รวมแผนฯ คำสอนจันท์ เล่ม 1

Page 1

รวมแผนการสอน

คำ�สอน

หนังสือรวมแผนการสอนคริสตศาสนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

จัดทำ�โดย แผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรี



ครูคำ�สอน บทเรียนสำ�หรับ

ครูคำ�สอนที่รักทุกท่าน แผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรไี ด้จดั ทำ� “แผนการจัดการเรียนรูค้ ริสตศาสนธรรม” เล่มนี้ขึ้น หลังจากที่ได้มีการนำ�เสนอ “แผนการสอนคำ�สอนระดับประถมศึกษา” มามากมายหลาย ครั้งหลายปีในสารคำ�สอนจันท์ฉบับที่ผ่านมา ณ เวลานี้ จึงได้มีการนำ�แผนฯ ดังกล่าวมารวมเป็นเล่ม เพื่อเอื้อให้สะดวกใช้มากขึ้น การรวมเล่มแผนฯ ในครัง้ นีไ้ ด้มกี ารปรับปรุงอยูบ่ า้ งแต่ยงั ไม่ถงึ ขัน้ สมบูรณ์ จึงยังมีอกี บางสิง่ ที่ต้องการการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งทางคณะผู้จัดทำ�ยังยินดีรับคำ�ติ ชม เสนอแนะจากทุกท่าน อยู่เสมอ เพื่อพัฒนางานชิ้นนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงโครงการในอนาคตที่จะทำ�แผนการสอนฯ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาต่อไปด้วย ทางคณะผูจ้ ดั ทำ�ขอถือโอกาสนีข้ อบพระคุณทุกๆ ท่านทีไ่ ด้นำ�แผนฯ นีไ้ ปใช้และได้ให้ขอ้ เสนอ แนะต่างๆ ทีม่ ปี ระโยชน์เป็นอย่างยิง่ เป็นการร่วมมือกันสร้างสรรค์บทเรียนคำ�สอนทีม่ คี ณ ุ ภาพสำ�หรับ ลูกศิษย์และลูกหลานของเราต่อไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพละกำ�ลังและแสงสว่างสำ�หรับคุณครูทุกท่านในภารกิจสำ�คัญ ของการเป็นสือ่ นำ� “ความรัก” ของพระองค์ไปยังผูเ้ รียนทุกคน เพือ่ เราทุกคนไม่วา่ “ศิษย์” หรือ “ครู” จะได้ก้าวเดินไปด้วยกันในหนทางที่นำ�เราไปสู่ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักในพระองค์อย่าง มั่นคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนสามารถบรรลุถึง “ความรอดพ้น” ที่พระองค์ทรงประทานแก่เราทุกคน แผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรี



สารบัญ หน้า แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง พระเจ้าทรงสร้างโลกและทุกสิ่ง ................................................................................1 เรื่อง พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ..........................................................................................5 เรื่อง พระเจ้าทรงประทานสิ่งดีๆ แก่ฉัน ...........................................................................8 เรื่อง ความหมายของสำ�คัญมหากางเขนและบทพระสิริรุ่งโรจน์ ........................................14 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง การบังเกิดของพระเยซูเจ้า .....................................................................................17 เรื่อง พระเยซูเจ้า พี่ชายของเรา .....................................................................................20 เรื่อง พระเยซูเจ้า พระบุตรสุดที่รักของพระเจ้า ................................................................23 เรื่อง พระเยซูเจ้าทรงมอบชีวิตของพระองค์เพื่อเรา ..........................................................26 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง พระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้า ..............................................................30 เรื่อง พระนางมารีย์ มารดาของเรา ................................................................................33 เรื่อง นักบุญและแบบอย่างของนักบุญ ............................................................................37 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง พระคัมภีร์คือ พระวาจาของพระเจ้า ........................................................................41 เรื่อง พระเจ้าทรงทำ�สัญญากับโนอาห์ .............................................................................45 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 เรื่อง ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ .......................................................................................49 เรื่อง การร่วมมิสซาในวันอาทิตย์ ...................................................................................53 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 เรื่อง การภาวนา คือการติดต่อกับพระเจ้า ......................................................................56 เรื่อง การภาวนาของคริสตชน .......................................................................................59 เรื่อง ความหมายของบทวันทามารีย์ ..............................................................................62 เรื่อง อารักขเทวดา ......................................................................................................66


1

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

เรื่อง พระเจ้าทรงสร้างโลกและทุกสิ่ง

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.1 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่ง - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : 1. ผู้เรียนขอบคุณพระเจ้าสำ�หรับสิ่งสร้างทุกอย่าง 2. ผู้เรียนดูแล อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างดี สาระการเรียนรู ้ ในช่วงแรกเริ่ม พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างโลก จักรวาล และทุกสิ่ง รวมทั้งมนุษย์ด้วย ทรงสร้างด้วยความรัก ทรงเอาใจใส่ดูแลสิ่งสร้างทั้งหมด เพราะทรงสร้างมาอย่างดี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มนุษย์ได้อยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข ดังนั้น เพื่อ ให้มนุษย์อยู่อย่างมีความสุข เขาจะต้องไม่ทำ�ลายสิ่งสร้างที่ดีเหล่านี้ มิฉะนั้น โลกจะขาดบางสิ่งบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อ มนุษย์ แล้วมนุษย์เองจะเป็นผู้เดือดร้อน เราจึงต้องรู้จักขอบคุณพระเจ้า และดูแลรักษาสิ่งสร้างเหล่านี้เป็นอย่างดี ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - ครูนำ�สวดภาวนา 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับสิ่งสร้างที่สวยงามน่าพิศวงที่นักเรียน แต่ละคน ชอบมากที่สุด ทำ�ไมจึงชอบ?

☆ ให้ดูภาพที่สวยงาม

แล้ววิเคราะห์

น่าพิศวง

- สิ่งสร้างเหล่านี้มาจากไหน? เกิดขึ้นเองได้ไหม? หรือน่าจะมีใครสร้างขึ้นมา? ใครสามารถให้คำ�ตอบนี้ได้? - ร้องเพลง “ทะเลแสนงาม” (เพลงที่ 4) หรือ “ฉันชอบดูเขา” (เพลงที่ 5) - วิเคราะห์เพลงที่ร้อง เพื่อให้เข้าใจว่า “อะไรคือสิ่งสร้างของพระเจ้าบ้าง?” “ทำ�ไม พระเจ้าทรงสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา?” “สิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับมนุษย์อย่างไร?” “ท่าทีของมนุษย์ต่อสิ่งสร้างเหล่านี้คืออะไร?” เราจะหาคำ�ตอบเหล่านี้ได้จากที่ไหน? 3 พระวาจา - ปฐก 1:1-31 การเนรมิตสร้างโลกและมนุษย์ 4 อธิบายพระวาจา พระวาจาตอนนี้บอกให้เรารู้ชัดว่า ทุกสิ่งเริ่มต้นจากพระเจ้า ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เกิด ขึ้นโดยบังเอิญ พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นโลก จักรวาล ทุกสิ่งในโลกมนุษย์ ทุก สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาล้วนดีเลิศ ทรงจัดระบบให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อย ทรง ต้องการให้มนุษย์และสรรพสิง่ อยูร่ ว่ มกันอย่างเป็นสุข และให้สงิ่ สร้างต่างๆ รับใช้มนุษย์

เครื่องเล่น / CD เพลง ชุดเด็กดีเพลงที่ 4 หรือ 5

สนทนาซักถาม

☆ หนังสือพระคัมภีร์ ☆

รูปภาพการสร้างโลก


2

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระเจ้าทรงมีสติปัญญาล้ำ�เลิศ ทรงทราบดีว่ามนุษย์ต้องการสิ่งใดเพื่อประทัง ชีวติ อย่างมีความสุข พระองค์จงึ ทรงสร้างสารพัดสิง่ เพือ่ อำ�นวยความสุขและความสะดวก ให้แก่เขา ถ้าพระเจ้าไม่ทรงรักมนุษย์อย่างมากมาย พระองค์จะทรงทำ�เช่นนี้หรือ? - มนุษย์จึงเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้าที่โชคดีที่สุด เพราะเขาได้เป็นเจ้านายเหนือ ☆ ใบงาน 1 “สิ่งสร้างของ สรรพสิง่ เขาสามารถใช้สงิ่ สร้างเหล่านัน้ ให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองให้มากทีส่ ดุ แต่ตอ้ ง พระเจ้า และผลงานของมนุษย์” ทำ�โดยมีจดุ ประสงค์เพือ่ พัฒนาโลกให้เจริญก้าวหน้าขึน้ เรือ่ ยๆ นีค่ อื แผนการของพระเจ้า - ดังนี้ มนุษย์จึงควรสำ�นึกในพระคุณของพระเจ้า รู้จักขอบคุณพระองค์อยู่เสมอ เพราะพระทัยดีของพระองค์ต่อมนุษย์มากมายจริงๆ ทุกสิ่งที่เขาได้รับย่อมมาจาก พระเจ้าทั้งสิ้น - นอกนั้น เขายังต้องรู้จักรักษาสิ่งสร้างเหล่านั้นเป็นอย่างดี ไม่ท�ำ ลายให้เสียหาย ☆ ใบงาน 2 หรือสูญเปล่าไป ต้องอนุรักษ์หรือทำ�ให้พอกพูนขึ้น เพื่อชนรุ่นหลังจะได้ใช้ทรัพยากร “การรักษาสิ่งสร้าง” เหล่านีใ้ นการดำ�รงชีวติ อย่างมีความสุขต่อไป แต่ถา้ มนุษย์ท�ำ ลายให้เกิดความเสียหาย หรือเสียสมดุลเมื่อใด เขาเองจะเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน 6 หาข้อปฏิบัติ - จะรักษาสิ่งสร้างของพระเจ้าโดยไม่ทำ�ลายสิ่งของรอบตัว รักษาความสะอาด ของสถานที่ที่อยู่ - ขอบคุณพระเจ้าบ่อยๆ ที่ได้ทรงสร้างสิ่งต่างๆ ให้กับเรา

สมุดบันทึกความดีใน การรักษาสิ่งสร้าง

7 ภาวนาปิดท้าย - (สดด 8:3-4, 6-8 พระสิริของพระเจ้าและเกียรติของมนุษย์) ร้องเพลง “จงขอบพระคุณพระเป็นเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี”

8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกต - ดูความสนใจ - การตอบคำ�ถาม

สมุดบันทึก ☆ การประเมินของครู

หนังสือพระคัมภีร์ ☆ เพลงบทสร้อย ☆

9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................


3

ใบงาน 1 : “สิ่งสร้างของพระเจ้าและผลงานของมนุษย์” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนแยกแยะว่าภาพใดเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้าและภาพใดคือผลงานของมนุษย์ โดยวงกลม ล้อมรอบภาพที่เป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า


4

ใบงาน 2 : “การรักษาสิ่งสร้าง” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนช่วยกันบอกว่า เขาจะช่วยกันรักษาสิ่งสร้างต่างๆ ที่เห็นจากรูปภาพได้อย่างไรบ้าง? แล้วบันทึกลงในช่องว่างด้านข้าง

............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................ ............................................................................


5

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.1 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์

เรื่อง พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์

- ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างเรามาด้วยความรักเป็นพิเศษเหนือ สิ่งสร้างอื่นๆ และประเสริฐกว่าสิ่งสร้างทั้งปวง - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนขอบคุณพระเจ้าด้วยความรักต่อพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด โดยรู้จักรัก ผู้อื่นเหมือนรักตนเอง

สาระการเรียนรู ้ ในจำ�นวนสิง่ สร้างทัง้ หมดของพระเจ้า ทุกสิง่ ล้วนดีงามมาก แต่มสี งิ่ หนึง่ ทีด่ เี ป็นพิเศษกว่าสิง่ อืน่ ก็คอื มนุษย์ พระเจ้าทรงมีแผนการให้เขาอยู่เหนือและปกครองทุกสิ่ง โดยมอบหน้าที่ให้เขามีลูกหลานสืบต่อไป และร่วมส่วนในการสร้าง กับพระองค์ด้วยการพัฒนาสิ่งสร้างทั้งมวลไปถึงความสมบูรณ์สูงสุด ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - นั่งสมาธิ โดยเปิดเพลง “พระเจ้าสร้างฉัน“ คลอเบาๆ - ครูนำ�สวดภาวนา 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับนักเรียนในประเด็นที่ว่า สิ่งสร้างรอบตัวเรามีลักษณะอย่างไร? มี ความสัมพันธ์และสำ�คัญอย่างไรต่อมนุษย์? ใครเป็นผู้สร้างขึ้นมา? ในจำ�นวนสิ่งสร้าง ทั้งหมด อะไรคือสิ่งที่ดีพิเศษที่สุด? ใครเป็นผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมา? มนุษย์กับพระเจ้ามี ความสัมพันธ์กันอย่างไร?

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

CD เพลงชุด “รักที่อบอุ่น” เพลงที่ 3

ภาพสวยงามของเด็กๆ ที่ หัวเราะ น่ารัก ฯลฯ

- ผู้เรียนรู้สึกอย่างไรที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และไม่ใช่สิ่งสร้างอื่น? - มนุษย์ควรมีท่าทีต่อกันอย่างไร? มนุษย์ควรจะเจริญชีวิตอย่างไรจึงจะมี ความสุข? 3 พระวาจา - ปฐก 1:26-30 - การเนรมิตสร้างมนุษย์ - สดด 8:3-8 - พระสิริของพระเจ้าและเกียรติของมนุษย์ 4 อธิบายพระวาจา - เมื่อเราชื่นชมกับสิ่งสร้างและธรรมชาติรอบๆ ตัวเรา มีหลายสิ่งที่ทำ�ให้เรารู้สึก ดีและมีความสุขได้ พระเจ้าได้ทรงสร้างสิ่งเหล่านั้นก่อนการสร้างมนุษย์ เพื่อให้โลกนี้ มีความพร้อมมากที่สุดก่อนที่มนุษย์จะถูกสร้างมา - เพราะพระทัยดีและพระทัยรักอันไม่มีขอบเขตของพระเจ้าต่อเรามนุษย์ พระองค์ จึงทรงทำ�สิ่งน่าพิศวงเช่นนี้ เพื่อแสดงความรักที่ละเอียดอ่อนของพระองค์

หนังสือพระคัมภีร์


6

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้ - พระองค์ทรงต้องการให้มนุษย์มคี วามสุข จึงประทานพระพรให้เขามีความสมบูรณ์ ยิ่งกว่าสิ่งสร้างอื่น ให้เขามีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความสามารถต่างๆ มากมายเพื่อ จะสามารถปกครองสิง่ สร้างอืน่ ได้ ทีส่ �ำ คัญเขาเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าเอง ทำ�ให้เขา มีความคล้ายกับพระองค์มาก นี่คือสิ่งที่ทำ�ให้มนุษย์มีความพิเศษกว่าสิ่งสร้างอื่น ความคล้ายคลึงนี้ต้องทำ�ให้มนุษย์เลียนแบบพระองค์ในความรักด้วย เขาจะต้องรัก พระเจ้าด้วยสิน้ สุดจิตใจและต้องรักเพือ่ นมนุษย์ซงึ่ เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าเช่นเดียว กับรักตนเองด้วย

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆

ภาพสิ่งต่างๆ ที่เป็นผลงาน ของมนุษย์ เช่น - ตึกสูง - ยานอวกาศ - กล้องถ่ายรูป ฯลฯ

5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - สติปัญญาและน้ำ�ใจคือสองสิ่งที่ประเสริฐสุดของมนุษย์ เพราะทำ�ให้เราคล้าย กับพระเจ้าและมีอสิ รภาพทีจ่ ะเลือก อันเป็นสมรรถภาพทีท่ �ำ ให้เราแตกต่างจากสิง่ สร้าง อื่น พระองค์ประทานพรสวรรค์มากมายแก่เราทำ�ให้เรามีความสามารถแตกต่างกัน ออกไป - การไตร่ตรองและสำ�นึกถึงเรื่องนี้ ทำ�ให้เราต้องรู้คุณในพระทัยดีของพระเจ้า ผู้ทรงรักเราเป็นที่สุด ตั้งแต่แรกเริ่มสร้างโลกเลยทีเดียว ความรักนี้ไม่เคยลดน้อยถอย ลง ไม่วา่ มนุษย์จะทำ�บาปผิดเพียงใดก็ตาม เพราะพระเจ้าทรงเป็นองค์ความรักและองค์ ความดี - ยิ่งกว่านั้นพระองค์ทรงมอบหน้าที่ให้มนุษย์ร่วมส่วนในการพัฒนาสิ่งสร้าง ทั้งมวลให้สมบูรณ์และให้มีลูกหลานมากมายสืบต่อไป - ความรักนี้ต้องสอนให้เราทำ�ตัวเหมือนกับพระองค์คือต้องรู้จักรักทั้งพระองค์ และเพื่อนมนุษย์ จะเห็นแก่ตัวไม่ได้ มิฉะนั้นมนุษย์จะไม่ประสบความสำ�เร็จในกระแส เรียกของตน เขาอาจจะต้องถึงความพินาศ หากไม่ท�ำ ให้แผนการทีพ่ ระเจ้าทรงมีตอ่ เขา สำ�เร็จไป 6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนขอบคุณพระเจ้าที่ทรงสร้างเขามาสำ�นึกในพระคุณของพระองค์ ด้วย การรักชีวิตและดูแลตนเองอย่างดี - ผู้เรียนเลือกแสดงความรักต่อผู้อื่นด้วยกิจการบางอย่างที่เป็นรูปธรรม 7 ภาวนาปิดท้าย - ให้ผู้เรียนแต่ละคนแต่งบทภาวนาและสวดภาวนาในใจ 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตจากการสนทนา ซักถาม - การร่วมกิจกรรมของนักเรียน - สมุดบันทึกกิจกรรมและบทภาวนาของนักเรียน

สมุดบันทึก ข้อปฏิบัติ

สมุดบันทึกบทภาวนา

สมุดบันทึกผลการประเมิน

9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................


7

ภาพผลงานของมนุษย์


8

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

เรื่อง พระเจ้าทรงประทานสิ่งดีๆ แก่ฉัน

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.1 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า สิ่งดีๆ มากมายรอบตัวเขานั้นเป็นของประทานจากพระเจ้า พระองค์ทรงมอบให้เขาด้วยความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวและบุคคลในครอบครัว - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบตั ิ : ผูเ้ รียนสำ�นึกด้วยความรูค้ ณ ุ อยูเ่ สมอว่าพระเจ้าทรงรักเขา โดยการสร้างสัมพันธ์ ที่ดีกับบุคคลและสิ่งของรอบตัวด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น สาระการเรียนรู ้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้พเิ ศษกว่าสิง่ สร้างอืน่ พระองค์ทรงยกย่องเขาด้วยการประทานสิง่ ดีตา่ งๆ มากมาย เพือ่ เอือ้ อำ�นวยให้เขาสามารถบรรลุกระแสเรียกทีพ่ ระเจ้าประทานได้ คือให้เขาได้เจริญชีวติ อย่างดีและศักดิส์ ทิ ธิ์ เพือ่ จะสามารถ ไปรับความสุขนิรันดรกับพระองค์หลังความตาย มนุษย์จึงต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับสิ่งสร้างรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือ สิ่งของ ตามสถานะของแต่ละสิ่ง เขาต้องทุ่มเทพัฒนาสิ่งสร้างเหล่านั้นให้เจริญไปพร้อมๆ กับตัวเขา เพื่อเป็นการแสดง ความรักต่อพระเจ้าและสิ่งสร้าง ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาด้วยบทเพลง “รำ�พึงถึงองค์” โดยฟังจากซีดี แล้วเงียบคิดถึง ความหมายของเนื้อเพลงสักครู่ 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ให้ผู้เรียนดูบัตรคำ� “สิ่งดีๆ” (เขียนคำ�เกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของดีๆ ที่มี ความสำ�คัญสำ�หรับเด็กๆ) จากนัน้ ให้ผเู้ รียนพิจารณาและแบ่งปันกันว่าสิง่ เหล่านัน้ “ดี” อย่างไร? มีความสำ�คัญต่อเขาอย่างไร?

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ เครื่องเล่น ☆ CD เพลง “รำ�พึงถึงองค์” ☆ ชีทเพลง ☆

บัตรคำ� “สิ่งดี ๆ”

- ให้ผู้เรียนตอบคำ�ถามว่า มนุษย์สามารถขาดบุคคลหรือสิ่งเหล่านั้น ได้หรือไม่? ทั้งหมดนั้นมาจากไหน? ใครเป็นผู้ประทานให้แก่เรา? - มนุษย์ควรมีท่าทีใดต่อหน้าบุคคลหรือสิ่งเหล่านั้น? - เวลาที่คนๆ หนึ่งทำ�ดีต่อเราแปลว่าอะไร? ทำ�ไมเขาจึงทำ�เช่นนั้น? ถ้าไม่ใช่ เพราะความรักเขาจะยอมทำ�ไหม? 3 พระวาจา - ปฐก 1:29-30 - พระเจ้ า ประทานสิ่งสร้างเพื่ออำ�นวยความสะดวกแก่ มนุษย์ - บสร 7:27-28 - เรื่องการปฎิบัติตนต่อมิตรสหายและครอบครัว

. ☆ หนังสือพระคัมภีร์ หนังสือ “บุตรสิรา” (จากหนังสืออธิกธรรม)


9

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

4 อธิบายพระวาจา - พระเจ้าประทานครอบครัว พ่อ แม่ ให้แก่ฉัน ทรงประทานพี่น้องชายหญิงทำ� ให้ครอบครัวมีความสุข พวกเราช่วยพ่อแม่ทำ�งานบ้าน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พ่อแม่ พี่น้องและฉัน รวมกันเป็นชุมชนแห่งชีวิตและความรัก - นอกจากนั้น พระเจ้ายังประทานบุคคลอื่นๆ เช่น ครู เพื่อน ฯลฯ สิ่งของอื่นๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีแก่ฉัน มีใครบ้างไหมที่จะใจดีกับฉันถึงเพียงนี้? - พระเจ้าองค์นี้ทรงอยู่ใกล้ชิดฉันมาก เมื่อได้ทรงสร้างฉันขึ้นมาแล้ว พระองค์ยัง ทรงทำ�ทุกอย่างแก่ฉันเพราะความรัก - พระองค์มิได้ทำ�เช่นนี้แก่บรรดาเทวดาจองหองที่ได้ทำ�ผิดเพราะเทวดาเป็นจิต แต่ทรงเอ็นดูเมตตามนุษย์ยิ่งนัก ทรงปกป้องเขา ให้อภัยเขา ไม่มีอะไรที่พระเจ้ามิได้ ทรงทำ�เพื่อมนุษย์ - เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์ทรงให้แบบอย่างของผู้ที่รู้จักรักผู้อื่น ทรงต้องการให้ มนุษย์ได้เรียนรู้และทำ�เช่นเดียวกับพระองค์ - เราจึงต้องเข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการให้มนุษย์เป็นและให้มนุษย์กระทำ� 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - มนุษย์ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เราย่อมต้องการผู้อื่น ต้องการความช่วยเหลือ ของเขา ต้องการสิ่งของต่างๆ เพื่ออยู่อย่างปกติสุข - พระเจ้าทรงทราบดีถึงความต้องการนี้ของมนุษย์ พระองค์ไม่เคยให้เราอยู่ โดดเดี่ยว ทรงประทานพ่อ แม่ พี่ น้อง ฯลฯ รวมทั้งสิ่งอำ�นวยความสะดวกอีกมากมาย เมือ่ พระองค์ทรงสร้างมนุษย์แล้ว พระองค์ไม่เคยทอดทิง้ เขา ทรงช่วยเหลือทุกอย่าง แต่ มนุษย์เองจะต้องเข้าใจในพระทัยดีของพระต้องรูส้ �ำ นึกถึงสิง่ ทีพ่ ระทรงทำ�อย่างละเอียด อ่อนมากต่อเรามนุษย์ - เมื่อรู้และเข้าใจแล้ว มนุษย์ต้องตอบสนองความรักของพระด้วยเช่นกัน มิฉะนั้น เราจะเป็นคนที่ไม่รู้จักมองเห็นสิ่งที่ผู้อื่นทำ�เพื่อเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่พระได้ทำ� เพื่อเราอย่างมากมาย - เมื่อบุคคลหรือสิ่งสร้างรอบตัวเรามีคุณค่าต่อเราเพียงนี้แล้ว เราก็ควรจะรัก และรักษาบุคคลหรือสิง่ สร้างเหล่านัน้ อย่างดีทสี่ ดุ โดยการสร้างสัมพันธ์ทดี่ ที งั้ กับบุคคล และสิ่งของเพื่อเป็นการแสดงความรู้คุณต่อพระ - ให้นักเรียนพิจารณาด้วยตนเองว่า เขาควรจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีนี้ด้วยวิธีใด? 6 หาข้อปฏิบัติ ให้ผู้เรียนหาข้อปฏิบัติเองเกี่ยวกับวิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพระกับบุคคล รอบข้างและกับสิ่งสร้าง แล้วนำ�เสนอแก่เพื่อนๆ (เช่น ภาวนาให้แก่กันและกัน ภาวนา พร้อมกันในครอบครัว ร่วมมิสซาวันอาทิตย์พร้อมกับครอบครัว สอนซึ่งกันและกันให้ รักพระเจ้าและเพื่อนบ้าน)

ใบงาน 1 “ฉันอยากจะรักษ์...” ☆

ใบงาน 2 “ฉันไม่อยากจะรักษ์...” ☆


10

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

7 ภาวนาปิดท้าย - ทำ�สมาธิสัก 2 นาทีเพื่อเตรียมจิตใจ จากนั้นครูนำ�ผู้เรียนสวดบทแสดง ความรักพร้อมกัน - จบแล้วให้ผู้เรียนสวัสดีกันและกัน พร้อมด้วยรอยยิ้ม 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - แบบสอบถาม - ความร่วมมือในการทำ�กิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................


11

บัตรคำ� “สิ่งดี ๆ” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนแต่ละคนเลือก “สิ่งดีๆ” คนละ 1 อย่าง แล้วบอกว่าสิ่งนั้นดีและมีความสำ�คัญต่อเขา อย่างไร แล้วให้ครูบันทึกไว้

หนังสือ

กระดาษ

เสื้อผ้า ต้นไม้

ดินสอ

เครื่องบิน

กรรไกร ตุ๊กตา

รถยนต์ มีด บ้าน

อาหาร นํ้า

กระเป๋า

ดอกไม้ แว่นตา

ผึ้ง

ไม้กวาด


12

ใบงาน 1 “ฉันอยากจะรักษ์ . . .” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนวาดรูปของบุคคลหรือสิ่งของที่ตนเองรู้สึกอยากจะรักและรักษาให้ดีที่สุด อย่างน้อยคนละ 3 ภาพ (หากมีเวลาสามารถระบายสีได้ด้วย) เมื่อเสร็จแล้วให้ตอบว่าทำ�ไมจึงวาดภาพนี้ เขาจะรัก และรักษาบุคคลหรือสิ่งของนี้ได้อย่างไร?


13

ใบงาน 2 “ฉันไม่อยากจะรักษ์ . . .” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนวาดรูปของบุคคลหรือสิ่งของที่ตนเองรู้สึกไม่อยากจะรักมากที่สุด อย่างน้อยคนละ 3 ภาพ (หากมีเวลาสามารถระบายสีได้) เมื่อเสร็จแล้วให้ตอบว่าทำ�ไมจึงวาดภาพนี้ เขาอยากจะ ทำ�อะไรกับบุคคลหรือสิ่งของนี้มากที่สุด?


14

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1

เรื่อง ความหมายของสำ�คัญมหากางเขนและบทพระสิริรุ่งโรจน์

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.1 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจความหมายของสำ�คัญมหากางเขนและบทพระสิริรุ่งโรจน์ ว่าชีวิต ของคริสตชนมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับพระบิดาพระบุตรและพระจิต - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนทำ�เครื่องหมายสำ�คัญมหากางเขนและสวดบทพระสิริรุ่งโรจน์ ด้วย ความตั้งใจและคิดถึงความหมาย สาระการเรียนรู ้ เมื่อพระเจ้าได้ทรงสร้างโลกจักรวาลและมนุษย์แล้ว พระองค์ยังคงรักษาสิ่งสร้างทั้งมวลของพระองค์ อยูเ่ สมอ เฉพาะอย่างยิง่ เรามนุษย์ ทรงให้เขามีความสัมพันธ์แบบพิเศษกับพระเจ้าในรูปแบบของ “บิดา-บุตร” คือพระบิดาเป็น พระผู้สร้างเรามา พระบุตรอยู่ในฐานะที่เป็นพี่ชาย และพระจิตทรงเป็นผู้ดลใจให้เราเป็นคนดีและกระทำ�ความดี ดังนั้น เราจึงไม่ สามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากทั้งสามพระบุคคลนี้ได้ เพราะพระเจ้าทรงเป็นผู้มีความสำ�คัญต่อมนุษย์อย่างมากที่สุด ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนา - ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนถึงประสบการณ์ต่างๆ ว่าเคยได้ยินคำ�ว่า “พระบิดา พระบุตร ☆ เพลง “สำ�คัญมหากางเขน” พระจิต” หรือทำ�เครื่องหมายสำ�คัญมหากางเขนหรือได้ยินบทสวด “พระสิริรุ่งโรจน์” จากซีดีชุด “ทำ�ด้วยความรัก” บ้างไหม? ได้ยินที่ใดบ้าง? เพลงที่ 1 - คำ�เหล่านี้มีความหมายอย่างไรบ้าง? ให้ผู้เรียนแต่ละคนแสดงความคิดเห็น ☆ ครูทำ�เครื่องหมายสำ�คัญ มหากางเขนหรือสวดบท อย่างอิสระตามที่ตนเข้าใจ “พระสิริรุ่งโรจน์” อย่างช้า ๆ - ทำ�ไมคริสตชนจึงต้องสวดภาวนาด้วยคำ�เหล่านี้? สวดภาวนาแล้วได้อะไร? พระบิดา พระบุตรและพระจิตมีความสัมพันธ์อะไรกับเรา? 3 พระวาจา - เรื่อง “พระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกไปทั่วโลก” (มธ 28:16-20) 4 อธิบายพระวาจา - เมื่อพระเยซูเจ้าได้ทรงกระทำ�ภารกิจของพระองค์จนใกล้จะสิ้นสุดแล้วก่อนจะ เสด็จสูส่ วรรค์ พระองค์ได้ทรงมอบพันธกิจสำ�คัญให้แก่ศษิ ย์ทกุ คน คือสัง่ สอนนานาชาติ ให้เป็นศิษย์ของพระองค์และโปรดศีลล้างบาปแก่ทุกคนที่เชื่อในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระจิต

. ☆ ดูซีดีพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ ☆

ภาพ “พระเยซูเจ้าเสด็จ สู่สวรรค์”


15

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- คำ�สั่งนี้ทำ�ให้เราเข้าใจว่า เฉพาะผู้ที่เชื่อในพระองค์จึงจะรับศีลล้างบาปได้ และ การรับศีลล้างบาปจะสำ�เร็จได้ก็ในความสัมพันธ์กับพระบิดา พระบุตร และพระจิต เท่านั้น - นี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่พระเจ้าทรงอยากจะยืนยันแก่เราว่า พระองค์ทรง เป็นพระเจ้าเดียวแต่ทรงเป็น 3 พระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกมาเพื่อเรา ทรงดูแลเราอย่างดีหลังจากที่ได้สร้างมาแล้ว ทรงค่อยๆ เปิดเผยตัวพระองค์เองให้เราได้รู้จัก ในเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธี ล้าง พระเจ้าทรงเปิดเผยให้ประชาชนและเราทุกคนรูว้ า่ พระองค์ทรงเป็น 3 พระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต - จากเหตุการณ์นี้ทำ�ให้เราคาทอลิกเชื่อว่าพระเจ้าทรงเป็น 3 พระบุคคล และ แต่ละบุคคลก็มีความสัมพันธ์กับเรามนุษย์ในแบบพิเศษ คือ พระบิดาทรงสร้างเรามา พระบุตรทรงไถ่บาปเรา และพระจิตทรงช่วยให้เราเป็นคนดี การคิดถึงความจริงเหล่านี้ ช่วยให้เราระลึกถึงความสำ�คัญของการประทับอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเรามากขึ้น และการสำ�นึกถึงความสัมพันธ์กับพระองค์นี้จะช่วยให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับความรักของ พระองค์มากขึ้นด้วย - ดังนั้น เราคริสตชนจึงต้องระลึกถึง 3 พระบุคคลนี้บ่อยๆ ในชีวิตของตนใน หลายๆ วิธี และโดยเฉพาะการทำ�เครื่องหมายสำ�คัญมหากางเขนและการสวดบท พระสิริรุ่งโรจน์

ภาพ 1. สิ่งสร้างสวยงาม 2. พระเยซูบนกางเขน 3. พระจิตเจ้าเสด็จมา เหนือบรรดาสาวก ☆

เรื่องเล่า “พระผู้ไถ่”

6 หาข้อปฏิบัติ ให้ผู้เรียนทำ�เครื่องหมายสำ�คัญมหากางเขน หรือสวดบทพระสิริรุ่งโรจน์ โดย คิดถึงคำ�ที่กำ�ลังสวดด้วยความสำ�รวม 7 ภาวนาปิดท้าย ทำ�เครื่องหมายสำ�คัญมหากางเขนและสวดบทพระสิริรุ่งโรจน์ 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตการทำ�เครื่องหมายสำ�คัญมหากางเขนและการสวดบทพระสิริรุ่งโรจน์ และพฤติกรรมระหว่างการเรียน - การถาม-ตอบและการร่วมมือในการร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................


16

เรื่องเล่า “พระผู้ไถ่”

(จากหนังสือขุมทรัพย์ในภาชนะดินเผา หน้า 84)

ในดินแดนตะวันออกไกล พายุแรงจัดพัดกระหน่ำ�สนามบินของเมืองใหญ่แห่งหนึ่ง บรรดาผู้โดยสาร ต่างเดินอย่างรีบเร่งมุ่งตรงไปขึ้นเครื่องบิน มิชชันนารีผู้หนึ่งเปียกปอน แต่เขาก็สามารถหาที่นั่งสบายๆ ใกล้หน้าต่างได้ แอร์โฮสเตสสวยสง่า คนหนึ่งกำ�ลังช่วยจัดการที่นั่งให้แก่ผู้โดยสารอยู่ ทันใดนั้น ก็ปรากฏร่างผู้ชายคนหนึ่งบนทางวิ่ง เขาวิ่งตรงมาที่เครื่องบิน พลางกระชับเสื้อกันฝนให้ แน่น ผู้มาช้าคนนี้เคาะประตูเครื่องบินอย่างแรง และทำ�ท่าขอร้องให้เปิดประตูให้เขา แอร์โฮสเตสส่งสัญญาณ ว่าช้าไปแล้ว เครื่องบินกำ�ลังจะออกแล้ว แต่ชายผู้นั้นส่งสัญญาณยืนยันว่าจะเข้าไปและเคาะประตูแรงขึ้นกว่า เดิมอีก แอร์โฮสเตสพยายามบอกเขาว่าเปิดประตูไม่ได้แล้ว เพราะเลยเวลาแล้ว เครื่องบินต้องออกเดี๋ยวนั้น แล้ว แต่ชายผู้นั้นก็ไม่ละความพยายาม ยังคงทำ�สัญญาณบอกให้เข้าใจว่า เขาจะต้องเข้าไปข้างในให้ได้ ที่สุด เมื่อสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แอร์โฮสเตสจึงจำ�เป็นต้องหยุดทุกอย่างแล้วเปิดประตูให้แก่ชายผู้นั้น ที่สุดเธอก็ ประหลาดใจสุดขีดเมื่อเห็นว่า ชายผู้นั้นก็คือ นักบินของเครื่องบินลำ�นั้นเอง

เรือ่ งนีใ้ ห้ขอ้ คิดแก่เราว่า แม้เราจะรูส้ กึ ว่าชีวติ ของเรามีคา่ มากเท่าใด หรือเราเป็นเจ้าของชีวติ ของ เราเอง เราสามารถจัดการกับชีวิตของเราได้อย่างที่เราต้องการ หรืออาจรู้สึกว่าไม่เห็นจะต้องขึ้นกับใคร แต่ความจริงหนึ่งที่เราจะปฏิเสธไม่ได้ก็คือ มีอีกผู้หนึ่งที่มีความสำ�คัญต่อชีวิตของเรามากกว่าตัวเราเอง แน่นอน เพราะชีวิตของเราขึ้นกับผู้นั้น เนื่องจากเรามีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะพระองค์ พระองค์คือผู้ประทาน ชีวิตแก่เรา ทรงเป็นต้นกำ�เนิดของทุกชีวิต พระองค์นั้นคือ พระเจ้า


17

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

เรื่อง การบังเกิดของพระเยซูเจ้า

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.2 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อผู้เรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์การบังเกิดของพระเยซูเจ้า รวมทั้งความหมายของ การบังเกิดในความสัมพันธ์กับมนุษย์ว่าทรงเป็นพระผู้ไถ่บาปของมนุษย์ทั้งมวล - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนตั้งใจหลีกเลี่ยงบาปและความไม่ดีทุกอย่างแม้ในสิ่งเล็กน้อย สาระการเรียนรู ้ หลังจากที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์แล้ว มนุษย์ได้ทำ�บาปผิดจึงสมควรจะได้รับโทษ แต่ด้วยความรักและ ความเมตตา พระเจ้าทรงอภัยโดยให้พระบุตรของพระองค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อไถ่บาปมนุษย์ พระบุตรมิได้มาบังเกิดแบบ พระราชาผู้ยิ่งใหญ่และร่ำ�รวย ตรงข้ามบังเกิดแบบคนยากจนขัดสนที่สุด เพื่อสอนให้เราเข้าใจถึงความร้ายกาจของบาปและ ความจำ�เป็นที่เราต้องหลีกเลี่ยงการทำ�บาป ในเวลาเดียวกันก็ทำ�ให้เราเข้าใจว่า ความรอดพ้นของวิญญาณเป็นสิ่งสำ�คัญที่สุด เพราะไม่วา่ เรามนุษย์จะตกอยูใ่ นสภาพใด พระเจ้าก็ทรงรักเราและทรงเสียสละพระองค์เองเพือ่ เราเสมอ ด้วยการพัฒนาสิง่ สร้าง ทั้งมวลไปถึงความสมบูรณ์สูงสุด ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สนทนา - สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนว่าเคยมีน้องเล็กๆ ไหม? เคยเห็นเด็กเกิดใหม่ไหม? หรือ เห็นจากภาพอืน่ ๆ ฯลฯ? เด็กเกิดใหม่สว่ นใหญ่จะเป็นอย่างไร? จะนำ�ความยินดีให้แก่ บุคคลในครอบครัวใช่ไหม? - เราแต่ละคนคงจะเคยฉลองวันเกิดกัน ทำ�ไมจึงมีการฉลอง? เพราะเราดีใจที่ เกิดมามีชีวิต ชีวิตเป็นของมีค่ามาก คนเราจึงฉลองวันเกิดกันทุกปี

ภาพเด็กเล็กๆ น่ารัก

ร้องเพลง Happy Birthday หากมีคนที่เกิดในวันนี้

- ตามปกติก็มีแต่คนในครอบครัวหรือคนใกล้ตัวเท่านั้นที่ฉลองวันเกิดให้เรา แต่มี อีกบุคคลทีไ่ ด้รบั การฉลองวันเกิดจากบุคคลทัว่ โลก บุคคลนัน้ คือใคร? นักเรียนสามารถ บอกได้ไหม? ทำ�ไมบุคคลนั้นจึงยิ่งใหญ่ขนาดที่มีคนฉลองวันเกิดให้ถึงกว่า 2000 ปี? - ผู้เรียนคงเคยฉลองคริสต์มาสกันเป็นประจำ�ทุกปี รู้ไหมว่าทำ�ไมเทศกาล คริสต์มาสจึงทำ�ให้หลายคนรูส้ กึ มีความสุข และทัว่ โลกจัด เป็นวันฉลองทีย่ งิ่ ใหญ่มาก? คริสต์มาสมีความหมายอย่างไรกันหรือ? 3 พระวาจา เรื่อง การประสูติของพระเยซูเจ้า (ลก 2:1-12)

ซีดีเรื่อง “การบังเกิดของ พระเยซูเจ้า”


18

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

4 อธิบายพระวาจา - หลังจาก 9 เดือนที่เทวดาได้แจ้งข่าวว่าพระนางมารีย์จะตั้งครรภ์มีบุตรแล้ว พระเยซูเจ้าได้ทรงบังเกิดมาและเป็นการบังเกิดที่พิเศษกว่าคนอื่น น.ยอแซฟและ แม่พระต้องเดินทางข้ามจังหวัดเพือ่ ไปจดทะเบียนสำ�มะโนประชากร แต่ขณะทีเ่ ดินทาง อยู่นั้น พระนางมารีย์ใกล้จะคลอดบุตรเพราะครรภ์แก่แล้ว เวลานั้นมีคนเดินทางมาก โรงแรมที่พักต่างๆ จึงเต็มไม่มีที่พักว่างเลย น.ยอแซฟเห็นว่าพระนางกำ�ลังจะคลอดจึง ต้องหาทีพ่ กั โดยเร็ว ทีส่ ดุ ทัง้ สองได้พบทีพ่ กั ในคอกเลีย้ งสัตว์ซงึ่ ยังว่างอยู่ พระกุมารเยซู จึงเกิดมาในถ้ำ�เลี้ยงสัตว์อย่างลำ�บากยากจน 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต แม้พระเยซูเจ้าจะเกิดมาในสภาพที่ยากจนขัดสนมากขนาดนี้ก็ยังมีผู้คนฉลอง วันเกิดให้พระองค์ทกุ ปี ไม่ใช่แค่เพียงทีว่ ดั ของเราหรือในประเทศไทย แต่เป็นการฉลอง ระดับโลก เพราะพระองค์คือบุคคลสำ�คัญที่สุดของโลก พระองค์คือพระผู้ไถ่บาปของ มนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ได้ทำ�บาป ทำ�ให้เราต้องรับโทษคือต้องทนทุกข์เพื่อไถ่บาป ของมนุษย์ แต่พระองค์ไม่ได้ไถ่บาปมนุษย์อย่างสบายๆ เพราะทรงต้องสละชีวิตของ พระองค์เอง จึงทำ�ให้เราเข้าใจว่า บาปคือสิ่งเลวร้ายมากซึ่งเราจะต้องหลีกเลี่ยงไม่ทำ� มิฉะนั้น เราจะต้องรับโทษทัณฑ์อันร้ายกาจของบาป

เรื่องเล่า “คุณค่าของชีวิต”

นี่จึงเป็นเหตุผลที่คนมากมายทั่วโลกฉลองวันคริสต์มาสกัน เพราะวันนั้นคือ วันเกิดของพระเยซูเจ้านั่นเอง 6 หาข้อปฏิบัติ - ให้ผู้เรียนแต่ละคนเลือกข้อตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงบาป แม้ในสิ่งที่เล็กน้อยที่สุด 7 ภาวนาปิดท้าย - สวดบทภาวนาที่ครูแต่งขึ้นเองจากใจ โดยให้ผู้เรียนสวดตาม 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตจากการร่วมกิจกรรมของผู้เรียน - การถาม-ตอบ 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................


19

เรื่องเล่า “คุณค่าของชีวิต” (จากหนังสือ “ขุมทรัพย์ในภาชนะดินเผา” หน้า 66)

นักพูดคนหนึ่งจบการบรรยายของเขาด้วยการชู อาจจะตกต่�ำ ลง ถูกเหยียดหยาม พ่ายแพ้หรือล้มเหลว แต่ ธนบัตร 1,000 บาทใบหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะและถามผู้ฟัง ไม่วา่ จะอย่างไร ชีวติ เรายังคงมีคา่ เสมอเฉพาะพระพักตร์ ว่า ใครต้องการเงินนั้นบ้าง ผู้ฟังทุกคนต่างยกมือแสดง พระเจ้า . . . นักพูดกล่าวสรุป ความต้องการธนบัตรใบนั้น . . . เรื่องนี้ให้ข้อคิดแก่เราว่า แม้เราจะเป็นเพียง นักพูดขยำ�ธนบัตรนั้นเสียยับยู่ยี่ จากนั้นจึงถาม ผู้ฟังอีกว่า ใครยังต้องการธนบัตรนั้นอยู่อีกไหม . . . สิ่งสร้างของพระเจ้า เป็นเพียงมนุษย์ที่มีขอบเขตและ อ่อนแอ ได้ทำ�บาป ทำ�ให้พระเจ้าทรงเสียพระทัยซ้ำ�แล้ว แน่นอนทุกคนยังต้องการ นักพูดทิง้ ธนบัตรยับยูย่ ใี่ บนัน้ ลงทีพ่ นื้ และใช้เท้า ซ้�ำ อีก ซึง่ ถ้าจะเปรียบก็คงจะคล้ายกับธนบัตรใบนัน้ ทีถ่ กู เหยียบจนธนบัตรสกปรกด้วยฝุ่นผง เสร็จแล้วเขาก็หยิบ เหยียบย่ำ� ขยำ� จนยับยู่ยี่และสกปรก ไม่น่ามอง ถ้าหาก ขึ้นมาถามอีกว่า “คราวนี้ใครยังต้องการเงินนี้อีก?”. . . ไม่ใช่ธนบัตรและเป็นสิ่งของอื่น ก็คงจะถูกโยนทิ้งลงใน ตะกร้าขยะแล้ว แต่เพราะนี่เป็นเงิน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคน ไม่มีใครเอามือลงแม้แต่คนเดียว ปรารถนา และยังคงมีค่าอยู่เสมอ ชีวิตเราก็เช่นกัน แม้ ท่านผู้มีเกียรติ ท่านได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่า เราจะได้ทำ�ตนให้ตกต่ำ�เพียงใด แต่สำ�หรับพระเจ้าแล้ว จากธนบัตรใบนีห้ รือยัง? ไม่วา่ ผมจะทำ�อย่างไรกับเงินนี้ มีคา่ มากเสมอ มากเท่ากับชีวติ ของพระบุตรของพระองค์ ท่านก็ยังคงต้องการมัน นั่นเป็นเพราะว่าค่าของเงินนั้น เลยทีเดียว ! . . . ไม่ได้ลดน้อยลงเลย คนเราก็เช่นกัน หลายครั้งชีวิตเรา


20

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

เรื่อง พระเยซูเจ้า พี่ชายของเรา

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.2 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ผูเ้ รียนรูแ้ ละสำ�นึกว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพีช่ ายคนหนึง่ ทีร่ กั และยอมเสียสละเพือ่ เขาเสมอ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนสร้างความสัมพันธ์กับพระเยซูเจ้าด้วยการคิดถึงพระองค์ และ ทำ�สิ่งดีๆ ให้สมกับเป็นน้องของพระองค์ สาระการเรียนรู ้ พระเยซูเจ้าผู้ได้ทรงบังเกิดมาอย่างยากจนในถ้ำ�เลี้ยงสัตว์นั้น ทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าและพระผู้ไถ่ของ เรามนุษย์ด้วย ในเวลาเดียวกันยังทรงมีความสัมพันธ์กับเราแต่ละคนแบบพี่ชายอีกด้วย ทรงเป็นพี่ชายที่ทรงรักเรามาก ทรง ยอมเสียสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิตเพื่อช่วยเราให้มีความสุข เราจึงต้องตอบสนองด้วยการคิดถึงพระองค์และเลือกทำ�สิ่งที่ดี เพื่อ จะเหมาะสมเป็นน้องของพระองค์ ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนครั้งก่อน - สวดภาวนา 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เราแต่ละคนอาจมีพี่หรือมีน้องของตนเอง หรือบางคนก็อาจจะไม่มี ให้ผู้เรียน แสดงความเห็นถึงความแตกต่างระหว่างสภาพทั้งสองว่ามีจุดดีและจุดอ่อนอย่างไร เสมอ

- เน้นจุดดีของการมีพี่ซึ่งเป็นผู้ช่วย ผู้ปกป้องน้อง ผู้ต้องเสียสละเพื่อน้องอยู่

3 พระวาจา - เรื่อง “ปล่อยเด็กๆ มาหาเราเถอะ” (มก 10:13-16) 4 อธิบายพระวาจา พระวรสารเล่าเรื่องเด็กๆ เข้ามาหาพระเยซูเจ้า แต่ถูกพวกสาวกห้ามไว้ เพราะ อาจเห็นว่าเด็กๆ ไม่รู้เรื่อง อาจจะรบกวนพระเยซูเจ้าเพราะพระองค์ทรงต้องทำ�งาน มากมาย เด็กๆ จึงไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็น ก็ทรงห้ามพวกสาวก แล้วให้ปล่อยเด็กๆ เข้าไปหาพระองค์ ทรงสวมกอดพวกเขา เอาพระหัตถ์วางบนศีรษะ แล้วทรงอวยพรแก่พวกเขาด้วยความรักและความเอ็นดู ทำ�ให้เห็นว่าพระองค์มิได้ทรง ให้ความสำ�คัญแก่ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่กับเด็กๆ แต่ละคนด้วย ที่สำ�คัญพระเยซูเจ้าได้ทรงใช้เหตุการณ์นี้สอนถึงเงื่อนไขหนึ่งที่สำ�คัญมากเพื่อ การเข้าในพระอาณาจักรของพระเจ้า คือ “ผู้ใดไม่รับพระอาณาจักรของพระเจ้าอย่าง เด็กเล็กๆ เขาจะไม่เข้าสู่พระอาณาจักรนั้นเลย”

สนทนาถึงประสบการณ์ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันท์ พี่น้อง

. ☆ ภาพ “พระเยซูเจ้ากับเด็กๆ”


21

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระเยซูเจ้าทรงมีท่าทีดังกล่าวกับเด็กๆ เพราะทรงรู้ตัวว่าทรงเป็นเหมือนพี่ชาย ของพวกเขา ทรงเป็นพีท่ เี่ ข้าใจความต้องการของน้องๆ พระองค์ไม่เหมือนผูใ้ หญ่อกี บาง คนที่ไม่เคยเห็นความสำ�คัญของเด็ก พระองค์จะไม่พูดเลยว่า “เรื่องของผู้ใหญ่...เด็กๆ ไม่เกี่ยว” เพราะสำ�หรับพระองค์แล้ว เด็กแต่ละคนมีความสำ�คัญมากเสมอ ไม่น้อยไป กว่าผูใ้ หญ่เลย เราจึงโชคดีมากทีม่ พี ระเยซูเจ้าเป็น “พี”่ (ดีกว่าพีข่ องเราอีกหลายๆ คน) เพราะพระองค์ทรงมีหน้าทีป่ กป้องเราให้พน้ จากความยากลำ�บาก แม้เรามนุษย์ท�ำ บาป และต้องรับโทษ แต่พระองค์ก็ทรงยอมรับโทษแทนเรา เพื่อให้เราได้พ้นจากความทุกข์ นิรันดร และได้รับมรดกแห่งความสุขนิรันดรในสวรรค์ - นอกนั้น เรายังต้องเข้าใจว่า การจะเข้าในพระอาณาจักรสวรรค์ได้ ไม่เพียงพอ ที่เราจะมีพระเยซูเจ้าเป็น “พี่” เท่านั้น แต่เราต้องออกแรงด้วยตัวเองด้วย โดยการทำ� ตนให้มีจิตใจแบบเด็ก คือมีความใสซื่อ บริสุทธิ์ ไม่ใช่คิดคดโกง เห็นแก่ตัว เอารัดเอา เปรียบคนอื่น ฯลฯ

ใบงาน “เด็กน้ำ�ใจดี” ☆ เรื่องเล่า “ดาวิดผู้มีน้ำ�ใจ” ☆

6 หาข้อปฏิบัติ ให้ผู้เรียนคิดถึงพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นพี่ชายบ่อยๆ ด้วยการเลือกทำ �สิ่งที่ดี อย่างเป็นรูปธรรม 7 ภาวนาปิดท้าย ให้ทุกคนจับมือกันสวดบทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า “ข้าแต่พระบิดาของ ข้าพเจ้าทั้งหลาย...” 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ..............................................................................................................................................................................


22

เรื่องเล่า “ดาวิดผู้มีนํ้าใจ”

(จากหนังสือขุมทรัพย์ในภาชนะดินเผา หน้า 24-25)

พี่น้องสองคน น้องชายเป็นโสด ส่วนพี่ชายแต่งงานแล้ว ทั้งสองเป็นเจ้าของไร่ที่มีพื้นดินสมบูรณ์ผลิต ข้าวได้เป็นจำ�นวนมาก พี่น้องทั้งสองจะแบ่งข้าวที่ได้คนละครึ่ง ตอนแรกทุกสิ่งดำ�เนินไปด้วยดี แต่ต่อมาพี่ชายเริ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนดึกและคิดว่า “มันไม่ยุติธรรม เลย น้องชายของข้ายังไม่แต่งงาน แต่เขาได้ข้าวครึ่งหนึ่ง ส่วนข้าอยู่กับแฟน มีลูกอีกตั้งห้าคน เวลาข้าแก่ตัวลง ก็คงจะมีหลักประกัน แต่ใครจะดูแลน้องชายข้าตอนทีเ่ ขาแก่ตวั ลงล่ะ? เขาน่าจะเก็บเงินไว้ส�ำ หรับอนาคตมากกว่า ที่เขาทำ�อยู่ในเวลานี้ ส่วนแบ่งของเขาควรจะมากกว่าของข้า” ด้วยความคิดดังกล่าว เขาก็ลุกจากเตียงแอบ เข้าไปในยุ้งของน้องชายและเทข้าวลงไปหนึ่งกระสอบ ส่วนน้องชายก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนดึกเช่นกัน ทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้นจะพูดกับตนเองว่า “มันไม่ยุติธรรม พี่ ชายของข้ามีภรรยาและลูกอีกห้าคน เขาได้ข้าวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ข้าไม่มีใครจะต้องดูแล ดังนั้น พี่ชายของข้า จะต้องมีความต้องการมากกว่าข้าแน่นอน เขาควรจะได้รับผลผลิตเท่ากับข้าหรือ?” เขาจึงลุกขึ้นจากเตียงและ เทข้าวของตนลงในยุ้งฉางของพี่ชายหนึ่งกระสอบ วันหนึ่งพวกเขาลุกขึ้นจากเตียงในเวลาเดียวกันและเจอกันพอดี ทั้งสองมีถุงข้าวอยู่คนละกระสอบ... หลายปีต่อมา หลังจากที่พี่น้องทั้งสองเสียชีวิตแล้ว เรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผย ดังนั้นเมื่อชาวเมืองปรารถนาที่ จะสร้างวัด พวกเขาจึงเลือกจุดที่พี่น้องทั้งสองพบกัน เพราะพวกเขาคิดว่าไม่มีที่ใดจะศักดิ์สิทธิ์เท่าสถานที่นี้ อีกแล้ว

ใบงาน “เด็กน้ำ�ใจดี“ ☺

คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนวาดรูปหน้า ลงในข้อที่เป็นการกระทำ�ของเด็กที่มีจิตใจดี ____ 1. ฟ้าเห็นพ่อแม่เหนื่อยจึงยกน้ำ�ไปให้ดื่ม ____ 2. แดงกลัวครูจะตีเพราะไม่ได้ส่งการบ้านก็เลยรีบลอกการบ้านเพื่อน ____ 3. เจนนี่อยากให้ครูชมจึงทำ�ดีต่อหน้าครูเสมอ ____ 4. บอลต้องการเรียนเก่งๆ จึงขยันเรียนมากกว่าเพื่อน ____ 5. เอมี่ชอบรักสวยรักงามจึงใช้เงินซื้อของอย่างฟุ่มเฟือย ____ 6. แตนรักน้องมากจึงแบ่งขนมให้ ____ 7. เมย์ยอมปิดโทรทัศน์ไม่ดูการ์ตูน แล้วไปวัด ____ 8. ตูนไม่ชอบน้องชายจึงแกล้งน้องบ่อยๆ ____ 9. เก๋ชอบทรมานสัตว์เพราะมันสนุกดี ____ 10. ปานเจอกระเป๋าเงินเพื่อน จึงนำ�ไปให้ครู


23

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

เรื่อง พระเยซูเจ้า พระบุตรสุดที่รักของพระเจ้า

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.2 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรสุดที่รักแต่องค์เดียวของพระเจ้า ที่ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงได้นอบน้อมต่อพระบิดาจนถึงที่สุด - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนแสดงความรัก ความศรัทธาต่อพระเยซูคริสตเจ้าในฐานะที่เป็น พระเจ้าด้วยการรู้จักนอบน้อมเชื่อฟังต่อผู้ใหญ่ สาระการเรียนรู ้ พระเยซูเจ้าทีไ่ ด้ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแท้ และเวลาเดียวกันทรงเป็นมนุษย์แท้ ด้วย ทรงเป็นพระบุตรแท้แต่องค์เดียวของพระบิดา ที่พระบิดาทรงรักอย่างที่สุดและพระบุตรก็ทรงรักพระบิดาอย่างที่สุดเช่น กัน จนทรงยอมนอบน้อมต่อแผนการแห่งความรักของพระบิดาด้วยความสุภาพถ่อมตน เราจึงควรเลียนแบบความนอบน้อม ของพระองค์ด้วยความเชื่อเช่นกัน ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - ทบทวนเนื้อหาครั้งก่อน - สวดภาวนา 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เล่านิทานเรื่อง “เต่าสอนลูก”

นิทานเรื่อง “เต่าสอนลูก”

- เน้นเนื้อหาของบุตรที่มีความนอบน้อมต่อบิดามารดา จึงประสบความสำ�เร็จ ทั้งนี้เพราะได้รู้จักเชื่อฟังและยอมสละตนเอง - สนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ของความนอบน้อมเชื่อฟัง ในแง่ของ การปฏิบัติ อุปสรรคและผล 3 พระวาจา “พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง” (มก 1:9-11) 4 อธิบายพระวาจา พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าและเป็นมนุษย์แท้ด้วย แต่ในฐานะที่ทรงเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงให้แบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนในการเข้ารับพิธีล้างจากนักบุญยอห์น บัปติสตา แม้พระองค์จะไม่ทรงมีบาปเลยแม้แต่นอ้ ย ก็ยงั ทรงถ่อมพระองค์ลงรับสภาพ บาปเยี่ยงมนุษย์ทั้งหลาย พระบิดาทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงประกาศแก่ ทุกคนว่า พระเยซูองค์นี้คือพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ ในขณะเดียวกัน พระจิตเจ้า ได้ทรงปรากฏมาเหนือพระบุตรเพื่อยืนยันสิ่งเดียวกัน

หนังสือ “พระคัมภีร์”


24

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

พระบิดามิได้ทรงรักและพอพระทัยพระบุตรจากสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นเท่านั้น แต่พระบุตรยังได้ทรงแสดงให้เห็นถึงความรักอันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ต่อพระบิดา เจ้า ด้วยการยอมรับแผนการของพระองค์อย่างอ่อนน้อมจนถึงกับยอมสละชีวิตของ พระองค์บนกางเขนเพื่อไถ่มนุษย์ให้รอดพ้นจากบาป จะได้มีสิทธิ์ไปสวรรค์ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - แม้พระเยซูเจ้าจะทรงมีพระธรรมชาติเท่าพระเจ้า แต่ก็มิได้ทรงยกพระองค์เอง กลับทรงถ่อมพระองค์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ น้อมรับแผนการของพระบิดาอย่างสุภาพ ที่สุด พระองค์ได้ทรงรับสภาพที่ต่ำ�ต้อยมากตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต จนแม้กระทัง่ มนุษย์เองยังไม่มใี ครทีไ่ ด้รบั ความน่าอัปยศอดสูเพียงนัน้ พระองค์ทรงให้ แบบอย่างที่สมบูรณ์ที่สุดของผู้เป็นบุตรต่อพระบิดา - ดังนั้น เราแต่ละคนจึงควรจะเลียนแบบอย่างนี้จากพระเยซูเจ้าและนำ�มา ปฏิบัติในชีวิตของตน เพราะด้วยการน้อมรับแผนการของพระบิดาเจ้าอย่างสุภาพ เท่านั้นจะทำ�ให้เราเป็นที่พอพระทัยพระบิดาเช่นเดียวกับองค์พระเยซูคริสตเจ้า - การปฏิบัติความนอบน้อมถ่อมตน และรู้จักเชื่อฟังจะนำ�ผลดีมากมายมาสู่เรา ซึ่งไม่เพียงแต่การเชื่อฟังผู้ใหญ่เท่านั้น แม้แต่การรู้จักฟังเสียงของพระในใจที่เตือนให้ เราทำ�ความดีในรูปแบบต่างๆ ก็เป็นสิง่ สำ�คัญทีเ่ ราต้องไม่มองข้าม และรูจ้ กั ปฏิบตั ติ าม ด้วยเช่นกัน - ตรงกันข้ามหากเรามีนิสัยเกเรและดื้อดึง ยึดเอาเหตุผลหรืออารมณ์ของตน เป็นใหญ่อยู่เสมอ เราอาจต้องประสบผลร้ายจากการไม่รู้จักเชื่อฟังก็ได้

เรื่องเล่า “อุปสรรคคือ โอกาส”

เกมยิงทุ่นระเบิด

6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนแสดงความรัก ความศรัทธาต่อพระเยซูเจ้า ด้วยการรู้จักนอบน้อม เชื่อฟังอย่างสุภาพต่อผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นตัวแทนของพระ 7 ภาวนาปิดท้าย - ให้เด็กนั่งสมาธิสักครู่ คิดถึงว่าตนเองเป็นคนที่รู้จักเชื่อฟังมากน้อยเพียงใด แล้วครูนำ�สวดบทภาวนาจากใจ ให้ผู้เรียนสวดภาวนาตาม 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตจากความตั้งใจเรียน - การสนทนาโต้ตอบ - ซักถาม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................................


25

เรื่อง เต่าสอนลูก

มีเต่าอยูฝ่ งู หนึง่ อาศัยอยูใ่ นหุบเขากันดาร พวกลูกเต่า มักจะไม่ชอบทีท่ มี่ นั อาศัยอยูเ่ พราะความกันดาร จึงมักจะหนีพอ่ แม่มนั ไปทีห่ นองบึงอันอุดมสมบูรณ์ ทีอ่ ยูไ่ กลจากหุบเขานัน้ เพือ่ อาหาร แม่เต่าเตือนลูกของตนบ่อยๆ ว่า “อย่าไปที่นั่นเลย มี คนคอยรอพวกเจ้าอยูแ่ ล้ว ถ้าถูกจับได้ ก็จะต้องถูกสับเป็นท่อนๆ” แต่พวกลูกเต่าฟังหูซา้ ยทะลุหขู วา ไม่น�ำ พาต่อคำ�ตักเตือนของแม่ อยู่มาวันหนึ่ง พวกลูกเต่าก็นัดกันคลานออกจากหุบเขาไปยัง หนองบึงทีอ่ ดุ มสมบูรณ์ไปด้วยอาหารนัน้ หาอาหารกินและเทีย่ ว เล่นกันอย่างสำ�ราญ นายพรานรออยู่ที่ข้างต้นไม้ใหญ่ริมบึงมาก่อนแล้ว ก็ ใช้ขอเหล็กเกี่ยวเต่าไปได้ทีละตัวๆ มีแต่ลูกเต่าที่ซ่อนอยู่ในซอก หินเท่านัน้ ทีห่ นีรอดมาได้ แม่เต่าเห็นลูกเต่าเหลือกลับมาไม่กตี่ วั ก็ตกใจถามว่า “พวกเจ้าไปที่หนองมาอีกแล้วล่ะสิ คงจะเจอกับ นายพรานเข้าแล้ว ใช่หรือเปล่า?” “พวกเราไม่ได้เจอนายพราน” ลูกเต่าตอบพลางหอบ ไปพลาง “เห็นแต่มีเชือกยาวๆ ไล่อยู่ที่หางของพวกเรา” “ลูกเอ๋ย” แม่เต่ากล่าวต่อไปว่า “ก็ไอ้เชือกยาวๆ นั่น แหละ ที่เคยคร่าชีวิต ปู่ ย่า ตา ยาย ของพวกเจ้าไป” ข้อคิดจากนิทาน 1. คำ�ตักเตือนของผู้ใหญ่มักจะมีประโยชน์ เพราะส่วน ใหญ่แล้วผู้ใหญ่จะมีประสบการณ์และวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่า 2. การยึดมั่นในความคิดเห็นของตนเองเพราะคิดว่า ถูกต้องแล้ว อาจนำ�ความเสียหายใหญ่หลวงมาสู่ตนก็ได้

เรื่องเล่า “อุปสรรคคือโอกาส”

กาลครัง้ หนึง่ นานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึง่ นำ�ก้อน หินมาวางบนถนน จากนั้น พระองค์ก็ไปซ่อนตัว แอบมองว่าจะ มีใครมาเคลื่อนย้ายก้อนหินใหญ่ออกไปหรือไม่ พ่อค้าและ ข้าราชสำ�นักทีร่ �่ำ รวยบางคนผ่านมาก็เดินอ้อมไปเฉยๆ หลายคน บ่นตำ�หนิพระราชาที่ไม่ทรงเอาสิ่ง กีดขวางออกไปจากถนน แต่ไม่มใี ครยอมทำ�อะไรเพือ่ เอาหินก้อนใหญ่ทเี่ กะกะนัน้ ออกไป จากถนน และแล้วก็มีชาวนาคนหนึ่งผ่านมา หอบหิ้วพืชผักมา เต็มอ้อมแขน เมือ่ มาถึงก้อนหิน เขาก็วางสัมภาระของตนลง และ พยายามเคลื่อนย้ายหินก้อนนั้นไปวางข้างถนน หลังจากทั้งฉุด ทั้งดันอย่างหนัก เขาก็ทำ�สำ�เร็จในที่สุด ขณะที่ชาวนายกกองผักขึ้นมา เขาสังเกตเห็นกระเป๋า ใบหนึง่ วางอยูต่ รงทีๆ่ ก้อนหินเคยอยู่ เมือ่ เปิดดูพบว่า ในกระเป๋า มีเหรียญทองจำ�นวนมาก และมีข้อความจากพระราชาบอกไว้ว่า “ทองเหล่านี้เป็นของผู้ที่ยกก้อนหินออกจากถนน” ชาวนาจึงได้ เรียนรู้ในสิ่งที่คนอื่นมากมายไม่เคยเข้าใจ เรือ่ งนีใ้ ห้บทสอนแก่เราว่า ผูท้ จี่ ะประสบความสำ�เร็จใน ชีวติ ก็คอื ผูท้ ที่ �ำ ตามการดลใจทีด่ เี ท่านัน้ ส่วนผูท้ ถี่ อื ตนว่า ยิง่ ใหญ่ ร่ำ�รวย มียศฐาบรรดาศักดิ์สูง ผู้เห็นแก่ตัวไม่ยอมเสียสละเพื่อ ผูอ้ นื่ ฯลฯ ย่อมไม่เคยได้โอกาสดีๆ ในชีวติ ของตน เพราะผูฉ้ ลาด ย่ อ มรู้ จั ก ทำ � ให้ วิ ก ฤติ ห รื อ อุ ป สรรคต่ า งๆ กลายเป็ น โอกาส พระเยซูเจ้าเองได้ทรงให้แบบอย่างดีเลิศนี้แก่เรา พระองค์มิได้ ทรงมองผ่านอุปสรรคหรือวิกฤติแห่งบาปอย่างไร้ความรู้สึกหรือ รู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย แต่ได้ทรงเอาชนะด้วยการนอบน้อม จนถึงขั้นยอมสละพระชนมชีพของพระองค์เอง จึงทำ�ให้เกิดผลดี อย่างอเนกอนันต์แก่ทุกคน ...

(จากหนังสือ “ขุมทรัพย์ในภาชนะดินเผา” หน้า 156)

เกมยิงทุ่นระเบิด วิธีการเล่น (ผู้เล่นอายุระหว่าง 7-20 ปี จำ�นวนไม่เกิน 16 คน) 1. แบ่งผู้เล่นออกเป็นคู่ 2. ให้ผู้เล่นยืนเป็นวงกลม 2 วง โดยให้คนที่ 1 ยืนหน้าคนที่ 2 ระยะห่างประมาณ 1 ฟุต หันหน้าเข้าในวงกลม ให้ผู้เล่น ที่ 1 ปิดตา 3. ผู้เล่นที่ 2 ของแต่ละคู่ยืนนิ่งกับที่ และเป็นผู้ออกคำ�สั่งให้ผู้เล่นที่ 1 เดินไปในจุดที่จะสามารถชนผู้เล่นที่ 1 ของคู่อื่นๆ ได้ โดยสามารถออกคำ�สั่งได้ครั้งละ 1 คำ�สั่งเท่านั้น ผู้เล่นคนใดถูกชนก็จะแพ้และออกจากการแข่งขันไป ผู้เล่นที่ 1 คนสุดท้าย ที่เหลืออยู่จะเป็นผู้ชนะการแข่งขัน


26

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2

เรื่อง พระเยซูเจ้าทรงมอบชีวิตของพระองค์เพื่อเรา

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.2 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นผูท้ รี่ กั เรามากจนถึงกับยอมสละชีวติ ของพระองค์ เพื่อไถ่บาปเรา เพื่อเราจะได้มีสิทธิ์ไปสวรรค์ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนตอบสนองความรักของพระเจ้าด้วยการประพฤติตนให้ดีขึ้น สาระการเรียนรู ้ ตามปกติเราจะมีบุคคลรอบข้างหลายคนที่รักเรา เขาจึงเสียสละเพื่อเราได้ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งเป็นโชคดีของ เรา แต่นอกจากบุคคลเหล่านั้นแล้ว เรายังมีอีกคนหนึ่งที่รักเรายิ่งกว่าใครทั้งสิ้น นั่นคือ พระเยซูเจ้าพระองค์เป็นพระเจ้าที่ ยอมสละชีวิตเพื่อไถ่บาปเรามนุษย์เพื่อเราจะได้มีสิทธิ์ไปสวรรค์ และได้รับความสุขชั่วนิรันดร ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียนด้วย “บทแสดงความรัก” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนาสั้นๆ กับผู้เรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ในชีวิตของผู้ที่ยอมเสียสละชีวิต ของตนเองเพื่อคนอื่น อาจมาจากละคร เรื่องเล่า ฯลฯ ก็ได้ - ให้ผู้เรียนเล่นเกม “ปิดตาหาของรัก”

ดูวิธีเล่นท้ายแผน

- เมื่อเล่นจบแล้ว นำ�ผู้เรียนวิเคราะห์ว่า ใครคือผู้ร้ายในเกม? และใครคือ ผู้สละ ชีวิตเพื่อช่วยผู้อื่น? - เปรียบเทียบตัวผู้เล่นในเกมกับชีวิตจริงของเราว่า พระเอกที่คอยช่วยเหลือเราให้ พบกับตุ๊กตาตัวโปรดนั้นคือหลายบุคคลที่รักเราและเสียสละเพื่อเรา - ให้ตั้งข้อสังเกตแก่ผู้เรียนว่า เหตุใดบุคคลนั้นจึงสามารถทำ�เช่นนั้นได้? แล้ว ทำ�ไมอีกบางคนจึงเจริญชีวติ แบบตรงกันข้าม เห็นแก่ตวั เป็นทีส่ ดุ และทำ�ให้คนรอบข้าง ต้องเดือดร้อน? - ให้วิเคราะห์สั้นๆ ว่าการเจริญชีวิตทั้งสองแบบนั้นมีผลต่างกันอย่างไร ต่อบุคคล รอบข้างและต่อตัวเรา? และมีผลไปยังชีวิตหน้าอย่างไร? - ให้ผู้เรียนคิดดูว่า “มีใครไหมที่สามารถสละชีวิตเพื่อ ‘ฉัน’ ได้?” เขาทำ�เช่นนั้น ได้เพราะอะไร? - ถ้าจะเลือก เราควรเลือกดำ�เนินชีวิตแบบไหน? เพราะอะไร? 3 พระวาจา หลังจากที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเจริญชีวิตในการเทศนาสั่งสอนให้คนมากมายได้ รูค้ วามจริงเทีย่ งแท้ ทำ�อัศจรรย์รกั ษาคนทีเ่ จ็บป่วยให้หาย คนเหล่านัน้ ไม่ได้เห็นคุณงาม

. ☆ ดูซีดีสั้นๆ ตอน “พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์”


27

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้ ความดีของพระองค์ กลับต้องการฆ่าพระองค์ แต่พระองค์มิได้ขัดขืน ทรงยอมรับ ความทรมานและความตายอย่างสงบ เพื่อไถ่เรามนุษย์ให้รอดพ้นจากบาป เหตุการณ์ สุดท้ายของพระองค์เป็นดังนี้ “ขณะนั้น เป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน ทั่วแผ่นดินมืดไป จนถึงเวลาบ่ายสามโมง เพราะดวงอาทิตย์มืดลง ม่านในพระวิหารฉีกขาดตรงกลาง พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า ‘พระบิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้ามอบจิตของข้าพเจ้าไว้ในพระหัตถ์ ของพระองค์’ เมือ่ ตรัสดังนีแ้ ล้ว ก็สนิ้ พระชนม์ เมือ่ นายร้อยเห็นเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ เขา ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า พูดว่า ‘ชายคนนีเ้ ป็นผูช้ อบธรรมแน่ทเี ดียว’ ประชาชนทีม่ า ชุมนุมกันดูเหตุการณ์นี้ เมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ข้อนอกพากันกลับไป ทุกคนที่รู้จัก คุน้ เคยพระองค์ รวมทัง้ บรรดาสตรีทตี่ ดิ ตามพระองค์มาจากแคว้นกาลิลตี า่ งยืนอยูห่ า่ งๆ คอยดูเหตุการณ์นี้” (ลก 23:44-49)

4 อธิบายพระวาจา - ตลอดทั้งชีวิตของพระเยซูเจ้า พระองค์ทำ�แต่ความดี ทั้งในการเดินทางไปเทศนา และรักษาประชาชนจากโรคภัยไข้เจ็บตามทีต่ า่ งๆ อย่างเหน็ดเหนือ่ ย พระองค์ไม่มบี า้ น ถาวร ทรงต้องลำ�บากมากมายในการทำ�เช่นนัน้ แต่พระองค์กเ็ ลือกทีจ่ ะทำ�ไม่เคยท้อแท้ แม้จะมีหลายคนที่ตั้งตนเป็นศัตรูของพระองค์และอยากจะฆ่าพระองค์ - การถูกตรึงตายบนไม้กางเขนเป็นการประจานที่น่าอับอาย และอัปยศอดสู ที่สุด แต่สิ่งที่พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระเจ้าได้รับ เริ่มจากการถูกตัดสิน ถูกเฆี่ยนตี ถูก ถ่มน้ำ�ลาย ถูกสวมมงกุฎหนาม ถูกตอกตรึงบนไม้กางเขนอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส จน สุดท้ายต้องสิ้นพระชนม์ท่ามกลางโจรผู้ร้าย 2 คน ทำ�ให้เราเข้าใจว่า พระองค์ได้ตาย อย่างทุกข์ทรมานมากยิ่งกว่ามนุษย์ใดๆ ในโลกนี้ - ทำ�ไมพระองค์จะต้องทำ�เช่นนี้? อะไรเป็นแรงจูงใจที่ทำ�ให้พระองค์ยอมสละ ตนเองด้วยความยากลำ�บากจนถึงต้องยอมตายอย่างอเน็จอนาถและเจ็บปวดขนาดนัน้ ? - ก็เพราะความรักต่อเรามนุษย์ที่เป็นคนบาปต่อฉันแต่ละคน ซึ่งทำ�บาป เป็นบาป นั้นเองที่ทำ�ให้เราตกเป็นทาสของปีศาจ ทำ�ให้หมดสิทธิ์ที่จะไปสวรรค์ ไม่สามารถมี ความสุขชั่วนิรันดรได้ แต่ต้องรับโทษจากบาปนั้นด้วยความทุกข์ชั่วนิรันดร - หากพระองค์ไม่ยอมเสียสละชีวิตของพระองค์และไถ่บาปเราแล้ว เราก็จะไป สวรรค์ไม่ได้ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ธรรมดาในชีวิตของเรามักจะมีบางคนที่รักเราและอีกบางคนที่ไม่รักเรา คนที่รัก เราก็มักจะทำ�อะไรดีๆ เพื่อเรา ส่วนคนที่ไม่รักก็มักจะทำ�อะไรให้เราเสียใจ เพราะเขา ไม่หวังดีต่อเรา - เราเองก็เช่นเดียวกัน คงเคยมีประสบการณ์แล้วว่า หากเรารักใครบางคนเราก็ อยากทำ�ให้เขาดีใจ เรารูส้ กึ ยินดีเมือ่ ทำ�ให้เขาภูมใิ จในตัวเรา เราสามารถจะเสียสละเพือ่ เขาได้ เพราะเรารักเขา แม้สิ่งที่ยากแค่ไหนเราก็ยินดีเสียสละทำ�ให้ได้โดยไม่รู้สึก เหน็ดเหนื่อยเลย เพราะเรามีแรงจูงใจสูง

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้


28

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- บิดามารดาและคนใกล้ตัวเราบางคนก็รักเรามากเช่นกัน พวกเขาแสดงความรัก ต่อเราในรูปแบบต่างๆ บางคนมาก บางคนน้อย - แต่มีบุคคลหนึ่งที่รักเรามากกว่าบิดามารดาและทุกๆ คนเสียอีก คือ พระเยซูเจ้า เพราะพระองค์แม้ทรงเป็นถึงพระเจ้า แต่ทรงยอมรับความยากลำ�บาก ถ่อมพระองค์มา รับสภาพอันยากจนมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ได้ทำ�เพื่อเรามนุษย์ตลอดชีวิตจน ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานและน่าอับอายบนไม้กางเขน - ให้ผู้เรียนทำ�แบบทดสอบ “ใครช่วยฉัน?” - สรุปว่าเมื่อพระเยซูเจ้าและทุกคนรักเรา เสียสละเพื่อเรา และดีกับเราเช่นนี้แล้ว เราก็ต้องประพฤติตนเป็นคนดีให้สมกับความรักของทุกคนด้วยเช่นกัน 6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนตอบสนองความรักของพระเจ้าด้วยการประพฤติตนให้ดีขึ้น 7 ภาวนาปิดท้าย - ผู้สอนนำ�สวด “บทแสดงความรัก” ให้ผู้เรียนสวดตามพร้อมกัน

ดูท้ายแผน

8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม - การทำ�แบบทดสอบ 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

{ } บทแสดงความรัก

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้ารักพระองค์สุดดวงใจยิ่งกว่าสิ่งทั้งปวง เพราะพระองค์ทรงเป็นความดีงามหาที่สุดมิได้ และทรงสมควร ได้รับความรักจากมนุษย์ทั้งมวล และเพราะรักพระองค์ ข้าพเจ้า จึงรักผูอ้ นื่ เหมือนรักตนเอง และพร้อมจะให้อภัยผูอ้ นื่ เสมอ โปรด ทรงเพิ่มพูนความรักของข้าพเจ้าด้วยเถิด อาแมน


29

เกม “ ปิดตาหาของรัก ”

ผู้เล่น : อุปกรณ์ : วิธีเล่น :

3 คน ตุ๊กตา 1 ตัว / ผ้าปิดตา 1 ผืน 1. ให้ผู้เล่น ก. วางตุ๊กตาตัวโปรดไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่งในห้อง 2. ปิดตาผู้เล่น ก. ให้เขาเดินไปหยิบตุ๊กตาตัวโปรดนั้น 3. ให้ผู้เล่น ข. แกล้งเปลี่ยนที่ตุ๊กตานั้นไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ผู้เล่น ก. หาพบโดยใช้เสียงบอกตำ�แหน่งได้ 4. ให้ผู้เล่น ก. ตามหาตุ๊กตาตัวโปรดนั้นตามเสียงของผู้เล่น ข. สักครู่หนึ่ง 5. ให้ผู้เล่น ค. เข้ามาช่วยผู้เล่น ก. โดยพยายามกักผู้เล่น ข. และบอก ตำ�แหน่งของตุ๊กตาจนผู้เล่น ก. สามารถหยิบตุ๊กตาได้ ถือว่าจบเกม ข้อคิดจากเกม : ในการบรรลุจุดหมายปลายทางที่สำ�คัญ มักจะมีอุปสรรค ที่ทำ�ให้ไปไม่ถึงจุดหมาย ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถทำ�ให้สำ�เร็จโดย ลำ�พังได้ จึงจำ�เป็นต้องมี “พระเอก” ที่เสียสละตนเองมาช่วยเราจน ทำ�ให้บรรลุถึงเป้าหมายได้

แบบทดสอบ “ใครช่วยฉัน ?” คำ�ชี้แจง - ในโอกาสต่างๆ ของชีวิต ฉันขอใครให้ช่วยเหลือบ้าง? ให้นำ�ตัวเลขของแต่ละบุคคลที่ได้ ช่วยเหลือเราในโอกาสนั้นๆ ใส่ลงในวงกลมท้ายข้อ

พ่อ ④ พระเยซูเจ้า ①

เมื่อฉันทำ�การบ้านไม่ได้ เมื่อฉันไม่สบาย เมื่อฉันอยากได้รองเท้าคู่ใหม่ เมื่อฉันอยากทำ�บุญแต่ไม่มีเงิน

แม่ ③ ครู ⑤ แม่พระ ⑥ คนอื่นๆ ②

เมื่อแม่ไม่สบายมาก เมื่อฉันถูกเพื่อนรังแก เมื่อฉันหิวข้าว เมื่อคนในบ้านทะเลาะกัน


30

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4

เรื่อง พระนางมารีย์ พระมารดาของพระเยซูเจ้า

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.4 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า พระนางมารีย์ทรงเป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็น พี่ชายของเรา - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนแสดงความรัก ศรัทธาต่อแม่พระด้วยการสวด “บทวันทามารีย์” ด้วยความตั้งใจ สาระการเรียนรู ้ พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าที่ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ โดยมีพระนางมารีย์เป็นพระมารดาของ พระองค์ ดังนั้น พระนางจึงทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง สมควรที่เราจะถวายเกียรติแด่พระนางด้วยความรักและความศรัทธา เพราะพระนางได้ถูกเลือกจากพระเจ้าให้เป็นผู้ดูแลพระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่บาปของเรา ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนเรื่องข่าวการเกิดของลูกหมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ว่าลูกหมีเกิด มาตัวเล็กมากๆ ไม่สามารถทำ�อะไรเองได้เลย ต้องให้แม่ช่วยทุกอย่าง ถ้าขาดแม่ ลูก หมีน้อยคงไม่สามารถรอดชีวิตได้แน่

ภาพลูกของ “หลินฮุ่ย” ท้ายแผน

- เรามนุษย์ก็คล้ายกันคือ ทุกคนต้องกำ�เนิดมาจากแม่ ไม่มีใครเกิดด้วยตัวเอง ได้ และเมือ่ เกิดมาแล้วก็ยงั เป็นทารกทีช่ ว่ ยเหลือตนเองไม่ได้ ยังต้องการแม่ทคี่ อยเลีย้ ง ดู ช่วยทุกอย่างเพื่อให้ลูกน้อยค่อยๆ เติบโต ซึ่งต้องใช้เวลานานมากทีเดียวกว่าเราจะ โตพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ - พระเยซูเจ้าก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เช่นกัน พระองค์เป็นมนุษย์แท้ๆ ที่เกิดจาก พระนางมารีย์ เมื่อเกิดมาใหม่ๆ พระองค์ก็เป็นเหมือนเราคือ ต้องให้แม่คอยเลี้ยงดู ช่วยเหลือทุกเรื่อง - ให้ผู้เรียนรู้จักเรื่องการบังเกิดของพระเยซูเจ้าโดยดูจากซีดี 3 พระวาจา (การประสูติของพระเยซูเจ้า) “ครั้งนั้น พระจักรพรรดิออกัสตัสทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้มีการสำ�รวจสำ�มะโน ประชากรทัว่ จักรวรรดิโรมัน... ทุกคนต่างไปลงทะเบียนในเมืองของตน โยเซฟออกเดิน ทางจากเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลไี ปยังเมืองของกษัตริยด์ าวิดชือ่ เบธเลเฮมในแคว้น ยูเดีย เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด ท่านไปลงทะเบียนพร้อม กับพระนางมารีย์ ซึ่งกำ�ลังทรงพระครรภ์ ขณะที่อยู่ที่นั่นก็ถึงกำ�หนดเวลาที่พระนางมารีย์

. ☆ ดูซีดีตอน “พระเยซูเจ้าบังเกิด”


31

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

จะมี พระประสูติก าล พระนางประสูติพ ระโอรสองค์แรกทรงใช้ผ้า พัน พระวรกาย พระกุมารนัน้ แล้วทรงวางไว้ในรางหญ้า เนือ่ งจากไม่มที ใี่ นห้องพักแรมเลย” (ลก 2:120) 4 อธิบายพระวาจา - จากเรื่องที่ได้ดูนั้น จะเห็นว่าพระนางมารีย์คือพระมารดาของพระเยซูกุมาร พระนางได้ประสูติพระบุตรด้วยความยากลำ�บากกว่าใครๆ เพราะไม่มีแม้แต่ห้องที่จะ ให้พระองค์เกิด จึงต้องบังเกิดอย่างยากจนต่ำ�ต้อยในถ้ำ�เลี้ยงสัตว์ - แต่พระเจ้าทรงต้องการให้ทุกคนรู้ว่า พระเยซูกุมารนั้นคือพระเจ้าที่ทรงบังเกิด เป็นมนุษย์จริงๆ จึงทรงให้เทวดาแจ้งข่าวแก่คนเลี้ยงแกะ พวกเขาได้เชื่อจึงไปกราบ นมัสการพระองค์เป็นกลุ่มแรก พร้อมกับนำ�ของไปถวายแด่พระองค์ด้วย - นักบุญยอแซฟและพระนางมารีย์เองก็ได้เชื่อเช่นกันว่า พระกุมารที่บังเกิดมา นัน้ คือพระบุตรของพระเจ้า ท่านทัง้ สองจึงได้ดแู ลพระองค์อย่างดีทสี่ ดุ แต่เพราะมนุษย์ หลายๆ คนใจแคบและไร้ความเชื่อ พวกเขาจึงไม่ให้ที่พัก ทำ�ให้ท่านทั้งสองต้องร่อนเร่ หาที่จะคลอดองค์พระบุตรอย่างยากลำ�บากและก็พบแต่เพียงแค่คอกสัตว์ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เราเห็นสภาพการบังเกิดของพระเยซูกุมารแล้วก็คงรู้สึกสงสาร รู้สึกว่าทำ�ไม คนเหล่านัน้ จึงใจดำ�ไม่ให้ทพี่ กั เพือ่ พระองค์จะได้เกิดมาในสภาพทีด่ กี ว่านัน้ แต่เราเห็น อีกว่านักบุญยอแซฟและแม่พระไม่ได้บน่ ว่าอะไรเลย ทัง้ สองยอมอดทนความยากลำ�บาก ทุกอย่าง ไม่มีความสะดวกสบายแม้แต่น้อย พระเยซูกุมารได้เกิดมาในความยากจน ที่สุด ไม่มีบ้าน ไม่มีสิ่งอำ�นวยความสะดวกมากมายอย่างที่เรามี - แต่ไม่ว่าจะต้องลำ�บากแค่ไหน ท่านทั้งสองก็ได้เลี้ยงดูพระกุมารอย่างดีที่สุด เพื่อให้พระองค์เติบโตขึ้นเป็นคนที่สมบูรณ์ที่สุดเช่นกัน - นักบุญยอแซฟได้สิ้นใจไปก่อน จึงเหลือแม่พระคนเดียวเท่านั้น ที่คอยดูแล พระเยซูเจ้าคอยติดตามช่วยเหลือทุกอย่างที่พระองค์ทรงต้องการ เพื่อพระองค์จะได้ ทำ�งานที่พระบิดามอบให้จนสำ�เร็จอย่างสมบูรณ์ นั่นคือ การไถ่บาปเรามนุษย์ด้วย การตายบนไม้กางเขน แม้ที่เชิงกางเขน แม่พระก็อยู่ที่นั่นด้วย พระนางไม่เคยละทิ้งให้ พระบุตรต่อสู้อย่างเดียวดายเลย พระเยซูเจ้าทรงได้กำ�ลังใจอย่างมากมายจากแม่พระ เสมอ เพราะพระนางอยู่เคียงข้างพระองค์ตลอดเวลา - นี่คือชีวิตของผู้เป็น “แม่” ของพระเยซูเจ้า แม่ที่ทำ�หน้าที่อย่างดีครบถ้วนที่สุด เราจึงควรถวายเกียรติแด่พระนางอย่างสมศักดิ์ศรีของผู้ที่เป็น “มารดาพระเจ้า” ด้วย การให้ความเคารพนับถือต่อพระนางเสมือนหนึ่งมารดาของเราเอง - ให้ผู้เรียนทำ�ใบงาน “ของขวัญแด่พระแม่มารีย์” 6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนแสดงความรัก ศรัทธาต่อแม่พระด้วยการสวด “บทวันทามารีย์” ด้วย ความตั้งใจ

ดูท้ายแผน


32

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

7 ภาวนาปิดท้าย - ผู้ ส อนนำ�สวด “บทวันทามารีย์” ให้ผู้เรียนสวดตามหรือสวดพร้อมกัน อย่างช้าๆ ด้วยความสำ�รวม 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม - การทำ�แบบทดสอบ

ภาพ “ลูกของหลินฮุ่ย”

9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

ใบงาน “ของขวัญแด่พระแม่มารีย์” คำ�ชี้แจง - วาดภาพของขวัญที่ฉันอยากจะมอบให้แด่พระมารดามารีย์ใส่ลงในวงกลม


33

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4

เรื่อง พระนางมารีย์ มารดาของเรา

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.4 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า พระนางมารีย์คือ “แม่” ของเราแต่ละคน เพราะพระนางเป็น มารดาของพระเยซูเจ้า พี่ชายของเรา พระนางทรงดูแลเอาใจใส่เราทุกคนเยี่ยงแม่ที่ดีที่สุด - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนคิดถึงพระมารดามารีย์บ่อยๆ สวด “บทวันทามารีย์” ด้วยความตั้งใจ สาระการเรียนรู ้ พระเยซูเจ้าทรงเป็นพีช่ ายของเรา พระนางมารียท์ รงเป็นมารดาของพระเยซูเจ้า พระนางจึงเป็น “แม่สวรรค์” ของเรา เป็นผู้ที่รักเรามากไม่น้อยไปกว่าแม่ของเราเอง ทรงคอยดูแลเรา วอนขอพระพรจากพระเจ้าเพื่อเรา ปกป้องเราให้พ้น อันตรายต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้เราเจริญชีวิตอย่างดี จะได้รับรางวัลในสวรรค์ ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียนบท “วันทามารีย์” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ทบทวนเนื้อหาจากครั้งก่อนโดยสรุป - ให้ผู้เรียนดูภาพของแม่ที่แสดงความรักต่อลูก ทั้งภาพของคนและสัตว์

ภาพท้ายแผน

- สนทนากับผู้เรียนถึงความรู้สึกที่ได้จากการพิจารณาภาพเหล่านั้น เช่น แต่ละ ภาพสร้างความรู้สึกอะไรบ้าง? มองแล้วรู้สึกอบอุ่นไหม? ทำ�ไมผู้เป็นแม่จึงทำ�เช่นนั้น กับลูก? ฯลฯ - ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ว่า ทำ�ไมเรามนุษย์จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษจากแม่? (เพราะเมื่อยังเล็กๆ เราไม่สามารถช่วยตนเองได้เลย) ในกรณีปกติจะมีใครดูแลลูกได้ ดีกว่าแม่แท้ๆ ไหม? - เราเกิดมาได้เพราะมีแม่ แต่บางคนก็โชคไม่ดีที่มีแม่ไม่ดี ไม่ใส่ใจดูแลลูก ทำ�ให้ ลูกได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน - แม้บางคนจะมีแม่ไม่ดี แต่เขาก็หวังว่าจะมีใครสักคนที่รักเขา ดูแลช่วยเหลือเขา ทำ�ให้เขามีความรักความอบอุ่นอย่างที่แม่ควรจะให้แก่เขาได้ - ใครล่ะคือบุคคลนี้ที่จะทำ�ให้เรามีความสุขได้? 3 พระวาจา (ยน 19:25-27: พระเยซูเจ้ากับพระมารดา) “พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ข้างไม้กางเขนของพระองค์พร้อมกับน้อง สาวของพระนาง มารียภ์ รรยาของเคลโอปัสและมารียช์ าวมักดาลา เมือ่ พระเยซูเจ้าทรง เห็นพระมารดาและศิษย์ที่รักยืนอยู่ใกล้ๆ จึงตรัสกับพระมารดาว่า ‘แม่ นี่คือลูกของ

ดูภาพ “แม่พระที่เชิง กางเขน” ท้ายแผน


34

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

แม่’ แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า ‘นี่คือแม่ของท่าน’ นับตั้งแต่นั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนาง เป็นมารดาของตน” 4 อธิบายพระวาจา - ตลอดชีวติ ของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงทำ�งานด้วยการอุทศิ ชีวติ ในการเทศนา สั่งสอน ทำ�อัศจรรย์เพื่อให้คนอื่นๆ มีความสุขและเป็นคนดี พระองค์ต้องขยันทำ�งาน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า - ใครคือผู้ที่คอยดูแลพระองค์ตลอดเวลา? ก็พระนางมารีย์ พระมารดาของ พระองค์นั่นเอง พระนางไม่ได้ทำ�ตัวโดดเด่น แต่ติดตามพระเยซูเจ้าอย่างเงียบๆ คอย ดูวา่ พระองค์ทรงต้องการอะไร? คอยช่วยเหลือพระองค์ทกุ อย่าง ไม่เคยทอดทิง้ พระองค์ ไปกับพระองค์ตลอดจนถึงเขากัลวารีโอ ที่ซึ่งพระองค์ทรงถูกประหารชีวิต - ณ ที่นั้น พระมารดาของพระองค์ก็อยู่ด้วยเพื่ออยู่เคียงข้างและเป็นกำ�ลังใจแด่ พระบุตร แม้พระบุตรจะอยู่ในสภาพที่ทุกคนรังเกียจก็ตาม - เพราะความรักต่อลูก พระมารดาจึงยอมทำ�ทุกอย่าง แม้จะต้องถูกดูถูกก็ตาม - ก่อนสิ้นพระชนม์ พระเยซูเจ้าทรงมอบพระมารดาให้เป็นแม่ของ น.ยอห์น ศิษย์ทที่ รงรักและมอบ น.ยอห์นให้เป็นลูกของพระนาง ซึง่ เท่ากับเป็นการมอบพระนาง มารีย์ให้เป็นแม่ของเราและเราก็กลายเป็นลูกของพระนางด้วยเช่นกัน - ดังนั้น นอกจากแม่ของเราแล้ว เรายังมีแม่สวรรค์อีกคนหนึ่งซึ่งรักเราไม่น้อย กว่าแม่ของเราเลย 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - แม่พระเป็นผู้ที่ทำ�หน้าที่ของพระนางอย่างดีที่สุด ไม่มีบกพร่องใดๆ เพราะ พระนางทรงรักเราแต่ละคนเหมือนอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงรักเรา ทรงต้องการให้เรา เจริญชีวิตเป็นคนดีเพื่อจะได้เอาตัวรอดไปสวรรค์ - แม่พระช่วยเราได้อย่างไรบ้าง? 1. ดูแลเราให้ทำ�สิ่งที่ดี 2. ปกป้องคุ้มครองเราให้ปลอดภัย 3. ขอพรจากพระเจ้าเพื่อเราสำ�หรับความต้องการต่างๆ ทั้งกายและจิตใจ 4. ช่วยให้เราอยู่ในศีลในพรของพระและสิ้นใจอย่างดี - แม้ว่าบางคนจะมีแม่ที่ไม่ดี แต่แม่พระเป็นแม่ที่ดีที่รักเรามากกว่าแม่ของเรา เสียอีก ดังนั้น เราจึงโชคดีมากที่มีแม่สวรรค์อีกคนหนึ่งคอยช่วยเหลือ ติดตามดูแลเรา ตลอดเวลา แม้เราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม - วิธีง่ายๆ ที่เราจะคิดถึงแม่พระได้ก็คือ การสวด “บทวันทามารีย์” บ่อยๆ โดยสวดช้าๆ ค่อยๆ คิดถึงความหมายของแต่ละคำ�ด้วย - ทุกครั้งที่เราตกอยู่ในอันตราย หรือต้องการความช่วยเหลืออะไรเป็นพิเศษ ก็ ให้เราสวด “บทวันทามารีย์” เช่นกัน เพราะนั่นเป็นการวอนขอให้พระนางช่วยเรา ดังลูกที่เรียกร้องให้แม่ช่วย

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้


35

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- การสำ�นึกว่าเราเป็นลูกของแม่พระ ยังต้องช่วยเราให้ทำ�ตัวดีเหมือนแม่ด้วย เพราะแม่พระไม่เคยทำ�สิ่งไม่ดีเลย เราจึงต้องพยายามประพฤติตนให้ดีเสมอ ไม่ว่าจะ เป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม - ให้ผู้เรียนทำ�กิจกรรม “ลูกที่ดีของแม่” เพื่อช่วยผู้เรียนให้ไตร่ตรองถึงสิ่งที่จะ ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการเป็นลูกที่ดีของแม่พระ

ดูท้ายแผน

6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนคิดถึงพระมารดามารีย์บ่อยๆ สวด “บทวันทามารีย์” ด้วยความตั้งใจ 7 ภาวนาปิดท้าย สวดภาวนา “บทวันทามารีย์” พร้อมกันอย่างช้าๆ โดยคิดถึงความหมายของ แต่ละคำ� 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม - การทำ�แบบทดสอบ

ภาพ “แม่ลูกน่ารัก”

9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................


ภาพ “แม่พระที่เชิงกางเขน”

36

กิจกรรม “ลูกที่ดีของแม่ ” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนช่วยกันบอกว่า “ฉันจะเป็นลูกที่ดีของแม่พระได้อย่างไรบ้าง?” แล้วให้ผู้สอนเขียน ข้อปฏิบัตินั้นๆ ลงในแผ่นโปสเตอร์ (ผู้สอนเตรียมโปสเตอร์ล่วงหน้า)


37

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4

เรื่อง นักบุญและแบบอย่างของนักบุญ

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.4 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจว่า นักบุญคือผูท้ รี่ กั พระเจ้าและเพือ่ นพีน่ อ้ งมากกว่าตนเอง จึงเจริญ ชีวิตด้วยการแสดงความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้อง แม้ตนจะต้องเสียสละด้วยความยาก ลำ�บาก แต่เขาจะได้ความสุขนิรันดรในสวรรค์เป็นรางวัลตอบแทน - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนเลียนแบบอย่างของนักบุญด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเป็นรูปธรรม สาระการเรียนรู ้ ในตัวเรามนุษย์มีพลังอยู่ 2 ชนิด คือพลังให้ทำ�ดีและทำ�ไม่ดี หากเราทำ�ไม่ดี เราก็จะทำ�ให้คนอื่นเดือดร้อน และเราก็ไม่มีความสุข แต่เมื่อเราทำ�ดี คนอื่นได้รับสิ่งดีๆ จากเรา เขามีความสุข เราก็จะมีความสุขด้วย นักบุญคือผู้ที่ใช้พลังดี ในตนเอง เพือ่ แสดงความรักต่อพระเจ้าและเพือ่ นมนุษย์ แม้เขาจะต้องยากลำ�บากในการทำ�เช่นนัน้ แต่เขาก็ยนิ ดีท�ำ เพราะเมือ่ ใดที่ทำ�ให้คนอื่นมีความสุข เขาก็มีความสุขด้วย และพระจะตอบแทนเขาด้วยรางวัลที่ยิ่งใหญ่ คือความสุขนิรันดรในสวรรค์​์ ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนถึงประสบการณ์ที่แต่ละคนมีเกี่ยวกับคนดีที่เขาประทับใจที่สุด ชอบหรือรักที่สุด ให้แบ่งปันเล่าสู่กันฟัง - เล่าเรือ่ งของ “นักบุญคามิลโล” ให้ผเู้ รียนฟัง แล้วให้ผเู้ รียนแบ่งปันความประทับใจ

ดูท้ายแผน

- ผู้สอนตั้งข้อสังเกตพร้อมกับผู้เรียนว่า คนเรามีกี่ประเภท? (2 ประเภท คือคนดี และคนไม่ดี) - ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ว่า ทำ�ไมเรามนุษย์จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษจากแม่? (เพราะเมื่อยังเล็กๆ เราไม่สามารถช่วยตนเองได้เลย) ในกรณีปกติจะมีใครดูแลลูกได้ ดีกว่าแม่แท้ๆ ไหม? - ให้ผเู้ รียนตอบว่า การแสดงออกของคนไม่ดเี ป็นอย่างไร? / ของคนดีเป็นอย่างไร? - ให้ผู้เรียนไตร่ตรองว่า ตนอยากเป็นคนแบบไหน? เพราะอะไร? - ผลของการกระทำ�ที่ดีและไม่ดีจะตรงกันข้าม ให้เรามาดูเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรง เล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ 3 พระวาจา (มธ 25:31-46 การพิพากษาครั้งสุดท้าย) “เมื่อบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในพระสิริรุ่งโรจน์พร้อมกับบรรดาทูตสวรรค์ทั้ง หลาย พระองค์จะประทับเหนือพระบัลลังก์อันรุ่งโรจน์ บรรดาประชาชาติจะมาชุมนุม

ดูภาพแกะ/แพะ ท้ายแผน


38

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้ กันเฉพาะพระพักตร์ พระองค์จะทรงแยกเขาออกเป็นสองพวก ดังคนเลีย้ งแกะแยกแกะ ออกจากแพะ ให้แกะอยูเ่ บือ้ งขวา ส่วนแพะอยูเ่ บือ้ งซ้าย แล้วพระมหากษัตริยจ์ ะตรัสแก่ ผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า ‘เชิญมาเถิด ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา เชิญ มารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ต้อนรับ เรา ไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ให้เสื้อผ้าแก่เรา เราเจ็บป่วย ท่านก็มาเยี่ยม เราอยู่ในคุก ท่านก็มา หา’ “บรรดาผู้ชอบธรรมจะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมื่อไรเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็น พระองค์ทรงหิว แล้วถวายพระกระยาหาร หรือทรงกระหายแล้วถวายให้ทรงดื่ม เมื่อ ใดเล่าข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นพระองค์ทรงเป็นแขกแปลกหน้า แล้วต้อนรับ หรือทรงไม่มี เสือ้ ผ้า แล้วถวายให้ เมือ่ ใดเล่าข้าพเจ้าทัง้ หลายเห็นพระองค์ประชวรหรือทรงอยูใ่ นคุก แล้วไปเยี่ยม’ พระมหากษัตริย์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านทำ�สิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำ�ต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ “แล้ว พระองค์จะตรัสกับพวกที่อยู่เบื้องซ้ายว่า ‘ท่านทั้งหลายที่ถูกสาปแช่ง จงไปให้พ้น ลง ไปในไฟนิรนั ดรทีไ่ ด้เตรียมไว้ให้ปศี าจและพรรคพวกของมัน เพราะว่า เมือ่ เราหิว ท่าน ไม่ให้อะไรเรากิน เรากระหาย ท่านไม่ให้อะไรเราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้า ท่านก็ไม่ ต้อนรับ เราไม่มีเสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า เราเจ็บป่วยและอยู่ในคุก ท่านก็ไม่มาเยี่ยม’ พวกนัน้ จะทูลถามว่า ‘พระเจ้าข้า เมือ่ ไรเล่าทีข่ า้ พเจ้าทัง้ หลายเห็นพระองค์ทรงหิว ทรง กระหาย ทรงเป็นแขกแปลกหน้า หรือไม่มเี สือ้ ผ้า เจ็บป่วย หรืออยูใ่ นคุก และไม่ได้ชว่ ย เหลือ’ พระองค์จะตรัสตอบว่า ‘เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านไม่ได้ทำ�สิ่ง ใดต่อผู้ต่ำ�ต้อยของเราคนหนึ่งท่านก็ไม่ได้ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา’ แล้วพวกนี้ก็จะไปรับโทษ นิรันดร ส่วนผู้ชอบธรรมจะไปรับชีวิตนิรันดร”

4 อธิบายพระวาจา - พระเยซูเจ้าได้เปรียบเทียบคนดีเหมือนแกะ ส่วนคนไม่ดีเหมือนแพะ - เมื่อถึงวันสิ้นโลก มนุษย์ทุกคนจะถูกตัดสินพิพากษาพร้อมกัน โดยมีพระเยซูเจ้า ทรงเป็นผู้พิพากษา - คนดีจะได้ไปอยู่ด้านขวาของพระองค์ และได้รับรางวัลตอบแทนความดีทั้งหมด ที่เขาทำ�ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ คือได้รับความสุขนิรันดรในสวรรค์ ส่วนคนชั่วต้องไปอยู่ ด้านซ้ายของพระองค์และต้องไปรับโทษนิรันดรในนรก - พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องนี้เตือนใจเรา เพราะพระองค์ทรงพระทัยดี ทรงอยาก ให้เรารู้ล่วงหน้าว่า อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราตายไปแล้ว พระองค์จะตัดสินเราใน เรื่องของความรัก ความเมตตากรุณาที่เรามีต่อผู้อื่น เราจะได้เจริญชีวิตเป็นอย่างดี จะ ได้อยู่เบื้องขวาของพระองค์เมื่อต้องถูกตัดสินพิพากษา - ผู้ที่ถูกตัดสินว่า เป็นคนดี ได้รับบำ�เหน็จรางวัลในสวรรค์นั้น เราเรียกว่า นักบุญ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ปกติแล้วในตัวเรามีพลังอยู่ทั้ง 2 ชนิด คือพลังให้ทำ�ความดี และทำ�สิ่งไม่ดี บางเวลาเราก็ทำ�ดี บางเวลาก็ทำ�ไม่ดี แต่ถ้าเราปล่อยตัวตามความสบาย เราก็จะเอน

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้


39

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

เอียงในทางไม่ดี การทำ�ความดีจึงต้องฝืนตัวเราอยู่ตลอดเวลา

- นักบุญ คือผู้ที่รักพระเจ้า ท่านจึงอยากทำ�ให้พระเจ้าดีใจ ท่านรักเพื่อนมนุษย์ จึงอยากทำ�ให้เพื่อนมนุษย์ดีใจ ในชีวิตของท่านจึงพยายามทำ�แต่สิ่งที่ดีเสมอ เพราะ ท่านมีความสุขใจทีท่ �ำ ความดีเพือ่ พระเจ้าและเพือ่ เพือ่ นมนุษย์ การทำ�ความดียอ่ มต้อง ลำ�บากและเสียสละตนเองเสมอ แต่สำ�หรับผู้ที่รักเป็น ก็จะพยายามทำ�ดีเสมอ เพราะ การทำ�ความดีเพื่อผู้อื่น ทำ�ให้เขามีความสุข และทำ�ให้เรามีความสุขใจด้วย - นอกจากนำ�ความสุขใจให้ผู้อื่น ให้ตัวเราแล้ว การทำ�ความดียังทำ�ให้เรามีบุญเก็บ สะสมไว้ดว้ ย ซึง่ บุญเหล่านีเ้ องทีท่ �ำ ให้เราสามารถไปสวรรค์และมีความสุขชัว่ นิรนั ดรได้ - ดังนั้น เราจึงต้องทำ�ตามแบบอย่างของบรรดานักบุญ เราจึงจะมีความสุขในชีวิต นี้และได้รับรางวัลคุ้มค่าในชีวิตหน้าเช่นเดียวกับท่าน - การแสดงความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องเราสามารถทำ�ได้หลายแบบ ให้ ผู้เรียนคิดว่าจะช่วยคนอื่นในภาคปฏิบัติได้อย่างไร แล้วเขียนข้อตั้งใจนั้นลงในใบงาน “ผู้นำ�ความสุข”

ใบงาน “ผู้นำ�ความสุข”

6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนเลียนแบบอย่างของนักบุญด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเป็นรูปธรรม 7 ภาวนาปิดท้าย ให้ตัวแทนผู้เรียนบางคนนำ�สวดภาวนาจากใจ จบแล้วสวด “บทวันทามารีย์” พร้อมกัน 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม - การทำ�แบบทดสอบ 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

ภาพอธิบายพระวรสาร มธ 25:31-46 ภาพแกะ

ภาพแพะ


40

ประวัติย่อของ “นักบุญคามิลโล” ผู้ก่อตั้งคณะนักบวชคามิลเลียนและองค์อุปถัมภ์ผู้ป่วย

นักบุญคามิลโล เด แลลลิส เกิดวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ.1550 ที่หมู่บ้านบุคเดียนิโก แคว้นอาบรุสโซ ประเทศอิตาลี บิดาชื่อร้อยเอกโจอันนี มารดาชื่อ คามิลลา เดคอมปัลลิส ช่วงชีวิตเยาว์วัยท่านได้ดำ�เนินชีวิต อย่างเสเพล ชอบเล่นการพนัน ภายหลังจากสูญเสียบิดาและมารดา ท่านได้สมัครเป็นทหารรับจ้างและใช้ชีวิต แบบนักผจญภัย เสี่ยงชีวิตในการทำ�สงครามหลายครั้ง ปลายปี ค.ศ.1574 คามิลโลได้ถกู ปลดออกจากกองทัพ และด้วยนิสยั ชอบเล่นการพนัน ท่านได้ขายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาเล่นไพ่และลูกเต๋า จน กระทั่งหมดเนื้อหมดตัวสูญเสียแม้กระทั่งมรดกของตระกูล อาวุธ และเสื้อผ้า ทีส่ วมใส่อยู่ จนต้องมานัง่ ขอทาน ภายหลังท่านได้มาทำ�งานเป็นกรรมกรช่วย ก่อสร้างอารามฤาษีกาปูชิน จนในที่สุดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1575 (วัน ฉลองแม่พระถือศีลชำ�ระ) ท่านได้สำ�นึกตัวและกลับใจอย่างเด็ดขาด และขอ เข้าคณะกาปูชิน เจริญชีวิตแบบใหม่โดยใช้โทษบาป ภาวนา และทำ�งาน แต่ เนื่องจากแผลเก่าที่ข้อเท้าของท่านทำ�ให้ต้องกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล นักบุญยาโกโบ กรุงโรม ณ ที่โรงพยาบาลแห่งนี้เอง พระเจ้าได้ทรงเรียกท่าน ให้ดำ�เนินชีวิตประกอบเมตตาจิต อุทิศตนรับใช้ผู้ป่วยและผู้ยากไร้ จนในที่สุด ท่านได้ตั้งคณะนักบวชชายและหญิง 2 คณะ เพื่อดูแลรับใช้ผู้ป่วย

ใบงาน “ผู้นําความสุข” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนช่วยกันบอกว่า “ฉันจะทำ�ให้ผู้อื่นมีความสุขได้อย่างไร? โดยให้ผู้สอนบันทึกลงใน โปสเตอร์ (ผู้สอนเตรียมโปสเตอร์ล่วงหน้า) เมื่อเพื่อนไม่มีเงินกินขนม..................................................................................................................................... เมื่อพี่หรือน้องขอแบ่งขนม................................................................................................................................ เมื่อแม่ต้องทำ�งานหนักที่บ้าน.............................................................................................................................. เมื่อพ่อบอกให้ช่วยหยิบหนังสือให้..................................................................................................................... เมื่อครูเตือนให้สนใจเรียนหนังสือ..................................................................................................................... เมื่อเห็นกระเป๋าเงินเพื่อนตกที่พื้น....................................................................................................................... เมื่อเห็นเศษขยะที่พื้น.............................................................................................................................................


41

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

เรื่อง พระคัมภีร์คือพระวาจาของพระเจ้า

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.6 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า พระคัมภีร์คือหนังสือที่บรรจุพระวาจาของพระเจ้า ทำ�ให้เราได้ รู้จักพระเจ้าและความรักของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อให้ผู้เรียนนำ�ข้อคิดที่ได้จากการเรียนไปเล่าให้พ่อแม่และคนในครอบครัว ฟังและหาที่เก็บพระคัมภีร์ในบ้านอย่างสมเกียรติ สาระการเรียนรู ้ พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์มา พระองค์ทรงเป็นดัง “บิดา” ของมนุษย์ทุกคน ทรงทำ�ทุกอย่างเพื่อให้ มนุษย์มคี วามสุข และพระองค์ทรงต้องการให้มนุษย์รดู้ ว้ ยว่า พระองค์ทรงเป็นใคร ทรงทำ�อะไรเพือ่ เราบ้าง จึงทรงบันทึกทุกอย่าง ไว้ในพระคัมภีร์ พระคัมภีร์จึงมิใช่หนังสือประวัติศาสตร์ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ยังเป็น “คำ�พูด” ที่พระเจ้าทรงตรัสกับเราจนถึง ทุกวันนี้ด้วย ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - สอนให้ร้องเพลง “พระเจ้าสร้างฉัน”

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

ซีดีเพลงชุด “รักที่อบอุ่น” เพลงที่ 3 / เนื้อเพลง ท้ายแผน ☆

2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ให้ผู้เรียนทำ�กิจกรรม “สื่อรัก” โดยผู้สอนสร้างสถานการณ์สมมุติว่า พ่อแม่ของ ผู้เรียนได้เดินทางไปทำ�ธุระอย่างหนึ่งเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ - เมื่อเวลาผ่านไปสัก 2-3 วัน ผู้เรียนเกิดความรู้สึกใดบ้าง? (คิดถึง? เป็นห่วง? ลำ�บากทีไ่ ม่มใี ครช่วย? ฯลฯ) คุยกันถึงความแตกต่างระหว่างทีพ่ อ่ แม่อยูแ่ ละเมือ่ ไม่อยู่ รวมถึงพฤติกรรมของลูกแต่ละคนที่แสดงออกมา - ให้ผู้เรียนจับฉลากจดหมายน้อย “สื่อรัก” คนละ 1 ฉบับ - ให้ผู้เรียนเปิดจดหมายน้อยนั้นแล้วอ่านอย่างช้าๆ ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของ ผู้เรียน

ผู้สอนเตรียมจดหมายน้อย ล่วงหน้า (ดูตัวอย่างท้ายแผน)

- ให้ผู้เรียนแบ่งปันความรู้สึกนั้นแก่กันและกัน โดยผู้เรียนสรุปในตอนท้ายว่า นอกจากพ่อแม่แล้ว ยังมีผู้ที่รักเราและเขียนจดหมายรักถึงเราด้วย ผู้นั้นเป็นใครเอ่ย? 3 พระวาจา (เทียบ มธ 6:7,9-15) เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา... จงอธิษฐานภาวนาดังนี้ “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์ จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำ�เร็จในแผ่นดินเหมือนใน สวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำ�วันแก่ขา้ พเจ้าทัง้ หลายในวันนี้ โปรดประทานอภัย

หนังสือพระคัมภีร์


42

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

แก่ขา้ พเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผอู้ นื่ โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรด ช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ” 4 อธิบายพระวาจา - จากบทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอนเรานี้ ทำ�ให้เรารู้ได้ว่าพระเจ้าทรงเป็น “บิดา” ของเราด้วย นอกจากพ่อทีบ่ า้ นแล้ว เรายังมี “พ่อสวรรค์” ซึง่ ทรงเป็นพ่อทีส่ ร้าง เรามา ทรงรักเราและใจดีต่อเรามากที่สดุ มากกว่าพ่อทีบ่ า้ นเสียอีก บางครัง้ พ่อของเรา อาจจะใจดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่ใจดีกับเราอย่างมาก พระองค์ ประทานอาหารประจำ�วันแก่เรา พระองค์ทรงให้รางวัลเมื่อเราทำ�ดี แต่เมื่อเราทำ�ผิด และเสียใจ พระองค์จะทรงอภัยโทษให้เสมอ พระองค์ทรงล่วงรู้ความต้องการทุกอย่าง ของเรา มากยิ่งกว่าพ่อของเราเสียอีก - เราทราบสิ่งนี้ได้จากที่ไหน? ก็จากพระวาจาของพระเยซูเจ้าในพระคัมภีร์ นั่นเอง นอกนั้น พระคัมภีร์ยังบอกเราอีกว่า พระเจ้าทรงทำ�สิ่งใดเพื่อเราบ้าง? เช่น ทรงสร้างโลก ทรงดูแลเรามนุษย์ ทรงรักมนุษย์ ทรงไถ่บาปเราเพื่อเราจะได้ไปสวรรค์ ฯลฯ - เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราต้องรู้สึกดีใจที่มีพระเจ้าเป็นพระบิดา และเราต้องเจริญ ชีวิตเยี่ยงบุตรของพระองค์ ด้วยความรักและกตัญญู 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่แปลกและอัศจรรย์กว่าหนังสือเล่มอื่น เพราะเล่าให้ เราฟังถึงหลายสิง่ หลายอย่างทีพ่ ระเจ้าทรงทำ�เพือ่ เรามนุษย์ เพือ่ ให้เรามนุษย์ทพี่ ระองค์ ทรงสร้างมาได้รู้จักถึงพระผู้สร้าง รู้จักถึงความรักความสัมพันธ์ที่พระองค์ทรงมีต่อเรา - ดังนั้น แม้ในเวลานี้เราจะมองไม่เห็นพระเจ้า แต่เราก็สามารถรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้า อยากจะบอกแก่เราได้ ด้วยการอ่านพระคัมภีร์ ในเวลาเดียวกันพระคัมภีรจ์ งึ เป็นเสมือน จดหมายรักที่พระเจ้าทรงเขียนถึงเราทุกๆ วัน เพื่อบอกแก่เราว่าพระองค์ทรงเป็นใคร สำ�หรับเรา? ทรงรักเรามากแค่ไหน? ทรงทำ�อะไรเพื่อเราบ้าง? ฯลฯ - เราจึงควรให้ความสำ�คัญและความเคารพแก่พระคัมภีร์ เพราะเป็นหนังสือ ศักดิส์ ทิ ธิข์ องพระเจ้า ทำ�ให้เรารูจ้ กั พระเจ้าได้มากขึน้ ทำ�ให้เรารูว้ า่ เราควรประพฤติตน อย่างไรจึงจะเหมาะสมที่จะเป็นบุตรของพระเจ้าและจะสามารถเข้าสวรรค์ได้ - ให้ผู้เรียนทำ�ใบงาน “จัดบ้าน” โดยผู้สอนอธิบายขั้นตอนให้ผู้เรียนเข้าใจ วิธีทำ�อย่างละเอียด

ใบงาน “จัดบ้าน”

ซีดีเพลง/เนื้อเพลง

6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนนำ�ข้อคิดที่ได้จากการเรียนในวันนี้ไปเล่าให้พ่อแม่และคนในครอบครัว ฟัง และหาที่เก็บพระคัมภีร์ในบ้านอย่างสมเกียรติ 7 ภาวนาปิดท้าย ให้ผู้เรียนร้องเพลง “พระเจ้าสร้างฉัน” พร้อมกัน จากนั้นผู้สอนจึงนำ�สวดบท “ข้าแต่พระบิดา” ให้ผู้เรียนสวดภาวนาตามไปพร้อมๆ กัน


43

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

เพลง “พระเจ้าสร้างฉัน” 1. พ ร ะ ส ร้ า ง ฉั น พ ร ะ ส ร้ า ง ฉั น . . . พ ร ะ คั ม ภี ร์ ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ บ อ ก ฉั น ว่ า พ ร ะ ส ร้ า ง ฉั น . . .

2. พ ร ะ รั ก ฉั น . . .

3. พ ร ะ ช่ ว ย ฉั น . . .

ตัวอย่างจดหมายน้อย

1. เจนนี่ลูกรัก พ่อกับแม่รักลูกและคิดถึงลูกมากนะ จะรีบกลับมาหาลูกให้เร็วที่สุดเลย 2. บอลลูกรัก เป็นเด็กดีหรือเปล่าลูก เดี๋ยวพ่อแม่ จะซื้อรถคันใหญ่ ๆ มาฝากนะมีอะไรก็บอกย่านะลูก 3. เอมลูกรัก ขยันเรียนหรือเปล่าลูก อย่าตื่นสายนะ พ่อกับแม่คิดถึงลูกนะ เป็นเด็กดีนะจ๊ะ


44

ใบงาน “จัดบ้าน” คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนวาดสิ่งของต่างๆ ที่กำ�หนดให้ลงในบ้าน พร้อมทั้งวาดส่วนประกอบอื่นๆ เพิ่มเติมให้ เป็นบ้านที่น่าอยู่ที่สุด


45

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6

เรื่อง พระเจ้าทรงทำ�สัญญากับโนอาห์

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.6 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวของโนอาห์ ผู้เป็นคนชอบธรรมที่พระเจ้าทรงช่วยให้พ้น จากน้ำ�วินาศพร้อมกับครอบครัวและสัตว์ต่างๆ อาศัยเรือที่เขาสร้างขึ้น พระเจ้าได้ทรงทำ� สัญญากับโนอาห์ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนตั้งใจทำ�สิ่งดี และละทิ้งสิ่งไม่ดีแม้ในสิ่งเล็กน้อยต่างๆ สาระการเรียนรู ้ เมื่อมนุษย์ทวีมากขึ้น เขาก็ทำ�บาปมากขึ้นด้วย จนพระเจ้าทรงเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา ทรงให้ น้ำ�วินาศมากวาดล้างคนชั่ว แต่เพราะโนอาห์เป็นคนดี พระเจ้าจึงทรงให้เขาสร้างเรือใหญ่เพื่อช่วยครอบครัวของเขาและสัตว์ ต่างๆ ให้รอดพ้นจากน้ำ�ที่ท่วมเป็นเวลา 40 วัน 40 คืน เมื่อน้ำ�ลดแล้ว พระเจ้าทรงทำ�พันธสัญญากับโนอาห์โดยใช้สัญลักษณ์ ของรุ้งกินน้ำ�ว่า จะไม่ให้มีน้ำ�ท่วมโลกแบบนี้อีกและจะให้บุตรหลานของเขาทวีขึ้นจนเต็มแผ่นดิน ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - สอนให้ร้องเพลง “โนอาห์” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เปิดประเด็นให้ผู้เรียนเสวนากันเกี่ยวกับสิ่งที่ทำ�ให้เราพึงพอใจและสิ่งที่ทำ�ให้ ไม่พึงพอใจ - ตามปกติเรามักชอบให้คนรอบข้างทำ�สิ่งที่ดีเสมอ แล้วเราก็จะมีความสุข เช่น หากเพื่อนเป็นคนใจกว้าง เราก็จะสบาย หากพ่อแม่ให้เงิน เราก็จะดีใจ หากครูรักเรา เราก็อยากไปโรงเรียน หากพี่เสียสละ เราก็จะรู้สึกว่าพี่ดีต่อเรามาก ฯลฯ - แต่ในชีวิตจริงไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะส่วนใหญ่เราอาจพบคนที่เห็นแก่ ตัวมากกว่า “คนดี” ที่เราชอบ ชีวิตของเราจึงไม่มีความสุขเท่าที่ควร เราจึงต้องทะเลาะ กัน เกีย่ งกัน แย่งกัน โกรธกัน ด่าว่ากัน ตีกนั ฯลฯ ความไม่ดเี หล่านัน้ มักทำ�ให้เราไม่มี ความสุขหรือมีความทุกข์มากกว่าความสุข - ความไม่ดีเหล่านั้นมาจากที่ใด? ใครทำ�ให้เกิดความไม่ดี? ส่วนใหญ่เราจะบอก ว่าคนอื่นเป็นคนทำ� คนอื่นเป็นคนผิด คนอื่นไม่ดี ฯลฯ แต่ถ้าดูให้ดีแล้วหลายๆ ครั้ง เราเองก็เป็นคนทำ�ไม่ดีเหมือนกัน เราก็สร้างความทุกข์ให้คนอื่นเหมือนกัน - แต่หากเราอยากอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เราต้องทำ�อย่างไร?

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

☆ ซีดีเพลงชุด

“ทำ�ด้วยความรัก” เพลงที่ 16 / เนื้อเพลงท้ายแผน


46

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

3 พระวาจา : เรื่องโนอาห์ (ปฐก 6:9-9:28) - ตั้งแต่แรกเริ่มที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัยสร้างโลกและมนุษย์นั้น พระองค์ทรง ต้องการให้ทกุ สิง่ ดีและสวยงาม ให้มนุษย์มคี วามสุขในสวนสวรรค์ แต่มนุษย์กลับทำ�ลาย แผนการนี้ ทำ�ให้เกิดความไม่ดีและบาป ยิ่งมีมนุษย์มากขึ้นความไม่ดีก็มากขึ้นตามไป ด้วย บนโลกจึงมีแต่ความชั่วช้าจนพระเจ้าทรงรู้สึกเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆

เล่าเรื่องย่อของ “โนอาห์” ☆ ภาพเรือโนอาห์

- พระเจ้าทรงต้องการล้างความไม่ดีเสียจากโลก จึงทรงให้มีน้ำ�วินาศโดยให้ฝน ตกตลอด 40 วัน 40 คืน แต่ทรงเห็นว่าโนอาห์เป็นคนดี จึงทรงให้เขาสร้างเรือใหญ่ ลำ�หนึ่งเพื่อช่วยครอบครัวของเขาคือ ภรรยา ลูกชาย 3 คน ลูกสะใภ้ 3 คน และสัตว์ ต่างๆ ชนิดละ 1 คู่ให้รอดพ้นจากน้ำ� - เมื่อน้ำ�ลดลงแล้ว โนอาห์พร้อมกับครอบครัวและสัตว์ต่างๆ จึงลงจากเรือ อย่างปลอดภัย พระเจ้าได้ทรงทำ�พันธสัญญากับโนอาห์โดยใช้รุ้งกินน้ำ�เป็นสัญลักษณ์ ว่าพระองค์จะไม่ทรงทำ�ลายล้างมนุษย์ดว้ ยน้�ำ วินาศแบบนีอ้ กี และพระองค์จะทรงทำ�ให้ โนอาห์มีลูกหลานมากมายจนเต็มแผ่นดิน 4 อธิบายพระวาจา - บาปทำ�ให้แผนการของพระเจ้าที่จะทำ�ให้มนุษย์มีความสุขต้องล้มเหลวไป พระเจ้าจึงทรงต้องการสอนให้มนุษย์รู้ว่า บาปเป็นสิ่งไม่ดี โดยทรงใช้น้ำ�วินาศทำ�ลาย ความไม่ดี และทรงให้โนอาห์เป็นต้นตระกูลของมนุษย์หลังจากน้ำ�วินาศ - พระเจ้ามิได้ทรงมีพระทัยโหดร้าย แต่มนุษย์ในสมัยนั้นไม่ยอมกลับใจละทิ้ง สิง่ ทีไ่ ม่ดี กลับทำ�ชัว่ กันมากมายโดยไม่สนใจว่าจะนำ�ความเดือดร้อนแก่คนอืน่ มากน้อย แค่ไหน บาปทำ�ให้พระเจ้าเสียใจและทำ�ให้เพื่อนมนุษย์เป็นทุกข์เดือดร้อน - พระเจ้าจะทรงปล่อยให้มนุษย์ทำ�เช่นนี้ไม่ได้ เพราะบาปคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ปีศาจใช้ความไม่ดีต่างๆ ที่มนุษย์ทำ�นี้นำ�เขาไปสู่ทางแห่งความพินาศ คือ ต้องรับ ความทุกข์นิรันดร พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้มนุษย์ตกอยู่ในสภาพนี้ - มิใช่ทุกคนที่ตายเพราะน้ำ�วินาศจะต้องตกนรก แต่คนที่รู้ตัวว่าตนทำ�บาปแล้ว เสียใจ ขอโทษพระก่อนตาย เขาก็มีโอกาสได้รอดไปสวรรค์เช่นกัน โดยจะต้องไปใช้ โทษบาปในไฟชำ�ระเสียก่อน

- ให้ผู้เรียนทำ�กิจกรรมจากใบงานที่ 1 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ต่อจิ๊กซอว์เสร็จ ก่อนจะเป็นผู้ชนะ แล้วให้คะแนน จากนั้นให้เล่มเกม “จับคู่ภาพ” ในใบงานที่ 2 เมื่อ เสร็จแล้วรวมคะแนน กลุ่มที่ได้คะแนนมากกว่าคือผู้ชนะ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เหตุการณ์ในพระคัมภีร์ดูเหมือนรุนแรง แต่ในชีวิตจริงของเราปัจจุบันก็สามารถ เห็นเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ คนที่ทำ�ไม่ดีจะถูกกรรมตามสนอง เช่น คนที่ทำ�ไม่ดีถูก ตำ�รวจจับเข้าคุก ฯลฯ หรือบางครั้งเราดูหนัง ดูละคร ก็จะเห็นกฎแห่งกรรมคือ “ทำ�ดี ได้ดี ทำ�ชั่วได้ชั่ว” ซึ่งเป็นกฎที่พระเจ้าทรงเขียนในจิตใจของมนุษย์ทุกคน แล้วแต่ว่า ใครจะปฏิบัติตามหรือไม่เท่านั้นเอง

เกมจิ๊กซอว์ภาพเรือ ☆ เกมจับคู่ภาพ


47

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- จากเรื่องเล่า โนอาห์เป็นคนดี พระเจ้าจึงทรงใช้เขาให้ทำ�สิ่งอัศจรรย์ เขาได้สร้าง เรือช่วยมนุษย์และสัตว์ให้รอดพ้นจากน้ำ�วินาศ - เราก็เช่นเดียวกัน ต้องพยายามเป็นคนดี เพราะความดีที่เราทำ�จะนำ�ความสุขให้ แก่คนอืน่ ๆ ในเวลาเดียวกันก็น�ำ ความสุขใจแก่ตวั เราเองด้วย ยิง่ กว่านัน้ เรายังได้สะสม บุญกุศลสำ�หรับเมืองสวรรค์ด้วย - ให้ผู้เรียนร้องเพลง “โนอาห์” อีกครั้งจนทุกคนสามารถร้องเพลงนี้ได้

ซีดีเพลง “โนอาห์”

6 หาข้อปฏิบัติ ให้ผู้เรียนแต่ละคนเขียนข้อปฏิบัติประจำ�สัปดาห์ของตนลงในสมุดว่า “ฉันจะทำ� ดีโดย...” แล้วส่งให้ผู้สอนตรวจ

สมุดบันทึกความดี ☆ ดินสอ

7 ภาวนาปิดท้าย ผู้สอนนำ�สวดภาวนาจากใจ ให้ผู้เรียนสวดตามพร้อมๆ กัน 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

เพลง “โนอาห์” โนอาห์ ได้สร้างเรือใหม่ เพื่อหลบภัยจากพายุใหญ่ โนอาห์ ได้นำ� นก (แมว ลิง ช้าง วัว...) ใหญ่ ขึ้นเรือไปเพื่อให้พ้นภัย จุ๊กรู จุ๊กรู จุ๊กรู จุ๊กรู จุ๊กรู

(เปลี่ยนเสียงร้องของสัตว์แทน “จุ๊กรู” ด้วยเสียงของสัตว์นั้น)


48

ใบงานที่ 1 : จิ๊กซอว์ “เรือโนอาห์” คำ�ชี้แจง - ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันต่อภาพเรือโนอาห์ให้เสร็จอย่างรวดเร็วที่สุด

ใบงานที่ 2 : เกม “จับคู่ภาพ” คำ�ชี้แจง - ให้กลุ่มแข่งขันกันนำ�คนและสัตว์ลงในเรือโนอาห์ โดยเปิดภาพให้เหมือนกัน 1 คู่ถือว่าได้ 1 คะแนน กลุ่มที่ได้คะแนนมากที่สุดเป็นผู้ชนะ คำ�อธิบาย 1. ให้ผู้สอนนำ�ภาพทั้งหมดติดไว้ที่หน้า ห้อง ปิดแต่ละภาพด้วยกระดาษที่เปิดออกได้ 2. แบ่งผู้เรียนเป็น 2 กลุ่ม แข่งขันกัน เปิดภาพ ให้เป็นสัตว์คู่เดียวกัน โดยแต่ละครั้ง ให้เปิดภาพได้ 2 ภาพ ถ้าภาพทั้ง 2 ตรงกัน ถือว่าได้ 1 คะแนน แล้วอีกฝ่ายหนึ่งเล่นต่อ หากภาพที่ 2 ไม่ตรงกับภาพแรกให้ปิดทั้ง 2 ภาพและไม่ได้คะแนน แล้วให้อีกฝ่ายหนึ่ง เล่นต่อ 3. เมื่อภาพถูกเปิดทั้งหมดถือว่าจบเกม ผู้ได้คะแนนมากกว่าคือผู้ชนะ


49

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7

เรื่อง ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจว่า นอกจากร่างกายแล้ว คนเรายังมีวญ ิ ญาณทีต่ อ้ งดูแลด้วย พระเจ้า จึงให้มีศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการเพื่อดูแลหล่อเลี้ยงวิญญาณของคริสตชนให้เติบโตในพระพร ของพระองค์ตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนแสดงความปรารถนาที่จะรับศีลศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการไปวัดร่วมมิสซา เป็นประจำ� สาระการเรียนรู ้ คนเราเกิดมาขณะยังเล็ก พ่อแม่ดูแลเราด้วยอาหารและทุกสิ่งที่เหมาะกับเด็กเล็ก เมื่อโตขึ้นเราก็ต้องดูแล ตัวเองด้วยสิ่งที่เหมาะสมกับความต้องการต่างๆ ของร่างกาย ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราก็เช่นเดียวกัน ต้องการการดูแลเพื่อจะ ได้เติบโตอย่างสมบูรณ์ เราสามารถดูแลวิญญาณของเราด้วยการรับศีลศักดิส์ ทิ ธิต์ า่ งๆ คือ ศีลล้างบาปทำ�ให้เราสะอาดจากบาป กลับเป็นลูกของพระ ศีลมหาสนิททำ�ให้เราได้รับอาหารหล่อเลี้ยงวิญญาณ ศีลกำ�ลังทำ�ให้เรามีพละกำ�ลังทำ�สิ่งที่ดีและต่อสู้กับ สิ่งไม่ดี ศีลอภัยบาปทำ�ให้เราได้คืนดีกับพระเมื่อเราทำ�บาป ศีลสมรสทำ�ให้เราสามารถสร้างชีวิตครอบครัวอย่างถูกต้อง ศีลบรรพชาทำ�ให้เรามีพระสงฆ์ผู้แทนของพระเจ้าในการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และศีลเจิมคนไข้ช่วยให้เราเตรียมตัวตาย อย่างดีในศีลในพรของพระ ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - ร้องเพลง “ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เสวนากับผู้เรียน โดยให้ผู้เรียนช่วยกันตอบว่า ขณะที่ยังเป็นเด็กอยู่นี้ ร่างกาย ของเราต้องการอะไรบ้างเพื่อจะเจริญเติบโตอย่างดี? (อาหาร/ขนม การออกกำ�ลังกาย การเรียน การเอาใจใส่จากพ่อแม่และผู้ใหญ่ ยา การพักผ่อน การไปเที่ยว ฯลฯ) สิ่งเหล่านี้พ่อแม่ต้องเป็นคนหามาให้เพราะเรายังเล็กเกินไปที่จะหาเองได้ แม้แต่สัตว์ บางชนิดก็ยังดูแลลูกของมันอย่างดีมาก เช่น หมีแพนด้า เป็นต้น เล่าเรื่องแม่หลินฮุ่ย ที่ดูแลหลินปิงเป็นอย่างดี - เปิดประเด็นว่า นอกจากร่างกายแล้ว คนเรายังมีอะไรอีกบ้างที่สำ�คัญมากๆ? เรามีเพียงร่างกายเท่านัน้ หรือ? ถ้ามีแต่รา่ งกายเราก็เป็นเหมือนกับสัตว์เท่านัน้ แต่เรา มีคา่ สูงกว่าสัตว์มากจนเปรียบกันไม่ได้เลย สิง่ ทีท่ �ำ ให้เรามีคา่ นัน้ คืออะไร? ก็คอื วิญญาณ นั่นเอง

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

☆ ซีดีเพลงชุด

“พระเยซูใจดี” เพลงที่ 8 เนื้อเพลง ท้ายแผน

รูปหมีแพนด้าท้ายแผน


50

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- วิญญาณก็เช่นเดียวกับร่างกายที่ต้องการการดูแล แล้วเราจะดูแลวิญญาณของ เราให้ดีได้อย่างไร? ลำ�พังเราเองคงจะทำ�ได้ยาก แต่พระเจ้าทรงพระทัยดี พระองค์ทรง ให้ “ตัวช่วย” ที่ดีเลิศสำ�หรับวิญญาณของเรา นั่นคือ ศีลศักดิ์สิทธิ์ 3 พระวาจา (มธ 7:9-11) - “ท่านใดที่ลูกขออาหาร จะให้ก้อนหินหรือ ถ้าลูกขอปลา จะให้งูหรือ แม้แต่ ท่านทัง้ หลายทีเ่ ป็นคนชัว่ ยังรูจ้ กั ให้ของดีๆ แก่ลกู แล้วพระบิดาของท่านผูส้ ถิตในสวรรค์ จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” 4 อธิบายพระวาจา - เรามนุษย์แม้เป็นเพียงคนธรรมดาที่ทำ�ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ยังรักลูก อยากให้สิ่งดีๆ แก่ลูก เหมือนกับที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ทำ� เพื่อให้ลูกได้เจริญเติบโตอย่างมีความสุข นี่คือ ความสูงส่งของจิตใจมนุษย์ - แต่พระเจ้าทรงดีกว่ามนุษย์หลายเท่านัก พระองค์ทรงรักเรามากจนหาขอบเขต มิได้ นอกจากจะประทานชีวติ ให้เราแล้ว ยังให้พระเยซู พระบุตรของพระองค์มาไถ่บาป เราและประทานสิ่งจำ�เป็นอีกมากมายเพื่อดูแลเราฝ่ายวิญญาณด้วย - ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เราเจริญชีวิตอย่างดีที่สุดในโลกนี้ และจบชีวิตอย่างดีที่สุด ด้วยการมีความสุขชั่วนิรันดรในสวรรค์ แต่ในการเจริญชีวิตเยี่ยงคริสตชนที่ดี เรา ต้องการ “ตัวช่วย” พิเศษซึ่งมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ให้เราได้ - ความช่วยเหลือหรือ “ตัวช่วย” จำ�เป็นสำ�หรับวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้แก่ เราคืออะไรบ้าง? คือ ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ ซึ่งมีดังนี้ 1. ศีลล้างบาป ทำ�ให้วิญญาณเราสะอาดจากบาปกลับเป็นลูกของพระ 2. ศีลมหาสนิท ทำ�ให้เราได้รับอาหารหล่อเลี้ยงวิญญาณ 3. ศีลกำ�ลัง ทำ�ให้เรามีพละกำ�ลังทำ�สิ่งที่ดีและต่อสู้กับสิ่งไม่ดี 4. ศีลอภัยบาป ทำ�ให้เราได้คืนดีกับพระเมื่อเราทำ�บาป 5. ศีลสมรส ทำ�ให้เราสามารถสร้างชีวิตครอบครัวอย่างถูกต้อง 6. ศีลบรรพชา ทำ�ให้เรามีพระสงฆ์ผู้แทนของพระเจ้าในการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆ 7. ศีลเจิมคนไข้ ช่วยให้เราเตรียมตัวตายอย่างดีในศีลในพรของพระ - ให้ผู้เรียนทำ�ใบงานที่ 1 (โดยครูอธิบายให้ชัดเจนก่อนว่า ศีลใด เลขที่เท่าใด เพราะเด็กบางคนอาจยังอ่านไม่ได้) เสร็จแล้วผูส้ อนเฉลยคำ�ตอบทีถ่ กู พร้อมกับอธิบาย เพิ่มเติม 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เมื่อพระเจ้าทรงพระทัยดีต่อเรามากเช่นนี้แล้ว เราก็ควรจะใช้สิ่งที่พระองค์ ประทานให้อย่างเต็มที่ เพื่อประโยชน์แก่ตัวของเราเอง - เช่นเดียวกับนักเรียนที่อยากเรียนจบปริญญา เขาต้องใช้ทุกวิถีทางและเครื่องมือ ทุกอย่างเพื่อจะสามารถเรียนให้จบ เพื่อจะได้มีงานดีๆ ทำ�และประสบความสำ�เร็จใน

ใบงานที่ 1


51

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

ชีวิต หากเขาไม่สนใจเครื่องมือเหล่านั้น เขาอาจทำ�ไม่สำ�เร็จก็ได้ เช่น การตั้งใจเรียน ทำ�การบ้าน อ่าน-ท่องหนังสือ ทำ�รายงาน ร่วมกิจกรรมต่างๆ เตรียมตัวสอบ ฯลฯ - ความไม่สำ�เร็จฝ่ายร่างกายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ฝ่ายวิญญาณเป็นเรื่องใหญ่กว่า หลายร้อยพันเท่า เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตายนิรันดร - ดังนั้น คริสตชนจึงต้องรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ด้วยการเตรียมตัวอย่างดีโดยรู้ ความหมายของแต่ละศีล ในขณะนี้ที่ผู้เรียนยังเล็กอยู่ ทุกคนหรือเกือบทุกคนได้รับศีล ล้างบาปแล้ว แต่อีกไม่นานนักจะได้รับศีลอื่นๆ ด้วย ให้แต่ละคนเตรียมตัวรับศีลนั้นๆ อย่างดีที่สุด จะได้พรของพระอย่างเต็มที่เพื่อการดูแลฝ่ายวิญญาณของตนเอง 6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนเห็นคุณค่าและปรารถนาที่จะรับศีลศักดิ์สิทธิ์ด้วยการไปวัด ร่วมมิสซา เป็นประจำ� 7 ภาวนาปิดท้าย ร้องเพลง “ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ” แล้วสวดบทวันทามารีย์พร้อมกัน

ซีดีเพลงชุด “พระเยซูใจดี” เพลงที่ 8/เนื้อเพลงท้ายแผน

8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

เพลง “ศีลศักดิ์สิทธิ์ 7 ประการ” ** ศีลศักดิ์สิทธิ์ มี 7 ประการ ที่โปรดประทาน หรรษทานในจิตใจ (2 รอบ) ศีลล้างบาป ศีลอภัยบาป มหาสนิทและตามด้วยศีลกำ�ลัง ห้าศีลสมรส หกบรรพชา เจ็ดเจิมคนไข้ (ซ้ำ� **)

รูปหมีแพนด้า


52

ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ใส่หมายเลขของศีลศักดิ์สิทธิ์แต่ละประการในกรอบสี่เหลี่ยมสีเหลืองให้ตรงกับความหมาย ของภาพ

1. ศีลล้างบาป 4. ศีลอภัยบาป 7. ศีลเจิมคนไข้

2. ศีลกำ�ลัง 5. ศีลสมรส

3. ศีลมหาสนิท 6. ศีลบรรพชา


53

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 7

เรื่อง การร่วมมิสซาในวันอาทิตย์

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจถึงความสำ�คัญของการไปร่วมพิธมี สิ ซาบูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์ ว่า เป็นสิ่งจำ�เป็นสำ�หรับคริสตชนทุกคน เพราะเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า จึง ต้องพบปะกันเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำ�คัญร่วมกัน - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเป็นประจำ�ในวันอาทิตย์ด้วย ความตั้งใจ สาระการเรียนรู ้ พิธีกรรมของศาสนาคริสต์มีหลายรูปแบบ เราคริสตชนมีหน้าที่ร่วมพิธีกรรมต่างๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ เราพบปะ สรรเสริญพระเจ้า รวมทั้งวิงวอนขอพระพรที่ต้องการจากพระองค์ ผู้ทรงเป็น “บิดา” พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเป็น พิธีสำ�คัญมากกว่าพิธีอื่นๆ เพราะพิธีนี้จะระลึกถึงการที่พระบุตร พระเยซูคริสตเจ้าทรงยอมตายเพื่อไถ่บาปเรามนุษย์ อันเป็น เหตุการณ์ที่ทำ�ให้เราได้รอดพ้นจากความตายไปสู่ความรอดนิรันดร ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - สอนให้ร้องเพลง “Hello, Hello” หรือเพลงอื่นที่เหมาะสม

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

☆ เนื้อเพลง

“Hello, Hello” ท้ายแผน

2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ผู้สอนเปิดประเด็นด้วยการเสวนาถึงประสบการณ์ซึ้งๆ ที่แต่ละคนเคยมี ไม่ว่า ☆ ผู้สอนให้เด็กแต่ละคนเตรียม กับพ่อแม่หรือบุคคลใดก็ได้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยลืม และหากเป็นไปได้อยากจะให้ รูปภาพของตนมาล่วงหน้า อาจ เกิดเหตุการณ์แบบนัน้ อีก โดยให้คนทีน่ �ำ ภาพมาเล่าถึงเรือ่ งราวจากภาพนัน้ รวมถึงสิง่ เป็นภาพเหตุการณ์หรือภาพถ่าย กับบุคคลก็ได้ ที่ทำ�ให้ประทับใจให้เพื่อนๆ ฟัง - ผู้สอนเสริมอีกว่า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต เราอาจยิ้มออกมาโดยไม่รู้ ตัว เพราะมันเป็นเรื่องประทับใจที่ให้ความสุขทุกครั้งที่เราคิดถึง - สรุปว่า เราแต่ละคนมีเหตุการณ์สำ�คัญในชีวิตที่อยากจดจำ� (อาจมีสิ่งไม่อยาก จดจำ�ด้วย แต่จะไม่เน้นในที่นี้) พระเจ้าก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงมีเหตุการณ์สำ�คัญ น่าประทับใจมากที่สุดสำ�หรับเรามนุษย์ เราคงอยากจะรู้ว่าเรื่องราวของเหตุการณ์นั้น เป็นอย่างไร? 3 พระวาจา (กจ 2:42) - บรรดาคริสตชนสมัยแรก ประชุมกันอย่างสม่ำ�เสมอเพื่อฟังคำ�สั่งสอนของ บรรดาอัครสาวก ดำ�เนินชีวติ ร่วมกันฉันพีน่ อ้ งร่วม ”พิธบี ขิ นมปัง” และอธิษฐานภาวนา


54

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

4 อธิบายพระวาจา - หนังสือกิจการอัครสาวกได้เล่าว่า บรรดาคริสตชนสมัยแรกเริ่มนั้นมีการชุมนุม กันเป็นประจำ�สม่ำ�เสมอ เพื่อฟังคำ�เทศน์ของบรรดาอัครสาวกอยู่ร่วมกันแบบพี่แบบ น้อง ร่วม “พิธีบิขนมปัง” และสวดภาวนาร่วมกัน - พิธีที่ว่านี้ในปัจจุบันเราเรียกว่า “พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ” นั่นเอง - เราคริสตชนยุคหลังก็ยังคงทำ�สิ่งที่คริสตชนสมัยแรกทำ�อย่างซื่อสัตย์ เพราะ เป็นสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสั่งไว้ว่าให้ทำ�เพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ต่อไปทุกยุค ทุกสมัย - ทำ�ไมจึงเป็นพิธีสำ�คัญมากเช่นนี้ จนถึงกับต้องมีการระลึกถึงอยู่เสมอ จะลืม ไม่ได้? ก็เพราะพิธีมิสซาฯ เป็นคล้ายกับภาพถ่ายของเหตุการณ์การไถ่บาปของพระเยซูเจ้านัน่ เอง ทีซ่ งึ่ พระองค์ทรงยอมรับการทรมานอย่างแสนสาหัส ถูกเฆีย่ น ถูกตัดสิน ประหารชีวติ ถูกถ่มน้�ำ ลาย ถูกสบประมาท ต้องแบกกางเขนด้วยความเจ็บปวดต่อหน้า ทุกคนเยี่ยงผู้ร้ายอำ�มหิต และที่สุดต้องถูกตรึงตายบนไม้กางเขนอย่างน่าอเนจอนาถ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไถ่บาปเรามนุษย์ให้พ้นจากความตายชั่วนิรันดรและจะได้รับความสุข นิรันดร เพราะความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรามนุษย์ พระบิดาจึงทรงยอมให้พระบุตร มารับความยากลำ�บากมากมายเพียงนี้

ภาพพิธีมิสซาฯ ท้ายแผน

5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เหตุการณ์ดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนภาพอันน่าประทับใจที่สุดของเราคริสตชน เพราะหากพระเยซูคริสตเจ้าไม่ได้ท�ำ ดังนัน้ เราก็คงจะไปสวรรค์กนั ไม่ได้ พระองค์ทรง ทำ�สิ่งยิ่งใหญ่และสำ�คัญต่อชีวิตของเราจริงๆ - คริสตชนจึงระลึกถึงเหตุการณ์นี้บ่อยๆ ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเพราะ เป็นการแสดงความรัก ความกตัญญูรู้คุณต่อพระเจ้าถึงสิ่งพระองค์ทรงกระทำ�ด้วย การเสียสละพระบุตรสุดที่รักของพระองค์เพื่อเรา - ดังนั้น สำ�หรับเราคริสตชน การไปวัดร่วมมิสซาทุกวันอาทิตย์จึงเป็นเสมือน การเอาภาพถ่ายของเหตุการณ์นา่ ประทับใจทีส่ ดุ นัน้ มาระลึกถึงบ่อยๆ เพราะทำ�ให้เรา คิดถึงคนที่รักเรา ผู้ได้ยอมเสียสละแม้ชีวิตเพื่อให้เราสามารถเข้าสวรรค์ได้ - นอกนั้น การไปร่วมมิสซายังเป็นการพบปะของพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน ของพระเจ้า ศีลล้างบาปทำ�ให้เราทุกคนเป็นพี่น้องกัน เราจึงมีความสุขเมื่อได้พบปะ สังสรรค์กันทุกวันอาทิตย์ - (ร้องเพลง “Hello, Hello” อีกจนกว่าทุกคนจะร้องได้) 6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเป็นประจำ�ในวันอาทิตย์ 7 ภาวนาปิดท้าย ร้องเพลง “Hello, Hello” จากนั้นให้สวดบท “วันทามารีย์” พร้อมกันอย่าง ตั้งใจ

เนื้อเพลง “Hello”


55

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

” o l l e H , o l l e H “ ง ล เพ

เกม “ทำ�เป็นไม่ตาย” (เรื่องมิสซา) คำ�อธิบาย 1. จัดผู้เล่นให้ยืนเป็นวงกลม อธิบายให้ผู้เล่นทราบ ว่า หากถูกสั่งให้ทำ�ท่าของ “พระสงฆ์” หรือ “ผู้อ่าน” หรือ “นักขับร้อง” หรือ “สัตบุรุษ” เขาจะต้องทำ�ท่าอย่างไร 2. ผู้สอนถือไม้วิเศษสำ�หรับชี้ผู้เล่นที่ถูกชี้ต้องทำ� ท่าทางให้ตรงกับคำ�สั่ง 3. ผู้เล่นที่ทำ�ท่าตรงกับคำ�สั่งอยู่เล่นต่อไป แต่ผู้ทำ� ผิดต้องถูกคัดออกไป ผูเ้ ล่นทีเ่ หลือคนสุดท้ายคือผูช้ นะ (หรือ จะให้มีผู้ชนะมากกว่า 1 คนก็ได้)

พิธีมิสซา

พิธีบิขนมปัง


56

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8

เรื่อง การภาวนาคือการติดต่อกับพระเจ้า

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.4 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า การภาวนา คือการติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้า - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนคิดถึงพระเจ้าบ่อยๆ และสวดภาวนาเช้า-ค่ำ�อย่างตั้งใจ สาระการเรียนรู ้ มนุษย์เราเป็นคนทีม่ สี งั คม ต้องติดต่อกับผูอ้ นื่ เกือบตลอดเวลา ตัง้ แต่เช้าถึงเย็น การติดต่อกับเพือ่ นมนุษย์ จึงเป็นสิ่งจำ�เป็นมาก แต่เราต้องไม่ลืมอีกบุคคลหนึ่งที่จำ�เป็นต่อชีวิตของเราไม่แพ้กัน หรือมากกว่าด้วย นั่นคือ พระเจ้า เพราะ พระองค์คือผู้ทรงสร้างเรามาและประทานทุกสิ่งแก่เรา ดังนั้น เราจึงต้องติดต่อสัมพันธ์กับพระองค์ด้วย โดยอาศัยการภาวนา ซึ่งเราสามารถทำ�ได้โดยการคิดถึงพระองค์บ่อยๆ หรือการสวดบทภาวนาต่างๆ เป็นต้น ภาวนาเช้าและภาวนาก่อนนอน ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สอนเพลง “ภาวนา” - เปิดการสนทนาในเชิงถาม-ตอบกับผู้เรียนถึงเรื่องการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่การทักทายสวัสดีเมื่อพบปะกันทุกเช้า เราจะสวัสดีกันแม้ว่าจะรู้จักกันมาก หรือน้อยก็ตาม - หากเป็นคนที่รู้จักสนิทสนมกัน ความสัมพันธ์ก็จะลึกซึ้งมากขึ้นเป็นลำ�ดับ เช่น เมื่ออยู่ห่างไกลกันก็จะคิดถึงกัน วิธีที่จะช่วยให้หายคิดถึงคือการโทรศัพท์ การเขียน จดหมาย การส่ง E-mail ส่งเป็นข้อความหรือเป็นภาพ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันมีวิธีมากมาย ที่วัยรุ่นนิยมใช้กัน กัน?

ซีดีเพลงชุด “รักที่อบอุ่น” เพลงที่ 10 + เนื้อเพลงท้ายแผน ☆

ดูภาพโทรศัพท์หรือ ซองจดหมาย

- ไต่ถามผู้เรียนว่า ในวัยของนักเรียน ป.1 มักใช้วิธีใดในการแสดงความคิดถึง

- นี่คือวิธีการที่เรามนุษย์ใช้กัน แต่เราเคยคิดไหมว่า นอกจากมนุษย์แล้ว เรายัง มีความสัมพันธ์กับพระเจ้า ผู้ทรงเป็นผู้สร้างเรามาอีกด้วย? - แล้วผู้เรียนใช้วิธีใดในการติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้าบ้าง? 3 พระวาจา 1. “ครั้งนั้นพระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่ออธิษฐานภาวนาและทรงอธิษฐาน ภาวนาต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน” (ลก 6:12)

. ☆ ภาพ “พระเยซูเจ้าทรงสวด ภาวนา” ภาพ 1


57

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

2. ทันทีหลังจากนั้น พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือข้ามฟากล่วงหน้า ไปที่เมืองเบธไซดา ขณะที่พระองค์ทรงให้ประชาชนกลับ เมื่อทรงอำ�ลาจากเขาแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนา (มก 6:45-46) 3. วันต่อมา พระองค์ทรงลุกขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ เสด็จออกจากบ้านไปยังที่สงัดและ ทรงอธิษฐานภาวนาที่นั่น (มก 1:35) 4

อธิบายพระวาจา - ในพระวรสาร เราจะพบว่าพระเยซูเจ้าทรงสวดภาวนาบ่อยๆ เป็นต้นในเวลาที่ จะทรงทำ�ภารกิจสำ�คัญต่างๆ ในเวลาที่ทรงรู้สึกว่ามีความทุกข์ หรือแม้เมื่อทรงทำ� ภารกิจต่างๆ สำ�เร็จลงด้วยดีแล้ว พระองค์มักทรงแยกตัวไปอยู่ตามลำ�พังเพื่อสนทนา กับพระบิดาเจ้า - เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่า พระเยซูเจ้ากับพระบิดาเจ้าทรงมี ความสัมพันธ์กนั อย่างสนิทแน่นแฟ้นมาก พระองค์ไม่ทรงเคยลืมกันและกันเลย แม้วา่ จะทรงมีภารกิจมากมายต้องกระทำ� และแม้เมือ่ มีคนมากมายอยูล่ อ้ มรอบพระองค์ ไม่ ว่าจะในเหตุการณ์ที่ทำ�ให้มีความยินดีหรือมีความทุกข์ก็ตาม - การสวดภาวนา ติดต่อกับพระบิดาเจ้าทำ�ให้พระเยซูเจ้าได้รับพลังในการทำ�ดี ต่อไป แม้จะมีศัตรู จะมีอุปสรรค จะยากลำ�บากแค่ไหน พระองค์ก็ไม่ท้อถอย ทรงทำ� ทุกอย่างได้อย่างดีที่สุด - พระองค์จึงภาวนาเสมอ เพราะพระองค์กับพระบิดาทรงรักกันเป็นอย่างมาก และทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ�ก็เป็นพระประสงค์ของพระบิดานั่นเอง

5

ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระเยซูเจ้าได้ทรงให้ตัวอย่างแก่เราว่า นอกจากการติดต่อกับเพื่อนมนุษย์แล้ว เรายังต้องติดต่อกับพระเจ้าด้วย การแสดงความรักโดยการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จะ เป็นไปได้ก็โดยมีพลังจากพระเจ้าช่วย - ยิ่งกว่านั้น คนที่รักกันก็ย่อมจะคิดถึงกันบ่อยๆ เช่นเดียวกับพ่อแม่ที่รัก คิดถึง และเป็นห่วงลูกของตนอยูต่ ลอดเวลา ชายหนุม่ หญิงสาวทีเ่ ป็นคูร่ กั กัน หรือเพือ่ นสนิท คู่หูกันที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ - ดังนั้น ผู้ที่รักกันและคิดถึงกันย่อมแสดงความรักนั้นออกมาภายนอกด้วย การติดต่อกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม - สำ�หรับเราคริสตชนแล้ว การติดต่อกับพระเจ้าเป็นเรื่องสำ�คัญมาก เพราะ พระองค์ทรงเป็น “บิดา” ของเรา ทรงเป็นผู้สร้างเรามา ทรงประทานทุกสิ่งทุกอย่าง ให้แก่เราด้วยพระทัยดีหาที่สุดมิได้ - เราจึงต้อง “คิดถึง” “บุคคลนี้” อยู่ตลอดเวลา เพราะพระองค์ทรงรักเราและ ทรงอยู่ใกล้ชิดเราตลอดเวลา โดยติดต่อกับพระองค์ด้วย “การภาวนา” คือ ด้วย การคิดถึงพระองค์ และด้วยการสวดภาวนาต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่ง การภาวนาเช้า-ค่ำ� ด้วยความตั้งใจ

ภาพ “พระเยซูเจ้า ทรงสวด ภาวนา” ภาพ 2


58

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- ให้ผู้เรียนจด “บทภาวนาเช้า/ภาวนาค่ำ�” ลงในสมุด (อาจแต่งเองได้) เสร็จแล้ว ให้อ่านพร้อมกัน ผู้สอนอธิบายความหมายของคำ�ภาวนาให้ผู้เรียนเข้าใจ

สมุด/ดินสอ/ภาวนา ท้ายแผน (หรือแต่งเองก็ได้) ☆

6 หาข้อปฏิบัติ ให้ผู้เรียนสวดบทภาวนาเช้าและภาวนาก่อนนอนอย่างตั้งใจทุกวัน 7 ภาวนาปิดท้าย - ให้ผู้เรียนสวดภาวนาตามพร้อมกันว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงพระทัยดียิ่ง ☆ ซีดีเพลงชุด “รักที่อบอุ่น” นักทรงประทานสิ่งดีๆ ให้ลูกมากมาย ลูกขอบคุณพระองค์ และขอโปรดให้ลูกทุกคน เพลงที่ 10 + เนื้อเพลงท้ายแผน เป็นลูกที่ดีของพระองค์ด้วยเทอญ อาแมน” - จากนั้นให้ร้องเพลง “ภาวนา” พร้อมกัน 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

พระเยซูเจ้าทรงสวดภาวนา (ตัวอย่าง) บทภาวนาเช้า ข้ า แต่ พ ระเยซู เจ้ า ลู ก ขอบคุ ณ พระองค์ ที่ ประทานชีวิตใหม่ให้แก่ลูกในวันนี้ลูกตั้งใจจะเป็น ลูกที่ดีของพระองค์ อาแมน (ตัวอย่าง) บทภาวนาก่อนนอน ข้าแต่พระเยซูเจ้าลูกขอบคุณพระองค์ทลี่ กู ได้ ทำ�ดีในวันนีแ้ ละขอโทษพระองค์ในสิง่ ไม่ดที ลี่ กู ได้ท�ำ โปรดอวยพรให้พ่อ แม่ และลูกทุกคนนอนหลับอย่างดี ในคืนนี้ด้วยเทอญ อาแมน

1 เพลง “ภาวนา”

2

1. สรรเสริญ สรรเสริญ สรรเสริญพระในยามเช้า สรรเสริญพระในยามค่ำ� สรรเสริญ สรรเสริญ สรรเสริญพระทุกเว...ลา 2. ขอบคุณ........................................................... 3. วอนขอ............................................................ 4. ขอโทษ............................................................


59

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8

เรื่อง การภาวนาของคริสตชน

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.4 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจความหมายและความสำ�คัญของบทภาวนาต่างๆ ที่พระศาสนจักร ได้กำ�หนดไว้ เฉพาะอย่างยิ่ง “บทข้าแต่พระบิดาฯ” - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนสวด “บทข้าแต่พระบิดาฯ...” อย่างตั้งใจ สาระการเรียนรู ้ การติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้ามีหลายรูปแบบ แบบหนึ่งที่สำ�คัญซึ่งพระศาสนจักรได้ช่วยให้คริสตชนสวด ภาวนาอย่างดีคือบทภาวนาต่างๆ ที่พระศาสนจักรได้แต่งขึ้น เป็นคำ�ภาวนาที่มาจากพระเยซูเจ้าเอง (บทข้าแต่พระบิดา) และ จากคริสตชนผู้มีความเชื่อหลายยุคหลายสมัย (บทภาวนาอื่นๆ) จึงเป็นคำ�ภาวนาสำ�คัญที่จะช่วยให้เราสามารถเจริญชีวิต คริสตชนอย่างดีและมีความเชื่อมั่นคงในพระเจ้าได้ ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - ทบทวนความรู้ครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เปิดประเด็นสนทนากับผู้เรียนเรื่องคำ�ราชาศัพท์ เช่น คำ�ว่า “พะย่ะค่ะ” “หม่อมชั้น” “กระหม่อม” ฯลฯ โดยถามผู้เรียนว่าเคยได้ยินและรู้จักคำ�เหล่านี้บ้าง ไหม? เป็นคำ�ที่ใช้ในเวลาใด? ให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น - ผู้สอนถามต่อไปว่า คำ�เหล่านี้เราใช้กับใคร? ทำ�ไมต้องใช้คำ�เหล่านี้? จะพูด เป็นภาษาธรรมดาแบบชาวบ้านได้หรือไม่? - ให้คำ�ตอบแก่ผู้เรียนว่า คำ�เหล่านี้เป็นคำ�ราชาศัพท์ที่เราใช้กับพระราชาและ ผูอ้ ยูใ่ นพระราชวงศ์ เพราะบุคคลเหล่านีเ้ ป็นผูส้ งู เกียรติทสี่ มควรได้รบั ความเคารพ เรา จึงต้องใช้คำ�พูดที่ให้เกียรติอย่างสมฐานะ

ดูภาพ “พระเจ้าอยู่หัวและ พระราชินี” ท้ายแผน

- แต่ถ้าชาวบ้านธรรมดาที่พูดราชาศัพท์ไม่เป็นจะใช้ภาษาธรรมดาได้หรือไม่? คำ�ตอบคือ จากประสบการณ์เราทราบว่าพระเจ้าอยู่หัวหรือ พระราชินีทรงอนุญาตให้ ชาวบ้านพูดแบบธรรมดาๆ ได้ด้วย - แล้วถ้าเราจะพูดกับพระเจ้าล่ะ? เราควรพูดภาษาแบบใด? 3 พระวาจา “เพราะฉะนัน้ ท่านทัง้ หลายจงอธิษฐานภาวนาดังนี้ ‘ข้าแต่พระบิดา ของข้าพเจ้า ☆ ดูภาพ “พระเยซูเจ้าเทศนา ทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์ พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจง สอนบทข้าแต่พระบิดา” ท้ายแผน มาถึง พระประสงค์จงสำ�เร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำ�วัน


60

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ’ ...” 4 อธิบายพระวาจา - ในพระวรสารตอนนี้ พระเยซูเจ้าทรงมอบบทภาวนาที่ดีที่สุดให้แก่เรา คือ “บทข้าแต่พระบิดาฯ” เพื่อให้เรารู้ว่าเวลาจะสวดภาวนาเราควรจะสวดอย่างไร ไม่ใช่ ต้องขอเสมอไป เพราะนัน่ เหมือนคนเห็นแก่ตวั อยากได้ฝา่ ยเดียว แต่ตอ้ งรูจ้ กั สรรเสริญ พระเจ้าด้วยและวอนขอในสิ่งที่ถูกต้อง - อีกบทสอนหนี่งที่เราได้จากพระวรสารนี้คือ การสวดภาวนา ในบางเวลา จำ�เป็นต้องมีบทภาวนา ทีเ่ ราได้ทกุ คนเหมือนกัน เพือ่ สวดสรรเสริญ พระเจ้าเป็นเสียง เดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของกลุ่มคริสตชนผู้เป็น “บุตรของ พระเจ้า” ใน “ครอบครัวของพระเจ้า” - นอกจากนี้ พระศาสนจักรยังสอนบทภาวนาอื่นๆ อีก เช่น บทวันทามารีย์ฯ พระสิริรุ่งโรจน์ ฯลฯ เพื่อให้คริสตชนสวดภาวนาเป็นและร่วมเสียงกันสรรเสริญ วอน ขอพระเจ้าอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันในเวลาสวดภาวนา 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระเยซูเจ้าได้ทรงให้ตัวอย่างที่ดีที่สุดของคำ�ภาวนาไว้ คือบทข้าแต่พระบิดาฯ พระศาสนจักรได้เข้าใจถึงความจำ�เป็นของการมีบทสวดภาวนาต่างๆ เพื่อให้คริสตชน สวดภาวนาได้งา่ ยขึน้ และสามารถสวดพร้อมๆ กันได้ จึงได้แต่งบทภาวนาอืน่ ๆ ขึน้ อัน เป็นบทภาวนาสำ�คัญทีค่ ริสตชนทุกคนจะต้องสวดบ่อยๆ จนขึน้ ใจ สามารถสวดภาวนา ด้วยตนเองได้ และสามารถร่วมเสียงสวดภาวนาพร้อมกับคนอื่นๆ ได้อีกด้วย - เราควรทราบอีกว่า การสวดบทภาวนาเหล่านี้แม้ว่าจะเป็นบทสวดที่พระศาสนจักรกำ�หนด แต่มใิ ช่เป็นวิธเี ดียวของการภาวนา เพราะเรายังสามารถสวด “ภาวนา จากใจ” ได้อีกด้วย คือการพูดคุยกับพระด้วยภาษาง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้บทสวดเลยก็ได้ - แจกกระดาษให้ผู้เรียนคนละ 2 แผ่น ให้ผู้เรียนวาดและระบายสีสิ่งที่ตนอยาก ขอกับพระเจ้าลงในกระดาษแผ่นแรก และสิ่งที่ตนอยากขอบคุณพระเจ้าลงในแผ่นที่ 2

กระดาษคนละ 2 แผ่น / ดินสอ / สีไม้หรือสีเทียน

- ดังนั้น จึงควรให้ผู้เรียนเข้าใจว่า การภาวนาทั้ง 2 แบบ ล้วนจำ�เป็นทั้งคู่ (แต่ ในแผนนี้จะเน้นเรื่อง บทภาวนาเป็นหลัก) - พระศาสนจักรเข้าใจว่า บางครั้งเรารู้สึกว่าสวดยาก สวดไม่ค่อยเป็น เหมือน บางคนที่ใช้ราชาศัพท์ไม่เป็น จึงได้ให้บทภาวนาเหล่านี้เพื่อเป็น “ตัวช่วย” สำ�หรับเรา ให้เราสวดภาวนาได้ง่ายขึ้น - ให้ผู้เรียนจด “บทข้าแต่พระบิดาฯ” ลงในสมุด แล้วท่องให้ขึ้นใจหรืออาจให้ ท่องเป็นการบ้าน 6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนสวด “บทข้าแต่พระบิดาฯ...” อย่างน้อยวันละครั้งอย่างตั้งใจ

☆สมุด

/ ดินสอ


61

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

7 ภาวนาปิดท้าย - สวด “บทข้าแต่พระบิดาฯ” พร้อมกัน (อาจใช้การอ่านหรือสวดตามก็ได้)

สมุดจด

8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

ภาพพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินี

ภาพพระเยซูเจ้าเทศนาสอน “บทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย”


62

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8

เรื่อง ความหมายของบทวันทามารีย์

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.4 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจว่า บทวันทามารียเ์ ป็นบทภาวนาทีแ่ ม่พระทรงโปรดปราน ประกอบ ด้วยคำ�ทักทายของเทวทูต นางเอลีซาเบธ และคำ�วิงวอนทีค่ ริสตชนสวดกันอย่างศรัทธามา ทุกกาลสมัยเพื่อขอความช่วยเหลือจากแม่พระ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนสวด “บทวันทามารีย์” อย่างตั้งใจ สาระการเรียนรู้ พระเจ้าคือผู้มีความสำ�คัญยิ่งต่อเรามนุษย์ แต่นอกเหนือจากองค์พระเจ้าแล้ว ยังมีอีกบุคคลหนึ่งซึ่งมี ความสำ�คัญต่อเรามากด้วย คือพระนางมารีย์ พระเจ้าทรงใช้ทตู สวรรค์กาเบรียลไปแจ้งข่าวแก่พระนาง พระนางได้ทรงตอบรับ จึงกลายเป็นพระมารดาของพระเจ้า จากนั้นจึงทรงไปเยี่ยมเยียนนางเอลีซาเบธผู้เป็นญาติ คำ�ทักทายของทูตสวรรค์และของ นางเอลีซาเบธได้กลายเป็นส่วนสำ�คัญของบทวันทามารียท์ บี่ รรดาคริสตชนในยุคก่อนๆ ได้น�ำ มาใช้แต่งเป็นบท “วันทามารีย”์ พร้อมทั้งเพิ่มเติมการเสนอวิงวอนของพระนางเพื่อเราทั้งสำ�หรับชีวิตปัจจุบันและในเวลาใกล้จะตาย ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - ทบทวนความรู้ครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เสวนากับผู้เรียนว่า เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือจากใครบางคนเรามักจะ ทำ�อย่างไร? ให้ผู้เรียนตอบแล้วเสริมว่า ตามปกติเราจะขอความช่วยเหลือจากเขา หรือ หากไม่กล้าขอโดยตรง เราก็จะขอทางอ้อมคือผ่านบางคนที่เขาสนิทสนมกับคนๆ นั้น นี่คือวิธีที่เราใช้กับมนุษย์ด้วยกัน - แล้วกับพระเจ้า เราทำ�อย่างไร? แน่นอน พระองค์คือผู้มีความสำ�คัญยิ่งต่อเรา มนุษย์ แต่หลายครั้งเราอาจยังไม่รู้จักพระเจ้าอย่างดีพอ จึงไม่ค่อยกล้าขอให้พระองค์ ทรงช่วยในความต้องการต่างๆ (เช่น ขอให้เรียนเก่ง ให้พอ่ แม่ไม่ทะเลาะกัน ให้มตี กุ๊ ตา ตัวทีช่ อบ ฯลฯ) ใครคือบุคคลทีจ่ ะช่วยวอนขอจากพระเจ้าให้เราได้? ผูน้ นั้ คือพระมารดา มารีย์ - สนทนากับผู้เรียนว่า เคยสวดบทวันทามารีย์ไหม? สวดเป็นไหม? และบทสวด นีม้ คี วามหมายอย่างไร? คริสตชนสวดบทภาวนานีเ้ มือ่ ใด บ้าง? ทำ�ไมคริสตชนจึงสวด บทภาวนานี้กันบ่อยๆ? 3 พระวาจา (มธ 7:9-11) ให้ผู้สอนเล่าเรือ่ งประกอบภาพ 2 เรื่องนี้อย่างย่อๆ

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้


63

ที่

4

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1. “...พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อเมือง นาซาเร็ธ มาพบหญิงพรหมจารีคนหนึ่งซึ่งหมั้นอยู่กับชายชื่อโยเซฟ ในราชวงศ์ของ กษัตริยด์ าวิด หญิงพรหมจารีผนู้ นั้ ชือ่ มารีย์ ทูตสวรรค์เข้าในบ้านกล่าวกับพระนางว่า “จงยินดีเถิด ท่านผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” (ลก 1:26-27)

2. “พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนาง เอลีซาเบธได้ยินคำ�ทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับ พระจิตเจ้าเต็มเปีย่ ม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รบั พระพรยิง่ กว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอ ก็ได้รับพระพรด้วย” (ลก 1:39-42)

ภาพทูตสวรรค์แจ้งข่าว ท้ายแผน

ภาพแม่พระเสด็จเยี่ยม นางเอลีซาเบธท้ายแผน

อธิบายพระวาจา - หลังจากที่อาดัมและเอวาทำ�บาปได้รับโทษแล้ว พระเจ้าไม่ทรงต้องการให้ มนุษย์พินาศไป จึงทรงให้พระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรของพระองค์มาไถ่บาปเราโดย บังเกิดเป็นมนุษย์จากพระนางมารีย์ - พระนางจึงเป็นผู้ถูกเลือกจากพระเจ้าให้เป็นแม่ของพระเยซูเจ้า พระองค์ได้ทรง ส่งเทวดากาเบรียลมาแจ้งข่าวแก่พระนาง โดยทักทายว่า “จงยินดีเถิด ท่านผูท้ พี่ ระเจ้า โปรดปราน พระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน” - หลังจากนั้นไม่นานพระนางมารีย์ได้เดินทางไปเยี่ยมนางเอลีซาเบธผู้เป็นญาติ ซึ่งกำ�ลังตั้งครรภ์ เมื่อนางเอลีซาเบธเห็นเข้าจึงทักทายทันทีว่า “เธอได้รับพระพรยิ่ง กว่าหญิงใดๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย” - ทั้งสองประโยคของเทวดากาเบรียลและนางเอลีซาเบธนี้ ได้กลายเป็นส่วน สำ�คัญในภาคแรกของบทวันทามารีย์

5

ประยุกต์เข้ากับชีวิต - คริสตชนสมัยก่อนได้นำ�เอา 2 ประโยคนี้มาแต่งเป็นบทภาวนาแด่แม่พระ คือ “บทวันทามารีย์” โดยเติมส่วนท้ายเพิ่มเข้าไป คือส่วนที่วอนขอให้พระนางมารีย์ ผู้เป็นมารดาพระเจ้า ภาวนาเพื่อเรา ผู้เป็นคนบาป ทั้งในเวลาปัจจุบันนี้ และเฉพาะ อย่างยิ่งในเวลาที่เราใกล้จะตาย เพื่อจะได้ตายในศีลและพระพรของพระ จะได้ไป ร่วมความบรมสุขกับพระเจ้า พระมารดามารีย์และนักบุญทั้งหลายในสวรรค์ชั่ว นิรันดร - ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นบทภาวนาที่ไพเราะมากถวายแด่พระมารดามารีย์ ซึ่ง พระนางเองก็ทรงพอพระทัยเป็นอย่างยิ่งจึงได้ย้ำ�ให้คริสตชนสวดบทนี้บ่อยๆ ใน การสวดสายประคำ� - การสวดบทวั น ทามารี ย์ บ่ อ ยๆ นอกจากเป็ น การแสดงถึ ง ความรั ก และ ความศรัทธาต่อแม่พระแล้ว ยังเป็นการวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าโดยอาศัย พระนางทั้งสำ�หรับความต้องการส่วนตัวของเราเอง และสำ�หรับคนอื่นอีกมากมายที่ ต้องการความช่วยเหลือของพระนาง

ให้ผู้เรียนดู “สายประคำ�”

เล่าเรื่อง “อัศจรรย์ของ แม่พระ” จากใบความรู้ ท้ายแผน


64

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- ดังนั้น ให้เราสวดบทภาวนานี้ด้วยความตั้งใจ เป็นการสนทนากับแม่พระดั่งลูก กับแม่ ด้วยความไว้วางใจว่า พระแม่จะทรงช่วยลูกของพระนางโดยวอนขอความช่วย เหลือจากพระเจ้าสำ�หรับเราแต่ละคน และทุกคนที่เราอยากจะสวดภาวนาให้แก่เขา 6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนสวด “บทวันทามารีย์” อย่างตั้งใจ 7 ภาวนาปิดท้าย ให้สวด “บทวันทามารีย์” อย่างตั้งใจพร้อมๆ กัน 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ..............................................................................................................................................................................

บท “วันทามารีย์” วันทามารีย์ เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเจ้าสถิตกับท่าน ผู้ได้รับพระพรกว่าสตรีใดๆ และพระเยซูโอรสของท่าน ทรงได้รับพระพรย่ิงนัก สันตะมารีย์ พระมารดาพระเจ้า โปรดภาวนา เพื่อลูกทั้งหลายผู้เป็นคนบาป บัดนี้และเมื่อจะตาย อาแมน


65

ภาพ “ทูตสวรรค์แจ้งข่าว” ภาพ “แม่พระเสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ”

ใบความรู้ เรื่อง “อัศจรรย์ของแม่พระ” เด็กหญิงอายุ 5 ขวบชื่อ ไดอาน่า เป็นลูกของ อาลี อาเจม เป็นมุสลิมชาวซีเรีย มาทำ�งานอยูท่ เี่ ลบานอน หนูนอ้ ยคนนีพ้ กิ าร เดินไม่ได้ มีรายงานว่าหลังจากที่พ่อแม่ได้ทาน้ำ�มันที่นำ�มาจาก อาสนวิหารแม่พระแห่ง บิสช์วทั ในเลบานอน โดยมีเพือ่ นทีเ่ ป็น คริสตชนที่อาศัยอยู่ใกล้อาสนวิหารนำ�มาให้หนูน้อยก็สามารถ ยืนและเดินไปได้ประมาณสามเมตร พ่อแม่ตื่นเต้นดีใจมากและ ได้น�ำ ตัวเธอไปทีอ่ าสนวิหาร เพือ่ ขอบคุณแม่พระ ทันทีทหี่ นูนอ้ ย เหยียบย่างเข้าสูใ่ นอาสนวิหาร หนูนอ้ ยไดอาน่าก็ได้รบั การรักษา ให้หายอย่างสมบูรณ์ เธอสามารถกระโดดโลดเต้นในอาสนวิหาร เป็นเวลาถึงสองชัว่ โมง ขณะทีพ่ อ่ แม่และประชาชนจำ�นวนมากก็ มามุงดูกัน ทางอาสนวิหารได้ตีระฆังเพื่อเป็นการประกาศถึง อัศจรรย์นี้และจัดพีธีสวดภาวนา ขอบพระคุณแม่พระ


66

แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

หน่วยการเรียนรู้ที่ 8

เรื่อง อารักขเทวดา

มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.4 เวลา 50 นาที

ชั้น ป.1 ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ

จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า อารักขเทวดาคือเพื่อนที่ดีที่สุดซึ่งพระเจ้าทรงประทานแก่มนุษย์ แต่ละคน ท่านติดตามเราไปตลอดเวลาเพื่อนำ�ทาง ช่วยเหลือ ปกป้อง คุ้มครองให้พ้นภัย อันตราย ช่วยชี้แนะให้รู้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิด - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนสำ�นึกถึงการอยู่ของอารักขเทวดาด้วยการประพฤติตนอย่างดี สาระการเรียนรู้ เมื่อพระเจ้าทรงให้เราเกิดมา พระองค์ทรงประทานทุกสิ่งเพื่อเราจะมีชีวิตอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือ สิ่งของรอบกาย ยิ่งกว่านั้น พระองค์ยังทรงประทานอารักขเทวดาประจำ�ตัวให้เราแต่ละคนอีกด้วย เพื่อให้เทวดาช่วยนำ�ทาง ชีวิตของเรา ช่วยเหลือปกป้องคุ้มครองเราในยามที่เราตกอยู่ในอันตราย และอยู่ใกล้ๆ เราตลอดเวลาเพื่อช่วยชี้แนะว่าสิ่งใดถูก และสิ่งใดผิด เราจึงต้องสำ�นึกถึงการอยู่ของอารักขเทวดาและเชื่อฟังท่านโดยการปฏิบัติสิ่งที่ดีเสมอ ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย - สวดภาวนาก่อนเรียน - ทบทวนความรู้ครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) ☆ ซีดีเพลงชุด “ฉันจะบิน” - สอนผู้เรียนให้ร้องเพลง “ข้าแต่อารักขเทวดา” - ผู้สอนสนทนากับผู้เรียนเรื่องความมืด โดยถามว่า ใครกลัวความมืดบ้าง? เพลงที่ 8 + เนื้อเพลง ท้ายแผน ทำ�ไมจึงกลัว? ถ้าจะให้ไปในที่มืดๆ คนเดียวจะกล้าไหม? - กิจกรรม : เอาผ้าปิดตาผู้เรียนอาสาสมัครสัก 2-3 คน แล้วสั่งให้เขาเดินไป ☆ ผ้าผูกตา / สิ่งของบางอย่าง หยิบของบางสิง่ ทีว่ างอยูห่ น้าห้องคนเดียว สังเกตปฏิกริ ยิ าดู เมือ่ หมดเวลาให้ทกุ คนมา วางไว้หน้าห้อง นั่งที่เดิม - เปิดอภิปรายโดยสัมภาษณ์ผู้ถูกปิดตาว่า เขารู้สึกอย่างไร? ทำ�ไมเขาจึงทำ� สำ�เร็จ? หรือทำ�ไม่สำ�เร็จ? จากนั้นให้ผู้เรียนทุกคนช่วยกันตอบว่า หากจะต้องทำ� กิจกรรมนี้ให้สำ�เร็จจะมีวิธีใดบ้าง? - ผู้สอนนำ�กิจกรรมมาสัมพันธ์กับชีวิตว่า ในชีวิตของเราก็มีหลายสิ่งที่ยาก น่ากลัว จนเรารู้สึกว่า ทำ�ไม่เป็น ทำ�ไม่ได้ ไม่กล้าทำ� ไม่อยากทำ� เช่น การทำ�การบ้าน การดูหนังสือ การทำ�สิ่งที่ยังไม่เคยทำ� ฯลฯ เหมือนกับผู้ที่ถูกปิดตาไว้ แต่เราจะหยุด เพียงเท่านัน้ ไม่ได้ เพราะเราต้องทำ�หน้าทีน่ นั้ ๆ ให้ส�ำ เร็จ แล้วเราจะแก้ปญ ั หานีอ้ ย่างไร? ใครจะช่วยเราได้?


67

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

3

พระวาจา (กจ 2:42) เมื่อเปโตรถูกเฮโรดสั่งจับขังไว้ในคุก มีทหารควบคุมและโซ่ล่ามไว้อย่างแน่น หนาคืนหนึ่งขณะที่ท่านนอนหลับอยู่ “ในทันใดนั้นทูตสวรรค์ของพระเจ้ามาปรากฏแสงสว่างไปทั่วคุก ท่านตบบ่า เปโตรปลุกว่า ‘ลุกขึ้น เร็วเข้าเถิด’ ทันใดนั้นโซ่ที่ล่ามข้อมือก็หลุดออก ทูตสวรรค์สั่ง ท่านอีกว่า ‘จงคาดเข็มขัดและสวมร้องเท้าเสีย’ เปโตรก็ปฏิบัติตาม ทูตสวรรค์ยังคงสั่ง ต่อไปอีกว่า ‘สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วตามเรามา’…ประตูก็เปิดออกเอง ทั้งสองจึง เดินออกไปตามถนนแล้วทูตสวรรค์กห็ ายวับไป เมือ่ เปโตรรูส้ กึ ตัวจึงอุทานออกมาดังๆ ว่า ‘เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ารู้แล้วว่าเป็นความจริง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วย ข้าพเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เฮโรดและแผนการของพวกหัวหน้าชาวยิวจริง’ (กจ 12:7-11)

4

อธิบายพระวาจา - น.เปโตรเป็นหัวหน้าอัครสาวก ท่านกล้าหาญที่จะประกาศถึงพระเยซูคริสตเจ้า แม้ว่าพวกศัตรูจะสั่งห้าม แต่ท่านเห็นว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ� แม้จะมีอันตรายถึงชีวิต ท่านก็ไม่หยุดที่จะประกาศ ดังนั้นท่านจึงถูกจับขังคุกเพื่อรอดำ�เนินตัดสินคดี ท่านถูก ล่ามโซ่ 2 เส้น และมีทหารเฝ้ายาม 2 คน บรรดาคริสตชนได้สวดภาวนาเพือ่ ท่านตลอด เวลา - พระเจ้าทรงช่วยท่านโดยให้ทูตสวรรค์องค์หนึ่งพาท่านออกไปผ่านประตูถึง 3 ชั้น ท่านรูส้ กึ เหมือนฝันไป เมือ่ ออกมาถึงถนนอย่างปลอดภัยแล้ว ทูตสวรรค์กห็ ายไปทันที - เมื่อท่านรู้สึกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นความจริงไม่ใช่ฝัน จึงรีบสรรเสริญพระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำ�หรับอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นผ่านทางทูตสวรรค์องค์นั้น ซึ่งช่วยให้ท่าน พ้นจากเงื้อมมือของกษัตริย์เฮโรดและจากความมุ่งร้ายทั้งหลายของประชาชนชาวยิว

5

ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เช่นเดียวกับ น.เปโตรที่ถูกกษัตริย์เฮโรดและชาวยิวคุกคามจนเกือบจะเอาชีวิต ไม่รอด แต่พระเจ้าทรงให้ทูตสวรรค์ (เทวดา) ของพระองค์มาช่วยให้หลุดพ้นจากโซ่ที่ ล่ามไว้จากทหารยาม จากประตูคุกถึง 3 ชั้น จนท่านสามารถรอดพ้นไปได้อย่าง ปลอดภัย หากจะเปรียบเทียบแล้วชีวติ ของเราก็มภี ยั มากมายหลายอย่างทีเ่ รารูต้ วั บ้าง ไม่รตู้ วั บ้าง เช่น อาจมีอบุ ตั เิ หตุในการเดินทาง ในการเล่น หรืออันตรายจากคนแปลก หน้า ฯลฯ พระเจ้าทรงดูแลเราตลอดเวลาผ่านทางเทวดาของพระองค์ ซึง่ เทวดาประจำ� ตัวของเราก็คือ “อารักขเทวดา” นั่นเอง - นอกจากภัยดังกล่าวแล้ว เทวดายังอยู่ใกล้ชิดเราเพื่อช่วยเราในทุกเรื่อง เช่น ใน การทำ�การบ้านหรืองานยากๆ ท่านก็ช่วยแนะนำ� เมื่อเรารู้สึกกลัว ท่านอยู่เป็นเพื่อน ให้ความมั่นใจ หรือแม้เมื่อเราต้องตัดสินใจทำ�สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่แน่ใจว่าดีหรือไม่ดี เทวดาก็จะช่วยแนะนำ�ได้ว่าสิ่งใดควรทำ� สิ่งใดไม่ควรทำ� - ดังนั้น เราจึงต้องสำ�นึกว่า มีเทวดาอยู่เคียงข้างเราเสมอ ท่านคือเพื่อนที่ดีที่สุด ของเรา ไม่เคยละทิง้ เราไปไหนเลย ท่านทำ�หน้าทีช่ ว่ ยเหลือเราตลอดเวลา คอยปกป้อง

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆

ภาพ เทวดาปล่อยนักบุญ เปโตรจากคุก


68

ที่

กระบวนการจัดการเรียนรู้

คุ้มครองเราทุกฝีก้าว ท่านจะช่วยเราให้ปฏิบัติตนเป็นลูกที่ดีของพระได้หากเราเชื่อฟัง ท่านเสมอ - กิจกรรม : ให้อาสาสมัครคนเดิมปิดตา ทำ�กิจกรรมเดิม แต่ครั้งนี้ให้มีเพื่อน จูงมือไปหยิบสิ่งของนั้นแล้วเดินกลับมาที่เดิม เปิดผ้าปิดตาออก แล้วสัมภาษณ์ ความรู้สึกว่าต่างจากเดิมอย่างไร?

สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้

- จากนั้น แบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มย่อยให้แข่งขันกันต่อจิ๊กซอว์ภาพอารักขเทวดา เมื่อเสร็จแล้วให้แต่ละกลุ่มแสดงภาพสมมติตามภาพที่ได้ต่อนั้น

ผ้าผูกตา / สิ่งของบางอย่าง วางไว้หน้าห้อง

ภาพ “อารักขเทวดา” ท้ายแผน 2 ภาพ

6 หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนสำ�นึกถึงการอยู่ของอารักขเทวดาด้วยการประพฤติตนอย่างดีสม่ำ�เสมอ 7 ภาวนาปิดท้าย ผู้สอนนำ�ร้องเพลง “บทข้าแต่อารักขเทวดา” พร้อมกัน 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - จากการสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................

บท “ทูตสวรรค์ของพระเจ้า” ทูตสวรรค์ของพระเจ้า พระองค์ทรงพระกรุณามอบข้าพเจ้า ไว้ในความอารักขาของท่าน โปรดส่องสว่าง พิทักษ์รักษา คุ้มครองและนำ�ทางชีวิตข้าพเจ้า ในวัน (คืน) นี้ ด้วยเทอญ อาแมน


69

ภาพ “อารักขเทวดา”

ภาพ “น.เปโตรกับเทวดาในคุก”




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.