see you every month in UK and EU
still FREE
MAY 2009
3
4
SmileTravel By Bhiyada Wongwarachat
ThaiSmile Magazine
283-287 King Street, Hammersmith London W6 9NH Email: info@thaismile.com
สวัสดีคะเพื่อน ๆ สมาชิกนิตยสารไทยสไมลทุกทาน นิตยสารไทยสไมล์ปนี้เติบโตขึ้นอีก 1 ป ครบรอบ 9 ปเต็มเมื่อฉบับที่แล้ว เพิ่มหน้าและเนื้อหาอย่างจุใจ หากสมาชิกมีคำติ-ชม หรือมีคำแนะนำอะไร เขียนอีเมลมาคุยกันได้นะคะ หรือหากไม่สะดวกก็ส่งจดหมายมาก็ได้ค่ะ สำหรับจดหมายของท่านที่ได้ตีพิมพ์ในฉบับนี้ เช่นเคยนะคะ ดิฉันขอมอบ บัตรรับประทานอาหารที่ ร้านอาหาร ไทยสไมล์ ใกล้ๆ สถานี Holborn นี่เองค่ะ เลขที่ 8-10 Southampton Row, London WC1B 4AE ท่านละ £100 อย่าลืมชวนเพื่อนๆ ไปฉลองกันให้อิ่มอร่อยกันนะคะ รบกวนติ ด ต่ อ ขอรั บ บั ต รรั บ ประทานอาหารฟรี ได้ ท ี ่ ThaiSmile Media Limited 283 -287 King Street, Hammersmith, London W6 9NH หรือโทร 079 8561 8228 (ก่อน 15 มิถุนายนนี้นะคะ) ขอให้มีความสุขกับชีวิตในทุกๆ วันนะคะ ภิญฎา วงศวรชาติ Editor-in-Chief bhiyada@thaismile.com เรียนพี่ภิญฎา พี่คะ หนูเพิ่งได้มีโอกาสอ่านนิตยสารไทยสไมล์ได้ 2-3 ฉบับเองค่ะ แต่อ่าน แล้วชอบมาก เหมือนมีเพื่อนให้อุ่นใจในอังกฤษเลยค่ะ หนูมาเรียนหนังสือ ที่อังกฤษแต่ไม่ได้อยู่ในลอนดอนหรอกนะคะ เพราะที่บ้านอยากให้ไปอยู่ที่ๆ มีคนไทยน้อยๆ จะได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น แต่หนูเหงามากเลยค่ะ ไม่ ม ี เพื ่ อ นเลย หนู ค ุ ย กั บ ฝรั ่ ง ก็ ย ั ง ไม่ ค ่ อ ยรู ้ เรื ่ อ งเขาพู ด ค่ อ นข้ า งเร็ ว และ สำเนียงหนูก็ไม่คุ้นหู
ส่วนเรื่องความเหงาเข้ามามีส่วนในชีวิตจนต้องทำให้น้องเมย์คิดว่าการมี แฟนคือทางออก (อาจจะดีที่สุดในตอนนี้) เรื่องมีแฟน พี่คิดว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องส่วนตัว น้องเมย์เองคงบรรลุนิติภาวะแล้ว เพราะฉะนั้นทางกฎหมายก็ คงไม่ผิดอะไร แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่น้องมาประเทศอังกฤษเพื่อเรียนหนังสือ ในขณะที่อีกหลายคนไม่มีโอกาสตรงนี้ น้องเมย์ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีที่สุด แล้วหรือยัง และถ้ามีแฟนแล้วความสัมพันธ์ไม่สวยหรูและมีความสุขอย่าง ที่คิดวาดฝนไว้ น้องเมย์สามารถรับผิดชอบหรือพร้อมรับภาวะกดดันกับ เรื่องปวดหัวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้หรือไม่ เช่น เจอผู้ชายไม่ดี มีปญหา ทำให้เราไม่สามารถเรียนหนังสือได้เต็มที่ สร้างเรื่องให้รำคาญใจ แรกๆ ที่ คบก็ดี พอนานเข้ากลายเป็นคนละคนไปเสียได้ ฯลฯ แต่ถ้าจะให้พี่แนะนำ พี่คิดว่าความเหงาเรากำจัดได้ด้วยหลายวิธี น้องเมย์ได้มาอยู่ที่ประเทศ อังกฤษแล้วยังสามารถทำตัวให้ว่างได้ น้องเมย์ต้องพิจารณาตัวเองแล้วนะ คะ เพราะประเทศนี้มีอะไรให้เราเรียนรู้ได้เยอะมาก ถ้ามีโอกาสก็ลองแวะ เวียนไปเที่ยวในสถานที่ใกล้ๆ ศึกษาหาความรู้จากอินเทอร์เน็ตว่าแถบนั้นมี อะไรน่าสนใจบ้าง หรือลองฝกพูดคุยกับคนท้องถิ่น ดู พิ พ ิ ธ ภั ณฑ์ ป ระเทศนี ้ ก ็ ม ี เ ยอะมาก หนั ง สื อ ก็ ม ี ให้หาอ่านทุกรูปแบบ จะได้ฝกภาษาไปในตัว และ อย่าลืมหาสมุดบันทึกสักเล่ม จะได้บันทึกความทรง จำที่สวยงามและสิ่งดีๆ ของชีวิตไว้อ่านยามเหงา แต่ ถ้าไม่กล้าหรือไม่ต้องการไปไหนมาไหนคนเดียว พี่ขอ แนะนำว่าพี่เพื่อนไว้ดีที่สุด ไม่เปลืองตัวและเปลืองใจ มิตรภาพของคำว่า “เพื่อน” จะยาวนานกว่าคำว่า “แฟน” ถ้าเพื่อนไม่ได้เป็นได้ดั่งใจ เราก็คงไม่ผิดหวัง หรืออนาคตเพื่อนอาจจะพัฒนาเป็นแฟนก็ได้ ถึงตอนนั้น น้องเมย์คงมีเวลา ได้ศึกษาซึ่งกันและกันพอสมควร กว่าที่จะเร่งรัดให้ความเหงาตัดสินว่า ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตได้เร็วที่สุดคือแฟน และที่สำคัญเพื่อน เรามักไม่ได้ คาดหวังอะไรไว้สูง โอกาสผิดหวังก็จะต่ำ และเพื่อนไม่มีความเป็นเจ้าข้าว เจ้าของ อิสรภาพยังคงเป็นของน้องเมย์อยู่นะคะ ชีวิตนี้มีอะไรให้ได้ชื่นชม อีกเยอะมาก อย่างเร่งรัดตัวเองขนาดนั้นเลยค่ะ ถ้าผู้ชายคนหนึ่งที่ใช่ เมื่อ ถึงวันนั้นเขาจะเข้ามาในชีวิตน้องเมย์เองค่ะ หรือไม่ “โอกาส” มันก็จะเข้า มาให้น้องเมย์ได้ฉวยมันไว้แน่ๆ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะรีบร้อนไป น้องเมย์ อาจจะย่างเท้าลงไปนรกมากกว่าขึ้นสวรรค์ก็ได้นะคะ
หนูอยากปรึกษาพี่ค่ะ ตอนนี้หนูรู้สึกเหงามาก จะโทรศัพท์หาที่บ้านค่า โทรศัพท์ที่นี่ก็แพงมาก พี่คิดว่าถ้าหนูจะหาแฟนฝรั่งที่นี่สักคนจะดีหรือไม่ สุดท้าย การตัดสินใจเป็นสิทธิของน้องเมย์ แต่พี่อยากฝากไว้เล็กๆ น้อยๆ คะ หรือพี่คิดว่าหนูควรทำอย่างไรดีคะ / นองเมย ว่า ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไรก็ตามในชีวิตนี้ พยายามคิดถึงข้อดี –ข้อเสีย ไว้ และมองอนาคตเผื่อไว้ด้วย ถ้าน้องเมย์คิดว่าการตัดสินใจกระทำอะไร นองเมยคะ ลงไปแล้ว “คุ้มค่า” ก็ทำเถอะค่ะ ชีวิตเป็นของน้องเมย์เพียงผู้เดียว ถึงแม้ เรื่องแรกที่น้องเมย์บอกว่าที่บ้านพยายามให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมฝรั่งให้มาก คนที่รักเรามากที่สุด ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ทุกวินาทีของความรู้สึกสุขหรือเจ็บ กว่าอยู่ในที่แวดล้อมคนไทยด้วยกัน เพราะไม่เช่นนั้นน้องเมย์คงได้แต่พูด ปวดที่เกิดขึ้นกับเราได้ดีเท่ากับตัวเราเองนะคะ ภาษาไทยตลอด ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเมย์เองด้วยว่า เมื่อได้โอกาสที่ ขอให้น้องเมย์โชคดีนะคะ ดีแล้ว จะไคว่คว้าได้มากแค่ไหน
6
u
สั่งวันนี้
ถึงคุณภิญฎา วงศวรชาติ และทีมงานนิตยสารไทยสไมลทุกทานคะ ดิฉันและสามีติดตามอ่านนิตยสารไทยสไมล์ มานานแล้ว สามีอ่านไม่ออกหรอกค่ะ ดิฉันก็ แปลให้เขาฟงงู ๆ ปลาๆ บางทีเพื่อนๆ รวมตัว มาทานข้าวบ้านนู้นบ้าง บ้านนี้บ้างผลัดกัน เป็นเจ้าภาพ พวกเราคนไทยก็ช่วยกันเล่าให้ สามี ก ั บ เพื ่ อ นๆ เขาฟ ง กั น เมื ่ อ ยมื อ เชี ย วค่ ะ ดิ ฉ ั นคิ ด ว่ า ประมาณ 5 ป ได้ แ ล้ ว กระมั ง คะ ดีใจด้วยนะคะที่หนังสือคุณครบรอบ 9 ปแล้ว เสี ย ดายที ่ ไม่ ได้ ต ิ ด ตามอ่ า นตั ้ ง แต่ ฉบั บ แรก ดิฉันย้ายบ้านไปอยู่ที่ไหนก็จะคอยโทรมาบอก ให้ทางคุณเปลี่ยนที่อยู่จัดส่งไปให้ตลอด ดิฉัน คิดว่า คนไทยหลายๆ คนที่เป็นแฟนหนังสือ คุณคงได้รับความรู้และประโยชน์กันทุกคนค่ะ ดิ ฉ ั น มี เพื ่ อ นคนไทยที ่ อ ยู ่ ในระแวกเดี ย วกั น หลายคน บางคนก็ไม่ได้เป็นสมาชิกหรอกค่ะ อาศัยหยิบยืมกันอ่าน มีอะไรเราก็แบ่งปนกัน ค่ะ คนไทยมีกันอยู่เท่านี้เอง ดิฉันได้ยินจาก เพื่อนๆ ว่าคนไทยบางกลุ่มเขาอิจฉากัน ชอบ หาเรื่องติฉินนินทาว่าร้ายกัน บางคนก็แย่งสามีกันก็มี ดิฉันอยากให้คน ไทยรักกันให้มากๆ ค่ะ ฝรั่งเขาเคยชื่นชมคนไทยว่าเป็นคนจิตใจดี เอื้อเฟอ เผื่อแผ่กัน ดิฉันสอนลูกเสมอค่ะว่า ถึงแม้คุณพ่อเป็นคนอังกฤษ แต่คุณแม่ เป็นคนไทยนะ (หน้าดิฉันก็ออกจะไทยดั้งหักซะขนาดนี้ คงโกหกใครไม่ได้ หรอกค่ะ) ทำอะไรลูกต้องส่งเสริมทำให้คนอื่นเขารักประเทศของแม่ด้วย อย่าให้เขาดูถูก เวลาใครถามหนู หนูจะได้ภูมิใจที่มีเลือดไทยอยู่ครึ่งหนึ่งยัง ไง ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้หรอกค่ะ คุณอ่านก็จะรู้ว่าดิฉันเขียนผิดๆ ถูกๆ ถ้า คุณเอาไปลงหนังสือ ดิฉันวานคุณช่วยเขียนให้ภาษาถูกๆ หน่อยนะคะ แต่ ถึ ง ดิ ฉ ั น ไม่ รู ้ จ ะสอนลู ก เขี ย นภาษาไทยได้ อย่ า งไร แต่ ฉ ั นก็ ส อนให้ ลู ก พู ด ภาษาไทยค่ะ ถึงแม้จะมีลาว ปนมาให้ เ พี ้ ย นๆ บ้ า ง ถ้ า เพื่อนได้ยินเขาก็จะช่วยบอก ให้ค่ะ อยากให้ลูกพูดได้หลายๆ ภาษา เห็นเขาบอกว่าเด็กๆ สมองจะดี เขาเรียนได้หลายภาษาพร้อมๆ กัน นี่ ข้างบ้างเป็นคนฝรั่งเศส ดิฉันว่าจะให้ ลูกไปเล่นกับลูกเขาเลยค่ะ เผื่อลูกจะ พอรับได้อีกสักภาษาหนึ่งค่ะ
8
ดิฉันอยากขอให้เพื่อนๆ คนไทยช่วยกัน รักษาความดีและชื่อเสียงในส่วนดีๆ ของ ประเทศชาตินี้ไว้กันนะคะ พวกฝรั่งเขา จะได้ไม่ดูถูกคนไทยค่ะ/ จาก สะใภฝรั่ง แตเลือดไทยเขมขนคะ เรียนคุณสะใภฝรั่ง ดิฉันอ่านจดหมายของคุณแล้วอดยิ้มไม่ ได้ เพราะคุณจริงใจมากๆ และส่วนหนึ่ง ดิฉันต้องขอนับถือคุณ ถึงแม้คุณจะบอก ว่าคุณไม่มีความรู้อะไรแม้แต่จะสอนลูก เขียนภาษาไทยก็ตาม แต่คุณมีสำนึกที่ดี เยี่ยมของความเป็นคนไทยค่ะ ดิฉันรู้สึก เสียดายที่บางท่านไม่ยอมให้ลูกได้รับรู้ หรือเรียนภาษาไทยเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่รู้จะให้รู้ไปทำไม ไม่มีความจำเป็น ให้รู้ ภาษาอังกฤษอย่างเดียวก็พอ ดิฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับนักศึกษาท่านหนึ่ง เติบโตที่ประเทศอังกฤษ แต่ พูดภาษาไทยได้ชัดเจนมาก กิริยามรรยาทไม่ต้องพูดถึง ต้องขอชมคุณ พ่อคุณแม่ว่า สอนลูกได้ดีมาก น้องเองมีความคิดอยากจะมีโอกาสเดินทาง ไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย และถ้ามีโอกาส ก็อยากจะทำงานเกี่ยวกับธุรกิจที่ ได้เดินทางไปมาระหว่างอังกฤษและประเทศไทย ภาษาอังกฤษดีเยี่ยมอยู่ แล้ว ภาษาไทยเองก็สามารถพูดได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น น้องคงมี โอกาสมากกว่าเด็กไทยด้วยกันที่รู้แต่ภาษาอังกฤษหละค่ะ ส่วนเรื่องคนไทยที่ชอบติฉินนินทาว่าร้าย เรื่องนี้เป็นกันได้ทุกชนชาติค่ะ เรื ่ อ งนี ้ จ ะมากจะน้ อ ยดิ ฉ ั น ว่ า อยู ่ ท ี ่ ค นมากกว่ า ค่ ะ หรื อ บางที บ างคน อาจจะทำเรื่องเด่นให้คนอดพูดถึงไม่ได้ แต่เรื่องแย่งสามีกันนี่ ดิฉันคิดว่า เป็นเรื่องของคุณธรรมประจำใจแล้วค่ะ แย่งสามีเพื่อนได้นี่ไม่ธรรมดาแล้ว ล่ะค่ะ ถ้าไปแย่งเขามาได้แล้ว ระวังสามีไว้ให้ดีๆ นะคะ เพราะจะเป็นวัฎ จักร กงกรรมกงเกวียนค่ะ ดิฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง คนไทยควรรักกันไว้นะคะ ถ้าเราดูถูกประเทศชาติ และเลือดเนื้อเราเอง แล้วใครจะมาสรรเสริญเรากันเล่าคะ
In the North West of Ireland lies Lough Erne Golf Resort, a superb 5 star property which includes stunning panoramic views, 2 championship golf courses, world class accommodation, relaxed and fine dining experiences and an authentic Thai Spa. The Thai Spa consists of 8 treatment rooms, Rasul, relaxation area and hydration room. As a result of the success of The Thai Spa, we invite applications for the following to join our team:
THAI SPA THERAPISTS Salary: circa 20k per annum Required to carry out traditional thai massage and other thai spa treatments. This is a specialist role within The Thai Spa which requires skilled therapists to work to a professional standard. Essential Criteria: Third level qualification awarded by a recognised higher education institute 2 years practical experience in Thai Massage incorporating traditional Thai massage, thai herbal massage and other thai spa treatments practising to professional standard A recognised qualification in an English Language Test (if non national) In return we offer excellent terms, conditions and welfare of employment. This is an exciting employment opportunity. To apply, e-mail your CV to the Human Resources Manager, e: hr@loughernegolfresort.com, t: 028 6634 5714, A: Lough Erne Golf Resort, Belleek Road, Enniskillen, Co.Fermanagh, N.Ireland, BT93 7ED. Closing date : 19 June 2009 www.loughernegolfresort.com
SmileSocial
Wednesday, 29th April, 2009 @ Taplow Court, London SL6 0ER Tel: 01628 773 163 ฯพณฯ นายกิตติ วะสีนนท์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุง ลอนดอนได้เป็นประธานเปดงานนิทรรศการ The King of Siam at Taplow Court ณ Taplow Court เมือง Maidenhead มีบุคคลสำคัญและแขกผู้มีเกียรติทั้งชาวอังกฤษและชาวไทย ในสหราชอาณาจักรเข้าร่วมประมาณ 150 คน มีการแสดง พระบรมฉายาลักษณ์พร้อมพระปรมาภิไธยในรัชกาลที่ 5 สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถและ รัชกาลที่ 6 พระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 5 และพระราช โอรสบริเวณหน้า Taplow Court และถ้วยรางวัลที่รัชกาลที่ 5 พระราชทานไว้แก่ชมรมกรีฑาของโรงเรียน Taplow School ในป ค.ศ. 1897 ซึ่งโรงเรียน Taplow School ได้ใช้เป็นถ้วย รางวัลสำหรับนักกรีฑาดีเด่นประจำปของโรงเรียนมาจนถึง ปจจุบัน Taplow Court เป็นสถานที่ที่รัชกาลที่ 5 เคยประทับ เป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือนในระหว่างเสด็จฯ เยือนสหราช อาณาจักรในป ค.ศ. 1897 งานดังกล่าวจัดโดยสถานเอกอัคร ราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอนร่วมกับ Soka Gakkai International-United Kingdom ซึ่งเป็นเจ้าของปจจุบันของ Taplow Court
10
at
Taplow Court
1897
During the Summer of 1897 King Chulalongkorn of Siam (Thailand) spent 10 weeks in Britain. He had arrived at Spithead in the royal yacht the ‘Mahachakri’. During the first week of August the King stayed at Buckingham Palace. As well as official duties the King visited Kew Gardens, Greenwich Observatory, London Zoo and The Tower. He also went to Harrow School where one of his sons was being educated and to Osborne on the Isle of Wight to visit Queen Victoria. His English was good so an interpreter was not necessary. On Friday August 6th, the King left London for Taplow Court, his country house for the rest of his stay. Willy and Ettie Grenfell (later Lord and Lady Desborough) had let their home whilst the family was on holiday in Normandy. On route, the King visited Sandhurst where his eldest son was preparing for the military academy. Taplow Station was carpeted and decorated with flags and hundreds of local people turned out to welcome him. The Siamese royal ensign was displayed on the roof of Taplow Court and the King enjoyed “the repose afforded by the secluded position of the mansion”. The King made country house visits and spent a week in Scotland receiving civic hospitality in Edinburgh and Glasgow. Back at Taplow Court on August 19th, the Maidenhead Engineers’ and Fishermens’ annual regatta took place. The King presented a silver-gilt challenge Lotus Bowl as a prize for dinghy racing.
September 21st was the Royal Birthday. The porch and hall at Taplow Court were decorated with flags, garlands and Japanese lanterns. A garden party was held the following day with music by the Siamese Naval Band. The King presented a beautiful Siamese Cup to Taplow School’s athletic club. The cup is still presented every year to the most outstanding athlete, boy or girl, at St Nicolas’ School. The Royal visit ended at the beginning of October. The King tipped the servants generously before he left. King Chulalongkorn (1853-1910) reigned for 42 years. He is remembered as an enlightened monarch who modernised his country and placed great emphasis on education. He forged links with the West whilst preserving Siam’s independence. In recent times the link between Taplow Court and Thailand has been renewed with the visits of Thai dignitaries. The present King, Bhumibol Adulyadej, the grandson of King Chulalongkorn, is an enthusiastic photographer. And in 1991 an exhibition of his ‘The Land of Gentle Smiles’, was held at Taplow Court.
MAY 2009
11
SmileSocial
Monsoon Valley – Gold Medal @ Royal Thai Embassy
Cocktail Competition 3rd April, 2009 @ Blue Elephant, Fulham
Mekhong Cocktail Competition กิจกรรมค้นหาสุดยอด ค้อกเทลสูตรใหม่ โดยมีส่วนผสมหลักของเหล้าไทยยอดนิยม “แม่โขง” จัดขึ้นโดยร้านอาหาร Blue Elephant ร่วมกับ Royal Orchid Holidays จากการแข่งขันคณะกรรมการตัดสินให้ Alison Kennedy เป็นผู้ชนะเลิศโดยได้รับตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ - ลอนดอน จาก WestEast Travel พร้อมที่พักจาก Royal Orchid Holidays คอร์สเรียนทำอาหารไทยที่ Blue elephant thai Cooking School พร้อมอาหารค่ำ สำหรับ 2 ท่านที่ร้าน Blue Elephant
12
MAY 2009
13
SmileSocial
April 2009 @ Vicenza, Italy ฉบับนี้คุณชุมศรี อาร์โนลด์ได้นำภาพบรรยากาศงานสงกรานต์ ที่วิเชนซ่าซึ่งอยู่ใกล้กับเวนิสมาให้แฟนสมาชิกได้ชมกันในงาน ได้พบกับพี่น้องคนไทยที่อิตาลีทางภาคเหนือ บรรยากาศสนุก สนานครี้นเครง ได้รับความสนใจจากชาวอิตาเลียนมิใช่น้อย คนมาร่วมงานกันคับคั่ง มีอาหารไทยมากมายให้ได้เลือกชิม ต้องขอบอกว่า ส้มตำ เด็ดมากๆ แถมยังมีดาราเจ้าบทบาท สองท่าน คือ บุ๋ม รัญญา และ แหม่ม จินตรามาร่วมสนุก สนานอีกด้วย
14
SmileSocial
Anglo-Thai Society 23rd April, 2009 @ Thai Square, Trafalgar Square เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา สมาชิก Anglo-Thai Society ได้จัดงาน เลีย้ งอำลา Mr.Kevin Thorn ในโอกาสครบวาระในการปฎิบตั หิ น้าทีแ่ ละ ดำรงตำแหน่งประธาน ในโอกาสเดียวกัน เลี้ยงต้อนรับ Mr.David Fall อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ประธานท่านต่อไป ที่ร้าน ไทยสแควร์ สาขา Trafalgar Square
th more ng in the near the w roundn heads,
r
16
!
MAY 2009
17
en ary
Talk of the Town from
UK
อ้าวเศรษฐกิจแบบนี้... ใครที่รู้ตัวว่าเป็นนักสะสมสัมภารกตัวยง จะทิ้งก็เสียดาย จะเก็บไว้ก็รกบ้านละก็ มูลนิธิเพื่อนหญิงไทยในสหราชอาณาจักร หรือที่พวกเรา เว้ากันสั้นๆ ว่า TWO ได้ฤกษ์เปดร้าน TWO Charity (สำนักเดียวกับไทยสไมล์ซูเปอร์มาร์ เก็ต) ให้เหล่าบรรดาเพื่อนทั้งไทยและเทศ ประเภทอยากให้ก็มี อยากซื้อก็เยอะ มาม่วน หลายกัน งานนี้ คุณกุ้ง - ชุมศรี อาร์โนลด์ ประธานมูลนิธิฯ ขอนำร่อง เปดกรุส่วนตัวขน เสื้อผ้ามาให้เพื่อนๆ ได้ผลัดกันชมและร่วมบุญกันเลยนะเจ้าคะ ที่เห็นๆ มีแต่แบรนด์เนม บางชิ้นราคายังติดอยู่เลย ใครมีของที่ยังคงสภาพที่ใช้งานได้นำมาสมทบได้นะเจ้าคะ ส่วนใครสนใจเป็นอาสาสมัคร ส่งประวัติส่วนตัวมาได้ที่ two@thaismile.com ส่วนใครที่ อยากซื้อ เตรียมเงินไว้ได้เลยเจ้าค่า... ขอดี มีอย่างละชิ้น ใครเร็วได้ ใครช้าอด เป็นธรรมดา นะเจ้าคะ สนใจฮัลโหลมาถามไถ่กันได้ที่ 020 8846 9881 เจ้าค่ะ
งานบุญที่ร้านปาจี๊ดเมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา ร้าน Princess แทบแตก ฝรั่ง ผ่านไปมาคิดว่ามีถ่ายหนังหรือไม่ก็แฟชั่น กัน เพราะแขกเหรื่อไปร่วมงานยืนออกัน หน้าร้านกันเป็นทิวแถว แถมแต่ละนาง แต่งองค์กันมาแบบไม่ต้องเกรงใจใคร สวยซะให้เข็ดฟนกันไปตามๆ กัน งานนี้ นกหวีดเศร้านัก เพราะนัดกับปาจี๊ดซะ ดิบดี ปรากฏงานเข้าชนกันเปรี้ยง เลยไม่ ได้ไปร่วมงาน แต่ข่าวกรองแล่นมาถึงหู ว่างานนี้ใครไม่ไป จะเสียดายเป็นยิ่งนัก เพราะทุกคนสนุกกันสุดเหวี่ยง ยังไงคง ต้องรอ ปหน้าแล้วล่ะเจ้าคะ ส่วนใครที่ติด ใจฝมือปาจี๊ดก็ยังแวะไปเยี่ยมเยียน และ ทานเมนูจานเด็ดได้เหมือนเดิม เพราะปา จี๊ดปกหลักอยู่ตรงนี้ไปอีกนานเชียวค่ะ ช่วงนี้เดินผ่านไปหน้าบริษัท WestEast Travel จะเห็นคน เดินเข้า-ออกบริษัทไปซื้อตั๋วเครื่องบินกันขวักไขว่ ทั้งชาว ไทยและฝรั่ง เพราะหลังจากเปดโครงการ Friends to Thailand แล้ว พี่น้องชาวไทยสวมวิญญาณพีอาร์ช่วย ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประจำ สหราชอาณาจักร คุณธเนศวร์ เพชรสุวรรณ โปรโมทการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกันสุดฤทธิ์ จนเพื่อนๆ ชาว อังกฤษเปลี่ยนแผนหันทิศไปพักผ่อนเมืองไทยกันตรึม ของดีมีที่เมืองไทย แล้วอย่างนี้ฝรั่งจะหาที่ไหนเที่ยวได้คุ้ม และดีกว่าเมืองไทยละเจ้าคะ แถมทาง WestEast Travel ยังการันตีว่าราคาตั๋วที่นี่ รับประกันว่าถูกแบบตัดราคาที่ คุณหามาได้ ไม่ต้องเทียบราคาให้เสียเวลานะเจ้าคะ ไปไหน มาไหน ซึ้อตัวให้สบายใจ โทรไปได้ที่ 0844 815 8899 มีน้องๆ คนไทยรับสายนะเจ้าคะ 18
ไทยสไมล์เดือนนี้ต้องขอต้อนรับสมาชิกใหม่จาก Isle of Man นะเจ้าคะ เพื่อนสมาชิกได้ส่งเมลมาเล่าสู่ให้ฟงว่า ที่เกาะนี้มีพี่น้องชาวไทยอยู่ประ มาณ 70 ท่าน และมีร้านอาหารไทยเพียงร้านเดียว ส่วนประเทศใหม่ที่ ไทยสไมล์เริ่มเข้าไปทักทายพี่น้องชาวไทย ล่าสุดก็จะเป็นประเทศ แคนาดา ไทยสไมล์ขอต้อนรับเพื่อนใหม่ทุกท่านมาในโอกาสนี้นะเจ้าคะ มีข่าวอะไรจากแดนไกลก็ส่งมาแบ่งปนกันได้เสมอเจ้าค่ะ
ยินดีกับน้องเซียน - ทศกร บุญเพ็ญ ลูกชายคนเก่งของคุณเอและคุณ เต้ย - คงกริช บุญเพ็ญ ที่เพิ่งกลับจากเมืองไทยไปให้สัมภาษณ์ใน รายการ สนทนากับบิ๊กจะ และคุณสาธิต กรีกุลในฐานะนักกีฬาฟุตบอล เยาวชนของทีม Fulham ตอนอยู่เมืองไทยน้องเซียนเดินไปไหน คนนึกว่า เป็นดารา เพราะหนุ่มๆ สาวๆ ที่ติดตามข่าววงการกฬารู้จักน้องเซียนกัน เป็นอย่างดี อดไม่ได้ที่จะขอมองและชื่นชมในความสามารถนะเจ้าคะ งานนี้คุณพ่อไม่ชอบให้เป็นข่าว แต่ก็คงหลบไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เพราะ คุณลูกดังซะขนาดนี้
งานวันสงกรานต์ที่ Eastbourne, East Sussex จัดที่ร้านไหมไทย งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Eastbourne Festival ที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ แขกผู้มีเกียรติที่ไปเปดงานคือ The Deputy Mayor ในงานมีพิธีสรงน้ำพระ รดน้ำดําหัวผู้ใหญ่ อาหารไทยมีให้รับประทา นกันไม่อั้น มีนวดผ่อนคลายศีรษะและไหล่ มีการแสดงรําไทย งานนี้ ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ทั้งชาวฝรั่งและชาวไทยไปกันล้นร้าน เลยจ้า
ThaiNewsWorldNews
ครม.อนุมัติ 200 ลาน ซื้อกรมธรรมคุมครองนักทองเที่ยว ตาย-เจ็บ-กลับบานไมไดจายหมด
ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบ ประมาณ 200 ล้านบาท ให้รัฐบาลเข้าไปซื้อ กรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ชาวต่างชาติที่จะ เดิ นทางมาเมื อ งไทย ในกรณี ท ี ่ อ าจได้ ร ั บ ความเสียหายจากเหตุจลาจลเป็นระยะเวลา 6 เดือน คือตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-31 ต.ค.นี้
ผลักดัน BIG & BIH หนุนเศรษฐกิจประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และภาค เอกชน 7 สมาคม ผู้จัดงานแสดงสินค้าของขวัญและงาน แสดงสินค้าของใช้ในบ้าน (Bangkok International Gift Fair & Bangkok International Houseware Fair : BIG & BIH April 2009) ระยะเวลา 6 วัน คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานไม่ต่ำ กว่า 100,000 ราย และจะมีเม็ดเงินสะพัดในงานไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท ผลของการจัดงานในวันแรก ได้รับความสนใจจากผู้ เข้าเยี่ยมชมงานจากต่างประเทศเป็นอย่างดี โดยพบว่า ผู้ ซื้อจากต่างประเทศที่ให้ความสนใจเข้าชมงานมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ประเทศเบลเยียม ซาอุดิอาระเบีย สวีเดน เคนยา และสวิสเซอร์แลนด์ ขณะที่คณะผู้แทนการค้าจาก ต่างประเทศที่ให้ความสนใจมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลี ย ญี ่ ป ุ น ฟ น แลนด์ แคนาดา และ เวียดนาม ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานส่วนใหญ่ได้รับผล สำเร็จจากการเจรจาเป็นอย่างดี โดยมีผู้ประกอบการที่เข้า ร่วมงานประมาณ 20% ได้รับคำสั่งซื้อสินค้าในทันที ขณะที่ อีกประมาณ 80% มีแนวโน้มจะได้รับการสั่งซื้อในภายหลัง โดยผู้ซื้อหลายรายอยู่ระหว่างการตัดสินใจ ส่วนใหญ่เป็นผู้ ซื้อรายเดิมที่มีการสั่งซื้อสินค้ากันมาโดยตลอด
AF6 ชวนสัมผัสเรียลลิตี้รูปแบบ 3D ครั้งแรกในเมืองไทย ทรู วิชั่นส์ และ โมเดิร์นไนนท์ ทีวี ชวนสาวก เรี ย ลลิ ต ี ้ ม าสั ม ผั ส ประสบการณ์ แปลกใหม่ ก ั บ การถ่ายทอดสดด้วยปรากฏการณ์ 3D ครั้งแรก ในประเทศไทย การันตีความแปลกใหม่ของรูป แบบรายการที่อิมพอร์ตจากเยอรมนี ฉายให้ชม กันชัดๆ โดยจะเริ่มถ่ายทอดสดให้แฟนๆ ได้เกาะ ติดทุกความเคลื่อนไหวของเหล่านักล่าฝนที่คุณ ชื ่ น ชอบตลอด 24 ชั ่ ว โมงตั ้ ง แต่ ว ั น ที ่ 29 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป และรับชมคอนเสิร์ตพร้อม กัน 3 ช่องทั้งทาง ทรูอินไซด์ (ทรูวิชั่นส์ช่อง 19), ทรูมิวสิค (ทรูวิชั่นส์ช่อง 29) และโมเดิร์นไนน์ทีวี ทุกคืนวันเสาร์ เวลา 20.40 น.
แม็กซิโก – แพรระบาดไขหวัดหมู
องค์ ก ารอนามั ย โลกเตื อ นนานา ประเทศเฝาระวังไข้หวัดใหญ่เอ/เอช 1 เอ็น1 แพร่ระบาดรอบ 2 หวั่นกลาย พันธุ์และเป็นโรคระบาดครั้งร้ายแรง ทีส่ ดุ ในศตวรรษที่ 21 ประธานาธิบดี เม็ ก ซิ โก ยื น ยั นการแพร่ ร ะบาดใน ประเทศพ้ นช่ ว งร้ า ยแรงที ่ ส ุ ด ไปแล้ ว พร้อมประกาศยกเลิกคำสั่งหยุดงาน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในแดนจังโก้เริ่มนิ่ง แต่ทส่ี หรัฐฯ เชือ้ หวัดใหญ่ 2009 คืบคลานแพร่กระจายระบาดไปถึง 35 รัฐแล้ว หลายประเทศยังคงเรียกโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นตอในเม็กซิโกและได้แพร่ ระบาดลุกลามไปในหลายภูมภิ าคของโลกว่า “ไข้หวัดหมู” หรือ “swine flu” ต่อไป แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น “influenza A (H1N1) แล้วก็ตาม
20
จีนเปดไฟเขียวตางชาติเปดบริษัทนำเที่ยว
อังกฤษ-เทสโกสรางกำไรเปนประวัติการณ 3 พันลานปอนด
“เทสโก้” ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในอังกฤษ เปดเผยกำไรจากปที่แล้วจนถึงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาว่า มีจำนวน 3,000 ล้านปอนด์ หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นจาก 12 เดือนก่อน 10% และยอดขายทั้งหมดเพิ่มขึ้น 15% หรือเป็นจำนวนเงิน 59,000 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายของบริษัททั่วโลก ดูเหมือนว่าขณะนี้การใช้จ่าย ของผู้บริโภคได้กลับคืนมาแล้ว แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะยังไม่ถึงขั้นฟนจาก ภาวะถดถอยก็ตาม
นิวยอรค ฉลองวันเกิดหมาแกที่สุดในโลก “ชาเนล” สุนัขพันธุ์ดัชชุนด์ เพศเมี ย ฉลองวั นคล้ า ยวั น เกิ ด ป ท ี ่ 21 เมื ่ อ วั น ที ่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา เทียบ เท่าคนอายุ 147 ป ได้รับ การบันทึกจากกินเนสเวิล์ด เรคคอร์ดเมื่อปที่แล้วให้เป็น สุนขั อายุมากทีส่ ดุ ในโลก ชาแนลต้องสวมแว่นพิเศษสำหรับสุนัข เพราะตาเป็น ต้อกระจกและต้องอยู่ในที่อุ่นๆ อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 72 องศาฟาเรนไฮต์ (ราว 22 องศาเซลเซี ย ส) อาหาร ประจำคือ ไก่ต้มกับพาสตาโฮลวีตและขนมนิ่มๆ วันๆ นอนอยู่แต่ในบ้าน มีเพียงช่วงฤดูร้อนที่ออกมาเดินเล่น เดนิซ ชาฟเนสซี ชาวลองไอส์แลนด์ นำชาเนลมาเลี้ยง ตั้งแต่อายุ 6 สัปดาห์ โดยขอมาจากสถานสงเคราะห์ สัตว์ที่รัฐเวอร์จิเนีย มันเคยวิ่งพร้อมเธอวันละ 3 ไมล์ (ราว 4.8 กิโลเมตร) ตอนนี้ก็ยังชอบเดินเล่นอยู่แต่ต้อง ใช้ความพยายามค่อนข้างมาก ชาเนลครองตำแหน่ง สุนัขอายุมากที่สุดในโลกเมื่อฤดูใบไม้ผลิปที่แล้ว หลัง จากสุนัขพันธุ์บีเกิลอายุ 28 ป ที่รัฐเวอร์จิเนียเจ้าของ ตำแหน่งเดิมตายลง
สำนักงานกฎหมายประจำสำนักนายก รัฐมนตรีแห่งประเทศจีน (Legislative Affairs Office of the State Council People’s Republic of China) และ กรมการท่ อ งเที ่ ย วแห่ ง ประเทศจี น (National Tourism Administration of the People’s Republic of China) ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับ ข้อกำหนดการจัดตั้งบริษัทนำเที่ยวในประเทศจีน ซึ่งแต่เดิม การที่ผู้ประกอบธุรกิจชาวต่างชาติจะประกอบธุรกิจนำเที่ยว ในจีนสามารถทำได้เฉพาะในรูปแบบของการร่วมทุนเรือน หุ้นหรือการร่วมทุนแบบร่วมมือกับฝายจีนเท่านั้น แต่เมื่อจีน เข้าเป็นสมาชิก WTO แล้ว ตามเงื่อนไขจีนจะเริ่มอนุญาตให้ ทุนต่างชาติเข้ามาตั้งบริษัทนำเที่ยวในจีนได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามบริษัทนำเที่ยว ต่างชาติที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการแล้ว จะสามารถ ดำเนินการท่องเที่ยวได้ภายในขอบเขตการท่องเที่ยวภายใน ประเทศจีนเท่านั้น แต่สามารถรับลูกค้าทั้งจากในประเทศ หรือนอกประเทศจีนก็ได้ และเมื่อประกอบกิจการเป็นเวลา ครบ 2 ปเต็ม โดยในระหว่าง 2 ป ไม่มีประวัติเรื่องการ ปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อลูกค้าจนถึงขั้นได้รับการลงโทษ จากทางราชการ จึงจะมีสิทธิ์ยื่นขออนุญาตนำลูกค้าไปท่อง เที่ยวภายนอกประเทศจีนได้
เกาหลี-แฟนหนังแดนกิมจิ สูญเสียดาราสาว ผูกคอตาย ช็อกวงการบันเทิง “แดนกิมจิ” ดาราสาว “วู ซึง ยอน” นักแสดงสาวหน้าใหม่วัย 24 ป ซึ่งรับบทนางรองในภาพยนตร์เกาหลีใต้ หลายเรื่อง และยังเป็นนางแบบ ได้ถูกพบ ในอพาร์ตเมนต์ทางตอนใต้ของกรุงโซลช่วง เช้ า วั น ที ่ 27 เม.ย. ในสภาพผู ก คอตาย พร้ อ มโน้ ต มี ข ้ อ ความเขี ย นว่ า “ฉั น รั ก ครอบครัวของฉัน ฉันเสียใจมากที่ต้องจาก ไปก่อนกำหนด” โดยก่อนหน้าที่จะถูกพบ เป็นศพ วู ซึงยอน ได้ส่งข้อความสั้น ๆ ไป ถึงน้องสาวของเธอว่า “ฉันเสียใจ” และยังมีการโพสต์ข้อความว่า “ลาก่อน” ไว้ใน ไซเวิลด์ (Cyworld) เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งเปลี่ยนเสียงเพลงประกอบ บล็อกส่วนตัวเป็นเพลงทอยส์ซอร์รี่ (Toy’s Sorry) และไทม์ อโลน (Time Alone) ด้วย รวมทั้งปดการโพสต์ข้อความในสมุดเยี่ยม โดยชนวนเหตุน่าจะมาจากอาการซึม เศร้าที่มีอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ วู ซึง ยอน ได้เข้ารับการรักษาอาการโรคซึมเศร้าใน โรงพยาบาล ขณะที่จากการสอบถามสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ ของดาราสาว ผู้นี้บอกว่า วู ซึง ยอน อยู่ในภาวะเครียดรุนแรงหลังจากไม่ผ่านการทดสอบบทบาท การแสดงใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ และความสัมพันธ์กับแฟนมีชื่อเสียงจากการเป็นเน็ตไอ ดอลติดอันดับท็อป 5 ก่อนจะเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นนางแบบ และเริ่มเข้าสู่ การแสดงด้วยการรับงานในภาพยนตร์เรื่องเฮิร์บ (Herb) และละครซิทคอมเรื่องแย็ป (Yap) และล่าสุดเพิ่งมีผลงานออกสู่สายตาผู้ชมในภาพยนตร์เรื่องไพรเวท อาย (Private Eye) ซึ่งเพิ่งเข้าฉายในเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา หนุ่มซึ่งเป็นนัก ร้องที่คบหาดูใจกันมากว่า 8 ป และเริ่มห่างเหินกันมาเป็นเวลานานในช่วงหลัง
MAY 2009
21
ประเภท
ประเภท
22
นักศึกษาทั่วไป
นักศึกษาทั่วไป
ระยะเวลา ที่ตั้งของ ของหลักสูตร สถาบันการศึกษา
จำนวนเงินที่ต้องแสดง
กฎเกณฑ์ การให้คะแนน
จำนวนคะแนน
ได้คะแนนสำหรับอะไร
MAY 2009
23
24
ชมรมเพือ่ นหญิงไทยในสหราชอาณาจักร (Thai Women’s Organisation UK) เป็นกลุ่มผู้หญิงไทยที่มีสมาชิกดำเนินชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษมาเป็นระยะเวลานาน และประสบปัญหานานับประการมาก่อน จึงได้ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งให้คำ ปรึกษา เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนไทยที่ใช้ชีวิตในสหราชอาณาจักร โดยมีประธานชมรม คือ คุณชุมศรี อาร์โนลด์ และมีสมาชิกที่มีทั้งนักกฎหมายและผู้รู้ในสาขาต่างๆ ที่พร้อม ให้ความช่วยเหลือ และให้ข้อมูลพื้นฐานกับชาวไทยในเรื่องการดำเนินชีวิตในสหราช อาณาจักร โดยมิหวังผลตอบแทนส่วนตนใด หากคุณมีข้อสงสัยหรือกำลังประสบปัญหา สามารถส่งคำถามและดูรายละเอียด ต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.thaiwomensorganisation.com
“อยู ยั ง ไงในอั ง กฤษ” เป น หนั ง สื อ คูมือการใชชีวิตในสหราชอาณาจักร หาซื้อไดที่ รานหนังสือดอกหญา UK หรือสั่งซื้อและจัดสงทางไปรษณียไดที่ โทร. 020 8846 9960 หรือ 020 8846 9881 MAY 2009
25
SmileChildren
รักลูกให้ถูกทาง…ในต่างแดน คุณแม่คุณพ่อคนไทย ที่ได้มี โอกาสมาเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนลูกในต่างประเทศ ตัวของ คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องปรับตัวกับชีวิตการเป็นอยู่ที่นี่ แต่ ทีนี้สิ มีลูกแล้ว เราจะเลี้ยงลูกของเราอย่างไรดีนะ เราจะเลี้ยง เขาอย่างไร ให้เสน่ห์ของทั้งสองวัฒนธรรมนั้นรวมอยู่ในตัว ลูกของเรา
เรื่อง Drs.กมลลักษณ์ มโนกุลอนันต์-Kooiman (Child psychologist / นักจิตวิทยาเด็กและครอบครัว) Psychologenpraktijk Zuiderzee © 2008
ฉบับนี้จะคุยถึงเรื่องของ การรักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี พ่อแม่ตีเพราะรักลูกถูก แล้วหรือ เพื่อเสนอความจริงตามหลักจิตวิทยาในการเลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง ลม...“ฉันเป็นเพียงลมที่พัดผ่านพ่อ...ถูกอัดไว้ในมุมมืดๆ แล้วถูกลืม ... ฉันไม่มีความหมาย ไม่มีตัวตน ไม่มีความสามารถใดๆ นอกจากร้องไห้ในความฝัน... เห็นฉันไหม... มองดูให้ดูสิ ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง... เห็นไหม...ฉันกระโดดไปมา วิ่งเล่นไปรอบๆ เธอ ฉันรู้สึกหนาว ฉันกลัว ฉันสั่น... ความรักและความอบอุ่นคืออะไร ฉันไม่รู้จัก ...เพราะฉันเป็นเพียงลม ที่ไม่มีคุณค่าในการหายใจ....” Arthur บทคำบรรยายอันซึ้งใจถึงความรู้สึกที่โดดเดี่ยว ความคิดของเด็กที่เคยถูกพ่อแม่ทำร้ายทางด้านร่างกาย และด้านจิตใจมาก่อน การเลี้ยงลูกด้วยความรุนแรงนั้นมี สาเหตุปัจจัยร่วมหลายประการ ณ ที่นี้จะแยกเป็นสอง ประเด็น ๑) การทำร้ายทางร่างกายเด็กโดยตรง ๒) ความรุนแรงภายในครอบครัวที่ลูกเป็นพยาน ผู้สังเกตการณ์ อย่างเช่น เห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน คนใน ครอบครัววิวาทต่อสู้กัน เป็นต้น การทำร้ายทางร่างกายเด็ก โดยที่เด็กตกเป็นเหยื่อของ ความรุนแรงนั้นๆ สาเหตุปัจจัยร่วมของการทำร้ายเด็กนั้น มีมากมาย จะขอกล่าวอย่างคร่าวๆ เรามักจะได้ยินกัน บ่อยๆ ว่า ‘ถ้าไม่รักก็ไม่ตี ถ้าไม่เจ็บก็ไม่เรียนรู้ ตีให้เจ็บ จะได้เข็ดหลาบ’ นี่คือการเลี้ยงลูกแบบสมัยเก่าที่สืบทอด กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ซึ่งไม่เหมาะสมในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะในวัฒนธรรมใดก็ตาม ผู้ปกครองที่ถูกเลี้ยงมา ด้วยวิธีนี้ก็จะนำมาใช้กับลูกอีก เพราะตนเองโตขึ้นเป็น คนดีพ่อแม่เลี้ยงดี ถูกตีเป็นประจำ ทำให้เป็นคนว่านอน สอนง่าย เป็นเด็กดีของพ่อแม่ รวมทั้งพ่อแม่อีกกลุ่มหนึ่ง ที่หมดหนทางที่จะสอนลูก (Powerlessness) เนื่องจากลูก นั้นดื้อมาก จนจำเป็นต้องเฆี่ยนตี นอกจากนั้นแล้ว ปัญหาของพ่อแม่ อย่างเช่น ปัญหาสุขภาพกายและจิต ยาเสพติด ปัญหาด้านเศรษฐกิจ การว่างงาน ความโดดเดี่ยวทางสังคมเนื่องจากย้าย ถิ่นฐานมาอยู่ต่างประเทศทำให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือ
26
สนับสนุนจากครอบครัวใหญ่และคนรู้จัก ความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่ รวมไปถึงลักษณะของเด็กที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กพิการ เด็กดื้อรั้น เลี้ยงยาก ลูกเลี้ยง เหล่านี้เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงในการใช้ความรุน แรงในครอบครัวได้ทั้งสิ้น ความรุนแรงภายในครอบครัวที่ลูกเป็นพยาน ผู้สังเกตการณ์ของความ รุนแรง ซึ่งเด็กได้รับผลทางอ้อม ส่วนมากเด็กที่เจริญเติบโตในครอบครัว ที่ใช้ความรุนแรง มักจะเป็นความรุนแรงระหว่างสามีภรรยา และมีการ ทำร้ายผู้หญิง ประมาณ ๓๐-๗๐% ของกรณีครอบครัวดังกล่าว มักจะมี การทำร้ายเด็กร่วมอยู่ด้วย ผลกระทบด้านร่างกาย ความรุนแรงในครอบครัวทั้งทางตรงและ ทางอ้อม นั้นมีผลร้ายมากต่อพัฒนาการของเด็ก ผลทางด้านร่างกาย ในการทำร้ายเด็กนั้น เห็นได้ชัดเจนจาก รอยฟกช้ำ กระดูกหัก บาดแผล บางครั้งอาการรุนแรงถึงเลือดคั่งอวัยวะภายใน โรค Baby shaken syndrome ในเด็กทารก เนื่องจากการถูกเขย่าไปมาอย่างรุนแรง เป็นต้น ใน บางกรณีอาจส่งผลให้เด็กมีความล่าช้าในการเจริญเติบโตด้วย ผลกระทบด้านจิตใจ ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเด็ก เป็นสิ่งที่ ละเอียดอ่อน ซึ่งอาจส่งผลให้การพัฒนาการของเด็กนั้นชะงัก และให้เกิด การพัฒนาการที่ผิดปกติ ซึ่งรวมไปถึงผลบั่นทอนการพัฒนาการทางด้าน อารมณ์ การพูด และภาษา และด้านสติปัญญาได้ ผลกระทบต่อเด็ก ทารก ที่สังเกตได้ เช่น การร้องไห้ ตกใจกลัวอย่างรุนแรงต่อเสียงดัง หรือ เสียงตะโกน สำหรับเด็กวัยอนุบาลนั้นโดยมาก แสดงออกทางการพัฒนา การด้านภาษาที่เชื่องช้ากว่าปกติ และมีอุปสรรคในการฝกหัดเข้าห้องน้ำ (Toilet Training) ส่วนเด็กวัยประถมนั้น จะมีปัญหาทางด้านสังคม โดย มากแสดงกิริยาที่ก้าวร้าวต่อเพื่อนร่วมวัย คนในครอบครัว สัตว์เลี้ยงและ สิ่งของ เป็นต้น ในเด็กวัยรุ่นเป็นต้นไปมักเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้น มาก การเจริญเติบโตในครอบครัวที่รุนแรงนั้น เป็นตัวพยากรณ์ปัญหาที่ รุนแรงของเด็กในช่วงวัยรุ่น ความก้าวร้าว โรคซึมเศร้า การเข้าร่วมแก็ง ถูกล่อค้าประเวณี (lover boy) ยาเสพติด และอาชญากรรมได้ เด็กที่เจริญเติบโตมาจากครอบครัวที่ใช้ความรุนแรงนั้น มักจะ เข้าใจความหมายของการลงโทษผิด และเสริมให้เด็กเป็นคนขี้กลัว มี ภาพพจน์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับตนเอง และไม่เห็นความสำคัญของตนเอง เช่น ฉันเป็นคนไม่ดี เป็นคนเลวเลยต้องถูกลงโทษ ต้องทำตามพ่อแม่สั่งถึงแม้ จะไม่เห็นด้วยก็ตาม เห็นได้ว่าเด็กนั้นไม่เข้าใจว่า เพราะการกระทำที่ผิด จึงถูกลงโทษ ไม่ใช่เพราะตัวเองไม่ดไี ร้คา่ การเลี้ยงลูกด้วยความรุนแรง นอกจากมีผลร้ายกับเด็กแล้ว ยัง ไม่มีประสิทธิภาพในการปรับพฤติกรรมอีกด้วย เนื่องจากเป็นการหยุด พฤติกรรมที่ปลายเหตุ นอกจากนั้นยังส่งผลให้พฤติกรรมที่ไม่ดีนั้นๆ หวน กลับมาอย่างรวดเร็วอีก ถึงแม้ว่าบางโอกาสการเลี้ยงลูกด้วยการตี จะได้ ผล เนื่องจากทำให้เด็กกลัว กลัวการถูกทำโทษโดยเฉพาะตัวบุคคล แต่ ไม่ได้กลัวผลร้ายหรือผลเสียของพฤติกรรมนั้นๆ ดังนั้นในสถานการณ์ที่ไม่ มีผู้ปกครองที่เคยทำโทษอยู่ด้วย เด็กก็ย่อมทำพฤติกรรมที่ผิดๆ ซ้ำอีก
ห้ามนำไปเผยแพร่ โดยไม่ได้รับการอนุญาต เขียนโดย Drs. กมลลักษณ์ มโนกุลอนันต์-Kooiman (Child psychologist/นักจิตวิทยาเด็กและครอบครัว) Psychologenpraktijk Zuiderzee ©2008 www.psycholoogpraktijk.nl
‘Free Intensive Academic English up to 8 months’
*Conditions apply
Chaucer House, White Hart Yard SE1 1NX - London (UK) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ ‘พี่เจน’ โทร. 07733316841 MAY 2009
27
SmileLife
เรื่องและภาพ โสภาพร ควร์ซ
ชีวิตในตางแดนไมเคยเปนเรื่องงาย อยางที่คนหลายๆ คนนึกฝนไว้ เงินทองไมได้รวง หลนมาจากต้นไม้ให้หาเก็บได้ แตต้องอาศัยเรี่ยวแรง ความมานะอุตสาหะ ตอสู้อยางไม ยอท้อเพื่อให้บรรลุในสิ่งที่หวังไว้ สุนิสา พิชา หรือ พี่แมว แหงสถาบันเสริมความงาม และโรงเรียนสอนคอสเมติกและนวดไทย ‘SP - Kosmetik’ ซึ่งได้รับการรับรองจาก กระทรวงแรงงานของเยอรมนี เปนหนึ่งในหญิงไทยที่ตอสู้ฟนฝาจนประสบความสำเร็จ อยางที่ไมเคยมีใครทำได้
28
พี่แมวในชุดเสื้อกาวน์สีขาว เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของเธอ ใน ตอนเย็นของวันสบายๆ ว่า เดิมมีอาชีพเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่ง หนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งทำงานเสริมเป็นเซลล์ขายของไปด้วย ปรากฎว่าลูกค้าเบี้ยวไม่จ่ายเงิน ทำให้เป็นหนี้สิ้นจำนวนมาก จึงตัดสิน ใจหาทางออกให้ตัวเองด้วยการเดินทางมาเสี่ยงดวงที่เยอรมนี แต่หนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ชีวิตคู่ของพี่แมวไม่ได้ ประสบความสำเร็จในทันที ความขี้เหนียวของแฟนคนแรก ทำให้ต้อง เลิกกันภายในระยะเวลาไม่ถึงป แต่ต่อมา เธอก็ได้มาพบกับแฟนคน ปัจจุบัน ซึ่งส่งเสริมเธอดีมากในทุกๆ ด้าน และส่งเสียให้เธอไปเรียน ภาษาและอาชีพ “พี่สนใจเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว เนื่องจากทำงานใน ห้องผ่าตัด ซึ่งแก้ไขความบกพร่อง เสริมความงาม และได้เห็นว่าคนไข้ มีความสุขเพียงใดเมื่อเห็นผลสำเร็จ จึงตัดสินใจลงเรียนฝกอาชีพเป็น Kosmetikerin ซึ่งต้องใช้เงินสูงถึง ๒ หมื่นมาร์ค แต่แฟนก็สนับสนุนให้ เรียน กู้เงินธนาคารมาให้” “ตอนลงทะเบียน ครูถามว่าเธอแน่ใจเหรอ มันยากนะ แต่เพราะ คำว่ายากคำนี้คำเดียว ทำให้ตัดสินใจเรียนทันที เพราะพี่เป็นคนที่ถ้า ใครบอกว่าอะไรยากแล้ว จะลองทันที พอเข้าไปเรียนแล้วก็รู้ว่ามันยาก จริงๆ(หัวเราะ)” แต่ด้วยความมานะอดทน แม้ภาษาจะไม่ดี แต่พี่แมวก็ อ่ า นและท่ อ งจนจำได้ ห มด ตรงไหนไม่ เข้ า ใจก็ อ าศั ย ถามเพื ่ อ น จน สามารถเรียนจบมาได้เมื่อป ๑๙๙๗
เมื่อจบมาแล้ว พี่แมวก็ไม่ได้สนใจเปิดร้านทำธุรกิจส่วนตัวในทันที แต่ยกกระเปาไปทำที่บ้านลูกค้าเมื่อมีคนโทรเรียก ไม่ว่าจะเป็นสัก, ทำ เล็บ, นวดหน้า ฯลฯ ด้วยความที่ฝมือเป็นที่ประทับใจ จนกระทั่งลูกค้า คนหนึ่งช่วยเธอหาห้องเช่าใต้บันไดเล็กๆ ใน “วัง” (คำเรียก “ซ่อง” ใน หมู่คนไทยในเยอรมนี) ซึ่งพี่แมวก็ไม่ได้รังเกียจ “พี่เคยทำงานเป็นอาสาสมัครศูนย์ช่วยเหลือคนไทยมาก่อน เดิน เข้าออกวังบ่อยๆ ทำให้ไม่ได้รู้สึกคนที่นั่นไม่ดี และคิดว่าถ้าเราบริสุทธิ์ ใจ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ทุกคนที่มาอยู่ในเยอรมนีต้องดิ้นรนหาอาชีพทั้ง สิ้น” ลูกค้าของพี่แมวจึงเป็นผู้หญิงทำงานนานาชาติ และลูกค้าคนไทย ที่ได้ยินชื่อเสียงของเธอ พอป ๑๙๙๙ ได้ขยับขยายมาอยู่ในโรงรถ เป็น ห้องแฝด ๒ ห้อง กว้างขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในสถานที่เดิม “ตอนนั้นก็มีปัญหาคือ มีลูกค้าประจำคนไทย พาญาติที่ไม่ได้ ทำงานดังกล่าวมาใช้บริการ แล้วกลายเป็นว่าทะเลาะกับแฟน เพราะมี คนเห็นว่าเดินเข้ามาในซ่อง ตอนนั้นก็ยังไม่รู้สึกอะไร เพราะรายได้เรา มาจากผู้หญิงทำงาน เพื่อความอยู่รอด เราก็ต้องทำ” แต่สิ่งที่จุดประกายให้พี่แมวคิดจะย้ายสถานที่ก็คือ คำพูดของ ลูกค้าผู้หญิงทำงานชาวโปแลนด์ “เขาบอกพี่ว่า “พิชา เธอรู้ไหม ร้าน เสริมสวยที่ไหนๆ ชั้นก็ไปมาหมดแล้ว ฝมือของเธอดีที่สุด เธอเป็นคน เก่ง เธอไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่ ออกไปซะ ออกไปจากขุมนรกที่นี่ซะ” พี่แมวจึงตัดสินใจย้ายร้านออกมาอยู่ในบริเวณใกล้เคียงในราวป ๒๐๐๐ แต่แม้จะมีร้านก็ไม่ได้มีลูกค้าในทันที “เรียกว่าน่าสลดใจมาก
ดี ใ จทุ ก ครั้ ง ที่ มี ค นมาเล า ให ฟ ง ว า สามารถไปหารายได เพิ่ ม ขึ้ น ครอบครั ว มี ความเปนอยูที่ดีขึ้น มีอาชีพที่ดีกวาการเปน พนักงานทำความสะอาด โดยสามารถเปน พนักงานทำเล็บ, นวดที่มีคุณภาพ เสียภาษี ถูกตองตามกฎหมาย เปนการชวยใหคนไทย ที่อยูในเยอรมนีมีโอกาสไดเปดธุรกิจสวนตัว
MAY 2009
29
เพราะว่าอยากทำงานแต่ไม่มีใครมาให้ทำ พี่ก็เลยใช้วิธีโฆษณาแบบ ทำให้ฟรี อย่างช่วงที่พี่ได้เครื่องกำจัดขนถาวรมาใหม่ๆ ยังไม่ค่อยมี ใครรู้จัก พี่ก็เข้าไปหาลูกค้าที่เป็นกลุ่มสาวประเภทสอง เพราะเขาจะ มีปัญหาเรื่องนี้ ตอนแรกๆ ไม่มีใครเชื่อ พี่บอกว่าถ้าไม่เชื่อให้ลองได้ คนแรกทำให้ฟรี แต่ขอเอาคนที่ใหญ่ที่สุดและที่ดังที่สุดมา ก็ได้มาคน หนึ่งถือว่าเขาเป็นดาราของที่นั่นเลย ให้ลองดูพอเห็นผลจริง คนอื่นๆ ก็ตามมา” ส่วนความคิดเรื่องเปิดโรงเรียนนั้น ก็เริ่มมาจากช่วงนี้นั่นเอง “ในระหว่างนั้นก็มีนักเรียนไทยที่เรียนจบคอสเมติกจากโรงเรียนใน เยอรมนี เดินเข้ามาถามอยู่เรื่อยๆ ว่าที่นี่รับฝกงานหรือเปล่า หนูจบ คอสเมติกของเยอรมันมาแล้ว พี่ก็ให้ฝกงาน บางคนก็ขอทำงานเลย เพราะเรียนมาหมดแล้ว เมื่อพี่ให้ทำงานและได้เห็นฝมือ ก็ได้รู้ว่าพี่ ทำได้ ดี ก ว่ า คนไทยบางคนเดิ น เข้ า มา บอกว่ า อยากให้ พ ี ่ ส อนให้ เพราะว่าพูดภาษาเยอรมันไม่เก่ง ไปเรียนที่โรงเรียนเยอรมันไม่ไหว ก็ เลยเกิดความคิดว่าอยากสอน” “ในช่วงเดียวกันนั้นมีเจ้าของโรงเรียนคอสเมติกมาเป็นลูกค้าพี่ เขาพอใจในฝมือ จึงชวนพี่ไปเปิดคอร์สสอนการสักผิวหนังที่โรงเรียน คอสเมติก และเมื่อปรึกษาปัญหาเรื่องภาษาของนักเรียนไทย เขาก็ บอกให้พี่เป็นคนสอน แปลให้นักเรียนไทยฟัง ทางโรงเรียนจะออกใบ ประกาศให้” แต่ไปสอนได้ยังไม่ทันจบคอร์ส พี่แมวก็มีปัญหา เพราะครูคน อื่นๆ เห็นว่าไม่ยุติธรรม “พี่ก็รู้สึกอึดอัด เลยไปปรึกษากับลูกค้าที่เป็น ทนายความ เผอิญทนายมีเพื่อนที่ทำงานอยู่ในกรมแรงงาน จึงได้พูด คุยกันว่าพี่อยากเปิดโรงเรียนเอกชน ทำ Ausbildung (ฝกงาน)ได้ รับคำแนะนำว่า พี่จะต้องมีทีมงานทั้งฝ่ายทฤษฎีและปฏิบัติ แต่ที่ สำคัญ จะต้องมีใครสักคนที่เป็นแพทย์อยู่ในทีมงานด้วย”
30
และก็บังเอิญอีกเช่นกันว่า ในช่วงนั้นมีหมอโรคผิวหนังเดิน มาทำเล็บที่ร้านของพี่แมวพอดี “หลังจากพูดคุยด้วย เขายินดีที่จะ สอนวิชากายภาพให้นักเรียนได้ พี่จึงสามารถเปิดเป็นโรงเรียนได้เมื่อ ป ๒๐๐๑ โดยมีกรมแรงงานของเยอรมนีรับรอง นักเรียนที่จบได้ใบ ประกาศจากโรงเรียนนี้สามารถจะไปทำงานที่ไหนก็ได้ทั่วยุโรป” “พี่เป็นคนชอบเรียนมาก มีคอร์สอะไรเปิดใหม่พี่ไปเรียนหมด จนตอนนี้มีใบประกาศทั้งหมด ๑๗ ใบ เพราะพี่คิดว่าถ้าจะเปิด โรงเรียนสอนสายอาชีพ ให้ความรู้คน พี่ต้องมีความรู้มากๆ เราต้อง ช่วยเหลือตัวเองให้มาก จะยืมจมูกคนอื่นหายใจ ก็จะหายใจได้ไม่ เต็มปอด เพราะฉะนั้น จุดเริ่มต้นที่เปิดโรงเรียนนั้น พี่ทุ่มสุดหัวใจทำ จะบอกนักเรียนทุกชั่วโมงแรกว่า ที่นี่ไม่หวงวิชา คุณเสียเงินมา รับรองว่าไม่เสียเวลาและคุ้มค่าแน่นอน พี่จะพยายามปลูกฝังให้มาก ที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะถามนักเรียนเสมอว่าอยากเรียนนวดเพราะ อะไร? ถ้าเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร ก็จะแนะนำว่าอย่าเพิ่งเรียน มาลองเป็นหุ่นนวดก่อน แล้วถามตัวเองว่า ในฐานะที่เป็นลูกค้าได้ รับความสุขไหม? ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้ประกอบอาชีพนี้ จะทำได้ไหม? จะอดทนพอไหม? เพราะคนนวดที่ดีต้องมีจิตใจพร้อมเป็นผู้ให้ มี สมาธิ อยากให้ลูกค้ามีความสุข” บ่อยครั้งมีนักเรียนตั้งคำถามว่า ในเมื่อตนเรียนจบจากวัดโพธิ์ มาแล้วทำไมจะต้องมาเรียนที่นี่อีก พี่แมวตอบว่า “พี่สนับสนุนให้ นักเรียนไทยเรียนนวดที่วัดโพธิ์ก่อน เพราะเป็นต้นตำรับมีชื่อเสียง และควรจะได้ภูมิใจในความมหัศจรรย์ของศาสตร์ประเภทนี้ของไทย อย่างไรก็ดีการเรียนที่เมืองไทย นักเรียนจะไม่ค่อยได้รู้เกี่ยวกับสรีระ ร่างกายมากนัก จะนวดเหมือนที่ครูสอนแต่ไม่เข้าใจว่ากล้ามเนื้อตรง ไหนเป็นอย่างไร” “ดังนั้นการที่มาเรียนเพิ่มกับพี่ นักเรียนจะได้ความรู้เพิ่มเติม ทางกายภาพ ซึ่งเรียนกับแพทย์ชาวเยอรมัน นอกจากนั้นเราจะสอน เทคนิคให้ด้วยว่าคนเยอรมันหรือคนยุโรปนั้นชอบการนวดแบบไหน และท่าไหนบ้างที่ต้องประยุกต์ เพราะนำมาใช้ได้ไม่ทั้งหมด พร้อม กันนั้นก็จะสอนให้นักเรียนสนใจในประวัติสุขภาพของลูกค้า ต้อง สังเกตตั้งแต่เริ่มเดินเข้ามา ต้องซักถามว่ามีปัญหาอะไรตรงไหน มี ประวัติผ่าตัดอะไรหรือไม่”
Beauty and the Bouts Permanent make-up, manicure, pedicure, message, lifting & Anti-Aging are her specialties. Beauty is her service. But many Thai women in Germany think of Sunisa Phicha as a successful Thai woman who owns a beauty centre, SP Kosmetik with license from Federal Ministry of Labour an Social Affairs in Germany. Her story starts like most country Thai women: hard life in Thailand, struggles in a foreign land and finally tied to a very good supportive farang husband. Most people, however, skip the details in between. For instance, under a brothel was her first beauty shop, next in a garage. It took guts and strength to earn the living. But it took kindness and patience to earn the respect and success from the place she was from the beginning a foreign failure.
พี่แมวเล่าด้วยว่าในเดือนแรกที่เปิดการเรียนการสอนมี นักเรียน เพียงแค่ ๒ คน แต่ปัจจุบันมีมากกว่า ๒๐ คนต่อเดือน มีทั้งนักเรียน ไทยและต่างชาติ เช่น โปแลนด์, รัสเซีย, ตุรกี ด้วย ปัจจุบันกิจการ โรงเรียนสอนกลายเป็นรายได้หลักของพี่แมว โดยนอกจากคอร์สการ นวดไทย ซึ ่ ง ได้ ร ั บ ความนิ ย มสู ง สุ ด ยั ง เปิ ด สอนคอร์ ส ต่ า งๆ อี ก มากมาย เช่น การสัก, การนวดหน้า ฯลฯ พี่แมวบอกว่าภูมิใจที่ได้เปิดโรงเรียน “พี่จะดีใจทุกครั้งที่มีคน มาเล่าให้ฟังว่า เรียนจากที่นี่ไปแล้ว สามารถไปหารายได้เพิ่มขึ้น ครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” ที่สำคัญเป็นการช่วยให้คนไทยที่อยู่ในเยอรมนีมีโอกาสได้เปิด ธุรกิจส่วนตัว “มีอาชีพที่ดีกว่าการเป็นพนักงานทำความสะอาด โดย สามารถเป็นพนักงานทำเล็บ, นวดที่มีคุณภาพ เสียภาษีถูกต้องตาม กฎหมาย” พร้อมกันนั้น พี่แมวแนะนำว่าหากใครคิดจะเปิดร้านนวด แล้ว ควรจะเรียนคอสเมติกเสริมไปด้วย เพราะหากในร้านที่มีบริการที่ หลากหลายก็ย่อมจะดึงดูดลูกค้าได้มากกว่า เช่น การสัก ให้คนสวย ตลอดชีวิต หรือ แก้ปัญหาเล็บขบ ตาปลาโดยไม่ยาก ขณะนี ้ พี ่ แมววางแผนขยายโรงเรี ย นให้ ค รบวงจร มี ก ารให้ ความรู้ทางด้านมาร์เก็ตติ้ง ตกแต่งร้านกับคนที่อยากจะเปิดร้านนวด ส่วนในอนาคต พี่แมวอยากเปิดศูนย์ทำเท้าครบวงจร ให้บริการตั้งแต่ นวด, ทำเล็บ, บำรุง ฯลฯ “เพราะพี่รู้สึกว่าเท้าน่าสงสาร แบกรับ ภาระของทุกส่วนในร่างกาย” พี่แมวเล่าพร้อมกับอมยิ้มไปกับความ ฝันของเธอ แม้ว่าจะประสบความสำเร็จอย่างชนิดที่ไม่มีใครทำได้ แต่พี่ แมวก็ไม่เคยลืมพระคุณของคู่ชีวิตที่ทำให้เธอมีวันนี้ “ถ้าไม่ได้โอกาส, การสนับสนุนจากแฟน พี่ก็ไม่มีวันนี้ เขาเป็นคนแนะนำให้พี่ไปเรียน เชื่อมั่นในตัวพี่และบอกว่าเธอทำได้ ตอนนี้สามีพี่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ พี่ต้องบอกตัวเองเสมอว่า พี่ต้องแข็งแรง อยู่เพื่อคนที่เรารักค่ะ” SP-Kosmetik Muenchener Strasse 41, 60329 Frankfurt, Germany Tel. 49 69 24 24 88 35 www.sp-kosmetik.info
MAY 2009
31
SmileTravel
Edinburgh Diary
เรื่องและภาพ: น้องตัวกลม กับ พี่ตัวหยิก ด้วยเวลาว่างอันจำกัด ที่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานในลอนดอน แต่รู้สึกว่าอยากให้ รางวัลกับตัวเองโดยการไปพักผ่อนในที่สวยๆ สงบๆ ที่ที่ได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด คิด สะระตะแล้ว ถ้าจะไปเที่ยวยุโรปก็ต้องมีการทำวีซ่า ซึ่งบางสถานฑูตต้องมีการนัดหมายและ ต่อคิวทำวีซ่ากันเป็นเดือนๆ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ลองดูจากหลายๆ ปัจจัย Scotland นี่ล่ะ ที่ เหมาะกับเรา ไหนจะได้เที่ยวต่างประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการขอวีซ่า เพราะสามารถใช้ UK วีซ่าได้เลย ว่าแล้วก็เก็บกระเปาเตรียมตัวที่จะเดินทาง แต่ก่อนอื่นขอ แนะนำท่านๆ ที่สนใจจะไป ให้เช็คราคาค่าเดินทางและค่าที่พักเสียก่อนนะคะ จำไว้ขึ้นใจเลย ว่า หากอยากได้ราคาถูก ให้จองล่วงหน้าสัก 1 หรือ 2 เดือน หากไม่ทันจริงๆ ล่ะก็ ให้ซื้อ ก่อนวันเดินทางสักสองสามวันก็จะได้ราคาพิเศษเช่นกัน แต่เสี่ยงพอดูเพราะโรงแรมหรือตั๋ว อาจเต็มนะคะ ขอบอกเลยว่าทริปนี้ถึงจะเป็นทริปสั้นๆ แต่ก็ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี เลยเสียค่าใช้จ่ายกับที่พัก และตั๋วเดินทางรวมๆ แล้วไม่ถึง ร้อยปอนด์ สำหรับที่พัก ขอแนะนำเว็บไซต์นี้นะคะ www.laterooms.com เพราะจะสามารถหาที่พักดีๆ ได้ในราคาย่อมเยา สามารถเลือกพักได้ทั้งแบบโรงแรม และอพาร์ทเมนท์ มีรูปภาพและราย ละเอียดแสดงไว้ชัดเจน และสุดท้าย สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ สมุดบันทึกค่ะ
6 April 2009 7 am.
วันนี้ต้องตื่นเช้าพิเศษเพื่อเตรียมตัวเดินทางไป Edinburgh, Scotland เราเลือกเดินทางโดย เครื่องบิน Low cost จากสายการบิน Easy Jet (www.easyjet.com) ที่จองไว้ล่วงหน้าเดือน กว่าๆ ในราคาเที่ยวละ 25 ปอนด์ ที่บินตรงจาก Stanstate Airport ลงที่ Edinburgh Airport เลย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที เท่านั้นเอง ถ้าเทียบกับรถไฟที่ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง แต่ก็ได้เปรียบที่สามารถเก็บเกี่ยววิวสวยๆ ข้างทางไปตลอดทาง เราเลือกนั่ง เครื่องบินเพราะเวลามีน้อย โดยแพลนของเราแค่ 3 วัน 2 คืนเท่านั้นเอง ขอออกตัวไว้ก่อนว่า ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ที่เป็นการเอาประสบการณ์ความประทับใจมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
1 pm.
ถึงใจกลางกรุง Edinburgh พอมาถึงรู้สึกได้เลยว่า Edinburgh เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวจริงๆ ค่ะ และคุณผู้อ่านจะมาไม่ถึง Edinburgh หากท่านยังคงเรียกกันว่า เอ-ดิน-เบิร์ก กันอยู่ เรียกให้ ถูกต้อง ต้องเรียกกันว่า เอ-ดิน-เบอ-ระ นะคะ วันนี้อากาศแจ่มใสดี เลยยกให้วันนี้เป็นวันเดิน 32
เล่นเล็กๆ น้อยๆ ชมเมือง โดยเริ่มจากถนน Princes St. ซึ่งเป็น shopping street ของที่นี่ ขาช็อปทั้งหลายไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีอะไรให้ช็อป เพราะถนนเส้นนี้มีทุกแบรนด์ที่ London มี ไม่ว่าจะเป็น Topshop, H & M, Accessorize รวมถึงห้างแรกของ Edinburgh ที่ชื่อ Jenners ถัดจาก Princes St. ไปด้านหลัง มีถนนเล็กๆ ขนานกันชื่อ Rose St. ถนนเส้นนี้จะเน้นไป ทาง local pub และ ร้านอาหารมากมายที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง มีร้าน เด่นที่เดินผ่านทีไร ก็จะเห็นคนเต็มร้านทุกครั้ง คาดว่าน่าจะเป็นร้านที่เป็นที่ นิยมพอสมควร ชื่อร้าน Mussel Inn เห็นชื่อคงทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นร้าน ขายหอยแมลงภู่อบ แต่ไม่ใช่แค่หอยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอาหารทะเล หลากหลายให้เลือกลอง เสียดายที่อิ่มไปเสียก่อน แต่มั่นใจได้เลยว่า มา เยือนครั้งหน้าต้องไม่พลาดแน่นอน เดินถัดจาก Rose St. จะพบกับถนน George St. ซึ ่ ง เป็ นถนนช็ อ ปปิ ง เหมือนกัน โดยร้านตั้งเรียงรายคู่ กับ pub และ bar สังเกตอยู่อย่าง ว่าตึกรามบ้านช่องที่นี่จะมี scale ใหญ่กว่าที่ London เพราะดูจาก ร้านต่างๆที่เข้าไปจะเป็นตึกเพดาน สูง โปร่ง สะอาด ตกแต่งสวยงาม เกือบทุกแห่งเลยค่ะ พักเรื่องช็อป ปิ ง กั น ไว้ ก ่ อ น มาสนใจเรื ่ อ ง sightseeing กันดีกว่า เพียงข้าม ฟากจากแถบช็อปปิงบนถนนหลัก คือ Princes St. ก็จะพบเห็นตึก ใหญ่สไตล์โรมันตั้ง ตระหง่านอยู่อย่าง ชัดเจน ซึ่งตึกนั้นก็ คือพิพิธภัณฑ์ที่ทอด ยาวเรี ย งรายต่ อ กั น ถึ ง 3 พิ พ ิ ธ ภั ณ ฑ์ คื อ Royal Scottish Academy, The Weston Link และ National Gallery of Scotland ทั้งหมดเป็นที่ที่คนไป เยือน Edinburgh หรือ Scotland ไม่ควรพลาด ตัวพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็น 3 ส่ ว นด้ ว ยกั น คื อ ส่ ว นงานจิ ต รกรรมของ ประเทศ Scotland, ส่วน จัดงานแสดงที่จะหมุนเวียนนำงานศิลปะมาแสดงตลอดเวลา และ ส่วน Learning Point วิวรอบๆ พิพิธภัณฑ์ นั้นสวยงามมาก เป็นสวนใหญ่ตกแต่ง ด้ ว ยดอกไม้ ส ี ส ั น สดใส ต้ อ นรั บ ฤดู ใบไม้ ผ ลิ โดยมี background เป็ น Edinburgh Castle สูงตระหง่านบนเนินสูง เห็นทันทีก็คิดในใจว่า พรุ่งนี้ต้อง ไม่พลาดแน่ อ่านประวัติคร่าวๆ ทราบว่า ปราสาทนี้สร้างบนหินภูเขาไฟ หรือ หินลาวาที่แข็งตัวแล้ว ส่วนด้านซ้ายเป็นหอสูงแบบ Gothic ชื่อ Scott Monument สร้างเสร็จในป 1844 โดยเป็นหอสูงที่ต้องปนบันได ขึ้นไปชมวิว ของเมือง Edinburgh รวมแล้ว 287 ขั้น โดยค่าเข้าชมอยู่ที่ 3 ปอนด์ แต่ก็ คุ้มค้าเหนื่อยเพราะวิว สวยจริงๆ ค่ะ
ของประเทศนี้เป็นเนินสูงๆ ต่ำๆ ทั้งเมือง ส่วนรถชมเมืองมีหลายบริษัทด้วยกัน ราคา ตั๋วประมาณ 12 ปอนด์ แต่ถ้าเราจ่ายเพิ่ม อีก 3 ปอนด์ จะขึ้นรถได้หมดทุกบริษัท คุ้ม ค่ากว่า เพราะเส้นทางของแต่ละบริษัทไม่ เหมือนกัน และราคานี้สามารถขึ้นและลง ได้ทั้งวัน จะได้กี่รอบนั้นขึ้นอยู่กับแรงและ กำลังของเพื่อนๆ แล้วค่ะ เริ่มต้นของวันด้วย Royal Mile เป็น High St. หลักของที่นี่ มี St Giles Cathedral เป็น landmark บนถนนที่เรียงรายไปด้วย local pub และ local shops รวมทั้งร้านขายของที่ระลึก เช่น ผ้า cashmier และ ของที่ระลึกอื่นๆ ช่วงสาย นั่งรถบัสชมเมืองผ่าน parliament ที่ทันสมัยมากๆ ไกด์ในรถบัส บรรยายว่า เป็นงานดีไซน์ของดีไซน์เนอร์ชาวสเปน ชอบตรงที่หน้าต่างเป็น ไม้ไผ่ และ สีเอิร์ทโทน ของตึกได้บรรยากาศธรรมชาติดีมาก จากนั้นรถบัส นำไปสู่ย่าน Grass Market ที่มี local pub & restaurant มากมาย โดย สถานที่ตรงนี้มีประวัติความเป็นมาว่าเคยเป็นลานประหารชีวิตมาก่อน จะ เห็นได้ว่าผับต่างๆ จะมีการตั้งชื่อให้เข้ากับประวัติศาสตร์ อย่างเช่นผับที่ ชื่อ The Last Drop คงหมายถึงเลือดหยดสุดท้ายจากการประหาร หรือ ผับ White Heart Inn, Black no.12 และแล้วเราก็วนขึ้นมาถึงจุดท่องเที่ยวอันดับ 1 ของ Edinburgh นั่นก็คือ Edinburgh Castle ที่ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอด หินลาวาใหญ่ยักษ์ สามารถมองเห็นเมืองได้เกือบทั้งเมือง สนนค่าเข้าชม อยู่ที่ 12 ปอนด์ ซึ่งถ้ามาถึงแล้วไม่ควรพลาด เพราะวิวสวยมากๆ ถัดจาก ปราสาทลงเนินมาทางซ้ายเพียงเล็กน้อย จะพบกับ Waven Exhibition ซึ่ง สามารถเข้าชมได้ฟรี และยังสามารถซื้อของฝากอย่างเช่น ผ้าแคชเมียร์ ผ้า ลายสกอต และของที่ระลึกอื่นๆ สำหรับขาช็อปนักสะสม ลองมองหา ผ้า
7 Apr 2009 8:00 am.
วันนี้ก็ต้องตื่นตอนเช้า โอ้เอ้ไม่ได้เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะเที่ยวให้ทั่วเลยวัน นี้ เพราะพรุ่งนี้ต้องกลับแล้ว เดี๋ยวจะไม่คุ้มค่าเหนื่อยที่เดินทางมาตั้งไกล ขอแนะนำผู้มาเยือน Edinburgh ที่มีเวลาน้อยอย่างเรา ควรซื้อตั๋วรถชม เมือง แล้วเลือกลงจากรถบัสเพื่อชมสิ่งที่เราอยากชมจริงๆ เพราะถ้าดูไป หมดเสียทุกอย่าง จากสนุกจะกลายเป็นเหนื่อยเสียเปล่า เพราะภูมิประเทศ MAY 2009
33
We are specialising in : Thai , Chinese, Japanese, Korean, Filipinos, Malaysian, Singaporean food, snacks and beverages
ลายสกอต ที่ออกแบบโดยเจ้าหญิงไดอาน่า กันดูนะคะ ตรงกันข้ามเป็นที่ ที่ขาดื่มไม่ควรพลาด คือ Whiskey Experience โดยค่าเข้าชมอยู่ที่ 8.50 ปอนด์ ที่นี่เป็นที่รวม scotch whiskey ชั้นดีของโลก โดยที่นี่บอกว่า เหล้า แต่ละชนิด มีกรรมวิธีผลิตอย่างไร แถมยังมีตัวอย่างให้ชิมกันด้วย แต่อย่า เผลอชิมจนเมาไปเสียก่อนนะคะเพราะการเดินทางยังไม่จบแค่นี้ อยากจะ บอกว่าที่ Edinburgh นี้ มีสถานที่แปลกๆ ที่น่าสนใจซ่อนอยู่เยอะแยะเลย ถ้าหากลองมองดีๆ จะหาเจอ อย่างเช่น Museum of Childhood, Writer’s Museum และร้านรวงแปลกๆ หากอยากเก็บรายละเอียดให้ทั่วละก็ ควรจะ อยู่สัก 4-5 วัน เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวชมนอกเมืองได้ด้วย และก็มาถึงที่ สุดท้ายของวันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นที่ประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนตัว เป็นคนชอบชมวิวสวยๆ หากใครอยากได้ภาพวิวดีๆ กลับไปเป็นที่ระลึก ก็ ไม่ควรพลาด Calton Hill ซึ่งบนเนินมีสถานที่สำคัญอยู่ 3 แห่ง คือ Nelson Monument, National Monument (พาเธนอน ที ่ ย ั ง สร้ า งไม่ เ สร็ จ ), Observatory หรือ หอดูดาว การเดินขึ้นไปอาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะอยู่สูง พอสมควร เพราะฉะนั้นถ้ามีเวลาก็รีบตัดสินใจมาเลยนะคะ ถ้าผลัดผ่อนว่า เอาไว้ค่อยมาเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะวัยและแรงของคุณจะสวนทางกันค่ะ วัยยิ่งสูง แรงคุณจะต่ำลงไปเรื่อยๆ หมดแรงเดินชมกันง่ายๆ ค่ะ แต่พอถึง จุดชมวิวแล้ว รับรองว่าจะไม่เสียใจเลยเพราะเห็นทั้งวิวด้านที่เป็นส่วนของ ทะเล และ ส่วนของเมือง รวมทั้ง ภูเขาหัวเตียนๆ ที่เขียวชอุ่มไปด้วย หญ้า บน Calton Hill มีบริเวณ กว้างขวางขนาดที่สามารถวิ่งเล่น ได้เลย หรือหากจะเตรียมของไป ปิกนิกก็ไม่ว่ากัน
8 Apr 2009 10 am.
วันนี้ต้องเตรียมกลับเสียแล้ว เสียดายที่เวลาน้อยไปหน่อย ไม่อย่างนั้น คงจะมีแพลนออกไปเที่ยวนอกเมืองด้วย ซึ่งดูจากหนังสือท่องเที่ยวของที่นี่ แถบ Highlands และ The Trossachs ก็สวยงามมาก สัญญากับตัวเองว่า ต้องกลับมาอีกรอบให้ได้ ทริปนี้ถือว่าสนุกมากจริงๆ ค่ะ อยากแนะนำ สำหรับท่านที่มีเพื่อนมาเที่ยวกันหลายๆ คน ให้จองเป็นอพาร์ทเมนท์ดีกว่า โรงแรมนะคะ เพราะจะมีส่วน living room ที่ทุกคนสามารถใช้ร่วมกันได้ อยู่หลายๆ คนก็สนุกดีนะคะ หรือถ้าสนใจหาข้อมูลเกี่ยวกับ Edinburgh ลองคลิกไปที่ www.edinburgh.org/ ในเว็บไซต์นี้ จะอัพเดทกิจกรรมต่างๆ ที่จะมีขึ้นในแต่ละป หรือ www.forthtours.com, www.edinburghtour.com ส่วนท่านที่ชื่นชอบขนม นม เนย ลองมองหา fudge แบบ Scotish และ butter shortbread แสนอร่อยนะคะ หรือหากว่าอยากซื้อเครื่องประดับฝาก คนรู้ใจ ก็ลองเลือกเครื่องประดับเงินแกะสลักแบบโบราณของชาวสกอต ที่ เรียกกันว่า ‘Celtic’ ยังมีอีกหลายๆ ที่ที่เรายังไม่ได้ไป และน่าสนใจมากทีเดียว หากมีโอกาสก็ ไม่ควรพลาด อาทิ Royal Botanic Garden, The Royal Yacht Britania, บ้าน ผี The Edinburgh Dungeon และ Boat Tour หน้าร้อนนี้หากท่านกำลังมอง หาที่เที่ยวสวยๆ ใกล้ๆ แบบไม่ต้องยุ่งยากขอวีซ่า ลองให้ Edinburgh เป็น ตัวเลือกหนึ่งดูนะคะ รับรองจะติดใจค่ะ หวังว่าบันทึกการเดินทางครั้งนี้คงจะทำให้คุณผู้อ่านที่ต้องการหาเวลาไป พักผ่อนช่วงสั้นๆ จะอยากไปสัมผัสบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ ดูบ้างนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ สำหรับเรื่องราวและประสบการณ์การเดินทางทริปสั้นๆ ที่ Edinburgh, Scotlandในฉบับ นี้ นิตยสารไทยสไมล์ต้องขอขอบคุณ “น้องตัวกลม กับ พี่ ตัวหยิก” แฟนสมาชิกไทยสไมล์ทไ่ี ด้สง่ มาแบ่งปันความสุขพร้อมภาพสวยๆ ให้ เพื่อนๆ ได้อ่านและชมกันนะคะ หากสมาชิ ก ท่ า นใดมี เ รื ่ อ งราวการเดิ น ทางที ่ ต ้ อ งการจะแบ่ ง ปั น ประสบการณ์ผ่านนิตยสารไทยสไมล์ สามารถส่งเรื่องพร้อมภาพมาได้ที่ editor@thaismile.com (ขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณานำเรื่องและภาพมาตี พิมพ์ตามความเหมาะสม)
34
MAY 2009
35
FoodHygeine
FINE A DIRTY KITCHEN
ในเดือนที่ผ่านมา ร้านอาหารอียิปต์แห่งหนึ่งบนถนนเวสทรอน เมือง ไบร์ทตัน ถูกปรับเป็นเงินมากกว่า 5,000 ปอนด์ โทษฐานที่ปล่อยปละ ละเลยให้อาคารที่ประกอบและจัดเตรียมอาหาร สกปรกไม่ต่างไปจาก โรงเลี้ยงสัตว์ เจ้าของกิจการ นายอาลา แอล ดีน อาสฟอร์ ถูกศาลท้องถิน่ เมืองไบร์ท ตันและโฮว์ สั่งปรับเป็นเงินจำนวนมาก หลังจากตกการตรวจสอบจาก เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพ – EHO มากกว่าสามครั้ง เจ้าหน้าที่ EHO - มร. นิค วิลม๊อค แจ้งแก่ผู้สืบข่าวว่า ร้านอาหารของ นายอาลา แอล ดีน อาสฟอร์ สกปรกอย่างหลายเชื่อ อาหารไม่ได้ถูก เก็บอย่างเหมาะสมและเป็นที่เป็นทาง มีเศษขยะมูลฝอยและหยากไย่ รกรุงรังเต็มทั่วร้าน โดยเฉพาะบริเวณเขตที่เก็บอาหารแห้ง ซึ่งมีคราบ สกปรกของไขมันฝังแน่น เกรอะกรัง เพราะไม่มีน้ำร้อนใช้ล้างพอเพียง มร. วิลมอคเสริมต่อว่า บริเวณที่ใช้ประกอบอาหารสกปรกมาก ดูแล้ว ไม่ต่างอะไรไปจากโรงเลี้ยงสัตว์ และเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิด โรคอาหารเป็นพิษของลูกค้าทุกคน เขาจึงจำเป็นต้องรีบสั่งปิดทันที และประกาศจับนายอาลา แอล ดีน อาสฟอร์ ดังกล่าว นายอาลา แอล ดีน อาสฟอร์ ยอมรับผิดตามคำตัดสินทั้งหมด 17 ข้อ ในศาล และเสียค่าปรับมากถึง 5,650 ปอนด์ พร้อมแจ้งด้วย เสียงอ่อยว่า มีปัญหาทางการเงินมานานแล้ว เริ่มแต่ช่วงที่กฎหมาย ห้ามสูบบุหรี่ได้ประกาศใช้ และพยายามที่จะขายร้านอาหาร แต่ยัง ขายไม่สำเร็จ ...
36
แจกฟรี สติกเกอรสีฟูดไฮยีน เพื่อชวยรณรงคนโยบาย
การผลิตอาหารไทยที่ถูกสุขอนามัย “ครัวไทยสูโลก” ที่มี ประโยชนตอรานอาหารไทยโดยตรง สนใจติดตอสงซองเปลา ติดแสตมป ๕๗ เพนนี จาหนาซองถึงตัวคุณเอง แลวจัดสงมาที่ Edu-Plus CIC, Duang-dhamma Building, 49 Castle Street, Banbury, Oxon OX16 5NU หรืออานขอมูลเกี่ยวกับทุนการเรียน ฟรี Fire Awareness เพิ่มเติมไดที่ www.edupluscic.org
อิดูพลัสเปดการจัดอบรม Drink Licence (Level 2 National Certificate for Personal Licence Holder) แลวแกคนไทยเปนภาษาไทย ทั้งสอนและสอบตามศูนยตางๆ ทั่วอังกฤษ เชน London, Kent, Brighton, Manchester, Norfolk, Oxfordshire, Surrey รวมถึง หลักสูตร NCDPS การเรียนของกลุมผูบริหาร ซึ่งรัฐบาลจายเงิน คาเรียนคืนมากกวา 95% สนใจโทร 0871 2003441 หรือบุคกิ้ง ออนไลนวันนี้ www.edupluscic.org MAY 2009
37
SmileShopping เรื่อง GOYA
แต ง ตั ว แล ว แต โอกาส ใส ได ทุ ก สี จะพยายามเลี่ ย งใช สี เ บจกั บ สี ค รี ม เพราะมันกลืนกับผิวเกินไป นาฬกากับ เครื่ อ งประดั บ เน น design จะใส เป น ประจำ สวนน้ำหอมชอบ Secret Wish จาก Anna Sui คะ
ณัฐฐิกา เลิศฤทธิ์เรืองสิน << Prada จาก Prada Shop, Selfridges & Co. << สมุดบันทึก ลายนกฮูก จาก Magma << Kiehl’s Lip Balm ราคา £4.00
<< กระเปาสตางค์ Prada ราคา £175.00 จาก Prada Shop, Selfridges & Co.
<< ถุงดินสอหนังแท้ 350 บาท จาก Siam Square
<< ที่ติดผมรูปดอกไม้ จาก Top Shop ราคา £3.00
<< แหวน อะครีลิก
จาก Magma << สมุดโน้ต สีแดง สดใส จาก paperchase
<< Lip Balm รูปโดนัท ของฝาก จาก Paris << พวงกุญแจ Pom Pom จาก Zara << ถุงผ้าลายดอก จากเมืองไทย
<< กระเปาใส่เหรียญ จาก Spitalfields Market ราคา £7.00
<< Lip Gloss จาก Dior อันนี้คุณแม่ให้มาค่ะ
รายละเอียดต่างๆ สามารถเช็คสินค้า และราคาได้ที่ www.visitspitalfields.com, www.kiehls.com หรือ www.magmabooks.com ค่ะ 38
<< Chloe จาก Selfridges & co.
<< สมุด Diary ราคา £3.00 จาก Graphic Centre, Covent Garden
<< น้ำหอม Stella McCartney จาก Boots ราคา £40.00
<< Lip Gloss Anna Sui ราคา 600 บาท << กระเปาสตางค์ MIU MIU จาก Club21 เมืองไทย ราคา 10,000 บาท
<< ดอกไม้ติดผมและติดเสื้อ จาก TopShop ราคา £10.00
<< แหวนได้เป็นของขวัญ วัน Christmas ค่ะ
<< กระจกแบบพกพา
จาก YSL คุณแม่ซื้อให้ค่ะ
<< Beauty Balm จาก Neal’s Yard ราคา £20.00 และ Hand Cream ของ Crabtree & Evelyn £8.00 จาก Covent Garden
<< แว่นตา Chanel จาก Selfridges & Co.
<< กล้อง Digital รุ่น LXus87015 จาก Canon ราคา £180.00
แอนเน็ท เทธ เนนการแตงตัวแบบสบายๆ ที่ใสประจำ จะเปนเสื้อเชิ้ต กางเกง รองเทาผาใบ หรือไม ก็ใสบูทไปเลย สวนเครื่องประดับจะชอบแหวน คะ เวลาเดิน shopping สวนใหญจะชอบดู สินคาดีไซนเกๆ มากกวาดูเสื้อผาคะ รายละเอียดต่างๆ สามารถเช็คสินค้า และราคาได้ที่ www.chloe.com, www.nealsyardremedies.com www.kohsamui.co.uk หรือ www.crabtree-evelyn.co.uk ค่ะ MAY 2009
39
SeeTrue
แน่นอน ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ถ้าไม่พูดถึงวันสงกรานต์และสงคราม ที่คนใส่เสื้อสีแดงประกาศกับรัฐบาล แล้ว อาจจะ out of date ไปหน่อย เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นเป็นการ แสดงความคัดค้านต่อรัฐบาลไทยชุด ปัจจุบันและต้องการให้เกิดความแตก หักกันไปข้างใดข้างหนึ่ง และฝ่ายเสื้อ สีแดงก็หักกลับบ้านกันไปจริงๆ เอาหละ เหตุการณ์นม้ี อี ะไรให้คดิ บ้าง สำหรับผูเ้ ขียนเห็นว่ารัฐบาลไทยชุดนายกรัฐมนตรี ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นำความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาแล้วในการสลายมวลชนมาเป็นบทเรียน ที่ไม่ให้เกิดขึ้นอีก ตามข่าวที่ปรากฏแม้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะกระทำการที่เห็นชัดว่าไร้เหตุผลและ รุนแรงเกินเหตุ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้ยืนยันที่จะไม่ใช้อาวุธรุนแรงเข้าปราบปราม ถึงแม้ว่าจะ มีข่าวว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีเป้าหมายถึงชีวิตนายกรัฐมนตรีด้วยก็ตาม (บทความนี้คนเขียนไม่ได้ใส่ เสื้อสีอะไร) ภาพของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เดินส่ายอาดๆ ในโรงแรมรอยัล คริฟ เพื่อที่จะหา ตัวนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นภาพที่น่าคิดมาก ว่าการใช้กำลังความรุนแรงในเมือง ไทยยังคงมีอยู่ แม้ในครั้งนี้จะไม่ใช่ทหารหรือตำรวจเป็นผู้กระทำ แต่เป็นประชาชนซึ่งจะมาด้วย เหตุผลกลใดก็ตามเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำการแยกธาตุให้ออกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ เป็นใครและ ทำไปด้วยเหตุและผลอันใด เพราะถ้าหากเราสามารถทำความชัดเจนให้เกิดขึ้นได้ จึงจะสามารถ
Songkran 2009 This year Songkran Festival was not the same. The TVs, Thai and international, did not broadcast Thai people splashing water to each other. Political violence news was shown again and again. Fire, mad crowd and guns were on the streets. ‘Something’ about democracy in Thailand has come into question. It is a challenge for Thai citizen to ponder over their path in the past, present and future.
40
รู้ว่าประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลกลุ่มนี้พอที่จะพูด คุยกันได้ด้วยเหตุผลต่อไปหรือไม่ ซึ่งอาจจะสามารถนำ ไปสูค่ วามเข้าใจกันได้ จุดนีผ้ เู้ ขียนคิดว่าสำคัญมาก เพราะ ถ้าไม่รู้เขา รู้เราแล้วจะทำความเข้าใจได้อย่างไร การก่อ เหตุของคนเสื้อแดงครั้งนี้ มีดีอยู่อย่างคือ ทำให้เห็นว่า รัฐบาลไทยมีพัฒนาการในการแก้ไขปัญหามากขึ้น และ ไม่ต้องทำให้เกิดการปฏิวัติเพื่อสงบเหตุการณ์ ทหารไทย ก็พัฒนาเช่นกัน เหลือก็แต่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศนี้ แหละว่าเมื่อไหร่จะพัฒนากันเสียที สิ่งหนึ่งที่สมควรจะชมรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ คือ ความมุง่ มัน่ ทีจ่ ะทำให้ทกุ ประเด็นทีถ่ กู กล่าวหามีความ กระจ่างแจ้ง และคำประกาศของนายอภิสิทธิ์ที่แสดงให้ เห็นว่า ยินดีที่จะรับฟังข้อมูลทุกอย่างที่ทุกฝ่ายมี และ ต้องการจะแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็ผิดพลาด เหมือนกัน ท่าทีเช่นนีน้ บั ว่าเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และทุกครั้งนายอภิสิทธิ์จะเชิญชวนให้ฝ่ายตรงกันข้าม มาร่วมมือกัน และนายอภิสิทธิ์ไม่ได้แสดงท่าทีที่จะกล่าว หาอย่างไร้เหตุผลต่อฝ่ายตรงกันข้ามอันเป็นการยั่วยุ สิ่งนี้ผู้นำไทยยังไม่มีใครแสดงให้เห็น ย้อนหลังไปฟังคำแถลงของนายอภิสิทธิ์ในวันปิด ประชุมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายอภิสิทธิ์พูด ชัดเจน ว่าเขามีความเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยอย่าง แท้จริง และการโต้เถียงกันนั่นคือระบบประชาธิปไตย แต่ เป็นที่น่าเสียดายว่า ความคิดและการปฎิบัติด้วยระบบ ประชาธิปไตยนั้นมีเพียงนายอภิสิทธิ์และนักการเมืองไม่ กี่คนในสภาที่ทำได้จริง อย่างไรก็ดมี เี พียง ๒-๓ คนยังดีกว่าไม่มเี ลย การ แก้ไขสถานการณ์รุนแรงที่พัทยาและกรุงเทพฯ ของนาย อภิสิทธิ์ ได้รับคำชมเชยอยู่มาก ว่า พยายามที่จะไม่ให้ ลุกลาม และไม่ใช่เพื่อรักษาสถานภาพของรัฐบาลนาย อภิสทิ ธิเ์ ท่านัน้ แต่แสดงให้เห็นว่าพร้อมเสมอทีจ่ ะลาออก อันทำให้เกิดความศรัทธาจากประชาชนจำนวนหนึ่งที่ยัง มีเหตุและผลอยู่ คำแถลงชีแ้ จงในเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ก็รบั ฟังได้ โดยไม่เกิดความวิงเวียนเหมือนนายกฯ คนก่อนๆ ความพยายามที่จะใช้กฎหมายกับคนเสื้อแดงที่ก่อความ รุนแรงทำให้เห็นว่าเมืองไทยยังมีขื่อมีแปไว้ให้ยึดอยู่ และ การที่สามารถดึงเรื่องให้มาถกกันในสภาได้ แสงสว่างยัง มีให้เห็นที่ปลายอุโมงค์อยู่ สงกรานต์ปีนี้ จะถือได้ว่าเป็นปีใหม่ของพัฒนา การทางการเมืองได้หรือไม่ ชาวไทยที่กลับจากสงกรานต์ แล้วลองนั่งคิดกันดู เล่นน้ำใจเย็นกลับมาแล้ว พักยาว เกินกว่าอาทิตย์ สติจะกลับมาช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ให้เข้มแข็งและมั่นคงกันหรือไม่ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ช่วยกันคิดหน่อยนะเจ้า
MAY 2009
41
ChasingEngland
โดย www.chasingengland.com ภาพ Courtesy by www.paul-glickman.com
เราก็ เ หมื อ นกั บ คนไทยในอั ง กฤษอี ก หลายๆ คนที่ ปี นี้ ยากจนลงเพราะ A. ยังเรียนหนังสือ part-time อยู่ (กรณีนี้เรียน ดีแต่ดันสอบตก) B. Stock ดันดิ่งลงเหว ก็เลยทำให้จิตตกไปด้วย C. ขาดผู้อุปการะคุณเมตตาให้ค่าขนม (อ่า.. อันนี้ล้อเล่นค่ะ) แต่ ไอ้ที่ไม่ตกตามเศรษฐกิจก็คือรสนิยมส่วนตัวค่ะ แฮะๆๆ เพราะ อะไรทุกอย่างที่เราชอบ มันก็ดูแพงไปเสียหมด แอบสารภาพว่าเราก็เหมือนคนไทยอีกหลายๆ คน ที่นานๆ ที ต้องไปเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ (Vuitton) ที่วังสาขา Bond Street หรือวัง พระนาง Chanel, Prada, Gucci เพื่อแสดงความจงรักภักดี แต่ว่าตั้งแต่ เศรษฐกิจตกนี่ ก็เลิกแสดงความจงรักภักดีไปนานแล้วค่ะ ได้แต่เข้าไป เดินเล่น ดูการตกแต่งภายในเฉยๆ จะได้ฝึกฝนทักษะการระงับความ อยากที่เป็นตัวกิเลส ตามที่ภาษาธรรมะเขาว่าไว้ อย่างล่าสุดนี่ เรา บังเอิญมีเหตุให้ต้องไปทำธุระแถวๆ Sloane Square ก็เลยแอบแว่บ เข้าไปเช็คคลังมหาสมบัติที่ร้าน Chanel (เพื่อที่จะได้จำแบบไปซื้ออะไร ที่ใกล้เคียงกันที่ Primark ต่อ) แต่เดี๋ยวนี้นานๆ จะได้มาซะทีก็เลยรู้สึก เกรงใจคนขายเล็กน้อย (เล็กน้อยเท่านั้น) เพราะรองเท้าเราไปเหยียบ หมากฝรั่งยืดๆ มา ยังแคะไม่ออก ก็เลยเดินหนึ่บๆ เข้าไปลองเสื้อ Chanel ดู (ช่างกล้า) ว่าจะลองใส่ couture collection ก็เกรงใจ ก็เลย ลองแต่ pre-fall collection ที่คนขายบอกเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุด (แน่ ล่ะสิ ไม่ล่าสุด เราก็ไม่ลองให้เสียเวลาด้วยหรอก) แม่เจ้า..คอลเล็กชั่นนี่ ตัวละตั้ง 2000 กว่าปอนด์เชียวเหรอนี่ จ๊ากกก..นี่แปลว่าเราจน หรือว่าร้านนี้เขาขายของแบบแพงมากๆ หว่า (แล้วก็ลองตัวต่อไปเรื่อยๆ อีกสองตัว) หลังจากที่ลองเสร็จ และ 42
ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้ว (ว่าไม่สามารถซื้ออะไรในร้านนี้ได้) ก็.. อืม..ไม่ชอบค่ะ ไม่ซื้อๆ แล้วก็ไปรอขึ้นรถเมล์เบอร์ 19 เตรียมกลับ บ้าน ระหว่างยืนรอที่ป้ายรถ หันไปหันมา ข้างหลังก็ดันเป็นร้านเพชร อีกต่างหาก เรากำลังยืนมองเพลินๆ ประตูอัตโนมัติหน้าร้านก็เลื่อน เปิดผางออกมา นี่ยังไม่ได้กดปุ่มเรียกเปิดหน้าร้านเลย เราตกใจหมด (แต่เท้ารีบเดินเข้าไปทันทีโดยอัตโนมัติ) สงสัยอยากขายเพชรมากเลย นะนี่ เอ้า..เปิดให้ก็เดินเข้าสิ (ความจริงประตูมันเปิดเพราะคนเขาเดิน ออกมาหรอกค่ะ ได้จังหวะเราเดินสวนเข้าไปพอดี ช่างบังเอิญอะไรเช่น นี้) ในร้านประกายวับสุดๆ เลยค่ะ มีนาฬิกาเพชรให้ลองด้วย เราตื่น เต้นมาก และแน่นอน ว่าไปลองนาฬิกาเขาอีก.. แฮะๆๆ ลองไปสี่เรือน (แน่นอนว่าไม่ชอบซักเรือน) กำลังคิดว่าจะลองแหวนหมั้นดีมั้ยดี แต่นึก ได้ว่าไม่มีชายหนุ่มติดกายมา เกรงว่าจะดูไม่เหมาะสม (สมจริงสมจัง น่ะคะ) ส่วนคนขายก็ใส่ถุงมือสีขาว เช็ดนาฬิกาที่เราลองเสร็จแล้วให้ มั่วไปหมด (อะไรกัน เราไม่มีเห็บนะ) For Gordon’s sake... สรุปแล้วเราไม่ได้ซื้ออะไรสักอย่างเลย ฟัง ดูไร้สาระ แต่เรารู้สึกประสพความสำเร็จในชีวิตมากที่สามารถใช้ชีวิต ฝ่า recession ของอังกฤษไปได้อีกหนึ่งวัน...
SmileJoke
SundayMenu
I was having trouble with my computer. So I called Eric, the 11 year old next door, whose bedroom looks like Mission Control and asked him to come over. Eric clicked a couple of buttons and solved the problem. As he was walking away, I called after him, ‘So, what was wrong? He replied, ‘It was an ID ten T error.’ I didn’t want to appear stupid, but nonetheless inquired, ‘An, ID tenT error? What’s that? In case I need to fix it again.’ Eric grinned.... ‘Haven’t you ever heard of an ID ten T error before?’ ‘No,’ I replied. ‘Write it down,’ he said, ‘and I think you’ll figure it out.’ So I wrote down: I D I 0 T I used to like Eric.............
Thank you to David who sent us the joke and would like to share it with ThaiSmile Magazine readers. We love to laugh together!
เรื่องขำๆ ประจำเดือนจากสมาชิกไทยสไมล์ ขอขอบคุณ เจ้าของเรื่องที่ส่งมาแบ่งปันรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกันค่ะ
อากาศเริ่มดีขึ้นแล้ว บาร์บีคิวในสวนก็ชวนเปรี้ยวปาก เปิดตู้ที่บ้าน ว่ามี earl grey ที่หอมกลิ่น bergamot อ่อนๆ หลง เหลืออยู่ก้นตู้บ้างหรือเปล่า ลองทำ ice tea ผลไม้ไว้เสริฟคู่กับ บาร์บีคิว เบาๆ สดชื่น สบายใจดี ก่อนอื่น ต้องชงชาแล้วทิ้งไว้ให้เย็นก่อน ใส่ใบชา 4 ช้อน โต๊ะในเหยือกทนความร้อนที่มีฝาปิด ต้มน้ำร้อน 1 ลิตรจนเดือด เทใส่ลงปิดฝาบ่มชาไว้ 5-10 นาที แล้วค่อยกรองใบชาออก ใส่ น้ำตาล 150 กรัม ลงไป คนจนละลายทิ้งไว้ให้เย็น ผสมน้ำส้ม คั้นสด 500 มิลลิลิตร และน้ำมะนาวคั้นสดประมาณ 250 มิ ล ลิ ล ิ ต ร (มะนาวนั ้ น บางที เปรี ้ ย วมากน้ อ ย ไม่ ค ่ อ ยคงที ่ แนะนำให้ใส่น้ำมะนาวลงไปแค่ 200 มิลลิลิตรก่อน แล้วชิมรส ดู ถ้ายังไม่เปรี้ยว ค่อยเติมน้ำมะนาวอีก 50 มิลลิลิตร) เวลาเสิร์ฟใส่น้ำแข็งเยอะๆ กับน้ำชาที่ผสมแล้ว ประดับ ด้วยมะนาวฝาน ส้มฝาน แอปเปิ้ลฝาน และใบสะระแหน่สด ความสุขง่ายๆ ในบ้านเราเอง MAY 2009
43
Smile@Book
By J. K. Rowling เรื่อง หนอนหนังสือ สวั ส ดี ค ่ ะ มิ ต รรั ก นั ก อ่ า นทุ ก ท่ า นและทุ ก วั ย ที ่ ต ิ ด ตามรายการ หนังสือของนิตยสารไทยสไมล์ เดือนนี้เราเลือกนิยายเยาวชน เล่มล่าสุดของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง นักเขียนที่กำลังโด่งดังทั่วโลกใน ขณะนี้ เรื่อง “The Tales of Beedle the Bard” มาคุยกันค่ะ ในเล่มนี้มีนิยายสนุกๆ ๕ เรื่องด้วยกัน เรื่องแรก “The Wizard and the Hopping Pot” เป็นเรื่องเกี่ยวกับชายแก่คนหนึ่งที่ชอบ ช่วยเหลือคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือด้วยการต้มยาที่มี เวทย์มนต์คาถาให้เขาดื่มกันและได้ผลดี ทีนี้พอชายคนนี้ตาย แกทิ้งสมบัติไว้ให้ลูกชายทำต่อ แต่ลูกชายจะทำหรือไม่ บทบาทใหม่ ในชีวิตของลูกชายจะน่าสนใจอย่างไร อ่านดูเองสนุกกว่านะคะ เรื่องต่อไปคือ “The Fountain of Fair Fortune” เป็นที่เชื่อกันว่าน้ำพุที่ว่านี้ มีเวทย์มนต์ ซึ่งคนที่ได้มาอาบในน้ำพุจะได้สิ่งที่ต้องการสมใจ ทีนี้มีแม่มด สามคนเดิ นทางไปอาบน้ ำ ที ่ น ้ ำ พุ แห่ ง นี ้ คนแรกคื อ Asha คนที ่ ส อง Altheda และ Amatha เพราะต่างมีปัญหาที่อยากให้คาถาในน้ำพุนี่ช่วยแก้ ให้ค่ะ ไม่บอกนะคะว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร แต่ขอกระซิบว่าจบดี ส่วนเรื่องต่อไป “The Warlock’s Hairy Heart” ก็สนุกดีค่ะ เป็นเรื่องของนัก แสดงกลหนุ่มหน้าตาดีที่ไม่ยอมรักสาวคนไหน แต่วันหนึ่ง เขาได้ยินคนกระซิบคุยกันว่าเขาไม่มีภรรยา เขาก็เลย เปลี ่ ย นใจและคิ ด แต่ ง งานกั บ สาวที ่ ท ั ้ ง สวย และรวยค่ะ นี่เป็นเพียงเริ่มต้นนะคะ ต่อจาก นี้มีเรื่องยุ่งยากเกี่ยวกับหัวใจประหลาดของ เขานี่แหละค่ะ มีแม่มดเข้ามาพัวพันในเรื่อง ด้วยทำให้น่าตื่นเต้น วางไม่ลง ส่ ว นเล่ ม ที ่ ส ี ่ “Babbitty Rabbitty and her Cackling Stump” เป็นเรื่องของพระเจ้าแผ่น ดิ น พระองค์ ห นึ ่ ง ที ่ ต ้ อ งการเก็ บ เวทย์ ม นต์ 44
คาถาให้อยู่กับพระองค์เองทั้งหมด จึงเอาพ่อมดในแผ่นดินมาขังไว้ และพระองค์ต้องเรียนเรื่องคาถาเวทย์มนต์ เรื่องนี้ออกจะยาว แต่มี เหตุการณ์แปลกๆให้อ่านเพลินดีค่ะ ส่วนเรื่องสุดท้าย “The Tales of the Three Brothers” เป็นเรื่อง ของพี่ชายและน้องชายสามคน ที่พบกับพ่อมดในรูปของ Death หรือความตาย เมื่อพวกเขากำลังจะข้ามสะพานที่เขาสร้างขึ้น โดยคาถา ข้ามแม่น้ำใหญ่ เล่าแค่นี้มิตรรักนักอ่าน ก็คงเดาออกแล้วใช่ไหมคะว่าจะต้องมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้น เพราะ Death ต้องมีบทบาทต่อรองกับพี่ชายน้องชายอย่างถึงพริกถึงขิงแน่ๆ เจ. เค.โรวลิ่ง เขียนนิทานชุดนี้หลังจากเขียนแฮรรี่ พอตเตอร์ เล่มสุดท้ายจบ แฟนๆไม่ต้องคอยนานก็ได้อ่านนิทานสนุกๆของเธออีก ดีจังนะคะ เธอช่างคิดเขียนนิทานที่มีเค้าโครงเรื่องอะไรแปลกสมกับที่พอออกจำหน่าย ก็ได้รับคำชมเชยจากรอบด้าน สำนักพิมพ์ Children’s High Level Group พิมพ์ “The Tales of Beedle the Bard” ออกจำหน่ายในราคาเล่มละ ๖ ปอนด์ ๙๙ เพนซ์ ปกอ่อนค่ะ เสียดายจริง ถึงเวลาต้องลามิตรรักไปเสีย แล้ว เราคุยกันใหม่ในเดือนหน้านะคะ สวัสดีค่ะ
The Tales of Beedle the Bard Here she comes with the tales that assisted Harry Potter to triumph over the evil power of Lord Voldemort in Harry Potter and the Deadly Hallows. J.K. Rowling tells the stories within the stories with her magical versatility again. The book spins five yarns, some short, some long, some shocking. All are wonderful and illustrated by her. It costs 6.99 pounds, softcover.
WineLover
They say that women are price sensitive. Men, instead, pleasure sensitive. The latter is out of question. The first is somehow different. Researchers attested that women determine the quality of wine from price. The higher, the better. Researchers from the Stockholm School of Economics and Harvard University and Vinexpo, the international wine and spirits exhibition to be held in Bordeaux, France in June 2009 confirm so. Funny this may remind you of Cynthia Nelms quote: if men liked shopping, they’d call it research.
เคยได้ยินคอไวน์หลายคนเผลอสารภาพออกมาว่า บางครัง้ ก็แอบลำเอียง เทใจให้ ไวน์ขวดแพง ว่ารสชาติเลิศล้ำกว่าไวน์ราคาปานกลาง ทัง้ ๆ ที่ บางทียงั แอบติดใจรสไวน์ จากขวดปานกลางเสียมากกว่า มาถึงตอนนีก้ ไ็ ม่ถือว่าแปลกประหลาดประการใด เพราะ นักวิจัยจากสต็อกโฮล์ม สคูล ออฟ อิโคโนมิกส์ และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา สรุปผลการวิเคราะห์วิจัยออกมาแล้วว่า การได้รู้ว่าไวน์มีราคาแพงก่อนที่จะดื่ม ทำให้รู้สึก ว่าไวน์ขวดนั้นรสชาติดีมากเป็นพิเศษจริงๆ ทว่า นี่เป็นคำตอบจากคอไวน์ผู้หญิงเท่านั้น ขณะที่ราคาไม่ได้มีผลต่อนักดื่มชายแม้แต่น้อย อาสาสมัครในการชิมไวน์นี้เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในบอสตันจำนวน 266 คน ซึ่งจะต้อง ชิมไวน์แดงจากโปรตุเกสสองยี่ห้อ ในราคาขวดละ 5 เหรียญ และขวดละ 40 ดอลลาร์ อาสาสมัคร 1 ใน 3 ได้ชิมไวน์โดยไม่รู้ราคา อีก 1 ใน 3 รู้ราคาก่อนชิม และกลุ่มสุดท้าย รู้ราคาหลังชิม โดยทั้งหมดต้องให้คะแนนรสชาติไวน์ที่มี ตั้งแต่แย่ที่สุด ไปจนถึงสุดยอด นักวิจัยที่ตีพิมพ์ผลงานในวารสารอเมริกัน แอสโซซิเอชัน ออฟ ไวน์ อิโคโนมิสต์ กล่าวว่า มีเพียงผู้หญิงที่ให้คะแนนรสชาติไวน์สูงขึ้นเมื่อได้รู้ว่าเป็นไวน์ราคาแพง ในการ ทดสอบอาสาสมัครจะต้องปิดตา และชิมไวน์ อาสาสมัครทั้งหญิงและชายให้คะแนนไวน์ ราคาถูกสูงกว่าไวน์ราคาแพง แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบไวน์แพงๆ
โยฮัน อัลเมนเบิร์ก จากฮาร์วาร์ด ยอมรับว่าไม่รู้ สาเหตุที่ทำให้ราคาไวน์มีผลกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย “ถ้าคุณพิจารณาถึงสิ่งที่ผู้หญิงมองว่า มีเสน่ห์ ใน ตัวผู้ชาย เงินอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญมากมายนักสำหรับคนทั้ง สองเพศ แต่ผหู้ ญิงจำนวนมากก็ให้ความสำคัญกับเงินมาก กว่าที่ผู้ชายให้” และจากการสำรวจก่อนหน้านี้ของไวน์เอ็กซ์โป มหกรรมไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลกที่จะจัด ขึ้นที่บอร์โดซ์ ฝรั่งเศสเดือนหน้านั้น นักวิจัยพบว่าผู้หญิง เกือบ 3 ใน 4 จากทั้งหมด 4,300 คนในฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐฯ บอกว่าเลือกไวน์จากราคา จะราคาไหนก็แล้วแต่ สุนทรีย์ในการดื่มไวน์ ก็ยัง คงต้องอาศัย อารมณ์ บรรยากาศ และที่แน่นอน เพื่อน ร่วมวงที่น่ารื่นรมณ์ คุณว่าจริงไหม
MAY 2009
45
SmileEntertain
รักกุกกิ๊ก แบบ “สะใภ้ ไกลปนเที่ยง” สวัสดีครับ สำหรับ Smile Entertain ฉบับนี้ขอแนะนำละครแนวรัก กุ๊กกิ๊ก เรื่อง “สะใภ้ไกลปืนเที่ยง” ของค่าย โพลีพลัส โดยเป็นการโคจร มาพบกันครั้งแรกระหว่าง แอน ทอง ประสม กับ ชาคริต แย้มนาม แค่ ฉากเปิดตัวก็เรียกน้ำย่อยด้วยฉาก ตบจูบสุดโหด มันส์ ฮา เรตติ้งแรง ทีเดียว เพราะแค่ตอนแรกที่ลงจอ เรตติ้งก็พุ่งขึ้นไปอยู่ในอันดับ 1 ของ www.dootv.tv ซะแล้ว เพราะนอก จากเนื้อหาเข้มข้นสนุกสนานแล้ว ดารานำอย่าง ชาคริต-แอน ก็ยังเป็น คู่ที่ดูลงตัวมากๆ อีกด้วย แม้ว่าทั้ง คู่จะเวียนว่ายอยู่ในสายบันเทิงมา นานเป็นสิบปี แต่ชาคริตเพิ่งจะมี โอกาสร่วมงานกับ แอนเป็นครั้งแรก สำหรับสาวแอนได้ พลิกคาแรกเตอร์มาเป็น ตำรวจสาวบู ๊ ห้าว ทัง้ ยังเป็น ตำรวจสาวมารยาร้อยเล่มเกวียน ลงทุนเปลือ้ งผ้านอนกับ ผูช้ ายถ่ายคลิปแบล็กเมลเลยทีเดียว วันนี้ผมเลยหาเรื่อง ย่อของละคร “สะใภ้ไกลปืนเที่ยง” มาฝากกันครับ
เนื้อเรื่องเริ่มต้นเมื่อ รตท. ลลิน หรือ หมวดพริกปืนพลิ้ว (แอน ทองประสม) เดินทางกลับมาเยีย่ มบ้านก็ได้ทราบว่า อารียา หรือ ขิง (เจน สุดา ปานโต) น้องของเธอกำลังตั้งท้องกับหนุ่มกรุงเทพฯที่เธอไปพบตอน เปิดบูทขายผ้าไหม ซึ่งเขาทิ้งเธอไปอย่างไม่มีเยื่อใย ทำให้ขิงเสียใจเป็น อย่างมาก สร้างความกลุ้มใจให้กับกำนันแพร้ว (ไพโรจน์ ใจสิงห์) และ พุดซ้อน (กาญจนา จินดาวัฒน์) ผู้เป็นแม่ ลลินพยายามถามความจริง จากน้องสาวแต่ไม่สำเร็จ ทางด้านผู้ใหญ่ก็พยายามแก้ปัญหาโดยให้ขิง แต่งงานกับ บุญช่วย หรือ ผูใ้ หญ่แฮ้ว (เบญจพล เชยอรุณ) แต่เธอปฏิเสธ เสียงแข็งไม่ยอมแต่งเด็ดขาด ผู้ใหญ่แฮ้วจึงหันมาสนใจลลินแทน แต่ก็ ต้องอกหักเช่นเคย
46
พริกแอบเข้าไปค้นห้องของขิงแล้วเจอนามบัตรของ จอมทัพ ทรัพย์ มหาศาล (ชาคริต แย้มนาม) เธอจึงเดินทางไปกรุงเทพฯเพื่อจะเอาเรื่อง กับผู้ชายคนนี้ พริกบุกเข้าไปในบริษัทแล้วทำร้ายจอมทัพต่างๆ นานา โดยไม่รู้ว่า ที่จริงแล้ว จอมพล (กรรชัย กำเนิดพลอย) พี่ชายของเขาต่าง หากที่ทำร้ายน้องสาวเธอ แต่แทนที่จอมทัพจะโกรธที่โดนทำร้าย เขากลับ ชอบใจในความแสบของลลิน เมื่อเขาบอกเรื่องนี้กับจอมพลเขาถูกขอร้อง ให้ช่วยปิดความลับเรื่องนี้ไว้ ซึ่งจอมทัพก็ยอมช่วยและสวมรอยเป็นจอม พลเสียเอง ลลิน และ รตอ.ภัทร (อรรคพันธ์ นะมาตร์) คูห่ ทู ี่แอบชอบเธออยู่ ถูก น้ำเพชร (กัญญารัตนเพชร์) นักข่าวอาชญากรรมตามตือ้ ขอสัมภาษณ์ แต่ทั้งคู่ไม่ยอม ทำให้ภัทรไม่ชอบน้ำเพชรมากจนต้องทะเลาะกันทุกครั้งที่ เจอ แต่จริงๆ แล้ว น้ำเพชรคอยหาข่าวจากกองปราบเพือ่ ช่วยเหลืออิทธิพล นักธุรกิจผู้มีเบื้องหลังเป็นเจ้าของบ่อนคาสิโนยักษ์และธุรกิจผิดกฎหมาย เพราะเขามีบุญคุณกับเธออย่างปฏิเสธไม่ได้ พริกมาคุยกับคุณหญิงเลอลักษณ์ (จินตหรา สุขพัฒน์) แม่ของ จอมทัพเพือ่ เรียกร้องความรับผิดชอบให้กบั ขิง แต่กลับถูกตอกกลับว่า น้อง ของเธอใจง่าย ทำให้พริกโกรธมาก จอมทัพยื่นข้อเสนอที่จะ ดูแล อารียาและลูก แต่สิ่งที่พริกต้องการเพียงอย่าง เดียว คือเขาต้องไปขอแต่งงานและดูแลขิงที่ร้อย เอ็ด พริกหาวิธีการต่างๆ มากลั่นแกล้งจอมทัพ เพื่อบีบเขาให้ทำตาม แต่นั่นทำให้เขารู้สึก ชอบลลินขึ้นมา เธอใช้วิธีการมอมยาเขา แล้ ว พาตั ว ไปร้ อ ยเอ็ ด เลยทำให้ รู้ ค วาม จริง เพราะขิงบอกว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ ใช่คนที่ทำเธอท้อง ลลินรู้สึกผิดกับ จอมทัพมาก แต่ก็ยังยืนยันที่เอา เรือ่ งกับจอมพลอยูด่ ี แต่ชายหนุม่ กลับหนีไปเที่ยวต่างประเทศกับ แพททริเซีย หรือ แพตตี้ (ปวีณา ตันท์ศรีสุโรจน์) ลลินเลยไป ทะเลาะกับคุณหญิงเลอลักษณ์ แทน และนั่นเป็นสาเหตุทำให้ เธอถูกพักงาน จอมทั พ รู้ สึ ก ผิ ด ที่ แ ม่ ข อง เขาทำให้ลลินเดือดร้อนเลยไปเยี่ยม เธอบ่อยๆ ทำให้คุณหญิงไม่พอใจมาก ยิ่งลลินเห็นแบบนั้นเธอยิ่งทำตัวใกล้ชิด จอมทัพมากขึ้น คุณหญิงเลอลักษณ์จึง ให้ นวลสมร (ดารณีนชุ โพธิปติ )ิ เจ้าของ ร้านเพชรจอมหลอกลวงช่วยโดยการให้
ลูกสาวของเธอ ศรี ยุดา (พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์) ดึงจอม ทั พ ออกจากลลิ น คุ ณ หญิ ง ให้ ลู ก ชาย ห มั้ น กั บ ศ รี ยุ ด า แ ล ะ ยั ง ส่ ง ข่ า ว นี้ ไปหาลลิน เธอจึงจัด ฉากให้เข้าใจว่า เธอ กั บ จอมทั พ ได้ เ สี ย กันซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง แต่นอกจากอยากแกล้งว่าที่แม่สามี แล้ว ลลินยังต้องการหาช่องทางที่จะสืบคดีอีกด้วย ไม่นานนักงานแต่งงานของ ทัง้ คูก่ เ็ กิดขึน้ ท่ามกลางความความไม่พอใจของคุณหญิงเลอลักษณ์ ลลินไม่หยุด ความสะใจแต่เพียงเท่านี้ เริ่มยั่วคุณหญิงต่อไปทันทีที่เข้าไปอยู่ในบ้าน วันหนึ่ง ลลินและภัทรถูกอิทธิพลไล่ล่า จอมทัพตามไปช่วยลลินจนถูกยิง เหตุการณ์ คราวนี้ ท ำให้ คุ ณ หญิ ง เลอลั ก ษณ์ ยิ่ ง เกลี ย ดเธอมากขึ้ น และพยายามบี บ ให้ ลลินเลิกกับลูกชายให้ได้ แต่จอมทัพไม่ยอมเพราะเขารักลลินจริงๆ ทำให้เธอ รู้สึกผิดมากที่แต่งงานกับเขาเพียง เพราะต้องการแก้แค้นและสืบคดี จอมพลถูกแพตตี้หลอกเอาเงินแล้วไปมีชู้ ทำให้เขาเสียใจและคิดถึง อารียาขึ้นมา เลยเดินทางไปขอคืนดีกับเธอ แต่เขาก็ต้องผ่านบทพิสูจน์มากมาย ของกำนันแพร้วที่ทดสอบว่าที่ลูกเขยจอม กะล่อนตัวดี ทางด้านลลินและจอม ทัพทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นๆ ทุกวัน เพราะจอมทัพต้องการปกป้องลลินจึง เรียนการใช้ปืนจากเธอ ทำให้ลลินรู้สึกรักจอมทัพแต่ก็ยังปากแข็ง นวลสมรและอิทธิพลจะทำการหลอกขายเพชรปลอมกันในงานเลี้ยง ประมูลเพชร หมวดพริกและภัทรจึงวางแผนจับโจรกันในคราวนี้ ภัทรเห็นว่าคดี ใกล้สำเร็จแล้วเลยตัดสินใจบอกรักและขอผูห้ มวดคนเก่งแต่งงาน ในระหว่างนัน้ จอมทัพมาเห็นทั้งคู่กำลังจับมือกันเลยเข้าใจผิด แต่ที่จริงแล้วพริกบอกปฏิเสธ ภัทรและให้เขาเห็นถึงความรักของน้ำเพชรที่มีต่อเขา คุณหญิงเห็นว่า งานนี้ทั้ง คู่คงเลิกกันแน่ๆ จึงป่าวประกาศไปทั่ว พริกรู้เรื่องก็เจ็บใจแกล้งง้อจอมทัพและ ควงเขามางานอย่างเปิดเผย ลลินทำตัวน่ารักมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำ ให้จอมทัพรู้สึกมีความสุข แต่ขณะนั้นพอ อิทธิพล เดินเข้ามาในงาน การจับกุม คนร้ายรายใหญ่ก็เกิดขึ้น คุณหญิงเลอลักษณ์เกือบ ถูกเขายิงตาย เพราะถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ลลินช่วยเหลือเอาไว้ได้ทนั ทำให้คณ ุ หญิง มองเธอเปลี่ยนไป… มาถึงตอนนี้แล้ว เรามาช่วยลุน้ กันดี กว่า ว่าคุณหญิงเลอลักษณ์จะยอมรับลูก สะใภ้บ้านนอกทั้งสองพี่น้องหรือไม่ และคง ต้องติดตามกันต่อใน “สะใภ้ไกลปืน เที่ยง” นะ ครับ
MAY 2009
47
SomeWhere
เรื่อง ชัยรอบโลก เควินเฉลยแล้วทุกคนก็ถึงกับร้องออ เควินบอกทุกท่านว่าจะพาลงไป ในสวนแล้ว ขอให้เดินตามมา เควินเดินผ่านประตูด้านข้างก็จะผ่านด้าน หลังที่บรรดาเจ้าหน้าที่ใช้ แล้วก็ถึงบันไดที่เจ้าพนักงานใช้เดินขึ้นลง เควิน บอกว่า พระราชินีไม่มีโอกาสได้เดินบันไดนี้ บันไดจะวนในรูปแบบสี่เหลี่ยม ด้านบนขึ้นสู่ห้องพักของเจ้าหน้าที่รับใช้ เควินพาเดินลงมาถึงด้านล่าง ก็ เลี้ยวออกสู่สวนที่เห็นจากห้องทำงานพระราชินี ผ่านเจ้าหน้าที่ตรวจบัตร แล้วออกสู่สวน คณะทัวร์ต่างก็ยกกล้องถ่ายรูป เควินต้องบอกว่า อย่าเพิ่ง ถ่ายรูปขอให้เดินตามเข้ามายังสวนด้านในก่อน จะพาไปดูสวนที่เป็นส่วน ตัวของกษัตริย์ และพระราชินีก่อน ส่วนนี้เรียกว่า Privy Garden เควินพา เดินเลี้ยวขวา แล้วเลี้ยวเข้าสู่ประตูเล็กๆสีเขียว ด้านนอกจะเห็นดอกไม้ สวยงามเป็นแนวยาวริมกำแพง พอเดินเข้าไปด้านซ้ายมือเป็นขั้นบันไดขึ้น ไป แล้วเป็นเนินหญ้าสวยงามลาดลงมายังสวนด้านใน ตรงกลางมีน้ำพุ สวยงาม ในสวนมีรูปสลักด้วยหินอ่อนหลายรูป มองทอดยาวไปด้านในสุด เป็นประตูรั้วมองทะลุไปเป็นแม่น้ำ เควิน หยุดยืนตรงกลาง สวนด้านบนมีขั้นบันไดสามขั้นลงสู่ตัวสวน ด้านข้างๆบันไดมีนาฬิกาแดด เควินบอกว่านี่เป็นสวนในส่วนของกษัตริย์ ที่จะเสด็จมาเดินเล่น ต่อไปจะเป็นส่วนของพระราชินี เควินพาเดินต่อเข้าสู่ ด้านใน ก่อนเข้าสู่ด้านใน ด้านซ้ายมือจะเป็นเนวหญ้ายกสูงแล้วมีซุ้มไม้โค้ง เดินลอดได้ พอผ่านประตูเล็กๆเข้าไปก็เป็นสวนว่างมีต้นแอ๊ปเปิ้ล ต้นแพร ปลูกอยู่ด้านขวามือติดกับตัวอาคารมีสวนย่อมดอกไม้สวยสด ทางด้าน ซ้ายมือ จะเห็นเป็นสวนดอกไม้สวยงามมาก ในคณะไม่มีใครไม่ถ่ายรูปเลย ยกเว้นคนที่ไม่มีกล้องติดมือ แต่ก็พยายามให้คนที่มีกล้องถ่ายรูปกับสวนนี้ ซึ่งดอกไม้สวยสด หลากสี ด้านหน้าที่เราเดินผ่านจะมีซุ้มดอก วิสซีเลีย สี ม่วงสวยงามเป็นช่อ กลิ่นหอม เควินบอกว่า สวนนี้ พระราชินีจะมาเดิน เล่นช่วงบ่ายๆ ช่องเดินเป็นหญ้าสวยงามดูแล้วนุ่มเท้า ถัดไปเป็นสวนหิน คล้ายๆกับสวนหญ้า แต่ทางเดิน เป็นหินกรวดเล็กๆ ถัดไปอีกนิดเป็นด้าน ซ้ายมือเป็นดอกไม้หลายหลากสี เควินเลยบอกกับคณะว่า ด้านหลังจะเป็น โรงเลี้ยงต้นองุ่น ซึ่งเป็นองุ่นที่ช่างสวนประจำราชสำนักปลูกไว้ให้กษัตริย์ ได้รับประทาน แล้วที่เหลือนำไปทำไวน์แดง ในสมัยเกือบสามร้อยปี ต้น องุ่นนี้ยังคงเก็บรักษาไว้อย่างดีถึงปัจจุบัน รากของต้นองุ่น คือ ส่วนที่เป็น ดินสีดำๆด้านนอกอาคารนี้เอง เควินบอกว่าให้ทุกคนเดินเข้าไปดูภายในอาคาร จะเห็นต้นองุ่น ที่ กำลังออกช่อเป็นองุ่นลูกเขียวๆ เยอะมากๆ เควินบอกว่าให้เวลาทุกคนได้ เดิ นถ่ า ยรู ป ในส่ ว นสวนนี ้ ค รึ ่ ง ชั ่ ว โมงแล้ ว พบกั นที ่ ห น้ า ประตู ท างเข้ า สู ่ พระราชวัง เพื่อจะไปดูส่วนของกษัตริย์ แล้วจะมีเวลาที่เหลือให้ถ่ายรูปได้ อย่างเพียงพอสมใจ ทุกคนก็อยากถ่ายรูปเลยทำตามที่เควินแนะนำ เดิน 48
Hampton Court Palace It takes Renaissance Flemish tapestry to bewitch visitors in the Great Hall at Hampton Court. It takes Tudor cookery to lure ordinary people’s curiosity of how 1,200 meals were served each day. It takes ghosts and stories to haunt and commemorate the palace. It takes the Gatehouse to remind people of the name of the clever Anne Boleyn. It takes Henry VIII and his six Queens (not enough space here) to mark the importance of the palace. But it takes just one tour guide to explain you everything above and to lead you to the real place!
เข้าไปดูต้นองุ่นสามร้อยปี ออกมาแต่ละคนไม่อยากเชื่อว่า องุ่นต้นนี้มีอายุขนาดนั้น แล้วยังสามารถให้ผลได้อยู่ แต่ละ คนเดินมาสอบถามกับเควินว่า สามารถซื้อผลองุ่นของต้นนี้ ทานได้หรือไม่ เควินบอกว่าสามารถซื้อได้ที่ร้านของทาง แฮมปตัน คอร์ต ในช่วงที่เขาเก็บขาย ราวๆปลายเดือน กันยายน ต้นเดือนตุลาคม องุ่นลูกใหญ่หวาน แต่มีเม็ด เป็นองุ่นแดง ผมได้ยินคนบอกว่า อยากลองทานบ้าง ผมได้ โอกาสเดินเข้าไปดูต้นองุ่น พร้อมๆกับเควิน เห็นเถาองุ่น ทอดยาวคลุมเงาแดดแล้วมีช่อองุ่นที่เป็นพวงแล้ว แต่ยังเป็น สีแดง ยังเป็นสีเขียว เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาพยายามตัดแต่ง ลูกองุ่น ให้ได้ลูกที่ใหญ่ เควินชี้มือให้ผมดูที่มุมซ้ายมือจะ เห็นตอต้นองุ่น เป็นตอใหญ่มาก สมกับอายุร่วมสามร้อยปี ผมเดินตามเควิน ออกจากจุดชมต้นองุ่น เห็นคนยืนถ่ายรูปคู่กับดอกไม้สี สวยๆ ผมเลยต้องเปิดกระเป๋ากล้องเอาเลนส์ สำหรับถ่ายดอกไม้ออกมามั่ง ทนกับความงามของดอกไม้ไม่ไหว เควิน ก็บอกว่า อย่าลืมเวลาที่จะเข้าชม พระราชวังนะ ผมก็เพลินกับการถ่ายรูปดอกไม้ มองดูอีกที คณะทัวร์หาย เลยเดิน ถ่ายรูปย้อนออกกลับมาทางเดิม เห็นคณะยังมีถ่ายอยู่ในสวนกษัตริย์ เลย อาศัยความไวเดินขึ้นทางบันไดเนินซุ้มไม้ แล้วถ่ายรูปสวนมา มองเห็น พระราชวังด้านหลังสวยงามมาก ในใจคิดว่าถ้ามีปัญญามีบ้านและที่ดิน แบบนี้จะจำแบบสวนนี้ไปใช้มั่ง อิอิ.. วาดความฝันกลางวันแสกๆ ผมเดิน ถ่ายรูปไปทั่วสวน ก็เสร็จก่อนหลายๆคน บางคนในคณะ ยังเรียกให้ผมช่วย ถ่ายให้ด้วย แต่ผมไม่กล้าเรียกใครช่วยถ่ายให้ผม เพราะกลัวดอกไม้จะเฉา เสียก่อน ผมก็มาเจอกับเควินที่หน้าทางเข้าพระราชวังอีกครั้ง มีคนในคณะ เริ่มทยอยกันมาแล้ว เควินก็นับคนในคณะ พอได้ครบก็บอกให้ทุกคนโชว์ บัตรเข้าสู่พระราชวัง กับเจ้าหน้าที่ตรวจอีกครั้ง แล้วเควิน ก็เดินนำหน้า ย้อนไปตามระเบียงเสา ด้านในผ่านประตูเห็นบันไดขึ้นสู่ห้องของพระราชินี แต่เควินไม่ได้พาขึ้นบันไดนี้ เควินบอกว่าจะพาไปชมห้องประทับของพระ เจ้าจอร์จ ที่ 2 ซึ่งพระองค์มาตกแต่งใหม่และใช้เป็นที่ประทับตลอดเวลาที่ อยู่ที่นี่ เควินก็พาเดินต่อไปยัง ประตูที่จะออกไปยังลานนาฬิกา แล้วพา คณะเดินขึ้นสู่บันไดเล็กๆข้างๆประตูนั่นเอง เควินเดินขึ้นมาถึงชั้นบน ก็เป็นห้องไม่กว้างนัก คณะก็เข้าสมทบ ทำให้ห้องเล็กลงไปถนัดตา เควินบอกว่า ที่พระเจ้าจอร์จ ที่ 2 ต้องการมา อยู่ที่นี่เพราะ มีปัญหาไม่ลงรอยกับพระบิดา คือ พระเจ้าจอร์จ ที่ 1 เลยหา ทางมาอยู่ให้ไกลๆพระบิดา จึงมาปรับปรุงส่วนนี้ของพระราชวังเป็นที่อยู่ กับครอบครัว จึงเรียกว่า จอร์จเจียน อพาร์ทเมนท์ ภายในห้องมีภาพวาด หลายๆภาพ ที่ผนังอีกด้านมีภาพของขุนนางใส่ชุดเต็มยศ เควินบอกว่า ภาพนี้คือ นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศอังกฤษ ท่านเซอร์โรเบิร์ต วอลโพล ผมมองดูแล้ว นึกถึงบ้านเราในสมัยที่มีนายกรัฐมนตรีบริหาร ประเทศ หลั ง การเปลี ่ ย นแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. 2475 นายก รัฐมนตรี บ้านเราในตอนนั้น คือ เจ้าพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ต้องแต่ง ชุดเป็นแบบนี้หรือไม่ แต่ของอังกฤษ ที่มีนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพราะเกิด การเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่เพราะเกิดการเปลี่ยนกษัตริย์ หลังจาก พระราชินีแอนน์สิ้นพระชนม์ โดยไม่มีรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ คณะสภา ขุนนางจึงได้ลงมติเชิญพระเจ้าจอร์จของ Hanover ซึ่งมีมารดาเป็นหลาน สาวของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ให้มาขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์อังกฤษ แต่ว่า ในขณะนั้น พระเจ้าจอร์จก็ เป็นกษัตริยของ Hanover ซึ่งอยู่ด้านเหนือของ เยอรมนี แล้วก็พูดแต่ภาษาเยอรมัน ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย เมื่อเสด็จมาเป็นกษัตริย์ก็มีปัญหาที่บรรดารัฐมนตรีแต่ละคนไม่สามารถ รายงานเรื่องราวที่รับผิดชอบให้เข้าใจได้ จึงได้มีการแต่งตั้งหัวหน้าของ บรรดารัฐมนตรี ที่สามารถสื่อสารภาษาเยอรมันกับกษัตริย์ แล้วเรียกว่า Premier of Minister หรือต่อมาเรียกว่า Prime Minister นั่นเอง
เควิน พาเดิน ไปยังห้องต่อไปซึ่งแต่ละห้องจะดูเล็กๆ เควินชี้ให้ดู เพดานที่มีการใช้พลาสเตอร์ มาทำลวดลาย มาถึงห้องนอนจะเห็น เตียง นอนหลังเล็กๆ เป็นลักษณะของเตียงสี่เสา ที่เรียกว่า โฟร์โพสเตอร์ เตียงนี้ เป็นที่บรรทมของพระเจ้าจอร์จ ที่ 2 จวบจนสิ้นพระชนม์ เควินพาเดินออก มาจากห้องบรรทมแล้วหยุดอยู่หน้าห้องเล็กๆ แล้วบอกว่า ห้องด้านหลังนี้ มันเล็กคณะไม่สามารถเข้าไปได้หมด ต้องพยายามแบ่งกันเข้าไปดู ห้องนี้ คือ ห้องที่ใช้สวดมนต์ส่วนตัว ของคาร์ดินัลวูลฟซี่ เควินบอกว่าให้สังเกต ลวดลายบนเพดาน จะเหมือนกับรูปวาดครอบครัวของพระเจ้าเฮนรี่ ที่แปด ที่ได้เห็นมาแล้ว แล้วภายในห้องยังคงสภาพต่างๆและยังมีห้องสารภาพ บาปแต่ ป ระตู ได้ ถู ก นำออกไปแล้ ว เควิ นก็ ให้ ค ณะทยอยกั น เข้ า ไปดู ส ั บ เปลี่ยนกัน เมื่อคนที่ดูแล้วออกมา สายตาแทบจะไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นในรูป วาดยังได้เห็นของจริงหลงเหลืออยู่ ซึ่งมีอายุร่วมห้าร้อยปีแล้ว เควินเดินไป ยืนรอที่ข้างๆรูปวาดใหญ่ เมื่อคณะออกจากห้องสวดมนต์มาหมดแล้ว เควินก็ชี้ให้เห็นรูปวาด ใหญ่ๆสี่รูป เป็นรูปวาดของพระเจ้าจอร์จที่ 2 และพระมเหสี แคโรลีน ออฟ แอนสแพช ส่วนอีกรูปทางด้านซ้าย เป็นรูปพระราชโอรสองค์โต เฟรด เดอริค ลุยส์ ในตำแหน่งมกุฎราชกุมาร กับมเหสี ซึ่งมกุฎราชกุมารได้เสีย ชีวิตไปก่อน ในปีค.ศ. 1751 ก่อนพระเจ้าจอร์จ ทำให้หลานชายต้องอยู่กับ ปู่ที่พระราชวังนี้ แล้วต่อมาเมื่อปู่คือพระเจ้าจอร์จที่ 2 สิ้นพระชนม์ หลาน ชายก็ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจอร์จ ที่ 3 ในปี ค.ศ. 1760 หลานชาย ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เก่าในรูปแบบเยอรมัน ทำให้พระเจ้าจอร์จ ที่ 3 ไม่ ต้องการ เพราะตัวเองเกิดในรูปแบบของอังกฤษ เลยต้องการทิ้งรูปแบบ เยอรมันไปอยู่ที่พระราชวังวินด์เซอร์แทน เพื่อลบภาพเก่าๆที่ถูกปู่สร้างกฎ เกณฑ์ควบคุม และพระเจ้าจอร์จก็ชอบในเรื่องเกษตรกรรมและงานช่าง ฝีมือต่างๆ แทนที่จะชอบเรื่องเกี่ยวกับการเมืองและการทหาร แบบปู่ เควิน พาเดินต่อโดยเลี้ยวขวาผ่านไปยังส่วนของเฟรดเดอริค ห้องแรกเป็นห้องโถง ยาว มีภาพวาดประดับ พอผ่านประตู เป็นห้องพักผ่อนและเล่นเกม จาก นั้นเป็นห้องอ่านหนังสือ ถัดไปเป็นห้องนอน จะเห็นเตียงสีเหลือง ถัดไป เป็นห้องอาบน้ำ ด้านหน้าจะเห็นโต๊ะแต่งตัว มีกระจก หวี และเครื่องแต่ง MAY 2009
49
ตัวต่างๆ ด้านหลังฉาก เป็นที่อาบน้ำ ซึ่งในอดีตการอาบน้ำไม่ได้ทำทุกวัน เพราะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ต้องเอาน้ำที่ต้มแล้วจากโรงครัวมาใส่ถังไม้สำหรับ แช่ แล้วก็ไม่สามารถทำได้ทุกวัน เพราะอากาศหนาว เมื่อแช่แล้วมีโอกาส เป็นไข้หวัด หรือ ปอดบวมได้ จากห้องอาบน้ำ เควินพาเดินมาถึงห้องรับประทานอาหาร ต่อจาก ห้องรับประทานอาหาร ก็เป็นห้อง เรียนศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับศาสนา แล้วก็ยังเป็นห้องสวดมนต์อีกด้วย ห้องนี้อยู่ตรงมุมตึกพอดี ทางสถาปนิก จึงได้เจาะทำเพดานเป็นช่องสูงเพื่อรับแสงเข้ามา ทำให้ในเวลากลางวัน สามารถอ่านหนังสือหรือเขียนหนังสือได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องใช้เทียน ช่วยให้แสงสว่าง หลังจากผ่านห้องเรียนและสวดมนต์แล้ว ก็ผ่านไปสู่ห้อง เตรียมสำหรับเจ้าหน้าที่บริการเรื่องอาหารและเครื่องดื่มในช่วงเวลาบ่าย แล้วก็เป็นบันไดลงสู่ชั้นล่างต่อไป เควิน พาเดินลงบันไดแล้วย้อนกลับผ่าน โถงบั น ไดสู ่ ค วี น อพาร์ ท เมนท์ และผ่ า นบั น ไดทางขึ ้ น สู ่ จอร์ จ เจี ย น อพาร์ทเมนท์ เควินเดินทะลุออกมาสู่ลานกว้างคณะเดินตามมาสมทบ ทุก คนก็มองไปรอบๆ เควินชี้มือให้มองทางด้านขวามือของคณะ และบอกว่า นี่เป็นด้านนอกของห้องโถงท้องพระโรงที่เราได้ผ่านเข้าไปแล้ว ด้านมุมจะมี หัวท่อน้ำจากบ่อที่สำหรับใช้ในพระราชวังนี้เท่านั้น เควิน ชี้มือให้ทุกคนมองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่อยู่บนหอนาฬิกาด้าน บนเป็นหอระฆัง ตัวเรือนนาฬิกา หน้าปัดเป็นตัวเลขหลายวงสีสันสดใส เควินบอกว่า นาฬิกาเรือนนี้ เป็นนาฬิกาแห่งจักรวาล ใช้บอกเวลาสัปดาห์ เดื อ น ปี และนั ก ขั ต ฤกษ์ ฤดู แ ละราศี ต ่ า งๆตามเดื อ นตามดวงดาว พระจันทร์ เป็นนาฬิกาแห่งดาราศาสตร์ ซึ่งสร้างโดย นิโคลัส อาวเออร์ เซียน ในสมัยเกือบห้าร้อยปีที่แล้ว และทุกวันนี้ยังใช้งานได้เป็นอย่างดี ผม ต้องยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาเทียบเวลา ซึ่งมันก็ตรงตามความเป็นจริง แถม ที่นาฬิกานี้ ยังบอกว่า วันนี้พระจันทร์จะเห็นได้แค่ไหน เป็นเสี้ยวหรือเต็ม ดวงอีก คิดกันได้ยังไงในตอนนั้น บ้านเรายังดูเดือนดูตะวันเลย ฟังเสียงนก เสียงไก่ เสียงกา เควินบอกว่า เราจะได้ชมอพาร์ทเมนท์ ของกษัตริย์กัน ก่อนที่จะปล่อยให้คณะได้มีโอกาสถ่ายรูปกับสวนอันสวยงาม แล้วเควินก็ พาเดินเข้าสู่ส่วนที่เป็นที่อยู่ของกษัตริย์ ซึ่งได้รับการสร้างให้เสร็จในสมัย ของพระเจ้าจอร์จ ที่ 2 ลักษณะก็ใกล้เคียงกับส่วนของราชินี แต่ในส่วนของ กษัตริย์ ถูกแบ่งออกเป็นส่วนของมกุฎราชกุมารเฟรดเดอริคได้ใช้ ในห้อง โถงใหญ่ก็เป็นที่เก็บภาพ ก๊อปปี้ ภาพเขียนของราฟาเอลที่ถูกนำมาขยาย เพื่อไปใช้เป็นต้นแบบทอของพรม เควินบอกว่า ถ้าอยากเห็นของจริงต้องไป ชมที่พิพิธภัณฑ์ วิคตอเรียและอัลเบิร์ต หรือ วี แอนด์ เอ นั่นเอง ผ่านห้อง ทรงงาน ที่มองเห็นสวน Privy Garden ห้องนอน ห้องพักผ่อน ซึ่งสามารถมี ทางทะลุถึงกันได้ กับห้องพักผ่อนของพระราชินี แล้วเควินก็พาเดินมาทาง 50 50
ด้านหลังที่บรรดาเจ้าพนักงานรับใช้ต้องใช้เป็นทางเดิน จะสังเกตว่า ห้อง พักของเจ้าพนักงานจะอยู่ด้านบนสูงกว่าที่พักกษัตริย์หรือพระราชินี และ ตอนเดินลงบันไดก็จะเห็นตะกร้าผูกเชือกโยงเอาไว้จากด้านบนลงสู่ด้าน ล่าง ผมเลยถามเควินว่า ตะกร้านี้มีไว้ทำอะไร เควินบอกว่า ตะกร้านี้สำหรับพวกนางต้นห้องต้องการสิ่งของต่างๆก็ ไม่ต้องเดินลงบันไดมาจะทุ่นเวลาโดยการใส่ของในตะกร้าแล้วชักรอกขึ้นไป เหมือนลิฟต์ส่งของนั่นเอง เควิน พาคณะ เดิน ออกมายังสวนอีกครั้งหนึ่ง แล้วพาคณะ เดินมาทางซ้ายมือ ผ่านมุมดอกไม้สวยงาม คนมายืนหยุด อยู่ที่อาคารหลังหนึ่งลักษณะเป็นไม้สองชั้น เควินบอกว่า นี่เป็นสนาม เทนนิสที่ใช้เล่นกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเฮนรี่ ที่ 8 จะเรียกกันว่า เรียล เทนนิส ลักษณะการเล่นจะไม่เหมือนกับเทนนิสในปัจจุบัน แร็กเกตก็รูปร่าง เล็กๆ เควินบอกว่า จะพาไปชมสวนวนก่อน หรือ ส่วนที่เป็นสวนซ่อนหา หรือ ที่คนเรียกกันว่า สวนเขาวงกต ซึ่งสถานที่นี้ กษัตริย์จะใช้เล่นกับ บรรดานางสนม โดยให้นางสนมใช้ความสามารถในการเข้าไปยังจุดกลาง สวน ใครถึงก่อนก็จะได้รับรางวัลจากกษัตริย์ สวนวนแบบนี้ในสมัยนั้น เป็นที่นิยม ในบรรดาวังของขุนนางก็นิยมสร้างเอาไว้สำหรับให้ลูกๆได้เล่น กัน เควิน บอกว่าใครอยากลองเดินในสวนวนก็เชิญได้ หรือ ใครต้องการ รับประทานอาหารกลางวัน ก็สามารถไปที่ห้องอาหารของทางพระราชวัง ซึ่งอยู่ติดกับบริเวณสวนนี้ แล้วเควินก็บอกว่า จากนี้จะเป็นเวลาอิสระของ คณะที่จะไปถ่ายรูปในสวนหรือจะเดินเล่นในเขตพระราชวังได้จนถึงเวลา บ่ายสี่โมงครึ่ง คณะจะมาพบกันที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าตรงสวน แล้วจะ เดินทางไปยังที่จอดรถโคช เพื่อเดินทางกลับเข้าสู่กรุงลอนดอนต่อไป เควิน ประกาศเสร็จ คณะก็แยกย้ายกันไปตามแต่ละคนชอบ เควินก็หันมาชวน ผมไปหาอะไรทานสำหรับมื้อกลางวันก่อน เพราะตอนนี้ก็เกือบบ่ายสองโมง แล้ว นี่ผมเดินในพระราชวังเกือบสามชั่วโมงครึ่งเลยหรือนี่ นึกได้ขาก็รู้สึก เมื่อย เลยพยักหน้ารับการเชิญชวนจากเควิน ไปหาอะไรรองท้องก่อนที่ไป ถ่ายรูปต่อในสวนรอบๆซึ่งมีดอกไม้นานาชนิดสวยงามเกินกว่าที่จะห้ามใจ ได้ เควินยังกระซิบบอกว่า ด้านข้างมีสวนกุหลาบด้วย รับรองเก็บภาพได้ มากมาย ผมก็ยังกลัวว่า ฟิล์มจะไม่พอแล้ว แต่ช่างเถอะ หน้ากระดาษไม่ พอมากกว่าครับ
DidYouKnow?
ทราบหรือไม่ ใครเป็นผู้ตั้งชื่อ “เดือน” ของไทย เคยสงสัยหรือไม่ว่า ชื่อเดือนแต่ละเดือนที่คนไทยใช้กันทั้ง 12 เดือน คือ มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน ไปจนถึงธันวาคมนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร? และใครเป็นผู้ตั้งชื่อให้แต่ละเดือน และมีความ หมายอย่างไรกัน? คำตอบคือ สมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ คือผูร้ เิ ริม่ และบัญญัตชิ อ่ื เดือนต่างๆ ขึน้ ด้วยความอัจฉริยะของท่าน เริ่มต้นมาจากทรงสนใจและทรงได้ศึกษาเรียนรู้ ค้นคว้าเกี่ยว กับปฏิทิน ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของทุกคน เพราะ คนเราต้องอาศัยปฏิทิน ตั้งแต่ลืมตาเกิด ในการดูวัน เวลา นัดหมาย และเป็นสิ่งเตือนความจำในวันสำคัญได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นวัน สำคัญทางศาสนาวันสำคัญทางโลก กระทั่งวันหยุดต่างๆ นอกเหนือจากพระราชกรณียกิจในราชการแผ่นดินที่ได้ทรง ปฏิบัติจนเกิดประโยชน์ต่อแผ่นดินอย่างอเนกอนันต์ในเรื่องของการ ต่างประเทศแล้ว สมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ สนพระทัยในเรื่องของโหราศาสตร์มาตั้งแต่แรก เมื่อเสด็จไปราชการต่างประเทศในยุโรปเมื่อปี 2430 ทรงซื้อ หนังสือที่เป็นตำราโหราศาสตร์ว่าด้วยสุริยุปราคาจากกรุงเบอร์ลิน มา 1 เล่ม ภายในเล่มนี้มีแผนที่ทางสุริยุปราคาอยู่เกือบเต็มทั้งเล่ม การที่ทรงสนพระทัยในเรื่องโหราศาสตร์นี้ อาจเป็นเพราะทรง ได้รับอิทธิพลทางความคิดเกี่ยวกับโหราศาสตร์จากพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นพระราชบิดา ความชำนาญ เรื่องโหราศาสตร์ของ สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ จึงต้อง เกี่ยวพันไปกับการตรวจตรา ตรวจสอบดูปฏิทินด้วย เพราะต้องเรียนรู้ การคำนวณ วัน เดือน ปี โดยตรง เมือ่ ต้องเกีย่ วข้องกับปฏิทนิ โดยตรง จึงทำให้เกิดที่มาของชื่อเดือน ดังที่กล่าวมา คำว่า “ปฏิทิน” ที่เราใช้ในปัจจุบัน สามารถเขียนได้เป็น “ประติ ทิน” ภาษาสันสกฤต หรือ “ประฏิทิน” บาลีแผลง “ประดิทิน” หรือ “ประนินทิน” ก็ได้ การพิมพ์ปฏิทินมีขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2385 ปลายสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะนัน้ ปฏิทนิ ยังคงใช้ตาม แบบ “จันทรคติ” การนับ วัน เดือน ปี ถือการโคจรของดวงจันทร์ เป็นหลักต่อมาจึงมีวิธีนับ วัน เดือน ปี ตามการหมุนเวียนของโลกรอบ ดวงอาทิตย์ เรียกว่า “สุรยิ คติ” เมืองไทยประกาศใช้ปฏิทินแบบใหม่ตามสุริยคติอย่างเป็นทาง ราชการ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แม้เราจะใช้ปฏิทินตามสุริยคติ แต่ทางจันทรคติเราก็ยังใช้ควบไปด้วย ดังนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงจากจันทรคติที่นับตั้งแต่เดือน อ้าย เดือนยี่ ถึง เดือนสิบสอง มาเป็นแบบสุริยคติ จึงได้มีการกำหนด ชื่อเดือนขึ้นมาใหม่ โดยสมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงเป็น ผู้คิดปฏิทินไทยใช้ตามสุริยคติ ซึ่งนับวันและเดือนแบบสากล ขึ้นทูล
เกล้าฯถวายรัชกาลที่ 5 และทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นประเพณีบ้านเมือง ตั้งแต่พ.ศ.2432 เรียกว่า “เทวะประติทิน” ที่เป็นต้นแบบปฏิทินไทยในวันนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงคิดตัง้ ชือ่ เดือนมกราคม ถึง ธันวาคม ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน โดยทรงใช้ตำราจักรราศี หรือการโคจร ของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ในหนึ่งปี ประกอบด้วย 12 ราศี ตามวิชา โหราศาสตร์มาใช้กำหนดชื่อเดือนทั้ง 12 เดือน ทั้งนี้ แบ่งเดือนที่มี 30 วัน และเดือนที่มี 31 วัน ให้ชัดเจน ด้วย การลงท้ายเดือนต่างกัน คือ คำว่า “ยน” และ “คม” ส่วนคำนำหน้านัน้ มาจากชือ่ ราศีทป่ี รากฏในช่วงเวลานัน้ ๆ เป็นวิธี นำคำ 2 คำมา “สมาส” กัน คำต้นเป็นชื่อราศี คำหลังคือคำว่า “อาคม” และ “อายน” แปลว่า “การมาถึง” เริ่มตั้งแต่... • มกราคม คือ มกร (มังกร) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมังกร • กุมภาพันธ์ คือ กุมภ์ (หม้อ) + อาพนธ แปลว่า การมาถึงของราศีกุมภ์ • มีนาคม คือ มีน (ปลา) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีมีน • เมษายน คือ เมษ (แกะ) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศีเมษ • พฤษภาคม คือ พฤษภ (วัว,โค) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศี พฤษภ • มิถุนายน คือ มิถุน (ชายหญิงคู่) + อายน แปลว่า การมาถึงของราศี มิถุน • กรกฎาคม คือ กรกฎ (ปู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีกรกฎ • สิงหาคม คือ สิงห (สิงห์) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีสิงห • กันยายน คือ กันย (สาวพรหมจารี) + อายน แปลว่า การมาถึงของ ราศีกันย • ตุลาคม คือ ตุล (ตาชั่ง ตราชู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีตุล • พฤศจิกายน คือ พิจิก, พฤศจิก (แมงป่อง) + อายน แปลว่า การมาถึง ของราศีพิจิก • ธันวาคม คือ ธนู (ธนู) + อาคม แปลว่า การมาถึงของราศีธนู อีกทั้งกำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ของไทย คือเดือนเมษายน เดือน 4 ทางสุริยคติ แต่เป็นเดือน 5 ทางจันทรคติ ใช้มาจนถึง พ.ศ. 2483 จากนั้นวันที่ 1 มกราคม 2484 จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่แบบสากลนิยมปีแรกของไทยในสมัย รัชกาลที่ 6 และทรงใช้คำว่า “ปฏิทิน” แทน “ประติทิน” มาโดยตลอด ลงไว้ในประกาศวิธีนับวัน เดือน ปี ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2455 MAY 2009
51
น้า
SmileLoveStory
ใต้แสงจันทร์ดวงนั้น ปณิภัทศรี
เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของหญิงไทยในต่างแดน วันนั้นเวลาใกล้คํ่า อากาศครึ้มปกคลุมปารีส ฝนลงพรําๆ และ เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีวี่แววว่าจะหยุดตกง่ายๆ แสงจันทร์ตลบคอเสื้อ ขึ้นมาคลุมศีรษะ ดึงกระชับไว้ไม่ให้ให้หลุดจากไหล่เพื่อกันไม่ให้ฝนถูกตัว มากนัก เธอวิ่งเร็วขึ้นแข่งกับสายฝน เนื้อตัวเริ่มเปียกปอน เธอวิ่งลัดเลาะ หลบสายฝนสลับกับหยุดพักใต้กันสาดตึกที่ยื่นออกมาพอเป็นที่กำบัง ความมืดเริ่มปกคลุม ตึกรามบนถนนประดับประดาด้วยไฟหลากสีส่อง แสงระยิบระยับแพรวพราวไปทั่ว แม้แสงจันทร์ไม่เคยเห็นแสงสีบนท้องถนนเช่นนี้มาก่อน แต่กระ นั้น เธอก็คงยังวิ่งต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ยังไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางจะเป็น ที่ใด ผู้คนมากมายที่เธอเห็นบนถนนเมื่อครู่ดูบางตาลง เพราะทุกคนต่าง หาที่หลบฝน บ้างก็ลงเมโทร เร่งรีบเดินทางกลับบ้านหลังเลิกงาน หัวใจ เธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ จิตใจเริม่ ไม่อยูก่ บั เนือ้ กับตัว เริม่ เกิดความหวาด กลัวขึ้นมาเรื่อยๆ ตรงไหนมีคนมากหน่อย แสงจันทร์ก็จะวิ่งไปตรงนั้น ให้ พออุ่นใจว่าไม่ได้อยู่คนเดียวบนถนนที่ไม่คุ้นตาเช่นนี้ แสงจันทร์นึกถึงภาพที่เธอวิ่งออกจากที่พักตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ยังจำ ความรูส้ กึ ทีท่ ำให้เธอกล้าตัดสินใจออกมาจากทีน่ น้ั แม้จะยังไม่รจู้ ดุ หมาย ปลายทางก็ตามเถอะ เวลานี้ยังมีแสงไฟสว่างไสวไม่มืดมิดเสียทีเดียว แต่ ความรูส้ กึ ของเธอกลับมืดมิดเหมือนคนตาบอดสนิทเสียแล้ว เธอเริม่ สับสน ในใจคิดอยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือจะต้องวิ่งไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่ จะไกลได้ ดูคนบนท้องถนนแต่ละคนล้วนเร่งรีบ เธอห่อตัวหยุดอยูท่ ม่ี มุ ตึก แห่งหนึ่งที่พอบังลมบังฝนได้ เธอยังไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนแต่ต้องหยุดตรงนี้ นํ้าตาเจ้ากรรมเริ่มไหลริน เธอถามตัวเองจะไปไหนดีหนอ เธอเพิ่งมาอยู่ ปารีสได้แค่ 7-8 เดือน เป็นการ “อยู”่ ปารีสทีไ่ ม่เคยออกไปไหนตามลำพัง นอกจากเดินลงจากตึกเพื่อเอาตะกร้าผ้ากองใหญ่ลงไปซักที่เครื่องซักผ้า อัตโนมัติข้างล่างตึกที่เธออาศัยอยู่ เป็นกิจวัตรที่เธอทำเป็นประจำทุกวัน เท่านั้น เธอเปิดกระเป๋าถือเพียงใบเดียวที่มีติดตัวมา ค้นหานามบัตรที่มี อยู่ 7-8 ใบของลูกค้าบางคนที่ให้ไว้ เธอสุ่มหยิบขึ้นมาใบหนึ่ง ตัดสินใจ กดโทรศัพท์มือถือหาเจ้าของนามบัตรนั้นพร้อมใช้มืออีกข้างปาดนํ้าตา ข้างแก้ม มือและเสียงเริ่มสั่นพอๆ กัน “คุณคะฉันชื่อแสงจันทร์ คุณคงจำฉันได้นะคะ คือ...คืนนี้ฉันขอ ไปพักที่บ้านคุณสักคืนได้ไหมคะ” เธอพูดโทรศัพท์กับใครบางคน เสียง ปลายสายเงียบไปสักครู่ “ได้สิ ตอนนี้ คุณอยู่ไหนล่ะ” “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันอยู่ที่ไหน” “อ้าว! ยังไงนะ มองดูที่ตัวตึกสิ ว่าเลขที่เท่าไหร่ ถนนชื่ออะไร ” 52 52
แสงจันทร์รีบตอบกลับ “ฉันอยู่หน้าหน้าตึกเลขที่ 59 มีชื่อถนน ฉันอ่านไม่ออก แต่สะกดอย่างนี้ค่ะ....” เสียงชายคนนั้นสั่ง “คุณรออยู่ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวผมไปหา” แสงจันทร์ใจชืน้ ขึน้ มาเป็นกอง อย่างน้อยก็ยงั มีคนทีพ่ อจะให้เธอ พึ่งได้ เธอบอกกับตัวเองว่าต้องยืนอยู่ตรงนี้ จะไม่ยอมเดินไปไหนจน กว่าใครคนนั้นจะมา เธอรู้สึกเหมือนเป็นเป้าสายตาของคนที่เดินผ่าน ไปมามากมาย ผู้ชายหลายคนยักคิ้วหลิ่วตาให้ แล้วก็เดินเลยไป แต่ เธอไม่มีกระจิตกระใจที่จะไปสนใจพวกเขาเหล่านั้น เธอ รอ และรอใคร คนนั้นเกือบสองชั่วโมง แต่ยังไม่เห็นวี่แววของเขา ถ้าเป็นคนนั้นเขาคง เข้ามาทักเธอ ถึงตอนนีแ้ ทบจะไม่มคี นเดินผ่านมาตรงทีเ่ ธอยืนอยู่ เสียง โทรศัพท์ดังขึ้นอีกหลายครั้ง เธอลังเลที่จะรับสายเพราะกลัวว่าปลาย สายจะเป็นใครสักคนที่เธอกำลังหนีเขาออกมา พลางคิดว่าถ้าเขารู้ว่า เธอไม่อยู่บ้าน ป่านนี้เขาคงจะออกตามหาตัวเธอกันทั่วไปหมดแล้ว ยิ่ง คิดใจเธอก็ยิ่งหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เวลาดึกขนาดนี้ แสงจันทร์เริม่ คิดไปต่างๆ นานา ถ้าเขาคนนัน้ ไม่มา เธอจะทำอย่างไร ถ้าจะเดินไปหาโรงแรมที่เธอเห็นในละแวกนี้ ก็ ไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ สตางค์จำนวนน้อยนิดที่ติดตัวมาก็อาจจะไม่พอที่ จะจ่ายค่าโรงแรมได้ หากเป็นโรงแรมเล็กๆ ก็อาจจะพอจ่ายไปได้สักคืน กระมัง เธอตัดสินใจที่จะไม่รอใครคนนั้น และจะต้องออกเดินไปจาก ตรงนี้ ในขณะที่เธอเดินก้าวออกไปได้สี่ห้าก้าวนั้น เธอก็ได้ยินเสียงใคร คนหนึ่งเรียกอยู่ข้างหลัง “คุณ...คุณที่โทรหาผม...” เขากำลังจ้องมองเธออยู่ เธอคงจำ หน้าเขาไม่ค่อยได้ชัด แต่คิดว่าน่าจะใช่ เขาเองอาจจะจำเธอไม่ได้เช่น กันกระมัง รู้จักเขาเพียงเคยเป็นลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น และแทบจะไม่ได้ คุยอะไรกันเลย ได้ยินเสียงเขาถามขึ้น “ใช่คุณ...ใช่ไหมครับ...นี่ผมเอง” “ค่ะดิฉันเองที่โทร... ” “งั้นมากับผมสิ ไปที่บ้านผมก่อน แล้วค่อยคุยกันว่าเกิดอะไร ขึ้น” แสงจันทร์เดินตามเขาไปโดยดี พลางคิดในใจว่าอย่างไรเสีย คืนนี้ก็คงจะมีที่ให้ซุกหัวนอน พอถึงบ้านเขาเธอก็จำภาพบ้านหลังนี้ได้ ทันที นายหญิงของเธอเคยพามาที่นี่ 2-3 ครั้งแล้ว เจ้าของเป็นหนุ่ม ใหญ่สุภาพ อ่อนโยน มากกว่าคนอื่นๆ ที่เธอเคยรู้จัก บ้านเขาอยู่บน ถนนใหญ่ใจกลางเมืองปารีส เขาเปิดประตูให้เธอเข้าไปในบ้าน เขาเห็น แสงจันทร์ห่อตัวอันหนาวสั่นภายใต้เสื้อผ้าอันเปียกปอน “คุณคงหนาว ผมจะหาเสื้อยืดตัวใหญ่ๆ ของผมให้คุณเปลี่ยน ก็แล้วกัน ห้องนํ้าอยู่ทางนี้ครับ คุณควรอาบนํ้าอุ่นๆ ก่อน”
แสงจันทร์หยิบเอาเสือ้ ทีเ่ ขายืน่ ให้เข้าห้องนํา้ ไปด้วย เธออาบ นํา้ และสระผมที่เปียกปอนจากสายฝนเมื่อครู่ สักพัก เธอออกจาก ห้องน้ำมาในชุดเสื้อยืดของเขา “ดิฉันต้องขอโทษที่มารบกวนคุณ ดิฉันไม่รู้จักใคร...” เขารีบตอบ “ไม่เป็นไรครับ พักผ่อนให้สบายก่อน คุณทาน อะไรมาหรือยัง จะดื่มอะไรร้อนๆ ไหมครับ” เขาถาม “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมาก ดึกมากแล้ว คุณไปนอนดีกว่า” “ไม่ต้องเกรงใจนะครับ คิดว่าเป็นบ้านของคุณก็แล้วกัน อืม ผมว่า ผมขอตัวไปนอนดีกว่าเพราะพรุ่งนี้ผมมีนัดแต่เช้ามืด คุณนอน ในห้องนี้ให้สบาย ถ้าคุณต้องการอะไรตอนเช้า มีทุกอย่างในห้องครัว ผมอาจจะต้องออกไปก่อนคุณตื่นนอน” แสงจันทร์เดินเข้าไปในห้อง ล้มตัวลงที่เตียง ตาเหม่อลอย เธอคงนอนไม่หลับแน่นอน เธอนึกถึงชีวิตของตัวเอง ทำไมต้องมาตก ระกำลำบากในต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้นะทั้งๆ ที่เธอเพิ่งอายุย่าง เข้า 23 ปีเท่านั้น ยังอายุน้อยเกินไปหรือเปล่าที่จะต้องมารับผิดชอบ คนหลายๆคนทั้งครอบครัวเช่นนี้ นึกถึงครอบครัว ทางบ้านจะรู้ไหม นะว่า ย้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เธอได้มาอยู่เมืองปารีสได้อย่างไร ปารีสที่สวยงามอย่างที่ใครๆ ใฝ่ฝัน เธอมาเห็นแล้ว ตึกรามบ้านช่อง สวยก็จริง แต่สิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ข้างในไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด มันคือ โลกในห้องแคบๆ สี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เป็นบ้านของนายจ้างที่เธอมาอยู่ ด้วย นายจ้างเคยบอกกับแสงจันทร์วา่ เธอจะมีชวี ติ สบายทีเ่ มืองนอก มีหอ้ งพักส่วนตัว ทำงานในบ้านเบาๆ แต่สามารถมีเงินส่งให้ครอบ ครัวได้ทีละมากๆ เธอเชื่อและหวังเช่นนั้น เธอไม่ได้จบการศึกษาสูงๆ ได้งาน อะไรก็ต้องเอาไว้ก่อน เธอจำได้เมื่อตอนเป็นเด็กๆ เธออยากไปเรียน หนังสือกับเพื่อนๆแต่ด้วยความจำเป็นทางครอบครัว เธอต้องออก จากโรงเรียนกลางครัน ตั้งแต่พ่อทิ้งแม่ไปมีเมียใหม่ ปล่อยให้แม่เธอ และน้องๆ อยู่กันตามลำพังในภาคอีสาน แม่ขายผักผลไม้ในตลาด สดพอเลี้ยงชีพไปวันๆ และตัวเธอเองก็ต้องหางานทำเพื่อช่วยแบ่งเบา ภาระแม่และดูแลน้องๆ ไปโรงเรียน แสงจันทร์ต้องทำงานหนักทุก อย่างที่พอจะสร้างรายได้ให้ที่บ้าน ด้วยความที่เธอเป็นเด็กสาวหน้า ตาดี รูปร่างดี ผิวพรรณขาวสะอาดหมดจด เธอได้ทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหารแห่ง ทำให้มีหนุ่มๆ มาติดพันมากมาย บางครั้งถึง ขั้นลวนลาม โชคดีมีหนุ่มบริกรในร้านคนหนึ่งใจดีและคอยช่วยเหลือ เธออยู่เสมอเมื่อมีคนมาเกาะแกะ ความมีนํ้าใจของเขาทำให้เธอคิด ว่าเขาคงปกป้องช่วยเหลือเธอได้ อีกทั้งพื้นฐานทางครอบครัวของเธอ และเขาคล้ายๆ กัน ทั้งคู่มาจากครอบครัวที่แตกแยกเหมือนกัน ด้วย ความเห็นใจ ทั้งคู่ตกหลุมรักซึ่งกันและกันอย่างรวดเร็ว อยู่กินด้วยกัน จนมีลูกน้อย ขณะที่อายุยังน้อยทั้งคู่ เธอหยุดงานตอนคลอด รายได้ หายไปครึ่งหนึ่ง ทำให้เงินทองเริ่มขัดสน เธอถูกแม่ดุด่า ฝ่ายสามีเริ่ม ออกเที่ยวเตร่กับเพื่อน ดื่มเหล้าจัดกลายเป็นโรคร้ายผสมกับร่างกาย ไม่แข็งแรง ในที่สุดเขาก็จากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ หลังจากที่แฟน หนุ่มเสียชีวิต เธอรับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ พอเลี้ยงลูกตามลำพัง ได้สบาย แต่ก็ยังมีครอบครัว แม่และน้องๆ ที่เธอจะต้องดูแลร่วมอีก เธอจำต้องดิ้นรนหางานทำเพื่อให้ได้เงินเดือนมากขึ้น ความรู้สึกถือ เป็นหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวทั้งหมด เธอฝากลูกน้อย ไว้กับยายแก่ๆ ข้างบ้านแล้วไปทำงานขายของในตลาด และทำงาน ร้านอาหารในตอนกลางคืน ลูกของเธอก็อดๆ อยากๆ เพราะหญิง สาวไม่มีเวลาให้นม ชีวิตเธอดำเนินมาเช่นนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อน บ้านเห็นใจและแนะนำให้เธอรู้จักกับสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นชาว ต่างชาติส่วนภรรยาเป็นคนไทย ทั้งคู่เสนอความช่วยเหลือให้เธอมา ทำงานในต่างประเทศ โดยสัญญาว่าจะได้เงินเดือนไม่ตํ่ากว่าสอง หมื่นบาท
สองสามีภรรยาเสนอออกค่าใช้จ่ายทำหนังสือเดินทางทุก อย่างให้ก่อน แล้วค่อยทะยอยผ่อนคืนเมื่อเธอทำงานมีเงินเดือนแล้ว แสงจันทร์ฟังอย่างสนใจและคิดไปว่า ถ้าเธอได้ไปทำงานเมืองนอกก็ จะมีรายได้มากขึ้นพอจะเลี้ยงทั้งครอบครัวทั้งหมดได้สบายๆ แม้ว่า เธอจำใจต้องจากลูกน้อยไปไกล แต่เพื่ออนาคตของลูกและทุกคนใน ครอบครัว คงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้คนที่เธอรักมีอนาคตที่ สดใสได้ แสงจันทร์จึงตัดสินใจที่ไปเมืองนอกตามที่สามีภรรยาคู่นั้น แนะนำ แม่ดีใจรับอาสารับเลี้ยงลูกให้เธอ แม่ไม่ต้องทำงานหนักเช่น เดิม แค่รอรายได้จากแสงจันทร์เพียงอย่างเดียว ส่งให้แม่เดือนละ หมื่นกว่าบาทก็คงจะพอ การมาเมืองนอก แสงจันทร์ไม่ต้องเตรียมตัวอะไร เพราะมี คนเตรียมทำเอกสารเดินทางให้เสร็จสรรพ มีคนพาไปทำหนังสือเดิน ทาง ทำวีซ่า และออกค่าใช้จ่ายให้เธอทั้งหมด ทุกอย่างดูง่ายดาย วีซ่าของแสงจันทร์เป็นวีซ่าสำหรับเดินทางเข้าประเทศหนึ่งในแถบ สแกนดิเนเวียนตามจดหมายเชิญของใครคนหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้จัก เชิญเธอไปเที่ยว วันเดินทางไม่ได้มีเพียงแค่แสงจันทร์เท่านั้น แต่มี ผู้หญิงสาวคนอื่นๆ ร่วมเดินทางมาด้วยกัน เมื่อมาถึงจุดหมายปลาย ทางต่างคนก็แยกย้ายกันไปตามเมืองต่างๆ ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าไปที่ ไหนกันบ้าง สำหรับแสงจันทร์นั้น มีคนนำทางถึงกรุงปารีสเมืองศิวิ ไลซ์ เจ้านายมีที่พักเป็นห้องแคบๆ หันไปทางไหนก็จะเดินชนกัน ตอนแรกๆ ทุกอย่างก็ดี พออยู่กันได้ ก็ทำความสะอาดห้องแคบๆ ไปก่อน เจ้านายบอกว่าถ้าอยากได้เงินก็ต้องทำงานพิเศษ และจะ เลือกงานไม่ได้ แสงจันทร์เป็นสาวสวยวัยรุ่นแรกแย้ม ไม่มีความรู้ ทางด้านภาษาเพียงพอ ทำงานอย่างอื่นคงไม่ได้ ต้องเป็นงานที่เจ้า นายคิดไว้ให้ล่วงหน้าอย่างเสร็จสรรพแล้ว ตอนนี้ไม่มีทางเลือก สิ่ง สำคัญสัญญาเงินกู้ที่ทำไว้ก่อนมา ที่บ่งบอกว่าต้องทำงานใช้หนี้ไป ในตัวทุกเดือน ถ้าไม่เช่นนั้นดอกเบี้ยก็จะทบต้นเป็นเงาตามตัว นั่น หมายความว่าเธอจะต้องทำงานใช้หนี้ จนกว่าหนี้จะหมด และไม่รู้ เลยว่าหนี้นี้จะหมดเมื่อไร เจ้านายจัดการถ่ายภาพเธอขึ้นอินเทอร์ เน็ตเป็นหญิงบริการออนไลน์ งานเบา รายได้งาม เจ้านายเน้น แสง จันทร์หวั่นไหว เและหวาดกลัว แต่เมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ต้องมีเงินส่งลูกและแม่เท่านั้นที่เธอ คิด เธอเริ่มมีรายได้เล็กน้อยๆ เป็นรางวัลตอบแทน แต่ก่อนอื่นจะ ต้องทำงานใช้หนี้ก่อนไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องรับเงินเดือนก้อนใหญ่ แสงจันทร์ตื่นเช้าขึ้นมาทำความสะอาดห้องและเตรียมทำกับข้าวไว้ ให้เจ้านายทุกมื้อเช้าสายบ่ายเย็น พอตกเย็นเธอต้องเอาผ้าไปซัก วันๆ เธอก้มหน้าทำงานโดยไม่ปริปากพูด สิ่งเดียวต้องการคือเงิน เพือ่ ส่งให้ลกู และแม่ กว่าจะเก็บเศษเงินได้แต่ละเดือนมันไม่งา่ ยอย่าง ที่คิด การมาอยู่ที่นี่เหมือนติดคุกสำหรับเธอ ไม่มีเวลาออกไปไหน นอกจากนายหญิงพาไปบ้านลูกค้าที่เรียกใช้บริการเป็นครั้งคราวเท่า นั้น วันๆ ต้องทำงานใช้หนี้เขา เหมือนมาหาเงินให้เจ้านายใช้อย่าง สนุกมือ รันทดใจอนาคตมืดมน เธอตัดสินใจกล้าเสี่ยงตายที่จะวิ่ง ออกไปสู่ทางที่มองไม่เห็นแสงสว่างอะไรข้างหน้า แม้รู้ว่าอาจจะมี อันตรายรออยู่ แต่มันก็เป็นเส้นทางสุดท้ายสำหรับวันนี้ ความทุกข์ ระทมทางจิตใจกับร่างกายที่ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอมาเป็นเวลา ยาวนานทำให้เธอหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว แสงจันทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้น เพิ่งสังเกตเห็นห้องนอนกว้างสวย สะอาดตาที่ไม่คุ้นเคย เมื่อคืนตาเธอพร่ามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นรู้สึก สบายอย่างบอกไม่ถูกที่ได้นอนบนเตียงนุ่มกว้างใหญ่ที่ปูผ้าขาว สะอาดได้กลิ่นหอม เธออยากจะนอนเล่นอยู่ตรงนี้ไปนานๆ รู้สึกไม่ เคยมีอิสระอย่างนี้มานานแสนนานแล้ว วูบหนึ่งอดไม่ได้ คิดถึงลูก คิดถึงแม่ที่อยู่เมืองไทย ป่านนี้พวกเขาจะเป็นอย่างไรกันบ้างหนอ เพียงแค่คิดนํ้าตาเธอเริ่มไหลริน เธอหลับตาอย่างปวดร้าว รำพัน MAY 2009 MAY 2009
53 53
ในใจว่าทำไมเราต้องมาอยู่ทุกข์ทรมานใจในต่างแดนเช่นนี้นะ แสงจันทร์ค่อยๆ ลุกจากเตียง เปิดประตูออกไปพบบ้าน ว่างเปล่า เขาคงออกไปทำงานแล้ว มองดูนาฬิกาเลยสี่โมงเย็นไป แล้ว ตั้งแต่มาถึงปารีส นี่เป็นวันแรกที่เธอได้นอนตื่นสายขนาดนี้ ด้วยความหิว เธอมองหาอะไรในครัวทานอาจเป็นเพราะว่าไม่มี อะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เมื่อวานนี้ เธอมองเห็นขนมปัง กาแฟ นม เนย แยม วางอยูบ่ นโต๊ะ เขาคงจัดเตรียมอาหารไว้ไห้กอ่ นไปทำงาน เธอทานอาหารเสร็จ ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนมาใส่เสื้อผ้าชุดเมื่อ วานของเธอที่ซักแห้งแล้ว เธอนั่งคิดว่าจะจัดการกับชีวิตตัวเอง อย่างไรต่อไปดี เมื่อออกไปจากที่นี่ แล้วจะไปที่ไหน จะให้อยู่บ้าน นี้ต่อไปก็คงเป็นไปไม่ได้ เธอยังไม่รู้จักเขาดี คงไม่กล้ารบกวนเขา มากไปกว่านี้ แต่ยิ่งคิดหาหนทางไปก็ดูมืดมน คิดจะออกจากบ้าน หลังนี้ไปตอนนี้เลย ก็คงไม่ใช่มารยาทที่ดีสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ ควรจะได้กล่าวขอบคุณและร่ำลาคนที่ช่วยเหลือเธอสักหน่อย เธอ อยากออกไปเดินเล่นข้างล่างตึกก็คงทำไม่ได้ เพราะไม่มีกุญแจไข เข้าบ้าน จำเป็นต้องนั่งอยู่ตรงนี้ ทั้งยังไม่กล้าที่จะละลาบละล้วง เดินไปสำรวจดูห้องอื่นๆ เสียงออดประตูดังขึ้นแต่เธอไม่กล้าออกไปเปิด เธอได้ยิน เสียงคนไขกุญแจและเดินเข้ามา คงเป็นเจ้าของบ้านที่เธอยังจำชื่อ เขาไม่ได้ รู้แค่ว่าเขาเคยเรียกใช้บริการสองสามครั้ง และเขาให้ นามบัตรเธอไว้เท่านั้น “สวัสดีครับ” เขาทักด้วยท่าทางเรียบเฉย “ผมเป็นห่วงคุณว่าจะไม่มีอะไรทาน เลยรีบออกจากที่ทำ งานมาก่อน แล้วคุณทานอะไรหรือยัง” “ทานแล้วค่ะ ทานอาหารที่อยู่ในครัว ต้องขอขอบคุณคุณ มากที่กรุณา...” เขารีบโบกมือห้าม “ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ว่าผมจะมีแขกมาพักที่บ้านผมมะ รืนนี้” ได้ยินเช่นนั้น แสงจันทร์คิดว่าสมควรจะต้องบอกลาเขาตอน นี้ คงจะดีที่สุด “ค่ะ ดิฉันเองก็คงจะขอรบกวนคุณแค่นี้ ตั้งใจว่าก่อนจะ ออกไป อยากรอพบคุณเพือ่ ขอบคุณทีใ่ ห้ทพ่ี กั แก่ดฉิ นั ดิฉนั ไม่ทราบ จะตอบแทนคุณได้อย่างไร ดิฉันอยากจะให้คุณมากกว่าคำขอบ คุณ” “คุณจะไปไหนต่อหรือครับ” “ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เธอตอบแบบเหม่อลอย เขา สังเกตเห็นท่าทางเธอ จึงถามขึ้น “หมายความว่าคุณหนีเขาออกมา...” เธอพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ ดิฉันทนต่อไปไม่ไหวค่ะ งานหนักเกินไป...” “ผมเข้าใจ เอาอย่างนี้ไหมครับ ถ้าคุณยังไม่รู้จะไปที่ไหนก็ พักที่ห้องผมก่อนอีกสักคืน” “ขอบคุณมากค่ะ แต่ดิฉันไม่ได้มาทำงาน ...” “ผมทราบ และผมก็ไม่ได้เรียกคุณให้มาทำงาน....” เขา เห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดีนักเลยรีบบอกอีกว่า “ถ้าคุณไม่รังเกียจ ก็อยู่ต่อสัก 2 -3 คืนก็ได้” แสงจันทร์ หันหน้าไปมองหน้าต่าง ท่าทางครุ่นคิด “ดิฉันคงไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้หรอกค่ะ...” “ผมอยู่ที่บ้านคนเดียว ถ้าคุณชอบทำกับข้าวก็...” เขารีบ เสนอ “ดิฉันยินดีที่จะเตรียมอาหารให้คุณค่ะ” เธอรีบเสนอตอบ เพราะอย่างน้อยก็จะได้มีที่นอนอีกสักคืนสองคืน พอให้มีเวลาคิด หาทางออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป 54
“ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วย...” แสงจันทร์อึกอักด้วยความเกรงใจ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ ไม่ใช่หน้าทีอ่ ะไรของเขาทีจ่ ะมารับผิดชอบเธอ “ไม่มีอะไรให้ช่วยหรอกค่ะ แค่นี้ก็รบกวนคุณมากไปแล้ว” เธอ หยุดเล็กน้อย “แต่เกรงว่าเจ้านายเขาจะตามหาตัวดิฉัน ถ้าเขาพบตัว ดิฉันก็ ต้องกลับไปทำงานให้เขาอีก....อย่างไม่มีทางเลือก...” “ผมเข้าใจแล้ว หรือว่าที่ผ่านมา คุณถูกบังคับให้ทำงานหรือ ครับ...” เธอนิ่งเงียบ น้ำตาคลอเบ้า เขาพอคาดเดาคำตอบได้จึงรีบ ตัดบท “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณอยู่ที่นี่ไปก่อนจนกว่าคุณจะหาทาง กลับบ้านได้ ผมคิดว่าคุณควรไปสถานทูตไทยนะครับ” “ดิฉนั ก็คดิ เช่นนัน้ แต่ดฉิ นั ไม่ทราบว่าสถานทูตไทยอยูท่ ไ่ี หน ดิฉนั ไม่มบี ตั ร ถ้าถูกตำรวจจับก็อาจจะต้องติดคุก หรือส่งกลับเมืองไทย โดยด่วน อันนัน้ ดิฉนั ไม่ทราบ ดิฉนั ไม่มเี อกสารอะไรติดตัวเลย เจ้านาย เขาเก็บพาสปอร์ตไว้ และดิฉันก็ไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน ...” เขาก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร แต่ดสู หี น้าเขาครุน่ คิด จากนัน้ ก็ลกุ เข้า ไปในห้องส่วนตัวพร้อมกลับออกมาใหม่ในชุดลำลอง เขาเริม่ ลงมือทำ อาหารเย็น เธอช่วยเขาทำงานบ้างตามวิสยั หญิงไทยทีด่ ี จะให้นง่ิ ดูดาย อยู่บ้านเขาอย่างเดียวนั้นคงทำไม่ได้ แสงจันทร์นอนที่นั่นอีกหนึ่งคืน ในห้องเดิมที่เป็นส่วนตัว แสง จันทร์ได้นอนเต็มอิ่ม วันนี้เธอไม่นอนตื่นสาย แต่เขาออกไปก่อนแล้ว เขาจัดอาหารเช้าไว้ให้พร้อมวางกุญแจบ้านนามบัตรทีอ่ ยูแ่ ละเบอร์โทร ศัพท์ที่ทำงานไว้ให้เธอเพื่อเธอเข้าออกบ้านได้สะดวกและเผือ่ เธอหลง ทาง ตอนนีแ้ สงจันทร์จำชือ่ เขาได้แล้ว เจ้าของบ้านผู้มีน้ำใจคนนี้ชื่อ “อีริค” เธอต้องจำชื่อนี้ให้ขึ้นใจ ออกเสียงตามภาษาอังกฤษจะง่าย กว่าถ้าออกเสียงภาษาฝรั่งเศส “เอริค” คงจะยากสักหน่อย เธอออก จากบ้านไปเดินสำรวจแถวๆ นั้น ข้างล่างเป็นถนนใหญ่สองข้างทางมี ต้นไม้เรียงรายตรงกลางเป็นสนามหญ้ากว้างตลอดสาย ย่านนีค้ งเป็น ย่านทีแ่ พงทีส่ ดุ แห่งหนึง่ ของกรุงปารีสกระมัง วันนี้อากาศแจ่มใส แสง อาทิตย์เจิดจ้า เธอรู้สึกเป็นอิสระ ได้เห็นผูค้ นเดินไปมา บ้างนัง่ คุยกัน บนสนามหญ้า เธอนัง่ มองดูพอ่ แม่หยอกล้อกับลูกๆ ที่มานั่งเล่นสนาม หญ้า แม้ว่าลึกๆ เธอหวาดกลัวอะไรบ้างอย่าง แต่กระนั้นเธอก็ยังได้ สัมผัสกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ได้เห็นแสงตะวัน และมีอิสรภาพ เหมือนนกน้อยเริ่มหัดบินออกจากรังเป็นครัง้ แรก คิดถึงลูก แม้จะมี ความเจ็บปวดทีย่ งั หลอกหลอนเธอ มันฝังลึกเกินกว่าจะทำให้ลืมสิ่งที่ อยู่ข้างหลังได้... ภาพเก่าๆ ผุดขึน้ ในจิตใจเธอ จากหนองบัวลำภู ถึงกรุงเทพฯ หญิงสาวยังจำวันที่แม่พูดว่า “แม่เห็นพวกผู้หญิงที่มีผัวอยู่เมืองนอก นะ เขามีเงินกลับมาสร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่กันทุกคน ทุกหมู่บ้านพวก เมียฝรั่งร่ำรวยกันทุกคน ถ้าเธอทำงานล้างจานอย่างนี้ต่อไป ลูกเธอ จะมีอะไรกิน” “แม่อยากให้หนูทำอย่างนั้นใช่ไหม” แม่ไม่ตอบว่ากระไร แต่ เสียงนั้นยังแว่วอยู่ในหูตลอดเวลา “นี่ยังไง มาแล้ว” เธอนึกตอบในใจดังๆ อย่างขมขื่น ใช่สิ ลูก เราจะต้องมีอนาคต จะต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม แต่ทั้งหมดก็ เป็นเพียงภาพฝันที่เลือนลางเหลือเกิน... ติดตามตอนต่อไป..ฉบับหน้า
£25
หมายเลขโทรศัพท์...................................................................
15.00 / 6 months (packing & postage fees) ( 15.00 / 6 เดือน รวมคาจัดสงและอากรแสตมป)
25.00 / 12 months (packing & postage fees) ( 25.00 / 12 เดือน รวมคาจัดสงและอากรแสตมป)
30.00 EUR / 6 months (packing & postage fees) (30 EUR / 6 เดือน รวมคาจัดสงและอากรแสตมป)
40.00 EUR / 12 months (packing & postage fees) (40 EUR / 12 เดือน รวมคาจัดสงและอากรแสตมป)
Pure-col Enhanced 100% Collagen caps as taken by many world leading sports people
อาหารเสริมความงาม สุขภาพดี
Collagen 100% 1m. £29.95, 3m. £70.00 บริสุทธิ์ ฟนฟูผิวเนียนใส ยกกระชับผิวหนา Eye-lifting 1x15ml £22.95 , 2x15ml £44.00 คอลลาเจน เจลกระชับรอบดวงตาตึง W8 1m. £29.95, 3m. £70.00 ลดน้ำหนัก ขับไขมัน เห็นผลแตกตาง จนคุณสัมผัสได C Breast 1m. £195 ชวยแกปญหาเพิ่มขนาดได สำหรับสาวหนาอกเล็ก Harmony 1m. £19.95, 3m. £45.00 ปรับอารมณใหดี ชวงสาวมีประจำเดือน หรือสาววัยทอง รายไดพิเศษ จัดสงฟรี รายละเอียดเพิ่มเติมติดตอ 0759617 0417
บริษัท Asian Resource Management Limited ยินดีรับบริการปรึกษา และจัดการ งานด้านเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับ ร้านอาหาร และผู้ที่อาศัยในอังกฤษ และ สหราชอาณาจักร ตามรายละเอียดดังนี้ สำหรับรานอาหาร จัดหาพนักงานลงร้านอาหารพร้อมสมัคร ใบ Work Permit จัดเตรียมเอกสารการและดำเนินการสมัคร เป็น สปอนเซอร์ของระบบ Point-Based System สำหรับบุคคลทั่วไป ดำเนินการเรื่องการต่อวีซ่าทุกประเภท เช่น วีซ่าหลังสมรสในยูเคแล้ว วีซ่านักเรียน และ วีซ่าถาวร จัดเตรียมเอกสารการสมัครสัญชาติ อังกฤษ และพาสปอร์ตอังกฤษ บริการอบรม การสอบ Life in the UK Test ทั้งในและนอกสถานที่ เราพรอมที่จะใหบริการท่านในราคาที่เปนธรรม
ติดตอ : คุณเรืองวิทย
หรือ
T. 01782 635100 T. 07515011613 A: 1 King Street, Newcastle-under-Lyme Staffordshire, ST5 1EN W: www.asianarm.co.uk E: info@asianarm.co.uk
SmileThink
แค่ห้านาที วันหนึ่ง ขณะที่อยู่ที่สวนสาธารณะ หญิงคน หนึ่งนั่งข้างชายคนหนึ่งบนม้านั่งใกล้สนามเด็กเล่น “ลูกชายของฉันอยู่นั่นค่ะ” เธอบอกและชี้ไปที่เด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งใน เสื้อกันหนาวสีแดงที่กำลังไถลลื่นลงมาที่กระดานลื่น “หน้าตาดีเชียวครับ” ชายคนนั้นตอบ “ลูกชายผมอยู่ที่ชิงช้า ใส่เสื้อสีฟ้าครับ” แล้วเขาจึงก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะ ตะโกนเรียกลูกชาย “ท๊อด ลูกจะว่ายังไง ถ้าเราจะกลับกันแล้ว” ท๊อดอ้อน “ขอห้านาทีฮะ นะฮะ ขออีกแค่ห้า นาที” ชายคนนั้นพยักหน้าและท๊อดก็ได้เล่นชิงช้าต่อ ไปอย่างทีต้องการ ห้านาทีผ่านไป พ่อลุกขึ้นยืนร้องเรียก ลูกชายอีกครั้ง “ได้เวลาไปหรือยัง” อีกครั้งที่ท๊อดอ้อน “ห้านาทีฮะ พ่อ แค่อีกห้า นาทีฮะ” ชายคนนั้นยิ้มและพูดว่า “ตกลง”
58
“เหลือเชื่อ คุณช่างเป็นพ่อที่อดทนจังค่ะ” หญิงคนนั้นบอก ชายคนนั้นยิ้มแล้วจึงพูดว่า “ทอมมี่ ลูกชายคนโตของผมถูกคนเมาขับรถ ชนตายเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่แกขี่จักรยานเล่นแถวนี้ ตอน นั้นผมไม่มีเวลาให้ทอมมี่มากนัก แต่ตอนนี้ผมยินดีแลก ทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับทอมมี่แม้อีกเพียงนาทีเดียว แม้ จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม ผมสาบานไว้ว่าจะไม่ทำผิดซ้ำสองกับท๊อดอีก วันนี้สำหรับท๊อด แกคิดว่าแกมีเวลาเล่นชิงช้าเพิ่มอีกห้า นาที แต่ที่จริงแล้วเป็นผมต่างหาก ที่มีเวลาดูแลแกเพิ่ม อีกห้านาที” เวลาไม่เคยรอใคร เมื่อมันผ่านไปแล้ว มันจะ ไม่กลับมาอีก จงใช้เวลาของคุณทุกขณะอย่างดีที่สุด คุณจะรู้คุณค่าของเวลา เมื่อคุณได้แบ่งปันเวลาพิเศษกับ คนที่พิเศษสุดในชีวิตคุณ
deliver freshness... spice up your life !!!