ฉบับที่ ๒ / ปีการศึกษา ๒๕๕๔

Page 1

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับ “โลกรอดเพราะกตัญญ”ู

ฉบั บ กรกฎาคม - กั น ยายน ๒๕๕๔ ปี ก ารศึ ก ษา ๒๕๕๔


สารจากครู ใ หญ่ เมือ่ พูดถึง “ความกตัญญู” แวบแรกทีผ่ ดุ ขึน้ มาในหัวสมอง คือ ภาพตัวเองในสมัยเด็กที่เมื่อนั่งรถผ่านพระบรมรูปรัชกาลต่างๆ คุณแม่กจ็ ะบอกให้ยกมือสักการะทุกครัง้ ครูออ้ นทำ�โดยไม่ลงั เลอะไร และก็ท�ำ มาจนกระทัง่ ทุกวันนีจ้ นเป็นปกติของชีวติ เพราะเราก็เชือ่ ว่า สิง่ ทีพ่ อ่ แม่บอกให้เราทำ�ก็นา่ จะต้องเป็นสิง่ ทีด่ ี ไม่เคยตัง้ คำ�ถามเลยว่า ทำ�ไมต้องยกมือไหว้ เพิ่งจะมาเข้าใจว่าทำ�ไมจึงยกมือไหว้เมื่อทำ�การ ศึกษาพุทธปัญญา การศึกษาที่ผ่านมาให้ความสำ�คัญเรื่องสิทธิและหน้าที่มาก หน้าทีข่ องลูกทีด่ คี อื เรียนหนังสือให้เก่งและเรียนให้สงู เพือ่ จะได้เป็น เจ้าคนนายคน แล้วค่อยตอบแทนคุณเลีย้ งดูพอ่ แม่เมือ่ ลูกโตมีการงาน ทำ� ส่วนหน้าที่ของพ่อแม่ที่ดีคือ ทำ�งานหาเงินตัวเป็นเกลียว เพื่อมา ปรนเปรอครอบครัว ผลปรากฎว่าเป็นอย่างไร สังคมกลับเลวร้ายลง จำ�นวนลูกทอดทิง้ ไม่เหลียวแลพ่อแม่มมี ากขึน้ ความสุขในครอบครัว ลดน้อยลง ต่างคนต่างอ้างว่าทำ�หน้าที่ของตน ครูอ้อนเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนอยากมีลูกที่เรียนหนังสือดี มี คุณธรรม รู้บุญคุณ แต่เรามักจะเผลอและให้ความสำ�คัญกับเรื่องการ เรียนมากกว่าเรื่องอื่นใด ความรู้หาได้ไม่ยาก เมื่อไหร่ก็ได้ แต่การจะ ปลูกฝังคุณธรรมและสิ่งดีงามในชีวิตนั้นใช้เวลา ต้องเริ่มตั้งแต่เล็กๆ และต้องเริ่มเดี๋ยวนี้ มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้เอง เราต้องปลูกต้องฝัง หมั่นรดนำ�้พรวนดินให้งอกงาม ทำ�อย่างไรล่ะที่เราจะปลูกฝังความกตัญญูกตเวทีลงสู่จิตใจ ของเด็ก ไม่ใช่เพียงแค่รู้ความหมายของคำ�หรือทำ�พอเป็นพิธี (สักแต่ ว่าทำ�) สมัยก่อนครูออ้ นเคยนึกแต่เพียงว่าผูม้ พี ระคุณของเราก็คอื พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วสรรพ สิ่งมีคุณต่อเรามีอยู่เหลือคณานับ หนังสือที่เราอ่าน ก็มาจากบุคคล หลายคนที่เราไม่ได้รู้จักเลย ที่ได้ทำ�การศึกษาและรวบรวมไว้ ข้าวที่ เรากิน กว่าจะมาเป็นข้าวในจาน มีกระบวนการอย่างไร เกี่ยวข้องกับ ใครบ้าง เราจึงได้มีข้าวกินอย่างอิ่มหนำ�สำ�ราญ เหล่านี้เป็นตัวอย่าง ความเข้าใจพืน้ ฐานทีเ่ ราต้องปลูกฝังให้กบั ลูกหลานของเราตัง้ แต่เล็กๆ โดยการพาคิดวิเคราะห์ให้ประจักษ์ด้วยตัวเขาเอง การไหว้และการกราบเป็นเรื่องที่เราสามารถพาเด็กศึกษา วิเคราะห์ได้ การไหว้และการกราบทีแ่ ท้จริงคืออะไร สามารถพัฒนา ชีวิตเราได้อย่างไร ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การทักทาย แต่เป็นการแสดง ความเคารพ นอบน้อม และระลึกคุณได้ หากเราทำ�ความคิดกับเด็กๆ ในเรือ่ งนี้ เด็กจะไม่รสู้ กึ ว่าการไหว้เป็นยาขมหรือเป็นเรือ่ งทีต่ อ้ งบังคับ อีกต่อไป สำ�หรับครูอ้อน การไหว้เป็นกิริยาที่งดงามมาก และหาก เป็นการไหว้ด้วยใจยังเป็นกำ�ไรชีวิต เพราะเป็นโอกาสที่เราจะได้ ฝึกความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เผลอลืมตัว และได้เรียนรู้ที่จะ ละอัตตาตัวตนที่กำ�ลังเพิ่มขึ้นอีกด้วย ครูอ้อน บรรณาธิการ วรรณวนัช ฤกษ์ลัภนะนนท์ (ครูหยก) กองบรรณาธิการ จุฬารัตน์ อินทรมหา (แม่แจง) อาภาภัทร ไชยประสิทธิ์ (ครูแหม่ม) กนกอร บุญทวีกิจ (ครูนุ้ย) นัยฤดี สุวรรณาภินันท์ (ครูใหม่) กุลฤดี โอทกานนท์ (ครูตู่) เพ็ญประภา บุญญกฤติ (ครูติ๊ก) พลณัฐ แก้วมณี (ครูอั๋น) นำ�้อ้อย สืบดี (ครูนำ�้อ้อย) หทัยรัตน์ บุตรยิ่ง (ครูโหน่ง) วิทูรพงศ์ วงศรีชู (ครูต้น) ศิลปกรรม พีรพัฒน์ ตติยบุญสูง (ครูย้ง) วรรณวนัช ฤกษ์ลัภนะนนท์ (ครูหยก)

Editor’s Note

บทบรรณาธิ ก าร

“โลกรอดเพราะกตัญญู” คือถ้อยแถลงของท่านพุทธทาส ดูคล้ายถ้อยคำ�นี้จะสื่อถึงวิกฤตและทางออกอยู่ในขณะเดียวกัน เมื่อ พูดถึง “ทางรอด” ร้อยทั้งร้อยมักเป็นเรื่องราวที่กำ�ลังตกอยู่ใน “วิกฤตการณ์” ความโชคดีของมนุษย์เราก็คอื ในคราวเคราะห์รา้ ยทีส่ ดุ มนุษย์ยังมีเครื่องมือที่ช่อื ว่า “ปัญญา” ให้หยิบฉวยมาใช้ขบคิดและ ไขประตูเพือ่ หาทางออกและมอบทางรอดให้กบั จิตใจของตัวเองได้ ในวันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายนนี้ มูลนิธิปัญญาประทีป โรงเรียน ปัญญาประทีป และโรงเรียนทอสี ได้รับแรงหนุนอย่างเข้มแข็งจาก คณะผู้ปกครอง พวกเราได้ร่วมใจกันจัดงาน “ตื่นรู้” ครั้งที่ ๑ : การศึกษาพุทธปัญญา...ทางรอดของสังคมไทย ขึ้น ที่คริสตัลดีไซน์ เซ็นเตอร์ สำ�หรับครูหยกแล้ว นี่เป็นงานทางการศึกษาที่น่าตื่นเต้น ทีส่ ดุ งานหนึง่ เลยทีเดียว เหมือนแสงเทียนสว่างไสวทีก่ ำ�ลังเติมแสงไฟ ให้ กั บ เที ย นเล่ ม เล็ ก และคล้ า ยเป็ น แสงสว่ า งเจิ ด จ้ า ที่ ถู ก จุ ด ขึ้ น ท่ามกลางความมืด โอกาสทีจ่ ะ “ตืน่ รู”้ แบบนีเ้ พิง่ เกิดขึน้ เป็นครัง้ แรก รายละเอียดอยู่ท้ายเล่ม อย่าลืมพลิกอ่านกันนะคะ ในสังคมปัจจุบนั นี้ ผูค้ นไม่นอ้ ยเฝ้าค้นหาและให้ “มูลค่า” กับ สิง่ ทีเ่ ป็นวัตถุเงินทอง จนอาจเผลอลืมไปว่า “คุณค่า” ของสิง่ ทีเ่ งินซือ้ ไม่ได้บนโลกนี้ยังมีอยู่อีกมากมายหลายประการ เราจะให้ราคาของ “อ้อมกอด” เป็นเงินกีส่ ตางค์ ให้ราคาของ “รอยยิม้ ” เป็นเงินกีบ่ าท “สุขภาพทีด่ ”ี “ครอบครัวทีก่ ลมเกลียว” “ลูกหลานทีม่ คี วามกตัญญู” สิง่ เหล่านีล้ ว้ นหาซือ้ ไม่ได้ เป็นสิง่ ทีท่ กุ คนปรารถนา แต่อาจกลายเป็น สิง่ ทีเ่ ราทุม่ เทเวลาชีวติ เพือ่ สร้างเหตุให้เกิดขึน้ ได้นอ้ ยทีส่ ดุ ถึงเวลาแล้ว หรือยัง ทีเ่ ราจะ “ตืน่ รู”้ แล้วหันมาให้คณ ุ ค่ากับสิง่ ทีม่ คี ณ ุ ค่าอย่างแท้จริง ครูหยก

สารบั ญ

ปฏิทินทอสี / เกิดอะไรในทอสี? ๓ พิธีถวายพระพรเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ๔ แลกเปลี่ยนมุมมอง “สรรพสิ่งที่มีบุญคุณต่อพวกเรา” ๗ ความคืบหน้ากองทุนพัฒนาครูวิถีพุทธโรงเรียนทอสี ๘ คำ�กลอนสอนชีวิต “โลกรอดเพราะกตัญญู” ๘ ค่ายทอสีเบิกบาน ๑๐ เปิดหู - เปิดตา - เปิดใจ ๑๑ สรุปกิจกรรม “มนต์รักอักษร” ๑๒ งานถวายปริญญาฯ แด่พระอาจารย์ชยสาโร ๑๔ งานกฐินสามัคคีวัดป่านานาชาติ ๑๕ “โลกรอดเพราะกตัญญู” โดยฝ่ายวิชาชีวิต ๑๖ ชื่นชมยอดนักอ่าน / หนังสือน่าอ่าน ๑๙ เกมภาษาชีวิต โดยครูอ้อน ๒๐ ทอสีรักษ์โลก: ธนาคารทรัพยากร ๒๑ เรื่องเล่าจากชั้นเรียน ๒๒ สุขภาพดี มีพลัง : โยคะท่าผีเสื้อ ๒๕ บทสัมภาษณ์ : “วันวาน” และ “วันนี้” ของครูวิถีพุทธ ๒๖ บทสัมภาษณ์สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ จากมติชนออนไลน์ ๓๑ เด็กทอสีไปไหนกันมาบ้าง? ๓๔ จดหมายจากครูแจ๊ด ฉบับที่ ๔/๒๕๕๔ ๓๖ สิ่งที่ได้จากทอสีและควรต่อยอดที่ปัญญาประทีป ๓๘ ชาวทอสีขอร่วมชื่นชมคนเก่งคนดี ๓๙ งาน “ตื่นรู้”: การศึกษาพุทธปัญญา...ทางรอดของสังคมไทย” ปกหลัง


เกิดอะไรในทอสี?

ปฏิ ท ิ น ทอสี ๒๓ ก.ย. ๕๔ เรียนวันสุดท้าย ภาคเรียน ๑/๕๔ ๒๔ ก.ย. ๕๔ งาน “ตื่นรู้” ครั้งที่ ๑ ที่ CDC

ปฏิบัติธรรมผู้ปกครอง

ผู้ปกครองเข้าอบรมหลักภาษาไทยเบื้องต้น ๓๐ ก.ค. ๕๔

ส.ค. ๕๔

๓๐ ก.ย. ๕๔ พระมหาพงศ์นรินทร์เมตตาอบรมครู ๓ - ๗ ต.ค. ๕๔ สอบคัดเลือกครอบครัวทอสีปี ๕๕ ๖ ต.ค. ๕๔ ครูดูงานที่โรงเรียนวรรณสว่างจิต ๗ ต.ค. ๕๔ ครูอมรมการปฐมพยาบาล ครั้งที่ ๒ ๑๐ - ๑๒ และ ๒๔ - ๒๕ ต.ค. ๕๔ โรงเรียนปิดทำ�การ ๑๗ - ๒๐ ต.ค. ๕๔ ปฏิบัติธรรมครูประจำ�ปี ที่ปากช่อง ๒๑ - ๒๓ ต.ค. ๕๔ ครูร่วมงานกฐินวัดป่านานาชาติ

สืบเนื่องจากการปฏิบัติธรรมครั้งที่ ๓ ที่อาคาร เพาะปัญญา โรงเรียนทอสี ซึง่ เมตตานำ�ปฏิบตั โิ ดย พระชายกลางอภิญาโณและพระอุดม วัดพระราม ๙ กาญจนภิเษก และการปฏิบัติธรรมครั้งที่ ๔-๕ ทีพ่ ระอาจารย์ชยสาโรเมตตานำ�ปฏิบตั ิ ณ ปากช่อง ขอเชิ ญ ทุ ก ท่ า นรั บ ฟั ง เสี ย งเทศน์ MP3 ได้ ที่ www.thawsischool.com ส่วนมุมธรรมะ

ฐานกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ๑๘ ส.ค. ๕๔

คณะครูกลุ่มสาระวิชาภาษาไทย นำ�โดย ครูนาง ครูนุช ครูโก้ และครูรุจ ได้จัดกิจกรรมอบรม “หลักภาษาไทยเบื้องต้น” ขึ้น เพื่อสร้างพื้นฐาน ความเข้ า ใจทางหลั ก ภาษาไทยเบื้ อ งต้ น ให้ ผู้ ปกครอง พร้ อ มเอื้ อ ให้ ผู้ ป กครองสามารถนำ � เทคนิควิธกี ารไปสอนลูกๆ และผลิตสือ่ ได้ดว้ ยตัว เอง ผ่านการสังเกตสื่อต่างๆ ในชีวิตประจำ�วัน แ ล ะ นำ � ม า เ ชื่ อ ม โ ย ง กั บ ห ลั ก ภ า ษ า ไ ด้ (ขออนุโมทนาคุณครูที่ได้มอบรายได้จากการ อบรมให้กองทุนครูวถิ พี ทุ ธทอสีมา ณ ทีน่ ดี้ ว้ ยค่ะ)

ครูเข้าอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ๒๑ ก.ค. ๕๔

๒๖ - ๒๙ ต.ค. ๕๔ ค่าย “ทอสีเบิกบาน” ๑ พ.ย. ๕๔ ประชุมพบปะผู้ปกครองอนุบาล ๓ พ.ย. ๕๔ ประถมเปิดภาคเรียนที่ ๒/๕๔ ๕ พ.ย. ๕๔ ประชุมพบปะผู้ปกครองประถมฯ

คณะครูและเจ้าหน้าทีโ่ รงเรียนทอสีเข้าอบรม ห ลั ก ก า ร ป ฐ ม พ ย า บ า ล เ บื้ อ ง ต้ น กั บ นพ.คำ�นวณ ริสุขุมาล อายุรแพทย์ประจำ� แผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และ คุณชัยนิรุต กันทรประเสริฐ พยาบาล วิชาชีพประจำ�แผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาล สมิติเวช / CPR Instructor ของสมาคมโรค หัวใจแห่งประเทศไทย

๗ พ.ย. ๕๔ อนุบาลเปิดภาคเรียนที่ ๒/๕๔ ๙ - ๑๖ พ.ย. ๕๔ สัมภาษณ์ผู้ปกครอง อ.๓ ขึ้น ป.๑ ๑๑ - ๑๓ พ.ย. ๕๔ ปฏิบัติธรรมค่ายงอกงาม ที่ปากช่อง ๑๒ พ.ย. ๕๔ ปฏิบัติธรรมผู้ปกครอง ครั้งที่ ๗ โดยพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ *กำ�หนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาติดตาม www.thawsischool.com

ช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งตรงกับวันวิทยาศาสตร์ เด็ก ประถมทอสีได้ใช้เวลาเข้าร่วมฐานกิจกรรม วิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่คุณครูจัดขึ้นจำ�นวน ๒๐ ฐานอย่างสนุกสนานและได้สาระ

นอกจากนี้ ครูทอสียงั ได้เข้าร่วมกิจกรรม “ทำ�ไมธรรมะ” ในช่วง ๑๕.๓๐-๑๗.๐๐ น. ของทุกวันพฤหัสบดี เพื่อ ทำ�วัตรเย็น นั่งสมาธิ และเพิ่มพูนความรู้แก่ตนเองกับ วิทยากรจากสาขาอาชีพต่างๆ อาทิ พญ. อมรา มลิลา, อ.ประมวล เพ็งจันทร์, คุณวิภว์ บูรพาเดชะ ฯลฯ รับฟัง ไฟล์เสียง “ทำ�ไมธรรมะ” ได้ท่ี www.thawsischool.com

หมายเหตุ: เนื่องจากเกิดการสูญหายของข้อมูลใน Hard Disk ทางโรงเรียนต้องขออภัยอย่างสูงที่ไม่สามารถเผยแพร่คลิปวีดีโอการแสดงปลายภาคเรียนที่ ๒/๕๓ ตามที่ได้เคย แจ้งไว้ได้ ยกเว้นกรณีงานอำ�ลา ป.๖ ท่านผู้ปกครองของนักเรียนศิษย์เก่า ป.๖ ปีที่แล้ว สามารถติดต่อขอยืม CD บรรยากาศการแสดงในช่วงอำ�ลา ป.๖ ได้ที่ ห้องสมุดเนื่องจากไฟล์ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ส่วนวีดีโอ “อนุบาลแรกแย้ม ประถมเปล่งบาน” ภาคเรียนที่ ๑/๕๔ นี้จะทยอยขึ้นในเว็บไซต์และจัดให้ยืมที่ห้องสมุดต่อไป ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ๓


พิธีถวายพระพรเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ณ โรงเรียนทอสี เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ วันแม่ในปีนี้ ทางโรงเรียนได้ปรับรูปแบบการระลึกคุณ “แม่ผู้ให้” เพื่อแสดงความกตัญญูต่อแม่ของตน ผู้ที่เปรียบ เสมือนแม่บังเกิดเกล้า ตลอดจนแม่ในความเชื่อของคนไทยที่ อยู่คู่กับวิถีชีวิตมาแต่โบราณกาล เช่น “แม่โพสพ” ที่คอยดูแล รักษาข้าวของชาวนา เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ของพืชพันธุ์ธัญญาหาร “แม่คงคา” ที่คอยดูแลปกปักรักษา แหล่งนำ�้ อันเป็นสัญลักษณ์ของการดำ�รงชีวิต “แม่ธรณี” ที่ คอยดูแลผืนแผ่นดินให้แก่เรา เป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิต เป็นต้น และยังมีตัวอย่างการแสดงความกตัญญูที่เราได้ทราบ กันเป็นที่ประจักษ์ชัดคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี ต่อพระราชมารดาของพระองค์

โดย ครูโหน่ง ฝ่ายวิชาชีวิตนักเรียน

ในครั้ ง นี้ นั ก เรี ย นทั้ ง โรงเรี ย นมี ส่ ว นร่ ว มในการแสดง โดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓ และอนุบาล ๓ เป็นนักแสดง นำ� ส่วนนักเรียนที่เหลือทั้งหมดมีส่วนร่วมในการร้องเพลงและ ท่องบทกลอนที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องที่ แสดง ประพันธ์โดยคุณครูวารุณี (ครูนาง) จาก นั้ น เด็ ก ๆได้ ทำ � กิ จ กรรมระลึ ก พระคุ ณ แม่ อี ก มากมาย เช่น ร้อยพวงมาลัย ล้างเท้า – นวด เท้า กราบระลึกพระคุณแม่

ฝ่ายวิชาชีวิตนักเรียนขอขอบคุณผู้มี ส่วนร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ ทุกๆ ท่าน ทุกๆ ฝ่าย ตลอดจนผู้ปกครองที่มาเป็นกำ�ลังใจให้เด็กๆ ด้ ว ยวั น สำ � คั ญ นี้ เ ป็ น วั น เฉลิ ม พระชนมพรรษาของ ทุกคน สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ นับเป็นวโรกาสมหา มงคลยิ่งที่คณะครู นักเรียนและผู้ปกครอง ได้มีโอกาสแสดง ความจงรั ก ภั ก ดี ต่ อ พระองค์ ท่ า นและได้ แ สดงความกตั ญ ญู กตเวทีต่อแม่ผู้มีพระคุณที่ได้กล่าวมาข้างต้น

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


ความประทั บ ใจในงานวั น แม่ ข องเหล่ า ผู ้ ป กครอง “ก่อนวันแม่สักหนึ่งสัปดาห์ น้องติ๊นเล่าให้ฟังอย่าง ภาคภู มิ ใจว่ า ปี นี้ ชั้ น ประถมสามได้ เ ป็ น แม่ ง านจั ด งานวั น แม่ ซึ่ ง เขาและเพื่ อ นๆทั้ ง หมดต้ อ งจั ด การแสดงเป็ น แกนหลั ก ทั้งหมด โดยมีนักเรียนชั้นอื่นแสดงประกอบเท่านั้น ที่สำ�คัญคือ มีการแสดงทั้งหมดถึง ๕ เวทีเชียวนะ ผมฟังแล้วยังนึกภาพไม่ ออกว่าเด็กๆ จะจัดการแสดงทั้งหมดได้อย่างไร ติ๊นบอกว่าเขา ต้องรำ�ประกอบในการแสดงตอนหนึ่ง แล้วเขาก็รำ�ให้ดูอย่าง ตั้งอกตั้งใจ เสียดายที่แม่เต๊าะติดธุระอยู่ร่วมงานไม่ได้ จึงเป็น หน้าที่ของผมต้องบันทึกภาพมาให้ได้ ทำ�ให้ผมตั้งใจที่จะมาชม งานวันแม่ในปีนี้ ซึ่งจัดวันที่ ๑๑ สิงหาคม ก่อนวันแม่หนึ่งวัน เมื่อวันงานมาถึงอากาศครึ้มแต่เช้า โชคดีที่ฝนไม่ตก และปีนี้โรงเรียนจัดงานบริเวณศาลาไม้หลังใหม่ฝั่งอนุบาล เด็กๆ อนุบาลนั่งอยู่ในศาลาได้ทั้งหมด แต่เด็กประถมจำ�นวนหนึ่ง ต้องนั่งใต้ต้นไม้เนื่องจากที่จำ�กัด ผมยืนอยู่กับกลุ่มผู้ปกครอง จากด้านข้างมองหาลูกสาว แต่ไม่ถนัดเนื่องจากน้องติ๊นนั่งอยู่ ติดเวทีด้านหน้าท่ามกลางน้องๆ อนุบาล หลังจากกล่าวเปิดงาน ผมเริ่มบันทึกวีดีโอพร้อมกับเด็กๆ เริ่มขับกลอน “แม่ผู้ให้” ซึ่งครูนางได้ประพันธ์ไว้อย่างสละสลวย แล้วภาพการแสดงทั้ง ๕ เวทีปรากฏชัดขึ้น เมื่อเด็กๆ ลุกขึ้นแสดงหมุนวนไปตาม เนื้อหาบทกลอนที่กล่าวบูชาคุณค่าของ “แม่” ทั้งในฐานะ ธรรมชาติผู้ให้และแม่ของแผ่นดิน เริ่มด้วยบทบูชาแม่โพสพ น้องติ๊นกับเพื่อนก็ลุกขึ้นในชุดไทยโจงกระเบน เสื้อแขนกระบอก

สีม่วง สวมงอบ ฟ้อนรำ�ตามที่ได้ซ้อมมาอย่างแคล่วคล่อง จากนั้น ก็เป็นบทบูชาแม่คงคา พี่ๆ ประถมสี่ก็ลุกขึ้นแสดงได้พลิ้วไหว เหมือนสายนำ�้ และเมื่อถึงบทบูชาแม่พระธรณี หนุ่มๆ ประถม สามก็ลุกขึ้นแสดงด้วยท่วงท่าหนักแน่น จบลงที่บทถวายพระพร สมเด็จย่าและแม่หลวงของเรา มีสาวน้อยประถมสามร่ายรำ� อย่างอ่อนช้อยงดงาม จนผมอดปลื้มใจไม่ได้ที่เห็นเด็กๆ ได้แสดง ตามที่เตรียมมาอย่างไม่มีที่ติ จบจากบทกลอนแล้วก็ปิดท้าย ด้วยบทเพลง “คำ�ว่าแม่” ที่เด็กๆ และคุณครูทุกคนจะร้องด้วย กัน แม้นว่าผมจะไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน แต่ผมก็สังเกตได้ ว่าเด็กๆ ตั้งอกตั้งใจจดจำ�เนื้อได้เป็นอย่างดีและร้องได้อย่าง พร้อมเพรียงกัน พอถึงท่อนกลางของเพลง เสียงทุกคนก็ประสาน ดังก้อง “... กราบแทนคุณ แทนรักกี่หน ยังล้นใจลูกอยู่ ... ยัง รู้สึกในใจไม่ห่าง...เปรียบแผ่นดินแผ่นนำ�้แผ่นฟ้ารักของแม่กว้าง กว่า...มีค่ากว่าใดๆ ทุกอย่าง...รักยิ่งใหญ่ในใจ ไม่มีจืดจาง...” เมื่อแพนกล้องไปทั่วๆ ก็จะเห็น ภาพบรรยากาศที่ น่าประทับใจ และเมื่อบวกกับเนื้อหาของเพลง ก็ทำ�ให้แม่ หลายคนในงานซึ้งจนนำ�้ตาซึม ผมหยุดวีดีโอเมื้อสิ้นสุดเพลง พลางคิดในใจว่า วันนี้เด็กๆ ได้แสดง “...รักยิ่งใหญ่ในใจ ไม่มี จืดจาง...” ให้แม่แล้วครับ ” พ่อสรร (คุณพ่อของน้องจ๊างและน้องติ๊น) ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


“วันนี้พวกเรา ครู ผู้ปกครองนักเรียน ป.๓ ต้น โมก ได้มาถึงโรงเรียนเวลา ๐๖.๓๐ น. เพื่อเตรียมตัว แสดง คุณแม่เองก็ได้รับหน้าที่ช่วยแต่งหน้า แต่งตัวนัก แสดง จากเรื่องนี้ทำ�ให้เห็นว่าคุณครูได้มีการเตรียมการ ในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี และได้ขอความช่วยเหลือจาก ผู้ปกครอง ทำ�ให้การแต่งกายของนักแสดงเป็นไปด้วยดี สำ�หรับการแสดงก็เป็นแบบใหม่ให้เหมาะสมกับสถานที่ แสดงใหม่ของเรา ไม่ได้แสดงบนเวทีอย่างเดียว ทำ�ให้เกิด มีส่วนร่วมในการชมการแสดงจากผู้ชม ส่วนหนึ่งที่ประทับใจมากคือตอนที่ครูอ้อนกราบ คุณยายทอสี เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ปกครองและ นักเรียน คุณแม่เองตั้งใจกลับไปกราบแม่ทั้งสองและได้ทำ� ส่วนลูกก็กราบเรา รู้สึกตื้นตันกับโรงเรียนที่ได้ให้สิ่งดีๆ กับตัวเอง และครอบครัว บ่มเพาะสิ่งดีงามให้ เพื่อให้เกิดผลดีกับ สังคมต่อไปทำ�ให้มีความตั้งใจ มุ่งมั่น ใช้กำ�ลัง แรง และ ความสามารถที่ มี ห ลั ง จากดู แ ลครอบครั ว แล้ ว มาทำ � กิจกรรมดีๆ ให้กับสังคมทอสีต่อไป ขอชื่ น ชมและกราบขอบพระคุ ณ ทางโรงเรี ย น และคณะคุณแม่ที่จัดงานนี้ขึ้นมา ที่สำ�คัญเกิดความภูมิใจ ในความเป็นแม่และเห็นว่าแม่ทุกคนทุ่มเทในรูปแบบของ ตนเอง เพื่อลูกเสมอ”

ออย (คุณแม่ของน้องอันนา ป.๓ และ น้องอิงค์ อ.๓)

“บรรยากาศภายในงานรู้สึกอบอุ่นดีค่ะ เด็กๆ ทุกชั้น วัยมีความน่ารักมาก และให้ความร่วมมือดีมาก เห็นเด็กตั้งใจ ร้องเพลงให้คุณแม่เสียงดังเชียว ถึงแม้ว่าจะร้องถูกบ้างผิดบ้างก็ น่ารักดีค่ะ รู้สึกประทับใจที่คุณครูอ้อนได้นำ�พวงมาลัยมากราบคุณยาย ทอสี เพราะเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆ เห็นว่า ถึงแม้ครูอ้อนจะเป็น ผู้ใหญ่แล้วแต่ก็ยังมีหน้าที่ของลูกที่ต้องให้ความรักและเคารพคุณ ยายทอสี และได้เห็นคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่ได้ให้ความสำ�คัญกับ งานในครั้งนี้และเสียสละเวลามาร่วมงานด้วยค่ะ ขอบคุณเด็ก ป.๓ ทุกคนที่เป็นพ่อและแม่งานได้ดีมากค่ะ ทั้งต้องมีความอดทนในการ ซ้อมการแสดงและตื่นเช้ามาแต่งตัวกันค่ะ ขอปรบมือให้ดังๆ นะคะ” คุณแม่นุช (น้องหมิงหมิง ป.๓ และน้องอาซัน อ.๒) “ได้มีโอกาสเข้าชมงานแสดงของชั้นประถม ๓ ในงานวัน แม่ ขอชื่นชมคุณครูและทีมงานเด็กๆ ที่สามารถแสดงออกมาได้อย่าง เยี่ยม ทั้งๆ ที่มีเวลาซ้อมและเตรียมงานสั้นมาก ที่รู้สึกชมจากใจเป็น พิเศษคือเด็กๆ ทุกคนมีโอกาสในการแสดงเท่าเทียมกัน เป็นการ ทำ�งานเป็นทีมจริงๆ ค่ะ บรรยากาศงานโดยรวมน่ารัก เรียบร้อย สวยงาม ดนตรี ไพเราะ บ่อนำ�้ หลังคา งดงามไปหมดใช้เวลาได้พอดี กระชับไม่ยืด ยาวจนเกินไป ที่ประทับใจมากอีกอย่างคือ คุณครูอ้อนนำ�พวงมาลัย กราบเท้าคุณยายทอสี เป็นภาพที่ตื้นตันใจ และยังเป็นตัวอย่าง ที่ดีเยี่ยมให้เด็กๆ ดูว่าการแสดงความรัก ความกตัญญูต่อคุณแม่ น่าเชิดชูจริงๆ ค่ะ” แม่จุ๋ม (คุณแม่น้องไม้+น้องมีนา)

คว ามร ู ้ ส ึ ก ที ่ ม ี ต ่ อ คำ � ว่ า “แม ่ ” ขอ งเด ็ ก ๆ

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


สรรพสิ ่ ง ที ่ ม ี บ ุ ญ คุ ณ ต่ อ พวกเรา

มาดูกันซิว่า ชาวทอสีคิดว่าสิ่งที่มีบุญคุณต่อพวกเรามีอะไรบ้าง และเมื่อรู้คุณแล้วเรามีวิธีตอบแทนบุญคุณกันอย่างไร

“พระพุทธเจ้า” “ต้นไม้” วิธีตอบแทนบุญคุณ : วิธีตอบแทนบุญคุณ : ทำ�ความดี ละเว้นความชั่ว ทำ�จิตใจให้บริสุทธิ์ ปลูกต้นไม้ วิทูรพงศ์ วงศรีชู (ครูต้น) ครูฝ่ายสื่อสารองค์กรฯ ด.ญ. อาทิตตา เตียอำ�รุง (หนาย) ป.๒/๑ “สัตว์ต่างๆ” “นำ�้” วิธีตอบแทนบุญคุณ : แผ่เมตตาให้ วิธีตอบแทนบุญคุณ : ใช้นำ�้ให้เป็นประโยชน์ ด.ช. สาธุ วงศาโรจน์ (สาธุ) ป.๒/๒ ด.ช. สิทธิทัต เธียไพรัตน์ (มดเอ็กซ์) ป.๔

“พ่อแม่” วิธีตอบแทนบุญคุณ : นวดให้พ่อแม่ ด.ช. ธันยบูรณ์ กลั่นเกษร (แมน) ป.๕

“หนังสือ” วิธีตอบแทนบุญคุณ : อ่านบ่อยๆ รักษาให้ไม่ขาด ด.ญ. อนัตตา สื่อสุวรรณ (ศีล) ป.๕ “สายลม แสงแดด” วิธีตอบแทนบุญคุณ : ดูแลธรรมชาติ ด.ช. อิศศิระ ประภากมล (ฮีโร่) ป.๑/๒

“เพื่อน” วิธีตอบแทนบุญคุณ : รักษานำ�้ใจ ด.ช. ภาวิต ลีลาเกตุ (โป้) ป.๑/๒

“ตัวเอง” วิธีตอบแทนบุญคุณ : ดูแลตัวเอง ด.ช. กันต์ ปิ่นวนิชย์กุล ป.๑/๒

“ข้าว” วิธีตอบแทนบุญคุณ : กินข้าวให้หมด ด.ช. ภูริช นิติวัฒนานนท์ (ทะเล) ป.๒/๒

“กล้องถ่ายรูป” วิธีตอบแทนบุญคุณ : ถนอมไม่ให้หล่นหาย พยายามไม่นอกใจ ใช้ของเดิม วรรณนิภา เจริญพุทธคุณ(ครูติ๊ก) ครูประจำ�ชั้น ป.๖ (กันต์)

“หนังสือ” วิธีตอบแทนบุญคุณ : รักษาให้ดี รักการอ่าน ด.ญ. จัสมิน บุญทวีกิจ (จีเอ็ม) ป.๒/๑

“อาหาร” วิธีตอบแทนบุญคุณ : รับประทานอาหารให้หมดจาน ด.ช. ธิติพันธ์ เจนรักมาตุภูมิ (แม็ค) ป.๒/๑

“พ่อแม่” “ลมหายใจ” วิธีตอบแทนบุญคุณ : วิธีตอบแทนบุญคุณ : ล้างเท้าแม่ พ่อ กราบเท้าก่อนนอน ตระหนักรู้ ใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด.ญ. นนทิชา อัศวประภา (มิวะ) ป.๑/๑ ปิยรัฐ มรรคยาธร (ครูจิ๊บ) ครูประจำ�ชั้น ป.๖ “พ่อแม่” วิธีตอบแทนบุญคุณ : เวลาพ่อแม่แก่ก็ช่วยดูแล ด.ช. กฤตเมธ ตั้งเจตนาพร (ปันปัน) ป.๓/๑

“คุณครู” วิธีตอบแทนบุญคุณ : สวัสดี พูดจาไพเราะ ตั้งใจเรียน ด.ช. เฉลิมชนม์ ลิ้มสวัสดิ์วงศ์ (อู๋) ป.๑/๑

“พี่” วิธีตอบแทนบุญคุณ : ซื้อขนมให้ พูดจาไพเราะกับพี่ ด.ญ. ณหทัย บุตรยิ่ง (ต้นเตย) ป.๑/๑

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


กองทุนพัฒนาครูวิถีพุทธโรงเรียนทอสี การสั่งสอนอบรมเด็กๆ เยาวชน ให้มีชีวิตเติบใหญ่ขึ้น มีวัฒนธรรมชีวิตที่เป็นไปอย่างงดงาม สงบเย็น ตามหลักของ ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา คือวิถีแห่งการบ่มเพาะและรดนำ�้ ให้เมล็ดพ้นธุ์แห่งความดี ซึ่งมีอยู่ในชีวิตน้อยๆ และอ่อนเยาว์ ได้ เบ่งบานงอกงามอย่างไพศาล เพื่อเติบโตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็น คนเต็มคน ตามหลักการพัฒนามนุษย์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหล่านี้เป็นจุดหมายของชาวทอสี ที่ต้องการทำ�ชีวิตให้เป็นการ ศึกษา และทำ�การศึกษาให้เป็นชีวิต เพื่อสร้างมนุษย์ที่มีพฤติกรรม มีจิตใจ และปัญญาที่ดีออกสู่สังคม หากแต่พฤติกรรมชีวิต ที่อ่อนน้อม อ่อนโยน อ่อนหวาน ดั่งหมู่มวลดอกไม้ที่เบ่งบานสว่างไสวเช่นนี้ จะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้ หากไม่มีสองมือของครูเป็นผู้ประคับประคอง และประพฤติ ตนเพื่อแสดงโลกที่ดีงามและถูกต้องแก่ต้นกล้าที่เยาว์วัย ซึ่งเป็นสิ่ง ลำ�้ค่า เป็นแก้วตาดวงใจที่พ่อแม่นำ�มาฝากไว้กับครู การเป็นครูโรงเรียนวิถีพุทธนั้น ครูจะต้องเป็นมากกว่า ผู้สอน จะต้องเป็นครูที่ต้องเรียนรู้ เป็นผู้ให้ ทั้งวิชาการและวิชา ชีวิต เป็นครูที่ต้องเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาในวิถี ต้องฝึกฝน ปฏิบัติ

เรื่อง: กลุ่มผู้ปกครอง ผู้ก่อตั้งกองทุนฯ

และพัฒนาตน เพื่อเป็นแบบอย่างในเส้นทางของสัมมาทิฐิแก่ ศิษย์ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตนเป็นครูในแบบวิถีพุทธนี้ ครูจะ ต้องมีหัวใจที่พร้อม มีชีวิตที่มั่นคงราบรื่น ไม่มีปัญหามากมายสั่งสม อยู่ข้างหลัง ความเชื่อดั้งเดิมของสังคมไทยที่ว่า การเป็นครูเป็น อาชีพที่ถูกเลือกในอันดับท้ายๆ มีรายได้แค่เพียงพอเลี้ยงตัว จะ ทำ�ให้สังคมคาดหวังว่าครูจะสามารถทุ่มเทแรงใจแรงศรัทธามา อบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นผู้ประสบความสำ�เร็จได้อย่างไร ดังนั้นเมื่อ ครูผู้ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดทำ�หน้าที่ดูแลอยู่ร่วมกับเด็ก เฝ้าอบรมสั่ง สอนไม่น้อยไปกว่าพ่อแม่ผู้ปกครอง จึงสมควรมีผู้ที่ทำ�หน้าที่ดูแลครู ให้มีความมั่นคงและคุณภาพชีวิตให้เป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากการดูแลคุณภาพชีวิตครูแล้ว ยังจำ�เป็นที่จะ ต้องมีการพัฒนาครูอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความรู้และเท่าทันกับ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และสามารถนำ�มาปรับใช้สั่งสอนศิษย์ให้ มีความรู้ทันต่อการพัฒนาเปลี่ยนแปลงต่างๆ สามารถนำ�มาใช้ให้ เกิดประโยชน์ต่อชีวิตโดยยังสามารถดำ�รงอยู่บนหลักคุณธรรมและ ศีลธรรมอันดีงาม

คำ�กลอนสอนชีวิต “โลกรอดเพราะกตัญญู” อันบุคคล กตัญญู รู้คุณโลก อุปโภค บริโภค มีให้หลาย ข้าวหรือเกลือ ผักหรือหญ้า ปลาหรือไม้ ฯลฯ รู้จักใช้ อย่าทำ�ลาย ให้หายไป ;

อนึ่งคน ต่อคน ทุกคนนี้ ล้วนแต่มี คุณต่อกัน นั้นเป็นไฉน มองให้ดี ดูให้เห็น เช่นนั้นไซร้ โลกรอดได้ เพราะกตัญญู รู้คุณกัน ;

ประเทศชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ รวมเป็น อัตตภาพไทย ใหญ่มหันต์ รอดมาได้ เพราะรักใคร่ อย่างผูกพันธ์ เพราะ กตัญญูมี ที่ใจเอยฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ ๘

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


´Í¡¼Å¨Ò¡à§Ô¹¡Í§·Ø¹

ÃÐÂÐÊÑé¹

70% 80% 20%

20%

10%

à§Ô¹ÊÓÃͧ¡Í§·Ø¹

ÃÐÂÐÂÒÇ

นอกจากทั้งสองโครงการดังกล่าวข้างต้น คณะครู ผู้ บริหารโรงเรียน และผู้ปกครองจะร่วมกันจัดทำ�โครงการต่างๆ เพิ่ม เติมอีกตามความเหมาะสม ซึ่งโครงการที่ทางกองทุนฯ ภูมิใจ นำ�เสนอในช่วงปิดภาคเรียนนี้ก็คือ “ค่ายทอสีเบิกบาน” ราย รายงานความคืบหน้าการดำ�เนินงานของกองทุนฯ ละเอียดพลิกชมหน้าถัดไป ในการจัดตั้งกองทุนฯ นั้น ได้รับความกรุณาจากผู้บริหาร สรุปรายงานรายรับ/รายจ่ายเงินกองทุนฯ โรงเรียนโดยมอบทุนประเดิมเริ่มต้นให้จำ�นวน ๒ ล้านบาท และ บัญชีกิจกรรมระดมทุน (บาท) เงินทุนเพื่อทำ�กิจกรรมระดมทุนอีกจำ�นวน ๑๕๐,๐๐๐ บาท คณะ รายรับ ทำ�งานกองทุนได้จัดกิจกรรมงานคืนสู่เหย้าชาวทอสี และงานทอสี • เงินเริ่มต้นกิจกรรมจากโรงเรียนทอสี 150,000.00 1,915,709.00 ทีของพ่อ เพื่อระดมทุนเพิ่มเติมมีรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว • กิจกรรมคืนสู่เหย้า จกรรมกอล์ฟการกุศล 621,259.00 ประมาณ ๑.๑ ล้านบาท นอกจากนี้คณะครูได้มีการจัดทำ�กิจกรรม •• กิดอกเบี ้ยรับ 451.56 ต่างๆ เช่นการฝึกอบรม และได้นำ�รายรายได้ดังกล่าวมาสมทบเพิ่ม รวมรายรับ 2,687,419.56 เติมอีกบางส่วน รายจ่าย 704,095.00 นอกจากนี้เงินทุนของกองทุนฯ นั้นมีแหล่งที่มาจากส่วน • กิจกรรมคืนสู่เหย้า • กิ จ กรรมกอล์ ฟ การกุ ศ ล 449,250.00 อื่นๆ อีกหลายส่วน เช่น เงินสมทบจากผู้มีจิตศรัทธา ดอกผลจาก 1,153,345.00 รวมรายจ่าย กองทุนฯ กิจกรรมครู กิจกรรมระดมทุนของผู้ปกครอง เป็นต้น รายรับสูง (ตำ�่ กว่า) รายจ่าย 1,534,074.56 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินรายได้จากกิจกรรมของผู้ปกครองจะถูกจัด มอบให้กองทุนพัฒนาบุคลากรโรงเรียนทอสี (เดือน มิ.ย. ๕๔) 872,000.00 662,074.56 แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ๘๐% ของรายได้ทั้งหมดจะนำ�ส่งสมทบ เงินคงเหลือสุทธิ เข้ากองทุนฯ และอีก ๒๐% จะสำ�รองไว้เพื่อการจัดทำ�กิจกรรมใน ครั้งต่อๆ ไปรวมทั้งจัดทำ�โครงการต่างๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อ กองทุนพัฒนาบุคลากรโรงเรียนทอสี น ประจำ�ปีการศึกษา ๒๕๕๓ (พ.ค. ๕๓ - เม.ย. ๕๔) การพัฒนาผู้ปกครอง สำ�หรับการจัดสรรกองทุนนั้น มีการจัดแบ่ง รายงานการเงิ บัญชีกองทุนพัฒนาบุคลากรโรงเรียนทอสี (บาท) กองทุนออกเป็นสามส่วนตามแผนผังด้านบน บ หลังจากที่ได้ดำ�เนินการระดมทุนเริ่มต้นเสร็จสิ้นแล้วคณะ รายรั • เงินเริ่มต้นกิจกรรมจากโรงเรียนทอสี 2,000,000.00 ครูได้ประชุมหารือเพื่อจัดทำ�โครงการที่จะใช้ประโยชน์จากเงิน • รับเงินจากโครงการชวนครูออม 22,000.00 กองทุนฯ โดยได้เสนอสองโครงการเริ่มต้นดังนี้ • ดอกเบี้ยรับ 1,369.15 รวมรายรับ 2,023,369.15 โครงการชวนครูออม : รายจ่ า ย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครูมีเงินเก็บออมสะสม อันจะสร้างความ • โครงการอาหารเช้าครู 301,920.00 มั่นคงให้แก่ครูในระยะยาว โดยโครงการดังกล่าวจะหักเงินเดือน • โครงการชวนครูออม 398,600.00 ของครูเข้าบัญชีสะสมของโครงการและกองทุนจะสมทบเงินเพิ่ม • ค่าธรรมเนียมธนาคาร 60.00 รวมรายจ่าย 700,580.00 ให้กับครูเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับกองทุนสำ�รอง ่ กว่า) รายจ่าย ณ ๓๐ เม.ย. ๕๔ รายรั บ สู ง (ตำ � 1,322,789.15 เลี้ยงชีพที่หน่วยงานอื่นๆ มีการจัดทำ�อยู่ • รับจากการจัดกิจกรรมปี ๒๕๕๓ (มอบเงินเดือน มิ.ย. ๕๔) 872,000.00 โครงการอาหารเช้า : เงินคงเหลือสุทธิ 2,194,789.15 เป็นโครงการที่จัดทำ�เพื่อให้ครูได้มีเวลาในการรับประทานอาหาร เช้าร่วมกัน และใช้เวลาดังกล่าวในการพูดคุยหารือเรื่องต่างๆ ที่ กองทุนครูวิถีพุทธโรงเรียนทอสีนี้เกิดขึ้นได้ด้วยพวกเรา เกี่ยวกับความเป็นไปภายในและภายนอกโรงเรียน รวมทั้งการนำ� กลุ่มผู้ปกครองชาวทอสี และความใจดีของผู้ร่วมสนับสนุนทุกท่าน เสนอแนวความคิดต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการเรียน สำ�หรับท่านที่มีความประสงค์จะร่วมขับเคลื่อนการศึกษาพุทธการสอนภายในโรงเรียน โดยผู้บริหารของโรงเรียนจะเข้ามาร่วม ปัญญาในแบบฉบับทอสี ทั้งในรูปแบบของการลงมือลงแรงอาสา รับฟังเพื่อนำ�ข้อเสนอต่างๆ กลับไปพิจารณาและหาทางสานต่อ และการร่วมสมทบทุน กรุณาติดต่อ ครูโหน่ง ที่โรงเรียนทอสี หรือ แนวความคิดต่อไป โทร. ๐๒ ๗๑๓ ๐๒๖๐ ขออนุโมทนาทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ๙


๑๐

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


เปิดหู เปดตา เปิดใจ หนังสือ“ตามความเป็นจริง”

หนั ง สื อ รวบรวมภาพถ่ า ยจาก ญ า ติ ธ ร ร ม ผู้ รั ก ก า ร ถ่ า ย ภ า พ ประกอบข้อธรรมจากพระอาจารย์ ชยสาโร พิมพ์สี่สี ความหนา ๒๐๐ หน้า พิมพ์แจกเป็นธรรมบรรณาการ ด้วยศรัทธาของญาติโยม ท่านที่สนใจสามารถขอรับได้ที่ ฝ่ายงานธรรมะ/กองทุนธรรมะ ร.ร.ทอสี (งานหนังสือซีดีธรรมะ) โทรศัพท์: ๐ ๒๗๑๓ ๓๖๗๔ อีเมล: dhamma@thawsischool.com

*กรุณาโทรติดต่อสอบถามและสั่งจองกับเจ้าหน้าที่ก่อนรับสื่อ ธรรมะ ในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา ๐๘.๓๐-๑๕.๐๐ น. และ เข้ารับสือ่ ธรรมะได้ในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา ๐๘.๓๐-๑๕.๐๐ น. เนือ่ งในโอกาสพิเศษ! หนังสือเล่มนีจ้ ะแจกเป็นธรรมทานในงาน “ตืน่ รู”้ ครัง้ ที่ ๑ ที่ CDC ในวันเสาร์ท่ี ๒๔ กันยายนนี้ ด้วย (รายละเอียดบนปกหลัง)

หนังสือ “เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว-ดวงใจของแม่”

“เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว” และ “ดวงใจของแม่” เป็นหนังสือสองปกในเล่ม เดียว เขียนโดย พระราชญาณกวี (ปิยโสภณ) เป็นเรื่องศาสนา ของพ่อแม่เล่มแรกของท่าน โดยท่านได้เขียนขึ้นเพื่อบันทึกความ รูส้ กึ ดีๆ ของแม่ทม่ี ตี อ่ ตัวท่านเอง และเป็นการบันทึกความยิง่ ใหญ่ แห่งรักจากอ้อมกอดของมารดา พิมพ์เผยแผ่เป็นธรรมทาน และ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่อง ในวันที่ ๕ ธันวามหาราช ๒๕๕๔ ผู้สนใจติดต่อขอร่วมพิมพ์ พร้อมขอรับหนังสือได้ที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นำ�ชัย เติมศิริเกียรติ คณะบริหารธุรกิจ มช. โทร. ๐๘๑ ๕๖๘ ๒๖๑๒

“ลอยลม” ปรอดหัวโขน นกน้อยในกรงเมือง เรื่อง: กรรณิการ์ พรมเสาร์ / ภาพ: ชนัญญา กิจเจริญชัย วรรณกรรมเยาวชนจัดจำ�หน่ายโดย ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราคา ๑๐๐ บาท จำ�นวน ๘๐ หน้า “ลอยลม” เป็นเรื่องราวของลูกนกปรอดหัวโขนที่ไม่ยอมบิน เพราะกลัวการที่ต้องผละจากอ้อมอกของพ่อนกแม่นก ไม่ต่างจากเด็กที่กลัวการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จนเมื่อมันได้รู้ว่าโลกภายนอกรังอันกว้างใหญ่นั้นมีอะไรให้เรียนรู้อีก มากมาย แค่เพียงมันรู้จักที่จะออกบินด้วยสองปีกของตัวเอง ที่มาข้อมูล: เว็บไซต์มูลนิธิเด็ก www.ffc.or.th

ใช้เวลาสุดสัปดาห์ที่ “สวนโมกข์ กรุงเทพฯ” หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

สถานที่ตั้ง: สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนิคมรถไฟสายสอง (ซอยข้าง ปตท.สำ�นักงานใหญ่) เวลาทำ�การ: จันทร์-อาทิตย์ ๙.๐๐-๑๘.๓๐ น. โทรศัพท์: ๐๒ ๙๓๖ ๒๘๐๐ เว็บไซต์: www.bia.or.th “สวนโมกข์ กรุงเทพฯ” หรือ “หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ” เป็นสถานที่ที่เก็บรักษา อนุรักษ์ และรวบรวมข้อมูลธรรมะ ตลอดช่วงชีวิต ๘๗ ปีของท่านพุทธทาสไว้ เป็นศูนย์เรียนรู้และบริการด้านศาสนธรรม ที่นี่จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างสติปัญญา และจิตใจของผู้คนอย่างต่อเนื่อง อาทิ “เที่ยวทั่วไทย หัวใจถึงธรรม” “โครงการฉลาดทำ�บุญด้วยจิตอาสา” รวมถึงเสวนาดีๆ อีก มากมาย ท่านผู้ปกครองที่ไม่ต้องการใช้เวลาวันหยุดในห้างสรรพสินค้าหรือโรงภาพยนตร์ น่าจะลองชวนลูกและคนใกล้ชิดไปร่วม กิจกรรมหรือเติมพลังครอบครัวร่วมกันที่นี่ดูนะคะ สถานที่จะเป็นอาคาร ๓ ชั้น ประกอบด้วย ชั้นที่ ๑ ห้องหนังสือและสื่อธรรม ชั้น ๒ สวนปฏิจจสมุปบาท ห้องปฏิบัติธรรมและประชุมสัมมนา ห้องนิทรรศการ “นิพพานชิมลอง” (ส่วนนี้เป็นไฮไลท์ของที่นี่) และชั้น ๓ ห้อง ประชุม ห้องจดหมายเหตุ สำ�นักงาน ห้องค้นคว้า ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๑๑


สรุปกิจกรรม “มนต์รักอักษร” ประจำ�ปีการศึกษา ๒๕๕๔ โดย กลุ่มสาระภาษาไทย

ทักษะทางภาษาเป็นทักษะพื้นฐานที่สำ�คัญมากของการ เรียนรู้ในชีวิตของทุกคน หากเด็ก ๆ ได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสม จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาชีวิต ทั้งด้านความเป็น มนุษย์ ด้านความรู้ และทักษะต่าง ๆ ที่สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ต่อตนเองและผู้อื่นต่อไป ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ ผลสั ม ฤทธิ์ ท างภาษาของเด็ ก ไทยโดยเฉลี่ ย อยู่ ใ นระดั บ ตำ ่� กว่ า มาตรฐานที่กำ�หนด เด็กไทยอ่านหนังสือน้อยมาก จำ�นวนเด็กไทยที่ ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องตามหลักภาษาจึงมีจำ�นวนลดลง อีกทั้งภาษา อังกฤษก็มีความจำ�เป็นสูงมากขึ้น เพื่อใช้ในการแสวงหาความรู้จาก สื่อต่างๆ รอบตัวให้มีความรู้กว้างขวางและก้าวทันโลกได้ ด้ ว ยเหตุ นี้ ท างกลุ่ ม สาระภาษาไทยจึ ง ตระหนั ก ในคุ ณ ค่ า ความสำ�คัญของภาษา พร้อมทั้งมีความห่วงใยในปัญหาต่างๆ ที่เกิด ขึ้น และเพื่อเป็นการกระตุ้นปลุกจิตสำ�นึกให้คนในชุมชนทอสีได้ รายชือ่ นักเรียนทีไ่ ด้รบั ประกาศนียบัตร “แต่งนิทาน” มนต์รกั อักษร ปี 2554 ตระหนักถึงคุณค่าและความสำ�คัญของภาษา ได้ร่วมศึกษาเรียนรู้ ประถมศึกษาปีที่ 2-6 ด.ญ. ศลิษา ไอล่า ทัค (พาย) ป.2/1 เพื่อพัฒนาตนเองไปพร้อมๆ กันตามนโยบายหลักในการจัดการ 1 2 ด.ช. สาธุ วงศาโรจน์ (สาธุ) ป.2/2 ศึกษาของโรงเรียนที่ว่า “ชีวิตคือการศึกษา การศึกษาคือชีวิต” 3 ด.ญ. นับทอง หาญวรโยธิน (น่านนำ�้) ป.3/1 ตลอดจนร่วมมือกันรณรงค์เพื่อการใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และ 4 ด.ญ. ชญานุตม์ เสาวรส (ไอซ) ป.3/2 ด.ช. อนาวิล เลิศเรืองปัญญวุฒิ (เคี้ยง) ป.4 เรียนรู้ที่จะเข้าใจการใช้ภาษาอังกฤษได้ในสถานการณ์ต่างๆ จึง 5 6 ด.ช. ปณิ ก ต์ พิ ช ญ์ ด � ำ รง (นิ ค ) ป.5 เป็นที่มาของการจัดกิจกรรม “มนต์รักอักษร” ระหว่างวันที่ ๒๗ 7 ด.ญ. ปัณณพร ลีลาเกตุ (ปั้น) ป.6 มิถุนายน – ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ รายชือ่ นักเรียนทีไ่ ด้รบั ประกาศนียบัตร “คัดลายมือ” มนต์รกั อักษร ปี 2554

อนึ่ง ปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ เป็นปีมหามงคลยิ่งของ ประเทศไทย เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมายุครบ ๘๔ พรรษา หรือครบ ๗ รอบ ทาง กลุ่มสาระวิชาภาษาไทยได้จัดกิจกรรมเพิ่มเติมเข้าไปในโครงการ มนต์รักอักษร ซึ่งประกอบด้วยการขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ และ เกมคำ�ราชาศัพท์ เพื่อเทิดพระเกียรติแด่พระองค์ท่านด้วย เหล่านี้ เป็นผลการแข่งขันของกิจกรรมย่อยต่างๆ ใน โครงการ “มนต์รักอักษร” ค่ะ ๑๒

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

ประถมศึกษาปีที่ 1-6 1 ด.ญ. มีนา อมรเลิศวิมาน (มีนา) ป.1/1 2 ด.ญ. ณหทัย บุตรยิ่ง (ต้นเตย) ป.1/1 3 ด.ช. คีต จิรพลธนกุล (กันดั้ม) ป.1/2 4 ด.ญ. มัญชุสา ฐานะกาญจน์ (อิง) ป.1/2 5 ด.ช. ภาเธียร ว่องสาทรกิจ (เธียร เธียร) ป.2/1 6 ด.ช. วรรณชาติ ธานีรัตน์ (บุ๊ค) ป.2/1 7 ด.ช. เนตรไท ภานุทัต (เก็ต) ป.2/2 8 ด.ญ. คีตา วิบูลย์สันติพงศ์ (เพลง) ป.2/2 9 ด.ช. วิชญ์ เจนสุขทรัพย์ (นะโม) ป.3/1 10 ด.ญ. ติณณา อัศวเรืองชัย (ติ๊น) ป.3/1 11 ด.ญ. เพ็ญพิมพ์บุญ บุญทวีกิจ (จูเนียร์) ป.3/2 12 ด.ญ. ภาคินี ธีระกาญจน์ (หมิงหมิง) ป.3/2 13 ด.ญ. ปรียาภัสร์ ดาราสิชฌน์ (มายด์) ป.4 14 ด.ญ. ภคนันท์ จรูญไพศาล (มิน มิน) ป.4 15 ด.ช. ณภัทร คุณวัฒน์ (เปปเปอร์) ป.5 16 ด.ช. วริศ ลีลาเกตุ (ปุ้น) ป.5 17 ด.ญ. พิชญ์สินี ทองซ้อนกลีบ (มายด์) ป.6 18 ด.ญ. อุษาคเนย์ ธรรมวุฒิ (กล่อม) ป.6


รายชื่อนักเรียนที่ได้รับรางวัลแข่งขันเปิดพจนานุกรม ปี 2554 ลำ�ดับ ชื่อ-นามสกุล-ชื่อเล่น ระดับชั้น 1 ด.ช. กันตพัทธ์ ดาราสิชฌน์ (ม่อน) ป.1 2 ด.ช. กันต์ ปิ่นวนิชย์กุล (กันต์) ป.1 3 ด.ช. ภัทรพล วงษ์เคี่ยม (พีท) ป.2 4 ด.ช. ภูริช นิติวัฒนานนท์ (ทะเล) ป.2 5 ด.ญ. ธาวินี หุ่นอารักษ (บัว) ป.3 6 ด.ช. ณภัทร จุนทองวิรัตน์ (ภัทร) ป.3 7 ด.ช. ตรัณ อัศวเรืองชัย (จ๊าง) ป.4 8 ด.ช. วริศ ลีลาเกตุ (ปุ้น) ป.5 9 ด.ญ. อุษาคเนย์ ธรรมวุฒิ (กล่อม) ป.6 รายชื่อนักเรียนที่ได้รับรางวัลประกวดร้องเพลงเดี่ยว ปี 2554 ระดับประถมต้น ลำ�ดับ ชื่อ-นามสกุล-ชื่อเล่น รางวัล 1 ด.ญ. อลิสา จงนรังสิน (นำ�้หอม) ชนะเลิศ 2 ด.ช. วรรณชาติ ธานีรัตน (บุ๊ค) รองอันดับ 1 3 ด.ญ. ติณณา อัศวเรืองชัย (ติ๊น) รองอันดับ 2 ระดับประถมปลาย ลำ�ดับ ชื่อ-นามสกุล-ชื่อเล่น รางวัล 1 ด.ญ. เมนิณา จุมสมพิศศิริ (เมนี่) ชนะเลิศ 2 ด.ช. ตรัณ อัศวเรืองชัย (จ๊าง) รองอันดับ 1 รายชื่อนักเรียนที่ได้รับรางวัลประกวดร้องเพลงกลุ่ม ปี 2554 ระดับประถมต้น ลำ�ดับ ชื่อ-นามสกุล-ชื่อเล่น รางวัล 1 ด.ญ. นับทอง หาญวรโยธิน (น่านนำ�้) ชนะเลิศ 2 ด.ญ. อันนา อัศวานันท์ (อันนา) ชนะเลิศ 3 ด.ญ. ธาวินี หุ่นอารักษ์ (บัว) ชนะเลิศ 4 ด.ญ. พรรษชล วิไลหงษ์ (ข้าวทิพย์) ชนะเลิศ 5 ด.ญ. ศุภิสรา ทองเลิศ (เซร่า) รองชนะเลิศ 6 ด.ญ. จัสมิน บุญทวีกิจ (จีเอ็ม) รองชนะเลิศ 7 ด.ญ. อาทิตตา เตียอำ�รุง (หนาย) รองชนะเลิศ 8 ด.ญ. เฌอนีร อามระดิษ (แบม แบม) รองชนะเลิศ ระดับประถมปลาย ลำ�ดับ ชื่อ-นามสกุล-ชื่อเล่น รางวัล 1 ด.ญ. ปาณิศา มนต์ไตรเวศย์ (ป่าน) ชนะเลิศ 2 ด.ญ. รตน รัตนพล (แก่นแก้ว) ชนะเลิศ 3 ด.ญ. นิชาภา เลิศนิมิตธรรม (แนท) รองชนะเลิศ อันดับ 1 4 ด.ญ. ธัญธร เลิศเรืองปัญญวุฒิ (ธัญญ่า) รองชนะเลิศ อันดับ 1 5 ด.ญ. เจนนิสสา ตริยางกูรศรี (เจน) รองชนะเลิศ อันดับ 1 6 ด.ญ. พรภัสสร เดชอุดม (แบ่มแบ๊ม) รองชนะเลิศ อันดับ 2 7 ด.ญ. นัทธมน วรรณสิทธิ์ (แจม) รองชนะเลิศ อันดับ 2

Dictionary Competition

ประถมศึกษาปีที่ 3/1 ผู้ชนะลำ�ดับ 1 Nubthong Harnvorayothin Tinna Asavaroengchai ผู้ชนะลำ�ดับ 2 Wit Jensuksap Puritas Sangunsettakun ผู้ชนะลำ�ดับ 3 Pattarakorn Ingkasuwan Purun Kocharat ประถมศึกษาปีที่ 3/2 ผู้ชนะลำ�ดับ 1 Naphat Juntongvirat Peerawit Patipimpakom ผู้ชนะลำ�ดับ 2 Sasamon Songpapai Gingchaba Gongsuppaisal ผู้ชนะลำ�ดับ 3 Chayanutch Saovaros Penpimboon Boontavekit ประถมศึกษาปีที่ 4 ผู้ชนะลำ�ดับ 1 Burapa Chinwatanakit ผู้ชนะลำ�ดับ 2 Issara Akeunnop ผู้ชนะลำ�ดับ 3 Nabhi Bejrajati ประถมศึกษาปีที่ 5 ผู้ชนะลำ�ดับ 1 Thongthat Harnvorayothin ผู้ชนะลำ�ดับ 2 Prim Viriyasopon ผู้ชนะลำ�ดับ 3 Apiwit Luangpenthong ประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้ชนะลำ�ดับ 1 Phusita Sangunsettakun ผู้ชนะลำ�ดับ 2 Kaweetip Charoenprawatt ผู้ชนะลำ�ดับ 3 Poobadee Ratanapongumpai

Spelling Bee Contest

รางวัลผู้ชนะการแข่งขัน ชั้น ป.3 Nubthong Harnvorayothin Gingchaba Gongsuppaisal Patsachon Vilaihong รางวัลผู้ชนะการแข่งขัน ชั้น ป.4 Ramita Suparoekrat Priyabhas Darasidh Issara Akeunnop รางวัลผู้ชนะการแข่งขัน ชั้น ป.5 Nabhat Kunnawat Phudit Suthunyaplrut Anatta Suesuwan รางวัลผู้ชนะการแข่งขัน ชั้น ป.6 Poobadee Ratanapongumpai Jirapon Kowsupamonkol Menina Junesompitsiri

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๑๓


งานถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ แด่ พระอาจารย์ชยสาโร เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔

‘มุทิตาจิตของลูกศิษย์ต่อพระอาจารย์’

พอได้ ท ราบข่ า วว่ า ทางมหาวิ ท ยาลั ย มหาจุ ฬ าลงกรณราช วิทยาลัย จะจัดพิธีถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาธรรมนิเทศ แด่พระอาจารย์ชยสาโร ที่โรงเรียนทอสี ในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ ในใจบอกตัวเองขึ้นมาทันทีว่างานนี้ต้องไปให้ได้ ด้วย จิตศรัทธาที่มีต่อพระอาจารย์ในจริยาวัตรที่งดงาม และความเมตตาที่ ท่านมีให้ลูกศิษย์เสมอมา พอถึงวันงาน ผมมาถึงก่อนเวลาพอสมควร ทำ�ให้มีโอกาส ได้เห็นลูกศิษย์ผู้ที่มีจิตศรัทธาต่อพระอาจารย์ ต่างมาช่วยกันจัดเตรียม งานกันด้วยความยินดี ไม่ว่าจะเป็นหัวเรือใหญ่ของงาน อย่างคุณครูอ้อน คุณวิทิต ครูหนู และคุณครู ญาติโยมหลายท่าน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เพราะสิ่งสำ�คัญที่ทุกคนปรารถนาเป็น อย่างยิ่งคือ ให้งานวันนี้ออกมาอย่างเรียบร้อยและดีที่สุด เพื่อแสดงมุทิตา จิตต่อพระอาจารย์ที่พวกเราเคารพรักยิ่ง ใกล้ถึงเวลาเริ่มงานญาติธรรม และผู้มีจิตศรัทธาต่อพระอาจารย์ ต่างทยอยกันมาถึง คณะครู นักเรียน และผู้ปกครองของโรงเรียนทอสี และโรงเรียนปัญญาประทีป ก็มากัน อย่างพร้อมเพรียง จนที่นั่งในห้องประชุมแทบไม่มีที่ว่าง เมื่อถึงเวลาเริ่มพิธี เริ่มด้วยประธานในพิธี จุดธูปเทียน บูชา พระรัตนตรัยแล้ว พระศรีคัมภีรญาณ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ อ่าน ประกาศสดุดีเกียรติคุณ*แด่พระอาจารย์ ผมขอสรุปความว่า ท่านเป็น พระเถระผู้ถึงพร้อมด้วยศีลาจารวัตรงดงาม ได้บำ�เพ็ญศาสนกิจเพื่อ ความเจริญแห่งพระพุทธศาสนา สังคม และประเทศชาติ มากมาย หลายด้าน ทั้งด้านการปกครอง ด้านการศึกษาและการเผยแผ่พระพุทธ ศาสนา ท่านได้แปลหนังสือคำ�สอนของครูบาอาจารย์เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อการเผยแผ่ระดับนานาชาติ ท่านได้รับรางวัลการส่งเสริมการศึกษา เพื่อสันติภาพ ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ และได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นผู้ใช้ ภาษาไทยดีเด่น ประจำ�ปี ๒๕๕๓ ลูกศิษย์หลายคนนำ�้ตาซึม เมื่อได้ฟัง คำ�ประกาศเกียรติคุณ ด้วยยิ่งซาบซึ้งในจริยาวัตรและกิจที่ท่านได้บำ�เพ็ญ อย่างงดงาม ถึงแม้ว่าพวกเราจะทราบกันดีอยู่แล้วก็ตาม หลังจากงานพิธีถวายปริญญาฯ แล้ว พวกเรายังมีโอกาสได้ ฟังธรรมกถาจากพระธรรมโกศาจารย์ โดยท่านได้กล่าวถึงเหตุผลในการ ถวายปริญญาฯ ให้กับพระอาจารย์ชยสาโร ว่าท่านมีส่วนสำ�คัญในการ ส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนวิถีพุทธ โดยมีโรงเรียนทอสีเป็นต้นแบบ นอกจากนี้ยังได้แปลหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ชาวต่างประเทศได้ ศึกษาพระพุทธศาสนา พระอาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญ ชำ�นาญในภาษาไทย จนได้เป็นบุคคลดีเด่นในการใช้ภาษาไทย ท่านสอนให้รู้ ทำ�ให้ดู อยู่ให้ เห็น เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ทำ�ตาม หนังสืออุปลมณี ซึ่งเป็นหนังสือ ๑๔

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

*อ่านคำ�ประกาศเกียรติคุณและชมภาพบรรยากาศงานได้ที่ www.thawsischool.com

ที่มุ่งเสนอ ชีวิต ปฏิปทาและคำ�สอนของหลวงพ่อชาที่พระอาจารย์เป็นผู้ เรียบเรียง ท่านธรรมโกศาจารย์ก็ได้นำ�ไปเผยแผ่เช่นกัน พระอาจารย์ชยสาโร ได้แสดงสัมโมทนียกถา กล่าวว่า การ ที่ท่านได้รับการถวายปริญญาบัตรในครั้งนี้ ท่านได้รับในฐานะตัวแทน ของวัดหนองป่าพง เป็นพระรูปหนึ่งที่ได้ทำ�งานในการเผยแผ่หลักธรรม ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และที่ท่านเข้าใจหลักธรรมถึงระดับนี้ ได้เพราะท่านมีอาจารย์ที่สุดยอดหลายท่าน โดยเฉพาะอาจารย์ท่าน แรกคือ โยมพ่อ โยมแม่ พระอาจารย์ประทับใจโยมพ่อมาก คือตอน ที่ท่านบอกกับโยมพ่อว่าต้องการจะออกบวชในพระพุทธศาสนาและ จะไปอยู่เมืองไทย โดยในใจของโยมพ่อขณะนั้น โยมพ่ออยากให้ลูกเข้า มหาวิทยาลัย แต่ด้วยความรักของพ่อที่มีต่อลูก และอยากเห็นลูกมี ความสุข โยมพ่อก็ไม่ได้คัดค้าน นอกจากนี้แล้วท่านยังมีอารมณ์ขัน โดย เปรียบเทียบว่าท่านเป็นควายตัวหนึ่งของหลวงพ่อชา ซึ่งก็เรียกเสียงฮา ได้ทั้งห้องประชุม ท่านได้ยกย่องให้หลวงพ่อชา เป็นครูบาอาจารย์ฝ่าย ปฏิบัติที่สมบูรณ์ที่สุด และยกย่องท่านพระพรหมคุณาภรณ์ เป็นครูบาอาจารย์ที่สุดยอดด้านปริยัติ สุดท้ายท่านยังไม่ลืมที่กล่าวถึงญาติโยมทั้ง หลายที่มีศรัทธาถวายเครื่องเขียนและอุปกรณ์ที่เอื้อประโยชน์ต่อการ ทำ�งานของท่าน รวมทั้งอนุโมทนาผู้ที่มีส่วนร่วมในบุญกับการเผยแผ่ ธรรมนิเทศของท่าน พ ร ะ ธ ร ร ม เ ท ศ น า ที่ ท่ า น ไ ด้ แ ส ด ง ไ ว้ ทำ � ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง ความกตัญญูกตเวทีที่ท่านมีต่อโยมพ่อ โยมแม่ ครูบาอาจารย์ ญาติโยม ท่านไม่ได้บอกว่าท่านได้ปริญญาเพราะท่านทำ�อะไร อย่างไร แต่ท่าน แสดงให้เห็นว่าที่ท่านได้รับการถวายปริญญาในครั้งนี้มีปัจจัยหลายด้านที่ ทำ�ให้ท่านได้ศึกษา ได้ปฏิบัติ ได้เข้าใจหลักธรรม และสามารถแสดงธรรม เทศนาได้อย่างลึกซึ้งทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พวกเราลูกศิษย์ได้ สัมผัสได้ถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนของท่าน การระลึกถึงบุญคุณของผู้อื่น เสมอ ท่านเป็นแบบอย่างโดยการทำ�ให้ดูอยู่ให้เห็นอย่างแท้จริง การได้มาร่วมแสดงมุทิตาจิตต่อพระอาจารย์ในวันนี้ทำ�ให้ผม รูส้ กึ ปิตมิ ากและผมก็คดิ ว่าทุกคนทีม่ าร่วมงานรูส้ กึ เช่นเดียวกับผม ตอน สุดท้ายของงานท่านยังได้กล่าวถึงการได้รับปริญญาบัตรในครั้งนี้ด้วย อารมณ์ขนั ว่า “วันนีก้ ระผมอาตมาก็ได้รบั เกียรติทไ่ี ด้รบั ปริญญาบัตร ก็ ดีส�ำ หรับอาตมาตรงทีว่ า่ ก่อนหน้านีร้ สู้ กึ ค่อนข้างจะยึดมัน่ ถือมัน่ หรือว่า ภาคภูมใิ จเกินไปในการเป็นพระไม่มยี ห่ี อ้ ตอนนีก้ ต็ อ้ งยอมรับว่ามียห่ี อ้ แล้ว” จริงๆ พระอาจารย์ไม่ทราบว่า ท่านเป็นพระอาจารย์ทม่ี ยี ห่ี อ้ มานาน แล้ว ยีห่ อ้ แห่ง “พระสุปะฏิปนั โน พระอริยสงฆ์” สำ�หรับลูกศิษย์นน่ั เอง เรื่อง: คุณพ่อไก่ (คุณพ่อของพี่นี้ด ศิษย์เก่าทอสี/ม.๓ โรงเรียนปัญญาประทีป)


ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๑๕


‘ โลกรอดเพราะกตัญญู ’ โดย ฝ่ายวิชาชีวิต

“โลกรอดเพราะกตัญญู” ประโยคนี้ของท่านพุทธทาสคุ้นหูเราๆ ท่านๆ กันดี แต่ทว่า “ความกตัญญู” นั้นคงมิใช่ทรัพย์สมบัติที่กำ�เนิดขึ้นจากความบังเอิญเป็นแน่แท้ พบกันครานี้ ฝ่ายวิชาชีวิตนักเรียนและฝ่ายวิชาชีวิตผู้ปกครองขอใช้พื้นที่นี้แบ่งปัน เทคนิกวิธีการในการปลูกฝังความกตัญญูกตเวทีให้เกิดในตัวลูกๆ หากเราผู้เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองจะร่วมกันสร้าง “ขุมทรัพย์” นี้ให้ เกิดขึ้นในตัวของลูก เราควรจะสร้างเหตุไว้อย่างไร ครูแหม่มและแม่แจงขอผนึกกำ�ลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อแบ่งปันแก่ทุกท่าน ณ ที่นี้

ความกตัญญู ของคู่โลก’ โดย ครูแหม่ม ฝ่ายวิชาชีวิตนักเรียน ใ หลังจากได้รับโจทย์ให้เขียนทอสีสัมพันธ์ฉบับต่อไป (อีกครั้ง) ก็ได้แต่นึกว่าจะเขียนอะไรจวบจนวันสุดท้ายที่คุณครู หยก บรรณาธิการของเรา กำ�หนด ‘เด้ด-ไลน์’ ไว้ให้ ก็ยังนึก ไม่ออก แต่เมื่อปี่กลองเริ่มบรรเลงก็ถึงครานางเอก (ลิเก) ก็คง ต้องออกโรงแล้ว ตามท้องเรื่องของเล่มนี้เขาบอกไว้ว่าเอาเรื่อง กตัญญู วันนี้จึงขอเสนอเรื่อง “การสอนความกตัญญู” ลอง ติดตามดูนะคะว่าท้องเรื่องจะเป็นอย่างไร ความกตัญญูคืออะไร? แล้วสอนอย่างไร ? เราเคย ตั้งคำ�ถามนี้หรือไม่คะ เชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจคำ�นี้เนื่องจาก เป็นคำ�ที่เรารู้และได้ยินอยู่ตลอดเวลา คำ�ว่า “กตัญญู” มี ความหมายตามพจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถานว่ า “รู้อุปการะที่ท่านทำ�ให้” “รู้คุณท่าน” เป็นคำ�คู่กับ “กตเวที” คือ “ประกาศ , สนองคุณท่าน” นี่เป็นความหมายตามตัว อักษร แต่ความหมายในใจนั้น คงจะไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ แต่ต้องอาศัยทั้งเหตุและปัจจัยสนับสนุนหลายด้าน ในส่วน ของโรงเรี ย นเองก็ เ ป็ น หนึ่ ง ในเหตุ ปั จ จั ย ที่ มี ห น้ า ที่ ส นั บ สนุ น ให้คุณธรรมข้อนี้เข้มแข็งขึ้นในหัวใจเด็ก ดังที่ท่านพุทธทาสได้ กล่าวไว้ว่า “...ขอให้ฝังหมุดตัวแรกลงไปที่พ่อ แม่ หรือความ รักของพ่อแม่...ถ้าหมุดอันนี้ปักลงในใจเด็กแล้ว คุณธรรมอันอื่น ก็จะอาศัยเกาะอยู่ที่หมุดตัวสำ�คัญนี้ ก็คือ ความรักพ่อแม่อย่าง ชีวิตจิตใจ โตขึ้นมันจะไม่สามารถทำ�ให้พ่อ แม่ นำ�้ตาไหลได้ เดี๋ยวนี้ไม่มีหมุดตัวนี้ฝังอยู่ในใจ วัยรุ่นทุกคนพร้อมที่จะทำ�ให้ พ่อ แม่ นำ�้ตาไหล และก็ได้เป็นอยู่จริง...” ในหน้าที่ของโรงเรียนทอสีที่ที่นำ�เอาพุทธปัญญามา เป็นหลักในการจัดการศึกษาให้กับเด็กๆ จึงได้ทำ�หน้าที่เป็น หนึ่งในผู้ฝังหมุดตัวนี้ร่วมกับผู้ปกครอง เพื่อให้เด็กได้เข้าใจคำ� ว่า “กตัญญู” สอนด้วยวิถีปฏิบัติ และการฝึกให้ทำ� ยำ�้ให้คิด ๑๖

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

สดี ไหว้ผู้ใหญ่ •เบื้อฝึงต้กนการสวั ของการแสดงความเคารพผู้ใหญ่ ผู้ที่มีอาวุโสมากกว่า เป็นภูมิปัญญาอันชาญฉลาดของบรรพบุรุษไทย ที่สร้างคำ�สอน การขัดเกลาตัวเองในชีวิตประจำ�วัน เมื่อเราไหว้ถือเป็นบทเรียน ทางสังคมอย่างหนึ่ง คือการรู้จักคิด ลำ�ดับความสำ�คัญ และการ ทักทาย และยังส่งผลให้จิตใจน้อมลง อ่อนลงไม่ถือตัว ถือตน อีกด้วย

ระลึกถึงความเชื่อมโยง •ความกตั ญญูไม่ได้เกิดขึ้นได้เอง

การสอนเด็กให้เห็นถึงความ สัมพันธ์เชื่อมโยงกับสิ่งรอบตัวก็เป็นสะพานนำ�ไปสู่คุณธรรม ข้อนี้ได้ การเรียนรู้ว่าดอกไม้สวยๆ มาจากที่ไหน คุณครูจะพา เด็กๆ สืบค้นเชื่อมโยงให้เห็นถึงเหตุปัจจัยการเกิดของดอกไม้ ว่าสัมพันธ์กับใคร สิ่งใดบ้าง หรือการที่เด็กๆ มีเสื้อผ้าใส่ มี ของใช้ มีข้าวกินทุกวันนี้ก็มีที่มา และที่สำ�คัญในกระบวนการ สุดท้ายคือ คุณพ่อ คุณแม่ เป็นผู้ซื้อหามาให้เรานั่นเอง เมื่อเด็ก เรียนรู้กระบวนการเชื่อมโยงแล้วเขาก็จะเป็นผู้นึกถึงผู้อื่น เห็น คุณค่าและรู้คุณค่าของคนและสิ่งต่างๆ ไปด้วย

น •การอยูดูแลกั่ร่วมกันและกั น ลูกมักจะเป็นศูนย์รวมดวงใจของบ้าน เป็นที่รัก

ของผู้ใหญ่ทุกคนในบ้าน ที่โรงเรียนก็เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ครู หวังในใจคือการให้เด็กมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อ อ่อนโยน บทฝึกที่ โรงเรียนคือ “การดูแลซึ่งกันและกัน” ครูมีหน้าที่ดูแลเด็ก เด็ก เองก็มีหน้าที่ดูแลครู เพื่อน ห้องเรียน ด้วยเช่นกัน ที่โรงเรียน จึงเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้ทำ�หน้าที่ดูแลคุณครู ช่วยเหลือการ งานต่างๆ โดยไม่คิดว่าเด็กยังเด็ก แต่ครูจะมอบหมายงานให้ ทำ�โดยประมาณจากความสามารถของเขา หรือให้เกินความ


สามารถไปบ้ า งเพื่ อ ผลั ก ดั น ศั ก ยภาพที่ มี ใ นตั ว ทุ ก คนให้ ฉ าย ความรู้สึกของเราให้เด็กๆ รู้ ว่าเรารู้สึกอย่างไร สุขใจแค่ไหน ออกมา การให้โอกาสเด็กดูแลครู หรือ พ่อ แม่ จึงเป็นการฝึก กับสิ่งทีเ่ ขาทำ� และต้องเป็นเสียงที่จริงใจ ออกมาจากความ รู้สึกจริงๆ ไม่ชมหรือยอเด็กจนเกินพอดี เพราะเด็กเขาสัมผัส พฤติกรรม และจิต ที่นึกถึงคนอื่น ได้ถึงความจริงใจในคำ�พูดของเรา และคุณพ่อ คุณแม่ อย่าคิด ว่าเขารู้อยู่แล้วไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะการเพิกเฉยของผู้ใหญ่ ให้เครื่องมือ ในการแสดงกตเวทิตาคุณนั้น ต้องอาศัยการชี้แนะแนวทางด้วย เป็นการให้เสียงสะท้อนแบบหนึ่งว่า “อืม” “งั้นๆ” “ทำ�ๆ ไป” เหมือนกัน บางครั้งเด็กไม่รู้ว่าจะแสดงออกอย่างไร สิ่งใดที่ทำ� “ยังไงก็ได้” ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดีเลย แล้วดี ครูจึงต้องให้เครื่องมือนี้กับเด็กๆ เริ่มตั้งแต่การใช้ตัวเอง เด็กทุกคนเกิดมาพร้อมกับความอยากดี อยากทำ� แสดงความกตัญญ การดูแลตัวเอง การช่วยเหลือการงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่งอแง ยกนำ�้ให้ผู้ใหญ่ดื่ม จนไปถึงการทำ�ของขวัญให้ อยากเรียน อยากรู้ และอีกมากมาย แต่เราจะเห็นว่าหลาย ในโอกาสต่างๆ แต่ที่สำ�คัญคือ เด็กคงรู้เองไม่ได้ว่าสิ่งใดที่เขาทำ� อย่างค่อยๆ เลือนหายไปกับกาลเวลา คุณธรรมที่มีอยู่บางข้อ แล้วดี ต้องมีการชี้แนะทั้งด้วยการบอกเล่า สอน ชี้ชวนให้คิด ที่ ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างสวนทางกับร่างกายที่เติบโตขึ้น สิ่งที่ครู กำ�ลังพยายามทวนกระแสของการเปลี่ยนแปลงของวัยที่เริ่ม สำ�คัญคือ การทำ�ให้ดู เป็นการสอนที่ชัดเจน มีกิเลสมาพอกเกาะอยู่นั้นจึงเป็นงานยากเหมือนการว่ายทวน นำ�้เลยทีเดียว แต่ถ้าหมุดที่ครูให้ไปได้รับการตอกยำ�้อย่างต่อ เสียงสะท้อน เมื่อเด็กทำ�อะไรดีๆ เสียงสะท้อนจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำ�คัญ เนื่องจากทางบ้านเชื่อว่าสักวันหมุดนี้จะต้องจมลงในเนื้อไม้ ไม่ มาก เด็กๆ ยังต้องการความมั่นใจในสิ่งที่เขาทำ�ว่าถูก ใช่แน่ หรือ โผล่ขึ้นมาสะกิดเนื้อเราให้เกิดแผลในอนาคตแน่นอนค่ะ เปล่า ครูเองจึงไม่ละเลยที่จะชื่นชมเมื่อเด็กๆ ทำ�ดีด้วยการบอก

‘รักลูกให้ถูกทาง’ โดย แม่แจง ฝ่ายวิชาชีวิตผู้ปกครอง ใ จะน่าชื่นใจแค่ไหน หากลูกของเรากล่าว “ขอบคุณ” พร้อมยกมือไหว้ทุกครั้งที่พ่อแม่ทำ�แม้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ให้ เทนำ�้ให้ ดึงทิชชูให้ จ่ายสตางค์ค่าดูหนังให้ จ่ายค่าอาหารให้ ยกมือไหว้ “ขอบคุณ” ที่คอยดูแลตอนที่เขาไม่สบาย กล่าว “ขอโทษ” พร้อมยกมือไหว้ เมื่อรู้สึกว่าทำ�ให้พ่อแม่ลำ�บากแม้ เพียงเล็กน้อย เวลาที่ลืมของ เวลาที่รู้ตัวว่าทำ�ผิดไป บอกพ่อ กับแม่ว่าไม่ต้องห่วง เขาจะตั้งใจเรียน และเขาเป็นห่วงพ่อกับ แม่นะ ให้พ่อแม่ดูแลตัวเองดีๆ กราบพ่อแม่ก่อนเข้านอนทุกวัน เราคงตื้นตันกับ “ความกตัญญู” ที่มีอยู่เต็มหัวใจของลูกคนนี้ อย่างแน่นอน ลูกคนนี้คงไม่มีวันทำ�ให้พ่อแม่เสียใจ เพราะความรัก ความกตัญญูที่มีต่อพ่อแม่ที่ซึมซับอยู่เต็มหัวใจ จนแสดงออกให้ เห็นถึงความเคารพรักโดยไม่ต้องฝืน ไม่ต้องเตือน

“กตัญญู” หมายถึง การรู้จักบุญคุณของผู้อื่นที่ได้ทำ� ไว้แก่ตน ความกตัญญูจึงเป็นคุณธรรมอันสำ�คัญที่เราควรจะ บ่มเพาะให้เกิดแก่ลูกของเรา ตั้งแต่เขายังเล็กๆ อยู่ บ่มเพาะให้ เขามีประจำ�เป็นนิสัย แต่หากพ่อแม่ต้องถามลูกว่า “ทำ�ไมเป็นอย่างนี้ ทำ� อย่างนี้เหมือนไม่รู้จักบุญคุณพ่อแม่เอาเสียเลย เลี้ยงมาอย่างดี ไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลยหรือนี่” นั่นคงเป็นเพราะเราผิดหวังใน ตัวลูก ทำ�ไม? พ่อแม่จึงได้ผิดหวัง ใครเป็นผู้ผิดในเรื่องนี้ ลูก หรือ พ่อแม่ ? หน้าที่ของลูก ต้องมีความรักและรู้จักบุญคุณ ของพ่อแม่ใช่หรือไม่ แล้วเหตุใดลูกจึงไม่รู้สึกถึงบุญคุณอันนี้ เรา “พ่อแม่” ได้เคยอบรมสั่งสอนให้ลูกเข้าใจในบุญคุณของเรา หรือไม่ ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๑๗


เราให้อะไรๆ ทุกอย่างแก่ลูก แต่... ทำ�ไมหนอ ลูกยังขาด ความสำ�นึกในบุญคุณ หรือเขาได้รับเสียจนชิน ไม่เคยคิดถึง เรื่องไม่มี เรื่องไม่ได้? เหมือนคนกินแกงทุกวัน รสอร่อยดี แต่ ไม่รู้ว่าอร่อยเพราะอะไร (เกลือทำ�แกงให้อร่อย คนกินไม่รู้จักคุณ ของเกลือ) พอขาดเกลือจึงรู้ว่าแกงไม่อร่อย ความรู้สึกในบุญคุณ ก็เกิดขึ้นทันที ภาพที่มักพบเห็นจนชินตา พ่อแม่อยู่กับลูกทุกวัน เป็น เหมือนบ่อนำ�้ที่เต็มไปด้วยความเมตตากรุณาต่อลูก ลูกต้องการ อะไรก็ จั ด หาให้ เ สมอจนลู ก นึ ก ไม่ ค่ อ ยได้ ว่ า พ่ อ แม่ มี บุ ญ คุ ณ ขนาดไหนในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ พอพ่อแม่จากไปจึงรู้ว่าตน ขาดสิ่งหนึ่งที่สำ�คัญสำ�หรับชีวิต มารู้บุญคุณเอาเมื่อท่านผู้มี พระคุณทั้งสองได้ลาโลกไปเสียแล้ว น่ า เสี ย ดายโอกาสอั น ดี ง ามที่ ลู ก ควรจะได้ เรี ย นรู้ ถึ ง ความรัก ได้รู้จักบุญคุณของพ่อแม่ จึงเป็นความจำ�เป็นที่พ่อแม่ จะต้องฝึกฝนอบรมลูกทุกคน ให้รู้จักบุญคุณ ให้กตัญญูกตเวที ต่อพ่อแม่

ก่อนนอน ขอให้ลูกได้ทำ�ความเคารพพ่อแม่ก่อน มาลาไปนอน พ่อแม่ก็อวยพรให้เขามีความสุขความเจริญ ตื่นเช้ามา ก็ให้ กราบพ่อแม่ก่อนทำ�ทุกวันจนกลายเป็นนิสัย เป็นงานที่ทำ�โดย ไม่ต้องฝืนใจ ไหว้ทุกครั้งที่พบหน้ากัน เมื่อพ่อแม่กลับถึงบ้าน ... นึกถึงแล้ว น่าชื่นใจนัก

ิต่อพ่อแม่ •พ่อแม่ฝึกคให้วรให้ลูกรูห้จน้ักาปฏิที่อบันัตแสดงถึ งความเอื้ออาทรของลูก ให้ลูกได้

มีโอกาสแสดงออก และปรนนิบัติต่อพ่อแม่ในเชิงกตัญญู การ จัดโต๊ะอาหาร การตักข้าวให้พ่อแม่เป็นเรื่องของลูก การดูแล เสิร์ฟนำ�้ให้พ่อแม่ ดูแลพ่อแม่ยามป่วยไข้ไม่สบาย เมื่อลูกปฏิบัติ ได้ดี ก็ชมเชยคุณธรรมนี้ให้ลูกได้รับรู้

ลูกฟัง กุศโลบายในการปลูกฝังคุณธรรมกตัญญู •เล่าเล่นิทาานเรื่องให้วรรณกรรม ที่สะท้อนความกตัญญู หยิบยกบุคคลที่

เป็นแบบอย่างของความกตัญญูจากสังคม ข่าวที่แสดงถึงความ กตัญญูของคนในสังคม มาพูดคุยกับลูกสมำ�่ เสมอ ให้ลูกค่อยๆ ทำ�ตัวอย่างให้ลูกเห็น เรื่องความกตัญญูกตเวที เราต้องการให้ลูกเคารพพ่อแม่ เราก็ต้องเคารพต่อพ่อแม่ให้ ได้ประทับคุณธรรมข้อนี้ไว้ในใจ ลูกเห็น ให้ถือว่าพ่อแม่เป็นพระในบ้าน พ่อแม่คือผู้ที่ลูกๆ จะ ละเมิดมิได้เป็นอันขาด การพูดจากับพ่อแม่ ก็ควรพูดด้วย ถ้อยคำ�อ่อนหวาน และเต็มไปด้วยความเคารพเสมอ อธิบายให้ ลูกเข้าใจว่า ถ้าหากไม่มีปู่ย่าตายาย พ่อแม่ก็คงไม่ได้เกิดมา ไม่ ได้มีความสุข ลูกก็คงไม่มีความสุขเช่นกัน ปู่ย่าตายายจึงมีบุญ คุณต่อพ่อแม่ ลูกก็ต้องรักเคารพปู่ย่าตายาย และต้องเคารพตัว พ่อแม่ด้วย ให้เขาเห็นว่า พ่อแม่เป็นชีวิต เป็นทุกอย่างของเขา ในวันสำ�คัญของปู่ย่าตายาย เราก็ควรให้ลูกได้เห็นความกตัญญู กตเวที ด้วยการไปกราบท่าน เพื่อระลึกถึงพระคุณ เด็กก็เกิด ความรักอย่างซาบซึ้งในพ่อแม่ เด็กที่รักพ่อแม่นั้น ... เขาจะไม่ ทำ�ให้พ่อแม่เสียใจ หลายครั้งที่เรา “พ่อ แม่” เฝ้าบ่นกันว่า ทำ�ไมลูกไม่ เป็ น อย่ า งที ่เราคิด เราหวัง เราเคยได้ทบทวนหรือไม่ว่า แท้จริง ฝึกให้ลูกรู้จักพูดขอบพระคุณ เพราะคำ�พูดนี้เป็นการแสดงออกของการรู้จักบุญคุณล่วงหน้า แล้ว เราเองอาจไม่ได้สร้างเหตุที่จะทำ�ให้ลูกเป็นอย่างนั้นเลย ลู ก ๆยั ง คงรอให้ เ ราอบรมสั่ ง สอนให้ เขาสามารถ เวลาให้ของลูก ขอให้ลูกไหว้ก่อนจึงรับของ อย่าให้รับไป โดย มิได้แสดงว่ารู้คุณ อย่าเหน็ดเหนื่อยต่อการเตือน ... จนสุดท้าย ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ให้มีคุณธรรมประทับในใจ เป็นที่พึ่งภายในของตัวเอง กลายเป็นละเลย และ... คุณธรรมแรกที่ควรประทับไว้ในใจลูกให้ได้คือ “ความกตัญญู” เพื่อที่เราจะไม่ต้องผิดหวัง ไม่ต้องเฝ้าถาม ไม่ ฝึกให้ลูกไหว้ด้วยความเคารพ เมื่อลูกจะไปนอกบ้าน ขอให้มาลาขออนุญาตก่อน ก่อนไปต้อง ต้องนำ�้ตาไหล ว่าทำ�ไมลูกเป็นอย่างนี้ หัดให้เขาไหว้ ภาพเด็กกราบพ่อแม่เป็นภาพที่น่าประทับใจ เมื่อ เขากลับมาก็ให้เขามาไหว้เพื่อบอกว่ากลับมาแล้ว เวลากลางคืน ข้อมูลอ้างอิง: หนังสือรักลูกให้ถูกทาง ของท่านปัญญานันทภิกขุ

• • ๑๘

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


ชื่นชมยอดนักอ่าน ประจำ�เดือน กรกฎาคม ๒๕๕๔

๑. เด็กชายชัยวรรณ์ ประเสริฐสุขสม น้องเพิร์ธ อ.๒ ห้องดอกเฟื่องฟ้า ๒. เด็กชายวรปรัชญ์ ถนอมนาม น้องปัน ป.๓ ห้องต้นโมก ๑ ๓. เด็กชายภูดิท สุธัญญพฤทธิ์ น้องโอกี้ ป.๕ ห้องต้นกล้วย

แนะนำ�หนังสือน่าอ่าน หนังสือ Big Book นิทานชุดกลอนสระ ของสำ�นักพิมพ์ สานอักษร เนื้อเรื่องสนุก ภาพสีสดใส และมี ภาพ Pop up ท้ายเล่มทุกเล่ม หนึ่งชุดมี ๒๘ เรื่อง ๒๘ สระ มีจำ�นวน ๒ ชุด อ่านได้เฉพาะในห้องสมุดค่ะ

ผู้ปกครองท่านใดสนใจทำ�บัตรสมาชิกห้องสมุดให้กับบุตรหลาน ติดต่อได้ที่ครูกุ้งห้องสมุด วันจันทร์, อังคาร, พุธ, ศุกร์ เวลา ๐๗.๓๐ – ๑๖.๑๕ น. วันพฤหัสบดี เวลา ๐๗.๓๐ – ๑๕.๐๐ น.

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๑๙


โดย ครูอ้อน

๑. กรุนาแสดงป้ายชื่อนักเรียน ๒. บริเวนหน้ารถด้านซ้ายมือ ๓. โคงการทอสีรักษ์โรก ๔. ช่วยรดโลกร้อน ๕. ท่านผู้ปกคอง ๖. เพื่อรดปัญหาการจราจอน ๗. จงพากเพียนร่วมมือกัน ๘. จอดรถดับเครื่องยน ๙. ปลดเกียว่างทุกครั้ง ๑๐. เปิดให้บริกาน

จงเรียงคำ�ต่อไปนี้ ให้เป็นประโยคหรือวลีที่มีความหมาย ๑. ๒. ๓. ๔. ๕.

๒๐

ตลอด, ห้าม, แนว, จอด ความ, ขอ, ไม่, อภัย, สะดวก, รับ, นักเรียน, รอ, จุด เท้า, กรุณา, รอง, ถอด ให้, เวลา, บริการ, เปิด

ใน

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๑. กรุณา ๒. บริเวณ ๓. โครงการ,โลก ๔. ลด ๕. ปกครอง ๖. ลด,จราจร ๗.เ พียร ๘. ยนต์ ๙. เกียร์ ๑๐. บริการ ๑. ห้ามจอดตลอดแนว ๒. ขออภัยในความไม่สะดวก ๓. จุดรอรับนักเรียน ๔. กรุณาถอดรองเท้า ๕. เวลาเปิดให้บริการ

ขีดเส้นใต้คำ�ที่ผิดและแก้ ไข

เฉลย :

ป้ายต่างๆ ในโรงเรียน


ธนาคารทรัพยากร

ก่อนฝาก ต้องแยกประเภทขยะ ด้วยนะครับ

โดย ครูอั๋น

สวัสดีครับชาวทอสีทุกท่าน ครูอั๋นมีข่าวดีมาแจ้งให้ ทุกท่านทราบว่า..เรากำ�ลังจะมี “ธนาคารทรัพยากร” เกิดขึ้นที่ โรงเรียนทอสีในเร็วๆ นี้ ครูอั๋นได้ศึกษาจากธนาคารทรัพยากร (หรือธนาคารขยะ) ของโรงเรียนต่างๆ ที่ดำ�เนินการอยู่ใน ปัจจุบัน แล้วนำ�มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับรูปแบบของโรงเรียน ทอสี และได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย มีที่มาดังนี้ ธนาคารทรัพยากร เป็นโครงการที่กลุ่มสาระ คณิตศาสตร์ร่วมกับทอสีรักษ์โลก และนักเรียนชั้นประถมศึกษา เป็นการนำ�ทรัพยากรรีไซเคิลมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินออม ในรูป แบบของการฝากธนาคาร โดยทรัพยากรรีไซเคิลที่ธนาคารฯ รับฝากนั้น จะเป็นทรัพยากรที่สามารถแปรสภาพกลับมาใช้ ใหม่ได้ เช่น กระดาษ พลาสติก โลหะ ขวดแก้ว รวมถึงการ รับบริจาคกล่องนมและนำ�้มันพืชที่ใช้แล้ว ทั้งที่เป็นทรัพยากร ในโรงเรียนหรือที่บ้าน โดยการคัดแยกประเภท ทำ�ให้สะอาด และแห้งก่อน แล้วบรรจุหีบห่อให้เรียบร้อยก่อนมาฝากส่งที่ ธนาคารฯ ทั้งนี้เพื่อทำ�การ ชั่ง ตวง วัด และคำ�นวณเป็นมูลค่า ออกมา ทางธนาคารจะลงบันทึกในสมุดธนาคารของนักเรียน ระบุประเภท ปริมาณ ราคา และจำ�นวนเงินที่จะได้รับ ทั้งนี้ ราคาที่ธนาคารรับฝากกับราคาที่ธนาคารขายให้กับร้านรับซื้อ จะมีส่วนต่างเล็กน้อย เพื่อนำ�ส่วนต่างนั้นไปใช้เป็นทุนสำ�รอง และสาธารณประโยชน์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป แยกประเภทขยะด้วยนะครับ กระดาษ พลาสติก ขวดแก้ว โลหะ

วัตถุประสงค์โครงการฯ

๑. ลดการสร้างขยะโดยไม่จำ�เป็นที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำ�วัน ๒. สร้างความเคยชินแห่งวิถีพอเพียง กินเป็น อยู่เป็น ใช้เป็น ไม่หลงไป ตามกระแสบริโภคนิยม ๓. เพื่อให้ชาวทอสีทุกคนได้ทำ�ความเข้าใจ และตระหนักว่าทรัพยากร แต่ละชิ้นมีทั้งคุณและโทษในตัวมันเอง ๔. ฝึกทักษะด้านการสังเกต วิเคราะห์ จัดกลุ่ม แยกประเภท หาความ แตกต่างของวัสดุ การคำ�นวณ และเรียนรู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อ ส่วนรวม ( เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว )

เป้าหมายโครงการฯ :

เปลี่ยนทรัพยากรให้เกิดมูลค่า และ ลดการสร้างขยะ หมายเหตุ ๑. คุณครูและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะให้ความรู้ด้านการคัดแยก

ทรัพยากรในบ้าน การจัดกลุ่มแยกประเภท การชั่งนำ�้หนัก การคำ�นวน การทำ�ตารางและบันทึกข้อมูลแก่นักเรียนก่อน จากนั้นธนาคารจึงเริ่มเปิดดำ�เนินการรับฝากขยะรีไซเคิล ๒. นักเรียนและผู้ปกครอง เริ่มรวบรวมทรัพยากรรีไซเคิลได้ตั้งแต่ วันนี้เป็นต้นไป และทางโครงการฯจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะ ๓. อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดบางประการ เพื่อให้ เหมาะสมกับชาวทอสี

ขอเชิญน้องพี่ทอสี! ร่ ว มทำ � บุ ญ งานทอดกฐิ น สามั ค คี วั ด ป่ า นานาชาติ

จ.อุบลราชธานี โดยการนำ�วัสดุเหลือใช้ที่รีไซเคิลได้ เช่น กระดาษ พลาสติก โลหะ ภาชนะแก้ว ที่สะอาดและแห้ง จัดเก็บเรียบร้อยมาส่งที่ โรงเรียนทอสี ณ ศาลารักษ์โลก เพื่อทำ�การรวบรวมแล้วส่งขายให้กับ โรงงานรับซื้อ ก่อนวันเดินทาง จำ�นวนเงินที่ได้จากการขายวัสดุรีไซเคิล ทั้งหมดจะนำ�ไปทำ�บุญงานทอดกฐินฯ วัตถุประสงค์เพื่อ ๑. จัดหาผ้าอันเป็นองค์กฐินรวมทั้งบริวารต่างๆ ๒. สมทบปัจจัยเพื่อการซ่อมแซม หลังคา ระเบียงที่ชำ�รุดและปลวกกิน ณ ศาลานอกและกุฏิพระเถระ ๓. สมทบปัจจัยเพื่องานก่อสร้างห้องน้ำ�หลังโรงครัว และปรับพื้นที่บริเวณ ห้องครัวให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น. ระยะเวลาโครงการฯ : วันนี้-พฤหัสบดี ๒๒ ก.ย. ๕๔ สถานที่รับ(ชั่วคราว) : ห้องธุรการ โรงเรียนทอสี ผู้ดำ�เนินการ : ครูอั๋น ครูใหม่ ครูแหม่มและครูอาสาทุกท่าน เชิญชวนนักเรียน ท่านผู้ปกครอง คุณครูและเจ้าหน้าที่ทุกท่าน มาร่วม พลังบุญครั้งนี้ มาสร้างประโยชน์ร่วมกันนะครับ ขออนุโมทนาครับ ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๒๑


เมื่อครอบครัวดอกเข็มโคจร มาเจ๊อะกัน @โรงเรียนทอสี : สวัสดี ดอกเข็ม

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กได้ที่ได้โคจรมาเจ๊อะกัน ในรั้วโรงเรียน ทอสี ของเช้าวันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคมที่ผ่านมา ล้วนนำ�มาซึ่งรอยยิ้ม ของคุณพ่อ คุณแม่ ลูกๆ ห้องดอกเข็ม อนุบาล ๑ รวม ๒๑ ครอบครัว (น่าเสียดายที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ ๒ ครอบครัว) รวมถึงรอยยิ้ม ของคุณครูประจำ�ชั้น คุณครูแหวว คุณครูฐา และคุณครูแจน (นักศึกษา ฝึกงาน) ภาพบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความเป็นกันเอง และ เสียงหัวเราะ เป็นภาพที่ประทับใจและน่าจดจำ�อย่างที่สุด

ในวันนั้น คุณพ่อคุณแม่และลูกๆ ได้ช่วยกันเขียนและตกแต่ง ป้ายชื่อของตัวเอง พร้อมกับนำ�อาหารอร่อยมาแบ่งปันกัน โดยเริ่มต้น งานด้วยสองพิธีกร คุณพ่อปอนด์และคุณพ่อเบียร์กล่าวทักทาย พร้อม กับบอกกล่าวถึงที่มาของการที่ครอบครัวดอกเข็มได้โคจรมาเจ๊อะกันใน ครั้งนี้ มีการแนะนำ�ตัวเพื่อให้ได้รู้จักกันมากขึ้น ต่อด้วยการแนะนำ�การ ดูแลสุขภาพของลูกๆ และการล้างจมูกด้วยตนเอง โดยแม่หนึ่ง พ่อจันทร์ น้องจีเนียส และน้องเจนิส ซึ่งการล้างจมูกนี้จะช่วยล้างสิ่งสกปรกที่เด็กๆ ได้รับมาในแต่ละวันให้หลุดออกไป หรือถ้าเป็นหวัดนำ�้เกลือที่ใช้ล้างนี้ก็ จะช่วยละลายนำ�้มูกที่ติดอยู่ในโพรงจมูกให้ไหลออกมา ทำ�ให้ลูกๆ หายใจ ได้สะดวกขึ้น ซึ่งในวันนั้นคุณพ่อคุณแม่หลายท่านที่ยังไม่เคยล้างจมูกให้ ลูกๆ ต่างก็ตั้งใจดูกันมาก รวมทั้งลูกๆ นี่ตั้งใจดูกันตาไม่กระพริบเลย ๒๒

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

เล่าเรื่องโดย แม่สาว คุณแม่ของน้องข้าวหอม หลังจากนั้นก็เป็นการพบปะกับคุณครู เพื่อพูดคุยถึงโครงการ ต่างๆ ที่ทางโรงเรียนและคุณครูจะขอความร่วมมือจากคุณพ่อคุณแม่ ทั้ง ในภาคเรียนนี้และภาคเรียนที่ ๒ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ให้ความสนใจตั้งใจฟัง กันเหมือนเด็กนักเรียนของคุณครูอีกคน พร้อมกับได้รับการบ้านกลับไป ทำ�กันในช่วงปิดภาคเรียนนี้กันทั่วหน้า และก็ถึงเวลาสนุกสนานด้วยการ เล่นเกมแปลงโฉมทายชื่อ ทั้งลูกๆ และคุณพ่อคุณแม่ต่างก็ให้ความร่วม มือกันอย่างดียิ่ง ทายถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่เสียงหัวเราะนี่ไม่มีขาดหาย

เมื่อกิจกรรมต่างๆ ได้หมดลง เด็กๆ ก็ได้วิ่งเล่นกันอย่างอิสระ พร้อมกับเติมพลังด้วยอาหารว่างที่หลากหลายและแสนอร่อย ที่แต่ละ บ้านต่างหอบหิ้วกันมา (อย่างพอเพียง) พร้อมกับนั่งบนศาลาไม้ที่แสน จะเย็นสบาย ชมภาพวิถีชีวิตของลูกๆ ที่โคจรมาเจ๊อะกัน @ห้องดอก เข็มนี้ ซึ่งคุณครูได้แอบเก็บภาพบรรยากาศการเรียน การสอน การทำ� กิจกรรม การใช้ชีวิต ของลูกๆ มาฉายให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชม ซึ่งทำ�ให้ คุณพ่อคุณแม่ได้รับรู้และเข้าใจวิถีชีวิตของลูกๆ ที่โรงเรียนมากขึ้น งานนี้ ก็ต้องขอขอบพระคุณ คุณครูที่อุตส่าห์สละเวลาที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว มา ตามเก็บภาพลูกๆ มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ชื่นใจกัน และเวลาใกล้ๆ เที่ยง ลูกๆ หลายคนก็เหมือนว่าพลังจะเริ่มหมดซะแล้ว คงจะต้องแยกย้ายพา ลูกๆ ไปทานอาหารและนอนกลางวันกันซะที และครอบครัวดอกเข็มก็ คงจะได้โคจรมาเจ๊อะกันอีกครั้งในแฟมิลี่ทริปเทอมต่อไป ขอขอบพระคุ ณ อย่ า งสู ง ที่ โรงเรี ย นทอสี ไ ด้ ใ ห้ ใช้ พื้ น ที่ ข อง โรงเรียนในการจัดงานในครั้งนี้ ทำ�ให้เด็กๆ ได้สนุกกันเต็มที่เพราะได้ มาอยู่ในที่ๆ เขาคุ้นเคย คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงมาก รวมทั้งขอ ขอบพระคุณคุณครูทั้ง ๓ ท่านอีกครั้งที่สละเวลาในวันหยุดมาร่วมโคจร เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวดอกเข็มในวันนี้ ... สวัสดี ดอกเข็ม


เล่าเรือ่ งโดย ครูออ้ ม

กิจกรรมนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

ู ท า ล ป ยำ�

การเลือกการทำ�เมนู “ยำ�ปลาทู” นั้น เป็นสิ่งที่คุณครูคิด ว่าน่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน และใช้วัตถุดิบ ที่เกิดจากสมุนไพรรอบตัว รับประทานแล้วเกิดผลดีต่อร่างกาย เช่น หอมแดง พริก ตะไคร้ และอาหารที่มีประโยชน์มากในประเทศไทย คือ ปลาทู เคียงคู่มากับข้าวเหนียว ที่เป็นวัฒนธรรมการกินของคนใน ภาคอีสานและภาคเหนือ ซึง่ เด็ก ๆ ก็ได้เรียนรูข้ น้ั ตอนการนึง่ ข้าวเหนียวด้วย

ทำ�ไมต้อง Cooking ?

การทำ�อาหารหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Cooking” นั้น น่ า จะเป็ น กิ จ กรรมที่ เ ป็ น ที่ นิ ย มที่ สุ ด ในชุ ม ชนทอสี . ..ตั้ ง แต่ ร ะดั บ ชั้ น อนุบาล ๑ จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ท่านผู้ปกครองเคยสงสัยไหมคะ ว่าทำ�ไมจึงเป็นที่นิยม คุณครูจะเฉลยคำ�ตอบให้ได้รู้ ก็เพราะว่าการทำ� Cooking นั้นจะทำ�ให้นักเรียนได้เรียนรู้เกือบทุกสาระวิชา ได้แก่ สาระ กอท. หรือการงานอาชีพและเทคโนโลยี สาระวิทยาศาตร์ สาระภาษา ไทย สาระภาษาอังกฤษ สาระคณิตศาสตร์ สาระสังคม สุขศึกษา และ พลศึกษา ครอบคลุมทุกด้านจริงๆ

กิจกรรมของพวกเราเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้า มีกลุ่มผู้ปกครองที่มีจิต อาสามาปิ้งปลาทู ส่วนติดเตานั้น ทีมครูพละรับอาสาช่วยเต็มที่ เตาปิ้ง เราก็มี เตาอบเราก็มี เพื่อให้เด็ก ๆ ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีและ กลิ่นของปลาทู รวมถึงอุณหภูมิที่แตกต่างกันไปตามเวลาที่เปลี่ยนแปลง

ทำ�ไมนักเรียนชั้น ป.๒ จึงต้องทำ�ยำ�ปลาทู ?

เนื่องจากหลักสูตรของโรงเรียนทอสี คือ “หลักสูตรเด็ด ดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” มีแนวความคิดในการเรียนการสอนของ แต่ละภาคเรียนและแต่ละระดับชั้นแตกต่างกันไป ชั้น.ป.๒ ของเรา ภาคเรียนนี้เรียนเรื่อง กัลยาณมิตร หมายถึง การที่เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อ ตนเอง คือ สุขภาพ ต่อผู้อื่น คือ การเลือกทำ�แต่สิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่ คนอื่น สุดท้าย คือ การเป็นกัลยาณมิตรต่อชุมชนหรือสิ่งแวดล้อม นำ� สิ่งที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมมาสร้างให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ปิ้งสุกพองามแล้วนักเรียนก็นำ�ไปเข้าฐานแกะ เรียนรู้การแกะ ปลาทูให้ได้เนื้อมากที่สุดและง่ายที่สุด คือ แกะหัว ดึงก้างตรงกลางออก ฐานต่อไปเป็นฐานล้างและหั่น เพื่อนำ�มาประกอบการยำ� ต่อไปเป็นฐาน ที่เด็กๆ รอคอย คือ ฐานยำ� เราได้วิทยากรที่เชี่ยวชาญด้านการยำ� คือ พี่ยุ พี่เลี้ยงดูแลน้องเนย ซึ่งให้ความรู้แก่เด็กๆ ได้ครบถ้วนจริง ๆ ฐานท้ายสุด สุดท้าย คือ ฐานนึ่งข้าวเหนียว เด็กๆ ได้เรียนรู้อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการนึ่ง คือ หวด และรอจนข้าวเหนียวสุกพร้อมรับประทาน เมื่อนักเรียนเรียนรู้แต่ละฐานเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนมีหน้าที่ บันทึกขั้นตอนลงในสมุดบันทึกของตนเอง สุดท้ายที่พวกคุณครูมีความ สุขที่สุด คือ เห็นนักเรียนรับประทานสิ่งที่ตนเองทำ�ได้อย่างเอร็ดอร่อย ไปพร้อมๆ กับผักที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารอย่างมีความสุขจริง ๆ ไม่ใช่ของเท็จไม่ใช่ของเทียมใด ๆ รับประทานด้วยใจ รับประทานด้วย ปัญญา เป็นกัลยามิตรแก่ตนเอง สุดท้ายคุณครูขอขอบคุณผู้ปกครองทุกท่าน คุณครู ป.๒ และ เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่อำ�นวยความสะดวกให้แก่นักเรียนระดับชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๒ ห้อง สาละ ๑ และสาละ ๒ ในครั้งนี้

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๒๓


ง อ ท ก ั ฟ น ิ ก ๔ . เด็กๆ ป กิจกรรมทำ�อาหารมักเป็นกิจกรรมที่เด็กๆ.ชอบ แต่ถ้า ทำ � ให้ เ ด็ ก ปรั บ เปลี่ ย นค่ า นิ ย มในการกิ น หรื อ กิ น เป็ น มากขึ้ น ก็คงดีไม่น้อย ครูประถมศึกษาปีที่ ๔ ซึ่งสังเกตเห็นเด็กๆ ไม่ ชอบกินฟักทองและร้องโวยวายถ้าวันไหนต้องกินเป็นของว่าง จึงปรึกษากับผู้ปกครองว่าจะให้เด็กทำ�อะไรดีที่ยังคงรสชาติ แท้ๆของฟักทอง ทำ�ง่าย รสชาติอร่อย และเป็นอาหารไทยๆ จึงได้เป็นเมนู ฟักทองผัดไข่ และสังขยาฟักทอง เด็กๆ ได้มีโอกาสซ้อมทำ�ฟักทองผัดไข่ในสูตรของตัว เองที่บ้านก่อน ทำ�ให้เมนูนี้เด็กๆ มีความมั่นใจ สามารถลงมือทำ� กันเป็นกลุ่มที่โรงเรียนอย่างสนุกสนานและตื่นเต้น ส่วนสังขยาฟั ก ทองเด็ ก ๆตั้ ง ใจทำ � ให้ แ ม่ ใ นวั น แม่ จึ ง ตั้ ง ใจทำ � เป็ น พิ เ ศษ เรื่องราวกลายเป็นว่าเด็กๆชอบเมนูฟักทองมากถึงขนาดที่ไม่ สามารถอดใจได้ ต้องใส่กล่องไปกินที่บ้าน ครูคิดว่าถ้าเราต้องการให้เด็กเรียนรู้ที่จะกินเป็น แม้แต่ สิ่งที่ไม่ชอบกิน น่าจะให้เด็กมีโอกาสได้ลองทำ�เอง ปรุงเอง กินเอง จะทำ�ให้เด็กเกิดความภูมิใจ สนุก และสามารถเปลี่ยน ความรู้สึกต่อสิ่งนั้นได้

๒๔

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

เล่าเรื่องโดย ครูเชอรี่

ตัวอย่างบันทึก “ความรู้สึกที่ได้ทำ�อาหาร”


โยคะฝึกกายสบายจิต

สุขภาพดี มีพลัง

ท่ า ผี เ สื ้ อ (Bu tter fly) โดยครูน้ำ�อ้อย

คุณพ่อคุณแม่พาลูกเล่นได้ทุกวันนะคะ การเล่นโยคะช่วยให้เด็กได้ผ่อนคลาย บริหารสมองทั้งสองซีกให้ สมดุล บริหารกล้ามเนื้อ และยังฝึกการควบคุมร่างกายได้เป็นอย่างดีค่ะ

(๒) เอื้อมมือทั้งสองออกไปจับข้อเท้า (๑) นั่งหลังตรง เหยียดขาทั้งสองออก

(๓) ดึงเท้าทั้งสองข้างเข้าหาตัวให้ฝ่าเท้าประกบกัน มือทั้งสองประกบเท้า ยืดหลังให้ตึง

(๔) ขยับเข่าขึ้นและลงเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ประมาณ ๒๐-๓๐ รอบ (๕) ปล่อยมือจากเท้า เหยียดขาทีละข้าง อยู่ในท่า นั่งพัก แยกขาทั้งสองออกจากกัน เหยียดแขน ทั้งสองข้างไปด้านหลังวางมือ เอนตัวไปด้าน หลังให้สบาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน พักให้หายเหนื่อย

ประโยชน์ : ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อให้ตื่นตัว ทำ�ให้ต้นขาด้านในยืดหยุ่น บรรเทาอาการปวดเมื่อยเข่า และสะโพก ทำ�ให้กระเพาะปัสสาวะแข็งแรง ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๒๕


บทสัมภาษณ์

“วันวาน” และ “วันนี้” ของครู วิถีพุทธ บทสัมภาษณ์ “ครูติ๊ก” และ “ครูแป้ง”

โดย ครูตู่ ฝ่ายวิชาชีวิตครู

วงสนทนา ระหว่าง ครูตู่ กุลฤดี (วิชาชีวิตครู) ครูติ๊ก เพ็ญประภา (บริการการศึกษา) และ ครูแป้ง ไพรำ� (สาระภาษาอังกฤษ) ครูตู่

ครูติ๊ก ครูแป้งคะ เรามาคุยกันวันนี้เพื่อค้นหา ว่า ชีวิตของครูติ๊ก ครูแป้ง มีความเป็นมาอย่างไร ก่อนที่จะได้มาทำ�ประโยชน์ต่อตนเอง และต่อคน จำ�นวนมากที่โรงเรียนทอสีแห่งนี้ ก่อนอื่นขอให้เล่า เรื่องที่แต่ละคนอยากเล่าก่อน แล้วครูตู่ค่อยถาม คำ�ถามนะคะ ครูแป้ง ค รู แ ป้ ง คิ ด ว่ า ทุ ก ค น พั ฒ น า ตั ว เ อ ง ไ ด้ จ า ก ประสบการณ์ตา่ งๆ ในชีวติ ตัวเอง เราสามารถเรียนรู้ จากมุมมองใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นและเอากลับมาพัฒนา ตัวเอง สำ�หรับครูแป้งมีจุดเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ใน ชีวิต ๓ จุดที่ทำ�ให้หันกลับมาทบทวนชีวิตว่าที่ผ่าน มาเป็นอย่างไร ตอนนี้กำ�ลังทำ�อะไรอยู่ และจะทำ� อะไรต่อไป

๒๖

ครั้งที่ ๑ คุณพ่อเสียชีวิตตอนที่ครูแป้งอายุ ๒๔ ปี ซึ่ง เป็นช่วงที่การงานกำ�ลังรุ่งที่สุด รายได้ดี ตำ�แหน่ง สูง ครูแป้งกำ�ลังทุ่มเทชีวิตให้กับงาน เพราะโตมา ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยไม่รู้ จุดที่เหมาะสมในชีวิต สมัยเด็กๆ ครูแป้งค่อนข้าง ดู แ ลตั ว เองได้ ดี ม ากๆ..สามารถขึ้ น รถเมล์ แ ละขี่ จักรยานต่อไปโรงเรียนสาธิตเกษตรเองได้ตั้งแต่ อยู่ประถม ๑ ซึ่งสมัยนั้นจักรยานยังเป็นพาหนะ ที่นิยมอยู่มากในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้วย ความที่ดูจะพึ่งตัวเองได้ดีและมีโอกาสในหน้าที่การ งานก้าวหน้า คนรอบตัวรวมทั้งคุณพ่อที่ป่วยอยู่จึง สนับสนุนให้ตั้งใจ มุ่งมั่นในการทำ�งานให้ประสบ ความสำ�เร็จจนสุดท้ายก็ไม่ได้ดูแลคุณพ่อซึ่งป่วย ด้วยโรคมะเร็ง ก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างที่ลูกควร ทำ� ก่อนคุณพ่อเสียชีวิตครูแป้งได้สัญญาเป็นครั้ง ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

สุดท้ายว่าจะดูแลคุณแม่เพื่อไม่ให้คุณพ่อต้องมี ห่วง ครูแป้งรับปากโดยไม่รีรอก่อนจะระลึกได้ใน ภายหลังว่าตนไม่ได้สนิทกับคุณแม่และมีปมในใจ อยู่ระหว่างกันในหลายๆ เรื่อง ครูแป้งผู้เคยเป็น เด็ก หัวแข็งกับแม่จึงเริ่ม หันมาปฏิบัต่ ิธ รรมอย่ า ง จริงจังขึ้นเพราะคุณทวด คุณตา คุณยาย เคยพา ไปวัดทุกวันพระ และวันอาทิตย์ตอนเด็กๆ และ ครูแป้งรู้อยู่ลึกๆ ว่ายามที่จิตใจถึงทางตัน ธรรมะ ที่พระพุทธเจ้าสอนน่าจะเป็นที่พึ่งได้ จึงไปปฏิบัติ ธรรมและมีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาโดยพระ อาจารย์ชยสาโร ที่เสถียรธรรมสถาน ทำ�ให้เกิด ความเข้าใจและความศรัทธาอย่างยิ่งเป็นครั้งแรก ครั้งที่ ๒ ครูแป้งประสบอุบัติเหตุรถควำ่�ตอนทำ�งาน อยู่ที่ บริษัท โคคา-โคล่า (ประเทศไทย) จำ�กัด ขนาด ที่ทำ�ให้เห็นความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม เมื่อรอด ปลอดภัยมาได้ครูแป้งจึงยิ่งเห็นความสำ�คัญของ การปฏิบัติธรรมมากขึ้น เพื่อสร้างที่พึ่งให้ตัวเอง พร้อม เมื่อเสี้ยววินาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึง ครั้งที่ ๓ คือตอนที่ครูแป้งเริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิตเพื่อ ให้มีเวลาดูแลคุณแม่ซึ่งเริ่มป่วย จึงหยุดทำ�กิจการ บริษัทวิจัยตลาด ตั้งใจว่าจะเลิกทำ�งาน จะทุ่มเทให้ กับการปฏิบัติธรรมและดูแลคุณแม่เท่านั้น จึงเริ่ม สืบหาข้อมูลเพื่อให้ได้โอกาสฟังธรรมและปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ชยสาโร จนนำ�พาให้มาสมัคร เป็นครูที่โรงเรียนทอสีในเวลาต่อมา


๑ ขวบ สามารถนัง่ สมาธิจนเกิดปิตสิ ขุ โดยไม่คดิ แอบ โทรไปหาลูก และได้เติมกำ�ลังใจเต็มที่ นอกจากนั้น ผู้ปกครองนักปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งได้อาสามานำ� กลุ่มสนทนาหลังการทำ�วัตรเช้า เมื่อครูติ๊กได้พูดคุย ก็ได้รับคำ�แนะนำ�ที่ช่วยให้รู้วิธีจัดการกับความทุกข์ ในวิถีชีวิตแบบต่างๆ ที่นำ�มาใช้ได้ต่อไป

ครูติ๊ก

การอยู่ในชุมชนเรียนรู้ทำ�ให้ได้ตั้งหลักที่จะพัฒนา ชีวิต จากเดิมที่กลัวความสูญเสียพลัดพรากมากก็ ทำ�ใจได้มากขึ้นเรื่อยๆ รู้จักแบ่งเวลาให้พ่อแม่และ ครอบครัวมากขึ้น เพราะเรียนรู้ถึงคุณค่าความรัก ของพ่อแม่ตนเอง เมื่อก่อนเวลาไม่สบายใจก็จะเก็บ ไว้กังวลอยู่คนเดียว เดี๋ยวนี้ใจเข้มแข็งขึ้นก็กล้าพูด ปรับความเข้าใจ โรคปวดหัวที่เคยจี๊ดๆ ก็หายไป

ด้ ว ยความที่ เ ป็ น ลู ก ผู้ ห ญิ ง คนเดี ย วในบ้ า นจึ ง เหมือนเป็นคนที่ทุกคนจะคอยดูแลแม้แต่น้องชาย ครูแป้ง แต่ สิ่ ง แวดล้ อ มในครอบครั ว จะให้ ภู มิ คุ้ ม กั น ชี วิ ต ได้อย่างดีเพราะทุกๆ คนโดยเฉพาะคุณแม่จะฝึก ให้ลูกๆ ทุกคนดูแลตัวเองไม่เป็นภาระผู้อื่นมาแต่ เล็กๆ โตขึ้นมาให้ดูแลช่วยเหลืองาน ฝึกให้อดทน รู้จักทำ�งาน เช่น ทำ�ขนมขาย โดยคุณแม่จะเป็น แบบอย่างในทุกๆ เรื่องที่สอน เมื่อได้มาทำ�งานที่ โรงเรียนทอสี ครูติ๊กก็ได้เรียนรู้การทำ�งานที่พัฒนา ครูติ๊ก ต่อยอดชีวิตในแนวทางเดียวกัน คือ จากการเป็น คนไม่ค่อยกล้า ขี้อาย ก็กล้าพูดกล้าทำ� สิ่งที่ไม่ เคยทำ�ก็ฝึกทำ�เองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ

เหมือนกันเลยค่ะ ผู้ใหญ่มักจะฝึกเราโดยไม่อธิบาย คนรุ่นเก่าเก่งในการพัฒนาคนแบบแยบคาย ให้เรา ทำ�เอง เจอปัญหาเอง หาทางแก้เอง และคอยดูแล อยู่ใกล้ๆ เช่น มีพี่เลี้ยงแต่ยังต้องซักผ้าเอง ซักด้วย สบู่ก้อนขูดกับไม้ รีดผ้าเอง ช่วยยายทำ�กับข้าว ปิดเทอมก็คั่วถั่ว พับถุงขายด้วย ให้ลูกเผชิญชีวิต และเรียนรู้จากสิ่งที่ได้เผชิญ ตอนเช้ า คุ ณ ยายพาไปเก็ บ ดอกสารภี ต อนหน้ า หนาวเพื่อเอาไปขายที่ร้านยาจีน หนาวมาก แต่ สนุก แม่เป็นคนสอนให้รู้จักหารายได้ทุกอย่างจาก สิ่ ง รอบตั ว และมอบหมายหน้ า ที่ ใ ห้ ลู ก แต่ ล ะคน เช่น การตักบาตร การจับหมาเข้ากรง ทำ�ให้เรารู้ เวลาว่า เราต้องตื่นเช้ามารอตักบาตรให้ทันพระรับ ชีวิตครูติ๊กมีจุดเปลี่ยนตอนคลอดลูกคนแรก (น้อง บิณฑบาตไปฉัน และต้องจับหมาเข้ากรงก่อนออก เบนเกิดก่อนกำ�เนิด) หลังจากบริษัทที่สามีทำ�งาน จากบ้านเพื่อไม่ให้มันหลุดออกไปนอกบ้าน อยู่ปิดและสามีไม่มีงานทำ� ระยะหนึ่งพอดี ครูติ๊ก รู้ สึ ก ทั้ ง ทุ ก ข์ ข องตั ว เองและความรั ก ลู ก ห่ ว งลู ก ครูแป้ง มันไม่ใช่กิจกรรมพิเศษ แต่เป็นวิถีชีวิต เหมือนปริยัติ (คำ�แนะนำ�สอนสั่งของผู้ใหญ่) ปฏิบัติ ตลอดเวลา สิ่งที่ช่วยให้ครูติ๊กก้าวข้ามความยาก ครูตู่ (ทำ�เอง) ปฏิเวธ (รู้ผลด้วยตนเองว่าทำ�อย่างไร มีผล ลำ�บากนี้มาได้เริ่มจากการมีกำ�ลังใจ หลังจากการ ดีไม่ดีอย่างไร) ครบวงจรเลยนะคะ ถอดเทปธรรมะให้ครูอ้อนช่วงตั้งครรภ์ การได้ฟัง พระธรรมเทศนาที่ ไ ด้ รั บ มอบหมายให้ ถ อดจาก ครูติ๊ก ยายเป็นสาวชาวบ้าน แต่อ่านหนังสือเป็นจากการ ไปคุยกับคนที่วัด และรู้จักวรรณคดีเอาตำ�นานและ เสียงเป็นตัวหนังสือให้ทั้งข้อคิดความเข้าใจในทุกข์ นิทานต่างๆ มาเล่าให้หลานๆ ฟังได้ ยายจะมีวิธี และกำ�ลังใจที่ช่วยคลายทุกข์ ต่อมา โรงเรียนส่งครู ฝึกลูกแต่ละคนต่างๆ กันไปเป็นปัจเจก ส่งเสริม ไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่สิริครั้งแรกเป็นเวลา ๘ วัน ตามความถนัด และจำ�มาเล่าให้หลานๆ ฟังได้ ก็ทำ�ให้ครูติ๊กรู้จักตัดความห่วงกังวลในลูกที่อายุ ว่าฝึกลูกอย่างไร แม่ครูติ๊กให้เย็บผ้าทำ�อาหาร ป้า ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๒๗


ให้ทำ�บายศรี ขนมไทย ลุงเป็นทหาร น้าชายเป็นครู ครูติ๊ก หลานๆ ก็เป็นลูกมือแม่กับป้าอีกที

ที่บ้านครูติ๊กมักจะขุดดินปลูกสวนครัวเองอยู่เสมอ เพราะเก็บมากินเองก็ได้ ให้เพื่อนบ้านเก็บก็ได้ ปลอดภัยจากสารพิษด้วย เดี๋ยวนี้ลูกก็ชอบตามแล้ว ที่โรงเรียน จะช่วยคนรอบๆ.ตัว ตามอย่างผู้บริหาร ที่ไม่นั่งโต๊ะเฉยๆ จะเดินไปดูความเรียบร้อย ดูเด็ก ดูภาพกว้างๆ เห็นอะไรยังไม่เสร็จก็ต้องช่วย ครูแป้ง ที่โรงเรียน ครูแป้งจะทำ�ตามสถานการณ์ที่เห็น ว่าสิ่งที่เราทำ�จะเป็นประโยชน์ในที่สุด เช่น เห็น อาหารเด็กยังไม่ได้ตัก รู้ว่าถ้าเด็กช้ากว่าปกติจะ เป็นอย่างไร ก็จะเข้าไปช่วยตัก ฯลฯ แต่ถ้าการช่วย ของเราไม่เกิดประโยชน์ในภาพรวม เช่น ทำ�ให้ต้อง เกิดการทำ�ใหม่ ก็จะไม่เข้าไปช่วย จะใช้ความเข้าใจ ในวิถีชีวิตของนักเรียน ครู ว่ามีความลำ�บากในเรื่อง ไหน ควรช่วยอย่างไร ช่วยใคร ช่วยอะไร ควรหรือ ไม่ควรช่วย

พ่อครูติ๊กเป็นครูใหญ่โรงเรียนประจำ�หมู่บ้าน แม่ จึงสละที่ดินของตัวเองให้ราชการใช้สร้างบ้านพัก ครู ครูที่มาพักมักจะเป็นผู้หญิง ครูติ๊กจึงสนิทกับครู เพราะเป็นตัวอย่างที่ดีในชีวิตหลายอย่าง เช่น เล่า นิทานให้ฟัง สอนทำ�งานฝีมือที่ไม่เคยทำ� ฯลฯ โดย เฉพาะครูภาษาไทยที่สอนให้ครูติ๊กเขียนเรียงความ จนได้รางวัลบ่อยๆ ในชั้นมัธยมฯ ครูตู่ มี กิ จ กรรมอะไรที่ ค นมั ก จะเรี ย กหาให้ เ ราทำ � เพราะอะไรคะ ครูแป้ง งานประเภทที่ต้องพูด คุย งานพิธีกร หรือการนำ� เสนองานค่ะ ตั้งแต่อยู่มัธยมเพื่อนๆ ก็จะชอบ ให้เป็นคนพูดหรืออ่านหนังสือหน้าห้อง โดยครู แป้งก็ไม่รู้ว่าทำ�ไม พอมาทำ�งานวิจัยตลาด ก็ เป็น Moderator (ผู้นำ�กลุ่มสนทนา) เวลามี Focus Group (กลุ่มผู้ให้ข้อมูลขนาดเล็ก) เป็น Facilitator (กระบวนกร) เวลามี Workshop ครูติ๊ก การดูแลเรื่องอาหารของว่างค่ะ ตอนแรกก็รู้สึกว่า ทำ�ไม่ได้ แต่ความที่มีพื้นฐานประสบการณ์ก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ... การอยู่ให้พ่อแม่เห็นหน้าด้วย ค่ะ การให้เวลาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวในช่วง ที่ทำ�ได้ ทำ�ให้ยังมีความรักความผูกพันระหว่างกัน อยู่ เวลาคุณพ่อเข้าโรงเพยาบาล พอครูติ๊กลางาน ไปเยี่ยม คุณพ่อก็สดใสขึ้นทันที และยอมให้ครูติ๊ก พามาหาหมอที่กรุงเทพฯ ครูตู่ กิจกรรมใดบ้างที่เรามักจะทำ�ถึงจะไม่ใช่หน้าที่ ก็ตาม เพราะอะไรคะ

๒๘

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

ครูแป้งจะอ่อนไหวกับคนแก่ที่ลำ�บาก พอเจอ คนชราที่ขายของตามข้างทางจะอดใจไม่ค่อยได้ เคยซื้อขนมกุยช่ายจากอาม่าที่หาบมาขายใกล้ๆ ที่ทำ�งานทุกวันเป็นปีจนสนิทกัน ตอนแรกซื้อเพราะ อยากช่วยก็เอามากินเอง พอกินทุกวันไม่ไหวก็เริ่ม เอาไปให้คนรอบตัว คนรอบตัวก็เริ่มกินไม่ไหว จะ ไม่ซื้อก็ไม่สบายใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อไว้ก่อน ตอนนั้นคิดว่าเราซื้อเพราะอยากช่วยอาม่า ไม่ใช่ เพราะเราหวังประโยชน์จากสิ่งที่อาม่าขาย แต่เมื่อ ซื้อมาแล้วเอาไปทิ้งขว้าง ไม่ทำ�ให้เกิดประโยชน์ อาม่าผู้เป็นคนทำ�กุยช่ายรู้คงเสียใจ จะทำ�อย่างไร ให้สิ่งที่ซื้อเกิดประโยชน์ เลยเริ่มซื้อเอาไปใส่บาตร ได้ประโยชน์ทั้งอาม่า ทั้งพระ และตัวเอง เลยได้


ครูติ๊กกับลูกๆ น้องเบนและน้องบีม

เรียนรู้ว่าอยากช่วยใครช่วยไว้ก่อนอย่าเพิ่งไปคิด ครูติ๊ก ว่ า เราจะได้ อ ะไรไหม”เดี๋ ย วประโยชน์ ก็ เ กิ ด เอง นั่นแหละ มันมีทางออกของมันเอง หลังจากนั้นก็มี คุณยายบ๊ะจ่าง คุณตาเข็นเขียง คุณป้าตะกร้าสาน คนชราเหล่านี้เป็นคนที่มีศักดิ์ศรี ท่านดูแลตัวเอง ไม่ได้มาขอให้เราสงสาร เราได้เรียนรู้จากท่านว่า ต้องให้เกียรติกันและกัน ครูตู่ มี กิ จ กรรมอะไรคะที่ เราทำ � ได้ ดี อ ย่ า งไม่ น่ า เชื่ อ ครูแป้ง ไม่รู้สึกว่ายากลำ�บาก และคิดว่าเพราะอะไรคะ ครูแป้ง การทำ�อะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กันค่ะ Multitasking...แต่ มั ก จะเป็ น กั บ การทำ � อะไร ที่ใช้ทักษะมากกว่างานใช้ความคิด ขณะที่ทำ�ก็รู้ตัว ว่ากำ�ลังทำ�หลายๆ อย่างอยู่ ครูติ๊ก แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีขึ้น โดยไม่เครียด ทำ�ให้ ผ่านพ้นไปได้ จัดลำ�ดับความสำ�คัญได้ โดยไม่ต้อง ใช้อารมณ์เหมือนเมื่อก่อน ไม่วุ่นวาย สงบ และหา ทางออกที่ทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน ถึงแม้จะมี ปัญหาเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เป็นอานิสงส์ของการนั่ง ทำ�งานในห้องธุรการค่ะ ครูตู่ กิจกรรมอะไรคะที่ช่วยให้เรามองเห็นสิ่งที่ตัวเอง ไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะอะไร

การเดินทางไปโรงเรียนร่วมกับน้าชาย ฝึกให้ครูติ๊ก ต้องพร้อมก่อนเวลา เพราะน้าเป็นครูที่ตรงเวลา มาก จึงเป็นนิสัยในการตรงเวลาอยู่เสมอ และ กิจกรรมที่ทำ�ให้เราหันกลับมาดูตัวเองและสิ่งที่เรา ทำ� เช่น คนอื่นจะดูว่าครูติ๊กนิ่งๆ แต่จริงๆ ตอนแรก จะค่อนข้างใจร้อน เมื่อมาทำ�งานที่โรงเรียนทอสี เดี๋ยวนี้ก็รู้จักปล่อยวาง ไม่กดดันคนอื่น กิจกรรมที่พาไปสู่ความละเอียดในการคิดและจิตที่ มองอะไรได้ประณีตขึ้น จะเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น เช่น การเดินธรรมยาตรา เวลาเดินเราอยู่กับตัวเราเอง ช้าลง ทำ�ให้สนใจสิ่งที่ปกติเราเร็วจนไม่สนใจ ใจที่ ค่อยๆ สงบจะเปิดรับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ธรรมชาติ รอบตัว ครูแป้งไม่เคยเห็นว่าธรรมชาติเกื้อกูลเรา มากขนาดไหนอย่างชัดเจนด้วยตัวเองเท่านี้มาก่อน เห็ นคุ ณ ค่ า ของกอหญ้ า ที่ ช่ วยให้ เราถอดรองเท้ า เดินบนหินคมๆ ต่อไปได้ หรือลมที่พัดมาตอนที่ เราใกล้จะเป็นลม ฯลฯ ตอนนี้ก็ได้ทบทวนตัวเอง ทุกวัน เพราะตั้งใจไว้ว่าจะสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน ก่อนนอน เหมือนได้ฉายหนังให้ตัวเองดูซำ�้ในสิ่งที่ เกิดขึ้นระหว่างวัน ถ้าพูดหรือทำ�อะไรไม่เหมาะสม ก็จะใช้เตือนตัวเองว่าเมื่อมีอะไรมากระทบแบบนั้น

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๒๙


เราจะไม่ทำ�อย่างนั้นอีก ถ้ามีอะไรดีๆ ของคนอื่น ครูติ๊ก เกิดขึ้น ก็จะคิดด้านดี เพื่ออนุโมทนา เพราะจะ ช่วยให้ความรู้สึกไม่ดีด้านอื่นที่เรามีกับคนๆ นั้นลด ลงได้ ทำ�ให้มองหน้าสื่อสารกันได้ ถ้าได้ทำ�อะไร ที่เหมาะสมแล้วบางครั้งก็เกิดความภูมิใจที่มีอะไร มากระทบใจแล้วเราปฏิบัติกลับไปแบบนั้นได้ ก็ชื่น ครูแป้ง ใจตัวเอง ครูตู่ มีใครคะที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราฝ่าฟันเพื่อทำ� สิ่งที่ตั้งใจจะทำ� เพราะอะไร ครูแป้ง คิดว่าทุกคนที่มีจิตจะช่วยเรา หวังดีหวังให้เราดีขึ้น หรือ “กัลยาณมิตร” นั่นเอง เช่น เวลาสามีช่วย เตือนสติเราเกี่ยวกับคุณแม่ เพื่อนครูที่เตือนสติเรา เวลาจิตตก เพราะเรารู้ว่าเขาหวังดี ถ้ามีคนหวังดี กับเรา เราตอบแทนเขาได้ด้วยการทำ�ในสิ่งที่ไม่ ทำ�ให้ความหวังดีของเขาเปล่าประโยชน์ ครูติ๊ก คนที่เป็นแบบอย่างในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปในทางที่ดีขึ้น แล้วก็นำ�มาใช้กับตัวเอง เช่น คุณอ้อน ซึ่งเคยใจร้อน ถามอะไรต้องรีบตอบ ตอน นี้เปลี่ยนเป็นใจเย็นขึ้น รอได้ถ้าเรายังไม่พร้อมหรือ ครูตู่ ยังหาคำ�ตอบไม่ได้ ครูติ๊กชอบสังเกต - คิด - ฟัง คำ � สอนของครู บ าอาจารย์ ที่ ช่ ว ยให้ เ ราหั น มา ทบทวนและคุมตัวเอง ไม่ส่งจิตไปกระทบกับใคร ครูตู่ ครูติ๊กกับครูแป้งจะทำ�อะไรต่อไป เพราะอะไรคะ

๓๐

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

จะพั ฒ นาตั ว เอง...เพราะทำ � แล้ ว คนรอบตั ว จะมี ความสุขมากขึ้น ได้คำ�ตอบให้ตัวเองจากการฟัง บทสัมภาษณ์ครูอ้อนครั้งหนึ่งว่า เราต้องมีจุดหมาย ชีวิต ถ้าเราพัฒนาใกล้จุดหมายชีวิตขึ้นไปเรื่อยๆ เราก็อยู่อย่างมีความสุขมากขึ้น ได้ทั้งประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ต้องสู้กับตัวเองและจิตด้านอกุศลของตัวเองเพื่อ การขัดเกลาจิตใจให้เข้มแข็งและสะอาดยิ่งขึ้นต่อ ไป เช่น เช้าที่ตื่นขึ้นมาบอกตัวเองว่าเหนื่อยมาก ไม่ไหว เพิ่งโดนเด็กเฮี้ยวแบกความท้อกลับบ้าน นอนไม่หลับ จิตอกุศลจะบอกให้โทรแจ้งว่าครูแป้ง ไปไม่ไหว บางทีก็รู้สึกผิดที่ดูแลคุณแม่ไม่ดีพอ ก็ คิดวนอยู่แต่อยากลาออกเพื่ออยู่บ้านดูแลคุณแม่ อย่างเดียว มาอยู่โรงเรียนทอสีทำ�ให้เราได้มีโอกาส สู้กับอำ�นาจฝ่ายตำ่�ในใจตัวเองมากขึ้น เริ่มเห็นว่า เมื่อเรากล้าสู้กับความรู้สึก กล้าฝืนไม่ทำ�ในสิ่งที่จะ ทำ�ให้เราได้ความสบาย จิตจะเข้มแข็งขึ้น ก็จะเห็น ความตลกของความคิดจิตใจตัวเองที่เปลี่ยนได้ ครูตู่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุยกับครูติ๊กครูแป้งจะได้ เรียนรู้วิชาชีวิตมากขนาดนี้ ขอบพระคุณมากค่ะ และขออนุ โ มทนาในการสละเวลามาแบ่ ง ปั น ประสบการณ์ดีๆ สู่ชุมชน โอกาสหน้าคุยกัน ใหม่นะคะ


ฅ.คนค้นประเทศไทย ‘ เช็ค สุทธิพงษ์′ เค้น ‘ พินอคคิโอ′ ในจอธรรมะนิยม ในฐานะของมนุษย์คนหนึ่ง เราจะทำ�อะไรเพื่อตอบแทนประเทศชาติได้บ้าง? ขอเชิญ ทุกท่านหาคำ�ตอบจากบทสัมภาษณ์ที่ สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ (พ่อเช็ค คุณพ่อของน้องแก้ม ศิษย์เก่าทอสี ศิ​ิษย์ปัจจุบันที่ปัญญาประทีป และน้องกล่อม ป.๖) ได้ให้ทัศนะไว้ในคอลัมน์ “ออกแบบประเทศไทย” มติชนออนไลน์ ฉบับวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ค่ะ

คอลัมน์ “ออกแบบประเทศไทย” ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อน ถือเป็นมิติใหม่วงการโทรทัศน์ ไทย ที่ “ผู้ชมจอแก้ว” ได้เห็นการกำ�เนิดของ “สารคดีชีวิต” วาบหวิวชื่อกระฉ่อน หรือกระทั่งความจริงใน “ม็อบเสื้อแดง” แนวใหม่ที่ฉีกกระแส “ป๊อป” ซึ่งวนเวียนอยู่กับรายการ ได้สื่อสารกับโลกภายนอก บันเทิง ขายสินค้า และเกมโชว์วาไรตี้ แผ่กิ่งก้านสาขารายการสารคดี อย่าง “กบนอกกะลา” รายการสารคดีชีวิต “คนค้นฅน” โดย บริษัท ทีวีบูรพา จำ�กัด “จุดเปลี่ยน” “หลุมดำ�” รวมทั้งนิตยสาร “ฅ.คน” บนโลกนำ�้หมึก กับภาพ “ชายวัยกลางคน” ผิวเข้ม สีหน้าจริงจัง สวมหมวก ภายใต้หลักคิด เมื่อต้องการหา “ความจริง” ก็ต้องเอาตัวเอง แก๊ป ใบเก่า ดำ�เนินรายการด้วยสีหน้าและนำ�้เสียงราบเรียบ แต่ เข้าไป “สัมผัส” จริงจัง แฝงไว้ด้วยปรัชญา-ความจริงในชีวิต การันตีผลงานความสำ�เร็จผ่านรางวัลมากมาย อาทิ โทรทัศน์ ทองคำ� เมขลา โล่พระราชทาน รางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ ฯลฯ “ถามว่ากลุ่มคนที่ผมไปสัมผัสคาดหวังอะไรกับการเลือกตั้งที่ กำ�ลังจะเกิดขึ้น เขาคงคาดหวังในเรื่องความสงบสุขนะ คาด หวังให้ประเทศไม่มีความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเหมือนที่ เป็นอยู่” เขาอารัมภบทออกแบบประเทศไทยใต้หมวกแก๊ปของ ฅน.ทำ�สารคดี “เช็ค” มองว่า วันนี้ทุกคนในสังคมไทยมีมุม “แอบทุกข์” ซุกซ่อน อยู่ ในใจอย่างถ้วนทั่ว เพราะวิกฤตความขัดแย้งในสังคมได้สร้าง ผลกระทบทั้งระบบปากท้อง ไปจนถึงความสัมพันธ์ ในครอบครัว แต่การเลือกตั้งหาได้เป็น “ทางออก” ของปัญหาในทรรศนะของ “เช็ค” แต่ถือเป็น “เครื่องมือ” หนึ่งที่จะทำ�ให้เกิดการยอมรับใน เรื่องการ “เฉลี่ยผลประโยชน์” “เช็ค” หรือ “สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ” ใช้ 2 เท้าของเขาเดินทาง ไปตามที่ต่างๆ เพื่อตีแผ่แง่มุมที่ซุกอยู่ ในซอกหลืบของสังคม ถ่ายทอดแบบอย่างในการดำ�รงชีวิตได้อย่างเข้มข้น ทั้งคมคิดเนื้อหา-บทสนทนา-มุมกล้องที่ ไม่เหมือนใคร

“วิธีการเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข เฉลี่ยอำ�นาจ ไปกับกระบวนการการ เลือกตั้ง มันเป็นสิ่งที่ถูกออกแบบไว้ว่า เออ.. มันดูเข้าท่ากว่าอันอื่น แต่ทุกคนคงไม่ ได้คิดว่าพอมีการเลือกตั้งแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะเราเลือกตั้งกันมาไม่รู้เท่าไหร่แล้ว แต่ปัญหาที่ต้องแก้ มัน ก็ยังเหมือนเดิม และดูเหมือนจะหนักหนาสาหัสกว่าเดิมด้วยซำ�้ เขาทำ�ให้ “ปู่เย็น” เฒ่าทรนงแห่งลุ่มนำ�้เพชรบุรี เป็นที่รู้จักของ ทั้งที่ทุกคนที่เข้ามา ก็บอกว่าตัวเองเข้ามาเพื่อแก้ปัญหา” คนในสังคม ทำ�ให้ “เด็กหญิงต้นข้าว” ชีวิตน้อยๆ ที่เติบโตใต้ อ้อมกอดธรรมชาติ ชีวิตในโลกมืดของ “น้องแน็ต” นางแบบ ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๓๑


เขาเชื่อว่า “ปัญหา” จะถูกแก้ หากรู้ว่า “ทุกข์” คืออะไร แล้ว หาสมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) นิโรธ (การดับทุกข์) เพื่อไปสู่มรรค (ทางดับทุกข์) โดยทุกคนไม่ควร “สิ้นหวัง” ไปเสียก่อน

สังคมและความเป็นจริง มันมีเท่านั้น มองเห็นสังคมและความ เป็นจริงแค่เพียงยอดปิระมิดที่ตัวเองอยู่ แล้วคิดว่าตัวเองคือผู้ กุมชะตากรรม หรือเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีก็เพื่อรับใช้ เพื่อถวายพานให้ตัวเอง แน่นอนเขาเหล่านั้นก็จะไม่ทำ�ให้คนที่ เหลือลุกขึ้นมาโต้เถียง หรือขึ้นมาแข็งข้อได้ ชีวิตคนเหล่านี้เลย ถูกกำ�หนดโดยผู้อื่น ไม่ว่าเราจะเรียกมันว่าชนชั้นหรือไม่” สำ�หรับคำ� “ไพร่-อำ�มาตย์” ที่สะกิดใจคนยุคนี้ จนถลำ�เข้าใกล้ ขอบเหวแห่งความแตกแยกนั้น เป็นสิ่งที่ “คนไทย” น่าจะรู้ดี ว่า 2 คำ�นี้เกิดขึ้นจากไหน และมีอยู่ด้วยนัยยะและวัตถุประสงค์ อะไร

“ผมเป็นคนหนึ่งที่ดำ�เนินชีวิตด้วยความหวัง และพยายามทำ� ตามหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เท่าที่ทำ�ได้ ผมคิดว่าคนจำ�นวน มากของสังคมก็สำ�เหนียก (เน้นเสียง) แล้วนะครับว่าอะไรคือ วิกฤต อะไรคือปัญหา อะไรคือหายนะ และอะไรน่าจะเป็น ทางออก แต่ภาษาพุทธท่านว่าคนเราติดกรรมเก่าที่สร้างขึ้น จนแก้ ไม่ออก ถ้าทุกคนไม่พร้อมกันแก้ หรือไม่รู้ ไม่สำ�เหนียก ว่าต้องแก้ เมื่อนั้นก็มองทางออกไม่เจอ นี่อาจเป็นคำ�สาปของ มนุษย์ก็ ได้นะ (หัวเราะ) ความจริงมีประวัติศาสตร์ มีอดีตให้เรา ได้เรียนรู้ และเห็นมานักต่อนักแล้วว่าสุดท้ายความโกรธ ความ เกลียด ความกลัว ไม่ ได้นำ�มาสู่สันติสุข แต่นำ�ไปสู่สงคราม นำ� ไปสู่ความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า”

“ถ้ามันมีอยู่แค่เพียงถ้อยคำ� แต่มันไม่มีอยู่ ในจิตใจของคน ถาม ว่ามันจะส่งผลไหม ถ้าสมมุติผมเป็นคนผิวดำ� แต่ผมไม่รู้สึกถึง ความดี ความด้อย แม้ ใครจะมาล้อผมว่าไอ้ดำ�! ก็ผมไม่ โกรธ สิ่งนั้นก็ ไม่มีผลต่อความรู้สึกนึกคิด หรือต่อสภาวะจิตใจผม ตรงกันข้าม ถ้าผมฉลาดกว่านั้นคือ ผมรู้ ผมสามารถเวทนา คนที่แสดงออกต่อผมด้วยกิริยาแบบนั้น ผมอาจจะสงสารเขา ก็ ได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะ “ไพร่” หรือ “อำ�มาตย์” เวลาที่พูดคำ�นี้ ใน พ.ศ.นี้ เรานี่แหละเป็นคนที่สร้างความรู้สึกที่มีต่อคำ�ๆ นี้ โดยที่ คำ�ก็ทำ�หน้าที่รับใช้เจตนาของผู้สร้าง พอมีอารมณ์ ใส่เข้าไป ด้วย เลยเกิดเป็นความรู้สึก และทำ�ให้การต่อสู้ของคนรุนแรง ทุกระดับ” คือบทสรุปวาทกรรม-เครื่องมือต่อสู้ทางการเมืองของคนต่าง ขั้วในความคิดของ “เช็ค”

“เช็ค” ยกคำ� “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” นักฟิสิกส์ของโลกปูชนียบุคคลแห่งความบรรลุทางปัญญา ที่ว่า “ถ้าเราจะแก้ ปัญหาที่เกิดจากนำ�้มือเรา เราจะใช้สติปัญญาเท่าเดิมที่ทำ�ให้ เกิดปัญหาไม่ ได้ มันต้องใช้สติปัญญามากกว่านั้น” ซึ่งตรงกับคำ�ว่า “อะกาลิโก” ในทางพุทธศาสนา และความ จริงแท้แห่งพระธรรมที่ ไม่กำ�หนดอายุกาล จริงแท้ตลอดกาล จริงแท้ทุกสมัย นั่นเอง ที่ทำ�ให้ความรู้สึก “กดทับ” ในใจ ถูก “สะกิด” ออกมาในยุคนี้ ทั้งเรื่องการกำ�หนดค่า “ชนชั้น” และ การบัญญัติวาทกรรม “ไพร่-อำ�มาตย์” เพื่อใช้เรียกร้อง-ต่อสู้ ทางการเมือง “ความเป็นชนชั้นยังมีอยู่ ในใจคน แม้ยุคนี้จะคลี่คลายจากการ กำ�หนดเป็นศัพท์ทางกฎหมาย หรือกติกาที่ โจ่งแจ้ง แต่ยังมีอยู่ ในจิตใจมนุษย์ เป็นภาวะแบบยังเห็นผู้อื่นตำ่�กว่า ไม่เป็นมนุษย์ เบียดเบียน ข่มเหง ไม่ต่างจากที่นายทาสปฏิบัติต่อทาส แม้มัน คลี่คลายในเชิงรูปแบบ แต่มนุษย์ที่คุ้นชินอยู่กับอำ�นาจ หรือได้ มาซึ่งอะไรบางอย่างโดยไม่ต้องต่อสู้เหมือนคนอื่น แล้วคิดว่า ๓๒

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

เมื่อให้มองย้อนภาพการเมืองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนเปรียบ เปรยเป็นสารคดีสักเรื่อง “คนทำ�สารคดี” นิ่งคิดครู่หนึ่งก่อน เฉลยว่า “นึกไม่ออก (หัวเราะ) แต่นึกในความรู้สึกที่ระคนกัน ทั้งเบื่อ บางครั้งก็ชิงชังรังเกียจ แต่ ในบางครั้งก็เป็นห่วง มันมี ทุกอารมณ์ แต่ ในส่วนตัวคิดว่าเราจะอยู่อย่างไรให้เราไม่ทุกข์” ความปรารถนาของ “เช็ค” ในฐานะ “ปุถุชน” คืออยากให้การ เมืองเจริญขึ้น ทั้งด้านจิตใจ-กระบวนการ-วิธีการของคนที่อยู่ ในแวดวงอำ�นาจ เพราะสิ่งแย่ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่เคยนำ�ประโยชน์


สุขอะไรต่อส่วนรวมเลย แต่นำ�ประโยชน์สุขเฉพาะตน หรือพวก พ้อง แม้แต่กระทั่งการอภิปรายในสภา ดูแล้วมันเหนื่อย เห็น แต่สิ่งเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยอวิชชา ผิดศีล โกหก และอัดแน่นด้วย อารมณ์ โกรธ เกลียด และเจตนาไม่สร้างสรรค์ ในฐานะที่เคยประสบความสำ�เร็จในการ “ล้างภาพจำ�” รายการ “จอแก้ว” เลยอยากให้ช่วย “สร้างภาพจำ�ใหม่” เกี่ยวกับ “จอการเมืองไทย” ชนิดที่ “ผู้เล่น” เล่นอย่างสนุก-สร้างสรรค์ ส่วน “ผู้ชม” ก็ ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย-ชิงชัง? เขาหัวเราะเล็กๆ ก่อนกล่าวว่า “พูดแบบขำ�ๆ นะ ถ้าผมมีอำ�นาจ วิเศษที่จะเสก หรือจะทำ�อะไรได้ ผมจะไม่เปลี่ยนอะไร ผมจะ ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ แต่ผมจะทำ�ให้คนที่มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ หรือคนที่พูดความเท็จ ให้ทุกครั้งที่พูด จมูกจะยาวออกมา เหมือนพินอคคิโอ ผมขอแค่นี้ (หัวเราะ)”

สุดท้ายก็ต้องพูดว่าถูกควัก กระเป๋ากันไป เป็นการหา ประโยชน์ เป็นการค้าขาย” นาทีที่ “หยุด” ตั้งสติ และ ยอมถอนจากการ “ผูกติด” กับการเมือง เกิดขึ้นเมื่อ “เช็ค” ทบทวนแล้วเห็นว่า “ไปไกลเกิน” ไปแล้ว เมื่อซักว่าประเทศไทยควร เป็นรูปแบบ “เสรีนิยม” ที่อาจมีช่องว่างระหว่างคนจน-คนรวย หรือเป็น “สังคมนิยม” ที่ทุกคนเสมอภาคกัน? “เช็ค” ขอเสนอ “ทางเลือกใหม่-ทางเลือกที่ 3” โดยเห็นว่า ประเทศไทยควรเป็น “ธรรมนิยม” เพราะ “ธรรมะ” อยู่ตรงกัน ข้ามกับสิ่งที่ก่อให้เกิดความวุ่นวาย “ท่านพุทธทาสท่านพูดว่า ถ้ามีธรรมมะแล้ว ก็ ไม่ต้องมีการเมือง ประเทศไทยภายใต้ธรรมนิยมคือ มีความเข้าใจในความเป็นจริง เข้าใจความเป็นไปของชีวิต เข้าใจความเป็นไปของโลก และ เท่าทันมัน ในเชิงธรรมมะสุดท้ายแล้วชีวิตก็เป็นเรื่องชั่วคราว สุดท้ายตายแล้ว ก็เอาอะไรไปไม่ ได้” เ ห ล่ า นี้ เ ป็ น บ า ง ช่ ว ง - บ า ง ฉ า ก - บ า ง มุ ม คิ ด จ า ก “คนเล็กพลังใหญ่”ผู้ชายที่ขอร่วมสร้างสรรค์ประเทศไทย!!!

“ความสนุกของเรื่องอยู่ที่การรอดูพัฒนาการของนักการเมือง ใครที่มีเจตนาร้ายต่อคนอื่น ใครที่ ไม่ ได้ทำ�ตามคำ�สัตย์ปฏิญาณ ที่ ให้ ไว้ ในวันที่ ไปถวายสัตย์ คนไทยจะได้เห็น และผมขอให้ทั้ง รัฐบาลและฝ่ายค้านมีทีวีเป็นของตัวเองเลยนะ จะถ่ายทอดเป็น เรียลิตี้ ให้คนดูตลอด 24 ชั่วโมงเลย ให้ดูพัฒนาการของจมูก ยาวนี่แหล่ะ

ที่มา : มติชนออนไลน์

นั่นคือรูปแบบ “สารคดีการเมืองในฝัน” ของ “เช็ค” ส่ ว นการปลดระวางความทุ ก ข์ จ ากการติ ด ตามสถานการณ์ “การเมือง” และใช้ชีวิตอยู่ ใน “บ้านนี้เมืองนี้” ได้อย่างมีความ สุขนั้น “เช็ค” บอกว่า “ให้สนุกคงไม่จำ�เป็น แต่ติดตามอย่างเข้าใจว่า ทำ�ไมมันต้องเป็นเช่นนั้น แล้วเราอย่าเอาจิตเราไปผูกกับมัน มาก สมัยหนึ่งผมเป็นคนที่เอาจิตไปผูกกับมันมาก เคยเอาจิต ไปผูกถึงขนาดต้องดูทีวีทุกวัน ถึงขั้นต้องไปแสดงออกบางอย่าง ถึงขั้นที่ต้องไปบริจาคเงิน คนจำ�นวนมากก่อนหน้านี้เอาจิตไป ผูกกับการเมือง จนเกิดการทะเลาะเบาะแว้ง แบ่งแยกเข้าไป ถึงห้องนอน แล้วเต็มไปด้วยอะไรที่เป็นสัญลักษณ์เต็มไปหมด ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๓๓


เด็กทอสีไปไหนกันมาบ้าง? การทัศนศึกษาทั้งหมดในช่วงครึ่งหลังของภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๔ ๒๒ ส.ค. ๕๔ ๔ ส.ค. ๕๔ ๕ ส.ค. ๕๔ ๑๐ ส.ค. ๕๔

ป.๓ ไปใส่ปุ๋ยอินทรีย์บำ�รุงดินที่มาบเอื้อง (การเดินทางครั้งที่ ๔) ๑๘ ส.ค. ๕๔ อ.๒ ไปเสถียรธรรมสถาน ป.๓-๖ ไปชมโขนชุด “ศึกไมยราพ” ๔ ก.ย. ๕๔ อ.๒ ไป Family Trip ที่อุทยาน ร.๒ ป.๕ ไปทัศนศึกษาที่จังหวัดอยุธยา ๒๐ ก.ย. ๕๔ อ.๓ ไปทัศนศึกษาที่ท้องฟ้าจำ�ลอง อ.๓ ไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์ดุสิต

อ.๓ ไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์ดุสิต ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๔

ในเทอมนี้พวกเราชาวอนุบาล ๓ ได้ออกไปทริปที่ สวนสัตว์ดุสิต กรุงเทพมหานคร เพราะเทอมนี้ในเนื้อหาหน่วย ที่เรียนของเด็กๆ ก็คือเรื่องปัจจัย ๔ ซึ่งตรงกันกับเรื่องที่ได้เรียน นั่นก็คือที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่างๆ หรือเรียกให้น่ารักอีกนิดหนึ่ง ก็คือ “บ้านจำ�ลองของสัตว์” กันค่ะ พอถึงวันจริงเด็กๆ ก็มาโรงเรียนกันเช้ามากๆ ค่ะ ตื่นเต้นกันยกใหญ่ แต่ละคนก็อยากที่จะได้ไปเร็วๆ (คุณครูก็ อยากไปเร็วๆ เหมือนกันค่ะ) ซึ่งชาวอนุบาล ๓ ก็ออกเดินทาง ไปโดยรถตู้ทั้งหมด ๕ คัน และมีคุณแม่หนึ่ง (คุณแม่ของน้อง จีเนียส) คุณแม่ลี่ (คุณแม่ของน้องไทนี่) คุณแม่จัน (คุณแม่ของ น้องไจ๋) ร่วมเดินทางไปกับเด็กๆ ในครั้งนี้ด้วย พอเดินทางมาถึงที่สวนสัตว์ก็มีพี่ๆ ทีมงานของทาง สวนสัตว์ลงมาต้อนรับเด็กๆ และพาเด็กๆ เข้าร่วมกิจกรรมที่ โอวัลตินได้จัดไว้ เด็กๆ ได้ดื่มโอวัลตินและขนมกัน (บางคนอิ่ม จนไม่ยอมทานนมกับขนมที่คุณครูเอาไปให้เลยทีเดียว) พอท้อง เริ่มอิ่มพี่ๆ ทีมงานก็พาออกเดินทางไปสำ�รวจกันต่อ ระหว่างทางเดินเด็กๆ สังเกต ๒ ข้างทางกันใหญ่เลย ค่ะ ว่าจะเจอบ้านของเจ้าสัตว์อะไรบ้าง จนเดินมาถึงสถานที่ แสดงโชว์ของเจ้าแมวนำ�้จอมขี้เล่น พวกเราก็ไปนั่งดูโชว์การ แสดงกัน ระหว่างรอพี่แมวนำ�้ออกมาแสดง คุณครูก็ลองให้ เด็กๆ ได้สังเกตบ้านของพี่แมวนำ�้กันว่าเป็นอย่างไร ซึ่งพอถึง เวลาแสดงเด็กๆ ดูจะตื่นเต้นและสนใจในโชว์กันมากเลยค่ะ บางคนนั่งไม่ติดที่นั่งกันเลย เพราะไม่อยากพลาดการแสดงของ พี่แมวนำ�้ ดูเหมือนว่าพี่แมวนำ�้จะเป็นขวัญใจของเด็กๆ กันค่ะ ๓๔

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

โดย ครูฟ้า ครูประจำ�ชั้น อ.๓

ซึ่งพี่แมวนำ�้ก็เรียกเสียงหัวเราะของเด็กๆ ได้ตลอดเลยทีเดียว พอการแสดงโชว์จบเด็กๆ ก็ออกเดินทางต่อ ระหว่าง ทางเดินเด็กๆ ได้เห็นนกตัวสีชมพู ก็เลยถามพี่ๆ ว่าเรียกว่านก อะไร ซึ่งพี่ทีมงานก็บอกเด็กๆ ว่ามันคือ “นกฟลามิงโก้” เด็กๆ จึ ง ถื อ โอกาสสั ง เกตบ้ า นของคุ ณ นกฟลามิ ง โก้ ไ ปด้ ว ยว่ า เป็ น อย่างไร หลังจากเด็กๆ พักทานอาหารกลางวันเสร็จ พี่ๆ ทีม งานก็พาเด็กๆ เข้าดูโชว์การแสดงของชาวเคนย่า ซึ่งเด็กๆ ได้ แตะมือกับพี่ๆ ชาวเคนย่ากันด้วย (ชอบใจกันใหญ่เชียวค่ะ) หลั ง จากนั้ น ก็ มี ก ารแสดงของพี่ . “ช้ า ง”.ต่ อ เลยค่ ะ เด็กๆ ได้เห็นช้างตัวโต แต่ที่เห็นจะเป็นที่ชอบใจและเรียกเสียง หัวเราะจากเด็กๆ.ได้เห็นจะเป็นตอนที่พี่ช้างถ่ายมูลออกมา ระหว่างการแสดงน่ะสิคะ (แหม!) แต่ก็เป็นการแสดงที่น่ารัก มากค่ะ หลังจากแสดงจบ เด็กๆ บางคนก็ได้จับตัวพี่ช้างด้วย สนุกกันไปใหญ่เลย พอเริ่มเดินกันเหนื่อยพวกเราก็ได้นั่งรถรางไปรอบๆ สวนสัตว์ ซึ่งย่นระยะเวลาไปได้มากทีเดียวค่ะ ระหว่างทางก็ มีบ้านของสัตว์ต่างๆ ให้เด็กๆ ได้ดูมากมาย ทำ�ให้เด็กๆ แม้จะ เมื่อยกันแต่ก็ยังไม่หมดแรงที่จะดู (สู้กันมากเลย) จนกระทั่ง ได้เวลาที่จะต้องกลับโรงเรียน เด็กๆ ก็ได้ร่วมกันขอบคุณพี่ๆ ทีมงานที่ช่วยพาเราไปดูสัตว์ต่างๆ ในเวลากลับบ้าน เมื่อรถตู้ เคลื่ อ นตั ว ออกยั ง ไม่ พ้ น สวนสั ต ว์ ก็ มี เ สี ย งพู ด กั น ขึ้ น มาว่ า “อยากมาอีกจังเลย...” แล้วก็ค่อยๆ เงียบไปพร้อมกับแรงที่ หมดจนหลับกันจนถึงโรงเรียน


ป.๕ ไปทัศนศึกษาที่อยุธยา ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔

โดย ครูเกด ครูประจำ�ชั้น ป.๖

เมื่อวันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม ที่ผ่านมา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๕ ได้มโี อกาสไปทัศนศึกษาทีจ่ งั หวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองหลวงเก่าของประเทศไทย เยี่ยมชมวัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม วัดพระศรีสรรเพชญ พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา และศูนย์ ศึกษาประวัติศาสตร์ หลังจากกลับมา เด็กๆ ได้เขียนข้อคิดที่ได้จากการไปทัศนศึกษาในครั้งนี้ และนี่คือตัวอย่างข้อคิดจากเด็กๆ ซึ่งครูเกดอ่านแล้วภูมิใจนะคะ ที่เด็กทอสีเห็นคุณค่าของประวัติศาสตร์ ของบรรพบุรุษที่ยอมเสียสละเลือดเนื้อเพื่อประเทศชาติ และวัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทย ให้ดำ�รงไว้สืบจนชั่วลูกหลาน

“ผมได้ ข้ อ คิ ด ว่ า เราต้ อ งเป็ น ประชาชนที่ ดี . .และ ต้ อ งทำ � ให้ บ้ า นเมื อ งเราสงบสุ ข ..มี ค วามเจริ ญ รุ่ ง เรื อ ง..และต้ อ งรั ก ษาชาติ แ ผ่ น ดิ น ของเรา ไม่ ย อมให้ ใ ครมาทำ � ลาย..และต้ อ งกตั ญ ญู ต่ อ แผ่นดินนี้ด้วยครับ” ข้อคิดโดย พี่ที๊ค

“ในการไปอยุ ธ ยาครั้ ง นี้ . .บอมได้ ไ ปเห็ น ของจริ ง แทนที่จะดูแต่รูปภาพในหนังสือ..ได้เห็นภูมิปัญญา ไทยที่ ไ ด้ ส ร้ า งของต่ า งๆ..ได้ รู้ ว่ า บรรพบุ รุ ษ ของ ไทยเราช่วยกอบกู้เอกราช..ยอมเสียเลือดเนื้อเพื่อ ลู ก หลานให้ สื บ ไป..ดั ง นั้ น เราจึ ง ไม่ ค วรไปทำ � ลาย วั ฒ นธรรมของไทย..แต่ เ ราควรดู แ ลรั ก ษาเพื่ อ ลูกหลานของเราได้ดูต่อไป” ข้อคิดโดย พี่บอม

ทริปทั้งสองข้างต้นนี้เป็นตัวอย่างการเปิดโลกนอกสถานที่ของเด็กๆ ทอสี พบกับตัวอย่างทริปดีๆ แบบนี้ในฉบับหน้านะคะ ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๓๕


ก้าวที่สามแห่งการเรียนรู้ของปัญญาประทีป ฉบับที่ ๔ /๒๕๕๔ กลับบ้านครั้งนี้ เด็กๆหลายคนเตรียมตัวที่จะทำ�อะไร บางอย่าง “เพื่อแม่” บางคนบอกครูว่า “หนูจะวิ่งเพื่อแม่ค่ะ” ฟังเหมือนเธอเป็น “ด.ญ วัลลียอดกตัญญู” แต่เธอก็เป็นเช่น นั้นจริงๆ เพราะคุณแม่ขอให้เธอลงวิ่งแข่งที่จัดในวันแม่ปีนี้ และ เธอก็อยากจะทำ�ตามที่คุณแม่ขอ และทำ�ให้คุณแม่มีความสุขใน วันที่เอื้อให้ระลึกถึงพระคุณแม่นี้

“เราควรทำ�สิ่งที่ ถู ก ต้ อ ง แม้จะไม่ ถู ก ใ จ ก็ตาม” “อย่าเป็นเด็กติดเกม” “ให้เป็นคนดีของสังคม” “แค่พยายาม ก็ดีแล้ว” “ไม่ให้ทะเลาะกัน” “ให้รู้จักเกรงใจผู้อื่น” “แม่รับได้ ทุกเรื่อง ให้ไว้ใจแม่และอย่าโกหกแม่” “ให้จริงใจกับผู้อื่น ถึงแม้ เขาจะไม่จริงใจกับเราก็ตาม” “ไม่มีใครที่รัก หวังดี และจริงใจ กับลูกได้เท่ากับป๊ากับม๊า” “อ ย า ก ไ ด้ อ ย า ก มี ต้อง ทำ�เอง” “อย่าโกหก เพราะถึงจะโกหกคนอื่นได้ แต่ลูกก็โกหก ตัวเองอยู่ดี” “ให้เป็นคน ต ร ง ต่อเวลา” “อ ย่ า ดู ถู ก ค น อื่ น” “คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว” “อย่ายอม ใครที่มาเบียดเบียนเรา” “ทำ�สิ่งที่เราทำ�ได้ให้ดีที่สุด” “ไม่ให้ ดูถูกศักดิ์ศรีของผู้อื่น” “ไม่ให้เป็นคนผลัดวันประกันพรุ่ง” “ให้ขยันเรียน” “ไม่ว่าจะยังไง จะทำ�อะไรก็ตาม อย่าทำ�ให้ผู้ อื่นเดือดร้อน” “ให้มีความ รับ ผิด ชอบ” “เวลาดูผู้ชาย ให้ดูเข้าไปข้างในที่ใจ ดูว่าเขามีความเมตตาหรือไม่ อย่าดูแต่ ภายนอก” “ให้เห็นค่าของเงินที่พ่อแม่หามาให้” “เมื่อจะใช้ เวลา ต้องจัดการให้เป็น” “เวลาไปไหน ให้เอา ห ม า ออกจาก ปาก” “คิด ก่อน พูด” “ให้รู้จักพึ่งพาตนเองให้มาก ที่สุด อย่าหวังหรือรอให้คนอื่นทำ�ให้”

สองคำ่�คืนสุดท้ายก่อนที่เด็กๆจะกลับบ้านในอาทิตย์ นี้ คุณครูได้พาเด็กๆล้อมวงคุยเรื่อง “แม่ๆ” เพื่อเป็นการจัด โอกาสให้เด็กๆได้ระลึก ได้รู้สึกถึงความรัก ความเมตตาเหลือ คณาของ “พระในบ้าน” เด็กๆเปิดใจเล่าความประทับใจที่มี ต่อแม่ สิ่งที่นึกถึงเมื่อพูดถึงแม่ เช่น “ไข่เจียว เพราะแม่ทำ� อร่อยมาก” “มะพร้าว เพราะข้างนอกแข็ง แต่ข้างในหวาน” (แม่ใครหนอ?) และที่สำ�คัญครูถามถึงสิ่งที่ “แม่สอนไว้” ซึ่ง เด็กๆตอบได้ทันที คุณครูเองแอบปลื้มแทนคุณแม่ จึงขอนำ� มาแบ่งปันให้คุณพ่อ คุณแม่ได้อ่านในจดหมายฉบับนี้ โดยขอ อนุญาตไม่เขียนชื่อของเด็กๆ แต่อยากให้คุณแม่ลองหาดูว่าเรา จำ� “สิ่งที่เราสอนลูกไว้ และลูกรู้สึกโดน” ได้หรือไม่ ทั้งนี้มีครู ลูกๆ บอกกันมาถูกต้องดีหรือไม่คะ คุณแม่แอบท้วงติง ขออนุญาตตัดบางข้อความที่ซำ�้กัน นับรวมกันได้ ๓๐ คำ�สอน และแก้ไขกลับมาที่คุณครูได้นะคะ แม้ขนาดของตัวอักษรที่ ดังนี้ ครูใช้ อาจมีความเล็กใหญ่หนาบางไม่เท่ากัน เป็นลูกเล่นด้าน ศิลปะเล็กน้อย แต่ครูเชื่อว่า ความปรารถนาดีของแม่ทุกคนที่ แ ม่ ส อ น ไ ว้ ว่ า มีให้กับลูกนั้นคงไม่ต่างกันเท่าใดนัก ครูเชื่อว่า แม้เด็กบางคน “คิ ด ก่ อ น ทำ�” “อย่ารอและอย่าหลงกับคำ�ชม” “ตั้งใจเรียน” อาจยังทำ�สิ่งที่พ่อแม่สอนไว้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เด็กๆ ได้พูด ๓๖

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔


ถึงคำ�สอนของครูคนแรกนี้ด้วยความอบอุ่น อิ่มใจ แล้วคุณแม่ เองจำ�ได้หรื่อไม่ว่าเคยสอนอะไรลูกๆบ้าง และลูกๆของเราได้ พยายามทำ�ตามคำ�สอนนั้นๆหรือไม่ เขียนมาแบ่งปันให้คุณครู ได้เรียนรู้ด้วยนะคะ และในโอกาส “วันแม่แห่งชาติ” ปีนี้ คุณครูขอนำ� คำ�สอนสำ�หรับแม่ (และพ่อ) จากพระอาจารย์ ชยสาโร ซึ่งเขียนไว้ในหนังสือ “พ่อแม่ผู้แสดงโลก” มามอบ เป็นของขวัญที่นี่ ดังนี้ค่ะ

“นอกจากโลกแห่งความเชื่อถือ คุณค่า มุมมอง อีก โลกหนึ่งที่เราควรสนใจก็คือ โลกแห่งอารมณ์ และความรู้สึก เมื่อลูกต้องการหาวิธีปฏิบัติต่อความรู้สึกที่อยู่ในใจแล้ว เขา ย่อมมองพ่อแม่เป็นครูในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการสำ�รวม การไม่ สำ�รวม การเก็บกด การจองเวร การปล่อยวาง หรือการให้อภัย พ่อแม่คือผู้สร้าง ม า ต ร ฐ า นให้กับลูก การควบคุมอารมณ์ การปฏิบัติต่อลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และทุกข์ เป็นแม่พิมพ์ที่เราฝากไว้กับลูก เราเจอความผิด หวัง เรามีปฏิกิริยาอย่างไรไหม ใจเสาะหรือใจสู้ เราพลัดพราก จากสิ่งที่รักและคนที่รัก เราทำ�ใจได้ไหม เราได้สิ่งที่อยากได้ เรา หลงใหลมัวเมาไหม เราปฏิบัติอย่างไรก็สอนลูกอย่างนั้น” ครูแจ๊ดไปอ่านพบ “ข้อคิด ๑๒ ข้อของการเป็นพ่อ แม่ที่ดี” ของคุณ “นำ�้อิง” (นามปากกา) จาก multiply.com ซึ่ ง เขี ย นไว้ ง่ า ยๆแต่ ส อดคล้ อ งกั บ ปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น ระหว่ า ง “พ่อแม่กับลูก” ทั่วโลก จึงขอนำ�มาแบ่งปันดังนี้ค่ะ ๑) ฉันจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเขา ๒) ฉันจะสร้างให้เขาภูมิใจในคุณค่าของตัวเอง ๓) ฉันจะเลิกเปรียบเทียบเขากับพี่น้อง หรือคนอื่น ๔) ฉันจะชมเขามากกว่าวิจารณ์ ด่าทอ ๕) ฉันจะให้กำ�ลังใจเขา ไม่ซำ�้เติมเมื่อเขาผิดพลาด ๖) ฉันจะมีเวลาให้เขามากขึน้ ลดงานและข้ออ้างต่างๆ ให้นอ้ ยลง ๗) ฉันจะกอดเขา จะบอกให้รู้ว่าฉันรักเขาทุกวัน ๘) ฉันจะพูดกับเขา แทนการใช้อำ�นาจกับเขา ๙) ฉันจะมองเขา และรับฟังเขาให้มากขึ้น ๑๐) ฉันจะไม่ผลักดัน คาดหวังให้เขาต้องมาเติมตามความฝันที่ ฉันเติมให้กับตัวเองไม่ได้

๑๑) ฉันจะไม่นำ�ความต้องการของฉัน มาเป็นเงื่อนไขบีบบังคับ ให้เขามาเป็นบุคคลที่ฉันต้องการ ๑๒) ฉันจะบอกให้เขารู้ว่า ไม่ว่าเขาจะเป็นเช่นไร เขาคือคนที่ ฉันรักและภูมิใจมาก ทุกวันนี้ เด็กๆส่วนใหญ่ขาดความรู้สึกเคารพตัวเอง หลายคนจึงเคารพผู้อื่นไม่เป็นด้วย จากข้อคิดข้างต้น ถ้าพวก เรามาร่วมกันสร้างให้เกิดขึ้นจริง ครูมั่นใจว่าปัญหาต่างๆที่ เกิดขึ้นจนครูสะสางแก้ไขแทบไม่ทันนั้น จะลดหรือเบาลงได้ อย่างแน่นอน ขอเพียงให้เราเดินเคียงอย่างมั่นคงไปในทิศทาง เดียวกัน สิ่งที่แนบมากับจดหมายฉบับนี้* คือแบบรายงาน พัฒนาการรายบุคคลของลูกครั้งที่ ๒ ของปี ๒๕๕๔ นี้ หลัง จากที่ท่านได้อ่านแล้ว ท่านจะทำ�อย่างไรกับความรู้สึกที่เกิด ขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ท่านจะพูดคุยอย่างไรกับลูกให้เกิด ประสิทธิผล ท่านจะดูแลพัฒนาลูกของท่านร่วมกับโรงเรียน ต่อไปอย่างไร เราทุ ก ฝ่ า ยต่ า งเป็ น ความหวั ง ซึ่ ง กั น และกั น ต่างสมหวัง ผิดหวัง สลับกันไปพัลวัน ถ้าเราวางอารมณ์จาก “ค ว า ม ค า ด ห วั ง” แต่หันกลับมาดูที่ตัวเราแต่ละคนว่า จะทำ�อะไรได้บ้างให้เกิดประโยชน์กับสิ่งที่คาดหวังให้เกิดขึ้น พร้อมเตรียมใจเรียนรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะ “สมหวัง หรือ ผิดหวัง” “ทุกข์ หรือ สุข” ความเข้าใจ ความยอมรับ ความ ฉลาดในการบริหารอารมณ์ และปัญญาย่อมเป็น “ผล” ที่ เกิดขึ้นโดยที่เรามิได้คาดหวัง

อย่าลืมให้เด็กๆ.เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟังว่าทำ�อะไรกัน บ้าง รู้สึก เรียนรู้ อะไร อย่างไร และทำ�ไมจึงเกิดความรู้สึก หรือ ความรู้นั้นขึ้น ที่สำ�คัญ รู้ จั ก ต น เ อ ง เพิ่มบ้างหรือไม่ อย่างไร ด้วยความเคารพยิ่ง ครูแจ๊ด *จดหมายจากครูแจ๊ดฉบับนี้ส่งตรงถึงผู้ปกครองปัญญาประทีป จุลสารฯ คัดมาตีพิมพ์โดยมิได้แนบแบบรายงานพัฒนาการรายบุคคลของเด็กๆ มาในจุลสารฯ ด้วย ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๓๗


โดย ด.ญ.พิมพ์บูรพา ธรรมวุฒิ (แก้ม) ม.๒

สิ่ ง ที่ แ ก้ ม ได้ เรี ย นรู้ จ ากโรงเรี ย นทอสี เ ป็ น อย่ า งมาก และควรนำ�ไปต่อยอดที่โรงเรียนปัญญาประทีป คือ ทักษะ การวิเคราะห์ค่ะ เพราะเวลาที่แก้มเจอกับปัญหา เช่น การทำ� ข้อสอบ (ล้อเล่นค่ะ) แก้มก็จะสามารถคิดวิเคราะห์ได้ค่อนข้าง ดีกว่าเพื่อนคนอื่นๆ หรือมองได้หลายด้านกว่า โดยเฉพาะการ ตัดสินคน เวลาคุยกับเพื่อนๆ หรือผู้ใหญ่เรื่องคนอื่นๆ เวลา เพื่อนๆ คุยอะไรมา แก้มก็จะสามารถคิดได้หลายด้านกว่า โดย เฉพาะตอนนี้ที่อยู่ปัญญาประทีปก็ต้องคิดว่า ทำ�ไมเพื่อนคนนี้ ถึงทำ�แบบนี้ เขามีสาเหตุหรือปัจจัยอื่นๆ นอกจากที่เราคิดหรือ เปล่า แล้วก็ลองมาคิดวิเคราะห์ดู ก็ทำ�ให้แก้มเข้าใจคนอื่นๆ ได้ มากขึ้นค่ะ และที่เห็นได้ชัดเลยคือวิธีการคิดเชื่อมโยง หรือการ คิดข้ามศาสตร์ (การบูรณาการนั่นเอง) ซึ่งเวลาที่แก้มไปอยู่ที่ ปัญญาประทีป แก้มก็ต้องใช้ทักษะการคิดเชื่อมโยงได้ง่ายขึ้น เพราะทอสีชอบสอนแบบบูรณาการนั่นเองค่ะ

อีกเรื่องที่แก้มได้จากทอสีและคิดว่ามีประโยชน์มากๆ คือ การนั่งสมาธิ เจริญสติ นั่นเองค่ะ ถึงแก้มจะยังทำ�ได้ไม่ค่อยดี แต่แก้มก็รู้สึกว่า แก้มควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้นเพราะมี พื้นเพมาจากทอสีมาก่อน เช่น เวลาที่เพื่อนๆ มากวน หรือทำ�ตัว น่ารำ�คาญ แก้มก็จะไม่โวยวายใส่ แต่จะควบคุมความโกรธ แล้ว พูดกับเขาให้ดีที่สุดเท่าที่แก้มจะพยายามทำ�ได้ค่ะ ๓๘

ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

เรื่องหนึ่งที่แก้มคิดว่าสำ�คัญมากๆ มากจริงๆ คือ การ จดการบ้านค่ะ คือมันดูจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ว่าแก้มสามารถ เห็นความแตกต่างของตัวเองได้ชัดเจน ในตอนแรกๆ ที่แก้ม ไปอยู่ปัญญาประทีป แล้วไม่ยอมจดการบ้าน กับช่วงหลังๆ ที่ พยายามดันตัวเองขึ้นมาแล้วจดการบ้านซักที คือตอนที่จด การบ้านแก้มรู้สึกว่าตัวเองเป็นระบบระเบียบมากๆ ไม่ลืม การบ้าน แล้วก็ส่งการบ้านครบทุกอย่างค่ะ ซึ่งแก้มว่าการปลูก ฝังให้เด็กๆ จดการบ้านนั้นเป็นอะไรที่ดีมากๆ เพราะจะฝึกให้ เด็กมีความรับผิดชอบ มีการจัดการชีวิตให้เป็นระบบมากขึ้นค่ะ

สุดท้ายสิง่ ทีแ่ ก้มคิดว่ามัน “เจ๋ง” ทีส่ ดุ ก็คอื การฝึกให้ เด็กๆ คิดแบบอริยสัจ ๔ ทีแ่ ก้มบอกว่ามันเจ๋งทีส่ ดุ ก็เพราะว่า ทุก ครัง้ ไม่วา่ เรือ่ งอะไรจะเกิดขึน้ ก็ตาม ไม่วา่ ดีหรือร้าย ถ้าเราคิดแบบ อริยสัจ ๔ เราสามารถวางใจเป็นกลาง และสามารถปล่อยวางได้ สิง่ นีค้ อื สิง่ ทีแ่ ก้มคิดว่าเจ๋งทีส่ ดุ ในโรงเรียนทอสีคะ่ ขอให้คณ ุ ครูทกุ คน สูๆ้ สอนเด็กให้เป็นเด็กดีอย่างนีต้ อ่ ไปนะคะ ขอบคุณสำ�หรับ การอบรมสัง่ สอนแก้มมาตลอด ๑๒ ปีทท่ี อสี และอีก ๑ ปีท่ี ปัญญาประทีปค่ะ ขอบคุณทีส่ ดุ ขอบคุณมากๆ ค่ะ มีนาคม ๒๕๕๔


• ชาวทอสีขอร่วมชื่นชมคนเก่งคนดี

“กอด” หรือ ด.ช. หัสชัย อิงคสุวรรณ นักเรียนชั้น ป.๔ เป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ได้เข้าร่วมการแข่งขัน “World Transplant Game 2011” ที่เมืองโกเทนเบิร์ก ประเทศ สวีเดน เมื่อวันที่ ๑๗-๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา โดย น้องกอดได้รับ ๒ เหรียญเงินจากกีฬาว่ายนำ�้ รุ่น ๙-๑๑ ปี ชาย ในท่ากรรเชียง ๒๕ เมตรและฟรีสไตล์ ๒๕ เมตร โดยการแข่ง กีฬาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันจาก ๕๔ ประเทศทั่วโลก World Transplant Game เป็นกีฬาสำ�หรับผู้ที่เปลี่ยน อวัยวะทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ปอด หัวใจ ตับ ไต และไขกระดูก ที่กลับมาแข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างคนปรกติหรืออาจจะ แข็งแรงกว่าด้วยซำ�้ น้องกอดได้รบั การปลูกถ่ายไขกระดูกเมือ่ ตอนอายุ ๑ ปี ๑๑ เดือน เนือ่ งจากป่วยเป็นโรคเลือดจาง และได้รบั บริจาค Stem Cell จากคนไทยซึง่ ไม่ใช่ญาติพน่ี อ้ งกันเป็นรายแรกใน ประเทศไทย ทุกวันนีน้ อ้ งกอดแข็งแรงและยังเป็นนักกีฬาว่ายนำ�ด้ ว้ ย น้องกอดเล่นกีฬาว่ายนำ�อ้ ย่างจริงจังและสมำ�่ เสมอ กีฬาทุกชนิดนอกจากจะช่วยทำ�ให้แข็งแรงแล้ว มากไปยิ่ง กว่านั้น จะช่วยฝึกความอดทน ความมีวินัย การรู้แพ้รู้ชนะ มี นำ�้ใจเป็นนักกีฬา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำ�คัญของเด็ก ที่จะเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตได้

พบเด็กเก่งเด็กดีที่ไหน ช่วยกันบอกต่อด้วยนะคะ

ด.ญ.ศศลักษณ์ ทรงประไพ หรือ “ป่านทอ” นักเรียนชั้น ป.๓/๑ เข้ารับ รางวัลชมเชย ระดับชั้น ป.๑-ป.๓ ในการประกวดศิลปกรรมยุวพัฒน์ ครั้ง ที่ ๑๘ หัวข้อ “สนุกสนานในงานบุญ” เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๔ ที่ ผ่านมา น้องป่านให้แนวความคิดประกอบงานไว้ว่า “หนูรู้สึกประทับใจกับ ประเพณีการขนทรายเข้าวัด ซึ่งทุกวันนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว หนูคิดว่าน่า จะเป็นวันที่เด็กๆ ได้สนุกด้วยกันและได้ทำ�สิ่งดีๆ ร่วมกันด้วย”

ด.ช. กวีทิป เจริญประวัติ หรือ “ตูน” นักเรียนชั้น ป.๖ นักกีฬาเทควันโด สายดำ� ดั้ง ๒ (Poom 2) ได้เข้าร่วมการแข่งขันเทควันโดในนามโรงเรียน ทอสี มีผลงานการแข่งขันในปีการศึกษา ๒๕๕๔ ภาคเรียนที่ ๑ ได้รับ: • เหรียญเงิน การแข่งขันเทควันโดกีฬานักเรียนชิงแชมป์ประเทศไทย กรมพละศึกษา (รอบคัดภาคกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) รุ่นฟินเวท (นำ�้หนัก ๒๗-๓๐ กิโลกรัม) อายุ ๑๑-๑๒ ปี ชาย แข่งเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ • เหรียญทองแดง การแข่งขันเทควันโดมหานครเกมส์ กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2 รุ่นฟินเวท (นำ�้หนักไม่เกิน ๓๐ กิโลกรัม) อายุ ๑๑-๑๒ ปี ชาย แข่งเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๔

สืบเนื่องจากงานกอล์ฟ “ทอสี ทีของพ่อ” ทางโรงเรียน ทอสี ข อใช้ พื้ น ที่ นี้ ข อบพระคุ ณ ในความกรุ ณ าของ ครอบครัวของคุณพ่อน้องกอดที่สนับสนุนเรื่องสถานที่ แข่งขัน “สนามกอล์ฟเมืองแก้ว” ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ด.ญ. มนัสนันท์ เจนรักมาตุภูมิ หรือ “น้องมินท์” ชั้น อ.๓ เป็น เด็ ก ที่ มี จิ ต อาสาช่ ว ยเหลื อ ล้ า ง กล่องนมเป็นประจำ� เมื่อเร็วๆ นี้ น้ อ งมิ น ท์ แ ละครอบครั ว ได้ ช่ ว ย รวบรวมและหอบหิ้ ว กล่ อ งนมที่ ทำ � ความสะอาดแล้ ว มามอบให้ โครงการทอสีรักษ์โลกเพื่อให้ครู อั๋นสะสมและนำ�ไปแลกเป็นกรีนบอร์ดต่อไป น่ารักจริงๆ เลยค่ะ

สืบเนื่องจากการไปร่วมประกวดสูตรแซนด์วิชจานเด็ดคนเก่งกับฟาร์มเฮ้าส์ เมือ่ วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ปัจจุบนั “ซันนี”่ หรือ ด.ช. จิรพนธ์ โควศุภมงคลนักเรียนชัน้ ป.๖เข้าตากรรมการได้มโี อกาสไปร่วมทำ�งานกับคุณ พล ตัณฑเสถียร ในหน้าทีพ่ ธิ กี รร่วมประจำ�รายการ “พลพรรคนักปรุง” แล้ว ค่ะ ติดตามผลงานและเป็นกำ�ลังใจให้นอ้ งซันนีไ่ ด้ทกุ วันพุธ-ศุกร์ ทางช่อง ๙ เวลา ๐๘.๔๕-๐๙.๐๐ น. (ช่วงใหม่ “Phol and Friends” เริม่ ก.ย. นี)้ ทอสีสัมพันธ์ ฉบับกรกฎาคม - กันยายน ๒๕๕๔ ปีการศึกษา ๒๕๕๔

๓๙


ผู้ปกครองโรงเรียนทอสี สำ�รองที่นั่งโดยการตอบรับในเอกสารสื่อ


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.