็คือไม่เข้ าใจ แต่เมื่อ ก่อนพี่แคร์ นะ เวลามีคนพูดถึงพี่ในแง่อื่นๆ มี คนเอามาให้ ดใู ห้ อ่าน พี่ก็จะรู้ สกึ ว่าท�ำไมชัน้ ต้ องเจออะไรแบบนันวะ ้ ชันได้ ้ ไปท�ำอะไรให้ เขาหรื อเปล่า แต่ถ้าเป็ นเดี๋ยวนี ้ ถ้ าพี่เห็นพี่ก็ จะปล่อย ช่างมัน จบ เราจะไม่เป็ นแบบไปนัง่ แคร์ ทกุ คน มานัง่ แก้ ปัญหาทุกอย่าง มันไม่ใช่ มีมุมมองการใช้ ชีวติ ยังไงบ้ างคะ มันต้ องมีเป้าหมายนะ คนเรามัน ต้ องมีเป้าหมายสักอย่างหนึง่ มันถึงจะท�ำอะไร บางอย่างได้ เหมือนอย่างตัวพี่ ตอนนี เ้ ป้า หมายของพี่ ก็คือคอนโด ส่วนอีกเป้าหมาย หนึ่งก็คือใช้ หนีใ้ ห้ ท่ีบ้าน นัน่ ก็คือเป้าหมาย ของเรา ท�ำให้ เราแอคทีฟตัวเองไปเรื่ อยๆ
แล้ วมองอนาคตหรื อทิศทางของเพศที่ สามในวันข้ างหน้ าไว้ อย่ างไรบ้ างคะ พี่คิดว่าก็คงจะมีคนยอมรับมากขึ ้น นะ ถ้ าเราไม่ไปมากเรื่ อง พอบางทีเราเห็นว่า มีคนยอมรับมากขึ ้น เราก็แบบเรี ยกร้ องมาก เกินไป พี่ก็ร้ ู สกึ ว่าแค่นี ้มันก็โอเคแล้ วนะ ทุก อย่างมันต้ องค่อยๆ เป็ น ค่อยๆ ไป บางทีเรา เรี ยกร้ องข้ อกฎหมายนัน่ นี่เพื่อที่จะดูแลชีวิต เรามากเกินไป ในช่วงที่เราเพิ่งเป็ นที่ยอมรับ มันก็ไม่ดี แล้ วรู้ สึกอย่ างไรบ้ างคะ ที่มีคนเรี ยกร้ อง ให้ มีห้องน�ำ้ เพศที่สาม หรื อ ให้ แต่ งหญิง เข้ ารั บพระราชทานปริญญาบัตรได้ พี่วา่ ทุกที่มนั ต้ องมีกฎนะ ทุกอย่าง มันต้ องมี กฎระเบี ยบของมัน อย่างการรั บ ปริญญา กฎเขาตังชั ้ ดไว้ เลย ว่าให้ แต่งตัวตาม เพศสภาพของตัวเอง เราจะมาเอาข้ ออ้ างของ เพศเรา ว่าเราเป็ นเพศนี ้ แล้ วเราจะแต่งชาย เข้ ารับได้ ยงั ไง พี่ว่ามันไม่ใช่ ทุกที่ย่อมมีกฎ และเราต้ อ งเคารพกฎ ก่ อ นที่ เ ราอยากจะ
เปลี่ยนกฎ เราต้ องเข้ าใจกฎก่อน เราต้ อง ค่อยๆ ท�ำความเข้ าใจ ไม่ใช่ว่าฉันต้ องการ อย่างนัน้ อย่างนี ้ ต้ องเปลี่ยนให้ ฉันเดี๋ยวนัน้ เดี๋ยวนี ้ มันท�ำอย่างนันไม่ ้ ได้ เหมือนมีเพศที่สามบางคนบอกว่ าพอเขา ไปเข้ าห้ อ งน� ำ้ ผู้ ชาย ผู้ ชายก็ ม องเขา แปลกๆ พอจะเข้ าห้ องน�ำ้ ผู้หญิง ผู้หญิงก็ มองเขาแปลกๆ อีก เขาเลยอยากให้ มี ห้ องน�ำ้ ส�ำหรับเพศที่สาม พี่ช่ามองเรื่องนี ้ ว่ ายังไงบ้ างคะ มันก็ตลกนะพี่ว่า บนโลกเราจะมี ห้ องน�ำ้ สามห้ องเลยเหรอ มันก็เป็ นกฎของ สัง คมหรื อ เปล่ า ที่ เ ราจะมี ห้ อ งน� ำ้ อยู่ส อง ประเภท ถ้ าวันไหนคุณแต่งหญิง คุณก็เลือกที่ จะเข้ าห้ องน� ้ำผู้หญิง เท่าที่ผา่ นมา ถ้ าวันไหน พี่แต่งหญิง พี่ก็เข้ าห้ องน� ้ำผู้หญิงนะ พี่ก็ไม่ได้ แคร์ พี่ก็เดินเข้ าไปเลย ทุกคนก็คงรู้อะ เพราะ ถ้ าพี่แต่งหญิงเข้ าห้ องน� ้ำชาย อะไรจะเกิดขึ ้น คะ ทุกคนคงตลึง ถ้ าให้ เป็ นใครก็ได้ ในโลกนี ้ 1 วัน อยาก เป็ นใครคะ พี่ อ ยากเป็ น Beyonce เพราะพี่ อยากสัมผัสชีวติ ทีม่ อี สิ รภาพทางการเงิน และ ชีวิตที่มีชื่อเสียงว่ามันเป็ นยังไง จะท�ำอะไร ก็ได้ อยากลองขึ ้นคอนเสิร์ตของนางดูสกั ครัง้ และพี่ก็ชอบเพลงของเขา เขาก็เหมือนเป็ น ไอดอลของพี่นะ เพราะเวลาพี่จะแต่งหญิ ง การแต่งตัวของพีก่ จ็ ะ Reference มาจากนาง ทังหมดเลย ้
ถ้ ามีไทม์ แมชชีนย้ อนเวลาได้ มีเรื่องอะไร ในอดีตที่อยากกลับไปแก้ ไขไหม ไม่มีเลยค่ะ พี่ว่าอะไรที่ผิดก็คือผิด ไป แต่พีม่ ี ความเชื อ่ ว่าอะไรทีผ่ ิ ด มันท�ำให้ผิด มาเจอวันนี ้ ถ้าเรากลับไปแก้ให้มนั ถูก เราอาจ จะไม่มีวนั นีก้ ็ได้ มีเรื่ องอะไรที่อยากท�ำมากแต่ ยังไม่ ได้ ทำ� และต้ องท�ำให้ ได้ ก่อนตายไหม ต้ องการเทีย่ วคะ คือ พีอ่ ยากไปเทีย่ ว มากเลยค่ะ พี่เคยมีความฝั น อยากเป็ นนัก เขียน อยากมีหนังสือเป็ นของตัวเอง ซึง่ วันนี ้ มันก็คลิกไปแล้ ว มันก็ส�ำเร็ จไปอีกความฝั น หนึ่ ง และในวัน งานเปิ ดตัว หนัง สื อ มัน ก็ เหมือนแบบความฝั นมันคอมพลีทเลยค่ะ มัน ได้ เห็นภาพตรงนัน้ ได้ เห็นภาพทีค่ นยืนต่อแถว ยาวๆ ที่เหลือก็ต้องหาเป้าหมายต่อไป มีต๊ ุดหลายคนชอบพูดว่ า “เกิดชาติหน้ า ขอเป็ นผู้หญิงกับเขาจริงๆ สักทีเถอะ” พี่ ช่ าล่ ะ เคยคิดแบบนัน้ ไหม การที่ เ กิ ด มาถู ก เพศมั น ก็ ดี น ะ เหมือนเราก็จะได้ ร้ ู บทบาทหน้ าที่ของตัวเอง ว่าเราจะต้ องท�ำอะไร อย่างไร แต่อีกใจหนึ่ง ถ้ าพี่เลือกได้ พี่ก็อยากเลือกที่จะกลับมาเป็ น เหมือนเดิม บางทีมนั ก็เป็ นเพศที่สนุกดีอะ ไม่ ต้ องคิดอะไรมาก มันอาจจะไม่ได้ มีความสุข มากกว่า คนอื่ น เพราะมัน อาจจะมี ค นที่ มี ความสุขมากกว่าพี่ แต่พี่ว่าชีวิตที่พี่เป็ นอยู่ ตอนนี ม้ ัน ก็ มี ค วามสุข ดี อ ะ พี่ พ อใจที่ จ ะมี ความสุขแบบนี ้
เคยคิ ด ไหมว่ า ถ้ า เราเกิด มาเป็ นผู้ ห ญิ ง ชีวติ เราจะมีความสุขกว่ านี ้ พี่ไม่เคยคิดเลยว่าถ้ าพี่เป็ นผู้หญิงพี่ จะมีความสุขมากกว่านี ้แล้ วก็ไม่เคยคิดว่าถ้ า เป็ นผู้ชายจะมีความสุขมากกว่านี ้ คือพี่ไม่ได้ คิดแบบเอาเพศตัวเองไปเปรี ยบเทียบกับคน อื่น เพราะพี่ไม่ได้ เอาเพศมาเป็ นตัวชี ้วัดความ สุข บางทีความสุขก็ไม่ได้ ขึ ้นอยูก่ บั เพศ ทุกวันนีร้ ั กและภูมิใจในความเป็ นตัวเอง มากแค่ ไหน ช่ วยนิยามหรื อบรรยายออก มาให้ เราเห็นภาพเหมือนเวลาพี่ช่ าเล่ า เรื่ องให้ เพจหน่ อยได้ มัย้ คะ ก่อนอื่นต้ องบอกเลยว่าพี่เป็ นคนที่ เคารพตัวเองนะ อะไรทีท่ ำ� ได้ พกี่ ว็ า่ ท�ำได้ อะไร ที่ท�ำไม่ได้ พี่ก็ไม่ท�ำ พีร่ ู้สึกว่าชี วิตคนเรามันก็ ต้องเดิ นต่อไป แล้วก็ ต้องมี จุดหมายตลอด เวลา ทุกสิ่ งทุกอย่างต้องมี เป้ าหมาย ถ้ าถาม ว่าพี่ภูมิใจในตัวเองตอนนี ้มัย้ ก็ต้องบอกว่า ภูมิใจในระดับหนึง่ นะ ตอนนี ้พี่อายุ 28 ปี พี่ ประสบความส�ำเร็ จในชีวิตหลายอย่าง พี่ก็ รู้สกึ ว่า เออ เราก็มาไกลนะ ถ้ าเทียบกับอายุ เท่านี ้ พี่แฮปปี น้ ะ พี่ก็วา่ พี่ภมู ิใจมากที่สดุ เท่า ที่ต๊ ดุ คนนึงจะเกิดมา เพราะบางคนที่เขาเป็ น ตุ๊ดก็จริง แต่กไ็ ม่ได้ ประสบความส�ำเร็จเหมือน พี่ คือทุกวันนี ้พี่วา่ พี่โอเค กับการที่เกิดเป็ นตุ๊ด มีอะไรอยากฝากถึงคนอ่ าน มิตรรั ก แฟน คลับ หรือพี่น้องชาวเก้ งกวางก่ อนจากกัน ไหมคะ
ก็ทำ� ในสิง่ ทีต่ วั เองรักอะค่ะ แล้ วก็หา
ตัวเองให้ เจอว่าตัวเองมีทกั ษะด้ านไหนมาก ที่สดุ ผลักดันมันออกมาให้ มนั เป็ นอาชีพ หรื อ ว่าเป็ นสิง่ ที่คนอื่นยอมรับได้ บางคนชอบแต่ง หน้ า บางคนชอบเขียนหนังสือ บางคนชอบ เสื ้อผ้ า ก็พยายามแบบให้ ร้ ูตวั เอง แล้ วก็ผลัก ดันมันออกมา พี่ไม่ค่อยสนับสนุนให้ คนท�ำ อะไรที่ตวั เองไม่ชอบ พีว่ ่าคนเราอะ มันจะมี ความสามารถอยู่หนึ่งอย่างทีม่ ากับตัว ทีม่ นั โดดเด่น และแต่ละคนก็จะไม่เหมื อนกัน และ นัน่ คือสิ่ งทีพ่ ีค่ ิ ดว่าเราต้องหามันให้เจอค่ะ
ที่มา : O-N issue 04 | จังหวะชีวิตในห้องสมุด
การสร้ างห้ องสมุด หรื อร้ านหนังสือ แล้ วมีมมุ เครื่ องดื่มเล็กๆ อาจเป็ นความฝั น ของใครหลายคน แต่หากนับจ�ำนวนของเหล่า นัก ฝั น ที่ ส ร้ างมัน ขึ น้ มาได้ จ ริ ง ๆ แล้ ว คงมี จ�ำนวนไม่มากนัก และคนที่สร้ างมันขึ ้นมาได้ จริ งช่างดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก จนเราอดไม่ได้ ที่จะไป ตามหาเพื่อขอพูดคุยถึงที่ไปที่มาของพวกเขา วันนี ้ 2 พ.ย. 2557 ในช่วงเช้ าเรามี นัดกันที่ห้องสมุดมาหาสมุด เพื่อพูดคุยกับ สองผู้กอ่ ตัง้ ‘ห้ องสมุดมาหาสมุด’ ในซอยวัด อุโมงค์ ใกล้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัด เชียงใหม่ ลูกค้า : มาตามเพจพีท่ รงกลดอะค่ะ วันนัน้ ปั่ นทริ ปจักรยานกับพีเ่ ขา ผ่านมาพอดี เลยลองแวะมา พีแ่ ตงโม : แล้วเป็ นคนเชี ยงใหม่รึ เปล่าคะ? เ ร า เ ริ่ ม ต้ น สั ม ภ า ษ ณ์ กั น ใ น บรรยากาศสบายๆ โดยมีเพื่อนๆ ที่นงั่ อยู่ใน ร้ านร่ วมบทสนทนาในตอนต้ นด้ วยกันกับเรา และเนื่ อ งจากในร้ านมี ผ้ ูก่ อ ตัง้ และท� ำ ทุก อย่างกันอยูแ่ ค่ 2 คน พีๆ่ เลยผลัดกันมานัง่ พูด คุยกับพวกเรา โดยเริ่ มที่พี่แตงโมก่อน { ผู้กอ่ ตัง้ : พี่แตงโม สาริณี เอื ้อกิตติ กุ ล จบจิ ต วิ ท ยา มหาวิ ท ยาลัย เชี ย งใหม่ แล้ วไปเรี ยนต่ อ พั ฒ นาการมนุ ษ ย์ ที่ มหาวิทยาลัยมหิดล (อายุ 30 ปี ) พี่นัท ณัฐ พงษ์ เนียมนัด จบสถาปั ตยกรรม ออกแบบ ภายใน ที่บางมด (อายุ 27 ปี ) }
พี่ทงั ้ สองคนเป็ นพี่น้องกันรึเปล่ า พี่แตงโม : จริงๆ ไม่ใช่พนี่ ้ องกัน เรา รู้ จัก การผ่ า นการปั่ น จัก รยานของ a day โครงการ Human Ride ทีร่ ับสมัครคนจากทาง บ้ านให้ เขียนจดหมายไปหา เพื่อจะเดินทาง ทัว่ ประเทศ ใช้ เวลาประมาณ 1-2 เดือน คนที่ สมัครไปประมาณร้ อยคน พี่สองคนก็ตา่ งคน ต่างสมัครเข้ ามา แล้ วสุดท้ ายก็เหลือพีส่ องคน จากทางบ้ านที่ได้ ไปร่ วมกับพี่ๆ ในทริ ปรวม ทังหมด ้ 7 คน ก็ร้ ูสกึ ว่าเออโชคดี ช่วงที่ไปเป็ น ช่วงปลายปี 2011 การเดินทางครัง้ นัน้ ท�ำให้ พ่ๆ ี สนิทกันไหม พี่แตงโม : ตอนเดินทางมันก็มเี วลา ที่ท�ำให้ เราร่ วมทุกข์ร่วมสุข ส่วนใหญ่มนั ขึ ้น เขา โดยเฉพาะตอนขึ ้นเขาช่วงผ่านแม่สอด ซึง่ เป็ นทางที่โหดสุดในทริ ป เราก็คยุ กัน 3 คน มี โต (กราฟิ กดีไซเนอร์ ของ a day) พี่ แล้ วก็นทั ตัดสินใจปั่ นผ่านแม่สอดกัน เราตกลงกันว่า ต่างคนก็ตา่ งไม่ต้องรอกันนะ เราก็ปั่นไปตาม แรงของเราเท่าที่ไปได้ แต่ใครมาช้ าผิดสังเกต ก็จะดักรอกันตามข้ างทาง สรุ ปวันนัน้ ออก บ่าย 2 ถึงเกือบเที่ยงของอีกวัน ก็ต้องนอนพัก กลางคืน มันโหดจริ งๆ ถ้ าไม่ลอง ไม่ร้ ู เรารู้สกึ ว่าได้ อยูก่ บั ตัวเอง มันหนักมันเหนือ่ ย แล้ วต้ อง ทิ ้งจุดนันให้ ้ ได้ ความเหนื่อยคืออดีต เราเริ่ ม ต้ นใหม่เรื่ อยๆ มันเป็ นบททดสอบเรา เราก็ ผ่านช่วงเวลาเหล่านันมาด้ ้ วยกันได้
จากเพจ facebook ร้ านมาหาสมุดเปิ ดมา ได้ 2 ปี แล้ ว พี่แตงโม : เอ้ ย ร้ านนี ้เพิ่งเปิ ดได้ 4 เดือน ในเพจนันนั ้ ทท�ำมาก่อน หนังสือก็เป็ น หนังสือในบ้ านนัท แล้ วแชร์ สว่ นตัวให้ เพื่อนๆ ห้ องสมุดใจใหญ่เป็ นของนัท แต่มาหาสมุด เรามาเริ่มกันทีน่ ี่ ก็เลยท�ำต่อเนือ่ งจากเพจของ นัทเลย กลับไปจุดเริ่มต้ น พี่แตงโมกับพี่นัทมาที่ นี่ได้ อย่ างไร พี่แตงโม : เมื่อปี ที่แล้ วประมาณ เดือนกรกฎาคม พ่อไม่คอ่ ยสบาย แม่เป็ นคน เชียงใหม่ พี่เลยตัดสินใจกลับมาอยูท่ ี่นี่ มาอยู่ ด้ วยกัน ก่อนหน้ านี ท้ �ำงานเป็ นครู สอนเด็ก พิเศษที่กรุงเทพมา 7-8 ปี พอดีพี่ที่ร้ ูจกั กันขึ ้น มาเทีย่ วเชียงใหม่ เขาชวนพีม่ าร้ านกาแฟทีเ่ วิ ้ง มาลัย ร้ าน paperspoon เป็ นบ้ านครึ่งตึกครึ่ง ไม้ เขาสร้ างบ้ านแล้ วชวนเพื่อนมาอยูด่ ้ วยกัน เป็ นหมูบ่ ้ าน พี่ก็ชอบมากเลยบรรยากาศแบบ นัน้ ถ้ าเราท�ำงาน หนึง่ คือสอนเด็ก อีกอย่างใน ใจก่อนเรียนจบความฝั นทีท่ ดไว้ ในใจคืออยาก ให้ ห้องสมุด หรื อร้ านหนังสือ กับร้ านกาแฟมา อยู่ด้วยกัน เรารู้ สึกว่าอยากให้ คนเข้ ามา มี อะไรกันเราได้ แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ได้ ช่วย เหลือกัน โดยเฉพาะคนที่อายุน้อยกว่าเรา แล้ วอยูใ่ นซอยวัดอุโมงค์ พี่ก็ผกู พัน ตังแต่ ้ สมัยตอนเรี ยน ดูเก่าๆ สงบ พี่ก็ถามไป เรื่อย “พีๆ่ มีทแี่ บบนี ้อีกไหม?” เขาก็บอกมีข้าง ใน แล้ วชี ้มาที่นี่ แต่ตอนนันก� ้ ำลังก่อสร้ าง แต่ ไม่มีป้ายติดเบอร์ โทรติดต่อเลย เลยกลับไปที่
paperspoon ไปถามอีกครัง้ เขาก็เลยให้ โทร หาพี่บกิ๊ ผู้ออกแบบและดูโครงการทังหมด ้ พี่ บิ๊กบอกว่า “อยากให้ อยู่ด้วยกันเป็ นชุมชน สมัยก่อน อยากให้ แบ่งปั นกัน แต่ละบ้ านไม่มี รัว้ ไม่มีพื ้นที่เขตของฉัน หรื อเขตของเธอ” พี่ เลยรู้สกึ ว่าเป็ นสังคมทีเ่ ราอยากอยู่ มันอาจจะ ดูอดุ มคตินะ แต่เราอยากท�ำก็เลยลองท�ำ โครงการบ้ านข้ างวัดมีทงั ้ หมดกี่หลังคะ
พี่แตงโม : ทังหมดมี ้ 10 หลัง
แล้ วท�ำไมต้ องหลังนี ้ พี่แตงโม : หลังนี ้เพราะมันอยูข่ ้ าง หน้ าด้ วย แล้ วพอพี่เห็นเพดาน เห็นผนัง เห็น ปุ๊ บ รู้สกึ ผูกพันเชื่อมโยงกับหนังสือ แล้ วรู้สกึ อีกว่ามันเป็ นห้ องสมุด หรื อร้ านหนังสือได้ นะ แล้ วก็เล็งหลังเล็กอีกหลังเผื่อลงทุนไม่ไหว พอเห็นที่น่ ี แล้ ว พี่แตงโมท�ำอย่ างไรต่ อ คิดไหมว่ าจะอยู่ท่ นี ่ ีเลย พี่แตงโม : ตอนนันพอเขามาเปิ ้ ด ให้ ดพู ี่ก็คดิ ว่า “ยังไงก็ตอ้ งท�ำ” ก็คงใช้ ชีวิตที่นี่ แต่ไปกลับบ้ านเพราะต้ องดูแลทีบ่ ้ านด้ วย แล้ ว คิดว่าจะท�ำเป็ นโรงเรี ยนด้ วยดีกว่า มีโรงเรี ยน แล้ วต้ องมีห้องสมุด พี่เจ้ าของโครงการก็ชอบ คอนเซ๊ ปต์เรา แล้ วพี่ นั ท มาท� ำ มาหาสมุ ด ร่ วมกั น ได้ อย่ างไร พี่แตงโม : ตอนลงไปงาน a day bike fest 2013 ก็ไปเจอนัทในงานโดยบังเอิญ
นัทก็ถาม “พีแ่ ตงโมท�ำไรอยู”่ ก็เล่าให้ ฟังว่า “พี่ กลับมาอยูเ่ ชียงใหม่ เจอที่สวยมากเลย อยาก ท�ำโรงเรี ยน แล้ วพี่จะท�ำห้ องสมุดด้ วย เห็นนัท เคยเปิ ดเพจ สนใจรึเปล่า” นัทก็บอกว่าสนใจ นัทก�ำลังลาออกจากงานพอดี วันหนึ่งนัทก็ โทรมาบอกว่าเดี๋ยวจะขึ ้นมาเชียงใหม่ จะมา ดูที่ พอนัทมันเอาจริ ง เราก็โอเค อย่างนันก็ ้ ท�ำ ร่วมกัน ก็เลยคิดว่าถ้ าท�ำเป็ นโรงเรียนแล้ ว นัท จะไปอยูต่ รงไหน พอชัง่ ดูแล้ วเราก็เลยตัดสิน ใจท� ำห้ องสมุดละกัน เรามี จุ ด ร่ ว มกัน คื อ อยากแบ่ ง ปั น สิ่ ง ที ่เ รามี ใ ห้ค นอื ่น เราชอบ หนังสือ เรารู้สึกว่าหนังสือมันสามารถเปลีย่ น คนได้ แต่ก่อนพี่อาจเป็ นเด็กกวนตีนๆ ไม่คิด อะไร คิดไม่เป็ น แต่พออ่านหนังสือแล้ ว มัน สัง่ สม มันตบเราให้ เป็ นอย่างทุกวันนี ้ ก็ไม่ใช่ เฉพาะหนังสือหนังสือ สิ่งแวดล้ อม พ่อแม่ ครูบาอาจารย์สงั่ สอนมา รวมๆ กัน แต่เรารู้สกึ ว่าหนังสือเป็ นหลักใหญ่ เรามี หนังสือ เรา อยากให้ คนเข้ ามา ทังคนที ้ ช่ อบหนังสือเหมือน กันกับเรา หรื อคนที่ไม่ได้ ชอบแต่มาเห็นแล้ ว ได้ ลองอ่าน มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตเขาได้ นะ หรื อบางทีคนก็ไม่อาจซื ้อหนังสือได้ ทกุ เล่มที่ อยากอ่านได้ ก็อยากแบ่งปั นให้ ทกุ เพศทุกวัย เข้ ามาอ่านหนังสือได้ อย่างไม่มีข้อจ�ำกัด เข้ า มาได้ เรื่ อยๆ มีคนมาบอกรึ ยังคะว่ า อยากอ่ านเล่ มนี ้ แต่ ยังไม่ มีโอกาสได้ ซือ้ พี่แตงโม : ยังไม่เห็นชัดนะ มีแต่เข้ า มาแล้ วตังใจอ่ ้ านหนังสือเล่มนี ้จนจบ คือมา ทุกวัน หรื อมาเรื่ อยๆ สังเกตได้ วา่ เขามีสมาธิ ในการอ่าน เราดูออกอะว่า คนไหนที่มาเป็ น
ลูกค้ าใช้ พื ้นทีแ่ ฮงเอาท์พดู คุย เหมือนเป็ นร้ าน กาแฟทั่ว ไป ถ้ า คนมานั่ง อ่ า นหนัง สื อ สั่ง ขนมปั ง 1 แผ่น 15 บาท กินแล้ วก็อา่ นหนังสือ ไป น� ้ำเปล่าเตรี ยมมาเอง เห้ ย พี่โอเค ไม่ต้อง สัง่ อะไรมาก ไม่ต้องจ่ายเงินให้ เราเยอะ อยาก ให้ เข้ าใช้ พื ้นที่ มาเงียบๆ สงบๆ ดีอะอย่างนัน้ ชอบ คิดตัง้ แต่ แรกมัย้ ว่ าจะขายขนม เครื่องดื่ม ด้ วย พี่แตงโม : ไม่ได้ คดิ นะ แต่พอมีห้อง สมุด มันเป็ นการแชร์ ให้ คนอื่น แล้ วเราจะอยู่ ยังไง จะเอาอะไรกิน ก็มาคุยกันตอนแรกก็ เอ๊ ะ ท�ำน� ้ำผลไม้ ดีไหม ดูรักสุขภาพ ท�ำง่าย แต่ก็ คิด ไปว่าเป็ นกลุ่มเฉพาะไป ช่ว งที่ คิดก็ มีที่ อยากท�ำ คือ นมกับกาแฟ พอดีโครงการก็ถาม เราว่า “ตกลงน้ องจะท�ำอะไร?” เราก็เลยรู้วา่ จะมีร้าน The Old Chiangmai มาเปิ ด เป็ น ร้ านกาแฟชือ่ ดังในเชียงใหม่ เราก็เคยคิดว่าไม่ ควรซ้ อนทับธุรกิจกัน พี่ก็เลยลองไปชิมกาแฟ ร้ านเขา อร่อย! ถ้ าเราท�ำ เราท�ำไม่ได้ อย่างนี ้ แน่นอน เราก็เลยเหลือตัวเลือกเดียว คือ นม หรื อเป็ นพวกเมนูโบราณ เข้ ากับสถานที่ แล้ ว นมมันกินได้ ทกุ วัย ก็เหมือนกับหนังสือที่มีอยู่ ว่าอ่านได้ ทกุ วัย เด็ก วัยรุ่น วัยชรา ทุกอย่าง มันสอดคล้ องกัน เราก็เลยแยกไปเรียนสูตรนม แล้ วเอามาแชร์ กนั แชร์ สูตรนมกันอย่ างไร พี่แตงโม : เราก็ซื ้อของมาที่นี่ แล้ ว มาทดลองกันว่าสูตรใครจะเจ๋งกว่ากัน สุดท้ าย ไม่เจ๋งสักสูตร ก่อนหน้ านี ้พี่ก็ไปกินมาหลาย
ร้ านเหมือนกัน แต่บางที่เราไม่โอเคกับรสชาติ ถ้ าเทียบกับราคา ถ้ าเราท�ำงานเราก็อยากให้ รสชาติมนั โอเค มันสามารถเกื ้อหนุนกันได้ เรา อยากเอาก�ำไร หลอกเขามานัง่ แล้ วจ�ำเป็ น ต้ องสัง่ ท�ำก็ท�ำให้ ดีๆ เพราะเราเคยรู้สกึ อย่าง นันมา ้ เพราะงันเราต้ ้ องชิมทีละแก้ ว ชิมสอง คนไม่พอ เราก็เอาไปให้ เพือ่ นบ้ านช่วยชิมด้ วย เพือ่ นบ้ านก็ชว่ ยเราคิด มีความเป็ นห่วงเป็ นใย กัน ช่วงเย็นๆ ก็ มาท� ำกับข้ าวกิ นกัน เราก็ ปรึกษาเรื่ องวัตถุดบิ อุปกรณ์การท�ำกับพี่ที่ทำ� ร้ านกาแฟ เขาไม่กกั๊ เลย เล่ าถึงเพื่อนบ้ านในโครงการบ้ านข้ างวัด ให้ ฟังหน่ อย พี่แตงโม : เรามารู้จกั กันตอนมาอยู่ นี่ เหมื อ นเป็ นหมู่ บ้ าน เรารู้ สึ ก เป็ นบ้ าน มากกว่าเป็ นร้ าน คือถ้ าเป็ นร้ าน ท�ำๆ เสร็จ ปิ ด ร้ าน นับเงิน กลับบ้ าน ไม่สนใจกัน แต่ที่นี่ พอ ปิ ดร้ าน ลูกค้ ากลับบ้ านหมด เราก็ท�ำกับข้ าว กินกัน เล่มเกม ออกก�ำลังกาย ตีแบต ตีปิงปอง มันเป็ นจริง ไม่ใช่เรื่องอุดมคติทเี่ ราคิดกัน และ เราก็ไม่ได้ สร้ างภาพ ฝื นตัวเอง มันเป็ นความ บังเอิญด้ วยมังนะที ้ ่อยู่ดีๆ มาเจอกันแบบนี ้ แปลกดี เล่าไปคนก็อาจจะไม่เชื่อ ต้ องมาเห็น มาสัมผัสดู ถ้ าได้ คยุ กับทุกคนจะมีความคล้ าย กันอยู่ อายุน้อยสุด 23 มากสุดไม่เกิน 50 ปี มี ต่างชาติด้วย เป็ นเกาหลี มีสามีเป็ นคนไทย เราสัมผัสได้ ว่าแต่ละบ้ านไม่ได้ ท�ำเพื่อธุรกิจ อย่างบ้ านพี่จะท�ำครัวจริ งจังสุด ก็จะชวนเขา มากิน หรื อแบ่งไปให้ ที่บ้าน บ้ านอื่นก็ชวนเรา ไปกินข้ าวบ้ านเขา
เปิ ดร้ านวันแรกวันไหน พี่ แตงโม : เราตกลงคุยกันตัง้ แต่ ธันวาปลายปี ที่แล้ ว เตรี ยมร้ านกันมาเรื่ อยๆ จนเปิ ดร้ านจริ งๆ ขายวันแรก 17 มิถนุ า 57 เปิ ดร้ านวันแรกเป็ นอย่ างไรบ้ างคะ พี่แตงโม : ตอนแรกไม่ได้ ตงใจจะ ั้ เปิ ด 17 มิถนุ ายนนะ ตังใจจะเปิ ้ ด 18 แต่วนั ที่ 17 มีลุงคนนึง เขาแวะเข้ ามาคุย นัทก็เล่า คอนเซ็ปต์ร้านให้ ฟัง ลุงก็ถาม “วันนี ้มีอะไร” เราก็ทำ� กาแฟเย็นให้ ลองชิม ลุงก็ถอื ไปกินหน้ า ร้ าน คนก็เริ่ มเข้ ามาดู ลุงก็แบบ “หนูๆ มากิน ร้ านนี ้อร่อย” เราก็เออขายได้ หวะ ก็เปิ ดวันนัน้ เลย เป็ นความบังเอิญ ลุงก็เรี ยกแขก เขาก็มา อีกเรื่อยๆ ชือ่ ลุงหม่อม น� ้ำท่วมอยุธยาเลยย้ าย มาอยูเ่ ชียงใหม่ได้ 2 ปี แล้ ว เราก็ร้ ูสกึ ผูกพันกับ ลุง ลุงก็เอ็นดูเรา ลุงก็มาช่วยอุดหนุนเรื่ อยๆ พอช่ ว งหลัง คนเยอะแล้ ว ลุง ก็ ไ ปที่ อื่ น ลุง เหมือนเป็ นเทวดา มาช่วยท�ำให้ เกิด แต่ถ้าลุง มาว่างๆ เราก็ มีกับข้ า ว ชวนลุง กิ น ลุง ก็ มี ปลาร้ าสับมาให้ เรากิน ลุงแต่งตัวเฟี ย้ วมาก พอเปิ ดร้ านแล้ ว เจอปั ญหาอะไรไหม พี่แตงโม : มันก็ไม่เชิงเป็ นปั ญหา หรอก แต่เราต้ องมาโฟกัสเรื่ องการเงินว่าจะ อยูไ่ ด้ ไหม ค่าเช่าเท่าไหร่ เงินเดือนเท่าไหร่ เงิน ที่ ต้ องซื อ้ ของเข้ าร้ าน เหมื อ นเราทุ่ ม เงิ น ทังหมดที ้ ่เราเก็บสะสมมา ไม่ไปเที่ยว ไม่ซื ้อ ของ เราก็อยูไ่ ด้ แล้ วเงินหมุนนี่แหละจะเลี ้ยง ชีวิตเราต่อไป เราก็ต้องค�ำนวณต้ นทุนแต่ละ แก้ วเท่าไหร่ ควรจะขายราคาเท่าไหร่ อยากให้
นักศึกษาจับจ่ายได้ ทีเ่ ขารับได้ เราก็จะมีราคา ที่กดไว้ วา่ ไม่อยากให้ แพงไปกว่านี ้ แบ่ งหน้ าที่กันอย่ างไรระหว่ างพี่แตงโม และพี่นัท พี่แตงโม : ก็แบ่งนะ แต่สดุ ท้ ายมัน ขึ ้นอยูก่ บั แต่ละคนว่าเต็มใจจะท�ำไหม เราท�ำ เท่าที่จะท�ำได้ แบบไม่หงุดหงิดใจกัน คือเรา ตัดสินใจท�ำด้ วยกัน นัทเขาก็เสียสละมาอยูน่ ี่ แล้ ว สุดท้ ายแล้ ว ไม่วา่ ท�ำกีค่ น เราก็ร้ ูสกึ แฮปปี ้ ทังคนเดี ้ ยวและสองคน ก็มีทะเลาะกันบ้ าง เรื่อยๆ เรื่องเล็กน้ อย เช่นเรื่องการวางแผนการ จัดการ การจัดการคนทีจ่ ะเข้ ามา หรื อเรื่ องสือ่ เช่นล่าสุด รายการทีวีจะมาสัมภาษณ์ พี่ร้ ูสกึ ว่ามันดังเกินไปแล้ ว พี่อยากอยูเ่ งียบๆ ใจมัน รู้สกึ ไม่อยาก ใช้ เซนส์ตวั เอง บางทีเซนส์ไม่ตรง กันทังสองคนก็ ้ ต้องอธิบายกัน เราก็แชร์ ความ คิดกัน คุยกัน ยอมรับและปรับตัวเข้ าหากัน เงินกองกลาง พี่แตงโม : เงินเดือนแยกกัน ส่วน อาหารที่ซื ้อเข้ ามากินด้ วยกัน แต่เป็ นเงินส่วน ตัวนะ ไม่ยงุ่ กับเงินในห้ องสมุด เราก็เลยคิด ว่าต้ องขายของอย่างอื่นด้ วยด้ วย ก็หาของที่ เข้ า กับ ร้ านทยอยเข้ า มาร้ านเรื่ อ ยๆ จริ ง ๆ อยากท�ำหนังสือท�ำมือของตัวเองด้ วย ก�ำไรจากการท�ำร้ านมาหาสมุด พี่แตงโม : ไม่มเี งินเหลือหรอก ถาม ว่าท�ำแล้ วรวยไหม ก็ไม่รวย เราไม่ได้ คดิ อยาก จะรวย แต่เราท�ำแล้ วอยูไ่ ด้ มีความสุข เลี ้ยง ตัวเองได้ เพราะชีวติ ต้ องการแค่นนจริ ั ้ งๆ พี่ได้
ความคิดนีม้ าตอนไปปั่ นจักรยานนั่นแหละ ของที่พาไป มันรู้ สกึ หนักเวลาขึ ้นเขา กลาย เป็ นคิดว่า “คนเราจะสะสมไปเยอะท�ำไม” พี่ เลยส่งของที่ไม่จ�ำเป็ นส่งไปรษณีย์กลับบ้ าน อีกที เหลือของเท่าทีจ่ ำ� เป็ น สุดท้ ายเราท�ำร้ าน แล้ วขอให้ เราอยูไ่ ด้ มีความสุข แล้ วได้ เผื่อแผ่ ให้ คนอื่นด้ วย อยากให้ ลกู ค้ าเข้ ามาเป็ นเพื่อน กัน ไม่ใช่แค่ผ้ ใู ห้ บริ การ-ผู้รับบริ การ หนังสือก็ เป็ นสื่อหนึง่ ให้ เราเข้ าหากัน แค่นนก็ ั ้ พอแล้ ว เคสลูกค้ าประทับใจ พี่แตงโม : ตอนนันช่ ้ วงเย็นละ มีคน ที่ น่ า จะตามมาจากเพจรี วิ ว ของกิ น ใน เชียงใหม่ เขามาถึง “เอ้ าน้ อง จะขายรึเปล่า เนี่ย เคลียร์ โต๊ ะหน่อย” เขามาจากรุงเทพ นัง่ รถเข็นมาด้ วย แล้ วดูใช้ อภิสทิ ธิ์เพื่อให้ เราดูแล อย่างดี แต่ก็มีคนมาด้ วยกันนะ พี่ก็ตกลงกับ นัทไว้ ตงแต่ ั ้ แรกแล้ วว่ายังไงเขาเป็ นลูกค้ า เรา ก็ ต้ อ งดูแ ลให้ เ ท่า เที ย มกัน ทุก คนที่ เ ข้ า มา ถือว่าเป็ นโอกาส เป็ นความบังเอิญของเรา เรา ต้ องให้ ความเมตตา ต้ องดูแลทุกคนในแบบ ของเรา พี่ก็เลยได้ โอกาสอธิบายคอนเซ็ปต์ให้ เขาฟั งว่าทีน่ ี่เป็ นห้ องสมุด แสดงวิถีชีวติ ให้ เขา เห็น แล้ วเขาก็ดมู ีความสุขที่เห็นสิ่งที่เราเล่น กัน เขาอาจไม่คาดหวังด้ วยว่าจะมาเจออะไร แบบนี พี้ ว่ า่ เขาได้ ในสิง่ ทีเ่ ขาไม่คดิ ว่าจะได้ แต่ อาจจะไม่ได้ ในสิง่ ที่เขาต้ องการ มีเคสประทับใจอีกไหมคะ พี่แตงโม : ตอนวันหยุดอย่างวันปิ ย มหาราช มีคนมานัง่ อ่านหนังสือเป็ นครอบครัว มีคณ ุ ยาย คุณหลาน คุณพ่อคุณแม่ มาสัง่
อาหาร แล้ วเปิ ดหนังสือ อ่านจริงจัง นัง่ หันหน้ า หาครั ว แล้ วบรรยากาศตอนนั น้ คนอ่ า น หนังสือกันจริ งจังกันหมดเลย ก็สะกิดกับนัท “เออ ดูนา่ รักดีนะ” เราก็ถ่ายรูปเก็บไว้ แล้ วก็ อีกเคสหนึง่ เป็ นพี่ที่ร้ ูจกั กัน เขาก็ค้ นุ ชินกับที่นี่ ละ แล้ วมีลกู ค้ าใหม่มานัง่ คนเดียว ลูกค้ าก็ ชวนพี่ ที่ ร้ ู จัก ไปนั่ง ด้ ว ยกัน ทัง้ สองเป็ นคน แปลกหน้ าทีไ่ ม่เคยรู้จกั กัน พวกเขาก็เลยได้ คยุ กัน ก็เลยรู้สกึ ประทับใจ พี่อยากให้ ห้องสมุด เป็ นแบบนันแหละ ้ ถือว่าประสบความส�ำเร็ จ (หัวเราะ) แล้ วก็มีครัง้ หนึง่ เด็กกลุม่ ใหญ่มา พี่ ก็เลยถามไปว่า “มากันกี่คน เดี๋ยวเคลียร์ ที่นงั่ ให้ ” เขาก็บอก “ไม่เป็ นไร เดี๋ยวนัง่ กระจายกัน ก็ได้ ” พี่ประทับใจประโยคนี ้อะ โปรเจ็กต์ ในห้ องสมุด พี่แตงโม : ที่คิดๆ ไว้ มีอย่างหนึ่ง อยากท�ำแต่ยงั ไม่ได้ ท�ำ คือ “วันนี ้ขออนุญาต จัดทีน่ งั่ ให้ นะ” อยากดูวา่ บรรยากาศนันมั ้ นจะ เป็ นอย่างไร นัทก็ถามว่า “นัดบอดเหรอ?” (หัวเราะ) แต่มีทที่ ำ� ไปแล้ ว คือ No Wi-Fi / Call Your Mom (พี่แตงโมเดินไปเรี ยกพี่นทั มาช่วย คุย) ที่ท�ำเพราะเราเริ่มรู้สกึ ว่าคนที่เข้ ามาคาด หวังว่าที่นี่จะเป็ นร้ านกาแฟ คนเริ่ มมาใช้ คอม เยอะ เราก็ไม่โอเค วันนัน้ ก็เลยตัดสินใจดึง ไวไฟทิ ้ง พี่นัท : เหมือนวันนันเราไปเจอรู ้ ป No Wi-Fi พี่แตงโม : อ้ อ ครัง้ แรกเลย เราไป เจอรู ปที่เพื่อนโพสต์ในเพจเขา เขียนว่า ‘No Wi-Fi, Call your mom, talk to each other,
pretend it 1993’ ก็ชอบ พี่นัท : เรารู้สกึ ว่าลองหากิจกรรม อะไรให้ เขาเล่นสนุกๆ ดู ถ้ าเราเลือกได้ เราก็ อยากให้ เขาเข้ ามานัง่ อ่านหนังสือมากกว่า ก็ คิดว่าท�ำอย่างไรให้ เขาฉุกคิดอะไรนิดนึง แล้ ว ใช้ วธิ ีการทีไ่ ม่ฮาร์ ดคอร์ เล่นกันสนุกๆ กัน เป็ น กิจกรรม พอท�ำขึ ้นมาสัปดาห์นงึ สังเกตได้ วา่ คนหยิบหนังสือมาอ่านเยอะขึ ้นอย่างชัดเจน ในอนาคตเราอาจน�ำกิจกรรมนี ้กลับมาใช้ อีก บ้ างเป็ นบางสัปดาห์ ลูกค้ าโอเคกับ No Wi-Fi มัย้ พี่นัท : อาจจะงงๆ นิดนึง แต่เขาก็ ใช้ ชีวติ ได้ ตามปกตินะ เพราะเขาก็มเี น็ตในมือ ถืออยูแ่ ล้ ว แต่บางคนก็เข้ ามาถามว่า “ท�ำไม รอบที่แล้ วมายังมีอยูเ่ ลย” เราก็เลยได้ โอกาส อธิบายว่าเราท�ำห้ องสมุดนะ เราอยากท�ำให้ มันชัดเจน แล้ วสื่อถึงเขา มีกจิ กรรมอะไรอีกไหมคะ พี่นัท : มีสปั ดาห์นงึ ปิ ดเพลง ปกติ ที่ร้านมาหาสมุดจะมีเปิ ดเพลง มันเริ่มมาจาก แนวคิดที่ ว่า เราอยากท� ำห้ องสมุด แต่เรา อยากทดลองท�ำในแบบที่แตกต่างจากห้ อง สมุดที่มนั เคยมี อยากขบถนิดนึง อยากลอง ท�ำในแบบของเรา อยากลองเปลี่ยนดู พอมัน เป็ นห้ องสมุดส่วนตัว เราท�ำอะไรกับมันก็ได้ เราก็ ท�ำให้ แบบของเรา หลักๆ คื อยึดจาก ความชอบส่วนตัว มันคือพื ้นทีข่ องเรา ทีเ่ ราอยู่ กับมันตลอดเวลา ทุกวัน เพลงก็มีหลายแนว เลยนะ สุนทราภรณ์ เอลวิส อินดี ้ แจ๊ ส บลู
ซิกตี ้ หรื อบางทีก็ดบู รรยากาศเอา ถ้ าอากาศ ร้ อนๆ ก็เปิ ดเพลงที่มันเย็นๆ หน่อย ถ้ าคน เยอะๆ ช่วงตอนเย็น ก็เปิ ดเพลงที่มนั คึกคัก หน่อย เรารู้ สกึ ว่ามันสื่อถึงลูกค้ าที่มา แล้ วมี บางคนพูดถึงเพลงที่เราเปิ ด ว่าชอบ เหมือน เราไม่ได้ คาดหวัง แต่เขากลับพูดถึง งัน้ ขอย้ อนกลับไป พี่นัทมาท�ำห้ องสมุด ร่ วมกับพี่แตงโมได้ อย่ างไร พี่นัท : เป็ นช่วงจังหวะที่เราออก จากงานพอดี เพราะถึงจุดที่ไม่คดิ ว่าจะท�ำต่อ ไหวแล้ ว เมื่อปลายปี ที่แล้ ว เราก็ตดั สินใจออก มา แล้ วเหมือนเราเจอหน้ าพ่อแม่น้อยมาก แล้ วก็คิดว่ามันเริ่ มแปลกๆ ว่ะ แล้ วเราก็ถาม ตัวเองว่า “เรามีทางเลือกอื่นป่ าววะ?” เรารัก ที่นี่นะ เราท�ำมา 3 ปี แต่เหมือนตอนหลังมัน มีปัญหาอะไรบางอย่าง เลยไม่คอ่ ยมีความสุข ก่อนหน้ านี เ้ ราเคยได้ อ่านหนังสือ หลายๆ เล่มของพิบลู ย์ศกั ดิ์ ละครพลด้ วย เขา เป็ นนักเขียนภาคเหนือ เขาอธิบายบางอย่าง ถึงภาพของเชียงใหม่ แล้ วเหมือนเรามีภาพใน หัวอะไรบางอย่างอยู่แล้ วด้ วย เป็ นความฝั น เลยว่าเราอยากมาอยูเ่ ชียงใหม่ เป็ นความอิน ไม่มีสาเหตุ คิดเล่นๆ ด้ วยว่า ถ้ าจะอยู่นะ อยากอยูใ่ นซอยวัดอุโมงค์ แล้ วก็ถ้าเป็ นไปได้ อยากมีบ้านที่เห็นภูเขา แล้ วก็มาเจอพี่แตงโม แล้ วช่วงจังหวะนันเรามาเจอพี ้ ่แตงโมที่งาน a day bike fest พอดี พี่แตงโมก็เปิ ดรูปให้ ดวู า่ “ที่นี่อยูซ่ อยวันอุโมงค์ ข้ างหลังคือดอยสุเทพ นะ” แล้ วก็ชวนมาท�ำห้ องสมุด
พี่นัทท�ำเพจห้ องสมุดใจใหญ่ มาก่ อน พี่นัท : ใช่ๆ เป็ นเพจห้ องสมุด เป็ น หนั ง สื อ ของเราเอง ที่ เ ริ่ ม ต้ นเพราะเรามี หนังสือประมาณนึง แล้ วจากการที่เราอ่าน หนังสือมา มันท�ำให้ เกิดอะไรบางอย่างกับวิธี คิดของเรา เราเริ่ มจากการอ่านการ์ ตนู ขาย หัวเราะ มหาสนุก เนี่ยแหละ แล้ วก็เริ่ มอ่าน แก๊ กสันๆ ้ เรื่ องสัน้ เห้ ย สนุก! แล้ วค่อยเขยิบ มาอ่านเรื่ องยาว ก็อา่ นมาเรื่ อยๆ ความชอบ อ่านหนังสือมันเป็ นไปโดยอัตโนมัติ เริ่มเลือกหนังสืออ่ านเองเมื่อไหร่ พี่นัท : ประมาณ ม.ต้ น ไปอ่าน หนังสือตามห้ างมากกว่า ไปยืนอ่านฟรี ไม่ ค่อยได้ ซื ้อ ตอนนัน้ ไม่มีตงั ค์ แต่เราจะอ่าน อะไรทีม่ นั ไม่ยาว หนังสือภาพ แล้ วก็ราคาแพง เช่น Jimmy Liao แล้ ว ก็ ปกติเ ราคงไม่ซือ้ หนังสืออะไรพวกนี ้อยู่แล้ ว จ่ายค่ารถไปอ่าน หนังสือตามร้ านช่วงเสาร์ อาทิตย์ ท�ำอย่างนี ้ บ่อย หรื อตอนอยู่โรงเรี ยนก็ยืมหนังสือจาก ห้ องสมุดบ้ าง ตอนนันแฮร์ ้ รี่พอตเตอร์ ก�ำลังบูม แล้ วเหมือนมันเปิ ดโลกเราอีกรอบ มันเปลี่ยน ทัศนคติกบั การอ่านหนังสือเล่มยาวๆ หนั งสือในร้ าน เป็ นของตัวเองทัง้ หมด ไหม พี่นัท : เป็ นของเราเอง แล้ วก็มีคน เอามาให้ ด้วย บางคนส่งไปรษณีย์มาให้ บาง คนก็ยกมาให้ ถงึ ที่นี่เลย
ระบบการยืมหนังสือ
ที่มาของชื่อ ‘มาหาสมุด’ และโลโก้
พี่นัท : เป็ นการยืมคืนแบบระบบ แมนนวล มันเป็ นกิมมิ๊กของร้ าน แต่มีระบบ คอมด้ วย เหมือนเจอกันตรงกลาง ระบบคอม ใช้ บัน ทึก บัญ ชี ห นัง สื อ และสมาชิ ก เอาไว้ สืบหาข้ อมูล ให้ มนั ง่ายขึ ้น ตังไว้ ้ ตอนต้ นให้ ยมื ได้ เล่มละประมาณ 3 วัน เพราะหนังสือให้ ห้อง สมุดเรายังมีน้อย เดีย๋ วค่อยปรับไปตามความ เหมาะสม
พี่นัท : ช่วยกันคิด คือ เราอยากได้ ชื่อที่นา่ รัก ดูไม่ทางการเกินไป มีกิมมิ๊ก มีลกู เล่น สื่อไอเดียได้ เราชอบการเล่นค�ำ ที่อ่าน ค�ำนึง เขียนค�ำนึง แต่สื่อความได้ หลาหลาย ส่วนโลโก้ ให้ พี่ท่ีเป็ นหนึง่ ในทริ ปปั่ นจักรยาน ด้ วยกันช่วยท�ำ มันก็สื่อได้ ตรงประมาณนึง เข้ ากับชื่อร้ าน
คนที่มายืมหนังสือ พี่นัท : ตังแต่ ้ เปิ ดมาประมาณ 20 คน ที่สมัครสมาชิก คนที่ยืมจริ งๆ คือเป็ นคน แถวนี ้ ส่วนใหญ่เป็ นวัยนักศึกษา มีกว่าคน ท�ำงาน ความเป็ นไปของร้ านตัง้ แต่ เริ่มจนถึงตอน นี ้ พี่นัท : เดือนแรกเหมือนเป็ นการ เปิ ดตัว คนรู้จกั แต่น้อย พอเราเริ่ มออกสื่อ คน ก็เริ่ มรู้ ว่าเราท�ำอะไร มันเพิ่งมาพีคช่วงเดือน สองเดือนหลังนี่แหละ มันเป็ นเรื่ องปกติ เรา วางแผนคร่าวๆ ว่า ช่วงแรก เริ่ มต้ น เป็ นช่วง ให้ คนรู้ จกั ช่วงที่สองเป็ นช่วงที่ให้ เขารู้ ว่าเรา ท�ำอะไร ช่วงที่สามเป็ นช่วงเราที่มีอะไรอยาก สื่อ มันถึงจุดตกตะกอนประมาณนึง ที่เรา อยากส่งต่ออะไรดีๆ ให้ คนอืน่ ตอนนี ้มันอยูใ่ น ช่วงหนึง่ ช่วงสอง คาบเกี่ยวกันอยู่ จริ งๆ เรา วางแผนไว้ ชว่ งแรกคือ 1 ปี เลยนะ แต่มนั ดัน เร็วกว่าทีค่ ดิ ไว้ ถ้ าพูดถึงชื่อแบรนด์มาหาสมุด มันเริ่ มติดแล้ วนะ แค่ประมาณ 3-4 เดือน
เวลาเปิ ด-ปิ ด ร้ าน พี่นัท : อังคาร-พฤหัส เปิ ด 11 โมง ศุกร์ -เสาร์ -อา เปิ ด 10 โมง ปิ ดทุม่ นึงเหมือน กันทุกวัน แล้ วก็ปิดร้ านทุกวันจันทร์ เราเลือก เอาเวลาที่เรารู้ สึกว่าไม่เร่ งรี บเกินไปส�ำหรับ เรา ก็คยุ กันกับพี่แตงโม ว่าไหวกันเวลาไหน หาตรงกลางที่เราสามารถใช้ ชีวิตได้ ไม่เบียด วงจรชีวิตเราเกินไป อย่างช่วงแรกปิ ด 3 ทุ่ม พอถึงเวลาจริ งๆ ฟ้าเริ่ มมืด คนก็กลับกันหมด แล้ ว พอทยอยเก็บร้ าน ล้ างจาน มันก็กินเวลา ประมาณนึง มันเหนื่อยเกินไป สเตตัสยาวๆ ล่ าสุดใน เพจมาหาสมุดที่ เล่ าถึงการท�ำเครื่ องดื่ม พี่นัท : มันประมาณว่าเราจะขาย ของให้ คนอืน่ กิน แล้ วเราจะเก็บตังค์เขาอะ คือ นึกนึกจิตใจเรา ถ้ าเราจะจ่ายเงินซื ้อของอะไร ซักอย่าง มันต้ องคุ้มค่าคุ้มราคา ต้ องไม่เหี ้ยไป เราว่ามันไม่ได้ เหลือบ่ากว่าแรงที่เราจะท�ำให้ มันดี อย่างน้ อยเราก็ร้ ูสกึ ไม่บาป ไม่หลอกลวง คนอื่น แล้ วพอเขาชอบสิง่ ที่เราท�ำ เราก็ร้ ูสกึ ดี
ย้ ายมาอยู่และมาท�ำร้ านที่เชียงใหม่ อยู่ ไกลจากครอบครั วที่กรุ งเทพ ครอบครั ว ว่ าอย่ างไรบ้ าง พี่นัท : เขาไม่คอ่ ยเห็นด้ วย แต่เขา ไม่ได้ แปลกใจที่เราจะท�ำ เพราะเขารู้วา่ ลูกตัว เองเป็ นอย่างไร คอยดูห่างๆ เขาเคยขึ ้นมาดู นะ ก็คงโอเคประมาณนึง แต่ไม่คอ่ ยโอเคกับ ตัวเราที่เราท�ำงานค้ าขาย แล้ วเรายังเฉื่อยๆ ยั ง ท� ำ ตามอารมณ์ มั น ควรกระตื อ รื อ ร้ น มากกว่านี ้หน่อย เขาก็เห็นภาพตรงนัน้ ก็ยงั เป็ นห่วงแหละ เราก็จะพูดอธิบายในสิ่งที่เขา อยากจะเข้ าใจในจุดๆ นัน้ วางแผนส�ำหรั บอนาคตไว้ อย่ างไรบ้ าง พี่นัท : ถ้ าส�ำหรับเรา ต้ องหาตังค์ เพิ่ม เพราะมันเหมือนเป็ นการท�ำกิจการของ ตัวเอง ด้ วยวัยของเรา เรารู้สกึ ว่าอีกไม่กี่ปีเรา ก็มคี รอบครัว อย่างเมือ่ ก่อนใช้ ชวี ติ อยูใ่ นเมือง ใช้ เงิ น เดื อ นชนเดื อ นไม่ มี เ งิ น เก็ บ ส� ำ หรั บ อนาคต ถ้ าจะอยูค่ นเดียวไปตลอดชีวิตอยูไ่ ด้ ถ้ าเป็ นครอบครัวมันไม่ได้ หวะ เราเข้ าใจว่ามัน เป็ นช่วงเริ่มต้ น เรารู้สกึ ว่า เริ่มต้ นแล้ วได้ เท่านี ้ มันโอเค มันสามารถย่อยอดไปได้ อีก ทางมัน โล่งขึ ้นละ ถ้ าเกิดเราอยากหาเงินได้ มากกว่า นี ้ ในอนาคตเราอาจจ้ างเด็กมาช่วยดู เพื่อจะ ได้ มีเวลาไปคิดท�ำอย่างอื่น มีบางวันที่ใครคนใดคนนึงต้ องอยู่ร้านคน เดียว พี่นัท : โครตพีคเลยนะ เราก็ท�ำเท่า ที่ท�ำได้ คนเดียว ถ้ าเกิดเราท�ำช้ า ท�ำไม่ทนั เรา
ก็คดิ ว่าเป็ นเรื่ องที่เข้ าใจได้ ถ้ าเขาเปิ ดใจที่จะ เข้ าใจ เรารู้สกึ ว่ามันเป็ นคอมมอนเซนส์ แล้ ว เราท�ำห้ องสมุด เราก็บอก “ถ้ามันช้า คุณลอง หยิ บหนังสือมาอ่านสักเล่มไหม” เขาก็เข้ าใจ ในภาพที่เขาเห็นตรงหน้ า ความประทับใจต่ อลูกค้ า พี่นัท : มีลกู ค้ าบางคนช่วยล้ างแก้ ว เห้ ย พีคมาก พี่ก็เข้ าไปถามว่า “เห้ ย ท�ำไร?” เขาบอก “เขาอยากช่วย” เราก็ประทับใจ แต่ เราก็เกรงใจนะ แต่มนั เป็ นธรรมชาติของแต่ละ บุคคล มันเป็ นอะไรที่เกิ นความคาดหมาย เหมือนเขาเข้ าใจ เราเปิ ดให้ เขา เขาเปิ ดให้ เรา เรื่ องดีๆ มันก็เลยเกิดขึ ้น มีช่วงที่ไม่มีคน มี เบาะยาวๆ สักพักลูกค้ าหลับ หลับจริ งจัง เห้ ย ฮา สนุก! เราแฮปปี ด้ ี เรารู้สกึ ว่ามันเจ๋ง ถ้ าไป ร้ านอื่น เขาจะไปนอนตรงไหนวะ เหมือนเรา ท�ำให้ เขารู้ สกึ ว่าเขาอยู่บ้าน หรื อไปเล่นบ้ าน เพือ่ น และการทีเ่ ขาจะกลับมาอีกมันเป็ นเรื่อง ง่าย คิดว่ าอะไรท�ำให้ ร้านมาได้ ถงึ ขนาดนี ้ พี่นัท : ร้ านเรามาได้ ขนาดนี ้เพราะ เราอยูต่ รงนี ้ ช่วงจังหวะ โอกาส หลายๆ มา ช่วยเสริ มกัน ถ้ าเราไปอยูใ่ นเมือง หรื อที่อื่นที่ ไม่ใช่ทนี่ ี่ เราอาจจะไม่ได้ ดงั เท่านี ้ก็ได้ เราก็เลย รู้สกึ ว่ามันเป็ นเรื่ องบังเอิญ พอดี จังหวะมันดี แล้ วพี่นัทคิดไหมว่ าอะไรท�ำให้ มาท�ำห้ อง สมุดกับพี่แตงโม พี่นัท : ตอนที่พี่แตงโมชวนครัง้ แรก ก็อยากมา อีกอาทิตย์นงึ พี่ก็จองตัว๋ รถแล้ วขึ ้น
มาเลย แล้ วก็ได้ เข้ ามาในซอยวัดอุโมงค์ครัง้ แรกเพื่อมาดูที่นี่แหละ พี่แตงโมก็ยงั งงเลยว่า เราตัดสินใจเร็วประมาณนึง คือจริงๆ เขาบอก หลายคน ว่าสนใจไหม มีทตี่ รงนี ไม่ ้ ได้ บอกเรา คนเดียว เขาคงไม่ได้ คิดว่าเราจะมา แล้ วเรา เสือกมาจริง แล้ วเป็ นคนเดียวทีม่ า ก็เลยได้ มา ท� ำด้ วยกัน เป็ นความซวยของพี่ แตงโมนะ (หัวเราะ) ก�ำลังใจจากแฟน พี่นัท : หลายๆ ครัง้ แฟน เป็ นคน ช่วยตัดสินใจ เขาจะเป็ นคนที่คอยช่วยเสริ ม และสนับสนุน เป็ นคนคอยถีบ “อยากท�ำเหรอ ก็ท�ำดิ” จะไม่แย้ ง ไม่ค้าน แต่จะช่วย ไปหา ข้ อมูลมาให้ “ท�ำไมไม่ท�ำอย่างนันล่ ้ ะ ท�ำอย่าง นี ้สิ” แล้ วเขาก็ร้ ูวา่ เราชอบท�ำอะไรอย่างนี ้อยู่ แล้ ว ชีวติ จริง กับสิ่งที่คดิ พี่นัท : มันเป็ นช่วงที่มนั ยังเคว้ งอะ เราไม่เคยท�ำ เราไม่ร้ ูวา่ ต้ องท�ำยังไง เราก็เลย เอาตัวเองเป็ นหลัก คิดว่าถ้ าท�ำแล้ วเราไม่ชอบ แล้ วเราต้ องอยู่กบั มันนานๆ มันไม่ดีป่าววะ เราก็เริ่ มท�ำสิ่งที่เราโอเคก่อน พอเริ่ มท�ำ เริ่ ม เป็ นชีวติ จริง เหตุผล ปั ญหาต่างๆ ก็เริ่ มเข้ ามา เราก็คอ่ ยๆ แก้ มนั ไป มันสตาร์ ทด้ วยอีโก้ โลก สวย พอเจอชีวิตจริ ง ถามว่าเป๋ ไหม ก็ไม่เป๋ นะ เราก็ ท� ำ ความเข้ าใจกั บ มั น เป็ นเรื่ อง คอมมอนเซนส์ เพื่อนๆ มาเที่ยวร้ านบ้ างไหม ว่ ายังไงบ้ าง
พี่นัท : มีบ้างตังแต่ ้ ชว่ งแรกๆ เลยที่
ไม่มีคน เพื่อนก็ขึ ้นมาดู เพื่อนๆ ชอบ บางคน พูด “มึงแม่งเจ๋งหวะ มึงกล้ าท�ำ” เหมือนสิง่ ที่ เราท�ำมันไม่แย่ด้วยมัง ้ คิดไหมว่ าท�ำร้ านถึงตอนนีเ้ ป็ นก�ำไรแล้ ว พี่นัท : มันเลยจุดที่เราคาดหวังมา แล้ ว คือเราเผือ่ ใจว่ามันจะเละ คือถ้ ามันจะล้ ม เราเตรี ยมใจยอมรับตรงจุดนันมาแล้ ้ ว แต่ถ้า มีอะไรที่ดีกว่านัน้ ไอเหี ้ย ก�ำไร แล้ วมันดันดี กว่าที่เราคิดไว้ มาประมาณนึง เออ..เราพอใจ แล้ วนะ ง่ายๆ นะ แค่เรามีแรงท�ำ และมีเงิน จ่ายค่าเช่า ที่นี่ก็ได้ เปิ ดต่อไป ให้ พ่ ที งั ้ สองฝากถึงคนรุ่ นใหม่ หน่ อย พี่นัท : เอาเท่าที่เราเจอนะ เรารู้สกึ ว่าอยากท�ำอะไรก็ทำ � แต่คดิ ก่อนนะ สิง่ ส�ำคัญ คื อ ทัศ นคติ มัน น่ า จะท� ำ ให้ ชี วิ ต เดิ น ไปใน แนวทางที่มนั ไม่แย่ได้ แล้ วเราจะดูวา่ สิง่ ที่เรา ท�ำส่งผลกระทบต่อคนอืน่ รึเปล่า ถ้ าคุณท�ำสิง่ ที่มนั ดี ยังไงผลที่ได้ มนั ก็เป็ นบวกอยูแ่ ล้ ว เรา รู้ สกึ ว่าคิดถึงอะไรที่มนั นอกเหนือจากตัวเอง บ้ าง คิดเพื่อคนอื่นบ้ าง มันน่าจะเป็ นอะไรที่ดี สรุ ปคือเริ่ มจากทัศคติของเราก่อน แล้ วลอง คิ ด วางแผน คนที่ ใ จมัน ไปแล้ ว มี แ พสชั่น ชัดเจนในสิง่ ทีอ่ ยากท�ำ ก็อยากได้ คำ� สนับสนุน “เอ้ ย เอาดิ เจ๋ ง ดี ท� ำ เลย” บางที ค นเราก็ ต้ องการแค่นน ั้ เรามีความเชื่ออยูอ่ ย่างนึง “เราไม่ร้ ู จะตายเมือ่ ไหร่” ตังแต่ ้ เด็กละ เรากลัวตาย เรา กลัวอยู่ดีๆ วันนึงตัวเราจะหายไปจากความ รู้ สกึ ดีๆ จากครอบครัว จากคนที่เรารัก แล้ ว
ไม่มีใครรู้ เรื่ องนี ้ เราก็เลยอยากท�ำอะไรบาง อย่างทิ ้งไว้ เราเคยคิดฮาๆ วันที่เราตาย แล้ ว มีคนที่เราไม่ร้ ูจกั มางานศพเรา เรารู้สกึ ว่าเจ๋ง หวะ เพราะเราทิ ้งอะไรบางอย่างทีจ่ ดุ ประกาย เอาไว้ ส�ำหรับคนที่อยากท�ำเพื่อคนอื่น แล้ ว ช่วยๆ กัน ส่งกระจายสิง่ ดีๆ ออกไปสูส่ งั คม เรา ก็เริ่ มจากตัวเราเองก่อนแล้ วกัน พี่แตงโม : ถ้ าไม่ลอง เราก็ไม่ร้ ู ถ้ า คนรุ่นใหม่ ไม่กล้ าก็ไม่ต้องท�ำ ถ้ าท�ำมันต้ อง กล้ าตัดสินใจ ถ้ าเรารู้ สกึ ว่าไม่ปลอดภัยที่จะ ท�ำก็ไม่ต้องท�ำ แล้ วพร้ อมเมื่อไหร่ กล้ าเสี่ยง เมื่อไหร่ ก็ท�ำ ไม่ต้องรออะไร ขอให้ มีความ พร้ อมทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ เศรษฐกิจ คือต้ องรู้ ตวั เอง ปรึกษาที่บ้าน บางคนก็อาจ จะไม่มีอะไรเลย แต่ใจพร้ อมมาก แต่ควรมี แผน A แผน B และเตรี ยมใจยอมรับสิง่ ที่จะ เกิดไว้ ด้วยนะ (หัวเราะ) ---------------------------- หลังจากคุยกับทัง้ สองจบลง เรา ก็ร้ ู สึกได้ เลยว่ า คนทีอ่ ยากท�ำอะไรทีน่ อก เหนือไปจากการท�ำเพือ่ ตัวเองยังมีอยู่จริง และยังมีอีกมากด้ วย ทั้งสองเป็ นอีกแค่ หนึ่ งตั วอย่ างในสั งคมอั นกว้ างใหญ่ บน โลกใบนี้
ที่มา : O-N issue 05 | ไปดีมาดี
ก่อนเข้ าสูว่ งสัมภาษณ์อย่างจริ งจัง เพื่อพูดคุยถึงที่ไปที่มาของ Ma:D พี่เก่ง หนึง่ ในผู้กอ่ ตังมาดี ้ ก็ได้ นงั่ เล่าให้ เราฟั งถึงเรื่องราว ของ Social Enterprise หรื อกิจการเพื่อสังคม ในบ้ านเราหลายๆ กลุม่ เช่น ดอยตุง, Local alike ,Kokoboard , Farmsook Icecream,ชุดอุปกรณ์ เล่นเส้ น (อุปกรณ์ เครื่ อง เขียนส�ำหรับผู้พิการทางสายตา) เป็ นต้ น แล้ วเราก็ เ ริ่ ม ต้ นคุ ย กั น ถึ ง เรื่ อง กิจการเพื่อสังคม ความหมายของค� ำ ว่ าSocial Enterprise(SE) พี่เก่ ง Ma:D : ขอให้ ความหมาย ตามที่ พ วกเราชาว Ma:D สรุ ป กัน นะครั บ เพราะความหมายของแต่ละที่อาจแตกต่าง กันไป Social Enterprise ในความหมายของ Ma:D คือ คุณจะท�ำอะไรก็ได้ เพื่อแก้ ปัญหา สังคมไม่วา่ จะเป็ นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ โดย คุณต้ องอยูไ่ ด้ (มีรายได้ ) ไม่รอเงินบริ จาค ถ้ ามองสังคมเราตอนนี ้อาจจะแบ่ง กว้ างๆ ได้ เป็ น 2 กลุ่ม (ไม่นับข้ าราชการ รัฐวิสาหกิจ) คือ กลุ่มที่ท�ำธุรกิจ กับกลุ่มที่ ท�ำงานด้ านสังคม Social Enterprise เป็ นสิง่ ที่รวมเอาข้ อดีของทัง้ 2 ฝั่ งมารวมกัน เพื่อแก้ ปั ญหาสังคม คือ เอาคุณค่าของคนท�ำงาน ด้ านสังคมที่มีวตั ถุประสงค์ในการแก้ ปัญหา สังคมอย่างชัดเจน กับเอาเรื่ องประสิทธิภาพ และการหารายได้ ที่เก่งของฝั่ งธุรกิจเข้ ามาใช้ จึงเกิดเป็ น Social Enterprise คือ แก้ ปัญหา สังคม แต่ต้องมีโมเดลธุรกิจเพื่อการหารายได้
และเพื่อให้ ปัญหานันๆ ้ สามารถท�ำได้ อย่าง ยัง่ ยืน Social Enterprise อาจจะรับบริ จาค ก็ได้ แต่การบริ จาคต้ องเป็ นแค่สว่ นหนึง่ ไม่ใช่ ทังหมด ้ Co-Founder ของMa:D Ma:D : มีหลักๆ ทังหมด ้ 3 คน คือ พี่กิ๊ฟท์ (ปรี ห์กมล จันทรนิจกร อายุ 27 ปี จบ เศรษฐศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ) พี่เก่ง (สกลฤทธิ์ จันทร์ พมุ่ อายุ 33 ปี จบโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร) พีท่ ี (ธีระพงษ์ แสงลาภเจริญกิจ อายุ 28 ปี จบ วิ ศ วกรรมศาสตร์ สถาบั น เทคโนโลยี พระจอมเกล้ าเจ้ าคุณทหารลาดกระบัง) ที่มาของชื่อมาดี Ma:D พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ง่ายๆ เลยคือ มาท�ำ อะไรดีๆ ร่วมกัน ส่วนชื่อภาษาอังกฤษก็ MAD เพราะเวลาเราบอกว่าเราอยากเปลี่ยนโลก ใครเขาจะเชื่อ เขาก็หาว่าเราบ้ า เราก็แบบ บ้ า ก็ได้ Ma:D เลยมี 2 ความหมาย เย็นๆ น่ารักๆ แต่แฝงลูกบ้ าไว้ ด้วย วัฒนธรรม รากฐานของมาดี พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : หนึง่ -ทุกคนลุกขึ ้น มาท�ำด้ วยตัวเอง เลิกบ่นและรอให้ ใครมาแก้ ปั ญหาให้ สอง-ไม่แข่งขันกัน เน้ นความร่ วม มือ และช่วยเหลือกันเท่าทีท่ รัพยากรแต่ละคน จะมี สาม-จริ งใจ และมี commitment ด้ วย วัฒนธรรมนี ้จะท�ำให้ ทกุ คนเกิดการไว้ ใจ แชร์ กันได้ เต็มที่ ทุกคนเห็นอีกด้ านของกันและกัน แล้ วก็มีการให้ พนั ธสัญญาว่าจะน�ำไปท�ำต่อ
และโตไปด้ วยกัน ท� ำ ไมพี่ กิ๊ ฟ ท์ ถึ ง สนใจท� ำ งานเกี่ ย วกั บ สังคม พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : เราเป็ นคนที่สนใจ ประเด็นสังคมมาก แต่บ้านเราไม่ได้ รวย ไม่ได้ มี เ งิ น มากในการบริ จ าค เราอยากดู แ ล ครอบครัวด้ วย เราเคยคิดตอนเด็กๆ ว่าถ้ าเรา ตัวคนเดียว ไปสอนเด็กบนดอยนานแล้ ว แต่ เรายังมีพ่อแม่ต้องเลี ้ยงดู มันไม่ใช่ว่าเราไป ท�ำงานให้ สงั คมแล้ วเราต้ องทิ ้งครอบครัว คือ ก่อนหน้ านี ้เราเข้ าใจว่ามันมีแค่ 2 อย่าง คือ มูลนิธิ แล้ วก็ธรุ กิจ ฝั่ งธุรกิจ ตอนแรกเราก็อยากลองนะ ตอนที่เรี ยนอยูเ่ ราประกวดแผนธุรกิจ ตอนท�ำ ใช้ เวลา 3 เดือน รู้สกึ เป็ น ช่วงเวลาที่ทรมาน ที่สดุ ในชีวิต เราดูในส่วนการตลาด ซึ่งต้ อง ตอบค�ำถามเดียว “ท�ำไงให้ เราได้ กำ� ไรเยอะสุด สือ่ สารยังไงให้ คนจ่ายแพง” จบเหตุการณ์นนั ้ คิดว่าไม่ท�ำธุรกิจแน่ๆ ตอนนันมองแต่ ้ ด้านแย่ ลืมมองด้ านดีไป ก็เลยตังใจจะท� ้ ำงานด้ าน สังคม พอใกล้ จบก็มชี ว่ งทีเ่ ครียดมากแล้ วก็มา เจอ ChangeFusion พอดี ที่นี่ท�ำเรื่ อง Social Enterprise เน้ นเรื่ องนวัตกรรมทางสังคม ก็ เลยสมัครเข้ าไปท�ำ เรารู้ สกึ ว่าแนวคิดมันใช่ กับชีวิตมากๆ สร้ างผลกระทบให้ สงั คมแบบ ยั่งยืน คือเราหาเงินเองได้ ตัวเราเองอยู่ได้ ครอบครัวอยูไ่ ด้ กิจการอยูไ่ ด้ ตอนอยู่ ChangeFusion ท�ำอะไรบ้ าง
พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ท�ำหลายอย่างมาก
เลย ตังแต่ ้ ระดับนโยบาย โดยเน้ นการมีสว่ น ร่ วมจากภาคประชาชน มีท�ำงานวิจยั มีท�ำ เรื่ องการสื่อสารเพื่อสังคม ประสานงานศูนย์ ความร่วมมือภัยพิบตั ติ อนน� ้ำท่วมใหญ่ ท�ำให้ เรามีคอนเนคชัน่ เต็มเลย ทังทางภาคธุ ้ รกิจ ทัง้ ชุมชน ทังฝั ้ ่ ง NGO แต่พอถึงจุดๆ หนึง่ เราก็ ต้ องออกไปช่วยกิจการที่บ้าน แต่จดุ ที่ฝังใจเรามาก คือ ChangeFusion มีโครงการประกวดแผนกิจการเพื่อ สังคม ตอนนันเราเพิ ้ ง่ เข้ าไปใหม่ๆ ไม่ได้ อยูใ่ น ทีมที่ท�ำเรื่ องนี ้ แต่เราสนใจ เราอยากลองท�ำ กิ จการเพื่ อสังคมของตนเอง ก็ เลยส่งแผน ประกวดไปเรื่ องคนไร้ บ้านเพราะอยากได้ เงิน ทุนตังต้ ้ น สุดท้ ายท�ำไม่ได้ กรรมการบอกว่า “คุณไม่เข้ าใจอะไรเลย เชิงประเด็นก็ไม่ลกึ นี่ มันไม่ใช่แผนธุรกิจที่จะท�ำให้ อยูไ่ ด้ ” เราก็เก็บ ความรู้สกึ นันไว้ ้ วา่ มันยาก เราต้ องเรี ยนรู้เพิ่ม ก่ อ น ก็ เ ลยพั บ ไว้ ก่ อ น ก็ ตั ง้ ใจท� ำ งานที่ ChangeFusion ต่อไป แต่ร้ ูสกึ ว่าตัดสินใจถูก ได้ เรี ยนรู้หลายอย่างมากจากที่นี่ พี่กฟ ิ๊ ท์ เคยเป็ นบรรณาธิการนิตยสารด้ วย พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ออ ใช่ หลังจากออก จาก ChangeFusion ไปช่วยที่บ้าน ก็มีแบ่ง เวลาไปช่วยส�ำนักงานสร้ างเสริ มกิจการเพื่อ สังคมแห่งชาติ (สกส.) แบบไม่เต็มเวลา มีท�ำ เรื่ องอาสาสมัครสือ่ สารเรื่ องกิจการเพื่อสังคม ไปช่วยจัดอีเว้ นท์ตา่ งๆ หลังจากนันก็ ้ มีเพื่อน ชวนไปท� ำ เป็ นบรรณาธิ การนิ ตยสารธุร กิ จ ภาษาอังกฤษ ชื่อ MeTRO Business and Leisure เราก็เลยตัดสินใจไปท�ำ เพราะมอง ว่าอยากเรี ยนรู้ และเข้ าใจในฝั่ งที่เป็ น Enter-
prise มากขึ ้น ก่อนหน้ านี ้เราเคยมองว่าธุรกิจ มันแย่ แต่พอไปเรี ยนรู้จริ งๆ แล้ ว เราก็พบว่า ธุรกิจมันมีขึ ้นมาเพือ่ ให้ เกิดรายได้ ทยี่ งั่ ยืน คุณ ท�ำสินค้ าที่คนอยากได้ ทุกคนไม่ได้ มีเวลามา ผลิตเอง มันมีคณ ุ ค่าจริงในตลาด เพราะฉะนัน้ มันไม่ใช่เรื่ องแย่เลย ถ้ ามันจะแย่ ก็เพราะ ความโลภของคนท�ำไม่ใช่ความเป็ นโมเดล ธุรกิจ ในนิตยสาร จะมีคอลัมน์สมั ภาษณ์ ผ้ ู บริ หารขององค์กรต่างๆ เพื่อจะได้ ร้ ูวา่ เขาคิด อะไรในมุมมองธุรกิจ มีวิสยั ทัศน์อย่างไร มี ปรัชญาอะไร น่าสนใจมากเลย เราท�ำอยู่ 6 เดือน แล้ วรู้สกึ ว่าเริ่มร้ อนใจแล้ ว ท�ำของตัวเอง เลยดีกว่า แล้ วก็นกึ ขึ ้นมาว่าตอน 4 ปี ที่เราท�ำ ไม่ ไ ด้ มัน เพราะอะไร มัน เพราะเราไม่ มี ประสบการณ์ ไม่ใช่วา่ เพราะเราไม่มีใจ จริ งๆ ก่อนจะมาเปิ ดที่นี่ ก็ไปช่วย เป็ นโค้ ชของ Ashoka ซึ่ ง เป็ นองค์ ก รที่ สนั บ สนุ น คนที่ ท� ำ งานด้ านสั ง คม เค้ ามี โครงการสร้ างผู้ประกอบการสังคมรุ่ นเด็กๆ เราก็เลยเจอว่า มันไม่ใช่มีแค่เราที่เมื่อ 4 ปี ที่ แล้ วเจอปั ญหาแบบนี ้ แต่ มี อี ก หลายคน เหมือนกันเลย คือใจมาเลยอะ แต่เขาไม่มี ทรัพยากร ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีอะไรเลยถ้ า ให้ เริ่ มตอนนันเริ ้ ่ มยากมาก ก็เลยเจอว่านี่เป็ น อีกส�ำคัญ คือ อยากเริ่ ม แต่ไม่ร้ ูจะเริ่ มยังไง ก็ เลยคิดว่าเราอยากท�ำพื ้นทีๆ่ หนึง่ ทีค่ นรู้สกึ ว่า อยากเริ่ ม เข้ ามาเมื่ อไหร่ ก็ได้ ที่นี่มีคนที่ คิด เหมือนกัน มีคนที่สนใจเหมือนกันมาท�ำด้ วย กัน เห้ ย! มีอะไรช่วยกัน เธอมีนี่ ฉันมีนี่ ไม่ใช่ ว่าไปคุยกับใครก็ “บ้ าป่ ะแก ท�ำไม่ได้ หรอก” คือเรารู้สึกว่า การอยู่ถูกที ่ ถูกเวลา มันส�ำคัญ เหมื อนกัน
ตอนจะท�ำ Ma:D โดนว่ าเยอะไหม พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : โอ้ โห! โดนเยอะมาก ค่ะ ฮ่าๆๆ แม้ กระทัง่ คนที่ท�ำงานสังคมด้ วย กันเอง เขาเป็ นห่วง บางทีเขาก็ดา่ ด้ วยความ รั ก คือ ตอนเริ่ มเราไม่ได้ มีเงินมาก ไม่ได้ มี ประสบการณ์มาก แต่ Ma:D เป็ นพื ้นที่ ต้ อง ลงทุนสูง แผนเราก็ไม่ชดั เลย แต่เราอยากท�ำ มากเลย แล้ วเราก็เล่าภาพที่อยากเห็นกับคน มากกว่า 100 คนเลยนะ เพื่อเล่าว่าเราฝั น อะไร แล้ วก็มีคนช่วยกันลงเงินคนละนิดละ หน่อย บางคนก็มาลงแรงแบบเต็มที่ จนที่นี่ เกิดได้ บางคนก็ถามว่า “บ้ าป่ ะแก” แต่ก็ชว่ ย บางคนฟั งแล้ วไม่เก็ตก็มี ช่างฟงช่างไฟมาที่ บ้ าน เราเล่าหมดเลยเราเจอใครเราก็เล่า ที่นี่ เกิดขึ ้นได้ เพราะทุกคนช่วยกัน หุ้นส่ วนที่มาดี พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ทุกคนคือมาด้ วยใจ จริ งๆ ใครให้ อะไรมาเท่าไหร่ ก็ท�ำเป็ นเอกสาร ไว้ จดทะเบียนบริ ษัทไปแล้ ว หลายคนก็ไม่สน เลยแม้ แต่น้อยว่าต้ องได้ อะไรกลับไป แต่เรา รู้ สึกว่า ไม่ได้ ถ้ าท�ำในสิ่งที่มันดี แล้ วมันมี คุณค่าทางสังคมรวมถึงการตลาดด้ วย เขา ควรจะได้ อะไรกลับไป เพราะเขาไว้ ใจเรา เรา รู้ สึกว่าจะท� ำ Enterprise ทัง้ ที ก็ ต้องเป็ น Enterprise จริ งๆ เรารู้สกึ ว่าถ้ าเราสร้ างราย ได้ ได้ คนลงทุนกับเราเขาต้ องได้ รีเทิร์นสิ มาก น้ อยอีกเรื่องหนึง่ ลองนึกภาพถ้ าเราหาเงินเอง ไม่ได้ เราต้ องนัง่ ขอทุนไปเรื่ อยๆ ทุกปี ถ้ าวัน หนึง่ เราไม่ได้ เงินต่อ เราก็ท�ำต่อไม่ได้
แล้ วพี่เก่ งสนใจเรื่ องสังคมตัง้ แต่ เมื่อไหร่ พี่เก่ ง Ma:D : จ�ำไม่ได้ วา่ จริ งๆ ตัว เองสนใจเรื่ องสังคมเมื่ อไหร่ รู้ แค่ว่าเราไม่ อยากท�ำธุรกิ จ ไม่ร้ ู ท�ำไม แต่ที่บ้านก็ไม่ได้ บัง คับ ให้ ท� ำ หรื อ ไม่ท� ำ อะไรนะ จบมาก็ ไ ป ท�ำงานที่ ม.กรุงเทพ ประมาณ 2 ปี โดยมีหน้ า ที่ไปให้ ความรู้ เด็กๆ ให้ เขาได้ ร้ ู ว่าอยากเรี ยน อะไรต่อ เหมือนไปแนะแนวการศึกษา เดิน สายไปทัว่ ประเทศเลย หลังจากนันก็ ้ ไปช่วย อาจารย์ทำ� หนังสือไปรีเสิร์ชหาข้ อมูลทีอ่ งั กฤษ กับ ที่ อ เมริ ก า แล้ ว ก็ ไ ด้ ม าท� ำ งานที่ มูล นิ ธิ สาธารณสุขแห่งชาติ ได้ รับผิดชอบโครงการ ปฏิรูปประเทศไทย ซึ่งเป็ นการรวบรวมงาน วิ ช าการที่ เ กี่ ย วข้ อ งกับ ปั ญ หาสัง คมที่ ต้ อ ง แก้ ไข แล้ วจัดท�ำข้ อเสนอ ท�ำการสื่อสารออก ไปในรู ปแบบที่แตกต่างจากที่เคยท�ำคือ ท�ำ เป็ นคลิปแอนิเมชัน่ ซึง่ เข้ าใจว่าพีเ่ ป็ นทีมแรกๆ เลยที่เอางานวิชาการมาท�ำเป็ นแอนนิเมชัน่ คลิปแรกที่ออกมา คือ ความเหลื่อมล� ้ำฉบับ พกพา พี่กฟ ิ๊ ท์ กับพี่เก่ งรู้ จกั กันได้ อย่ างไร พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : รู้จกั กันตอนที่พี่เก่ง ท�ำประชุมวิชาการเกี่ ยวกับการปฏิรูป วงนี ้ เกี่ยวกับการปฏิรูประบบเกษตร แล้ วตอนนัน้ เราท� ำ เรื่ อ งสหกรณ์ พ อดี สหกรณ์ มัน เป็ น โมเดลหนึง่ ของ Social Enterprise แล้ วเรา เป็ นหนึ่งในทีมนักวิชาการที่ท�ำวิจยั ก็เลยได้ เจอกัน พี่เก่ ง Ma:D : แล้ วช่วงหนึง่ เราก็ร้ ูสกึ ว่าไม่มีอะไรทีเ่ ราท�ำได้ เองเหรอ? กิ๊ฟท์ก็มาคุย
ให้ เราฟั ง ว่ามี Social Enterprise มีนนู่ นี่นนั่ แล้ วสิง่ ที่มนั ตรงกัน คือ พี่เองก็มองว่าวิธีการ แก้ ปัญหามันมี 3 ชันเหมื ้ อนกัน ชันแรกคื ้ อ เรา ลงมาท�ำเองได้ จริ งๆ เริ่ มจากตัวเราเอง ชันต่ ้ อ มาคือการแก้ ปัญหาเฉพาะหน้ า เยียวยาไป ชันสุ ้ ดท้ าย คือ เชิงนโยบาย ก็ไปแก้ กฎหมาย ซึง่ เชิงนโยบายอาจไม่เหมาะกับเรา แต่มนั ก็ ยังจ�ำเป็ นต้ องมี ก็มีคนกลุม่ หนึง่ ที่ท�ำกันไป แล้ วพี่ๆ มาเริ่ม Ma:D ด้ วยกันได้ อย่ างไร พี่ เ ก่ ง Ma:D : มัน เป็ นจัง หวะ หลายๆ อย่าง ช่วงนัน้ พี่จบโปรเจ็กต์ปฏิรูป กิ๊ ฟ ท์ ก็ ท� ำ นิ ต ยสารอยู่ พี่ ก็ ไ ปช่ ว ยกิ๊ ฟ ท์ ท� ำ นิตยสาร แล้ วนายทุนไม่ค่อยน่ารั กเท่าไหร่ ประจวบเหมาะกับ หน่วยงาน สกส.เขาอยาก หาคนท�ำ Co-Workingในช่วงตุลาคม ปี 2556 พอดี เป็ นพื ้นที่ส�ำหรับคนที่สนใจ Social Enterprise ให้ มารวมตัวกัน เราก็เลยเข้ าไปคุย เขาบอกมีที่ให้ แล้ ว ตรงตึกใน มหาวิทยาลัย ศรี นคริ นทรวิโรฒเลย หาคนไปด�ำเนินการ ธุ ร กิ จ หาคนไปร่ ว มลงทุน ท� ำ เป็ นโมเดล กิจการเพื่อสังคม แล้ วท�ำไมสุดท้ าย พี่ๆ ถึงเลือกมาท�ำใน สถานที่แห่ งนี ้ พี่เก่ ง Ma:D : เราก็ไปหาข้ อมูลเพิม่ แล้ ว เรามาแถวนี บ้ ่ อ ย บัง เอิ ญ บ้ า นหลัง นี ้ ปล่อยเช่าพอดี เราก็เลยลองเปรี ยบเทียบข้ อดี ข้ อเสียกับทีต่ รงมศว. เราคิดว่าทีน่ ี่มนั มีสวน มี สีเขียว ปลูกผักได้ อาจจะฉายหนังกลางแปลง ได้ ด้วยนะ แล้ วเพือ่ นเราก็อยูต่ รงนี ้ราคาค่าเช่า ก็ ใกล้ เคียงกัน แต่ที่นี่มันมี ลูกเล่นมากกว่า
สุดท้ ายเราก็ไม่ได้ ท�ำกับ สกส.
Business Model ใหม่ ของมาดี
ตอนนี ้ Ma:D เปิ ดมานานเท่ าไหร่ แล้ วคะ
พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : เราก็กลับไปนัง่ ตัง้ ต้ นใหม่วา่ เราอยากท�ำพื ้นที่นี ้เพราะอะไร? ค�ำ ตอบคือ เพราะเราอยากท�ำให้ คนที่ท�ำเรื่ อง สังคมมีพื ้นที่ มาแชร์ กนั มาคุยกัน มากกว่ามา ท�ำงานของตัวเอง คือไม่ใช่ Social Enterprise อย่างเดียวนะ ท�ำอะไรก็ได้ ในแบบของตัวเอง เลย เช่นเครื อข่าย Social Venture Network (SVN) เป็ นกลุม่ นักธุรกิจใหญ่ๆ ที่มีอายุตงแต่ ั้ 30-80 กว่าปี ซึ่งมีจิตใจเพื่อสังคมมาก เขา ชอบที่นี่ เขาชอบแนวคิด Social Enterprise แล้ วเขาอยากใช้ ความรู้ ที่ เขามี มาช่วย คื อ Social Enterprise มันต้ องดูทงั ้ 2 ด้ าน ฝั่ ง ผลกระทบต่อสังคม ก็ต้องดูวา่ คุณแก้ ปัญหา จริงไหม ยัง่ ยืนไหม ในขณะที่ฝั่งบริษัทต้ องหา โมเดลที่ ขายได้ และอยู่ได้ ท� ำยังไงให้ เกิ ด คุณค่าจริ งในตลาด ทาง SVN ก็ยินดีมาช่วย เสริ ม หรื อคนทัว่ ไปที่สนใจอยากปรับวิถีชีวิต ให้ ยงั่ ยืนขึ ้น ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสังคมน้ อย ลง ก็เป็ นอีกกลุม่ ที่มาพบปะกันที่มาดี
พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ส�ำหรับที่นี่เราเปิ ด มา 6 เดือน แต่เริ่ มคิดเริ่ มพูดคุย หาสถานที่ ปรับปรุงบ้ านก็ ปี นึงพอดี Co-Working Space พี่กิ๊ฟท์ Ma:D : เรามีเพื่อนที่ท�ำ Co-Working space อยูท่ ี่ Hubba เราก็เลย เข้ าไปคุยกับเขา เขาเป็ นพื ้นทีใ่ ห้ คนมาท�ำงาน แล้ วได้ เจอกัน มีเวิร์คช็อป เราก็เลยเห็นว่า เหมาะ ตอนแรกเราเลยเปิ ด Ma:D เป็ น Co-Working Space พอเราท�ำไปสักพักนึง เราเลยเห็นความแตกต่างบางอย่างว่าคนท�ำ Tech Start-Up นักลงทุนสนใจ ด้ วยความที่ เป็ นเทคโนยี ต้ นทุนต�่ำ แล้ วโตง่าย มันเป็ น อะไรทีท่ นั สมัย มันขายได้ เขาจะได้ เงินจากนัก ลงทุนเยอะมาก และมีชาวต่างชาติจ�ำนวน มากทีท่ ำ� เรื่องนี ้ในประเทศไทย การจ่ายเงินนัง่ ท�ำงานไม่เป็ นปั ญหาส�ำหรับกลุม่ นี แต่ ้ ในขณะ เดียวกันคนที่เริ่ มท�ำ Social Enterprise กว่า จะได้ เงินมา นักลงทุนก็ยงั ไม่ได้ ให้ ความสนใจ มาก รี เทิร์นจะได้ รึเปล่า กว่าจะได้ โมเดล มัน ต้ องใช้ เวลาศึกษาทังเรื ้ ่ องประเด็นสังคม กว่า โมเดลธุรกิจจะออกได้ เราก็ร้ ูสกึ ฝื นใจทีต่ ้ องให้ เขาหาเงิ น มาจ่ า ยเราก่ อ น บางคนเข้ า มา ปรึกษาเราเฉยๆ ยังไม่เริ่ ม เราก็ไม่อยากเก็บ เงินเขา กลายเป็ นว่าทางเราเองก็ไม่มีรายได้ คนที่เข้ ามาเขาก็ไม่มีก�ำลังจะจ่าย ตอนนี ้เรา เลยเปลี่ยน Business Model ใหม่
โมเดลของ Ma:D ในตอนนี ้ มีดงั นี ้
หนึง่ – พื ้นที่ เพิ่ม Private Office ส�ำหรั บคนที่เริ่ มธุรกิจมาแล้ ว มีรายได้ แล้ ว และอยากมีห้องท�ำงานประจ�ำ มีออฟฟิ ศเป็ น ของตัวเอง ราคาห้ องขึ ้นอยู่กบั ขนาดตังแต่ ้ 8,500 - 18,000 บาท นอกจากนี ้ยังมีพื ้นที่จดั กิจกรรม ห้ องประชุม สัมมนา ซึง่ จะคิดราคา ของคนท�ำงานด้ านสังคมถูกกว่าคนที่ท�ำด้ าน ธุรกิจทัว่ ไป ส่วนพื ้นที่รวม จะไม่เก็บเงินแล้ ว แต่จะจัดกิจกรรมให้ มากขึ ้น ท�ำเวิร์คช็อปมาก ขึ ้นเราจะเน้ นการสร้ าง community มากขึ ้น
ซึง่ หวังว่ารายได้ จากพื ้นที่ ทัง้ private office และห้ องประชุม ห้ องจัดกิจกรรม จะเพียงพอ ส� ำ หรั บ ค่ า เช่ า บ้ า น ค่ า น� ำ ้ ค่ า ไฟ และค่ า อินเตอร์ เน็ต สอง – โปรแกรมระยะยาว จะมี 2 ลักษณะ คือ การพัฒนาศักยภาพ และ Community Building คื อ อยากให้ เกิ ด ความ เคลื่ อ นไหวของคนที่ ส นใจเรื่ อ งเดี ย วกั น เหมือนว่า Ma:D เป็ นดิน เป็ นน� ้ำ เป็ นอากาศ คุณมีเมล็ดพันธุ์อะไร ก็มาหว่านได้ แล้ วเราก็ ช่วยกันรดน� ้ำ พรวนดิน เมื่อแดดมา มันก็เกิด การเคลือ่ นไหว ส่งผลออกไป อันนี ้จะไม่ตดิ กับ พื ้นที่ คือ อาจจัดกันเองที่มาดี หรื อท�ำเป็ น service ให้ หน่วยงานอื่นๆ นอกสถานที่ สาม –Event เพื่ อ สื่ อ สารเรื่ อ ง ประเด็นสังคม และสร้ างแรงบันดาลใจให้ คน ลุกขึ ้นมาเริ่ มจากตัวเองมากขึ ้น บางสิ่งที่ได้ เรี ยนรู้ เมื่อเปิ ด Ma:D พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : เราเริ่ มเจอว่า จริ งๆ แล้ วทุกคนอยากท�ำเรื่ องดีๆ แต่มีคนจ�ำนวน มากเข้ าใจไปเองว่าถ้ าจะท�ำเพื่อสังคมน่ะมัน ยาก มันต้ องเข้ าป่ าฝ่ าดง มันต้ องรวยมากเพือ่ บริ จาคเยอะๆ มันต้ องเข้ าถ� ้ำ แต่จริ งๆ แล้ ว คุณ ใช้ สิ่ ง ที่ คุณ มี ท� ำ ได้ เ ลยเสมอ เรามอง กว้ างๆ เป็ น 3 กลุม่ 1.ถ้ าเรารู้สกึ ว่ามีบางเรื่ อง ที่เราต้ องท�ำ ก็กระโดดมาท�ำธุรกิจเพื่อสังคม 2.ภาคธุรกิจ ก็ท�ำธุรกิจให้ ส่งผลเชิงลบน้ อย ที่สดุ ต้ นน� ้ำยันปลายน� ้ำ 3.คนธรรมดาที่ปรับ วิถีชีวิตให้ ยั่งยืนขึน้ ยกตัวอย่างง่ายๆ เด็ก นักเรี ยนตัวเล็กๆ ไม่มีเงิน ไม่มีอะไร เขาก็ชว่ ย
ได้ นะ ประหยัดทรัพยากร ซื ้อของไม่เอาถุง พลาสติก แยกขยะทีบ่ ้ าน ระวังผลกระทบจาก สิง่ ที่ตวั เองกระท�ำไม่ให้ กระทบคนอื่น ก็ท�ำได้ หัวใจคือ ใช้ ทรัพยากรที่มีมาช่วยสังคมได้ ใน แบบของตัวเอง ไม่เบียดเบียนตัวเอง สังคม สิง่ แวดล้ อม มันยากไหม กับการเปลี่ยนคน พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : มันยาก แต่เราแค่ อยากให้ ร้ ูวา่ มันเริ่ มที่ตวั เรา เราเป็ นคนหนึง่ ที่ อินกับเรื่ องแบบนี ้ แล้ วเราก็ลกุ ขึ ้นมาท�ำเลย โดยพิสจู น์ให้ เห็นว่าเราไม่ได้ เริ่มจากเงินเยอะ นะ เราไม่ได้ เริ่ มจากส�ำเร็ จมาก่อนนะ เราไม่ ได้ เริ่มจากการมีบารมีนะ เราเริ่มได้ เลย เราเริ่ม แค่จาก “เราอยากท�ำ” เราเป็ นใคร เราเป็ นคน ธรรมดามาก ทุกคนก็เริ่ มได้ เหมือนกัน ท�ำ อย่ า งไรให้ เ รื่ องนี ม้ ั น เข้ า ถึ ง ผู้ ค นใน สังคมวงกว้ างได้ มากขึน้ พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : เราเริ่ มเล็ก คือเริ่ ม จากตัวเรา เราว่าอันนี ้มีพลังมากกว่าแค่บอก ให้ ทกุ คนท�ำแล้ วเราไม่เริ่ม เราเชื่อว่าถ้ าทุกคน มีพลังลุกขึ ้นมาท�ำ คนรอบๆ ข้ าง จะค่อยๆ เห็น ว่าเราก็เริ่ มได้ และเป็ นแรงบันดาลใจให้ คนรอบๆ ไปเรื่ อยๆ แล้ ววงมันก็จะใหญ่ขึ ้นเอง มีคนเข้ ามาใช้ พนื ้ ที่เยอะไหมคะ พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ก็เข้ ามาเรื่ อยๆ นะ ส่วนใหญ่ ไม่ได้ อยากเข้ ามาใช้ พืน้ ที่ ท�ำงาน หรอก แต่เขาอยากได้ ที่ๆ มาเจอคนที่คดิ อะไร เหมื อ นกั น มาเรี ยนรู้ ร่ วมกั น มาแชร์ ประสบการณ์กนั เราเน้ นว่าการทีค่ นอยากเริ่ม
ต้ นท�ำอะไรแบบนี ้ไม่ต้องไปรอผู้เชี่ยวชาญมา สอน คือมันไม่ต้องรออะไรแบบนัน้ แค่คน กันเองนี่แหละ คนที่มีจิตใจเหมือนกันมาช่วย เหลือกัน ซึง่ ทีน่ ี่จะเน้ นให้ ทกุ คนถอดหมวก ทุก คนมีโอกาสเปิ ดและแชร์ เท่าเทียมกัน ยกตัวอย่ างให้ ฟังหน่ อย มีกลุ่มไหนบ้ าง พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : มีกลุม่ ที่สนใจเรื่ อง เทคโนโลยีเพื่อสังคม กลุ่มที่สนใจเรื่ องการ ศึกษา กลุม่ ที่สนใจเรื่ องผู้พิการ กลุม่ ที่สนใจ เรื่ องวิถีชีวติ ยัง่ ยืน กลุม่ ทีส่ นใจอ่านหนังสือมา แชร์ กนั กลุม่ ที่สนใจเรื่ องความคิดสร้ างสรรค์ ในการสื่อสาร กลุม่ คนที่อยากเริ่ มท�ำกิจการ เพื่อสังคมแต่ยงั หาประเด็นอยู่ก็มีนะ และมี กลุม่ อื่นๆ อีก คือ กลุม่ เหล่านี ้ไม่ได้ ร้ ูจกั กันมา อยูแ่ ล้ ว แต่มกี ารจัดประเด็นขึ ้นมาเพือ่ รวมคน สนใจประเด็นเดียวกันมาเจอกัน คนที่ทำ� Social Enterprise ในประเทศไทย ตอนนีเ้ ป็ นรุ่ นไหนคะ พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ส่วนใหญ่ที่ร้ ูจกั ก็ 25-35 ปี นะ ทุกคนก็ก�ำลังเริ่ มๆ กัน อย่างที่ บอกว่า งานสังคมประเด็นหนึ่งมันมีหลาก หลายมิติ เรื่ องสังคมมันซับซ้ อนนะ ใช้ เวลา มากด้ วย ต้ องใช้ ทรัพยากรหลากหลายมาก หลายประเด็น หลายพื ้นที่ หลายกลุม่ คน จัด หมวดหมูไ่ ด้ บ้าง ซ้ อนทับกันบ้ าง พื ้นที่อย่าง มาดี มันเลยจ�ำเป็ น เพื่อให้ คนมาคุยกัน มา แชร์ ประสบการณ์กนั หรื อสร้ างความร่วมมือ เพื่อช่วยกัน
เฉลี่ยต่ อเดือน ที่น่ ีมีกจิ กรรมเยอะไหม พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ช่วงแรกๆ มีกจิ กรรม เฉลี่ยเดือนละ 10 ครัง้ แต่คดิ ว่าปี หน้ าเป็ นต้ น ไปคงใช้ พื ้นทีใ่ ห้ ค้ มุ มากขึ ้น คือ จัดมากขึ ้นกว่า เดิม เดีย๋ วจะวางแผนโปรแกรมต่างๆ เอาไว้ วา่ จะมีอะไรบ้ าง ตอนนี ้เราก�ำลังท�ำเว็บไซต์ ซึง่ จะมีปฏิทินกิจกรรมบอกด้ วย ตอนนี ้ Ma:D ปิ ด 1 เดือน (11 ธันวา 2014 – 11 มกรา 2015) พี่เ ก่ ง Ma:D : ปิ ดปรั บปรุ ง แต่ กิจกรรมก็ยงั มีอยูน่ ะ อย่างเดือนธันวาคม วัน เสาร์ มี Ashoka มาจัด Talk เรื่ องการสื่อสาร เพื่อการเปลี่ยนแปลง และวันอาทิตย์ก็มีกลุม่ ปลูกผักมาจัดกิจกรรมโปรเจ็กต์ไม้ ประแดก แบ่ งเป็ นประเภท มีกลุ่มไหนบ้ างที่เข้ ามา พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : มี 3 Layers คือ กลุม่ แรกเล็กสุด แต่อนิ มากสุด คือ คนที่อยาก เริ่ ม Social Enterprise วงที่สองคือภาคธุรกิจ ไม่ได้ อยากให้ เขาเป็ น Social Enterprise นะ แต่เราอยากจะให้ เขารู้วา่ ผลกระทบทางสังคม มันคืออะไร อยากให้ เกิด CSR ที่แท้ จริ ง และ วงที่สามคือคนทัว่ ไปที่อยากปรับวิถีชีวิตให้ มี วิถีที่ยงั่ ยืนมากขึ ้น CSR คืออะไรคะ ช่ วยอธิบายให้ เข้ าใจ ง่ ายๆหน่ อย พี่กิ๊ฟท์ Ma:D : CSR ย่อมาจาก Corporate Social Responsibility มี 2 อย่าง คือ ในกระบวนการ กับหลังกระบวนการ ซึง่
ปั จจุบนั นี CSR ้ ทีเ่ รารู้จกั คือ หลังกระบวนการ เป็ นส่วนใหญ่ หมายถึงจบละต้ นน� ้ำถึงปลาย น� ้ำได้ ก�ำไรแล้ ว ตัดก�ำไรส่วนหนึง่ ไปช่วยเหลือ สังคม ส่วน CSR ในกระบวนการ คือ ทุกอย่าง คลีน ตรวจสอบได้ หมด ไม่ปล่อยน� ้ำเสีย ไม่ เอาเปรี ยบคูค่ ้ า ท�ำอย่างไรให้ ลกู น้ องมีความ สุข ไม่เลีย่ งภาษี ไม่สร้ างผลกระทบทีแ่ ย่ให้ ใคร เราไม่ ไ ด้ ค าดหวัง ว่า ธุ ร กิ จ ที่ เ ข้ า มามาดี จ ะ ท�ำได้ 100% ทันทีนะ แต่คอ่ ยๆ ปรับไป อย่าง น้ อยก็ได้ กลับมาเช็คตัวเองบ่อยๆ และค่อยๆ ลดผลกระทบเชิงลบให้ น้อยลงเรื่ อยๆ ส่ วนใหญ่ เขารู้ จกั Ma:D จากที่ไหน พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : ไม่แน่ใจเหมือนกัน นะ แต่เรามีออกสื่อไปบ้ างปี ที่ผา่ นมา จัดกิจ กรรมบ่อยๆ แต่ชอ่ งทางสือ่ สารหลักเราคือเฟซ -บุ๊ก ซึง่ มันก็ไปได้ ไกลกว่าที่คิดว่าเฟซบุ๊กจะ พาไปได้ เคยมีคนจากแอฟริกาใต้ บราซิล เจอ เราจากเฟซบุ๊ก แรนดอมมาก แล้ วก็อยากมา จัดกิจกรรมร่วมกับมาดีก็มี จะมีจดั ประกวดไหม หากใครมีเมล็ดพันธุ์ อะไรที่น่าสนใจ พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : โปรแกรมของ Ma:D ไม่ได้ เน้ นเป็ นการประกวดนะ ใครอยากท�ำ เข้ ามาวางแผนร่วมกัน ถ้ าไม่ล้มเลิกเอง เราก็ ยังช่วยกัน แต่กำ� ลังคิดอยูว่ า่ จะท�ำรูปแบบไหน เราค่อนข้ างเชื่อว่าคนทุกคนมีความสามารถ แต่เราต้ องหาวิธีนิดนึงในการจัดการ เราเห็น ช่องว่างบางอย่างว่าคนเรี ยนรู้ได้ ไม่พร้ อมกัน บางคนทิ ้งค�ำถามทิ ้งไว้ เขาก็ไปต่อยอดเอาเอง แล้ ว ค่ อ ยกลับ มาอี ก ที ทุก คนไม่ ต้ อ งมี ลูป
เดียวกันหมด พี่เก่ ง Ma:D : ที่น่าสนใจคือบาง โมเดล อาจไม่ ต้ อ งใช้ เ งิ น เลยก็ ไ ด้ สมมติ ประกวดได้ เงินไปแสนบาท เขาอาจจะงงว่า เอาเงินไปใช้ ท�ำอะไร คอนเซ็ปต์ทเี่ ราคุยกันคือ ถ้ าเราหาเงินได้ ก้อนหนึง่ เราคุยกันก่อนว่าคุณ อยากจะใช้ เท่าไหร่ เราอยากให้ เขาเข้ าใจเรื่ อง ต้ นทุนที่จ�ำเป็ นจริ งๆ มุมมองต่ อการประกวด พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : การประกวดมันอาจ จะดีสำ� หรับภาคธุรกิจนะท�ำให้ เกิดการแข่งขัน เกิดประสิทธิภาพ แต่ฝั่งสัง่ คม เรามองว่ามัน ช่วยกันได้ อะ แล้ วแรงผลักดันให้ ไปข้ างหน้ า มันเกิดจากการมีเพื่อนไปด้ วยกันช่วยกัน การ เห็นภาพแล้ วว่าเป้าหมายมันใหญ่ เราต้ องไป ให้ ถงึ มันไม่จ�ำเป็ นต้ องให้ เกิดประสิทธิภาพ ต่อการแข่งขันอะไรขนาดนัน ก็ ้ เลยคิดว่าน่า จะเป็ นอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ช่วยกันร่ วมมือกัน มากกว่าแข่งกัน ตอนนีม้ ีกลุ่มไหนที่เริ่มต้ นจากศูนย์ ที่มา ดีเลยไหมคะ พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : มีเริ่ มจากศูนย์ แต่ ถึงไหน ยังไม่ชดั นะ เพราะเราก็ยงั ช้ าๆ อยู่ แต่ มีคนทีอ่ ยากมาร่วมท�ำด้ วยกัน บางคนก็มาคุย กัน เริ่ มหาทีม เริ่ มมีเนื ้อหา อีกนิดนึงก็นา่ จะ เริ่ มสร้ างอะไรบางอย่างได้ พี่เก่ ง Ma:D : หรื อบางคนก็มาเจอ กัน มาคุยกันถูกคอ เขาก็จะมาช่วยดึงความ สามารถออกมาให้ ชดั ขึ ้น เพราะเขามีความ
สามารถด้ านนี โ้ ดยตรง เราไม่ มี ค วาม เชี่ยวชาญ เราจัดกระบวนการได้ ระดับหนึ่ง เขาก็มาช่วยท�ำให้ มนั เกิดได้ จริ ง พืน้ ฐานธุรกิจ พี่เก่ ง Ma:D : ในทีมไม่คอ่ ยมีคนที่ มีพื ้นธุรกิจเลยนะช่วงแรก ข้ อดีนะ เราได้ เรี ยน รู้เยอะมาก เราเหมือนเรี ยนเขียน ก.ไก่ ข.ไข่ ใหม่ ต้ นทุนคืออะไร วิธีตงราคาของ ั้ ท�ำไมเรา ต้ องมีแบรนด์ คือทุกอย่างมันไม่เคยอยูใ่ นหัว ของเราเลย มันสอนเราหมด ยิง่ ท�ำยิง่ ได้ คยุ ยิง่ ได้ เจอคนเยอะๆ ประสบการณ์ที่ผา่ นมาเราก็ บอกคนอื่นได้ แล้ วก็มีคนมาช่วย เพราะเขารู้ ว่าเราท�ำไม่เป็ น เขามานัง่ คุย มานัง่ สอน แล้ ว เรารู้สกึ ว่าพลังที่เขาให้ เรามาแบบนี ้เราอยาก ให้ คนอื่นต่อ แล้ วถ้ ามันให้ กนั ต่อๆ ไปเรื่ อยๆ เรารู้ สกึ ว่ามันน่าจะดีหวะ ถ้ าวันหนึ่ง Ma:D มันเดินต่อไปไม่ได้ เราก็ร้ ูสกึ ว่ามันคุ้มแล้ ว พืน้ ที่อ่ ืนๆ ที่พ่ ๆ ี ประทับใจ พี่เก่ ง Ma:D : อาจไม่ใช่พื ้นที่ที่คยุ กันเรื่ องสังคมนะ อย่างที่ ล�ำปาง มี ร้านโก๋ กาแฟ ที่นี่ตงร้ ั ้ านกาแฟมา 10 ปี แล้ ว 5 ปี แรก เกือบอยู่ไม่ได้ เขาก็กลับมามองตัวเองใหม่ เขาบอกกับ ตัว เองว่ า “กาแฟนี ไ้ ม่ ไ ด้ เ สิ ร์ ฟ ลูกค้ า แต่เสิร์ฟให้ ญาติพี่น้องเรากิน” มันพลิก มุมไปเลยนะ แล้ วก็ถ้าเราร้ อนๆ ไป เราไปคุย กับเจ้ าของแล้ วรู้สกึ เย็น ทีมงานที่อยูใ่ นร้ านก็ เย็นแล้ วเขาก็ขายดีทกุ คนเข้ าไปเพราะได้ รับ เรื่ องดีๆ เรื่ องเย็นๆ ที่อดุ รธานีก็มีร้าน SET a Day ครึ่งนึงขายกาแฟ อีกครึ่งนึงจัดกิจกรรม เพื่ อ การเรี ย นรู้ ร่ ว มกัน คุย กับ เจ้ า ของแล้ ว
เย็นใจ มีจิตใจดี อยากให้ เกิดการค่อยๆ เรี ยน รู้ไปด้ วยกันของผู้คนที่แวะเวียนมา มีคนต่างชาติร้ ูจกั Ma:D ด้ วย พี่กิ๊ฟท์ Ma:D : บังเอิญ มีคนที่ แอฟริ กาใต้ เขาเป็ นโค้ ชสอนนักประกอบการ ธุรกิจ แล้ วเขามีจิตใจเพื่อสังคมมาก เขาชอบ เมืองไทย เปิ ดอินเตอร์ เน็ต แล้ วก็เจอ Ma:D ในเฟซบุ๊กนี่แหละ เขาก็นงั่ รี เสิร์ชที่นี่แม่งใช่ เคมีตรงกัน เขาก็ Inbox เข้ ามา แล้ วเราก็คยุ Skype กัน แล้ วสุดท้ ายเขาก็มาจริ งๆ มาถึงที่ นี่เลย ซักประมาณ 2 เดือนที่แล้ ว พี่เก่ ง Ma:D : เราก็เลยชวนเขามา จัด Talk เล็กๆ ด้ วยกัน เห้ ย เค้ าเจ๋งว่ะ! พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : พลังเขาดีมาก เรา ก็เลยถามเขาไปว่า “ถามจริ งๆ เจอMa:D ได้ ยังไง?” เขาก็บอกว่า “เขาแค่นกึ ขึ ้นมาว่าอยาก มามี เ น็ ต เวิ ร์ ค ที่ นี่ แล้ ว ก็ เ จอ” เราก็ ข นลุก เหมือนมันมีแรงดึงดูดจริ งๆ นะ รวมทังคนที ้ ่ อยากมาท�ำกิจกรรมเพือ่ สังคม ก็จะโดนดึงดูด เข้ ามาหากัน ทดลองไป ท�ำไป พี่เก่ ง Ma:D : คือปกติ คนจะท�ำ Start-Up เขาต้ องทดสอบก่อน ศึกษาในแง่ ทางธุรกิจว่าไปได้ ไหม ไอ้ เราอยากท�ำก็ทำ� เลย เจอบ้ าน จ่ายตังค์ แล้ วไงต่อ? (หัวเราะ) พี่กิ๊ฟท์ Ma:D : ช่วงแรกล่กมาก (หัวเราะ) เราเป็ นพวกแบบนี ้อยูแ่ ล้ ว อยากท�ำ อะไร ท�ำเลย ข้ อดีคือ ได้ เริ่ มแน่ๆ ข้ อเสียคือ
คิดน้ อยไปหน่อย ตอนเริ่ มจะเหนื่อย แต่ก็ได้ เรี ยนรู้จากของจริ ง เริ่ มเร็ ว เจ็บเร็ว ก็ไปได้ เร็ว
ในอนาคตจะมีการจดทะเบียนเป็ น Social Enterprise ไหมคะ
วิธีการด�ำเนินการ Ma:D เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
พี่เก่ ง Ma:D : ตอนนี ้ก็มีหน่วยงาน ที่รับขึ ้นทะเบียนเป็ น Social Enterprise แต่ ในแง่ของสิทธิประโยชน์ทางกฎหมายยังไม่มี เพราะยังไม่มีกฎหมายรองรับ Social Enterprise
พี่กิฟ ๊ ท์ Ma:D : เพราะมันอาจไม่ ตกผลึกดี ข้ อมูลมันเข้ าเยอะ วันๆ หนึง่ เราเจอ คนเยอะ พอด�ำเนินการไป มันก็เหมือนการ ทดลองไปเรื่ อยๆ เหมือนเราก็เรี ยนรู้ไปเรื่ อยๆ พัฒ นาตัว เองไปเรื่ อ ยๆ พัฒ นากิ จ การไป เรื่ อยๆ จดทะเบียนบริ ษัท และค่ าใช้ จ่ายในการ ก่ อตัง้ พี่ที Ma:D : มาดีจดทะเบียนเป็ น บริ ษัทครับ มีการท�ำบัญชี เสียภาษี เหมือน ธุรกิจปกติเลยครับ ค่าใช้ จา่ ยในการก่อตัง้ ใช้ เยอะเหมือนกันครับเพราะต้ องลงทุนกับพื ้นที่ ทังการเซ้ ้ งร้ านเดิม การก่อสร้ างปรับปรุงพื ้นที่ ต่ างกับมูลนิธิอย่ างไร พี่เก่ ง Ma:D : มูลนิธิอาจจะมีข้อ ก�ำหนดอะไรบางอย่างที่ไม่ยืดหยุน่ มาก ส่วน ใหญ่ ต้ องรอรั บ เงิ น บริ จาค ต้ องมี ค ณะ กรรมการ ไม่เสียภาษี แต่สดุ ท้ ายเราไม่สนใจ ว่าจะเป็ นมูลนิธิ หรื อเป็ นบริ ษัทนะ ชื่อมันเป็ น แค่กฎเกณฑ์ที่ครอบไว้ เฉยๆ แก่นของ Ma:D คือ ตังเป ้ ้ าหมายแก้ ปัญหาสังคมแล้ วเราอยูไ่ ด้ โดยที่เราไม่เบียดเบียนกัน
พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : คือเราต้ องตอบเขา ให้ ได้ วา่ ระบบเราสกรี นดีแค่ไหน แต่มนั ก็ยาก สกส. ก็ก�ำลังผลักดันเรื่ องนี ้อยูช่ ว่ งนี ้ ผลักดัน ในเชิงนโยบายเยอะ ส่วนเราก็ อาจจะช่วย สกส.ได้ อีกแรงหนึง่ ในแง่วา่ ให้ คนรู้จกั เรื่ องนี ้ มากขึ ้น วันนึงก็อาจสะเทือนไปถึงฝั่ งนโยบาย มองอนาคตของ Ma:D ว่ าอย่ างไรบ้ าง พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : มาดีมนั อยูท่ ี่ไหน ก็ ไ ด้ เรามองว่ า มั น สามารถไปสร้ างแรง บันดาลใจให้ ที่อื่นๆ แล้ วเกิดพืน้ ที่แบบนีไ้ ด้ โดยที่ไม่จ�ำเป็ นต้ องเป็ นแบรนด์ Ma:D ยิ่งมี เยอะ ยิ่งดีในเมืองไทย สุดท้ ายอยากให้ เกิด ผลกระทบที่ดี แล้ วพื ้นที่ Ma:D ตรงนี ้ ก็แค่ อยากให้ มนั อยูต่ อ่ ไปได้ พี่เก่ ง Ma:D : เราก็เชื่อว่า ถ้ ามันมี พื ้นที่แบบนี ้เยอะๆ คือไม่จ�ำเป็ นต้ องเป็ นพื ้นที่ แบบ Ma:D นะ เราอยากให้ เกิดขึ ้นอยากให้ ทุกคนลุกขึ ้นมาท�ำอะไรซักอย่างหนึ่ง แค่คน หนึง่ คน ท�ำได้ คนอืน่ เขาเห็น เขาอยากมาร่วม ท�ำด้ วย มันก็จะยิ่งดีใหญ่ พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : วิสยั ทัศน์ของ Ma:D จริ งๆ คือ Zero Demand For Hero คือเราไม่
ต้ องพึ่งฮีโร่ อีกต่อไป ซึง่ เราก็ไม่ได้ มองว่าเรา ต้ องส�ำเร็จภายใน 3 ปี 5 ปี นะ เราก็สร้ างความ เคลื่อนไหวไปเรื่ อยๆ ให้ วงมันใหญ่ขึ ้น พี่เก่ ง Ma:D : แล้ วก็เราอยากให้ เวลาคนเข้ า มาที่ น่ี แล้ ว รู้ สึก เย็ น อะ เราก็ พัฒนาตัวเอง ท�ำบรรยากาศให้ เย็น แค่ท�ำให้ คนๆ นึงเย็นลงได้ เท่านี ้ก็เป็ นการช่วยสังคม แล้ วนะ พี่ที Ma:D : อยากเป็ นที่ที่คนที่ อยากจะท�ำอะไรเพื่อสังคม ได้ มาพบกัน รวม ตัวกัน ช่วยเหลือกัน และร่วมกันขยายความ ตังใจดี ้ ๆ ในแบบทีแ่ ต่ละคนท�ำได้ ออกไป และ ก็อยากให้ Ma:D อยูไ่ ด้ ด้วยตนเองจริ งๆ ด้ วย ครับ จากที่ทำ� Ma:D มา พี่ๆ ได้ เรี ยนรู้ อะไร เกี่ยวกับตัวเองบ้ าง พี่กิฟ ๊ ท์ Ma:D : มีช่วงที่พีคมากๆ ท�ำให้ เราเห็นตัวเองมากขึ ้นว่าเวลาที่ตวั เองเป๋ เป็ นยังไง? ค้ นพบจุดที่เป็ นจุดอ่อน จุดแข็ง มากขึ ้น อีกอันคือ รู้จกั คนเยอะมากขึ ้น คือเรา เป็ นคนไว้ ใจคนง่ายมากอยูแ่ ล้ ว เชื่อว่าคนทุก คนเป็ นคนดี ไม่มใี ครอยากท�ำเลวหรอก แต่มนั ก็อาจมีปัจจัยบางอย่างที่ท�ำให้ เขาเป็ นอย่าง นัน้ ก็ได้ เรี ยนรู้มากขึ ้นที่จะระวังตัวเองมากขึ ้น ด้ วย พี่เก่ ง Ma:D : คือเราไม่ใช่คนเดิม ทุกวัน มีด้านมืด ด้ านสว่าง พอถึงจุดคับขันจุด หนึง่ เรานึกไม่ออกหรอกว่าเราจะท�ำอย่างนัน้ ได้ เรื่ องคนก็โคตรส�ำคัญ แต่ก่อนเรารู้ สกึ ว่า
เราท� ำงานคนเดี ยวก็ ได้ หวะ ท� ำไมเราต้ อง ท�ำงานกับหลายๆ คน เรารู้สกึ ว่าเราต้ องเข้ าใจ ตัวเองก่อนแต่แม่งยาก ทุกวันนี ้ก็ยงั ท�ำได้ ไม่ดี เพราะคนแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่ดี เรื่ อง อารมณ์ก็ส�ำคัญนะ พี่ ที Ma:D : หลัง จากได้ เ ริ่ ม ท� ำ Ma:D มา ก็ได้ เรียนรู้อะไรเยอะเลยครับ เพราะ เดิมผมเองเป็ นคนทีช่ อบท�ำงานกับระบบ ชอบ ท�ำงานกับข้ อมูล มากกว่าท�ำงานกับคนครับ แต่อยูต่ รงนี ้มีแต่เรื่ องคนเต็มไปหมด ก็ร้ ูสกึ ไม่ ค่อยถนัดเท่าไหร่ ครับ แต่ก็คอ่ ยๆ ท�ำได้ ดีขึ ้น แล้ วก็ร้ ูสกึ ดีนะครับเวลาช่วยอะไรใครได้ ก็หวัง ว่าจะท�ำได้ ดีกว่านี ้ต่อไป (หัวเราะ) พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : เรื่องคนส�ำคัญจริงๆ สุดท้ายหัวใจส�ำคัญ มันคือ คน เนีย่ แหละ แค่ นีเ้ อง ความเป็ นมนุษย์ ทีเ่ ชื อ่ มกันด้วยความ เป็ นมนุษย์ คุณค่ าที่แท้ จริง พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : มันกลับมาที่แก่น ของคุณ คุณคือใคร คุณท�ำอะไร คุณตังใจจะ ้ ท� ำ อะไร ถ้ า ไม่ ใ ช่ ตัว จริ ง ต่ อ ให้ ส ร้ างภาพ ลักษณ์ให้ ดีแค่ไหน วันหนึง่ มันก็พงั ได้ แต่ถ้า เราตัง้ จิ ต ว่ า เราอยากท� ำ ที่ นี่ เราอยากท� ำ เพราะเราอยากให้ คนมีพืน้ ที่ โตไปด้ วยกัน อยากให้ แลกเปลี่ยนกันจริ งๆ บรรยากาศมัน ก็อีกแบบหนึง่ เรามีจดุ อ่อนอะไร เราก็แชร์ ได้ ล้ มเหลวอะไรมาเราก็เล่าให้ ฟังกันได้ เราว่า คนเราสัมผัสความจริ งใจได้ นะ
สุดท้ ายอยากให้ พ่ ๆ ี ทัง้ 3 คน ฝากถึงคน ที่อยากท�ำดีเพื่อสังคม แต่ ไม่ ร้ ูจะเริ่มยังไง พี่กฟ ิ๊ ท์ Ma:D : เราเชื่อว่าทุกคนมี ศักยภาพทีส่ ามารถท�ำได้ ขอแค่มใี จอยากเริ่ม มันเริ่ มได้ แน่นอน อยู่ที่วา่ ลุกขึ ้นมาท�ำรึเปล่า แค่นนเอง ั ้ แต่ถ้างงจริ งๆ ไม่ร้ ูจะเริ่ มยังไงจริ งๆ ก็อย่างน้ อยมี Ma:D มีพื ้นทีห่ นึง่ ทีอ่ ยากให้ เข้ า มาคุยกัน มันมีคนที่คิดอะไรเหมือนกัน ฝั น เหมือนกัน อยากให้ สงั คมดีขึ ้นเหมือนกัน ที่ พร้ อมจะช่วยกัน พี่เก่ ง Ma:D : ทุกคนคิดอยากจะท�ำ ดีอะ แต่ไม่เข้ าใจว่าท�ำไมไม่เริ่มท�ำ อย่างพี่ตนู Bodyalam พูดในสปอตโฆษณา ว่า “ทุกคน ก็รู้ว่าออกก�ำลังกายส�ำคัญ ท�ำไมคุณถึงมี ขอ้ อ้างทีจ่ ะไม่ออกก�ำลังกาย” คือไม่อยากให้ ทกุ คนมีข้ออ้ าง ไม่วา่ จะท�ำดีตอ่ ตัวเราเอง ต่อคน รอบข้ าง หรื อต่อสังคมก็ตามแต่ จริ งๆ มันเริ่ ม ได้ เลย มันง่ายมากเลยนะ อยูท่ ี่คณ ุ จะเริ่ มมัน รึเปล่า พี่ที Ma:D : ส�ำหรับคนที่อยากท�ำ อะไรเพือ่ สังคม แล้ วยังไม่ร้ ูจะเริ่มยังไง แวะมา ที่ Ma:D ได้ เ ลยครั บ ที่ นี่ มี ทัง้ ผู้ใ หญ่ ม าก ประสบการณ์ที่พร้ อมแนะน�ำ การสนับสนุน จากหลายๆ แหล่งที่อยากจะช่วยเหลือ และ คนหัวอกเดียวกันที่พร้ อมจะพยายามไปด้ วย กันครับ
*** เก็บตก ความเป็ นมาของ Co-Founder อีก 1 คน ของ Ma:D พี่ที Ma:D : ทีแรกไม่ได้ สนใจเรื่ อง สังคมเลยครั บ ก็เป็ นคนท�ำงานบริ ษัทปกติ สนใจเรื่ องเศรษฐศาสตร์ ชอบเรื่ องการลงทุน ระยะยาวเป็ นพิเศษ จริงๆ เป็ นคนเชือ่ ในระบบ ตลาดแล้ วก็ไม่แคร์ สงั คมเท่าไหร่แต่ผมเป็ นคน ที่เชื่อในการออกแบบวิธีการ คือ ถ้ าเชื่อว่าใน ทุกๆ สิง่ ที่เราท�ำ ถ้ าเราเลือกหรื อออกแบบมัน ได้ ดพี อ การท�ำสิง่ นันจะตอบโจทย์ ้ ได้ มากกว่า หนึง่ อย่างพร้ อมกันครับ เรื่องทีเ่ ป็ นแรงบันดาลใจเลยคือ เมือ่ ราวๆ 2 ปี ก่อนตอนผมท�ำงานแถวๆ สีลม หลัง เลิกงานจะไปวิง่ ออกก�ำลังที่สวนลุมประมาณ ชัว่ โมงนึง เสร็จแล้ วก็ออกไปหาอะไรทีช่ อบกิน รอจนดึกหน่อย รถจะได้ ติดน้ อยหน่อย แล้ ว ค่อยนัง่ รถเมล์ฝ่ารถติดกลับบ้ าน ทังหมดจะ ้ ใช้ เวลาราวๆ 4 ชัว่ โมงครับ เป็ น วิ่ง 1 ชัว่ โมง หาของกิน 1.5 ชัว่ โมง นัง่ รถกลับบ้ าน 1.5 ชัว่ โมงผมเลยลองปั่ นจักรยานจากที่ท�ำงาน กลับบ้ านครั บ ตอนนัน้ เป็ นเรื่ องแปลกมาก แทบไม่มีคนปั่ นเลยแต่ลองแล้ วก็เป็ นอย่างที่ คิดจริ งๆ ด้ วยครับ ผมได้ ออกก�ำลังตลอดเส้ น ทาง ได้ เดินทางไปในตัว ได้ แวะร้ านของกินน่า สนใจระหว่างทาง แล้ วก็ถงึ บ้ านภายใน ชัว่ โมง ครึ่งเลยรู้สกึ ว่า จริ งๆ แล้ วอะไรที่เราท�ำ มันมี ทางเลือกที่สามารถตอบโจทย์มากกว่าหนึ่ง เรื่ องพร้ อมกันได้ จริ งๆ ด้ วย
หลังจากนันผมก็ ้ ลองมองหาวิธีใหม่
เวลาจะท�ำอะไรครับ ก็ได้ เจอวิธีการใหม่ๆ บ้ าง เหมื อ นกัน ปกติ ผ มชอบเรื่ อ งลงทุน และหา ข้ อมูลเกี่ยวกับการลงทุนเรื่ อยๆ อยูแ่ ล้ ว มีครัง้ นึงเจอบทความเกี่ ยวกับกองทุนที่ลงทุนใน ธุรกิจที่แก้ ปัญหาสังคมครับ แนวคิดคือ เค้ า ระดมเงิ น จากหลายๆ แหล่ง แต่แ ทนที่ จ ะ บริ จาค เค้ ากลับเอาเงินนี ้ไปลงทุนในธุรกิจที่ แก้ ปัญหาสังคม แต่ขณะเดียวกันก็มศี กั ยภาพ ทางธุรกิจจริ งๆ ด้ วย ด้ วยวิธีนี ้ท�ำให้ กองทุน สามารถท�ำประโยชน์ให้ กบั สังคม และสร้ าง ผลตอบแทนไปได้ พ ร้ อมๆ กัน ด้ ว ย ท� ำ ให้ สามารถท�ำดีได้ กบั ทังตั ้ วเองและสังคมอย่าง ยัง่ ยืนขึ ้นอ่านแล้ วรู้สกึ ว่า เห้ ย! มันมีวิธีแบบนี ้ อยูด่ ้ วยนี่หว่า นัน่ เป็ นครัง้ แรกเลยครับที่ได้ ยนิ แนวคิดของ Social Enterprise ครับหลังจาก นันผมก็ ้ เริ่มสนใจมากขึ ้น เริ่มหาข้ อมูลมากขึ ้น เริ่ มมาเป็ นอาสาสมัครในงานที่เกี่ยวข้ องกับ เรื่ องนี ้ก็ได้ ร้ ูจกั เพื่อนๆ หลายคน รวมถึงกิ๊ฟท์ กับพี่เก่งด้ วย ก็ได้ ท�ำอะไรเกี่ยวกับด้ านนี ้มาก ขึ ้นส่วนที่สนใจเป็ นพิเศษก็ยงั คงเป็ นเรื่ องการ ลงทุนเหมือนเดิมครับ แล้ ววันหนึ่งเจอกิ๊ฟท์ เค้ าก็เล่าว่าก�ำลังจะเริ่ มท�ำกิจการแล้ วก็ก�ำลัง ระดมทุนอยู่ด้วยความที่ผมสนใจเรื่ องลงทุน อยู่แล้ ว และคิดว่ากิ๊ฟท์ เป็ นคนที่เหมาะกับ เรื่ องนี ้มาก อยากจะสนับสนุนเค้ า ผมก็เลย อยากร่วมลงทุนด้ วยครับประกอบกับตอนนัน้ ว่างอยูด่ ้ วย เลยกะว่าจะมาช่วยงาน ไปๆ มาๆ เลยได้ มาท�ำงานอยูท่ ี่นี่เลยครับ
ชวนดูจาก Ma:D : ภาพยนตร์ เรื่ องNo Impact manเป็ นเรื่ องของครอบครั วๆ หนึ่งซึ่งประกอบไปด้ วยพ่ อแม่ ลูก(เพิ่ง เกิด)ทีใ่ ห้ สัญญากับตัวเองว่ าจะไม่ สร้ าง ผลกระทบใดๆ ต่ อสิ่งแวดล้ อมเลย
ที่มา : O-N issue 06 | with love, girl band, you rock!
หากความสดใสของวงดนตรี หญิง ล้ วน ท�ำให้ หลายคนต่างหันมาสนใจพวกเธอ ฝี มือในการท�ำเพลงของพวกเธอคงเป็ นสิ่งที่ ดึงดูดใจคนฟั งไม่แพ้ กนั 'Jelly Rocket' ประกอบด้ วยปั น้ ภัค และโม พวกเธอทังแต่ ้ ง เรี ยบเรี อง ร้ อง และเล่นดนตรี กนั เอง ในโอกาสดีๆ อย่าง เดือนแห่งความรักแบบนี ้ เราเลยชวนพวก เธอมานัง่ จับเข่าพูดคุยกันในเรื่ องของดนตรี ที่พวกเธอรัก รวมไปถึงเรื่ องราวที่นอกเหนือ ไปจากเรื่ องดนตรี ในช่วงเวลาเย็นของวัน ศุกร์ กับบรรยากาศดีๆ ณ สวนรถไฟ ในเมือง กรุง :) -----------------------------ให้ น้องๆ Jelly Rocket แนะน�ำตัวหน่ อย โม Jelly Rocket : สวัสดีคะ่ ชื่อโม เล่ น กี ต าร์ เรี ย นจบจากมหิ ด ล วิ ท ยาลัย ดุริยางคศิลป์ เอกกีตาร์ ไฟฟ้า สาขาเทคโนโลยี ดนตรี คะ่ ปั ้น Jelly Rocket : ชื่อปั น้ ค่ะ ร้ อง เรี ยนอยูน่ ิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ปี 4 ค่ะ ภัค Jelly Rocket : ชื่อภัคค่ะ เล่น คีย์บอร์ ดค่ะ เรี ยนอยูด่ รุ ิ ยางคศิลป์ ปี 3 เอก เปี ยโนแจ๊ สค่ะ ทัง้ สามคนรู้ จกั กันได้ ยังไง ปั ้น : ถ้ าตังแรกเลย ้ ภัคกับปั น้ รู้จกั ตังแต่ ้ อนุบาล แล้ วพอตอนมัธยมปลาย ภัคก็ ออกมาอยูม่ หิดล แล้ วก็ได้ เจอพี่โม
ภัค : รู้จกั กับพี่โมตอน ม.ปลาย ภัค กับพีโ่ มชอบฟั งเพลงเหมือนกัน เราก็เลยว่าจะ ท�ำวง โม : พอมาเริ่ มเรี ยนดนตรี เราก็เลย ได้ คยุ กันเรื่ องเพลงอะค่ะ มันไม่มีตายตัว แต่ อันแรกที่มาคุยกัน ก็พวก The Naked And Famous แนวนัน้ ปั ้น : ก็เลยคิดว่าจะตังวง ้ แล้ วตอน นัน้ ภัคมาเจอปั น้ พอดี เหมือนรี ยูเนียน เจอ เพื่อนเก่า ภัคเห็นปั น้ ชอบร้ องเพลง ก็เลยชวน กันมา ประมาณ 2 ปี ที่แล้ ว ที่เริ่ มรวมวงกัน โม : ตังใจท� ้ ำ แต่ไม่ได้ จริงจัง เริ่มท�ำ cover เพลง Empire state of Mind (JAY Z) ปั ้ น : ท� ำ ออกมาไม่ ไ ด้ ห วัง อะไร เหมือนอยากลองท�ำ แล้ วก็เว้ นไปอีกประมาณ ปี กว่าถึงจะปล่อยเพลง How Long ใครเป็ นคนแต่ งเพลง How Long
ปั ้น+โม : ภัคค่ะ
ภัค : ตอนนัน้ อยู่สตั หีบ น�ำ้ ท่วม กรุงเทพ ปลายปี 2554 คิดถึงบ้ าน เมื่อไหร่จะ ได้ กลับ มัน ก็ ว่ า งๆ ก็ เ ลยได้ มา 1 เพลง ประมาณว่าคิดถึงคนที่อยูก่ รุงเทพ ตอนปล่ อยเพลงแรกออกมา ผลตอบรั บ เป็ นอย่ างไร ปั น้ : ดีเกินคาด ตอนแรกเราคิดว่า 1,000 views ก็ดแี ล้ ว ปรากฏว่าฟี ดแบ็คดีมาก
คิดว่ าอะไรท�ำให้ คนสนใจในเพลงเรา
โม : นักร้ องอาจจะน่ารัก
ปั น้ : เอ้ ย นานๆ ทีจะชมกัน เขินหวะ (หัวเราะ) ปั น้ ว่านานๆ ที จะมีวงที่เป็ นผู้หญิง ล้ วน แล้ วเป็ นเพลงภาษาอังกฤษ
ส่งไปส่งมาทางอินเตอร์ เน็ต คือไม่คอ่ ยได้ เจอ กัน แล้ วน้ องปั น้ ก็ ช่วยฟั งค�ำร้ อง phasing คอรัส ปั ้น : เหมือนพี่โมกับภัค ช่วยกันคิด กลองด้ วย เขียนเอาในโปรแกรม
ท�ำไมถึงแต่ งเพลงเป็ นภาษาอังกฤษ
โม : แล้ วก็ไปบ้ านภัค เพื่ออัดร้ อง ไกด์ ก่อนเข้ าห้ องอัดจริ ง คือเราตังใจท� ้ ำกัน มาก เพราะว่าตังใจส่ ้ งอาจารย์ โมจะต้ อง mix เพลงเอง ส่งอาจารย์เสร็ จปุ๊ บ ไหนๆ ส่งแล้ วก็ ปล่อย YouTube เลยละกัน ก็เกินคาด
ภัค : ไม่ร้ ู เหมือนกันค่ะ ตอนนันที ้ ่ แต่งก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเอามาท�ำแบบนี ้ ตอนนันวงยั ้ งไม่เกิดขึ ้นด้ วยซ� ้ำ เป็ นเพลงทีแ่ ต่ง ไว้ เล่นๆ
ปั ้น : พี่โมท�ำมาสเตอร์ ออกมา มันดี นะ เราก็เลยไปถ่ายรูปเลย แบบจริงจังอะ แล้ ว ก็เอามาใช้ เป็ นรู ปประกอบ single แรกของ พวกเรา
งัน้ เล่ าตัง้ แต่ ตอนแต่ งเพลงมาถึงตอนท�ำ วงให้ ฟังหน่ อย
ตอนเข้ าห้ องอัดโมคุมทุกอย่ างเองไหม
โม : เราว่าคนคงตกใจว่า วงอะไร มาจากไหน ท�ำไมมีคนช่วยกันแชร์ แชร์ ตอ่ ๆ กันไป
ภั ค : คื อ ภัค แต่ ง เล่ น ๆ มา อี ก ประมาณปี นงึ ก็เริ่มสนิทกับพีโ่ มมากขึ ้น ก็เลย เอ้ ย! มาท�ำเพลงกัน ตอนนันก็ ้ เป็ นจังหวะที่ ชวนปั น้ ด้ วย โม : คือโมอะจะต้ องท�ำธีสสิ (Thesis) จบปี 4 โมต้ องท�ำ production 1 เพลงส่ง อาจารย์ชว่ งนันเป็ ้ นช่วงทีท่ ำ � Empire State of Mind เสร็ จ แล้ วก็ได้ ฟัง DEMO เพลง How Long ของน้ องภัคนิดนึง ก็เลย “งันเรามาท� ้ ำ กันต่อป่ าว” โอเค ทุกคนท�ำต่อนะ แต่กอ่ นทีจ่ ะ ไปอัด เราต้ องท�ำ DEMO ก่อน เราก็ให้ ภคั อัด ไลน์ภคั มา DEMO guide แล้ วโมก็คดิ กีตาร์ ก็
โม : เทคนิคในห้ องอัด tracking โม จ้ างห้ องอัดไม่มีโปรดิวเซอร์ คะ่ แต่โมจะคอย บอก โมไปทุกวันที่มีการอัดทุกอย่าง โมไม่ได้ เป็ นคนกดเรคคอร์ ดนะ แต่ก็อยูด่ ้ วยตลอด มี tracking engineer 2 คน โมเหมือนไปดูซาวด์ ตอนเรคคอร์ ด เพื่อเอามาคิดตอน mix เพลง ที่บ้าน ท�ำ plug-in หมดเลย กว่ าเพลง How Long จะเสร็จ ใช้ เวลากี่วนั โม : ถ้ าตังแต่ ้ เริ่มอัดเพลง เราอัดกัน สบายๆ อาทิตย์ละเครื่อง เว้ นสองอาทิตย์ กว่า จะได้ tracks เพี ย วๆ ครบทุก tracks ก็ ประมาณเดือนนึง แล้ ว mix อีก 2-3 เดือนเริ่ ม เข้ าห้ องอัดตอนประมาณปลายธันวา 2556
ปล่อยเมษา 2557
คิดในส่วนของโม
ส่ งอาจารย์ ไป ฟี ดแบ็คจากอาจารย์ เป็ นยัง ไงบ้ าง
คอนเซ็ปต์ ของเพลง Stay
โม : โอ้ โห.. อาจารย์ก็ ฟั งทีเดียวก็… A! (หัวเราะ) อาจารย์ ร้ ู ไหมว่ าตอนนีเ้ ป็ นวงดนตรี แล้ ว โม : รู้แล้ วค่ะ ตอนส่งงานอาจารย์ ก็มีพรี เซนต์รูปนิดนึง ชื่อเพลง How Long มาได้ ยังไง ภัค : ตอนแต่งไม่ได้ คดิ อะไรเลย ชื่อ มาตอนที่เวลาจะเรี ยกเพลงนี ้ทีไร ก็เรี ยกว่า How Long ๆ แล้ วเพลงมันขึ ้นต้ นด้ วยค�ำว่า How Long ด้ วย พอผลตอบรั บดีแล้ วยังไงต่ อ
ภัค : งานเข้ า!
ปั ้น : Don’t sit down ติดต่อมา ก็ เล่นเป็ นวงเปิ ด แล้ วก็มีคนติดต่อเข้ ามาเรื่ อยๆ หลังจากที่เห็นพวกเรา แล้ วเพลงที่สอง Stay เกิดขึน้ มาได้ ยังไง ภัค : เหมือนมีเพลงแรกแล้ ว ก็มี เพลงที่สองต่อละกัน ก็เลยมโนเนื ้อหาขึ ้นมา ปั ้น : วันนันก็ ้ วา่ งๆ ก็มาช่วยคิดกัน นัง่ ที่เปี ยโน แล้ วลองเล่นๆ อัดๆ กัน
โม : ส่วนโมรอ DEMO มา แล้ วค่อย
ภัค : มันก็เล่าประมาณว่า เหมือน เวลาจะหมดแล้ ว อยากให้ เขาอยูก่ บั เราต่อ ปั ้น : ยังไม่อยากให้ เขาไป เหมือน เป็ น Summer Love พอซัมเมอร์ มนั หายไป แล้ ว เราก็ต้องแยกทาง แต่ยงั อยากอยูต่ อ่ ภัค : เหมือนปิ ดเทอมแล้ วไปเที่ยว บ้ านใครซั ก คนแล้ วก็ ต้ องกลั บ ไปใช้ ชี วิ ต ประจ�ำวันอีกแล้ ว ปั ้ น : ใช่ กลับไปสู่โลกความจริ ง อะไรแบบนี ้ แล้ วคิดไหมว่ าต้ องเป็ นเพลงภาษาอังกฤษ เหมือนเดิม ภัค : อันนี ้คิด ตังใจว่ ้ าอยากได้ เพลง ภาษาอังกฤษ เหมือนภาษาไทยส่วนตัวยาก ปั ้น : จริ งๆ ภาษาไทยมันจะท�ำให้ โดนยาก ด้ วยค�ำ ด้ วยอะไร พอปล่ อยเพลง Stay ปุ๊บ เป็ นอย่ างไรบ้ าง ปั ้น : ตอนนันมี ้ โอกาสพอดี เหมือน เขาหาวงไปอัดให้ โครงการ Converse Rubber Tracks พี่ๆ Dudesweet ได้ หยิบยื่น โอกาสนี ใ้ ห้ พ วกเรา พวกเราต้ อ งขอบคุณ โครงการนี ม้ ากจริ งๆ ค่ะ เราก็ ได้ ไปอัดกับ โปรดิวเซอร์ Smallroom เลย
พอปล่ อย Stay ออกมาแล้ วเทียบกับเพลง แรก How Long
พอเกิดเป็ นเพลงขึน้ มา ส่ งให้ คนในวงฟั ง ครั ง้ แรกทางไหน เป็ นยังไงบ้ าง
ปั ้น : พูดถึงฟี ดแบ็คเพลงแรกดีกว่า
ปั ้น : เวลาที่หา่ งไกล ก็ต้องส่งกันไป มา ผ่านเฟซบุ๊ก ฟั งครัง้ แรก ปั น้ ชอบ เหมือน มันมีเมโลดี ้ที่ติดหูตรงท่อนฮุคอะค่ะ จ�ำง่าย พอพี่โมมาใส่กีตาร์ ก็ยิ่งชอบกันไปใหญ่ เลย แต่ละคนก็คนละสไตล์
นะคะ
ภัค : ภัคว่าตอนนันมั ้ นยุง่ มาก จน ไม่ได้ ซึมซับความรู้ สึกนัน้ อย่างตอน How Long มันเห้ ยยย! มีคนรู้จกั เรา ปั ้น : พอไปแสดงแล้ วคนร้ องตาม ได้ Stay นี่เกินคาดเลยอะ มันตื ้นตัน ประทับ ใจมาก ไปที่ PLAY YARD แล้ วเล่น Stay ทุก คนร้ องตามได้ หมดเลย เพลง ลืม เป็ นเพลงภาษาไทย ใครเป็ นคน แต่ ง
ปั ้น : ภัคค่ะ
ภัค : “เทีย่ งคืนอีกแล้ว..” อันนี ้แต่ง ตอนกลางคืนค่ะ อันนี ้ก็มีอารมณ์ แต่งก็แต่ง เป็ นเรื่ องราวความรักร้ าวฉานในอดีตของตัว เอง คือมันอาจจะไม่ได้ เป๊ ะๆ ขนาดนัน้ แต่มนั ก็เป็ นความรู้สกึ ประมาณนันอะค่ ้ ะ ท�ำไมคราวนีถ้ งึ เป็ นเพลงภาษาไทย ภัค : อันนี ้ไม่ได้ คดิ อะไร หมายถึงก็ แต่งตามความรู้สกึ เราอยูก่ บั กีตาร์ ก็ “เทีย่ งคืน อีกแล้ วนัง่ อยูเ่ งียบๆ คนเดียว นอนไม่หลับอีก แล้ ว” ค่อนข้ างตรง
แต่ ละคนฟั งเพลงแนวไหนกันบ้ าง ภัค : Jazz, Dream Pop, Rock หลังๆ ชอบฟั ง Folk เช่น The Paper Kites ไม่ ค่อยได้ ฟังเพลงไทย เพลงไทยฟั งเก่าๆ ไปเลย แบบ Friday พี่โป้ YOKEE PLAYBOY แล้ วก็ ชอบ Sqweez Animal ด้ วย ชอบมากๆ ปั ้ น : ปั น้ ชอบ Hip-Hop, R&B, Electronic, EDM อะ ชอบ Drake, Chris Brown, Ne-Yo, J.Cole, Tyga ปั น้ ชอบอะไร ที่ดนตรี หนักๆ เบสหนักๆ เลยอะ มีจงั หวะ มี ตื๊ดด้ วย แต่ไม่ได้ ถงึ ขนาด Metal นะ โม : จริ งๆ เราก็ชอบ Hip-Hop นะ ตอนสมัยเด็กๆ ตอนนี ้โมฟั งซาวน์แบบ R&B เอามาท�ำ Electronic อะค่ะ พวก FKA Twigs, Sky Ferreira แล้ วอย่าง Coldplay หรื อ The Killers ก็ฟังนะ วันนีป้ ล่ อยเพลง ลืม ครั ง้ แรก ใช่ ไหม ปั ้น : ใช่คะ่ ที่ Cat Radio บ้ านหลัง ที่สองของเรา
ภัค : ช่วงรายการแมวนอกอะค่ะ 3
ทุม่ – เที่ยงคืน
ไปก็ไม่เห็นใคร” (ร้ องเพลงที่ตวั เองแต่ง)
โม : มีสมั ภาษณ์ นิดนึง ไปช่วงพี่ ซอนนี่
คือแต่ งมาจากเรื่องของโม โมฟั งแล้ วเป็ น ไงบ้ าง
ปั ้น : ทุกครัง้ จะไปช่วงพี่ซอนนี่ รอบ ที่สามแล้ ว มีโอกาสได้ จดั รายการเองด้ วยนะ คือสนุกมากเลยนะ
โม : ดีคะ่ จักจี ้ชอบ คือน้ องภัคเป็ น คนแต่งเพลงมีคาแรคเตอร์ ของเขา ด้ วยภาษา ด้ วยเมโลดี ้ ดูเป็ นทิศทางเดียวกันแล้ วก็มา ผสมผสานซาวด์ปัน้ ซาวด์โมด้ วย มันก็ชอบ มากขึ ้น
ภัค : วันนันภั ้ คไม่มีเสียง
ปั ้น : ฮาโคตร แล้ วทุกคนก็กลัว แล้ ว รายการมันดึกๆ ไง เสียงมันก็นา่ กลัว (หัวเราะ) จริ งๆ เราก็ได้ โอกาสจาก Cat Radio มาเยอะ ค่ะ มี ไป Cat Expo, Cat T-Shirt เขาจะ สนับ สนุน วงอิ น ดี ต้ ลอดเวลา ให้ เ ราไปจัด รายการ พี่เขาช่วยโปรโมทตลอดขอบคุณพี่ๆ Cat Radio ด้ วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ สิ่ ง หนึ่ ง ที่ สั ง เกตเห็ น เพลงทุ ก เพลงที่ ปล่ อยออกมาเป็ นเพลงอกหักหมดเลย ปั ้น : คือจริ งๆ แล้ วอะเพลงอกหัก มันจะเข้ าถึงคนไทยง่ายเราก็ซบึ ซับมา ตอนนีม้ ีเพลงของตัวเองทัง้ หมดกี่เพลง โม : 4 เพลง แต่ยงั ไม่ได้ ปล่อยอีก เพลง คือ อิ่มใจ แต่เคยมีเล่นสด อันนันไม่ ้ อกหักแล้ ว ภัคแต่ง ปั ้น : ใช่ เหมือนตอนนัน้ พี่โมเล่น โทรศัพท์ คุยกับคนนัน้ อะไรอย่างนี ้ เหมือน ตัดขาดจากโลก ภัคก็เลยเอาไปแต่ง
ภัค : “ตัดขาดจากโลกทัง้ ใบ มอง
ดีไซน์ ยังไง ภัค : ภัคว่าทุกคนจะมีไลน์ดนตรี ที่ มีเอกลักษณ์ของตัวเองอะค่ะ อย่างภัคป๊ อบๆ พี่โมก็จะลอยๆ ของปั น้ จะรู้สกึ ได้ ถงึ R&B แล้ วเพลงลืม โมยังคงเป็ นคน mix เองทุก อย่ างไหม
ปั ้น : ทุกเพลง ยกเว้ นเพลง Stay ค่ะ
ให้ แต่ ละคนพูดถึงคนอื่นๆ ในวง ปั น้ : สองคนนี เหมื ้ อนเป็ นครอบครัว ปั น้ ไม่มี พี่ น้ อ งด้ ว ยคื อ เราก็ ใ ช้ เ วลาด้ ว ยกัน เยอะ เวลาเราจะท�ำเพลงเราต้ องตรงไปตรง มา ไม่อยากให้ วงแตก เหมือนเราสัญญากัน ว่าให้ จริ งใจต่อกัน มีอะไรก็พดู ออกมาเลย จะ ได้ ไม่ต้องเก็บไว้ โม : ส�ำหรับโม ภัคกับปั น้ เหมือน เป็ นอีกครอบครัวหนึ่งอย่างปั น้ ว่า คือเรามา ท�ำงานอย่างนี ้ มันไม่ใช่แค่งาน เราต้ องคอย ใส่ใจความรู้ สึกกัน มี อะไรเราก็ ต้องพูดกัน ตรงๆ อย่างภัค โมก็จะมองว่าภัคเป็ นคนมุง่ มัน่
ตังใจมากๆ ้ ส�ำหรับปั น้ เป็ นคนชอบกิน ถ้ าเกิด ว่าปั น้ หิว เตรี ยมตัว จะเจอความเงียบก่อน (หัวเราะ) ภัค : กับสองคนนี ้ ภัคใช้ เวลาร่วม ด้ วยเยอะมาก ในปี ที่ผา่ นมานะคะ ก็สนิทกัน มากขึ ้น ก็เหมือนเป็ นอีกครอบครัวอย่างที่ทกุ คนบอกนั่นแหละ มันเหมือนต้ องรู้ ใจกันอะ เหมือนมีแฟนอีกคนที่ต้องดูแล คอยเอาใจ เหมือนเอาใจเขามาใส่ ใจเรา ภัค : ใช่ๆ ตอนทีแ่ ต่งเพลงก็คดิ อย่าง นี ้ด้ วยเหมือนกัน ว่าแบบนี ้เขาน่าจะชอบนะ เข้ ากับเขาไหม ปั ้น : เหมือนอยูด่ ้ วยกันไป ก็ร้ ูใจกัน มากขึ ้น
ปั น้ ก�ำลังจะสอบ final ทุกคนหนักแล้ วมันจะ นัดซ้ อมยากอะค่ะ แล้ วแก้ ปัญหาอย่ างไร โม : ต้ องหาวันที่มนั ได้ อะค่ะ ซ้ อม ห้ าทุม่ ก็เคย เคยทะเลาะกันไหมคะ โม : เคย ก็มีบ้าง ก็มีนิดหน่อย มี งอนกันบ้ าง งอนกันเรื่ องอะไร โม : บางทีค�ำพูดบางอย่าง โมไม่ได้ คิด มันก็ท�ำให้ ร้ ูจกั กันมากขึ ้น ว่าพูดไป คนฟั ง sensitive
ภัค : มันเหมือนมีแฟนอะ
โม : มันได้ หลายกลิน่ อะค่ะ โมว่า ถ้ าตอนนี ้แยกไปท�ำของตัวเอง มันก็จะเป็ นอีก กลิน่ หนึง่ ทีไ่ ม่ใช่ Jelly Rocket แน่นอน เพราะ มีสว่ นร่วมทุกคนจริ งๆ ท�ำคนเดียวก็ได้ ความ สบายใจ ได้ ความเป็ นตัวเราเอง
โม : หลังจากที่เราเกิดเรื่ องมา เรา ก็ร้ ู นิสยั กันมากขึ ้น ไม่ท�ำสิ่งที่เขาไม่ชอบอีก แล้ วก็ปรับตัว มันคือการเรี ยนรู้
ภัค : แต่ก็ยอมรับนะท�ำด้ วยกัน มัน ก็ยาก มันต้ องมีเวลาด้ วยกัน เดี๋ยวคนนันมี ้ ไฟ เดีย๋ วคนนี ้ไม่มไี ฟ มันมีปัญหาเยอะแยะ เพราะ ว่ามันเป็ นเรื่ องของคนอะ แต่สดุ ท้ ายพออยู่ ด้ วยกัน ก็ต้องเข้ าใจกัน
ความแตกต่ า งระหว่ า งวงผู้ ห ญิ ง กั บ วง ผู้ชาย
ปั ญหาที่เจอหนักๆ ในวง
ปั ้น : น่าจะเป็ นเรื่ องเวลา
โม : ถ้ าเกิดว่างานเข้ ามาช่วงภัคกับ
ปั ้น : ตรงนันก็ ้ ท�ำให้ วงเราดี เพราะ มีอะไรก็พดู เลย
ภัค : เหมื อนอย่างวงพี่ ผ้ ูชายจะ รุนแรงกว่า ของพวกเราก็คยุ กัน ด้ วยความเป็ น ผู้หญิงก็จะเบาๆ หน่อย โม : อารมณ์ข้างในของผู้หญิงและ ผู้ชายอาจจะเหมือนกัน แต่แสดงออกมาไม่
เหมือนกัน ภัค : จุดมุ่งมัน่ แรงด้ วยภัคว่า พอ เป็ นวงผู้ชาย มันจะเป็ นความฝั นอันสูงสุด ความฝั นของวง Jelly Rocket ตอนนี ้ ภั ค : ส� ำ หรั บ ภัค ตอนนี ้ ก็ ท� ำ ไป เรื่ อยๆ
ปั ้น : แค่ได้ เห็นคน มันดีอะ อธิบาย ไม่ถกู มันดีมากๆ เป็ นภาพที่จะจ�ำไปจนตาย เลย ประสบการณ์ ท่ เี ล่ นแล้ วรู้ สึกแย่ โม : งาน a book Fair ที่ Terminal 21 หูย! งานนันไม่ ้ คอ่ ยได้ ยนิ อะไรเลย เล่นแล้ ว ไม่ได้ ยินตัวเองเล่น แต่ข้างล่างโอเค
ปั ้น : ปั น้ เห็นความฝั นของวง ปั น้ เป็ น Front man คืออยู่ข้างหน้ า ปั น้ เห็นทุก อย่าง แล้ วมันชัดอะเวลามีคนที่ร้องตามได้ อย่างวัน Cat Expo คือคนเยอะมาก เวทีเล็ก แต่คนเต็ม
ภัค : ฟั งทีเ่ พือ่ นอัดมาก็ได้ อยู่ แต่เรา จะไม่คอ่ ยโอเคเท่าไหร่
โม : เอ้ อวัน Cat Expo โหดจริ ง (หัวเราะ)
โม : ใช่ มันมีคนมาเตะปลัก๊ ข้ างหลัง คือโมเล่นอยู่ โมก็ต้องจับสายกีตาร์ ไปเรื่ อยๆ แล้ วต่อปลัก๊ ใหม่
ภัค : อันนี ้คือตังใจมากๆ ้ ที่จะมา เล่น ก็เลยแป้วๆ แต่พอตอนเย็นที่เห็น ก็ร้ ูสกึ ดี ปั ้น : คือคนมารอเรา วงอะไรก็ไม่ร้ ู ที่ไม่ได้ เซ็นสัญญา ไม่มีสงั กัด มีออกมาแต่ไม่ กี่เพลง ทุกคนมา แล้ วร้ องได้ ตอนนันเขาให้ ้ ร้ องเพลง ตาสว่าง แล้ วปั น้ ลืมท่อนฮุค ปั น้ ร้ อง มัว่ ทุกคนก็ข�ำอะ แล้ วช่วยกันร้ องแทน คือ ประทับใจมาก ความฝั นตอนนี ้ในส่วนของวง คืออยากท�ำเพลงออกมาแบบนี ้เรื่ อยๆ แล้ วมี คนชอบอยู่
ปั น้ : เราไม่ฟิน แล้ วเราก็ไม่คอ่ ยกล้ า เล่นด้ วย แล้ ววันนันไมค์ ้ ดบั ด้ วยอะ
ปั ้น : แต่มีหลายคนบอกว่าตามมา จากงาน a book Fair ทังๆ ้ ที่เราคิดว่างานนัน้ เราโคตรห่วยอะ รู้สกึ ประทับใจ เจอช่ วงเวลาหนั ก ๆ บ้ างไหมในการ ท�ำงาน
โม : อยากมีงานเล่น live เวทีใหญ่ๆ
ปั ้น : ช่วงนันคื ้ อป่ วย แล้ วเป็ นคนไม่ ออกก�ำลังกายนอนดึก เสียงหาย แล้ วอาทิตย์ นันมี ้ งานประมาณ 3 งาน ตอนนันก็ ้ กดดันด้ วย เพื่อนๆ ก็เข้ าใจ แล้ วหลังจากนันก็ ้ เลยออก ก�ำลังกายแทบทุกวัน
ภัค : ตอนนันไป ้ Big Mountain แล้ ว เห็นเวทีใหญ่ แล้ วรู้ สกึ ว่าถ้ าเราได้ อยู่ตรงนัน้ แล้ วเห็นคนทังหมด ้ มันคงดีสดุ ๆ เลย
ภั ค : มี อ ยู่ช่ ว งหนึ่ง ท� ำ งานหนัก มากๆ นัดซ้ อมเที่ยงถึงบ่าย 2 ปั น้ มาบ่าย 2 ก็ เข้ าใจได้ วัยเรี ยนเหมือนกัน
โม : ก็อ้อนพีเ่ ขาต่อขออีกครึ่งชัว่ โมง โมว่าน้ องปั น้ คงหนักสุด ภัคก็หนัก งานเยอะ เรื่ องเวลาไม่ตรงกัน
ภัค : แล้ วค่อยหาบ้ าน เหมือนตอน แรกๆ เรายังไม่คอ่ ยรู้แนวทางด้ วย ตอนนี ้ก็พอ เริ่ มจับทางได้ แล้ ว
คิดว่ าจะยึด Jelly Rocket เป็ นอาชีพหลัก ได้ ไหม
ที่มาของชื่อวง
โม : ส่วนตัวเราไม่ได้ คาดหวัง ถ้ ามี งานมา เราก็เต็มที่ ตังใจท� ้ ำทุกงานอยูแ่ ล้ ว มัน อยากท�ำอะ ได้ ไม่ได้ ใครจะไปรู้อะนะ ปั ้น : คือปั น้ ไม่ได้ เรี ยนสายดนตรี ก็ ดีที่เรี ยนอีกอย่างหนึง่ เรี ยน PR มันก็เอามา ช่วยวงได้ อาจจะต้ องรอดูอนาคตก่อน ถ้ าวง มันไปได้ ดี เราก็อาจจะยึดเป็ นทางหลัก แล้ วก็ ท�ำ PR ไปด้ วย ภัค : คือภัคก็ร้ ูสกึ เหมือนพี่โม ว่ายัง บอกไม่ได้ เราก็ตงใจท� ั ้ ำ อาจจะมีงานประจ�ำ แล้ ววงอาจเป็ นงานอดิเรกไปก่อน สมมติมนั ดี เราก็อาจเอาอันนี ้เป็ นงานประจ�ำ มันก็อยู่ที่ การแบ่งเวลา ณ จุดๆ นัน้ เอาเงินที่ไหนมาท�ำเพลง
ปั ้น : เราก็ต้องควักเนื ้อกันก่อน
ภัค : ตอนนี ้เราก็ช่วยกันทุกอย่าง อัดเพลง ห้ องซ้ อม ให้ แบ็คอัพ ให้ พี่ซาวด์เอ็นฯ มีค่ายเพลงติดต่ อมาบ้ างไหม ปั ้ น : อ๋อ มีแล้ วค่ะ แต่คือเราไม่ อยากให้ เกิดปั ญหาที่ตอนก�ำลังเรี ยนแล้ วจัด เวลาไม่ถกู เราต้ องเอาเรี ยนไว้ ก่อน
ภัค : ภัคชอบกินไอติม
โม : Rocket Jelly อะค่ะ เมื่อก่อน ที่เป็ นไอติม เป็ นเยลลี่ ปั ้น : กลัวติดลิขสิทธิ์ ก็เลยเปลี่ยน เป็ น Jelly Rocket
ภัค : Jelly Rocket เพราะกว่าด้ วย
ปั น้ : ชือ่ นี ้เป็ นชือ่ ทีท่ กุ คนตกลง เป็ น ชื่อที่เข้ าหูเราสามคน แล้ วน่าจะเวิร์ค มองวงการเพลงไทยอินดี ้ ตอนนีอ้ ย่ างไร บ้ าง โม : โมว่าน่าสนใจนะ มีหลายวงที่ มาใหม่ๆ ยุคก่อนหน้ านี ้มันค่อนข้ างแห้ งแล้ ง ภัค : ภัคว่ามันก�ำลังโตแหละแล้ ว ฐานแฟนคลับกลุม่ นี ้ดูเหนียวแน่นด้ วยนะ ไป ทุกงาน บางคนเจอกัน จนสนิทกัน ปั ้น : เหมือนปั น้ ว่าเทคโนโลยีมนั โต ขึ ้นด้ วย เราสามารถท�ำกันเองได้ มีวงใหม่ๆ ที่ น่าสนใจมากขึ ้น ยกตัวอย่ างวงรุ่ นใหม่ ท่ นี ่ าสนใจหน่ อย โม : โมชอบ My Life as Ali Thomas โคตรเท่ ดีมาก
ปั ้น : ชอบ The Whitest Crow อะ เคยดูสดแล้ วมันส์โคตร แบบเป็ นเพื่อนๆ กัน ด้ วย ภัค : ภัคชอบ Moving and Cut อะ ค่ะ ภัคว่าเพลงเขาฟั งแล้ วมันติดหู เคยคิดอยากมีค่ายเล็กๆ ของตัวเองไหม
ภัค : ภัคไม่เคยคิดนะ
โม : ค่ายของตัวเอง มันต้ องคิดเยอะ มากเลยนะ แต่ถ้ามีเงินก็อยากท�ำนะ ปั ้น : มันต้ องมีวิสยั ทัศน์เดียวกัน จริ งๆ ถ้ าท�ำได้ ก็ดีนะ เวลาออกงาน คิดเรื่ องการแต่ งตัวไหม
ปั ้น : ใช่ ก็คดิ ค่ะ ให้ มนั เข้ ากัน
ภัค : ความจริ งคอนเซ็ปต์ของพวก เรา คิดไว้ ตอนจะปล่อยเพลง ตอนไปถ่ายรูป เสื ้อผ้ าก็จะโทน ยีนส์ๆ แดงๆ โม : อย่างใน รูป cover บนเพจ ใน เฟซบุ๊กตอนนี เป็ ้ นชุดทีใ่ ส่ไปถ่าย MV เพลงลืม MV เพลง ลืม ปล่ อยเมื่อไหร่ คะ ภัค : น่าจะปลายเดือนนี ้ หรื อต้ น เดือนหน้ าอะค่ะ โม : แต่วันนี จ้ ะปล่อยเพลงก่อน ปล่อยอีกทีก็เป็ น MV เลย ฝากแชร์ กนั เยอะๆ นะคะ
เล่ นสด ปั ้น : ชอบอะไรมันส์ๆ ไม่อยากให้ วงเราเป็ นผู้หญิงสามคน แล้ วมันจะต้ องแบบ.. นึกออกไหม ภัค : วงดนตรี ผ้ หู ญิงส่วนใหญ่ เขา บอกว่ามักจะเล่นสดไม่เก่ง ภัคเลยค่อนข้ าง เน้ นนิดนึงให้ มนั สุด ปั ้น : นัน่ เป็ นสิง่ ที่เราอยากเอาชนะ ให้ ได้ เหมือนกัน ให้ ทุกคนฝากถึงคนที่มีความฝั นอยากท�ำ วงเหมือนกัน ปั น้ : อยากให้ ทกุ คนมีอะไรอยากท�ำ ก็ทำ� ออกมาเลย เหมือนเรามีฝัน เราเกิดมา แค่ ครัง้ เดียว เดี๋ยวแก่ไป เราก็ไม่ได้ ท�ำแล้ ว ไม่ อยากให้ เสียเวลา หรื อเสียไฟตอนนันที ้ ่มนั มี อยู่ไป ก็ ท�ำแบบพวกเราก็ ได้ ท� ำเพลงแล้ ว ปล่ อ ย YouTube มี ฟี ดแบ็ ค แย่ เราก็ ม า ปรับปรุงให้ มนั ดี โม : อาจจะรู้สกึ ยาก เพราะเราไม่ เคย อาจจะอยากท�ำ แต่ไม่ร้ ู จะเริ่ มยังไง ถ้ า ลองได้ ท�ำแล้ ว จะรู้วา่ มันไม่ใช่อะไรที่จบั ต้ อง ไม่ได้ อะค่ะ มันไม่จ�ำเป็ นจะต้ องมีคนมาคอย ช่วย ตอนนี ้อินเตอร์ เน็ตมีทกุ อย่าง แล้ วจะรู้สกึ ว่าไม่ได้ ยากขนาดนัน้ ประกวดไม่ใช่จุดมุ่ง หมายทังหมด ้ สมมติมีแข่ง 20 วง แล้ วมีชนะ แค่ 1 วง ไม่อยากให้ 19 วงที่เหลือจ๋อย แล้ ว หยุดเดิน เด็กอะนะ อาจจะมองว่าตรงนันมั ้ น ทังหมด ้ แค่อยากจะบอกเขาว่าไม่ใช่ทงหมด ั้ อย่าไปยอม
ภัค : ให้ แบ่งเวลาดีๆ แล้ วชีวิตจะดี เอง เหมือนถ้ าแบ่งเวลาดีๆ ได้ เราจะสามารถ ท�ำได้ หลายอย่างมากค่ะ แล้ วพอเราเริ่ มท�ำ แล้ ว เราจะรู้เองว่าอะไรที่มนั เวิร์ค อะไรที่มนั ไม่เวิร์ค ถ้ ามัวจะคิดแล้ วมันจะไม่ได้ ท�ำ ภัค เป็ นคนที่คิดโปรเจ็กต์อะไรเยอะมาก บางที เวลามันไม่มี แล้ วก็ไม่ได้ ท�ำ แต่ถ้าแบ่งเวลา ดีๆ ได้ เราก็จะได้ ท�ำหลายอย่าง ซึง่ การที่ท�ำ หลายอย่างตังแต่ ้ อายุน้อยๆ อะ มันก็จะได้ อะไรเยอะ แล้ วมันก็ร้ ูสกึ ดีนะ เวลาที่เราได้ ท�ำ อะไรส�ำเร็ จสักอย่าง เรี ยนดนตรี แล้ วความสุขหาย โม : โมไม่ เ ชื่ อ ว่ า ความสุข หาย เพราะโมคิดว่า เราเป็ นคนก�ำหนดความสุขเอง สุดท้ ายแล้ วเราต้ องอย่าลืมว่าเราเข้ าไปเพราะ เราอยากจะรู้จกั มันให้ มากขึ ้นสิง่ ที่ตวั เองชอบ จริงๆ สิง่ ทีเ่ ป็ นกระแสนิยม กับสิง่ ทีต่ ้ องท�ำตาม หน้ าที่ มันเป็ นดนตรี ทงั ้ 3 อย่างเลย บางทีเลย ท�ำให้ สบั สน แล้ วลืมว่าลึกๆ แล้ วตัวเองชอบ อะไร มันขึ ้นอยูว่ ิธีคดิ ขึ ้นอยูก่ บั จะดึงเอาส่วน ดีของตัวเองออกมาได้ มากแค่ไหน ภัค : ภัคเครี ยด ภัคเรี ยน perform เป็ นอะไรที่ทรมานนิดนึง เลิกเรี ยนเสร็ จ กิน ข้ าว แล้ วไปซ้ อมถึง 3 ทุม่ ทุกคืน สุดท้ ายภัคก็ เข้ าใจว่ามันอาจขึ ้นอยูก่ บั ครู ที่จะท�ำให้ เรามี ไฟ หรื อท�ำให้ เรารู้สกึ ว่าเหนื่อยจัง งานอดิเรกของแต่ ละคน
ภัค : อ่านการ์ ตนู ดูหนังดูซีรีย์ นอน
ปั ้น : ฟิ ตเนส กิน นอน ดูซีรีย์
เกม
โม : หาอะไรกิน ดูซรี ีย์ ดูการ์ ตนู เล่น
ถ้ าให้ โยงมา คิดว่ างานอดิเรกพวกนีม้ ีผล ต่ องานเพลงไหม ภัค : ของภัคมี ได้ แนวคิดใหม่ๆ ได้ เรื่ องราว อยูใ่ นหนัง ในหนังสือ มันก็จะซึมซับ ปั ้น : จากฟิ ตเนสได้ อะไรเยอะ ช่วย เรื่ องการแสดงสดมากๆ พอได้ ออกก�ำลังกาย มันมีแรงคึกไปจนถึงเพลงสุดท้ าย โม : เรารู้สกึ เวลาออกก�ำลัง ท�ำให้ คิดอะไรออก ช่วยให้ อดึ เวลาท�ำงานมากขึ ้น เข้ าเดือนแห่ งความรั ก ถ้ านึกถึงความรั ก จะนึกถึงอะไร ปั น้ : นึกถึงพ่อแม่ ครอบครัว เพือ่ นๆ คนที่จริ งใจกับเราจริ งๆ ภัค : ภัคว่ามันคือความผูกพัน มัน คือการใช้ เวลาร่ วมกันกับใครสักคน หรื อกับ อะไรสักอย่าง โม : ความรัก คือ ความรักค่ะ อยาก จะรักต้ องลอง (หัวเราะ) ถ้ าเปรี ยบความรั กเป็ นสี เป็ นสีอะไรดี ปั ้น : ปั น้ ว่าความรักเป็ นสีขาวอะ ความรักจริ งๆ มันต้ องบริ สทุ ธิ์ ภัค : ความรักเป็ นสีฟ้าค่ะ เหมือน กับท้ องฟ้ากับน� ้ำทะเลที่อยูค่ กู่ นั แล้ วเป็ นสีฟ้า เหมือนกัน ถึงมันจะเป็ นคนละอย่าง แต่วา่ มัน
ก็มีสีเดียวกัน ที่เข้ าใจกัน แล้ วก็สมั พันธ์กนั โม : ความรักเป็ นสีด�ำ เพราะความ รักท�ำให้ คนตาบอด ดนตรี สำ� คัญอย่ างไรบ้ างต่ อชีวติ โม : ดนตรี มี อิ ท ธิ พ ลต่ อ ชี วิ ต ใน แต่ละวันมากๆ เลย จะท�ำให้ อารมณ์ ดีหรื อ เศร้ า เช่นถ้ าตืน่ มาแล้ วได้ ฟังเพลงทีช่ อบ ก็อาจ จะท�ำให้ อารมณ์ดแี ต่เช้ า แต่ถ้าฟั งเพลงทีห่ ดหู่ ก็อาจจะเศร้ าแต่เช้ าเลยก็ได้ ภัค : ส�ำหรับภัคดนตรี เป็ นเหมือน ข้ าวที่ต้องกินทุกวันค่ะ เวลาที่ไม่ได้ ฟังเพลง หรื อเล่นดนตรี นี่ มันรู้สกึ หิวๆ เหมือนไม่ได้ กิน ข้ าวนี่แหละ เพลงไหนที่ชอบฟั งก็ฟังบ่อยๆ เหมือนอาหารที่ชอบ ก็กินบ่อยๆ ปั ้น : ทังชี ้ วิตปั น้ เติบโตมากับเสียง ดนตรี เรารู้ ว่ามันเป็ นอะไรที่ท�ำแล้ วไม่ว่าจะ หนัก ยัง ไงก็ มี ค วามสุข ดนตรี ก็ ถื อ เป็ นแรง บันดาลใจและก�ำลังใจที่ดีอีกหนึ่งอย่างของ ชี วิ ต เลยล่ ะ ค่ ะ เพราะมัน ท� ำ ให้ เ ราได้ เ จอ เพื่อนๆ อีกมากมายที่รักในสิง่ ที่เราท�ำ และใน สิง่ ที่เราเป็ น ถ้ าขาดดนตรีไป คิดว่ าชีวติ จะเป็ นอย่ างไร โม : ก็คงไม่มีความรื่ นเริ งอย่างทุก วันนี ้ มีดนตรี ก็เหมือนได้ เอาไว้ ระบายความ รู้สกึ หรื อซึมซับความเพราะของเพลง ถ้ าไม่มี ดนตรี ชีวิตคงเครี ยด
ภัค : ถ้ าขาดดนตรี ไป ก็เหมือนขาด
ประสาทความรู้สกึ ไป ภัครู้สกึ ว่าดนตรี ท�ำให้ สิง่ ที่ภคั รู้สกึ อยูม่ นั ชัดเจนขึ ้นมา บางเพลงฟั ง แล้ วรู้ สึกดี รู้ สกึ เพียงพอ บางเพลงฟั งแล้ วก็ เหงา ยิ่งเวลาฟั งเพลงเศร้ านี่ ภัคจะรู้ สึกถึง ความเศร้ าจากเพลงได้ มากกว่าเพลงแบบอื่น ค่ะ และอาจเพราะภัคเป็ นคนเศร้ ามัง้ เลย ท�ำให้ Jelly Rocket มีแต่เพลงเศร้ าๆ เหงาๆ ทังนั ้ นเลย ้ ฮ่าๆ ปั ้น : ถ้ าขาดดนตรี ไป ก็ไม่มี Jelly Rocket ไม่ได้ สนิทกับเพือ่ นๆ อีกสองคนขนาด นี ้ เพื่อนๆ หลายๆ คนที่ได้ เจอกันเพราะชอบ ฟั งเพลงของพวกเราก็คงกลายเป็ นคนแปลก หน้ าไปเลยล่ะ เสียดายแย่ อยากขอบคุณหรือขอโทษใคร อะไรไหม? โม : ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ที่คอย สนับสนุน คุณครูทกุ คนที่คอยสอนและท�ำให้ ได้ น�ำความรู้มาใช้ ในทุกวันนี ้ค่ะ ภัค : อยากขอบคุณป๊ ากับม๊ าทีค่ อย สนับ สนุน และดูแ ลหนูม าตลอด ขอบคุณ คุณครูทกุ คนที่เคยสอนภัคมา ให้ แนวคิดและ มุมมองใหม่ๆ ขอบคุณเพื่ อนๆ ที่ คอยช่วย เหลือ ช่วยเชียร์ ตลอด มีเพลงอะไรเพราะๆ หนังดีๆ น� ้ำปั่ นร้ านอร่อยๆ มาแบ่งปั นกันเสมอ เวลาทุกข์ใจก็คอยอยูข่ ้ างๆ ขอบคุณปั น้ กับพี่ โม ถ้ าไม่มีสองคนนี ้ ก็คงไม่มี Jelly Rocket ไม่มีคนที่ได้ ยืนเล่นดนตรี แล้ วสนุกไปด้ วยกัน เกือบหนึง่ ปี ที่ผา่ นมาเป็ นช่วงเวลาที่สนุกมาก นะ ที่ส�ำคัญอยากขอบคุณทุกคนที่เปิ ดใจฟั ง เพลงของ Jelly Rocket คนที่มาดูคอนเสิร์ต คนที่ร้องเพลงเราได้ ทุกอย่างมีความหมาย
ส�ำหรับภัคมากค่ะ ส่วนที่อยากจะขอโทษ คง เป็ นสิ่งที่ภคั ท�ำอะไรผิดไปโดยไม่ร้ ู ตวั ถ้ าภัค เคยท�ำให้ ใครรู้สกึ ไม่ดี ก็ขอโทษด้ วยนะคะ ปั ้น : ขอบคุณครอบครัวและเพือ่ นๆ ที่คอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ และเข้ าใจปั น้ มา ตลอด ขอบคุณผู้ใหญ่หลายๆ ท่านทีใ่ ห้ โอกาส และสอนพวกเราหลายๆ อย่าง และที่ส�ำคัญ ต้ องขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่รักพวกเรา เห็น เพือ่ นๆ คุยกับพวกเราใน Social Media ก็ดใี จ หลายๆ คอมเมนต์เป็ นก�ำลังใจที่ดมี ากเวลาที่ พวกเราเหนื่อย วันที่พวกเราท้ อแท้ ก็มีเยอะ เพราะยังต้ องเรียนต้ องท�ำงานกันอยู่ แต่พอได้ อ่านคอมเมนต์ ได้ เห็นเพือ่ นๆ รอมาดู และร้ อง ตามไปกับพวกเรา รู้วา่ พวกเราท�ำสิ่งนี ้กันไป เพื่ออะไร รักมากๆ อยูก่ นั ไปนานๆ นะคะ มีอะไรที่อยากบอกแต่ ไม่ ได้ ถามไหม Jelly Rocket : ขอฝากเพลง ‘ลืม’ ไว้ ด้วยนะคะ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่คอย สนับสนุนพวกเรา เพราะถ้ าไม่มีทกุ คน ก็ไม่มี พวกเราทุกวันนี ้ เราก็ไม่มีก�ำลังที่จะท�ำต่อไป ก�ำลังใจส�ำคัญมากจริงๆ ขอให้ รักกันไปนานๆ พวกเราจะตังใจท� ้ ำทุกอย่างให้ สมกับความรัก ที่ทกุ คนให้ มา
ที่มา : O-N issue 07 | ในโลกอีกใบที่ ใช้ ใจบันดาลแรง
4 ปี กับวงวันของติว๋ ในบรรยากาศ การสัมภาษณ์เกือบ 2 ชัว่ โมง ที่ท�ำให้ พวกเรา รู้ ว่าการเล่นดนตรี มนั เป็ นอะไรได้ มากกว่าที่ คิด อยากให้ ทกุ คนได้ เจอกับตัวจริ งของพวก เขา แล้ วจะรู้วา่ มีอะไรที่นา่ สนใจนอกเหนือไป จากบทสัมภาษณ์ชิ ้นนี ้อีกมากมาย แต่กอ่ นไป ท�ำความรู้ จกั โลกอีกใบของพวกเขาที่ชื่อ ว่า ‘วันของติว๋ ’ เราอยากให้ เพื่อนๆ ได้ ร้ ูจกั ที่ไป ที่มาของวงและเรื่ องราวน่าสนใจต่างๆ ผ่าน บทสัมภาษณ์ชิ ้นนี ้กันก่อน
นัน้ เราไม่ร้ ู จัก กัน อย่า งเช่ น ตอนไปเรี ย นที่ ออสเตรเลีย เราอยูเ่ มืองเดียวกัน มหาวิทยาลัย ของเราทังคู ้ อ่ ยูใ่ กล้ กนั มาก ต้ องเคยเดินสวน กัน แน่ น อน (หัว เราะ) แล้ ว พอจบกลับ มา ท�ำงาน พี่เปิ ้ลหน่อยก็ไปตึกออฟฟิ ศปุ๊ ก ณ ตอนนันบ่ ้ อยๆ ส่วนระหว่างท�ำงาน นายปุ๊ กก็ ชอบเปิ ดวิทยุฟังกันในออฟฟิ ศก็ได้ ยินเสียง ดี เจเปิ ล้ หน่อย เราก็ อีกแระ พวกมีชื่อในวงการ อีกแระ (หัวเราะ) ก็ใครเค้ าจะชื่อ แอปเปิ ล้ หน่อย กัน!
------------------------------
พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ตอนแรกจัดรายการ วิทยุ พี่ที่ท�ำงานก็แซวเหมือนกันว่า ใช้ ชื่ออื่น ได้ ป๊ะ เดีย๋ วคนฟั งหมัน่ ไส้ เห็นมะ มีจริงๆ ด้ วย! (หัวเราะ)
ให้ วงวันของติ๋วแนะน�ำตัวเองกันหน่ อยค่ ะ พี่ปุ๊ก : ปุ๊ ก อรธิดา โกมลภิส ตอนนี ้ ท� ำงานทางด้ านการตลาด ที่ บริ ษัท CMG Central Marketing Group ค่ะ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ชือ่ เปิ ล้ หน่อย วรัษฐา พงษ์ ธนานิกร ชื่อเล่นเต็มๆ แอปเปิ ล้ หน่อย (ยาวไปไม๊ !) หลักๆ จัดรายการวิทยุที่ Cat Radio สอนบัลเล่ต์ และเป็ นหุ้นส่วนที่ร้าน Stu-fe’ ค่ะ พี่ๆ สองคนมาเจอกันได้ ยังไง พี่ปุ๊ก : เพราะดนตรี นี่แหล่ะ เคย ได้ ยินเทศกาลดนตรี ชื่อ Melody Of Life รึ เปล่า พี่เต้ ง (พิชยั จิราธิวฒ ั น์) เป็ นคนจัด พี่ เต้ งจะพูดถึงพี่ตมั ้ โมโนโทน กับพี่เปิ ล้ หน่อย บ่อยๆ อยูแ่ ล้ ว ท�ำให้ เราได้ ยินชื่อพี่เปิ ล้ หน่อย ตลอด แต่ตอนแรกก็ไม่ร้ ูวา่ คือใครหน่ะ ที่คิด ว่าแปลกดีและมารู้ทีหลังคือ ณ เวลาเดียวกัน เราอยูใ่ นสถานที่เดียวกันบ่อยมาก แต่วา่ ตอน
พี่ป๊ ุก : สุดท้ ายได้ เจอกัน ได้ ลองคุย กัน ปุ๊ กรู้สกึ ว่า ปุ๊ กคุยกับพี่เปิ ล้ หน่อยนิดเดียว เอง แต่ท�ำไมเข้ าใจกันมากก็ไม่ร้ ู (หัวเราะ) และมันมีความเหมือนในความต่าง แต่งตัวก็ แมทช์กนั ตลอดโดยไม่ได้ นดั หมาย แล้ ว Stufe’ อยู่ใกล้ ออฟฟิ ศเรา พี่เปิ ล้ หน่อยก็ต้องมา ร้ านบ่อยๆ ท�ำงานเสร็จเราก็เลยเจอกัน คุยกัน ที่นี่ อะไรดลใจให้ ทำ� วง ‘วันของติ๋ว’ พี่ เ ปิ ้ ลหน่ อย : ความขี อ้ ิ จ ฉา! (หัวเราะ) เพราะว่าที่ Stu-fe’ คนมาเยอะ นัก ดนตรี มาเยอะ เราอยู่ตรงนี ้ ทุกคนเป็ นนัก ดนตรี หมด ที่วา่ ทุกคนเนี่ย มี สิงโต น�ำโชค พี่ บอย ตรัย พี่โต้ ง P.O.P รวมอยูด่ ้ วย เราก็เลย มีปม (หัวเราะ) อยากเล่นบ้ าง ก็เลยตังวงบ้ ้ าง ซะเลย ฮ่าๆๆ
พี่ปุ๊ก : สรุ ปง่ายๆ คือ ประมาณ พฤติกรรมเลียนแบบนัน่ เอง พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ใช่เลย เลียนแบบ การเป็ นนักดนตรี ตอนแรกสมมติก่อนว่าเป็ น วงดนตรี จริ งจัง และตังแฟนเพจเลย ้ แต่ยงั ไม่ ได้ เล่นดนตรี กนั เป็ นหรอกนะ (หัวเราะ) มีชื่อ วง มีปกอัลบัม้ เอาไว้ อวดเพื่อน บันเทิงมาก! พี่ป๊ กุ : วันนันที ้ เ่ ริ่ม มันเป็ นกองถ่าย ที่มีเครื่ องดนตรี เพื่อเซ็ตถ่ายรายการโทรทัศน์ เพื่อช่วยผู้ประสบภัยน�ำ้ ท่วม เขาถ่ายเสร็ จ เรี ยบร้ อยแล้ ว ทิ ้งของไว้ แล้ วเราบังเอิญเป็ น คนที่ชอบแต่งตัวเหมือนกันมาโดยไม่ได้ ตงใจ ั้ เราก็ไปเอาเครื่องดนตรีมาโพสต์ทา่ ถ่ายรูป ท�ำ หน้ าซีเรี ยสกัน ถ่ายไปทังหมด ้ 6 รู ป โพสต์ ลงเฟซบุ๊กทันที เพือ่ นทีเ่ ห็นก็ถามว่าอะไรยังไง เพราะดูจริ งจังเกินไปมาก (หัวเราะ) ก็เลยตี มึนไปเลยว่า อ๋อ ท�ำวงหน่ะ! อย่างที่ท�ำแฟน เพจก่อนอย่างอื่นก็เพราะมันดูข้ามขันดี ้ ฮ่าๆ ตอนนันในเฟซบุ ้ ๊ กยังไม่ค่อยมีใครมีแฟนเพจ ยกเว้ นศิลปิ นดังๆ แล้ วก็ตงชื ั ้ ่อวง นี่ไง ศิลปิ น ใครก็เป็ นได้ (หัวเราะ) จริ งๆ ตังใจกวนๆ ้ หน่ะ แล้ วก็เอาไว้ แซวเล่นกับเพื่อน แต่เป็ นการเล่น แบบขันซี ้ เรี ยส และบังเอิญพร็ อพเยอะ ของ เล่ น เยอะ เครื่ อ งดนตรี เ พี ย บ ก็ ใ ช้ ใ ห็ เ ป็ น ประโยชน์ (หัวเราะ) ที่มาของชื่อวง พี่ป๊ กุ : วันนันเป็ ้ นวันทีไ่ ปบอกพีเ่ ปิ ล้ หน่อยว่า “เห้ ยพี่เปิ ล้ หน่อย ไม่ไหวกับความ จ�ำเจแล้ วอะ ชีวิตมันคาดเดาได้ เกินไป ไม่เท่ เลยอะ คนคูลๆ มันต้ องท�ำงานประจ�ำไปด้ วย
เล่นดนตรี กลางคืนไปด้ วย แบบเนี ้ยะ จะคูล มาก!” (หัวเราะ) พี่เปิ ล้ หน่อยก็บอกว่า “เล่น เล้ ย!” พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เราอยากเล่นดนตรี ที่ Stu-fe’ กันแต่ตอนนันยั ้ งไม่มีชื่อวง ส่วน ณ เวลานัน้ คนที่เล่นดนตรี ประจ�ำที่ Stu-fe’ ก็มี สิงโตเล่นวันพุธ พี่อาร์ ต Vacation เล่นวันศุกร์ เราก็แบบ เราจะเล่นบ้ าง ท�ำไมจะเล่นไม่ได้ เราเป็ นหุ้น! เราจะเล่น! (หัวเราะสนุก) หลัง จากเออออกันเองเสร็จ เราก็เดินไปถามว่าวัน ไหนมี สล๊ อตว่างบ้ าง เราจะได้ ลงวันนัน้ ผู้ จัดการร้ านก็ อ�ำ้ อึง้ มาก “เอ่อ คือ เอ่อ วัน อาทิตย์เปิ ดแผ่น วันจันทร์ หยุด วันอังคารไม่ ค่อยมีลกู ค้ า อย่างมากก็โต๊ ะนึง เล่นวันอังคาร ละกัน จะได้ ไม่กวนลูกค้ ามาก” (หัวเราะ) ก็ เลยชื่อ Tuesday ก็แล้ วกัน พี่เปิ ้ ลหน่ อย : วันนันพี ้ ่บอย ตรัย วง Friday ก็อยูแ่ ถวๆ นันด้ ้ วย เราก็กลัวเค้ า คิดว่าเราไปลอกชื่อวง Friday รึเปล่า ฮ่าๆๆ ก็ เลยเปลี่ยนให้ เป็ นชื่อไทย เติมเครื่ องหมาย ’ เข้ าไป ก็เป็ น Tue’sday แปลตรงตัวว่า วัน ของทิวส์ แต่กอ็ ยากไทยกว่านันอี ้ ก เลยกลาย เป็ น ‘วันของติ๋ว’ ตอนหลังคนชอบเรี ยกแบบ ย่อ เหลือเป็ นชื่อเล่นว่า ‘ติว๋ เดย์ ’ ฝึ กดนตรี กันเอง หรื อมีคนสอน พีป่ กุ๊ : ต้ องบอกก่อนว่าพีป่ กเล่ ุ๊ นเปี ย โนตอนเด็กๆ แต่พอเป็ นวง มันเป็ นการเล่นอีก แบบหน่ะ เหมือนเริ่มใหม่เลยก็วา่ ได้ ก็มคี นมา ไกด์ให้ ด้วย ฝึ กกันเองด้ วย ก่อนจะท�ำวง เรา ต้ องเลือกเครื่ องดนตรี กันคนละชิ น้ อยู่แล้ ว
ของพีป่ กเสิ ุ๊ ร์จใน Youtube แล้ วเจอคนเล่น คีย์ ต้ าร์ (Keytar) เราก็แบบ เครื่ องดนตรี ชิน้ นี ้ แหละเหมาะกับเรา แล้ วตามหาจนซื ้อมาได้ ส่วนพี่เปิ ล้ หน่อยก็จะเป็ นกลอง พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ที่เล่นกลองเพราะ คิดว่า ผู้หญิงตีกลองแล้ วเท่ดี อิอิ แล้ วพอเริ่ ม ตีกลอง มี คนบอกว่า “โห เก่งนะ นี่ มันพร สวรรค์ชดั ๆ” คิดในใจ “ใช่ๆๆ” ก็เลยเล่นต่อมา แต่วา่ คนที่พดู หลังจากนันก็ ้ เลิกพูดถึงมันอีก เลยนะ (หัวเราะ) จะว่าไปติว๋ เดย์อยูม่ าได้ เกิด ได้ เพราะมีคนข้ างๆ ที่ชว่ ยสนับสนุน ช่วยกัน สปอยล์! ตอนที่เล่ นวันอังคารตอนนัน้ เป็ นยังไงบ้ าง พี่ปุ๊ก : วันอังคารมาเล้ ย แต่ไม่ได้ เล่นดนตรี นะ ตอนนันเพิ ้ ่งซื ้อคอมพ์ ก็สนุกกับ การอัดคลิป ไม่ใช่คลิปซ้ อมดนตรีนะ ออกแนว สวัสดี social cam (หัวเราะ) แบบคุยเพ้ อเจ้ อ ไปเรื่ อยอ่ะ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : “สวัสดีเพื่อนติว๋ วัน นี ้เราจะมาตัดผมโชว์” ไม่เล่นเลย ท�ำคลิป ตลอด จนผ่านไปประมาณเป็ นเดื อน เลย ตัดสินใจเริ่มเล่นดนตรี ด้วยกันสองคน เราเล่น กีตาร์ ได้ ก็หดั เล่น ปุ๊ กร้ อง ตอนนันมี ้ ลกู ค้ าสาม คนอยูใ่ นร้ าน หลับไปสอง อีกคนเดินออกไป ข้ างนอกเลย ไปสูบบุหรี่ สงสัยเครี ยดมาก (หัวเราะ) พี่ป๊ ุก : เห้ ย มันเกิดขึ ้นได้ จริ ง! ชีวิต เรา ไม่คิดว่าจะมี เหมือนในละครตลกเนอะ แต่หลับจริ งๆ คาตาเลย ประทับใจมาก (ฮา)
เลือกเล่ นเพลงอะไร พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เน้ นง่าย เพลงอะไร ก็ได้ ที่อยู่ในคีย์ C เปิ ดหาคอร์ ดเอาเดี๋ยวนัน้ แล้ วก็ร้อง เล่น พี่ ป๊ ุ ก : เล่นไม่จบเพลงก็ ช่างมัน เปลีย่ นใหม่กลางคัน เล่นเพลงเดิมซ� ้ำวนไปวน มาก็ท�ำประจ�ำ ปล่อยเซอร์ (หัวเราะ) LOGO ของวง พี่ป๊ ุก : อย่างที่บอกว่าเราเจอกัน เพราะได้ ท�ำงานที่เทศกาลดนตรี Melody of Life ด้ วยกัน ปี นันมั ้ นเป็ นธีมฮิปปี ้ พี่ตมั ้ โมโน โทนเลยปริ น้ ท์สติก๊ เกอร์ Smiley (หน้ ายิ ้ม) ไป ตกแต่งที่งาน และได้ แปะ 1 อันไว้ ที่กลอง หลัง จากงานจบ เราก็ตดั สินใจจะมีวง แล้ วเราก็ มีชื่อวง พี่ตมก็ ั ้ เลยเอาเทปด�ำไปแปะเพิ่มใต้ สติก๊ เกอร์ หน้ ายิ ้มเป็ นค�ำว่า TUE’SDAY พร้ อม วาดเม็ ด เหงื่ อ ที่ ห น้ า Smiley เพื่ อ เป็ น สัญลักษณ์ “ใจบันดาลแรง” หลังจากนันเรา ้ ก็ขอให้ เพือ่ นใจดีชอื่ ตูนช่วยออกแบบโลโก้ ของ วงอย่างเป็ นทางการให้ เพือ่ นพิจารณาจากทุก อย่างแล้ วท�ำโลโก้ สง่ กลับมา ก็เป็ นอันนี ้แหล่ะ ใช่เราที่สดุ แล้ ว! เริ่มวงยังไง เล่ นที่ไหนจริงจังเป็ นที่แรก พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ที่คยุ กันเล่นๆ แล้ ว สร้ างแฟนเพจขึ ้นมากระทันหัน ก็เริ่ มจากตรง นันแหละ ้ พี่ป๊ ุก : รุ่นน้ องของพี่เปิ ล้ หน่อยเขา เห็นแฟนเพจ เขาก็เลยคิดว่าจริ งจัง เค้ าก็ถาม
มาว่า สนใจไปเล่น music fest ไหมล่ะ เราก็ คิดแค่วา่ ถ้ าได้ ขึ ้นบน status ในเฟซบุ๊กว่าจะ ได้ ไปเปิ ดตัววงในเทศกาลดนตรี ก็คงเท่เว่อร์ ! คือคิดถึงการอวดเพื่อนในเฟซบุ๊กอย่างเดียว เลย (ฮา) เทศกาลดนตรีทวี่ า่ คือ Big Mountain มัน ใหญ่ มาก แต่เราไปเล่นเวทีเล็กนะ ชื่อ เวที อโคจร เวลาตีสาม! พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เราก็ถามคนที่ชวน ว่า ไปเล่นได้ จริ งๆ เหรอ เขาก็บอก ได้ สพิ ี่ ใส่ ชื่อเลยมัย้ ไม่ได้ คิดมาก ก็พิมพ์ชื่อส่งไปเลย สรุปลงจริง! ลงไทยรัฐ มีชอื่ วง Bodyslam แล้ ว ก็มีชื่อวงเราอยูด่ ้ วยนะ (หัวเราะ)
พี่ป๊ ุก : โหยยย คือ ฟิ น!
สมาชิกในวงวันของติ๋วอีก 4 คน พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ทุกคนเก่งหมดเลย ถ้ ามีแค่เราสองคนคงไม่รอดอะ แล้ วทุกคนคือ เคมีที่พอมาเจอกัน มันเจ๋งมาก คิงคองกับน� ้ำ เชื่อมมีออร่ ามากบนเวที เก่งมากๆ คิทก็เก่ง มาก เล่นคีย์บอร์ ดให้ ละอองฟอง ท�ำเพลง ประกอบหนัง แล้ วก็ ช่วยพี่ตัม้ โมโนโทนท�ำ เพลงโฆษณา พีต่ มก็ ั ้ เก่งมาก เป็ นสายครีเอทีฟ คือเพือ่ นทุกคนเก่งหมด มาอยูด่ ้ วยกัน แล้ วอุ้ม เราไปด้ วยกัน เย่ๆๆ (ฮา) ณ ขณะซ้ อม เพื่อออกงานแรก พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ตัดสินใจเล่นเพลง ‘ขอบคุณ’ ของ Moderndog ฟั งและก็แกะใน ห้ องซ้ อม คือเปิ ดเพลงแล้ วก็เล่นตามกันทัง้
สองคน ผ่านไป 2 ชัว่ โมง ไม่ได้ คยุ กันเลย หน้ า เสียกันทังคู ้ ่ นีเ่ ราเล่นดนตรีกนั ไม่ได้ ? บ้ าเหรอ! เล่นไม่ได้ อะ! พี่ป๊ ุก : เหมือนน� ้ำกับเส้ นมันไม่เข้ า กันน่ะ มันไม่เหมือนวงของคนอื่นเพราะไม่มี คนเรี ยบเรี ยงให้ (arrange) ฟั งเสียงดนตรี ของ ตัวเองแล้ วเราทังสองคนถึ ้ งกับเหวอ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เหวอมาก ตกใจ พี่ ตัม้ โมโนโทนผ่านมาพอดี เลยถามว่าพวกเรา ท�ำอะไรกันอยูเ่ หรอ เราก็บอกว่าเล่นไม่ได้ พี่ ตัมเลยช่ ้ วย arrange ใหม่ เราก็วิ่งออกมาข้ าง หน้ าห้ องซ้ อม ก็ ม าชวนคิ ท ไปช่ ว ยเล่ น คีย์บอร์ ด คิงคองไปช่วยเล่นกีต้าร์ และน� ้ำ เชื่อมมาช่วยร้ อง ก็เข้ าไปซ้ อมด้ วยกันเป็ นวง เราก็เลยได้ ซ้อมกันแบบเต็มทีส่ ดุ ๆ แต่กเ็ ครียด นะตอนนัน้ พี่ป๊ ุก : เป็ นเพลงขอบคุณ เวอร์ ชนั่ สันมาก ้ แต่ก็เข้ มข้ นมาก (ฮา) บรรยากาศของวันที่ขึน้ เวทีแสดงสดครั ง้ แรก พี่ เ ปิ ้ ล หน่ อย : วันเล่นจริ ง มี คน กระโดดขึ ้นไปเล่นบนเวทีด้วยเต็มเลยโดยไม่ ได้ เคยซ้ อมกับเรา กลองเปิ ล้ หน่อย มีคนยืนอยู่ 4 คน ช่วยกันตีอะ แล้ วข้ างหลังมีคนช่วยเชียร์ เป็ นแผง เราเล่นต่อจากวง Better Weather สนุกมากเลย ฝั่ งของปุ๊ กก็ขนเพือ่ นทีท่ ำ� งานไป เพียบ พี่ป๊ ุก : เพื่อนก็ตกใจอะ อารมณ์ ประมาณว่า นี่เรื่ องจริ งเหรอเนี่ย! แล้ วเพื่อนก็
เขียนชื่อ ‘วันของติว๋ ’ ไว้ บนเสื ้อ แล้ วก็ชๆู เล่น บทแฟนคลับเนียน คุ้มค่าเดินทางมาก (ฮาาา) พี่เปิ ้ ลหน่ อย : กรี๊ดเสียงดังมาก จน ทุ ก คนแถวนั น้ เป็ นแบบ “นี่ มัน วงอะไร?” (หัวเราะร่วน) พี่ปุ๊ก : และตอนที่เราเล่น เพื่อน หลายๆ คนที่ถ่ายวิดีโอได้ ก็กระโดดขึ ้นไปบน เวทีด้วย แล้ วก็เก็บภาพจากทุกมุมเลย อย่าง เว่อร์ เพื่อนคงคิดว่าถ่ายไว้ เยอะๆ เพราะไม่ร้ ู จะมีโอกาสได้ เล่นอีกทีรึเปล่า(ฮา) เล่ นไปกี่นาที นาที!
พี่ปุ๊ก : นานมากอะ ประมาณ 1
พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เล่นซะเร็วเลย เพราะ ตื่นเต้ นพีค (หัวเราะ) ไม่ ได้ อยากเป็ นนักร้ อง พี่เปิ ้ ลหน่ อย : อยากเป็ นนักดนตรี ไม่ได้ อยากเป็ นนักร้ องอะ ไม่อยากอยูข่ ้ างหน้ า อยากอยูข่ ้ างหลัง พี่ปุ๊ก : อยากเล่นคีย์ต้าร์ (คีย์บอร์ ด สะพาย) ความฟิ นของเราคือได้ แบกกระเป๋ า คีย์ต้าร์ เดินไปเดินมา มันเป็ นฟี ลลิง่ ฮาๆๆ พี่ๆ ไป featuring กับศิลปิ นชื่อดังเยอะๆ ได้ ยังไง พี่ป๊ ุก : ศิลปิ นหลายคนที่เห็นว่าได้ ไป featuring ด้ วย เป็ นพี่เป็ นเพื่อนกันอยูแ่ ล้ ว
เขาเข้ าใจเลยสนับสนุนการเพ้ อเจ้ อของเรา (หัวเราะ) แล้ วเขาน่าจะอยากเล่นด้ วย หนุกๆ ที่ จริ งแล้ วท� ำเอาดูกันเองเล่นๆ เอาไว้ อวด เพื่อนเฮฮา พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ทุกคนก็เลยเลยตาม เลย (หัวเราะ) พี่ก้อ P.O.P เป็ นคนแรกที่พดู โฆษณาให้ ตวิ๋ นะ! มีพี่บอล สครับบ์ เคยพูดถึง เราว่า “วงนีน้ อ้ งใหม่มาแรง ต้องจับตามอง” ส่วนมาริ โอ้ บอกว่า “ผมฟั งตัง้ แต่สมัยเขาแร๊ ป featuring กับดาจิ ม” ไปถามแป้งโกะ แป้งโกะ บอกว่า “หนู ฟั ง ตั้ง แต่ ส มัย อยู่ อ อสเตรเลี ย เพือ่ นเกาหลี แนะน�ำ เขาดังที เ่ กาหลี ” คือทุก คนก็จะมีเรื่ องราว(เพ้ อเจ้ อ)ของติ๋วที่แตกต่าง กันออกไป พี่ ป๊ ุ ก : เหมื อนความเพ้ อเจ้ อจะ ติดต่อกันได้ เนอะ (หัวเราะ) พี่เปิ ้ ลหน่ อย : มันเหมือนเป็ นเคมี ที่อยู่ด้วยกัน แล้ วมันระเบิดเป็ นอะไรก็ได้ อะ (ยิ ้ม) ดนตรี ไม่ ใช่ ทงั ้ หมด พี่ป๊ ุก : จริ งๆ แล้ วดนตรี เป็ นแค่องค์ ประกอบหนึ่ง หลักๆ คือ ได้ เจอ ได้ คุยกับ เพื่อนๆ เป็ นการสนทนาแบบเพ้ อเจ้ อ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : อยูด่ ้ วยกันแล้ วสนุก มากที่สดุ คือท�ำอะไรทุกอย่างมันใหม่ไปหมด ขึ ้นเวทีก็ฟินเพราะตื่นเต้ น (ยิ ้ม)
เจอกันทุกวันไหม พี่ป๊ กุ : จะเจอกันบ่อยตอนมีภารกิจ เช่นมีต้องไปเล่นคอนเสิร์ตหรื อเทศกาลงาน รื่ นเริ งต่างๆ ไปเล่นโชว์ ก็ต้องซ้ อม พี่เปิ ้ ลหน่ อย : จะซ้ อมกันบ่อยก็ ตอนจะไปเล่นนี่แหล่ะ แหะๆ งาน T-shirt ของ Fat Radio ตอนเล่ นกับ พี่โต้ ง & พี่เจอร์ ร่ ี P.O.P พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เราขึ ้นจังหวะเพลง ผิด (แววตาดูส�ำนึกผิด) พี่ ปุ๊ ก : คื อ เหมื อ นการเปลี่ ย น สัญชาติเพลงเขาไปเลย! มหัศจรรย์! พี่เปิ ้ ลหน่ อย : พี่โต้ งก็หนั มา “พอ! เอาใหม่! เริ่ มใหม่ทงหมด! ั้ คนดูก็ข�ำกัน ฮาๆ แสดงดนตรี ในสวนสนุกในวันที่ฝนตก พี่ เ ปิ ้ ลหน่ อย : เราคิ ด ว่า วงเรา เหมาะกับสวนสนุก เราเลยขอเขาไปเล่น เป็ น ครัง้ แรกที่เล่นต่อเนื่องถึง 6 เพลง ไปตังแต่ ้ เที่ยงเลย ซาวน์เช็คไป 6 เพลงรวด! ก็ทงหมด ั้ ทุกเพลงนัน่ แหละ! พี่ป๊ ุก : เวลาศิลปิ นมืออาชีพซาวน์ เช็คกัน ก็จะแค่กดๆ เทสต์เสียง เคาะๆ แล้ ว พัก จะไม่เล่นทังเพลงเหมื ้ อนเรา พวกเรานีเ่ ล่น เหมือนจริ งหมดเลย เราบอกคนที่เดินผ่านไป มาว่า เดีย๋ วมาใหม่นะคะ เล่นเหมือนเดิมเป๊ ะ! (หัวเราะ) แล้ วเราก็หนั ไปบอกกับพี่เปิ ล้ หน่อย เล่นๆ ว่า ถ้ าสมมติฝนตกก็คงดีนะ เพราะคน
ก็คงเข้ าเต้ นท์หลบฝน ดีๆ จะได้ มาดูเราเยอะๆ ฮี่ๆๆ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เวทีเป็ นที่เดียวที่อยู่ ในร่ ม กลางวันแดดเปรี ย้ งเลย ส่วนตอนเล่น จริ งตอนเย็น ฝนก็เริ่ มตกตอนที่เราเล่นเพลง แรกก�ำลังจะจบ ในใจแอบดีใจนิดๆ คนก็เริ่ ม เข้ ามา จากที่ไม่มีคนเลย ฝนตกได้ ผลแฮะ พอ เพลงที่ ส องผ่ า นไปได้ ค รึ่ ง เพลงเอง ฟ้ าผ่ า เปรี ย้ ง! ไฟดับ! คือมันเป็ นพายุเลยอะ แล้ วเขา ก็เลยไล่เราลง และเก็บเครื่ องเสียง เราก็แบบ “เง้ ออ ยังเล่นไม่เสร็จเลย!” ตัดภาพกลับไปคน เต็มเต็นท์เลย เรายังอยากเล่นอยู่ ก็เลยคว้ า เครื่องดนตรีทไี่ ม่ต้องใช้ ไฟฟ้า แล้ วตะโกนบอก คนดูวา่ “เราจะร้องเพลง ร้องด้วยกันนะ!” ก็ ร้ องกัน เหมือนตอนเข้ าค่ายเลย (ฮา) พี่ป๊ ุก : มีคนในแฟนเพจหลายคน ที่ ตามมาจากงานนันนะ ้ เหตุการณ์มนั เหมือน set เลยอะ แต่ทกุ อย่างเกิดขึ ้นจริ ง ทีมเครื่ อง เสี ย งมี แ ซวว่ า มี ใ ครในวงลื ม แก้ บ นรึ เ ปล่ า (หัวเราะ) เหตุการณ์ ประทับใจ พี่ป๊ ุก : คือตอนท�ำเพลงเพลง ‘วัน ธรรมดา’ (เพลงแรกแบบจริ งจังของเรา) มัน เป็ นจุดเปลี่ยน ทุกคนก็ถามว่าเมื่อไหร่ จะมี เพลง ตอนนัน้ ไปอินเดีย แล้ วพี่บูม (ผู้แต่ง เพลง) เขียน e-mail มาบอกว่าร้ องเพลงนี ้ให้ หน่อยได้ ไหม เป็ นเพลงแรกในชีวิตที่เขาแต่ง เองและมี บอล จารุ ลกั ษณ์ ร้ องไกด์ให้ แล้ ว ตอนนันก็ ้ ไม่มนั่ ใจอย่างมากว่าจะท�ำได้ รึเปล่า เพราะเป็ นคนความจ�ำไม่ดีมากถึงมากที่สดุ
ในชีวติ จ�ำเนื ้อเพลงได้ แค่ 2 เพลง คือเพลงชาติ กับเพลงหมอกหรื อควัน เราก็พยายามจ�ำเนื ้อ เพลง แล้ ว ตอนนัน้ มัน มี เ ดดไลน์ ที่ ก ระชัน้ เพราะเราตังใจเอาไปเล่ ้ นที่งาน The Last Fat Fest เราเลยรู้สกึ กดดัน เพราะหลังจากนี ้มัน ไม่มีโอกาสแล้ ว แล้ ววันที่ต้องอัดเพลงดันงอน กับพี่เปิ ล้ หน่อย ไม่คยุ กันด้ วยเรื่ องอะไรก็ไม่ร้ ู มาตังแต่ ้ สามทุม่ จะตีสามแล้ วก็ยงั ท�ำไม่ได้ ซกั ที จนในที่สดุ พี่ตมั ้ โมโนโทนต้ องเข้ าไปช่วย โค้ ชในห้ องอัด พี่เปิ ้ ลหน่ อย : พี่ตมั ้ โมโนโทนบอก ให้ ปกร้ ุ๊ องแบบสบายๆ ยิ ้มๆ ให้ ปกจิ ุ๊ นตนาการ เหมือนตอนมีความรัก แอบรักใครช่วงมหาลัย มันสวยงาม ไกด์ทกุ อย่าง พยายามอธิบายทุก อย่าง ปุ๊ กไม่เข้ าใจ ยังท�ำไม่ได้ พี่ป๊ ุก : น� ้ำตาเริ่ มมาแตะขอบตาละ ท�ำไมมันเครี ยดและทรมานขนาดเน้ !! จะทิ ้งก็ ทิ ้งไม่ได้ คือมันมีเดดไลน์ ต้ องวันนี ้เท่านัน้ กด ดันมาาาาก พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ประโยคสุดท้ ายที่พี่ ตัมบอกปุ๊ ้ กคือ “เอางี ้ปุ๊ ก ลองจินตนาการว่า ตัวเองเป็ นหมาที่วิ่งเล่นในทุง่ หญ้ านะ” พี่ปุ๊ก : ท�ำได้ เลย! (หัวเราะพร้ อม กัน) อัดไม่กี่ทีจบ! บอกให้ เป็ นหมาตังแต่ ้ แรก ก็งา่ ยละ! เปิ ้ ลหน่ อย : ส่วนพาร์ ทดนตรี ตอน นันไม่ ้ ได้ อดั เครื่องดนตรีกนั เอง แต่หลังจากนัน้ ที่เห็นเล่นโชว์ เราเล่นเองนะ มาหัดกันทีหลัง (หัวเราะ) แต่วนั งานที่แสดง (The Last Fat
Fest) มันยังไม่สามารถเล่นได้ ครบวงเพราะ คองกับเชื่อมยังไม่เคยฟั งเพลง เปิ ล้ หน่อยเลย ต้ องเล่นเมโลเดี ้ยนเอง แล้ วที่ตลกคือ มันเป็ น เพลงสนุกใช่ไหม เปิ ล้ หน่อยกะจังหวะพลาด เล่นช้ าไป ขึ ้นมาเป็ นเพลงเศร้ าเฉย! (ฮา) พี่ป๊ ุก : มันช้ า แล้ วเสียงเครื่ องเป่ า อีก ฟี ลดาร์ กเลยคราวนี ้แล้ วเราก็กลัว กลัวว่า เราจะร้ องผิด แล้ วก็ผิดจริ งๆ! ตอนนันความ ้ คิดแล่นในหัวเร็ วมาก “แล้ วถ้ าพี่เจ้ าของเพลง เขาอยูแ่ ถวนี ้ เขาอุตส่าห์แต่งเพลงให้ เรา เรา ร้ องผิด แล้ วเขาจะเสียใจไหม…” โน่นนี่นนู่ นัน่ สรุปรู้สกึ ผิดมาาาากที่ร้องผิดตังแต่ ้ ต้น เสียใจ ตกใจ น� ้ำตาไหลเลย ยังไม่ ้ อยู่ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เราหันไป “เฮ้ ย! ร้ อง ท�ำไม!?!” แบบร้ องจริ งจังเลยอะ ร้ องโฮอะ แล้ วเราก็จบกันแค่นนเลย ั้ พี่ป๊ ุก : คนดูนา่ จะคิดว่าเราซึ ้งเรื่ อง มิตรภาพ แต่จริงๆ คือตกใจทีร่ ้ องผิด! (หัวเราะ) แต่จะว่าไปครัง้ นี ส�้ ำหรับปุ๊ ก มันถือว่าเป็ นการ เล่นที่ประทับใจที่สดุ เลยนะ ดราม่าดี ฮ่าๆๆ แล้ วพี่เปิ ล้ หน่อยล่ะ? พี่เปิ ้ ลหน่ อย : โอ้ โห ประทับใจทุก ครัง้ เลยอะ เพราะว่าทุกครัง้ มันเล่นไม่เหมือน กันเลย (หัวเราะ) ถ้ าต้ องเลือกงานเดียวที่ ประทับใจทีส่ ดุ มันคือการแสดงครัง้ แรก ที่ Big Mountain มันเหมือนเป็ นไปไม่ได้ มันไม่มที าง ทีเ่ ราจะได้ ขึ ้นไปเล่นดนตรี อะ จ�ำได้ ตอนขึ ้นไป เล่น แล้ วลงมา เราบอกกับทุกคนว่า “ตัง้ แต่ เกิ ดมา เราไม่เคยมี ความรู้ สึกแบบนี ้เลยใน ชี วิต ความรู้สึกนีม้ นั คืออะไรว้าาาา”
ข้ อความที่ส่งเข้ ามาใน inbox เพจ facebook/band.tuesday พี่ปุ๊ก : ช่วงแรกๆ จะมีคนชอบอิน บอกซ์เข้ ามาให้ ชว่ ยแนะน�ำวิธีการเลือกซื ้อเม โลเดี ้ยน (หัวเราะ)
มาก (ยิ ้ม) พี่ป๊ ุก : ใช่ ตอนนันอยู ้ ค่ นละที่ เลย ได้ คยุ กันน้ อย ไม่ชวั ร์ กบั อะไรหลายๆ อย่าง แต่ เราก็ลยุ ท�ำๆ ไปก่อน แต่ก็ออกมาเป็ นที่พอใจ ของทุกคน (ยิ ้ม)
พี่เปิ ้ ลหน่ อย : มีน้องผู้ชายคนหนึง่ ส่งข้ อความมา บอกว่า “พี่ครับ ผมมีวงครับ ชื่อวงของผมคือ Thur’sday” วันของเธอ หรื อ อีกแบบนึงก็จะบอกว่า “พีซ่ ้ อมบ้ างนะ ซ้ อมยัง เนี่ย” (หัวเราะ)
ตอนที่เพลงวันธรรมดา ขึน้ อันดับ 1 ของ FAT Radio
พี่ป๊ กุ : เหมือนเขาห่วงใยอะ อารมณ์ แบบ ไหวนะติว๋ ให้ ไหวนะติ๋ว ฮ่าๆๆ ตลกดี ใน อินสตาแกรม @tuesday5678 ก็มีนะแนวนี ้
พี่ป๊ ุก : ขอเล่าตอนส่งเพลงนีเ้ ข้ า คลื่น เราได้ ยินเพลงครัง้ แรกโดยบังเอิญตอน เย็น หลังเลิกงานตอนที่ขึน้ รถแล้ วเปิ ดวิทยุ ตอนได้ ยิน ตกใจมาก มือเด้ งไปปิ ดวิทยุซะงัน้ “เฮ่ย! เพลงเรานี่!” แล้ วพอสติคนื มาก็เปิ ดวิทยุ ใหม่อีกรอบหนึง่ (หัวเราะ) คือดีใจขันสุ ้ ด ดีใจ มาก ภูมิใจ เขินมากด้ วย
‘วันธรรมดา’ เพลงแรกของวง พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ไม่คิดว่าจะมีเพลง เป็ นของตัวเองเลย พี่ป๊ ุก : มีคนมาถามเยอะมาก คือ เราไม่ได้ คิดถึงเรื่ องการมีเพลงของตัวเองกัน เลย จนคนข้ างนอกมาบอกว่า “สักทีเหอะๆ” ก็เลยเริ่ มคิด พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เพลงวันธรรมดามัน ส�ำเนียงประหลาดมาก เพราะค�ำไม่ลงเมโลดี ้ มันเพี ้ยนๆ มันเลยมีความพิเศษอยู่ในนัน้ พี่ เจอร์ รี่ P.O.P เป็ นคนแต่งท�ำนอง พี่บมู แต่ง ค�ำร้ อง ซึ่งเป็ นเป็ นการแต่งเพลงครัง้ แรกใน ชีวิตของพี่บูมเลย ส่วนพี่ตมั ้ โมโนโทนช่วย เรี ยบเรี ยงทังหมด ้ ถ้ าวันนันพี ้ ่บมู ไม่แต่งเพลง เราก็คงไม่มีเพลงของเรา ทุกอย่างมันลงตัวดี
พี่เปิ ้ ลหน่ อย : โหย ฟิ น ตกกะใจ มากเลยนะ
พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ตอนขึน้ อันดับ 1 ตอนแรกคิดว่าโดนอ�ำ โหย ไม่จริ งหรอกมัง้ พี่ป๊ ุก : อวดก่อนตามสไตล์ ฮ่าๆๆ ขึ ้นเฟซบุ๊กเล้ ย! “ครัง้ แรกทีเ่ พลงของตัวเองได้ ขึ้ นอันดับหนึ่ งของสถานี วิทยุ” แล้ วแชร์ ให้ เพื่อนเพื่อชื่นชม (หัวเราะ) พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ปกติขึ ้นอันดับหนึง่ มันจะประมาณ 2 อาทิตย์ แต่เห้ ย ยังอยูห่ วะ ปุ๊ ก! ขึ ้นอันดับหนึง่ หลายอาทิตย์อะ จนเราไป ถามพี่ที่ Fat นัน่ แหละ ว่าจริ งๆ ใช่ไหม พี่เขา ก็บอกว่า จริ งๆ เป็ นเพลงที่ถกู เปิ ดเยอะที่สดุ ในช่วงนัน้ เป็ นเพลงที่คนขอเข้ ามาเยอะที่สดุ
พี่ป๊ ุก : พี่ต้องขอบคุณมากเลยคือ พี่ตมมิ ั ้ กซ์เพลงนี ้ไว้ 3 เวอร์ ชนั่ มีเวอร์ ชนั่ เต็ม อะคูสติก แล้ วก็อิเล็กโทรนิก แล้ วคลื่นก็สลับ เปิ ดทัง้ 3 เวอร์ ชนั่ เลย พี่ที่ Fat เล่าให้ ฟังว่า ตอนที่เปิ ดเวอร์ ชนั่ อคูซติกเนี่ย มีผ้ ใู หญ่ของ ค่ายเพลงค่ายนึงโทรมาถามด้ วยว่า เพลงนี ้ ของใคร แค่นี ้เราก็ดีใจแล้ วอะ (อมยิ ้ม) แล้ วเพลง ‘วุ่นวาย’ พี่ป๊ กุ : เป็ นโจทย์ในรายการทีวที เี่ รา เคยท�ำ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ตอนนันของรายการ ้ มีคิงคองลองเล่นคอร์ ดมา แล้ วพี่บอย ตรัย สอนแต่งเพลง สอนว่าให้ เปิ ดหนังสือดู เจอ หน้ าอะไรก็ตาม ให้ อา่ น อ่านให้ มนั เป็ นเพลง วันนันก็ ้ เปิ ดเจอโฆษณาสุขภัณฑ์ อ่าวไม่ใช่ละ แต่งไม่ได้ เปิ ดใหม่ เจอค� ำว่าปล่อยมันไป อารมณ์ แ บบแกงสเตอร์ ก� ำ ลัง จะฆ่า กัน อะ ปล่อยมันไปก่อน ก็เลยเอามาแต่ง เวลามีโชว์ ติ๋วก็ยงั เล่นอยู่ มี 2 เพลง ‘วุ่นวาย’ กับ ‘วัน ธรรมดา’ ที่เป็ นของตัวเอง เพลงใหม่ (เพลงที่ 2) ของวงวันของติ๋ว พี่เปิ ้ ลหน่ อย : วันนันมี ้ สงิ โต พี่ตมั ้ โมโนโทน มีพี่กอล์ฟ ซูเปอร์ เบเกอร์ เขาแต่ง เพลงโฆษณากัน เขาก็อวดเราว่าวันนี ้แต่งได้ ตัง้ 5 เพลงแหนะ เราก็บอกว่า ไม่เชื่อหรอก โห ถ้ าแต่งเร็ วขนาดนัน้ แต่งให้ ต๋ิวสักเพลงเด่ะ! พูดเล่นๆ แต่เขาแต่งให้ จริ ง แล้ วก็เคยไปร้ อง มาแล้ วทีนงึ ที่ Melody Of Life ก็ลม่ ตอนแรก สนุ๊ก สนุก ฮ่าๆๆๆ
ติ๋วเหมือนโลกอีกใบ พี่ป๊ ุก : มันเหมือนเรามีโลก 2 ใบอะ เราไปมาระหว่า ง 2 โลกนี ้ คาแรคเตอร์ ที่ ท�ำงานเราก็อีกอย่างหนึง่ ที่ท�ำงานมีเจ้ านาย ลูกน้ อง ท�ำงานมันต้ องชัดเจน ส่วนเพือ่ นไม่ใช่ คนที่ท�ำงาน ตอนแรกในโลกติว๋ เราเคยเอาวิธี ของที่ท�ำงานมาใช้ พี่เปิ ล้ หน่อยก็บอกว่ามัน คนละอย่างกันนะ เพราะฉะนัน้ เวลาเราเข้ า โลกใบนึง เราจะไม่ยึดติดกับโลกอี กใบนึง งงไม๊ (หัวเราะ) โลกในการท�ำหน้ าที่มนั ต้ อง คาดหวัง ต้ องเก่ง ต้ องชัดเจน มันตรงข้ ามกับ สิง่ ที่ติ๋วเดย์เป็ นทุกอย่าง ซ้ ายกับขวาเลย พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ส่วนเราเคยเป็ นคน ทีข่ ี ้กลัวทีส่ ดุ ในโลก ขี ้ตืน่ เต้ น ประหม่า เป็ นคน เครี ยด จะท�ำอะไรสักอย่างหนึ่ง ต้ องรู้ ราย ละเอียดก่อน ถึงจะลงมือท�ำได้ แต่มาเป็ นโลก ของติ๋ว มันกลับกันหมดทุกอย่างเลยอะ เรา เปลี่ยนหนักเลย ก็แค่ลองไง แค่ลองเฉยๆ ท�ำ ไม่ได้ กไ็ ม่เป็ นไร ตังแต่ ้ นนเราก็ ั้ ลองทุกอย่างใน โลก ตอนเด็กๆ อะไรที่ไม่เคยท�ำ อย่างเช่นตี ลังกาล้ อเกวียน ก็หดั สนุกๆ เราจะฟิ นมาก ตอนที ่เราเริ่ มท� ำได้อะ มันเหมื อนเสริ มพลัง ชี วิต แล้ วเราจะภูมิใจกับมันมากว่าเราท�ำได้ “ฉันอยากท�ำอะไร ฉันต้ องท�ำได้ ด”ิ แล้ วตรรกะ แบบนี ้ก็ไม่เคยมีเลยนะตังแต่ ้ เล็กจนโต เพิ่งมี ตอนมีโลกของติว๋ เนี่ย ใจบันดาลแรง พี่เ ปิ ้ ล หน่ อ ย : มันคือค�ำว่าแรง บันดาลใจ ‘ใจบันดาลแรง’ ค�ำนี ้จริ งๆ มาจาก พี่ตมั ้ โมโนโทน พี่ตมเคยบอกว่ ั้ า คาแรคเตอร์
ของติ๋วคือการใช้ ใจให้ มาก่อนทุกอย่าง ตอน เราเด็กๆ เราอยากท�ำอะไรก็ทำ� เลย ไม่คดิ มาก มันเลยสนุก แต่พอตอนโตแล้ ว เราจะได้ ยนิ ค�ำ ว่าแรงบันดาลใจบ่อยๆ คิดอะไรไม่ออกก็ไป หาแรงบันดาลใจสิ เรากลับไปตอนเด็กก็ได้ นะ เอาใจมาก่ อ น ชอบมัน ก่ อ น แล้ ว ค่ อ ยท� ำ เหนื่อยแค่ไหนมันก็ไม่เป็ นไร เพราะใจมันมา ก่อน ตอนท�ำติ๋วมันเหมือนมีสองร่าง เหนื่อย มาก แต่อยากท�ำ มันสนุก ก็เลยไม่คดิ แล้ วว่า มันเหนือ่ ย ถ้ าใจมันมา แล้ วมันท�ำอะไรก็ได้ อะ พี่ป๊ ุก : มีตมมี ั ้ เวอร์ ชนั่ สองด้ วยนะ ใจบันดาลแรง มาเป็ นใจดันบานแรง ฮ่าๆๆ มีใครเป็ น Idol พี่ป๊ ุก : มีคนที่ชื่นชมหลายคนเลย แต่ไม่ใช่แนวไอดอล เพราะเชื่อว่าแต่ละคนมี เหตุผลและเป้าหมายไม่เหมือนกัน วิธีการดีล กับชีวิตเลยไม่ต้องเหมือนกัน พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ไม่ได้ มองว่าจะต้ อง เป็ นเหมือนใคร (ยิ ้ม) อยากเก่ งเพื่อคนที่มาดู พี่ป๊ ุก : บางทีก็จะมีความคิดแว๊ บ เข้ ามาในสมองว่าอยากจะเก่งกว่านี ้อยากจะ เก่งให้ คนที่มาดูเราเล่นดนตรี จงั เพราะรู้สกึ ว่า ถ้ าเราเก่งขึ ้น เราจะเล่นเพลงได้ หลากหลาย ขึ ้น ท�ำให้ เขาสนุกในการดูมากขึ ้น ให้ เขาไม่ เสียเวลาที่ตงใจมาเจอเรา ั้ เวลาเห็นหน้ าคน ที่มาเชียร์ ก็จะคิดแบบนีแ้ หละ พอเล่นเสร็ จ กลับมาก็เหมือนเดิม (หัวเราะฮา)
พี่เปิ ้ ลหน่ อย : จริ งๆ ก็อยากเก่งขึ ้น นะ จะได้ ท�ำอะไรหลายๆ อย่าง ที่ยงั ไม่ได้ ท�ำ เคยท้ อบ้ างไหม พี่ เ ปิ ้ ลหน่ อย : มี ตอนจริ ง จั ง เคร่ งเครี ยดไม่สนุกเลย ท้ อตอนที่ต้องจริ งจัง นัน่ แหละ ก็แบบ “อ้ าว ไม่หนุกนี่นา” มันเรื่ อง เยอะอะ มันไม่สนุกเลย ทุกอย่างมันต้ องคาด หวัง เพราะเริ่ มคาดหวัง แล้ วมันเครี ยด พี่ป๊ กุ : อย่างจะเพ้ อเจ้ อ ติว๋ ก็ทำ� เต็ม ที่ เพราะเราไม่ร้ ูสกึ ว่ามันเป็ นงาน แต่พอค�ำว่า จริ งจังปุ๊ บ มันเหมือนมีค�ำว่า ‘สัญญา’ เราก็ เลยสรุปเราท�ำมันเพื่ออะไร เส้ นมันเบลอ สรุป เราก็ต้องชัดเจนกับตัวเองว่า นี่เล่นนะ ตอน ท�ำงานต้ องจริ งจัง ตอนเล่นต้ องเพ้ อเจ้ อ! เคยอยากหยุด ไม่ ทำ� วงต่ อไหม พี่เปิ ้ ลหน่ อย : คือตอนที่มนั รู้ สึก ท�ำไมมันจริ งจังจังเลยนะ จริ งจังแล้ วไม่สนุก เลยนะ รู้ สกึ แบบ ไม่เอาแล้ วก็ได้ คือไม่สนุก แล้ วก็ไม่อยากเล่น แล้ วอะไรที่ทำ� ให้ ทำ� ต่ อ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ก็คยุ กัน แล้ วก็พกั แล้ วค่อยกลับมาเล่นใหม่ตอนที่ใจอยาก พี่ป๊ กุ : เราไม่ฝืนอะ สักพักมองกลับ ไปตอนที่ไม่แฮปปี ้ ก็เห็นว่าไม่ได้ อะไรเยอะนี่ นา ก็แค่นี่เอง ก็กลับมาเล่นใหม่ (ยิ ้ม)
พูดถึงกันและกัน พี่ป๊ ุก : พี่เปิ ล้ หน่อย ถือว่าเป็ น ‘ฟี ล ลิ่ง’ ส�ำหรับปุ๊ ก เพราะว่าพูดกันน้ อยแต่ร้ ู สกึ มาก (หัวเราะ) อย่างแรกเขาท�ำให้ ร้ ู วา่ การที่ เราได้ อยู่ กั บ คนที่ เ ราไม่ ต้ องพยายามจะ สื่อสารเยอะ แล้ วเข้ าใจเองอะ มันสบายมาก แค่ไ หน แล้ ว ก็ ใ นความเหมื อ น เขาช่า งไม่ เหมือนเราเลย! มันท�ำให้ เรารู้วา่ อีกมุมหนึง่ เขา คิดแบบนี ้ เช่น ปุ๊ กจะไม่คอ่ ยเป็ นคนเซ็นสิทีฟ เท่าไหร่ แต่พ่ีเปิ ล้ หน่อยจะเป็ นมุมตรงกันข้ าม ท�ำให้ เรารู้ ว่า มันมีความแตกต่างที่อยู่กนั ได้ เข้ าใจได้ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ตอบเหมือนกันได้ ป่ ะ ฮ่าๆๆ ปุ๊ กเหมือนเป็ นแสงสว่างในชีวติ ของ เรา! (หัวเราะ) คือปุ๊ กจะมีพลังงานบางอย่าง ที่เราไม่มี ด้ วยความที่ปกเป็ ุ๊ นสายคิดบวกมัน เลยแบบสนุกๆๆ ขึ ้นไปเรื่ อยๆ มาเจอกันแล้ ว ความสนุกมันฟูขึ ้นตลอด เจอกันแล้ วอยากท�ำ เรื่ องใหม่ๆ ตลอด มีคนแบบนี ใ้ นชี วิตเรากี่ คนอะ แล้ วทุกคนก็ซพั พอร์ ทกัน มีความสุข ง่าย อยูก่ บั ปุ๊ กมีความสุขง่ายมาก (ยิ ้ม) พี่ป๊ กุ : บางครัง้ อะไรทีค่ นอืน่ ไม่มอง ว่าเป็ นความส�ำเร็ จ เราดันมองว่าเป็ นความ ส�ำเร็ จ มันต้ องมึความเข้ าใจแหละท้ ายที่สดุ มันต้ องยอมรับว่าทุกคนไม่ได้ เหมือนเรา มันมี ความแตกต่างที่อยูด่ ้ วยกันได้ ยกตัวอย่ างความต่ างระหว่ างกัน พี่ปุ๊ก : ยกตัวอย่างเช่น เรื่ องฟั ง คือ พี่เปิ ล้ หน่อยเป็ นดีเจ เป็ นพิธีกร ต้ องฟั งเยอะ
แต่เราไม่คอ่ ยฟั ง ได้ ยินแต่เสียงตัวเอง พอมา รู้ตวั อีกที จ�ำได้ เลย พี่เปิ ล้ หน่อยค่อยๆ สอนว่า การที่เราจะตอบ เราต้ องฟั งอีกคนนึงก่อน เรา เลยรู้จกั ตัวเองจากการที่อยูก่ บั พี่เปิ ล้ หน่อย นี่ คือสิง่ ที่ชอบ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ปุ๊ กเป็ นคนที่สมมติ เอากระดาษมาวางข้ างหน้ า ให้ วาดอะไรก็ได้ ปุ๊ กจะวาดเลยทันที แต่เราจะยังไม่วาด ปุ๊ กจะ แบบ “ไม่เห็นยากเลย” ส่วนเราจะแนว “เดี๋ยว มันไม่สวย” คิดเยอะ แล้ วปุ๊ กเป็ นคนทีพ่ ดู ตรงๆ ได้ คุย เคลียร์ จบ แล้ วก็คดิ เรื่ องใหม่ พี่ป๊ กุ : เปล่าหรอก ปุ๊ กแค่เป็ นคนไม่ เซ็นซิทฟี และขี ้ลืมหน่ะ เลยอ่านอาการไม่คอ่ ย เป็ น แหะๆ ต่อให้ เขางอน เราก็จะดูไม่ค่อย ออก ไม่เข้ าใจ ถึงถ้ าดูออก ในใจก็คดิ ว่า เดี๋ยว เขาอยากบอก เขาก็บอกเองแหละ (หัวเราะ) ถ้ าเปรียบวงวันของติ๋วเป็ นหนังสักเรื่องนึง พี่ป๊ ุก : มี 2 เรื่ องอะ คือ เถียนมี่มี่ ที่ตอนหลังมาเฉลยว่า ก่อนที่ตวั ละครจะมา เจอกัน เขาอยูท่ ี่ๆ เดียวกันมาตลอด อีกเรื่ อง หนึง่ คือเรื่ อง Butterfly Effect เป็ นจังหวะของ ชีวติ บางทีถ้าเราก้ าวช้ า หรือก้ าวเร็วกว่านี มั้ น จะเปลี่ยนไปจากนี ้ แต่ท้ายที่สดุ มันก็อาจจะ ไม่เปลี่ยนก็ได้ งงไม๊ ฮ่าๆๆ พี่เปิ ้ ลหน่ อย : God Helps the Girl มันน่ารักมาก จริงๆ แล้ วน่ารักมากกว่าติว๋ มัน เป็ นเรื่ องของคนมาตังวงกั ้ น นางเอกเพี ้ยน จิต หน่อยๆ มันมีตอนนึงที่บอกว่า “เล่นดิ ท�ำไม ไม่เล่นอะ แต่งเพลงก็แต่งดิ แต่งได้ ” ดูแล้ ว
นึกถึงปุ๊ กอะ ถ้ าวงวันของติ๋ว เป็ นของเล่ นได้ 1 อย่ าง พี่ปกุ๊ : เราก็คงเหมือนเมโลเดี ้ยนมัง้ ต้ องใช้ แรงเพือ่ เล่น มีไม่กคี่ ยี ์ โน้ ตง่ายๆ พกง่าย เอาไปแจมกับคนอื่นสะดวก! พี่เปิ ้ ลหน่ อย : เป็ น LEGO เพราะ อยูต่ วั คนเดียวไม่ได้ ต้ องมีเพื่อนมาด้ วย ถ้ าเปรี ยบติ๋วเดย์ เป็ นโลกอีกใบ อยากให้ โลกนีไ้ ม่ มี. . . พี่ปุ๊ก : การโกงและคอรัปชัน่ ! สิง่ นี ้ ไม่มีประโยชน์กบั โลก เลยไม่ต้องมี!
พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ยุง!
อยากฝากถึงคนที่มัวแต่ รอแรงบันดาลใจ จนไม่ ได้ ลงมือท�ำสักที พี่เปิ ้ ลหน่ อย : ก็ลองคิดให้ น้อยลง บางทีเราโตขึ ้นแล้ วกังวลเยอะเกินไป คิดแล้ ว ท�ำเลย แล้ วก็คอ่ ยๆ ขยับไปเรื่อยๆ มันจะได้ ทำ � ถ้ าเกิดว่าคิด ลังเลอยูน่ นั่ แหละ มันก็จะไม่ได้ ท�ำสักที แล้วก็จ�ำความรู้สึกของการท�ำได้ครัง้ แรกเอาไว้ เราว่ามันเจ๋งมากเลย พี่ป๊ กุ : ทุกวันมันคือโอกาส แล้ วการ ที่เราปฏิเสธหรื อพลาดโอกาส ก็เพราะตัวเรา เองนัน่ แหละ บางทีเราก็แคร์ ความคิดของคน อื่นเยอะเกินไป อดท�ำ อดลองเลย
สิ่งเล็กๆ ที่ย่ ิงใหญ่ จากแรงบันดาลใจที่ ส่ งออกไป แล้ วได้ รับกลับมา พี่เปิ ้ ลหน่ อย : แรงใจ ความตังใจ ้ ของขวัญท�ำมือ สิ่งเล็กๆ น้ อยๆ เหล่านี ้ที่สง่ กลับมาหาเรา….. มัน อธิบายไม่ถกู อะ (สีหน้ า เต็มไปด้ วยความรู้สกึ อันท่วมท้ น) พี่ป๊ กุ : เข้ าใจพีเ่ ปิ ล้ หน่อยนะ คือเรา ไม่เคยคาดคิดว่า การเล่นเพ้ อเจ้ อของเรามัน จะสามารถมีอิมแพ็คกับใครสักคนได้ บางที เราก็เล่นไปโดยไม่ได้ คิดว่า มันแรงพอที่จะ สามารถผลักดันให้ คนหนึง่ คนไปหัดเล่นดนตรี หรื อแต่งเพลง หรื อวาดการ์ ตนู ได้ แต่เวลาใคร กลับมาบอกเราว่า เค้ าได้ ลองท�ำโน่น หรื อเริ่ ม ท�ำนีไ่ ด้ เพราะคิดถึงเรา เราก็ดใี จมากมากมาก มากทุกที (ยิ ้ม)
ที่มา : O-N issue 08 | without words
วงการละครใบ้ ในประเทศไทยคง ไม่เป็ นที่ร้ ูจกั หากปราศจาก 3 หนุม่ ที่เล่น ละครใบ้ สไตล์คอมเมดี ้ โดยใช้ ชื่อกลุม่ ว่า 'Babymime' ประสบการณ์การท�ำละคร ใบ้ 10 กว่าปี ของพวกเขาน่าจะบอกอะไร เราได้ บ้าง ไม่วา่ จะเป็ นเรื่ องวงการละครใบ้ ในประทเศไทย การท�ำละครใบ้ เป็ นอาชีพ อุดมการณ์ในการเล่นละครใบ้ รวมไปถึง ความฝั นสูงสุดของพวกเขา และท้ ายที่สดุ ละครใบ้ ให้ อะไรกับสังคมได้ บ้าง - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ละครใบ้ คืออะไร งิ่ง : ใช้ ร่างกายเป็ นตัวสือ่ สารให้ คน เข้ าใจ และให้ คนคล้ อยตามได้ โดยที่เราไม่ได้ พูด ทา : ละครใบ้ เหมือนเป็ นภาษาพูด แต่เอาร่างกายของเราทังหมดเป็ ้ นตัวเล่าแทน พอมีคำ� ว่าละครอยูม่ นั เลยมีทงดราม่ ั้ าแอคชัน่ เกิดขึ ้นเป็ นละครใบ้ สไตล์เราเป็ นตลก ก็เป็ น ละครใบ้ คอมเมดี ้ เหมือนหนังเลย เหมือน ดนตรี ที่มีหลายสไตล์ pop jazz เราเป็ นคอม เมดี ้ก็จริง แต่เราก็มอี ะไรแฝงอยู่ ในขณะทีค่ ณ ุ ตลกอยู่ มันก็มีปัญญาแทรกอยูด่ ้ วย ละครใบ้ ในประเทศไทยมีก่ ีกลุ่ม งิ่ง : มีไม่ถงึ 10 กลุม่ แต่ท�ำงานต่อ เนื่องยังมีน้อย ทา : มันอาจเพราะจับต้ องเรื่องปาก ท้ องยากมังครั ้ บ จะมีอะไรให้ ฉนั ท�ำ ไม่มีอะไร
เป็ นรูปธรรม เหมือนหาทางไปต่อไม่ได้ เกลือ : เด็กรุ่นใหม่ที่มาฝึ ก รู้สกึ ว่า มันต้ องส�ำเร็ จรูป เช่นฝึ กท�ำกับข้ าว แล้ วกลับ มาท�ำได้ เลยแต่ละครใบ้ ไม่ใช่ส�ำเร็ จรู ปอย่าง นัน้ ทุกคนอาจจะมีส่วนผสมเหมือนกัน แต่ หยิบมาใช้ งานต่างกัน ละครใบ้ ระหว่ างต่ างประเทศกับไทย งิ่ง : จริงๆ สิง่ ทีเ่ ราเล่นเหมือนกัน แต่ วัฒนธรรมของแต่ละประเทศมันต่างกัน ทา : ละครใบ้ มนั คือการล้ อเลียน การเลียนแบบพฤติกรรม ประเทศไหนเป็ นยัง ไง เขาก็จะเล่นในสิง่ นัน้ เรารับรู้ได้ แต่อาจจะ ไม่ลกึ ซึ ้งเท่าคนในประเทศเขา มันต่างกันตรง ที่บริ บทวัฒนธรรม แต่เทคนิค วิธีการ เครื่ อง มือ เหมือนกัน Babymime รวมตัวกันได้ อย่ างไร งิ่ง : เราจบการจัดการโฆษณาจาก ที่ ส วนดุ สิ ต เป็ นเพื่ อ นกั บ ทาตอน ปวส. พาณิชฯพระนคร ตอนที่เจอกันก็เริ่ มรู้ สึกว่า สนุกดี แล้ วก็คิดว่าน่าจะท�ำอะไรได้ มากขึ ้น ชอบพื น้ ฐานละครใบ้ มั น มี เ สน่ ห์ ดึ ง ดู ด สามารถดูดเราไปอีกโลกหนึง่ ทา : ไม่ได้ ชอบละครใบ้ ขนาดนัน้ มันมีพื ้นที่แสดงออก มันท�ำเงินให้ เราได้ ก็เลย เรี ยนไปท�ำงานไป ตอนประมาณปี 2 เล่นเปิ ด หมวกกัน ก็ โ อเคนะ เราเรี ย นมาทางสาย โฆษณา จริ งจังกับโฆษณา จนถึงจุดๆ หนึง่ คนทีพ่ ฝี่ ึ กงานกับเขา เขาบอกว่า “ทา พอเหอะ
ให้ คนอืน่ เขามาเหอะ ไม่นา่ จะใช่” เลยกลับมา มองละครใบ้ ของตัวเอง ท�ำไมเราไม่เคยจริงจัง เกลือ : เราเคยดูกลุม่ คนหน้ าขาว เล่นกับวงอี๊ด ฟุตบาท ที่สนามหลวงเขาก็เปิ ด หมวก ก็เห็นพี่อนั๋ เห็นละครใบ้ เขาเล่นเรื่ อง ง่ายๆ ตู้โทรศัพท์ เกี่ยวกับสังคม เกี่ยวกับชีวิต รู้สกึ ประทับใจ อยากขอไปเรียนกับเขา พอเข้ า มหาวิทยาลัย เรี ยนออกแบบนิเทศศิลป์ ช่วง นันก็ ้ หาตัวเองอยู่ แล้ วก็ท�ำงานศิลปะ ทาตัว ขาว เล่นในมหาวิทยาลัย จนอาจารย์ยงยุทธ สกุลชาตรี แนะน�ำให้ ร้ ูจกั กับพี่อนั๋ อีกที ก็เลย ได้ เรี ยนกับพี่อนั๋ กลุ่มที่เรี ยนอยู่เหลือเราคน เดียว ก็เลยได้ มารวมกับกลุม่ ทากับงิ่งที่เหลือ กันสองคน คนอื่นๆ หายไปไหน งิ่ง : บางทีเขามาเรี ยนเอามุมมอง ประสบการณ์ แค่นนั ้ คือจริ งๆ แล้ วละครใบ้ มัน กว้ า งใหญ่ ก ว่า นัน้ บางคนมาเรี ย นเอา บุคลิกภาพ ทา : เป็ นการสอนให้ ร้ ูจกั ร่างกายตัว เองก่อน คนก็เลยมาเรี ยนกัน ที่มาของชื่อ Babymime และหน้ าที่ในวง ทา : ชื่อมี 2 ค�ำง่ายๆ คือ Baby กับ mime โดย Baby คือเด็กทารก mime แปลว่า ละครใบ้ วิธีการท�ำงานของเราคือ ท�ำให้ ซื่อ ง่าย สะอาด เด็กมันมีจินตนาการ เด็กมันใส มันสะอาด มันพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้ อม เด็กมัน ท�ำอะไรง่ายๆ เพราะฉะนันเวลาท� ้ ำละครใบ้ แล้ วใช้ จนิ ตนาการแบบเด็ก มันจริงใจกันดี พอ
ท�ำไปนานๆ คนอื่นบอกเราว่า “เวลามาดูพวก พี ่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เขาจะกลับกลายไป เป็ นเด็กอีกครัง้ ” งิ่ง : ส่วนหน้ าที่งิ่งดูและประสาน งานทั่วไป ทาเป็ นผู้ก�ำกับ เกลือเป็ นอาร์ ต ไดเรกเตอร์ หลักๆ เป็ นอย่างนันแต่ ้ ถ้าเป็ นโชว์ ใหญ่ก็จะมีผ้ เู ชี่ยวชาญเฉพาะด้ านมาช่วยเรา ทา : พยายามท�ำให้ เรี ยบง่ายที่สดุ เวลาเราไปไหน เราจะไปได้ งา่ ย เกลือ : หารค่าตัวกันสะดวกด้ วย ครับ (หัวเราะ) ไปแสดงที่ไต้ หวัน งิ่ง : เล่าย้ อนไปก่อนว่า ประมาณ 5 ปี ที่ แ ล้ ว พวกเราได้ ร้ ู จัก กับ กลุ่ม คนที่ ง าน แม่สอด ตอนแรกเกลือไปเล่นกรุบกริ บๆ ที่นนั่ ไปเล่นคนเดียว คือมันเป็ นชายแดนทีม่ ปี ั ญหา มากมาย มีเด็กๆ ไร้ สญ ั ชาติ ไปเล่นฟรี ให้ เด็ก ดู แล้ ว มารู้ ที ห ลัง ว่ า มัน เกิ ด ขึ น้ ได้ เ พราะมี องค์กรจากไต้ หวัน Taipei Oversea Peace Services (TOPS) เขาก็ดแู ลเรื่ องการให้ การ ศึกษาเด็กๆ ที่นนั่ เกลือ : มันเป็ นแคมป์อพยพคนที่ อยู่ ช ายขอบพม่ า ก็ ขั บ ไล่ ม า คนไทยก็ ไ ม่ ยอมรับ ทา : พวกนี ้ไม่มีบตั รประชาชนนะ ครับ รอไปประเทศที่สาม จ�ำนวนเยอะเป็ น ภูเขา เขาต้ องอยู่เพราะไปไหนไม่ได้ ผู้ชายผู้ หญิงอยูด่ ้ วยกัน ก็มีลกู ไปไหนไม่ได้ จ�ำนวน
คนก็เพิ่มขึ ้นเรื่ อยๆ
ละครใบ้ พยายามจะสื่อสารอะไรกับคนดู
งิ่ง : พอพวกเราไปเล่นหลายๆ ปี ปุ๊ บ เขาก็เริ่มเห็นว่ากลุม่ นี ้มีศกั ยภาพ มีอดุ มการณ์ ปี หนึ่งก็สปั ดาห์ หนึ่งไปอยู่ที่นั่น มันสะอาด เด็กๆ ทุกคนก็ดไู ด้ มันไม่มีภาษา มันเข้ าใจได้ เขาก็เลยแนะน�ำให้ ร้ ูจกั กับภิกษุณีทา่ นหนึง่ ที่ กั ว ลาลั ม เปอร์ ประเทศมาเลเซี ย เป็ น Babymime โชว์ เ ต็ ม ๆ รายได้ ห ลัก ๆ คื อ เป็ นการกุ ศ ลทั ง้ หมด พวกเราก็ ไ ด้ ค่ า ตัว ประมาณนึง ไปเล่นอยู่ประมาณ 4 ปี ทาง ไต้ หวันก็เห็นว่ามันท�ำได้ เขาอยากท�ำแบบนี ้ บ้ าง เขาก็เลยเอาโปรเจ็กต์นี ้ไปเสนอที่ไต้ หวัน ต่อ ก็เลยได้ ไปท�ำที่ไต้ หวัน 2 ปี เป็ นโมเดล เดียวกัน รายได้ มอบให้ เด็กชายแดน
ทา : จริ งๆ ละครใบ้ ก็เป็ นความ บันเทิงรูปแบบหนึง่ แต่ที่นา่ สนใจมากกว่านัน้ คือความสดทีเ่ กิดขึ ้นบนเวที มันท�ำให้ คนดูกบั เราอยู่ใ กล้ กันมากขึน้ ความพิ เ ศษในเรื่ อง จินตนาการ สมมติเราเล่นเรื่ องยานอวกาศ ระเบิดลง 50 ลูก เราก็สามารถสร้ างได้ ด้วยตัว เราเองมั น ท� ำ ให้ คนดู ร้ ู สึ ก สนุ ก กั บ การใช้ จินตนาการกับเรา
คนดูท่ ไี ต้ หวันเข้ าใจไหม งิ่ง : ดีๆ เข้ าใจนะ เพียงแต่วฒ ั นธรรม ที่ตา่ งกัน เราก็ต้องปรับอะไรบางอย่าง เกลื อ : เราไปใช้ ชี วิ ต ที่ นั่น ก่ อ น พฤติกรรมการใช้ ชีวิตของคนที่นั่นเป็ นแบบ ไหน เราก็ปรับ พฤติกรรมการหัวเราะของคน ว่าคนหัวเราะกับมุกไหน วิธีการพูดก็ตา่ งกัน ด้ วยวัฒนธรรม ด้ วยสังคม ประเทศต่ างๆ ที่เคยไปเล่ น งิ่ง : มีสงิ คโปร์ เกาหลี มาเลเซีย ปี นี ้ก็จะได้ ไปเล่นสิงคโปร์ อีกรอบนึง ชื่องาน flip side festival
งิ่ ง : แล้ วก็ มั น สามารถพู ด ถึ ง ประเด็นทางสังคมได้ ถ้ าเรื่ องมันสามารถหา แง่มมุ น่าสนใจ มันก็พดู ได้ เอาเทคนิคละครใบ้ มาใช้ ทำ� ให้ คนเข้ าใจ อย่างเช่นเรื่องภาคใต้ มัน เป็ นละครใบ้ จะเข้ าใจไหม ก็ลองท�ำดู คนก็ เข้ าใจ ทา : บางเรื่ องเป็ นเรื่ องที่พดู ไม่ได้ แต่ละครใบ้ ท� ำได้ เพราะฉะนัน้ มันอาจจะมี ความลึกซึ ้งของมันด้ วย อันแรกพูดในเรื่ อง ของความบันเทิง อันทีส่ องพูดในแง่ของศิลปิ น ศิลปิ นก็ต้องสร้ างงาน พูดถึงประเด็นสังคม บ้ าง การสื่อสารในรู ปแบบของ Babymime ทา : มีทงงานเอนเตอร์ ั้ เทน และ ประเด็นสังคม ถ้ างานเก็บบัตร เราพูดอะไรได้ เยอะ เพราะมีสถานที่ กาลเวลาพอเหมาะ ที่ ของเรา ก็พดู สิ เราพูดความในใจออกมา เขา พร้ อมที่จะฟั งเรา
เสน่ ห์ของละครใบ้ เกลือ : เรื่องของจินตนาการ คือการ ทีน่ กั แสดงสร้ างสิง่ ของจากอากาศให้ คนดูเห็น สัมผัส รู้สกึ ไปกับสิง่ ที่นกั แสดงต้ องการจะเล่า เราพูดผ่านจินตนาการแล้ วสื่อสารกันรู้เรื่ อง งิ่ง : ส�ำหรับเราคือความจริ งใจและ ความเรี ยบง่าย ถ้ าตัดเรื่ องอื่นๆ ใดๆมันจะ กลับไปสูพ่ ื ้นฐานดังเดิ ้ ม คือ จะมีแต่คนดูกบั คนเล่น คิดว่ าคนไทยมองละครใบ้ อย่ างไร ทา : ละครใบ้ มนั เป็ นศัพท์อนั หนึง่ ที่มาจากค�ำว่า pantomime คือละครที่ใช้ ร่ างกายในการสื่อสารคนไทยพอพูดถึงละคร ใบ้ ไม่เข้ าใจ แต่พอพูดถึงตลกหน้ าขาว เข้ าใจ เพราะคนในยุคอาจารย์พี่แต่งหน้ าขาว คน เมืองนอกก็แต่งหน้ าขาว ใส่เสื ้อลาย ชอบเล่น แซวคนอื่น แต่ Babymime ไม่ใช้ ภาพนัน้ เรา เอาละครใบ้ มาดัดแปลง เราจะผสมมายากล กายกรรม เราเอาทุกอย่างมารวมกัน ท�ำให้ ละครใบ้ ดงู า่ ยขึ ้น
เกลือ : ใส่น� ้ำมันหอย โรยกระเทียม
ทา : ละครใบ้ จะมีเรื่ องที่คลาสสิค เขาจะไม่เปลี่ยนเรื่ อง แต่เราอยากเล่นเรื่ อง สังคมปั จจุบนั เราอยากเล่นอะไรทีม่ นั ทันสมัย คนที่มาดู Babymime เขาสะท้ อนให้ เราฟั ง อย่ างไรบ้ าง
งิ่ง : พวกเราทีพ่ ยายามท�ำให้ มนั ง่าย
เพราะฉะนันฟี ้ ดแบ็คของคนดูมนั ก็จะสกรี น คนพอสมควร ท�ำไมถึงก�ำหนดราคาบัตรแบบ นี ท�้ ำไมให้ คนเห็นแบบนี เพราะเราอยากท� ้ ำให้ มันเป็ นบันเทิงน� ้ำดี ที่คนสัมผัสได้ เห้ ย! มัน สนุกนะ แล้ วก็ไม่ได้ มีอะไรที่มนั รุนแรง พ่อแม่ สามารถพาลูกๆ มาดูได้ บางทีฟีดแบ็ค เขาจะ มองว่าเป็ นไอดอล ทา : ประมาณนันแหละ ้ อาจจะเป็ น เพื่อนที่ดี ฟี ลเราคือนึกถึงโดเรมอน ถ้ าเราเป็ น พ่อแม่ เราก็กล้ าปล่อยให้ ลกู ดูโดเรมอน แล้ ว ตัวเราเองก็ยงั สามารถนัง่ ดูโดเรมอนกับลูกได้ ต�ำแหน่งพวกเราไม่ได้ ตา่ งไปจากโดเรมอน
เกลือ : เสน่ห์ของเราก็คือสนุก
อุปสรรคในการท�ำงาน เกลือ : ก็บอ่ ย มีตวั กูของกู ความ คิดที่แตกต่างกัน ทา : เวลาเราทะเลาะกันเพราะเรา ต้ องการงานที่ดีที่สุด ก็ลองท�ำดู แล้ วเลือก สุดท้ ายสิง่ ทีส่ ำ� คัญ คือ เรายังมองดวงดาวดวง เดียวกันอยูห่ รื อเปล่า งิ่ง : มันก็จะมีความเป็ นเพื่อน แต่ ว่าในแง่การท�ำงาน มันก็จะมีสถานะที่มนั ทับ ซ้ อนกัน ตรงนี ้ปรับสมดุลยากเหมือนกัน มัน ไม่ใช่งานที่มีหวั หน้ า ลูกน้ อง เราเท่ากัน แล้ ว เราจะยังไง
มองความส�ำเร็จของ Babymime ส�ำหรั บ 10 กว่ าปี ที่ผ่านมาเป็ นยังไงบ้ าง
ละครใบ้ แบบ Babymime ให้ อะไรกับคน เล่ น
งิ่ง : ส�ำหรับเรามันก็โอเคนะ มีคน จ�ำเราได้ บ้าง เราสามารถอยูร่ อดได้ ด้วยอาชีพ แบบนี ้ แล้ วก็เรามีเพื่อนฝูงที่น่ารัก เราได้ รับ ประสบการณ์ที่ดีๆ ในระหว่างที่เราท�ำ บางที ก็ไม่สามารถอธิบายเป็ นค�ำพูดได้ ถือว่าเลือก ทางถูก
งิ่ง : ก็ให้ แทบทุกอย่างนะ อันที่มนั ชัดคือ ท�ำให้ เราเป็ นคนที่ละเอียดขึ ้น
ทา : ส�ำหรับเราถ้ ามันเป็ นหุ้น มัน โคตรก�ำไร เราอยากเล่นละครใบ้ ก็ได้ เล่นมี ก�ำไรจากการได้ เจอมิตรภาพจากเพือ่ น มันอยู่ ที่เราเอาไม้ บรรทัดอะไรวัด ได้ ท่องเที่ยว นี่ก็ ก�ำไรแล้ ว เริ่มต้ นทีไ่ ด้ เล่นละครใบ้ สิง่ อืน่ ทีต่ าม มาเป็ นก�ำไรทังหมด ้ มีความสุขกับคนดู มีแฟน คลับ ถ้ าเป็ นหุ้น ถือเป็ นหุ้นที่ขายไม่ได้ เกลื อ : เราก็ร้ ู สึกว่ามันก็เพิ่มขึน้ เรื่อยๆ นะ มันก็ยงั ไปได้ อกี อะครับ เราเพิง่ ผ่าน มาแค่ 12 ปี เอง เด็ก 12 ปี ก็พร้ อมที่จะเจริ ญ เติบโตอีกเรื่ อยๆ ก็ร้ ู สึกว่าโชคดี ได้ ท�ำงาน ละครใบ้ ท�ำในสิง่ ที่พี่รัก แล้ วสิง่ ที่รัก พาเราไป ตามที่ตา่ งๆ ได้ ตอนนีเ้ ล่ นละครใบ้ กนั อย่ างเดียวเลยไหม
เกลือ : ไม่ได้ ท�ำให้ เราเสียอะไร ไม่ ได้ ท�ำให้ เราได้ อะไรนะ มันท�ำให้ เรารู้ สกึ เป็ น มนุษย์คนหนึ่งตัวเล็กๆ บนโลกใบนี ้ เหมือน เป็ นหน้ าที่ในการขับเคลือ่ นกลไกบนโลก เป็ น หมากที่ โ ดนเลื อกให้ เ ป็ นนักแสดงละครใบ้ ท�ำให้ เรามองชีวิต เข้ าใจชีวิตมากขึ ้น สุดท้ าย แล้ วไม่ว่าเราจะเป็ นอะไร เราต้ องมีความสุข กับสิง่ นันให้ ้ ได้ ทา : ความเข้ มแข็งในความเชื่อ พอ มันเป็ นละครใบ้ มันไม่มีอะไรจับต้ องได้ มา ตังแต่ ้ ต้นอยู่แล้ ว อะไรคือนักละครใบ้ คนยัง ไม่ร้ ูจกั เลยว่านักแสดงละครใบ้ คืออะไร เราก็ ต้ องต่อสู้กบั คนรอบข้ างที่คอยเข้ ามา “เห้ ย! ท�ำอะไร ละครใบ้ ใช่เหรอ?”ก่อนหน้ าที่จะมา ท�ำละครใบ้ ความคิดก็เปลีย่ นไปเปลีย่ นมา แต่ พอได้ มาท�ำละครใบ้ มันท�ำให้ ความเชื่อเรา เข้ มแข็งมากขึน้ จนทุกวันนีม้ ันก็ยังจับต้ อง อะไรไม่ได้ แต่เราก็ร้ ูสกึ ว่าเราก็ยงั มีความสุขดี อยูน่ ะ
งิ่ง : มีเป็ นอาจารย์พเิ ศษ workshop ตามมหาวิทยาลัยบ้ าง ตอนนี ้ก็มี workshop ของตัวเองเลยด้ วย สอนการแสดงทีใ่ ช้ เน้ นการ ใช้ ความคิดสร้ างสรรค์
งิ่ง : หมายถึงท�ำให้ เรามัน่ คงทาง จิตใจมากขึ ้นรึเปล่า
ทา : creative positive actiontive (หัวเราะ)
อุดมการณ์ ทำ� ให้ เราอยู่ได้ ?
ทา : ใช่ครับ ทา : ถ้ าเอาอุดมการณ์มาเป็ นที่ตงั ้
เราอาจจะอยู่ไม่ได้ ก็ได้ เพราะข้ อจ�ำกัดมัน เยอะ แต่ถ้าเราอยูไ่ ปกับอุดมการณ์ เรามีแกน หลักของมัน เช่น ไม่ทจุ ริ ต เราก็จะเดินทางไป พร้ อมกับอุดมการณ์บางอย่างได้ งิ่ง : ของ Babymime มีอดุ มการณ์ อันหนึง่ คือ เราจะไม่เล่นสินค้ าที่มนั เกี่ยวข้ อง กับบุหรี่ เราไปเซ็นปฏิญญาเอาไว้ เราก็ปฏิเสธ เงินไปค่อนข้ างหลายงานเหมือนกัน เพราะ รู้สกึ ว่าเป็ นที่สงิ่ ที่เราควรรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ าโลกใบนีไ้ ม่ มีละครใบ้ เกลือ : คงไม่มีเกลือแน่นอนเลย ครับ เรารู้สกึ อย่างนันเหมื ้ อนโดนเลือกมาให้ เล่นละครใบ้ ถ้ าไม่มีจริ งๆ อาจจะไปท�ำฉาก ละคร ท�ำพร็ อพฯ ทา : ถ้ าไม่มลี ะครใบ้ ก็คงไม่มภี าษา กาย เราว่าคนก็คงคุยกันไม่สนุก เพราะถ้ ามี ภาษากาย โลกก็คงมีสีสนั มีความสนุก งิ่ง : ถ้ าไม่มีละครใบ้ ไม่ร้ ู แต่ถ้าไม่มี Babymime โลกนี ้อาจจะไม่สนุกก็ได้ นะ คิด ว่านะ ทา : ละครใบ้ เป็ นชีวติ เราแล้ วอะ ถ้ า ไม่มีละครใบ้ คงไม่มีพวกเรา 3 คน อนาคตของ Babymime จะไปในทิศทาง ไหน งิ่ง : ประมาณเมื่อหลายปี ที่แล้ ว ใน เฟซบุ๊กมันจะมีชอ่ งหนึง่ ที่ถามว่า Babymime คืออะไร? แล้ วก็มีน้องที่สนิทกันที่มาช่วยงาน
กัน เขียนค�ำจ�ำกัดความขึ ้นมาว่า “กลุ่มละคร ใบ้ที่มีชื่อเสี ยงอันดับหนึ่ งของประเทศไทย” ตอนนันพวกเราก็ ้ ร้ ูสกึ แบบมันใช่เหรอวะ เขินๆ นิดนึง แต่ถ้าถามอนาคตของ Babymime พวกเรา world wide แน่นอนครับ มันไม่ได้ จบ แค่ประเทศไทยแน่นอน เรารู้สกึ อย่างนัน้ ทา : เป็ นความท้ าทายใหม่ๆ ดิน แดนละครใบ้ เกิดขึ ้นที่ประเทศยุโรป ส�ำหรับ ตัวเราเองถ้ าเราได้ เอาสิง่ ที่เราเป็ นอยูไ่ ปเล่นที่ โน่น มันน่าสนใจ เขาก็จะได้ เห็นละครใบ้ ที่ เติบโตมาในเอเชีย ในประเทศไทย กลับไปเล่น ให้ คนในประเทศเขาดู ไม่วา่ มันจะส�ำเร็ จหรื อ ไม่ แค่ได้ ไปถึง ได้ ไปท�ำ มันก็ฟินแล้ ว เกลือ : เราเคยแอบคิดเล่นๆ ว่า วัน หนึ่ง Babymime จะมี ตัวแทนขึน้ มา เช่น animation หรื อวิดีโอคลิป นักแสดงอยูไ่ ด้ โดย ไม่ต้องไปตระเวนเล่นอยูเ่ รื่ อยๆ แต่ก็ยงั มีเล่น สดอยู่ คือมีอะไรที่มันเพิ่มมูลค่าให้ คนเห็น มากขึ ้นว่าละครใบ้ คืออะไร เราอาจจะมีโรง ละคร แล้ วเขามาดูเรา เมื่อถึงเวลาฐานเรา มัน่ คง อะไรมันก็คงจะดีขึ ้น ตามประวัตลิ ะคร ใบ้ พอ 20-25 ปี ยุคละครใบ้ มนั จะเปลี่ยนไป มันก็จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงมันอยู่ท่ีว่าเราจะ ยืนอยูใ่ นยุคนันได้ ้ อย่างไร แล้ วความร่วมสมัย มันก็จะตามมา ตรงนีส้ �ำคัญมาก พี่ร้ ู สึกว่า ทิศทางของ Babymime มันปรับได้ อยูต่ ลอด เวลา มันมีความร่วมสมัยในศิลปะที่เราท�ำ ความฝั นสูงสุด งิ่ง : เมื่อก่อนเราตื่นเต้ น แต่พอเรา โตขึน้ เรารู้ ว่าความฝั นมันก็เรื่ องหนึ่ง แล้ ว
ความจริ งมันส�ำคัญพอๆ กับความฝั น เกลือ : มันคือการเดินทางไปเรื่อยๆ เพราะสิง่ ทีไ่ ด้ เก็บเกี่ยวมาจากการเดินทาง มัน สามารถเอามาผลิตละครใบ้ ของเราได้ สิ่งนี ้ โคตรก�ำไร ส�ำคัญว่าเราเก็บสิง่ เหล่านันมาได้ ้ มากน้ อยแค่ไหน ทา : ตอนอายุ 70-80 ปี ยังได้ เล่น อยูก่ บั เพื่อนๆ อาจเล่นให้ น้อยลง แต่ความคม มันต้ องมากขึ ้น มันคงจะสวยงาม มีเพื่อนอยู่ ด้ วยกัน เพราะความสุขจริ งๆ คือการได้ เล่นนี่ แหละครับ พูดถึง Baby (ไม่ ) mime Show หน่ อยค่ ะ งิ่ง : เกิดขึ ้นจากที่พวกเราคุยกันว่า 10 ปี ทผี่ า่ นมา มันน่าจะมีอะไรทีม่ นั เซอร์ ไพรส์ หน่อย ถ้ ามีสกั ปี เราเป็ นละครพูดขึ ้นมา มันจะ สนุกไหม ปี นี ้รู้สกึ ว่ากาลเวลามันได้ ละ โชว์นี ้ ก็มีเวลาเตรี ยมตัวไม่ค่อยเยอะ มีพี่ๆ ที่ร้ ู จกั สนิทกันมาช่วย อย่างพี่อิ๋วเป็ นผู้ก�ำกับ ก็ร้ ูจกั กันนานแล้ ว อี กคนก็ คือพี่ อ้น เป็ นผู้ก�ำกับ ละครอินดี ้ แล้ วก็สร้ างชื่อกล่าวขวัญมาก ซึง่ แค่สองคนนี ้มาเราก็อยากดูแล้ ว ยังไม่ร้ ูบทเลย ถ้ า เกิ ด เราคุย กัน แล้ ว เราอยากท� ำ รู้ สึก ว่ า passion มันกลับมาแล้ ว แล้ วอีกอย่างเราไม่ เคยท�ำแบบละครแบบพูด การที่เราท�ำอะไร ใหม่ๆ มันเลยจะเกิดความรู้ สกึ กระตือรื อร้ น ทุกอย่างมันจะกลับมาที่โชว์นี ้ ทา : ถ้ าเกิดคนทีไ่ ม่ร้ ูจกั Babymime มาดู จ ะได้ อะไร? มั น ไม่ ไ ด้ เกี่ ย วกั บ แค่ Babymime สิ่งที่เราพูดทังหมด ้ มันคือเรื่ อง
การเดินทาง การท�ำงาน มิตรภาพ ซึง่ มันเป็ น ความสากลมากๆ เราก�ำลังพูดถึงเรื่ องมนุษย์ ครับ เพื่อนที่อยูด่ ้ วยกัน 10 ปี มันอยูด่ ้ วยกัน ได้ ยงั ไง เคยเกลียดกันปะ เคยทะเลาะกันปะ ฉะนันถ้ ้ าคุณมีเพื่อน คุณมีพี่น้องที่อยูด่ ้ วยกัน นานๆ มาดู มันคือเรื่ องเดียวกันครับมันเรี ยบ ง่ายมากๆ แต่วา่ มันลึกซึ ้งมากๆ เกลือ : อยากให้ มาดูครับ เพราะ เป็ นอีกเรื่ องหนึ่งที่พวกเราตังใจท� ้ ำครับเป็ น ละครใบ้ ที่มีฉากด้ วยครับ ฝากถึงคนที่อยากเล่ นละครใบ้ แล้ วคิดว่ า วงการนีอ้ ยู่ไม่ ได้ หรอก ทา : ส�ำหรับน้ องๆ ทีอ่ ยากเล่นละคร ใบ้ สิง่ ส�ำคัญน้ องควรจะถามตัวเองว่า รักมัน จริ งๆ รึเปล่า เพราะเด็กส่วนมากพูดค�ำว่ารัก แต่ไม่เคยรักมันจริงๆ เราต้ องรู้วา่ ละครใบ้ ต้อง มีข้อจ�ำกัดของมัน เราอาจจะไม่ได้ เป็ นเศรษฐี ที่รวยจากการเล่นละครใบ้ บางช่วงที่ไม่มีกิน หรื อเบื่อ ถ้ าน้ องรักมันจริ งๆ มันจะหาวิธีของ มันเอง โดยไม่ทิ ้งมัน น้ องจะยังอยูก่ บั มัน เกลือ : ต้ องลองลงมือท�ำดู แล้ วเรา จะรู้วา่ สิง่ ทีเ่ ราท�ำมันใช่แบบทีเ่ ราต้ องการหรือ ที่เราคิดรึเปล่า ถ้ าไม่ใช่ ก็ต้องหาสิง่ ที่ใช่ให้ เร็ว ครับ เพราะจริงๆ แล้ วเวลาชีวติ มันสันครั ้ บ เรา ต้ องรี บค้ นหาตัวเองให้ เจอเร็ วๆ เท่านัน้ เอง ลองท�ำไปเถอะครับ ถ้ ารู้สกึ ว่ามีความสุขก็ลอง ท�ำให้ มนั เต็มทีเ่ ท่านันเองครั ้ บ แล้ วสุดท้ ายมัน จะตอบเราเองครับ ว่าสิง่ นี ้คือสิง่ ที่เรารักไหม เราชอบไหม เท่านันเองครั ้ บ
งิ่ง : พวกเรามีท�ำคลาสอยู่ คิดไว้ ปี ละครัง้ เข้ มข้ นหน่อย แต่คลาสเด็กน่าจะท�ำ บ่ อ ยหน่ อ ย ถ้ าคิ ด ว่ า อยากจะมาฝึ กกั น ติดตามที่เพจก็ได้ ครับ มีคนอยากให้ เราสอน มานานละ เมื่อก่อนเรารู้สกึ ตะขิดตะขวงใจว่า เวลาเราสอนรู้สกึ ไม่มนั่ ใจว่าเราจะพร้ อมหรื อ ยัง แต่พอผ่านไป 10 กว่าปี แล้ วเราก็ร้ ู สกึ ว่า อย่างน้ อยสิง่ ทีอ่ ยูใ่ นตัวเรา 10 กว่าปี มนั น่าจะ มีประโยชน์กบั คนอื่นๆ บ้ าง
ที่มา : O-N issue 09 | listen to your freedom
การเดินทางของความฝั นด้ วย อิสระทางความคิด ที่มาของ ‘ ฟั งใจ ’ เว็บ มิวสิคสตรี มมิ่ง (Music Streaming) ที่ก�ำลัง เป็ นที่กล่าวถึงของกลุม่ คนรักอิสระทางเสียง ดนตรี เบื ้องหลังก่อนที่จะเกิดเป็ น ‘ฟั งใจ’ นัน้ จะมีกี่คนที่จะรู้จกั หางเสือหลักที่ชว่ ยกันผนึก อุดมการณ์ที่เต็มไปด้ วยความฝั นอันเดียวกัน ท�ำให้ เกิดเป็ นโปรเจ็กต์ที่เรี ยกได้ วา่ เป็ นการ เปลี่ยนแปลง กระตุ้นวงการเพลงนอกกระแส ณ เวลานี ้ให้ เกิดความเคลื่อนไหวที่นา่ จับตา มองและจับใจฟั ง -----------------------------‘ฟั ง ใ จ’ คืออะไร ทีม่ าจาก fungjai.com : ‘ฟั งใจ’ เป็ น ค�ำล้ อเสียงจากภาษาอังกฤษว่า ‘Fungi’ หรื อ อาณาจักรฟั งไจ ซึ่งประกอบไปด้ วยเห็ด รา และยีสต์ เติบโตอยูใ่ นซอกหลืบที่คนทัว่ ไปไม่ เห็น เป็ นสิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลายทาง สายพันธ์ุ และแพร่พนั ธุ์ทางอากาศด้ วยสปอร์ ส่วนในภาษาไทย ‘ฟั งใจ’ ก็คือการฟั งเพลงที ่ มี ความหลากหลายและแปลกใหม่ด้วยใจที ่ เปิ ดกว้างนัน่ เอง มารู้ จกั 2 หัวเรื อหลักของ ‘ฟั ง ใ จ’ ท้ อป - ศรั ณย์ ภิญญรั ตน์ (CEO + ผู้ก่อตังฟั ้ งใจ) อาชีพหลักเป็ น Graphic Designer เรี ยนสถาปั ตย์ ID จุฬาฯ จบมา ท� ำ งาน 2 ปี ในบริ ษั ท ออกแบบเมื อ งไทย เพราะอยากสอนหนังสือระดับปริ ญญาตรี จงึ ไปเรี ยนต่อด้ านกราฟฟิ กที่ Helsinki Finland เรี ยนจบมีประสบการณ์ท�ำงาน Graphic ที่
เมืองนอกอีก 1 ปี ส่วนบริ ษัท FUUM Studio ที่ เ รานั่ง อยู่นี เ้ ป็ นบริ ษั ท ออกแบบ Motion Graphic ซึง่ ร่ วมกันก่อตังกั ้ บเพื่อนสมัยก่อน ไปเรี ยนต่อ กลับมาจากเมืองนอกก็ท�ำต่อ แต่ ในขณะเดียวกันก็หาโอกาสที่จะสร้ าง Product ของตัวเองจนมาเป็ น ‘ฟั งใจ’ พาย - ปิ ยะพงษ์ หมื่นประเสริฐดี (CMO (Chief Marketing Officer) + Community Manager) อดีตวิศวกรท�ำงานเกี่ยว กับสิง่ แวดล้ อม เชี่ยวชาญในด้ านความยัง่ ยืน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Sustainability & Climate Change) ตังแต่ ้ เด็ก โตมากั บ งานดนตรี น อกกระแส เรี ย นจบ วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ต่อโทด้ าน MBA ที่ Boston USA ปลดตัวเองจากการเป็ นวิศวกร มาท�ำงานคลุกคลีในวงการดนตรี นอกกระแส และยังเป็ นผู้ก่อตังโครงการ ้ Indie Campfire ทีม่ แี นวทางเหมือนกันกับฟั งใจคือ ต้ องการจะ เพิ่มพืน้ ที่ให้ วงการดนตรี อิสระ และยังมีวง ดนตรีเป็ นของตัวเองชื่อ Cigarette Launcher ด้ วย ฟั ง ใ จ เริ่มเกิดขึน้ เมื่อไหร่ และอะไรคือ แรงบันดาลใจที่ทำ� ให้ เกิดขึน้ ท้ อป : ก่อนจะมาท�ำโปรเจ็กต์ฟังใจ เราค้ นหาสิ่งที่อยากท�ำมาหลายอย่าง จนมา เป็ นฟั งใจ โดยเกิดครัง้ แรกในตอนที่เราเอา ความคิดไปคุยกับรุ่นน้ องคนหนึง่ เค้ าเป็ นนัก ดนตรี อิสระแล้ วเกิ ดแรงสนับสนุนเห็นด้ วย ประกอบกับ น้ อ งคนนี ม้ ี ค นที่ ร้ ู จัก ในวงการ ดนตรี อยู่บ้าง ตรงนี ้จึงเป็ นก้ าวแรกที่เริ่ มเกิด ขึ ้น แต่ตอนนันอาจจะยั ้ งไม่มีชื่อว่าฟั งใจ ต่อ
มามีสมาชิกร่วมอุดมการณ์เพิ่มคือเพื่อนๆ ที่ อยากจะท�ำ Startup เหมือนกัน คือทุกคนมี งานประจ�ำกันหมด ตอนเย็นเลิกงานก็จะมา ช่วยกัน เกิดเป็ น ฟั งใจ ที่ชดั เจนเป็ นกลุม่ เป็ น ก้ อนขึ ้น ก่ อนหน้ าจะมาท�ำฟั งใจ พี่พายท�ำอะไรมา ก่ อน พาย : ตอนนันก� ้ ำลังท�ำ Research เพื่ อท� ำ Indie Campfire ก็ ได้ พูดคุยกับที่ ปรึกษาคนหนึง่ ซึง่ เสนอว่าจะท�ำอะไร Online แล้ วควรต้ องท�ำ Offline ด้ วย เพราะถ้ าหากท�ำ Online ดีแค่ไหน ถ้ ามันไม่มใี คร มันก็จะกลาย เป็ นพืน้ ที่ว่างเปล่า ก็เลยมาคิดว่าต้ องการ สร้ างชุมชน (Community) โดยชุมชนแรกๆ ที่ นึกถึงก็คือ ชุมชนคนดนตรี ซึง่ ก็คือชุมชนคน ที่ท�ำดนตรี ที่อยากจะแสดงผลงานของตัวเอง ก่อนหน้ าที่จะท�ำ Indie Campfire ตอนนัน้ ท� ำ วงแล้ ว รู้ สึก ว่ า กระแสตอบรั บ ดี ระดับหนึง่ แต่กลับมามองที่รายได้ วา่ ท�ำไมยัง พบว่าค่อนข้ างน้ อยมากๆ ไปคุยกับเพือ่ นๆ นัก ดนตรีอสิ ระคนอืน่ ว่าอยูก่ นั ได้ ไหม เจอค�ำตอบ ว่า “ไม่” และที่อยูไ่ ด้ สว่ นใหญ่เพราะงานหลัก อื่นๆ พอเรี ยนจบก็ขอฝึ กงานต่ออีก 8 เดือน ท�ำไปก็ได้ เห็นวัฒนธรรมการเสพเพลง การใช้ เครื่ องมือออนไลน์ ต่างๆ ในการท�ำและเผย แพร่เพลง ก็เลยนึกถึงเมืองไทยว่าจะท�ำยังไง ให้ วงดนตรี สามารถอยู่ได้ ใช้ เลี ้ยงชีพ เป็ น อาชีพได้ กลับมาเมืองไทยก็เลยคิดโปรเจ็กต์ ขึ ้นมา ชื่อ Indie Campfire ซึง่ ไอเดียคือเป็ น Platform Online ทีม่ เี ครื่องมือส�ำหรับวงดนตรี ให้ สามารถเข้ ามาใช้ แล้ วสร้ างรายได้ แต่พอ
ท� ำ ไประยะหนึ่ ง ก็ คิ ด ว่ า คงท� ำ ไม่ ส� ำ เร็ จ เนื่ อ งจากไม่ ส ามารถรวมที ม เพื่ อ สร้ าง แพลตฟอร์ มนี ้ได้ ก็เลยพับเก็บโปรเจ็กต์นี ้ไป จุดเริ่มต้ นที่ 2 คือ คนอุดมการณ์ เดียว มา เจอกัน พาย : เจอกันจากการที่ท้อปท�ำ โบรชัวร์ แจกไปตามวงดนตรีอสิ ระเพือ่ จะได้ ขอ ความร่ วมมือรวบรวมเพลงมาลงในเว็บไซต์ ตอนนัน้ น้ องสาวเป็ นมือเบสของวง Yellow Fang เอามาให้ จึงเป็ นจุดทีท่ ำ� ให้ ได้ เจอกับคน ที่มีความคิดคล้ ายกัน มีจดุ ร่วมที่เหมือนกัน ท้ อป : เป็ นจดหมายภาษาอังกฤษ ไวยากรณ์ถกู ต้ อง ตอนนันพี ้ ่พายท�ำโปรเจ็กต์ Indie Campfire ที่ต้องติดต่อกับนักดนตรี ทงั ้ ใน กทม. และต่างจังหวัด เหมือนท�ำให้ เจอ ส่วนหนึ่งที่ มาเติมเต็มให้ กลายเป็ นฟั ง ใจที่ ค่ อ นข้ า งสมบู ร ณ์ ม ากขึ น้ กว่ า เดิ ม พี่ พ าย เหมือนเป็ น Mascot ของฟั งใจ วิธีการคัดเลือกศิลปิ นเข้ ามาในฟั งใจ ท้ อป : เราไม่ได้ คดั เลือกศิลปิ น ขอ แค่ท�ำมาแบบไม่ผิดกฎหมาย ไม่ลอกคนอื่น ไม่คฟั เวอร์ เพลงคนอื่นโดยไม่ได้ รับอนุญาต เราก็รับหมด พาย : นอกจากเพลง Cover ก็มี เพลงแบบที่ร้องอัดทับเพลงคนอื่น หรื อที่เรี ยก ว่า Mixed-tape ถ้ าไม่ได้ ท�ำการขออนุญาต อย่างถูกต้ อง เราก็เอาขึ ้นไม่ได้ มันติดลิขสิทธิ์
ฟั งใจโปรโมทศิลปิ นให้ เป็ นที่ร้ ูจกั อย่ างไร ท้อป : วิธีหนึง่ ทีเ่ ราท�ำก็คอื การเลือก เพลงลง Playlist โดยเราจะดูวา่ ณ สัปดาห์ นัน้ มันมีเรื่ องอะไรน่าสนใจบ้ าง เช่น สัปดาห์ นี ้ฝนตก ช่วงนี ้อากาศร้ อนหรื อเราค้ นพบธีม บางอย่างในเพลงที่สง่ มา เราก็เอามาท�ำเป็ น Playlist เช่ น เพลงช่ ว งนี พ้ ูด ถึ ง เรื่ อ งของ ดวงดาว ดาราศาสตร์ ท้ องฟ้ากันเยอะ ก็เลย ท�ำ Playlist ชื่อดวงดาวและดาราศาสตร์ พาย : คิดอยูว่ า่ มันคงจะมีข้อครหา ว่าเลือกที่ รักมักที่ ชังรึ เปล่า ท� ำไมเราเลือก โปรโมทแต่วงดังๆ หรื อท�ำไมโปรโมทวงนี ้ไม่ โปรโมทวงนัน้ เราไม่สามารถโปรโมททุกวงได้ แน่นอน ต้ องท�ำควบคูก่ นั คือโปรโมทวงที่ดงั ให้ คนเข้ ามา แล้ วน�ำเสนอวงที่ไม่ดงั ให้ ได้ รับ โอกาสถูกฟั งด้ วย ท้ อป : แต่ผมเชื่ อว่าวงเข้ าใจนะ หมายความว่าตัววงเองก็ต้องพยายามท�ำงาน พยายามโปรโมทให้ คนเข้ ามาฟั งด้ วย ไม่ใช่ ผลักให้ เป็ นหน้ าที่ของเรา (ฟั งใจ) ในฐานะสือ่ ที่จะโปรโมทให้ วงไหนดังไม่ดงั พาย : ถ้ าจะให้ เปรี ยบเทียบอย่าง หนึง่ คือ คนส่วนใหญ่อาจะจะเห็นแต่ลกั ษณะ ของค่า ยใหญ่ แ ละวิ ถี ป ฏิ บัติ ข องวงในค่า ย ใหญ่ แต่ในระดับอินดี ้ คุณต้ องท�ำงานเองทุก อย่าง ไม่มีคนมาคอยป้อนงานให้ อุปสรรคที่เจอผ่ านมันมาได้ ยังไงบ้ าง ท้ อป : ตอนท�ำฟั งใจช่วงแรกทีพ่ พี่ าย ยังไม่ได้ เข้ าร่วมและช่วงที่พี่พายเพิ่งมาใหม่ๆ
มันมีความเคลือบแคลงอยูใ่ นทีมกันเองเยอะ ว่าสิง่ ที่ท�ำนี่ดีแล้ วเหรอ? บางคนคิดว่า เห้ ย.. มันจะต่างกับ Deezer หรื อ KKBOX พอเหรอ เพราะทัง้ สองอย่า งนี ก้ ็ มี เ พลงอิ น ดี อ้ ยู่แ ล้ ว เพียงแต่ไม่โปรโมทเหมือนฟั งใจ ไม่เฉพาะ เจาะจงเหมือนเรา การทีเ่ ราท�ำแบบนี ้เราจะอยู่ รอดได้ มีตวั ตนและท�ำเป็ นธุรกิจได้ หรื อเปล่า เราก็สงสัยเหมือนกัน เราก็เคลือบแคลง ตอน นันเราคิ ้ ดเสมอว่าเราท�ำงานเหมือนหลับตา หนึง่ ข้ างก็คอื ท�ำมันออกมาก่อนแล้ วให้ คนฟั ง ตัดสินโดยทีเ่ ราไม่ได้ ไปฆ่าไอเดีย นันตั ้ งแต่ ้ มนั ยังไม่เกิด คือ เราคิดว่าถ้ ามันจะถูกสงสัยอะไร เรารู้สกึ ว่าเราท�ำมันออกไปวางในทีส่ าธารณะ ก่อนดีกว่าแล้ วคอยดูให้ คนฟั งตัดสินแค่นนดี ั้ กว่าปล่อยให้ มนั ตายไปในทีมเราแค่ 5-6 คน ถ้ าเราฆ่าโปรเจ็กต์นี ้ทิ ้งโอกาสประสบความ ส�ำเร็จก็จะกลายเป็ น 0% แต่ถ้าเราท�ำมันออก มาก่อน เวอร์ ชนั แรกพอฟั ง พอใช้ ได้ แล้ วโยน มันออกมาก่อนแล้ วดูว่าคนมีปฏิกิริยาตอบ สนองอย่างไร อย่างน้ อยโอกาสประสบความ ส�ำเร็จมันก็จะกลายเป็ น 0.0001 % มันไม่ใช่ 0% อีกต่อไป เหมือนทีว่ ่า ระยะทางหมืน่ ลีเ้ ริ่ ม ต้นด้วยก้าวแรก พาย : มีรุ่นน้ องที่เป็ นนักการตลาด คนหนึง่ ถามว่าได้ ท�ำ Feasibility Study แล้ ว หรื อยัง (การศึกษาความเป็ นไปได้ ของโปร เจ็กต์) ท้ อ ป : หมายถึงการศึกษาเรื่ อง ความคุ้ม ต้ นทุนมีเท่านี ้จะท�ำได้ เท่าไหร่ ตลาด เป็ นอย่างไร ซึง่ อันนี ้คือสูตรส�ำเร็จเลย ส�ำหรับ การท�ำธุรกิจ
พาย : ใช่ อย่างนันเลย ้ เราก็ตอบว่า ไม่ได้ ท�ำ น้ องก็สงสัยว่าจะท�ำส�ำเร็ จได้ ยงั ไง ถามต่อว่าตลาดใหญ่แค่ไหน เราก็บอกว่าไม่ร้ ู แต่เราคิดและอธิ บายง่ายๆ เลยว่า วงการ ดนตรี อินดี ้นัน้ มีบริ ษัทใหญ่ๆ ตังหลายบริ ้ ษัท ที่พยายามจะเข้ าตลาด พยายามจะขายของ ถ้ าพวกบริษัทเหล่านี ้คิดอยากมาลงทุน คิดว่า จะไม่มีเงินในนันหรื ้ อ เราว่าเงินมันมีแน่นอน.. แต่ท�ำยังไงถึงจะเจอเท่านันเอง ้ ท้ อป : อื ้ม ใช่ ตอนท�ำฟั งใจก็เคย คิดนะว่า ถ้ าท�ำ Music Streaming มันไม่เวิร์ค เราอาจจะผันตัวเป็ นคนท�ำ Event ก็ได้ เพราะ ในวงการนี ้ มั น ยั ง มี ทิ ศ ทางที่ ส ามารถ ขยับเขยื ้อนไปได้ อยู่ สมมติเหมือนการออก เดินเรือทะเลในสมัยก่อน จะต้ องมีมนุษย์แบบ ที่จะต้ องเห็นก่อนว่าจะต้ องเดินไปทางไหน ค�ำนวณทิศทางลมโดยที่ยงั ไม่เห็นนะ เห็นแค่ ขอบฟ้าแล้ วก็ ว้ า..น่ากลัวจัง ไม่ไปดีกว่า กลับ บ้ านแล้ วสุดท้ ายก็ไม่ได้ ท�ำ กับอีกพวกที่บอก ว่าโอ้ ..ทะเลกว้ างใหญ่จงั น่าออกเรื อจะตาย สุดท้ ายวิ่งออกเรื อไปแล้ วก็ไปชนกับโขดหิน เรื อพัง เสบียงหมดเพราะไม่ได้ เตรี ยมการ แต่ เรารู้สกึ ว่าเราเป็ นมนุษย์กลางๆ เตรี ยมพร้ อม รี เสิร์ชข้ อมูล แล้ วก็กล้ าที่จะท�ำ แต่ถ้าไปแล้ ว มันเจอโขดหิน เจออุปสรรคที่ทำ� ให้ ไปต่อทิศนี ้ ไม่ได้ จริ งๆ ก็ต้องค�ำนวณแล้ วหันหางเสือเรื อ แล้ วไปต่อได้ การที่เป็ นบริ ษัทเล็กๆ อย่างที่ปัจจุบนั เรี ยกว่า Startup จะมีคีย์เวิร์ดเรี ยกว่าการ Pivot คือการเปลีย่ นทิศทางบริษัทหรือการหัน หัวเรื อ Startup เป็ นบริ ษัทที่มีจ�ำนวนสมาชิก
ไม่มาก 10 คนหรื อไม่ถงึ การ Pivot ท�ำได้ งา่ ย เนื่องจากทีมเราเล็ก หันหัวเรื อได้ เร็ ว แต่ถ้า เป็ นเรื อหรื อบริษัทใหญ่การหันหัวเรื อหรื อการ Pivot ท�ำได้ ยาก จุดต่ างหรื อคล้ ายของ Cat Radio (Fat Radio) กับ ฟั งใจ ท้ อป : จุดร่วมคือ ลักษณะของเพลง ที่ อยู่ในระบบของเราคล้ ายกัน (เพลงนอก กระแส/ไม่จ�ำกัด ค่าย) จุดต่างมี 2 อย่างหลักๆ อันแรกเราจะตอบเองอีกอันจะให้ พี่พายตอบ อันแรกคือ New Media ที่ให้ พลังอ�ำนาจกับผู้ ฟั ง คืออย่าง Cat Radio เป็ น Traditional Media คือใน 1 วินาที มีเพลงที่เปิ ดได้ แค่ 1 เพลง ซึง่ ขึ ้นกับดีเจ แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียเสมอไป เพราะผู้ฟังก็จะมีคนคอยเลือกเพลงให้ คอย พูดให้ ฟังว่าเพลงนี ้เป็ นอย่างไร ในขณะที่ฟัง ใจอาจต้ องใช้ ความพยายาม ความคิดจาก ตัว ผู้ฟั ง ว่า อยากจะฟั ง อะไร Playlist ไหน ค้ นหาวงว่าจะฟั งอันไหน ข้ อแตกต่างอีกอันก็ คือ Cat Radio ไม่ได้ ท�ำเรื่ องของ Community ของนักดนตรี (Offline) พาย : จริ งๆ Cat หรื อ Fat Radio ท�ำกิจกรรมออฟไลน์มาตลอดแต่เป็ นลักษณะ ของคอนเสิร์ต เช่น งาน Fat Fest และ Cat (Fat) T-shirt ฟั งใจก็ท�ำเหมือนกัน แต่ก็อยาก จะท� ำอะไรที่ มากกว่านัน้ เช่น การจัดงาน สัมมนาให้ ความรู้ตา่ งๆ จัดให้ มีวิทยากรที่จะ มาแชร์ ประสบการณ์การท�ำงาน เพื่อให้ ผ้ มู า ร่ วมงานได้ รับเอาสิ่งต่างๆ กลับไปพัฒนาตัว เอง เพราะฉะนันการจั ้ ดสัมมนาต่างๆ ของเรา ก็จะมีตงแต่ ั ้ การบริ หารตัวเอง การท�ำวงอินดี ้
ท�ำยังไง กฎหมายลิขสิทธิ์ดนตรี ครัง้ ที่แล้ วก็มี เรื่ อ งการแต่ ง เพลง ส่ ว นหัว ข้ อ ล่ า สุด ก็ คื อ การเตรี ยมตัวเข้ าห้ องอัดต้ องท�ำยังไง ท้ อป : ซึ่ ง อั น นี แ้ หละเป็ นสิ่ ง ที่ เป็ นการส่งเสริ มนักดนตรี ซงึ่ Cat ยังไม่ได้ ท�ำ เราพยายามจะพัฒนาวงการดนตรี จากข้ าง ล่างมาข้ างบน ให้ วงดนตรี ร้ ูจกั การจัดการตัว เอง อย่างหัวข้ อตังแต่ ้ การสัมมนาครัง้ แรกๆ ก็ จะมีตงแต่ ั ้ การท�ำ Marketing ด้ วยตัวเอง การ ขายเพลงในตลาดเพลง Digital เรื่ องลิขสิทธิ์ ดนตรี ซึ่ ง ไม่ ค่ อ ยมี สื่ อ ท� ำ และอั น นี ฟ้ ั งใจ พยายามท�ำ ในฐานะที่เป็ นคนรุ่ นใหม่ และได้ ทำ� ตาม สิ่ ง ที่ ฝั นไปอย่ า งหนึ่ ง แล้ ว คิ ด ยั ง ไงกั บ ความคิดที่ว่า “ความจริงส�ำคัญกว่ าความ ฝั น ความมั่นคงในชีวติ ต้ องมาก่ อนความ ฝั น” ท้ อป : เราว่ามันต้ องประเมิน ไม่ใช่ เหมือนค�ำพูดสวยหรูที่วา่ กันว่า จงตามความ ฝั นของตนเอง วิง่ ทะลุก�ำแพง มันไม่ใช่ เพ้ อฝั น เกินไป การจะท�ำอะไรสักอย่างมันต้ องดูตาม สภาวะความเป็ นจริ ง ว่ า เราคื อ ใคร อยู่ใ น บทบาทอะไร แล้ วภาระที่ต้องรับผิดชอบคือ อะไร อย่างจุดหนึง่ ที่ตดั สินใจท�ำฟั งใจ ณ ช่วง เวลานี ้ในชีวติ เพราะว่าเรารู้ตวั ว่าหลังจากนี ้ไป 2-3 ปี เราจะไม่ได้ ท�ำเพราะว่าตอนนันพ่ ้ อแม่ เราอาจจะแก่ตวั เราอาจจะมีลกู มีเมีย(สมมติ นะ)พอถึ ง วัน นัน้ เราไม่ ส ามารถที่ จ ะล้ ม ได้ โดยทีไ่ ม่เจ็บหรือโดยทีเ่ ราจะเจ็บคนเดียวไม่ได้ อีกแล้ วเพราะฉะนันตอนที ้ ่ตดั สินใจท�ำฟั งใจ เราคิดเยอะมาก เอาจริ งถ้ าตัดสินใจท�ำอาชีพ
ดีไซน์เนอร์ ชีวิตโคตรสบาย คงคล่องตัวกว่านี ้ แต่ด้วยความรู้ สกึ ตอนนี ้มันรู้ สกึ ว่าตัวเองอยู่ ล�ำบากได้ คือ ถามตัวเองก่อนว่าตัวเองอยู่ ล�ำบากได้ ไหม มีคนอื่นต้ องมาเดือดร้ อนตาม ไหมซึง่ มันลงตัวแล้ วรู้ สกึ ไม่เป็ นไรมันได้ ทงคู ั้ ่ ไง เรารู้สกึ ว่าไม่เป็ นไร พาย : (เสริมขึ ้นมาตรงจังหวะพอดี) เราว่าต้ องดูต้นทุนชีวิตของตัวเองก่อนจะดี ที่สดุ อย่างเราโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่ ต้ องล�ำบาก ฐานะปานกลาง แต่พอ่ แม่เราเกิด ในครอบครัวที่จนมากๆ ซึ่งพ่อกับแม่ก็ส้ มู า ตลอดเพื่อให้ ได้ เรี ยนหนังสือสูงๆ และท�ำงาน ในอาชีพและต�ำแหน่งหน้ าทีท่ มี่ นั่ คง พ่อแม่เรา จึงคาดหวังว่าเราต้ องท�ำอย่างเขา คือเรี ยน หนัง สื อ และท� ำ งานในอาชี พ ที่ มั่น คง เราก็ พยายามท�ำตามที่เขาต้ องการมาโดยตลอด แต่สดุ ท้ าย เราก็อยากท�ำงานที่เราชอบเรารัก มากกว่าวิชาชีพที่เราร�่ ำเรี ยนมา เรารู้ ว่าสิ่ง หนึ่ ง ที่ พ่ อ เราหวัง ไว้ ก็ คื อ อยากให้ เ ราเป็ น เจ้ าของธุรกิจแล้ วก็ได้ เตรียมทุนไว้ ให้ สว่ นหนึง่ ด้ วย แต่เราก็ต้องโน้ มน้ าวให้ พ่อให้ เข้ าใจว่า ธุรกิจเกี่ยวกับดนตรี นนมี ั ้ ความเป็ นไปได้ นะ เพราะเมื่อก่อน พ่อแม่ไม่ค่อยสนับสนุนเรื่ อง ดนตรี กลัวเราจะจริงจังเป็ นอาชีพ เราเลยต้ อง แอบไปเล่นดนตรี กบั เพื่อน แต่ในที่สดุ พ่อแม่ก็ สนับสนุนสิ่งที่เราต้ องการท�ำ และโชคดีที่มี แฟนที่สนับสนุนเราด้ วย งานที่เราท�ำอยู่ (ฟั ง ใจ) ถือว่าเป็ นงานที่ชว่ ยเหลือคนอื่น แถมอาจ จะไม่คอ่ ยได้ เงินเลยด้ วยซ� ้ำ พอเรามองว่าเรา พอมีต้นทุนชีวิตที่ดี เลยคิดว่าเราคงท�ำได้ ก็ เลยตัดสินใจท�ำ คนที่ถนัดแต่ละอย่างก็ควรที่ จะได้ ทำ� ในสิง่ ทีถ่ นัดแล้ วมันก็จะตีแผ่ ขยายให้
กว้ างขึ ้น อยากให้ ทกุ คนในทุกสายงานอาชีพ ท�ำสิง่ ที่ตวั เองท�ำให้ ดีที่สดุ ก็เหมือนคนที่มอง ว่าในประเทศญี่ปนุ่ ท�ำไมเด็กเสิร์ฟหรื อคนขับ แท็กซีด่ ดู ี เพราะว่าเค้ าตังใจท� ้ ำงานของเค้ าให้ ดีที่สดุ ก็เลยเท่ ดูดี ค�ำว่ า INDIE ในความหมายของฟั งใจ พาย : ค�ำว่า Indie มาจากค�ำว่า Independence ซึง่ จะแปลว่าเป็ นอิสระก็ได้ ไม่พึ่งพาใครก็ ได้ แต่เราคิดว่าค� ำว่า “เป็ น เอกราช” น่าจะเหมาะสมที่สดุ ตามที่อาซัน มาโณช พุฒตาล ได้ เคยพูดให้ พวกเราได้ ฟัง คือไม่ใช่ว่าจะไม่รับความช่วยเหลือจากใคร หรื อ ไม่ พึ่ง พิ ง ใครเลย แต่ มัน หมายถึ ง การ ท�ำงานดนตรี โดยที่ไม่ต้องอยู่ใต้ อาณัติของ ใคร ท้ อป : (เสริ ม) ไม่ต้องสนการตลาด ว่าจะขายได้ เยอะๆ ไม่โฟกัสที่รายได้ หรื อผล ตอบแทนมากเกินไป พาย : Indie ในวิกิพีเดียง่ายๆ สันๆ ้ ว่าไม่ได้ อยู่ภายใต้ 3 บริ ษัทยักษ์ ใหญ่ เช่น Sony, Universal และ Warner ฟั ง ใ จ ส่ งผลต่ อวงการเพลงไทยยังไง ท้ อป : เราพยายามจะไม่จ�ำกัดหรื อ ปิ ดกัน้ จึงใช้ ค�ำว่า “ประชาธิปไตยทางดนตรี ” ส�ำหรับฟั งใจคือพยายามท�ำให้ ทกุ วงเท่าเทียม กันหมด เช่น ถ้ าสมมติในอนาคต GMM เกิด สนใจเผยแพร่เพลงผ่านฟั งใจ ใน Playlist ของ ฟั งใจก็อาจจะมีเพลง BodySlam อยูก่ บั เพลง ของวงดนตรี ไร้ สงั กัดก็ได้ คือ ไม่มีก�ำแพงแบ่ง
กันทางดนตรี ้ ไม่ต้องมาคิดว่ามาจากค่ายไหน ถ้ าเพลงดี คนฟั งชอบ ก็ไม่จ�ำเป็ นว่าจะต้ องไป ดูวา่ อยูค่ า่ ยใหญ่หรื อเปล่าดังหรื อเปล่า สิง่ ที่ ฟั งใจพยายามท�ำในตอนนี ้ก็คอื เปิ ดโอกาสให้ ดนตรี นอกกระแสมีพื ้นที่ได้ แสดงผลงานของ ตัวเอง พาย : เราเชื่อว่าดนตรี ที่ดียอ่ มเป็ น ดนตรี ที่ ดี อ ยู่ วัน ยัง ค�่ ำ เรามี หู อ ยู่ ส องหู ไ ม่ จ�ำเป็ นต้ องมาจ�ำกัดค่าย ไม่จ�ำเป็ นว่าจะเป็ น Jazz, Pop หรือจะเป็ น Rock ก็ได้ เรามุง่ หมาย ทีจ่ ะหาวิธีชว่ ยท�ำให้ วงดนตรีเล็กๆ มีคนหันมา ฟั งดนตรี นอกกระแสบ้ าง ทิศทางต่ อไปของฟั งใจ ท้ อป : เรื่ องหนึง่ ที่พดู ได้ ตอนนี ้ก็คือ เราก�ำลังจะเป็ นพาร์ ทเนอร์ กบั บริ ษัทที่ชื่อว่า OOKBEE คือทางบริ ษัทก�ำลังท�ำ Platform ที่ เป็ น Crowdfunding เกี่ ยวกับนักเขี ยนซึ่ง สามารถท�ำเป็ น Print on demand ได้ และ ทางบริ ษัทสนใจ Community เกี่ยวกับดนตรี ซึ่ ง เราเองก็ อ ยากจะท� ำ Crowdfunding ส�ำหรับดนตรี ด้วยเหมือนกันพอดี รู้จกั Crowdfunding ไหม ก็คือการ ที่เราระดมทุนจากมวลชนเพื่อจะไปท�ำอะไร สักอย่าง โดยมีข้อตกลงว่าถ้ าให้ เท่านี ้ จะได้ อะไรตอบแทนบ้ าง ส�ำหรับศิลปิ นนักดนตรี อิสระ พวกเขาสามารถใช้ แพลตฟอร์ มนี ้ในการ ระดมทุนจากแฟนเพลงเพื่อท�ำงานต่างๆ เช่น การอัดเสียง การท�ำอัลบัมใหม่ ้ การถ่าย MV ก็เป็ นไปได้
พาย : ขออธิบายในเรื่ องของวงการ ดนตรี ก่อนว่า ปกติแล้ วถ้ าศิลปิ นสังกัดค่าย ค่ายก็จะออกเงินเรี ยกว่า Advance ส่งให้ โปรดิวเซอร์ และนักดนตรี เพื่อให้ นกั ดนตรี ท�ำ เพลงออกมา เมื่อผลิตออกมาค่ายก็จะช่วย โปรโมทให้ ขายได้ เท่าไหร่ รายได้ ก็จะถูกหัก เข้ าค่ายส่วนหนึง่ อีกส่วนหนึง่ ก็จะไปแบ่งให้ นักดนตรี เรี ยกว่า Royalties ส�ำหรับศิลปิ น อิสระถ้ าหากว่าจะท� ำเพลงเองก็ แปลว่าจะ ต้ องออกเงินส่วนตัวทังหมด ้ ซึง่ กว่าทีจ่ ะได้ เงิน คืนถือเป็ นความเสี่ยงที่สงู มาก เรามองว่าสิ่ง ส�ำคัญที่สดุ 2 อย่างในวงการดนตรี คอื ผู้สร้ าง ดนตรี, ผู้ฟังดนตรี ถ้ าเราต่อท่อตรงก็คอื ศิลปิ น ขอเงินจากแฟนเพลงเพื่อสร้ างผลงานป้อน กลับไปให้ คนฟั ง Crowdfunding ก็คอื อย่างนี ้ ล่ะ การที่ศิลปิ นกับแฟนเพลงเชื่อมต่อกันได้ สนิทสนมกลมเกลียวก็จะสามารถท�ำผลงาน ต่อไปได้ รายได้ ของฟั งใจ ท้ อป : ถ้ ายึดเรื่ องเศรษฐกิจหรื อ ธุรกิจมาวัด ฟั งใจเป็ นบริษทั ทีค่ อ่ นข้ างฝื ดมาก เลย แต่ว่าถ้ าในทางด้ านความคุ้มค่าทาง จิตใจมันเกินคุ้มนะ มันก็คือ Passion ที่เรา อยากท�ำให้ มนั เกิด แต่แน่นอนในระยะยาว การจะท�ำอะไรก็ตามต้ องยัง่ ยืนด้ วยตัวเอง คือ วันหนึ่งถ้ ามันติดลบไปก็ไม่ได้ ตอนแรกที่ท�ำ ฟั งใจทุนคือจากเราคนเดียวคือเราต้ องเลี ้ยง ตัวเรา จะแบมือขอแม่เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ช่วงแรกของการท�ำฟั งใจ เราท�ำงานออกแบบ อยู่ เราจ้ างฟรี แลนซ์อีกคนมาช่วย เรารับงาน มา แล้ วให้ เขาช่วยท�ำให้ เราได้ มีเงินใช้ ในชีวิต
ประจ�ำวันได้ ให้ เรามีเงินได้ จ่ายเงินเดือนกับ ฟรี แลนซ์ได้ เราท�ำอย่างนี ้เพื่อให้ บริ ษัทมีสงิ่ ที่ หล่อเลี ้ยง ตอนนี ้เรี ยกได้ ว่าฟั งใจเป็ นบริ ษัท แสวงหาต้ นทุน (หัวเราะ) เอาจริ งๆ เราเป็ น บริ ษัททัว่ ไปน่ะแหละเพียงแต่วา่ การแสวงหา ผลก�ำไรไม่ใช่จดุ ประสงค์หลักในการท�ำงาน เราพยายามจะพัฒนาวงการดนตรี อิสระ เรา พยายามจะท�ำในสิง่ ที่เรารักและเราพยายาม จะอยู่ ร อดไปได้ ใ นทุ ก วัน ใช้ ค� ำ ว่ า บริ ษั ท แสวงหาต้ นทุนน่าจะเหมาะสมดี พาย : ขอเสริ มตรงนี ้นิด สายงาน เก่าเรา คือ Sustainability ก็คือความยัง่ ยืน เพราะฉะนันเราเชื ้ ่อว่า ถ้ าธุรกิจพวกแสวงหา ก�ำไรคืนก�ำไรสูส่ งั คมได้ แล้ วก็ท�ำได้ อย่างดีก็ จะเป็ นสังคมที่สมบูรณ์ แบบมาก เราอยาก ท�ำให้ ฟังใจรวย เพราะว่ามันคือการพิสจู น์ให้ คนเห็นว่าวงการอินดี ้มีเงินนะ จะได้ ไม่ดถู กู ว่า วงการนี ้เงินน้ อย การจะท�ำให้ ฟังใจมีเงินและ ท�ำให้ นกั ดนตรีอสิ ระอยูไ่ ด้ มนั จะเป็ นอะไรทีส่ ดุ ยอดที่สดุ เลย เพราะฉะนันตอนนี ้ ้เราก็เหมือน แสวงหาต้ นทุนเพื่อพยายามท�ำสิง่ อื่นๆ ต่อไป รายได้ ของฟั งใจที่จะให้ กลับทางวงดนตรี ในอนาคต พาย : พูดถึง 2 ส่วน อย่างแรก Music Streaming คือจะมีรายได้ 2 อย่างคือ โฆษณาเราได้ เงินมาเท่าไหร่ เราก็จะแบ่งให้ เจ้ าของ อาจจะเป็ นเจ้ าของเพลง เจ้ าของ ลิขสิทธิ์ค่ายเพลงก็แล้ วแต่ ซึ่งสัดส่วนจะถูก จ่ายไปตามจ�ำนวนการฟั งจ�ำนวนครัง้ ทีถ่ กู เปิ ด ฟั งของเพลงทังระบบ ้
ท้ อป : สมมติวา่ ศิลปิ น A ถูกฟั ง 10 ครัง้ ในเดือนนี ้แล้ วเพลงทังระบบถู ้ กฟั งทังหมด ้ 100 ครัง้ เค้ าก็จะได้ เงิน 10% จากเงินที่เรา เก็ บ ไว้ ใ ห้ ศิ ล ปิ น 50% ของรายได้ ที่ ไ ด้ ม า ทังหมด ้ สมมติสปอนเซอร์ ให้ มา 100 บาทเรา ก็จะแบ่งให้ ศลิ ปิ น 50 บาท ซึง่ 50 บาทนี ้ก็จะ ถูกกระจายไปตามแต่ละวงตามยอดการฟั ง ฉะนันถ้ ้ าศิลปิ น A ถูกฟั ง 10% เค้ าก็จะได้ เงิน 5 บาท พาย : คราวนี ้มีคนบางคนชอบคิด ว่า Music Streaming คืออนาคตของวงการ ดนตรี จะท�ำให้ ศลิ ปิ นมีรายได้ ทดแทนรายได้ จากการขาย CD บอกไว้ เลยว่ามันเป็ นไปไม่ ได้ ถ้าคุณไม่ได้ ดงั ระดับโลก ท้ อป : สิง่ ที่พี่พายพูดคือ สิง่ ที่ Music Streaming ก�ำลังต่อสู้คอื มันไม่ได้ ตอ่ สู้กบั การสร้ างยอดขายที่เทียบกับการขาย CD ได้ สิง่ ที่ Music Streaming ก�ำลังต่อสู้คอื 4share, Bittorrent หรื อเว็บโหลดฟรี คือเราก�ำลังต่อสู้ กับสิ่งที่ฟรี อยู่ เพราะฉะนันสิ ้ ่งที่ได้ มามูลค่า อาจจะไม่ได้ สงู มาก ต้ องมองว่าเป็ นของถูก ลิขสิทธิ์ อาจจะสร้ างรายได้ แม้ จะไม่เยอะ ต้ อง มองที่สิ่งอื่น คือการเป็ นที่ร้ ูจกั มากขึ ้น ท�ำให้ คุณสามารถได้ แฟนเพลงใหม่มากขึ ้นจากใน ฟั งใจเพราะแนวเพลงในฟั งใจค่อนข้ างแคบ กว่าที่อื่น ท�ำให้ มีคนเฉพาะกลุม่ ที่ชื่นชอบใน แนวนีอ้ ยู่แล้ วเข้ ามาฟั งเพลง โดยไม่ต้องไป แย่งพืน้ ที่กับสื่อใหญ่ อื่นๆ ที่มีเพลงที่เป็ นที่ นิยมมากมาย พาย : ก่อนที่คณ ุ จะไปซื ้อเพลงคุณ ต้ อง 1) ค้ นพบเพลงก่อน ไม่วา่ จะค้ นพบด้ วย
วิธีไหน 2) ได้ ฟังมากพอ 3) ฟั ง ติดตาม จนรัก จนชอบ ในที่สดุ ก็คือ 4) ตัดสินใจควักเงินใน กระเป๋ าซื ้อ ซึง่ Music Streaming ก็คือท�ำข้ อ 1) กับ 2) นัน่ เอง ส่วน 3) และ 4) ศิลปิ นจะ ต้ องเป็ นคนท�ำให้ เกิดเอง คือต้ องติดต่อพูดคุย กับแฟนเพลง ท�ำช่องทางจัดจ�ำหน่ายให้ แฟน เพลงซื ้อหาได้ งา่ ย แต่ฟังใจก็ตงใจที ั ้ ่จะช่วยให้ ศิลปิ นให้ เกิด 3) กับ 4) ได้ ท้ อป : เราก็เลยต้ องมีการจัด Workshop ให้ กบั ศิลปิ นวงอินดี เพื ้ อ่ จะได้ มแี นวทาง ในการท�ำให้ 3) และ 4) เกิดขึ ้นได้ พาย : อันนี ้เป็ นสิง่ ที่ฟังใจแตกต่าง จาก Music Streaming อื่นๆ อย่างชัดเจน เพราะปกติเขาจะท�ำแค่ 1) 2) แต่เราช่วย 3) 4) ด้ วย ความฝั นสูงสุดของฟั งใจ และความฝั น ต่ อๆ ไป ท้ อป : ของเรากับของพีพ่ ายอาจจะ ต่างกัน ส�ำหรับเราคือจะคิดจากฝั่ งผู้ฟังตลอด ถ้ า จะพูด ถึ ง ฝั น ตอนนี ก้ ็ คื อ ยัง ไปไม่ ถึ ง เรา อยากให้ คนที่อยากฟั งเพลงนึกถึงฟั งใจก่อน เป็ นที่แรก เราอยากให้ คนที่อยากจะฟั งเพลง ไทยนึกถึงฟั งใจก่อน ถ้ าเป็ นเพลงต่างประเทศ อาจจะนึกถึง KKBox หรื อ Deezer ก่อนได้ แต่ถ้าเป็ นเพลงไทยอยากให้ นกึ ถึงฟั งใจก่อน แล้ ว เราก็ เ ชื่ อ ว่ า Music Streaming คื อ ซอฟต์แวร์ ทดี่ กี ว่าในการฟั งเพลง อยากค้ นพบ วงดนตรี แนวเพลงใหม่ในบ้ านเรา อยากฟั ง เพลงไทยดีๆ ก็มาฟั ง ‘ฟั งใจ’ ซึง่ ตอนนี ้ก็ยงั ไม่ เป็ นตามที่คิด ยังเป็ น Youtube อยู่ร้อยละ
99.99% (หัวเราะ) พาย : ส�ำหรับความตังใจของเรา ้ จุดศูนย์รวมของไอเดียก็จะอยูท่ ี่นกั ดนตรี เรา อยากจะให้ อาชีพนักดนตรี อิสระกลายเป็ น อาชี พ ได้ จ ริ ง อยู่ ไ ด้ จ ริ ง เลี ย้ งตัว เองและ ครอบครัวได้ แต่คราวนี ้การจะท�ำให้ เกิดสิง่ นัน้ ได้ จะต้ องมีปัจจัยทางสภาวะแวดล้ อมหลายๆ อย่าง ดังนัน้ การที่จะเกิ ดการเปลี่ยนแปลง ขนาดนัน้ ได้ เรามองว่าจะต้ องมีการปฏิวัติ วงการดนตรี โดยเริ่ มจากข้ างล่างสุดก็คือ คน ฟั ง และคนท� ำ เพลง ถ้ า หากว่า คนท� ำ เพลง ท�ำให้ คนฟั งเปิ ดใจรับสิง่ ใหม่ๆ ได้ ท�ำให้ คนท�ำ เพลงเปิ ดใจรับแล้ วพัฒนาตัวเอง มันจะเริ่ ม เกิดวงจรที่สมบูรณ์ นี่คือจุดสูงสุดของฟั งใจที่ อยากให้ เป็ น มันก็จะต้ องมีกระบวนการต่อไป อีกนะ ไม่ใช่เพียงแค่ข้างล่างแต่ก็จะต้ องมา จากข้ างบนด้ วย คิดว่ าการที่มาร่ วมมือกันก่ อตัง้ ฟั งใจ คือ การท�ำตามความฝั นหรื อเปล่ า ท้ อป : ใช่นะ จุดเริ่ มต้ นเกิดจาก ความเบื่ อ หน่ า ย คนอื่ น อาจจะมี ค วามฝั น ความมุง่ มัน่ ทีจ่ ะท�ำตามอุดมการณ์ตอบสนอง ปรัชญาอะไรสักอย่าง แต่เราแค่ร้ ู สกึ ว่าเวลา แต่ละช่วงของชีวติ เช่น ตังแต่ ้ เรี ยนจบมันก็จะ มีชว่ งแบ่งของมัน มีชว่ งที่สมบูรณ์ ส�ำเร็จ จะ ไปเรี ย นต่ อ ก็ จ บแล้ ว อยากท� ำ งานที่ ต่ า ง ประเทศก็ได้ ทำ� แล้ ว เพราะฉะนันแต่ ้ ละช่วงมัน บอกเราว่าแต่ละก้ าวตอนนี ้เราอยากท�ำอันนี ้ เราก็ต้องพยายามท�ำ ตอนเรากลับมาเมือง ไทย กลับมาท�ำอาชีพเดิม (นักออกแบบ) เรา ก็ร้ ู สกึ ว่ามันไม่ได้ อยากท�ำสิ่งนี ้เท่าไหร่ เราก็
เลยมาท�ำฟั งใจ ท�ำในสิ่งที่อยากท�ำ มันเป็ น ความฝั นสูงสุดของชีวติ หรือเปล่ายังตอบไม่ได้ สมมติฟังใจอาจจะมีจดุ สูงสุดคือยิง่ ใหญ่มาก โตแล้ ว เราก็อาจจะพอแล้ วก็อยากท�ำอย่างอืน่ ต่อไปก็ได้ ก็ตอบไม่ได้ เหมือนกันเพียงแต่ว่า ณ ตอนนี ก้ ็คือไม่ใช้ค�ำว่าท� ำตามความฝั นดี กว่า ใช้ค�ำว่าท�ำตามความสุขดีกว่า เราชอบค�ำพูดของของพระภิกษุรูป หนึง่ ทีว่ ดั ป่ าทีเ่ คยไปบวช ท่านบวชมาก่อนเรา ปี กว่า เราถามท่านว่า “จะบวชไปอีกนานเท่า ไหร่ ตลอดไปไหม?” ท่านก็ตอบมาดีมากว่า “จริ งๆ แล้วทีม่ าบวชเป็ นเพศภิ กษุเพราะว่าอยู่ ทางโลกไม่ได้ แล้วถ้าวันหนึ่งเกิ ดอยู่ในเพศ ภิ กษุไม่ได้ก็จะกลับไปเป็ นฆราวาส” นี่แหละ เมื่อวันหนึ่งเราอยู่ในสภาพที่เราเป็ นอยู่ไม่ได้ เราก็ไป มันก็แค่นนเอง ั ้ แต่ ณ วันนี ้เราอยูต่ รง นี ้แล้ วเรามีความสุขเราก็อยูต่ อ่ วิธีคดิ มันก็งา่ ย แค่นี ้เอง พาย : ส่วนเราเป็ นอารมณ์ Idealist พอสมควร เคยได้ ยินไหมที่เค้ าบอกว่า ถ้ าเรา ท�ำงานที่เรารู้สกึ รัก รู้สกึ ชอบ เราจะรู้สกึ ว่าไม่ ได้ ท�ำงาน เราคิดแบบนันเลยอยากท� ้ ำให้ ได้ แบบนัน้ ก็เลยพยายามหาสิง่ ที่ตวั เองชอบ สิง่ ทีท่ ำ� แล้ วมีความสุข ท�ำแล้ วมีประโยชน์ตอ่ โลก พอเลือกได้ ว่าดนตรี คือสิ่งที่เราชอบ เรารู้ สกึ ว่าเรามีความรู้ตา่ งๆ ที่เราน่าจะช่วยให้ วงการ ดนตรี อิ น ดี ม้ ัน ดี ขึน้ อยากแนะน� ำ ให้ ไ ปฟั ง เพลงเราดู(ฮา ช่วงขายเพลง) เช่น เพลง “Unfound” เป็ นเพลงที่ แ ต่ ง ขึ น้ ในช่ ว งชี วิ ต ที่ พยายามค้ นหาตัวเองตลอดเวลา ตรงท่อนที่ ว่า “แม้ จะตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ..” ก็คอื ตอน
นันแม้ ้ จะพยายามยังไง มันก็ร้ ูสกึ ว่าไม่เจอสัก ที จนตอนนี ้มีเพลงที่เพิ่งออกมาใหม่แต่ยงั ไม่ โปรโมทคือเพลงชื่อว่า “ปล่อยมือไป ให้ ฉนั ได้ เดิน” มันถูกแต่งในช่วงที่เรี ยนอยูอ่ เมริ กา คือ คิดไว้ แล้ วว่าอยากจะเดินสายดนตรี แล้ วรู้ สกึ ว่ามันมีบ่วงพันธะอยู่ อย่างเช่นพ่อแม่ที่คาด หวังในตัวเรา เพราะฉะนันไม่ ้ วา่ เราจะตัดสิน ใจท�ำอะไรก็ตาม “ไม่ว่าจะเจ็บสักเท่าไหร่ จะ ไม่เสียใจ ถ้าต้องผิ ดหวัง หากว่าล้มจะลุกขึ้น ยื นใหม่ หากร้ องฉันจะร้ องเป็ นเพลง” นั่น แหละ เราตัดสินใจว่าเราจะท�ำอันนี ้ แล้ วก็ถ้า จะผิดหวัง เสียใจก็จะไม่เป็ นไร ต้ องปล่อยตัว เองออกจากบ่วงที่มดั เราไว้ ที่ได้ ท�ำฟั งใจนี่มี ความสุขที่ได้ ท�ำอะไรดีๆ ให้ เกิดขึ ้น ได้ ท�ำสิง่ ที่ ชอบถึงบางอย่างจะไม่ถนัดแต่ก็ได้ เรี ยนรู้ สิ่ง ใหม่บ้าง สิ่งที่พ่ ๆ ี อยากจะฝากบอกคนรุ่ นใหม่ ท่ มี ี ความฝั น ท้ อป : เราคิดว่าปั จจุบนั มี Internet โดยเฉพาะ Social Media เป็ นเหมือนดาบ สองคม ด้ านที่ ดี คื อ ได้ เห็ น ตั ว อย่ า งดี ๆ มากมาย เด็กสมัยนี ้พอเราไปสอนเราจะรู้ วา่ เก่งกว่าเราเมื่อก่อนเยอะ เพราะโลกที่ได้ เห็น นันกว้ ้ างกว่าเราสมัยก่อน ได้ อา่ นความคิดคน ที่ประสบความส�ำเร็ จมาเยอะกว่าเรา ได้ เห็น กรณีศึกษาที่เก่งๆ น่าสนใจเยอะแยะแต่ใน ขณะเดียวกันมันก็ฉาบฉวยอยู่เยอะ เรารู้ สกึ ว่ามันอันตรายคือพอทุกอย่างมันถูกจัดมา เป็ นหมวดแบบแฟลช แป๊ บๆ เห็นทุกอย่างมา ถึงจุดส�ำเร็ จ เห็นปลายทางตอนมันเสร็ จแล้ ว ดีแล้ ว ก็เลยคิดว่ามันง่าย การท�ำอะไรดูง่าย
ไปหมด พอทุกอย่างมันง่ายก็กลายเป็ นขาด การเรี ยนรู้ ในกระบวนการที่ ท�ำให้ ได้ มามัน ขาดหายไป รี บที่จะกระโจนเข้ าไปเพื่อที่จะให้ ได้ แฟลชตรงนันเดี ้ ย๋ วนัน้ โดยที่ไม่ยอมเหนื่อย ไม่เรี ยนรู้ วา่ จริ งๆ แล้ วกว่าที่จะประสบความ ส�ำเร็จมันต้ องผ่านอุปสรรค ผ่านการแก้ ปัญหา ก่อน เราชอบพูดกับเด็กหลายๆ คนว่า “ถ้าคุณ ไม่ลองไปเป็ นลูกน้อง คุณจะไปเป็ นเจ้านาย คนได้ยงั ไง จะบริ หารคนอืน่ ได้ยงั ไง” การทีเ่ รา ท�ำฟั งใจได้ ในปั จจุบนั เป็ นเพราะว่าการที่เรา ท�ำให้ ทีมทุกคนสามารถท�ำงานร่วมกันได้ พาย : จริ งๆ เราท�ำงานมาไม่นาน หรอกแต่เรี ยนนาน เรี ยนเยอะ เรารู้สกึ ว่าสมัย นี ้ อ่านข่าวเหมือนอ่านแค่ตรงพาดหัว อ่าน หนังสืออ่านตรงแค่ปก ซึง่ การทีค่ ณ ุ จะประสบ ความส�ำเร็จในชีวติ ได้ คณ ุ ต้ องผ่านการล�ำบาก ผ่ า นร้ อนหนาว ทุ ก ข์ สุข มาก่ อ นมัน ถึ ง จะ สมบูรณ์ ยกตัวอย่างพี่ตนู (Bodyslam) พูดว่า “สู้ไปแล้ วคุณจะส�ำเร็ จ” แต่นนั่ มันคือบทสรุป เท่านันเอง ้ เหมือนศีล 227 ข้ อที่สรุปออกมา เป็ น 1 ข้ อสันๆ ้ ว่า “อย่าประมาท” ก็เหมือน การสรุปทุกอย่างให้ อยูใ่ นเนื ้อความเดียว ท้ อป : ใช่ เพราะว่าเดี๋ยวนี ้อะไรก็ ย่ อ ยง่ า ย แต่สิ่ ง ที่ พี่ ตูน เค้ า ผ่ า นมาคื อ เค้ า เหนื่อยมา ก่อนหน้ านันเค้ ้ าผ่านมันมา 5-6 ปี ไม่งา่ ยขนาดนัน้ แต่พอเราอ่านแล้ วฮึ ้ย..มันใช่ แต่ในความเป็ นจริ งมันไม่งา่ ย ถ้ ามันง่ายป่ าน นีค้ นทัง้ ประเทศประสบความส�ำเร็ จไปแล้ ว เราว่าอย่าไปตกหลุมกับค�ำพูดสวยหรู ขนาด นัน้ น่าจะลองไปหาประสบการณ์ ลองท�ำดู ก่อน อย่าเพิ่งไปคิดว่า จะท�ำอะไรก็งา่ ย เป็ น
เจ้ าของกิจการก็ง่าย หนังสือสมัยนี ้ที่ออกมา มันเป็ นสูตรส�ำเร็ จเกินไป พาย : หนังสือประเภทพวกที่บอก ว่าเป็ นวิธี แนวคิดท�ำอย่างนี ้อย่างนันให้ ้ ได้ ใน กี่วนั ท้ อป : ใช่ คือ ถ้ าชีวิตมันง่าย ถ้ าผม ท�ำตาม 27, 30 ข้ อของคุณเหล่านันแล้ ้ วชีวิต จะดีขึ ้นป่ านนี ้คงดีกนั ไปหมดทังประเทศแล้ ้ ว ฉุก คิ ด นิ ด หนึ่ ง มัน ไม่ ไ ด้ มี สูต รส� ำ เร็ จ อะไร ขนาดนัน้ พาย : แต่ฟังใจเองก็ยงั ไม่ได้ ประสบ ความส�ำเร็ จนะ
ท้ อป : ใช่ อันนี ้ถูก
พาย : ใช่เดี๋ยวจะโดนข้ อครหา
ท้ อป : เดีย๋ วจะโดนว่าว่าเป็ นใคร ถึง มาพูดแบบนี ้ (หัวเราะ) พาย : ฟั ง ใจยัง เป็ นเหมื อ นเด็ ก แบเบาะ เพิ่งออกมาจากท้ องแม่ มันยังต้ องสู้ ต่อไป ทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ เหมือนทีเ่ ค้ าว่า “ระยะทาง หมื่นลี ้เริ่มต้ นได้ ท่ีก้าวแรก” ก็อารมณ์เดียวกัน ท้ อป : เราเจอค�ำถามประเภทนี ้มา เยอะมากว่า จะรู้ได้ ยงั ไงว่าความฝั นของคุณ มันไม่เพ้ อฝั นเกินไป บางคนคิดเยอะจนกลัว ไม่กล้ าท�ำอะไร กับอีกแบบที่สดุ โต่ง พวกที่ อ่านพวกนันมากจนมุ ้ มานะ มุทะลุ เดินหน้ า อย่างเดียว ท�ำไปเลยโดยที่ขาดการไตร่ตรอง แต่ของเราส�ำหรับการท�ำฟั งใจนัน้ เราเอาไป
คุยกับหลายๆ คนทังในและนอกวงการ ้ ก็มนี ะ คนที่ ยิ ง กลั บ มาแบบหงายหลั ง เลย คน สนั บ สนุ น ก็ มี เ ยอะ แต่ สุ ด ท้ ายเราก็ มี ประสบการณ์เป็ นของตัวเอง เราเรี ยนมา เรา มีประสบการณ์จากการท�ำงานมาก่อน แต่เรา ก็ต้องรอบคอบให้ มากที่สดุ เท่าที่จะท�ำได้ เลย ส�ำคัญสุดคือ ต้ องลงมือท�ำ คือคิดเสร็ จแล้ ว ต้ องลงมือท�ำ อันนี ้ส�ำคัญที่สดุ แล้ วก็ต้องคิด ให้ รอบคอบมากๆ นะ และไม่ใช่กลัวจนไม่กล้ า ท�ำอะไร เปรี ยบตัวเองกับเพลย์ ลิสต์ ในฟั งใจ หรื อ เพลงหนึ่งเพลงตอนนี ้ ท้ อป : โอ่โห่ ยาก(หัวเราะ) ให้ พพี่ าย ตอบก่อนเลย โยน พาย : อืม จริ งๆ เป็ นคนไม่คอ่ ยฟั ง เพลงล่ะ เพราะฟั งเพลงระหว่างท�ำงานไม่ได้ ไม่มีสมาธิ แต่ถ้าจะให้ เปรี ยบกับเพลงตอนนี ้ น่าจะเป็ นเพลงที่มีจงั หวะเดิน เข้ าจังหวะใน การเดิน คือ การท�ำงานอะไรก็แล้ วแต่อย่า คลาน อย่าวิ่ง ให้ เดิน เราจะไม่เหนื่อยเกินไป ได้ มองเท้ าตัวเองได้ เห็นเป้าหมายชัดขึ ้นด้ วย ท้ อป : คิดเพลย์ลสิ ต์ไม่ออก แต่เรา นึกถึงเรื่ องความพยายามท�ำในสิ่งที่เชื่อ ท�ำ ด้ ว ยการคิ ด เรื่ อ งต้ น ทุน ชี วิ ต กลับ ท� ำ ให้ เ รา นึกถึงหนังสือการ์ ตนู เล่มหนึ่งของ ‘สะอาด’ ชื่อว่า ‘ชายที ่ได้ไปญี ่ปนด้ ุ่ วยหนังสื อของตัว เอง’ ต่อจากเล่มแรกที่ชื่อว่า ‘ชายผูอ้ อกเดิ น ทางตามหาเสียงของตัวเอง’ เรารู้สกึ ว่าคนๆ นี ้ คือตัวอย่างที่คิดว่าใช่มาก ทุกครัง้ ที่อ่านเรา ขนลุก อ่านประมาณ 5-6 รอบ น� ้ำตาซึมด้ วย
เรารู้ สึก ว่า เค้ า ได้ ท� ำ ในสิ่ง ที่ ตัว เองต้ อ งการ จริ งๆ ตอนแรกก็ไม่มีใครเห็นด้ วยเลยคนรอบ ข้ างมีแต่คนด่าแต่เค้ าก็ยงั ท�ำต่อไปเพราะคิด ว่ามันคือสิง่ ที่ท�ำแล้ วมีความสุข แต่มนั เหนื่อย มากเลยนะกว่าจะไปถึงจุดนัน้ อันนี ้แนะน�ำ ต้ องไปหาอ่านครับ มันเป็ นของจริ งไม่ได้ มีค�ำ พูดสวยหรู แต่เรื่ องเล่าวิธีการสื่อท�ำได้ ดีมาก มันคือ “Hard Work Pay Off” จริ งๆ ช่ องทางการติดตาม ฟั ง ใ จ ท้ อป : Website fungjai.com หรื อ พิมพ์ ฟั งใจ.com ก็ได้ หลักๆ ตอนนี ้ที่ใช้ คือ เพจเฟซบุ๊ก facebook.com/hellofungjai ฝากอี ก อย่ า งคื อ แมกกาซี น ของฟั งใจชื่ อ Fungjaizine.com ทีม่ เี นื ้อหาเกี่ยวเพลงทีน่ ้ อย คนที่จะท�ำ เช่น คอลัมน์หนึ่งที่ลงพื ้นที่ เอา เพลงที่คนคิดว่ามันอินดี ้ ฟั งยาก เราจะลอง เอาเพลงนี ้ไปให้ คนทัว่ ไป ไม่วา่ พ่อค้ า แม่ค้า แม่บ้าน ป้าในตลาด ได้ ลองฟั งแล้ วให้ เค้ าช่วย รี ววิ เพลงหลังจากที่ได้ ฟัง หรื อคอลัมน์ที่พาไป ดูถงึ ขันตอนที ้ ม่ าของการท�ำปก CD ปกอัลบัม้ แต่ละวง พาย : Social Media ทุกอย่างไม่ ว่าจะเป็ น Twitter, Youtube, Instagram ใช้ Hellofungjai หมดเลย ส่วนอีเมล์ก็ hello@ fungjai.com
ที่มา : O-N issue 10 | ไม่ตลก
'สะอาด' นักวาดการ์ ตนู วัยยี่สบิ กลางๆ พร้ อมประสบการณ์การวาดการ์ ตนู ครึ่งชีวิต มันไม่นา่ สนใจหรอก ถ้ าเขาแค่วาด การ์ ตนู เพื่อความสนุกไปวันๆ แต่การ์ ตนู ของ เขากลับเปิ ดโลกการท�ำงานให้ กบั ตัวเขาเอง และผลงานของเขายังท�ำให้ เขาได้ เดินทาง ไปรับรางวัลถึงประเทศต้ นแบบของการเขียน การ์ ตนู อย่างญี่ปนุ่ เพราะเหตุใดเขาถึงเลือก อาชีพนักวาดการ์ ตนู ครอบครัวยอมรับได้ ไหม สิง่ ที่เขาได้ เรี ยนรู้ตลอดเส้ นทางของนัก วาดการ์ ตนู ที่ผา่ นมาคืออะไร เแล้ วเขามอง อนาคตตัวเองอย่างไร ในตอนท้ ายหนังสือทุกเล่ม เขา เขียนเอาไว้ วา่ 'บ้ านเกิดคือปากช่ อง' เรา เล็งเห็นความผูกพันอะไรบางอย่างต่อสถาน ในชีวิตของคนๆ หนึง่ O-N ฉบับนี ้เลยถือ โอกาสพิเศษในการขอสัมภาษณ์เจ้ าตัวสอง ครัง้ ครัง้ แรกคือในเมืองกรุง และอีกครัง้ คือที่ ปากช่อง บ้ านเกิดของเขานัน่ เอง -----------------------------{ Part : ในเมืองกรุ ง } มันเป็ นปกติของทุกคนที่วนั หนึ่งจะลุกขึน้ มาท�ำอะไรเป็ นชิน้ เป็ นอัน วันนัน้ เกิดอะไร ขึน้ อยู่ดๆ ี จึงเอาตัวเองเข้ ามาสู่วงการนัก เขียนการ์ ตนู ไม่ได้ มวี นั เป็ นจุดเปลีย่ นขนาดนัน้ มี แต่ท�ำไปเรื่ อยๆ เป็ นกิจวัตร เขียนการ์ ตนู ทุก วัน อ่านการ์ ตนู ทุกวัน เป็ นชีวิตประจ�ำวันของ เราเหมือนอาบน� ้ำ พอท�ำออกมา ผลตอบรับ โอเค เราก็เลยคิดว่าสิ่งที่เราท�ำทุกวันมันก็
โอเคกับคนอื่น หลังจากนันจึ ้ งเห็นทิศทางเป็ น อาชีพ แล้ วก็ตอ่ ยอดมา พูดถึงเสียงตอบรั บที่มีผลต่ อการต่ อยอด แล้ วเรื่ องการพัฒนา มีวัตถุดบิ อะไรบ้ าง เป็ นช่วงๆ ไป ทีแรกก็เป็ นชีวติ ประจ�ำ วัน สื่อที่เราเสพ การ์ ตนู บ้ าง หรื อจินตนาการ ของเราเองที่เราคิดว่ามันน่าสนุก นักเขียน การ์ ตนู ไทยส่วนมากถ้ าไม่ใช่ตามหนังสือพิมพ์ ก็ต้องคิดถึงความสนุกก่อน ร้ อยละ 99 ต้ อง คิดถึงการเอนเตอร์ เทนคนอ่านก่อน แล้ วถ้ า คนอ่านสนุก อินกับเรา มันก็ดี แต่พอโตขึ ้นเรา ก็อนิ เรื่องอืน่ ทีใ่ หญ่กว่าเดิม ตอนเด็กๆ อาจจะ เศร้ าทีเ่ พือ่ นตาย แต่พอโตเราอาจจะเศร้ าทีค่ น ที่เราไม่ร้ ู จักตายก็ได้ พอมันใหญ่ขึน้ งานก็ เชื่อมโยงไปถึงสิง่ อืน่ ๆ เราก็ไม่ร้ ูวา่ มันดีหรือไม่ ดีที่งานของเรากลายเป็ นการเล่าเรื่ องใหญ่ๆ ทังที ้ ่เราชอบเรื่ องเล็กๆ แต่มนั ก็คือการสือ่ สาร ในเรื่ องที่เรารู้สกึ นั ก วาดการ์ ตู น ไทยได้ รั บ อิ ท ธิ พ ลจาก ญี่ปนมาก ุ่ แล้ วเอกลักษณ์ ของการ์ ตนู ไทย คืออะไร เข้ าใจว่า ค�ำถามที่ว่า “ความเป็ น ไทยคืออะไร?” มันวนเวียนมาสัก 20 ปี แล้ ว ไม่ ใ ช่ ว่ า ความเป็ นไทยแบบนั น้ แต่ พูด เรื่ องการผสมผสาน เพราะความเป็ นไทย มันไม่ ตายตัวอยู่แล้ ว แต่ เรามีอะไรที่เชื่อม โยงกัน ท�ำให้ เขาอินกับเรา เขาดูแล้ วรู้ ว่า เป็ นเรา
มันก็เชื่อมโยงกันนะ วงการการ์ ตนู
ไทยยุคหลังมันเกิดจากการ์ ตนู ญี่ปนเข้ ุ่ ามาตี ตลาด การ์ ตนู ทีเ่ คยได้ รับจากอเมริกาเลยตาย ไป ตอนนี ง้ านของเราเลยรั บ มาจากญี่ ปุ่ น เต็มๆ จนถึงจุดหนึ่งที่ตวั ละครทุกตัวเป็ นตัว ละครหัวทองตาโต แฟนตาซี ดูไม่ออกว่างาน คนไทยหรื อคนญี่ปนุ่ มันท�ำให้ คนตังค� ้ ำถาม ว่าอ่านแล้ วไม่ร้ ู เลยว่าเป็ นการ์ ตนู ไทย แล้ วก็ ถามต่อว่าความเป็ นการ์ ตนู ไทยคืออะไร แต่ ค� ำ ถามนี ม้ ัน ก็ ย าก คื อ ต้ อ งเป็ นสไตล์ ไ หน ฟอร์ มไหน ต้ องมีลายกนกเหรอ เหมือนที่เคย คิดจะเขียนรามเกียรติ์เป็ นแฟนตาซี หรื อพระ อภัยมณีซาก้ า แต่มนั ก็ยงั ออกเป็ นแฟนตาซี ญี่ปนุ่ แล้ วก็กลัวว่าไม่เป็ นไทย เลยหาอะไรที่ ไทยมากๆ มาโยนใส่งานตัวเอง บางคนก็ทำ� ได้ ลงตัว แต่สว่ นใหญ่ท�ำให้ เราอึดอัด เพราะเรา ก็ ไม่ได้ รังเกี ยจความเป็ นญี่ ปุ่น ถ้ าเขาวาด อย่างที่เขาชอบมันก็โอเค ไม่ต้องดูวา่ เป็ นไทย ก็ได้ แต่คนบางส่วนก็ยงั ไม่โอเค เขาเลยอยาก หาความเป็ นไทยจากการร� ำ ชฏา ความเป็ น ชาวบ้ าน ท้ องทุง่ ไทย วัดวาอาราม ใส่เข้ าไป มันก็ดูไทยแล้ วรึ เปล่า เขาพยายามปรับกัน โดยตัวฟอร์ มแล้ วมันกระจัดกระจายมาก แต่ ด้ วยความที่เราไม่ได้ มีรากฐานต่อยอดด้ านนี ้ เหมื อ นที่ ก าร์ ตูน ญี่ ปุ่ นมี ร ะบบผู้ช่ ว ยที่ ต้ อ ง ลอกลายเส้ นอยู่ตลอด ลายเส้ นมันก็มีความ เชื่อมโยงกัน แต่เราโตมาด้ วยความรู้สกึ ทีแ่ ตก ต่างกัน นักเขียนทีจ่ ะมีเอกลักษณ์ทางลายเส้ น ฉีกไปจากญี่ปนุ่ ก็กลายเป็ นยุโรปหรืออเมริกา ไป
แล้ วส�ำหรั บตัวเอง มีสัญลักษณ์ อะไรบ้ าง ที่บ่งบอกว่ าเป็ น ‘สะอาด’ เราจะเล่าเรื่ องคนไทย เราเขียนให้ คนไทยอ่ า น ไม่ ไ ด้ คิ ด จะเขี ย นให้ คนต่ า ง วัฒนธรรม บางอย่างก็มีแต่คนไทยที่จะเข้ าใจ มุก แต่ด้านลายเส้ นเรารู้ สกึ ว่าเราเป็ นญี่ปนุ่ มากๆ เรารู้สกึ ตลอดจนกระทัง่ มีคนบอกว่าเรา เป็ นเอกลักษณ์ แต่เราคิดมาตลอดว่าเราเป็ น แบบญี่ ปุ่ น ทั ง้ ที่ ค นญี่ ปุ่ นก็ บ อกว่ า เรามี เอกลัก ษณ์ ข องตัว เอง เราเลยไม่ ร้ ู ว่ า เอก ลักษณ์ จริ งๆ แล้ วคือยังไง แต่เราว่างานเรา เป็ นการผสมผสานของญี่ปนุ่ อาจจะมียโุ รป บ้ าง แต่สดุ ท้ ายแล้ วมันก็คอื เรา ถ้ าจะให้ นยิ าม ก็นิยามไม่ถกู ให้ คนอ่านมองดีกว่า สัญลักษณ์ ท่ ีสอดแทรกอยู่ในการ์ ตูนแต่ ละแก๊ ก คนอ่ านรั บรู้ ได้ หรื อเปล่ าว่ าสิ่งที่ เราอยากสื่อสารคืออะไรกันแน่ เช่ น การ เสียดสี คนอ่ านเขารู้ หรื อเปล่ าว่ าเราจะ สื่ อสารแบบนี ้ ผลตอบรั บมั นเป็ นยังไง มันดีหรื อเปล่ า หรื อว่ าเขาด่ าหรื อเปล่ า ว่ากันตามทฤษฎีการสื่อสารน่ะ เรา เป็ นผู้สอื่ สาร การ์ ตนู เป็ นสารของเรา แล้ วผู้รับ สารเขาจะตีความ จะถอดรหัสยังไงมันก็ต้อง แล้ วแต่เขา เราควบคุมมันไม่ได้ แล้ วในแง่ กระบวนการท�ำงาน เรารู้ สึกว่ายิ่งผู้รับสาร ตีความสารไปหลากหลายแค่ไหน หรื อว่าเขา เกิดการถกเถียงด้ วยสารนี ้มากแค่ไหน มันก็ ยิ่ ง เป็ นงานที่ ดี เรารู้ สึ ก ว่ า สารที่ ส ามารถ ตีความได้ ชดั เป๊ ะและเข้ าใจตรงกัน มันจะเป็ น สไตล์งานที่เราไม่ชอบ แบบ “นิ ทานเรื ่ องนี ้ สอนให้รู้ว่า...” ซึง่ เรารู้สกึ ว่าอยากให้ งานเรา
ไม่ชี ้น�ำ ไม่ได้ ให้ คำ� ตอบ แต่เป็ นการตังค� ้ ำถาม การที่หยิบยกเรื่องจริงในสังคมที่บางทีคน ไทยก็ร้ ู แต่ บางอย่ างก็รับไม่ ได้ แล้ ววาด เป็ นการ์ ตนู ออกมาสะท้ อนความจริงแบบ นี ้ มีการตอบรั บอย่ างไร เช่ น เวลาทิง้ ขยะ เขียนออกมาแล้ วคนอ่ านรู้ สึก เออ ต่ อไป จะไม่ ทิง้ ขยะ หรื อมีคนมาต่ อว่ าว่ า เฮ้ ย ดราม่ าไปหรือเปล่ า มันเป็ นแค่ เรื่องเล็กๆ เองนะ มีแบบนีบ้ ้ างไหม เรื่ อ งการทิ ง้ ขยะเนี่ ย เคยลงใน นิตยสารสารคดี แล้ วทีมงานก็มาบอกว่าหลัง จากได้ อ่านแล้ วเวลาจะท�ำอะไรก็จะระวังตัว มากเลย แสดงว่ าที่เราสื่อสารไปมันได้ ประโยชน์ ถูกไหม เราคิดว่า.. เราก็ไม่ร้ ูผลลัพธ์สดุ ท้ าย ว่ามันท�ำให้ เขาดีขึน้ จริ งไหม แต่เขาอาจจะ ระวังตัวมากขึ ้นจริ ง เรารู้สกึ ว่าการ์ ตนู ชิ ้นหนึง่ เปลี่ยนอะไรใครยากมาก เทียบกับตัวเราเอง เราไม่มคี ำ� คมเปลีย่ นชีวติ หรือแก๊ กเปลีย่ นชีวติ เราเลยรู้ สกึ ว่าไม่คาดหวังหรื อคิดถึงมันมาก เกินไปดีกว่า เราแค่ท�ำในสิง่ ที่เราคิดว่ามันได้ ตังค� ้ ำถามหรืออะไรทีเ่ ราคิดว่ามันน่าสนใจ แต่ เรื่ องที่ว่ามีคนมาด่าก็แล้ วแต่ประเด็น บาง ประเด็นเช่น แก๊ กนักศึกษาที่เด็กม.รั ฐดูถูก ม.เอกชน เอกชนดูถกู รัฐ ก็จะมีคนออกมาท้ วง ว่าความจริงไม่ได้ ขนาดนัน้ แล้ วเดีย๋ วนี ้ม.รัฐก็ ออกนอกระบบหมดแล้ ว เราก็เพิ่งเคยเจอผล ตอบรับแบบนี ้ ประสาทแดกไปช่วงหนึ่ง กด รี เฟรชอยู่หน้ าจอว่าเค้ าจะด่าอะไรบ้ าง อันนี ้
ตอบดีมยั ้ หรื อว่าเงียบดี ก็มีบอกว่าเราอคติ เกินไปหรือเปล่า แล้ วก็มคี นมากดไลค์ กดแชร์ ถกเถียงกัน พอเจอแบบนี ้ ท�ำอย่ างไร มีกระบวนการ อะไรที่จะสร้ างงานชิน้ ต่ อไปบ้ าง เราจะตรวจสอบมากขึน้ จากแต่ ก่อนที่เราท�ำอะไรง่ายๆ อย่างงานนี ้เราได้ ไอ เดียมาจากอาจารย์ทบี่ อก “พวกคุณต้ องตังใจ ้ เรี ยนกันสิ ที่ค่าเทอมคุณถูกเพราะเงินภาษี ของประชาชนนะ” เราก็เอามาต่อยอด แต่เรา ไม่ได้ คิดว่าจะมีเด็ก ม.เอกชนมาดูถูกม.รั ฐ แบบในการ์ ตนู จริ งๆ รุ่นพี่ที่เราเคารพคนหนึง่ ก็บอกว่ามันไม่ใช่งานที่ดี มันท�ำให้ เราต้ อง กลับ มาตรวจสอบตัว เองในระดับ หนึ่ ง ว่ า สุดท้ ายแล้ วมันเป็ นงานที่ควรปรั บปรุ งหรื อ ควรระวังมากกว่านี ้มัย้ ต้ องเซ็นเซอร์ มากกว่า นี ้มัย้ เราเลยได้ ข้อสรุ ปว่างานแก๊ กไม่ควรอยู่ บนพื ้นฐานความเป็ นจริ งเสมอไป งานแก๊ กไม่ จ�ำเป็ นต้ องเอาชีวติ จริงมาวาด เราจะเขียนขึ ้น มาเองก็ได้ ขึ ้นอยู่กบั ว่าเราจะคิดว่างานแก๊ ก คืออะไร และการที่ท�ำให้ คนมาถกเถียงกันก็ ไม่ใช่เรื่ องแย่ มันอาจเป็ นเรื่ องดีก็ได้ เราได้ ตรวจสอบตัวเราเอง เขาก็ได้ ตรวจสอบตัวเขา ว่ามีความคิดแบบนี ้อยู่ มันมีคนที่เห็นต่างอยู่ แล้ วท�ำไมถึงเลือกวาดการ์ ตนู แก๊ กเสียดสี สังคม สะท้ อนสังคม เราว่ามันมาจากความสนใจของเรา ที่พอเราโตขึ ้นอารมณ์ขนั ก็เปลี่ยนไป เราเริ่ ม ไม่ค่อยรู้ สึกว่ามุกเอาถาดตีหัวมันตลก แต่ ตลกร้ ายในชีวิตเรามันน่าสนใจกว่า พอเราโต
ขึน้ อ่านงานประเภทนัน้ งานที่ออกมาเลย กลายเป็ นเรื่ องสะท้ อนสังคม การยึดอ�ำนาจมีผลกระทบต่ อไอเดียไหม หมายถึงต้ องเซ็นเซอร์ ชิน้ งานหรื อเปล่ า เวลาเขียนออกมาต้ องเซ็นเซอร์ จากสมอง แล้ วมีเรื่ องที่อยากจะพูดโดยไม่ ผ่านการ เซ็นเซอร์ จากสมองไหม ย้ อนกลับไปช่วงรัฐประหาร ความ รู้ สึก เราแรงมาก เราฝั น ถึง รั ฐ ประหารเป็ น อาทิตย์ มันเป็ นช่วงทีเ่ ราท�ำทีสสิ ด้ วย เกี่ยวกับ การเมือง ความเป็ นไทย แล้ วพอเจอเหตุการณ์ แบบนี ้เรายิ่งรู้สกึ ว่าเราต้ องท�ำอะไรบางอย่าง แต่ก็ยงั ไม่ร้ ูนะว่าต้ องท�ำอะไร ถึงจุดหนึง่ ที่เรา เรี ย นวารสารฯ มา เราก็ ไ ด้ อ่ า นงานพวก กุหลาบ สายประดิษฐ์ ที่เขาต่อสู้กบั เผด็จการ เราก็ซมึ ซับเข้ ามา แล้ วเราก็เห็นว่าท�ำไมคณะ เราที่พร�่ ำสอนเรื่ องจรรยาบรรณว่าการไม่ให้ เสรี ภาพกับสื่อเป็ นเรื่ องเลวร้ ายมาก เราต้ อง เปิ ดพื ้นทีใ่ ห้ สอื่ สอนตังแต่ ้ ปีหนึง่ ยันปี สี่ แต่พอ รัฐออกมาออกกฎอัยการศึกห้ ามสื่อท�ำอะไร เขาก็ไม่ออกแถลงการณ์ ไม่พยายามท�ำอะไร เลยแล้ วก็สอนนักศึกษาได้ ตามปกติ เราก็ไม่ เข้ าใจว่าท�ำไมมันเป็ นแบบนี ้ มันมีความสงสัยเกี่ยวกับระบบการศึกษา ใช่ ไหม เพราะตัวความรู้ เขาสอนมาว่ า เสรีภาพเป็ นสิ่งที่ดี แต่ การกระท�ำมันสวน ทาง อื ้ม แล้ วเขาสอนลูกศิษย์ด้วยความ รู้สกึ ไหน? แล้ วเด็กมันจะเชื่อเหรอ? แล้ วเด็ก เรี ยนด้ วยความรู้สกึ ไหน? เขาสอนเรื่ องจรรยา
บรรณสือ่ ไปด้ วยพร้ อมกับบอกว่าการเซ็นเซอร์ สื่อเป็ นสิ่งที่ถูกแล้ วได้ ด้วยเหรอ เรางงมาก ท�ำไมมหาลัยไม่ออกมาท�ำอะไรเลย แต่เขา อาจจะมีเหตุจ�ำเป็ น แบบการเมืองในคณะ หรื อโดนอธิการกดดัน เราเลยรู้ สึกว่าเราก็มี ข้ อดีนะ เราเป็ นฟรี แลนซ์ มีอิสระ ในฐานะสื่อ อิสระเราเลยท�ำอะไรก็ได้ ช่วงแรกที่เขียนเรา ไม่ได้ เอาไปลงมติชนด้ วยทังที ้ ่เขาเปิ ด เราเอา ไปลงในเว็บเลย เราคิดว่าพอเป็ นสือ่ หลักแล้ ว ต้ องเงียบ พูดแต่ในด้ านที่ดี เราก็เลยต้ องออก มาพูดอีกด้ านหนึง่ คือแทนที่จะเซ็นเซอร์ กลายเป็ นเสนออีก ด้ านออกมาเลย ใช่ มันยิ่งท�ำให้ เราต้ องท�ำอะไรบาง อย่าง เพราะเราอิสระกว่าเขา แต่แน่นอนว่าก็ มีบางประเด็นที่เราต้ องเซ็นเซอร์ ตวั เอง ต้ อง ระมัดระวังในระดับหนึง่ แต่เราก็ปลอบใจตัว เองว่าเขาคงไม่มาจับนักเขียนการ์ ตนู หรอก แม่เราเองยังบอกเลยว่าให้ เลิกเขียนการ์ ตนู การเมืองเถอะ แต่นอกจากนันก็ ้ มีหลายชิ ้นที่ เรารู้ สึกว่าช่วงนี เ้ ป็ นช่วงที่ ความคิดเห็นทุก อย่างในสังคมมันเปราะบางมาก ยิ่งปิ ดกัน้ เสรี ภาพในการพูดในหลายๆ เรื่ อง คนก็ยิ่ง พร้ อมทีอ่ อกมาแสดงความเห็น เหมือนคนเก็บ อัน้ สังเกตช่วงแรกๆ จะมีดราม่าสารพัดเรื่ อง มาก เหมือนคนหันไปตีกนั เรื่ องอื่นที่ไม่เรื่ อง การเมือง เพราะงันเวลาเราน� ้ ำเสนอ เราก็จะ คิดว่าอยากจะสือ่ สารกับฝ่ ายทีไ่ ม่เห็นด้ วย เรา อยากโน้ มน้ าว ตังค� ้ ำถามกับเขามากกว่าฝ่ าย ที่เห็นด้ วยกับเราอยูแ่ ล้ ว อันนี ้เลยเป็ นเหตุผล ที่เราไม่ร้ ูสกึ ว่าอยากลงมติชนมากนัก เพราะ
มันมีคนอ่านกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่คนอ่านอีก กลุม่ ไม่เอามติชนเลย แต่ขณะที่แฟนคลับเรา มัน เป็ นอี ก แบบ แล้ ว เราก็ อ ยากคุย กับ คน กว้ างๆ อยากให้ เขาออกมาคุยกัน ออกมาถก เถียงกัน บางทีมนั ก็โอเค แต่บางทีก็ไม่ เพราะ มันก็ยงั มีบางประเด็นทีเ่ รารู้สกึ ว่าเราคิดให้ มนั ก�ำ้ กึ่งไม่ได้ เราคิดว่าทุกสีควรจะฉุกใจบ้ าง เช่นเรื่ องจับนักศึกษาขัง เราว่ามันเป็ นสิง่ ที่ทกุ สีเข้ าใจได้ วา่ มันไม่โอเค ถ้ าตังสติ ้ หน่อยหนึง่ มันเป็ นเรื่ องคอมมอนเซ้ นส์มากๆ แต่ยิ่งเป็ น เรื่ องคอมมอนเซ้ นส์ งานเราก็อาจจะออกมา เป็ นเชิงด่าเขา เพราะงันเรายิ ้ ง่ ต้ องระวัง เพราะ เราเคยถูกสอนมาว่าเวลาจะโน้ มน้ าวใคร เรา ต้ องไม่ไปด่าเขา เพราะเขาจะปิ ดหูทนั ที ตราบ ใดที่เราไปด่าเขาว่าคุณโง่ทงที ั ้ ่จบดอกเตอร์ มันก็ยิ่งยากที่เขาจะยอมรับ ตอนนี ้ มั นก็ เ หมื อนกั บ เป็ นการ์ ตู น การเมืองบ้ าง แล้ วอย่ างประโยคที่โดน คอมเม้ นท์ ว่าไม่ ใช่ คนไทย มันมีผลกระ เทือนยังไงบ้ าง มีแรงกระเพื่อมอะไรไหม อยากพูดอะไรกับคนที่เห็นต่ างหรื อเปล่ า ไม่ถึงขนาดมาบอกว่าไม่ใช่คนไทย นะ แต่ ก็ มี ค นที่ ไ ม่ เ ห็ น ด้ ว ย เช่ น เรื่ อ งร่ า ง รัฐธรรมนูญที่เราเห็นว่ามันพิสดารมาก เราว่า ไม่โอเค เลยพยายามน�ำเสนอออกมาแล้ วก็ แปะลิ ้งค์ ทีนี ้ก็มคี นออกมาบอกว่าเราเป็ นฝ่ าย โน้ นฝ่ ายนี ้ จนตอนนี ้เราเริ่ มตลกแล้ ว เพราะ พอเราตัดสินใจจะพูดประเด็นนี ้ ก็ต้องเตรี ยม ใจว่าจะต้ องมีข้อหาควายแดงเกิดขึ ้น อย่างพี่ นิ ว้ กลมก็ ค งเตรี ย มใจแล้ ว เหมื อ นกั น แต่ สุดท้ ายเราว่าเราก็ต้องท�ำ งานเขียนชิน้ นัน้
ของพีเ่ อ๋ชิ ้นนันเราว่ ้ าทังสุ ้ ภาพ มีวาทศิลป์ การ โน้ มน้ าว ตรงตามหลักการทุกอย่าง เป็ นงาน ทีด่ มี าก แต่มนั ก็ยงั โดนแบบนัน้ เราเลยรู้วา่ เรา ไม่มีทางหลีกเลี่ยงผลตอบรั บในทางลบพ้ น หรอก เปลี่ยนเรื่อง ไม่ เอาเรื่องการเมืองแล้ ว มา เรื่ องที่โดนถามบ่ อยๆ ละกัน เรื่ องรางวัล ญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์ อะไรที่ทำ� ให้ ได้ รางวัล จริ งๆ เขาห้ ามบอก แต่เราก็บอกทุก สือ่ นะ (หัวเราะ) เขาบอกว่างานเรามีกลิน่ อาย ของยุค 70 หรื อ 80 นี่แหละ คือลายเส้ นเรา ค่อนข้ างเก่า มุมกล้ องก็ไม่คอ่ ยเปลีย่ น ไม่คอ่ ย หวือหวา แม้ แต่การวางช่อง อย่างช่องการ์ ตนู สมัยใหม่จะชอบให้ ตกขอบ เขาเรียกตัดตก แต่ อย่างเราจะตีกรอบรอบๆ ไว้ อยู่ ดูเหมือนการ์ ตนู ยุคเก่ า ใช่ มันเป็ นความรู้สกึ ย้ อนยุคหน่อย บวกกับ เขาบอกว่า คอนเทนต์ เ ราเป็ นคอน เทนต์ที่ให้ ความหวังก�ำลังใจ ซึง่ เหมาะกับคน ญี่ปนตอนนี ุ่ ้ เพราะมันพูดถึงคนที่ท�ำสิ่งที่ตวั เองชอบมากๆ แล้ วล้ มเหลว แล้ วก็มองโลกใน แง่ดีว่าเราล้ มเหลวแล้ วได้ อะไรจากมันบ้ าง เขาบอกว่าคนญี่ปนน่ ุ่ ะมีฟีลนี ้ คือเขาเป็ นคน ทีพ่ ยายามท�ำอะไรมากๆ ตลอดเวลา แล้ วบาง คนล้ มเหลวก็ฆา่ ตัวตาย แต่งานนี ้มันไปตอบ โจทย์เรื่ องการให้ ก�ำลังใจ แล้ วอีกอย่างหนึง่ ที่ เราคิดเอง ตัวคอนเทนต์ มันเกี่ ยวกับญี่ ปุ่น หลายอย่างที่อาจถูกจริ ตเขา เช่น เรื่ องกินจุที่ เราเอามาจากทีวีแชมป์เปี ย้ น แม่ค้าร้ านเช่า การ์ ตูนญี่ ปุ่น ดราก้ อนบอล ล้ อเลียน แข่ง
ฟุตบอล เด็กที่อยากเป็ นตลกคาเฟ่ ซึง่ ญี่ปนุ่ เป็ นประเทศที่จริ งจังกับอาชีพตลกมากๆ มัน ก็อาจเข้ ากับรสนิยมเขา ในเพจเห็นอยู่รูปหนึ่งที่เป็ นโต๊ ะท�ำงาน มี หนังสือหลายแนวมาก หนังสือพวกนัน้ มี อิทธิพลต่ อการวาดการ์ ตนู มัย้
โห..สุดๆ!
แล้ วมันมีแบบที่อ่านเสร็จแล้ วต้ องเอามา วาดทันทีเลยไหม ไม่มีนะ แต่มีแบบอ่านๆ แล้ วปิ๊ ง ที่ เราว่ามีอทิ ธิพลสูงเพราะเราเรียนมาทางสือ่ สิง่ พิมพ์ เราชอบงานเขียนมาก ชอบเขียนด้ วย เราว่าเราเป็ นนักเขียนการ์ ตนู ไม่กี่คนทีม่ คี วาม เป็ นสายงานเขียนสูง ชอบอ่านการท�ำงานของ นักเขียน กนกพงศ์นี่เราอินมาก ’รงค์ วงษ์ สวรรค์ก็ใช่ เราอ่านของเขาแล้ วเราก็เอามา ปรับเรื่องการท�ำงาน เรื่องสังคมมันก็แตกยอด มาจากตรงนี ้ อย่ า งประวั ติ ข องกุ ห ลาบ อาจารย์เสกสรรค์ เพราะมันเป็ นเรื่ องสังคม ด้ วย มีวรรณศิลป์ด้ วย เริ่ มสนใจไปทางงาน วิชาการ ประวัติศาสตร์ แล้ วสุดท้ ายข้ อมูล พวกนี ้พอเอามาปรับเป็ นการ์ ตนู เชิงขบขันแล้ ว เราโอเคกับมัน สรุ ปก็คือการอ่ านมันก็คือวัตถุดิบชัน้ ดีท่ ี ท�ำให้ สะอาดกลั่นออกมาเป็ นการ์ ตนู ใช่ เรารู้ สึกว่าเราเป็ นผู้เป็ นคนได้ อย่างทุกวันนี ้เพราะการอ่าน คือถ้ าไม่อา่ นมัน ก็อาจจะออกมาเป็ นอีกแบบหนึง่
นอกเหนือจากการอ่ านแล้ วมีอย่ างอื่นอีก ไหมที่ส่งผลต่ องานวาดรู ป จริงๆ ก็ศลิ ปะทุกประเภท เพลง หนัง การ์ ตนู หนังสือ และออกเดินทางบ้ าง แล้ วนอกจากวาดการ์ ตนู แล้ ว มีผลงานที่ ผนวกกับศาสตร์ อ่ ืนได้ ไหม เช่ น มีรูปวาด อยู่บนเสือ้ ยืด มันเป็ นการน�ำเสนอไอเดีย ของงานอีกช่ องทางหรื อเปล่ า สมมุติวา่ เราสะท้ อนสังคม คนก็จะ มองว่า เออ สะอาดเป็ นคนแบบนี ้ เป็ นคน คิดถึงสังคม แต่พอเราขายของปุ๊ บ อ้ าว มึง ทุนนิยมนี่ เราเลยว่าเราไม่สดุ โต่งขนาดนัน้ เรา ท�ำในระดับที่เรารู้ สกึ โอเคกับมัน มันก็ต้องมี เส้ นบางอย่าง คือเราไม่รับโฆษณาของคนอื่น ที่แบบเขียนการ์ ตนู แก๊ กสี่ชอ่ งให้ หน่อย เราไม่ เอาแบบนัน้ แต่อนั นี ้ที่มาขายของเพราะมัน เป็ นบริ ษัทพี่เรา แต่เราก็ไม่ได้ ซีเรี ยสนะว่าคน จะมองเรายังไง การเอาเรื่ องเครี ย ดๆ มาย่ อ ยเป็ นเชิ ง สัญลักษณ์ เนี่ยเพื่ออะไร จรรโลงใจหรื อ ว่ าท�ำให้ ใครบางคนเปลี่ยนแปลงอะไรบ้ าง ไหม นึกไม่ออกนะ มีชว่ งหนึง่ เหมือนกัน ปี ที่แล้ วที่เราจบใหม่ๆ เราเคยคิดว่าเราจะไม่ เป็ นแค่นักเขียนการ์ ตูนแต่เราอยากเป็ นคน สื่ อ สารที่ เ กี่ ย วกับ สัง คมมากขึน้ เราอยาก โฟกัสไปสูท่ ิศทางนันมากขึ ้ ้น เราคาดหวังกับ มันมาก เราถึงขันที ้ ่วา่ เราอยากดัง อยากเป็ น คนทีพ่ ดู แล้ วมีคนเชือ่ แบบถ้ าเรามีชอื่ เสียงคน
ก็จะฟั ง เหมือนถ้ าให้ ณเดชน์มาพูดเรื่ องภาค ใต้ วา่ มันซับซ้ อนกว่าทีร่ ัฐบาลเสนอ คนก็นา่ จะ สนใจใช่ไหม แต่พอมาถึงจุดหนึง่ เราก็เริ่ มไม่ มั่ น ใจว่ า สิ่ ง ที่ เ ราจะพู ด มั น จะดี ต่ อ สั ง คม ทังหมดไหม ้ ถึงตอนนี ้เราก็ท�ำโดยไม่ได้ คาด หวังถึงผลตอบรับว่างานเราจะต้ องไปเปลี่ยน อะไรใคร เราท� ำด้วยความรู้ สึกที ่ว่า “แค่มนั ตอบอะไรในตัวเราบางอย่าง ว่าเราต้องท� ำ อะไรบางอย่าง” แต่ถ้าถามว่ามันเปลีย่ นอะไร ใครไหม เรายัง ไม่ เ จอคนอ่ า นที่ ม าพู ด ว่ า “ขอบคุณ การ์ ตูน พี่ ม ากที่ ช่ ว ยให้ เ ราฉุก คิ ด การ์ ตนู พี่เปลี่ยนชีวิตหนูเลย” ส่วนมากก็แค่ บอกว่าการ์ ตนู พี่ตลกดี
จะท�ำให้ คนเปิ ดกว้ างเรื่ องเพศ หรื อว่าคิดว่า มันแรงดี เล่นแบบนี ้เลย เราเริ่ มตังค� ้ ำถามว่า ถ้ าเราเริ่มคิดถึงคอนเทนต์มาก ว่ามันจะท�ำให้ ผลลัพธ์ สทุ ธิดีหรื อว่าแย่ลงกันแน่ มันจึงเป็ น ช่วงทีเ่ ราตังค� ้ ำถามกับตัวเองว่าเราจะท�ำยังไง กับตัวเอง ต้ องเก่งขนาดไหน จะน�ำเสนอเป็ น สารคดีที่สนุกมากๆ มัย้ แต่ว่ามีศิลปะบาง อย่าง หรื อว่าเราจะน�ำเสนอเรื่ องสันที ้ ่เรารู้สกึ กับมันมากแต่เรื่องสันมั ้ นจะชี ้น�ำเกินไปหรือว่า ตังค� ้ ำถามไม่ดหี รือเปล่า ถ้ าจะให้ ตอบในแง่วา่ โฟกัสที่ตรงไหน เส้ นทางก็คงประมาณนี ้ครับ ให้ ป ระเด็ น มัน เข้ ม ข้ น ขึ น้ แล้ ว เราก็ เ ก่ ง ใน การน�ำเสนอมันมากขึ ้น
แล้ วต่ อ ไปในอนาคตจะพั ฒ นาตั ว เอง สื่อสารผลงานออกมายังไงต่ อ
ระหว่ า งงานตามโจทย์ กั บ งานที่ เ ราสื่ อ ความเป็ นตั ว เอง มั น ต่ า งกั น ยั ง ไงบ้ า ง ความคิด ความรู้ สึก
เราอยากเก่งกว่านี ้เยอะๆ เพื่อที่จะ น�ำเสนองานได้ สนุกกว่านี ้ ซึง่ ในแง่การด�ำรง ชีวิตมันก็ยาก เพราะเราก็ต้องเขียนงานเลี ้ยง ชี พ บ้ า ง ถึง เราจะมี ค วามฝั น แบบนัก เขี ย น การ์ ตนู เช่นว่าเราอยากเขียนซีรีย์มนั ๆ อยาก เขียนการ์ ตนู บาส เราชอบบาส แล้ วมันก็ตีกนั ว่าเราจะเอนเตอร์ เทนขนาดไหน ซีเรี ยสขนาด ไหน อย่างงานช่วงหนึง่ เราจะแข็งมาก เหมือน งานยุควรรณกรรมเพื่อชีวิต พยายามจะสอน เขา แต่พ อมองกลับ มาเรารู้ สึก ว่ า เราอวด ฉลาด แล้ วเราก็คิดว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์ ทังที ้ ่เราเจตนาดี และเราก็วกกลับมาว่างาน ศิลปะที่เป็ นที่สะเทือนหรื อถกเถี ยงกัน มัน คิดถึงสังคมเป็ นหลักมัย้ อย่างฮอร์ โมนคิด เรื่ องสังคมตอนเขียนบทมัย้ คิดถึงประเด็น เรื่ องเพศหรื อเปล่า ว่าการน�ำเสนอแบบนี ้มัน
อย่ า งงานตามโจทย์ มั น ก็ ต้ องมี ลูกค้ า ก็มีโดน บ.ก. แก้ ไขว่างานไม่ตามคอนเซ็ปต์ เราจะโดนเรื่ องนีเ้ ยอะ อย่างเราเคย โฟกัสตอนเขียนเรื่ องสันว่ ้ าเราต้ องเขียนตาม โจทย์เป๊ ะๆ ให้ รับกับคอนเซ็ปต์นนั ้ เราเหนื่อย เรื่องกระบวนการเวลาต้ องวาดตามคอนเซ็ปต์ แต่ถ้างานกับลูกค้ าจะเหนือ่ ยเรื่องโดนแก้ เรื่อง ที่ ไม่เกี่ ยวกับคอนเทนต์ หรื อคุณภาพ เราก็ พยายามจะลดมันเพราะเราไม่คอ่ ยชอบ เรา เลยไม่คอ่ ยท�ำงานโฆษณาทีเ่ กี่ยวกับสินค้ าถ้ า รับเราก็จะยังวาดในแบบที่เป็ นตัวเองอยู่
แล้ วอนาคตการเป็ นนั กวาดการ์ ตูนไทย ควรมีหลักมีเกณฑ์ มากกว่ านี ้ มีเอเจนซี่ มี ส�ำนั กพิมพ์ ท่ ีเป็ นกิจจะลักษณะโดยตรง หรื อว่ ามีแนวทางพัฒนาอาชีพนีย้ ังไงให้ มั่นคง ตอนนีก้ ็มีหลายเจ้ านะ แต่ถามว่า มัน่ คงเป็ นระบบมัย้ ขายหัวเราะน่าจะดีสดุ มี หอพักให้ มีสวัสดิการดูแลนักเขียน สร้ างระบบ ที่ดูแลนักเขียน แต่ถ้าจะท�ำแบบนัน้ ได้ ต้อง เอางานเข้ าระบบอุตสาหกรรมแล้ วผลตอบรับ โอเค แต่เดี๋ยวนี ้อินเตอร์ เน็ตก็มีบทบาทมาก ขึ ้น เว็บไซต์ออนไลน์ก็มีเยอะขึ ้น คนที่อยาก เขียนซีรีย์มนั มาเยอะ แต่มนั ไม่มีที่ลง พอมี ตลาดออนไลน์ แบบนี ค้ นเลยแห่กันมา แต่ ทิศทางคงยังไม่แน่ชดั ก็เลยยังดูไม่มนั่ คง คิดว่ าการ์ ตูนนี่ เป็ นศิลปะที่ทัดเทียมกับ ศิลปะกระแสหลักได้ มัย้ พวกงานเขียน วรรณกรรม วาดรู ป จะพูดยังไงดี เราว่าการ์ ตนู บางเรื่ อง ก็ดกี ว่าหนังสือหลายๆ เรื่ อง แต่โลกสากลหรื อ โลกศิลปะไม่ได้ ยอมรับมัน เหมือนทีม่ ชี ว่ งหนึง่ หนังไม่ได้ รับการยอมรับว่าเป็ นศิลปะ จนคน ท�ำหนังต้ องออกมาต่อรองว่ามันเป็ นศิลปะ เป็ นอาร์ ตแขนงหนึง่ ตอนนี ้การ์ ตนู ก็คงอยูใ่ น ช่วงที่ถกู ดูถกู และต้ องต่อสู้แบบนัน้ แล้ วในอนาคต อยากให้ มีศลิ ปิ นแห่ งชาติ สาขานักวาดการ์ ตนู ไหม ส่วนตัวเราเฉยๆ แต่เรารู้สกึ ว่าถ้ ามี มันก็ดี ตรงทีท่ ำ� ให้ เป็ นทางการ เป็ นการต่อรอง
ในการท� ำ มาหากิ น มากกว่า เราไม่ไ ด้ ร้ ู สึก อยากได้ รับการยอมรับว่านักเขียนการ์ ตนู เป็ น อาชีพที่ส�ำคัญ เป็ นอาชีพที่ทรงภูมิ มีคณ ุ ค่า จะมองว่าปั ญญาอ่อนเราก็ไม่ซเี รี ยส แต่ในแง่ ที่ท�ำให้ มนั เป็ นกิจจะลักษณะ คนในวงการ ยอมรับ พ่อแม่เข้ าใจนัน่ เป็ นเรื่ องส�ำคัญ ช่วง หลัง ก็ เ คยมี ค นจากองค์ ก รอะไรสัก อย่ า ง พยายามจะให้ จดั สอบวัดระดับวิชาชีพนักวาด ภาพประกอบ คือเขาพยายามจะผลักดันให้ รัฐรู้วา่ มีอาชีพแบบนี ้นะ มันเป็ นประโยชน์ใน แง่ชีวิตทางสังคมมากกว่า พ่ อกับแม่ ว่าอะไรไหมที่มาวาดการ์ ตนู เต็ม ตัว มันมีหลายระดับ ตังแต่ ้ ไม่เห็นด้ วย ญาติดถู กู เราเคยขนาดจะไม่เรี ยน จะเขียน การ์ ตูนอย่างเดียว แต่สุดท้ ายก็เรี ยนแล้ วก็ เขียนไปด้ วย ท�ำให้ เขาเห็น รางวัลเลยส�ำคัญ การยอมรับมันมาจากรางวัล มันไม่ได้ วดั อะไร แต่ท�ำให้ คนรอบข้ างเข้ าใจเรามากขึ ้น การได้ ลงมติชนก็เหมือนกัน มันท�ำให้ แม่ยอมรับ อ่าน งานของเรา รู้ เรื่ องบ้ างไม่ร้ ู เรื่ องบ้ างแต่เขาก็ ค่อยๆ ยอมรับสิง่ ที่เราท�ำ รางวัลนี่เหมือนใบเบิกทาง บางคนก็ดีใจมาก แต่เราพยายาม จะไม่ดีใจไปกับมัน เพราะเรารู้สกึ ว่ามีคนเก่ง กว่าเราแต่ไม่ได้ และตอนนันเราก็ ้ ยงั เด็กมาก เราไม่อยากเหลิงไปกับมัน พอเราดีใจเสร็จ เรา ก็เอารางไปวัลเก็บไว้ ไม่เปิ ดมาดูอีกเลย เรา พยายามจะจัดการกับความรู้ สึกตัวเอง เรา อยากอยู่ในวงการนีน้ านๆ เราเลยต้ องอ่อน
หน่อย ไม่เหลิง ต้ องฝึ กรับฟั งคนอ่าน หรื อถ้ า มีคนสนใจมากๆ เราก็ต้องคิดเผื่อว่าวันหนึ่ง ชื่อเสียงมันต้ องลดลง ถ้ าวันหนึง่ ไม่ได้ มคี นมา สัมภาษณ์แบบนี ้เราจะอยูใ่ นวงการยังไง เขียน งานแบบไหน ตัง้ ใจจะวาดการ์ ตนู ไปตลอดชีวติ เลยหรือ เปล่ า ก็ถ้าวันหนึ่งมีคนบอกว่าเลิกเหอะ สะอาด มันเอ้ าท์แล้ ว เราก็อาจจะเลิก เพราะ ถึงเราจะโฟกัสกับตัวเองสูง แต่ถ้าไม่มคี นอ่าน เราก็เลิกได้ ไม่ได้ ร้ ู สกึ ว่าจะเป็ นจะตายถ้ าไม่ ได้ เขียนการ์ ตนู เรื่องปี๊ บคลุมหัวนี่ เป็ นเอกลักษณ์ ของงาน วาดหรื อเปล่ า เราอยากเล่าเรื่ องตัวเอง แต่เราไม่ อยากวาดหน้ าตัวเอง เราว่ามันจัก๊ จี ้มาก จริงๆ มีการ์ ตนู ฝรั่งหลายเรื่ องที่เล่าเรื่ องชีวติ ของคน เขียนที่ไปเดินทางไปพื ้นที่สงคราม ไปโน่นนี่ แต่การ์ ตนู ไทยจะไม่คอ่ ยมี เรารู้สกึ ว่าเราไม่ใช่ คนดังที่ใครจะมาสนใจ เลยเอาปี๊ บคลุมไว้ ให้ เหมือนเป็ นใครคนหนึง่ ที่ไม่ใช่เรา ให้ เล่าเรื่ อง เราไป เพราะการ์ ตนู มันอนุญาตให้ เราเว่อร์ ได้ อยูแ่ ล้ ว คงไม่มใี ครใช้ ชวี ติ โดยการเอาปี๊ บคลุม หัวตลอดใช่มัย้ แต่มัน ก็ มี ปั ญหา คื อ เวลา อยากวาดให้ มนั แสดงสีหน้ า เราก็วาดไม่ได้ ก็ ต้ อ งใช้ เ อฟเฟคภายนอกไป แล้ ว มัน ก็ เ ป็ น สัญลักษณ์ ของคนไม่มีค่าด้ วย คนที่เอาปี๊ บ คลุมหัวเนี่ย มันเป็ นคาแร็กเตอร์ ที่ดกู ระจอกๆ เราชอบแบบนันก็ ้ เลยวาดมันออกมา
เคยอ่ านบทสัมภาษณ์ ว่าอยากให้ งานตัว เองดูไม่ เท่ ท่ สี ุด ใช่ สังเกตงานเราถ้ าช็อตไหนเท่ได้ เราจะเบรกมัน ด้ ว ยความปั ญ ญาอ่อ นหรื อ อะไรสักอย่าง เรารู้สกึ ว่าเราไม่ชอบอะไรที่เท่ เกิ นไป มันน่าหมั่นไส้ เรากลัวโดนหมั่นไส้ เพราะเป็ นเราเราก็จะหมัน่ ไส้ พวกทีเ่ ขียนอะไร คมๆ อยูต่ ลอดเวลา เราว่าเป็ นคนปั ญญาอ่อน ปลอดภัย ไม่มีคนหมัน่ ไส้ คนโง่นะ่ ปลอดภัย ท�ำอะไรก็ไม่มคี นว่า...ซึง่ ก็ไม่จริง เพราะก็มคี น ว่าอยูด่ ี (หัวเราะ) แล้ วนามปากกาว่ า ‘สะอาด’ ล่ ะ มันมาจากที่เราอยากได้ ชื่อภาษา ไทย อยากได้ เรี ยบๆ เราเคยมีชื่อที่ใช้ แรกๆ นะ Toblin เป็ นชื่อเราภาษาไทย (ธนิสร์ ) แต่กด แป้นเป็ นภาษาอังกฤษ ดูเป็ นเด็กเกรี ยนเกม เขียนลงเว็บ Exteen ทีนี ้เราเลยอยากได้ ชื่อ ภาษาไทยทีม่ นั จืดๆ หน่อย เราจะได้ ไม่เบือ่ มัน เร็ว แต่เราก็เบือ่ มันนะ ‘สะอาด’ เนี่ย แต่คนดัน จ�ำได้ แล้ วเราเลยใช้ ตอ่ (หัวเราะ) เวลาสร้ างงานเนี่ย มีมัย้ ที่เคยคิดว่ าตอน นัน้ สร้ างมันเข้ าไปได้ ยังไง เคยมีครั ง้ เดียว ตอนเขียนงานส่ง บันลือสาส์นครัง้ แรก เหมือนเราต้ องเร่ง เขียน สตอรี่ บอร์ ดเสร็ จส่งให้ บ.ก. ดูแล้ วผ่านหมด เรารู้ สึกไม่โอเคกับมัน แต่เราก็ต้องมาเขียน ต้ น ฉบับ ให้ เ สร็ จ เราว่า นั่น เป็ นครั ง้ เดี ย วที่ ทรมานมากๆ เราท�ำมันด้ วยความฝื น พอเสร็จ เราก็เลยไม่สง่ แล้ วเอามารวมเล่มอืน่ ทีหลัง มา
อ่านตอนนี ้มันก็โอเค แต่ตอนนันเราไม่ ้ ชอบมัน เราเลยคิดว่าจะไม่ฝืนตัวเอง ไม่ทำ� งานทีเ่ ราไม่ ชอบอีก เพราะมันจะเป็ นผลต่องานของเรา มันไม่ค้ มุ กัน อย่างเราเคยเรี ยนดรออิ ้งติวเข้ า จิตรกรรม เรายื่นพอร์ ทไปพี่ติวก็บอกว่าเส้ น เรามีฟีลลิง่ เขาให้ เราก๊ อปงาน แล้ วเราอึดอัด มาก ท�ำไมเราต้ องเสียเวลาไปก๊ อปงานคนอื่น เราเลยคิดเองวาดเองไปบางจุด แต่พอพี่ตวิ ดู เขาก็บอกว่าท�ำไมเราไม่ท�ำให้ เหมือน เราเลย ถอยออกมา แต่มนั ก็ท�ำให้ เราตอบตัวเองได้ ว่าที่เราเขียนการ์ ตนู ได้ ตลอดเวลาเพราะเรา ไม่ฝืนมัน ต่อให้ มนั จะงานหนักแค่ไหน พอจบ เหตุการณ์นี ้ก็เลยไม่มีอีกเลย อยากฝากถึ ง คนที่ อยากเป็ นนั ก วาด การ์ ตนู ไหม ล้ ม เลิ ก เหอะ ล� ำ บาก (หัว เราะ) ความจริ ง คนอ่า นการ์ ตูน เยอะนะ การ์ ตูน ญี่ปนุ่ แต่คนไทยที่พร้ อมจะอ่านการ์ ตนู ไทยที่ สนุกหรือมีฝีมือก็มี ยุคนี ้โลกออนไลน์มนั ก็เปิ ด ให้ นกั เขียนสามารถเปิ ดตัวได้ ทนั ทีโดยไม่ต้อง ผ่านบ.ก. มีคนให้ ก�ำลังใจโดยการกดไลค์ นัก เขียนยุคหลังๆ จึงเกิดจากเว็บไซต์ เราก็เป็ น หนึ่ ง ในนัน้ ที่ ล งงานตามเว็ บ แล้ ว เราก็ ส่ ง นิตยสารไปด้ วย ไม่ผา่ นก็เยอะ ตลาดมันเปิ ด ถ้ าชอบก็เป็ นอาชีพที่สนุกดี ได้ สร้ างโลกใน จินตนาการของเราเอง ฝึ กฝนให้ เยอะ เสพงาน ให้ เยอะ ศึกษางานต่างประเทศด้ วย จะได้ พัฒนางานของตัวเองต่อไปได้
{ Part : ปากช่ อง } การใช้ ชีวิตอยู่ในสังคมเมืองกับปากช่ อง ส่ งผลต่ อผลงานไหม ส่งผลเยอะครับ เราว่ากรุ งเทพมัน ซับซ้ อนกว่า วุ่นวายกว่า มีค�ำถามเยอะกว่า เช่น เดินๆ อยูเ่ จอคนนอนริ มถนน ปากช่องไม่ ค่ อ ยเห็ น อะไรแบบนี ้ หรื อ ว่ า บริ บ ทของ โครงสร้ าง เช่น ตรงข้ ามเซ็นทรัลเวิด์ลสุดหรู จะเป็ นสลัม แล้ วเราก็ชอบไปเดินดูน� ้ำเน่าแถว คลองแสนแสบ ส่วนปากช่องจะเงียบๆ เรี ยบ ง่าย เราว่ามันเป็ นจุดบรรจบของสองอย่าง คือ อยู่ปากช่องมันท�ำให้ เราอินกับธรรมชาติ ใน ขณะเดียวกันการอยูเ่ มืองท�ำให้ เรามีความคิด เยอะ มีการตังค� ้ ำถาม ความไม่ชอบมาพากล ต่างๆ นาๆ ในการใช้ ชีวติ ด้ วยความที่กรุงเทพ มีคนหลากหลายอาศัยอยู่ งานช่วงหลังของ เราจึงเป็ นสิง่ ที่ได้ จากกรุงเทพแทบทังหมดนั ้ น่ ้ คือ ‘สยามยิมแสยะ’ เป็ นการพูดถึงวัฒนธรรม คนเมื อ ง ความซับ ซ้ อนของเขา สรุ ป คื อ ปากช่องท�ำให้ เรารู้ สึกรู้ สา ส่วนในกรุ งเทพ ท�ำให้ เราเป็ นนักคิดมากขึ ้น คิดอย่ างไรกับค�ำพูดที่ว่า “การเมืองเป็ น เรื่ องของทุกคน” จริงครับ เพราะมันกระทบกับทุกคน อยูแ่ ล้ วแหละ อยูท่ วี่ า่ เราจะยอมรับมันว่าเกีย่ ว กับการเมืองไหม ชีวติ ประจ�ำวันของเราทุกคน มันเชื่อมโยงกับการเมืองอยูแ่ ล้ ว เช่น ข่าวคน อเมริ การักร่ วมเพศได้ แต่งงานกัน แล้ วคนก็ เปลีย่ นรูปโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กเป็ นสีร้ ุง การที่จะ มีกฎหมายให้ คนเพศเดียวกันแต่งงานกันได้
กับความเป็ นประชาธิปไตยมันต้ องมาด้ วยกัน เป็ นต้ น ชีวติ นักเขียนการ์ ตนู ของสะอาด มัน จะเป็ นช่ ว งๆ ครั บ ถ้ า ช่ ว งท� ำ ต้ นฉบับ การ์ ตนู เรื่ องสัน้ ชีวิตจะเหมือนเข้ าสู่ โรงงานนรก ก็จะโฟกัสไปเรื่ องเดียว ตื่นมา เขียนการ์ ตนู แดก ขี ้ นอน ตื่นมาเขียนการ์ ตนู วนกันไป เหมือนเข้ าค่าย ถ้ าเป็ นช่วงว่างๆ ก็ จะอ่านหนังสือบ้ าง ดูหนังบ้ าง เที่ยวบ้ าง แต่ ระหว่างนี ้เราก็ต้องพยายามสต๊ อกการ์ ตนู ไว้ ถ้ าเป็ นแก๊ กเราจะไม่รอเดดไลน์ แต่ถ้าเป็ น เรื่ องสันจะเป็ ้ นอีกแบบหนึง่ เราจะค่อนข้ างให้ ความส�ำคัญกับมันมาก เพราะเราอยากให้ มนั ออกมาดี ก ว่า งานชิ น้ ก่ อ นๆ แล้ ว มัน จะชน เดดไลน์ ต ลอด เรื่ อ งนึ ง อย่ า งเก่ ง ใช้ เวลา ประมาณเดือนครึ่งถึงสองเดือน เคยใช้ เวลา เขียนมากสุดใช้ เวลาห้ าเดือน คือ เรื่องเด็กเล่น ตลกนัน่ น่ะ แล้ วก็จะมีเขียนงานสลับบ้ าง แต่ เดีย๋ วนี ้จะแม่นขึ ้น ไม่เสียเวลาไปกับการฝื นตัว เองแล้ ว และถ้ าเป็ นช่วงปิ ดเล่มการตัดสินใจ จะเกิดขึ ้นเร็ วมาก ภาพจะมีความดิบเถื่อนสูง มาก จ�ำการ์ ตูนชิน้ แรกที่วาดแล้ วภูมิใจมากๆ ได้ ไหม นึกไม่ออกเลย เราจะมีความรู้สกึ นี ้ ที่เวลาเขียนการ์ ตนู เสร็ จทุกครัง้ เราจะไม่มนั่ ใจมากๆ ไม่เคยมีชิ ้นไหนเลยว่า โดนแน่ ต้ อง ถามบ.ก. เพือ่ เช็คความมัน่ ใจ แล้ วเวลาคนชม เราจะไม่คอ่ ยรับด้ วย แต่ถ้าคนด่าเนี่ยฟั งเลย นะ (หัวเราะ) เรากลัวเหลิงมากๆ มัง้ เลยต้ อง
คิดอย่างนี ้แหละ และเราก็คอ่ นข้ างเข้ มแข็งต่อ ค�ำติด้วย เราเพิ่งมาสังเกตตัวเองว่า เราไม่ ค่อยท้ อเลยอะ อาจเป็ นเพราะเราได้ รางวัลมา ด้ วยมัง้ มันเหมือนเป็ นก�ำลังใจบางอย่างอยู่ ครอบครั วเลีย้ งมาอย่ างไร ไม่ตามใจครับ อยากให้ เรี ยนสาย วิ ท ย์ อยากให้ เ ป็ นหมอ เราไม่ ไ ด้ อิ ท ธิ พ ล ครอบครัวจากแบบโดนป้อน แต่ได้ จากสิ่งที่ พวกเราเจอ แล้ วได้ คิด ตอนนันเราอยู ้ ่มธั ยม พ่อเราเจออุบตั ิเหตุรถมอเตอร์ ไซค์ ท�ำให้ มี ปั ญหาด้ านสมอง ช่วงนันแม่ ้ ก็จะเครี ยดมาก ร้ องไห้ กบั เราบ่อยๆ เป็ นช่วงมรสุมของแม่ แล้ ว เราก็ พ ยายามจะแสดงความเข้ ม แข็ ง บาง อย่าง “ท�ำไมแม่ต้องร้ องไห้ ” เราพยายามจะ โต เราเลยมีความรู้สกึ ว่าเราต้ องท�ำงานตังแต่ ้ เด็กๆ เพราะเห็นว่าแม่ท�ำงานอยูค่ นเดียว พอ ครอบครั วเราเป็ นแบบนีม้ ันก็ท�ำให้ เราสู้ขึน้ แล้ วที่เราโดนด่าแล้ วไม่คอ่ ยรู้สกึ อะไร เพราะ พ่อเราด่าเราบ่อยนี่แหละ จนแข็งแกร่ง เพราะ เขาด่าแล้ วเขาก็หาย มีอยูว่ นั หนึง่ พ่อเข้ ามาตบ บ่า แล้ วบอกว่า “ป๊ า ไม่ได้ ตงั ้ ใจให้ ภูมิเกิด มานะ” แล้ วบอกอีกว่า “ภูมิไม่ต้องเสียใจนะ” เราก็เลยมีความรู้สกึ ว่าในเมื่อเกิดมาแล้ ว เรา ก็อยากท�ำตัวให้ เป็ นประโยชน์ มันเลยเป็ นฐาน ในชีวิตที่ซมึ อยูล่ กึ ๆ เมื่อตัดสินใจเลือกอาชีพนักเขียนการ์ ตนู เรารู้วา่ อาชีพเขียนการ์ ตนู เป็ นอาชีพ ที่ต้นทุนต�่ำมาก เราเลยลุยให้ มากที่สดุ ตอนที่ เรายังเรี ยนอยู่ คือเราท�ำโดยไม่ต้องกังวลเรื่ อง เงิน เพราะแม่เราให้ เงินอยู่ ประกอบกับเรา
อ่านชีวิต วิธีการท�ำงาน วิธีคิดของนักเขียน เยอะ มันเลยจุดประกายให้ เราไม่ร้ ูตวั รู้สกึ ว่า เริ่ มจากอ่านงานของ ’รงษ์ วงค์สวรรค์, กนก พงศ์ เราหลงใหลวิธีการท�ำงานแบบเขา เรา อยากเก่งแบบเขา มันท�ำให้ เราอยากลองของ อยากใช้ ชีวิตแบบเขาดู วิธีการท�ำงานอาจไม่ เหมือนกันแต่เราได้ สปี ริตมา เราจริ งจังกับการ หาข้อมูล ลงพืน้ ที ่ ซึ่งมันจะได้บรรยากาศบาง อย่างทีจ่ ิ นตนาการมันเอือ้ มไม่ถึง เคยส่ งผลงานไปที่ไหนบ้ างไหม ส่งไปนิตยสาร ได้ ลง MUD เล่มแรก ได้ ลง abc ของส�ำนักพิมพ์ a book ซึง่ ทุก อย่างมันเริ่ มมาจากเว็บ exteen นัน่ แหละ มืออาชีพ กับมือสมัครเล่ นต่ างกันอย่ างไร เรารู้ สึกว่าต้ องเกี่ ยวกับวินัย ต้ อง หมัน่ ฝึ กฝน หมัน่ พัฒนาตัวเอง รับผิดชอบ ไม่ หยุดอยู่กบั ที่ ขี ้เกียจได้ บางเวลา แต่ว่าถ้ าขี ้ เกียจเป็ นหลักเราก็ร้ ูสกึ ว่าไม่ใช่มืออาชีพ การใช้ ชีวติ ล�ำบากมันส่ งผลกับงานไหม เกี่ยวสุดๆ ยิ่งเราโตขึน้ ยิ่งท�ำงาน มากขึ ้น เราจะสังเกตได้ วา่ ศิลปิ นเป็ นคนแบบ ไหน อ่านมาแบบไหน งานก็จะออกมาแบบ นัน้ เพราะฉะนันถ้ ้ าคนไหนใช้ ชีวิตอย่างเข้ ม ข้ น รันทดอดสู งานก็อาจจะออกมาเป็ นแบบ นัน้ หรือว่าอาจจะดีดออกมาเป็ นอีกอย่างหนึง่ เลย เพราะว่ า ทนความเข้ ม ข้ น ไม่ ไ หว แต่ แน่นอนว่าความเข้ มข้ นนี่มนั สะท้ อนงานเหล่า นันออกมา ้
คิดอย่ างไรกับการได้ ทำ� ตามความฝั น เราไม่ได้ ภมู ิใจกับการได้ ท�ำตาม ความฝั น เพราะรู้สกึ ชีวติ ของคนมันมีหลาก หลาย แล้ วที่เรามาเขียนการ์ ตนู ก็เพราะเรา รู้ สึกว่าชีวิตเราเป็ นแบบอื่นยาก เราเขียน การ์ ตนู มาระดับหนึ่ง พอคนอ่านโอเค เรา เลยมีชอ่ งทางให้ งานมันไปต่อได้ ถ้ าเราขยัน มากกว่านี ้หน่อย มันเป็ นการเปิ ดโอกาสให้ ตัวเอง ในขณะเดียวกันยิ่งเราโตขึ ้น เราก็ไม่ สามารถเลือกท�ำงานทีไ่ ม่ต้องตังค� ้ ำถามกับ ชีวิต มีวธิ ีการจัดการกับความขีเ้ กียจไหม เรามีสมุดบันทึกความขี ้เกียจ ช่วย เยอะนะ โดยเราบันทึกว่าเราใช้ เวลาไร้ สาระ ไปกับอะไรบ้ าง แล้ วเราก็ร้ ูสกึ ผิด ท�ำให้ เรา มีสติในการท�ำงานในแต่ละวันมากขึ ้น แล้ วตอนนีแ้ ม่ มีความคิดเห็นต่ ออาชีพ การ์ ตนู อย่ างไรบ้ าง ตอนนี ้แม่เป็ นคนติดตามคนหนึ่ง แล้ ว ในเรื่ องความเป็ นอาชีพ เขาไม่สงสัย อะไรเราแล้ วมันค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้ อยนะ ความยอมรั บ ของคน ด้ ว ยอะไรหลายๆ อย่าง พอถึงจุดๆ หนึง่ แม่เราคงคิดว่า “เรา ไปห้ ามลูกไม่ได้ หรอก มันเป็ นคนแบบนี ้” เรา รู้ สึกว่าแม่ไว้ ใจในการตัดสินใจของเราใน ทุกๆ เรื่ อง ในสิ่งที่เราจะท�ำ ทังเรื ้ ่ องแฟน เรื่ องเพื่อน เขาไม่ได้ มาเป็ นห่วง มันเป็ นบท พิสจู น์ที่มาพร้ อมกันว่า “ไอนี่มนั ใช้ ชีวิตได้ แล้ ว” ไม่ใช่แค่เรื่ องงาน
มี ค วามภู มิ ใ จในผลงานการ์ ตู น หรื อ รางวัลที่ได้ รับไหม ดีใจ ตื่นเต้ น ตกใจ จริ งเหรอวะ? แต่ ไ ม่ ไ ด้ ภู มิ ใ จ เพราะว่ า เราเคยเป็ น กรรมการตัดสิน แล้ วเรารู้วา่ รางวัลมันต้ อง ผ่านรสนิยม ผ่านกระบวนการต่างๆ มัน ไม่ใช่สิ่งที่พิสจู น์ได้ แน่ชดั ว่างานชิ ้นนันจะดี ้ หรื อไม่ดี แล้ วก็เวลาผลงานเราออกมาเป็ น เล่ม เราไม่เปิ ดดูด้วยซ� ้ำ เรากลัวเปิ ดแล้ วเจอ จุดผิด (หัวเราะ) อ้ อ! รู้แล้ ว ความภูมิใจของ เรามันเกิดขึ ้นตอนเขียนงานเสร็ จ ตอนนัน้ เป็ นความอิม่ เอิบมาก สามเดือน ห้ าเดือนที่ ผ่านมาในที่สดุ งานก็เสร็จแล้ ว แล้ วตอนนัน้ ฝนตก เราก็มองฟ้า “ท้ องฟ้าสวยจังเลย” (หัวเราะ) แล้ วก็นิตยสารท�ำมือที่เราท�ำตอน ม.ปลาย เราภูมิใจกับมันมากๆ ไม่ร้ ู ท�ำไม รีบเอาไปอวดเพือ่ นในห้ อง เราเป็ นคนอินกับ อะไรเล็กๆ มัง้ พองานมันผ่านกระบวนการ ต่างๆ เราเลยรู้สกึ เฉยๆ เราอินกับต้ นฉบับที่ อยูต่ รงหน้ ามากกว่า ความเป็ นคนอิ น กับ เรื ่ อ งเล็ ก ๆ ของ 'สะอาด' หรื อ 'ภูมิ' ท�ำให้ผลงาน ของเขาสัมผัสถึงคนทัว่ ไปได้ง่าย และนอก เหนือจากนัน้ คือความเป็ นธรรมชาติ ความ จริ งใจ และความเอาจริ งเอาจังในชี วิตของ เขา ดัง่ ทีเ่ พิ่ งได้อ่านบทสัมภาษณ์ จบไป
บนโลกยากยากเยอะเยอะ ยุ่งยุ่งใบนี้ ฉันต้องฝันเพื่อจะ มีชีวิตอยู่กับความจริง ง่ายง่ายเงียบเงียบงามงาม . การท�ำให้ฝันเป็นจริง กลับเป็นกลายท�ำให้ ความจริงกลับมา { พระอาทิตย์เที่ยงคืน }