'HAKUMA MATATA'
[
It means no worries, for the rest of your days.
]
The LiO-N King { a Walt Disney production }
บรรณาธิการ
พิชญา เพ็งจันทร์ กองบรรณาธิการ
ปาริฉัตร แทนบุญ แก้วเกล้า แก้วบรรจง ธนวรรณ แสงวิสุทธิ์
ออกแบบปกหน้า / หลัง
กมนนัทธ์ คำ�ดา ภาพปก
RE+PAIR & โครงการ Talent Thai
FONTs : supermarket / Quark / TH Baijam EDPenSook / Arabica / WDB Bangna Little Lord Fontleroy NF / Junegull
นักเขียน / นักวาด
กิตติพงษ์ หาญเจริญ ภัทรานิษฐ์ พัฒน์ธนพร ภัณฑิรา ทรงกิจทรัพย์ สุธรรม จีระศิลป์ สิริกานต์ แก้วคงทอง พิชญา เพ็งจันทร์ ศานนท์ หวังสร้างบุญ ณัชฎา คงศรี ปาลีพัชร โสภณ นิรัติศัย บุญจันทร์ กมนนัทธ์ คำ�ดา ปาริฉัตร แทนบุญ
contact us
facebook.com/ownerationmag ownerationmag@gmail.com
แก้วเกล้า แก้วบรรจง สินิทธ์ ปนุตติกร สหธร เพชรวิโรจน์ชัย ธีรภัทร์ เจนใจ สุพิชญ์ รักสกุล ชนิกา สุธัมมสภา เจนวริน นฤขัตพิชัย นภกาญจน์ เชาวลิต กษมา ยาโกะ นิภาพร กอบกุลกังสดาล ธนวรรณ แสงวิสุทธิ์ ณัฐกาญจน์ สัตยากวี
READ O-N
www.ebooks.in.th/ownerationmag issuu.com/ownerationmag
สร้างรอยเท้า
จะตลกไหมถ้าฉันจะบอกว่า O-N หรือ OWNERATION Magazine เกิดขึ้นในห้องน�้ำ และบทบรรณาธิการบทแรกนี้ก็เกิดขึ้นในห้องน�้ำเช่นกัน ก่อนอื่นฉันขอทักทายคุณผู้อ่านกันก่อน เพราะนี่ถือ เป็นครั้งแรกที่เราพบกันผ่านตัวหนังสือ ฉันจึงอยากจะขอ กล่าวถึงนิตยสารของเราสักเล็กน้อย ชื่อนิตยสารของเรา นั้นมาจากสองค�ำรวมกัน คือ Owner และ Generation ในสองค�ำนี้มีค�ำว่า ‘ner’ เหมือนกัน เราก็เลยจับมารวมกัน แปลตามตัวเลย คือ ยุคสมัยนี้เป็นยุคที่ผู้คนต้องการสร้าง อะไรเป็นของตัวเอง ต้องการปลดปล่อยความเป็นตัวตน ที่แท้จริงออกมาให้สังคมได้รับรู้
ซึ่งมันก็ ไม่ ได้ง่ายดายอย่างที่คิดน่ะสิ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ ไม่ ได้ยากจนเกินความสามารถ ของมนุษย์อย่างเราไปได้ เพราะมีคนจ�ำนวนไม่น้อยเหมือน กันที่ท�ำมันจนส�ำเร็จ นิตยสาร O-N จะพาคุณไปท�ำความรู้จักถึงที่มา ที่ ไปของสิ่งที่พวกเขาสร้าง ปัญหาและอุปสรรคที่พวกเขา ต้องพบเจอระหว่างทาง รวมไปถึงวิธีการที่พวกเขาข้าม ผ่านปัญหาเหล่านั้น จนน�ำมาสู่ความส�ำเร็จในปัจจุบัน ในแต่ละฉบับจะมีความหลากหลายของสาขา อาชีพแตกต่างกันออกไป พร้อมทั้งคอลัมน์ต่างๆ ที่จะดึง จินตนาการในวัยเด็กของคุณให้กลับคืนมา ด้วยแนวคิดที่ ว่า “น�ำนักสร้างสรรค์มาสร้างนักฝัน” - All creators are dreamers.
“ แรงบันดาลใจที่ส�ำคัญอาจเกิดมาจาก สิ่งเล็กๆ รอบตัวเรา ในวันธรรมดาๆ ”
นิตยสารฉบับแรกนี้ จึงพาคุณไปรู้จักกับสาว น้อยหน้าตาน่ารัก ผู้สร้างแบรนด์สินค้าแนว ECO ที่ชื่อ ว่า RE+PAIR ในโอกาสนี้ก็ต้องขอบคุณคุณแพรที่เล่า เรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาให้เราฟัง และให้เราได้มาแบ่งปัน คุณผู้อ่านกันต่อ ส่วนประโยคที่ว่า “เราไม่ ใช่คนกู้ โลก” ที่พาดไว้บนหน้าปกนั้น จะหมายถึงอะไร คงต้องไปอ่าน กันเอาเองนะ ฉันหวังเพียงว่าจะมีประโยคใดประโยคหนึ่งใน นิตยสารฉบับนี้ สามารถเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ช่วยท�ำให้คุณผู้ อ่านฉุกคิดอะไรบางอย่าง และเริ่มออกเดินตามฝันของ ตัวเองอีกครั้ง หรือถ้ายังคิดไม่ออก ฉันขอแนะน�ำให้คุณ ผู้อ่านลองเข้าไปอาบน�้ำในห้องน�้ำดูสิ! ไม่แน่นะ คุณอาจ จะได้ยินเสียงของหัวใจชัดเจนขึ้น เหมือนฉันก็เป็นได้ “ ยิ่งเรามีทรัพยากรอยู่กับตัวน้อยเท่าไหร่ ความคิดสร้างสรรค์ของเราก็จะยิ่งมีมากขึ้น ” ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกให้หมด แล้วรีบเดินเข้าห้องน�้ำตอนนี้เลย! มาสร้างรอยเท้าเป็นของตัวเองกันเถอะ! พิชญา เพ็งจันทร์ บรรณาธิการ waylaway1990@gmail.com
lant I L P A
Back To Basic
ite
tory I Wr
าะชีวิต ร พ เ
ish I Coo
18
A Life I
AD
สลัดผลไมเทาที่มีในบาน
08
RE+PAIR
รถเกากับวันใหม
07
โรงเรียนมัธยมปุรณาวาส (ศาลายา นครปฐม)
C O N T E N T
er wn
ปากกาบังคับเมฆ
I D r ea m
06
My Idol
T h e O
ng
A Th i
hort S
05
ไมเหมือนเดิม
AS
16
k
See
หา มสบา
กระเจี๊ยบแดง
15 14
เปน วยั รุน
ย
e
04
สิ่งที่ไมควรลืม
าง
ov
อ ืค การเดินท
เราไมใชคนกูโลก
C O N T E N T Life in Bangalore (India) / แฟนคลับคาราบาวในฮาวาย (USA) ay
พนื้ ทเี่ ล็ก
A Movie
Person
Have-Do (ภาษาอังกฤษ) / ฉันรักเธอ (มลายู)
30
ๆ
บทเรียน
Dr re I aw
นัดหยุดโลก
28 31
A Pictu
24
Let It Go
n
A Bo o k I R
ead
สิ่งมหัศจรรยธรรมดา
at c h W I
A no
ther Lan
22
25
ดอกไม กับ กอนหิน
A
g I Liste Son
on al F t
21
26 ge gua
21
ทำนองของนางระบำแซมบา
23
d
A Po
I Fe em el
สิ่งใหมมา สิ่งเกา ตองเยียวยาตัวเอง
Aw
20
From Tha
ilan
A Ph
I Shoot o t o
Human or Invention
A Plant I Love
พืชพรรณที่ฉันชื่นชม
เรื่องและภาพ : กิตติพงษ์ หาญเจริญ
ROSELLE กระเจี๊ยบ
4
A Life I See
รถเก่ากับวันใหม่ เรื่อง : ภัทรานิษฐ์ พัฒน์ธนพร
5
A Thing I Dream
ปากกาบังคับเมฆ
เรื เรื่อ่องง :: วานิ วานิลลลา ลา ภาพ ภาพ :: รอหั รอหันน
ปากกาวิเศษที่สามารถใชบังคับกอนเมฆบนทองฟา ให ใหเเปปนนไปตามใจหวัง จะทำใหกอนเมฆเปนรูปยูนิคอรน หรื หรืออจะเขี จะเขียนขอความบอกรักแฟนก็ ไดทั้งนั้น (คราวนี้ฝน ของหลายๆ ของหลายๆ คนที่วา ‘บอกความรักผานฟากฟาก็คงเปนจริง ในเร็ ในเร็วววัวัน) นอนเลนใตตนไมชิลลๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห แล แลววหยิ หยิบปากกาบังคับเมฆออกมานอนวาดรูปโดยที่มีทองฟา เป เปนนกระดาษ กระดาษ คงเปนอะไรที่ผอนคลายอยู ไมนอย แมกระทั่งหากฉุกคิดอะไรได แลวอยากจะจดโนต ไวไวกกันันลืลืม แต ไมมีปากกากับกระดาษ ก็ ใชทองฟานี่แหละเปน กระดานเตื กระดานเตือนความจำไดเหมือนกัน แตเดี๋ยวกอน ปากกาดามนี้ยังมีอะไรพิเศษกวานั้น เพราะมั เพราะมันสามารถทำใหคุณแตงแตมเติมสีของกอนเมฆได โดยเลือกสีตรงหัวปากกาได ซึ่งสีที่มี ใหเลือกจะมีแคเจ็ดสีเทานั้น โดยเลื คืคืออ มมววง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง สม แดง คุนๆ กันหรือเปลา? ใชแแลลววมันคือเจ็ดสีรุงนั่นแหละ (คงไมมี ใครอยากเห็นทองฟา ใช เปนนสีสีมมืดๆ ทึมๆ กันหรอกนะ) คราวนี้เด็กๆ จะไดเห็นสายรุง เป 6
งฟาาบบออยๆ ยๆ สมใจอยาก สมใจอยาก แต แตจจะเป ะเปนนรุรุงงในรู ในรูปปแบบไหน แบบไหน บนทอองฟ นี่อีกเรืเรื่อ่องหนึ งหนึ่ง่งนะจ นะจะะ จนำเสนอของปากกาดาามนี มนี้ ้ คืคืออ มัมันน ฟฟงงกกชชั่นั่นทีที่ภ่ภูมูมิใิใจนำเสนอของปากกาด สามารถสงงขขออความหากั ความหากันนได ไดดดววยเพราะปากกาบั ยเพราะปากกาบังงคัคับบเมฆ เมฆ สามารถส แตละอั ะอันนจะมี จะมีรรหัหัสสประจำตั ประจำตัวว เพี เพียยงแค งแคคคุณุณกดรหั กดรหัสสปากกา ปากกา ของคนที่ค่คุณุณอยากส อยากสงงขขออความถึ ความถึงง แล แลววเขีเขียยนข นขออความบน ความบน ของคนที ทองฟ งฟาา ขขออความนั ความนั้น้นก็ก็จจะไปปรากฏอยู ะไปปรากฏอยูบบนท นทอองฟ งฟาา ในบริ ในบริเวณ เวณ สามารถมองเห็นนได ได โดยปากกาแต โดยปากกาแตลละด ะดาามจะมี มจะมีรระบบ ะบบ ที่ผูรับบสามารถมองเห็ notification ทีที่อ่อยูยู ใ ในรู นรูปปไฟกระพริ ไฟกระพริบบและเสี และเสียยงเตื งเตืออนว นวาามีมี notification ความเรียยกเข กเขาา ดัดังงนันั้น้นตตออไปนี ไปนี้ห้หากใครถู ากใครถูกกลัลักกพาตั พาตัววก็ก็ใใชช ขอความเรี ปากกาดาามนี มนี้แ้แหละ หละ เปเปนนตัตัววชชววยในการส ยในการสงงสัสัญญญาณ ญาณ SOS SOS ปากกาด งแครรูรูรหัหัสสปากกาของอี ปากกาของอีกกฝฝาายก็ ยก็พพออ เพียงแค ขขออจำกั จำกัดด:: ทุทุกกสิสิ่ง่ง ทุทุกกอย อยาางบนท งบนทอองฟ งฟาาทีที่ถ่ถูกูกเนรมิ เนรมิตต โดยปากกาบั โดยปากกาบังงคัคับบเมฆจะอยู เมฆจะอยู ไ ไดดเพี เพียยงง 24 24 ชัชั่ว่วโมงเท โมงเทาานันั้น้น
My Idol
โรงเรียนมัธยมปุรณาวาส (ศาลายา นครปฐม)
: พิธีกรภาคสนาม : สิริกานต์ แก้วคงทอง (ครูทราย) ครูจากโครงการ Teach For Thailand
MOTTO :
อิทธิพล พรมรักษ์ (จ๊อบ) อายุ 15 ปี อยู่ชั้น ม.3
จ๊อบมี ไอดอล คือ 'พี่ต้น' เพราะ เห็นพี่ต้นทุ่มเท กับการฝึกซ้อมดนตรี
พิทักษ์ชัย โพธิ์แดง (ต้น) อายุ 17 ปี อยู่ชั้น ม.5
ต้นมี ไอดอล คือ 'John Petrucci' มือกีตาร์วง Dream theater เพราะ เค้าฝึกซ้อมหนักมาก จนสุดท้ายเค้าก็ส�ำเร็จในชีวิต
พรวิภา วงษ์เณร (แพรว) อายุ 17 ปี อยู่ชั้นม.6
ปากกาบังคับเมฆ}
ครูปกติทั่วไปได้แค่บอกเล่า ครูที่ดีทำ�หน้าที่อธิบาย ครูที่เหนือว่าใช้วิธีแสดงให้เห็น ส่วนครูที่ยิ่งใหญ่นั้น 'สร้างแรงบันดาลใจ'
แพรวมี ไอดอลคือ 'ครูโอ้' เพราะครูโอ้เป็นครูที่ทุ่มเทมาก เป็นคนที่เข้าใจเด็กมาก ให้ค�ำปรึกษาได้ทุกเรื่อง เอาใจใส่ เป็นกันเอง โตขึ้นก็อยากเป็นให้ ได้เหมือนครู William Arthur Ward นักเขียนชาวอเมริกัน [1921-1994]
สัมภาษณ์ & เรียบเรียง : พิชญา เพ็งจันทร์ ภาพ : โครงการ Talent Thai & RE+PAIR , way
The Owner
จะดีไหม..ถ้าเราสามารถแปรเปลี่ยนสิ่งของที่ใช้แล้ว น�ำมาใช้ใหม่ ในรูปแบบใหม่ๆ วันนี้เราได้ไปนั่งพูดคุยกับสาวน้อยคนหนึ่ง เจ้าของแบรนด์สินค้าที่เข้าข่ายว่าเป็นสินค้ารักษ์โลก แต่ระหว่างบทสนทนาของเรานั้น เธอกลับบอกกับเราว่า “ เราไม่ได้คิดว่าเราเป็นคนกู้โลก ” สาวน้อยที่ออกตัวตั้งแต่ต้น บอกว่าตัวเอง “เรียนไม่เก่ง” เป็นลูกคุณหนู ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยจบตามก�ำหนด ท�ำงานที่แรกก็ยังโดนไล่ออกอีก แต่สุดท้ายเธอก็ สามารถฝ่าฟันอุปสรรคปัญหาต่างๆจนสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองได้ในวันนี้
ด ิ ค ม า ว ค จ สำ�รว ง า ท น ิ ด เ ร า ผ่านก
- แพร ฉัตรพร นิลธรรมชาติ อายุ 27 ปี เจ้าของแบรนด์ RE+PAIR -
จุดก�ำเนิดของ RE+PAIR เกิดขึ้นตอนธีสิส เราก็เสนอหัวข้อไป “ตัว เรือนนาฬิกาจากของเหลือใช้” เราชอบนาฬิกา เลือกท�ำอะไรที่เราอินละกัน ก่อนหน้านั้นเราก็นึก ว่าเราจะท�ำอะไรดี เราก็คิดว่า “เราไปห้าง ห้าง มันมีทุกอย่าง แล้วเราชอบอะไร?” ก็คิดแค่นี้ แล้ว เราก็พบว่าเราชอบนาฬิกา เราเป็นคนเหมือนพ่อที่ ชอบเก็บนู่นเก็บนี่มาดัดแปลงใช้ เราก็เลยรู้สึกว่าถ้าท�ำสายนาฬิกาจากของ ที่มีอยู่แล้ว มันก็ดีเนอะ แต่จะท�ำจากอะไรได้บ้าง เราก็เลยคิดถึงยางรถยนต์ ตัดยางในเป็นหนังยาง สีด�ำธรรมดามาท�ำเป็นสาย แล้วเอาหัวตัวเรือนมา ใส่ พอไปส่งอาจารย์ อาจารย์ก็บอกว่าคิดน้อยไป ดูเหมือนงานประดิษฐ์ ให้ ไปดรอปเรียน เราก็ ไป ดรอป แล้วเราก็ลงเรียนอีกเทอม เราอยากจะลอง อีกสักตั้ง ตอนนั้นเฟลมั้ย? โห..เฟลมากกก! มันวางแผนไว้หมดแล้ว เตรียมสมัครงาน เตรียมอะไรไว้แล้ว ก็ โทรมา ร้องไห้กับแม่ แม่ก็บอกไม่เป็นไร เราก็เออ.. ท�ำ ต่อ แล้วเรารู้สึกว่าเทอมนั้นที่เราอยู่คนเดียว เรา ได้อะไรเยอะมาก เพราะอยู่กับตัวเองเยอะขึ้น จริงๆ อาจารย์มองว่าเราท�ำอะไรที่มันมีอยู่แล้ว ในท้องตลาด มันเลยเปิดโลกเรา “เออ เราท�ำ อะไรได้บ้างนอกจากสายยางแบบนั้น?” และไอเดียแรก ได้มาจากตอนเราไปกิน ก๋วยเตี๋ยว ฝนตก ต้องรอฝนหยุด ที่ร้านมีขวดน�้ำ ที่เป็นขวดแก้ว แล้วใช้นิ้วเกี่ยวฝาเปิดขึ้นมา เราก็ นั่งมอง “คนก็เอานิ้วเกี่ยว แล้วก็ทิ้งแล้ว มันหมด ค่าแล้วเหรอ?” เราก็เริ่มเก็บตรงนั้นมา มันมีของ เยอะที่ โดนทิ้งโดยที่ยังไม่หมดค่าของมัน หลัง จากนั้นเราก็เป็นโรคจิต เริ่มมองถังขยะ แล้วสรุปเทอมสุดท้ายเป็นอย่างไร? โอเคเลย เราก็เอาฝาขวดน�้ำมาเย็บ ติดกับยางยืด จริงๆ ท�ำทั้งหมด 3 แบบ มีเป็น ฝาขวด โซ่มอเตอร์ไซค์ กระดาษกล่องนม คือเรารู้สึกว่าเราต้องเริ่มตั้งค�ำถาม เราว่า creative มันมาจากการตั้งค�ำถาม แล้ว พยายามตอบโจทย์ ให้ ได้ แล้วก็เริ่มเป็น RE+PAIR ขึ้นมา ส่งอาจารย์แล้วก็ผ่าน
ย้อนกลับไปพื้นฐานชีวิตวัยเรียน เราจบจากคณะวิจิตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ เพราะ เอนท์ไม่ติดจุฬา เราเรียนเซนต์ โยเซฟคอนแวนต์ เรา เป็นคนเรียนไม่เก่ง แต่ โดนเพื่อนบิวท์ เราก็เลยเลือก จุฬาฯ 3 อันดับ อันดับสุดท้ายไม่รู้จะเลือกอะไร เลย เลือก ม.เชียงใหม่เป็นติ่งไว้ และคิดว่าถ้าติดคงไม่ ได้ ไป เรียน และเราก็ติดอันดับสุดท้าย ติดคะแนนต�่ำสุดของ คณะด้วยนะ แม่เลยบอกให้เราไปเรียนเอแบค แต่เรา กลับรู้สึกว่าสังคมมันเหมือนโรงเรียนเลยอะ ไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลง คนขับรถไปรับไปส่งเรา ก็ ไปเรียนได้แค่ 5 วัน เรารู้สึกไม่ต่างอะไรกับ 12 ปีที่ผ่านมาเลย ลูกช้างเชือกใหม่ กลับบ้านมาเย็นวันนั้นเราได้รับโปสการ์ด จาก มช. “ยินดีต้อนรับลูกช้างเชือกใหม่ มีรับน้องรถไฟอีก 2 อาทิตย์” เรา ก็เลยไม่ ไปเรียนเอแบคละ ไปเรียน มช. แทน เรารู้สึกว่าได้อะไรเยอะมากจากการไปเรียนต่างจังหวัด ข้อเสียอาจจะเป็นที่เราไม่รู้จักใคร แต่ข้อดีมันเหมือนได้เริ่มชีวิต ใหม่ ต้องท�ำอะไรด้วยตัวเองทุกอย่าง ได้เจออะไรที่แบบมันคือ โลกจริงๆ ตอนแรกไปถึงเราร้องไห้ แล้วคณะเรารับหนักมาก เราเป็นคนไม่เคยไกลบ้าน ตอนนั้นโทรกลับมาบ้าน ได้ยินเสียง คนที่กรุงเทพไม่ ได้ ร้องไห้ตลอดเกือบเดือน พอหลังจากนั้นก็รู้สึก สบาย ไม่อยากกลับบ้านเลย (หัวเราะ)
ไอเดียแรกมาจากเราไปกินก๋วยเตี๋ยว ฝนตก ต้องรอฝนหยุด ที่ร้านมีขวดน�้ำที่เป็นขวดแก้ว แล้วใช้นิ้วเกี่ยวฝาเปิดขึ้นมา เราก็นั่งมอง “ คนก็เอานิ้วเกี่ยว แล้วก็ทิ้งแล้ว มันหมดค่าแล้วเหรอ? ” พอกลับมากรุงเทพ มีงานปล่อยแสงที่ TCDC เราก็ติดต่อเอาเข้าไปโชว์ 100 ผลงานของ นักศึกษาจบใหม่ ได้รับผลตอบรับดีมาก เรื่อง Green เรื่อง ECO มันมาพอดี แล้วเราเป็นคน เดียวในนั้นที่ท�ำ คนก็มาสัมภาษณ์เยอะ ได้ลง นิตยสาร เลยได้ต่อยอดวางขายจริงใน shop TCDC ด้วย
9
ท�ำไมต้อง RE+PAIR? RE คือการ Rethink คิดใหม่ เปลี่ยนสิ่งเดิมๆ ที่เคยเห็นให้มีฟังก์ชั่นใหม่ๆที่ แตกต่างจากเดิม PAIR คือชื่อของแพร ซึ่ง เราจะออกแบบงานที่มาจากความชอบของตัว เราเอง ชีวิตงานประจ�ำ ตอนจบมา เราคิดว่าเราไม่อยากขอ เงินแม่แล้ว ตอนแรกไม่คิดว่าชอบไม่ชอบ คิด ว่าให้ ได้ตังค์ก่อน ท�ำงานที่แรกเดือนเดียว เรา ก็ โดนไล่ออก เราท�ำกราฟิก เขาเรียกเราไปคุย แล้วถามว่า “แพรมีอะไรจะพูดไหม?” แล้วบอก ว่าศุกร์หน้าท�ำวันสุดท้ายแล้วไม่ต้องมาท�ำแล้ว และยังบอกอีกว่า “เขาไม่รู้ว่ารับเรามาได้ยังไง” เป็นค�ำที่เจ็บมาก กับเด็กจบใหม่ โอ้ โห..กลับ มาร้องไห้เลย ค�ำถามเกิดขึ้นเยอะมาก เหมือน คนอกหัก เราก็เลยรู้สึกว่าเราผิดปกติอะไร ใน แพทเทิร์นปกติ คนส่วนใหญ่ท�ำได้ ท�ำไมเรา ท�ำไม่ ได้ ตั้งแต่เรียนเกินแล้ว เราเป็นคนเดียว ที่อาจารย์ ให้ ไปดรอป เราคิดว่า “ท�ำไมเรา โง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” งานเราอาจารย์ก็ ไม่ ได้ชอบอะไร แต่พอมา TCDC แล้วเขาชอบ มาก เราก็รู้สึกว่าความไม่ท้อมันจริง อะไรที่ ได้ มาง่ายๆ มันไม่ดี อะไรที่ ได้มายากนั่นแหละดี ตอนนี้ก็พูดได้ เพราะผ่านมาแล้ว แต่ตอนนั้น ต้องใช้พลังงานสูงมาก เราท�ำงานประจ�ำแล้วเราไม่แฮปปี้ เราก็เลยมานั่งคิดว่าเราแฮปปี้ตอนไหน เราก็รู้ ว่าเราได้นั่งเอาขยะมากองแล้วท�ำงานประดิษฐ์ ต่อให้ ไม่ ได้ตังค์ เราก็จะไม่ทิ้งมัน เราสนุก แล้วก็ตั้งใจจะท�ำคู่กับงานประจ�ำ แล้วตั้งใจ ว่าถ้าท�ำเงินจาก RE+PAIR ได้จากงานประจ�ำ เราจะลาออกทันที พอ RE+PAIR เริ่มโอเค เราก็ลาออก ท�ำงานประจ�ำอยู่ทั้งหมด 3 ที่ งานประจ�ำแม่งไม่ ใช่เรา คือ เราเอาเวลาเรา ทั้งเดือน และสุขภาพจิตทั้งหมด ไปแลกกับเงิน หมื่นกว่าบาท แค่นั้นเองเหรอ
10
จุดเริ่มต้นของล�ำโพง RE+PAIR ล�ำโพงแบบไหนชอบที่สุด? ตอนจบมาใหม่ๆ เราก็อีเมลล์ไป จริงๆ ก็ชอบทุกอัน เพราะเรา สมัครงานกับ ดร.สิงห์ อินทรชูโต (เป็น ออกแบบจากความชอบของเรา เรา อาจารย์ที่เก่งด้าน ECO) ทั้งที่ ไม่รู้ว่าจะ รู้สึกว่าทุกอย่างที่เราท�ำ เราจะถามตัว ได้ท�ำอะไร แต่อยากอยู่ ใกล้ เผื่อได้อะไร เองก่อนว่า “ถ้ามันขาย เราจะซื้อมั้ย?” บ้าง (หัวเราะ) แล้วเขาก็ตอบมาว่า เขา ถ้าไม่ผ่านค�ำถามนี้ ก็อย่าท�ำออกมา ไม่มีงานประจ�ำนะ แต่เขามีเพื่อนเปิด ขาย มันเหมือนเป็นการเช็ค พอเราเริ่ม ร้าน ECO shop ที่สยาม คือ คุณท็อป ท�ำแบบนี้ มันก็ดีขึ้น พิพัฒน์ เราก็เลยเอานาฬิกากล่องนมไปคุย เขาชอบ เลยให้ท�ำไป 3 เรือน รู้สึกว่าท�ำ กลุ่มลูกค้า ยาก ก็เลยตั้งราคา 1,200 บาท ซึ่งเราก็ ตอนแรกเราไม่ ได้คิดเลย เรา คิดว่าไม่คุ้มเลย วางไว้ 3 เดือน ขายไม่ ได้ คิดแค่ว่า “ถ้าเราซื้อ คนอื่นก็น่าจะซื้อ” เลยสักเรือน เขาบอกว่าคนมาดูเยอะ ชอบ แล้วก็เริ่มเชคกลุ่มลูกค้า ตอนขายไปสัก ไอเดีย แต่ราคามันแพงไป เราก็เอาปัญหา พักต่างชาติก็ชอบ แล้วก็วัยรุ่น แล้วก็ นี้ ไปคุยกับ TCDC เราก็เลยได้ โจทย์ ใหม่ คนที่ชอบอะไรที่ ECO “ลองคิดอะไรที่มันท�ำง่ายขึ้น เข้าถึงคนมาก ขึ้น ราคาไม่สูง แล้วเราผลิตได้เยอะขึ้น” ตอนนั้นเราไม่ ได้ยึดติดกับนาฬิกา นอกจากล�ำโพง RE+PAIR มีอะไรอีก? เลยคิดใหม่ว่าอยากได้อะไรอีกบ้าง พอได้ ก็เริ่มพัฒนาเป็นโคมไฟ แต่ตอน ไปเที่ยวต่างจังหวัด เราชอบฟังเพลง แต่ เดินออกไปนอกโรงแรมไม่ ได้ ก็เลยอยาก นี้หลักๆก็ยังเป็นล�ำโพงอยู่นะ เราก็เริ่มท�ำ ท�ำล�ำโพงขึ้นมา แบบที่ ไม่ต้องใส่ถ่าน ไม่ เป็นแนวธุรกิจ เราก็เข้าโครงการไปเรื่อยๆ ที่ ไม่ต้องเสียเงิน เช่นโครงการของกรมส่ง ต้องใช้ ไฟฟ้า เสริมการส่งออก โครงการ Talent Thai แล้วปลายปีที่แล้วก็ ไปออกแฟร์ที่ฝรั่งเศส ก็เอาล�ำโพงไปวาง ใครสนใจ เราก็ขาย มีเจ้าหนึ่งเข้ามาสั่ง เขาบอกว่าอยากได้ 3,000 ชิ้น ตามหาล�ำโพงที่บ้านหม้อ กลับมาเราก็เลยปรึกษาคนรอบตัว เพราะเราไม่รู้เรื่องอิเล็กทรอนิกส์เลย แล้ว ก็ ได้รู้จักบ้านหม้อ มันเป็นซอยที่ขายทุกอย่าง ขายล�ำโพงตู้มๆ เราก็เลยเรียกตุ๊กตุ๊กไปเลย คนเดียว ใช้เวลาเดินอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ตอนนั้นเราก็ ไม่รู้ศัพท์ เราก็กลับมาท�ำการ บ้าน ต้องเรียนรู้ตอนหน้างาน เหมือนหลุด เข้าไปอีกโลก ค่อยๆ เรียนรู้ 2-3 เดือนถึงจะ ท�ำไปให้ TCDC ดูได้ เขาชอบ เขาบอกว่ามัน ดูดีว่านาฬิกานะ เราก็มาหาที่ ใส่ล�ำโพง และ แกนลอนนมที่แม่ดื่มนมหมดแล้ว คือ ล�ำโพง ตัวแรกของเรา
จุดเปลี่ยนของการท�ำแบรนด์ RE+PAIR คือตอนไปออกแฟร์ที่ฝรั่งเศส คน สั่งมาเยอะ เขาบีบเรา เรารู้สึกเริ่มไม่สนุก แล้วอะ มันเขาลู้ปธุรกิจ เริ่มตั้งค�ำถาม กลับ มามองตัวเองอีกรอบนึง ว่า ”เราท�ำอะไร อยู่?” ECO ในแบบเราคืออะไร? เราก็มอง ว่ามันคือการลด การที่เป็นนักออกแบบ คือ การคิด อะไรที่ ไม่จ�ำเป็นขึ้นมาให้คนอยากได้ มีหน้า ที่คือกระตุ้นต่อมอยากได้ มันคือการเพิ่มใช่ ไหมแต่ ECO มันคือการลด แล้วเราก็ ได้ค�ำ ตอบว่า เราอยากไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายบ้าง ว่า ECO ในนิยามจริงๆ มันคืออะไร ก็เลย ลองไปเข้าคอร์สเอาจริงที่พันพรรณของพี่ โจน จันใด ที่เชียงใหม่ ไปอยู่ 20 กว่าวัน
เมื่ออุปกรณ์การผลิตไม่พอ? ตอนแรกท�ำจากสิ่งที่มี พอมันไม่พอ ก็เริ่มซื้อ เรารู้สึกขัดมาก รู้สึกว่าเราต้องปิด รู้สึกแย่มาก งั้นเราพรีเซนต์ไปทางด้านไม่ ใช้ พลังงานก็แล้วกัน แล้วบอกว่าเราซื้ออุปกรณ์ มา เราก็ โล่งมาก (หัวเราะ)
ไปพันพรรณ พอลองไปอยู่ ก็เลยรู้ว่า ECO คือ ต้องการฟังชั่นจริงๆ การพึ่งพาตนเอง เงิน ไม่ ใช่เรื่องส�ำคัญ อยู่ โดยไม่ ใช้เงิน แล้วเขา อยู่กันยังไง? เราก็เริ่มตั้งค�ำถามก่อนไป พอ เราไป เราก็รู้ว่าเขาอยู่กันได้ ชีวิตก็เริ่มง่าย ขึ้นเลย จากตอนแรกที่อยากให้ล�ำโพงขายได้ เยอะๆ แล้วเอาเงินไปไหนวะ เอาเงินไปซื้อ ความสุขเหรอ แล้วเรามีความสุขเลยตอนนี้ ก็ ได้ ECO คือการมีแค่นั้น แล้วก็ ใช่แค่นั้น มันก็คือการเริ่มที่ตัวเรา ที่ ใจเรา ว่าเราเริ่ม เห็นปัญหา แล้วเราเริ่มลด และของที่จ�ำเป็น กับชีวิตเราก็แค่ ปัจจัยสี่ เราสร้างเองได้ อย่างตอนนี้กลับมาสร้างบ้าน เริ่มรู้สึก “ถ้า สร้างบ้านได้ ยังต้องกลัวอะไรอีก” ตอนกลับ มา RE+PAIR เราแทบจะทิ้งเลย เราท�ำใน สิ่งที่เราอยากท�ำ เราว่าชีวิตคือการทดลอง หลังที่เรากลับมาจากพันพรรณ เรามีความ สุขมาก
“ การที่เป็นนักออกแบบ คือ การคิดอะไร ที่ไม่จำ�เป็นขึ้นมาให้คนอยากได้ มีหน้าที่คือ กระตุ้นต่อมอยากได้ มันคือการเพิ่มใช่ปะ แต่ ECO มันคือการลด ”
เราไม่ ได้คิดว่าเราเป็นคนกู้ โลก เราแค่เก็บของทีเ่ หลือใช้มาท�ำ แต่พอเราออกไปสู่สายตาประชาชน คนก็มองเราว่าเรารักษ์ โลกร้อน ตอน แรกเราก็หลงไปเป็นแบบนั้น โดยที่ ไม่ เป็นตัวของตัวเอง แต่พอเริ่มอินเข้าไป เราก็รู้ว่าเราไม่ ใช่ เราไม่ ได้ ECO ขนาดนั้น เรารู้สึกว่าเวลาท�ำอะไรใน ชีวิตประจ�ำวันได้ โดยไม่ฝืน มันจะดี เริ่มหาสมดุล ของชีวิตตัวเอง พยายามไม่ยึดติดกับอะไร ได้จากพัน พรรณมาเยอะมาก เรารู้สึกตัวเอง เปลี่ยนไปเลย “เราไม่อยากตอบอะไร ไปเท่ๆ แต่ท�ำไม่ ได้”
11
คิดว่า RE+PAIR ประสบความส�ำเร็จไหม? เราคิดว่ามันเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ตอน เรียนเราเคยอยากมีของขายใน LoFt แค่นั้นก็ เจ๋ง เราก็มีขายแล้วอะ เราเคยอยากไปออก แฟร์เมืองนอก เราก็ ได้ ไปแล้ว แล้วจะเอาอะไร อีก เป้าหมายตอนนี้ คือเราอยากช่วยคน ถ้า ให้ตอบจริงๆ “แพรอยากท�ำให้มันเล็กลงค่ะ” เรารู้สึกว่าใหญ่ โตมันไม่ตอบ โจทย์ความสุข แต่ก่อนเราเป็นคนที่คิดไกล RE+PAIR จะต้องเป็นโรงงาน แต่ตอนนี้เรา คิดแค่วันนี้ เราอยากท�ำให้มันเล็กๆ ท�ำให้ มันละเอียดขึ้น เราเป็นคนบ้าอะไรแล้วบ้าสุด อย่างเราวาดรูป เราก็วาดรูปทุกวัน วาดอะไร ก็ ได้ ขอให้ ได้วาด พอเวลาวาดรูป เราจะเขียน วันที่ ไว้ แล้วพอมาเทียบกับการวาดตอนนี้ มัน พัฒนาขึ้น มันคือ ประสบการณ์จริงๆ ค่อยๆ ท�ำ แล้วค่อยๆ ดีขึ้น
“ เรารู้สึกว่าบางที ซื้อของเต็มบ้าน มันเหมือนเป็นการสะสม มีอะไรที่ยึดติดเยอะขึ้น ทำ�ให้เราปล่อยวางยาก ”
เป้าหมายตอนนี้ คือ เราอยาก ช่วยคน แต่ถ้าให้ตอบจริงๆ “ แพรอยากทำ�ให้มันเล็กลงค่ะ ”
ความคิดทื่แตกต่างกันในครอบครัว เขาอยากให้เราไปท�ำธุรกิจรถของ ครอบครัว แต่เรารู้สึกว่ารถโคตรโลกร้อนเลย ที่บ้านเราค่อนข้างมีเงิน แต่เรากลับรู้สึกว่า เขาไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ตอนนี้ตาเริ่ม รวย สร้างตึก แต่ละคนอยู่กันคนละชั้น แทบ ไม่ ได้เจอกันเลย พอเราเริ่มท�ำบ้านดิน เขาก็ เลิกชวน แล้วบอกว่า “ไอแพรหลุดไปแล้ว!” เรารู้สึกว่าธุรกิจสืบต่อรุ่นต่อรุ่นเราไม่เห็นด้วย เราคิดว่าต้องให้อิสระในการคิด ให้ช่วยเหลือ ตัวเองได้ ตอนนี้เขาก็เข้าใจนะ เขาก็รับฟัง
สมดุลในชีวิตตอนนี้ คือ. . . ใช้ชีวิตแบบประหยัด คิดมากขึ้น ก่อนจะซื้อ คิดว่ามันจะไปอยู่ส่วนไหนของ บ้าน ใช้ ได้กี่ครั้ง เรารู้สึกว่าบางทีซื้อของเต็ม บ้าน มันเหมือนเป็นการสะสม มีอะไรที่ยึด ติดเยอะขึ้น ท�ำให้เราปล่อยวางยาก เราก็ เลยตัดที่ต้นเหตุ แล้วเราก็ท�ำอะไรที่เราชอบ สิ่งที่เราอยากท�ำ แล้วเราก็เตรียมตัวตายทุก วัน โดยถามตัวเองว่า “ถ้าพรุ่งนี้ตาย วันนี้ เราจะท�ำอะไร?”
มีเพื่อนที่คุยกันได้ทุกเรื่องไหม? แอม เป็นเพื่อนสนิทเราตั้งแต่ โรงเรียน เราเป็นคนกิจกรรมเยอะ แต่ แอมไม่ค่อยท�ำกิจกรรม แต่พร้อมร่วม กิจกรรมกับเราเสมอ เราสร้างบ้านดิน แอมก็มาช่วย เรารู้สึกว่าสังคมคนที่มาช่วย สร้างบ้านดินที่บ้านเราเป็นอะไรที่ดีมาก มันเป็นพันพรรณได้เลย ทุกคนมาช่วย กันจริงๆ มีอะไรก็คุยกัน เราได้อะไร เยอะมากจากหลายๆ คน
ปกติเขาให้ฝากกัน . . . พี่แพรอยากฝากอะไรกับคนรุ่นใหม่? อย่าท้อ อันนี้เป็นค�ำที่ตาสอนเรา “อยากท�ำอะไร ท�ำเลย” ส่วนใหญ่คนคิดเยอะมักจะไม่ ได้ท�ำ เพราะความกลัว รู้เยอะ แล้วก็เลยไม่ท�ำดีกว่า เราเป็นพวกคิดน้อยแล้วท�ำเลย มันอาจจะ ไม่เพอร์เฟค พอท�ำ อาจจะเจอปัญหา เราก็ ค่อยๆ ผ่านมันไป เหมือนเราซื้อความรู้ มันก็ คุ้ม เหมือนอย่างท�ำบ้าน เราก็เจอปัญหา ก็ ค่อยๆ แก้กันไป จะท�ำอะไรมันไม่มีอะไรยาก เกินหรอก เคยได้ยินเขาบอกว่าคนจะประสบ ความส�ำเร็จ มันห่างกันแค่ก้าวเดียว คิดว่า “อีกนิดนึงดิวะ!” เราอยากจะฝากว่า เป้าหมายคน สมัยนี้ คือ เงิน พอคือเงิน แล้วชีวิตมันซับ ซ้อนไปหมด อย่าไปเห็นว่าเงินมันใหญ่กว่าเรา คือเราควบคุมมันได้ ถ้าเราตัดความโลภได้ ชีวิตเราจะสบายขึ้นเยอะ แล้วต้องคอยเช็ค ตลอดว่าเราไม่เบียดเบียนใคร แล้วเริ่มแบ่ง ปันให้กับคนอื่น ลองคิดว่าให้ ให้เยอะ แล้ว รับให้น้อย ท�ำเท่าที่เราท�ำไหว เริ่มที่ตัวเรา สังคมมันน่าจะดีขึ้นนะ :) “ อยากให้คนรุ่นใหม่ เห็นแก่ตัวให้น้อยลง แล้วเป็นตัวของตัวเองให้มากขึ้น ”
ชาลี : น้องหมาที่พี่แพรซื้อเป็น ของขวัญให้ตัวเองในวันเรียนจบ
Kashmir If You Can : หนังสือ เล่มแรกของพี่แพร #Bunbooks
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ ECO Eco = Ecology ( ระบบนิเวศวิทยา,ธรรมชาติ,สิ่งแวดล้อม ) + Economy ( เศรษฐกิจ,ธุรกิจ ) Eco Concept คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน ( Sustainable Development ) “ การพัฒนาที่ยั่งยืน คือ การพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการ ณ เวลาปัจจุบัน โดยไม่ส่งผลกระทบที่จะทำ�ให้ความสามารถในการตอบสนองความต้องกา ของคนรุ่นถัดไปลดน้อยลง ” ที่มา : http://www.ieat.go.th/eco/index.php/eco/what-s-eco
ติดตามสาวแกร่งคนนี้ที่ก�ำลังมีบ้านดินเป็นของตัวเองใจกลางเมือง และพูดคุยกับเธอ ได้ที่ : - facebook.com/repairproduct - facebook.com/pairnotebook
เป็นวัยรุ่นห้ามสบาย บทความ : sorsala
14
สิ่งที่ไม่ควรลืม
" The two most important days in your life are the day you are born and the day you find out why. " : : Mark Twain : :
เพราะชีวิตคือการเดินทาง บทความ : IMATOMS
o t k Bac
c i s Ba
15
A Dish I Cook
สลัดผลไม้เท่าที่มีในบ้าน เรื่องและภาพ : ปอลอพอ / twitter : @paleepats_
กลิ่นกาแฟในถ้วยประจ�ำตัวของแม่คอยปลุกเราทุกเช้า แม่ชอบนั่งจิบกาแฟหอมกรุ่นพร้อมกับกินขนมปังปิ้งทาเนยทา แยม บางวันที่เราตื่นเช้าเป็นพิเศษก็จะท�ำแพนเค้กผลไม้สดให้แม่กินสลับกันไป แต่เพราะนานๆ ทีเราจะตื่นเช้าน่ะสิ ผลไม้ เหล่านั้นก็เหลือค้างเติ่งอยู่เต็มตู้เย็นจนเกือบช�้ำเสียทุกที ... สลัดผลไม้เท่าที่มี ในบ้านเลยกลายเป็นเมนูที่เราท�ำกินเล่นบ่อยๆ ไม่อยากปล่อยให้เสียของ (เอาจริงๆ ไม่ค่อยกล้าใช้ค�ำว่าท�ำเท่าไหร่ เพราะมันแทบไม่ต้องท�ำอะไรเลย) เลือกใช้ผลไม้อะไรก็ ได้ตามใจชอบ อยากกินเท่าไหร่ ใส่เท่านั้น อย่างเราใช้ผลไม้ที่มีอยู่แล้วในตู้เย็น คือ สตรอเบอร์รี กีวี แล้วก็กล้วยน�้ำว้า จริงๆ ถ้าใช้กล้วยหอมน่าจะเข้ากันมากกว่า แต่ตอนนี้ที่บ้านมีแต่กล้วยน�้ำว้านี่นา รสออกหวานกว่า กล้วยหอมหน่อยเลยตัดกับรสอมเปรี้ยวของสตรอเบอร์รีกับกีวี ได้ดี ไปอีกแบบ จับผลไม้ทั้งหลายมาหั่นเป็นชิ้นจุ๋มจิ๋มมพอค�ำ จัดแจงใส่ถ้วยใบสวยเตรียมไว้ ทีเด็ดอยู่ที่ความชุ่มฉ�่ำของน�้ำสลัดที่ปรุงขึ้นง่ายๆ โดยใช้ โยเกิร์ตรสธรรมชาติผสมกับน�้ำผึ้ง บีบมะนาวลงไปสักซีก เติมเกลือป่นอีกเล็กน้อย ขาดเหลือรสอะไรก็ปรุงเพิ่มได้ตามชอบ น�ำไปราดกับผลไม้ที่จัดเตรียมไว้ โรยด้วยใบสะระแหน่อีก หน่อย นอกจากจะเป็นการตกแต่งให้สวยงามน่ากินแล้วยังช่วยเพิ่มกลิ่นหอมๆ เพียงเท่านี้เราก็ ได้ของว่างยามบ่ายไว้กินเล่น ให้เย็นชื่นใจและได้ช่วยแม่เคลียร์ผลไม้ที่เหลือค้างในตู้เย็นอีกด้วย
ส่วนผสม • ผลไม้เท่าที่มี ในบ้าน ปริมาณตามชอบใจ เช่น สตรอเบอร์รี 1 – 2 ผล กีวี 1/2 ผล กล้วยน�้ำว้า 1 ผล • ใบสะระแหน่ส�ำหรับตกแต่ง
ส่วนผสมน�้ำสลัด โยเกิร์ต น�้ำผึ้ง มะนาว
1/2 กระป๋อง 1 ช้อนโต๊ะ 1 ซีก
* เกลือป่นเล็กน้อย
Tips : • หั่นผลไม้ ให้มีรูปร่างต่างกัน ช่วยเพิ่มความ น่าสนใจ เช่น เราหั่นสตรอเบอร์รีเป็นสี่เหลี่ยม ลูกเต๋า ฝานกล้วยน�้ำว้าเป็นแผ่นกลม ส่วนกีวีก็ ฝานเหมือนกัน แต่หั่นครึ่งอีกที ได้เป็นรูปทรง ครึ่งวงกลม • แช่ทั้งผลไม้ทั้งน�้ำสลัดให้เย็นจัดก่อนกิน จะช่วยเพิ่มความเย็นสดชื่น
17
A Short Story I Write เรื่อง : นิรัติศัย บุญจันทร์ ภาพ : Kamonnut Kamda facebook.com/khidwad
[ ไม่เหมือนเดิม ]
ท
กุ วินาทีที่เริ่มมีความรูและความคิดความสงสัยก็จะตามมาเสมอ “เกิดมาทำไม?” “ประสบความสำเร็จคืออะไร?” ไมวาจะรื้อสมองก็แลวถก เครียดเซลลทุกอณูก็แลวมันก็ ไมมีคำตอบที่ตองการ มีแตคำบางคำที่ปลอบ ใจวา ไมนานหรอก เดี๋ยวก็รูนา อยาเครียดไปเลย ในวัยหนุมที่เต็มไปดวยไฟของความปรารถนาที่จะเปน “เฮยผม ทำได เรื่องงายๆ” “ผมเจงผมติสท” “ผมเกงผมเด็กแนว” ตัวตนที่แสดง ออกดวย ทาทีขบถนอยๆ ที่ตอยต่ำเปนขบถวัยเยาว ลุมหลงและโงเขลา มีเรื่องเลาอยู เรื่องหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่นาสนใจมันมีอยูวา… ผมสรางเรื่องที่ ใครก็คิดวาดีและใครๆ ก็คิดวามันเลวขึ้นมา ผมเดิน เขาไปในปาหลบหนีและพบกับมิตรสหายที่นั่น เวลาผานไปหกปทามกลาง ปาเขาและกลิ่นเหม็นเขียว จากรูป ในความทรงจำบานของผมนั้นไมมี ไฟฟา มีก็แตบอบาดาลเล็กๆ พื้นดินและควันถานไม วินาทีนี้ผมเหยียบอยูบนพื้น ปูนสายไฟหอยผานหัว หลังคามีจานดาวเทียม ู นี่ก็เชาตรูแสงสวางของพระอาทิตยมาพรอมกับแสงสวางภายในใจ เพราะผมรูวาถาผมไม ไดเปลี่ยนแปลงความคิดคนในวันนั้น ทุกๆ อยางก็ เปลี่ยนไปตามครรลองของมันอยูดีเพราะฉะนั้นผมจึงไมตั้งคำถามวา “เกิดมาทำไม?” ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ก็ตัด “ทำไม?” ทิ้ง เหลือแค “เกิดมา” ไมมีทำไม รางกายของผมเริ่มเหี่ยวเฉาแลวและมีลูกชายที่คิด เหมือนผมเมื่อครั้นวัยเยาว “เกิดมาทำไม?” แตสุดทายเขาก็จะเหลือ 18
แคประโยคที่วา “ก็แคเกิดมา” โลกไมเคยหมุนรอบใครคนหนึ่ง มันหมุนรอบทุกสิ่งแลวเวลาก็ คอยๆ กัดเซาะวัยเยาว ไปทุกทีนั่นหมายถึงความฝนอันแรกในชีวิตก็จะ เลือนลางจนจำไม ได ในที่สุด 20 ปกอน “หนูอยากเปนนักบินอวกาศคะ” ตอนนี้“ก็เปนพนักงานบริษัทแถวๆ อโศกนี่แหละ เออๆฉันพอแคนี้แหละเธอ” 10 ปกอน “ผมอยากเปนนักบอลทีมชาติครับ” ตอนนี้ “ออ ผมทำอยูนี่ ไง บริษัทญี่ปุน แถวๆ สุขุมวิทนะ ทำพวกเอกสารนะครับ” 5 ปกอน “หนูอยากเปนโคโยตี้คะ หนูชอบเตน” ตอนนี้ “หนูเปนโคโยตี้ประจำแถวรัชดาคะงานนอกก็พวก มอรเตอร โชว อะไรเงี้ย” ความฝนและจินตนาการในวัยเด็กอาจจะเกิดขึ้นดวยความบริสุทธิ์ ก็พวกเราเพิ่งลืมตาดูโลกได ไมนาน ความเลวรายยังไมเผยตัวตนที่แทจริง แตแลวก็ดันมีคนกลุมหนึ่งอาจจะเรียกไดวาเปนคนปกติที่ ไมปกติ เขาไม ตองแตงตัวเด็กแนวไมตองขอเงินพอซื้อกางเกงยีนสญี่ปุนแตปากบอกรัก ประเทศชาติความคิดของพวกเขากาวไกลเกินวัยอันควร เขาไมตองการ อะไร ขอแคหนังสือกองมหึมาและเวลาที่เดินชาลง
ไมมีคำถามวา “ทำอะไร?” มีอยางเดียวคือ “ทำ” ไมเอาเวลาชีวิต อันสั้นกระจิริดไปทิ้งขวาง แลวตอนอายุยี่สิบเขาก็เริ่มไดกลิ่นของทางเดิน ตัวเอง และรูทันทีวามันเหม็นอับและขรุขระขนาดไหน มันตองชโลมไป ดวยเหงื่อหรือสายเลือดของความพยายามแนนอน เขาสูดหายใจลึกลึก อีกจนดวงตาเกร็งสั่นมือกำแนน สุดทายเขาวิ่งไปบนถนนสายนั้น วิ่งดวย ความมั่นใจ วิ่งเร็วขึ้น และเร็วขึ้น น้ำตาไหลคลายเม็ดฝนดวยความเจ็บปวด จิตใจถูกเสียดสีดวยคำ พูดถากถางยิ่งกวามีดคม เขาไมมีวินาทีที่หยุดวิ่ง เขามีขาที่แข็งแรง จิตใจ ที่แข็งกราว แสงสวางจากปากทางก็เริ่มรำไรใกลเขามาทุกที เขาไมกลัว ที่จะพบกับแสงสวางทามกลางความมืดมน ทันใดที่รางกายและจิตใจ กระโจนเขาในแสงนั้น ก็เจอกับหุบเหวที่ลึกและชันเขาทั้งหวาดเสียวและ เปนกังวล ตัวเขาหลุดออกมาจากถนนลูกรังทั้งเหนื่อยลาและยากเย็น เขาลอยอยูทามกลางเหวลึก เขาไมกลัวอะไรอีกตอไป เพราะรูตัวอีกทีเขา ก็บินไดเสียแลว “ฉันอยากบินได ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก นายบอกฉันที ได ไหม?” เด็กแนวหลายคนถามเขาแบบนั้น “นายเคยสับขาวิ่งใหเร็วจนตัวนายลอยขึ้นหรือเปลาละ?” เขาตอบ “ตื่นๆ ตื่นไดแลว นี่มันกี่ โมงกี่ยามแลว วันนี้มีเรียนไม ใชหรือไง!” แมปลุกผมตื่นจากฝนอันสับสน เมื่อออกซิเจนผานเขาปอดมากเทาไร ความฝนก็เลือนหายไปเทานั้น นี่คือเชาวันจันทร ในฤดูรอนที่มีเสียงนก ลมและแสงแดด เปนสามประสานในแนวรุกตัวเดนของฤดูนี้ ความฝนได หายไปจากภาพสมองเสียแลว เหลือเพียงความรูสึกโลงสบาย เพราะโลก ไม ไดเปนของเราอีกตอไป ยิ่งเราเรียนรูเพื่อคนหาคำตอบเกี่ยวกับความ เปนไปมากเทาไร ทิฐิตัวตนก็เริ่มบดบังความจริงมากเทานั้น
ผมอยากจะบอกนักศึกษาในที่นี้เลย ถาอยากจะเจง อยากจะแน นายตองทำตัวใหเล็กที่สุด โลกมันไมเคยหมุนรอบนายคนเดียวหรอก มันไม ใชวาคนนึงไดเงินเดือนสามแสนและจะเปนพระเจา กับอีกคนเงิน เดือนหมื่นสองแต ใหขาวหมาแมวกิน คิดดูดีๆ วาคนไหนมันมีคามากกวา กัน คุณคาของเรานะ มันไมเกี่ยวที่เงินหรอก มันอยูที่เราจะแบงปนอะไรให คนอื่น ใหสังคมเรา ใหประเทศเราดีขึ้น นายไมตองรอใหคนอื่นเปดทางหรอก ทำเลย เดินออกไปจากหอ ประชุม นายยิ้มใหยามเลย ยิ้มใหขอทาน คนขับรถเมลเลย ไมตองคิด วาเจง วาแน พวกนั้นมันขี้ขลาด ที่ตองเอามือถือมาปกปดจุดออนตัวเอง มันไมกลามองหนาคน ใชชีวิตอยูกับเปลือกนอยๆ ที่งดงาม ไมนานมันก็ หลุดก็รวง “ และพอรูตัวอีกที เอา! สามสิบกวาแลววะ ยังไม ไดทำอะไร เลย เอ...มันติดอยูที่ปากเนี่ย อืม...ความฝนของฉันคืออะไรกันนะ... นักศึกษาจำไวนะครับ เมื่อสิบปกอนที่ผมฝนและแมผมตาย ชีวิตไมเคยเหมือนเดิมอีกเลย ถาอยากบิน นายตองวิ่งใหเร็ว วิ่งแลว วิ่งอีก ใหเกียรติคน ทำตัวใหเล็ก สักวันนายก็จะบินได แลววันนั้นความคิดจะไม เหมือนเดิมอีกตอไป ” เสียงปรบมือดังขึ้น ไฟเปดสวาง การแบงปนของผมไดจบไปอีกครั้งหนึ่งแลว
มันเปนหายนะของคนรวมสมัยที่มัวแตนั่งจับผิดคนอื่น สนเรื่อง ของคนอื่น เลนมือถือไปวันๆ จนไมทำอะไร มันเอาเวลาชีวิตไปเทาไร เอาเวลาที่จองมองดวงดาวพราวแสงไปกี่หน เอาเวลาสบตาพอแม ไป แค ไหน เมื่อวานนี้ผมก็เคยเปนแบบนั้น แตเพราะอะไรบางอยาง ทำไมวันนี้กลับโลงโปรงสบาย รอยยิ้มของผมไดแบงปนกับคนรอบขาง ทันใดนั้นน้ำตาผมก็ ไหลพรากทะลุออกมายังความจริง ผมคิดถึง แม แมผมถูกรถชนหลายปแลว ผมฝนเรื่องเกาๆ มันไมเคยจากไปไหน เชาวันนั้นกอนผมออกไปเรียน แมมาปลุกผม มันเปนครั้งสุดทาย ที่ ไดยินเสียงของเขา
19
A Photo I Shoot
สิ่งใหม่มา สิ่งเก่าต้องเยียวยาตัวเอง ระหว่างทางของการคิดค้นสิ่งใหม่ ระหว่างการเดินทางกลับของสิ่งเก่า คงไว้ซึ่งรูปร่างที่ก�ำลังก่อตัว และ จากไป ใ น เ ว ล า เ ดี ย ว กั น.
20
ค�ำและภาพ : มนุษย์ห้องใต้หลังคา.
A Poem I Feel
กลอนและภาพ : แก้วเกล้า
ทำ�นองของนางระบำ�แซมบ้า
21
Personal Font
ลายมือ : สินิทธ์ ปนุตติกร
ดอกไม้ กับ ก้อนหิน
22
A Book I Read
เรื่องและภาพ : Boymang
สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา -1 -
ข
ออนุญาตเกริ่นก่อนว่าคอลัมน์นี้อาจจะรีวิวหนังสือเก่าบ้าง ใหม่ บ้าง วรรณกรรม เรื่องสั้น ความเรียง หรือหนังสือ How To ตามวาระ คืน และการอ่านของผู้เขียนเอง นั้น พอได้รับโจทย์และคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับการเขียนเปิดซิงคอลัมน์ ใน ผม นิตยสารฉบับนี้ ก็มีหนังสือแว๊บเข้ามาในหัวอยู่หลายเล่มพอสมควร ด้วยเหตุ เลิก งาน ผลหลายๆ อย่างผมจึงตัดสินใจเลือกหนังสือมาเพียงเล่มเดียว เล่มนี้อาจจะ แล้ว มีชื่อเสียงในตัวเองพอสมควร เพราะเป็นหนังสือจากนักคิดนักเขียนที่ ได้รับ รีบ ความนิยมในหมู่วัยรุ่นขณะนี้ ‘หนังสือที่เปลี่ยนสิ่งของธรรมดารอบตัว มาเป็น เดิน สิ่งมหัศจรรย์’ ทาง ใช่แล้วครับ เล่มที่ว่าคือหนังสือ ‘สิ่งมหัศจรรย์ธรรมดา’ ผลงานเล่มที่ 11 ของนิ้วกลม หรือ สราวุธ กลับ เฮ้งสวัสดิ์ นักคิด นักเขียน พิธีกร ครีเอทีฟโฆษณา ผู้ก�ำกับโฆษณาชื่อดัง ตีพิมพ์ครั้งแรกปี พ.ศ. 2553 โดย บ้าน ทันทีมีจุดตั้งต้นการเล่าจากสิ่งของรอบตัวที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น นาฬิกาปลุก, แปรงสีฟัน, หลัง กระจก, กุญแจ, รูปถ่าย, ดินสอ, ยางลบ, หินลับมีด ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 24 อย่าง จาก รูปแบบเป็นความเรียงที่เแฝงความคิดผ่านสิ่งของเหล่านั้น ทั้งรูปแบบการใช้งาน การใช้แทนเป็น อาบ สัญลักษณ์ ท�ำให้สิ่งของเหล่านั้นดูมีเรื่องราวพิเศษเฉพาะตัว เหมือนท�ำให้เราได้เปิดหูพร้อมเปิดใจลองฟังสิ่ง น�้ำ ต่างๆ รอบตัว และสร้างแรงบันดาลใจ(ตามสไตล์นิ้วกลม)ได้เป็นอย่างดี เช่น “แปรงสีฟันบอกกับเราว่า เรา ต้องดูแลสิ่งส�ำคัญต่างๆ ด้วยตัวเอง” หรือ “รูปถ่ายเป็นสิ่งของที่มีความเป็นส่วนตัว คนที่ ไม่ ได้เป็นเจ้าของ ย่อมไม่เข้าใจความหมายและความส�ำคัญของมัน” หนังสือพยายามเปลี่ยนเราให้มองสิ่งของรอบตัวนานขึ้น เปิดใจรับฟังเรื่องราวจากมัน เห็นคุณค่าของ สิ่งนั้นๆ ว่ามันมิใช่แค่วัตถุธรรมดา เพราะของทุกชิ้นในบ้านมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ และพร้อมที่จะเล่าอะไร บางอย่าง อยู่ที่ว่าเราเคยรับฟังมันหรือไม่? “ไม่ ได้พิสดารหรือมีอภินิหารอะไร แต่มันพูดอะไรกับเราบางอย่าง และสิ่งที่มันพูดนั่นเองที่มหัศจรรย์ เพราะเป็นเสียงที่เราไม่ค่อยได้ยิน - เสียงในใจ” ทุกวันนี้ผมยังคงด�ำรงชีวิตประจ�ำวันตามปกติ แต่หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบ สิ่งของต่างๆ ในบ้าน จากที่มันเคยดูเป็นแค่สิ่งของธรรมดา ตอนนี้มันกลับมามีชีวิต มีเรื่องราวมากมายในตัวมัน ที่รอให้ผมเปิดใจ รับฟัง “ โลกของเราถูกแวดล้อมไปด้วยสิ่งของมากมาย บางชิ้นมหัศจรรย์จนผู้คนน�ำมันไปเก็บไว้ ในพิพิธภัณฑ์ แต่ของส่วนใหญ่ต่างก็กระจัดกระจายอยู่ตามอาคารบ้านเรือน เป็นเพียงของธรรมดา-ธรรมดา แต่ทว่าทุกสิ่งที่ดูคล้ายธรรมดา ถ้าเราให้เวลา มันจะกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ” 23
A Movie I Watch
เรื่อง : GUMBEAR facebook.com/optimistic.note
นัดหยุดโลก
Goal Club เกมล้มโต๊ะ (2001) / Goal เกมหยุดโลก (2005)
ค�ำ
ว่า “นัดหยุดโลก” นี่ ไม่ ได้เป็นแค่ค�ำเปรียบเปรยนะครับ ทางกายภาพมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ส�ำหรับแมตช์ฟุตบอลที่ทีมระดับมหาอ�ำนาจลูกหนังต้องมาฟาดฟันกัน ยิ่งเป็นฟุตบอลโลก ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “แม่งระดับโลกนะเว้ย” ทั่วทุกสารทิศทุกซอกทุกมุมที่พอจะมีสัญญาณถ่ายทอดทะลุทะลวงทีวีเข้าไปได้ ไม่ว่า ใครก็ต้องหยุดดู แต่แปลกที่การแข่งขันกีฬาระดับโลกชนิดอื่น ไม่เห็นมี ใครมาแย่งลิขสิทธิ์กันเลย..
Goal Club
สิ่งที่เป็นของคู่กันกับฟุตบอล คือ พนันฟุตบอล ท�ำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง Goal Club เกมล้มโต๊ะ (2001) ชีวิตชายไทย (ผู้หญิงด้วยแต่น่าจะน้อยกว่าเยอะ) ที่ ได้เดินเข้ามาสู่ธุรกิจลงทุนระหว่างเมือง บางครั้งก็ ระหว่างประเทศ โดยที่ ไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษก็ท�ำธุรกิจนี้ ได้ อ่านชื่อทีมให้ออก มีเงินทุนร้อยสองร้อยอย่างต�่ำ ก็เข้าร่วมสนุก เอ้ย! ร่วมลงทุนได้แล้ว ‘Goal Club’ ว่าด้วยกลุ่มเด็กหนุ่มที่เพิ่งพ้นวัยมัธยมปลายได้หมาดๆ มีความฝันที่ต้องการ ซึ่งการจะได้ มานั้นพวกเขาเห็นช่องทางเพียงช่องทางเดียว พวกเขาต้องรวย แต่จะท�ำอย่างไร ไม่ ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย ความรู้อะไรก็ ไม่มี มีเพียงการพนันขันต่อที่พวกเขาชอบเล่นกันตั้งแต่ ในโรงเรียน พวกเขาจึงทยอยเข้าสู่วงการ พนันฟุตบอลในฐานะของเด็กเดินโพย ซึ่งเราก็จะได้เห็นระบบวิธีการคิดของโต๊ะพนัน ขั้นตอนการเล่น และวิธี กระทืบเพื่อทวงหนี้ ที่ผมชอบเรื่องนี้เพราะว่าด้วยคาแรกเตอร์และความคิดของตัวละครแม่งโครตชีวิตจริง มนุษย์ผู้คลั่ง ความเสี่ยง เสี่ยงทั้งเงินและชีวิต มีอยู่จริงครับ ส�ำหรับคนโลกสวยงามก็จะได้เห็นมุมมองวิธีคิดแบบสุดโต่งทุ่ม สุดใจไปแบบสุดตีนของคนเหล่านี้ เพราะใครก็ตามที่คิดว่าเงินได้มาง่ายๆ เพียงรอ 90 นาทีนิดๆ ย่อมไม่หยุด คิดต่อไปว่าจะท�ำอย่างไรให้ ได้มากกว่าเดิม
Goal
Cr. รูป : internet
ฟุตบอลเปลี่ยนชีวิตคนหนึ่งคนได้ ในอีกทางหนึ่ง คือ การเล่นฟุตบอลอาชีพ ‘Goal เกมหยุดโลก’ (2005) เป็นหนังที่เกี่ยวกับเด็กหนุ่มนามว่า ซานติอาโก้ มูเนซ พยายามวิ่งหนีจากอาชีพก่อสร้างที่พ่อสร้าง ไว้ มุ่งหน้าสู่ความฝันการเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่สโมสรนิวคาสเซิล เอาเข้าจริงหนังเรื่องนี้มันก็ ไม่ ได้สนุกอะไร นักหนาหรอกครับ เนื้อเรื่องออกไปทางน่าเบื่อและเดาทางได้ง่ายมาก แต่พอดีเป็นคนแพ้ทางหนังประเภท ตัวเอกเป็นบอลรอง แล้วผงาดในตอนท้าย ก็เลยพอจะทนดูได้ สิ่งที่พบเห็นได้จากหนังทั้งสองเรื่อง คือ ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ทรงอิทธิพลมาก เป็นภาษาสากลที่เหนือ กว่าภาษาอังกฤษ เป็นทั้งความฝันและหนทางหาสตางค์ไปสู่ฝัน ถ้านักฟุตบอลก็จะพูดว่า เขายอมแลกทั้งชีวิต เพื่อจะเล่นฟุตบอลเพียง 90 นาทีถ้านักพนันก็จะพูดว่า ขอใช้เวลา 90 นาทีเพื่อเปลี่ยนชีวิต ไม่รู้ว่าอะไรดีกว่ากัน รู้แต่ว่า ฟุตบอลเปลี่ยนชีวิตคนได้จริงๆ และ 90 นาที ในสนามฟุตบอล หยุดชีวิตคนบนโลกได้จริงๆ
24
A Song I Listen เรื่อง : Wallflower T. ภาพ : waytime
Let It Go Idina Menzel (Disney’s Frozen Soundtrack)
ป
ลายปี 2013 ฉันได้ฟังเพลง Let it go ครั้งแรกตอนไปดู ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง Frozen เพลงนี้อยู่ ในฉากพีคของเรื่อง เมื่อ เจ้าหญิงเอลซ่าได้ปลดปล่อยพลังน�้ำแข็งที่เก็บซ่อนเอาไว้ ไม่สนใจว่าใคร จะว่ายังไงกับสิ่งที่เธอเป็น... ฉันเชื่อว่าที่เพลงนี้ฮิตมากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่าน มา เพราะมันแทนความรู้สึกของคนยุคนี้ ได้ดี สังเกตได้ว่าถ้ามีเพลงอะไรดัง จนเป็นกระแสขึ้นมา พอเวลาผ่านไปแล้วมองย้อนกลับมา จะรู้เลยว่าประวัติศาสตร์ทางความ รู้สึกของมนุษยชาติอยู่ ในเสียงเพลงนี่เอง แล้วเพลง Let it go โดนใจคนทั้งโลกเพราะอะไรกันนะ... “Don’t let them in, don’t let them see. Be the good girl you always have to be. Conceal, don’t feel, don’t let them know.” เพลงนี้คือภาพสะท้อนความโดดเดี่ยวของผู้คน มันบ่งบอกถึงการแบกรับความคิดที่ว่า “ฉันต้องสมบูรณ์แบบ” ยิ่งตอนนี้เราอยู่ ในยุคที่เห็นชีวิตคนอื่นผ่านโลกโซเชียล จึงง่ายมากที่เราจะเผลอเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นโดยไม่รู้ ตัว ทั้งๆ ที่สเตตัสและรูปที่ โพสต์ก็ล้วนประดิษฐ์กันมาแล้วทั้งนั้น แต่เราก็ยังอดไม่ ได้ที่จะกังวลว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นนั้นดีพอ หรือยัง? ฉันแปลกแยกจากคนพวกนั้นไหม? แล้วต้องท�ำอย่างไรให้ทุกคนยอมรับ? ฉันเชื่อว่าทุกคนมีสิ่งที่ดีและไม่ดีอยู่ ในตัว เพียงแต่เราจะแสดงออกมาให้ ใครรับรู้มากแค่ ไหน และสิ่งที่เป็น ตัววัดว่าอะไรดีหรือไม่ดีก็คงเป็นค่านิยมในสังคมที่เราอยู่ แต่บางครั้งสิ่งที่คนในสังคมไม่เห็นคุณค่าก็ ไม่ ได้แปลว่ามันไม่ดี เพียงแต่เราอาจจะอยู่ผิดที่ก็เท่านั้น ปัญหาโลกแตก คือ บางครั้งเราก็เลือกไม่ ได้ว่าจะอยู่ที่ ไหน ด้วยเงื่อนไขอะไรหลาย อย่างในชีวิต ดังนั้นการเป็นคนที่ ไม่มีคุณสมบัติตรงกับสิ่งที่สังคมยอมรับคงท�ำให้รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่ ไม่น้อย ไม่มีอะไรท�ำให้คนเราเหงาได้มากเท่าการไม่มี ใครเข้าใจสิ่งที่เราเป็น มันคือความเปล่าเปลี่ยว เคว้งคว้าง ไม่รู้ จะหันไปบอกใครดีว่าเราแบกรับอะไรไว้ ครั้นอยากจะบอกให้ ใครสักคนรู้ก็ดูเหมือนจะต้องเสี่ยง เพราะไม่ ใช่ทุกคนที่จะ รับความเป็นเราได้เสมอไป บางคนก็ ไม่คิดว่านี่คือเรื่องใหญ่เลยด้วยซ�้ำ แต่การที่คนเราไม่สามารถแสดงความรู้สึกนึกคิด ออกมาได้ ก็ ไม่ต่างอะไรกับการขังตัวเองไว้ ทั้งๆ ที่สมบัติล�้ำค่าที่มนุษย์คนหนึ่งพึงมีก็คือ ‘ตัวตน’ เพลง Let it go จึงเป็นเพลงที่ โดนใจคนทั้งโลก เพราะนี่คือภาพสะท้อนความเปราะบางของผู้คน เราอาจ แตกต่างกับคนอื่นบ้างก็ ไม่เห็นเป็นไร ปลดปล่อยมันออกมาซะ ใช้ความกล้าสักครั้งในชีวิตเพื่อยืนหยัดในสิ่งที่เราเชื่อ ถึงแม้จะมีคนไม่ยอมรับเราบ้าง แต่เราจะนับถือตัวเองมากขึ้น เพราะการซื่อสัตย์กับใจตัวเองนั้นถือเป็นความกล้าอย่าง หนึ่ง คนบางคนตามใจคนอื่นมาทั้งชีวิต แต่กลับฝืนใจตัวเองไม่ ให้ท�ำอะไรที่อยากท�ำ และไม่ ได้นึกเลยว่าก�ำลังท�ำร้าย ตัวเองอยู่ โดยไม่รู้ตัว ถ้าตั้งใจฟังเพลงนี้อีกทีเราอาจได้ถามตัวเองจริงๆ จังๆ ว่า ความสมบูรณ์แบบที่คนอื่นเขาก�ำหนดไว้ มันดีส�ำหรับเราแล้วแน่เหรอ ถ้าไม่ชอบคณะที่เรียน เกลียดงานที่ท�ำ ชอบเพศเดียวกัน ฝืนคบกับคนที่ ไม่ ใช่ ต้องซ่อน ความอ่อนแอเอาไว้ หรือ หากเรามีความคิดที่ ไม่เหมือนใคร เพลงนี้จะเป็นเหมือนเพื่อนที่คอยเข้าใจและเชียร์ ให้เรากล้า เดินออกมา ปลดปล่อยมันออกไป แล้วลองท�ำตามใจตัวเองสักครั้ง... No right, no wrong, no rules for me. I’m free. :) 25
Away From Thailand อินเดีย & อเมริกา
INDIA
เรื่องและภาพ : aposaof
Life in Bangalore เสียงแตรบรรเลงบนถนนสามเลน หมอกฝุน แสงแดดออนกับสองฝงทางที่ปกคลุมดวยตนไม ใหญ และเทพเจาวัว ตอนนี้เราอยูที่เมืองบังกะลอร ณ อินเดีย เมืองแหงตนไมที่ทำใหการเดินทางเพลิดเพลิน กับออโตริกชอรฟอมูลาวัน (คลายรถตุกๆ ไทย) ไมตางกับเมืองอื่นๆ ในอินเดีย ที่ ไฟมักจะดับอยางต่ำอาทิตยละ 3-4 ครั้ง แตดวยความนารัก คือ เมื่อไหรที่ทองฟาเริ่มแดง เราก็สามารถเตรียมตัว เตรียมใจและไฟฉายอยางงายดาย ... อีกอยางที่สำคัญรองจากไฟฉาย คือ เหรียญรูป เมื่อไหรที่เราตองจับจายซื้อของในรานสะดวกซื้อ ซึ่งจะไมมีเงินทอนเปนเหรียญ แตคาของเหรียญนั้นจะแปรเปลี่ยนเปนลูกอม แมกระทั่งรานแอลกอฮอลบางรานในหางที่คิดวาปลอดภัย เศษของทานจะถูกปดเปนถวนทันที ยกตัวอยาง 364 รูป ก็จะถูกปดเปน 370 รูป ซะอยางนั้น การมาอยูเมืองนี้ เหมือนไดยอนหลังกลับไปสัก 20 ปได แตก็มีบางอยางที่ทันสมัยอยางไมนาเชื่อเชนกัน 26
USA
เรื่องและภาพ : Rin Jenwarin
พวกเราหลายๆ คนคงจำชวงเวลาหนึ่ง ที่เจาเครื่องดนตรีตัวเล็กๆ มาบูม และเกิดเปนกระแสในประเทศไทย อยูชวงหนึ่งได เครื่องสายที่หนาตา คลับคลายคลับคลาอยางกับกีตารตัวจิ๋ว เจาอุคุเลเล (Ukulele) นั้นมีตนกำเนิด รากเหงาบรรพบุรุษมาจากฮาวายเมื่อนานมาแลว กอนที่จะมาเผยแพรสูลูกหลานในประเทศไทย รินเองก็เปนหนึ่งคนที่มีอยู ในครอบครองหนึ่งตัว ฉะนั้น มาถึงที่แผนดินทวดของอุคุเลเลทั้งที จะมี ใครจะไปยอมพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ ตองขอไปสอยมาสักตัว
หน้ากากของผู้ชม
แฟนคลับคาราบาวในฮาวาย
" Give a man a mask and he'll become his true self " - joker
ยี่หอที่รินไปซื้อถึงโรงงานก็คือ Koaloha หนึ่งใน 3 ยี่หอท็อปเลยละ มีการพาชมขั้นตอน การผลิต แถมยังไดซื้อราคาถูกกวารานขายทั่ว ไปอีกดวย แบบนี้ถือวาคุมเสียยิ่งกวาคุม
ขอบอกกอนวารินเปนคนชอบตั้งชื่อให เครื่องดนตรี เจาตัวใหมนี้จะชื่ออะไรดีนะ...ที่จะ มีกลื่นอายของความเปนฮาวาย และนารักใน เวลาเดียวกัน ระหวางที่นั่งอยูริมหาด เพื่อนก็ โชว shaka sign ใหชาวฮาวายคนอื่นพอดี เลยทำใหปงขึ้นมาวา “นี่แหละ! อุคุเลเลจอมชิลล” สำหรับเรื่องแรก รินขอแชรประสบการณการไปเที่ยวฮาวาย บวกกับเสียงชิลลๆของเจาตัวเล็กแบบนี้ดวยแลว เมื่อชวงป ใหมของป 2014 นะคะ เวลาเดินไปมาตามถนนหรือ มันเขากันสุดๆเลย ! ยินดีตอนรับสูครอบครัวเล็กๆ ชายหาดในฮาวาย เราอาจจะเห็นคนที่เดินสัญจรทั่วไป ของรินนะ ‘Shaka~’ ยกมือมาทำตราคาราบาวใหกันและกัน แถมยังหมุนขอมือไปมา หากคุณไดประสบพบเห็นเหตุการณแบบนี้ขอใหรูเอาไววา คนฮาวายเหลานั้น อยากไดคาราบาวแบบเขยาขวดกอนดื่ม เหมือนเวลากินยาแก ไอคะ ไมชายยยย! พูดเลนนะคะ ภาษามือที่เขาทำกันนั้น เรียกวา “Shaka sign” หรือสัญลักษณชะกา ในวัฒนธรรมฮาวายมีความหมาย เหมือนกับคำวา “ ชิลลชิลล ” ที่ติดปากคนไทยสมัยนี้กันนี่แหละ และการหมุนขอมือเปนเพียงการเนนใหเห็นชัดเฉยๆ ความจริงจะไมทำก็ ได ก็มันชิลลนี่เนอะ!
สวัสดีคะ ยินดีตอนรับเขาสูคอลัมนของริน รินเปนเด็กมหาวิทยาลัยในอเมริกาธรรมดาคนหนึ่ง ปจจุบันเรียนวิศวกรรมอยูที่ Pennsylvania State University จะขอมาแบงปนประสบการณ ในตางแดนใหอานกันคะ
27
Another Language ภาษาอังกฤษ & มลายู
Sawasdee English บทความ : Faraway
Have / Do
สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารัก และรักภาษาทุกคน ในคอลัมน์ Another Language ในภาษา English ที่เราคุ้นเคยกันดี (แต่จะพูดแต่ละทีก็จะมีปัญหาทุกครั้ง ^^) ในวันนี้ขอเสนอหลักการใช้ Have, Do ค�ำกริยาง่ายๆที่อาจมีอะไรมากกว่า Have ที่แปลว่า ‘มี’ และ Do ที่แปลว่า ‘ท�ำ’ โดยเราจะน�ำสองค�ำนี้มา ‘ Recycle’ - ‘น�ำกลับมาใช้ ใหม่ ’ ให้ ไฉไลกว่าเดิม และสื่อความหมายที่มากขึ้น เป็นธรรมชาติเหมือน เจ้าของภาษาใช้พูดกันมากที่สุดค่ะ เรามาเริ่มที่ Have /แฮฟ/ กันก่อนเลยนะคะ ปกติเราจะใช้ค�ำนี้ ในควายหมายว่า ‘มี’ เช่น I have a pen เป็นต้น แต่จริงๆแล้วในภาษาอังกฤษ เราสามารถใช้ Have ในการพูดถึงการ ‘กิน’ และ ‘ดื่ม’ ได้ เช่น Have+มื้ออาหาร เพื่อบอกว่าเรา ‘รับประทาน’ (มื้อไหน) เช่น I have breakfast (มื้อเช้า)/lunch (มื้อเที่ยง)/dinner (มื้อเย็น) นั่นเองค่ะ และ Have+เครื่องดื่ม เพื่อจะบอกว่าดื่มอะไร มีความหมายเหมือน drink เช่น She has tea with cookies. ส่วน Do นอกจากแปลว่าท�ำ ที่เราชอบใช้บอกว่า “ท�ำการบ้าน” I do my homework อย่างเดียวแล้ว ยังมี ‘ท�ำ’ แต่ ใช้กับท�ำงานอย่างอื่นที่มากกว่าการบ้าน ซึ่งสามารถใช้ “Do+ งานบ้าน” ได้เช่นกันค่ะ เช่น do the cleaning (ท�ำความสะอาด), do the ironing (รีดผ้า), do the laundry (ซักผ้า), และ Do the cooking (ท�ำอาหาร) เป็นต้น หรือ “Do+การออกก�ำลังกาย” เพื่อบอกท่ากายบริหารแบบต่างๆเช่น do push-up (วิดพื้น), do sit-ups (ซิต-อัพ) และ do jump rope (กระโดดเชือก) เห็นมั๊ยคะเราสามารถน�ำค�ำง่ายๆที่เราคุ้นเคยดีกลับมาใช้เพิ่มคลังค�ำศัพท์เพื่อใช้สื่อสารให้เราได้ เพียงแค่เราไม่ละเลย หมั่นหาความรู้เพิ่มเติ่ม และให้เวลาใส่ ใจกับมันอีกนิด ภาษาอังกฤษก็เป็นเรื่องง่ายได้จริงๆค่ะ
28
โลกของเราก็เช่นกันถ้าทุกคนใส่ ใจ น�ำของที่มีมา Recycle ใช้ซ�้ำ นอกจากเราจะช่วยลดขยะให้ โลก เราอาจได้สิ่งประดิษฐ์และไอเดียใหม่ๆจากการสร้างสรรค์ผลงานเราก็ ได้ ทุกคนว่าจริงมั๊ยละคะ :)
หรรษาภาษามลายู
ฉันรักเธอ
บทความ : ณ ทรายขาว ค�ำว่า “รัก” เป็นค�ำที่พิเศษ หากใครได้กล่าวค�ำนี้กับเรา โดยการบอกรักเรา เราคงจะมีความรู้สึกดี ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นตัวของคนพูดเอง หรือแม้กระทั่งคนฟัง คนทั้งคู่คงจะเกิดความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ถูกเลยว่า มีความสุขมากมายขนาดไหนเมื่อได้ยินค�ำๆ นี้
หลายคนอยากบอกรักคนที่เรารัก หรือแม้กระทั่งคนที่เราแอบรัก แอบชอบ แต่ ไม่กล้า เพราะไม่รู้ว่าจะบอกยังไง กลัว เขาคนนั้นจะรู้ กลัวทุกสิ่งอย่าง กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวไปหมด ได้แต่แอบบอกรักเขาในใจ ดังนั้นวันนี้ เพื่อเป็นการช่วยให้คนที่ อยากบอกรักได้สมหวัง ผู้เขียนจึงอยากสอนค�ำว่า “ฉันรักเธอ” ในภาษามลายูเอาไว้ เผื่อวันหนึ่งผู้อ่านมี โอกาสเมื่อไหร่ จะได้เดิน เข้าไปใกล้ๆ คนที่เรารักหรือแอบชอบอยู่ แล้วก็พูดลอยๆ หรือบอกให้เขาได้ยินว่า “ฉันรักเธอ” ซึ่งค�ำว่า ฉันรักเธอ ในภาษามลายู นั้นเราจะใช้ค�ำว่า Saya cinta kamu อ่านว่า ซา-ยา จิน-ตา กา-มู แปลว่า ฉันรักเธอ ซึ่งขอแปลตามตัวดังนี้ คือ
ค�ำว่า Saya อ่านว่า ซา-ยา แปลว่า ฉัน ค�ำว่า cinta อ่านว่า จิน-ตา แปลว่า รัก และค�ำว่า kamu อ่านว่า กา-มู แปลว่า เธอ ซึ่งเมื่อน�ำมารวมกันแล้วจะแปลได้ความหมายว่า “ฉันรักเธอ”
และเราสามารถเปลี่ยนตัวสรรพนามตัวหลัง (หลังค�ำว่า cinta) เป็นชื่อของคนที่เรารัก เราชอบก็ ได้ เช่น Saya cinta Brad Pitt ก็จะแปลออกมาได้ว่า ฉันรักแบรด พิตต์ เป็นต้น หากเราอยากบอกรักพ่อ แม่ ก็สามารถบอกได้เช่นกัน โดยน�ำค�ำว่า Ibu (อี-บู) ซึ่งแปลว่า แม่ หรือค�ำว่า Bapa (บา-ปะ) ที่แปลว่า พ่อ มาเติมหลังค�ำว่า cinta ก็จะได้ประโยคที่ว่า Saya cinta Ibu อ่านว่า ซายา จินตา อีบู แปลว่า ฉันรักแม่ หรือ Saya cinta Bapa อ่านว่า ซายา จินตา บาปะ แปลว่า ฉันรักพ่อ เป็นต้น โอเคนะคะ ส�ำหรับการเรียนรู้ภาษามลายูในวันนี้ หวังว่าบทความอันนี้คงจะมีประโยชน์กับผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย และที่ ส�ำคัญอย่าลืมน�ำประโยคนี้ saya cinta kamu ไปใช้บอกเราคนที่เรารัก เราชอบด้วยนะคะ เพราะเขาคงจะดี ใจมากหากได้ยินค�ำ ว่ารักที่ออกมาจากปากของคุณ
29
พื้นที่เล็กๆ
เรื่องและภาพ : nropapin
บทเรี ย น ครั้งแลวครั้งเลา..ที่เราเห็นอารมณความรูสึกของตัวเองผานการไลสายตาไปตามตัวอักษร
ในแตละหนาของสมุดบันทึก หลายๆ ความรูสั่นสะเทือนจิตใจใหเกิดภาพความทรงจำพรั่งพรู แมรูวาเหตุการณเหลานั้นจะผานมาเนิ่นนาน ทวากลับยังคงอยู และไมเคยสูญหาย มีบางที่อยากจำ มีบางอันที่อยากลืม หากไมพยายามจะฝนลืมเลือนไป เราจะรับรู ได ในใจลึกๆ วา สิ่งเหลานี้เคยเกิดขึ้นแลวในกาลครั้งหนึ่งของชวงชีวิต ตราบที่ โลกยังมีแรงโนมถวงดึงดูดวัตถุไว สสารยอมไมมีวันสูญหายไปจากโลกใบนี้ แคแปรสภาพไปตามกาลเวลาเทานั้น เชนเดียวกับอารมณความรูสึกของคน ตราบที่ยังคิด ทุกขณะจิต ยังมีการเกิดดับ วัสดุทางอารมณก็ยอมเกิดขึ้น และดำรงอยูเสมอ เพียงแตเราจะจัดการกับวัสดุทางอารมณที่มีมากมายในแตละวันอยางไร วัสดุทางอารมณที่สะสมเพิ่มมากขึ้นตามวัย บางก็ทับทมในใจกลายเปนวัสดุเหลือใช หากปลอยไว โดยไมทำอะไร อาจสงผลราย กลายเปนขยะความรูสึก และพรอมที่จะถูกนำกลับมารียูสใช ใหม โดยไมผานกระบวนการ เหมือนความเศราในอดีตที่พรอมจะเกิดขึ้นใหม ซ้ำแลวซ้ำเลา เมื่อเราไมรูจักเรียนรู แลวจะดีกวาไหม . . . ถาเรานำวัสดุเหลือใชทางอารมณเหลานั้น มารี ไซเคิลผานกระบวนการแปรสภาพ ทบทวน เรียงรอย ประติดประตอประสบการณ ดวยกาวแหงสติ สรางสรรคสิ่งประดิษฐชนิดใหม ในชื่อที่เรานิยามกันไววา... ‘บทเรียน’
30
A Picture I Draw ภาพ : เงาเมฆ
y a W r u o Beyond Y
31
Next issue > > >
O-N l 02 2014 OCTOBER เร็วๆ นี้ :)
ภาพ : 9chaballoon