PIE ISSUE 01

Page 1

FIRST ISSUE MARCH 2013

01


02


Nice to meet you.

03


“PIE” online magazine ตัวผมเองมีความคิดมานานว่าอยากจะทำ� นิตยสารสักเล่ม คิดมานานและหลายรอบ แต่ ด้วยความไม่พร้อมหลายประการก็ทำ�ให้เลิกล้ม ความตั้งใจไปหลายรอบเช่นกัน จนตอนนี้มันก็ ยังไม่พร้อมอยู่เหมือนเดิมแหละครับ แต่ใจมัน เบื่อแล้ว เบื่อกับการมีความฝันความตั้งใจแบบ ล้มๆ ลุกๆ เลยตัดสินใจทำ�มันทั้งที่ไม่พร้อมนี่ แหละ ตามมีตามเกิด จะดีไม่ดีก็น่าจะดีกว่ามือ ที่ว่างเปล่า จึงเกิดนิตยสารเล่มนี้ขึ้น “PIE” พาย-มาจากชื่อขนมพายครับ สามารถหาคำ�เปรียบเทียบกับผู้คนที่ทำ�งาน ด้วยใจรัก ด้วยความพิถีพิถันตั้งใจ และไม่ เป็นอุตสาหกรรมใหญ่มากนัก จึงนึกถึงขนม โฮมเมดในถาดกลมๆ ชนิดนี้ บวกกับความ คิดที่อยากทำ�นิตยสารแนวโล่งสบาย ดูแล้ว รู้สึกผ่อนคลาย คุ้นเคย ชื่อขนมที่ทุกคนน่าจะ คุ้นหูนี้ก็ฟังเข้าท่าทีเดียว (สำ�หรับผม) แถม เป็นขนมที่เปลี่ยนไส่้ด้านในได้หลากหลาย เหมาะกับฝีมือการทำ�หนังสืออันอ่อนด้อย ของมือใหม่หัดเขียนอย่างผมยิ่งนัก ไส้ผลไม้ ก็ได้ ไส้ผัก ไส้เนื้อ ไส้ไก่ก็ได้ ของหวานก็ได้ ของคาวก็ได้ หรูก็ได้ บ้านก็ได้ ยืดหยุ่นเป็น กันเองดี ในนิตยสาร “PIE” ก็จะนำ�เสนอบท สัมภาษณ์จากคนทำ�งานทุกสาขาที่มีใจรักและ ความตั้งใจครับ เรื่องราวอัพเดตข่าวสร้างสรรค์ หลากหลายวงการ ไอเดียเล็กๆ น้อยๆ ที่ 04

ทำ�ให้เกิดแง่คิดและแรงบันดาลใจที่อยู่รอบตัวเรา ในแบบที่ไม่เยอะไปและไม่น้อยเกิน สามารถ เข้าถึงได้ทุกคน ด้วยแนวคิดที่ว่า “ความคิด สร้างสรรค์และแรงบันดาลใจมีไว้เพื่อทุกๆ คน” ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวฝาก PIE อร่อยๆ หอมๆ สักชิ้นกับทุกท่านที่รักความคิด สร้างสรรค์และแรงบันดาลใจนะครับ และผม ขอแบ่งพื้นที่ตรงนี้ กล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณ สักหน่อย ขอบคุณพี่นก ร้านน้องท่าพระ จันทร์, พี่สุรัติ โตมรศักดิ์ ที่ช่วยทำ�ปกน่ารักๆ และความมีน้ำ�ใจ, ขอบคุณสองแฝดสุดสวย แวววรรณและวรรณแวว,พี่โบ๊ต Play Yard, พี่มิ่ง Hubba Thailand, ตูน Stoondio และ จอย ในความน่ารักของทั้งคู่, ขอบคุณพี่วิ พี่เหลิม LW bags ขอให้กระเป๋ากล้อง ขายดีๆ ครับ, ขอบคุณโอ๊ตที่สละเวลามาทำ� เว็บ, ขอบคุณพี่กรด และทุกคนในกอง The Guitar Mag สำ�หรับคำ�แนะนำ�ดีๆ และ กำ�ลังใจหลายอย่าง, ขอบคุณที่จ๊อยและพี่เก็ต, ขอบคุณพี่บานเย็น, ขอบคุณ ยุ้ย ตุ๊นและกิต, ขอบคุณ จิ๋ว และจารย์ต้น ที่เชื่อในความคิด ผม, ขอบคุณทุกคนใน facebook ที่มาแชร์ เพจและกด Like, ขอบคุณล่วงหน้าสำ�หรับ ผู้อ่านทุกท่านครับ สุรเชษฐ์ ศิลปบรรเลง ไม่อยากเรียกตัวเองว่า บ.ก. เลย มันเขินๆ


EDITORAL STAFF

บรรณาธิการ สุรเชษฐ์ ศิลปบรรเลง กองบรรณาธิการ กฤษณะ โชคเชาว์วัฒน์ จารุวรรณ ดวงคำ� ภาพและศิลปกรรม PIE TEAM เว็บมาสเตอร์ ชวลิต กรุตนารถ ฝ่ายโฆษณาและการตลาด หฤทัย ปฐมพงษ์พันธุ์ (จ๊อย) โทร. 08-1832-7045 ฟองมาส กองแก้ว (เก๊ต) โทร. 08-1580-8308 คอลัมน์นิสต์ จินดารัตน์ จรัสรุ่งโรจน์, กิติคุณ วรสรธร ,Yuiji Yamamoto พิสูจน์อักษร บานเย็น ขันทอง PIE online magazine 100/99 สุขาภิบาล 5 ออเงิน สายไหม กรุงเทพฯ 10220 08-0233-5492, 08-6918-6212 E-mail : pieonlinemag@gmail.com www.facebook.com/piemagazine2013 www.pieeveryday.com

05


CONTENTS

18

54

38 LOVE PLACE

LOOKS + TRENDS

26 HUBBA THAILAND : OPEN YOUR WORKING MIND 30 PLAY YARD by studio bar

08 กวาดตามองหาเทรนด์เก๋จากทั่วโลก

AROUND IDEAS

12 ไอเดียเด็ดๆ ของเจ๋งๆ ที่เท่ไม่เหมือนใคร PIE TALK 16 FACE PAGE เพจดีๆ จากเฟสบุ๊กที่ 34 FASHION CAMERA BAGS ชาวโซเชียลเน็ตเวิร์คห้ามพลาด : LWbags MUSIC MOVIE & BOOK 38 STOONDIO 18 หนังสือ ภาพยนตร์ ดนตรีดีๆ (i) LOST (You) FOUND น่าฟัง น่าชม น่าดู 44 WISH US LUCK 06


44

MARCH 2013

82

96 BASE CULTURE

54 SOMEWHER SOMETIME IN SUMMER

PIE INSPIRATION

82 EVERYDAY EVEYNICE WITH TRY2BENICE 96 แหล่งรวมคนรักเพลง 34 ปี กับพี่นก ร้านน้องท่าพระจันทร์

READER WRITER

110 THE COLORS OF MINIMALISM 114 EDIBLE COLOR CHIPS PANTNE TARTS 116 MASS BUT UNIQUE 118 SUPER RADICAL GAG FAMILY 122 TINY THINK

07


LookS + TRENDS

Yoko Ono Fashions for Men

Yoko Ono หวนคิดถึงอดีตสามีผู้ยิ่งใหญ่ John Lennon จนต้องออกแบบเสื้อผ้าคอเล็กชั่นใหม่ออกมาในชื่อ Fashions for Men ที่เธอบอกว่าได้แรงบันดาลใจจาก John Lennon เสื้อผ้าเซตนี้ประกอบด้วยเสื้อผ้าผู้ชาย 18 ชิ้น ที่ดูแปลกๆ อย่าง เสื้อยืดแขนกุดสีดำ�เจาะรู ต้อง 2 รู ตรงหน้าอก กางเกงผ้าที่ สกรีนรูปมือรองไว้ตรงเป้ากางเกง แถมซีทรูตรงก้นแบบเห็น กั​ันเต็มๆ และกระจับสีดำ�สุดเท่ ไม่แน่ใจว่าเธอหยิบแรงบันดาลใจ มุมไหนของ John Lennon มาใช้เหมือนกันครับ

Write a Bike

Juri Zaech กราฟิกดีไซเนอร์และ ไทโปกราเฟอร์สาวชาวสวิส (แต่ไป อยู่ที่ฝรั่งเศส) ก็เป็นอีกคนที่ชื่นชอบ การปั่นจักรยาน ถึงกับปล่อยงาน 3D painting ที่เขาจินตนาการถึง จักรยานในอนาคต ที่สามารถดีไซน์ การใส่ชื่อ หรือประโยคคำ�พูดสั้นๆ ได้ ทั้งน่ารัก น่าปั่น และน่าคิด ไม่แน่ใน อนาคตเราอาจจะมีจักรยานที่บอกชื่อ ของเราหรือตัวตนของเราได้มากขึ้น ก็เป็นได้ครับ

08


Kate Spade Saturday

Kate Spade แบรนด์เก๋จากนิวยอร์ก เปิดตัวแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ Kate Spade Saturday ที่เน้นเจาะตลาดในกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า แอ๊กเซสเซอรี่ต่างๆ ให้สาวๆ ได้สนุกกับการแต่งตัว ยิ่งกว่านั้นยังมีไอเท็มตกแต่งบ้าน ที่มาพร้อมกับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ เปิดตัว ครั้งแรกที่โตเกียวในเดือนกุมภาพันธ์ และในอเมริกาในเดือน มีนาคม 2013 น่ารัก เก๋ไก๋ ตามสไตล์ Kate Spade เขาล่ะ ติดตามได้ที่ http://saturday.com

09


LookS + TRENDS

Dr.Martens and Agyness Deyn

คอลเล็กชั่นที่สองแล้วกับการร่วมงานกันระหว่าง นางแบบสาวชาวอังกฤษ Agyness Deyn และ Dr.Martens ในงานครั้งนี้เธอได้แรงบันดาลใจ มาจาก Harajuku Girls หลังจากการไปเที่ยว ญี่ปุ่น คอลเล็กชั่นนี้จึงเต็มไปด้วยความมั่นใจและ สไตล์เป็นตัวของตัวเองของเธอ ที่มีทั้งชุดยีนส์ แบบเต็มตัว เสื้อยืดรูปหัวใจประดับโลหะแวววาว แต่ไฮไลต์ของคอลเล็กชั่นนี้อยู่ที่ eyeball print ลายพิมพ์ที่ถอดแบบมาจากดวงตาของเธอเอง ที่นำ�มาลงในกระเป๋า เสื้อ และกระโปรงสั้นได้อย่าง น่ารักและน่าสนใจมากๆ

010


Stussy Deluxe + master-piece

Stussy Deluxe สตรีตแบรนด์ ชื่อดัง จับมือกับ master-piece แบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ออก คอลเล็กชั่นในช่วง Spring นี้ ทั้งกระเป๋าและแอ๊กเซสซอรี่ต่างๆ มายั่วน้ำ�ลายคนรักสตรีตแวร์ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น backpacks (กระเป๋าสะพายหลัง), duffel bags, กระเป๋าสตางค์ ฯลฯ ที่ ดีไซน์แบบมินิมัลเอาใจคนรัก ดีไซน์เรียบเก๋แต่ไม่แก่ด้วยลาย polka dot บนพื้นสีดำ�และสีเบจ สาวกของทั้งสองแบรนด์นี้เตรียม เก็บตังรอกันได้เลย ติดตามได้ที่ www.stussy.com

Levi’s Celebrates 140 Years of the 501

มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 1873 ในปีนี้ก็ได้ฤกษ์ฉลอง ครบรอบ 140 ของออริจินอลยีนส์ Levi’s 501 จากการกบฏที่แสดงให้ เห็นถึงตัวตนของความมีอิสระจนกลาย มาเป็นแฟชั่นที่ทุกคนต่างสวมใส่ และ ในการเฉลิมฉลองครั้งนี้ยังมีโซเชียล แคมเปญ เพื่อบอกว่า Levi’s มีอยู่ ทุกที่ โดยคุณสามารถอัพโหลดสไตล์ การใส่ยีนส์ของคุณมาที่เว็บไซต์ของ Levi’s 501 เพื่อจารึกเป็นส่วนหนึ่งของ ประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ติดตามได้ที่ www.levis501.com

011


AROUND IDEAS

FERM LIVING

new product for spring and summer 2013

เรียบเก๋ กุ๊กกิ๊กในสไตล์สแกนดิเนเวียน กับสินค้าจาก ferm LIVING ประเทศ เดนมาร์ก ที่ในเซต Spring/Summer ปีนี้เน้นที่ลายกราฟิกแบบง่ายๆ อย่าง สามเหลี่ยม ลายคลื่น เส้นทแยง ที่ จัดวางบนพื้นขาวลงตัวน่าใช้ รับชม หรือสั่งซื้อทางเว็บได้ เขามีทั้งหมอน ผ้ากันเปื้อน แจกัน ไม้แขวนเสื้อ แปรงสีฟัน ตะกร้าสวยๆ เรียกว่า ถูกใจคนรักบ้านรักดีไซน์แน่นอนครับ www.ferm-living.com

USB Typewriter

นักเขียนยุคใหม่แต่หัวใจวินเทจ หากเบื่อ การพิมพ์อันแสนลำ�บากบน iPad ที่ใช้อยู่ ขอแนะนำ� USB Typewriter เครื่องพิมพ์ดีด ที่สามารถต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ iPad โดยสามารถใช้ได้เหมือนเครื่องพิมพ์ดีด แบบเดิม เมื่อพิมพ์ข้อความตัวหนังสือก็จะไป ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือ จะใส่กระดาษเข้าไปแล้วพิมพ์ก็ได้ โดยไม่ต้อง เสียเวลาเปิดเครื่องพริ้นต์เลย http://www.usbtypewriter.com

012


Clocks and Lamps Poster

เดี๋ยวนี้ภาพยนตร์ยังมีสามมิติ แล้วทำ�ไมโปสเตอร์แบนๆ จะมีกับเขาไม่ได้ กับสินค้าเก๋จาก Finn Magee ที่เป็นโปสเตอร์พื้นขาวสะอาดตาที่มีรูป นาฬิกาที่สามารถบอกเวลาได้จริง โคมไฟที่เปิดไฟได้ ลำ�โพงวิทยุที่เล่น เพลงได้ ย้ำ�ครับว่าอยู่บนแผ่นโปสเตอร์แบนๆ ครับ ทั้งเก๋ไก๋แถมประหยัด เนื้อที่อีกด้วย

Cat Pencil Sharpener

จะว่าน่ารักก็ใช่ จะว่าโหดก็ได้ครับ กับผลผลิตจาก Slam design ประเทศ อังกฤษ มันคือกบเหลาดินสอสีขาวและดำ� เรียบง่ายรูปน้องแมวเหมียว ที่เมื่อนำ�ดินสอ ใส่เข้าไปเหลาแล้วก็จะมีเสียงร้องเหมียวๆ ด้วย งานน่ารักกับงานโหดๆ นี่ต่างกัน แค่เส้นบางๆ เองนะครับ

013


URB Melting tights

ใส่ในบ้านเราคนเห็นต้องเหลียวหลัง เพราะ URB Clothing แบรนด์ เสื้อผ้าสตรีตจากเยอรมนีแบรนด์นี้ออกสินค้าไอเดียแปลกล้ำ� “Melting tights” ไม่ว่าจะเป็นถุงน่อง เลกกิ้ง ถุงเท้า ที่ใส่แล้วเหมือนมีสีเยิ้มไหลละลาย ออกมาจากกางเกงไล่ไปตามโคนขา แถมมีให้เลือกหลายสีหลายแบบเพื่อมา มิกซ์แแอนแมตช์กับชุดได้หลายสไตล์ จะว่าแปลกก็แปลก แต่ก็เก๋ไก๋ไม่เบา เลยนะ ติดตามได้ที่ urb-clothing.com

014


Aakash Nihalani MATHEMATICAL

แค่เครื่องหมาย บวก ลบ คูณ หาร กับมุมมองเท่ๆ ก็กลายเป็นงาน เก๋ๆ ได้ เหมือนงานจากสตรีตอาร์ต คนเก่ง Aakash Nihalani ที่นำ� เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์มา รวมกับวิวข้างทางจนกลายเป็นงาน เท่ๆ ได้ จริงๆ พี่เขาทำ�งานสตรีต หลากหลายแนวเลยครับ ส่วนมาก จะเป็นแนวมินิมัลเรียบง่ายแต่คิด ยาก อย่างการใช้เทปกาวสี​ีแสบ สร้างรูปทรงเล่นกับการมอง มิติของพื้นที่และคนในบริเวณนั้น ติดตามได้ที่ www.aakashnihalani.com

015


FACE PAGE

I use film.

คุณไปอัดรูปครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ หลายคนคงคิดไม่ออก ในยุคดิจิตอลนี้เราถ่ายรูปกันทีละมากๆ แต่อัดรูปกัน น้อยลง ละเอียดลออกับการเก็บภาพน้อยลง ถ้าคุณเป็นอีกคนที่อยากลดความเร็วและละเมียดกับการถ่ายรูป มากขึ้น ขอแนะนำ�เพจที่ยังรักการบันทึกภาพความทรงจำ�ผ่านม้วนฟิล์ม เพจที่รวบรวมสมาชิกช่างภาพทั้ง มืออาชีพและมือสมัครเล่นฝีมือดีไว้มากมาย ใน I use film. นี้ นอกจากภาพสวยๆ ระดับเทพที่ชาวเพจถ่าย มาแลกเปลี่ยนกันชมพร้อมรายละเอียดกล้องและฟิล์มที่ใช้ เขายังมีกิจกรรมดีๆ ในการถ่ายรูปอีกด้วย สนใจ เชิญได้ที่ www.facebook.com/pages/I-use- ilm/113708422111286?ref=ts&fref=ts

MAG A SEEN

อยากไปเดินดูแผงหนังสือเมืองนอก ก็ไม่มีเงิน จะลองหาดูทาอินเตอร์เน็ต ก็ไม่รู้จักชื่อหนังสือ ใครสนใจและ รักนิตยสารหัวนอกสวยๆ ลองเข้า มาชมเพจ MAG A SEEN ดูครับ เพจเท่ๆ ที่รวบรวมรูปปกนิตยสาร สวยๆ เก๋ๆ ไอเดียบรรเจิดมากมาย หลายแนวจากทั่วโลก ซึ่งนิตยสาร บ้างหัวนี่เรียกว่าแทบไม่เคยได้ยิน ชื่อกันเลยทีเดียว มีทั้งสายแฟชั่น, ข่าวสาร, ไอเดีย, ไลฟ์สไตล์, กีฬา ฯลฯ www.facebook.com/ magazinemagaseen

016


ADdict

คงมีหลายๆ คนที่ฝันอยากทำ�งานในวงการโฆษณาหรือชอบดูโฆษณาไอเดียแปลกๆ คุณสามารถมาชมได้ที่ เพจ ADdict ครับ เพจของคนบ้างานโฆษณานี้เขาอัพเดททั้ง โปสเตอร์, TVC, มีเดียหลายรูปแบบพร้อมบอก ชื่อแคมเปญและเอเจนซี่ของโฆษณาไอเดียคมคายจากทั่วโลก ดูแล้วกระตุ้นต่อมสมองดีครับ ติดตามที่ www. facebook.com/pages/ADdict/152956324760385?ref=stream

SAVE OUR CYCLISTS

การขี่จักรยานไม่ว่าจะจักรยานแนวใหม่ แนวเก่า แนวสุขภาพ แนวอินดี้แฟชั่นหรือ แนวไหนก็แล้วแต่ กำ�ลังเดินหน้าขยายวง กว้างขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านเรา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี ทั้งสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ในบ้านเมือง เราความปลอดภัยบนท้องถนนก็ขึ้นชื่อใน อันดับต้นๆ ของโลกเลยครับว่า...เสี่ยง จึง ขอให้ชาว Biker ทั้งหลายมาร่วมกันแชร์ ความเห็นในเพจ SAVE OUR CYCLISTS เพจดีๆ ที่รณรงค์เรื่องความปลอยภัย บนท้องถนนสำ�หรับผู้ขับขี่จักรยานอย่าง เราๆ แม้จะเป็นมุมเล็กๆ น้อยๆ ของสังคม เมืองใหญ่ แต่ถ้ามุมเล็กๆ นี้กระจายตัว มากขึ้นๆ เมืองใหญ่เมืองนี้คงน่าอยู่กว่า ตอนนี้ไม่มากก็น้อยครับ เข้ามาชมกันนะ ครับเพื่อสังคมที่ดีกว่า ชมกันได้ที่ www. facebook.com/savecyclists 017


MUSIC,MOVIE &BOOK music

ส่วนเรื่องตัวเพลงก็ไม่ผิดหวังครับ ยังคงความลอยของเสียงร้องและ ความสากบี้ของซาวนด์แบบชูเกสไว้ เต็มที่และไม่เก่าไม่แก่ไปตามวงแน่นอน อย่างเพลง only tomorrow เพลง สนุกๆ ที่ออกจะอันเทอร์ฯหน่อยๆ เพลง new you ที่ท่อนขึ้นเพลง ค่อยๆ ดังขึ้นมา และเสียงร้องสวยๆ หม่นๆ เพลงนี้เพราะแบบสไตล์เพลง เต้นรำ�เก่าๆ สุดยอดครับ เพลง nothing is กับจังหวะลูปมันๆ หนักๆ ที่ขยี้กันตั้งแต่ต้นจนจบเลย (เอาให้พอ) ที่อีกที่ขึ้นมาคล้ายเสียงเครื่องบิน wonder 2 เพราะทีเดียวครับเสียง ร้องก้องๆ หนึดๆ มีอารมณ์ของ mbv อีเล็กทรอนิกส์แบบ drum’n’bass My Bloody Valentine ซาวนด์นี่เรียกว่าตีกันมันแต่ฟังดีครับ ไม่ใช่ว่าหูฟังหรือลำ�โพงของคุณเริ่ม และอีกหลายเพลงอย่าง if i am, เสื่อมสภาพนะครับ ราชาเพลงล่องลอย in another way, who sees สายชูเกสที่เคยโด่งดังตั้งแต่ช่วงปลายปี you จริงๆ 9 เพลงที่ออกมาน่าฟัง ‘80s และหายวับไปตั้งแต่ปี 1991 กลับมา หมดครับ ซึ่งก็โปรดิวซ์โดย Kevin แล้วกับวง My Bloody Valentine Shields หัวหน้าวงเจ้าเก่า ถึงซาวนด์ ที่ห่างจากอัลบั้มสร้างชื่อชุดที่แล้ว จะรกหูคนไทยไปบ้างแต่ก็เพราะครับ Loveless ประมาณ 20 ปีได้ครับ และ www.mybloodyvalentine.org อัลบั้มล่าสุดในปกสีน้ำ�เงินแป๊ด MBV ที่จัดเต็มทั้งซีดี ดาวน์โหลด แผ่นเสียง และการทัวร์หลายประเทศ เรียกว่า เต็มสูบครับ

018


documentary

Reincarnated Snoop Lion

เป็นแร็ปเปอร์ตัวโย่งรุ่นใหญ่ที่ ใครๆ ก็รู้จัก สำ�หรับ Snoop Dogg พี่เขาเล่นหนังฮาๆ มันๆ มาก็มากครับ แต่สำ�หรับคนที่ อยากจะรู้ประวัติความเป็นมาแบบ เข้มข้นของเขาต้องชมภาพยนตร์ เรื่อง Reincarnated ที่ไล่เรียง ชีวิตที่มุ่งมั่นด้วยศรัทธาของเขา ตั้งแต่บ้านเกิด คดีความ ช่ื่อเสียง การสูญเสีย ภาพยนตร์ชีวประวัติ เรื่องนี้จัดทำ�โดยนิตยสารสุดเท่ Vice Magazine แถมเป็นหนัง คัดสรรจากงาน Toronto International Film Festival ด้วย Reincarnated จะเริ่มฉาย เดือนมีนาคม ในประเทศอังกฤษ แต่ก็นะ บ้านเราก็คงหาชมยาก นิดนึงครับ snooplion.com

Vamps

ลืมไปได้เลยกับตำ�นานแวมไพร์ในรูปแบบเดิมๆ เมื่อสองสาวแวมไพร์สุดเก๋ ชิก กู้ดดี้ (อลิเซีย ซิลเวอร์สโตน) และสเตซี่ (คริสติน ริตเตอร์) สองแวมไพร์สาวใช้ชีวิตอยู่ใน มหานครนิวยอร์ก พวกเธอปาร์ตี้กันสุดเหวี่ยงทุกคืน โดยที่ไม่เคยเปิดเผยถึงตัวตนที่แท้จริง แต่ถึงแม้ทั้งสองจะมีชีวิตอยู่มานานแล้ว แต่ดูเหมือนพวกเธอ ยังต้องเรียนรู้อีกมากถ้ามันเกี่ยวกับเรื่องความรัก เมื่อสเตซี่ ดันไปตกหลุมรักชายหนุ่มสุดหล่อ ที่เป็นลูกชายของตระกูล นักล่าแวมไพร์ ในขณะที่กู้ดดี้ก็ต้องเจอกับผู้ชายที่เธอเคย มีความสัมพันธ์ด้วยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว...แถมเรื่องราว ก็ยังยุ่งเหยิงมากขึ้น เมื่อซิสเซรัส (ซิกอร์นีย์ วีเวอร์) แวมไพร์รุ่นใหญ่ที่เป็นผู้เปลี่ยนพวกเธอ ก็เดินทางมายัง นิวยอร์กและกลายเป็นตัวแปรสำ�คัญที่ทำ�ให้พวกเธอต้อง เลือกระหว่างความรักหรือชีวิตที่เป็นอมตะ ประมาณปลาย เดือนมีนาคมนี้ในโรงภาพยนตร์ครับ

019

movie


movie Django Unchained

เริ่มต้นจาก Reservoir Dogs, Pulp Fiction, Jacky Brown, Kill Bill 1-2, Death Proof, Inglorious Basterds และ Django Unchained เป็นผลงานล่าสุดจากผู้กำ�กับฯและเขียนบทผู้มีสไตล์ เล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงกับบทสนทนาที่คมคาย เขาคือ เควนติน ทารันติโน่ ไม่นานหลังเข้าฉายในอเมริกา Django Unchained ก็ประสบความสำ�เร็จเป็น อย่างมาก ด้านรางวัลก็คว้าจากลูกโลกทองคำ�, Befta (ตุ๊กตาทองของอังกฤษ) และ ออสการ์ 2 สาขา ไม่น่าเชื่อว่าจะบังเอิญได้รางวัลเดียวกัน คือนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม คริสตอฟ วอลซ์ (เขาเคยได้รับรางวัลสาขานี้บนเวทีออสการ์จาก Inglourious Basterds ผลงานกำ�กับฯของ ทารันติโน่เรื่องก่อนหน้านี้) และบทภาพยนตร์ดั้งเดิม ยอดเยี่ยม ส่วนด้านรายได้ก็เป็นภาพยนตร์ที่ทำ�เงิน สูงสุดของผู้กำ�กับฯสุดมันคนนี้ เรียกว่าได้กันทั้ง เงินทั้งกล่องกันเลยทีเดียว Django Unchained เป็นภาพยนตร์แนวคาวบอย สุดเท่ที่รวมดาราออสการ์สุดเก๋าอย่างเจมี่ ฟ็อกซ์, คริสตอฟ วอลซ์ และลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ หนังเล่า เรื่องราวของทาสที่มีชื่อว่าจังโก้ (เจมี่ ฟ็อกซ์) กับ นักล่าค่าหัวนามว่า ดร.คิง ชุลซ์ (คริสตอฟ วอลซ์) ในภารกิจตามล่าพี่น้องบริตเตอร์ผู้โหดเหี้ยมของ ชุลซ์ โดยความช่วยเหลือของจังโก้ และภารกิจ ตามหาและช่วยเหลือบรูมฮิลด้า (เครี่ วอชิงตัน) ภรรยาของจังโก้ ซึ่งตกเป็นทาสของแคลวิน แคนดี้ (ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) เจ้าของไร่ ”แคนดี้แลนด์” ผู้โหดเหี้ยม ซาดิสม์ ถึงเนื้อเรื่องดูง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่ด้วยฝีมือการกำ�กับฯและเขียนบทของทารันติโน่ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ทั้งการแสดงที่เข้มข้น การ ถ่ายที่งดงาม มีสไตล์ และบทพูดที่มีรายละเอียด เฉียบคมชวนติดตาม ใครที่เป็นแฟนเควนติน ทารันติโน่ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง พิสูจน์กันได้ในโรงภาพยนตร์ 14 มีนาคมนี้

020


music

Thao & The Get Down Stay Down

ร้อนๆ แบบนี้มานั่งฟังเพลงร็อกๆ หนักอาจจะไม่ค่อยไหว ลองมาฟังอินดี้ โฟล์กจากซานฟรานซิสโกวงนี้ดีกว่า กับ Thao & The Get Down Stay Down ที่เพิ่งปล่อยอัลบั้มอันดับที่ห้าในชื่อ We The Common เมื่อต้นเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาครับ ซึ่งก็ยังคงความสดใสในน้ำ�เสียงและความมันใน อารมณ์ของ Thao Nguyen แกนนำ�วง เหมือนอัลบั้มก่อนๆ หน้านี้ครับ แต่ที่ฟังจากเพลงที่โปรโมทในอัลบั้มล่าสุดนี้อย่างเพลง We The Common ความเป็นอินดี้ป๊อปก็ถูกแทนด้วยอารมณ์แบบทุ่งกว้าง พื้นเมือง เครื่องสาย แบบพื้นบ้าน และการร้องที่ออกเย็น ชิลล์ๆ แต่ยังคงความสนุกไว้ คงเหมือน ภาพปกอัลบั้มที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ แต่ก็แบบมีแถบสีสันปาดทับอยู่ประปราย เพลง Holy Roller ที่มีเมโลดี้ที่ขึ้นมาคล้ายเพลงจีน เป็นเพลงจังหวะโยนๆ หน่อย ท่อนฮุกเน้นขึ้นมาสนุกดีครับ พาร์ตดนตรีและการประสานเสียงก็รับ กันดี มีทั้งช่วงน้อยจนไปถึงอึกทึกเล็กๆ เพราะเพลงนี้เขียนถึงช่วงเวลาที่มี ทั้งขึ้นและลงของชีวิต ถ้าอยากสนุกหน่อยก็เพลง City ที่มีจังหวะพื้นเมือง แน่นๆ เดินกับเสียงร้องใส เท่ และเมโลดี้แนวร็อก ฟังก์ จบด้วยการร้องแบบ ประสานเสียง จริงๆ ก็ฟังวงนี้มาหลายอัลบั้ม ชอบความมีคาแร็กเตอร์กวนๆ น่ารักของ Thao Nguyen และการทำ�เพลงที่พยายามสร้างสรรค์อารมณ์ ใหม่ๆ ติดตามได้ที่ www.thaoandthegetdownstaydown.com

021


movie Mood Indigo (L’e’cume des jours)

หนังเรื่องใหม่ของ Michel Gondry ผู้กำ�กับฯชาวฝรั่งเศส ที่เจนจัดทั้งภาพยนตร์ มิวสิกวิดีโอ โฆษณา และใน Mood Indigo นี้ นำ�แสดงโดย Audrey Tautou นักแสดงหญิงที่ กุมหัวใจคอหนังมานักต่อนักจากเรื่อง Amelie และ Romain Duris จากเรื่อง The Beat That My Heart Skipped สร้างมาจากนวนิยายฝรั่งเศส Froth on the Daydream (L’e’cume des jours) โดย Boris Vian เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ความรักของ Colin นักประดิษฐ์เปียโนค็อกเทลผู้ร่ำ�รวย เขา ตกหลุมรัก Chloe ด้วยความช่วยเหลือของ Nicolas และ Chick เพื่อนของเขา ทำ�ให้ได้พบกับ Chloe แต่หลังจากแต่งงานเธอ ก็ป่วย เหมือนกับมีดอกไม้เติบโตในปอด เพื่อที่จะหยุดอาการนี้ Colin ต้องใช้จ่ายอย่างมากเพื่อที่จะรักษาความรักของเขาไว้ หนังกำ�หนดฉายในฝรั่งเศสวันที่ 24 เมษายนนี้

022


movie

Wish Us Luck ‘ขอให้เราโชคดี’

วรรณแวว และ แวววรรณ หงส์วิวัฒน์ ชื่อที่หลายๆ คน อาจไม่คุ้นกันสักเท่าไหร่ ทั้งคู่เป็นพี่น้องสองสาวฝาแฝดที่มี ความสนใจในการทำ�ภาพยนตร์และงานศิลปะ โดยมีผลงาน ที่ผ่านมาเช่น “คืนวันเสาร์” สารคดีสั้น เล่าเรื่องราวของ เธอในวันเสาร์ที่เตรียมตัวจะไปเฮฮากับเพื่อนๆ แต่กลับมีเหตุ ให้ต้องไปชุมนุมม็อบการเมืองกับพ่อ ปี 2006 ได้รางวัล รองชนะเลิศ สาขาช้างเผือก เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 10, “สมัครงาน” เล่าเรื่องของเด็กที่เพิ่งจบใหม่แล้วต้องมา หางานทำ� ปี 2007 ได้รางวัลรองชนะเลิศ สาขาช้างเผือก เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 11 และ “Dear Mum And Dad” ที่ป็นจดหมายถึงพ่อกับแม่ บอกเล่าเรื่องราวชีวิต ของเธอทั้งคู่ในขณะร่ำ�เรียนอยู่เมืองนอก เข้ารอบเทศกาล หนังสั้นครั้งที่ 14 Wish Us Luck ’ขอให้เราโชคดี’ เป็นผลงานล่าสุด ซึ่งเป็น ภาพยนตร์สารคดีขนาดยาวเรื่องแรกของทั้งคู่ และยังเป็น

งานธีสิส ในการเรียนสาขา Artists’ Film Video Photography มหาวิทยาลัย University for the Creative Arts เล่าเรือ่ งการเดินทางโดยรถไฟจากลอนดอน กลับกรุงเทพฯของพวกเธอ ซึ่งถ้านั่งเครื่องบินกลับ คงใช้เวลาแค่วันเดียวก็ถึงแล้ว แต่พวกเธอเลือกใช้เวลา 1 เดือน กับการเดินทางด้วยรถไฟ เริ่มจากอังกฤษฝรั่งเศส-เยอรมนี-รัสเซีย-มองโกเลีย-จีน-เวียดนาม-ลาว จนถึงไทยแลนด์บ้านเรา ระหว่างทางที่ทั้งสองต้องเจอ ทั้งผู้คนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างความคิด และต่าง วัฒนธรรม อุปสรรคภายนอกและภายในใจที่เกิดขึ้นใน ระยะเวลา 1 เดือน ภาพสองข้างทางรถไฟที่สวยงาม กับภาพของความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ผสมกันกลาย เป็นคำ�พูดอวยพรเล็กๆ ที่เปี่ยมด้วยความหมาย “Wish Us Luck ขอให้เราโชคดี” ร่วมประสบการณ์เดินทางไป พร้อมกับพวกเธอได้ในวันที่ 7 มีนาคม 2556 ที่ House RCA ที่เดียวเท่านั้น ไม่แน่นะครับ คุณดูแล้วอาจจะเกิด แรงบันดาลใจอยากออกเดินทางแบบนี้บ้างก็เป็นได้

023


book เปลือย : วรพจน์ พันธุ์พงศ์

ความเรียงที่คัดสรรจากคอลัมน์ Being There จากนิตยสาร IMAGE และ ‘ถนนสายหนึ่ง’ จาก GM ตีพิมพ์ช่วงปี 2554-2555 ทั้งเรื่องน้ำ�ท่วม, การพูดคุยกับ รุ่นน้องสื่อมวลชน และ“หนึ่ง หนึ่ง สอง” ที่กลั่นกรองกันมารวมอยู่ในหนังสือที่ชื่อ เปลือย เล่มนี้ ด้วยเรื่องราวจากประสบการณ์ อันหลายหลากทั้งเรื่องส่วนตัวและไม่ส่วนตัวที่ พี่เขาได้รู้สึกและนึกคิดกับสิ่งนั้นๆ พร้อมทั้ง ภาพประกอบที่ให้อารมณ์จากมุมมองการถ่าย ภาพของพี่วรพจน์เอง (ยกเว้นเรื่องเปลือย ภาพโดย ธาดา เฮงทรัพย์กูล) อีกอย่างหนึ่ง ที่พิเศษคือ ปกติแล้วงานเขียนส่วนใหญ่ของพี่ วรพจน์มักจะเป็นความเรียงหรือไม่ก็จะเป็นบท สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้พี่เขาแอบมีเรื่องสั้นมาไห้ อ่านกันหนึ่งเรื่องด้วยครับ ชื่อเรื่อง ‘เรื่องรัก ของเรา’ ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของทางธรรม และน้ำ�อุ่น หลากหลายเรื่องราวที่อ่านจบแล้ว แต่เหมือนยังมีบางอย่างที่ตกค้างในความรู้สึก จนทำ�ให้เราต้องนำ�ไปขบคิดต่อทบทวนกับ ตัวเองอย่างจริงใจและเปิดเปลือย

book 3L2 / Live Love Laugh 2 : มนูญ ทองนพรัตน์

หนังสือสุดสวยสบายตาที่รวมเอานักสร้างสรรค์ กว่า 19 ชีวิต เปิดบ้านโชว์มุมมองผ่านแต่ละมุม ห้อง ในหนังสือ 3L2 / Live Love Laugh 2 โดย คุณ มนูญ ทองนพรัตน์ นักเขียนผู้เจนจัดเรื่อง ที่อยู่อาศัย แต่เล่มนี้ไม่ใช้หนังสือแต่งบ้านที่เน้นภาพ ที่เซ็ตมาลวงคนให้ซื้อของแพงๆ แต่เป็นการบอกเล่า อย่างเพลินตาและนุ่มนวลถึงการเติบโต บ่มเพราะ ของความคิดและการใช้ชีวิตกว่าจะเดินทางมาเป็น นักสร้างสรรค์แนวหน้าในทุกวันนี้ อาทิ จิตต์สิงห์ สมบุญ, พี่เจ้ย อภิชาติพงศ์, อ๋อง วุฒิกร, เล็ก Greasy Cafe และอีกมาก ซื้อดูก็สวยซื้ออ่านก็ดี อย่างนี้ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ

024


025


LOVE PLACE

HUBBA THAILAND : OPEN YOUR WORKING MIND ในทุกวันนี้ พลังของการสื่อสารนอกจากจะ ผลักหมุนโลกของเราให้เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อน แล้วพลังของมันยังพังกำ�แพงของการ ทำ�งานแบบเดิมๆ ออกไปด้วย อย่างคน ยุคใหม่ไฟแรงหลายท่านที่เลือกวิถีการ ทำ�งานในแบบใหม่ ที่เน้นอิสระทั้งในด้าน การคิดและไลฟ์สไตล์

TEXT & PHOTO : PIE

การออกมาสร้างกิจการเล็กๆ ของตนจนถึงการทำ�งาน แบบฟรีแลนซ์จึงขยายตัวมากขึ้น แต่สิ่งที่สำ�คัญมาก อย่างหนึ่งในการทำ�งานเกือบทุกด้าน คือสังคมคนรอบข้าง การแชร์และแบ่งปันความคิด ประสบการณ์ การช่วยเหลือ แม้กระทั่งการพูดคุย ในการทำ�งานของคนยุคใหม่ที่กล่าวมา แม้มีอิสระแต่ก็ขาดในสิ่งเหล่านี้ “HUBBA Thailand” พื้นที่ เพื่อเชื่อมสังคมคนทำ�งานอิสระจึงเกิดขึ้นจากคำ�ว่า “Hub” ที่แปลว่า จุดรวม ศูนย์กลาง มาผนวกกับคำ�ว่า Ba ที่แปล เป็นไทยแบบทับศัพท์ว่า “บ้า” ซึ่งเป็นเปรียบเทียบกึ่ง หยอกล้อคนทำ�งานอิสระ ว่าเป็นพวกกล้าเกินคนปกติ กลายเป็น HUBBA นั่นเอง พื้นที่ของบ้านสีขาวที่มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นล้อมรอบบริเวณ ย่านเอกมัย ซอย 4 ภาพลักษณ์ภายนอกของที่นี่ทำ�เอาภาพ ออฟฟิศแบบเดิมๆ เลือนรางจนแถบจะไม่เหลือ กับสนามหญ้า

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

026


ขนาดย่อมๆ โต๊ะปิกนิกที่มีคนสองสามคนนั่งทำ�งานกึ่งพักผ่อนอยู่ใต้เงาไม้ใหญ่ ก่อนจะมารู้สึกตัวอีกทีตอน เปิดประตูมาพบเคาน์เตอร์เก๋ไก๋ ที่คุณสามารถจะบอกความต้องการในการใช้บริการ เช่น จะใช้บริการส่วนไหน มากี่คน มาวันเดียวหรือจองเป็นแพ็กเกจ

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

027


ซึ่งเรื่องราคาทาง “HUBBA” บอกว่า เพราะความคิด ที่ว่า ผู้เป็นเจ้าของกิจการใหม่อาจมีรายได้ไม่สูงนัก เขาจึงตั้งราคาประมาณกาแฟแพงๆ สองแก้วตาม คอฟฟี่ช็อปที่คนชอบไปนั่งหมกตัวทำ�งานกันนั่นเอง (แต่ที่นี่กาแฟสามารถชงดื่มได้ตลอดจ้า) ในส่วนของพื้นที่นั่งทำ�งานบนพื้นไม้สีอุ่นสบายตาและ แสงแดดที่ลอดเข้ามาได้พอสว่างโล่งแต่ไม่ร้อน ก็มีทั้ง เป็นห้องกลางที่ทุกคนเลือกนั่งได้ตามอัธยาศัย ห้อง ประชุมเล็กสำ�หรับการประชุมของกิจการเล็กหน่อย สัก 5-6 ท่านกำ�ลังสวย ลัดขึ้นชั้นสองผ่านโคมไฟดีไซน์ เท่กลางบันไดเก๋ ก็พบกับห้องประชุมใหญ่ที่น่าจะจุได้ เยอะพอสมควร สักสิบจนถึงเกือบๆ ยี่สิบคน พร้อม ทั้งเครื่องฉาย (แบบให้ใช้ฟรีๆ) แถมมีห้องพิเศษด้วย หากใครที่ต้องการสมาธิในการทำ�งาน ทางเขาก็มีห้อง แบบ Quit Zone ที่ห้ามส่งเสียงดังหรือใช้โทรศัพท์ มือถือ ส่วนโซนด้านหลังจะแบ่งเป็นห้องครับ สำ�หรับ

การเช่าออฟฟิศเป็นระยะเวลานานหน่อย แต่ห้องนี้ โดนจองร่วมครึ่งปีไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ส่วนใคร อยากได้อารมณ์ทำ�งานในสวนแบบชิลล์ๆ ด้านนอกก็มี โต๊ะไว้ให้บริการครับ เรียกว่านั่งทำ�งานไปชมสวนไป ได้บรรยากาศ แถมมีแทมโบรีนให้กระโดดเล่นแก้เครียด อีกด้วย นอกจากการตกแต่งที่ดูดี อินเตอร์เน็ตที่แรง ขั้นเทพ แอร์เย็นฉ่ำ�และบรรยากาศร่มรื่น ก็ยังมีมุม หนังสือที่มีทั้งพ็อกเก็ตบุ๊ก แม็กกาซีน และฟรีก๊อบปี้เท่ ให้หยิบอ่านกันตามสะดวกอีกด้วย ทาง HUBBA Thailand ยังเสริมว่า ผู้ที่มาใช้บริการ ที่นี่มีหลากหลายอาชีพ แม้หลักๆ จะเป็นสายไอทีและ สายครีเอทีฟ แต่ก็ยังมีสาขาอาชีพอื่นที่น่าสนใจอย่าง คุณหมอที่มานั่งทำ�เว็บออนไลน์เรื่องการแพทย์ สาวชาว ฝรั่งเศสที่ขายของออนไลน์ทั่วโลก เจ้าของกิจการร้าน อาหารที่มาวางแผนกิจการกันนอกร้าน นักทำ�สารคดี ชื่อดังจากต่างประเทศที่แวะเวียนไปที่ต่างๆ ทั่วโลก

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

028


นักเขียนที่ต้องการที่ปล่อยจินตนาการ จนไปถึงศิลปิน วาดภาพที่ไม่ถือคอมพิวเตอร์แต่หิ้วเฟรมและพู่กันมา เขียนรูปก็ยังมี ไม่เพียงแค่นั่งทำ�งานเท่านั้น HUBBA Thailand ยังขยัน หมั่นทำ�กิจกรรมดีๆ เพื่อเจ้าของกิจการและคนทำ�งาน อิสระหลากหลายแขนง ทั้งการอบรมการวางแผนธุรกิจ อบรมการใช้โปรแกรมออกแบบ กิจกรรมการกุศลต่างๆ แม้กระทั่งสอนทำ�เค้กหรือสอนโยคะก็ยังมี แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าสิ่งที่กล่าวมาคือรอยยิ้มและการ พูดคุยอย่างเป็นกันเองของคนที่มานั่งทำ�งานใน HUBBA Thailand แห่งนี้ครับ พอดีกับเวลาเที่ยงที่ทุกคนทั้ง พนักงาน เจ้าของ คนต่างชาติ และหนุ่มสาวคนทำ�งาน อิสระบ้านเรานั่งทานข้าวและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม จุดนี้เองที่ผมมั่นใจว่าไม่มีที่บ้านหรือร้านกาแฟไหนๆ จะทำ�ได้ จุดเชื่อมของคนต่างสาขาต่างวิชาจนถึงต่าง เชื้อชาติ การจะเชื่อมจุดเหล่านี้ให้อยู่ด้วยกันได้

จนกลายเป็น Co-Working Space ที่มีการแบ่งปัน พื้นที่ แบ่งปันความรู้ ความสามารถ และแบ่งปันน้ำ�ใจ HUBBA Thailand เป็นพื้นที่นั้นและจุดเชื่อมนี้จะยังคง ขยายตัวไปเรื่อยๆ และแข็งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน ขอขอบคุณ คุณมิ่ง มหากิตติคุณ ที่สละเวลาในการพูดคุย และขอขอบคุณพนักงาน ทุกท่านใน HUBBA Thailand ครับ hubbathailand.com, www.facebook.com/hubbathailand

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

029


LOVE PLACE

PLAY YARD by studio bar

การหาร้านกินดื่มชิลล์ๆ ในยุคนี้คงเป็นอะไรที่ไม่ยากสำ�หรับคนกรุงอย่างเราๆ นะครับ แต่ในจำ�นวน ร้านสำ�หรับสังสรรค์ที่มีอยู่มากมายนี้ จะมีสักกี่ร้านที่เรานั่งคุยกับเพื่อนฝูงคนสนิทได้อย่างเพลิดเพลิน มีดนตรีหลากหลายทั้งไทยทั้งเทศ ทั้งเพลงฮิตทั้งเพลงหาฟังยากๆ บรรยากาศการแต่งร้านเท่ มีสไตล์ แต่นั่งสบายเป็นกันเอง ราคาไม่แพง สมเหตุสมผล หลังจากฟังข้อต่างๆ ที่ว่ามานี้ ตัวเลือกก็ลดฮวบ ทันทีใช่ไหมครับ สำ�หรับผม หนึ่งในร้านที่ครบสูตรที่ว่ามานี้ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลครับ ลาดพร้าวซอย 8 นี่เอง ในชื่อ PLAY YARD by studio bar

TEXT : PIE / PHOTO : PIE, PLAY YARD by studio bar

ร้าน PLAY YARD by studio bar เริ่มจากความตั้งใจ ของคนที่รักการเที่ยวสังสรรค์และการฟังเพลง บวกกับ ชื่นชอบอารมณ์ของการเล่นดนตรีสดแบบไลฟ์เฮาส์ใน ต่างประเทศ ความตั้งใจของทางร้านจึงอยากจะเปิดร้าน ที่มีพื้นที่ที่เหมาะจะเล่นดนตรีสด เพื่อให้ทั้งนักฟังและ นักเล่นได้มาสนุกกันอย่างเต็มที่ ด้วยลักษณะของร้านที่ แบ่งเป็น 2 โซน คุณโบ๊ตจึงแบ่งสัดส่วนเป็นสองแบบสอง อารมณ์ ด้านในเป็นที่สำ�หรับเล่นดนตรีสด ตกแต่งใน แนวเซอร์ เท่ๆ มีอาร์ตๆ มีของเล่นของตกแต่งน่ารักๆ อย่างตุ๊กตาฮีโร่ ทีวี และตู้เย็นเก่า โปสเตอร์เท่ๆ โคมไฟ แปลกๆ และดูเหมาะทีเดียวกับคำ�ว่า Studio ด้านนอก เป็นกึ่ง outdoor (แต่มีหลังคา) บริเวณพื้นปูหญ้าเทียม เป็นระยะๆ พร้อมชิงช้าและไม้ลื่นน่ารัก ด้านหน้าเป็น โซนของ PLAY YARD ซึ่งเป็นความตั้งใจเของร้านที่เชื่อ ว่าทุกคนยังมีความสนุก ความมัน ความเป็นเด็กอยู่ในตัว และที่นี่เป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนได้ปลดปล่อยความเป็น เด็กของตัวเองอย่างเต็มที่

ด้วยแนวคิดเช่นนี้เองทำ�ให้บรรยากาศในร้านออกมา เป็นกันเอง ลูกค้าที่มาหลายๆ โต๊ะก็จะรู้จักทักทายกัน เพราะทางร้านไม่อยากให้การมาเที่ยวเป็นการต้องมา ยืนเท่ๆ เกร็งๆ เพราะสิ่งที่คุณโบ๊ตให้ความสำ�คัญกับ ลูกค้าคือความสบาย เรื่องดนตรีสำ�หรับที่นี่ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นครับ เรียกได้ว่า ครอบคลุมทีเดียวครับ อย่างใครสนใจร็อกอเมริกันและ อังกฤษมาวันพฤหัสบดี ใครมาแนวเพลงเก่าทั้งไทยและ เทศเชิญวันจันทร์ อินดี้ร็อกไทยก็มีนะครับในวันอังคาร ใครเบื่อการฟังเพลงอย่างเดียวก็มาวันพุธ เพราะจะมีการ พูดคุยสนุกๆ คลุกเสียงเพลงกับวงมะขามป้อม วันศุกร์ และเสาร์ก็กว้างๆ หน่อยทั้งร็อกสนุกทั้งเพลงฮิตทั้งอินดี้ เอาใจทุกคน ซึ่งมีวงดนตรีรุ่นใหม่ฝีมือดีที่พี่เขาอยากให้ ลองอยู่หลายวงครับ อย่างร้อยแรงม้าแบนด์ (วันอังคาร), Zweedz n’ Roll, มัง ซี โซ ยี่ โป่ เหล่า ก๊าย (ชื่อวง สุดยอด เล่นวันเสาร์), Sweet Green Soup แต่ไม่มี

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

030


PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

031


แค่วงเล็กๆ นะครับ ลองติดตามเฟซบุ๊กของทางร้าน ดูนะครับ เพราะเขาจะจัดกิจกรรมดนตรีดีๆ สนุกๆ อยู่ตลอด ซึ่งมีวงอย่าง The Yer, Lomosonic, เล็ก greasy cafe และทางร้านยังเกริ่นๆ ถึงกิจกรรม อื่นๆ ที่อาจจะมีในอนาคตอันใกล้ อย่างกิจกรรม เกี่ยวกับภาพยนตร์และศิลปะอื่นๆ สำ�หรับคนที่ ธุรกิจการงานเยอะแต่ไม่อยากพลาดของดี ไม่ต้อง คิดมากหรือเสียใจไป ก็ยังเพิ่มความไฮเทคฉากการ เล่นดนตรีสดและบรรยากาศสนุกสุดมันในร้านผ่าน ทางเว็บแบบเรียลไทม์อีกต่างหาก (แต่ไปที่ร้านเลย จะการันตีความมันกว่าแน่นอน)

ความสนุกของร้านยังลามไปถึงเมนูอาหารด้วยครับ ด้วยความที่ร้านชื่นชอบฟุตบอลและถ่ายทอดแมตช์ สำ�คัญเป็นประจำ�อยู่แล้ว จึงมีเมนูชื่อแปลกหูอย่าง โรนัลโด้ทอดกรอบ, ยำ�ไข่ซีดาน, ยำ�นางฟ้าเทวดา (เป็น ยำ�ที่มีปูม้าสด หอยนางรม กุ้ง หมูกรอบ ไข่ เด็ดครับ แนะนำ�ๆ), หมูกรอบทอดกระเทียมสตูดิโอบาร์ อันนี้ก็ เด็ด โดยทางร้านก็เน้นในการกินอิ่มสบายท้องด้วย ไม่ได้มาดื่มอย่างเดียว ลูกค้าหลายคนก็ตั้งใจมากินข้าว เย็นที่ร้านโดยเฉพาะด้วย ตอนนี้ทางร้านเพิ่งครบรอบ 1 ปีไปเมื่อวันที่ 1 มีนาคมนี้เอง และก็ได้บอกกับเราว่า “ยังคงพัฒนาร้านต่อไปให้ดีขึ้น และยังเน้นที่ความสุข

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

032


ขอบคุณพี่โบ๊ตที่สละเวลามาพูดคุยกันครับ www.facebook.com/PayaYardbyStudioBar, www.playyard8.com

ของลูกค้า ตอนที่ลูกค้ามาขอเพลง ‘เพลงนี้เพราะจัง เพลงอะไร’ เวลาที่ลูกค้าชอบอาหาร เวลาที่ลูกค้าเขา สนุกเขาพอใจ นั้นเป็นสิ่งที่ทำ�ให้เราหายเหนื่อย” ครั้งหน้าถ้าอยากจะพักจากใบหน้าเครียดๆ เกร็งๆ เพราะต้องปั้นหน้าดูดีในผับดังๆ หรือเบื่อการนั่งฟัง เพลงเดิมๆ ที่เล่นเหมือนกันทุกที่ ก็เชิญลองมาหา ความสนุกสนาน เป็นกันเอง ฟังเพลงดีๆ ทานอาหาร อร่อยๆ และสังสรรค์พบเจอกับเพื่อนใหม่ ในสนาม เด็กเล่นข้างสตูดิโอแห่งนี้ ที่ PLAY YARD by studio bar ลาดพร้าวซอย 8 นะครับ

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

033


PIE TALK

TEXT : PIE / PHOTO : PIE, LW bags

FASHION CAMERA BAGS

สองคู่รักที่เริ่มจากคนเล่นกล้องทั่วไปแต่ไม่พอใจกับกระเป๋ากล้องที่มีในตลาด จนออกจากงานประจำ� กลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์นำ�เข้ากระเป๋าน่ารักเก๋ไก๋ LW bags ที่นอกจากเลือกกระเป๋ากล้องสวยๆ เคสหนังเท่ๆ วันนี้เขาทั้งสองก็มีสายคล้องกล้องน่ารัก แถมไม่มีใครเหมือน เพราะเป็นสินค้าที่เขาทั้งสอง ออกแบบและผลิตด้วยตัวเองแล้ว เรามาดูมมุ มองของเจ้าของกระเป๋ากล้องน่ารัก คุณวิ วิพาพร รักเดช และคุณเหลิม ชนันตพล พู่โชตินันท์ สองคู่รักเจ้าของแบรนด์ LW bags กัน

“ตอนที่ทำ� LW bags พี่สองคนชอบถ่ายรูป เล่นกล้อง ไปเรื่อยๆ มันต้องมีอุปกรณ์อย่างอื่นเพิ่ม เราก็เลย ต้องซื้อพวกเลนส์ต่างๆ พอมีอุปกรณ์เพิ่มเราก็อยาก ได้กระเป๋าใหม่เพิ่ม แล้วกระเป๋าใบเก่าจะจัดการยังไง จะขายเพื่อนก็กลัวมันไม่ซื้อ เราเลยลองไปหาดูใน google เห็นมีคนขายในเว็บก็เลยเอาไปขาย มีคน สนใจซื้อกระเป๋ารุ่นนี้แหละที่เรามี เลยเห็นแนวทาง

เห็นช่องทางไปหากระเป๋ามือสองดู ไปโรงเกลือ ไป สวนจตุจักร ไปหาที่ไหนก็ได้ที่มันมีกระเป๋ามือสอง ที่ดูมีสไตล์ ดูดี ดูไม่โหล” เวลาเราเข้าไปดูในเว็บไซต์ของ LW bags จึงพบ แต่ของสวย เนี้ยบ ดูดี น่าเสียเงินอย่างยิ่ง จึงต้อง ถามถึงวิธีการเลือกสินค้าสักหน่อย “เอารสนิยม ของตัวเองเป็นหลัก เราชอบเรื่องของฟังก์ชั่น เรื่อง

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

034


รูปทรง บางทีไปก็เถียงกัน เอาอันนี้ ใบนี้ กระเป๋ามือสองที่เขาขายกันเนี่ยบางครั้งช่อง กระเป๋าหรือว่าอุปกรณ์ที่แถมมามันไม่ครบ ก็ต้องย้ายของใบอื่นมาใส่ ต้องมาโมเอง แต่ บอกลูกค้านะ บอกว่ามันมีตรงนี้ๆ นะ ไม่ได้ หมกเม็ดและไม่ได้ขายแล้วก็จบ คือขายแล้ว ต้องแน่นอนว่าอันไหนลูกค้าชอบจริงๆ เราก็ อธิบายให้ทุกอย่างว่าอันนี้มีตำ�หนิตรงไหน มีอะไรบ้าง แล้วก็ทำ�ความสะอาดให้เรียบร้อย”

สินค้าที่ดูสวยเนี้ยบ เก๋ไก๋ คุณวิและคุณเหลิมก็ ให้เหตุผลว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของ LW bags เป็น ผู้หญิงที่ชอบแฟชั่น ชอบของกุ๊กกิ๊กนั่นเอง “ลูกค้า หลักๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ไม่น่าเชื่อนะ สินค้า ก็เน้นไปทางผู้หญิงด้วย แบ่งหลักๆ คือผู้หญิง 60 ผู้ชาย 40 จะเป็นกลุ่มผู้ใช้กล้องเล็กพวก mirrorless, Compack ต่างๆ ก็เลยรู้สึกว่าแนวทางของผู้หญิง แต่ผู้ชายก็มีนะ กระเป๋ากล้องของเราเป็น Fashion Camera Bags ไม่อยากให้มันจำ�เจแบบกระเป๋า กล้องรุ่นเก่าที่จะเป็นสีเข้มๆ เช่น สีดำ� สีน้ำ�เงินเข้ม รูปทรงถึกๆ ไม่สวย หรือถ้าสวยก็ราคาสูง ซึ่งสมัยนี้ มีตัวเลือกหรือช่องทางให้เลือกเยอะ ของเราใช้หนัง ซะเยอะ ข้อดีคือดูแพงและถ้าเป็นกระเป๋าผ้าเวลา โดนน้ำ�มันจะซึม กระเป๋าหนังมันเป็น PVC ฝนตก ปุ๊บมันจะไม่ซึม” แต่ความเนี้ยบของทั้งสองไม่จบแค่การเลือกซื้อ ของสวยของดีเท่านั้น การโชว์ของ พรีเซ้นต์จัดวาง ก็ไม่เบาด้วย “ส่วนใหญ่คนที่ขายกระเป๋ากล้องก็ ถ่ายรูปมาโชว์ เขาจะถ่ายกันง่ายๆ แบบแค็ตตาล็อก แต่เราจะถ่ายภาพให้มันมีอารมณ์ มีความรู้สึก ชัดเจนในเรื่องภาพ ขนาดของตัวกระเป๋ากล้อง ฟังก์ชั่น ซึ่งจะมาดูเว็บของเรา จะต้องทำ�ยังไงก็ได้ ที่ทำ�ให้เขาดูแล้วชัดเจน อีกอย่างคือ คุณธรรม

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

035


สำ�คัญที่สุดเลย บางทีลูกค้าโอนเงินมาเกิน 50 บาท 100 บาท เราคืนเลย ลูกค้าจะรู้สึกดีที่เราใส่ใจเขา และ เรื่องบริการหลังการขาย ลูกค้าถามว่า “พี่คะ อะไหล่ ตัวนี้หลุด” เราก็จะให้ส่งสินค้ากลับมาแล้วให้ใบใหม่ ไปเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งเราส่งใบผิดไปให้เขา และไม่กี่วัน เขาต้องเดินทางไปต่างประเทศ เราก็แก้ปัญหาโดยส่ง ใบใหม่ไปให้ เอาใบนี้(ที่ส่งผิด)ไปใช้ก่อนที่ต่างประเทศ (เขาไปประมาณครึ่งเดือน) แล้วพอกลับมาก็จะส่งใบ ที่ต้องการไปให้” ในตอนนี้นอกจากทั้งสองจะนำ�เข้าของจากต่างประเทศ ยังเริ่มมีสินค้าของตัวเองแล้วด้วย “คือมีเจ้าอื่นที่นำ�เข้า มาเหมือนกัน ซึ่งมาตัดราคา แนวทางที่เราวางเอาไว้คือ ทำ�สินค้าของตัวเองภายใต้ชื่อ LW bags สินค้าตัวแรก ออกมาแล้วคือสายคล้องกล้อง (น่ารักมาก) ซึ่งเราก็ สามารถควบคุมต้นทุนได้ การเริ่มทำ�สินค้าเองมัน ไม่ง่าย ต้องใช้ทั้งเงินทุน ไอเดีย การติดต่อกับช่าง มันเยอะกว่าการนำ�เข้า”

และอีกไม่นานนี้ทาง LW bags ก็มีแผนจะทำ�หน้าร้านด้วย “เราก็มีไอเดียว่าอาจจะเป็นที่บ้าน คงเป็นมุมๆ หนึ่งของ บ้าน เพื่อที่จะให้ลูกค้า walk in เข้ามา เพราะทุกวันนี้ ลูกค้าประมาณหนึ่งจะเข้ามารับของเอง เอาอุปกรณ์ของ เขามาลอง อยากเห็นด้วยตาว่าใส่ได้ไหม บางคนอยู่ไกลๆ ขับรถมา อย่างบางรุ่นเป็นเคสหนังเขาก็ต้องเอามาลอง เรื่อง shop display ระยะอันใกล้มีแน่ เริ่มจากที่บ้าน นี่แหละ จะเริ่มจากเล็กๆ” จากคนทำ�งานประจำ�สองคนมาทุ่มเททำ�สิ่งที่ใจรัก เป็น มุมมองที่น่าจะมีประโยชน์กับอีกหลายๆ คนที่คิดจะทำ� กิจการของตนเอง ลองฟังทั้งสองพูดถึงสิ่งที่ได้จากการทำ� LW bags กัน “ได้เรียนรู้ว่าจะขายยังไง พูดยังไงกับลูกค้า เราจะต้องแก้ปัญหาให้ลูกค้า ช่วยลูกค้าได้ ได้รู้เรื่องของ ต้นทุนสินค้า จะซื้ออะไรต้องพิจารณาให้ดีว่าสินค้าตัวนี้ ราคาสูงไปรึเปล่ากับความเหมาะสม คิดเยอะ สมัยก่อน ซื้ออย่างเดียวโดยที่ไม่คิด มีสติขึ้น สำ�คัญเลยเราออกมา เหมือนเป็นฟรีแลนซ์ เราต้องเลือกเวลาทำ�งานของเรา

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

036


ตอนแรกก็ยังปรับไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ กลางวันชิลล์แล้วก็ไปหนักตอนกลางคืนถึงตี 2-3 ซึ่งก็ต้องปรับให้ตรงกับ ชีวิตคนปกติ ลูกค้าเราอยู่เวลาไหนเราก็อยู่เวลานั้น ไม่ใช่ว่าเอาตัวเป็นใหญ่ ต้องมีวินัย” www.facebook.com/LWbags และ www.Lwbags.com PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

037


STOONDIO i LOST / you FOUND STOONDIO เสียงบอกเล่าที่ลอยมาพร้อมกับบทเพลง บางเบาในความเหงาที่สวยงามจาก ตูน-โชติกา คำ�วงศ์ปิน และผู้เขียนบทความคู่ขนาน บทเพลง จอย-ธัญรดี จันทรวิวัฒน์

TEXT & PHOTO : PIE

038


PIE TALKS เล่าที่มาของชื่อ STOONDIO หน่อยครับ จริงๆ STOONDIO มันเป็นชื่อสมมติ เป็นชื่อเว็บ กราฟิกของตูน ตูนจบศิลปกรรมนฤมิตศิลป์ จุฬาฯ STOONDIO เป็นชื่อเล่นๆ ที่มันเหมือน Studio กราฟิก ก็เลยเล่นคำ�ว่า “tu” เป็น “toon” คือถ้า เข้าเว็บจะเห็นว่าข้างในไม่ได้มีเพลงนะ ในช่วงหนึ่ง เรารับงานกราฟิก ก็เลยทำ�เว็บ STOONDIO เริม่ เขียนเพลงเมือ่ ไหร่ มาเขียนเพลงจริงจังตอนเรียนปีสองปีสาม ตอนนั้น รู้สึกว่าเราเรียนแล้วเหนื่อย ก็บ่นกับเพื่อนว่าเหนื่อยว่ะ ตามประสาเด็กนักเรียนขี้บ่น (ฮ่าๆ) เลยแต่งเพลง ขำ�ๆ ให้เพื่อนฟัง เพื่อนฟังปุ๊บก็ชอบใจกัน ตอนเรียน ปี 3 เพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกันคือ แพรวา Yellow Fang ก็ให้แพรวาไปลองฟังดู มันก็บอก เออน่ารักดี และด้วยความที่ตอนนั้นเริ่มรู้จักกับพี่ๆ Monotone เขาเปิดร้านชือ่ Stu-fe เป็นร้านของวง ตอนนัน้ แพรวา ไปที่ร้านแล้วโทรมาบอกเราว่า พี่ที่ Stu-fe เขาฟัง แล้วเขาชอบเลย ลองให้ไปเล่นดนตรีที่ร้าน ตอนนั้นมี เราที่เล่นกีตาร์กับเพื่อนอีกคน ชื่อน้ำ�เชื่อม (จิตตณิช พานิชวิทย์) กลายมาเป็น Toon and The Chum เล่นที่ Stu-fe อยู่ 2 ปี ช่วงที่เล่นอยู่พี่ๆ Monotone เขาก็เอาเพลงโลกร้อนไปรวมในอัลบั้ม “The Four Fresh Prima Donnas” ก็ทำ�ในนาม Toon and The Chum แล้วหลังจากนั้นก็มีซิงเกิลที่สอง ชื่อ นาฬิกา อยู่ในอัลบั้ม “เรียนเชิญผู้มีสิทธิ์จับปลา” ตอนนั้นหน้าที่ของตูนคือแต่งเนื้อร้อง ทำ�นอง เล่น กีตาร์ แล้วก็คอรัส หลักๆ ส่วนเชื่อมจะเป็นคนร้อง สไตล์จะออกเป็น Soul R&B หน่อย แต่พอเรียนจบ ก็มานั่งคิด ว่​่าเราจะไปทางไหนดี ตอนนั้นก็ไม่ได้รุ่ง ไม่ได้เปรี้ยง อาศัยว่ามีโอกาสนิดหน่อยที่ได้ทำ�งานกับ

Monotone บวกกับตอนนั้นเราอยากจะทำ�งานใน สายกราฟิกมากกว่า เพราะบังเอิญตูนได้งานบริษัท ที่โอเค แล้วการทำ�งานในสายโฆษณามันค่อยไม่มีเวลา ก็เลยห่างจากพีๆ่ เขา แต่ Monotone ก็เป็นคนที่ท�ำ ให้ตูนเป็นที่รู้จักในนาม “Toon and The Chum” เราต้องขอบคุณพวกพี่เขามากๆ ช่วงนั้นตอนที่เป็น ตูน-เชื่อม ตูนก็เขียนเพลงอยู่เรื่อยๆ มีอยู่ 30-40 เพลงแล้ว ที่เขียนเก็บมาตลอด เพลง UNTITLED_001 มาตอนไหน จำ�ได้เลย เป็นช่วงหยุดชดเชยวันแม่ปีที่แล้ว พอ เขียนเพลง UNTITLED_001 เสร็จปุ๊บก็ไม่มีการแก้เลย ตูนชอบดนตรีที่มาจากความรู้สึกมากกว่าความคิด ถ้ารู้สึกแล้วมันได้ก็ไม่ต้องไปแต่งเติมอะไรมาก จริงๆ มีเยอะเหมือนกัน บางเพลงที่เราคิดว่าจะกลับมาแก้ แต่มันจะแป้ก ไม่ได้ความสด คือเพลงที่เราแต่งตอน ดราม่าจริงๆ คนฟังจะรู้เลยว่าเราดราม่า และตูน ไม่ได้เล่นดนตรีเก่ง คือถ้าเห็นตูนเล่นจะรู้สึกแย่มาก เราจับอะไรไม่เป็นเราก็จิ้มๆ (กับคอมพิวเตอร์) แล้ว ใช้หูฟังเอา ทำ�เสร็จปุ๊บ เฮ้ย...ชอบ คราวนี้เปลี่ยนเป็น อัพลงยูทู้บสาธารณะขึ้นอีกขั้นหนึ่ง สเต็ปต่อมา แฟต เรดิโอ เขามี Bedroom Studio ก็ส่งไปไม่ได้หวังอะไร แต่แล้วความมหัศจรรย์ของ STOONDIO ก็เกิดขึ้น (ฮ่าๆ) วันรุ่งขึ้นมีเพื่อนมาบอกว่าได้ยินเพลงของเรา ในคลื่นแฟตฯ แต่ช่วง Bedroom มันมีทุกวันอาทิตย์ แล้วเราส่งเพลงวันจันทร์ เพื่อนมันได้ยินวันอังคาร ได้ไง มารู้ทีหลังว่า พี่ฤทธิ์ (วราฤทธิ์ มังคลานนท์) เขาเอาไปเปิดในช่วง Bathroom ช่วงเย็นๆ ในวัน ธรรมดา จากนั้นก็เริ่มมีคนโพสต์ในเฟซบุ๊กของแฟต เรดิโอ มาขอเพลง ถามหาเพลงที่ผู้หญิงร้องว่า “ได้โปรดอย่าเคลื่อนไหว” เพลงของใคร 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นเพลงก็ถูกไปเปิดในช่วง Bedroom

039


ดีใจไหมเริ่มมีคนรู้จักเพลงเรา ตอนนั้นมันดีใจแต่ยังงงๆ อยู่ หลังจากนั้นจาก Bedroom มันก็เข้าไปอยู่ในแฟตฯในช่วงปกติ แค่นั้น ก็รู้สึกว่าสุดยอดแล้วนะ พอหลังจากเข้า New Fat อาทิตย์ถัดไปความมหัศจรรย์เกิดขึ้นมาอีก คือได้เป็น Highest Calorie อันนั้นน่ะงงเลย เพื่อนโทรมาบอก ว่าได้อันดับที่ 20 สูงสุดในสัปดาห์นั้น หลังจากนั้น มันก็เริ่มคิดว่า...จริงเหรอวะ จนเพลงอยู่ในชาร์ตได้ 9 สัปดาห์ ซึ่งจังหวะชนกับที่จะมีงาน The Last FatFEST แล้วเขาประกาศว่าวงใน Bedroom จะมี โอกาสได้เล่นในครั้งนี้ ก็คิดกับเพื่อน (พี่จอย) ว่าจะ ส่งดีมั้ย คือเราเล่นคนเดียว ทำ�กับคอมฯ ไม่มีวงทำ� ยังไง เลยขอให้แพรวา Yellow Fang มาช่วยตีกลอง ก็มีแค่กลองกับกีตาร์ ไม่มีเบส เอาสนุกเป็นหลัก และ วันที่เขาประกาศวงที่ได้เล่น 32 วงจาก 500 กว่าวง มี STOONDIO ด้วย เฮ้ย…เราจะได้มีพื้นที่ใน The Last FatFEST เลยคิดว่าต้องทำ�ซีดี คืออัลบั้ม Lost-Unfound จริงๆ อัลบั้ม ขาด/หาย (Lost-Unfound) เริ่มมา ก่อน UNTITLED_001 นะ ตูนมาเจอกับพี่จอยที่ลีโอ เบอร์เนทท์ เขาเป็น AE ทำ�งานด้วยกัน เห็นอย่างนี้ เขามีความอินดี้นะ พี่จอยเป็นคนฟังเพลงแนวนี้ ซึ่ง เราไม่ค่อยเจอคนฟังอิเล็กติก-สุนทราภรณ์ ยุคที่เป็น แฟตต้นๆ พี่จอยเคยเป็น aday jonior รุ่นแรกด้วย พอเราคุยกันมันก็เลยจูนกันได้ ตูนก็บังเอิญไปเจองาน เขียนของพี่เขา มันยากนะที่เราจะได้ไปอ่านงานเขียน ของเขา แล้วก็ยากที่คนจะกล้าเอางานเขียนมาให้เรา อ่าน พออ่านภาษาของเขามันไปกับวิธีการเขียนเพลง เรามาก เลยบอกพี่จอยว่าเราอยากจะทำ�โปรเจ็กต์นึง สนุกๆ ไม่มีเรื่องเงิน มีแต่ความเสี้ยนล้วนๆ (หัวเราะ) เลยเป็นที่มาของอัลบั้ม ขาด/หาย

ถามจอยบ้าง เรื่องการเขียนบทความคู่ขนานบทเพลง จอย : จอยขี้อายนะ และไม่ค่อยเอางานเขียนให้ใคร อ่านเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เขียนแล้วก็จะโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก บางทีเพื่อนก็แบบว่า มึงเขียนอะไร อ่านไม่รู้เรื่อง แต่ก็ ไม่สนใจอะไรเพราะเราชอบแบบนี้ เราจะเก็บสิ่งที่เขียนไว้ พอถึงต้นปีจะเอาออกมาอ่านและถามตัวเองว่าเรายังชอบ งานเขียนแบบนี้อยู่มั้ย ส่วนที่มาเขียนในปกซีดี เราเริ่ม ฟังเพลงของตูนจากเพลง “แค่เธออยู่ตรงนี้” พอมาฟังปุ๊บ คือชอบ (ตูน : มันไม่บอกนะ มันนิ่ง ไม่เคยชมเลย) เฮ้ย...ชอบเลย แล้วจนถึงวันนั้นแหละที่ตูนบอกว่า พี่จอย มาทำ�อะไรกันมั้ย คือตอนนั้นคุยกันเล่นๆ ว่าอยากได้ อายตนะทั้งห้า เลยคิดถึงเพื่อนที่เป็นช่างภาพ (เอก-อภิชาติ ยิ้มย่อง) ก็เลยชวนมาคุยคอนเซ็ปต์ ว่าจะใช้คำ�อะไรเป็น แกน ก็เลยมาจบที่คำ�ว่า “ขาด/หาย” เวลาจอยเขียนจะ เลือกเพลงขึ้นมาฟังก่อน จะฟังเพลงนั้นอยู่ซัก 4-5 วัน ฟังทุกวันจนจับอารมณ์ได้แล้วก็มาเขียน จอยเขียนแต่ละ เพลงแตกต่างกัน อย่างเพลง “สุญญากาศ” ไม่อยากให้ มันเป็นบทความ อยากให้มันลอยๆ และจะไม่ค่อยถามตูน ว่าเพลงนี้เพลงนั้นเป็นยังไง เดี๋ยวจะรู้ข้อมูลเยอะไป มาว่าขึ้นการทำ�อัลบั้มต่อ จริงๆ เพลงมันครบหมดแล้ว เพียงแต่ยังขาดการ มาสเตอริ่ง พอมันมีเรื่องงานแฟตฯเข้ามาก็เป็นจุดที่ ทำ�ให้เวลาเราบีบเข้ามา และทีนี้ก็มีจุดที่มหัศจรรย์เกิดขึ้น อีกแล้ว มีวันนึงในช่วงที่เพลง UNTITLED_001 มันทำ�งาน ของมันก็มีข้อความเข้ามาในเพจ STOONDIO “น้องครับ พี่ชอบเพลงน้อง พี่สนใจขอซื้อได้มั้ย” ชื่อที่เขียนไว้คือ ปอย Portrait เราก็งงๆ เฮ้ย…ยังไงวะเรา แต่กลายเป็น ที่มาของสิ่งที่โคตรดีในการทำ�อัลบั้มนี้ เราถามว่าเพลงที่ พี่ได้ยินคือเพลงอะไร ตอนแรกคิดว่าเป็น UNTITLED_001 แต่ไม่ใช่ เขาได้ยินเพลง “เสียดาย” เรามีเพื่อนในเฟซบุ๊ก ไม่กี่ร้อยคนแต่คนกดไลค์พอสมควร แล้วพี่ปอยคงไปเจอ

040


041


ตอนคุยกันเรื่องเพลงเนี่ย ตูนไม่ได้ตั้งใจจะไปซื้อขาย อยู่แล้ว คุยไปคุยมาเราก็เอาเพลงทั้งหมดไปให้เขาฟัง สรุปว่าเราก็ให้พี่ปอยเอาเพลง “เสียดาย” ไปทำ�เลย ในเวอร์ชั่นปอย feat.STOONDIO แต่ว่าตูนขอให้ พี่ปอยช่วยมาสเตอริ่งเพลงทั้งหมดของตูน เพราะเขามี ห้องอัด เราก็แลกเปลี่ยนกันตรงนี้ แล้วด้วยความที่ตูน ทำ�กราฟิกได้ ก็ออกแบบปกอัลบั้มให้พี่เขา ช่วงที่ทำ� มาสเตอร์ก็เกรงใจพี่เขามากๆ เพราะพี่เขาก็ทำ�เพลง ตัวเองเพื่อจะขายงานแฟตฯด้วย และเราก็ทำ�งานประจำ� ต้องมาอัดเพลงกันตีสองตีสาม อยู่แบบนี้ประมาณสอง สามอาทิตย์ เหนื่อยมาก ถึงจะแค่มาสเตอริ่งก็ตาม ทำ�งานกับพี่ปอยเป็นยังไง พี่ปอยเป็นคนที่น่ารักมาก เขาไม่ได้ทำ�ลายความเป็น ตัวตนของเราเลย พี่เขาทำ�ให้เพลงดีขึ้นมากในเรื่องของ เทคนิคอลและอีกหลายๆ อย่าง พี่เขาเป็นคีย์แมนคน 042

สำ�คัญของ STOONDIO และที่ Lost-Unfound เกิดขึ้นได้อย่างสวยงามส่วนหนึ่งก็เพราะพี่เขา ฝากเขียนขอบคุณเขาไปเยอะๆ เลย ตูนรู้สึกดี มากๆ ที่ได้ร่วมงานด้วย STOONDIO มีตูนคนเดียว เลยขอถามเรื่อง การเล่นสดหน่อย เรื่องการเล่นสดมันเป็นปัญหาของเราเลย STOONDIO มันมาจากความรักเสียงดนตรี แต่ เราไม่ใช่มาจากการเป็นวงดนตรี และจะไม่ยัดเยียด ว่าจะต้องฟอร์มวง เพราะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติ ของเรา เรามีความสุขกับการอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วก็ทำ�ออกไปเท่าที่เราทำ�ได้ ถ้าถามตูนนะ เพื่อนๆ หลายคนก็ชอบ STOONDIO ที่มันเป็น แบบนี้ อาจจะมีคนที่อยากเห็นการเล่นสดบ้าง แต่เราไม่ถนัดทางนี้เท่าไหร่


เพลงที่ชอบฟังครับ เรื่องเพลงเราฟังได้หมด เพลงไทยก็ฟัง ฟังเพราะ อยากรู้ว่ามีเพลงอะไรในโลกนี้บ้าง ส่วนมากตอนนี้ ที่ชอบจะเป็นเพลงทางฝั่งสแกนดิเนเวียน Sweden, Norway วงที่เราชอบแต่ละวงนั้นตูนจะเข้าไปหา ในวิกิพีเดีย ว่าวงนี้เขาเป็นยังไง เขาอยู่ส่วนไหน ของโลก ส่วนมากวงที่ตูนชอบจะเป็นวงจากโซนนี้ และตูนจะนั่งดูคลิปภูมิประเทศเขาด้วย จะได้รู้ว่า ธรรมชาติที่เขาเจอเป็นแบบไหน วงที่ชอบเลยคือ Sigur Rós ถ้าล่าสุดที่เพิ่งออกมาชื่อวง Simian Ghost เป็นวงสวีเดน แล้วก็ School of Seven Bells วงทั่วไปมันก็มีบ้าง แต่ว่าที่ชอบเป็นพิเศษ คือ Sigur Rós แล้วจอยมีงานเขียนที่ชอบไหม จอย : บางคนชอบเล่นกีฬา ชอบทำ�อะไรต่างๆ

กันไป ของจอยก็คือชอบฟังเพลง ชอบอ่านหนังสือ ชอบอ่านมูราคามิ (ฮารูกิ มูราคามิ), คุณวรพจน์ (วรพจน์ พันธุ์พงศ์) จริงๆ อ่านเรื่อยเปื่อยนะ อ่าน ไปเรื่อยๆ เจออะไรชอบก็อ่าน แต่ส่วนใหญ่จะชอบ อ่านมูราคามิ อย่าง A Wild Sheep Chase แล้วก็ Sputnik Sweetheart นี่ชอบมาก STOONDIO จะเป็นอย่างไรต่อ ตูนไม่รู้จริงๆ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่น่าจะ เป็นไปเรื่อยๆ คือการทำ�เพลง STOONDIO มันมา จากสิ่งที่ตูนรัก มาจากความช่วยเหลือของพี่จอย พี่เอก และทุกๆ คน เมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว ตูนจะ ไม่รู้เลยว่าคนจะรู้จักเรา เพลงของเราจะถูกเปิดใน คลื่นวิทยุ จะได้เล่นงาน Fat จะมีคนมาสัมภาษณ์ มันเป็นความมหัศจรรย์ที่ตูนไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ต่อไป 043


TEXT : PIE PHOTO : PIE, WISH US LUCK

044


PIE TALK

Wish us Luck

เสียงของรถไฟดังควบคู่ไปกับภาพอันสวยงามสุดสายตาบนเส้นทางรถไฟที่หลายคนฝันจะไป เยี่ยมเยือน “ทรานส์ไซบีเรีย” สองสาวฝาแฝด แวววรรณ และวรรณแวว หงษ์วิวัฒน์ ได้ไปมาแล้ว และเธอทั้งสองจะทำ�ให้เราทุกคนได้ไปที่นั่นพร้อมกัน ในภาพยนตร์หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ที่มีชื่อเรื่องเป็นคำ�สั้นๆ คล้ายเสียงกระซิบบอกตัวเองก่อนการเดินทางอันตื่นเต้นว่า “Wish us Luck ขอให้เราโชคดี”

PIE : Wish us Luck เริ่มมาจาก แวววรรณ : Wish us Luck เริ่มจากการทำ�เป็น โปรเจ็กต์จบของเราสองคน ตอนแรกก็ไม่ได้กะจะ ทำ�เรื่องนี้ แต่ว่าได้อ่านหนังสือดาวหางเหนือทาง รถไฟ ของพี่ก้อง (ทรงกลด บางยี่ขัน) แล้วก็อยาก นั่งรถไฟเที่ยวมาก แต่มันเป็นการเที่ยวที่ต้องวางแผน เยอะมาก ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีเวลาทำ�โปรเจ็กต์ทัน คือตอนนั้นแววอินมาก อยากไปเที่ยว แต่ในขณะที่ วรรณต้องทำ�โปรเจ็กต์ เป็นโปรเจ็กต์คู่ วรรณแวว : นี่ก็แบบจะเที่ยวแล้ว เพิ่งต้นเทอมเอง แวววรรณ : จะไปซื้อไกด์บุ๊กท่าเดียว ก็เลยบอกวรรณ ว่า งั้นก็ทำ�เป็นโปรเจ็กต์ไปเลยสิ จะได้รวมกันไปเลย คิดว่าเราก็ถ่ายเป็นหนังสารคดีไปด้วยสิ เพราะชอบทำ� อยู่แล้ว แต่วรรณกับแววไม่ได้เป็นแบ็กแพ็กเกอร์เลย ไม่ได้มีประสบการณ์เที่ยวแบบบุกป่าฝ่าดงกันมาก่อน ก็วางแผนอยู่เหมือนกันค่ะ แทนที่เราจะไปตายเอา ดาบหน้า คือซื้อตั๋วรถไฟเอาไว้ก่อน ล่วงหน้าตั้งแต่ ลอนดอนจนถึงปักกิ่ง หลังปักกิ่งก็ด้นเอาเวียดนาม ลาว นี่คือใกล้บ้าน แล้วค่อยไปหาทางเอาข้างหน้า แล้วพวกโรงแรมก็จองผ่าน Hostel World ไว้ก่อน PIE : เรื่องการถ่ายทำ�มีแผนหรือยัง มีสคริป คล้ายๆ มั้ย หรือสดเลย แวววรรณ-วรรณแวว : มีค่ะ วรรณแวว : คือช่วงก่อนออกเดินทาง มันเป็นช่วง

เทอม 2 ของที่เรียนปริญญาโท ซึ่งมันเป็นช่วง Project Development เราต้องหาข้อมูลไปคุย กับอาจารย์ก่อน เอาไปเสนอ ซึ่งเทอมนี้เป็นเทอมที่ วรรณกับแววค้นพบว่า การเรียนของฝรั่งกับคนไทย ไม่เหมือนกัน ที่เคยเรียนมาในบ้านเรามันมีวิธีการ สอนให้เน้นผลสุดท้าย เน้นเกรด เน้นตัวงานสำ�เร็จ สมมติถ้าเราคิดจะทำ�หนัง เด็กเรียนฟิล์มในบ้าน เรามาก็โอเค เราจะทำ�หนังสารคดี เราต้องรีเสิร์ช อะไรบ้าง รีเสิร์ชเรื่องเส้นทางรถไฟ ประเด็นของ หนัง หา reference หนัง คิดอุปกรณ์ว่ามีอะไร บ้าง ที่เรียนมาเราคิดแบบนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ทางนี้ เขาต้องการ เขาอยากให้เราลองลงมือทำ� วรรณแวว : เวลาเรานำ�เสนอเขาไป เรื่องทั้งหมด ที่วรรณกับแววคิดมา เขาก็จะแบบ เนี่ยเราไม่เห็น ความ Playful ในตัวคุณเลย ทำ�ไมคุณไม่ถือกล้อง ออกไปถ่ายเลยล่ะ แค่เดินทางจาก Maidstone ไป London ก็ได้ แล้วก็ทำ�วิดีโอมาตัวหนึ่งให้เราดู เราก็แบบทำ�ไปทำ�ไม มันไม่ใช่ตัวหนังสุดท้าย PIE : เขาอยากเห็นภาพหรือเปล่า วรรณแวว : หนูว่าเขาอยากให้เราลองลงมือทำ� ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ แล้วยิ่งติวเตอร์พูดเป็นภาษา อังกฤษ เราก็จะมานั่งคุยกันว่าเมื่อกี้ฟังรู้เรื่องป่ะ เขาพูดอย่างงี้ใช้มั้ย เข้าใจเหมือนกันใช่มั้ย ก็ด้วย ความที่ไม่เข้าใจแต่ก็ต้องทำ�เพราะเขาให้ส่ง ก็ทำ� 045


ไปเรื่อยๆ และไม่ใช่มีแค่วรรณกับแววมี อาการนี้นะ มันเป็นอาการของเด็กเอเชีย คือเราไม่เข้าใจจังหวะแบบตะวันตก เราถูก เรียนถูกสอนมาอีกแบบหนึ่ง การเรียนการ สอนเป็น 10-20 ปี มานี่มันค่อนข้างฝัง รากลึกกับเรา มีครั้งหนึ่งที่เราก็ส่งงานไป โดยดึงคำ�พูดของคนนั้นมาคนนี้มาลงใน ข้อมูล แล้วเขาบอกว่าดีแล้วที่ดึงทฤษฎี ของคนอื่นมา แต่ว่าเราดึงมาแล้วรับมัน โดยดุษฎี รับมาทั้งดุ้น เราเหมือนยอบรับ โดยที่ไม่วิเคาระห์มันเลย การเรียนที่บ้าน เราแค่เอาของคนนี้มาอ้างก็จบ มันไม่ได้ คิดว่าเราเห็นร่วมกับเขาตรงไหน กว่า จะเก็ตทุกสิ่งอย่างก็จบเทอม 2 ไปแล้ว จนกระทั่งท้ายๆ เทอมก็รู้สึกว่าวิธีคิด แบบนี้มีประโยชน์ มันจะมีวิดีโอตัวหนึ่งที่ วรรณกับแววทำ�แล้วทำ�ให้ค้นพบสไตล์ที่เรา จะเอาไปใช้ คือเรื่อง Dear Mom and Dad เราทำ�เป็นวิดีโอสั้นๆ ที่ส่งถึงพ่อแม่ พอทำ�วิดีโอตัวนี้เสร็จ อาจารย์ก็บอกว่าเขา ชอบมาก คือเขารู้สึกว่าประเด็นเรื่องความ สัมพันธ์ของเราสองคนมันโดดเด่นออกมา ซึ่งเขาบอกว่าความเป็นฝาแฝดของเรามัน พิเศษพอที่จะเอามาเล่นได้ เราก็เลยเริ่มมี จุดหมายยึดว่าเราจะทำ�สิ่งนี้ แล้วก็เรื่อง สไตล์ว่าเราจะโชว์ให้เห็นขั้นตอนจริงๆ ที่เราทำ�หนังไปด้วย

046


แวววรรณ : เหมือนเวลาเราไปดูสารคดี การท่องเที่ยวของคนอื่น ก็จะมีช็อตที่พิธีกร บอกว่า โอเคเราจะขึ้นรถไฟแล้วนะ พิธีกร ก็ขึ้นรถไฟไป แล้วก็จะตัดมาฉากที่รถไฟวิ่ง ออกจากราง เราก็จะแบบ อ้าวแล้วกล้อง ไม่ไปด้วยเหรอ ตกลงเขาไปจริงหรือเปล่า หรือว่าเขาโม้ เราก็เลยรู้สึกว่าอยากให้หนัง ของเราเปิดเผยวิธีการเบื้องหลังของการ ทำ�ไปเลย ให้คนดูได้รู้ไปเลยว่าเรากำ�ลัง ถ่ายอยู่ PIE : นานไหมสำ�หรับช่วงการเตรียมการ แวววรรณ : ตั้งแต่มกราคมจนถึงมิถุนายน ประมาณ 5-6 เดือนค่ะ ก่อนที่เราจะออก เดินทาง หอที่วรรณกับแววอยู่ต้องปิดด้วย ฉะนั้นต้องเก็บของ แพ็กหมดเลยทุกอย่าง มันก็มีอาการแบบห้องโล่งๆ พรุ่งนี้เราจะ ออกเดินทางแล้วนะ แวววรรณ : ก็ไม่เชิงใจหาย แต่ไม่น่าเชื่อ ว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว

047


PIE : พอออกเดินทางแล้วแต่ละที่ๆ ไปเป็นอย่างไร บ้าง ชอบหรือไม่ชอบที่ไหน แวววรรณ : ไม่รู้ว่าเป็นเพราะยังมีแรงอยู่รึเปล่า รู้สึก ว่าเยอรมนีเป็นประเทศที่อยากกลับไปเที่ยวอีก เมืองที่ ผ่านคือเบอร์ลิน เหมือนเป็นตอนเริ่มต้นก็เลยยังมีแรง เที่ยวอยู่ จริงๆ ไปปารีสก่อนแต่ไม่ได้ค้างคืน อยู่แค่ ครึ่งวัน แล้วตอนกลางคืนก็นั่งรถไฟข้ามไปเบอร์ลิน ส่วนใหญ่ที่เราประทับใจคือ รู้สึกเหมือนงานศิลปะ ของเขาไม่ได้อยู่แค่ในแกลเลอรี อยู่ในชีวิตประจำ�วัน ข้างถนนก็เจอ อย่าง Holocaust Memorial เหมือน ตั้งอยู่กลางสี่แยก ให้คนเดินเข้าไป รู้สึกว่าจะทำ�ให้ ชาวยิวที่ตายในตอนที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เขาตั้งใจว่า สร้างไว้ตรงนี้ ตรงกลางเมืองเลย เพื่อที่คนทั่วไป ทำ�งานเสร็จกลับบ้านก็เห็น เมืองเขามันจะมีงานอาร์ต โผล่ขึ้นมาตลอด อยู่ๆ เดินไปตั้งใจจะกลับโรงแรม แล้ว แต่ว่าเจอกับสนามหญ้าที่สร้างเป็นสามเหลี่ยม เรขาคณิต แบบพีระมิด (ทำ�มือให้ดู) มีหน้าตัดด้าน ข้าง เราก็เลยขึ้นไปนั่งซะหน่อยละกัน วรรณแวว : ส่วนที่ไม่ดีมีเยอะค่ะ แวววรรณ : พอเดินทางไปพักหนึ่ง ความรู้สึกของเรา มันแกว่งมาก วันแรกพอลงรถไฟปุ๊บ ไปเที่ยวในเมือง เบอร์ลิน วันนั้นกราฟต่ำ�มาก ยังไม่คึกคักแต่ก็ต้อง ไปเที่ยว รู้สึกว่าเป็นหน้าที่ แล้ววันที่สองได้พักผ่อน กราฟก็เหมือนกับว่าดีขึ้นมาโอเคขึ้น มันก็เลยรู้สึกว่า กราฟความรู้สึกเรามันขึ้นๆ ลงๆ พอถึงจุดหนึ่งเรา ก็เฮ้ย เรามาให้คะแนนกันดีกว่าให้คะแนนกับทุกวันดี กว่า หลังจากนั้นเราก็เลยให้คะแนนย้อนหลังไปตั้งแต่ แรก ตกเย็นทุกวันก็จะมาให้คะแนนว่าวันนี้ได้เท่าไหร่ แล้วกราฟมันจะเป็นรูปแบบ (ทำ�มือขึ้นๆ ลงๆ) ตลอด พอกลับมาถึงบ้านทุกคนถามว่าสนุกมั้ย มันเป็นคำ�ถาม ที่ตอบไม่ได้ คือมีประเด็นปนกันไปหมด ตอนกลางคืน 048

ก็ต้องจดไดอารี่ เยอะมาก จนเขียนเมื่อยมือแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อย PIE : คือเราต้องคิดอยู่ตลอดใช่ไหมว่าทำ�หนังอยู่ แวววรรณ : ถึงกับนอนละเมอเลย ตอนนั้นอยู่ลาว แล้ว คือเรามีเพื่อนอยู่ที่ลาวก็ไปนอนบ้านเพื่อน แล้ว ก็ฝันว่าเอากล้องขึ้นมาถ่ายอยู่ แล้วพอลืมตาตื่นมา กล้องอยู่ข้างๆ จริงๆ แต่พอไปเช็ก footage แล้ว ก็ไม่มีอะไร แวววรรณ : แล้วเรื่องแย่ของแววมีตอนเรานั่งรถไฟ 5 วัน จาก​มอสโกไปเอียร์คุสทค์ เป็นเมืองเล็กๆ ใน ไซบีเรีย น้ำ�ก็ไม่ได้อาบ พอไปถึงแล้วเราก็ต้องออก ไปเที่ยว เพราะว่าเรามีหน้าที่เที่ยว ตอนนั้นอารมณ์ มันก็ไม่ได้อยากเที่ยว แล้วเย็นวันนั้นเราเข้าไปในร้าน อาหารแต่ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษให้ แค่มาถามเราว่า เอาเนื้ออะไร อะไรอย่างงี้ มันมาแบบเต็มโต๊ะ มีแก้ว ไวน์ เป็นมื้อหรูที่เราไม่สนุกเลย เพราะเงินสกุลรัสเซีย เกลี้ยงกระเป๋า แต่ก็ยังเหลือดอลลาร์อยู่นิดหน่อย ด้วย ความที่แววเป็นคนจดเงินเข้าเงินออก รายรับรายจ่าย ทุกวันก็มานั่งจัดกระเป๋า แล้วก็จดว่าเรามีเงินคงเหลือ เท่าไหร่ ก็เลยเครียด เบื่อ ไม่อยากทำ�แล้ว ก็เลยต้อง มานั่งเคลียร์กัน PIE : ประทับใจกันและกันเพิ่มขึ้นมั้ย วรรณแวว : อ๋อ อีกอย่างหนึ่งคือ ปกติหนังฟิกชั่น มันจะมีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ใช่มั้ยคะ รัก กัน เกลียดกัน แต่ว่าของวรรณกับแววมันเป็นหนัง ของความสัมพันธ์ที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลง เราเป็น ทั้งเพื่อนและพี่น้องกันมาอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งที่มัน เกิดขึ้นในหนังคือการแสดงให้เห็นโมเม้นต์ของความ สัมพันธ์ของทั้งเพื่อนและพี่น้อง ก่อนโปรเจ็กต์นี้เรา ไม่เคยอยากไปเที่ยวด้วยกันเลย รู้สึกว่าเบื่อ เจอกัน


049


050


ทุกวัน สมุตินัดเพื่อนตีแบตฯ ถ้าทุกคนล่มเหลือ แค่ 2 คนก็ไม่ไป แต่ทริปนี้รู้สึกว่าไปกันสองคน นี่แหละ แล้วพอจบทริปก็รู้สึกว่าคิดถูก ความที่ ทริปมันยาวและเราต้องอยู่กับคนคนหนึ่งตลอด เวลา ต้องเหนื่อยแน่ๆ จิตตก ฟูมฟาย ถ้าเราอยู่ กับเพื่อน วันหนึ่งเราจิตตกแล้วเราเหวี่ยงใส่เพื่อน ความสัมพันธ์กับเพื่อนมันอาจจะไม่เหมือนเดิมใน วันรุ่งขึ้น แต่เราสองคนสนิทกันมาก ถ้าคนหนึ่ง เหวี่ยงใส่อีกคนหนึ่ง รุ่งขึ้นตื่นมาก็ยังคุยกันได้อยู่ PIE : แปลว่าเหวี่ยงกันบ่อย แวววรรณ-วรรณแวว : บ่อยค่ะ บ่อยมาก ทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ วรรณแวว : คือถ้าเกิดเราไปเที่ยวก็เป็นเรื่องที่ว่า วรรณก็จะว่าแววไม่ช่วยถ่าย แวววรรณ : แววก็จะว่าวรรณไม่ช่วยจัดการ ไม่ช่วยจัดกระเป๋า วรรณแวว : มีตอนหนึ่งในหนังที่เราคุยกันว่า วรรณแทนตัวเองว่าพี่วรรณ แววแทนตัวเองว่า พี่แวว เราก็จะแบบพี่วรรณเป็นผัวและแววเป็นเมีย เป็นเมียที่คอยจัดการกระเป๋าเสื้อผ้าโน่นนี่ ใน ขณะที่วรรณดูแลพวกอุปกรณ์ แวววรรณ : คือความจริงแล้วถ้าอยู่กันสองคน แววจะมีทางด้านจัดการมากกว่าด้วยความที่เรียน เศรษฐศาสตร์มา ก็จะคอยจัดการทุกอย่างให้เป็น ระบบ แต่ไม่ได้หมายความว่าวรรณไม่มี พอวรรณ ไปทำ�งานกับคนอื่นวรรณก็ทำ�หน้าที่ให้กับคนอื่น PIE : 30 วัน ภาพและเรื่องราวที่ได้คงเยอะอยู่ เลือกกันยังไง วรรณแวว : 500 Gb. ก็ Edit กันเอง เราใช้ วิธีนั่งดูคลิปทุกคลิปแล้วก็จดออกมา เราเที่ยว ปี 2010 กว่าหนังจะเสร็จปี 2012 แต่ว่าที่ส่ง

อาจารย์จะเป็นต้นปี 2011 ตอนนั้นเราทำ�แค่ 60 นาที แล้วเขาแนะนำ�ให้ทำ�ต่อเป็น 90 นาที จะได้ส่ง เข้าสู่เทศกาลในหมวดหนังยาวได้ เราก็ต้องนั่งดูคลิป อีกทีนั่งดูแล้วก็จดๆๆ ใช้วิธีเช็กว่าคลิปไหนที่น่าสนใจ แล้วก็เริ่มตัดไปทีละเมืองๆ ตัดเสร็จบทหนึ่งก็ลองเอา ไปให้อาจารย์ดู เขาก็จะเป็นติวเตอร์คอยให้ความเห็น แต่ว่าเขาจะไม่ใช้ติวเตอร์เหมือนที่เมืองไทย เขาจะ เป็นแบบผมมีความเห็นแบบนี้คุณไม่ต้องเชื่อก็ได้ แล้ว เราตัดสลับกันด้วย พอคนหนึ่งตัดก่อนอีกคนหนึ่งก็จะ มาตัดของเมืองถัดไป แบ่งกันทำ�แล้วมาดูกัน เพื่อให้ สุดท้ายแล้วเราสองคนพอใจที่สุด PIE : หนังเสร็จแล้วเป็นยังไง ชอบไม่ชอบตรงไหนบ้าง วรรณแวว : คือวรรณรู้สึกว่ามันไม่ใชหนังที่ Mass มาก แต่มันก็ไม่ใช่หนังอินดี้ขนาดนั้น คือตอนแรก คิดว่าคนทั่วไปต้องไม่เข้าใจแน่เลย หนังมันเป็นเรื่อง โมเม้นต์ต่างๆ ร้อยกันไปเรื่อยๆ คิดว่าจะเหมาะกับ คนสายอินดี้มากกว่า ปรากฏว่าเพื่อนวรรณที่เป็นคนดู หนังแมสทั่วไปเขากลับชอบ แต่ในขณะที่คนสายอินดี้ ก็จะรู้สึกว่าไม่ได้นิ่งหรือโชว์โมเม้นต์อะไรขนาดนั้น ก็เลยรู้สึกว่า…อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะ คือรู้สึก ว่าเมืองไทยมีช่องสำ�หรับหนังอยู่แค่ 2 ช่อง แมส กับอินดี้ ในขณะที่ตอนวรรณอยู่ที่โน่น เขาจะมีให้ พรีเซ้นต์เอาหนังมาเปิดให้ทุกคนดู ก็มีเพื่อนฝรั่งเดิน มาบอกว่าเคยคิดจะเอาเข้าโรงบ้างมั้ย หนังของคุณมี ความแมสนะ เป็นสาย Entertainment เราก็แบบ ใช่เหรอ ก็เลยรู้สึกว่าเขามีช่องแบ่งประเภทหนัง หลากหลาย เขาไม่ได้จำ�กัดว่าหนังนี้สำ�หรับคน กลุ่มนี้เท่านั้น เขามีหนังที่หลากหลายและมีผู้ชม ที่ดีมาก กว้างหลากหลายมาก PIE : ผลตอบรับจากคนดูเป็นยังไงบ้าง วรรณแวว : คนที่ดูจะบอกว่าอยากเที่ยวตาม อยาก 051


ออกเดินทางบ้าง ซึ่งวรรณกับแววรู้สึกว่าแค่นั้นมัน เดินทาง จิตใจเราหวั่นวิตกไปกับทุกสถานการณ์ที่ ก็โอเคแล้ว เราอยากเที่ยวอยากทำ�หนัง จบ แต่ เข้ามา แต่พอครึ่งหลังเราอยู่กับความรู้สึกขึ้นๆ ลงๆ ว่าถ้าคนดูออกมาแล้วเป็นแรงบัลดาลใจได้ก็ดีใจ อย่างนี้มานานเลยรู้สึก เฮ้ย! เราจะขึ้นลงไปทำ�ไม อย่างตอนที่เราไปมองโกเลีย เขาจะโกงค่ารถ มันมี PIE : หนังที่ดู ผู้กำ�กับฯที่ชอบ อยู่จุดหนึ่ง ขึ้นรถแท็กซี่แล้วตกลงกันว่า 2,000 แต่ วรรณแวว : คือเราสองคนดูหนังที่ตัวหนังเรา ตอนลงเขาคิดเรา 2,500 ซึ่งตอนนั้นเราก็เฮ้ย ทำ�ไม ไม่ค่อยได้ดูตรงตัวผู้กำ�กับฯ ก็เลยไม่ค่อยได้จำ� เป็นอย่างงี้ นิสัยไม่ดี มาโกงนักท่องเที่ยว บ่นๆ แล้ว ชื่อเท่าไหร่ จะไปโฟกัสที่ตัวหนังมากกว่า หนัง มานั่งคิดว่า เฮ้ยตีเป็นเงินไทยแล้วคือเงิน 11 บาทนะ ที่วรรณชอบคือเรื่อง Before Sunset รู้สึกว่า จะหัวเสียอะไรมากมาย เรารู้สึกว่าการที่เราเดินทาง ชอบมากกว่า Before Sunrise แต่จะไม่ได้ชอบ ยาวขนาดนี้มันจะเห็นว่าเดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์สลับ Before Sunset มากขนาดนี้ถ้าไม่ได้ดู Before กันไป จะมีช่วงหนึ่งที่เราต้องนั่งรถไฟนานๆ เราก็ Sunrise มาก่อน พกหนังสือไปด้วย เป็นหนังสือที่พ่อส่งมาให้ คือ แวววรรณ : ถ้าเป็นหนังแรกๆ ที่เริ่มดูเลย The Art of Happiness ที่สัมภาษณ์ท่านดะไลลามะ ที่ชอบคือ Amilie ชอบที่มันก็ไม่ถึงกับหนังอินดี้ ก็เจอบางประโยคเด็ดที่เอามาปรับใช้ได้ ที่จบแล้วงง ตอนจบก็เข้าใจสิ่งที่ตัวหนังปูมา แต่ PIE : ฝากหนังสือหน่อย อย่าง Wish Us Luck ก็มีอาจารย์แนะนำ�ให้เรา แวววรรณ : หนังสือออกกับ Salmon Books ค่ะ ดูเรื่อง Driving me Crazy เป็นหนังสารคดีที่ วางแผงช่วงใกล้ๆ กับที่หนังจะเข้า คิดว่ามันเป็น ไปถ่ายเกี่ยวกับการทำ�ละครเพลงของคณะหนึ่ง คนละมุมกับหนังแต่ก็น่าจะสัมผัสกันได้ ด้วยความ เป็นเรื่องที่เขาจะเปิดเผยถึงเบื้องหลังว่าเขาต้อง นังมันก็มีข้อจำ�กัดว่าเราจะต้องถ่าย ต้องมีภาพ ดิวกับทีมงานยังไง เปิดเผยให้เห็นเบื้องหลังของ ทีถึง่หจะเอามาทำ �หนังได้ แต่อันนี้มันไม่จำ�เป็น น่าจะ การทำ�หนังด้วย ตกตะกอนได้มากกว่า PIE : Wish us Luck มีหนังสือออกมาด้วย PIE : ฝากอะไรถึงคนดูหน่อย แวววรรณ : น่าจะออกพร้อมๆ กับที่หนังเข้า : แค่ได้ฉายที่เฮาส์ก็โคตรดีใจแล้ว รู้สึกว่าหนังสือจะสรุปสิ่งที่เราเรียนรู้ คือหนังมัน แวววรรณ ่เราทำ�กันอยู่แค่สองคน ไม่มีค่าย ทำ�เอง เหมือนกับเราเดินทางกันเสร็จปุ๊บเราก็เล่าหนังเลย ด้ทุวกยความที อย่าง ทุกขั้นตอน PR ก็ทำ�เอง ก็รู้สึกว่าแค่ เวลาหนึ่งที่เราตกตะกอนจากการเดินทาง เพราะ feedback มา รู้สึกว่ามีคนอยากดูเยอะเราก็ หนังสือเขียน 2 ปีให้หลัง เหมือนกับการย้อนไป ดีใจมากแล้วกลัถ้บาได้ กันแล้วมีคอมเม้นต์อะไรก็ เที่ยวอีกครั้งแต่ว่าเที่ยวในมุมมองของคนที่เรามอง บอกเราได้ เพราะทีไ่ผปดู �แต่หนังสั้น ไม่ได้ ผ่านเวลามาแล้ว เหมือนเรากลับไปเที่ยวอีกครั้ง มีการเอาไปให้คนดูเป็่านนมาเราทำ กลุ่มกว้างขนาดนี้ ก็รู้สึกว่า แต่ว่ามีความคิดต่อเหตุการณ์ที่เจอต่างออกไป อะไรจะเกิดก็เกิด ได้หมด คือสิ่งที่รู้สึกว่าเรียนรู้เลย คือครึ่งแรกของการ 052


053


054


BASE CULTURE

SOMETHING SOMETIME IN SUMMER

แล้วฤดูแห่งความร้อนระอุสุดขีดก็ถึงเวลากลับมากอดคอเรา อีกครั้งครับ ในช่วงนี้ถ้าใครสบโอกาสออกนอกชายคาร่มเงา ไปทำ�ตามภาระหน้าที่ก็ต้องถึงกับทรุด หลายคนโอดครวญ ขณะปาดเหงื่อโบกพัดหนังสือในมือจนเมื่อย ป้องตามอง แสงแดดที่แผดเผา เซาน่ากันท่ามกลางตึกรามและการจราจร คับคั่ง หลายคนถึงกับนึกอยากล้างฤดูกาลนี้ออกไปจาก ปฏิทินกันเลยทีเดียว ทำ�ใจร่มๆ ก่อนครับ และหายใจเข้าลึกๆ ลองมาใช้เวลาเรื่อยเปื่อย เลิกเครียด มานั่งเล่นอะไรเพลินๆ ในหน้าร้อนนี้กับ Something Somtime in Summer เผื่อว่าคุณอาจจะเจอแง่มุมดีๆ ในร้อนนี้ก็เป็นได้

055


TAKE THE TEMPERATURE ก่อนอื่นเลย ต้องรู้เขารู้เราก่อนครับ ว่าเรากำ�ลังสู้อยู่กับ อุณหภูมิเท่าไหร่ในแต่ละพื้นที่ เพื่อการหายุทธศาสตร์ที่มั่น ที่เหมาะสมในการชิลล์เอาต์ท่ามกลางความร้อนที่ระอุ

36.5 สี่แยกปทุมวัน

26.0 รถไฟใต้ดิน

056


40.0 ป้ายรถเมล์ แถวลาดพร้าว

35.0 หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

057


35.0 สะพานลอยใต้ทางด่วนวิภาวดีฯ

30.0 รถร่วมปรับอากาศ ขสมก.

058


เดินวัดตัวเลขความร้อนไปก็เสียเวลาครับ...ยังไงก็หนีไม่พ้น

059


060


061


SUMMER ITEMS อุปกรณ์เสริมสุขประจำ�หน้าร้อน

07

04

02

05

01 06

01 น้ำ�ใส่น้ำ�แข็ง เสียงกริ๊งๆ ของน้ำ�แข็ง ถือเป็นสุดยอดแห่งการ ดับกระหายจริงๆ

03

02 เสื้อเชิ้ตลายดอก ไม่รู้ที่มา แต่กลายมาเป็น เสื้อประจำ�หน้าร้อนไทย 04 พัดลมพกพา ไปแล้ว เลือกดีไซน์เก๋ พกแล้ว เท่อย่าบอกใคร 03 หนังสือธรรมะ อากาศร้อน ใจไม่ร้อน 05 แป้งเย็น ด้วยธรรมะ คลาสสิกตลอดกาล 062

06 ร่ม ถ้าเป็นแบบกันยูวีจะดีมากๆ 07 PLAYSTATION ร้อนมาก อยู่แต่บ้านยังไง ก็ไม่เบื่อ


09 10 08

13 11 14

12

12 กล้องถ่ายรูป 09 ตะกร้าปิกนิก พักคุยใต้ร่มไม้ในสวน เดินเล่นเพลิน อย่าลืม เก็บภาพดีๆ ไว้ดูเล่น กับอาหารอร่อยๆ 10 ที่หนีบผ้า ตากผ้าแบบร่าเริง วันฟ้าใส 08 ผ้าเย็น 11 จักรยาน อีกหนึ่งของคลาสสิกใน ทั้งแนว ทั้งสุขภาพ ร้านข้าวต้มและรถทัวร์ ไม่มีใครเกิน 063

13 ยาดม แดดจ้า หน้ามืด พกไว้ไม่มีเสีย 14 หน้ากากดำ�น้ำ� ล้ำ�กว่าใครด้วยหน้ากาก ดำ�น้ำ�ติดกล้องวิดีโอ


LET’S WALK AROUND AND DRESS UP

อีกข้อดีของหน้าร้อน คือความสะดวกสบาย ในการออกไปข้างนอกหรือไปเดินเที่ยว ฉะนั้น ทุกคนควรมีเสื้อผ้าเบาๆ พลิ้วๆ ใส่สบาย คล่องตัว ประจำ�ตู้เสื้อผ้าไว้ในฤดูนี้ แถม แสงแดดยามเช้าและบ่ายคล้อยเอื้ออำ�นวย ในการถ่ายรูปกับเพื่อน และจะส่งเสริมให้สีเสื้อผ้า น่ารักๆ ของคุณยิ่งน่ารักขึ้นหลายเท่าเลยค่ะ 064


T-Sh e t i h W

irt

Short Hair

อย่าลืม ผ้าเช็ดหน้าน่ารักๆ

065


หมวกสีสด

best friend

ohhhh.....

คู่นี้ เหมาะจะไปทะเลมากๆ

066


067

แด น ั ก ก มว


068


069


WHAT’S YOUR FAVORITE ICECREAM FLAVOR

Chocolate

Green Tea

Vanilla

Bubblegum

Lemon

Chocolate Chip

Water Melon

Peach

Raspberry

Coffee

Mint

Rum Raisin

Thai Tea

Cookies&Cream

Mango

Pumpkin

Pistachio

Cherry Garcia

Neapolitan

070


Orange

Mint Chocolate Chip

Banana

Melon

Kiwi

Durian

Taro

Passion Fruit

Tiramisu

Coconut Milk

Butter Peacan

Strawberry

Green Apple

Blueberry Cheesecake

Wasabi

Cola

Spumoni

Cherry

Blue Moon

Rocky Road

071


MAKE DECREASE TEMPERATURE WITH HORROR FILM

แม้ค่ำ�คืน อากาศร้อนอ้าวยังไม่ว่างเว้น เราข้อเสนอวิธีสุดง่ายไม่เปลืองแอร์ แค่คุณจัดหนังผีสุดสยองรองรับคืน ร้อนระอุ รับรองไอร้อนจะกลายเป็นไอเย็น ยะเยือกขึ้นมาทันทีแน่นอน

สันหลังเย็นวาบกับหนังผีคุณภาพ

Ringu (The Ring) 1998

ผู้กำ�กับ : Hideo Nakata นักแสดง : Nanako Matsuhima, Miki Nakatani, Yuko Takeuchi

Paranormal Activity 2007

ผู้กำ�กับ : Oren Peli นักแสดง : Katie Featherston, Micah Sloat, Mark Fredrichs

Suspiria 1977

ผู้กำ�กับ : Dario Argento นักแสดง : Jessica Harper, Stefania Casini, Flavio Bucci

Poltergeist 1982

ผู้กำ�กับ : Tobe Hooper นักแสดง : JoBeth Williams, Heather O’Rourke, Craig T. Nelson

072


ลัดดาแลนด์ 2011

ผู้กำ�กับ : โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ นักแสดง : สหรัถ สังคปรีชา, ปิยธิดา วรมุสิก

The Exorcist 1973

ผู้กำ�กับ : William Friedkin นักแสดง : Ellen Burstyn, Max von Sydow

ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ 2004

ผู้กำ�กับ : บรรจง ปิสัญธนะกุล และ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ นักแสดง : อนันดา เอเวอริ่งแฮม, ณัฐฐาวีรนุช ทองมี และอชิตะ วุฒินันท์สระสิทธิ์

The Eye (คนเห็นผี) 2002

ผู้กำ�กับ : Oxide and Danny Pang นักแสดง : Angelica Lee, Chutcha Rujinanon, Lawrence Chou

073

The Shining 1980

ผู้กำ�กับ : Stanley Kubrick นักแสดง : Jack Nicholson, Shelley Duvall, Danny Lloyd


3c ๐

สต็อกโฮม์ STOCKHOLM

2.2 c ๐

ลอนดอน LONDON

3.3 c 2.8 c 13๐c ๐ 12.6 c ๐ 33 c ๐ 10 c ๐

เวนิส VENEZIA

นิวยอร์ก NEW YORK

COLD PLAN ESCAPE

เอเธนส์ ATHENS

ไคโร CAIRO

สำ�หรับผู้มีทุนทรัพย์สักหน่อย การจับเที่ยวบินหนีลมร้อนก็น่า จะดีครับ งั้นลองมาดูตัวเลขอุณหภูมิ สถานที่หลบร้อนในต่างประเทศดู เผื่อใครสนใจภูมิภาคไหนจะได้จับจอง ที่พักกันไปหลบร้อนกันเสียเลย

ริโอ เดอ จาเนโร RIO DE JANEIRO

074

บัวโนส ไอเรส BUENOS AIRES


0.1 c ๐

มอสโคว์ MOSCOW

8.2 c 8.0 c๐ 31.2 c ๐ 32.0 c ๐ โซล SEOUL ๐

โตเกียว TOKYO

25.4 c ๐ 37.0 c ๐ 32.2 c ๐

กัทมัลดุ KATHMANDU

ฮานอย HANOI

หลวงพระบาง LUANG PRABANG

นิวเดลิ NEWDELHI

บาหลี BALI

27.7 c ๐

ซิดนีย์ SYDNEY

075


SUMMER SHARE

เหงื่อออกง่าย ละลายไขมันได้ดี แมน นักศึกษา

กินไอติมจะได้รู้ว่า อากาศเย็นเป็นยังไง เอิ๊ก นักศึกษา

ตากผ้าแห้งไว ยา รปภ.

ออกไปไหนสะดวก ตากผ้าแล้วแห้งไว ออกมาเดินเล่น ฝนไม่ตก กี้ ธุรกิจส่วนตัว ได้สบายๆ ไวท์ นักศึกษา แป๊ะ Creative, ช่างภาพ idea one studio

ฆ่าเชื้อโรคได้ดี ปอ ธุรกิจส่วนตัว

เหงื่อออก มีประโยชน์กับต้นไม้ใน ทำ�ให้คิดถึงทะเล ไม่รู้สึกหดหู่เหมือน ร่างกายสดชื่น การสังเคราะห์แสง ที่สดใส ฤดูหนาว มีพลังใน การทำ�สิ่งต่างๆ หยก เจ้าของร้านขาย บอย วินมอเตอร์ไซค์ ต้อม ซูเปอร์ไวเซอร์ หนังสือ ป่าน นักศึกษา ป.โท

ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าเยอะ จิ๊บ ขายลอตเตอรี่

ร่างกายต้องโดน แดดบ้าง อยู่ในร่ม อย่างเดียวไม่ได้ บุญมี คนขับรถ 076

ผลไม้ขายดี อากาศ ร้อนๆ คนชอบ กินแตงโม ลม ขายผลไม้

ออกไปไหนสะดวก ไม่เปียกฝน เล็ก พนักงานบริษัท


“อากาศร้อน มีข้อดียังไงบ้าง”

อาบน้ำ�แล้วไม่หนาว (ไม่มีน้ำ�อุ่นใช้) ดิว พนักงานร้าน อาหาร

ทะเลสวย ภูมิ ช่างภาพอิสระ

ทะเลสวย ปุย นักเรียน

กระปรี้กระเปร่า ไม่เครียด บอส เภสัชกร

แต่งตัวได้สบายๆ คูน นักศึกษา

ทำ�ให้กระตือรือร้น กี้ นักศึกษา

เผาผลาญพลังงาน ตุ้ย นักศึกษา

ได้อยู่บ้านตากแอร์ ฮ็อบ ธุรกิจส่วนตัว

ออกไปทำ�โน่นทำ�นี่ ง่าย ไม่เจอฝน จูลี่ นักเรียน

สระผมแล้วผมแห้งไว ปลูกต้นไม่ได้หลาย ไผ่ นักศึกษา อย่าง อากาศดีทำ�ให้ ต้นไม้เติบโต นวล ทหาร

ได้ไปเล่นทะเล ข้าว รีเซ็ปชั่น

อาบน้ำ�ได้บ่อยขึ้น แหม่ม นักศึกษา

ไม่หนาว กวง นักศึกษา

077

ทำ�ให้ร่างกาย ขับเหงื่อออกมา หมุย ค้าขาย


078


แล้วเจ้าลมเอื่อยๆที่พัดลอดผ่าน ม่านบางในยามเย็น ก็ช่วยคลาย ความมึนงงและลดอุณหภูมิอัน ดุเดือดลง เมื่อใจร่มเสียงบ่นรำ�คาญ ในหัวก็เบาลง จนเริ่มได้ยินเสียง ภายนอกบ้าง เสียงเด็กที่ออกมาวิ่งเล่นลอย มาเบาๆ และไม่เคยลดความสดใส ไม่ว่า ในฤดูกาลใดๆ ยังมี. .. เสียงกระดิ่งลม เสียงใบไม้สัมผัส สายลม เสียงคลื่นของทะเล เสียงของแมลงใต้เงาไม้ เสียงขูดน้ำ�แข็งไส เสียงของ หน้าร้อน ถึงในช่วงหน้าร้อน จะมีข้อเสียอยุู่ บ้างแต่ก็มั่นใจว่า ทุกคนคงมีภาพ ความทรงจำ�ดีๆที่ผุดขึ้นกลางแดดจ้า กันไม่มากก็น้อย และคงไม่ต่างกับทุกการเลื่อนเปลี่ยน ของวันเวลาที่เราต้องอยู่และตระหนัก รู้ถึงความสุขเล็กๆที่ล่องลอยอบอวล อยู่ในทุกที่ ทุกเวลา ในหน้าร้อนนี้ Somewhere Sometime in Summer 079


080


PIE ONLINE GALLERY

“มีงานสวยๆส่งกันมานะ” นิตยสารออนไลน์ PIE magazine ขอเชิญทุกท่าน ผู้รักงานศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ ร่วมส่งผลงาน มาโชว์ใน PIE online gallery คอลัมน์ที่เปิด พื้นที่แบ่งบันแรงบันดาลใจในนิตยสารออนไลน์ของเรา

ไม่จำ�กัดวัย ไม่จำ�กัดรุ่น ไม่จำ�กัดสไตล์ ส่งผลงานประมาณ 5 ชิ้น(รูป) ขึ้นไป พร้อมชื่อ ประวัติ(นิดหน่อยพอนะ) และเบอร์โทรหรือ Email เพื่อทางเราจะติดต่อกลับหากงานได้ลงในเล่ม มาที่ pieonlinemag@gmail.com

เริ่มเปิด Gallery ใน PIE online magazine เล่ม 2 ต้นเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป

081


PIE INSPIRATION

everyday, everynice with try2benice :-.) TEXT : PIE & try2benice / PHOTO : try2benice

ทุกคนคงเคยมีบางอารมณ์ที่คิดว่าอะไรๆ ในชีวิตไม่ค่อยถูกอกถูกใจสักเท่าไหร่นัก และความคิดที่จะพยายาม ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆ ก็มักทยอยเข้ามาในสมองอยู่เสมอ หลายครั้งที่ความคิดเหล่านั้นมาเยือน แล้วก็ลอยหายไป หรือบางทีก็เก็บดองอารมณ์เบื่อเซ็งในชีวิตไปเฉยๆ แต่กับ สุรัติ โตมรศักดิ์ หรือพี่อาร์ท กราฟิกดีไซเนอร์ ในนาม “try2benice” ผู้มีรางวัลการันตีอย่าง Bad Awards, Tact Awards, FAB Awards USA, Finalist TOKYO TYPE DIRECTOR’S CLUB JAPAN (TDC JAPAN) และยังเป็น ผู้บุกเบิกกิจกรรมดีๆ ทางความคิดที่เรียกว่า PECHA KUCHA NIGHT BANGKOK เขาเป็นนักออกแบบ ที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะกระโดดออกนอกรูปแบบเดิมๆ เพื่อพยายามไปหาสิ่งที่ nice แบบฉบับของคนไทย เพื่อให้ รางวัลทางสายตาและความรู้สึกดีๆ กับคนไทยที่มีต่องานออกแบบ เพื่อนำ�มาซึ่งชีวิตชีวาวงการ กราฟิกดีไซน์ของประเทศไทย และนี่คือความตั้งใจแรกของการเรียกตัวเองว่า “try2benice” PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

082


PIE : ชื่อ try2benice มาจากไหนครับ สุรัติ : ที่ใช้คำ�ว่า “try2benice” เพราะช่วงที่ลาออก จากเอเจนซี่ ช่วงนั้นคงเหมือนกับปลาเปลี่ยนน้ำ� มัน เคว้งคว้างอยู่พักนึง แต่เราพูดกับตัวเองเสมอว่าเราต้อง หาหนทางที่มันดีที่มันงามในแบบฉบับของเราเองให้ได้ การลาออกมาเหลือเราเพียงคนเดียวจากองค์กรใหญ่ มันเหมือนการถอดหัวโขนที่เครื่องเคราเยอะให้เหลือ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเรา ตรงนี้เรารู้ตัวว่า จริงๆ แล้วเราเหลือแต่ความสามารถที่ติดตัวมาจำ�นวนหนึ่ง ศักยภาพไม่มากมายเหมือนตอนอยู่ในเอเจนซี่ ที่จะ มีทีมมาช่วยเราทำ�งานเต็มไปหมด ตอนนี้เหมือนเรา เป็นศิลปินเดี่ยว ที่มากมีอย่างเดียวคือประสบการณ์ ที่สั่งสมมานานสิบกว่าปี จากเสบียงที่เรามีอยู่ตรงนี้ เราใช้ความคิดที่จะพยายามให้มันดีให้ได้ ในแนวทาง ของเราเอง ย้ำ�กับตัวเองว่าต้องเป็นแนวทางที่เรามี ความสุขที่จะทำ� แล้ววันหนึ่งคำ�ว่า “try2benice” ที่เคยชอบมากๆ จากบทสนทนาในหนังเรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ก็ลอยเข้ามาในหัว มันลอยมาและชอบเลย ก็ใช้คำ�นี้เลย ไม่ลังเล เพราะ คิดว่าคำ�นี้มันเหมาะกับเราและสถานการณ์ตอนนั้น จริงๆ อีกนัยหนึ่งของคำ�นี้ก็คือ ความพยายามที่จะ ทำ�งานออกแบบที่เป็นมิตรกับคนดู เพื่อลดช่องว่าง ระหว่างคนไทยกับงานออกแบบด้วยการนำ�เสนองาน ออกแบบที่เป็นมิตรกับสายตาคนไทย ในแบบที่เขา อาจจะไม่เคยเสพมาก่อน นี่คือจุดประสงค์หลักของผม ทีจ่ ะแฝงอยูใ่ นทุกๆ ผลงานทีท่ �ำ PIE : ตอนนั้นพี่ทำ�งานอะไรครับ สุรัติ : ผมทำ�มาหลายอย่างในเอเจนซี่ ตั้งแต่ Graphic

Designer, Art Director, Copywriter, Associate Creative Director โดยก่อนหน้านี้ผมทำ�งานอยู่ที่ Matchbox มาสิบกว่าปีแล้วจึงย้ายไปหาประสบการณ์ แบบ International Agency ที่ J. Walter Thompson อีกประมาณ 4-5 ปี เพราะอยากเรียนรู้การทำ�งาน ทั้งแบบ Local และ International พอเรารู้หมดแล้วก็ เหมือนกับว่าเราเรียนจบแล้ว เริ่มอยากทำ�อะไรที่มันเป็น ของเราเองจริงๆ และมีความสุข ความคิดที่จะวางแผน เพื่อที่จะลาออกก็ผ่านเข้ามา โดยใช้เวลาเตรียมการ เงียบๆ อยู่ในเอเจนซี่ถึง 2 ปี แล้วจึงเกิด try2benice ขึ้นมาในปี 2006 PIE : ช่วยขยายความถึงความพยายามที่จะให้งานกราฟิก ที่เป็นมิตรออกไปสู่คนหมู่มากหน่อยครับ สุรัติ : งานออกแบบมีหลายประเภท ขึ้นอยู่ที่การตีความ ของนักออกแบบ รสนิยมในการนำ�เสนอ และความหมาย แฝงที่นักออกแบบจะแสดงออกไป ผมถือว่างานออกแบบ ของใครก็คือการแสดงความคิดเห็นของนักออกแบบคนนั้น สำ�หรับผม ผมอยากให้คนคิดว่างานกราฟิกดีไซน์ไม่ใช่ เรื่องไกลตัวของคนไทย มันอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของคุณ อยู่บนบัตรรถไฟฟ้าของคุณ อยู่บนป้าย SALE ที่คุณตาลุก วาว อย่าไปคิดว่ามันต้องสูงส่ง มันเป็นเพื่อนกับคุณได้ คุณยิ้มหรือรู้สึกดีๆ กับมันได้ และอยากให้คนดูรู้ว่างาน ออกแบบประเภทนี้ก็มีนะ ไม่ใช่จะมีแต่แบบที่คุณเคยเห็น อย่างนี้นี่แหละที่เขาเรียกว่า “Nice Graphic Design” เห็นมั้ยว่าไม่เห็นจะต้องมีพิธีรีตองอะไรมากเลย ง่ายๆ จริงใจ มีชีวิตชีวา และเดินยิ้มไปกับชีวิตประจำ�วันของ คนไทยอย่างมีความสุข นี่คือทั้งหมดที่ผมกำ�ลังพยายามทำ� เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เริ่มจากผมพยายามคนเดียว ตอนนี้มี

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

083


นักศึกษาและน้องๆ นักออกแบบที่เห็นดีเห็นงาม กับผมเริ่มทำ�งานทำ�นองนี้ออกมาเยอะขึ้น ทำ�ไปเรื่อยๆ อาจจะทำ�ให้สายตาคนไทยมีทางเลือกมากขึ้นก็เป็นได้ และถ้าคนไทยชอบและยอมรับ ถ้าลดช่องว่างตรงนี้ได้ ผมถือว่ามันสำ�เร็จในขั้นที่หนึ่ง และผมจะพาสายตา คนไทยก้าวไปสู่ขั้นต่อไปและต่อไปๆๆ อีกหลายขั้น ซึ่งตรงนี้ถูกคิดและวางไว้หมดแล้ว แต่จะเดินไปกับผม หรือเปล่านั่นอีกเรื่องนึง PIE : แต่ก็ยังไงก็ตาม ผลงานต้องอยู่บนพื้นฐานของ การออกแบบที่ดี สุรัติ : ใช่ครับ มันต้องดีก่อน มันต้องตอบโจทย์ก่อน ต้องมีมาตรฐาน ต้องเป็นงานกราฟิกที่ให้เกียรติคนดู ก่อน ก่อนที่คุณจะ nice คุณต้องไม่ดูถูกคนดู เหมือน คนทำ�หนังคนทำ�เพลง ถ้าเราทุ่มเททำ�ให้มันดีให้มันใหม่ ก็คือเขาให้เกียรติคนดู งานแต่ละชิ้นผมทำ�มันหนัก มากกว่าจะได้อะไรที่ดูเหมือนว่าจะง่ายๆ และดูน้อยๆ ออกมา ยิ่งดูน้อยแต่สามารถสื่อสารได้ นั่นแสดงว่า ผมทดลองตัดโน่นตัดนี่ เติมโน่นเติมนี่ไปเยอะแล้ว ผมทำ�งานเหมือนการจัด tournament ของการแข่งขัน ฟุตบอล คือมีหลายทีมที่มาในรอบแบ่งกลุ่ม แล้วมา รอบตัดเชือก ผ่านมาถึงรอบรอง จนได้งานที่ผมคิด ว่าดีที่สุดในรอบชิงชนะเลิศ แล้วจึงเผยแพร่หรือส่งให้ ลูกค้าดู ที่ทำ�แบบนี้เพราะผมไม่ได้เก่งพอที่จะทำ�งาน ที่ดีในเวลาที่รวดเร็วอย่างนักออกแบบที่เขาเก่งๆ กัน ผมจึงต้องทำ�งานเยอะๆ ในเวลาที่มีจำ�กัด เพื่อเพิ่ม โอกาสที่จะพบงานที่ดีจากสิ่งที่เราทำ�มาเยอะ นำ�มา พัฒนาให้ดีที่สุดแล้วเอาออกขาย แต่ผมไม่เหนื่อยนะ ผมสนุก มันเหมือนๆ กับที่ผมชอบเล่นฟุตบอล PIE : งานออกแบบที่ nice ถ้ามันขยายกว้างขึ้น มันจะมีผลกับชีวิตประจำ�วันกับสังคมยังไง สุรัติ : มันเป็นเรื่องของความรู้สึกนะ ทุกวันนี้คนไทย

เครียดนะ เร่งรีบแม้แต่ในฝัน ฉะนั้นถ้าคุณตื่นมาแต่งตัว ออกจากบ้านแล้วหยิบบัตรรถไฟฟ้าออกมารูดแล้วได้เห็น อะไรบนบัตรที่มันทำ�ให้คุณไม่ต้องคิ้วขมวดได้ หรือยิ้ม นิดๆ ที่มุมปากได้ ผมว่ามันยิ่งใหญ่นะ และมันจะมีผล ไปสู่สิ่งอื่นเหมือนโดมิโน แล้วคิดดูว่าถ้าทุกอย่างที่คุณใช้ คุณเห็น หรือทุกๆ สื่อที่คุณเสพมัน “ผ่อนคลาย” หรือ มัน “บันดาลใจ” อย่างสบายๆ ไปหมดทุกสิ่งเลย หรือ มากกว่านั้นมันทำ�ให้เกิดบทสนทนาที่เกิดเป็นความคิด ใหม่ที่จุดประกายความคิดคนดูให้ได้คิด ได้ถกเถียงกัน ในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ อันนี้ประเสริฐมาก ถ้ามัน เกิดขึ้นในสังคมไทยประเทศนี้เจริญแน่นอน นี่เป็นเหตุผล ที่ผมทำ� Pecha Kucha ให้ความคิดสร้างสรรค์ของคน ไทยกระเพื่อมและจะจัดต่อไป ผมเชื่อของผมอย่างนี้นะ ผมว่าอะไรที่มันมีความรู้สึก หรือมันดูแล้วเกิดจินตนาการ และช่องอากาศให้คนคิดต่อมากกว่าภาพหญิงสาว โฆษณาแชมพูที่เส้นผมผ่านการรีทัชจนเงางามและเรียง เส้นกันจนผิดธรรมชาติ ผมถือว่าสิ่งเหล่านี้ไม่บันดาลใจ ไม่บันดาลตา PIE : ไม่ใช่ว่าเราดูอยู่คนเดียว สุรัติ : งานที่ดีต้องถูกเผยแพร่ ต้องสื่อสาร เรากำ�ลัง ทำ�งานที่เป็นส่วนผสมของ Commercial กับ Art เรา ต้องไม่ลืมมัน ต้องตอบโจทย์และสื่อสาร แต่จะตอบโจทย์ อย่างไร สื่อสารอย่างไร ตรงนี้แหละที่ผมสนใจและคิดว่า มันสนุก ทั้งหมดผมใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมจากเอเจนซี่ เอามาผสมกับความคิดเห็นในการออกแบบในแบบที่ผม อยากนำ�เสนอสู่กลุ่มเป้าหมายหรือคนที่เราจะพูดด้วย นี่คือวิชาโฆษณาทั้งหมดที่ผมร่ำ�เรียนมานาน เพียงแต่ ผมคิดแบบโฆษณาและสร้างผลลัพธ์ออกมาเป็นงาน Graphic Design ฉะนั้นงานที่ออกมาไม่มีทางเป็น Pure Art แน่นอนครับ PIE : ถ้าไม่ใช่งาน Art เป็นงาน Comercial แล้วงาน

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

084


ออกแบบเพื่อตัวเองกับเพื่อส่วนรวมแบ่งกันอย่างไร มันต่างกันอย่างไร สุรัติ : มันต้องแยก อย่างผมก็มี 2 ทาง ไม่ใช่ว่าผมจะ มาทำ� nice อย่างเดียว อีกทางถ้ามันต้องสื่อสาร ถ้าต้อง ซีเรียสเราก็ต้องทำ�ให้มันไปทางนั้น เราเป็น professional มันมาแบบไหนก็ต้องทำ�ได้ เราต้องแยกออกว่า ระหว่าง งานที่เราต้องทำ�มาหากิน เราต้องสื่อสาร ต้องรับผิดชอบ กับงานที่เป็นงานส่วนตัวหรืองานที่จะแสดงตัวตน อันนั้น เราก็ปล่อยออกมาเต็มที่ บางทีผมก็คิดเล่นๆ ว่าผม เหมือนมีสองคน คือจะให้ใช้สมองข้างไหนบอกมาทำ�ได้ หมด หรือจะให้ใช้สมองสองข้างแบบ 50-50 ก็สบาย มันเป็นประสบการณ์ที่เราหัดคิดและทำ�งานมาพอสมควร ผมสามารถสั่งได้ครับ PIE : พี่เคยพูดถึงศิลปินญี่ปุ่นเยอะ งานของญี่ปุ่น มันมีเสน่ห์ยังไง

สุรัติ : ผมเป็นคนชอบที่ว่าง หรืออากาศ และงานที่บูชา อากาศคืองานญี่ปุ่น แต่การบูชาของเขาไม่ได้หมายความ ว่าเขาจะสูดอากาศโล่งๆ ตลอด เขาจะเล่นกับตรงนี้ มากกว่า บางทีก็ไม่มีอากาศเลย แออัดยัดทะนานมากๆ แต่เขาก็จัดการบริหารอากาศได้ดีมาก ผมสนใจเรื่องนี้ และอีกอย่างคือวิธีคิด วิธีทำ� โดยเฉพาะ “การดิ้นใน ที่แคบ” หมายถึงการทำ�งานจากที่ไม่มีวัตถุดิบอะไรให้ ใช้เลย ทุกอย่างถูกจำ�กัดหมด และนักออกแบบแทบ ทุกคนสามารถดิ้นได้สวยงามและน่าสนใจ ตรงนี้มันสอน ผมมาก ว่างานที่ดีไม่ใช่งานที่พร้อม แต่เป็นงานที่ดิ้นใน ที่แคบได้สง่างามที่สุดต่างหาก PIE : เขาเก่งเรื่อง “อากาศ” สุรัติ : ดูธงชาติเขาสิ เป็นพื้นขาวจุดแดงจุดเดียว นั่นมัน สะท้อนถึงบุคลิกของคนในชาตินะ น่าคิดว่าธงชาติแบบนี้ ถูกอนุมัติมาได้ยังไง มันเป็นลักษณะเฉพาะ เป็นตัวตน

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

085


PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

086


ของชนชาติ เช่นเราคิดว่าหน้ากระดาษขาวๆ ไม่มีอะไร แต่เขาคิดว่ามัน มีอากาศ และอย่าคิดว่าพอมีพื้นที่ว่างแล้วต้องเอาอะไรมาลงนะ ไม่ใช่นะ “ที่ว่าง” คืออากาศให้ได้หายใจ มันจะทำ�ให้ตัว Subject เด่น และสง่า มันคือเสียงกระซิบที่สามารถปลิดวิญญาณคนดูได้ เพราะถ้าคุณต้องการ เรียกร้องความสนใจแต่ใช้การตะโกนๆๆ ต่างคนต่างตะโกนมันหนวกหู ไม่มีใครฟังรู้เรื่อง ในขณะที่คน 100 คนตะโกนแล้วมีคนหนึ่งมากระซิบเรา คิดว่าคุณจะรู้เรื่องจากใคร จะว่าไปแล้วมันก็คือวิธีการจากโฆษณานะ ในขณะที่ทุกคนตะโกนเราน่าจะไปกระซิบดีกว่ามั้ง ในขณะที่คนอื่นกระซิบ คุณตะโกนเอาแล้วกัน ไม่งั้นเขาจำ�คุณไม่ได้ ผมหลงใหลในวิธีการหรือการ ใช้มารยาทแบบนี้ในการออกแบบ ผมว่ามันเป็นวิธีเรียกร้องความน่าสนใจ อย่างมีศิลปะอย่างหนึ่ง มันเหมือนช่างภาพคนหนึ่งที่ถ่ายภาพในรถไฟฟ้า แล้วตะโกนว่า “ไข่ดาว” (ภาพถ่ายของธนชาติ ศิริภัทราชัย) ผมชอบ มากเลย นั่นมัน nice มากเลยนะ นี่คือวิธีการเรียกร้องความสนใจหรือ การตะโกนที่ให้เกียรติคนฟังมาก มีมารยาทมาก PIE : เขามีวิธีการทำ�งานวิธีคิดที่ต่างจากเราไหม หรือเพราะเขามีราก สุรัติ : เขามีรากของดีไซน์ จะว่าไปเราก็มีแต่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจึง ลืมรากของเราไป ภาพเขียนไทยเนี่ยผมว่ามันสุดยอดของการตัดทอน ตัดทอนมนุษย์ให้เหลือยู่แค่นั้น หน้าเรียวๆ แต่รายละเอียดเยอะมาก นั่นคือกราฟิกอย่างหนึ่งนะ ลายผ้าไทยนี่ก็กราฟิกที่สุดเลย นี่ก็ราก ของเรานะ เพียงแต่เราไม่ค่อยมีคนไปรดน้ำ�พรวนดินเท่านั้น PIE : มันขาดช่วงไป สุรัติ : จริงๆ มันหยิบมาใช้ได้ อยู่ที่เราจะเอามาใช้ยังไง ผมก็ฝันว่า วันหนึ่งผมจะหยิบมันมาใช้ได้อย่างสบายใจ และถ้ามีโอกาสผมจะหยิบ มาใช้อยู่เสมอ ตอนนี้ก็มีงานทดลองส่วนตัวเกี่ยวกับอะไรบางอย่างที่เป็น ไทยๆ ทำ�อยู่เหมือนกัน แต่ต้องรอให้มันสมบูรณ์ก่อน PIE : ในต่างประเทศชาวบ้านคนทัว่ ไปเขามองงานออกแบบต่างจากเราไหม สุรัติ : เราสั่งสมมาต่างกัน ถ้าสมมติว่าประเทศไทยโดนมอมเมาด้วยงาน กราฟิกที่มันดีๆ เต็มไปปหมด เราจะโดนสิ่งเหล่านี้แวดล้อมเรา และมันจะ สั่งสมโดยไม่รู้ตัว แต่ในความเป็นจริงคือเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เดินออกไป

แล้วเขาแจกใบปลิวอะไรไม่ทราบ แล้ว ก็ขยำ�ทิ้งเพราะเราอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่ชวน อ่าน ไม่มีอะไรดึงดูดให้เราอ่าน ผมเชื่อ เรื่องที่คนจะเป็นอย่างไรเขาจะต้องถูก แวดล้อมด้วยบรรยากาศแบบนั้น และ ผมจะพยายามไม่โทษใครมาก ผมจะ ก้มหน้าก้มตาทำ�ในสิ่งที่ผมเชื่อของผม ต่อไป ทำ�ให้งานออกแบบบ้านเมืองนี้ น่าอ่านน่าดู แค่อยากจะบอกว่า การ ที่คุณต้องการ “ขายของ” คุณไม่ต้อง ขมวดคิ้วขายก็ได้ ยิ้มไปขายไปน่าจะ ขายดีกว่า แม่ค้าที่ยิ้มแย้มดูน่ารักดีออก แต่ทุกวันนี้ต้องใช้คำ�ว่า “เอาเป็นเอาตาย” ซีเรียสกันมากเรื่อง message ในงาน ออกแบบ แล้วที่ตลกคือมันไม่น่าอ่าน และไม่มีใครอ่าน อ่านกันอยู่สองคนคือ ลูกค้าและคนตรวจปรู๊ฟ และก็ยังที่จะ ทำ�ในแบบเดิมๆ กันต่อไป นี่คือสิ่งที่ พวกเราโดนแวดล้อมอยู่ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง พลเมืองเราถูกสั่งสมมา แบบนี้ทุกๆ วัน จะให้ไม่แตกต่างก็คง ยาก มันต้องช่วยกันค่อยๆ เปลี่ยน นักออกแบบทุกคนต้องมาช่วยกัน PIE : ความคิดที่สะสมในตัวพี่ คิดว่า มันเกิดมาจากอะไร สุรัติ : คงตั้งแต่เป็นเด็ก ผมโตมากับ บ้านที่เขาเรียกว่า “รวมห่อ” คือใครจะ สั่งนิตยสารอะไรก็มาสั่งบ้านผม ฉะนั้น ที่บ้านจะมีนิตยสารให้ผมอ่านเกือบทุก ประเภท ตั้งแต่ จักรวาลปืน ไปจนถึง

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

087


ดิฉัน ผมอ่านดิฉันมาตั้งแต่เป็นเด็ก วาดรูปตาม ภาพประกอบของอาจารย์เกริกบุระ ยมนาค ผมได้ อ่านทุกเรื่องที่ผมอยากอ่าน จากฟ้าเมืองไทย สกุลไทย ขวัญเรือน หนูจ๋า เบบี้ ชัยพฤกษ์การ์ตูน คือรู้เป็นเป็ด ตั้งแต่เป็นเด็กประถม แล้วที่บ้านยังเป็นร้านขายส่ง มีสินค้าทุกอย่างขายเยอะที่สุดในอำ�เภอ ตอนเป็นเด็ก จะรู้ทุกอย่างว่าสินค้าอะไรอยู่ตรงไหนด้วยการจำ�สีของ กล่องหรือสีขวด หรือจำ�จุดเด่น ว่าอันนี้มีรูปปลาตะเพียน อันนี้เป็นรูปสิงโต หรือน้ำ�มันเครื่องสำ�หรับอะไรควรอยู่ ในกระป๋องสีอะไร สนุกมาก มันสั่งสมอะไรไว้ตอนนั้น ยังไม่ทราบ พอทำ�การบ้านเสร็จผมก็วาดรูปมอเตอร์ไซค์ บนกระป๋องน้ำ�มันเล่น ช่วยพ่อจัดของที่ลูกค้าสั่งลงกล่อง อันนี้เหมือนการวาง lay-out นะ เราต้องวางแผนว่าจะ ทำ�อย่างไรให้กล่องหนึ่งใบมีประสิทธิภาพในการใส่ที่ดี ที่สุด เพราะของแต่ละชิ้นที่ใส่ไม่เหมือนกันเลย ของหนัก ควรอยู่ด้านล่าง มันเป็นการแก้ปัญหานะ สนุกมาก เหมือนเล่นเกม ลองมารวมกันดูนะ นิตยสาร สินค้าต่างๆ

การจัดของ สีของสินค้า โลโก้ จุดจำ� ภาพประกอบ การเขียน การอ่าน ทุกอย่างมารวมกันและสะสม กลายมาเป็น Graphic Designer เป็น Copywriter และเป็นเป็ดด้วย PIE : สมัยเด็กอยู่ที่ไหนครับ สุรัติ : อยู่โคราชครับ PIE : บรรยากาศในต่างจังหวัดมีผลหรือเปล่า สุรัติ : ที่นั่นเราจะรู้จักกันหมด บ้านใครอยู่ที่ไหน มีอาชีพอะไร ทำ�ไมคนนี้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำ�ไมเขา ไม่อ่านดิฉัน คุณครูบางคนขี่มอเตอร์ไซค์มาหลายสิบ กิโลฯ ไกลมาก ฝ่าฝนฝ่าแดดมาเพื่อมารับหนังสือ ฟ้าเมืองไทย เพราะเขาติดเรื่องที่อ่านอยู่งอมแงม อะไรคือแรงขับที่รุนแรงขนาดนี้ หรือโอวัลตินจริงๆ แล้วมี 2 แบบ ทำ�ไมคนนี้มาซื้อแบบนี้ไม่ซื้อแบบนี้ นั่นคือเรื่องผู้บริโภคซึ่งเราจับได้ เรารู้ว่าใครทำ�อะไร ไม่ทำ�อะไร ซื้ออะไรไม่ซื้ออะไร นั่นคือวิชาโฆษณา

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

088


และทุกอย่างบนสินค้าก็คือกราฟิกดีไซน์ ทุกอย่างเราพอ จะเดาออกด้วยสัญชาตญาณเรา นี่คือที่สั่งสมมา หลังๆ เริ่มรู้แม้กระทั่งเวลาคนมาซื้อของ พอเขาจอดรถปั๊บผม จะเดาเลยว่าเขาจะมาซื้ออะไร เริ่มไปไกลมาก PIE : ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่าจะมาทำ�งานออกแบบ สุรัติ : ตอนเป็นเด็กไม่รู้หรอกครับ ครูถามก็ตอบไปเรื่อย เป็นหมอ เป็นทหาร แต่โตมาหน่อยตอนมัธยมปลายอยาก เป็นผู้กำ�กับหนัง ก็เลยพยายามเอ็นทรานซ์เข้าลาดกระบัง ตอนนั้นทางญี่ปุ่นเขาให้ทุนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ลาดกระบัง และให้กล้องโซนี่มาด้วย อยากเรียนมาก เลือกเป็นอันดับหนึ่ง อยากเข้าไปใช้กล้องรุ่นนี้ถ่ายหนัง แต่เอ็นท์ไม่ติด ถ้าเข้าได้อนาคตผมอาจจะเปลี่ยนเลยก็ได้ อาจจะเป็นผู้กำ�กับฯก็เป็นได้ PIE : ทำ�ไมถึงอยากกำ�กับหนังทั้งๆ ที่โตมากับสิ่งพิมพ์ สุรัติ : โตขึ้นมาสักพักรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เป็นภาพ เคลื่อนไหวที่เล่าเรื่องจากจินตนาการได้ดี แล้วชอบ

และพอดีช่วงนั้นได้ดูเทศกลาลหนังของคุโรซาวา (Akira Kurosawa) ด้วย อินมาก มีไฟมาก PIE : ชอบเรือ่ งไหนเป็นพิเศษไหมครับ สุรัติ : เรื่อง Rashomon และ Dreams (Akira Kurosawa’s Dreams) เพราะผมรู้สึกว่าการกระโดด ไปมาระหว่างเส้นของความรู้เรื่องกับไม่รู้เรื่องนี่มันสนุก มาก คือคุโรซาวาเขาไม่ได้เล่าแบบรู้เรื่องหมด จะเล่า แบบกระโดดไปมาระหว่างรู้เรื่องกับไม่รู้เรื่อง แล้วมันเกิด จินตนาการ แล้วกล้องเขาจะนิ่งมาก สมมติเขาจะถ่ายซีนนี้ เขาจะตั้งกล้องแล้วไม่คัตเลย ตอนนั้นก็เลยคิดแบบเด็กๆ ว่ามันเจ๋งดี ประกอบกับชอบเขียนเรื่องบ้าๆ บอๆ ทิ้งไว้ แล้วอยากเอามาเล่าเป็นหนังให้เพื่อนๆ ดู PIE : ล่าสุดได้ร่วมงานกับพี่ต้อม (เป็นเอก รัตนเรือง) กับหนังสารคดีเรื่องใหม่ เป็นอย่างไรบ้าง สุรัติ : พี่เขาเป็นคนประเทืองปัญญา เวลาคุยด้วยแล้ว เหมือนสมองเราจะถูกระตุกด้วยคลื่นไฟฟ้า มันเหนื่อย

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

089


แต่มันเหมือนเจอหนังสือดีๆ อ่านแล้วเหนื่อยแต่เหนื่อย อย่างสนุกนะ คนแบบนี้บางทีผมก็เจอเป็นชาวบ้าน อย่าง ตอนน้ำ�ท่วม ผมไปเจอคนสานรั้วด้วยไม้ไผ่ตามหมู่บ้าน เล็กๆ แถวหล่มสัก เพชรบูรณ์ ผมขี่จักรยานไปแล้วเห็นลุง แกนั่งสานรั้วอยู่ทุกวัน ผมก็เลยจอดจักรยาน ผมถามแกว่า ลุงว่างเหรอครับ สานทุกวัน ลุงตอบว่าว่าง เพราะรอข้าว ตั้งท้อง ตอนนี้ว่างมากอยากทำ�อะไรก็ทำ� สนุกมาก เราก็ คิดว่า เออ...ชีวิตลุงเจ๋งมากเลย เลยถามลุงว่าว่างแบบนี้ ปีละกี่เดือน ลุงแกบอกว่า 2-3 เดือน ไม่มีอะไรทำ�จริงๆ ก็เลยเอาไม้ไผ่มาสานรั้ว แกตอบแบบนี้มันเจ๋งมากเลย ในแง่ที่แกออกแบบชีวิตแกได้ดี นี่แหละคือนักออกแบบ สำ�หรับผม เขาดีไซน์ชีวิตเขาได้ ว่า 3 เดือนนี้ปลูกข้าว 2 เดือนนี้พักผ่อนแล้วเอาข้าวมากิน ปลูกข้าวเสร็จปลูก ยาสูบ ปลูกยาสูบเสร็จปลูกผักต่อ ชีวิตค่อนข้างสบายเลย ไม่ต้องดิ้นมาก เป็นคนที่คุยด้วยแล้วเกิดแรงบันดาลใจ เวลาเจอคนแบบนี้สมองผมมันจะปุดๆ ผมชอบที่คุยกับ คนแบบนี้ แล้วก็กลับมาขบคิด

ไม่มีเกมยืดเยื้อต่อเวลา จะแข่งนัดใหม่ก็ว่ากัน ผมใส่ เต็มที่ในเวลาเหมือนเดิม PIE : การที่เริ่มหันมาดูแลตัวเองมีผลกับงานไหมครับ สุรัติ : มีครับ แรงบันดาลใจมันเกิดขึ้นเยอะมาก เพราะ ได้ออกไปดูโลก ดูหมา ดูแมว นั่งจ้องดอกไม้ จ้องลาย บนใบไม้ จากเมื่อก่อนตอนทำ�งานออฟฟิศ 7 วันผม ทำ�งาน 5 วัน หรือบางทีทำ�งานทั้งอาทิตย์ ไม่เห็นโลก เลย เห็นแต่ออฟฟิศ เห็นแต่รถติด เห็นแต่การกินพิซซ่า อยู่ในห้องประชุม และเห็นแต่เตียงนอนที่บ้าน เห็นอยู่ แค่นี้ และเป็นหวัดบ่อย รู้สึกว่าอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว ผมมี ชีวิตอย่างนี้ไม่ดีแน่ ก็เลยอยากลาออก พอออกมาได้ เห็นโลก ไปขี่จักรยานที่ต่างจังหวัด อาจจะหอบแมคบุ๊ก ใส่กระเป๋าแล้วก็ขับรถไปทำ�งานต่างจังหวัด ขอแค่ให้ มี wifi ถ้าลูกค้าไม่ถามก็ไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน ในประเทศ หรือต่างประเทศก็ได้ ไปเที่ยวญี่ปุ่นลูกค้าเมลมาก็ส่งงาน กลับไป ก็เลยคิดว่าทำ�ไมเราไม่ใช้ชีวิตแบบนี้ตั้งนานแล้ว PIE : อย่างนี้กราฟิกดีไซน์บ้านเราถ้าไม่เลือกทางแบบพี่ PIE : แล้วพี่ดีไซน์ชีวิตตัวเองยังไง แล้วมันมีทางอื่นอีกมั้ยในเรื่องระบบ เรื่องลูกค้า นายทุน สุรัติ : กำ�หนดตารางชีวิตเราคร่าวๆ เราจะทำ�งานจันทร์ ค่านิยมเดิมๆ ถึงศุกร์นะ วันเสาร์และอาทิตย์เราไม่ทำ� และไม่ทำ�งานดึก สุรัติ : มันต้องช่วยกัน ผมว่ามันมีทางเลือก คือผม เราไม่บอกลูกค้านะ แต่งานเราเสร็จหมด ลูกค้าโทรมาดึกๆ เห็นพี่โต้ (สุหฤท สยามวาลา) พูดในเรื่องที่ไม่เกี่ยว เราก็บอกเลย ขอโทษนะครับผมนอนแล้ว แต่พรุ่งนี้ผมจะ กับเรื่องกราฟิกดีไซน์เลยนะ แต่น่าเอามาคิดเกี่ยวข้อง ส่งงานให้แต่เช้าตรู่เลยครับ เราก็ตื่นเช้ามาทำ�งานให้เขา กันได้ เขาให้สัมภาษณ์ในรายการของช่อง Thai PBS แต่เราไม่นอนดึก เพราะสมัยตอนอยู่เอเจนซี่เราทำ�ลาย ในรายการตอบโจทย์ ว่ามันต้องมีความหวังว่ามันต้องมี สุขภาพมาก เราไม่มีเสาร์ อาทิตย์ ทำ�งานเกือบถึงเช้า การเปลี่ยนแปลง ถ้าเราคิดว่าทุกอย่างมันจะเหมือนเดิม แทบจะนอนอยู่ใต้โต๊ะทำ�งาน ฉะนั้นเราออกมาเราก็จะต้อง มนุษย์ก็ไม่ต้องเกิดมา ถ้าเปลี่ยนใน Generation เรา กำ�หนดตัวเองใหม่ว่า 1.สุขภาพเราต้องดี 2.การทำ�งานต้อง ไม่ได้เราก็หวังว่าจะมีเชื้อของเราใน Generation ต่อไป เป็นระบบ 3.คุณภาพชีวิตที่ดี ตอนนี่ทำ�เหมือนเล่นฟุตบอล ให้มันเปลี่ยนแปลง เหมือนกับที่เขาอยากจะเปลี่ยนแปลง กทม. แล้วพิธีกรก็ถามว่าคุณไม่มีโน่นไม่มีนี่คุณจะทำ�งาน คือหนักในเกมใส่เต็มที่ในงาน 90 นาที แล้วพักผ่อนเลย PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

090


ยังไง พี่โต้ก็ตอบคำ�หนึ่งว่า ถ้าเราไม่มีความหวังผมคง ไม่มาสมัครหรอก คือเปลี่ยนได้นิดนึงก็ยังดี ก็เหมือนกัน ผมก็หวังจะมาเปลี่ยน ผมอยากให้กราฟิกดีไซน์มันเป็น กันเองกับคนไทยมากขึ้น ด้วยการที่ผมเอาตัวเข้าแลก เลยนะ ว่าตัวผมเป็นแบบนี้ ทุกเล่มที่มาคุยกับผมหรือ ใครที่มาคุยผมจะเอาทัศนคติตรงนี้เหวี่ยงลงไปให้เขา เห็น แล้วคนอ่านมาเห็น อย่างน้อยมีนักศึกษามาเห็น มีคนที่ทำ�งานมาเห็น ให้มันเป็นเชื้อให้เขาไป คิดและ ช่วยกันทำ�ต่อไป ให้มันเกิดความเปลี่ยนแปลง PIE : จุดเล็กๆ หลายๆ จุดกลายเป็นภาพ สุรัติ : ใช่ๆ ผมไม่ได้คิดว่าผมจะเปลี่ยนจะลุกขึ้นมา ปฏิวัติ มันเป็นไปไม่ได้ แต่วันหนึ่งในสิ่งที่ผมทำ�แล้วมี คนเห็น ในสิ่งที่ตั้ม (พฤษ์พล มุกดาสนิท) ทำ� ในสิ่ง ที่กิ๊ฟ (รักกิจ ควรหาเวช) ทำ� แล้วมีคนเห็น พอใจใน สิ่งที่เขาสามารถกำ�หนดแล้วว่าเขามีตัวตนแบบนี้ แล้ว โปรดักต์หรือลูกค้าจะมาหาเราเอง นี่เป็นตัวอย่างที่ดี คือถ้าเรามีตัวตนชัดเจนกันทีละคนๆ วันหนึ่งมีแบบตั้ม แบบกิ๊ฟ แล้วก็มีคนโน้นคนนี้เต็มไปหมด ให้เขามาหา เราอย่างที่เราเป็น ไม่ใช่มาบังคับเราให้เป็นอย่างที่เขา อยากเป็น มันเป็นจุดเปลี่ยนได้เลยนะ ขอให้อดทนและ ทำ�แบบนี้ไปด้วยกัน มันจะงอกงามสักวันแน่ๆ PIE : พี่มีงานสอนด้วย เป็นอาจารย์พิเศษ เป็น guest speaker ตามมหาวิทยาลัย สอนอะไรเด็กๆ บ้างครับ สุรัติ : ผมเอาประสบการณ์ไปเล่าให้ฟังครับ เป็น วิชาการใช้ชีวิตมากกว่า ผมว่าความรู้แบบนี้เป็นสิ่ง ที่ทุกคนอยากรู้แต่ไม่มีในหน่วยกิตที่จะลง ผมสนใจ “ข้อต่อระหว่างชีวิตนักศึกษากับชีวิตการทำ�งานจริง” ข้อต่อนี้เป็นปริศนามาตลอดในความคิดของเด็กๆ และไม่ว่าผมสอนวิชาอะไรผมจะแทรกเรื่องนี้เสมอๆ

ว่าโลกใบใหม่ที่คุณจะไปอาศัยอยู่นั้นมันเป็นอย่างไร แต่ละ คนมีต้นทุนไม่เหมือนกัน ต้นทุนของคุณพอหรือยังที่จะไป อยู่ที่นั่น ถ้ายังไม่พอต้องทำ�อย่างไร อย่าอยู่ไปวันๆ ผมจะ ใส่ไฟให้เขาฮึกเหิม ให้อยากทำ�ในสิ่งที่เขาทำ�แล้วมีความสุข และที่สำ�คัญที่สุดให้รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเจ๋งตรงไหน PIE : ข้อดีข้อเสียของนักออกแบบบ้านเรา สุรัติ : ข้อดีก็คืออดทน (55) ผมว่าถ้าเอาปรอทมาวัด ความอดทนในประเทศไทยนี่ขึ้นอันดับโลกได้เลยนะ ข้อเสียก็คงไม่ใช่ข้อเสียมั้ง ผมอยากแนะนำ�มากกว่า ว่าอย่าจำ�ทน มันต้องลุกมาช่วยๆ กัน ผมก็ไม่ยอมนะ คือตอนผมออกมาจากเอเจนซี่และบอกว่าผมจะเป็น กราฟิกดีไซเนอร์ ทุกคนก็บอกว่าหนักแน่ จะไหวเหรอ ลูกค้าเคี่ยวนะ ผมเลยคิดแบบใหม่ไงว่าผมทำ�ได้หมดนะ ทุกแนว จากประสบการณ์ที่ทำ�มาเป็นสิบกว่าปี ทำ�ได้ อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันผมจะทำ�ในแบบที่ผมอยากทำ� มานำ�เสนอด้วย มันอาจจะเหนื่อยขึ้นสองเท่าเลยแต่ผม ยอมทำ� เพราะนี่คือตัวตนของผม งานสองชิ้น ขายของ เหมือนกันแต่ของผมขายไปยิ้มไป เอามั้ย ตอนแรกๆ ก็ไม่ค่อยมีคนสนใจ ผมก็ก้มหน้าก้มตาทำ�ต่อไป จนวันนึง มันเป็นตัวผม และลูกค้าก็เริ่มอยากลองของใหม่ มันก็เริ่ม สนุกละทีนี้ แต่ก่อนหน้านี้ผมเหนื่อยมามากเลยนะ ผมแค่ อยากแนะนำ�ให้นักออกแบบบ้านเราพยายามแสดงถึง ตัวตน และประกาศออกมาให้ชัดเจน PIE : นักออกแบบที่ชอบล่ะครับ สุรัติ : ผมชอบคนที่ทำ�งานอย่างมีความสุข ดูจากงาน มันเยอะมาก ไม่ได้ติดที่คน และไม่ได้พยายามตอบให้ หล่อนะ ว่าหลังๆ นี่ผมชอบคนที่ออกแบบชีวิตได้ดีแบบ คุณลุงที่สานรั้วมากกว่า นั่นแหละยอดนักออกแบบชีวิต ที่ดี มันจริงดี

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

091


PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

092


PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

093


PIE : ดูยังไงว่าทำ�อย่างมีความสุข สุรัติ : งานมันมีชีวิตชีวา มีความเสี่ยง มีความสด ใหม่ มันจะแสดงออกมาชัดเจน ผมดูออก เหมือน หมอดูลายมือ 55 PIE : ทำ�งานกราฟิกมาหลายอย่างแล้ว อยากทำ�อะไร อีกครับ สุรัติ : อยากแสดงงานครับ มีงานทดลองที่ทำ�ไว้เยอะ มากๆ อัดอั้น อยากระบายออกด้วยการแสดงครับ และ ยังอยากทำ�โปสเตอร์หนัง ยืนยันมาตั้งแต่เรียนจบจนถึง ทุกวันนี้ แล้วก็อยากทำ�หนัง อยากทำ�หนังที่ดูสบายๆ ให้ คนดูเดินออกไปจากโรงหนังแล้วรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่ ไร้สาระหรอกนะ PIE : แล้วถ้าทำ�หนังจะทำ�แนวไหน สุรัติ : ไม่มีแนวครับ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยกำ�หนดแนว มาก่อน เหมือนการทำ�งานผมจะไม่กำ�หนดแนวก่อนว่า ผมจะทำ�แนวไหน เพราะมันเป็นการบล็อกตัวเอง ผมจะ เริ่มจากประเด็นที่ผมอยากจะทำ� ส่วนแนวทางเป็นเพียง ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น ถ้าผมจะทำ�น่าจะเป็นหนังที่ โฟกัสไปที่ความรู้สึกมากกว่าความรู้เรื่อง PIE : ไม่กำ�หนดแนวแล้วเริ่มคิดงานยังไง พี่สุรัติ : เราจะคิดสนุกกับมันก่อน อย่างทุกครั้งที่ทำ�ปก Bioscope มีเวลาน้อยมากนะ บางทีนับเป็นชั่วโมงได้เลย แต่ก็จะไม่เคยมองเป็นความเครียด มองว่ามันเหมือนเกม ว่าจะประกอบภาพนี้ยังไงให้น่าสนใจภายในไม่กี่ชั่วโมง ก็เลยคิดแบบเด็กว่ามาอย่างงี้จะวางยังไงดี หนังเกี่ยวกับ อะไร หนังเกี่ยวกับบิน ลาเดน ดาราก็ไม่ดัง หนังก็ไม่รู้จัก รู้แต่ว่าจะฆ่าบิน ลาเดน ให้ดูเราก็คงไม่ดู จะทำ�ยังไงกับ มันดี ก็เอาสิ่งต่างๆ นี้มาขยำ� โยนๆๆ ก็สนุกแล้วก็จบ แล้วกลับมานั่งดู เอาประเด็นและ mood & Tone เข้าไป จับและปรับ ผมจึงไม่ได้ทำ�งานจากแนว ไม่เคยคิดว่างาน

ที่ออกมามันต้องหล่อ มันต้องเป็นผลงานที่มาจากความ สนุกแบบเด็กแต่ทำ�โดยผู้ใหญ่ แค่นี้พอแล้ว PIE : พี่เคยให้พูดว่า มีความคิดที่อยากจะเอางาน กราฟฟิกไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ สุรัติ : ใช่ครับ และอยากจะให้คนไทยให้ความสำ�คัญ กับพิพิธภัณฑ์ด้วย อยากให้งานใครก็ได้ที่มีผลงานดี หรือ งานเด็กรุ่นใหม่ก็ได้ ให้ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์แล้วมีคนเข้า ไปดูแล้วบอกว่านี่คืองานกราฟิกดีไซน์ อยากให้ทุกคนที่ เข้าไปดูแล้วถามว่ากราฟิกดีไซน์คืออะไร หรือพูดกันว่า อ๋อ! แบบนี้เองที่เรียกว่ากราฟิกดีไซน์ PIE : ฝากถึงน้องๆ นักออกแบบหน่อยครับ สุรัติ : สนุกดีกว่า อย่าไปคิดมาก ลูกค้าจะเอาโลโก้ ใหญ่ๆ ทำ�ให้ใหญ่ๆ ได้ไม่เห็นยากเลย แค่กด Shift แล้วเลื่อนเม้าส์ไปมันก็ใหญ่ขึ้นมาเลย แต่ใหญ่ยังไง ให้งานโดยรวมดูมันมี “อะไร” ถ้าทำ�ได้ก็ทำ� ใส่เต็มที่ อย่างน้อยมันต้องออกมาสวย ไม่ดูรกโลกเป็นพอ อย่าง โลโก้ของ try2benice ที่เป็นหน้าคนยิ้มนี่ย่อไม่ได้นะ ผมออกแบบไว้แบบที่ตั้งใจให้ผิดกฎการออกแบบเลย คือย่อแล้วดูไม่รู้เรื่อง ต้องขยายให้ใหญ่ยักษ์อย่างเดียว เคยมีคนมาถามว่าผมดีไซน์จากความเก็บกดตอนอยู่ เอเจนซี่หรือเปล่า ผมตอบว่า ใช่ครับ และเหตุผลอีกข้อ คือ ผมพยายามหาความสนุกจากมันเท่านั้นเอง PIE : คือให้น้องๆ สนุก สุรัติ : สนุก ผมลาออกมาเพื่อมาหาเลี้ยงชีพและใช้ชีวิต อย่างสนุก คนเรามีชีวิตสองหมื่นกว่าวัน จะระทมทุกข์ อยู่กับงานที่เราไม่สนุกอยู่ทำ�ไม ผมไม่เอาดีกว่า ออกมา สนุกดีกว่า แต่ความสนุกนี่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่าง มันสนุกหมดนะ มันหมายความว่าทุกอย่างที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเราต้องรับให้ได้ มันเหมือนการ พักบอลน่ะ บอลมาแรงๆ จะแอ่นอกรับก็เจ็บ เราต้องรับ

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

094


อย่างนุ่มนวล ให้มันไหลลงที่เท้าแล้วเตะออกไป การใช้ชีวิตก็เหมือนกัน บางทีเล่นๆ อยู่บอล อัดหัวเราตูม เราต้องเข้าใจว่าเป็นเพราะเราสนุกที่จะเล่นบอล ไม่งั้นก็ต้องไปเล่นอย่างอื่น แล้วการไปเล่นอย่างอื่นอย่าคิดว่าจะรอด เพราะทุกอย่างมันมีชุด dark side ของมันหมด ฉะนั้นเราจะทำ�อะไรได้นอกจากเลือกในสิ่งที่เราสนุกที่สุด แล้วลุยไปกับมัน PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

095


TEXT & PHOTO : PIE

PIE INSPIRATION

34 YEARS BEST THAILAND INDEPENDENT RECORD STORE

NONGTAPRACHAN แหล่งเติมฝันของคนรักเพลง กับพี่นก อนุชา นาคน้อย ร้านน้องท่าพระจันทร์ PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

096


PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

097


PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

098


PIE : แหล่งเติมฝันของคนรักเพลงร้านน้องท่าพระจันทร์ กำ�เนิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ พี่นก : ขอเล่าที่มานิดนึง ตอนเด็กๆ พวกเราอยากจะซื้อเทปเป็นของขวัญให้

คุณพ่อ เราก็เดินไปที่ร้านเทป สมัยก่อนมีร้านเทปอยู่ใกล้ๆ บ้าน เราไปยืนดู คือที่บ้านพี่มีพี่น้อง 4 คน ก็เข้าไปดูไปเลือกซื้อ แต่เราเป็นเด็กเขาก็ไม่ค่อยสนใจ ที่จะดูแล เราก็เลยมีความรู้สึกว่า สักวันหนึ่งเถอะเราจะเปิดร้านแบบนี้ ซึ่งเรา ชอบเพลงอันไหนก็สามารถหยิบมาฟังได้ หลังจากพี่ชายพี่เรียนจบมหาวิทยาลัย และทำ�งานแล้ว พี่สาวก็เริ่มเรียนมหาวิทยาลัย อยู่ปี 1 ที่รามคำ�แหง ก็จะมีเวลา ว่างช่วงที่ไม่มีเรียนก็จะมาเปิดร้าน ส่วนพี่ตอนนั้นยังเรียนที่สวนกุหลาบอยู่เลย ยังเป็นเด็กมัธยม แรกๆ มันเป็นธุรกิจครอบครัว คือพี่ชายเป็นคนริเริ่ม เพราะ เขาโตที่สุด เขาห่างกับพี่ 8 ปี PIE : อยากให้พี่นกเล่าบรรยากาศในยุคนั้นหน่อยครับ พี่นก : มันเป็นช่วงเปลี่ยน เป็นยุคเทปคลาสเซ็ตที่มันเปลี่ยนจากตลับใหญ่ๆ

มาเป็นตลับเล็ก แล้วจากแผ่นเสียงมาเป็นเครื่องเล่นเทป ซึ่งสมัยก่อนในรถยนต์ จะไม่มีเครื่องเล่นเทป เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างลงตัวหมด เริ่มเป็นยุคที่วงดนตรีจากไทยเดิมจ๋าๆ จากสุนทราภรณ์ ก็มีวงสตริงขึ้นมาอย่าง อิมพอสซิเบิล อะไรพวกนี้ เป็นเหมือนก่อนยุคที่อาร์เอสจะเฟื่องฟู พี่เปิดเป็นร้าน แรกๆ ที่เริ่มขายเพลงลิขสิทธิ์ เพราะแต่เดิมเนี่ยคุณจะฟังเพลงฝรั่งคุณต้องซื้อ พีค็อก โฟร์แทร็ก ก็คือเป็นเทปที่ไม่มีลิขสิทธิ์ และเราเป็นยุคแรกๆ ที่เริ่มขาย เทปของ EMI ที่น่าจะเป็นบริษัทแรกที่เอาเพลงถูกต้องตามกฎหมายเข้ามา ปก เทปก็จะมีเนื้อเพลง ปกก็จะสวย คือจริงๆ พีค็อกก็ดีนะ แต่ด้วยความที่อาจจะ ไม่ได้ใส่เนื้อเพลง ต้นตำ�รับเขาจะใส่เนื้อเพลงมา และราคาตอนนั้น 90 กว่าบาท ในยุคนั้นถือว่าแพง พีค็อกจะอยู่ที่ประมาณ 35-40 บาท จะต่างกัน แต่ว่าด้วย ความที่เป็นปก และจุดที่เราไปอยู่ตรงนั้นคือจุดของนักศึกษา เขาก็จะมีความ รู้สึกว่าอยากได้ของที่เป็นคุณภาพต่างประเทศ ยุคนั้นก็เริ่มมีรายการวิทยุเปิด เพลงต่างประเทศ อย่าง Nite Spot แล้วก็พี่วิฑูร วธัญญู ซึ่งแต่เดิมพี่ว่ารายการ เพลงฝรั่งมีคุณภาพมาก จะรู้แบล็กกราวนด์ของศิลปินเลยว่า Scorepion เป็นใคร อะไรยังไง ก็จะมีดีเจมาพูดถึง อย่างป้าวาส (วาสนา วีระชาติพลี) ก็จะพูดถึง Rod Stewart ตอนนั้นเขาปลื้ม Rod Stewart ก็จะคุยถึง หรือว่า Manic Street Preachers อะไรอย่างนี้ เราก็รู้สึกว่าดีเจเหล่านี้เก่ง ลึกเลย ทำ�ให้เราฟังเพลง แล้วมันสนุก อันนี้ต้องบอกว่าช่วงหลังคือช่วงที่พี่เข้ามาเริ่มทำ�จริงๆ เต็มที่ เพราะตอนนั้น Nite Spot ค่อนข้างจะดังมาก เริ่มมีศิลปินจากต่างประเทศเข้ามา มีคอนเสิร์ต จนมีเบิร์ดกะฮาร์ด น่าจะเป็นศิลปินต้นๆ ของคลื่นเขากับพี่นุภาพ PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

099


(นุภาพ สวันตรัจฉ์) เป็นยุคที่ธุรกิจดนตรี ธุรกิจ Entertain เริ่มโตมาก มีหนังไทยซึ่งคนรุ่นใหม่ทำ�หนัง พี่ว่ามันประจวบเหมาะกันหมดเลย เพราะทุกอย่างมัน ลงตัวดูสวยงามไปหมด อย่างตอนนั้นมีละครเวทีเกิดขึ้น พอพูดถึงละครเวที พี่ก็เป็นร้านแรกๆ ขายบัตรละครเวที และบัตรคอนเสิร์ต ตอนนั้นที่จำ�ได้ มีคุณดิลกเล่นเป็น พระเอกในละครเวที หนังก็จะมีเรื่องรักทะเล้น ตอนนั้น มันบูม เริ่มจากพี่ศุภักษรเขียนหนังสือแล้วก็ถูกเอามาทำ� เป็นหนัง เป็นหนังวัยรุ่น พี่ว่าทุกอย่างมันสอดคล้องกัน ไปหมด เพลงก็ฟูเฟื่องมาก อย่าง Grand Ex’ หรือว่า พี่แจ้ (ดนุพล แก้วกาญจน์) มีวงเพื่อน ถ้าวันนี้จะวาง แผงจะมีลูกค้ามายืนรอหน้าร้านตั้งแต่เปิดร้านเลย ที่จำ�แม่นมากๆ ก็คือขายพี่แจ้ อัลบั้มของขวัญ ตลับ เทปส่งมารอบแรกประมาณ 500 ม้วน 1 ชั่วโมงหมด

พอฟังแล้วโดนมาก แล้วขายดีมหาศาล ไม่มีสื่ออะไร มากมายในตอนนั้น อาจจะมี hot wave อย่างเดียว เพราะเพิ่งชนะการประกวด PIE : ที่ร้านมีการให้ศิลปินมาเล่นเปิดอัลบั้มด้วย พี่นก : พี่ว่าเป็นเรื่องของความสัมพันธ์กับศิลปิน ตอนนั้น

อินดี้ค่อนข้างจะเฟื่องฟู อย่างเช่นพี่คุ้นเคยกับน้องพี่ก็อาจ จะบอกว่า ก็เอาสิ พร้อมใช่มั้ย เล่นสดโชว์ได้มั้ย ก็มาเล่น ที่ร้านเรา อย่าง Modern Dog อัลบั้มคาเฟ่ ก็มาเปิด อัลบั้มที่นี่ มีคนจองซีดี ถ้าจำ�ไม่ผิดตอนนั้นราคาซีดีจาก ปก 350 บาท 200 แผ่น ก่อนวางแผงเป็น pre-order แล้วจะได้ลายเซ็นบนปก ศิลปินก็รู้สึกแฮปปี้ที่ได้เซ็น อย่าง Soul After Six ก็มาเล่นตั้งแต่อัลบั้มแรก ตอนนั้น พี่ก็ไม่รู้จัก วันที่เขามากันก็แต่งตัวเท่มากเลย มีพี่ปั่น (ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว) กมาแจกลายเซ็นตอนอัลบั้ม PIE : แปลว่าเพลงสมัยก่อนมันใกล้ชิดกับคนมากกว่านี้ ก้อนหินกับดอกไม้ ทำ�แพ็กเกจจิ้งหรูมาก เป็นกล่อง พี่นก : มากกว่านี้ พี่ว่าวิธีการทำ�เพลงด้วย แต่ก่อน พลาสติก ข้างในมีวิธีบอกรักหลายๆ ภาษา แล้วก็จะมี มันพิถีพิถันมาก มันไม่มีโฆษณาทางไหน เพราะฉะนั้น ก้อนหินอยู่ข้างใน 2 ก้อน เราก็แซวกันว่า ก้อนหินก้อนนึง สิ่งที่จะดังได้ก็คือมีวิทยุอย่างเดียว กลไกก็เหมือนเดิม เอาไว้ถามทาง คุณชอบฉันมั้ย แล้วถ้าเกิดไม่ชอบคุณก็ เพียงแต่วิทยุทำ�งานง่ายกว่า อยากเปิดอะไร ชอบอะไร ค่อยเอาก้อนหินก้อนโตเขวี้ยงแล้วกัน เปิดแล้วจะมีแผ่นตัวอย่างส่งไปทางวิทยุ ศิลปินคนนี้ดัง งานดี โปรดักชั่นดี เป็นพี่พี่ก็เปิด พอเปิดก็จะมีแฟนคลับ PIE : จำ�วงแรกที่มาเล่นได้มั้ย ตามรายการ อย่างรายการ hot wave สมัยก่อนเพลง พี่นก : วงแรกที่มาแจกลายเซ็นได้มั้ย วงแรกคือ โก้ ใหม่ถูกส่งมา ต้องใช้คำ�ว่าอิสระ อย่างเช่นคุณสมเกียรติ ธีระศักดิ์ ใส่เสื้อสีเหลืองมาเลยนะ โดยที่ไม่มีแพลนมาเลย (สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์) สมัยก่อนพี่ก็คิด สมเกียรติ แต่มีแฟนคลับเดินตามมาเป็นกลุ่มเลย หลังจากนั้นที่จำ�ได้ นี่มันใครนะ ทำ�ไมเพลงไปเปิดใน hot wave ได้ แล้ว ก็จะมีพี่ป้าง อัลบั้มแรกเลย ตอนนั้นน้ำ�ท่วม ท่าเรือกำ�ลัง เขาก็ขยันมากในการที่จะทำ�เพลงส่งไป เราก็เออ เพลง ซ่อมแซม ร้านก็เลยย้ายไปอยู่ท่าวังหลัง น้ำ�ก็ยังท่วมอยู่ พี่ป้างด้วยความที่เป็นคนตรงเวลามาก นั่งมอเตอร์ไซค์มา เขาเจ๋งนะ เราก็ฟังจนตอนหลังถึงออกมาเป็นอัลบั้ม เพลงลมหายใจนี่แต่ก่อนดังมากเลย ก็ได้มาจากการฟัง แล้วก็ข้ามเรือไปแจกลายเซ็นในร้านที่ไปเปิดชั่วคราว วิทยุ หรือ Modern Dog น่าจะเป็นยุคแรกๆ ที่ทำ�ซิงเกิ้ล น่าจะช่วงปี 30 ช่วงน้ำ�ท่วมใหญ่ มีคุณจรัล มโนเพ็ชร ก่อน 5 เวอร์ชั่นที่เป็นตลับเทป ซึ่งเพลงไทยน้อยมากที่ น่าจะเป็นวงแรก ตอนนั้นเป็นอัลบั้มการกุศล พิณเปี๊ยะ จะทำ�เป็นซิงเกิ้ล แล้วปกซิงเกิ้ลเป็นแฮนด์เมดนะ ก็คิด ไปเล่นหน้าร้านและมีสื่อมาทำ�ข่าว เป็นครั้งแรกเราตกใจ ว่าวงอะไรวะชื่อ Modern Dog ชื่อก็แปลกแล้ว แต่เพลง มาก เพราะว่าไม่ได้วางแผน PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0100 100


ถ้าเขาเป็นเด็กมากๆ เราก็จะบอกว่าอันนี้อย่าฟัง เลยถ้าทำ�ได้ พูดตรงๆ เลย เพราะส่วนใหญ่แผ่นใน ร้านเกือบทั้งหมดจะผ่านหูแล้วส่วนหนึ่ง สมัยก่อน พอใช้ พี่มองว่าธุรกิจตรงนี้คนซื้อติดกับคนที่นำ�เสนอเพลง จะมีเด็กมาซื้อเพลง ถ้าเราป้อนสิ่งที่ไม่ควรให้เขา ในกรณีที่ลูกค้าประจำ�มาแต่พี่ไม่อยู่ก็ต้องเจอพี่น้องหรือเจอ ลูกค้าที่เป็นเด็กธรรมศาสตร์ ศิลปากร เด็กๆ สตรี พี่หน่อย รูปแบบการขายการแนะนำ�ก็ไม่เหมือนกัน อย่าง วัดระฆัง เด็กสวนกุหลาบ ราชบพิตร เป็นเด็กที่เรา แลกเปลี่ยนกัน ได้รู้จักวงใหม่ๆ จากน้องๆ พวกนี้ พี่หน่อยชอบฟัง Blue’s เขาก็นำ�เสนอในแบบบลูส์ พี่น้อง เราไม่ได้เป็นพวกท่องอินเตอร์เน็ตและก็ฟังวิทยุ เป็นประเภทฟังทุกอย่าง Jazz, Rock อย่างพี่ชอบ Jazz พร้อมกันทุกคลื่นไม่ได้ อย่างดูหนังก็เหมือนกัน กับพวก New Age ร็อกพี่ชอบบ้างแต่ไม่หนักมาก ก็ขึ้น อยู่กับว่าวันนี้โจทย์ของลูกค้าอยากฟังอะไร เมื่อไหร่ที่ลูกค้า พี่ไม่สามารถดูหนังใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้าได้ทุกเรื่อง อยากฟังอะไรที่เราไม่ชอบ เราก็จะบอกว่าเดี๋ยวผมเปิดให้ฟัง แต่เราจะเหมือนมีคนสกรีนมาเบื้องต้น เดี๋ยวมีเวลา แล้วกันครับ เพราะว่าพี่ไม่สามารถตอบลูกค้าได้ว่าอันนี้มัน แล้วค่อยไปดู พอมันดีจริงเราก็คุยกับลูกค้าได้ว่า วิเศษในสิ่งที่เราไม่ชอบ อย่างบางอันเนี่ยเนื้อหาหยาบคาย มันดี พี่ก็จะได้แลกเปลี่ยนกับผู้บริโภค คุยได้

PIE : ตอนแรกที่ตั้งใจอยากทำ�เป็นงานอดิเรก พอร้าน เริ่มมีชื่อเสียง คิดจะขยายร้านหรือเพิ่มสาขาไหมครับ พี่นก : ไม่เคยคิดว่าจะขยาย แล้วเราก็รู้สึกว่ามันพอกิน

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0101 101


ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องการเมืองลึกๆ เราจะยอมแพ้ คุยแต่เป็นกลางๆ เพราะทั้งสองฝ่ายก็มีรูปแบบการ คิดที่ไม่เหมือนกัน อย่างตอนนี้มีเรื่องผู้ว่าฯกรุงเทพฯ ที่เป็นดีเจสุหฤท วิธีการคิดของเขาน่าสนใจ ไม่มัวแต่ พูดว่าใครไม่ดียังไง แต่พูดว่าตัวเองจะทำ�อะไร เหมือน กับพี่คุยกับพระท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า ทุกคนบอกว่าให้ ยุติ ให้ปรองดอง แต่ทุกคนยังพูดเรื่องไม่ดีของคนอื่น เมื่อไหร่เรื่องนี้มันจะจบ PIE : แล้วสาเหตุที่ย้ายมาเปิดที่คริสตัลปาร์คล่ะครับ พี่นก : พี่ปิดร้านเนื่องจากน้ำ�ท่วม ตอนนั้นเข้าใจคนที่

เกษียณอายุเลย แรกๆ ก็รู้สึกเหมือนได้พักนะ เพราะ ตลอด 34 ปีนี้หยุดน้อยมา หยุดเฉพาะวันเทศกาลที่ หยุดยาวจริงๆ น้ำ�ท่วมนี่เราอาจจะสบายใน 7 วันแรก พี่ตื่นขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าว แล้วก็นั่งดูทีวี เที่ยงก็หลับ ตื่นมาก็อยู่กับทีวี เพราะมันเป็นสิ่งเดียว ตอนน้ำ�ท่วมเนี่ยเราฟังวิทยุแล้วก็ดูทีวีเท่านั้นเอง เพราะ ออกไปข้างนอกไม่ได้ แถวบ้านก็ไม่ได้ท่วมนะแต่รอบๆ ที่อยากจะไปท่วมหมด เหงามาก ต้องใช้คำ�ว่าเหมือน อาแปะแก่ๆ ที่เกษียณ กลายเป็นว่าตื่นมาอยู่ในสภาพ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น ขี่จักรยานในหมู่บ้าน พอหลายๆ วันเข้ามันชักไม่ได้แล้ว ก็เลยออกไปหาทำ�เลเปิดร้าน อย่างห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่เคยเจอปัญหาเรื่องของ การเมือง พอหลังการเมืองสงบพี่ก็โทรไปคุยกับทีมงาน ที่เป็นคนดูแลพื้นที่เกี่ยวกับพวกซีดี พวกเอ็นเตอร์เทน ประโยคแรกที่เขาถามพี่คือ ร้านน้องทำ�อะไรคะ พี่ก็ บรรยายสิ่งที่เราเป็น เน้นสินค้าที่เป็นอินดี้ สินค้าที่เป็น กลุ่มเฉพาะและก็น่าจะเป็นประโยชน์ พี่ว่าเขาไม่ได้ฟัง ว่าสิ่งที่พี่พูดเป็นอะไร เขาก็ตอบกลับมาว่าไม่ได้หรอกค่ะ มีร้านซีดีอยู่ในนั้นเยอะแล้ว โอเคพี่ก็เข้าใจแล้ว พี่ก็ถาม เขาไปว่า ขอโทษนะครับ น้องซื้อซีดีล่าสุดนี่นานรึยัง เขาก็ตอบ อ๋อ ปกติหนูไม่ซื้อซีดีค่ะ ไลต์​์แผ่นเอา

PIE : แล้วก็ให้มาดูแลแผนกนี้ พี่นก : ใช่ โอเคน้องไม่รู้จักเรื่องซีดี แล้วก็ถามว่าน้อง

เป็นคนกรุงเทพฯ รึเปล่า อ๋อ เปล่าค่ะ เป็นคนต่างจังหวัด พี่บอก โอเคทั้งหมดที่พี่พูดไปเนี่ย พี่ให้อภัยน้องเลยจริงๆ เพราะอย่างน้อยถ้าน้องเป็นคนฟังเพลง น้องต้องมีแว่วเข้า มาในหู คือไม่ใช่ว่าร้านน้องยิ่งใหญ่ ทุกคนต้องรู้จัก แต่คน ฟังเพลงคนหาเพลงมันจะต้องมีคำ�ถามแบบ เพลงนี้ซื้อได้ ที่ไหน จริงๆ แล้วถ้าน้องเป็นคนกรุงเทพฯ น้องอาจจะ ไม่รู้จักว่าที่ตั้งร้านอยู่ตรงไหน แต่น้องน่าจะเคยได้ยินว่า ร้านน้องท่าพระจันทร์ ขายซีดี แต่ก็ทำ�ให้เรารู้ตัวเลยว่า คนยังไม่รู้จักเราอีกเยอะ หลังจากนั้นพี่ก็มาหาเพื่อนที่บ้าน อยู่แถวนี้ (คริสตัล ปาร์ค) ตอนนั้นตรงนี้น้ำ�ไม่ท่วม พี่ก็ ขับรถมาดูตอนกลางคืน พี่ว่าห้างนี้สวยดี ไม่ใหญ่มาก แล้วห้องที่บังเอิญมีอยู่เนี่ยพอดูกลางคืนแล้วมันสวย มากเลย มีพื้นที่หน้าร้าน PIE : แปลว่าตั้งใจจะอยู่ตรงนี้แบบถาวร พี่นก : ต้องรอดูเรื่องของสถานการณ์เหมือนกัน อย่าง

พี่มาอยู่ตรงนี้ น้องๆ พี่ที่เป็นลูกน้องเก่า บ้านอยู่ฝั่งธนฯ ก็มาไม่ได้ เลยกลายเป็นว่าตรงนี้พี่ต้องอยู่กันแบบสบายๆ วันไหนมีลูกน้องก็มี ด้วยความที่ลูกค้าเปลี่ยนไป เป็นลูกค้า ระดับไฮเอนด์หน่อย เขาไม่จำ�เป็นจะต้องให้ใครมาดูแลมาก แค่คุณนำ�เสนอสิ่งที่เขาต้องการ จบ การพูดคุยกันก็จะเป็น อีกแบบหนึ่ง ส่วนหนึ่งก็จะเลือกฟังเพลงชัดลงไป อาจจะ ไม่กว้างเหมือนน้องๆ เขาจะรู้ความต้องการตัวเอง สมมติ ว่าถ้าชอบแผ่นเสียงก็จะดูแผ่นเสียงไปเลย PIE : แล้วร้านตรงท่าพระจันทร์ล่ะครับ พี่นก : ตอนนี้ท่าเรือปิดซ่อมแซมอยู่ เลยรอว่าซ่อมเสร็จ

หน้าตาจะเป็นแบบไหน ก็คาดหวังว่าถ้าเขาให้พื้นที่เรา เท่าเดิมเราคงจัดส่วนที่สามารถจัดกิจกรรมรองรับได้เลย ตู้ต่างๆ เราอาจจะย้ายหลบให้ศิลปินเล่นดนตรีได้ ยังไง ตรงนั้นก็เปิดแน่นอน เพราะมันเป็นเหมือนที่กำ�เนิดของเรา

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0102 102


PIE : บางกลุ่มเขามีค่านิยมในการโหลดอย่างเดียว ไม่ซื้อ พี่นก : พวกนี้เขาไม่ซื้ออยู่แล้ว PIE : ไม่ซื้ออยู่แล้วก็ปล่อยเขาไป พี่นก : ใช่ เพราะพวกนี้พอถึงจุดๆ หนึ่ง พอเขาเป็น

ศิลปิน พี่เชื่อว่าในกลุ่มพวกนี้มีส่วนหนึ่งที่เป็นศิลปิน ศิลปินก็ฟังแบบนี้เหมือนกัน แต่วงที่ชอบเนี่ยพี่เชื่อว่า ซื้อ พวกที่โหลด 4 shared โอเคมันก็เป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกัน พี่เองหนังบางเรื่องพี่ก็ไม่ซื้อของจริง เพราะ มันไม่ดีขนาดที่ว่าเราควรจะต้องซื้อของจริง ดูก็เช่าเอา ซึ่งเช่ามาบางทีมันก็เป็นแผ่นไรต์เหมือนกัน ก็มีคนได้ ประโยชน์ไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องการก็คือ หนังดีๆ ที่ ควรจะสนับสนุนพี่เก็บเลย ของจริงแพ็กเกจดีๆ เลย จะมีสาขาเพิ่มอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่วางแผนไว้ ซีดีก็เหมือนกัน อยากให้ศิลปินมาเล่น ต่อไปศิลปินอินดี้จะเกิดขึ้นเยอะ เพราะพ่อแม่สนับสนุนลูกให้เล่นดนตรี แล้วคอมพิวเตอร์ PIE : กลุ่มที่ซื้อก็ยังแข็งแรง มันสามารถเป็นสตูดิโอง่ายๆ เด็กที่อยากทำ�เพลงมันจะ พี่นก : กลุ่มที่ซื้ออาจจะลดลงไป เพราะว่ามันมีเด็ก มีงานเกิดขึ้นเยอะ และตลาดดนตรีมันจะโตขึ้น ลงทุน รุ่นใหม่ที่เป็นแบบนี้เยอะ แต่ว่าคนฟังเพลงจริงๆ แบบ ที่พี่เจอจะหันไปซื้อเครื่องเล่นดีๆ เลย ซื้อแผ่นนอก แค่ปั๊มแผ่นมันไม่เยอะ ส่วนที่มันเยอะมากๆ คงเป็น ซื้อไวนิล ตลาดมันอาจจะแคบลง ถามว่าน้องๆ ที่ฟัง เรื่องโปรโมตมากกว่า 4 share เนี่ยอาจจะไม่ได้ฟังวิทยุ หรือว่าฟังวิทยุก็เปิด PIE : สาขาที่ตลาดรถไฟ เพลงน่าเบื่อ ด้วยความที่เปิดเป็นแพตเทิร์นมาก ถ้า พี่นก : ใช่ๆ นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่พี่เปิดที่ตลาดรถไฟ ขับรถตอน 3 ทุ่มได้ยินเพลงนี้ อีกวัน 3 ทุ่มอาจจะได้ยิน เพราะพี่มองว่าที่นี่น้องๆ ที่ไม่มีรถคงมาคริสตัลปาร์ค เพลงนี้เหมือนเดิม พี่ฟังบางคลื่นเพลงนี้แล้วต่อด้วย ลำ�บาก ลูกค้าตรงตลาดรถไฟเนี่ยตรงกลุ่มเลย เป็น เพลงนี้เป็นแพตเทิร์นเลย ยกเว้นคลื่นอย่างที่พี่อยากให้ น้องๆ ที่เป็นคนฟังเพลง ตรงนั้นน่าจะเป็นแหล่งรวม คนฟังกันเยอะๆ แต่ว่าเขาก็เปิดเพลงไทยและสากลเก่า เพราะปริมาณคนที่เดินตรงนั้นเนี่ยต้องตั้งใจ เหมือน 93.5 พี่อ๊อด-จักรกฤษ ฟังแล้วมีความสุข หรือว่าอย่าง สมัยก่อนคนต้องไปเดินสยาม แต่ตอนนี้คนเปลี่ยนไป Fat Radio ก็มีช่วงคุณเอ้ ฟังแล้วเรารู้สึกเราได้อะไร เพราะสมัยก่อนคนไม่ชอบใส่เสื้อผ้ามือสอง แต่ตอนนี้ แปลกๆ ใหม่ๆ จริงๆ แล้วคลื่นแฟตเนี่ยฟังได้หมดเลย คนยอมรับในการใส่ของมือสองได้เยอะขึ้น มันก็เลย อย่างเวลาของพี่เจอพี่โด๋ แกก็มีเรื่องแปลกๆ ขำ�ๆ เข้ามา เกิดตลาดแบบนี้ขึ้นเยอะ อย่างตอนที่แกเปิดเพลงของ เดอะ ริชแมน ทอย ตอนพี่ PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0103 103


ได้ฟังแรกๆ พี่ก็ เพลงอะไรวะ ดนตรีครั้งนี้กับอัลบั้มเก่า เนี่ยแตกต่างเลย แต่พี่ฟังเนื้อปุ๊บ เฮ้ยเก่ง อย่างเพลง ธิดาประจำ�อำ�เภอ เขาสามารถเอาเพลงแร็พกับเพลงฉ่อย มาผสมกันแล้วแต่งออกมาเป็นเนื้อ แล้วมีท่อนร้องลูกทุ่ง โอเคซาวนด์ดนตรีอาจจะไปเหมือนวงฝรั่ง คล้ายๆ แต่ วิธีการที่คุณใส่เนื้อมาแล้วมัน เหมือนหลอกให้กินผัก ทำ�ยังไงก็ได้ให้คนกิน คุณทำ�ตรงนี้ได้พี่ว่ามันไม่ธรรมดา

พี่ว่ามันไม่ได้ถูกทำ�ขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์อย่างเดียว มันเป็นการฝึก ถ้าศิลปินไทยที่จะเอาอย่างศิลปินเกาหลี แบบนี้ ก่อนคุณขึ้นคอนเสิร์ตสักครั้งหนึ่งเนี่ยคุณซ้อม เยอะๆ พี่เชื่อว่าแดนเซอร์บ้านเราทำ�ได้เป๊ะมากกว่า ศิลปิน PIE : เอาอย่างความพยายามเขาด้วย พี่นก : ใช่ เต็มที่เลย ถ้าคุณจะเต้นเนี่ยเอามุมมาเลย

เลือกความสูงของคน เสื้อผ้า หน้า ผม ถามว่าท่าเต้น Girl Generation รู้สึกเซ็กซี่แต่ก็ดูไม่โป๊ ทำ�ไมคนถึงดูได้ โดยที่ไม่รู้สึกกระดากอาย แต่ถ้าไปดูศิลปินบางคน โป๊นะ เพราะพี่ไม่ชำ�นาญในการฟังเนื้อเกาหลี เอาง่ายๆ อย่าง คนบางกลุ่มเขาจะรู้สึกไม่ยอมรับ กว่าเขาจะเทรนด์ขึ้นมา มิวสิกวิดีโอก็แล้วกัน พี่ว่ากว่าจะมาแบบนี้ได้ โปรดักชั่น เป็นแบบนี้มันยาก และเขาต้องพิถีพิถันมาก อย่างเรื่อง เขามหาศาล อย่างท่าเต้น Girl Generation เนี่ย แค่มุม ทานอาหาร พี่ได้ยินมาว่าเขาคอนโทรลกระทั่งปริมาณ แขนที่ออกมาเป็นองศาเดียวกัน ท่าบิดสะโพก ท่าบิดขา มากน้อยขนาดไหน ถ้าคนที่ดูแลศิลปินสามารถทำ�แล้ว PIE : คนไทยที่ซื้อแผ่นแท้เพลงเกาหลี บล็อกเซตวง เมืองนอก แต่ทำ�ไมของไทยซีดียังขายยากอยู่ครับ พี่นก : ถ้าฟังเพลงเกาหลีลึกๆ นะครับ พี่ไม่ได้ฟังเนื้อหา

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0104 104


เลี้ยงเขาจริงๆ เพราะกว่าจะขึ้นมาเป็นศิลปินจริงๆ อาจจะต้องเลี้ยงสัก 5 ถึง 7 ปี แต่ของไทยเรานี่ คนนี้ ดังเหรอ ซื้อตัวจากค่ายนี้มาแล้วก็เอามาปั้น ถ้าโชคดีก็ ดังไป โชคไม่ดีคุณดับก็ทุบเขาทิ้งไป ซึ่งกว่าศิลปินคนหนึ่ง จะดังอาจจะเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี อย่างง่ายๆ พี่ เล็ก Greasy Café อัลบั้มที่ 3 เขาถึงเก็บเกี่ยว หรือว่า Tattoo Color อัลบั้มที่ 2-3 เก็บเกี่ยวจากอัลบั้มแรกๆ คือไม่ใช่ว่าอัลบั้มแรกไม่ดีปุ๊บคุณทิ้งเขา อย่างภูมิจิตร อัลบั้มแรกเขาก็ไม่ได้ขาย เขามาขายดีในอัลบั้มที่ 2 พอ อัลบั้มที่ 2 ดังปุ๊บ อัลบั้มที่ 3 ออกมาดีเลย แล้วคนก็กลับ มาซื้ออัลบั้มแรก เหมือนทุกวันนี้คนก็มาหา Modern Dog ชุดแรก เพราะถ้าเป็นแฟนตัวจริงก็เก็บหมด หรือ อย่าง Kunksanova ทุกวันนี้คนก็มาหา แต่ไม่มีแผ่น

แล้วเขาก็ตอบแบบไม่ได้อายใครว่าเขาชอบ Depapepe เขาเล่นอารมณ์นั้น ซึ่งฟังแล้วไม่ใช่ Depapepe แต่เขา เล่น soft เป็นอารมณ์ของเขา PIE : แล้วต่างประเทศล่ะ วงดนตรีที่ชอบ พี่นก : ในต่างประเทศนี่มีเยอะมาก อย่างที่ฟังบ่อยๆ

ก็ Foster the People, Two Door Cinema Club, Sigur Rós แล้วก็มี Rod Stewart ที่เอาเพลงคริสต์มาสมาร้อง มันเป็นเพลงคริสต์มาสที่ฟังตอนไหนก็ได้ PIE : ตอนนี้ในกระแสโลกเขาฟังอะไรกันอยู่ พี่นก : พี่ว่าตอนนี้จากในอินเตอร์เน็ตมันก็จะแบ่งเป็น

กลุ่มๆ ไปเลย ในกระแสโลกที่มันลงไปมากก็คือพวก ฮิปฮอป แดนซ์ที่มันเป็นอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังมีบ้าง แต่ก็ อาจจะในปาร์ตี้อะไรพวกนี้ซึ่งตลาดมันก็เปลี่ยนไป แต่ใน PIE : ขอถามวงและแนวเพลงที่พี่ชอบหน่อยครับ เมืองไทยนะ Post Rock มาแรง ลูกค้าพี่บินไปดู Sigur พี่นก : ณ ตอนนี้เลยเหรอ พี่ชื่นชอบ Stoondio ชอบ ที่เขาเล่นกีตาร์เป็นอย่างเดียว แต่สามารถนำ�เสนอเพลง Rós ที่สิงคโปร์ ไม่ใช่คนเดียว หลายๆ คน เขาบอกว่า ที่ตัวเองคิดออกมาแล้วถูกใจคนได้เยอะๆ พี่ว่ามันไม่ ยิ่งใหญ่มากนะ เพราะบางทีเราดูในมิวสิกวิดีโอแล้วจะ ธรรมดา แล้วก็พี่เล็ก Greasy Café แค่แผ่นซีดี อัลบั้ม รู้สึกลอยๆ เหนื่อยๆ หน่อย แต่สีสันที่เขาทำ�ออกมา journey without map พอเปิดเข้าข้างใน (หยิบแผ่นซีดี นำ�เสนอตื่นตาตื่นใจมาก มาเปิด) มันมีเรื่องเล่า มีนาฬิกาแดด คนต้องคิดว่า PIE : Post Rock ตอนนี้กำ�ลังมาเลยใช่ไหมครับ concept งานของคุณเป็นยังไง แล้วเขาเตรียมหน้า พี่นก : อย่างค่าย SO::On Dry Flower ก็ทำ�ออกมา รองรับในการที่จะขอลายเซ็นด้วย และข้อความที่แกเซ็น เป็นโพสต์ร็อก พวก Talkless อะไรพวกนี้ เป็นเพลงที่เรา ให้แต่ละคนคล้ายๆ กัน ซึ่งพี่ประทับใจ พี่ขอลายเซ็น อาจจะงงๆ สำ�หรับคนที่ไม่ได้ฟังแนวนี้ แต่ถ้าได้ฟังแล้ว พี่เล็กไปจากค่าย บอกว่าพี่อยากได้ลายเซ็นสำ�หรับ เปิดใจ ต้องใช้คำ�นี้ เพราะว่าบางอันจะฟังยากหน่อย ลูกค้าตัวจริง แกเซ็นให้ทุกอันแล้วเขียนข้อความด้วย เปิดใจแล้วพี่เชื่อว่าจะเห็นการทำ�ดนตรีของเขาที่ประณีต ไม่ใช่เซ็นชื่อแล้วจบ พี่ว่าตรงส่วนนี้มันเป็นเสน่ห์ของ อย่างพี่ได้วงมาอีกวงคือ Derdamissyou (เด๋อด๋ามิสยู) ศิลปินที่จะอยู่วงการนี้ได้นาน อีกวงที่น่าสนใจสำ�หรับ เป็นวงจากเชียงใหม่ วันที่ฟังครั้งแรกเป็นตอนที่ฝนตก คนไทยนะ พี่ชอบ Two Flowers เป็นกีตาร์ 2 ตัว ข้างนอกก็จะแบบทึมๆ มัวๆ หน่อย เพลงเขาจะมี PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0105 105


เหมือนเสียงกล่องดนตรี กุ๊งกิ๊งๆ แล้วก็เป็นเสียงลม เสียงนก กับบรรยากาศของ ตอนนั้น แล้วเพลงมันลอยๆ แต่มีความใสของเครื่องดนตรี มันจะมีเสียงกุ๊งกิ๊งๆ ออกมา เสียงแบบนี้ถ้าห้องอัดคุณบันทึกเสียงไม่ดีคุณไม่ได้ยิน มันออกมาอยู่ในจังหวะ ที่ลงตัวมาก จริงๆ วงนี้ออกมาหลายปีแล้วแต่พี่เพิ่งได้มาตอนไปท่องอินเตอร์เน็ต แล้วก็มีน้องที่เชียงใหม่แนะนำ�มา มันก็เลยกลายเป็นว่าพี่ได้สินค้าตัวนี้จากน้องที่เป็น เพื่อนในเฟซบุ๊กมาจำ�หน่าย ซึ่งเพลงที่วิทยุวิธีการใช้ชีวิตเนี่ยคุณควรจะต้องเก็บเงิน 10% เพื่อจะทำ�โน่นทำ�นี่ พี่ฟังแล้วก็เออ ที่เชียงใหม่นี่เมืองเขาอาจจะมีเวลาในการ ทำ�งานมากขึ้น ศิลปินดีๆ อยู่ที่เชียงใหม่เยอะ อย่างพี่หนึ่ง Sleeper One ก็ไปตั้งค่าย อยู่ที่โน่นเลย แล้วเวลาส่งงานก็ส่งมาขายในกรุงเทพฯ ที่นั่นมีเวลาคิดคือไม่ต้องเสีย เวลาเดินทางมากมาย เพราะว่าเชียงใหม่มันไม่ได้ใหญ่มาก พี่เชื่อว่าอย่างมากครึ่ง ชั่วโมงคุณก็ถึงที่หมายแล้ว ชีวิตมีความสุข PIE : เปิดที่เชียงใหม่สักสาขาไหมครับ พี่นก : ก็อยากทำ�นะ พี่ว่าคนน่ารัก อัธยาศัยไมตรีดี เราจะรู้สึกว่าไปที่ไหนแล้วคน

เป็นมิตรมันก็น่าอยู่ อย่างพี่ไปตลาดรถไฟ ร้านค้าแถวนั้นเหมือนกับว่าเขารู้จักกันหมด เดินไปก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วก็ชิลล์ๆ ไปเดินแล้วเรารู้สึกเหมือนได้เพื่อน ก็จะมีของต่างๆ มาแลกเปลี่ยนกัน ในส่วนที่เป็นโกดังมันจะแตกต่างจากข้างล่างที่จะเหมือนตลาดนัด บางร้านนี่ลงทุนมาก เอาส่วนที่เป็นร้านขายยาเก่า ตู้ยาเก่าๆ ยกมาทั้งหมดเลย ไข่ที่ หยอดเหรียญแล้วหมุนก็เอามาตั้งขาย ก็จะไปดูของแปลกๆ มีรถสวยๆ มาจอด PIE : ฝากอะไรถึงน้องๆ หน่อยครับ พี่นก : ในด้านคนฟัง น้องๆ ตอนนี้อาจจะเสาะแสวงหาเพลงได้ดีกว่าพี่ ได้เร็วกว่าพี่

จากการท่องอินเตอร์เน็ตหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าคนทำ�เพลง พี่อยากให้เขากล้าใน การที่จะทำ� วันนี้ทำ�ไม่สำ�เร็จวันหน้าก็อาจจะมีจังหวะในการทำ�ได้ แล้วพี่ก็เป็นช่องทาง เป็นตัวกลางสำ�หรับน้องๆ ที่อยากทำ�เพลง อยากให้เพลงเผยแพร่ออกไป พี่เชื่อว่ามัน ต้องมีสักวันหนึ่งที่มันจะไปถูกใจคน ขอให้คุณตั้งใจที่จะทำ�ออกมาในแบบที่เป็นตัวตน ของคุณ พี่เชื่อว่าคนเปิดรับและยอมรับได้

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0106 106


PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0107 107


20 อัลบั้มไทยและต่างประเทศ คัดสรรจาก พี่นก ร้านน้องท่าพระจันทร์

Paul McCartney Kisses On The Bottom

Foster The People Houdini

Deadmau 5 Album title Goes Here

Air Le Voyage Dans La Lune

Tony Bennett Viva Duets

Tete Self Portrait

the richman toy เดอะ ริช แมน ไทย

Ghostted Note compatition

Two Flowers Guitar and Friend

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0108 108


The Vaccines Come Of Age

Adele 21

The XX Coexist

Blue’s Bar พิพิธภัณฑ์

Ed Sheeran + Stoondio Lost-Unfound

ปั่น (ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว) Jazz เดี่ยว

Greasy Cafe The Journey Without Maps

เป้ อารักษ์ อารักษ์ แอนด์ เดอะปีศาจแบนด์

After Blue Moon EP.Minimal

Two Door Cinima Club Beacon

PIE MAGAZINE CREATIVE WORKING & LIVING LIFESTYLE

0109 109


READER WRITER

THE COLORS OF MINIMALISM ความงามในความเรียบง่าย

เมื่อก่อนมันง่าย สมัยนี้อะไรๆ ก็เยอะไปหมดนั้น อาจ เป็นเสียงคนวัยไกลกระแส ด้วยความที่ใช้ชีวิตวัยเด็กส่วน ใหญ่อยู่ในช่วงยุค ’90s ทำ�ให้เราได้เห็นแต่อะไรที่น้อยๆ และเรียบง่ายสบายตาเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการกิน การ เดินทาง การสื่อสาร และแฟชั่นแต่แฟชั่นเสื้อผ้าแบบง่ายๆ ที่ว่านี้ก็จะใช่ว่าเข้าใจกันได้ง่ายๆ เสมอไป การชื่นชอบใน สไตล์ Minimalism หรือลัทธิจุลนิยม (เกิดมาก็เพิ่งจะได้ เจอคำ�นี้จากการเสิร์จข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนี่ละ) นั้นบางที ก็มีเส้นบางๆ กันระหว่างไอเดียที่ผ่านการกลั่นกรองมา อย่างดีกับการ ‘ไม่คิดอะไรเลย’ ด้วยเหมือนกัน 110

จากสมัยเพิ่งแตกเนื้อสาวมาจนถึงปัจจุบันซึ่งใกล้จะ ถึงวัยกลางคนเต็มที Minimalism ก็ยังคงเป็นสไตล์ที่เรา หลงใหลมากที่สุดอยู่ดี คงอารมณ์คล้ายๆ คนมีความรัก เจอปุ๊บเห็นปั๊บก็ถูกใจแม้จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยก็ตาม แต่หลังจากที่อาการตกหลุมรักได้ผ่านพ้นไปก็ถึงเวลาของ การทำ�ความรู้จัก บ้างก็ว่าจุลนิยม (เกิดมาก็เพิ่งจะได้เจอ คำ�นี้ ตอนอ่านเจอ Wikipedia ออนไลน์นี่ละ!) มีถิ่นกำ�เนิด มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะที่บางรายก็แย้งว่า น่าจะมีที่มาจากปรมาจารย์โยจิ ยามาโมโต้ ดีไซเนอร์ ตัวพ่อของแดนอาทิตย์อุทัยมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตาม


คงจะไม่มีใครแย้งได้ว่ายุคที่ Minimalism เฟื่องฟูที่สุดนั้น คงจะหนีไม่พ้นยุค ’90s ที่ทุกคนต่างหันหน้ามาใส่เสื้อเชิ้ต ขาวไร้ลวดลาย กับกางเกงยีนส์ และเดรสเรียบหรูแบบไม่มี ดีเทลรกหูรกตา กลายเป็นไอเท็มที่ผู้หญิงยุคใหม่ทุกคนต้องมี อย่างที่บอก หลายๆ คนที่นิยมความเยอะเป็นพิเศษ จะใส่อะไรก็ต้องเติมนั่นเติมนี่ มิกซ์แอนด์แมตช์ชิ้นนั้นชิ้นนี้ ด้วยความสนุก (No Offense!) หรืออาจเป็นผู้คนที่มอง ความเรียบง่ายแบบง่ายไปหน่อยว่า ‘ไม่มีอะไร’ จริงๆ มัก ซ่อนรายละเอียดยิบย่อยเยอะแยะมากมายอยู่เงียบๆ แถม ยังต้องอาศัยคุณภาพทั้งการตัดเย็บและวัสดุ เพราะสิ่งที่ชาว Minimalist ยึดถือก็คือแพตเทิร์นและ Shape Form ที่สวย การจะคำ�นวณและคะเนว่าผ้าแบบไหนเย็บยังไงถึงจะขึ้นทรง เสื้อผ้าแบบนั้นแบบนี้ได้…ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และนี่ล่ะมั้งที่ เป็นเสน่ห์ในความน้อย คืออะไรที่ดูเรียบ ง่าย และน้อย ย่อมต้องอาศัยความพยายามมากกว่าในการเล่าเรื่อง และถ้าจะให้พูดถึงดีไซเนอร์ระดับตำ�นานซึ่งเป็นแกนนำ� ในการออกแบบเชิง Minimalism ต้องยกให้ Helmut Lang

ซึ่งวางรากฐานมาหลายสิบปีแล้วว่ายึดมั่นในความสวย แบบน้อยๆ มาโดยตลอด, Calvin Klein ต้นแบบของ American Designer ที่เชื่อว่าหนุ่มสาวยุค ’90s จะ ต้องคุ้นเคยกับดีไซน์และโฆษณาของแบรนด์มาบ้าง แน่ๆ (เคต มอสส์ ก็แจ้งเกิดอย่างต่อเนื่องได้เพราะ ผู้ชายคนนี้) อย่างน้อยก็ต้องเคยเห็นกางเกงในผู้ชาย สีขาวล้วน ขอบหนาๆ เขียนว่า ‘Calvin Klein’ กัน มาบ้างแหละ เพราะบรรดาเด็กบอร์ดรวยๆ ผู้นิยม กางเกงยีนส์ทรง Baggy ที่ยังใหญ่ทั้งหลวมและ เทอะทะ จะต้องใส่ชั้นในโชว์ขอบแบรนด์นี้เหมือนกับ ที่ต้องใส่ Dr.Martens สีแจ่มๆ คู่กันเสมอนั่นแหละ, Céline แบรนด์นี้เกือบตายไปหลายหนแต่ต้องขอบคุณ Phoebe Philo ดีไซเนอร์ผู้ชุบชีวิตให้กลับกลายเป็น แบรนด์ระดับท็อปด้วยสไตล์ Minimalism (ดูอย่าง Céline Box Bag กระเป๋าหนังดีไซน์เรียบไซส์เล็ก กะทัดรัด ราคาในช็อปไทยล่อไปแสนกว่า!!! แต่ ขายดิบขายดียังกับเป็ดพะโล้ช่วงตรุษจีนก็มิปาน),

111


Jil Sander แบรนด์ที่เข้าถึงความน้อยแต่แอบแซม ดีเทลแปลกตาให้สามารถหยิบไอเท็มต่างๆ มาสวมใส่ ได้ง่ายขึ้น, Coco Chanel สตรีผู้สร้างตำ�นานและ เป็นขบถตัวหลักในแวดวงแฟชั่น ซึ่งหนึ่งในการพลิกโฉม ประวัติศาสตร์ของเธอ (นอกเหนือจากการเป็นผู้หญิง คนแรกที่ใส่กางเกงในยุค ’20s และประกาศกร้าวว่า ผู้หญิงที่ไม่ใส่น้ำ�หอมคือผู้หญิงไร้อนาคต!) ก็คือการ หยิบสีดำ�ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่ แล้วรื้อถอนความเยอะออก จากเสื้อผ้าให้ดูเรียบง่ายแต่คลาสสิกที่สุด (อ่านมาถึง ตรงนี้ใครไม่รู้จัก Little Black Dress หรือ Tweed Jacket ของป้าแกก็ควรเทกคลาสแฟชั่น 101 เสียใหม่ เพราะจุดนี้ไม่น่าจะมีใครในโลกนี้ที่มีอินเตอร์เน็ตใช้แต่ ไม่รู้จักผลงานชิ้นเอกของป้าแกได้อีกนะ) และอย่างที่ กล่าวถึงในตอนแรกคือ Yohji Yamamoto อัจฉริยะ ที่หาได้ยากยิ่ง เพราะคุณลุงผมยาวคนนี้นี่แหละที่ได้ ผสมผสาน Minimalism เข้ากับสไตล์ Avant-Garde

ของญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว! เสื้อผ้าของแกไม่ถือเป็นงานออกแบบ ธรรมดา แต่ขอเรียกว่างานศิลปะชั้นสูงเลยจะดีกว่า แต่ ณ จุดนี้ ‘แฟชั่นก็คือความเปลี่ยนแปลง’ (เคที่ ฟอร์ด เจ้าของเอเจนซี่นางแบบชั้นนำ�ระดับโลก Ford Models เคย กล่าวไว้) สิ่งที่ลุงโยจิเคยพูดไว้ว่า สีดำ�เป็นสีที่ทั้งหรูหราและ เปี่ยมไปด้วยพลัง อันนั้นไม่ขอเถียง แต่ความเข้าใจ (ผิด) ของผู้ที่คิดว่าความเรียบง่ายในสไตล์ Minimalism นั้นจะต้อง ยึดติดอยู่กับความหม่นทะมึนของสีดำ� สีเทา สีเบจ และสีขาว สะอาดตาเสมอไปนั้น ขอบอกว่าไม่จำ�เป็น! โลกนี้เขาพัฒนา ไปถึงไหนแล้ว จะให้ใส่วนเวียนอยู่แค่สีเบสิก 3-4 สีเห็นที จะเบื่อซะก่อนผมหงอกจะถามหา ถ้าไม่เชื่อขอให้ดู Stella McCartney เป็นตัวอย่าง ก่อนจะเล่า Main Idea ขอ อารัมภบทถึงสาวอังกฤษคนนี้สักนิด พอเป็นกระษัยให้รู้ โดยทั่วกันว่า นางไม่ธรรมดา และมีเครดิตพอจะเชื่อถือ และนำ�มาเป็นกรณีศึกษาด้านแฟชั่นได้ …อ่านนามสกุลคุ้นๆ ท่านผู้อ่านที่ชาญฉลาดคงพอจะเดาได้ นางเป็นลูกสาวของ 112


เซอร์พอล แมคคาร์ทนีย์ แห่งวง The Beatles (หนึ่ง ในสองที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่จากทั้งหมดสี่เต่าทอง อ่าน ถึงตรงนี้ถ้ายังเกาหัวอยู่อีกแนะนำ�ว่าควรเข้า YouTube บ้างอะไรบ้าง) นางโดนครหามากมายจากแวดวงแฟชั่น (รวมถึงปู่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ด้วย) เมื่อขึ้นรับตำ�แหน่ง เป็นดีไซเนอร์ให้กับแบรนด์ Chloé อีกหนึ่งแบรนด์ที่ใน ตอนนั้นคล้ายเป็นไม้ใกล้ฝั่งเต็มแก่ จะตายวันตายพรุ่ง ก็มิรู้ แต่กลายเป็นว่าเธอกลับทำ�ให้ชื่อของแบรนด์ติด อันดับเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่มียอดขายทะลุเป้าเกินความ คาดหมายภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ถึง 2 สัปดาห์หลัง จากสินค้าคอลเล็กชั่นใหม่วางขาย ทุกอย่างขายหมด เกลี้ยง!!!… กลับเข้าเรื่อง…เธอเป็นดีไซเนอร์อีกคนที่ นำ�เสนอเสน่ห์ของความเรียบง่าย (แต่ไม่ยึดติด เพราะ บางชิ้นก็เยอะบ้างตามประสา) อย่างที่เห็นในคอลเล็กชั่น SS2013 เธอเพิ่มความสนุกให้กับดีไซน์เรียบๆ ด้วย สีเขียวสดและผลก็ออกมาเริ่ดเกินคาด! Akris ก็มีสี เหลือง สีเขียว แซมมาเป็นระยะๆ ชี้ให้เห็นว่าสไตล์

Minimalism นี้ใช่จะหยิบมาใส่ในช่วง Fall/Winter อย่าง เดียวเท่านั้น เพราะฉันทำ�สีๆ แซบๆ ออกมาให้ใส่หน้า ร้อนกันแล้วค่า!, Michael Kors สุดยอดอเมริกันดีไซเนอร์ อีกรายที่รักความเรียบหรูเป็นชีวิตจิตใจ ไอเท็มหลากสีถูกนำ� มาแสดงและวางขายอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้จะตบท้ายด้วยสีดำ�เป็นประจำ� แต่อีกนัยหนึ่งที่สื่อให้ เห็นได้ชัดก็คือความเรียบไม่ได้ถูกตีกรอบให้เดินวนย่ำ�อยู่ ในที่เก่าๆ เสมอไป หรือแม้แต่ Victoria Beckham ดีไซเนอร์คนดัง อดีตสมาชิกสาวซ่า Spice Girls (ซึ่งดูท่า ว่าน่าจะหันมาเอาดีทางด้านเสื้อผ้าได้มากกว่าร้องเพลง) ก็มักจะดึงสีสดๆ อย่างน้ำ�เงินโคบอลต์และสีส้ม มาเติมแต่ง เดรสเรียบๆ ดีไซน์คลาสสิกให้ดูแจ่มขึ้น เห็นมั้ยล่ะ ความง่ายมันไม่ง่ายอย่างชื่อ เพราะกว่าจะ เกริ่นมาได้ (แบบหยาบๆ) ก็ปาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว แต่ถ้า วันไหนนึกอยากจะลองอะไรที่ไม่แปลกและไม่ใหม่แต่เต็ม ไปด้วยไอเดียและฝีมือ ก็อย่าได้มองข้ามความเก๋ของความ เรียบง่ายไปเสียล่ะ 113


READER WRITER

EDIBLE COLOR CHIPS PANTONE TARTS เรียกเสียงฮือฮาอย่างล้นหลาม ไม่เฉพาะแต่ชาว Dessert Lover แต่ในโลกของนักออกแบบต่างก็ชื่นชม กันเกรียว สำ�หรับผลงานการออกแบบ ทาร์ตหน้าตาสุดยัมมี่ ที่เลียนแบบแถบ ชาร์ตสีสดใสของแพนโทนนั่นเอง 114

ผลงานชิ้นนี้ออกแบบโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Emilie Guelpa ซึ่งเป็นทั้ง Food Stylist และ Food Blog ชื่อดัง ซึ่งทำ�ผลงานชิ้นนี้เพื่อพิมพ์ ในนิตยสารหัวฝรั่งเศส Fricote ที่โฟกัสเรื่อง อาหาร การถ่ายภาพ และการออกแบบล้วนๆ สีสันของธรรมชาติในอาหารแต่ละอย่าง ถูกเลือกมาให้ใกล้เคียงกับโทนสีของแพนโทน อย่างสีแดงหมายเลข 485 C นัน้ เลือกมะเขือเทศ เชอร์รี่มาเป็นตัวแทนเทียบสี นอกจากนี้ยังมีสี ของกล้วย แตงกวา เชอร์รี่ ลูกพีช แครอท ราสป์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นสีที่เอมิลี่คัดสรรมา ใจจริง อยากจะเห็นหลายสีมากกว่าน้ี แต่สงสารพี่เขา คงมือหงิกกันพอดี แต่ถ้าใครอยากจะทำ�บ้าง


ทางนิตยสาร Fricote เขาก็จัดการตีพิมพ์สูตรให้ด้วย ไม่รู้ Google มีรึป่าว อันนี้ต้องลองหาดู นอกจากนี้เธอยังเป็นทั้งที่ปรึกษาทางด้านสไตล์ ของหนังสือคุกบุ๊กและนิตยสารอาหารอีกหลายต่อ หลายเล่ม ใครอยากติดตามผลงานลองหาชื่อของเธอ ในอินเตอร์เน็ตดูได้ มีงานสวยๆ อีกเป็นร้อยให้ชม โดยเฉพาะบล็อกเกี่ยวกับอาหารของเธอนี่สวยจับใจ แอบเห็นว่าในบล็อกเธอเลือกใช้สีสันเป็นแรงบันดาลใจ อีกด้วย ซึ่งจะแบ่งเรื่องราวที่เขียนเป็น Mood & Tone ในสีต่างๆ ที่ว่าไปเนี่ย อ่านไม่ออกหรอกนะ เพราะเว็บเขาเป็นภาษาฝรั่งเศสน่ะสิ...แอบเสียดาย อ่านไม่ออกไม่เป็นไร เข้าไปดูผลงานของเธอ กันเล่นๆ ได้ เผื่อเป็นแรงบันดาลใจให้รู้จักหยิบจับสิ่ง ธรรมด๊าธรรมดาที่เราชินๆ ทุกวัน มาผสมกับอะไร

ก็ได้ที่เราสนใจ ก็ดูสิ แผ่นสียังกลายมาเป็นของกิน ได้เลย อะไรก็กลายเป็นของกินได้ทั้งนั้น (ตะกละก็เงี้ย) ฝากไว้สักนิดสำ�หรับใครที่ชอบทำ�ขนม เกิดเบื่อการบีบ ครีมที่หน้าคัพเค้กที่ได้แต่หน้าเดิมๆ ทุกทีไป หรือจะ เลิกทำ�คัพเค้กกันแล้วหันไปทำ�หนมอย่างอื่นกินกันบ้าง เพราะทุกวันนี้บ้านเรามีแต่คัพเค้กให้กินเต็มเมือง ไอ้เรา ก็อยากกินหนมอร่อยๆ อย่างอื่นมั่งเหมือนกันนะ คุณเอมิลี่ขอทิ้งท้ายเพื่อเป็นกำ�ลังใจของคนที่ตามหา แรงบันดาลใจอีกสักนิดว่า “ฉันรักในอาหารทั้ง Forms, Materials หรือสีสันของมันช่างอุดมไปด้วยแรงบันดาลใจ ว่าง่ายๆ ถ้ารวมเอาทั้งรสชาติและรสสัมผัสของมัน มารวมกันแล้วล่ะก็ ใจฉันแทบละลายเลยทีเดียว” ดูเธอมี Passion กับอาหารอย่างล้นหลาม แล้วทีนี้ Passion ของคุณมีรึยัง...อย่าลืมตามหากันนะจ๊ะ 115


READER WRITER

116


MASS BUT UNIQUE มีใครเคยรู้สึกว่าตัวเองโรคจิตเหมือนผมมะ? 5-6 ปีนี้ เวลาซื้อของใช้ซักชิ้น แม่งยืนเลือกแล้วเลือกอีก โดยสังเกตได้จากสื่อที่มี Content เกี่ยวกับ ทั้งๆ ที่ของมันก็รุ่นเดียวกัน Design Magazine แต่งบ้านไปจนถึง Lifestyle แบรนด์เดียวกัน วางขายอยู่ในที่เดียวกัน ราคา โลก Fashion หลาย Brand ขยันออก Limited เท่ากัน ออกมาจากโรงงานเดียวกัน Edition มาลดความจำ�เจและสร้างมูลค่าให้เหนือ ด้วยความเชื่อที่ว่า ไอ้ของที่มองเผินๆ แล้ว กว่าของในสายการผลิตเดิม นักออกแบบฝั่ง เหมือนกัน มันต้องมีชน้ิ ทีเ่ ราพอใจมันมากทีส่ ดุ อยูเ่ สมอ ยุโรปทำ�งานน้อยชิ้นแต่ทรงคุณค่า เพื่อแสดงใน Mass Production คือการผลิตเป็นจำ�นวนมากๆ Design Fair และขายให้เฉพาะพิพิธภัณฑ์หรือ เพื่อให้ต้นทุนต่ำ�และรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นตาม นักสะสมในราคาสูง จำ�นวนประชากรโลก โดยอาศัยเทคโนโลยีหรือเครือ่ งจักร แต่ความเฟือ่ งฟูของงาน Craft ก็ถกู หยุดไว้ดว้ ย ในการควบคุมมาตรฐานให้อยู่ในระดับเดียวกันซึ่งจริงๆ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก มันก็มีมานานมากแล้วด้วยแรงงานคน เมื่อปลายปีที่แล้ว มีปรากฏการณ์อะไรบาง ส่วนการผลิตที่คนเราเริ่มมองหามาตรฐานกลางและ อย่างที่ผมรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากๆ คือ ABSOLUT ทำ�ให้หน้าตาของชิ้นงานเหมือนๆ กันหมดเริ่มกันมา UNIQUE ของ ABSOLUT VODKA ตั้งแต่กลางศตวรรษที่17 ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ขวดแต่ละขวดมีลวดลายบนขวดที่ต่างกัน โดย (Industrial Revolution) เมื่อคนขายกำ�ไรเยอะ คนซื้อ ไม่ลดคุณภาพหรือปริมาณการผลิต ด้วยสมอง ซื้อได้ถูกแถมของที่ได้มีมาตรฐานในระดับที่น่าพอใจ ของทีมออกแบบวิศวกร และฝีมือของเครื่องจักร ข้าวของทั้งโลกจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นงาน Mass แถมมันสามารถขายในราคาที่ไม่ต่างจากเดิม Production ทีห่ น้าตาเหมือนๆ กันออกมาให้เราๆ ใช้กนั มากนักด้วย แต่ใช่ว่าโลกจะสวยไปหมดทุกอย่าง ความน่าสนใจของมันคือ การยัดเอาความ Mass Production นัน้ ขาดความเป็นมนุษย์ น่าเบือ่ ต่างที่คนกำ�ลังโหยหาเข้าไปอยู่ในสายการผลิต ซ้ำ�ซากจำ�เจ ไร้ทางเลือก ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ แบบ Mass Production โดยไม่ต้องทำ�ให้มัน ไม่เป็นปัจเจก บางคนถึงขัน้ โจมตีวา่ ของเหล่านี้ สะท้อน อมตะเลอค่าด้วยการกลับมาทำ�ด้วยมือ ถึงความไร้สุนทรียภาพของผู้เป็นเจ้าของ หรือว่านี่คือทิศทางการเปลี่ยนแปลงของ Mass เมื่อถึงจุดอิ่มตัว สูงสุดจึงคืนสู่สามัญ Production ในศตวรรษนี้ กระแสงาน Craft หรือพวกงานทำ�มือ จึงค่อยๆ ยังไงวันนี้ผมก็มีเหตุผลที่เลือกของซ้ำ�ๆ กลับเข้ามาตีงาน Mass Production จนกระจุยในช่วง โดยไม่รู้สึกว่าตัวเองโรคจิตแล้วหละ ABSOLUT UNIQUE : http://www.youtube.com/watch?v=Q0Rgle8LsL4 117


READER WRITER

118


SUPER RADICAL GAG FAMILY เวลาเดินเล่นตามถนนบางทีผมก็ชอบคิดอะไร แปลกๆ อย่างถ้าเสาต้นนี้ล้มไปตรงโน้น จักรยานคันนั้น วิ่งข้ามกำ�แพงไปขึ้นหลังคาบ้านนั้น เด็กคนนั้นเตะลูก ฟุตบอลไปโดนหมาตัวโน้น และกระดอนไปโดนคนแก่ จนฟันปลอมหลุด ในโลกความเป็นจริงมันเป็นแค่ความ คิดเพี้ยนเท่านั้นครับ แต่ไอ้ความคิดเพี้ยนเหล่านี้นี่แหละ อัดแน่นอยู่ในครอบครัวหนึง่ มาเนิน่ นาน ครอบครัว โอซาว่านัน่ เอง “โอซาว่า ฮายกครัว” หรือ “Super Radical Gag Family” ผลงานจาก “เคนจิ ฮามาโอกะ” การ์ตูน เรื่องนี้เขียนมาหลายปีแล้วครับ โดยเสนอเรื่องราวสุด เพี้ยนผ่านครอบครัวๆ หนึ่ง ที่ประกอบด้วยพ่อเป็น คนขับแท็กซี่ที่ติดบุหรี่งอมแงม คุณแม่บ้านที่ดูจะปกติ ที่สุด คุณตา พี่ชายตัวอ้วนเป็นโอตากุ พี่สาวที่มีแฟน ที่ดูออกจะปัญญาอ่อนนิดๆ หมา ลิง เด็กทารกแสน ฉลาด และลูกชายที่เป็นตัวเอก หลายคนก็คงเคยอ่าน และผ่านตากับความบ้าบอหลุดโลกของการ์ตูนเรื่องนี้ กันมาบ้างแล้ว เพราะออกมานานกว่า 10 ปี ตอนนี้ก็ มีทั้งภาคหนึ่ง ภาคสอง แต่สิ่งที่ผมสะกิดใจในการ์ตูน เรื่องนี้มากอย่างหนึ่งคือเรื่องของตัวละครครับ

ใน “โอซาว่า ฮายกครัว” นี้ เต็มไปด้วย ตัวละครแบบไม่ปกติที่สะท้อนปัญหาสังคมญี่ปุ่น แบบชัดๆ อย่างตัวพี่ชายที่อ้วนจนเกินมาตรฐาน อาศัยอยู่ในห้องที่ล้นไปด้วยขยะสูงถึงเพดาน แถมไม่มีงานการทำ� และการว่างงานหรือบ้าน ขยะก็เป็นปัญหามีอยู่อย่างดาดดื่นในสังคม ญี่ปุ่น อีกตัวละครที่น่าสนใจคือ คุณครูบ้าๆ บอๆ ที่มาสอนหนังสือในชุดบรูซลี ที่อย่าว่าแต่ สอนหนังสือเลยครับ เอาชีวิตตัวเองให้รอดไป วันๆ ยังยากเลย ซึ่งต่างจากคนในอาชีพครูใน สามัญสำ�นึกของเรามาก พวกเพื่อนๆ ของตัว ลูกชายก็ไม่ธรรมดา อย่างเด็กอ้วนที่ชื่อฟุคุโอะ ที่ติดไอศกรีมในกระเป๋าตลอดเวลา เด็กตาขวางๆ ชื่อจิน ที่บ้านยากจนถึงขั้นไม่มีจะกิน อากาเนะ เด็กสาวหน้าตาดีที่บ้านมีอันจะกินระดับเศรษฐี นามิดะ เด็กบ้าเบสบอล ฮานาโกะ เด็กผู้หญิง ตัวโตที่ชอบใช้กำ�ลัง และอีกมาก ส่วนทิวทัศน์บรรยากาศก็จะเป็นเมืองอุรายาชิ เมืองเล็กๆ ติดทะเลของญี่ปุ่นครับ ที่ๆ ทุกคนมี ชีวิตแบบเรียบง่าย จริงๆ ถ้าเราตัดบทโอเวอร์

119


บ้าบิ่นในการ์ตูนเรื่องนี้ออกไป เรื่องราวต่างๆ ก็ดูจะ คล้ายเรื่องจริงที่เกิดในสังคมขึ้นมาทันที ทั้งคุณครู ที่ไม่ค่อยจะได้เรื่อง ทั้งนักเขียนการ์ตูนที่ไม่ประสบ ความสำ�เร็จแถมหลงตัวเอง ทั้งคนจนไร้บ้าน ที่ต่าง หมุนวนอยู่ในแต่ละตอนของการ์ตูนเรื่องนี้ แถมยัง มีตัวละครเสริมที่สะท้อนเรื่องการเมืองเต็มๆ อย่าง ส.ส.ที่ชอบขับถ่ายเรี่ยราด ผู้ว่าของเมืองที่มองอะไร แค่ผิวเผิน แต่ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ก็เป็นเหตุผลใน การเดินเรื่อง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมักจะมาจากความ เพี้ยน บ้าบิ่น โรคจิตของคนเหล่านี้ จนเกิดปัญหา แบบลูกโซ่ต่อยอดบานปลายที่นักเขียนจับแพะชนแกะ จนกลายเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่ก็น่าคิดอีกแหละ ครับว่า ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นทุกที่ในโลกก็อาจจะมา

จากเหตุนี้ เริ่มจากคนไม่กี่คนที่ทำ�อะไรผิดพลาดเพียง เล็กน้อยหรือจงใจแบบไม่ยั้งคิด จากเล็กไปกลาง จาก กลางไปใหญ่ จนควบคุมไม่ได้ หาต้นตอไม่เจอก็มีมาก มีอยู่หลายตอนของการ์ตูนเรื่องนี้ที่ล้อเล่นกับ ปัญหาใกล้ตัว อย่างผมร่วง อากาศร้อน ตู้เย็นเสีย กีฬาสี สิ่งที่เราๆ ท่านๆ ก็คงพอเจอกันบ้างไม่มาก ก็น้อย และต้องมีสักครั้งที่เราเลือกจะแก้ปัญหาแบบ ไม่เหมือนชาวบ้าน เช่น ทีวีเสียแต่ไม่เรียกช่างซ่อม อยากลองทำ�เอง จนเสียไปกันใหญ่และต้องเสียค่าซ่อม มากกว่าเดิม ผมว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็น Bad Comedy เกือบทุกตอนครับ แน่นอนว่าถ้าเหตุการณ์เรื่องทีวีที่ ผมกล่าวมา ใครพบเจอกับตัวเองรับรองว่าขำ�ไม่ออก แต่เราก็หัวเราะกันตัวงอเมื่อตัวละครโชคร้ายในการ์ตูน

120


เรื่องนี้ โดนไฟดูด ตกจากตึก ถูกตบหน้าหัน โดนรถไฟชนกระเด็นไปอีกเมือง ไม่เฉพาะใน การ์ตูนเรื่องนี้หรอกครับ ทั้งในข่าว หนังสือพิมพ์ เฟซบุ๊ก หรือสื่อต่างๆ ร้อยแปดที่มีคนเกิดปัญหา หรือเดือดร้อนเราก็อ่านและรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ อย่างไม่รู้ร้อนเช่นกัน อีกอย่างที่ผมชอบเกี่ยวกับ “โอซาว่า ฮายกครัว” นี้คือรายละเอียดเล็กน้อยๆ ซึ่งมักจะโผล่ออกมาเป็น ประจำ�ในมุมเล็กๆ ของภาพกว้าง เป็นคนตัวเล็กๆ เหมือนเอเลี่ยน คนหัวล้านนอนอยู่ในถังขยะ ก้อนอึ ที่อยู่บนหลังคารถ เด็กเดินแก้ผ้าหน้าตาเฉย และสิ่ง เหล่านี้ออกมาแบบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลย แต่ก็แสดง ถึงความคิดเล็กคิดน้อยของนักเขียนได้อย่างดี และ

มีหลายๆ ครั้งที่นักเขียนเอาจากหน้าปกซีดีเพลงหรือ โปสเตอร์หนังที่ชอบมาเขียนล้อในเรื่อง คนที่ใส่ใจ เรื่องแบบนี้คงไม่ได้นำ�เสนอความฮาแบบไร้แก่นสาร ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน ในชีวิตเราก็มีปัญหาที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นเสมอ มีคนเพี้ยน บ้าๆ บอๆ ที่มีพื้นเพนิสัยใจคอต่างกับเรา แต่ในการ์ตูนเรื่องนี้ทุกตัวละครที่แปลกประหลาดก็ อยู่ด้วยกันแบบสนิทสนมรักใคร่ แม้บางทีจะรักบ้าง เกลียดบ้าง เจอปัญหาต่างๆ นานา จะผิดพลาดกับ การใช้ชีวิต แต่พวกเขาก็ยังอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ นี้ อย่างสดใส เป็นสิ่งที่เราเองก็ควรเอาเยี่ยงอย่าง จาก การ์ตูนสุดเพี้ยนใน Super Radical Gag Family จาก “เคนจิ ฮามาโอกะ” 121


TINY THINK

แม้จะเห็นกันมานาน ก็ไม่เคยสังเกตเลยว่าในมิเตอร์ไฟฟ้า ที่ติดอยู่ทุกบ้านทุกเสาข้างในเป็นอย่างไร จนวันนี้ยืนรอ รถเหม่อๆ ไม่มีอะไรจึงสบโอกาสทำ�ความรู้จักกันมากขึ้น ลองมองดูเห็นจานกลมๆ หมุนช้าเอื่อยคล้ายแผ่นเสียง มีจุดปะๆ แบบกล่องดนตรี แปลกตาดีเหมือนกัน เคยมอง แค่ด้านหน้าปัดตัวเลข ไม่เคยสนใจส่วนอื่น ถึงจะเป็นการ รู้เล็กๆ ที่ดูจะไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมาย แต่ก็ชอบ เพราะได้รู้จักสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเรามานานดีขึ้นอีกนิด 122


พบกับแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ดีๆ แบบนี้ได้ทุกๆต้นเดือนที่

www.pieeveryday.com

หรือ www.facebok.com/piemagazine2013

123


See You Soon. 124


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.