•
•
ฉบับที่ ๒๒ พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๕๕ anuman-online.com
anuman-online.com
จดหมายข่าวสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
ผู้จัดท�ำ คณะกรรมการบริหารสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ประจ�ำปี ๒๕๕๔- ๒๕๕๖
ที่ปรึกษา สุเมธ ตันติเวชกุล โอวี ๓๐ ชัยอนันต์ สมุทวณิช โอวี ๓๓ โอวี ๓๗ วิโรจน์ นวลแข ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน โอวี ๓๗ ยอดชาย ขันธชวนะ โอวี ๔๔ บรรยง พงษ์พานิช โอวี ๔๔ วรชาติ มีชูบท โอวี ๔๖ กุลวิทย์ เลาสุขศรี โอวี ๕๗ ประชา ศรีธวัชพงศ์ โอวี ๕๙ วีรยุทธ โพธารามิก โอวี ๖๐ อาทิตย์ ประสาทกุล โอวี ๗๑ อโนมา ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา
อุปนายกฝ่ายวางแผน และพัฒนา
ภพ พยับวิภาพงศ์ พิชิต ศรียานนท์ ปรีดี หงสต้น ร.ต.สถาพร อยู่เย็น กรรณ จงวัฒนา ศรเทพฤทธิ์ ศิลปบรรเลง ศิริชัย กาญจโนภาส ธนกร จ๋วงพานิช จุมพล พิจารณ์สรรค์ วีระพล รัชตานนท์ จิระ สุทธิวิไลรัตน์ ศรัน ชัยวัฒนาโรจน์ พศิน เวชพาณิชย์ มาร์ค ดิมิทอฟ วีรประภัทร กิตติพิบูลย์
ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ โอวี ๔๖ ถ่ายภาพ ณัฏฐ์ ไกรฤกษ์ ประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ เฉลิมหัช ตันติวงศ์ และสาราณียกร สงกรานต์ ชุมชวลิต
โอวี ๗๑ โอวี ๗๒ โอวี ๗๕ โอวี ๗๖ โอวี ๗๖ โอวี ๗๖ โอวี ๗๖ โอวี ๗๗ โอวี ๗๙ โอวี ๘๐ โอวี ๘๓ โอวี ๘๓ โอวี ๘๓ โอวี ๘๓ โอวี ๘๓
โอวี ๗๒ โอวี ๗๗ โอวี ๗๗ ผรณเดช พูนศิริวงศ์ โอวี ๖๖ วรุตมาศ ศุขสวัสดิฯ์ โอวี ๗๙ โอวี ๗๙ ธนพั ฒ น์ ฑี ฆ ธนานนท์ บรรณาธิการ สรอรรถ เลาประสพวัฒนา โอวี ๘๒ กิตติเดช ฉันทังกูล โอวี ๗๓ ศศินทร์ วิทูรปกรณ์ โอวี ๗๙ ศิลปกรรม ปฏิภาณ สานแสงอรุณ คณะบรรณาธิการ โอวี ๗๗ ปริญญา ยุวเทพากร กัญญฎา วิชัยธนพัฒน์ สงกรานต์ ชุมชวลิต โอวี ๗๗ นิธิศ นวรัตน ณ อยุธยา โอวี ๖๕ กอบกิจ จ�ำจด โอวี ๗๐ กรด โกศลานันท์ โอวี ๗๑ • • • •
เปลี่ยนแปลง-ย้ายที่อยู่ สนับสนุนการเงิน-โฆษณา ส่งข่าว-ประกาศ-ประชาสัมพันธ์ ส่งข้อเขียน-บทความ
โฆษณา
เขต ณ พัทลุง โอวี ๗๑ (โทร ๐๘๑-๓๕๙-๗๑๐๒) มณฑล พาสมดี โอวี ๗๓ (โทร. ๐๘๗-๙๙๑-๓๒๓๐)
ฝ่ายบัญชีและการเงิน อภิพงศ์ พงศ์เสาวภาคย์ สุทธิพงษ์ ลิ้มสุขนิรันดร์ รัฐพล ปั้นทองพันธ์ พัฒน์ ไกรเดช
โอวี ๗๑ โอวี ๗๓ โอวี ๗๕ โอวี ๗๙
ผูช้ ว่ ยประสานงาน / ทะเบียนสมาชิก
วาสนา จันทอง (เจ้าหน้าทีส่ มาคมฯ) ล�ำจวน ไชยชาติ (เจ้าหน้าทีส่ มาคมฯ)
พิมพ์ที่ พี. เพรส (โทร. ๐-๒๗๔๒-๔๗๕๔) หมายเหตุ ตัวอักษร ออกแบบโดย ม.ล.ชัยนิมิตร นวรัตน โอวี ๓๗ ภาพปก “ชาญชัย จารุวัสตร์ และ ดุสติ นนทะนาคร” ปรับแต่งเพิม่ เติม โดย ณัฏฐ์ ไกรฤกษ์ (โอวี ๗๒) และ สงกรานต์ ชุมชวลิต (โอวี ๗๗)
ติดต่อ : สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ ๑๙๙ ถนนพิชัย เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทร. ๐-๒๒๔๑-๓๐๕๙ โทรสาร ๐-๒๖๖๙-๓๕๑๘ e-mail: ovnewsletter@yahoo.com website: www.oldvajiravudh.com
๒๒
สารบัญ
พ.ค. - ส.ค.๕๕
วชิราวุธรฤก
วิถีวชิราวุธ
คอลัมน์พิเศษ ๙๔ เที่ยวเมืองพระร่วง จดหมายเหตุวชิราวุธฯ ๗๔ ที่ดินและตึกริม ถนนราชด�ำริ (๒)
ตึกพยาบาล ๓๘ มะเร็งเม็ดเลือดขาว CLL ๔๐ ห้องสมุด เสียงที่ยังมีชีวิต ความหวังและความคิด ของ ดุสิต นนทะนาคร บทความ ศัพท์ โอวี ๔๒ จากนักเรียนเก่าฯ เข้าพิท และครอบครัวโอวี ตึกเวสฯ ๖๔ บทความพิเศษ ๒๘ ๖๖ สนามจันทร์ สัมภาษณ์ สู้กับคอร์รัปชั่น ความหลังยังมี ใต้หอประชุม ๙ เรื่ องเพ้อเจ้อที่ต้อง เมื่อครั้งวัยเยาว์ เริ่มจริงจังเสียที สองคนดีแห่งแผ่นดิน หอประชุม ๕๖ ครูที่ตึกเรียนคณะเด็กเล็ก ชาญชัย จารุวัสตร์ โรงเลี้ยง ๗๗ ของปลอมกับของจริง ดุสิต นนทะนาคร Dracula Jazz & ๖๐ บทสัมภาษณ์ ๒๐ กองบังคับการ Fine Dinning วชิ ร าวุ ธ ฯ คุณหญิงชฎา กับโลกแห่งการเรียนรู้ วัฒนศิริธรรม ในศตวรรษที่ ๒๑ ข่าวสาร จากเพื่อนถึงซี๊ด ๒๔ และกิจกรรม เรือนจาก ๔๔ ห้องเพรบ ๖ ประสบการณ์ เฉียดความตาย สนามหลัง ๑๐๗ ๗๒ ระฆังกีฬา คุยสนุก กับ (อดีต) นักรักบี้
anuman-online.com
วัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้ง สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ๑. ส่งเสริมและเผยแพร่เกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้พระราชทานก�ำเนิดวชิราวุธวิทยาลัย ๒. อุปการะแก่กันและกันในหมู่สมาชิกในทุกทางที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม อันดีของประชาชน ๓. ประสานสามัคคีในหมูส่ มาชิกนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยและนักเรียนในพระบรม ราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ๔. แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันในหมู่สมาชิกและนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ๕. ส่งเสริมและสนับสนุนกิจการของวชิราวุธวิทยาลัย เพื่อน�ำไปสู่ความเจริญของโรงเรียน ๖. ส่งเสริมเกียรติและประเพณีแห่งวชิราวุธวิทยาลัย ๗. เผยแพร่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของวชิราวุธวิทยาลัย ๘. ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา การกีฬา และการบันเทิงตามสมควร ๙. บ�ำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในโอกาสอันสมควร
สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก ๑. สมาชิกมีสิทธิที่จะร่วมกิจการต่างๆ ที่สมาคมฯ จัดขึ้น แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบ ที่วางไว้ ๒. สมาชิกมีสิทธิประดับเข็มเครื่องหมายของสมาคมฯ ได้ในเวลาที่เป็นสมาชิก ๓. สามั ญ สมาชิ ก มี สิ ท ธิ เ สนอความคิ ด เห็ น ตรวจดู ห ลั ก ฐานและบั ญ ชี ต ่ า งๆ ของสมาคมฯ ได้ในเวลาท�ำการของสมาคมฯ ๔. สามัญสมาชิกเท่านั้นมีสิทธิเข้าประชุมใหญ่ ลงคะแนนเสียงและเลือกตั้งหรือรับเลือกตั้ง เป็นนายกสมาคมฯ หรือกรรมการสมาคมฯ เว้นแต่สามัญสมาชิกนั้นค้างช�ำระค่าบ�ำรุง ๕. สามัญสมาชิกมีหน้าที่ต้องช�ำระค่าบ�ำรุงตามที่ก�ำหนดไว้ ๖. สมาชิกต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อบังคับของสมาคมฯ ที่วางไว้ ๗. สมาชิกมีสิทธิที่จะใช้สถานที่และบริการของสมาคมฯ และสโมสร แต่ต้องปฏิบัติ ตามระเบียบข้อบังคับที่ก�ำหนดไว้
คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ประจ�ำปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖
ดร.คุรุจิต นาครทรรพ รุ่น ๔๕ นายกสมาคมฯ
พ.อ.ชนินท โพธิ์พูนศักดิ์ รุ่น ๕๓ กรรมการและรองประธานกิจกรรมพิเศษ
ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย กรรมการโดยต�ำแหน่ง
นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รุ่น ๕๔ กรรมการและประธานสโมสร
นายสุรเดช บุณยวัฒน รุ่น ๔๑ อุปนายก ฝ่ายสิทธิประโยชน์
นายประวิทย์ มนต์เสรีนุสรณ์ รุ่น ๕๖ กรรมการและเหรัญญิก
นายจตุพล ปุญโสนี รุ่น ๔๓ อุปนายก ฝ่ายพัฒนาและกีฬา
ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ รุ่น ๕๙ กรรมการและปฏิคม
พล.อ.ต.วรฉัตร ธารีฉัตร รุ่น ๔๖ นายวรากร บุณยเกียรติ รุ่น ๕๙ อุปนายก ฝ่ายหารายได้และต่างประเทศ กรรมการและเลขานุการ ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ รุ่น ๔๖ อุปนายก ฝ่ายวางแผนและพัฒนา
นายรวินท์ ถิระวัฒน์ รุ่น ๕๙ กรรมการและรองประธานกีฬา
ดร.จรัสโรจน์ บถด�ำริห์ รุ่น ๔๓ กรรมการและนายทะเบียน
นายวีรยุทธ โพธารามิก รุ่น ๖๐ กรรมการและรองประธานกีฬา (รักบี้)
นายวีรนารถ วีระไวทยะ รุ่น ๔๓ กรรมการและประธานกีฬา
นายทรงศักดิ์ ทิพย์สุนทร รุ่น ๖๒ กรรมการและรองประธานกีฬา (กอล์ฟ)
นายทรรศนะ วิชัยธนพัฒน์ รุ่น ๔๕ กรรมการและประธานส่งเสริม ความสัมพันธ์
นายผรณเดช พูนศิริวงศ์ รุ่น ๖๖ กรรมการและประธานฝ่าย ประชาสัมพันธ์และสาราณียกร
ร.อ.ชมพล ยูสานนท์ รุ่น ๕๐ กรรมการและประธานกิจกรรมพิเศษ
กิตติเดช ฉันทังกูล รุ่น ๗๓ ผู้ช่วยสาราณียกร
นายไชยวุฒิ์ พึ่งทอง รุ่น ๕๑ กรรมการและประธานฝ่ายหารายได้ anuman-online.com
6
ห้องเพรบ
สารบัญ
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน อนุมานวสารฉบับนี้เป็นฉบับที่สาม ของปี ๒๕๕๕ ซึ่งทีมงานได้รวบรวมค้นหา เรื่องราวชีวิตของโอวีผู้ล่วงลับสองท่าน ที่มี ชีวิตเรื่องราวและความส�ำเร็จในการท�ำงาน อย่างโดดเด่นคนละสายวิชาชีพ ท่านหนึ่ง เป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัท IBM ก่อน จะผันตัวเองมาสู่การสร้างสมาคมส่งเสริม สถาบันกรรมการบริษทั ไทย (Thai Institute of Director Association: IOD) ในขณะที่ อีกท่านหนึ่งเป็นอดีตนายกสมาคมนักเรียน เก่าวชิราวุธฯ ผู้ที่ประสบความส�ำเร็จอย่าง มากจากการเป็นผูบ้ ริหารระดับสูงของบริษทั ปูนซิเมนต์ไทย นอกจากนัน้ ท่านยังได้รบั การ แต่งตัง้ ให้เป็นประธานหอการค้าไทยอีกด้วย ในปัจจุบันประเทศไทยก�ำลังประสบ ปัญหาอย่างหนักจากการคอร์รัปชั่นทั้งภาค รัฐและเอกชน เป็นอุปสรรคส�ำคัญต่อการ ด�ำเนินธุรกิจ โดยดัชนี Corruption Perception Index (CPI) ของประเทศไทยอยู่ในระดับ ต�่ำมากได้ ๓.๔ จากคะแนนเต็ม ๑๐ และ มีทีท่าว่าจะต�่ำลงไปเรื่อยๆ ส่งผลต่อการ ด�ำเนินธุรกิจ ท�ำให้มตี น้ ทุนสูงขึน้ อันมีผลต่อ ราคาสินค้า สร้างความไม่เป็นธรรมในตลาด จนมีผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลอดจนชื่อเสียงของประเทศ
การต่ อ สู ้ กั บ สิ่ ง ที่ ไ ม่ มี ใ ครกล้ า ท� ำ ชักน�ำให้โอวีทั้งสองท่านลุกขึ้นต่อสู้และเป็น เหตุให้ชีวิตของทั้งสองท่านได้มาบรรจบกัน อีกครั้งหนึ่ง ตามปกติของการต่อสู้คอร์รัปชั่นนั้น จะส�ำเร็จได้อย่างมีผล ก็ต้องเริ่มจากภาครัฐ (อุ ป สงค์ ข องการเกิ ด คอร์ รั ป ชั่ น ในฐาน ผู้เรียกรับ) และแม้ว่ารัฐบาลจะก�ำหนดโทษ ขั้นสูงสุดของการคอร์รัปชั่นถึงขั้นประหาร ชีวิต แต่กระนั้นกระบวนการยุติธรรมก็ไม่ เคยน�ำโทษนี้มาปฏิบัติ ดังนั้นทั้งสองท่าน ซึ่งอยู่ในภาคเอกชน (อุปทานของการเกิด คอร์รปั ชัน่ ในฐานะ ผูจ้ า่ ย) จึงได้สร้างวิธกี าร ในการรวบรวมพลังจากภาคเอกชนจนเกิด เป็นองค์กรส�ำคัญที่เรียกว่า Coalition of Anti Corruption (CAC) ในการต่อต้าน คอร์รัปชั่น ด้วยความสามารถของทั้งสอง ท่ า น จึ ง มี บ ริ ษั ท ขนาดใหญ่ ร ่ ว มลงนาม เป็นภาคีในการต่อต้านคอร์รับชั่นจ�ำนวน มาก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้รับการสนใจและ สนับสนุนจากประชาชนทั่วไป ในขณะที่ ทุ ก อย่ า งก� ำ ลั ง ด� ำ เนิ น ไป ด้วยดี ก็เป็นที่น่าสลดใจอย่างยิ่งที่ทั้งสอง ท่านได้ด่วนเสียชีวิตลงอย่างกระทันหันใน เวลาไล่เลีย่ กัน เมือ่ อ่านถึงตรงนี้ หลายท่าน
สารบัญ
คงจะเดาออกแล้วว่า โอวีทั้งสองท่านนั้นคือ คุณดุสิต นนทะนาคร และ คุณชาญชัย จารุวัสตร์ นักเรียนเก่าวชิราวุธฯ รุ่น ๓๖ ผูท้ เี่ ป็นเพือ่ นกันมาตัง้ แต่ยามเด็ก มีเรือ่ งเล่า กันว่าคุณดุสิตซึ่งมีสุขภาพไม่ดีนัก โทรมา หาคุณชาญชัยคุยกันเรื่องแนวทางต่อต้าน คอร์รปั ชัน่ ก่อนจบการสนทนาได้พดู ฝากฝัง คุณชาญชัยว่า “กูฝากมึงเรื่องนี้ด้วยนะ กู สุขภาพไม่ดี... คงตายก่อนมึง มึงต้องท�ำ ต่ อ ไปให้ ส� ำ เร็ จ ให้ ไ ด้ ” หลั ง จากนั้ น เพี ย ง หนึ่งเดือนคุณชาญชัยก็ได้เสียชีวิตลง และ ต่อจากนั้นอีกเพียง ๖ เดือน คุณดุสิตก็จาก
พวกเราไปอีกคน นับเป็นการสูญเสียครั้ง ส� ำ คั ญ ของพวกเรานั ก เรี ย นเก่ า วชิ ร าวุ ธ ฯ และของประเทศ ถึ ง ทั้ ง สองท่ า นจะจากไปแล้ ว แต่ ความดี ข องทั้ ง สองท่ า นยั ง คงอยู ่ ส� ำ นั ก ผูต้ รวจการแผ่นดินจึงได้มอบรางวัลคนดีแห่ง แผ่นดินให้เพียงแค่สองท่านเท่านั้น นั่นก็คือ คุณดุสติ นนทะนาคร และ คุณชาญชัย จารุวสั ตร์ นอกจากนั้นแล้ว ทางภาคีเครือข่ายต่อต้าน คอร์ รั ป ชั่ น โดยสภาหอการค้ า ไทยยั ง ได้ ก�ำหนดให้วนั ที่ ๖ กันยายน ซึง่ เป็นวันคล้าย วั น เสี ย ชี วิ ต ของคุ ณ ดุ สิ ต เป็ น วั น ต่ อ ต้ า น anuman-online.com
8 ห้องเพรบ คอร์ รั ป ชั่ น ของประเทศไทยอี ก ด้ ว ย นั บ เป็นเกียรติยศแห่งความดีที่ได้มาจากการรู ้ เสี ย สละด้ ว ยใจงามของลู ก วชิ ร าวุ ธ ฯ ถื อ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียนวชิราวุธฯ รุน่ หลัง และยังเป็นตัวอย่างคนดีของแผ่นดิน ส�ำหรับคนไทยทัง้ ประเทศอีกด้วย ท่านผูอ้ า่ น สามารถติดตามเรื่องราวของท่านทั้งสองได้ ในอนุมานวสารฉบับนี้ครับ อนึ่ง การไปสัมภาษณ์หาข้อมูลเรื่อง ของท่านทัง้ สองนัน้ ท�ำได้ไม่งา่ ยนัก เนือ่ งจาก ท่านทั้งสองก็จากพวกเราไปแล้ว พวกเราได้ รับการแนะน�ำจากพี่อั๋น (สุรเดช บุญยวัตน์ -โอวี ๔๒) ให้ไปสัมภาษณ์คุณหญิงชฎา วั ฒ นศิ ริ ธ รรม อดี ต ซี อี โ อของธนาคาร ไทยพาณิชย์ และประธานกรรมการของ IOD ในปั จ จุ บั น ซึ่ ง ท่ า นก็ ไ ด้ ก รุ ณ ารั บ นั ด ให้ เราได้เข้าไปสัมภาษณ์ ความรู้และความ สนใจของพวกเราที่ ไ ปร่ ว มสั ม ภาษณ์ ในครั้ ง นั้ น เป็ น เหตุ ใ ห้ บ รรณาธิ ก ารของ อนุมานวสาร กิตติเดช ฉันทางกูล (โอวี ๗๓) ถู ก ทาบทามให้ ไ ปร่ ว มงานกั บ IOD ซึ่ ง ปัจจุบัน ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตรอง ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับช่วงเป็น กรรมการผู้อ�ำนวยการต่อจากคุณชาญชัย หากพวกเราสนใจเข้าร่วมโครงการต่อต้าน คอร์ รั ป ชั่ น เพื่ อ สานต่ อ อุ ด มการณ์ ข อง คุณดุสิตและคุณชาญชัย ก็สามารถติดต่อ
สารบัญ บรรณาธิการอนุมานวสารได้ที่ Kittidej@ thai-iod.com นอกจากทั้งสองท่านแล้วนี้ ก็ยังมี ชาวโอวี ที่ ด ่ ว นจากไปในเวลาอั น ควรอยู ่ เนืองๆ ล่าสุดก็คือ หนู - ธราวุธ นพจินดา เพื่อนร่วมรุ่นของผมเอง น้องหนูถือเป็น ผู ้ ห นึ่ ง ที่ ร ะวั ง ตั ว รั ก ษาสุ ข ภาพด้ ว ยดี ม า โดยตลอด อยู ่ ดี ๆ ก็ ด ่ ว นจากไปทั้ ง ๆ ที่ ก็นั่งทานข้าวกันกับเพื่อนอยู่ทุกอาทิตย์ หนู และ พี่โย่ง - เอกชัย นพจินดา (โอวี ๔๕) ถือเป็นลูกวชิราวุธฯ อีกสองท่านที่เป็นคน ของประชาชน เป็ น ทั้ ง นั ก พากย์ ฟุ ต บอล ที่หาตัวจับยาก เป็นนักหนังสือพิมพ์ เป็น ผู ้ จั ด การแข่ ง ขั น กอล์ ฟ และเป็ น พิ ธี ก ร ผมจึงขอไว้อาลัยทั้งเพื่อนหนูและพี่โย่งมา ณ โอกาสนี้ด้วย ข่ า วการสู ญ เสี ย ของเพื่ อ นพี่ น ้ อ ง ชาวโอวีทไี่ ด้ยนิ อยูบ่ อ่ ยครัง้ แต่กย็ งั มีชาวโอวี อีกหลายท่านที่สามารถรอดปลอดภัยจาก การเสียชีวติ ได้อย่างปาฏิหาริย์ ในอนุมานวสาร ฉบั บ นี้ เราจึ ง ได้ น� ำ เรื่ อ งประสบการณ์ เฉียดตายของโอวีสองท่านมาเล่าสูก่ นั ฟังบ้าง ขอให้ ทุ ก ท่ า นสนุ ก กั บ การอ่ า น อนุมานวสารฉบับนี้ และหากมีขอ้ เสนอแนะ อย่ า งไร ขอให้ แ จ้ ง ที ม งานได้ ต ลอดเวลา นะครับ สวัสดีครับ ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ ์ (โอวี ๔๖)
ใต้ ห อประชุ ม
คนดี
คุยกับนักเรียนเก่าฯ
9
แห่ง แผ่นดิน ดุสิต ชาญชัย
สอง
นนทะนาคร จารุวสั ตร์
anuman-online.com
10 ใต้หอประชุม เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๕ ณ ท�ำเนียบ รัฐบาล ส�ำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำ� พิธมี อบรางวัลเกียรติยศ “คนดีแห่งแผ่นดิน” เพือ่ เชิดชูคณ ุ ความดีของชาญชัย จารุวัสตร์ และ ดุสิต นนทะนาคร เพื่อนโอวีร่วมรุ่น ๓๖ จากการทีท่ งั้ สองต่างมุง่ มัน่ และตัง้ ใจจริง กับการแก้ปัญหาการคอร์รปั ชัน่ ในสังคมไทย วันนัน้ เสียงปรบมือดังสนั่นท�ำเนียบรัฐบาล แต่ทั้งสองคนคงจะไม่ได้ยิน เพราะทั้งคู่จาก เราไปในปีที่แล้วอย่างไม่มีใครคาดฝัน งานในวันนั้นเหมือนเป็นโชคลิขิต ที่ท�ำให้ ชื่อของทั้งคู่ได้กลับมาอยู่เคียงข้างกันอีก ในฐานะฮีโร่ ผู้ริเริ่มต่อต้านคอร์รัปชั่น ในเมืองไทย ชาญชัย เข้ามาอยู่ในวชิราวุธฯ ที่คณะเด็ก เล็กหนึ่ง (สนามจันทร์) และข้ามไปอยู่ที่ คณะดุสิต ส่วนดุสิต ตามเข้ามาอยู่ใน โรงเรียนเดียวกันตอน ม.ศ.๓ ทีค่ ณะพญาไท เพือ่ นๆ เรียกว่า ซีด้ ท�ำกิจกรรมเล่นรักบี้ สารพัดอย่าง
สารบัญ การเสียสละนีไ้ ด้ถกู ฝังเข้าไปอยูใ่ นส่วนลึก ของจิตใจทั้งคู่ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของ หลักคิดในการท�ำงานที่ทั้งสองคนยึดมั่น จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เมื่อจบจากโรงเรียนแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ แยกย้ายกันไปตามวิถีของชีวิตแต่ละคน ชาญชัยไปเรียนต่อปริญญาตรี ด้าน วิศวกรรมไฟฟ้าและปริญญาโทที่อังกฤษ ก่อนจะกลับมาท�ำงานที่บริษัท ไอบีเอ็ม (IBM) จนสามารถก้าวขึ้นไปเป็น CEO ของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่แห่งนี้ได้ ก่อนจะย้ายออกไปร่วมท�ำงานให้กับ บริษัทไทยอย่าง สามารถ คอร์ปอเรชั่น แล้วก้าวขึ้นไปอยู่ในต�ำแหน่งสูงสุดที่ บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเมนท์
ส่วนดุสิตเลือกที่จะไปเรียนปริญญาตรี ด้านวิศวกรรมโยธา และปริญญาโทที่ อเมริกา เมื่อกลับมาเมืองไทยแล้วก็เข้า ท�ำงานทีบ่ ริษทั ปูนซิเมนต์ไทย และเติบโต ขึ้นมาเรื่อยๆ กับองค์กรนี้อย่างเหนียวแน่น โดยผลัดเปลีย่ นไปดูแลทัง้ การขาย การ วางระบบ และการประชาสัมพันธ์ ช่วย ประสบการณ์ในโรงเรียนแห่งนี้ คงจะมี ส่วนไม่น้อยในการท�ำให้ทั้งสองได้เห็น ประคับประคององค์กรในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ได้เข้าใจว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีและอะไรไม่ใช่ ในฐานะผู้บริหารระดับสูง จนสามารถช่วย สิ่งที่ดีส�ำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม ซึ่ง ผลักดันให้ปูนใหญ่ผงาดขึ้นมาเป็นบริษัท โรงเรียนนี้สอนให้รู้ว่าผลประโยชน์ส่วนร่วม ชั้นน�ำได้อย่างสมบูรณ์ นั้นเป็นเรื่องส�ำคัญ และเราควรต้องเสีย สละตนเองเพื่อประโยชน์ส่วนร่วม แนวคิด
สารบัญ
หลังจากที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ในเมืองไทยเมื่อปี ๒๕๔๐ หลายภาคส่วน ได้พยายามหาเหตุผลในการอธิบายว่า สาเหตุของวิกฤตครั้งนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร หนึ่งในค�ำตอบที่ได้ยินกันอยู่เป็นประจ�ำ คือ บริษัทในประเทศไทยขาดหลักธรรมาภิบาล ท�ำให้ World Bank เข้ามากระตุ้น และ ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ก.ล.ต. (คณะกรรมการก�ำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์) และตลาดหลักทรัพย์จดั ตัง้ องค์กรที่เรียกว่า สมาคมส่งเสริมสถาบัน กรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Director Accosiation) หรือเรียกกันอย่าง ง่ายๆ ว่า “IOD” โดยมติทปี่ ระชุมเลือกให้ ชาญชัยเข้ามาเป็นผู้อ�ำนวยการของสถาบัน นี้เป็นคนแรกก่อนที่จะท�ำอย่างต่อเนื่องมา จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
IOD เป็นหน่วยงานที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อสร้าง มาตรฐานของหลักธรรมาภิบาล ให้เกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจของประเทศไทย โดยเป็นหน่วยงานที่จะสร้างความรู้และ ความเข้าใจในหลักธรรมาภิบาลให้แก่ คณะกรรมการของบริษัทชั้นน�ำ เพื่อที่ กรรมการบริษัทเหล่านี้จะได้นำ� ไปปรับใช้ ในการบริหารงานองค์กรของตนต่อไป คุณหญิงชฎา วัฒนธรรมศิริ ประธาน คณะกรรมการของ IOD คนปัจจุบัน อดีตผู้บริหารของธนาคารไทยพาณิชย์ และเป็นหนึ่งในผู้ที่มีส่วนร่วมมาตั้งแต่ต้น ได้เล่าให้พวกเราฟังถึงแนวคิดและวิธีการ ท�ำงานของคุณชาญชัยไว้ว่า “แนวคิดของ คุณชาญชัย คือ เวลาเริ่มต้นจะต้องมี แนวร่วมที่เข้มแข็งก่อน คุณชาญชัยเอง anuman-online.com
12 ใต้หอประชุม
สารบัญ
ในฐานะที่เคยบริหารองค์กรใหญ่ๆ มาก่อน เลยมีสายตรงถึงผู้บริหารสูงสุดของบริษัท ใหญ่ๆ แล้วด้วยการที่แกเป็นคนสุภาพ นอบน้อม เวลาโทรชวนใครเข้าร่วม โครงการของ IOD คนส่วนใหญ่ก็เลย ไม่ค่อยขัดอะไร เพราะคุณชาญชัยท�ำให้ เขารู้สึกยินดีและเชื่อมั่น อันนี้เป็นสไตล์ และเป็นความพิเศษของคุณชาญชัย”
และบริษัท ล็อกซ์เล่ย์ เป็นต้น รวมถึงการ เป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ จนกระทั่งในปี ๒๕๕๒ ดุสิตก็ได้รับเลือก ให้เป็นประธานสภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย
ต�ำแหน่งประธานสภาหอการค้าฯ ถือว่า เป็นต�ำแหน่งที่มีภาระความรับผิดชอบสูง เนื่องจากมีสมาชิกจ�ำนวนมากที่ต้องคอย ดูแลและยังมีหน้าทีใ่ นการออกเสียงตัดสินใจ ในขณะที่ชาญชัยเข้ามาท�ำหน้าที่สร้าง เชิงนโยบายอีกหลายเรื่อง ท�ำให้ผู้ที่จะมา มาตรฐานด้านหลักธรรมาภิบาลให้กับ แวดวงธุรกิจในประเทศไทย ดุสิตยังคงสนุก ด�ำรงต�ำแหน่งนี้ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถ และสังคมให้การยอมรับ กับการท�ำงานให้กบั ปูนใหญ่อย่างต่อเนือ่ ง และเริ่มได้รับเชิญเข้าไปเป็นกรรมการ ดุสิตน่าจะเป็นประธานสภาหอการค้าฯ ขององค์กรระดับใหญ่ในเมืองไทย อาทิ ธนาคารออมสิน การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่โดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่ง สังเกตได้ anuman-online.com
14 ใต้หอประชุม จากการที่นักข่าวทั้งหลายมักจะไปรุมล้อม สัมภาษณ์ขอความเห็นเกี่ยวกับนโยบาย ทางเศรษฐกิจหรือเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อยู่เสมอๆ นอกจากต�ำแหน่งและความรู้ ความสามารถที่มีอยู่ ดุสิตยังมีบุคลิก ส่วนตัวที่เป็นกันเอง พูดจาน่าฟัง และเป็น คนจริงใจ ด้วยสาเหตุต่างๆ เหล่านี้ ดุสิต เลยกลายเป็นบุคคลสาธารณะที่มีบทบาท โดดเด่นอีกคนหนึ่งในสังคม ด้วยต�ำแหน่งหน้าทีป่ ระธานสภาหอการค้าฯ ท�ำให้ดุสิตได้มีโอกาสพบปะกับพ่อค้าและ ผู้ประกอบการจากหลายส่วนทีต่ า่ งได้รบั ผล เสียจากการคอร์รปั ชัน่ ซึง่ นับวันจะทวีความ เลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ดุสิตจึงเห็นว่าเป็น หน้าที่ของตนเองที่จะต้องเข้ามาช่วยรณรงค์ แก้ไขไม่ให้การคอร์รปั ชัน่ ท�ำร้ายส่วนรวม เพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของคนที่คดโกง
สารบัญ จากการคอร์รัปชั่นขึ้น องค์กรที่ทำ� เรื่องหลักธรรมาภิบาล มายาวนานอย่าง IOD ของชาญชัย และ สภาหอการค้าฯ ที่มีดุสิตเป็นหัวเรือใหญ่ ในการรณรงค์หยุดคอร์รปั ชัน่ จึงได้มาพบกัน เป็นครั้งแรกหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างท�ำ คนละเรือ่ งเดียวกันมาตลอด เพือ่ จุดกระแส ต่อต้านคอร์รัปชั่นจากภาคเอกชนเอง โดยใช้โอกาสในการประชุมนานาชาติครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหญ่ ชาญชัยและดุสิตจึง ได้กลับมารวมตัวกันอีกครัง้ เพือ่ ร่วมกันสาน อุดมการณ์ต่อต้านความอยุติธรรมในสังคม
อันที่จริงแล้วดุสิตเองก็เป็นกรรมการของ IOD อยู่ได้สักระยะ จึงมีโอกาสได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็นกับชาญชัยอยู่เป็น ประจ�ำ การกลับมาร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นความตั้งใจของทั้งสองที่จะน�ำองค์กร ภายใต้การดูแลมาเป็นก�ำลังในการช่วยกัน เมื่อเดือนพฤศจิกายนของปี ๒๕๕๓ สร้างกระแสความตื่นตัวในระดับประเทศ ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ ทั้งคู่เห็นร่วมกันว่าการต่อต้านคอร์รัปชั่น การประชุมระดับโลกขององค์กรที่ชื่อว่า จะต้องช่วยกันท�ำ ถ้าท�ำเพียงคนเดียวคงจะ International Anti-Corruption Conference ไม่ส�ำเร็จ จ�ำเป็นจะต้องมีเครือข่ายที่คอย (IACC) การประชุมต่อต้านคอร์รัปชั่น สนับสนุนซึ่งกันและกัน จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ นานาชาติ ทางรัฐบาลในสมัยนั้นก็ส่งเสริม ไอเดียออกมาเป็น “แนวร่วมปฏิบัติของ และสนับสนุนเรื่องนี้กันเต็มที่ ทางภาค ภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต” เอกชนก็เลยเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะต้อง ท�ำให้สังคมเริ่มตระหนักถึงผลเสียที่เกิด
anuman-online.com
16 ใต้หอประชุม แนวร่วมฯ นี้เกิดขึ้นจากการผลักดันของ ทั้งชาญชัยและดุสิต โดยมี IOD และ หอการค้าฯ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลัก ก่อน จะได้หอการค้าต่างชาติ สมาคมบริษัท จดทะเบียนไทย สมาคมธนาคารไทย สภา ธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย มาเป็นแนวร่วมจัดตั้ง นอกจากนี้ยังได้ Center for International Private Enterprise (CIPE) หรือศูนย์เพื่อ ธุรกิจเอกชนนานาชาติ มาเป็นผู้สนับสนุน ด้านเงินทุนอีกด้วย
สารบัญ เพื่อจะให้บริษัทเหล่านี้เป็นตัวอย่างและร่วม รณรงค์ให้บริษทั อืน่ ๆ ได้เห็นถึงความส�ำคัญ ของการต่อต้านคอร์รัปชั่น ในการประกาศเปิดตัวแนวร่วมฯ เป็น ครั้งแรก มีบริษัทชั้นน�ำที่เข้าเป็นสมาชิก ของแนวร่วมฯ นี้ถึง ๒๗ บริษัทด้วยกัน ซึ่ง ชาญชัยเป็นผู้ที่โทรไปติดต่อเบื้องหลังเอง ทั้งหมด ส่วนดุสิตจะมาลุยด้านหน้าด้วย การบรรยายให้เห็นถึงความส�ำคัญของการ ต่อต้านคอร์รัปชั่นตามสถาบันต่างๆ ให้ สัมภาษณ์ออกสื่อเพื่อสร้างกระแสต่อต้าน การคอร์รัปชั่นให้เกิดขึ้นในสังคม
โดยแนวร่วมฯ นี้มีวัตถุประสงค์ที่จะรวมเอา บริษัทชั้นน�ำของประเทศที่มีการบริหารงาน สาเหตุหนึ่งที่ท�ำให้ทั้งคู่ต้องลุกขึ้นมาเดิน ที่ถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล เป็นองค์กร หน้าต่อต้านคอร์รัปชั่นกันอย่างจริงจัง ที่มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ เพราะทั้งคูไ่ ม่สามารถที่จะรอให้ฝ่ายรัฐ
สารบัญ
เป็นผู้ริเริ่มได้ เนื่องจากจะต้องผ่าน กระบวนการต่างๆ นานา กว่าจะมีอะไร ออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ในขณะที่ภาค เอกชนนั้นสามารถท�ำอะไรได้สะดวกกว่า ท�ำได้ทันที และที่สำ� คัญภาคเอกชนนี่เองที่ ได้รับผลกระทบจากคอร์รัปชั่นโดยตรง กระแสตอบรับของแนวร่วมฯ ดีมาก มี บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งให้ความสนใจ ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกหลายแห่ง และการ รณรงค์ผ่านโครงการต่อต้านคอร์รัปชั่น ก็ได้รับการพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ เฉพาะในระดับของแวดวงธุรกิจ เพราะ แม้แต่ประชาชนทั่วไปก็เริ่มหันมาให้ความ ส�ำคัญกับการต่อต้านคอร์รัปชั่นมากขึ้น
การต่อต้านคอร์รัปชั่นในเมืองไทยก�ำลัง แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ทว่าสุขภาพของดุสิตนั้น กลับตรงกันข้าม หลายๆ คนเริ่มรู้ว่าดุสิต เป็นโรคลูคีเมียตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ แต่ดุสิตเอง ก็ไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยอ่อนให้เห็นแต่ อย่างไร Mr.Laurent Malespine อดีต นักข่าว Bloomberg ชาวฝรัง่ เศส ทีช่ าญชัย ชวนเข้ามาเป็นที่ปรึกษาโครงการพิเศษของ IOD ได้เล่าประสบการณ์ที่เคยร่วม ท�ำงานกับดุสิตไว้ว่า “เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก เมื่อผมทราบว่าคุณดุสิตป่วยขนาดนั้น แต่ ท่านยังทุ่มเทท�ำงานในต�ำแหน่งประธาน สภาหอการค้าฯ และการเป็นบอร์ด IOD เรียกว่าทุ่มเทสุดชีวิตจริงๆ ครับ มาประชุม ทุกครั้ง ทั้งๆ ที่มีภาระกิจอื่นๆ อีกมาก ถึงแม้จะไม่สบายสารพัด แต่ก็ยังมาประชุม anuman-online.com
18 ใต้หอประชุม ให้ความเห็นอย่างมุ่งมั่นเสมอ” ส่วนชาญชัยนั้น ถึงจะอายุมากกว่า แต่ก็ เป็นคนที่ดูมีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ไม่มี อาการท่าทีว่าป่วย อาจจะมีช่วงที่เหนื่อยอยู่ เป็นบางช่วง แต่โดยรวมยังแข็งแรงดีอยู่ Mr.Laurent เล่าให้ฟังต่อว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ พอนึกย้อนหลังแล้ว ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิด ขึ้นได้ มีอยู่วันหนึ่งคุณดุสิตแวะมาที่ IOD มาหาคุณชาญชัย แต่พอดีคณ ุ ชาญชัย ไม่อยู่ เลยให้เลขาฯ ต่อโทรศัพท์ไปให้ แล้วเมื่อทั้งสองท่านคุยกันเอง ก็มักจะพูด ภาษาสมัยพ่อขุนรามฯ เสมอๆ เพราะคง สนิทกันมากตั้งแต่สมัยเรียน “วันนั้นผมจ�ำได้ว่าคุณดุสิตดูค่อนข้าง อ่อนเพลีย เราก็เริ่มรู้กันแล้วว่าท่านเป็น โรคลูคีเมีย (Leukemia) ทั้งสองท่านก็คุย ธุระกันสักพักหนึ่ง พอคุยธุระเสร็จคุณดุสิต ก็บอกคุณชาญชัยผ่านโทรศัพท์ว่า ‘ผมไม่ ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนนะ คุณต้องท�ำต่อนะเพราะว่าผมเหนื่อย’ แต่ พอหลังจากนั้นไม่กี่วันคนที่จากไปก่อน อย่างไม่คาดฝัน คือ คุณชาญชัย” ชาญชัยจากไปในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ด้วยโรคหัวใจวายฉับพลัน ทิ้ง ความหวังการต่อต้านคอร์รัปชั่นไว้กับ ดุสิตเพียงคนเดียว
สารบัญ
สารบัญ เมื่อชาญชัยไม่อยู่แล้ว ดุสิตยิ่งโหมท�ำงาน เพื่อต้องการจะให้การต่อต้านคอร์รัปชั่น เป็นกระแสที่เกิดขึ้นในวงกว้างมากขึ้น โดย ดุสิตได้วางแผนเพื่อที่จะจัดงานเดินรณรงค์ ทีส่ วนลุมพินี เพือ่ จะประกาศเจตนารมณ์ใน การต่อต้านคอร์รปั ชัน่ อย่างจริงจัง ด้วยการ เชิญหน่วยงานและองค์กร ทั้งภาครัฐและ ภาคเอกชนมาร่วมมือกันประกาศให้คนไทย ทุกคนได้รับรู้ว่าเราจะไม่ยอมรับการ คอร์รัปชั่นอีกต่อไป ปลายเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ ขณะที่การ เตรียมงานทุกอย่างก�ำลังด�ำเนินไปด้วยดี อาการป่วยของดุสิตหนักขึ้น จนต้องเข้า รักษาตัวด่วนที่โรงพยาบาล และไม่กี่วัน หลังจากนั้นดุสิตก็จากไป ไม่นานหลังจากนั้น หนังสือพิมพ์ The Nation (8th September 2011) ได้ลง บทความสดุดีและไว้อาลัยแก่ผู้ริเริ่มการ ต่อต้านคอร์รัปชั่นทั้งสองไว้ว่า
“…The business sector has now lost two campaigners this year, as Charnchai Charuvastr died unexpecedly in February at the age of 65. Charnchai took the anti-corruption agenda to members of the Thai Institute of Directors, while Dusit took it wider in a nationwide campaign. Best friends since their time together at Vajiravudh College, both were strong critics of corrupt politicians and the political establishment…” คนดีแห่งแผ่นดินทัง้ สอง จากพวกเราไปแล้ว แต่ความเสียสละในการต่อต้านความ อยุติธรรม ที่ทั้งสองได้ทำ� มาตลอด ทั้งชีวิตยังคงส่องแสงสว่างอยู่เป็นประกาย เหมือนความหวังว่าวันหนึ่งสังคมไทย ปลอดภัยจากการคอร์รัปชั่น และเป็น แสงไฟน�ำทางให้โอวีรุ่นหลังได้เดินตาม เพื่อสานต่อการยอมเสียสละเพื่อส่วนรวม ศศินทร์ วิทูรปกรณ์ (โอวี ๗๙)
ขอขอบคุณ คุณหญิงชฎา วัฒนธรรมศิริ Mr.Laurent Malespine คุณรวิสุดา นนทะนาคร สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษทั ไทย (IOD) และหนังสือพิมพ์ The Nation anuman-online.com
20 ใต้หอประชุม
สารบัญ
คุณชาญชัย & คุณดุสิต ในความคิดของ
คุณหญิงชฏา วัฒนศิรธิ รรม
หลายๆ คนคงเคยรู้จัก คุณหญิงชฎา วัฒนศิรธิ รรม ในฐานะอดีตผูบ้ ริหารสูงสุด ของธนาคารไทยพาณิชย์ แต่ในปัจจุบันนี้ คุณหญิงชฎา ด�ำรงต�ำแหน่งประธาน คณะกรรมการสมาคมส่งเสริมสถาบัน กรรมการบริษัทไทย หรือ IOD ที่ ตนเองมีส่วนร่วมมาตั้งแต่ตั้งสถาบันฯ ขึ้นพร้อมๆ กับชาญชัย และยังมีโอกาส ได้ท�ำงานร่วมกับดุสิตอย่างใกล้ชิด ในการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชั่นอีกด้วย คุณหญิงชฎาจึงเป็นอีกบุคคลที่สามารถ สะท้อนเรื่องราวของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
อนุมานวสาร: ทั้งสองคนมีความเหมือน หรือความแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน ครับ? คุณหญิงชฎา: ทั้งสองท่านมีแนวที่ดี ใกล้เคียงกัน แต่จะใช้วิธีต่างกันหน่อย คุณชาญชัยเป็นคนสุภาพเรียบร้อย มี ความขยันในการท�ำงานอย่างเงียบๆ แต่ประสบผลส�ำเร็จอย่างที่ต้องการ ส่วนคุณดุสิตจะเป็นคนที่มีพลังงานมาก พยายามวิ่งไปวิ่งมา ท�ำนู่นท�ำนี่หลาย อย่าง และป็นคนที่มีวาทศิลป์เพราะด้วย เลยดึงให้คนมาช่วยงานได้มาก
สารบัญ อนุมานวสาร: ไม่ทราบว่าคุณหญิงฯ รู้จักชาญชัย หรือดุสิตก่อนกันครับ? คุณหญิงชฎา: รู้จักกับคุณชาญชัยก่อน รูจ้ กั กันตัง้ แต่กอ่ นทีจ่ ะตัง้ IOD ตอนนัน้ เราก�ำลังหาคนที่จะมาดูแลสถาบันฯ อยู่ แล้วทุกคนก็เห็นว่าคุณชาญชัยเหมาะสม ที่สุด สาเหตุที่ทำ� ให้คุณชาญชัยเหมาะสม กับต�ำแหน่งประธาน ก็เพราะว่าคุณชาญชัย ท�ำงานที่ไอบีเอ็มมาเป็นสิบปี เลยน่าจะได้ ซึมซับในแง่ของวัฒนธรรม ในแง่ของ ความรู้ และในแง่ของ know how คือ วิธีการที่จะน�ำความรู้มาใช้ปฏิบัติจริง ประสบการณ์ตรงนี้ของคุณชาญชัยจึง เหมาะสมมากที่จะเอามาใช้กับ IOD เพราะส่วนมากคนมักจะพูดถึงวิธีแก้ แต่ ไม่ค่อยมีใครเอามาใช้แก้จริงๆ
คุณหญิงชฎา: สาเหตุที่เราเลือก คุณชาญชัยเพราะการเป็นนักเรียนเก่า วชิราวุธฯ รึเปล่า? คงไม่น่าจะใช่ แต่เรา น่าจะดูจากประสบการณ์ ดูจากนิสัย ใจคอ ดูจากความพร้อมต่างๆ นานา และดูจากความสามารถ มากกว่าที่จะ เลือกเพราะการเป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ
แต่โรงเรียนอย่างวชิราวุธฯ ที่มีโอกาสได้ สั่งสอนอบรมคนในรูปแบบโรงเรียน ประจ�ำจะท�ำได้ดี เพราะว่าการอยู่ใน โรงเรียนประจ�ำ เด็กคนหนึ่งจะต้องใช้ ชีวิตแทบจะตลอดเลยในโรงเรียนเลยนะ ช่วงเวลาที่เรายังเป็นเด็กเรายังสามารถ จะซึมซับได้เยอะจากการอยู่โรงเรียน ประจ�ำ เลยเป็นโอกาสที่จะได้ปลูกฝัง จิตส�ำนึกที่ดีไว้ตั้งแต่แรก มีโอกาสในการ ส่วนคุณดุสติ มารูจ้ กั กันจริงๆ ตอนทีเ่ ริม่ มา ท�ำให้ได้ผลดีมากกว่า นักเรียนเก่า ท�ำโครงการต่อต้านคอร์รปั ชัน่ ด้วยกันแล้ว วชิราวุธฯ เลยมีโอกาสที่จะเก่งและเป็น คนดีด้วยมากกว่า อย่างทั้งคุณชาญชัย อนุมานวสาร: การที่เลือกชาญชัย และคุณดุสิต เป็นต้น เป็นเรื่องที่น่ายินดี จริงๆ ที่ว่าผู้ที่เป็นแชมเปี้ยนในเรื่องนี้ มาเป็นประธาน IOD เป็นเพราะเขา การต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นศิษย์เก่าของ เป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ รึเปล่าครับ? วชิราวุธฯ ทั้งสองท่าน สัมภาษณ์
กัญญฎา วิชัยธนพัฒน์ จุมพล พิจารณ์สรรค์ ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ โอวี ๔๖ ศศินทร์ วิทูรปกรณ์ กิตติเดช ฉันทังกูล โอวี ๗๓
เรียบเรียงและถ่ายภาพ โอวี ๗๙ โอวี ๗๙
ศศินทร์ วิทูรปกรณ์
โอวี ๗๙
anuman-online.com
22 ใต้หอประชุม
สารบัญ
ลายมือบทประพันธ์ที่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (ศิลปินแห่งชาติ) ประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นกียรติแด่ ชาญชัย จารุวัสตร์ และ ดุสิต นนทะนาคร
anuman-online.com
24 ใต้หอประชุม
สารบัญ
“ซี๊ด”
เขียนถึง
ดุสิต ซี้ด หรือไอ้ซี้ดของเพื่อนๆ เข้ามา เรียนที่วชิราวุธฯ ในชั้น ม.ศ.๓ (ม.๑ ในปัจจุบัน) นั่งเรียนติดกับผม ถึงแม้จะ อยู่กันคนละคณะ แต่เราก็สนิทกัน โดยเฉพาะปีสุดท้าย คือ ม.ศ.๕ ทั้งชั้น เหลือนักเรียน ๑๑ คน พวกเราเล่นรักบี้ ทีมโรงเรียนด้วยกันท�ำให้ยิ่งสนิทกัน มากขึ้น หลังจากเรียนจบที่วชิราวุธฯ ก็ แยกย้ายกันเข้ามหาวิทยาลัย และกลับ มาท�ำงานที่เดียวกันใน SCG (ปูนซิเมนต์ ไทย) จนวาระสุดท้ายของซี้ด แทนที่ผมจะเขียนเรื่องราวของซี้ดที่ได้ คบกันมาแต่เล็กจนตายไปข้างหนึ่งใน อนุมานวสารเล่มนี้ ผมอยากจะเล่าถึงสิ่ง ที่ดุสิตได้จากวชิราวุธฯ แล้วเอาไปใช้ในการท�ำงานที่ SCG น่าจะเหมาะกว่า เรื่องแรกที่อยากจะเล่าคือ การถูกฝึกให้มีนำ�้ ใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ อดทน สู้ไม่ถอย
สารบัญ
ซี้ดท�ำงานหามรุ่ง หามค�่ำ ทุกวันตั้งแต่หนุ่มจนเกษียณ การท�ำงานไม่มีใครรุ่งเรือง ตลอดไปเป็นเรื่องธรรมดา คนเราย่อมมีลุ่มๆ ดอนๆ ขึ้นๆ ลงๆ กันบ้าง ไม่ว่าจะถูก นายด่า ลูกน้องด่า ลูกค้าอัด ซี้ดไม่เคยท้อ สู้ตลอดและไม่เคยซ�้ำเติมคู่ต่อสู้ มีแต่ให้ อภัย ท�ำให้ซี้ดเจริญรุ่งเรืองค่อนข้างเร็วกว่าเพื่อนทุกคน เป็นนายที่ลูกน้องรักและเป็น ลูกน้องที่นายรัก ซึ่งหายากมาก ส่วนใหญ่มักจะไม่นายก็ลูกน้องรักอย่างเดียว การที่เราอยู่วชิราวุธฯ โดนรุ่นพี่อัดมาแต่เด็กจนเราโตมาเป็นรุ่นพี่เอง ท�ำให้เราได้ เรียนรู้วิธีที่จะปกครองคน โดยเฉพาะเรื่องอะไรควรไม่ควร ไม่เหลิงในอ�ำนาจ มีความ เมตตาเป็นธรรม ให้ความห่วงใยผู้ใต้บังคับบัญขา ซี้ดมีพร้อมมากเรื่องนี้ และยังมี เรื่องรักสถาบัน เราถูกสั่งสอนมาตลอด ซี้ดเป็นคนรักสถาบันมากๆ ไม่ว่าจะเป็น วชิราวุธฯ SCG สถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนประเทศ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ซี้ด เข้ามาลุยงานเรื่องต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะการไม่เห็นด้วยกับพวกที่ จ้องจะล้มสถาบันต่างๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งซี้ดไปประชุมหอการค้าที่ต่างจังหวัดแถวๆ ภาคตะวันออก มีคนกลุ่มหนึ่ง เดินมาหาบอกว่า ‘คุณดุสิตมาผิดงานหรือเปล่า? ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างคุณ’ ซี้ดเล่า ให้ผมฟังว่า หน้าตากับวิธีพูดของพวกนั้น ท�ำเอา “กูละหนาวเลย” และนั่นไม่ใช่ ครั้งเดียวที่โดนขู่ แต่ซี้ดไม่เคยกลัว แค่บอกอย่างมากก็แค่ตาย ยังเดินหน้าลุยเรื่องนี้ ต่อ พวกเราพยายามหา Body Guard ให้ แต่ซี้ดบอกว่าไม่เอาดีกว่า “กูกลัว” ไม่รู้ว่า จะได้พวกไหนมาเป็น ถ้าเป็นพวกนั้นแฝงมา มันก็จะรู้หมดว่าวันนี้ไปไหน อยู่ไหน ท�ำอะไร สุดท้ายเลยต้องใช้วิธีเปลี่ยนรถ เปลี่ยนสถานที่ประชุมแบบกระทันหัน เป็นประจ�ำ ต้องท�ำอย่างนี้เป็นช่วงเวลานานพอสมควร ถ้าเป็นคนอื่นคงถอดใจไปแล้ว ผมยังเขียนเรื่องซี้ดได้อีกยาว แต่คงต้องจบเพียงแค่นี้ อยากจะบอกว่า ถึงแม้ซี้ดจะ จากโลกนี้ไปแล้ว แต่ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ ซี้ดได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติคุณให้กับ วชิราวุธฯ ของเราอย่างมากมายเกินกว่าจะบรรยาย เทพ วงษ์วานิช (โอวี ๓๖) anuman-online.com
26 ใต้หอประชุม
สารบัญ
“ซี ด ๊ ” ดุสิต นนทะนาคร วิเคราะห์
ดุสิต-แถวนั้งที่สองจากขวา
นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมเขียนถึงซี๊ด เพื่อนที่คบกันมากว่า ๕๓ ปี ครั้งแรกไปขอ ผู้จัดหนังสืองานศพเขียนถึงเขา ครั้งนี้เป็นครั้งที่คณะผู้จัดท�ำอนุมานวสารขอให้ช่วย เขียนถึงอีกครั้ง ทีแรกปฏิเสธเพราะไม่รู้ว่าจะเขียนถึงแง่มุมไหน ในหนังสืองานศพ มีผคู้ นมากหลายเขียนถึงซีด๊ จนปรุไปหมดทัง้ หน้าประวัตศิ าสตร์ทเี่ กีย่ วพัน มานึกได้ว่ามีอยู่เรื่องหนึ่ง ที่เคยได้รับค�ำถามแล้วผมยังไม่ตอบ หรือตอบแล้วยังไม่ได้ บันทึกก็ไม่แน่ใจ ค�ำถามที่ว่า “ซี๊ดได้อะไรจากวชิราวุธวิทยาลัย? หรือวชิราวุธ วิทยาลัยให้กับอะไรกับซี๊ด?” อ่านแล้วเหมือนเรื่องเดียวกัน แต่ผมว่ามันต่างกันตรงที่วชิราวุธวิทยาลัยให้เรื่องที่ซี๊ด ได้รับอยู่ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี กับทุกๆ คน เพียงแต่นักเรียนฯ บางคนอาจจะไม่ได้ หยิบฉวยหลากเรื่องดังกล่าวมาเป็นสาระส�ำคัญในการด�ำรงชีวิตเหมือนกับซี๊ดนั่นเอง
สารบัญ เรื่องที่โรงเรียนให้และซี๊ดรับไปเต็มๆ ก็คือ E.Q. (Emotion Quotient) แปลเป็นไทย แบบไม่ต้องค้นคว้าให้ยืดยาวว่า “ความฉลาดทางอารมณ์” ที่โรงเรียนสมัยนั้นอยู่กัน ๑ เดือนกว่าจะได้กลับบ้าน ลองนึกถึงเวลา ๑ เดือน ที่เราต้องรู้จักดูแลตัวเอง ฝึกฝนวินัยในการตื่นเช้าไปเรียนหนังสือ กินอาหารเช้า สวดมนต์ เรียนถึงบ่าย กินอาหารกลางวัน เรียนศิลปะ ดนตรี เล่นกีฬา กินอาหาร เย็นพักผ่อน ท�ำการบ้าน สวดมนต์ เข้านอนรวม ๖ วันต่อสัปดาห์ วันอาทิตย์ฟรี ส่วนมากก็จับกลุ่มเล่นกีฬากัน ในชีวิตประจ�ำวันอย่างนี้ยังได้พบปะกับคุณครู เพื่อนร่วมรุ่นต่างชั้น รวมคณะ ต่างคณะ ทั้งที่เป็นธรรมะและอธรรม เจ้าหน้าที่โรงเรียน ฯลฯ กิจกรรมและผู้คนที่ได้ พบเป็นสนามฝึกความฉลาดทางอารมณ์ของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี อยู่ที่ว่าใครจะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปตัดแต่งให้เข้ากับวิถีชีวิตของตนได้อย่างไร ซี๊ดรู้จักตัวเองว่าต้องการอะไร บริหารจัดการมันได้อย่างไร กระตุ้นให้ไปถึงเป้าหมาย อยู่เสมอ รับรู้อารมณ์ของผู้คนที่ได้พบปะด้วยและใส่ใจในมิตรภาพที่มีความเอื้ออาทร อย่างจริงใจ สมัยนั้นซี๊ดและสังคมทั่วไปก็ยังไม่ใครกล่าวถึง E.Q. กันอย่างแพร่หลาย เพียงแค่ซี๊ดสะสมประสบการณ์ตามสามัญส�ำนึกที่ได้รับจากโรงเรียนและน�ำออกมา ใช้กบั ชีวติ ประจ�ำวันและการท�ำงานได้เป็นกอบเป็นก�ำ อย่างทีว่ า่ ได้ไปเต็มๆ เลยทีเดียว เรื่องที่สองน่าจะเป็นที่มาของโครงการสุดท้ายในชีวิตของซี๊ด ซึ่งก็คือ ความซื่อสัตย์ สุจริต ซี๊ดมีพ่อพิมพ์ที่ชัดมากก็คือ คุณพ่อเป็นผู้ว่าราชการที่ซื่อสัตย์เที่ยงตรง เคร่งครัดในระเบียบวินัย ซี๊ดก็เลยไม่ด่างพร้อยในเรื่องความซื่อตรง ไม่คดโกง เอารัดเอาเปรียบใคร น่าจะเป็นแรงจูงใจให้ซดี๊ ประสาน E.Q. กับผูค้ นสิบทิศ ทุม่ ทัง้ ชีวติ ผลักดันให้ “โครงการป้องกันและปราบปรามคอร์รัปชั่น” ปรากฏต่อสาธารณชน อย่างสง่างาม แล้วซี๊ดก็จากไป ผมเคยเขียนไว้ว่า ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนเขา เสียใจอยู่น้อยเดียวที่เขาเสร็จงานแล้วน่าจะ ได้พักผ่อนที่บ้าน เขาไปไกลเกินกว่าที่ผมจะติดต่อได้
ยังคิดถึงอยู่นะ หนวด - ชวลิต จงวัฒนา (โอวี ๓๖) ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕
ที่มาภาพ: กรรณ จงวัฒนา (โอวี ๗๖)
anuman-online.com
28 บทความพิ เ ศษ
สารบัญ
สารบัญ
สู้
คอร์ ร ป ั ชั น ่ เรื่องเพ้อเจ้อที่ต้องเริ่ม กับ
จริงจังเสียที
ผลการส�ำรวจระบุว่ากว่าครึ่งของสังคม ยอมรับคอร์รัปชั่นได้หากสร้าง ความเจริญให้กบั ประเทศ จริงหรือ ทีม่ กี ารคอร์รปั ชัน่ ชนิดทีส่ ร้างความเจริญได้? นักธุรกิจกว่าร้อยละ ๗๐ ยอมรับว่าตนจ่ายค่าคอร์รปั ชัน่ และในจ�ำนวนนัน้ กว่าร้อยละ ๘๐ คิดว่าเป็นเรื่องจ�ำเป็นและก็ได้ผลคุ้มค่า จริงหรือ ที่ธุรกิจ ไม่สามารถแข่งขันได้ ถ้าไม่จ่ายคอร์รัปชั่น? รายได้ตามกฎหมายทีน่ อ้ ยจนไม่พอกิน ท�ำให้ขา้ ราชการและนักการเมือง จ�ำเป็นจะต้อง “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” เพื่อประทังความอยู่รอด จริงหรือ ที่ ทุกคนจะคอร์รัปชั่นเพียงเพื่อเลี้ยงอัตภาพ และไม่เกินเลยไปสู่การกอบโกย อย่างไม่มีที่สิ้นสุด? สังคมไทยเลวร้ายลง เพราะปัญหาการคอร์รัปชั่นทวีมากขึ้นจนเกิน ระดับทีส่ มควร จริงหรือ ทีจ่ ะมีกลไกทีส่ ามารถก�ำหนดระดับดุลยภาพและสร้าง คอร์รัปชั่นขนาด “พอสมควร” ได้? คอร์รัปชั่นเป็นวัฒนธรรมอันหยั่งรากลึกในสังคมไทยทุกระดับ ไม่มี ทางที่ขุดถอนส�ำเร็จ จริงหรือ ที่การต่อสู้กับคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อไม่มี ทางบรรลุเป้าหมาย สมควรที่จะเอาทรัพยากรไปท�ำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ มากกว่า? anuman-online.com
30 บทความพิเศษ ความเชื่อข้างต้นเป็นมายาคติของ สังคมไทยปัจจุบนั ทีต่ งั้ อยูบ่ นความเห็นแก่ได้ ความมักง่าย การเข้าข้างตนเอง และคิดแต่ จะกอบโกยผลประโยชน์เฉพาะหน้า โดย ไม่ไยดีถึงความเสียหายร้ายแรงที่จะตามมา ซึ่ ง ในที่ สุ ด ก็ จ ะน�ำ มาสู ่ จุดจบซึ่งกระทบถึง ทุกภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะว่าคอร์รัปชั่นเป็นปัญหา ร้ า ยแรงที่ สุ ด อั น ดั บ หนึ่ ง ของสั ง คม เป็ น รากเหง้าของปัญหาทั้งมวลที่เราก�ำลังเผชิญ อยู่ ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งของความแตกแยก ความ เหลือ่ มล�ำ ้ ความไม่เป็นธรรม การกดขีข่ ม่ เหง เอารัดเอาเปรียบ การแย่งชิงทรัพยากร ทัง้ ยัง น�ำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรอย่างผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งบั่นทอนศักยภาพการ แข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ บทความนี้ได้แต่หวังจะเป็นก้อนหิน เล็กๆ ก้อนหนึง่ ทีจ่ ะมาร่วมกับภาคส่วนอืน่ ๆ ของสั ง คมเพื่ อ ช่ ว ยถมทั บ หนองบึ ง ความ ชั่วร้ายแห่งการคอร์รัปชั่น ซึ่งนับวันรังแต่จะ แผ่ขยายครอบคลุม และดูดกลืนทุกภาคส่วน ของสังคมไทยให้ดิ่งลึกลงทุกที
๑. ประเภทของคอร์รัปชั่น
เราพอจะแบ่ ง ประเภทการทุ จ ริ ต คอร์รัปชั่นออกได้เป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ คือ ๑.๑ การทุ จ ริ ต คอร์ รั ป ชั่ น ในภาค เอกชน อันได้แก่ การฉ้อฉลคดโกงกันเอง ระหว่างเอกชนด้วยกัน การที่พนักงานโกง
สารบัญ บริษทั การทีผ่ บู้ ริหารหรือผูถ้ อื หุน้ ใหญ่ฉอ้ ฉล เอาเปรียบผู้ถือหุ้นอื่น ซึ่งการฉ้อฉลในภาค เอกชนด้วยกันนี้ มักจะมีผู้ที่มีส่วนได้เสีย โดยตรงคอยตรวจสอบรักษาผลประโยชน์ตน และมีก ารพั ฒ นากฎหมาย รวมทั้ ง กลไก ป้องกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ๑.๒ การทุจริตโดยเบียดบังทรัพย์สนิ ของรัฐโดยตรง เช่น การฉ้อฉลเงินงบประมาณ แผ่นดิน การจัดการถ่ายโอนทรัพย์สินและ ทรัพยากรสาธารณะเป็นของตนและพรรคพวก ในราคาทีไ่ ม่เป็นธรรม ซึง่ เป็นการฉ้อฉลของ ผู้ที่มีอ�ำนาจรัฐ โดยอาศัยช่องว่างของกฎ ระเบียบต่างๆ และความไม่เท่าทันของสังคม ๑.๓ การที่ภาคเอกชนจ่ายสินบนให้ กับผู้มีอ�ำนาจรัฐเพื่อประโยชน์ตน ซึ่งการ ทุ จ ริ ต ประเภทนี้ จ ะเกิ ด จากความร่ ว มมื อ สองฝ่าย คื อผู ้ จ ่ ายที่ ห วั งจะได้ ป ระโยชน์ โดยมิชอบและผู้รับซึ่งสามารถใช้อ�ำนาจรัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ที่ว่าได้ (บทความนี้จะมุ่ง วิเคราะห์การทุจริตประเภทนี้เป็นหลัก) ซึ่ง พอจะแยกการทุจริตประเภทนี้ได้เป็น ๓ ประเภทใหญ่ ดังนี้ ๑.๓.๑ การซื้ อ หาความได้ เ ปรี ย บ ในการแข่งขัน ได้แก่การที่ภาคเอกชนจ่าย สินบนเพื่อให้ตนสามารถเพิ่มศักยภาพการ แข่งขันได้ โดยไม่ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ แท้จริง ซึ่งหลักการใหญ่ๆ ก็คือการกีดกัน ไม่ให้มีการแข่งขันสมบูรณ์ในวงกว้างตาม อุดมการณ์ทุนนิยมเสรี เช่น การล็อคสเปค ทุกรูปแบบ (ระบาดหนักอยู่ทุกหย่อมหญ้า
สารบัญ ในการจั ด ซื้ อ จั ด จ้ า งภาครั ฐ ) การให้ ใ บ อนุญาตพิเศษ การให้สมั ปทาน (ซึง่ ก็คอื การ แจกจ่าย Monopoly หรือ Oligopoly หรือ การอนุญาตให้ใช้ไว้ทรัพยากรสาธารณะ) ซึง่ ผู้ประกอบธุรกิจจะได้ประโยชน์ส่วนเกินที่ ควรได้เพียงพอที่จะน�ำไปจ่ายสินบน และ ยั ง คงมี เ หลื อ ส� ำ หรั บ ความมั่ ง คั่ ง ส่ ว นตน และพรรคพวก ซึ่ ง ทุ จ ริ ต ประเภทนี้ เ ป็ น ประเภททีม่ ปี ริมาณวงเงินสูงสุดและก่อความ เสียหายให้กับประเทศมากที่สุด ๑.๓.๒ การซือ้ หาความสะดวก ได้แก่ การที่ ป ระชาชนและภาคเอกชน จ� ำ เป็ น ที่ จ ะต้ อ งใช้ บ ริ ก ารภาครั ฐ ซึ่ ง มี ร ะเบี ย บ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องจ�ำนวนมาก ท�ำให้เกิด ความซับซ้อน (รวมทัง้ ข้อบังคับทีต่ อ้ งการลด การทุจริตด้วย) และสามารถใช้อำ� นาจรัฐ ใน การขัดขวางความสะดวกรวดเร็ว ท�ำให้ภาค เอกชนจ�ำเป็นที่จะต้องให้สินบน เพื่อท�ำให้ ภารกิจสามารถด�ำเนินไปได้ ทั้งๆ ที่สินบน ประเภทนีไ้ ม่ได้เพิม่ คุณค่าทางเศรษฐกิจใดๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น การขอใบอนุญาต ต่างๆ ระเบียบพิธีการศุลกากร สรรพากร งานต�ำรวจ ฯลฯ ซึ่งเป็นประเภทที่มีจ�ำนวน รายการกว้างขวางมากที่สุดแทบจะในทุกๆ ระบบราชการ ๑.๓.๓ การซื้อหาความไม่ผิด ได้แก่ การที่ผู้กระท�ำความผิดกฎหมาย สามารถ ที่ จ ะให้ สิ น บนในกระบวนการยุ ติ ธ รรม (ต�ำรวจ-อัยการ-ศาล) เพื่อให้ตนพ้นผิดได้ ซึ่ ง ในปั จ จุ บั น ระบาดหนั ก ถึ ง ขนาดที่ ใ น
บางครั้ง ผู้ที่ไม่ได้ท�ำความผิดยังอาจจะต้อง จ่ายสินบน เพื่อให้พ้นจากกระบวนการซึ่ง น�ำความยุ่งยากและอันตรายให้แก่กิจการ และสวัสดิภาพส่วนบุคคล
๒. กลยุทธ์การคอร์รัปชั่น
ถึงแม้จะมีกฎหมายระเบียบข้อบังคับ และหน่วยงานต่างๆ ทีเ่ กิดขึน้ มากมาย โดยมี จุ ด มุ ่ ง หมายเพื่ อ ป้ อ งกั น และปราบปราม การทุ จ ริ ต แต่ ข ้ อ เท็ จ จริ ง กลั บ มี ก าร ทุ จ ริ ต กว้ า งขวางขึ้ น และปริ ม าณมากขึ้ น ซึ่ ง นอกจากจะแสดงให้ เ ห็ น ถึ ง ความไม่ มี ประสิทธิผลและประสิทธิภาพของมาตรการ ต่างๆ ยังมีผลมาจากวิวฒ ั นาการด้านกลยุทธ์ ทั้งของผู้ให้สินบนและผู้ใช้อ�ำนาจรัฐในการ ทุ จ ริ ต โดยที่ สั ง คมส่ ว นใหญ่ ข าดความรู ้ ความเข้าใจและแรงจูงใจในการป้องกันและ ปราบปราม ในที่นี้จะวิเคราะห์ถึงรูปแบบ การทุจริต ๓ ลักษณะใหญ่ ที่ถูกใช้กันอย่าง แพร่หลายในปัจจุบัน ๒.๑ ได้กระจุก เสียกระจาย การ ทุจริตทีไ่ ม่มผี รู้ สู้ กึ เสียหายย่อมท�ำให้เกิดแรง จูงใจในการป้องกันปราบปรามได้นอ้ ย ดังนัน้ การทุจริตที่กระจายต้นทุนไปได้ทั่ว เช่น ทุจริตจากงบประมาณซึ่งต้นทุนจะกระจาย ไปแก่ประชาชนทุกคน จนไม่รู้สึกถึงความ เสียหายร้ายแรงอื่นๆ (ถ้าทุจริต ๖,๕๐๐ ล้านบาท ทุ กคนจะรู ้ สึกว่ า เสี ย หายเพี ย ง คนละ ๑๐๐ บาท ทั้งที่ความจริงมีความ เสียหายร้ายแรงอื่นๆ ที่ซ่อนไว้อีกมากมาย anuman-online.com
32 บทความพิเศษ
ที่จะกระทบกับทุกภาคส่วนในที่สุด) เรื่อง ทุจริตทีม่ กั จะเป็นกรณีได้รบั การต่อต้าน มัก จะเกิดจากการที่มีผู้เสียหายโดยตรงเพียง กลุม่ เล็ก ตัวอย่างเช่น การปล้นชิงทรัพยากร สาธารณะในชุ ม ชน การทุ จ ริ ต ในกิ จ การ ที่ ป ระชาชนผู ้ ใ ช้ บ ริ ก ารต้ อ งแบกรั บ ภาระ โดยตรง หรือการทุจริตทีม่ ลี กั ษณะพยายาม “กินรวบ” ท�ำให้ธรุ กิจอืน่ ๆ ทีแ่ ข่งขันอยู่ (โดย อาจจะเคยสามารถมี ช ่ อ งทางจ่ า ยสิ น บน ได้ ด ้ ว ย) ถู ก กี ด กั น ออกจากการแข่ ง ขั น โดยสิ้นเชิง นักทุจริตที่ใช้กลยุทธ์นี้จนเชี่ยวชาญ ยังสามารถประยุกต์วิธีการ “แจกกระจุก” เพือ่ ให้ได้มาซึง่ อ�ำนาจรัฐทีจ่ ะน�ำมาซึง่ โอกาส ในการทุจริต เช่น การที่ข้าราชการหรือ นักการเมืองซื้อต�ำแหน่งหรือซื้อเสียง การที่
สารบัญ
ภาคเอกชนจ่ายเงินสนับสนุนนักการเมืองทีม่ ี โอกาสสร้างช่องทางทางธุรกิจให้ตน ตลอดจน การที่ นั ก การเมื อ งสามารถใช้ อิ ท ธิ พ ล เบียดเบียนงบประมาณจากภาคส่วนอื่นมา พัฒนาท้องถิ่นตนจนเกินควร (จนท้องถิ่น อื่นเรียกร้องให้ผู้แทนของตนเอาเยี่ยงอย่าง ว่าเป็นผู้แทนในอุดมคติ) ๒.๒ ได้วันนี้ เสียวันหน้า การทุจริต ที่ไม่ส่งผลเสียในทันที ย่อมมีโอกาสที่ถูก ต่อต้าน หรือถูกตรวจสอบป้องกันปราบปราม น้อยกว่า เช่น การลงทุนขนาดใหญ่ในภาครัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ทีส่ ามารถกล่าวอ้างคาดคะเน ถึงความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและสังคมได้ โดยยากที่จะพิสูจน์ผลได้ในระยะสั้น โดย จะผลั ก ภาระต้ น ทุ น ความเสี ย หายให้ แ ก่ ผู้เสียภาษีในอนาคต (ผ่านกระบวนการหนี้
สารบัญ สาธารณะ) ซึ่งในบางครั้งสามารถว่าจ้าง ผู้เชี่ยวชาญก�ำมะลอ มาช่วยยืนยันข้อมูล ในการศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อผลักดัน โครงการที่ไม่มีความคุ้มค่า ตัวอย่างเช่น การลงทุนในโครงการขนส่งสาธารณะที่มี ผูเ้ ชีย่ วชาญ คาดคะเนว่าจะมีผใู้ ช้บริการวันละ หลายหมื่นคน ในขณะที่เมื่อแล้วเสร็จมีผู้ใช้ บริการจริงไม่กี่พันคนต่อวัน ความเสียหาย และต้นทุนที่เกิดจะถูก “ตัดค่าเสื่อมราคา” ได้ในเวลานาน ท�ำให้สามารถกระจายความ เสี ย หายไปในอนาคตได้ จ นหลายครั้ ง ไม่ ท�ำให้เกิดภาระในระยะสั้นมากนัก การจัด ซือ้ จัดจ้างในส่วนของถาวรวัตถุทรี่ าคาสูงเกิน จริงหรือไม่จ�ำเป็นของหน่วยงานต่างๆ จะมี ลักษณะตามนี้จำ� นวนมาก ๒.๓ ใช้นายหน้าตัวแทน ตัวกลาง ผูป้ ระสานงานการทุจริต จากความพยายาม ป้องกันปราบปรามที่เข้มงวดมากขึ้น (แต่ ยังไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่าง แท้จริง) ท�ำให้เกิดระบบผู้เชี่ยวชาญที่รับ หน้าทีเ่ ป็นตัวแทน ตัวกลาง หรือ ประสานงาน (“นั ก วิ่ ง เต้ น ” หรื อ “Lobbyist”) เพื่ อ ให้การทุจริตสามารถด�ำเนินการผ่านช่องว่าง ต่างๆ ของกฎหมายได้ ทั้งนี้หน่วยธุรกิจ ที่เกิดขึ้นแทบจะไม่มีส่วนเพิ่ม คุณค่าทาง เศรษฐกิจให้แก่ระบบ แต่ได้รับส่วนแบ่ง ค่าตอบแทนเป็นจ�ำนวนมาก ทวีความรุนแรง ของปัญหา “ค่าเช่าทางเศรษฐกิจ” (Economic Rents) ซึ่งใช้ทรัพยากรจ�ำนวนมาก โดยไม่ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจใดๆ ตัวอย่างเช่น
การจัดซื้อจัดจ้างด้านระบบสารสนเทศ (ซึ่ง เป็นทรัพย์สินไม่มีตัวตน ยากจะประเมิน มูลค่าได้) ที่บริษัทเจ้าของเทคโนโลยีและ ทรัพย์สินทางปัญญาระดับโลกหลายแห่ง ไม่ได้เข้าท�ำสัญญาซื้อขายโดยตรงกับภาค รัฐเลย ทั้งๆ ที่หน่วยงานภาครัฐทั้งหลาย จัดหาสินค้าเหล่านีจ้ ากตัวแทน ตัวกลางปีละ หลายๆ หมื่นล้านบาท (เป็นภาคที่มีข่าวลือ ที่ทุกคนเชื่อว่าเปอร์เซ็นต์สูงที่สุดภาคหนึ่ง)
๓. โทษของคอร์รัปชั่น
คอร์รัปชั่นเป็นปัญหาร้ายแรง แต่ สั ง คมมั ก รั บ รู ้ โ ทษของมั น น้ อ ยกว่ า ความ เป็นจริง การต่อสู้โดยพยายามยกเหตุผล ด้ า นคุ ณ ธรรม การปลุ ก จิ ต ส� ำ นึ ก ในบาป บุ ญ คุ ณ โทษตามค่ า นิ ย มวั ฒ นธรรมและ ศาสนาดูจะไม่ได้ผล (โดยเฉพาะเมื่อค�ำนึง ถึงผลประโยชน์มหาศาลและค่านิยมปัจจุบนั ที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าการ “แก้กรรม” สามารถกระท� ำ ได้ ) การเปลี่ ย นทั ศ นคติ ของสั ง คม จ� ำ เป็ น ต้ อ งท� ำ ให้ ทุ ก คนรั บ รู ้ ว่า คอร์รั ป ชั่ นมี โ ทษมหั นต์ แ ละกว้ า งขวาง (มากกว่ า จะเพี ย งแค่ “ตกนรก”) และ ในทีส่ ดุ จะเป็นผลร้ายกระทบกับทุกภาคส่วน อย่างแท้จริง ในที่นี้จะขอเรียบเรียงโทษของ คอร์รัปชั่น (บางประการ) ดังนี้ ๓.๑ ความไม่มีประสิทธิภาพของ นโยบายการคลัง โดยเหตุที่นโยบายการ คลัง คือ การเคลื่อนย้ายทรัพยากรจาก ภาคส่วนทีม่ งั่ คัง่ กว่าไปสูภ่ าคส่วนอืน่ ๆ (การ anuman-online.com
34 บทความพิเศษ กระจายรายได้) จากภาคส่วนที่จ�ำเป็นน้อย สู่ภาคส่วนที่จ�ำเป็นมากกว่า (เช่น บริการ สาธารณะ) จากอนาคตมาใช้ แ ก้ ป ั ญ หา ปัจจุบัน (การแก้วิกฤติผ่านหนี้สาธารณะ) ฯลฯ การคอร์รัปชั่น นอกจากท�ำให้ทรัพยากรรั่วไหล ไม่ ได้ใช้งานเต็มที่ตามวัตถุประสงค์แล้ว ยัง ท�ำให้เกิดการบิดเบือน การตัดสินใจในเรื่อง ของนโยบายการคลัง (รวมทั้งงบประมาณ) ท�ำให้การใช้งานทรัพยากรภาครัฐ มีการ จัดสรรและใช้งานอย่างไม่เกิดประโยชน์เท่า ที่ควรและก่อให้เกิดการบิดเบือนของระบบ เศรษฐกิจ จนในบางครั้งก็เป็นต้นเหตุของ วิกฤติร้ายแรงได้ ๓.๒ คุณภาพและต้นทุนของบริการ พื้นฐาน โดยเหตุที่รัฐและรัฐวิสาหกิจ เป็น ผู้รับผิดชอบบริการพื้นฐานสาธารณะแทบ ทั้งหมด (ไม่เคยมีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่สมบูรณ์ในบริการส�ำคัญเลย) คอร์รัปชั่น อย่างกว้างขวางในทุกภาคส่วนท�ำให้บริการ พื้ น ฐานมี คุ ณ ภาพต�่ ำ ไม่ เ พี ย งพอ และมี ต้นทุนสูง (ซึง่ เป็นเหตุสำ� คัญให้ศกั ยภาพการ แข่งขันของประเทศถูกบั่นทอนอย่างมาก) ๓.๓ ความเบี่ยงเบนของทรัพยากร ภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น ทั้งหมด มักจะเป็นภาคที่ไม่ใช่สินค้าตลาด โลก (Non-Tradable) และเกี่ยวข้องกับการ ใช้อำ� นาจรัฐ ซึ่งในระยะสั้นจะได้ก�ำไรอย่าง มาก (เพราะกีดกันการแข่งขันได้) ท�ำให้ ทรัพยากรไหลเข้าสู่ภาคนี้ ทั้งทรัพยากร
สารบัญ บุ ค ลากรคุ ณ ภาพ (ฉลาด เก่ ง แต่ ชั่ ว ) ทรัพยากรเงินทุนท�ำให้เกิดการลงทุนเกิน สมควรในด้านทีไ่ ม่จำ� เป็นทีจ่ ะต้องแข่งขันใน เวทีโลก จะเห็นได้ว่ามหาเศรษฐีจ�ำนวนมาก อยูใ่ นภาคส่วนนี้ และอัจฉริยะจ�ำนวนไม่นอ้ ย จะไหลเข้าสู่อาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น การเมือง (ด้านสกปรก) และ Lobbyists เป็นต้น ๓.๔ บั่ น ทอนศั ก ยภาพการแข่ ง ขั น ของประเทศ นอกจากข้อเสียดังกล่าวข้างต้น การที่ ภ าคเอกชนมี ช ่ อ งทางมากมายที่ จ ะ ได้เปรียบ (หรือกีดกัน) การแข่งขันโดยที่ ไม่ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพแท้จริง (Real Productivity) ท�ำให้ขาดความจ�ำเป็นใน การพั ฒ นาปรั บ ปรุ ง คุ ณ ภาพสิ น ค้ า และ บริก ารรวมทั้ ง การค้ น หานวั ต กรรมใหม่ ๆ (การซื้อหาความได้เปรียบมีความแน่นอน กว่าและความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนใน R&D มาก) เป็ น สาเหตุ ส� ำ คั ญ ประการ หนึ่งที่ประเทศไทยมีการลงทุนในการวิจัย และพัฒนาต�่ำที่สุดประเทศหนึ่ง ไม่เคยมี ประเทศก�ำลังพัฒนาใดที่มีดัชนีคอร์รัปชั่น ต�่ำกว่า ๕.๐ (ประเทศไทย ๓.๓) สามารถ ก้าวพ้นกับดักการพัฒนา (Middle Income Trap) ไปได้เลย ๓.๕ ความเหลื่อมล�้ำในสังคม การที ่ คอร์ รั ป ชั่ น ไม่ ส ่ ง เสริ ม ศั ก ยภาพในการ แข่งขัน ท�ำให้ภาคเศรษฐกิจจ�ำเป็นต้องไปกด เงินเดือน ค่าจ้าง ซึ่งผู้รับเป็นคนส่วนใหญ่ ของประเทศประกอบกับการที่ความสะดวก ความได้เปรียบและความไม่คิด สามารถ
สารบัญ ซื้ อ หาได้ ส� ำ หรั บ คนบางกลุ ่ ม ท� ำ ให้ เ กิ ด สังคมหลายมาตรฐาน มีส่วนส�ำคัญที่ท�ำให้ ทรั พ ยากร และความมั่ ง คั่ ง ไม่ ไ ด้ รั บ การ กระจายอย่างทั่วถึง ๓.๖ ความแตกแยกในสังคม นอกจาก ความเหลื่อมล�้ำแล้ว ความพยายามทุกวิถี ทางที่ จ ะพยายามเข้ า ถึ ง อ� ำ นาจรั ฐ (ของ นักการเมืองและข้าราชการบางพวก) โดยไม่ ค�ำนึงถึงวิธีการและต้นทุนที่ใช้เป็นรากฐาน ส�ำคัญประการหนึ่งของความแตกแยกอย่าง รุนแรงที่เราก�ำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ แม้แต่ ปัญหาใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ก็มีสาเหตุ ไม่น้อยที่มาจากการคอร์รัปชั่น
๔. ประโยชน์ของคอร์รัปชั่น... ภาพหลอนในระยะสั้น
การที่ ค นจ� ำ นวนไม่ น ้ อ ยเชื่ อ ว่ า คอร์รัปชั่นมีประโยชน์สามารถสร้างความ เจริ ญ ต่ อ เศรษฐกิ จ และสั ง คมส่ ว นรวมได้ บ้าง เนือ่ งจากในระยะสัน้ การคอร์รปั ชัน่ มาก อาจท�ำให้มีการลงทุนและการใช้จ่ายได้เป็น อย่างมาก และท�ำให้เกิดการขยายตัวทาง เศรษฐกิจในระยะสั้น (การลงทุนและการ บริโภคมีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเติบโต ทางเศรษฐกิจ) ทั้งในกรณีที่ผู้ใช้อ�ำนาจรัฐ มีแรงจูงใจที่จะลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (ซึ่งสามารถตัด “ค่าเสื่อมราคา” ได้นาน) หรื อ ใช้ ม าตรการต่ า งๆ ของรั ฐ ที่ มี ช ่ อ ง ทางในการทุจริต โดยใช้ทรัพยากรในอนาคต (หนี้สาธารณะ) หรือท�ำให้รัฐมีขนาดใหญ่
ขึ้นตลอดจนการที่ภาคเอกชนสามารถซื้อ หาความได้เปรียบได้ ก็จะมีการลงทุนมาก เกินสมควร (ในบางครั้งที่เรามีรัฐบาลสุจริต นักธุรกิจบางกลุ่มถึงกับบ่นว่า “ค้าขายไม่ ได้”) แต่การลงทุนและการใช้จ่ายประเภท ดั ง กล่ า ว ถึ ง แม้ ดู เ หมื อ นจะเป็ น ผลดี ใ น ระยะสั้น แต่ในระยะต่อไปจะส่งผลเสียหาย ร้ายแรงหลายเท่าทวีคูณ และจะเป็นปัญหา สะสมจนยากที่จะแก้ไขได้
๕. การต่อสู้กับคอร์รัปชั่น... ความหวังของชาติ
ถึ ง แม้ ก ารคอร์ รั ป ชั่ น จะฝั ง รากลึ ก อย่างกว้างขวางจนดู เ หมื อ นจะกลายเป็ น ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ยากจะแก้ไข แต่ ในปัจจุบันได้มีหลายภาคส่วนมีความตื่นตัว อย่ า งที่ ไ ม่ เ คยมี ม าก่ อ น ในที่ นี้ ข อเสนอ มาตรการบางประการที่น่าจะมีประโยชน์ใน ความพยายามทีจ่ ะเอาชนะภัยคอร์รปั ชัน่ ซึง่ เป็นศัตรูที่ส�ำคัญที่สุดของสังคม ๕.๑ การเปลี่ยนทัศนคติของสังคม เป็นขั้นตอนแรกที่ส�ำคัญที่สุดที่จะต้องท�ำให้ ทุกภาคส่วนเข้ าใจถึ งเภทภัยร้ายแรงที่จะ กระทบถึงตัวอย่างหลีกเลีย่ งไม่ได้ (มากกว่า จะเพี ย งแต่ ป ลุ ก จิ ต ส� ำ นึ ก ด้ า นคุ ณ ธรรม) โดยเฉพาะผู ้ ที่ ไ ด้ รั บ ประโยชน์ ส ่ ว นน้ อ ย ในระยะสั้น (พวกที่ตกเป็นเหยื่อของการ “แจกกระจุก”) ๕.๒ ขจัดเงือ่ นไขทีเ่ อือ้ ให้มกี ารทุจริต ลดขั้ น ตอนในระบบและแก้ ไ ขระเบี ย บที ่ anuman-online.com
36 บทความพิเศษ ยุง่ ยากซับซ้อน โดยเฉพาะทีอ่ นุญาตให้มกี าร ใช้วิจารณญาณอย่างไม่เป็นธรรม ก�ำหนด มาตรฐานการให้บริการแก่ประชาชนและ ภาคธุรกิจที่ชัดเจน พยายามไม่ออก กฎ ระเบียบที่ไม่แน่ใจว่ามีประสิทธิภาพ เช่น กรณีที่ ป.ป.ช. ออกกฎให้เอกชนที่มีสัญญา กับภาครัฐเกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ต้องรายงาน รายละเอียดต้นทุนทุกอย่างต่อรัฐ ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งถ้าพิจารณาให้ดีจะเห็น ว่าไม่น่าจะช่วยชดคอร์รัปชั่นได้ แต่กลับจะ ท�ำให้มีการเพิ่ม ต้นทุนแก่ระบบ (ประมาณ ว่ามากกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี) มีการเพิ่ม บทบาท ตัวแทน ตัวกลาง ตลอดจนอาจท�ำให้ ภาคธุรกิจที่ดีบาง ส่วนต้องถอนตัวออกจาก ระบบค้าขายกับรัฐไปเลย เพราะไม่คุ้มทุน และไม่คุ้มเสี่ยงและเมื่อออกระเบียบมาแล้ว มักจะคงอยู่ตลอดไป ๕.๓ เพิ่มความโปร่งใสภาครัฐ การ ก�ำ หนดให้ มี ม าตรฐานการเปิดเผยข้อมูล ทัง้ หมด ทัง้ ในด้านการจัดซือ้ จัดจ้าง และการ ลงทุนในทุกโครงการของภาครัฐ ในส่วนของ รัฐวิสาหกิจทีย่ งั ไม่ได้ (และไม่ยอม) แปรรูป ก็อาจก�ำหนดให้มีมาตรฐาน การเปิดเผย ข้อมูล เสมือนหนึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้ภาคประชาชน และสื่อมวลชนสามารถติดตามตรวจสอบ ได้โดยสะดวก ในการลงทุนต่างๆ ก็ควรจะ มีการติดตามรายงานผลความคุ้มค่าและ ข้อผิดพลาดประกาศให้เป็นที่รับทราบของ สาธารณชน
สารบัญ ๕.๔ การกระจายอ�ำนาจทั้งในด้าน การปกครอง การงบประมาณ และการ จั ด สรรทรั พ ยากร นอกจากจะมี ค วาม ส� ำ คั ญ อย่ า งยิ่ ง ในมิ ติ อื่ น ๆ ยั ง ช่ ว ยลด ปัญหาคอร์รัปชั่นได้มาก เพราะจะเกิดแรง จู ง ใจให้ ป ระชาชนในท้ อ งถิ่ น ติ ด ตามดู แ ล การใช้ทรัพยากรภาครัฐ เนื่องจากมีส่วน ได้เสียโดยตรง (ขจัดเงื่อนไข “ได้กระจุก เสียกระจาย”) ๕.๕ ส่งเสริมให้มอี งค์กรภาคประชาชน ที่มีการด�ำเนินการในด้านนี้ เช่น องค์กรที่ คอยติดตามตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ส�ำนักข่าวเจาะ (Investigative Reporter) ที่ มีความเป็นอิสระ (ส�ำนักข่าวหลักในปัจจุบนั มักจะต้องพึ่งอ�ำนาจรัฐผ่านระบบสัมปทาน หรื อ รั บ การสนั บ สนุ น การโฆษณาและ จัดรายการจากหน่วยงานของรัฐ) ๕.๖ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจทีส่ มบูรณ์ โดยไม่เป็นการโอนอ�ำนาจผูกขาดให้เอกชน และมีระบบบรรษัทภิบาลที่ดี การแปรรูป ในประเทศไทยที่ ผ ่ า นมา ไม่ เ คยมี ก าร แปรรูปโดยสมบูรณ์เลย ภาคการเมืองยัง คงมี อิ ท ธิ พ ลเหนื อ รั ฐ วิ ส าหกิ จ ทุ ก แห่ ง ที่ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และยังคง สภาพ Monopoly อยูค่ อ่ นข้างมาก ถึงแม้จะ มีการเพิม่ ประสิทธิภาพและความโปร่งใสไม่ น้อย มีการติดตามตรวจสอบมากขึน้ จากผูม้ ี ส่วนได้เสีย (ผูถ้ อื หุน้ อืน่ ) แต่กย็ งั ไม่สามารถ กล่าวได้ว่าปราศจากพฤติกรรมไม่ชอบ รัฐ ควรจะด�ำเนินการแปรรูปต่อให้สมบูรณ์ ซึ่ง นอกจากจะเพิ่มความโปร่งใสแล้ว ยังจะ
สารบัญ เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของสินค้า และบริการอีกด้วย (มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอังกฤษ เคยกล่าวว่า “When State owns, nobody owns. When nobody owns, nobody cares.”) ๕.๗ การเปิ ด เสรี ร ะบบเศรษฐกิ จ โดยส่งเสริมให้มีการแข่งขันอย่างเปิดเผย กว้างขวาง โดยเฉพาะจากบริษทั ข้ามชาติทมี่ ี มาตรฐานสูง ขจัดข้อจ�ำกัดในด้านการกีดกัน ทุกชนิดทีไ่ ม่จำ� เป็น (เช่น ด้านสัญชาติ) การ กีดกันทางการค้าทุกชนิดเท่ากับเป็นการ จ� ำ กั ด การแข่ ง ขั น ซึ่ ง ส่ ว นใหญ่ เ ป็ น ไปเพื่ อ ประโยชน์ ข องนั ก ธุ ร กิ จ กลุ ่ ม เล็ ก เท่ า นั้ น โดยทีผ่ บู้ ริโภคและประชาชนส่วนใหญ่จะเป็น ผู้รับภาระส�ำหรับก�ำไรส่วนเกินที่เกิดขึ้น ๕.๘ การร่วมมือกับนานาชาติและ องค์กรระหว่างประเทศ ในปัจจุบันได้มีการ ตืน่ ตัวอย่างมากในความร่วมมือทีจ่ ะขจัดการ คอร์รัปชั่นในประเทศก�ำลังพัฒนาทั้งหลาย หลายประเทศได้ออกกฎหมายทีม่ บี ทลงโทษ ค่อนข้างรุนแรง (น่าสังเกตว่า หน่วยงาน รัฐซื้อสินค้าและบริการจากประเทศเหล่านี้ ลดลง) และมีความร่วมมือกันในหลายๆ ช่อง ทาง ยังมีองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ (เช่น World Bank, ADB, Transparency International, Open Society Institute) ซึ่งบท เรียนจากประเทศทีส่ ามารถลดคอร์รปั ชัน่ ได้ มาก จนท�ำให้ประเทศสามารถก้าวพ้นกับดัก
สัญลักษณ์ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น
การพัฒนา เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง (และมาเลเซียจะเป็นประเทศต่อไป) น่าจะมี ประโยชน์กับประเทศไทยได้อย่างมาก บทความนี้ เรียบเรียงจากความรู้ ความเข้าใจที่มีอยู่อย่างค่อนข้างจ�ำกัด ย่อม ขาดความสมบูรณ์อยู่ไม่น้อย เพียงหวังว่า จะช่วยให้มีความเข้าใจมากขึ้น และหวังว่า จะเป็นประเด็นทีม่ กี ารศึกษาค้นคว้าต่ออย่าง กว้างขวาง น�ำไปสู่ความร่วมมือร่วมใจของ ทุกภาคส่วนทีจ่ ะช่วยกันขจัดคอร์รปั ชัน่ ทีเ่ ป็น ภัยคุกคามร้ายแรงของสังคมไทย หากมี ป ระโยชน์ จ ากข้ อ เขี ย นนี้ บ้างประการใด ขออุทศิ คารวะแด่คณ ุ ชาญชัย จารุวสั ตร์ และ คุณดุสติ นนทะนาคร ผูอ้ ทุ ศิ ตน เป็ น ก้ อ นอิ ฐ ก้ อ นแรกๆ จากภาคเอกชน ในการจุ ด ประกายต่ อ ต้ า นภั ย คอร์ รั ป ชั่ น หางกระดิกหมา* ที่มา: www.thaipublica.org
* หางกระดิกหมา เป็นนามปากกาของพี่โอวีท่านหนึ่งที่มีความจริงใจและตั้งใจจริงในการต่อสู้กับการคอร์รัปชั่น
anuman-online.com
38
ตึกพยาบาล
สารบัญ
มะเร็ ง เม็ดเลือดขาว CLL
เป็นทีน่ า่ เสียใจทีพ่ โี่ อวีอนั เป็นทีร่ กั ของเราอย่าง พีซ่ ดี้ – ดุสติ นนทะนาคร (โอวี ๓๖) ได้เสียชีวิตลงจากการติดเชื้อ ภายหลังการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือด ขาวชนิด CLL (Chronic Lymphoid Leukemia) จึงขออนุญาตน�ำข้อมูลเกี่ยวกับ โรคนี้มาแบ่งปันให้พี่ๆ น้องๆ ชาวโอวีได้รู้จักและเข้าใจโรคชนิดนี้ได้ดีขึ้นนะครับ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบ่งได้เป็น ๔ ชนิด ตามชนิดของเม็ดเลือดขาว ที่ผิดปกติและการด�ำเนินของโรค ส�ำหรับมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด CLL นั้น ถือว่าเป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุดในบรรดามะเร็งเม็ดเลือดขาวทั้งหมด แต่ถึงแม้ว่า จะเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด แต่อุบัติการณ์ของมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด CLL ในประชากรทั่วไปถือว่าต�ำ่ มาก คือ พบเพียง ๓ ราย ต่อประชากรจ�ำนวนหนึ่ง แสนคนต่อปีเท่านั้น อายุเฉลี่ยของคนที่จะตรวจพบมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด CLL นั้นอยู่ที่ ประมาณ ๖๕ ปี สาเหตุของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่ามีความสัมพันธ์กับ กรรมพันธุ์ ขณะที่การตรวจพบมักไม่มีอาการใดๆ บ่งชี้มาก่อน การพบมะเร็ง ดังกล่าวจึงอาจจะเป็นการตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจ�ำปี หรือไม่ ก็จะพบภายหลังจากที่ได้รับการรักษาโรคอื่นๆ หากผูป้ ว่ ยมีอาการ ส่วนมากทีพ่ บก็มกั จะไม่จำ� เพาะกับโรคใดโรคหนึง่ เช่น อ่อนเพลีย, มีไข้ต�่ำๆ, น�ำ้ หนักลด, ซีด หรือคล�ำก้อนได้ตามบริเวณต่างๆ ของ ร่างกาย ซึง่ เกิดจากต่อมน�้ำเหลืองหรือไม่ก็ ตับ ม้าม ทีโ่ ตผิดปกติได้ การวินจิ ฉัย สามารถท�ำได้ดว้ ยการตรวจเลือดและการเจาะตรวจไขกระดูก เพือ่ ดูลกั ษณะและ จ�ำนวนเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติ
สารบัญ
kg
อ่อนเพลีย
มีไข้ตำ�่ ๆ
น�ำ้ หนักลด
โดยทั่วไปแล้ว โรค CLL เป็นโรคที่มีความรุนแรงน้อย ถ้าเป็นระยะต้นๆ ก็ไม่จำ� เป็นต้องได้รบั การรักษา เนือ่ งจากมีการเปลีย่ นแปลงของโรคช้ามากและมี ภาวะแทรกซ้อนน้อย แต่ส�ำหรับผู้ป่วยที่มีอาการจากโรคนี้รุนแรง หรือเป็นระยะ ท้ายๆ ของโรคแล้ว จ�ำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำ� บัดและติดตาม ภายหลังการได้รับยาต่อไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวลส�ำหรับผู้ป่วย คือ การได้รับยาเคมีบ�ำบัด เนื่องจากอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาบ่อย ไม่ว่าจะเป็นอาการ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร หรือผมร่วง และภาวะที่อันตรายที่สุด คือ ระดับ เม็ดเลือดขาวในเลือดต�่ำ โดยปกติเม็ดเลือดขาวจะท�ำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นเมื่อระดับเม็ดเลือดขาวในเลือดต�่ำ ร่างกายจะสูญเสียการ ป้องกันเชือ้ โรคจากเม็ดเลือดขาวไป ท�ำให้เกิดการติดเชือ้ ง่ายกว่าคนปกติ แม้เชือ้ โรค ทีพ่ บในสภาวะแวดล้อมทัว่ ไปก็สามารถก่อโรคให้กบั ผูป้ ว่ ยกลุม่ นีไ้ ด้ อาการต่างๆ ทีเ่ กิดภายหลังการติดเชือ้ อาทิ เสมหะมีสเี ขียวเหนียวข้น, ปัสสาวะแสบขัด หรือ มีไข้ เป็นอาการที่ต้องอาศัยการตอบสนองจากเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ที่เข้าสู่ในร่างกาย ดังนั้น เมื่อเกิดภาวะเม็ดเลือดขาวต�่ำ อาการจากการติดเชื้อในผู้ป่วย กลุ่มนี้จึงไม่ชัดเจน และที่ส�ำคัญการตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อก็แย่ กว่าผูป้ ว่ ยทัว่ ไป ท�ำให้การติดเชือ้ เป็นสาเหตุการเสียชีวติ ทีส่ �ำคัญในผูป้ ว่ ยกลุม่ นี้ นพ.ภัทรวิน ภัทรนิธิมา (โอวี ๗๑) anuman-online.com
40
ห้องสมุด
สารบัญ
เสียง
ทีความหวั ่ยังงมี ช ว ี ต ิ และความคิด ของ ดุสิต นนทะนาคร
หนังสือเล่มนีไ้ ด้รวบรวมเรือ่ งราวชีวติ การท�ำงาน และความหวัง ของคุณดุสติ บุคคลที่เรียกว่าเป็นระดับมันสมองของประเทศไทย ผมเพิ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือ เล่มนี้เมื่อตอนที่ คุณดุสิต นนทะนาคร ได้จากพวกเราไปแล้ว ผมได้รจู้ กั คุณดุสติ มากขึน้ ในหลากหลายมิตผิ า่ นหนังสือเล่มนี้ และผมจะไม่ แปลกใจเลยถ้าคนที่ไม่ใช่เด็กนักเรียนวชิราวุธฯ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะชื่นชม วชิราวุธวิทยาลัย สถาบันที่สามารถผลิตคนที่มีคุณภาพระดับประเทศ อย่างเช่น คุณดุสิต นนทะนาคร โดยส่วนตัวผมรู้เพียงว่าคุณดุสิตเป็นคนเก่งในการท�ำงาน จากประวัติ การท�ำงานต่างๆ จากที่ได้เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ นิตยสาร และการ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ รวมถึงการที่ผู้คนในวงการธุรกิจกล่าวชื่นชมคุณดุสิต อยู่เสมอๆ แต่เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นการรวบรวมบทสัมภาษณ์ของ คุณดุสิตจากหลายแห่ง หลายเวลา ผมจึงได้พบว่าต้นเหตุของความสามารถต่างๆ ที่ผู้คนชื่นชมคุณดุสิตนั้น ต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด ตามที่มนุษย์ คนหนึ่งจะสามารถท�ำได้เพื่อไปอยู่ ณ จุดนั้น นอกจากนี้ผมยังสังเกตเห็นถึงชั้นเชิง ในการให้ค�ำตอบในการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของที่ ได้รับการตระเตรียมมาเป็นอย่างดี จนกลายเป็นว่าผู้ถูกสัมภาษณ์อย่างคุณดุสิตมี แต้มต่อกว่าผู้สัมภาษณ์หลายๆ คน
สารบัญ
บรรณาธิการ: รวิสุดา นนทะนาคร ชีวิตของคุณดุสิตสามารถแบ่งได้เป็น ๔ ช่วงเวลา ช่วงแรก ในสมัยที่ยัง เป็นนักเรียนวชิราวุธฯ ช่วงที่สอง เข้าท�ำงานที่บริษัทปูนซิเมนต์ไทย ช่วงที่สาม เริ่มท�ำงานให้กับหอการค้าไทย และช่วงสุดท้าย คือ การต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งใน แต่ละช่วงเวลาผู้อ่านจะสัมผัสได้ถึงวิสัยทัศน์อันก้าวไกลและความตั้งใจแน่วแน่เพื่อ สังคมไทยที่ดีขึ้นของคุณดุสิต หนั ง สื อ เล่ ม นี้ ไ ม่ เ พี ย งแต่ เ ป็ น หนั ง สื อ ที่ ร วบรวมเล่ า ประวั ติ ข องคุ ณ ดุ สิ ต อย่างเดียว แต่ยังมีเนื้อหาที่ผู้อ่านสามารถเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการองค์กร และการจัดการเรื่องคอร์รัปชั่นแบบย่อๆ ผ่านชีวิตของกูรูชั้นแนวหน้าคนหนึ่งของ ประเทศไทยได้เป็นอย่างดีอกี ด้วย อีกเรือ่ งส�ำคัญทีผ่ อู้ า่ นจะได้พบระหว่างอ่านหนังสือ เล่มนี้ คือ ความเป็นผู้น�ำของคุณดุสิต ซึ่งผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าผู้ร่วมงานหรืออยู่ ร่วมองค์กรเดียวกับคุณดุสิต จะมีความสนุกกับการท�ำงาน และมีความภาคภูมิใจที่ ได้ร่วมกับคนอย่างคุณดุสิต ขอบคุณ คุณรวิสุดา ลูกสาวคนเล็กของคุณดุสิตและบรรณาธิการของ หนั ง สื อ เล่ ม นี้ ที่ ไ ด้ ร วบรวมบทสั ม ภาษณ์ ดี ๆ ที่ ท� ำ เสี ย งของคุ ณ ดุ สิ ต ยั ง มี ความหวังอยู่จริงๆ ผู้ที่สนใจหนังสือเล่มนี้ กรุณาติดต่อ คุณรวิสุดา นนทะนาคร โทร.๐๘๑-๘๒๘-๖๔๖๑ อภิพงศ์ พงศ์เสาวภาคย์ (โอวี ๗๑) anuman-online.com
42
ศั พ ท์ โ อวี
เรื่องราวในโรงเรียนฉบับไม่เป็นทางการ
เข้าพิท
สารบัญ
หลายคนๆ คงพอจะเคยได้ยินศัพท์โอวีค�ำว่า “ปล่อยควาย” กันมาบ้างแล้ว หรือ ถ้าจ�ำไม่ได้กข็ อให้คดิ ภาพเด็กๆ ม.ต้นในชุดกีฬาทีก่ ำ� ลังพยายามวิง่ ด้วยความเร็วเต็มที่ เพื่อ ท�ำเวลาให้ทันประมาณ ๓ – ๔ นาทีต่อหนึ่งรอบ (หรืออาจจะตามเวลาใจของพี่หัวหน้า ก็ได้) เส้นทางการปล่อยควายส่วนใหญ่ก็จะเริ่มต้นจากคณะต่างๆ วิ่งผ่านตามเส้นทาง รอบโรงเรียนแล้วกลับมาจบที่จุดปล่อยตัว ส่วนจ�ำนวนครั้งที่เด็กๆ จะโดนปล่อยควายนั้น ก็แล้วแต่ความเหมาะสมของพี่หัวหน้า ในบางครัง้ พีๆ่ หัวหน้าก็จะสร้างสรรค์การปล่อยควายในรูปแบบแนสคาร์ (NASCAR) หรือรถสูตร ๑ (Formula 1) ที่นอกจากความเร็วแล้ว ยังจะต้องมีความอึดด้วย เพราะ ไม่ได้ปล่อยควายทีละรอบๆ แต่จะปล่อยครั้งเดียวเหมารวมไปเลยประมาณ ๓ – ๕ รอบ โรงเรียนภายใต้ระยะเวลา ๑๕ – ๓๕ นาที ในการโดนปล่อยควายแบบเหมารวมนี้ เด็กๆ จะฟอร์มรูปขบวนวิ่งกันเป็นแถว อย่างมีระเบียบไปตามเส้นทางรอบโรงเรียน มองคล้ายการแข่งรถแนสคาร์ที่ขับตามกัน เป็นแถวๆ แต่การโดนปล่อยควายแบบหลายๆ รอบติดกันโดยมีเวลาก�ำหนด ไม่จ�ำเป็น ต้องรีบเร่งความเร็วตั้งแต่รอบแรกๆ เพราะไม่ได้มีแท่นโพเดียมพร้อมกับขวดแชมเปญ ส�ำหรับที่หนึ่งรอไว้ พี่หัวหน้ามักจะสนใจเพียงแค่ว่าวิ่งเข้าทันตามเวลารึเปล่าเท่านั้น การ เก็บสงวนพลังงานให้เหลือไว้ให้มากที่สุดส�ำหรับการวิ่งในรอบต่อๆ ไป จึงเป็นเรื่องจ�ำเป็น และส�ำคัญมากกว่าความเร็ว และด้วยเหตุนเี้ องจึงเกิดการกระท�ำทีเ่ รียกว่า “เข้าพิท” ขึน้ มา ค�ำว่า “เข้าพิท” นั้น ได้มาจากการแข่งขันรถระดับอาชีพอย่างแนสคาร์และ เอฟวัน เนื่องจากช่วงระยะเวลาการแข่งขันมักจะยาวนานเพราะต้องวิ่งกันเป็นร้อยรอบ จึงมีการอนุญาตให้รถที่เข้าแข่งสามารถ “เข้าพิท” หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า
สารบัญ
“Pit Stop” เพื่อเข้าไปเปลี่ยนล้อที่สึกเป็นล้อใหม่ เพื่อให้รถสามารถแข่งขันต่อได้อย่าง เต็มประสิทธิภาพ ฉันใดก็ฉันนั้น เหล่าควายน้อยที่ต้องการเก็บพลังงานไว้เพื่อวิ่งให้ครบตามจ�ำนวน รอบ จึงลองเอาอย่างรถเอฟวันดูบ้าง ด้วยการ “เข้าพิท” ไปหลบซ่อนตรงช่องทางเดิน ชั้นล่างของตึกกองบังคับการ ชึ่งโดยปกติแล้วเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครจะสัญจรไปมา มากเท่าไรนัก เหล่าควายเก๋าๆ ทัง้ หลายจึงเลือกใช้สถานทีแ่ ห่งนีเ้ ป็น Pit Stop เพือ่ ฟืน้ คืน ก�ำลังของตัวเอง เฝ้ารอจังหวะที่ฝูงควายจะวิ่งวนผ่านมาอีกรอบหนึ่ง และอาศัยจังหวะ ชุลมุนแอบเข้าฝูงไปอย่างแนบเนียน แต่ในบางครั้ง ถ้าไม่ระวังตัวให้ดี ก็อาจจะหลบเข้าไปเจอพี่ๆ ยืนดูคะแนนอยู่ตรง บอร์ดในตึกพอดี ทีนี้การ “เข้าพิท” ก็คงจะเจอพี่หัวหน้าปรับฟาวล์ และเตรียมตัวรอรับ โทษทัณฑ์ของการเอาเปรียบและขี้โกงขนานหนักแน่นอน สรอรรถ เลาประสพวัฒนา และ กรัณย์ ลิมปรัตรคีรี (โอวี ๘๓) ภาพประกอบ: สงกรานต์ ชุมชวลิต (โอวี ๗๗)
anuman-online.com
44
เรือนจาก
นักเรียนเก่าฯ เล่าเรื่องสนุก
ประสบการณ์
เฉียดความ
ตาย
สารบัญ
มัดมือไขว้หลัง จับนั่งคุกเข่า แล้วเอาปืนจ่อขมับ พี่นึกไปถึงภาพ ตอนที่เป็นข่าว เคยยิงทิ้งแล้ว ในงานเลีย้ งรุน่ แต่ละครัง้ แต่ละปี บทสนทนาระหว่างชาวโอวีจะวนไปวนมา เริ่มต้นที่ชีวิตในโรงเรียน ก่อนจะแตกไป ประเด็นเรื่องงาน เรื่องเศรษฐกิจ เรื่อง รักบี้ เรื่องการเมือง แล้วก็วนกลับมาที่ เรื่องโรงเรียนอีกหลายๆ รอบ แต่เมื่อ
สารบัญ
พี่เสียการทรงตัว ประสบการณ์ชีวิตเริ่มมีสูงขึ้นตามอายุ ประเด็นสนทนาเรือ่ งอาการข้อเสือ่ ม ปวดหลัง เซออกมา อาการป่วยไข้ต่างๆ ขยับไปเรื่อยๆ จนเห็น ไอ้คนถือปืน ว่าความตายไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย ก็ยิงสวนมาหนึ่งนัด ประเด็นเรื่องความตายเลยเริ่มโผล่ กระสุนตูม เข้ามาในวงสนทนาเป็นครั้งคราว ยิ่งเพื่อน เข้าปากแล้วไป ของเราเล่าประสบการณ์เฉียดความตาย แต่ก็มีชีวิตรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด ตุงท้ายทอย เรื่องเล่าแบบนี้นอกจากจะสร้างเสียงฮือฮา “เรือนจาก” ในอนุมานวสารฉบับนีจ้ งึ ตามจังหวะระทึกใจแล้ว ยังท�ำให้หลายๆ ขอน�ำประสบการณ์ของ จีรพงศ์ วงศ์ภวู รักษ์ คนเริ่มเห็นคุณค่าของชีวิตจากอีกมุมที่ และ ยิ่งศักดิ์ ผู้สันติ (โอวี ๔๖) มาแบ่ง ไม่เคยได้ทันคิด ให้ได้ร่วมระทึกกับขณะเฉียดตายของทั้งคู่ anuman-online.com
46
เรือนจาก
สารบัญ
เหมืองแร่ที่พี่อยู่นั้น อยู่ห่างจาก ตัวเมืองประมาณ ๖๐ กิโลเมตร สมัยก่อน จะตั้งอยู่ในเขตอ�ำเภอระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งตอนนี้กลายก็เป็นอ�ำเภอจะแนะไปแล้ว ในเหมืองทีพ่ อี่ ยูน่ แี่ ถบนัน้ จะมี จคม. มาดูแล สมัยนัน้ มีโจรอยูส่ องพวกคือ ขจก. กับ จคม. ขจก. ก็คอื ขบวนการโจรก่อการร้าย เช่น พวกพูโล พวกอาร์เคเค พวกเบอร์ซาตู อะไรพวกนี้ และก็พวกที่ปฏิบัติการตอนนี้ พวกนี้เป็นโจรที่อยู่ในเมืองไทยแต่ได้รับการ สนับสนุนจากมาเลเซีย ก็ตามที่เขาลือกัน นะ เพราะฉะนั้นพวกนี้พอมีอะไรปั๊บก็หนี เข้ามาเลเซีย พอหนีเข้ามาเลเซียได้ก็รอด แล้ว ส่วนอีกพวกหนึ่งที่เรียก จคม. หรือ ก็คือโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายู พวกนี้เป็น คอมมิวนิสต์ที่อยู่ในมาเลเซีย เมื่อรัฐบาล มาเลเซียปราบ พวกนี้ก็จะหนีเข้ามาหลบ ซ่อนในไทย เพราะฉะนั้นแล้ว จคม. กับ ขจก. จะไม่ถูกกันเพราะเป็นกันคนละพวก ใน จคม. ก็จะมีแบ่งเป็นอีกสองพวก คือ พวกที่ฝักใฝ่ทางจีนแดงกับพวกที่ฝักใฝ่ทาง รัสเซีย พวกจีนแดงก็จะอยู่ในเขตแถวๆ ทางนาทวี ทางหาดใหญ่ กลุ่มนี้จะมีดาวแดง อนุมานวสาร: ประสบการณ์เฉียดตาย ดาวเขียว รูปแบบของดาวก็ไม่เหมือนกัน ของพี่มีที่มาที่ไปอย่างไรครับ จีรพงศ์: แต่เดิมมาพ่อของพี่ท�ำเหมืองแร่ หมวกก็จะเป็นหมวกแก็ปมีดาวติดอยู่ เหมืองที่พ่อของพี่ทำ� อยู่ ตั้งอยู่ใน เป็นเหมืองแร่แมงกานีส ซึ่งเอาไปท�ำเกรด แบตเตอรี่ได้ ในตอนนั้นเมืองไทยก็มีอยู่ เขตของพวก จคม. ทางทหารเขาจะไม่ เจ้าเดียว ก่อนหน้านั้นพ่อเคยท�ำเกรดโลหะ เข้าไปยุ่งเพราะว่าทหารกับ จคม. เขาก็จับ มือกันอยู่เพื่อปราบ ขจก. เขาก็ตกลงกัน ส่งออกญี่ปุ่น โดยหุ้นกับคนมาเลเซีย ว่า ถ้า ขจก. ไปเขตไหนฝ่ายนั้นก็จัดการ ปรากฏว่าเจอคนมาเลเซียโกง
จีรพงศ์ วงศ์ภูวรักษ์
สารบัญ อรัณยกานนท์) พี่ไปติดต่ออาจารย์เพราะพี่ อยากจะท�ำทางด้านธรณีฟิสิกส์ เพื่อส�ำรวจ แร่ก็ไปคุยกับแก ขอให้แกช่วยแกก็รับปาก ว่าจะส่งทีมมา ช่วงนั้นพี่ก็ต้องขึ้นๆ ลงๆ อยู่เป็น ประจ�ำ พอคุยกับอาจารย์เรียบร้อย ก็เลย พาลูกน้องไปวางแนวที่จะส�ำรวจว่าจะมี แนวไหน เป็นแนวยังไงบ้าง เพื่อเตรียมไว้ ให้ชุดส�ำรวจของอาจารย์ ถ้ามาปั๊บก็จะได้ อนุมานวสาร: ปัญหาของ ขจก. และ เริ่มทันที ในช่วงนั้นที่กลับมาวางแผนท�ำ คจม. มีความรุนแรงมากเลยหรอครับ ส�ำรวจแร่ก็ต้องนอนอยู่ข้างในเหมือง ถึงขั้นที่ท�ำให้พี่เกือบตาย จีรพงศ์: ใช่ๆ สมัยก่อน ขจก. นี่โหดมาก บางครั้งก็นอนเป็นอาทิตย์ แล้วก็ลงมา อยู่บ้าน ขึ้นๆ ลงๆ อยู่อย่างนี้ จนกระทั่ง ยิงทิ้งทันทีเลย พวกนี้เคยเรียกรถประจ�ำ ทางที่วิ่งผ่านมาให้จอด พอจอดปั๊บให้ทุกคน เตรียมทุกอย่างเกือบจะเรียบร้อยแล้ว ออกมาละหมาดให้ดู ใครละหมาดไม่ได้ยิง เพราะเดี๋ยวจะต้องกลับไปออสเตรเลีย ทิ้งทันที ใช่! โหดขนาดนั้นเลยนะ ช่วงนั้น เลยคิดว่าจะขึ้นไปตรวจงานเสียหน่อย พี่ก็ ขึ้นไปกับพ่อ มีเพื่อนของพ่อคนหนึ่ง และ ร้ายแรงมาก หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ซาไป และกลายมาเปลี่ยนไปจับเรียกค่าไถ่แทน คนขับรถซึ่งเป็นอิสลามรวมด้วยกันสี่คน ตอนนั้นขับกระบะขึ้นไป พี่ให้คน เรื่องที่ท�ำให้เกือบตายนี่เพราะโดนจี้ตัวไป ขับรถไปนั่งข้างหลังแล้วขับรถเอง ระหว่าง เรียกค่าไถ่ ทางก็โอเค ไม่มีปัญหาอะไร ปลอดโปร่ง อนุมานวสาร: ตอนนั้นพี่อายุเท่าไรครับ มาตลอด จนกระทั่งข้ามแม่น�้ำสายบุรี ซึ่ง เป็นเส้นแบ่งเขต พอข้ามไปแล้วก็เป็น จีรพงศ์: เรื่องที่พี่โดนตอนนั้น พี่เพิ่งอายุ เขตของ จคม. พวกเราก็นึกว่าคงจะไม่มี ประมาณ ๒๐-๒๑ ปี ช่วงนั้นเพิ่งจบจาก วชิราวุธฯ จบมาก็ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย อะไร ขับจากแม่นำ�้ ไปสัก ๒-๓ กิโลเมตร ก็ ด้านธรณีฟิสิกส์ ระหว่างที่เรียนยังไม่ทันจบ เจอคนชุดเขียวมาโบกให้รถจอดกันเต็มไป เขาก็ปล่อยให้นักเรียนออกไปท�ำงานก่อน หมด พี่นึกก็ยังนึกว่าท�ำไมทหารเข้ามาใน เขต จคม. พอไปถึงเขาก็โบกมือให้จอด แทนที่พี่จะท�ำงานที่โน่น พี่ก็กลับมาช่วย งานที่บ้าน ช่วงนั้นแร่ก็เริ่มค่อนข้างหายาก พอจอดปั๊บ เขาก็ใช้มือคว้ามาเอากุญแจรถ ระหว่างนั้นเองก็เห็นแล้วว่าพวกนี้เป็นพูโล แล้ว ก็เลยไปคุยกับ อ.โพยม (ดร.โพยม anuman-online.com เขาใช้แม่น�้ำสายบุรีเป็นเส้นแบ่งเขต ถ้าจาก นราธิวาสไปจนถึงหมู่บ้านสุดท้ายก่อนข้าม แม่นำ �้ ซึง่ ก็คอื หมูบ่ า้ นกูมู ส่วนหลังจากนัน้ ถ้าข้ามแม่นำ�้ ไป ก็จะเข้าไปอยู่ในความดูแล ของโจรจีนคอมมิวนิสต์ เหมืองแร่ของพี่ อยู่ข้างในนั้น และนี่ละที่เป็นสาเหตุที่ท�ำให้ ถูกจับและเกือบตาย
48
เรือนจาก
เท่านั้นแหละรู้แล้วว่าต้องเสร็จแน่ อนุมานวสาร: แล้วพีร่ อดมาได้ยงั ไงครับ จีรพงศ์: คือ เขาก็เข้ามาเปิดประตูรถ
กระชากพวกเราลงมาทุกคน เอาเชือกมา มัดมือไขว้หลัง จับนั่งคุกเข่าแล้วเอาปืนจ่อ ขมับ พี่นึกไปถึงภาพตอนที่เป็นข่าวเคย ยิงทิ้งแล้ว ตอนนั้นก็นึกว่าโดนแล้วละ ท�ำใจแล้ว ยังไงก็คิดว่าไม่รอด แต่ที่รอดได้เพราะพ่อของพี่คุยภาษา ยาวีได้ พวก ขจก. พูดยาวีกับพูดไทยได้ แต่จะพูดกันแต่ยาวี พ่อก็เลยลองคุยเรื่อง เงินว่าจะตอบแทนกันยังไง พวกนั้นก็เลย ลากขึ้นเขาไปประมาณสอง-สามร้อยเมตร พาไปแค่สามคน ส่วนคนขับรถเขาไม่ทำ� อะไรเพราะเป็นอิสลามพวกเดียวกัน พ่อก็ พยายามที่จะตกลงเรื่องจะจ่ายเงิน โดยพ่อ บอกเขาว่าจะต้องให้ผมเป็นคนออกมาเอา เงิน ตอนแรกพวกนั้นก็ไม่ยอม เขาบอก ว่า “ลูกทิ้งพ่อได้ แต่พ่อทิ้งลูกไม่ได้ใช่มั้ย?” เขาก็เลยว่าจะให้คนรถของผมกลับไปเอา เงินมาให้ คือจะไม่ยอมปล่อยผม พ่อบอก ว่าถ้าไม่ปล่อยให้ผมไป ทางโน้นก็จะไม่ให้เงิน มาแน่นอนเขาก็เลยต้องรีบปล่อย ตอนนั้น โดนจับก่อนเที่ยง บ่ายกว่าๆ ถึงจะได้ปล่อย ตัวออกมา ก่อนจะปล่อยตัวพี่เราได้หนังสือ มาฉบับหนึง่ เป็นหนังสือเบิกทาง ระหว่างทาง ที่กลับไปถ้าเจอใครดัก ก็เอาหนังสือนี้ให้ดู
สารบัญ อนุมานวสาร: ช่วงที่โดนจับไปโดนท�ำร้าย
หรือถูกทรมานอะไรรึเปล่าครับ จีรพงศ์: เขาก็ไม่ได้ทำ� อะไรมากมายนะ แค่ เอาปืนกระแทกแต่ไม่ถึงกับยิง แต่ตอนแรก เจอเอาปืนจ่อเลย จ่อแบบว่านั่งเหมือนใน หนังที่เราดู ให้นั่งคุกเข่ามือไขว้หลัง แล้ว เอาปืนจ่อจะยิงอยู่อย่างนั้นละ ตอนนั้น ยังไงก็คิดว่าเสร็จแล้วแน่เลยเรา อนุมานวสาร: จ�ำนวนเงินที่เขาเรียก
ประมาณเท่าไรครับ จีรพงศ์: เขาปล่อยตัวพี่ลงมาก่อน แล้วเรา ก็ติดต่อไป เขาเรียกทั้งหมดประมาณ หนึ่งแสน ทีนี้พอลงมาถึงที่บ้าน พี่ก็ส่ง คนของเราไปติดต่อเขาอีกที ไม่รู้ว่าพูดจา สื่อสารกันยังไง คุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วสาย ของพวกนั้นเห็นว่าพี่ไปที่สถานีรถไฟก็เลย คิดว่าพี่จะหนี แต่จริงๆ แล้วพี่ต้องไป เพราะต้องไปเลื่อนตั๋วรถไฟกลับกรุงเทพฯ พวกนั้นก็เลยไปขู่พ่อพี่ ขู่กันอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายเราเลยลองติดต่อไปหาเปาะเยะ ที่เป็นหัวหน้า ขจก. ที่ดังมากในสมัยนู้น ทางเรากับเปาะเยะนี่บังเอิญรู้จักกับปู่ตั้งแต่ สมัยที่อยู่อำ� เภอบาเจาะ แม่กับพ่อพี่เขา ก็รู้จัก พอเปาะเยะรู้ข่าวก็สั่งให้ลูกน้องไป ปล่อยตัว เรื่องก็เลยคลี่คลายลงมา
สารบัญ อนุมานวสาร: พอคุยกันเรียบร้อย พีก่ เ็ ลย ว่าพวกที่ขี่มอเตอร์ไซค์เป็น จคม. ที่จะมา
ไปรับคุณพ่อลงมา แล้วทุกอย่างก็เลยจบ จีรพงศ์: ไม่ๆ พี่ไม่ได้ไปรับพ่อจากพวก ขจก. พ่อเขาหลบออกมาเอง
ช่วยพ่อ และก็เหมือนหาโอกาสมาโจมตี ด้วยละ เพราะทั้งสองฝ่ายก็ไม่ถูกกันอยู่ แล้วทุกอย่างตอนนั้นก็ชุลมุน พวก จคม.
อนุมานวสาร: หนีออกมาเองเลย
หรอครับ จีรพงศ์: คือ เรื่องของพ่อตอนที่หนีออก มานี่ตื่นเต้นมากกว่าอีก ต้องเล่าให้ฟังเพิ่ม ว่า พวกอิสลามแถวแม่นำ�้ ใกล้ๆ เหมืองจะ รักพ่อมาก เพราะว่าเราไปทุกครั้ง เราก็จะ ไปช่วยดูแลเอาอาหารไปแบ่งปันกับพวกเขา พวกเขาก็เลยจ�ำพ่อได้ตั้งแต่สมัยไปส�ำรวจ แร่ตั้งแต่ปี ๒๕๐๐ ราวๆ นั้น ตอนที่พ่อ ถูกจับเนี่ย พวกเขาไม่รู้เรื่อง แต่ถึงรู้เรื่องก็ คงจะช่วยอะไรกันไม่ได้อยู่ดี ทีนี้พ่อเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่ง ตอนเย็นๆ ตอนที่ยังโดนจับอยู่ มีพวกหนึ่งขี่มอเตอร์ไซด์บึ่งมา ก็เจอพวกที่จับพ่อดักไว้ คนที่ ขี่มอเตอร์ไซค์ก็บอกขอตัวต้อง รีบไปๆ เพราะเมียไม่สบาย คนแก่ๆ ก็แหย่ว่าไอ้พวกนี้ ขี้กลัว แล้วพวกนั้นก็บึ่ง ออกไป พอบึ่งลับหลัง ยังไม่ทันไร ไอ้พวกที่ขี่ มอเตอร์ไซค์ก็หันมายิง ใส่กันทันที ปรากฏ
anuman-online.com
50
เรือนจาก
ก็มาเจอพ่อ ทีแรกเขายังจะไม่ปล่อยพ่อ จะรอให้โจมตีกันเสร็จก่อน แต่ก็เปลี่ยนใจ ปล่อยพ่อออกมา พ่อหลบออกมาก็ดันมา เจอพวก ขจก. ดักตัวไว้อีก พอพวก จคม. มาเจอพ่อถูกดักตัว ไว้ ก็เลยยิงคนที่ดักตัว ไว้ตายทันที ที่นี่ก็มาวุ่นวายกันอีกมีการยิง ปะทะกัน ทีนี้พ่อหลบออกมาได้เดินมาตาม คลองเล็กๆ พ่อเขาเคยส�ำรวจแร่แถวนั้นมา ก่อนเลยรู้ที่ทางแถวนั้นหมด พ่อก็เดินไล่ ลงมาตามคลองเรื่อยๆ พอมืดแล้วเสียงปืน ก็ยังดัง พอตอนดึกแกก็เดินเลาะตามแม่นำ�้ ไปจนถึงหมู่บ้านบูมุมที่ลูกน้องของพ่อเขา อยู่กัน พอเดินเข้าไปในหมู่บ้านเท่านั้นละ พวกลูกน้องก็มาเจอพ่อ เขาก็รีบพาพ่อหนี ขึ้นไปหลบบนเขาเลย เพราะตอนนั้นเสียง ปืนยังดังอยู่กลัวจะมีคนมาเจอ ลูกน้อง ของพ่อเขาสั่งห้ามคนในหมู่บ้านไปบอกใคร ทั้งสิ้น ถ้าเขารู้ว่ามีใครไปบอกพวก ขจก. คนนั้นเจอยิงทิ้งแน่ พอพ่อขึน้ ไปหลบอยูบ่ นเขา ลูกน้อง ของพ่อก็ส่งคนมาบอกพวกเราที่บ้าน คน ที่มาบอกข่าวก็เข้ามาบอกประมาณว่า แม่...อย่าร้องไห้นะ...อย่าร้องไห้นะ.. เรา ก็เริ่มใจไม่ดี แต่พอถามว่าเกิดอะไรขึ้นเขา ก็เล่าให้ฟังเราก็ค่อยโล่งใจขึ้นหน่อย ที่เขา มาบอกว่าแม่อย่าร้องไห้ ก็คงกลัวๆ
สารบัญ วันต่อมาเราก็ไปรับตัวพ่อลงมา แล้วก็ติดต่อกับเปาะเยะจนรู้เรื่อง ไม่มี ปัญหาอะไร แต่เราก็ยังเอาเงินไปให้พวกที่ จับตัวไปอยู่ดี เพราะเรายังต้องท�ำเหมืองอยู่ แถวนั้น พอเหตุการณ์นั้นจบไปแล้วเราก็ยัง ท�ำเหมืองของเราต่อไปได้จนแร่หมด เราก็ เลยต้องเลิกไป อนุมานวสาร: ตอนที่ถูกปืนจ่อหัวอยู่
พี่คิดเรื่องอะไรอยู่ครับ จีรพงศ์: คิดถึงพ่อ แม่ และก็คิดเสียดาย ว่า ถ้าเราตายไป ก็จะไม่ได้เจอแม่อีกแล้ว แต่ตอนนั้นก็ทำ� ใจ ท�ำใจเพราะพี่กลัวจน ท�ำอะไรไม่ถูกนอกจากพยายามท�ำใจอย่าง เดียว แต่ไปๆ มาๆ ก็กลัวจนเลิกกลัว แล้ว ก็คิดได้เลยว่า ช่างมันแล้ว จะเป็นไงก็ให้ เป็นไป จะตายก็ช่างมัน ชีวิตนี้มีแค่นี้แล้ว จบแล้ว อนุมานวสาร: ประสบการณ์เฉียดตาย
ครั้งนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของพี่ไปบ้าง รึเปล่าครับ จีรพงศ์: จากตอนนั้น ก็ท�ำให้ชีวิตของพี่ เปลี่ยนไปเยอะ แต่ก่อนมีเรื่องอะไรก็เป็น เรื่องใหญ่ไปหมด แต่ตอนนี้ส่วนมากมีอะไร ก็ปล่อยไป เรือ่ งเล็กๆ น้อยๆ ก็ปล่อยไป กลายเป็นคนเริ่มท�ำใจได้ง่าย ไม่คิดอะไร มากเกินไปแล้ว
สารบัญ
ยิ่งศักดิ์ ผู้สันติ อนุมานวสาร: ประสบการณ์เฉียดตาย
ของพี่เป็นยังไงครับ ยิ่งศักดิ:์ ของพี่นี่ ฟังแล้วห้ามท�ำตาม ประสบการณ์ของพีเ่ ป็นตัวอย่างทีไ่ ม่คอ่ ยดี เท่าไหร่ พอพี่ลองมองแล้วก็พอจะเห็นว่า เราประมาทในชีวิตมากเกินไป ต่อไปจะท�ำ อะไรต้องคิดให้มากกว่านี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๔ พี่กับ แฟนเปิดร้านอยู่ที่ซอยทองหล่อ ปากซอย ๒๓ เราเปิดห้องเสื้อขึ้น แฟนของพี่เป็นคน
ดูแล ตอนเช้าวันหนึ่ง พี่ก็ขับรถไปจอด หน้าร้าน ในห้องเสื้อจะมีเคาท์เตอร์ตั้งอยู่ และก็เก้าอี้อีกสองตัวหันหน้าเข้าร้าน พี่ก็ นั่งทานข้าวอยู่ตรงเก้าอี้นั้น และหันหน้า เข้าไปในร้าน สักพักหนึ่งก็มีคนเปิดประตูเข้ามา ค่อนข้างจะเร็ว แบบเปิดพรวดเข้ามาเลย พี่หันไปก็เจอผู้ชายสองคน คนแรกก็สูงๆ ส่วนอีกคนจะผอมๆ ด�ำๆ ใส่แว่นตาด�ำ ถือปืนสั้นและชี้มาทางพี่ พอเห็นปืนแล้ว ก็รู้ทันทีว่าไอ้สองคนนี้เป็นโจร แต่ก่อนพี่ เป็นคนที่ชอบใส่พวกเครื่องประดับอย่าง สร้อยทอง นาฬิกา แหวนอะไรท�ำนองนี้ แล้วก็แต่งตัวแบรนด์เนมเกือบทั้งตัว พวกนั้นคงเล็งพี่ไว้อยู่แล้ว พอเข้ามา ปั๊บก็ตะโกนบอกเลย “เฮ้ย! ถอด ถอดให้ หมด!” แล้วก็เอาปืนจี้มาเล็งที่ผม ส่วนอีก คนถือมีดก็ยืนคุมเชิงไว้ แฟนของพี่เขาก็หัน หน้าออกทางประตู ส่วนพี่นั่งหันหน้าเข้าไป ในร้าน เขาบอกให้เราถอดเครื่องประดับ ทุกอย่าง แรกๆ เราก็ต้องโอเคเพราะกลัว อยู่ เราก็ค่อยๆ บรรจงถอดทีละอย่างให้ไป พอให้ไปครบไปเกือบทุกอย่างก็เหลือแหวน วงนี้ วงที่ใส่มาถึงทุกวันนี้ คนที่ถือปืนบอก คนที่ถือมีดให้ดูว่าเราไม่ยอมถอดแหวนให้ ตอนนั้นพี่ก็ไม่ได้อยากจะขัดขืนอะไร แต่ แหวนวงนี้ฝืดมาก ตอนนี้ก็ยังถอดยากอยู่ เลย แล้วโจรคนที่ถือมีดก็เดินเข้ามาประกบ ขู่ให้เราถอดแหวน ถ้าไม่ยอมถอดจะใช้มีด ตัดนิ้ว anuman-online.com
52
เรือนจาก
อนุมานวสาร: พอเจอขู่ ก็เลยต้องยอม
สารบัญ
ลักษณะของโจรสองคนนี้เหมือนกับคนงาน พี่ก็เลยรู้สึกว่าโดนคนงานขู่ แล้วพี่ก็เลย พวกโจรเลยใช่มั๊ยครับ ยิ่งศักดิ:์ ก็ตอนนั้นแหละที่คิดว่าจะไม่ยอม คิดว่าเรายอมให้คนอย่างนีม้ าขูไ่ ม่ได้ ตอนนัน้ อยู่ดีๆ ก็มีจังหวะหนึ่งที่คิดว่าเราจะยอมไอ้ พี่ก็เป็นอารมณ์ค่อนข้างร้อน อะไรนิด พวกนี้ท�ำไม เพราะตัวพี่เองก็เคยท�ำงานใน อะไรหน่อยก็ชักจะไม่พอใจแล้ว โรงเลื่อย เคยคลุกคลีอยู่กับคนงานอยู่บ้าง พี่เลยตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวซิ ก�ำลัง เลยพอจะดูออกว่า จะถอด ใจเย็นๆ” แต่เจอเร่งและขู่มาอีกว่า จะตัดนิ้ว พี่ก็เลยตวาดกลับไปเหมือนกัน ประมาณว่า “เห้ย! เห็นหรือเปล่าว่ามัน ถอดไม่ได้ ใจเย็นๆ ก�ำลังถอดให้” จังหวะ นี้แหละที่มีความรู้สึกแว๊บขึ้นมาเลยว่า ต้อง ท�ำอะไรหน่อยละ จะปล่อยให้ง่ายๆ อย่างนี้ มันหยามกันไปหน่อย แต่พอมาคิดตอนนี้ พี่ก็รู้เลยว่าที่เราท�ำไปตอนนั้นเป็นอะไรที่ ประมาทไปหน่อย ตอนนั้นพี่ไม่ได้คิดอะไรแล้ว คิดแต่ ว่าต้องสู้ ยอมไม่ได้ละ พี่ก็มองเห็นคนถือ มีดอยู่ด้านนี้ พี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ มีล้อเลื่อน ส่วนคนถือปืนอยู่ อีกด้าน พี่คิดในหัวว่าจะผลัก เก้าอี้อีกตัวชนคนถือปืน แล้วจะ วิ่งเข้าชาร์จคนถือมีด เพราะคนถือ มีดดูอันตรายน้อยกว่า พี่คิด แบบเป็นพระเอกหนังเลย แต่ของจริงไม่ได้เป็น แบบนั้น เพราะวินาที ที่ตัดสินใจท�ำตามที่คิด คนถือมีดก�ำลังเริ่มเดิน เข้ามาหา จังหวะนั้นก็เลย ผลักเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ แล้ว
สารบัญ พุ่งตัวไปแล้วผลักเก้าอี้ไปโดนคนถือปืนจน เซถอยออกไป แล้วตัวเราก็พุ่งชาร์จเข้าหา คนถือมีดตามที่คิดไว้ พี่เสียการทรงตัวเซออกมา ไอ้คน ถือปืนก็ยิงสวนมาหนึ่งนัด กระสุนตูมเข้า ปากแล้วไปตุงท้ายทอย อนุมานวสาร: ...! ยิ่งศักดิ:์ เท่านั้นไม่พอ พี่เซตัวพลิกลงไป
ก�ำลังจะล้มลง ก็โดนซัดมาอีกสองนัด เข้าไปโดนที่ขาทั้งคู่ นัดแรกทะลุเนื้อไป อีก นัดทะลุกระดูก พอล้มลงปั๊บ รู้สึกว่าเลือด มันกลบปาก แล้วพี่ก็เห็นแฟนของพี่นั่งอยู่ ข้างหน้า พอมาคิดอีกที พี่รู้สึกว่าตัวเองไม่ น่าท�ำอย่างนั้นเลย ถ้าจังหวะที่พุ่งไปแล้ว ลูกปืนแฉลบไปโดนแฟนพี่ขึ้นมา พี่คงไม่รู้ ว่าจะรู้สึกอย่างไร ทีนี้ พอพี่ล้มลง แฟนของพี่ก็เลย เรียกช่างท�ำเสื้อที่อยู่บนชั้นสองให้ลงมา ช่วยดู ส่วนโจรวิ่งหนีไปแล้ว ตอนนั้นพี่ยัง พอมีสติอยู่ ส่วนคนอื่นๆ เขาท�ำอะไรกัน ไม่ถกู พีเ่ ลยบอกให้เขาพาไปส่งโรงพยาบาล เขาก็เลยพากันอุ้มพี่ใส่รถตุ๊กๆ ไปส่ง โรงพยาบาลเมโมเรียลที่อยู่ไม่ไกล ตอนไป ถึงโรงพยาบาลก็ยังพอมีสติอยู่ ยังรู้ตัว มี คนถามว่าเจ็บมั้ย? พี่ก็พอตอบได้ว่าไม่รู้สึก อะไรมันแค่ชาเฉยๆ รู้แค่ว่ามีอะไรเหนียวๆ อยู่ในปาก เข้าใจว่าน่าจะเป็นเลือดที่กลบ ปากอยู่
อนุมานวสาร: ตอนที่มีสติอยู่คิดถึงเรื่อง
อะไรบ้างครับ ยิ่งศักดิ:์ ไปถึงเขาก็พาเข้าห้องฉุกเฉิน แล้ว ปฐมพยาบาล รอประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง ช่วงเวลานั้นพี่พยายามบอกตัวเองว่า ‘ยัง ตายไม่ได้’ บอกตัวเองเลยว่าห้ามตายๆ พี่ คิดอยู่ตลอดเวลา พยายามนึกถึงอะไรทุกๆ อย่าง อยากจะบอกตัวเองไว้ อนุมานวสาร: เข้าห้องผ่าตัดด่วนเลย
ใช่รึเปล่าครับ ยิ่งศักดิ:์ พยาบาลก็พาเข้าห้องฉุกเฉินไป ปฐมพยาบาลก่อน ช่วงนั้นใจเรายังแข็งพอ พยายามไม่หลับ ได้ยินเสียงพยาบาล เรียกชื่ออยู่ตลอด พี่พยายามจะลุก แต่ กลับไม่มีแรง ขาอ่อนไปหมดเลย แค่จะ ลุกก็ร่วงหมด สักพักพยาบาลก็พาเข้าห้อง ผ่าตัด จับถ่างง้างขากรรไกรแล้วสอด สายยางอะไรก็ไม่รู้เข้าไปเต็มไปหมด อนุมานวสาร: แล้วอาการของพี่
ในตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ยิ่งศักดิ:์ นอกจากที่ขาแล้ว ก็มีตรงลิ้น เพราะโดนยิงทะลุฟนั แบบเฉียดเส้นประสาท ไปนิดเดียวเข้าไปตุงท้ายทอย หมอบอกว่า อีกนิดเดียวอาจจะตายได้ ตอนนี้ฟันในปาก เป็นฟันปลอมทั้งหมด เพราะโดนยิงจนฟัน กระจายหมด กระสุนไปโดนลิ้นขาดเป็น รอยออกไปเลย แต่หมอเขาก็เอามาต่อคืน เย็บให้ติดกัน โชคดีที่ไม่ได้ขาดแบบขาดไป anuman-online.com
54
เรือนจาก
เลย ตอนนี้บางครั้งลิ้นของพี่ก็จะท�ำงาน ไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์ พูดแล้วลิ้นอาจจะคับ ปากนิดๆ ทานอาหารได้ปกติ เรื่องนี้ทำ� ให้ พี่รู้สึกเลยว่าชีวิตที่ต้องเจ็บนู่น ป่วยนี่ ล�ำบากและอึดอัดขนาดไหนที่จะท�ำอะไร ก็ตามเดินได้ก็ไม่ถนัดนัก
สารบัญ
ได้ใหญ่มาก ปรากฏว่ารถของพี่แฉลบเข้า ฟุตบาทซ้าย แล้วก็กระดอนชิ่งออกมา ด้านขวาอีกที มีรถสวนเข้ามาในซอยพอดี เงยหน้าขึ้นมาก็เจอกระบะประสานงาเข้า มาทันที ตู้ม! ตู้มเดียวเท่านั้นเองเรียบร้อย โชคดีทรี่ ถแข็งมาก ยอมรับว่าเลยว่าเชอโรกีนี้ แข็งจริงๆ สุดยอดจริงๆ รักษาชีวิตได้จริงๆ อนุมานวสาร: ครั้งนั้นจับโจรได้รึเปล่า พอพี่ไม่ได้คาดเบลท์ ตัวก็เลยเซไป หัวเข่า ครับ ยิ่งศักดิ:์ คิดว่าไม่ได้ ขนาดตอนนั้นพี่ชาย ลื่นไปชนกับคันเกียร์ ตอนแรกโดนก็เจ็บ ของพี่เป็นต�ำรวจอยู่ สน.ทองหล่อ แต่คิด อยู่นิดๆ คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ยังลงมา ว่าน่าจะเป็นคนแถบนั้น ต�ำรวจเขาให้ไปดู เดินดูได้อยู่เลย พอดีจังหวะนั้น เกิ้น (พ.ต.อ.ณต หน้าเปิดพลิกแฟ้มดู โจรดันใส่หมวกแก๊ป แล้วใส่แว่นตาด�ำ ก็เลยจ�ำยาก แต่ทุกวันนี้ เศวตเลข โอวี ๔๔) เป็นต�ำรวจแล้วเข้าเวร อยู่พอดี ก็เลยโทรตามมาให้ช่วยดูอะไรให้ ก็ยังเจอหน้าคนที่ขับตุ๊ก ตุ๊ก ที่ไปส่งพี่ที่ เกิ้นมาถึงก็บอกว่าไม่ต้องห่วงอะไร เดี๋ยวให้ โรงพยาบาลอยู่เลย รถลากไปไว้ที่สน. ตอนนั้นตัวพี่ก็ยังไม่รู้ว่า ขาเริ่มมีอาการแล้ว ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าขา อนุมานวสาร: ได้ยินมาว่ายังมีเรื่อง มีปัญหา เกิน้ ก็พาไปนัง่ ดืม่ กันต่อ ตอนแรกๆ เฉียดตายเรื่องอื่นของพี่อีก ก็ไม่รสู้ กึ อะไร พอสักพักเริ่มปวดเข่าเริ่มมี ยิ่งศักดิ:์ ใช่ๆ แล้วก็มีเรื่องตามมาอีก แต่ ครั้งนี้เป็นเรื่องรถชน ตอนนั้นเหล็กที่หมอ อาการ พอมีอาการมากๆ เริ่มชักไม่ไหว ใส่ให้ตอนถูกยิงก็ยงั ไม่ได้เอาออกเลย ช่วงนัน้ บอกเกิ้นเลยว่าไม่ไหวแล้วปวดมาก เกิ้นก็ พี่ขับรถเชอโรกี (Jeep Cherokee) อยู่ รีบพาไป รพ.วิภาวดี พอไปดู ไปเอกซเรย์ ทุกอย่างก็เจอกระดูกแตก ก็เลยต้องผ่าตัด พี่ก็ขับเข้าไปในซอยแถวหน้า ม.เกษตรฯ อีกที น่าจะเป็นซอยที่มีอนุบาลทับทองอยู่ พี่ก็เลยไปผ่าตัดที่ รพ.พญาไท ที่ ตอนนั้นฝนตกหนักถนนก็ลื่น แล้ว พี่ก็ดันไม่คาดเซฟตี้ เบลท์ (Safety Belt) เดิมเลย ไปถึงก็โดนหมอดามเข่าให้อีกที พอจังหวะรถคันหน้าเบรคกระทันหัน พี่ก็ ของเดิมก็ยังไม่หาย ยังมีเหล็กยาวฟุตหนึ่ง เบรคตามทันที ขับอยูป่ ระมาณ ๘๐ กม./ชม. อยู่เลย แล้วก็เลยต้องเพิ่มใหม่เข้าไปอีก ซึ่งก็ถือว่าเร็วอยู่พอสมควรเพราะซอยก็ไม่ มาตอนหลังเลยค่อยไปผ่าเอาเหล็กออก
สารบัญ ออกมา หมอบอกว่าเก็บไส้เข้าไปได้ แต่พี่ บอกไม่ต้องเก็บ เพราะถ้าเก็บเราก็ไม่รู้ว่า จะมีอะไรขึ้นมาอีกบ้าง พี่ยอมเป็นอย่างนี้ อนุมานวสาร: ช่วงนั้นก็เลยเป็นช่วงที่ ตลอดชีวิต ห้าปีที่ผ่านมาเราก็คุ้น เราก็รู้วิธี เฉียดตายที่สุดเลยสิครับ ว่าควรจะดูแลอย่างไร ยิ่งศักดิ:์ ก็ไม่เชิงนะ เพราะเมือ่ ประมาณปี เลิกทานเนื้อ ไก่ หมู หมดเลย มี ๒๕๔๙ พีไ่ ปเช็คร่างกาย คือ ตัวพีถ่ า่ ยหนัก แต่ผักกับปลาสองอย่าง ถ้าวันไหนไม่ออก ออกมาเป็นเลือดประมาณ ๕-๖ ปีแล้ว ก็นานมาก ตอนแรกเริม่ ๆ ก็กระปริดกระปรอย ก�ำลัง เหงื่อไม่ออก จะรู้สึกอึดอัด ตอนนี้ พี่ก็ไม่คิดว่าเป็นอะไรมาก เราก็ปล่อยๆ ไป ทุกวันพยายามออกก�ำลังอยู่ตลอดเวลา เพราะประมาทแท้ๆ เลย สภาพร่างกายเลยยังแข็งแรงเก้าสิบเปอร์เซนต์ สักพักอาการก็เริ่มมากขึ้นๆ จากที่ กระปริดกระปรอยก็มากขึ้นจนเป็นหย่อมๆ อนุมานวสาร: หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้ง พี่ก็เริ่มเอะใจสงสัยแล้วว่าน่าจะเป็นอะไร แรกเปลี่ยนวิธีการด�ำเนินชีวิตอย่างไร ? สักอย่างแน่เลย เลยไปส่องกล้องเอกซเรย์ ยิ่งศักดิ:์ ไม่ประมาท บอกกับตัวเองเลยว่า พอผลออกมาหมอบอกว่าพี่เป็นมะเร็ง ต้องไม่ประมาท บางสิ่งบางอย่างเราต้อง ล�ำไส้ใหญ่ส่วนปลายที่ท้ายก้นเลย พี่ก็ต้อง คิดหลายหน ช่วงที่พี่โดนยิงใหม่ๆ พี่ระแวง เข้าผ่าตัด ผ่าตัดเสร็จแล้วก็ต้องคีโมต่อ มาก เข้าไปซื้อปืนเลย ไปหัดยิงเพราะ หมอบอกว่าอาการอยู่ในระยะสาม ต้องให้ ระแวงมาก ช่วงนั้นพกปืนสามกระบอก คีโมทั้งหมดสิบสองครั้ง แค้นมาก ใส่ประเป๋าเก็บไว้ในรถเลย เรา ก็ถือว่าค่อนข้างจะโชคดีแล้ว อาจจะ รู้สึกโมโห โกรธ คิดแค่ว่าถ้าเกิดมีอะไร เป็นเพราะร่างกายของพี่ยังพอแข็งแรงอยู่ อย่างนี้อีกจะส่องลูกเดียว ผ่านมาแล้วห้าหกปี แต่พี่ก็ยังไป แต่หลังจากนั้นหลายๆ ปีผ่านไป เช็คอยู่เรื่อยๆ ว่ามีอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า พี่ก็เริ่มมีความรู้สึกว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ตอนนี้พี่ไม่ได้ถ่ายทางก้น แต่ว่าจะเบนออก เราใจเย็นขึ้น ไม่ค่อยเอาอะไรมากแล้ว ไปใช้ถุงหน้าท้อง จริงๆ แล้วล�ำไส้จะโผล่ พูดน้อยลงคิดให้มันมากขึ้น จนเกลี้ยงแล้ว
สัมภาษณ์
เรียบเรียง
อโนมา ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา พัฒน์ ไกรเดช โอวี ๗๙ ศศินทร์ วิทูรปกรณ์ โอวี ๗๙ ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ โอวี ๔๖ ศศินทร์ วิทูรปกรณ์ โอวี ๗๙ ถ่ายภาพ กิตติเดช ฉันทังกูล โอวี ๗๓ สรรอรรถ เลาประสพวัฒนา โอวี ๘๒ สรอรรถ เลาประสพวัฒนา โอวี ๘๑ วรุฒมาศ ศุขสวัสดิ์ฯ โอวี ๗๙
anuman-online.com
56
สารบัญ
หอประชุม
ปลอมจริง ของ
กับของ
สงกรานต์ปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๔) นี้ ได้เจอเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง เป็นนักธุรกิจหรือเรียกตามภาษาโก้ๆ ว่าผูป้ ระกอบการ (Entrepreneur) ก็ได้ แต่ภาษาไทยธรรมดาพูดแล้วเข้าใจเลย คือ “ผูร้ บั เหมา” นัน่ เอง (ผูร้ บั เหมานี้ ไม่ใช่เพียงแต่รบั เหมาก่อสร้างเท่านัน้ หากแต่รบั เหมาส่งของ รับเหมาจัดงาน อีเว้นท์ รับเหมาท�ำกิจการต่างๆ ฯลฯ) เขามาพบด้วยหน้าตาทีต่ นื่ เต้น พร้อมกับ ข้อมูลความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของการฉ้อราษฎร์บังหลวงของประเทศไทย อันเป็นที่รักยิ่งของเราว่า “พี่ครับ! ตอนนี้มันถึงขั้นวางมัดจ�ำโครงการกันแล้วครับ”
สารบัญ ผู้เขียนต้องปลอบใจให้นั่งใจเย็นๆ ดื่มน�ำ้ ดื่มกาแฟเสียก่อนแล้วค่อยๆ พูดกันก็ได้ ซึ่งก็กินเวลานานพอควรจึงได้ความสรุปว่า วิวัฒนาการในการคอร์รัปชั่นของเมืองไทย ที่ผู้รับเหมาไทยประสบมาเริ่มจากขั้นตอน ดังนี้ ๑. ยุคเงินทอน คือ มีโครงการ เช่น สร้างตึก สร้างถนน จัดงานอีเว้นท์ มีงบประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท ถ้าผู้รับเหมาต้องการจะท�ำก็ต้องเสนอเงินทอน ให้กับผู้มีอ�ำนาจจ�ำนวนหนึ่ง ในอดีตเมื่อ ๔๐ ปีก่อนก็ตกราว ๑๐% จึงมัก เรียกกันเป็นโค้ดว่า “มาดามเท็นเปอร์เซ็นต์” ต่อมาก็เพิ่มเป็น ๒๐-๓๐% ปัจจุบันอยู่ที่ ๔๐% ๒. ยุคผู้มีอ�ำนาจก�ำหนดเอง เช่น มีงานชิ้นหนึ่งมีงบประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท ผู้มีอ�ำนาจเอาไว้เองเลย ๗๐ ล้านบาท เหลืออีก ๓๐ ล้านบาทผู้รับเหมาเอา ไป แต่ตอ้ งท�ำงานประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท ให้ดสู มน�ำ้ สมเนือ้ ด้วย ซึง่ ก็คอื การ ไปบีบรายย่อยกันเองต่อไป ท�ำให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่เรียกว่า SME ของ เมืองไทยไม่ค่อยเกิดหรอกครับ โดนบีบตายหมดจากระบบนี้แหละ ๓. ยุควางมัดจ�ำ ที่กำ� ลังเฟื่องอยู่ตอนนี้ครับ กล่าวคือ เมื่อใกล้เลือกตั้ง โครงการ ใหม่ยงั ไม่เกิดแต่คดิ เอาไว้แล้ว หากได้เป็นรัฐบาลก็จะผลักดันโครงการอย่างว่า ให้เกิดมีขนึ้ ผูร้ บั เหมาคนใดต้องการโครงการของรัฐบาลหน้าภายหลังเลือกตัง้ ก็จงจ่ายค่ามัดจ�ำมาก่อน จะได้ใช้เป็นทุนในการซือ้ เสียง อย่างนีเ้ รียกว่า Future trading ก็ได้ ผู้เขียนฟังแล้วก็ไม่เชื่อหรอกครับเรื่องอย่างนี้ เพราะเอาเข้าจริงก็หาใบเสร็จไม่ได้ สักที เรื่องอย่างนี้ต้องฟังหูไว้หู เรื่องว่าร้ายป้ายสีกันในช่วงจะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ มีเยอะ เหลือเกิน แต่กลับหวนคิดถึงเหตุการณ์กอ่ นหน้าทีเ่ พือ่ นรุน่ น้องจะมาเยีย่ มนี้ ๑ เดือนซึง่ เป็น ของจริงที่มีหลักฐานมั่นคงชัดแจ้งพิสูจน์ได้เลยครับ คือ เรื่องจากเมืองฟูกูชิมาที่โดนสึนามิ ั ชาติญปี่ นุ่ ถล่มเสียราบไปเลยนัน่ แหละ โดยต�ำรวจญีป่ นุ่ แต่เป็นคนเวียดนามอพยพซึง่ ได้สญ แล้วนะครับชือ่ นาย ฮาหมิน่ ถาน ได้เขียนจดหมายถึงเพือ่ นทีเ่ วียดนามเล่าถึงประสบการณ์ ของการปฏิบัติหน้าที่ของเขาที่โรงเรียนประถมเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เผยแพร่โดย ส�ำนักข่าวนิวอเมริกันมีเดีย (New America Media-NAM) ซึ่งเป็นส�ำนักข่าวที่มีชื่อเสียง ได้รบั การยอมรับในทางเสนอข่าวทางชาติพนั ธุท์ ไี่ ม่ใช่ฝรัง่ ตะวันตกพูดง่ายๆ ก็คอื ส�ำนักข่าว ที่มุ่งเสนอข่าวส�ำหรับคนในโลกที่ไม่ใช่ฝรั่งนั่นเอง anuman-online.com
58
หอประชุม
สารบัญ
ฮาหมิ่น ถาน เขียนเล่าว่าต�ำรวจของเมืองฟูกูชิมาต้องท�ำงานกันวันละ ๒๐ ชั่วโมง งานหลักคือ การขนย้ายศพผูต้ ายจากสึนามิ แบบว่าลืมตาขึน้ มาก็เห็นศพ จนหลับพอตืน่ ขึน้ มาก็ขนย้ายศพต่อ ฮาหมิ่น ถาน บอกเพื่อนว่าน่าแปลกใจในความสงบและการปฏิบัติตัว ที่สุภาพมีมารยาทของชาวญี่ปุ่นที่สูญสิ้นแทบทุกอย่าง ด้วยศักดิ์ศรีตลอด ๑ สัปดาห์ ภายหลังสึนามิ แต่เขากังวลว่าหากนานไปอีก ความอดอยากก็จะท�ำให้เกิดสัญชาตญาณดิบ ของการเอาตัวรอดขึน้ มาได้ เนือ่ งจากอาหารและน�ำ้ ยังขาดแคลนอย่างสุดแสนสาหัสในช่วง แรก ทั้งๆ ที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ฮาหมิ่น ถาน เขียนเล่าว่า เขาได้รับบทเรียนที่มีค่าที่สุดจากเด็กญี่ปุ่นอายุ ๙ ขวบ ที่สอนให้เขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ รู้ถึงการปฏิบัติตนของมนุษย์ว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไร! ฮาหมิน่ ถาน เล่าว่า เมือ่ คืนทีแ่ ล้ว เขาไปปฏิบตั หิ น้าทีต่ ำ� รวจในการดูแลความสงบ ของการแจกอาหารให้แก่ผปู้ ระสบภัยสึนามิทโี่ รงเรียนประถมเล็กๆ แห่งหนึง่ ในเขตฟูกชู มิ า โดยมีอาหารวางกองรวมกันอยูเ่ พือ่ แจกให้ตามคิวทีจ่ ดั เป็นแถววกวนสลับกันเหมือนกับการ เข้าคิวเข้าสวนสนุกซึ่งมีคนเป็นจ�ำนวนมาก ฮาหมิ่น ถาน เห็นเด็กนักเรียนชายใส่กางเกง ขาสั้นและเสื้อยืดคอกลมตัวเล็กอายุประมาณ ๙ ขวบ ยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย ซึ่งคะเนจาก จ�ำนวนคนแล้วอาหารที่กองอยู่อาจจะหมดเสียก่อนถึงคิวเด็กเสียด้วยซ�ำ้ ฮาหมิ่น ถาน จึงเดินเข้าไปชวนเด็กคนนั้นคุย ซึ่งก็ได้ความว่าในช่วงที่สึนามิ โถมตัวเข้าฝั่งนั้นเด็กคนนี้อยู่บนชั้นสามของโรงเรียนมองเห็นรถยนต์ที่พ่อของเขาที่ขับมา รับเขาที่โรงเรียนถูกน�ำ้ พัดหายไปต่อหน้าต่อตา เมื่อถามถึงแม่เด็กก็บอกว่าบ้านเขาอยู่ใกล้ ชายหาดแม่และน้องสาวก็คงตกเป็นเหยื่อของคลื่นสึนามิอย่างไม่ต้องสงสัย เด็กเบือนหน้า หนีในขณะที่เล่าถึงเรื่องเศร้าสลดของตนเพื่อเช็ดน�ำ้ ตาอย่างสงบ เด็กเล็กคนนั้นเริ่มตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเย็นในยามค�่ำคืน ฮาหมิ่น ถาน จึง ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาคลุมไหล่ให้เด็ก โดยกล่องอาหารที่ ฮาหมิ่น ถาน ได้รับแจกก่อน มาปฏิบตั งิ านก็ลว่ งลงจากกระเป๋าเสือ้ แจ๊คเก็ต ฮาหมิน่ ถาน ก้มลงเก็บกล่องอาหารแล้วยืน่ ให้กับเด็กผู้นั้นพร้อมพูดว่า “นี่เป็นอาหารส่วนของฉัน ซึ่งฉันกินเรียบร้อยแล้ว หนูเอาไปกินเถอะเพราะว่า กว่าจะถึงคิวหนูได้รับแจกอาหาร อาหารตรงกองนั้นอาจจะหมดก่อนก็ได้” เด็กอายุ ๙ ขวบคนนัน้ โค้งอย่างสุภาพแล้วรับเอากล่องอาหารไปพร้อมกับโค้งแล้ว โค้งอีก เสร็จแล้วจึงเดินเอากล่องอาหารนั้นไปวางรวมไว้กับกองอาหารที่เอาไว้แจกตามคิว ท�ำให้ ฮาหมิ่น ถาน ประหลาดใจอดไม่ได้ที่จะถามเด็กเมื่อเขากลับมาอยู่ท้ายคิวตามเดิมว่า
สารบัญ “ท�ำไมหนูไม่กินอาหารเสียเล่า? ไม่หิวหรือไง? ท�ำไมถึงเอากล่องอาหารไปรวม กับกองอาหารส่วนกลาง?” เด็กญี่ปุ่นอายุ ๙ ขวบคนนั้นตอบอย่างชัดถ้อยชัดค�ำว่า “เพราะว่าผมเห็นว่ามีคนมากมายทีเดียวที่หิวมากกว่าผม ถ้าผมเอากล่องอาหาร ไปวางรวมเป็นส่วนกลางแล้วทุกคนก็จะได้รับแบ่งเฉลี่ยไปกินเท่าๆ กัน” ฮาหมิ่น ถาน ต้องหันหน้าไปอีกทางหนึ่งเพื่อไม่ให้ใครเห็นเขาร้องไห้ เขาสรุป ในจดหมายถึงเพื่อนชาวเวียดนามของเขาว่า “A society that can produce a 9-year-old who understands the concept of sacrifice for the greater good must be a great society, a great people.” พากษ์ไทยว่า “สังคมที่สามารถผลิตเด็กอายุ ๙ ขวบ ให้เข้าใจในความหมายของ การเสียสละเพื่อความไพบูลย์ของสังคมส่วนรวมได้ ต้องเป็นสังคมที่ยิ่งใหญ่และเป็นผู้คนที่ ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง” โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ (โอวี ๓๙)
คะแนนของการคอร์รัปชั่นดูเป็นรายประเทศ โดย
Transparency International ประจำ�ปี 2011
1 - 2.5 2.5 - 4.5 4.5 - 6.5 6.5 - 8.5 8.5 - 10 ตัวเลขยิ่งมาก (สีอ่อน) หมายความว่ามีการคอร์รัปชั่นน้อย ในทางกลับกันตัวเลขยิ่งน้อย (สีเข้ม) หมายความว่ามีการคอร์รปั ชัน่ มาก (ทีม่ า: http://cpi.transparency.org/cpi2011/)
anuman-online.com
60
กองบังคับการ
สิบนิ้วประนมเหนือเกศ ไหว้ครูวิเศษทั้งน้อยใหญ่
วชิราวุธฯ กับโลกแห่งการเรียนรู้ ในศตวรรษที่ ๒๑
สารบัญ
สารบัญ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน โลกมีการ เปลี่ ย นแปลงอย่ า งต่ อ เนื่ อ ง ทั้ ง ทางด้ า น สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ท�ำให้การ ด�ำเนินชีวิตของเราจ�ำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน ตาม โดยจะเห็นได้ชัดหลังจากการปฏิวัติ อุตสาหกรรม การพัฒนาเทคโนโลยี และ การเปิดโลกเสรี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไป ในทางทีด่ ี แต่สงิ่ ทีด่ ยี อ่ มมีอกี ด้านเสมอ จาก การเปลี่ยนแปลงข้างต้น ท�ำให้การแข่งขัน สูงขึ้น ตลาดแรงงานต้องการคนเก่งในการ ท�ำงาน ท�ำให้สถาบันการศึกษาหลายๆ แห่ง มุง่ เน้นผลิตผูเ้ รียนออกมาให้มคี วามเป็นเลิศ ทางวิชาการ โดยการจัดให้มีการเรียนเสริม เพิ่มเติมต่างๆ นานา อัดความรู้เข้าไปให้ เต็มที่ ให้เด็กได้คะแนนสอบสูงๆ สอบติด มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แล้วก็ให้คุณค่าว่า เหล่านี้คือ..คนเก่ง โดยมองข้ามความเก่งใน ด้านอื่นๆ ไปโดยสิ้นเชิง เช่น ศิลปะ ดนตรี กีฬา คอมพิวเตอร์ เป็นต้น และยิ่งร้ายแรง กว่าการมองข้ามความเก่งด้านอื่นๆ ก็คือ การท�ำลายความเป็นตัวตนของเด็กๆ วชิราวุธวิทยาลัย โชคดีที่พระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรงมีวสิ ยั ทัศน์ ทางด้านการศึกษาที่กว้างไกลและทันสมัย อยู่เสมอ ดังที่ได้ทรงมีแนวพระราชด�ำริว่า โรงเรียนมหาดเล็กหลวงจะต้องไม่เป็นเพียง การให้ความรู้โดยทางต�ำราเท่านั้น แต่จะ ต้องเป็นการสร้างเด็กที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ และความประพฤติ เพื่อตอบสนอง ความต้องการบุคลากรในการพัฒนาประเทศ
ชาติตอ่ ไป ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาถึง พระยาวิสทุ ธสุรยิ ศักดิ์ (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) ความว่า... “...ระบบการศึ ก ษาและกฎเกณฑ์ ทั้งหลาย ตลอดจนหลักสูตร แท้จริงท�ำให้ เปลื อ งกระดาษไปเปล่ า ๆ ยิ่ ง กว่ า นั้ น คื อ เปลืองเวลาด้วย ถ้าไม่ท�ำให้ประชาชนเป็น อย่างที่เราต้องการ ส�ำหรับประเทศของเรา ได้เป็นผลส�ำเร็จ ข้าไม่หมายความว่าอะไรดีส� ำหรับ เมืองอังกฤษ จะต้องดีส�ำหรับเมืองไทยด้วย ตรงกันข้ามถ้าจะเอาวิธีการของคนอังกฤษ มาใช้ ทั้ ง ดุ ้ น โดยไม่ มี ก ารดั ด แปลง ก็ จ ะ เป็นการผิดพลาดอย่างมหันต์ ส�ำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ข้า ไม่เป็นห่วงการปัน้ นักเรียนชัน้ มัธยม ให้เป็น เทวดาเหมือนกันหมดทุกคน ได้คะแนน คนละหลายพันคะแนน เท่าการสร้างเด็ก หนุ่มที่ขยันขันแข็งและสะอาดทั้งร่างกาย และจิตใจ เตรียมพร้อมที่จะรับภาระต่างๆ ซึ่งจะมีมาในอนาคต ข้าไม่ต้องการนักเรียนตัวอย่าง ที่ สอบไล่ได้คะแนนขั้นเกียรตินิยมทุกๆ ครั้ง ข้าไม่ต้องการต�ำราเรียนที่เดินได้ ข้าอยาก ได้ยุวชนที่เป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์สุจริต มี อุปนิสัยใจคอดี ข้าจะไม่โศกเศร้าเลย ถ้า เจ้ามารายงานว่าเด็กคนหนึ่งเขียนหนังสือ ไม่คล่อง คิดเลขซ้อนไม่เป็น และไม่รู้วิชา เลขาคณิตเลย ถ้าข้ารูว้ า่ เด็กคนนัน้ ได้ศกึ ษา พอทีจ่ ะรูว้ า่ ความเป็นลูกผูช้ ายคืออะไร และ anuman-online.com
62
กองบังคับการ
ขี้แยคืออะไร ข้ า ไม่ อ ยากได้ ยิ น คนฉลาดบ่ น อี ก ว่า ‘ปัญญาท่วมหัว เอาตัวไม่รอด’ สิ่งที่ ข้าต้องการในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงคือ ให้การศึกษาเป็นเครื่องท�ำให้เด็กเป็นยุวชน ที่น่ารัก และเป็นพลเมืองดี ไม่ใช่ท�ำลาย บุคลิกภาพเสียหมด โดยบรรทุกหลักสูตร และระบบต่างๆ ลงไป ข้ า ต้ อ งการให้ ก ารศึ ก ษาเป็ น สิ่ ง ที่งดงาม จนท�ำให้เด็กที่ออกไปแล้ว หวน กลั บ มาคิ ด ถึ ง ในวั น ข้ า งหน้ า ด้ ว ยความ ภาคภูมิใจ...”* จากพระบรมราโชวาทในพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และหลัก ปฏิบัติในโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย น�ำมา ซึ่งความได้เปรียบในการจัดการเรียนการ สอนในศตวรรษที่ ๒๑ เพื่อสร้างผู้เรียนให้ มีความครบเครือ่ งรอบด้านมากทีส่ ดุ ก่อนจะ ออกไปใช้ชีวิตจริงในโลกภายนอก
การจัดการเรียนการสอน ในศตวรรษที่ ๒๑
จากการเปลี่ ย นแปลงของโลกใน ทุกๆ ด้าน ท�ำให้การจัดการเรียนการสอน ในโลกยุคใหม่ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย โดย มีนกั การศึกษาได้เสนอแนวทาง และหลักใน
สารบัญ การจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ ๒๑ ไว้ โดยพอจะสรุปได้ดังนี้ ๑. ผู ้ เ รี ย นแต่ ล ะคนมี รู ป แบบ การเรียนรูท้ แี่ ตกต่างกันออกไป บางคนถนัด การใช้จินตนาการ บางคนถนัดวิเคราะห์ บางคนเรียนรู้ได้มากจากประสบการณ์จริง และได้ลงมือท�ำ เป็นต้น ดังนัน้ ผูส้ อนจึงต้อง ใช้รปู แบบการสอนทีห่ ลากหลาย เพือ่ เอือ้ แก่ การเรียนรู้ของเด็กทุกๆ คน ๒. ผู้เรียนก�ำหนดองค์ความรู้ด้วย ตนเอง ไม่ใช่ถูกยัดเยียดความรู้ให้โดยครู กล่าวคือ ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เลือก หัวข้อหรือประเด็นในการเรียนตามที่สนใจ ทั้งนี้ครูอาจก�ำหนดร่มใหญ่ของเนื้อหาแล้ว ให้ผู้เรียนเลือกหัวข้อย่อยเอง ๓. ในโลกยุคใหม่ที่เปิดกว้างและมี การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้เรียนจึง ควรเป็นคนยืดหยุน่ สามารถปรับตัวให้ได้กบั ทุกสถานการณ์ที่มีโอกาสเข้ามาในอนาคต แต่ทงั้ นีท้ งั้ นัน้ ผูเ้ รียนต้องมีวนิ ยั ควบคูก่ นั ด้วย ๔. ระบบของโรงเรียนต้องเอื้อแก่ การสร้ า งบุ ค ลิ ก ภาพและการด� ำ เนิ น ชี วิ ต ของผูเ้ รียน กล่าวคือสภาพแวดล้อมและการ ด�ำเนินชีวิตในโรงเรียนต้องสอดคล้องกับสิ่ง ที่นักเรียนได้รับการปลูกฝัง ไม่ใช่สอนให้ นักเรียนมีความเป็นประชาธิปไตย แต่ระบบ
* กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๒๗. แนวพระราชด�ำริเก้ารัชกาล. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ อ้างถึง หอวชิราวุธานุสรณ์, แฟ้มที่ ๑๐๑๖๐๕/ป๓ โอวาทส�ำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง วิศาขบูชา พ.ศ.๒๔๕๙
สารบัญ
ของโรงเรียนเป็นเผด็จการ เป็นต้น ๕. ปัจจุบนั ความรูไ้ ม่ได้มอี ยูแ่ ต่เพียง ในห้องเรียน นักเรียนสามารถ “เรียนรู้” ได้ ทุกที่ และตลอดเวลา อีกทั้งปัจจุบันยังมี แหล่งเรียนรูใ้ นสังคมและชุมชนมากมาย จึง ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ “เรียนรู้” นอก สถานที่ด้วย ๖. ผู้เรียนควรได้เรียนแบบเจาะลึก (Deep learning) รู้ลึก รู้จริง รู้รอบ ไม่ใช่รู้ ทุกเรื่องแบบผิวเผิน โดยจัดเนื้อหาทุกเรื่อง ให้เรียน จนผู้เรียนไม่รู้ว่าเรียนไปเพื่ออะไร ๗. การจัดการสอนทีม่ ปี ระสิทธิภาพ ต้องการครูทมี่ ากกว่าผูส้ อน แต่ตอ้ งการครูที่ เป็นทีป่ รึกษา คอยชีแ้ นะการเรียนรูใ้ ห้ผเู้ รียน ได้เป็นรายบุคคล
จ า ก แ น ว ท า ง แ ล ะ ห ลั ก ใ น ก า ร จัดการเรียนการสอนทั้ง ๗ ข้างต้น ไม่ได้ หมายความว่ า จะต้ อ งยกเลิ ก การเรี ย นรู ้ และหลักปฏิบัติที่มีมาทั้งหมด หากแต่เป็น หน้าทีข่ องครูและผูบ้ ริหารทีจ่ ะต้องประยุกต์ ผสมผสาน และเลือกใช้ให้เหมาะกับบริบท ของโรงเรียนและเทรนในการเปลี่ยนแปลง ของโลก เพือ่ ให้ได้ออกมาซึง่ เด็กทีม่ คี ณ ุ ภาพ และพร้อมจะออกไปใช้ชีวิตภายนอก และ ท� ำ คุ ณ ประโยชน์ ใ ห้ กั บ บ้ า นเมื อ งและ น� ำ ชื่ อ เสี ย งมาสู ่ ว ชิ ร าวุ ธ วิ ท ยาลั ย ต่ อ ไป ศิรเมศร์ ศิริศักดิ์ธนากุล (โอวี ๗๗)
anuman-online.com
64
ตึกเวสฯ
คลังศิลปะฝีมือชาวโอวี
สารบัญ
สารบัญ
ที่มา: ภาพลายเส้นจากหนังสือรุ่น โอวี ๔๘
anuman-online.com
66
สารบัญ
สนามจันทร์
ครู
ความหลังยังมี
เมื่อครั้งวัยเยาว์
ที่ตึกเรียนคณะเด็กเล็ก
เมื่อผมทราบข่าวการจากไปของ ครูภิญโญ บุญหนุน เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อดีตมันก็ไหลหวนเมื่อครั้งยังเยาว์ คิดถึงครูครับ เพราะคิ ด ถึ ง ครู ภิ ญ โญ ท� ำ ให้ ผ มพลอยคิ ด ถึ ง ครู ค นอื่ น ๆ ครู ที่ ส อนพวกเรา ในวัยเยาว์ ป.๓ - ป.๗ ทีต่ กึ เรียนเด็กเล็ก ข้างคณะเด็กเล็ก ๑ (รุน่ ผมเข้า ป.๓ พ.ศ. ๒๕๐๕ คณะเด็กเล็กยังไม่เปลี่ยนชื่อเป็น สนามจันทร์, นันทอุทยาน, สราญรมย์)
สารบัญ ครู แ ม่ บ ้ า นคณะเด็ ก เล็ ก ๑ คื อ ครู บ รรจง ลวพั น ธ์ , ครู จ� ำ รั ส จั น ทราศุ ท่านสอนภาษาอังกฤษ ครูมณี เอมะศิริ, ครูบุญชู พงษ์พานิช สอนเลข มีอยู่ครั้งหนึ่งในชั่วโมงครูจ�ำรัสสอน ไอ้หอย จารุวัฒน์ นภีตะภัฏ ไปท�ำอะไรไม่รู้ ให้ท่านโกรธ ท่านเทศนายาวเหยียด ไม่ต้อง เรียนกันละภาษาอังกฤษ ทุกคนเงียบกริบ รั บ ฟั ง พลั น ก็ มี เ สี ย งแทรกเข้ า มาดั ง ลั่ น จากหน้าต่างห้องเรียนทีต่ ดิ รัว้ ซอยข้างหลัง.. “มี ข่ว ก มะขาย..ย..ย..” พวกเรากลั้ น หั ว เราะแทบแย่ ที่ ค รู จ� ำ รั ส ท่ า นกรี ด พั ด ประจ�ำตัวไหวๆ ชี้ไปนอกหน้าต่าง “..นี่ นี่ ไปที่อื่น เดี๋ยวนี้นะ” ซาเล้งรับซื้อของเก่าคง ออกแรงถีบปุเรงๆ เพราะกลัวครูจ�ำรัสแน่ๆ
ครู ที่ ส อนที่ ตึ ก เรี ย นเด็ ก เล็ ก ก็ คื อ ครูแม่บ้านประจ�ำคณะนั่นเอง ท�ำให้เราพบ ท่านแทบตลอดเวลา ทั้งเวลาเรียนและเวลา กลับคณะ ผมว่าท่านใช้เวลาดูแลเราเป็นลูก (ศิษย์) มากกว่าแม่ตัวจริงเสียอีก เพราะ เวลาชีวิตช่วงนั้นเราอยู่โรงเรียนสามเทอม นานกว่าอยู่บ้าน
แล้วท่านก็กลับมาเทศนาไอ้หอยต่อ จนออดหมดชัว่ โมงห้องอืน่ เขาปล่อยกันหมด แล้ว นั่นแหละครูจ�ำรัสถึงเดินออกไปจาก ห้อง เด็ก ๑ น่ะไม่เท่าไหร่คณะอยู่ใกล้ เด็ก ๒ เด็ก ๓ นี่สิต้องห้อแน่บกลับคณะ เช่นเดียวกับเด็กเล็ก ๒ ที่เรียนกับ ครูกิตติพันธ์ สอนภาษาอังกฤษ (สมัยโน้น ครูกติ ติพนั ธ์ยงั เป็นนางสาวราชสกุลกิตติยากร ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็น ชมฤทธิ์), ครูบรรจง โถลานนท์ (ครูบรรจงเล็ก), ครูสอาดจิตร เทพาหุดี สอนค�ำนวณ ครูโฉมศรี ศิวรักษ์ anuman-online.com
68
คอลัมน์
มาทีหลังสุด สอนภาษาอังกฤษตอนพวกเรา อยู่ ป.๗ แล้ว ครูแม่บา้ นเด็ก ๒ ยังมี ครูเนีย้ น สโรชมาน (ป้าครูของเด็กครูเนีย้ นทัง้ หลาย) กับครูแม่บา้ น ถวิล สุวรรณฑัต ทีไ่ ม่ได้มาสอน (ป้าครูออกไปท�ำโรงเรียนอักษรเจริญอย่าง จริงจังในเวลาต่อมา) ครูสอาดจิตร ดุระดับเอบวกพอๆ กับ ครูมณี เอมะศิริ ชั่วโมงที่ท่านสอนพวกเรา เงียบกริบ ตาแป๋วมองท่าน ปานประหนึ่ง ตั้งใจเรียน แต่เปล่าหรอกครับใจมันโบยบิน ไปโน่นไปนี่ แต่คนที่แน่ที่สุดคือ ไอ้บ๊องชัย ด�ำรงชัย บุญญโชติ (รุ่นผมมีหลายบ๊อง ล้วนอยู่เด็กสามหมด บ๊องยา พงศ์พิทยา ทองปรีชา, บ๊องตู่ เผ่าเกษม คงจ�ำเนียร ไอ้นบี่ า้ วาดแต่รูปสไปเดอร์แมนมาตั้งแต่เด็ก คณะ อื่นดูเหมือนจะไม่มีฉายาบ๊องเลย) เพราะไอ้บ๊องชัย มันลับลวงพราง ครูสอาดจิตร โดยตาและสีหน้าก็ตั้งใจเรียน แต่เอามือคล�ำใต้ช่องโต๊ะเรียน ประกอบรถ กล่องยาสีฟันได้ทั้งชั่วโมง (สมัยนั้นเราจะ เอากล่องยาสีฟันคอลเกตขนาดใหญ่มาตัด ท�ำตัวถัง ล้อท�ำจากจุกกระดาษกลมๆ ขวด นมโฟร์โมสต์ทกี่ นิ ประจ�ำตอนของว่าง เอามา แปะติดกันให้ลอ้ หนาขนาดไหนก็ได้ ลวดเส้น เล็กที่ดึงเปิดจากขวดนมก็เอามาท�ำแหนบ ท�ำสปริง ใครมีฝีมือก็ท�ำรถเท่ห์ๆ เล่นได้) มันเป็นความเสีย่ งอย่างยิง่ ยวดเพราะโดนจับ ได้ นอกจากรถโดนขย�ำแล้วยังโดนตีแหงแซะ
สารบัญ แต่มันก็กล้าที่จะท�ำหรือมันบ๊องถึงกล้าท�ำ ในชั่วโมงครูสอาดจิตร? ค รู เ ด็ ก เ ล็ ก ๓ ก็ มี ค รู ส ม ใ จ เทียมสมบูรณ์ สอนภาษาไทย (และยังดูแล วงเมโลดิก้าอีกด้วย) ครูสุทิพย์ พึ่งประดิษฐ์ สอนภาษาอังกฤษ ทั้งสองท่านยังเป็นครู แม่ บ ้ า นคณะเด็ ก เล็ ก ๓ ด้ ว ย สมั ย นั้ น ดูเหมือนว่า คณะเด็ก ๓ จะมีครูแม่บา้ นเพียง สองท่าน น้อยกว่าคณะอื่น ผมสอบถาม ไอ้ เป้ ธรากร ปุรณะพรรณ์ มันบอกว่าคณะมัน เด็กดี ไม่เซียนเป็นลิงเหมือนเด็ก ๑ เด็ก ๒ ถึงต้องมีครู (ดุๆ) ดูแลหลายคน แต่ไม่จริง หรอกครับ เด็ก ๓ แหละตัวดี มีตำ� นานเยอะ เฉพาะไอ้อ�่ำ อ�ำรุง น้อยเศรษฐ์ ก็เท่ากับลิง สามตัวแล้ว ส่ ว นครู ผู ้ ช าย รุ ่ น ผมยั ง ทั น เรี ย น ภาษาอังกฤษกับ ม.จ.วิเศษศักดิ์ ชยางกูรฯ หม่อมก๊อก ที่มาดเนี๊ยบแบบผู้ดีอังกฤษเลย ท่านเข้าห้องก็ต้อง กู๊ด มอร์นิ่ง เสอ ไม่ใช่ สวัสดีครับ คุณครู เช่ น เดี ย วกั บ ได้ เ รี ย นภาษาไทย กั บ ขุ น ช� ำ นาญกระบวนสอน ปลั ด จิ ง เกิ้ ล (สมั ย ก่ อ นมี ห นั ง คาวบอยทางโทรทั ศ น์ หน้ากากด�ำ มีปลัดจิงเกิ้ลตัวอ้วนกลมเป็น ตัวตลก คือทีม่ าของฉายาขุนช�ำนาญฯ) ท่าน นัง่ หลับตาให้พวกเราท่องอาขยานภาษาไทย เวลาใครท�ำเสียงดังท่านจะลืมตา ใครท�ำ?
สารบัญ พวกเราก็บอกว่า “มิตรชัย บัญชา ครับ” ไอ้หนังหมา บัณฑูร พิมลบรรยงค์ ก็พูดต่อ เพชรา เชาวราษฎร์ ท่านก็จะเอาหนังสือ ตี ห ลั ง ไอ้ ห นั ง หมาป้ า บหนึ่ ง แล้ ว สั่ ง “มิตรชัย บัญชา ออกมา!” (มิตรชัย ศรีชลธาร ไอ้เคี้ยง, บัญชา กลัดพันธุ์ ไอ้บังก้า) ไม่มีใครออกมาหรอกครับ เพราะ ไอ้เคี้ยงกับไอ้บังก้ามันอยู่ห้อง ข. แต่ท่าน สอนห้อง ก. อยู่ พวกเราก็บอกว่ามันหนีไป อยู่ห้อง ข. แล้วครับ ท่านก็อ้อๆ หลับตาต่อ
ท่านชอบถ่ายท�ำภาพยนตร์ ใช้กล้องแปดมิลล์ ท� ำ หนั ง เล่ น พระเอกก็ ห าครู ห นุ ่ ม แถวๆ ห้องเรียนนี่แหละ ผมจ�ำไม่ได้ว่าชื่ออะไร เพราะทั้งครูวิจิตรและครูสอนศิลปะท่านนั้น สอนเราช่วงสั้นๆ ก็ลาออกจากโรงเรียนไป ครูเดช เดชกุญชร สอนสังคม ยึดเอา ห้องพักครูชั้นบนตึกเรียนเด็กเล็กเป็นห้อง ท�ำงาน อารมณ์ประมาณว่า ผูบ้ งั คับการฝ่าย เด็กเล็กและกิจกรรมลูกเสือ อะไรท�ำนอง นี้แหละ วิชาสังคมไม่ค่อยเท่าไหร่ ครูเดช มักเอาเรื่อง ลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ บิดา แห่งลูกเสือมาสอน ให้หัดร้องเพลงภาษาซูลู อี๊นกอน แยม่า กอน แยม่า อีนบูบู จาโบ๊ จาโบ๊ อินบูบู ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร ผมรู้แต่ว่า ผูโบ้ จาโบ๊ห่วง เป็นค�ำด่าภาษาจีน ครูเดช ยังชอบสีฟันครับ สีฟันแล้วก็บ้วนลงมาตรง หน้าต่างทีม่ ชี ายคาตรงกับห้องพักครูชนั้ ล่าง คุณครูที่นั่งอยู่ชั้นล่างต้องเขยิบหนีน�้ำสีฟัน ฝอยหิมะตกของครูเดชทุกทีไป
มี อ ยู ่ ค ราวหนึ่ ง ไอ้ ก บ พฤติ ภู ม ิ ตู้จินดา มันได้เอาแตงโมสองลูกมาให้ครู ขุ น ช� ำ นาญฯ รู ้ สึ ก จะเป็ น ของขวั ญ ปี ใ หม่ นีแ่ หละ ท่านขอบใจและต้องถือแตงโมสองลูก กลับตอนเลิกเรียน ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร นึกแค่ว่าไอ้กบมันแกล้งให้ท่านถือของหนัก แต่พอโตขึน้ มาแล้ว นึกถึงภาพนัน้ ก็เสียใจกับ การที่เราหัวเราะครูขุนช�ำนาญฯ ถือแตงโม ทุลกั ทุเลเดินออกไปจากรัว้ โรงเรียนเพือ่ กลับ ครูเดชชอบเล่าเรื่องประสบการณ์ บ้าน มันหนักนะครับแตงโมน่ะ แล้วท่านก็ ชีวติ ของท่านให้ฟงั เล่าเรือ่ งปลาบึกทีแ่ ม่นำ�้ โขง ชราไม่ได้มีรถ ไม่ได้มีใครมารับ ว่ามันตัวเท่าควาย แต่ไอ้ค่อก ความจ�ำนงค์ ครูวิจิตร นภีตะภัฏ ท่านสอนวิชา พึ่งบุญฯ มันไปขยายความบอกว่า ครูเดช หน้าที่พลเมือง (นัยว่าเป็นญาติกับไอ้หอย เล่าว่า ปลาบึกโตเท่าห้องเรียนต่อกันสอง จารุ วั ฒ น์ ) ท่ า นบอกว่ า คนเราต้ อ งขยั น ห้องกินควาย ซะงั้น หาความรู ้ ใ ส่ ตั ว ท่ า นเล่ า ว่ า ตอนเด็ ก ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ซ้อมเดินแถวถวาย ท่ า นหั ด อ่ า นภาษาอั ง กฤษจากกระดาษ หนังสือพิมพ์ จงท�ำในสิ่งที่ชอบ ดูเหมือนว่า บังคมวันปิยมหาราช ที่สนามบาสข้างคณะ anuman-online.com
สารบัญ ผบก. ครูเดชมีหน้าที่เป็นผู้ออกค�ำสั่งและ เป่านกหวีด ผมจ�ำไม่ได้ว่า ครูเดชออกค�ำ สั่งนอกกรอบอย่างไร ท่านผู้บังคับการร้อง ฮึ่ย..ย์ ค�ำเดียวเท่านั้น ครูเดชเป่านกหวีดยัง ไม่เป็นภาษานกหวีดเลย มันแป่วๆ เปี๊ยวๆ ยังไงชอบกล ขนาดท่านผูบ้ งั คับการยังหัวร่อ พุงกระเพื่อม ครูอุดม รักตประจิต มาเป็นผู้ก�ำกับ คณะดุสิตใหม่ๆ ก็ข้ามฟากมาสอนเด็กเล็ก ท่านสอนเลข ครูอุดมไม่ตี แต่ใช้หยิก หยิก ก็ไม่ได้หยิกทีแ่ ขน แต่หยิกทีข่ าอ่อน สมัยนัน้ เราเรียกว่า โดนลูกบิดชไนเดอร์ (ปากกา ลู ก ลื่ น ลู ก บิ ด ก� ำ ลั ง ฮิ ต ในยุ ค นั้ น ) ครู อุ ด ม ชอบนั่งเอนตัวพังพาบไปกับโต๊ะครู มีชั่วโมง เช้าวันหนึ่งที่ท่านสอนที่ห้องล่างริมตึก ห้อง ป.๖ ก. ครูเดชพาห้องไหนก็ไม่รู้ลงมาที่ สนามบอลเด็ ก ๑ แบ่ ง ข้ า งเอาไม้ พ ลอง ลูกเสือแข่งกันตีลูกบอล จะเป็นโปโลก็ไม่ใช่ ฮอกกี้ก็ไม่เชิง ครูอุดมเงยหน้าดู นั่นลอร์ด เบเดน เพาเวลล์ เขาท�ำอะไรน่ะ แล้วก็ส่าย หัวซบหน้าลงไปกับแขนที่พังพาบโต๊ะ แต่ ที่ ผ มจ� ำ ได้ ม าถึ ง ทุ ก วั น นี้ ก็ คื อ เหตุการณ์ ขุนช�ำนาญฯ ตุ้บตั้บกับตาท้วม ตาท้ ว มเป็ น ภารโรงผอมกงโก้ ก็ คงอยู่กับโรงเรียนมานาน ไม่ต่างกับโกกุ๊ด (แขกยามหน้าประตูคณะผู้บังคับการ ที่ โบกการจราจรให้เวลาคณะเด็กเล็กเข้าไป
สวดมนต์ทหี่ อประชุมทุกเช้า ใครเอ่ยยาเฮนน่า กับแก แกจะยิ้ม นัยว่าเป็นค�ำทักทายภาษา แขก แต่มีครั้งหนึ่งเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อมี ใครคณะเด็ก ๑ ก็ไม่รู้ ดันทะลึ่งพูด บังจู๊ด ใส่โกกุ๊ด แกถึงกับเดินมาฟ้องครูบุญชู ที่ เป็ น ครู เ วรที่ ค ณะ ด้ ว ยบั ง จู ๊ ด ไม่ ไ ด้ เ ป็ น ค� ำ แช่ ง ให้ แ ขกขี้ ไ หล แต่ เ ป็ น ค� ำ ด่ า ระดั บ ฮาร์ดคอร์ของแขก) กลั บ เข้ า เรื่ อ ง ตาท้ ว มแกจะเป็ น ผู ้ ก วาดท� ำ ความสะอาดตึ ก เรี ย นเด็ ก เล็ ก วันนั้นตาท้วมแกกวาดใบไม้อยู่หลังตึกเรียน ที่เป็นทางซิเมนต์แคบๆ ทางด้านมุมตึกห้อง ป.๖ ก. ซึ่งขุนช�ำนาญฯ สอนอยู่ ท่านได้ยิน เสียงแกรกกราก ก็ชะโงกดูทางหน้าต่างด้าน หลัง แล้วหยิบเอาตะกร้าผง เทเศษกระดาษ เศษฝุ่นชอล์กทิ้งลงไป เสียงตาท้วมเอะอะ มะเทิ่งโมโห ขุนช�ำนาญฯ ยิ้มกริ่ม สักพั ก ตาท้ ว มก็ โ ผล่ ห น้ า ที่ ป ระตู ห้อง ยักคิ้วหลิ่วตาใส่ขุนช�ำนาญฯ กระซิบ กระซาบฮิเฮาะพอได้ยินว่า จิงเกิล จิงเกิล ขุนช�ำนาญฯ โมโห (แสดงว่าครูทุกคนต่าง รู้ฉายาของตัวเอง) โบกมือไล่ ตาท้วมก็ ผลุบหน้าหายไป แล้วก็โผล่มาอีก ล้อจิงเกิล จิงเกิล ท�ำอยูส่ กั สามที ขุนช�ำนาญฯ ก็ลกุ จาก ห้อง หายไปในหลืบมุมห้องที่เป็นมุมกระได ลงจากชั้นสอง มีเสียงดังตุ้บตั้บๆ นี่แน่ะ นี่แน่ะ ตาท้วมก็หายไป ขุนช�ำนาญฯ ก็กลับ มาที่ห้อง เสื้อยับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สารบัญ คนแก่แกล้งกันแบบเด็กๆ แล้วยัง ตุ้บตั้บกัน ยิ่งคนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอม ใน จิ น ตนาการของเด็ ก ก็ เ หมื อ นหนั ง ตลก อ้วนผอมให้หัวเราะ แถมยังมีกระสายให้ อมยิ้มต่อด้วยเพราะใครก็ไม่รู้แต่งเรื่องว่า ที่ ขุนช�ำนาญฯ กับตาท้วมเป็นโจทย์ไม้เบื่อ ไม้เมากันนั้น สืบเนื่องมาจากแอบหลงรัก ครูจ�ำรัส ผู้ดุจดอกฟ้าประจ�ำโรงเรียนมา นานหลายสิบปีแล้ว ที่สมัยสาวๆ ครูจ�ำรัส คงสวยหยดจริงๆ หนุ่มชาวดินรักคุดก็เลย เหม็นหน้ากันมาจนแก่เฒ่า
กูอกี กลับไปบ้านคุยโขมงโฉงเฉง พาใครต่อ ใครมาดูอีกหลายรอบ” ผมยังจ�ำอมยิ้มตา เป็นประกายของคนเล่าได้เสมอ
ที่ผมจ�ำไม่ลืมก็คือ ครูเชาว์พาเด็ก ป.๖ ก. ทั้งชั้น ในกะชั่วโมง ๕ เดินแถวไป ยังตึกขาวทีม่ กี จิ กรรมพิเศษ บริตชิ เคาน์ซลิ เอาหนังฟุตบอลโลก ๑๙๖๖ มาฉายให้ดู มัน ตื่นเต้นแตกตาตื่นใจจริงๆ ครับ ผมว่าครั้ง นัน้ แหละ คือจุดประกายจินตนาการลูกหนัง อันบรรเจิด ท�ำให้พวกเราหลายคนบ้าบอล เชียร์ทีมชาติอังกฤษมาตราบทุกวันนี้ (ผม ครูอเมริกนั ทีม่ าจากองค์กรพีซคอร์ป กับตี๋เอกชัย ดูจะได้มากกว่าใครเพราะเส้น คนแรกๆ น่าจะเป็น ครูเชาว์ ศิลาทอง ชื่อ ทางสายนั้นกลับเป็นสายชีวิตในเวลาต่อมา) ภาษาไทยที่โรงเรียนตั้งให้ แต่ชื่อจริงของครู เหล่านี้คือความทรงจ�ำบางส่วนใน คือ โจเซฟ โกลด์สไตน์ (ต่อมามีครูบิ๊กเวล ชื่อไทยทางการไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่ชื่อเด็กตั้ง เยาว์วัยครั้งอยู่เด็กเล็ก ที่ผ่านกาลเวลามา ก็ใหญ่ดี) ผมจ�ำได้ว่ามีอยู่เสาร์หนึ่งที่เป็น เกือบครึ่งศตวรรษแล้ว เสาร์สิ้นเดือน นักเรียนกลับบ้าน ครูเชาว์ ครูที่เคยสั่งเคยสอน ในเวลาห้าปี ถามในห้องเรียน ป.๖ ก. ว่า มีใครจะไปดู หนังเรือ่ ง The Sound of Music บ้าง ไอ้แว่น ของชีวิตฝั่งเด็กเล็ก (ถ้าเข้า ป.๓ เรียนถึง เลิศชาย แสงสว่างวัฒนะ ยกมือคนเดียว ป.๗ ค่อยเข้าคณะในนะครับ) บางท่านคง ดูเหมือนครูเชาว์บอกว่าเป็นหนังดีนะ น่า อยู่ในวัยชรามากๆ อย่าง ครูกิตติพันธ์, ครู จะไปดู ไอ้ตี๋ (หรือ ย.โย่งผู้โด่งดัง) เอกชัย สอาดจิต, ครูโฉมศรี, ครูสมใจ (ท่านบวชชี นพจินดา มักเล่าเสมอๆ เมื่อโตแล้วว่า เชื่อ มานานหลายสิบปีแล้ว) แต่สว่ นใหญ่ทา่ นอืน่ ไอ้แว่นกับครูเชาว์ เสาร์นั้นตัวเองก็เลยให้ ก็จากไปตามกาลเวลา เป็นต�ำนานทีว่ นเวียน พ่อพาไปดูทโี่ รงหนังกรุงเกษม “ตอนทีเ่ ข้าไป อยู่ในโรงเรียน ดู พ่อกูบอกว่าเปิดฉากยายชีวิ่งร้องเพลง อย่าว่าแต่ชีวิตคนเราเลยครับ แม้แต่ บนเนินเขา ฉิบหายแล้วเตรียมหลับดีกว่า แต่กลับเป็นว่าพ่อกูดูตาแป๋วทั้งเรื่อง อินกว่า ตึกเรียนเด็กเล็ก, ตึกเรียน ป.๗ โรงปั้น anuman-online.com
สารบัญ เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแล้ว เป็นอาคารวชิราวุธ ๑๐๐ ปี ตึกเรียนเด็กเล็กห้าชั้นโอ่อ่าก็ล้วนเป็น ความเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเช่นนั้น ตึกไม่มีแล้ว แต่ยังมีความทรงจ�ำอยู่ ไม่ว่าการเรียนปั้นชั่วโมงบ่าย ที่โรงปั้นกับ ครูนลิ เอก วัฒนคาม หลังตึกเรียนมีกจิ กรรม มากมาย ตั้งแต่วิถีลูกผู้ชาย “เจอกันหลัง ตึกเรียน” ซดปากกันยามไม่พอใจบางเรื่อง หรือวัดศักดิ์ศรีใครเป็นเจ้าคณะ หาอาหาร เสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต ไม่ว่า บู๊เหง่ เส้นหมี่ลูกชิ้นน�้ำใส หรือป้าขายของฟาก คนละข้างกับรั้ว ไปจนถึงกิจกรรมประมง น�ำ้ จืด จับปลาในหน้าน�้ำท่วม เหล่านี้ ยามนึกถึงก็อมยิ้มได้เสมอ ผมคงจะเขียนได้อกี สักตอนสองตอน กับเล่าเรือ่ งความหลังครัง้ เยาว์วยั หวังว่าผูอ้ า่ น คงมีความสุข เพราะคนเขียนก็มีความสุข ยามได้เขียนครับ ขอบคุณครับ ยอดชาย ขันธะชวนะ “เป๋ง ใหญ่พญา” (โอวี ๔๔)
74
จดหมายเหตุวชิราวุธฯ บันทึกเรื่องราวในโรงเรียน
สารบัญ
ที่ดินและตึกริม
ถนนราชด�ำริ
(๒)
อาคาร ๑ ใน ๓ หลังริมถนนราชด�ำริ ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาขอซื้อไปเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑
ตึก ๓ หลังที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปลูกสร้างขึ้นในที่ดินพระราชทานที่ ริมถนนราชด�ำรินั้น ได้สร้างขึ้นเป็นตึกสองชั้นแบบยุโรป กล่าวกันว่าพระยาบุรุษรัตนราช พัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) แม่กองก่อสร้างตึกทั้ง ๓ หลังนั้น แม้ตัวท่านจะมิได้เป็นสถาปนิก แต่กไ็ ด้ชอื่ ว่าเป็นผูเ้ ชีย่ วชาญการปลูกสร้างบ้านเรือนสามารถออกความคิดปลูกสร้างได้งามๆ นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง และวชิราวุธวิทยาลัย เรือเอก โรจน์ ไกรฤกษ์ ร.น. บุตรชายคนหนึง่ ของพระยาบุรษุ รัตนราชพัลลภ เล่าไว้วา่ งานอดิเรกอย่างหนึง่ ของเจ้าคุณพ่อ ของท่านผู้เล่า คือ การสะสมบ้านตุ๊กตาพอร์ซเลน (Porcelane) ซึ่งท่านสั่งซื้อมาจาก
สารบัญ
แผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๔๗๔ แสดงที่ตั้งที่ดิน พระราชทานริม ถนนราชด�ำริพร้อม ตึกเช่า ๘ หลัง (ในกรอบ)
โรงพยาบาลจุฬาฯ
สวนลุมพินี
ต่างประเทศ แล้วน�ำมาเป็นต้นแบบในการ สร้างบ้านของท่านเอง รวมทัง้ วังเจ้านายและ บ้านเพื่อนฝูงของท่าน เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เป็นแม่กองก่อสร้างตึก ๓ หลังที่ริมถนน ราชด�ำริ “ลุงโรจน์” ได้เล่าให้ฟงั ว่า เจ้าคุณพ่อ ของท่านได้เลือกบ้านตุ๊กตาพอร์ซเลนที่ท่าน สะสมไว้มาเป็นต้นแบบ ตึกทั้ง ๓ หลังนั้น จึงมีลกั ษณะเป็นตึกทรงยุโรปทีม่ รี ปู ลักษณะ แตกต่างกันไปตามแบบบ้านตุ๊กตาที่ท่าน สะสมไว้
ในประวัตพิ ระยาบุรษุ รัตนราชพัลลภ ได้กล่าวไว้วา่ “ได้เริม่ ลงมือจัดท�ำแบบแปลน และได้ท�ำสัญญาให้ช่างก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๔ กิจการแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้ เ สด็ จ ทอดพระเนตรและประทั บ เสวย น�ำ้ ชาเวลาบ่ายเป็นที่พอพระราชหฤทัย” ตึ ก ทั้ ง ๓ หลั ง นี้ มี ผู ้ เ ช่ า เป็ น ชาว ต่างประเทศเช่าครบทั้ง ๓ หลัง และเมื่อ ความทราบฝ่าละอองธุลพี ระบาทว่า ใน พ.ศ. ๒๔๖๖ โรงเรียนมีรายได้จากค่าเช่าตึกทัง้ ๓ หลังนี้เป็นเงินถึง ๙,๓๕๕ บาท และถึงแม้ anuman-online.com
76 จดหมายเหตุวชิราวุธฯ จะหักค่าภาษีโรงร้าน ค่าซ่อมบ�ำรุงอาคาร และค่าประกันอัคคีภัยแล้ว โรงเรียนก็ยังคง มีรายได้เหลือจากค่าเช่าบ้านทั้งสามหลังนั้น เป็นจ�ำนวนเงินกว่า ๖,๐๐๐ บาท ซึ่งสูงกว่า ดอกเบี้ยที่เคยได้รับจากแบงก์สยามกัมมา จลหลายเท่า จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาบุรุษรัตนราชพัลลภจัดการสร้าง ตึกเพิ่มเติมในที่ดินริมถนนราชด�ำริอีก ๕ หลัง “เริ่มสร้างใน พ.ศ. ๒๔๖๖ สร้างส�ำเร็จ ในพ.ศ. ๒๔๖๗ ค่าก่อสร้างทั้ง ๒ คราว รวม ๘ หลัง รวมทั้งค่าไฟฟ้า ประปา เขื่อน ถนน สนามและรัว้ เป็นเงิน ๓๔๕,๘๗๔ บาท ๙ สตางค์” เนื่ อ งจากตึ ก ทั้ ง ๘ หลั ง นี้ ต ่ า งก็ มี รู ป แบบสถาปั ต ยกรรมและการตกแต่ ง ที่ ไ ม่ เ หมื อ นกั น จึ ง เป็ น ที่ ชื่ น ชอบของ ชาวต่างประเทศผูม้ าเช่าพักเป็นอย่างยิง่ และ สามารถสร้างผลตอบแทนให้กรมพระคลัง ข้างทีส่ ามารถน�ำไปลงทุนเป็นการเพิม่ พูนผล ประโยชน์ให้แก่โรงเรียนได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง รัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้เช่าอาคาร ๓ หลังริมถนนราชด�ำริ ได้ติดต่อทาบทามขอ ซื้อที่ดิน ๗ ไร่ พร้อมอาคารทั้งสามหลัง นั้ น จากส� ำ นั ก งานพระคลั ง ข้ า งที่ ใ นราคา ๒๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์อเมริกัน ผู้อำ� นวยการ ส�ำนักงานพระคลังข้างที่ในฐานะกรรมการ และเหรัญญิกวชิราวุธวิทยาลัยได้น�ำความ กราบบั ง คมทู ล พระกรุ ณ าเรี ย นพระราช ปฏิ บั ติ “มี พ ระราชกระแสรั บ สั่ ง ว่ า ให้
สารบัญ คณะกรรมการวชิ ราวุธวิ ทยาลัย พิจ ารณา เรื่องนี้” คณะกรรมการจั ด การวชิ ร าวุ ธ วิ ท ยาลั ย คราวประชุ ม ครั้ ง ที่ ๕๗ ได้ ประชุมพร้อมกัน ณ ห้องประชุมกระทรวง ศึกษาธิการ เมื่อวันอังคารที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ แล้ว มีมติว่า “เรื่องนี้เกี่ยวกับ ความสัมพันธภาพระหว่างประเทศสยาม กั บ สหปาลี รั ฐ อเมริ ก า วชิ ร าวุ ธ วิ ท ยาลั ย ควรจะสนับสนุนรัฐบาลจึงอนุมัติให้ขายได้ ส่วนราคานั้นเนื่องจากวชิราวุธวิทยาลัยเป็น สถานศึกษาของเอกชน ถ้าจะขอขายในราคา ๒๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ วชิราวุธวิทยาลัยมาก เหรัญญิกรับจะไปขอ ให้เขาให้ราคา ๒๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์” ภ า ย ห ลั ง จ า ก ที่ ก ร ร ม ก า ร แ ล ะ เหรั ญ ญิ ก ไปเจรจากั บ ผู ้ แ ทนรั ฐ บาล สหรัฐอเมริกาแล้ว จึงมีพระบรมราชานุมัต ิ ให้ ข ายที่ ดิ น พร้ อ มตึ ก ๓ หลั ง นั้ น ให้ แ ก่ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาในราคา ๒๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์ และส�ำนักงานพระคลังข้างที่ได้นำ� เงินจ�ำนวนดังกล่าวไปลงทุนหาประโยชน์ให้ แก่โรงเรียนต่อมา ส่วนตึกอีก ๕ หลังริมถนนราชด�ำริ นั้ น คงจั ด ให้ มี ผู ้ เ ช่ า ๆ ต่ อ มาจนหมดอายุ สั ญ ญาเช่ า ในช่ ว งหลั ง กึ่ ง พุ ท ธกาล จึ ง ได้ ทยอยรื้ อ ถอนแล้ ว เปิ ด ให้ เ อกชนเช่ า ที่ ดิ น ปลู ก สร้ า งเป็ น อาคารสู ง ส� ำ หรั บ ประกอบ ธุรกิจสืบมาจนถึงทุกวันนี้ วรชาติ มีชูบท (โอวี ๔๖)
โรงเลี้ยง
ชวนชิมร้านอาหาร
77
Dracula Jazz & Fine Dinning
Dracula Jazz & Fine Dinning ซอยสุขุมวิท ๖๑ (ซอยข้างเมเจอร์ เอกมัย) ตรงเข้าไปในซอยประมาณ ๔๐๐ เมตร จะเจอร้านอยู่ทางด้านซ้ายมือ เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา ๑๗.๓๐ – ๒๔.๐๐ น. สามารถโทรติดต่อไปได้ท ี่ ก้อ - วัชระ ตันธนะ (โอวี ๖๔) โทร.๐๘๑-๔๔๖-๖๙๙๙
ท่านเคาท์แดร็กคูลา่ อาจจะเป็นผีดบิ ดู ด เลื อ ดที่ น ่ า กลั ว ในสายตาของหลายคน แต่ในวันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักกับท่าน เคาท์แดร็กคูล่าในคราบหนุ่มหล่ออิตาเลียน สไตล์โมเดิรน์ โกธิค ทีจ่ ะมาเสิรฟ์ อาหารและ บรรยากาศชั้นเลิศให้กับทุกๆ ท่าน ร้าน Dracula Jazz & Fine Dinning เริ่มมาจากไอเดียของพี่ก้อ (วัชระ ตันธนะ – โอวี ๖๔) และ พี่เย้ (ร.อ.ฐัญวิทย์ เครือ สินธุ์ – โอวี ๖๙) ทั้งคู่ชอบทานอาหารดีๆ anuman-online.com
78 โรงเลี้ยง
เลยอยากจะสรรหาสิ่งดีๆ มาแบ่งปันให้กับ คนอื่นๆ ด้วย ส่วนเรื่องชื่อก็ได้รับไอเดีย มาจากหุ ้ น ส่ ว นคนอื่ น ๆ ที่ ทุ ก คนเป็ น คน มีรสนิยม แต่งตัวสไตล์ใกล้คียงกัน ชอบ อาหารดีๆ เพลงเพราะๆ แสงไฟยามค�่ำคืน คิ ด กั น ไปคิ ด กั น มาก็ รู ้ สึ ก ว่ า ลั ก ษณะของ แต่ละคนใกล้เคียงกับเคาท์แดร็กคูล่า ก็เลย เลือกชือ่ แดร็กคูลา่ เป็นชือ่ หลักแล้วค่อยเสริม ค�ำว่า Jazz & Fine Dinning เข้าไปเพื่อบอก ให้รวู้ า่ เป็นสถานที่ hangout ตอนค�ำ่ ๆ เสิรฟ์ อาหารดีๆ และมีดนตรีเพราะๆ หลังจากคุยมาได้สักพัก พี่ก้อเลย ทยอยแนะน�ำเมนูเด็ดๆ มาให้พวกเราได้ ลิ้มลอง จานแรกเป็นเมนูเรียกน�ำ้ ย่อย “แดร็ก คูล่า สลัด” สลัดเนื้อนุ่มละลายในปาก คลุก กับรสชาติหวานอร่อยของมะเขือเทศจาก อิตาลี เมนูถัดไปที่ตามมาติดๆ คือ “ซี่โครง หมูแดร็กคูล่า” ที่มีจุดเด่นตรงซอสบาร์บีคิว
สารบัญ
สูตรลับเฉพาะของร้าน หากินจากทีอ่ นื่ ไม่ได้ ลิ้ ม รสกั น ไปได้ สั ก พั ก พวกเราก็ อดสงสัยว่าท�ำไมอาหารของร้านนี้ถึงอร่อย ได้ขนาดนี้? พี่ก้อจึงเฉลยความลับว่า ที่ ร้านมี Food Stylist ฝีมือดีที่พกดีกรีจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ (Le Cordon Bleu) ชื่ อ คุ ณ ลี้ ม าคอยออกแบบอาหารแต่ ล ะ จาน ซึ่ ง ส่ ว นใหญ่ ก็ จ ะมาจากไอเดี ย และ ประสบการณ์ของแต่ละคนที่เคยไปเจอมา ใครชอบตรงไหน ชอบยังไง ก็เอามาอย่าง ละนิดจนกลายเป็นเมนูต่างๆ ที่มีจุดเด่น เฉพาะของร้าน ภายใต้คอนเซปต์อาหาร อิตาเลี่ยน โฮมเมด พี่ก้อยังเล่าเรื่องที่มาของความอร่อย ไม่ทันเสร็จ เมนูเด็ดๆ อีกหลายจานก็ทยอย ลงมาวางเสิรฟ์ จนเต็มโต๊ะ ไม่วา่ จะเป็นขาหมู สไตล์ Parma ที่น�ำเนื้อหมูไปหมักกับเกลือ และเครื่องเทศจนได้กลิ่นหอมที่ผสานกับ รสเค็ ม อย่ า งลงตั ว หรื อ อี ก จานที่ ขึ้ น ชื่ อ
สารบัญ ของร้าน ซึ่งก็คือ “Dracula Wings” ที่น�ำ ปีกไก่มาราดซอสพิเศษสไตล์แดร็กคูล่าที่ให้ รสเข้มข้น ทานพร้อมกับเป็ดอบซอสรสส้ม ที่ให้ความละมุ่น จนกลายเป็นเมนูที่ลงตัว แต่ จ านเด็ ด ที่ ถู ก ใจสมาชิ ก หลายๆ คนของทีม คงจะเป็น “Seafood Pasta” ที่ ตอนแรกเราคิดว่าเป็นหอยแมลงพู่อบอย่าง เดีย วเท่า นั้ น เพราะทั้ง จานถูก จัดให้เ ต็ม ไปด้ ว ยหอยแมลงภู ่ ตั ว ใหญ่ เ นื้ อ แน่ น จาก ออสเตรเลียจนแทบจะไม่เห็นเส้นพาสต้า ด้านล่าง แต่สิ่งที่ท�ำให้พวกเราติดใจเป็น พิเศษก็คอื ซอสราดพิเศษทีผ่ สมรสหวานและ เปรีย้ วจากมะเขือเทศสดๆ กับความเผ็ดนิดๆ ของพริก ยิ่งทานคู่ไปกับหอยแมลงภู่และ เส้นพาสต้าด้วยแล้ว ยิ่งเสริมความอร่อย จนเราแทบจะต้องเทจานกันเลยทีเดียว แน่ น อนว่ า ร้ า นที่ เ สิ ร ์ ฟ อาหารชั้ น เยี่ยมระดับนี้ ก็จ�ำเป็นที่จะต้องมีไวน์ชั้นเลิศ ไว้บริการอยู่แล้ว โดยทางร้านได้คัดเลือก ไวน์ดีๆ มีระดับไว้เป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า ได้ดื่ม เพื่อให้เข้ากับเมนูเด็ดของทางร้าน ไว้เป็นอย่างดี จุดเด่นอีกอย่างของร้าน DraculaJazz & Fine Dining
นอกเสียจากอาหารสไตล์อติ าเลีย่ น โฮมเมด แล้ว ก็ยงั มีบรรยากาศของร้านทีจ่ ดั ไว้อย่างมี สไตล์ ด้วยการแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วน ภายในที่ตกแต่งด้วยผ้าม่านโทนสีแดงเข้ม บนพื้นผนังสีครีม อีกส่วนเป็นบริเวณสวน ด้านนอกที่ปูระเบียงไม้พร้อมกับโต๊ะเก้าอี้ เข้าชุด พร้อมกับลานระเบียงไม้เล็กๆ ที่ใช้ เป็นเวทีส�ำ หรับนักดนตรีมาบรรเลงเพลง แจ็สสดๆ (เฉพาะวันพฤหัสบดี, วันศุกร์และ วันเสาร์เท่านั้น) ขับกล่อมบรรยากาศของ ร้านให้มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น พี่ๆ น้องๆ หรือท่านผู้อ่านท่านใด ที่ถูกใจกับสไตล์อาหารอิตาเลี่ยน โฮมเมด และอยากจะสัมผัสกับบรรยากาศของร้าน อาหารดี ๆ ก็ ข อชวนให้ ม าลองรู ้ จั ก ท่ า น เคาท์แดร็กคูล่า ในเวอร์ชั่นหนุ่มอิตาเลียน สุ ด หล่ อ สไตล์ โ มเดิ ร ์ น โกธิ ค ได้ ที่ ร ้ า น Dracula Jazz & Fine Dinning นะครับ
จุมพล พิจารณ์สรรค์ (โอวี ๗๙)
anuman-online.com
80
ระฆังกีฬา
คุยกับโอวีก่อนไปเข้าแถว
คุยสนุก
นักรักบี้
กับ (อดีต)
สารบัญ
สารบัญ
ในคอลัมน์นี้ทีมงานอนุมานวสาร ได้รับเชิญให้มาร่วม รับฟังความเป็นมาของพีๆ่ โอวีนกั รักบีอ้ ดีตทีมชาติ ๗ คนชุดแรก แต่ทว่าการมาครั้งนี้พวกเรารู้สึก ติดอกติดใจเมนูเด็ดสละลอยแก้วแช่แข็งที่ทางเจ้าบ้าน เตรียมให้ ท�ำเอาหลายๆ ท่านออกอาการปากอยู่ไม่สุข ต้องช่วยกันกินตลอดการสัมภาษณ์ ด้วยเหตุนี้หากมีข้อมูลอะไรผิดพลาดผมต้อง กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย และโดยส่วนตัวแล้ว ผม คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ท่านเจ้าของบ้านได้เตรียมการ ไว้ว่าจะไม่ให้เราได้มีโอกาสถามขัดจังหวะระหว่าง การเดินทางย้อนกาลเวลาครั้งนี้ ในภาพ - แถวยืน จากซ้ายไปขวา
๑.หูติ๊ด - นภดล สุรทิณฑ์ (โอวี ๔๖) / ๒. โรม - อัครโชค (ชื่อเดิม ธนากร) ทับทิมทอง (โอวี ๔๕ - ๔๖) / ๓.ยิ้ม - พีระพล พูนศิริ (โอวี ๔๕) / ๔.เม่น - สุรพร รักตประจิต (โอวี ๔๕) / ๕.ฮูก - ธีระ นิลสลับ (โอวี ๔๔) / ๖.กิ้ม - พงษ์เทพ ผลอนันต์ (โอวี ๔๕) / ๗. จวบ - บรรจวบ พงษ์พานิช (โอวี ๔๖) / ๘. ช้าง - กิตติศักดิ์ สพโชคชัย (โอวี ๔๕) /๙. จิม - ม.ล.จิรพันธ์ ทวีวงศ์ (โอวี๔๕) / ๑๐. รักษ์ หลานสะอาด (โอวี ๔๕) แถวนั่ง จากซ้ายไปขวา ๑.เป้ – ธนากร ปุรณะพรรค์ (โอวี ๔๔) / ๒.เวท เลณบุรี (โอวี ๔๓) / ๓.วรวิทย์ จ�ำปีรัตน์ (โอวี ๔๓) / ๔.ชัยวัธน์ คชะสุต (โอวี ๔๔) / ๕.เตา – บรรยง พงษ์พานิช (โอวี ๔๔) / ๖.โอ๊ต - ภิสัก จารุดิลก (โอวี ๔๕)
anuman-online.com
82
สารบัญ
ระฆังกีฬา
เรื่องราวสนุกสนานหลากรสชาติ เกี่ยวกับแง่มุมของนักรักบี้ระหว่างรุ่น ๔๓ – ๔๖ จ�ำนวนกว่า ๑o ท่าน ที่เคยเล่นให้ ทัง้ ทีมชาติและเป็นเยาวชนทีมชาติ มาพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ในเมื่อครั้งยังกินอยู่ หลับนอน ฝากท้องฝากไข้ในรั้ววชิราวุธฯ สมัยที่กำ� แพงโรงเรียนยังไม่สูงสิบกว่าเมตร ดั่งเช่นในปัจจุบัน เหตุการณ์ส�ำคัญ ในความทรงจ�ำครั้งอดีตถูกหยิบยกมาเป็น เรื่องเล่าใหม่อีกครั้งอย่างสนุกสนาน คละ ไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่รายละเอียดยังคง ชัดเจน จนบางครั้งเราก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก เหมือนกับว่าพวกพี่ๆ ทุกคนเล่าเหตุการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานให้พวกเราฟังอย่างไร อย่างนั้น
สนามวชิราวุธฯ นี่แหละ หนักขนาดที่ว่า นักกีฬาประท้วงโค้ชด้วย แต่พวกที่ประท้วง นี่ไม่ใช่นักรักบี้วชิราวุธฯ นะ ถึงแม้สุดท้าย ทีมของเราจะพ่ายแพ้ แต่ก็ท�ำให้พวกเราได้ เรียนรู้ว่า ‘เราเป็นนักกีฬา เราก็ต้องเชื่อฟัง โค้ช’ โดยเฉพาะครูอรุณ ใครจะไปขัดท่าน ได้ ท่านเป็นคนที่มีบารมีมาก
เคล็ดลับการเล่นรักบี้
สุรพร : การเล่นรักบี้ให้เก่งมันมีเคล็ดลับ อยู่เหมือนกัน ซึ่งหลายคนที่จับเคล็ดลับนี้ ได้ ต่อให้เล่นไม่เก่ง ก็สามารถเล่นรักบี้ ให้เก่งได้ แม้แต่คนที่โง่มากก็ตาม ถ้ารู้ เคล็ดลับนี้ยังไงก็เล่นรักบี้เก่งได้ เคล็ดลับอันที่หนึ่ง คือ เวลาคุณถือ ลูกรักบี้ คุณจะต้องเล่นให้เต็มที่ จะวิง่ จะชน ใส่ไปเลยให้เต็มร้อย ถ้าสองร้อยเปอร์เซ็นต์ สไตล์การเล่น ได้ก็ยิ่งดีใส่ให้เต็มที่ แต่ถ้ายังไม่ได้ลูกก็ให้ ของรักบี้สมัยก่อน เวท : สมัยก่อนใช้ความฟิต ซ้อมหนัก วิ่งเหยาะๆ ตามเกมไป เลือกอยู่ให้ถูกที่ ถูกเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่งทีมชาติไทยซ้อมหนักมาก เคล็ดลับอันที่สอง คือ เวลาเล่นใน หนักขนาดที่ว่า ก�ำลังอยู่ตัว เวลาเราไปเล่น สนามฝัง่ ใกล้ๆ กับทีโ่ ค้ชยืนอยู่ ซึง่ ส่วนใหญ่ แรงไม่มีหมด ยืนระยะได้ตลอดทั้งเกม ก็มักจะเป็นฝั่งที่ติดอัฒจรรย์มีหลังคา เวลาเล่นจริงๆ แล้วเลยไม่รู้สึกเหนื่อย ตรงนั้นต้องใส่ให้เต็มที่รับรองติดทีมชาติ ในขณะที่ชาติอื่นแรงสู้เราไม่ได้ ชาติอื่น แน่นอน ไกลๆ โค้ชก็ช่างมัน หลบๆ ไว้ เขาเหนื่อยแต่เราไม่เหนื่อย อย่างตอนที่ผมดูบรรยงเล่นเกมรับ พอลูก สมัยก่อนครูอรุณ (ครูอรุณ แสนโกศิก) ซ้อมให้ ระหว่างซ้อมท่านไม่เคย อยู่ไกล แกก็วิ่งเหยาะๆ ของแกไป แต่พอ อีกฝั่งวิ่งถือลูกเข้ามาใกล้ แกก็วิ่งเข้าไป บอกเรา แต่พอกลับจากทัวร์นาเมนท์แข่ง แท็คเกิ้ล (Tackle) ปั้ง!!! ใส่อีกฝั่งล้มเลย รักบี้เอเชีย ตอนนั้นท่านบอกว่า ‘ครั้งนี้ อย่างนี้คือแบบของคนที่เล่นรักบี้เก่ง เป็นครั้งที่สามที่ซ้อมหนักที่สุด’ ซ้อมที่
สารบัญ
รักบีเ้ ป็นกีฬาทีม่ รี ะบบในตัวค่อนข้าง มาก ทุกคนจะท�ำตามแผนที่เคยเล่น ท�ำให้ ขาดความกระหาย ฉะนั้นเราต้องเต็มที่ เวลาได้บอลมันถึงจะเด่น เมื่อเด่นและเล่น ได้ดีขึ้น มีคำ� ชมมีกำ� ลังใจ ผู้เล่นก็จะเก่ง เล่นดีขึ้นตามไปเอง ตอนที่ผมเล่นรักบี้ ผมก็มั่นใจว่าไม่มีใครผ่านผมได้ อันนี้เป็น ส่วนหนึ่งของนักรักบี้ ถ้าคุณมั่นใจจะเล่น ได้ดี ตั้งใจท�ำอะไรก็จะท�ำได้ ตอนผมจบจากวชิราวุธฯ จะมีนกั รักบี้ อยู่ ๒ ประเภท ประเภทแรกคือ เล่นเป็น อาชีพ ส่วนใหญ่พวกนี้ก็ไปเรียนต่อที่ ม.รามฯ ไม่ก็ไปเรียนต่อเมืองนอก กับอีก ประเภทหนึ่ง คือพวกจ�ำใจเล่น พวกนี้สอบ เข้ามหา’ลัยได้แล้ว แต่ทีมรักบี้ของมหา’ลัย ไม่มีคนเล่น พวกนี้เลยจ�ำใจยอมต้องไปเล่น
วชิราวุธฯ เคยแพ้ใครรึเปล่า?
เวท : เคยครับ (ยิ้ม) เป็นการแข่งขันที่ ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน และเป็นเกมที่ค่อนข้างอัปยศที่สุดเลย เกมนั้นเป็นการแข่งรักบี้ ๑๐ คน เราแพ้ ให้กับทีมรักบี้ของโรงเรียนเตรียมทหาร บรรยง : ก็ที่ไอ้เป้ (ธนากร) จ่ายลูกแล้ว โดนอินเตอร์เซปไง (Intercept: ในเกม รักบี้ ค�ำนี้มีความหมายว่าการส่งลูกให้ เพื่อนแล้วโดนอีกฝ่ายดักแย่งไปได้ระหว่าง ที่ลูกลอยอยู่กลางอากาศ) โดนอินเตอร์เซป ตรงกลางประตูเลย ในตอนนั้นทีมรักบี้ของ วชิราวุธฯ ไม่ได้แพ้ใครมานานร่วมเป็น ๑๐ ปี anuman-online.com
84
ระฆังกีฬา
ธนากร : จ�ำได้ว่าตอนนั้นเราวางทรัยไป แล้ว แต่ไลน์แมนตัดสินไม่ชัดเจน ไม่ยอมยกธง เพราะฝั่งเราบุกตลอดเลย... บรรยง : เริ่มที่ข้อแก้ตัวก่อน (หัวเราะ) ธนากร : เรือ่ งนีต้ อ้ งเล่าตัง้ แต่เริม่ ต้น หลังจากที่ทีมวชิราวุธฯ เราได้แชมป์รักบี้ ในระดับโรงเรียน ของกรมพละฯ แล้ว ก็ปิดเทอมพอดี พอเปิดเทอมมาก็จะมีการ จัดแข่ง “รักบี้กาชาด” คือ การแข่งขัน ระหว่างทีมรักบี้ที่เป็นพลเรือนแข่งกับทหาร เป็นการแข่งขันรักบี้เพื่อการกุศล แต่ปีนั้น กลับมีข่าวมาบอกว่า จะไม่มีการแข่งขัน
สารบัญ พวกเราก็เลยไม่ได้ซ้อม แต่พอใกล้วัน จัดงานฯ กลับมีข่าวมาบอกว่าจะจัดการ แข่งขันขึ้นอีก ทีนี้พวกเราก็เลยได้ซ้อม เพียงไม่กี่วันก่อนแข่ง บรรยง : อย่าเลยๆ พวกเรารูก้ อ่ นสักพัก หนึ่งแล้ว อย่ามาอ้าง เขามีก�ำหนดการ ส่งมาก่อน แต่เราขี้เกียจซ้อมกันเอง เวท : ฝั่งทีมพลเรือนก็ประกอบด้วยทีม จุฬาฯ ม.เกษตรฯ ต�ำรวจ และวชิราวุธฯ ส่วนฝ่ายทหารก็มีทีมจากทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และโรงเรียน เตรียมทหาร โดย ๓ ทีมระดับผู้ใหญ่นี้ เขาก็จะจับคู่แข่งกันแล้วเก็บคะแนน ส่วน
สารบัญ ของเราเป็นทีมระดับโรงเรียนก็จะแข่งกับ โรงเรียนเตรียมทหาร ที่จริงวชิราวุธฯ เป็นต่ออยู่หลายขุม เพียงแต่วันนั้นเล่นผิด พลาดกันเอง ตัวผมเป็นกัปตันทีมวชิราวุธฯ มาตลอดไม่เคยพาทีมไปแพ้ แต่แพ้ครั้งนี้ กลับมาที่โรงเรียนก็เป็นเรื่องเลย โดยปกติ พอหลังแข่งรักบี้เสร็จ กลับมาถึงโรงเรียน ก็จะมีอาหารเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี เลี้ยงข้าว เลี้ยงขนมนักรักบี้ แต่วันนั้นท่าน พระยาภะรตฯ บอกครูอรุณว่า ‘ไอ้พวกนี้ ไม่ต้องให้มันกินข้าว’ ให้กลับคณะให้หมด พอกลับไปถึงคณะก็ไม่มีอะไรให้กินเพราะ มืดแล้วตอนนั้นก็สองทุ่ม ปรากฏว่าปีนั้น ไม่มีใครได้เครื่องหมายสามารถกีฬาใดๆ ทั้งสิ้นเลย
สมดุลระหว่าง เรื่องเรียนกับเรื่องกีฬา
เวท : หัวใจของสองเรื่องนี้อยู่ที่ ‘วินัยและ การจัดเวลา’ เช้ามาเราไปเรียนหนังสือ แต่ พอบ่ายสามโมงเราก็เปลี่ยนชุดลงสนาม ซ้อมตั้งแต่บ่ายสามโมง เลิกตอนประมาณ หนึ่งทุ่มทุกวัน อย่างที่ผมบอก เราต้องไม่ ให้การเรียนเสีย เล่นไปด้วยเรียนไปด้วย ท�ำได้พร้อมๆ กัน ขอเพียงมีวินัยและ จัดการเวลาให้เป็น สมัยก่อนจะมีสอบเข้า มหาวิทยาลัยตอนเดือนสิงหาคม สมัยนั้น ใครอายุมากก็สามารถไปสอบข้างนอกได้ ถ้าสอบได้ก็จบก่อนเพื่อนเลย เพราะโดย ปกติจะจบช่วงเดือนเมษายน
ธนากร : รุ่นผมไม่มีโควต้ารักบี้ ไม่มี โครงการช้างเผือกมีแต่ฝีมือ แต่ไม่ค่อย เรียนหรอกเพื่อนเรียนให้ (หัวเราะ)
สายการเรียน ในวชิราวุธฯ สมัยนั้น
ธนากร : สมัยก่อน ตอนเรียนมีสายวิทย์ กับสายศิลป์ภาษา ส่วนใหญ่คนเรียนเก่งจะ เรียนสายวิทย์ มีอยูค่ รัง้ หนึง่ พระยาภะรตฯ เดินเข้ามาถามว่า ‘เอ้า ตอนนีเ้ รามีสายวิทย์ ศิลป์ภาษา ศิลป์ฝรั่งเศส ใครต้องการเรียน อะไรอีก?’ เพื่อนผมไอ้ยู้ดึกบอกไปว่า ‘ขอ เรียนศิลป์ภาษาเยอรมันครับ’ พระยาภะรตฯ ท่านก็ตอบกลับมาว่า ‘พุธโธ่! ขนาดภาษาไทย ยังเรียนไม่รอดเลย’ ที่ยู้ดึกอยากเรียน ภาษาเยอรมัน เพราะจะไปเรียนทหารที่ ประเทศเยอรมัน และสุดท้ายเขาก็ได้ไป เรียนจริงๆ ตอนนี้เป็นพลโทแล้ว
ประสบการณ์ทีมชาติ
ธนากร : พวกเราติดทีมชาติไปแข่งกันที่ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และอีกหลายที่ ตอนไปแข่ง ที่สิงคโปร์ พี่ต๋อ (พ.ต.อภิรักษ์ อารีย์มิตร – โอวี ๔๓) โดนฟ้าผ่าอีกรอบ เรื่องที่น่า แปลกใจก็คือ ทุกคนฝากสร้อยคอทองค�ำ ไว้กับผู้จัดการทีมตอนนั้น ซึ่งก็คือพี่จักร (พล.ต.ต.จักร จักรษุรักษ์ – โอวี ๓๓) ประมาณหลายบาท แต่ฟ้าดันไปผ่าพี่ต๋อ ทั้งๆ ที่พี่ต๋อใส่แค่ห้าสิบสตางค์ เป็นเรื่อง ที่น่าประหลาดเหมือนกัน anuman-online.com
86
ระฆังกีฬา
สารบัญ
บรรยง : สมัยรักบี้ทีมชาติรุ่นพวกผมไม่มี ส่งเดชเลย แต่เวทนี้วิ่งตั้งหลักชน แพ้มาเลย์ สิงคโปร์ เคยชนะเกาหลีใต้ ชนะฮ่องกงด้วย บรรยง : ปกติให้วิ่งเฉยๆ ก็ชนเพื่อนฝูง อยูล่ ะ ตอนไปแข่งทีเ่ มืองอินชอนทีเ่ กาหลีใต้ ธนากร : ตอนนัน้ ทีมรักบีไ้ ทยได้สมญานาม ท่านทูตฯ พาไปเลี้ยงข้าวมันไก่ที่ร้านอร่อย ว่า ‘Jack the Giant killer’ ตอนไปแข่งที่ ตอนเที่ยง วันนั้นมีแข่งบ่าย ก็ไม่รู้อดอยาก อะไรมามาก กินข้าวมันไก่กันไปไม่รู้กี่ชาม ศรีลังกา ทีมไทยอยู่สายเดียวกับทีม พอตอนแข่งเข้าสกรัมกันอยู่ อยู่ดีๆ สกรัม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง การแข่งขัน ก็แตกฮือ ปรากฏว่าไอ้ฮูกที่เล่นฮุคเกอร์ นัดแรกเป็นการแข่งระหว่างทีมเกาหลีใต้ กับฮ่องกง นัดนั้นเกาหลีใต้แพ้ฮ่องกง พอ (Hooker) ดันไปอ้วกกลางสกรัม ไก่เป็น นัดต่อมาทีมไทยเจอกับทีมฮ่องกง ซึง่ มีผเู้ ล่น ชิ้นๆ เลย กรรมการเกือบจะอ้วกตาม แล้วส่วนพวกที่เล่นต�ำแหน่งแถวสองทีม ส่วนใหญ่เป็นพวกฝรั่ง ไม่ใช่คนเอเชีย พอได้ยนิ ทีมฮ่องกงร้องเพลงปลุกใจ พวกเรา เดียวกันก็ต้องไปล้างหัว พอกลับมาจะเข้า สกรัม ไอ้สองคนที่ไปล้างหัวมา ถามฮูกว่า ก็นึกในใจว่า ‘แย่แล้ว’ เพราะฮ่องกงชนะ เกาหลีใต้ที่ถือว่าเป็นทีมที่แข็งมากๆ แต่พอ ท�ำไมถึงไม่ไปอ้วกใส่ฝั่งมาเลย์ ฮูกก็บอกว่า ‘เกรงใจ...’ แข่งกันจริงๆ เรากลับชนะฮ่องกงได้ โดย ผมวางไปสองทรัย พอพวกเรากลับมาที่ ห้องพักนักกีฬา เราก็เฮฮากัน ตอนนั้น ภาษาอังกฤษไม่ใช่ปัญหา ตัวผมเองแอบไปเห็นห้องของทีมเกาหลีใต้ ธนากร : ตอนนั้นไปสั่งข้าวมันไก่ที่ เห็นนักกีฬายืนเรียงโดนต่อยท้อง ตบหน้า สิงค์โปร์กับไอ้โหน่ง เฮ้ย! เครื่องในไก่ว่าไง พอวันรุ่งขึ้นทีมเกาหลีใต้ต้องแข่งกับทีมไทย ‘inside chicken’ ไปสัง่ ข้าวหมูแดงก็ พวกนักรักบี้เกาหลีใต้เลยเคี่ยวกันมาก “เรด ตือ” (เรด = Red - สีแดง ส่วน เพราะว่าจะแพ้ไม่ได้ ถ้าแพ้ตกรอบอย่างเดียว ‘ตือ’ เป็นภาษาจีนที่แปลว่าหมู) คนขายงง ทีมไทยของพวกเราเลยเจออัดจนอ่วมเลย กันหมดเลย (หัวเราะ) ตอนปี ๑๙๗๓ ไปมาเลเซีย ก�ำลัง ไม่พ้นต้องตกรอบไปตามระเบียบ นั่งแท็กซี่ โรมขาเจ็บนั่งข้างหน้า ส่วนพี่นั่ง ข้างหลังกับเพื่อนอีกคน คนขับแท็กซี่ก็ถาม สกรัมแตก ธนากร : จ�ำได้ว่าตอนที่เล่นรักบี้ คนที่ท่า เป็นภาษาอังกฤษ ‘เฮ้ย! ยูไปบ่อนเก็นติ้ง ชนสวยคือ เวท แต่คนทีช่ นหนักทีส่ ดุ คือ ฮูก มาหรือเปล่า? ได้หรือเสีย?’ โรมหันมา เพราะอะไรรู้มั้ย เพราะฮูกทะเล่อทะล่าชน ถามแปลว่าอะไรพี่ พี่ก็แปลให้ว่าไปเก็นติ้ง
สารบัญ มาได้หรือเสีย? ไอ้โรมก็ตอบว่าเสีย พี่ก็ให้ โรมบอกไปว่า lose แท็กซี่ก็ถามต่อว่า ‘How much?’ คราวนี้ไอ้โรมยกมือห้าม ประมาณว่าไม่ต้องช่วยแปล เพราะรู้ ความหมายของค�ำว่า ‘How much’ แล้ว มันก็ตอบไปว่า “Five - ty dollars” พี่ก็ เลยนั่งฮาท้องแข็งอยู่เบาะข้างหลัง
บรรยง : ที่ฮ่องกงตอนแข่งรักบี้เอเชีย ครั้งที่ ๓ ในงานเลี้ยงต้อนรับ พี่ที่ไปด้วย กันคนหนึ่งเขาก็ไปนั่งคุยกับฝรั่ง พี่เขาบอก ไปว่าเป็น Engineer ฝรั่งก็หันมาถาม ‘Oh, you’re also engineer?’ พี่เขาก็ตอบว่า “no, I’m Thailand, no India.” (หัวเราะ) เด็กวชิราวุธฯ สมัยพี่ ภาษาอังกฤษไม่ได้เรือ่ ง
อัครโชค : ตอนนั้นไปแข่งที่มาเลเซีย ผู้ใหญ่ของทางมาเลย์ก็ชมว่าทีมของเราเล่น ดีมาก เขาก็หันไปบอกให้ผู้เล่นทีมมาเลย์ ตบมือให้กับทีมวชิราวุธฯ แต่ไอ้พวกเราดัน ฟังไม่รู้เรื่อง เลยกลายเป็นฝ่ายตบมือแทน
ผู้การฯ กับครูอรุณคงจะอายมาก ส่วนพวก มาเลย์ก็คงจะงงเลย
โดดสระน�้ำใหม่
บรรยง : นอกจากรักบีแ้ ล้ว กีฬาอืน่ ๆ ที่ เด็กวชิราวุธฯ ติดทีมชาติสมัยนั้น ก็มี บาสเกตบอล ว่ายน�้ำ ที่โรงเรียนเรามีติด ว่ายน�ำ้ ทีมชาติด้วย ก็เพราะว่าสมัยก่อน anuman-online.com
88
ระฆังกีฬา
สระว่ายน�้ำของโรงเรียนเราถือว่าได้ มาตรฐานสากล (ในช่วงเวลานัน้ ) มีนักกีฬา ว่ายน�้ำทีมชาติมาซ้อมอยู่ตลอด โรงเรียนก็ เลยจ้างนักกีฬาทีมชาติมาสอนให้พวกเราด้วย เวท : เรื่องสระน�้ำที่ตอนกลางวันมีพิธีเปิด แล้วตอนกลางคืนไปกระโดดลงสระกัน รุ่งขึ้นบนหอประชุมพระยาภะรตฯ ท่าน เรียกเลย ‘ใครไปโดดสระน�ำ้ มาเมื่อวาน?’ แล้วท่านก็เรียกตบเรียงตัวเลย แล้วก็โดน เฆี่ยนก่อนกลับบ้านด้วย โดนกันทุกคณะ โดยเฉพาะเด็กคณะผู้บังคับการโดนเยอะ ที่สุด ไปเล่นหมดยกเว้นคณะพญาไท ไม่ใช่เพราะอยู่ไกลเลยไม่ไปนะ แต่เพราะ พญาไทไปเล่นก่อนแล้ว
สารบัญ
บรรยง : เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก ยังจ�ำ มาจนถึงทุกวันนี้ วันนั้นพอลงจากงานพิธี เปิดแล้ว เพื่อนที่ว่ายน�ำ้ ไม่เป็น แต่ยังไป กระโดดน�ำ้ ด้วย พอโดนเฆี่ยนหลังจากลง มาจากหอประชุม คุณแม่ของเพื่อนคนนั้น ก็คงงงๆ ว่าท�ำไมลูกถึงโดนตีด้วย เลยพูด ออกมาประมาณว่า ‘โถ... ว่ายน�ำ้ ไม่เป็น ก็ยังโดนด้วย’ ธนากร : มีอยู่วันหนึ่ง จ�ำได้ว่าแข่งกรีฑา ภายใน เพื่อนมันคงตื่นเต้น ตื่นเช้ามาซ้อม ออกตัวบนเตียงเลย พากย์เสียงเองด้วย ‘ขณะนี้นายอินทวัตรเข้าโค้ง วิ่งทางตรง’ พากย์อะไรก็ไม่รู้ แต่เป็นเรื่องเป็นราว พวกเพื่อนๆ จะนอนก็รำ� คาญมาก พอไป ถึงเวลาวิ่งจริง ต้องแข่งวิ่ง ๔๐๐ เมตร ตอนที่กรรมการยิงปืนให้สัญญาณ ปั้ง!
สารบัญ (เครื่องหมายสามารถพิเศษ เป็นเบลเซอร์ สีขาว) มาคืนท่าน แล้วท่านก็บอกอีกว่า “หืม ท�ำเป็นไม่รเู้ รือ่ ง ก่อนหน้าจะได้เสือ้ ขาว มันต้องได้เสื้อน�ำ้ เงินน่ะ เสื้อน�ำ้ เงิน” (เสือ้ น�ำ้ เงิน – เครือ่ งหมายสามารถสมบูรณ์ เป็นเบลเซอร์สีกรมท่า) สรุปก็คือ ผมโดน ยึดเครื่องหมายสามารถครบหมดเลย เรื่องยึดเครื่องหมายสามารถของ กีฬาก็มีโดนกันหลายครั้ง แต่จะมีใครบ้าง ที่เคยโดนยึดเครื่องหมายสามารถดนตรี!? โดนยึดเครื่องหมายสามารถ ตอนนั้นผมเป็นหัวหน้าวงปี่สก๊อต ไปเปิด อัครโชค : เล่าให้ฟังถึงผู้การแป๊ะนิดหน่อย งานลูกเสือที่ศรีราชา พวก ม.๘ ส่วนใหญ่ ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ ก็เลยบอกให้ จริงๆ แล้วท่านเป็นคนละเอียดรอบคอบ เด็กไปเป่าแทน ส่วนไอ้เราอยู่ ม.๘ ผมเคยได้รับเครื่องหมายสามารถพิเศษ เหนือพิเศษ แต่พอปีถดั มาแพ้ทมี เตรียมทหาร เหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าเพื่อนไม่มา พอไปถึง เจอแต่พวกเด็กๆ เราก็งงว่ามีแต่เด็กมา ท่านยึดเครื่องหมายสามารถคืนหมด เช็คบิลหมด ผมคืนไปสองหน ทีแรกไปแพ้ ได้ไง ทีส่ ำ� คัญเด็กพวกนีย้ งั เป่ากัน ไม่คอ่ ยได้ ผู้การฯ เดินมาหยุดตรงหน้าผม ทีมเตรียมทหาร แต่ไม่เป็นไรพอกลับมา ชนะได้อกี ท่านก็ให้คนื กลับมา ส่วนหนทีส่ อง ดึงเครื่องหมายสามารถดนตรีที่กลัดอยู ่ ออกไปเลยจากหน้าอกเลย แต่ผู้การฯ ตอนเรียนวชิราวุธฯ อยู่ปีสุดท้าย ผมไป ท่านดีอย่างนะ ท่านไม่เคยตบหัวหน้า นอนอยู่ในห้องอยู่กับเตา แล้วไม่ไปเรียน หนังสือ นายเสาร์ (มือขวาพระยาภะรตฯ) ต่อหน้าเด็กเลย ส่วนใหญ่ท่านจะเรียก หัวหน้าเข้าไปในห้อง พอปิดประตูเท่านั้น เดินมาตาม ผมก็เลยบอกนายเสาร์ไปว่า ‘อย่าบอกท่านผู้การนะว่าผมอยู่ด้วย’ แต่ก็ แหละจัดเต็ม ท่านท�ำอย่างนี้ทำ� ให้ไม่เสีย ระบบการปกครอง แล้วก็เวลาท่านมาตรวจ ไม่ได้ประโยชน์อะไร สรุปว่าต้องเดินเอา แหนบ (ค�ำที่ใช้เรียกเครื่องหมายสามารถ ตอนกลางคืน ก็จะเดินเสียงดังให้เรารู้ว่า พิเศษเหนือพิเศษภายในโรงเรียน) ไปคืน ท่านมา ให้จัดการตัวเองให้เรียบร้อย แต่ ถ้ามาแล้วยังไม่เงียบก็โดนชุดใหญ่ ท่าน แล้วท่านก็บอกว่า “ก่อนหน้าจะได้ แหนบ มันต้องได้อะไรมาก่อนนะ?” ผมก็เลยต้องกลับคณะไปเอาเสื้อขาว anuman-online.com ไอ้เพื่อนคนนี้วิ่งออกน�ำเลยนะ โห! ออกตัว แรงมาก พอเข้าโค้งสองร้อยเมตร ก็เริ่ม เปลี่ยนเป็นวิ่งก้าวยาว แต่ก็ยังน�ำคู่แข่งอยู่ หลายช่วงตัว พอร้อยเมตรที่สามชักออก อาการป้อแป้ พอร้อยเมตรที่สี่เป็นหมา กลายเป็นหมาเลย เพราะทีแรกดันไปเร่ง มากเกินไป การวิ่ง ๔๐๐ เมตร ต้องมีกึ๋น แต่เรื่องของเรื่องคือดันทะลึ่งตื่นมาเล่น ตอนเช้าไง เพื่อนก็เลยร�ำคาญ (หัวเราะ)
90
ระฆังกีฬา
ร�ำลึกบุญคุณ ผู้การแป๊ะ
สารบัญ
เครื่องหมายสามารถผม ตอนผมเดินเข้าไป รายงานตัว ท่านก็ยืนบอก ‘ไอ้ชาติหมู อัครโชค : ครัง้ หนึง่ ตอนมีงานคณะ พวกเรา ไอ้ชาติหมา’ โห! จ�ำได้ขึ้นใจเลย ท่านบอก ต่างคนต่างก็นอนดึก พอเช้าผมก็นอนไม่ ‘รูม้ ยั้ ? ไอ้ชาติหมู ไอ้ชาติหมาหมายความว่า ได้ตื่นไปเรียนหนังสือ นอนอยู่กับเพื่อนอีก อย่างไร?’ ‘ชาติหมู นี้คือ กิน กิน กินกิน กิน อย่างเดียวแล้วก็นอน ส่วนชาติหมานี้ คนชื่ออ�ำรุง (พ.ต.ท.กฤชญาณ อภิกุลชา –โอวี ๔๔) ผู้การฯ เดินมาพวกเราก็ยังไม่ ไม่เคยรับผิดชอบ’ โห! ท่านว่าได้หนักหน่วง ได้ยินเสียง มาได้ยินเสียงตอนใกล้ๆ ผมก็ จริงๆ ท�ำให้ผมเก็บกลับมาคิดปรับปรุงตัวเอง ตกใจว่าผู้การฯ มา หนีไม่ทันแน่นอน ผม เลยมุดเข้าไปหลบอยู่ใต้เตียง แล้วก็สะกิด เวท : มีอยู่เรื่องหนึ่ง วันนั้นบนหอประชุม เรียกอ�ำรุง มันก็รู้ตัวแล้ว แต่เพราะเพิ่งตื่น ตอนสวดมนต์เสร็จ ไอ้เตาก็ไอกระแอม ถึง จะกระแอมแค่ทีเดียว แต่เสียงค่อนข้างดัง นอนก�ำลังงัวเงียอยู่ ก็พอดีกับจังหวะที่ผู้ การฯ ก�ำลังจะเปิดประตูเข้ามา อ�ำรุงก็ลุก แล้วเตาก็นั่งอยู่ตรงกลางๆ ของแถวหน้าๆ ของหอประชุม แถวๆ นั้นเป็นที่ของคณะ ขึ้นจะไปเปิดให้ แต่การเปิดประตูจาก ด้านในห้องจะต้องดึงเข้าหาตัว ถ้าเปิดจาก ผู้บังคับการ ส่วนพี่นั่งหลังสุดเพราะอยู่ ด้านนอกก็ต้องผลักเข้า ด้วยความที่พึ่งตื่น คณะพญาไท ผู้การฯ ก็เดินมาบอก อ�ำรุงคงจะมึนๆ เลยพยายามจะผลักประตู ‘นายเวท เธอไปเอาคนที่กระแอมมา’ ออก ส่วนฝั่งผู้การฯ เองท่านก็พยายามดัน บรรยง : ตอนนั้นผมไม่รู้เรื่อง เพราะ เข้ามา แล้วท่านก็พูดว่า ‘นี่! ยังไม่ให้ฉัน เข้าไปอีก’ เป็นเรื่องเลยทีนี้ พอท่านเข้ามา ก�ำลังอ่านหนังสือก�ำลังภายในอยู่ ได้ ตบซ้าย ตบขวา อ�ำรุงก็ทรุดตัวลงเพื่อ หลบหลีก แล้วดันทรุดลงมานั่งข้างเตียงที่ เวท : ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าคนที่ไอนะ คือ เตา เพราะว่าเตาเป็นลูกรักที่สุด เลย ผมหลบอยู่พอดี ผมนี้แทบจะหยุดหายใจ ตอนนั้นถ้าไม่หายใจได้ก็คงดี เพราะเวลามี โดนตบมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ โรงเรียนเลย (หัวเราะ) คดีอะไร ผมก็ต้องเข้าไปมีเอี่ยวอยู่เรื่อย โชคดีที่หนนี้ผมก็เอาตัวรอดได้ ธนากร : มีอีกเรื่อง วันหนึ่งมีแขกมา เวลาผมไม่ได้ไปเรียนหนังสือ เยี่ยมชมโรงเรียน ผู้การฯ ก็บอกให้ ท่านผู้การฯ ว่าไงรู้มั้ย? ท่านบอกว่าท่าน ไม่รู้จะพูดยังไง ท่านให้คนไปตามผมแต่ผม นายบรรยงไปตัดผมมา แล้วผู้การฯ จะไป ก็หนีทุกที สุดท้ายท่านทนไม่ไหวก็เลยยึด ตรวจวงปี่ พอท่านไปถึงท่านก็เจอคนตัดผม
สารบัญ ไม่เรียบร้อย ท่านก็สั่งว่า ‘เธอไปตัดผมให้ เรียบร้อยแบบนายบรรยง’ ซึ่งตอนนั้นเตา เป็นหัวหน้าวงอยู่ แต่นายบรรยงยังไม่ได้ไป ตัดผม นายบรรยงเลยโดนไปเป่าปี่สก๊อต หน้าเรือนผู้การฯ ยืนเป่าอยู่หน้าเรือนได้ สักพัก คุณหญิงฯ ก็ออกมาไล่บอกให้ไป แต่นายบรรยงก็ไปไม่ได้ แล้ววันนั้นก็มาเข้า แถวกีฬาตรงสนามบาสเกตบอลข้างคณะ ผู้บังคับการ เห็นไอ้เตายืนเป่าปี่สก็อตอยู่ ก็เพิ่งจะมารู้ว่าไอ้เตาไปยืนเป่าปี่สก็อต ท�ำไมตอนนั้น
ท�ำโทษนักเรียนแบบนี้มันไม่ถูก มันหนวกหู (หัวเราะ)
ธนากร : เฮ้ย! จ�ำมุขที่ผู้การแป๊ะตบไอ้ฮูก ได้มยั๊ ? มีอยูว่ นั ตอนดึกๆ ผูก้ ารแป๊ะขับรถ ผ่าน แล้วเห็นไอ้ฮูกอยู่นอกคณะพญาไท พอผู้การฯ เห็นก็ดิ่งเข้ามาเลย ไอ้ฮูกก็หนี เข้าห้องแต่งตัว ผู้การแป๊ะเดินเข้ามาในห้อง ทางซ้าย ฮูกก็หลบไปทางขวา ผู้การมาทาง มาขวา ฮูกก็หลบไปทางซ้าย สุดท้ายผู้การ แป๊ะท�ำเสียงเท้าท�ำทีแกล้งเดินออกไป ไอ้ฮูกก็นึกว่าผู้การฯ กลับออกไปแล้วแน่ๆ ธีระ: ไปๆ มาๆ ท่านผู้การฯ กับคุณหญิงฯ พอไอ้ฮูกเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ทะเลาะกันหน้าบ้าน คุณหญิงบอกไป เท่านัน้ แหละ โอ้โห! พีน่ อ้ งครับโดนตบแบบรัว เป็นชุดเลย ชนิดนับไม่ทนั ว่าโดนไปกีท่ ี (ฮา)
anuman-online.com
92
ระฆังกีฬา
สารบัญ
เล่นดนตรี
เข้าสังคมในแง่ทวี่ า่ เรารูจ้ กั ผูห้ ลักผูใ้ หญ่เยอะ ธนากร : ผมอยู่วงจุลฯ (วงจุลดุริยางค์) เรามีเพื่อนเป็นทหาร เป็นต�ำรวจ หรือ ตามมหา’ลัยต่างๆ ได้รู้จักโค้ชทีมต่างๆ เล่นฉาบฉิ่งกลอง เครื่องบราส (Brass) แม้กระทั่งเวลาท�ำงาน เขาก็คอยส่งเสริม และเครื่องเคาะ เรียกว่าดีด สี ตี เป่า ให้เราได้ดิบได้ดี เขย่า เคาะ ผมเล่นทั้งหมดเลย วันซ้อม รักบี้ยังสร้างอุปนิสัยให้กับเราเวลา งานพิธีผมก็ง่วงมาก นั่งหลับเลย พอขึ้น เพลงมหาวชิราวุธฯ ผมก็สะดุ้งขึ้นมา ผมก็ ท�ำงาน เราเต็มที่กับการท�ำงานชนิดที่เรียก กะตีเต็มแรง พอเขาเริม่ ร้อง ‘มหาวชิราวุธ...’ ว่ามีเท่าไหร่ก็ใส่หมด กลายเป็นนิสัยที่ติด มาจากการเล่นรักบี้ หรือพอไปเรียนเมือง ผมก็ตีไปแทรกระหว่างช่วง ‘มะ’ กับ ‘หาวชิราวุธ...’ เสียงดัง ‘ฉึ่ง...’ ก้องไปหมด นอก เราจ�ำเป็นต้องมีส่วนร่วมกับเพื่อน แล้วผู้การฯ ก็บอก ‘หยุด!’ ผมคิดในใจว่า หรือกับอาจารย์ในห้อง อย่างน้อยครูถาม ซวยแล้วน่าจะโดนเรียกไปตบ เพราะตีฉาบ ต้องยกมือตอบ หมายความว่าคุณต้องอ่าน หนังสือไปก่อน แต่บางทีต้องไปเรียนตั้ง ๕ ผิดไปครึ่งจังหวะ ผู้การตะโกนบอก ‘ดี!’ วิชาเรารู้ว่าอย่างไรก็อ่านไม่ทัน สิ่งที่ผมท�ำ ผมนี้งงเลย นึกว่าจะโดนตบที่ไหนได้ ท่านกลับชอบใจ ตอนปลายปีเข็มสามารถ ก็คือ ผมอ่านไปสามสิบหน้าแรก ส�ำหรับ บทที่จะเข้าไปวันนั้น แต่จะพยายามอ่านให้ ด้านดนตรีชั้นที่หนึ่งก็ลอยมาเลย มากที่สุดก่อน พอถามผมรีบตอบก่อนเลย ธีระ : มีอยู่วัน เห็นพวกเป่าทูบา (Tuba) เดี๋ยวจะหมดค�ำถามที่เรารู้ แค่นี้ก็ได้ โดนผู้การฯ ตบ เพราะเป่าไม่เป็นเพลง คะแนนแล้ว นั่นหมายความว่าตอนคุณ ผู้การบอก ‘ชิ! เล่นดนตรีภาษาอะไรเป่า ออกไปท�ำงานจริงๆ คุณต้องท�ำเต็ม ความสามารถ เวลาจะท�ำอะไรคิดล่วงหน้า ไม่เป็นเพลง’ แต่ประเด็น คือ ทูบา เป็น ไว้ก่อนสักนิด แล้วพอไปท�ำจริงๆ อะไรๆ เสียงทุ้มเล่นแต่จังหวะ ผมเลยได้แต่นึก ก็จะได้เร็วขึ้น ในใจว่าไอ้คนโดนตบนี้ซวยมากเลย
ประโยชน์ของ การเล่นรักบี้ต่อชีวิต
สุรพร : มีครับ ถึงแม้ผมจะไม่ได้เล่นรักบี้ มากนัก เล่นแค่ที่วชิราวุธฯ แล้วก็ไปเล่น ทีมชาติอีกแค่สองปี จากนั้นไปเรียนต่อ เมืองนอกเลย แต่รักบี้ก็ทำ� ให้เรารู้จักการ
มุมมองของอดีตนักรักบี้ ต่อทีมรักบีว้ ชิราวุธฯ ในปัจจุบนั เวท, สุรพร และธนากร : การได้แชมป์ นั้นยาก แต่การรักษาแชมป์ยากกว่า ถ้าคน ได้แชมป์บ่อย ก็จะรู้สึกว่าไม่มีอะไรแล้ว ก็ แค่ได้แชมป์ คนที่อยากจะได้แชมป์จึง
สารบัญ
ฮึกเหิมมากกว่า แล้วอีกอย่างนโยบายของ วชิราวุธฯ เปลี่ยนไป ในอดีตนักรักบี้ คือ สุดยอดของโรงเรียน เดินไปไหนทุกคน นับหน้าถือตาให้เกียรติ บางครัง้ ครูบางท่าน ก็ให้ความเอ็นดูเป็นพิเศษ เห็นนักรักบี้หลับ ก็บอกอย่าไปปลุกให้นอนไปจะได้มีแรงวิ่ง ไม่ถูกท�ำโทษ หลังจากพวกผมแล้ว ไม่ใช่ แค่รักบี้อย่างเดียวแล้วที่ได้เครื่องหมาย สามารถกีฬา
ค�ำแนะน�ำแก่น้องๆ รุ่นหลัง
สุรพร : ผมว่าจริงๆ แล้วอย่างเด็กไม่ต้อง อะไรมากหรอก แค่แบ่งเวลาให้เป็นก็พอ คือ เวลาเรียนก็ไปเรียน เวลาเล่นก็ไปเล่น เวลาเที่ยวก็ไปเที่ยว แล้วจะประสบ ความส�ำเร็จ อันนี้เป็นสัจธรรม เราต้อง สัมภาษณ์ ธนกร จ๋วงพานิช ศิรเมศร์ ศิริศักดิ์ธนากุล วีรประพัทธิ์ กิตติพิบูลย์ ศรัน ชัยวัฒนาโรจน์
ผสมๆ กันไปให้ได้ ผมจะให้ตัวอย่างเพื่อน ที่ประสบความส�ำเร็จ เพื่อนของผมอยู่ จุฬาฯ ไปเจอกันที่เมืองนอก แปดโมงเช้า ทุกวันเขาจะถือหนังสือเข้าห้องสมุด เก้าโมง เวลาเรียนเขาก็ไปเรียน พอเรียนเสร็จก็เข้า ห้องสมุด ท�ำการบ้านบ้าง ท่องหนังสือบ้าง ท�ำโครงงานบ้าง พอถึงเวลาเรียนก็ไปเรียน แต่พอห้าโมงปุ๊บ ปิดหนังสือไปกินเหล้า ไปดูหนัง ไปโยนโบว์ลิ่ง ไปเที่ยวตามผับ ตามบาร์ กลับถึงบ้านตีสอง แต่แปดโมงเช้า ก็กลับมาอ่านหนังสือถึงห้าโมงเย็น เพื่อน คนนี้จบจุฬาฯ ๔.๐๐ จบปริญญาโท ก็ ๔.๐๐ ที่ท�ำได้เพราะเขาแบ่งเวลาเป็น เพราะฉะนั้น เราจะท�ำอะไรก็แล้วแต่ ท�ำไป เลย แต่ต้องแบ่งเวลาให้เป็น แล้วชีวิตจะ สนุกขึ้นเยอะ เรียบเรียง
โอวี โอวี โอวี โอวี
๗๗ มาร์ค ณ นคร ดิมิทร๊อฟ โอวี ๘๓ วีรประพัทธิ์ กิตติพิบูลย์ โอวี ๘๓ ๗๗ ศรัน ชัยวัฒนาโรจน์ โอวี ๘๓ ๘๓ ถ่ายภาพ มาร์ค ณ นคร ดิมิทร๊อฟ โอวี ๘๓ โอวี ๗๗ ๘๓ เฉลิมหัช ตันติวงศ์
anuman-online.com
94 โรงเลี ้ยง ม น์ พิ เ ศษ 94 คอลั บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ
สารบัญ
เมือง
พระร่วง เที่ยว
ต่อจากฉบับที่แล้ว
ตอนที่ ๓ “กล่าวถึงถนนพระร่วง”
เมื่ อ ก่ อ นที่ ข ้ า พเจ้ า จะขึ้ น ไปเที่ ย ว เมืองเหนือครัง้ หลัง คือปลายปี ร.ศ. ๑๒๖ นัน้ พอได้ ท ราบข่ า วว่ า จะได้ เ ดิ น ไปตามถนน พระร่ ว งข้ า พเจ้ า ช่ า งรู ้ สึ ก ยิ น ดี เ สี ย จริ ง ๆ เพราะตัง้ แต่ขา้ พเจ้าไปเมืองก�ำแพงเพ็ชร์เมือ่ ปลายศก ๑๒๔ นั้นแล้ว ข้าพเจ้าได้ปรากฏ อยู่ว่าอยากจะเดินไปตามถนนพระร่วงจน ถึงศุโขทัย แต่ในเวลานั้นไม่ได้คาดได้หมาย เลยว่าจะได้สมประสงค์ เพราะประการหนึ่ง ข้าพเจ้าต้องรับสารภาพว่าไม่สจู้ ะแน่ใจนักว่า ได้มีถนนในระหว่างก�ำแพงเพ็ชร์กับศุโขทัย โดยเหตุข้าพเจ้ายังอ่อนในทางโบราณคดีอยู่
มาก และจ�ำไม่ได้ถนัดว่าได้อ่านพบที่แห่งใด ในเรื่องถนนพระร่วง อีกประการหนึ่งนึกอยู่ ว่าถึงแม้ถนนจะได้เคยมีไปครัง้ หนึง่ ก็นา่ กลัว จะสูญไปเสียหมดแล้ว เพราะได้ไต่ถามผู้ที่ เคยเทีย่ วตามแถบนัน้ มาแล้วบ้าง ก็ไม่ใคร่จะ มีผู้ใดได้สังเกตนัก ว่าถนนจะมีอยู่มากน้อย เท่าใด แต่ข้าพเจ้าไปได้บอกพระยาวิเชียร ปราการไว้ ว่าขอให้ลองค้นดูเพราะฉะนั้น จึงมีความยินดีเปนอันมาก เมื่อได้ทราบข่าว จากพระวิเชียรปราการมาว่าได้ค้นพบถนน แล้ว และภายหลังได้ทราบต่อไปว่าถนน พระร่วงมีตดิ ต่อตลอดไป ตัง้ แต่กำ� แพงเพ็ชร์
สารบัญ ถึงศุโขทัยและตั้งแต่ศุโขทัยไปถึงสวรรคโลก ต่อมานั้นมาก็ได้ตั้งต้นตรวจค้นดูว่า จะมีกล่าวถึงถนนอยู่ในหนังสือแห่งใดบ้าง ได้พบเปนหลักฐานอยูแ่ ห่งเดียวแต่ในค�ำแปล หลักสิลาจาฤกเมืองศุโขทัยที่ ๒ ซึ่งพระเจ้า บรมวงษ์ สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยา ลงกรณ์ ทรงแต่งลงพิมพ์ในหนังสือวชิรญาณ รายเดือน เล่ม ๑ ฉบับที่ ๓ ปี ๑๒๔๖ ใน หนังสือนี้มีปรากฏอยู่ว่า “ในกาลนั้นพระองค์ (พระเจ้ากรม เตญอัตศรีธรรมิกราชาธิราช) ทรงระลึก ถึงพระเชษฐา เมืองสัชชนาไลยจะเสด็จน�ำ พยุหพลไป ฯลฯ แล้วพระองค์ท่านเสด็จ ด� ำ เนิ น พลไปปราบปรามเมื อ งหนึ่ ง ชื่ อ ศรีจุธามลราชมหานครตั้งอยู่ทิศพายัพเมือง ศรี สั ช ชนาไลย เสด็ จ ทอดพระเนตรตาม ระยะสถลมารคไป เห็นว่าทางล�ำบากยาก แก่ราษฎรไปมาค้าขาย จึงทรงพระกรุณา โปรดให้รี้พลขุดคลองท�ำถนนหนทางหลวง ตั้ ง แต่ เ มื อ งศุ โ ขทั ย มาจนตลอดถึ ง เมื อ ง ศรีสัชชนาไลย และเมืองน้อยเมืองใหญ่ ท�ำ ทางน�ำ้ ทางบกแวะเวียนไปตามหว่างทางใหญ่ เปนการบุญสนองคุณพระราชบิดา” การ ท�ำถนนนี้มิได้กล่าวปรากฏว่าท�ำเมื่อศักราช เท่ า ไร แต่ ป รากฏอยู ่ ว ่ า ท�ำภายหลังเวลา ที่ ไ ด้ ท รงผนวชที่ วั ด ป่ า มะม่ ว งในส� ำ นั ก พระมหาสมีสงั ฆราช เมือ่ ไปอาราธนาพระสามี สังฆราชมานัน้ มีปรากฏอยูว่ า่ มหาศักราชได้ ๑๒๘๓ ศกฉลู เพราะฉนัน้ ถนนนัน้ ต้องเข้าใจ ว่าได้ท�ำขึ้นภายหลังมหาศักราช ๑๒๘๓
นั้น แต่พิจารณาดูตามค�ำแปลหลักสิลานั้น มีปรากฏอยู่ว่า เมื่อพระมาหสามีสังฆราช มาจากนครจันทรเขตรในลังกาทวีปนั้น ได้ ขึ้นเดินโดยสถลมารค “แต่เมืองเชียงทอง เมืองจันทร เมืองพราน เมืองวาน ตลอด ถึงเมืองศุโขทัย” ข้อนี้ท�ำให้นึกสันนฐานว่า ถนนตอนระหว่างท่าเรือที่ล�ำน�้ำแควน้อยไป จนถึงเมืองศุโขทัยนั้น ถ้าไม่ได้มีอยู่แต่ก่อน แล้วก็คงจะได้ท�ำขึ้นในคราวที่พระสังฆราช จะเดินไปนัน้ เอง เพราะฉะนัน้ ต้องเดาว่าเก่า กว่าตอนที่ต่อแต่ศุโขทัยไปสวรรคโลก ยัง มีสิ่งที่ท�ำให้น่าเชื่อมากขึ้นคือ ถนนระหว่าง ก�ำแพงเพ็ชร์กับศุโขทัยนั้น ได้ผ่านไปใกล้ เมืองย่อมๆ สามเมือง ตรงตามความในหลัก สิลา แต่เมือ่ ข้าพเจ้าเดินตามถนนนัน้ ได้เห็น ปลายถนนทางด้านตะวันตกไปหมดอยูเ่ พียง ขอบบึงใหญ่อนั หนึง่ ห่างจากเมืองก�ำแพงเพ็ชร์ กว่ า ร้ อ ยเส้ น พระวิ เ ชี ย รปราการแสดง ความเห็นว่าน่าจะท�ำข้ามบึงไป แต่น�้ำได้พัด ท�ำลายไปเสียหมดแล้ว ข้อนี้อาจจะเปนได้ แต่ขา้ พเจ้ายังไม่สจู้ ะเชือ่ นัก ยังนึกสงไสยอยู่ ว่ า คงจะมี ต ่ อ ไปจนถึ ง เมื อ งเชี ย งทอง ซึ่ ง เปนเมืองท่าเรือ ถามถึงเมืองเชียงทองแต่ เมื่ออยู่ที่เมืองก�ำแพงเพ็ชร์ก็ยังไม่ได้ความ ครั้นจะรออยู่ค้นหาต่อไปก็ไม่มีเวลาพอ จึง ได้ขอให้พระวิเชียรปราการจัดหาคนที่รู้จัก ภูมิประเทศ เที่ยวตรวจค้นดูทางเหนือเมือง ก�ำแพงเพ็ชร์ขึ้นไป ว่าจะหาที่อะไรที่พอจะ สันนิฐานว่าเปนเมืองได้บ้างฤาไม่ แล้วก็ได้ ออกเดินทางต่อไป ฝ่ายพระวิเชียรปราการ anuman-online.com
96
คอลัมน์พิเศษ
ได้ ไ ปด้ ว ย ถึ ง ที่ บ ้ า นพรานกระต่ า ยพบ สนทนากับขุนภักดี นายอ�ำเภอ ตกลงเปน สั่ ง ให้ ขุ น ภั ก ดี ไ ปตรวจค้ น หาเมื อ งตามที่ ข้าพเจ้าแนะน�ำ ขุนภักดีได้ไปเที่ยวตรวจค้น จนพบแล้วรีบตามไปที่สวรรคโลก บอกว่า ได้พบเมืองโบราณเมืองหนึ่ง อยู่เหนือเมือง ก�ำแพงเพ็ชร์ขึ้นไปประมาณ ๒๐๐ เส้นเศษ เปนเมืองย่อมๆ มีคูและเทินดิน ราษฎร ตามแถบนั้นเรียกว่าเมืองเนินทอง ฤาชุมนุม กองทอง เมืองนัน้ ตัง้ อยูร่ มิ ล�ำน�ำ้ เรียกว่าคลอง เรือ ปากคลองทลุลำ� น�ำ้ แควน้อย และมีถนน จากเมืองนั้นไปทางตะวันออกเฉียงใต้แต่มา ขาดเสียกลางทาง นี่เปนพยานอยู่ว่าการที่ สันนิฐานไว้นนั้ ถูกต้องแล้ว และถนนคงจะได้ มีมาจนต่อกับทีข่ าดอยูท่ บี่ งึ อยูน่ นั้ ส่วนเมือง กองทองฤาเนินทองนั้น ข้าพเจ้าเชื่อว่าคือ เมืองเชียงทองที่กล่าวถึงในหลักสิลานั้นเอง เพราะฟังดูภมู ฐิ านทีต่ งั้ ก็ดเู หมาะกับทีจ่ ะเปน เมืองท่าเรือทะเล และที่นี้เองน่าจะเปนเมือง เชียงทองที่กล่าวถึงอยู่หลายแห่งในพระราช พงษาวดารกรุงทวาราวดี และน่าจะเปนเมือง นี้เองที่กล่าวถึงในเรื่องขุนช้างขุนแผน ส่วนเมืองจันทร เมืองพราน เมืองวาน ทั้ ง สามเมื อ งที่ ก ล่ า วไว้ ว่ า พระมหาสามี สังฆราชได้ผา่ นไปเมือ่ ไปศุโขทัยนัน้ ข้าพเจ้า ได้ผา่ นไปและพักดูทงั้ ๓ แห่ง เชือ่ ว่าคงจะไม่ ผิด แต่จะของดไว้กล่าวถึงต่อภายหลังตาม ล�ำดับระยะที่เดินไป ตามที่ได้กล่าวมาแล้วถึงเรื่องถนน พระร่วงนั้น กล่าวแต่เฉพาะตามที่ค้นได้
สารบัญ ในหนังสือเปนแน่นอน แต่ข้าพเจ้ายังไม่ ใคร่อยากจะเชื่อว่าได้ท�ำขึ้นใหม่ในแผ่นดิน พระเจ้าธรรมิกราช เพราะถ้าอ่านดูตาม ถ้ อ ยค� ำ ที่ พ ระเจ้ า รามก� ำ แหงได้ จ าฤกไว้ ต้ อ งเข้ า ใจว่ าเมื องศุ โ ขทั ยในสมั ย พระเจ้ า รามก�ำแหง (ราวมหาศักราช ๑๒๐๕-๑๒๓๔ คือ ๖๐๐ ปีเศษล่วงมาแล้ว)นั้น จ�ำเริญ รุ่งเรืองมาก อาณาเขตรกว้างขวางควรจะ ได้มีถนนไปติดต่อกับเมืองลูกหลวงบ้าง มี สวรรคโลกและก�ำแพงเพ็ชร์เปนต้น ที่เมือง ศรี สั ช ชนาไลยนั้ น ควรเชื่ อ ได้ ว ่ า อย่ า งไรๆ พระเจ้ า รามก� ำ แหงคงได้ เ สด็ จ ไปอยู ่ บ ้ า ง จนได้ มี ป รากฏอยู ่ ใ นค� ำ จาฤกหลั ก สิ ล า เมืองศุโขทัยที่ ๑ มีข้อความอยู่ว่า “๑๒๐๙ ศกปีกณ ุ ให้ขดุ เอาพระธาตุ ออกท้ ง งหลายเห็ น กท� ำ บู ช าบ� ำ เรอแก่ พระธาตุได้เดือนหกวนน จึงเอาลงฝงงใน กลางเมืองศรีสชั ชนาไลย ก่อพระเจดียเ์ หนือ หกเข้า(ปี) จึงแล้ว ด้งงวยงผา (ก�ำแพงสิลา) ล้อมพระมหาธาตุสามเข้าจึงแล้ว” การก่อสร้างพระธาตุเจดียต์ อ้ งท�ำอยู่ ถึงหกปีจึงแล้วดังนั้น ก็ต้องพึงเข้าใจว่าคงจะ ต้องมีไปมาในระหว่างเมืองศรีสัชชนาไลย (สวรรคโลก) กับศุโขทัยอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ ไม่ใช่พระราชาเสด็จเอง พวกบริษัทบริวาร ก็คงจะต้องเดินทางไปมาอยู่ เพราะฉะนัน้ จึง ท�ำให้นา่ ถามว่าถนนพระร่วงนัน้ จะเดาว่าได้ ท�ำขึ้นในสมัยนั้นแล้วได้ฤาไม่ ถ้าแม้ได้ก็จะ ต้องเลยเดาต่อไปอีกว่า การทีพ่ ระเจ้ากมรเตญ อัตศรีธรรมิกราชาธิราช ได้สั่งให้ทำ� ถนนใน
สารบัญ
แผนที่ถนนพระร่วง ในอุทยานแห่งชาติรามค�ำแหง (ลูกศรชี้แนวคันดินถนนพระร่วง) ระหว่างศุโขทัยกับสวรรคโลกนัน้ ไม่ใช่ให้ทำ� ถนนขึ้นมาใหม่ เปนแต่ให้ซ่อมถนนเก่าของ พระเจ้ารามก�ำแหง ผูเ้ ปนอัยกา ให้แน่นหนา ดีขึ้นกว่าเก่า แล้วท�ำถนนเล็กแยกซอยเพิ่ม เติมขึ้นอีกเท่านั้น ส่วนคลองที่ว่าให้ขุดนั้นก็ ขุดด้วยความประสงค์สองประการ คือให้มี น�้ำใช้ตามทางประการหนึ่ง กับต้องการดิน
ขึ้นมาถมถนนอีกประการหนึ่ง ข้อนี้เมื่อได้ เดินไปตามถนนพระร่วงแล้วได้แลเห็นแก่ตา จึงกล้ากล่าวไว้ได้เปนแน่นอนเช่นนี้ ถนนพระร่วงนีเ้ ชือ่ ว่าพึง่ มาสูญไปเสีย เมือ่ เร็ว ๆ นี้ ทีว่ า่ สูญในทีน่ ไี้ ม่ใช่หมายความว่า หายไปทีเดียว เปนแต่คนลืมเสียเท่านั้นจน กระทัง่ ผูท้ ตี่ งั้ บ้านเรือนอยูใ่ กล้ ๆ ถนนนัน้ โดย anuman-online.com
98
คอลัมน์พิเศษ
มาก ถามดูก็ไม่ใคร่ทราบว่าถนนจะไปไหน บอกได้แต่ว่าออกจากหมู่บ้านที่ตนอยู่แล้ว ก็เลยหายเข้าไปในป่าเท่านั้น ถนนพระร่วง ในเร็ ว ๆ นี้ เ ปนอั น ไม่ ไ ด้ ใ ช้ เ ปนถนนเลย บางแห่งใช้เปนคันนา บางแห่งปลูกเรือน คร่ อ ม บางแห่ ง เกลี่ ย แล้ ว ปลู ก กล้ ว ยบน หลังถนน การที่จะเดินตามถนนนี้จึงไม่ใช่ การง่าย ต้องถางทางเลียบไปข้างๆ ถนน เดิมอย่างนั้นเอง หาได้ไปตามทางเกวียนที่ ใช้กนั อยูไ่ ม่ นึกดูกน็ า่ เสียดายทีไ่ ม่ได้รกั ษาไว้ เปนทางหลวง เพราะถ้ า ใครได้ เ ห็ น แล้ ว ต้ อ งชมทั้ ง นั้ น ว่ า การที่ ท� ำ แน่ น หนาดี น่าประหลาด ถ้าได้ขุดถอนตอลงเสียให้สิ้น แล้ว อาจที่จะท�ำเปนถนนรถเดินไปสบาย
สารบัญ ที่กล่าวเช่นนี้ก็พอให้เห็นว่าถนนนั้นยังเหลือ อยู่ดีปานใด แต่ที่เหลืออยู่สูงๆ กว้างๆ นั้น เปนตอนที่อยู่ในป่าสูงโดยมาก ตอนที่อยู ่ ริมบ้านคนมักป่นปีไ้ ปมาก เพราะคนเหล่านัน้ เกลี่ยลงเพื่อเพาะปลูกเปนต้น และบางแห่ง ที่อยู่ในทุ่งนา ถูกไถนากินกร่อนเข้าไปมาก จนเหลือนิดเดียว เช่นในทุ่งหนองดินแดง อ�ำเภอพรานกระต่าย แขวงเมืองก�ำแพงเพ็ชร์ เปนต้น ถ้าขืนปล่อยให้คนท�ำลายถนนไป ด้วยความเขลาเช่นนี้ ไม่ช้าถนนพระร่วงจะ สูญจริงๆ จะไม่มีใครชี้ได้ถูกอีกต่อไปว่าอยู่ ตรงไหน และพยานแห่งความเจริญรุ่งเรือง ของชาติไทยเราในโบราณกาลก็จะหมดไป อีกอย่างหนึง่ และยังจะมีผลอีกประการหนึง่ คือต่อไปในอนาคตกาล เมื่อใครกล่าวขึ้นว่า ได้เห็นถนนพระร่วงพวกคนภายหลังก็น่าจะ หาว่าหลงประการหนึ่ง ฤาร้ายกว่านั้นจะหา ว่า “กุ” ฤา “กุละ” (คือพูดเล่นเฉยๆ โดยหา หลักฐานมิได้เลย) เพราะฉนั้นจึงจ�ำจะต้อง กล่าวเรื่องถนนพระร่วงนี้ไว้ให้ยืดยาว เปน ส่วนค�ำน�ำกลายๆ ในที่นี้ ในตอนหลังๆ จะ ได้เล่าข้อความตามล�ำดับที่ได้ดูได้เห็นตาม ระยะทางต่อไป
สารบัญ
ตอนที่ ๔ “เดินตามทางพระสังฆราชเดิน”
วันที่ ๑๗ มกราคม เวลาสามโมง เช้าเศษ ได้ออกจากที่พัก ณ เมืองก�ำแพง เพ็ชร์ เดินทางด้วยม้าเข้าไปในเมืองเก่าทาง ประตูน�้ำอ้อยด้านตะวันตก แล้วตัดข้ามไป ออกทางประตูสะพานโดมด้านตะวันออก ไป ตามถนนทีไ่ ปนคร “ปุ” แต่ยงั ไม่ทนั ถึงหมูว่ ดั ใหญ่ๆ ที่ได้ดูแล้ว ก็แยกทางไปทางขวามือ ไปตามทางเกวียน ริมทางได้เห็นบ่อที่ขุด สิลาแลง แลตัดเปนแท่งๆ สี่เหลี่ยมไว้แล้ว ก็มีบ่อนั้นดูก็ไม่สู้ลึกนัก ดูๆ ไปก็ท�ำให้นึก เสี ย ดายว่ า ไม่ มี ผู ้ ใ ดคิ ด ขุ ด เอาแลงขึ้ น มา ก่อสร้างเล่นบ้างเหมือนแต่ก่อน ต่อแถบบ่อแลงมาได้สักหน่อย เปน ทางไปในดงอยู่ข้างจะร่มดี เดินทางสบาย เสียแต่ว่าฝุ่นจัดไปได้ประมาณ ๒๐๐ เส้น เศษจึงถึงถนนพระร่วง ปลายถนนมาหมด อยู่เพียงบึงที่ได้เดินเลียบมาแล้วนั้น ถนนนี้ ในชัน้ ต้น ตัดผ่านไปในทุง่ จระเข้ บางแห่งอยู่ ข้างจะเลือนเห็นยากว่าเปนถนน ที่รู้ได้คือ พื้นดินเรียบราย และดูจะแน่นกว่าพื้นดิน สองข้างทางกับเห็นต้นไม้ใหญ่ๆ ขึ้นเปน
เทือกไปทั้งสองข้างทาง ผิดกับทางทุ่งซึ่ง โดยมากเห็นแต่ไม้เล็กๆ ถนนบางแห่งกว้าง ประมาณสักสามวา จึงเข้าใจว่าคงจะเคย เปนถนนใหญ่ พอพ้นทุ่งไปแล้วเข้าดงไป อีกหน่อยก็ถึงที่พักร้อนอยู่ริมล�ำน�้ำเรียกว่า คลองประจ�ำรัก น่าน�้ำมีน�้ำเดินแต่น่าแล้ง แห้งขอด ที่ ริ ม ที่ พั ก ร้ อ นนั้ น มี ที่ อั น หนึ่ ง เรี ย ก ว่าเมืองพลับพลาตามค�ำราษฎรแถบนี้เล่า เรื่องราวว่า ในกาลครั้งหนึ่งมีผู้เดินทางไป ตามถนนพระร่ ว งพบตาผ้ า ขาวผู ้ ห นึ่ ง มา ยืนอยูท่ ตี่ รงนัน้ ชนสามัญจะไถ่ถามประการ ใดก็มิได้โต้ได้ตอบเลย มีผู้น�ำความไปบอก พระยาบางพาน พระยาบางพานจึงออกมา หาตาผ้าขาวเอง ตาผ้าขาวบอกกับพระยา บางพานว่าอยากจะเฝ้าพระเจ้าศรีธรรมาโศก เมืองก�ำแพงเพ็ชร์เพราะมีข่าวส�ำคัญที่จะ ทูล พระยาบางพานก็รบี เข้าไปเฝ้าพระเจ้าศรี ธรรมาโศก ทูลเล่าความทุกประการ พระเจ้า ศรีธรรมาโศกก็มีรับสั่งให้ไปปลูกพลับพลา ขึ้ น ที่ ก ลางป่ า ริ ม ที่ ต าผ้ า ขาวยื น อยู ่ นั้ น anuman-online.com
100
คอลัมน์พิเศษ
แล้วก็เสด็จออกไปอัญเชิญตาผ้าขาวขึ้นบน พลับพลา ถามว่าเปนผู้ใด แลมีข่าวส�ำคัญ อันใดมาบอก ตาผ้าขาวบอกว่าตนคือองค์ อมรินทราธิราช การทีม่ านีป้ ระสงค์จะมาบอก ข่าวว่าจะเกิดมีความไข้ขึ้นในเมืองก�ำแพง เพ็ชร์ เพราะฉะนั้นให้สร้างเทวรูปพระเจ้า ทั้งสามขึ้นประดิษฐานไว้ในที่อันควร เมื่อไข้ เกิดขึ้นก็ให้ไปรองน�้ำมนต์สรงพระเปนเจ้า ทั้ ง สามนั้ น ไปอาบแลกิ น พอกล่ า วดั ง นั้ น แล้ว ตาผ้าขาวก็อันตรธานไปทันที พระเจ้า ศรีธรรมาโศกทรงทราบได้ชดั ว่า องค์สมเด็จ พระอมรินทราธิราชได้จ�ำแลงพระองค์ลง มาบอกข่าวส�ำคัญ จึงรีบเสด็จกลับเข้าไป ในเมืองก�ำแพงเพ็ชร์ ครั้นเมื่อได้เกิดความ ไข้ขึ้นจริงดังค�ำเทวท�ำนายก็ได้ใช้น�้ำมนต์ สรงเทวรู ป เปนยารั ก ษาบ� ำ บั ด โรคได้ ที่ ต�ำบลที่ปลูกพลับพลานั้นก็เลยเรียกว่าเมือง พลั บ พลามาจนทุ ก วั น นี้ ถามพระวิ เ ชี ย ร ปราการว่ า มี สิ่ ง ไรเปนพยานว่ า มี เ มื อ งอยู ่ บ้างฤาเปล่า พระวิเชียรปราการว่าไม่มีอะไร เลย เพราะฉนั้นเรื่องเมืองพลับพลาทั้งเรื่อง น่ากลัวจะเปนเรื่องเล่าประกอบขึ้นภายหลัง อย่างแบบเรือ่ งต่างๆ ของทีต่ ามเมืองโบราณ ข้าพเจ้ายังสงไสยต่อไปว่า ที่เรียกว่าเมือง พลับพลา คือเปนชือ่ เหมืองฤาล�ำน�ำ้ เล็กๆ แต่ ภายหลังเรียกกันเลือนเลอะกลายเปนเมือง ไป แต่ข้อนี้ก็ไม่มีหลักฐานอะไร จากที่พักร้อนเดินทางต่อไป ๑๐๐ เส้นเศษ พอถึงที่พักแรมริมเมืองบางพาน พลับพลาตั้งอยู่ในทุ่งริมบ้านบางพาน ที่ตรง
สารบัญ น่าที่พักออกไป มีถนนซึ่งตามแถบนั้นเรียก ว่าถนน “พระยาพาน” ท�ำออกมาจากเมือง บางพาน เลี้ยวไปทางเขานางทองสายหนึ่ง แยกไปเข้ า บรรจบถนนพระร่ ว งสายหนึ่ ง ถนนตอนตั้งแต่น่าเมืองพานไปจนต่อถนน พระร่วงนั้น เข้าใจว่าท�ำไปตามแนวถนน เดิมพระยาพานเปนแต่เสริมให้สงู ขึน้ เท่านัน้ เวลาบ่ า ย เดิ น เลี ย บไปตามถนน พระยาพาน เลี้ยงข้ามทุ่งไปทางทิศตะวันตก จากทีพ่ กั ไปประมาณสีเ่ ส้นเศษถึงเชิงเขานาง ทอง ถนนที่มาทางนี้ท�ำเปนคันสูงเหนือพื้น ทุ่งข้างๆ ราวสองศอก แต่ก�ำหนดแน่ยาก เพราะต้นไม้ใหญ่ขนึ้ เสียบนนีเ้ ปนอันมาก จน ดินเปนเนินๆ ไปทั้งนั้น ทางกว้างจะเพียงไร ก็ก�ำหนดแน่ไม่ได้ เพราะทะลายเสียมาก แล้ว คงเหลือดินที่เกาะอยู่กับต้นไม้รากไม้ ยึดไว้ แต่เชื่อว่าอย่างไรๆ ถนนคงไม่เกิน กว่าแปดศอกหรือสามวา เขานางทองนี้ตาม เล่ากันว่าเรียกชื่อตามนางทองผู้หนึ่งผู้ซึ่ง ถูกพระยานาคกลืนเข้าไปไว้ พระร่วงตาม ทันที่เขานี้ได้ล้วงนางออกมาจากคอพระยา นาคแล้วเลยได้นางไปเปนชายา บนยอด เขานี้ มี ก องแลงอยู ่ ก องหนึ่ ง ซึ่ ง อาจเปน พระเจดียไ์ ด้ตงั้ อยูบ่ นเนินหนึง่ อีกเนินหนึง่ มี อะไรคล้ายบุษบกอยูบ่ นนัน้ ทีร่ ะหว่างเนินทัง้ สองนี้มีแผ่นศิลาสลักเปนรอยพระพุทธบาท ไว้แผ่นหนึ่ง นอกจากลายก้ น หอยที่ นิ้ ว กั บ จักรใหญ่ตรงกลางฝ่าพระบาทมีลายต่างๆ แบ่งเปนห้องดูเปนท�ำนองจีน มีอะไรคล้ายๆ เก๋งจีนอยู่ในนั้นหลายห้อง ทางริมแผ่นสิลา
สารบัญ ข้างซ้ายพระบาท แต่นอกรอยพระบาทออก มามีตัวอักษรขอมจาฤกอยู่ แต่สิลากะเทาะ ออกเสียมากอ่านไม่ได้ความ พระบาทนี้ เหลือทีจ่ ะก�ำหนดอายุได้อาจเปนของเก่าครัง้ พระร่วง (๑) หรือเปนของใหม่เร็วๆ นี้ก็ได้ ทีห่ น้าสิลากะเทาะนัน้ ก็ไม่เปนพยานว่าเปน ของเก่า เพราะได้ทราบความจากพระวิเชียร ปราการว่า ราษฎรได้มาชะลอเอาไปไว้ที่อื่น เพื่อนมัสการให้สะดวก พึ่งยกกลับคืนมาไว้ ทีเ่ ดิม การทีย่ กไปมาขึน้ ลงจากเขานีอ้ าจเปน เหตุให้ช�ำรุดไปได้เปนอันมาก ลงจากเขานางทอง เดินตามถนน พระยาพานไปดูเมืองบางพานซึ่งอยู่ห่างจาก พลับพลาที่พักไปทางใต้ประมาณ ๑๒ เส้น เศษ เมืองพานฤาบางพานนี้มีคูและเทินสอง ชั้น ได้ความว่าโดยรอบก�ำแพง ๘๐ เส้น เศษ มีล�ำน�้ำผ่าไปกลางเมือง ล�ำน�้ำนี้มีน�้ำ ขังอยู่เปนห้วงเปนตอนในน่าแล้ง ราษฎรที่ ตั้งบ้านอยู่ตามแถบนี้ก็ได้อาไศรยใช้น�้ำใน ล�ำน�ำ้ นีเ้ อง แต่เดิมคงจะเปนล�ำน�ำ้ ใหญ่ บางที จะเปนต้ น ของล� ำ น�้ ำ เก่ า ที่ น คร “ปุ ” แล เมืองพานนี้ต้องทิ้งร้างไปก็คงจะเปนเพราะ เรื่องแม่นำ�้ เขินไม่มีน�้ำกินพอเช่น นคร “ปุ” นั้นเอง (๒) ในเมืองบางพานเวลานี้ค้นอะไร ไม่พบนอกจากทีร่ าษฎรเรียกว่าวัดกลางเมือง มีกองสิลาแลงรูปร่างคล้ายพระเจดีย์อยู่อัน หนึ่งแต่ดูเล็กนัก ต่อนั้นไปอีกมีเปนลานยก สูงขึ้นไปจากพื้นดิน บนนั้นมีฐานชุกกะชี อยู ่ อั น หนึ่ ง ราก่ อ ด้ ว ยแลงแล้ ว มี อิ ฐ ต่ อ ทั บ เปนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรส มีบัวซ้อนกันขึ้นไป
สามชั้นแล้วถึงฐานเปนรูปกลม อิฐท�ำโค้ง ส�ำหรับให้เข้ารูป พระวิเชียรปราการสืบได้ ความว่ า ที่ ต รงนี้ เ คยมี ห ลั ก สิ ล าจาฤกตั้ ง อยู่ แต่ราษฎรได้มาท�ำลายแลรื้อไปเสียแล้ว พระวิเชียรปราการให้เที่ยวตามก็ไปพบเปน แท่งใหญ่ๆ มีอยู่บ้างตามบ้านราษฎร แต่เขา ได้ใช้เปนสิลาลับมีดเสียแล้วแลเฉพาะเลือก ลับทางที่จาฤกตัวอักษรลบไปจนหมดไม่มี เหลือเลย พระวิเชียรปราการเก็บได้แต่ชิ้น เล็กๆ ที่ต่อยเปนเศษทิ้งไว้ ยังมีตัวอักษรติด อยู่บ้างแต่เหลือที่จะอ่านได้ นอกจากนี้ก็ค้น ไม่พบอะไรอีกเลย น่าเสียดายหลักสิลานั้นเปนอันมาก เพราะอาจได้เรือ่ งราวประกอบเปนหลักฐาน ในเวลานี้ ก็ ค งได้ แ ต่ เ ดาว่ า เมื อ งพานนี้ คงจะตรงกับเมืองวาน ที่กล่าวถึงในหลัก สิลาเมืองศุโขทัยที่ ๒ ที่เปนเมืองอันหนึ่งที่ พระมหาสามีสังฆราชได้พักระหว่างในเวลา เดินทางไปศุโขทัย เชือ่ ว่าคงจะเปนเมืองด่าน ไม่ใช่เมืองมีกระษัตริย์แลน่าจะเปนเมืองขึ้น ก�ำแพงเพ็ชร์ เพราะห่างกันเพียง ๕๐๐ เส้น เศษเท่านั้น วันที่ ๑๙ มกราคม เวลาเช้าสามโมง ครึ่ง ออกจากที่พักบางพานไปโดยพาหนะ ช้างถึงบ้านพรานกระต่ายจวนเที่ยง ที่บ้าน พรานกระต่ายนี้มีบ้านเรือนแน่นหนา ทุกๆ บ้านมีรั้วกั้นเปนขอบเขตร์ สังเกตว่าบ้าน ช่องดีสะอาดแลเรียบร้อยเปนระเบียบ จึง เข้าใจได้ว่าราษฎรตามแถบนี้อยู่ข้างบริบูรณ์ แลนายอ�ำเภอก็ที่จะเปนคนแขงแรง ที่พัก anuman-online.com
102
คอลัมน์พิเศษ
เขาได้ปลูกขึ้นแน่นหนา ถามดูได้ความว่า เขาจะเลยใช้เปนที่ว่าการอ�ำเภอต่อไป พวก ผู ้ ห ญิ ง มี ภ รรยาขุ น ภั ก ดี น ายอ� ำ เภอเปน ประธาน ได้จดั ส�ำรับมาเลีย้ งในระหว่างเวลา ที่เลี้ยงนั้น ราษฎรได้ขออนุญาตเวียนเทียน ท�ำขวัญบรรดาพวกที่เดินทาง จัดให้หญิง แก่ผู้หนึ่งเปนผู้ให้พร พวกราษฎรรับโห่รอบ พลับพลา ตีฆอ้ งแลประโคมพิณพาทย์อยูข่ า้ ง จะครึกครื้นมาก นับว่าเปนการสมโภชเต็ม บริบูรณ์ตามศัพท์ เพราะได้กินอาหารจริง ไม่ใช่แค่จิบน�้ำมะพร้าวสามจิบพอเปรี้ยวๆ ปาก ตามอย่างที่พราหมณ์ท�ำ ที่นี้ได้เห็นของประหลาดอย่างหนึ่ง คื อ กระจกหอบ่ า วสาว กระจกนี้ เ ปนของ นายมากผู้ใหญ่บ้าน กรอบท�ำด้วยไม้สลัก สวดลายแปลก มีกระจกอยู่ที่ตอนข้างบน ใต้ ย อดกรอบลงมานิ ด เดี ย ว กระจกนั้ น ก็บานเล็กกรอบโตกว่าเปนอันมาก ถ้าดู ผาดๆ ก็ นึ ก ว่ า กระดานท� ำ รู ป คล้ า ยพระ เจดีย์ ยอดสลักเปนรูปหงส์ แต่กระจกนี้เป นของส�ำคัญมาก ใครจะแต่งงานต้องมายืม กระจกบานนี้ไปแต่งเรือนหอ พอเสร็จงาน แล้วก็น�ำไปส่งคืนเจ้าของว่าเปนธรรมเนียม เช่นนี้มานานแล้ว กระจกนี้นายมากว่าได้ รับมรฎกสืบต่อกันมาหลายชั่วคน ว่าเดิม เปนของพวกชาวเมืองเชียงรายเมื่อถูกพวก เมืองเชียงแสนตีแตก กระจัดกระจายหนี มาอยู่ที่พรานกระต่าย หวังใจว่าเจ้าของจะ ไม่ขายกระจกนัน้ ไปเสีย ถ้าชาวต่างประเทศ มาฉวยไปเสียได้กจ็ ะเจ็บอยูแ่ ต่นกึ ค่อยอุน่ ใจ
สารบัญ นิดหนึง่ ทีว่ า่ ตรงบ้านพรานกระต่ายนี้ ไม่ใคร่ มีใครไปถึง แต่ที่จริงบ้านพรานกระต่ายไม่ใช่ที่ เลว ตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว บ้านเรือนมีแน่น หนามาก ราษฎรก็อยูข่ า้ งบริบรู ณ์ แลไร่นาดี ได้สังเกตกิริยามารยาทเรียบร้อย ซึ่งท�ำให้ เข้าใจว่าที่นี้จะได้เปนที่ตั้งบ้านเมืองมาแต่ โบราณกาล ถนนพระร่วงก็ได้ผ่าหมู่บ้านนี้ ไปทีเดียว มีเรือนตั้งคร่อมถนนก็หลายหลัง ข้อนี้ท�ำให้สันนิฐานว่าบ้านพรานกระต่าย นี้ จะเปนเมืองพรานที่กล่าวถึงในหลักสิลา เมืองศุโขทัยที่ ๒ เวลาบ่าย ออกจากบ้านพรานกระต่าย ลองขึ้นเกวียน ถ้าผู้ใดไม่เคยลองเดินทาง ด้วยเกวียนก็ควรจะต้องลอง แต่ครั้งเดียว คงพอเพราะถูกฟัดไปฟัดมาเมื่อยไปทั้งกาย เดินทางพอพ้นวัดพรานกระต่ายไปออกทุ่ง นาเข้าประจบถนนพระร่วง ทีต่ อนนีไ้ ม่มเี ปน ขอบคั น อะไรมี แ ต่ ทิ ว ไม้ เ ปนที่ สั ง เกต ไป จนถึงบ้านหนองโสนจึงได้เห็นถนนเปนคัน ขึ้นมาสูงกว่าพื้นที่ข้างๆ มาก ตามแถบนี้ลุ่ม จึงต้องถมขึ้นมาเปนคันให้พ้นน�ำ ้ ดินที่ถนน แน่ น ดี เ กวี ย นเดิ น ตามถนนพระร่ ว งเลี ย บ ไป บางทีก็ไปข้างถนน บางทีก็ไปบนถนน ทีเดียว ถนนมีตรงข้างทุ่งหนองดินแดงไป ผ่านบ้านวังตระแบก ซึง่ ตัง้ อยูท่ งั้ สองข้างถนน บนถนนั้นตามแถบนี้ใช้ปลูกกล้วย เพราะ เปนเนินน�้ำไม่ท่วมก็เลยเปนเคราะห์ดี ถ้า มิฉะนั้นถนนคงจะต้องเปนอันตรายไป เช่น ในทุ ่ ง ดิ น แดงซึ่ ง ถู ก ไถนากิ น แหว่ ง ไปเสี ย
สารบัญ
กระจกเงา ส�ำหรับใช้ในพิธีแต่งงานของชาวบ้านพรานกระต่าย แขวงเมืองก�ำแพงเพ็ชร์ anuman-online.com
104
คอลัมน์พิเศษ
บ้าง ถนนที่ต่อวังตระแบกไปนั้นอยู่ข้างจะ บริบูรณ์ดีมาก บางแห่งเหลืออยู่กว้างเกือบ ห้าวา ข้ามห้วยยั้งไปแล้วเข้าไปในป่าเตง รังถนนยังเลเห็นถนัดอยู่ แต่ไม่สู้เปนเนิน สูงเหมือนเช่นในทุ่ง จนมาถึงบ้านเหมือง หาดทรายเกื อ บจะราบเสมอพื้ น ดิ น ข้ า งๆ ทาง พ้นเหมืองหาดทราบไปอีกนิดหนึ่งก็ ออกทุ่งนา เดินข้ามทุ่งไปอีกครู่หนึ่งถึงที่พัก แรมต�ำบลคลองยางโทน รวมเดินทางจาก บางพานถึงคลองยางโทน ๔๑๕ เส้น วันที่ ๒๐ มกราคม เวลาเช้า ๓ โมง ออกเดินทางใช้ช้างเปนพาหนะ เมื่อแรก ออกเดินก็ได้เลียบไปตามถนนพระร่วง ไป ได้ราว ๓๐ เส้นข้ามคลองวัดขนาน ซึ่งเปน พรมแดนเมืองก�ำแพงเพ็ชร์กับศุโขทัยต่อ กัน ตั้งแต่นี้ไปทางที่เดินไม่ใคร่จะได้ไปตาม แนวถนน บางแห่งก็จำ� เปนต้องออกห่างมาก จนไม่แลเห็นเนินถนน แต่คงแลเห็นทิวไม้ เรื่อยไปจนถึงห้วยตาเถียน ทางจากยางโทน ประมาณ ๑๔๐ เส้น ได้เห็นถนนเปนคันสูง ขึน้ มามาก มีคทู งั้ สองข้างถนน และถนนตรง นีท้ ยี่ งั เหลืออยูก่ ว้างประมาณ ๕ วา เวลาเช้า ๕ โมงครึ่งถึงบ่อชุมแสง ที่ริมบ่อชุมแสงนี้มีเมืองร้างอยู่เมือง หนึ่ ง ซึ่ ง ราษฎรเรี ย กว่ า เมื อ งเพ็ ช ร์ ฤ าศรี คี รี ม าศ เมื อ งนี้ มี คู แ ละเทิ น เดิ น อยู ่ ร อบ บริบูรณ์ รูปเปนสี่เหลี่ยมรียาว ๖ เส้น ๑๕ วา กว้าง ๓ เส้น ๕ วา ภายในเขตรเมือง ไม่มีอะไร จึงเข้าใจว่าเปนเมืองด่านอันหนึ่ง เท่านั้น เพราะตั้งอยู่ริมถนนพระร่วงทีเดียว
สารบัญ พระวิเชียรปราการออกความเห็นว่า นี่คือ เมืองจันทรทีก่ ล่าวถึงในต�ำจาฤกหลักสิลาใน ส่วนระยะทางเดินของพระสามีสังฆราช แต่ ชื่อที่เรียกกันอยู่เดี๋ยวนี้ ดูไม่มีจันทรอะไร อยู่ในนั้นเลย เปนเพ็ชร์เปนเขาทองอะไรไป ไหนๆ เพราะฉะนัน้ ยากทีจ่ ะกล่าวได้วา่ ความ สันนิฐานจะผิดถูกอย่างไร ไม่มีหลักที่พอจะ ยึดได้เช่นเมืองวานหรือเมืองพรานนั้นเลย เวลาบ่ายโมง ๕๐ นาที เดินทางออก จากบ่อชุมแสงตามแนวถนนพระร่วงเรื่อย ไป แลเห็นถนนได้ถนัดดีเพราะพูลเปนคัน ขึ้นมาสูงพ้นพื้นดิน ทั้งมีคูไปข้างถนนทาง ด้านตะวันตกด้วย เข้าใจว่าคงได้ขุดดินจาก คูนั้นเองขึ้นมาถมถนน นอกจากนั้นดูคงจะ ไม่ได้ใช้เปนประโยชน์ทางขังน�้ำไว้กินกลาง ทางบ้าง ถึงในเวลาเมื่อไปนั้นก็ยังได้เห็นน�ำ้ ขังอยู่บ้างบางแห่ง จึงเข้าใจว่าในฤดูฝนน�้ำ คงจะมีอยู่มาก ถนนแถบนี้แลดูเปนสันลิ่ว ไปราวกับถนนตัดใหม่ๆ เสียอยู่ก็แต่มีต้นไม้ ขึน้ รกเกะกะอยูบ่ นทางเดินเท่านัน้ ถนนไม่มี ขาดตอนเลย ตัง้ แต่ออกจากเมืองเพ็ชร์ไปได้ ประมาณ ๑๓๐ เส้นถึงบึงแห่งหนึ่ง เรียกว่า ตระพังมะขาม ถนนขาดตอนทีข่ อบบึงนี้ ช้าง เดินเลียบขอบบึงไป ออกทุ่งนานิดหนึ่งแล้ว ผ่านหมูบ่ า้ นวังมะขามจึงได้เห็นถนนอีก ดังนี้ ท�ำให้เข้าใจว่าเดิมถนนคงได้ท�ำข้ามตระพัง มะขามไป แต่ โ ดยเหตุ ที่ เ ปนที่ น�้ ำ ขั ง และ ไหลอยู่บ้าง ถนนจึงได้อันตรธานไปเสียแล้ว นอกจากทีไ่ ด้เปนอันตรายไปเพราะน�ำ้ ยังมีที่ เปนอันตรายไปเพราะคนชั้นหลังนี้อีก ตอน
สารบัญ ริมๆ บ้านถนนถูกปราบลงเพือ่ ท�ำไร่ออ้ ยเสีย ก็มี แต่ถงึ กระนัน้ ก็ยงั มีเค้าพอสังเกตได้ พ้น บ้านวังมะขามไปหน่อยหนึง่ ทางเดินเข้าป่ามี ไม้ไผ่แลไม้เตงรังร่มรื่น เกินวังมะขามไปอีก ประมาณ ๒๐ เส้น จึงได้เห็นถนนสูงพ้นดิน ข้างๆ ขึ้นมาอีก แต่คูนั้นคงมีเปนแนวตลอด ไป แต่สว่ นตัวถนนนัน้ เปนคันเรียบร้อยไปได้ ไม่กี่มากน้อย ก็แลเห็นเปนท่อนๆ เปนเนิน เล็กๆ เรียงๆ กันไปไม่สม�ำ่ เสมอ มีลำ� น�ำ้ เล็ก ผ่าไปหลายแห่ง บางแห่งทีท่ างเกวียนตัดข้าม ถนน ก็มีเปนช่องเฉพาะทางเกวียน จนเดิน พ้นวังมะขามไปแล้วได้ประมาณ ๑๐๐ เส้น ถนนจึ ง ได้ เ ปนรู ป ร่ า งขึ้ น อี ก คล้ า ยที่ ใ กล้ ๆ เมืองเพ็ชร์เปนเช่นนีไ้ ปได้ประมาณ ๑๐ เส้น ทางผ่านเข้าไปในป่าไผ่ล�ำใหญ่ ถนนกลับ ทะลายเหลวไปอีก เพราะสู้รากไผ่ไม่ไหว ถนนไม่เปนไปเช่นนี้ประมาณ ๑๕ เส้น พ้น ป่าไผ่แล้วจึงเห็นเปนคันสูงขึ้นมาอีกและไม่ ขาดเปนตอนๆ เลย เปนประดุจเทินยาวยืด ไป บางแห่งซึ่งเปนที่ลุ่มถนนได้พูลขึ้นไว้สูง มากช้างเดินไปข้างสังเกตว่าเกือบท่วมหลัง ช้างเพราะฉะนัน้ แปลว่าสูงเกือบ ๕ ศอก ทาง กว้างยาวแห่งราว ๑๕ วา คงจะท�ำให้หนา แน่นเช่นนีไ้ ว้เผือ่ ถูกน�ำ้ ชะทลาย ได้เดินเลียบ ไปตามถนนที่ถมสูงแลใหญ่เช่นนี้ ประมาณ ๑๑ เส้นถึงคลองแดน ได้หยุดพักนอนที่ ริมคลองแดนคืนหนึ่ง ที่พักริมคลองแดนนั้น ตั้งอยู่ริมเขา ลูกหนึ่งซึ่งมีต้นไม้เปนยาขึ้นอยู่มากกับที่นี้ พระยาพยุหาภิบาล ผูร้ งั้ ราชการเมืองศุโขทัย
ได้นำ� ไม้ชนิดหนึ่งมาให้ แลดูเหมือนไม้เชร์รี ทีฝ่ รัง่ ชอบใช้ทำ� ไม้เท้าแลท�ำกล้องสูบยา และ กลิ่นไม้นั้นก็เปนไม้เชร์รีนั้นเองไม่มีผิดเลย ถามว่าไม้อะไรได้ความว่าเปนไม้อบเชย คือ ล�ำต้นอบเชยที่ใช้ใบท�ำยานั้นเอง ถามว่าต้น เปนอย่างไร ได้ความว่าเปนไม้แก่น ต้นอย่าง ใหญ่ราวอ้อมหนึ่งมีดอกสีขาวเต็มต้น และ เมื่อดอกร่วงแล้วมีผลย่อมๆ สีแดง ถามว่า รสชาติผลอบเชยเปนอย่างไรก็ไม่ได้ความ เพราะคนตามแถบนั้นไม่มีผู้ใดเคยลองกิน เลย ฟังดูตามเสียงที่เล่าดูได้เค้าเปนไม้เชร์รี ของฝรั่ง ฤาบ๊วยของจีนนั้นเอง ข้าพเจ้าต้อง ยอมสารภาพว่าพึง่ ทราบว่าในเมืองไทยเรามี อบเชยนั้นก็เคยได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่ไม่ ได้คาดหมายเลยว่าจะเปนต้นเชร์รี ถามเขา ว่าต้นอบเชยนั้นขึ้นอยู่ที่ไหน ได้ความว่าขึ้น อยูบ่ นเขาหลวง ซึง่ แลเห็นจากทีพ่ กั ริมคลอง แดน เขาหลวงนีต้ ามค�ำทีก่ ล่าวกันว่าเปนเขา ที่มีนามปรากฏอยู่ในพงษาวดารเหนือ คือ ตรงกับเขาใหญ่ซึ่งเปนที่พระยาอภัยคามณี เมืองหริภุญไชยออกไปจ�ำศีลอยู่ จนร้อนถึง นางนาค และนางนาคได้ขนึ้ มาพบ เสพเมถุน ด้วยพระยาอภัยคามณี จึงได้เกิดมีกมุ ารด้วย กัน ซึ่งภายหลังพระยาอภัยคามณีให้นาม ว่า เจ้าอรุณราชกุมาร เจ้าอรุณราชกุมาร นี้ พ ระยาอภั ย คามณี ไ ด้ เ อาไปเปนพระยา ในเมืองศรีสัชชนาไลยได้นามภายหลังว่า พระร่วง ที่เขาหลวงนี้มีปล่องอยู่ปล่องหนึ่ง ซึ่งคนตามแถบนี้ชี้กันว่า เปนทางที่นางนาค ขึ้นมาหาพระยาอภัยคามณีครั้งหนึ่ง และ anuman-online.com
106 บทความพิเศษ ได้ขนึ้ มาเมือ่ คลอดเจ้าอรุณราชกุมารอีกครัง้ หนึ่ง ทางจากคลองแดนไปเขาหลวงก็ไม่สู้ ไกลนัก แต่ได้ข่าวว่าเขาขึ้นอยู่ข้างจะล�ำบาก รวมเบ็ดเสร็จชั่วแต่พาไปจะต้องให้เวลาถึง สองวัน จึงเห็นว่าดูจะเสียเวลาโดยหาผลมิได้ เพราะไม่เชื่อว่ามีสิ่งใดที่ควรดูบนเขานั้นเลย นอกจากเหวที่กล่าวว่าเปนปล่องนางนาค นั้นจึงเลยเปนอันงดไม่ได้คิดไป ถึงแม้จะไป ก็คงจะไม่ช่วยในการที่จะสันนิฐานเรื่องราว ของเมืองศุโขทัยเลยจนนิดเดียว และถ้าจะ ไปชั่วแต่ส�ำหรับไปดูไม้อบเชยเท่านั้นก็ยิ่ง จะไม่จำ� เปนใหญ่ จึงตกลงกันว่าทนโง่ไม่รจู้ กั เขาหลวงเสียทีห่ นึง่ เมือ่ ผูใ้ ดจะไปตรวจต่อไป ภายหลังก็แล้วแต่การ รุ่งขึ้นวันที่ ๒๑ มกราคม เวลาเช้า ๓ โมงเศษ ออกเดินทางต่อไป วันนีโ้ ดยมาก ได้เดินไปตามข้างถนนพระร่วง ซึง่ แลเห็นได้ ถนัดเปนคันสูงพ้นดินเปนเทือกไป ทางไป ในป่าไผ่โดยมากมีไม้เตงรังแลไม้อื่นแทรก บ้างบางแห่ง มีข้ามคลองสองสามแห่งที่ข้าม คลองถนนมักขาดไปนิดหนึ่งเปนช่องเฉพาะ คลอง แล้วก็มตี อ่ อีกกับมีคขู า้ งถนนไปตลอด เดินจากคลองแดนได้ ๑๒๐ เส้น ถนนเปน เนินสูงขึ้นมามาก จนคะเนเท่าหลังช้างที่ขี่ และสูงไปเช่นนี้จนถึงคลองฉลวย ต่อคลอง ฉลวยมาถนนกลับเปนลูกๆเตี้ยบ้างสูงบ้าง ไปอีก จนมาได้เกือบถึงเมืองศุโขทัยเก่าจึง เปนคันยาวต่อกันอีก บางแห่งกว้าง ๕ ฤา ๖ วา เปนอย่างน้อยอีก ๑๕ เส้นจะถึงก�ำแพง เมือง เห็นถนนขวางตัดผ่านไปอีกสายหนึ่ง
สารบัญ และตรงลิ่วไปทางตะวันออกตะวันตก เดิน ต่อไปอีกหน่อยก็ถึงก�ำแพงชั้นนอก เดินต่อ จากมุมก�ำแพงนั้นไปอีกประมาณ ๕ เส้นก็ ถึงที่พักซึ่งตั้งอยู่นอกก�ำแพงด้านตะวันออก ตามที่ ไ ด้ เ ดิ น ไปจากก� ำ แพงเพ็ ช ร์ ถึงเมืองศุโขทัยเก่านั้น ยกเสียแต่ตอนจาก เมืองเชียงทองจนถึงบึงใหญ่นอกก�ำแพงเพ็ชร์ โบราณ (ฤานครปุ) นั้น นับว่าได้เดินตาม ทางทีพ่ ระมหาสามีสงั ฆราชได้เดินไปศุโขทัย ตลอด และบางทีจะเปนทางนี้เองที่ “พระ ญาฎไทยราช” ได้เดินทางไปนครปุ เพื่อไป ท�ำพิธีประดิษฐานพระมหาธาตุ เพราะเหตุ ฉะนี้อยู่ข้างจะรู้สึกยินดีอยู่บ้าง และเชื่อว่า คนชาวกรุงเทพฯ สมัยนี้น้อยคนที่จะได้เคย เดินทางนี้ อธิบายความเพิ่มเติมในตอนที่ ๔ (๑) รอยพระบาทศิลาที่เขานางทอง นี้ ได้ ค วามในศิ ล าจารึ ก ซึ่ ง พบ ภายหลังว่า พระมหาธรรมราชา (พญาฤทัยหรือลิทัย) ราชนัดดา ของพระเจ้ารามค�ำแหงมหาราช ทรงสร้าง เดี๋ยวนี้เอามารักษาไว้ ที่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (๒) ล�ำน�้ำที่เมืองพานนี้ ได้ความต่อ มาภายหลัง ว่ามีต่อไปทางตะวัน ออกจนถึงล�ำน�้ำยม แต่โบราณ น่าจะเป็นทางเรือในระหว่างเมือง สุโขทัยกับเมืองก�ำแพงเพชร
สนามหลัง
ข่าวสารสมาคม
107
วันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.๓๐ น. ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมศพ นายธราวุธ นพจินดา (โอวี ๔๖)
ที่มาภาพ: สยามกีฬา
วันพุธที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ กรรมการ สมาคมนักเรียนเก่าฯ โดย นายสุรเดช บุณยวัฒน นายไชยวุฒิ์ พึง่ ทอง นายสัคคเดช ธนรัชถ์ ร่วมเดินทางไปต้อนรับคณะนักเรียนเก่ามาเลย์ คอลเลจ (MCOBA) จากประเทศมาเลเซีย
anuman-online.com
108 สนามหลัง
สารบัญ
วันพุธที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๘.๓๐ น. ณ ห้องประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๖ อาคารอัศวพาหุ ภายในวชิราวุธวิทยาลัย ผูบ้ งั คับการวชิราวุธวิทยาลัยและคณะนักเรียนเก่า วชิราวุธวิทยาลัยรุ่น ๔๒ ได้ร่วมกันท�ำพิธีบวงสรวงเพื่อขอพระราชทานอนุญาต ท�ำการ บูรณะห้องประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๖ ใหม่เพื่อให้สมพระเกียติ
วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ สนามรักบีฟ้ ตุ บอล วชิราวุธวิทยาลัย มีการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างวชิราวุธวิทยาลัย กับ เดอะ มาเลย์ คอลเลจ (The Malay College) ประจ�ำปี ๒๕๕๕ ผลการแข่งขัน วชิราวุธฯ เป็นฝ่ายชนะไปด้วย คะแนน ๓๐ ต่อ ๗ จุด
สารบัญ วันศุกร์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๒.๐๐ น. ณ สนามกอล์ฟเมืองแก้ว จ.สมุทรปราการ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ได้จัดการแจ่งขันกอล์ฟประเพณี O.V. - MCOBA (สมาคม นักเรียนเก่ามาเลย์ คอลเลจ) ประจ�ำปี ๒๕๕๕ ผลการแข่งขัน ทีมโอวีเป็นฝ่ายชนะ
anuman-online.com
110 สนามหลัง
สารบัญ
วันพุธที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ส�ำนักงานใหญ่ บริษัท อสมท จ�ำกัด (มหาชน) ได้มีพีธีลงนามความร่วมมือระหว่างสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ และ บมจ. อสมท ในการร่วมมือจัดการประกวดนางสาวไทยประจ�ำปี ๒๕๕๕ ภายใต้แนวคิด “พฤกษาดุจชีวา ธาราดุจฤทัย” เพือ่ เฟ้นหาสาวงามเพือ่ ด�ำรงต�ำแหนงนางสาวไทย คนที่ ๔๗
วันที่ ๑๓ - ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า แกรนด์ พระราม ๙ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ร่วมกับ บมจ. อสมท เปิดรับ สมัครสาวงามอายุระหว่าง ๑๘-๒๕ ปี เข้าประกวดนางสาวไทย ประจ�ำปี ๒๕๕๕
สารบัญ วันเสาร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๓๐ น. - ๑๓.๐๐ น. ณ หอประชุมวชิราวุธ วิทยาลัย สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ จัดงานระลึกพระคุณครู เพื่อเป็นการแสดงความ กตัญญู แด่คุณครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาความรู้ ให้แก่เหล่านักเรียนเก่าวชิราวุธฯ
anuman-online.com
112 สนามหลัง
สารบัญ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ วชิราวุธวิทยาลัย คณะผู้เข้า ประกวดนางสาวไทยประจ�ำปี ๒๕๕๕ เดินทางมาเยี่ยมชมวชิราวุธฯ และร่วมรับประทาน อาหารกลางวัน ณ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ
สารบัญ วันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๐๐ น. ผู้เข้าร่วมประกวดนางสาวไทย ประจ�ำปี ๒๕๕๕ รอบ ๑๘ คนสุดท้าย ร่วมท�ำกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยว ณ จ.สงขลา
วันเสาร์ที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๐๐ น. ผู้เข้าร่วมประกวดนางสาวไทย ประจ�ำปี ๒๕๕๕ รอบ ๑๘ คนสุดท้าย ร่วมท�ำกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์การ ท่องเที่ยว ณ จ.น่าน
anuman-online.com
114 สนามหลัง
สารบัญ
วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ ส�ำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท. จ�ำกัด (มหาชน) คณะกรรมการสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ และคณะกรรมการจัดการ ประกวดนางสาวไทย พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมประกวดนางสาวไทย ประจ�ำปี ๒๕๕๕ รอบ ๑๘ คนสุดท้าย เดินทางมาเยี่ยมชม ฟังการบรรยาย และร่วมรับประทานอาหารค�ำ่
สารบัญ วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๙.๐๐ น. ณ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพ คุณครูภิญโญ บุญหนุน (รวม อายุได้ ๙๐ ปี) และได้ท�ำพิธีบรรจุศพไว้บ�ำเพ็ญกุศลเป็นเวลา ๑๐๐ วัน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องสนามหลัง ๒ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา ประธานสโมสรสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ นายนิธิ สถาปิตานนท์ คณะ นักเรียนเก่าวชิราวุธฯ รุ่น ๔๒ และนายภคภพ ช. เจริญยิ่ง ร่วมประชุมหารือเรื่องการ บูรณะห้องประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ ๖
anuman-online.com
116 สนามหลัง
สารบัญ
วันพฤหัสบดีที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๙.๐๐ น. “ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ ร่วมกับ บมจ. อสมท จัดการประกวดนางสาว ไทย รอบตัดสิน โดยผู้ได้รับต�ำแหน่งนางสาวไทยประจ�ำปี ๒๕๕๕ ได้แก่ นางสาวปริศนา กัมพูสิริ รองนางสาวไทยอันดับหนึ่ง ได้แก่ นางสาวปุณณิศา ศิริสังข์ และรองนางสาวไทย อันดับสอง ได้แก่ นางสาวอัฐอร โสภณ
สารบัญ วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ อาคารชัยพัฒนา สวน จิตรลดา พระราชวังดุสติ ดร.คุรจุ ติ นาครทรรพ นายกสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธฯ พร้อม ด้วยคณะกรรมการสมาคมฯ และ ม.ร.ว.เบญจาภา ไกรฤกษ์ นายกสมาคมราชินีฯ พร้อม ด้วยคณะกรรมการสมาคมฯ เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพือ่ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินสมทบทุนสร้างอาคารสยามมินทราธิราช โรงพยาบาล ศิริราช
anuman-online.com
118 สนามหลัง
สารบัญ
วันอาทิตย์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. “ณ พระอุโบสถ วัดพระ ศรีรัตนศาสดาราม ภายในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จ พระราชด�ำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรศั มิฯ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ ไปทรงประกอบพระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก “พระพุทธ มหาวชิราวุธานุสรณ์”
สารบัญ
anuman-online.com
ห้องเบิกของ
ธุรกิจขนาดย่อมของชาวโอวี
121
ร้านอาหาร ร้านรับลมริมน�้ำ มีทั้งวิวริมน�้ำและนักว่ายน�้ำ พี่โย่ง ป๊อก บุญยัง โอวี ๕๐ และพี่โจ้ โอวี ๕๔ ริมสระว่ายน�ำ ้ Riverline Place คอนโดมิเนียม ถนนพิบูลสงคราม นนทบุรี ๐๒-๙๖๕-๓๒๐๐
ร้านอาหารบ้านประชาชื่น อาหารไทยสูตรต้นตระกูล สนิทวงศ์ และข้าวแช่ตำ� รับ ม.ล.พร้อมศรี พิบูลสงคราม เปิดตั้งแต่ ๑๐.๓๐-๑๕.๓๐ น. ไม่ขายช่วงเย็น ไม่มีวันหยุด เสาร์อาทิตย์ บวรพิตร พิบูลสงคราม (พี่บูน) โอวี ๔๖ ร้านครัวกะหนก เลขที่ ๓๗ ซอยประชาชื่น ๓๓ โอวีรับส่วนลดค่าอาหาร ๑๐ % กรุงเทพฯ ภรรยา กุลธน ประจวบเหมาะ ๐๒-๕๘๕-๑๓๒๓, (ต้น) โอวี ๕๕ ๐๘๙-๖๑๙-๒๖๑๐ ลาดพร้าว ๗๑ ๑๕๐ เมตร OZONO PLAZA จากปากซอย แหล่งรวมร้านค้าส�ำหรับทุกสิ่งทุก อยู่ซ้ายมือ อย่ างที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และ ๐๒-๕๑๔-๑๘๑๔ พื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงได้วิ่งเล่น ร้านอาหารอิงน�้ำ คมกฤช รัตนราช โอวี ๕๙ อาหารอร่อยมาก ราคาไม่แพง ท้ายซอยสุขุมวิท ๓๙ (พร้อม พี่อึ่งเป็นกันเอง พงษ์) ทะลุออกถนนเพชรบุรี พี่อึ่ง โอวี ๓๙ หลังตึกอิตัลไทย ถนนจรัญสนิทวงศ์ ๗๓-๗๕ เลย www.ozono.us โลตัส ๑๐๐ เมตร ๐๘๑-๖๕๗-๖๑๘๒ ร้านอาหารห้องแถว The Old Phra Arthit Pier ร้านอาหารเหนือล้านนาสุดอร่อย ร้านอาหารสวยริมเจ้าพระยายาม เมนูขึ้นชื่อ เย็น ส�ำหรับโอวีที่ไปอุดหนุนลด แกงโฮะ ปลาสลิดทอดฟู และ ทันที ๑๐% แหนมผัดไข่ พงศ์ธร เพชรชาติ โอวี ๖๐ ษาเณศวร์ โกมลวณิช ท่าพระอาทิตย์ ถนน (ถลอก) โอวี ๖๙ พระอาทิตย์ ถนนนิมานเหมินทร์ เชียงใหม่ ๐๒-๒๘๒-๙๒๐๒ ๐๘๑ ๐๕๓-๒๑๘-๓๓๓ ๘๒๒-๔๔๐๒ WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
WHO
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
WHO
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
ร้าน How To ดนตรีแนว acoustic & Folk song และมีส่วนลดให้โอวี ๒๐% ภิญโญ โอวี ๔๔ ปากซอยอินทามระ ๒๖ ๐๘๖-๓๐๐-๕๘๔๖ WHO
ADDRESS
ADDRESS
addict cafe & thing ร้านกาแฟเล็กๆ จักรพันธุ์ บุญหล่อ โอวี ๗๒ ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ๐๘๕-๓๒๓-๖๖๖๘, ๐๘๖-๗๗๔-๙๗๒๓ WHO
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
ร้านอาหารชิมิ หม้อชาบูชาบูและเตาปิ้งย่าง ยาคิ นิคุในแบบบุฟเฟ่ต์โฮมเมด วัตถุดิบชั้นเยี่ยมราคาอิ่มสบาย ศิโรฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โอวี ๔๔ ถนนประดิพัทธ์ ซอย ๑๙ shimi_restaurant@hotmail. com ๐๒-๓๕๗-๑๓๙๐-๑
ADDRESS
ADDRESS
anuman-online.com
122 ห้องเบิกของ โรงแรม
สารบัญ
บ้านไร่วิมานดิน ออร์แกนิคฟาร์มสเตย์ รีสอร์ทริมล�ำธารอิงขุนเขา บริการ อาหารปลอดสารพิษจากเกษตร อินทรีย์ ส�ำหรับโอวีราคาพิเศษ พ.ต.ท.กฤชญาณ อภิกุลชา (อ�ำรุง) โอวี ๔๔ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี www.vimarndinfarmstay.com ๐๘๑-๘๔๒-๔๗๕๔ ดิ. โอวี. คันทรี รีสอร์ท เอกลักษณ์การตกแต่งและกลิ่น อายสมัยอยู่โรงเรียน กมล นันทิยาภูษิต โอวี ๖๑ กลางเมืองจันทบุรี ขับผ่านก็ สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๐๘๑-๘๓๓-๒๑๒๕ โรงแรมรัตนาปาร์ค โอวีท่านใดผ่านมาโทรบอกได้เลย ราคาห้องพิเศษ มาฆะ พุ่มสะอาด โอวี ๕๕ พิษณุโลก ๐๕๕-๒๔๔-๕๒๑, ๐๘๑-๕๙๖-๖๓๙๖ ชุมพรคาบานา และศูนย์กีฬาด�ำน�้ำลึก ให้บริการที่พัก จัดสัมมนา และ บริการด�ำน�้ำลึก บริหารงานตาม แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง วริสร รักษ์พันธุ์ โอวี ๖๑ หาดทุ่งวัวแล่น จังหวัดชุมพร www.chumphoncabana.com ๐๗๗-๕๖๐-๒๔๕-๗, ๐๘๙-๗๒๔-๙๓๒๐ WHO
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
WHO
ไร่ภูอุทัย ในวงล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ สูดรับ โอโซนระดับ ๗ บนลานเนินกว้าง อ�ำนวยศิลป์ อุทัย โอวี ๗๑ และรังสรรค์ อุทัย โอวี ๗๒ ถนนพหลโยธินขาออกจาก จ.สระบุรี ซอยที่เป็นเส้นทาง ลัดไป อช.เขาใหญ่ www.phu-uthai.com ๐๘๐-๔๙๙-๙๐๒๔ คีรีตา รีสอร์ท รีสอร์ทบูทีคโฮเต็ลเหมาะแก่การ พักผ่อน และจัดสัมมนา ยินดี ต้อนรับโอวีทุกท่าน พร้อมได้รับ บริการในราคาพิเศษ อุรคินทร์ ไชยศิริ (กิมจิ) โอวี ๗๐ เกาะช้าง จังหวัดตราด ๐๘๙-๗๔๘-๗๕๒๘ Amphawa River View โฮมสเตย์ริมน�้ำ กับบรรยากาศ ตลาดน�้ำ สัมผัสวิถีชีวิตดั้งเดิม ของไทย ยินดีต้อนรับโอวีทุกท่าน ในราคาเบาๆ ชโนดม โชติกพนิช (ดม) โอวี ๗๐ ตลาดน�้ำอัมพวา www.amphawariverview.com ๐๓๔-๗๕๑-๒๐๒ WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
WHO
The Bihai Huahin โอวีลด ๒๐% ......... ๘๙ หมู่ ๕ บ้านหัวดอน ต�ำบล หนองแก หัวหิน ๐๓๒-๕๒๗-๕๕๗-๖๐ WHO
ADDRESS
ADDRESS
ณัฐฐาวารีนำ�้ พุร้อน อาบน�้ำแร่แช่น�้ำร้อนท่ามกลาง ธรรมชาติ ทีเด็ดปลามัจฉาบ�ำบัด จากต่างประเทศ บ�ำรุงผิวพรรณ ภวิษย์พงศ์ พงษ์สิมา โอวี ๗๖ ริมถนเพชรเกษม ระหว่าง กม.ที่ ๑๓-๑๔ (กม.ที่ ๙๙๐ กระบี่-ตรัง) บ.บางผึ้ง ต.โคกยาง อ.เหนือคลอง จังหวัดกระบี่ www.natthawaree.com ๐๗๕-๖๐๑-๖๔๒, ๐๘๙๗๘๐-๖๔๗๖ WHO
ADDRESS
ADDRESS
ตาลคู่บีช รีสอร์ท รีสอร์ทสวยริมทะเลใส อลงกต วัชรสินธุ์ (อยากเกา) โอวี ๗๕ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ใกล้เกาะสมุย g_got75@ hotmail.com ๐๘๕-๘๔๗-๗๕๗๕ WHO
ADDRESS
ADDRESS
สารบัญ
บริการ รับถ่ายรูป รับถ่ายรูปงานแฟชั่นโชว์, งาน ถ่ายภาพนิ่งเพื่อการโฆษณา ต่างๆ,งานเฉลิมฉลองและถ่ายรูป ในสตูดิโอ ทั้งภาพบุคคล, ผลิตภัณฑ์และสถานที่ ณัฏฐ์ ไกรฤกษ์ โอวี ๗๒ สตูดิโอ ในหมู่บ้านการ์เด้น โฮม สะพานใหม่ www.natphoto.com nat_ vc72@hotmail.com ๐๘๗-๐๕๑-๘๖๐๕ โรงพยาบาลสัตว์ Lovely Pet รับรักษาสัตว์ ฉีดวัคซีน ผ่าตัด ท�ำหมัน เอ๊กซเรย์ ขูดหินปูน อาบน�้ำตัดขน บริการนอกสถาน ที่และรับปรึกษาปัญหาสัตว์เลี้ยง รับฝากเลี้ยง และจ�ำหน่าย อุปกรณ์,อาหารต่างๆ น.สพ.อุรนิ ทร์ คชเสนี โอวี ๗๑ ๓๕/๓๙-๔๐ ถ.รัตนาธิเบศร์ อ.เมือง นนทบุรี ๐๒-๙๖๙-๘๔๘๙, ๐๘๙๘๑๖-๘๑๓๘ ร้านตัดผม Sindy Lim ร้านตัดผมส�ำหรับสุภาพบุรุษและ สุภาพสตรี หากก�ำลังมองหาร้านท�ำผมเพื่อ ออกงานสุดหรูหรือเปลีย่ นลุคแล้ว เชิญไปใช้บริการได้ โอวีลดให้ พิเศษ ทวีสิน ลิ้มธนากุล (สิน) โอวี ๕๕ ปากซอยสุขุมวิท ๔๙ อยู่ขวา มือ ตรงข้ามเซเว่นฯ ๐๒-๒๖๐-๐๖๓๕
WHO
WHO
WHO
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
บริษัท น�้ำ-ทอง เทรดดิ้ง จ�ำกัด จ�ำหน่ายน�้ำมันหล่อลื่น อุตสาหกรรมทุกชนิด (ปตท, บางจาก, แมกซิมา) ภณธร ชินนิลสลับ (ซอม ป่อย) โอวี ๖๘ ๑๘๘/๑๐๗ ม.๑ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ สงขลา ๐๒-๑๗๕-๔๑๓๖, ๐๘๕๓๒๔-๙๙๐๑ นึกถึงประกันภัย บ้าน, รถยนต์, อุบัติเหตุ, etc. นึกถึง Kevin..! Call me Bro! เขต ณ พัทลุง โอวี ๗๑ ๐๘๑-๓๕๙-๗๑๐๒ AUTO X จ�ำหน่ายรถยนต์นำ� เข้าทุกยี่ห้อ และศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ทุก ชนิด ด้วยอุปกรณ์ตรวจเช็คด้วย ระบบคอมพิวเตอร์ ตุลย์ ธีระอรรถ ถ.พหลโยธิน ข้าง สน.บางซื่อ ตรงข้ามอาคารชินวัตร ๒ ๐๒-๖๑๕-๕๕๓๓ ไอซิด รับตกแต่งภายในและรับเหมา ก่อสร้าง โดยเฉพาะบ้านและ คอนโด ภคภพ (สิทธิพงษ์) โอวี ๖๖ ซ.เจริญยิ่ง www. icidcompany.com ๐๒-๕๑๔-๐๘๓๙, ๐๘๑๗๓๓-๗๗๐๑ WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
สินเชื่อบ้าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริการสินเชื่อบ้านเอนกประสงค์, คอนโดฯ และรีไฟแนนซ์ สุรศักดิ์ โรหิตะศุน (หน่าว) โอวี ๗๐ ๐๘๑-๑๖๘-๘๙๕๕ Phuket Dog Park บริการฝากเลี้ยง, อาบน�้ำ, ตัดขน และฝึกสุนัข ทรรสม รัตนพันธ์ (แฟรงค์) โอวี ๗๐ ๐๘๖-๙๔๒-๔๓๐๒ facebook: phuketdogpark WHO
ADDRESS
WHO
ADDRESS
ร้านฟูฟู รับอาบน�้ำตัดขนสุนัข รับฝาก สัตว์เลี้ยง เจษฎา ใยมุง โอวี ๖๕ ถนนท่าแฉลบ อ.เมือง จังหวัดจันทบุรี ๐๘๑-๓๕๓-๒๘๖๕ 22EQ รับออกแบบและจัดท�ำเว็บไซต์ กอบกิจ จ�ำจด โอวี ๗๐ www.jate.22eq.com ๐๘๖-๕๒๘-๑๐๕๘ ร้านขายสัตว์เลี้ยง Furrytail ร้านขายผลิตภัณฑ์สำ� หรับสัตว์ เลี้ยงผ่านทางอินเตอร์เนต กอบกิจ จ�ำจด โอวี ๘๐ www.weloveshopping.com/ shop/furrytail ๐๘๖-๕๒๘-๑๐๘๕ WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
ADDRESS
ADDRESS
anuman-online.com
124 ห้องเบิกของ โรงแรม
WHO
บริษัท DML Export จ�ำกัด หลอดประหยัดไฟ LED bulb ประหยัดไฟมากกว่าธรรมดา ถึง ๕ เท่า ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับธรรมชาติ และสามารถ น�ำมารีไซเคิล ๑๐๐% นฤพนธ์ สุ่นกุล (รันตู) โอวี ๗๖ ๐๘๔-๗๖๗-๖๕๒๒ บจก. ๙พีเอสเมทัลชีท ผลิตและจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์หลังคา ผนัง แผ่นเหล็กเมทัลชีท, รวมถึงรับติดตั้งด้วย พลเทพ ณ สงขลา โอวี ๖๖ ๒๙/๑๓ ม.๖ ถนนเสมาฟ้าคราม ต.คูคต อ.ล�ำลูกกา จ.ปทุมธานี ๐๒-๕๓๓-๐๐๙๖ ๐๘๑-๓๐๒-๐๒๔๑ ลา โบนิต้า บาย เอส (La Bonita by S) บริการนวดสปาและขายขนมเค้ก ปรรัตถ สมัครจันทร โอวี ๗๒ ๑๑๗/๔-๕ ซอยพหลโยธิน ๗ (ซอยอารีย์) ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑๐๔๐๐ ๐๒-๒๗๘-๕๐๕๕ NAPAT GRAND ELECTRIC รับจ�ำหน่าย ติดตั้ง ซ่อม และล้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ราคาถูกกว่าห้าง ชัวร์!!!! ณภัทร (ธันว์) ยิ้มเเย้ม โอวี ๗๖ ๐๘๙-๘๔๑-๔๑๒๔ Kevin-insurance@hotmail.com Zyplus.com ธุรกิจอินเตอร์เนต ให้บริการเช่าพื้นที่เว็บโฮลดิ้งของเว็บไซต์ และบริการจดโดเมนเนม สิษฐวัฒน์ ตู้จินดา โอวี ๖๗ www.zyplus.com ๐๒-๘๙๑-๕๕๒๙ WHO
ADDRESS
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
WHO
WHO
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
ADDRESS
สารบัญ โอวี OV Spirit&Web OV ๒,๐๐๐ บาท นักเรียนเก่าฯ ในเชียงใหม่ ๒,๖๐๐ บาท ธันวา ชัยจินดา ๕,๐๐๐ บาท วิวัฒน์ ถิระวันธุ ์ ๓,๐๐๐ บาท ครอบครัววีระ วีระไวทยะ ๑๐,๐๐๐ บาท โอวีอาวุโส ร.ท.นุรักษ์ อิศรเสนาฯ ๓,๐๐๐ บาท ม.ล.พรสุทธิ์ ลดาวัลย์ ๕๐๐ บาท พล.ต.อ.เภา สารสิน ๑๐,๐๐๐ บาท ถวัลย์ ปานะนนท์ ๕๐๐ บาท ศ.นพ.อาวุธ ศรีศุกรี ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๑๖ เสถียร เสถียรสุต ๑๕,๐๐๐ บาท โอวี ๑๙ ปราณีต ชัยจินดา ๑๐,๐๐๐ บาท โอวี ๒๕ ร.ท.ชนินทร์ วรรณดิษฐ์ ๒,๐๐๐ บาท รวมบริจาคใหม่ ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๒๖ พงษ์ธร พรหมทัตตเวที ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๒๘ วิชัย สุขธรรม ๒,๐๐๐ บาท สนั่น จรัญยิ่ง ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๓๐ อโนทัย สังคาลวณิช ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๓๑ โอวี รุ่น ๓๑ และรุ่นข้างเคียง ๓,๑๐๐ บาท จิรายุส แสงสว่างวัฒนะ ๒,๐๐๐ บาท ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ๒๐,๐๐๐ บาท ๑๐,๐๐๐ บาท สม วรรณประภา โอวี ๓๓ พล.ต.ต.จักร จักษุรักษ์ ๑๐,๐๐๐ บาท จักรพันธุ์ โปษยกฤต ๓๐,๐๐๐ บาท
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการจัดท�ำอนุมานวสาร ตั้งแต่ปี ๒๕๕๐
ด�ำรงพันธุ์ พูนวัตถุ ๕๐๐ บาท ดร.ประทักษ์ ประทีปะเสน ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๓๔ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ๓๐,๐๐๐ บาท โอวี ๓๕ สุพจน์ ศรีตระกูล ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๓๗ สันติภาพ ลิมปะพันธ์ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๓๘ อดิศักดิ์ เหมอยู่ ๒๐,๐๐๐ บาท โอวี ๓๙ สรรชัย เกยสุวรรณ ๑๐,๐๐๐ บาท บุญเลิศ ศรีเจริญ ๒,๕๐๐ บาท พิพัฒน์ บูรณะนนท์ ๒,๕๐๐ บาท วานิช ทองชื่นจิตต์ ๒,๕๐๐ บาท โอวี ๔๐ โอวีรุ่น ๔๐ ๑๐,๐๐๐ บาท จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ๑๐,๐๐๐ บาท พูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ๕,๐๐๐ บาท โอวี ๔๑ เปรมปรี วัชราภัย ๔,๐๐๐ บาท โอวี ๔๒ รุ่น ๔๒ ๑๐,๐๐๐ บาท ชัยวัฒน์ นิตยาพร ๓,๐๐๐ บาท เชิดชัย ลีสวรรค์ ๑๐,๐๐๐ บาท ภาณุวิชญ์ พุ่มหิรัญ ๓,๐๐๐ บาท นภดล บัวทองศร ๑,๐๐๐ บาท อภิชัย สิทธิบุศย์ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๔๓ ก๊วนกอล์ฟโอวี ๔๓ ๑๐,๐๐๐ บาท เขมทัต อนิวรรตน์ ๕๐๐ บาท อิสระ นันทรักษ์ ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๔๔ พงษ์พินิต เดชะคุปต์ ๓,๐๐๐ บาท รัฐฎา บุนนาค ๕,๐๐๐ บาท
ศิโรฒม์ สนิทวงศ์ฯ ๑๐,๐๐๐ บาท สุพล วัธนเวคิน ๕๐,๐๐๐ บาท โอวี ๔๕ ดร.คุรุจิต นาครทรรพ ๑๓,๐๐๐ บาท รวมบริจาคใหม่ ๕,๐๐๐ บาท จีระ อุดมวัฒน์ทวี ๒๐๐ บาท ศ.ดร.ทวิป กิตยาภรณ์ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมบริจาคใหม่ ๕,๐๐๐ บาท พงษ์เทพ ผลอนันต์ ๕,๐๐๐ บาท สุรสิงห์ พรหมพจน์ ๔,๕๐๐ บาท โอวี ๔๖ โอวี รุ่น ๔๖ ๒,๐๐๐ บาท คณะผู้บังคับการ ๑๕,๐๐๐ บาท ม.ล.จิรเศรษฐ ศุขสวัสดิ์ ๑๘,๐๐๐ บาท ดนุช อิศรเสนา ณ อยุธยา ๒,๐๐๐ บาท ธนันต์ วงษ์เกษม ๑,๐๐๐ บาท น.พ.นภาดล อุปภาส ๓,๐๐๐ บาท นรศุภ นิติเกษตรสุนทร ๑,๐๐๐ บาท ปฏิภาณ ตันติวงศ์ ๕,๐๐๐ บาท ร.อ.เปรม บุณยวิบูลย์ ๕,๐๐๐ บาท รักพงษ์ ปัจจักขภัติ ๑,๐๐๐ บาท ดร.สหัสโรจน์ โรจน์เมธา ๑๐,๐๐๐ บาท ม.ร.ว.อดิศรเดช ศุขสวัสดิ์ ๓,๐๐๐ บาท ๕,๐๐๐ บาท โมนัย ไกรฤกษ์ โอวี ๔๗ ธานี จูฑะพันธ์ ๕,๐๐๐ บาท โอวี ๔๘ ชนัตถ์ อุดมวัฒน์ทวี ๒๐๐ บาท พ.ต.ท.พรศักดิ์ บุญมี ๑,๐๐๐ บาท ทองเปา บุญหลง ๒๐๐ บาท ดร.ธรรมนูญ อานันโทไทย ๕,๐๐๐ บาท สัตยา เทพบรรเทิง ๕,๐๐๐ บาท ตุลานราพัสตร์ ลุประสงค์ ๖๙๖ บาท ๕๐๐ บาท เลิศศักดิ์ ผลอนันต์ ๒๐๐ บาท องอาจ อนุสสรราชกิจ อนุสนธิ์ ชินวรรโณ ๔,๐๐๐ บาท โอวี ๔๙ ธนาวุฒิ สาครสินธุ ์ ๑,๐๐๐ บาท
125
นภดล เทพวัลย์ ๒,๐๐๐ บาท นาวาโท บัญชา จันทร์ไทย ๑,๐๐๐ บาท มนต์เทพ โปราณานนท์ ๘,๐๐๐ บาท อภิชัย มาไพศาลสิน ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๕๐ โอวี รุ่น ๕๐ ๑๐,๐๐๐ บาท น.อ.พิศิษฎ์ ทองดีเลิศ ๒,๐๐๐ บาท นพดล มิ่งวานิช ๑,๐๐๐ บาท เอกชัย วานิชกุล ๓,๐๐๐ บาท โอวี ๕๑ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา ๑๐,๐๐๐ บาท พ.ท.ธนา ลิ้มธนากุล ๑,๐๐๐ บาท วชิระ สายศิลปี ๕,๐๐๐ บาท สุวิช ล�ำ่ ซ�ำ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมบริจาคใหม่ ๒,๕๐๐ บาท อลงกรณ์ กฤตยารัตน์ ๕,๐๐๐ บาท โอวี ๕๒ กุลวัฒน์ วิชัยลักษณ์ ๑,๐๐๐ บาท จุมพจน์ มิ่งวานิช ๕๐๐ บาท นพ.ชนินทร์ ล�่ำซ�ำ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมบริจาคใหม่ ๒,๕๐๐ บาท บัญชา ลือเสียงดัง ๕๐๐ บาท วิเชฐ ตันติวานิช ๒,๐๐๐ บาท วิเทศน์ เรืองศรี ๑,๐๐๐ บาท สันติ อุดมวัฒน์ทวี ๒๐๐ บาท สุรจิต ลืออ�ำรุง ๑,๐๐๐ บาท อนันต์ จันทรานุกูล ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๕๓ ทินนาถ กิตยาภรณ์ ๑,๐๐๐ บาท อลงกต กฤตยารัตน์ ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๕๕ ทวีวัฒน์ ลิ้มธนากุล ๑,๐๐๐ บาท ดร.ศุภมิตร ปิติพัฒน์ ๒,๐๐๐ บาท อนันต์ สันติวิสุทธิ์ ๒,๐๐๐ บาท อภิศักดิ์ เกี่ยวการค้า ๓,๐๐๐ บาท โอวี ๕๖ ทวีสิน ลิ้มธนากุล ๖,๐๐๐ บาท บริจาคเพิ่ม ๕,๐๐๐ บาท
anuman-online.com
126 ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการจัดท�ำอนุมานวสาร พงศธร เภาโนรมย์ ๒,๐๐๐ บาท พรหมเมศ จักษุรักษ์ ๑,๐๐๐ บาท ปวิณ รอดรอยทุกข์ ๑,๐๐๐ บาท ประวิทย์ มนต์เสรีนุสรณ์ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๕๗ วีระวัฒน์ เนียมทรัพย์ ๑,๐๐๐ บาท สัคคเดช ธนะรัชต์ ๑,๐๐๐ บาท อนุวัตร วนรักษ์ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๕๘ ธนา เวสโกสิทธิ ์ ๒,๐๐๐ บาท โอวี ๕๙ กิตติ แจ้งวัฒนะ ๑,๐๐๐ บาท คมกฤช รัตนราช ๕,๐๐๐ บาท ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ๕,๐๐๐ บาท รวินทร์ ถิระวัฒน์ ๓,๐๐๐ บาท วรากร บุณยเกียรติ ๑,๐๐๐ บาท เวทิศ ประจวบเหมาะ ๕,๐๐๐ บาท คุณอาจ อรรถกวีสุนทร ๓๐,๐๐๐ บาท และชาตา บุญสูง อธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ ๑,๐๐๐ บาท อนุวัฒน์ ชูทรัพย์ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๖๐ วีรยุทธ โพธารามิก ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๖๑ กมล นันทิยาภูษิต ๕,๐๐๐ บาท นครา นาครทรรพ ๒,๐๐๐ บาท ภัคพงศ์ จักษุรักษ์ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๖๒ โกมุท มณีฉาย ๑,๐๐๐ บาท ชิดชนก กฐินสมิต ๑,๐๐๐ บาท ทรงศักดิ์ ทิพยสุนทร ๑,๐๐๐ บาท ธนพร คชเสนี ๑,๐๐๐ บาท ปิยะพงษ์ บุณยศรีสวัสดิ์ ๒,๐๐๐ บาท รวมบริจาคใหม่ ๑,๐๐๐ บาท ประภากร วีระพงษ์ ๑,๐๐๐ บาท ภัฎพงศ์ ณ นคร ๕๐๐ บาท วรรธนะ อาภาพันธุ์ ๒,๐๐๐ บาท รวมบริจาคใหม่ ๑,๐๐๐ บาท
โอวี ๖๓ ภูริเชษฐ์ โชติพิมพ์ ๕,๐๐๐ บาท โอวี ๖๕ วัชระ ตันธนะ ๕,๐๐๐ บาท ปรีเทพ บุญเดช ๕๐๐ บาท โอวี ๖๖ เจษฎา บ�ำรุงกิจ ๑,๐๐๐ บาท พันตรี จุณณะปิยะ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๖๗ กิตติวัฒน์ กิจถาวรวงศ์ ๓,๐๐๐ บาท โอวี ๖๙ กิตติ ชาญชัยประสงค์ ๒,๐๐๐ บาท บริจาคเพิ่ม ๑,๐๐๐ บาท ธเนศ ฉันทังกูล ๕๐๐ บาท พชา สุวรรณประกร ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๗๐ รุ่น ๗๐ ๓,๐๐๐ บาท โอวี ๗๑ วิรัช เทพารักษ์ ๑,๐๐๐ บาท สถิร ตั้งมโนเพียรชัย ๑,๐๐๐ บาท อาทิตย์ ประสาทกุล ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๗๒ กันต์ ปัจจักขภัติ ๑,๐๐๐ บาท ประยุทธ์ จีรบุณย์ ๕,๐๐๐ บาท โอวี ๗๓ นักเรียนเก่าฯ รุ่น ๗๓ ๗,๕๐๐ บาท ณัฐพล ลิปิพันธ์ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๗๔ พฤศ อุดมวัฒน์ทวี ๒๐๐ บาท ปณิธิ นอบไทย ๑,๐๐๐ บาท ศศิศ อุดมวัฒน์ทวี ๒๐๐ บาท โอวี ๗๕ ธัชกร พัทธวิภาส ๑,๐๐๐ บาท อัคร ปัจจักขภัติ ๑,๐๐๐ บาท
โอวี ๗๗ วิชชุ วุฒานุรักษ์
๑,๐๐๐ บาท
โอวี ๗๙ โอวี รุ่น ๗๙ ๒,๐๐๐ บาท ภวัตพงศ์ เทวกุล ณ อยุธยา ๕๐๐ บาท วรุตมาศ ศุขสวัสดิ์ฯ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๘๐ ธนทัต อนิวรรตน์ ๕๐๐ บาท ฟ้าสาง ปริวุฒิพงศ์ ๕,๐๐๐ บาท โอวี ๘๑ รชต ชื่นชอบ ๑,๐๐๐ บาท โอวี ๘๒ เมธัส ไกรฤกษ์ ๕,๐๐๐ บาท เพื่อนโอวีและผู้ปกครอง ณรงค์ บุญเสถียรวงศ์ ๑,๐๐๐ บาท วิฑูรย์ จอมมะเริง ๑,๐๐๐ บาท ผู้ปกครอง ด.ช.จอม จอมมะเริง ผู้ปกครอง ๒,๐๐๐ บาท ด.ช.เมธิชัย ชินสกุล ร.ศ.พญ.ผจง คงคา ๕,๐๐๐ บาท ๒๐๐ บาท สมพร ไม้สุวรรณกุล * ตัวเข้มผู้บริจาคใหม่หรือเพิ่มเติม
อนุมานวสาร ฉบับย้อนหลัง
127
ฉบับปี ๒๕๕๐
ฉบับปี ๒๕๕๑
ฉบับ ๑ เม.ย.-มิ.ย. ๒๕๕๐
ฉบับ ๒ ฉบับ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๐ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๐ ฉบับปี ๒๕๕๑
ฉบับ ๔ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๑
ฉบับ ๕ เม.ย.-พ.ค. ๒๕๕๑
ฉบับ ๖ มิ.ย.-ก.ค. ๒๕๕๑
ฉบับ ๗ ส.ค.-ก.ย. ๒๕๕๑
ฉบับ ๘ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๑
ฉบับปี ๒๕๕๒
ฉบับ ๙ ม.ค.-ก.พ. ๒๕๕๒
ฉบับ ๑๐ มี.ค. เม.ย. ๒๕๕๒
ฉบับ ๑๑ พ.ค-มิ.ย. ๒๕๕๒
ฉบับ ๑๒ ก.ค.-ส.ค. ๒๕๕๒
anuman-online.com
สารบัญ ฉบับปี ๒๕๕๒
ฉบับปี ๒๕๕๓
ฉบับ ๑๓ ก.ย.-ต.ค. ๒๕๕๒ ฉบับปี ๒๕๕๓
ฉบับ ๑๔ ฉบับ ๑๕ พ.ย.-ธ.ค. ๒๕๕๒ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๓ ฉบับปี ๒๕๕๔
ฉบับ ๑๖ เม.ย.-มิ.ย. ๒๕๕๓ ฉบับปี ๒๕๕๕
ฉบับ ๑๗ ก.ค.-ต.ค. ๒๕๕๓
ฉบับ ๑๘ ม.ค.-เม.ย. ๒๕๕๔
ฉบับ ๒๐ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๕
ฉบับ ๑๙ เม.ย.-มิ.ย. ๒๕๕๔
ฉบับปี ๒๕๕๕
ขอรับอนุมานวสารฉบับย้อนหลังได้ที่
สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ
ฉบับ ๒๑ ม.ค.-เม.ย. ๒๕๕๕
๑๙๙ ถนนพิชัย เขตดุสิต กรุงเทพฯ ๑๐๓๐๐ โทร. ๐-๒๒๔๑-๓๐๕๙ โทรสาร ๐-๒๖๖๙-๓๕๑๘ (คุณวาสนา จันทอง)