เจ็ดพระพุทธา

Page 1

2012

เจ็ดพระพุทธาปกครองโลก หัวข้อศึกษาธรรมะ

3/14/2012


เจ็ดพระพุทธาปกครองโลก ต้นตระกูลญาณหรื อญาณเดิ ม ลงมาถือ กําเนิ ดในโลกมนุษย์ในครั้งกระโน้น จิ ตยังบริ สุทธิ์ ด้วยอนุตตรภาวะคงตัว แต่ยงั ไม้รู้จกั พัฒนาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ทางโลก เมื่อความหนาวกระทบกาย อันตรายขีดข่วนเนื้อหนังก็ได้แต่เอาใบไม้มาห่อหุ้มป้ องกัน จิตใจยังมิได้หลงใหลยึดหมายต่อสิ่ งใดๆ ในโลก พอทิ้งกายสังขารจิตญาณเดิมหรื อชีวิตจริ งก็กลับคืนเบื้องบน มนุ ษย์ในยุคนั้นแม้จ ะไม่ได้ก่ อ กรรมทําเข็ญอันใดไว้ แต่ก็มิได้ก่อ เกิ ดคุณประโยชน์หรื อ สร้างสรรค์พฒั นาการอันใดไว้ให้แก่โลกมนุษย์ดว้ ยเช่นกัน ดังนั้นเบื้องบนจึงได้โปรดบัญชาให้ เจ็ด พระพุทธาลงมาพัฒนาโลก ดังนี้ ปฐมพุทธา ชื่ออ้ ายฝอ พระองค์ ที่หนึ่ง คือ ปฐมพุทธาพระนามว่า ชื่ออ้ ายฝอ แปลว่า รักบริสุทธิ์ อุบตั ิมายังทิศ ทักษิณ (ทิศใต้) ทรงพระปรี ชาญาณสว่าง สอนมนุษย์ให้แผ้วถางพงรก บุกเบิกป่ าเขา ในยุคนั้นทุก แห่งเป็ นป่ าดง คนมีชีวิตตามฟ้ าลิขิต ไม่มีความรู้ ดว้ ยตัวเอง จิ ตใจบริ สุทธิ์ ไร้ เดียงสา คนกับสัตว์อยู่ ร่ วมกันอย่างสงบ ไม่เบียดเบียนเข่นฆ่ากัน ยุคนั้นผลไม้ผกั หญ้าอุดมสมบูรณ์เหลือล้น ปฐมพุทธา ปกครองธรรมกาลอยู่ ๖,๐๐๐ ปี ยุคนั้นอยูใ่ นเกณฑ์กาํ หนดกาลเถาะ ทุตพิ ุทธา เซิงอวี้ พระองค์ที่สอง คือ ทุติพุทธาพระนามว่า เซิงอวี้ แปลว่า กําเนิด ฟูมฟัก อุบตั ิมายังทิศอุดร(เหนื อ) ทิศอุดรเป็ นทิศมารดา จึ งอุบตั ิมาเพื่อปกครองการกําเนิ ดฟูมฟั ก มาถึงยุคนี้คนกับสัตว์แบ่งแยกกันอยู่ คนเริ่ มมีความรู้เรื่ องที่อยูอ่ าศัย ในถํ้าในโพรง หลบลมฝนหนาว ร้อน เริ่ มมีทายาทสื บเผ่าพันธุ์ ยุคนั้นเรี ยกว่ากําหนดกาลมะโรง พระองค์ปกครองธรรมกาลอยู่ ๔,๘๐๐ ปี ตติยพุทธา เจีย่ ซันชุน พระองค์ที่สาม คือ ตติยพุทธาพระนามว่าเจีย่ ซันชุน แปลว่า ยอด วสั นตฤดู (ช่วงอบอุ่นเย็น สบายที่สุดของฤดูใบไม้ผลิ) อุบตั ิมาทางทิศบูรพา (ตะวันออก) เพื่อพัฒนาความเป็ นอยู่ สอนมนุษย์ ให้รู้จกั ปลูกพืชผัก รู้จกั ใช้ไม้เสี ยดสี ให้เกิดไฟ ก่อไฟ หุงหาอาหารให้สุก ใบไม้ที่ใช้ปกปิ ดร่ างกายก็ เย็บร้อยเป็ นรู ปเป็ นแบบ มิดชิดกว่าแต่ก่อน พระองค์ปกครองธรรมกาลอยู่ ๓,๗๒๐ ปี


จตุพุทธา อิว้ จัง่ เกิง พระองค์ ที่สี่ คือ จตุพุทธาพระนามว่า อิ้วจั่งเกิง แปลว่า ระกาทอง อุบตั ิ มาทางทิศประจิม (ทิศตะวันตก) ตรงกับธาตุทอง พระองค์อุบตั ิมาเพื่อสอนมนุษย์ให้รู้จกั ทําไร่ ไถนา ปลูกธัญพืชไว้ เป็ นอาหาร ชีวิตความเป็ นอยูอ่ ย่างธรรมชาติที่ขาดการพัฒนา จึ งได้เกิ ดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ จากการเคยสื่ อ สารด้ว ยอวัจ นะภาษา หรื อด้ว ยข้อ ความสั้น ๆ ก็ พ ัฒ นาขึ้ นเป็ นคํา พู ด สนทนา พระองค์ปกครองธรรมกาลอยู่ ๗,๐๘๐ ปี จนครบกําหนดกาล มะเส็ ง เบญจมพุทธา คงกู่เสิ น พระองค์ที่ห้า คือ เบญจมพุทธาพระนามว่า คงกู่เสิ น แปลว่า เทพเจ้ าหุ บเขา อุบตั ิมายังทิศ พายัพ (ตะวันตกเฉี ยงเหนื อ ) ทิศนี้ มีภูเ ขามาก พระองค์จึง อุบตั ิมาเพื่ อสอนให้มนุ ษย์ทาํ เครื่ องมื อ เครื่ องใช้จากหิ น ยุติการทําไร่ เลื่อนลอย ทรงให้ฟ้ื นฟูบาํ รุ งแก้ไขจนเป็ นไร่ นาในความรับผิดชอบ ดูแลของแต่ละครอบครัวไป พระองค์ปกครองธรรมกาลอยู่ ๕,๒๘๔ ปี ฉพุทธา หลงเอี่ยซื่อ พระองค์ที่หก คือ ฉพุทธาพระนามว่า หลงเอี่ยซื่อ แปลว่า มังกรดง พระองค์อุบตั ิมายัง ทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉี ยงใต้) ทิศนี้ มีน้ าํ มาก พระองค์อุบตั ิมาเพื่อสอนให้มนุษย์รู้จกั ขุดครองกัก เก็บ นํ้า ระบายนํ้า ลงสู่ ทะเล ป้ องกันนํ้า ท่ว มทําลายไร่ นาเสี ย หาย สร้ า งคุณ ประโยชน์แก่ มนุ ษ ย์ มากมาย พระองค์ปกครองธรรมกาล ๕,๕๑๖ ปี จนครบกําหนดกาลมะเมีย สั ตตพุทธา จีเ้ ทียนฝอ พระองค์ ที่เจ็ด คือ สัตตพุทธาพระนามว่า จี้เทียนฝอ แปลว่า สื บต่ อจากฟ้า อุบตั ิมายังทิศ อีสาน (ตะวันออกเฉี ยงเหนือ) เป็ นทิศที่เชื่อมต่อกับฟ้ า จึ งได้พระนามในความหมายว่า สื บต่องาน สําคัญยิ่ ง ของฟ้ าเบื้ อ งบน ทิ ศ ตะวัน ออกเฉี ย งเหนื อ อากาศหนาว ไม่ มีใ ครแนะนําสอน ฉะนั้น พระองค์ จึงพิจารณาคํานวณความเป็ นไปของฟ้ าดินที่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อโลก รู้ ภาวะอินและหยาง อันเป็ นพลังเหนือชั้นบรรยากาศของโลก เรี ยกว่าชั้น ไท่ จี๋ ชั้นไท่ จี๋ เกิดจาก ชั้นอู๋จหี๋ รื อชั้นอนุตตรภูมิ ที่อยูเ่ หนือขึ้นไป ส่วนมนุษย์โลกนั้นเป็ นชั้นหวงจี๋ อยูเ่ บื้องล่างชั้นไท่จี๋ เมื่อรู้พลังและภาวะของทั้งสามระดับชั้นแล้ว จึงรู้ครรลองของการก่อเกิดสรรพสิ่ ง แม้สตั ตพุทธา จะหยัง่ รู้ความแยบยลลึกซึ้ งของมหาจักรวาลในส่วนนี้แล้วก็ตาม แต่ก็ยงั มิอาจ วาดปา-กว้าหรื อโป๊ ยก่วยออกมาเป็ นหลักคํานวณอย่างชัดเจนได้ เพราะพระพุทธาอุบตั ิมาเจ็ดทิศยัง ไม่ครบแปดทิศ เมื่อไม่ได้แปดทิศแปดตําแหน่งจึงไม่อาจสร้างฐานคํานวณการได้


พระองค์ปกครองธรรมกาลอยู่ ๕,๘๐๐ ปี ณ มณฑลซัน ซี ประเทศจีน จังหวัดต้ าถง อําเภอเฟิ นหยาง ตําบลหม่ าเจียจวง หมู่ บ้าน หม่ าอิ๋ง มีปราสาทเจ็ดพระพุท ธา หรือ เรี ยกว่ าวัดเจ็ดพระพุท ธา อยู่ ห ลังหนึ่ งเป็ นหลัก ฐานทาง ประวัตศิ าสตร์ และโบราณคดี เป็ นวัดที่พระอริยเจ้าฝูซีทรงสร้ างขึน้ ภายในประดิษฐานรู ปบูชาเก่าแก่ของเจ็ดพระพุทธา อีกทั้งยังจารึ กอักษรปริ ศนาศิลาจารึ กรู ป โป๊ ยก่วยหรื อปา-กว้าซึ่ งสลักโดยพระแม่ เจ้า หนวี-่ อวอ ถอดจากปริ ศนารู ปโป๊ ยก่วยหรื อปา-กว้าได้ ใจความว่า “พระแม่ องค์ ธรรมทรงกําหนดธรรมกาลยุคสว่างเป็ นสามยุค คื อ ยุคเขีย ว ยุคแดง ยุคขาว เริ่ มจากสมัยอริ ยกษัตริ ยฝ์ ซู ี วิถีธรรมต้นกําเนิดได้ปรกโปรดลงสู่โลกมนุษย์ ฉุดช่วยพุทธบุตรคนเดิม กลับคืนบ้านเดิม ยุคแดงต่อมา พระเจ้าปู่ ราชครู เจี ยงไท่กงสนองพระโองการฟ้ า อรรถาอริ ย ธรรมนําพาปราชญ์เมธีให้เจริ ญธรรมบําเพ็ญกลับคืน ยุคขาวสุ ดท้ายถึงกาลสว่างจ้า เทียนเจิน หรื อ หมายถึง พระนามของพระธรรมาจารย์ กับพระธรรมาจาริณี และยังหมายถึงสั จอนุ ตตรพระโองการ ฟ้าจะเก็บงานสมบูรณ์ผลฉุดช่วยทั้งสามโลกพร้อมกันหมดสิ้ น” ยุคก่อนหน้าพระอริ ยเจ้าฝูซี พงศาธรรมสื บเนื่องเรื่ อยมาด้วยการถ่ายทอดอย่างเปิ ดเผย ฉะนั้น ยุคแปดร้อยปี ก่อนหน้าพระอริ ยเจ้าฝูซี จิ ตใจผูค้ นจึ งยังบริ สุทธิ์ ดีงาม เพราะทุกคนยังคงดํารงรักษา ธรรมานุภาพของชีวติ จริงที่มาจากเบื้องบนไว้ได้จึงเรี ยกได้ว่าทุกคนเป็ นธรรมะ หรื อ เต๋า แต่หลังจากยุคนั้นมาแปดร้อยปี จนถึงพระอริ ยเจ้าฝูซี คนยิ่งมีความรู้ความเข้าใจต่อสิ่ งอํานวย ความสะดวกความสุ ขสบายหลายรู ปแบบหลายรสชาติให้แก่ชีวิตมากขึ้น คนจึ งหลงใหลยึดหมาย ความพึงพอใจอยากใคร่ เกิดขึ้น ความคิดจิ ตใจเริ่ มไม่ซื่อเริ่ มเห็นแก่ตวั เริ่ มลักขโมยแก่งแย่งช่วงชิง เริ่ มพิพาทบาดหมาง ต่อสู้ทาํ ร้ายกัน คนไม่อาจดํารงรักษาธรรมานุ ภาพของชีวิตจริ งหรื อจิตเดิมแท้ ไว้ได้ เบื้ องบนจึ ง ยุติการถ่ายทอดวิ ถีธรรมเพราะจะให้ธรรมญาณที่เสี ยหายด้ว ยกิ เลสตัณหาเช่นนี้ กลับขึ้นไปร่ วมอยูใ่ นอนุตตรภาวะอันบริ สุทธิ์สงบนิ่งอีกไม่ได้ เมื่อวิถีธรรมแฝงเร้น เภทภัยก็เริ่ มปรากฏหรื อจะกล่าวอีกนัยหนึ่ งก็คือ เมื่อมนุษย์เริ่ มก่อเหตุ เภทภัย วิถีธรรมก็แฝงเร้น ยุคของพระอริยเจ้าฝูซี เบือ้ งบนโปรดกําหนดให้ เป็ นธรรมกาลยุคเขียว ในธรรมกาลยุคเขียว นั้นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็ นผูม้ ีธรรมคือ การยกมือไหว้มือเดียวเป็ นสั ญลักษณ์ ใบบัว เป็ นยุคเริ่ มต้นของผูบ้ าํ เพ็ญในโลกโลกีย ์ แต่ล่วงพ้นโคลนตมได้


ไม่แปดเปื้ อน การถ่ายทอดวิถีธรรมในยุคนั้นจํากัดแต่เฉพาะวิสุทธิ์บุคคล หรื อฮ่องเต้ผเู้ ป็ นใหญ่ ธรรมกาลยุคแดง เริ่มจากท่ านราชครูเจียงไท่ กง หรือ พระอริยเจ้ าหลวี่ซั่ง ก่อน ค.ศ.๑๑๐๐ปี หรื อ ก่ อน พ.ศ.๕๕๗ ปี ให้ปฏิบัติอ ริยภาพภายในศั ก ดานุ ภาพภายนอกหรื อ เน่ ยเซิ่ งไอว้ อวั้ง ให้ บําเพ็ญจิตอริ ยะในตน ในขณะเดียวกันให้อบรมจริ ยธรรมแก่คนทั้งหลายด้วย ในธรรมกาลยุคแดง สัญลักษณ์ที่แสดงว่าให้เห็นว่าเป็ นผูม้ ีธรรม คือ การยกมือประนมไหว้ เป็ นสั ญลักษณ์ ของบัวตูม ธรรมกาลยุคแดงเป็ นยุคกลางของผูบ้ าํ เพ็ญในโลกโลกียแ์ ต่ยงั มีโอกาสให้งดงามสูงส่งได้ ธรรมกาลยุคสุ ดท้ าย คือ ธรรมกาลยุคขาว พระบรรพจารย์ จนิ กง หรือจินกงจู่ซือ พระนามว่า ลู่จงอี สนองรับสื บต่อพงศาธรรมในรัชสมัยชิงกวางสู ปี ที่ ๙ เดือน ๓ ๑๕ คํ่า ยุคนี้ สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็ นผูม้ ีธรรมคือ ประกบมื อเป็ นลัญจกรเป็ นลักษณะของ รากบัว เป็ นยุคสุดท้ายของผูบ้ าํ เพ็ญในโลกโลกีย ์ ซึ่ งบัดนี้แม้ผคู้ นจะหนี ไม่พน้ สภาวะสิ่ งแวดล้อมที่ เป็ นโคลนตมสกปรกโสมมเลวทรามรอบตัวแล้วก็ตามแต่คนยังคงจะต้องรักษาจิตเดิมแท้ ไว้ เหมือน รากบัวที่จมอยูก่ บั โคลนตม แต่ภายในรากบัวยังคงรักษาความขาวสะอาดอยูไ่ ด้ ธรรมกาลยุคสุดท้ายเริ่ มจากพระบรรพจารย์จินกง แต่วิถีอนุตตรธรรมได้ปรกแผ่กว้างไกลใน สมัยพระธรรมาจารย์เทียนหยานกู่ฝอและ พระธรรมาจารย์จงฮว๋ าเซิ่ งหมู่ ทั้งสองพระองค์ได้ร่วม สนองรับอนุ ตตร พระโองการฟ้าหรื อเทียนมิ่ง เก็บงานสมบูรณ์ผลหรื อโซวเอวี๋ยนในยุคสุ ดท้ายนี้ ด้วย เจ็ดพระพุทธาที่อุบตั ิมานําพาสอนสั่งคนในยุคสมัยนั้น ต่างก็ทาํ หน้าที่ของพระองค์อย่างดี ที่สุดเพื่อพัฒนาความเป็ นอยูแ่ ก่มนุษยชาติในโลกนี้ พระอริ ยเจ้าฝูซี หรื ออริ ยกษัตริ ยฝ์ ูซี ทรงสร้ างปา-กว้าหรื อ โป๊ ยก่ วย (หลักคํานวณรู ปแปด เหลี่ ยม) อุ บตั ิ ณ ภาคพื้ น แผ่นดิ น เหอหนัน ในประเทศจี น มี ปั ญญาปรี ชาญาณเลิ ศลํ้า พระองค์ทรงพิจารณาร่ องรอยจารึ กเหตุการณ์ต่างๆ ของเจ็ดพระพุทธเจ้าในบรรพกาลที่ผา่ นมา ก็เกิด ความเข้าใจกระจ่างแจ้งต่อกําหนดการความเป็ นไปของฟ้ าดิน จึงวางพระองค์เอง ซึ่ งแม้จะมิใช่ลาํ ดับ พระพุทธาลงในตําแหน่งที่แปดคือทิศหรดี หรื อทิศตะวันตกเฉี ยงใต้ ซึ่ งยังขาดอยู่หนึ่ งทิศสําหรับ การวางหลักคํานวณการ ทิศที่เหลือเป็ นทิศของลม พระองค์จึงใช้แซ่สกุลว่าเฟิ ง หรื อ ลม นั้นเอง


นับตั้งแต่บรรพกาลมา เจ็ดพระพุทธายังมิได้ใช้สญ ั ลักษณ์อกั ษร หรื อตัวเลขบันทึกเหตุการณ์ ใช้แต่วตั ถุบอกเล่า เช่น บอกเล่าด้วยการขมวดปมเชือก กระดองเต่า ก้อนกรวด ก้อนหิ นที่มีจาํ นวน ลักษณะ สี สนั ลวดลาย รู ปลักษณ์ในความหมายที่ต่างกัน พระอริ ยเจ้าฝูซีผแู้ จ่มใสด้วยปัญญาญาณเดิมแท้ อ่านสัญลักษณ์วตั ถุออกทุกอย่างกระทัง่ ขวบ ปี ที่เท่าไร ประกอบกับจิตประณี ตของพระองค์ที่พิจารณาดูความเป็ นไปของฟ้ าดิน ในที่สุดพระองค์ ก็กาํ หนด เทียนกันและตีจ้ อื 1 พระองค์เบิกความหมายของฟ้ าด้วยขีดหนึ่ง เบิกความหมายของแผ่นดิน ด้วยขีดสองขีด ขีดฟ้ าขีดดินประกอบกันสลับออกมาเป็ นสัญลักษณ์ของดิน ฟ้ า ลม ภูเขา นํ้า ไฟ อัสนี บาต (ไฟฟ้ า) และทะเลสาบ เช่น พระอริ ยเจ้าฝูซีเปิ ดเผยความวิเศษแยบยลของฟ้ าดินหรื อ วิถีธรรมเริ่ มลงสู่ชาวโลก ด้วยเหตุน้ ี เบื้องบนจึ งโปรดบําเหน็จความชอบให้พระองค์ปกครองธรรมกาล ๕๐๐ ปี ในฐานะผู้สํ าเร็ จการ แทนพระพุทธา หรื อไต้หลี่ฝอ จนกระทัง่ ถึงปี ก่อน พ.ศ. ๒๐๒๕ ปี หรื อก่อน ค.ศ. ๒๕๖๘ สามพระพุทธาเก็บงานสมบูรณ์ สามพระพุทธาเก็บงานสมบูรณ์น้ นั หมายถึง พระพุทธเจ้าทั้ง ๓ ธรรมกาล คือ พระทีปังกร พุทธเจ้า ธรรมกาลยุคเขียว พระศากยพุทธเจ้า ธรรมกาลยุคแดง และพระศรี อริ ยเมตไตรย ธรรมกาล ยุคขาว และทั้งสามพระองค์ถือเป็ นสามพระพุทธาเก็บงานขั้นสมบูรณ์ผล ธรรมกาลยุคเขียว พระทีปังกรพุทธเจ้า 1

เทียนกัน – ตี้จือ เป็ นอักษรหลักคํานวณปี จัดรอบปี ตี้จือ ยังเป็ นอักษรลําดับชัว่ ยาม เช่น ๒๓.๐๐-๐๑.๐๐ น. ชัว่ ยามที่หนึ่ง คือ ชัว่ ยามชวด ๐๑.๐๐-๐๓.๐๐ น. ชัว่ ยามที่สอง คือ ชัว่ ยามฉลู...เป็ นต้น เทียนกัน แปลว่า หลักคํานาณของฟ้ า อยูข่ า้ งบน เป็ นลําดับ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ตี้จือ แปลว่า เสาคํ้าของดิน อยูข่ า้ งล่างเป็ นลําดับ ชวด ฉลู ขาน เถาะ มะโรง.......กุน เทียนกัน ใช้อกั ษร เจี่ย อี่ ปิ่ ง ติง อู ้ จี่ เกิง ซิ น เยิน่ กุ่ย ตี้จือ ใช้อกั ษร จื่อ โฉว่ อิ๋น เหม่า เฉิ น ซื่ อ อู่ เอว้ย เซิ น อิว้ ซวี ไฮ่ การนับขวบปี ชวดตัวที่ ๑ เจี่ยจื่อ ฉลูตวั ที่ ๒ อี่โฉว่ ขาลตัวที่ ๓ ปิ่ งอิ๋น.............ถึง ระกาตัวที่ ๑๐ กุ่ยอิ้ว รอบที่สอง จอตัวที่ ๑๑ เจี่ยซวี และกุนตัวที่ ๑๒ อี่ไฮ่ ....ตามลําดับเรื่ อยไปในทํานองเดียวกัน


ถือเป็ น พระองค์ที่แปด คือ อัฐมพุทธาพระนามว่า หยานเติงกู่ฝอ หรื อ พระทีปังกรพุทธเจ้ า อุบตั ิมาในธรรมกาลยุคเขียว เก็บงานสมบูรณ์ ผลเป็ นคํารบหนึ่ ง เริ่ มแรกธรรมญาณเดิม อุบตั ิมา พัฒนาโลกด้วยรัตนะแปด หรื อคุณธรรมแปด คําว่า มา อักษรจี นจึงเรี ยกว่า ไหล 來 มีท้งั หมด ๘ ขีด หรื อคุณธรรมแปด คือ กตัญํู พี่น้องปรองดอง จงรักภักดี สัตยธรรม จริ ยธรรม มโนธรรม สุ จริ ต ธรรม ละอายต่อบาป และเกรงกลัวต่อบาป ฉะนั้นแรกเริ่ ม เมื่อละกายสังขารจิ ตเดิมแท้ จึ ง กลับคืนเบื้องบน แต่ภายหลัง แม้จ ะมีรั ตนะ แปดติดตัวมา แต่สิ่งล่อตาจูง ใจในโลกมีอ านุภาพมากแก่ จิต รัตนะแปดจึ งไม่สมบูรณ์ เมื่อดับจาก กายสังขารจึงมิอาจหวนคืนบ้านเดิม จึงต้องลงไปใต้แผ่นดินหรื อนรก คําว่า ไป อักษรจี นจึ งเรี ยกว่า ชวี่ 去 ลักษณะอักษรคือ มีคาํ ว่าแผ่นดิน หรื อ ถู่ 土 ปรากฏอยูด่ า้ นบนของอักษร ด้วยเหตุน้ ี พระอนุ ตตรธรรมมารดา จึ งได้โ ปรดมอบหมายให้พระทีปังกรพุทธเจ้าอุบตั ิมา ปกครองธรรมกาลยุคเขียว และพระอริ ยเจ้าฝูซีปกครองธรรมจักรวาล ในครั้งนั้นเพื่อฟื้ นฟูรัตนะ แปด ชี้ให้เห็นนรกสวรรค์ เบิกดิถีให้ วถิ ีธรรมฉุดช่ วยมนุษย์ ให้ พ้นเภทภัยและให้ เภทภัยกําราบคนชั่ว อีกให้พญามารอาหลิงอวัง๋ มาทดสอบผูบ้ าํ เพ็ญแยกแยะจริ งใจเสแสร้ง ภัยในธรรมกาลยุคเขียว คือ อุทกภัยหลงฮั่น เป็ นชื่อรวมของภัยพิบตั ิท้ งั ๙ ภัย ในธรรมกาล ยุคเขียว เป็ นสัญลักษณ์เตือนใจให้มนุ ษย์รีบเร่ งกลับตัวกลับใจ ในครั้งพระทีปังกรพุทธเจ้า ยกมือไหว้อย่างใบบัว ใบบัวอยู่เหนื อนํ้า เหมือนบัลลังก์ผใู้ หญ่ วิถีธรรมถ่ายทอดเฉพาะกษัตริ ยเ์ จ้าเมืองผูเ้ ป็ นใหญ่ ธรรมกาลยุคเขียว รวมเวลาทั้งสิ้ น ๑,๘๘๖ ปี นามแฝงของพระแม่ องค์ ธรรมที่ โ ปรดให้ใช้ในโลกมนุ ษย์ในยุคนั้น คื อ เหยาฉื อ จิน หมู่ แปลว่า องค์มารดาทองสระหยก พญามารผูท้ ดสอบผูบ้ าํ เพ็ญธรรม คือ อาหลิงอวัง๋ ผูบ้ รรลุธรรมถวายชื่อยังธรรมจักรวาล หลิงเจีย่ วเทียนผัน ผูบ้ รรลุธรรมกลับคืน ๒๐๐ล้ าน ดวงธรรมญาณ รหัสคาถาสําหรับผูเ้ จริ ญธรรม คือ อู๋เลี่ยงโซ่ วฝอ หรื อ อมิตพุทธ สัญลักษณ์ผมู้ ีธรรม คือ ยกฝ่ ามือแสดงลัญจกร งานชุมนุมอริ ยะผูบ้ รรลุธรรม คือ อิงเถาฮุ่ย ยุคนั้นเบื้องบนโปรดอนุญาตให้ผบู้ าํ เพ็ญรับประทานนํ้าผึง้ ได้ ในกรณี พิเศษ


ธรรมกาลยุคแดง พระศากยพุทธเจ้า ถือเป็ นพระองค์ที่เก้ า คือ นวมพุทธา พระนามว่า ซึเจียหมอหนีฝอ หรื อ พระศากยพุทธเจ้ า อุบตั ิมาในธรรมกาลยุคแดง เพื่อเก็บงานสมบูรณ์ผลเป็ นคํารบสอง ยุคสมัยนั้น วิถีธรรมเฟื่ องฟูเป็ นที่ รู้จกั กันทัว่ ไป เหมือนฟ้ ากระจ่าง เหมือนดอกบัวแดง จากที่เกิ ดภัยพิบตั ิใหญ่ ๙ ครั้งในธรรมกาลยุคเขียวแล้ว หลังจากนั้นมาประมาณ ๑,๕๐๐ ปี มนุษย์เริ่ มหลักแหลมเล่ห์เหลี่ยม เห็นแก่ตน ฉ้อฉล ขาดคุณธรรม จิตเดิมแท้ถูกบดบังลุ่มหลง จึงเกิด เภทภัยกําราบจิตใจเตือนสติ แต่ก็ยงั มีผทู้ ี่จิตเดิมแท้ยงั ค่อนข้างสมบูรณ์ก็มีไม่นอ้ ย พระแม่ องค์ธรรมมิอาจเห็นคนดีตอ้ งตกร่ วมอยูใ่ นเภทภัย พระองค์จึงได้โปรดมอบหมายให้ พระองค์ธาตุทองหรื อจินจิงจือ่ อุบตั ิมากอบกูค้ นดี สื บสานงานสําคัญยิ่งของเบื้องบน พระองค์น้ นั ก็ คือ ท่ านราชครูเจียงไท่ กง ให้ประกาศสัจธรรม กล่อมเกลาผูค้ นแทนฟ้ าเบื้องบนถ่ายทอดธรรมนําพา ญาณเดิมให้พน้ ภัยพิบตั ิ พ้นการเวียนว่าย ธรรมกาลยุคแดง เริ่ มจากรัชสมัยโจวอวัง๋ จีจ๋ นถึงปี หมินกั๋ว รวมเวลาประมาณ ๓,๑๑๔ ปี เพื่อกําราบความผิดบาปของมนุษย์ที่เลวร้ ายจิ ตใจตกตํ่ายิ่ง เบื้องบนจึ งกําหนดภัยพิบตั ิใหญ่ ๑๘ ภัย เรี ยกว่าชื่อหมิงฮว๋อเจีย๋ หรื อไฟบรรลัยกัลป์ ในเวลานั้นจะเกิ ดสงครามไฟระเบิด ไฟเผาไหม้ ฯลฯ เลือดแดงทั้งแผ่นดิน ยุคนี้ โ ลกมนุ ษย์เริ่ ม สร้ างคุ ก ตารางในยมโลกสร้ างนรกสิ บ แปดขุม เป็ นข้อ เตือนใจให้ แ ก่ มนุษย์ หยุดสร้ างอกุศลกรรมทั้งสิ บ ดํารงอยู่ในมรรคแปด ธรรมกาลยุคแดง พระศากยพุทธเจ้ าทรงปกครองธรรมกาล พระพุทธจตุธรรมทั้งสี่ พระองค์ หรื อ ซื่ อเจิง้ เหวิน ฝอ เป็ นปกครองธรรมจักรวาล คื อ พระเจ้ าโจวเหวินอวั๋ง พระเจ้ าโจว อู่อวัง๋ โจวกง เจียงไท่ กง จุดที่วิถีธรรมจะเฟื่ องฟูอยูท่ างทิศใต้ ผูท้ ดสอบผูบ้ าํ เพ็ญ คือ เซินกงเป้า เก็ บ งานขั้น สมบู ร ณ์ ผลขั้น สุ ดท้ายคื อ ซื อ อวั๋ง เซิ่ งหมู่ หรื อพระอริ ย องค์ ม ารดา เป็ นพระ นามแฝงที่พระแม่ องค์ธรรมโปรดให้ใช้ในโลกมนุษย์อีกวาระหนึ่ง วิถีธรรมถ่ายทอดแก่วสิ ุ ทธิบุคคล หรื อ ปราชญ์ เมธา,ผู้ทรงศีล สัญลักษณ์ผมู้ ีธรรม คือ ลัญจกรประนมมือ เป็ นดอกบัวตูม รหัสคาถาสําหรับผูเ้ จริ ญธรรม คือ หนันอู๋อาหมีถัวฝอ หรื อ นโมพุทธายะ งานชุมนุมอริ ยะ คือ ผันเถาต้าฮุ่ย


ผูบ้ รรลุธรรมกลับคืน ๒๐๐ล้ าน ดวงธรรมญาณ ผูบ้ รรลุธรรมถวายชื่อไว้ยงั ธรรมจักรวาล ฉาปู่ เทียนผัน ยุคนี้เบื้องบนโปรดเมตตาประทานอนุญาตให้ผบู้ าํ เพ็ญดื่มนมแพะได้ในกรณี พิเศษ ธรรมกาลยุคขาว พระศรีอริยเมตไตรย ถื อ เป็ น พุท ธเจ้ าพระองค์ ที่สิ บคื อ ทศมพุท ธาพระนามว่า หมีเล่ อ กู่ฝอ หรื อ พระศรี อริ ย เมตไตรย จะทรงอุบตั ิมาในธรรมกาลยุคขาว เพื่อเก็บงานสมบูรณ์ผลเป็ นคํารบสาม และก็เป็ นครั้ง สุดท้าย จัดการเก็บงานครั้งใหญ่ในเบื้องปลาย ตั้งแต่ก่อเกิดฟ้ าดินถึงกาลข้างหน้าจบสิ้ นความเป็ นดินฟ้ า ครบกําหนดกาลจึงเรี ยกว่า อีเ้ อวีย๋ น หรื อ หนึ่งอุบัตกิ าล ในหนึ่ งอุบตั ิกาลนับได้ด้วย ชวด ฉลู ... จนถึ งกุน เท่ากับสิ บสองบรรจบกาล แต่ล ะบรรจบ กาล หรื อ อี๋ฮุ่ย จะมีเวลา ๑๐,๘๐๐ ปี ในแต่ละบรรพจบกาลมีเกณฑ์ชะตาแปรเปลี่ยนต่างกัน บัดนี้เป็ นช่วงสิ้ นสุดบรรจบกาลมะเมียคาบเกี่ยวเริ่ มบรรจบกาลมะแม เป็ นธรรมกาลยุคขาวที่ ยังคงมีท้งั ภัยพิบตั ิและวิถีธรรม ในยุคนี้จติ เดิมแท้ ชีวติ จริงมืดบอด ลุ่มหลงมัวเมา ก่อกรรมเวรถึงที่สุด ทําให้เกิดมหัตภัยมาก ถึง ๘๑ ภัย ตามความหนักหนาของบาปเวรที่มนุษย์เคยปลูกเหตุเอาไว้ มหัตภัยนี้ เรี ยกว่าก้ งเฟิ งเจี๋ย แปลว่า วาตภัยบรรลัยกัลป์ หรื อเอี๋ยนคังเฟิ งเจีย๋ แปลว่า วาตภัยเอี๋ยนคัง แต่หลายจิตญาณที่ยงั ดีงามอยูบ่ า้ ง เบื้องบนจึงได้เมตตาได้ปรกโปรดครั้งยิ่งใหญ่ พร้ อมกันทั้ง ชายหญิงหรื อ พุท ธบุ ตรเก้ าหกได้ก ลับคื นบ้านเดิ ม ชี วิ ตจริ ง ของชี วิ ตมนุ ษย์มาจากความสว่างจึ ง จะต้องพัฒนาขึ้นท่ามกลางความสว่าง หลัก คํา นวณปา-กว้า หรื อ โป๊ ยก่ ว ย ตรงกับพระพุ ทธะสิ่ ง ศัก ดิ์ สิ ท ธิ์ ได้เ มตตาตรั สไว้ว่ า “สิ้นสุ ดธรรมกาล เมื่อความมืดเข้ าครอบคลุม” แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น ขอบฟ้ าทางทิศตะวันตกพลัน สว่างขึ้นเป็ นวาระสุ ดท้าย การปรกโปรดฉุ ดช่วยดวงธรรมญาณทั้งสามโลกในธรรมกาลยุคขาว สุดท้ายได้ปรากฏขึ้น ธรรมกาลยุคขาวธรรมะเริ่ ม การปรกโปรดสามโลกในสมัย หมิ น กั๋ว (การปกครองแบบ สาธารณรัฐฯ) ระยะเวลาของธรรมกาล คือ ๑๐,๘๐๐ ปี


วิถีธรรมในธรรมกาลยุคขาว แปรจุดเฟื่ องฟูมาที่ทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเป็ นธาตุทอง ธาตุทอง คือ สี ขาว สัญลักษณ์ของผูม้ ีธรรม คือ ประกอบมือดุจรากบัว หมายถึง ให้ สาธุ ชนพยายามฟื้ นฟูความ งดงามของจิตเดิมแท้ แห่ งตนให้ กลับคืนนั้นคือรัตนะทั้งแปดหรือคุณธรรมแปดนัน่ เอง ผูท้ าํ หน้าที่ทดสอบผูป้ ฏิบตั ิบาํ เพ็ญธรรมคือ อาซิวหลัวอวัง๋ หรื อพญามารอสู ร พระผูท้ าํ หน้าที่เก็บงานสมบูรณ์ผลเบื้องปลาย คือ จงฮว๋าเซิ่งหมู่ หรื อ พระอริยมาตาจงฮว๋า งานชุมนุมอริ ยะในภายหน้า คือ หลงฮว๋าต้าฮุ่ย หรื อ งานชุมนุมนาคปทีป ทะเบียนที่จารึ กชื่อไว้ในยุคนี้ คือ ฉงเจิง่ เทียนผัน หรื อ ทะเบียนปฏิรูปธรรมกาล ธรรมกาลขาว ผูค้ นตื่นใจถือศีลทานเจกันมากมาย ทั้งครอบครัวลูกเล็กเด็กแดง เบื้องบนจึ ง โปรดเมตตาอนุโลมให้รับประทาน ไข่ (ไข่ ไก่ ฟาร์ ม) และนํ้านม เป็ นกรณี พิเศษ งานปฏิรูปธรรมกาลในยุคนี้เป็ นงานของเบื้องบนที่มอบหมายให้ คนทําแทนฟ้า โดยอาศัยฟ้า อุ้มชูบันดาลให้ สําเร็จการหรื อ“เทียนซื่อเหยินปั้น เหยินล่ ายเทียนเฉิง” ปฏิรูปทั้งสามโลก ทั้งเทวโลก มนุ ษย์ โลก และยมโลกพร้ อ มกัน ไป เป็ นงานใหญ่ ซึ่งไม่ เคยปรากฏมาก่ อ นในประวัติของธรรม จักรวาล พระศรี อ าริ ย เมตไตรยทรงแบ่ง พระภาคมาอุบตั ิ แล้ว ถึ ง ๙ ครั้ ง และจะเป็ นครั้ งที่สิบใน อนาคตกาล ด้ว ยงานกอบกู้เ วไนยสัตว์ครั้ งสมบู ร ณ์ ผ ล พระองค์ไ ด้รั บ พระมหากรุ ณ าธิ คุณ ให้ ปกครองธรรมกาล ๑๐,๘๐๐ ปี จนถึงกําหนดกาลมะแมเป็ นที่สิ้นสุ ดถึงกาลวอก ไม่มีพระองค์ที่จะ สื บสานปกครองธรรมกาลต่อไป พระพุทธเจ้าที่ทรงอุบตั ิมาปกครองธรรมกาลครบถ้วนสิ บพระองค์ แล้ว


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.