เอ่ยปาก
CREAM OF THE CORP 0186
เรื่อง รัชชา ภาพ สมเกียรติ - กฤษฎา - สุทธิวัฒน์
ในความคิดของบุคคลทั่วไป ‘ความเก่ง’ นั้นอาจสามารถวัดได้จากค่าประ เมิณทางตัวเลขของ IQ หรือ ความฉลาดทางสติปัญญา และ EQ หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ แล้ว ‘ความส�ำเร็จ’ หละ เราสามารถเอาอะไรมา เป็นเครื่องชี้วัด หรือใช้ในการจัดระดับได้บ้าง แน่นอน ตอนนี้ในหัวของคุณคงก�ำลังนึกถึงปัจจัยอันซับซ้อนหลากหลายที่ น่าจะมีผลกระทบหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจน ภายนอก ซึ่งเป็นจ�ำพวกสิ่งที่สัมผัสได้ อาทิ จ�ำนวนทรัพย์สิน เงินทอง หรือแม้ กระทั่งต�ำแหน่งสูงๆ ในหน้าที่การงาน และที่ขาดไม่ได้เลย ก็คงต้องบวกเพิ่มสิ่ง ที่ไม่สามารถจับต้องได้ ทว่าดูเหมือนจะส�ำคัญที่สุด นั่นคือ ความสุข เข้าไปด้วย เช่นเดียวกัน ปัญหาเรื่องความซับซ้อนนี้ อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเราพูดถึง มุม มอง ความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ หรือแม้กระทั่งสไตล์ของ ‘ผู้หญิง’ สักคนหนึ่ง จน ไม่น่าแปลก หากเราจะมักได้ยินค�ำบ่นชวนข�ำอยู่บ่อยๆ ว่า มนุษย์เพศหญิงนี่ แหละ คือสิ่งที่เข้าใจยากที่สุดในโลก ดังนั้น คงเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่มากทีเดียว หากเราจะน�ำเอาเรื่องของ ‘ความเก่ง’ ‘ความส�ำเร็จ’ กับ ‘ผู้หญิง’ มานั่งพูดคุยกัน นิตยสารลิปส์เล่มนี้ จึงขอชวนลิปสเตอร์ไปรู้จักกับ 3 ผู้หญิงเก่งรุ่นใหม่ที่ ประสบความส�ำเร็จในชีวิต หรือก�ำลังเดินทางไปสู่จุดหมายของตนได้อย่างน่า สนใจ ยิง่ ไปกว่านัน้ นอกจะมีความสามารถในระดับหัวกะทิจนเป็นทีย่ อมรับทัง้ ใน ประเทศและนานาชาติแล้ว พวกเธอก็ยงั ดูมบี คุ ลิกดี สง่างาม จนชวนให้สงสัยเพิม่ ขึน้ ไปอีกว่า ผูห้ ญิงทีเ่ ก่งและดูดเี ช่นนี้ มีกลเม็ดเคล็ดลับในการด�ำเนินชีวติ อย่างไร และสิ่งเหล่านั้น มันจะซับซ้อนอย่างที่เราตั้งสมมติฐานไว้ในตอนต้นหรือเปล่า ลองเปิดอ่านเพื่อหาค�ำตอบไปพร้อมๆ กัน แล้วคุณอาจค้นพบว่า บางที คุณเอง ก็สามารถเป็นผู้หญิงเก่งที่ประสบความส�ำเร็จแบบพวก เธอได้
0187
A Forward Forwarder
ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ กว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางของ ชีวติ ทีใ่ ฝ่ฝนั เอาไว้ แน่นอนว่าแต่ละคนคงต้อง ผ่านบันไดแห่งอุปสรรคและปัญหาไม่รกู้ สี่ บิ กี่ ร้อยขั้น จนบางครั้งก็อาจท�ำให้ต้องล้ม แล้ว ถอดใจยอมแพ้ แต่ก็มีคนจ�ำนวนไม่น้อยเช่น เดียวกัน ที่อดทน และพัฒนาศักยภาพของ ตัวเองจนสามารถขึ้นไปยืนอยู่บนจุดที่เรียก ว่าเป็นความส�ำเร็จได้ ดร.ต่าย หรือ ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ คือ หนึ่งในผู้ผ่านด่านทดสอบดังกล่าวข้างต้นมาแล้ว อย่างน่าภาคภูมิใจ เพราะเธอคือนักวิทยาศาสตร์ สาวไทยในวัยเพียง 30 ต้นๆ ที่ได้รับรางวัลให้ เป็น 1 ใน 43 นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ดีเด่นระดับ นานาชาติจาก Inter Academy Panel และได้รับ การโหวตจากตัวแทนนักวิทยาศาสตร์ไฟแรงใน กลุ่มดังกล่าว ให้เป็นประธานร่วมของเครือข่าย นักวิทยาศาสตร์รนุ่ ใหม่ระดับโลกนาม The Global Young Academy รวมไปถึงยังเพิ่งได้รับคัดเลือก ให้เป็นหนึง่ ใน Young Global Leader หรือผูน้ ำ� รุน่ ใหม่ของโลกในปีนี้จาก World Economic Forum อีกด้วย ณ ปัจจุบัน ดร.ต่าย ด�ำรงต�ำแหน่งเป็นนัก วิจยั หัวหน้าห้องปฏิบตั กิ ารไมโครอะเรย์แบบครบ วงจร ณ ศูนย์พนั ธุวศิ วกรรมและเทคโนโลยีชวี ภาพ แห่งชาติ (ไบโอเทค) ซึ่งได้สร้างผลงานวิจัยอัน เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมไว้อย่างมากมาย การันตีฝีมือด้วยรางวัลด้านทุนวิจัย หรือรางวัล ด้านความเป็นเลิศของผลงานทั้งจากในประเทศ และต่างประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จนคนรุ่น ใหม่หลายต่อหลายคน ต้องขอยกให้เธอเป็นดั่ง บุคคลต้นแบบ “คนทั่ ว ไปอาจจะไม่ ค่ อ ยรู ้ จั ก ว่ า อาชี พ นั ก วิจัยนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นอาชีพที่เน้น การใช้ความรูค้ วามสามารถทางสายวิทยาศาสตร์ มาสร้างเป็นโครงงานวิจยั โดยโครงงานวิจยั นัน้ จะ 0188
ต้องมีผลกระทบไม่วา่ ทางตรงหรือทางอ้อมกับการ พัฒนาประเทศ อย่างของประเทศไทยเรา ก็จะเน้น ไปที่ด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่ง เมื่อผลงานวิจัยต่างๆ ของเราส�ำเร็จแล้ว นักวิจัย ก็จะต้องเผยแพร่ผลงานต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดย ถ้าเป็นข้อมูลทางวิชาการ ก็จะถูกน�ำไปตีพิมพ์ให้ ทั่วโลกทราบว่าคนไทยก็ท�ำได้ แต่ถ้าเป็นข้อมูลที่ จะช่วยเกษตรกรได้ เราก็จะจัดการอบรมเพื่อให้ เกิดผลกระทบและพัฒนาในวงกว้างอีกต่อไปค่ะ ...ตัวต่ายเองตอนเด็กๆ ก็ไม่เคยใฝ่ฝันว่า อยากจะเป็นนักวิจัย หรือนักวิทยาศาสตร์หรอก ค่ะ เพราะว่าสมัยก่อนถ้าพูดถึงนักวิทยาศาสตร์ ใน ความรู้สึกของต่ายคือมันไม่ได้เป็นสายงานอาชีพ และคนที่จะเป็นได้ต้องเหมือนไอสไตน์ ต้องเป็น อัจฉริยะเท่านั้นนะ (หัวเราะ) แต่พอดีว่าต่ายชอบ คิดเลข แล้วก็ชอบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เนือ่ งจาก รู้สึกว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว และมีความเป็นเหตุเป็น ผล ดังนั้น ต่ายจึงสนใจในด้านนี้มาโดยตลอดค่ะ ...จนถึงตอนอายุ 16 ปี พอสอบเทียบจบ มัธยมปลายได้ คราวนี้จึงถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้ว ว่าจะเอาทางไหนกับชีวิตดี ซึ่งตอนนั้นต่ายรู้สึก เหมือนก�ำลังอยู่บนทางสามแพร่งนะคะ เพราะ สอบได้ 3 สาขาวิ ชา คื อ คณะแพทย์ และทุ น จากรั ฐ บาลไทยสองทุ น ให้ ไ ปศึ ก ษาต่ อ ที่ เ มื อ ง นอกในระดับปริญญาตรี โท และเอก คือด้าน วิศวกรรมเคมีของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กับ ด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศของกระทรวง การต่างประเทศ โดยตอนที่ไปสอบทุนรัฐบาลนั้น ก็ไปตามที่คุณครูแนะน�ำ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก หรอก (หัวเราะ) ท�ำให้เมื่อต้องตัดสินใจแล้วจริงๆ ก็เลยต้องกลับมาท�ำการบ้านครั้งใหญ่ว่า สาย วิชาไหนเขาเรียนอะไรกันบ้าง และจบมาแล้วต้อง ประกอบอาชีพอะไร ...สุ ด ท้ า ยก็ พ บว่ า สายวิ ศ วกรรมเคมี นี่ แหละ เป็นทางที่เราชอบมากที่สุด เพราะได้เรียน ทั้งคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา คือได้ เรียนในสิ่งที่เราชอบทั้งหมดเลย ซึ่งต่ายคิดว่าถ้า เรามีแพชชัน่ เราก็จะท�ำได้ดี เราจะไม่ยอ่ ท้อ เพราะ เมือ่ รักในสิง่ ทีจ่ ะเรียน มันจะรูส้ กึ เหมือนไม่ใช่เรือ่ ง ที่ต้องเรียนแล้ว แต่จะกลายเป็นเรื่องที่เราอยาก รู้มากกว่าค่ะ” ทว่าถึงจะเตรียมตัวไปมากแค่ไหน และเป็น คนเก่งที่ไม่เคยเสียน�้ำตาเพราะเรื่องเรียนมาก่อน แต่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในต่างแดนอย่างประเทศ สหรัฐอเมริกาก็ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ มิ หน�ำซ�้ำ ยังเกือบเป็นหลุมพราง ที่ท�ำให้สาวน้อยผู้ เคยเป็นอันดับหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ณ ตอน นั้น ต้องตกไปอยู่ในจุดที่รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต “ตอนแรกท้ อ มากเลย เพราะก่ อ นจะเข้ า มหาวิทยาลัย ต่ายต้องไปเข้าโรงเรียนเตรียมความ พร้อมที่นั่นก่อนหนึ่งปี ซึ่งเป็นหนึ่งปีที่กดดันมาก
เนื่องจากต้องสอบวัดมาตรฐานทุกอย่าง ท�ำทุก อย่างเพื่อให้มหาวิทยาลัยที่นั่นตอบรับเราเข้าไป เรียน แล้วที่เป็นปัญหาที่สุด คือเรื่องภาษาค่ะ เพราะตอนอยูท่ นี่ ครสวรรค์ ถ้าฝรัง่ เดินเข้ามานีต่ า่ ย แตกตื่นเลยนะ (หัวเราะ) แถมมหาวิทยาลัยไหนดี ไม่ดี ต่ายก็ยังไม่รู้ คือในขณะที่เด็กอเมริกันเขา ก�ำลังพร้อมเต็มร้อยส�ำหรับการเข้ามหาวิทยาลัย แต่เหมือนต่ายก�ำลังติดลบ ปีนนั้ เป็นปีทที่ อ้ ทีส่ ดุ ใน ชีวิตเลยค่ะ ท้อขนาดว่าจะสละทุน โทรมาร้องห่ม ร้องไห้กบั ทีบ่ า้ นเลยนะคะว่าไม่เอาแล้ว แต่คณ ุ แม่ ก็ให้สติว่า เส้นทางนี้เราเป็นคนเลือกเองนะ แล้วรู้ ไหมว่าค่าเทอมทุกบาททุกสตางค์ทสี่ ง่ เราเรียนนัน้ มาจากภาษีของประชาชน จ�ำได้ไหมว่าตอนเราไป สอบกี่พันคนที่ต้องพลาดทุนนี้ นั่นหมายความว่า เราโชคดีแค่ไหนที่ได้โอกาส แล้วเจอปัญหาแค่นี้ แค่ไม่กี่เดือน ก็คิดจะถอยแล้วเหรอ ...ต้ อ งบอกว่ า นั่ น คื อ แรงผลั ก ดั น และแรง กดดันที่ยิ่งใหญ่มากค่ะ ต่ายก็เลยคิดว่าโอเค เลิก ท้อ ต้องสู้ เมื่อเราได้โอกาสมาจากคนทั้งประเทศ แล้ว เราจะคืนโอกาสนั้นไปโดยที่ยังไม่สู้ไม่ได้นะ” แรงฮึดจากแรงกดดันที่แม้ว่าอาจจะท�ำให้ รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย เปรียบเสมือนยาดีที่ให้ ผลการรักษายอดเยี่ยมนัก เพราะท�ำให้เธอได้รับ การตอบรับจากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับ Top Ivy League ของอเมริกา นั่นคือ มหาวิทยาลัย โคลัมเบีย ยิ่งไปกว่านั้นใน 4 ปีให้หลัง เธอยังจบ การศึ ก ษาระดั บ ปริ ญ ญาตรี ด ้ ว ยคะแนนที่ เ ป็ น อันดับหนึ่งของคณะ จนได้กลายเป็นนักศึกษา ไทยคนแรก ที่ได้จารึกชื่อลงบนแผ่นจารึกของ มหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ “จ�ำได้ว่าพอก้าวเท้าเข้าไปในมหาวิทยาลัย โคลั ม เบี ย ต่ า ยบอกกั บ ตั ว เองเลยว่ า จะตั้ ง ใจ เรี ย นให้ ม ากที่ สุ ด เพื่ อ ที่ เ วลาจะไปเรี ย นต่ อ ปริญญาโทเอก เราจะได้ไม่ต้องมากลัวว่าจะไม่มี มหาวิทยาลัยรับเราอีกแล้ว จากนี้เราต้องเป็นคน เลือกมหาวิทยาลัย ไม่ใช่ให้มหาวิทยาลัยเป็นคน เลือกเราอีกต่อไปค่ะ ...แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เพราะพอเรียน จบปริญญาตรี ต่ายก็ได้รับทุนศึกษาต่อจากมหา วิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นน�ำ มากๆ ของโลก โดยคนที่ได้รับการตอบรับมาเรียน ทีส่ แตนฟอร์ดต่างคนก็ตา่ งมาจากทีห่ นึง่ ของคณะ ตอนเรียนปริญญาตรีหมดเลย ต่ายเลยรู้สึกว่า ที่ เราตั้งใจมาทั้งหมด มันส�ำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้วนะ เราเอาชนะตัวเองได้ เราเพิ่มศักยภาพของตัวเอง ท้าทายตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขึ้นมายืน บนจุดที่เทียบเท่ากับคนอื่นได้แล้ว (ยิ้ม)” แต่ความส�ำเร็จที่เทียบเท่ากับบุคคลอื่นใน ระดับนานาชาติ ก็หาได้ทำ� ให้นกั วิทยาศาสตร์สาว ไทยคนเก่งผู้นี้หลงระเริงไปกับชีวิตในเมืองนอก เมืองนาไม่ เพราะทันทีที่เรียนจบ เธอก็ตัดสินใจ
หอบเอาความรู้พูนกระเป๋ากลับมารับใช้ประเทศ ชาติ ถึงแม้ว่าจะมีบริษัทเอกชนต่างๆมายื่นข้อ เสนอด้วยจ�ำนวนเงินที่สูงลิบลิ่วก็ตาม “ต่ายคิดว่าโอกาสที่ท�ำให้ต่ายมายืนอยู่ตรง นี้ได้ ต่ายได้มาจากคนไทยทุกคน ดังนั้น ไม่ว่า กลับมาเมืองไทยแล้วจะต้องเจอความท้าทาย หรือยากล�ำบากอย่างไร ต่ายก็ต้องต่อสู้และกลับ มาคืนโอกาสนั้นให้กลับสังคมอย่างที่เราเคยได้ รับมา ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ต่ายคงรู้สึกว่าก�ำลัง เนรคุณแผ่นดินค่ะ ...สิ่งชี้วัดความส�ำเร็จของต่าย คือผลงาน วิจัยจะต้องลงไปตอบสนองความต้องการของ ประชาชน ต้ อ งสามารถขั บ เคลื่ อ นความเจริ ญ ก้าวหน้าของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ได้ และอีกสิ่งที่ส�ำคัญไม่แพ้กันคือ เราจะต้อง พยายามเป็นเหมือนแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลัง ต้องช่วยแนะแนวเขา และพยายามสร้างเครือ ข่ายเพื่อให้เกิดการพัฒนาและช่วยเหลือด้านองค์ ความรู้ไปพร้อมๆ กัน เราเก่งคนเดียวไม่ได้หรอก ค่ะ เพราะถ้าสังคมที่เราอยู่ยังไม่ดีขึ้น แล้วเราจะ ถือว่าประสบความส�ำเร็จ หรือมีความสุขไปได้ อย่างไร” ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ สิ่งที่เราคงระบุได้ อย่างชัดเจนว่าเธอไม่เคยเปลี่ยนเลยคือ การไม่ ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค และความจริงจังในการ ด�ำเนินชีวิต หากแต่ท�ำไมตลอดการสนทนา เรา กลับสามารถสัมผัสได้ถงึ บางอย่างทีก่ ำ� ลังสวนทาง กัน นัน่ คือ สุม้ เสียงของความสนุกและรอยยิม้ แห่ง ความร่าเริงทีไ่ ม่เคยเลือนหายไปจากยอดอัจฉริยะ ผู้นั่งอยู่ตรงหน้า “จริงๆ แล้วคนเก่งไม่จ�ำเป็นต้องเนิร์ดอย่าง ที่หลายคนจินตนาการกันหรอกนะคะ (หัวเราะ) โอเค เวลาท�ำงาน ต่ายกับทีมก็ท�ำงานจริงจัง แต่ นอกจาก work hard แล้ว เราก็ play hard ด้วย อย่างบางทีในฐานะหัวหน้า พอเสร็จหนึ่งโปรเจ็ค ต่ายก็จะพาน้องๆ ไปร้องคาราโอเกะ ไปเที่ยวต่าง จังหวัด สนุกกันให้เต็มที่ คนเราทุกคนต้องมีช่วง เวลาส�ำหรับการพักผ่อนและให้กำ� ลังใจกับตนเอง ค่ะ เราต้องรูจ้ กั ปรับสมดุลของชีวติ ต่ายคิดว่าไม่มี ใครทีจ่ ะท�ำแต่งานเพียงอย่างเดียวแล้วจะมีความ สุขได้หรอก แม้จะมีเงินหรืออ�ำนาจมากมายก็ตาม ...ส�ำหรับต่ายแล้วผู้หญิงเก่งจะต้องเก่ง ทุกด้าน ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งการงาน การใช้ชวี ติ และครอบครัว ต้องบาล๊านซ์ได้ทั้งหมด แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ต่ายก็คิดว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะเก่งขึ้นมาได้ นอกจากตัวของเธอเองแล้ว ยังต้องมีทีมสนับสนุนที่ดี เช่น เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว คนรัก และสังคมที่ให้การยอมรับ อีกด้วย ซึ่งถ้ามีพร้อมด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ไม่ ว่าผู้หญิงคนไหน ก็สามารถพัฒนาตัวเองให้ เป็นผู้หญิงที่เก่งได้ทั้งนั้นแหละค่ะ (ยิ้ม)” 0189
A Chances Catcher
รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้หญิงกับเส้นทางสายธุรกิจสุดหินที่เรียกว่า ล็อบบี้ยิสต์ดูจะเป็นอะไรที่เข้ากันได้ยาก ยิ่ง เป็นการล็อบบี้เรื่องสัมปทานขนาดใหญ่ ใน ประเทศที่เพิ่งเปิดใหม่อย่างพม่าด้วยแล้ว ผู้ หญิงทีจ่ ะเข้าไปยืดหยัดอยูใ่ นจุดนัน้ ได้ คงต้อง เป็นผู้หญิงที่มีความแข็งแกร่งมากนัก หากแต่ เ ซเลบริ ตี้ ส าวตั ว เล็ ก ๆ ที่ ดู ช ่ า ง บอบบางคนหนึ่งอย่าง โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา อาจกลับสามารถท�ำให้ข้อสันนิษฐาน ดังกล่าวหมดมูลไป เมื่อเธอตัดสินใจก้าวเข้ามาสู่ สายอาชีพนี้ ตั้งแต่สมัยยังเป็นเพียงแค่นักศึกษา ปริ ญ ญาโท ทั้ ง ยั ง เลื อ กจั บ เฉพาะโครงการที่ มี ขนาดใหญ่จ�ำพวก ธุรกิจพลังงาน ไฟฟ้า ประปา เขือ่ น หรือเหมือง ด้วยความมุง่ มัน่ และความมัน่ ใจ ที่เต็มเปี่ยม แม้ว่าจะไม่ได้เคยมีประสบการณ์ใน การท�ำงานด้านนี้มาก่อนเลยก็ตาม “ด้วยรูปร่างและการแต่งตัวเวลาออกงาน สังคมต่างๆ หลายคนคงคิดว่าอุ้มดูเป็นผู้หญิ๊งผู้ หญิงมาก แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ด้านหนึ่งของชีวิต อุ้มเท่านั้น ส่วนอีกด้านหนึ่งที่เป็นเรื่องการท�ำงาน อุม้ จะชอบงานอะไรทีต่ อ้ งลุยๆ อยูแ่ ล้ว และไม่ชอบ นั่งท�ำงานในออฟฟิสเลยค่ะ ซึ่งถ้าต้องท�ำ อุ้มก็คง หงุดหงิดแทบตายเลยมั้ง (หัวเราะ) …แท้จริงแล้วอุม้ ก็เป็นผูห้ ญิงคนหนึง่ ทีใ่ ฝ่ฝนั ว่าอยากประสบความส�ำเร็จในชีวิต ดังนั้น หากมี โอกาสดีๆ ที่เหมาะสมกับตัวเองเข้ามา อุ้มจึงไม่ เคยคิดที่ปล่อยมันให้หลุดมือไป ท�ำให้เมื่อเพื่อน สนิทของอุ้ม คือ อาม-นราวุธ รักษากุล มาชวน ให้ลองท�ำธุรกิจร่วมกัน อุ้มจึงรู้สึกสนใจในทันที โดยเราเริ่มต้นจากการที่พอดีว่าคุณแม่ของอาม นั้นรู้จักกับนักการเมืองพม่าอยู่คนหนึ่ง ซึ่งรักกัน มากเหมือนคนในครอบครัวเลย แล้วพอพม่าเปิด ประเทศ นักการเมืองคนดังกล่าวก็อยากน�ำความ เจริญไปสูร่ ฐั ทีเ่ ขาดูแลอยู่ คือ รัฐทวาย อุม้ กับเพือ่ น จึงท�ำหน้าที่เสมือนเป็นคนที่คอยหานักลงทุนไป สร้างธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่นั่นค่ะ …ลักษณะของงานที่ท�ำอยู่ก็คือ อุ้มกับทีม งานจะรับนักลงทุนไทยหรือต่างชาติทอี่ ยากลงทุน ในพม่าไปส�ำรวจที่ดิน ติดต่อเช่าที่ดิน และช่วย ขอใบอนุญาตเพื่อท�ำธุรกิจต่างๆ โดยอุ้มจะช่วย ดูแลทั้งหมดเลยนะคะ ตั้งแต่เรื่องทริปการเดิน ทาง อาหารการกิน การอยู่ รวมถึงพาไปเจอกับผู้ มีอ�ำนาจในการตัดสินใจโดยตรงเลยด้วยค่ะ” 0190
แต่ถึงจะชอบลุยขนาดไหน แค่ใจที่เต็มร้อย อย่างเดียวจะท�ำให้สามารถผ่านฉลุยในการเป็น ล็อบบี้ยิสต์ได้หรือเปล่า แล้วการเป็นผู้หญิงนั้น สร้างอุปสรรคกับการท�ำงานในด้านนี้บ้างไหม “ส� ำ หรั บ ปั ญ หาที่ เ กิ ด จากการเป็ น ผู ้ ห ญิ ง แน่นอนว่าเราจะไม่สะดวกสบายเท่ากับผู้ชายอยู่ แล้วเวลาที่ต้องเข้าไปบุกเบิกพื้นที่ หรือไปเดินลุย ป่า อย่างเวลาปวดหนักปวดเบา ถ้าเป็นผูช้ ายก็จะ สามารถเดินไปตรงไหนก็ได้ มุมใครมุมมัน แต่เมือ่ อุ้มเป็นผู้หญิง บางทีก็ต้องเดินเข้าไปหาโพรงลึกๆ ทีไ่ กลสายตาคนมากหน่อย จนอาจท�ำให้คนอืน่ ใน ทีมต้องรอได้ ดังนัน้ หากว่าไม่เจอทีท่ สี่ ะดวกจริงๆ อุ้มก็ต้องอดทนมากเลยนะคะ (หัวเราะ) เพราะไม่ อยากให้ตัวเองเป็นภาระของคนอื่นค่ะ …หนึง่ เหตุการณ์ทอี่ มุ้ ไม่เคยลืมเลยคือ ตอน ที่ไปทวายช่วงฤดูฝนแล้วไปเจอน�้ำท่วมหนักมาก จนท�ำให้เดินทางด้วยรถไม่ได้ เพราะครัง้ นัน้ อุม้ กับ ทีมงานต้องนั่งเรือหางยาวที่มีที่นั่งเป็นแค่ไม้กระ ดานแข็งๆ แผ่นเดียวกว่าสีช่ วั่ โมงเพือ่ เข้าไปดูเขือ่ น อุ้มนะรู้สึกเจ็บก้นมาก (หัวเราะ) แล้วก็ต้องนั่ง เรียงๆ อัดๆ กันไปบนเรือล�ำนิดเดียว แถมยังหนาว ด้วย เนื่องจากมีฝนตกปรอยๆ อยู่เป็นระยะๆ ซึ่ง อุ้มคิดว่าเหตุการณ์นี้แหละ คงเป็นประสบการณ์ ที่ทรหดที่สุดในชีวิตของอุ้มแล้ว …แต่ถึงจะเหนื่อยยากแค่ไหน ทุกวันนี้อุ้มก็ รู้สึกกับสนุกงานที่ท�ำอยู่มากนะคะ เพราะมีความ ท้าทายสูง และเปิดโอกาสให้อุ้มได้เรียนรู้อะไร ใหม่ๆ ตลอดเวลา อย่างพอมีงานมาโปรเจ็คหนึ่ง อุ้มก็ต้องดูก่อนว่าเขาสนใจเรื่องอะไร แล้วก็ต้อง รีบกลับไปท�ำการบ้านเรื่องนั้นๆ สมมุติว่าถ้าเขา ต้องการลงทุนเกี่ยวกับถ่านหิน อุ้มก็ต้องไปศึกษา หาข้อมูลมาว่าแหล่งถ่านหินในพม่าอยูท่ ไี่ หน ราย ละเอียดที่ส�ำคัญเรื่องถ่านหินมีอะไรบ้าง ต้องนั่ง ท่องและท�ำความเข้าใจกับข้อมูลต่างๆให้ลึกเลย โดยถึงแม้ว่าอุ้มจะยังอายุไม่มาก แต่อุ้มก็ไม่ใช่ เด็กที่ท�ำงานแบบล่องลอยนะคะ ทุกครั้งเวลาที่ นักลงทุนต้องการในส่วนไหนมา อุม้ ก็จะมีเอกสาร มีข้อมูลประกอบท�ำเป็นหนังสือให้เขาไปศึกษา ตลอด ซึง่ นีแ่ หละ คือบ่อเกิดของความความน่าเชือ่ ถือที่ท�ำให้เราได้รับการยอมรับมาเสมอค่ะ …อีกสิง่ หนึง่ ทีส่ ำ� คัญมากเช่นเดียวกันในการ เป็นล็อบบี้ยิสต์ คือ ทักษะด้านจิตวิทยาค่ะ ดังนั้น สไตล์การท�ำงานของอุ้มจึงขึ้นอยู่กับสถานการณ์
เป็นส่วนใหญ่ กล่าวคือ อุ้มจะต้องดูก่อนว่าคนที่ เราคุยอยู่นั้นมีสไตล์การท�ำงานแบบไหน ถ้าเจอ นักลงทุนที่เด็ดขาดชัดเจน เราก็ต้องเด็ดขาดและ ชัดเจนกับเขา แต่ถา้ เจอนักลงทุนทีเ่ น้นการปรึกษา หารือหรือมองหาการประณีประนอม เราก็ต้อง เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน อีกทั้งโดยปกติแล้วอุ้มมัก จะได้เจอกับนักธุรกิจที่มีความอาวุโสกว่ามาก อุ้ม เลยต้องมีความนอบน้อม และพยายามเจรจากับ แต่ละคนให้เขามีความพึงพอใจสูงสุดค่ะ …กรอบในการล็อบบีข้ องอุม้ จะเน้นไปทีก่ าร ให้ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ คือเจรจาแล้วต้อง ตกลงกันแบบวิน-วิน ซิทตูเอชัน่ ค่ะ ทัง้ นี้ เป้าหมาย ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไป อย่างฝั่งนัก ลงทุน เขาก็มักจะอยากได้พื้นที่ไปลงทุน อยาก ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ส่วนทางพม่า ก็จะอยาก ให้ประเทศของเขามีความเจริญก้าวหน้า และ ต้องการการบุกเบิกเรื่องสาธารณูปโภค ดังนั้น ก่อนจะเริม่ โปรเจ็คใหม่ๆ อุม้ จึงมักจะดูกอ่ นว่าทาง พม่าก�ำลังต้องการด้านไหน แล้วค่อยพยายามหา นักลงทุนที่สนใจท�ำธุรกิจด้านนั้นมาเจรจา เพื่อ สร้างโครงการทีเ่ อือ้ ประโยชน์ตอ่ ประชาชนในท้อง ถิน่ พร้อมกับสามารถตอบสนองความต้องการของ นักลงทุนได้อย่างตรงกลุ่มไปด้วยค่ะ” ในเมื่อเอาจริงเอาจังกับงานขนาดนี้ แล้ว ในเรื่องอื่นๆ ดูแลตัวเองแบบเอาจริงเอาจังเช่น เดียวกันหรือไม่ ณ ตอนนี้ เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ หญิงเก่งได้แล้วหรือยัง “อุม้ เป็นคนเต็มทีก่ บั ชีวติ อยูแ่ ล้วค่ะ ท�ำงานก็ ท�ำเต็มที่ พอว่างก็เที่ยว ก็สนุกให้เต็มที่ โดยอุ้มจะ พยายามจัดสรรเวลาให้ดีที่สุด แล้วถ้ามีเวลาว่าง เหลือ อุ้มก็จะเข้าฟิตเนสด้วย เพราะอยากดูแลตัว เองให้ครอบคลุมทุกส่วนค่ะ …ส�ำหรับอุ้มแล้วผู้หญิงเก่งต้องเป็นคนที่ มีความรู้ความสามารถ และประสบความส�ำเร็จ ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว ซึ่งถ้าถามว่าอุ้มเก่ง ไหม ก็อาจจะต้องบอกว่ายังเก่งแค่ในระดับเริ่ม ต้นค่ะ เพราะอุ้มรู้ว่ายังมีคนที่เก่งมากกว่ากว่าอุ้ม อีกเยอะแยะ …และถ้าอยากประสบความส�ำเร็จใน ทุกๆ ด้าน อุ้มก็คงต้องพยายามให้มากขึ้นไป กว่านี้ อุม้ ไม่อยากเป็นคนทีเ่ อาแต่คดิ แต่กลับ ไม่ค่อยลงมือท�ำ เพราะการลงมือท�ำนี่แหละ คือ กุญแจของความส�ำเร็จค่ะ”
0191
A Passionate Pacesetter กุณฑีรา ปัจฉิมสวัสดิ์ เมือ่ ชีวติ เดินมาถึงทางแยกหรือจุดเปลีย่ น การ ฟังเสียงอันเป็นค�ำตอบจากหัวใจกับสมองมัก จะเล่นตลกกับเราด้วยการขัดแย้งกัน เพราะ บางอย่าง แม้อาจจะดูแล้วขาดความสมเหตุ สมผล แต่ก็น่าหลงใหลเสียจนตัดใจไม่ได้ จน เราต้องเลือกเดินทางนั้น โดยไม่อยากสนใจ ว่า จะมีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์ข้างหน้า หรือไม่ก็ตาม ดังที่ มายด์-กุณฑีรา ปัจฉิมสวัสดิ์ อดีตนัก ข่าวและพิธีกรสาวดาวรุ่งจากวิกพระรามสี่ ตัดสิน ใจเบนเข็มทิศชีวิตจากคนที่เคยอยู่เบื้องหน้าจอ โทรทัศน์ มาเป็นผูอ้ ยูเ่ บือ้ งหลังหมวกดีไซน์เก๋แบบ ผู้ดีอังกฤษแท้ๆ ด้วยการสร้างแบรนด์ของตนเอง นาม Mind Millinery แม้จะต้องอยูท่ า่ มกลางเสียง คัดค้านของคนรอบข้างมากมายเมื่อตอนเริ่มต้น 0192
ทว่าด้วยการลงมือลงแรงอย่างจริงจัง บวก กับการใช้หวั ใจทีร่ กั ในสิง่ ทีก่ ำ� ลังท�ำเป็นขุมพลัง จึง ท�ำให้ ณ ปัจจุบัน แบรนด์หมวกแนววินเทจสไตล์ จากสองมือของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ สามารถ ทะยานขึ้นเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาดแฟชั่นทั้ง ในและต่างประเทศได้อย่างน่าจับตามอง “มายด์ชอบดูหนังแนววินเทจมากค่ะ แล้วใน ภาพยนตร์เหล่านี้เราก็มักจะเห็นว่าหมวกนั้นเป็น แอคเซสซอรี่หลักของตัวนางเอกในเกือบทุกเรื่อง เลย โดยเฉพาะกับ Audrey Hepburn หมวกแต่ และใบที่เธอสวมถ่ายหนังจะสวยมากนะคะ ซึ่ง พอมายด์เห็นแล้วก็ชอบสุดๆ รูส้ กึ ว่าอยากได้มาใส่ บ้าง ทว่าพอไปหาซื้อดูแล้วกลับต้องรู้สึกแปลกใจ มาก เพราะหาซื้อแทบไม่ได้เลยค่ะ ...หลังจากนั้นมา ประจวบเหมาะกับช่วงที่ มายด์ก�ำลังจะไปเที่ยวพักผ่อนเพื่อรีเฟรชตัวเอง ที่อังกฤษพอดี มายด์ก็เลยลองค้นหาข้อมูลใน อินเตอร์เน็ตดูเล่นๆ ว่า มีคอร์สท�ำหมวกเปิดสอน บ้างไหม เพราะไม่อยากไปเทีย่ วเฉยๆ ให้เสียเวลา เปล่า ซึ่งในภาษาอังกฤษนั้น เขาจะเรียกศาสตร์ การท�ำหมวกว่า Millinery โดยพอมายด์ได้เห็น คอร์สที่ London College of Fashion เปิดสอน ปุ๊ป ก็คิดว่าน่าสนใจมาก ประกอบกับเป็นคนที่ ชอบประดิดประดอยอยู่แล้ว เลยตัดสินใจไปบิน เรียนทันทีค่ะ ...ตอนแรกก็คิดแค่ว่าจะเรียนเล่นๆ เพราะ เป็นแค่คอร์สสัน้ ๆ คือเรียนแค่ให้สามารถท�ำหมวก ในแบบที่ชอบไว้ใส่เองได้แค่นั้นคือจบ แต่พอไป ถึงที่อังกฤษแล้วจึงได้รู้ว่า ครูที่จะมาสอนเราเป็น ทีมของ Philip Treacy ซึ่งเป็นช่างท�ำหมวกชื่อดัง ของควีนเอลิซาเบธเลยนะ คราวนี้เลยตื่นตาตื่น ใจมาก ท�ำตัวไม่ถูก นั่งเหวอตลอดเลย (หัวเราะ) มิหน�ำซ�้ำ คนอื่นๆ ที่ไปเรียนส่วนใหญ่เขาก็จะเป็น คนอังกฤษทีท่ ำ� หมวกอยูแ่ ล้ว เหมือนเขาแค่มาเพิม่ ทักษะทางอาชีพของเขา แต่เราเป็นนักเรียนหัวด�ำ คนเดียวที่แบบไม่รู้อะไรเลย ...ทว่าถึงจะต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด มายด์ ก็ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่นะคะ แบกอุปกรณ์ต่างๆ แบกหมวก แบกบล็อกไม้ไปเรียนทุกวัน จนเพือ่ นๆ คนไทยที่อยู่อังกฤษต้องพากันแซวว่า ไปเรียน อะไร เรียนท�ำไม สมัยนี้ไม่มีใครเขาใส่หมวกแบบ นั้นกันแล้วนะ คือ ในขณะที่เพื่อนๆ ไปเที่ยวหรือ ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ดีๆ กัน แต่เราดัน กลับไปท�ำอะไรที่ดูเปล่าประโยชน์เมื่อเทียบกับ คนอื่นๆ มาก ซึ่งมายด์ก็ต้องยอมรับว่าแอบท้อ เหมือนกันนะคะ ทว่าเมื่อใจเรารักทางนี้ไปแล้ว มายด์ก็เลยตัดสินใจไม่สนค�ำแซว แล้วไปให้สุด ทางเลยดีกว่าค่ะ” แล้วการสุดทางเรื่องเรียนท�ำหมวก ก็พาเธอ ไปสู่โอกาสบนถนนเส้นใหม่ของชีวิต ที่ท้าทายทั้ง ความสามารถและหัวใจอีกครั้ง
“มายด์ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นดีไซเนอร์ หรือเปิดแบรนด์สินค้าที่เป็นแนวแฟชั่นได้หรอก ค่ะ แล้วตอนทีเ่ ลือกมาทางนี้ ก็แทบจะไม่มใี ครเห็น ด้วยเลย แต่ยิ่งเรียนท�ำหมวก มายด์ก็ยิ่งชอบมัน มากขึน้ จนถึงขนาดทีเ่ รียกว่าบ้าเลยก็ได้ (หัวเราะ) เพราะพอกลับมาเมืองไทย มายด์ก็จะท�ำหมวก ส�ำหรับเอาไว้ใส่ไปข้างนอก ไปเดินเล่น หรือถ้าต้อง ไปออกงานที่ไหนก็จะสวมหมวกที่ท�ำเองตลอด ...จนกระทัง่ วันหนึง่ ทีม่ ายต้องไปออกอีเว้นท์ ในธีมบริธิชที่เข้าทางของเรามากๆ เลย (หัวเราะ) ซึ่งในงานนี้แหละค่ะ ที่ท�ำให้มายด์ได้เจอกับผู้ บริหารของ Jaspal โดยพอเขาเห็นหมวกมายด์ แล้วก็ชอบมาก เข้ามาถามว่าซื้อที่ไหน แล้วพอ มายด์บอกไปว่าท�ำเองค่ะ เขาก็เลยขอสั่งท�ำ ซึ่ง ตอนนั้นมายด์ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก คิดแค่ว่าเขา คงอยากได้เอาไปใส่เองสักใบสองใบ ก็เลยตอบ ตกลง แต่พอมาคุยกันจริงๆแล้ว ล็อตแรกเลยเขา สั่งตั้ง 200 ใบเลยค่ะ มายด์เลยรู้สึกว่าแย่แล้ว จะ ท�ำยังไงดีเนี่ย เพราะตอบตกลงเขาไปแล้วด้วย สิ สุดท้ายก็เลยต้องท�ำ ซึ่งตอนที่ท�ำนั้นเป็นช่วง น�้ำท่วมพอดี ติดอยู่ที่คอนโดคนเดียว แล้วก็ไม่มี ใครว่างมาช่วยเลย ก็เลยต้องท�ำทั้งหมดคนเดียว (หัวเราะ) ตั้งแต่หาวัตถุดิบ ออกแบบ ตัดเย็บ ส่ง ของ ท�ำเองคนเดียวหมดเลย แล้วหลังจากนั้นก็มี ออเดอร์ต่อมาเรื่อยๆ มีคนอื่นเข้ามาติดต่อขอซื้อ อีก คราวนี้มายด์ก็เลยไม่ได้กลับไปท�ำงานทีวีอีก เลยค่ะ (ยิ้ม) ...ทุกวันนี้หมวกของ Mind Millinery จะ แบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ หนึ่ง หมวกแนวแฟนซี ที่จะเป็นงาน One-of-a-kind หรือมีอย่างละใบ เท่านั้น ซึ่งจะเน้นการโชว์รูปทรงและเทคนิคการ ดีไซน์อย่างเต็มที่ ส่วนอีกแบบเป็นหมวกแบบ แฟชั่นที่ใส่ง่ายหน่อย ใช้ได้ในชีวิตประจ�ำวันค่ะ ก็ จะเป็นทรงที่เราค่อนข้างคุ้นตา เช่น ปานามา เฟด อรา หรือ ฟลอปปี้ โดยหมวกแนวนี้มายด์มักจะ ท�ำส่งให้กับแบรนด์อื่นๆ เช่น Jaspal Exact และ Workshop ค่ะ” แต่ก็ใช่ว่า Mind Millinery จะถูกใจเฉพาะ ในสายตาของบุคคลในระดับผู้บริหารเพียงอย่าง เดียว เพราะนอกจากเสียงตอบรับจากลูกค้าราย ย่อยจะมีมาอย่างเกินความคาดหมายแล้ว ทั้ง ดาราจากในและต่างประเทศ รวมไปถึงบริติช ไอคอนอย่าง Alexa Chung ก็ยังเลือกสวมใส่ หมวกฝีมือของเธอ “Mind Millinery เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วที่ สิงคโปร์ ณ ห้าง VIVO City ค่ะ โดยสาเหตุทมี่ ายด์ เลือกวางในตลาดในสิงคโปร์ก่อนไทย เพราะมี ผู้ใหญ่หลายคนแนะน�ำว่าตลาดที่นั่นน่าจะพอไป ได้กับตัวสินค้าของเรามากกว่า ซึ่งก็ปรากฎว่ามี กระแสตอบรับเป็นที่น่าพอใจเลยทีเดียว ...โดยหลังจากนั้น พอมีคนเห็นข่าว เพราะ
เรามีการจัดแฟชัน่ โชว์ทสี่ งิ คโปร์ดว้ ย ก็มคี นติดต่อ มาเรื่อยๆ ติดต่อมาที่เมืองไทย ซึ่งเขาก็จะงงกัน นิดหน่อย เพราะเรายังไม่ได้เปิดตัวในบ้านเรา เลย อีกทั้งในตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีหน้าร้านแบบ จริงจังด้วย คือ ในไทยยังวางขายอยู่แค่ 2 ร้านคือ ที่ Noir Vintage K Village และร้าน G by Jee ที่ โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ โดยพอเอามาวาง ขายในไทยแล้ว ก็ได้รบั ความนิยมมากเช่นเดียวกัน มายด์แปลกใจมากนะคะ เพราะมีลกู ค้าเยอะกว่า ทีส่ งิ คโปร์เสียอีก ซึง่ นีอ่ าจเป็นผลจากทีผ่ า่ นมาได้มี พระราชพิธิ สี มรสของเจ้าชายวิลเลียมกับเจ้าหญิง เคท ซึง่ จะเห็นหมวกสวยๆ เยอะมาก และบ้านเราก็ คงได้รับอิทธิพลนั้นมาด้วย จนกลายเป็นกระแสที่ คนหันมาใส่หมวกกันเป็นแฟชั่นมากขึ้นค่ะ ...ภายในเดือนตุลาคมนี้ Mind Millinery จะเปิดร้านที่เมืองไทยอย่างเป็นทางการแล้วที่ Market place ทองหล่อ ซอย 4 ค่ะ โดยมายด์จะ ท�ำให้เป็นยิ่งกว่าร้านขายหมวกทั่วไป คือเป็นแนว Hat Studio แบบของเมืองนอก ซึง่ จะเป็นแห่งแรก ของเมืองไทยเลย ซึง่ พอลูกค้าถือเสือ้ ผ้าเดินเข้ามา แล้วบอกว่าอยากได้หมวกนะ เราก็จะออกแบบ และท�ำหมวกให้แมชต์กับชุดที่เขามีอยู่ได้ โดยจะ ค�ำนึงลักษณะของรูปหน้า และสไตล์ รวมถึงวาระ โอกาสที่จะน�ำหมวกไปใช้เป็นส�ำคัญ คือเรียกว่า เป็นหมวกที่ออกแบบและท�ำขึ้นเพื่อลูกค้าแต่ละ คนโดยเฉพาะเลยค่ะ …ทุ ก วั น นี้ ม ายด์ พ อใจกั บ แบรนด์ ข องตั ว เองในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็อยากให้มันเติบโตไป มากกว่านี้ อยากให้คนยอมรับว่าหมวกของเรา มีคุณภาพมากขึ้น หันมานิยมแบรนด์เราเทียบ เท่ากับแบรนด์ของเมืองนอก เพราะถ้าพูดถึงวัสดุ ทีใ่ ช้ มายด์กใ็ ช้เกรดพรีเมีย่ มมาก ไม่ใช้วสั ดุทมี่ อี ยู่ ไปในท้องตลาด เลือกสี ออกแบบ และใส่ใจในการ ท�ำทุกชัน้ ตอน รับรองได้วา่ หมวกแบรนด์ไทยก็ดไี ม่ แพ้หมวกชาติไหนๆ แน่นอนค่ะ (ยิ้ม) ...ส�ำหรับมายด์ ผูห้ ญิงเก่งคงต้องเป็นคนทีม่ ี ความฝันได้ แต่ไม่ใช่ว่าเพ้อเจ้อ คือต้องลุกขึ้นมา ท�ำมันด้วย อยากเป็นอะไร อยากท�ำอะไร ก็ต้อง ก�ำหนดเป้าหมายให้ชัด แล้วสร้างมันด้วยสองมือ ของคุณเอง อีกทั้งยังต้องหมั่นหาความรู้ใหม่ไป เรือ่ ยๆ อย่างมายด์ ถ้าวันไหนทีไ่ ม่ได้ทำ� งาน มายด์ ก็จะชอบอยู่บ้านอ่านหนังสือ หรือไปต่างประเทศ ไปที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจหรือไอเดียใหม่ๆ ให้กับตัวเองตลอดค่ะ …อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ เพราะเมื่อไหร่ที่ เราคิดว่าเราเก่งแล้ว เราก็จะเหมือนน�้ำเต็ม แก้ว และหยุดการพัฒนาค่ะ”
0193