เล่มที่ 5 วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

Page 1

เล่มที่ ๕ เรื่อง

วันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ


มาตรฐานการเรียนรู้ มำตรฐำน ส ๑.๒ เข้ ำใจ ตระหนั ก และปฏิ บั ติต นเป็ น ศำสนิ ก ชนที่ ดี และธ ำรงรัก ษำพระพุ ท ธศำสนำหรือ ศำสนำ ที่ตนนับถือ

ตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ม ๔/๒,๓,๔ ๑. ปฏิบัติตนถูกต้องตำมศำสนพิธีพิธีกรรมตำมหลักศำสนำที่ตนนับถือ ๒. แสดงตนเป็นพุทธมำมกะหรือแสดงตนเป็นศำสนิกชนของศำสนำที่ตนนับถือ ๓. วิเครำะห์หลักธรรม คติธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับวันสำคัญทำงศำสนำ และเทศกำลที่สำคัญ ของศำสนำที่ตนนับถือ และปฏิบัติตนได้ถูกต้อง

จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. อธิบำยควำมหมำยและองค์ประกอบของหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ และนำไปพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคมได้ ๒. อธิบำยควำมหมำยและองค์ประกอบของหลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ และนำไปพัฒนำคุณภำพชีวิตและสังคมได้ ๓. อธิบำยศำสนพิธี และสำมำรถนำไปเป็นแนวปฏิบัติในกำรประกอบศำสนพิธีต่ำง ๆ ได้


สาระการเรียนรู้ ๑. วันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ๑.๑) วันวิสำขบูชำ ๑.๒) วันอำสำฬหบูชำ ๑.๓) วันมำฆบูชำ ๒. วันธรรมสวนะและเทศกำลสำคัญ ๒.๑ วันธรรมสวนะ ๒.๒ วันเข้ำพรรษำ ๒.๓ วันออกพรรษำ ๓. ศำสนพิธี ๓.๑ พิธีแสดงตนเป็นพุทธมำมกะ ๓.๒ ถวำยสังฆทำน ๓.๓ ถวำยผ้ำอำบน้ำฝน ๓.๔ พิธีทอดกฐิน ๓.๕ พิธีปวำรณำ ๓.๖ กำรทำบุญในงำนมงคลและอวมงคล


เรื่อง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา คาชี้แจง ๑. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัย จำนวน ๑๕ ข้อ ๒. ให้นักเรียนทำเครือ่ งหมำยกำกบำท ( X ) ในช่องอักษรข้อ ก ข ค หรือ ง เพียงข้อเดียว ๓. กำหนดเวลำทดสอบ ๑๕ นำที ๑. ข้อใดกล่ำว ไม่ถกู ต้อง ในกำรประเคนของพระสงฆ์ ก. กำรประเคนหำกเป็นของที่หนัก เมื่อประเคนแล้วต้องช่วยประคองของนั้นวำงไว้บนพื้น ข. ควรนั่งประเคนในระยะห่ำงจำกพระภิกษุประมำณ ๑ ศอก ค. ผู้ประเคนเป็นชำย ควรยกของส่งให้กับมือพระภิกษุ ง. ผู้ประเคนเป็นหญิง ควรวำงบนผ้ำหรือภำชนะที่รองรับ ๒. หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับวันมำฆบูชำ คืออะไร ก. อริยสัจ ๔ ข. มัชฌิมำปฏิปทำ ค. โอวำทปำฏิโมกข์ ง. ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ๓. ใครเป็นผู้ถวำยผ้ำอำบน้ำฝนเป็นคนแรกในพระพุทธศำสนำ ก. นำงวิสำขำ ข. นำงกีสำโคตมี ค. พระนำงมหำปชำบดี ง. นำงมัลลิกำ ๔. จุลกฐิน หมำยถึงกฐินในลักษณะใด ก. กฐินที่มีปัจจัยถวำยไม่มำก ข. กฐินเร่งด่วน ให้แล้วเสร็จภำยใน ๑ วัน ค. กฐินที่ต้องเตรียมกำรเป็นเวลำนำน ง. กฐินที่มีปัจจัยถวำยเป็นจำนวนมำก ๕. กำรทำบุญทอดกฐินชนิดใดได้อำนิสงส์มำกที่สุด ก. จุลกฐิน ข. มหำกฐิน ค. กฐินพระรำชทำน ง. ได้อำนิสงส์เท่ำกัน อยู่ที่เจตนำ


๖. กำรร่วมกิจกรรมในวันวิสำขบูชำ นอกจำกเป็นกำรทำบุญแล้ว ยังถือว่ำเรำได้ปฏิบัติธรรมในเรื่อง ของกำรกตัญญู เหตุผลใดสำคัญที่สุด ก. เพรำะเป็นกำรแสดงควำมกตัญญู โดยกำรระลึกถึง พุทธคุณ ๓ ประกำร ข. เพรำะถือว่ำเรำเป็นหนี้บุญคุณของพระพุทธศำสนำ ค. เพรำะถือว่ำเป็นกำรทำบุญถึงบุพพกำรี ง. เพรำะถือว่ำเป็นกำรกระทำญำติพลี ๗. วัตถุประสงค์หลักของกำรเจริญพุทธมนต์คืออะไร ก. เพื่อขับไล่เสนียดจัญไร ข. เพื่อขับไล่ภูตผีปีศำจ ค. เพื่อควำมเป็นสิริมงคล ง. เพื่อไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ๘. ในวันธรรมสวนะ เรำควรจะให้ทำน ถือศีล และเจริญภำวนำ กำรปฏิบัติต่อไปนี้เป็น “กำรเจริญภำวนำ” ยกเว้น ข้อใด ก. กำรฝึกสมำธิให้จิตสงบ ข. กำรพัฒนำปัญญำด้วยกำรเจริญวิปัสสนำ ค. กำรอธิษฐำนภำวนำให้ตนเองมีควำมสุขตลอดไป ง. กำรสวดมนต์และกำรฟังธรรม ๙. กำรถวำยสังฆทำน สิ่งใด ไม่ควร ปฏิบัติ ก. เจำะจงจำนวนพระภิกษุสงฆ์ ข. เจำะจงพระสงฆ์ผู้รับสังฆทำน ค. จัดเตรียมสังฆทำนถวำยตำมกำลังทรัพย์ของตน ง. ถวำยเฉพำะแต่ปัจจัย (เงิน) แด่ภิกษุสงฆ์ที่รับสังฆทำน ๑๐. กรำนกฐิน กำหนดเป็นเวลำเท่ำใด ก. ๑ เดือน ข. ๒ เดือน ค. ๓ เดือน ง. ๔ เดือน ๑๑. ปัจจุบัน กำรถวำยผ้ำอำบน้ำฝน นิยมถวำยแก่พระภิกษุสงฆ์ในวันใด ก. ตั้งแต่วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘ ข. ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ค. ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ง. แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ (วันเข้ำพรรษำ)


๑๒. หลักธรรมเรื่อง “ควำมไม่ประมำท” พระพุทธเจ้ำตรัสสั่งสอนเมื่อใด ก. วันประสูติ ข. วันตรัสรู้ ค. วันปวำรณำ ง. วันปรินิพพำน ๑๓. คนไทยมักจะนิยมงดเว้นกำรทำควำมชั่วเนื่องในวันเข้ำพรรษำ ท่ำนคิดว่ำกำรงดเว้นในข้อใดที่ ถือว่ำเป็นกำรงดเว้นจำกกำรทำบำปที่ดีที่สุด ก. กำรงดเว้นจำกกำรเสพยำเสพติดทุกชนิด เป็นเวลำ ๓ เดือน ข. กำรงดเว้นจำกกำรบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด เป็นเวลำ ๓ เดือน ค. กำรงดเว้นจำกกำรบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด ตลอดชีวิต ง. กำรงดเว้นจำกกำรเสพยำเสพติดทุกชนิด ตลอดชีวิต ๑๔. กำรทำบุญตักบำตร ควรทำเมื่อใด ก. ควรทำทุกวัน ข. ทุกวันพระ ค. ทุกวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ง. ทำเมื่อไหร่ก็ได้ขึ้นอยู่กับโอกำสอันควร ๑๕. “หลักกำร ๓” ในกำรแสดงโอวำทปำฏิโมกข์เนื่องในวันมำฆบูชำ หมำยถึงข้อใด ก. ควำมอดทน ควำมไม่เบียดเบียน และควำมสงบ ข. ไม่ทำควำมชั่ว ทำแต่ควำมดี และทำจิตใจให้ผ่องใส ค. ไม่ว่ำร้ำยผู้อื่น ไม่ทำร้ำยผู้อื่น และสำรวมในปำติโมกข์ ง. กำรรู้จักประมำณในกำรกิน กำรอยู่ในสถำนที่สงัด และกำรฝึกหัดจิตให้สงบ


๔๙

แบบทดสอบก่อนเรียน

แบบทดสอบหลังเรียน

ข้อ

คำตอบ

ข้อ

คำตอบ

๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. ๑๕.

ก ค ก ข ง ก ค ค ข ก ง ง ง ง ฃ

๑. ๒. ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. ๑๕.

ก ง ข ง ข ง ข ง ค ก ง ก ค ค ก


สวัสดีค่ะนักเรียน เรำมำเริ่มศึกษำเนื้อหำกันนะคะ

วันมำฆบูชำ มำจำกคำเต็มว่ำ มำฆปุณณมีบูชำ แปลว่ำ กำรบูชำในเดือน ๓ เป็นวันที่มีควำมสำคัญวันหนึ่งของพระพุทธศำสนำ ในที่ท่ำมกลำงสงฆ์ ณ เวฬุวัน มหำวิหำร โดยพระพุทธเจ้ำทรงปรำรภเหตุสำคัญ ๔ ประกำร ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่ำ จำตุรงคสันนิบำต ซึ่งแปลว่ำ กำรประชุมที่พร้อมด้วยองค์ ๔ คือ ๑. เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ๒. มีพระสงฆ์ จำนวน ๑,๒๕๐ รูปมำประชุม พร้อมกันโดยมิได้นัดหมำย ๓. พระสงฆ์ ทั้ งหมด เป็ น พระอรหั น ต์ ผู้ ได้ อภิญญำ ๖ ๔ . พ ร ะ อ ร หั น ต์ ทั้ ง ห ม ด นั้ น เป็ น เอหิ ภิกขุอุปสั มปทำ คือเป็นผู้ ที่ได้รับกำรอุปสมบท จำกพระพุทธเจ้ำโดยตรง ภำพที่ ๑ วันมำฆบูชำ ที่มำ http:// www.parungtip.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗


ประว ัติว ันมาฆบูชาในประเทศไทย

พิธีทำบุญวัน มำฆบูชำนี้ ไม่ปรำกฏหลักฐำนว่ำมีมำในสมั ยใด อย่ำงไรก็ตำมในหนังสื อ "พระรำชพิ ธีสิ บ สองเดือน" อัน เป็ นบทพระรำชนิ พนธ์ของ "พระบำทสมเด็จพระจุล จอมเกล้ ำ เจ้ำอยู่หัวมีเรื่องรำวเกี่ยวกับกำรประกอบรำชกุศลมำฆบูชำไว้ว่ำ ประเทศไทยเริ่ ม ก ำหนดพิ ธี ป ฏิ บั ติ ใ นวั น มำฆบู ช ำเป็ น ครั้ ง แรกในช่ ว งรั ช สมั ย พระบำทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล้ ำ เจ้ ำ อยู่ หั ว รั ช กำลที่ ๕ ซึ่ ง มี ก ำรประกอบพิ ธี เป็ น ครั้ ง แรก ในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ ในพระบรมมหำรำชวังก่อน โดยมีพิธีพระรำชกุศลในเวลำเช้ำ นมัสกำรพระสงฆ์ จำกวัด บวรนิ เวศรำชวรวิห ำรและวัดรำชประดิษฐ์จำนวน๓๐รูป ฉันภัตตำหำรในพระอุโบสถ วั ด พระศรี รั ต นศำสดำรำม เมื่ อ ถึ ง เวลำค่ ำพระบำทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล้ ำ เจ้ ำ อยู่ หั ว เสด็ จ ฯ ออกทรงจุ ด ธู ป เที ย นนมั ส กำร พระสงฆ์ ท ำวั ต รเย็ น และสวดคำถำโอวำทปำฏิ โมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน ๑,๒๕๐ เล่ม รอบพระอุโบสถ มีกำรประโคมอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงมีกำร เทศนำโอวำทปำฏิ โ มกข์ ๑ กั ณ ฑ์ เป็ น ทั้ งเทศนำภำษำบำลี และภำษำไทย ส่ ว นเครื่อ งกั ณ ฑ์ ประกอบด้ ว ยจี ว รเนื้ อ ดี ๑ ผื น เงิน ๓ ต ำลึ งและขนมต่ ำงๆ เมื่ อ เทศนำจบ พระสงฆ์ ๓๐รู ป สวดรับ กำรประกอบพิ ธี ในวั น มำฆบู ช ำในสมั ย พระบำทสมเด็ จ พระจุ ล จอมเกล้ ำเจ้ ำ อยู่ หั ว รัชกำลที่ ๕ เนื่องจำกบำงครั้งตรงกับช่วงเสด็จประพำสก็จะทรงประกอบพิธีมำฆบูชำในสถำนที่ นั้ น ๆ ขึ้น อีก แห่ ง นอกเหนื อ จำกภำยในพระบรมมหำรำชวัง ต่อ มำกำรประกอบพิ ธีมำฆบู ช ำ ได้ แ พร่ ห ลำยออกไปภำยนอกพระบรมมหำรำชวั ง และประกอบพิ ธี กั น ทั่ ว รำชอำณำจั ก ร ทำงรั ฐ บำลจึ งประกำศให้ เป็ น วัน หยุ ดทำงรำชกำรด้ว ย เพื่ อให้ ป ระชำชนจำกทุ กสำขำอำชี พ ได้ไปวัดเพื่อทำบุญกุศลและประกอบกิจกรรมทำงศำสนำนอกจำกนี้ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ รัฐบำลไทย ประกำศให้วันมำฆบูชำเป็นวันกตัญญูแห่งชำติอีกด้วย


หลักธรรมที่ควรนาไปปฏิบัติ หลักธรรมที่ควรนำไปปฏิบัติ ได้แก่ โอวำทปำติโมกข์ หมำยถึง หลักคำสอนสำคัญ ของพระพุทธศำสนำ อันเป็นไปเพื่อป้องกันและแก้ปัญหำต่ำงๆ ในชีวิต เป็นไปเพื่อ ควำมหลุดพ้น หรือคำสอนอันเป็นหัวใจของพระพุทธศำสนำ ที่พระพุทธเจ้ำทรงแสดง แก่พระอรหันต์สำวกทั้ง ๑,๒๕๐ รูป ดังนี้ ขันติ คือ ควำมอดทน อดกลั้นเป็นเครื่องเผำผลำญบำปอย่ำงยิ่ ง นิพพำน ท่ำนผู้รู้กล่ำวว่ำ เป็นยอด ผู้ที่ยังทำร้ำยผู้อื่นอยู่ ไม่จัดว่ำเป็นบรรพชิต ผู้ที่ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู่ไม่จัด ว่ำเป็นสมณะ กำรไม่ทำบำปทั้งปวง กระทำแต่กรรมดี ทำกุศลให้ถึงพร้อม กำรทำจิตใจให้ ผ่องใสนี้เป็น คำสอนของพระพุทธเจ้ำ กำรไม่ว่ำร้ำย ไม่ทำร้ำยใคร ควำมสำรวมระวังในพระปำติโมกข์

การปฏิบัติตนในวันมาฆบูชา

ภำพที่ ๒ กำรเวียนเทียน ที่มำ http:// www.th.pattayadailynews.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

ในตอนเช้ำพุทธศำสนิกชนจะไปทำบุญตักบำตรที่วัดฟังพระธรรมเทศนำ บ ำเพ็ญ สำธำรณประโยชน์ และในตอนค่ำก็จะนำดอกไม้ ธูปเทียนไปยังวัดที่อยู่ ใกล้บ้ำน พอได้เวลำพระสงฆ์ประชุมกัน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ก็จะกล่ำวนำคำบูชำ เสร็จ แล้ วทำทักษิน ำวัฏ (กำรเดิน เวียนขวำ) รอบพระอุโบสถ ๓ รอบ กำรเดิน เวียนเทียนก็ต้องทำจิตใจให้สงบ


ภำพที่ ๓ วันวิสำขบูชำ ที่มำ http:// www. hilight.kapook.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

วิสำขบูชำ มำจำกคำเต็มว่ำ วิสำขปุณณมีบูชำ กำรบูชำในวันเพ็ญเดือนวิสำขะ สำเหตุที่ทำให้ มีกำรบูชำในวันเพ็ญวิสำขะ ก็เพรำะในวันดังกล่ำวนี้มีเหตุกำรณ์สำคัญเกิดขึ้นถึง ๓ เหตุกำรณ์ คือ ๑. เป็นวันประสูติ ๒. เป็นตรัสรู้ ๓. เป็นปรินิพพำนของพระพุทธเจ้ำ องค์กำรสหประชำชำติได้ตระหนักถึงควำมส ำคัญของวันวิส ำขบูชำ จึงได้ประกำศให้วันวิส ำขบูช ำ เป็นวันสำคัญของสหประชำชำติและของโลก เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวำคม ๒๕๔๒ หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่อง ในวั น วิ ส ำขบู ช ำ คื อ “หลั ก อริ ย สั จ ๔”และในวั น ที่ พ ระพุ ท ธเจ้ ำ จะปริ นิ พ พำนได้ แ สดงธรรม เกี่ยวกับควำม ไม่ประมำท เป็นครั้งสุดท้ำยก่อนที่พระพุทธองค์จะปรินิพพำน ทุกข์ ควำมทุกข์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกบุคคล สมุทัย สำเหตุของควำมทุกข์ นิโรธ หมำยถึงควำมดับแห่งทุกข์ มรรค คือหนทำงที่พำเรำไปสู่ควำมดับทุกข์


๑๐

ประว ัติความเป็นมาของว ันวิสาขบูชาในประเทศไทย

ปรำกฏหลักฐำนว่ำ วันวิสำขบูชำ เริ่มต้นครั้งแรกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เป็ น รำชธำนี สั น นิ ษ ฐำนว่ ำ ได้ รั บ แบบแผนมำจำกลั ง กำ นั่ น คื อ เมื่ อ ประมำณ พ.ศ. ๔๒๐ พระเจ้ำภำติกุรำช กษัตริย์แห่ งกรุงลังกำ ได้ประกอบพิธีวิสำขบูชำขึ้ น เพื่อถวำยเป็นพุทธบูช ำ จำกนั้นกษัตริย์ลังกำพระองค์อื่นๆ ก็ปฏิบัติประเพณีวิสำขบูชำนี้สืบทอดต่อกันมำ ส่วนกำรเผยแผ่ เข้ ำ มำในประเทศไทยนั้ น น่ ำ จะเป็ น เพรำะประเทศไทยในสมั ย กรุ งสุ โ ขทั ย มี ค วำมสั ม พั น ธ์ ด้ำนพระพุ ทธศำสนำกับ ประเทศลั งกำอย่ำงใกล้ ชิด เห็ น ได้จำกมีพ ระสงฆ์จำกลั งกำหลำยรูป เดิ น ทำงเข้ ำ มำเผยแผ่ พ ระพุ ท ธศำสนำ และน ำกำรประกอบพิ ธี วิ ส ำขบู ช ำเข้ ำ มำปฏิ บั ติ ในประเทศไทยด้วย สำหรับกำรปฏิบัติพิธีวิสำขบูชำในสมัยสุโขทัยนั้น ได้มีกำรบันทึกไว้ในหนังสือ นำงนพมำศ สรุป ได้ ว่ำ เมื่อถึงวัน วิส ำขบู ช ำ พระเจ้ำแผ่ น ดิน ข้ำรำชบริพ ำร ทั้งฝ่ ำยหน้ำ และ ฝ่ำยในตลอดทั้งประชำชนชำวสุโขทัย จะช่วยกันประดับตกแต่งพระนคร ด้วยดอกไม้ พร้อมกับ จุ ด ประที ป โคมไฟให้ ดู ส ว่ ำ งไสวไปทั่ ว พระนคร เป็ น เวลำ ๓ วั น ๓ คื น เพื่ อ เป็ น กำรบู ช ำ พระรัตนตรัย ขณะที่พระมหำกษัตริย์ และพระบรมวงศำนุวงศ์ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระรำช กุ ศ ลต่ ำ งๆ ครั้ น ตกเวลำเย็ น ก็ เสด็ จ พระรำชด ำเนิ น พร้ อ มด้ ว ยพระบรมวงศำนุ ว งศ์ แ ละ นำงสนองพระโอษฐ์ตลอดจนข้ำรำชกำรทั้งฝ่ำยหน้ำ และฝ่ำยในไปยังพระอำรำมหลวง เพื่อทรง เวี ย นเที ย นรอบพระประธำน ส่ ว นชำวสุ โ ขทั ย จะรั ก ษำศี ล ฟั ง ธรรม ถวำยสั ง ฆทำน อำหำรบิณฑบำตแด่พระภิกษุสำมเณร บริจำคทำนแก่คนยำกจน ทำบุญไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ หลั ง จำกสมั ย สุ โ ขทั ย ประเทศไทยได้ รั บ อิ ท ธิ พ ลของศำสนำพรำหมณ์ ม ำกขึ้ น ท ำให้ ในช่ ว งสมั ย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยำ ธนบุ รี และรั ต นโกสิ น ทร์ ต อนต้ น ไม่ ป รำกฏหลั ก ฐำนว่ ำ มี กำรประกอบพิ ธีวิส ำขบู ช ำ จนกระทั่งมำถึงรัช สมั ยพระบำทสมเด็จพระพุท ธเลิ ศหล้ ำนภำลั ย รัช กำลที่ ๒ แห่ งกรุงรัตนโกสิ นทร์ (พ.ศ.๒๓๖๐) ทรงมีพระรำชดำริที่จะให้ ฟื้นฟูพิธีวิสำขบูช ำ ขึ้ น มำใหม่ โดยสมเด็ จ พระสั ง ฆรำช (มี ) ส ำนั ก วั ด รำชบู ร ณะ ถวำยพระพรให้ ท รงท ำขึ้ น เป็ น ครั้ ง แรก ในวั น ขึ้ น ๑๕ ค่ ำ และวั น แรม ๑ ค่ ำ เดื อ น ๖ พ.ศ.๒๓๖๐และให้ จั ด ท ำ ตำมแบบอย่ ำงประเพณี เดิมทุกประกำร เพื่ อให้ ประชำชน ได้ท ำบุ ญ ท ำกุศล โดยทั่ วหน้ำกั น กำรรื้ อ ฟื้ น พิ ธี วิ ส ำขบู ช ำขึ้ น มำในครำนี้ จึ ง ถื อ เป็ น แบบอย่ ำ งถื อ ปฏิ บั ติ ในกำรประกอบพิ ธี วันวิสำขบูชำต่อเนื่องมำจวบจนกระทั่งปัจจุบัน


๑๑

การปฏิบัติตนในวันวิสาขบูชา

ภำพที่ ๔ กำรเวียนเทียน ที่มำ http:// www. th.pattayadailynews.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

ในตอนเช้ำพุทธศำสนิกชนจะไปทำบุญตักบำตรที่วัดฟังพระธรรมเทศนำ บ ำเพ็ญ สำธำรณประโยชน์ และในตอนค่ำก็จะนำดอกไม้ ธูปเทียนไปยังวัดที่อยู่ ใกล้บ้ำน พอได้เวลำพระสงฆ์ประชุมกัน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ก็จะกล่ำวนำคำบูชำ เสร็ จ แล้ ว ท ำทั กษิ น ำวัฏ (กำรเดิ น เวีย นขวำ) รอบพระอุ โบสถ ๓ รอบ กำรเดิ น เวียนเทียนก็ต้องทำจิตใจให้สงบ


๑๒

ภำพที่ ๕ กำรถวำยพระเพลิงพุทธสรีระ ที่มำ http:// www. dhamma.mthai.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

วัน อั ฏ ฐมี บู ช ำตรงกั บ วัน แรม ๘ ค่ ำเดื อ น ๖ นั บ ต่ อ จำกวั น วิส ำขบู ช ำไป ๗ วั น เป็ น วัน คล้ ำยวัน ถวำยพระเพลิ งพระพุ ท ธสรีระของพระพุ ท ธเจ้ำ พุ ท ธศำสนิ กชนควรรำลึ ก อยู่เสมอว่ำพระพุทธเจ้ ำท่ำนเป็ น ผู้เพียบพร้อมยังเสด็จดับขันธ์ ดั งนั้นเรำจึงพึง ยึดหลักธรรม ว่ำด้วย “อัป ปมำทะ” (ควำมไม่ประมำท) กำรประกอบพิธีเนื่อง ในวันอัฏฐมีบูชำนิยมทำกัน ตอนค่ำและประกอบพิธีแบบเดียวกันกับ วันวิสำขบูชำ ส่วนใหญ่จะมีแต่พระสงฆ์ เป็นผู้จัดทำ และไม่ได้จัดเป็นพิธีใหญ่โตจะจัดพิธีบูชำขึ้นเฉพำะภำยในวั ด เช่น วัดมหำธำตุยุวรำชรังสฤษณ์ แต่ไม่มีหลักฐำนแน่ชัดว่ำได้เริ่มปฏิบัติกันมำตั้งแต่เมื่อใด แต่ในปัจจุบันก็ยังถือปฏิบัติอยู่


๑๓

ภำพที่ ๖ ทรงแสดงปฐมเทศนำ ที่มำ http:// www. hilight.kapook.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

อำสำฬหบูชำ มำจำกคำว่ำ อำสำฬหปุณณมีบูชำ วันอำสำฬหบูชำ ตรงกับวันเพ็ญ เดื อ น ๘ เป็ น วัน ที่ พ ระพุ ท ธเจ้ ำ ทรงแสดงปฐมเทศนำ คื อ “ธัม มจั ก กั ป ปวัต ตนสู ต ร” โปรดปัญ จวัคคีย์ ณ ป่ ำอิสิตนมฤคทำยวัน ซึ่งเป็นวันที่ท่ำนโกณฑัญ ญะได้ดวงตำเห็ น ธรรมและได้รับกำรอุปสมบทเป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศำสนำ กำรปฏิ บั ติต นเนื่ อ งในวัน อำสำฬหบู ช ำ ตอนเช้ำพุ ท ธศำสนิ กชนจะไปร่ว มท ำบุ ญ ตั ก บำตรที่ วั ด ฟั งเทศน์ ตอนค่ ำก็ จ ะมี ก ำรเวี ย นเที ย นรอบพระอุ โ บสถ จำกนั้ น ก็ จ ะมี กำรแสดงธรรมเทศนำ ชื่อ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”ให้พุทธศำสนิกชนได้ฟัง หลักธรรมที่มีชื่อว่ำ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” มีใจควำมสำคัญ คือ เป็นธรรมเทศนำ กัณฑ์แรก โปรดปัญจวัคคีย์ ที่ป่ำอิสิปตนมฤคทำยวันนั้นเอง สรุปควำมได้ว่ำ บรรพชิต (นักบวช) ไม่ควรประพฤติใน ๒ สิ่งคือ ๑. กำมสุขัลลิกำนุโยค ลัทธิถือกำรประกอบตนให้หมกมุ่นอยู่ในกำมสุข ๒. อัตตกิล มถำนุ โยค ลัทธิถือกำรทรมำนตนให้ ได้รับควำมลำบำก เป็นลั ทธิก่อให้ เกิดควำมทุกข์ มิใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่ควรดำเนินทำงสำยกลำง เรียกว่ำ มัชฌิมำปฏิปทำ


๑๔

ประว ัติความเป็นมาของว ันอาสาฬบูชาในประเทศไทย

วัน อำสำฬหบู ชำได้รับ กำรกำหนดให้ เป็นวันส ำคัญ ทำงพระพุทธศำสนำของประเทศไทย ในปี พ.ศ ๒๕๐๑ โดยคณะสังฆมนตรี (มหำเถรสมำคม) ในสมัยนั้น ได้มีมติให้เพิ่มวันอำสำฬหบูชำ เป็ น วั น ส ำคั ญ ทำงพุ ท ธศำสนำ (ในประเทศไทย) ตำมค ำแนะน ำของ พระธรรมโกศำจำรย์ (ชอบ อนุจำรี) โดยคณะสังฆมนตรีได้ออกเป็นประกำศสำนักสังฆนำยก กำหนดให้วันอำสำฬหบูชำ เป็ น วัน ส ำคั ญ ทำงพุ ท ธศำสนำพร้ อ มทั้ งก ำหนดพิ ธีอ ำสำฬหบู ช ำขึ้ น เมื่ อ วั น ที่ ๑๔ กรกฎำคม พ.ศ.๒๕๐๑ ไม่ปรำกฏหลักฐำนในประเทศไทยว่ำในสมัยก่อน พ.ศ.๒๕๐๑ เคยมีกำรประกอบพิธี อำสำฬหบู ช ำมำก่ อน ท ำให้ กำรกำหนดให้ วัน อำสำฬหบู ช ำเป็ นวัน ส ำคัญ ทำงพระพุ ท ธศำสนำ ของส ำนั ก สั ง ฆนำยกในครั้ ง นี้ เป็ น ครั้ ง แรกที่ มี ก ำรก ำหนดแบบแผนกำรประกอบพิ ธี อ ย่ ำ ง เป็ น ทำงกำร โดยหลังจำกปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มมีกำรรณรงค์ให้ มีกำรประกอบพิ ธี อำสำฬหบูชำ พุทธศำสนิกชนชำวไทยได้ร่วมใจกันประกอบพิธีนี้กันอย่ำงกว้ำงขวำงและแพร่หลำย ไปทุกจังหวัด จนกลำยเป็นพิธีสำคัญของพุทธศำสนิกชนไทยตั้งแต่นั้นมำ

การปฏิบัติตนในวันอาสาฬหบูชา

ภำพที่ ๗ กำรเวียนเทียนในวันอำสำฬหบูชำ ที่มำ http:// www. kchschool.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

ในตอนเช้ำพุทธศำสนิกชนจะไปทำบุญตักบำตรที่วัดฟังพระธรรมเทศนำ บ ำเพ็ญ สำธำรณประโยชน์ และในตอนค่ำก็จะนำดอกไม้ ธูปเทียนไปยังวัดที่อยู่ ใกล้บ้ำน พอได้เวลำพระสงฆ์ประชุมกัน พระเถระชั้นผู้ใหญ่ก็จะกล่ำวนำคำบูชำ เสร็ จ แล้ ว ท ำทั กษิ น ำวัฏ (กำรเดิ น เวีย นขวำ) รอบพระอุ โบสถ ๓ รอบ กำรเดิ น เวียนเทียนก็ต้องทำจิตใจให้สงบ


๑๕

แบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๑ เรื่อง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา คาชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำงให้ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์

๑. หลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับวันวิสำขบูชำ คือหลักธรรมใด จงอธิบำย ………............................................................................................................................................... ………................................................................................................................................................ ๒. พระพุทธเจ้ำทรงแสดงหลักธรรมใดในวัน มำฆบูชำ และมีใจควำมสำคัญว่ำอย่ำงไร ………................................................................................................................................................ ………................................................................................................................................................ ๓. พุทธศำสนิกชนควรปฏิบัติตนอย่ำงไรในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ........................................................................................................................................................ ………................................................................................................................................................ ๔. กำรประกอบพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำจะมีลำดับขั้นตอนอย่ำงไร ............................................................................................................................. ............................ ......................................................................................................................................................... ๕. กำรปฏิบัติตนและประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำมีผลต่อจิตใจของ พุทธศำสนิกชนอย่ำงไร .......................................................................................................................... ............................. ………………………………………………………………………………………………………………………………………


๕๐

เฉลยแบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๑ เรื่อง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา คาชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำงให้ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์

๑. หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับวันวิสำขบูชำ คืออะไร จงอธิบำย ตอบ อริยสัจ ๔ ควำมจริงอันประเสริฐ ๔ ประกำร คือ - ทุกข์ ควำมทุกข์กำย ทุกข์ใจ - สมุทัย สำเหตุของควำมทุกข์ - นิโรธ ควำมดับแห่งทุกข์ - มรรค หนทำงที่พำเรำไปสู่ควำมดับทุกข์ ๒. พระพุทธเจ้ำทรงแสดงหลักธรรมใดในวัน มำฆบูชำ และมีใจควำมสำคัญอย่ำงไร ตอบ โอวำทปำติโมกข์ มีใจควำมสำคัญดังนี้ ๑. ขันติ คือ ควำมอดทน อดกลั้น ๒. กำรไม่ทำบำปทั้งปวง กระทำแต่กรรมดี ๓. กำรไม่ว่ำร้ำย ไม่ทำร้ำยใคร ๓. พุทธศำสนิกชนจะปฏิบัติตนอย่ำงไรในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ตอบ ทำบุญตักบำตร ฟังเทศน์ รักษำศีล กำรปฏิบัติสมำธิภำวนำ กำรเวียนเทียน ๔. กำรประกอบพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำจะมีลำดับขั้นตอนอย่ำงไร ตอบ ทำงวัดจะตีระฆังให้สัญญำณให้พุทธบริษัทมำประชุมพร้อมกันให้ภิกษุอยู่แถวหน้ำถัดไปเป็น สำมเณร และอุบำสก อุบำสิกำ จุดธูปเทียนตำมพระสงฆ์ตั้ง นโม ๓ จบ กล่ำวถวำยดอกไม้ธูปเทียน บูชำพระรัตนตรัย เดินเวียนขวำรอบอุโบสถ ๓ รอบ ระหว่ำงเดินรอบที่ ๑ ระลึกถึงพระพุทธคุณ รอบที่ ๒ ระลึกถึงพระธรรมคุณ รอบที่ ๓ ระลึกถึงพระสังฆคุณ ๕. กำรปฏิบัติตนและประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำมีผลต่อจิตใจของ พุทธศำสนิกชนอย่ำงไร ตอบ ทำให้พุทธศำสนิกชนลดควำมตระหนี่ ไม่เห็นแก่ตัว มีจิตใจโอบอ้อมอำรี มีควำมสำมัคคีต่อกัน มีศรัทธำต่อพระพุทธศำสนำ จิตใจเป็นสุขเกิดปิติ ( ถ้ำนักเรียนตอบนอกเหนือจำกนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)


๑๖

แบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๒ เรื่อง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา คาชี้แจง ให้นักเรียนจับคู่ข้อควำมที่มีควำมสัมพันธ์กันให้ถูกต้อง คาตอบ

ข้อความ .............๑. เอหิภิกขุอุปสัมปทำ .............๒. วันเพ็ญ เดือน ๓ .............๓. จำตุรงคสันนิบำต .............๔. ทักษินำวัฏ .............๕. อัปปมำทะ ………….๖. ๑๕ ธันวำคม ๒๕๔๒ ..............๗. วันอัฏฐมีบูชำ ..............๘. อัตตกิลมถำนุโยค ..............๙. โกณฑัญญะ ..............๑๐. แสดงปฐมเทศนำ ชื่อว่ำ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”

ก. ข. ค. ง. จ. ฉ. ช. ซ. ฌ. ญ. ฎ. ฏ.

คล้ำยวันถวำยพระเพลิงพระพุทธสรีระ ลัทธิถือกำรทรมำนตนเอง พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศำสนำ กำรอุปสมบทจำกพระพุทธเจ้ำโดยตรง กำรประชุมที่พร้อมด้วยองค์ ๔ มำฆปุณณมีบูชำ กำรเดินเวียนขวำ คล้ำยวันประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพำน อำสำฬหปุณณมีบูช ลัทธิกำรหมกมุ่นอยู่ในกำมสุข ควำมไม่ประมำท ประกำศให้วันวิสำขบูชำเป็นวันสำคัญ ของ สหประชำชำติและของโลก


๕๑

เฉลยแบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๒ เรื่อง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา

คาชี้แจง ให้นักเรียนจับคู่ข้อควำมที่มีควำมสัมพันธ์กันให้ถูกต้อง ข้อความ ..........ง........๑. ..........ฉ........๒. ..........จ........๓. ..........ช........๔. ..........ฎ........๕. ………ฏ….…..๖. ..........ก........๗. ..........ข........๘. ..........ค........๙. ..........ฌ.......๑๐

เอหิภิกขุอุปสัมปทำ วันเพ็ญ เดือน ๓ จำตุรงคสันนิบำต ทักษินำวัฏ อัปปมำทะ ๑๕ ธันวำคม ๒๕๔๒ วันอัฏฐมีบูชำ อัตตกิลมถำนุโยค โกณฑัญญะ แสดงปฐมเทศนำ ชื่อว่ำ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร”


๑๗

ภำพที่ ๘ กำรทำบุญเนื่องในวันธรรมสวนะ ที่มำ http:// www. dra.go.th/th/cmsdetai.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

วันธรรมสวนะ คือ วันกำหนดประชุมฟังธรรมที่เรียกเป็นคำสำมัญทั่วไปว่ำ “วัน พระ”เป็ น ประเพณี นิ ย มของพุ ท ธบริษั ท ที่ ได้ ป ฏิ บั ติ สื บ เนื่ อ งกั น มำแล้ ว ตั้ งแต่ ครั้ งพุท ธกำล โดยถือว่ำกำรฟังธรรมตำมกำลที่กำหนดไว้เป็น ประจำย่อมก่อให้ เกิด สติปั ญ ญำและสิ ริมงคลแก่ผู้ ฟั งอย่ำงน้ อยก็ได้รับธรรมอำนิ ส งส์อยู่เสมอ วันกำหนด ฟังธรรมนี้ ในประเทศไทยกำหนดไว้ ๔ วัน ในเดือนหนึ่ง ๆ คือ วั นแรม ๘ ค่ำ วันขึ้น ๘ ค่ ำ วั น แรม ๑๔ หรื อ ๑๕ ค่ ำ และวั น ขึ้ น ๑๕ ค่ ำของแต่ ล ะเดื อ น จึ ง ถื อ กั น เป็ นวันกำหนดประชุมฟังธรรมโดยปกติ และนิยมรักษำปกติอุโบสถ ส ำหรับฆรำวำส ทีต่ ้องกำรร่วมปฏิบัติธรรมด้วย


๑๘

หลักธรรมที่ควรนาไปปฏิบัติ หลักธรรมสำคัญที่ชำวพุทธทุกคนควรนำไปปฏิบัติในวันธรรมสวนะนี้มี ๓ ประกำร คือ ๑. ทำน หมำยถึง กำรให้ แบ่งเป็ น ๓ ประเภท คือ อำมิส ทำน ได้แก่ กำรให้ ปันสิ่ งของ เสื้อผ้ำ อำหำร ที่อยู่อำศัย ธรรมทำน ได้แก่ ให้ควำมรู้ วิทยำกำรให้คำแนะนำสั่งสอน ให้คำปรึกษำ คำชี้แนะ และให้ขวัญกำลังใจ เป็นต้น และอภัยทำน ได้แก่ กำรให้อภัยกันหรือ กำรอโหสิกรรม ๒. ศีล หมำยถึง กำรรักษำกำยวำจำ ให้เรียบร้อย ด้วยกำรรักษำศีล ๕ รวมทั้งกำรมีระเบียบ วินัยและกำรเคำรพกฎกติกำของสังคม ๓. ภำวนำ หมำยถึ ง กำรฝึ ก สมำธิให้ จิต สงบและพั ฒ นำปั ญ ญำด้ ว ยกำรเจริญ วิ ปั ส สนำ นอกจำกนี้ ภำวนำยังหมำยถึง กำรทำวัตรสวดมนต์และกำรฟังธรรมกำรเจริญจิตภำวนำ อบรมจิตใจ ให้ สงบเยือกเย็น ไม่ฟุ้งซ่ำน ไม่เครียด ไม่กังวลมีชีวิตอยู่ด้วยปิติสุข และมีสมำธิแน่วแน่ หนักแน่ น อันจะช่วยให้หลับสนิท ควำมคิดแจ่มใส ควำมจำดีและมีสติปัญญำเฉียบแหลม


๑๙

ภำพที่ ๙ วันเข้ำพรรษำ ที่มำ http:// www. tlcthai.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

วันเข้ำพรรษำ คือวันที่พระสงฆ์อธิฐำนว่ำจะอยู่ประจำในอำวำสตลอด ๓ เดือนโดยไม่ไป แรมคืนในที่อื่น ซึ่งวันเข้ำพรรษำ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ตำมประวัติกล่ำวว่ำ ในสมัยพุทธกำล พระภิกษุได้จำริกไปยังที่ต่ำงๆ แม้ในฤดูฝนทำให้เหยียบย่ำต้นข้ำวของชำวบ้ำนเสียหำย พระพุทธเจ้ำ จึงทรงวำงระเบียบให้ พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอดเวลำ ๓ เดือน กำรปฏิ บั ติ ตนในวัน เข้ำพรรษำ พุท ธศำสนิ กชนจะร่ว มกันท ำบุ ญ ตักบำตร แห่ เทีย น พรรษำ หรือบำงทีก็อธิฐำนว่ำจะกระทำควำมดีต่ำงๆ ในช่วงเทศกำลเข้ำพรรษำ หลักธรรมที่ควรนำมำปฏิบัติ ๑. สั มปั ตตวิรัต ได้แก่ กำรงดเว้นจำกบำป จำกควำมชั่ว และอบำยมุ ขต่ ำง ๆ ด้วยเกิ ด ควำมรู้สึกละอำยและเกิดควำมเกรงกลัวต่อบำป ๒. สมำทำนวิรัต ได้แก่ กำรงดเว้นจำกบำป ควำมชั่วและอบำยมุขต่ำงๆ ด้วยกำรสมำทำน ศีล ๕ หรือศีล ๘ จำกพระสงฆ์ แม้สิ่งยั่วยวนภำยนอกจะมำเร้ำก็ไม่หวั่นไหว


๒๐

ภำพที่ ๑๐ วันออกพรรษำ ที่มำ http:// www. kanjana.org/page.php?id_act สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

วัน ออกพรรษำ ตรงกั บ วั น ขึ้ น ๑๕ ค่ ำ เดื อ น๑๑ เป็ น วั น สิ้ น สุ ด ระยะกำรจ ำพรรษำ ๓ เดื อ น ในวั น นี้ พ ระสงฆ์ จ ะเปิ ด โอกำสให้ พ ระสงฆ์ ด้ ว ยกั น ว่ ำ กล่ ำ วตั ก เตื อ นกั น ได้ เรี ย กว่ ำ วันปวำรณำ หรือวันมหำปวำรณำ หลักธรรมที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษำ ในเทศกำลออกพรรษำ มีห ลักธรรมสำคัญ ที่ควรนำไปปฏิบัติ คือ ปวำรณำกำรเปิดโอกำส ให้ผู้อื่นว่ำกล่ำวตักเตือนตนเองได้ ในกำรปวำรณำนี้อำจแบ่งบุคคล ออกเป็น ๒ ฝ่ำย คือ ๑. ผู้ว่ำกล่ำวตักเตือน จะต้องเป็นผู้มีเมตตำ ปรำรถนำดีต่อผู้ที่ตนว่ำกล่ำวตักเตือน เรียกว่ำ มีเมตตำทำงกำย ทำงวำจำ และทำงใจ พร้อมมูล ๒. ผู้ถูกว่ำกล่ำวตักเตือน ต้องมีใจกว้ำง มองเห็นควำมปรำรถนำดีของผู้ตักเตือน ดีใจดังมี ผู้มำบอกขุมทรัพย์ให้ กำรปวำรณำ จึงเป็นคุณธรรมสร้ำงควำมสมัครสมำนสำมัคคี และดำรงควำม บริสุทธิ์หมดจดไว้ในสังคมพระสงฆ์ กำรปวำรณำ แม้จะเป็นสังฆกรรมของสงฆ์ ก็อำจนำมำประยุกต์ใช้ กับสังคมชำวบ้ำน เช่น กำรปวำรณำกันระหว่ำงสมำชิกในครอบครัว ในสถำนศึกษำ ในสถำนที่ทำงำน พนักงำนในห้ำงร้ำน บริษัทและหน่วยงำนรำชกำร เป็นต้น


๒๑

ส่ ว นวั น เทโวโรหณะ คื อ วั น คล้ ำ ยวั น ที่ พ ระพุ ท ธเจ้ ำ เสด็ จ ลงมำจำกเทวโลก ในวันออกพรรษำ พุทธศำสนิกชนจึงถือเอำวันรุ่งขึ้น คือ แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นโอกำสพิเศษในกำร ตักบำตร เรียกว่ำ “ตักบำตรเทโวโรหณะ”

ภำพที่ ๑๑ วันเทโวโรหณะ ที่มำ http:// www. kanjana.org/page.php?id_act สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

สมัยพุทธกำล เมื่อพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำตรัสรู้ธรรม และเสด็จขึ้นไปโปรดพระพุทธมำรดำโดย จำพรรษำอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดำวดึงส์ เป็นเวลำ ๑ พรรษำ และเมื่อออกพรรษำแล้วพระองค์ได้เสด็จกลับ ยังโลกมนุษย์ ณ สังกัสสะนคร กำรที่พระพุทธองค์เสด็จลงมำจำกสวรรค์ชั้นดำวดึงส์ เรียกตำมศัพท์ ภำษำบำลีว่ำ "เทโวโรหณะ" ในครั้งนั้นบรรดำพุทธศำสนิกชนผู้มี ควำมศรัทธำเลื่อมใส เมื่อทรำบข่ำว ต่ำงพร้อมใจกันไปรอตักบำตรเพื่อรับเสด็จกันอย่ำงเนืองแน่น จนถือเป็นประเพณีตักบำตรเทโวปฏิบัติ สืบทอดกันมำจนตรำบเท่ำทุกวันนี้ โดยพิ ธีตั กบำตรเทโวโรหณะในปั จ จุบั น นั้ น จะเริ่ม ตั้ งแต่ต อนรุ่งอรุณ หลั ง วัน ออกพรรษำ พระภิกษุสำมเณรลงทำวัตรในพระอุโบสถ พอพระอำทิตย์ขึ้นก็สมมติว่ำ พระลงมำจำกบันไดสวรรค์ บำงที่ก็มีดนตรีบรรเลงเพลงไทยเดิม สมมติว่ำเป็นพวกเทวดำบรรเลง ขับกล่อมตำมส่งพระพุทธเจ้ำ ยั งมี พ วกแฟนตำซี อี ก แต่ งเป็ น พวกยั ก ษ์ เทวดำ พระอิ น ทร์ พรหม นำงเทพธิด ำ น ำหน้ ำขบวน พระภิกษุส ำมเณร ชำวบ้ ำนก็จ ะใส่ บำตรด้วยอำหำรหวำน อำหำรคำว ข้ำวต้มลู กโยน ข้ำวต้มมั ด จึงเป็นสัญลักษณ์ของพิธีนี้


๒๒

แบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๓ เรื่อง หลักธรรมทีเ่ กี่ยวเนื่องในวันธรรมสวนะและเทศกาลสาคัญ คาชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำงให้ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์ ๑. กำรเข้ำพรรษำก่อเกิดผลดีต่อพระสงฆ์อย่ำงไรบ้ำง ....................................................................................................................................................... ๒. พุทธศำสนิกชนจะปฏิบัติกิจกรรมอะไรบ้ำงในวันเข้ำพรรษำ ....................................................................................................................................................... ๓. อำมิสทำน หมำยถึงทำนประเภทใด จงอธิบำย ....................................................................................................................................................... ๔. สมำทำนวิรัต หมำยถึง ....................................................................................................................................................... ๕. กำรที่เปิดโอกำสให้พระภิกษุสงฆ์ว่ำกล่ำวตักเตือนกันได้ ทรงทำในวันใดและมีผลดีอย่ำงไร ....................................................................................................................................................... ๖. กำรตักบำตรเทโวโรหณะ ของพุทธศำสนิกชนนั้นมีควำมเชื่อว่ำอย่ำงไร ....................................................................................................................................................... ๗. กำรไปวัดทำบุญก่อให้เกิดประโยชน์อย่ำงไร ....................................................................................................................................................... ๘. นักเรียนสำมำรถนำหลักกำรปวำรณำของพระสงฆ์มำประยุกต์ใช้กับตนเองอย่ำงไร ....................................................................................................................................................... ๙. พระพุทธเจ้ำทรงบัญญัติให้พระสงฆ์จำพรรษำ โดยมีจุดมุ่งหมำยอย่ำงไร ....................................................................................................................................................... ๑๐. พุทธศำสนิกชนควรปฏิบัติตนอย่ำงไรในวันธรรมสวนะ ................................................................................................................................. ......................


๕๒

เฉลยแบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๓ เรือ่ ง หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องในวันธรรมสวนะและเทศกาลสาคัญ คาชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำงให้ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์ ๑. กำรเข้ำพรรษำก่อเกิดผลดีต่อพระสงฆ์อย่ำงไรบ้ำง ตอบ ทำให้พระสงฆ์มีเวลำตั้งใจศึกษำและปฏิบัติธรรมอย่ำงเต็มที่ในระหว่ำงกำรเข้ำพรรษำ ๒. พุทธศำสนิกชนจะปฏิบัติกิจกรรมอะไรบ้ำงในวันเข้ำพรรษำ ตอบ ถวำยเทียนพรรษำ ถวำยผ้ำอำบน้ำฝน จัดกิจกรรมรณรงค์งดเหล้ำและสิ่งเสพย์ติด ๓. อำมิสทำน หมำยถึงทำนประเภทใด จงอธิบำย ตอบ อำมิสทำน หมำยถึงกำรให้ทำนประเภทเสื้อผ้ำ อำหำร ที่อยู่อำศัย ๔. สมำทำนวิรัต หมำยถึง ตอบ กำรงดเว้น จำกบำป ควำมชั่ ว และอบำยมุ ข ต่ ำงๆ ด้ ว ยกำรสมำทำนศี ล ๕ หรือ ศี ล ๘ จำกพระสงฆ์ ๕. กำรทีเ่ ปิดโอกำสให้พระภิกษุสงฆ์ว่ำกล่ำวตักเตือนกันได้ ทรงทำในวันใดและมีมีผลดีอย่ำงไร ตอบ วันปวำรณำ เป็นกำรสร้ำงควำมสมัครสมำน สำมัคคีและดำรงควำมบริสุทธิ์หมดจดไว้ในสังคม พระสงฆ์ ๖. กำรตักบำตรเทโวโรหณะ ของพุทธศำสนิกชนนั้นมีควำมเชื่อว่ำอย่ำงไร ตอบ เชื่อว่ำพระพุทธเจ้ำทรงเสด็จจำกสวรรค์ชั้นดำวดีงส์ หลังจำกเสด็จไปโปรดพระพุทธมำรดำบน สวรรค์ จึงทำข้ำวต้มลูกโยนใส่บำตร เพื่อจะได้ถึงพระพุทธเจ้ำ ๗. กำรไปวัดทำบุญก่อให้เกิดประโยชน์อย่ำงไร ตอบ - ได้ฟังธรรมในสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง - ได้ปฏิบัติสมำธิภำวนำ ทำให้จิตใจสงบ ๘. นักเรียนสำมำรถนำหลักกำรปวำรณำของพระสงฆ์มำประยุกต์ใช้กับตนเองอย่ำงไร ตอบ รับฟังควำมคิดเห็นของผู้อื่น เปิดโอกำสให้ว่ำกล่ำวตักเตือนกันระหว่ำงสมำชิกในครอบครัว ระหว่ำงเพื่อนในสถำนศึกษำ เป็นต้น ๙. พระพุทธเจ้ำทรงบัญญัติให้พระสงฆ์จำพรรษำ โดยมีจุดมุ่งหมำยอย่ำงไร ตอบ เพื่อให้พระสงฆ์จำพรรษำอยู่ในอำรำม ๓ เดือน ในช่วงฤดูฝน ไม่ไปค้ำงคืนที่ไหน เพรำะเกรงว่ำ พระสงฆ์อำจจะไปเหยียบย่ำต้นข้ำวอ่อนๆ.และสัตว์ตัวเล็กๆตำย และต้องกำรให้ศึกษำหลักธรรมคำ สอน ๑๐. พุทธศำสนิกชนควรปฏิบัติตนอย่ำงไรในวันธรรมสวนะ ตอบ พุทธศำสนิชนควรไปฟังธรรมที่วัด ถือศีล และร่วมปฏิบัติธรรมในวันธรรมสวนะ (ถ้ำนักเรียนตอบนอกเหนือจำกนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)


๒๓

ศำสนพิธี ศำสนพิธี หมำยถึง ระเบียบแบบแผนหรือแบบอย่ำงที่พึงปฏิบัติในศำสนำเมื่อนำมำใช้ ในพระพุทธศำสนำจึงหมำยถึงระเบียบแบบแผนหรือแบบอย่ำงที่พึงปฏิบัติในพระพุทธศำสนำ ศำสนพิธีในพระพุทธศำสนำแบ่งได้เป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๒.๑ ศำสนพิธีเนื่องด้วยพุทธบัญญัติ ๒.๒ ศำสนพิธีที่นำพระพุทธศำสนำเข้ำไปเกี่ยวข้อง

ภำพที่ ๑๒ พิธีแสดงตนเป็นพุทธมำมกะ ที่มำ http:// www. vesakday.mcu.ac.th. สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

กำรแสดงตนเป็ น พุทธมำมกะ คือ กำรประกำศตนให้ ปรำกฎว่ำเป็นผู้ ยอมรับนับถือ พระพุทธเจ้ำหรือพระพุทธศำสนำประจำชีวิตของตน ผู้ประสงค์จะประกอบพิธีนี้ ต้องไปมอบตัว กับพระอำจำรย์ที่เคำรพนับถือ หำกเป็นเด็กหรือนักเรียนต้องมีผู้ปกครองหรือครูนำไป ควรมีดอกไม้ ธูป เทียน ไปถวำยพระอำจำรย์ตำมธรรมเนียมโบรำณด้วย เมื่อไปถึงสำนักพระอำจำรย์ แล้วพิธีกร พึงแนะนำให้ผู้จะแสดงตนเป็นพุทธมำมกะ ปฏิบัติดังนี้


๒๔

- เข้ำไปหำพระอำจำรย์ ทำควำมเคำรพ กรำบเรียนถึงจุดประสงค์ให้พระอำจำรย์ทรำบ เมื่อท่ำนรับ แล้วจึงมอบตัว - ให้ผู้จะแสดงตนเป็นพุทธมำมกะถือพำนดอกไม้เข้ำไปหำพระอำจำรย์คุกเข่ำลงกับพื้น ยกพำน ดอกไม้ขึ้น น้อมตัวลงประเคน - เมื่อพระอำจำรย์รับ พำนแล้ว ให้ ผู้แสดงตนเป็นพุทธมำมกะถอยออกมำพอสมควร ประนมมือ ก้มลงกรำบด้วยเบญจำงคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง แล้วนั่งพับเพียบเพื่อรับฟังข้อแนะนำ พร้อมทั้งกำหนด นัดหมำยวัน เวลำ ที่จะประกอบพิธี - ขออำรำธนำพระสงฆ์ ต่ อ พระอำจำรย์ อย่ ำงต่ ำ ๓ รู ป รวมพระอำจำรย์ ด้ ว ยเป็ น ๔ รูป คื อ ครบองค์สงฆ์ เกินกว่ำนี้ก็ได้ เสร็จแล้วพึงกรำบลำพระอำจำรย์ - เมื่ อ ถึ งวัน ก ำหนดนั ด หมำย ฝ่ ำ ยพระอำจำรย์ จ ะจั ด เตรี ย มสถำนที่ ป ระกอบพิ ธี พิ ธี นี้ ค วรจั ด ภำยในบริเวณวัด โดยเฉพำะในอุโบสถหำกมีผู้แสดงตนเป็นจำนวนมำกจะจัดในศำลำกำรเปรียญ หรือห้องประชุมภำยในวัดก็ได้ ผู้แสดงจะแสดงตนเป็นพุทธมำมกะควรแต่งกำยด้วยชุดสีขำวล้วน แต่ถ้ ำจ ำเป็ น เช่น นั กเรียนเป็ นจ ำนวนมำกจะแต่งเครื่องแบบตำมปกติก็ได้ เมื่อถึงเวลำกำหนด พระอำจำรย์พร้อมด้วยพระสงฆ์ก็จะลงมำกรำบพระพุทธรูปประธำนแล้วนั่ง ณ อำสนะ ผู้แสดงตน เป็ น พุ ท ธมำมกะเข้ ำ ไปคุ ก เข่ ำ หน้ ำ โต๊ ะ หมู่ บู ช ำ จุ ด ธู ป เที ย นและวำงดอกไม้ เปล่ ง วำจำบู ช ำ พระรัตนตรัยว่ำ อิมินำ สักกำเรนะ พุทธัง ปูเชมิ (กรำบ) อิมินำ สักกำเรนะ ธัมมัง ปูเชมิ (กรำบ) อิมินำ สักกำเรนะ สังฆัง ปูเชมิ (กรำบ) ถ้ำมีผู้แสดงตนเป็นพุทธมำมกะเป็นจำนวนมำก ให้หัวหน้ำหรือผู้นำเป็นคนจุดธูป เทียน คนเดียว นอกนั้นให้วำงดอกไม้ที่นำมำบูชำพระรัตนตรัย ด้วยให้หัวหน้ำเป็นผู้กล่ำวนำบูชำ เสร็จแล้วกรำบลง พร้อม ๆ กัน ต่อจำกนั้ น เข้ำไปสู่ ที่ป ระชุมสงฆ์ตรงหน้ ำพระอำจำรย์ ถวำยพำนเครื่องสักกำระ ถ้ำแสดงตนเป็นหมู่คณะ ให้หัวหน้ำหมู่เป็นผู้ถวำยแทน แล้วกรำบลงพร้อม ๆ กัน หลังจำกนั้นกล่ำว คำนมัสกำรและคำปฏิญำณตนให้ฉะฉำนต่อหน้ำสงฆ์ดังนี้ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมำสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมำสัมพุทธัสสะ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมำสัมพุทธัสสะ เอสำหัง ภันเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉำมิ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ พุทธะมำ มะโกติ มัง สังโฆ ธำเรตุ.


๒๕

ถ้ำปฏิ ญ ำณพร้ อ มกั น หลำยคน ให้ เปลี่ ย นค ำที่ ขี ด เส้ น ใต้ ไว้ ดั งนี้ เอสำหั ง ผู้ ช ำยว่ำ เอเต มะยั ง ผู้หญิงว่ำ เอตำ มะยัง คำว่ำ คัจฉำมิ เป็นคัจฉำมะ คำว่ำ พุทธะมำมะโกติ เป็น พุทธะมำมกำติ คำว่ำ มัง เป็น โน สำมคำหลังนี้ว่ำเหมือนกัน สำหรับคำว่ำ พุทธะมำมะโกติ ถ้ำผู้หญิงกล่ำวแม้คนเดียว ก็เปลี่ยนเป็นพุทธะมำมะกำติ เมื่อกล่ำวคำนมัสกำรและคำปฏิญำณจบลงแล้ว พระสงฆ์จะรับ "สำธุ" พร้อมกัน พึงก้มลง กรำบพร้อ มกัน ลดลงนั่ งรำบกับ พื้ น ประนมมือ รับ ฟั งโอวำท จำกพระอำจำรย์ต่อไป หลั งจำก พระอำจำรย์ให้โอวำทจบแล้ว ผู้ปฏิญำณตนรับคำว่ำ "สำธุ" แล้วพึงนั่งคุกเข่ำประนมมือ กล่ำวคำ สมำทำนเบญจศีล (คำอำรำธนำได้แสดงไว้เบื้องต้นแล้ว เฉพำะผู้ที่ปฏิญำณตนเป็นพุทธะมำมกะ คนเดียว เปลี่ยนคำว่ำ มะยัง เป็น อะหัง คำว่ำ ยำจำมะ เป็น ยำจำมิ ทั้งหญิงและชำย) จำกนั้น พึงว่ำตำมพระอำจำรย์ที่บอกเบญจศีล เริ่มแต่ นะโม .... ฯ เมื่อว่ำ นะโม ตำมจนครบสำมจบแล้ว พระอำจำรย์ จ ะกล่ ำ วค ำว่ ำ ยะมะหั ง วะทำมิ ตั ง วะเทหิ ผู้ ป ฏิ ญ ำณตนรั บ ว่ ำ อำมะ ภั น เต พระอำจำรย์จะบอกไตรสรณคมน์ต่อไป คือ พุทธัง... ฯ พึงว่ำตำมไป จบแล้วพระอำจำรย์จะกล่ำว ว่ ำ ติ ส ะระณะคะมะนั ง นิ ฏ ฐิ ตั ง ผู้ ป ฏิ ญ ำณตนพึ ง รั บ ว่ ำ อำมะ ภั น เต พระอำจำรย์ จ ะบอก เบญจศีล คือ ปำณำติปำตำ...ฯ พึงว่ำตนไปจนครบห้ำข้อ จำกนั้นพระอำจำรย์จะกล่ำวคำว่ำ อิมำนิ ปัญจะ สิกขำ ปะทำนิ สะมำทิยำมิ จบเดียว ผู้ปฏิญำณตนต้องว่ำตำมสำมจบ จำกนั้นพระอำจำรย์ จะบอกอำนิสงส์ของศีลจบแล้ว ผู้ปฏิญำณตนพึงกรำบลง ๓ ครั้ง ถ้ำมีเครื่องไทยธรรมถวำยพระสงฆ์ ก็ให้นำมำถวำยให้ในตอนนี้ ถวำยเสร็จแล้วนั่งรำบ เตรียมกรวดน้ำเมื่อพระสงฆ์อนุโมทนำ


๒๖

ภำพที่ ๑๓ กำรถวำยสังฆทำน ที่มำ http:// www. board.palungjit.org สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

พิธีถวำยสัง ฆทำน สั งฆทำน แปลว่ำ กำรให้ แก่พระสงฆ์โดยไม่เจำะจงบุคคล ควำมสำคัญของสั งฆทำนคือต้องตั้งใจถวำยพระสงฆ์จริงๆ ผู้ รับจะเป็นพระรูปใดก็ตำม ผู้ถวำยก็ต้องถวำยด้วยควำมเคำรพ กำรถวำยสังฆทำนจะถวำยกี่รูปก็ได้แล้วแต่ศรัทธำ ขั้นตอนกำรถวำยสังฆทำนมีดังนี้ คือ ๑. จัดเตรียมข้ำวของที่จะนำไปถวำย ซึ่ง สำมำรถหำซื้อได้ที่ร้ำนสังฆภัณฑ์ จะมี บริกำรจัดชุดเอำไว้เรียบร้อย และนำไปใช้ได้เลย หรือจะซื้อหำข้ำวของต่ำงๆ มำจัดเองก็ได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับควำมประสงค์ของผู้ถวำย ๒. เลื อ กวั ด ที่ ต้ อ งกำรถวำย จำกนั้ น ให้ เข้ ำ ไปพบเจ้ ำอำวำสหรือ พระผู้ ใหญ่ ภำยในวัด แล้วแจ้งควำมประสงค์ว่ำต้องกำรถวำยสังฆทำน จำกนั้นทำงเจ้ำอำวำสจะจัด พระภิกษุมำเป็ นตัวแทนรับถวำย ส่วนสถำนที่จะเป็นในโบสถ์หรือศำลำกำรเปรียญก็ได้ แล้วแต่ว่ำพระท่ำนจะให้ถวำยที่ใด ๓. ให้จุดธูปเทียนบูชำพระรัตนตรัย พร้อมกรำบสำมครั้ง จำกนั้นจะเข้ำสู่ขั้นตอน กำรกล่ำวอำรำธนำศีล รับศีล ๔. เมื่อรับศีลจบให้ท่องนะโม ๓ จบ แล้วตำมด้วยคำถวำยสังฆทำนดังนี้ “อิ ม ำนิ มะยั ง ภั น เต, ภั ต ตำนิ , สะปะริ ว ำรำนิ , ภิ ก ขุ สั ง ฆั ส สะ, โอโณชะยำมะ, สำธุ โนภันเต, ภิกขุสังโฆ, อิมำนิ, ภัตตำนิ, สะปะริวำรำนิ, ปะฏิคคัณหำตุ, อัมหำกัง, ทีฆะรัตตัง, หิตำยะ, สุขำยะ” “ข้ำแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ, ข้ำพเจ้ำทั้งหลำย ขอน้อมถวำยภัตตำหำร, พร้อมด้วยเครื่องบริวำร เหล่ ำนี้ , แด่พระภิกษุส งฆ์ , ขอพระภิกษุส งฆ์ , จงรับภัตตำหำร, พร้อมด้วยเครื่องบริวำร เหล่ ำ นี้ , ของข้ ำ พเจ้ ำ ทั้ ง หลำย, เพื่ อ ประโยชน์ และควำมสุ ข , แก่ ข้ ำ พเจ้ ำ ทั้ ง หลำย, ตลอดกำลนำนเทอญฯ”


๒๗

๕. เมื่อกล่ำวจบให้ ประเคนเครื่องสังฆทำน ให้ เว้นระยะห่ำงจำกพระภิกษุ ประมำณ ๑ ศอก หรือ ๑ หั ตถบำส หำกเป็นผู้ ชำยสำมำรถประเคนให้ กับพระท่ำน ได้โดยตรง แต่ถ้ำเป็นผู้หญิงให้วำงของที่จะประเคนลงบนผ้ำรับประเคน และไม่ควร ถวำยให้พระท่ำนโดยตรง ๖. เมื่อเสร็จสิ้นแล้วพระท่ำนจะกล่ำวอนุโมทนำ จำกนั้นให้ผู้ถวำยกรวดน้ำ ส่ งผ่ ำนผลบุ ญ สู่ ญ ำติ พี่ น้ อง เจ้ำกรรมนำยเวร รวมถึงสั ต ว์โลกทั้ งหลำย เมื่ อ ท ำกำร กรวดน้ำเสร็จเรียบร้อยให้กรำบ ๓ ครั้งเป็นอันเสร็จพิธี

ภำพที่ ๑๔ กำรถวำยผ้ำอำบน้ำฝน ที่มำ http:// www.mongkoltham.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

ผ้ ำ อำบน้ ำฝน หรือ ที่ เรีย กว่ ำ ผ้ ำวัส สิ ก สำฎก คื อ ผ้ ำส ำหรับ ใช้ นุ่ งในเวลำ อำบน้ำฝน หรืออำบน้ำทั่วไป เรียกกันว่ำผ้ำอำบน้ำฝนและเรียกกันสั้น ๆ ว่ำ “ผ้ำอำบ” แต่เดิมพระพุทธเจ้ำทรงอนุญำตให้ภิกษุสงฆ์ทรงไว้แต่ผ้ำ ๓ ผืน ที่เรียกว่ำ ไตรจีวร คือ สังฆำฏิ ผ้ำคลุมชั้นนอก อุตตำสงค์ ผ้ำห่ม (จีวร) และอันตรวำสก ผ้ำนุ่ง (สบง) เท่ำนั้น ยังหำได้ทรงอนุญำตให้ใช้ผ้ำอำบน้ำฝนไม่ เมื่อเวลำฝนตกภิกษุบำงรูปปรำรถนำจะอำบ น้ำฝนไม่มีผ้ำจะผลัดนุ่งอำบก็เปลือยกำยอำบน้ำฝน ครั้งหนึ่งนำงวิสำขำมหำอุบำสิกำใช้ นำงทำสีไปยังอำรำม นำงทำสีเห็นภิกษุเปลือยกำยอำบน้ำฝนก็เข้ำใจว่ำเป็นพวกอำชีวก (ชี เปลื อ ย) จึ ง กลั บ มำบอกนำงวิ ส ำขำว่ ำ ไม่ มี ภิ ก ษุ ในอำรำมเลยมี แ ต่ อ ำชี ว กนอก พระศำสนำ นำงวิ ส ำขำจึ ง ได้ ทู ล ขอต่ อ พระพุ ท ธเจ้ ำ เพื่ อ จะถวำยผ้ ำ ส ำหรั บ ผลั ด อำบน้ ำฝนแก่ ภิ ก ษุ ทั้ ง หลำย พระพุ ท ธเจ้ ำ ก็ ท รงอนุ ญ ำตให้ ภิ ก ษุ ทั้ ง หลำยรั บ ผ้ ำ อำบน้ำฝนได้แต่นั้นมำ กำรถวำยผ้ำอำบน้ำฝนต้องทำให้ถูกต้องพระวินัยบัญญัติ


๒๘

โดยประมำณที่ พ ระพุ ท ธองค์ ท รงอนุ ญ ำตไว้ คื อ เป็ น ผ้ ำ ผื น ยำว๖คื บ กว้ำง ๒ คืบครึ่ง คิดโดยประมำณของช่ำงไม้ปัจจุบัน ยำวรวม ๔ ศอกกับ ๓ กระเบียด กว้ ำ งรำว ๑ ศอก ๑ คื บ กั บ ๔ นิ้ ว ๑ กระเบี ย ดเศษ ถ้ ำท ำให้ ย ำวหรื อ กว้ ำ งเกิ น ประมำณนี้ ไป ภิ ก ษุ ใช้ส อยต้ องอำบั ติต้ อ งตั ด ส่ ว นที่ กว้ำงหรือยำวเกิ น ประมำณนั้ น ออกเสียจึงแสดงอำบัติได้อีกประกำรหนึ่ง ทรงบัญญัติเขตกำลที่จะแสวงหำ เขตกำล ที่จะทำเขตกำลที่จะนุ่งห่ม และเขตกำลอธิษฐำนใช้สอยไว้ว่ำ ก. ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๗ ถึงวันเพ็ญเดือน ๘ รวมเวลำ ๒ ปักษ์เป็นเวลำ ๑ เดือน ในปลำยฤดูร้อน นี้เป็นเขตกำลแสวงหำ ข. ตั้งแต่ ขึ้น ๑ ค่ำเดื อ น ๘ ถึงวัน เพ็ ญ เป็ น เวลำกึ่ งเดื อนท้ ำยฤดูร้อ น เป็ น เขตกำล ทำนุ่งห่ม ค. ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๘ ไปจนสิ้นฤดูฝน คือ เพ็ญเดือน ๑๒ รวมเวลำ ๔ เดือนนี้ เป็นเขตกำลอธิษฐำนใช้สอย ถ้ำยังไม่ถึงเขตกำลที่ทรงอนุญำตไว้นี้ ภิกษุแสวงหำได้มำ หรื อ ท ำนุ่ ง ห่ ม หรื อ อธิ ษ ฐำนใช้ ส อยท่ ำ นปรั บ อำบั ติ โ ดยควำมมุ่ ง หมำยและเหตุ ผ ล ดังกล่ำวนี้ เมื่อถึงกำลที่ภิกษุจะต้องแสวงหำผ้ำอำบน้ำฝน คือ ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๗ เป็น ต้นไปจนถึงวันเพ็ญเดือน ๘ ทำยกจึงมักถือโอกำสบำเพ็ญกุศลโดยจัดหำผ้ ำอำบ น้ ำฝนเข้ ำ กั น หลำยๆคนจนครบจ ำนวนภิ ก ษุ ส ำมเณรในวั ด นั้ น ๆแล้ ว น ำไปถวำย ในที่ ป ระชุ ม สงฆ์ ก ำหนดถวำยระหว่ ำ งข้ ำ งขึ้ น เดื อ น ๘ ตั้ ง แต่ วั น ขึ้ น ๑ ค่ ำไป แต่ในปัจจุบันโดยมำกกำหนดวันถวำยเป็นหมู่ ณ วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๘ คือ ก่อนวัน เข้ำพรรษำ ๑ วัน เพื่อพระสงฆ์รับแล้วใช้ได้ทันที่ไม่ต้องรอเพรำะอยู่ในเขตกำลทำและ ใช้ จ ะก ำหนดวั น ใดแล้ ว แต่ ฝ่ ำ ยทำยกนั ด หมำยและตกลงกั บ ทำงวั ด ในกำรถวำย มีระเบียบปฏิบัติ ดังนี้


๒๙

๑. ในวันกำหนดถวำยผ้ำวัสสิกสำฎก ภิกษุสำมเณร และอุบำสกอุบำสิกำควรประชุม พร้อมกันในพระอุโบสถ หรือในศำลำกำรเปรียญแห่งใดแห่งหนึ่งแล้วแต่เหมำะสม ก่ อ นถวำยเจ้ ำ อำวำสหรื อ ภิ ก ษุ ผู้ ส ำมำรถรู ป หนึ่ ง พึ ง แสดงธรรมอนุ โ มทนำ วั ส สิ ก สำฎกทำนของทำยก ๑ กั ณ ฑ์ ถ้ ำ วั น ถวำยก ำหนดในวั น ธรรมสวนะ เทศน์กัณฑ์วันธรรมสวนะควรต่อท้ำยอนุโมทนำวัสสิกสำฎกทำนด้วยเลย ๒. เมื่อแสดงธรรมจบแล้วหัวหน้ำทำยกนำกรำบพระและว่ำ นโม พร้อมกัน ๓ จบก่อน ต่อ นั้ น น ำถวำยผ้ ำวัส สิ ก สำฎก ซึ่ งตั้งไว้ ณ เบื้ อ งหน้ ำต่ อ หน้ ำพระสงฆ์ ให้ ว่ำน ำ เป็นคำๆ ทั้งคำบำลีและคำแปล คำบำลี อิมำนิ มย ภนฺเต, วสฺสิกสำฎกำนี, สปริวำรำนิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส, โอโณชยำม, สำธุ โน ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆ, อิมำนิ, วสฺสิกสำฎกำนิ, สปริวำรำนิ, ปฏิคฺคณฺหำตุ, อมฺหำก, ทีฆรตฺต หิตำย, สุขำย. คำแปล ข้ำแต่พ ระสงฆ์ผู้ เจริญ ข้ำพเจ้ำทั้ งหลำย ขอน้ อมถวำย ผ้ ำอำบน้ ำฝน กับ ทั้งบริวำรเหล่ ำนี้ แด่พระพระภิกษุสงฆ์ ขอพระภิกษุส งฆ์จงรับ ผ้ำอำบน้ำฝน กับทั้งบริวำรเหล่ำนี้ของข้ำพเจ้ำทั้งหลำย เพื่อประโยชน์และควำมสุข แก่ข้ำพเจ้ำ ทัง้ หลำย สิ้นกำลนำน เทอญ ฯ ถ้ำไม่มีเครื่องบริวำรถวำยพ่วงด้วย ก็ตัดคำบำลีว่ำ “สปริวำรำนิ” และ คำแปลว่ำ” กับทั้งบริวำร” ออกเสียทุกแห่ง ๓. ในระหว่ำงทำยกกล่ำวคำถวำยพระสงฆ์ทั้งหมดควรประนมมือ พอจบคำถวำยแล้ว พระสงฆ์รับ “สำธุ” พร้อมกัน แล้วเจ้ำอำวำสหรือภิกษุจีวรภำชนะ (เจ้ำอธิกำรแจก จี ว ร) ของวัด นั้ น ออกรั บ ผ้ ำแทนสงฆ์ หรื อ จะท ำสลำกติ ด ผ้ ำ และไทยธรรมที่ มี ประกอบสำรับหนึ่งให้พระสงฆ์จับอีกสำรับหนึ่ง โดยลงเลขตรงกัน รูปใดจับได้เลข อะไร เป็นของใคร ก็ให้เจ้ำของไทยธรรมเลขนั้นนำมำประเคนรูปนั้นเป็นรำยตัว ดังนี้ก็ได้ ๔. ประเคนเสร็จแล้ว พระสงฆ์อนุโมทนำ ๕. ระหว่ำงพระว่ำ ยถำ ทำยกทั้งหมดพึงกรวดน้ำ แล้วประนมมือรับพรไปจนจบเป็น อันเสร็จพิธี


๓๐

ภำพที่ ๑๕ พิธีทอดกฐิน ที่มำ http:// www. thaigoodview.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

กฐิน แปลว่ำ “ไม้สะดึง” หมำยถึง ไม้ที่เอำมำทำโครงสำหรับขึงเย็บจีวร เพรำะในสมัยพุทธกำลชำวบ้ำนไม่ได้นำจีวรสำเร็จรูปมำถวำยพระภิกษุ หำกแต่ถวำย ทั้งผืน พระภิกษุสงฆ์ต้องนำมำขึงกับไม้สะดึงและเย็บทำจีวรเอง สังฆกรรมที่พระสงฆ์ ตัดเย็บจีวรแล้วมอบหมำยให้ พระรูปใดรูปหนึ่งครองจีวรนี้ เรียกว่ำ “กรำนกฐิน ” ซึ่งพิ ธี กรำนกฐิ น เป็ น พิ ธีที่ ต้ อ งใช้ พ ระภิ ก ษุ อ ย่ ำงน้ อย ๕ รูป ขึ้ น ไปกระท ำร่ว มกั น วัต ถุ ป ระสงค์ ข องกฐิ น พระพุ ท ธเจ้ ำทรงอนุ ญ ำตให้ พ ระภิ กษุ รับ กฐิ น ได้ ก็ เพื่ อให้ พระภิกษุสงฆ์มีโอกำสได้เปลี่ยนผ้ำจีวรเก่ำ เขตกาหนดทอดกฐิน กำรทอดกฐินเป็นกำลทำน ตำมพระวินัยกำหนดกำลไว้ คือ ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ผู้มีจิตศรัทธำเลื่อมใส ใคร่จะทอดกฐินก็ให้ ทอดได้ ในระหว่ำงระยะเวลำนี้จะทอดก่อนหรือทอดหลั งกำหนดนี้ ก็ไม่เป็น กำร ทอดกฐินแต่มีข้อยกเว้นพิเศษว่ำ ถ้ำทำยกผู้จะทอดกฐินนั้น มีกิจจำเป็น เช่นจะต้องไป ในทัพไม่สำมำรถจะอยู่ทอดกฐินตำมกำหนดนั้นได้ จะทอดกฐินก่อนกำหนดดังกล่ำว แล้วพระสัมมำสัมพุทธเจ้ำ ทรงอนุญำตให้ภิกษุรับไว้ก่อนได้ กำรที่มีประเพณีทอดกฐิน มีเรื่ องเล่ ำว่ำในครั้งพุ ทธกำล พระภิ กษุ ช ำวปำไถยรัฐ (ปำวำ) ผู้ ทรงธุดงค์ จำนวน ๓๐ รูป เดิ น ทำงไกลไปไม่ทั น เข้ำพรรษำ เหลื อ ทำงอีก หกโยชน์ จะถึงนครสำวัต ถี จึงตกลงพักจำพรรษำที่เมืองสำเกตตลอดไตรมำส เมื่อออกพรรษำจึงเดินทำงไปเฝ้ำ พระบรมศำสดำ ณ เชตวันมหำวิหำรนครสำวัตถี ภิกษุเหล่ำนั้นมีจีวรเก่ำเปื้อนโคลน และเปี ยกชุ่มด้วยน้ ำฝน ได้รับควำมลำบำกตรำกตรำมำก พระพุทธเจ้ำ จึงทรงถือ เป็ น มูล เหตุทรงมีพุทธำนุ ญ ำตให้ ภิกษุที่ จำพรรษำครบสำมเดือนกรำนกฐินได้ และ ให้ได้รับอำนิสงส์ห้ำประกำรคือ


๓๑

๑) เที่ยวไปไหนไม่ต้องบอกลำ ๒) ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบ ๓) ฉันคณะโภชน์ได้ ๔) ทรงอติเรกจีวรได้ตำมปรำรถนำ ๕) จีวรอันเกิดขึ้นนั้นจะได้แก่พวกเธอ และได้ขยำยเขตอำนิสงส์อีกสี่เดือน นับแต่กรำนกฐินแล้วจนถึงวันกฐินเดำะเรียกว่ำ มำติกำแปด คือกำรกำหนดวันสิ้นสุด ที่จะได้จีวร คือ กำหนดด้วยหลี กไป กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ กำหนดด้วยตกลงใจ กำหนดด้ วยผ้ ำเสี ย หำย กำหนดด้ว ยได้ยิน ข่ำว กำหนดด้ว ยสิ้ น หวัง กำหนดด้ว ย ล่วงเขต กำหนดด้วยเดำะพร้อมกัน ฉะนั้น เมื่อครบวันกำหนดกฐินเดำะแล้ว ภิกษุก็หมดสิทธิ์ต้องรักษำวินัยต่อไป พระสงฆ์จึงรับผ้ำกฐินหลังออกพรรษำไปแล้ว หนึ่งเดือนได้ จึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติ สืบต่อกันมำจนทุกวันนี้ กำรทอดกฐิ น ในปัจจุบัน ถือว่ำเป็น ทำนพิ เศษ กำหนดเวลำปีนึ่ งทอดถวำย ได้ เพี ย งครั้ ง เดี ย วตำมอรรถกถำฎี ก ำต่ ำ งๆพอก ำหนดได้ ว่ ำ ชนิ ด ของกฐิ น มี ส อง ลักษณะ คือ ๑. จุลกฐิน คือ กฐินที่ต้องทำอย่ำงเร่งรีบให้เสร็จด้วยมือภำยในวันเดียวต้อง อำศัยควำมร่วมมือร่วมแรงของคนจำนวนมำก ๒. มหำกฐิน คือ กฐินที่มีเครื่องบริวำรเป็นจำนวนมำก ต้องใช้เวลำในกำร เตรียมงำน ไม่เร่งรีบเหมือน จุลกฐิน การถวายกฐิน นิยมถวำยในโบสถ์ โดยเฉพำะกฐินพระรำชทำน ก่อนจะถึงกำหนดเวลำจะเอำ เครื่องบริวำรกฐินไปจัดตั้งไว้ในโบสถ์ก่อน ส่วนผ้ำกฐินพระรำชทำนจะยังไม่นำเข้ำไป พอถึ ง ก ำหนดเวลำ พระสงฆ์ ที่ จ ะรับ กฐิ น จะลงโบสถ์ พ ร้ อ มกั น นั่ งบนอำสนะที่ จั ด ไว้ เจ้ำภำพของกฐินพร้อมด้วยผู้ร่วมงำนจะพำกันไปยังโบสถ์ เมื่อถึงหน้ำโบสถ์เจ้ำหน้ำที่ จะนำผ้ำพระกฐินไปรอส่งให้ประธำน ประธำนในพิธีรับผ้ำพระกฐินวำงบนมือถือประคอง นำคณะเดินเข้ำสู่โบสถ์ แล้วนำผ้ำพระกฐินไปวำงบนพำนที่จัดไว้หน้ำพระสงฆ์ และหน้ำ พระประธำนในโบสถ์ คณะที่ตำมมำเข้ำนั่งที่ประธำนจุดธูปเทียนบูชำพระรัตนตรัยแล้ว กรำบพระพุ ท ธรู ป ประธำนในโบสถ์ แบบเบญจำงคประดิษ ฐ์ ส ำมครั้งแล้ วลุ กมำยกผ้ ำ พระกฐินในพำนขึ้น ดึงผ้ำห่มพระประธำนมอบให้เจ้ำหน้ำที่รับไปห่มพระประธำนทีหลัง แล้วประนมมือวำงผ้ำพระกฐินบนมือทั้งสองหันหน้ำตรงพระสงฆ์แล้วกล่ำวคำถวำยผ้ำ พระกฐินจบแล้วพระสงฆ์รับ สำธุกำร ประธำนวำงผ้ำพระกฐินลงบนพำนเช่นเดิมแล้ว กลับเข้ำนั่งที่ ต่อจำกนี้ไปเป็นพิธีกรำนกฐินของพระสงฆ์


๓๒

กฐินของประชำชน หรือ กฐินสำมัคคี บำงวัดนิยมถวำยกันที่ศำลำกำรเปรียญ หรื อ วิ ห ำรส ำหรั บ ท ำบุ ญ แล้ ว เจ้ ำ หน้ ำ ที่ จึ งน ำผ้ ำกฐิ น ที่ ถ วำยแล้ ว ไปถวำย พระสงฆ์ ทำพิธีกรำนกฐินในโบสถ์เฉพำะพระสงฆ์อีกทีหนึ่ง กำรท ำพิ ธี ก ฐิ นั ต กำรกิ จ ของพระสงฆ์ เริ่ ม จำกกำรกล่ ำ วค ำขอควำมเห็ น ที่ เรี ย กว่ ำ อปโลกน์ และกำรสวดญั ต ติ ทุ ติ ย กรรม คื อ กำรยิ น ยอมยกให้ ต่ อ จำกนั้ น พระสงฆ์ รู ป ที่ ได้ รั บ ควำมยิ น ยอมน ำผ้ ำ ไตรไปครองเสร็ จ แล้ ว ขึ้ น นั่ ง ยั ง อำสนะเดิ ม ประชำชนผู้ถวำยพระกฐินทำน ทำยกทำยิกำและผู้ร่วมบำเพ็ญกุศล ณ ที่นั้น เข้ำประเคน สิ่งของอันเป็นบริวำรขององค์กฐินตำมลำดับจนเสร็จแล้ว พระสงฆ์จับพัด ประธำนสงฆ์ เริ่ ม สวดน ำด้ ว ยคำถำอนุ โ มทนำ ประธำนหรื อ เจ้ ำ ภำพกรวดน้ ำและรั บ พรจนจบ เป็นอันเสร็จพิธี คำถวำยกฐิน อิม มย ภนฺ เต สปริ ว ำร กฐิ นจี ว รทสฺ ส สงฺฆสฺ ส โอโณชยำม สำธุ โน ภนฺ เต สงฺโฆ อิ ม ปริวำร กฐินจีวรทุสฺส ปฏิคฺคณฺหำตุ ปฏิคฺคเหตฺวำ จ อิมินำ ทุสฺเสน กฐิน อตฺถรตุ อมฺหำก ฑีฆรตฺต หิตำย สุขำย ข้ ำ แต่ พ ระสงฆ์ ผู้ เจริ ญ ข้ ำ พเจ้ ำ ทั้ ง หลำยขอน้ อ มถวำยผ้ ำ จี ว รกฐิ น กั บ ของบริ ว ำรนี้ แก่ พ ระสงฆ์ ขอพระสงฆ์ จ งรั บ ผ้ ำ กฐิ น พร้ อ มกั บ ของบริ ว ำรของข้ ำ พเจ้ ำ ทั้ ง หลำย ครั้น รับ แล้ วจึงกรำนกฐิ น ด้ว ยผ้ ำผืนนี้ เพื่ อประโยชน์ และควำมสุ ขแก่ข้ำพเจ้ำทั้งหลำย ตลอดกำลนำน เทอญ ฯ

พิธีกรำนกฐิน พิธีกรำนกฐินเป็นพิธีฝ่ำยภิกษุสงฆ์โดยเฉพำะ ภิกษุผู้ได้รับมอบผ้ำกฐินนั้น นำผ้ำกฐิน ไปทำเป็ น ไตรจี วรผื น ใดผื น หนึ่ ง เย็บ ย้อม แห้ ง เรียบร้อยดีแล้ ว เคำะระฆังประชุมกั น ในพระอุ โ บสถ ภิ ก ษุ ผู้ รั บ ผ้ ำ กฐิ น ถอนผ้ ำ เก่ ำ อธิ ษ ฐำนผ้ ำ ใหม่ ที่ ต นได้ รั บ นั้ น เข้ ำ ชุ ด เป็นไตรจีวรเสร็จแล้ว ภิกษุรูปหนึ่ง ขึ้นสู่ธรรมำสน์แสดงพระธรรมเทศนำ กล่ำวเรื่องประวัติ กฐิ น และอำนิ ส งส์ รั้ ง แล้ ว ภิ ก ษุ ผู้ รั บ ผ้ ำ กฐิ น นั่ ง คุ ก เข่ ำ ตั้ ง นะโม ๓ จบ แล้ ว เปล่ ง วำจำ ในท่ำมกลำงชุมนุมนั้น ตำมลักษณะผ้ำที่กรำนดังนี้ ถ้ำเป็ น ผ้ ำสั งฆำฏิ เปล่ งวำจำกรำนกฐิน ว่ำ "อิมำยสงฺฆำฏิ ยำ กฐิ น อตฺถรำมิ " แปลว่ำ ข้ำพเจ้ำกรำนกฐินด้วยผ้ำสังฆำฎินี้ (ในเวลำว่ำนั้นไม่ต้องว่ำคำแปลนี้) ๓ จบ ถ้ ำ เป็ น ผ้ ำ อุ ต ตรำสงค์ เปล่ ง วำจำกรำนกฐิ น ว่ ำ "อิ มิ น ำอุ ตฺ ต รำสงฺ เคน กฐิ น อตฺถรำมิ" แปลว่ำข้ำพเจ้ำกรำนกฐิน ด้วยผ้ำอุตตรำสงค์นี้ ๓ จบ


๓๓

ถ้ำเป็ น ผ้ ำอัน ตรวำสก (สบง) เปล่ งวำจำกรำนกฐินว่ำ "อิมินำ อนฺตรวำสเกน กฐิ น อตฺ ถ รำมิ ” แปลว่ ำข้ ำ พเจ้ ำ ขอกรำนกฐิ น ด้ ว ยผ้ ำ อั น ตรวำสกนี้ ๓ จบล ำดั บ นั้ น สงฆ์ นั่ งคุ ก เข่ ำพร้ อ มกั น แล้ ว กรำบพระ๓ หน เสร็ จ แล้ ว ตั้ งนโมพร้ อ มกั น ๓ จบแล้ ว ท่ำนผู้ได้รับผ้ำกฐินหันหน้ำมำยังกลุ่มภิกษุสงษ์กล่ำวคำอนุโมทนำประกำศดังนี้ "อตฺถต อำวุโส สงฺฆสฺ ส กฐิน ธมฺมิโก กฐิ นตฺ ถำโร อนุ โมทำมิ" ๓ จบ (แปลว่ำ อำวุ โ ส กฐิ น สงฆ์ ก รำบแล้ ว กำรกรำนกฐิ น เป็ น ธรรม ข้ ำ พเจ้ ำ ขออนุ โ มทนำ)ค ำว่ ำ อำวุ โสนั้ น ถ้ ำมี ภิ ก ษุ อื่ น ซึ่ งมี พ รรษำมำกกว่ำภิ ก ษุ ผู้ ครองกฐิ น แม้ เพี ย งรูป เดี ย วก็ ต ำม ให้เปลี่ยนเป็น ภนฺเต ต่อนั้นสงฆ์ทั้งปวงรับว่ำ สำธุ พร้อมกันแล้วให้ภิกษุทั้งปวงอนุโมทนำ เรียงองค์กันไปทีละรูป ๆ ว่ำ "อตฺถต ภนฺเต สงฺฆสฺส กฐินฺ ธมฺมิโก กฐินตฺถำโร อนุโมทำมิ" ๓ จบ สงฆ์ทั้งปวงรับ ว่ำ สำธุ ทำดังนี้จนหมดภิกษุผู้ ประชุมอนุโมทนำ(ถ้ำผู้อนุโมทนำ มีพรรษำแก่กว่ำสงฆ์ทั่งปวง ให้เปลี่ยนคำว่ำ ภนฺเต เป็น อำวุโส) ในกำรว่ำคำอนุโมทนำนี้ พึงนั่งคุกเข่ำประนมมือเสร็ จแล้วจึงนั่งพับเพียงลงเมื่อเสร็จแล้ว ให้นั่งพร้อมกันคุกเข่ำ ประนมมื อ หั น หน้ ำตรงต่ อพระพุ ท ธปฏิ ม ำว่ำพร้อ มกัน อีก ๓ จบ แต่ ให้ เปลี่ ยนคำว่ำ อนุโมทำมิ เป็น อนุโมทำม เป็นอันเสร็จไปชั้นหนึ่งต่อแต่นั้นกรำบพระ๓หน นั่งพับเพียบ สวดปำฐะและคำถำเนื่องด้วยกรำนกฐิน จบแล้วก็เป็นเสร็จพิธีกำรกรำนกฐิน


๓๔

ภำพที่ ๑๖ กำรทำบุญในงำนมงคล ที่มำ http:// www.dmc.tv สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

๑. ท ำบุ ญ งำนมงคล หมำยถึง กำรท ำบุ ญ เพื่ อควำมเจริ ญ โดยปรำรถนำสิ่ งที่ ดี ในงำนท ำบุ ญ งำนมงคล เช่น งำนทำบุญวันเกิด , งำนทำบุญเลี้ยงพระ, งำนมงคลสมรส และงำนขึ้นบ้ำนใหม่ เป็นต้นกำรทำบุญงำนมงคลพิธีฝ่ำยเจ้ำภำพ ผู้ที่จะทำบุญเนื่องในงำนมงคลต่ำง ๆ นั้น เบื้องต้น จะต้องตระเตรียมกิจกำรต่ำง ๆ ดังนี้ ๑.๑) อำรำธนำเชิญพระสงฆ์มำเจริญพระพุทธมนต์ ๑.๒) ตระเตรียมที่ตั้งพระพุทธรูป พร้อมเครื่องบูชำ ๑.๓) ตกแต่งสถำนที่บริเวณพิธี ๑.๔) วงด้ำยสำยสิญจน์ ๑.๕) อัญเชิญพระพุทธรูปมำตั้งบนแท่นบูชำ ๑.๖) ปูเสื่ออำสนะสำหรับพระสงฆ์ ๑.๗) เตรียมเครื่องรับรองพระสงฆ์ตำมสมควรแก่ฐำนะ เช่น น้ำดื่ม หรืออื่นๆ ๑.๘) ตั้งภำชนะสำหรับทำน้ำมนต์ ๑.๙) ตระเตรียมวัตถุไทยธรรมและอำหำรคำวหวำนตำมสมควร เพื่อถวำยแด่พระสงฆ์ ที่เจ้ำภำพได้อำรำธนำนิมนต์ไว้


๓๕

ภำพที่ ๑๗ กำรจัดสถำนที่รับรองพระสงฆ์ ที่มำ http:// www. satori.myreadyweb.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. กิจที่ฝ่ำยเจ้ำภำพจะต้องปฏิบัติ คือ ๒.๑) เมื่อพระสงฆ์มำพร้อมแล้ว เจ้ำภำพนิมนต์พระสงฆ์นั่งยังอำสนะที่จัดไว้ ๒.๒) ประเคนเครื่องรับรองที่จัดเตรียมไว้ ๒.๓) เมื่ อ ได้ เ วลำแล้ ว จุ ด ธู ป เที ย นที่ โ ต๊ ะ บู ช ำ บู ช ำพ ระแล้ ว กรำบนมั ส กำรแบบ เบญจำงคประดิษฐ์ ๓ ครั้ง ๒.๔) อำรำธนำศีล และรับศีล ๒.๕) ต่อจำกรับศีลก็อำรำธนำพระปริตร เสร็จแล้วไหว้หรือกรำบแล้วแต่กรณี ๒.๖) นั่งฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ๒.๗) เมื่อจบแล้ว เตรียมยกภัตตำหำรมำตั้งไว้ พร้อมแล้วประเคนให้พระฉันได้ทันที ๒.๘) เมื่อพระภิกษุสงฆ์ฉันอิ่มแล้ว ก็ถวำยไทยธรรม ๒.๙) กรวดน้ ำแผ่ ส่ วนกุศลแก่ส รรพสั ตว์ (พอพระสงฆ์กล่ำวบทว่ำ ยถำ……… ให้ เริ่ม กรวดน้ ำให้ เสร็ จ ก่ อ นจบบทว่ ำ ยถำ… และเมื่ อ พระสงฆ์ รั บ ว่ ำ สั พ พี ติ โ ย…………. พร้ อ มกั น ให้ประนมมือรับพรตลอดจนจบ) ๒.๑๐) ส่งพระภิกษุเดินทำงกลับ เป็นอันเสร็จพิธี


๓๖

ข้อเสนอแนะสำหรับกำรทำบุญเลี้ยงพระในงำนมงคล

ภำพที่ ๑๘ กำรจัดโต๊ะหมูบูชำ ที่มำ http:// www. satori.myreadyweb.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

๑. กำรอำรำธนำพระสงฆ์มำเจริญพระพุทธมนต์ นิยมจำนวนคี่ คือ ๕ – ๗ – ๙ รูป ส่วนงำน แต่ ง งำนนิ ย มจ ำนวนคู่ คื อ ๘ รู ป และพิ ธี ห ลวงนิ ย มนิ ม นต์ จ ำนวนคู่ คื อ ๑๐ รู ป เป็ น ต้ น ๒. ที่ตั้ งพระพุ ท ธรูป พร้อ มทั้ งเครื่องบูช ำ ควรใช้โต๊ะหมู่ ๕ – ๗ – ๙ ถ้ ำหำไม่ ได้ก็ใช้โต๊ะอื่ น ที่เหมำะสมแทนได้ ควรปูด้วยผ้ำสีขำวหรือผ้ำสีที่สะอำด (ถ้ำไม่เคยใช้เลยเป็นดีที่สุด) อย่ำนำผ้ำ ที่นุ่งห่มหรือมำใช้ปูโต๊ะเป็นอันขำด ๓. ของบนโต๊ะหมู่บูชำ ควรมี - พระพุทธรูป ๑ องค์ - กระถำงธูป ๑ ใบ - เชิงเทียน ๒ อัน - แจกันดอกไม้สด ๒ ใบ (สำมำรถเพิ่มเติมอะไรที่สมควรให้มำกกว่ำนี้ได้) กำรตั้ ง พระพุ ท ธรู ป ควรตั้ งให้ อ ยู่ ท ำงขวำมื อ ของพระสงฆ์ หั น พระพั ก ตร์ ไปทำงทิ ศ เดี ย วกั น กับพระสงฆ์ ๔. สถำนที่ บ ริ เ วณ พิ ธี ต้ อ งให้ ส ะอำด เรี ย บร้ อ ย และสวยงำม เพื่ อ ควำมเป็ น สิ ริ ม งคล ๕. วงด้ำยสำยสิ ญ จน์ จั บ ให้ เป็ น ๓ เส้ น แล้ วจับอีกครั้งให้ เป็น ๙ เส้ น กำรวงด้ำยสำยสิ ญ จน์ ควรโยงมำจำกฐำนพระพุทธรูปวนขวำรอบฐำนพระพุทธรูปโยงมำที่ บำตรหรือภำชนะน้ำมนต์ สุดท้ำยให้วนขวำที่ภำชนะน้ำมนต์วำงไว้บนพำน ตั้งใกล้อำสนะพระเถระผู้เป็น ประธำนในพิธีและ ไม่ควรเดินข้ำมด้ำยสำยสิญจน์ ๖. กำรอัญเชิญพระพุทธรูป มำตั้งบนที่โต๊ะหมู่บูชำ ควรสรงน้ำพระพุทธรู ปให้ หมดฝุ่นเสียก่อน เสร็จแล้วจึงอัญเชิญขึ้นตั้งประดิษฐำนบนที่บูชำที่เตรียมไว้ แล้วกรำบ ๓ ครัง้ ๗. ปูเสื่ออำสนะสำหรับพระสงฆ์ ควรยกพื้นให้สูงขึ้นกว่ำขนำดเก้ำอี้ หรือไม่ยกพื้นเพียงเล็กน้อย แล้ ว ปู เสื่ อ ปู ผ้ ำขำว แล้ ว ปู ผ้ ำ นิ สี ท นะ (ผ้ ำรองนั่ ง ส ำหรั บ พระ) ต้ อ งให้ ที่ พ ระนั่ งสู ง กว่ ำ ที่ นั่ ง ของคฤหัสถ์ถ้ำเสมอกันต้องแยกออกจำกกัน อย่ำให้ติดกัน


๓๗

๘. เตรียมเครื่องรับรองพระสงฆ์ตำมสมควรแก่ฐำนะ เช่น หมำก พลู บุหรี่ น้ำเย็น น้ำร้อน และกระโถน วำงไว้ด้ำนขวำมือของพระทุกรูป (พำนหมำก พลู บุหรี่ กระโถน วำงระหว่ำง กลำงพระ ๒ รูป ต่อ ๑ ชุดก็ได้) กำรวำงให้ วำงกระโถนไว้ข้ำงในสุด ถัดออกมำเป็นภำชนะ น้ำเย็น พำนหมำกพลู และบุหรี่ ส่วนน้ำร้อนนั้นควรจัดประเคนในภำยหลัง ๙. ภำชนะส ำหรั บ ท ำน้ ำมนต์ ให้ ใช้ ห ม้ อ น้ ำมนต์ ที่ มี ฝ ำครอบ (ครอบน้ ำมนต์ ) บำตรหรื อ ขันทองเหลือง (ไม่ควรใช้ขันเงิน หรือขันทองคำ) ต้องมีพำนรอง และน้ำที่ใช้ทำน้ำมนต์นั้นนิยม ใช้น้ ำที่ได้มำจำกดิน (ไม่นิ ย มใช้น้ ำฝน) ใส่ ประมำณค่อนภำชนะ เทียนน้ำมนต์นิยมใช้เที ยน ขี้ผึ้งแท้ ตั้งเตรียมไว้หน้ำโต๊ะบูชำเยื้องมำให้ใกล้พระสงฆ์รูปที่ ๑

ภำพที่ ๑๙ กำรจัดภำชนะสำหรับทำน้ำมนต์ ที่มำ http:// www. satori.myreadyweb.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

๑๐. กำรจุ ดธูป เทีย นเมื่อเริ่มพิธี เจ้ำภำพควรจุดธูป เทียนเอง โดยใช้เที ยนชะนวนในกำรจุด (ไม่ควรใช้ไฟจำกตะเกียงหรือจำกที่อื่น) กำรจุดเทียนที่ภำชนะน้ำมนต์ ให้จุดเมื่อพระสงฆ์สวด ถึงบทมงคลสูตร โดยเริ่มสวดว่ำ “อะเสวะนำ จะ พำลำนัง….” ให้เจ้ำภำพเริ่มจุดเทียนที่ภำชนะ น้ำมนต์ แล้วให้ยกน้ำมนต์ประเคนพระรูปที่ ๑ (ประธำนสงฆ์ในที่นั้น)


๓๘

๒. ท ำบุ ญ งำนอวมงคล คื อ กำรท ำบุ ญ เกี่ ย วกั บ เรื่ อ งกำรตำย ในปั จ จุ บั น นี้ ก ำรท ำบุ ญ งำนอวมงคลนิยมทำกันอยู่ ๒ อย่ำง คือ งำนทำบุญหน้ำศพ (เรียกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ ทำบุญหน้ำวันปลงศพ) ที่เรียกว่ำ ทำบุญ ๗ วัน, ทำบุญ ๕๐ วัน, ทำบุญ ๑๐๐ วันนั่นเอง ทำบุญ อัฐิ หรือกำรทำบุญเพื่อระลึกนึกถึงกำรตำยของบรรพบุรุษ หรือท่ำนผู้ใดผู้ห นึ่ง เป็นกำรทำบุญในวันคล้ำยวันที่ท่ำนผู้นั้นล่วงลับไปแล้ว

ภำพที่ ๒๐ กำรทำบุญเลีย้ งพระในงำนอวมงคล ที่มำ http:// www. sangkapan.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

๒.๑ งำนทำบุญหน้ำศพ หรือ ทำบุญหน้ำวันปลงศพ สิ่งที่เจ้ำภำพต้องปฏิบัติและเตรียมกำรมี ดังนี้ ๑. อำรำธนำพระสงฆ์ ม ำสวดพระพุ ท ธมนต์ นิ ย มจ ำนวนคู่ คื อ ๔–๘ รู ป (ข้อควรสังเกตงำนมงคลใช้คำว่ำ “เจริญพระพุทธมนต์”ส่วนงำนอวมงคลใช้คำว่ำ “สวดพระ พุทธมนต์”) ๒. ไม่ต้องตั้งภำชนะน้ำมนต์ ไม่วงด้ำยสำยสิญจน์ ๓. เตรียมสำยโยงหรือภูษำโยงต่อจำกศพเอำไว้ สำยโยง คือ ด้ำยสำยสิญจน์นั่นเอง แต่มี ๓ เส้น (งำนมงคลใช้ ๙ เส้น) ส่วนภูษำโยง คือ แผ่นผ้ำกว้ำงประมำณ ๔ นิ้ว ยำวให้พอ ตั้งแต่ พ ระองค์แรกต้น แถวจนถึงพระองค์ สุ ดท้ ำยปลำยแถว และต้องมี ส ำยโยงจำกศพมำ เชื่อมต่อกับภูษำโยงอี ก (ควรระวังเรื่องกำรเดินสำยโยง อย่ำให้สูงกว่ำพระพุทธรูปในพิธี และ อย่ ำ ให้ ต่ ำกว่ ำ ที่ ค นนั่ ง อย่ ำข้ ำมสำยโยงหรื อ ภู ษ ำโยง เพรำะต่ อ เนื่ อ งกั บ ศพ มี ไว้ ส ำหรั บ พระจับเพื่อบังสุกุล)


๓๙

ภำพที่ ๒๑ เครื่องไทยธรรมสำหรับถวำยพระสงฆ์ ที่มำ http:// www. satori.myreadyweb.com สืบค้นเมื่อวันที่ ๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๕๕๗

๔. กำรปฏิ บั ติ กิ จ ในพิ ธี เมื่ อ พระสงฆ์ นั่ ง ประจ ำที่ แ ล้ ว เจ้ ำ ภำพจุ ด ธู ป เที ย นบู ช ำ พระรั ต นตรั ย ก่ อ น แล้ ว จุ ด ธู ป เที ย นที่ ห น้ ำ ศพที ห ลั ง (แต่ บ ำงแห่ งนิ ย มจุ ด ที่ ห น้ ำ ศพก่ อ น เสร็ จ แล้ ว จุ ด ที่ โ ต๊ ะ หมู่ บู ช ำพระรั ต นตรั ย ที ห ลั ง ด้ ว ยให้ เหตุ ผ ลว่ ำ เพื่ อ ให้ ผู้ ต ำยได้ บู ช ำ พระรัตนตรัยร่วมกัน เป็นเพียงควำมเชื่อเท่ำนั้นขึ้นอยู่กับวิจำรณญำณของแต่ละคน) ๕. กล่ ำ วค ำบู ช ำพระรั ต นตรั ย อำรำธนำศี ล – รั บ ศี ล – อำรำธนำพระปริ ต ร ถ้ ำมี ก ำรเลี้ ย งพระด้ ว ย เมื่ อ พระฉั น เสร็จ พิ ธี ก รหรือ เจ้ ำภำพต้ อ งคลี่ ส ำยโยงหรือ ภู ษ ำโยง ตั้ ง แต่ พ ระองค์ แ รกต้ น แถวจนถึ ง พระองค์ สุ ด ท้ ำ ยปลำยแถว เจ้ ำ ภำพและญำติ พี่ น้ อ ง ทอดผ้ำบั งสุ กุลบนสำยโยงหรื อภูษำโยงที่คลี่ทอดยำวไว้ ถ้ำมีกำรถวำยไทยธรรมนิยมกลั ด ติ ด ไว้ กั บ ผ้ ำ สบง จี ว ร หรื อ ที่ เรี ย กกั น ว่ ำ ผ้ ำ บั งสุ กุ ล ที่ ว ำงจะทอดนั่ น เอง แล้ ว นั่ ง ประจ ำที่ พอพระสงฆ์ท่ำนชักบังสุกุลเจ้ำภำพและผู้มีเกียรติที่มำร่วมงำนทุกท่ำนประนมมือ ตั้ งใจฟังสวด จนจบ เมื่อพระสงฆ์อนุโมทนำเริ่มบทว่ำ “ยถำ วำริวหำ……” เจ้ำภำพพึงกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญแล้วให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อพระสงฆ์รับพร้อมๆ กันว่ำ “สัพพีติโย…” ควรประนมมือรับพรไปจนจบ แล้วกรำบพระ ๓ ครั้ง ๒.๒ งำนทำบุญอัฐิ สิ่งที่เจ้ำภำพต้องปฏิบัติและเตรียมกำรส่วนใหญ่คล้ำยกับงำนทำบุญหน้ำศพเพียงแต่ตั้งโกศอัฐิ ภำพถ่ำยผู้ ตำย หรื อเขีย นชื่อของผู้ ต ำยไว้บ นโต๊ะต่ ำงหำกจำกโต๊ะบู ช ำ จัด ดอกไม้ ป ระดั บ ตั้งกระถำงธูป เชิงเทียน หรือใช้กระบะเครื่อง ๕ แทนกระถำงธูปเชิงเทียนก็ได้ ส่วนกำรปฏิบัติ เมื่อพระสงฆ์มำถึงแล้ว ก็เป็นเช่นเดียวกับงำนมงคล และหลังจำกพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว นิยมให้ มีกำรบังสุกุล แล้วจึงถวำยไทยธรรม เมื่อพระสงฆ์อนุโมทนำพึงกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลต่อไป งำนทำบุญอัฐิพึงจัดตระเตรียมทำนองเดียวกับงำนทำบุญหน้ำศพต่ำงแต่เพียงงำนนี้เป็นงำน ทำบุญหน้ำอัฐิหรือรูปที่ระลึกของผู้ที่ล่วงลับ เป็นต้น และระเบียบที่พึงปฏิบัติก็เหมือนกับที่ กล่ำวแล้วข้ำงต้น


๔๐

แบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๔ เรื่อง ศาสนพิธี คาชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำงให้ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์

๑. ภูษำโยง คืออะไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ๒. สังฆทำน คืออะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๓. เพรำะเหตุใด ชำวพุทธจึงนิยมถอดรองเท้ำก่อนใส่บำตร ............................................................................................................................................................... ๔. นักเรียนคิดว่ำจุดประสงค์ของกำรกรวดน้ำ คืออะไร …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๕. เหตุใดชำวพุทธจึงต้องเข้ำร่วมพิธีแสดงตนเป็นพุทธมำมกะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๖. เพรำะเหตุใด จึงห้ำมข้ำมวงด้ำยสำยสิญจน์ ในขณะที่ประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๗. ศำสนพิธีในพระพุทธศำสนำ แบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้ำง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๘. นิดำ ควรจะประเคนสิ่งของแก่พระสงฆ์อย่ำงไรจึงจะถูกต้อง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. ๙. นำงวิสำขำมหำอุบำสิกำ เกี่ยวข้องกับพิธีถวำยผ้ำอำบน้ำฝนอย่ำงไร ............................................................................................................................................................. ๑๐. มหำกฐิน หมำยถึงกฐินในลักษณะใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………


๕๓

เฉลยแบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๔ เรื่อง ศาสนพิธี คาชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำงให้ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์

๑. ภูษำโยง คืออะไร ตอบ ภูษำโยง คือ แถบผ้ำที่โยงจำกปำกหีบศพสำหรับทอดไปยังพระสงฆ์เมื่อทำพิธีกรรม ๒. สังฆทำน คืออะไร ตอบ สังฆทำน คือ สิ่งที่ตั้งใจนำมำถวำยพระสงฆ์ ๓. เพรำะเหตุใด ชำวพุทธจึงนิยมถอดรองก่อนเท้ำใส่บำตร ตอบ เพรำะมีควำมเชื่อว่ำ เรำไม่ควรยืนอยู่สูงกว่ำพระสงฆ์และกำรใส่รองเท้ำใส่บำตรเป็นกำรแสดงถึง ควำมไม่เคำรพต่อพระสงฆ์ ๔. นักเรียนคิดว่ำจุดประสงค์ของกำรกรวดน้ำ คืออะไร ตอบ เป็นกำรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หรือผู้ที่ต้องกำรส่งบุญให้ ๕. เหตุใดชำวพุทธจึงต้องเข้ำร่วมพิธีแสดงตนเป็นพุทธมำมกะ ตอบ เพื่อเป็นกำรประกำศว่ำนับถือพระพุทธเจ้ำหรือพระพุทธศำสนำเป็นศำสนำประจำตน ๖. เพรำะเหตุใด จึงห้ำมข้ำมวงด้ำยสำยสิญจน์ ในขณะที่ประกอบพิธีกรรมทำงศำสนำ ตอบ เพรำะเชื่อว่ำวงด้ำยสำยสิญจน์ที่ล้อมไว้เป็นเขตประกอบพิธี และเป็นกำรป้องกันสิ่งที่ไม่ดีไม่งำม ไม่ให้กล้ำกลำยเข้ำมำยังพื้นที่ประกอบพิธีจึงห้ำมร่วมพิธีข้ำมวงด้ำยสำยสิญจน์


๕๔

เฉลยแบบฝึกกิจกรรมที่ ๑.๔ (ต่อ) เรื่อง ศาสนพิธี คาชี้แจง ให้นักเรียนเติมคำลงในช่องว่ำงให้ได้ควำมหมำยที่สมบูรณ์

๗. ศำสนพิธีในพระพุทธศำสนำ แบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้ำง ตอบ ศำสนพิธีในพระพุทธศำสนำแบ่งได้เป็น ๒ ประเภท คือ ๑. ศำสนพิธีเนื่องด้วยพุทธบัญญัติ ๒. ศำสนพิธีที่นำพระพุทธศำสนำเข้ำไปเกี่ยวข้อ ๘. นิดำ ควรจะประเคนสิ่งของแก่พระสงฆ์อย่ำงไรจึงจะถูกต้อง ตอบ นิดำควรเว้นระยะห่ำงจำกพระภิกษุประมำณ ๑ ศอก วำงของที่จะประเคนลงบนผ้ำรับประเคน ไม่ควรถวำยให้พระท่ำนโดยตรง ๙. นำงวิสำขำมหำอุบำสิกำ เกี่ยวข้องกับพิธีถวำยผ้ำอำบน้ำฝนอย่ำงไร ตอบ เป็นบุคคลแรกที่ถวำยผ้ำอำบน้ำฝน ๑๐. มหำกฐิน หมำยถึงกฐินในลักษณะใด ตอบ กฐินที่มีเครื่องบริวำรเป็นจำนวนมำก ต้องใช้เวลำในกำรเตรียมงำน

(ถ้ำนักเรียนตอบนอกเหนือจำกนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน)


๔๑

เรื่อง วันสาคัญทางพระพุทธศาสนา

คาชี้แจง ๑. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัย จำนวน ๑๕ ข้อ ๒. ให้นักเรียนทำเครือ่ งหมำยกำกบำท ( X ) ในช่องอักษรข้อ ก ข ค หรือ ง เพียงข้อเดียว ๓. กำหนดเวลำทดสอบ ๑๕ นำที ๑. กำรร่วมกิจกรรมในวันวิสำขบูชำ นอกจำกเป็นกำรทำบุญแล้ว ยังถือว่ำเรำได้ปฏิบัติธรรมในเรื่อง ของกำรกตัญญู เหตุผลใดสำคัญที่สุด ก. เพรำะเป็นกำรแสดงควำมกตัญญู โดยกำรระลึกถึง พุทธคุณ ๓ ประกำร ข. เพรำะถือว่ำเรำเป็นหนี้บุญคุณของพระพุทธศำสนำ ค. เพรำะถือว่ำเป็นกำรทำบุญถึงบุพพกำรี ง. เพรำะถือว่ำเป็นกำรกระทำญำติพลี ๒. ปัจจุบัน กำรถวำยผ้ำอำบน้ำฝน นิยมถวำยแก่พระภิกษุสงฆ์ในวันใด ก. ตั้งแต่วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘ ข. ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ค. ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ง. แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ (วันเข้ำพรรษำ) 3. จุลกฐิน หมำยถึงกฐินในลักษณะใด ก. กฐินที่มีปัจจัยถวำยไม่มำก ข. กฐินเร่งด่วน ให้แล้วเสร็จภำยใน ๑ วัน ค. กฐินที่ต้องเตรียมกำรเป็นเวลำนำน ง. กฐินที่มีปัจจัยถวำยเป็นจำนวนมำก ๔. กำรทำบุญทอดกฐินชนิดใดได้อำนิสงส์มำกที่สุด ก. จุลกฐิน ข. มหำกฐิน ค. กฐินพระรำชทำน ง. ได้อำนิสงส์เท่ำกัน อยู่ที่เจตนำ


๔๒

๕. “หลักกำร ๓” ในกำรแสดงโอวำทปำฏิโมกข์เนื่องในวันมำฆบูชำ หมำยถึงข้อใด ก. ควำมอดทน ควำมไม่เบียดเบียน และควำมสงบ ข. ไม่ทำควำมชั่ว ทำแต่ควำมดี และทำจิตใจให้ผ่องใส ค. ไม่ว่ำร้ำยผู้อื่น ไม่ทำร้ำยผู้อื่น และสำรวมในปำติโมกข์ ง. กำรรู้จักประมำณในกำรกิน กำรอยู่ในสถำนที่สงัด และกำรฝึกหัดจิตให้สงบ ๖. หลักธรรมเรื่อง “ควำมไม่ประมำท” พระพุทธเจ้ำตรัสสั่งสอนเมื่อใด ก. วันประสูติ ข. วันตรัสรู้ ค. วันปวำรณำ ง. วันปรินิพพำน ๗. กำรถวำยสังฆทำน สิ่งใดไม่ควรปฏิบัติ ก. เจำะจงจำนวนพระภิกษุสงฆ์ ข. เจำะจงพระสงฆ์ผู้รับสังฆทำน ค. จัดเตรียมสังฆทำนถวำยตำมกำลังทรัพย์ของตน ง. ถวำยเฉพำะแต่ปัจจัย (เงิน) แด่ภิกษุสงฆ์ที่รับสังฆทำน ๘. กำรทำบุญตักบำตร ควรทำเมื่อใด ก. ควรทำทุกวัน ข. ทุกวันพระ ค. ทุกวันสำคัญทำงพระพุทธศำสนำ ง. ทำเมื่อไหร่ก็ได้ขึ้นอยู่กับโอกำสอันควร ๙. วัตถุประสงค์หลักของกำรเจริญพุทธมนต์คืออะไร ก. เพื่อขับไล่เสนียดจัญไร ข. เพื่อขับไล่ภูตผีปีศำจ ค. เพื่อควำมเป็นสิริมงคล ง. เพื่อไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ ๑๐. ใครเป็นผู้ถวำยผ้ำอำบน้ำฝนเป็นคนแรกในพระพุทธศำสนำ ก. นำงวิสำขำ ข. นำงกิสำโคตมี ค. พระนำงมหำประชำบดี ง. นำงมัลลิกำ


๔๓

๑๑. คนไทยมักจะนิยมงดเว้นกำรทำควำมชั่วเนื่องในวันเข้ำพรรษำ ท่ำนคิดว่ำกำรงดเว้นในข้อใดที่ ถือว่ำเป็นกำรงดเว้นจำกกำรทำบำปที่ดีที่สุด ก. กำรงดเว้นจำกกำรเสพยำเสพติดทุกชนิด เป็นเวลำ ๓ เดือน ข. กำรงดเว้นจำกกำรบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด เป็นเวลำ ๓ เดือน ค. กำรงดเว้นจำกกำรบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด ตลอดชีวิต ง. กำรงดเว้นจำกกำรเสพยำเสพติดทุกชนิด ตลอดชีวิต ๑๒. กรำนกฐิน กำหนดเป็นเวลำเท่ำใด ก. ๑ เดือน ข. ๒ เดือน ค. ๓ เดือน ง. ๔ เดือน ๑๓. ในวันธรรมสวนะ เรำควรจะให้ทำน ถือศีล และเจริญภำวนำ กำรปฏิบัติต่อไปนี้เป็น “กำรเจริญกำรเจริญภำวนำ” ยกเว้นในข้อใด ก. กำรฝึกสมำธิให้จิตสงบ ข. กำรพัฒนำปัญญำด้วยกำรเจริญวิปัสสนำ ค. กำรอธิษฐำนภำวนำให้ตนเองมีควำมสุขตลอดไป ง. กำรสวดมนต์และกำรฟังธรรม ๑๔. หลักธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับวันมำฆบูชำ คืออะไร ก. อริยสัจ ๔ ข. มัชฌิมำปฏิปทำ ค. โอวำทปำฏิโมกข์ ง. ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ๑๕. ข้อใดกล่ำวไม่ถูกต้องในกำรประเคนของพระ ก. กำรประเคนหำกเป็นของที่หนัก เมื่อประเคนแล้วต้องช่วยประคองของนั้นวำงไว้บนพื้น ข. ควรนั่งประเคนในระยะห่ำงจำกพระภิกษุประมำณ ๑ ศอก ค. ผู้ประเคนเป็นชำย ควรยกของส่งให้กับมือพระภิกษุ ง. ผู้ประเคนเป็นหญิง ควรวำงบนผ้ำหรือภำชนะที่รองรับ




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.