1 minute read

ชีวิตคือ ‘การถูกสุ่ม

ยิ่งเห็นชีวิตก็ยิ่งเห็นความไม่แน่นอนมากขึ้น บางคนเสียชีวิตง่ายดายอย่าง ไม่คาดฝันทั้งที่ร่างกายแข็งแรง บางคนร่างกายอ่อนแอแต่มีชีวิตยืนยาว การไม่สามารถ พยากรณ์ชะตากรรมตนเองได้เป็นที่ทราบกันมานานจนต้องใช้วิธี “ปลงชีวิต” เป็น เครื่องมือในการต่อสู้เพื่อมีชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขและสงบตามสมควร ผู้เขียนได้พบหนังสือเล่มหนึ่งนานมาแล้ว ในนั้นมีประโยคที่ถูกใจคือ “life is random” (ชีวิตคือการถูกสุ่ม) ยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งเห็นพ้องและท่องประโยคนี้อยู่ บ่อย ๆ เมื่อพานพบสิ่งที่ไม่คาดฝัน randomness หรือการเกิดขึ้นของเหตุการณ์หนึ่งอย่างไม่มีแบบแผนหรือ ไม่สามารถพยากรณ์ได้คู่กับมนุษยชาติ เมื่อไม่สามารถอธิบายการเกิดอย่าง “เดาสุ่ม” ของมันได้ มนุษย์ก็พยายามหาค�ำอธิบาย บ้างก็ว่าเพราะพระเจ้าก�ำหนดให้เป็นเช่นนั้น บ้างก็บอกว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมที่ตามมา และบ่อยครั้งก็ไม่สามารถอธิบายได้เลย ในข้อเขียนวันนี้จะไม่พาดพิงถึงหลักวิชาการทางสถิติ จะพูดถึงแต่เหตุการณ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวมนุษย์เท่านั้น แต่กระนั้นก็ตามก็หลีกหนีวิชาสถิติไปไม่พ้น ถ้าหญิงชายคู่หนึ่งมีอายุเท่ากัน มีการด�ำรงชีวิตที่คล้ายคลึงกันมากมาตลอด ชีวิต แต่ผู้ชายเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในวัยกลางสี่สิบปี เหตุการณ์อย่างนี้ถึงจะเป็น “การถูกสุ่ม” ให้ไปสวรรค์แต่อายุยังไม่มาก แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะพันธุกรรมของเพศ หญิงในวัยนี้ท�ำให้ยังไม่เป็นโรคหัวใจ

อย่างไรก็ดีถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ไปด้วยกันโดยนั่งข้างหลังและรัดเข็มขัด นิรภัย ผู้หญิงประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแต่ผู้ชายรอด อย่างนี้เรียกได้ว่า “ชีวิตคือการ การถูกสุ่ม “ เนื่องจากเกิดขึ้นอย่างไร้แบบแผนจนไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าจะเกิด เหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น อีกกรณีหนึ่งที่ชายตรวจร่างกายแล้วพบว่ามีระดับน�้ำตาลในเลือดสูง ไขมัน ในเลือดชนิดเลว (LDL) สูง ความดันโลหิตสูง โอกาสที่จะเป็นโรค NCD (NonCommunicable Diseases ซึ่งหมายถึงกลุ่มโรคซึ่งได้แก่ โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ฯลฯ) ในอนาคตมีสูง ดังนั้นหากเสียชีวิตด้วยโรคเหล่านี้พอเรียก ได้ว่าชีวิตไม่ “ถูกสุ่ม” เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว มองในเรื่องที่เป็นมงคล การที่คนหนึ่งเกิดมาโชคดี มีพ่อแม่ดูแลอุปถัมภ์ ได้รับสิ่งดี ๆ ในชีวิตอยู่เสมอ ซึ่งตรงข้ามกับอีกคน อย่างนี้ก็เรียกได้ว่า “ชีวิตคือการ ถูกสุ่ม” ตอนที่อสุจิของพ่ออันเป็นสาเหตุแห่งการเกิดของตนนั้นฝ่าฟันต่อสู้แข่งขันกับ พี่น้องอีก 250-280 ล้านตัว เพื่อปฏิสนธิกับไข่ของแม่หนึ่งฟองนั้น ตัวเราเองก็ไม่รู้ เรื่อง และเลือกเกิดไม่ได้ เมื่อผลมันออกมาไม่ว่าจะเป็นชีวิตที่ดีหรือไม่ก็เป็นเรื่องการ “ถูกสุ่ม” โดยใครก็ไม่รู้ (Warren Buffett มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เรียกลูกเขา ว่าเป็นสมาชิกของ Lucky Sperms Club) มีผู้คนไม่น้อยในโลกเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับตนเองทั้งที่เป็นคนดีอยู่ในศีล ในสัตย์ก็ตัดพ้อว่า “โลกไม่เป็นธรรม” คนเหล่านี้อาจลืมไปว่า “life is random” เสมอ และการถูกสุ่มหรือ randomness นั้นไม่มีค�ำว่าปราณี ไม่มีความทรงจ�ำ ไม่มีเหตุมีผล ไม่มีตรรกะ ฯลฯ มันเกิดของมันอย่างไม่มีแบบแผนและอย่างคาดคะเนไม่ได้ บางคนอาจเถียงว่าการเจ็บป่วยและ/หรือเสียชีวิตด้วยโรคนั้นมีที่มาจาก พฤติกรรมในการด�ำรงชีวิตหรือการติดเชื้อ หรือการผิดพลาดของการรักษา ฯลฯ ซึ่ง ก็มีส่วนจริง แต่อย่าลืมว่าบ่อยครั้งที่แพทย์เองก็อธิบายไม่ได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ ดังนั้น จึงไปลงที่ randomness อยู่บ่อย ๆ การผ่าตัดธรรมดา ๆ ที่ไม่ซับซ้อนก็อาจท�ำให้คนไข้เสียชีวิตได้ ความเป็น ไปได้นั้นถึงจะมีอยู่ต�่ำแต่มันก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะ randomness นั้นมันท�ำงานอย่าง ไม่หลับไม่นอน

Advertisement

Murphy’s Law ซึ่งบอกว่า If anything can go wrong, it will go wrong. (ถ้าจะมีอะไรที่สามารถผิดพลาดได้ มันจะเกิดขึ้น) นั้นท�ำงานเสมอ กฎข้อนี้ โดยแท้จริงแล้วบอกว่า randomness มีอยู่ทุกแห่งหนและในทุกโอกาส จะสามารถ เอาชนะมันได้เกือบทุกครั้งก็ด้วยการใช้ความรอบคอบเท่านั้น ผู้เขียนมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีคาถาประจ�ำใจว่า “อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด” ซึ่งตรงกับ “whatever will be, will be” ซึ่งหมายความถึงว่าเราไม่รู้อนาคต อะไร จะเกิดมันก็จะเกิด คาถานี้ท�ำให้สามารถยอมรับสิ่งเป็นลบที่เกิดขึ้นในชีวิตได้เป็นอย่างดี งานนี้อีกเช่นกันที่ randomness เป็นตัวละครส�ำคัญ ถ้ามนุษย์เราเข้าใจธรรมชาติของ randomness ว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้ (คนทุกคนจะไม่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ต้องมีจ�ำนวนหนึ่งที่ “ถูกสุ่ม” ให้เป็น ถ้าดูแลสุขภาพตัวเองดี โอกาส “ถูกสุ่ม” อาจมีน้อยลงบ้างแต่ก็อาจ หนีมันไม่ได้ก็เป็นได้) ความรู้ทางการแพทย์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมดว่าเหตุใด คนบางคนจึงโชคร้าย สิ่งที่เรียกว่า known unknowns นั้นคือรู้ว่าไม่รู้อะไร เช่น ไม่รู้ว่ายีนส์ ตัวใดอย่างชัดเจน หรือสิ่งใดหรือสารเคมีใดที่ท�ำให้มนุษย์มีอายุยืน รู้ว่าไม่มียาตัวเดียว ที่รักษาทุกโรคมะเร็ง แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ unknown unknowns กล่าวคือไม่รู้ว่า เราไม่รู้อะไร (มีคนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้ กล่าวคือนึกว่าตนเองรู้ไปหมด ซึ่งโดย แท้จริงแล้วไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้อะไรอีกมาก ส�ำหรับบางคนนั้นรู้ทุกอย่าง ที่ไม่รู้อย่างเดียว ก็คือไม่รู้จักตนเอง) นักวิทยาศาสตร์ชอบที่จะจัดการ known unknowns เพื่อท�ำให้มนุษย์ มีความรู้มากขึ้นและเอาสรรพสิ่งมารับใช้มนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น แต ่ไม ่ชอบจัดการกับ unknown unknowns เพราะเป็นเรื่องยากกว่ามากที่จะรู้ว่าเราไม่รู้อะไร ตัวอย่างเช่น อาจมีสภาวะจิตใจลักษณะหนึ่งที่เอาชนะความเจ็บไข้ได้ทั้งหมดก็เป็นได้ แต่เราไม่รู้ว่า สภาวะจิตใจที่ว่านี้คืออะไร และการเอาชนะความเจ็บไข้นี้หมายความอย่างไร ปัญหา พื้นฐานก็คือถ้าเราไม่รู้ว่ามันมีตัวตนอยู่หรือไม่ เราก็ไม่รู้จะหามันได้อย่างไร ดังเช่น คนล้มป่วยลงด้วยโรคอะไรก็ไม่รู้ เมื่อไม่รู้สาเหตุก็ไม่สามารถรักษาได้

ลักษณะของ unknown unknowns เช่นนี้แหละที่ท�ำให้เราไม่สามารถ อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับชีวิตเรา ดังนั้น randomness จึงมีบทบาทในใจของเรามาก ยิ่งขึ้นเพราะเราไม่รู้จะโทษใคร เนื่องจากเราเต็มไปด้วยความไม่รู้ การยอมรับว่า “ชีวิตคือการถูกสุ่ม” ท�ำให้จิตใจเราสงบขึ้น แต่ก็ไม่ควร ยอมรับให้มันก�ำหนดชะตาชีวิตของเราไปเสียทั้งหมด ในขอบเขตหนึ่งเราต้องก�ำหนด เองให้ได้ ส่วนที่เหลือนั้นก็ต้องยอมให้ “ถูกสุ่ม” อย่างหน้าชื่นตาบาน

There are two great days in a person’s life ____the day we are born and the day we discover why. มีสองวันที่ยิ่งใหญ่สุดในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง นั่นก็คือวันที่เกิดมา กับวันที่ค้นพบว่าเกิดมาเพื่ออะไร

William Barclay (นักเขียนชาวสก๊อต ค.ศ.1907-1978)

ดีแล้วเก่งนั้นเกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่หากเก่งแล้วจะให้ดีนั้นท�ำได้ยากกว่า

ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

Youth has no age. ความเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่มีขีดอายุ

Pablo Picasso (จิตรกรเอกของโลก ค.ศ.1881-1973)

I don’t have bad handwriting, I’m just using my own font. ผมไม่ได้มีลายมือไม่ดี ผมเพียงก�ำลังใช้ฟอนท์ของผมเอง

Lifelong learning for the lifelong love of learning. การเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อรักการเรียนรู้ตลอดไป

If you don’t enjoy what you have, how could you be happier with more? ถ้าคุณยังไม่อาจหาความสุขได้จากสิ่งที่มีอยู่ แล้วคุณจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อมีมากกว่านี้ได้อย่างไร

This article is from: