112 ประชาชนเห็นควรให้ยกเลิก // นสพ.เลี้ยวซ้าย ฉบับที่ 77(พิเศษ) ธ.ค.54-ม.ค.55

Page 1

www.turnleftthai.blogspot.com

เลี้ยวซ้าย

ฉบับที่ 76

ธ.ค.54-ม.ค. 55

ราคา 20 บาท

ความสำ�คัญของ “การปฏิวัติถาวร” ในโลกปัจจุบัน โดย ใจ อึ๊งภากรณ์ หน้า 15

คนเสื้อแดง

กับการเปลี่ยนแปลง

สังคม โดย โคแบร์ หน้า 10

พรรคเพื่อไทย

112

เลิกจับประชาธิปไตย

ยกเลิก

เราจะทำ�อย่างไร ต่อการปรองดอง ระหว่างเพื่อไทย กับอำ�มาตย์ หลัง การเลือกตั้ง?

ประชาชนเห็นควรให้

และประชาชน

เป็นตัวประกัน เสียที โดย สมุดบันทึกสีแดง หน้า 18

โดย ลั่นทมขาว หน้า 4


กลับหัวเป็นหาง วัฒนะ วรรณ

ปรับขบวน สร้างองค์กรนำ�ใหม่ ดูเหมือน นปช. และพรรคเพื่อไทย จะมีมติร่วมกัน ว่าเราควรพอใจกับโครงสร้างสังคมการเมืองปัจจุบัน เพราะไม่มีความ พยายามทีม่ ากพอในการเคลือ่ นไหวปรับเปลีย่ นโครงสร้างทางสังคมเพือ่ สร้างสังคมใหม่ให้มปี ระชาธิปไตยมากขึน้ เช่นการลดบทบาท กองทัพ การสร้างมาตรฐานใหม่ในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการลดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย แต่อย่าว่าการสร้างสังคม ใหม่เลย การสร้างมาตรฐานในสังคมเดิมที่มีอยู่น้อยนิดก็ยังไม่ทำ� ไม่ว่าจะเป็นการเร่งปล่อยนักโทษการเมืองที่ถูกจับโดยอำ�มาตย์ ร่วมถึงการยกเลิกกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น กฎหมาย 112 กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายฉุกเฉิน ฯลฯ นอกจากไม่ ยกเลิกแล้ว แต่ยังมีการบังคับใช้หนักหน่วงยิ่งกว่ารัฐบาลอำ�มาตย์อีก นี่น่าจะเป็นรูปธรรมที่เพียงในการวิเคราะห์จุดยืนของพรรค เพื่อไทย และน่าจะร่วมถึง นปช.แดงทั้งแผ่นดินด้วย ไม่ว่าพวกเขาจะพูดเช่นไร ก็การกระทำ�มันฟ้อง ว่าไม่คิดจะไปไกลกว่านี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เกินคาดหมายของฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้าแต่อย่างไร ถ้าเราใช้แนวคิดผลประโยชน์ทางชนชั้น เราก็พบว่าพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทยปัจจุบัน ล้วนมีผลประโยชน์สอดคล้องกับชนชั้นอำ�มาตย์มากกว่าผล ประโยชน์ของกรรมาชีพและชาวนายากจน แต่อย่างใด ดังนั้นการกลับเข้าไปร่วมมือกับอำ�มาตย์เพื่อคงผลประโยชน์เดิมของพวก เขาคือสิ่งที่เป็นไปได้และกำ�ลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ถึงแม้แกนนำ� นปช ในหลายระดับ อาจจะมาจากคนธรรมดาทีก่ ล้าหาญ แต่เมือ่ ต้องเข้าไปอยูใ่ นพรรคของนายทุน ก็เป็นการ ยากที่จะสร้างอุดมการณ์ใหม่ ในพรรคนายทุนเพื่อประโยชน์ของคนชั้นล่าง ดังบทเรียนที่เคยเกิดขึ้นในพรรคคอมมิวนิสต์ในหลาย ประเทศ แต่คำ�ถามสำ�คัญที่เราจะต้องช่วยกันหาคำ�ตอบ ว่าการต่อสู้กว่าห้าปีที่ผ่านมา เราพอใจกับผลที่ได้รับหรือไม่ แน่นอนเมื่อ เทียบกับความสูญเสียทีส่ งั่ สมมาเนินนานหลายยุคหลายสมัย ทีพ่ วกอำ�มาตย์ดดู กินไปจากเรา คงไม่เป็นทีน่ า่ พอใจทีเ่ ราจะยอมให้การ ดูดกินนั้นดำ�รงดำ�รงอยู่อีกต่อไป แล้วเราจะทำ�อะไรกันต่อสำ�หรับฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้า? ในเชิงเป้าหมายเฉพาะหน้าเร่งด่วน การเร่งรณรงค์ให้มีการ ปล่อยนักโทษการเมือง ทั้งจาก กม.112 และกฎหมายอื่นเป็นสิ่งจำ�เป็น ร่วมถึงการเยี่ยวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้อำ�นาจรัฐ รังแกประชาชนในเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาด้วย นอกจากนั้น การนำ�คนผิดที่เกี่ยวข้องกับการสังหารประชาชนต้องถูกนำ�ตัวมา ลงโทษให้ได้โดยเร็ว ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือการปรับโครงสร้างอำ�นาจรัฐใหม่ให้อยู่ในมือของประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งทางเศรษฐกิจและ การเมือง อาทิเช่น กระบวนการยุติธรรม ต้องเชื่อมโยงกับประชาชน การปฏิรูประบบภาษีเพื่อนำ�เงินจากพวกอำ�มาตย์มาจัด “รัฐ สวัสดิการ” ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและครบวงจร แต่ถ้าเราจะทำ�อย่างนั้นได้ เราจำ�เป็นต้องมีองค์กรนำ�ในการเคลื่อนไหว ที่ไปไกลกว่า นปช ที่หยุดเคลื่อนไหว หรือพรรค เพื่อไทย ที่เป็นตัวแทนพรรคของนายทุน ซึ่งเราจำ�เป็นจะต้องสร้างพรรคเพื่อการเคลื่อนไหวของประชาชนขึ้นมาใหม่ ซึ่งต้องเป็น พรรคที่เป็นตัวแทนของผู้ถูกกดขี่ทั้งมวล โดยเฉพาะเป็นพรรคที่เป็นตัวแทนของกรรมาชีพและชาวนายากจน แม้ข้อเสนอแบบนี้ อาจจะดูเป็นนามธรรม และยากในจะทำ�ให้ประสบผลสำ�เร็จ แต่เราต้องไม่ลืมว่าเก่าๆ หลังการรัฐประหารปี 49 ว่าเราก็ไม่ได้เข้มแข็ง เช่นทุกวันนี้ เรายังทำ�กันได้ และถ้าเราจะทำ�เพิ่มจากเดิมทำ�ไมจะทำ�ไม่ได้ แต่แน่นอนมันเป็นการทำ�งานระยะยาว ที่ระหว่างทางยัง ต้องถกเถียงแนวความคิด ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี กันอีกมาก แต่การเริม่ ต้นเร็วเท่าไร มันก็จะทำ�ให้ระยะทางไปสูผ่ ลสำ�เร็จสัน้ ลงเท่านัน้ ถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายประชาธิปไตยก้าวหน้า ต้องหันมาทบทวนถกเถียงกันเพื่อสร้างองค์กรนำ�ใหม่ ก่อนที่จะถูก นปช และ พรรคเพื่อไทยจะสลายพลังการต่อสู้ของมวลชนไปในที่สุด เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 2


สาส์นถึงพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและรักความเป็นธรรม โดย สุรชัย แซ่ด่าน 1 มกราคม 2555 ที่มา ไทยอีนิวส์

กราบเรียนพี่น้องประชาชนผู้รักชาติรักประชาธิปไตย และ รักความเป็นธรรมทุกท่าน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2553 ผมกับพี่น้องคนเสื้อแดงจำ�นวนหนึ่ง มาจัดงาน “เคาน์ดาวน์” เรียก ร้อง “อิสรภาพ” ให้กับ “คุณณัฐวุฒิ ไสเกื้อ และ แกนนำ�แนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ(นปช.)” ที่ถูกคุมขัง อยู่ในคุก แต่พอมาถึง 31 ธันวาคม 2554 ผมก็มาถูกคุมขังอยู่ในคุกแทน แกนนำ� นปช.ก็ต้องมาจัดงาน “เคา น์ดาวน์” เรียกร้องอิสรภาพให้แก่ผมและคนเสือ้ แดงอีกหลายคนทีย่ งั ถูกคุมขังอยูใ่ นเรือนจำ� ก็ไม่รวู้ า่ เราจะต้อง จัดงาน “เคาน์ดาวน์” หน้าคุกกันอีกกี่ปี และไม่รู้ว่าพวกเราจะต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน จัดงานเค้าดาวน์กัน อีกกี่ครั้ง นี่คือ ผลของกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน เมื่อตอนที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล คนเสื้อแดงถูกขังคุกเพราะศาลไม่ให้ประกันตัว อ้างเหตุกลัวหลบ หนี แต่คนเสื้อเหลืองที่ความผิดร้ายแรงมากกว่า ได้รับการประกันตัวไม่กลัวหลบหนี นี่คือสองมาตรฐานของ กระบวนการยุติธรรม คนเสื้อแดงก็พอทำ�ใจได้ เพราะประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพวกเรา แต่เวลานีพ้ รรคเพือ่ ไทยเป็นรัฐบาล คนเสือ้ แดงก็ยงั ถูกขังคุก คนเสือ้ เหลืองก็ไม่ถกู ขังคุกเหมือนเดิมคน เสื้อแดงยังจะทำ�ใจได้หรือ? กับระบบสองมาตรฐานอย่างนี้ และเป็นเครื่องยืนยันว่าอำ�นาจรัฐที่แท้จริงไม่ได้อยู่ ทีร่ ฐั บาล เพราะแค่จะประกันตัวคนของตนเองยังทำ�ไม่ได้ รัฐบาลพรรคเพือ่ ไทยจึงบริหารประเทศอย่างไร้ความ มั่นคง ต้องคอยเอาใจเจ้าของอำ�นาจอย่างแท้จริงอยู่ตลอดเวลา แล้วจะทนอยู่อย่างนี้ไปได้นานเท่าไหร่ ฝาก ข้อคิดนี้ไปยังรัฐบาลและคนเสื้อแดงทั่วประเทศด้วย สุดท้ายนี้ ขออวยพรให้รัฐบาลได้อยู่รอดปลอดภัยและพี่น้องประชาชนมีความคิดที่แจ่มใส มีจิตใจที่ รุ่งโรจน์ ตาสว่างมากยิ่งขึ้น รวมพลัง รอคอยโอกาส ลุกขึ้นสู้ กำ�ชัยชนะ เมื่อโอกาสมาถึงในไม่ช้านี้ ผมจะรอ คอยพวกท่านมาเปิดประตูคุกให้ แต่ถ้าผมตายเสียก่อนก็จงเอาศพไปแห่ประท้วง ม.112 จนกว่าจะแก้ไขให้มี ความเป็นธรรมและประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นในประเทศไทย สุรชัย แซ่ด่าน ด่านวัฒนานุสรณ์ ประธานองค์กรแดงสยาม (Red Siam Organization)

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 3


สังคมใหม่ ลั่นทมขาว

เราจะทำ�อย่างไรต่อ การปรองดองระหว่างเพื่อไทยกับอำ�มาตย์ หลังการเลือกตั้ง? การ “ปรองดอง” ระหว่างอำ�มาตย์กับฝ่ายแกน นำ�ขบวนการประชาชน ทีเ่ คยพยายามสูเ้ พือ่ ล้มอำ�มาตย์ ไม่ใช่สิ่งใหม่ หลังวิกฤตและสงครามกลางเมืองระหว่าง อำ�มาตย์กับพรรคคอมมิวนิสต์ ความพ่ายแพ้ของพรรค นำ�ไปสู่การปรองดองในเชิงยอมจำ�นนสำ�หรับอดีตนักสู้ ปัญญาชน และนักศึกษาของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยมี การสร้าง “ข้อตกลง” สู่สันติภาพและความสงบ และมี การอภัยโทษทุกฝ่าย ต่อจากนั้นอำ�มาตย์ก็ยอมให้มีการ เลือกตั้งในกรอบรัฐสภาทุนนิยม แต่มีเงื่อนไขคือไม่ให้มี พรรคของฝ่ายสังคมนิยมหรือของคนงานกรรมาชีพเลย มีแต่การเลือกตั้งแข่งกันระหว่างพรรคนายทุนที่ไม่แตก ต่างกันในเชิงนโยบายเลย มันคือยุคทองของระบบซื้อ ขายเสียงและอำ�นาจเงินในการเลือกตั้ง แต่สภาพเช่นนี้ มีเสถียรภาพได้กต็ อ่ เมือ่ เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนือ่ ง อย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ในขณะเดียวกันอดีตนักสู้คอมมิวนิสต์ก็เลิกสู้กับ รัฐ และในทางความคิดส่วนใหญ่ก็ยอมจำ�นนต่อสถาบัน ต่างๆ ในโครงสร้างอำ�มาตย์โดยสิน้ เชิง ทุกฝ่ายจับมือกัน และประกาศว่า “หมดยุคแห่งสังคมนิยมแล้ว” แต่นั้นไม่ ได้หมายความว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำ�ทางสังคม หรือ ความสำ�คัญของชนชั้นหายไปจากสังคมไทยแต่อย่างใด มันแค่ถกู กดทับด้วยการลดประเด็นการเมืองไปสูย่ คุ “เอ็น จีโอ” และยุคเศรษฐกิจบูมเท่านั้น

แต่ในปี ๒๕๓๙ ก็เกิดวิกฤตของทุนนิยมอีกรอบ ที่เรียกกันว่าวิกฤต “ต้มยำ�กุ้ง” ซึ่งมาจากการลดลงของ อัตรากำ�ไรและการสร้างเศรษฐกิจฟองสบู่ อย่างที่นัก เศรษฐศาสตร์สังคมนิยมมาร์คซิสต์อธิบายมาตั้งแต่สมัย คาร์ล มาร์คซ์ และหนังสือ “ว่าด้วยทุน” สรุปแล้วไม่ว่า พวกปรองดองจะท่องสูตรว่า “มาร์คซ์หมดสมัย” แค่ไหน แต่กห็ นีไม่พน้ วิกฤตทุนนิยม และหนีไม่พน้ ประเด็นชนชัน้ คือ อำ�มาตย์เริม่ แก้วกิ ฤตบนสันหลังคนจน โดยหนุนและ ปกป้องเงินฝากของคนรวยและคนชั้นกลาง ในขณะที่ ปล่อยให้คนตกงาน ความขัดแย้งและความเหลื่อมล้ำ�ทางชนชั้นที่ถูก ปกปิด และความจริงเกี่ยวกับแนวคิดสังคมนิยมที่ถูก ปฏิเสธไป ถูกทำ�ให้เป็นประเด็นแหลมคมมากขึ้น ด้วย ชัยชนะของไทยรักไทย และการล้มรัฐบาลในปี ๒๕๔๙ ด้วยการทำ�รัฐประหาร และสถานการณ์ทางสังคมยิ่ง รุนแรงมากขึ้น เมื่อทหารและประชาธิปัตย์จับมือกันเพื่อ ฆ่าประชาชนที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ และมีการใช้กฏ หมาย 112 เพื่อปิดปากผู้รักประชาธิปไตย คำ�ถามสำ�คัญสำ�หรับเราตอนนี้คือ หลังการเลือก ตัง้ และชัยชนะของพรรคเพือ่ ไทย เราชาวสังคมนิยมและ คนเสือ้ แดงก้าวหน้า จะมีทา่ ทีและการเคลือ่ นไหวอย่างไร ต่อข้อตกลงใหม่ทอี่ าศัยการยอมจำ�นนต่ออำ�มาตย์ในนาม ของการ “ปรองดอง” ที่รัฐบาลเพื่อไทยกำ�ลังทำ�

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 4


เราเริม่ เห็นภาพของ “ข้อตกลง” ไม่วา่ จะทางการ หรือไม่ ระหว่างอำ�มาตย์กับพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรค เพือ่ ไทยตัง้ รัฐบาลได้ และเพือ่ ให้แกนนำ�เพือ่ ไทยถูกกลืน กลับไปเป็นพรรคพวกของอำ�มาตย์เหมือนเดิม เพราะ อย่าลืมว่าพรรคไทยรักไทยในอดีตก็เคยเป็นพวกเดียว กับอำ�มาตย์ก่อนที่จะทะเลาะกัน อำ�มาตย์จะกีดกันไม่ให้เพือ่ ไทยตัง้ รัฐบาลหลังการ เลือกตั้งยาก เพราะเสียงประชาชนชัดเจน แต่ในขณะ เดียวกันพรรคเพือ่ ไทยแสดงความยินยอมทีจ่ ะ “ปรองดอง” แบบยอมจำ�นนต่ออำ�มาตย์ เพื่อแลกกับการไม่ถูกล้ม โดยการสัญญาว่าจะไม่เปลีย่ นอะไรมากมายในสังคมไทย และไม่แตะอำ�นาจนอกระบบ ในขณะเดียวกันฝ่ายทหาร สลิม่ และประชาธิปตั ย์ รวมถึงศาลและ กกต. ก็คอยกดดัน รัฐบาลและเสือ้ แดงตลอด เพือ่ หวังให้คนในสังคม “คิดว่า เขามีอ�ำ นาจจริง ไม่ใช่รฐั บาล” แต่อำ�มาตย์ไม่เคยมีอำ�นาจ เบ็ดเสร็จ เรายิ่งยอมจำ�นนหรือก้มหัวเท่าไร เขายิ่งเข้ม แข็งมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าเราสู้ เราคานอำ�นาจอำ�มาตย์ หรือทำ�ลายมันไปเลยก็ยังได้ ในเรื่องกฏหมาย 112 ซึ่งขัดกับสิทธิเสรีภาพและ ประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง เราเห็นภาพของรัฐบาลพรรค เพือ่ ไทยทีค่ ล้อยตามอำ�มาตย์ กฏหมาย 112 สำ�คัญสำ�หรับ ทหารเผด็จการ เพราะเป็นวิธีอ้างความชอบธรรมแล้ว ปิดปากผู้ที่คัดค้านทหาร ดังนั้นการที่รัฐบาลพรรคเพื่อ

ไทยรณรงค์ใช้ 112 ต่อไป และออกมาตรการในการปราบ ปรามคนทีค่ ดิ ต่าง โดยใช้ 112 หนักขึน้ และเซ็นเซอร์หนัก ขึ้น แสดงว่าเพื่อไทยยอมรับอิทธิพลของทหารเพื่อกดขี่ ประชาชน เพื่อไทยอาจหวังว่าในอนาคตพวกทหารจะ เลิกกล่าวหาทักษิณและเพื่อไทยว่าเป็นพวก “ล้มเจ้า” แต่นี่คือการปรองดองตามเงื่อนไขอำ�มาตย์ 100% นอกจากนีเ้ ราเห็นนายกยิง่ ลักษณ์จบั มือกับ ผบ.ทบ. ประยุทธ์ เพื่อออกไปตรวจสภาพน้ำ�ท่วม และเราจะเห็น ว่าในเรือ่ งการจับผูน้ �ำ พรรคประชาธิปตั ย์และผูบ้ ญ ั ชาการ ทหารมาขึ้นศาลในข้อหาฆ่าประชาชน ก็ไม่ขยับเลย อีก หน่อยอาจ “ลืม” กันไป เหมือนกับที่ “ลืม” อาชญากร รมอื่นๆ ของอำ�มาตย์ในอดีต ในเรือ่ งการปรับค่าจ้างขัน้ ต่�ำ ให้สงู ขึน้ ตามคำ�สัญญา ก่อนเลือกตั้ง มีการชะลอออกไปโดยใช้ข้ออ้างเรื่อง “น้ำ� ท่วม” แต่รัฐบาลมีมาตรการในการช่วยนายทุนหลังน้ำ� ท่วมเสมอ ถ้ารัฐบาลนี้หันหลังให้พลเมืองส่วนใหญ่ และ ไม่ใช้รัฐกับการเก็บภาษีก้าวหน้า ในการสร้างโครงการ ฟื้นฟูชีวิตประชาชนพร้อมกับการสร้างงานและกระตุ้น กำ�ลังซือ้ ของคนจน รัฐบาลนีจ้ ะ “แก้” ปัญหาน้�ำ ท่วมตาม เงือ่ นไขนายทุนเท่านัน้ และจะปล่อยให้คนจนต้องประคอง กันเอง เหมือนที่ประชาธิปัตย์ทำ�หลังวิกฤต “ต้มยำ�กุ้ง” การกำ�จัดพิษภัยทางการเมืองของอำ�มาตย์และ ทหารออกจากสังคมเรา การปฏิรปู ศาล การปฏิรปู กองทัพ

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 5


การลดงบประมาณทหาร การเอาทหารออกจากสื่อและ รัฐวิสาหกิจ และการลงโทษพวกนายพลมือเปื้อนเลือด รวมถึงการยกเลิกกฏหมาย 112 เราทำ�ได้ แต่ต้องอาศัย มวลชนเสื้อแดงเป็นหลัก เราตั้งความหวังจอมปลอมว่า แกนนำ�รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะทำ�ไม่ได้เลย แต่หวั ขบวนของเสือ้ แดง “นปช.” มีปญ ั หา เพราะ ไม่มีการนำ�ที่ชัดเจนและจำ�เป็นสำ�หรับช่วงปรองดองอัน นี้ เราจะเห็นว่า อ.ธิดา เน้นเลือกการเมืองแบบ “ลอบบี้” คือต่อสายไปสูค่ นมีอ�ำ นาจหรือใช้วธิ ี “ผลักดันจากภายใน” เพื่อช่วยนักโทษเสื้อแดงให้ถูกย้ายไปสู่ “คุกการเมือง” เท่านัน้ ไม่มกี ารรณรงค์ในสังคมกว้างด้วยประเด็นการเมือง ทีช่ ดั เจน และทีส่ �ำ คัญคือ มันเป็นการหันหลังปฏิเสธพลัง มวลชนเสือ้ แดง เพือ่ ให้เสือ้ แดงจำ�นวนมากหยุดนิง่ รอให้ “ผู้ใหญ่” คุยกัน และในที่สุดจะนำ�ไปสู่การสลายพลัง มวลชนท่ามกลางการรุกสู้ของฝ่ายอำ�มาตย์ เราไม่ควรแปลกใจ เพราะ อ.ธิดาใช้แนวการเมือง แบบสาย “ปฏิรูประบบ” ที่ใช้กันในขบวนการต่างๆ ทั่ว โลก ไม่ว่าจะเป็นพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย พรรค คอมมิวนิสต์ หรือพวกแกนนำ�สหภาพแรงงานข้าราชการ คือเขาพร้อมจะใช้มวลชนเมื่อจำ�เป็น ในขณะที่กลัวและ ไม่มนั่ ใจในมวลชนด้วย เขามองว่าตัวเองมีบทบาทสำ�คัญ ในการควบคุมมวลชน มีการใช้มวลชนเหมือนเปิดปิดก้อ กน้�ำ มันไม่ใช่รปู แบบการต่อสูจ้ ากรากหญ้า ทีเ่ น้นการนำ� ตนเองและการล้มอำ�มาตย์แต่อย่างใด แม้แต่ในเรื่องการปฏิรูปกฎหมาย อ.ธิดา พูดแต่ เรือ่ งการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ในอนาคต แต่การพูดลอยๆ แบบนี้ เป็นการหลีกเลี่ยงการเจาะจงที่จะพูดถึงเรื่องกฏ หมาย 112 หรือการพูดอะไรที่เป็นรูปธรรมพร้อมขั้นตอน ที่ชัดเจน ในเรื่องการนำ�ข้อเสนอของกลุ่มนิธิราษฏร์มา เป็นความจริง และการพูดแค่นี้ไม่สร้างบทบาทอะไร สำ�หรับมวลชนเสื้อแดงอีกด้วย คือเป็นการบอกให้เรารอ ให้ผใู้ หญ่ “จัดการให้เรา” ซึง่ ในยุคของการปรองดองแบบ ยอมจำ�นน มันเป็นสูตรที่จะนำ�ไปสู่ความพ่ายแพ้ ในกรณีของการทีจ่ ตุพรถูก กกต. เสนอให้ถอดถอน สภาพการเป็น สส. เสือ้ แดงควรจะออกมารณรงค์ให้ปลด กกต. สลิม่ เหล่านี้ แต่กลับดูเหมือนว่าจตุพรจะยอมจำ�นน เขาเองเสนอว่าเขาไม่หวงตำ�แหน่ง สส.หรืออะไรแบบนัน้

แต่เรือ่ งการถอดถอนการเป็น สส.ของจตุพร ไม่ใช่แค่เรือ่ ง ส่วนตัวของเขา มันเป็นการถอดถอนสส. ที่ประชาชน เลือกมาโดยเฉพาะทีเ่ ป็นแกนนำ�เสือ้ แดง ดังนัน้ ตามหลัก การเรายอมไม่ได้ สรุปแล้ว นปช. กำ�ลังลดระดับการเมืองและจิตสำ�นึก ในการต่อสู้ เขาทำ�ตัวเป็นตำ�รวจคุมคนเสื้อแดง เพื่อให้ เสื้อแดงสยบยอมต่ออำ�มาตย์ และในที่สุดสลายตัว เขา อาจไม่ตั้งใจที่จะทำ�แบบนั้น และแน่นอนเขาไม่อยากให้ ฝ่ายเราแพ้ เขาอาจคิดว่ามันเป็นแนวทางที่ “ดีที่สุด” ที่ จะ “ปกป้อง” รัฐบาล เหมือนกับคนทีข่ นึ้ เรือร่วมกับรัฐบาล เพื่อไทยแล้วบอกมวลชนไม่ให้โยกเรือจนล่ม แต่ในที่สุด มันจะนำ�ไปสูก่ ารทำ�ลายขบวนการเสือ้ แดง ทัง้ ในการจัด ตัง้ ในการพัฒนาการเมือง และในการเป็นมวลชนทีม่ พี ลัง และเราจะไม่ได้อะไรเลยในเรื่องสิทธิเสรีภาพและความ เท่าเทียม และอำ�มาตย์จะยิ่งเข้มแข็งมากขึ้น ถ้าเราต้องการสร้างประชาธิปไตยแท้และคัดค้าน การปรองดองแบบยอมจำ�นน นักสังคมนิยมและเสือ้ แดง ก้าวหน้าต้องเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่อง “ข้อตกลงกับ อำ�มาตย์” อันนี้ เพื่อกำ�หนดยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหว ต่อสูต้ อ่ ต้านทัง้ อำ�มาตย์และรัฐบาลเพือ่ ไทยพร้อมกัน และ เพือ่ ช่วงชิงการนำ�จากแกนนำ� นปช. ทีด่ เู หมือนไม่สามารถ นำ�ได้อกี แต่ถา้ เราจะทำ�อย่างนัน้ เราต้องมีการจัดตัง้ เป็น ระบบ เราต้องเข้าใจการเมือง เราต้องสามารถนำ�ตนเอง และเราต้องมีวินัยร่วมในการต่อสู้ ไม่ใช่แค่นั่งวิจารณ์ รัฐบาลหรือ นปช. ในวงเหล้าหรือในอินเตอร์เน็ต อย่าลืมว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามีความสำ�คัญใน ประเด็นเดียวเท่านัน้ คือการพิสจู น์วา่ คนส่วนใหญ่ไม่เอา ทหารเผด็จการและอภิสิทธิ์มือเปื้อนเลือด การมีรัฐบาล ใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะมีความหมายเป็นสูญ ถ้าไม่มี อะไรเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเบื้องบนของสังคมไทยที่ แช่แข็งมานานเกินไป และเราไม่ควรตกเป็นแค่กองเชียร์ ของนักการเมืองที่จะพาเราไปสู่การยอมจำ�นน เราต้อง ผลักดันขบวนการ “ปฏิวตั ถิ าวร” ไปสูป่ ระชาธิปไตย ทัง้ ทางการเมืองและทางเศรษฐกิจ และเพื่อทำ�ลายความ เหลื่อมล้ำ�ทางชนชั้น อย่าให้วีรชนของเราเสียสละโดย เปล่าประโยชน

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 6


‘แม่น้องเกด’ นำ�ทีมญาติผู้เสียชีวิต มอบของขวัญ-คำ�ขวัญให้ ‘กองทัพ’ ที่มา http://www.prachatai.com/

ภาพ : ประชาไท

9 ม.ค.55 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำ�เนินนอก กลุ่มญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค. 53 เข้าพบนายประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อมองของขวัญปีใหม่ โดยมี พ.ท.วิศาล ศิริชัย นายทหารเวรชั้นผู้ใหญ่ เป็นตัวแทนรับของขวัญจากกลุ่มญาติ พร้อมระบุว่าจะดำ�เนินการส่งต่อให้ถึง พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ ของขวัญที่กลุ่มญาติมอบให้นั้นเป็นรูปถ่ายของนางสาวกมนเกด อัคฮาด ถ่ายคู่กับ พล.ต.ขัตติยะ สวัส ดิผล หรือ เสธ.แดง นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา นางสาวกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม กล่าวว่า อยากให้นายประยุทธ์ได้ตั้งของขวัญชิ้นดังกล่าวไว้บนโต๊ะทำ�งานเพื่อเตือนใจ เพราะท่านเป็นส่วนหนึ่งที่มีหน้าที่ ปกป้องคนในชาติ รวมถึงผู้เสียชีวิตทั้ง 91 ศพได้เสียชีวิตภายใต้การบังคับบัญชาของท่านก็เป็นคนในชาติด้วย จึง อยากให้ท่านช่วยรับผิดชอบ นอกจากนี้ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ตนและญาติผู้เสียชีวิตจะเดินสายมองของขวัญสวัสดีปี ใหม่ให้กับบุคคลที่เกี่ยว ข้องหรือที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตทั้ง 91 ศพ ซึ่งมีกำ�หนดการดังนี้ วันอังคารที่ 10 ม.ค. จะไปทีก่ ระทรวงกลาโหม เพือ่ มอบของขวัญให้แก่ นายยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม วันพุธที่ 11 ม.ค. จะไปที่รัฐสภา เพื่อมอบของขวัญให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ วันพฤหัสบดีที่ 12 ม.ค. จะไปที่สำ�นักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เพื่อมอบของขวัญให้ นายวิชา มหาคุณ วันศุกร์ที่ 13 ม.ค. จะไปที่ทำ�เนียบรัฐบาล เพื่อมอบของขวัญให้ นายเฉลิม อยู่บำ�รุง รองนายกฯ นางพะเยาว์ ยังมอบคำ�ขวัญให้กับกองทัพบกในปีนี้ด้วยว่า “ใช้ปืนให้น้อยลง ใช้สมองให้มากขึ้น” พร้อมระบุ ว่า หวังว่างานวันเด็กนับจากนี้ไป ทหารจะไม่นำ�รถถังหรือปืนมาให้เด็กเล่นอีกต่อไป “แม่ของผูส้ ญ ู หายไป” คือขบวนการสตรีกล้าหาญที่ ริเริ่มโดยแม่ๆ ของผู้ที่ถูกทหารเผด็จการอาเจนทีนาฆ่าทิ้ง ระหว่างปีค.ศ. 1976-1983 การชุมนุมครั้งแรกประกอบไป ด้วยผูห้ ญิงเพียง 14 คนหน้าทำ�เนียบประธานาธิบดีเผด็จการ ในยุคที่ทหารยังครองอำ�นาจ 20 ปีต่อมาขบวนการนี้กดดัน ให้รฐั บาลยกเลิกกฏหมายทีอ่ ภัยโทษให้ทหารมือเปือ้ นเลือด ได้ .... ขอส่งกำ�ลังใจให้แม่น้องเกดและพรรคพวก..กอง บรรณาธิการเลี้ยวซ้าย เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 7


วิวาทะ ใจ อึ๊งภากรณ์

อำ�มาตย์ใช้การเลือกตั้งในไทยและอียิปต์ เพื่อทำ�ลายกระบวนการเปลี่ยนแปลง พวกเราทุกคนที่รักประชาธิปไตย จะต้องยอมรับ และชื่นชมในกระบวนการเลือกตั้งที่สะอาด เพราะถ้าไม่มี การเลือกตั้งจะไม่มีประชาธิปไตย และเราจะไม่เห็นด้วยกับ พวกที่ไม่พอใจกับผลการเลือกตั้งแล้วเรียกร้องให้ทหารทำ� รัฐประหาร เราจะไม่มีวันเห็นด้วยกับพันธมิตรฯที่เคยเสนอ ให้ลดจำ�นวน สส. ที่มาจากการเลือกตั้งแล้วแทนที่โดยการ “ลากตัง้ ” โดยอ้างว่าประชาชน “ขาดวุฒภิ าวะ” ในการตัดสิน ใจทางการเมือง นอกจากนี้เราจะไม่เห็นด้วยกับพวกที่มอง ว่ารัฐสภาประชาธิปไตยที่มีพรรคหนึ่งที่ครองเสียงข้างมาก เป็น “เผด็จการรัฐสภา” เพราะพวกทีเ่ คยพูดแบบนีเ้ ป็นพวก ที่โบกมือต้อนรับรัฐประหาร ๑๙ กันยา แต่เราคงจะไม่ซื่อจนไม่ทันกับเกมการใช้การเลือก ตั้งเป็นเครื่องมือของฝ่ายอำ�มาตย์ การเลือกตัง้ ทีก่ �ำ ลังจัดขึน้ ทีอ่ ยี ปิ ต์จะไม่มผี ลแต่อย่าง ใดในการลดอำ�นาจแท้ที่ครอบงำ�สังคม เพราะไม่ว่าพรรค ไหนจะชนะ กองทัพก็ยังถืออำ�นาจเหนือรัฐสภาและแต่งตั้ง รัฐบาลได้ และการเลือกตั้งครั้งนี้จะแค่นำ�ไปสู่กระบวนการ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เท่านั้น แน่นอนกองทัพอียปิ ต์จะ “สัญญา” ว่าใน “อนาคต” จะมีการเลือกตัง้ รัฐบาลและประธานาธิบดี แต่จะเกิดขึน้ เมือ่ ไร และอำ�นาจทหารจะลดลงหรือไม่ก็ไม่ชัดเจน แต่ที่ชัดเจนคือ การเลือกตัง้ ในมืออำ�มาตย์อยี ปิ ต์กลายเป็นกระบวนการเพือ่ สลายขบวนการปฏิวตั ิ และหยุดยัง้ การเปลีย่ นแปลงโครงสร้าง สังคมเก่าของอียิปต์แบบถอนรากถอนโคน เพื่อสร้าง ประชาธิปไตยแท้และความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และที่

ชัดเจนคือ “พรรคเสรีภาพและความยุติธรรม” หรือ “พรรค มุสลิม” ที่คาดว่าจะได้เสียงข้างมากจากการเลือกตั้ง จะมี บทบาทในการชักชวนให้ขบวนการเคลือ่ นไหวสยบยอมจำ�นน และสลายตัว ทัง้ หมดเพือ่ ปกป้องโครงสร้างเดิมของอำ�มาตย์ อียิปต์ การที่ผู้นำ�กองทัพอียิปต์ยอมให้อดีตศัตรูทางการ เมือง คือพรรคเสรีภาพและความยุติธรรม เข้ามาร่วมกินใน “สมาคมอำ�มาตย์” ครั้งนี้ เป็นค่าตอบแทนสำ�หรับพรรคที่ พยายามจะสลายการเคลื่อนไหวต่อไปของมวลชน ในไทยหลังการเลือกตัง้ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ พรรค เพื่อไทยและทักษิณ ทำ�ข้อตกลงกับอำ�มาตย์เช่นกัน โดย เฉพาะข้อตกลงกับทหารมือเปือ้ นเลือด เพือ่ ให้ชนชัน้ ปกครอง ทั้งพรรคเพื่อไทยและฝ่ายตรงข้าม ปรองดองกันบนซากศพ วีรชน รัฐบาลเพื่อไทยตอนนี้ทำ�หน้าที่เป็นหัวหอกในการ หยุดยัง้ การพัฒนาของสังคมไทยไปสูป่ ระชาธิปไตยและความ เป็นธรรม มีการจับมือกับทหารที่เคยบอกประชาชนไม่ให้ เลือกเพื่อไทย และมีการใช้กฎหมาย 112 ด้วยความบ้าคลั่ง เหนือกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ในอดีต ทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ความ พร้อมที่จะยอมจำ�นนเพื่อสิทธิ์เข้าร่วม “วงกิน” กับอำ�มาตย์ เพื่อไทยไม่มีวันนำ�ประยุทธ์ อนุพงษ์ อภิสิทธิ์ กับสุ เทพ มาขึ้นศาลในฐานะที่ฆ่าประชาชน แม้แต่การเปิดทาง ให้ศาลอาญาระหว่างประเทศทำ�หน้าที่แทน ด้วยมติ ครม. ที่ทำ�ได้ง่ายๆ ก็จะไม่ทำ� และนักโทษการเมืองทั้งหลายก็จะ ต้องติดคุกไปเรือ่ ยๆ คนอย่างอากง ดา ตอร์บโิ ด สุรชัย สมยศ และชาวบ้านเสื้อแดง เป็นเพียงของสังเวยให้กับอำ�มาตย์

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 8


และเป้าหมายสำ�คัญอันหนึ่งของรัฐบาลคือการให้เสื้อแดง หมดสภาพและหยุดเคลือ่ นไหว เพือ่ ให้มวลชนหมดบทบาท ในการมีสว่ นร่วมกับสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ในสังคมไทย เห็นได้จากการ ที่พรรคพวกของเพื่อไทยหลายคน “สั่ง” ให้เสื้อแดง “ห้าม เคลื่อนไหว” การแต่งตั้งหัวหน้าแก๊งรัฐประหาร ๑๙ กันยา สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธานคณะกรรมการปรองดองของรัฐสภา เป็นการตบหน้าเสื้อแดงอีกรอบหนึ่ง แต่งานของสนธิคงไม่ หนักมากสำ�หรับคนที่มีความฉลาดปานกลาง เพราะพวก นักการเมืองพรรคต่างๆ พร้อมจะจับมือกันร่วมกันกินบน ซากศพคนเสือ้ แดงอยูแ่ ล้ว มีรายงานข่าวมาว่าผูแ้ ทนของทุก พรรคตกลงกันว่าจะไม่แตะกฎหมาย 112 ซึ่งเป็นการส่ง สัญญาณไปให้ทหารรู้ว่าผลประโยชน์เขามั่นคง ส่วนแกนนำ� “นปช. แดงทัง้ แผ่นดิน” ตอนนีด้ เู หมือน ขาวทั้งแผ่นดินไปแล้ว มีการทำ�หน้าที่เป็น “ตำ�รวจ” ของ รัฐบาลเพือ่ ไทย คือเป็นหัวหน้าในการวางยาสลบให้ขบวนการ เสือ้ แดงนอนหลับแล้วค่อยๆ ตาย แต่ในขณะเดียวกันก็แก้ตวั ด้วย “กิจกรรม” นามธรรมเรื่องรัฐธรรมนูญที่ไม่เอ่ยถึง 112 หรือการเคลือ่ นไหวจริงๆ เลย ในแง่หนึง่ ก็ไม่แปลกใจเพราะ แกนนำ�หลายคนมองว่าหมดภารกิจแล้ว และส่วนหนึง่ ก็เคย เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต พรรคคอมมิวนิสต์ใน ฝรั่งเศส อิหร่าน สเปน และอินโดนีเซียเคยมีบทบาทหลักใน การสลายมวลชนเพือ่ ปกป้องความสัมพันธ์กบั ชนชัน้ ปกครอง เรามีบทเรียนที่น่าสลดใจที่สุดจากอินโดนีเซีย ใน

ทศวรรษที่ 60 ประธานาธิบดีซุการ์โนต้องการสลายพลัง มวลชนเพือ่ ปกป้องเผด็จการของตนเอง และพรรคคอมมิวนิสต์ กับสหภาพเกษตรกรและคนงาน ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของ พรรค ก็ทำ�ตัวเป็นตำ�รวจเพื่อสลายการเคลื่อนไหว แต่พอมี การทำ�รัฐประหารจากทหารฝ่ายขวาภายใต้นายพลซุฮาร์โต มวลชนก็หมดสภาพ ไม่มใี ครคัดค้านรัฐประหารได้ ประชาชน ถูกประหารเป็นล้าน ไทยต่างจากอินโดนีเซียตรงที่ ทหารไม่ต้องทำ� รัฐประหารเพือ่ ล้มรัฐบาลเพือ่ ไทย เพราะเพือ่ ไทยและ นปช. จงใจพามวลชนไปยอมจำ�นนกับอำ�มาตย์ และมีประสิทธิภาพ มากกว่าพรรคประชาธิปตั ย์หรือทหารหลายร้อยเท่า อำ�นาจ จึงยังอยู่กับอำ�มาตย์ โดยเฉพาะทหาร ท่าทีของขบวนการปฏิวตั ใิ นอียปิ ต์ และส่วนทีก่ า้ วหน้า ทีส่ ดุ ของเสือ้ แดงในไทยคือเราจะต้องจัดตัง้ ใหม่และเคลือ่ นไหว ต่อไปในบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป เราต้องพยายามคัดค้าน การสลายขบวนการและการยับยั้งการเปลี่ยนแปลง และเรา ควรตั้งเป้าหมายในการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน เช่นเพื่อการนำ� ทหารออกจากการเมือง การปลดพวกอำ�มาตย์ออกจาก ตำ�แหน่งในศาล การปล่อยนักโทษการเมือง การยกเลิก กฎหมายเผด็จการอย่าง 112 และการนำ�ผู้นำ�เก่าที่มือเปื้อน เลือดมาลงโทษให้หมด มันคงไม่ง่าย และมันคงจะใช้เวลา แต่ถ้าเราไม่สู้ไม่เคลื่อนไหวเราก็จะเป็นทาสตลอดกาล และ เราจะหักหลังลืมการเสียสละของเพื่อนเรา เสื้อแดงเก่าตายแล้ว เสื้อแดงใหม่จงเจริญ!!!

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 9


Speak Out โคแบร์

คนเสื้อแดงกับการเปลี่ยนแปลงสังคม มาถึงตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเป็นก ลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมในเชิงโครงสร้างเป็นอย่าง มาก จนกระทัง่ ถึงมีเหตุนองเลือดในกรุงเทพมาหานคร ทำ�ให้ สังคมทุกชนชั้นส่วนมากตั้งปัญหากับกลุ่มคนเสื้อแดงต่างๆ นาๆว่า เป็นใคร มาจากไหน มาทำ�อะไรบ้าง แน่นอนเราก็ ต้องยอมรับว่ามีทั้งต่อต้านและสนับสนุน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เกิด ขึ้นตามปกติในสังคมบ้านเราและนานาประเทศ หากเรามามองถึงกลุ่มคนที่ออกมาต่อต้านคนเสื้อ แดง เราจะเห็นว่า กลุม่ นีเ้ ป็นกลุม่ ทีไ่ ม่ให้เกิดความเปลีย่ นแปลง โครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ผมเองเชื่อว่า คนกลุ่มนี้เขาเองก็ไม่ได้สนอกสนใจกับปัญหาเหล่านี้มาก เท่าไรนัก ก็เหมือนกับประชาชนคนธรรมดาทีม่ กี ารเสพข้อมูล ข่าวสาร หรือทำ�กิจกรรมที่สนุกสนานไปวันๆ แต่คนกลุ่มนี้ เขาเชื่อในสิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากระบบการศึกษาในบ้านเรา หรือประเพณีวัฒนธรรมในบ้านเราที่รู้สึกว่ามันขัดกับสิ่งที่ บรรพบุรุษถูกปลูกฝังมาโดยตลอด อย่างเช่น การเคารพผู้ อาวุโสกว่า การห้ามวิพากษ์วิจารณ์ในบางเรื่องที่สังคมต้อง ห้าม โดยมองว่าสังคมควรเดินตามเส้นทางที่บรรพบุรุษได้ ปูทางไว้เป็นการดีทสี่ ดุ แล้ว ห้ามเปลีย่ นแปลงเส้นทางนีโ้ ดย เป็นอันขาด มิฉะนัน้ อาจจะถูกมองว่าเป็นพวกนอกคอก หรือ หนักไปกว่านั้นก็คือ เนรคุณแผ่นดิน จะสังเกตได้ว่าคนกลุ่มนี้จะสั่งห้ามมิให้ประชาชน วิจารณ์ในลักษณะที่แหกโค้ง หรือนอกกรอบมากจนเกินไป โดยอ้างความสามัคคีของคนในชาติเป็นหลัก หากประเทศ ชาติขาดความสามัคคี จะทำ�ให้บ้านเมืองสั่นคลอนหรือจะ เป็นอะไรก็ตามที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งๆที่กฎหมายรัฐธรรมนูญเองก็คุ้มครองตรงส่วนนี้ไว้อยู่ แล้ว ผมเห็นว่าคนกลุม่ นีไ้ ม่ศรัทธากับกฎหมายทีบ่ ญ ั ญัตแิ บบ

ลายลักษณ์อักษร จะเน้นไปในทางจารีตประเพณีเป็นหลัก อาจมาจากการฉีกรัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหาร ซึ่งเป็น ปัญหาในการตีความทางกฎหมายในเวลาต่อมา โดยทั่วไปกลุ่มคนในสังคมลักษณะนี้ มักจะต่อต้าน ระบบการเมืองที่เป็นเสรีประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขา เองจะเห็นด้วยกับระบอบเผด็จการทั้งทหารและพลเรือน ที่ กดขีข่ ม่ เหงประชาชน ซึง่ ระบบนีม้ นั กระทบต่อสังคมทุกระดับ ชั้น มีเพียงคนในเครือเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากการ ปกครองในรูปแบบนี้ คนกลุ่มนี้จะใช้หลักคิดทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ในการปกครองเป็นหลัก โดยเชื่อว่าหากคนที่มีผู้นำ�ควบคู่ คุณธรรม จริยธรรม จะทำ�ให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง ปราศจากภัยคุมคาม ถึงแม้จะทำ�วิธีใดก็ตาม ขอให้ผู้นำ�คน นั้นเป็นไปตามอุดมคติของพวกเขา แต่เนื่องจากสังคมของ เราเป็นสังคมที่ค่อนข้างแปลกประหลาดไปกว่าสังคมอื่น ก็ ตรงที่มีการนำ�ระบบเผด็จการกับหลักคิดทางด้านคุณธรรม จริยธรรมมาทำ�ให้มีลักษณะเป็นระบบเดียวกัน ทำ�ให้ความ ขัดแย้งทางการเมืองเริม่ ต้นขึน้ และยังเป็นจุดกำ�เนิดของกลุม่ คนเสื้อแดงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสังคมใน ปัจจุบัน กลุ่มคนพวกนี้ อาจดูเหมือนเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมก็ จริง แต่จริงๆแล้วพวกเขาเองก็มีความคิดหลายอย่างซ่อน อยู่ เพื่อใช้ในการต่อสู้ทางความคิดได้อีกเช่นกัน คนกลุ่มนี้ จึงมีความน่ากลัวในสายตาของผูท้ ดี่ อ้ ยกว่าไม่วา่ จะเป็น ยศฐา บรรดาศักดิ์หรือเส้นแบ่งระหว่างชนชั้น ยิ่งทำ�ให้การขยาย อิทธิพลทางความคิดของคนกลุ่มนี้ลุกลามมากขึ้น จนแทบ จะครอบงำ�สังคมส่วนใหญ่แล้ว จะเห็นได้จากระบบเศรษฐกิจโลกเป็นระบบทุนนิยม

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 10


ภาพ : Christophe Archambault จาก AFP/Getty Images

ที่กำ�เนิดมาเพียงสามร้อยสี่ร้อยปี นับตั้งแต่การปฏิวัติ อุตสาหกรรมในประเทศอังกฤษ จนประสบความสำ�เร็จใน การครอบงำ�ทางความคิดทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ ทำ�ให้ หลายประเทศอยากที่จะเอามาเป็นโมเดลแบบอย่างในการ พัฒนาประเทศบ้าง แต่คนกลุ่มนี้ก็ยังหลีกเลี่ยงกับการตั้ง คำ�ถามถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาเช่นเดียวกันและปล่อย ให้ประชาชนเป็นผูร้ บั ผิดชอบเป็นเสียส่วนใหญ่เมือ่ เกิดปัญหา ในส่วนคนที่มีแนวคิดสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง มี หลากหลายแนวคิด หลากหลายกลุม่ ทัง้ ในฟากของอนุรกั ษ์ นิยม ฝ่ายก้าวหน้า หรือไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มารวม ตัวกันเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงขึ้นมา จึงทำ�ให้ความคาดหวังใน การเปลี่ยนแปลงสังคมเพิ่มมากขึ้น เพื่อนำ�ความคิดหลาก หลายกลุ่มมาปรับปรุงประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ในยุค ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงนั้น มีการจัดตั้งกลุ่ม แต่ละกลุม่ ของตนเองในการเคลือ่ นไหวในรูปแบบทีแ่ ตกต่าง กันออกไป ทั้งทางด้านอุดมการณ์ ความคิดทางการเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูอาหารให้เราเลือกรับประทานกันได้ ตามใจชอบ ซึง่ ต่างกับคนทีต่ อ่ ต้านทีช่ อบรับประทานอาหาร เดิมๆอยู่ตลอดเวลา ทำ�ให้ไม่ได้รับรู้รสชาติ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม มากนัก กลุม่ คนทีส่ นับสนุนคนเสือ้ แดง โดยรวมแล้วต้องการ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ปัจจัยสภาพแวดล้อมเองที่ทำ�ให้พวก เขาต้องมาตัดสินใจที่จะสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง พวกเขา มองเห็นรากเหง้าแก่นแท้ปญ ั หาทีแ่ ท้จริงมากกว่า ซึง่ ต่างกับ กลุม่ ทีอ่ อกมาต่อต้านทีย่ ดึ โยงกับหลักคิดทีเ่ ป็นนามธรรมโดย มองฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกโง่ เพราะพวกเขาไม่รู้ในสิ่งที่

พวกเขารู้ทั้งทางด้านความคิด ภาษา ซึ่งเป็นประเพณีในรูป แบบกรอบเดิมๆ ที่ใช้วัดความฉลาดของคนในสังคม หากจะมองให้ดแี ล้วก็ถอื ว่ากลุม่ คนเสือ้ แดงได้ท�ำ ให้ สังคมตั้งคำ�ถามถึงปัญหาทั้งเชิงโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในการทีจ่ ะปฏิรูประบบต่างๆให้มคี วาม ก้าวหน้ามากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ยังหลีกเลี่ยงการตั้ง คำ�ถามถึงปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะฝ่ายที่ ต่อต้านแนวคิดของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งได้หลบหลีกการคบคิด ปัญหาโดยโยนความคิดนี้ไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นต้นเหตุที่ทำ�ให้ปัญหาต่างๆได้บานปลายมากขึ้น ในขณะที่บางกลุ่มอย่างเช่น กลุ่มคนเสื้อเหลืองเอง กลับไม่มีใครตั้งปัญหาถึงโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากเท่าไรนัก โดยผมเห็นว่ากลุม่ คนเสือ้ เหลืองไม่ ได้มีแนวคิดที่จะแก้ไขปัญหาโครงสร้างเหล่านี้เลย เพราะสิ่ง ที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองในช่วงที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลพรรค ไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชนนั้น ทำ�ให้เข้าใจในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าทีจ่ ะเข้าใจปัญหาโครงสร้างทีเ่ ป็นอยู่ ในขณะนี้ โดยสรุปแล้วกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นกลุ่มที่ปลุกความ คิด ปลุกกระแสในสังคมให้ฉุกคิดขึ้นมาได้อีกครั้ง หลังจาก ความคิดเรียกได้ว่าถูกเข้ากรุไปแล้ว แต่กลุ่มคนเสื้อแดง สามารถรื้อฟื้นความคิดนี้ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นหลายฝ่าย จึงต้องตั้งปัญหา ขบคิดกันอย่างจริงจังเสียที อย่าปล่อยให้ ความคิดนี้ถูกเข้ากรุไปอีกครั้ง แต่ผมเชื่อว่าคงไม่มีทางเป็น ไปได้อีกแล้ว เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำ�ความคิดในการ เปลีย่ นแปลงสังคมให้ประชาชนทัง้ ในประเทศและนอกประเทศ ได้รับรู้ไว้หมดแล้ว และจะไม่มีวันที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาดัง กล่าวนี้ได้อีกต่อไป

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 11


สังคมใหม่ ลั่นทมขาว

กรรมาชีพไทยกับการเมืองประชาธิปไตย เวลาเลี้ยวซ้ายเสนอว่าขบวนการเสื้อแดงควรจับ มือกับขบวนการแรงงาน เพื่อเสริมอำ�นาจต่อรองในการ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย คนเสื้อแดงไม่น้อยที่ไม่เคยสัมผัส ขบวนการแรงงานโดยตรง มักพูดขึ้นมาว่า “ขบวนการ แรงงานในไทยไม่มีจริง” หรือ “สหภาพแรงงานไทยเป็น ของนายจ้างหรือศักดินาหมด” ซึ่งแค่สะท้อนว่าคนเหล่า นั้นไม่รู้เรื่องประวัติการต่อสู้ของกรรมาชีพไทยและสภาพ ขบวนการแรงงานในยุคปัจจุบันเท่านั้น ทั้งๆ ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะขึ้นค่า จ้างขัน้ ต่�ำ เป็น 300 บาทต่อวัน ซึง่ เป็นประโยชน์กบั กรรมาชีพ จำ�นวนมากทีท่ �ำ งานในโรงงานอุตสาหกรรม และในตำ�แหน่ง ระดับล่างของภาคบริการ แกนนำ�เสื้อแดงที่มีรากฐานการ กำ�เนิดมาจากพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นพรรคนายทุน ไม่ เคยเห็นความสำ�คัญของการขยายการจัดตัง้ ของขบวนการ เสือ้ แดงสูข่ บวนการแรงงานเลย และการทีร่ ฐั บาลยิง่ ลักษณ์ ชลอการขึ้นค่าแรง และเริ่มเปลี่ยนคำ�จากการเสนอว่าต้อง ขึ้นถึงระดับ 300 บาททั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาล นี้ไม่ใช่รัฐบาลของเรา แต่เป็นรัฐบาลของนายทุน ในด้านตรงข้ามการจัดตั้งของนักเคลื่อนไหวฝ่าย ซ้ายในขบวนการแรงงานอ่อนแอเกินไปทีจ่ ะทำ�ให้สหภาพ แรงงานหลักๆ เคลือ่ นไหวร่วมกับเสือ้ แดง สำ�แดงพลังทาง เศรษฐกิจของแรงงาน ผ่านการนัดหยุดงาน และพิสูจน์ ความสำ�คัญของแรงงานในการต่อสูก้ บั อำ�มาตย์ สถานการณ์ นี้เป็นจุดอ่อนสำ�คัญของเสื้อแดง และช่วยเปิดโอกาสให้ รัฐบาลอภิสิทธิ์และทหารเข่นฆ่าประชาชนที่ผ่านฟ้าและ

ราชประสงค์เมื่อปี ๒๕๕๓ ถ้าเราเปรียบเทียบกับกรณีการประท้วงล้มเผด็จกา รมูบารักในอียิปต์ เมื่อต้นปี ๒๕๕๔ เราจะเห็นว่าก่อนหน้า นัน้ หลายปี ขบวนการฝ่ายซ้ายทำ�งานใต้ดนิ เพือ่ เสริมสร้าง ขบวนการสหภาพแรงงานที่อิสระจากรัฐ จนมีกระแสนัด หยุดงานครัง้ ใหญ่ในปี ๒๕๔๙ สีป่ กี อ่ นการประท้วงล้มมูบา รัก การออกมานัดหยุดงานของสหภาพคู่ขนานกับการ ประท้วงทีจ่ ตุรสั ทาห์เรีย เป็นเงือ่ นไขชีข้ าดทีท่ �ำ ให้กองทัพ อียิปต์ตัดสินใจเขี่ยมูบารักออกไปก่อนที่ประชาชนจะเขี่ย นายพลออกไปด้วยและทำ�การปฏิวัติสังคม และหลังจาก ที่มูบารักถูกล้ม สหภาพแรงงานอิสระที่เกิดขึ้น ได้รวมตัว กันตัง้ พรรคการเมืองของกรรมาชีพและเกษตรกร นักต่อสู้ ไทยควรเรียนแบบ นอกจากกรรมาชีพไทยจะไม่มีการจัดตั้งโดยคน เสื้อแดงและไม่มีการนัดหยุดงานเพื่อล้มอำ�มาตย์แล้ว สหภาพแรงงานไทยในรอบสามสิบปีที่ผ่านมา ไม่เคย พยายามตัง้ พรรคการเมืองอิสระของกรรมาชีพและเกษตรกร เลย ยิง่ กว่านัน้ ในกรณีพรรคกรรมาชีพและเกษตรกรอียปิ ต์ และขบวนการสหภาพแรงงานอิสระ มีการประกาศจุดยืน ชัดเจนว่าจะไม่รับเงินจากองค์กรใดๆ รวมถึงเอ็นจีโอด้วย เพราะจุดยืนนี้เป็นเงื่อนไขสำ�คัญของความอิสระ แต่ สหภาพแรงงานไทยจำ�นวนไม่นอ้ ย รับเงินจากองค์กรเอ็น จีโอ ทั้งของรัฐไทย เช่น สสส. และขององค์กรต่างประเทศ ซึ่งทำ�ให้ขาดความอิสระ และทำ�ให้มีจุดยืนทางการเมืองที่ ไม่กา้ วหน้า เนือ่ งจากเอ็นจีโอส่วนใหญ่เป็นเสือ้ เหลืองทีเ่ ข้า

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 12


ภาพ : วัฒนะ วรรณ

ข้างอำ�มาตย์ เวลาที่นักวิชาการหรือนักเคลื่อนไหวแรงงานพูด ถึง “ความอ่อนแอ” ของขบวนการแรงงาน เขามักจะชี้ไป ทีส่ ดั ส่วนของแรงงานทีเ่ ป็นสมาชิกสหภาพ ซึง่ ในปี ๒๕๕๐ อยู่ที่ประมาณ 3.5% หรืออาจมีการพูดถึงการที่มีหลาย สภาและสหภาพแรงงาน “ขาดเอกภาพ” แต่ทั้งๆ ที่สอง เรื่องนี้มีผลบ้างในการกำ�หนดความเข้มแข็งของแรงงาน มันไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักที่นำ�ไปสู่ความอ่อนแอในขบวนการ แรงงานคือ “การเมือง” เพราะการเมืองของขบวนการ แรงงานเป็นเข็มทิศที่ชี้ทางไปสู่วิธีการจัดตั้ง และยุทธวิธี ในการใช้พลังทางเศรษฐกิจเพือ่ ผลประโยชน์ของกรรมาชีพ ทั้งในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ในอดีตนักสังคมนิยมในพรรคคอมมิวนิสต์แห่ง ประเทศไทย(พคท.) เคยให้ความสำ�คัญในการจัดตัง้ แรงงาน แต่หลังจากที่พรรคเริ่มหันไปเน้นการจับอาวุธในป่า การ ทำ�งานสายแรงงานถูกลดความสำ�คัญลงไป พอถึงยุค “ป่า แตก” และการล่มสลายของ พคท. ปัญญาชนและนัก เคลือ่ นไหวทีม่ สี ว่ นในการจัดตัง้ แรงงานลดน้อยลงจนเกือบ จะไม่เหลือ และ เอ็นจีโอ ก็เข้ามาแทนที่ ในปัจจุบนั กลุม่ “พีเ่ ลีย้ ง” เอ็นจีโอ ทีเ่ ข้าไป “ช่วย” แรงงานมีแนวโน้มจะเสนอให้คนงานทำ�ตามกฎหมาย นายทุนในระบบ “แรงงานสัมพันธ์” และไม่คิดต่อสู้ทาง ชนชัน้ อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างทีด่ คี อื องค์กร ACILS/

Solidarity Center ซึ่งได้รับทุนจากสหรัฐอเมริกาเพื่อ “พัฒนาแรงงาน” องค์กรนี้ไม่เคยสนับสนุนการนัดหยุด งานเลย ทั้งๆ ที่การนัดหยุดงานเป็นวิธีหลักในการต่อสู้ ของแรงงาน อีกองค์กรหนึ่งที่ให้เงินสหภาพแรงงานและ ชวนให้แรงงาน “แยกตัวออกจากการเมือง” คือ มูลนิธิ Friedrich Ebert Stiftung (FES.) ของเยอรมัน แนวคิด ของ FES จะเน้นการแยกบทบาทระหว่างสหภาพแรงงาน ที่เขามองว่าควรต่อสู้เพื่อเรื่องปากท้อง กับพรรคการเมือง ของแรงงาน ทีเ่ ขามองว่าควรลงสมัครรับเลือกตัง้ ในรัฐสภา จุดยืนนี้สอดคล้องกับกฏหมายของอำ�มาตย์ไทยที่มองว่า สหภาพแรงงานไม่ควรยุ่งการเมือง และแน่นอนองค์กรให้ ทุนของรัฐไทยเอง เช่น สสส. ก็ไม่อยากให้แรงงานสู้กับรัฐ ในรูปธรรมผลของแนวคิดแบบนีค้ อื ไม่มกี ารจัดตัง้ ทางการ เมืองในขบวนการแรงงาน และสหภาพแรงงานจะไม่ออก มานัดหยุดงานในประเด็นการเมืองเลย นอกจากนี้ FES เชื่อว่า “สังคมนิยมหมดยุค” และ แรงงานต้องยอมรับว่าไม่มที างเลือกอืน่ นอกจากกลไกตลาด เสรีของนายทุน นี่คือสาเหตุที่ FES ชอบเชิญ อ. Thomas Meyer มานำ�เสนอในงานเสวนาต่างๆ ให้แรงงานไทย บ่อยๆ ปัญหาหลักของขบวนการแรงงานไทยในปัจจุบัน คือการทีย่ งั ไม่คอ่ ยสำ�แดงพลังด้วยการนัดหยุดงานเหมือน ในอดีต สาเหตุไม่ใช่เพราะว่ามีการปราบปรามจากรัฐและ นายจ้าง ซึง่ มีบา้ ง และไม่ใช่เพราะสหภาพเป็นของนายทุน

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 13


หรือศักดินา แต่มาจากการขาดความมั่นใจมากกว่า ซึ่ง เชื่อมโยงกับการปฏิเสธการเมือง และความอ่อนแอในการ สร้างความสมานฉันท์หนุนช่วยซึง่ กันและกันในขบวนการ แรงงาน สิ่งเหล่านี้แก้ได้โดยการทำ�งานของนักสังคมนิยม ในขบวนการแรงงาน เพราะแนวคิดการเมืองของนัก เคลือ่ นไหวสังคมนิยมจะเน้นว่า “รัฐ” และกฏหมายของรัฐ เป็นเครื่องมือของชนชั้นปกครอง และความเข้มแข็งของ แรงงานมาจากพลังการนัดหยุดงานกับการหนุนช่วยกัน โดยที่สหภาพแรงงานไม่ควรแยกประเด็นการเมืองออก จากประเด็นเศรษฐกิจปากท้องเลย คือสหภาพแรงงานควร สู้เพื่อประชาธิปไตยเคียงข้างเสื้อแดง แต่ในขณะเดียวกัน ไม่ใช่เป็นกองเชียร์ให้เพื่อไทย นอกจากนี้นักเคลื่อนไหว สังคมนิยม จะเน้นการสร้างเครือข่ายของแกนนำ�รากหญ้า เช่นสหภาพแรงงานกลุ่มย่านต่างๆ ที่สามารถสมานฉันท์ ข้ามรัว้ สถานทีท่ �ำ งานได้ แทนทีจ่ ะไปผิดหวังอย่างต่อเนือ่ ง กับผู้นำ�สภาแรงงานระดับชาติเป็นประจำ� ในยุคปัจจุบนั นอกจากผูน้ �ำ สภาแรงงานระดับชาติ แล้ว องค์กรสภาแรงงานสากลต่างๆ เริ่มพยายามเข้ามา จัดตัง้ แรงงานในประเทศไทยมากขึน้ การทีส่ ภาสากลช่วย ให้คนงานไทยตั้งสหภาพแรงงานในสถานที่ทำ�งานที่ไม่มี สหภาพแรงงาน เป็นเรือ่ งดี แต่ในทางการเมืองสภาแรงงาน สากลเหล่านี้จะไม่ส่งเสริมการนัดหยุดงานเพื่อเป้าหมาย ทางการเมืองเลย และจะไม่มีผลอะไรเลยในการปกป้อง ผู้นำ�แรงงาน หรือสหภาพแรงงานในไทยที่ถูกเลิกจ้างหรือ ถูกจำ�คุก ทั้งนี้เพราะสภาแรงงานสากลทุกแห่งนำ�โดยเจ้า หน้าที่ “แรงงานข้าราชการ” ที่ห่างเหินจากขบวนการ แรงงานจริงในทุกประเทศ เราจะเห็นว่าในประเทศที่มี สหภาพแรงงานเข้มแข็ง อย่างเช่นในยุโรปตะวันตก หรือ เกาหลีใต้ ไม่ให้ความสนใจกับสภาแรงงานสากลเลย ขบวนการแรงงานไทยขาดนักเคลือ่ นไหวสังคมนิยม ที่จะทำ�งานเป็นระบบ ในบางแห่งมีนักต่อสู้ที่อยากเห็น แรงงานสู้จริง แต่นักสู้แรงงานเหล่านี้เลือกที่จะหันหลังให้ กับการเมืองภาพกว้างหรือพรรคการเมืองสังคมนิยม แนวคิด แบบนี้ ที่เรียกว่า “ลัทธิสหภาพ” (Syndicalism) จะส่ง เสริมการนัดหยุดงาน และการจัดตัง้ กลุม่ ย่านข้ามรัว้ โรงงาน แต่จะไม่เห็นด้วยกับการนำ� “การเมืองภาพกว้าง” เข้าสู่ ขบวนการแรงงาน เช่นเรื่องการต่อสู้ของเสื้อแดงเพื่อล้ม อำ�มาตย์ การสร้างสันติภาพในภาคใต้ หรือการตั้ง

พรรคการเมืองอิสระเป็นต้น ซึ่งแนวคิดแบบนี้เป็นสาเหตุ สำ�คัญทีน่ กั สหภาพแรงงานจำ�นวนมากรักษาระยะห่างจาก เสื้อแดง ความอ่อนแอทางการเมืองของขบวนการแรงงาน ไทยในอดีต เปิดช่องให้คนอย่าง สมศักดิ์ โกศัยสุข นำ� การเมืองปฏิกริ ยิ าของพันธมิตรฯรักเจ้า เข้ามาในบางส่วน ของขบวนการแรงงาน เช่นในรัฐวิสาหกิจรถไฟ และไฟฟ้า และในบางส่วนของย่านอุตสาหกรรมเอกชนในภาคตะวัน ออกรอบๆ เมืองระยองเป็นต้น แต่แนวคิดเสื้อเหลืองของ สมศักดิ์ ขัดกับผลประโยชน์พนื้ ฐานของกรรมาชีพไทยโดย สิ้นเชิง เพราะพาคนไปต่อสู้เพื่ออำ�มาตย์ แทนที่จะสู้เพื่อ ผลประโยชน์คนจน มันจึงไม่ครองใจกรรมาชีพพืน้ ฐาน และ แม้แต่ในสหภาพรัฐวิสาหกิจก็มีความขัดแย้งกับแนวสม ศักดิ์ ดังนั้นเราไม่ควร “เหมารวม” สหภาพรัฐวิสาหกิจว่า เป็นเหลืองหมด สายแรงงานทีไ่ ด้รบั แนวคิดเสือ้ เหลืองจากคนอย่าง สมศักดิ์ มีจดุ ร่วมดังนีค้ อื เป็นนักสหภาพแรงงาน “รุน่ น้อง” ของสมศักดิ์ ทีม่ คี วามสัมพันธ์ผา่ นกลุม่ ศึกษาทีส่ มศักดิจ์ ดั ด้วยทุนจากองค์กร เอ็นจีโอ อย่างเช่น ACILS/ Solidarity Center และ FES มักเป็นแกนนำ�แรงงานที่ทำ�งาน สหภาพเต็มเวลาและห่างเหินจากรากหญ้ามากขึน้ และมัก จะแสดง “ความกล้า” ในการเคลื่อนไหวหรือนัดหยุดงาน เมื่อมี “ผู้ใหญ่” ในสังคมสนับสนุนถือหางเท่านั้น ซึ่งเป็น นิสัยเก่าของแกนนำ�สหภาพรัฐวิสาหกิจในบางทีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เราควรเข้าใจว่าสมาชิกรากหญ้าของ สหภาพทีม่ แี กนนำ�เสือ้ เหลือง บ่อยครัง้ ไม่เห็นด้วยกับผูน้ �ำ เพราะสมาชิกรากหญ้าไม่ใช่เสื้อเหลือง และอาจสนับสนุน เสื้อแดง อาจสนับสนุนเพื่อไทย หรือเคยลงคะแนนให้ ไทยรักไทยในอดีตอีกด้วย อย่าลืมว่านโยบายของไทยรักไทย ในหลายเรื่อง เช่นการรักษาพยาบาลถ้วนหน้า มีผลดีต่อ แรงงาน เพราะลดภาระส่วนตัวในการดูแลยาติพี่น้องใน ต่างจังหวัด ถ้าเราจะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้และความเป็น ธรรมทางสังคมในไทย ซึง่ หมายถึงการล้มอำ�มาตย์ ปฏิรปู กองทัพ และสร้างมาตรฐานความยุติธรรม ขบวนการ ประชาธิปไตยและนักสังคมนิยมจะต้องขยันในการเชื่อม ขบวนการแรงงานและซีกก้าวหน้าของขบวนการเสื้อแดง ให้ร่วมกันต่อสู้ทางการเมือง

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 14


วิวาทะ ใจ อึ๊งภากรณ์ ความสำ�คัญของ “การปฏิวัติถาวร” ในโลกปัจจุบัน คำ�ว่า “การปฏิวัติถาวร” เป็นคำ�ที่คาร์ล มาร์คซ์ เริ่มใช้ ในปี ค.ศ. 1848 เมือ่ เขาเห็นว่าชนชัน้ นายทุนในยุโรปหมดสภาพ ในการเป็น “ชนชัน้ ก้าวหน้าปฏิวตั ”ิ ทีจ่ ะล้มซากของระบบฟิวเดิล ที่ยังหลงเหลืออยู่ ก่อนหน้านั้นในปี 1640-1688 ในอังกฤษ ในปี 1776 ที่อเมริกา และในปี 1789 ที่ฝรั่งเศส ชนชั้นนายทุนเป็นหัว หอกในการนำ�การปฏิวตั ทิ ลี่ ม้ อำ�นาจเก่า แต่พอมาถึง ค.ศ. 1848 ชนชัน้ นายทุนเกรงกลัวชนชัน้ ใหม่ทยี่ นื อยูข่ า้ งหลัง นัน้ คือชนชัน้ กรรมาชีพ นายทุนกลัวว่าถ้าปลุกกระแสปฏิวัติ กรรมาชีพจะไม่ หยุดง่ายๆ และจะต่อสูต้ อ่ ไปเพือ่ กำ�จัดการกดขีข่ ดู รีดของนายทุน และอำ�นาจเก่าที่เป็นซากระบบขุนนางด้วยพร้อมๆ กัน ดังนั้น การลุกฮือปฏิวัติถาวรของกรรมาชีพคือสิ่งที่คาร์ล มาร์คซ์หัน มาสนับสนุนเต็มที่ตั้งแต่ 1848 ในปี ค.ศ. 1906 ลีออน ตรอทสกี เริม่ ฟืน้ ฟูความคิดปฏิวตั ิ ถาวรของมาร์คซ์ในรัสเซีย เพือ่ เสนอว่ากรรมาชีพรัสเซียต้องต่อสู้ อิสระจากนายทุนชาตินยิ ม และควรก้าวข้ามขัน้ ตอนประชาธิปไตย ทุนนิยมหลังล้มกษัตริย์ซาร์ เพื่อไปสู่การปฏิวัติสังคมนิยมและ อำ�นาจของรัฐกรรมาชีพทันที และเราก็เห็นว่าในปี 1917 การล้ม กษัตริยซ์ าร์ในเดือนกุมภาพันธ์ ตามมาด้วยการปฏิวตั สิ งั คมนิยม ในเดือนตุลาคม โดยทีพ่ รรคบอล์เชวิคเป็นหัวหอกของกรรมาชีพ ผูป้ ฏิวตั ิ และเลนินมีขอ้ สรุปตรงกับมาร์คซ์และตรอดสกี มาตัง้ แต่ เดือนเมษายน 1917 อีกด้วย หลังการปฏิวัติรัสเซีย ประเด็นเรื่อง “การปฏิวัติถาวร” กลายเป็นเรือ่ งชีข้ าดในการปฏิวตั จิ นี และสเปน แต่พรรคคอมมิวนิสต์ สากลสมัยนัน้ เริม่ ตกอยูใ่ นมือของพรรคพวกของสตาลิน ทีข่ นึ้ มา ปฏิวัติซ้อนและระงับความก้าวหน้าของรัสเซีย สตาลินเน้น เสถียรภาพของรัสเซียและของรัฐบาลข้าราชการแดงเป็นหลัก จึงไม่อยากให้การปฏิวัติในที่อื่นๆ มารบกวนการคานอำ�นาจทั่ว โลก เพราะเขาต้องการเอาใจมหาอำ�นาจทุนนิยมตะวันตก ดัง นัน้ พรรคคอมมิวนิสต์สายสตาลินเหมาในจีน และสายสตาลินใน สเปน เริ่มปฏิเสธแนวปฏิวัติถาวร เพื่อทำ�แนวร่วมกับนายทุน ชาตินิยมแทน ผลคือนายทุนชาตินิยมในพรรคก๊กหมินตั๋งจีน จัดการปราบและสลายพวกคอมมิวนิสต์ จนสหายทีร่ อดตายต้อง หนีออกจากเมือง และในสเปนการยอมจำ�นนต่อทุนนิยมทำ�ให้ กระแสปฏิวัติพ่ายแพ้และฟาสซิสต์ขึ้นมาครองประเทศได้ หลังจากนัน้ จนถึงยุคพังทลายของกำ�แพงเมืองเบอร์ลนิ

และการสิ้นสุดของสงครามเย็น องค์กรหลักที่คัดค้านการปฏิวัติ ถาวร เพือ่ ระงับการต่อสูไ้ ม่ให้ไปถึงสังคมนิยม คือพรรคคอมมิวนิสต์ ทั่วโลก และพรรคเหล่านี้ ไม่ว่าจะในตะวันออกกลางหรือใน อินโดนีเซียหรือไทย ก็เสนอให้ฝ่ายซ้ายจับมือกับผู้นำ�ชนชั้น นายทุน เช่น นาเซอร์ในอียปิ ต์ ซะดัมในอิรกั ซุการ์โน ในอินโดนีเซีย หรือสฤษดิ์ ในไทย และทุกครั้งโดยไม่มีข้อยกเว้น ผู้นำ�เหล่านั้น จะหักหลังพรรคคอมมิวนิสต์ และการต่อสูก่ จ็ บลงด้วยความพ่าย แพ้และการนองเลือด หลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์ล่มสลายทั่วโลก ประเด็น การปฏิวตั ถิ าวรไม่ได้จบไป เมือ่ ต้นปี ค.ศ. 2011 ในตะวันออกกลาง มีการลุกฮือล้มเผด็จการ และเรื่อง “การปฏิวัติถาวร” กลายเป็น เรื่องแหลมคมอีกครั้ง เพราะคนที่คัดค้านการปฏิวัติถาวรไปสู่ อำ�นาจกรรมาชีพและสังคมนิยม กลายเป็นรัฐบาลทหารอียิปต์ และพรรคมุสลิม เพราะสองกลุม่ อำ�นาจนีต้ อ้ งการรักษาโครงสร้าง เดิมในอียปิ ต์ไว้แต่เปลีย่ นแค่ ผูน้ �ำ จากผูน้ �ำ เผด็จการมูบารัก ไป สูผ่ นู้ �ำ ทีม่ าจากการเลือกตัง้ โดยทีส่ ภาพความเป็นอยูข่ องคนส่วน ใหญ่ไม่เปลีย่ นแปลงเลย ดังนัน้ เราจะเห็นว่าคนหนุม่ สาวและนัก สังคมนิยมที่ออกมาต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ในอียิปต์เมื่อปลายปี เดียวกัน เป็นพวกที่ต้องการให้ปฏิวัติถาวร ในลิบเบีย มหาอำ�นาจตะวันตกเข้ามาแทรกแซงการ ปฏิวัติเพื่อล้มเผด็จการกาดาฟี เพื่อไม่ให้นักสู้รากหญ้าเดินตาม แนวปฏิวตั ถิ าวร ตะวันตกต้องการเปลีย่ นผูน้ �ำ แต่ตอ้ งการรักษา โครงสร้างที่พร้อมจะขายน้ำ�มันให้บริษัทข้ามชาติ ในไทย หลังจากทีพ่ รรคเพือ่ ไทยชนะการเลือกตัง้ รัฐบาล เพื่อไทย และแกนนำ� นปช. ต้องการที่จะให้โครงสร้างเก่าคงอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนรัฐบาล จากรัฐบาล “พรรคทหาร” ไปสู่รัฐบาล ทีม่ าจากการเลือกตัง้ เราเห็นชัดในกรณีทเี่ พือ่ ไทยและ นปช. ไม่ ยอมแตะอำ�นาจทหาร และกฎหมายเผด็จการต่างๆ เช่น 112 เป็นต้น และถ้าเราต้องการให้ไทยเป็นประชาธิปไตยแท้ และ ต้องการเปลีย่ นสภาพความเป็นอยูข่ องคนส่วนใหญ่ในสังคม เพือ่ ยุติการกดขี่ขูดรีด เราต้องสู้ต่อไป ไม่ใช่หยุดอยู่แค่ขั้นตอนการ มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเท่านั้น ทั้งหมดนี้แสดงให้เราเห็นความสำ�คัญของ “การปฏิวัติ ถาวร” ในโลกปัจจุบัน

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 15


วิวาทะ ใจ อึ๊งภากรณ์

เผด็จการของเสรีนิยม ใครในไทยทีย่ งั หลงเชือ่ ว่าลัทธิเสรีนยิ มจะนำ�ไปสู่ ประชาธิปไตย ควรศึกษาสิง่ ทีก่ �ำ ลังเกิดขึน้ ในยุโรป เพราะ ในรอบเดือนที่ผ่านมามีการทำ� “รัฐประหารเงียบ” ใน อิตาลี่และกรีส เพื่อให้มีการแต่งตั้งรัฐบาลเทคโนแครทที่ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง รัฐบาลในสองประเทศนีจ้ ะต้อง ทำ�ตามคำ�สั่งนายธนาคารในการทำ�ลายมาตรฐานชีวิต ประชาชน โดยการตัดสวัสดิการ ทำ�ลายการจ้างงาน และ ตัดการบริการของภาครัฐ ทั้งหมดเพื่อปกป้องธนาคาร ต่างๆ ของยุโรป และองค์กรหลักที่ทำ�รัฐประหารคือ ไอ เอ็มเอฟ ธนาคารกลางของอียู และองค์กรบริหารอียูซึ่ง อยู่ภายใต้รัฐบาลฝ่ายขวาของเยอรมันและฝรั่งเศส ล่าสุดนายกรัฐมนตรี แองกาลา เมอร์คัล ของ เยอรมัน และประธานาธิบดี นิโคลัส ซาโคซี ก็เสนอว่า ทุกประเทศในสหภาพยุโรป จะต้องตกลงกันอย่างเคร่งครัด ทีจ่ ะ “รักษาวินยั ทางการคลัง” ซึง่ เป็นคำ�สวยหรูทมี่ คี วาม หมายสกปรกโหดร้าย เพราะไม่ว่าจะออกมาจากปาก นักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ในไทย หรือออกมาจาก ปากนักการเมืองฝ่ายขวาในยุโรป มันมีความหมายเดียว คือ ต้องตัดงบประมาณรัฐที่บริการประชาชนส่วนใหญ่ ต้องตัดสวัสดิการ และทำ�ลายการจ้างงาน ในขณะทีเ่ อาใจ นายทุนใหญ่และคนรวย ในกรณียุโรปมีการเสนอว่า “ศาลกลางยุโรป” จะ ต้องมีอำ�นาจลงโทษรัฐบาลที่ไม่ทำ�ตามข้อตกลงนี้ ซึ่ง แปลว่าประชาชนในแต่ละประเทศจะไม่มีสิทธิเสรีภาพ ทางประชาธิปไตย ในการเลือกรัฐบาลทีม่ นี โยบายทีเ่ ป็น

ประโยชน์ต่อประชาชน และจะไม่สามารถใช้กลไก ประชาธิปไตยในการปกป้องรัฐสวัสดิการหรือเสนอนโยบาย เศรษฐกิจที่ไม่ใช่แนวเสรีนิยม นี่ละครับคือเผด็จการเสรีนิยมของนายธนาคาร และนายทุน เผด็จการของตลาด ไม่ว่าจะเป็นเสรีนิยมกลไกตลาดทางเศรษฐกิจ หรือเสรีนยิ มทางการเมือง เราแยกออกจากกันไม่ได้ เพรา พรรคเสรีนิยมในยุโรปสนับสนุนเผด็จการเสรีนิยมทาง เศรษฐกิจแบบนี้ และในไทยนักวิชาการเสรีนยิ มทัง้ หลาย ล้วนแต่เคยสนับสนุนรัฐประหาร ๑๙ กันยา บางคนทีไ่ ม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์การเมืองเพียงพอ จะพูดว่าความขัดแย้งในสังคมไทยที่นำ�ไปสู่วิกฤต คือ ความขัดแย้งระหว่างนโยบาย “โลกาภิวัตน์กลไกตลาด เสรี” ของทักษิณและไทยรักไทย ในฐานะที่เป็น “กลุ่ม นายทุนสมัยใหม่” กับนโยบาย “ปิดประเทศต้านโลกาภิ วัตน์ตา้ นเสรีนยิ ม” ของอำ�มาตย์หวั เก่า ทัง้ หมดนีไ้ ม่เป็น ความจริงเลย ในความเป็นจริง นโยบายของรัฐบาลทหารหลัง รัฐประหาร ๑๙ กันยา และนโยบายของรัฐบาลพรรคทหาร ของอภิสิทธิ์ ล้วนแต่ใช้แนวเสรีนิยมกลไกตลาดสุดขั้ว ที่ คัดค้านการใช้รัฐและงบประมาณรัฐในการพัฒนาสภาพ คนจน ส่วนนโยบายของไทยรักไทยเป็นนโยบาย “คู่ ขนาน” ที่ใช้รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าตามแนวเคนส์ (Keynes)ในระดับหมูบ่ า้ นและชุมชนภายในประเทศ ร่วม กับแนวกลไกตลาดเสรีในเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 16


ภาพ : รอยเตอร์

แต่อย่าพึ่งหลงเชื่อว่าประชาชนยุโรปจะยอมรับ เผด็จการเสรีนิยมง่ายๆ ตอนนี้คลื่นการนัดหยุดงานของ สหภาพแรงงานและการประท้วงชุมนุมของคนหนุ่มสาว “ผู้โกรธแค้น” หรือขบวนการ “เราคือ 99%” กำ�ลังมา แรงในทุกประเทศ ประเด็นคือ... ทางออกในการแก้วิกฤตคืออะไร? ถ้าเป็นฝ่ายทุน หรือฝ่ายเสรีนิยม เขาต้องการจะ กดค่าแรงและสวัสดิการของ “ประชาชน99%” เพือ่ ปกป้อง กำ�ไรของกลุ่มทุนและธนาคาร และปกป้องผลประโยชน์ ทางชนชัน้ ของเขา โดยไม่สนใจว่าคนหนุม่ สาวรุน่ หนึง่ จะ หมดอนาคตไป ไม่สนใจความยากลำ�บากของคนจน และ ไม่สนใจว่าในระยะยาวสังคมจะเป็นอย่างไร จะถอยหลัง ลงคลองแค่ไหน เขาสนใจเรื่องเดียวคือการปกป้องผล ประโยชน์ระยะสั้นของกลุ่มทุนเท่านั้น นี่คือตรรกะของ ทุนนิยม ถ้าเป็นฝ่ายเรา แน่นอนเราต้องขัดขืนการตัด สวัสดิการ การกดค่าแรง และการทำ�ลายชีวิตประชาชน เราต้องออกมานัดหยุดงานและประท้วง เพื่อล้มรัฐบาล และล้มเผด็จการเสรีนิยม แต่แค่นั้นไม่พอ เพราะต้องมี ข้อเสนอว่าจะเอาอะไรมาแทนที่ ในระยะสัน้ ต้องยึดธนาคาร เอกชนมาเป็นของส่วนรวมภายใต้การบริหารของ สหภาพแรงงาน เพื่อที่จะนำ�เงินทองมหาศาลที่กองอยู่ มาใช้ในการสร้างงานและฟืน้ ฟูสงั คม ไม่ใช่เพือ่ ให้ทรัพยากร ของสังคมถูกใช้เพือ่ จ่ายดอกเบีย้ ให้นายธนาคาร ในขณะ เดียวกันต้องรื้อถอนสกุลเงินยุโร และต้องให้ประชาชน

ตัดสินใจเองเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ แต่นั้นเป็นเพียง วิธีแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น วิกฤตทุนนิยมครั้งนี้ และครั้งก่อนๆ ทุกครั้ง เกิด จากแนวโน้มการลดลงของอัตรากำ�ไร และการหันไปสร้าง เศรษฐกิจฟองสบู่ อย่างที่คาร์ล มาร์คซ์ เคยอธิบายใน หนังสือ “ว่าด้วยทุน” วิธีแก้ปัญหาการลดลงของอัตรา กำ�ไรมีแค่สองวิธีเองคือ วิธีของนายทุน ซึ่งหมายถึงการกดค่าแรงและ สวัสดิการ และการทำ�ลายบริษทั และโรงงานจำ�นวนหนึง่ เพื่อลดพลังการผลิตล้นเกิน มันนำ�ไปสู่นรกสำ�หรับ ประชาชน 99% และคราวทีแ่ ล้วทีม่ วี กิ ฤตโลกทีห่ นักแบบ นี้ มันนำ�ไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง วิธีของนักสังคมนิยม ซึ่งหมายถึงการยึดอำ�นาจ การเมืองและเศรษฐกิจมาเป็นของกรรมาชีพ และการ สร้ า งเศรษฐกิ จ ใหม่ ภ ายใต้ ก ารวางแผนด้ ว ยกลไก ประชาธิปไตยทีไ่ ม่อาศัยกลไกตลาด พูดง่ายๆ ต้องยกเลิก ทุนนิยม เพราะแค่การเพิ่มงบประมาณรัฐและการสร้าง งานในระบบทุนนิยมตามสูตรเคนส์ จะไม่นำ�ไปสูก่ ารฟืน้ ตัวของอัตรากำ�ไรแต่อย่างใด จะเป็นเพียงการซื้อเวลา ระยะสั้นเท่านั้น ถ้าเราเข้าใจประเด็นเหล่านี้เราจะต้องปรับใช้กับ สังคมไทยหลังน้�ำ ลง เพราะเราต้องสร้างข้อถกเถียงว่าจะ มีการฟื้นฟูชีวิตของประชาชนไทย 99% ด้วยนโยบาย แบบไหน

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 17


จัดตั้ง

สมุดบันทึกสีแดง

พรรคเพื่อไทย! เลิกจับประชาธิปไตย และประชาชนเป็นตัวประกันเสียที.... รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลได้เกือบจะครึ่งปี แล้ว แต่ประเด็นความคืบหน้าเกี่ยวกับประชาธิปไตยและ ความเป็นธรรมยังไม่ไปถึงไหน มิหนำ�ซ้ำ�ยังถอยหลังเข้า คลองแบบบ้าคลั่งอีกต่างหาก การเคลื่อนไหวเกี่ยวกับกฎ หมายหมิ่นฯ เป็นผลงานอันอัปยศของรัฐบาลที่มาจากการ เลือกตั้ง วินาทีนี้ พวกเราเห็นคนบางคนของพวกอำ�มาตย์ที่ เคยมีสถานะเป็น “ขี้” ช่วงที่การต่อสู้ของคนเสื้อแดงขึ้นสูง แต่ตอนนีก้ ลับออกมาตอแหลจีบปากจีบคอให้ความเห็นเกีย่ ว กับการเมืองไทย การเดินหน้าเซ็นเซอร์และปราบปรามเวป ที่อ้างว่าเข้าข่ายหมิ่นฯ กลายเป็นภารกิจอันดับที่มีความ สำ�คัญต้นๆของพรรคเพือ่ ไทย เป็นเรือ่ งทีฝ่ า่ ยประชาธิปไตย รับไม่ได้จริงๆ คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งยังไม่พร้อมที่จะยอมรับ ความเป็นจริงว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยได้เริ่มทรยศหักหลัง ฝ่ายประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ คนเสือ้ แดงกลุม่ นีต้ งั้ หน้า ตั้งตาหาเหตุผลที่ให้ความชอบธรรมกับพรรคเพื่อไทย เช่น ตอนนีพ้ รรคเพือ่ ไทยทำ�อะไรบุม่ บ่ามไม่ได้ เดีย๋ วฝ่ายโน้นจะ ทำ�รัฐประหาร เราก้าวไปข้างหน้ากว่านี้ไม่ได้เดี๋ยวมันจะมี การเสียเลือดเสียเนื้ออีก, ความต้องการของพวกเราจะต้อง ค่อยๆเป็นค่อยไป ฯลฯ... ข้ออ้างเหล่านี้ เหลวไหลทั้งเพ ในความเป็นจริงโครงสร้างการเมือง โดยเฉพาะส่วน ทีเ่ ป็นมรดกของรัฐธรรมนูญทหารก็ยงั คงอยูท่ กุ กระเบียดนิว้ การปฏิรูปโครงสร้างอันยุติธรรมเหล่านี้เป็นไปได้ ถ้ารัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้งต้องการ ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ทำ�แปลว่า “รัฐบาลเลือกไม่ทำ�” เท่านั้นยังไม่พอ รัฐบาลนี้และคนที่ ให้การสนับสนุนโดยไม่วพิ ากษ์วจิ ารณ์ กำ�ลังจับประชาธิปไตย และประชาชนเป็นตัวประกัน ไม่ให้ประชาชนเคลือ่ นไหวหรือ มีเสรีภาพทีพ่ งึ ควรมี ถ้าหากสภาพการณ์ยงั คงดำ�เนินต่อไป

แบบนี้ รัฐบาลเพื่อไทยกำ�ลังทำ�ลายขบวนการคนเสื้อแดง อย่างเป็นระบบ ประเด็นที่มีความสำ�คัญในขณะนี้คือ การนำ�ตนเอง จากข้างล่าง และการเป็นอิสระจากมายาภาพที่เชื่อว่าพรรค เพื่อไทยคือพรรคการเมืองของพวกเรา ถ้าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคของพวกเราจะมีสิ่งชี้วัดที่จับต้องได้ง่ายมาก เช่น นักโทษการเมืองเสือ้ แดงทุกคนจะต้องถูกปล่อยตัวทันทีโดย ไม่มีเงื่อนไข จะต้องมีการยกเลิกกฎหมายหมิ่นฯ และปฏิรูป ระบบยุติธรรมไปในเวลาพร้อมๆกัน เรื่องแบบนี้ ประชาชน ธรรมดาที่รักประชาธิปไตยจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้ารัฐบาลเพือ่ ไทยไม่ท�ำ แสดงว่ารัฐบาลเพือ่ ไทยไม่ให้ความ สำ�คัญกับคนเสื้อแดง ซึ่งพวกเราต้องถามตัวเองว่า แล้วเรา จะไปให้ความสำ�คัญกับพรรคเพือ่ ไทยทำ�ไม เราไม่ได้ตอ้ งการ เจ้านายใหม่ที่มีความเหี้ยมโหดเหมือนเดิม ภารกิจเร่งด่วนของคนเสือ้ แดงทีค่ วรจะเดินต่อไปคือ การเป็นอิสระจากพรรคเพื่อไทย ถ้าหาก นปช. ไม่กล้านำ� การต่อสู้ คนเสื้อแดงก็ต้องก้าวพ้นแนวการเมืองของ นปช. ด้วย เรือ่ งนีไ้ ม่ใช่เรือ่ งทีเ่ ป็นไปไม่ได้ เพราะเรามีบทเรียนตอน ที่แกนนำ� นปช.ถูกจับเข้าคุกหมด หลัง 19 กันยา ที่ราช ประสงค์ ตอนนั้นเสื้อแดงเริ่มนำ�ตัวเอง ซึ่งถ้ามันเคยเกิดมา แล้วมันก็สามารถเกิดขึน้ ได้อกี หนทางนีเ้ ท่านัน้ ทีจ่ ะปกป้อง อุดมการณ์ประชาธิปไตยของคนเสื้อแดง สมกับที่วีระชนได้ เสียสละชีวิตในการต่อสู้รอบที่แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้ว ปีใหม่ที่ จะถึงมันควรจะเป็นปีของการเริม่ ต้นใหม่ๆ ทีส่ ร้างสรรค์ ตาม ระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เป็นปีของการเริ่มต้นถอยหลัง เข้าคลอง ขอให้ผอู้ า่ นชาวเลีย้ วซ้ายทุกท่าน มีสขุ ภาพอนามัย สมบูรณ์ ประชาธิปไตยจงเจริญ

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 18


อัปลักษณะ กฎหมายหมินฯ และทางออก

กฎหมายหมิ่นฯ ในราชอาณาจักร โทษจ�ำคุก / ปี

15 12

หมิ่นพระบรม เดชานุภาพ

ก่อน 2451

3 ปี 2451 - 2519

ก่อน 2451

หมิ่นศาสนา

7 ปี

กฎหมำยหมิ่นประมำทบุคคลธรรมดำ มำตรำ 329  ยกเว้นควำมผิดถ้ำเป็นกำรแสดงควำมเห็นโดยสุจริตและติชม ด้วยควำมเป็นธรรม  ขณะที่มำตรำ 330 ถ้ำพิสูจน์ได้ว่ำเป็นจริงก็ไม่ต้องรับโทษ (เว้นแต่เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เป็น ประโยชน์สำธำรณะ) แต่มำตรำ 112 นั้นไม่อนุญำตให้พิสูจน์ควำมจริง ขณะที่มำตรำ 44 ของรัฐธรรมนูญกลับรับรอง เสรีภำพในกำรแสดงควำมคิดเห็น และกำรแสดงควำมคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อกำรดังกล่ำว ทำงออก: เพิ่มเติมเหตุยกเว้นควำมผิด โดยก�ำหนดให้ “ผู้ใด ติชม แสดงควำมคิดเห็น หรือแสดงข้อควำมใดโดยสุจริต  เพื่อรักษำไว้ซึ่งกำรปกครองในระบอบประชำธิปไตย เพื่อธ�ำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ทำงวิชำกำร หรือเพื่อ ประโยชน์สำธำรณะ ผู้นั้นไม่มีควำมผิด”

5. โทษที่ ไมเป็นธรรม

ขณะที่ระบอบสมบูรณำญำสิทธิรำชย์ได้ก�ำหนดควำมผิดฐำนหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพไว้สูงสุดไม่เกิน 3 ปี ปัจจุบันโทษ ในข้อหำหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพกลับสูงสุดถึง15 ปี และมีโทษขั้นต�่ำ 3 ปี นั้นหมำยควำมว่ำถ้ำใครถูกพิพำกษำในคดี หมิ่นพระบรมเดชำนุภำพแล้วจะไม่มีเหตุให้ยกเว้นกำรรับโทษแต่อย่ำงใด ทำงออก: ต้องไม่มอี ตั รำโทษขัน้ ต�ำ่ เพรำะให้ศำลได้ใช้ดลุ พินจิ ในกำรก�ำหนดโทษน้อยเพียงใดก็ได้ตำมควรแก่กรณี และ ลดอัตรำโทษให้เป็นจ�ำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 50,000 บำท หรือทัง้ จ�ำทัง้ ปรับส�ำหรับควำมผิดต่อพระมหำกษัตริย์  และจ�ำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บำท หรือทัง้ จ�ำทัง้ ปรับส�ำหรับควำมผิดต่อพระรำชิน ี รัชทำยำท หรือ  ผูส้ ำ� เร็จรำชกำรแทนพระองค์ โดยเทียบเคียงจำกฐำนของบุคคลทัว่ ไปในควำมผิดเดียวกัน

6. กระบวนการอยุติธรรม

ปัจจุบันคดีหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพเป็นคดีควำมมั่นคงต่อรำชอำณำจักร จึงใช้วิธีพิเศษตำม พ.ร.บ.สืบสวนคดีพิเศษ  พ.ศ. 2547 กฎหมำยฉบับดังกล่ำวได้ยกเว้นสิทธิของผู้ต้องหำที่ก�ำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น สิทธิในกำรขอปล่อยตัว ชั่วครำว ท�ำให้ปัจจุบันกำรปล่อยตัวชั่วครำวเป็นเพียงข้อยกเว้นส�ำหรับผู้ที่มีชื่อเสียงและสถำนะทำงสังคม ถ้ำเป็นบุคคล ทั่วไปมักไม่ได้รับสิทธินี้ หรือมีกำรก�ำหนดวงเงินประกันสูงเกินควำมสำมำรถ ทำงออก: กำรแยกฐำนควำมผิดออกจำกควำมมั่นคงต่อรำชอำณำจักรและแก้ไข พ.ร.บ. สืบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547  ให้ไม่ครอบคลุมข้อหำหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพ

7. พิจารณาลับ

2 เดือน 7 ปี

2519 - ปัจจุบัน ก่อน 2451

3 ปี

2451 - 2500

6 เดือน 3 ปี

2519 - ปัจจุบัน

0

3

7 ปี

6

12

9

15

ในประเทศไทย โทษ “หมิ่น” พระบรมเดชำนุภำพ  ศำสนำ และศำล นั้นมีมำคู่กัน ขณะที่  โทษ 2 อย่ำงหลังมีแนวโน้มลดลง  หลังปี 2451 มีกำรใช้กฎหมำยลักษณะอำญำ ร.ศ.127   ขณะที่โทษนั้นเป็นโทษทำงอำญำที่มีพัฒนำกำรขึ้น - ลงตำมแต่ยุคสมัย ขณะที่โทษหมิ่น พระบรมเดชำนุภำพกลับเพิ่มขึ้น จนกระทั่งกำรรัฐประหำร 6 ตุลำคม 2519 โทษทั้ง 3   กลับเพิ่มขึ้นมำอีกครั้ง โดยโทษหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพโทษสูงสุดถึง 15 ปี

อัตราโทษสูงสุดคดีอาญา กำรก�ำหนดโทษหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพไว้ในหมวดควำม มั่นคงแห่งรำชอำณำจักรท�ำให้โทษ “หมิ่นพระบรมเดชำนุภำพ”  ซึ่งเป็นเรื่องของกำรแสดงควำมคิดเห็นนั้นมีโทษรุนแรงกว่ำ กำรกระท�ำผิดกฎหมำยอำญำอื่นๆ นอกจำกนั้นกำรตีควำม  อย่ำงกว้ำงท�ำให้คดีหมิ่นสำมำรถเพิ่มโทษได้หลำยกระทง  ท�ำให้โทษที่ได้รับนั้นหนักเกินจริง

15  14  13  12  11  10  9  8  7  6  5  4  3  2  1  0

เสรีภาพสื่อไทยหลังรัฐประหาร 19 กันยา 2548

ปัจจุบันเมื่อพิจำรณำคดีหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพ ศำลมักอ้ำง ป.พิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ 177 ที่ให้ศำลมีอ�ำนำจ สั่งให้พิจำรณำเป็นกำรลับ โดยอ้ำงเหตุ “เพื่อประโยชน์แห่งควำมสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชำชน” ทั้งๆ ที่ กำรด�ำเนินคดีลับเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักกำรพิจำรณำโดยทั่วไปที่จะต้องกระท�ำโดยเปิดเผยต่อสำธำรณะ ไม่เช่นนั้นเรำก็ ไม่สำมำรถตรวจสอบกระบวนกำรใช้อ�ำนำจตุลำกำรของศำลได้   ทำงออก: ขณะที่ควำมผิดเกี่ยวกับคดีหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพนั้นมีทั้งข้อเท็จจริง  ทัศนะคติ รวมทั้งเทคนิควิธีกำร ด้วยถ้ำเกี่ยวพันกับเทคโนโลยี กำรพิจำณำลับนั้นเป็นกำรโยนอ�ำนำจกำรตัดสินใจทั้งหมดไปให้แก่ศำลโดยปรำศจำกกำร ตรวจสอบจำกสำธำรณะ และโดยสภำพของฐำนควำมผิดไม่ใช่เรื่องลับ (ต่ำงจำกกำรพิจำรณำคดีข่มขืนกระท�ำช�ำเรำ  ซึ่งโดยสภำพเป็นเรื่องลับ) กำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำโดยลับในควำมผิดฐำนกระท�ำผิดทำงวำจำต่อพระมหำกษัตริย์ฯ  เป็นกำรปิดกั้นกำรตรวจสอบระหว่ำงกำรด�ำเนินกระบวนพิจำรณำคดีอำญำ ที่ไม่เปิดเผย ไม่กล้ำหำญที่จะแสดงให้ สำธำรณชนรับรู้ควำมโปร่งใสหรือไม่ ในกระบวนกำรยุติธรรม ยิ่งคดีมีควำมซับซ้อนมำกเพียงใดก็ยิ่งต้องอำศัยกำร พิจำรณำที่โปร่งใสมำกเท่ำนั้น กำรพิจำรณำคดีต้องเปิดโอกำสให้จ�ำเลยได้โต้แย้งอย่ำงตรงไปตรงมำและให้สื่อมวลชน เสนอข่ำวกำรด�ำเนินคดีด้วย

8. อุดมการณกษัตริยนิยม

กำรที่ผู้พิพำกษำจ�ำนวนหนึ่งมักอ้ำงว่ำตนเองได้ตัดสิน “ในพระปรมำภิไธยพระมหำกษัตริย์” เมื่อต้องมำพิจำรณำคดี หมิ่นพระบรมเดชำนุภำพนั้นมักมีแนวโน้มว่ำจะขยำยกำรตีควำมออกไปให้กว้ำงที่สุด  ดังเช่นกรณีศำลฎีกำได้พิพำกษำ ค�ำปรำศรัยของนำยวีระ มุสิกพงษ์ ที่สมมติตนเองว่ำเป็น “พระองค์เจ้ำวีระ” ว่ำหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพทั้งๆ ที่คนฟัง ทั้งหมดทรำบว่ำเป็นเรื่องสมมติ และไม่จ�ำเพำะเจำะจงบุคคลให้เข้ำใจได้ว่ำเป็นบุคคลในมำตรำ 112 ทำงออก: ปัญหำอุดมกำรณ์กษัตริย์นิยมไม่สำมำรถแก้ได้ด้วยกฎหมำย ดังนั้นเพื่อให้ค�ำพิพำกษำมีควำมเที่ยงธรรม และคุ้มครองสิทธิ์ผู้ต้องหำ ไม่มีกำรตีควำมเกินกว่ำตัวบทเช่นที่แล้วมำ จึงจ�ำเป็นต้องสร้ำงอุดมกำรณ์ประชำธิปไตยให้ มั่นคง ด้วยควำมเชื่อที่ว่ำทุกคนเท่ำเทียมกัน โดยเริ่มต้นจำกกำรปรับทรรศนะของตุลำกำรให้ลงไปพิสูจน์ควำมจริงใน ควำมผิดมำตรำ 112

เลี้ยวซ้าย ธ.ค.54-ม.ค. 55 หน้า 19

107

2549

122 รัฐประหาร 19 กันยา

2550

135

2551

124

2552

130

2553

153

องค์กรผู้สื่อข่ำวไร้พรมแดนเป็นองค์กรที่จดทะเบียนที่ฝรั่งเศสมีส�ำนักงำนเครือข่ำยกว่ำพันคน ท�ำงำนใน 5 ทวีปทั่วโลก ศึกษำพบว่ำ ประเทศไทยก่อนกำรรัฐประหำรปี พ.ศ.2549 ท�ำสถิติ  อยู่ล�ำดับที่ 107 อยู่ในครึ่งล่ำงของจ�ำนวนประเทศที่รับกำรส�ำรวจทั้งหมด 167 ประเทศ ซึ่ง  เป็นล�ำดับสูงสุดของไทยที่เคยท�ำได้ จำกนั้นมำก็ดิ่งลงเรื่อย เมื่อ พ.ศ. 2549 อยู่ที่อันดับ 122  พ.ศ. 2550 หล่นมำที่อันดับ 135 พ.ศ. 2551 อยู่ที่อันดับ 124 พ.ศ. 2552 หล่นลงมำที่ 130  ขณะที่ พ.ศ. 2553 ที่เกิดกำรปรำบปรำมผู้ชุมนุม ไทยอยู่ที่อันดับ 153 (จำก170 ประเทศ)   เกือบรั้งท้ำย

คดีหมิ่นฯ เพิ่มขึ้นสูงลิ่ว ข้อมูลสถิติจำกส�ำนักงำนศำลยุติธรรมเปิดเผย ให้เห็นควำมรุนแรงจำกกฎหมำยหมิ่นฯ ที่เข้ำ สู่ชั้นศำลมำกขึ้นเป็นประวัติกำรณ์ หลังจำกมี กระแส “เรำจะสู้เพื่อในหลวง” ในปี 2548 และ ตำมมำด้วยกำรรัฐประหำร 19 กันยำ 2549 มี คดีหมิ่นฯ ที่เข้ำสู่ศำลชั้นต้นปีละไม่ถึง 5 คดี  แต่ก่อนเกิดรัฐประหำรในปี 2549 ไม่นำน  จ�ำนวนคดีหมิ่นฯ นับตำมจ�ำนวนกระทงควำม ผิดค่อยๆ ไต่ระดับเพิ่มสูงขึ้นจำก 33 กระทง ในปี 2548 มำสู่ 478 กระทงในปี 2553 ยังไม่ นับรวมผู้ที่ถูกกล่ำวหำและตกเป็นจ�ำเลยทำง สังคมก่อนถูกศำลพิพำกษำ

2548

2549

2550

2551

2552

2553

โทษจ�ำคุก / ปี

2500 - 2519

มาตรา 137  6 เดือน มาตรา 136 1 ปี มาตรา 295 2 ปี มาตรา 334 3 ปี มาตรา 271 3 ปี มาตรา 265 5 ปี มาตรา 206 7 ปี มาตรา 337 5 ปี มาตรา 209 7 ปี มาตรา 217 7 ปี มาตรา 278 10 ปี มาตรา 297 10 ปี มาตรา 291 10 ปี มาตรา 112 15 ปี

4. หามพิสูจนความจริง

15 ปี

แจ ดูหม ง้ ควำมเท ิ่นเจ้ำ ็จ พน ท�ำร้ำ ักงำน ยร่ำง กำย ลักท รัพ ปลอ ฉ้อโกงส ย์ มเอก ินค้ำ เหยีย สำรรำชก ำ ดหย ำมศำ ร กรรโ สนำ ชกท อั้งยี่  รัพย์ ซ่องโ จร อนำจ ำรเด วำงเพล ็กต�่ำก ิง ว่ำ 1 ท ประม �ำร้ำยผ 5 ปี ู้อื่นส ำทท หมิ่น �ำให้ผู้อื่น ำหัส พระบ เสียช รมเด ีวิต ชำนุภ ำพ

ด้วยเหตุท ี่ ม.112 เป็นควำมผิดฐำนควำมมัน่ คง ท�ำให้ใครๆ ก็สำมำรถหยิบยกข้อกล่ำวหำนีม้ ำใช้กบั ใครก็ได้ ขณะเดียวกัน กระบวนกำรยุติธรรมตั้งแต่ต�ำรวจ อัยกำร ก็มีแนวโน้มที่จะ “รับฟ้อง” ทุกกรณี ปรำกฏเป็นปัญหำของระบบกฎหมำย ไทยที่ยัดเยียดเสรีภำพกำรแสดงควำมคิดเห็นของรำษฎรให้เป็นอำชญำกรรมต่อรัฐ ภำยหลังรัฐประหำร 19 กันยำ  2549 ไม่นำน ปรำกฏสถิติกำรด�ำเนินคดีในปี 2553 สูงถึง 478 คดี โดยก่อนหน้ำนั้นมีไม่ถึง 10 คดีต่อปี  ทำงออก: ต้องจ�ำกัดตัวบุคคลมีอ�ำนำจผู้ฟ้องคดีให้มีควำมชัดเจน ส�ำนักรำชเลขำธิกำร ซึ่งในทำงกฎหมำยมีสถำนะ  เป็น “กรม” ซึ่งส�ำนักรำชเลขำธิกำรก็มีหน่วยงำนในสังกัด คือ “กองนิติกำร” ท�ำหน้ำที่บังคับใช้กฎหมำยเกี่ยวกับ  พระมหำกษัตริย์อยู่แล้ว ตำมอ�ำนำจหน้ำที่ที่บัญญัติในกฎหมำย ใช้งบประมำณแผ่นดินของรำษฎรตำมพระรำชบัญญัติ  ฉะนั้น ส�ำนักรำชเลขำธิกำรซึ่งเป็นหน่วยงำนของรัฐ และมีหน่วยงำนซึ่งมีหน้ำที่ด�ำเนินกำรได้อยู่เดิมแล้ว กล่ำวคือ  กองนิติกำรในส�ำนักรำชเลขำธิกำร ย่อมผูกพันโดยตรงในกำรริเริ่มฟ้องคดีหมิ่นประมำท ดูหมิ่น แสดงควำมอำฆำต มำดร้ำยพระมหำกษัตริย์ฯ ไม่สมเหตุสมผลที่จะให้บุคคลทั่วไปร้องทุกข์กล่ำวโทษตำมอ�ำเภอใจ

3 ปี

2451 - 2500

หมิ่นศาล

3. ใครๆ ก็ฟ้องได

ไทย 15 ปี

โมร็อคโค 5 ปี

สเปน 2 ปี

“โทษหมิ่น” ในระบบกฎหมายไทย

2519 - ปัจจุบัน

มำตรำ 112 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันได้รับกำรบัญญัติขึ้นโดยคณะรัฐประหำร ๖ ตุลำคม ๒๕๑๖ ออกค�ำสั่งในนำม  ของคณะปฏิรูปกำรปกครองแผ่นดิน ยกเลิกมำตรำ 112 เดิม แล้วบัญญัติ 112 ขึ้นใหม่ โดยเพิ่มโทษสูงสุดจำก 7   เป็น 15 ปี และเป็นครั้งแรกที่มีโทษขั้นต�่ำของควำมผิดนี้ คือ “ตั้งแต่ 3 ปี” ไว้ด้วย มำตรำ 112 จึงเป็น “กฎหมำย”  หรือ “ผลพวง” ของคณะรัฐประหำร และขำดควำมชอบธรรมทำงประชำธิปไตย  ทำงออก: เพื่อสร้ำงอุดมกำรณ์ประชำธิปไตยให้มั่นคงจ�ำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องลบล้ำงผลพวงอันเป็นสิ่งปฏิกูลที่เกิดเนื่อง มำจำกกำรท�ำรัฐประหำร และยิ่งไปกว่ำนั้น แม้แต่สมัยสมบูรณำญำสิทธิรำชย์โทษสูงสุดเพียง 3 ปี และไม่มีโทษขั้นต�่ำ

คณะรณรงค์แก้ไข ม.112 (ครก.112) เป็นกำรรวมตัวของผู้คนต่ำงสำขำอำชีพ  มีทั้งนักวิชกำร นักเขียน ศิลปิน และประชำชนโดยทั่วไป มีควำมเห็นร่วมกันว่ำเรำ  จะต้องผลักดันร่ำงกฎหมำยที่ยึดหลักนิติธรรม และควำมมั่นคงของสถำบันกษัตริย์ ให้ปรำกฏเป็นจริง

สวีเดน 4 ปี

0 กลุ่มแรก ไม่มีโทษหมิ่นพระบรมเดชำนุภำพ แต่ใช้กฎหมำยหมิ่นประมำทเหมือนบุคคลทั่วไป คือ ญี่ปุ่น ขณะที่สหรำชอำณำจักร มีกฎหมำยหมิ่นประมำท 2539  ปัจจุบันเลิกโทษจ�ำคุกไป แล้ว เหลือแต่โทษปรับ) กลุ่มที่สอง มี แต่ไม่น�ำมำใช้ หรือแทบไม่น�ำมำใช้ หรือหำกน�ำมำใช้  ก็เพียงลงโทษปรับ ประกอบด้วย เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เดนมำร์ก นอร์เวย์ สวีเดน สเปน  กลุ่มที่สำม มี และน�ำมำใช้ แต่อัตรำโทษต�่ำกว่ำรำชอำณำจักรไทย คือ โมร็อกโก โทษจ�ำคุก   1 ปีถึง 5 ปี หรือปรับ 200 ถึง 1,000 ดีร์แฮม

2. เกิดใตอุงเทาเผด็จการ

คณะรณรงค์แก้ไข ม.112 Campaign Committee  for the Amendment of  Article 112

นอร์เวย์ 5 ปี

3

เดนมาร์ก 8 เดือน

นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 10 ธันวำคม 2475  ได้ก�ำหนดให้ “องค์พระมหำกษัตริย์ด�ำรงอยู่ในฐำนะอันเป็นที่เคำรพ  สักกำระ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” แสดงให้เห็นว่ำ มุ่งคุ้มครองตัวบุคคลที่ด�ำรงต�ำแหน่งกษัตริย์ ซึ่งเป็นองค์กรที่รัฐธรรมนูญ อนุญำตให้ด�ำรงอยู่ หำได้มุ่งคุ้มครองไปถึงสถำบันพระมหำกษัตริย์อันครอบคลุมไปยังต�ำแหน่งพระบรมวงศำนุวงศ์  อื่นใดอีกไม่ ขณะที่ประมวลกฎหมำยอำญำมำตรำ 112 ได้ขยำยฐำนควำมผิดออกไปโดยครอบคลุมทั้ง “พระมหำ กษัตริย์ รำชินี รัชทำยำท และผู้ส�ำเร็จรำชกำรแทนพระองค์” นอกจำกนั้น กำรที่มำตรำ 112 เป็นกำรกระท�ำผิดทำงวำจำ กลับไปอยู่ในหมวดควำมมั่นคงของรัฐ ท�ำให้มีอัตรำโทษ  ที่รุนแรงโดยมีโทษขั้นต�่ำ 3 ปี และโทษสูงสุด 15 ปี ขณะที่ควำมผิดฐำนก่อกำรร้ำยซึ่งร้ำยแรงระดับมนุษยชำติ  กฎหมำยก�ำหนดโทษจ�ำคุกเพียงตั้งแต่ 2 ปีถึง 10 ปี สะท้อนควำมไม่สมเหตุสมผลของกำรบัญญัติโทษตำมมำตรำ   112  อีกทั้งกำรกระท�ำผิดโดยวำจำ ไม่ท�ำให้กระทบหรือสูญสิ้นควำมเป็นรัฐ ทำงออก: ต้องยกเลิกมำตรำ 112 แล้วให้กำรคุ้มครองพระเกียรติยศพระมหำกษัตริย์  เป็นควำมผิดที่อยู่ต่ำงหำกไปจำกหมวดควำมมั่นคงแห่งรำชอำณำจักร โดยน�ำกำรกระท�ำ ควำมผิดดังกล่ำว มำอยู่ในหมวดควำมผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหำกษัตริย์ พระรำชินี  รัชทำยำท และเกียรติยศผู้ส�ำเร็จรำชกำรแทนพระองค์ โดยก�ำหนดโทษให้พอสมควรแก่เหตุ  โดยน�ำโทษของบุคคลธรรมดำเป็นฐำน แล้วก�ำหนดโทษสูงกว่ำบุคคลทั่วไปโดยไม่สูงเหลื่อมล�้ำ จนเกินไป และแยกบทลงโทษเกี่ยวกับพระมหำกษัตริย์ ผู้ส�ำเร็จรำชกำรแทนพระองค์ออกจำก   พระรำชินี รัชทำยำท ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

เบลเยียม 3 ปี

6

1. คุมครองยิง่ กวารัฐธรรมนูญ

เนเธอร์แลนด์ 5 ปี

9


ร่วมกันสร้างองค์กรสังคมนิยม

เพื่อ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และประชาธิปไตย - สังคมนิยมเป็นระบบที่ตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ผ่านการวางแผนร่วมกัน ในรูปแบบประชาธิปไตย - สังคมนิยมต้องสร้างโดยมวลชนกรรมาชีพ จากล่างสู่บน สร้างโดยอภิสิทธิ์ชนไม่ได้ - เรางต้องมีพรรคการเมืองของกรรมาชีพและคนจน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง - สมาชิกทุกคนต้องจ่ายค่าบำ�รุง 1 % ของรายได้ (50 บาท / เดือนขั้นต่ำ�) - สมาชิกต้องอ่านและช่วยกันขายหนังสือพิมพ์ของพรรคเพื่อขยายสมาชิก และอิทธิพลทางความคิด รายละเอียดเพิ่มเติม : อีเมล : pcpthai@gmail.com ติดต่อกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ : turnleft2008@gmail.com เวปไซต์ www.turnleftthai.blogspot.com เฟซบุ๊ค www.facebook.com/turnleftthai ที่อยู่ไปรษณีย์ : ตู้ ป.ณ. 123 ไปรษณีย์คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.