คํานิยม ขาพเจาขอแสดงความชื่นชมความสําเร็จในการเขียนหนังสือ เลาเรื่ององคภูมิพล ของคุณพรปวีณ ทองดวง เปนหนังสือที่เขียนจาก ประสบการณอันเกิดจากการทํากิจกรรมตาง ๆ เพื่อแสดงใหชุมชนไดมอง เห็นวาโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๙ ไดทรง ริเริ่มนั้นลวนแตเปนโครงการที่ผานการวิจัยจากพระองคแลวทั้งสิ้น แมน โครงการตาง ๆ ที่ผูเขียนไดดําเนินการดวยตนเองและมีสวนรวมเปน โครงการสวนนอย แตการดําเนินการก็ยงั มีผลมหาศาลตอชุมชนทีเ่ กีย่ วของ ดั ง นั้ น หากพี่ น อ งประชาชนทั่ ว ประเทศน อ มนํ า โครงการทั้ ง ๔,๔๔๗ โครงการ มาดําเนินการใหเหมาะสมกับภูมิประเทศและสิ่งแวดลอมของ แตละพื้นที่ ประเทศไทยก็คงสามารถแกไขปญหาความยากจนและปญหา วิกฤตตาง ๆ ได ขาพเจาปรารถนาใหบคุ คลทีป่ ระสบความสําเร็จเชน คุณพรปวีณ ทองดวง ไดเขียนหนังสือลักษณะนีใ้ หมากขึน้ เพือ่ เปนการเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูห วั รัชกาลที่ ๙ ทีพ่ ระองคทรงมีวริ ยิ ะอุตสาหะ ศึกษาและสรางนวัตกรรมในทุก ๆ ดาน และจะทําใหความสําเร็จของพวก เราเปนสิ่งสนับสนุนโครงการทั้ง ๔,๔๔๗ โครงการของพระองคทาน จารึกในหัวใจคนไทยไปชั่วนิรันดร ข า พเจ า ขอพระบรมราชานุ ญ าตอั ญ เชิ ญ พระบารมี ล น เกล า พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๙ ไดทรงบันดาลพระราชทานพร ใหกับ คุณพรปวีณ ทองดวง รวมถึงผูรวมโครงการและพัฒนานวัตกรรม ตาง ๆ ไดประสบแตความสุข ความมั่นคง ความยั่งยืนตลอดไป พลเอก ดร.ศิริ ทิวะพันธุ ประธานสถาบันพัฒนาสี่แยกอินโดจีน อดีตแมทัพภาคที่ ๓
คํานิยม หนังสือเลาเรือ่ งองคภมู พิ ล เปนผลงานอีกหนึง่ ชิน้ ของคุณพรปวีณ ทองดวง นักประชาสัมพันธ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยภารกิจหนึ่งที่สําคัญขององคกร คือ การศึกษา คนควาเผยแพรศลิ ปวัฒนธรรมทีด่ งี ามของไทย และหนังสือดังกลาวไดบอก เล า เรื่ อ งราวของพระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดชที่ เกี่ยวของกับจังหวัดพิษณุโลกในวาระตาง ๆ ในตอน“เลาเรื่ององคภูมิพล” ตลอดจนแนวทางในการดําเนินพระราชกรณียกิจของพระองคไดกลายมา เปนแนวทางในการดําเนินชีวิตของผูคนในตอน “ตามรอยองคภูมิพล” เมือ่ อานหนังสือเลมนีจ้ บลง สิง่ ทีม่ องเห็นและสัมผัสไดถงึ เรือ่ งราว ที่อยูเบื้องหลัง พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระองค มีหลัก การสําคัญดังนี้ ๑. ภาวะความเปนผูนํา สิ่งตาง ๆ อันเกิดจากพระราชกรณียกิจ ไดสะทอนความเปนผูนําในการเปลี่ยนแปลง การทดลอง ทําสิ่งใหม ๆ นํา เสนอสิ่งที่แตกตางออกไป ดังเห็นไดจากโครงการพระราชดําริตาง ๆ ที่ เปนเรือ่ งใหม และตองอาศัยภาวะผูน าํ เปนแรงขับเคลือ่ นในการปรับเปลีย่ น เปลีย่ นสิง่ ตาง ๆ ซึง่ นําไปสูก ารเปลีย่ นแปลงดานการเกษตรสมัยใหมใหกบั ประชาชนชาวไทย ๒. การเทาทันการเปลี่ยนแปลง ตระหนักถึงปญหาและหา แนวทางแกไข จากพระราชกรณียกิจและการนําเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียงเปนจุดเริ่มตนสําคัญที่ทําใหเราเริ่มเขาใจถึงหลักการสําคัญ คือ การ เรียนรู การคิดแบบมีเหตุมีผล การสรางภูมิคุมกันตอภาวะวิกฤต โดยใช คุณธรรมและจริยธรรมเปนแนวทางในการกํากับชีวิต ซึ่งนําไปสูสิ่งที่เรียก วา การสมดุลของชีวิต หรือหลักทางสายกลางในพระพุทธศาสนา
๓. การจัดการแนวใหม จากพระราชประวัตแิ ละพระราชกรณียกิจ ของพระองคทานทําใหเห็นสิ่งหนึ่ง ซึ่งเรียกไดวา เปนแนวทางการจัดการ แบบใหมที่เหมาะสมกับคนไทย ดังปรากฏในแนวคิดทฤษฎีใหม คือ แบง พื้นที่ทางการเกษตรเปนพื้นที่นํ้า พื้นที่บาน พื้นที่การผลิตทั้งระดับครัว เรือนและระดับการตลาด ถือไดวาเปนแนวทางในการจัดการดําเนินชีวิต การผลิต การตระหนักถึงทรัพยากรที่มีอยู เขาใจถึงกิจกรรมของทุก ครอบครัวที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและสมัยใหม คือ ตองมีการผลิตเพื่อแลก เปลี่ยนและเพื่อการคา การจัดการที่ใหบานมีพื้นที่เพียง ๑๐ เปอรเซ็นต ของพื้นที่ทั้งหมด คือเครื่องสะทอนใหเห็นถึงปรัชญาในพุทธศาสนาเรื่อง ของความพอประมาณและการลดอัตตาของตนเองใหเล็กที่สุดเพื่อจะมอง เห็นสิ่งอื่น ๆ ที่เปนเรื่องของมวลชนใหญกวา เชน พื้นที่นํ้าในการกักเก็บ ถึง ๓๐ เปอรเซ็นต พื้นที่ที่เปนพืชสวนครัว พืชผสมผสานเพื่อใชภายใน ครอบครัว ๓๐ เปอรเซ็นต และพื้นที่ในการผลิตเพื่อขาย ๓๐ เปอรเซ็นต การจัดการดังกลาว มองใหเห็นถึงความสมดุลและยั่งยืนในฐานเศรษฐกิจ ของครอบครัว จึงกอเกิดเปนเครือขายพันธมิตรและรักษาความสัมพันธแบบ เครือญาติแบบดั้งเดิมได ผานการผลิตเพื่อเปนผูใหมากกวาเปนผูขาย จากบทเรียนตาง ๆ ที่มองเห็นอยูภายในเรื่องราวของหนังสือ เลาเรื่ององคภูมิพลเลมนี้ ทําใหกลาวไดวา แมวาพระองคจะ เสด็จสูส วรรคาลัยแตพระราชประวัตแิ ละพระราชกรณียกิจของพระองค ยังคงเปนหลักชัยและเปนผูที่สรางภูมิธรรม ภูมิรู และภูมิปญญาแกคน ไทย จนอาจกลาวไดวาเปนความภูมิใจของคนไทยที่จะหยั่งรากลึกถึง ความทรงจําที่มีตอพระองค จนกลายเปนสวนหนึ่งของแนวทางในการ ดําเนินชีวิตของคนไทยตอไปตราบนานเทานาน ผูชวยศาสตราจารย ดร.วศิน ปญญาวุธตระกูล ผูอํานวยการสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
คํานํา เพราะในหลวงคือดวงใจไทยทั้งชาติ “เพราะในหลวงคือดวงใจ เมื่อดวงใจปวยก็ตองมาดูแล เพราะถาดวงใจ เปนอะไรไป เราก็อยูไมได” ประโยคแรกทีไ่ ดยนิ เมือ่ เปดโทรทัศนชมขาวในชวงเชาของวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ นีค่ อื หนึง่ เสียงของประชาชน ณ โรงพยาบาลศิรริ าช ซึง่ นาจะกลาวไดวา แทน ความรูสึกของคนทั้งประเทศ “ทําไมคนไทยจึงรักในหลวง” “ทําไมเวลาพูดถึงในหลวงคนไทยตองรองไห” จําไดวาเคยมีชาวตางชาติถามประโยคนี้ดวยความแปลกใจ และขอความดานบนก็นา จะเปนคําตอบไดอยางดี และแลวก็ถึงวันที่หัวใจของคน ไทยแตกสลาย วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๕๒ น. วันแหงการสูญเสียครั้ง ยิ่งใหญ จดจารไวในประวัติศาสตรชาติ ไทย เมื่อกลับถึงบาน ฉันกมลงกราบ พระบรมฉายาลักษณของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดวย ดวงจิตสุดสั่นคลอน หวั่นไหว “รูปที่มีทุก บาน” เพลงของเบิรด ธงไชย แมคอินไตย ที่กระตุนตอมสํานึกไดวา มันเปนเชนนั้น จริง ๆ บางบานไมมีรูปตัวเองดวยซํ้า แตรูปภาพของพระองคทานติดตั้งตระหงาน กลางบาน สําหรับทีบ่ า นฉันจําไดวา ซือ้ ภาพพรอมกรอบหิว้ ใสรถบัสมาจากตางจังหวัด เรียกวาเห็นปุบซื้อปบ ไมเลือกแบบอื่นเลย ราคาไมแพง แตมิอาจเทียบไดกับคุณคา ทางจิตใจ หลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับพระองคทานผานสื่อตาง ๆ ลวนสรางความ ปลาบปลื้มใจ สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณลนเกลาลนกระหมอม ซึ่งตัวฉันเองได รวบรวมไวเพื่อใชในการทํางานและดําเนินชีวิต
¼ÙŒºÃÔËÒà ไมวาจะเดินไปทางไหน มองสิ่งใด จับตองอะไร เปนตองนึกถึงพระองค ทานอยูร าํ่ ไป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงอยูใ นทุกหวง อณูของการดําเนินชีวิตจริง ๆ การกลั่นกรองเลาเรื่ององคภูมิพล ตามรอยองค ภูมิพล คือสิ่งเล็ก ๆ นอย ๆ เทาที่ความสามารถของคนไทยคนหนึ่งพึงทําได เพื่อแสดงความไวอาลัย จงรักภักดี และสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณเปนลนพน ขอบคุณ พลเอก ดร.ศิริ ทิวะพันธุ ประธานสถาบันสี่แยกอินโดจีน อดีต แมทพั ภาคที่ ๓ ทีเ่ มือ่ ฉันเอยวาจะเขียนหนังสือเลาเรือ่ งองคภมู พิ ล ทานบอกวา “เสร็จ แลวสงตนฉบับมานะ จะเขียนคํานิยมให เพราะทํางานรับใชใตเบื้องยุคลบาทมาโดย ตลอด” ขอบคุณ ผูชวยศาสตราจารย ดร.วศิน ปญญาวุธตระกูล ผูอํานวยการ สถานอารยธรรมศึกษา โขง – สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่เอื้ออํานวยใหกอ เกิดหนังสือเลมนี้ ขอบคุณ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปโตรเลียม จํากัด (มหาชน) โครง การเอส ๑ ที่ใหการสนับสนุนงบประมาณ จากเรื่องราว ความรูสึก ความคิด จินตนาการ กลายเปนรูปเลม ขอบคุณ ขอมูลมากมาย หลากหลายรูปภาพจากหนังสือและสื่อออนไลน ตาง ๆ ซึ่งมิอาจกลาวถึงไดหมด เชื่อวาคงไมทําใหเจาของขุนเคืองใจ เพราะ การนํามาใชโดยพลการในครั้งนี้ ลนปรี่ดวยความจงรักภักดีสุดหัวใจ เฉกเชนคน ไทยทุกคน “เลาเรื่ององคภูมิพล” เปนหนังสือเลมที่ ๓ ที่ฉันภาคภูมิใจ สุขใจ อิ่มเอิบใจอยางที่สุด พรปวีณ ทองดวง
มีอะไรในเลม
รอยลํานําองคภูมิพล ๓ ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร ๖ รอยบรรเลง ๔๘ บทเพลงพระราชนิพนธ
เลาเรื่ององคภูมิพล ๑๐ มีมหาวิทยาลัยนเรศวรในวันนี้ดวยพระบารมีแหงองคภูมิพล ๑๘ พิพิธภัณฑผา มหาวิทยาลัยนเรศวร กับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ ๒๖ ยอนรําลึก...ความภาคภูมิใจ มหาวิทยาลัยนเรศวรทูลเกลาฯ ถวายปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แดรัชกาลที่ ๙ ๕๖ ๔ ธันวาคม วันสิ่งแวดลอมไทย...จากพระอัจฉริยภาพเมื่อป ๒๕๓๒ ๖๔ ปบ ตนไมของพอ จากมือของแม ๗๔ ไมจันทนหอม จากอุทยานแหงชาติกุยบุรี สูงานพระราชพิธีพระบรมศพ พระผูเสด็จสูสวรรคาลัย
๘๔ พระมหากรุณาธิคุณดุจสายนํ้า หลอเลี้ยงชีวีวิถีชาวสองแคว เขื่อนแควนอยบํารุงแดน หนึ่งในโครงการพระราชดําริ ๙๘ ๒๔ กุมภาพันธ วันศิลปนแหงชาติ รวมเทิดพระเกียรติองคอัครศิลปน รัชกาลที่ ๒ และรัชกาลที่ ๙
ตามรอยองคภูมิพล ๑๑๖ “หลอหลอมดวงใจใสผืนผา” หนึ่งบทพิสูจนหัวใจคนไทย เขาถึง เขาใจ “ความพอเพียง” ๑๒๖ มหัศจรรยแหง “การให” บนคราบนํ้าตา...ความโศกเศรา สูญสิ้น ที่เพรียกหา “นํ้าใจ” ๑๓๒ ปลูกสมซา ๙๙ ตน ตามรอยองคภูมิพล ดวยพลังภักดีของชุมชน บานวังสมซา ๑๔๒ จากพิษณุโลกสูตรัง ดวยความมุงมั่นตั้งใจ แดผูประสบอุทกภัย สิ่งเล็ก ๆ นอย ๆ ที่มอบให คือความยิ่งใหญในหัวใจ ๑๕๔ ปตท.สผ.จับมือกองทัพภาคที่ ๓ สรางศูนยการเรียนรูในคายทหาร แบบอยางการดําเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ÃŒÍÂÅíÒ¹íÒͧ¤ÀÙÁÔ¾Å
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑
๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร ป ๒๔๗๐ วันที่ ๕ เดือนธันวามหามงคลนี้ วันพระราชสมภพองคภูมี แหงราชวงศจักรีเกริกเกรียงไกร ลําดับเกาแหงองคมหากษัตริย เถลิงถวัลยราชสมบัติวันดีไซร ๙ มิถุนา ป ๘๙ ปวงชาวไทย แสนอิ่มเอิบดวงใจไปทั่วกัน ป ๙๓ พฤษภาวันที่ ๕ พิธีบรมราชาภิเษกนั้น ดํารัสแหงการครองแผนดินพลัน ทั่วเขตขัณฑโดยธรรมเพื่อประชา ทรงเยี่ยมเยือนราษฎรทุกพื้นที่ ผืนธานีทรงบําบัดแกปญหา ทรงคิดคนกังหันนํ้าชัยพัฒนา ๒ กุมภาจึงเกิดวันนักประดิษฐไทย อันนายอินทรผูปดทองหลังพระ หนึ่งอัจฉริยะ ๓ ปทรงแปลไว ตามมาดวยติโตภาษาไทย พระองคใชวิริยานี้ ๒๐ ป
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๓
พระราชนิพนธเรื่องพระมหาชนก จากพระไตรปฎกของเรานี้ อีกทองแดงวรรณกรรมที่ขายดี คุณคาปรี่คําสอนพรักพรอมพรรณ เปดโรงกลั่นแอลกอฮอลเพื่อศึกษา แกปญหาพลังงานขาดแคลนนั้น แกสโซฮอลจากการออยและนํ้าตาล นํ้ามันปาลมบริสุทธิ์ดุจนํ้าพระทัย อีกจิตรกรรมภาพถายฉายเลิศลํ้า ประติมากรรมดนตรีนิพนธไว แสงเทียนคือเพลงแรกครั้งเยาววัย องคอัครศิลปนไซรสมัญญา ทั้งทรงตอเรือใบมาตรฐาน พระราชทานชื่อราชปะแตนหนา อีกเรือมดซุปเปอรมดสุดพรรณนา เพริศแพรวพาไมโครมดเลื่องลือนาม ในกีฬาแหลมทองครั้งที่ ๔ ทรงกีฬาเรือใบใหสยาม นับเปนประวัติศาสตรแสนงดงาม พระองคนําเหรียญทองใหผองไทย
๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
หลากโครงการพระราชดําริโครงการหลวง เพื่อเหลาปวงชาวไทยอยูดียิ่ง มูลนิธิขาวฝนหลวงอีกแกมลิง สิ่งพึ่งพิงพอเพียงคือปรัชญา เกษตรทฤษฎีใหมใหความหวัง เปนพลังสรางอาชีพการศึกษา สิ่งแวดลอมสาธารณสุขพรอมพัฒนา การคมนาคมใหทั่วถึงกัน ๗๐ ปแหงการขึ้นครองราชย เชนนักปราชญเนรมิตคิดสรางสรรค ดั่งองคอินทรเหาะเหินเกินจํานรรจ คนไทยทันเทาเทียมเปยมไมตรี และแลววันวิปโยคสุดโศกศัลย เหมือนลงทัณฑเด็ดดวงใจคนไทยนี้ เสด็จสวรรรคตทรงพระชนม ๘๙ ป ในวันที่ ๑๓ เดือนตุลา ปสองพันหารอยหาสิบเกา เหมือนพรากเอาหัวใจไทยทั้งชาติ โลกหยุดหมุนเสียงรํ่าไหใจแทบขาด ขอเปนขารองบาททุกชาติไป ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๕
ร้อยบรรเลง ๔๘ บทเพลงพระราชนิพนธ์ แสงเทียนดุจแสงทองสองชีวิต ยามเย็นจิตหวนใหคนึงหา เมื่อสายฝนหลนโปรยชื่นอุรา ใกลรุงทาทาบแสงแหงตะวัน โอชะตาชีวิตลิขิตให ดั่งดวงใจกับความรักแรงแหงฝน อีกเพลงมารชราชวัลลภบรรจบพลัน มอบมหาดเล็กพระองคนั้นใชประจํา ดั่งอาทิตยอับแสงสองทองฟา เทวาพาคูฝนสุดเลิศลํ้า แมคําหวานหวานถอยรอยรายรํา ทรงนอมนํามหาจุฬาลงกรณ คือแกวตาขวัญใจใหสดใส พรปใหมรื่นรมยผสมคําสอน รักคืนเรือนเยือนถิ่นสิ้นอาวรณ สุดอาทรยามคํ่าจําจากไกล แมนชีวิตดีรายใหยิ้มสู นิพนธสูบทเพลงกองทัพใช มารชธงไชยเฉลิมพลจับจิตใจ ผองอําไพเมื่อโสมสองตองธานี
๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ลมหนาวพัดพาจิตรอนสะทอนนัก ศุกรสัญลักษณประจักษจรัสศรี Oh I say Can’t You Ever See Lay Kram Goes Dixie ดนตรีนํา คํ่าแลวแกวตานิทราเจา สายลมเคลาใบไมอีกสายนํ้า ไกลกังวลชนมชื่นรื่นลํานํา แสงเดือนฉํ่าสาดสองผองงามตา อยูแหงไหนฝนไปใครเคียงคู พลังใจสูผูปกปองทองนํ้าหนา มารชราชนาวิกโยธินถิ่นธารา ทุกทิวาภิรมยรักปกกมล Nature Waltz Kinari Waltz The Hunter รักเสมอแผนดินของเราลน อีกทํานองเพลงพระมหามงคล ชาวโดมยลยินยูงทองพองภักดี บทเพลงในดวงใจนิรันดรรัก คิดถึงพักตรยิ้มเยือนเตือนใจนี้ แมไรเดือนไรจันทรในราตรี เกาะในฝนยามนี้มีมนตรา เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๗
เสียงเพลงแววแผวกังวานหวานระรื่น งามชมชื่นเกษตรศาสตรใหรักษา ความฝนอันสูงสุดเหนือคณา เราสูพาปกปองผืนแผนดิน เรา-เหลาราบ ๒๑ ทหารเสือ Blues for Uthit เพื่อนักดนตรีที่ชีพสิ้น รักทะเลรักทองฟาปกษาบิน ใครอยากกินเมนูไขมากมายมี รอยทํานองคลองคิดอัจฉริยะ ๔๘ เพลงพระราชนิพนธนี้ อัครศิลปนองคภูมี ทั่วธานีสถิตในไทยนิรันดร ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๙
๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
àÅ‹ÒàÃ×èͧͧ¤ÀÙÁÔ¾Å
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๙
มีมหาวิทยาลัยนเรศวรในวันนี้ ด้วยพระบารมีแห่งองค์ภูมิพล
พระราชทานนามมหาวิทยาลัยนเรศวร “...ตอนที่จะขอนามมหาวิทยาลัย มีการเสนอชือ่ พระบรมไตรโลกนารถ และนเรศวรอีกนามหนึ่ง นามที่ ๓ คือ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ใน ที่สุดเบื้องบนก็เลือกนามนเรศวร จริง ๆ ถาจะใหเต็มยศตองใชวา นเรศวรมหาราชดวย...”
๑๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
คํากลาวของรองศาสตราจารยสมคิด ศรีสิงห อาจารยยุคบุกเบิก เริ่มสอน วิชาประวัติศาสตรในป พ.ศ. ๒๕๑๔ ในการเสวนา “เหลียวหลัง แลหนา ๔๔ ป : ประชาคมมหาวิทยาลัยนเรศวร” เมือ่ วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ ๒๕๕๕ ณ สถานอารยธรรม ศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๑
ดวยมหาวิทยาลัยนเรศวรไดรบั พระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปนลําดับที่ ๗ ในจํานวน ๑๐ มหาวิทยาลัย...ยอน ไปเมื่อป พ.ศ. ๒๕๒๒ มหาวิทยาลัยไดขออนุญาตกระทรวงมหาดไทยใชที่ดิน สาธารณประโยชนบริเวณทุงหนองออปากคลอกจิกเพื่อประโยชนทางการศึกษา จาก นั้นเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๒๗ รัฐบาลมีมติรับหลักการที่จะยกฐานะมหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก ขึ้นเปนมหาวิทยาลัยเอกเทศ โดยไดรับพระมหา กรุณาธิคณ ุ จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรด เกลาฯ พระราชทานนามมหาวิทยาลัยใหมนี้วา มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๓๒ เพือ่ สดุดแี ละเฉลิมพระเกียรติแดสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรกษัตริย ผูทรงคุณูปการอันใหญหลวงแกแผนดินไทย อีกทั้งยังทรงเปนพระมหากษัตริยที่ทรง มีประสูตกิ าลและจําเริญวัยทีเ่ มืองพิษณุโลก โดยกําหนดใหวนั ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๓๓ เปนวันกําเนิดมหาวิทยาลัย เนือ่ งดวยเปนวาระสําคัญ ครบรอบ ๔๐๐ ปแหงการเสด็จ ขึ้นครองราชยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
๑๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
จวบจนวันนี้เปนเวลา ๒๗ ปแลวกับนามมหาวิทยาลัยอันแสนภาคภูมิใจแหง นี้...มหาวิทยาลัยนเรศวร
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๓
พระราชทานปริญญาบัตรดวยพระองคเอง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดําเนิน พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแตครั้งยังเปนวิทยาลัยวิชาการศึกษา กอนพัฒนาเปน มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พิษณุโลก และยกฐานะขึ้นเปนมหาวิทยาลัยนเรศวร ในภายหลัง ดังการบรรยายของรองศาสตราจารยวนิดา บํารุงไทย ศิษยเการุนที่ ๒ ปจจุบันเปนอาจารยประจําสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร มหาวิทยาลัย นเรศวร ในการเสวนาเหลียวหลัง แลหนา ๔๔ ป : ประชาคมมหาวิทยาลัยนเรศวร
๑๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
“...แมวา เราจะเปนวศ.เล็ก ๆ พระบาท สมเด็จพระเจาอยูหัว และสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินนี าถ พรอมพระเจาลูกเธอเสด็จฯ มาพระราชทานปริ ญ ญาบั ต ร ตอนนั้ น หอ ประชุมของเราเปนแบบเปดโลง อันที่จริงเปน โรงอาหาร จะมีเฉพาะที่ประทับของพระองค ทานเทานั้นจะไดรับความอนุเคราะหจากหาง รานนําแอรมาตั้งใหสวนพระองค ซึ่งไมได สะดวกสบายอะไร ดวยความเมตตาพสกนิกร ยิ่งใหญมาก ทานไมไดมาพระองคเดียวหรือ สองพระองค พระเจาลูกเธอถาวางจะตามเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารีกต็ ามมา เพราะฉะนัน้ มหาวิทยาลัยของเราไดรบั เกียรติทยี่ งิ่ ใหญตลอด เราจะตองสํานึกรักในเกียรติอันยิ่งใหญของเรา...”
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๕
ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไดโปรดเกลาฯ ใหสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดําเนินพระราชทาน ปริญญาบัตรแทนพระองค นามมหาวิทยาลัยนเรศวร งามเลิศลวนชวนรําลึกถึงความหลัง จากวศ.มศว.สานพลัง เกียรติคุณยังลํ้าเลิศบรรเจิดนาม วันที่ ๙ ตุลา ป ๓๒ วันพรักพองคลองใจใหเกรงขาม องคภูมิพลพระราชทานนาม แสนงดงามนามกษัตริยผูเกรียงไกร
๑๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ประสูติกาลจําเริญวัย ณ เมืองนี้ สองแควที่พระราชวังจันทนจดจําไว เปนมหาอุปราชกอบกูไท คุณูปการยิ่งใหญใหธานี ๒๙ กรกฎา ป ๓๓ กําเนิดนามกอตั้งสถาบันนี้ วันครองราชยครบรอบ ๔๐๐ ป เปนศักดิ์ศรีเกริกกองพสุธา ลําดับเจ็ดมหาวิทยาลัยนเรศวร แสนชื่นชวนภูมิใจเปนหนักหนา รําลึกในพระมหากรุณา นอมวิญญาเทิดไวเหนือชีวี ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๙
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๗
พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร กับพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่
กําเนิดจากรานจิตรลดา หนึ่งโครงการสงเสริมศิลปาชีพ จากพระราชดําริของในหลวง
๑๘
พิพิธภัณฑผา คือ หนึ่งในเสนทางการ เรียนรูมหาวิทยาลัยนเรศวร ตามพันธกิจ สําคัญดานการทํานุบํารุงศิลปวัฒนธรรม ของมหาวิทยาลัย ภายใตการดําเนินงาน ของสถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน โดยเปนแหลงเรียนรูดานภูมิปญญาผาทอ ทั้ ง ยั ง เป น แหล ง ท อ งเที่ ย วเชิ ง ศิ ล ป วัฒนธรรม ทีใ่ หทงั้ ความรู ความเพลิดเพลิน และความจรรโลงใจ เกิดการซึมซับ ซาบซึง้ นําไปสูการอนุรักษและสืบสานมรดกทาง วัฒนธรรมของชาติตอไป เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พิพิธภัณฑผา มหาวิทยาลัยนเรศวร กําเนิดขึ้นไดดวย การสนับสนุนจากรานจิตรลดา หนึ่งในโครงการสงเสริม ศิลปาชีพ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริในสมเด็จ พระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แตแทจริงแลวจะมีสักกี่คนที่ทราบวาโครงการสงเสริม ศิลปาชีพหรือมูลนิธิสงเสริมศิลปาชีพนี้กําเนิดขึ้นจาก กระแสรับสัง่ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดุ ล ยเดช ดั ง พระราชดํ า รั ส ของสมเด็ จ พระนางเจ า ฯ พระบรมราชินีนาถเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๑ สิงหาคม ๒๕๓๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๙
“…..ทุกครั้งที่เมืองไทยเกิดนํ้าทวมหรือเกิดภัยพิบัติ…ขาพเจาไดตามเสด็จพระบาท สมเด็จพระเจาอยูหัว ทรงนําของพระราชทานไปชวยเหลือราษฎร มักจะเห็นเครื่อง อุปโภคบริโภคแลวก็รับสั่งกับขาพเจาวา การชวยเหลือแบบนี้เปนการชวยเฉพาะหนา ซึ่งชวยเขาไมไดจริง ๆ ไมพอเพียง ทรงคิดวาทําอยางไรจึงจะชวยเหลือชาวบานเปน ระยะยาว คือทําใหเขามีหวังที่อยูดีกินดีขึ้น ดวยเหตุนี้ขาพเจาจึงเริ่มคิดหาอาชีพเสริม ใหแกครอบครัวชาวนา ชาวไร และพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรงหาแหลงนํ้า ใหการทําไรทํานาของเขาเปนผลตอประเทศชาติบานเมือง ทรงพระราชดําเนินไปดู ตามไรของเขา ทรงคิดวานี่เปนกําลังใจ และที่ทรงใหขาพเจาดูแลครอบครัว ก็เลย เปนที่เกิดของมูลนิธิสงเสริมศิลปาชีพ…..” พิพิธภัณฑผา มหาวิทยาลัยนเรศวร ไดรับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดําเนินทรงกระทําพิธีเปด เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒
๒๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
รําลึกถึงองคภูมิพล ชมผลิตภัณฑลายกระตายหรือตรา สัญลักษณสีเหลือง พิพิธภัณฑผา มหาวิทยาลัยนเรศวรมีหองจัดแสดงสําคัญคือ หอง พิพิธภัณฑผาจิตรลดา ซึ่งนอกจากจะจัดแสดงชุดฉลองพระองคในสมเด็จ พระนางเจาฯ พระบรมราชินีนาถ ดอกไมพระนามควีนสิริกิติ์ ตลอดจน ผลิตภัณฑจากผาฝาย ผาไหม ของรานจิตรลดาแลว ยังมีมุมจัดแสดงที่ได รับความสนใจจากผูมาเยี่ยมเยือนไมยิ่งหยอนไปกวากัน นั่นคือ ผลิตภัณฑ ลายกระตายหรือตราสัญลักษณสีเหลือง ในพิธีเปดพิพิธภัณฑผา มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒ มีขอ ความระบุถงึ ผลิตภัณฑลายกระตายหรือตราสัญลักษณสเี หลือง ไวในสูจิบัตรวา
...สื บ เนื่ อ งมาจากป พ ระราชสมภพของพระบาทสมเด็ จ พระเจาอยูหัว คือปเถาะ ซึ่งตรงกับปกระตาย และสีประจํา พระชนมวารวันที่พระองคทานพระราชสมภพ คือ วันจันทร สีเหลือง พระชนมายุ ๖๐ พรรษา ทางจิตรลดาก็คิดพิมพผาลาย กระตายขึน้ มา...ปรากฏวาคนนิยม พอมาถึงพระชนมายุ ๗๒ พรรษา เราก็ฟนฟูลายกระตายขึ้นมาใหม แตปนี้อะไรก็กวางขวางขึ้น มาคิดถึงสีประจําพระชนมวารวัน คือ สีเหลือง รานจิตรลดาก็โหม โฆษณาเรื่องสินคาที่เปนสีเหลือง สีประจําพระชนมวารวัน แลวก็ ผาลายกระตาย โดยเฉพาะสินคาสีเหลืองนัน้ จะสังเกตวา ขายดีมาก เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๒๑
๒๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
แลวก็เรื่อยมาจนกระทั่งทําเสื้อแจ็กเก็ตของผูหญิงเปนสีเหลืองทอง แลวทางจิตรลดาก็ไดขอพระราชทานพระราชานุญาตวาจะประดิษฐ กระเปาปกดวยมือ สงไปปกที่เชียงใหม แตเนื่องจากสุภาพบุรุษสี เหลืองนั้นจะใสไมสะดวก ก็จะใหทางจิตรลดาทําเปนสีกรมทา แต ที่ขายดีก็คือสีเหลือง เสื้อที่ใชมากที่สุด คือ เสื้อยืดคอกลมหรือเสื้อ ยือคอโปโลสีเหลือง เพื่อนําไปวิ่งและเดินการกุศล สวนโปโลจะ เปนการปกลายดวยจักร เพราะเปนผายืดปกดวยมือนั้นทําลําบาก และเสื้อคอกลมจะเปนพิมพ ราคาก็จะลดหลั่นกันไป และคิดวาคน ปกก็อยากไดหลาย ๆ สี มาพูดถึงเรื่องเสื้อเบลเซอร เสื้อเชิ้ต พูด ถึงตราสัญลักษณเปนทีท่ ราบกันอยูแ ลวเขาประกวดกันมา สวนของ รานจิตรลดาพยายามคิดที่จะใชตราสัญลักษณทําเปนอะไรไดบาง ทุกอยางนั้นไดขอผานทางทานราชเลขาธิการแลววา ทางจิตรลดา ขอทําสินคาออก เชน เสื้อยืด ซองแวนตา หมวก เนคไท สวน ใหญก็จะพิมพบาง ปกบาง แลวแตความสามารถที่จะทํา ทําปก สมุดฉีก ปกอัลบั้ม คนก็นิยมใชกันมาก นอกจากดังกลาวแลว ก็ มาคิดสัญลักษณปกระตายเพิ่มเติมจากปพระราชสมภพ ทางราน จิตรลดาก็มาคิดวา เราพิมพลายกระตายแลว เราก็ทําตุกตายัดนุน ตุก ตามีหนา หรือทีเ่ ราเรียกกันวา ตุก ตาหนาขนทีเ่ ราชวยกันคิดขึน้ มา ซึ่งเด็กชอบมาก ทั้งนี้ตองใชผาของรานจิตรลดา เชน เสื้อผา ก็ใชผา ฝายของจิตรลดา ซึง่ คาแรงงานจะมีราคาสูงกวาผาฝายทัว่ ไป คนมักจะติวาสินคาของรานจิตรลดานั้นมีราคาสูงเกินไป แตก็ไม สามารถจะกดราคาใหตาํ่ ลงมาได ก็เลยเกิดเปนสินคาทีเ่ ปนกระตาย ขึ้นมา กระตายก็เปนสัตวที่นารัก นอกจากนั้นจะมาพิมพบนรม ซึ่ง รมปกติทั่วไปมี ๘ เสี้ยว เสี้ยวหนึ่งจะเปนลายเดียวกันหมด และจะ ตองบรรจุกระตายใหได ๙ ตัว เสี้ยวหนึ่งจะมีรูปซึ่งก็จะครบ ๙ ตัว แต ๙ เสี้ยวจะไมเหมือนกัน คนละลาย กระตายคนละอิริยาบถ ราคาก็จะสูงกวาที่อื่น... เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๒๓
ปจจุบนั ผลิตภัณฑลายกระตายหรือตราสัญลักษณ สีเหลือง เหลานี้ไมมีจําหนายแลว แตทุกทานสามารถมาชื่นชมได ณ พิพธิ ภัณฑผา สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน อาคาร อเนกประสงค มหาวิทยาลัยนเรศวร ในวันและเวลาราชการ ถึงแมผลิตภัณฑลายกระตายหรือตราสัญลักษณสเี หลืองจะ เปนเพียงมุมเล็ก ๆ ในหองพิพิธภัณฑผาจิตรลดา แตเชื่อวา มีความยิ่งใหญในความรูสึกของคนไทยทุกคน
พิพิธภัณฑผาเสนทางการเรียนรู ศูนยกลางสูภูมิปญญาผาทอนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรจําจงดี ดวยบารมีแหงองคภูมิพล กําเนิดโดยรานจิตรลดาเมื่อแรกเริ่ม ชวยสงเสริมศิลปาชีพทุกแหงหน ดวยดําริในหลวงหวงปวงชน ชวยคนจนยากไรใหมีกิน ราชินีทรงหาอาชีพเสริม ชวยเพิ่มเติมชาวบานสานงานศิลป มูลนิธิศิลปาชีพของแผนดิน ไดยลยินความงามตามแบบไทย ณ พิพิธภัณฑผามีหนึ่งมุมสินคา พระชนมายุ ๖๐ รวมเทิดไท อีก ๑ รอบ ๗๒ พรรษาใน ภูมิพลไซรจึงไดคิดผลิตภัณฑ
๒๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
สีเหลืองคือวันพระราชสมภพ ปบรรจบปเถาะเหมาะสรางสรรค ลายกระตายสีเหลืองเรืองจํานรรจ ทั่วเขตขัณฑชื่นชมสมฤทัย ตุกตาผาพิมพเสื้อกระเปา มีหนักเบาซองแวนตาหมวกเนคไท ปกสมุดปกอัลบั้มเฉิดไฉไล ทั้งรมลายกระตาย ๙ กิริยา ขอเชิญชมหลากหลายผลิตภัณฑนี้ จัดแสดงที่พิพิธภัณฑผา มหาวิทยาลัยนเรศวรงดงามตา รวมรําลึกพระมหากรุณาธิคุณ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๒๕
ย้อนรําลึกความภาคภูมิใจ มหาวิทยาลัยนเรศวรทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์
“...ดวยพระราชกรณียกิจมากลนสุดคณานับที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวทรง ปฏิบตั เิ พือ่ ทรงทะนุบาํ รุงทรัพยากรและสิง่ แวดลอม จนบังเกิดเปนผลดีตอ ประเทศชาติ และชีวิตความเปนอยูของปวงราษฎรเปนอเนกอนันต
๒๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
สภามหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเล็งเห็นควรขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ทูล เกลาทูลกระหมอมถวายปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอมแดพระบาทสมเด็จพระเจาอยูห วั เพือ่ แสดง ความสํานึกซาบซึง้ ปตยิ นิ ดีในพระมหากรุณาธิคณ ุ และเพือ่ เฉลิมพระเกียรติคณ ุ ใหเปน ที่ปรากฏในวงวิชาการ กับทั้งเพื่อเปนสิริมงคลแกมหาวิทยาลัยนเรศวรสืบไป...” ความตอนหนึ่ ง ของคํ า ประกาศราชสดุ ดี เ ฉลิ ม พระเกียรติคุณ พระบาทสมเด็จประปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสที่สภามหาวิทยาลัยนเรศวร ทู ล เกล า ฯ ถวายปริ ญ ญาวิ ท ยาศาสตรดุ ษ ฎี บั ณ ฑิ ต กิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๒๗
ทรงสนพระราชหฤทัยดานการอนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติตงั้ แตทรง พระเยาว “...จําไดวาเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ ที่โรงเรียนมีครูคนหนึ่งซึ่งเดี๋ยวนี้ตายไปแลว สอน เรื่องวิทยาศาสตร เรื่องการอนุรักษดิน แลวใหเขียนวา ภูเขาตองมีปาไมอยางนั้น เม็ดฝนลงมาแลวจะชะดินลงมาเร็ว ทําใหไหลตามนํ้าไป ทําใหเสียหาย ดินหมดจาก ภูเขา เพราะไหลตามสายนํา้ ไป ก็เปนหลักของปาไมเรือ่ งการอนุรกั ษดนิ และเปนหลัก ของชลประทานที่วา ถาเราไมรักษาปาไมขางบน จะทําใหเดือดรอนตลอด ตั้งแตดิน ภูเขาจะหมดไป กระทั่งการที่จะมีตะกอนลงมาในเขื่อน มีตะกอนลงมาในแมนํ้าทํา ใหเกิดนํ้าทวม นี่ละ เรียนมาตั้งแตอายุ ๑๐ ขวบ...” พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดช พระราชทานแก ค ณะกรรมการสโมสร ไลออนสสากล ภาค ๓๑๐ (ประเทศไทย และประเทศลาว) ณ พระตําหนักจิตรลดา รโหฐาน วันที่ ๒๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๑๒
๒๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
“...ธรรมชาติสิ่งแวดลอมของเรา ไมวาจะเปนแผนดิน ปาไม แมนํ้า ทะเล และอากาศ มิไดเปนเพียงสิ่งสวย ๆ งาม ๆ เทานั้น หากแต เ ป น สิ่ ง จํ า เป น สํ า หรั บ การดํ า รงชี วิ ต ของเรา และการ คุม ครองสิง่ แวดลอมของเราไวใหดนี ี้ ก็เทากับเปนการปกปกรักษา อนาคตไวใหลูกหลานของเราดวย...” พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชในการเสด็จออกมหาสมาคม ในงานราชพิธี เฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๑ ในเรื่องรักษา ทรัพยากร
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๒๙
ปาไมสาธิต...พระราชดําริเริ่มแรกสวนพระองค ชวงปพ.ศ. ๒๕๐๓ – ๒๕๐๔ ขณะเสด็จพระราชดําเนินผานจังหวัด นครปฐม ราชบุรี และเพชรบุรี เมื่อรถยนตพระที่นั่งผานอําเภอทายาง จังหวัดเพชรบุรีนั้น มีตนยางขนาดใหญปลูกเรียงรายทั้งสองขางทาง จึงไดมีพระราชดําริที่จะสงวนบริเวณปายางนี้ไวใหเปนสวนสาธารณะ แตในระยะนัน้ ไมอาจดําเนินการได เนือ่ งจากตองจายเงินคาทดแทนใน อัตราที่สูง เพราะมีราษฎรมาทําไรทําสวนในบริเวณนั้นจํานวนมาก
๓๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไดทรงเริ่ม ทดลองปลูกตนยางดวยพระองคเอง โดยทรงเพาะเมล็ดยางใน กระถางบนพระตําหนักเปยมสุข พระราชวังไกลกังวล และไดทรง ปลูกตนยางนัน้ ในแปลงปาไมทดลองในบริเวณแปลงทดลองปลูกตน ยางนาพรอมขาราชบริพาร เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ จํานวน ๑,๒๕๐ ตน ตอมาทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหนําพันธุ ไมตาง ๆ ทั่วประเทศมาปลูกในบริเวณที่ประทับสวนจิตรลดาใน ลักษณะปาไมสาธิต นอกจากนี้ยังไดสรางพระตําหนักเรือนตนใน บริเวณปาไมสาธิตนั้น เพื่อทรงศึกษาธรรมชาติวิทยาปาไมดวย พระองคเองอยางใกลชิดและลึกซึ้งในป พ.ศ. ๒๕๐๘
การปลูกปา “ควรปลูกตนไมลงในใจคนเสียกอน” ณ หนวยงานพัฒนาตนนํ้าทุงจอ ในป พ.ศ. ๒๕๑๙ พระบาท สมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดชได พ ระราชทาน พระราชดําริใหมีการปลูกตนไม ๓ ชนิดที่แตกตางกัน คือ ไมผล ไมโตเร็ว และไมเศรษฐกิจ เพื่อจะทําใหเกิดปาไมแบบผสมผสาน และสรางความสมดุลแกธรรมชาติอยางยั่งยืน สามารถตอบสนอง ความตองการของรัฐและวิถีประชาในชุมชน ประการสําคัญนั้นมี พระราชดําริที่ยึดเปนทฤษฎีการพัฒนาดานปาไม โดยปลูกฝง จิตสํานึกแกประชาชนวา เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๓๑
“...เจาหนาที่ปาไมควรจะปลูกตนไมลงในใจคนเสียกอน แลวคน เหล า นั้ น ก็ พ ากั น ปลู ก ต น ไม ล งบนแผ น ดิ น และรั ก ษาต น ไม ด ว ย ตนเอง...” พระราชดําริของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ซึง่ นับเปนทฤษฎีทเี่ ปนปรัชญาดานการพัฒนาปาไมทยี่ งิ่ ใหญโดยแท
ทฤษฎีการปลูกปาโดยไมตองปลูกตามหลักการฟนฟูสภาพปา ดวยวัฏธรรมชาติ, ปลูกปาโดยไมตองปลูก, ปลูกปาในที่สูง, การ ปลูกปาทดแทน, การสรางความชุมชื้นใหกับปา, การจัดการใหคน อยูร ว มกับปา, การอนุรกั ษและปลูกปาชายเลน...และอีกหลากหลาย โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพื่อใหปาไมยืนยงคงความ อุดมสมบูรณ
๓๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
การจัดการทรัพยากรนํ้า: นํ้าคือชีวิต “เรื่องนํ้านี้ก็เปนปจจัยหลักของมวลมนุษย ไมใช มนุษยเทานั้นเอง แมสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ทั้งสัตว ทั้ง พืช ก็ตองมีนํ้า ถาไมมีนํ้าก็อยูไมได เพราะวานํ้าเปน สือ่ หรือเปนปจจัยสําคัญของการเปนสิง่ มีชวี ติ ...ทีก่ ลาว ถึงขอนี้ก็จะไดใหทราบถึงวาทําไมการพัฒนาขั้นแรก หรือสิง่ แรกทีน่ กึ ถึงก็คอื ทําโครงการชลประทาน แลว ก็โครงการสิ่งแวดลอม ทําใหนํ้าดี สองอยางนี้ อื่น ๆ ก็จะเปนไปได...”
พระราชดํ า รั ส ของพระบาทสมเด็ จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใน โอกาสที่รัฐมนตรีวาการกระทรวงการตาง ประเทศนําเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ ประจํ า ภู มิ ภ าคยุ โ รป แอฟริ ก า และ ตะวันออกกลาง พรอมดวยขาราชการชั้น ผูใหญของกระทรวงการตางประเทศเฝา ทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระตําหนัก จิตรลดารโหฐาน วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๓๓
ทฤษฎีนํ้าดีไลนํ้าเสีย เปนหนึ่งในโครงการพระราชดําริ ดัง พระราชดํารัสเกี่ยวกับการใชพื้นที่ในอําเภอธัญบุรี เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๒ “...แต ๓,๐๐๐ ไรนั่นมันอยูสูง จะนํานํ้าโสโครกจากที่นี่ไปที่ โนนตองสูบไปไมไหว แตวาจะทําเปนบึงใหญที่จะเก็บนํ้าได สําหรับเวลาหนามีนาํ้ เก็บเอาไว หนาแลงก็ปลอยลงมา สวนหนึง่ อาจปลอยลงมาสําหรับลางกรุงเทพ ไดเจือจางนํ้าโสโครกใน คลองตาง ๆ...”
๓๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
นอกจากนีย้ งั มีพระราชดําริและพระราชกรณียกิจเกีย่ วกับนํา้ อีกมากมาย เชน การ บําบัดนํ้าเสียดวยผักตบชวา, การบําบัดนํ้าเสียดวยการผสมผสานระหวางพืชกับระบบ เติมอากาศ, การบําบัดนํา้ เสียดวยระบบบอบําบัดและวัชพืชบําบัด, กังหันนํา้ ชัยพัฒนา, การกําจัดนํา้ เสียโดยวิธธี รรมชาติ, การสรางฝายอนุรกั ษตน นํา้ , โครงการแกมลิง ฯลฯ “...จําไดเมื่ออายุ ๕ ขวบ มีลิง เอากลวยไปใหมัน มันก็เคี้ยว เคี้ยว เคี้ยว แลว ใสในแกมลิง ตกลง ‘โครงการแกมลิง’ นี้มีที่เกิดเมื่อเราอายุ ๕ ขวบ เมื่ออายุ ๕ ขวบ ก็นี่เปนเวลา ๖๓ ปแลว...” พระราชดํารัสกลาวถึงทีม่ าของโครงการแกมลิง พระราชทานแกผเู ขาเฝาทูลละออง ธุลีพระบาทเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘ ณ ศาลา ดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๓๕
กลาวไดวา การจัดการทรัพยากรนํา้ และงานพัฒนาแหลงนํา้ นัน้ พระบาท สมเด็จประปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงทําทุกอยางทุกขั้นตอน ดังที่ นายปราโมทย ไมกลัด เลาใหประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ ๕-๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ดังนี้ “...งานของพระองคทานมีตั้งแตถานํ้าขาดแคลนก็จัดหานํ้า และเมื่อนํ้า ทวม นํา้ มากก็จดั การบรรเทาใหนอ ยลง เมือ่ มีนาํ้ เนาเสีย ก็ตอ งมีการจัดการ ทํางานดานนํ้าทั้งหมด ทานจะทรงทราบปญหาอยางละเอียด....”
๓๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงมีพระ ปรี ช าสามารถและวิ สั ย ทั ศ น ที่ ก ว า งไกลเกี่ ย วกั บ การจั ด การ ทรัพยากรนํ้า ดังจะเห็นไดจากเหตุการณที่เกิดขึ้นชวงหนาแลง ป พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่ตองลดปริมาณนํ้าเพื่อการทํานาปรังลงกวา รอยละ ๕๐ เนื่องจากปริมาณนํ้าในเขื่อนหลัก ๆ มีไมเพียงพอ และได มี ก ารเรี ย กร อ งให ป ระชาชนในเขตกรุ ง เทพมหานคร ประหยัดการใชนํ้าประปา ทําใหระลึกถึงพระราชดํารัสของ พระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทรมหาภู มิ พ ลอดุ ล ยเดชที่ ไ ด พระราชทานเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ที่วา “…เคยพู ด มาหลายป แ ล ว ในวิ ธี ที่ จ ะปฏิ บั ติ เ พื่ อ ที่ จ ะให มี ทรัพยากรนํา้ พอเพียงและเหมาะสม คําวาพอเพียง ก็หมายความ วาใหมีพอในการบริโภคในการใช ทั้งในดานการใชในบาน ทั้ง ในการใชเพื่อการเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ตองมีพอ ถาไมมี ทุกสิ่งทุกอยางก็ชะงักไมมีทางที่จะมีความเจริญถาไมมีนํ้า…. แม จะตองเสียคาใชจายไมใชนอย แตก็ถาดําเนินการไปเดี๋ยวนี้ อีก ๕-๖ ปขางหนา เราสบาย และถาไมทํา อีก ๕-๖ ปขางหนา ราคากอสรางคาดําเนินการก็จะขึ้นสูงไป ๒ เทา ๓ เทา ลงทาย ก็จะตองประวิงตอไป และเมื่อประวิงตอไปก็จะไมไดทํา เราก็จะ ตองอดนํ้าแน จะกลายเปนทะเลทราย…”
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๓๗
การพัฒนาทรัพยากรดิน
๓๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสน พระราชหฤทัยในการปรับปรุง ฟนฟูและทํานุบํารุงดิน เพื่อคืน ความอุดมสมบูรณ ความชุมชื้น และรักษาอินทรียสารในดินให คงความอุดมสมบูรณตลอดไป ทรงชวยขจัดความทุกขยากของ เกษตรกร แนวพระราชดําริที่พระราชทานเพื่อรักษาคุณภาพของ ดินมีดวยกันหลายวิธี เชน การปลูกปาทดแทนเพื่อฟนฟูหนาดิน, โครงการแกลงดิน โดนเฉพาะอยางยิ่งการปลูกหญาแฝก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระ ราชดําริถงึ หญาแฝกเปนครัง้ แรกเมือ่ วันที่ ๒๒ มิถนุ ายน ๒๕๓๔ โดยใหหนวยงานตาง ๆ ทําการศึกษา ทดลอง และดําเนินการ ปลูกหญาแฝก เปนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพื่อ ปองกันปญหาการชะลางพังทลายของดิน และเพือ่ ประโยชนอนื่ ๆ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกลาโปรดกระหมอมใหศึกษา คนควา ทดลองที่ ศู น ย ศึ ก ษาการพั ฒ นาห ว ยทรายอั น เนื่ อ งมาจาก พระราชดําริ จังหวัดเพชรบุรีเปนแหงแรก “...และหญาที่มีคุณอยางหญาแฝก ซึ่งเปนประโยชนอยาง ยิ่งแกการอนุรกั ษดนิ และนํา้ เพราะมีรากทีห่ ยัง่ ลึก แผกระจายลง ไปตรง ๆ ทําใหอุมนํ้าและยึดเหนี่ยวดินไดมั่นคง รักษาหนาดิน ไดดี...” พระบรมราโชวาทในพิ ธี พ ระราชทานปริ ญ ญาบั ต รของ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร ณ อาคารจักรพันธ เพ็ญศิริ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๓๙
๔๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลักนําแหงการดําเนิน ชีวิต เศรษฐกิจพอเพียงเปนปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดํารงอยูและ ปฏิบตั ติ นของประชาชนในทุกระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึง ระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและการบริหารประเทศใหดําเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อใหกาวทันตอ โลกยุคโลกาภิวัตน
“...คนอืน่ จะวาอยางไรก็ชา งเขา จะวาเมืองไทยลาสมัย วาเมือง ไทยเชย วาเมืองไทยไมมีสิ่งใหม แตเราอยูอยางพอมีพอกิน และ ขอใหทกุ คนมีความปรารถนาทีจ่ ะใหเมืองไทยพออยูพ อกิน มีความ สงบ ชวยกันรักษาสวนรวมใหอยูที่พอสมควร ขอยํ้าพอควร พอ อยูพอกิน มีความสงบ ไมใหคนอื่นมาแยงคุณสมบัตินี้ไปจากเรา ได” พระราชกระแสรับสั่งในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงแกผูเขาเฝา ถวายพระพรชั ย มงคล เนื่ อ งในวั น เฉลิ ม พระชนมพรรษา พุทธศักราช ๒๕๑๗
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๔๑
เมื่อประเทศไทยตองประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจใน พ.ศ. ๒๕๔๐ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดํารัส ในวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ ดังนี้ “การจะเปนเสือนัน้ มันไมสาํ คัญ สําคัญอยูท เี่ ราพออยูพ อกิน และ มีเศรษฐกิจการเปนอยูแ บบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินหมายความ วา อุมชูตัวเองได ใหมีพอเพียงกับตัวเอง” การประหยั ด นั บ เป น หนึ่ ง แนวทางของความพอเพี ย ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเปนแบบ อยางในเรื่องการประหยัดและใชขาวของเครื่องใชอยางคุมคา ฉลองพระบาทที่ทรงใชเวลาเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ ตาง ๆ พระองคจะทรงฉลองพระบาทองคเดิมเปนเวลานานหลาย สิบป องคหนึ่งเปนฉลองพระบาทผาใบ และอีกองคเปนฉลอง พระบาทหนังสีดํา ซึ่งฉลองพระบาทนั้นไมใชยี่หอยอดนิยมหรือมี ราคาแพงเลย ฉลองพระบาทผาใบที่ทรงสวมเวลาเสด็จฯ เยี่ยม ราษฎรไมเคยเปลีย่ นแบบเลยเปนเวลาหลายสิบปแลว ราคาไมกรี่ อ ย คูไหนชํารุดก็ทรงสงซอมรานเล็ก ๆ ใกล ๆ วัง เพื่อทําการซอมแซม ทรงใชคุมราคา คุมคาที่สุด สวนนาฬกาที่ทรงใชนั้น แมจะมีผู ทูลเกลาฯ ถวายนาฬกายี่หอดัง ราคาแพง ก็ไมไดทรงใช ทรงใช นาฬกาธรรมดาทีป่ ระชาชนทัว่ ไปใชกนั อยู ทรงมีนาฬกาเพือ่ ใชบอก เวลา ไมไดทรงใชเพื่อการอื่น มักจะรับสั่งวา “ฉันใสนาฬกายี่หอ ‘ใสแลวโก’”
๔๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
หลอดยาสีพระทนตเปนอีกหนึ่งแบบอยางที่ชัดเจน เรียกได วาเปน ‘หลอดยาสีพระทนตประวัติศาสตร’
“...เมื่อไมนานมานี้เองมหาดเล็กหองสรงเห็นวายาสีพระทนตของ พระองคคงใชหมดแลว จึงไดนําหลอดใหมมาเปลี่ยนใหแทน เมื่อ พระองคไดทรงทราบก็ไดขอใหเขานํายาสีพระทนตหลอดเกามาคืน และพระองคทานยังทรงสามารถใชตอไปไดอีกถึง ๕ วัน...” หลังจากนัน้ ทันตแพทยประจําพระองคไดกราบพระบาททูลขอ พระราชทานหลอดยาสีพระทนตนั้นเพื่อนําไปใหศิษยไดเห็น และ รับใสเกลาเปนตัวอยางเพือ่ ประพฤติปฏิบตั ใิ นโอกาสตอ ๆ ไป หลอด ยาสี พ ระทนต ข องพระองค แ บนราบเรี ย บโดยตลอดคล า ยแผ น กระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยังปรากฏรอยบุม ลึกลงไปเกือบ ถึงเกลียวคอหลอด
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๔๓
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงอธิบาย วา “หลอดยาสีพระทนตที่เห็นแบนเรียบนั้นเปนผลจากการใช ดามแปรงสีพระทนตชว ยรีดและกดจนเปนรอยบุม ทีเ่ ห็นนัน่ เอง” นัน่ แสดงใหเห็นวาพระองคทรงเปนแบบอยางทีด่ ใี นการดําเนิน ชีวิตอยางพอเพียงโดยแทจริง
เกษตรทฤษฏีใหม เปลี่ยนชีวิต พลิกพื้นดิน ผืนนํ้า พระราชดํารัสพระราชทานแกบุคคลตางๆ ที่เขาเฝาฯ ถวาย ชัยมงคลเนือ่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ า ลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันศุกรที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ “...ทฤษฎีใหมนเี้ กิดขึน้ มาอยางไร ก็มาจากการปฏิบตั ิ ซึง่ เปนการ ปฏิบตั ขิ องคนอืน่ ดวยตัง้ แตตน ทฤษฎีใหมนี้ ความจริงทางราชการ ไดปฏิบัติมาหลายปแลว กอนที่เกิดเปนทฤษฎีใหมตามที่เรียกวา ทฤษฎีใหมในพระราชดําริ คือ การพัฒนาทางการเกษตร โดยเพาะ ปลูกหลายอยางในทีเ่ ดียวกัน หรือผลัดปลูกหมุนเวียนกัน อยางเชน เขาปลูกขาว หลังจากฤดูกาลขาว เขาก็ปลูกถั่ว อยางนี้เปนทฤษฎี ใหมแลว แตไมมีใครบอกวาเปนทฤษฎี ก็เลยไดหนาวาใชคําวา ทฤษฎีใหม นี่เปนความคิดขึ้นมา และยอมรับกันวาเปนทฤษฎี เมื่อ ยอมรับกันวาเปนทฤษฎี ก็ไปปฏิบัติตอได...
๔๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
...ที่เริ่มทําทฤษฎีใหมนี้ กอนที่จะไดเรียกวาเปนทฤษฎีก็ทําที่ สระบุรี ที่นั้นไดไปหาซื้อที่ ๑๕ ไร ซึ่งคุณภาพไมดี เงินที่ซื้อ ๑๕ ไรนั้น สวนหนึ่งเปนเงินสวนตัว อันนี้สวนตัวแท ๆ ไมไดไปเบิกจาก งบประมาณแผนดินหรือจากที่อื่น เปนเงินสวนตัวที่เก็บอยูเปน เงินสด จนมีคนลอวาเปนเศรษฐีเงินสด ไมไดเปนเศรษฐีที่ไปลงทุน กินดอกเบี้ย บางคนเขาตําหนิวาทําไมเก็บเงินสด เก็บเงินสดไวใน กระเปา เอาไวในหองไมไดเอาไปไวทธี่ นาคารหรือบริษทั หลักทรัพย คนเขาก็บอกวา การเก็บเอาไวอยางนั้นไมถูกหลักเศรษฐกิจ ก็เลย เอาเงินเชนนั้นไปซื้อที่ดิน คนอื่นที่เห็นดีในการไปซื้อที่ดินเพื่อที่จะ ทดลองก็มาสมทบทุน เปนเอกชน เปนเพื่อนเปนฝูงไปซื้อ ๑๕ ไร และคนที่เปนเจาหนาที่ทั้งฝายจังหวัด ทั้งฝายกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ ก็ไดรวมไปทํา ก็บอกวาใหไปขุดสระ เพราะที่นี่ ยังไมมีนํ้า..
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๔๕
...คนที่ขายที่นั้นเขาบอกวามีบริษัทหนึ่งเขามาแถวนี้จะมาขอซื้อ แต ก็มีเงื่อนไขวา ถาหานํ้าไดเขาจะซื้อ ปรากฏวาเขาขุด แลวหานํ้าไม ได อันนี้ก็แปลก เพราะวาเมื่อซื้อที่ซึ่งหางจากที่ที่บริษัทนั้นเคยจะ มาซื้อเพียงประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ เมตร เราไปขุดมีนํ้า เรียกวาเรา ดวงดี ขุดมีนํ้าได เมื่อมีนํ้าแลว ก็สามารถที่จะนํานํ้านั้นมาทําการ เพาะปลูกตลอดป เลีย้ งปลาก็ได เลยใชที่ ๑๕ ไรนมี่ าปลูกขาว ปลูก ผัก ปลูกตนไม ตนไมผล ปลูกสมุนไพรก็มี และมีการเลี้ยงปศุสัตว ทั้งหมดนี่ใน ๑๕ ไรนี้ คนก็บอกวา แหม! ทําไมในที่แคบอยางนี้ ทําไดทุกอยาง เมื่อทําไปปหนึ่งก็ไดผล ผลผลิตนั้นไดใหนักเรียนที่ โรงเรียน วัด และที่เหลือก็ยังขายไป ไดกําไร ๒๐,๐๐๐ บาท...
๔๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
“...แตที่บอกวาการทํานี่ไมไดทําเองแท เพียงแตพูดไปวามี ทฤษฎีทําอยางนั้น ๆ คนที่ทําก็คือขาราชการ และคนอื่นเขามา ชวยทํา หมายความวาตองอาศัยเจาหนาที่ราชการ คนงานและ นักวิชาการตางๆ แตอยางไรก็ตาม เขาไมคอยคิดวาจะทําในที่ ๑๕ ไรที่แหงแลงแบบนี้ได แตก็ทําได ผูวางแผนเองก็ทึ่งตัวเอง นีพ่ ดู เหมือนวา จะอวดตัววาเกง แตตกใจตัวเองวาทีพ่ ดู ไปใชงาน ได จึงมาสรุปเปนทฤษฎีใหม เมื่อเปนทฤษฎีใหมก็ใหไปที่มูลนิธิ ชัยพัฒนา แลวเขียนขางใตวา เปนทฤษฎีใหมของมูลนิธชิ ยั พัฒนา ตอมาคนก็ไดเห็นวาใชได และไปปฏิบัติไดในที่ที่แหงแลง เคย เลาใหฟงแลววาที่ทําที่อําเภอเขาวง กาฬสินธุ ที่ไดผลดี ที่ตรง นั้นทํา ๑๒ ไร ภายในปหนึ่งเขาก็มีขาวกิน ครั้งแรกที่ไปเยี่ยม เขาไมมีขาวกิน มีเพียงไมกี่เม็ดตอรวง เมื่อชาวบานแถวนั้นเห็น วาดี ก็ขอใหชวย ปตอไปก็เพิ่มขึ้นเปน ๑๐ รายปตอ ๆ ไปก็ เปน ๑๐๐ และขยายออกไปในภาคอื่นไดเปนการปฏิบัติตาม ทฤษฎีและไดผล...” ปจจุบนั มีเกษตรกร ตลอดจนขาราชการ คนทํางานมากมาย ทีป่ รับเปลีย่ นวิธกี ารใชชวี ติ หันมาทําเกษตรทฤษฏีใหม พลิกชีวติ ทั้งในดานความเปนอยู อาชีพ รายได และที่สําคัญคือ ความ สงบสุขของชีวิต
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๔๗
ทั่วโลกลวนแซซองสดุดี
พระเกียรติคณ ุ ในดานการทํานุบาํ รุงและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นั้น มิไดเปนที่ประจักษซาบซึ้งแกปวงชนชาวไทยเทานั้น ยังปรากฏแซ ซองสดุดีจากนานาประเทศ เชน
๔๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
รางวัลแมกไซไซ ป พ.ศ. ๒๕๓๑ มูลนิธิรามอนแมกไซ ไซ แหงประเทศฟลิปปนส ไดพิจารณามอบรางวัลแมกไซไซ สาขา International Understanding โครงการหลวงซึ่งเปนโครงการใน พระราชดําริ เหรียญทองประกาศพระเกียรติคุณดานสิ่งแวดลอม ป พ.ศ. ๒๕๓๕ องคการสหประชาชาติไดทูลเกลาทูลกระหมอมถวาย เหรียญทองประกาศพระเกียรติคุณดานสิ่งแวดลอม (UNEP Gold Medal of Distinction) เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ เฉลิมพระเกียรติที่ทรงบําเพ็ญพระราชกรณียกิจดานทรัพยากรและ สิ่งแวดลอม รางวัลหญาแฝกชุบสําริด สมาคมควบคุมการสึกกรอน ระหวางประเทศ (IECA) แหงออสเตรเลียไดถวายรางวัลที่ทรงเปน แบบอยางในการนําหญาแฝกมาใชในการอนุรกั ษดนิ และนํา้ เมือ่ วัน ที่ ๒๕ กุมภาพันธ ๒๕๓๖ จากนั้นวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๓๖ ผูเชี่ยวชาญเรื่องหญาแฝก เพื่อการอนุรักษนํ้าและดินของธนาคารโลกทูลเกลาฯ ถวายรางวัล หญาแฝกชุบสําริด เพือ่ เทิดพระเกียรติในฐานะทีท่ รงเปนนักอนุรกั ษ ทรัพยากรดินและนํ้า เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณความสําเร็จดาน วิชาการและการพัฒนาในการสงเสริมเทคโนโลยีหญาแฝกระหวาง ประเทศ ซึ่งผลการดําเนินงานหญาแฝกในประเทศไทยไดรับการตี พิมพเผยแพรไปทั่วโลก รางวัลเหรียญอากริโคลา องคการอาหารและการเกษตร แหงสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ซึ่งมีสํานักงานใหญอยูที่กรุงโรม อิตาลี มอบรางวัลเหรียญอากริโคลา (Agricola Medal) เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๓๘ เพื่อเชิดชูพระเกียรติกษัตริยนักพัฒนา ที่ทรง ใสใจสงเสริมคุณภาพชีวิตและความเปนอยูของประชาชนชาวไทย ซึ่งสวนใหญมีวิถีชีวิตพึ่งพาการเกษตรเปนหลัก
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๔๙
รางวัลกังหันชัยพัฒนา สมาคมสงเสริมและคุมครองนัก ประดิษฐของราชอาณาจักรเบลเยียม ที่มีอายุเกาแกที่สุดในยุโรป ไดถวายรางวัลบรัสเซลส ยูเรกา ในป ๒๕๔๓ หลังจากสภาวิจัย แหงชาติไดนาํ ผลงาน “เครือ่ งกลเติมอากาศทีผ่ วิ นํา้ หมุนชาแบบทุน ลอย” หรือ “กังหันนํ้าชัยพัฒนา” ในพระองคเขาประกวดในสิ่ง ประดิษฐประเภทที่ ๑ เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษและสิ่งแวดลอม ซึ่งปรากฏวา ไดรับการยกยองจากคณะกรรมการจัดงานวา เปน ผลงานที่ทรงคุณคาและมีประโยชนอยางยิ่งในการบําบัดนํ้าเสีย
๕๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ในงานบรัสเซลส ยูเรกา เมื่อป ๒๕๔๔ พระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไดรับการทูลเกลาฯ ถวายรางวัลถึง ๕ รางวัล อยางไรก็ดี พระองคไดพระราชทานกังหันนํ้าชัยพัฒนา เพื่อ เปนของขวัญใหแกราชอาณาจักรเบลเยียม ตามคําขอของนายโยเซ ลอริโย ประธานองคกรกรัสเซลส ยูเรกา โดยตั้งอยู ณ สวน สาธารณะโวลูเว แซงต-ปแอร กลางกรุงบรัสเซลส ราชอาณาจักร เบลเยียม เพือ่ เปดโอกาสใหชาวยุโรปไดชนื่ ชมพระปรีชาสามารถของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รางวัลรวงขาวทองคํา ถวายโดยสมาคมสินเชื่อเกษตรและ ชนบทภาคพื้นเอเชียแปซิฟก (เอพีอารเอซีเอ) เฉลิมพระเกียรติคุณที่ ทรงอุทศิ พระองคเพือ่ การพัฒนาชนบท และการเกษตรดวยหลักการ อันเปนการพัฒนาที่มั่นคงยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ และพระบรม ราโชบายใหปลูกขาว อันเปนอาหารหลักของคนไทย ทูลเกลาฯ ถวาย เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๘ เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๕๑
รางวั ล ความสํ า เร็ จ สู ง สุ ด จากโครงการพั ฒ นาแห ง สหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) รางวัลความกาวหนาในการพัฒนา มนุษย (The Human Development Award) เปนรางวัลที่จัดตั้ง ขึ้นโดยโครงการพัฒนาแหงสหประชาชาติ มอบใหแกผูอุทิศแรงกาย และแรงใจใหกบั การทําความเขาใจและการวางรากฐานกระบวนการ พัฒนาทรัพยากรมนุษยในระดับประเทศ ระดับภูมภิ าค หรือระดับโลก ในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งเปนปที่ประเทศไทยเฉลิมฉลอง ครัง้ ยิง่ ใหญในโอกาสทีพ่ ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ทรงครองสิรริ าชสมบัตคิ รบ ๖๐ ป สํานักงานเลขาธิการสหประชาชาติ และยูเอ็นดีพีไดรวมกันจัดตั้งรางวัลความสําเร็จสูงสุดในดานการ พัฒนามนุษย (UNDP Human Development Lifetime Achievement Award) เปนกรณีพเิ ศษ ซึง่ เปนรางวัลเกียรติยศสูงสุดของความ สําเร็จในดานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย โดยนายโคฟ อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในเวลานั้น ไดเดินทางมายัง ประเทศไทยดวยตัวเอง เพื่อทูลเกลาฯ ถวายรางวัลเกียรติยศอันทรง คุณคาดังกลาวแดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
๕๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
รางวัลวิทยาศาสตรดนิ เพือ่ มนุษยธรรม ศาสตราจารยสตีเฟน นิรตคลิฟฟ กรรมการบริหารสหภาพวิทยาศาสตรทางดินนานาชาติ แหงกรุงปารีส ประเทศฝรัง่ เศส พรอมดวยคณะผูบ ริหารองคกรทูลเกลา ทูลกระหมอมถวายรางวัล The Humanitarian Soil Scientist หรือ “นั ก วิ ท ยาศาสตร ดิ น เพื่ อ มนุ ษ ยชาติ ” ณ อาคารเฉลิ ม พระเกี ย รติ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๕ เปนพระองคแรก ของโลก และขอพระบรมราชานุญาตใหวันที่ ๕ ธันวาคมของทุกปเปน “วันดินโลก” เพือ่ ใหวนั ดังกลาวเปนทีร่ จู กั แพรหลายในระดับนานาชาติ เกิ ด ความต อ เนื่ อ งและจริ ง จั ง ในการรณรงค ด า นทรั พ ยากรดิ น ใน ทุกระดับ
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๕๓
สําหรับมหาวิทยาลัยนเรศวรนั้น นับเปนสิริมงคลและเกียรติคุณ อยางยิง่ เมือ่ ไดมโี อกาสทูลเกลาทูลกระหมอมถวายปริญญาวิทยาศาสตร ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมแดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๒ เพื่อสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระองคทาน สิบสี่สิงหาคมปสี่สอง วันพรักพองหกรอบพระชันษา ม.นเรศวรทูลเกลาถวายปริญญา ดวยมุทิตาทั้งจงรักและภักดี เทิดพระเกียรติดุษฎีวิทยาศาสตร การจัดการทรัพยากรธรรมชาตินี้ สิ่งแวดลอมใหคงอยูคูชีวี ปาไมมีชุมชื่นและยืนยง อีกนํ้าทวมนํ้าแลงทรงแกไข นํ้าเสียใหบําบัดตามประสงค พัฒนาที่ดินใหคืนคง จัดสรรลงชาวไทยไดทํากิน ความพอเพียงเกษตรทฤษฎีใหม อันหลากหลายชีวภาพอุดมสิน รูจักสรางรูจักทําทรัพยในดิน ใชชีวินเรียบงายรายไดมี
๕๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
นเรศวรรวมใจใหรําลึก ดวยสํานึกผืนแผนดินสมบูรณนี้ พระมหากรุณาอันมากมี นอมชีวีจดจารในไทยนิรันดร ๖ ธันวาคม ๒๕๕๙
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๕๕
๔ ธันวาคม วันสิ่งแวดล้อมไทย...จากพระอัจฉริยภาพเมื่อปี ๒๕๓๒
“...ปญหาเรือ่ งสิง่ แวดลอมเปนปญหาทีม่ คี วามสําคัญควบคูก บั การ พัฒนา ความเจริญกาวหนา ซึ่งเปนปญหารวมกันของทุกประเทศ กลาวคือการพัฒนายิ่งรุดหนา ปญหาคุณภาพสิ่งแวดลอมและภาวะ มลพิษก็ยิ่งกอตัว และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประเทศไทยก็เปน ประเทศหนึ่ง ที่กําลังประสบกับปญหาดังกลาวอยูในขณะนี้...”
๕๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พระราชดํารัสพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ดวยทรงหวงใยในปญหาดานสิง่ แวดลอม ทั้ง ดิน นํ้า อากาศ ปาไม ที่นับวันจะเสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ
จากพระราชดํารัสกอเกิดวันสิ่งแวดลอมไทย จะมีสักกี่คนที่ทราบวา กอนที่ประเทศไทยและทั่วโลกจะประสบ วิกฤติปญ หาเรือ่ งสิง่ แวดลอม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ล อดุลยเดช ทรงเล็งเห็นการณไกลและกลาวเตือนสติใหพวกเราตระหนัก ถึงปญหาดานสิง่ แวดลอมมากอนลวงหนาเปนเวลาหลายสิบปและทําให รัฐบาลกําหนดใหวันที่ ๔ ธันวาคมของทุกป เปนวันสิ่งแวดลอมไทยดัง พระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ พระราชทานแกบุคคลตาง ๆ ที่เขาเฝาฯ ถวายพระพร เนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสดิ าลัย พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันจันทรที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๕๗
“…ได ข อ มู ล มาเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งเรื่ อ ง หนึ่งซึ่งเขาเดือดรอนกันทั่วโลก คือ ความเดื อ ดร อ นที่ ทุ ก คนจะต อ ง ประสบ แตไมใชทุกคนจะไดรู...เขา บอกวาเพราะมีสารคารบอนไปใน อากาศมาก จะทําใหเหมือนเปนตู กระจกครอบ แลวโลกนี้ก็จะรอน ขึ้น...นํ้าแข็งจะละลายลงทะเลและ รวมทั้ ง นํ้ า ในทะเลนั้ น จะพองขึ้ น เพราะสิ่งของที่รอนยอมมีการพอง ขึ้น ปริมาตรก็มากขึ้น เมื่อนํ้าพอง ขึ้ น ก็ จ ะทํ า ให ที่ ที่ ตํ่ า เช น กรุ ง เทพฯ ถูกนํ้าทะเลทวม...
...สิ่งที่ทําใหคารบอน (ในรูปคารบอนไดออกไซด) ในอากาศเพิ่มมากขึ้น มาจากการ เผาเชื้อเพลิงซึ่งอยูในดินและจากการเผาไหม...การเผาเชื้อเพลิง เชน ถาน ถานหิน นํ้ามัน เชื้อเพลิงอะไร ๆ ตาง ๆ เหลานี้ทําใหคารบอนขึ้นไปในอากาศจํานวน ๕ พัน ลานตันตอป แลวก็ยังมีการเผาทําลายปาอีก ๑.๕ พันลานตัน รวมแลวเปน ๖.๕ พัน ลานตัน...ถาไมมีอะไรที่จะทําใหจํานวนของสารนี้ในอากาศลดลง ก็จะทําใหสารนี้เปน เหมือนตูกระจกครอบ ทําใหโลกนี้รอนขึ้น...”
๕๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
หลังจากนั้นวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบ ใหวันที่ ๔ ธันวาคมของทุกปเปน “วันสิ่งแวดลอมไทย”
นับเปนพระพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพโดยแทของพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแตครั้งเมื่อ ๒๗ ปมาแลว กอน ที่คนทั่วโลกจะหันมาสนใจเรื่องภาวะโลกรอนกันอยางจริงจัง โครงการ พระราชดําริอันหลากหลายที่เกิดขึ้นลวนเปนแนวคิดและทฤษฎีการพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาติอยางยั่งยืนในทุก ๆ ดาน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๕๙
ดวยทรงหวงใยสิง่ แวดลอม มีหนึง่ เรือ่ งราวทีถ่ กู บันทึกจดจารไวใหลกู หลาน ไดจดจําและพึงปฏิบัติ
ของมีคาหายาก ปลายป พ.ศ. ๒๔๙๘ เมื่อชาวอีสานทราบขาวดีวา พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจาสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จฯ เยี่ยมอีสานเปนเวลายาวนานถึง ๑๙ วัน ระหวางวันที่ ๒ – ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ จึงไมตองสงสัยเลยวาชาวอีสานจะรูสึกตื่นเตนดีใจเพียงใด เพราะอีสานเวลานั้นแหงแลงเหลือแสน ยังไมมีอางเก็บนํ้าชลประทานดังเชนใน ปจจุบัน เสนทางรถยนตในยุคนั้นก็ยังเปนดินแดง ทุรกันดาร นํ้าพระราชหฤทัยที่ แสดงออกดวยการเจาะจงเสด็จฯ เยี่ยมอีสาน จึงเปนเสมือนนํ้าฝนเย็นฉํ่าที่หยาดลง มาบนผืนดินที่แหงผาก
๖๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ยังไมทนั ทีพ่ ระองคจะเสด็จฯ มาถึง นํา้ พระทัยทีเ่ ย็นดุจสายฝนหยด แรกก็หยาดลงมาเสียแลว เมื่อมีขาววา กรมทางหลวงเตรียมนํา “นํ้า” มาราดถนนทางเสด็จพระราชดําเนิน เพื่อมิใหถนนเกิดฝุน แดงคลุงเมื่อรถพระที่นั่งแลนผาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงมีพระราช กระแสรับสัง่ หามวา ไมใหนาํ นํา้ ซึง่ เปนของมีคา หายากมาราดถนน รับเสด็จ แตใหสงวนนํ้าไวใหราษฎรใชอาบกิน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๖๑
รวมกันรักษา พลิกฟน “แผนดินของเรา” การอนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติจงึ เปนหนาทีข่ องคนไทยทุกคน ตามรอยเบือ้ งพระ ยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใหแผนดินของเรามี ความอุดมสมบูรณ เปนอูขาวอูนํ้า เหมือนที่เคยเปนมาแตอดีต ดังเชนบทเพลง แผนดินของเรา ซึ่งเปนบทเพลงพระราชนิพนธลําดับที่ ๓๔ ทรงพระราชนิพนธใน พ.ศ. ๒๕๐๒ ถึงอยูแควนใด เหมือนอยูบานเรา ทรัพยจากผืนดิน มีสิทธิ์เสรี เรามีปาไมอยูสมบูรณ โบราณสถานสงนามประเทือง รักชาติของเรา ผืนแผนแหลมทอง รักเกียรติรักวงศ ทูนเทิดเมืองไทยนั้นใหยืนยง
ไมสุขสําราญ ชื่นฉํ่าคํ่าเชาสุขทวี สินจากนที สันติครองเมือง ไรนาสดใสใตฟาเรือง เกียรติเมืองไทยขจรไปทั่วแดนไกล ไวเถิดผองไทย รวมพี่รวมนองดวยกัน เสริมสงสัมพันธ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๙
๖๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๖๓
ปีบ ต้นไม้ของพ่อ จากมือของแม่
ชวงสาย ๆ วันเสาร ในชวงเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ “มันสวยนะพี่” เสียงตะโกนของเพื่อนรวมงานขณะกม ๆ เงย ๆ อยู ทามกลางหมูม วลดอกไมสขี าวทีร่ ว งหลนลงมาจากตน ทําใหฉนั อดใจไม ไหวเดินเขาไปอาสาเปนชางภาพสมัครเลนอีกคน โทรศัพทมอื ถือคืออาวุธ
๖๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
สําคัญในการทําหนาที่เฟนหามุมมองอยางละเลียด ละเมียดละไม ดวยหลากหลาย ทวงทา เรียกวาแทบจะลงไปนอนคลุกบนพื้นเพื่อใหไดแสง เงา เคลาความงามตาม ธรรมชาติโดยไมตองแตงเติม “หนูจะพิมพแคปชั่นวาอะไรดีพี่” ถาเปนชวงเวลาปกติ ความคิดคงพรั่งพรู แต ณ ชวงเวลานี้ ไมตองพูดถึงความเหมาะสม แคสมองยังไมยอมทํางานแลว ในทีส่ ดุ นองก็โพสตรปู และพิมพขอ ความ “ตนไมของพอ” ฉันชืน่ ชมในความคิดของ นอง สําหรับฉันผานไปหลายวันจึงไดกลั่นกรองขอความประกอบภาพนี้ ตอมานึกขึ้น ไดวาตนไมที่ปลูกเรียงรายอยูดานขางอาคารวิสุทธิกษัตริย สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน มหาวิทยาลัยนเรศวร และพบเห็นไดทั่วเมืองสองแควนี้ คือตนไมของ พอจริง ๆ…และนี่เปนอีกหนึ่งครั้งที่ฉันเขียนถึงตนไมชนิดนี้
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๖๕
ปบ ไมมงคลพระราชทาน ชาวพิษณุโลกสวนใหญเขาใจวา ดอกไมประจําจังหวัดคือ ดอกปบ ทัง้ ทีค่ วามจริงแลวคือ ดอกนนทรี สวนปบนัน้ เปนไมมงคลพระราชทาน ประจําจังหวัด ย อ นวั น เวลาไปในวั น รณรงค ป ลู ก ป า ถาวรเฉลิ ม พระเกี ย รติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาส ทรงครองราชยปที่ ๕๐ วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๓๗ ณ ศูนยประชุม แหงชาติสริ กิ ติ ิ์ กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระนางเจาสิรกิ ติ ิ์ พระบรม ราชินีนาถ พระราชทานกลาไมชนิดตาง ๆ ใหแกผูวาราชการ ทุกจังหวัด สําหรับจังหวัดพิษณุโลกไดรับพระราชทานกลาไมปบ นับจากวันนัน้ ปบจึงถือเปนพันธุไ มมงคลพระราชทานประจําจังหวัด พิษณุโลก มีการสงเสริมใหปลูกกันโดยทั่วไป เพื่อความเปนสิริมงคล ไดยลความงดงาม กลิ่นหอมออน ๆ ชวนชื่นใจ
๖๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
รูจักปบ ชื่อสามัญ Cork tree, Indian cork ชื่อวิทยาศาสตร Millingtonia hortensis L.f. จัดอยูในวงศแคหาง คาง (BIGNONIACEAE) ชือ่ ทองถิน่ อืน่ ๆ เชน เต็กตองโพ (กะเหรีย่ ง-กาญจนบุร)ี , กาซะลอง กาสะลอง กาดสะลอง กาสะลองคํา (ภาคเหนือ), ปบ กองกลางดง (ภาคกลาง) กางของ (ภาคอีสาน) เปนตน ปบเปนไมยืนตนขนาดกลางถึงขนาดใหญมีความสูงประมาณ ๑๐ – ๒๐ เมตร ผลัดใบ เรือนยอดเปนพุมทรงกระบอก กิ่งกานมักจะยอย ลง เปลือกสีนํ้าตาลแตกเปนรองลึกตามยาวลําตนอยางไมเปนระเบียบ ใบประกอบแบบขนนก ๒ -๓ ชั้น เรียงเวียน ชอแขนงดานขางมี ๓ – ๕ คู ปลายคี่ เรียงตรงขาม ใบยอยแขนงละ ๒ -๔ คู เรียงตรงขาม ใบรูปไขหรือรูปไขแกมใบหอก กวาง ๒ - ๓ ซม. ยาว ๔ – ๘ ซม. ปลายแหลม โคนใบมน ขอบใบหยักมนหรือเวาเปนคลื่นเล็กนอย
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๖๗
ดอกปบมีสขี าวหรือชมพู มีกลิน่ หอม ออกเปนชอแบบชอกระจุกซอน ตามปลายกิ่ง ชอดอกขนาดใหญ ยาว ๑๐ -๓๕ ซม. มีขน กลีบเลี้ยง มีขนาดเล็ก โคนติดกันเปนรูปถวย ปลายแยก ๕ แฉก ปลายมนกวาง มวนลง เปนหลอดยาวปลาย ๔ แฉก มี ๑ กลีบที่ปลายเปน ๒ แฉก ดอกบานเต็มที่กวาง ๓.๕ – ๔ ซม. ผลแหงแตก เปนฝกแบนและตรง สีนํ้าตาล หัวทายแหลม กวาง ๑.๕ – ๒.๓ ซม. ยาว ๒๕ – ๓๐ ซม. เมล็ดแบนมีปกบาง
๖๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๖๙
คุณประโยชนของปบ ๑. ดอกปบนํามาตากแหงแลวผสมกับยาสูบมวนบุหรี่ ใชสบู แกลม บํารุง กําลัง บํารุงโลหิต รักษาอาการภูมิแพ ไซนัส ริดสีดวงจมูก หอบ หืด นอกจากนี้ยังทําใหชุมคอ ปากหอม และยังมีกลิ่นควันบุหรี่ที่ หอมดีอีกดวย ๒. ดอกปบตากแหง นํามาชงใสนํ้ารอนดื่มเปนชาก็ได โดยดอกปบชง นีจ้ ะมีกลิน่ หอมละมุนออน ๆ มีรสชาติหวานแบบนุม นวล ไมขม แถม ยังดีตอสุขภาพอีกดวย ๓. รากของปบนํามาตากแหง ตมนํ้าดื่ม ชวยรักษาวัณโรค บํารุงปอด แกปอดพิการ แกไอ หอบหืด ๔. สารสกัดจากใบที่สกัดดวยเอทานอลมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญ เติบโตของคะนา (ใบ) ๕. เนือ้ ไมของตนปบมีสขี าวออน สามารถเลือ่ ยหรือไสกบเพือ่ ตกแตงให ขึ้นเงาไดงาย จึงเหมาะแกการนํามาใชทําเปนเครื่องเรือน เครื่อง ตกแตงภายในบานได ๖. เปลือกของตนปบ เมื่อกอนสามารถนํามาใชแทนไมกอกสําหรับทุก จุกขวดได ๗. ปบเปนไมพมุ มีใบและดอกสวย แถมยังมีกลิน่ หอมอีกดวย จึงสามารถ ปลูกไวประดับสวน ปลูกเพือ่ ใหรม เงาในลานจอดรถหรือริมถนนขาง ทาง และที่สําคัญตนไมชนิดนี้ยังทนนํ้าทวมขังไดดีอีกดวย
๗๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๘. ดอกปบเปนสัญลักษณของพยาบาลไทย โดยความหมายของตนไม ชนิดนี้ คือ เปนตนไมทใี่ หความรมรืน่ แกชวี ติ ซึง่ หมายถึง “พยาบาล” และดอกปบยังหมายถึงยาอายุวัฒนะ ซึ่งเปรียบเสมือนพยาบาลที่ ใหการดูแลรักษาและสงเสริมสุขภาพแกคนทัว่ ไป ตนปบเปนตนไมท่ี โตเร็ว เกิดขึ้นไดในปาทุกชนิด สามารถชวยสรางเสริมธรรมชาติที่ ชุบและดํารงชีวิตใหแกมวลมนุษยตลอดกาล เชนเดียวกับพยาบาล ที่จะเปนการบริการสุขภาพที่มีความจําเปนตอสังคมตลอดไป (ดอก ป บ ยั ง เป น ดอกไม ป ระจํ า จั ง หวั ด ปราจี น บุ รี แ ละมหาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยีราชมงคลลานนาอีกดวย)
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๗๑
๙. การปลูกตนปบเพื่อความเปนสิริมงคลแกผูอยูอาศัยภายในบาน เชื่อ วาการปลูกไวประจําบานจะทําใหเก็บเงินเก็บทองไดมากขึ้น และยัง ทําใหมชี อื่ เสียงโดงดังอีกดวย โดยควรปลูกตนปบไวในทางทิศตะวัน ตกและผูป ลูกควรปลูกในวันเสารเพือ่ เอาเคล็ด แตถา จะใหเปนมงคล มากยิ่งขึ้น ผูปลูกควรเปนผูที่เกิดในวันจันทร (สวนผูอยูอาศัยหาก เกิดวันจันทรดว ยแลวจะยิง่ เปนสิรมิ งคลยิง่ นัก) เพราะปบเปนดอกไม ประจําของนางโคราคะเทวี ซึ่งเปนนางประจําวันจันทรในธิดาของ พระอินทรนั่นเอง
๗๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
อันดอกปบขาวนวลชวนระรื่น นับตั้งแตวันที่เจ็ดพฤษภา พระนางเจาสิริกิติ์มอบพันธุไม เฉลิมพระเกียรติแหงองคภูมิพล กลาไมปบพระราชทานประจําจังหวัด ใหแสงเงารมรื่นชื่นชีวี เปนเครื่องเรือนตกแตงภายในบาน ผูรักษาใหชีวิตจิตประคอง ดอกไมประจําธิดาพระอินทรนั้น ดอกตากแหงชงชารอนหอมนวลดี บํารุงเลือดแกลมอีกไซนัส รากรักษาวัณโรคอีกแกไอ คือตนไมของพอจากมือแม พระมหากรุณาประจักษจริง
หอมสดชื่นผอนคลายใหคุณคา ปสองหาสามเจ็ดวันมงคล วาระในวันปลูกปาคราเริ่มตน ไทยยินยลทรงครองราชย ๕๐ ป สองแควจัดปลูกประดับเสริมราศี สิริมงคลมีชื่อเสียงทั้งเงินทอง สัญลักษณพยาบาลไทยทั่วทั้งผอง สุขภาพของผูคนทั่วธานี แหงวันจันทรโคราคะเทวีศรี มวนบุหรี่ชุมคอชวนชื่นใจ หอบหืดจัดชงัดบรรเทาหาย บํารุงปอดคลี่คลายไมประวิง ชาวสองแควปลื้มปริ่มอิ่มเอิบยิ่ง คือขวัญมิ่งประทับในใจนิรันดร ๖ ธันวาคม ๒๕๕๙
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๗๓
ไม้จันทน์หอม จากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี สู่งานพระราชพิธีพระบรมศพ ในขณะที่คนไทยทั่วสารทิศเดินทางมาเขาเฝาฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ดวยหัวใจของความจงรักภักดี สํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ เปนลนพน ทางสํานักพระราชวังเองก็มหี นาทีใ่ นการจัดเตรียมพระราชพิธพี ระบรมศพ ซึ่งหนึ่งขาวคราวความเคลื่อนไหวที่คนไทยไดรับรูจากสื่อตาง ๆ ก็คือ การคัดเลือก จัดเตรียมไมจันทนหอม จากอุทยานแหงชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ
๗๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เมื่ อ ช ว งต น เดื อ นพฤศจิ ก ายน ๒๕๕๙ ผู แ ทนจากสํ า นั ก พระราชวัง พรอมดวยหัวหนาโหรพราหมณ และคณะไดเดินทาง ไปสํารวจและคัดเลือกไมจันทนหอมที่จะใชในงานพระราชพิธี พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทีอ่ ทุ ยานแหงชาติกยุ บุรี จังหวัดประจวบคีรขี นั ธ จากนัน้ ทางอุทยานฯ กุยบุรีไดจัดเตรียม ไมจันทนหอมที่จะใชในพระราชพิธีพระบรม ศพไว ๑๙ ตน เพื่อใหคณะผูแทนจากสํานักพระราชวังคัดเลือก หลังจากคณะเขาไปสํารวจแลวไดคัดเลือกไมจันทนหอมไว ๔ ตน คือลําดับที่ ๑๑, ๑๒, ๑๔ และ ๑๕ พรอมทั้งกําหนดพิธีบวงสรวง ตัดไมจันทนหอม ในวันจันทรที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยใช ฤกษเวลา ๑๔.๐๙ - ๑๔.๓๙ น.
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๗๕
รูจักไมจันทนหอม ไมชั้นสูง จันทนหอม เปนพันธุไ มทสี่ มเด็จพระนางเจาสิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเปนไมพระราชทานเพื่อปลูกเปนมงคลใน จังหวัดตาง ๆ ทัว่ ประเทศไทย มีชอื่ ทางวิทยาศาสตรวา Mansonia gagei Drumm. มีชื่อวงศวา STERCULIACEAE มีชื่อสามัญวา Kalamet และ ยังมีชื่อเรียกอื่นอีก ไมวาจะเปน จันทน จันทนชะมด จันทนขาว จันทน พมา จันทนหอม
๗๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ไมจนั ทนหอมเปนไมคนละชนิดกับจัน หรือจันอิน-จันโอ (Diospyros decendra Lour.) และเปนคนละชนิดกับไมกฤษณา (Aquilaria malaccensis) ซึ่งบางทานก็เรียกวาไมหอมเชนกัน จึงควรมีการศึกษาและ พิจารณาใหถองแท เพราะการใชประโยชนแตกตางกัน โดยเฉพาะใน รูปของสมุนไพรซึ่งจะมีผลโดยตรงตอสุขภาพ ไมจันทนหอมเปนไมยืนตน ผลัดใบ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ สูง ประมาณ ๓๐ เมตร เรือนยอดเปนรูปกรวยตํ่า ๆ หรือเปนพุมกลมคอน ขางโปรง พบขึน้ กระจายอยูห า ง ๆ กัน ตามปาดงดิบและปาเบญจพรรณ ทั่วไป เวนแตทางภาคเหนือ และอาจพบขึ้นกระจัดกระจายอยูตามภูเขา หินปูน พบในจังหวัดนครราชสีมา สระบุรี ระนอง และประจวบคีรีขันธ ในตางประเทศพบในพมา และอินเดีย ลําตน มีลักษณะเปลาตรง เปลือกสีเทาอมขาวหรือเทาอมนํ้าตาล แตกเปนรอง เปลือกชัน้ ในเมือ่ ถากใหม ๆ จะมีสขี าว ทิง้ ไวแหงจะเปลีย่ น เปนสีนํ้าตาล เนื้อไม กระพี้ สีขาว แกนสีนํ้าตาลเขม ไสกบตบแตงงาย ไมที่ตาย เองจะมีกลิ่นหอม ใชทําหีบใสเสื้อผา เครื่องกลึง เครื่องแกะสลัก ทํา หวี ดอกไมจันทน ธูป นํ้ามันหอมที่ไดจากการกลั่นชิ้นไม ใชปรุงเครื่อง หอม และเครื่องสําอาง ใชเปนยาบํารุงหัวใจ เนื้อไมใชเปนยาแกไข แก โลหิตเสีย แกกระหายนํ้าและออนเพลีย โดยทัว่ ไปเปนพืชหายาก ในพืน้ ทีจ่ งั หวัดประจวบคีรขี นั ธ โดยเฉพาะ อยางยิ่งในพื้นที่อุทยานแหงชาติกุยบุรี เปนแหลงอนุรักษสายพันธุตาม ธรรมชาติของไมจันทนหอม โดยพบเปนหมูไมขนาดใหญ เปลาตรง
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๗๗
๗๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
จากข อ มู ล ที่ เ รี ย บเรี ย งโดย ดร.ปยะ เฉลิมกลิน่ จากสถาบันวิจยั วิทยาศาสตรและเทคโนโลยีแหง ประเทศไทย เทคโนธานี แจกแจง ถึงเรื่อง “ไมจันทนหอม” ไว สรุป ไดวา... เปนไมที่คนโบราณถือวา เป น ไม ชั้ น สู ง เนื้ อ ไม มี ก ลิ่ น หอม นิยมใชในพระราชพิธีตาง ๆ พิธี สําคัญ ๆ ของราษฎรที่จัดเปนวาระ พิเศษ อยาง “ดอกไมจันทน” ที่ใช ในงานเผาศพ ในอดีตเกือบทั้งหมด จะทําจากไมจนั ทนหอม เพราะถือวา มี สี ข าวบริ สุ ท ธิ์ และมี ก ลิ่ น หอม เปนการใหเกียรติกับผูตายเปนครั้ง สุดทาย แตในยุคปจจุบันมีการใช วัสดุอนื่ ๆ ทําดวย และจากประโยชน ของไม จั น ทน ห อม ทํ า ให ช าว กะเหรี่ยงและชาวพมาใชเนื้อไมซึ่ง เรียก กาละแมะ มาฝนกับฝาหมอ ดินจนเปนนํ้าขน ๆ ใชทาหนาจะมี กลิ่นหอมแกสิวฝา ทําใหหนานวล ละเอี ย ด ซึ่ ง ในด า นสมุ น ไพรนั้ น นํ้ า มั น ที่ ก ลั่ น จากเนื้ อ ไม ใ ช เ ข า ยา บํารุงหัวใจ เนื้อไมใชเปนยาแกไข แกโลหิตเสีย แกกระหายนํ้าและ ออนเพลีย
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๗๙
มีการสันนิษฐานวาราว ๆ ๑,๕๐๐ ปกอน มนุษยยังไมมีการฉีดยาศพ หรือ ฉีดฟอรมาลีนและวิธกี ารทีจ่ ะรักษาศพไมใหมกี ลิน่ เหม็น ดัง้ นัน้ ในการประกอบ พิธีฌาปนกิจศพ จึงใชไมจันทนมาเปนสวนในการประกอบพิธี เพื่อบรรเทา กลิ่นศพ ในอดีตเคยมีรายงานวาในเมืองไทยมีจนั ทนหอมขึน้ อยูท วั่ ไปทัง้ ในภาคตะวัน ออกและในภาคตะวันตกเฉียงใต แตปจจุบันถูกตัดฟนไปจนเกือบหมด จนคน รุน ใหมแทบไมรจู กั วาจันทนหอมมีรปู รางหนาตาเปนอยางไร ใชประโยชนอะไร ไดบาง เพียงรูจักกันก็เพราะเคยไดยินชื่อเสียง หรือคนหาเอามาจากตํารากัน เทานั้น ดร.ปยะ ไดระบุไววา “จันทนหอมเปนไมที่เติบโตไดในเกณฑปานกลาง ถึงคอนขางเร็ว ถาไดรบั การดูแลเปนอยางดี และปลูกอยูใ นสภาพแวดลอม ทีเ่ หมาะสม ซึง่ มีโอกาสจะเปนไมเศรษฐกิจ ใชประโยชนในดานไมหอมและ นํ้ามันหอม อาจปลูกลงแปลงขนาดใหญเหมือนไมกฤษณาที่แพรหลายใน ปจจุบัน นอกจากนี้ยังเปนพันธุไมประจําจังหวัดนครปฐมอีกดวย”
๘๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ทําไมตองใชไมจนั ทนหอมในการประกอบพิธสี าํ คัญ ไมจันทนหอม เปนไมมีคาที่หายากชนิดหนึ่ง จัดเปนไมมงคล ชั้นสูง ใชในพระราชประเพณี ตั้งแตสมัยโบราญมาจนถึงปจจุบัน โดยเฉพาะอยางยิ่งพระราชประเพณีเกี่ยวกับพระบรมศพ โดยเอา ไมจนั ทนหอมทีย่ นื ตนตายเองตามธรรมชาติ ซึง่ เนือ้ ไมจะมีกลิน่ หอม ออน ๆ มาสรางพระรองประดับพระโกศพระบรมศพ ตลอดจนใช ทําฟนหรือดอกไมจันทนในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ไมจันทนหอม เปนไมยืนตนขนาดใหญ เนื้อไมแข็ง ละเอียด กะพี้สีนํ้าตาลออน นิยมใชสรางบาน หรือตําหนักของเจานายสมัยกอน เนื้อไมมีกลิ่น หอม สามารถนํามากลั่นเปนนํ้าหอม ใชทําเครื่องหอม ธูปหอม ตลอดจนเปนยาสมุนไพรไดอีกดวย เหตุเพราะไมจันทนหอมมีความหอมไมวาจะเปนหรือตาย จึงเปรียบเหมือนคน เมื่อเกิดมาทําความดี ตายแลวก็ยังมีความ ดีอยู คนโบราณจึงนําไมจันทนหอมมาเผาศพ เรียกวา “ดอกไม จันทน” จนถึงปจจุบันนี้ ที่ผานมาสํานักพระราชวังไดคัดเลือกไมจันทนหอมยืนตน ที่ปา เขตอุทยานแหงชาติกุยบุรี ไปใชในพระราชพิธีพระราชทานเพลิง พระศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จยา, สมเด็จพระเจาพีน่ างเธอ เจาฟากัลยาณิวฒ ั นา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร และสมเด็จพระเจาภคินเี ธอ เจาฟาเพชรรัตนราชสุดา สิรโิ สภาพัณณวดี รวมถึงงานพระราชพิธพี ระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นั้น ก็จัดสรางโดยใชไมจันทนหอมจากปานี้ดวยเชนกัน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๘๑
มาถึงตอนนี้ไมจันทนหอมไดถูกนํามาใชอีกครั้งในงานพระราชพิธี พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู เสด็จสูสวรรคาลัย เทิดทูนไทเหนือหัวใจใสเกลา มิอาจเลารอยเรียงเคียงคําได ความรูสึกอัดอั้นเกินบรรยาย เพียรตั้งใจจดจําคําสอนพอ ทําหนาที่เต็มใจสุดสามารถ เสนทางอาจพลาดพลั้งอยาไดทอ สามัคคีทําความดีมีเพียงพอ เพื่อใหพอสุขใจในวิมาน ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
๘๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๘๓
พระมหากรุณาธิคุณดจสายนํ้า หล่อเลี้ยงชีวีวิถีชาวสองแคว เขื่อนแควน้อยบํารุงแดน หนึ่งในโครงการพระราชดําริ
วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ครอบครัว ของฉันเลือกสงทายปเกาตอนรับปใหม โดยการกินลมชมวิว ณ แหลงทองเทีย่ ว ใกลบา น เพือ่ ความประหยัดและนัยแหง ความจงรักภักดี นั่นคือ เขื่อนแควนอย บํารุงแดน อันเนื่องมาจากพระราชดําริ ของพระบาทสมเด็ จ พระปรมิ น ทร มหาภูมพิ ลอดุลยเดช ณ บานเขาหินลาด ตําบลคันโชง อําเภอวัดโบสถ จังหวัด พิษณุโลก
๘๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ยอนหลังไป ๓๐ กวาป พอมีขาววา ในหลวง รัชกาลที่ ๙ มีพระราชดําริใหสรางเขื่อนแควนอยบํารุงแดน เพื่อชวยเหลือ ราษฎรในพื้นที่ลุมนํ้าแควนอยตอนลาง ทองที่อําเภอวัดโบสถ อําเภอวังทอง อําเภอเมือง และอําเภอบางกระทุม แกไขปญหา อุทกภัย รวมทั้งเปนแหลงนํ้าสําหรับการเพาะปลูกทั่วไปในฤดู ฝนและฤดูแลง ตลอดจนสําหรับการอุปโภค บริโภค ขาวนี้สราง ความปติยินดีใหกับชาวพิษณุโลกอยางยิ่ง แมฉันบอกวา ชาว บานในพื้นที่พรอมใจกันมอบที่ดินให โดยที่ทางการยังมิได รองขอ
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๘๕
ชวงสายของวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ พวกเราเดินทางดวยรถยนต ๓ คัน ไปถึงเขื่อนแควนอยฯ ไดยินเสียงบรรยายเชิญชวนใหนั่งรถรางชม เขื่อนในราคาคนละ ๑๐ บาท (ลดจากราคาปกติ ๒๐ บาท) หรือใครจะ เลือกปนจักรยานแบบเพลิน ๆ ก็มีจักรยานใหเชา และสิ่งที่ทําใหพวกเรา ตืน่ เตนคือวันนีเ้ ปนวันแรกของการเปดใหชมพิพธิ ภัณฑเขือ่ นแควนอยบํารุง แดน นองสาวหันมาบอกฉันวา “นํ้าตาไหลซะละมั้ง” ทริปของเราเริม่ ดวยการนัง่ รถรางสูดอากาศบริสทุ ธิ์ ทามกลางสายลม พัดโชยใหความสดชืน่ มองเห็นทองนํา้ ไกลสุดลูกหูลกู ตา ชมความอลังการ ของโรงไฟฟาพลังนํ้าและตัวเขื่อน ซึ่งประกอบดวย ๓ เขื่อนดวยกัน นั่น คือ เขื่อนแควนอยบํารุงแดน เขื่อนสันตะเคียน และเขื่อนปดชองเขาตํ่า โอบลอมดวยตนไมเขียวชอุม นานาพันธุ โดยเฉพาะอยางยิ่งบริเวณเหนือ เขื่อนแควนอยบํารุงแดนมีการปลูกปาสามอยาง ประโยชนสี่อยาง เพื่อ อนุรักษ ฟนฟูตนนํ้าและปองกันการชะลางพังทลายของดิน ตามแนวทาง พัฒนาปาไมอันเนื่องมาจากพระราชดําริ
๘๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
“...การปลูกปา ๓ อยาง แตใหไดประโยชน ๔ อยาง ซึ่งไดไมผล ไม สรางบานและไมฟนนั้น สามารถใหประโยชนไดถึง ๔ อยางคือ นอกจาก ประโยชนในตัวเองตามชื่อแลว ยังสามารถใหประโยชนอันที่ ๔ ซึ่งเปนขอ สําคัญคือ สามารถชวยอนุรักษดินและตนนํ้าลําธารดวย...” พระราชดํ า รั ส ในพิ ธี เ ป ด การสั ม มนาการเกษตรภาคเหนื อ ณ สํานักงานเกษตรภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ ๒๕๒๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๘๗
เมื่อลงจากรถราง พวกเรามุงตรงไปยังพิพิธภัณฑเขื่อนแควนอยบํารุง แดน พบวาไมใชเพียงแคเปนวันแรกของการเปดใหชมเทานัน้ แตเจาหนาที่ ยังเปดประตูใหเราเยีย่ มชมเปนชุดแรกอีกดวย ทําใหเราอดภูมใิ จไมได แมวา พิพิธภัณฑยังไมเสร็จสมบูรณ ๑๐๐ เปอรเซ็นต แตก็มีความสวยงาม อลังการ และคงคุณคาอยางยิ่ง
พิพิธภัณฑประกอบดวยหองจัด แสดงจํานวน ๓ หอง ไดแก ใตรม โพธิ์ ทอง, เย็นชุมลุมนํ้าแคว และเรื่องเลา จากวันวาน ปดทายดวยหองจัดแสดง การทําเกลือ รานกาแฟและของที่ ระลึก ซึ่ง ๒ อยางหลังยังไมเปดให บริการ
๘๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๘๙
เพียงกาวเขาไปหองแรก ดุจตองมนตสะกดดวยภาพโพธิ์ทอง ตนใหญดุจพระบารมีแหงองคภูมิพล ทําใหเรากดชัตเตอรกันไม ยั้ง แถมลูกชายยังถายวีดีโอทุกช็อต ภาพและขอความทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษบอกเลาเรื่องราวนํ้าพระราชหฤทัย ความหวงใย ในปญหาความทุกขยากของราษฎร โครงการเขื่อนแควนอยอัน เนื่องมาจากพระราชดําริเริ่มกอรางขึ้นเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ ๒๕๒๕ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จพระราชดําเนินทรงเปดเขื่อน นเรศวร ณ บานหาดใหญ ตําบลพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พระองคไดพระราชทานพระราชดําริใหพิจารณาวางโครงการและ กอสรางเขื่อนแควนอยในเขตอําเภอวัดโบสถโดยเรงดวน “.. สว นทีพ่ ษิ ณุโลกก็มนี าํ้ ไหลลงมาจากขาง ๆ อีกสายหนึง่ แควนอย ซึ่งจะตองทํา...อันนี้ก็ยังไมไดทํา เพื่อกักเก็บนํ้าที่มาจากอําเภอ ชาติตระการ อาจจะมีคนคานวาทําไมทําเขือ่ นพวกนีแ้ ลวมีประโยชน อะไร ก็เห็นแลว ประโยชนของเขื่อนใหญเขื่อนนี้ ถาไมมี ๒ เขื่อน นี้ ที่นี่นํ้าจะทวมยิ่งกวา จะไมทวมเพียงแคนี้ จะทวมทั้งหมด...” พระราชดํารัสเมือ่ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๘ ณ ศาลาดุสดิ าลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต
๙๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
แมขณะที่พระองคเสด็จพระราชดําเนิน ณ พื้นที่ปาเขาตลบ อําเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรขี นั ธ เมือ่ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ยังพระราชทานพระราชดําริใหนายสุวิทย คุณกิตติ รอง นายกรัฐมนตรี พิจารณาความเหมาะสมในการดําเนินงานสราง โครงการเขื่อนแควนอย อําเภอวัดโบสถ จังหวัดพิษณุโลก เพื่อ สนองพระราชดําริ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๔๖ อนุมัติใหกระทรวงเกษตรและสหกรณเสนอดําเนินงาน โครงการเขื่ อ นแควน อ ยอั น เนื่ อ งมาจากพระราชดํ า ริ จั ง หวั ด พิษณุโลก ในปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๖ – ๒๕๕๔ นอกจากนี้ ยัง ได ส ร า งเขื่ อ นทดนํ้ า พญาแมน เพื่ อ ช ว ยยกระดั บ นํ้ า เข า คลอง ชลประทาน สงนํ้าชวยเหลือพื้นที่การเกษตร ๔ อําเภอของจังหวัด พิษณุโลก คือ อําเภอวัดโบสถ อําเภอพรหมพิราม อําเภอวังทอง และอําเภอเมือง เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๙๑
จากพระมหากรุณาธิคุณดังกลาว ทําใหฉันอดนึกถึงคํากลาวที่ วา ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงรูเห็นพื้นที่ในประเทศไทยทุกตาราง เมตรหรือตารางเซนติเมตรเลยก็วา ได นัน่ เปนเพราะพระองคทรงใส พระราชหฤทัย หวงใยราษฎร ไมวาจะเสด็จฯ ไปที่ไหนเราจะเห็นวา ในหลวงทรงสะพายกลองและถือแผนที่ไวเสมอ สมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเลาถึงเรือ่ ง “แผนทีข่ องในหลวง” นีไ้ วในรายการ “พูดจาภาษาชาง” ทางสถานีวทิ ยุจฬุ าฯ วา “แผนที่แผนหนึ่งของทานคอนขางจะกวางกวาแผนที่ที่ใคร ๆ เห็น กันทั่วไป เพราะทานเอาหลาย ๆ ระวางมาแปะติดกัน การปะแผนที่ เขาดวยกัน ทานทําอยางพิถีพิถัน แลวถือวาเปนงานที่ใครจะมาแตะ ตองชวยเหลือไมไดเลยทีเดียว... ทานไดตดั หัวแผนทีน่ นั้ ออก แลวสวนทีต่ ดั ออกนัน้ ทิง้ ไมได ทานจะ คอย ๆ เอากาวมาแปะติดกัน สํานักงานของทานคือหองกวางไมมี เกาอี้ มีพื้น แลวทานกมอยูกับพื้น แลวกาวติดกับแผนที่เขาดวยกัน… แลวเวลาเสด็จไป ก็ตอ งไปถามชาวบานวาสถานทีน่ นั้ อยูท ไี่ หน ทิศ เหนือมีอะไร ทิศใตมีอะไร ทานถามหลายๆ คน แลวตรวจสอบไปมา วาแผนที่อันนั้นถูกตองดีหรือไม นํ้าไหลจากไหนไปที่ไหน...” เรื่องการถายรูปของในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั้น นภันต เสวิกุล ผูบันทึกยางพระบาทที่ยาตรา เคยใหสัมภาษณไววา “...ในฐานะชางภาพ บางครั้งก็สงสัยวาพระองคทานทรงถาย อะไร บางทีแอบ แอบเลยละ แอบไปยืนขางหลังวาพระองคทรง ถายอะไร คือพระองคทานทรงยกกลองมาแตละครั้งทรงถายของ ไมดีทั้งนั้น ดินแดงแหงผาก รากไม ตนไมลม พระองคทรงถาย ภาพเหลานี้ แตอีก ๕ ป ๑๐ ป กลับไปดูสิ ตรงนั้นจะกลายเปน อางเก็บนํ้าใหญ พระองคทานทรงถายไปตองคิดไปดวยแนๆ วาจะ เอาไปทําอะไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ไดมาจากรูปของพระองค ก็คือ ชีวิต...”
๙๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เชนเดียวกับพระราชดําริในการสรางเขื่อนแควนอยบํารุงแดน อัน เกิดจากการถือแผนที่ สะพายกลอง บากบั่น ลงพื้นที่ ศึกษา คนควา ดวยพระองคเองทั้งสิ้น เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ พระราชทานชื่อ เขื่อนแควนอยอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เปน เขื่อนแควนอย บํารุงแดน ซึ่งหมายถึง “เขื่อนแควนอยที่ทําใหมีความเจริญขึ้นใน เขตพื้นที่” สําหรับเขื่อนทดนํ้าพญาแมน มีพระราชดํารัสเห็นควร ใหใชชื่อเดิม ในพิพธิ ภัณฑเขือ่ นแควนอยบํารุงแดนนีม้ ไิ ดมเี พียงภาพและขอความ ใหไดชมไดอานเทานั้น ยังมีเทคนิค ลูกเลน เพิ่มความสนุกสนาน นา สนใจ เชน หองแสงเงาเลาเรื่อง ฉายภาพเคลื่อนไหว และรายลอม ไปดวยภาพศิลปะ หลากหลายพระอิริยาบถของในหลวง รัชกาลที่ ๙ อันแสนงดงาม สะทอนอารมณ ความรูสึกอยางยิ่งยวด, การจําลอง ตนไมชนิดตาง ๆ, สัตวปา ดวยระบบดิจติ อล, การเลนเกมทายกลิน่ ของ ปลาอันอุดมสมบูรณ, การเลนเกมทายชิ้นสวนของโบราณวัตถุที่ขุด คนพบ, หองจําลองการผลิตเกลือโบราณของคนในพื้นที่ เปนตน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๙๓
กระนั้น ขอมูลที่จัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการก็มีความนาสนใจ ไมแพกัน ดวยความละเอียดลึกซึ้ง และขอมูลที่เราไมเคยรูมากอน นอกจากเปนแหลงผลิตเกลือแลวยังเปนแหลงโบราณคดีสําหรับถลุง โลหะและแหลงศาสนสถาน รวมทั้งสิ้น ๑๑๓ แหง กําหนดไดราวพุทธ ศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๐ และที่พิเศษสําหรับฉันก็คือ นิทรรศการกวา จะเปนเมืองพิษณุโลก รายเรียงตั้งแตสมัยกอนประวัติศาสตร สมัย ทาวารวดี สุโขทัย กรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร
๙๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
และแลวก็ถงึ วันแหงประวัตศิ าสตรทชี่ าวพิษณุโลกไมมวี นั ลืม เมือ่ โครงการเขือ่ นแควนอยบํารุงแดนเสร็จสมบูรณและพรอมใชงานในป พ.ศ. ๒๕๕๔ วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัวภูมิพลอดุลยเดช พรอมดวย สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดําเนินออกจากอาคาร โรงพยาบาลศิรริ าช มาทีท่ า เทียบเรือ ประทับเรือพระทีน่ งั่ อังสนา ลอง ไปตามแมนํ้าเจาพระยา โดยเรือพระที่นั่งมาจอดเทียบทาและขึ้น ประทับที่เกาะเกร็ด และในเวลา ๑๙.๕๐ น. พระบาทสมเด็จ พระเจาอยูห วั ภูมพิ ลอดุลยเดช ทรงวางพระหัตถบนแทนตราสัญลักษณ โครงการ เปนการเปดเขื่อนแควนอยบํารุงแดน พรอมกับโครงการ ชลประทานทั่วประเทศอีกจํานวน ๕ แหง ผานระบบวิดีโอลิ้งก
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๙๕
ครอบครัวของฉันเดินออกจากพิพิธภัณฑเขื่อนแควนอยบํารุงแดน ดวยหัวใจพองโต เต็มตื้น ทามกลางจิตอันหวั่นไหว คิดถึงพระองค ทานยิ่งนัก “ทานเปนเทวดาทีม่ ลี มหายใจ” บทเพลงรูปทีม่ ที กุ บานแววขึน้ ในใจ ประโยคนีม้ ไิ ดกลาวเกินจริงแตอยางใด หากวากษัตริยค อื เทพลงมาจุติ ตามที่หลายคนกลาวไว เชนนั้นแลว พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช คงเปนเชนองคสูงสุดแหงเทพทั้งปวง เปน พระโพธิสัตวเสด็จฯ ลงมาโปรดปวงชนชาวไทยเปนแนแท ยิ่งคนควาศึกษายิ่งลึกซึ้ง หัวใจจึงเต็มตื้นชื่นเหลือลน ดุจองคเทพจุติบันดาลดล ใหปวงชนพนทุกขสุขรมเย็น จริยาวัตรงดงามตามแบบอยาง ทุกกาวยางบากบั่นทําใหเห็น อีกคําสอนตรึงใจใชใหเปน จดจารเนนแนนหนักปกกมล ๑๑ มกราคม ๒๕๖๐
๙๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๙๗
๒๔ กุมภาพันธ์ วันศิลปินแห่งชาติ ร่วมเทิดพระเกียรติองค์อัครศิลปิน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดลยเดช
๙๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
วั น ศิ ล ป น แห ง ชาติ กํ า เนิ ด ขึ้ น จากการประชุ ม คณะกรรมการ วัฒนธรรมแหงชาติ เมื่อวันพุธที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๒๘ โดยกําหนด เอาวันที่ ๒๔ กุมภาพันธของทุกป อันเปนวันคลายวันพระราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย รัชกาลที่ ๒ แหง ราชวงศจักรี เพื่อเทิดพระเกียรติคุณของพระองคผทู รงเปนปฐมบรม ศิลปนแหงกรุงรัตนโกสินทร และทรงพระปรีชาสามารถดานศิลปกรรม หลากหลายสาขา ทั้ ง วรรณศิ ล ป ดุ ริ ย างคศิ ล ป นาฏยศิ ล ป ประติมากรรม สถาปตยกรรม ตลาดจนงานประณีตศิลปตาง ๆ ดัง ทีท่ รงไดรบั ยกยองจากองคการยูเนสโกใหทรงเปนบุคคลดีเดนแหงโลก ทางดานวัฒนธรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๙๙
และในการประชุ ม วั น เดี ย วกั น นั้ น เองได มี ม ติ ข อพระราชทาน พระบรมราชานุญาตนอมเกลานอมกระหมอมถวายพระราชสมัญญา “อัครศิลปน” แดพระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเปนคําที่อาจารยภาวาส บุนนาค เสนอใหใช “อัครศิลปน” หมายถึง ศิลปนผูยิ่งใหญ หรือ ผูเปนใหญใน ศิลปน เพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรง เปนเลิศในศิลปะทั้งมวล ทรงไดรับการยกยองสดุดีเกียรติคุณเปนที่ ประจักษชัดแกพสกนิกรและศิลปนทั่วโลกในพระปรีชาสามารถอยาง หาทีเ่ ปรียบมิได นอกจากนีย้ งั ทรงมีคณ ุ ปู การอุปถัมภศลิ ปนและศิลปะ ทั้งหลายมาโดยตลอด พระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเปนอัคร ศิลปนผูเพียบพรอมดวยพระอัจฉริยภาพในทุกดาน พระอัจฉริยภาพดานจิตรกรรม พระบาทสมเด็จพระปรินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสนพระราชหฤทัยงานศิลปะดานจิตรกรรม ตั้งแตยังทรงพระเยาว ครั้งที่ยังประทับอยูประเทศสวิตเซอรแลนด (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๐ – ๒๔๘๘) โดยทรงศึกษาดวยพระองคเอง ทรงฝกเขียนเอง และทรงศึกษาจากตําราตาง ๆ ทั้งที่ทรงซื้อดวย พระองคเองและที่มีผูทูลเกลาฯ ถวาย เมื่อทรงสนพระราชหฤทัยงาน เขียนของศิลปนผูใดก็จะเสด็จพระราชดําเนินเยี่ยมศิลปนผูนั้นถึงที่พัก เพื่อทรงมีพระราชปฏิสันถารและทอดพระเนตรวิธีการทํางานของเขา ไมวาจะเปนวิธีการใชสี การผสมสี ตลอดจนเทคนิควิธีการตาง ๆ เมื่อ ทรงเขาพระราชหฤทัยการทํางานของเขาอยางถองแทแลว ก็จะทรง นําวิธีการเหลานั้นมาทรงฝกฝนดวยพระองคเอง มิใชเพื่อจะทรงลอก เลียนแบบ เพียงแตพระองคทรงนําวิธกี ารทํางานของเขามาสรางสรรค งานของพระองคขึ้นมาใหมใหเปนแบบฉบับของพระองคเอง
๑๐๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ภายหลังที่เสด็จขึ้นครองราชยแลว ทรงเริ่มเขียนภาพอยางจริงจัง เมื่อราวพ.ศ. ๒๕๐๒ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหเชิญบรรดา จิตรกรไทยเขาเฝาฯ รวมสังสรรคดวยเปนครั้งคราว โปรดเกลาฯ พระราชทานเลี้ยงอาหารบาง มารวมเขียนภาพแขงขันกันบาง การ เขียนภาพทรงใชเวลาเมื่อวางจากพระราชภารกิจในตอนคํ่าหรือตอน กลางคืน โดยทรงใชทั้งแสงไฟฟาและแสงธรรมชาติ ภาพที่ทรงเขียน สวนมากจะเปนพระบรมสาทิสลักษณของสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรม ราชินีนาถ สมเด็จพระเจาลูกเธอและสมเด็จพระเจาลูกยาเธอทุก พระองค ซึง่ มักจะเปนภาพเขียนครึง่ พระองคเปนสวนใหญ หลากหลาย ชนิดทั้งภาพเหมือน (Portrait) ภาพแบบเอ็กซเพรสชั่นนิซึม (Expressionism) ภาพแบบคิวบิซึม (Cubism) ภาพแบบนามธรรม (Abstract) และภาพแบบกึ่งนามธรรม (Semi-Abstract)
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๐๑
พระอัจฉริยภาพดานถายภาพ เปนทีท่ ราบกันดีวา ในอดีตอุปกรณ การถายภาพตาง ๆ ยังไมทันสมัย สะดวกสบายเหมือนปจจุบัน หาก แตพระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงศึกษาและทรง ฝกดวยพระองคเอง จนเปนนักถายรูปที่มีพระปรีชาสามารถยิ่ง ไมวา จะเปนกลองธรรมดาหรือกลองถายภาพยนตร ไดเริ่มทรงกลองถาย ภาพคูพระหัตถและทรงใชฟลมตั้งแตขนาด ๑๓๕ จนถึงขนาด ๑๒๐ และขนาดพิเศษ แมปจจุบันกลองถายภาพจะมีวิวัฒนาการ อํานวย ความสะดวกในเรื่องตาง ๆ แตพระองคก็มิทรงใช ทรงใชแตกลองคู พระหัตถแบบมาตรฐานอยางที่นักเลงกลองทั้งหลายใชกัน นอกจากนี้ ยังทรงเชี่ยวชาญแมกระทั่งการลางฟลม การอัดขยายภาพ ทั้งภาพ ขาวดําและภาพสี
๑๐๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๐๓
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จขึ้น ครองราชยใหม ๆ โปรดที่จะถายภาพสมเด็จพระนางเจาฯ พระบรม ราชินีนาถ พรอมดวยพระราชโอรสและพระราชธิดา ตอมาเมื่อทรงมี พระราชกรณียกิจมากมายเพื่อบําบัดทุกขบํารุงสุขใหแกราษฎร จาก การถายภาพเพื่อความสวยงามเปลี่ยนเปนเพื่อประกอบการงานของ พระองค ไมวาจะเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรที่ไหน ก็จะทรงมีกลองถายรูป ติดพระองคไปดวยเสมอ โปรดถายภาพสถานที่ทุกแหงเพื่อทรงเก็บไว เปนหลักฐานประกอบงานที่ไดทรงปฏิบัติ เพื่อการวางแผนปฏิบัติงาน ไดอยางมีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันใจและสามารถแกไขปญหาบาน เมืองไดทันทวงที เชน ปญหานํ้าทวม เปนตน กระนั้นภาพถาย ฝพระหัตถของพระองคก็ยังคมชัด และมีศิลปะในการจัดองคประกอบ ภาพถายฝพระหัตถจึงเปนแบบอยางของงานศิลปะ ตลอดจนเปน ประโยชนในการพัฒนาประเทศชาติบานเมือง นําความผาสุกรมเย็น มาสูประชาชนชาวไทย
๑๐๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พระอัจฉริยภาพดานดนตรี พระบาทสมเด็จพระปรินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชทรงเครื่องดนตรีหลากหลายชนิด เชน ทรงเปยโน ทรงเปาแซกโซโฟน ทั้งตระกูลโซปราโนแซกโซโฟน อัลโตแซกโซโฟน เทนเนอรแซกโซโฟน บาริโทนแซกโซโฟน ทรงเปาคลาริเน็ต บางครั้ง ก็ทรงเปาทรัมเปต และคอรเน็ต พระองคทรงโปรดดนตรีประเภทแจซ ตั้งแตทรงพระเยาว โดยเฉพาะดนตรีแนว Dixieland Jazz จากเมือง นิวออรลนี ส พระองคโปรดและทรงเชีย่ วชาญมากจนสามารถพระราช นิพนธทํานองเพลงแรกคือ แสงเทียน ตั้งแตมีพระชนมายุ ๑๘ พรรษา รวมเพลงพระราชนิพนธทั้งสิ้น ๔๘ บทเพลง ทั้งนี้เมื่อ ปลายป ๒๕๕๙ เชือ่ วาภาพยนตรเรือ่ งพรจากฟา ทําใหคนไทยสวน ใหญเพิ่งทราบวาเพลงพรปใหมเปนหนึ่งในบทเพลงพระราชนิพนธ ของพระองค
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๐๕
พระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดชทรงรวมกอตัง้ วงดนตรีอยางลายคราม หรือ อ.ส.วันศุกร โดยมีนักดนตรีรุนหนุม มารวมบรรเลงเพลงออกอากาศกระจายเสียงทุกวันศุกรทสี่ ถานีวทิ ยุ อ.ส. (อัมพรสถาน) ดนตรีของพระองคเปนเครื่องสรางสัมพันธชั้นดี ทั้งกับประชาชน ที่มารวมเลนในวงของพระองค และนักดนตรีแจซตางประเทศ เมื่อ พระองคตองเสด็จประพาสตางประเทศก็มักไดทําความรูจักกับยอด นักดนตรีแจซของประทศนั้น บอยครั้งที่รวมเลนบนเวทีเดียวกัน นักดนตรีอยาง Benny Goodman, John Hodges, Lionel Hampton และวงแจซระดับโลกอยาง Preservation Hall Jazz Band จาก เมืองนิวออรลีนส ที่พระองคโปรด ความสนพระราชหฤทัยในดนตรีแจซทําใหเกิดหลักสูตรแจซใน มหาวิทยาลัยตาง ๆ โดยเฉพาะวิทยาลัยดุริยางคศิลป มหาวิทยาลัย มหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยรังสิต มีคณาจารย จํานวนมากมุงมั่นสานตอปรัชญาดนตรีแจซของพระองค
๑๐๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๐๗
พระอัจฉริยภาพดานศิลปะและการออกแบบ พระบาทสมเด็จ พระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสนพระราชหฤทัยในงานชาง ตัง้ แตยงั ทรงศึกษาอยูใ นประเทศสวิตเซอรแลนด ทรงประดิษฐของเลน ดวยพระองคเอง เชน เครื่องรอน เรือรบจําลอง เปนตน พระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโปรดกีฬาเรือใบ เปนอยางยิ่ง และเนื่องจากทรงสนพระราชหฤทัยงานชางมาแตเดิม แลว จึงโปรดที่จะตอเรือใบพระที่นั่งดวยพระองคเอง และทรงทดลอง แลนเรือในสระภายในสวนจิตรลดา เรือใบฝพระหัตถี่สําคัญมี ๓ ประเภท ไดแก เรือใบประเภทเอ็นเตอรไพรส, เรือใบประเภทโอเค และเรือใบประเภทม็อธ
๑๐๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พระอัจฉริยภาพดานวรรณศิลป เมื่อทรงมีเวลาวาง พระบาทสมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะทรงพระ อักษรและทรงพระราชนิพนธแปล ซึ่งสวนใหญทรงแปล บทความจากวารสารตางประเทศ พระราชนิพนธ ๑. พระราชานุกิจ ประกอบดวย พระราชานุกิจ รัชกาลที่ ๘, พระราชานุกิจตามมนูธรรมศาสตร ๒. พระราชนิพนธเรื่อง เมื่อขาพเจาจากสยามมาสู สวิตเซอรแลนด โดยพระบรมราชานุญาตพิเศษเฉพาะ “วง วรรณคดี” ๓. พระมหาชนก ๔. ทองแดง พระราชนิพนธแปล ๑. ติโต ๒. เศรษฐศาสตร ตามนัยของพระพุทธศาสนา บทที่ ๔ เล็กดีรสโต ๓. นายอินทรผูปดทองหลังพระ
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๐๙
พระอัจฉริยภาพดานประติมากรรม พระบาทสมเด็จพระปรินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงศึกษาคนควาเทคนิควิธีการในการปน หลอ และทําแมพมิ พเพือ่ สรางงานประติมากรรมจากหนังสือทางดานศิลปะ ตาง ๆ ดวยพระองคเองเชนเดียวกับงานจิตรกรรม และทรงศึกษาจาก ผูเ ชีย่ วชาญ ทีส่ าํ คัญคือพระองคทรงเรียนรูจ ากการปฏิบตั จิ ริงเชนเดียว กับที่ทรงเรียนรูงานศิลปกรรมทุกแขนง ผลงานประติมากรรมรวมสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปรินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสรางสรรคขึ้นเปนประติมากรรมลอยตัว (round relief) ปนดวยดินนํ้ามัน จํานวน ๒ ชิ้น
๑๑๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ชิ้นที่ ๑ เปนรูปผูหญิงเปลือยนั่งคุกเขา ขนาดความสูง ๙ นิ้ว ชิน้ ที่ ๒ เปนพระรูปปน สมเด็จพระนางเจาฯ พระบรมราชินนี าถ ครึ่งพระองค ความสูง ๑๒ นิ้ว ทรงจัดทาทางและองคประกอบที่มี ความประสานกลมกลืนอยางงดงาม สะทอนคุณคาของความสงางาม ทรงทิ้งรองรอยฝพระหัตถที่มีชีวิต มีการเคลื่อนไหวบนผิวดินนํ้ามันที่ ทรงปน ตอมานายไพฑูรย เมืองสมบูรณ อดีตขาราชการจากกอง หัตถศิลป กรมศิลปากร ไดรับพระมหากรุณาพระราชทานพระบรม ราชานุญาตใหนําไปทําเปนแมพิมพหลอเปนปูนปลาสเตอรพระบาท สมเด็จพระปรินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๑๑
วันสมภพพระพุทธเลิศหลา วันศิลปนแหงชาติใหตรองตรึก เอกอัครศิลปนผูยิ่งใหญ ทั้งทางดานแกะสลักประติมา วัดสุทัศน ณ บานประตูไม งานฝมือชั้นเยี่ยมสุดตระการ พระไชยเชษฐ คาวี ทั้งอิเหนา ไกรทองพระปรีชาใหคํานึง
๑๑๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๒๔ กุมภาชวนรําลึก ดวยสํานึกพระมหากรุณา ลํ้าเลิศในศิลปะหลากสาขา ลายเครือเถารูปปาหิมพานต จารึกไวอยูในพระวิหาร อีกผลงานวรรณกรรมแสนตราตรึง สังขทองเลามณีพิชัยใหสุดซึ้ง ยูเนสโกจึงยกเปนบุคคลสําคัญ
กระทรวงวัฒนธรรมนําสงเสริม ทุกสาขาทุกปมีรางวัล ปสองพันหารอยยี่สิบเกา ปูชนียบุคคลแหงแผนดิน องคภูมิพลพระกรุณาโปรดเกลา รับพระราชทานเข็มมงคลแกชีวา ปเดียวกันชาวไทยทั่วถิ่นหลา องคภูมิพลอัจฉริยะศิลปะไทย
พรอมเพิ่มเติมเชิดชูเกียรติศิลปนนั้น เพื่อเปนขวัญกําลังใจใหศิลปน เริ่มแรกเลาผูสรางสรรคผลงานศิลป วันศิลปนแหงชาติแตนั้นมา บรรดาเหลาศิลปนทุกสาขา มรดกลํ้าคาจารึกไทย ถวายสมัญญาอัครศิลปนไซร ธ คือผูเปนใหญในศิลปน ๒๑ กุมภาพันธ ๒๕๖๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๑๓
๑๑๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
μÒÁÃÍÂͧ¤ÀÙÁÔ¾Å
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๑๕
“หล่อหลอมดวงใจใส่ผืนผ้า” หนึ่งบทพิสูจน์หัวใจคนไทย เข้าถึง เข้าใจ “ความพอเพียง”
ทามกลางความโศกเศรา อาลัย ของคนไทยทั้งแผนดิน ไมนาเชื่อวาจะเกิดภาพคนยื้อ แยงกันซื้อเสื้อสีดํา ราคาเสื้อที่พุงสูงขึ้น หลายเทาตัว คําเหยียดหยามตอวาผูที่ไม สวมใส ชุ ด ดํ า โดยเฉพาะอย า งยิ่ ง ชุ ด ยูนิฟอรมหลากสีสันขององคกร วาไมรัก ในหลวง
๑๑๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
บางคนไมกลาออกนอกบาน ไมกลาเดินออกไปซื้อของหนาปาก ซอย เพราะไมรูวาจะถูกถายรูปแลวนําไปโพสตเปนประเด็นหรือไม คือความจริงที่ชวนสลดหดหู สะเทือนใจ สะทอนในหัวอกยิ่งนัก รัฐบาลเองก็คงคาดไมถึง ไมไดเตรียมมาตรการรองรับ ยังดีที่ออก ประกาศมาแกไขสถานการณไดทันทวงที นีค่ นไทยคงลืมไปแลวกระมังวาพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเปนแบบอยางแหงความพอเพียง หลอดยาสีพระทนตจะทรงรีดจนเรียบหมด ฉลองพระองคจะทรงใชเฉลีย่ ๕ – ๖ ป ฉลองพระองคเกาสุด ทรงใชถงึ ๑๒ ป ฉลองพระบาทผาใบราคาไมกี่รอยบาทที่ไมเคยเปลี่ยนยี่หอเลย ตลอด ๖๐ ป ขณะเสด็จพระราชดําเนินไปทรงเปดอนุสาวรียที่เขาคอ จังหวัด เพชรบูรณ พระองคเสวยขาวผัดกับไขดาวเหมือนกับขาราชบริพารที่ ตามเสด็จ “...เศรษฐกิจพอเพียง...จะทําความเจริญใหแกประเทศได แต ตองมีความเพียร แลวตองอดทน ตองไมใจรอน ตองไมพูดมาก ตองไมทะเลาะกัน ถาทําโดยเขาใจกัน เชือ่ วาทุกคนจะมีความพอใจ ได...” พระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๙ พระราชทาน ณ วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๑๗
เหมือนฟาบันดาล สวรรคเปนใจ ชวงบายวันเสารที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ เจานายของฉันโทรศัพทมาปรึกษาวา เราจะทําโครงการยอม เสือ้ สีดาํ ใหฟรี ใหชว ยทําประชาสัมพันธใหดว ย เพราะเจานายก็มคี วาม รูสึกไมแตกตางจากฉันเลย อีกไมกี่นาทีตอมาขอความประชาสัมพันธ ถูกสงไปยังฝายออกแบบ เชาวันรุง ขึน้ ฉันใชสอื่ โซเชียลอันทรงอานุภาพ ใหเปนประโยชน การโพสตแบนเนอรบนเฟซบุก ของหนวยงานและแท็ก ไปยังทุกคนในองคกร ไดรับการตอบรับอยางรวดเร็ว มีขอความเขา มาชื่นชม แจงความประสงควาจะนําเสื้อมายอม เจานายแจงกลับมา วากระแสแรงมาก มีผูแจงความประสงคมา ๓๐๐ คนแลว
๑๑๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
สถานอารยธรรมศึ ก ษา โขง-สาละวิ น ขอเชิ ญ ชาว มหาวิทยาลัยนเรศวรและชาวพิษณุโลกเขารวมโครงการ “หลอ หลอมดวงใจใสผนื ผา” เพือ่ นอมเกลานอมกระหมอมแสดงความ ไวอาลัยแดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดวยการนําเสื้อที่มีอยูมายอมเปนสีดําไดโดยไมเสียคาใชจายใด ใดทั้งสิ้น พรอมรวมลงนามไวอาลัย และรับริบบิ้นดํา ตั้งแต วันที่ ๑๗ – ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๓๐ น. ณ สถานอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน อาคารวิสุทธิกษัตริย มหาวิทยาลัยนเรศวร ตลอดระยะเวลา ๕ วัน (และตอเนื่องมาอีกหลายเดือน) ฉันเนนยํ้าดวยขาว บทกลอน และพระราชดํารัสของพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๑๙
รวมหลอหลอมดวงใจใสผืนผา ดวยตระหนักพอประมาณความจริงใจ ชาวสองแควรวมใจใหพรอมภักดิ์ ยอมเปลี่ยนเปนสีดําลวนนําพา
๑๒๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ตามปรัชญาพอเพียงเคียงการให อีกรวมไซรสืบสานภูมิปญญา นําเสื้อจักที่มีมิซื้อหา นอมวิญญาอาลัยใจผูกพัน
คนตั้งใจ อิ่มใจ มีความสุขอยางลนเหลือ สถานที่ยังจัดไดไม สวยงาม เรียบรอยดัง่ ใจ แตกจิ กรรมของเราตองเดินหนาไป ยังไมทนั บายโมง นองยังกอไฟไมเสร็จเลยดวยซํา้ มีคนหิง้ ถุงผาเดินมาแลว มา ไกลจากตางอําเภอดวย เราใหการตอนรับขับสู เชิญชวนลงนาม พลาง เย็บประดิษฐริบบิ้นดํา ไมนานกระบวนการยอมผา แปรเปลี่ยนผาสี ตาง ๆ ใหเปนสีดําก็เริ่มขึ้น ดวยความกระฉับกระเฉง แคลวคลองของ ทีมงาน เพราะเปนกิจกรรมที่ทํากันเปนประจําอยูแลว ผูคนเริ่มทยอย มา สนุกสนานกับการเริ่มตนนําเสื้อมาแชนํ้าเปลาเพื่อใหเสนใยขยาย ตัวสามารถดูดซับนํา้ สีดาํ ไดดี จากนัน้ นําไปตมกับนํา้ ยอมผาสีดาํ ทีผ่ สม เกลือแกงหรือเกลือทะเลเพือ่ ใหสตี ดิ ทนนาน ใชเวลาประมาณ ๓๐ นาที ก็ไดเสื้อตัวใหม สีดําตางเฉดกันออกไป บางก็มองเห็นเนนลวดลายได อยางโดดเดน สวยงาม มีบางตัวที่ไมเปนไปตามที่คิด แตแนนอนวา แตละคนไมไดถือมาแคตัวเดียว
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๒๑
หลอหลอมดวงใจใสผนื ผา นับเปนกิจกรรมทีด่ าํ เนินตามหลัก ปรั ช ญาเศรษฐกิ จ พอเพี ย งของพระบาทสมเด็ จ พระเจ า อยู หั ว ที่พระองคทรงอธิบายไววา ความพอเพียง หมายถึง ความพอ ประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจําเปนทีจ่ ะตองมีระบบภูมคิ มุ กัน ในตั ว ที่ ดี พ อสมควรต อ การมี ผ ลกระทบใด ๆ อั น เกิ ด จากการ เปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน นอกจากนี้กิจกรรมนี้ยังเปนการ สืบสานภูมิปญญาดานการมัดยอมผาอีกดวย
๑๒๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ระหวางการบันทึกภาพนิ่ง ภาพวีดีโอ ฉันก็ตองใหการตอนรับ สื่อมวลชนที่หลั่งไหลกันมาทําขาว ทั้งบันทึกภาพ สัมภาษณผูชวย ศาสตราจารย ดร.วศิน ปญญาวุธตระกูล ผูอ าํ นวยการสถานอารยธรรม ศึกษา โขง-สาละวิน “สถานอารยธรรมศึ ก ษา โขง-สาละวิ น ได ดํ า เนิ น งานเป ด พิพิธภัณฑผา พิพิธภัณฑชีวิต โดยสืบสานพระราชปณิธานดานการ สงเสริมอาชีพตาง ๆ มาโดยตลอด วันนี้จึงนําองคความรูเรื่องการ ยอมผามาใหประชาชนรูวา การนอมรําลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว สามารถใชหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง ดวยการเปลี่ยนของดั้งเดิมที่มีอยูสูกระบวนการยอมเปนสี ดําได โดยไมตองซื้อหาใหม เปนการสรางจิตสํานึกตามพระราช ปณิธานของพระองคทาน” “พอรูขาวก็รีบมาเลย ดีใจมาก วันนี้ไมเพียงแคไดเสื้อดํากลับไป สวมใสเพือ่ แสดงความอาลัยเทานัน้ แตยงั ไดความรูก ลับไปลงมือทําดวย ตัวเองและบอกตอใหคนอื่น ๆ ดวย” นางวันดี ไพรัช โรงเรียน บางกระทุมพิทยาคม “มีความภาคภูมใิ จ และสํานึกในพระมหากรุณาธิคณ ุ ของพระองค ทานเปนลนพน อยางนอย ๆ ก็ไดศึกษาอยูในมหาวิทยาลัยนเรศวร พระนามของพระมหากษัตริยผูยิ่งใหญ ที่พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว พระราชทานนามให และวันนี้ยังไดเดินตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพี ย งของพระองค ท า นอี ก ด ว ย นั บ เป น ความปลาบปลื้ ม ยิ่ ง นั ก วันพรุงนี้และวันตอ ๆ ไปจะชวนเพื่อนมากันเยอะ ๆ” นายนพดล กองคําแกว นิสิตคณะสังคมศาสตร มหาวิทยาลัยนเรศวร
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๒๓
กอนปดกิจกรรม “หลอหลอมดวงใจใสผืนผา” ในวันแรก มีนิสิต รุนพี่หอบเสื้อมากองโต บอกวาจะยอมเอาไปใหรุนนองที่คณะใส เมื่อฉันโพสตรูปกิจกรรมลงบนเฟซบุก ยอดไลทพุงกระฉูด มี หลากหลายขอความสอบถามถึงชนิดของผาที่ตองเตรียมมา จํานวน หลายชิน้ ไดหรือไม บางก็จะเขามาศึกษากระบวนการ ถามรายละเอียด มากมาย จนฉันตอบคําถามแทบไมทัน เรียกวาหางเฟซบุกไมไดเลย กอนเลิกงานมีนองเดินเขามาบอกวา เมื่อสักครูมีคนโทรศัพทมาวา มี เสื้อเปนพันตัว ตองการนํามายอมแลวนําไปบริจาคใหคนทั่วไป ฉันจึง บอกวาใหไปปรึกษาเจานายวาเราจะมีกําลังพอหรือไม ฝายสถานที่ก็ วางแผนวาจะจัดบริเวณใหสวยงามดูดีกวานี้ ตกดึกนองคนเดียวกันสงขอความมาทางเฟซบุก บอกวา วันพรุง นี้จะมีคนนํานํ้าสมุนไพรมาแจกจายใหแกผูที่มายอมผา “หลอหลอมดวงใจใสผืนผา” คือการดําเนินตามรอยปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง กอเกิดใหผลลัพธที่หลายคนอาจคาดไมถึง
๑๒๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
“เศรษฐกิจพอเพียงเปนเสมือนรากฐานของชีวิต รากฐานความ มั่นคงของแผนดิน เปรียบเสมือนเสาเข็ม ที่ถูกตอกรองรับบานเรือน ตัวอาคารไวนั่นเอง สิ่งกอสรางจะมั่นคงไดก็อยูที่เสาเข็ม แตคนสวน มากมองไมเห็นเสาเข็มและลืมเสาเข็มเสียดวยซํ้าไป” พระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๙ จากวารสารชัยพัฒนาประจําเดือนสิงหาคม ๒๕๔๒ “วันนี้มีแตคนมองในหลวงแลวปลาบปลื้มนํ้าตาไหล แตนอย คนที่จะพยายามเขาใจวาทรงสอนอะไร” ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา หรือนี่คือหวงเวลาแหงการพิสูจนหัวใจของคนไทย...ความพอ เพียงที่นําไปสูความมั่นคง ความเขาอกเขาใจ การใหอภัย ที่ทําให สังคมไทยสงบสุข รอยยิม้ นํา้ ใจไมตรีทที่ าํ ใหเมืองไทยไมวา จะเปนสวน ไหน พืน้ ทีใ่ ดลวนนาอยู ชวนจดจํา คงความประทับใจ...ไทยยังคงความ เปนไทยตลอดไป? ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๒๕
มหัศจรรย์แห่ง “การให้” บนคราบนํ้าตา... ความโศกเศร้า สูญสิ้น ที่เพรียกหา “นํ้าใจ”
เชาวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ความทรงจําเมื่อ ๔ ปที่แลว ปรากฏบนเฟซบุกของตัวเอง
ใหเพราะอยากให ไมใชใหเพราะอยากได
๑๒๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
...ครั้งหนึ่งนําของฝากไปใหนอง ๆ กลุมหนึ่ง ซึ่งตัวเองก็ทําอยู บอย ๆ อยูดีดีมีคนทักวา พี่ใหเคาแลวเคาเคยใหพี่บางหรือเปลา เรา ชะงัก ไมใชเห็นดวยกับคําพูดนี้ แตชั่งใจตัวเองวา เราใหเคาเพราะ ตองการที่จะไดหรือเปลา ก็ไดขอสรุปวา ไม ปกติเวลาซื้อของฝากใคร ปจจัยสําคัญคือทุนทรัพย และอยางที่ ๒ คือ อยากซื้อให เดี๋ยวนี้คน เราใหเพราะตองการไดรับกลับคืน เคยฟงเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่พา ยายขามถนน เพราะบังเอิญมองเห็นครูกาํ ลังเดินมา ทําใหเด็กไดรบั คํา ชม และยังไดคะแนนความประพฤติอกี ...เราพาคนแกหรือผูด อ ยโอกาส ขามถนนเพราะกลัวเคาถูกรถชนไมใชหรือ เรานํากระเปาสตางคไปคืน เจาของเพราะกลัวเคาจะลําบากและเดือดรอนใจ ใชหรือไม... ที่ ผ า นมาคนไทยเราเริ่ ม คุ น ชิ น กั บ สั ง คมแห ง การหมางเมิ น ตัวใครตัวมัน ใครดีใครได ไปจนถึงแกงแยง ชิงดีชิงเดน และที่เจ็บ ปวดที่สุดก็คือ คนไทยแตกความสามัคคี มีความราวฉาน โกรธแคน ถึงขั้นทํารายกันเอง วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๕.๕๒ น. คือกาลสําคัญ อันเปนจุดเปลี่ยนของคนไทยและประเทศชาติ ประชาชนคนไทยมี ความรูสึกเดียวกัน คือ โศกเศรา อาดูร สุดวิปโยค อาลัย ตอการ สูญเสียครัง้ ยิง่ ใหญของแผนดิน เมือ่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดชเสด็จสูส วรรคาลัย ทวา...ทามกลางความความจริงอัน แสดโหดรายนี้ ไดกอเกิดความงดงามขึ้นในสังคมไทย คนไทยเริ่มหันหนาเขาหากัน ชวยเหลือซึ่งกันและกัน การให การแบงปนทะลัก หลั่งไหล ชโลมทั่วผืนแผนดินไทย ดวยพระองค คือศูนยรวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ทุกคนตางเต็มใจทําความดี เพือ่ ในหลวง และเดินตามรอยพระยุคลบาทผูท รงใหปวงชนชาวไทย เสมอมา
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๒๗
“พระองค ท รงทํ า เพื่ อ คนไทยตลอดเวลา เรามี ค วามสุ ข จนกระทั่งบางครั้งเราลืมพระองคไปดวยซํ้า ตอไปนี้จะขอตั้งมั่น ทําความดี และจะสามัคคีกัน จะไมทะเลาะกัน” หนึ่งคําสัมภาษณ พรอมนํ้าตาปนเสียงสะอื้นของผูที่มาเขาเฝาฯ กราบถวายบังคม พระบรมศพ เรียกนํ้าตาของฉันใหซึมเออตามไปดวย เหลานี้ทําใหฉันมั่นใจวาเนื้อแทของคนไทยนั้นคือความโอบออม อารี มีนํ้าใจ รูจักให แบงปน ชวยเหลือ เอื้อเฟอ กอนหนานี้อาจจะ บรรเทาเบาบางเจือจางไป ไมวาจะดวยเหตุผลใดก็ตาม แตแกนของ มันยังคงอยู มิไดเลือนหายไป และพรอมจะปรากฏใหเห็นไดตลอด เวลา
๑๒๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
การให นั บ เป น หนึ่ ง ในหลั ก ธรรมหรื อ คํ า สั่ ง สอนของ พระพุทธเจา แมวาจะผานมากวา ๒,๕๐๐ ปแลว แตทุกหลักธรรม ยังคงมีความรวมสมัย สามารถปรับประยุกตใชในการดําเนินชีวิต ไดเปนอยางดี ดังเชน สังคหวัตถุ ๔ หลักธรรมอันเปนเครื่องยึด เหนี่ยวนํ้าใจของกันและกัน เปนเหตุใหตนเองและหมูคณะกาว ไปสูความเจริญรุงเรือง ประกอบดวย ๑. ทาน ใหปนสิ่งของแกคนที่ควรให ๒. ปยวาจา เจรจาดวยถอยคําอันไพเราะออนหวาน ๓. อัตถจริยา ประพฤติในสิ่งที่เปนประโยชน ๔. สมานัตตตา วางตนใหเหมาะสมกับฐานะของตน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๒๙
นิทานเรื่อง การใหคือตนทางแหงความสุข รถโดยสารกําลังวิ่งขามภูเขาไปยังอีกตําบลหนึ่ง วิวทิวทัศน สวยงามนาประทับใจยิ่ง ชายหญิงคูหนึ่งจึงเปลี่ยนใจไมเขาตําบลที่ เปนจุดหมายปลายทาง ขอลงจากรถเพื่อไปชมวิวขางทาง แลวคิด วาจะเดินไปยังตําบลที่เปนจุดหมายปลายทางเอง คนขับก็จอดให ชายหญิงคูนี้ลงตามคําขอ และขับรถตอไป เพียง ๒ นาทีหลังจาก นัน้ ชายหญิงคูน กี้ ไ็ ดยนิ เสียงกอนหินใหญกาํ ลังตกลงมาจากหนาผา และตกลงไปทับรถโดยสารเสียงดังสนั่น ชายหญิงรีบวิ่งไปดูที่เกิด เหคุ ทุกคนเสียชีวิตหมด หากคุณเปนชายหญิงคูนี้ คุณคิดอยางไร “เราโชคดีจังที่รอด!” ไมใช! ชายหญิงคูน้ีคิดวา “เราไมนาลงจากรถคันนี้เลย ถาเราไมลง รถก็คงไมจอด และคงไมมีใครเสียชีวิต” ..................................................... จะมีใครสักกี่คนที่คิดไดเชนนี้ ศาสตราจารยเอลิซาเบต ดันน และคณะ ทําการทดสอบ ทฤษฏีทวี่ า ความสุขของคนเราขึน้ อยูก บั การใหหรือการรับ โดย ศึกษาจากกลุมตัวอยาง ๖๓๐ คน ผลการศึกษาพบวา คนที่ (รูจัก) ใหมีความสุขมากกวาคนที่ไม (รูจัก) ให เพราะการใหทําใหผูให มองตัวเองในแงดีมากขึ้น และการใหทําใหผูรับหรือสังคมมองผูให ในแงดีมากขึ้น
๑๓๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ใหทานทานจะให นบทานทานจะปอง รักทานทานควรครอง สามสิ่งนี้เวนไว
ตอบสนอง นอมไหว ความรักเรานา แดผูทรชน โคลงโลกนิติ
การใหจงึ นับเปนองคประกอบสําคัญของชีวติ ก็วา ได ดังพระราช ดํารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “...คนเราจะอยูส ขุ สบายแตคนเดียวไมได ถาคนทีอ่ ยูล อ มรอบ มีความทุกขยาก ควรตองแบงเบาความทุกขยากของเขาบาง ตาม กําลังและความสามารถเทาที่จะทําได..” การใหจึงมีคุณคาและพลังอันยิ่งใหญเสมอ ดวยหัวใจแหงความจงรักภักดีและสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ เปนลนพน ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๓๑
ปลูกด้วยหัวใจ ด้วยพลังภักดีของชุมชนบ้านวังส้มซ่า
“ปลูกสมซา ๙๙ ตน ตามรอยองคภมู พิ ล เพื่ อ ชุ ม ชนแห ง การอนุ รั ก ษ แ ละพั ฒ นาอย า ง ยัง่ ยืน” โครงการทีผ่ ดุ ขึน้ มาในความคิด ดวยความ ตั้งใจวาตองลงมือทําอะไรสักอยาง เพื่อรําลึกถึง ในหลวงรัชกาลที่ ๙
๑๓๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เนื่องจากหมูบานของฉันมีตนสมซาพืชสมุนไพรดั้งเดิม เปนตนทุนทางทรัพยากรธรรมชาติอนั เปนตํานานและอัตลักษณของ ชุมชน ซึ่งกําลังอยูในระหวางการอนุรักษ เพื่อปลูกจิตสํานึกของ คนในชุมชน และใหสอดรับกับการพัฒนาเปนผลิตภัณฑเพือ่ สุขภาพ และความงามที่ชุมชนประสบความสําเร็จมากอนหนานี้แลว
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๓๓
ช ว งปลายเดื อ นตุ ล าคม ๒๕๕๙ เราจั ด ประชุ ม คณะ กรรมการศูนยเรียนรูก ารใชประโยชนและอนุรกั ษความหลากหลาย ทางชีวภาพและภูมปิ ญ ญาทองถิน่ ตําบลทาโพธิ์ อําเภอเมือง จังหวัด พิษณุโลก ทุกคนเห็นพองตองกัน เราจึงเดินเครื่องทันที เริ่มตั้งแต การเพาะพันธุสมซาใหได ๙๙ ตน ซึ่งตองใชเวลานานพอสมควร แตกําหนดวาตองใหพรอมภายในเดือนธันวาคมปนี้ กระทัง่ ตนเดือนธันวาคม ในทีป่ ระชุมของจังหวัดพิษณุโลก เมื่อคณะกรรมการของเราเสนอโครงการนี้ ปรากฏวาทาน ผูวาราชการจังหวัดเห็นดวย ชื่นชม และพรอมสนับสนุนเต็มที่ พรอมระบุวนั ทีจ่ ะมาเปนประธานเปดงานคือ วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๒๙ ทําเอาพวกเราทึง่ อึง้ เรียกวาตืน่ ตระหนกเลยก็วา ได เพราะ นั่นหมายความวาเรามีเวลาเตรียมงานเพียง ๑ สัปดาห เปาหมาย แรกคือการเรงเพาะตนกลาสมซา ตามมาดวยการลงพื้นที่จัดวาง แปลน การเตรียมพื้นที่คืองานชาง เราไดรับความรวมมือและการ สนับสนุนอยางเต็มที่จากองคการบริหารสวนตําบลทาโพธิ์ ทั้งงบ ประมาณ แรงกาย แรงใจ ตลอดจนผูใหญบานหมูที่ ๒ บานวัง สมซา และชาวชุมชนหมู ๑ และหมู ๒ บานวังสมซารวมกันเนรมิต พื้ น ที่ ร กร า งบริ เ วณวั ด สะกั ด นํ้ า มั น ให ก ลายเป น แปลงปลู ก พื ช สมุนไพรสมซาไดอยางเหมาะเจาะ สวยงาม ชนิดที่คาดไมถึง
๑๓๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
นอกจากนี้เรายังไดรับกําลังใจและคําแนะนําชวยเหลือ จากสํานักงานฐานชีวภาพ (องคการมหาชน) ที่เปรียบเสมือนพี่ เลี้ยงเรามาโดยตลอด รวมถึงสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด พิษณุโลกในการประสานงานกับผูวาราชการจังหวัดและองคกร ตาง ๆ ตลอดจนบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีพิษณุโลก (วิสาหกิจ เพื่อสงคม) จํากัด อันเปนองคกรศูนยรวมของทุกภาคสวน และ บุคคลสําคัญอีกทานหนึง่ ทีจ่ ะไมกลาวถึงไมไดเลย นัน่ คือ พลเอก ดร.ศิริ ทิวะพันธุ อดีตแมทัพภาคที่ ๓ ปจจุบันทานเปนประธาน สถาบั น พั ฒ นาสี่ แ ยกอิ น โดจี น ซึ่ ง ก อ นหน า นี้ ไ ด ม อบโล แ ละ ประกาศเกียรติคุณตามรอยพระราชดําริเศรษฐกิจพอเพียงให กลุมของเรา ทานหวงใย ใสใจเรามาตลอด กลาวไดวา ทานเปน แบบอยางของผูอ ทุ ศิ ตนเพือ่ สังคมจริง ๆ สําหรับฉันรับหนาทีด่ า นการประชาสัมพันธ การออกแบบ สถานที่และปรัมพิธี ตลอดจนจัดนิทรรศการไวอาลัยรัชกาลที่ ๙ และสดุดีรัชกาลที่ ๑๐ งานนีท้ กุ คนมุง มัน่ ทุม เทสุดหัวใจ เรียกวาเหน็ดเหนือ่ ยแสน สาหัส ทวาความภาคภูมิใจ ความอิ่มเอิบใจ สุขใจ มากลนเกิน พรรณนา
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๓๕
เย็นวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ผูแทนจากองคกรตาง ๆ และคนในชุมชนหมู ๑ และหมู ๒ บานวังสมซาทยอยกันมารวม งานกันหนาตาขึ้นเรื่อย ๆ เรียกวาไดรับความสนใจและความรวม มือเกินคาด ชางเปนนํ้าทิพยชโลมใจคนทํางานยิ่งนัก แมวาทาน ผูวาราชการจังหวัดพิษณุโลกจะติดภารกิจ ไมสามารถมาเปน ประธานเปดงานใหเราได มอบหมายผูแ ทนมา แตกไ็ มไดทาํ ใหพลัง กายพลังใจของเราลดนอยถอยลงเลย
๑๓๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
งานเริม่ ดวยพิธแี สดงความไวอาลัยแดพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดวยบทกวีที่ฉันรายตั้งแตพระองค พระราชสมภพจนถึงวันสวรรคต ไดสะกดผูเขารวมงานจนทุกคน กลั้นนํ้าตาไวไมอยู...เชื่อวาทุกคนอยูในหวงภวังคเดียวกัน นั่นคือ คิดถึงพระองคทานเหลือเกิน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๓๗
“…เจาหนาที่ปาไมควรจะปลูกตนไมลงในใจคนเสียกอน แลวคนเหลานัน้ ก็พากันปลูกตนไมลงบนแผนดินและรักษาตนไมดว ย ตนเอง…” พระราชดําริของสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึง่ นับเปนทฤษฎีทเี่ ปนปรัชญาดานการพัฒนาปาไมทยี่ งิ่ ใหญดงั กองอยู ในใจ ในขณะที่ทุกคนกําลังสาละวนกับการปลูกตนสมซา ฉันจึง บรรยายวา “วันนี้เราปลูกสมซาลงในดิน หวังวาจะปลูกลงในใจของ ทุกคนดวย สองมือคุยดิน บรรจงวางตนกลาสมซา กลบ ปดดวย ดินและฟาง ตามมาดวยการรดนํ้า ขอใหทุกคนใสหัวใจลงไปดวย สมซาทุกตนจะเติบโตแข็งแรงดวยหัวใจของพวกเราทุกคน” ภาพแหงความรวมแรงรวมใจ ยังตราตรึง เปนความทรงจํา สุดประทับใจ ความเหน็ดเหนื่อยถูกปลิดทิ้งหมดสิ้น ความตั้งใจของ พวกเราไมไดหยุดอยูเพียงแคนี้ เราจะเพาะพันธุตนสมซาปลูกใหเต็ม พื้นที่ เพื่อสืบสานตํานานของหมูบาน ปลูกจิตสํานึกในการอนุรักษลง ในหัวใจของชาวบานวังสมซาทุกคน พรอมการนําผลผลิตทีไ่ ดไปพัฒนา ตอยอดเปนผลิตภัณฑเพื่อสุขภาพและความงาม อาหาร เครื่องดื่ม และอื่น ๆ โดยความรวมมือของอุทยานวิทยาศาสตรภาคเหนือตอน ลาง มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่แน ๆ นํ้าพันซสมซา และเคกกลวยหอม ผสมสมซาสูตรลับเฉพาะของกลุม ซึ่งเปนอาหารวางสําหรับผูเขารวม งาน ไดรับคําชื่นชมจากทุกคน
๑๓๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๓๙
๑๔๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
นอกจากนี้ผูแทนจากแตละองคกรยังมีแนวคิดในการสงเสริม กิจกรรมของเราอีกมากมาย เชน จัดใหเปนสถานที่ทองเที่ยวเชิง อนุรักษของจังหวัด ประมาณวาจะผนวกเขากับวัดใหญ (วัดพระศรี รัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร) และพระราชวังจันทนเลยทีเดียว หรือการ ขอเครื่องหมายรับรองความพิเศษของทองถิ่น ที่เรียกวา สิ่งบงชี้ทาง ภูมิศาสตร (GI: Geographical Indication) เปนตน สรางความ ปลาบปลื้มใหพวกเราเปนอยางยิ่ง หยดนํ้าจากหยาดเหงื่อ เพื่อหมูบานวังสมซา เพื่อการเดินตาม รอยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ดานปรัชญา แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ... สมซา ตนไมของพอ ไมงามนามมงคลแตหนหลัง ทิศอุดรคูเรือนเตือนชีวี เปนเครื่องยาสูตรโบราณสารพัด เติมรสชาติเปรี้ยวหวานอาหารไทย สูนวัตกรรมความงามตามคุณคา การคนควาวิจัยตามครรลอง เหลาชุมชนรวมใจอนุรักษ วังสมซาใหฟนคืนตํานาน
วัฒนธรรมดั้งเดิมเติมวิถี บารมีเลื่องลือชื่อเสียงไกล ชวยขจัดโรคภัยใหหางหาย หอมชื่นใจเยายวนชวนลิ้มลอง ภูมิปญญาแดนดินถิ่นเจาของ อีกองคกรภาคีที่สรางงาน สมซาจักคงอยูคูหมูบาน พรอมสืบสานผลงานความภาคภูมิ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๔๑
จากพิษณุโลกสู่ตรัง ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ แด่ผู้ประสบอุทกภัย สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มอบให้ คือความยิ่งใหญ่ในหัวใจ
แมไมอาจเทียบหนึ่งในลาน ลูก ขอตั้งปณิธาน สานสงที่พอสรางไว จะขอ เดินตามรอยเทาพอไป เหนื่อยยากเพียง ไหน ไมทําใหพอผิดหวัง
๑๔๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
แววบทเพลงเดินตามรอยเทาพอในระหวางอาหารมือ้ เชา ทําให มือถือชอนหยุดชะงัก เพลงนีเ้ ปนหนึง่ ในเพลงโปรดของฉันรองจาก เพลงตนไมของพอ เพลงของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ฉันไมไดฟง เลยในชวง ๔ เดือนที่ผานมา ฉันพยายามสะกดกลั้นความรูสึกของ ตัวเองไมใหนํ้าตาไหล “เสียใจได แตตองไมลืมหนาที่ อยาลืมคําสอนของพอ” นอกจากการทําหนาทีแ่ ลว หนึง่ คําสอนของพระองคคอื การทําความ ดีดวยการให ทรงไดรับการอบรมใหรูจักการใหตั้งแตทรงพระเยาว โดย สมเด็จยาจะทรงตั้งกระปองออมสินเรียกวา “กระปองคนจน” หาก ทรงนําเงินไปทํากิจกรรมแลวมีกําไร จะตองถูกเรียกเก็บ “ภาษี” หยอดใสกระปุกนี้ ๑๐ % ทุกสิ้นเดือนสมเด็จยาจะเรียกประชุมเพื่อ ถามวาจะเอาเงินในกระปองนี้ไปทําอะไร เชน มอบใหโรงเรียน ตาบอด มอบใหเด็กกําพรา หรือทํากิจกรรมเพื่อคนยากจน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๔๓
“อยาลืมคืนกําไรใหสังคม” การเรียนรูที่ ๗ ซึ่งเปนกระบวนการ สุดทายของกระบวนการเรียนรูตลอดชีวิต ในการบรรยายสาระธรรม พาที หัวขอ ชีวิตดีที่พอเพียง โดยทานพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิร เมธี) เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๐ ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร กระตุน เตือนใหเรารูจักให ฉันเองก็คุนเคยกับการใหมาโดยตลอด เชน การ ใหทานแกผยู ากไร บริจาคทุนทรัพยสงิ่ ของใหผดู อ ยโอกาส การบริจาค เลือด ไปจนถึงการเดินทางไปซอมแซมอาคารโรงเรียนในถิน่ ทุรกันดาร แตนั่นก็เปนหนึ่งในวิชาเรียน แตกตางจากการใหครั้งลาสุดที่เปนการ ใหดวยใจแบบถึงมือผูตกอยูในความทุกขยากลําบาก ซึ่งอยูหางไกล นั่นคือ การเดินทางไปมอบทุนทรัพย อาหาร และขาวของเครื่องใช ใหแกผูประสบอุทกภัย ณ จังหวัดตรัง รวมกับเพื่อน ๆ เหลานักเขียน สมัครเลนคูสรางคูสม เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๐
๑๔๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
จากทริปเที่ยวภูเก็ตเมื่อชวงปลายเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ เลื่อน มาเปนกลางเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ดวยชวงเวลาอันเนิ่นนานบวกกับ เกิดอุทกภัยครั้งใหญในภาคใต ทําใหเพื่อนรวมทริปคอย ๆ หายไปที ละคนสองคน ในที่สุดเหลืออยูเพียง ๓ คน บวกกับเพื่อนที่ภูเก็ตและ ตรังอีก ๒ คน รวมเปน ๕ คน ทําใหพวกเราเกือบถอดใจสละตั๋ว เครือ่ งบินอีกครัง้ แตกอ นทีท่ ริปของเราจะลม ในเวลากระชัน้ ชิด เพือ่ น คนหนึ่งก็เสนอขึ้นมาวา “เราไปชวยนํ้าทวมแทนมั้ย” เหมือนแสงสวางที่ปลายอุโมงค ความหอเหี่ยวกลายเปนความ ตื่นเตน ตื้นตัน กระปรี้กระเปรา กอนเดินทางเพียงหนึ่งวัน ฉันโพสตขอความขอเชิญรวมบริจาคเงินชวยผูประสบภัยนํ้าทวม ณ จังหวัดตรัง ไมกี่อึดใจ เจานายของฉันเดินถือซองใสเงินมาให จํานวนหนึง่ “ฝากทําบุญดวย” รูส กึ ดีอยางบอกไมถกู ทีซ่ าบซึง้ ทีส่ ดุ ก็คือ นองในองคกรเดียวกันคนหนึ่งฝากเงินมาทําบุญ ๑๐๐ บาท พลางบอกวา “หนูอยากทําบุญ แตหนูมีเทานี้จริง ๆ พี่” นํ้าใจของ นองยิ่งใหญเกินกวาเงินจํานวนนี้มากมายนัก จากพิษณุโลกมุงเขากรุงเทพฯ บินตรงไปหาเพื่อนที่ภูเก็ต แลวนั่ง รถตอไปยังจังหวัดตรัง พบกับเพื่อนที่นั่น แลวนัดแนะการทํางาน ของเรา
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๔๕
เริ่มจากการนําเงินบริจาคที่ทุกคนรวบรวมไดมารวมกัน เปน จํานวนกวา ๑๕,๐๐๐ บาท นําไปซื้อขาวของเครื่องใชจําเปน แพ็คใส กระเปา แยกเปนชุด เพื่อมอบให ๑ กระเปา ตอ ๑ ครอบครัว พรอม กวยเตีย๋ วทีเ่ พือ่ นอีกคนนํามาสมทบ ตอนนีเ้ องเรามีอาสาสมัครในพืน้ ที่ มาชวยกันจัดเรียง ใชเวลาไมนานก็เสร็จเรียบรอย คืนนั้นฉันรูสึก ตื่นเตนนาดู
รุงเชา หลังมื้ออาหาร เราตรงไปยังบานโคกสะทอน พบวาสอง ขางทางยังมีนํ้าเจิ่งนอง บานบางหลังทวมถึงหลังคา คนในบานตอง ออกมากางเต็นทนอนกันริมถนน เมื่อไปถึงวัดโคกมะมวง พบวา นํ้า เพิ่งลดไดเพียงหนึ่งวัน จากนั้นไปตอที่วัดประสิทธิชัย (ทาจีน) ที่นี่ยัง อวมอยู นํ้ายังคงทวมวัดและโรงเรียน อยูระหวางการเรงระบายนํ้า ออกโดยศูนยปองกันและบรรเทาสาธารณภัยจากจังหวัดภูเก็ต พวก เรานํารถเขาไปในวัดไมได จึงตองถือขาวของและอาหารเดินเขาไป ถวายพระในวัด
๑๔๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
พระปลัดสุวิทย สุวิชาโน พระฝายปกครอง เลาใหฟงวา “ทีน่ เี่ ปนโรงเรียนปริยตั ธิ รรมแผนกสามัญ มีสามเณรจํานวน ๘๕ รูป พอนํ้าทวมจึงใหแยกยายกันกลับบาน เหลืออยู ๕๕ รูป นํ้าทวมมาได อาทิตยกวา ๆ แลว เพิ่งลดมาได ๒ วัน ทวมสูงสุดกวา ๒ เมตร ชวงนี้งดกิจสงฆทุกอยาง ภิกษุ สามเณร ใชเรือ เรือไมพอก็ไชกะละมัง ในการสัญจรภายในวัด เจาอาวาสเปนหวงความปลอดภัยจึงตัดไฟ ไมมีไฟใช พอไมมีไฟ นํ้าในแท็งคก็สูบไมขึ้น ไดอาศัยญาติโยมมา บริจาค ใหความชวยเหลือ ตอนนี้ยังไมนําของลงจากที่สูง เพราะอาจ มีพายุอีกครั้ง ตองเตรียมรับสถานการณไวกอน” พระปลัดสุวิทย สุวิชาโน เลาอีกวา นํ้าทวมครั้งนี้ถือวาหนักที่สุด ในรอบ ๑๐ ป ถึงอยางไร วัดยังดีกวาญาติโยมมากนัก บานบางหลัง นํา้ ทวมมิดหลังคา ไมมที อี่ ยูอ าศัย อาหารการกินก็ยากลําบาก หากวา นํ้าที่วัดลดลงก็ยินดีเปนที่พักพิงใหชาวบานมาพึ่งพาอาศัยได
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๔๗
จากนั้นฉันมารวมแจกกวยเตี๋ยวใหกับชาวบานที่หนาวัด ทั้งเด็ก นอย วัยรุน พอแมจูงลูกจูงหลานมา รวมถึงผูสูงอายุที่มายืนเขาถอย รับกวยเตี๋ยวคนละชาม หรือจะใสถุงไปฝากคนที่บานก็ไดตามสะดวก อิ่มแลวก็รับมอบของใชบานละ ๑ ชุด ระหวางการแจกของ ฉันไดคุย กับปาฉวีวรรณ ชวยแข็ง ประธานกลุมพัฒนาสตรีชุมชนทาจีน และ ประธานกลุมแกงไตปลาแหงเมืองตรัง “ทีน่ เี่ ปนเหมือนแองทีร่ องรับนํา้ จากทุกที่ ทุกสายมาบรรจบรวม กัน นํ้าที่นี่จึงแหงชากวาที่อื่น แถมทางรัฐยังสรางถนนสูงมาก นํ้า จึงไหลลงมาทวมวัด ทวมบานของชาวบาน อันนี้เปนเรื่องสําคัญ ที่ทางการตองคิดเยอะ ๆ การคมนาคมสะดวกสบาย แตเวลาฝน ตกมาก ๆ ชาวบานเดือดรอน”
๑๔๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ฉันเดินมาคุยกับเจาหนาทีจ่ ากศูนยปอ งกันและบรรเทาสาธารณภัย เลาวา ใชเครื่องสูบนํ้าเครื่องใหญมาหลายวันแลว วันนี้เปลี่ยนมาใช เครื่องตัวเล็ก เพราะนํ้าอยูในระดับตํ่าลง และตองเรงระบายนํ้าลง แมนํ้าทาจีนซึ่งอยูติดกับวัดใหเร็วที่สุด กอนที่นํ้าระลอกใหมจะมา เมื่อฉันถามวา เหตุใดจึงตองใชศูนยฯ จากภูเก็ต เจาหนาที่บอก วา จังหวัดตรังไมมีศูนยปองกันและบรรเทาสาธารณภัย ถาภูเก็ตไม เพียงพอก็ตอ งระดมจากจังหวัดอืน่ โดยรอบ…นัน่ หมายความวางานของ พวกเขายังไมเสร็จสิน้ งาย ๆ แตสาํ หรับพวกเราเมือ่ แจกของเสร็จก็เปน อันสิ้นสุด
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๔๙
๑๕๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ระหวางเดินทางกลับ พวกเราพูดคุยกันถึงสิง่ ทีเ่ ราทําในวันนี้ ความ เหน็ดเหนื่อย อากาศที่รอนระอุ การเดินทางอันแสนยาวไกล เทียบ ไมไดเลยกับความอิ่มเอมใจ สุขใจ ปลื้มปริ่มอยางบอกไมถูก แมจะ เปนเพียงสิ่งเล็ก ๆ นอย ๆ ที่พวกเราพอจะทําได แตคือความยิ่งใหญ ในความรูสึก เปนความทรงจําสุดประทับใจที่พวกเราไมมีวันลืม...เปน ทริปอันทรงคุณคายิ่ง
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๕๑
เสียงสะอื้นเพื่อนเราชาวดามขวาน กระแสเชี่ยวเกรี้ยวกราดเกินทานทน ดวยหัวใจเราเหลาคูสรางคูสม ธารนํ้าใจผองเพื่อนพรอมหยิบยื่น จากทริปเที่ยวเลี้ยวเปนจิตอาสา จังหวัดตรังหวังผูประสบภัย ซื้อของใชจําเปนแพ็คใสถุง วัดโคกมะมวงมอบใหประชาชี อีกหนึ่งวัดประสิทธิชัยใหสะทอน เรงสูบออกลงแมนํ้าสูทะเลพลัน ฝายพวกเรามิอาจนํารถเขา ถวายพระญาติโยมไดพึ่งพา หนึ่งความดีจากใจที่มอบให แสนอิ่มใจไดบุญชื่นชีวี
สุดราวรานฝนกระหนํ่านํ้าเออลน บานเรือนคนขาวของลวนถูกกลืน ระดมพลแมเพียงนิดมิคิดฝน ดวยจุดยืนเดียวกันปนนํ้าใจ พรอมมุงหนาพาลงสูภาคใต บรรเทาความยากไรไดสิ่งดี กวยเตี๋ยวปรุงสดรอนใหถงึ ที่ วานํ้านี้เพิ่งจากไปไดหนึ่งวัน ยังเดือดรอนทวมวัดโรงเรียนนั้น เพื่อใหทันระลอกใหมใกลเขามา เดินเทาเอาขาวของพรอมภักษา ฟงปญหาความทุกขรอบสิบป รอยยิ้มไดคําขอบคุณเพียงเทานี้ ปลื้มเปรมปรีดิ์สุขนี้มิลืมเลือน ๑๕ กุมภาพันธ ๒๕๖๐
๑๕๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๕๓
ปตท.สผ.จับมือกองทัพภาคที่ ๓ สร้างศูนย์การเรียนรู้ในค่ายทหาร แบบอย่างการดําเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โครงการ “ศูนยการเรียนรูเ ศรษฐกิจ พอเพียง” โดย กองทัพภาคที่ ๓ รวมกับ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปโตรเลียม จํากัด (มหาชน) คือหนึ่งแบบอยางการนอมนําแนว พระราชดํ า ริ เ รื่ อ งเศรษฐกิ จ พอเพี ย งของ ในหลวง รั ช กาลที่ ๙ มาใช ไ ด อ ย า งมี ประสิทธิภาพ เติบโต ยั่งยืน เห็นผลอยางเปน รูปธรรมและครบวงจร โดยเหลากําลังพล สามารถนําองคความรูเผยแพรเปนประโยชน แกประชาชนทั่วไปได
๑๕๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
โครงการ “ศูนยการเรียนรูเ ศรษฐกิจพอเพียง” เริม่ ดําเนิน การในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยกองพันทหารปนใหญที่ ๑๐๔ เพือ่ แกปญ หากําลังพลและครอบครัวภายในหนวยทีไ่ ดรบั ผลกระทบ ทางเศรษฐกิจ สงผลใหรายรับไมเพียงพอกับรายจาย อีกทั้งยัง เปนการสงเสริมการสรางความสามัคคีใหแกกําลังพล และเพื่อ เปนตนแบบในการพัฒนาอาชีพเสริมแกกาํ ลังพลและครอบครัว รวม ไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทหารกองประจําการ โดยนําผล กําไรที่ไดจากการดําเนินการจัดตั้งเปนกองทุนตาง ๆ เชน กองทุน สวัสดิการเพือ่ การศึกษาบุตร-หลานกําลังพล กองทุนชวยเหลือกําลัง พลในดานตาง ๆ และสวัสดิการแกกําลังพลและครอบครัว
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๕๕
การดําเนินงานเริ่มตั้งแตการปรับปรุงพื้นที่วางเปลาใน หนวยประมาณ ๑๐๐ ไร เพื่อจัดทําโครงการเกษตร ตอมามีการ ปรับปรุงอาคารกองรอยฝกเดิม เปนศูนยการเรียนรูตามแนว ปรั ช ญาเศรษฐกิ จ พอเพี ย ง และจั ด ทํ า โครงการสาธิ ต ทางการ เกษตรกรรม โครงการ “ศูนยการเรียนรูเ ศรษฐกิจพอเพียง” มีพธิ เี ปด เมือ่ วันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เพือ่ ใหแพรหลายไปยังสวน งานทุกภาค ทัง้ ภาครัฐ ภาคเอกชน นักเรียน และประชาชนทัว่ ไป
๑๕๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ผลการดําเนินงาน โครงการ “ศูนยการเรียนรูเศรษฐกิจพอเพียง” ปจจุบนั มีการดําเนินงานจัดทําโครงการตนแบบ ๓ กลุม หลัก จํานวน ๒๙ โครงการ
กลุมเกษตรกรรม จํานวน ๙ โครงการ
๑. โครงการปลูกผักปลอดสารพิษ ประกอบดวยแปลงผัก ๑๑ แปลง และโดมปลูกผัก ๔ โดม ดําเนินการปลูกผักหมุนเวียนตามฤดูกาล เชน ผักชี ผักคะนา พริก ตนหอม เปนตน ๒. โครงการปลูกมะนาวนอกฤดู โดย การปลูกในวงบอ และนําปุยอินทรียที่ทําจากมูล สัตวของทางศูนยเรียนรูฯ มาใชในการปรับปรุง ดิน สามารถทําใหเปดผลผลิตมะนาวไดตลอด ทั้งป ๓. โครงการทํานา เปนอีกหนึ่งแนว ความคิดในการลดตนทุนการผลิตและลดการใช สารเคมี โดยการนําปุย ทีไ่ ดจากโครงการหมูหลุม โครงการเลี้ยงวัว โครงการไกไข และนํ้าสมควัน ไมแทนสารเคมี เพือ่ ปองกันแมลง ปจจุบนั หนวย ไดดําเนินการทํานาโยนแลวในพื้นที่ ๕๐ ไร เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๕๗
๔. โครงการปลูกไผ ประกอบดวยไผพันธุตงลืมแลง จํานวน ๑๕๐ กอ และไผพันธุบงหวาน จํานวน ๕๐ กอ ๕. โครงการผักไฮโดรโปนิกสการปลูกผักโดยไมใชดนิ หรือเปนการ ปลู ก พื ช ผั ก ในนํ้ า ที่ มี ธ าตุ อ าหารพื ช ละลายอยู หรื อ เป น การปลู ก พื ช ใน สารละลายธาตุอาหารพืช เรียกอีกอยางหนึ่งวา “ผักไรดิน” ชวยประหยัด พื้นที่และไมปนเปอนสารเคมีตาง ๆ ในดิน ทําใหไดพืชผักที่มีความสะอาด ๖. โครงการปุยหมักชีวภาพ คือปุยอินทรียที่ผานกระบวนการหมัก กับนํ้าสกัดชีวภาพ ชวยในการบํารุงดิน และยอยสลายอินทรียวัตถุในดินให เปนอาหารแกพืช ๗. โครงการเพาะเห็ดขอน ปจจุบันศูนยการเรียนรูฯ มีโรงเพาะเห็ด จํานวน ๑ โรง มีเชื้อเห็ดทั้งสิ้น ๒,๐๐๐ กอน
๑๕๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๘. โครงการปลูกกลวย มีการปลูกกลวยทั้งสิ้น จํานวน ๑๐๐ ตน โดยผลผลิตที่ไดนอกจากนําไปจําหนายแลว สวนตาง ๆ ของตนยังสามารถ นํามาทําเปนวัสดุตาง ๆ ลดมลพิษไดอีกทางหนึ่งดวย
๙. โครงการเรือนเพาะชํา เปนการอาศัยพื้นที่วางในการขยายพันธุ กลาไมชนิดตาง ๆ เชน มะนาว ตะไคร ชะอม กลวย เปนตน
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๕๙
กลุมปศุสัตว จํานวน ๑๗ โครงการ ๑. โครงการเลีย้ งโคเนือ้ มีการจัดหา ขยายพันธุโ คเนือ้ และใชประโยชน จากการนํามูลมาทําเปนปุย อินทรีย ใชในการดําเนินโครงการภายใน ศูนย ๒. โครงการเลี้ยงโคขุน นับวาเปนโครงการที่ใหผลกําไรอยางดียิ่ง เพราะโคขุนมีราคาขายที่สูงในทองตลาด และยังเปนที่ตองการของ ประชาชนทั่วไป การขยายพันธุคอนขางสะดวกและเลี้ยงงาย โดยมี ทั้งสิ้น ๑๒ ตัว ๓. โครงการเลี้ยงกระบือไถชีวิต โดยนํามาเลี้ยงเพื่อการศึกษา เปน โครงการสาธิตในศูนยการเรียนรูฯ ๔. โครงการเลี้ยงหมูปา หมูปาสามารถเพาะพันธุไดงาย ใชตนทุนใน การเลี้ยงตํ่า อีกทั้งยังมีความทนตอโรคและความตองการทางตลาด ที่ดี จึงไดนํามาขยายพันธุ โดยใชเศษพืชผักที่สามารถหาไดภายใน ศูนยเรียนรูฯ มาทําเปนอาหารเลี้ยงหมูปา
๑๖๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๕. โครงการทําปุยหมักมูลไสเดือน ปจจุบัน มีบอที่ทําการเพาะเลี้ยงไสเดือน จํานวน ๖ แปลง สามารถผลิตปุยไดปละ ๑,๐๐๐ กิโลกรัม นํามาใชภายในศูนยฯ และจัด จําหนายเปนถุง ๖. โครงการเลี้ยงปลานิลจิตรลดา มีการ ดําเนินงาน จํานวน ๒ บอ ซึ่งปลาในแตละ รุน มีการจับและจําหนายใหแกโรงประกอบ เลี้ ย งภายในหน ว ย ในส ว นที่ เ หลื อ จะ จําหนายใหแกกําลังพล สรางรายไดเสริม ตอไป ๗. โครงการเลี้ยงปลาหมอชุมพร เปนปลาที่ มีลกั ษณะโดดเดน ไดรบั ความนิยมจากทอง ตลาดสูง มีขนาดใหญกวาปลาหมอทั่วไป ทนตอโรค เลี้ยงงาย โตไว ใหผลผลิตที่สูง ปจจุบันมีการเลี้ยง จํานวน ๔๐๐ ตัว ๘. โครงการเลีย้ งไรแดง ไรแดงเปนอาหารที่ ดีสาํ หรับอนุบาลสัตวนาํ้ วัยออน โดยเฉพาะ สัตวนํ้าเศรษฐกิจ ทั้งปลาสวยงามและปลา เศรษฐกิจ ในอดีตไรแดงรวบรวมไดจาก แหลงนํ้าโสโครก โรงฆาสัตวหรือโรงงาน อุ ต สาหกรรม ซึ่ ง มี ป ริ ม าณไม แ น น อน ปจจุบันไรแดงจากธรรมชาติมีปริมาณลด ลง เพราะสภาพสิ่งแวดลอมตาง ๆ เปลี่ยน ไป ในขณะที่ความตองการไรแดงกลับเพิ่ม ขึ้ น ทํ า ให ศู น ย ก ารเรี ย นรู ฯ เล็ ง เห็ น ประโยชน จึงไดดําเนินการเพาะเลี้ยงเพื่อ เปนปจจัยตนทุนทางอาหารตอไป เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๖๑
๙. โครงการเลี้ยงไกไข โดยนําไขไกที่ไดมาเปน สวัสดิการดานอาหารแกพลทหารกองประจํา การภายในหนวย และสวนที่เหลือนําจําหนาย ใหแกกําลังพล ซึ่งรายไดนํามาเปนสวัสดิการ ในดานการศึกษาบุตรกําลังพล และสวัสดิการ ดานตาง ๆ อีกดวย ๑๐. โครงการเลี้ยงจิ้งโกรง จิ้งโกรงหรือ จิ้งหรีดขนาดใหญ เปนแมลงที่พบทั่วไป ตามธรรมชาติ คนนิยมเลี้ยงเพื่อบริโภค เปนอาหาร โดยการทอด คั่ว แกง หอหมก และยํา จิ้งโกรงมีสารอาหาร โปรตีนสูง ปลอดสารพิษ ชวยแกปญหา ขาดสารอาหารได เลี้ยงงาย ขยายพันธุ เร็ว ใหผลผลิตสูง เหมาะที่เกษตรกรจะ นํามาเลี้ยงเปนอาชีพเสริม สามารถใช เวลาว า งจากการเพาะปลู ก มาดู แ ล จิ้งโกรงได ภายในเวลา ๑ ป สามารถ เลี้ยงจิ้งโกรงไดถึง ๕ รุน ๑๑. โครงการเลี้ยงหมู โดยนํามาเปน สวัสดิการดานอาหารแกพลทหาร กองประจําการภายในหนวย และ สวนที่เหลือนําจําหนายใหแกกําลัง พล ซึ่งรายไดนํามาเปนสวัสดิการใน ดานการศึกษาบุตรกําลังพล และ สวัสดิการดานตาง ๆ อีกดวย
๑๖๒
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๒. โครงการเลี้ยงเปดไลทุง เปดไขสายพันธุซีพีซุปเปอร เปน เปดไขสายพันธุล กู ผสม มีลกั ษณะเดนคือ ออกไขจาํ นวนมาก ประมาณ ๒๘๐ – ๓๐๐ ฟอง/ป/ตัว ศูนยการเรียนรูฯ ได รับการสนับสนุนจากบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑอาหาร จํากัด (มหาชน) ๑๓. โครงการเลี้ยงกุงกามแดง ปจจุบันมีราคาสูงมาก โดย เฉพาะอยางยิ่งกุงกามแดงที่มีสีสันแปลกตา โดยใชวัตถุดิบ อาหารจากโครงการตาง ๆ ภายในศูนยการเรียนรูฯ ๑๔. โครงการเลี้ยงไกพันธุพื้นเมือง สามารถเลี้ยงแบบปลอย ตามธรรมชาติได ชวยประหยัดคาใชจา ยดานอาหารไก และ ไกพันธุพื้นเมืองยังทนตอสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงได เปนอยางดี ซึ่งมูลของไกยังสามารถนํามาทําเปนปุยชวยให พืชผักเจริญเติบโตอีกดวย เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๖๓
๑๕. โครงการเลี้ยงกบ เปนโครงการหนึ่งที่ใหผลผลิตตอบแทน สูง ใชพื้นที่ไมมาก โดยใชระยะเวลาเลี้ยงประมาณ ๒ – ๓ เดือน ก็สามารถจับขายได ตลาดผูบริโภคมีความตองการ สูงตลอดทัง้ ป จึงเปนโครงการทีไ่ ดรบั ความนิยมอยางสูงใน ปจจุบัน ๑๖. โครงการเลี้ยงปูนา ปูนานับเปนสัตวเศรษฐกิจอยางหนึ่ง สามารถนํ า มาเลี้ ย งเพื่ อ เป น อาหาร โดยตลาดมี ค วาม ตองการสูง เพาะเลี้ยงงาย ไมตองดูแลมาก อีกทั้งยังเปน วัตถุดิบในการทําอาหารประเภทตาง ๆ ของคนไทย ๑๗. โครงการเลีย้ งนกกระทา ปจจุบนั นกกระทาเปนทีน่ ยิ มเลีย้ ง อยางแพรหลาย เปนสัตวปกที่มีคุณสมบัติเลี้ยงงาย ทนตอ โรคระบาด ไดผลประกอบการสูง
๑๖๔
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
กลุมโครงการอื่น ๆ จํานวน ๓ โครงการ ๑. โครงการเผาถาน-นํา้ สมควันไม ปจจุบนั มีตาเผานํา้ สมควัน ไม จํานวน ๒ เตา มีกําลังผลิตตอการเผา ๑ ครั้ง จํานวน ๘๐ – ๑๐๐ ลิตร ในป ๒๕๕๙ สามารถผลิตนํ้าสมควันไม ไดถึง ๑๒,๐๐๐ ลิตร ๒. โครงการสีขา วชุมชน มีวตั ถุประสงคเพือ่ นําขาวเปลือกทีไ่ ด จากการเก็บเกี่ยวมาสีภายในโรงสีชุมชน เพื่อเปนการลด ตนทุนในการซื้อขาวจากภายนอก สําหรับในป ๒๕๕๙ สามารถดําเนินการสีขา วเพือ่ นํามาใหทหารกองประจําการ บริโภคจํานวน ๗๕ ตัน และจัดทําโรงเก็บขาวเปลือกสําหรับ เก็บขาวเปลือก นอกจากนี้ รําและปลายขาวทีเ่ หลือจากการ สีขาว ไดนํามาเปนอาหารในการเลี้ยงปลา หมูหลุม และ ไก เพื่อเปนการประหยัดตนทุนในการซื้ออาหาร ๓. โครงการผลิตนํ้ายาอเนกประสงค เชน นํ้ายาถูพื้น นํ้ายา ซักผา นํ้ายาลางจาน แชมพู เปนตน โดยนําไปใชภายใน ครอบครัวและชุมชน เพื่อลดคาใชจาย และเปนเศรษฐกิจ พอเพียงอีกทางหนึ่งดวย
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๖๕
นอกจากการดําเนินการทั้ง ๒๙ โครงการแลว ทางศูนย การเรียนรูต ามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไดมกี ารขยายผลเปน รูปธรรมพรอมประสานความรวมมือกับ บริษัท ปตท.สํารวจและ ผลิตปโตรเลียม จํากัด (มหาชน) สํานักงานประมงจังหวัดพิษณุโลก สํานักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก กรมพัฒนาทีด่ นิ จังหวัดพิษณุโลก และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร ดําเนินการจัด โครงการ “พัฒนาคน พัฒนาชุมชน” เพื่ออบรมใหความรูและ นอมนําหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นําไปใชในชีวิตประจําวัน และขยายผลสูชุมชนของตนเอง ตลอดจนเปนแหลงเรียนรู เยี่ยม ชมจากทั้งหนวยงานภายในกองทัพบก ไปจนถึงภาครัฐและเอกชน นักเรียน นิสติ นักศึกษา และประชาชนทีม่ คี วามสนใจในการดําเนิน งานของศูนยการเรียนรูตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
๑๖๖
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
ศูนยการเรียนรูตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึง นับเปนแบบอยางในการดําเนินตามพระราชดําริของพระบาท สมเด็จพระมหาปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอยางแทจริง ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล
๑๖๗
๑๖๘
เล่าเรื่ององค์ภูมิพล