รวมแผนการสอน
คำ�สอน
หนังสือรวมแผนการสอนคริสตศาสนธรรม “ชุดเตรียมรับศีลกำ�ลัง”
จัดทำ�โดย แผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรี
ครูคำ�สอน บทเรียนสำ�หรับ
ครูคำ�สอนที่รักทุกท่าน แผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรไี ด้จดั ทำ� “แผนการจัดการเรียนรูค้ ริสตศาสนธรรม” เล่มนี้ขึ้น หลังจากที่ได้มีการนำ�เสนอ “แผนการสอนคำ�สอนระดับประถมศึกษา” มามากมายหลาย ครั้งหลายปีในสารคำ�สอนจันท์ฉบับที่ผ่านมา ณ เวลานี้ จึงได้มีการนำ�แผนฯ ดังกล่าวมารวมเป็นเล่ม เพื่อเอื้อให้สะดวกใช้มากขึ้น การรวมเล่มแผนฯ ในครัง้ นีไ้ ด้มกี ารปรับปรุงอยูบ่ า้ งแต่ยงั ไม่ถงึ ขัน้ สมบูรณ์ จึงยังมีอกี บางสิง่ ที่ต้องการการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ซึ่งทางคณะผู้จัดทำ�ยังยินดีรับคำ�ติ ชม เสนอแนะจากทุกท่าน อยู่เสมอ เพื่อพัฒนางานชิ้นนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงโครงการในอนาคตที่จะทำ�แผนการสอนฯ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาต่อไปด้วย ทางคณะผูจ้ ดั ทำ�ขอถือโอกาสนีข้ อบพระคุณทุกๆ ท่านทีไ่ ด้นำ�แผนฯ นีไ้ ปใช้และได้ให้ขอ้ เสนอ แนะต่างๆ ทีม่ ปี ระโยชน์เป็นอย่างยิง่ เป็นการร่วมมือกันสร้างสรรค์บทเรียนคำ�สอนทีม่ คี ณ ุ ภาพสำ�หรับ ลูกศิษย์และลูกหลานของเราต่อไป ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพละกำ�ลังและแสงสว่างสำ�หรับคุณครูทุกท่านในภารกิจสำ�คัญ ของการเป็นสือ่ นำ� “ความรัก” ของพระองค์ไปยังผูเ้ รียนทุกคน เพือ่ เราทุกคนไม่วา่ “ศิษย์” หรือ “ครู” จะได้ก้าวเดินไปด้วยกันในหนทางที่นำ�เราไปสู่ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักในพระองค์อย่าง มั่นคงลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนสามารถบรรลุถึง “ความรอดพ้น” ที่พระองค์ทรงประทานแก่เราทุกคน แผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรี
สารบัญ
หน้า
คำ�ชี้แจง การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ “ชุดเตรียมรับศีลกำ�ลัง”..................................................1 แบบอย่างครูคำ�สอน .............................................................................................................2 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง พระหรรษทาน .............................................................................................................5 เรื่อง คุณธรรมทางเทววิทยา : ความเชื่อ ความหวัง ความรัก ..................................................10 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง พระเยซูเจ้าประทานพระจิตแก่เรา .................................................................................18 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง พระจิตและพระคุณ 7 ประการ .....................................................................................22 เรื่อง ผลของพระจิต .............................................................................................................26 เรื่อง พระจิตเป็นชีวิต ...........................................................................................................31 เรื่อง พระจิตเป็นความสว่าง .................................................................................................34 เรื่อง พระจิตเป็นความรัก ....................................................................................................37 เรื่อง ศีลกำ�ลังประทานพระจิต .............................................................................................41 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง การร่วมส่วนในหน้าที่ 3 ประการของพระคริสตเจ้า ........................................................47 เรื่อง กระแสเรียก ................................................................................................................50 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง ความหมายและผลของศีลล้างบาป ...............................................................................54 เรื่อง ความหมายและผลของศีลอภัยบาป ..............................................................................60 เรื่อง ความหมายและผลของศีลมหาสนิท ..............................................................................66 เรื่อง ความหมายและผลของศีลกำ�ลัง ....................................................................................70 เรื่อง พิธีศีลกำ�ลัง ...............................................................................................................75 เรื่อง การปกมือ ..................................................................................................................79 เรื่อง การเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์ ...............................................................................................83 เรื่อง พ่อ/แม่ทูนหัว .............................................................................................................86 เรื่อง ฉันเป็นทหารของพระคริสตเจ้า .....................................................................................90 เรื่อง ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการภาวนา ............................................................................96 เรื่อง ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิท ......................................100 เรื่อง ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการทำ�หน้าที่อย่างดี .............................................................104 เรื่อง ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการละทิ้งบาปและปีศาจ .......................................................107 เรื่อง ฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ ................................................................................112 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง การภาวนาของคริสตชน .............................................................................................117 สาระคริสตศาสนธรรมในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ................................120 หน่วยการเรียนรู้วิชาคำ�สอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 .............................................................121
1
คำ�ชี้แจง
การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ “ชุดเตรียมรับศีลกำ�ลัง” ฝ่ายงานวิชาการของแผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรี ขอนำ�เสนอ “แผนการจัดการเรียนรู้ชุด เตรียมรับศีลกำ�ลัง” เพือ่ ให้ครูค�ำ สอนทีส่ อน “กลุม่ เตรียมรับศีลกำ�ลัง” มีแนวทางและ “ตัวช่วย” ในการจัดการเรียน การสอน หัวข้อต่างๆ ของแผนฯ ชุดนี้มาจาก “ร่างแนวทางจัดทำ�หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คริสตศาสนธรรม” ที่แผนกฯ ได้จัดทำ�ขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2008
ผูจ้ ดั ทำ�ขอแจ้งให้ทราบว่า แผนฯ ชุดนีย้ งั อยูใ่ นระยะทดลองใช้ เนือ่ งจากได้จดั ทำ�ขึน้ เฉพาะกาลเป็นครัง้ แรก จึงยังมีสงิ่ ทีต่ อ้ งปรับปรุงแก้ไขอีกบางประการ อีกทัง้ ยังยินดีและพร้อมทีจ่ ะรับคำ�แนะนำ� ติ ชม จากทุกท่านทีม่ โี อกาส นำ�ไปใช้ด้วย ดังนั้น ขอความกรุณาทุกท่านที่ได้ใช้แล้ว ส่งคำ�แนะนำ�ไปยังผู้จัดทำ�ด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง ในการใช้แผนฯ ชุดนี้ ท่านสามารถเสริมเติมกิจกรรมต่างๆ เกม แบบฝึกหัด ฯลฯ โดยเลือกใช้สื่ออุปกรณ์ ต่างๆ ได้ตามความเหมาะสมกับสภาพผูเ้ รียนและสภาพแวดล้อม แผนฯ นีม้ เี นือ้ หาสาระแน่นพอสมควร เพือ่ อำ�นวย ความสะดวกให้ครูผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการค้นคว้าเนื้อหาเพิ่มเติม แต่ถ้าครูท่านใดปรารถนาจะปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมเนื้อหาหรือประสบการณ์ที่มีในแผนฯ ก็ย่อมทำ�ได้โดยอิสระ ทั้งนี้เพียงแต่ให้สอดคล้องกับหัวข้อ และ วัตถุประสงค์เท่านั้น นอกนั้น เพื่อเป็นการอำ�นวยความสะดวกยิ่งขึ้นแก่การใช้แผนฯ ผู้จัดทำ�ได้แนบแผ่นซีดี สื่อ การสอนมัลติมีเดียที่ใช้ในบางแผนฯ ด้วย โครงสร้างของแผนฯ ชุดนี้มุ่งเน้นให้นำ�ผู้เรียนเข้าสู่กระบวนการที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่าง “ข้อความเชื่อ – ความเชื่อ – พระวาจา – ชีวิต” โดยเริ่มจากประสบการณ์ที่สอดคล้องกับประเด็นหลัก คำ�ถามเกี่ยวกับชีวิต พระวาจาที่มาตอบคำ�ถาม การอธิบายพระวาจา การประยุกต์ใช้พระวาจาให้เข้ากับประเด็นนั้นๆ แล้วจบที่การนำ� ไปปฏิบัติ โดยทั้งหมดจะสอดคล้องกัน สรุปได้ว่า เป็นแผนฯ ที่พยายามสร้างความสมดุลระหว่าง “ความเชื่อ / ความรู้กับชีวิต” โดยยึดพระวาจาเป็นศูนย์กลางของแผนฯ โดยมุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตหลังการเรียนรู้ ดังนั้น เพื่อจะให้แผนฯ นี้เกิดผลดีอย่างแท้จริงทั้งต่อผู้สอนและผู้เรียน จึงขอเสนอแนะว่า ผู้สอนควรมีโอกาส ทำ�ประสบการณ์ส่วนตัว โดยนำ�แผนฯ แต่ละเรื่องที่จะสอนมาไตร่ตรอง รำ�พึง และปฏิบัติจริงในชีวิตของตนก่อน จะได้สอนคำ�สอนโดยการแบ่งปันความเชือ่ และประสบการณ์ชวี ติ เพราะการสอนซึง่ อยูแ่ ค่ระดับการให้ความรูเ้ ท่านัน้ จะไม่สามารถนำ�ผู้เรียนสู่การเติบโตฝ่ายจิตจนถึงขั้นบรรลุวุฒิภาวะในความเชื่อได้ ทว่าเราต้องการเด็กและเยาวชน ที่เติบโตขึ้นมาเป็นคริสตชนที่มีคุณภาพ และที่สำ�คัญคือ เพื่อให้เขาบรรลุถึงความรอดพ้นนั่นเอง ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มีส่วนช่วยให้แผนฯ นี้สำ�เร็จลงได้ และขอขอบพระคุณเช่นกันสำ�หรับทุกท่านที่นำ� แผนฯ นี้ไปใช้ ขอพระเจ้าทรงอวยพรทุกท่านด้วยพระพรอันอุดมของพระองค์ แผนกคริสตศาสนธรรม สังฆมณฑลจันทบุรี
2
แบบอย่างครูคำ�สอน แบบอย่างครูคำ�สอน การสอนคำ�สอนต่างจากการให้ความรู้วิชาทั่วไป เพราะ เป็นการถ่ายทอดความเชื่อ และปลูกฝังความรัก ความวางใจ ต่อ พระเจ้า การสอนคำ�สอนจึงเป็นวิชาเฉพาะที่เรียกร้องบุคลากรซึ่งมี ความพร้ อ ม ทั้ ง ด้ า นความรู้ แ ละการเป็ น แบบอย่ า ง เป็ น ต้ น ใน การเจริญชีวิต การปฏิบัติความรักแก่ผู้อื่น และการปฏิบัติศาสนกิจ
พระสังฆราชลอเรนซ์ เทียนชัย สมานจิต คำ�สอนจันท์ฉบับนี้ ได้รบั เกียรติจาก ฯพณฯ ลอเรนซ์ เทียนชัย เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ.1931 สมานจิต ประมุขสังฆมณฑลจันทบุรี ครูคำ�สอนกิตติมศักดิ์ผู้ “อุทิศ
ตนเพื่อการภาวนาและบริการพระวาจา” (คติพจน์วันบวชเป็นพระสงฆ์) พระคุณเจ้าสอนคำ�สอนมาตั้งแต่สมัยเป็น เลขานุการของพระสังฆราชฟรังซิส สงวน สุวรรณศรี แม้จะผ่านสุวรรณบรรพชา 50 ปี มาแล้ว พระคุณเจ้าก็ยังคง ซื่อสัตย์ต่อกระแสเรียกครูคำ�สอน ส่งต่อความเชื่อแก่นักเรียนไม่เคยขาด
แรงจูงใจที่ทำ�ให้พระคุณเจ้าตั้งใจสอนคำ�สอนมาตลอด แม้จะเกษียณอายุแล้ว
แรงจูงใจประการแรกสืบเนื่องมาจากหน้าที่ที่คริสตชนได้รับในวันรับศีลล้างบาป คือ หน้าที่ประกาศก (หน้าที่ประกาศข่าวดี, สอนคำ�สอน) หน้าที่สงฆ์ และหน้าที่กษัตริย์ (ชุมพาบาล, ผู้นำ�) แรงจูงใจประการทีส่ องเนือ่ งมาจาก คติพจน์วนั บวชเป็นพระสงฆ์ “อุทศิ ตนภาวนาและบริการพระวาจา” ซึง่ ถือเป็นหน้าที่หลักของพระสงฆ์ ตามที่บรรดาอัครสาวกยืนยัน เทียบหนังสือกิจการอัครสาวก บทที่ 6 ข้อ 2 “ไม่สมควรทีเ่ ราจะละทิง้ การประกาศพระวาจาของพระเจ้าเพือ่ ไปแจกอาหาร” นอกจากนัน้ คือมีโอกาสไปศึกษาต่อ เรื่องการสอนคำ�สอนเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ทั้งคริสตชนและมิใช่คริสตชนมากยิ่งขึ้น หลังจากเกษียณอายุแล้วก็ตั้งใจว่าจะไปสอนคำ�สอนผู้สูงอายุต่างศาสนาที่สนใจอยากรับศีลล้างบาปที่ปีนัง ซิสเตอร์ที่ดูแลผู้สูงอายุจำ�นวนร้อยกว่าคนบอกว่า “ผู้สูงอายุทุกๆ คน สนใจรับศีลล้างบาปก่อนตาย”
พระคุณเจ้าเตรียมตัวสอนอย่างไรบ้าง
แต่ละครั้งก็ต้องเตรียมสอน ขอความสว่างจากพระจิตเจ้าว่าจะสอนคำ�สอนเรื่องอะไร เพราะไม่ได้สอนตาม คู่มือ มีซิสเตอร์และครูคำ�สอนสอนตามคู่มือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มมัธยมต้นและ กลุม่ มัธยมปลาย ตัวเองช่วยสอนเสริมกลุม่ ละ 1 ครัง้ ต่อสัปดาห์ การเรียนคำ�สอนถือว่าเป็นชีวติ คริสตชนเป็นอาหาร ประจำ �วันช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตพระที่ได้รับตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป ด้วยพระวาจาของพระเจ้าและคำ �สอนของ พระศาสนจักร ฉะนั้นเรื่องที่สอนที่เรียนจึงเป็นเรื่องของชีวิตประจำ�วัน วันฉลองตามเทศกาล พระธรรมล้ำ�ลึก พระวรสารประจำ�วันอาทิตย์ ศีลศักดิส์ ทิ ธิ์ วันฉลองนักบุญ ซึง่ ช่วยให้นกั เรียนเจริญชีวติ ตาม มีผกู้ ล่าวว่า “ใครอยาก เป็นนักบุญก็ให้ศึกษาประวัตินักบุญและปฏิบัติตาม”
3
พระคุณเจ้ามีวิธีการสอนอย่างไร ใช้วิธีสอนแบบอนุมาน (Inductive) แบบเอเซียจากประสบการณ์ เหตุการณ์ ซึ่งตรงกันข้ามกับวิธีสอนแบบ อนุมาน (Deductive) แบบตะวันตก (แบบเก่า) จากข้อคำ�สอนทฤษฎีลงมาสู่ภาคปฏิบัติ ในการสอนคำ�สอน ครูค�ำ สอนมิใช่พดู เรือ่ งพระให้เด็กฟัง แต่พยายามให้เด็กพร้อมทีจ่ ะพูดกับพระเจ้าได้ดว้ ยตนเอง (ภาวนาส่วนตัวจาก ใจ หรือภาวนาพร้อมกัน) ฉะนั้นการสวดก่อนเรียนหรือหลังเรียน ก็ไม่จำ�เป็นเหมือนสมัยก่อน เพราะครูคำ�สอน จะต้องช่วยเตรียมจิตใจเด็กให้พร้อมระหว่างสอนสักครึ่งเวลา แล้วจึงให้เด็กมีโอกาสภาวนาพร้อมกันหรือส่วนตัว การสอนคำ�สอนต้องมีพื้นฐานอยู่บนพระวาจาของพระเจ้าและนำ�ไปสู่ภาคปฏิบัติในชีวิต พระคุณเจ้าปรารถนาจะแนะนำ�ครูคำ�สอนในเรื่องใดบ้าง การสอนคำ�สอนของเราต้องมีพระคัมภีรเ์ ป็นพืน้ ฐาน เพราะฉะนัน้ ต้องสอนพระคัมภีรด์ ว้ ย ในอดีตเราสอน แต่คำ�สอน ไม่สอนพระคัมภีร์ เด็กรู้แต่ “คำ�สอน” ไม่รู้พระคัมภีร์ซึ่งเป็นท่อธารและพื้นฐานของ “คำ�สอน” และ เทววิทยา พี่น้องคริสเตียนเน้นพระคัมภีร์มากกว่าเรา ศึกษากันทุกวันอาทิตย์ การเรียนคำ�สอนเป็นเหมือนอาหารฝ่ายจิตหล่อเลี้ยงวิญญาณ ต้องเรียน ตลอดปีมิใช่ต้องรอตอนหยุดเรียนภาคฤดูร้อนเท่านั้น เด็กที่เรียนในโรงเรียน รัฐบาล หรือในโรงเรียนเอกชนที่ไม่มีการสอนคำ�สอน ทางวัดต้องจัดเวลาให้เด็ก มีโอกาสเรียนคำ�สอนตลอดปี เช่นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ มิฉะนั้น เด็กเหล่านี้ จะไม่ได้รับคำ�สอนหล่อเลี้ยงชีวิตจิต ยากที่จะเป็นผู้ใหญ่เป็นคริสตชนที่ สมบูรณ์ แม้จะมีครูคำ�สอนฆราวาสช่วยสอนคำ�สอน พระสงฆ์และนักบวชก็ต้อง สอดส่องดูแลและรับผิดชอบการสอนคำ�สอนร่วมกับฆราวาส สมเด็จพระสันตะ ปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเตือนพระสงฆ์และนักบวชที่ทำ�งานในโรงเรียนให้ สนใจการสอนคำ�สอนเด็กคาทอลิกและผู้สนใจ ซึ่งเป็นพันธกิจมิใช่มีบทบาทใน การบริหารเท่านั้น แล้วปล่อยให้ครูคำ�สอนฆราวาสทำ�งานโดยลำ�พัง เราต้อง ทำ�ร่วมกัน สมัยก่อนวันอาทิตย์ตอนบ่ายมีการสวดสายประคำ� และสอนคำ�สอน ผู้ใหญ่ที่เป็นคริสตชนก่อนอวยพรศีลมหาสนิท ต่อมามีการถวายบูชามิสซา ตอนเย็นก็งดการสวดสายประคำ� การอวยพรศีลมหาสนิท และการสอนคำ�สอน ผู้ใหญ่เป็นคริสตชน ทำ�อย่างไรจึงจะมีการรื้อฟื้นการสอนผู้ใหญ่ที่เป็นคริสตชน กันใหม่ เพราะการเรียนคำ�สอนเป็นสิ่งจำ�เป็นสำ�หรับแต่ละวัย วัยเด็ก ผู้ใหญ่ แม้วัยผู้สูงอายุ บางวัดที่เริ่มการสอน 10 นาที หลังมิสซาวันอาทิตย์ก็น่าชื่นชม ก่อนโปรดศีลกำ�ลังตามวัดต่างๆ มีโอกาสพบปะกับเด็กๆ ทดสอบพระคัมภีร์และ คำ�สอน ปรากฏว่าความรู้เรื่องพระคัมภีร์และคำ�สอนยังอ่อนควรปรับปรุงแก้ไข
4
สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ตรัสว่า “พ่อแม่เป็นครูค�ำ สอนคนแรกของลูก” ทำ�อย่างไรจะอบรม พ่อแม่ให้สอนคำ�สอนแก่ลกู ได้ บ้านต้องเป็นพระศาสนจักรน้อยๆ พ่อแม่เป็นเหมือนพระสงฆ์ในบ้าน นำ�สวด อธิบาย พระคัมภีร์ สอนคำ�สอน สอนด้วยแบบอย่างที่ดี นี่คือเรื่องที่อยากฝากไว้กับครูคำ�สอนฆราวาส นักบวช และพระสงฆ์ ที่สุดขอขอบคุณครูคำ�สอนทั้งหลาย ทั้งฆราวาส นักบวช และพระสงฆ์ ที่เสียสละอุทิศตนถ่ายทอดความเชื่อ ไปยังคนต่างศาสนาทีไ่ ม่มคี วามเชือ่ และสอนคำ�สอนหล่อเลีย้ งความเชือ่ ของคริสตชนให้เข้มแข็งยิง่ ขึน้ พระสงฆ์และ นักบวชได้รับการอบรมในด้านความเชื่อมากกว่าฆราวาส ฉะนั้น อย่าละเลยที่จะถ่ายทอดความเชื่อไปยังผู้อื่น ความเชื่อที่ไม่ถ่ายทอดเป็นความเชื่อที่ตายแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปา ทรงเห็นความสำ�คัญของครูคำ�สอน รู้คุณ และขอบคุณครูคำ�สอนเป็นพิเศษ เพราะครูคำ�สอนมีบทบาทสำ�คัญในพระศาสนจักร ช่วยงานแพร่ธรรมกับคนต่าง ศาสนา และสอนคำ�สอนอภิบาลหล่อเลี้ยงความเชื่อของคริสตชนให้เข้มแข็งและเจริญเติบโต แบบอย่างครูคำ�สอนที่เราได้เห็นในตัวของพระคุณเจ้าเทียนชัย ช่วยให้เราเห็นความสำ�คัญและบทบาทของ ครูคำ�สอน เป็นอย่างดี เพราะการสอนคำ�สอนเป็นหน้าที่ซึ่งเราได้รับในวันรับพิธีล้างบาป และพระคัมภีร์ถือเป็น พื้นฐานหลักของการสอน ชีวิตครูคำ�สอนที่สอดคล้องกับการสอนย่อมทำ�ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์จริง มี ความเชื่อที่เข้มแข็ง และมีชีวิตเปี่ยมสุข สามารถเป็นพยานสืบทอดความเชื่อต่อไปได้ ขอให้วันสมโภชพระคริสตเจ้า คืนสู่ชนม์นำ�จิตวิญญาณของเรากลับเป็นขึ้นมา และเป็นแรงบันดาลใจแก่ครูคำ�สอนทุกท่านตลอดไป ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
5
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
เรื่อง พระหรรษทาน
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจว่าพระหรรษทานคือทานเหนือธรรมชาติทพี่ ระเจ้าประทานให้แก่ มนุษย์ เพื่อเขาจะสามารถร่วมส่วนในชีวิตของพระเจ้าได้ เป็นทานที่ได้มาจากบุญบารมี ของพระเยซูคริสตเจ้า - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนตั้งใจรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทอย่างดีบ่อยๆ สาระการเรียนรู ้ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาให้เป็นภาพลักษณ์ของพระองค์นั้น ทรงประทานพระหรรษทาน คือ “ชีวิต พระ” ให้แก่เขา เพราะพระองค์ทรงต้องการให้เขาได้ร่วมส่วนในความสุขนิรันดรกับพระองค์ด้วย มนุษย์จึงเป็นสิ่งสร้างที่ ประเสริฐที่สุดในบรรดาสิ่งสร้างทั้งหมด เพราะเขามิได้เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่เกิดแล้วดับสูญสิ้นไป แต่เขามีวิญญาณและมีชีวิต พระอยู่ภายในตน ทำ�ให้เขาถูกยกจากระดับสิ่งสร้างธรรมดากลายเป็น “บุตรบุญธรรม” ของพระเจ้าได้ อาศัยพระหรรษทาน นั่นเอง พระหรรษทานมี 2 ประเภท คือพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรและพระหรรษทานปัจจุบัน วิธีการสำ�คัญที่จะได้มาซึ่ง พระหรรษทานก็คือการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้รักสัตว์เลี้ยง อะไรคือแรงจูงใจที่ ☆ ภาพ “สัตว์เลี้ยงน่ารักหลาย ทำ�ให้คนทุ่มเทเพื่อสัตว์เลี้ยงตัวนั้น? เขาได้รับอะไรเป็นการตอบแทน? ทำ�ไมเขาจึงรัก ชนิด หรือ ตุ๊กตาน่ารัก ฯลฯ” ท้ายแผน สัตว์เลีย้ งมากกว่า “คน”? ทำ�ไมจึงอยากให้สตั ว์เลีย้ งของเขาสามารถ “สือ่ สาร” กับเขา ได้เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง? - วิเคราะห์ร่วมกันว่า ทำ�ไมเด็กบางคนจึงติดกับ “ของโปรด” ของเขามากจน ขาดสิง่ นัน้ ไม่ได้? เช่น เด็กบางคนแม้จะนอนอยูก่ บั พ่อแม่ แต่หากขาดตุก๊ ตาตัวนัน้ หรือ ผ้าขนหนูผืนนั้น ฯลฯ เมื่อไรเขาจะนอนไม่หลับ - ประสบการณ์ไม่วา่ ทางตรงหรือทางอ้อมเหล่านีช้ ใี้ ห้เห็นว่า หลายครั้งแม้กระทั่ง คนเราก็ยงั อยากให้ “สัตว์เลีย้ ง” หรือ “ของโปรด” ของตนเองมี “ชีวติ ” อาจเป็นเพราะ การขาดเพือ่ น ขาดคนรัก ขาดคนรูใ้ จ หรือขาดอะไรอืน่ อีกมากมาย จึงทำ�ให้ตอ้ งทดแทน กับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่คน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาย่อมไม่สามารถให้ชีวิตคนแก่สิ่งเหล่า นั้นได้เลย - มนุษย์เองก็เป็นสิ่งสร้างหนึ่งของพระเจ้า แต่แตกต่างจากประสบการณ์ข้างต้น อย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุใด? ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้านั้นเป็นอย่างไร?
6
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
3 พระวาจา (ยน 8:12) - พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเล่าถึงยุคแรกเริ่ม สมัยปฐมกาลว่า “เมื่อพระเจ้า ทรงสร้างมนุษย์นนั้ พระองค์ทรงสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างเป็น ชายและหญิง แล้วทรงอำ�นวยพระพรแก่เขา” (ปฐก 5:1-2) - พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเรา มนุษย์โดยพระเยซูคริสตเจ้าได้ตรัสว่า “เราเป็นเถาองุน่ แท้และพระบิดาของเราทรงเป็น ชาวสวน... ท่านทั้งหลายจงดำ�รงอยู่ในเราเถิด ดังที่เราดำ�รงอยู่ในท่าน กิ่งองุ่นเกิดผล ด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ ดำ�รงอยูใ่ นเราฉันนัน้ เราเป็นเถาองุน่ ท่านทัง้ หลายเป็นกิง่ ก้าน ผูท้ ดี่ �ำ รงอยูใ่ นเรา และ เราดำ�รงอยู่ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำ�อะไรไม่ได้เลย... ถ้า ท่านปฏิบตั ติ ามบทบัญญัตขิ องเรา ท่านก็จะดำ�รงอยูใ่ นความรักของเรา เหมือนกับทีเ่ รา ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำ�รงอยู่ในความรักของพระองค์” (ยน 15:1, 4-5, 10) 4 อธิบายพระวาจา - ตั้งแต่สมัยแรกเริ่มแล้ว เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ทรงทำ�ให้เขาแตก ต่างจากสิง่ สร้างอืน่ ทุกชนิด เพราะทรงต้องการให้เขามีความสัมพันธ์พเิ ศษกับพระองค์ ในฐานะทีเ่ ป็น “บุตรบุญธรรม” ให้เขาได้รตู้ วั ถึงสิทธิพ์ เิ ศษนีอ้ าศัยสติปญ ั ญาและน้�ำ ใจ จึงทรงทำ�ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของ “พระฉายา” ของพระองค์ ทั้งนี้เพื่อให้เขาได้ร่วม ความบรมสุขกับพระองค์ชั่วนิรันดร - ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงประทาน “พระหรรษทาน” คือทานพิเศษของ การร่วมส่วนในชีวิตพระให้แก่มนุษย์ตั้งแต่สร้างมนุษย์คู่แรกมา แต่เพราะพวกเขาได้ ทำ�บาป จึงได้สูญเสียพระหรรษทานนี้ไป - กระนั้ น ก็ ดี พระเจ้ า ไม่ ท รงยอมแพ้ ต่ อ ความพยายามของปี ศ าจที่ จ ะนำ � ความพินาศนิรันดรมาสู่มนุษย์ ทรงให้พระบุตรมาไถ่บาปอาศัยการทรมานและ สิ้นพระชนม์บนกางเขน เพื่อเปิดทางให้มนุษย์ได้กลับคืนดีกับพระองค์เสียใหม่ ซึ่ง หนทางที่มนุษย์จะได้รับพระหรรษทานอีกครั้งหนึ่งก็คือการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเริ่มต้น จากศีลล้างบาป - พระเยซูเจ้าเองทรงยืนยันถึงความจริงแห่งความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับ มนุษย์โดยใช้ภาพเปรียบเทียบเรื่อง “ต้นองุ่น” ทรงเน้นว่า พระองค์ คือลำ�ต้น ส่วนเรา เป็นกิ่งก้านที่ต้องติดกับลำ�ต้นและรับน้ำ�เลี้ยงอยู่ตลอดเวลา มิฉะนั้นแล้ว กิ่งก้านและ ใบก็ไม่สามารถมีชวี ติ อยูไ่ ด้ จะต้องตายไป ทรงตรัสดังนีเ้ พือ่ อธิบายให้เราเข้าใจว่า ชีวติ ของพระอยู่ในตัวของมนุษย์ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เช่นเดียวกับผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงหรือของโปรด ฯลฯ พระเจ้าก็ทรงต้องการให้มนุษย์ ซึง่ แม้เป็นเพียงแค่สงิ่ สร้างได้รบั การยกฐานะให้สงู ส่งเหมือนพระองค์ ได้มชี วี ติ สามารถ เสวนา และรักพระองค์ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดมนุษย์ก็ไม่สามารถทำ�ให้สัตว์เลี้ยงหรือของ
☆
ภาพ “ต้นองุ่น” ท้ายแผน
7
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
โปรดนัน้ มีชวี ติ ได้ แต่พระเจ้าทรงฤทธานุภาพ พระองค์จงึ ทรงสามารถทำ�ได้ทกุ สิง่ และ ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำ�ก็ล้วนแต่ดีทั้งสิ้น - พระเจ้าทรงประทาน “พระหรรษทาน” คือชีวิตพระให้แก่มนุษย์ ทำ�ให้มนุษย์ ได้มีส่วนร่วมในชีวิตของพระเจ้าดังเช่นน้ำ�เลี้ยงที่มาจากลำ�ต้นสู่กิ่งก้าน พระหรรษทาน นั้นมี 2 ชนิด คือ พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรและพระหรรษทานปัจจุบัน - ให้ผู้เรียนศึกษาความหมายของพระหรรษทานทั้ง 2 ชนิดจากใบความรู้ที่ 1 พร้อมกับศึกษาค้นคว้าจากหนังสือคำ�สอนพระศาสนจักรคาทอลิกด้วย (ข้อ 19962000) จากนั้นผู้สอนอธิบายเพิ่มเติมให้ครบสมบูรณ์
ใบความรู้ที่ 1 ☆ หนังสือคำ�สอนพระ ศาสนจักร ข้อ 1996-2000 ☆
- เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราควรจะภาคภูมิใจในเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง รู้คุณต่อ พระเจ้าสำ�หรับของประทานอันประเสริฐนี้ พร้อมทัง้ ความช่วยเหลืออันล้�ำ ค่าเพือ่ ให้เรา สามารถเจริญชีวติ คริสตชนเยีย่ งบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง ในเวลาเดียวกันเราก็ตอ้ ง ใช้เครื่องมือที่พระให้เพื่อรักษาตัวเราให้พ้นจากความบาปผิดต่างๆ ที่ทำ�ให้เราต้อง สูญเสียพระหรรษทานด้วย คือ การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่ง ศีลอภัยบาป และศีลมหาสนิท 6 หาข้อปฏิบัติ - รับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทอย่างดีบ่อยๆ 7 ภาวนาปิด - ผู้สอนนำ�สวดภาวนาจากใจ 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ - การตอบคำ�ถาม - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................
8
สัตว์เลี้ยงแสนรัก
ตุ๊กตาแสนรัก
ต้นองุ่น
9
ใบความรู้ที่ 1 ที่
เนื้อหา
คำ�สอนของพระศาสนจักรคาทอลิก (ccc)
1. พระหรรษทานมี 2 ชนิด คือ พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร (ccc ข้อ 2000, 2024) และพระหรรษทานปัจจุบัน 2. พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร คือ คุณภาพเหนือธรรมชาติ (ccc ข้อ 1999, 2000, 2023) ที่อยู่ในวิญญาณมนุษย์ ซึ่งทำ�ให้เรามีส่วนร่วมในชีวิตของ พระเจ้า 3. พระหรรษทานปัจจุบัน คือความช่วยเหลือเหนือ (ccc ข้อ 2000) ธรรมชาติของพระเจ้า ซึ่งทรงใช้เพื่อส่องสว่างจิตใจของ เรา และเพื่อให้พลังแก่น้ำ�ใจของเราในการทำ�ดีและหนีชั่ว 4. พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรมีความจำ�เป็นสำ�หรับ (ccc ข้อ 1999, 2000) ความรอดพ้น เพราะว่าเป็นชีวิตเหนือธรรมชาติซึ่งมีแต่ พระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรเท่านั้นที่สามารถทำ�ให้เราได้ รับความสุขนิรันดรในสวรรค์ได้ 5. พระหรรษทานปัจจุบันมีความจำ�เป็นสำ�หรับทุกคนที่รู้จัก (ccc ข้อ 2000) ใช้เหตุผลแล้ว เพราะหากปราศจากมัน เราก็ไม่สามารถ ต่อสู้กับการประจญล่อลวงได้นานนัก หรือกระทำ�อะไรที่ จะทำ�ให้เราได้รับสวรรค์เป็นรางวัลได้ 6. วิธีการสำ�คัญๆ ในการรับพระหรรษทาน คือ การรับศีล (ccc ข้อ 1131, 1392, 1997, 2010) ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศีลล้างบาป ศีลมหาสนิท การภาวนา ฯลฯ
10
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
เรื่อง คุณธรรมทางเทววิทยา : ความเชื่อ ความหวัง ความรัก
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ผูเ้ รียนรูแ้ ละเข้าใจถึงความหมายและความสำ�คัญของคุณธรรมทางเทววิทยา 3 ประการ คือ ความเชือ่ ความไว้ใจ และความรัก และสามารถเจริญชีวติ ให้สอดคล้องกับคุณธรรมทัง้ 3 ประการนี้ในชีวิตประจำ�วัน - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนปฏิบัติความเชื่อและความหวังด้วยการไปร่วมพิธีมิสซาฯ สวดบทแสดง ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักทุกวัน และแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้อง อย่างเป็นรูปธรรม สาระการเรียนรู ้ ในศีลล้างบาป พระเจ้าทรงประทานคุณธรรมทางเทววิทยา 3 ประการแก่ผู้รับศีล คือ 1) ความเชื่อ เพื่อให้ เขาเชื่อมั่นในพระองค์ทั้งในยามสุขและในเวลาที่มืดมน 2) ความหวัง เพื่อให้เขาไว้วางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงซื่อสัตย์ ต่อคำ�สัญญาเสมอ ไม่ว่าเขาจะมีความทุกข์หรือรับการทดลองเพียงใดก็ตาม 3) ความรัก เพื่อให้เขารักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ เหนือสิ่งอื่นใด และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ทั้งนี้ เพื่อให้เขามีคุณธรรมที่จำ�เป็นสำ�หรับการเจริญชีวิตด้วยเกียรติและ ศักดิ์ศรีของ “บุตรบุญธรรม” ของพระเจ้า ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ให้ผู้เรียนแต่ละคนทำ�ใบงานที่ 1 โดยเขียนสิ่งที่ตนเชื่อ สิ่งที่หวัง และสิ่งที่รัก เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ ตามลำ�ดับครั้งละ 1 หัวข้อ - จากนั้นให้ผู้เรียนแบ่งปันคำ�ตอบแก่กันและกัน เพื่อสังเกตดูว่า ผู้เรียนรู้เกี่ยวกับ ข้อความเชือ่ คริสตศาสนามากเท่าใด และมีความเข้าใจเกีย่ วกับความหวัง และความรัก อย่างไร? สิ่งที่เข้าใจนั้นเกี่ยวข้องกับคุณธรรมทางเทววิทยา ความหวังและความรัก อย่างไรบ้าง? - ผู้สอนป้อนคำ�ถามว่า “สำ�หรับเราคริสตชน ความเชื่อ ความหวัง และความรัก คืออะไร? มีความสำ�คัญอย่างไร? ” 3 พระวาจา - แบ่งกลุ่มผู้เรียนเป็น 3 กลุ่ม ศึกษาใบความรู้ที่ 1, 2 และ 3 แล้วให้กลุ่มส่ง ตัวแทนอภิปรายหน้าชัน้ เพือ่ ให้ทกุ คนได้รบั ความรูท้ กุ หัวข้อ ในตอนท้ายให้ผสู้ อนสรุป เนื้อหาให้ถูกต้องครบถ้วน ความเชื่อ : “ผู้ชอบธรรมจะเจริญชีวิตโดยทางความเชื่อ” (รม 1:7) ความเชื่อ ทีม่ ชี วี ติ นัน้ “เกิดผลโดยทางความรัก” (กท 5:6; รม 1:17) “ร่างกายทีป่ ราศจากวิญญาณ
☆
☆
ใบงานที่ 1
ใบความรู้ที่ 1, 2 และ 3
11
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
ย่อมตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำ�ก็ย่อมตายแล้วฉันนั้น” (ยก 2:26) “ความเชื่อ คือ ความมั่นใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่เรา–มองไม่เห็น” (ฮบ 11:1) ความหวัง : “เราจึงยึดมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการประกาศความหวังที่เรามีอยู่ เพราะว่า พระองค์ผู้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์” (ฮบ 10:23) “จงชื่นชม ยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก” (รม 12:12) “ความหวังนี้ไม่ ทำ�ให้เราผิดหวัง” (รม 5:5) ความหวังเป็นประดุจ “สมอที่ยึดจิตใจเราให้ปลอดภัยและ มั่นคง ความหวังนี้จะผ่าน ‘ที่ที่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปล่วงหน้าเพื่อเห็นแก่เรา’” (ฮบ 6:19-20) ความรัก : “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุด วิญญาณ สุดสติปญ ั ญาของท่าน นีค่ อื บทบัญญัตเิ อกและเป็นบทบัญญัตแิ รก บทบัญญัติ ประการที่สองก็เช่นเดียวกัน คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง...” (มธ 22:37-40) “ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่โอ้อวดตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบ คาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำ�ความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่รว่ มยินดีในความถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชือ่ ทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทน ทุกอย่าง” (1 คร 14:4-7) ความรักอยู่เหนือคุณธรรมทั้งปวง เป็นคุณธรรมเทววิทยา ที่มาเป็นอันดับแรก “ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวัง และความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมดก็คือ ความรัก” (1 คร 13:13) 4 อธิบายพระวาจา - ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจเกี่ยวกับหัวข้อที่กลุ่ม ของตนศึกษา - เมื่อตัวแทนแต่ละกลุ่มแบ่งปันแล้ว เปิดอภิปรายเพื่อให้ทุกคนซักถามทำ� ความเข้าใจ โดยผู้สอนช่วยเสริมเติมให้สมบูรณ์ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - คุณธรรมทั้ง 3 คือ ความเชื่อ ความหวัง และความรัก เป็นคุณธรรมทาง เทววิทยา ที่พระเจ้าประทานให้แก่ผู้รับศีลล้างบาป - เหตุที่เรียกว่าคุณธรรมทางเทววิทยา เพราะคุณธรรมทั้ง 3 มาจากพระเจ้าและ มีพระเจ้าเป็นเป้าหมายปลายทาง เพราะพระเจ้าทรงเป็นผูป้ ระทานคุณธรรมเหล่านีแ้ ก่ เรา และเมื่อได้รับแล้วเราก็ต้องตอบสนองด้วยการเชื่อ หวังและรักพระเจ้าด้วยสิ้นสุด จิตใจเช่นกัน - โดยสรุปแล้ว เราสามารถเข้าใจเกี่ยวกับคุณธรรม 3 ประการ ได้ดังนี้ 1. ความเชื่อ คือ คุณธรรมความเชื่อที่พระประทานให้แก่ผู้รับศีลล้างบาป เวลา เดียวกัน เขาต้องยืนยันถึงความเชื่อที่เขามีต่อพระเจ้า แม้ในบางเวลาที่เขาไม่สามารถ เข้าใจถึงน้ำ�พระทัยของพระเจ้าได้ - เล่าเรื่อง “ลูกเชื่อ” เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจประสบการณ์ของผู้ที่เชื่อ
☆
เรื่อง “ลูกเชื่อ” ท้ายแผน
12
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- ผู้สอนยกตัวอย่างเหตุการณ์ต่างๆ ที่เรียกร้องการตอบสนองด้วยความเชื่อ เพื่อ ให้ผู้เรียนตอบว่าในเหตุการณ์นั้นๆ เขาจะมีปฏิกิริยาอะไร? เช่น เมื่อบางคนใน ครอบครัวเสียชีวิต เมื่อพบความทุกข์ยากลำ�บาก เมื่อถึงเวลาต้องไปร่วมมิสซา ฯลฯ 2. ความหวัง คือ คุณธรรมความไว้ใจที่คริสตชนมีต่อพระเจ้าว่า พระเจ้าผู้ทรง สัตย์ซื่ออย่างไม่มีขอบเขตจะประทานสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญา คือความสุขนิรันดรแก่ เขา ดังนั้นเราจะมีความหวังในชีวิตเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่น เมื่อเราเองหรือคนที่ เรารักป่วยหนัก... เมื่อเรารู้สึกท้อแท้ น้อยใจกับชีวิต... ฯลฯ 3. ความรัก คือ คุณธรรมความรักทีพ่ ระเจ้าผูท้ รงเป็นองค์ความรักทรงประทาน ให้แก่เรามนุษย์ เช่น รักพระเจ้าด้วยการซือ่ สัตย์ตอ่ การสวดภาวนา ไปร่วมมิสซา ปฏิบตั ิ พระบัญญัตขิ องพระองค์ ฯลฯ และรักเพือ่ นมนุษย์ดว้ ยการเสียสละตนเอง ให้สงิ่ ทีด่ กี ว่า แก่คนอื่น เช่น แบ่งปันสิ่งต่างๆ ที่เพื่อนต้องการ ช่วยพ่อแม่ที่บ้าน แบ่งขนมให้พี่น้อง ฯลฯ - เป็นคุณธรรมทั้ง 3 ประการนี้เองที่ทำ�ให้คริสตชนแตกต่างจากผู้นับถือศาสนา อื่นโดยสิ้นเชิง เพราะช่วยให้เราสามารถเจริญชีวิตด้วยมิติเหนือธรรมชาติ คือ ด้วย ความเชือ่ ความหวังและด้วยความรัก ด้วยการสร้างความสนิทสัมพันธ์กบั พระองค์โดย ทางเพื่อนพี่น้อง 6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนปฏิบัติความเชื่อและความหวังด้วยการไปร่วมพิธีมิสซาฯ สวดบทแสดง ความเชื่อ ความไว้ใจ และความรักทุกวัน และแสดงความรักต่อเพื่อนพี่น้องอย่างเป็น รูปธรรม 7 ภาวนาปิด - สวดภาวนาบทแสดงความเชื่อ บทแสดงความหวัง และบทแสดงความรัก พร้อมกัน 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ..............................................................................................................................................................................
13
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ให้ตอบคำ�ถามต่อไปนี้ตามคำ�สั่งของผู้สอน
สิ่งที่ฉันเชื่อเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................
สิ่งที่ฉันหวัง .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................
สิ่งที่ฉันรัก .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................
14
ใบความรู้ 1 : ความเชื่อ (ccc 1814-1816; เทียบ คุณธรรมในสถานศึกษา ของคุณพ่อไพยง มนิราช หน้า 40-42) - คือ คุณธรรมเหนือธรรมชาติที่ทำ�ให้เราเชื่อมั่นคงในพระเจ้า และความจริงทั้งหลายที่ทรงไขแสดง ต่อเรา และทีพ่ ระศาสนจักรศักดิส์ ทิ ธิส์ งั่ สอนให้เราเชือ่ (ccc 1814) ด้วยความเชือ่ นัน้ มนุษย์มอบตนเองทัง้ หมด แด่พระเจ้าโดยเสรี เพราะเหตุนี้ผู้มีความเชื่อแสวงหาที่จะรู้จักและกระทำ�ตามน้ำ�พระทัยของพระเจ้า “ผู้ชอบ ธรรมจะเจริญชีวิตโดยทางความเชื่อ” (รม 1:7) ความเชื่อที่มีชีวิตนั้น “เกิดผลโดยทางความรัก” (กท 5:6; รม 1:17) “ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณย่อมตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำ�ก็ย่อมตายแล้วฉันนั้น” (ยก 2:26) เมื่อเอาความเชื่อแยกจากความหวังและความรัก ความเชื่อก็ไม่สามารถทำ�ให้คริสตชนเป็นหนึ่ง เดียวกับพระคริสตเจ้าได้อย่างเต็มเปี่ยม และไม่สามารถทำ�ให้เขาเป็นสมาชิกที่มีชีวิตชีวาในพระกายของ พระองค์ (ccc 1815) - ความเชื่อเป็นคุณธรรมทางสติปัญญา เพราะความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่มาประสบด้วยตนเอง แต่เป็นเรื่อง การใช้สติปัญญาเพื่อจะเข้าใจและมอบจิตใจของตนต่อผู้ที่เข้าใจและเชื่อถือ “ความเชื่อคือ ความมั่นใจในสิ่งที่ เราหวังไว้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่เรามองไม่เห็น” (ฮบ 11:1) - ความเชือ่ เป็นพระพรของพระจิตเจ้าทีช่ ว่ ยให้เราเข้าใจพระองค์งา่ ยขึน้ ทำ�ให้เรามีความรูใ้ นพระองค์ อย่างชัดเจน เป็นการแสดงออกถึงสิ่งที่ตนศรัทธาแบบที่สามารถอุทิศตนหรือสละได้ทุกอย่างเพื่อกระทำ�ตาม ความเชื่อนั้น นี่คือพลังด้านความเชื่อที่เราพบในโลกปัจจุบัน
- เนื้อหาของความเชื่อคาทอลิก คือ
ก) ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า ข) ความจริงเกี่ยวกับข้อคำ�สอนของพระเจ้าและพระศาสนจักรคาทอลิก ค) ความจริงเกี่ยวกับคำ�สอนของพระศาสนจักรคาทอลิก
15
ใบความรู้ 2 : ความไว้ใจ (ความหวัง) (ccc 1817-1821; เทียบ คุณธรรมในสถานศึกษา ของ คุณพ่อไพยง มนิราช หน้า 43-46) ความไว้ใจ (ความหวัง) คือ คุณธรรมเหนือธรรมชาติที่ทำ�ให้เราไว้ใจในพระเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพ และสัตย์ซอื่ ต่อพระสัญญาของพระองค์ และในพระทัยเมตตาของพระองค์ พระองค์จะประทานความสุขนิรนั ดร แก่เรา พร้อมทั้งวิธีการที่จะทำ�ให้เราได้มาซึ่งความสุขนั้นด้วย ความหวังเป็นความตั้งใจในความดีที่เป็นไปได้ และมั่นใจว่าจะต้องเกิดผลดี เราปรารถนาพระอาณาจักรสวรรค์และชีวิตนิรันดรให้เป็นความสุขของเรา โดย มอบความมั่นใจไว้ในคำ�มั่นสัญญาของพระคริสตเจ้าและไม่ไว้วางใจในพละกำ�ลังของตนเอง แต่ด้วย พระหรรษทานความช่วยเหลือของพระจิตเจ้า “เราจึงยึดมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการประกาศความหวังที่เรามี อยู่ เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงประทาน พระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์” (ฮบ 10:23) ความหวังของคริสตชนนั้นเปิดเผยตั้งแต่การเริ่มเทศนาของพระเยซูเจ้า ในบทเทศน์บนภูเขา บรมสุข นัน้ ก็ยกระดับความหวังของเราสูฟ่ า้ สวรรค์เหมือนเป็นแผ่นดินใหม่ตามพระสัญญา บรมสุขนัน้ คือการเดินตาม รอย โดยผ่านทางการทดลองต่างๆ คล้ายกับบรรดาอัครสาวกของพระเยซูเจ้า แต่อาศัยผลบุญกุศลของ พระเยซูคริสตเจ้าและมหาทรมานของพระองค์ พระเจ้าได้ทรงเฝ้ารักษาเราไว้ใน “ความหวังนีไ้ ม่ท�ำ ให้เราผิด หวัง” (รม 5:5) ความหวังเป็นประดุจ “สมอที่ยึดจิตใจเราให้ปลอดภัยและมั่นคง ความหวังนี้จะผ่าน ‘ที่ที่ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปล่วงหน้าเพื่อเห็นแก่เรา’” (ฮบ 6:19-20) ความหวังนัน้ ให้ความปิตยิ นิ ดีแก่เราแม้ในยามถูกทดลอง “จงชืน่ ชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทน ต่อความทุกข์ยาก” (รม 12:12)
ในความหวังนัน้ พระศาสนจักรอธิษฐานให้ “มนุษย์ทุกคนได้รับความรอด” (1ทธ 2:4)
เป้าหมายของความหวังมี 2 ประการ คือ
ก) ความสุขในชีวิตนิรันดร ข) ความดีของพระเป็นเจ้า
บาปที่ผิดต่อความหวัง คือ
ก) ความสิ้นหวัง ข) การสมมติฐาน
16
ใบความรู้ 3 : ความรัก (ccc 1822-1829; เทียบ คุณธรรมในสถานศึกษา ของ คุณพ่อไพยง มนิราช หน้า 47-51) ความรัก คือ คุณธรรมเหนือธรรมชาติทที่ �ำ ให้เรารักพระเจ้าเหนือกว่าทุกสิง่ เพราะเห็นแก่พระองค์ และ รักเพื่อนมนุษย์ของเราเหมือนกับรักตัวเราเองเพราะเห็นแก่ความรักต่อพระเจ้า นิยามความรักมาจากศัพท์ ภาษากรีก (Charis) ซึ่งแปลว่า พระหรรษทาน ความช่วยเหลือ ความสงสาร พระเยซูเจ้าทรงทำ�ให้ความรักเป็นพระบัญญัติใหม่ (ยน 13:34) ทรงรักสาวกของพระองค์จนถึงที่สุด (ยน 13:1) พระองค์ตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านอย่างนั้น จงดำ�รงอยู่ในความรัก ของเราเถิด” (ยน 15:9) และยังตรัสอีกว่า “นี่คือบัญญัติของเรา คือ ให้ท่านทั้งหลายรักกันและกัน เหมือน อย่างที่เรารักท่าน” (ยน 15:12) พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพราะความรักต่อเรา แม้เรายังเป็น “ศัตรู” (รม 5:10) น.เปาโลพรรณนาถึงความรักยิ่งใหญ่หาที่เปรียบมิได้ว่า “ความรักย่อมอดทน มีใจเอื้อเฟื้อ ไม่โอ้อวด ตนเอง ไม่จองหอง ไม่หยาบคาย ไม่เห็นแก่ตัว ความรักไม่ฉุนเฉียว ไม่จดจำ�ความผิดที่ได้รับ ไม่ยินดีในความชั่ว แต่ร่วมยินดีในความถูกต้อง ความรักให้อภัยทุกอย่าง เชื่อทุกอย่าง หวังทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง” (1 คร 14:4-7) ความรักอยู่เหนือคุณธรรมทั้งปวง เป็นคุณธรรมเทววิทยาที่มาเป็นอันดับแรก “ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวัง และความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมดก็คือ ความรัก” (1 คร 13:13) การปฏิบัติคุณธรรมทั้งปวงนั้นได้รับชีวิตและการดลใจจากความรักซึ่ง “รวมเราไว้ให้เป็นอันหนึ่งอัน เดียวกันอย่างสมบูรณ์” (คส 3:14) เป็นที่มาและจุดหมายปลายทางของการปฏิบัติของคริสตชน ความรักรับ ประกันและชำ�ระความสามารถทีจ่ ะรักแบบมนุษย์ให้บริสทุ ธิ์ ยกระดับความรักให้สมบูรณ์เหนือธรรมชาติแบบ ความรักของพระเจ้า ผลของความรักคือ ความปิติยินดี สันติสุขและความเมตตากรุณา ความรักเรียกร้องความใจกว้างและ การแก้ไขข้อบกพร่องแบบพี่น้อง เป็นความหวังดี กระตุ้นให้เกิดความร่วมมือร่วมใจ มิตรภาพและความกลม เกลียวกัน ไม่ใส่ใจในผลประโยชน์
เป้าหมายของความรักมีสามทิศทางคือ ก) พระเจ้า ข) ตนเองและเพือ่ นพีน่ อ้ ง ค) ศัตรูและผูเ้ บียดเบียน
แนวปฏิบัติความรักมีดังนี้คือ ก) ความรักไม่มีขอบเขตจำ�กัด ข) ความยุติธรรมคือพื้นฐานของ ความรัก ค) อย่าห้ามใครกระทำ�ความดี ง) จงช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ พฤติกรรมที่ขัดกับคุณธรรมความรักคือ ก) การไม่สนใจในผู้อื่น ข) การเกลียดชังเพื่อนพี่น้อง ค) การเป็นที่สะดุด
17
เรื่อง “ลูกเชื่อ” ครั้งหนึ่งที่ประเทศอเมริกา ในรัฐแคริฟอร์เนีย มีไฟไหม้ในบ้านหลังหนึ่ง ทุกคนพยายามวิ่งหนีออก จากบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อเอาชีวิตรอด บังเอิญมีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ “เดนิส” อายุ 3 ขวบ ยังคงติดอยู่ที่บ้าน ชั้นบน เธอร้องไห้ด้วยความกลัวเพราะไฟกำ�ลังใกล้เข้ามาแล้ว ในห้องเต็มไปด้วยควันไฟหนาทำ�ให้เธอมอง ไม่ค่อยเห็นอะไร และไม่ทราบว่าจะไปที่ประตูห้องได้อย่างไรเพราะมีไฟอยู่ที่ประตู ขณะนั้นพอดีพ่อของเธอไปทำ�ธุระนอกบ้าน เมื่อรู้ข่าวจึงรีบกลับบ้านทันที เขารีบค้นหาลูกสาวแต่ไม่ พบ จึงร้องเรียกเสียงดังว่า “เดนิสๆ ลูกอยู่ที่ไหน? ได้ยินเสียงของพ่อหรือเปล่า?” เมือ่ เด็กหญิงได้ยนิ เสียงของพ่อจากด้านล่างของหน้าต่าง เธอดีใจมากและรูส้ กึ ทันทีวา่ เธอมีความหวัง ทีจ่ ะออกไปจากทีน่ นั่ ได้ จึงรีบไปทีห่ น้าต่างมองหาพ่อและตอบตะโกนเสียงดังว่า “พ่อจ๋า ลูกอยูน่ ี่ ช่วยลูกด้วย ลูกกลัวจริงๆ” แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปหาพ่อได้อย่างไร? เพราะเธออยู่ที่ห้องชั้นบน ส่วนพ่ออยู่ข้างล่าง พ่อจะมา ช่วยเธอได้อย่างไร? เมือ่ พ่อเห็นว่าไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้อกี แล้ว เพราะไฟไหม้ชนั้ ล่างเต็มไปหมด ไม่ปลอดภัยแน่นอน เขาจึงไปยืนที่ใต้หน้าต่างบานนั้น แล้วตะโกนบอกลูกสาวว่า “เดนิส กระโดดลงมาเลยลูก ไม่ต้องกลัวเพราะ พ่อจะรอรับลูกอยู่ข้างล่าง” แต่ขณะนั้นควันไฟหนาขึ้น ทำ�ให้เดนิสไม่สามารถมองเห็นพ่อของเธอได้ เธอจึงร้องบอกพ่อว่า “พ่อ อยู่ไหน? ลูกไม่กล้ากระโดด เพราะลูกมองไม่เห็นพ่อเลย” แล้วเด็กน้อยก็ร้องไห้หนักขึ้น เพราะรู้สึกว่าเธอคง ไม่มีหวังรอดแล้ว พ่อได้ยินดังนั้นจึงกล่าวแก่ลูกสาวว่า “เดนิส ฟังพ่อนะ ลูกไม่ต้องกลัว พ่ออยู่นี่แล้ว ลูกไม่เห็นพ่อก็ไม่ เป็นไร แต่พ่อเห็นลูก กระโดดลงมาเถอะ พ่อจะรับลูกไว้ได้อย่างปลอดภัยแน่นอน” ได้ยนิ ดังนัน้ เด็กน้อยจึงรวบรวมความกล้าทัง้ หมด ด้วยความไว้ใจเต็มร้อยต่อผูเ้ ป็นพ่อ เธอจึงกระโดด ลงไปจากหน้าต่างนั้น แม้ว่าจะมองไม่เห็นพ่อของเธอก็ตาม
ที่สุด เด็กน้อยก็ปลอดภัย เพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อพ่อ
18
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
เรื่อง พระเยซูเจ้าประทานพระจิตแก่เรา
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.2 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่าก่อนจะเสด็จสู่สวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงให้บรรดาสาวกสานต่อ พันธกิจของพระองค์ โดยได้ประทานพระจิตเจ้า “พระผู้ช่วย” แก่พวกเขา เพราะพระจิตเจ้า คือผู้เดียวที่จะช่วยพวกเขาให้ทำ�พันธกิจนั้นสำ�เร็จได้ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนสำ�นึกถึงการประทับอยู่ของพระจิตเจ้าในตนเสมอ ตอบสนองการดลใจ ของพระองค์ด้วยการเลือกปฏิบัติสิ่งที่ “ดีกว่า” สาระการเรียนรู ้ ตลอดพระชนม์ชีพของพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงกระทำ�ภารกิจตามน้ำ�พระทัยของพระบิดาอย่างเป็นหนึ่ง เดียวกับพระจิตเจ้าเสมอ พระจิตเจ้าทรงช่วยนำ�ทาง เป็นแสงสว่าง ให้พละกำ�ลังแก่พระองค์ในการทำ�ให้แผนการไถ่บาปมนุษย์ ได้สำ�เร็จไป เป็นแผนการที่ไม่ง่ายสำ�หรับพระเยซูเจ้าเพราะเรียกร้องการเสียสละทั้งชีวิตของพระองค์ แต่พร้อมกับพระจิตเจ้า พระองค์ได้ทรงทำ�ให้สำ�เร็จไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด ก่อนเสด็จสู่สวรรค์ พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้บรรดาสาวกสานต่อพันธกิจ ของพระองค์ในการประกาศถึงพระอาณาจักรของพระเจ้าและทำ�ให้พระอาณาจักรนัน้ ไปสูม่ นุษย์ทกุ คน จึงทรงประทานพระจิต เจ้าแก่พวกเขาเพื่อช่วยให้พวกเขาได้กระทำ�ภารกิจนั้นให้สำ�เร็จลุล่วงไปด้วยดี ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียนด้วยบท “อัญเชิญพระจิตเจ้า” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ผู้สอนแจกใบงานที่ 1 ซึ่งมีโจทย์คณิตศาสตร์ชั้น ม.3 ให้ผู้เรียนหาคำ�ตอบ ภายในเวลา 5 นาที สังเกตดูปฏิกริ ยิ าของผูเ้ รียนแต่ละคน แล้วเก็บใบงานที่ 1 เมือ่ หมด เวลา - วิเคราะห์พร้อมกับผู้เรียนถึงความรู้สึกที่เกิดเมื่อต้องหาคำ�ตอบของโจทย์ที่ยาก เกินกำ�ลังของตนเอง โดยให้ผู้เรียนแบ่งปันความรู้สึก ประสบการณ์ - จากนั้น ผู้สอนเฉลยวิธีแก้โจทย์นั้นจนได้คำ�ตอบที่ถูกต้อง - ผู้สอนถามผู้เรียนต่อไปว่า เมื่อมีผู้ช่วยอธิบายจนเข้าใจและหาคำ�ตอบได้แล้ว มี ความรู้สึกอย่างไร? - เสวนากันต่อไปว่า ในชีวิตจริงเราพบประสบการณ์แบบนี้บ้างหรือไม่? หรือว่า ในชีวิตมีแต่สิ่งง่ายๆ ที่เรารู้แล้ว หรือพบคำ�ตอบได้อย่างสบายๆ - ตามปกติก็จะพบประสบการณ์ทั้ง 2 แบบ คือ มีสิ่งง่ายที่เราสามารถแก้ปัญหา เองได้ และมีทั้งปัญหายากๆ ซึ่งเราไม่สามารถแก้ไขคนเดียวได้ - หากเป็นกรณีหลัง เรามักจะทำ�อย่างไร? เพราะเหตุใด?
☆
ใบงานที่ 1
19
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
3 พระวาจา (ยน 8:12) - พระวรสารเล่าว่าพระเยซูเจ้าเองทรงยืนยันถึงการประทานพระจิตในเหตุการณ์ หนึง่ คือ “ในวันสุดท้ายของเทศกาลอยูเ่ พิงซึง่ เป็นวันสำ�คัญทีส่ ดุ พระเยซูเจ้าทรงยืนและ ตรัสเสียงดังว่า ผู้ใดกระหาย จงมาหาเราเถิด ผู้ที่เชื่อในเรา จงดื่มเถิด ตามที่พระคัมภีร์ กล่าวว่า “ลำ�ธารที่ให้ชีวิตจะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น” พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้หมาย ถึงพระจิตเจ้า ซึ่งผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รับ” (ยน 7:37-39) - เมื่อพระเยซูเจ้ากำ�ลังจะจากโลกนี้ไป พระองค์ทรงชุมนุมกับบรรดาศิษย์ “ผู้ที่ มาชุมนุมกับพระเยซูเจ้า ทูลถามพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า พระองค์จะทรงสถาปนา อาณาจักรอิสราเอลอีกครัง้ หนึง่ ในเวลานีห้ รือ” พระองค์ตรัสตอบว่า “ไม่ใช่ธรุ ะของท่าน ทีจ่ ะรูว้ นั เวลาทีพ่ ระบิดาทรงกำ�หนดไว้โดยอำ�นาจของพระองค์ แต่พระจิตเจ้าจะเสด็จลง มาเหนือท่านและท่านจะรับอานุภาพเพือ่ จะเป็นพยานถึงเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทัว่ แคว้น ยูเดีย แคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน เมือ่ ตรัสดังนีแ้ ล้ว พระองค์เสด็จขึน้ สวรรค์ ต่อหน้าเขาทั้งหลาย เมฆบังพระองค์จากสายตาของเขา” (กจ 1:6-9) 4 อธิบายพระวาจา - เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเจริญพระชนม์ถึงช่วงท้ายๆ แล้ว พระองค์ทรงทราบดีว่า บรรดาสาวกยังไม่มีความเชื่อ ความเข้าใจ และความกล้าหาญเพียงพอที่จะสืบทอด พันธกิจของพระองค์ ซึง่ เรียกร้องการเสียสละด้วยชีวติ จึงทรงบอกให้พวกเขารูล้ ว่ งหน้า ว่า พระองค์จะประทาน “พระผู้ช่วย” ที่จะทำ�ให้พวกเขาเข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับพระองค์ อีกทั้งจะช่วยพวกเขาให้สามารถประกาศถึงพระองค์อย่างกล้าหาญ และเป็นประจักษ์ พยานถึงพระองค์จนวาระสุดท้าย - “พระผู้ช่วย” นั้นคือองค์พระจิตเจ้า ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าตลอด ชีวิตบนโลกนี้ของพระองค์ พระจิตเจ้าทรงกระทำ�ทุกสิ่งพร้อมกับพระเยซูเจ้าเสมอ ทรง เป็นแรงขับเคลื่อนภายในที่ช่วยให้พระองค์กระทำ�ตามน้ำ�พระทัยของพระบิดาในทุก กิจการ - ดังนั้นจึงไม่มีใครดีกว่า “พระจิตเจ้า” อีกแล้วที่จะช่วยบรรดาสาวกให้สานต่อ พันธกิจของพระองค์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด - เมื่อพระเยซูเจ้าจะต้องจากโลกนี้ไป พระองค์จึงประทานพระจิตเจ้า “พระ ผูช้ ว่ ย” ประเสริฐสุดให้แก่บรรดาศิษย์ เสมือนเป็นมรดกล้�ำ ค่าเพือ่ ช่วยพวกเขาให้กระทำ� พันธกิจที่พระองค์ทรงมอบหมายให้จนสำ�เร็จไปด้วยดี 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ประสบการณ์ของเรากับพวกสาวกก็คล้ายคลึงกัน เฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่เรา ต้องทำ�สิ่งที่ดูเหมือนเกินกำ�ลัง - หลังจากที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว สาวกทุกคนมีแต่ความกลัว ซึ่งหากเป็น เช่นนีเ้ รือ่ ยไปแผนการทุกอย่างคงล้มเหลวแน่นอน ดังนัน้ พระจิตเจ้าจึงมาช่วยพวกเขา ให้กลายเป็นคนใหม่
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
20
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- เราก็เช่นกัน เมื่อใดที่รู้สึกว่าสิ่งที่ต้องทำ�หรือมีปัญหาชีวิต เราก็อยากจะมีผู้ช่วย ที่ทำ�ให้เรื่องนั้นเบาบางลงหรือพบทางออกที่ดีที่สุด - หลายครั้ง เราอาจพบบางคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เรื่องหนักจึงกลายเป็น เบา แต่อีกบางครั้งก็เหมือนกับว่าไม่มีใครช่วยได้เลย ทำ�ให้รู้สึกโดดเดี่ยว โศกเศร้า ท้อแท้ สิ้นหวัง ฯลฯ - ในเวลาที่รู้สึกเช่นนั้น ให้เรามั่นใจว่า “พระผู้ช่วย” คือพระจิตเจ้าทรงอยู่ใกล้ชิด เราเป็นพิเศษ พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเรา แต่ต้องการให้เรามั่นใจถึงการประทับอยู่ของ พระองค์ ทรงพร้อมจะให้ความช่วยเหลือแก่เราตลอดเวลา เพียงแต่เราต้องเปิดใจรับ การดลใจของพระองค์ให้เลือกทำ�ในสิง่ ทีด่ ี ซึง่ ตามปกติกม็ กั จะเรียกร้องการเสียสละจาก เราด้วยเสมอ - บ่อยครัง้ การซือ่ สัตย์ตอ่ หน้าทีค่ ริสตชนของเรา เรียกร้องให้เราต้องเป็นประจักษ์ พยานถึงพระเยซูคริสตเจ้าด้วยชีวิต ต้อง “ตายต่อตนเอง” หมายความว่า ตายต่อนิสัย ไม่ดี ความโอนเอียงทางบาป ราคะตัณหา ความเห็นแก่ตวั ฯลฯ ทีท่ �ำ ให้เราตกเป็นทาส ของบาปและปีศาจ แต่เราจะสามารถเอาชนะความไม่ดีทั้งหมดนี้ได้ หากเรายึดองค์ พระจิตเจ้าเป็นผู้ส่องสว่างและนำ�ทาง - ยิ่งกว่านั้นไม่เพียงพอที่เราจะเจริญชีวิตแบบคริสตชน “โหลๆ” ด้อยคุณภาพ แบบแค่ผ่าน 50% เพราะอาจทำ�ให้คนอื่นรู้สึกว่าศาสนานี้ไม่น่าศรัทธาเลยก็ได้ เราจึง เจริญชีวติ คริสตชนให้เข้มข้นเต็ม 100 หรือเกิน 100 เลยก็ยงิ่ ดี เพือ่ เราจะได้ปา่ วประกาศ ถึงพระอาณาจักรพระเจ้าด้วยความมั่นใจและอย่างน่าเชื่อถือ 6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนสำ�นึกถึงการประทับอยู่ของพระจิตเจ้าในตนเสมอ ตอบสนองการดลใจ ของพระองค์ด้วยการเลือกปฏิบัติสิ่งที่ “ดีกว่า” 7 ภาวนาปิด - ให้ตัวแทนผู้เรียน 1 คน นำ�สวดภาวนาจากใจ โมทนาคุณพระเยซูเจ้าที่ทรง พระทัยดีประทานพระจิตเจ้าให้เป็น “พระผู้ช่วย” แก่เรา 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................
21
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ให้ทำ�โจทย์เรขาคณิตนี้ ภายในเวลา 5 นาที
25 17
X=? คำ�สั่ง จงหาว่า X มีค่าเท่าไร ? เฉลยคำ�ตอบ วิธีทำ� จากทฤษฎีพิทากอรัส : 
a2 + b2 = c2
เมื่อ  a และ  b คือ ความยาวของด้านประกอบมุมฉาก และ  c คือความยาวของด้านตรงข้ามมุมฉาก ดังนั้นสามารถเทียบสมการใหม่ได้ดังนี้ :
x2 + 172 = 252 x2 = 252 - 172 ดังนั้น
x = 252 - 172 x = 625 - 289 x = 336 x = 18.33
22
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง พระจิตและพระคุณ 7 ประการ
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.3 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้เกี่ยวกับพระจิตเจ้าและพระคุณ 7 ประการของพระองค์ รวมทั้งความหมาย ของพระคุณทั้ง 7 ประการ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อให้ผู้เรียนเปิดใจรับพระจิตเจ้า และปฏิบัติตนตามการดลใจของพระองค์ สาระการเรียนรู ้ โดยทางศีลล้างบาป พระจิตเจ้าประทับอยู่ในเรา ทำ�ให้เราเป็นเสมือน “พระวิหาร” เป็นบุตรบุญธรรมของ พระเจ้า ทำ�ให้คริสตชนเรียกพระเจ้าว่า “พระบิดา” ได้ พร้อมกับการมาประทับของพระจิตเจ้าในตัวเรา พระองค์ได้ประทาน พระพร เพื่อเราจะได้มั่งคั่งด้วยพระพร ทำ�ให้เรากลายเป็นบุตรบุญธรรมที่เปี่ยมด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ในเวลาเดียวกันเรา ก็ต้องเจริญชีวิตให้สอดคล้องกับพระคุณอันยิ่งใหญ่นี้ด้วย ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / ทำ�สมาธิสัก 2-3 นาที / สวดภาวนาก่อนเรียน / หรือร้องเพลงเทเซ่ “เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า” ประมาณ 2-3 รอบ / ทบทวนเนื้อหาคำ�สอนครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ถามนักเรียนว่าเคยได้ยินพูดถึง “พระจิตเจ้า” บ้างไหม? เมื่อไร? แล้วได้ยิน พูดถึงในลักษณะไหนบ้าง? มีความเข้าใจเกี่ยวกับพระจิตเจ้าดีมากน้อยเพียงใด? - พระจิตเจ้าทรงมีบทบาทอย่างไรบ้างต่อโลก ต่อมนุษย์ และต่อเราแต่ละคน? ความสัมพันธ์ของพระจิตเจ้ากับคริสตชนเป็นอย่างไร? - จากที่เคยเรียนรู้มา พระจิตเจ้าทรงมีรูปปรากฏ (สัญลักษณ์) เป็นอะไรบ้าง? - พระคัมภีร์ได้เคยกล่าวถึงพระจิตเจ้าไว้อย่างไรบ้าง? และในที่ใดบ้าง? 3 พระวาจา “เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟังขณะที่เรายังอยู่กับท่าน แต่พระผู้ช่วยเหลือ คือ พระจิตเจ้าทีพ่ ระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานัน้ จะทรงสอนท่านทุกสิง่ และจะทรง ให้ทา่ นระลึกถึงทุกสิง่ ทีเ่ ราเคยบอกท่าน” (ยน 14:25-26) “พระจิตเจ้าจะเสด็จมาเหนือ ท่าน และท่านจะรับอานุภาพเพื่อจะเป็นพยานถึงเราจนถึงสุดปลายแผ่นดิน” (กจ 1:8) 4 อธิบายพระวาจา - พระเยซูเจ้ากับพระจิตของพระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอ ดังนั้น กิจการที่ พระเยซูเจ้าทรงกระทำ� พระจิตของพระองค์กท็ รงกระทำ�ด้วย กิจการของพระองค์จงึ เป็น กิจการที่ดี ศักดิ์สิทธิ์ และพอพระทัยพระบิดาเสมอ
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ซีดีเพลงเทเซ่ และชีทเพลง “เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า” ท้ายแผน
☆
☆
เสวนา ถาม-ตอบ
23
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- แต่บรรดาศิษย์ที่ติดตามพระเยซูเจ้าไม่สามารถเข้าใจคำ�พูดและกิจการของ พระองค์ได้ทงั้ หมด เพราะเป็นสิง่ ทีย่ ากเนือ่ งจากมีมติ เิ หนือธรรมชาติอยูด่ ว้ ย และเพราะ บรรดาศิษย์เองก็ยังหลงอยู่กับความต้องการฝ่ายโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองและ ด้านส่วนตัว ทำ�ให้พวกเขาไม่สามารถเข้าใจตัวพระเยซูเจ้าและงานของพระองค์ได้อย่าง ชัดเจน รวมทั้งไม่กล้าที่จะลงทุนลงแรง 100% เพื่อพระอาณาจักรของพระองค์ด้วย เพราะกลัวผลร้ายที่อาจจะตามมา - พระเยซูเจ้าทรงทราบดีถึงความจริงประการนี้ พระองค์จึงทรงปรารถนาจะช่วย ให้บรรดาศิษย์ก้าวพ้นจากความมืดดังกล่าว ซึ่งมีวิธีเดียวคือ ประทานพระจิต เพื่อให้ พวกเขาหลุดพ้นเป็นอิสระจากบ่วงที่ครอบงำ�นั้น พระองค์ทรงต้องการให้พวกเขาเป็น ประจักษ์พยานถึงพระองค์ดว้ ยชีวติ เพราะหากขาดพระจิตแล้วทุกอย่างก็ไม่สามารถจะ สำ�เร็จไปได้ - พระคัมภีรก์ ล่าวถึงพระจิตเจ้าในพันธสัญญาเดิมหลายตอน เช่น ในการสร้าง โลก “ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินก็วา่ งเปล่า ความมืด อยู่เหนือน้ำ� และพระจิตของพระเจ้าปกคลุมอยู่เหนือน้ำ�นั้น” (ปฐก 1:1-2) เมื่อเจิม ดาวิดให้เป็นกษัตริย์ “ซามูเอลก็เอาขวดเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำ�มันมะกอกมาเจิมดาวิดต่อ หน้าบรรดาพีช่ าย พระจิตของพระยาเวห์ทรงสถิตอยูก่ บั ดาวิดตัง้ แต่วนั นัน้ เป็นต้นมา...” (1ซมอ 16:13) ส่วนในพันธสัญญาใหม่ก็มีกล่าวถึงอีก เช่น พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง พระจิตทรงนำ�พระเยซูไปยังที่เปลี่ยวเพื่อทดลองพระองค์ แต่พระจิตเจ้าไม่ทรงทอดทิ้ง พระองค์ “พระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปแคว้นกาลิลี พร้อมด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า” (ลก 4:14) และพระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะส่งพระจิตให้แก่บรรดาสาวก “เมือ่ พระจิตแห่ง ความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำ�ท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล” (ยน 16:13) 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ด้วยเหตุที่พระจิตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลที่ 3 ในพระตรีเอกภาพ ทรงเป็นจิต ล้วนหรือจิตบริสุทธิ์ จึงทำ�ให้เราไม่สามารถเข้าใจธรรมชาติของพระองค์ได้ด้วยคำ�พูด ทั่วไป พระคัมภีร์จึงใช้ “สัญลักษณ์” ในการพูดถึงพระองค์ เช่น เป็นรูป * “นกพิราบ” ตอนที่พระจิตเจ้าทรงเสด็จลงมาเหนือพระเยซูเจ้าเมื่อพระองค์ รับพิธีล้างจาก น.ยอห์น บัปติสต์ (ลก 3:22) * “ลิ้นไฟ” เมื่อพระจิตเจ้าทรงเสด็จมาลงเหนืออัครสาวกในวันเปนเตกอสเต (กจ 2:3-4) * “นิ้ว” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงชี้นิ้วขับไล่ปีศาจ (ลก 11:20) และในพันธสัญญา เดิมพระเจ้าทรงจารึกพระบัญญัติของพระองค์ไว้บนศิลา “ด้วยนิ้วพระหัตถ์ ของพระเจ้า” (อพย 31:18) * “มือ” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงปกมือเหนือผู้ป่วยเพื่อรักษาเขา และเหนือเด็กๆ เพื่ออวยพรพวกเขา เช่นเดียวกับที่สาวกปกมือเหนือผู้ป่วยเพื่อรักษาเขา (กจ 8:17) ฯลฯ
นำ�เสนอภาพสัญลักษณ์ : นกพิราบ/ลิ้นไฟ/นิ้ว/มือ
☆
24
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- สั ญ ลั ก ษณ์ เ หล่ า นี้ ข องพระจิ ต บ่ ง บอกเราถึ ง ฤทธานุ ภ าพของพระจิ ต เจ้ า ความสัมพันธ์ของพระองค์กบั พระบิดาเจ้า กับพระเยซูเจ้าและกับมนุษย์เองด้วย ดังนัน้ อาศัยพระจิตเจ้า เราจึงสามารถเรียกพระเจ้าได้ว่าเป็น “พระบิดา” - พระจิตเจ้าทรงความยิ่งใหญ่มากเกินที่สติปัญญามนุษย์จะเข้าใจพระองค์ทั้ง ครบได้ แต่กระนั้น พระองค์ทรงอยู่ใกล้ชิดเรามากที่สุดเพราะทรงประทับอยู่ในตัวของ เราแต่ละคนเพือ่ ช่วยเราให้เจริญชีวติ อย่างดีและศักดิส์ ทิ ธิ์ ปราศจากพระองค์แล้วเราจะ ทำ�ความดีโดยลำ�พังนัน้ ไม่ได้ อีกทัง้ จะพากเพียรซือ่ สัตย์ในการทำ�ความดียอ่ มเป็นสิง่ ที่ เป็นไปได้ยาก - เมื่อพระจิตเจ้าทรงให้ความช่วยเหลือเรามากเช่นนี้แล้ว เราจึงมีหน้าที่ตอบ สนองการดลใจของพระองค์ในการทำ�ความดี มิฉะนัน้ พระองค์จะไม่สามารถอยูก่ บั เรา ได้หากเราไม่ฟงั เสียงของพระองค์และทำ�บาปผิดบ่อยๆ ผลทีต่ ามมาก็คอื ความเสียหาย แก่ตัวเราเอง เราอาจตกเป็นทาสของบาปและห่างไกลจากพระ จนที่สุดเราอาจสูญเสีย พระหรรษทานหรือชีวิตพระในตัวเราไปก็ได้ 6 หาข้อปฏิบัติ - เปิดใจ ปฏิบัติตามการดลใจของพระจิตเจ้าด้วยการเลือกทำ�สิ่งที่ดีกว่าเสมอ 7 ภาวนาปิด - ผู้สอนนำ�สวดภาวนาจากใจ 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................................
25
เพลง “เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า” เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า เชิญมาส่องแสงด้วยไฟรักของพระองค์ เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า
ภาพสัญลักษณ์ของ “พระจิตเจ้า”
นกพิราบ
มือ
ลิ้นไฟ
นิ้ว
26
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง ผลของพระจิต
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.3 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจถึงผลของพระจิตเจ้าและความหมายที่สัมพันธ์กับชีวิตของตน “ผล” ทีพ่ ระจิตประทานให้คอื “ความรัก ความชืน่ ชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง” - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับผลของพระจิตที่ตนได้รับ สาระการเรียนรู ้ เมื่อพระจิตเสด็จเข้ามาประทับในตัวเราทางศีลล้างบาปและศีลกำ�ลัง พระองค์มิเพียงแต่ประทานพระคุณ 7 ประการแก่เราเท่านั้น แต่ยังทรงประทานผลของพระจิตแก่เราอีก เพื่อช่วยให้เราเจริญชีวิต คริสตชนอย่างเข้มแข็งในความเชื่อ แต่เพื่อให้พระคุณและผลของพระจิตเจ้าบังเกิดในชีวิตของเราได้อย่างเต็มที่นั้น จำ �เป็นที่เราจะต้องเปิดใจตอบสนองพระคุณ เหล่านั้นด้วยความมานะและเจริญชีวิตด้วยพระคุณเหล่านั้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อจะได้เป็นประจักษ์พยานเยี่ยงคริสตชนแท้ ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาโดยร้องเพลงบท “เชิญพระจิต” - ทบทวนความรู้เดิมเรื่อง พระคุณของพระจิต 7 ประการ โดยเน้นถึงบทบาท ของพระจิตในตัวเรา 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เล่าเรื่อง “ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว” - ให้ผู้เรียนทำ�ใบงานที่ 1 เป็นรายบุคคล เมื่อเสร็จแล้ววิเคราะห์พร้อมกับผู้เรียน เพื่อให้ได้คำ�ตอบที่สมบูรณ์ที่สุด ดังนี้ 1. “อะไรเป็นแรงจูงใจให้เจ้าของบ้านสาวไม่รับค่าตอบแทนจากนม แก้วนั้น?” (ได้เรียนรู้สิ่งที่แม่สอนอย่างดีและนำ�ไปปฏิบัติจริง / ความไม่โลภเงินทอง / การรู้จักช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องในยามที่เขาต้องตกทุกข์ได้ยาก รู้จักเสียสละ ไม่เห็นแก่ ตัว / ช่วยเหลือทุกคนไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แม้เป็นคนยากจนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน / รู้จักให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน) 2. “อะไรเป็นแรงจูงใจให้แพทย์ผู้นั้นไม่รับเงินค่าผ่าตัดราคาแพง?” (การรับความช่วยเหลือด้วยจิตใจทีส่ ภุ าพอ่อนโยน / ความกตัญญูรคู้ ณ ุ / การตอบแทน บุคคลทีเ่ คยช่วยเหลือตนเอง / ความประทับใจทีไ่ ด้รบั [ตัวอย่างของเจ้าของบ้าน] ทำ�ให้ เขาเลียนแบบในการทำ�ความดี / ความไม่เห็นแก่ตวั รูจ้ กั เสียสละช่วยเหลือผูอ้ นื่ โดยไม่ เห็นแก่เงินทองและไม่แสวงหาแต่ความร่ำ�รวย) 3. “เหตุใดบุคคลทั้งสองในเรื่องจึงเลือกทำ�ความดี ทั้งที่เขาอาจละเลย หรือ ไม่สนใจในบุคคลที่มาขอความช่วยเหลือก็ได้?” เพราะปกติคนเรามักจะ
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ เพลง “เชิญพระจิต” จาก หนังสือเพลงสรรเสริญสดุดี หน้า 155
☆
เรื่องเล่า “ราคาของนมสด หนึ่งแก้ว” ☆ ใบงานที่ 1/กระดาษคำ�ตอบ ☆
27
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
คุ้นเคยกับการทำ�ความไม่ดีมากกว่าการทำ�ดี ใช่หรือไม่? 4. เขาได้รับพละกำ�ลังในการทำ�ความดีจากที่ไหน? (ข้อนี้ยังไม่ต้องเฉลย คำ�ตอบ) 3 พระวาจา (กท 5:22-25) “ส่วนผลของพระจิตเจ้าก็คือ ความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซือ่ สัตย์ ความอ่อนโยน และการรูจ้ กั ควบคุมตนเอง เรือ่ ง เหล่านี้ไม่มีธรรมบัญญัติใดห้ามไว้เลย ผู้ที่เป็นของพระคริสตเยซู ก็ตรึงธรรมชาติของ ตนพร้อมกับกิเลสตัณหาไว้กับไม้กางเขนแล้ว ถ้าเรามีชีวิตเดชะพระจิตเจ้าแล้ว เราจง ดำ�เนินชีวิตตามพระจิตเจ้าด้วย” 4 อธิบายพระวาจา - ตั้งแต่วันรับศีลล้างบาป พระจิตเจ้าก็เสด็จมาประทับในตัวเราแล้ว พระองค์ไม่ เพียงมาพร้อมกับพระคุณทั้ง 7 ประการเท่านั้น แต่ยังประทานผลของพระองค์ให้อีก ด้วย นั่นคือ ความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง - ของประทานทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยเราให้เจริญชีวิตสอดคล้องกับการดลใจของ องค์จิตเจ้า ให้เรายึดมั่นในการทำ�ความดี เพื่อจะได้เจริญชีวิตเยี่ยงคริสตชนที่มั่นคง เข้มแข็งในความเชื่ออย่างแท้จริง - พระเจ้าทรงเข้าใจในความอ่อนแอของเรามนุษย์เป็นอย่างดี จึงทรงพระทัยดี ประทาน “ตัวช่วยอันทรงพลานุภาพ” ที่ดียิ่งกว่าเครื่องมือใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้องค์ พระจิตเจ้าทรงค้ำ�จุนเราในความอ่อนแอและในทุกๆ โอกาสที่ปีศาจมันจะมาผจญเรา - การพากเพียรทำ�ความดีย่อมเป็นสิ่งที่ยากสำ�หรับเรามนุษย์ แต่พระเจ้าทรง ประทานความช่วยเหลือของพระองค์แก่เราอย่างเต็มที่ 100% แล้ว เหลือแต่เพียงฝ่าย เราเท่านั้นที่จะยอมเปิดใจให้กับพระจิตเจ้าและยอมปฏิบัติตามการดลใจของพระองค์ มากน้อยแค่ไหน? 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - โดยปกติแล้ว เราจะมักคิดถึงพระจิตเจ้าและการทำ�งานของพระองค์ในตัวเรา ค่อนข้างน้อย หรือน้อยมาก หรืออาจไม่เคยคิดเลย ไม่ว่าจะคิดสำ�นึกถึงความจริงข้อนี้ มากหรือน้อย พระจิตเจ้าก็ไม่เคยหยุดทำ�งานในตัวเรา ไม่วา่ เราจะตอบสนองการดลใจ ของพระองค์มากน้อยแค่ไหน พระองค์กย็ งั คงช่วยเหลือเราอย่างเต็มที่ แต่หลายครัง้ เรา ไม่รู้สึกอะไรเพราะเรามักจะทำ�ตามความพึงพอใจของตนมากกว่าฟังเสียงของพระองค์ คือฟังเสียงของมโนธรรมนั่นเอง - ทุกครั้งที่เราทำ�ความดี เราก็จะมีความสุขมากขึ้น บุญกุศลที่เราสะสมก็มีมาก ขึ้นด้วย แต่ทุกครั้งที่เราทำ�ไม่ดี เราก็ทำ�บาปซึ่งมันจะทำ�ให้เรามีความทุกข์ไม่เร็วก็ช้า อย่างแน่นอน - เช่นเดียวกับหญิงสาวเจ้าของบ้านคนนั้น ที่เปิดใจรับการดลใจของพระจิตเจ้า
☆
พระคัมภีร์
28
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ จึงได้แรงบันดาลใจที่ดีจากพระองค์ ได้พละกำ�ลังในการทำ�ความดี และที่สุดเขาจึงได้ รับการตอบแทนที่คุ้มค่าเกินความคาดหมาย - แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม (ตามจำ�นวนที่เหมาะสม) ให้แต่ละกลุ่มศึกษาใบความรู้ ที่ 1 แล้วเขียนข้อปฏิบตั จิ ากผลของพระจิตทุกข้ออย่างเป็นรูปธรรมทีส่ ดุ แล้วนำ�ข้อปฏิบตั ิ ที่ได้จากทุกกลุ่มมาอภิปรายร่วมกัน จากนั้นให้ผู้เรียนบันทึกข้อปฏิบัติเหล่านั้นลงใน สมุดเพื่อทำ�เป็นข้อตั้งใจ - ให้ผเู้ รียนแต่ละคนแต่งบทภาวนาขอบคุณพระจิตเจ้าทีพ่ ระทัยดีประทานพระพร มากมายของพระองค์แก่เราลงในสมุด
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
☆
ใบความรู้ที่ 1/กระดาษหรือ สมุด/ปากกา
☆
กระดาษ/ปากกา
6 หาข้อปฏิบัติ - ตั้งใจเอาชนะความรู้สึกด้านลบของตน ด้วยการปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับผล ของพระจิตที่ตนได้รับ 7 ภาวนาปิด - ให้ตัวแทนนักเรียนสัก 2-3 คน สวดขอบคุณพระจิตเจ้าจากบทภาวนาที่ได้ บันทึกไว้ 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกตความสนใจ - การตอบคำ�ถาม - การร่วมกิจกรรม-กิจกรรมกลุ่ม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................
29
เรื่อง “ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว” เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กชายเคลลี่ ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เขาต้องหา เงินไปโรงเรียนเองด้วยการนำ�สิ่งของใส่กระเป๋า เดินไปขายตามบ้านที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่อ จ่ายค่ารถและค่าสินค้าแล้ว เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์เท่านั้น ขณะนั้นเขากำ�ลังหิวมาก แต่เงินสดที่ เขามีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว ดังนั้น เขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำ�ลังเดินไปถึง แต่ เมือ่ กดกริง่ หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตู เด็กชายเคลลีก่ ลับเกิดความละอายใจทีจ่ ะขออาหารเหมือนกับขอทาน เขาจึงขอเพียงน้ำ�เปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลีว่ า่ คงจะกำ�ลังหิว เธอจึงได้น�ำ เอานมสดแก้วใหญ่มา ให้เคลลี่ดื่ม เด็กชายเคลลี่ดื่มนมอย่างกระหายจนหมดแก้วแล้วถามว่า “ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ ครับ?” เจ้าของบ้านสาวตอบว่า “ไม่ตอ้ งจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รบั สิง่ ตอบแทนจากการให้น�้ำ ใจไมตรี” เคลลี่ซาบซึ้งใจมากและตอบว่า “ถ้าเช่นนั้น ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งจากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ” ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่รู้สึกว่ามีกำ�ลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโต เท่านั้น แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำ�ใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย...... อีก 30 ปีต่อมา มีหญิงคนหนึ่ง ป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ ซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ จึงส่งไปให้ แพทย์ผเู้ ชีย่ วชาญพิเศษ ด้านโรคหัวใจทำ�การรักษา เมือ่ ได้อา่ นประวัตผิ ปู้ ว่ ยแล้ว...แพทย์ผเู้ ชีย่ วชาญท่านนัน้ ได้สะดุด ใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้น จึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษ โดยใช้ อุปกรณ์ทนั สมัยทีส่ ดุ และยาราคาแพงทีด่ สี ดุ จนผูป้ ว่ ยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้าน ผูป้ ว่ ยมีความกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมืน่ ดอลลาร์ ซึ่งเธอเข้าใจว่า คงจะต้องทำ�งานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้ เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และไม่สามารถไปเบิกจากที่ไหนได้ด้วย แต่แพทย์ผเู้ ชีย่ วชาญคนนัน้ ได้บอกเจ้าหน้าทีแ่ ผนกบัญชี ให้น�ำ ใบเก็บ เงินไปให้เขา แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัด แล้วยื่นให้เจ้า หน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย ข้อความทีแ่ พทย์ผเู้ ชีย่ วชาญท่านนัน้ เขียนในใบเรียกเก็บเงินนัน้ มีวา่ “จ่าย ค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมสดหนึง่ แก้ว” ลงนาม นาย แพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่ “ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว” เป็นเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวกับ น้ำ�ใจไมตรีในต่างประเทศ (ที่มา : ธรรมวาไรตี้ http://www.dhammathai.org/dhammastory/ view.php?No=94)
30
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ตอบคำ�ถามต่อไปนี้ตามความเห็นของท่าน เมื่อเสร็จแล้วให้อภิปรายร่วมกัน 1. อะไรเป็นแรงจูงใจให้เจ้าของบ้านสาวไม่รับค่าตอบแทนจากนมแก้วนั้น? 2. อะไรเป็นแรงจูงใจให้แพทย์ผู้นั้นจ่ายเงินค่าผ่าตัดราคาแพงด้วยตนเอง? 3. เหตุใดบุคคลทั้งสองในเรื่องจึงเลือกทำ�ความดี ทั้งที่เขาอาจละเลยหรือไม่สนใจในบุคคลที่มาขอ ความช่วยเหลือก็ได้? 4. เขาได้รับพละกำ�ลังในการทำ�ความดีจากที่ไหน?
ใบความรู้ที่ 1 การรับศีลกำ�ลังทำ�ให้เราได้รับพระจิต ผู้ที่ได้รับพระจิตจะได้รับพระคุณ 7 ประการและจะทำ�ให้เกิด ผลดังนี้ ความรัก (love) เป็นความรูส้ กึ ทีม่ ากกว่าแค่อารมณ์ ความรูส้ กึ ทีอ่ บอุน่ ความรักทีเ่ กิดจากพระจิตเจ้า นั้นเป็นกิจการที่มาจากน้ำ�ใจดีที่หยิบยื่นให้กับทุกคน ความชื่นชมยินดี (joy) เป็นความมั่นใจที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจและเป็นการมองโลกในแง่ดี ไม่ สั่นคลอนแม้จะอยู่ในความยากลำ�บาก สงบสันติ (peace) ความรู้สึกสงบเยือกเย็น นิ่งแม้มีปัญหาหรืออุปสรรคใด ความเพียรอดทน (patience) ทนได้เมือ่ ต้องเผชิญหน้ากัน การท้าทาย หรือความยากลำ�บากต่างๆ โดยไม่บ่นว่า โกรธ หรือแก้แค้น ความใจดี (kindness) เห็นอกเห็นใจคนอืน่ ให้ความช่วยเหลือผูท้ ตี่ อ้ งการโดยไม่หวังผลตอบแทน ความซื่อสัตย์ (faithfulness) มีความซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า มีความสัมพันธ์ต่อพระอย่างลึกซึ้ง มีความไว้ใจและนอบน้อมต่อพระเจ้า ความสุภาพอ่อนโยน (gentleness) นอบน้อมถ่อมตนไม่จองหอง ไม่แก้ตวั หรือปกป้องตนเองตลอด เวลา หรืออวดตัว การรู้จักควบคุมตนเอง (self-control) รู้จักประมาณตนเองและรักษาดุลย์ในชีวิตรู้กาลเทศะ อะไร ควรทำ� อะไรควรละเว้น ความเมตตา (goodness) มีความรักและเอ็นดู ปรารถนาให้ผู้อื่นได้สุข โดยการช่วยเหลือ แบ่งปัน ด้วยใจเมตตา
31
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง พระจิตเป็นชีวิต
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.3 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า ชีวิตของตนมาจากพระเจ้า พระจิตที่ประทับอยู่ในคริสตชน ทรงเป็นชีวิตพระในเขา ทรงกระทำ�งานในตัวเขา เพื่อให้เขาเจริญชีวิตสมกับเป็นบุตร บุญธรรมของพระเจ้า - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนสำ�นึกถึงชีวิตพระในตนและปฏิบัติสิ่งที่ดีสมกับเป็นบุตรพระเจ้า สาระการเรียนรู้ มนุษย์เราได้รับชีวิตทั้งครบมาจากพระเจ้า บิดามารดาให้เฉพาะชีวิตร่างกายแก่เรา แต่ไม่สามารถให้ชีวิต วิญญาณได้ เพราะพระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ให้วิญญาณแก่เราได้ เมื่อรับศีลล้างบาป คริสตชนได้กลับกลายเป็นบุตรบุญธรรม ของพระเจ้า ดังนั้น จึงเป็นพระจิตเจ้าเองที่ทำ�ให้เรามีชีวิตพระที่แตกต่างไปจากคนทั่วไป ดังนั้น คริสตชนจึงต้องเจริญชีวิตด้วย ความสำ�นึกในความจริงแห่งการเป็น “บุตรพระเจ้า” ของตน และปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับศักดิ์ศรีของผู้เป็นคริสตชน เที่ยงแท้ ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ โดยเน้นว่าชีวิตร่างกายของเรามาจาก ไหน? (พ่อแม่) ชีวิตวิญญาณนั้นมาจากไหน? (พระเจ้า) พ่อแม่ไม่สามารถให้ชีวิต วิญญาณแก่เราได้ เพราะพ่อแม่เองก็รับวิญญาณมาจากพระเจ้าเช่นกัน - ชีวิตของสัตว์ก็คล้ายกับมนุษย์ แต่ต่างกันตรงที่สัตว์ไม่มีวิญญาณ สัตว์ถ่ายทอด ชีวิตต่อไปยังลูกหลานของมันแต่ละชนิดตามสายพันธุ์ของตนเช่นนี้เรื่อยไป - แล้วชีวิตมนุษย์ต่างจากสัตว์ที่ตรงไหน? และชีวิตของผู้ที่รับศีลล้างบาปแล้ว กับคนที่ยังไม่ได้รับศีลล้างบาปต่างกันตรงไหน? ให้ผู้เรียนช่วยกันวิเคราะห์ดู... 3 พระวาจา (กท 4:6-7) “ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือพระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลง มาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงอันดังว่า “อับบา พ่อจ๋า” ดังนั้น ท่านจึงไม่ เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร ถ้าเป็นบุตรก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของ พระเจ้า” 4 อธิบายพระวาจา - หลังจากที่บิดามารดาคู่แรก คืออาดัมและเอวาได้ทำ�บาปแล้ว ลูกหลานของ อาดัมเอวาทุกคนก็มีบาปกำ�เนิดไปด้วย ทำ�ให้ชะตากรรมของมนุษย์ต้องเปลี่ยนไป
☆
ให้ผู้เรียนจับคู่กันวิเคราะห์ หาคำ�ตอบทั้ง 2 ข้อ
32
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
ไม่เป็นไปตามแผนการดั้งเดิมที่พระเจ้าได้ทรงกำ�หนดไว้ (คือให้มนุษย์ทุกคนได้มี ความสุขชั่วนิรันดรกับพระเจ้า) แต่พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยเช่นนั้น พระองค์ทรง ต้องการให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอดพ้น ไม่ทรงต้องการให้เขาต้องรับโทษนิรันดร - พระเจ้าจึงทรงประทานพระเยซูคริสตเจ้ามาไถ่บาปของมนุษย์ อาศัยการทรมาน การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพขององค์พระบุตร เพื่อให้มนุษย์ได้คืนดีกับพระเจ้า อีกครั้งหนึ่ง - เหตุนี้ พระจิตจึงทรงเป็นพระบุคคลสำ�คัญที่มีบทบาททำ�ให้เราได้หลุดพ้นจาก พันธะของบาป ได้รบั การชำ�ระวิญญาณให้บริสทุ ธิจ์ ากบาป และทรงทำ�ให้เรากลายเป็น “พระวิหาร” ของพระองค์เสียใหม่ เวลาเดียวกันทรงทำ�ให้เรากลายเป็นบุตรบุญธรรม ของพระเจ้า สามารถเรียกพระองค์ได้ว่าเป็น “บิดา” และกลายเป็นทายาทมรดกล้ำ�ค่า คือ เมืองสวรรค์ 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ชีวิตของคริสตชนหลังจากรับศีลล้างบาปจึง “เปลี่ยนไป” ต่างจากชีวิตก่อน หน้านั้นหรือจากชีวิตของผู้ที่ยังไม่ได้รับพระจิตเจ้าเข้ามาในตนเอง - พระจิตเจ้าทรงทำ�งานในตัวเราอย่างไรบ้าง? (งานกลุ่ม) ☆ แบ่งกลุ่มผู้เรียนตาม - พระจิตเจ้าทรงทำ�งานในตัวเรา ด้วยการ 1. ฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงตัวเรา (“จงมีจิตใจและความรู้สึกนึกคิดอย่างใหม่ ความเหมาะสม ให้แต่ละกลุ่ม จงสวมใส่สภาพมนุษย์ใหม่ซึ่งพระเจ้าทรงเนรมิตให้เหมือนพระองค์ มีความชอบธรรม ตอบคำ�ถามว่า “พระจิตเจ้าทรง ทำ�งานในตัวเราอย่างไรบ้าง?” และความศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากความจริง” [อฟ 4:23-24]) จากนั้นให้ครูสรุปคำ�ตอบ 2. ส่องสว่างสติปัญญาของเรา (โดยการให้คำ�ตอบที่ซ่อนอยู่ในพระคัมภีร์ เช่น ทำ�ให้เราได้ข้อคิดใหม่และลึกซึ้งยิ่งขึ้นเสมอ)
3. ดลใจเรา (ทรงเป็นเพื่อนร่วมทางของเรา ไม่ทรงปล่อยให้เราเดินตาม ลำ�พัง ทรงให้กำ�ลังเราในการต่อสู้กับความอยุติธรรม ให้คำ�พูดที่เหมาะสมเมื่อถึงเวลา ให้สามารถเผชิญหน้ากับวิกฤติต่างๆ ได้) 4. บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ให้เรา (ตลอดทางเดินแห่งชีวิตฝ่ายจิตของเรา พระจิตเจ้าทรงช่วยเราให้สามารถติดตามพระเยซูเจ้าอย่างซื่อสัตย์ และทรงทำ�ให้เรา เป็นคนศักดิ์สิทธิ์) - ทั้งนี้ ก็เพื่อเราจะได้เจริญชีวิตแบบใหม่ เยี่ยงลูกของพระและไม่ใช่ทาสของบาป และปีศาจอีกต่อไป - ในเวลาเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะเรากลายเป็นบุตรของพระองค์ เราจึงต้องเจริญชีวิตเยี่ยงบุตรของพระองค์จริงๆ คือเป็นบุตรแห่งความสว่าง ไม่ใช่บุตรแห่งความมืด - ให้ผู้เรียนแต่ละคนตอบคำ�ถามจากใบงานที่ 1 แล้วสุ่มตัวแทนบางคนตอบ หน้าชั้นเรียน
☆
ใบงานที่ 1/กระดาษ คำ�ตอบ/ปากกา
33
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
6 หาข้อปฏิบัติ - ให้ผู้เรียนเลือกข้อปฏิบัติ 1 ข้อที่เห็นว่าตนมักจะทำ�ผิดในข้อนั้นบ่อยๆ 7 ภาวนาปิด - จัดบรรยากาศให้อยู่ในความเงียบสงบ / ให้ผู้เรียนนั่งสมาธิสักครู่ / คิดถึงสิ่งที่ ได้เรียน / คิดถึงการทำ�งานของพระจิตในตนเอง / รื้อฟื้นความตั้งใจที่จะปฏิบัติตาม ข้อตั้งใจที่ได้เลือกไว้ ปิดท้ายด้วยบท “วันทามารีย์” 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกตความสนใจ - การถาม-ตอบ - ความร่วมมือในการทำ�กิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ให้ตอบคำ�ถามต่อไปนี้จากประสบการณ์จริงของท่าน 1. ทำ�ไมบางครั้งท่านจึงไม่กล้าใช้พระพรหรือความสามารถของตนเพื่อส่วนรวม? 2. มีความสามารถใดที่ต้องการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่บ้างไหม? 3. พระจิตเจ้าทรงช่วยให้ท่านกล้าแสดงความเป็นตัวของตัวเองท่ามกลางผู้อื่นอย่างไรบ้าง? 4. พระพรใดที่พระจิตเจ้าประทานให้ท่านเพื่อรับใช้ส่วนรวม? 5. ท่านรู้จักใครบ้างไหมที่ได้ใช้พระพรของพระจิตเจ้าเพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ เขาช่วยอย่างไร? 6. เราจะช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไร ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมถึงการช่วยเหลือนั้น อาจจะช่วยเพื่อนคนใด คนหนึ่ง ครอบครัว วัด ชุมชน ฯลฯ 7. การไตร่ตรองเรื่องนี้ทำ�ให้ท่านเข้าใจเรื่องของพระจิตเจ้าอย่างไรบ้าง?
34
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง พระจิตเป็นความสว่าง
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.3 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่าพระจิตเป็นองค์ความสว่าง ที่ส่องสว่างตาแห่งสติปัญญาและ ดวงใจของเราให้มองเห็นความจริงของพระเจ้าและของตัวเราเองได้ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนเลือกบริโภคแต่สื่อที่ดีสำ�หรับตนและผู้อื่น สาระการเรียนรู้ พระจิตเจ้าที่ประทับอยู่ในคริสตชนจะทำ�งานในตัวเขาอย่างไม่หยุดหย่อน แต่การทำ�งานของพระองค์จะ เกิดผลได้เต็มทีก่ ต็ อ่ เมือ่ คริสตชนตอบรับการดลใจของพระองค์ เปิดตาแห่งสติปญ ั ญาและดวงใจรับแสงสว่างขององค์พระจิตเจ้า ตอบสนองการดลใจนั้นและอ่อนน้อมปฏิบัติตาม มิฉะนั้นเขาก็จะยังคงอยู่ในความมืด ไม่สามารถเห็นความสวยงามของ ทุกอย่างตามที่เป็นจริงได้ และอาจหลงอยู่ในความมืดฝ่ายจิตใจซึ่งเป็นอุปสรรคทำ�ให้เขาหาความสุขไม่ได้เลย ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ทบทวนเนื้อหาครั้งก่อนโดยสรุป - สนทนากับผู้เรียนเรื่องคนที่พิการทางสายตา โดยเน้นให้เห็นความทุกข์ที่เกิด จากความบอดมืด และความสุขที่มาจากการสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน - เล่าเรื่อง “ชายชรานามชื่อ ‘คบลิด’” - เมื่อเล่าจบแล้วให้สนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับบทสอนที่ได้จากเรื่องเล่า โดยให้ ผู้เรียนบอกถึงผลร้ายของการมองโลกในแง่ร้าย และผลดีของการรู้จักมองโลกในแง่ดี - ถามผู้เรียนว่า “อะไรคือแรงจูงใจให้มองโลกในแง่ร้าย และอะไรเป็นแรงจูงใจ ให้มองโลกในแง่ดี?” 3 พระวาจา (ยน 9:1-7) “ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำ�เนินผ่านไป พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนตาบอด แต่กำ�เนิดคนหนึ่ง บรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ ใครทำ�บาป ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด’ พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า ‘มิใช่ชายคนนี้ หรือบิดามารดาของเขาทำ�บาป แต่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพื่อให้กิจการของพระเจ้าปรากฏใน ตัวเขา’ ตราบใดทีย่ งั เป็นกลางวันอยู่ เราทัง้ หลายต้องทำ�กิจการของผูท้ ที่ รงส่งเรามา แต่ เมื่อกลางคืนมาถึง ก็ไม่มีใครทำ�งานได้ ตราบที่เรายังอยู่ในโลก เราเป็นแสงสว่างส่อง โลก เมือ่ ตรัสดังนีแ้ ล้ว พระองค์ทรงถ่มพระเขฬะลงบนพืน้ ผสมกับดิน ป้ายตาคนตาบอด แล้วตรัสกับเขาว่า ‘จงไปล้างตาที่สระสิโลอัมเถิด’ ‘สิโลอัม’ หมายความว่า ‘ถูกส่งไป’ คนตาบอดจึงไปล้างตา แล้วกลับมามองเห็น”
☆
เรื่อง “ ชายชรานามชื่อ ‘คบลิด’ ”
35
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
4 อธิบายพระวาจา - พระวาจาตอนนี้แสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงมีพระทัยอารีเสมอ ทรงทราบดี ถึงความทุกข์ยากของคนตาบอด จึงทรงสงสารและทรงยื่นพระหัตถ์ไปช่วยเหลือเขา ชายตาบอดจากเรื่องเล่านี้มิได้ร้องทูลขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ� แต่พระองค์ทรงเป็น ผู้ริเริ่มจะช่วยเขาก่อนเพราะทรงชัดเจนในพันธกิจของพระองค์ - ชายคนนี้ตาบอดมาแต่กำ�เนิด เขาไม่เคยได้เห็นความสวยงามของกลางวันเลย เพราะสำ�หรับเขามีแต่ความมืดมาตลอดชีวิต แต่ใครจะรู้ได้ เขาอาจจะมีจิตใจงดงามที่ ดึงดูดพระเมตตาของพระ ทำ�ให้เขาได้รับอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่นี้ก็ได้ - ความมืดบอดเปรียบเสมือนบ่วงพันธนาการที่ปีศาจใช้เพื่อทำ�ให้เขาเป็นทาส ของมัน พระเยซูเจ้าทรงต้องการให้บุตรทุกคนของพระเจ้ามีความสุข จึงทรงช่วยชาย คนนี้ให้พ้นจากความบอดมืดนั้น - แต่การกระทำ�ทั้งหมดของพระเยซูเจ้านั้นมีพระจิตเจ้าเป็นผู้ร่วมกระทำ�ให้สำ�เร็จ ด้วยเสมอ เพราะพระองค์ไม่เคยทำ�สิ่งใดปราศจากองค์พระจิตเจ้าเลย ดังนั้น ชายตา บอดสามารถมองเห็นได้ก็อาศัยพระจิตเจ้าที่ทรงประทานความสว่างให้แก่ตาแห่ง ร่างกายและจิตใจของเขานั่นเอง 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เมื่อตาแห่งร่างกายมองเห็นชัดเจน เราก็สามารถมองเห็นความสวยงามของ โลก ทำ�สิ่งต่างๆ อย่างถูกต้องและคล่องตัวได้ เช่นเดียวกัน หากตาแห่งจิตใจไม่พิการ และสามารถเห็นอะไรได้อย่างถูกต้องชัดเจน เราก็จะสามารถกระทำ�สิ่งต่างๆ ในด้าน จิตใจอย่างถูกต้องเช่นกัน - ดังนี้ เราจึงต้องการความช่วยเหลือจากพระจิตเจ้า ต้องการให้พระองค์มาส่อง สว่างจิตใจของเราให้หายจากความมืดบอด จากพันธนาการของปีศาจทีค่ อยชักจูงให้เรา ทำ�บาป ซึง่ เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ตา่ งๆ แต่ถา้ เราอยูใ่ นแสงสว่างของพระจิตเจ้าแล้ว โลกก็จะชัดสดใส เราก็จะเลือกสิ่งที่ดีและถูกต้องให้แก่ชีวิต ดังนี้เราก็จะมีความสุขได้ - เมื่อตาแห่งร่างกายมองเห็นชัดเจน เราก็สามารถมองเห็นความสวยงามของ โลก ทำ�สิ่งต่างๆ อย่างถูกต้องและคล่องตัวได้ เช่นเดียวกัน หากตาแห่งจิตใจไม่พิการ และสามารถเห็นอะไรได้อย่างถูกต้องชัดเจน เราก็จะสามารถกระทำ�สิ่งต่างๆ ในด้าน จิตใจอย่างถูกต้องเช่นกัน 6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนเลือกบริโภคแต่สื่อที่ดีสำ�หรับตนและผู้อื่น 7 ภาวนาปิด - จัดให้ผู้เรียนนั่งเป็นวงกลม หลังจากสงบนิ่งสักครู่ให้ผู้สอนจุดเทียน 1 เล่มไว้ ตรงกลางให้ทุกคนมองเห็น - ผู้สอนพูดเชิญชวนให้ทุกคนมองดูเทียน ไตร่ตรองเกี่ยวกับแสงของเทียนที่ให้ ความสว่างและความอบอุ่น ซึ่งเป็นสิ่งจำ�เป็นสำ�หรับการดำ�รงชีวิตของมนุษย์
☆
เทียน / ไฟแช็ค
36
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ - การตอบคำ�ถาม - การให้ความร่วมมือ 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
เรื่อง “ชายชรานามชื่อ ‘คบลิด’” คบลิดเป็นชายชราที่อาศัยอยู่ในกระท่อมแห่งหนึ่ง เขาแก่ชรามากจนลืมไปแล้วว่าเขาเคยเป็นวัยรุ่น และเป็นเด็ก ยิ่งกว่านั้นบางคนบอกว่า เขาไม่เคยเป็นเด็กมาก่อนด้วยซ้ำ� เขามักนั่งอยู่หน้ากระท่อม มองเหตุการณ์รอบตัวและคนที่ผ่านไปมาอย่างไร้ความรู้สึกใดๆ ไม่เคย เศร้าหรือยินดียินร้ายต่ออะไรทั้งสิ้น ไม่เคยร้องไห้แต่ก็ไม่เคยหัวเราะ ไม่เคยรู้สึกพิศวงต่อสิ่งใดเลย แต่เนื่องจากเขาเป็นคนสูงวัยจึงมีบางคนไปหาเขาเพื่อขอคำ�แนะนำ�ในบางเรื่อง เช่น เยาวชนถามว่า “เราจะมีความสุขความยินดีได้อย่างไร?” เขาตอบว่า “จะอยากมีความสุขความยินดีไปทำ�ไม? มีแต่คนบ้า เท่านั้นที่คิดเรื่องนี้ เพราะความยินดีไม่มีในโลก!” ผูท้ เี่ ป็นพ่อแม่กถ็ ามว่า “เราจะอบรมลูกๆ ของเราอย่างไรดี?” คำ�ตอบของเขาคือ “ลูกๆ ก็เป็นเหมือน งูร้าย เขาไม่มีวันจะดีได้หรอก ไม่วันใดก็วันหนึ่งพวกเขาจะหันมาทำ�ร้ายเราแน่นอน!” บางคนปรารภว่า “เราอยากทำ�ความดี โดยอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น” เขาตอบว่า “คนที่อยาก ทำ�ความดีเพื่อผู้อื่นเป็นพวกบ้าที่ไร้ประโยชน์จริงๆ !” เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ไป ดังนั้น เขาจึงได้ชื่อว่า “คบลิด” เพราะคำ�ตอบแบบนี้นั่นเอง ไม่นานนัก... ผู้คนในหมู่บ้านนั้นจึงกลายเป็นคนเฉื่อยเฉย ไม่มีชีวิตชีวา สิ้นหวัง เพราะเขาได้แพร่ เชื้อ “มองโลกในแง่ร้าย” ในใจของทุกคน เมื่อเป็นเช่นนี้ พระเจ้าผู้ทรงเฝ้าระวังเหตุการณ์ทั้งหลายทรงทนไม่ได้อีกต่อไป ตรัสว่า “นายคบลิด คนนี้กำ�ลังทำ�ลายทุกอย่าง ไม่ว่าคนหรือโลก เขาทำ�ให้คนเมืองนั้นมีท่าทีผิดๆ เราจะแก้ไขอย่างไรดี?” ทันใดนั้น พระองค์ทรงเรียกเด็กเล็กๆ มาคนหนึ่ง ตรัสสั่งว่า “ไปหาชายแก่คนนั้น และจูบเขาหนึ่ง ที” ทั้งนี้เพราะเขาไม่เคยได้รับการจูบจากเด็กคนไหนเลย เด็กคนนั้นจึงรีบไปหาเขา และจูบที่หน้าผากของเขาหนึ่งที ชายชรานั้นตกตลึง พิศวงงงงวย อึ้งและ นิ่งไปชั่วครู่เพราะไม่เคยมีใครจูบเขาแบบนี้มาก่อนเลย ทันใดนั้น เขาก็ได้สัมผัสกับความชื่นชมยินดีที่รู้สึกว่า “มีคนรักเขา”
37
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง พระจิตเป็นความรัก
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.3 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูว้ า่ พระจิตทรงเป็นองค์แห่งความรัก ระหว่างพระบิดาและพระบุตร เป็นองค์ พระจิตเองทีใ่ ห้แสงสว่าง พละกำ�ลังแก่เราในการเจริญชีวติ ในความรักต่อทุกคน ไม่วา่ จะป็น ผู้ที่เราชอบหรือไม่ก็ตาม - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนปฏิบัติความรักต่อบุคคลรอบข้าง เฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่ตนไม่ชอบ สาระการเรียนรู้ พระเจ้าทรงสรรพานุภาพ ทรงความยิ่งใหญ่สูงสุดอย่างไม่มีขอบเขต ในเวลาเดียวกันพระองค์ทรงเป็นองค์ ความรัก ความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตรนัน้ เข้มข้นมากมายอย่างไม่มขี อบเขตเช่นกัน ความรักนัน้ คือองค์พระจิตเจ้าเอง ดังนั้น คริสตชนจะเจริญชีวิตในความรักได้ก็โดยความช่วยเหลือขององค์พระจิตเจ้าเท่านั้น จึงจำ �เป็นที่เราจะต้องเปิดใจรับ ความรักของพระและถ่ายทอดความรักนั้นแก่ผู้อื่นอาศัยองค์พระจิตเจ้าด้วย ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน “บทอัญเชิญพระจิต” / ทบทวนเนื้อหาครั้ง ก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ร้องเพลง “รักที่อบอุ่น” (ประกอบท่า) - ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ว่า “สิ่งใดบ้างจำ�เป็นเพื่อการดำ�รงชีวิตอยู่?” โดยเริ่มจาก ด้านวัตถุ แล้วนำ�ไปถึงด้านจิตใจ - ผู้สอนเน้นให้เห็นว่า หากขาดความรักแล้ว มนุษย์เราจะเป็นอย่างไร? จะมี ความสุขได้ไหม? ปัญหาต่างๆ มากมายของสังคมเกิดจากการขาดความรักใช่ไหม? แล้วตัวผูเ้ รียนเองทำ�ประสบการณ์แบบนีอ้ ย่างไร? เมือ่ ได้รบั ความรักเป็นอย่างไร? เมือ่ ขาดความรักเป็นอย่างไร? - จริงๆ แล้วเราอยากให้ชีวิตของเราเป็นอย่างไร? อย่างมีความสุขใช่หรือไม่? ใครจะช่วยเราได้? 3 พระวาจา (รม 5:4-8) “ความพากเพียรก่อให้เกิดคุณธรรมที่แท้จริง คุณธรรมที่แท้จริงก่อให้เกิด ความหวัง ความหวังนี้ไม่ทำ�ให้เราผิดหวัง เพราะพระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เรา ได้หลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจของเรา ขณะที่เรายังอ่อนแอ พระคริสตเจ้า สิน้ พระชนม์เพือ่ คนบาปตามเวลาทีก่ �ำ หนด ยากทีจ่ ะหาคนทีย่ อมตายเพือ่ คนชอบธรรม บางครั้งอาจจะมีคนยอมตายแทนคนดีจริงๆ ได้ แต่พระเจ้าทรงพิสูจน์ว่าทรงรักเรา เพราะพระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเราขณะที่เรายังเป็นคนบาป”
ซีดีเพลงชุด “รักที่อบอุ่น” เพลงที่ 1/เครื่องเล่นซีดี/ เนื้อเพลง
☆
38
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
4 อธิบายพระวาจา - “...พระจิตเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานให้เราได้หลั่งความรักของพระเจ้าลงในดวงใจ ของเรา” ทรงเป็นองค์ความรักระหว่างพระบิดาและพระบุตร พระจิตจึงทรงเป็นหนึ่ง เดียวกับพระบิดาและพระบุตรในทุกกิจการ ดังนั้นทุกกิจการของพระเยซูเจ้าต่อมนุษย์ ก็ล้วนแต่เป็นการแสดงถึงความรักของพระองค์นั่นเอง - น.เปาโลบรรยายถึง “ความรัก” เชิงรูปธรรมในจดหมายถึงชาวโคโลสีว่า “ท่าน เป็นผูท้ พี่ ระเจ้าทรงเลือกสรร เป็นผูศ้ กั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็นทีร่ กั ของพระองค์ จงเห็นอกเห็นใจ กัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็นเสมือน เครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน หากมีเรื่องผิดใจกันก็จงยกโทษ กัน องค์พระผูเ้ ป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่าง นั้นเถิด แต่สิ่งที่สำ�คัญกว่าสิ่งใดก็คือ ความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่าง สมบูรณ์ ขอให้สันติสุขของพระคริสตเจ้าครอบครองดวงใจของท่าน พระเจ้าทรงเรียก ท่านทั้งหลายให้รวมเป็นกายเดียวกันก็เพื่อจะได้บรรลุถึงสันติสุขนี้เอง จงระลึกถึง พระคุณนี้เถิด” (คส 3:12-15) - การที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ ก็คือทรงให้มนุษย์มี ความคล้ายคลึงกับพระองค์ ทั้งในเรื่องความอมตะของวิญญาณ และความรักในจิตใจ ยิ่งเราสามารถรักผู้อื่นได้มากเท่าใด เราก็จะยิ่งคล้ายกับพระองค์มากขึ้นเท่านั้น - พระจิตเจ้า องค์ความรักที่ประทับอยู่ในเรานั่นแหละทำ�ให้เรามีภาพลักษณ์ของ พระเจ้า คือทำ�ให้เรามีความรักในใจ เป็นความรักที่เราได้รับจากพระองค์และเป็น ความรักทีเ่ ราตอบสนองความรักของพระองค์ เพราะความรักย่อมตอบแทนด้วยความรัก 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - การปฏิบัติความรักต่อผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง เฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เราไม่ชอบนั้น เป็นสิ่งที่ยากมากเพราะมนุษย์มีขอบเขตจำ�กัด - เราจึงชอบให้ทุกคนรักเรามากกว่า เพราะเป็นสิ่งง่ายและเราจะรู้สึกดีเสมอ แต่ ถ้าเราต้องแสดงความรักต่อคนอื่นบ้าง เราจะรู้สึกลำ�บากทันที เพราะส่วนใหญ่เรามัก จะเห็นแก่ตนเอง (เห็นแก่ตัว) และไม่พร้อมที่จะเสียสละเพราะความรักย่อมเป็น การเสียสละตนเองเสมอ - การมอบความรักของเราต่อคนที่น่ารักและคนที่เราชอบย่อมไม่ยากมากนัก แต่ กับคนที่ไม่น่ารักและเราไม่ชอบย่อมเป็นสิ่งฝืนธรรมชาติมาก - แต่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องให้เรารักทุกคนอย่างไม่เลือกทีร่ กั มักทีช่ งั ไม่ลำ�เอียง ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร อยู่ในสภาพใดก็ตาม เพราะคริสตชนต้องเจริญชีวิตถึงระดับ “High class” ไม่ใช่ “Low class” มิฉะนั้นก็เท่ากับเป็นคริสตชน “ห่วยๆ” แค่นั้นเอง - หากเราต้องปฏิบัติแบบนี้ด้วยตนเอง อาจเป็นไปไม่ได้ แต่เราจะทำ�ได้ก็โดย อาศัยองค์พระจิตเจ้า เพราะพระองค์คือองค์แห่งความรักที่อยู่ในใจของเรา ทรงพร้อม จะช่วยเราตลอดเวลา เราจึงต้องภาวนาต่อองค์พระจิตและเปิดใจปฏิบัติตามการดลใจ ของพระองค์
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
39
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ - เล่าเรื่อง “หัวใจงดงามที่สุดในโลก” แล้วให้ผู้เรียนวิเคราะห์บทสอนที่ได้ (ความรักต้องมีการเสียสละเสมอ)
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆
เรื่อง “หัวใจงดงามที่สุดใน โลก” ท้ายแผน
6 หาข้อปฏิบัติ - ปฏิบัติความรักต่อทุกคน เฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ชอบ แล้วบันทึกไว้ทุกวัน 7 ภาวนาปิด - สวด “บทแสดงความรัก” อย่างตั้งใจพร้อมกัน 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกตความสนใจ - การตอบคำ�ถาม - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ .............................................................................................................................................................................
เพลง “รักที่อบอุ่น” ความรักของพระเจ้า เป็นรักที่อบอุ่น ความรักของพระเจ้า เป็นรักที่อบอุ่น ความรักของพระเจ้า เป็นรักที่อบอุ่น โอ๊ะ โอ๊ะ รักที่อบอุ่น สูงกว่าฟากฟ้านภาลัย ลึกกว่าห้วงท้องทะเลใด กว้างกว่าพิภพที่กว้างไกล โอ๊ะ โอ๊ะ รักที่อบอุ่น
40
เรื่อง “หัวใจงดงามที่สุดในโลก” ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ตะโกนท่ามกลางฝูงชนว่า “ผมมีหัวใจงดงามที่สุดในโลก” ผู้คนที่ได้ยินต่างเห็น ด้วยกับเขา เพราะดวงใจของเขานั้นสมบูรณ์แบบจริงๆ ไม่มีจุดบกพร่องใดแม้แต่น้อย ไม่เคยมีหัวใจที่งามเช่น นี้มาก่อนเลย ยิ่งมีคนชมมาก เขาก็ยิ่งหยิ่งจองหองมากขึ้นทุกวัน แต่ชายชราคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางผู้คนเช่นกัน กล่าวว่า “เอ... ถ้าจะพูดกันตรงๆ ดวงใจ ของเธอสวยน้อยกว่าดวงใจของฉันตั้งเยอะ!” แล้วนั้นก็แสดงหัวใจของเขาให้ทุกคนดู เป็นดวงใจที่เต้นอย่าง แรง แต่เต็มไปด้วยแผลเป็น เบีย้ วๆ บางแห่งเนือ้ แหว่งหายไปแต่กม็ อี กี ชิน้ หนึง่ มาปะแทนที่ บางทีก่ แ็ หว่งเป็น รูแต่ไม่มีชิ้นส่วนใดมาปิด ทุกคนมองดูอย่างงงงวย ถามกันว่า ทำ�ไมเขาจึงอ้างว่าหัวใจของเขางดงามกว่าของ หนุ่มคนนั้นได้? ชายหนุ่มจึงกล่าวว่า “ท่านกำ�ลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? ลองเปรียบเทียบกันดูก็เห็นชัดเจนว่า ของใคร สวยงดงามกว่ากัน?” “ใช่แล้ว” ชายชรากล่าวต่อ “แม้ดวงใจของเธอจะดูเหมือนสมบูรณ์ครบครัน แต่ฉันจะไม่ยอมแลก เปลีย่ นกับดวงใจของฉันอย่างเด็ดขาด เพราะแต่ละแผลทีเ่ ห็นนัน้ คือบุคคลทีฉ่ นั ได้ให้ความรักแก่เขา ฉันได้เอา เสี้ยวดวงใจหนึ่งของฉันให้เขาไป แล้วเขาก็ได้ตอบแทนฉันด้วยเสี้ยวดวงใจของเขาเช่นกัน เมื่อนำ�มาปะมันจึง มีขนาดไม่เท่ากัน ส่วนบางแห่งที่ยังคงเป็นรูแหว่งอยู่นั้น เพราะบางคนเขาไม่ได้ตอบแทนความรักของฉัน นี่แหละความรักคือการเสี่ยง แต่ไม่ว่ารูแหว่งเหล่านั้นจะเจ็บปวดหรือเปิดกว้างเพียงใด มันก็ทำ�ให้ฉันคิดถึง ความรักที่ฉันมีต่อพวกเขาอยู่เสมอ ใครจะรู้ วันหนึ่งเขาอาจกลับมาเติมที่ว่างในใจของฉันให้เต็มก็ได้ เดี๋ยวนี้ เธอเข้าใจหรือยังว่า ความรักแท้นั้นคืออะไร?” ได้ฟังดังนั้น ชายหนุ่มจึงยืนตะลึง พูดไม่ออก น้ำ�ตาเริ่มไหลอาบแก้ม แล้วเอาหัวใจของเขาส่วนหนึ่ง ส่งให้ชายชราด้วยมืออันสัน่ เทา ชายชรารับไว้แล้วเอาใส่ชอ่ งว่างในใจของเขา จากนัน้ ก็เอาส่วนหนึง่ ของใจเขา ส่งให้ชายหนุ่มใส่ในช่องนั้นที่ว่างอยู่ มันไม่พอดีกันจึงเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นชายชราจึงกล่าวว่า “หากตัวโน้ตบอกว่า โน้ตเพียงตัวเดียวไม่สามารถกลายเป็นดนตรีได้” เพลงอุปรากรก็คงไม่มวี นั เกิดขึน้ “หากคำ�พูดบอกว่า เพียงคำ�ๆ เดียวไม่สามารถกลายเป็นหน้าหนังสือได้” คงไม่มีหนังสือเกิดขึ้น “หากก้อนหินบอกว่า หินเพียงก้อนเดียวสร้างผนังบ้านไม่ได้หรอก” บ้านก็คงไม่มีวันเกิดขึ้น “หากหยดน้ำ�บอกว่า น้ำ�เพียงหยดเดียวจะกลายเป็นแม่น้ำ�ได้อย่างไร?” ก็คงไม่มีมหาสมุทรเกิดขึ้น “หากมนุษย์บอกว่า เฉพาะท่าทีแห่งความรักต่อผู้อื่นเท่านั้นไม่สามารถทำ�ให้เขามีความสุขและ เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้...” ความยุติธรรม สันติสุข และความสุขบนแผ่นดินนี้คงไม่มีวันจะเกิดขึ้น ได้ฟังดังนั้น ชายหนุ่มจึงมองที่หัวใจของตนเอง มันไม่ใช่ดวงใจที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกอีกต่อไป แต่กลาย เป็นหัวใจทีน่ า่ พิศวงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะบัดนีค้ วามรักของชายชรานัน้ ได้หมุนเวียนอยูใ่ นตัวของเขาแล้ว
41
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3
เรื่อง ศีลกำ�ลังประทานพระจิต
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.3 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1-2 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า ศีลกำ�ลังประทานพระจิตเจ้าพร้อมกับพระคุณทั้ง 7 ประการ ของพระองค์ให้แก่ผรู้ บั ทำ�ให้ผรู้ บั ศีลมีพละกำ�ลังทีจ่ ะเจริญชีวติ เป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า ต่อหน้าทุกคนได้ด้วยความมั่นคงเข้มแข็งในความเชื่อ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับพระคุณของพระจิตเจ้า สาระการเรียนรู้ ในศีลกำ�ลังคริสตชนได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม การทำ�งานของพระจิตเจ้าในตัวเขาทำ�ให้เขากลายเป็น ผู้ใหญ่ที่มั่นคงเข้มแข็งในความเชื่อ อาศัยพระคุณ 7 ประการของพระองค์เขาสามารถเจริญชีวิตตามเอกลักษณ์แท้ของคริสตชน ได้ ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาโดยร้องเพลง “เชิญพระจิต” หรือเพลง “พระคุณ พระจิตมี 7 ประการ” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนในประเด็นที่ว่า ตามปกติ เมื่อคนหนึ่งยังเป็นเด็กอยู่ ก็จะทำ� อะไรๆ แบบเด็กๆ เพราะเขายังไม่โตเต็มที่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิด หรือวิธีกระทำ�ก็ตาม - จากนั้นให้เทียบลักษณะดังกล่าวกับชีวิตด้านความเชื่อ โดยชี้ให้เห็นว่า เมื่อคน หนึ่งได้รับศีลล้างบาป ชีวิตแห่งความเชื่อของเขาก็ยังไม่เติบโตเต็มที่เช่นกัน - ยกตัวอย่างประสบการณ์ของคนที่ยังไม่เติบโตฝ่ายจิต เช่น คนที่เห็นแก่ตัว คนชอบนินทาใส่ความผู้อื่น คนหยิ่งจองหอง คนชอบเอาเปรียบผู้อื่น ฯลฯ 3 พระวาจา (กจ 2:1-4) “เมื่อวันเปนเตกอสเตมาถึง บรรดาศิษย์ทุกคนมาชุมนุมในสถานที่เดียวกัน ทันใดนั้นมีเสียงจากฟ้าเหมือนเสียงลมพัดแรงกล้า ทุกคนที่อยู่ในบ้านได้ยิน เขาเห็น เปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้น แยกไปอยู่เหนือศีรษะของเขาแต่ละคน ทุกคนได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม” 4 อธิบายพระวาจา - ก่อนวันเปนเตกอสเต (วันพระจิตเจ้าเสด็จลงมา) บรรดาสาวกของพระเยซูเจ้า มีความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องแสดงตนว่าเป็นศิษย์ของ พระเยซูเจ้า เขาไม่มคี วามภาคภูมใิ จแม้แต่นอ้ ยในเรือ่ งนี้ ทุกคนแอบอยูใ่ นห้องปิดประตู เพือ่ ไม่ให้ใครรู้ แม้วา่ จะพยายามเอาชนะความรูส้ กึ กลัวและสวดภาวนาก็ยงั ไม่สามารถ
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆
เนื้อเพลง/ซีดีเพลง/ เครื่องเล่นซีดี
42
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
เปลี่ยนแปลงตนเองได้เลย - แต่เมื่อได้รับพระจิตเจ้าแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความกลัวหายไป หมดสิ้น ทุกคน “เปลี่ยนไป” เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้งในสิ่งที่พระอาจารย์เจ้าทรงสอน เกิดความกล้าหาญอย่างประหลาด ความกระตือรือร้น ความร้อนรนในการเปิดเผย ตนเองว่าเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า กล้าที่จะประกาศยืนยันถึงพระองค์ต่อทุกคนด้วย ความมั่นใจเกินร้อยไม่ว่าจะกับใครก็ตาม
- พระจิตเจ้าทรงเข้ามาอยู่ในตัวของบรรดาสาวกหรือคริสตชนพร้อมกับพระคุณ พระจิต 7 ประการ ดังนี้คือ * พระดำ�ริ (Wisdom) - ความรู้แจ้งถึงความหมายของสรรพสิ่ง * สติปัญญา (Understanding) - การเข้าใจอย่างถูกต้องในสิ่งที่เชื่อและที่ ควรปฏิบัติ * ความคิดอ่าน (Counsel) – การตัดสินใจปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้อง * ความเข้มแข็ง (Fortitude) - การมีพลังทำ�ดี ซื่อสัตย์ต่อคำ�สัญญา * ความรู้ (Knowledge) - ความรอบรู้ในพระความจริงแห่งศาสนา * ความศรัทธา (Piety) - ความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า * ความยำ�เกรงพระเจ้า (Fear of the Lord) – ความเกรงกลัวไม่อยากทำ�บาป - ผู้สอนอธิบายความหมายของพระคุณพระจิต 7 ประการ จากนั้นแบ่งกลุ่ม ผู้เรียนตามความเหมาะสมแล้วแข่งขันกันหาพระวาจาตามใบงานที่ 1
☆
ใบงานที่ 1
☆
ใบงานที่ 2
5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - มีความจริงหนึ่งที่เราต้องสำ�นึกก็คือ “ปาฏิหาริย์” จะไม่เกิดหากเราไม่ได้ พยายามเต็มที่ นั่นก็หมายความว่า ในวันที่เรารับศีลกำ�ลังนั้นแม้พระจิตเจ้าจะเข้ามา ในใจของเราอย่างเต็มเปีย่ ม ก็ไม่ใช่วา่ เราจะกลายเป็น “นักบุญ” ในบัดดลนัน้ ได้ กล่าว คือพระองค์จะไม่ท�ำ อัศจรรย์โดยปราศจากความพยายามของเราเองด้วย เพราะ “ของดี มีคุณค่าสูงย่อมได้มายาก” มิฉะนั้นก็อาจเป็นเพียงของโหลๆ ราคาถูกๆ เท่านั้น แต่ พระพรของพระจิตไม่ใช่ - เช่นนั้น เพราะเป็นสิ่งมีค่าสูงสุดที่เราจะต้องทำ�ให้เกิดปาฏิหาริย์ในตัวเรา อาศัยความพยายามสูงสุดของเราเช่นกัน ด้วยการปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับการดลใจ ของพระจิตและตอบสนองการดลใจนั้นด้วยชีวิต - ดังนั้น เราจึงต้องสร้างความสัมพันธ์กับพระองค์ด้วยการยอมให้พระองค์ทรง (แบ่งกลุ่มผู้เรียนแล้วทำ�ใบงานที่ 2) นำ�ทางและสอนเรา ช่วยในการตัดสินใจของเรา ช่วยให้เรามองเห็นบาป ของตน และแยกแยะผิดถูกได้ ปลอบโยนเรา เมื่ อ เราตกอยู่ ใ นความยากลำ � บาก ความสั บ สนและ ความเจ็บปวด
43
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
บำ�บัดรักษาเรา จากการแตกแยกซึ่งเป็นบาดแผลในใจของเราโดยอาศัย ความรัก พระจิตเจ้าทรงรวมเราให้กลับมาคืนดีกัน เป็นหนึ่งเดียวกันกับ สิ่งสร้างกับเพื่อนพี่น้อง และกับตัวเราเอง ฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเรา โดยทรงช่วยเราให้สามารถติดต่อสัมพันธ์ ให้ เราเป็นผู้ฟังที่ดี สามารถเข้าใจและรักผู้อื่นได้อย่างดียิ่งขึ้น ช่วยให้เราภาวนา “พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ เพราะเรา ไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิ่งใดที่เหมาะสม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐาน ภาวนาวอนขอแทนเราด้วยคำ�ที่ไม่อาจบรรยาย” (รม 8:26) เสริมกำ�ลังเราด้วยพระพรต่างๆ ของพระองค์ ความสามารถที่เรามี ไม่ใช่เพื่อตัวของเราเอง แต่เพื่อความดีของโลก 6 หาข้อปฏิบัติ - เพื่อผู้เรียนปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับพระคุณของพระจิตเจ้า 7 ภาวนาปิดท้าย - ตัวแทนผู้เรียน 1 คน นำ�สวดภาวนาจากใจ 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
เพลง “เชิญพระจิต”
เชิญพระจิตฤทธิเดชเสด็จมา เชิญประสิทธิ์โปรดพระพรวรนันต์
เยือนวิญญาณ์ข้าพระองค์ที่ทรงสรรค์ เป็นมิ่งขวัญแก่วิญญาณ์ข้าพระองค์
รับ เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า เชิญเสด็จ เชิญเสด็จ พระจิตเจ้า
พระเจ้าคือผู้บรรเทาเหล่าทุกข์ร้อน พระท่อธารชูชีวีอัคคียง
พระคือพรจากเจ้าฟ้าค่าสูงส่ง พระคือรักปักปลงใจให้ปรีดา
44
ใบงานที่ 1 : แข่งขันเปิดพระคัมภีร์ คำ�ชี้แจง - ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันเปิดพระคัมภีร์ แล้วนำ�ข้อความพระวาจาใส่ในที่ว่างให้ถูกต้องและครบ สมบูรณ์ที่สุด พระคุณพระจิต 7 ประการมีดังนี้คือ พระดำ�ริ (Wisdom)
ลก 2:47 ……………………………………………………………………………………………….
ลก 10:38-42……………………………………………………………………………………..…… สติปัญญา (Understanding)
มก 8:33……………………………………………………………………………………….…....….
มธ 9:13…………………………………………………………………………………....…………..
ลก 24:25……………………………………………………………………………………..……..… ความคิดอ่าน (Counsel)
ลก 9:53-56 …………………………………………………………………………………………
ลก 12:17-21 ………………………………………………………………………………….……… ความเข้มแข็ง (Fortitude)
มธ 16:21…………………………………………………………………………………….…………
มธ 20:17 ………………………………………………………………………………...……………
มธ 21:12……………………………………………………………………………….………………
มธ 26:42………………………………………………………………………………………………
มธ 27:12,34 ……………………………………………………………………………………….…
ลก 6:7-11…………………………………………………………………………………………..…
45
ความรู้ (Knowledge)
ลก 4:17-22 ....................……………………………………………………………………………
ยน 6:6 …………………………………………………………………………………………..……
ยน 6:15 …………………………………………………………………………………................... ความศรัทธา (Piety)
ลก 2:49………………………………………………….…..…………………………………………
ลก 3:22 ………………………………………………..……………………………………...………
ลก 10:21 ……………………………………………………………………………………………… ความยำ�เกรงพระเจ้า (Fear of the Lord)
มธ 10:28……………………………………….………………………………………………………
ยน 4:23-24 …………………………………..………………………………………………………
46
ใบงานที่ 2 คำ�ชี้แจง - ให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันหาคำ�ตอบที่เป็นรูปธรรมว่า พระจิตเจ้าทรงทำ�งานในตัวเราตามหัวข้อ ต่อไปนี้ อย่างไร? และเมื่อใดบ้าง? 1) นำ�ทางและสอนเรา
ช่วยในการตัดสินใจของเรา ช่วยให้เรามองเห็นบาปของตน และแยกแยะผิดถูกได้
“เมื่อพระจิตเสด็จมา พระองค์จะทรงแสดงให้โลกเห็นความหมายของบาป ของความถูกต้องและของ
การตัดสิน” (ยน 16:7-8) 2) ปลอบโยนเรา
เมื่อเราตกอยู่ในความยากลำ�บาก ความสับสนและความเจ็บปวด
“ท่านทัง้ หลายไม่ได้รบั จิตแห่งการเป็นทาสซึง่ มีแต่ความหวาดกลัวอีกต่อไป แต่ได้รบั จิตแห่งการเป็น
บุตรบุญธรรม ซึ่งทำ�ให้เราร้องออกมาว่า ‘อับบา พ่อจ๋า’ พระจิตเจ้าทรงเป็นพยานยืนยันร่วมกับจิตของเราว่า เราเป็นบุตรพระเจ้า” (รม 8:15-16) 3) บำ�บัดรักษาเรา
จากการแตกแยกซึ่งเป็นบาดแผลในใจของเราโดยอาศัยความรัก พระจิตเจ้าทรงรวมเราให้กลับมา
คืนดีกัน เป็นหนึ่งเดียวกันกับสิ่งสร้าง กับเพื่อนพี่น้อง และกับตัวเราเอง 4) ฟื้นฟูความสัมพันธ์ของเรา
โดยทรงช่วยเราให้สามารถติดต่อสัมพันธ์ ให้เราเป็นผู้ฟังที่ดี สามารถเข้าใจและรักผู้อื่นได้อย่างดี
ยิ่งขึ้น 5) ช่วยให้เราภาวนา
“พระจิตเจ้าเสด็จมาช่วยเหลือเราผู้อ่อนแอ เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องอธิษฐานภาวนาขอสิ่งใดที่เหมาะ
สม แต่พระจิตเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอแทนเราด้วยคำ�ที่ไม่อาจบรรยาย” (รม 8:26) 6) เสริมกำ�ลังเราด้วยพระพรต่างๆ ของพระองค์
ความสามารถที่เรามีไม่ใช่เพื่อตัวของเราเอง แต่เพื่อความดีของโลก
47
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
เรื่อง การร่วมส่วนในหน้าที่ 3 ประการของพระคริสตเจ้า
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.4 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่ อ ให้ ผู้ เรี ย นรู้ แ ละเข้ า ใจความหมายของการร่ ว มส่ ว นในหน้ า ที่ 3 ประการของ พระเยซูคริสตเจ้าในฐานะที่เป็นคริสตชน คือ เป็นสงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนปฏิบัติหน้าที่ สงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์ ด้วยการเจริญชีวิตใน ความรัก รับใช้ และร่วมพิธีกรรมอย่างซื่อสัตย์ สาระการเรียนรู้ พร้อมกับการได้รับเจิมในศีลล้างบาป ผู้เป็นคริสตชนได้รับพระพรยิ่งใหญ่แห่งการเป็นบุตรบุญธรรมของ พระเจ้า ในเวลาเดียวกันยังได้รับเกียรติอันสูงส่งแห่งการร่วมส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ 3 ประการของพระคริสตเจ้าตามฐานะ แห่งการเป็นคริสตชนด้วย คือ ทำ�หน้าที่สงฆ์ ด้วยการร่วมถวายบูชาพร้อมกับพระเยซูคริสตเจ้าและพระศาสนจักร เป็น ประกาศก ด้วยการนำ� “ข่าวดีของพระเยซูคริสตเจ้า” ไปสู่บุคคลรอบข้างด้วยการกระทำ�และคำ�พูด และเป็นกษัตริย์ ด้วย การทำ�หน้าทีข่ องตนต่อบุคคลรอบข้างด้วยความความรักและความยุตธิ รรม เฉพาะอย่างยิง่ กับคนในครอบครัวหรือคนทีอ่ ยูใ่ น การปกครองของตน ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนาถึงหน้าที่ของผู้เรียนในฐานะเป็นลูกในครอบครัว (มีความกตัญญูรู้คุณ ต่อพ่อแม่ ญาติผใู้ หญ่ รูจ้ กั นบนอบเชือ่ ฟัง ช่วยเหลือทุกคนด้วยใจกว้างขวาง ฯลฯ) เป็น นักเรียนในชั้นเรียน (นบนอบเชื่อฟังครูทุกคน ขยันเรียน ร่วมกิจกรรมในชั้นเรียนและ ในโรงเรียน ฯลฯ) เป็นพลเมืองดีของชาติ (ขยันเรียน สนใจเหตุการณ์บา้ นเมือง บำ�เพ็ญ ประโยชน์เพือ่ ส่วนรวม สนใจกฎหมาย ฯลฯ) โดยเน้นถึงสิง่ ทีบ่ คุ คลหนึง่ ต้องปฏิบตั ติ าม ฐานะเหล่านี้ (อาจใช้วิธีแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม แล้วแข่งขันกันตอบทำ�คะแนนให้กลุ่ม) - จากนั้นถามผู้เรียนต่อไปว่า “ในฐานะที่เป็นคริสตชน นักเรียนทราบไหมว่า เรามีหน้าที่อะไรบ้าง?” และเราได้รับหน้าที่เหล่านั้นจากใคร? 3 พระวาจา พระเยซูเจ้า พระผู้ไถ่ ทรงมีหน้าที่ 3 ประการ คือ 1. ประกาศก : (เมื่อพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในศาลาธรรม) “...เมื่อพระเยซูเจ้าตรัส ถ้อยคำ�เหล่านี้จบแล้ว ประชาชนต่างพิศวงในคำ�สั่งสอนของพระองค์ เพราะพระองค์ ทรงสอนเขาอย่างผูม้ อี �ำ นาจ ไม่ใช่สอนเหมือนบรรดา ธรรมาจารย์ของเขา” (มธ 7:2829) 2. สงฆ์ : (น.เปาโลกล่าวว่า) “พี่น้องผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงเรียก
☆
สนทนาหรือแข่งขันตอบ คำ�ถามเป็นกลุ่ม
48
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ ท่านทุกคนเช่นเดียวกัน ท่านจึงต้องมีความคิดแน่วแน่ถงึ องค์พระเยซูเจ้าทีพ่ ระเจ้าทรง ส่งมาเป็นมหาสมณะแห่งความเชื่อที่เราประกาศยืนยัน” (ฮบ 3:1) 3. กษัตริย์ : (เมื่อเทวดาแจ้งข่าวแด่พระนางมารีย์) “...ท่านจะตั้งชื่อเขาว่า เยซู เขาจะเป็นผูย้ งิ่ ใหญ่และพระเจ้าผูส้ งู สุดจะทรงเรียกเขาเป็นบุตรของพระองค์ พระเจ้า จะประทานพระที่นั่งของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษให้แก่เขา เขาจะปกครองวงศ์ตระกูล ของยาโคบตลอดไปและพระอาณาจักรของเขาจะไม่สิ้นสุดเลย” (ลก 1:31-33)
4 อธิบายพระวาจา - พระเยซูคริสตเจ้าคือพระบุตรที่พระบิดาทรงเจิมด้วยพระจิตเจ้า ได้ทรงแต่งตั้ง ให้พระองค์เป็น “สงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์” ผลที่ตามมาคือ อาศัยศีลล้างบาป ประชากรทั้งครบของพระเจ้าก็มีส่วนร่วมในหน้าที่ 3 ประการนี้ของพระองค์ และต้อง ร่วมรับผิดชอบในพันธกิจอันมาจากหน้าที่นั้นด้วย (เทียบคำ�สอนพระศาสนจักร คาทอลิก 783-786) - ดังที่ น.เปาโลกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า เราทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป เดชะพระคริสตเยซู ก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าร่วมกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ด้วย ดังนั้น เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์อาศัยศีลล้างบาป เพื่อว่าพระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ ายเดชะพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระบิดาฉันใด เรา ก็จะดำ�เนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น” (รม 6:3-4) 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เมื่อผู้หนึ่งรับศีลล้างบาป เขาได้รับเกียรติสูงสุดจากพระเจ้า ได้รับพระพรและ พระคุณมากมายทีเ่ ปลีย่ นตัวเขาจากสภาพบาปกลายเป็น “บุตรบุญธรรมของพระเจ้า” - พร้อมกับเกียรติอันสูงส่งนี้ เขายังได้รับหน้าที่สำ�คัญ 3 ประการซึ่งมาจาก การมีสว่ นร่วมในหน้าทีข่ องพระเยซูคริสตเจ้าด้วย คือ เป็น “ประกาศกสงฆ์และกษัตริย”์ - หน้าที่ประกาศก หมายความว่า คริสตชนต้องประกาศถึงพระเยซูคริสตเจ้า โดยแสดงตนเป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์ดว้ ยชีวติ และคำ�พูด กับทุกคนในทุกโอกาส - หน้าที่สงฆ์ หมายความว่า คริสตชนต้องถวายตนเป็นพลีบูชาพร้อมกับพระเยซูคริสตเจ้า โดยการไปร่วมพิธีมิสซาฯ ในวันอาทิตย์ การถวายคำ�ภาวนา ถวายชีวิต และความสุข-ทุกข์ต่างๆ แด่พระเจ้า เพื่อตนเองและเพื่อนพี่น้อง ฯลฯ - หน้าที่กษัตริย์ หมายความว่า คริสตชนต้อง “ปกครอง” ด้วยการรับใช้ พระคริสตเจ้าในเพื่อนพี่น้องทุกคน เฉพาะอย่างยิ่งในผู้ยากจนขัดสนและผู้ทุกข์ยากใน ทุกรูปแบบ - ดังนั้น เราที่เป็นคริสตชนต้องรู้จักหน้าที่สำ�คัญเหล่านี้และตั้งใจปฏิบัติด้วย ความรับผิดชอบให้ครบสมบูรณ์ มิฉะนั้นก็เท่ากับว่าเราเป็นพลเมืองที่บกพร่องเพราะ ละเลยในการปฏิบัติหน้าที่
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
49
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนปฏิบัติหน้าที่ สงฆ์ ประกาศก และกษัตริย์ ด้วยการเจริญชีวิตใน ความรัก รับใช้ และร่วมพิธีกรรมอย่างซื่อสัตย์ 7 ภาวนาปิดท้าย - ตัวแทนผู้เรียน 1 คน นำ�สวดภาวนาจากใจ 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ - การตอบคำ�ถาม - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
50
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
เรื่อง กระแสเรียก
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.1.4 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจถึงความหมายของกระแสเรียกว่า พระเจ้าทรงมีแผนการสำ�หรับ มนุษย์แต่ละคน เป็นหน้าทีข่ องเราทีจ่ ะต้องค้นพบเส้นทางแห่งน้�ำ พระทัยพระเจ้า และตอบ สนองโดยทำ�ให้สำ�เร็จไป - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : นักเรียนสำ�รวจกระแสเรียกของตน และเลือกทางเดินชีวิตตามน้ำ�พระทัยของ พระเจ้า สาระการเรียนรู้ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มานั้น ทรงมีแผนการเฉพาะสำ�หรับเราแต่ละคน เป็น “กระแสเรียก” ที่ทุกคน ต้องใช้วิจารณญาณค้นให้พบว่า พระเจ้าทรงต้องการให้เขาเลือกทางชีวิตใด ไม่ว่าจะเป็นกระแสเรียกหลัก คือเป็นพระสงฆ์ นักบวช ฆราวาส หรือการเลือกอาชีพใดอาชีพหนึ่ง เพื่อให้เราสามารถประสบความสำ�เร็จในชีวิตตามแผนการแห่งความรักที่ พระเจ้าทรงมีต่อเราแต่ละคน ทั้งนี้โดยอาศัยความช่วยเหลือจากพระจิตเจ้าและการร่วมมือของเรา ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ผู้สอนนำ�เสนอโฆษณาชุด “พ่อ” - เมื่อจบแล้ว สรุปประเด็นที่ว่า “แรงบันดาลใจในการดำ�เนินชีวิตของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน” - ผู้สอนเล่าประวัติคนสำ�คัญหรือนักบุญ 1 องค์ แล้วให้ผู้เรียนเขียนคุณสมบัติ ของบุคคลสำ�คัญหรือนักบุญองค์นั้น โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที - ถามให้ผู้เรียนไตร่ตรองว่า ในอนาคตอยากเป็นอะไร? อยากมีอาชีพอะไร? - แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เส้นทางชีวิตแบบไหน หรืออาชีพไหนจะเหมาะกับ เรามากที่สุด? 3 พระวาจา “ท่านทั้งหลายเป็นพระกายของพระคริสตเจ้า แต่ละคนก็เป็นอวัยวะของ พระกายนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งบางคนให้ทำ�หน้าที่ต่างๆ ในพระศาสนจักรคือ หนึ่ง ให้เป็นอัครสาวก สองให้เป็นประกาศก และสามให้เป็นครูอาจารย์ ต่อจากนั้น คือผู้มี อำ�นาจทำ�อัศจรรย์ ผูร้ กั ษาโรค ผูช้ ว่ ยเหลือ ผูป้ กครอง และผูพ้ ดู ภาษาทีไ่ ม่มใี ครเข้าใจ” (1 คร 12: 27-28)
☆
โฆษณาชุด “พ่อ”
☆
ใบงานที่ 1
51
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
“พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่าง กัน แต่มอี งค์พระเป็นเจ้าเพียงองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มพี ระเจ้าพระองค์เดียว ผูท้ รงกระทำ�ทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคนเพือ่ ประโยชน์ ส่วนรวม พระจิตเจ้าประทานถ้อยคำ�ที่ปรีชาแก่คนหนึ่ง พระจิตเจ้าประทานถ้อยคำ�ที่ รอบรู้แก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกัน ประทานความเชื่อแก่อีกคนหนึ่ง พระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันประทานพระพรบำ�บัดรักษาโรค ประทานอำ�นาจทำ�อัศจรรย์ ให้อีกคนหนึ่ง ประทานให้อีกคนหนึ่งประกาศพระวาจา ให้อีกคนหนึ่งรู้จักจำ�แนกจิต ต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ และให้อีกคนหนึ่งตีความอธิบาย ความหมายของภาษานั้นได้ พระพรพิเศษทั้งมวลเป็นผลงานจากพระจิตเจ้าพระองค์ เดียว ผู้ทรงแจกจ่ายพระพรต่างๆ ให้แต่ละคนตามที่พอพระทัย” (1 คร 12:4-11) 4 อธิบายพระวาจา - น.เปาโลได้เปรียบเทียบกระแสเรียกของมนุษย์แต่ละคนเหมือนกับอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทุกอวัยวะแม้จะต่างกันแต่ก็มีความสำ�คัญเหมือนกัน - แต่ละคนแม้จะมีชีวิตที่ต่างกัน อาชีพ ฐานะในสังคมต่างกัน แต่ทุกคนมี ความสำ�คัญเท่าเทียมกัน เพราะพระจิตเจ้าทรงประทาน “กระแสเรียก” ที่แตกต่างกัน ให้แก่มนุษย์แต่ละคน - “พระเจ้าพระองค์เดียว” คือพระตรีเอกภาพ (พระบิดา พระบุตร และพระจิต) พระเจ้าองค์เดียวแต่เป็น 3 พระบุคคลที่ทรงกระทำ�กิจการต่างๆ อย่างหลากหลายใน มนุษย์ทุกคน - “ถ้อยคำ�ที่ปรีชา” ที่พระจิตเจ้าประทานให้ หมายถึง พระพรให้เทศน์ สอน ความจริงลึกซึ้งในคริสตศาสนาเรื่องพระเจ้า และชีวิตพระเจ้าในตัวเรา ได้แก่ พระสงฆ์ นักบวช - “ถ้อยคำ�ที่รอบรู้” หมายถึง พระพรที่จะเทศน์สอนความจริงเบื้องต้นของ คริสตศาสนา เป็นคำ�สอนเบื้องต้นเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า ได้แก่ ฆราวาสแพร่ธรรม กลุ่มต่างๆ และครูคำ�สอน - “ความเชื่อ” ทีพ่ ระจิตประทานให้ หมายถึง ความเชื่อที่มั่นคงเข้มแข็ง - “การจำ�แนกจิต” หมายถึง พระพรที่ช่วยแยกแยะว่า สิ่งนั้นมาจากพระจิตหรือ มาจากจิตชั่ว - “ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ” หมายถึง พระพรในการพูดภาษาแปลกๆ เช่น ใน การอธิษฐานภาวนาสรรเสริญพระเจ้า ซึ่งพระจิตเจ้าทรงดลใจให้แก่บางคน พระพรนี้ เป็นผลแรกทีแ่ ลเห็นได้เมือ่ พระจิตเจ้าเสด็จลงมาในพระศาสนจักรสมัยแรก (กจ 2:3-4; 10:44-46; 11:15; 19:6) - เมือ่ ผูส้ อนอธิบายเสร็จแล้ว ให้ผเู้ รียนสรุปเนือ้ หาทัง้ หมดโดยสร้างเป็น “แผนผัง ความคิด” ลงในใบงานที่ 2
☆
ใบงานที่ 2
52
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - มนุษย์แต่ละคนล้วนอยากมีความสุข ความสุขของมนุษย์เรานั้นย่อมมาจาก การที่ได้รู้สึกว่าตนประสบความสำ�เร็จในชีวิต - ปัจจัยสำ�คัญหนึ่งของการประสบความสำ�เร็จในชีวิตคือ การเลือกทางเดินชีวิต อย่างถูกต้อง ดังที่เราได้เห็นจากหลายๆ คนที่เขาบรรลุถึงจุดนั้นแล้ว - แต่เราที่อยู่ในวัยซึ่งยังต้องเลือกทางเดินชีวิตล่ะ? เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เส้นทาง ไหนจะเหมาะกับเรามากที่สุด สามารถนำ�เราไปสู่ความสำ�เร็จและความสุขแท้จริงได้? - บรรดาผู้มีปรีชาทั้งหลายมักสอนเราในเรื่องนี้ว่า หนทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือ พิจารณาเลือกด้วยเหตุด้วยผลให้ดีที่สุด กล่าวคือ ทำ�วิจารณญาณ นั่นเอง - สิ่งที่เราเป็นอยู่และสิ่งที่เราต้องการจะเป็นนั้น หากเป็นน้ำ�พระทัยของพระเจ้า พระองค์จะทรงเปิดทางและส่องสว่างแก่เรา เพื่อเราจะสามารถเดินไปสู่เป้าหมายนั้น แม้จะต้องฟันฝ่าอุปสรรคก็ตาม แต่หากไม่ใช่แล้ว พระองค์จะมีวิธีการที่เหมาะสมใน การชักนำ�เราให้กา้ วเดินไปในทางทีถ่ กู ต้องตามพระประสงค์ของพระองค์ ทัง้ นีย้ อ่ มขึน้ อยู่กับเราด้วยว่าพร้อมที่จะเปิดใจให้พระองค์ทรงนำ�ทางหรือไม่? - พึงระลึกเสมอว่า พระพรและความสามารถต่างๆ ที่เรามีอยู่นั้น คือของ ประทานที่พระเจ้าประทานแก่เราด้วยพระเมตตารักของพระองค์ ให้เราขอบพระคุณ พระเจ้าเสมอในทุกกรณี และมอบทุกสิ่งในพระหัตถ์ของพระองค์ด้วยความไว้วางใจ เยี่ยงบุตรต่อบิดา - กระแสเรียกที่พระประทานให้แก่เรานั้นเป็นดัง “พันธกิจ” ที่เราต้องทำ�ให้ สำ�เร็จไปด้วยความเพียรพยายามอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าพระองค์จะทรงเรียกเรา ในเส้นทางชีวิตแบบใดหรือในฐานะใดก็ตาม อีกทั้งให้เรารู้สึกภาคภูมิใจเสมอว่า เป็น พระเจ้าเองที่ทรงเรียกเราให้ “เป็น” และให้ “ทำ�” สิ่งนั้น - ให้เราเรียนรู้น้ำ�พระทัยพระเจ้าในชีวิตของเรา ตามหน้าที่การงานของเรา และ แบ่งปันความรักแก่เพื่อนมนุษย์ โดยเลียนแบบอย่างพระอาจารย์เจ้าที่ทรงใส่ใจ ดูแล ปกป้อง คุ้มครอง ช่วยเหลือและบรรเทาใจผู้ที่อยู่ในความต้องการเสมอ ดังที่ได้ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้ พักผ่อน” (มธ 11:28) - ให้ผเู้ รียนทำ� “แผนภาพความใฝ่ฝนั ” ของตนลงในสมุด จากนัน้ แต่งบทภาวนา จากใจลงในสมุดเช่นกัน 6 หาข้อปฏิบัติ - นักเรียนสำ�รวจกระแสเรียกของตน และเลือกทางเดินชีวิตตามน้ำ�พระทัยของ พระเจ้า 7 ภาวนาปิด - ให้ตัวแทนบางคนสวดภาวนาจากใจตามที่ได้บันทึกในสมุด
☆
สมุดบันทึก/ปากกา
53
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
8 การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ / ประเมินผลจากแผนภาพความใฝ่ฝัน และบทภาวนา 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ให้เขียนคุณสมบัติของบุคคลสำ�คัญที่ได้ฟัง อย่างน้อย 5 ลักษณะ 1. .................................................................................................................................................... 2. ................................................................................................................................................... 3. ................................................................................................................................................... 4. ................................................................................................................................................... 5. ...................................................................................................................................................
ใบงานที่ 2 คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนแต่ละคนสรุปเนื้อหาที่ได้เรียนโดยสร้างเป็น “แผนผังความคิด”
54
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ความหมายและผลของศีลล้างบาป
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจความหมายและผลของศีลล้างบาปว่า เป็นการชำ�ระล้างวิญญาณ ให้สะอาด ได้กลับคืนดีกับพระ กลายเป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ เป็นสมาชิกของ พระศาสนจักร และมีสิทธิ์ได้สวรรค์เป็นมรดก - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนขอบคุณพระเจ้าสำ�หรับของประทานที่ประเสริฐนี้ และประพฤติตนให้ เหมาะสมกับเป็นลูกของพระด้วยการหลีกเลี่ยงบาป สาระการเรียนรู้ หลังจากที่อาดัมและเอวาทำ�บาป ทำ�ให้มนุษย์มีบาปกำ�เนิดแล้ว มนุษย์ได้ทำ�ให้แผนการของพระเจ้า ล้มเหลวไป คือเขาไม่สามารถมีความสุขนิรันดรในสวรรค์กับพระองค์ได้อีก พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยเช่นนั้น จึงทรงส่ง พระบุตรของพระองค์มาไถ่มนุษย์ให้รอดพ้นจากบาปและความพินาศฝ่ายวิญญาณ ผลจากการไถ่บาปนี้เองจึงทำ�ให้มนุษย์ได้ รับสิทธิพิเศษมากมาย โดยเริ่มจากการรับศีลล้างบาป ซึ่งเป็นท่อธารแห่งพระหรรษทานที่ทำ�ให้เขาได้รับการล้างให้บริสุทธิ์ จากบาป ได้คืนดีกับพระ กลายเป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ และมีสิทธิ์ได้รับมรดกแห่งความสุขนิรันดรกับพระเจ้า ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน / ทบทวนเล็กน้อยเกี่ยวกับศีลศักดิ์สิทธิ์ 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากันว่า อะไรบ้างที่มีความสำ�คัญต่อร่างกายของมนุษย์มากที่สุด? - จากนั้นให้เข้าสู่ประเด็นของน้ำ� ว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้างต่อมนุษย์ในทุกๆ ด้าน? แล้วจึงเน้นความจำ�เป็นของน้ำ�ในการชำ�ระล้างให้สะอาด - เราสามารถเปรียบเทียบวิญญาณกับกระดาษขาว เมื่อวิญญาณแปดเปื้อนด้วย ☆ หยิบกระดาษขาว ชูให้ บาปก็สกปรก เหมือนกระดาษขาวทีส่ ะอาดแต่ต้องเปรอะเปือ้ นด้วยสิง่ สกปรก เน่าเหม็น ผู้เรียนดู แล้วขีดเขียนกระดาษ ให้เปื้อน เลอะเทอะ บาปเป็นอุปสรรคทำ�ให้โครงการของพระทีม่ ตี อ่ มนุษย์ไม่ส�ำ เร็จไปตามพระประสงค์ดงั้ เดิม ของพระองค์ คือทรงต้องการให้มนุษย์มีความสุขตลอดนิรันดรกับพระองค์ในสวรรค์ 3 พระวาจา (มธ 28:19) “บรรดาศิษย์ทงั้ สิบเอ็ดคนได้ไปยังแคว้นกาลิลี ถึงภูเขาทีพ่ ระเยซูเจ้าทรงกำ�หนด ไว้ เมื่อเขาเห็นพระองค์ ก็กราบนมัสการ แต่บางคนยังสงสัยอยู่ พระเยซูเจ้าเสด็จเข้า มาใกล้ ตรัสแก่เขาเหล่านั้นว่า“พระเจ้าทรงมอบอำ�นาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์ และบนแผ่นดินให้แก่เรา เพราะฉะนัน้ ท่านทัง้ หลายจงไปสัง่ สอนนานาชาติให้มาเป็น ศิษย์ของเรา ทำ�พิธลี า้ งบาปให้เขา เดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอน เขาให้ปฏิบตั ติ ามคำ�สัง่ ทุกข้อทีเ่ ราให้แก่ทา่ น แล้วจงรูเ้ ถิดว่าเราอยูก่ บั ท่านทุกวันตลอด ไปตราบจนสิ้นพิภพ”
แผ่นภาพ พระเยซูเจ้าเสด็จ ขึ้นสวรรค์/อธิบายแผ่นภาพ
☆
55
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
4 อธิบายพระวาจา - หลังปัสกา 50 วัน เมื่อพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนชีพแล้ว พระองค์ได้แสดงพระองค์ ต่อหน้าบรรดาศิษย์และประชาชนจำ�นวนมากบนภูเขาในแคว้นกาลิลี ก่อนจะเสด็จขึ้น สวรรค์ พระองค์ทรงสั่งให้บรรดาสาวกโปรดศีลล้างบาปแก่ผู้ที่เชื่อและมีความพร้อม โดยให้พวกเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อความเชื่อเสียก่อน 5 ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระเจ้าทรงรักมนุษย์มาก จึงไม่ทรงต้องการให้มนุษย์เสียวิญญาณไปอันเป็น ☆ หลังการอธิบายให้เล่นเกม ผลของบาปกำ�เนิดและบาปส่วนตัว จึงทรงให้พระบุตรมาบังเกิดเพื่อไถ่บาปของมนุษย์ แรลลี่ ดังนี้ ด้ ว ยการทรมานและสิ้ น พระชนม์ บ นไม้ ก างเขนในธรรมล้ำ � ลึ ก ปั ส กา เพื่ อ แสดง - แบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม ความรักสูงสุดของพระองค์ต่อมนุษย์ - แจกโจทย์แรกให้ เมื่อค้นคว้า - จากบุญบารมีแห่งการไถ่บาปของพระเยซูเจ้า อาศัยศีลล้างบาป มนุษย์ได้รับ หาคำ�ตอบได้แล้วจึงได้รับโจทย์ การชำ�ระล้างวิญญาณให้สะอาดบริสทุ ธิ์ ได้คนื ดีกบั พระเจ้ากลายเป็นบุตรบุญธรรมของ ที่ 2 และต่อๆ ไป จนถึงโจทย์ที่ พระองค์ ได้เป็นสมาชิกของพระศาสนจักรและได้รับมรดก มีความสุขในสวรรค์ 4 คือโจทย์สุดท้าย - เมื่อกลุ่มใดตอบคำ�ถามได้ ชั่วนิรันดร หมดแล้วให้ได้รับรางวัล - เราผู้ได้รับศีลล้างบาปแล้วทุกคน จึงควรจะขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอสำ�หรับ พระคุณอันประเสริฐสุดนี้ มิฉะนั้นแล้วเราก็คงจะไปนรกกันทุกคน ไม่มีโอกาสได้มี ความสุขในสวรรค์แน่ๆ นอกนัน้ ยังต้องตอบสนองความรักของพระเจ้านีด้ ว้ ยการรักษา จิตใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ เพราะหลังศีลล้างบาปแล้ววิญญาณของเรา สะอาดบริสุทธิ์ จึงไม่ควรทำ�ให้ต้องแปดเปื้อนอีก - สอนเรื่องพิธีการล้างบาป 6 หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนขอบคุณพระเจ้าอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงบาป แม้ที่เล็กน้อยที่สุด 7 ภาวนาปิด - ร้องเพลงพร้อมกัน “จงขอบพระคุณพระเจ้า เพราะพระองค์พระทัยดี / ความรักมั่นคงของพระองค์ ดำ�รงนิจนิรันดร์” 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ..............................................................................................................................................................................
56
ภาพ “พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์”
กิจกรรม “แรลลี่” (กิจกรรมนี้เป็นชุดเฉลย เมื่อต้องการใช้ ผู้สอนต้องลบคำ�ตอบออกก่อน แล้วจึงทำ�สำ�เนาไปใช้ โดยสามารถ ประยุกต์ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของตน) กลุ่ม 1 ภารกิจที่ 1 (การล้างวิญญาณให้สะอาด) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - ในศีลล้างบาป สิ่งใดทำ�ให้วิญญาณของเราสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากรอยแปดเปื้อนของบาปอีกต่อไป? คำ�ตอบ น้ำ� คำ�สัง่ - เมื่อตอบคำ�ถามแล้ว ให้น้องๆ เปิดพระคัมภีร์ตอน มธ 16:5-12 แล้วให้ตอบว่าเป็นเรื่องอะไร? คำ�ตอบ เรื่อง เชื้อแป้งของชาวฟาริสีและชาวสะดูสี คำ�สัง่ - เมื่อทำ�เสร็จภารกิจที่ 1 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 2 ได้เลย
57
ภารกิจที่ 2 (กลับคืนดีกับพระ เป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - หลังรับศีลล้างบาป ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าเป็นอย่างไร? คำ�ตอบ มนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้า และกลายเป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ คำ�สัง่ - ให้น้องๆ ไปดูซิว่า ดอกไม้ที่อยู่หน้าแม่พระในวัดเป็นสีอะไร? คำ�ตอบ สี...................................................................................................... คำ�สัง่ - เมื่อทำ�เสร็จภารกิจที่ 2 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 3 ได้เลย ภารกิจที่ 3 (เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - หลังรับศีลล้างบาป ความสัมพันธ์ของเรากับพระศาสนจักรเป็นอย่างไร? คำ�ตอบ ได้เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร คำ�สัง่ - ให้น้องๆ ไปนับดูว่าบันไดหน้าวัดมีกี่ขั้น? คำ�ตอบ มี...............ขั้น คำ�สัง่ - เมือ่ ทำ�เสร็จภารกิจที่ 3 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 4 ได้เลย ภารกิจที่ 4 (ได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดก) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - รับศีลล้างบาปแล้ว สิทธิ์พิเศษที่เราได้รับคืออะไร? คำ�ตอบ ได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดก คำ�สั่ง - ให้น้องๆ ไปร้องเพลงแม่พระให้ครูคำ�สอนฟัง 1 ตอน รีบไปเลยก่อนที่กลุ่มอื่นจะไปถึง เมื่อทำ� ภารกิจที่ 4 เสร็จแล้วให้น้องๆ ร้องพร้อมกันว่า “ไชโย” แล้วรับรางวัลจากครูคำ�สอนได้เลย กลุ่ม 2 ภารกิจที่ 1 (การล้างวิญญาณให้สะอาด) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - ในศีลล้างบาป สิ่งใดทำ�ให้วิญญาณของเราสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากรอยแปดเปื้อนของบาปอีกต่อไป? คำ�ตอบ น้ำ� คำ�สัง่ - เมื่อตอบคำ�ถามแล้ว ให้น้องๆ เปิดพระคัมภีร์ตอน มธ 15:32-39 แล้วให้ตอบว่าเป็นเรื่องอะไร? คำ�ตอบ เรื่อง อัศจรรย์การทวีขนมปัง ครั้งที่ 2 คำ�สั่ง - เมื่อทำ�เสร็จภารกิจที่ 1 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 2 ได้เลย
58
ภารกิจที่ 2 (กลับคืนดีกับพระ เป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - หลังรับศีลล้างบาป ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าเป็นอย่างไร? คำ�ตอบ มนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้า และกลายเป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ คำ�สัง่ - ให้น้องๆ ไปนับดูว่าบันไดหลังวัดมีกี่ขั้น? คำ�ตอบ มี.................ขั้น คำ�สัง่ - เมื่อทำ�เสร็จภารกิจที่ 2 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 3 ได้เลย ภารกิจที่ 3 (เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - หลังรับศีลล้างบาป ความสัมพันธ์ของเรากับพระศาสนจักรเป็นอย่างไร? คำ�ตอบ เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร คำ�สัง่ - ให้น้องๆ ไปดูซิว่า ดอกไม้ที่อยู่หน้าแม่พระในวัดเป็นสีอะไร? คำ�ตอบ สี................................................................................................... คำ�สัง่ - เมื่อทำ�เสร็จภารกิจที่ 3 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 4 ได้เลย ภารกิจที่ 4 (ได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดก) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - รับศีลล้างบาปแล้ว สิทธิ์พิเศษที่เราได้รับคืออะไร? คำ�ตอบ ได้รับชีวิตนิรันดรเป็นกรรมสิทธิ์ คำ�สั่ง - ให้น้องๆ ไปร้องเพลงแม่พระให้ครูคำ�สอนฟัง 1 ตอน รีบไปเลยก่อนที่กลุ่มอื่นจะไปถึง เมื่อทำ� ภารกิจที่ 4 เสร็จแล้วให้น้องๆ ร้องพร้อมกันว่า “ไชโย” แล้วรับรางวัลจากครูคำ�สอนได้เลย กลุ่ม 3 ภารกิจที่ 1 (การล้างวิญญาณให้สะอาด) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - ในศีลล้างบาป สิ่งใดทำ�ให้วิญญาณของเราสะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากรอยแปดเปื้อนของบาปอีกต่อไป? คำ�ตอบ น้ำ� คำ�สัง่ - เมื่อตอบคำ�ถามแล้ว ให้น้องๆ เปิดพระคัมภีร์ตอน มธ 15:21-28 แล้วให้ตอบว่าเป็นเรื่องอะไร? คำ�ตอบ เรื่อง พระเยซูเจ้าทรงรักษาบุตรหญิงของหญิงชาวคานาอัน คำ�สั่ง - เมื่อทำ�เสร็จภารกิจที่ 1 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 2 ได้เลย
59
ภารกิจที่ 2 (กลับคืนดีกับพระ เป็นบุตรบุญธรรมของพระเจ้า) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - หลังรับศีลล้างบาป ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าเป็นอย่างไร? คำ�ตอบ มนุษย์กลับคืนดีกับพระเจ้า และกลายเป็นบุตรบุญธรรมของพระองค์ คำ�สัง่ - ให้น้องๆ ไปดูซิว่า ดอกไม้ที่อยู่บนพระแท่นในวัดเป็นสีอะไร? คำ�ตอบ สี...................................................................................................... คำ�สัง่ - เมือ่ ทำ�เสร็จภารกิจที่ 2 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 3 ได้เลย ภารกิจที่ 3 (เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - หลังรับศีลล้างบาป ความสัมพันธ์ของเรากับพระศาสนจักรเป็นอย่างไร? คำ�ตอบ ได้เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร คำ�สัง่ - ให้น้องๆ ไปนับดูว่าเสาหน้าวัดมีกี่ต้น? คำ�ตอบ มี...............ต้น คำ�สัง่ - เมือ่ ทำ�เสร็จภารกิจที่ 3 แล้วให้น้องๆ ไปส่งคำ�ตอบที่ครูคำ�สอน และรับภารกิจที่ 4 ได้เลย ภารกิจที่ 4 (ได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดก) คำ�สั่ง - เมื่อรับคำ�ถามนี้แล้วให้น้องๆ รีบตอบให้เร็วและถูกต้องที่สุด คำ�ถาม - รับศีลล้างบาปแล้ว สิทธิ์พิเศษที่เราได้รับคืออะไร? คำ�ตอบ ได้รับชีวิตนิรันดรเป็นมรดก คำ�สั่ง - ให้น้องๆ ไปร้องเพลงแม่พระให้ครูคำ�สอนฟัง 1 ตอน รีบไปเลยก่อนที่กลุ่มอื่นจะไปถึง เมื่อทำ� ภารกิจที่ 4 เสร็จแล้วให้น้องๆ ร้องพร้อมกันว่า “ไชโย” แล้วรับรางวัลจากครูคำ�สอนได้เลย
60
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ความหมายและผลของศีลอภัยบาป
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรูแ้ ละเข้าใจถึงความหมายและผลของศีลอภัยบาปว่า เป็นเครือ่ งมือศักดิส์ ทิ ธิ์ ที่พระเจ้าทรงใช้เพื่ออภัยบาปแก่คริสตชน ทำ�ให้เขาได้รับพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร ได้ คืนดีกับพระเจ้าและพระศาสนจักร และได้รับการยกโทษนิรันดร โดยทางพระสงฆ์ซึ่งเป็น ตัวแทนของพระองค์ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เพื่อผู้เรียนไปรับศีลอภัยบาปบ่อยๆ เท่าที่จำ�เป็น สาระการเรียนรู้ ธรรมล้ำ�ลึกแห่งการไถ่บาปของพระเยซูคริสตเจ้าได้นำ�พระหรรษทานมายังมนุษย์ทุกคน ซึ่งศีลศักดิ์สิทธิ์คือ ท่อธารแห่งพระหรรษทานในหลากหลายรูปแบบ ศีลอภัยบาปเป็นเครื่องมือหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อประทานการคืนดีกับ มนุษย์หลังจากทีเ่ ขาได้ทำ�บาปแล้ว พร้อมกับการคืนดีนเี้ ขายังได้รบั คืนมาหรือได้เพิม่ พูนพระหรรษทานศักดิส์ ทิ ธิกร ทำ�ให้เขา กลับเป็นบุตรของพระเจ้าและได้เป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องในพระศาสนจักรอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะได้รับพระคุณนี้อย่างเต็มที่ คริสตชนต้องเตรียมตัวและรับศีลอภัยบาปอย่างดี ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน / ทบทวนสิ่งที่เรียนครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เปิดประเด็นสนทนาถึงประสบการณ์ของมนุษย์เราที่มักจะเคยมีความขัดแย้ง กันหรือทะเลาะกับบุคคลที่เรารักหลายๆ ครั้งเป็นเราเองที่เป็นคนผิดด้วยซ้ำ� เมื่อเวลา ผ่านไป หากเราใช้เวลาไตร่ตรองเรื่องที่เกิดขึ้นก็อาจทำ�ให้เราสำ�นึกผิดและอยากจะหา วิธคี นื ดีกบั บุคคลนัน้ ก็ได้ เฉพาะอย่างยิง่ ถ้าบุคคลนัน้ เป็นพ่อ แม่ หรือผูท้ มี่ คี วามสำ�คัญ ต่อชีวิตของเรา ในทางตรงกันข้ามบางเวลาก็อาจเป็นบุคคลเหล่านั้นเองที่ทำ�ผิดก็ได้ ซึ่งเราก็ต้องการให้เขาคิดได้และกลับมาคืนดีกับเราเช่นกัน แต่หากไม่มีการสำ�นึกผิด และการคืนดี สัมพันธภาพของทัง้ สองก็จะค่อยๆ อ่อนลงและในทีส่ ดุ ก็อาจจบไปในทาง ลบ - มีใครชอบเหตุการณ์ประเภทนี้บ้าง? ตามปกติแล้วคงไม่มีใครชอบเหตุการณ์ แบบนี้ นอกจากจะเกิดกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ยังเกิดระหว่างเรากับพระได้ด้วย เช่นเมื่อใดบ้าง? 3 พระวาจา (ลก 19:1-10) “พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโคและกำ�ลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้น ชายคนหนึ่งชื่อ ศักเคียส เป็นหัวหน้าคนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคนมากและเพราะเขาเป็นคนร่างเตี้ย เขาจึงวิ่งนำ�หน้าไป
☆
สนทนากันและวิเคราะห์ หาคำ�ตอบ
☆
ดูซีดีเรื่อง “ศักเคียส”
61
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
ปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศ เพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์กำ�ลังจะเสด็จผ่านไปทาง นัน้ เมือ่ พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงทีน่ นั่ ทรงเงยพระพักตร์ขนึ้ ทอดพระเนตรตรัสกับเขาว่า ‘ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักทีบ่ า้ นท่านวันนี’้ เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ ด้วยความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า ‘เขาไปพักที่บ้านคนบาป’ ศักเคียสยืนขึ้นทูล พระเยซูเจ้าว่า ‘พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะยกทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้แก่คนจน และถ้า ข้าพเจ้าโกงสิ่งใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสี่เท่า’ พระเยซูเจ้าตรัสว่า ‘วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์ มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น’” 4
อธิบายพระวาจา - ให้ผู้เรียนจับคู่กันอ่าน ใบความรู้ที่ 1 - จากนั้นให้ผู้เรียนบอกสิ่งที่ประทับใจที่ได้จากเรื่องนี้ - ให้ผู้สอนเน้นในเรื่องพระทัยดีของพระที่แม้มนุษย์จะเป็นฝ่ายผิด แต่พระองค์ ไม่ทรงเคยถือโกรธ ตรงกันข้าม กลับส่งพระบุตรของพระองค์มาทรมานและตายเพื่อ ไถ่บาปมนุษย์ เพื่อมนุษย์จะได้คืนดีกับพระองค์ มนุษย์เป็นใครเล่า พระองค์จึงทรง ต้องยอมทำ�ถึงเพียงนี้? ทำ�ไมพระเจ้าจึงทรงต้องเป็นฝ่ายยอมทุกอย่าง? ก็เพราะ ความรักอันหาขอบเขตไม่ได้ของพระองค์ต่อมนุษย์นั่นเอง
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - จริงๆ แล้ว หากเกิดกรณีพิพาทระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า มนุษย์จะเรียกร้อง อะไรจากพระเจ้าไม่ได้เลย เพราะมนุษย์เป็นเพียงสิ่งสร้างของพระองค์ พระองค์ทรง เป็นเจ้านายและเจ้าของสรรพสิ่งรวมทั้งตัวมนุษย์ด้วย แต่ด้วยพระทัยรักและพระทัยดี ของพระองค์ จึงทรงดำ�ริให้มีศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการคืนดี (ศีลอภัยบาป) เพื่อเป็นช่อง ทางให้มนุษย์คืนดีกับพระองค์ได้ตลอดเวลา - พระเจ้าไม่ทรงมีทิฐิ ทรงมีความสุภาพสูงสุด ดูตัวอย่างได้จากพระเยซูเจ้าที่ทรง ไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะนินทาว่าร้ายอย่างไร พระองค์ก็ทรงแวะทักทายศักเคียส ยิ่ง กว่านั้นได้เสด็จเข้าไปในบ้านของเขา ทรงเปิดโอกาสให้เขาสำ�นึกผิดและกลับใจอย่าง แท้จริง ด้วยความรักและเอื้ออาทรเดียวกันนี้เองพระองค์ก็ทรงกระทำ�กับเราด้วยเช่น กัน - แล้วเราจะสามารถตอบสนองพระองค์ให้เหมาะสมได้อย่างไร? ก็โดยการให้ ความสำ�คัญต่อศีลอภัยบาป เพราะเป็นที่ซึ่งพระเจ้าทรงใช้เพื่อการคืนดีกับเรา ประทาน พระหรรษทานแก่เรา แสดงความรักต่อเรา เป็นโอกาสประทานความรอดพ้นให้แก่ เรานั่นเอง - ให้ผู้เรียนได้ทบทวนขั้นตอนการแก้บาปอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนเตรียมตัวแก้บาปอย่างดี และไปแก้บาปทุกครั้งที่ควรจะไป
☆
ใบความรู้ที่ 1
62
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
7 ภาวนาปิด - ร้องเพลง “ยกบาปข้าเทอญ” 8 การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม 9 บันทึกผลหลังการสอน .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
63
ใบความรู้ที่ 1 ภาวนาพระวาจา
ศักเคียส
พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโค และกำ�ลังจะเสด็จผ่านเมืองนั้น ชายคนหนึ่งชื่อศักเคียส เป็นหัวหน้า คนเก็บภาษี เป็นคนมั่งมี เขาพยายามมองดูว่าใครคือพระเยซูเจ้า แต่ก็มองไม่เห็นเพราะมีคนมาก และเพราะ เขาเป็นคนร่างเตี้ย เขาจึงวิ่งนำ�หน้าไป ปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศเพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์กำ�ลังจะ เสด็จผ่านไปทางนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงที่นั่น ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ทอดพระเนตร ตรัสกับเขาว่า “ศักเคียส รีบลงมาเถิด เพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้” เขารีบลงมา ต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า “เขาไปพักที่บ้านคนบาป” ศักเคียสยืนขึ้นทูลพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าจะยก ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้แก่คนจน และถ้าข้าพเจ้าโกงสิ่งใดของใครมา ข้าพเจ้าจะคืนให้เขาสี่เท่า” พระเยซูเจ้า ตรัสว่า “วันนี้ ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วย บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อ แสวงหา และเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น” (ลก 19:1-10) -พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองเยรีโค เยรีโคเป็นเมืองมั่งคั่ง เมืองตากอากาศ ต้นปาล์ม ดอกกุหลาบ และอากาศสดชื่นดึงดูด คนมั่งมีให้แวะเวียนมา ในเวลาเดียวกันก็มีคนยากจน ที่มาขอเศษเงินหรือเก็บสิ่งที่คนมั่งมีทิ้งขว้าง พระองค์ทรงประทานความยินดีให้แก่คนตาบอด สองคนในเมืองนี้ เลยทำ�ให้มีฝูงชนติดตาม ร้องแซ่ซ้อง สรรเสริญพระองค์ ทว่า พระองค์ทรงมองด้วยสายตาของ พระเจ้า ทรงติดตามชายคนหนึง่ ซึง่ ถูกถือว่าเป็นคนบาป และพระองค์เสด็จมาที่เมืองเยรีโคก็เพื่อเขา เขาเป็นคน ร่างเล็ก ทัง้ งกและโลภ เห็นอะไรเป็นธุรกิจไปหมด คนใน เมืองเลยไม่ชอบสุงสิงด้วย เขาเป็นหนึ่งในหลายคนที่ตั้ง เงินเป็นเป้าหมายชีวิต ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกขอบคุณพระองค์ทเี่ สด็จมาทีเ่ ยรีโค เพือ่ ชายคนนี้ ซึง่ ลูกเองก็เคยดูถกู เหยียดหยาม แต่พระองค์ทรงใช้เขาเพื่อสอนลูกว่าลูกควรจะรัก ควรเข้าหาและควรปฏิบัติอย่างไรกับคนบาป
เขาจึงวิ่งนำ�หน้าไปปีนขึ้นต้นมะเดื่อเทศเพื่อให้เห็นพระเยซูเจ้า
ข้าแต่พระอาจารย์ เขาไม่รวู้ า่ พระองค์ก�ำ ลังติดตามเขาอยู่ ดังทีพ่ ระองค์ทรงติดตามคนยากจน คนบาป แต่ละคน
64
ในตัวเขาเวลานัน้ เต็มด้วยความอยากรูอ้ ยากเห็น และอาจจะคิดอยูแ่ ค่นนั้ แต่พระองค์ทรงตัง้ ใจจะช่วย วิญญาณเขาทันที เพียงแค่ให้เขาก้าวแรกออกมาด้วยน้ำ�ใจดี แม้จะเป็นก้าวสั้นๆ แม้จะเป็นก้าวที่เต็มด้วย ความน่าสมเพช เขาอยากจะเห็นพระองค์ เขาอาจจะเคยได้ยนิ คนพูดถึงคำ�เทศน์ของพระองค์ เขาอาจจะได้ยนิ คนร่�ำ ลือ เกี่ยวกับการที่พระองค์ทรงรักษาคนตาบอดที่หน้าประตูเมือง หรืออาจจะเป็นความปรารถนาจริงใจที่จะพบ พระองค์ก็ได้ แม้อาจจะรู้สึกลึกๆในใจว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ กระนั้นก็ดี เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าอย่างน้อยจะต้อง เห็นพระอาจารย์ให้ได้ หลายคนเมื่อมองขึ้นไปบนต้นไม้คงอดหัวเราะไม่ได้ที่เห็นคนใหญ่คนโตที่ทำ�หน้าที่เก็บภาษีของ ประชาชนกำ�ลังปีนป่ายตามกิ่งไม้เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง พระองค์ทรงให้รางวัลน้ำ�ใจดีของเขา พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรตรัสกับเขาว่า “ศักเคียสรีบลงมาเถิดเพราะเราจะไปพักที่บ้านท่านวันนี้” ลองคิดถึงความรูส้ กึ ของเขาในตอนนัน้ เมือ่ เขาสบตากับพระองค์ พระองค์คงได้หวั เราะด้วยความขบขัน ในขณะทีต่ รัสคำ�เหล่านี้ ใบหน้าของพระองค์มคี วามเป็นเพือ่ น ดีใจ พระองค์ทรงเป็นเพือ่ นของคนบาป พระองค์ ทรงทำ�ตัวเท่าเทียมคนบาป ทรงทำ�เหมือนกับเพื่อนของตนตกระกำ�ลำ�บากมาช้านาน ลูกชืน่ ชมมากเมือ่ พระองค์ตรัสว่า พระองค์ “จะไปพักทีบ่ า้ น” ของเขา ทำ�ไมจึงตรัสเช่นนัน้ พระเจ้าข้า? ก็เพราะพระองค์ทรงรักเขา ในเมืองเยรีโคมีหลายคนที่เป็นคนดีและสมควรจะได้รับการเยี่ยมเยียนจากพระองค์ แต่พระองค์กลับ ไปพักที่บ้านของเขาคนนี้ เพราะเขาเป็นลูกแกะหลงฝูง พระองค์จึงทรงออกตามหา เพราะเขาตกระกำ�ลำ�บาก พระองค์จึงต้องไปหาถึงที่บ้าน ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกขอโมทนาคุณพระองค์ ที่ใต้ต้นไม้นั้นพระองค์ได้แสดงให้ลูกเห็นว่าดวงพระทัย ของพระองค์ทำ�ด้วยอะไร โปรดให้ลูกจดจำ�ภาพนี้ไว้ในใจตลอดไป สำ�หรับตัวลูกเอง และสำ�หรับผู้อื่นด้วย เขาคงตกใจ อดคิดไม่ได้ว่า จะเป็นไปได้อย่างไร? ฉันเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า? พระองค์อยากจะมาพัก ที่บ้านฉันหรือนี่? เจาะจงมาบ้านฉันคนเดียว?
เขารีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความยินดี
ศักเคียสตืน่ เต้นยินดีจนทำ�อะไรไม่ถกู เขาไม่เคยคิดเลยว่าพระเจ้าจะทรงเมตตาเขาถึงขนาดนี้ พระเจ้า ทรงรักแม้ว่าเขาจะเป็นคนบาป เขานึกไม่ถึงว่าพระเจ้าจะทรงตามหาคนบาปแต่ละคน เหมือนกับที่ได้ตรัสไว้ ว่านายชุมพาบาลจะทิง้ ฝูงแกะไว้ในทีป่ ลอดภัยและออกตามหาแกะหนึง่ ตัวทีพ่ ลัดฝูง หากพระสงฆ์และผูร้ บั เจิม สามารถสร้างความตระหนักใจให้แก่คนบาป โดยเฉพาะคนที่น่าสงสารกว่าหมด ว่าพระเจ้ากำ�ลังตามหาพวก เขา พระองค์ทรงรักพวกเขามาก ก็ถือว่าเป็นการประกาศข่าวดีของพระเจ้าแล้ว ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดเรียกคนที่มีน้ำ�ใจดีให้มาเป็นความรักของพระองค์สำ�หรับเพื่อนพี่น้อง โปรด ทำ�ให้พวกเขาเข้าใจในความรักของพระองค์และสามารถทำ�ให้คนอื่นได้เข้าใจในความรักนี้ด้วย
65
ทุกคนที่เห็นต่างบ่นว่า “เขาไปพักที่บ้านคนบาป”
พระองค์ไม่ทรงสนพระทัยคำ�วิพากษ์วจิ ารณ์ ทรงทำ�เหมือนกับว่าคำ�พูดเหล่านีไ้ ม่เกีย่ วกับพระองค์ แต่ ลูกมักจะให้ความสำ�คัญแก่คำ�พูดของคนอื่นมากเกินไป ให้ความสำ�คัญแก่สิ่งที่พวกเขาพูดเกี่ยวกับลูก คอยแต่ จะสนใจว่าพวกเขาเห็นด้วยหรือไม่กับสิ่งที่ลูกเป็นและลูกทำ� บัดนีล้ กู เข้าใจแล้วว่า เพือ่ จะเป็นสาวกทีด่ ลี กู ต้องให้ความสำ�คัญแก่สงิ่ ทีพ่ ระองค์คดิ แก่เสียงทีพ่ ระองค์ ตรัสในความเงียบแห่งมโนธรรมของลูก
บุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกขอโมทนาคุณพระองค์สำ�หรับสิ่งที่พระองค์ตรัสในบ้านของศักเคียส เป็นคำ�พูดที่ น่าจดจำ� เป็นคำ�พูดที่สะท้อนถึงจิตใจของพระองค์ ทำ�ให้ลูกรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นใคร ทรงประสงค์อะไร และ ลูกต้องทำ�อะไรบ้างเพื่อให้เหมือนกับพระองค์ พระองค์ทรงเป็นความรอดสำ�หรับผู้ที่หลงผิดไป สำ�หรับผู้สิ้นหวัง สำ�หรับผู้ที่ไม่มีความสุข สำ�หรับ ผู้ที่สับสน พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างสำ�หรับผู้ที่เสาะหา ทรงเป็นความบรรเทาของผู้ต่อสู้ดิ้นรน ทรงเป็น ความยินดีสำ�หรับผู้ที่ได้พบพระองค์ พระองค์ทรงออกหาและช่วยให้ทุกคนรอด พระองค์ไม่รอ แต่ทรงออกไป ตามหาคนบาป พระองค์ ท รงลดองค์ ล งมาเพื่ อ ช่ ว ยทุ ก คน ทรงมาพบกั บ คนบาปในความสมเพชน่ า สงสารและ ความขัดสนของพวกเขา พระองค์ทรงตามหาคนบาปโดยไม่น�ำ พาต่อสิง่ ใดหรือผูใ้ ด พระองค์ไม่สนใจว่าคนอืน่ จะว่าอย่างไร ทรงเสี่ยงที่จะต้องสูญเสียชื่อเสียงอันดีงามที่คนอื่นชื่นชม ยกย่อง พระองค์ทรงทำ�เหมือนกับว่า งานของพระองค์สำ�หรับคนดีมีความสำ�คัญน้อยกว่างานของพระองค์สำ�หรับคนบาป และเพื่อไปตามหา คนบาป พระองค์กล้าเสี่ยงทำ�ตัวเป็นที่สะดุดสำ�หรับคนที่คิดว่าตนเองดีและชอบธรรมแล้ว
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ทำ�ไมพระองค์จึงทรงทำ�ถึงขนาดนี้?
เพราะพระองค์ทรงเป็นความรักและความรักมีไว้เพื่อการนี้ ยิง่ เห็นว่าคนทนทุกข์ทรมาน พระองค์ก็ยิ่ง จะทรงลดพระองค์ลงมาหาเขา ความรักมุ่งไปที่คนน่าสมเพชมากกว่าหมดความรัก ทนไม่ได้ ยิ่งรักก็ยิ่งเห็น ว่าต้องรักมากขึ้น Andrea Gasparino
66
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ความหมายและผลของศีลมหาสนิท
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจความหมายและผลของศีลมหาสนิทว่า เป็นพระกายและพระโลหิต ของพระเยซูคริสตเจ้าอย่างแท้จริง ในรูปของแผ่นปังและเหล้าองุ่น - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนเตรียมตัวและรับศีลมหาสนิทอย่างดีบ่อยๆ ด้วยความรู้ตัวถึง ความหมายของสิ่งที่ตนกระทำ� สาระการเรียนรู้ ก่อนที่พระเยซูเจ้าจะทรงจากโลกนี้ไป พระองค์ทรงมอบที่ระลึกพิเศษสำ�คัญยิ่งไว้ให้แก่มนุษย์ คือศีล มหาสนิท เพราะความรักสุดซึ้งต่อเราจึงทรงมอบตัวพระองค์เองอย่างสุภาพถ่อมตนที่สุดในรูปของแผ่นปังและเหล้าองุ่น เพื่อ ให้อยูก่ บั เราไปจนสิน้ พิภพ ในพิธมี สิ ซาบูชาขอบพระคุณเมือ่ พระสงฆ์เสกศีลแผ่นปังและเหล้าองุน่ ก็จะเปลีย่ นเป็นพระกายและ พระโลหิตของพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อกลายเป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณของคริสตชน ด้วยวิธีนี้พระองค์จึงทรงสามารถอยู่กับเรา มนุษย์ได้ตลอดไป ไม่ต้องแยกจากกันอีก ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) ☆ เนื้อเพลง/ซีดีเพลงชุด - เพลง “ศีลมหาสนิท” “พระเยซูใจดี”/เครื่องเล่นซีดี - เปิดประเด็นโดยถามว่า ใครรู้ความหมายของศีลมหาสนิทบ้าง? ให้เริ่มสนทนา กันสั้นๆ โดยอาจถามว่าแต่ละคนไปรับศีลมหาสนิทบ่อยมากน้อยแค่ไหน? เพราะ เหตุใด? ทำ�ไมจึงต้องมีศีลมหาสนิท? - ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ต่อไปว่า ตามปกติคนเราเมื่อรักใครแล้วมีอาการอย่างไร บ้าง?... (คิดถึง อยากอยู่ใกล้ อยากคุยด้วย คุยเท่าไรก็ไม่รู้สึกพอ เวลาผ่านไปเร็วที่สุด อยากให้หนึ่งวันมี 100 ชม. ฯลฯ) - อาการเช่นนี้ไม่ได้เกิดกับมนุษย์เท่านั้น แต่เกิดกับพระเจ้าด้วย เมื่อพระเยซูเจ้า จะต้องจากโลกนี้ไป พระองค์ทรงสร้างสรรค์วิธีที่น่าพิศวงที่สุดเพื่อจะอยู่กับเราต่อไป วิธีนั้นคืออะไร? 3 พระวาจา - นักบุญมาระโกได้เล่าถึงพระเยซูเจ้า ขณะที่ทรงอยู่กับบรรดาสาวกในการเลี้ยง อาหารค่�ำ ครัง้ สุดท้ายว่า “ขณะทีท่ กุ คนกำ�ลังกินอาหารอยูน่ นั้ พระองค์ทรงหยิบขนมปัง ตรัสถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ประทานให้เขาเหล่านั้น ตรัสว่า “จงรับเถิด นี่เป็นกาย ของเรา” แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย ตรัสขอบพระคุณ ประทานให้เขาและทุกคนดืม่ จาก ถ้ ว ยนั้ น พระองค์ ต รั ส กั บ เขาว่ า “นี่ เ ป็ น โลหิ ต ของเรา โลหิ ต แห่ ง พั น ธสั ญ ญาที่
67
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
หลั่งออกเพื่อคนจำ�นวนมาก” (มก 14:22-24) - พระองค์ยังได้ทรงยืนยันอีกว่า “ผู้ที่กินเนื้อของเราและดื่มโลหิตของเราก็มีชีวิต นิรนั ดร เราจะทำ�ให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย เพราะเนือ้ ของเราเป็นอาหารแท้และ โลหิตของเราเป็นเครือ่ งดืม่ แท้ ผูท้ กี่ นิ เนื้อของเราและดืม่ โลหิตของเราก็ดำ�รงอยูใ่ นเรา และเราดำ�รงอยู่ในเขา พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดา ฉันใด ผูท้ กี่ นิ เนือ้ ของเราจะมีชวี ติ เพราะเราฉันนัน้ นีค่ อื ปังทีล่ งมาจากสวรรค์ ไม่เหมือน ปังทีบ่ รรดาบรรพบุรษุ ได้กนิ แล้วยังตาย ผูท้ กี่ นิ ปังนีจ้ ะมีชวี ติ อยูต่ ลอดไป” (ยน 6:5458) 4
5
อธิบายพระวาจา - พระวาจานี้ของพระเยซูเจ้าเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก หากไม่ใช่ด้วยความเชื่อแล้ว เราก็คงจะไม่สามารถยอมรับได้ เราคงจะทำ�ตนคล้ายพวกฟาริสีที่ต่อต้านพระเยซูเจ้า อย่างแรง เพราะใครล่ะจะให้เนื้อและเลือดของตนเป็นอาหารแก่คนอื่นได้? แถมยัง ทรงยืนยันอีกว่าใครกินและดื่มเนื้อและเลือดของพระองค์จะได้รับชีวิตนิรันดร เป็นสิ่ง น่าคิดจริงๆ ว่า พระองค์ทรงเป็นใครหนอจึงทรงกล้าตรัสเช่นนี้ได้? - แต่ด้วยความเชื่อ เราจึงเชื่อมั่นว่า พระวาจานี้เป็นความจริง และหากเราไม่เชื่อ เราย่อมทำ�ผิดด้วย เพราะนี่เป็นข้อความเชื่อของคริสตชน - ในวันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงอยู่กับบรรดาสาวกในการเลี้ยง อาหารค่ำ�ครัง้ สุดท้าย พระองค์ได้ทรงเสกปังและเหล้าองุน่ ให้เปลีย่ นเป็นพระกายและ พระโลหิตของพระองค์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์ต่อบรรดาศิษย์และ ต่อเราทุกคน จึงตรัสสั่งให้บรรดาสาวกทำ�สิ่งเดียวกันเพื่อระลึกถึงพระองค์ตลอดไป และเพือ่ พระองค์จะได้อยูก่ บั เราตลอดไปภายใต้รปู ปรากฏของปังและเหล้าองุน่ อีกทัง้ ยังเป็นสิ่งที่เราสามารถ “กิน” ได้ เพื่อพระองค์จะได้กลายเป็นเนื้อเป็นเลือดของเรา คือหนึ่งเดียวกับเราอย่างแยกไม่ออกนั่นเอง - ผู้สอนทำ�การสาธิตให้ผู้เรียนดูว่า หากเราเอาแผ่นปัง จุ่มลงไปในเหล้าองุ่นที่ ผสมน้ำ�แล้ว สารทั้ง 3 ชนิดจะรวมตัวกันจนไม่สามารถจะแยกแยะให้กลับเป็นเหมือน เดิมได้อีกต่อไปว่า ไหนคือขนมปัง ไหนคือเหล้าองุ่น และไหนคือน้ำ�? ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ในฐานะที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ไม่จำ�เป็นต้องกระทำ�แบบนั้น เลย เพราะทรงมีความสุขอย่างไม่จำ�กัดอยู่แล้ว แต่ทำ�ไมจึงทรงต้องเลือกวิธีนี้เพื่ออยู่ กับเรามนุษย์ตอ่ ไป? แล้วมนุษย์เองก็ใช่วา่ จะเข้าใจและตอบสนองความรักของพระองค์ ตรงข้ามบ่อยครั้งกลับทำ�บาป ทำ�ให้พระองค์ต้องเจ็บปวดพระทัย - ดังนั้น เราคริสตชนที่เป็นศิษย์ติดตามพระองค์ จะต้องระลึกถึงความรักนี้ของ พระองค์อยู่เสมอ ด้วยการไปร่วมบูชามิสซาและรับศีลมหาสนิทบ่อยๆ อย่างสมควร เพราะการทำ�เช่นนี้มิใช่เป็นเพียงแค่การปฏิบัติพระบัญญัติเท่านั้น แต่ทำ�ให้เราได้รับ ผลของการรับศีลมหาสนิทที่สำ�คัญอีกด้วย คือ (จากถาม-ตอบ คำ�สอนพระศาสนจักร คาทอลิก ข้อ 328)
☆
แผ่นขนมปัง/แก้วใสใส่เหล้า ผสมน้ำ�
68
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1. มีความสนิทสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าและประชากรทั้งครบของพระเจ้าอย่าง แน่ น แฟ้ น มากขึ้ น และเป็ น การสร้ า งสรรค์ พ ระกายทิ พ ย์ ข องพระคริ ส ตเจ้ า คื อ พระศาสนจักร 2. ได้เพิ่มพูนพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรในวิญญาณ 3. ได้รับการรักษาตัวให้พ้นจากบาปหนัก และรับการยกบาปเบาไปด้วย 4. ได้ลดความโน้มเอียงไปในทางบาป และพร้อมจะดำ�เนินชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ มากขึ้น - หากเราสำ�นึกให้ดี จะเห็นว่ามนุษย์มีแต่ได้กับได้ ส่วนพระเจ้ามีแต่ให้กับให้ จึงเป็นการดีสักเท่าใดที่เราจะเจริญชีวิตอย่างดี พยายามไม่ทำ�บาปเพื่อเราจะได้อยู่ใน สภาพทีเ่ ป็นมิตรกับพระองค์ พยายามรับศีลมหาสนิทบ่อยๆ เพราะจะทำ�ให้เราชิดสนิท กับพระองค์จนพระองค์สามารถกลายเป็นเนือ้ และเลือดของเราเลยทีเดียว ผูใ้ ดทีเ่ จริญ ชีวติ เป็นหนึง่ เดียวกับพระเสมอย่อมมีความสุข เพราะการมีพระในตนก็เท่ากับมีสวรรค์ อยู่ในใจของตนแล้ว - จากนั้น ให้ผู้เรียนจับคู่กัน ทำ�ใบงานที่ 1 โดยช่วยกันตอบว่า “การเตรียมตัว รับศีลมหาสนิทอย่างดีต้องทำ�อย่างไรบ้าง?”
☆
ใบงานที่ 1
6
หาข้อปฏิบัติ - ไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณและรับศีลมหาสนิทบ่อยๆ ด้วยการเตรียม ตัวอย่างเหมาะสม
7
ภาวนาปิดท้าย - ให้ผู้เรียนบางคนเป็นตัวแทนภาวนาจากใจ
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................
69
เพลง “ศีลมหาสนิท”
** ลูกมั่นใจเข้าไปรับพระเยซู เป็นพระกายที่พระคริสต์ทรงประทาน พระทรงพลีพระชนม์ เพื่อคนบาปมากมาย มอบถวายพระองค์เป็นพลี *** ศีลมหาสนิท ศีลมหาสนิท เพื่อจะได้ใกล้ชิดพระองค์ทุกวัน ศีลมหาสนิท ศีลมหาสนิท ร่วมชีวิตพระองค์กับฉัน
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนจับเป็นคู่แล้วช่วยกันตอบคำ�ถามนี้
“การเตรียมตัวรับศีลมหาสนิทอย่างดีต้องทำ�อย่างไรบ้าง?” ตอบ ………………………………..................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... .........................................................................................................................................................
70
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ความหมายและผลของศีลกำ�ลัง
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้นักเรียนได้รู้และเข้าใจความหมายและผลของศีลกำ�ลังว่า เป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่ง การเริ่มต้นชีวิตคริสตชนประการหนึ่ง ซึ่งช่วยทำ�ให้ชีวิตของผู้รับเข้มแข็งด้วยพระพรของ พระจิตและสามารถเจริญชีวิตคริสตชนเยี่ยงผู้ที่เป็น “ผู้ใหญ่ในความเชื่อ” ได้ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : เป็นประจักษ์พยานถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า เช่น การกล้าแสดงตนเป็น คริสตชนการแบ่งปันความรักและความเชื่อแก่คนรอบข้าง การอุทิศตน การศึกษาและอ่านพระวาจา ฯลฯ สาระการเรียนรู้ ในศีลกำ�ลัง พระเจ้าประทานพระจิตของพระองค์แก่คริสตชน ทำ�ให้คริสตชนได้รับพระคุณของพระจิต และ ได้รับผลของการรับศีลกำ�ลังด้วยคือ ได้ทวีพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรและพระหรรษทานปัจจุบัน ได้รับพระหรรษทานพิเศษ ของศีลกำ�ลัง ซึง่ ช่วยให้เจริญชีวติ มุง่ สูค่ วามครบครันเหนือธรรมชาติ ได้รบั ตราประทับทีไ่ ม่รเู้ ลือนลงบนวิญญาณในฐานะสาวก ของพระคริสตเจ้า มีสมั พันธภาพทีใ่ กล้ชดิ กับพระเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์ รับพลังทีจ่ ะประกาศถึงการประทับอยูข่ อง พระเจ้าแก่ทุกคน แต่เพื่อให้การรับศีลกำ�ลังเกิดผลเต็มที่จำ�เป็นที่ผู้รับศีลจะต้องอยู่ในเงื่อนไขของการรับศีลนี้ด้วยคือ เป็นผู้ที่ ได้รบั ศีลล้างบาปและอยูใ่ นสถานะพระหรรษทาน มีความรูเ้ ละเข้าใจความหมายของข้อความเชือ่ สำ�คัญๆ และหน้าทีด่ า้ นศาสนา คาทอลิก อีกทั้งสามารถรื้อฟื้นคำ�สัญญาศีลล้างบาปได้ แต่ทั้งนี้ผู้รับศีลจะต้องตอบสนองพระคุณของพระจิตอย่างเต็มที่เช่นกัน ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวด “บทอัญเชิญพระจิตเจ้า” / ทบทวนเนื้อหาครั้งก่อน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ให้ผู้เรียนฟังเพลง “เธอวันนี้” แล้วช่วยกันวิเคราะห์ว่า หากในสังคมมีคนแบบ นี้เยอะๆ จะดีไหม? แล้วเราจะเป็นคนหนึ่งที่เป็น “มวลพลังให้แก่สังคม” ได้ไหม? เรา จะเป็นคนที่กล้าสร้างสรรค์แบบนั้นได้อย่างไร? - การสร้างสรรค์ความดีเป็นสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน แต่หลายครั้งเราก็อ่อนแอและ เกียจคร้านที่จะทำ�ความดี หรืออาจทำ�ดีไม่ได้นาน ก็เกิดความท้อแท้เบื่อหน่าย เราจึง ต้องการพลังพิเศษที่จะค้ำ�จุนให้เรากล้าหาญในการทำ�ความดี และสามารถทำ�ความดี อย่างต่อเนื่อง โดยเอาชนะความเกียจคร้านหรือความท้อแท้เบื่อหน่าย - เราจะได้รับพละกำ�ลังนี้จากที่ไหน? ใครสามารถช่วยเราได้? 3 พระวาจา (ยน 14:16-17, 25-26) - “เราจะวอนขอพระบิดา แล้วพระองค์จะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งให้ท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป คือพระจิตแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมอง พระองค์ไม่เห็น และไม่รู้จักพระองค์ แต่ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรง
☆
เนื้อเพลง/แผ่นซีดีเพลง/ เครื่องเล่นซีดี
71
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
ดำ�รงอยูก่ บั ท่าน และอยูใ่ นท่าน...เราบอกสิง่ เหล่านีใ้ ห้ทา่ นฟังขณะทีเ่ รายังอยูก่ บั ท่าน แต่พระผูช้ ว่ ยเหลือคือพระจิตเจ้า ทีพ่ ระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานัน้ จะทรงสอน ท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน” 4
อธิบายพระวาจา - พระจิตที่กล่าวมานี้ เราได้รับแล้วครั้งแรกในศีลล้างบาป และอีกครั้งหนึ่งใน ศีลกำ�ลัง ซึง่ เป็นโอกาสพิเศษทีพ่ ระจิตเจ้าเสด็จมาในเราขณะทีเ่ ราเติบโตแล้ว สามารถ เข้าใจสิ่งต่างๆ รับผิดชอบต่อสิ่งที่เราทำ�ได้ และตอบสนองการดลใจของพระจิตได้ มากกว่าตอนเป็นเด็กแบเบาะ ศีลกำ�ลังจึงเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มเข้าสู่ชีวิต คริสตชน ซึ่งประทานพระจิตเจ้าพร้อมกับพลังพิเศษของพระองค์ เพื่อให้คริสตชน สามารถเจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยานแท้ถึงพระเยซูคริสตเจ้าได้ - พระจิตเจ้าทรงเข้ามาในตัวเราพร้อมกับพระคุณ 7 ประการและผลของพระจิต เจ้าด้วย เพื่อเป็นกำ�ลังแก่เราในการเจริญชีวิตคริสตชนอย่างเข้มข้น - พระเยซูเจ้าทรงเข้าใจดีถึงสภาพของเรามนุษย์ที่ไม่มั่นคงในการทำ�ความดี จึง ทรงประทานผู้ช่วยอันทรงฤทธิ์ให้เราเป็นของขวัญพิเศษในวันที่เรารับศีลกำ�ลัง แต่ พระคุณทัง้ หลายทัง้ ปวงนัน้ จะเกิดผลเต็มทีก่ ต็ อ่ เมือ่ เราออกแรงเต็มทีใ่ นการตอบสนอง ต่อพระคุณของพระจิตด้วย - ยกตัวอย่างแผ่นซีดี “เกม” คอมพิวเตอร์ที่ทุกคนบอกว่ามันมาก สนุกมาก กำ�ลัง ฮิตฮอต แต่หากเราไม่เอามันใส่ในเครื่องแล้วเปิด เราก็จะไม่มีทางลิ้มรสได้จริงๆ ว่า มันสนุกแค่ไหน?
5
แผ่นซีดีเกมอะไรก็ได้
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ต่อหน้าสังคมที่เราอยู่ คริสตชนได้รับการท้าทายอยู่เสมอที่จะเป็นคนดี จึงเป็น สิ่งไม่ง่ายเลยที่จะเป็นประจักษ์พยานของพระเยซูคริสตเจ้าตลอดเวลา แต่นอกจากได้ รับพระจิตเจ้าและพระคุณมากมายของพระองค์ในศีลกำ�ลังแล้ว เรายังได้รบั ผลของศีล อีกด้วย - สิ่งที่ควรรู้อีกอย่างหนึ่งคือ เพื่อให้การรับศีลกำ�ลังเกิดผลอย่างเต็มที่ จำ�เป็นที่ ผู้รับศีลต้องอยู่ในเงื่อนไขที่จำ�เป็นด้วย - ผู้สอนสามารถแบ่งกลุ่มผู้เรียนตามความเหมาะสม โดยให้บางกลุ่มศึกษาและ ทำ�ใบงานที่ 1 เรื่อง “เงื่อนไขของการรับศีลกำ�ลัง” และอีกบางกลุ่มศึกษาและทำ�ใบ งานที่ 2 เรื่อง “ผลของการรับศีลกำ�ลัง” จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนำ�เสนอ ผลงานหน้าชั้นเพื่อให้ทุกคนเข้าใจ โดยผู้สอนช่วยเสริมเติมให้สมบูรณ์ - ดังจะเห็นได้ว่า เราจึงได้รับ “ตัวช่วย” เกิน 100 ด้วยซ้ำ� แล้วเราจะทำ�หน้าที่ คริสตชนให้ดี หรือจะพากเพียรในการทำ�ความดีไม่ได้เชียวหรือ?!?!?
6
☆
หาข้อปฏิบัติ - กล้าแสดงตนเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้า เช่น แสดงตนเป็นคริสตชน แบ่ง ปันความรักและความเชื่อแก่คนรอบข้าง อุทิศตนด้วยความเสียสละ ศึกษาและอ่าน พระวาจา ฯลฯ
☆
ใบงานที่ 1 และ 2
72
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
7
ภาวนาปิดท้าย - ผู้สอนนำ�สวดภาวนาจากใจ จากนั้นให้ผู้เรียนร้องเพลง “เธอวันนี้” อีกครั้งหนึ่ง ในรูปแบบของการภาวนา
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - ความร่วมมือ-ผลการทำ�งานกลุ่ม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................
เพลง “เธอวันนี้” เธอคือมวลพลังผู้กล้าและแกร่ง เธอร้อนแรงดังแสงตะวัน เธอคือแสงแห่งความสุขสันต์ เธอร่าเริงและเบิกบาน หมั่นเพียรเรียนเพื่อสร้างหนทางชีวี เธอสุขศรีไม่มีทุกข์ตรม อยากมีอนาคตสดใสรื่นรมย์ เธอหวังเพียงเท่านั้นฤา * มองดูรอบกาย (มองดูรอบกาย) มองดูสังคม (สังคมโสมม) เธอสุขอยู่ได้อย่างไร เมื่อผองชน ทุกข์ยากลำ�เค็ญ ** จงเป็นดังดาวที่พราวสว่าง นำ�หนทางเพื่อมวลชน เธอคือประกายไฟที่โหมกระหน่ำ� ลามลุกไหม้ความทุกข์ทน
73
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนศึกษา วิเคราะห์ เงื่อนไขของการรับศีลกำ�ลังแต่ละข้อ แล้วเขียนความหมายลงในช่อง ทางขวามือ ที่ เงื่อนไข 1 เป็นผู้ที่ได้รับศีลล้างบาปแล้ว
ความหมาย ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
2 อยู่ในสถานะพระหรรษทาน
......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
3 ได้รับการอบรมเกี่ยวกับข้อความเชื่อสำ�คัญๆ ......................................................................... และหน้าที่ด้านศาสนาคาทอลิก ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... 4 สามารถรื้อฟื้นคำ�สัญญาศีลล้างบาปได้
......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
74
ใบงานที่ 2 คำ�ชี้แจง - ให้ผู้เรียนศึกษา วิเคราะห์ ผลของการรับศีลกำ�ลังแต่ละข้อ แล้วเขียนความหมายลงในช่องทาง ขวามือ ที่ เงื่อนไข 1 ได้ทวีพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกรและ พระหรรษทานปัจจุบันในตัวเรา
ความหมาย ......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
2 ได้รับพระหรรษทานพิเศษของศีลกำ�ลัง ซึ่ง ช่วยเราให้เจริญชีวิตมุ่งสู่ความครบครัน เหนือธรรมชาติ
......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
3 ได้รับตราประทับที่ไม่รู้เลือนลงบนวิญญาณ ......................................................................... ในฐานะสาวกที่มีวุฒิภาวะของพระคริสตเจ้า ......................................................................... ตลอดไป ......................................................................... ......................................................................... 4 มีสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดกับพระเจ้าและ พระศาสนจักรของพระองค์
......................................................................... ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
5 รับพลังในการประกาศถึงการประทับอยู่ของ ......................................................................... พระเจ้าท่ามกลางมวลมนุษย์ ......................................................................... ......................................................................... .........................................................................
75
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง พิธีศีลกำ�ลัง
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจขั้นตอนของจารีตพิธีศีลกำ�ลัง จะได้รับศีลด้วยความรู้ตัว ตั้งใจ และสำ�นึกถึงความหมายของพิธีแต่ละขั้นตอน เพื่อจะได้รับผลของศีลกำ�ลังอย่างเต็มที่ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนตั้งใจเรียนในครั้งนี้อย่างดี เพื่อจะรับศีลกำ�ลังด้วยความตั้งใจและรู้ซึ้งถึง ความหมายของศีลที่ตนได้รับ สาระการเรียนรู้ พิธีศีลกำ�ลังประกอบด้วยการเจิมน้ำ�มันคริสมา การปกมือเหนือผู้รับศีล โดยมีพระสังฆราชเป็นประธานใน พิธี มีพอ่ หรือแม่ทนู หัวของผูร้ บั ศีล ตามปกติจะกระทำ�กันในพิธมี สิ ซาบูชาขอบพระคุณ เหตุวา่ การรับศีลมหาสนิทจะทำ�ให้ผรู้ บั กลายเป็นคริสตชนอย่างสมบูรณ์ เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะต้องมีการบันทึกหมายเหตุลงในสมุดทะเบียนพิเศษและสมุดทะเบียนรับ ศีลล้างบาปตามกฎของพระศาสนจักรด้วย ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน ด้วยบท “อัญเชิญพระจิตเจ้า” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ตามปกติ เมื่อจะมีการจัดงานใหญ่ๆ ก็จะต้องมีการเตรียมตัวมากและยาวนาน เพราะมีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องทำ�ให้พร้อมก่อนจะถึงวันงาน มิฉะนั้นอาจทำ�ให้ งานไม่พร้อมหรือล่มได้ ซึ่งย่อมไม่มีใครต้องการให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน - ยิ่งสำ�หรับผู้เป็นตัวเอกในงานด้วยแล้ว ยิ่งต้องศึกษาบทของตนให้ดีๆ มิฉะนั้น เมือ่ ถึงเวลาอาจทำ�ผิดขัน้ ตอน ทำ�ให้นา่ อับอาย หรือทำ�ให้พธิ หี มดความขลังไปก็ได้ ฯลฯ - ใครมี ตั ว อย่ า งก็ ใ ห้ เ ล่ า สู่ กั น ฟั ง ในช่ ว งนี้ ถ้ า ไม่ มี ใ ครพร้ อ มผู้ ส อนอาจเล่ า ประสบการณ์แบบนี้ให้ผู้เรียนฟังเองก็ได้ 3 เนื้อหา
ผู้สอนควรเตรียมตัวให้ผู้รับศีลกำ�ลังด้วยการศึกษาขั้นตอนของจารีตพิธีรับศีล กำ�ลังให้เข้าใจอย่างดี รวมทัง้ สิง่ ทีต่ อ้ งเตรียมล่วงหน้าด้วย เพือ่ ให้ผรู้ บั ศีลได้เข้าพิธอี ย่าง มีความพร้อมมากที่สุด สิ่งที่ตอ้ งเตรียม ทั้งสำ�หรับผู้รับศีล และผู้เตรียมจารีตพิธีศีลกำ�ลัง สำ�หรับผูร้ ับศีล ผู้รับศีลกำ�ลังแต่ละคนจะต้องมีพ่อหรือแม่ทูนหัวคนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นผู้นำ�ผู้รับ ศีลเข้าไปหาผู้ประกอบพิธีศีลกำ�ลัง และต่อไปจะเป็นผู้ช่วยเขาให้ซื่อสัตย์ต่อคำ�สัญญา แห่งศีลล้างบาป
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
76
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ ก่อนเริ่มพิธีมิสซาฯ 1. อาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์สำ�หรับพิธิมิสซาฯ สำ�หรับพระสังฆราช และพระสงฆ์ ผู้ร่วมพิธี 2. ที่นั่งสำ�หรับพระสังฆราชและพระสงฆ์ที่ช่วย 3. ภาชนะใส่น้ำ�มันคริสมา 4. หนังสือพิธีศีลกำ�ลัง 5. อุปกรณ์เครื่องใช้ครบชุดสำ�หรับพิธีมิสซาฯ 6. อุปกรณ์สำ�หรับล้างมือหลังการเจิมน้ำ�มันคริสมา พิธีรับศีลกำ�ลัง (จากคู่มือเรียนศีลกำ�ลัง หน้า 38-41) พิธีศีลกำ�ลัง คือ การเอาน้ำ�มันคริสมาเจิมที่หน้าผาก และการปกมือโดย กล่าวว่า “จงรับเครือ่ งหมายพระจิตเจ้า ซึง่ พระบิดาประทานให้” จารีตทัง้ หมดประกอบ ด้วย 2 ขั้นตอนที่สำ�คัญ คือ 1. การที่พระสังฆราชและพระสงฆ์ผู้ร่วมประกอบพิธีศีลกำ�ลังปกมือเหนือผู้รับ ศีล เป็นการวอนขอพระคุณของพระจิต 2. การเจิมหน้าผากด้วยน้ำ�มันคริสมา หมายถึง ผลแห่งพระคุณของพระจิต ผูไ้ ด้รบั เจิมจะได้รบั รอยจารึกทีไ่ ม่รจู้ กั ลบเลือน คือตราประทับของพระคริสตเจ้า พร้อม กับพระคุณของพระจิตซึ่งช่วยให้เขาเป็นเหมือนพระคริสตเจ้ายิ่งๆ ขึ้น และช่วยเขาใน การเผยแผ่พระวาจาของพระคริสตเจ้าให้ขจรขจายไปในหมู่มนุษย์ - ศาสนบริกรของพิธีศีลกำ�ลังคือ พระสังฆราช - ตามปกติ พิธีศีลกำ�ลังจะประกอบกันในระหว่างพิธีมิสซาฯ - การเสกน้ำ�มันคริสมามักกระทำ�โดยพระสังฆราช ในวันพฤหัสบดีสัปดาห์ ศักดิ์สิทธิ์ - เจ้าอาวาสต้องบันทึกชื่อผู้ประกอบพิธีศีลกำ�ลัง ผู้รับศีลกำ�ลัง บิดามารดาผู้รับ ศีล และพ่อแม่ทนู หัว รวมทัง้ เวลาและสถานประกอบพิธศี ลี กำ�ลังในสมุดทะเบียนพิเศษ อีกทั้งยังต้องบันทึกลงในสมุดทะเบียนศีลล้างบาปตามกฎหมายพระศาสนจักรด้วย ขั้นตอนพิธีศีลกำ�ลัง - พิธีมิสซาฯ ดำ�เนินไปตามปกติจนถึงหลังการเทศน์ของพระสังฆราช การรื้อฟื้นคำ�มั่นสัญญาศีลล้างบาป พระสังฆราชถามผู้รับศีลกำ�ลังซึ่งยืนอยู่พร้อมหน้า ทุกคนตอบพร้อมกัน พระสังฆราช
ลูกทิ้งปีศาจ ตลอดจนกิจการหลอกลวงทั้งสิ้นของมันหรือ?
ผู้รับศีลกำ�ลัง
ลูกละทิ้ง
พระสังฆราช
ลูกเชื่อถึงพระเป็นเจ้า พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงสร้างฟ้าดิน หรือ?
ผู้รับศีลกำ�ลัง
ลูกเชื่อ
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
77
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ พระสังฆราช
ลูกเชื่อถึงพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรแต่องค์เดียวของพระบิดา ทรง บังเกิดจากพระนางมารีย์ผู้เป็นพรหมจารี รับทรมานและถูกฝังไว้ กลับคืนชีพจากผู้ตายและประทับเบื้องขวาพระบิดาหรือ?
ผู้รับศีลกำ�ลัง
ลูกเชื่อ
พระสังฆราช
ลู ก เชื่ อ ถึ ง พระจิ ต ผู้ บั น ดาลชี วิ ต และวั น นี้ เ สด็ จ มาถึ ง ลู ก อย่ า ง น่าอัศจรรย์ทางศีลกำ�ลัง เหมือนที่ได้เสด็จมาถึงพวกอัครธรรมทูต ที่กรุงเยรูซาเล็มหรือ?
ผู้รับศีลกำ�ลัง
ลูกเชื่อ
พระสังฆราช
ลูกเชื่อถึงพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ การยก บาป การคืนชีพของเนื้อหนัง และชีวิตนิรันดรหรือ?
ผู้รับศีลกำ�ลัง พระสังฆราช
ลูกเชื่อ นี่แหละคือความเชื่อของเรา นี่แหละคือความเชื่อของพระศาสนจักร เราภูมิใจที่ได้ประกาศความเชื่อนั้น ในพระเยซูคริสตเจ้าของเรา
การปกมือ พระสังฆราชยืนพนมมือ กล่าวกับสัตบุรุษว่า “พีน่ อ้ งทีร่ กั ให้เราวอนขอพระบิดาผูท้ รงสรรพานุภาพ โปรดส่งพระจิตมาถึง บุตรบุญธรรมของพระองค์เหล่านี้ ซึ่งได้รับชีวิตใหม่ทางศีลล้างบาปแล้ว พระจิตจะได้ ประทานพระพรอย่างอุดมสมบูรณ์ ทำ�ให้เขาเข้มแข็งมัน่ คงและจะได้ทรงเจิมเขา ให้เข้า รับหน้าที่ร่วมกับพระคริสตเจ้า” จากนัน้ พระสังฆราช (และพระสงฆ์ผชู้ ว่ ย) ปกมือเหนือผูร้ บั ศีลกำ�ลังทุกคน พระสังฆราช สวดภาวนาว่า “ข้าแต่พระผู้ทรงสรรพานุภาพ พระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ได้ โปรดให้ข้ารับใช้เหล่านี้เกิดใหม่ด้วยน้ำ�และพระจิต ช่วยเขาให้พ้นบาปแล้ว โปรดส่ง พระจิตมาประทับอยูก่ บั เขา โปรดให้เขามีความปรีชาและสติปญ ั ญา ความคิดอ่านและ ความเข้มแข็ง ความรู้และความเลื่อมใสศรัทธา อีกทั้งโปรดให้เขารับใช้พระองค์ด้วย ความเคารพ ทั้งนี้ อาศัยพระบารมีพระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลาย” ทุกคนตอบรับ “อาแมน” การเจิมน้ำ�มันคริสมา พระสงฆ์ผชู้ ว่ ยส่งน้�ำ มันคริสมาให้พระสังฆราช ผูร้ บั ศีลเข้าไปหาพระสังฆราช ทีละคน โดยมีพ่อหรือแม่ทูนหัวยืนด้านซ้ายมือของผู้รับศีล และวางมือขวาไว้บนบ่า ขวาของผูร้ บั ศีล พระสังฆราชเอาปลายนิว้ หัวแม่มอื ขวาจุม่ น้�ำ มันคริสมา ทำ�เครือ่ งหมาย กางเขนบนหน้าผากผู้รับศีล กล่าวว่า พระสังฆราช น.... จงรับเครื่องหมายพระจิตเจ้า ซึ่งพระบิดาประทานให้ ผู้รับศีล อาแมน
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
78
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
พระสังฆราช ขอให้ลูกจงมีสันติสุข ผู้รับศีล ขอท่านจงมีด้วยเทอญ (แล้วพระสังฆราชใช้มือขวาตบเบาๆ ที่แก้มซ้ายของผู้รับศีล) ระหว่างเจิมน้ำ�มัน ควรร้องเพลงที่เหมาะสม เมื่อเจิมเสร็จแล้ว พระสังฆราช ล้างมือ เสร็จแล้วประกอบพิธีมิสซาฯ ต่อไป โดยต่อด้วย “บทภาวนาเพื่อมวลชน” 4
หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนตั้งใจเรียนในครั้งนี้อย่างดี เพื่อจะรับศีลกำ�ลังด้วยความตั้งใจและรู้ซึ้งถึง ความหมายของศีลที่ตนได้รับ
กิจกรรม แสดงบทบาท สมมติเรื่องพิธีศีลกำ�ลัง
☆
5
ภาวนาปิดท้าย ให้ผู้เรียนนั่งสงบนิ่งสักครู่ แล้วสวดบท “พระสิิริรุ่งโรจน์” พร้อมกันอย่างสำ�รวม
6
การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
7
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................
79
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง การปกมือ
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจถึงความหมายของการปกมือในศีลกำ�ลังว่า เป็นเครือ่ งหมายแห่ง การประทานพระจิตแก่ผู้รับศีลกำ�ลัง ทำ�ให้ได้รับพระคุณ 7 ประการและผลของพระจิต พระจิตเจ้าจะทรงทำ�งานภายในตัวเรามากยิ่งขึ้น ทำ�ให้ความสัมพันธ์ของเรากับผู้อื่นดีขึ้น ช่วยเราในการภาวนา และเสริมกำ�ลังของเราด้วยพระพรต่างๆ ของพระองค์ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนกล้าเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อในพระเจ้า ด้วยการแบ่งปัน ความเชื่อ อุทิศตน มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนมากขึ้น สาระการเรียนรู้ การปกมือเป็นเครื่องหมายหนึ่งของศีลกำ�ลัง ที่เป็นการประทานพระจิตเจ้าแก่ผู้รับศีล เป็นเครื่องหมาย ภายนอกทีเ่ กิดผลจริงภายในวิญญาณ ทำ�ให้ผรู้ บั ศีลเติบโตเป็นผูใ้ หญ่ในความเชือ่ อาศัยพระจิตเจ้าและพระคุณของพระองค์ แต่ มีเงื่อนไขก็คือ ผู้รับศีลจะต้องเปิดตนเองต่อการทำ�งานของพระจิตเจ้า ตอบสนองการดลใจของพระองค์และปฏิบัติตนเป็น ประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสตเจ้าทั้งด้วยคำ�พูดและชีวิต ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน ด้วยบท “ข้าแต่พระจิตเจ้า” พร้อมกัน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - สนทนากับผู้เรียนว่า เคยเห็นหรือเคยร่วมพิธีกรรมทางศาสนาใดบ้างไหม? หากเคย เขาใช้เครื่องหมายภายนอกอะไร? เครื่องหมายนั้นมีความหมายอะไร? ซึ่ง เครื่องหมายนั้นอาจเป็นได้ทั้งวัตถุหรือใช้ท่าทีบางอย่างก็ได้ - ผู้สอนอาจยกบางตัวอย่างให้ผู้เรียนได้ใช้เป็นกรณีศึกษา เช่น พิธีไหว้ครู พาน ดอกไม้ การพรมน้ำ�มนต์ น้ำ�มนต์ การเอาไม้เคาะศีรษะ การเทน้ำ�ล้างบาป ฯลฯ แล้ว ให้ผู้เรียนแบ่งปันประสบการณ์นั้นแก่กัน - วกเข้าประเด็นของ “การปกมือ” โดยถามว่า เคยรู้เกี่ยวกับบางพิธีที่มีการปก มือหรือไม่? ที่ใดบ้าง? ให้ผู้เรียนลองยกตัวอย่าง... - อาจปิดประเด็นด้วยคำ�ถามที่ว่า เครื่องหมาย “ปกมือ” นั้นมีความหมาย อย่างไร? พระเยซูเจ้าหรือบรรดาสาวกเองทรงเคยใช้วธิ กี ารปกมือหรือไม่? ในเรือ่ งใดบ้าง? - ทำ�ไมจึงต้องใช้เครื่องหมายภายนอกเหล่านี้ด้วย? มีความสำ�คัญอย่างไร? 3 พระวาจา - “เมื่อดวงอาทิตย์ตก ผู้ที่มีคนเจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆ นำ�ผู้เจ็บป่วยเหล่านั้นมา เฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงปกพระหัตถ์เหนือผู้ป่วยแต่ละคนและทรงรักษาเขาให้หาย
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆
บทภาวนาท้ายแผน
ดูภาพจารีตพิธีที่ใช้ สัญลักษณ์ต่างๆ ท้ายแผน ☆
80
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
จากโรค ปีศาจออกจากคนจำ�นวนมากพลางร้องตะโกนว่า “ท่านเป็นพระบุตรของ พระเจ้า” แต่พระองค์ทรงสั่งไม่ให้ปีศาจพูด เพราะมันรู้ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า” (ลก 4:40-41) - “บรรดาอัครสาวกที่กรุงเยรูซาเล็มส่งเปโตรและยอห์นไปหาชาวสะมาเรีย เมื่อรู้ ว่าเขาได้รบั พระวาจาของพระเจ้าแล้ว เมือ่ เปโตรและยอห์นไปถึงก็อธิษฐานภาวนาเพือ่ ชาวสะมาเรียเหล่านั้นให้ได้รับพระจิตเจ้า เพราะยังไม่มีผู้ใดได้รับพระจิตเจ้าเลย เขา เพียงแต่ได้รับศีลล้างบาป เดชะพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น เปโตร และยอห์นจึงปกมือเหนือเขาทัง้ หลาย และเขาเหล่านัน้ ก็ได้รบั พระจิตเจ้า” (กจ 8:14-17) 4
อธิบายพระวาจา - พระเยซูเจ้าเองทรงเคยใช้เครื่องหมายภายนอกหลายอย่าง เช่น เอาน้ำ�ลาย ผสมดินกลายเป็นโคลนเพื่อใช้รักษาคนตาบอด การสวดภาวนาเรียกผู้ตาย เป็นต้น แต่พระองค์ทรงเคยใช้เครื่องหมายของการ “ปกมือ” ด้วย - เช่นเดียวกับบรรดาอัครสาวก เมื่อชาวสะมาเรียที่กรุงเยรูซาเล็มได้กลับใจ พวก เขาได้ตัดสินใจรับศีลล้างบาปและได้รับพระวาจาของพระเจ้า แต่บรรดาอัครสาวกได้ ทราบว่าพวกเขายังไม่ได้รับพระจิตเจ้า จึงได้ส่งเปโตรและยอห์นไปหาพวกเขาเพื่อ ทำ�การปกมือประทานพระจิตเจ้าแก่พวกเขาด้วย พระจิตเจ้าจะทรงเป็นผู้ช่วยให้ ชาวสะมาเรียเหล่านั้นกลายเป็น คริสตชนเต็มรูปแบบ นั่นหมายถึงการเปลี่ยนวิธีคิด และวิธกี ระทำ�จากเดิมแบบของ “คนต่างศาสนา” มาเป็นผูม้ เี อกลักษณ์ของ “ผูต้ ดิ ตาม พระเยซูคริสตเจ้า” อย่างแท้จริง
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ทำ�ไมเราจึงต้องมีพระจิตเจ้า? ก็เพราะพระจิตเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยให้เรา “เติบโต ฝ่ายจิต” ตามเอกลักษณ์ของผูเ้ ป็นคริสตชน คือผูเ้ ป็น “ศิษย์ของพระเยซู” พระจิตทรง อยู่กับพระเยซูเจ้าขณะที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ในโลกนี้ฉันใด พระองค์ก็ทรง ทำ�งานในตัวคริสตชนแต่ละคนฉันนั้น - ทำ�ไมจึงต้องมีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายภายนอก? เพราะขอบเขตจำ�กัดของ มนุษย์ซึ่งประกอบด้วยร่างกายและจิต ทำ�ให้เราไม่สามารถสัมผัสกับสิ่งที่เป็นจิตล้วน ได้ เนือ่ งจากพระจิตและพระคุณของพระองค์ลว้ นเป็นนามธรรมทีเ่ ราจับต้องไม่ได้ดว้ ย ประสาทสัมผัส จึงจำ�เป็นต้องมีเครื่องช่วยภายนอกที่บ่งบอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน จิตวิญญาณของเรา - ในศีลกำ�ลัง “การปกมือ” เป็นเครื่องหมายภายนอก อันหมายถึงการประทาน พระจิตแก่ผู้รับศีล ทำ�ให้ผู้รับมีส่วนในการเป็นสงฆ์ของพระคริสตเจ้า - พร้อมกับ “การปกมือ” ผู้รับศีลได้รับพระจิตเจ้าพร้อมกับพระคุณต่างๆ ที่ จำ�เป็นสำ�หรับการเจริญชีวติ คริสตชนอย่างเข้มแข็งในความเชือ่ ทว่า อัศจรรย์จะไม่เกิด ขึ้นหากเราไม่ร่วมมือ หมายความว่า เราเองต้องออกแรงเต็มที่ในการตอบสนอง การดลใจของพระจิตเจ้า ปฏิบตั ติ นเป็นผูใ้ หญ่ในความเชือ่ ด้วยการเจริญชีวติ ตามคุณค่า แห่งพระวรสารในทุกโอกาส
☆
แสดงบทบาทสมมติวิธี การ “ปกมือ”
81
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
6
หาข้อปฏิบัติ ผู้เรียนกล้าเป็นประจักษ์พยานถึงความเชื่อในพระเจ้า ด้วยการแบ่งปันความเชื่อ อุทิศตน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่มากขึ้น และบันทึกประสบการณ์ความเชื่อนั้นๆ ลงในสมุดบันทึก
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆
สมุดบันทึกความสัมพันธ์ ระหว่างพระเจ้ากับฉัน
7
ภาวนาปิดท้าย สวดบท “ข้าแต่พระจิตเจ้า” พร้อมกันอย่างตั้งใจอีกครั้งหนึ่ง
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................
บทภาวนา “ข้าแต่พระจิตเจ้า” เชิญเสด็จมาพระจิตเจ้าข้า โปรดใช้รังสีแสงสว่างของพระองค์มาจากสวรรค์ เชิญเสด็จมา โอ้บิดาของคนจน เชิญเสด็จมา ผู้แจกจ่ายพระคุณ เชิญเสด็จมา องค์ความสว่างแห่งดวงใจ พระองค์คือยอดแห่งความบรรเทา องค์ความชื่นใจของวิญญาณ องค์ความเย็นใจอ่อนหวาน พระองค์คือความพักผ่อนในการงาน องค์ความสงบในความทุกข์ร้อน องค์ความบรรเทาในยามกินน้�ำ ตา องค์ความสว่างมหาลาภ จงแผ่ซา่ นเข้าในใจสัตบุรษุ อย่างซาบซึง้ ถ้าพระองค์มิทรงช่วยแล้ว ก็หามีอะไรดีในมนุษย์ ไม่มีอะไรนิรมล โปรดชำ�ระล้างมลทินเรา โปรดโปรยพระคุณดัดใจแข็งกระด้าง โปรดสมานแผลวิญญาณให้สนิท โปรดเปลี่ยนใจดื้อให้กลับอ่อนโยน ปลุกใจเย็นเฉยให้ร้อนรน นำ�ความหลงมาสู่ทางตรง โปรดประสาทพระทานเจ็ดประการแก่สัตบุรุษที่วางใจในพระองค์ โปรดรางวัลคนใจศรัทธา ให้บรรลุถึงความอยู่รอด ประสบความยินดีนิรันดร อาแมน
82
แผ่นภาพ การเทนํ้ารับศีลล้างบาป
การพรมนํ้ำ�มนต์
การปกมือ
การใช้ไม้เคาะศีรษะ
83
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง การเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจความหมายของ การเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์ ในศีลกำ�ลังว่า เป็น เครื่องหมายของการยืนยันอย่างเป็นทางการต่อหน้าพระศาสนจักรว่า พระเจ้าทรงเลือก ผู้รับศีลให้ร่วมงานกับพระองค์ในฐานะที่เป็นคริสตชน อีกทั้งยังเป็นการรื้อฟื้นการเจิม น้ำ�มันในศีลล้างบาปให้เป็นปัจจุบัน - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนรับการเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์อย่างรู้ตัวถึงความหมายของจารีตพิธี ประพฤติตนอย่างดีให้เหมาะสมกับการเป็นผู้ถูกเลือกสรร สาระการเรียนรู้ เครื่องหมายภายนอกอีกอย่างหนึ่งของศีลกำ�ลังคือ การเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องหมายที่ไม่มีวัน ลบเลือนได้ หมายถึงการยืนยันอย่างเป็นทางการต่อหน้าพระศาสนจักรว่า พระเจ้าทรงเลือกผู้รับศีลให้ร่วมงานกับพระองค์ มีสิทธิและหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในฐานะที่เป็นคริสตชน เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตนเองให้เหมือนพระคริสตเจ้า แบ่งปันความเชื่อ ให้แก่ผู้อื่น นอกนั้นยังเป็นการรื้อฟื้นการเจิมน้ำ�มันในศีลล้างบาปให้เป็นปัจจุบันอีกด้วย ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เราเคยเห็นพิธีสากลต่างๆ ของไทยไหม? เช่น การขึ้นบ้านใหม่ การเสกรถ การเจิมหนังสือ การเจิมคู่บ่าวสาว ฯลฯ เขามักใช้สิ่งใดเจิมในพิธี? - ให้ผู้เรียนช่วยกันตอบว่า “การเจิมนั้นหมายความว่าอย่างไร?” (หมายความ ถึง การกำ�หนดให้สิ่งของหรือบุคคลนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ตามบทบาทหน้าที่ที่มีหรือได้ รับ เป็นพิธีปฐมฤกษ์ (การเบิกฤกษ์) ของบทบาทหน้าที่ใหม่นั้น และเป็นการอวยพร บุคคลหรือสิ่งนั้นให้สามารถทำ�หน้าที่ของตนได้อย่างดี มีประสิทธิภาพ) - ให้ผู้เรียนตอบคำ�ถามว่า “ตั้งแต่เกิดมา เราเคยได้รับการเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์ บ้างหรือยังและในโอกาสใด?” (ในศีลล้างบาป) - ในศีลกำ�ลัง นอกจากเครื่องหมายของการปกมือในศีลกำ�ลังแล้ว ยังมีอีก เครื่องหมายหนึ่งที่สำ�คัญเช่นกัน คือการเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นเครื่องหมายที่ บันดาลให้เกิดแก่วิญญาณ - ให้ช่วยกันตอบว่า “ความหมายของเครื่องหมาย “การเจิม” คืออะไร?” 3 พระวาจา (1 ซมอ 16:12-13) - “เจสซีใช้คนไปนำ�เขา (ดาวิด) มา ฝ่ายเขาเป็นคนผิวแดงๆ มีหน้าตาสวยและ รูปร่างงามน่าดู และพระเจ้าตรัสว่า “จงลุกขึ้น เจิมตั้งเขาไว้ เพราะเป็นคนนี้แหละ”
☆
ดูภาพ “ประเพณีวัฒนธรรม ไทย” ท้ายแผน
84
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
ซามูเอลจึงนำ�ขวดเขาน้ำ�มันและเจิมตั้งเขาไว้ท่ามกลางพี่ชายของเขา และพระจิตของ พระเจ้าก็อยู่กับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป และซามูเอลก็ลุกขึ้นกลับไปยังรามาห์” 4
อธิบายพระวาจา - พระเจ้าได้ทรงใช้ซามูเอลไปหาเจสซี บิดาของลูกชาย 8 คน ลูก 7 คนโตมีรูป ร่างหน้าตาดีมาก น่าจะเหมาะสมที่จะเป็นกษัตริย์ แต่พระเจ้าได้สั่งให้ซามูเอลมองลึก เข้าไปภายในจิตใจ ที่สุดพระองค์ทรงให้เขาเจิมดาวิด น้องชายคนเล็กเป็นกษัตริย์ เพราะเขาเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุด - การเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเครื่องหมายภายนอกที่มองเห็นและจับต้องได้ แต่ขณะที่เจิม สิ่งที่ได้เกิดในวิญญาณนั้นทำ�ให้ตัวดาวิดเปลี่ยนไป เขาไม่ได้เป็นดาวิด เด็กเลี้ยงแกะคนเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เขากลับกลายเป็นกษัตริย์ในบัดดลนั้น เป็น การเปลี่ยนแปลงจริงที่เกิดขึ้นภายในตัวบุคคล เขาไม่ได้เป็นคนเดิมอีกต่อไปแล้ว - แม้เหตุการณ์จะเป็นเช่นนั้น แต่ดาวิดก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วย ต้องทำ�ตน ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เขาเป็น ไม่ปฏิบัติตนแบบเดิมๆ ได้ทุกอย่าง
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เช่นเดียวกับดาวิดที่ได้รับเจิมจากซามูเอล ท่านได้กลับกลายเป็นกษัตริย์ไปใน ทันใด หรือพิธเี จิมต่างๆ ทางศาสนาพราหมณ์หรือพุทธทีใ่ ห้ความหมายของการอวยพร แก่บคุ คลหรือสิง่ นัน้ ให้เริม่ ทำ�หน้าทีข่ องตนอย่างดี ผูร้ บั ศีลกำ�ลังทีไ่ ด้รบั การเจิมน้�ำ มัน ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นบุคคลของพระเจ้า เขาจะไปทำ� หน้าทีอ่ นื่ สิง่ อืน่ ทีผ่ ดิ จากนัน้ ไม่ได้ การเจิมนัน้ เป็นตราทีไ่ ม่สามารถลบเลือนได้ จะถูก จารึกไว้ชั่วนิรันดรว่าเขาคือบุตรของพระเจ้าที่ได้รับเครื่องหมายพระจิตเจ้าแล้ว เขา กลายเป็นคนของพระเจ้าโดยสมบูรณ์แล้ว - เหตุนี้ การรับศีลกำ�ลังครัง้ เดียวก็เป็นการเพียงพอแล้ว เพราะเป็นการกระทำ� เพียงครั้งเดียวที่มีผลตลอดไป - การเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์หมายความว่า ผู้รับเจิมเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตแล้วรับผิด ☆ ภาพน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์ (หรือ ชอบหน้าทีต่ า่ งๆ ด้วยตนเองได้ เป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการต่อหน้าพระศาสนจักร น้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หากหาได้) ว่า พระเจ้าทรงเลือกสรรให้มาทำ�งานกับพระองค์ มีสทิ ธิและหน้าทีส่ มบูรณ์ตามฐานะ คริสตชน บทบาทใหม่ของเขาก็คือ เป็นผู้ร่วมงานที่มีประสิทธิภาพในพระศาสนจักร ☆ ผู้สอนสาธิตการเจิมให้ดู อย่างแท้จริง - เมื่อเรารับศีลล้างบาป เราเคยได้รับการเจิมแล้ว แต่เวลานั้นเรายังเป็นเด็กเล็ก ☆ ดูซีดีวีดีทัศน์เพลง เกินไปทีจ่ ะรูต้ วั ถึงความหมายและหน้าทีส่ �ำ คัญทีไ่ ด้รบั ครัน้ พอโตขึน้ ถึงวัยนี้ เราเติบโต “Here I am Lord” พอทีจ่ ะสามารถเข้าใจความจริงนีแ้ ละสามารถปฏิบตั หิ น้าทีน่ อี้ ย่างสมบูรณ์ได้แล้ว เรา จึงรื้อฟื้นเหตุการณ์นี้อีกครั้งหนึ่งในศีลกำ�ลัง - ก่อนที่จะรับศีลกำ�ลัง เราจึงควรศึกษาและรู้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเรา เพื่อเราจะได้เจริญชีวิตให้สอดคล้องและแสดงถึงสิ่งที่เราเป็นให้เห็นเด่นชัด ประจักษ์ แก่สายตาของทุกคน ว่าเราคือทหารของพระคริสตเจ้า เราสามารถเป็นประจักษ์พยาน ถึงพระองค์แก่ทุกคนอย่างไม่หวาดกลัวสิ่งใด
85
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
6
หาข้อปฏิบัติ - ผูเ้ รียนรับการเจิมน้�ำ มันศักดิส์ ทิ ธิอ์ ย่างรูต้ วั ถึงความหมายของจารีตพิธี ประพฤติ ตนอย่างดีให้เหมาะสมกับการเป็นผู้ถูกเลือกสรร
7
ภาวนาปิดท้าย - ให้ผู้เรียนสงบนิ่งสักครู่ จากนั้นให้ร้องเพลง “Here I am Lord” พร้อมกับ วีดีทัศน์
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ - การร่วมกิจกรรม - การตอบคำ�ถาม - จัดทำ�เป็นรายงานความเข้าใจรายบุคคล
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................
ภาพประกอบเนื้อหา
พิธีขึ้นบ้านใหม่
พิธีเจิมหนังสือ
การเจิมรถ
พิธีรดนํ้ำ�คู่บ่าวสาว
86
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง พ่อ/แม่ทูนหัว
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจถึงความหมายและความสำ�คัญของพ่อ/แม่ทูนหัวในศีลกำ�ลังว่า คือบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ มีหน้าที่ดูแล ช่วยเหลือ ติดตามผู้เป็น “ลูกทูนหัว” ให้ เติบโตในชีวิตแห่งความเชื่อคริสตชน - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนเลือกพ่อหรือแม่ทูนหัวที่เหมาะสม และรู้จักนอบน้อมเชื่อฟังต่อ การแนะนำ�ของท่าน สาระการเรียนรู้ เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อที่ผู้รับศีลล้างบาปได้รับต้องมีการเจริญเติบโต จนถึงขั้นบรรลุวุฒิภาวะแห่ง ความเชื่อ ซึ่งหมายถึงการเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ ดังนั้น เมื่อผู้หนึ่งได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อขณะที่ยังเล็กอยู่นั้น เขายังไม่ อาจเติบโตด้วยตนเองได้ จึงต้องมีผใู้ หญ่ทคี่ อยให้ความช่วยเหลือ ติดตาม ดูแล ด้วยความรอบคอบเป็นอย่างยิง่ พระศาสนจักร ผู้เป็นมารดาฝ่ายจิตจึงมอบผู้ช่วยเหลืออีกคนหนึ่งให้แก่ผู้รับศีลกำ�ลัง คือ “พ่อ/แม่ทูนหัว” เพื่อจะได้เป็นผู้คอยติดตาม ดูแล แนะนำ�ทางที่ถูกต้องให้ผู้รับศีลสามารถเติบโตจนสามารถบรรลุถึงการเป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อได้ ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / ภาวนาก่อนเรียน โดยร้องเพลงเทเซ่ “เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ขณะที่คนหนึ่งยังเป็นเด็ก เขาทำ�อะไรได้บ้าง? เขาทำ�อะไรไม่ได้บ้าง? ลองให้ผู้ เรียนยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตน
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ ☆
ซีดีเพลงเทเซ่/เครื่องเล่นซีดี/ เนื้อเพลง
☆
ดูซีดีเรื่อง “จากเด็กสู่ผู้ใหญ่”
- ในขณะนั้น หากเขาอยากได้หรืออยากทำ�สิ่งหนึ่งที่ยังไม่สามารถทำ�ได้ เขามัก จะทำ�อย่างไร? (ให้ผู้ใหญ่กว่าช่วยเหลือ) - ไม่เพียงแต่คนเท่านั้น แม้แต่สัตว์ก็ต้องทำ�เช่นนี้เหมือนกัน - หากขาดผู้ช่วยเหลือแล้ว ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร? - เมื่อเทียบกับชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราแล้ว ก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก เราก็ต้องการ ผู้ช่วยให้เติบโตฝ่ายจิตเช่นกัน - ใครบ้างคือผู้ช่วยเราให้เติบโตฝ่ายกาย? และใครคือผู้ช่วยให้เราเติบโตฝ่ายจิต ได้บ้าง? (พ่อ แม่ พ่อ-แม่ทูนหัว ฯลฯ) 3 พระวาจา (มก 2:1-5,11-12) “ต่อมาอีกสองสามวัน พระเยซูเจ้าเสด็จกลับมาที่เมืองคาเปอรนาอุม...พระองค์ ประทับอยูใ่ นบ้าน ประชาชนจำ�นวนมากจึงมาชุมนุมกันจนไม่มที วี่ า่ งแม้กระทัง่ ทีป่ ระตู พระองค์ประทานพระโอวาทสอนประชาชนเหล่านั้น ชายสี่คนหามคนอัมพาตคนหนึ่ง
☆
เล่าเรื่อง “ผู้ช่วยจำ�เป็น”
87
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ มาเฝ้าพระองค์ แต่เขา...ฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงพระองค์ไม่ได้ เขาจึงเปิดหลังคาบ้านตรงที่ พระองค์ประทับอยู่ แล้วหย่อนแคร่ที่คนอัมพาตนอนอยู่ลงมาทางช่องนั้น เมื่อพระเยซูเจ้าทรงเห็นความเชือ่ ของคนเหล่านีจ้ งึ ตรัสแก่คนอัมพาตว่า “ลูกเอ๋ย บาปของท่าน ได้รับการอภัยแล้ว”... “เราสั่งท่าน จงลุกขึ้น แบกแคร่ กลับไปบ้านเถิด” เขาก็ลุกขึ้น แบกแคร่ออกเดินไปทันทีต่อหน้าคนทั้งปวง ทุกคนต่างประหลาดใจ ถวายพระเกียรติ แด่พระเจ้าและพูดว่า “พวกเรายังไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อนเลย”
4
อธิบายพระวาจา - หากสังเกตจะเห็นได้ว่า บุคคลที่ห้อมล้อมพระเยซูเจ้านั้นมีความเชื่อไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับอัศจรรย์จากพระเยซูเจ้าคือผู้ป่วยที่มีความเชื่อสูงในพระองค์ เขาจะ พยายามทำ�ทุกวิถที างเพือ่ ให้พระองค์ทรงรักษาเขา แต่พระวรสารตอนนีท้ �ำ ให้เราเห็น ความเชื่อของกลุ่มบุคคลหนึ่งที่แบกคนเป็นอัมพาตเข้ามา - แน่นอน ผู้ป่วยเองต้องมีความเชื่อสูงไม่แพ้ผู้แบกเขาเข้ามา แต่ภาพที่พระวรสาร เล่าเน้นถึงความเชื่อร้อนรนของกลุ่มคนที่ช่วยหย่อนแคร่ผู้ป่วยลงมาทางหลังคาบ้าน ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร เขาไม่สนใจ เขารู้ว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยให้ผู้ป่วยหายได้ อย่างแน่นอน - พระเยซูเจ้าทรงเห็นภายในใจอย่างชัดเจนถึงความจริงนี้ จึงไม่ทรงลังเลที่จะทำ� อัศจรรย์ชว่ ยเหลือพวกเขา แม้วา่ ในเหตุการณ์นนั้ จะมีพวกทีต่ งั้ ตนเป็นศัตรูกบั พระองค์ อยู่ก็ตาม - แง่คิดนี้ทำ�ให้เราเข้าใจว่า บ่อยครั้งความเชื่อของหมู่คณะช่วยค้ำ�จุนความเชื่อ ส่วนบุคคล ช่วยให้มีกำ�ลังใจ ช่วยให้กล้าหาญ ให้มีกำ�ลังใจ ให้กล้าที่จะสู้ต่อไป
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณก็คล้ายกับชีวิตฝ่ายร่างกาย เมื่อเกิดมายังเล็กอยู่ ต้องมี การเติบโตไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นเป็นผู้ใหญ่ ในกระบวนการเติบโตนี้จำ�เป็นต้องมีผู้ช่วย ซึ่งลำ�พังเพียงพ่อแม่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะพ่อแม่บางคนก็เป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อ แต่อีกบางคนไม่เป็นเช่นนั้น จึงไม่ใช่ทุกคนจะสามารถอบรมบุตรให้เติบโตด้าน ความเชื่อได้อย่างมีคุณภาพ - พระศาสนจักรเข้าใจความจริงข้อนี้ดี จึงให้มีผู้ช่วยโดยให้ผู้รับศีลกับพ่อแม่ ของเขาคัดเลือกบุคคลที่สามารถนำ�ทางแห่งความเชื่อจนเขาสามารถบรรลุถึงการเป็น ผู้ใหญ่ในความเชื่อได้ นั่นคือ พ่อ/แม่ทูนหัว - การเติ บ โตด้ า นความเชื่ อ เป็ น เรื่ อ งสำ � คั ญ มากเพี ย งใด? ทำ � ไมจึ ง ต้ อ งให้ ความสนใจในด้านนี้มากนัก? ก็เพราะเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของตัวเรา นัน่ เอง หากเราไม่สามารถเติบโตจนกลายเป็นผูใ้ หญ่ดา้ นความเชือ่ ได้ เราคงจะทำ�ตน เป็นเด็กตลอดกาลที่ไม่รู้ดีรู้ชั่ว และอาจอยู่ในอันตรายที่จะเสียหายหรือพินาศฝ่าย วิญญาณก็ได้ หากเปรียบเทียบก็คงคล้ายกับเด็กที่ทำ�อะไรตามใจตัวเองแล้วทำ�สิ่งซึ่ง นำ�ความเสียหายมากมายแก่ผู้อื่นและตนเองก็ได้ - เมื่อคนหนึ่งไม่เติบโตฝ่ายร่างกายอย่างเต็มที่ เขาก็กลายเป็นคนพิการไม่ทาง
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
88
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
ใดก็ทางหนึ่ง คนที่ไม่เติบโตฝ่ายจิตใจก็เป็นคนพิการที่น่าสงสารเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจ จะมากกว่าฝ่ายร่างกายด้วยซ้ำ� - สิ่งที่เราควรรู้และปฏิบัติเกี่ยวกับพ่อแม่ทูนหัวมีดังนี้คือ พ่อ/แม่ทูนหัว คือ บุคคลที่ช่วยให้ผู้รับศีลกำ�ลังดำ�เนินชีวิตตามพระพรของ พระจิตเจ้าอย่างดี * เขาจะต้องเป็นคาทอลิกที่เป็นผู้ใหญ่ด้านความเชื่อแล้ว เป็นคนที่ผู้รับศีลให้ ความเคารพนับถือ เป็นผู้ให้ตัวอย่างที่ดีและให้คำ�แนะนำ� ช่วยเหลือ ให้ลูกทูนหัวเป็น คริสตชนที่ดีตามเจตนารมณ์ของศีลกำ�ลัง * จะเป็นการดีหากเป็นคนเดียวกับศีลล้างบาป * ไม่ควรเป็นพ่อแม่ของผู้รับศีลกำ�ลัง * พ่อแม่ทนู หัวต้องอยู่ในพิธีรับศีลกำ�ลังด้วย - ดังนั้น ผู้รับศีลกำ�ลังพร้อมกับพ่อแม่จะต้องพิจารณาเลือกบุคคลที่เหมาะสมจะ เป็นพ่อหรือแม่ทูนหัวตามหลักเกณฑ์เบื้องต้นดังกล่าว - อาจให้ผู้เรียนจัดทำ�การ์ดอวยพรเพื่อเตรียมมอบให้พ่อ/แม่ทูนหัว
☆
อุปกรณ์ทำ�การ์ดอวยพร
6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้ เรี ย นเลื อ กพ่ อ หรื อ แม่ ทู น หั ว ที่ เ หมาะสม และรู้ จั ก นอบน้ อ มเชื่ อ ฟั ง ต่ อ การแนะนำ�ของท่าน
7
ภาวนาปิดท้าย - สวดบท “วันทามารีย์” พร้อมกันอย่างสำ�รวมและศรัทธา
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ - ประเมินผลงาน (การ์ดอวยพร) - (บั น ทึ ก ความรู้ สึ ก เมื่ อ ได้ ม อบการ์ ด อวยพรนั้ น และนำ � มาแบ่ ง ปั น กั น ใน คาบเรียนต่อไป)
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................
89
เพลง “เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า”
เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า
เชิญมาส่องแสงด้วยไฟรักของพระองค์ เชิญมาเถิดองค์พระจิตเจ้า
เรื่อง “ผู้ช่วยจำ�เป็น” โรแบร์โตเป็นนักหนังสือพิมพ์ร่ำ�รวยคนหนึ่ง เขารู้สึกไม่พึงพอใจกับชีวิตจึงไปหาอาจารย์ชื่อ เอลีห์ เมื่อได้เสวนากันจบแล้ว ก่อนลากลับ เอลีห์ได้บอกเขาว่า “จงเจริญชีวิตปัจจุบันอย่างดี ในความเรียบง่าย” โรแบร์โตได้ครุ่นคิดอย่างหนักถึงคำ�พูดนั้นของเอลีห์ หลังจากนั้นจึงเข้าไปในสวนแต่ลำ�พัง ใน ความสงบเงียบนั้น เขาสังเกตดูดอกไม้อย่างช้าๆ เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำ�มาก่อน บนกลีบกุหลาบนั้นมีสีสัน งดงามน่าพิศวงยิ่งนัก มีแมลงเล็กๆ เกาะอยู่ มันเป็นโลกที่เขาไม่คุ้นเคยเลย เขาสัมผัสผิวหญ้า ลำ�ต้นไม้ ได้ กลิน่ หอมทีเ่ ขาไม่เคยรูส้ กึ มาก่อนเพราะมัวแต่ยงุ่ อยูก่ บั งาน งาน และงาน เขาถอดรองเท้าเดินบนหญ้า สัมผัส กับอากาศบริสุทธิ์เย็นสดชื่นจากจมูกถึงปอด จึงรู้สึกว่า ชีวิตของเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว เขาเริ่มมีชีวิตเที่ยง แท้อย่างที่เมื่อก่อนไม่เคยมี รู้สึกเบิกบานใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้ลิ้มรสเสี้ยวหนึ่งของสวรรค์แล้ว เขาจึงตัดสินใจแบ่งปันประสบการณ์นี้แก่คนอื่น เริ่มจากการเขียนบทความ เผยแพร่หนังสือเกี่ยวกับ ความสมดุลของชีวิตภายใน เป็นวิทยากรลือนามที่ทุกคนรู้จัก เขาประสบความสำ�เร็จในทันทีทันใด เข้าเป็น สมาชิก หลายๆ องค์กรเกี่ยวกับพลังจิต การบำ�บัดด้วยจิต และการรู้จักตนเอง ตั้งสมาคมที่ทำ�งานเกี่ยวกับ เรือ่ งความสุขสมบูรณ์ของชีวติ รับเชิญไปให้ความรูใ้ นรายการโทรทัศน์และได้ขนึ้ หน้าหนังสือพิมพ์บอ่ ยๆ ทัง้ รายวันและรายสัปดาห์ในคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องทัศนคติของชีวิตและวิธีบรรลุถึงความสุขที่เที่ยงแท้ ดังนั้น กำ�หนดการของเขาจึงแน่นเอี้ยด จนเกือบไม่เหลือเวลาส่วนตัวเลย หลังจากนัน้ ไม่นาน โรแบร์โตเริม่ รูส้ กึ ว่า เขาไม่สดชืน่ และกระปรีก้ ระเปร่าเหมือนเดิม ความกระตือรือร้น ลดน้อยถอยลง รูส้ กึ เหนือ่ ยหน่าย และไม่อยากไปร่วมงานใดๆ ทัง้ สิน้ อีกต่อไป เขาสับสนถามตนเองว่า “เกิด อะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?” เมือ่ รูส้ กึ ว่าไม่ไหวแล้ว เขาจึงกลับไปหาเอลีห์ ผูซ้ งึ่ คาดการณ์ได้อย่างถูกต้องถึงสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ กับโรแบร์โต จึ ง กล่ า วกั บ เขาว่ า “ใช่ ผมบอกคุ ณ ให้ เจริ ญ ชี วิ ต ในปั จ จุ บั น อย่ า งดี แต่ คุ ณ ลื ม ประโยคต่ อ ไปว่ า ‘ใน ความเรียบง่าย’” โรแบร์โตได้บรรลุความกระจ่างอีกครั้งหนึ่งและเข้าใจว่า เพื่อจะให้ได้นั้นจำ�เป็นต้องรับด้วย ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา เขาได้ลดงานและธุระยุง่ เหยิงต่างๆ ลง เพือ่ จะได้มเี วลาส่วนตัวสำ�หรับการเจริญชีวติ ภายในให้มากขึน้ ดังนี้ เขาจึงได้เริ่มการเติบโตฝ่ายจิตอย่างแท้จริง
90
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ฉันเป็นทหารของพระคริสตเจ้า
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่าศีลกำ�ลังประทานพระจิตเจ้า ผู้ทรงให้พละกำ�ลังแก่เขาใน การเติบโตด้วยความกล้าหาญทีจ่ ะต่อสูก้ บั บาปและปีศาจทัง้ ภายในและภายนอกตน เยีย่ ง ทหารของพระคริสตเจ้า เช่นเดียวกับทหารที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อปกปักรักษาประเทศชาติ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนระวังรักษาตนเองมิให้ตกในบาป แม้ในข้อเล็กน้อยที่สุด สาระการเรียนรู้ พระจิตเจ้าทีผ่ รู้ บั ศีลกำ�ลังได้รบั จะช่วยเขาให้เจริญชีวติ แบบผูใ้ หญ่ ไม่ใช่เด็กทีท่ �ำ ตามใจตนเองเหมือนเด็กๆ อีกต่อไป เพราะการทำ�แต่สิ่งที่ตนชอบนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไปหรืออาจเป็นบาปก็ได้ พระจิตเจ้าจะช่วยส่องสว่างสติปัญญา ของเขาให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี จะช่วยให้เขามีกำ�ลังจะเอาชนะความโอนเอียงที่ไม่ดีและทำ�ความดีแทน เมื่อทำ�ดังนี้ เป็นประจำ� เขาก็จะค่อยๆ กลายเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ เป็นเสมือนทหารของพระคริสตเจ้าที่คอยรบสู้กับบาปและปีศาจที่อยู่ ภายในตัวเขาและรอบๆ ตัวเขา เพื่อช่วยเสริมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้าตั้งแต่ในโลกนี้ ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - เล่าเรื่อง “นักบุญมารีอา กอแร็ตตี”
☆
- ให้ผู้เรียนวิเคราะห์จากเรื่องเล่าว่า มารีอา กอแร็ตตีได้พบกับความลำ�บากใด บ้างเพื่อยืนหยัดต่อสู้ในความดี? แล้วผลที่ได้คืออะไร?
เรื่อง “นักบุญมารีอา กอแร็ตตี”
- ให้ผู้เรียนแสดงความเห็นว่า เขาประทับใจอะไรในเรื่องนี้บ้าง? - เหตุใด มารีอา กอแร็ตตีจึงได้ต่อสู้ถึงขนาดนั้นเพื่อยึดมั่นในความดี? ท่านมี แรงจูงใจอะไร? หากท่านไม่ทำ�ความดีแล้วจะเกิดอะไรขึ้น? - ในบรรดาบุคคลที่ผู้เรียนรู้จักมีใครบ้างที่มีชีวิตคล้ายๆ กัน? ให้ผู้เรียนแบ่งปัน อย่างย่อๆ - เราแต่ละคนมีประสบการณ์แบบนี้หรือไม่? ในฐานะคริสตชน เราถูกเรียกให้ ทำ�ภารกิจใดบ้างหรือไม่? และเราได้ทำ�มากน้อยเพียงใด? 3 พระวาจา (2 คร 11:23-29) “เขาเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้าหรือ ข้าพเจ้าพูดอย่างคนเสียสติว่าข้าพเจ้า เป็นมากกว่าเขาเสียอีก ข้าพเจ้าลำ�บากตรากตรำ�มากกว่าเขา ถูกจองจำ�มากกว่าเขา ถูก โบยตีมากกว่าเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน ต้องเผชิญกับความตายหลายครั้ง ข้าพเจ้าถูกชาว ยิวลงแส้ห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที ข้าพเจ้าถูกชาวโรมันเฆี่ยนตีสามครั้ง ถูกขว้างด้วย
☆
ภาพ น.เปาโล กับความยาก ลำ�บากในการแพร่ธรรม ท้ายแผน
91
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ หินหนึ่งครั้ง เรืออับปางสามครั้ง ลอยคออยู่กลางทะเล หนึ่งคืนกับหนึ่งวัน ข้าพเจ้า ต้องเดินทางเสมอ ต้องเผชิญอันตรายในแม่น้ำ� อันตรายจากโจรผู้ร้าย อันตรายจาก เพื่อนร่วมชาติ อันตรายจากคนต่างชาติ อันตรายในเมือง อันตรายในถิ่นทุรกันดาร อันตรายในทะเล อันตรายจากพี่น้องทรยศ ข้าพเจ้าต้องทำ�งานเหน็ดเหนื่อยลำ�บาก ตรากตรำ� อดนอนบ่อยๆ ต้องหิวกระหาย ต้องอดอาหารหลายครัง้ ต้องทนหนาว ไม่มี เสื้อผ้าสวมใส่ นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ข้าพเจ้ายังถูกบีบคั้นทุกวัน นั่นคือเป็นห่วง พระศาสนจักรทุกแห่ง ใครบ้างอ่อนแอ และข้าพเจ้ามิได้ออ่ นแอด้วย ใครบ้างถูกชักนำ� ให้ทำ�บาป และข้าพเจ้าไม่เป็นทุกข์ด้วย”
4
อธิบายพระวาจา - จากประวัติ น.เปาโลเราทราบว่า ท่านมิได้เกิดมาเป็นนักบุญ แต่ได้เริ่มงาน ด้วยการเป็นศัตรูกบั คริสตชน เบียดเบียน เข่นฆ่าพวกเขา เพราะคิดว่าคริสตชนคือพวก ที่ถือศาสนาผิดๆ จึงต้องกำ�จัดให้หมดสิ้นไป - แต่เมื่อท่านได้กลับใจแล้ว ท่านได้ยอมเปลี่ยนทั้งความคิดและการกระทำ�ทั้ง สิ้น เพื่อรับใช้องค์พระเยซูคริสตเจ้าแต่ผู้เดียว และวิถีชีวิตใหม่นี้เองที่ทำ�ให้ท่านต้อง ตกระกำ�ลำ�บากอย่างแสนสาหัสปางตายเพือ่ เห็นแก่การประกาศพระวรสารและอภิบาล คริสตชน ดังพระวาจาที่เราได้ฟังข้างต้น - หากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว จะเห็นได้ชัดว่า ความทุกข์ยากลำ�บากที่ นักบุญเปาโลได้รบั นัน้ มากมายจนยากทีจ่ ะนำ�มาเปรียบเทียบกับความทุกข์ของเราได้ - ให้เราถามตนเองเช่นกันว่า “ทำ�ไม น.เปาโลจึงยอมได้ถึงขนาดนี้?” ทั้งๆ ที่ ตอนแรกท่านเกลียดศาสนานี้เป็นที่สุด ท่านทำ�ทุกอย่างเพื่อเบียดเบียนคริสตชน แต่ สุดท้ายก็ยอมเป็นผู้ถูกเบียดเบียนเสียเองอย่างน่าสมเพชที่สุด อะไรคือแรงจูงใจของ ท่าน? - คำ�ตอบก็คือ ความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้า ตั้งแต่ น.เปาโลพบกับพระองค์ใน ระหว่างทางไปเมืองดามัสกัส ท่านได้เปลี่ยนแปลงตนเองทั้งครบ เป็นคนใหม่กลาย เป็นศิษย์ของพระองค์ จนกล้าเรียกตนเองว่าเป็น “อัครสาวก” องค์ที่ 13 เพราะท่าน ได้ทนทุกข์เพื่อพระอาจารย์เจ้าไม่น้อยไปกว่าอัครสาวกคนอื่นๆ เลย
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - เมื่อหันมามองชีวิตของเรา คงไม่พบความแตกต่างจาก น.มารีอา กอแร็ตตี และ น.เปาโลมากเท่าไรนักในการต้องผจญกับความทุกข์ยากลำ�บาก แต่เมือ่ มองให้ดี จะพบความแตกต่างคือ มันเป็นความทุกข์ประเภทใด? เป็นทุกข์ทใี่ ครก่อขึน้ ? เราต้อง ทนทุกข์นั้นไปเพื่ออะไร? - น.เปาโลได้ค้นพบเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต ท่านจึงเดินตรงสู่เป้าหมายนั้น โดยไม่ลังเลและย่อท้อ แม้ต้องพบกับอุปสรรคมากมายท่านก็ยังเอาชนะได้ และยัง สามารถซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ของตนจนกลายเป็นผู้ชนะในที่สุด - มารีอา กอแร็ตตี เป็นอีกตัวอย่างชีวิตหนึ่งซึ่งคล้ายกับ น.เปาโล ท่านมีแรง
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
92
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
จูงใจสูงส่งเช่นเดียวกันจึงบรรลุถึงความสำ�เร็จนั้นได้
- เราก็เช่นเดียวกัน เราได้รับมอบหน้าที่พิเศษพร้อมกับศีลล้างบาปและศีลกำ�ลัง ให้เป็นทหารของพระคริสตเจ้า คือต้องต่อสู้กับบาปและความไม่ดีต่างๆ เพื่อยืนหยัด ในความดี เป็นประจักษ์พยานขององค์พระเยซูคริสตเจ้า - เราจะทำ�เช่นนี้ได้อย่างไรและเมื่อไรบ้าง? ก็ต้องทำ�ตลอดเวลาด้วยการซื่อสัตย์ ต่อหน้าทีค่ ริสตชน แม้จะต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคมากเพียงใด เราก็ตอ้ งเจริญชีวติ ตามแนวทางพระวรสารด้วยการรักพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง - ให้ผู้เรียนแต่ละคนทำ�ใบงานที่ 1 “ฉันจะทำ�อย่างไร?” เพื่อพิจารณาตนเองว่า ในเหตุการณ์ต่างๆ ของชีวิตนั้น เขากล้าปฏิบัติตนเป็นคริสตชนแท้มากเพียงไร?
☆
ใบงานที่ 1
6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนระวังรักษาตนเองมิให้ตกในบาป แม้ในข้อเล็กน้อยที่สุด
7
ภาวนาปิดท้าย - ให้ตัวแทนผู้เรียน 1 คน นำ�สวดภาวนาจากใจ
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจของผู้เรียน - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................
93
นักบุญมารีอา กอแร็ตตี พรหมจารีและมรณสักขี องค์อุปถัมภ์เยาวชนและสตรี (ฉลองวันที่ 6 กรกฎาคม)
พ
ระสันตะปาปาปิโอที่สิบสองทรงเรียกนักบุญมารีอา กอแร็ตตี ว่า “นักบุญอักแนสแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ” เธอเกิดวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ. 1890 ในทุ่งนาเล็กๆ ใกล้เมืองแอนโคน่า ประเทศอิตาลี เป็นลูกคนทีส่ ามในจำ�นวนพีน่ อ้ งเจ็ดคน แม่บอกว่าเธอเป็น เด็กดี มีความสุข พูดจาตรงไปตรงมา อารมณ์แจ่มใส เอาการเอางาน มี ความรับผิดชอบเกินวัย และนบนอบพ่อแม่เสมอ พ่อได้ตายด้วยโรค มาลาเรียตอนเธออายุเก้าปี ระหว่างที่แม่ไปทำ�งานในทุ่งนา มารีอาช่วย ดูแลน้องๆ และทำ�งานบ้าน เธอได้รับศีลมหาสนิทครั้งแรกเมื่ออายุสิบปี ได้ตั้งใจที่จะประพฤติตัวให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ในปี 1902 วีรสตรีผู้นี้ได้รับการทดสอบความเชื่ออย่างทารุณโหดร้าย ครอบครัวกอแร็ตตีอาศัยอยู่ใน บ้านหลังเดียวกันกับเพื่อนร่วมงานของพ่อ และลูกชายของเขาชื่อ อเล็กซานเดอร์ ผู้ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่มีจิตใจ ชั่วร้าย อายุสิบแปดปี เขาพยายามหาโอกาสที่จะทำ�มิดีมิร้ายต่อมารีอาตลอดเวลา เธอต่อต้านเขาทุกครั้งอย่าง ทันกาล แต่เธอไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะเขาได้ขจู่ ะฆ่าเธอและแม่ดว้ ย ถ้าเธอบอกให้คนรู้ ในทีส่ ดุ ราคะตัณหา ทีส่ ะสมมาเป็นเวลานานทำ�ให้อเล็กซานเดอร์พยายามทำ�สิง่ ทีไ่ ม่ดงี ามต่อเธอ แต่เธอได้ตอ่ ต้านเขาสุดกำ�ลัง เธอ ร้องสุดเสียงติดต่อกันหลายครั้ง “อย่าทำ�บาป! พระเป็นเจ้าไม่ต้องการให้คุณทำ�บาป!” หนุ่มใจทรามตกอยู่ใน อิทธิพลของอำ�นาจมืด เขากำ�ลังหวาดกลัวและโมโหฉุนเฉียว เพราะไม่ได้รบั สิง่ ทีพ่ งึ ปรารถนา จึงชักเหล็กแหลม ยาวออกมา และแทงเธอสุดแรง ซ้ำ�แล้วซ้ำ�อีก จนร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดทะลักออกมา มารีอาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนที่เมืองเนททูร์โน แม้ นายแพทย์ผ่าตัดได้พยายามช่วยชีวิตเธอ แต่ก็สุดความสามารถ เช้า วันรุง่ ขึน้ พระสงฆ์ได้น�ำ ศีลมหาสนิทมาให้เธอ โดยถามเธอก่อนถึงท่าที ของเธอต่ออเล็กซานเดอร์ เธอตอบอย่างชัดเจนว่า เธอได้ให้อภัยเขา เธอได้วิงวอนพระเป็นเจ้าให้เขากลับใจ และวันหนึ่งเธอปรารถนาเห็น เขาในเมืองสวรรค์ วันที่ 6 กรกฏาคม 1902 เธอได้หมดลมหายใจและ พบในสวรรค์ของพระเยซูคริสตเจ้า องค์ความรักที่เธอได้พลีชีวิตให้ ที่สุด อเล็กซานเดอร์ถูกตำ�รวจจับกุมและศาลตัดสินจำ�คุกเขา สามสิบปี เขาไม่กลับใจจนกระทั่งคืนหนึ่งเขาได้ฝันว่า เขาอยู่ในสวน แห่งหนึ่ง มารีอาก็อยู่ที่นั่นและได้ยื่นดอกไม้ให้เขา เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาได้เปลี่ยนเป็นคนละคน เป็นทุกข์เสียใจที่ได้ทำ�ผิด และตั้งใจ แน่วแน่ทจี่ ะดำ�รงชีวติ เป็นคนดีตงั้ แต่นนั้ เป็นต้นไป หลังจากติดคุกเป็น
94
เวลายี่สิบเจ็ดปี เขาได้รับอิสรภาพและไปกราบเท้าแม่ของมารีอาเพื่อขอขมาโทษ เธอได้ให้อภัยเขาและ พูดว่า “ถ้าลูกสาวฉันได้ให้อภัยคุณ แล้วฉันจะหน่วงเหนี่ยวการให้อภัยของฉันไว้ทำ�ไม?” ในปี 1950 มารีอาได้รบั การประกาศเป็นนักบุญ อเล็กซานเดอร์ก็อยู่ในพิธีฉลองนั้นด้วย พร้อมกับ แม่และพีน่ อ้ งของนักบุญในพระมหาวิหารนักบุญเปโตรทีก่ รุงโรม เธอเป็นแบบอย่างสำ�หรับเยาวชนและหญิง สาวทั่วโลกในการถือความบริสุทธิ์ เราเรียกเธอว่ามรณสักขีเพราะเธอยอมตาย ต่อสู้กับอเล็กซานเดอร์ ไม่ยอมให้เขาทำ�บาป อย่างไร ก็ตาม จุดสำ�คัญของเรือ่ งนี้ คือ เธอให้อภัยคนทีไ่ ด้ท�ำ ร้ายเธอ และเป็นห่วงกังวลถึงความรอดของวิญญาณเขา ให้เราภาวนานักบุญมารีอากอแร็ตตี สอนเราให้ต่อสู้กับการประจญ
นักบุญเปาโลแพร่ธรรมด้วยความยากลำ�บาก ลอยคอกลางทะเล
ถูกจับเยี่ยงคนร้าย
ถูกปองร้าย
ถูกพิพากษาตัดสิน
95
ใบงานที่ 1 “ฉันจะทำ�อย่างไร?” คำ�ชี้แจง - ให้เขียนคำ�ตอบที่ท่านต้องการลงในช่องทางขวามือ ที่
เหตุการณ์
1. เมื่อมีใครพูดดูถูกศาสนาคริสต์ 2. เมื่อรู้สึกอยากนอนยาวตอนเช้าวันอาทิตย์ 3. เมื่อพ่อแม่ให้ช่วยทำ�งานบ้านบ่อยๆ 4. เมื่อเพื่อนบางคนไม่มีเงินซื้อข้าวเที่ยง 5. เมื่อบังเอิญไปพบกับคนที่ได้รับบาดเจ็บ 6. เมื่อมีเงินมากๆ 7. เมื่อรู้สึกอยากแอบไปดูหนังอย่างมาก 8. เมื่อไม่ได้ไปรับศีลแก้บาปเป็นเวลานานแล้ว 9. เมื่อเพื่อนบางคนแอบนินทาฉันลับหลัง 10. เมื่อรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตมากๆ 11. เมื่อถูกเหยียบเท้าอย่างแรง 12. เมื่อครูสอนวิชานั้นไม่ได้เรื่องเลย
ฉันจะ........
96
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการภาวนา
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่า คริสตชนคือผู้ติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้าเสมอ เฉพาะอย่างยิ่ง ผูเ้ ตรียมตัวรับศีลกำ�ลัง เพราะเขาคือผูใ้ หญ่ในความเชือ่ ทีย่ ดึ พระเจ้าเป็นศูนย์กลางของชีวติ ไม่ว่าจะในเวลาที่มีความสุขหรือความทุกข์ก็ตาม - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนติดต่อกับพระเจ้าบ่อยๆ ด้วยความไว้วางใจ โดยทางบทภาวนาและ การภาวนาส่วนตัว สาระการเรียนรู้ ผู้รับศีลกำ�ลังควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะได้รับพระจิตเจ้าอย่างเต็มที่ วิธีสำ�คัญอย่าง หนึ่งของการเตรียมตัวนี้คือ การภาวนา เพราะเป็นการเปิดใจตนเองให้พระเจ้าเข้ามาในจิตใจของเขา ทำ�ให้เขาได้ชิดสนิทกับ พระองค์ ดังนี้ พระจิตเจ้าจะสามารถทำ�งานในจิตใจของเขา พระเจ้าทรงพอพระทัยผูท้ ภี่ าวนาต่อพระองค์ดว้ ยความสุภาพ การภาวนาคือการสำ�นึกว่าพระเจ้าคือเจ้านายชีวิตของตน และพระองค์ทรงสามารถช่วยเหลือเขาให้ซื่อสัตย์ต่อการเป็นคริสตชน ที่มั่นคงในความเชื่อได้ ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน ด้วยบท “ข้าแต่พระบิดาฯ” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ยกประสบการณ์ของเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถช่วยตนเองได้ เช่น ในการรับ ประทานอาหาร การแปรงฟัน การอ่าน ก ไก่ การซักผ้า ฯลฯ - วิเคราะห์กับผู้เรียนว่า ประสบการณ์ของเด็กที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้นี้ มี ผลอย่างไรใน 2 กรณีคือ 1) เมื่อมีผู้ช่วยเหลือเขา 2) เมื่อไม่มีผู้ที่ช่วยเขา - ความแตกต่างของผลนี้จะเป็นอย่างไร? ถ้าเลือกได้ผู้เรียนแต่ละคนอยากเป็น กรณีไหน? เพราะเหตุใด? - ให้ผู้เรียนพิจารณาว่า กรณีเช่นเดียวกันนี้เกิดกับเราทุกคนด้วยไหมแม้ว่าจะ โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว? เมื่อใดบ้าง? ให้ผู้เรียนคิดแล้วแบ่งปัน - ผู้สอนนำ�เข้าสู่ประเด็นที่ว่า ลำ�พังกำ�ลังมนุษย์จะสามารถต่อสู้กับความไม่ดี ทั้งหมดและยืนหยัดในความดีอย่างซื่อสัตย์ได้ไหม? 3 พระวาจา (มธ 7:7-11) “จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตู เถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน เพราะคนที่ขอย่อมได้รับ คนที่แสวงหาย่อมพบ คนที่ เคาะประตูยอ่ มมีผเู้ ปิดประตูให้ ท่านใดทีล่ กู ขออาหาร จะให้กอ้ นหินหรือ ถ้าลูกขอปลา
☆
ดูซีดีเรื่อง “เห็นใจ”
97
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
จะให้งหู รือ แม้แต่ทา่ นทัง้ หลายทีเ่ ป็นคนชัว่ ยังรูจ้ กั ให้ของดีๆ แก่ลกู แล้วพระบิดาของ ท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดีๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ” 4
อธิบายพระวาจา - พระวาจาของพระเจ้าในพระวรสารตอนนี้ทำ�ให้เราเข้าใจว่า ตามปกติมนุษย์ ย่อมไม่คอ่ ยคิดถึงพระเจ้า ไม่ส�ำ นึกถึงพระเมตตารักของพระองค์ ถ้าเปรียบเป็นภาพก็ เหมือนกับเจ้านายผู้ร่ำ�รวยมหาศาล นั่งรอให้ผู้คนมาขอสิ่งที่เขาต้องการ แต่คนเหล่า นัน้ กลับผ่านไปผ่านมาโดยไม่รไู้ ม่เห็นว่ามีบคุ คลนีอ้ ยูเ่ พือ่ คอยช่วยเหลือเขาตลอดเวลา - พระพรของพระเจ้าเป็นสิ่งประเสริฐล้ำ�ค่ายิ่งนัก พระองค์จะทรงให้เฉพาะแก่ ผู้รู้จักเห็นคุณค่าเท่านั้น - พระเจ้าไม่ทรงต้องการ “เอาเพชรพลอยไปโยนให้ไก่” เพราะมันไม่มีวันจะรู้ ค่าของเพชรพลอยนั้นเลย สำ�หรับไก่แล้วเมล็ดข้าวเม็ดเดียวยังดีกว่าเพชรพลอยเม็ด โตๆ สัก 10 เม็ดด้วยซ้ำ�เพราะทำ�ให้มันอิ่มไม่ได้ - พระองค์จึงทรงมีเงื่อนไขหนึ่งก็คือ ทรงอยากให้มนุษย์รู้ว่าลำ�พังตัวเขานั้นไม่ สามารถทำ�ทุกอย่างให้ดีได้เพราะเขาอ่อนแอมีขอบเขตจำ�กัด เขาต้องการความช่วย เหลือจากผู้อื่น เฉพาะอย่างยิ่งจากพระเจ้า นอกจากขอบเขตความอ่อนแอของตนแล้ว ยังมีปศี าจทีค่ อยประจญเขาให้วญ ิ ญาณพินาศด้วย ดังนีเ้ ฉพาะกำ�ลังของมนุษย์เท่านัน้ ไม่สามารถเอาชนะความไม่ดีทั้งหมดเพื่อดำ�รงตนในความดีอย่างซื่อสัตย์ได้ - พระเจ้าจึงทรงต้องการให้มนุษย์รู้จักสวดภาวนาวอนขอด้วยความสุภาพถ่อม ตนมิใช่แบบผู้หยิ่งทรนงเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนควรจะได้ แต่แบบผู้สำ�นึกถึงขอบเขตจำ�กัด ของตนอย่างแท้จริง
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - หนทางหนึ่งที่มนุษย์ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ และยังได้ผลดีจนถึงปัจจุบันก็คือ การหันหาพระเจ้าเบื้องบนและวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ด้วยความสุภาพ ถ่อมตน รู้ตัวว่าตนไม่ได้มีฤทธิ์อำ�นาจใดๆ ไม่สามารถทำ�ทุกอย่างอย่างดีได้ด้วย ตนเอง - พระเจ้าทรงพร้อมจะยื่นมือช่วยเหลือมนุษย์อยู่แล้ว เหมือนพ่อแม่ที่คอยดูอยู่ ว่าลูกทีก่ �ำ ลังหัดเดินนัน้ จะหกล้มเมือ่ ไหร่ บางครัง้ การล้มนัน้ ก็จ�ำ เป็นเพือ่ ให้ลกู เรียนรู้ และเติบโต มีความแข็งแกร่งแบบคนที่เคยล้มแล้วเคยลุก แต่หากเด็กคนใดไม่เคย หกล้มเลยเพราะพ่อแม่ปกป้องมากเกินไป เด็กคนนั้นก็จะไม่เข้มแข็งด้านจิตใจ เพราะ ไม่เคยทำ�ประสบการณ์ของการพลาดและใช้ความพยายามเอาชนะปัญหาอุปสรรคด้วย การลุกขึ้นแล้วเดินต่อไป มิใช่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ดังนั้นในการภาวนาพระเจ้ามิใช่จะ ประทานทุกสิ่งให้ทันทีที่คนหนึ่งวอนขอ แต่จะทรงประทานให้ตามเวลาและโอกาสที่ เหมาะสมที่สุด - ให้ผู้เรียนดู PowerPoint ชุด “บทเรียนจากผีเสื้อ” จากนั้น แบ่งกลุ่มเพื่อทำ� ใบงานที่ 1
☆
PowerPoint ชุด “บทเรียน จากผีเสื้อ” / ใบงานที่ 1
98
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- เราจะต้องมีความไว้วางใจว่า พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้เราสู้กับความยากลำ�บาก อยู่คนเดียว พระองค์ทรงอยู่กับเราในทุกเวลา ทั้งยามสุขและยามทุกข์ แต่เราต้องมี ท่าทีที่ถูกต้องและเหมาะสมเพื่อเจริญชีวิตตามน้ำ�พระทัยของพระองค์ซึ่งเรามั่นใจว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำ�หรับเรา - เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาผู้ทรงพระทัยดีอย่างไม่มีขอบเขตสำ�หรับเหล่า บุตรของพระองค์เสมอ 6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนติดต่อกับพระเจ้าบ่อยๆ ด้วยความไว้วางใจ โดยทางบทภาวนาและ การภาวนาส่วนตัว
7
ภาวนาปิดท้าย - ข้าแต่พระเจ้า ลูกขอขอบพระคุณพระจิตผู้ทรงประทับอยู่ในดวงใจของพวกลูก แต่ละคน ทำ�ให้ลูกสามารถปฏิบัติภารกิจของพระบิดาเจ้า ให้สำ�เร็จลุลวงไปด้วยดี ตามพระประสงค์ของพระองค์ - ข้าแต่พระบิดา... วันทามารีย์ 3 จบ ... พระสิริรุ่งโรจน์... อาแมน
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจของผู้เรียน
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
99
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - 1) เมื่อได้ดูวีดีทัศน์เรื่อง “บทเรียนจากผีเสื้อ” แล้ว ให้แต่ละกลุ่มอ่านเรื่องนี้อย่างตั้งใจอีกครั้งหนึ่ง
PowerPoint ชุด“บทเรียนจากผีเสื้อ” “วันหนึ่ง ที่รังดักแด้ตัวหนึ่งเริ่มปรากฏรูเล็กๆ ขึ้น ชายคนหนึ่งผ่านมาบังเอิญมองเห็นเข้า เขาจึงตั้งหน้า ตั้งตารอคอยผีเสื้อตัวน้อยที่พยายามจะออกมาจากรูเล็กๆ นั้น เวลาผ่านไปยาวนาน ดูเหมือนว่าเจ้าผีเสื้อตัวน้อยกำ�ลังจะท้อแท้ แต่มันก็ยังคงออกมาไม่ได้อยู่นั้นเอง มันพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ก็จนปัญญาจริงๆ ที่จะออกมาดูโลกภายนอก ชายคนนั้นจึงตัดสินใจว่าจะช่วย โดยเอาไม้เล็กๆ เขี่ยให้รูนั้นใหญ่ขึ้น ผีเสื้อน้อยดีใจรีบออกมาทันที ชายนั้นยังคงยืนสังเกตต่อไปด้วยความหวังว่า ....อีกสักครู่ปีกของผีเสื้อน้อยคงจะค่อยๆ เปิดออก และ สามารถพยุงร่างกายของมันไว้ได้ เพื่อจะบินไปในที่สุด แต่...กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เจ้าผีเสื้อน้อยกลับลากตัว ของมันอยู่บนพื้น ปีกของมันอ่อนแอไม่สามารถกางออกได้อย่างเต็มที่ ชายผู้นั้นเริ่มเข้าใจว่า ความใจดีที่เขาได้ช่วยเหลือผีเสื้อน้อยนั้นกลับกลายเป็นโทษ เพราะการที่มัน พยายามดันตัวเองออกจากรูและพยายามกระพือปีกให้แข็งแรงขึ้นนั้นเป็นขั้นตอนที่จำ�เป็นที่สุด เพื่อช่วยให้ตัว ของมันมีกำ�ลังพอและมีความพร้อมที่จะเริ่มบินไปได้ นี่แหละคือวิธีที่พระเจ้าใช้เพื่อให้มันเติบโตขึ้น หลายครั้ง ความพยายามคือสิ่งที่จำ�เป็นที่สุดสำ�หรับชีวิตของเรา หากพระเจ้าอนุญาตให้เราเจริญชีวิต โดยไม่ต้องพบกับอุปสรรคใดๆ เลย เราก็คงกลายเป็นคนที่มีขอบเขตจำ�กัด คงจะไม่เข้มแข็งอย่างที่เป็นอยู่ คง ไม่มีวันที่เราจะ “บิน” ได้เลย ฉันวอนขอพละกำ�ลัง... และพระเจ้าทรงประทานปัญหามากมายเพื่อทำ�ให้ฉันเข้มแข็ง ฉันวอนขอปรีชาญาณ... และพระเจ้าทรงประทานปัญหาให้แก้ไข ฉันวอนขอความมั่งคั่ง... และพระเจ้าทรงประทานมันสมองกับกล้ามเนื้อเพื่อทำ�งาน ฉันวอนขอความรัก... และพระเจ้าทรงประทานบุคคลที่มีปัญหาให้ฉันช่วย ฉันวอนขอความช่วยเหลือ... และพระเจ้าทรงประทานโอกาสให้ ฉันไม่ได้รับสิ่งที่ฉันขอเลย แต่กลับได้รับทุกอย่างที่ฉันต้องการ จงเจริญชีวิตโดยปราศจากความกลัว จงเผชิญหน้ากับอุปสรรคปัญหาต่างๆ เหตุว่า พร้อมกับพระเจ้า ท่านจะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ คำ�ชี้แจง - 2) สนทนา วิเคราะห์กันถึงเรื่องนี้ แล้วตอบคำ�ถามว่า
2.1 รู้สึกประทับใจอะไรจากเรื่องนี้? 2.2 บทสอนใดที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ได้เรียนในครั้งนี้? 2.3 สิ่งที่ฉันจะสามารถนำ�ไปปฏิบัติได้จากเรื่อง “บทเรียนจากผีเสื้อ”
100
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11 มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ฉันเตรียมตัวรับศีลกำ�ลังด้วยการรับศีลอภัยบาปและ ศีลมหาสนิท ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อผู้เรียนรู้และเข้าใจว่าการรับศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาปจำ�เป็นสำ�หรับการเตรียมตัว รับศีลกำ�ลัง เพราะศีลมหาสนิทเป็นทั้งต้นกำ�เนิดและศูนย์กลางของศีลกำ�ลัง ส่วนศีลอภัย บาปแสดงถึงการเป็นคนของพระเจ้าและศัตรูกับปีศาจ เป็นผู้พร้อมจะต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์ พระอาณาจักรของพระเจ้า - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทบ่อยๆ ด้วยการเตรียมตัวอย่างดี สาระการเรียนรู้ วิธีดีที่สุดเพื่อเตรียมตัวรับศีลกำ�ลังคือ การรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทบ่อยๆ เพราะการรับศีลอภัย บาปเป็นการแสดงถึงความปรารถนาทีจ่ ะทิง้ บาป เป็นศัตรูกบั ปีศาจและเป็นมิตรกับพระเจ้า ซึง่ หมายถึงความต้องการทีจ่ ะจงรัก ภักดีต่อพระเจ้า และต่อสู้กับศัตรูของพระองค์ เพื่อเสริมสร้างพระอาณาจักรของพระเจ้า แต่เพื่อจะทำ�เช่นนี้ได้ จำ�เป็นต้องมี พละกำ�ลังฝ่ายจิตที่เข้มแข็ง มีความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าซึ่งมาจากศีลมหาสนิท ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน ด้วยบทเพลง “ศีลมหาสนิท” 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ยกประสบการณ์ของผู้ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหญ่ๆ จากเจ้านายคนหนึ่ง แต่ เขาไม่มีกำ�ลังพอและเป็นศัตรูกับเจ้านายคนนั้น งานนั้นจึงไม่สามารถสำ�เร็จลงได้ - ผู้สอนวิเคราะห์พร้อมกับผู้เรียนว่า หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ผลเสียจะเกิด แก่ใครบ้าง? (ทั้งสองฝ่าย) - เราอยากให้ประสบการณ์เช่นนี้เกิดกับเราไหม? เราควรจะทำ�อย่างไรเพื่อให้ ชีวิตของเราประสบผลสำ�เร็จทั้งด้านร่างกายและจิตใจ? - เราควรจะเตรียมตัวอย่างไรเพื่อให้การรับศีลกำ�ลังช่วยให้เราสามารถเป็น ผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มที่? 3 พระวาจา (มธ 21:33-41) พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทั้งหลาย จงฟังอุปมาอีกเรื่องหนึ่งเถิด คหบดีผู้หนึ่ง ปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ทำ�รั้วล้อม ขุดบ่อย่ำ�องุ่น สร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออก เดินทางไปต่างเมือง เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บผล เจ้าของสวนจึงให้ผู้รับใช้ไปพบคนเช่าสวน เพือ่ รับส่วนแบ่งจากผลผลิต แต่คนเช่าสวนได้จบั คนใช้ ทุบตีคนหนึง่ ฆ่าอีกคนหนึง่ เอา หินทุ่มอีกคนหนึ่ง เจ้าของสวนจึงส่งผู้รับใช้จำ�นวนมากกว่าพวกแรกไปอีก คนเช่าสวน ก็ท�ำ กับพวกนีเ้ ช่นเดียวกัน ในทีส่ ดุ เจ้าของสวนได้สง่ บุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้ เนื้อเพลง/ซีดีเพลงชุด “พระเยซูใจดี”/เครื่องเล่นซีดี ☆
101
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ คิดว่า ‘คนเช่าสวนคงจะเกรงใจลูกของเราบ้าง’ แต่เมือ่ คนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวน มา ก็พูดกันว่า ‘คนนี้เป็นทายาท เราจงฆ่าเขาเสียเถิด เราจะได้มรดกของเขา’ “เขาจึง จับบุตรเจ้าของสวน นำ�ตัวออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย ดังนี้ เมื่อเจ้าของสวนมา เขาจะ ทำ�อย่างไรกับคนเช่าสวนพวกนั้น” บรรดาผู้ฟังตอบว่า “เจ้าของสวนจะกำ�จัดพวกใจ อำ�มหิตนี้อย่างโหดเหี้ยม และจะยกสวนให้คนอื่นเช่า ซึ่งจะแบ่งผลคืนให้เขาตาม กำ�หนดเวลา”
4
อธิบายพระวาจา - หากมองอย่างผิวเผิน เราอาจรู้สึกว่าเจ้านายคนนี้เคร่งครัด อยุติธรรม ไม่ใจดี มีแง่ลบมากกว่าแง่บวก แต่ถ้าวิเคราะห์กันให้ลึกซึ้งแล้ว เจ้านายในเรื่องนี้ซึ่งก็คือ พระเจ้า ทรงเป็นผู้บริหารที่ยุติธรรมก็จริง แต่ทรงให้อิสระแก่เรา “ผู้เช่าสวน” อย่าง เต็มที่ในการกระทำ� เราจะขยันขันแข็งในการทำ�งาน จะยุติธรรมในการคืนส่วนแบ่ง จากผลผลิต จะฆ่าคนใช้ของเจ้าของสวนหรือต้อนรับเขาอย่างดี ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เรา เลือกทำ�ได้ - แต่คนเช่าสวนเลือกทำ�ในสิ่งไม่ถูกต้อง คือ ไม่คืนส่วนแบ่งจากผลผลิตซึ่งถือว่า เป็นการโกง ฆ่าคนใช้หลายคนของเจ้านายและบุตรชายของเขาด้วย - พระเจ้าจึงทรงต้องทำ�สิ่งที่ดูเหมือนโหดร้าย คือ ยึดสวนนั้นคืนเพื่อให้คนเช่า ที่ดีกว่า ซึ่งเป็นสิ่งถูกต้องแล้ว
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ในการเตรียมตัวรับศีลกำ�ลัง เราจะทำ�เช่นเดียวกับผู้เช่าสวนไม่ได้ เพราะที่สุด แล้วเราเองซึ่งทำ�ตนเป็นปฏิปักษ์กับพระเจ้าจะเป็นฝ่ายรับผลเสียหาย - พระเจ้าทรงเป็นเจ้านายที่ดีที่สุด ในพระองค์ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีเลย พระองค์ทรง สร้างมนุษย์แล้วทรงประทานหน้าที่การงานให้เขาได้ทำ�เพื่อร่วมมือกับพระองค์ใน การสร้างสรรค์โลก ทั้งนี้เพื่อให้เขาได้บรรลุแผนการอันประเสริฐของพระองค์ คือให้ เขามีความสุขนิรันดรกับพระองค์ ทรงทำ�ทุกอย่างเพราะความรักต่อเรามนุษย์ - ดังนัน้ ผูเ้ รียนซึง่ กำ�ลังเตรียมตัวรับศีลกำ�ลังจะต้องเข้าใจในความจริงนี้ ประพฤติ ตนให้สมกับเป็น “คนของพระ” โดยรักษาตนให้อยู่ในพระหรรษทานของพระเสมอ ด้วยการรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิท - เพราะการรับศีลอภัยบาปเป็นการประกาศตนว่า เราเป็นฝ่ายพระเจ้า จงรัก ภักดีตอ่ พระองค์เสมอ ทุกครัง้ ทีว่ ญ ิ ญาณตกในบาปก็จะคืนดีกบั พระองค์ทนั ที ไม่ปล่อย ให้วิญญาณตกเป็นทาสของปีศาจ - ส่วนศีลมหาสนิท เป็นต้นกำ�เนิดของศีลกำ�ลัง เพราะศีลมหาสนิทช่วยหล่อเลี้ยง ชีวติ ฝ่ายจิตให้เจริญเติบโตจนสามารถรับหน้าทีพ่ เิ ศษในพระศาสนจักรทางศีลกำ�ลังได้ และเป็ น ศู น ย์ ก ลางของศี ล กำ � ลั ง เพราะผู้ รั บ ศี ล กำ � ลั ง มี ห น้ า ที่ ช่ ว ยเสริ ม สร้ า ง พระอาณาจักรพระเจ้า โดยนำ�มนุษย์เข้ามาในพระอาณาจักรนั้น ให้มาสนิทสัมพันธ์ กับพระอันมีศีลมหาสนิทเป็นรูปแบบนั่นเอง
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
102
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- ดังนั้น ทั้งศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทจึงจำ�เป็นอย่างยิ่งสำ�หรับผู้เตรียมรับ ศีลกำ�ลังเป็นอย่างดี - แบ่งกลุ่มผู้เรียน ให้ศึกษาประวัติย่อของ อเล็กซานดรีนา มารีย์ ดา คอสตา จากใบความรู้ที่ 1 แล้วแบ่งปันความประทับใจแก่กัน - ให้ผู้เรียนแต่ละคนทำ�ใบงานที่ 1 เพื่อพิจารณาตนเองดูว่า มีความศรัทธาต่อ การรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทเพียงใด?
☆
☆
ใบความรู้ที่ 1
ใบงานที่ 1/กระดาษ/ ปากกา
6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทบ่อยๆ ด้วยการเตรียมตัวอย่างดี
7
ภาวนาปิดท้าย - ให้ผู้เรียนสงบนิ่งสักครู่ แล้วสวด “บทแสดงความรัก” พร้อมกัน
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................
เพลง “ศีลมหาสนิท”
** ลูกมั่นใจเข้าไปรับพระเยซู เป็นพระกายที่พระคริสต์ทรงประทาน พระทรงพลีพระชนม์ เพื่อคนบาปมากมาย มอบถวายพระองค์เป็นพลี *** ศีลมหาสนิท ศีลมหาสนิท เพื่อจะได้ใกล้ชิดพระองค์ทุกวัน ศีลมหาสนิท ศีลมหาสนิท ร่วมชีวิตพระองค์กับฉัน
103
ใบความรู้ ที่ 1 ประวัติย่อของ อเล็กซานดรีนา มารีย์ ดา คอสตา อเล็กซานดรีนา มารีย์ ดา คอสตา เกิดวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1904 ที่เมืองบาลาซาร์ ประเทศโปรตุเกส ได้รับการอบรมแบบคริสตชน จากมารดาและพี่สาว เธอได้อยู่ในครอบครัวจนถึงอายุ 14 ปี จากนั้นได้ ไปพักกับครอบครัวหนึง่ ทีเ่ มืองโปวัว โด วาร์ซมิ เพือ่ จะได้เรียนต่อในระดับ ชั้นประถมศึกษา เมื่อได้กลับมาที่บาลาซาร์แล้ว เธอได้เป็นชาวนา เป็น คนมีชีวิตชีวา ติดตลก น่ารัก เพื่อนๆ รักเธอมาก เมื่ออายุได้ 14 ปี มีชายกลุ่มหนึ่งมาทำ�ร้ายเธอโดยตั้งใจจะทำ�ให้ เธอเสียความบริสทุ ธิ์ เธอจึงได้หนีเอาตัวรอดโดยกระโดดลงจากหน้าต่าง บ้านชั้นบนจึงตกลงไปในสวน หลังจากนั้น 5 ปี ทำ�ให้เธอเป็นอัมพาต อย่างรุนแรง ต้องนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงเป็นเวลากว่า 30 ปี เธอได้สวดภาวนาวิงวอนขอพระคุณให้หายจากโรคร้าย แต่แม่พระได้ชว่ ยเธอให้สามารถรับสภาพแห่ง ความทุกข์ทรมานนั้นด้วยการถวายความเจ็บปวดเพื่อความรอดพ้นของวิญญาณ ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 19381942 เป็นเวลาถึง 4 ปี ที่เธอได้ลงจากเตียงนอน 182 ครั้งเพื่อร่วมในพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้า เธอ ได้รับอนุมัติจากพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ให้ถวายมนุษยชาติแด่ดวงพระทัยนิรมลของพระนางมารีย์ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1942 จนกระทั่งสิ้นชีวิต เป็นเวลา 13 ปี 7 เดือน เธอไม่สามารถรับ ประทานอะไรได้เลย นอกจากการรับศีลมหาสนิทเป็นประจำ�วันทุกวันเท่านั้น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ใดๆ ก็ไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์นไี้ ด้ ยิง่ กว่านัน้ การทดลองบางวิธที �ำ ให้เธอต้องรูส้ กึ ลำ�บาก เธอเป็นนักบุญ ทีย่ งิ่ ใหญ่มาก เพราะตลอดช่วงเวลาทีน่ อนนิง่ ๆ อยูน่ นั้ เธอได้ชดิ สนิทกับพระเยซูเจ้าในตูศ้ ลี ของทุกแห่งทัว่ โลก จนถึงขั้นเข้าฌาณในบางครั้ง
พระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้แต่งตั้งให้เธอเป็นบุญราศี ในวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2004
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - ให้เขียนเรียงความจากชีวิตจริง ความยาว 1 หน้า กระดาษ A4
เรื่อง “ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับศีลมหาสนิทและศีลอภัยบาป”
104
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการทำ�หน้าที่อย่างดี
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่าวิธีหนึ่งเพื่อเตรียมตนให้พร้อมสำ�หรับการรับศีลกำ�ลัง คือ การทำ�หน้าที่ของตนอย่างดี ด้วยการทำ�สิ่งที่ต้องทำ�อย่างซื่อสัตย์ - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบ สาระการเรียนรู้ วิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้รับศีลกำ�ลังเตรียมตัวอย่างดีคือ การทำ�หน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ เพราะคนที่รับศีล กำ�ลังย่อมต้องเป็นผูใ้ หญ่ดา้ นจิตใจแล้ว เขาต้องรูจ้ กั ทำ�หน้าทีอ่ ย่างดีดว้ ยความรับผิดชอบ ไม่วา่ จะเป็นหน้าทีเ่ ล็กหรือใหญ่กต็ าม ซึ่งมาจากการฝึกฝนตนเองให้ทำ�สิ่งที่ต้องทำ�ในทุกเวลาและทุกโอกาส ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ผู้สอนนำ�ผู้เรียนให้วิเคราะห์ถึงบุคคลสำ�คัญหลายๆ คนที่ประสบความสำ�เร็จ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตส่วนตัวหรือด้านอาชีพการงาน เช่น นักบุญ นักร้อง ดารา นักวิทยาศาสตร์ นักดนตรี นักกีฬา ฯลฯ ว่า ทำ�ไมเขาจึงทำ�สำ�เร็จได้? - หรืออาจยกตัวอย่างบุคคลใกล้ตัวที่สุด เช่น ผู้สอบได้ที่ 1, 2, 3 ในชั้นเรียน ว่า เขาทำ�อย่างไรจึงสามารถเรียนได้ที่ดีๆ เช่นนั้น? - ควรให้ผู้เรียนวิเคราะห์ด้วยว่า การที่สามารถทำ�หน้าที่ของตนอย่างดีนั้นเรียก ร้องให้เขาต้องยอมเสียสละอะไรบ้างที่ตนอยากทำ�แต่ไม่ได้ทำ�? - สิ่งที่ได้มาง่ายๆ นั้นหลายครั้งก็มีคุณค่าน้อย ส่วนสิ่งที่ได้มายากมักจะมีคุณค่า สูงถึงสูงมากเลยทีเดียว - เราเรียกคนที่ประสบความสำ�เร็จว่า คนมีคุณภาพ คนที่มีคุณภาพจริงคือคนดี เฉพาะคนดีเท่านั้นที่จะเป็นผู้มีความสุขในชีวิต - ให้ผู้เรียนลองคิดดูว่า ตนจะเป็นคนประเภทไหน? อยากเป็นคนมีคุณภาพ น้อยหรือมากแค่ไหน? และอยากประสบความสำ�เร็จในชีวิตมากน้อยแค่ไหน? อยาก มีความสุขมากแค่ไหน? - อะไรคือแรงจูงใจที่ทำ�ให้เราเลือกกระทำ�สิ่งต่างๆ อย่างดีหรืออย่างไม่ดี? 3 พระวาจา (มธ 22:15-22 - การเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิซีซาร์) “ครั้งนั้น ชาวฟาริสีปรึกษากันเพื่อจับผิดพระวาจาของพระเยซูเจ้า จึงส่งศิษย์ ของตนพร้อมกับคนทีเ่ ป็นฝ่ายของกษัตริยเ์ ฮโรดมาทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “พระอาจารย์
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
105
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ พวกเรารู้ว่าท่านเป็นคนเที่ยงตรง สั่งสอนวิถีทางของพระเจ้าตามความจริง โดยไม่ ลำ�เอียง เพราะท่านไม่เห็นแก่หน้าใคร ดังนั้น โปรดบอกเราเถิดว่า ท่านมีความเห็น ว่าการเสียภาษีแก่พระจักรพรรดิซีซาร์เป็นการถูกต้องหรือไม่” พระเยซูเจ้าทรงหยั่งรู้ เจตนาร้ายของเขา จึงตรัสว่า “พวกคนเจ้าเล่ห์ เจ้ามาทดลองเราทำ�ไม จงนำ�เงินที่ใช้ เสียภาษีมาให้ดูสักเหรียญหนึ่ง” เขาก็นำ�เงินเหรียญมาถวาย พระองค์จึงตรัสถามว่า “รูปและคำ�จารึกนี้เป็นของใคร” เขาตอบว่า “เป็นของพระจักรพรรดิซีซาร์” พระองค์ จึงตรัสว่า “ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า ก็จงคืนให้ พระเจ้าเถิด” เมื่อคนเหล่านั้นได้ยิน ต่างประหลาดใจ แล้วจากพระองค์ไป”
4
อธิบายพระวาจา - ในพระวรสารเราจะพบเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงถูกพวกฟาริสีทดลองบ่อยๆ เพื่อดูว่าพระองค์จะทำ�อย่างไร จะได้จับผิดและฟ้องร้องพระองค์ - แต่ในเวลาเดียวกันเหตุการณ์แบบนั้นยังเป็นการทดลองใจพระองค์อีกด้วยว่า พระองค์จะทรงเลือกปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องด้วยความรับผิดชอบหรือจะทรงใช้อภิสิทธิ์ ละเลยหน้าที่ของพลเมืองดี - แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วพระองค์จะยิ่งใหญ่กว่าซีซาร์ เพราะพระองค์ทรง เป็นพระเจ้า แต่ในฐานะมนุษย์พระองค์ทรงให้แบบอย่างแก่บรรดาสาวกและแก่เรา แต่ละคนว่า คนดีคอื คนทีต่ อ้ งทำ�หน้าทีข่ องตนอย่างครบครัน เพราะสิง่ ทีเ่ ป็น “หน้าที”่ นั้นย่อมมีผลต่อบุคคลอื่นเสมอไม่ว่าจะในเรื่องใหญ่หรือเล็กก็ตาม - การทำ�หน้าที่พลเมืองดีของพระเยซูเจ้า ให้ผลดี 2 ประการคือ 1) ทรงให้แบบ อย่างที่ดี 2) ทรงชนะการทดลองของพวกฟาริสี พวกเขาจึงไม่สามารถจับผิดพระองค์ ได้ - หากพระเยซูเจ้าทรงคิดว่า พระองค์ไม่จำ�เป็นต้องจ่ายภาษี เพราะจริงๆ แล้ว เป็นซีซาร์เองที่ต้องไหว้นมัสการพระองค์ เพราะพระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าซีซาร์เสียอีก เหตุการณ์ในพระวรสารตอนนีก้ ค็ งจะเป็นคนละแบบ เรือ่ งจะจบอย่างไรเราไม่สามารถ ทราบได้ แต่ที่แน่ก็คือ พระเยซูเจ้าไม่ได้ให้แบบอย่างของพลเมืองที่ดีแก่เราแน่นอน
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - ดังนั้น เราจึงเข้าใจได้ชัดจากเรื่องนี้ ว่าพระเยซูเจ้าทรงให้ความสำ�คัญแก่หน้าที่ ทุกประการ ทรงซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อหน้าที่ในฐานะชาวยิวคนหนึ่งตั้งแต่ยังทรง พระเยาว์ แม้แต่ น.ยอแซฟและพระนางมารีย์ก็ได้ให้ตัวอย่างที่ดีแก่เราในเรื่องนี้ด้วย เช่นกัน - เราสามารถศึกษาเรื่องของพระเยซูเจ้าในทำ�นองเดียวกันนี้ได้ในอีกหลายๆ เหตุการณ์ เช่น เมื่อทรงถูกทดลองในถิ่นทุรกันดาร (มธ 4:1-13) ฯลฯ - พระเยซูเจ้าทรงเป็นคนมีคุณภาพสูงสุดเพราะทรงทำ�หน้าที่ของพระองค์อย่าง ซือ่ สัตย์จนถึงความตายบนไม้กางเขน จึงทรงทำ�ให้แผนการของ พระบิดาเจ้าสำ�เร็จไป อย่างบริบูรณ์ที่สุด
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
106
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้ - พระองค์จึงทรงเป็นบุคคลตัวอย่างที่ทำ�ให้เราเห็นชัดว่า เพื่อบรรลุเป้าหมายของ ชีวิตและความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่นั้นเรียกร้องการเสียสละตนเองตั้งแต่เรื่องเล็กจนถึง เรื่องใหญ่ที่สุด - ดังนั้น เพื่ออุดมการณ์หรือเป้าหมายที่สูงกว่า เราจึงควรลดหรือละจากบางสิ่งที่ เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุถึงเป้าหมายนั้น ซึ่งหลายครั้งเป็นสิ่งที่ยากและเรียกร้องให้ เราตัดสละจากตัวเอง ผู้ใดไม่ได้ฝึกฝนในด้านนี้จะรู้สึกยากมากจนอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่ผเู้ คยทำ�ประสบการณ์แล้วจะรูส้ กึ ว่านัน่ เป็นการทำ�ให้ตนเองเป็นอิสระจากความโน้ม เอียงตามธรรมชาติที่ดึงเราให้ต่ำ�ลง - และการทำ�ดังนีเ้ ป็นวิธีเดียวที่จะทำ�ให้เราประสบความสำ�เร็จในชีวิตได้ - สำ�หรับคริสตชนแล้ว เป้าหมายของเราก็คือ “เป็นคนดีเหมือนพระบิดาเจ้า” ซึ่งอาจจะเป็นเป้าหมายที่สูงสุดเอื้อม แต่หากเราไม่ตั้งเป้าหมายให้สูงไว้ ชีวิตของเรา อาจตกต่ำ�ลงจนดิ่งสู่ความพินาศก็ได้ - ดังนั้น สำ�หรับเราการทำ�หน้าที่ทุกอย่างในแต่ละนาทีให้ดีที่สุดก็เป็นความซื่อสัตย์และรับผิดชอบแล้ว มิใช่ต้องมุ่งแต่หน้าที่ใหญ่ๆ เท่านั้นจนละเลยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไป ซึ่งจริงๆ แล้วมีคุณค่ามากเท่ากันต่อหน้าพระเจ้า - แบ่งผู้เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม แข่งขันกันบอกหน้าที่ของตนข้างละ 1 ครั้ง หาก ข้างใดตอบไม่ทนั ให้ผา่ น และให้อกี ข้างหนึง่ ตอบ ข้างใดสามารถบอกได้มากกว่าเป็น ผู้ชนะ (ให้คะแนนหรือรางวัล)
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
☆
บอร์ดหรือกระดาษ/ ปากกา/รางวัล
6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างแม้เล็กน้อยที่สุดด้วยความรับผิดชอบ
7
ภาวนาปิดท้าย - สวดภาวนาบท “ฑูตสวรรค์ของพระเจ้า” อย่างสำ�รวมและตั้งใจ เพื่อวอนขอ ความช่วยเหลือจากท่านในการกระตุ้นเราให้ปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ อย่างดี
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
107
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการละทิ้งบาปและปีศาจ
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ให้ผเู้ รียนรูแ้ ละเข้าใจว่าจำ�เป็นทีจ่ ะต้องเตรียมตัวรับศีลกำ�ลังด้วยการพยายามเอาชนะ การประจญล่อลวงของปีศาจให้ทำ�บาป เพราะเขาจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อที่ แสดงออกด้วยการเป็นทหารของพระคริสตเจ้า - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบตั ิ : ผูเ้ รียนแสดงตนเป็นทหารของพระคริสตเจ้าโดยเอาชนะการประจญล่อลวงของ ปีศาจในทุกกรณีอาศัยพระวาจาของพระเจ้า สาระการเรียนรู้ ผู้รับศีลกำ�ลังคือผู้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในด้านความเชื่อ ดังนั้น เขาต้องใช้แนวทางพระวรสารเป็นเกณฑ์ใน การเจริญชีวิตประจำ�วัน เฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในการประจญของปีศาจให้เขาตกในบาป เพราะเขาต้องดำ�รงตนเสมือนทหาร ของพระคริสตเจ้า ในการปกป้องตนเองและผู้อื่นให้พ้นจากบ่วงของปีศาจ และเอาชนะการประจญต่างๆ ตามแบบอย่างของ พระเยซู พระอาจารย์เจ้า ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน ด้วยบท “ข้าแต่พระบิดา” พร้อมกัน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ผู้สอนเสวนากับผู้เรียนเรื่องประสบการณ์ความโน้มเอียงของมนุษย์ว่า มีทั้ง 2 มิติ คือ ทำ�ดีและทำ�ไม่ดี คนส่วนใหญ่มีการตอบสนองต่อความโน้มเอียงนี้อย่างไร? - คนที่เข้มแข็งฝ่ายจิตมักเอาชนะความไม่ดีในตนและสามารถตัดสินใจเลือกทำ� สิ่งที่ดีได้ - ส่วนผู้อ่อนแอฝ่ายจิตมักตกภายใต้อำ�นาจของปีศาจซึ่งมักจะ “ถูกประจญ” ให้ ทำ�สิ่งที่ไม่ดี - น.เปาโลเคยพูดไว้ในจดหมายของท่านว่า “ข้าพเจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ� สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากทำ�ข้าพเจ้ากลับไม่ทำ� สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่อยากทำ�ข้าพเจ้ากลับทำ�... ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้าพเจ้าที่กระทำ�กิจการนั้น แต่เป็นบาปซึ่งอาศัยในตัวข้าพเจ้า เพราะ ข้าพเจ้ารู้ว่าในตัวข้าพเจ้านั้น ธรรมชาติมนุษย์ของข้าพเจ้าไม่มีความดีอยู่เลย เพราะ ความปรารถนานั้นมีอยู่แล้วแต่ขาดพลังที่จะกระทำ� เพราะข้าพเจ้าไม่ทำ�ความดีที่ ข้าพเจ้าปรารถนา กลับทำ�ความชั่วที่ไม่ปรารถนาจะทำ�” (รม 7:15, 17-19) - แม้ น.เปาโลยังกระทำ�เช่นนี้ แต่ท่านได้เจริญชีวิตแบบผู้ใหญ่ในความเชื่อจึง สามารถเอาชนะความอ่อนแอทั้งหมดได้ แล้วเราที่อ่อนแอฝ่ายจิตกว่าท่านมากจะถูก ปีศาจล่อลวงมากเท่าใด? - แล้วเราต้องทำ�อย่างไรเมื่อถูกปีศาจประจญให้ทำ�สิ่งไม่ดี?
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
108
ที่ 3
กระบวนการจัดการเรียนรู้
พระวาจา (มธ 4:1-11) เวลานั้น พระจิตเจ้าทรงนำ�พระเยซูเจ้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้ปีศาจมา ☆ ภาพ “พระเยซูเจ้าทรงถูก ผจญพระองค์ เมือ่ ทรงอดอาหารสีส่ บิ วันสีส่ บิ คืนแล้วทรงหิว ปีศาจผูผ้ จญจึงเข้ามาใกล้ ประจญในที่เปลี่ยว” ท้ายแผน ทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปังเถิด” แต่ พระองค์ตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีรว์ า่ มนุษย์มไิ ด้ด�ำ รงชีวติ ด้วยอาหารเท่านัน้ แต่ดำ�รงชีวิตด้วยพระวาจาทุกคำ�ที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” ต่อจากนั้น ปีศาจอุ้มพระองค์ไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ วางพระองค์ลงที่ยอด พระวิหาร แล้วทูลว่า ”ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงกระโดดลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะ มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระเจ้าทรงสั่งทูตสวรรค์เกี่ยวกับท่าน ให้คอยพยุงท่านไว้มิ ให้เท้ากระทบหิน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ในพระคัมภีร์ยังมีเขียนไว้ด้วยว่า อย่า ทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” อีกครั้งหนึ่งปีศาจนำ�พระองค์ไปบนยอดเขาสูงมาก ชี้ให้พระองค์ทอดพระเนตร อาณาจักรรุ่งเรืองต่างๆ ของโลก แล้วทูลว่า “เราจะให้ทุกสิ่งนี้แก่ท่าน ถ้าท่านกราบ นมัสการเรา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พน้ ยังมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ ว่า จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านและรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียว เท่านั้น” ปีศาจจึงได้ละพระองค์ไป แล้วทูตสวรรค์ก็เข้ามาปรนนิบัติรับใช้พระองค์
4
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
อธิบายพระวาจา - ปีศาจคือผู้ที่กล้าหาญและเฉลียวฉลาดมาก มันรู้จักความจริงต่างๆ อย่างดี รู้ แม้กระทัง่ วิธที จี่ ะประจญล่อลวงพระเยซูเจ้า ผูท้ รงเป็นถึงพระเจ้า มันทำ�ทุกวิถที างเพือ่ ขัดขวางแผนการไถ่บาปมนุษย์ แต่พระเจ้ามิได้ทรงหลีกเลี่ยงโอกาสต่างๆ นั้น ทรง ยอมให้ปศี าจทำ�สิง่ ทีม่ นั อยากทำ� เพือ่ เป็นโอกาสพิสจู น์ดว้ ยว่า พระเจ้าทรงยิง่ ใหญ่กว่า ปีศาจและทุกสิ่ง - ในเวลาเดียวกัน พระเยซูเจ้าทรงให้ตัวอย่างแก่เราในการเจริญชีวิตแบบ คริสตชนแท้ คือ ใช้พระวาจาของพระเจ้าเป็นหลักเกณฑ์ในการเลือกตัดสินใจทำ�ทุกสิง่ เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกประจญให้ทำ�บาป ที่สุดปีศาจจึงต้องพ่ายแพ้ไป และพระองค์ สามารถทำ�ให้แผนการไถ่บาปสำ�เร็จไปได้ด้วยดี - ปีศาจได้ประจญพระเยซูเจ้าให้มี “ความอยาก” 3 เรื่อง คือ 1) ความอยากกิน เพราะการจำ�ศีลอดอาหารช่วยให้มนุษย์เข้มแข็งในชีวิตฝ่าย จิตและสามารถเอาชนะความต้องการของธรรมชาติใฝ่ต่ำ�ได้ เช่น ความโลภต่างๆ การผิดประเวณี ความอดกลั้นในด้านอารมณ์ ฯลฯ ปีศาจจึงล่อลวงพระเยซูเจ้าให้เกิด ความอยากรับประทานอาหารเพื่อว่าเมื่อพระองค์ทรงแพ้การประจญแล้ว พระองค์จะ พ่ายแพ้ต่อความอ่อนแอฝ่ายจิตใจด้วย พระเยซูเจ้าทรงเอาชนะการประจญนี้ด้วย พระวาจาของพระเจ้า 2) ความอยากมี มนุษย์อยากสบาย ไม่ชอบความลำ�บาก ต้องการมีทุกอย่าง ทันทีทันใดและอย่างง่ายๆ จึงไม่ซื่อสัตย์ในการทำ�งาน คดโกง คอร์รัปชั่น ทำ�อะไรก็ได้ เพื่อให้ได้มาอย่างรวดเร็วซึ่งเงินทอง ความสะดวกสบาย เกียรติยศ อำ�นาจ ชื่อเสียง
109
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
ฯลฯ ปีศาจรู้ความอ่อนแอของธรรมชาติมนุษย์ จึงต้องการให้พระเยซูเจ้าพ่ายแพ้ใน เรื่องนี้ด้วย แต่พระองค์ทรงเข้มแข็งจึงไม่ทรงหลงตามการประจญและเอาชนะได้ 3) ความอยากวางอำ�นาจ เกือบไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่อยากมีอำ�นาจ เพราะ เขาสามารถสั่งคนอื่นให้ทำ�สิ่งที่ตนต้องการได้อย่างกับเนรมิตมาง่ายๆ คนอื่นจะต้อง ลำ�บากเท่าไรเขามักไม่สนใจ ขอเพียงให้ได้สงิ่ ทีต่ นอยากเท่านัน้ จะถูกจะผิดเขาก็ไม่คอ่ ย สนใจเช่นเดียวกัน ปีศาจใช้ความอ่อนแอแบบนีล้ อ่ ลวงพระเยซูเจ้าให้ยอมกราบไหว้มนั ทำ�ให้พระองค์หลงไปชั่วครู่ว่า แค่ยอมกราบไหว้มัน พระองค์ก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แล้ว แต่พระองค์ทรงชัดเจนว่า ไม่ว่าจะอย่างไรพระองค์ก็ทรงยิ่งใหญ่กว่าปีศาจ ไม่ จำ�เป็นต้องทำ�อะไรเลย เพราะทุกอย่างเป็นของพระองค์อยู่แล้ว ปีศาจได้ฉวยโอกาสที่ พระเยซูเจ้าหิว อ่อนแอเพือ่ ประจญพระองค์ แต่มนั หารูไ้ ม่วา่ การถือศีลอดอาหารทำ�ให้ พระองค์เข้มแข็งขึ้นในชีวิตฝ่ายจิต พระองค์จึงทรงตอบโต้ด้วยการยกพระวาจาของ พระเจ้าตอนที่ถูกต้องและตรงที่สุดทั้ง 3 ตอน 5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - นอกจากเสียงมโนธรรมที่บอกเราให้ทำ�ความดีแล้ว ในชีวิตเราคริสตชนยังมี การประจญอีกมากมายให้ทำ�สิ่งไม่ดี ดังที่เราแต่ละคนทำ�ประสบการณ์อยู่ทุกวันแล้ว - ทุกครั้งที่เสียงมโนธรรมบอกให้เราทำ�ดี เราทำ�ไหม? เพราะอะไร? ทำ�แล้วรู้สึก อะไรบ้าง? - ทุกครั้งที่เราถูกประจญให้ทำ�สิ่งไม่ดี เราต่อต้านความโน้มเอียงใฝ่ต่ำ�นั้นไหม? เราสามารถเอาชนะการประจญนั้นแล้วเลือกทำ�สิ่งที่ดีได้หรือไม่? หากทำ�ได้แล้วเรา รู้สึกอะไร? - ให้ผู้เรียนทำ�ใบงานที่ 1 เพื่อสำ�รวจความโน้มเอียงของตนเอง และหาวิธีแก้ไข ☆ ใบงานที่ 1/กระดาษ A 4/ ในสิ่งที่ไม่ดี ปากกา/บอร์ด/อุปกรณ์ตกแต่ง - ทำ�ไมเราต้องลำ�บากเอาชนะความโน้มเอียงไม่ดีแล้วทำ�ความดีด้วย? เราจะ ปล่อยตัวสบายๆ ไม่ได้หรือ? หากเรามีมโนธรรมละเอียดก็จะเข้าใจได้ว่า เพียงคิดแค่ นี้ก็เป็นการประจญของปีศาจแล้ว เพราะเราอยากเป็นคนดีโดยไม่ต้องฝืนความไม่ดี เท่ากับว่าเราอยากไปสวรรค์โดยสามารถทำ�ทุกอย่างตามใจตัวเองได้รวมทัง้ ทำ�ชัว่ ด้วย มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนเพราะเราไม่ยอมฝืนตนเองให้ลำ�บากเลย - หากเป็นเช่นนี้ เราไม่มีทาง “ตาย” ต่อ “มนุษย์เก่า” ได้เลย แล้วเราจะเกิด เป็น “มนุษย์ใหม่” ได้อย่างไร? ดังนี้เราก็ไม่สมควรจะได้รับบำ�เหน็จรางวัลที่จะมี “ความสุขนิรันดร” อย่างแน่นอน ตรงข้าม อาจต้องพินาศชั่วนิรันดรด้วยซ้ำ� ซึ่งไม่คุ้ม กันเลยกับการยอมลำ�บากในชีวิตนี้เพื่อได้สวรรค์นิรันดรในชีวิตหน้า
6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนแสดงตนเป็นทหารของพระคริสตเจ้าโดยเอาชนะการประจญล่อลวงของ ปีศาจในทุกกรณีอาศัยพระวาจาของพระเจ้า
110
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
7
ภาวนาปิดท้าย - ให้ผู้เรียนทำ�สมาธิสักครู่ สำ�นึกถึงความอ่อนแอที่ทำ�ให้ตกในบาปหลายครั้ง แล้วสวด “บทแสดงความทุกข์” พร้อมกันอย่างตั้งใจ
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความตั้งใจ - ประเมินผลงานที่ร่วมกันจัดทำ�ขึ้นและนำ�เสนอในมุมห้องเรียนเพื่อเตือน ความตั้งใจ
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
ภาพ “พระเยซูเจ้าทรงถูกประจญในที่เปลี่ยว”
111
ใบงานที่ 1 คำ�ชี้แจง - 1. แจกกระดาษ A4 คนละ 2 แผ่น
2. ให้ผู้เรียนเขียนลงในกระดาษแผ่นที่ 1 และ 2 ตามคำ�สั่งข้อ a และข้อ b โดยไม่ต้องใส่ชื่อของตน ในกระดาษ a. สิ่งที่เราตั้งใจทำ� แต่กลับไม่ได้ทำ� b. สิ่งที่เราตั้งใจไม่ทำ� แต่กลับได้ทำ�
3. จัดตกแต่งกระดาษคำ�ตอบให้สวยงาม นำ�มาจัดบอร์ด โดยแยกเป็น 2 ส่วน คือบอร์ด a และ b 4. ให้ผู้เรียนพิจารณาร่วมกัน โดยช่วยกันวิเคราะห์แล้วตอบคำ�ถามว่า 4.1 “ทำ�ไมจึงเป็นเช่นนั้น?” 4.2 “หากเราปล่อยไปอย่างนั้นจะดีหรือไม่? หรือมีผลอะไรตามมา?” 4.3 “ถ้าเราอยากเจริญชีวิตให้ดีกว่านั้น เราควรจะทำ�อย่างไร?”
5. บันทึกข้อคิดสะกิดใจที่ได้ลงในสมุดบันทึกส่วนตัว
112
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
เรื่อง ฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพือ่ ผูเ้ รียนรูแ้ ละเข้าใจว่าศีลกำ�ลังประทานพระจิตเจ้าแก่ผรู้ บั ศีลกำ�ลัง เพือ่ ช่วยเขาให้สามารถ เจริญชีวติ เป็นผูใ้ หญ่ในความเชือ่ ด้วยการยึดพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของการดำ�รงชีวติ และ เสียสละเพื่อเพื่อนพี่น้องมากขึ้น - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนเสียสละตนเองเพื่อแสดงความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องมากขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม สาระการเรียนรู้ การแสดงออกอย่างหนึง่ ของผูร้ บั ศีลกำ�ลังคือ การเป็นผูใ้ หญ่ในด้านความเชือ่ ซึง่ ผูร้ บั ศีลฯ สามารถแสดงออก อย่างเป็นรูปธรรมโดยการลด ละ เลิก ความพึงพอใจตามประสาเนื้อหนัง ความเห็นแก่ตัวแบบเด็กๆ และหันศูนย์กลาง การกระทำ�ของตนไปยังพระเจ้าและเพือ่ นพีน่ อ้ งให้มากขึน้ ด้วยการแสดงความรักต่อพระองค์และเพือ่ นพีน่ อ้ งอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางพระวรสาร ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / สวดภาวนาก่อนเรียน 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ผู้สอนเล่าเรื่อง “รัก 2 ข้อ” ให้ผู้เรียนฟัง - ให้ผู้เรียนแสดงความเห็นอย่างอิสระจากเรื่องที่ได้ฟัง โดยเน้นความประทับใจ จากเรื่องนี้ - ผู้สอนนำ�เข้าสู่ประเด็นที่ว่า ทำ�ไมชาวนาคนนั้นจึงได้ทำ�ในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ�? อะไรคือแรงจูงใจของเขา? ถ้าเป็นเรา เราจะทำ�เช่นเดียวกันนั้นหรือไม่? ผลจาก การกระทำ�นั้นคุ้มค่าหรือไม่? - พระเยซูเจ้าในพระวรสารได้สอนเราในเรื่องนี้ว่าอย่างไร? ให้ผู้เรียนยก ตัวอย่างบางเรื่อง จากนั้นผู้สอนจึงนำ�เสนอพระวรสารตอน “ชาวสะมาเรียผู้ใจดี” 3 พระวาจา (ลก 10:30-37 อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียใจดี) พระเยซูเจ้าตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำ�ลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยัง เมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขาแล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการ สาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่าน เลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟาก หนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึง เดินเข้าไปหา เทน้ำ�มันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำ�เขาขึ้นหลังสัตว์ ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำ�เงิน
☆
ใบความรู้ที่ 1
113
ที่
4
กระบวนการจัดการเรียนรู้ สองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า “ช่วยดูแลเขาด้วยเงินที่ท่านจะ จ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา” ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึง ตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำ�เช่นเดียวกันเถิด” อธิบายพระวาจา - พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรือ่ งนีเ้ พือ่ สอนนักกฎหมายทีห่ วังจะจับผิดโดยถามพระองค์ ว่า “ใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า?” - พระองค์ไม่ได้ให้คำ�ตอบเชิงนิยาม แต่ทรงเล่าเป็นเรื่องเปรียบเทียบเพื่อให้ คำ�ตอบที่ชัดเจนมากว่า ใครคือเพื่อนมนุษย์ของเรา - เรื่องเล่านี้ทำ�ให้เราเข้าใจมากขึ้นไปอีกว่า หลายๆ ครั้งผู้ที่คิดว่าตน “ดี” แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร ระดับไหน ฐานะใดก็ตาม ควรพิจารณาตนเองว่า “ดีจริง” แล้วหรือ ยัง? หากผู้ใดยังไม่สามารถทำ�แบบชาวสะมาเรียนั้นก็ยังบอกไม่ได้ว่าดีจริงและต้อง พัฒนาตนเองต่อไป - เหตุว่า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านทำ�สิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำ�ต้อยที่สุดของเราคน หนึ่ง ท่านก็ทำ�สิ่งนั้นต่อเรา” (มธ 25:40) และ “ผู้ใดที่ให้น้ำ�เย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่ คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆ เหล่านี้เพราะเขาเป็นศิษย์ของเรา เราบอก ความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำ�เหน็จรางวัลอย่างแน่นอน” (มธ 10:42) - แม้ชาวสะมาเรียจะถูกประณามว่าเป็นคนบาป คนต่างศาสนา แต่เขาก็ยังมีใจ ละเอียดอ่อน เมตตาสงสารคนที่ตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งแม้ไม่ได้เป็นญาติหรือเป็นเพื่อน ตรงกันข้ามชาวสะมาเรียกลับถูกชาวยิวดูถูกตลอดเวลา แต่เขายังสามารถเอาชนะ ความรู้สึกตามธรรมชาติโดยใช้กฎแห่งความรัก จนสามารถปฏิบัติตามการดลใจของ พระจิตเจ้า โดยถือว่า ชาวยิวที่บาดเจ็บอยู่ข้างทางนั้นเป็นเพื่อนมนุษย์ของเขา และเขา ต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่เหมือนอย่างที่เขาอยากให้คนอื่นทำ�กับตนเอง
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - การกระทำ�ของชาวสะมาเรียนั้นทำ�ให้เรารู้สึกอย่างไรบ้าง? เราเคยทำ�แบบนี้ บ้ า งหรื อ เปล่ า ? จำ � เป็ น ไหมที่ เราต้ อ งทำ � แบบนี้ ด้ ว ย? ทำ � แล้ ว จะได้ อ ะไรเป็ น การตอบแทน? เพราะชีวิตจริงของเราไม่เหมือนกับชาวสะมาเรียในเรื่องเปรียบเทียบ หรือชาวนาในนิทานนั้นแน่นอน - คำ�ถามข้างต้นนี้มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่ความรักเรียกร้องให้เราต้องเสียสละ และเรามักจะเข้าข้างตนเอง หาเหตุผลทุกประการเพื่ออยู่อย่างสบายๆ จะได้ไม่ต้อง เสียสละ เพราะเราไม่ชอบลำ�บาก ไม่ชอบออกจากตนเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่ชอบ ให้ผู้อื่นมาช่วยเรา เอาใจเรา เพราะทำ�ให้รู้สึกสะดวกสบายดี - ความคิดและความรู้สึกดังกล่าวนี้เกิดกับทุกคน ไม่ว่าอายุใด แต่จะเกิดขึ้นกับ เด็กมากกว่าเพราะสติปัญญาของเขายังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงไม่สามารถใช้เหตุและผล อย่างผู้ใหญ่ได้ การกระทำ�ที่เห็นแก่ตัวนั้นส่วนใหญ่แล้วจึงนับว่าเป็นการกระทำ�ของ เด็ก หากเกิดกับเด็กก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
114
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- แต่เราที่เตรียมตัวรับศีลกำ�ลังนั้นถึงวัยที่จะต้องเติบโตฝ่ายจิตแล้ว ร่างกายของ เราก็ไม่ใช่เด็กแล้ว การเป็นผู้ใหญ่ เฉพาะอย่างยิ่งเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตนั้นเป็นสิ่งที่ต้อง ฝึกฝนทุกวันในทุกโอกาส เพราะในเรื่องนี้ไม่มีปาฏิหาริย์อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ ผู้เชี่ยวชาญทุกคน เขาต้องฝึกฝนตนเองในเรื่องนั้นๆ จนกลายเป็นคนเก่งและเก่งที่สุด เพื่อชนะที่ 1 ในการแข่งขัน - เราไม่สามารถรักเพื่อนพี่น้องได้หากเราไม่ได้ฝึกรักทุกวัน เฉพาะอย่างยิ่งคนที่ เราไม่คอ่ ยชอบ หรือยิง่ กว่านัน้ คนทีเ่ ขาถือว่าเป็นศัตรูของเรา เพราะความรักจะไม่เป็น ความจริงตราบใดที่ยังอยู่ในความคิด จินตนาการ แต่ยังไม่อยู่ในการกระทำ� - ดังนั้น เพื่อจะพัฒนาตนในความรักต่อเพื่อนพี่น้อง จำ�เป็นที่เราต้องออกจาก ความเห็นแก่ตวั เอง เพือ่ ใส่ใจในความต้องการของคนรอบข้างทุกคน ไม่วา่ จะเป็นมิตร หรือศัตรู จะเป็นคนทีเ่ รารักหรือไม่รกั โดยถือตามแนวทางพระวรสารทีว่ า่ ทุกสิง่ ทีเ่ รา ทำ�ต่อคนอื่นเท่ากับทำ�ต่อพระเยซูเจ้าเอง (ผู้สอนเล่าเรื่อง “ดวงใจงดงามที่สุดในโลก” ให้ผู้เรียนฟัง) - หากเราฝึกฝนตนเอง เราจะสามารถเสียสละเป็นมากขึ้นวันละเล็กวันละน้อย และจะค่อยๆ รูส้ กึ ว่า มันไม่ยากเกินไปทีเ่ ราจะค่อยๆ “ตายต่อตนเอง” เพือ่ จะมี “ชีวติ ใหม่” ซึ่งไม่มีใครจะตอบแทนเราได้นอกจากพระเจ้าเท่านั้น เพราะพระองค์แต่ผู้เดียว ที่จะรู้ในห้วงลึกที่สุดของจิตใจว่า เราได้เสียสละเพียงใด
☆
ใบความรู้ที่ 2
6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนเสียสละตนเองเพื่อแสดงความรักต่อพระเจ้าและเพื่อนพี่น้องมากขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม
7
ภาวนาปิดท้าย - ให้ตัวแทนผู้เรียน 1 คนภาวนาจากใจ จากนั้นปิดด้วยบท “ข้าแต่พระบิดา”
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - การสังเกต - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
115
ใบความรู้ที่ 1 : เรื่อง “รัก 2 ข้อ” กษัตริย์พระองค์หนึ่งต้องการโอรสผู้สืบบัลลังก์เพราะพระองค์ไม่มีรัชทายาท จึงประกาศหาชายที่มี คุณสมบัตทิ รี่ กั พระเจ้าและรักเพือ่ นพีน่ อ้ ง ผูค้ นมากมายทุกระดับทีค่ ดิ ว่าตนเหมาะสมเพราะมีคณ ุ ลักษณะดีเด่น ต่างมาสมัคร ในจำ�นวนนี้มีชายชาวนาคนหนึ่งด้วย ที่หน้าพระราชวัง มีขอทานคนหนึ่งนั่งหนาวสั่นอยู่หน้าพระราชวัง ผู้สมัครบางคนเห็นแล้วก็เดินผ่าน ไป บางคนด่าทอแล้วผ่านไป บางคนเอาเท้าเขี่ยๆ ดูว่าเขามีปฏิกิริยาอย่างไรแล้วเดินต่อไป บางคนก็ตบหัวเขา เล่นๆ แล้วผ่านไป ไม่มีใครสนใจชายคนนั้นเลย แต่ชาวนาคนนั้นเห็นแล้วอดใจไม่ไหวจึงถอดเสื้อที่เขาใส่ให้ ขอทานคนนั้นไป กลับมีทหารมากมายกรูมาจับตัวเขา เขาตกใจกลัวมากพยายามเดินเลี่ยงออกไป แต่ทหาร นำ�เขามาเข้าเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระราชา เขาไม่กล้าเงยหน้าขึน้ ด้วยความละอายในสภาพทีย่ ากจนของตนเอง แต่พระองค์ให้เขาเงยหน้าขึ้น และเมื่อเขาเห็นพระราชา เขาแทบล้มทั้งยืน เพราะขอทานกับพระราชาก็คือคน คนเดียวกันนั่นเอง
ใบความรู้ที่ 2 : เรื่อง “ดวงใจงดงามที่สุดในโลก” ชายหนุ่มคนหนึ่งได้ตะโกนท่ามกลางฝูงชนว่า “ผมมีหัวใจงดงามที่สุดในโลก” ผู้คนที่ได้ยินต่างเห็น ด้วยกับเขา เพราะดวงใจของเขานั้นสมบูรณ์แบบจริงๆ ไม่มีจุดบกพร่องใดแม้แต่น้อย ไม่เคยมีหัวใจที่งามเช่น นี้มาก่อนเลย
ยิ่งมีคนชมมาก เขาก็ยิ่งหยิ่งจองหองมากขึ้นทุกวัน
แต่ชายชราคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึน้ ท่ามกลางผูค้ นเช่นกัน กล่าวว่า “เอ... ถ้าจะพูดกันตรงๆ ดวงใจของ เธอสวยน้อยกว่าดวงใจของฉันตั้งเยอะ!” แล้วชายชราคนนั้นก็แสดงหัวใจของเขาให้ทุกคนดู เป็นดวงใจที่เต้น อย่างแรง แต่เต็มไปด้วยแผลเป็น เบีย้ วๆ บางแห่งเนือ้ แหว่งหายไปแต่กม็ อี กี ชิน้ หนึง่ มาปะแทนที่ บางทีก่ แ็ หว่ง เป็นรูแต่ไม่มีชิ้นส่วนใดมาปิด ทุกคนมองดูอย่างงงงวย ถามกันว่า ทำ�ไมเขาจึงอ้างว่าหัวใจของเขางดงามกว่า ของหนุ่มคนนั้นได้? ชายหนุ่มจึงกล่าวว่า “ท่านกำ�ลังล้อเล่นอยู่หรือเปล่า? ลองเปรียบเทียบกันดูก็เห็นชัดเจนว่า ของใคร สวยงดงามกว่ากัน?”
116
“ใช่แล้ว” ชายชรากล่าวต่อ “แม้ดวงใจของเธอจะดูเหมือนสมบูรณ์ครบครัน แต่ฉนั จะไม่ยอมแลกเปลีย่ น กับดวงใจของฉันอย่างเด็ดขาด เพราะแต่ละแผลที่เห็นนั้นคือบุคคลที่ฉันได้ให้ความรักแก่เขา ฉันได้เอาเสี้ยว ดวงใจหนึ่งของฉันให้เขาไป แล้วเขาก็ได้ตอบแทนฉันด้วยเสี้ยวดวงใจของเขาเช่นกัน เมื่อนำ�มาปะมันจึงมีขนาด ไม่เท่ากัน ส่วนบางแห่งที่ยังคงเป็นรูแหว่งอยู่นั้น เพราะบางคนเขาไม่ได้ตอบแทนความรักของฉัน นี่แหละ ความรักคือการเสี่ยง แต่ไม่ว่ารูแหว่งเหล่านั้นจะเจ็บปวดหรือเปิดกว้างเพียงใด มันก็ทำ�ให้ฉันคิดถึงความรักที่ ฉันมีตอ่ พวกเขาอยูเ่ สมอ ใครจะรู้ วันหนึง่ เขาอาจกลับมาเติมทีว่ า่ งในใจของฉันให้เต็มก็ได้ เดีย๋ วนีเ้ ธอเข้าใจหรือ ยังว่า ความรักแท้นั้นคืออะไร?” ได้ฟังดังนั้น ชายหนุ่มจึงยืนตะลึง พูดไม่ออก น้ำ�ตาเริ่มไหลอาบแก้ม แล้วเอาหัวใจของเขาส่วนหนึ่งส่ง ให้ชายชราด้วยมืออันสั่นเทา ชายชรารับไว้แล้วเอาใส่ช่องว่างในใจของเขา จากนั้นก็เอาส่วนหนึ่งของใจเขาส่ง ให้ชายหนุ่มใส่ในช่องนั้นที่ว่างอยู่ มันไม่พอดีกันจึงเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นชายชราจึงกล่าวว่า “หากตัวโน้ตบอกว่า โน้ตเพียงตัวเดียวไม่สามารถกลายเป็นดนตรีได้” หากไร้ซงึ่ โน๊ตตัวอืน่ เพลงอุปรากร ก็คงไม่มีวันเกิดขึ้น “หากคำ�พูดบอกว่า เพียงคำ�ๆ เดียวไม่สามารถกลายเป็นหน้าหนังสือได้” หากไร้ซงึ่ คำ�พูดอืน่ ๆ คงไม่มี หนังสือเกิดขึ้น “หากก้อนหินบอกว่า หินเพียงก้อนเดียวสร้างผนังบ้านไม่ได้หรอก” หากไร้ซึ่งหินก้อนอื่นๆ บ้านก็คง ไม่มีวันเกิดขึ้น “หากหยดน้ำ�บอกว่า น้ำ�เพียงหยดเดียวจะกลายเป็นแม่น้ำ�ได้อย่างไร?” หากไร้ซึ่งน้ำ�หยดอื่นๆ ก็คง ไม่มีมหาสมุทรเกิดขึ้น “หากมนุษย์บอกว่า เฉพาะท่าทีแห่งความรักต่อผู้อื่นเท่านั้นไม่สามารถทำ�ให้เขามีความสุขและ เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้...” หากไร้ซึ่งกิจการความยุติธรรม สันติสุข และความสุขบนแผ่นดินนี้คงไม่มีวันจะ เกิดขึ้น ได้ฟังดังนั้น ชายหนุ่มจึงมองที่หัวใจของตนเอง มันไม่ใช่ดวงใจที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกอีกต่อไป แต่กลาย เป็นหัวใจที่น่าพิศวงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะบัดนี้ความรักของชายชรานั้นได้หมุนเวียนอยู่ในตัวของ เขาแล้ว
117
แผนการจัดการเรียนรู้ “คริสตศาสนธรรม” แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6
เรื่อง การภาวนาของคริสตชน
มฐ. การเรียนรู้ ส 1.2.1 เวลา 50 นาที
ชั้น เตรียมรับศีลกำ�ลัง ภาคเรียนที่ ................ วันที่สอน ......./......./....... จำ�นวน 1 คาบ
จุดประสงค์ - ด้านความรู้ : เพื่อให้ผู้เรียนรู้และเข้าใจว่าคริสตชนสามารถภาวนาติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยบทภาวนาหรือการภาวนาส่วนตัว - ด้านพฤติกรรม/ข้อปฏิบัติ : ผู้เรียนสวดภาวนาสั้นบ่อยๆ สาระการเรียนรู้ คริสตชนคือศิษย์ติดตามพระคริสต์ เขาจึงต้องเสวนากับพระอาจารย์เป็นประจำ�อาศัยการสวดภาวนา ซึ่ง สามารถทำ�ในรูปแบบของบทภาวนาทีพ่ ระศาสนจักรกำ�หนดหรือด้วยการภาวนาส่วนตัว โดยใช้บทภาวนาสัน้ ต่างๆ ตามโอกาส การติดต่อกับพระเจ้าบ่อยๆ นั้นทำ�ให้เขาสนิทสัมพันธ์กับพระองค์อย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และการซึมซับจิตตารมณ์ของ พระอาจารย์ในตัวเขามากยิ่งขึ้นนี้จะสามารถช่วยให้เขาเจริญชีวิตคริสตชนได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้นด้วย ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
1 นำ�เข้าสู่บทเรียน - ทักทาย / ทบทวนเนื้อหาครั้งก่อน - ให้ผู้เรียนอยู่ในความสงบ ทำ�สมาธิสักครู่ ภาวนาด้วยการดูวีดีทัศน์ชุด “Prayer 1” (ยาว 3 นาที) จากนั้นให้แบ่งปันอย่างสั้นๆ ถึงความรู้สึกที่ได้จาก การภาวนา 2 เข้าสู่ประเด็น (ประสบการณ์) - ผู้สอนเสวนากับผู้เรียนถึงประสบการณ์ของคนปัจจุบันในเรื่องการโทรศัพท์ ว่า เมื่อก่อนความต้องการโทรศัพท์มีน้อยกว่าปัจจุบัน แต่ละบ้านจะมีเพียงเครื่องเดียว ไม่มีโทรศัพท์มือถือกันทุกคนอย่างสมัยนี้ - ส่วนหนึ่งเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่อีกแง่หนึ่งเราอาจเป็นเพราะ ว่า คนเราต้องการสื่อสารกันมากขึ้น แม้แต่เด็กอนุบาลก็มีมือถือกันแล้ว มีโปรโมชั่น แบบบุฟเฟ่ต์ที่โทรกันแบบไม่อั้น จนบางคนเป็นมะเร็งเพราะโทรศัพท์มากเกินไปก็มี - คนที่โทรทั้งวันทั้งคืนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่น หรือหากจะเจาะจงมากกว่า นั้นคือ คนที่มีแฟน หรือคนที่อยากมีแฟน... - ทำ � ไมคนเหล่ า นั้ น จึ ง อยากคุ ย กั น มากมายนั ก ทั้ ง ที่ คุ ย แล้ ว ต้ อ งเสี ย เงิ น (บุฟเฟ่ตก์ เ็ สียเหมือนกัน) เสียเวลาในการทำ�งาน ในการนอน ฯลฯ ตอบง่ายๆ ก็เพราะ ว่า “คิดถึง” เพราะถ้าไม่คิดถึงคงไม่โทร - นี่คือสภาพความสัมพันธ์ระหว่างคนเราในทุกวันนี้ ทว่ามนุษย์ไม่ได้มีแต่ ความสัมพันธ์ต่อกันซึ่งเป็นมิติแนวนอนเท่านั้น เพราะเรายังมีมิติแนวตั้งด้วย คือ ความสัมพันธ์กบั พระเจ้าด้วย เราเคยคิดถึงความจริงนีม้ ากแค่ไหน? แล้วเราเคยติดต่อ กับพระเจ้าโดยทางไหนบ้าง?
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
☆
วีดีทัศน์ชุด “Prayer 1”/ เครื่องเล่นซีดี
118
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
3
พระวาจา (ยน 4:23-24) “แต่จะถึงเวลาคือเวลานี้ เมื่อผู้นมัสการแท้จริงจะนมัสการพระบิดาเจ้าเดชะ พระจิตเจ้าและตามความจริง เพราะพระบิดาทรงแสวงหาผู้นมัสการพระองค์เช่นนี้ พระเจ้าทรงเป็นจิต ผู้ที่นมัสการพระองค์ จะต้องนมัสการเดชะพระจิตเจ้า และตาม ความจริง”
4
อธิบายพระวาจา - พระเยซูเจ้าได้ตรัสคำ�เหล่านี้แก่หญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ�แห่งยาโคบ เพื่อ ☆ ภาพ “พระเยซูเจ้ากับหญิง ยืนยันว่า การติดต่อกับพระเจ้านัน้ ไม่จ�ำ เป็นต้องทำ�ในพระวิหารทีก่ รุงเยรูซาเล็มเท่านัน้ ชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ�ยาโคบ” ท้ายแผน แต่สามารถทำ�ได้ทุกแห่งด้วยจิตภาวนาและด้วยความสัตย์จริง - นอกนั้น พระองค์ยังทรงสอน “บทข้าแต่พระบิดาฯ” ให้แก่บรรดาศิษย์ (มธ 6:9-15) เพื่อให้พวกเขารู้ว่า คริสตชนควรภาวนาอย่างไร การภาวนาแบบไหนเป็นที่ พอพระทัยพระเจ้าพระบิดามากที่สุด - พระองค์ได้ทรงให้แบบอย่างการภาวนาแก่เราด้วยชีวิตในหลายๆ เหตุการณ์ เช่น หลังจากทรงทำ�อัศจรรย์ทวีขนมปังแล้ว พอถึงเวลาค่ำ� พระองค์ทรง “เสด็จขึ้นไป บนภูเขาเพื่อทรงอธิษฐานภาวนาตามลำ�พัง...” (มธ 14:23) - พระเยซูเจ้าทรงต้องการสอนเราจากเหตุการณ์เหล่านี้ว่า เราควรสวดภาวนา ติดต่อกับพระเจ้าตลอดเวลา ทั้งในเวลาสบายดี ประสบความสำ�เร็จ และในเวลาที่ ต้องการความช่วยเหลือ
5
ประยุกต์เข้ากับชีวิต - พระเยซูเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาและพระจิตเสมอ ทรงคิดถึงกันตลอด เวลา พระองค์ไม่เคยแยกจากพระบิดาและพระจิตเลย เพราะทัง้ 3 พระบุคคลถูกหลอม รวมให้เป็นหนึ่งเดียวกันอาศัยความรัก - พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาเพื่อเข้าร่วมส่วนในความรักนี้ของพระองค์ จึงทรง ให้เราเป็น “ภาพลักษณ์” ของพระองค์ - ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดทีจ่ ะเตือนตัวเราถึงความจริงนี้ก็คือ “การภาวนา” เพราะทุก ครัง้ ทีเ่ ราภาวนาด้วยจิตและด้วยความจริง ไม่วา่ จะด้วยบทภาวนาหรือการภาวนาจาก ใจก็เป็นการสำ�นึกถึงความจริงข้อนี้ และเป็นการเพิ่มความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้า ให้แน่นแฟ้นมากขึ้นด้วย - ชี วิ ต ของเราจึ ง ไม่ ค วรมี เ พี ย งแต่ มิ ติ แ นวนอนอย่ า งเดี ย ว หมายความว่ า การติดต่อสัมพันธ์เฉพาะกับเพือ่ นมนุษย์เท่านัน้ ยังไม่เพียงพอ เพราะนัน่ ยังไม่สมบูรณ์ และยังขาดอีกมากด้วย เพื่อจะให้ชีวิตของเราสมบูรณ์จำ �เป็นต้องมีมิติแนวตั้ง คือ การติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้า ซึ่งเราสามารถทำ�ได้หลายวิธี เช่น การรับศีลศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น แต่ “การภาวนา” เฉพาะอย่างยิ่งการภาวนาจากใจเป็นการแสดงออกถึง ความสำ�นึกอย่างแท้จริงว่า “ฉันต้องการพระเจ้า พระองค์คือพระเจ้า คือพระบิดาของ ฉัน ชีวติ ของฉันมาจากพระองค์ พระองค์คอื จุดเริม่ ต้นและปลายทางของชีวติ ฉัน ฯลฯ”
119
ที่
กระบวนการจัดการเรียนรู้
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
- ผู้สอนให้ผู้เรียนวิเคราะห์ว่า เขาทำ�อย่างไรบ้างเมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ เมื่อรู้สึกโดดเดี่ยว ฯลฯ - บางครั้งเพื่อนมนุษย์ก็พร้อมจะช่วยเหลือเราเต็มที่ แต่อีกบางครั้งเมื่อเราไม่รู้ จะหันหน้าหาใคร เมื่อนั้นให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงอยู่ตรงนั้นและพร้อมจะฟังสิ่งที่เรา อยากบอกกับพระองค์เสมอ พระองค์คือเพื่อนที่ดีที่สุด ซึ่งพร้อมจะช่วยเราในทุกสิ่ง - ให้ผู้เรียนเขียนคำ�ภาวนาจากใจของตนเอง จัดทำ�เป็นใบงานขนาด A4 ตกแต่ง ☆ กระดาษ A4/อุปกรณ์ ตกแต่ง/สถานที่จัดโชว์ผลงาน สวยงาม ประกวดกัน/จัดมุมภาวนาเพื่อโชว์ผลงานผู้เรียน 6
หาข้อปฏิบัติ - ผู้เรียนสวดภาวนาสั้นบ่อยๆ
7
ภาวนาปิดท้าย - ให้ผู้เรียนทำ�สมาธิสักครู่ จากนั้นให้ตัวแทนบางคนนำ�สวดภาวนาจากใบงาน ของตน
8
การประเมินผลการเรียนรู้ - สังเกตความสนใจ - การถาม-ตอบ - การร่วมกิจกรรม
9
บันทึกผลหลังการสอน ......................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................... ...........................................................................................................................................................................
ภาพ “พระเยซูเจ้า กับหญิงชาวสะมาเรีย ที่บ่อน้ำ�ยาโคบ”
120
สาระคริสตศาสนธรรมในกลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สาระที่ 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส 1.1 เข้าใจประวัติ ความสำ�คัญของข้อความเชื่อตามหลักคริสตศาสนา สามารถนำ�มา เป็นหลักปฏิบัติในการเจริญชีวิต และเป็นประจักษ์พยานให้แก่ผู้อื่น 1.1.1 พระเจ้า พระบิดา 1.1.2 พระเยซูเจ้า-ธรรมล้ำ�ลึกปัสกา 1.1.3 พระจิตเจ้า 1.1.4 พระศาสนจักร 1.1.5 ชีวิตหลังความตาย 1.1.6 พระคัมภีร์ มาตรฐาน ส 1.2 ร่วมศาสนพิธีธรรมล้ำ�ลึกของคริสตชนอย่างรู้ความหมาย ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธา สร้างสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยการภาวนา 1.2.1 ศีลศักดิ์สิทธิ์ 1.2.2 มิสซา 1.2.3 พิธีกรรม 1.2.4 การภาวนา มาตรฐาน ส 1.3 ประพฤติ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของคริสตศาสนา นำ�คุณค่าพระวรสารมา ประยุกต์ใช้ในการพัฒนาตนให้บรรลุความสมบูรณ์ด้านมนุษยธรรมและ คริสตธรรม สามารถบำ�เพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อนำ� ความยุติธรรมและสันติสู่ชุมชน 1.3.1 พระบัญญัติ 1.3.2 บาป-มโนธรรม 1.3.3 คุณธรรมหลัก
121
หน่วยการเรียนรู้วิชาคำ�สอน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หน่วยที่
เรื่อง
1
ส 1.1.1 พระเจ้า/พระบิดา/พระตรีเอกภาพ - พระหรรษทาน - คุณธรรมทางเทววิทยา : ความเชื่อ ความหวัง และความรัก
2
ส 1.1.2 พระเยซูเจ้า - พระเยซูเจ้าประทานพระจิตเจ้าแก่เรา
3
ส 1.1.3 พระจิตเจ้า - พระจิตและพระคุณ 7 ประการ - ผลของพระจิต - พระจิตเป็นชีวิต - พระจิตเป็นความสว่าง - พระจิตเป็นความรัก - ศีลกำ�ลังประทานพระจิต ส 1.1.4 พระศาสนจักร - การร่วมส่วนหน้าที่ 3 ประการของพระคริสตเจ้า : + หน้าที่สงฆ์ + หน้าที่ประกาศก + หน้าที่ร่วมงานของพระศาสนจักร - กระแสเรียก ส 1.2.1 ศีลศักดิ์สิทธิ์/ ส 1.2.2 มิสซา/ ส 1.2.3 พิธีกรรม - ความหมายและผลของศีลล้างบาป - ความหมายและผลของศีลอภัยบาป - ความหมายและผลของศีลมหาสนิท - ศีลกำ�ลัง : ความหมายและผล - พิธีศีลกำ�ลัง - การปกมือ - การเจิมน้ำ�มันศักดิ์สิทธิ์ - พ่อแม่ทูนหัว - ฉันเป็นทหารของพระคริสตเจ้า - ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการภาวนา - ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการรับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิท - ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการทำ�หน้าที่อย่างดี - ฉันเตรียมรับศีลกำ�ลังด้วยการละทิ้งบาปและปีศาจ - ฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในความเชื่อ
4
5
6
ส 1.2.4 การภาวนา - การภาวนาของคริสตชน
เวลาเรียน (คาบ)