80 ปี การปฏิวัติ 2475 "ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร" // นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

Page 1

turnleftthai.blogspot.com

เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8

ฉบับที่ 1

มิถุนายน 55

ราคา 20 บาท

แถลงการณ์ ในวาระ ครบรอบ 80 ปี การปฏิวัติ ๒๔๗๕ โดย องค์กรเลี้ยวซ้าย หน้า 2

ยิ่งเลีย.... ยิ่งล้าหลัง

โดย สมุดบันทึกสีแดง หน้า 8

จากกุข่าว รัฐประหาร กลายเป็น รัฐประหาร โดยตุลาการ

“สาเหตุที่กรรมาชีพในประเทศด้อยพัฒนาอาจจะยังไม่คิด ปฏิวัติคงหาได้ไม่ยาก การครอบงำ�จากความคิดหลักในสังคม การที่กรรมาชีพเหล่านี้ยังผูกพันกับสังคมอดีตของชนบท การ ที่เขาเป็นคนไร้ประสบการณ์ในการต่อสู้แบบกรรมกร และ ระดับการศึกษา ล้วนแต่เป็นอุปสรรคในการรวมตัวอย่าง เอกภาพของชนชั้นกรรมาชีพ” (ทุนนิยมโดยรัฐ) ..Tony Cliff

โดย ยังดี โดมพระจันทร์ หน้า 14

รากฐานและ รูปแบบของ “อำ�นาจ” โดย ลั่นทมขาว หน้า 10


2

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

แถลงการณ์ “องค์กรเลี้ยวซ้าย” ในวาระครบรอบ 80 ปี การปฏิวัติ ๒๔๗๕ การปฏิวัติ ๒๔๗๕ นำ�โดย อ.ปรีดี พนมยงค์ และคณะราษฎร์ เป็นความพยายามอันสำ�คัญยิ่งในการปลดแอกพลเมืองไทยจากระบบ เผด็จการของกษัตริย์และในการสร้างระบบรัฐสวัสดิการตามแนวคิด “เค้าโครงเศรษฐกิจ” ของ อ.ปรีดี แต่ในไม่ช้าฝ่ายปฏิกิริยาก็เข้ามาทำ�การ ปฏิวัติซ้อน ช่วงชิงเป้าหมายของการปฏิวัติไปสู่ระบบเผด็จการของทหารและนายทุน ภายใต้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม และต่อมาฝ่ายทหารคลั่ง เจ้า นำ�โดยหัวหน้าคณะรัฐประหาร สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็สามารถสถาปนาระบบเผด็จการที่อ้างว่าเชิดชูสถาบันกษัตริย์ แต่เชิดชูเพื่อสร้างความชอบ ธรรมกับตนเองเท่านั้น กลุ่มอำ�นาจของชนชั้นปกครองกลุ่มใหม่นี้ ชาวเสื้อแดงเรียกตามภาษาชาวบ้านว่า “อำ�มาตย์” อย่างไรก็ตามจงเข้าใจไว้ ว่าระบบนี้ไม่ใช่การกลับมาของระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่เป็นเผด็จการใหม่ของนายทุนและทหารที่แอบอ้างว่าปกป้องสถาบันกษัตริย์ หลายครั้งในประวัติศาสตร์ของสังคมเรา พลเมืองที่รักประชาธิปไตยได้ลุกขึ้นต่อสู้กับอำ�มาตย์ และสละเลือดเนื้อเพื่อเสรีภาพ ไม่ว่าจะ เป็น ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖, ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙, พฤษภาคม ๒๕๓๕ หรือ พฤษภาคม ๒๕๕๓ บางครั้งฝ่ายประชาชนชนะและเสรีภาพก็คืบหน้าไปบ้าง เราสร้างพืน้ ทีป่ ระชาธิปไตยได้ระดับหนึง่ ซึง่ ฝ่ายตรงข้ามทำ�ลายได้ไม่หมด แต่ทกุ ครั้งฝ่ายชนชัน้ ปกครองมือเปือ้ นเลือดก็พยายามปกป้องอำ�นาจ ของตนเอง ล่าสุดก็เช่นกัน ชนชั้นปกครองซีกที่สนับสนุนการทำ�รัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ กำ�ลังจับมือกับซีกชนชั้นปกครองของพรรคเพื่อ ไทย และทักษิณ ชินวัตร เพื่อรักษาเสถีรภาพของชนชั้นตนเองผ่านการปรองดองบนซากศพวีรชน โดยจงใจทอดทิ้งนักโทษการเมืองเสื้อแดง โดยเฉพาะนักโทษ 112 และการปรองดองบนซากศพวีรชนครั้งนี้ ไม่ต่างจากกรณีที่ผ่านมา รวมถึงเหตุการณ์นองเลือดที่ตากใบด้วย เพราะเจ้า หน้าที่รัฐและนักการเมืองมือเปื้อนเลือดทุกคนจะลอยนวลได้ดิบได้ดีเสมอ ตราบใดที่ประเทศไทยยังมีกฎหมาย 112 และกฏหมายคอมพิวเตอร์ ตราบใดที่สังคมเราไม่ลบล้างผลพวงของรัฐประหารและอิทธิพลอัน ไม่ชอบธรรมของทหารในการเมืองออกจากสังคม ตราบใดทีเ่ ราไม่ปฏิรปู ระบบศาลอย่างถอนรากถอนโคน และตราบใดทีพ่ ลเมืองส่วนใหญ่มสี ภาพ ความเป็นอยู่ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่ต้อยต้ำ�กว่าชนชั้นปกครอง เพราะเราไม่มีระบบรัฐสวัสดิการ บ้านเมืองของเราจะไม่มี ประชาธิปไตย และความฝันของคณะราษฎร์ซีกก้าวหน้าจะไม่มีวันเป็นจริง เพือ่ นๆ ชาวประชาธิปไตยทีร่ กั และเคารพ บัดนีม้ นั เป็นทีช่ ดั เจนแล้วว่า พรรคเพือ่ ไทย และ นปช. ไม่ได้ตอ่ สูเ้ พือ่ ประชาธิปไตย และความเสมอภาค แต่พรรคเพื่อไทยเข้าไปจับมือเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นปกครอง ในขณะที่ นปช. ทำ�หน้าที่เป็น “ตำ�รวจ” ของ ขบวนการประชาธิปไตยเพื่อสลายการต่อสู้ “องค์กรเลี้ยวซ้าย” มองว่าภาระสำ�คัญของ “เสื้อแดงก้าวหน้า” คือการรวมตัวกันเป็นพรรคการเมืองในรูปแบบ “พรรคเคลื่อนไหว” ที่ไม่เน้นการเลือกตั้งและเวทีรัฐสภา เราควรมีพรรคของนักเคลื่อนไหว อย่างที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเคยเป็น แต่เราจะไม่เข้าป่าจับ อาวุธในการต่อสู้ เราจะเน้นการจัดตั้งพลังมวลชนแทน บทเรียนจากความพ่ายแพ้ของ พคท. และชัยชนะของมวลชนอียิปต์และตูนีเซียใน ตะวันออกกลาง เป็นบทเรียนที่สำ�คัญสำ�หรับโลกสมัยนี้ รวมถึงความสำ�คัญของการจัดตั้งสหภาพแรงงานและชนชั้นผู้ทำ�งานในรูปแบบที่เน้น การเมืองก้าวหน้า ถ้าเราไม่รวมตัวกันอย่างแน่นแฟ้น เหมือนทีช่ นชัน้ ปกครองรวมตัวกันอยู่ การเคลือ่ นไหวของเราจะอ่อนแอดุจการนำ�น้�ำ มาสาด ก้อนหิน แต่ถ้าเรามีพรรคของนักเคลื่อนไหว เราจะเหมือนฆ้อนที่ทุบอำ�นาจเผด็จการได้ ในระยะสั้น จุดยืนและการทำ�งานของพวกเราต้องเน้นการสนับสนุนให้ข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เป็นจริง เน้นการรณรงค์ให้ยกเลิกกฏ หมายเผด็จการอย่าง 112 เน้นการปล่อยนักโทษการเมือง และเน้นการสร้างสังคมที่เท่าเทียมผ่านรัฐสวัสดิการ w

ประชาชนจงเจริญ! สังคมนิยมจงเจริญ! องค์กรเลี้ยวซ้าย 22 มิถุนายน 55


นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

มุมประวัติศาสตร์

3 C.H.

การปฏิวัติฝรั่งเศส

ในปีค.ศ. 1789 กษัตริยห์ ลุยส์ที่ 16 เรียกให้มกี ารประชุม ของ “สามสภา” (สภาพระ สภาขุนนาง และสภาสามัญชน) เพือ่ หาทางเก็บภาษีเพิม่ เพือ่ จ่ายหนีข้ องรัฐบาล แต่ผแู้ ทนของ สภาสามัญชน ซึ่งประกอบไปด้วยคนระดับกลางๆ ไม่ยอมก้ม หัวให้พวกชัน้ สูง และเมือ่ กษัตริยส์ งั่ ให้ปดิ การประชุม เขาก็ยา้ ย ไปประชุมในสนามเทนนิสและประกาศตัง้ เป็น “สภาแห่งชาติ” พวกคนชั้นกลางในระยะแรกมองว่าต้องแค่ “ปฏิรูป” การ ปกครองโดยคงไว้ระบบกษัตริย์ พวกนีข้ ดั ขวางการขยายสิทธิ ในการเลือกตั้งไปสู่คนธรรมดาระดับล่างด้วย เริ่มมีการก่อตั้งสมาคมต่างๆ เพื่อถกเถียงแลกเปลี่ยน การเมือง เช่น สมาคม จัคโคบิน ซึง่ มีผนู้ �ำ สำ�คัญชือ่ โรบสเบียร์ แต่ท่ามกลางวิกฤตการเมืองและความขัดแย้ง พวกคนจนใน เมือง (sans-culottes) กับเกษตกรยากจน ไม่ได้เพิกเฉย มี การร่วมตัวกันและปลุกระดมมวลชนระดับล่างให้ออกมาต่อสู้ โดยเฉพาะเมือ่ มีขา่ วว่ากษัตริยจ์ ะทำ�รัฐประหารเพือ่ ปราบปราม สภาแห่งชาติ ในโอกาสนัน้ มวลชนชัน้ ล่างบุกเข้าไปยึดป้อม บา สเตียล ที่เป็นคุกและคลังแสงอาวุธ หลังจากนั้นไม่นาน มวลชนสตรีจากย่านยากจนใน เมืองปารีส ซึ่งไม่พอใจกับปัญหาข้าวของขาดแคลนและราคา

แพง ออกมาเดินขบวนและชักชวนให้ผู้ชายติดอาวุธสองหมื่น คน ร่วมกันเดินไปที่วังแวร์ไซ เพื่อจับกษัตริย์และลากกลับมา ที่ปารีส ในปี 1791 ความไม่พอใจของคนชั้นล่างกับสภาพ เศรษฐกิจและสังคมเพิ่มขึ้น และขณะที่คนจำ�นวนมากเข้าแถว เพือ่ ลงชือ่ เรียกร้องให้ตงั้ สาธารณรัฐ “กองกำ�ลังแห่งชาติ” ภาย ใต้การนำ�ของคนชัน้ กลางก็กราดยิงประชาชนตายไปห้าสิบศพ การปราบปรามของฝ่ายชนชั้นกลางที่สองจิตสองใจ เกีย่ วกับระบบกษัตริยไ์ ม่ได้ผล มีการลุกฮือรวมตัวกันของคนจน ในเมืองและคนชั้นกลางที่ต้องการปฏิวัติอย่างถอนรากถอน โคน แกนนำ�ตอนนี้กลายเป็นคนอย่าง โรบสเบียร์ และในที่สุด สภาใหม่ ทีไ่ ด้รบั การเลือกตัง้ จากพลเมืองชายทุกคน ก็ประกาศ ก่อตั้งสาธารณรัฐฝรั่งเศสผ่านการยกเลิกและประหารชีวิต กษัตริย์ และการยกเลิกระบบฟิวเดิล การปฏิวตั ฝิ รัง่ เศสไม่ได้จบลงเร็วๆ มีการเดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง ผลของการปฏิวัติเปิดทางให้มีการพัฒนาระบบ ทุนนิยมเต็มใบ และผูท้ ไี่ ด้รบั ประโยชน์มากทีส่ ดุ คือนายทุนใหญ่ ซึง่ ไม่เคยมีความกล้าหาญทีจ่ ะนำ�การปฏิวตั แิ ต่แรก พวกนายทุน จัดการกับคนก้าวหน้าอย่างโรบสเบียร์ แล้วจึงหันไปพึง่ เผด็จการ กองทัพภายใต้การนำ�ของนายทหารหนุ่มชื่อ นโปเลียน โบนา พาร์ท -TLN-


4

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

วิวาทะ

turnleftthai.blogspot.com

ใจ อึ๊งภากรณ์

ละครตลกร้าย เรื่องการนำ�อาชญากรรัฐมาขึ้นศาล แนวทางของทักษิณและเพือ่ ไทยในการปรองดอง จริงๆ แล้วเป็นการยอมจำ�นนบนซากศพวีรชน และสังเวยนักโทษ การเมือง เพื่อให้ทักษิณกลับมาและเพื่อให้นักการเมืองพรรค เพื่อไทยดำ�รงตำ�แหน่งและกอบโกยผลประโยชน์ต่อไป และที่ ชัดเจนคือฆาตกรสีค่ นทีม่ อื เปือ้ นเลือดเสือ้ แดง คือประยุทธ์ อนุ พงษ์ อภิสทิ ธิ์ กับ สุเทพ จะไม่ถกู นำ�มาขึน้ ศาลแต่อย่างใด ตรง นีเ้ ราดูได้จากคำ�พูดของทักษิณในบทสัมภาษณ์กบั จอม เพชร ประดับ ในวันที่ 17 เมษายนปีนี้ที่เขมร ดูได้จากทักษิณโฟน อินในวันที่ 19 พฤษภาคม และดูได้จากร่าง พรบ.ปรองดอง แต่ละครตลกร้ายที่กำ�ลังเล่นคู่ขนานกันกับการยอม จำ�นนนี้ คือการสร้างประวัตศิ าสตร์ใหม่ของวิกฤตหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา คือมีการ “เอดิด” ตัดลบบทบาทชั่วร้ายของทหาร ออกไป ไม่พดู ถึงอาชญากรรมการก่อรัฐประหาร และไม่พดู ถึง บทบาทประยุทธ์กับอนุพงษ์ในการเข่นฆ่าเสื้อแดง นิยายใหม่ ทีเ่ ข้ามาแทนทีป่ ระวัตศิ าสตร์จริง คือการเสนอว่าศัตรูหลักของ เพือ่ ไทย เสือ้ แดง หรือทักษิณ คือแค่พรรคประชาธิปตั ย์เท่านัน้ โดยเฉพาะอภิสทิ ธิก์ บั สุเทพ อันนีเ้ ราก็เห็นได้จากคำ�สัมภาษณ์ ของทักษิณอีก และการทีเ่ พือ่ ไทย และ นปช. เลิกวิจารณ์ทหาร ประกอบกับการที่ยิ่งลักษณ์ไปจับมือกับประยุทธ์และไปกราบ เปรม เนื้อหาอยู่ที่สิ่งที่ไม่พูด ในละครตลกร้ายอันนี้ อภิสิทธิ์ กลายเป็นของเล่นของ ทักษิณ เพื่อไทย และ นปช. เพราะประชาธิปัตย์มีอำ�นาจน้อย ไม่เหมือนทหาร ในอดีตอภิสิทธิ์เป็นนายกหุ่นเชิดของทหาร เท่านั้น จึงนำ�มาแกล้ง เตะ และหยอกล้อได้ เหมือนที่เด็กๆ เล่นกัน และคงไม่เจ็บหรอก คือมีการแกล้งทำ�เป็นว่าจะมีการ สอบสวนบางคดีที่คนตายท่ามกลางการชุมนุม โดยสร้างภาพ ว่าอาจเกี่ยวกับอภิสิทธ์ แต่การสอบสวนอันนี้ไม่มีวันออกผล เพราะทุกฝ่ายของชนชั้นปกครองคุยกันแล้วว่าทุกคนต้อง ลอยนวล.... ยกเว้นคนก้าวหน้าที่โดน 112

ถ้าพวกนั้นไม่จัดการให้ตนเองลอยนวล ใครจะไปรู้ ทักษิณอาจโดนนำ�มาขึ้นศาลคดีตากใบก็ได้ และทหารจะหมด อำ�นาจลงมากเพราะหมด “สิทธิ”์ ทีจ่ ะใช้ความรุนแรงในอนาคต อีกส่วนหนึง่ ของละครตลกร้าย คือการทีท่ กั ษิณจัดการ ให้ทนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม มาค้นหาข้อมูลเรื่องการนอง เลือดที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ เพื่อนำ� อภิสิทธิ์ มาขึ้นศาล อาญาระหว่างประเทศ อันนีเ้ ป็นไพ่ใบสุดท้ายในการสร้างภาพ ของทักษิณ เพื่อเบี่ยงเบนความไม่พอใจของเสื้อแดงในการ ปรองดอง เพราะทนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เป็นคนที่จริงใจ ในการรื้อข้อมูลทั้งหมด และจริงใจเดินหน้าเพื่อพยายามนำ� อภิสิทธ์มือเปื้อนเลือด มาขึ้นศาล เราต้องเข้าใจว่าทนายที่เก่งๆ ต้องเชื่อในสิ่งที่ตนเอง ทำ� ไม่ใช่รับเงินค่าจ้างมาแล้วไม่แคร์ การเป็นทนายเก่งนั้นคือ ลักษณะของ โรเบิรต์ อัมสเตอร์ดมั แต่เราต้องเข้าใจอีกว่า ทนาย กับนักเคลือ่ นไหวทางการเมืองหรือนักสิทธิมนุษยชนไม่เหมือน กัน ทนายต้องทำ�ทุกอย่างในกรอบ และกรอบที่จำ�กัด สิ่งที่ ทนาย อัมสเตอร์ดัม ทำ�ได้ คือการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะไม่ ยกมือรับอำ�นาจศาลอาญาระหว่างประเทศในไทย ซึ่งแปลว่า ทนายอัมสเตอร์ดัม จะต้องเล่น อภิสิทธิ์ คนเดียวนอกประเทศ ในฐานะที่ อภิสิทธิ์ มีสัญชาติอังกฤษกับสัญชาติไทย(อังกฤษ ยอมรับอำ�นาจศาลอาญาระหว่างประเทศ) อันนี้อำ�นวยความ สะดวกในการ “ลืม” ทหารของทักษิณกับเพื่อไทยเป็นอย่าง มาก ทั้งๆ ที่ ทนาย อัมสเตอร์ดัม จะพยายามอย่างถึงที่สุด ผมเชือ่ ว่าจะไม่ประสบความสำ�เร็จกับศาลอาญาระหว่างประเทศ เขาเองก็เตือนเราไม่ให้หวังอะไรมากไป และเมื่อประสบความ ล้มเหลวในอนาคต ทักษิณ เพื่อไทย และ นปช. ก็จะอ้างว่า “เราพยายามแล้วแต่ไม่สำ�เร็จ” ทั้งนี้เพื่อปกปิดการหักหลัง วีรชนที่เกิดขึ้นจริง


turnleftthai.blogspot.com

นอกจากนี้แกนนำ� นปช. ก็ออกมาพูด “ภาพใหญ่” เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เราลืมรายละเอียดว่า นปช. ไม่ ยอมรณรงค์ให้แก้หรือยกเลิก 112 เลย และไม่สนับสนุนข้อเสนอ ของนิติราษฎร์อย่างเป็นรูปธรรมทางการ มีอกี ละครหนึง่ เป็นละครเล็กนอกระบบข้างถนน ละคร นี้เสนอว่าคนระดับบนเป็นคนสั่งทุกอย่าง สั่งรัฐประหาร และ สั่งฆ่า ซึ่งไม่จริง เราเชื่อได้ก็ต่อเมื่อเราเปิดหูเปิดตาถึงข้อมูล จริงๆ แต่คนทีเ่ สนอแนวแบบนีม้ กั พาเราไปในทางเดียวกับเพือ่ ไทย ทักษิณ และ นปช. ทั้งๆ ที่อาจคิดต่างกัน เขาพาเราไป หลงเชื่อว่าทหารไม่ได้สั่งการเอง และหลงเชื่อว่าทหารไม่เคย มีอำ�นาจเอง แล้วเราก็ต้องยกโทษให้ทหาร เขาพาเราไปหลง เชือ่ อีกว่า “เราทำ�อะไรไม่ได้” เพราะเราเผชิญหน้ากับอำ�นาจ อันยิ่งใหญ่ ซึ่งก็เป็นการเสนอให้หยุดสู้เหมือนกัน ความเชื่อ ของแนวนีเ้ ป็นความเชือ่ ทีท่ หารใช้หลอกเราด้วย เพือ่ ให้อ�ำ นาจ ทหารดูยิ่งใหญ่เพราะมีผู้ใหญ่ถือหาง แต่อำ�นาจทหารมาจาก การใช้อาวุธ สรุปแล้วเสื้อแดงต้องพลีชีพ เสื้อแดงต้องติดคุก เสื้อ แดงต้องโดน 112 และล้วนแต่กลับบ้านไม่ได้ แต่ทหาร พัน ธมิตรฯ และประชาธิปัตย์จะไม่ต้องโดนอะไรเลย และทักษิณ จะได้กลับบ้าน พวกเราจะยอมรับสถานการณ์แบบนี้หรือ? การสร้างความยุติธรรม หรือเสรีภาพประชาธิปไตย ต้องสร้างโดยพลเมืองภายในสังคม บทเรียนมีมากมายทัว่ โลก สังคมที่เริ่มสร้างความยุติธรรมหลังเหตุการณ์นองเลือดของ เผด็จการ อย่างเกาหลีใต้ ตุรกี อาเจนทีนา หรืออัฟริกาใต้ อาศัย การเคลื่อนไหวต่อสู้ของมวลชนเป็นหลัก ส่วนใน สเปน หรือ ชิลี การ “รอ” “ใจเย็น” “ยอมจำ�นน” ไม่ได้นำ�ไปสู่การเปิด เผยความจริงและการประณามผู้กระทำ�ความผิด ในเมื่อชนชั้นปกครองไทย ไม่ว่าจะเป็นซีกทหาร ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือทักษิณ จงใจไม่กำ�จัดผลพวงของ

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

5

รัฐประหาร และจงใจให้คนทีฆ่ า่ ประชาชนลอยนวลอีกครัง้ เป็น ครั้งที่สี่ ความหวังอยู่ที่กระแสของคณะนิติราษฎร์ แต่เขาทำ� เองสองสามคนไม่ได้ มวลชนทีร่ กั ประชาธิปไตยและความเป็น ธรรมต้องเคลื่อนไหวร่วมกับเขา แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องเข้าใจอย่างชัดเจนคือ ฝ่าย อำ�มาตย์ ฝ่ายทหาร ฝ่ายเพื่อไทย ฝ่าย นปช. มีการจัดตั้ง มี โครงสร้างองค์กรเพือ่ รวมพรรคพวกในการทำ�อะไร หรือในการ เคลื่อนไหว มีการประสานงานกันอย่างหนักแน่น มีการเดิน ร่วมกัน ดังนั้นถ้าแดงก้าวหน้าหรือแดงอิสระจะแข่งกับเขาได้ เราก็ต้องจัดตั้งในลักษณะที่ประสานงานกันเป็นองค์กรเดียว เช่นกัน การอยู่อย่างปัจเจกในกลุ่มเล็กๆ เป็นการเอาใจตัวเอง อาจสร้างความพึงพอใจกับตนเองได้ แต่เปลีย่ นสังคมไม่ได้ ถ้า เราไม่จดั ตัง้ เราก็แค่เหมือนน้�ำ ทีส่ าดใส่กอ้ นหินของฝ่ายตรงข้าม มันไหลลงดินโดยไม่มีผลอะไร -TLN-


6

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

Speak Out

โคแบร์

Hunger Game ในโลกปัจจุบัน ผมได้มีโอกาสไปดูภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Game หรือ เกมล่าเกม ผมแนะนำ�ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทุกคนควรดู ซึ่งผมได้ดูแล้ว ผมก็รู้สึกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีสิ่งที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ในโลกปัจจุบัน ผู้แต่งเรื่องนี้ผมคิดว่าเขาสามารถเข้าใจในระบบโลกได้เป็นอย่างดี อีก ทัง้ ยังเข้าใจถึงพฤติกรรมต่างๆในสังคมซึง่ มองว่าเป็นปรัชญาอย่างหนึง่ ที่เราควรทำ�ความเข้าใจว่า เพราะเหตุใดทำ�ไมโลกของเราจะต้องมีการ สร้าง Hunger Game ขึ้นมา บางคนยังไม่เข้าใจที่ผมอธิบายว่า โลกของเรานั้นมี Hunger Game ด้วยเหรอ แล้วมันเป็นรูปแบบไหน อย่างไร ผมก็จะบอกว่า Hunger Game มันไม่ได้ถูกออกแบบมาโดยผู้สร้างเพียงคนเดียว แต่ มีหลายคนหรือกลุ่มที่ออกแบบตั้งขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็แล้วแต่ แล้วมาสร้างระบบต่างๆขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละ คน แต่ละกลุม่ ด้วยเหตุนเี้ ราจึงเห็นระบบต่างๆในโลกเกิดขึน้ มามากมาย ระบบต่างๆภายใน Hunger Game จะถูกออกแบบให้มลี กั ษณะ เหมือนดาบ 2 คม นั่นก็คือ ระบบที่ทำ�เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและ ผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งระบบเหล่านี้เราเป็นผู้เลือกเอง และไม่มีใคร เข้ามาแทรกแซงการกระทำ�ของเรา หากเราจะเลือกผลประโยชน์ตนเอง ก็เป็นการสังหารทุกคนให้หมดแล้วเหลือผูร้ อดชีวติ เพียงคนเดียวซึง่ ต้อง เป็นเขาหรือเธอเพียงผู้เดียวเท่านั้น ตรงกันข้ามหากเราเลือกผลประโยชน์ส่วนรวมก็จะเป็นการ ช่วยเหลือบางกลุม่ ทีค่ ดิ ว่าเป็นผูท้ อี่ อ่ นแอ ไม่สามารถปกป้องชีวติ ร่างกาย ของตนเองได้ ทั้งยังถูกกดขี่ข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่า เช่นนี้ทำ�ให้ตัวเขา หรือเธอต้องหาวิธที างทีจ่ ะเผยแพร่ความคิดเพือ่ ปลดแอกจากระบบพวก นีท้ ที่ �ำ ให้เขาหรือเธอต้องตกอยูใ่ นสภาวะแร้งแค้น ด้วยการให้ประชาชน เห็นด้วยกับการกระทำ�ของเขาหรือเธอ มันทำ�ให้ผมนึกถึงการเคลือ่ นไหวประท้วงต่างๆทัว่ โลกทีม่ กี นั เห็นอยู่ในโลกปัจจุบัน ที่มีการประท้วงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งผลลัพธ์ในแต่ละประเทศออกมาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บางประเทศก็มกี ารเคลือ่ นไหวบนท้องถนนแห่งหนึง่ แล้วมีการใช้กระสุน จริงยิงไปที่ประชาชนผู้ประท้วงจากคำ�สั่งของรัฐบาล แน่นอนการกระทำ�แบบนี้ก็ย่อมเป็นดาบ 2 คม เหมือนกัน ทั้ง มีผู้ได้และผู้เสียประโยชน์ บางประเทศก็เช่นกันที่มีการปิดยึดทำ�เนียบ ปิดสนามบินและสถานที่ต่างๆ ซึ่งทางรัฐบาลเองก็มีการผ่อนปรนกลับ

ผู้ชุมนุมประท้วง จนผู้ชุมนุมได้สร้างความเสียหายให้กลับประเทศไม่ มากก็นอ้ ย ตรงนีอ้ าจมองได้วา่ ระบบต่างๆจะถูกออกแบบมาให้เราเลือก ใช้ตามสถานการณ์ที่มีความแตกต่างกัน Hunger Game โดยปกติแล้วจะเป็นการใช้ความรุนแรงซึ่ง ความรุนแรงเหล่านีจ้ ะผูค้ นแต่ละคนจะมองการใช้ความรุนแรงทีแ่ ตกต่าง กัน บางคนก็อาจมองว่าพระเอก นางเอกไม่ใช้ความรุนแรง แต่พวก ตัวประกอบหรือตัวโกงจะใช้ความรุนแรงมากกว่า แต่บางคนก็มองสวน ทางกัน กรณีนี้ผมก็ขอยกตัวอย่างสถานการณ์การเมืองไทยในยุค ปัจจุบันจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือกลุม่ คนเสือ้ เหลือง กับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่ง ชาติหรือกลุ่มคนเสื้อแดง ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันกลุ่มนี้จะมีการ เปลี่ยนบทบาทละครสับเปลี่ยนไปมาไม่เหมือนกัน เช่น กลุ่มคนเสื้อ เหลืองเรียกร้องให้ท�ำ รัฐประหาร หลังจากทีไ่ ด้ท�ำ รัฐประหารก็มปี ระชาชน ส่วนหนึ่งมอบดอกไม้ มอบสิ่งของให้กับบรรดาทหารที่ออกมาทำ� รัฐประหาร เรามองได้วา่ ประชาชนมองความรุนแรงแตกต่างกันออกไป กลุ่มคนเสื้อเหลืองโดนองค์การนานาชาติประณามว่าเป็นผู้ ก่อการร้ายสากลก็มีบางคนมองว่าเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาดี มีคุณวุฒิ บางคนอาจมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวอย่างสันติอหิงสา เป็นกลุ่มที่น่า ให้ความเคารพหลังจากที่ได้เปลี่ยนรัฐบาลก็เป็นผู้ก่อการดี ตรงนี้กลุ่ม คนเสื้อเหลืองก็มีมุมมองแตกต่างกันออกไป หรือกลุ่มคนเสื้อแดงให้การสนับสนุนพรรคไทยรักไทย พรรค พลังประชาชน พรรคเพือ่ ไทย สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกบาง กลุ่มมองว่าโง่ที่เลือกเข้ามา ซื้อเสียง คิดจะเปลี่ยนแปลงระบอบการ


turnleftthai.blogspot.com

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

7

ปกครอง กับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงก็มีทัศนคติที่ต่างกันกับคน เสื้อเหลืองเช่นเดียวกัน ที่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติทางสังคม เป็นจำ�นวนมากหลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนไหวในปี 53 ได้ ทำ�ให้พวกเรามองความรุนแรงในทางหลากหลายมิติมากขึ้นเข้าไปอีก ทั้งอาจมองว่าผู้ก่อการร้าย มองว่าคิดไม่ดีต่อสถาบัน หรือเป็นกลุ่มที่ พ.ต.ท.ทักษิณจ้างมาประมาณว่าสู้แล้วรวย ตรงกันข้ามบางส่วนที่มอง ว่าเป็นความรุนแรงที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ส่วนรวม ผมเองไม่ได้ให้คำ�นิยามคำ�ว่า “ความรุนแรง” ตามหลัก พจนานุกรมนะครับ เพราะพจนานุกรมเองก็สามารถเอาไปตีความทาง ความคิดได้หลายรูปแบบ จนทำ�ให้เราเกิดความสับสนขึน้ มาอยูใ่ นขณะ นี้ว่าอะไรที่เรียกได้ว่าเป็นความรุนแรง สำ�หรับโลก Hunger Game เองก็ไม่ได้วางกฎกติกาไว้แน่นอน หรอก เพราะยังมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ออกไปจะเห็นได้จากภาพยนตร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎให้ออกมาว่า ให้มีผู้รอดชีวิตได้ 2 คน จากตอนแรกที่รอดเพียงคนเดียว แต่พอ สถานการณ์เริม่ เปลีย่ นแปลงอีกครัง้ ก็ออกกฎเดิมให้เหลือเพียงคนเดียว ทำ�ให้เรามองได้ว่าโลกใน ปัจจุบันได้มีผู้ควบคุมเพียงไม่กี่คนที่ชอบมี การเปลีย่ นแปลงวางกฎเกณฑ์เพือ่ ตอบสนองตนเองมากกว่าหากโอกาส เอื้ออำ�นวย เราเองก็รับรู้ถึงอิทธิพลความรู้สึกที่ว่า มีมือที่มองไม่เห็นทำ� บางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกเหนือไปจากกฎกติกาที่เราวางเอาไว้ เพียง แค่ตัวเราเองกำ�ลังเดินตามระบบ Hunger Game อยู่ซึ่งผู้ควบคุม สามารถใช้รีโมทคอนโทรลโดยที่เราดูโทรทัศน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงสรุปว่า Hunger Game ในโลกปัจจุบันยังมีความสลับ ซับซ้อนอยูอ่ กี มาก จึงต้องศึกษาหาความรูเ้ ก็บเกีย่ วประสบการณ์ ชีวติ ไว้ให้มากทีส่ ดุ เพือ่ ศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบ Hunger Game กับโลกปัจจุบนั เพราะเราเองยังไม่รเู้ ลยว่าโลกของ Hunger Game จะมีอนาคตต่อไปข้างหน้าในรูปแบบไหน แล้วโลกใบเล็กๆของ เราท่ามกลางความสับสนวุ่นวายแบบนี้ จะต้องเปลี่ยนแปลงไป ทางทิศทางไหนเราเอก็ยังไม่รู้เลย -TLN-

แด่ สส เพื่อไทย และบรรดา สส สว เข่าอ่อน เจี๋ยมเจี้ยม เอี้ยมเฟี้ยม และเหนียมเหนียม ต้วมเตี้ยมกราบงามงามที่ง่ามขา ข้าคนอำ�นาจน้อยด้อยราคา ประชาชนเลือกมาให้เสียตัว ได้โปรดรับน้ำ�อบประทินหอม กลั่นจากใจสยบยอมต่างค้อมหัว อภัยข้าตัวสั่นเพราะหวั่นกลัว มือระรัวร่ำ�ระลักละลนลาน พวกท่านถึงอุบาทว์ชาติสุนัข แต่สูงศักดิ์เกินข้อจะต่อต้าน ข้าจึงยอมหน้าก้มล้มหลักการ ทรยศ ทรมาน ทรลักษณ์ ฯลฯ โดย: Wanla Wan 13/6/2555


8

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

จัดตั้ง

สมุดบันทึกสีแดง

ยิ่งเลีย....ยิ่งล้าหลัง รัฐบาลเพื่อไทยเป็นรัฐบาลได้ 1 ปี แล้วแต่สิทธิเสรีภาพและ ความเป็นธรรมยังไม่เกิด หนำ�ซ้ำ�ภาพที่ชินตาที่นายกยิ่งลักษณ์ ชิน วัตร และพรรคเพื่อไทย เดินหน้าเลียแข้งเลียขาอำ�มาตย์อย่างเอาเป็น เอาตายโดยไร้สิ้นซึ่งความอาย และเต็มใจที่จะมองดูประชาธิปไตยถูก ทำ�ลายอย่างเฉยเมย กฎหมาย 112 ยังคงถูกใช้อย่างต่อเนือ่ งและรัฐบาล ไม่ทำ�อะไรเลย แกนนำ� นปช. ไม่กล้าเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนที่ถูก กดขี่ เช่น กรณีของอากง นอกจากมาร่วมงานศพเพื่อให้ตัวเองดูดี พอ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็แก้ตัวว่าพวกเราทำ�อะไรไม่ได้ มันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป การทีเ่ พือ่ ไทยทรยศ และ นปช. ไม่ยอมเดินในกรอบทีก่ า้ วหน้า ผลที่เกิดขึ้นคือการแช่แข็งทางประชาธิปไตย ในหลายกรณีคนเสื้อแดง บางส่วนมีมาตรฐานของประชาธิปไตยต่ำ�อย่างน่าใจหาย และน่าอาย เช่น แทนที่จะตั้งคำ�ถามและวิพากษ์วิจารณ์ ว่าทำ�ไมนายกยิ่งลักษณ์ ถึงไปเยือน บาห์เรน กลับดีอกดีใจ ทั้งๆ ที่กษัตริย์บาห์เรนล้าหลังและ ปราบปรามประชาชนอย่างป่าเถื่อน ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จาก กลุ่มสิทธิมนุษยชนในหลายๆ ประเทศ เพื่อไทยมาจากการเลือกตั้ง ทำ�ไมต้องไปจับมือกับกษัตริยบ์ าห์เรนทีม่ อื เปือ้ นเลือด ถ้ายิง่ ลักษณ์จบั มือกับกษัตริย์บาห์เรนมือเปื้อนเลือดได้ ก็แสดงว่าเธอไม่แคร์กับระบบ ประชาธิปไตย ถ้าเธอไม่แคร์กับระบบประชาธิปไตย เธอก็ไม่แคร์กับ ความอยุติธรรมที่คนเสื้อแดงได้รับ มันเป็นเรื่องที่น่าตลกและหัวเราะเยอะเกี่ยวกับข่าวการทำ� รัฐประหารที่ออกมาในช่วงนี้ สาเหตุที่บอกว่ามันตลกคือ ถ้าเพื่อไทย เลือกเดินตามกรอบประชาธิปไตยและจับพวกที่ทำ�ผิดมาลงโทษวงจร แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ซึ่งมันก็น่าคิดต่อไปได้อีกว่า นปช.และเพื่อไทย

กำ�ลังจับคนเสือ้ แดงเป็นตัวประกันเพือ่ ไม่ให้คนเสือ้ แดงวิพากษ์วจิ ารณ์ เพื่อไทยมากกว่า โดยการเอาเรื่องรัฐประหารมาเป็นข้ออ้าง แต่ทีนี้เพื่อ ไทยเลือกทรยศคนเสื้อแดง ผลได้ที่มันจึงอุบาทว์มาก ดังนัน้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชือ่ พรรคมาตุภมู ิ ซึ่งเป็นคนทำ�รัฐประหาร เป็นคนทำ�ลายประชาธิปไตย เป็นตัวหลักใน การเสนอ พรบ.ปรองดอง ในการให้สมั ภาษณ์กบั หนังสือพิมพ์มติชน[1] ว่า “เรากำ�ลังพูดถึงการอภัยโทษกับการนิรโทษกรรมที่เกี่ยวข้อง กับการเมือง ผมอาจจะตอบไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นเรื่องของ กฎหมาย แต่เราต้องการอภัยโทษให้กบั คดีทเี่ กิดขึน้ ตัง้ แต่ปี 2548-2554” (รวมถึงทหารที่ฆ่าประชาชนด้วย) และ “คนที่ไปปิดสนามบินเขาก็รัก ชาติ คนที่ปิดสภา ปิดทำ�เนียบก็รักชาติ ฉะนั้นวิธีคิดถึงความรักชาติใน แบบประชาธิปไตยเขาก็มีวิธีคิดแบบเขา ฐานความรู้ของคนไม่เหมือน กัน เราต้องให้อภัยเขา เพราะเขาคือคนไทยคนหนึ่ง” เพื่อไทยและ นปช. ปิดหูปิดตา และปล่อยให้คนที่ทำ�ลาย ประชาธิปไตยมาอธิบายเรือ่ งประชาธิปไตยแบบมัว่ ๆ แถไปเรือ่ ยๆ เพือ่ เข้าข้างตัวเอง ในขณะทีน่ กั โทษทางการเมืองทีเ่ รียกร้องเพือ่ ประชาธิปไตย ยังถูกจับขังอยู่ในคุก ผู้เขียนคิดว่า ในฐานะที่เราเป็นเสื้อแดงคนหนึ่งที่ อยากเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยเต็มใบ เราต้อง วิพากษ์วิจารณ์ ทั้ง นปช.และเพื่อไทยให้หนักขึ้น และเลือกสนับสนุน ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มที่ก้าวหน้า เช่น คณะนิติราษฎร์ ปัญหาหนึง่ คือเราไม่คอ่ ยมีทางเลือกถ้ามองดูทรี่ ฐั สภา ถ้ามอง ดู นปช. ซึ่งตอนนี้มีสถานะเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้พรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่เลือกทรยศคนเสื้อแดง ฉะนั้น นปช. ไม่ใช่เป็นองค์กร เพื่อประชาชนที่มีศักยภาพสร้างทางเลือกให้กับประชาชน(ถ้าไม่เป็น อิสระจากพรรคเพื่อไทย) อย่างไรก็ตามรัฐสภาก็ไม่ใช่กลไกอันเดียวใน การเปลีย่ นแปลง เพราะกำ�ลังหลักอันหนึง่ คือการเคลือ่ นไหวนอกรัฐสภา เพื่อกดดันนักการเมืองในสภา แต่การเคลื่อนไหวนอกรัฐสภามันก็ต้อง อาศัยการจัดตัง้ องค์กรให้เข้มแข็งโดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง (เช่น เรือ่ ง กม.112, ปฏิรปู การปกครองอย่างเป็นระบบ) การสร้างประชาธิปไตย มันไม่มีทางลัด นับหนึ่งใหม่ตอนนี้เพื่อสร้างองค์กรทางการเมืองตอนนี้ ดีกว่าไม่เริ่มเลย -TLN[1] http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338522245&g rpid=01&catid=&subcatid= (1-6-12)


นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

Speak Out

9

ฮิปโป

อีกหนึ่งบาดแผลที่พวกนักขุดทอง ไม่อยากกล่าวถึงในพม่า หมายเหตุ ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจในการเขียนบทความชิ้นนี้หลังจากได้อ่านหนังสือ “ข่มขืน-ขื่นขมในความเงียบ” พิมพ์ครั้งแรก ปี 2548 โดย องค์กรผู้หญิง กะเหรี่ยง เพื่อต้องการมิให้เรื่องเหล่านี้ อยู่ใน “ความเงียบ” ท่ามกลางการส่งเสียงของกลุ่มทุน ที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศพม่า

ตราบใดที่เราอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการนั้น แน่นอนว่าเราไม่ สามารถมองเห็นแสงสว่างแห่งความยุติธรรมได้ สำ�หรับประเทศพม่า ในสายตาชาวโลกนัน้ เป็นทีร่ กู้ นั ดีอยูแ่ ล้วว่าเป็นประเทศทีป่ กครองโดย เผด็จการทางทหาร ไร้ซึ่งความเป็นประชาธิปไตย จริงอยู่ที่มีการเลือก ตัง้ แต่กเ็ ป็นการเลือกตัง้ อย่างไม่โปร่งใส่เป็นธรรม นอกจากจะไม่มคี วาม เป็นประชาธิปไตยภายในประเทศของตนเองแล้ว รัฐบาลทหารพม่ายัง ได้กระทำ�ในสิ่งที่เรียกได้ว่า เป็นการก่ออาชญากรรมอย่างร้ายแรง ต่อ ชนชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยอีกด้วย เช่น รัฐกะเหรี่ยง รัฐฉาน รัฐกะเรนนี ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศพม่า อีกหนึง่ เรือ่ งราวทีย่ งั เป็นบาดแผลจนถึงทุกวันนี้ ทีเ่ ป็นประเด็น ของการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นการทำ�ลายศักดิ์ศรีความเป็น มนุษย์อย่างร้ายแรงคือ “การเข้าใช้กำ�ลังในการข่มขืนและบังคับใช้ แรงงานต่อสตรี” การกระทำ�ดังกล่าวนี้ เป็นการกระทำ�ทีม่ วี ตั ถุประสงค์ อย่างชัดเจนคือ สร้างบรรยายแห่งความหวาดกลัวในชุมชน และเป็นการ ขยายอิทธิผลเถือ่ นในการควบคุมทำ�ลายล้างชุมชน ในลักษณะทีเ่ ป็นการ ทำ�ลายล้างอย่างถอดรากถอนโคนก็วา่ ได้ เพราะชุมชนนัน้ จะต้องอพยพ ย้ายถิ่นฐานอยู่บ่อยๆ จึงทำ�ให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันในกลุ่มชาติพันธ์ ของตนได้อย่างเป็นปกติสุข การละเมิดศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ของทหารพม่า ด้วย เข้าใช้กำ�ลังในการข่มขืนและบังคับใช้แรงงานนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากความ ใคร่ตัณหา หรือว่าการขาดแคลนแรงงานของทหารพม่าแต่อย่างใด แต่ กระทำ�นีเ้ กิดขึน้ อย่างเป็นระบบ เพราะนีค้ อื ยุทธวิธที เี่ ป็นนโยบายทางการ ทหาร โดยออกเป็นคำ�สั่งของผู้บังคับบัญชาการ ที่สั่งการให้ผู้อยู่ใต้ บังคับบัญชาการ สามารถข่มขืนได้โดยไม่ผิดกฎหมาย หรือเรียกอย่าง หนึ่งว่า “ใบนุญาติข่มขืน” แม้ว่าการข่มขืนที่เกิดขึ้นจะรู้ถึงหูในระดับ นานาชาติ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้รับการแก้ไขจากนานาชาติแต่อย่างใด หรือ ต่อให้นานาชาติคว่ำ�บาตรประณามการกระทำ�ของทหารพม่า ทหาร พม่าก็คงไม่รู้สึกสะท้านต่อปฏิกิริยาของนานาชาติอยู่ดี ในหนังสือที่ชื่อว่า “ข่มขืน-ขืนข่มในความเงียบ” ซึ่งเป็น เรื่องเล่าของผู้หญิงกะเหรี่ยง กับเรื่องราวของทหารพม่า และสงคราม ประชาชนในรัฐกะเหรี่ยง ที่จัดทำ�โดยองค์กรผู้หญิงกะเหรี่ยง ตีพิมพ์ ครั้งแรกเมื่อปี 2548 นั้น เป็นหนังสือที่พยายามถ่ายทอดเรื่องราวการ ถูกข่มขืนและใช้แรงงานของทหารพม่าทีก่ ระทำ�ต่อผูห้ ญิงชาวกะเหรีย่ ง

โดยเป็นการเก็บข้อมูลจากการให้ปากคำ�ของผู้หญิงกะเหรี่ยง ที่กล้า ออกมาบอกเล่าความเจ็บปวดขมขื่น ที่เป็นบาดแผลฝั่งลึกอยู่ในจิตใจ ของพวกเธอ โดยเรื่องราวแต่ละเหตุการณ์ที่ทุกคนเจอ ก็จะเป็นในลักษณะ ที่คล้ายๆ กันคือ การถูกบังให้ต้องแบกอาวุธและระเบิดขึ้นเขาโดยไม่มี การให้หยุดพักเลย แม้แต่ข้าวหรือน้ำ�ก็ไม่ให้กิน หรือถ้าจะได้กินก็เป็น ข้าวที่เน่าบูด ซึ่งพวกเธอต้องเอาข้าวไปล้างน้ำ�ก่อนเพื่อดับกลิ่น หลัง จากที่พวกเธอต้องทำ�งานอย่างหนัก เกินกว่ากำ�ลังสรีระของพวกเธอ จะรับไหว ในตอนกลางคืนพวกเธอจะถูกเรียกให้ไปให้ไปเป็น “นาง บำ�เรอกาม” ของทหารพม่าโดยพวกนั้นจะรุมข่มขืนพวกเธออย่าง ทารุณ หากคนไหนทีย่ งั พอมีแรงก็จะส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความ ทรมาน จนพวกผู้หญิงที่นอนอยู่นอกแค้มป์ได้ยินจนขวัญผวานอนไม่ หลับทั้งคืน แต่หากบางคนที่ไม่ส่งเสียงร้อง นั้นอาหมายถึงเธอเป็นลม หมดสติขณะที่ถูกข่มขืนไปแล้ว บางครั้งทหารพม่าเลือกที่จะข่มขืนพวกเธอในหมู่บ้าน เพื่อ เป็นการข่มขวัญให้หมู่บ้านตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัว ทีส่ ำ�คัญพวกเธอ ต้องทนทุกข์ทรมานกับการต้องเผชิญกับความเจ็บปวด ที่ไม่ได้รับการ รักษาทั้งทางด้านยารักษาโรคและการทางเยียวยาจิตใจ มิหนำ�ซ้ำ�พวก เธอก็ยงั ถูกสามีของเธอรังเกลียด และยอมรับไม่ได้กบั การทีพ่ วกเธอถูก ข่มขืน ดังนัน้ แล้วผูห้ ญิงชาวกะเหรีย่ งทีถ่ กู ข่มขืน จึงได้รบั บาดแผลความ ข่มขืนจากทั้งสองทาง คือการข่มขืนทารุณทางเพศจากทหารพม่า และ จากการรังเกลียดจากสามีของตนเอง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ปัญญาเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน และการ ทำ�ลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้น จะเกิดขึ้นในสภาวะสงครามทุกรูป แบบ ดังนัน้ หนทางทีจ่ ะแก้ไขปัญหาคือ เราต้องพยายามรณรงค์คดั ค้าน สงครามที่จะกระทำ�จากผู้มีอำ�นาจและจักรวรรดินิยมทุกรูปแบบ และ ในระยะยาวต้องยกเลิกกองทัพ เพื่อหยุดการทำ�ลายล้างกัน การนำ�เรือ่ งราวเหล่านีอ้ อกมานำ�เสนออีกครัง้ ก็เพือ่ เตือนความ ทรงจำ�ให้ผู้คนที่เริ่มหันมาสนใจประเทศพม่ามากขึ้น หลังจากเริ่มมีการ เปลี่ยนแปลงทางเมืองโดยผู้นำ�ทางทหาร เพื่อไม่ให้เราหลงลืมว่าครั้ง หนึง่ เคยมีเหตุการณ์เหล่านีเ้ กิดขึน้ และผูเ้ ขียนก็ไม่ทราบได้วา่ เหตุการณ์ เช่นว่ามียังดำ�เนินอยู่ ณ ปัจจุบันหรือไม่ และผู้ถูกกระทำ�จะได้รับการ เยียวยาอีกนายแค่ไหน -TLN-


10

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

สังคมใหม่

ลั่นทมขาว

รากฐานและรูปแบบของ “อำ�นาจ”

เรือ่ งทีค่ นเสือ้ แดงและนักสังคมนิยมต้องพยายามทำ�ความ ที่กระทำ�กับศัตรูของชนชั้นปกครอง แทนที่จะใช้ทหารหรือตำ�รวจ เข้าใจคือ เรื่องของอำ�นาจอำ�มาตย์ในสังคมไทย โดยตรง ตัวอย่างเช่น พวกกระทิงแดง นวพล ลูกเสือชาวบ้าน หรือ กลุ่มเสื้อเหลืองที่ใช้ความรุนแรงกับผู้รักประชาธิปไตยทุกวันนี้ สองรูปแบบของอำ�นาจ ในกรณีอันธพาล เขาจะเป็นเครื่องมือสำ�คัญของชนชั้น ในด้านหนึ่งอำ�นาจของคนกลุ่มน้อยที่ปกครองประชาชน ปกครองเพราะจะเป็นการสร้างภาพว่ารัฐไม่ได้กอ่ ความรุนแรง อัน คนส่วนใหญ่มสี องรูปแบบคือ อำ�นาจดิบทีใ่ ช้ความรุนแรงของทหาร นีน้ �ำ ไปสูก่ ารพิจารณาอีกรูปแบบหนึง่ ของอำ�นาจคือ อำ�นาจในการ ตำ�รวจ และคุก เลนิน เคยอธิบายว่าเนื่องจากทุกสังคมมนุษย์ใน สร้างความชอบธรรมและการยอมรับกติกาของชนชัน้ ปกครอง การ ยุคสมัยใหม่เป็นสังคมชนชั้น และชนชั้นหลักๆ มักมีผลประโยชน์ ครองใจประชาชนนัน้ เอง เองเกิลส์ เคยอธิบายว่ารัฐทีม่ ปี ระสิทธิภาพ ทางเศรษฐกิจและสังคมทีข่ ดั แย้งกัน เช่นในยุคทุนนิยมชนชัน้ นายทุน ในการปกครองและกดขี่ชนชั้นอื่นๆ มากที่สุดคือรัฐที่สร้างภาพ ต้องการขูดรีดมูลค่าส่วนเกินจากกรรมาชีพให้มากทีส่ ดุ และกรรมาชีพ ความเป็นกลางเพื่อหลอกคนส่วนใหญ่ ต้องการได้มลู ค่ามากทีส่ ดุ จากการทำ�งานของตัวเขาเองเป็นต้น ดัง การสร้างภาพความเป็นกลางของรัฐ ซึ่งในความเป็นจริง นัน้ ชนชัน้ ทีค่ รองอำ�นาจรัฐมักใช้รฐั เป็นเครือ่ งมือเพือ่ ควบคุมชนชัน้ รัฐลำ�เอียงเข้าข้างคนส่วนน้อยที่เป็นชนชั้นนายทุน มาจากการ อื่น โดยอาศัยกองกำ�ลังติดอาวุธ ดังนั้นรัฐไม่ใช่อะไรที่เป็นกลาง ชักชวนกล่อมเกลาประชาชนส่วนใหญ่ให้เชือ่ ว่ากฏหมาย รัฐธรรมนูญ และไม่ใช่อะไรที่คอยสร้างความเป็นธรรม หรือความ “ปรองดอง และกติกาความเชื่อต่างๆ เกือบจะเหมือนธรรมชาติและเกิดขึ้นมา ออมชอม” ท่ามกลางความขัดแย้งทางชนชั้น เองโดยสอดคล้องกับนิสยั ใจคอของมนุษย์ทกุ คน ส่วนหนึง่ ของการ เวลาเราพูดว่าในยุคทุนนิยมปัจจุบนั ของประเทศไทย ชนชัน้ ย้�ำ ความเชือ่ แบบนีค้ อื การเสนอว่าสภาพสังคมและอำ�นาจทีเ่ ห็นอยู่ ปกครองคือชนชั้นนายทุน อาจต้องอธิบายเพิ่มนิดหนึ่งคือ ชนชั้น มีมานาน และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ และบ่อยครั้งพรรคพวกของเรา นายทุนเป็น “ทีม” เหมือนทีมฟุตบอล์ บางคนทำ�หน้าที่ยิงประตู เองก็จะเชือ่ ในเรือ่ งนี้ เพราะเรามักจะได้ยนิ คำ�พูดทำ�นองว่า “ความ คือพวกที่เป็นนักธุรกิจนายทุนโดยตรงมีหน้าที่คุมการผลิตและ คิดศักดินาฝังลึกในนิสัยคนไทย” ทั้งๆ ที่ระบบศักดินาหมดไป ขูดรีดแต่บางคนเป็นฝ่ายป้องกันประตูหรือผลประโยชน์ของทีม คือ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ และการ “ฝังลึก” ความคิด เหมือนกับว่า ทหารตำ�รวจชั้นผู้ใหญ่ หรือผู้พิพากษา และกองเชียร์ของทีมคือ มันอยู่ใน “ดีเอ็นเอ” ของเรานั้นเป็นไปไม่ได้ สือ่ มวลชนและนักวิชาการฝ่ายทุน นอกจากนีท้ มี นายทุนมี “เครือ่ ง ความเชื่อย่อมเป็นเรื่องที่คนสอนกัน ยัดเยียดกัน ชักชวน นำ�โชค” พร้อมเพลงสนับสนุนทีม เพื่อให้ความชอบธรรมกับวิธี กัน หรือข่มขู่ให้เชื่อ แต่การรับความคิดต่างๆ นั้นก็ขึ้นอยู่กับคน การเล่นเกมส์ ซึ่งจัดไว้เป็นหัวขบวน สรุปแล้วทุกคนในทีม ไม่ว่า และสถานการณ์เสมอ และที่สำ�คัญความเชื่อของทุกคนเปลี่ยนได้ จะเป็นนายทุนหรือนายพล เป็นส่วนหนึง่ ของชนชัน้ นายทุนนัน้ เอง บางครั้งเร็ว บางครั้งช้า ในสถานการณ์วิกฤตอย่างที่เราเห็นหลัง อำ�นาจดิบของรัฐรวมถึงการใช้ความรุนแรงของอันธพาล


turnleftthai.blogspot.com

เหตุการณ์นองเลือดปี ๒๕๕๓ ความเชื่อของเสื้อแดงจำ�นวนมาก พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในปรากฏการณ์ทบี่ างคนเรียกว่า “ตา สว่าง” กรัมชี่ เคยอธิบายว่าความคิดในสมองมนุษย์มคี วามหลาก หลาย มีทงั้ ความคิดทีถ่ กู สอนมาโดยชนชัน้ ปกครอง ความคิดทีม่ า จากประสบการณ์โลกจริง และความคิดกระแสรองทีค่ า้ นความเชือ่ ของชนชั้นปกครอง ทั้งนี้ท่ามกลางความขัดแย้งทางความคิดดัง กล่าวในสมองของแต่ละคน คนเปลีย่ นความคิดเร็วได้ในสถานการ การต่อสู้ หรือในสถานการณ์วิกฤต แต่ต้องมีพรรคฝ่ายซ้ายที่คอย เสนอความคิดกระแสรองด้วย ถ้าไม่มใี ครเสนอทางเลือกคนก็จะไม่ เลือกเปลี่ยนอะไร

กฏหมาย รัฐธรรมนูญหรือวัฒนธรรมไม่มีอำ�นาจในตัว มันเอง ความเชื่อชุดสำ�คัญที่ชนชั้นปกครองอยากให้เราเชื่อคือ ความเชื่อว่ากฏหมายหรือรัฐธรรมนูญมีอำ�นาจในตัวมันเอง พร้อม กันนั้นเขาอยากปกปิดที่มาของกฏหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งย่อม ถูกร่างมาโดยพรรคพวกของชนชั้นปกครองอยู่แล้ว แต่ถ้าเราคิด สักนิดหนึ่งเราก็รู้ในใจว่าการแก้รัฐธรรมนูญ หรือการร่างกฏหมาย ใหม่ที่เป็นธรรมมากขึ้นหรือเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ได้สร้าง ขั้วอำ�นาจใหม่เพื่อประชาธิปไตยแต่อย่างใด เพราะทหารสามารถ นำ�รถถังออกมาและฉีกสิ่งเหล่านี้ทิ้งได้ทันที คืออำ�นาจจริงอยู่ใน มือพวกชนชั้นปกครองที่ผูกขาดสิทธิในการใช้ความรุนแรง มันไม่ ได้อยู่ในตัวกฏหมายหรือรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด สาเหตุทเี่ ราต้องรณรงค์ให้แก้กฏหมายหรือรัฐธรรมนูญให้ มีเสรีภาพประชาธิปไตยมากขึน้ เป็นอีกเรือ่ งหนึง่ คือมันเป็นโอกาส

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

11

สำ�คัญที่จะปลุกกระแสมวลชนให้ออกมาสู้และปกป้องเสรีภาพดัง กล่าว พูดง่ายๆ “อำ�นาจ” ที่กฏหมายและรัฐธรรมนูญก้าวหน้ามี นั้น อยู่ที่มวลชนผู้พร้อมจะสู้อย่างเดียว นอกจากนี้ “วัฒนธรรม” ที่ชนชั้นปกครองสอนให้เราทำ� ตามก็ไม่มอี �ำ นาจในตัวมันเองอีกด้วย มันขึน้ อยูก่ บั ว่าเราจะเชือ่ ฟัง และทำ�ตามหรือไม่ และผลในเชิงอำ�นาจดิบของการเชื่อฟังหรือไม่ เชื่อฟังนั้นเป็นอย่างไรต่างหาก

ฐานเศรษฐกิจและโครงสร้างส่วนบน นักมาร์คซิสต์เข้าใจมานานว่าในสังคมมนุษย์มันมี “ฐาน เศรษฐกิจ” อันประกอบไปด้วยวิธเี ลีย้ งชีพและกระบวนการต่างๆ ทางเศรษฐกิจทีจ่ ะนำ�ไปสูก่ ารเลีย้ งชีพดังกล่าว และมันมี “โครงสร้าง ส่วนบน” ซึ่งเป็นวิธีจัดสังคม สถาบัน ความเชื่อ และกติกาต่างๆ ทีเ่ กิดจากลักษณะฐานเศรษฐกิจ อันนีค้ อื สิง่ ทีเ่ ราเรียกว่า “วัตถุนยิ ม” แต่วัตถุนิยมของ มาร์คซ์และเองเกิลส์ เป็น “วัตถุนิยมวิภาษวิธี” คือเปลีย่ นแปลงเสมอ และส่วนต่างๆ มีผลต่อกันในลักษณะขัดแย้ง ดังนัน้ ระบบการผลิตทีพ่ ฒ ั นาอย่างต่อเนือ่ งและเต็มไปด้วย มนุษย์ที่ทำ�งานและผูท้ ี่ขูดรีดมนุษย์เหล่านั้น จะมีผลในการเปลี่ยน โครงสร้างส่วนบนตลอด และโครงสร้างส่วนบนที่ประกอบไปด้วย มนุษย์เป็นๆ ก็จะมีความอนุรักษ์นิยมหรือความก้าวหน้าที่จะ เปลี่ยนแปลง และมีความขัดแย้งในตัวเสมอ ถ้าเราเข้าใจตรงนี้เราจะเข้าใจว่าความเชื่อของคน การ ยอมรับอะไรของคน หรือความคิดเกี่ยวกับความชอบธรรมย่อม เปลี่ยนแปลงเสมอ (อ่านต่อหน้า 12)


12

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

(ต่อจากหน้า 11)

เราจะเข้าใจอีกด้วยว่าชนชั้นที่คุมพลังการผลิต ชนชั้น นายทุนที่เป็น “ทีม” ร่วมกัน มีอำ�นาจรัฐ อำ�นาจในการคุมสังคม อำ�นาจในการคุมสื่อและการกล่อมเกลาประชาชนอันเนื่องมาจาก อำ�นาจเศรษฐกิจ ยิ่งกว่านั้นเขาใช้อำ�นาจเศรษฐกิจนี้เพื่อซื้ออาวุธ และจ้างทหารตำ�รวจชั้นผู้น้อยอีกด้วย พูดง่ายๆ อำ�นาจดิบ และแนวความคิดในการสร้างความ ชอบธรรมของเขามาจากอำ�นาจชนชัน้ ในรูปแบบเศรษฐกิจ และถ้า เราจะท้าทายอำ�นาจของทีมนายทุนหรือชนชั้นปกครอง เราต้อง ท้าทายอำ�นาจเศรษฐกิจของเขา(เริ่มด้วยการนัดหยุดงานและการ ยึดสถานที่ทำ�งาน) พร้อมกับท้าทายอำ�นาจดิบ(ด้วยการชักชวน ให้ทหารชั้นล่างกบฏ) และท้าทายความเชื่อที่ช่วยสร้างความชอบ ธรรมให้เขา(ด้วยการเปิดศึกทางความคิด) มันต้องทำ�ทัง้ สามอย่าง พร้อมกัน บางครั้งเน้นไปที่จุดใดจุดหนึ่ง บางครั้งเน้นไปที่อีกจุด บางครั้งรุกสู้กับทั้งสามจุดพร้อมกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และอย่าหวังเลยว่าจะทำ�ภารกิจนี้ได้ถ้าเราไม่มีการจัดตั้ง ทางการเมืองที่ครอบคลุมกรรมาชีพ คนหนุ่มสาว และปัญญาชน บางคน อย่างแน่นแฟ้น พูดง่าย เราต้องมี “ทีมสังคมนิยมกรรมาชีพ” เพื่อแข่งกับทีมนายทุน

การครองใจผ่านสภาวะแปลกแยก ในความเป็นจริงประเด็นเรือ่ งความเชือ่ เป็นประเด็นสำ�คัญ มาก เพราะในระบบทุนนิยมไทยหรือที่อื่น คนส่วนใหญ่โดนขูดรีด และกดขี่โดยคนส่วนน้อย มีคนพูดบ่อยๆ ให้เห็นภาพว่าถ้าคน ธรรมดาถุยน้ำ�ลายพร้อมกัน ชนชั้นนายทุนจะจมน้ำ�ตาย แต่ทำ�ไม เราไม่ยอมถุยพร้อมกันสักที? คำ�ตอบอยูท่ กี่ ารยัดเยียดความเชือ่ ของชนชัน้ ปกครอง เพือ่ ให้เราแตกแยกกัน และเพือ่ ให้บางส่วนจงรักภักดีตอ่ ชนชัน้ ปกครอง แล้วทำ�ไมประชาชนจำ�นวนมากถึงเชื่อนิยายของชนชั้น

ปกครอง? ทำ�ไมเขาครองใจคนจำ�นวนมากได้? ทำ�ไมถึงเชื่อกันว่า กฏหมายมีอำ�นาจในตัวมันเอง? ทำ�ไมคนเชื่อว่า “ตลาด” มีพลัง หรือชีวิตของมันเองที่เราต้องจำ�นนต่อ ทั้งๆ ที่ตลาดเป็นแค่สิ่งที่ มนุษย์สร้างขึ้น? ทำ�ไมคนลืมว่ามนุษย์สร้างพระพุทธรูปด้วยมือ ของตนเองเพือ่ เป็นสัญลักษณ์ของศาสนา แต่หนั มาเชือ่ ว่าพระพุทธ รูปมีอ�ำ นาจศักดิส์ ทิ ธิว์ เิ ศษหลังจากทีถ่ กู สร้างขึน้ มา? แล้วทำ�ไมคน จำ�นวนมากในไทยเชือ่ ว่าเรายังมีระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ทัง้ ๆ ที่ระบบนี้หมดไปในการปฏิวัติ ๒๔๗๕? จอร์ช ลูคักส์ และ มาร์คซ์ อธิบายว่ามนุษย์เชื่อในสิ่งที่ไม่ เป็นจริง เชื่อแบบกลับหัวกลับหาง ต่อเมื่อมนุษย์ขาดความมั่นใจ มันไม่ใช่เรื่องความโง่หรือการมีหรือไม่มีการศึกษาแต่อย่างใด มัน เป็นเรื่องของผลของอำ�นาจต่อความมั่นใจของเราต่างหาก อำ�นาจ การกดขี่ขูดรีดของนายทุน เช่นการที่ทุกวันเราต้องยอมจำ�นนไป ทำ�งานให้นายทุน หรือต้องก้มหัวให้อำ�นาจรัฐมีผลในการกล่อม เกลาให้เรามองว่าตัวเราเองไร้ค่ากว่าพวก “ผู้ใหญ่” หรือนายทุน และชวนให้เรามองว่าเราไร้ความสามารถเราเลยเชื่อพวกนั้นง่าย ขึ้น ดังนั้นชนชั้นปกครองสามารถสร้างภาพลวงตา กลับหัว กลับหางเรือ่ งอำ�นาจแท้ในสังคมไทยได้ เพือ่ ไม่ให้คนเห็นว่าอำ�นาจ จริงอยูท่ ที่ หารและนักธุรกิจ และภาพลวงตานีผ้ ลิตซ้�ำ ด้วยกฏหมาย เผด็จการทีป่ ดิ ปากเราด้วย ซึง่ เป็นการซ้�ำ เติมความกลัวเพือ่ ทำ�ลาย ความมั่นใจของเราอีก ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “สภาวะแปลกแยก” คือแปลก แยกจากความเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีของเราทุกคน และแปลกแยก จากความจริง แต่ ลูคกั ส์ เสนอว่าเมือ่ เรารวมตัวกันเป็นกลุม่ เป็นก้อน เพือ่ ออกมาต่อสูก้ บั เผด็จการ ความกล้าในการคิดเองและวิเคราะห์โลก เองก็จะเกิด และเราจะเลิกเชื่อนิยายงมงายของชนชั้นปกครอง -TLN-


นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

พลวัต

13

ครรชิต พัฒนโภคะ

ที่มา www.socialistworker.co.uk

สังคมเป็นใหญ่ คือคำ�โกหกคำ�โต

"Big Society (สังคมเป็นใหญ่) เป็นแนวคิดของรัฐบาลพรรค อนุรกั ษ์นยิ มอังกฤษ ทีพ่ ยายามชักชวนให้มลู นิธติ า่ งๆ หรือชนชัน้ กลาง จิตอาสามาช่วยสังคม ในขณะที่รัฐบาลตัดสวัสดิการ ตัดงาน ตัดงบ ประมาณรัฐ มันเป็นการโกหกยิ่งใหญ่ คืออ้างว่าพวกเอ็นจีโอ(มูลนิธิ) จะเข้ามาแทนที่รัฐสวัสดิการได้ แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครเชื่อรัฐบาล" สงเคราะห์อาหารฟรี แถวๆ วอลแทมสโตว และนายเจมส์ ขา ประจำ�ของครัวสนามแห่งนี้(รูปประกอบ ) ในแต่ละวันจะมีคนประมาณถึง ๗๐ คนไปขอรับซุปแจกฟรีมา กิน จากครัวสนาม ในบริเวณลานจอดรถ ด้านหลังของร้านค้าปลีกแฟ รนไชส์ ในเขตวอลแทมสโตว ลอนดอนตะวันออก ผู้คนที่เดินผ่านไปมาส่วนมาก อาจไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าที่นี่ จะมีรถตู้ที่จอดคอยให้การสงเคราะห์อาหาร และความช่วยเหลืออย่าง อื่น แก่คนที่ตกเป็นเหยื่อของสังคมในเมืองใหญ่ ของนายเดวิด คาเม ร่อน นายกรัฐมนตรี เจมส์ ขาประจำ�ของทีน่ ี่ บอกกับเราว่า “เขาจำ�ต้องอยูท่ นี่ ี่ อย่าง นี้ ในเมืองใหญ่ และที่นี่ก็เป็นที่ๆ มีแต่การตอแหลคำ�ใหญ่ๆ ที่คอยแต่ จะขายความฝันให้กบั เรา จากบรรดานักการเมือง ทีเ่ ชิดหน้าอยูใ่ นสังคม อย่างเรื่องสวัสดิการสังคม ก็เป็นเรื่องที่อยู่เกินขีดความสามารถที่จะ ทำ�ได้ของนักการเมืองพวกนี้ และแม้แต่ความยากไร้ การหมดหนทาง ที่จะช่วยตนเอง ในเรื่องอาหารประทังชีพ ของคนจำ�นวนเพียงเท่านี้ อย่างที่คุณเห็น พวกเขาก็ไม่สามารถจะแก้ไขได้” รัฐบาลนีเ้ อาแต่กระตือรือร้นทีจ่ ะสนับสนุน ยกย่องชนชัน้ กลาง “จิตอาสา” เพื่อให้เข้ามาช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งเกิดจากการ ตัดลดงบประมาณสวัสดิการ และการบริการสังคม รัฐบาลประเทศนี้ ไม่ เคยหันกลับมา ใคร่ครวญดูเลย ว่าทีผ่ า่ นมา พวกเขาได้สร้างปัญหาร้าย แรง อะไรไว้บ้างให้กับสังคม คนที่อยูใ่ นละแวกใกล้เคียงทีส่ ามารถมาที่ “ลานบุญ---งาน เทกระจาด” แห่งนี้ได้ เป็นพวกคนไร้บ้าน และพวกคนที่แม้มีบ้านอยู่ แต่ไม่สามารถหาเงินมาให้พอกับค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซื้ออาหาร ได้ คลังอาหารปันส่วนสำ�รองในอังกฤษ เพือ่ แจกจ่ายให้กบั ประชาชน

ในกรณีฉุกเฉินนั้น ถูกใช้ออกเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว นับจากปลายปีที่แล้ว ประชาชนประมาณ ๑๓๐,๐๐๐ คนได้มาเข้าแถวรอรับ เจมส์บอกกับเราว่า เขาอายุ ๕๗ และเมือ่ ก่อนเคยขับเครือ่ งบิน เจ๊ท แฟนท่อม ในกองทัพอากาศ เขาว่ามันเป็นเรื่องง่าย ที่คนทั่วๆ ไป อย่างเขา จะต้องมาจบลงที่กลายเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก และต้องมาขอ อาหารกิน “ผมตกเป็นเหยือ่ ในธุรกิจการค้าและการแข่งขัน และผมสูญ เสียบ้านไป” “ผมฝากของๆ ผมไว้ในที่ที่บริการรับฝาก แต่ต่อมาผม ไม่มีปัญญาจะจ่ายค่าเช่า จึงถูกยึดของต่างๆไป” “เดี๋ยวนี้ผมเหลืออยู่ แค่ ๒ ถุงนี่” “และตอนนี้ผมกำ�ลังมองหาที่ๆ ผมสามารถจะอาศัยอยู่ ประจำ�ได้ต่อๆ ไป” “มันคงจะดีมากเลยถ้าผมจะมีที่ซุกหัวนอน ใต้หลังคาเพื่อว่า จะได้ไม่ต้องเปียกฝนและไม่ต้องหนาว และมีที่สำ�หรับอาบน้ำ�” นอร์แมน โค เป็นผูใ้ ห้บริการครัวสนามของคริสเตียน มาเกือบ ๒๐ ปี เขาบอกว่าขณะนี้มีจำ�นวนคนจรจัด เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมมาก นับตั้งแต่เกิดการถดถอยทางเศรษฐกิจ เป็นต้นมา เขาว่า มีคนมากมายที่มาหาของกินที่นี่ ที่ไม่สามารถแม้แต่จะ กรอกแบบฟอร์มที่มีมาให้เขียน เพื่อจะขอรับความช่วยเหลืออื่นๆ พวกเขามีแต่ต้องหาทางหลบเลี่ยงอะไรก็ได้ เพื่อให้ยังไม่ต้อง จ่ายค่าเช่า พวกเขาไม่สามารถจะซื้อหาอาหารมากิน ความพยายาม ของพวกเขาไม่เป็นผล -TLN-


14

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

มองนอกกรอบ

turnleftthai.blogspot.com

ยังดี โดมพระจันทร์

จากกุข่าวรัฐประหาร กลายเป็นรัฐประหารโดยตุลาการ

มวลชนนับวันจะเติบใหญ่เข้มแข็ง

รัฐประหารเมื่อกุมภาปี 2534 ก่อนปิดฉากลงด้วย เหตุการณ์พฤษภา 2535 เราเชือ่ กันว่านัน่ คงเป็นการรัฐประหาร ครั้งสุดท้าย เพราะทหารต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับพลัง มวลชนที่ไม่ยอมจำ�นน ทหารต้องกลับเข้ากรมกอง กลายเป็น ทหารอาชีพ ผ่านไป 15 ปี ถามกันเล่นๆ ว่าทหารหน้าไหน กลุ่มไหนจะกล้าลุกขึ้นมาทำ�รัฐประหารอีก ในโลกยุคปัจจุบัน หากใครลุกขึ้นมาทำ�ก็บ้าแล้ว แต่พอเกิดรัฐประหารเมื่อ 19 กันยา 2549 เราจึงสรุปได้ว่าอย่าเชื่ออะไรมากเกินไป.... แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญ ประชาชน

วันนีเ้ ชือ้ ร้ายของเผด็จการทหาร เผด็จการอำ�มาตยาธิป ไตยยังวนเวียนอยูใ่ นการเมืองไทย เจ้ากีเ้ จ้าการจัดระเบียบใหม่ เทอำ�นาจอธิปไตยผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการทีห่ าคนมาร่างเอง มี สว. (สมาชิกวุฒิสภา)แต่งตั้งกว่าครึ่ง ทั้งยังผลักดันให้มีการ ลงประชามติภายใต้ พรบ.ฉุกเฉิน ที่ควบคุมคูหาเลือกตั้งกว่า ครึ่งค่อนประเทศ แอบอ้างว่า รัฐธรรมนูญ 2550 มีความชอบ ธรรมสูงสุด แปลงร่างให้รฐั ธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รฐั ธรรมนูญ ที่ประชาชนยอมรับไป ในทางโครงสร้างมีการจัดตั้งรัฐบาลขิงแก่ และองค์กร อิสระทีส่ บื ทอดอำ�นาจจากคณะรัฐประหารโดยตรง คณะกรรมการ เลือกตัง้ คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน คตส ศาลรัฐธรรมนูญ ผูบ้ ริหารและบุคลากรส่วนใหญ่กม็ ที งั้ ข้าราชการ ทหาร สือ่ และ เอ็นจีโอทีฝ่ กั ใฝ่อ�ำ มาตย์ นีค่ อื อุปสรรคของระบอบประชาธิปไตย ไทย ทำ�ให้รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะมา จากเสียงข้างมากของมวลชน มาจากคนเสื้อแดงที่ตาสว่างทั่ว ประเทศก็ไม่สามารถบริหาร และผลักดันนโยบายต่างๆ ที่

สัญญาไว้อย่างเต็มทีไ่ ด้ การสัง่ งานข้าราชการก็ท�ำ ไม่ได้ ดูจาก กรณีน้ำ�ท่วมใหญ่เป็นตัวอย่าง ในสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับเผด็จการทำ�ได้ยากยิ่ง แม้จะทำ�ไปตามกระบวนการตาม ขั้นตอนของรัฐสภาทุกอย่าง นโยบายผิดพลาด ยุทธศาสตร์ผิดเพี้ยน ถอยห่างมวลชน

ท่ามกลางอุปสรรคเหล่านี้ แทนทีแ่ กนนำ�พรรคเพือ่ ไทย และ นปช. จะพิจารณาความขัดแย้งให้ถ่องแท้ และเร่งขจัดจุด อ่อนต่างๆ เพื่อเสริมพลังตนเอง ด้วยการสนับสนุนพลังของ มวลชนคนเสื้อแดงให้แข็งแกร่ง ปลดปล่อยนักโทษการเมือง และยกเลิกกฎหมายเผด็จการที่กดการเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้า อย่างเร่งด่วน พรรคนีก้ ลับใช้ยทุ ธศาสตร์ในทางตรงกันข้าม คือ เร่งปรองดองกับฝ่ายอำ�มาตย์ และทอดทิ้งปล่อยปละละเลย ประชาชนคนเสื้อแดง ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ คำ�ปราศรัยของ อดีตนายกทักษิณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 2 ปีการเข่นฆ่าประชาชน เมื่อ19 พฤษภาที่ผ่านมานั่นเอง ยิ่งดำ�เนินยุทธศาสตร์ผิดพลาด ยิ่งเร่งเสนอ พรบ. ปรองดอง เข้าสูส่ ภาราวกับจะเร่งวันเร่งคืนให้อดีตนายกทักษิณ ได้กลับบ้าน พรรคเพื่อไทยก็ยิ่งเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งศึกนอก ศึกใน ฝ่ายเสื้อแดงก้าวหน้า และนักวิชาการที่เคยสนับสนุน พรรคต่างออกมาวิพากษ์วจิ ารณ์ ขณะทีค่ วามพยายามจะแก้ไข รัฐธรรมนูญในสภาก็มอี ปุ สรรค พรรคแมลงสาบตีรวนป่วนสภา คุกคามประธานสภาจนเกิดภาพน่าทุเรศผ่านสือ่ ไปทัว่ โลก ขณะ ทีก่ ลุม่ พันธมิตร และกลุม่ สลิม่ หลากสีตา่ งออกมาชุมนุมประท้วง พร้อมกวักมือเรียกทหารอำ�มาตย์กันเหยงๆ ขบวนการฝ่ายอนุรักษ์นิยมอำ�มาตยาทำ�งานกันอย่าง เป็นระบบ จึงเป็นหน้าที่แกนนำ� นปช. ต้องออกมาสยบการ


turnleftthai.blogspot.com

วิพากษ์วจิ ารณ์ของฝ่ายเสือ้ แดง หยุดความขัดแย้งภายในด้วย การกุข่าวรัฐประหาร ปั้นน้ำ�เป็นตัวว่าฝ่ายตรงข้ามมีแผนจะ ลักพานายกยิง่ ลักษณ์ หวังจะให้คนเสือ้ แดง “สามัคคีกนั ” หยุด วิจารณ์อดีตนายกทักษิณ หยุดวิจารณ์การรีบเร่งปรองดองที่ ไม่ยืนบนหลักการ เพียงประเมินว่าสิ่งที่ยึดโยงมวลชนคนเสื้อ แดงกลุ่มต่างๆ ไว้ด้วยกัน คือการต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้าน เผด็จการ ขณะเดียวกันก็กล่าวหาว่ามีแดงปลอม แดงเสี้ยม.... ใช้วิธีการเยี่ยงอำ�มาตย์มาควบคุมมวลชน ราวกับว่าถ้าไม่ได้กุ ข่าวรัฐประหารแล้วจะลงแดงตาย??? แกนนำ�ล้าหลัง ตามไม่ทนั มวลชนทีก่ �ำ ลังตืน่ ตัวตาสว่างอย่าง ที่ไม่เคยมีมาก่อน

การนำ�ที่เลอะเทอะไม่ทันเกมส์ของ นปช. และพรรค เพื่อไทย ที่มีหลายค่ายหลายกลุ่มผลประโยชน์ ทำ�ให้มวลชน คนเสื้อแดงเริ่มเบื่อหน่าย สิ่งนี้สะท้อนการเมืองผิดฝาผิดตัว ของ แกนนำ� นปช. เอาหัวเดินต่างเท้า ปรองดองแบบวิปริต เร่งเอาศัตรูมาเป็นมิตร หมอบคลานจนไม่สามารถยืนตัวตรง ได้อีก ขณะที่มวลชนตื่นตัวตาสว่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พรรคเพือ่ ไทยกลับใช้ยทุ ธวิธถี อยแล้วถอยเล่าในสภา ใช้นโยบาย ปูดองอันเหลือเชื่อ นโยบายรัฐสวัสดิการทั้ง นปช และเพื่อ

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

15

ไทยก็ไม่เอา อะไรทีเ่ ป็นผลประโชน์ตอ่ มวลชนคนชัน้ ล่างก็กลับ ละเลย ตอกย้�ำ แนวเศรษฐกิจการเมืองทีเ่ ป็นเสรีนยิ มใหม่ มีแต่ จะเดินหน้าปราบปรามควบคุมฝ่ายซ้าย ปิดเว็บไซต์ก้าวหน้า แกนนำ� นปช. และพรรคเพื่อไทย แกล้งลืมไปว่าภัย มหาศาลต่อประชาธิปไตยมาจากกฏหมายอาญามาตรา 112 และ กฏหมายคอมพิวเตอร์ พวกเขาสร้างละครปรองดองชุด แล้วชุดเล่า มีผลให้มวลชนและนักวิชาการเสื้อแดงบางกลุ่ม บางคน ประกาศแตกหักกับทักษิณ พรรคเพื่อไทย และ นปช. ท่ามกลางสถานการณ์ทฝี่ า่ ยอำ�มาตย์รกุ คืบด้วยการเพิม่ อำ�นาจ ฝ่ายตุลาการผ่านศาลรัฐธรรมนูญ สั่งสภาให้ถอยการแก้ไข รัฐธรรมนูญ 2550 ออกไป เพือ่ หยุดการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ก้าวหน้า จนมีคนเรียกขานว่า ตุลาการรัฐประหาร.... ถึงเวลาทีพ่ วกเรามวลชนคนเสือ้ แดงทีม่ ดี วงตาใสสว่าง จะเริม่ คิด เริม่ สร้าง หันกลับมาสร้างพรรคของตนเอง เลิกพึง่ พา พรรคการเมืองนายทุน เลิกชื่นชมแกนนำ�ที่จะนำ�พาเราไปสู่ การปรองดองอันผิดเพีย้ น แล้วเริม่ วางยุทธศาสตร์บนแนวทาง การต่อสู้ทางชนชั้นอันแหลมคมอย่างถึงที่สุด มวลชนต้องนำ�ตนเอง ไม่มีเทวดา ไม่มีผู้วิเศษที่ไหน จะมาประสิทธิประศาสน์ให้เราได้!!! -TLN-


16

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

คน ค้น คิด

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ

ที่มา www.voicetv.co.th

จาก 112 ถึง 111

อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ เขียนจดหมายเปิดผนึก จาก 112 ถึง 111 เรื่อง "สถาบัน กษัตริย์ไทย กับมาตรฐานสากล และปัญหา กม. หมิ่นฯ ม. 112 " ถึง สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ผ่าน นายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์ โดยมีเนื้อหา ดังนี้ "เนือ่ งในโอกาสทีท่ า่ นจะพ้นโทษจองจำ�ของ "กระบวนการตุลา การภิวัตน์" ผมขอแสดงความยินดี และขออวยพรให้ท่านจงประสบแต่ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ที่สามารถจะดำ�เนินงาน "เพื่อชาติ และราษฎร ไทย" ของเราสืบไป และผมขอถือโอกาสนี้ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "สถาบันกษัตริยไ์ ทย กับมาตรฐานสากล และปัญหา กม. หมิน่ ฯ ม. 112" ทีเ่ ป็นประเด็นสำ�คัญสำ�หรับอนาคตของประเทศชาติ และประชาชนของ เรา ดังต่อไปนี้ จากการศึกษาและจากการสอน "วิชาประวัติศาสตร์การเมือง สยาม/ไทย" มาเป็นเวลานานปีผมได้พบว่า ขณะนี้สังคมและประชาชน ไทยของเราเผชิญต่อปัญหาที่ท้าทายอย่างยิ่ง คล้ายๆกับที่ได้เผชิญมา แล้วเมือ่ พ.ศ.2475 (1932) คือเมือ่ 80 ปีทแี่ ล้วในเรือ่ งของ "รัฐธรรมนูญ" ทีถ่ า้ มองจากเหรียญด้านหัวของ "คณะเจ้า" ก็กล่าวกันว่า "คณะราษฎร" ใจร้อน ชิงสุกก่อนห้าม แต่ถา้ มองจากเหรียญด้านก้อยของ "คณะราษฎร" ก็เชื่อกันว่า "คณะเจ้า" นั่นแหละ ล่าช้า อืดอาด ไม่ทันโลก ผ่านจาก "การปฏิรูป พ.ศ. 2435/1893) รัชกาลที่ 5 (ตรงกับสมัยจักรพรรดิเมจิ) ก็แล้ว จนถึงรัชการที่ 6 (ทดลองดุสิตธานีก็แล้ว) รัชกาลที่ 7 (ทรงให้ที่ ปรึกษาต่างชาติ ร่างรัฐธรรมนูญก็แล้ว) ก็ยงั ไม่พระราชทานรัฐธรรมนูญ เสียที จึงมี "ความจำ�เป็นทางประวัติศาสตร์" ที่จะต้องมี "การปฏิวัติ ประชาธิปไตย 24 มิถุนายน 2475" เพื่อเปลี่ยน "ระบอบราชาธิปไตย" ให้เป็น "ระบอบประชาธิปไตย" ปัญหาที่สังคมและประชาชนไทย เผชิญอยู่ในสมัยรัชกาล ปัจจุบัน ก็คือ เราจะสามารถปฏิรูป และแก้ไข "กฎหมายหมิ่นฯ มาตรา 112" ได้ช้า หรือได้เร็ว และจะทันท่วงทีกับสถานการณ์ของการเมือง

ภายในของเราเอง กับสถานการณ์ของการเมืองระหว่างประเทศหรือไม่ นี่คือปัญหา ของ "เหรียญสองด้าน" ที่เราต้องชั่งน้ำ�หนัก ระหว่างด้าน หัว กับด้านก้อย ระหว่าง "กลุ่มอำ�นาจเดิม-พลังเดิม" กับ "กลุ่มอำ�นาจ ใหม่-พลังใหม่" จากการศึกษาของผม พบว่ามีข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับปัญหา กม.หมิ่นฯ ม. 112 ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มใหม่ที่ ฯพณฯอานันท์ ปัน ยารชุน เป็นประธานรวบรวมและจัดพิมพ์ ในวโรกาศ 84 พรรษา ชื่อ เรื่อง King BhumibolAdulyadej: A Life's Work หน้า 383 หน้า ราคา 1, 235 บาท หรือ 40 US$ มีนักเขียนที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการ เช่น คริสเบเกอร์-พอพันธ์ อุยยานนท์-เดวิด สเตร็กฟุส ร่วมด้วย ในหนังสือเล่มนี้บทที่ว่าด้วย "กฎหมายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย..." หน้า 303-313 (The Law of Lese Majeste) มีข้อความถอดเป็นภาษาไทยได้ดังนี้ "จากปีพ.ศ. 2536 (1993) ถึงปี พ.ศ. 2547 (2004) เป็นเวลา ถึง 11 ปี โดยเฉลี่ยแล้ว จำ�นวนคดีหมิ่นฯใหม่ๆ ลดลงครึ่งหนึ่ง และก็ ไม่มีคดีหมิ่นฯเลย ในปี 2545 (2002)....... อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ จำ�นวนคดีหมิ่นฯที่ผ่านเข้ามาในระบบศาลของไทยนั้น เพิ่ม ขึ้นอย่างน่าสังเกต ในปีพ.ศ. 2552 (2009) มีคดีฟ้องร้องที่ส่งไปยังศาล ชั้นต้น สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 165..... ข้อความดังกล่าวยังขยายความต่ออีกว่า "ขณะนี้ประเทศไทยมีกฎหมายหมิ่นฯ ที่มีโทษรุนแรงที่สุดใน รอบหนึง่ ร้อยปี เทียบได้กแ็ ต่ระบบกฎหมายของญีป่ นุ่ ในสมัยสงคราม(โลก ครัง้ ที่ 2) เท่านัน้ โทษขัน้ ต่�ำ สุด(ของไทย) เท่ากับโทษสูงสุดของจอร์แดน และเป็นสามเท่าของโทษในประเทศระบอบกษัตริย์โดยรัฐธรรมนูญใน ยุโรป.... นีน่ บั ได้วา่ สูงสุดในมาตรฐานสากลของอารยประเทศ ซึง่ ก็ท�ำ ให้


turnleftthai.blogspot.com

"ราชอาณาจักรไทย" สมัยรัชกาลปัจจุบันนี้ มีคดีหมิ่นฯขึ้นโรงขึ้นศาล มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลกเช่นกัน ผมคิดว่าข้อมูลเชิงประจักษ์จากหนังสือสำ�คัญ เล่มนี้ ก็น่าจะ เพียงพอที่จะทำ�ให้เราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย จักต้องนำ�มาพิจารณาเพื่อ ปฏิรปู ปรับปรุงแก้ไข ทัง้ นีย้ งั ไม่ตอ้ งพูดถึงคดีทคี่ า้ งคากันอยูจ่ �ำ นวนมาก รวมทั้งกรณีของ "อากง" (ที่เสียชีวิตไปแล้วในคุก) และ/หรือ "จีรนุช/ สมยศ/ดาตอร์ปิโด/ก้านธูป" ฯลฯ ข้อเสนอของ "ครก. 112" "คณะนิตริ าษฎร์" และ"กลุม่ สันติประชา ธรรม "ตลอดจนคนหนุม่ คนสาว นักคิดนักเขียน กวีรนุ่ ใหม่ และประชาชน ธรรมดาๆ โดยทั่วไป ให้ปฏิรูปแก้ไข กม.หมิ่น ม. 112 นั้น เป็นข้อเสนอ ทีผ่ มได้ไตร่ตรองทางวิชาการ ทัง้ ทางด้านรัฐศาสตร์ ประวัตศิ าสตร์ และ นิตศิ าสตร์แล้ว และเห็นพ้องด้วย ควรสนับสนุน จึงได้ลงนามร่วมไปกับ ทั้งบรรดาอาจารย์ และบุคคลทั้งหลาย จำ�นวนมากหลายต่อหลายหมื่น ชื่อ ข้อเสนอของ "ครก. 112" "คณะนิติราษฎร์" และ "กลุ่มสันติ ประชาธรรม" ตลอดจนคนหนุ่มคนสาว นักคิดนักเขียน กวีรุ่นใหม่ และ ประชาชนธรรมดาๆ โดยทัว่ ไป ถ้าสามารถผลักดันให้ด�ำ เนินการให้ผา่ น สภาฯ ได้ มี สส. สว. ทีม่ ที ศั นะกว้างไกล มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ทางการเมือง รับลูกที่จะดำ�เนินการต่อในกรอบของกฎหมาย ในกรอบ ของรัฐธรรมนูญ ก็จะช่วยให้สังคมไทยของเรามีสันติสุข และจะทำ�ให้ สถาบันกษัตริยข์ องเรา มัน่ คง สถาพร และทีส่ �ำ คัญคือได้มาตรฐานสากล ดังเช่นนานาอารยประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหราชอาณาจักร และ ยุโรปตะวันตก ไม่ทำ�ให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอ เกิดปัญหาภายใน และ ล่มสลายไปอย่างในยุโรปตะวันออก ในตะวันออกกลาง ในเอเชียตะวัน ออก และ/หรือเอเชียใต้ จากการศึกษาทางวิชาการของผม พบว่าสหราชอาณาจักร ยุโรปตะวันตก (อาจรวมหรือไม่รวมญีป่ นุ่ ซึง่ เป็นกรณีพเิ ศษทีแ่ พ้สงคราม และถูกสหรัฐฯยึดครอง กับเขียนรัฐธรรมนูญบังคับใช้)ต่างก็มีสถาบัน

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

17

กษัตริย์ที่มั่นคง สถาพร เพราะต่างได้ปฏิรูป แก้ไขให้สถาบันกษัตริย์ เป็นสถาบันทีใ่ ช้ "พระคุณ" ทีก่ อปรด้วยเมตตา กรุณา มุทติ า และอุเบกขา ยังให้เกิดความรัก ความเชื่อ ความศรัทธามากกว่าการใช้ "พระเดช" ที่ ทำ�ให้เกิดความกลัว ความเกลียดชัง และข่มขู่ด้วยคุก ด้วยตาราง หรือ แม้แต่การใช้ความรุนแรง เข้าประหัตประหาร ทำ�ลายชีวิตกัน เราได้เห็นมาแล้วในโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น กับ ฯพณฯปรีดี พนมยงค์ ของเรา(และเหยื่อในกรณีสวรรคตรัชกาลที่ 8) กับ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ หรือเหยื่อในเหตุการณ์ "6 ตุลาวันมหาวิปโยค 2519" กับ เหยื่อในเหตุการณ์ "เมษา-พฤษภาอำ�มหิต 2553" หรืออีกหลายๆ เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นกับผู้คนในชนบท หรือผู้คนชายแดนชายขอบ ที่ ห่างไกล และหลุดไปจากหน้าประวัติศาสตร์ กับความทรงจำ�ของคน แบบเราๆ ท่านๆ ในเมืองหลวง ฯลฯ แน่นอน ผมทราบดีว่าบรรดาอารยประเทศในยุโรปตะวันตก ส่วนใหญ่ก็มี "กม หมิ่นฯ" เช่นกัน แต่ทั้งการลงโทษ กับการบังคับใช้ ก็ หาได้รุนแรง สาหัสสากรรจ์ พร่ำ�เพรื่อ และที่สำ�คัญคือ ปล่อยให้ ม. 112 กลายเป็นเครื่องมือ "ทางการเมือง" ของนักการเมืองทั้งในหรือนอก เครื่องแบบ หรือสวมสูท ผูกเน็คไทใช้เป็น "เครื่องมือ" ในการทำ�ลาย ฝ่ายตรงข้าม ผมอยากจะขยายความต่ออีกว่า ถ้าเราจะรักษาสถาบัน ประชาธิปไตย ควบคูก่ นั ไป กับการรักษาสถาบันกษัตริย์ เราต้องปฏิรปู กม.หมิน่ ฯ ม. 112 เราต้องดูตวั อย่างของประเทศ ทีม่ ี "สถาบันประชาธิปไตย" อยู่ร่วมกันได้ กับ "สถาบันกษัตริย์" เราต้องดูประเทศที่ศิวิไลซ์ ที่เป็น อารยะ ไม่ดูประเทศที่ล้าหลัง เราต้องดูที่ที่เป็นมาตรฐานของโลก ซึ่งใน เรื่องนี้ เราหนีไม่พ้นที่จะต้องดูแบบของอังกฤษ(ที่เราเรียนรู้และลอก เลียนแบบมานับแต่ คำ�ขวัญ-สีธงชาติ-เพลงสรรเสริญพระบารมี-เครือ่ ง แบบราชการ-เครือ่ งราชฯ-สายสะพาย-การถวายคำ�นับ-การถอนสาย (อ่านต่อหน้า 18)


18

นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

(ต่อจากหน้า 17)

บัน นานานับประการ) หรือแบบของประเทศในยุโรปตะวันตก(ที่ตาม แบบของอังกฤษ) ที่รักษา "สถาบันกษัตริย์" ไว้ได้ ทำ�ให้ "สถาบัน กษัตริย์" กับ "สถาบันประชาธิปไตย/ประชาชน" อยู่คู่กันไปไม่ใช่ทำ�ให้ "สถาบันกษัตริย์" ขัดแย้งกับ "สถาบันประชาธิปไตย" สังคมไทย ถึงจุดที่กำ�ลังถูกท้าทายอย่างมาก เราต้องไม่ฝืน กระแสโลก ยิ่งทุกวันนี้ การสื่อสารเร็วขึ้น มีโซเชียลเน็ตเวิร์ค มีเฟซบุ๊ค มียูทูบ ถ้าไม่ดูปัจจัยภายนอกเลย เรามีสิทธิ์พังได้ง่ายๆ การทีม่ นี กั วิชาการ ผูค้ นจำ�นวนไม่นอ้ ย บอกว่าสังคมไทยของ เรานั้น ไม่ควรนำ�ไปเปรียบเทียบ กับสังคมประเทศอื่นใดเลยนั้น สังคม ไทย แม้จะมีลักษณะพิเศษก็จริง แต่เราก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ ถ้า เราดูในโลกนี้ องค์การสหประชาชาติ มีประเทศสมาชิก 193 ประเทศ ผมถามว่าประเทศส่วนใหญ่ เป็นระบบสถาบันกษัตริย์ หรือระบบ ประธานาธิบดี คำ�ตอบคือประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ หรือ 30 ประเทศ เท่านัน้ เป็นระบอบกษัตริย์ ในขณะทีร่ ะบอบสาธารณรัฐ หรือ ประธานาธิบดี มีถึง 85 เปอร์เซ็นต์ หรือ 163 ประเทศ (โปรดดูรูปถ่ายงาน Diamond Jubilee ของควีนอลิซาเบท อังกฤษ เมื่อเร็วๆนี้) เราต้องดูโลกใบใหญ่ให้เห็นว่าโลกใบนี้ เป็นอย่างไร เราฝืน กระแสโลกไม่ได้ ถ้าเราทำ�ให้ "สถาบันกษัตริย"์ กับ "สถาบันประชาธิปไตย" ขัดแย้งกัน สังคมไทยจะมีปญ ั หาแน่ๆ แต่ถา้ เราสามารถทำ�ให้สองสถาบัน นี้ อยู่ร่วมกัน ควบคู่กันไปได้ สังคมนี้ก็จะมีความหวัง ไม่เกิดความขัด แย้งรุนแรง เหมือนทีเ่ คยเกิดรบราฆ่าฟันกันมาหลายต่อหลายยก ไม่วา่ จะเป็น "วันมหาปิติ 14 ตุลา 2516", "วันมหาวิปโยค 6 ตุลา 2519", "วัน พฤษภาเลือด 2535 (ขอย้ำ�ว่าไม่ใช่ "พฤษภาทมิฬ" เพราะชนชาติทมิฬ จำ�นวนหลายสิบล้านคนในอินเดียใต้ ผูใ้ ห้ก�ำ เนิดอักษร และตัวเลขมอญ/ พม่า/เขมร/ไทย/ลาว หาได้มสี ว่ นกับการรบราฆ่าฟันของ "ไทยกับไทย" ที่ราชดำ�เนิน หรือราชประสงค์ไม่") รวมถึงเหตุการณ์ "เมษาพฤษภา อำ�มหิต 2553" ด้วย ท้ายที่สุด ผมค่อนข้างเป็นห่วงว่าการปฏิรูปแก้ไข กม.หมิ่นม. 112 นี้ คงจะยากเย็นเข็ญใจยิง่ เพราะมีแรงต้านทานจาก "พลังเดิม-อำ�นาจ เดิม" ที่เต็มไปด้วย "โลภะโทสะโมหะและอวิชชา" สูง ส่วน "พลังใหม่อำ�นาจใหม่" ก็มีทั้งที่เฉื่อยชา เมินเฉย "ได้ดีแล้วก็ทำ�เป็น (วัว) ลืม (ตีน)" บางคน "เกี้ยเซี๊ยะ" บางคน "มือไม่พายแล้ว(แถม)ยังเอาเท้ารา น้ำ�" คนจำ�นวนไม่น้อย ที่อยู่ในสังคมชั้นสูง ที่ผมจำ�เป็นต้องพบปะเป็น ครั้งคราว คุยกันทีไร ก็มักบอกกับผมว่า "เห็นด้วยๆๆ" แต่ก็มีน้อยคน ที่ในที่แจ้ง ในที่สาธารณะ จะกล้าออกมาพูด มาแสดงความคิดเห็น ขีด เขียนเพื่อสังคม

ผมจึงเป็นห่วงว่า ถ้าเป็นกันแบบนี้ โอกาสทีส่ งั คมนีจ้ ะแตกหัก ไปไกลจนถึงนองเลือดเหมือนๆ "พฤษภาเลือด 2535" หรือ "เมษา/ พฤษภาอำ�มหิต 2553" เกิด "กาลียุค" ดังที่ปรากฏอยู่ใน "เพลงยาว พยากรณ์กรุงศรีอยุธยา" และบนหน้าบันกับทับหลัง "ปราสาทเขาพนม รุ้ง กับ ปราสาทเขาพระวิหาร" (ปางทำ�ลายล้างโลกของ "ศิวนาฏราช" กับปางสร้างโลกใหม่ของ" นารายณ์บรรทมสินธุ์")ถ้ามองตามกาลานุ กรมประวัติศาสตร์ ที่ผมได้เล่าเรียนมา สังคมไทยของเรา ก็ยังพอมี โอกาส ที่จะ "ปลดล๊อค" ปลดเงื่อนไขการนองเลือด หรือ "กาลียุค" ได้ แต่ก็นั่นแหละ สังคมนี้ก็ต้องการผู้ที่มี "ความกล้าหาญทางจริยธรรม" สูงมาก ในการทำ�ภารกิจนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเสียสละของผู้ที่ อยู่ในปีกของ "พลังเดิม" กับ "อำ�นาจเดิม" การเปลีย่ นแปลงทางประวัตศิ าสตร์ครัง้ สำ�คัญๆ ของไทย และ ของสากลโลก ก็ใช้ผู้คนจำ�นวนไม่มาก บางทีก็เพียงสิบ บางทีก็เพียง ร้อย ที่จะก้าวขึ้นมาเป็น "ผู้ก่อการ" ในการเปลี่ยนแปลง แน่นอน "ผู้ ก่อการ" จำ�นวนไม่มากนักนัน้ ต้องได้รบั แรงสนับสนุนจากสังคมจากผูค้ น ส่วนใหญ่ ที่เป็น "ตัวจริงของจริง" จึงจะทำ�การณ์ได้สำ�เร็จ ผมอยากจะเชื่อว่า ณ บัดนี้ สังคมสยามประเทศไทยเรามี "ตัว จริงของจริง" มีประชาชนที่หลากหลายจำ�นวนมากมายมหาศาล ทั้งใน กรุง ในเมือง ในชนบทอย่างทีไ่ ม่เคยปรากฏมาก่อนทีพ่ ร้อมแล้ว สำ�หรับ การเปลีย่ นแปลง แก้ไขและปฏิรปู กม.หมิน่ ม. 112 ทีจ่ ะทำ�ให้ทงั้ "สถาบัน ประชาธิปไตย-ประชาชน" และ "สถาบันกษัตริย์" อยู่ร่วมกันได้โดย สันติ ในกรอบของ "เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ" ต้องตาม เจตนารมณ์ และจิตวิญญาณของ "กบฏประชาธิปไตย ร.ศ. 130" เมื่อ 100 ปีที่แล้ว กับ "ปฏิวัติประชาธิปไตย 24 มิถุนายน 2475" เมื่อ 80 ปี ที่แล้ว และ "ปฏิวัติประชาชน 14 ตุลาคม 2516" เมื่อ 39 ปีที่แล้ว "คบเพลิงของการต่อสู้ เพื่อประชาธิปไตย เพื่อศักดิ์ศรีของ ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน" ได้ถูกส่งต่อมายังคนรุ่น เราๆ ท่านๆ ณ วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเก่าเช่น "รุ่นตุลา 2519" หรือ รุ่นกลางเก่า กลางใหม่ "รุ่นพฤษภา 2535" หรือรุ่นล่าสุด "รุ่นเมษา/พฤษภา 2553" ขอแสดงความนับถือ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ข้าราชการบำ�นาญ 29 พฤษภาคม 2555


นสพ.เลี้ยวซ้าย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1 มิถุนายน 55

turnleftthai.blogspot.com

ว่าด้วยทุน

19

กองบรรณาธิการ : เรียบเรียง

เล่ม 2

ภาคที่ 1 การเปลี่ยนรูปของทุนและวงจรของมัน [มาร์คซ์ พิจารณาการหมุนเวียนของทุนสามชนิดในบทที่ 1-3 เพื่อแยกส่วน และศึกษา แต่ถ้าจะเข้าใจภาพรวม เขาเน้นว่าเราต้องดูการ หมุนเวียนของทุนทั้งสามชนิดร่วมกัน ... ในบทที่ 4]

บทที่ 1: วงจรของ “ทุนเงิน” “ทุน” จะเปลี่ยน “ชุดเสื้อผ้า” หรือ “หน้าตา” ตามขั้นตอน การหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง สูตรการหมุนเวียนของ “ทุนเงิน” (M) คือ

C=ทุนสินค้า P=ทุนการผลิต L=พลังการทำ�งานของกรรมาชีพ mp=ปัจจัยการผลิต(เครื่องจักรและวัตถุดิบฯลฯ) C’ = ทุนสินค้าใหม่ที่ผลิตจากกระบวนการผลิต M’= ทุนเงิน ใหม่ที่ได้จากการขายสินค้า ดังนั้น “ทุน” จะผ่านขั้นตอน ทุนในรูปแบบเงิน ทุนในรูป แบบสินค้า ทุนในกระบวนการผลิต(ซึ่งประกอบไปด้วยพลังการ ทำ�งานและเครือ่ งจักร/วัตถุดบิ ทุนในรูปแบบสินค้าทีผ่ ลิตใหม่ กลับ มาเป็นทุนในรูปแบบเงิน • มันดูเหมือนเป็นการหมุนเวียนของ “ทุนเงิน” เพราะเงินเป็น จุดเริ่มและจุดจบ และเราเห็นชัดว่า M’ > M • เงื่อนไขในการหมุนเวียนดังกล่าว - ต้องมีกรรมาชีพทีแ่ ยกออกจากปัจจัยการผลิตแต่แรก ซึง่ นำ� มารวมกับปัจจัยการผลิตภายใต้การควบคุมของนายทุน = ความสัมพันธ์ ทางชนชั้น - ปัจจัยการผลิตต้องมีเพียงพอทีจ่ ะใช้ “พลังการทำ�งาน” ของ กรรมาชีพให้คุ้ม คืองานจำ�เป็นสำ�หรับการเลี้ยงชีพ + งานที่กรรมาชีพ ทำ�ฟรีให้นายทุน(งานส่วนเกิน) - ระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าต้องเจริญ เพื่อขายสินค้าจาก การผลิต และเพื่อมีสินค้าไว้เลี้ยงชีพคนงาน เมื่อระบบทุนนิยมเข้ามาในสังคมที่ยังไม่เป็นทุนนิยม มันจะ เน้นการขายสินค้าก่อน แต่ในไม่ช้ามันจะทำ�ลายการผลิตพื้นเมืองแบบ

เก่าและเปลีย่ นมันมาเป็นทุนนิยม เช่นกรณี จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง

ข้อสังเกต • M มูลค่าเท่ากับ P แต่มีรูปแบบแตกต่างกัน • L (พลังการทำ�งานของกรรมาชีพ) เป็นสินค้าก็จริง แต่ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดมูลค่า มันมี “มูลค่า” ที่ต่างจาก “ราคา” ราคาซื้อ L ที่นายทุนจ่ายให้กรรมาชีพเป็นค่าแรง เป็นการซื้อพลังการ ทำ�งานที่ผลิต = มูลค่าจำ�เป็นในการเลี้ยงชีพคนงาน + มูลค่าส่วนเกิน • กรรมาชีพทีถ่ กู แยกจากปัจจัยการผลิต ไม่สามารถใช้ L เอง ได้ ต้องขายให้นายทุน • นายทุนปรากฏต่อหน้ากรรมาชีพในรูปแบบคนมีเงิน แต่เงิน ไม่ใช่สิ่งที่กำ�หนดความสัมพันธ์ทางชนชั้นหรือการผลิต • การผลิตสินค้าแบบทุนนิยมมีพลังมหาศาล(จากการขูดรีด) เหนือพลังของระบบเก่าก่อนหน้าทุนนิยม • C’ คือ C บวกกับมูลค่าส่วนเกิน • การหมุนเวียนตามสูตรต้องหมุนเวียนให้ครบ ถึงจะเกิดรอบ ใหม่ได้ ทุนในรูปแบบต่างๆ... M มีบทบาทในการซื้อ L + mp ที่เป็น สินค้า C’ มีบทบาทที่จะถูกขาย และ P มีบทบาทในการผลิต • ทุนสามชนิด M, C, P เรียกรวมว่า “ทุนอุตสาหกรรม” ทุน แต่ละชนิดนี้ ไม่มีความอิสระจากกันเลย • ท่ามกลางการผลิต ปัจจัยการผลิต mp จะค่อยๆ ถูกใช้ ดัง นัน้ มันจะค่อยๆ ละลายมูลค่าลงไปในสินค้าในช่วงเวลานาน ซึง่ ต่างจาก L พลังการทำ�งาน • ในอุตสาหกรรมสื่อสารขนส่ง ไม่มีการสร้างสินค้าใหม่ (C’) แต่มกี ารโยกย้ายทีต่ งั้ ของสินค้าทีม่ อี ยูแ่ ล้ว –ไม่วา่ จะเป็นการขนส่ง หรือ การส่งข้อมูล ในกรณีนี้สูตรคือ


ร่วมกันสร้างองค์กรสังคมนิยม

เพื่อ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และประชาธิปไตย - สังคมนิยมเป็นระบบที่ตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ผ่านการวางแผนร่วมกัน ในรูปแบบประชาธิปไตย - สังคมนิยมต้องสร้างโดยมวลชนกรรมาชีพ จากล่างสู่บน สร้างโดยอภิสิทธิ์ชนไม่ได้ - เรางต้องมีพรรคการเมืองของกรรมาชีพและคนจน เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง - สมาชิกทุกคนต้องจ่ายค่าบำ�รุง 1 % ของรายได้ (50 บาท / เดือนขั้นต่ำ�) - สมาชิกต้องอ่านและช่วยกันขายหนังสือพิมพ์ของพรรคเพื่อขยายสมาชิก และอิทธิพลทางความคิด - สมาชิกต้องเข้าร่วมกิจกรรม “กลุ่มศึกษา” อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง รายละเอียดเพิ่มเติม : อีเมล : pcpthai@gmail.com ติดต่อกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ : turnleft2008@gmail.com เวปไซต์ www.turnleftthai.blogspot.com เฟซบุ๊ค www.facebook.com/turnleftthai ที่อยู่ไปรษณีย์ : ตู้ ป.ณ. 123 ไปรษณีย์คลองจั่น บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.