a day BULLETIN issue 103

)335% *5,9

0,!9 )4 &/27!2$

ISSUE 103, 9 - 15 JULY 2010

The Way You Look at Your Wound พิธีแต่งงานเริ่มมาเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ แต่พิธีหย่าอย่างเป็นทางการเพิ่งจะมีขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อนบ้านเรานี่เอง ซึ่งถ้าใครไม่ได้ติดตามข่าวสาร ผู้เขียนขอสรุปสั้นๆ ว่า พิธีฉลองการหย่านี้จัดขึ้นโดยนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เล็งเห็นว่า ชีวิตของครอบครัวชาวญี่ปุ่นทุกวันนี้เต็มไปด้วยความกดดันและเคร่งเครียด ทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาส่วนตัวของคู่สมรสเอง แต่น้อยคนจะลุกมาประกาศหย่ากันให้คนอื่นรู้ ว่าแล้วเขาก็เลยจัดพิธีหย่าขึ้นมา โดยให้แต่ละฝ่ายที่จะหย่า เชิญญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อประกาศว่าต่อไปนี้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ และจะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว และถ้าการสวมแหวนแต่งงานเป็นช่วงเวลา ที่น่าจดจำที่สุดของพิธีแต่งงานแล้วละก็ พิธีหย่าก็มีช่วงที่น่าจดจำไม่แพ้กัน นั่นคือการทุบแหวนแต่งงานอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการผูกพันเกี่ยวรัดคนทั้งคู่ไว้ ซึ่งตั้งแต่เริ่ม ธุรกิจนี้มา เจ้าของแกบอกว่ามีคู่สมรสที่ผ่านพิธีนี้ไปแล้ว 6 คู่ และกำลังมีติดต่อเข้ามาอีกเรื่อยๆ เพื่อยุติพันธนาการแห่งชีวิตสมรส ผู้เขียนไปงานแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง (ส่วนพิธีหย่าไม่เคยไปร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ที่เกิดเหตุ แต่ได้รู้หลังเหตุเกิดอยู่บ่อยๆ) และทุกครั้งที่ไป นอกจากจะแสดง ความยินดีกับบ่าวสาวแล้ว ลึกๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความไม่ยินร้ายกับการแต่งงานของหลายๆ คู่อีกด้วย เพราะหลายคู่แต่งแล้วก็เลิกกันเร็วเสียจนของชำร่วยที่ได้มายัง แทบไม่ได้แกะใช้ เลยเป็นผลให้ผเู้ ขียนรูส้ กึ เฉยๆ ปลงๆ กับการไปงานแต่งงานไปด้วยโดยปริยาย น่าแปลกทีม่ ารูส้ กึ อย่างนีเ้ อาเมือ่ ตอนโต แต่ชว่ งเด็กๆ หรือกระทัง่ ตอนยังเป็น วัยรุ่นวุ่นวาย ผู้เขียนกลับรู้สึกสนุกที่ได้ไปงานแต่งงาน โดยเฉพาะตอนเด็กๆ เวลาไปงานแต่งงานญาติๆ ผู้เขียนจะรู้สึกเหมือนไปงานรื่นเริงประจำปี เพราะได้เจอหน้าลูกพี่ ลูกน้อง ได้กนิ อาหารอร่อย และทีส่ ำคัญ ได้ดคู นสลักน้ำแข็งหน้างาน ซึง่ ปัจจุบนั นีแ้ ทบไม่คอ่ ยมีให้เห็นแล้ว เพราะงานแต่งงานส่วนใหญ่เน้นความเก๋ไก๋ไปตามคอนเซ็ปต์ของ เวดดิง้ สตูดโิ อทัง้ หลาย ซึง่ ก็จะทำการเนรมิตงานแต่งงานของลูกค้าให้ออกมาสวยงามน่ารักทีส่ ดุ เท่าทีจ่ ะคิดได้ เช่น นำภาพถ่ายมาแขวนเรียงรายไว้หน้างานคล้ายนิทรรศการ ภาพถ่าย ดูภาพเสร็จก็มีสมุดให้เขียนอวยพร แล้วก็มีมุมไว้ให้ถ่ายรูปกับบ่าวสาวซึ่งยืนยิ้มมาตั้งแต่หวั วัน (เรียกว่าพยายามฉีกยิม้ น่าจะเหมาะกว่า) จากนัน้ งานก็จะงดงาม กุก๊ กิก๊ เรือ่ ยไป จนกระทัง่ ช่วงไฮไลต์ คือขึน้ ไปพูดบนเวที แล้วก็ตดั เค้กแต่งงาน เป็นอันจบพิธี อ้อ ต้องมีโยนดอกไม้ดว้ ย ไม่อย่างนัน้ เดีย๋ วเพือ่ นเจ้าสาวจะโกรธ ราคาค่างวดของ พิธแี ต่งงานอาจจะสูงเป็นแสนเป็นล้านหรือหลายๆ ล้าน (ไม่นบั ราคาทีต่ อ้ งจ่ายของชีวติ หลังแต่งงานที่ขมขืน่ ในบางคู)่ แต่โลกก็ยงั ยุตธิ รรมอยูบ่ า้ ง เพราะเมือ่ ถึงเวลาทีจ่ ำเป็น ต้องหย่า ค่าใช้จา่ ยในการหย่าแทบจะไม่มี ยกเว้นเสียค่าน้ำมันรถขับไปทีว่ า่ การเขต ค่าใช้จา่ ยในพิธหี ย่าเพิ่งจะมามีเป็นเรื่องเป็นราวที่ญี่ปุ่นนี่แหละ จะว่าไปการหย่าก็คือการจบชีวิตคู่อย่างเป็นทางการ หลายคนอาจจะมีบาดแผลของการต่อสู้ดิ้นรนในชีวิตแต่งงานมาเนิ่นนาน วันที่เซ็นใบหย่าจึงเป็นการ ปิดปากแผลนั้นโดยสมบูรณ์ ที่เหลือหลังจากนี้ก็คือร่องรอยของแผลเป็น ซึ่งสำหรับบางคนก็ส่งผลกับชีวิตไปอีกนานหลายปีนับจากนั้น แต่บางคนก็ข้ามผ่านมันไปได้ แต่ ที่ผ่านมา การหย่าไม่ถูกนำมาพิจารณาให้มีเป็นพิธีรีตอง เพราะคนจำนวนมากคิดว่าเป็นเรื่องเสียหาย เสียหน้า เป็นเรื่องน่าอับอายที่ไม่ควรประกาศให้ใครรู้ เพราะไม่มี ใครอยากให้คนอื่นเห็นบาดแผลอันน่าเกลียดของตัวเอง พอมีพิธีหย่าที่ญี่ปุ่นขึ้นมา เลยดูเหมือนว่าทัศนคติที่มีต่อการหย่าของคนเริ่มเปลี่ยนไป พูดง่ายๆ ว่า แม้วันนี้การ หย่าสำหรับบางคนอาจยังเป็นบาดแผลอยู่ แต่ก็ไม่ใช่บาดแผลที่น่าปกปิดอีกต่อไป ผู้เขียนกลับรู้สึกว่า คู่สมรสที่เลือกใช้บริการของบริษัทรับจัดพิธีหย่า เป็นคู่ที่ยอมรับ ความจริงและมองบาดแผลของตัวเองเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่จำเป็นต้องปกปิด และพวกเขาไม่ใช่คู่แรกในโลกที่มีบาดแผลนี้ เอาเถอะ เมื่อวันหนึ่งความรักเดินมาจนถึงทางตัน อย่างไรเสียก็ต้องเลือกที่จะเดินจากกันไป เพื่อไปเริ่มต้นทางเดินใหม่ของตัวเอง แต่ควรจะเดินจากมาอย่างคน รูเ้ ท่าทันบาดแผล และไม่โทษกันและกัน เพือ่ ไม่ให้บาดแผลมันเปิดลึกกว่าเดิม เมือ่ ถึงจุดทีต่ อ้ งจากกัน คงไม่มปี ระโยชน์ทจ่ี ะนัง่ จมอยูก่ บั ความคิดทีว่ า่ เราไม่มคี า่ สำหรับใคร เราทุกคนล้วนไม่ได้เป็นเพียงทางผ่านของคนที่เราจากมาหรอก ตรงกันข้าม เราล้วนแต่เป็นทางที่ต้องเดินผ่านของกันและกัน ไปตามชะตาฟ้ากำหนด ทุกคนล้วนเกิดมา เพื่อเป็นบททดสอบและบทเรียนของกันและกัน ไม่มีบทเรียนไหนไร้สาระ แต่ถ้าจะมีแล้วละก็ ความไร้สาระมันน่าจะอยู่ตรงที่เรามักจะสอบตกแล้วตกอีกในวิชาเดิมๆ ต่างหาก และถ้าวันนี้หน้างานแต่งงานยังมีน้ำแข็งแกะสลักอยู่ มันก็คงเป็นสัญลักษณ์เตือนให้คู่รักและแขกที่มาร่วมงานได้หยุดคิดว่า ความรักและพิธีแต่งงานอัน สวยงามนี้ย่อมมีวันละลาย - แต่เมื่อละลายแล้ว กล้ายอมรับความจริงหรือเปล่า มากกว่านั้นคือ กล้าบอกคนทั่วไปหรือเปล่า -

ปีที่ 2 ฉบับที่ 103 วันที่ 9 - 15 กรกฎาคม 2553

วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม บรรณาธิการบริหาร Twitter:@khaopan, www.facebook.com/adaybulletin

08

34

06

24

06 GOODNEWS

08 INTERVIEW

26 HEALTH AND HEART

31 32 34 ALL ABOUT THE WORDS THE GUEST BIZ ทุ ก ถ้ อ ยคำมี ค วาม- ติ ว เข้ ม เรื ่ อ ง Social

ติ ด ตามข่ า วสารดี ๆ รอบโลกประจำ สัปดาห์ได้ในห้องข่าว แห่งนี้

18

รวมสาระความรู้ที่จะ ทำให้ ค ุ ณ แข็ ง แรงทั ้ ง กายและใจ

อย่ า งที ่ รู ้ ๆ กันนะคะ ว่ายุคนีเ้ ป็น ยุคของ New Media เวลาที ่ ข ึ ้ น รถไฟฟ้ า ไปไหนมาไหน ใครๆ ต่างก็ใช้ BlackBerry หรื อ ไม่ ก ็ iPhone อัพเดตข่าวสาร สถาน-

ค้นวิธีคิดในการทำงาน ของหนุ ่ ม หล่ อ กรณ์ ณรงค์เดช ที่หยิบจับ อะไรก็ ม ั ก จะสำเร็ จ ไปทุกเรื่อง

แง่ ค ิ ด ดี ๆ ที ่ ไ ด้ จ าก ประสบการณ์อัน โชกโชนในการทำงาน ของ ดำริ นามพญา

การณ์เด็ด แต่ตัวเองยังรู้สึกว่า inside ตลอด เวลาก็ตรงทีไ่ ด้อา่ น a day BULLETIN เนีย่ ล่ะค่ะ ถ้าไม่ได้อ่านก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนขาดอะไรไป สักอย่างหนึง่ คุยอะไรกับเพือ่ นก็จะงงๆ เหมือน ตกข่าว ลองนึกดูสคิ ะ วันๆ หนึง่ ถ้าคุณออกจาก บ้านโดยที่ลืมเอาโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย คงรู้สึกกระวนกระวายเหมือนกับสัปดาห์หนึ่ง ไม่ได้อ่าน a day BULLETIN เลยยังไงยังงั้น

18 A MUST

สารพัดสิ่งที่เราคัดสรร มาฝากแบบ A Must พลาดแล้ ว จะหาว่ า ไม่เตือน

หมายและคุณค่าเสมอ ค้นหาได้ในหน้านี้

20 CALENDAR

ใคร ทำอะไร ที ่ ไ หน เช็กดูได้ สุดสัปดาห์นี้ จะได้ไม่พลาดเรื่องราว สนุกๆ

21 SHOPPING

ดึงทุกสายตาให้หันมา จ้ อ งมอง ด้ ว ยการ แปลงโฉมเป็ น หนุ ่ ม หล่ อ มาดเนี ้ ย บ กั บ เสือ้ ผ้า และ accessory สุดหรู

24 HOME MADE

เยี ่ ย มบ้ า นสวยของ วรรณฤดี สร้อยคีรี ผู้ที่ ทำให้ บ ้ า นกลายเป็ น จุ ด หมายปลายทาง อันแสนอบอุ่น

Media ล้วนๆ เพื่อจะ ได้รู้เท่าทันสื่อใหม่ ใน ชั้นเรียนพิเศษกับ ดร. มานะ ตรีรยาภิวัฒน์

แปลกนะคะ ไม่อา่ นก็ไม่ตาย แต่กข็ าดไม่ได้เลย ส่วนข้อติที่อยากขอแก้นิ้ดดด... หนึ่งได้ไหมคะ อยากให้ลดขนาดลงหน่อย ไม่อยากจะบอกเลย ว่าเวลากางออกมาอ่านบน BTS มันจะโดนหน้า ชาวบ้านเขาน่ะค่ะ กลัวจะอ่านได้ไม่จบเล่ม แต่ ขออย่าตัดเนื้อหาออกนะคะ จะขอบพระคุณ มากๆ เลย -ธนพร ภาคมฤกษ์

ส่งความคิดเห็น คำติ-ชม หรือข้อเสนอแนะทีม่ ตี อ่ a day BULLETIN ได้ที่ บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด เลขที่ 3 ซอย เจริญมิตร ถนนสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 หรือทางอีเมล adaybulletin08@gmail.com กรุณาเขียนชื่อ-นามสกุลจริงและที่อยู่มากับจดหมาย เพื่อ ความสะดวกในการจัดส่งของรางวัลไปให้ และบรรณาธิการ ขออนุญาตตัดทอนจดหมายตามสมควร พิเศษ! จดหมายที่ได้รับเลือกลงตีพิมพ์ใน ช่วงเดือนนี้ จะได้รับหนังสือดีๆ จากสำนัก พิมพ์ a book ส่งไปให้ถึงบ้าน

ทีป่ รึกษา สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย บรรณาธิการผูพ ้ มิ พ์ผโู้ ฆษณา นิตพิ ฒ ั น์ สุขสวย บรรณาธิการอำนวยการ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สงิ ห์ บรรณาธิการบริหาร วิไลรัตน์ เอมเอีย่ ม กองบรรณาธิการ ทรรศน หาญเรืองเกียรติ สิรนิ พร จึงพิทกั ษ์อดุ ม เอกพล บรรลือ บรรณาธิการภาพ นิติพัฒน์ สุขสวย ช่างภาพ กฤตธกร สุทธิกิตติบุตร บรรณาธิการศิลปกรรม วีระยุทธ คงเทศน์ ศิลปกรรม วีร์ศรัณย์ สุทธินิภาชัย พิสูจน์อักษร หัสยา ตั้งพิทยาเวทย์ ฝ่ายผลิต ศิริ ศิริจรรยากุล ที่ปรึกษาฝ่ายโฆษณา ศรวณีย์ ศิริจรรยากุล ผูอ้ ำนวยการฝ่ายโฆษณา อุบลวรรณ จรเจริญสุข 08-1171-1886 ผูจ้ ดั การอาวุโสฝ่ายโฆษณา สุพชั รา มโนรินทร์ 08-1928-1284 ฝ่ายโฆษณา ศุภลักษณ์ เลิศกาญจนวัฒน์ 08-6993-7479, กัณฐลดา ชื่นสวัสดิ์ 08-3016-5400 กุลวรรณ วรรณะลี 08-1934-7615 ผู้จัดการ จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ณัฐธยาน์ อึ้งตระกูลนิธิศ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ จันทร์เพ็ญ ตั้งสัมปัตติวงศ์ ฝ่ายธุรการ ณัฐรดา ตระกูลสม ผูผ้ ลิต บริษทั เดย์ โพเอทส์ จำกัด เลขที่ 3 ซอยเจริญมิตร ถนนสุขมุ วิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 ติดต่อกองบรรณาธิการ โทร. 0-2203-1040 อีเมล adaybulletin@daypoets.com ติดต่อฝ่ายโฆษณา โทร. 0-2203-1040 ต่อ 801, 802, 803, 804, 805, 807 แฟกซ์ 0-2203-1040 ต่อ 811 เว็บไซต์ www.daypoets.com/adb ฝ่ายสมาชิก นริศรา เปยะกัง โทร. 0-2726-9996 ต่อ 11, 12, 49

04

THE DATABASE

THE RANKING

ที่มา : www.askmen.com

10 เมืองน่าอยู่ที่สุดประจำปี 2010

5 6 7 8 9 10

1 2 3 4

นิวยอร์ก, เมลเบิร์น, สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย

โตเกียว, ญี่ปุ่น

มาดริด, สเปน

ลอนดอน, อังกฤษ

เคปทาวน์, ไมอามี, บัวโนสไอเรส, ซิดนีย์, ซานฟรานซิสโก, แอฟริกาใต้ สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา

THE POLL

ที่มา : กรุงเทพโพลล์

สิ่งที่ประชาชนตั้งใจจะทำเพื่อมีส่วนช่วยในการพัฒนาศักยภาพของประเทศไทย จ ะ เ ป็ น ค น ดี ทำหน้ า ที่ ข อง พ ล เ มื อ ง ใ ห้ ดี ที่สุด

34.6%

จ ะ ใ ช้ ห ลั ก พอเพียงในการ ด ำ เ นิ น ชี วิ ต ตั้ ง ใ จ ท ำ ง า น รั ก ษาสิ่ ง แวดล้อม และดูแล ครอบครั ว ให้ ดี ที่สุด

จะรั ก บ้ า นเมื อ ง ไม่ทำลายบ้านเมือง ไม่กอ่ ความ วุ่ น ว า ย ห รื อ ส ร้ า ง ค ว า ม เ ดื อ ด ร้ อ น ใ ห้ ผู้อื่น

24.5%

14.8%

จะเป็นส่วนหนึ่ง ที่ ช่ ว ย ส ร ร ค์ สร้างให้คนไทย รักกัน รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

11.3%

จะประพฤติ ต น ให้เป็นประโยชน์ ต่ อ สั ง คมส่ ว น รวม และช่วยเหลือคนในชาติ

7.7%

จะไปเลื อ กตั้ ง เลื อ กคนดี ม า บริหารประเทศ แ ล ะ ส่ ง เ ส ริ ม ประชาธิ ป ไตย ไทย

7.1%

การทำข้ อ ตกลงหย่ า ขาดระหว่าง ไทเกอร์ วูดส์ ยอดโปรกอล์ฟ ชาวอเมริกัน และอีลิน ภ ร ร ย า ช า ว ส วี เ ด น กำลั ง จะกลายเป็ น การ หย่ า ร้ า งที่ มี ก ารจ่ า ย ค่ า เลี้ ย งดู สู ง ที่ สุ ด ใน ประวัติศาสตร์ คือ 750 ล้านดอลลาร์ฯ หรือราว 24,000 ล้านบาท ที่มา : www.dailymail.co.uk

20,805

ทุกวันนีม้ กี บั ระเบิดทีต่ กค้าง ฝังอยู่ใต้ผืนดินกว่า 100 ล้านอัน ในกว่า 90 ประเทศ ทั่วโลก ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ทุกๆ 20 นาที จะมีการ ระเบิดเกิดขึ้น และตัวเลขที่ โหดร้ายกว่านั้นก็คือ มีคน เสี ย ชี วิ ต เพราะเหยี ย บ กับระเบิดวันละ 40-55 คน ที่มา : www.herorat.org

โดยเฉลี่ยชาวอเมริกัน 1 คน ใช้กระดาษชำระ วันละ 57 แผ่น หรือประมาณปีละ 20,805 แผ่น ส่วนชาวญี่ปุ่นใช้กระดาษชำระเฉลี่ยคนละ 55 ม้วนต่อปี และยังมีอัตราการใช้กระดาษชำระที่ สูงขึ้นต่อเนื่องถึงร้อยละ 10-14 ต่อปี เลยทีเดียว ที่มา : http://blog.toiletpaperworld.com

955 เล่ม

ตลาดหนังสือในประเทศ ไทยมีการผลิตหนังสือใหม่ ออกสู่ท้องตลาดเดือนละ 955 เล่ ม หรื อ โดยเฉลี ่ ย คือจะมีหนังสือใหม่ออกสู่ ตลาดราว 32 เล่มต่อวัน ที่มา : www.pubat.or.th

ปัจจุบันเหลือวาฬสีน้ำเงินที่อาศัยอยู่ในซีกโลกใต้ ประมาณ 2,300 ตัว อีกทั้งมีหลักฐานว่าวาฬเหล่า นั้นมีอัตราการเพิ่มจำนวนเพียงปีละ 7% เท่านั้น ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากหากทั่วโลกยังไม่หยุด การล่าวาฬ ที่มา : คณะกรรมการควบคุมการล่าวาฬนานาชาติ

SURVEY คุ ณ เห็ น ด้ ว ยหรื อ ไม่ กั บ นโยบาย สร้ า งรั ฐ สวั ส ดิ ก ารของรั ฐ บาล (รถเมล์-รถไฟ-ค่าไฟฟรีตลอดชีพ) เพราะเหตุใด “ไม่เห็นด้วยค่ะ ถ้า จะใช้กับทุกคน น่าจะให้ เฉพาะนักเรียนนักศึกษา และคนชราเท่านั้น” ชุตพ ิ ร ชุตธิ รรมิกลุ 32 ปี, DJ “เห็นด้วย ถ้าทำได้ จริง และไม่มีการทุจริต” ปริญญา กล้าปิน่ 38 ปี, DJ “ควรช่วยเหลือเฉพาะ ประชาชนที ่ ช ่ ว ยเหลื อ ตัวเองไม่ได้จริงๆ” บดินทร์ สุภธีระ 31 ปี, นักบิน “เห็นด้วย เพราะเป็น ผลดีกบั คนทีม่ รี ายได้นอ้ ย หากเป็นจริงได้คงจะดี” อุษณีวรรณ นิยม 27 ปี, ฝ่ายการตลาด “ไม่เห็นด้วย เพราะ ใช้ ง บประมาณมากจน เกินไป” นราธิป เรืองปัญญาวุติ 38 ปี, ผูจ้ ดั การแผนกจัดซือ้ “เห็นด้วย แต่อาจจะ มีข้อเสียตรงการบริการ ซึง่ จะไม่คมุ้ กับเงินทีเ่ สียไป” ณัฐ ลีฤทธิเกียรติ 27 ปี, ธุรกิจส่วนตัว

6

• เชียร์บอลกับคนรัก ก็จะมีภาพน่ารักๆ แบบนี้เกิดขึ้นเสมอ ว่าแล้วช่างภาพจึงรวบรวมภาพการจูบกันของแฟนบอล แต่ละทีมมาให้ดู แต่แฟนๆ บางทีมดูก็รู้ว่าไม่น่าจะถ่ายหลังรู้ผลเข้ารอบ เพราะ... หลายทีมรู้แล้วไม่น่าจะมีอารมณ์สวีต กันได้ขนาดนี้ - AFP

PEOPLE

วอร์เรน บัฟเฟ็ต บริจาคเงินมูลค่า 1.9 พันล้าน ดอลลาร์ฯ เข้าการกุศล

วอร์เรน บัฟเฟ็ต อภิมหาเศรษฐี อันดับ 3 ของโลก ชาวอเมริกนั ได้บริจาค หุ้นเพื่อสาธารณประโยชน์ครั้งล่าสุด เป็นมูลค่า 1.93 พันล้านดอลลาร์ฯ โดย แบ่งเป็นหุน้ จำนวน 1.6 พันล้านดอลลาร์ฯ มอบให้แก่มูลนิธิของบิลและเมลินดา เกตส์ ส่วนที่เหลือ 330 ล้านดอลลาร์ฯ บริจาคให้แก่มลู นิธขิ องนางซูซาน ภรรยา ที่ล่วงลับของเขาเอง และยังมีมูลนิธิ เพื่อสังคมอืน่ ๆ อีกเป็นจำนวน 5 มูลนิธิ โดยการบริจาคในปีนี้ของบัฟเฟ็ตถือว่า สูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 1,500 ล้าน ดอลลาร์ฯ เนือ่ งจากปีนบ้ี ริษทั เบิรก์ ไชร์ แฮธาเวย์ ของเขามีผลประกอบการดีขน้ึ โดยก่อนหน้านี้อภิมหาเศรษฐีสหรัฐฯ รายนี้ได้เคยประกาศเมื่อปี 2006 ว่า เขาจะบริจาคทรัพย์สินจำนวน 99% ของเขาเพื่อประโยชน์แก่สาธารณกุศล และได้สร้างประวัติการณ์บริจาคเงิน เป็นจำนวนถึง 37,000 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ ่ ง สู ง ที ่ ส ุ ด ในประวั ต ิ ศ าสตร์ อ เมริ ก ั น มาแล้ว

• การแข่งขันอุ้มภรรยาเป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นทุกปีในประเทศฟินแลนด์ โดยปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 15 แล้ว ถือเป็นการแข่งขันที่โด่งดัง ที่สุดในโลกรายการหนึ่ง ที่สำคัญ ผู้ชนะอุ้มภรรยาปีนี้ก็คือคู่รักชาวฟินแลนด์ที่ชนะไปเมื่อปีที่แล้วอีกด้วย สืบเสาะหาข้อมูลแล้ว ได้ความว่า การแข่งขันอุ้มภรรยานี้เริ่มต้นจากเรื่องเล่าว่าคนฟินแลนด์สมัยก่อนจะอุ้มหญิงสาวที่พึงใจกลับบ้านเพื่อให้ไปเป็นภรรยา นั่นเอง - AFP

HUMAN RIGHTS

กลุ่มรักร่วมเพศในกูเกิลเฮ

AWARD

หลังผู้บริหารประกาศให้เงินพิเศษเพื่อความเท่าเทียม

ถือเป็นองค์กรยักษ์ใหญ่ทใ่ี จกว้างเป็นแม่นำ้ เมือ่ ‘กูเกิล’ เสิรช์ เอนจิน้ ชือ่ ดัง ได้ประกาศนโยบายใหม่ในการให้เงินพิเศษกับพนักงานกลุ่มรักร่วมเพศ เพื่อ ทดแทนเงินภาษีทก่ี ลุม่ คนเหล่านีต้ อ้ งจ่ายให้กบั การประกันสุขภาพของคูร่ กั ตนเอง และทางบริษัทยังได้ให้สิทธิพนักงานกลุ่มรักร่วมเพศในการลาหยุดงานเพื่อ จุดประสงค์เกีย่ วกับครอบครัวและด้านการแพทย์เทียบเท่ากับพนักงานทัว่ ไปด้วย ที่เด็ดที่สุดคือ กูเกิลยังสนับสนุนให้พนักงานเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวกับกลุ่มคนรักร่วมเพศ อาทิ การร่วม เดินขบวนในงานเกย์ไพรด์ทเ่ี มืองซานฟรานซิสโก และกิจกรรมทีเ่ กีย่ วข้องทีก่ ำลังจะจัดขึน้ ในโตเกียว และสิงคโปร์ เป็นต้น ทัง้ นี้ นาย เซอร์ไก บริน หนึง่ ในผูร้ ว่ มก่อตัง้ กูเกิล กล่าวว่า “เราเห็นว่านีเ่ ป็นเรือ่ งของความเท่าเทียมกัน เราไม่มวี นั ทำลาย สิทธิขั้นพื้นฐานในการแต่งงานของพนักงานกับคนที่พวกเขารักเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะเป็นเพศอะไรก็ตาม”

LIFESTYLE

ไม่ ได้โม้! งานบ้าน ต้านมะเร็ง

และแล้วก็ถงึ คราวประกาศชัยชนะของคนทีเ่ ป็นแม่บา้ น หลังจากทีเ่ คยน้อยอก น้อยใจมานานว่าได้แต่ทำงานบ้านงกๆ และไม่ค่อยได้มีเวลาออกไปสังสรรค์ นอกบ้านอย่างใครเขา เพราะการศึกษาวิจัยด้วยงบอุดหนุนของสำนักวิจัย โรคมะเร็งของอังกฤษ ระบุวา่ แม่บา้ นในทวีปยุโรปจำนวน 9 ชาติ ซึง่ มีจำนวนไม่ตำ่ กว่า 200,000 คน ทีห่ มดเวลาไปกับงานบ้าน ตัง้ แต่ทำครัว ทำความสะอาด และ ซักรีดเสือ้ ผ้า อาทิตย์ละไม่ตำ่ กว่า 16-17 ชัว่ โมง โดยงานบ้านเหล่านีส้ ามารถช่วยปกป้องจากโรคร้ายได้มากกว่าการ เล่นกีฬาเสียอีก ถ้าหากเป็นสตรีที่มีบุตรแล้ว การทำงานบ้านจะป้องกันโรคได้มากถึงร้อยละ 30 และกับผู้หญิงวัย หมดประจำเดือนก็จะป้องกันได้รอ้ ยละ 20 เห็นทีแม่บา้ นทัง้ หลายคงต้องเปลีย่ นใจไม่ออกไปช้อปปิง้ นอกบ้านกันแล้วละ

เด็กไทยคว้าแชมป์

สุดยอดโลโก้ของกูเกิล ประกาศผลการประกวดแต่งภาพ ดูเดิลในโครงการ Doodle 4 Google ทีจ่ ดั ขึน้ เป็นครัง้ แรกของประเทศไทยเมือ่ เดือน มกราคม 2553 ทีผ่ า่ นมาในหัวข้อ ‘เมือง ไทยของฉัน’ กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึง่ ผูช้ นะจากการตัดสินด้วยผลโหวตกว่า 140,000 คะแนน ก็คอื เด็กชาย เทิดธันวา คะนะมะ จากโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กับผลงานทีม่ ชี อ่ื ว่า สุพรรณหงษ์ ซึง่ ผลงานดังกล่าวทาง กูเกิลจะนำขึ้นไปวางไว้บนหน้าเว็บไซต์ google.co.th เนือ่ งในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ในวันที่ 12 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ นอก จากนี้ หากใครต้องการชมผลงานชนะเลิศ ในระดับอืน่ ๆ ทีท่ างกูเกิลได้ตดั สินเอาไว้ ก็สามารถเข้าไปชมได้ที่ www.google. co.th/doodle4google

ENTERTAINMENT พบภาพเก่าเก็บของ ‘เอลวิส เพรสลีย์’ ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน

ใกล้จะถึงวันครบรอบ 33 ปี แห่งการจากไปของราชาเพลงร็อกแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย’์ ในเดือน สิงหาคมแล้ว เราจึงมีเรือ่ งเซอร์ไพรส์ลา่ สุดของเอลวิสมาให้แฟนเพลงได้ระลึกถึงกัน เนือ่ งจากเพิง่ มีการค้นพบ ภาพถ่ายขาวดำเก่าเก็บของเอลวิสจำนวน 3 รูป ทีถ่ า่ ยมานานกว่า 50 ปี ทีย่ งั ไม่เคยปรากฏทีไ่ หนมาก่อน โดย ภาพดังกล่าวเป็นภาพนักร้องดังกำลังทักทายแฟนคลับอยูท่ ห่ี น้าประตูรว้ั ‘เกรซแลนด์’ แมนชัน่ หรูทเ่ี อลวิสเคยอยู่ ทัง้ นี้ แองจี มาร์เชส ผูเ้ ชีย่ วชาญด้านของสะสมกล่าวว่า รูปถ่ายดังกล่าวซุกซ่อนอยูใ่ นซองจดหมายเล็กๆ ทีไ่ ม่ได้ จ่าหน้าซอง และเธอเองได้ศกึ ษาข้อมูลทีเ่ กีย่ วข้อง จึงพบว่าภาพน่าจะถูกถ่ายเมือ่ ปี ค.ศ. 1957 ขณะทีเ่ ขาอายุ ราว 22 ปี ทั้งนี้ รูปถ่ายของเอลวิสจะถูกจัดแสดงในนิทรรศการภายในเกรซแลนด์ แมนชั่นของเอลวิส ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ไปจนถึงสัปดาห์แห่งการระลึกถึงราชาร็อกแอนด์โรลในวันที่ 16 สิงหาคมนี้

7

• ดูเผินๆ เหมือนคนใส่ชุดจิงโจ้มานอนอาบแดด แต่ความจริงคือ นี่คือจิงโจ้ตัวจริงที่นอนอาบแดดอยู่ในสวนสัตว์แห่งหนึ่งในเมืองมิวนิก และที่จิงโจ้ทำท่าสบายอารมณ์แบบนี้ เพราะช่วงนี้ ที่เยอรมนีอากาศดีมาก เป็นผลให้ทั้งคนทั้งสัตว์อารมณ์ดีกันไปทั่วหน้าอย่างที่เห็น - AFP

SPORT ‘นาดาล’ สร้างสถิติ ขึ้นตำแหน่งเทียบชั้นอากัสซี

ราฟาเอล นาดาล มือวางอันดับ 1 ของโลกชาวสเปน คว้าแชมป์สมัยที่ 2 ในการแข่งขันเทนนิส แกรนด์สแลมทีเ่ ก่าแก่ทส่ี ดุ ในโลก วิมเบิลดัน แชมเปียนชิป ประเภทชายเดีย่ ว ณ ศูนย์เทนนิส ออล อิงแลนด์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเอาชนะ โทมัส เบอร์ดิช มือวางอันดับ 12 จากสาธารณรัฐเช็ก ด้วยคะแนนทิง้ ห่าง 3-0 เซต 6-3, 7-5, 6-4 ทำสถิตใิ ห้ตวั เองขึน้ เทียบชัน้ กับนักเทนนิสมือหนึง่ อย่าง อังเดร อากัสซี นอกจากนี้ ตำแหน่งแชมป์โลกฝ่ายหญิงก็ตกเป็นของ เซเรนา วิลเลียมส์ นักเทนนิสหญิงชาว อเมริกัน ที่สามารถป้องกันแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ในการแข่งขันครั้งนี้อีกด้วย

ฟุตบอลโลก VS. สัตว์โลก ใครบอกว่าฟุตบอลโลก เป็นเรือ่ งของ ‘คน’ ทัง้ โลก คงคิดผิด เพราะไม่ได้มแี ค่ คนเท่านั้นที่ให้ความสนใจ กับฟุตบอลโลก สัตว์ทว่ั โลกก็กำลังเห่อมหกรรมฟุตบอล โลก 2010 กันยกใหญ่ ตัวไหน เห่อยังไง ไปดูกนั • เจ้าแพนด้าน้อยหลินปิงทีเ่ พิง่ อายุครบ 1 ปี 1 เดือน ไปไม่นาน ก็เพิง่ จัดงานฉลอง ‘หลินปิง เชียร์ไทยไปบอล โลก’ ด้วยการปล่อยหลินปิงลงสนามฟุตบอลจำลอง แต่ ท่าทางจะไม่ชอบเชียร์บอลเท่าไหร่ เพราะให้ใส่ชดุ ทีมชาติ ไหนก็ไม่ยอมใส่ แถมยังไม่สนใจลูกฟุตบอลทีเ่ จ้าหน้าที่ ปล่อยให้เล่นกว่า 50 ลูก อีกด้วย สุดท้ายเมือ่ เจ้าหน้าที่ นำถ้วยฟุตบอลโลกจำลองไปให้ เจ้าหลินปิงกลับรีบคว้า มากอดไว้แน่น เรียกเสียงฮาได้กระหึม่ เลยทีเดียว • ทีเ่ อเวอร์แลนด์ อะควาเรียม ในเกาหลีใต้ เพนกวิน ทีน่ น่ั ก็เห่อฟุตบอลโลกเช่นกัน เพราะเพนกวินทัง้ 11 ตัว ต่างสวมเสือ้ สีแดงเช่นเดียวกับทีมชาติเกาหลีใต้ แล้วลง

ANIMAL องครักษ์สขี่ า พยาบาลเด็กเบาหวาน สุนัขคือเพื่อนที่ดีที่สุด ของมนุษย์ พิสจู น์ได้จาก สายสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า ง หนูน้อย รีเบกกา ฟาร์รา วัย 6 ขวบ ชาวอังกฤษ กับเชอร์ลยี ์ สุนขั พันธุล์ าบราดอร์-โกลเดน รีทรีฟเวอร์ เพราะเชอร์ลยี เ์ ป็นหนึง่ ในฝูงสุนขั ‘ไฮโป-อะเลิรต์ ’ ของ อังกฤษ ทีม่ คี วามสามารถในการดมกลิน่ และเตือน เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เป็นเจ้าของลดต่ำ จนถึงขัน้ เป็นอันตราย โดยมันจะใช้วธิ เี ลียมือเจ้านาย เพือ่ เตือน หรือกระทัง่ ลากชุดตรวจระดับน้ำตาลไปไว้ ข้างๆ เพือ่ ไม่ให้อาการของเด็กหญิงรุนแรงจนถึงขัน้ โคม่า นอกจากนี้ มันยังมานอนเฝ้าข้างๆ เธอทุกคืน ทัง้ นี้ เชอร์ลยี เ์ ป็นสุนขั ไฮโป-อะเลิรต์ เพียง 1 ใน 8 ตัว ทีจ่ ดทะเบียนในอังกฤษ และรีเบกกาจากนอร์ทแธมป์ตันเชียร์ ถูกวินจิ ฉัยว่าป่วยเป็นโรคเบาหวานประเภท 1 เมือ่ 2 ปีทแ่ี ล้ว แต่ละวันเธอต้องฉีดอินซูลนิ เอง 4 ครัง้ และทดสอบระดับน้ำตาลในเลือด 7 ครัง้

สนามฟาดแข้งกันในสนามฟุตบอลส่วนตัวเป็นเวลา 1 ชัว่ โมง แมตช์นไ้ี ม่รวู้ า่ ใครชนะ แต่ทแ่ี น่ๆ เสียงหัวเราะ ดังสนัน่ • ส่วนเจ้าพอล ปลาหมึกยักษ์ในพิพธิ ภัณฑ์สตั ว์นำ้ เดอะ ซี ไลฟ์ ไม่ได้ลงเตะฟุตบอล แต่ตง้ั ตนเป็นเซียนฟุตบอล ด้วยการเสี่ยงทายเลือกหอยในแก้วน้ำที่ข้างในเป็น ธงชาติของทีมต่างๆ ซึง่ ล่าสุดเจ้าพอลก็ทำนายอย่าง แม่นยำว่าเยอรมนีจะเอาชนะอาร์เจนตินา แล้วก็เป็นจริง ตามนัน้ ซึง่ ก่อนหน้านีพ้ อลก็เคยทำนายอย่างแม่นยำ และถูกต้องมากกว่า 80% เลยทีเดียว • เมื่อมีเซียนหมึกได้ ปลาโลมาอย่างเจ้าเซย์โกจาก สวนสัตว์นำ้ ในอาร์เจนตินาก็ไม่ขอน้อยหน้า เสีย่ งทาย ด้วยการเลือกลูกบอล 2 ลูก ที่มีสีธงของทีมชาติ เยอรมนี และอาร์เจนตินา ปรากฏว่าเจ้าเซย์โกกระโดด ขึ้นมาสูง 4 เมตร ไปยังลูกบอลของอาร์เจนตินา สุดท้ายก็อย่างทีร่ ๆู้ กันอยูว่ า่ อาร์เจนตินาพ่ายเยอรมนีไป 0-4 สงสัยต้องส่งไปฝึกงานกับหมึกยักษ์พอลทีเ่ ยอรมนี

“ไทยมี ค นจ่ า ยภาษี เพี ย ง 6 ล้ า นคน แต่ ต้ อ ง ไ ป แ บ ก รั บ ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ใ ห้ ค น ก ว่ า 60 ล้ า นคน ถามว่ า อยากให้ เ ป็ น แบบนี้ กั น หรื อ อย่ า งไร... ควรปล่อยให้ประชาชน ได้ดูแลตัวเองบ้าง” ดอกเตอร์ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวคัดค้านแนวคิด บริการสาธารณะฟรี ตลอดชีพของรัฐบาล Suthichaiyoon.com 2 กรกฎาคม 2553

GREEN PLEASE ญี่ปุ่นตื่นตัว ใช้วิธีนอนเร็ว ลดโลกร้อน

ประเทศญีป่ นุ่ มีแผนทีจ่ ะรณรงค์ลดโลกร้อนด้วยการลดปริมาณคาร์บอน ทีถ่ กู ปล่อยออกมาสูโ่ ลก โดยใช้วธิ กี ารง่ายๆ ทีใ่ ครๆ ก็สามารถทำได้ ด้วยการ เข้านอนให้เร็วขึน้ ซึง่ เป็นแผนงานของโครงการ Morning Challenge Campaign จัดขึน้ โดยกระทรวงสิง่ แวดล้อมของญีป่ นุ่ ทีเ่ ชือ่ ว่าหากทุกคนเข้านอนเร็วและ ตืน่ เช้าขึน้ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถงึ 85 กิโลกรัม โดย การทีเ่ ราเข้านอนเร็วขึน้ 1 ชัว่ โมง จะทำให้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ทถ่ี กู ปล่อยออกมาจากบ้านเรือนนัน้ จะลดลงประมาณ 20% นอกจากจะช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนทีถ่ กู ปล่อยออกมาแล้ว ยังช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้า และพลังงานต่างๆ อาทิ พลังงานเชือ้ เพลิงจากการใช้ รถยนต์ ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกอีกด้วย

ฟังกีฬาขณะขับรถ มีผลเทียบเท่ากับเมาแล้วขับ

Did You Know?

นักวิจยั จากสถาบันวิจยั เพือ่ การขนส่งในประเทศอังกฤษ หรือ TRL ได้คน้ พบว่า การฟังรายการกีฬาขณะขับรถยนต์ ทำให้การตัดสินใจ ของผูข้ บั ขีช่ า้ ลงร้อยละ 20 ซึง่ ผูข้ บั รถจะหยุดรถไกลกว่าระยะทีค่ วรจะ เป็นถึง 6 เมตร หากขับด้วยความเร็ว 112 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง ซึง่ เทียบ เท่ากับการดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างขับรถ สาเหตุเกิดจากผู้ขับขี่ไม่ได้ มีสมาธิจดจ่ออยูก่ บั การขับรถ ทำให้ยากทีจ่ ะตัดสินใจในกรณีฉกุ เฉิน

08

PLAF

ไม่บอกก็ ไม่รู้ว่า ผู้ชายคนนี้อายุ 30 ต้นๆ แล้ว แต่สำหรับชื่อเสียงเรียง นามของเขา กรณ์ ณรงค์เดช ทายาทคนสุดท้องแห่งอาณาจักร KPN หรือประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคพีเอ็น ไลฟ์สไตล์ จำกัด คนนี้ เราเชื่อว่าแม้ไม่ต้องบอก แต่น้อยคนจะไม่รู้จัก อย่างน้อยถ้าคุณเป็นคนที่ ชอบหยุดสายตาไว้ทหี่ น้าข่าวสังคม เราเชือ่ ว่าคุณจะเห็นหน้าเขาบ่อยไม่นอ้ ย กว่าใคร แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่า เดี๋ยวนี้ไม่ได้ไปงานสังคมบ่อยๆ อีกแล้ว สำหรับผูช้ ายทีเ่ กิดมาเพียบพร้อม ไม่วา่ จะมองมุมไหนก็ดสู มบูรณ์แบบ อย่างเขา ไม่ยากเลยที่ใครเห็นแล้วจะฟันธงว่าชีวิตเขาคงสบาย อยู่เฉยๆ ไม่ตอ้ งทำอะไรก็ได้ หรืออาจจะเข้าใจด้วยซ้ำว่า ชีวติ เขาคงไม่รจู้ กั คำว่าเหนือ่ ย และดิ้นรน เพราะมีต้นทุนชีวิตสูง แต่คงมีน้อยคนที่อยากจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว เขาคิดอะไร และสิง่ ทีค่ นจำนวนน้อยอยากรูน้ นั่ เองทีเ่ ป็นเหตุให้เราอยากคุย กับเขาให้มากขึน้ เพราะเราไม่คดิ ว่าชีวติ คนคนหนึง่ มันจะโรยแต่กลีบกุหลาบ หนามสักอันจะไม่มีเชียวหรือ? คุณอาจจะถามกลับว่า แล้วชีวิตเขามีอะไรที่น่าลำบากนัก? เอ่อ... เราคงต้องคุยกันก่อนว่า นิยามคำว่าลำบากของแต่ละคนสูงต่ำไม่เท่ากัน ถ้าคุณหมายถึงการโหนรถเมล์เหงือ่ ไหลไคลย้อย หรือสิน้ เดือนเหมือนสิน้ ใจ แน่นอนว่าชีวติ เขาไม่ได้มเี หตุอะไรทีต่ อ้ งสัมผัสสิง่ เหล่านัน้ แต่ถา้ คำว่าลำบาก ของคุณหมายความถึงการต้องฝ่าฟันคำสบประมาท การก้าวให้พน้ ความ กดดันของคนที่มีแต้มต่อทางสังคมสูง การต่อสู้กับความคาดหวังของ ตัวเองว่า หยิบจับอะไรต้องไม่ลม้ เหลว ทัง้ หมดนัน้ กรณ์ ณรงค์เดช บอกว่า เขาเจอมาบ่อยไม่น้อยกว่าใคร ‘ในบรรดาพี่น้องสามคน ผมเป็นคนที่ขี้เกียจที่สุด และดูเหมือนคน หลักลอยที่สุด หยิบจับอะไร ใครๆ ก็นึกว่าทำเล่นๆ’ กรณ์บอกเรายิ้มๆ แต่เขาบอกเราต่อด้วยว่า ก็เพราะคนอืน่ มองเขาว่าเป็นคนทำอะไรไม่จริงจัง นี่เอง ที่ทำให้เขาค้นพบความจริงจังของตัวเอง กรณ์ทุ่มเทความพยายาม ลงไปกับงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกในชีวติ คือ The Cadogan คอนโดฯ กลางทองหล่อที่ทำยอดขายถล่มทลาย ขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ ยังไม่ทันได้แถลงข่าวเปิดโครงการ หลายคนบอกว่า ฟลุก เพราะคุณแม่ ของเขารู้จักคนมากมาย ไม่แปลกถ้าจะขายได้ - กรณ์ฟังไว้ แล้วก็เฉยๆ

Vincente โครงการหรูอีกโครงการจากฝีมือการปลุกปั้นของเขา ถือกำเนิดตามมาในเวลาไม่นาน และคราวนีข้ ายหมดอีก แน่นอน มีคนวิพากษ์ วิจารณ์อีก - กรณ์ฟังไว้ แล้วก็เฉยๆ ข้ามฟากจากวงการเรียลเอสเตทบ้าง กรณ์เอ่ยปากกับครอบครัวว่า เขาจะรับโครงการประกวดร้องเพลง KPN Awards มาปัดฝุน่ ใหม่ให้ฮอื ฮา และกลับมายืนเป็นผู้นำในโครงการประกวดร้องเพลงให้ได้อีกครั้ง เหมือน ที่ครั้งหนึ่ง KPN เคยสร้างนักร้องมากมายให้กับวงการเพลงไทย จากนั้น กรณ์จึงเป็นผู้บริหารที่คนดูการประกวด KPN คุ้นหน้ามากที่สุด เพราะ เขาไปร่วมชมการประกวดแทบจะไม่เคยขาด ทุกครั้งที่กล้องจับไปที่ใบหน้า ใสๆ ของเขา เป็นอันรู้กันว่านี่คือผู้บริหารหนุ่มหล่อของ KPN และผลจาก ความทุ่มเทแบบเกินร้อย โครงการประกวดร้องเพลงของ KPN จึงได้กลับ มายืนได้อีกครั้ง และคราวนี้เสียงวิจารณ์เกี่ยวกับตัวเขา แม้ว่าจะยังมี ก็อาจจะแผ่วลงไปเรื่อยๆ แม้จะไม่ถึงขั้นหมดไปก็ตาม ‘เราจะไปฟังคนที่ไม่รู้จักเราดีพอทำไม’ กรณ์ย้อนถามเรา แล้วย้ำว่า คนอย่างเขาไม่สนแล้วกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ต่อไปนี้คือการทำงานและ การพิสูจน์ตัวเองว่าเขาไม่ได้ทำอะไรเล่นๆ ถึงวันนี้ ผลงานของเขาก็คงพิสูจน์ ได้ดีในระดับหนึ่งว่า แม้จะเล่น แต่ก็เป็นการเล่นเพื่อก้าวไปข้างหน้า อ่านถึงตรงนี้ คุณอาจรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้โชคดีที่ทำอะไรก็แจ้งเกิด ไปหมด แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เขาเกือบไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชายโชคดีอย่าง ทุกวันนี้ เพราะหมอตรวจผิดว่าคุณแม่ของเขาไม่ได้ตั้งครรภ์ และให้ยาที่ เป็นอันตรายกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า! ถูกแล้ว เขาเกือบไม่ได้แจ้งเกิดมาดูโลก... แน่นอนว่าเป็นความโชคดี ของเขาโดยแท้ แต่... นั่นคงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขาต้องเกิดมาเป็นเขาอย่างทุกวันนี้

AY IT FORWARD สัมภาษณ์ : วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม ถ่ายภาพ : กฤตธกร สุทธิกิตติบุตร

เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากหันมาจับงานบันเทิงอย่างประกวดร้องเพลง KPN เต็มตัว

จริงๆ แล้วปีนเ้ี ป็นปีทเ่ี รียกได้วา่ เปลีย่ นอาชีพใหม่ ก่อนหน้านีก้ จ็ ะดูทางด้านอสังหาริมทรัพย์ตลอด แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่มาดูเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ เนื่องจากว่าการประกวดมันมีมานานมากแล้ว มีตั้งแต่ปี 2527 แล้วพอดีช่อง 9 ให้เวลามาเป็น 9 เทป 9 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ชั่วโมงครึ่ง พอได้โจทย์มาก็คุยกับ ในครอบครัวว่า ถ้าทำแบบเดิมคงไม่เวิรก์ เพราะสมัยก่อนจะเป็นการออดิชนั มา แล้วก็ประกวดรอบสุดท้าย แล้วก็ถา่ ยทอด แล้วก็จบ ก็คดิ ว่าต้องปรับเปลีย่ นรูปแบบใหม่หมด ซึง่ ปัจจุบนั เราก็ไม่ได้เป็นรายการประกวด ร้องเพลงรายการเดียวเหมือนสมัยก่อนแล้ว ก็คยุ กันในครอบครัวว่ามันคงต้องเปลีย่ น พอสรุปว่าต้องเปลีย่ น แล้ว ทีนี้คำถามก็คือใครจะทำ ก็มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา (หัวเราะ) ตอนนั้นก็คุยกันตอนทานข้าวเย็น ในครอบครัว ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าผมจะต้องมาทำ ก็แสดงความคิดใหญ่เลย ว่าต้องเปลี่ยนรูปแบบนะ เพราะ 9 สัปดาห์ ทำแบบเดิมไม่เวิร์กหรอก พอถึงตอนที่ถามกันว่า แล้วใครจะทำ ทุกคนก็เลยหันมา อ้าว ให้ผมทำเหรอ เอ่อ... ทำก็ได้ พูดจริงๆ คือตอนที่รับโปรเจ็กต์นี้มาเลยคือเหมือนกึ่งพ่อแม่บังคับให้มาทำ ก็เลยทำก็ได้ แต่พอทำแล้วกลายเป็นสิง่ ทีช่ อบ และมีความสุข และเหมือนตอนนีอ้ าจจะชอบกว่าทำคอนโดฯ แล้วด้วย ผมว่าส่วนหนึ่งที่เขาให้ผมทำ เพราะผมชอบดูเรียลิตี้เมืองนอก ดูทุกรายการ ที่บ้านก็คิดว่าน่าจะ มีไอเดีย ตอนแรกผมก็บอกคุณพ่อคุณแม่ว่า ถ้าให้ผมทำ ผมมีข้อแม้หนึ่งอย่าง คือผมจะเปลี่ยนระบบ และผมจะทำได้ทุกอย่างตามใจ ห้ามเบรก คือเหมือนว่าถ้าเราจะรับมาแล้วจะปรับเปลี่ยน ตัดสินใจอะไร ก็ได้ ไม่ใช่ทำไปแล้ว ไอ้โน่นก็ไม่ได้ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ถ้าจะเปลี่ยนทั้งทีมันต้องเปลี่ยน 180 องศา ไม่อยากมา เปลี่ยนครึ่งๆ กลางๆ ก็เลยทำ แล้วตอนที่ทำแต่ละตอนๆ ออกไปก็ไม่เล่าอะไรเลย ต้องดูเอง ทุกคนไม่รู้ อะไรเลย อย่างวีกแรกคุณแม่ไปดู คุณแม่ก็เพิ่งทราบว่ามีเซอร์ไพรส์อะไรบ้าง

ก็ไม่เป็นไร เริม่ ใหม่ มันก็เป็นข้อดี แต่ขอ้ เสีย อันนีใ้ นมุมส่วนตัว มันก็จะมีความกดดัน เหมือนกับคนชอบมา พูดว่า ทีบ่ า้ นมีเงิน ทำอะไรก็ได้ คือมันก็ทำให้ผมอยากจะทำให้ได้ เพราะก็รวู้ า่ ทีบ่ า้ นมีเงินเยอะกว่าบ้านอืน่ แต่ว่าเราก็ต้องการทำให้คนเห็นว่าเราทำได้เพราะว่าความสามารถ ไม่ใช่เพราะมีอะไรก็เอาเงินถมเข้าไป

คือหมายความว่าคุณต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยใช่ไหม แล้วตอนที่พิสูจน์ตัวเองอย่างหนักเลย ใช่ตอนที่ ลงมาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือทำคอนโดฯ The Cadogan ขายเป็นครั้งแรกหรือเปล่า จริงๆ คือทำทุกอย่างเต็มร้อยอยู่แล้วนะ แต่ถ้าผมไม่ชอบอะไร ผมก็จะไม่เอาเลย นี่คือนิสัย แต่ถ้าทำปุ๊บคือต้องรู้ทุกอย่าง รู้ทุกรายละเอียด ซึ่งบางทีมันก็ไม่ดีกับการทำงานนะ เพราะบางอย่างเรา ไม่ต้องรับรู้ก็ได้ แต่เราต้องรับรู้ทุกอย่าง มันก็ทำให้เป็นกังวล คิดตลอดเวลา

พอจะยกตัวอย่างได้ไหม โดยเฉพาะตอนที่ทำ real estate

ทุกเรือ่ ง ตัง้ แต่เรือ่ งเหล็ก ต้องใช้อย่างนี้ กระเบือ้ งต้องใช้อย่างนี้ เหล็กอย่างนีเ้ ขาลดสเปกหรือเปล่า จริงๆ ไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่อยากรู้ (หัวเราะ)

แต่พอคุณมาทำ Vincente ก็บูมอีก

ผมว่ามันเป็นทีด่ วงด้วยล่ะ คือก็ไม่คดิ ว่าขายแค่กระดาษ ไม่มหี อ้ งตัวอย่าง ไม่มอี ะไรเลย แต่ 2 เดือน ขายหมด เป็นไปได้ยังไง ก็ตกใจตัวเองเหมือนกัน ประกอบกับว่าตอนนั้นโปรดักต์แบบนั้นมันไม่ค่อยมี คือทำตึกเล็กๆ แต่ว่าสเปกสูง สองคือเป็นช่วงที่คอนโดฯ บูม สามคือหุ้นบูม ทุกอย่างมันประกอบกันหมด

แต่ขณะเดียวกันคุณก็ต้องแปลน หรือคาดการณ์ไว้ก่อนว่ามันจะต้องออกมาดีใช่ไหม

ก็คาดไว้ คือทำอะไรทุกอย่างก็คดิ เข้าข้างตัวเองว่ามันคงจะต้องออกมาดีอยูแ่ ล้ว (หัวเราะ) แต่ไม่คดิ ว่า 2 เดือน จะขายหมด แล้วเราก็ไม่ได้ขายถูกๆ ด้วย ห้องทีถ่ กู สุดคือ 12 ล้าน แพงสุด 37 ล้าน ซึง่ ตอนนัน้ แล้วคุณเก็บความลับขั้นตอนการทำงานทั้งหมดได้อย่างไร ยังไม่ขึ้นโครงตึกเลย ขายกระดาษก่อน แล้วตอนเราเปิดตัวก็จองโรงแรมไว้หมดแล้ว ว่าจะจัดงานเปิดตัว ก็คุยกันในทีมงาน เพราะความรู้สึกผม ผมคิดว่า ที่ผมดูเรียลิตี้มาหลายรายการ ผมก็นั่งศึกษาว่า โครงการ คิดว่าจะไปขายในวันงาน แต่พอไปถึงวันงานจริงๆ ปรากฏว่ามันเหลืออยูแ่ ค่หอ้ งเดียว แต่เราจอง เรียลิตี้ที่มันประสบความสำเร็จคืออะไร ซึ่งผมสังเกตเอาเองว่าทุกรายการที่มันประสบความสำเร็จ มันจะ โรงแรมเพื่อแถลงข่าวทุกอย่างไปหมดแล้ว ก็คิดว่าจะทำยังไงดี จะยกเลิกดีไหม แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนจากที่ มีจดุ หนึง่ ทีเ่ หมือนกันคือมันเป็นเรือ่ งของเซอร์ไพรส์ พอเราดูไปแล้วไม่รวู้ า่ จะเกิดอะไรขึน้ ทำให้เราอยากดูตอ่ จะเปิดตัวโครงการเป็นฉลองความสำเร็จที่ขายหมด (หัวเราะ) ก็เลยเอาจุดนี้เป็นจุดหลัก ก็กลายเป็นว่ารายการนี้ความลับเต็มไปหมด ตอนทำงานก็ต้องแบ่งลูกน้องเป็น คือถ้าจะวิเคราะห์จริงๆ ก็อาจจะมีเหตุผลที่ทำให้มันประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าในแง่ของคนทำงาน หลายระดับมาก เป็นระดับเอ บี ซี เอคือรู้ทุกอย่าง บีคือรู้บางอย่าง เป็นต้น คือขั้นตอนการแบ่งระดับนี่ ถ้ามองเป็นเหตุและผลจริงๆ คิดว่ามันมีอะไรมาสนับสนุน แล้วคุณจับทางถูกตรงไหน ผมคิดเองเลย (หัวเราะ) เพราะว่าถ้าความลับมันหลุดไป มันไม่สนุกไงครับ เวลาคุยกับใครต้องนึกก่อนว่า อันดับแรกตอนนัน้ คือมันเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ ทุกวันนีย้ งั เสียดายอยูน่ ะ คือเราเป็นเจ้าแรกทีใ่ ช้คำว่า คนนี้รู้เยอะหรือรู้น้อย แต่ก็มีบางทีที่หลุดเองนะ boutique condominium ซึ่งเสียดายว่าน่าจะจดลิขสิทธิ์ไว้ เพราะตอนนี้ทุกคนใช้กันหมดแล้ว ตอนนั้นที่คิด ทราบว่าคุณลงไปออดิชันเด็กที่มาประกวดเองด้วย งานกันก็คือ จุดขายของเรามี 3 อย่าง ก็คือ เป็นคอนโดฯ ที่อยู่กลางใจเมือง เดินทางค่อนข้างสะดวก ใช่ครับ ก็สนุกดีครับ เพราะตอนทำคอนโดฯ ก็จะอยู่กับลูกค้ากลุ่มหนึ่ง ได้เห็นชีวิตด้านหนึ่ง พอ ขณะเดียวกันก็เป็นโครงการที่มียูนิตน้อย ขนาดค่อนข้างใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ก็ใช้วิธีคิดจาก ไปออดิชันแบบนี้มันก็จะได้เห็นชีวิตอีกอย่างหนึ่ง หลายๆ คนก็ลำบาก ไม่ได้มาง่ายๆ กว่าจะมาถึงตรงนี้ ตัวผมเองว่าถ้าผมอยู่คอนโดฯ ผมก็คงไม่ชอบอยู่ในตึกที่มี 200 ยูนิต ลงลิฟต์มาแล้วแวะทุกชั้น เจอทุกคน บางคนล้มลุกคลุกคลานมาขนาดไหน ซึง่ มันทำให้เรารูส้ กึ โชคดีดว้ ยว่า เออ ชีวติ เราโชคดีกว่าคนอืน่ ขนาดไหน ตอนเช้า มีความรูส้ กึ อยากจะเป็นส่วนตัวนิดหนึง่ ประเด็นทีส่ ามก็คอื อยากให้ทกุ อย่างมีความสะดวกสบาย คือสิง่ ทีผ่ มไปเห็นตอนไปดูออดิชนั มันคือเรียลิตจ้ี ริงๆ ผมเห็นเลยว่าคนเรามีตง้ั แต่โชคดีไปจนถึงชีวติ กลางๆ เหมือนอยู่โรงแรมห้าดาว คือรวม 3 อย่างนี้ ก็เลยออกมาเป็น boutique condominium

ผมว่าจะมีเงินเยอะเงินน้อย มันต้องอยูท่ ตี่ วั เรา และไม่วา่ จะเงินเยอะแค่ไหน แต่ถา้ เราไม่รสู้ กึ พอใจ มันก็ ไม่มคี วามสุข เพราะฉะนั้น ต้องพอใจกับสิ่งที่เรามี ไปจนถึงชีวิตลำบาก ถ้าพูดในแง่ส่วนตัว มันก็ทำให้เรากลับมาคิดกับชีวิตเราด้วยว่า เออ มีหลายๆ อย่าง แล้วความคิดเหล่านี้มาจากอะไร ก็คิดกันเอง เพราะตอนนั้นเราไปอยู่ boutique hotel แล้วเราชอบมาก ถ้าจะตั้งชื่อโครงการก็ขอ ทีเ่ ราได้มาง่ายๆ แล้วไม่รสู้ กึ ว่ามีคณ ุ ค่า แต่พอได้ไปเห็นชีวติ คนอืน่ ๆ มันทำให้เรารูส้ กึ ว่าชีวติ คนเราบางอย่าง เป็ น boutique condominium ก็แล้วกัน แล้วหลังจากนัน้ ทุกคนก็ใช้คำนีห้ มด (หัวเราะ) เพราะจริงๆ มันไม่เคย ไม่ได้ได้มาง่ายๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เรามีก็ควรจะรักษามันไว้ แล้วก็ให้รู้ตัวด้วยว่าโชคดีที่มี มี ม าก่ อ น แล้ ว เรานิมิตมันขึ้นมาเอง แล้วถ้าไม่ได้ไปเห็นชีวิตคนอื่นตรงๆ แบบนี้ คุณมองว่าอย่างไร คือที่ผ่านมาคนจะพูดกันว่า ผมเป็นคนโชคดี ผมก็คิดในใจว่า จะโชคดีอะไรนักหนา แต่ตอนนี้ ทำอะไรออกมาแต่ละอย่างก็ดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จ แต่คุณก็บอกตลอดว่าเป็นเพราะคุณ เข้าใจแล้วว่าทำไม เหมือนตอนที่ผมไปบวชนั่นแหละ คือตอนอยู่ที่บ้านก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็เฉยๆ พอไปบวช โชคดี ถามจริงๆ ว่า ลึกๆ แล้วเคยกลัวว่าความโชคดีมันจะหมดไปไหม ผมพยายามทำบุญอยูน่ ไ่ี ง (หัวเราะ) ผมว่าทุกอย่างหลักๆ มันอยูท่ ต่ี วั เราด้วย อีกอย่างก็คอื ดวงด้วย ได้ 15 วัน พ่อแม่นิมนต์มาฉันที่บ้าน ก็คิดว่าทำไมบ้านเราสวยขนาดนี้ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าอยู่บ้านแล้วจะมี ถ้ า ถามผมว่ า อย่างการประกวดร้องเพลง ถ้าให้ผมมาทำจุดนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผลมันก็คงไม่ได้เป็นอย่างนี้ ความสุขได้ขนาดนี้ คือบางอย่างเราต้องไปเห็นอย่างอื่นก่อนแล้วถึงจะรู้ว่าสิ่งที่เรามีอยู่มันมีคุณค่า แล้วนอกจากความแตกต่างทางฐานะแล้ว อะไรที่ทำให้คุณได้เรียนรู้จากชีวิตของคนอื่นที่ต่างออกไป ทุกอย่างมันอยู่ที่จังหวะ อยู่ที่โชค อยู่ที่ดวงด้วย คือผมว่ามนุษย์ทกุ คนเรามีฝนั คนหนึง่ ฝันอยากเป็นอย่างนัน้ อย่างนี้ แต่การทีค่ นหนึง่ จะไปถึงฝันได้ แล้วคุณเคยดูดวงบ้างไหมก่อนที่จะทำอะไรแต่ละครั้ง คุณแม่ชอบดู ผมไม่ค่อยดูเอง แต่เวลาลูกทุกคนจะทำอะไร คุณแม่ก็จะเอาดวงไปดูว่าเป็นยังไง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อย่างเด็กบางคนที่มาสมัครไม่มีใครรู้หรอกว่าต้องตกรอบมากี่รอบ ผ่านมากี่เวที คื อ ปกติ ค ณ ุ แม่จะพาหมอดูมาดูบอ่ ย คนไหนดังคุณแม่กจ็ ะเชิญมาหมด แล้วตอนทีท่ ำประกวด KPN คุณแม่ บางทีถูกเอเจนซีหลอกไปว่าจะพาไปเป็นนักร้องก็มี คือต้องล้มลุกคลุกคลานมากกว่าคนอื่นไม่รู้กี่เท่ากว่า ก็ไปพาคุณหมอคนหนึง่ มา เรียกให้ผมมานัง่ ฟัง เขาก็บอกว่ามันจะออกมาไม่ดเี ลยนะ ผมก็คดิ ว่าจะเอาไงดี จะไปถึงความฝัน ผมว่ามันไม่ง่าย ุ แม่ดตู อ่ คิดว่าคนที่เกิดมาโชคดีอย่างคุณ กับคนที่อาจจะเกิดมาโชคไม่ดีอย่างน้องๆ เหล่านั้น มันมีข้อดีข้อเสีย หน้าเสียมาก แต่คดิ ในใจว่าไม่อยากฟังยายคนนีแ้ ล้ว จะเอาไงดี ก็เอาเป็นว่า ถ้าอย่างนัน้ ผมให้คณ แล้ ว กั น ไม่ อ ยากฟั ง มั น เสี ย กำลั ง ใจ ต่างกันอย่างไร คือผมว่า ถ้าเป็นคนโชคดี มีทกุ อย่างพร้อม ข้อดีกค็ อื อะไรในชีวติ มันก็จะได้มาง่ายขึน้ พูดตรงๆ เลย แล้วอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าไม่เชื่อ ธรรมชาติของมนุษย์คือ ถ้าพูดดีเราก็อยากฟัง พอคนพูดไม่ดีเราก็ลังเล ว่าจริงเหรอ แต่ก็ไม่ใช่ว่า เช่น อยากจะลุกขึ้นมาทำโปรเจ็กต์บางอย่าง หรืออยากจะทำอะไรมันก็ง่ายขึ้น แต่ว่าในขณะเดียวกัน ไม่ ฟ ั ง เลยนะ เอามาคิดด้วย ในความโชคดี ผมคิดว่า ก็ต้องเตือนตัวเองเสมอเหมือนกันว่าของทุกอย่างที่ได้มามันต้องมีเหตุและผล แล้ ว ทำไมถึ ง ยั งจะทำอยู่ ทั้งๆ ที่หมอดูคนนั้นก็น่าจะได้ชื่อว่าแม่นนะ ที่ชีวิตนี้โชคดี ผมก็เชื่อว่าในอดีตชาติก็อาจจะต้องมีการทำบุญมา แต่ผมก็เชื่อว่าบุญก็เหมือนกับการ เหมื อ นเรารั บโครงการมาทำแล้ว เหมือนขึ้นมาขี่หลังเสือแล้ว ยังไงเราก็ต้องทำให้ถึงที่สุด จะมา สะสมไมล์ คือถ้าเราใช้ไปแล้วไม่สะสมต่อ มันก็คงหมดไป ในชีวิตนี้เราโชคดี แต่เราก็อยากจะสะสมไมล์ ทำครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้ รับมาแล้วก็ต้องทำให้ได้ ไปสำหรับชาติหน้า คือถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปทำบุญ ช่วยเหลือคนอื่นๆ บ้าง

คุณคิดว่าความพร้อมไปหมดทุกอย่างนี่มีข้อเสียไหม

เหมือนเชื่อ gut feeling มากกว่า?

ใช่ๆ แล้วตอนทีน่ ง่ั คิดรายการ เราก็นง่ั คิดขึน้ มาแทบตายว่ามันไม่เหมือนรายการอืน่ มันก็นา่ จะไปได้ มีครับ เพราะบางทีเราก็ลมื มองเห็นคุณค่า เพราะอะไรทีไ่ ด้มาง่ายเกินไป เราก็จะไม่คดิ มากกับมัน คื อ ลึ ก ๆ แล้วคุณมองว่า เชื่อตัวเองดีกว่าใช่ไหม ซึ่งบางทีมันก็ไม่ดีไง เพราะไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ทั้งที่หากเราใส่ใจให้มากขึ้น เราก็จะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ ใช่ แต่กต็ อ้ งเชือ่ คนอืน่ ด้วยนะ คนอืน่ นีไ่ ม่ได้หมายถึงหมอดูนะ แต่หมายถึงทีมงาน คือเวลาทำงาน เรามีได้เยอะกว่านี้ แต่พอได้มาง่ายก็อาจจะคิดว่าช่างมัน ไม่สนใจ ตั ้ ง แต่ เ ด็ ก ๆ แล้ว ผมจะบอกทีมงาน ลูกน้องทุกคน หรือเวลารับคนใหม่ก็เหมือนกัน จะบอกว่าการทำงาน มีเหตุการณ์อะไรที่เคยมาเตือนแบบจังๆ ให้ต้องหยุดคิดกับเรื่องแบบนี้ไหม ของที ่ น ี ่ คื อไม่ใช่ว่าผมพูดอะไรแล้วทุกอย่างถูกหมด ผมไม่ชอบอย่างนั้น เวลาผมพูดอะไรไป ผมคิดว่ามัน จริงๆ ยังไม่มีจังๆ แต่ก็จะได้เรียนรู้จากการไปบวช ไปดูออดิชัน หรืออย่างตอนนั้นดูหนังเรื่อง The ควรจะเป็ น อย่างนี้ แล้วทุกคนบอกว่าดีๆๆๆ ซึง่ บางทีไม่เห็นด้วยก็บอกว่าดี มันจะทำให้งานเสีย เพราะฉะนัน้ Pursuit of Happyness ที่ วิล สมิธ แสดง ก็ทำให้คิดว่าทำไมเราโชคดีขนาดนี้ คือถึงเราจะพยายามเตือน ผมก็บอกทุกคนว่า เวลาที่ผมพูดอะไร ไม่ได้แปลว่าผมถูกหมด สามารถเถียงได้ สามารถไม่เห็นด้วยได้ แต่ ตัวเอง แต่บางทีมันก็ลืม นานๆ ทีก็ต้องมีอะไรมาเตือนตัวเองบ้าง แน่นอนว่าการจะทำอะไรสักอย่างสำหรับคุณมันมีแต้มต่อเยอะ หรือต้นทุนเยอะ จริงๆ แล้วมันมี ถ้าคุณจะเถียงผม คุณต้องมีเหตุผลที่ดีกว่าผม (หัวเราะ) แล้วผมจะฟังหรือไม่ฟังอันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ ส่วนมากจะฟังนะ ถ้าเขามีเหตุผลที่ดี ความยากอะไร พูดถึงความง่ายก่อน โอเค การทีเ่ รามีเงินทุนเยอะ สมมติวา่ ลุกขึน้ มาทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

spakle-new.pdf 1 7/6/2553 16:55:17

C

M

Y

CM

MY

CY

CMY

K

แล้วมันพิสูจน์อะไรอีกไหม หรือได้เรียนรู้อะไรจากงานใหญ่ๆ ที่ผ่านมาบ้าง

ก็ได้รู้จักตัวเองขึ้นเยอะ คือทำงานแรกๆ ทำงานไม่ค่อยเป็น ก็ต้องปรับโน่นปรับนี่ แรกๆ ไม่ดู รายละเอียด บางอย่างที่จะต้องรู้ ต้องดูตัวเลข ก็ไม่ดู มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี หรือหลังๆ ที่คิดได้ ว่าการทำงานไม่ต้องลงไปจิกทุกดีเทลก็ได้ ก็ต้องปล่อยวางบ้าง บางทีบอกทีมงานแล้วก็ต้องให้ความ ไว้วางใจกับเขา ไม่ใช่ว่าไปจิกตลอดเวลา แล้วมันก็ทำให้คนเขาทำงานไม่ได้

แล้วโปรเจ็กต์ต่อๆ ไป คิดว่าอยากจะพิสูจน์อะไรอีกในความเป็นตัวเอง

ตอนนีท้ ต่ี ง้ั ใจไว้ในชีวติ คือ อยากให้เด็กรุน่ นีท้ ป่ี ระกวด KPN ไป อยากให้เขาดัง เพราะมันเป็นปีแรก ทีผ่ มลุกขึน้ มาดันเด็กเอง เลยอยากรูว้ า่ เขาจะไปได้ไกลขนาดไหน แล้วตอนนีม้ จี ดุ หนึง่ ทีง่ งกับชีวติ พอสมควร คือก่อนหน้านีเ้ คยคิดมาตลอดว่าอาชีพเกีย่ วกับอสังหาริมทรัพย์เป็นอาชีพทีช่ อบทีส่ ดุ แล้ว คงทำอย่างอืน่ ไม่ได้ คือคิดว่าเรารักที่สุดแล้ว สนุกที่สุด พอได้ทำ KPN มันกลายเป็นสนุกมาก แล้วก็ชอบ ตอนนี้ก็เลยเริ่มงงว่า ตกลงจริงๆ แล้วเราชอบอะไรกันแน่ เลยไม่อยากจะพูดว่าชีวติ นีค้ งทำแค่น้ี เพราะถ้าเกิดในอนาคตมีโอกาส อะไรเข้ามา แล้วพอเราได้ทำแล้วชอบอีกเราจะไปรู้ได้ไง ผมว่าเรื่องนี้สำคัญนะ คนเราทุกคนไม่ว่าจะ ทำงานอะไรก็ตาม มันต้องเป็นงานที่เราชอบ เป็นงานที่เรารัก เพราะมันจะทำให้เราให้ความทุ่มเทเต็มที่ อย่างงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก่อนนอนก็จะคิดว่าจะทำยังไง จะคิดตลอดเวลา เพราะมันสนุก แต่เทียบกับ ก่อนหน้านี้ ตอนเรียนจบเคยไปฝึกงานไฟแนนซ์ท่ี Merrill Lynch เพราะตอนนัน้ เข้าใจว่าตัวเองชอบไฟแนนซ์ คิดว่าอยากจะเรียนไฟแนนซ์ตอนปริญญาโท จบตรีมาก็ไปฝึกงาน สรุปว่าเบือ่ มาก ไม่อยากตืน่ ไปทำงานเลย ไปสายทุกวัน ไปสายแล้วยังไม่พอ ไปถึงก็ไม่ทำงาน นั่งแช่แป้งอยู่จนถึง 11 โมง ค่อยเริ่มทำงาน ดีนะเขา ไม่ไล่ออก (หัวเราะ) คือมันไม่ใช่ตัวเรา คิดไปคิดมา สงสัยเราอยากจะทำไฟแนนซ์ เพราะมันดูเท่ดีมั้ง เพราะตอนไปเรียนเมืองนอกเห็นคนทำงานไฟแนนซ์แล้วดูเท่มาก เงินเดือนดี ดูเก่ง แต่พอทำไปแล้วก็รู้สึก ว่าคงไม่ใช่เรา เพราะผมไม่มี passion กับเรื่องไฟแนนซ์ ซึ่งเราเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองชอบไง แต่จริงๆ ที่เรา ชอบก็คือภาพลักษณ์ของคนที่ทำไฟแนนซ์ ไม่ใช่การทำงานไฟแนนซ์จริงๆ

จริงๆ ตรงนี้ก็สำคัญนะ เพราะบางคนมักจะชอบภาพลักษณ์ของคนที่ทำ

ใช่ ดูเท่จังเลย ดูเป็น Wallstreet แต่จริงๆ แล้วไม่ชอบ เพราะธรรมชาติของงานมันไม่ใช่เรา

แล้วธรรมชาติของคุณคือ

(นิ่งคิด) นี่แหละ พวกเอนเตอร์เทนเมนต์ก็ใช่ อสังหาริมทรัพย์ก็ใช่ อย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็น ได้ชัดเลยก็คือ สมัยก่อนผมจะเป็นคนที่ถ้าเจอคนไม่รู้จักก็จะไปแจ๋ๆ ใส่ได้ อย่างเช่นลูกค้าที่ไม่รู้จักก็จะ เข้าไปคุยกับเขา อ๋อ เหรอครับ ดีครับ คือสามารถคุยกับคนแปลกหน้าได้ แต่พออายุมากขึ้นมันกลับทำ ไม่ค่อยได้ คือจะบอกว่า พอเราได้มาทำอะไรที่เป็นตัวเองมากขึ้น มันก็เหมือนเป็นการเปลี่ยนทัศนคติของ ตัวเองด้วย ทำให้เราเห็นตัวเองชัดมากขึ้นด้วยว่า งานที่เมื่อก่อนเราคิดว่าใช่ อย่างไฟแนนซ์มันเป็นงานที่ ต้องเข้าไปหาลูกค้า ไปคุยกับลูกค้า เหมือนขอให้เขามาเปิดบัญชี คือแต่ก่อนเราเข้าใจว่าตัวเราเป็นคนที่ไป แจ๋นคุยกับคนอื่นได้ ซึ่งจริงๆ คือเราเข้าใจผิด เพราะธรรมชาติลึกๆ แล้วเราไม่ใช่คนแบบนั้น

ซึ่ง... กว่าจะมาเจอ

ใช่ เมื่อ 10 ปีให้หลัง (หัวเราะ) ผมก็เลยคิดว่า ตอนนั้นที่มันไม่เวิร์กเพราะมันเป็นแบบนั้น เพราะ เราคิดว่าตัวเองเป็นแบบนัน้ แต่จริงๆ แล้วเราไม่ใช่ แล้วการทีเ่ ราไปคุยกับคนแปลกหน้าเหมือนประจบประแจง เพือ่ ให้เขามาเปิดบัญชี มันเหนือ่ ยไง แต่ตอนนัน้ เราไม่รู้ เราคิดว่าเพราะงานมันไม่สนุก ก็เลยเหนือ่ ย แต่จริงๆ มันเป็นเพราะเราฝืนธรรมชาติของตัวเราเอง ผมว่าธรรมชาติของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าจะฝืนก็คงฝืน กันได้ไม่นาน คงทำได้แค่จุดหนึ่ง แต่ที่สำคัญก็คือ บางทีเราไม่รู้ไงว่าเราฝืนอยู่ มารู้เมื่อสิบปีให้หลังผ่านไป (หัวเราะ)

แล้วมารู้ทีหลัง คิดว่ามันคุ้มไหม

ก็คมุ้ ผมว่าอย่างน้อยเราก็ได้ไปลองทำงานตรงนัน้ ไม่ใช่วา่ มาถึงอายุเท่านีแ้ ล้วมานัง่ คิดว่าจริงๆ แล้ว คือเป็นคนทีฟ่ งั คนอืน่ นะ แต่ในบางเรือ่ งทีผ่ มมัน่ ใจมากๆ เลยว่ามันต้องดีผมก็จะทำเลย อย่างตอน เราชอบไฟแนนซ์หรือเปล่า น่าจะลองดู คือเหมือนเราได้ลองมาแล้วก็เลยรู้ว่ามันไม่ใช่ ที่คิด KPN ตอนแรกสุดที่คิดคือ เราจะตัดออกทีเดียวเลย 7 คน ซึ่งทีมก็ไม่เห็นด้วย คือมี 12 คน ไม่ตัดเลย แต่เท่าที่ดูจากประวัติแล้วสงสัยมากเลย ว่าทำไมถึงเลือกที่จะไปเรียนเกี่ยวกับ HR หรือบริหารงาน แล้วค่อยมาตัดออกทีเดียว 7 คน ผมว่ามันแรงดี ทำให้คนช็อก ทำให้คนตกใจ แต่ทมี งานบอกว่า ไม่เห็นด้วย บุคคล HR นี่ตลกมาก (หัวเราะ) คือตอนนั้นผมทำไฟแนนซ์อยู่ แล้วปกติผมเป็นคนชอบวางแผน ก็แปลน เพราะว่าแฟนคลับของ 7 คน จะหายไปเลยทีเดียว ผมก็คิดว่า เออ ก็จริง ก็เลยเปลี่ยน ชีวติ ไว้วา่ ตอนปริญญาโทอยากจะเข้า Imperial College ทีอ่ งั กฤษมาก เพราะตอนเรียนปริญญาตรีเราเรียน หมายความว่าถ้าเหตุผลดีกว่าก็เปลี่ยน ใช่ ตอนแรกมัน่ ใจมาก ภูมใิ จมาก รับรองว่าใจร้ายขนาดนีค้ นต้องด่าทัง้ เมือง คนต้องพูดถึง (หัวเราะ) แบบง่ายๆ เรียนที่ Regent College เหมือนเป็นที่ที่เรียนง่ายๆ เรียนยังไงก็จบ ก็เลยคิดว่า ไหนๆ จะเรียน ปริญญาโททั้งทีก็เลยอยากเข้าโรงเรียนดีๆ อย่างน้อยเราก็จะได้ภูมิใจกับตัวเอง ใครถามว่าจบที่ไหนจะได้ คุณคิดว่าคุณสมบัติที่ดีหรือที่ควรจะเป็นของคนเป็นผู้นำคืออะไร อันดับแรกคือต้องฟังคนอื่นด้วย ไม่ใช่ว่าเชื่อแต่ตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันเมื่อฟังคนอื่นเราก็ต้องมี บอกไปว่าจบโรงเรียนดีๆ มา ก็เลยคิดไว้ว่าจะเข้า Imperial College ซึ่งตอนนั้นอยากเรียน MBA มาก แต่ที่ จุดยืนที่มั่นคงของตัวเอง ถ้าไม่อย่างนั้นไปเปลี่ยนตามทุกคน มันก็เหมือนไม่มีจุดยืน ภาพองค์กรที่วางไว้ โรงเรียนนี้เขาบังคับว่าจะต้องทำงานสองปี ก็วางแผนว่า ถ้าจะเข้าโรงเรียนดี ก็ต้องทำงานบริษัทดัง ก็เลย มันก็จะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมามันก็มีปัญหาเหมือนกันนะครับ ยกตัวอย่างประกวด KPN Awards ไปสมัครเข้า Merrill Lynch ระหว่างทำงานอยู่ก็เขียนใบสมัครเรียนไว้แล้ว เพื่อที่ว่าเข้า Imperial จะได้เข้า ที่พอเริ่มออกอากาศในเทปแรกๆ ก็จะมีกระแสบวกและลบ พอกระแสลบ โดนติอย่างโน้นอย่างนี้ ลูกน้อง ง่ายๆ พอครบ 2 ปี แล้วไปสมัคร เขาเปลี่ยนกฎ กลายเป็นว่า MBA ต้องทำงาน 3 ปี (หัวเราะ) ก็เลยคิด บางคนที่จิตอ่อนหน่อยก็จะบอกว่า เขาติมาอย่างนี้เราควรจะเปลี่ยนไหม แต่ผมก็บอกว่า ถ้าอะไรที่เขาติ ว่า 3 ปี คงไม่ไหวแล้ว เอาไงดี ตอนนั้นมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งกำลังจะไปเรียน London School Economics เพื่อก่อ แล้วเขารักรายการนี้ โอเค เรามารับฟัง เรามาปรับ เพราะบางคนดูการประกวดรายการนี้มา 20 ปี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ดังกว่า Imperial อีก แต่ว่าเขาจะเรียนสาขา IT Management Information System เขาก็ เขาก็ผกู พันกับเวทีน้ี แต่ขณะเดียวกันก็จะมีประเภททีบ่ น่ ไปเรือ่ ยๆ เราก็อย่าไปฟังมาก ไม่อย่างนัน้ เราจะเสีย ถามว่าไปเรียนด้วยกันไหม ด้วยความสนิท ก็เลยลาออกเลยแล้วกัน แล้วก็ส่งใบสมัครไปจะเรียนกับเพื่อน ปรากฏว่าคอร์ส IT เต็ม พอถามว่ามีวชิ าอะไรอีก เขาบอกว่ามี Management แต่ไม่ได้เป็น MBA ผมก็บอกว่า จุดยืน เพราะถ้าเราไปทำตามเขาหมด แนวทางในรายการที่เราวางไว้มันก็จะไม่เป็นอย่างที่คิด โอเค ถ้าอย่างนั้นเอาอันนี้ แต่ก็เต็มอีก แล้วระบบโรงเรียนที่นั่นมันไม่ดีอย่างหนึ่ง สมมติว่าเวลาที่เรา นอกจากฟังคนอื่นแล้ว มีจุดยืนแล้ว มีอะไรอีกไหมที่คนเป็นผู้นำควรจะต้องมี ควรจะต้องเป็นคนที่ตัดสินใจได้เฉียบขาดพอสมควร ตอนทำงานใหม่ๆ ผมเคยเป็นคนที่ตัดสินใจ โทร.ไปคุย มันไม่ได้แบ่งเป็นสายทางไกล หรือสายในประเทศ คือจะต้องรอโทรศัพท์ประมาณ 40 นาที ไม่เด็ดขาดนะครับ บอกไปแล้วว่าจะเอาแบบนี้ แต่พอไปฟังอีกคนหนึ่งก็คิดได้ว่าไม่เอาแล้ว แบบนี้ดีกว่า ถ้าวางก็ตอ้ งรอคิวใหม่ แล้วตอนนัน้ ก็หงุดหงิดมาก ก็ถามเขาว่ามีคอร์สไหนบ้าง เขาก็บอกว่ามีคอร์ส Human Resource คือเชื่อไหมว่าผมรู้ว่าเขารับผมเข้าเรียนก่อนโรงเรียนเปิดแค่ 2 วัน คือเขาบอกว่าเต็มๆ ตลอด คือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทุกคนที่ทำงานกับเราก็จะงง แล้วสุดท้ายงานมันก็ไม่เดิน ไม่รเู้ ลยว่าได้หรือไม่ได้ โทร.ไปก็ไม่มใี ครรูเ้ รือ่ ง ผมก็คยุ กับคุณพ่อคุณแม่ บอกว่า ผมเชือ่ ว่าเขารับ ตัดสินใจ ความเด็ดขาดมันต้องมาจากอะไร มันก็ประสบการณ์ดว้ ยล่ะ ตอนทำงานใหม่ๆ ก็ไม่กล้าดุใครนะ แต่ทกุ วันนีก้ ไ็ ม่คอ่ ยดุนะ นอกจาก ไปเลยก็แล้วกัน แล้วไปคุยที่โน่นเลย คุณแม่ก็ถามว่า ถ้ามันเต็มแล้วไม่คิดจะสมัครที่อื่นเหรอ ผมก็บอกว่า ไม่เผื่อ มั่นใจ ผมว่าน่าจะได้ เพราะด้วยใบสมัครที่เขียนโม้ สาธยายไปขนาดนั้น เขาน่าจะรับ ก็ตัดสินใจ ยัวะถึงจะดุ (หัวเราะ) ไปเลย แล้วก็รู้ 2 วัน ก่อนเปิดเทอมว่าเขารับ คุณมักจะยัวะกับเรื่องอะไร เรื่องที่บางทีมันไม่ได้ดั่งใจน่ะครับ อย่างสัปดาห์แรกของการขึ้นคอนเสิร์ต เด็กขึ้นเวทีสัปดาห์แรก ตกลงคือเลือกเพราะว่าจะเรียนที่ LSE ไม่ได้เกี่ยวกับวิชาที่อยากจะเรียน ใช่ ไม่ได้เกี่ยวกับคอร์สเลย คือมันเหลืออะไรก็เอา (หัวเราะ) แต่พอไปเรียนมาแล้วก็ดีนะครับ ผมก็จะไปดูเขาซ้อม ซ้อมจนถึงเที่ยงคืนแล้วแต่มันก็ยังไม่เวิร์กสักที ผมก็บอกว่า ให้ซ้อมอีก ทีนี้ทีมงานผม เพิ ่ ง รู ้ ว ่ า ในองค์ กร ทรัพยากรที่เป็นบุคลากรด้าน HR มันสำคัญขนาดไหน ซึ่งก็ดี ได้นำมาใช้กับชีวิต ก็จะมีทมี งานซึง่ รูจ้ กั กันมาบ้าง บางคนก็เพิง่ เข้ามาใหม่บา้ ง เขาก็คดิ ว่าผมใจดีไง ทีมงานก็บอกว่า สงสารเด็ก เด็กเพิง่ มาประกวดมาได้ขนาดนีก้ ด็ แี ล้ว ไม่ตอ้ งเอาดีมากหรอก แค่นก้ี พ็ อแล้ว จะไปกดดันอะไรมาก ตอนนัน้ การทำงานจริงๆ นัง่ กันอยู่ 7-8 คน ผมก็เลยบอกว่า เวทีนต้ี อ้ งการคนทีพ่ ร้อม ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ตอ้ งมาประกวดเวทีน้ี ไปประกวด ยุคนี้เขาว่ากันว่าเป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับ Human Capital ซึ่งจะว่าไปการทำงานกับคนมันเป็น เวทีอื่น พูดออกมาเดี๋ยวนั้นเลย แล้วทุกคนเงียบหมด แล้วทีมงานก็หันไปตะโกนบอกให้ซ้อมต่อ (หัวเราะ) สิ่งที่ยากที่สุด ใช่ ยากที่สุด แล้วพนักงานบางคนอยู่มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ผม บางคนเป็นคนรุ่นใหม่ คือนานๆ จะใช้อารมณ์แบบนั้นบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยครับ เพราะฉะนัน้ คือเวลาทีเ่ ราคุยกับคนรุน่ เก่า และคนรุน่ ใหม่ ก็ตอ้ งใช้วธิ ที ไ่ี ม่เหมือนกันด้วย เห็นไหม เรือ่ งเรียน การทำงานที่ผ่านมามันพิสูจน์อะไรในตัวคุณได้บ้าง ก็รู้ตัวชัดเลยว่า ผมชอบทำงานประเภทที่เป็นโปรเจ็กต์ ไม่ชอบทำอะไรที่เป็นรูทีน คือเริ่มต้นแล้ว มันก็มากับดวง เหมือนได้ไปเรียนโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็มีประโยชน์ มันทำให้ผมได้เรียนรูก้ ารทำงานกับ จบไป คือไม่ชอบทำอะไรที่เหมือนเดิมตลอดเวลา ชอบทำตั้งแต่ต้นจนจบแล้วทุ่มเต็มที่ แล้วค่อยเริ่มใหม่ คน แล้วมันเอามาใช้กบั การทำงานได้เยอะ ยิง่ ในวงธุรกิจ มันก็ทำให้ได้รู้ว่า บางทีความจริงใจคนเรามันก็ไม่ ได้มีทุกคน อย่างบางครั้งผมไปดีลกับคน บางทีก็ถูกหลอกมาบ้าง มันสอนว่าต่อไปต้องดูคนให้เป็น แล้ว เป็นก้อนๆ อย่างตอนที่ทำอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นแบบนั้น ทำเป็นโปรเจ็กต์แล้วจบไป

ถ้าให้วเิ คราะห์ตวั เองแบบตรงไปตรงมา คิดว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นคนมีเหตุผล หรือดือ้ หรือเป็นคนแบบไหน

เรื่องนี้บางทีมันก็ยาก เพราะบางทีไว้ใจเกินไปก็มี คือการ trust กันมันก็ดีนะครับ แต่ผมว่าการ trust มันก็ตอ้ งมีลมิ ติ เหมือนกัน

เวลาโดนหลอกแล้ว fail ไหม

ไม่ fail แต่เจ็บใจ (หัวเราะ) คือเหมือนโง่ไง ทำไมเราโง่ขนาดนี้วะ เจ็บใจอยู่ ไม่นาน แต่มนั ก็เป็นเหมือนประสบการณ์ทด่ี ี อย่างทีส่ ภุ าษิตเขาบอกว่า ง.งู มาก่อน ฉ.ฉิง่ คือโง่แล้วจะได้ฉลาด

กลัวความล้มเหลวไหม

กลัวครับ คือไม่วา่ เราจะทำอะไรก็ตาม ในทุกๆ อย่าง และในทุกๆ ธุรกิจ ผมว่า มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทกุ คน คือทำอะไรไปแล้วก็อยากจะให้มนั ประสบความสำเร็จ ถ้ามันไม่ประสบความสำเร็จมันก็เซ็งจิต (หัวเราะ) ก็กลัว แต่ก็ยังไม่เคยล้มเหลวอย่าง จริงจัง ทุกงานที่ผ่านมามันก็ไม่ได้ราบเรียบหมด มันก็มีปัญหาบ้าง แต่ก็ผ่านพ้นไปได้ ยังไม่เคยเจอปัญหาที่หนักมาก แล้วทำยังไงก็ไม่ฟื้นแล้ว ยังไม่มี ซึ่งก็กลัวนะ ไม่อยาก เจออย่างนั้น แต่อย่างพวกพี่ๆ เขาก็เคยเจอความพลาดผิดพลาดมาบ้าง มันก็ทำให้ผมได้ เรียนรู้ว่า ต้องวางแผนดีๆ เพราะโดยส่วนตัวไม่ว่าจะทำอะไร ทั้งในเรื่องส่วนตัว ทั้งเรื่อง งาน ผมจะมีแผนคร่าวๆ เป็นโครงไว้ สมมติโปรเจ็กต์นท้ี ำออกมาแล้วอยากให้เป็นอย่างนี้ แต่ในขณะเดียวกันระหว่างทีท่ ำไปมันก็ตอ้ งมีเหตุการณ์สารพัดเกิดขึน้ มา ถ้ามีเหตุการณ์ เราก็ต้องปรับไปด้วย แต่ถึงยังไงเราก็ต้องยึดโครงตรงนี้ไว้ แต่มันจะเป็นโครงที่ค่อนข้าง ยืดหยุ่นนิดหนึ่ง สามารถปรับตามได้ แต่เราต้องมีจุดโฟกัสว่าถึงยังไงมันก็ต้องอยู่ตาม จุดทีเ่ ราวางไว้ ไม่ใช่วา่ เกิดอะไรขึน้ แล้วเปลีย่ นเส้นทางไปเลย แล้วมันก็พงั ไปเลย เหมือน ไม่มีจุดโฟกัส ซึ่งโครงที่เราคิดมา เราก็ต้องคิดมาพอสมควรแล้วว่ามันเป็นทางที่น่าจะ เป็นทางที่ถูก

ปรึกษาใครเป็นพิเศษไหมเวลาที่ทำธุรกิจ

ทีฟ่ งั หลักๆ ก็คอื พีช่ าย กับคุณแม่ เพราะเหมือนเขามีประสบการณ์มากกว่าเรา คุณแม่จะให้คำปรึกษาสไตล์วา่ ถ้าเป็นหม่ามี้ หม่ามีจ้ ะทำอย่างนี้ แต่ตามใจเรา เรือ่ งเรียน ก็เหมือนกันครับ ตอนเรียนจริงๆ คุณแม่อยากให้เรียนทนาย เขาก็จะบอกว่า ถ้าเป็น หม่ามี้ หม่ามีจ้ ะเรียนเพราะมันดีอย่างนีน้ ะ ไม่มใี ครมาหลอกได้ แต่กแ็ ล้วแต่ คือถ้าแล้วแต่ ผมก็ไม่เรียน (หัวเราะ) แต่กบั พีช่ ายคนโต คือพีก่ พ เวลามีอะไรผมชอบปรึกษาเขา เพราะ ดีอย่างหนึ่งที่เขาเป็นคนแบบขวานผ่าซาก เป็นคนที่ตรงๆ มาก ดีก็ดี ไม่ดีก็บอกไม่ดี จะไม่เคยชมหรือให้กำลังใจอะไรเลย ถ้าชมคือเราต้องดีมากๆ ซึ่งพอเขาชมเราก็ดีใจ จังเลย ซึง่ มันก็ดไี ง เพราะปกติไม่มใี ครกล้าบอกผมตรงๆ ถึงแม้จะบอกทีมงานว่ามีอะไร ผมรับฟังนะ แต่ก็มีคนที่กล้าพูดน้อย เหมือนผมอยู่ในวงที่ทุกอย่างดี สวยงาม เจ๋ง ไปหมด แต่การที่มีพี่ชายคนโตก็เหมือนเป็นกระจกส่องมา ว่าบางอย่างที่เราคิดว่าดี มันอาจจะไม่ดีอย่างที่คิด

แล้วคุณรับได้ไหมเวลาที่พี่ชายคนโตเขาวิจารณ์

ก็ชินแล้วครับ เพราะอยู่กันมา 30 ปี (หัวเราะ) แต่เวลาที่เขาชมอะไร ทุกวันนี้ ยังดีใจมากนะครับ อย่าง Cadogan ตอนแรกที่เราลุกขึ้นมาทำ เขาก็ไม่คิดนะว่าเราจะ ทำได้ พอทำได้ เขาก็บอกว่าเก่งนะ แสดงว่าต้องดีจริง เพราะตอนนั้นทุกคนในบ้าน ก็ไม่ได้มาคาดหวังกับผมมาก เพราะเขาคิดว่าผมทำเล่นๆ คือในพี่น้องสามคนผมเป็น คนทีข่ เ้ี กียจทีส่ ดุ แล้วภาพทีค่ นในบ้านเห็นก็จะเห็นว่าผมลอยไปลอยมาไปวันๆ ไม่คดิ ว่า จะลุกขึ้นมาทำอะไรได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง

แล้วอะไรที่ทำให้ฮึดขึ้นมาทำอย่างจริงจังได้

ก็เหมือนว่าเราโตแล้ว เรียนจบแล้ว สิ่งที่เราทำมันคืออาชีพจริงๆ แล้วนะ โอเค ตอนไปฝึกงานตอนนัน้ ก็เหมือนไปหาตัวเองให้เจอ แต่อนั นีม้ นั เป็นบริษทั ใหม่ ตัง้ ขึน้ มาเอง เป็นบริษัทที่เราทำคนเดียว คิดคนเดียว เหมือนโตแล้ว จะมาเล่นๆ ลอยๆ ไม่ได้ ก็ต้อง ทำให้ได้จริงๆ

พอประสบความสำเร็จมา มันก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นลบตามมาอยู่ดี เสียง วิพากษ์วิจารณ์ที่ฟังมาจนเบื่อเลยคืออะไร โอ๊ย ทำคอนโดฯ ขาย ก็ต้องขายหมดอยู่แล้ว เพราะแม่รู้จักคนเยอะ (หัวเราะ) นี่คือได้ยินบ่อยมาก แต่ผมขี้เกียจมานั่งพูดว่า ใน 24 ยูนิต ของ Cadogan มีคนรู้จักอยู่ แค่ 2 ยูนิต ที่เหลือเป็นใครไม่รู้ ผมไม่รู้จักมาก่อนเลย เสียงวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ผมฟัง แล้วก็ไม่คิดมากนะ เพราะว่าเราก็รู้ลึกๆ ว่ามันเป็นยังไง แล้วเราก็ภูมิใจของเราเองไง

แคร์เสียงวิจารณ์ไหม

แรกๆ เป็นนะ ผมว่าธรรมชาติมนุษย์ทุกคน คือใครว่าเรา ติเรา เราก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย อะไรวะ ไม่รู้จักกันทำไมมาพูดแบบนี้ แต่พออยู่ๆ ไป ภูมิต้านทานมันก็สูงขึ้น แรกๆ ปากพูดว่าไม่สน แต่ลกึ ๆ ก็สนนะ แต่ตอนนีไ้ ม่สนคือไม่สนจริงๆ

แล้วมีวิธีคิดอย่างไรที่จะไม่สนใจเลย

ผมคิดในใจนะ คือใครด่าก็ด่าไปสิ ไม่ใช่พ่อใช่แม่จะมาฟังทำไม (หัวเราะ) ถ้า คนไม่รจู้ กั เราแล้วเอาไปด่า แล้วเรามานัง่ คิดว่าทำไมเขามาว่าเรา มานัง่ คิดกลุม้ ใจ เสียสติ ไปแล้วเราได้อะไร ทั้งที่เขาก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรด้วย ผมก็คิดซะว่าธรรมชาติมนุษย์ ก็อย่างนี้ อย่างตอนทำรายการ KPN Awards ก็โดนเยอะเหมือนกัน คุณแม่ก็กลุ้มใจ เพราะสมัยที่คุณแม่ทำมามันจะเป็นในทางบวกหมด ไม่ค่อยมีทางลบเท่าไหร่ คุณแม่ก็ บอกว่า คนเขาว่าเราเยอะ จะทำยังไง ผมก็บอกว่า หม่ามี้จะไปคิดมากทำไม เวลาเรา ดูทวี ี เรายังด่าคนทีเ่ ราดูเลย ทัง้ ทีเ่ ราก็ไม่ได้ไปรูจ้ กั เขา เรือ่ งพวกนีม้ นั ก็เป็นธรรมชาติของ มนุษย์ จะไปคิดมากทำไม เพราะถ้าเปรียบกับเรา เราด่าใครเสร็จเราก็ไม่ได้คดิ อะไรแล้ว ดังนั้น อย่าไปสน (หัวเราะ)

นี่แสดงว่าโตขึ้น หรือโดนเยอะ

มันก็ชนิ ด้วย เหมือนเราตัง้ รับได้ แต่มอี นั หนึง่ นะเด็ดมาก คือมีคนหนึง่ ผมไม่รจู้ กั เลยนะ เอาผมไปด่าเสียๆ หายๆ ตั้งแต่สมัยเรียนเลยนะ เพราะสมัยไปเรียนที่อังกฤษ ผมก็ใช้ชวี ติ ปกติ ไปเรียนก็ไปด้วยรถไฟใต้ดนิ แต่มคี นหนึง่ เอาผมไปด่าทัง้ โรงเรียนเลยว่า ดัดจริตมากเลยนะ ไปโรงเรียนต้องมีลิมูซีน มีรถเบนซ์มาส่ง ก็คิดว่า เบนซ์อะไรวะ เบนซ์ 20 หน้าต่าง น่ะสิ แล้วผมก็ไม่รู้จักเขามาก่อนเลยนะ จนวันหนึ่งไปเจอเขาใน งานอะไรสักอย่าง แล้วก็มีคนแนะนำว่า นี่กรณ์ คนนี้รู้จักไหม ผมก็บอกว่า รู้จัก

C

M

Y

CM

MY

CY

MY

K

16

ทุกวันนี้ไม่ว่าใครจะคิดยังไงกับผมก็เฉยๆ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ทุกคนจะรักเราหมด มีคนชอบก็ตอ้ งมีคนเกลียด แต่วา่ ขอให้คนทีเ่ รารูส้ กึ ดีดว้ ย และคนทีเ่ ราแคร์ รักเรา เท่านัน้ พอครับ มันก็จะลำบากใจทั้งสองฝ่าย จากดีๆ ก็จะกลายเป็นมองหน้ากันไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ก็มีดูๆ อยู่ เพราะถ้าผมเจอคนที่ใช่ ผมก็อยากแต่งงาน

แล้วความกลัวการหย่ามันยังมีอยู่ไหม

น้อยลงๆ ตอนนีเ้ ริม่ ไปตายเอาดาบหน้า (หัวเราะ) ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่อยากทน แต่ในขณะเดียวกัน ก่อนจะแต่งก็อยากจะชัวร์ที่สุดเท่าที่จะมั่นใจได้ว่าคนนี้ใช่ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วในความเป็นจริงที่จะ เปอร์เฟ็กต์ เลิศเลอ แต่งไปแล้วไม่มปี ญ ั หา มันเป็นไปไม่ได้ ผมว่าทุกคูเ่ วลาจะแต่งงานกับใครมันต้องมีการ ปรับตัวอยู่แล้ว ไม่ใช่สูตรสำเร็จ เหมือนมาม่า เทซุปปุ๊บแล้วเข้ากัน กลมกล่อมได้ มันก็ต้องมีการปรับตัว กันอยู่แล้ว

ความสัมพันธ์ที่ดีในความคิดของคุณคืออะไร

คือเข้าใจซึง่ กันและกัน แล้วก็ไม่ชวนทะเลาะในเรือ่ งทีไ่ ม่เป็นเรือ่ ง เพราะว่าทุกวันนีเ้ หนือ่ ยจะตายอยูแ่ ล้ว จากการทำงาน จากหลายๆ อย่าง พอเจอกันก็อยากจะมี moment ทีส่ บายใจ และมีความสุข ไม่ใช่มาชวน หาเรือ่ งทะเลาะกัน ซึง่ เคยเจอนะ ทะเลาะทุกวัน ตลอดเวลา ผมเหนือ่ ยมาก แล้วคือถ้าผมผิด ผมยอม แต่ถา้ ผมไม่ผิด หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่ยอมนะ เถียงกันสุดชีวิต เหนื่อยมากเลย ตีสามตีสี่ทะเลาะกัน แล้วเราต้องตื่นไปทำงาน อย่างนี้ไม่ไหว

ทำไมในนามบัตรถึงไม่เขียนอะไรเลย มีแค่คำว่า CEO

ใช่ ไม่มี เพราะอยากให้มนั กระชับ และได้ใจความ ไม่ได้หมายความเป็นคนง่ายๆ ไม่เรือ่ งมากหรอก จริงๆ ผมเป็นคนเรือ่ งเยอะและเรือ่ งน้อยในเวลาเดียวกัน คือบทจะเยอะก็เยอะมากนะ ไอ้โน่นไม่ได้ ไอ้นไ่ี ม่ได้ อย่างเรื่องที่เห็นได้ชัดคือเรื่องทานอาหาร จะเรื่องเยอะมาก ต้องไม่เผ็ด ต้องอย่างโน้น ต้องอย่างนี้ แต่คือ ถ้ามีกบั ข้าวทีช่ อบอย่างเดียวเลย ก็อยูไ่ ด้แล้ว ซึง่ นัน่ คือ ข้าวหมูกระเทียม ชอบมาก กินทุกวันก็ได้ ไม่มปี ญ ั หา

ทราบมาว่าตอนเด็กๆ คุณเกือบไม่ได้ออกมาลืมตาดูโลก เพราะคุณแม่ไม่ทราบว่าท้องเหรอคะ

ใช่ ตลกมากเรือ่ งนี้ คือท้องจน 4 เดือน แล้วคุณแม่ไม่ทราบ ตอนนัน้ คุณแม่เล่าให้ฟงั ว่า ท้องมาจน 4 เดือน แล้ว หมอก็ยังบอกว่าไม่ท้อง คือเข้าใจว่าสมัยนั้นระบบอัลตราซาวนด์คงไม่ดีไง หมอก็บอกว่า คุณแม่คดิ ไปเองว่าท้อง เพราะคุณแม่อยากมีลกู อีกคน แล้วหมอก็ฉดี ยาแก้เครียดเข้าเส้นให้ตลอดเวลา ซึ่ง ผมเห็นรูปพี่ๆ ตอนเด็กๆ นั่งอยู่ในอ่างแล้วมีสลิงค์ฉีดยาเต็มไปหมดเลยนะ นั่นคือได้จากที่คุณแม่ไปฉีดยา แล้วเอามาเล่นกัน ทีนี้มีอยู่วันหนึ่งคุณแม่อาเจียนเป็นสีดำ ตอนแรกฝากท้องโรงพยาบาลอะไรสักอย่าง Poster13-A Day.pdf 1 5/7/2553 17:50:28

จำไม่ได้ แต่ตอนนัน้ อยูใ่ กล้โรงพยาบาลกรุงเทพ พ่อก็เลยพาไปเข้าห้องฉุกเฉินทีโ่ รงพยาบาลกรุงเทพ แล้วหมอเวร ตรวจว่าท้อง ทีนพ้ี อรูว้ า่ ท้องแล้ว หมอเจ้าของไข้ทโ่ี รงพยาบาลเดิมก็บอกว่า โอเค ตกลงท้องนะ แต่วา่ ด้วยยา ที่ฉีดเข้าไปทุกวันจะทำให้เด็กไม่มีแขนไม่มีขา ตาบอด อยากให้เอาเด็กออก แต่คุณแม่บอกว่า ไม่ ไม่เคย ทำบาปมา เชื่อว่าลูกไม่เป็นอะไร ก็เก็บไว้ ซึ่งโชคดีว่ารกหนามากเลยไม่เป็นอะไร เพราะรกหนาทำให้ยาที่ จะเข้าไปถึงตัวมันน้อยไปด้วย เหมือนเรามีวนุ้ ยักษ์อนั หนึง่ กันเราไว้ ตอนนีพ้ ๆ่ี บอกว่า ออกมาผิดปกติอย่าง เดียวคือพูดมาก (หัวเราะ) แล้วตอนนัน้ ทีค่ ณ ุ หมอบอกให้เอาออก คุณพ่อก็เซ็นว่าให้เอาออก ซึง่ ผมไม่โกรธ เลยนะ ถ้าผมเป็นคุณพ่อผมก็เซ็นนะ คือมีลูกใหม่ก็มีได้ แล้วพอออกมาคุณพ่อก็พูดทำนองว่า จะเอาอะไร ให้หมด เพราะว่าเหมือนว่าสัง่ ประหารชีวติ ไปแล้ว ก็เลยได้ใจไง ตอนเด็กๆ คุณพ่อตามใจสุดฤทธิ์ (หัวเราะ)

คุณอยากให้ชีวิตต่อไปของคุณเดินไปทางไหนต่อ

ทุกวันนี้มีความสุขกับงานใหม่ที่ทำมากๆ เรื่องประกวดร้องเพลง เพราะว่าสมัยก่อนมักจะได้ยิน คนชอบพูดว่า การสร้างคนเป็นสิง่ ทีด่ นี ะ ผมก็คดิ ว่าอะไรจะขนาดนัน้ จะมีความสุขยังไงวะกับการสร้างคน ไม่เข้าใจ แต่ทกุ วันนีค้ อื เด็กทีป่ ระกวดเราเห็นเขามาตัง้ แต่วนั แรก คือวันทีส่ ภาพไม่มอี ะไรเลย ไม่มใี ครสนใจ จนถึงทุกวันนีพ้ อจบการประกวดมีผลงานเป็นของตัวเอง ไปไหนมีรถตู้ มีแฟนคลับคอยตาม มีคนคอยชืน่ ชม มันภูมใิ จ คือเหมือนเรามีสว่ นทีท่ ำให้จากวันทีเ่ ขาไม่มอี ะไรเลย จนทุกวันนีก้ ลายเป็น somebody แล้วมีคนรัก มีคนชอบ

แล้วกับชีวิตตัวเอง จะแปลนอย่างไร

คือถ้าเป็นไปได้จริงๆ คืออยากรีไทร์ตอนอายุ 40 (หัวเราะ) หรืออีก 8 ปีตอ่ จากนี้ ผมก็อยากอยูเ่ ฉยๆ เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนขี้เกียจไง คือเห็นคุณตาทำงานตลอดจนอายุเยอะแล้ว ชวนไปเที่ยวไหนก็ไม่ไป จนสุดท้ายเดินไม่ได้ ต้องอยู่โรงพยาบาล ผมก็อยากเที่ยวตอนที่ผมยังมีแรงอยู่

ไปเห็นใครรีไทร์ตอนอายุ 40 แล้วชอบเหรอ

ไม่รู้ คิดเอง (หัวเราะ) คือตอนนีบ้ ริษทั มันก็เข้าทีห่ มดแล้ว บริษทั ทีต่ ง้ั ขึน้ มาใหม่ ทีป่ ระกวดร้องเพลง มันก็ยังไม่ถึงปีนะครับ แต่ว่าตอนนี้มันก็เป็นไปในทิศทางที่ผมอยากจะให้เป็น อย่างตอนคิดการประกวดนี้ ก็คิดว่าคงจะดี แต่ไม่คิดว่าคนจะพูดถึงเยอะขนาดนี้ ปีหน้าก็คงปรับอะไรให้มันเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เอา จุดหลวม จุดเล็กจุดน้อยมาปรับแก้ ก็คอ่ นข้างมีแนวทางทีช่ ดั เจนแล้วว่าอยากจะให้มนั ออกมาเป็นทางไหน

ถามจริงๆ ว่า เคยคิดไว้ไหมว่าจะต้องมีเงินในธนาคารเท่านั้นเท่านี้ถึงจะประสบความสำเร็จ

ไม่คดิ แต่ถา้ มีตวั เลขเพิม่ ขึน้ มันก็ดสู บายใจ ภูมใิ จ เหมือนเป็นเงินทีเ่ ราหามาเอง ผมว่าจะมีเงินเยอะ เงินน้อย มันต้องอยู่ที่ตัวเรา และไม่ว่าจะเงินเยอะแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่รู้สึกพอใจมันก็ไม่มีความสุข เพราะ ฉะนัน้ คือต้องพอใจกับสิง่ ทีเ่ รามี ไม่ใช่วา่ เราหามาได้กอ้ นหนึง่ ภูมใิ จแล้ว มีเงินเท่านี้ แล้วพอไปเห็นคนอืน่ เขารวยกว่าเรา ก็ไม่มคี วามสุข คือธรรมชาติมนุษย์มแี ล้วก็อยากจะได้อกี แหละ แต่มนั ต้อง happy กับสิง่ ทีม่ ี ถามว่าตอนนี้พอไหม ก็ happy แต่ถ้าได้อีกก็ไม่ mind ก็ดี (หัวเราะ)

คุณเล่นหุ้นไหม

เล่นแล้วก็เจ๊งไปหมดแล้ว ก็เลยเลิกเล่น คือซื้อไม่เป็นไง ชอบซื้อตอนแพงแล้วขายตอนถูก แล้วก็ ไม่เล่นแล้ว คือผมเป็นคนไม่อา่ นข้อมูลทางการเงินของบริษทั นะครับ เขาว่ามาว่าบริษทั นีด้ ี ก็ซอ้ื ซึง่ ไม่เหมาะ กับการเล่นหุ้น ถึงเจ๊งไง หลังๆ ก็ชอบซื้อเป็นอสังหาฯ ดีกว่า คอนโดฯ ก็ไม่ได้ซื้อเฉพาะตึกของตัวเองนะ มีตกึ ไหนดีกซ็ อ้ื เพือ่ ลงทุน ซือ้ แล้วเอามาแต่ง แล้วค่อยขายต่อ มันก็ได้ราคาดีเหมือนกัน สมมติวา่ มีโปรเจ็กต์นี้ น่าสนใจ ก็ซอ้ื แล้วก็แต่ง ชอบแต่งบ้าน ก็แต่งข้างในหมด แล้วก็ขายต่อในราคาทีก่ ำไรในระดับหนึง่ สนุกดี นะครับ ผมว่า อย่างหุ้น ถ้ามันเจ๊งมันก็กลายเป็นกระดาษเลย จากมูลค่าประมาณ 400-500 กลายเป็น ศูนย์ได้ แต่ทด่ี นิ หรือบ้าน หรือคอนโดฯ ถึงแม้มนั จะขาดทุนยังไง มันก็ไม่เป็นศูนย์ ถึงแม้เราซือ้ มา 1 ล้าน แต่จะเจ๊ง ขาดทุนยังไง ผมเชื่อว่าอย่างน้อยก็น่าจะขายได้สัก 5-6 แสน ขายขาดทุนมันก็ยังเป็นเงินอยู่ ไม่ได้หายไปหมด

ถ้าสมมติให้แนะนำคนที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ จะบอกว่า

โลเกชันสำคัญมาก คือไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย สังเกตว่าทั่วโลกคืออะไรที่เป็น prime location มันก็ไม่มีวันไปไหน เพราะที่ดินมันมีจำกัด ไม่ใช่ว่าจะมีเพิ่มขึ้นได้ ไม่ใช่ว่าจะไปสร้างตึกลอยกลางฟ้าได้ เพราะฉะนั้น ที่ดินหลักๆ สุขุมวิท สาธร สีลม ราคามันไม่เคยลงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ซื้อก็ต้องดูโลเกชัน ยิ่งเศรษฐกิจอย่างนี้ก็ต้องดูว่าเดเวลอปเปอร์คือใคร คุณซื้อแล้วคุณต้องมั่นใจว่าตึกเขาสร้างได้ สุดท้ายคือ ตอนนี้เป็นตลาดของผู้ซื้อ จะซื้ออะไรก็ต่อเยอะๆ หน่อย ซึ่งเชื่อว่าทุกคนน่าจะลดให้ ผมเชื่อว่าทุกอย่างใน โลกนี้ที่บอกว่า ลดไม่ได้ บาทเดียวก็ไม่ลด จริงๆ มันลดได้หมดทุกอย่างนั่นแหละ

แต่การซื้อในที่ที่แพง ใน prime location มันก็ดูง่ายๆ อยู่แล้ว มีวิธีคาดการณ์ไหม กับที่ดินที่ดู ไม่ prime เลย แต่วันหนึ่งมันจะกลายเป็น prime

ก็คิดได้ แต่ผมไม่อยากคาดเดาอะไรที่มันนานเกินไง อย่างก่อนสุวรรณภูมิเสร็จ ก็มีคนถามว่า ทำไมไม่ซอ้ื แถวนี้ ผมก็บอกว่าอีก 5-6 ปี จะไปรูไ้ ด้ไง เกิดเขาไม่สร้างจะทำยังไง คืออันนีเ้ ดาใกล้ตวั มันง่ายกว่า ใกล้รถไฟฟ้าหน่อยก็ดี ถ้าคุณจะไม่ขายต่อ จะปล่อยให้เช่า ฝรัง่ ต่างชาติ ญีป่ นุ่ เขาก็ชอบ เดินทางไปมาสะดวก แต่ผมซือ้ แต่คอนโดฯ ไม่ได้ซอ้ื บ้าน เพราะว่าคอนโดฯ ขายต่อมันขายง่ายกว่าบ้าน ผมว่ามันสะดวก เพราะ เดี๋ยวนี้คนเมืองก็ไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวใหญ่เหมือนสมัยก่อน เพราะฉะนั้น อยู่คอนโดฯ เรื่องการดูแลมันก็ ง่ายกว่า แล้วบางทีไปเทีย่ วต่างจังหวัด เรือ่ งความปลอดภัย การดูแล ก็ไม่ตอ้ งห่วงเหมือนอยูบ่ า้ น แต่เท่าที่ ผมเคยแนะนำเพื่อนให้ซื้อตาม ก็ยังไม่มีใครขาดทุนเลยนะ อันนี้ขอคุยหน่อย (หัวเราะ)

มีอะไรที่อยากจะพูด หรืออยากจะทำความเข้าใจกับคนอื่นในเรื่องไหนไหม

ไม่มี ทุกวันนี้ไม่ว่าใครจะคิดยังไงกับผมก็เฉยๆ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ทุกคนจะรักเราหมด มีคนชอบก็ต้องมีคนเกลียด แต่ว่าขอให้คนที่เรารู้สึกดีด้วย และคนที่เราแคร์ รักเรา เท่านั้นพอครับ

18

GADGET

SWEET

MiLi Pro

การที่ต้องออกเดินทางไปพรีเซนต์งานก็นับว่าเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสกันอยู่แล้ว และคงเป็นฝันร้าย เพิม่ ขึน้ อีกถ้าคุณต้องหอบหิว้ เครือ่ งโปรเจ็กเตอร์นำ้ หนักมหาศาลติดตัวไปด้วย (นีย่ งั ไม่นบั บรรดาอุปกรณ์ตอ่ พ่วง อีกพันแปดร้อยกว่าอย่าง เพือ่ ให้คณ ุ สามารถใช้นำเสนองานได้จริง) ดังนัน้ เราจึงขอเสนอ MiLi Pro โปรเจ็กเตอร์ ที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด รองรับการเชื่อมต่อ iPhone / iPod Touch สายสัญญาณ VGA และ RCA จากเครื่องเล่น DVD สามารถฉายวิดีโอหรือภาพนิ่งได้ในขนาด 40 นิ้ว แบบชัดกริบด้วยอัตราส่วน ความละเอียด 640x480 พิกเซล จากพลังของหลอด LCOS (LED driven micro projector) และแบตเตอรีใ่ นตัว ที่ใช้เวลาชาร์จให้เต็มได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง เท่านั้น คุณสมบัติเปอร์เฟ็กต์กันขนาดนี้ มาในราคาเบาๆ เพียง แค่ 9,500 บาท เท่านี้ก็ไม่ต้องหอบแฮกๆ แบกโน่นแบกนี่ให้เสียลุคกันอีกต่อไป

MOVIE

Mister Donut Flocky Choc

MAGAZINE

Esquire June 2010 IT / POLITICS Issue Despicable Me

เบรกกระแสแวมไพร์ ส ุ ด หล่อ กับมนุษย์หมาป่าก้ามปู กั น ด้ ว ยแอนิ เ มชั น เบาสมอง ที่ว่าด้วยเรื่องของ ‘กรู’ วายร้าย ตัวแสบผู้ชื่นชอบทุกสิ่งที่ชั่วร้าย กำลั ง จะวางแผนขโมยดวง จันทร์! ซึ่งลำพังแค่การวางแผน ขโมยดวงจั น ทร์ และการถู ก ขั ด ขวางจากเหล่ า ฮี โร่ ก็ ดู จ ะ ยุง่ เหยิงมากอยูแ่ ล้ว แต่อาจจะยัง ไม่ยงุ่ พอ ฟ้าก็เลยส่งเด็กกำพร้า 3 คน มาให้เขาดูแล ซึ่งถ้าใคร ได้ เ ห็ น ตั ว อย่ า งมาบ้ า งแล้ ว ก็คงจะรู้ว่าเด็ก 3 คนนี้น่ารัก น่าหยิกขนาดไหน (โดยเฉพาะ ฉากที่เด็กหญิงทำแก้มป่องและ ดี ด แก้ ม ตั ว เองให้ เ กิ ด เสี ย ง เป๊าะๆๆๆ) ยิง่ เมือ่ พบกับสมุนของ กรูที่เป็นตัวประหลาดสี เหลื อ ง ใส่แว่น ก็ยิ่งน่าจะทำให้เสียง หั ว เราะของเราดั ง ขึ ้ นกว่ า เดิ ม ได้ไม่ยาก และเช่นเดียวกับจอม วายร้ายทั่วไป กรูมาพร้อมกับ อาวุ ธ ไฮเทคนานาชนิ ด ทั ้ ง ลำแสงทำให้ ต ั ว หด ลำแสง ทำให้ ต ั ว แข็ ง แถมยั ง มี ย าน พาหนะทุ ก รู ป แบบ ทั ้ ง บนบก ในอากาศ และในน้ำ แวะไปขำ ก๊ า กแบบสุ ด เสี ย งได้ ท ุ ก โรง ภาพยนตร์ 8 กรกฎาคมนี้

เมื่อฝุ่นควันแห่งความเสียหายจากความขัดแย้งทางการเมืองเริ่มจางลง ถือเป็นโอกาสชั้นเยี่ยมที่เราทุกคนจะมอง ภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้ชัดเจนขึ้นด้วยสายตาที่ปราศจากอารมณ์ และอคติ Esquire ฉบับนี้ จึงถือโอกาสพาผู้อ่าน ไปย้อนดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน ด้วยเรื่องสั้น ‘ปีศาจกับกระจก’ ของ วรัญญู อินทรกำแหง ที่ประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านสายตาของเด็กชายปกป้องวัย 15 ปี ที่ตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ อย่างน่าคิด และหลายคำถามก็เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายคนตอบไม่ได้เช่นกัน และถ้าพลิกไปยังหน้าถัดไป ก็จะได้พบกับ บทสัมภาษณ์ พระไพศาล วิสาโล ที่จะมาตอบคำถามทั้งหลายแหล่ที่เรายังหาทางออกไม่ได้นั่นแหละ ส่วนที่ชัดที่สุดว่า ฉบับนี้เป็น issue IT / Politics ก็คือ บทสัมภาษณ์ คุณ สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่นำระบบ IT ที่เรียกว่า GIS มาใช้ในการดูแลและแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างลงตัว ส่วนหน้าปกก็ได้หนุ่มหล่อมาดเนี้ยบอย่าง ทอม ครูซ มาแอ็กหล่อถ่ายรูป และพูดคุยถึงมุมมองในการใช้ชีวิตที่ผ่านมาของเขา ที่มีทั้งความทุกข์ และความสุข คละเคล้ากันไปตามประสามนุษย์โลก เรียกได้ว่า Esquire ฉบับนี้ ให้ครบทุกรสจริงๆ

MUSIC

Half Seas Over : Half Seas Over

“Half Seas Over คือคู่ดูโอจากคนละฝั่งของมหาสมุทรที่โคจรมาทำงานร่วมกัน โดย หนุ่มคนแรกเป็นนักเปียโนชาวอังกฤษที่ขึ้นชื่อลือชาในฝีมือการบรรเลงเปียโนแจ๊ซ และเป็น คนเดียวกับเจ้าของอัลบั้มยอดเยี่ยม 2 ชุด Scheme for thought และ The after suite ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มคือนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน Adam McBride Smith ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของ แฟนเพลงและเป็นกำไรของคนฟัง เพราะงานทั้ง 13 แทร็ก ในอัลบั้มแรกของพวกเขา (ที่ใช้ ชื่อเดียวกับชื่อวง) แสดงให้เห็นถึงการลื่นไหลของดนตรีแจ๊ซ ทั้งยังบ่งบอกถึงความประณีต และความช่ำชองในดนตรีแจ๊ซอย่างมาก และแทร็กที่ผมจะยอมให้คุณพลาดไม่ได้ก็คือ Into the night และ Just to clear my head” เลือกให้โดย : อาทิตย์ พรหมประสิทธิ์ นักวิจารณ์เพลงประจำนิตยสาร Esquire

มิสเตอร์ โดนัท ขอเอาใจคนรัก ช็ อ กโกแลตด้ ว ยการเสนอความ อร่ อ ยรสชาติ ใ หม่ ก ั บ มิ ส เตอร์ โดนั ท ฟล็ อ กกี ้ ช็ อ ก โดนั ท เนื ้ อ แป้งช็อกโกแลตสูตรเข้มข้นส่งตรง จากญี่ปุ่น โดยมีให้เลือกลิ้มลอง 4 รส 4 แบบ ช็อกโกคารา แคทชูนั ท ซึ โดนั ท เนื ้ อ แป้ ง ช็ อ กโกแลต เข้มข้น ท็อปปิ้งด้วยดาร์กช็อกโกแลต และแคทชูนัทให้ความอร่อย กรุบกรอบเต็มคำ และดับเบิลความ อร่อยอีกขั้นด้วยการสอดไส้วปิ ครีม นุ่มละมุน ราดด้วยคาราเมลสูตร เฉพาะหอมอร่ อ ย เบรี ่ เ บอร์ ร ี ่ อัลมอนด์ มิสเตอร์ โดนัท ฟล็อกกี้ ช็อก ที่แสนอร่อยหอมหวานด้วย ท็ อ ปปิ ้ ง และไส้ ว ิ ป ครี ม รสสตรอเบอรี ไวท์ช็อก พีนัทซึ โดนัทเนื้อ ช็ อ กโกแลตท็ อ ปปิ ้ ง ด้ ว ยไวท์ ช็ อ กโกแลต โรยหน้ า ด้ ว ยพี น ั ท พาลีน ที่ให้รสชาติหวานมันอย่า บอกใคร และ ช็อกโกล่า พีนัทซึ โดนัทเนื้อช็อกโกแลตเข้มข้นราด ท็ อ ปปิ ้ ง ดาร์ ก ช็ อ กโกแลต ให้ รสชาติ เ ข้ ม ข้ น และเพิ ่ ม ความ อร่อยกรุบแบบเต็มคำเต็มอิ่มด้วย พีนัทอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งขอบอกว่าของ อร่ อ ยแบบนี ้ ไม่ ได้ ม ี ไปตลอดนะ เพราะคุ ณ สามารถหาทานได้ ไป จนถึง 31 สิงหาคม นี้เท่านั้น ที่ มิสเตอร์ โดนัท กว่า 200 สาขา ทั่วประเทศ สอบถามความอร่อย เพิ่มเติมได้ที่ 0-2635-7926 หรือ www.misterdonut.co.th

COSMETIC

Photo Finish Foundation

Smashbox มี Photo Finish Foundation ทั้ง 7 สูตร เป็นตัวเริ่มขั้นตอนก่อนแต่งหน้า ซึ่งเราขอแจกแจงแต่ละสูตร ดังนี้ Photo Finish Foundation Primer ที่ช่วยให้รองพื้นติดทนยาวนานตลอดวัน Photo Finish Foundation Primer SPF15 with Dermaxyl Complex สูตร สำหรับปกป้องรังสียูวี Photo Finish Color Correcting Foundation Primer สูตรนี้มี 3 สี - สีม่วง สีส้มแอปปริคอต และสีเขียว Photo Finish Foundation Primer Light เหมาะสำหรับผิวมัน และผิวบอบบางแพ้ง่าย สุดท้ายคือ Photo Finish Bronzing Foundation Primer สำหรับสาวผิวแทน ทั้ง 7 สูตรความสวยนี้มีค่าตัวเพียง 1,500-1,800 บาท เท่านั้น ใครอยากสวย เริ่ดจริง อะไรจริง ก็ไม่ควรพลาด!

19

RESORT

บ้านมะกอก

อย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อ หากเราจะพาคุณไปเที่ยวทะเลด้วยกันอีกครั้ง เพราะรีสอร์ตเปิดใหม่บนเกาะกูดที่ชื่อว่า ‘บ้านมะกอก’ แห่งนี้มีดีอยู่ไม่น้อย ด้วยเป็นสถานทีพ่ กั ผ่อนและท่องเทีย่ วในแบบ ‘เกรงใจธรรมชาติ’ เพราะตัง้ อยูท่ า่ มกลางป่าโกงกางและสายน้ำอันเงียบสงบ บรรยากาศห้องพักริมน้ำ ทั้ง 8 ห้อง ก็ดูเป็นกันเองและผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย รวมไปถึงโถงกลางที่ใช้สำหรับนั่งเล่น นั่งดื่ม หรือมองวิวที่ตกแต่งด้วยกิ่งไม้และผ้าทอสีสันสดใส จากใยธรรมชาติก็ยังให้ความรู้สึกชิลล์และติสท์อย่างแรง! นอกจากนี้ ทางรีสอร์ตยังมีกิจกรรมสำรวจป่าโกงกางไว้รอท่าคุณในแพ็กเกจสุดคุ้มอีกด้วย ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเดินริมหาดและเข้าไปดริ๊งก์-แดนซ์ในบาร์ ขอเชิญที่บ้านมะกอกได้เลย เพราะที่นี่มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา... เท่านั้นจริงๆ สนใจคลิกเข้าไปจองห้องพักได้ที่ www.bannmakok.com

RESTAURANT

Minibar Royale

สำหรับ Wine Lover คงไม่อยากพลาดปาร์ตี้ชิมไวน์ครั้งแรกของ มินิ บาร์ รอเยล ที ่ ค ั ด สรรไวน์ ใหม่ จ ากทั ่ ว โลกๆ มาให้ ช ิ ม กั น อย่ า งจุ ใจใน 3 สัปดาห์ Chile Week 7-14 กรกฎาคม ที่เสิร์ฟไวน์จากประเทศชิลี โดยมี ไฮไลต์คือไวน์องุ่นสีแดงก่ำพันธุ์ Carmenere ที่ทางร้านกระซิบบอกมาว่า ดื่มง่ายที่สุด แถมยังจะได้ความสดชื่นอย่างเต็มที่ ส่วนสัปดาห์ถัดไป 14-20 กรกฎาคม จะเป็นช่วง South Africa Week ที่จะเสิร์ฟไวน์รสชาติหวานหอม โดยมีพันธุ์ Chenin Blanc & Pinotage เป็นไฮไลต์หลัก และสัปดาห์สุดท้าย 21-27 กรกฎาคม ที่ถึงคิวของ New Zealand Week ซึ่งมีไวน์ขาวจากองุ่น พันธ์ุ Sauvignon Blanc เป็นไฮไลต์ ซึ่งถ้าได้ทานคู่กับอาหารทะเลสดๆ ยิ่งจะเพิ่มรสชาติให้กันและกันอย่างดีเยี่ยม ซึ่งถ้าใครตัดสินใจไม่ถูกว่าจะ เลือกไวน์ชนิดไหนมาทานคูก่ บั อาหารจานหลักดี ก็ไม่ตอ้ งกังวล เพราะทางร้าน จะมีบริการแนะนำเมนูเด็ดที่เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับไวน์แต่ละชนิดด้วย ซึ ่ ง ทั ้ ง หมดทั ้ ง มวลจะเสิ ร ์ ฟ อยู ่ ภ ายใต้ บ รรยากาศไลฟ์ อ ะคู ส ติ ก จาก เครื่องดนตรีสองชนิด คือ อะคูสติกกีตาร์ และแอคคอเดียน สำรองที่นั่ง ได้ที่ Minibar Royale สุขุมวิท ซอย 23 โทร. 0-2261-5533

CLOTHES

Miss Selfridge

เปลีย่ นวันหนักๆ ให้เป็นวันสบายๆ กับเสือ้ ผ้าสีสนั สดใสทีม่ กี ลิน่ อายซัมเมอร์ ซึง่ ได้แรงบันดาลใจมาจากยุค 50 ถึงกลางยุค 60 เพราะฉะนัน้ นอกจากเนือ้ ผ้า ที่บางเบา ใส่สบายแล้ว สาวๆ ยังจะได้ลุคเป็นสาวรักอิสระ และสนุกสนานไปพร้อมๆ กันด้วย ซึ่งคงจะไม่มีอะไรทำหน้าที่บ่งบอกความสนุก และความอิสระ ได้ดีเท่ากับสีพาสเทลวินเทจเบาๆ กับลายพิมพ์ดอกไม้สุดเก๋อีกแล้ว นอกจากชุดเดรสสั้นบางเบา Miss Selfridge ยังมีทั้งเดนิมสีซีด กางเกงขาสั้น แจ๊กเก็ต เนื้อเบา รวมถึงบรรดาสร้อย ต่างหู กำไล และรองเท้า ให้เลือกช้อปกันอย่างจุใจอีกด้วย ถ้าพร้อมจะล่องลอยไปกับลุคเบาๆ แบบนี้แล้ว เจอกันที่ Miss Selfridge ใน Event Hall ชั้น 3 เซ็นทรัลชิดลม หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2229-7598

GIVE

ให้ผม

ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับ Locks of Love องค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กที่เป็นโรค Alopecia ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เส้นผมและขนหลุดร่วง หมดตัวและจะไม่งอกขึ้นมาใหม่อีกเลย องค์กรแห่งนี้จึงมีหน้าที่จัดหาวิกผมให้กับเด็กที่ประสบกับปัญหาผมร่วง เพราะวิกที่มีขายตามร้านทั่วไปเป็น วิกผมสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งใหญ่เกินไปสำหรับเด็ก หลักเกณฑ์ของการจัดหาไม่มีอะไรยาก เพียงแค่ทางองค์กรจะต้องรอคอยการบริจาคผมจากทั่วโลก ที ่ ต ้ อ งมี ค วามยาวไม่ น ้ อ ยกว่ า 10 นิ ้ ว มั ด หรื อ ถั ก เปี ย ส่ ง ไปให้ ดั ง นั ้ น สาวผมสวยคนไหนที ่ ก ำลั ง ตั ด สิ น ใจหั ่ น ผม ขอให้ ร ี บ คลิ ก เข้ า ไปที ่ www.locksoflove.org เผื่อว่าคุณจะช่วยน้องๆ หนูๆ เหล่านั้นได้

CALENDAR

20

9 - 15 JULY 2010

FRI

MON

TUE

WED

THU

ศิลปะกับ การณ์เมือง 2553

ปัจจุบันขณะนั้น

8th Book Festival For Young People 2010

เหลือง = แดง = แดง = เหลือง

นิทรรศการย่อย ขนาดเล็ก ศิลปะกับการณ์ เมือง 2553 ภาพลายเส้น ปากกาบนกระดาษ ชุด ‘เจ้าแกละ สันติกบั ความ รุนแรง เดือนเมษายนพฤษภาคม 2553 และ อื่นๆ’ โดย สินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2553 ณ ห้ อ งกระจกขวาด้ า นใน บริเวณลานน้ำพุ สถาบัน ปรีดี พนมยงค์

นิทรรศการภาพพิมพ์ โดย สุรชัย เอกพลากร กั บ ผลงานหลากหลาย รูปแบบและหลากหลาย เทคนิควิธีการ แต่เทคนิค ท ี ่ เป ็ น เฉพ า ะ แ ล ะ ม ี พัฒนาการอย่างต่อเนื่อง มากที่สุดก็คือ ภาพพิมพ์ แกะไม้ วันนี้ถึง 30 กรกฎาคม 2553 ณ หอ ศิลปวิทยนิทรรศน์ ศูนย์ วิทยทรัพยากร จุฬา- ลงกรณ์ ม หาวิ ท ยาลั ย (เว้นวันอาทิตย์)

กลั บ มาอี ก ครั ้ ง กั บ มหกรรมหนังสือเพื่อเด็ก และเยาวชน เพื่อกระตุ้น ให ้ เด ็ ก แ ล ะ เ ย า ว ช น ตระหนักถึงความสำคัญ ของการอ่ า นหนั ง สื อ และการเรียนรู้ วันนี้ถึง 18 กรกฎาคม 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์

นิ ท รรศการผลงาน ภาพถ่าย อินสตอลเลชัน อาร์ต วิดีโออาร์ต และ งาน Interactive เชิงความ คิด โดย ถาวร โกอุดมวิทย์ อันได้แรงบันดาลใจ จากเหตุการณ์ความขัดแย้งแบ่งแยกฝักฝ่ายด้วย สี ส ั น อั น เป็ น ปรปั ก ษ์ ใน สังคม วันนีถ้ งึ 15 สิงหาคม 2553 ณ หอศิลป์รว่ มสมัย อาร์เดล (เว้นวันจันทร์)

JF Theatre

JF Theatre เดือนนี้ มากับธีม ‘Sports’ วันนี้ นำเสนอเรื่อง ‘พาฉันไป สกีดว้ ยนะ’ (Take me out to snow land) เรื่องราว ของฟุมโิ อะ หนุม่ ผูค้ ลัง่ ไคล้ สกี ที่ไปตกหลุมรักหญิง สาวระหว่างการไปสกีใน ช่วงหยุดคริสต์มาส แต่ก็ พลาดโอกาสที่จะสานต่อ ความสั ม พั น ธ์ ก ั บ เธอ ร่วมลุ้นกับความสัมพันธ์ ระหว่างสองหนุ่มสาวคู่นี้ ชมฟรี วันนี ้ เวลา 18.30 น. ณ ห้องสัมมนาใหม่ เจแปนฟาวนด์เนชัน

10 11 SAT

SUN

Body Language (II)

หนังสั้นมาราธอน

นิทรรศการงาน ประติ ม ากรรมทำจาก โลหะ โดย อังคณา คงเพชร โดยใช้ร่างกาย มนุ ษ ย์ เ ป็ น ต้ น แบบใน การสร้ า งสรรค์ ผ ลงาน โดยสื ่ อ ถึ ง ความสำคั ญ ของจุดสมดุลของ ร่างกาย และจิตใจ วันนี้ ถึง 21 สิงหาคม 2553 ณ ทวิบู แกลเลอรี สีลม แกลเลอเลีย (เว้นวัน อาทิตย์)

รวมชมหนังสัน้ หลาก สไตล์ ทั้งหนังเล่าเรื่อง หนังทดลอง หนังสารคดี และหนังแอนิเมชัน กว่า 500 เรือ่ ง ทัง้ จากนักเรียน ชั้นประถม มัธยม นิสิต และนักศึกษาจากสถาบัน อุ ด มศึ ก ษาทั ้ ง ไทยและ ต่างประเทศ รวมทัง้ บุคคล ทั ่ ว ไปจากทั ่ ว ประเทศ ชมฟรี วันนีถ้ งึ 1 สิงหาคม 2553 (เว้นวันจันทร์ และ วันที่ 13-18 กรกฎาคม) ณ ห้องประชุมชั้น 4 หอศิ ล ปวั ฒ นธรรมแห่ ง กรุงเทพมหานคร

21 นาฬิกาสปอร์ต จาก Graham

เสื้อเชิ้ตลายตารางหมากรุกสีน้ำเงิน จาก BOTTON UP

เสื้อเชิ้ตลายทางสีน้ำเงิน-ขาว จาก BOTTON UP

SHOPPING!

กระเป๋าใส่ธนบัตร หนังสีน้ำตาล จาก Albedo

แว่นตาทรงนักบิน กรอบโลหะ จาก Modern Amusement

แว่นกันแดดกรอบโลหะ จาก HUGO BOSS

อยากให้คนอื่นมองเราในมุมใหม่ ต้องปฏิวัติตัวเองจากสิ่งแรกสุดที่คนอื่นได้พบเห็น ที่หนีไม่พ้นคือการเปลี่ยนลุคใหม่ให้ดูมาดเนี้ยบ กว่าเดิม ความรู้สึกของคนรอบข้างที่มีต่อเราก็อาจจะเปลี่ยนไป แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเปลี่ยนภายนอกด้วย และภายในด้วย เพราะถึงแม้ จะเปลี่ยนลุคแบบหักมุมขนาดไหน แต่ถ้าสิ่งที่ควรจะเปลี่ยนไม่เคยเปลี่ยนไป มาดเนี้ยบสุดแมนก็คงหมดความหมายได้โดยพลัน

WHERE Men Intrend ที่เดอะมอลล์, เอ็มโพเรียม และพารากอน กระเป๋าใส่เอกสารหนังสีดำ จาก Pierre Cardin

รองเท้าหนัง สีน้ำตาลอ่อน จาก Saya

เข็มขัดหนังถักสีน้ำตาล จาก Bonny Club

เสื้อสูทสีเทาชาร์โคล กระดุมสองเม็ด จาก BOTTON UP

เด็กชายเลขที่ 34

เร�อ่ งและรูปโดย ENZO แปลโดย อนุรกั ษ กิจไพบูลทว� ปก 320.เหลือ 288.เรือ่ งของเด็กชายซุกซนชัน้ ประถมหนึง่ ลูกออดโตชาตัวหนึง่ และผูใ หญหวังดีอกี จำนวนหนึง่ รางวัลหนังสือภาพยอดเยีย่ มจากไตหวัน

aDB_9 July 2010_Half Page.indd 1

ประเทศ! ั ่ ว าท าข ส ุ ก ท ร อ เต ็ น เซ ุ  ค บ ็ ด อ เ ซ� น  า ี ่ ร ท ี ้ น ลด 10 % ตลอดเดอื นกรกฎาคม ‘สัตวโลกผูน า รัก’ (abc: Strips)

รวมนักวาด ปก 175.- เหลือ 157.50.ทีจ่ ริงสัตวโลกไมไดนา รักอยางเดียว มันยังขำอีกดวย (อยางทีเ่ รียกวา ‘ขำสัตว’ - Animal Humor)

บางกอกของฉัน polkadot ปก 285.เหลือ 256.50.-

55 คนดัง รับบทเปนไกด ชวนเราซอกแซกและซึมซับ ไปกับสถานทีใ่ นดวงใจทัว่ กรุงเทพฯ

Best of หัวแจกัน ไตรรงค ประสิทธ�ผล ปก 235.เหลือ 211.50.-

100 ตอนทีด่ ที ส่ี ดุ ของ ‘หัวแจกัน’ การตนู ทีไ่ มไดตง้ั ใจจะตลกเสียดสี แบบตัง้ อกตัง้ ใจ ทวากลับไดผลเกินคาด เจาของเดียวกับ ‘สมุดวาดเขียน’

Better Bento นอยหนา ปก 285.เหลือ 256.50.-

คูม อื การประดิษฐขา วกลองนารักๆ สำหรับสาวๆ ยุคใหม ทีม่ เี คล็ดลับงายๆ อัดแนนเต็มกลอง ทีจ่ ะชวยใหหนุ สวยไมอว น!

5/7/10 13:56:58

BULLETIN BOARD

23

เซ็นจูรี ร่วมกับ กทม. จัดงาน Together We Can รวมกัน เราทำได้

เมื่อวันที่ 19-20 มิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา ณ บริเวณถนนรางน้ำ เซ็นจูรี เดอะ มูฟวีพลาซ่า ได้จดั งานปิดถนนรางน้ำร่วมกับกรุงเทพมหานคร และผูป้ ระกอบการบริเวณ ถนนรางน้ำทุกราย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อนจากการชุมนุม งานนี้ได้รับ ความสนใจจากประชาชนมากมาย มีร้านค้าเข้าร่วมจำหน่ายสินค้า 700 ร้านค้า ลดราคากระหน่ำ แทบจะทุกอณูของถนนรางน้ำคลาคล่ำไปด้วยนักช้อปทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ และบริการต่างๆ ภายในงาน นอกจาก การขายของแล้ว ยังมีเวทีใหญ่ 2 เวทีบริเวณกลางซอยรางน้ำ และบริเวณเซ็นจูรี เดอะมูฟวีพลาซ่า ที่มีกิจกรรมแจกถุงผ้า ‘เรารักสาวรีย์ฯ’ ภายในบรรจุเครื่องบริโภค ต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท องค์กรต่างๆ นอกจากนั้นยังมีรถรางชมเมือง โดยผู้ที่มาช้อปปิ้งสามารถใช้บริการชมเมือง โดยรถรางได้ขับวนรอบอนุสาวรีย์ชัย- สมรภูม ิ ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชนที่เดินทางผ่านไปมามากมาย

ไทยพาณิชย์ เปิดตัวบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ‘สมาร์ทคิดส์’ (Smart Kids)

ธนาคารไทยพาณิชย์ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่หันมาสนใจการออมเงิน เพือ่ อนาคตทีส่ ดใส พร้อมเดินหน้าพัฒนาบริการเงินฝากชุดสมาร์ทคิดส์ ‘บัญชีออมทรัพย์ Smart Kids’ เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุไม่เกิน 15 ปี ปิ๊งกลยุทธ์จูงใจผ่านสื่อการ์ตูนที่เด็กๆ ชืน่ ชอบ ได้แก่ Princess Ariel และ Ben 10 Alien Force โดยเปิดบัญชีเริม่ ต้นที ่ 1,000 บาท ภายใน 31 ธันวาคม นี ้ จะได้รบั ของทีร่ ะลึกเป็นกระปุกออมสินแสนสวย บัตรสมาร์ทคิดส์ และสมุดสติกเกอร์ฟรี และเมือ่ ฝากต่อเนือ่ งทุกเดือน เดือนละ 300 บาทขึน้ ไป รับสติกเกอร์ สะสมไม่ซ้ำแบบทุกเดือน นอกจากนี้ ตลอดช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2553 ธนาคาร ยังได้จดั กิจกรรมสนุกๆ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ทีห่ า้ งสรรพสินค้าชัน้ นำอีกด้วย เด็กๆ จะ ได้พบกับ Ben 10 Alien Force และ Princess Ariel ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.scb.co.th น้องๆ และผู้ปกครองที่สนใจสามารถชวนกันมาเปิดบัญชีได้ที่ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ อย่าลืมนำทะเบียนบ้านและบัตรนักเรียนตัวจริง ของเด็กมาเพือ่ ใช้เป็นหลักฐานในการเปิดบัญชีดว้ ย สอบถามข้อมูลเพิม่ เติมได้ทศ่ี นู ย์บริการ ลูกค้า ธนาคารไทยพาณิชย์ โทร. 0-2777-7777

Let’s Get

arty TStahrteed WP ith

t i m i L r u o Y w o n K “ รูลิมิตการดื่ม” สำหรับใครที่เพิ่งมาเห็น เราขอแนะนำสั้นๆ วา ดื่มมาตรฐาน คือเครื่องมือที่ชวยใหผูดื่มรูวา ดื่มแอลกอฮอลไปแลวมากนอยเพียงใด ดื่มแคไหนถึงจะพอเหมาะ หรือเรียกวา รูลิมิตของตัวเอง เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอลมีมากมายหลายชนิด อาทิ บรั่นดี วิสกี้ ไวน เบียร ซึ่งแตละชนิดมีดีกรี แอลกอฮอลที่ตางกัน และยังเสิรฟในภาชนะที่หลากหลาย จึงยากที่จะทราบปริมาณแอลกอฮอล ที่เขาไปสูรางกายนั่นเอง ทั้งนี้ ปริมาณของแอลกอฮอลกำลังพอดี เพื่อใหรางกายสามารถขับออกมาไดหมดใน เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็คือ ปริมาณ 1 ดื่มมาตรฐาน หรือ 10 กรัม เชน วิสกี้สัดสวน ประมาณ 1/5 แกว (ดีกรี 40% 30 มล.) ไวนประมาณ 1/2 แกว (ดีกรี 12% 100 มล.) และ เบียร 1 แกว (ดีกรี 5% 285 มล.) การนับจำนวนแกวที่ดื่มตามที่กลาวขางตนนี้จะชวยให คุณสามารถจดจำปริมาณแอลกอฮอลในรางกายได และชวยปองกันสภาพที่ไมนาดู ของคุณทีก่ ำลังถูกหิว้ ปกจากบรรดาเหลาเดอะแกงมาวางแหมะลงหนาประตูบา นใหอาย เขาอีกดวย และในครั้งนี้เรามีภาพบรรยากาศจากสถานที่ปารตี้สุดฮิพในกรุงเทพฯ มาอวดใหคุณไดเห็นๆ กันไปเลยวาภาพลักษณใหมเมื่อเราดื่มอยางมีขีดจำกัด มันชาง ‘เจง!’ เสียนี่กระไร เอาละ ทีนี้เราก็รูกันแลววา ‘การดื่มมาตรฐาน’ มันดีอยางไร ตอจากนี้ เตรียมตัวใหพรอม ฟตรางกายใหแข็งแรง และไปพบกับกิจกรรมดีๆ ที่สนุก พรอมใหความเขาใจ เพื่อชักชวนใหคุณเปนสวนหนึ่งของโครงการ ‘Know Your Limit - รูลิมิตการดื่ม’ กันตอไดเลย

24

OUR HOME IS OUR DESTINY เรื่อง : ทรรศน หาญเรื องเกี ยรติ ภาพ : กฤตธกร สุทธิ ก ิ ต ติ บ ุ ต ร

ครัง้ หนึง่ โฮเมอร์ ปราชญ์ชาวกรีก เคยกล่าวไว้วา่ “โชคชะตาเป็นส่วนสำคัญมากอย่างหนึ่งที่ทำให้ เกิดเหตุการณ์ตา่ งๆ” คำพูดนีท้ ำให้เราอดคิดไม่ได้วา่ ชีวติ ของคนเรามักจะมีเรือ่ งราวทีเ่ กิดขึน้ หรือได้อะไร บางอย่างมาโดยไม่คาดฝันกันอยู่เสมอ เหมือนกับ บ้านสวยๆ ของ วรรณฤดี สร้อยคีรี กรรมการ ผู้จัดการของ Aeronaut Freight บริษัทตัวแทนการ ขนส่งสินค้าทางอากาศของการบินไทย ซึ่งที่มาของ บ้านหลังนี้ก็สอดคล้องกับคำกล่าวข้างต้นอย่าง เหมาะเหม็งเสียเหลือเกิน “ถ้าจะบอกว่าบ้านหลังนีไ้ ด้มาแบบฟลุกๆ ก็นา่ จะได้ คือครั้งแรกที่เห็นตัวบ้านก็รู้สึกว่า ใช่เลย! บริเวณบ้านรอบๆ มีต้นไม้สีเขียวเต็มไปหมด ซึ่ง ถูกใจเรายิง่ นัก และเหมือนเป็นเรือ่ งบังเอิญอีกอย่าง ก็คอื เราเกิดวันที่ 14 และเลขทีบ่ า้ นหลังนีก้ ล็ งท้าย ด้วย 14 เช่นกัน” เพราะว่ า ต้ อ งการให้ บ ้ า นหลั ง ใหม่ เติ ม เต็ ม ความรู้สึกที่อยู่สบาย ผ่อนคลาย และให้อารมณ์ เหมือนกับอยู่รีสอร์ตดีๆ สักแห่งหนึ่ง จึงไม่แปลกที่ เธอจะบอกกับเราว่าความสนุกในการตกแต่งบ้าน คือการได้วาดภาพบ้านในฝันเอาไว้ในใจ แล้วก็ชว่ ย กันทำความฝันให้เป็นจริงขึ้นมา “เราอยากได้บ้านที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย จึงเริม่ ตกแต่งตัง้ แต่โครงบ้านไปทีละส่วน ซึง่ เราเป็น คนออกไอเดียทุกอย่างหมดเลย ดูจากหนังสือหลายๆ เล่มทีเ่ กีย่ วกับการตกแต่งบ้าน แล้วก็บอกให้ชา่ งเขา ทำตามแบบทีเ่ ราวางไว้” นอกจากความสุขที่บ้านหลังนี้ค่อยๆ ส่งให้ คนในครอบครัวทีละเล็กละน้อยอย่างสม่ำเสมอ ถึงกันตลอดเวลาแล้ว สิ่งหนึ่งที่เธอบอกว่าสัมผัส ได้อย่างเต็มๆ แบบที่แค่มองตาก็รับรู้ได้ทันทีก็คือ ความอบอุ่นในครอบครัวที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ “พออยู่ในบ้านหลังนี้ มันทำให้เรารู้สึกเหมือน กับเราได้มาพักผ่อนกันจริงๆ คือมันมีกจิ กรรมให้ทำ ร่วมกันในครอบครัวเยอะขึน้ คุณแม่ได้เดินไปดูแมว ที่เก็บมาเลี้ยงไว้ คุณพ่อก็รดน้ำต้นไม้อยู่ในสวน

ส่วนเราเองก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงระเบียงด้าน นอก เจ้าน้องชายตัวดีจะมีมมุ ส่วนตัวของเขาอยูต่ รง โซฟา ไม่เหมือนกับบ้านหลังเดิมที่ต่างคนก็ต่างอยู่ ในห้องของตัวเอง ถึงแม้จะดูวา่ ต่างคนต่างมีกจิ กรรม ของตัวเอง แต่ระยะห่างตรงนี้มันก็คือความใกล้ชิด กันอีกแบบ” สิ ่ ง หนึ ่ ง ที ่ ท ำให้ เราแน่ ใจได้ ในคำกล่ า วของ โฮเมอร์ข้างต้นก็คือ การที่เราได้มาเยี่ยมเยือนบ้าน หลังนี้ มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

ช่วงเวลาที่ผ่อนคลายที่สุดในบ้าน - ช่วงเวลาที่ฝนตก แล้วทุกอย่างมันจะดู ร่มรื่นไปหมด แขกคนสำคั ญ ที่ อ ยากเชิ ญ มานั่ ง เล่ น ที่บ้าน - เบน ชลาทิศ รายการทีวีที่นั่งดูได้ทั้งวัน - มะจัง เพลงที่ใช่ในวันฝนพรำ - ความคิด - แสตมป์ แมกกาซีนที่อ่านบ่อย - ROOM ถ้าบ้านหลังนีเ้ ปรียบเสมือนต้นไม้สกั ต้น - ต้นลีลาวดี ส่วนตัวคิดว่าเป็นต้นไม้ทส่ี วยมาก

26

HEALTH AND HEART

HEALTH

30 PLUS MUST DO THESE

บทความชิ้นนี้เราพลีเพื่อความสุขของ สาววัยสามสิบอัพโดยเฉพาะ เพราะหากอาหารที่ คุณทานในแต่ละวันเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ด และขนม นมเนยที่อุดมไปด้วยแป้งและน้ำตาล โดยไม่มีผัก และผลไม้ ทราบไหมว่าพฤติกรรมเหล่านี้กำลัง บั่นทอนความสาวของคุณลงไปเรื่อยๆ เนื่องจาก อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลถือเป็นแหล่งกำเนิด เซลลูไลต์ในร่างกายของคุณ รวมทั้งยังทำให้ระบบ การเผาผลาญในร่างกายทำงานแย่ลง... ถึงเวลาแล้ว ที่คุณต้องปฏิวัติการทานอาหารแบบเดิมๆ เพื่อการ มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น แล้วควรเริ่มจากจุดไหนดีล่ะ ซึ่งเรามีกุญแจดอกสำคัญที่น่าสนใจและทำได้ง่าย แถมวิธีการที่เรานำมาเสนอนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้ อวัยวะภายในร่างกายทำงานได้คล่องตัว ขณะ เดี ย วกั น ก็ ส ่ ง ผลให้ ผ ิ ว พรรณและใบหน้ า แลดู เปล่งปลั่งอ่อนกว่าวัยด้วย

1

ทานผลไม้แทนขนมหวาน - หลังทานอาหารมือ้ หลัก เสร็จ คนเราก็มกั จะตามด้วยของหวาน เช่น ลอดช่อง ไอศกรีม ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นการตบท้าย ถ้า เป็นฝรัง่ ก็อาจจะเป็นเค้กหรือพุดดิง้ ซึง่ การทานอะไร หวานๆ เพื่อล้างปากหลังอาหารมื้อหลักนั้นไม่ผิด แต่อย่างใด แต่อยากให้คุณมองข้ามขนมเค้กหรือ คุ้กกี้ แล้วหันมาเลือกทานผลไม้สดสักชิ้นสองชิ้น แทน เพราะผลไม้นอกเหนือจากมีวิตามินและ เกลือแร่แล้ว ยังมีเส้นใยอาหาร (Fiber) และสารต้าน อนุมูลอิสระ (Antioxidant) สูง ช่วยย่อยอาหารและ บำรุงผิวพรรณไปในตัว โดยผลไม้ทม่ี กี ากใยสูง เช่น ลูกพรุน ส้มเขียวหวาน กล้วย ส้มโอ ฝรั่ง มะม่วง แอปเปิ้ล ลูกแพร์ ฯลฯ ขนมปังโฮลวีตแทนขนมปังฟอกขาว - แม่บ้าน ยุคใหม่ในต่างประเทศมากกว่า 50% มักเลือกซื้อ ขนมปังฟอกขาวกลับบ้าน เพราะมีความเชือ่ ว่าสะอาด

เอาได้ง่ายๆ ดังนั้น คุณควรเน้นการทานผักเพิ่มขึ้น เป็น 2 เท่า ในอาหารมื้อค่ำ ถ้าคุณทำอาหารทาน เองที่บ้านก็น่าจะมีผัดผัก ผักลวก หรือสลัดผักร่วม เมนูอยู่ด้วยเสมอ วอลนัตและเม็ดอัลมอนด์ - เมือ่ พูดถึงแหล่งโปรตีน สำคัญ นอกเหนือจากเนื้อสัตว์ต่างๆ หลายคนจะ นึกถึงพืชจำพวกถั่ว ซึ่งวอลนัตและอัลมอนด์นั้นถูก ยกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะ อัลมอนด์ที่อุดมไปด้วยไขมันดี สามารถทานเพื่อลด คอเลสเตอรอลและรั บ ประทานแทนอาหารที ่ ม ี ไขมันอิ่มตัวได้ โดยไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแต่ อย่างใด ดื่มน้ำเปล่าเพื่อชะลอวัย - แพทย์ชาวญี่ปุ่นเผย ผลการวิจัยในเรื่องเกี่ยวกับน้ำ พบว่าการดื่มน้ำ ประมาณ 14 แก้วต่อวัน จะทำให้อายุยนื ผิวพรรณ แลดูมนี ำ้ มีนวล โดยเฉพาะในกลุม่ ผูห้ ญิงทีม่ ปี ญ ั หา เรือ่ งผิวแห้งหยาบ ไม่ชมุ่ ชืน้ ดวงตาแห้ง มีกลิน่ ปาก ท้องผูกบ่อยๆ หรือเป็นริดสีดวงทวาร เห็นไหมว่า แค่การดื่มน้ำเปล่าก็สามารถกำจัดโรคร้ายไปได้ ตั้งเยอะ แคลเซียมกับสาวสามสิบ - สำหรับสาววัย 30 ขึน้ ไป ควรบริโภคอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม อาทิ นม พร่องมันเนย 1 แก้ว โยเกิร์ต 1 ถ้วย หรือเนยแข็ง 1 ชิ้น เพราะผลิตภัณฑ์นมดังกล่าวเป็นแหล่งสร้าง แคลเซียมเพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง สำหรับ ผูท้ ไ่ี ม่ชอบผลิตภัณฑ์นม ให้บริโภคนมถัว่ เหลืองหรือ เครื่องดื่มธัญพืชที่มีแคลเซียมสูงแทน ทั้งนี้ แพทย์ แนะนำว่า ผู้หญิงในวัยสามสิบขึ้นไปควรดื่มนม ถั่วเหลืองแทนผลิตภัณฑ์นม เพราะในนมถั่วเหลือง อุดมด้วยแคลเซียม และมีเอสโตรเจนหรือฮอร์โมน เพศหญิง หากดื่มวันละ 1 แก้ว ขณะท้องว่าง จะ ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และช่วยต่อต้านอาการ วัยทองที่อาจมาเยือนเร็วกว่าเวลาอันควร

สาวทำงานทุกคนควรมีน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติติดโต๊ะไว้ เวลาเหนื่อยๆ จะได้ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา กับน้ำอุ่นๆ แล้วดื่ม ก็จะช่วยกระตุ้น พลังงานให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่าได้อีก เนื่องจากน้ำผึ้งนั้นมีน้ำตาลและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อเซลล์สมอง จึงช่วยกระตุ้นให้ ประสาทการรับรู้ตื่นตัว ทำให้มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น

THE INTERNATIONAL HEALTHY RECIPES ข่าวนีต้ อ้ งขยาย เพราะเมือ่ เร็วๆ นี้ เว็บไซต์ Forbes.com ได้รวบรวมประเทศที่มี คนอายุยืน รวมถึงโภชนาการที่ช่วยให้คนใน ประเทศเหล่านี้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เรา จึงอยากให้สาวๆ ได้รู้กันบ้างว่าพวกเขามี เคล็ดลับอย่างไร เอาละ มาดูกันเลย 1. ญี่ปุ่น สุขภาพดีด้วยผักและปลา อายุขัย เฉลี่ย 82 ปี อัตราคนเป็นโรคอ้วน 1.5% อาหารญี่ปุ่นเน้นที่ตระกูลผักกาด

ปลอดภัย และสีขาวของเนื้อขนมปังก็ยังดูน่าทาน มากกว่าขนมปังทีไ่ ม่ได้ผา่ นกระบวนการขัดสี ดังนัน้ เราจึงขอฝากไปถึงคุณแม่บ้านทั้งหลายว่า ถ้าแวะ ซูเปอร์มาร์เก็ตหรือร้านเบเกอรีคราวหน้า ลองหยิบ ขนมปังฟอกขาวกับขนมปังโฮลวีตมาเปรียบเทียบ ว่ า คุ ณ จะได้ ร ั บ คุ ณ ค่ า สารอาหารจากขนมปั ง ประเภทไหนมากกว่ากัน เพราะธัญพืชทีอ่ ยูใ่ นขนมปัง โฮลวี ต นั ้ นจะช่ ว ยเพิ ่ ม ปริ ม าณใยอาหารให้ ค ุ ณ ทำให้ไม่หิวบ่อย แถมยังกระตุ้นให้อารมณ์ลั้นลา ไปทั้งวันได้อีกด้วย ทานมือ้ เช้าดีทสี่ ดุ - การแบ่งอาหารออกเป็น 3 มือ้ เกิ ด จากขนบธรรมเนี ย มและความเคยชิ น ของ มนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้น หากคุณทานอาหาร ในเวลาใดเป็นประจำ ร่างกายก็จะจำเวลานั้นไว้ ความรู้สึกหิวจะเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกเตือนให้ ทราบว่าคุณจะต้องทานอาหารเพื่อเพิ่มพลังงานให้ ร่างกายแล้ว ซึง่ อาหารทุกมือ้ มีความสำคัญเท่าๆ กัน แต่มื้อที่สำคัญที่สุดคืออาหารมื้อเช้า เพราะการงด อาหารมื้อเช้าจะทำให้คุณรู้สึกอ่อนเพลียในช่วงเช้า จากผลการศึกษาพบว่า ผูท้ ท่ี านอาหารเช้าจะสามารถ รักษาน้ำหนักเดิมไว้ได้ง่ายกว่าผู้ที่งดอาหารเช้า สำหรับใครที่มีชั่วโมงเร่งรีบในตอนเช้า วิธีง่ายๆ ใน การรับสารอาหารคือ ให้ดื่มนมหรือโยเกิร์ตพร้อม ด้วยขนมปังโฮลวีตปิ้งทาเนยแข็งไขมันต่ำ ถ้าเป็น ไปได้กท็ านผลไม้สกั 1-2 ชิน้ ตามไปด้วย เพียงเท่านี้ ก็ ท ำให้ ค ุ ณ มี พ ลั ง ในการทำงานได้ อ ย่ า งเต็ ม ประสิทธิภาพจนถึงมื้อเที่ยง ทานผักเป็น 2 เท่าในมื้อเย็น - รู้ไหมว่าคนไทย กว่า 10 ล้านราย เสี่ยงต่อการมีปริมาณน้ำตาลใน เลือดสูงและการเป็นโรคอ้วน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าพฤติกรรมบริโภคที่เปลี่ยนแปลงแบบ กะทันหัน โดยในปัจจุบนั คนไทยมีอตั ราการทานผัก น้อยลง เฉลี่ยวันละ 185 กรัมต่อวันเท่านั้น ซึ่ง อาการท้องผูกถือเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่เห็นผล เร็วมากที่สุด และอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดมะเร็งลำไส้

เช่น กะหล่ำปลี บร็อกโคลี กวางตุ้ง และผัก คะน้า ส่วนโปรตีนหลักๆ มาจากปลาและ ถัว่ เหลืองซึง่ ดีตอ่ สุขภาพหัวใจ ส่วนเส้นราเมง ที ่ ท ำจากแป้ ง ธั ญ พื ช ก็ เป็ นคาร์ โบไฮเดรต เชิงซ้อนที่มีใยอาหารอยู่มาก ช่วยทำให้สาร เซโรโทนินหลั่ง ชาวญี่ปุ่นจึงอารมณ์ดีและ ไม่มีพฤติกรรมรับประทานขนมจุบจิบ 2. จีน แข็งแรงด้วยเมนูสารพัดผัก อายุขัย เฉลี่ย 73 ปี อัตราคนเป็นโรคอ้วน 1.8%

2 ใน 3 ของอาหารจีนหนึ่งจานมัก จะประกอบด้วยผัก ธัญพืช และถั่วชนิด ต่างๆ เช่น ผักกวางตุ้ง หัวไชเท้า ถั่วเหลือง ขิง และกระเทียม ถึงแม้ว่าจะมีบางเมนูที่ ทอดในน้ำมัน แต่ส่วนมากก็จะเป็นเมนูที่ใช้ การผัด นึ่ง หรือต้มมากกว่า 3. สวีเดน อายุยนื ด้วยอาหารนมและธัญพืช อายุขัยเฉลี่ย 81 ปี อัตราคนเป็นโรคอ้วน 11% ถึงจะไม่เน้นทีผ่ กั และผลไม้ แต่กญ ุ แจ สำคัญของชาวสวีดิชอยู่ที่การกินอาหารที่มี นม ขนมปัง ธัญพืช เบอรีต่างๆ และปลา แคลเซี ย มในนมช่ ว ยให้ ร ่ า งกายเผาผลาญ ไขมัน ขนมปังธัญพืชก็มีใยอาหาร เบอรีมี สารต้านอนุมูลอิสระ และแซลมอนกับปลา เทราต์ต่างก็ดีต่อหัวใจ แถมชาวสวีดิชยังเล่น กีฬาฤดูหนาวกันอีกด้วยนะ 4. อิสราเอล เครื่องเทศเพื่อสุขภาพ อายุขัย

เฉลี่ย 81 ปี อัตราคนเป็นโรคอ้วน 24% อาหารอิสราเอลใช้ประโยชน์จาก เครื่องเทศ สมุนไพร และเมล็ดพืชต่างๆ เช่น ขมิ้น ที่มีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ สะระแหน่ มีวิตามินเอและซี หรือแม้แต่เมล็ดงาที่มีสาร อาหารมากมายรวมถึงแคลเซียม สังกะสี และ กรดโฟลิก ซึ่งดีต่อหัวใจและสมองทั้งนั้น 5. สเปน ครบทั้งผัก ผลไม้ ถั่ว และปลา อายุขยั เฉลีย่ 80 ปี อัตราคนเป็นโรคอ้วน 16% สำหรับบ้านเราอาจไม่ค่อยคุ้นกับ อาหารสเปนมากนัก แต่ชาวสเปนมีนิสัยกิน อาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน นั่นคือไม่นิยม ทอดอาหาร แต่จะปรุงด้วยน้ำมันมะกอกซึ่ง เป็นไขมันไม่อิ่มตัวและดีต่อหัวใจ เน้นถั่วกับ ผักซึง่ มีใยอาหารสูงและไขมันต่ำ เช่น อัลมอนด์ กับผลไม้จำพวกส้มและมะนาวในท้องถิ่น นอกจากนี้ยังนิยมกินปลาและอาหารทะเล กันอีกด้วย

27

HEART

DON’T LET STRESS BRING YOU DOWN! เมือ่ คุณเครียด นอกจากจะทำให้หงุดหงิด ความคิดไม่แล่นแล้ว ความเครียดจะทำให้รา่ งกาย หลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า ‘คอร์ติซอล’ ออกมา ซึ่ง ความจริงแล้วฮอร์โมนตัวนี้ก็มีข้อดีอยู่บ้าง โดยจะ ทำหน้ า ที ่ ในการปรั บ ระดั บ ความดั น โลหิ ต และ ระบบภูมิคุ้มกัน ดึงเอาพลังงานสำรองในร่างกาย ออกมาใช้ และช่วยร่างกายต่อสูก้ บั การติดเชือ้ โรค ต่างๆ ได้ แต่ปัญหาก็คือ ความเครียดอาจทำให้ กลไกการเอาตัวรอดนี้อยู่ในระดับสูงเกินไป และ หากระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็อาจทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับ การตอบสนอง ของระบบภู ม ิ ค ุ ้ ม กั น และระดั บ น้ ำ ตาลในเลื อ ด ผิดปกติ และแม้แต่ไขมันที่สะสมอยู่รอบเอวก็จะ เพิ่มขึ้นได้ และต่อไปนี้คือวิธีอันน่าประหลาดใจใน การจัดการกับความเครียด 1. ทำสมาธิ : ลดคอร์ติซอล 20% - ผู้ที่ฝึกสมาธิ ตามวิถีพุทธจะสามารถลดทั้งความดันโลหิตและ ระดับคอร์ตซิ อลได้ ซึง่ สอดคล้องกับการศึกษาจาก Maharishi University ในสหรัฐฯ ที่ผู้เข้าร่วมการ ศึกษาที่นั่งสมาธิทุกวันเป็นเวลา 4 เดือน จะมี คอร์ติซอลลดลงโดยเฉลี่ย 20% 2. ฟังเพลง : ช่วยระงับการเพิม่ คอร์ตซิ อลได้ 66% - เสียงเพลงสามารถทำให้หัวใจและสมองของเรา ผ่อนคลายได้จริงๆ สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว เมื่อ แพทย์จาก Osaka Medical Center ทดลองเปิดเพลง ให้คนไข้ฟังในขณะที่กำลังส่องกล้องตรวจลำไส้ แล้ววัดระดับคอร์ติซอลเปรียบเทียบกับคนไข้ที่ ส่องกล้องเช่นเดียวกันแต่อยู่ภายในห้องเงียบๆ ผลก็คือคนไข้ที่ฟังเพลงมีระดับคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้น น้อยกว่าคนไข้ในกลุ่มหลัง ซึ่งคุณอาจนำวิธีนี้มา ประยุกต์ใช้ในเวลาที่เครียดได้ 3. นอนแต่หัวค่ำ : ลดคอร์ติซอล 50% - การ ศึกษาจาก Germany’s Institute for Aerospace Medicine เปิดเผยว่า เมือ่ นักบินนอนหลับ 6 ชัว่ โมง (หรือน้อยกว่า) ติดต่อกัน 7 คืน นักบินกลุ่มนี้จะมี ระดับคอร์ติซอลพุ่งสูงขึ้นมาก และจะเป็นเช่นนั้น ไปถึง 2 วัน ในขณะที่การนอนหลับพักผ่อนวันละ

LITE DAY WITH

อยูบานคนเดียวมันเหงา เลยชวนแกงเพื่อนสาวมานั่งเมาธนั่งกินของอรอยๆ กัน แตจะใหสั่งอาหาร เดลิเวอรีมากินก็ดูจะนาเบื่อและเปนที่เสียหนาของเจาบาน เราเลยมีเมนูอาหารอรอยเด็ดมาฝาก ลองทำดูสิ รับรองวาเพื่อนๆ คุณจะตองรองขอ ‘เอาอีกจาน’

8 ชัว่ โมง จะทำให้รา่ งกายฟืน้ ฟูตวั เองจากความ เครียดได้ง่ายกว่า 4. จิบชาดำ : ลดคอร์ติซอล 47% - ชาดำเป็น เครื่องดื่มที่ทำให้คุณเบิกบานและมีความเกี่ยวข้องลึกซึง้ กับความผ่อนคลาย ซึง่ สามารถยืนยันได้ ทางวิทยาศาสตร์ เมื่ออาสาสมัครจาก University College London ต้องทำกิจกรรมทีเ่ พิม่ ความเครียด คนที่ดื่มชาดำจะมีระดับคอร์ติซอลลดลงถึง 47% ซึ่งน่าจะเป็นเพราะสารเคมีตามธรรมชาติอย่าง โพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยผ่อนคลาย 5. แฮงก์เอาต์กับเพื่อน : ลดคอร์ติซอล 39% โดยนักวิจยั จากฮาร์วาร์ดระบุวา่ เพียงแค่ได้หวั เราะ ก็ทำให้ระดับคอร์ติซอลลดลงเกือบครึ่งแล้ว หรือ การดูหนังตลกก็ทำให้คุณคลายเครียดได้เช่นกัน 6. นวดคลายเครียด : ลดคอร์ติซอล 31% ลองให้ของขวัญตัวเองเป็นการนวดบ้างก็ดี เพราะ การนวดสามารถขับไล่ความเครียดได้ โดยการ ศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยไมอามี ชี้ว่าการนวดบำบัดเพียงไม่กี่สัปดาห์สามารถลด ระดับคอร์ติซอลโดยเฉลี่ยได้ถึง 1 ใน 3 และการ นวดยั ง ช่ ว ยกระตุ ้ น สารโดปามี น และเซโรโทนิ น ซึ่งสารทั้งสองชนิดคือฮอร์โมนแห่งความสุขและ ความผ่อนคลายที่หลั่งออกมา 7. หันหน้าเข้าหาศาสนา : ลดคอร์ติซอล 25% - คนที่เข้าวัดบ่อยๆ มักจะมีระดับความเครียดต่ำ กว่าคนทีไ่ ม่เข้าวัดเลย แต่ถา้ คุณคิดว่าตัวเองไม่เหมาะ กับกิจกรรมด้านศาสนา ก็ลองฟื้นฟูจิตวิญญาณ ด้วยการไปเป็นอาสาสมัครดูก็ได้ 8. เคี้ยวหมากฝรั่ง : ลดคอร์ติซอล 12-16% สำหรับคนทีม่ คี วามเครียดระดับปานกลาง การเคีย้ ว หมากฝรั ่ ง จะช่ ว ยให้ ร ะดั บ คอร์ ต ิ ซ อลลดลงถึ ง 12% และแถมยังทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก กว่าคนที่ไม่เคี้ยวหมากฝรั่งเลย ซึ่งอาจเป็นเพราะ การเคี้ยวหมากฝรั่งสามารถช่วยกระตุ้นการไหล เวียนเลือด และการทำงานของระบบประสาทใน สมองบางส่วนได้

RELATIONSHIP CROSS-CULTURE RELATIONSHIP สำหรับคู่รักต่างเชื้อชาติ ต่างวัฒนธรรม การเตรียมตัวก่อนแต่งงานถือเป็นการบ้าน ที่ท้าทาย เพราะไม่ใช่แค่การเตรียมตัวแต่งงาน เท่านั้น แต่คุณยังต้องปรับอะไรหลายๆ อย่าง ให้เข้ากันให้มากที่สุด เราเลยมีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก 1. หมัน้ กันไว้กอ่ น เพือ่ เพิม่ ความใกล้ชดิ ระหว่าง กันและเรียนรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตนให้เข้ากับ วัฒนธรรมของอีกฝ่ายที่คุณควรจะต้องทำตาม 2. รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมของ คู่รักของคุณ และร่วมกันศึกษาวัฒนธรรม ของกันและกันอย่างละเอียดอีกด้วย 3. ขอรับคำปรึกษาด้านครอบครัว เพื่อเพิ่ม

การตัดสินใจที่หนักแน่นขึ้น 4. เข้าหาครอบครัวของแต่ละฝ่ายบ่อยๆ การไปมาหาสู่กันระหว่างครอบครัวของทั้งคู่ นอกจากจะช่ ว ยให้ เ รี ย นรู ้ ค วามแตกต่ า ง ระหว่างวัฒนธรรมของครอบครัวแล้ว ยังทำให้ มองเห็นวิถีชีวิตของอีกฝ่ายด้วย และยิ่งไป กว่านัน้ มันยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง คนทั้งคู่ให้รู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกันอีก 5. ไม่ควรเปลีย่ นวัฒนธรรมทีเ่ คร่งครัดของ แต่ละฝ่าย นี่เป็นสิ่งที่ควรระวังอย่างมาก เพราะอาจสร้างความบาดหมางใจและไม่ลงรอย กันระหว่างสองครอบครัวตามมาภายหลังได้

ไกผัดซอสสะเตะ (สำหรับ 2 ที่) สวนผสม

วิธีทำ

เครื่องหมักไก ไก เกลือ ขมิ้นผง ผงกะหรี่ ลูกผักชีปน น้ำตาล น้ำสะเตะ น้ำมันพืช น้ำพริกแกงเผ็ด น้ำตาล ถั่วลิสงคั่วปน กะทิ น้ำปลา นมขนจืด ตะไครโขลก

1. เริ่มจากทำน้ำสะเตะ โดยผัดพริกแกง กับน้ำมันพืชใหหอม 2. คอยๆ ใสกะทิตามลงไป ปรุงรสดวย น้ำตาล และน้ำปลา แลวเคี่ยวตอ ประมาณ 2- 3 นาที 3. ใสถั่วลิสง แลวคนตอ 2 นาที พอน้ำ สะเตะขนแลวใหปดไฟและยกลง 4. สำหรับเนื้อไก ใหผสมเครื่องหมักไก เคลาใหเขากัน หมักทิง้ ไวประมาณ 1 ชัว่ โมง 5. นำไกที่หมักแลวไปผัดในน้ำมันพืชจน ใกลสุก 6. นำน้ำสะเตะทีท่ ำไวเทลงไปผัดกับไกจนสุก 7. ตักใสจาน ราดซอสสะเตะที่เหลือลง บนไก พรอมเสิรฟ

250 กรัม 1 ชอนชา 2 ชอนชา 3 ชอนโตะ 1 ชอนโตะ 1½ 1/2 ชอนโตะ 2 ชอนโตะ 2 ชอนโตะ 1 ถวย 1/2½ ถวย 2 ถวย 1 ชอนโตะ 3/4¾ ถวย 1 ชอนโตะ

(เอื้อเฟอสูตรอาหารโดย : อัจฉรา บุรารักษ เจาของรานอาหารกับขาวกับปลา by iberry)

“หวานเต็มรอย แตแคลอรีนอยเพียงครึ่ง” Did You Know?

• ขมิ้นมีวิตามินเอ, ซี, อี ที่ เมื่อเขาสูรางกายแลวจะทำงานพรอมกัน ทั้ง 3 ตัว จึงชวยลดไขมันในตับ สมานแผล ภายในกระเพาะอาหาร ชวยยอยอาหาร บรรเทา อาการทองอืดทองเฟอ ทำความสะอาดลำไส เปลี่ยนไขมัน ใหเปนกลามเนื้อ ตานอนุมูลอิสระ ปองกันมะเร็งตับ กำจัดเชื้อ ราที่ปนเปอนในอาหารที่รับประทานเขาไป และชวยขับน้ำนม สำหรับสตรีหลังการคลอดบุตรไดดีรองจากการกินหัวปลี • เนื้อไกเปนโปรตีนชั้นดี มีแคลอรีต่ำ มีกรดอะมิโนและวิตามิน หลายชนิด เชน โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส กำมะถัน คลอรีน และไอโอดีน ซึ่งลวนแลวแตเปนประโยชนในการ เสริมสรางเนื้อเยื่อตางๆ ภายใน รางกาย

Lite Sugar Fact การใช ไ ลท ชู ก าร น้ ำ ตาลแคลอรี ต่ ำ แทนน้ ำ ตาลทราย จะช ว ยลดการ บริ โ ภคน้ ำ ตาลลงถึ ง ครึ่ ง หนึ่ ง และทำให ร า งกายได รั บ แคลอรี น อ ยลงไปด ว ย เนื่ อ งจากน้ ำ ตาลไลท ชู ก าร 1 ช อ นชา ให ค วามหวานเท า กั บ น้ ำ ตาลทราย 2 ช อ นชา แต ใ ห พ ลั ง งานแค 15 แคลอรี เท า นั้ น เมื่ อ เที ย บกั บ น้ ำ ตาลทราย ที่ใหพลังงานสูงถึง 32 แคลอรี หมายเหตุ มีน้ำตาลทรายเปนสวนประกอบ ไมเหมาะสำหรับผูปวยโรคเบาหวาน

THE MOST POPULAR

FREE COPY! ทุกวันศุกร์ของทุกสัปดาห์ พบกับ a day BULLETIN ฟรีก๊อบปี้ยอดนิยมอันดับหนึ่งของคนกรุงเทพฯ ยุคนี้ ได้ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีรถไฟฟ้าใต้ดนิ MRT และทีจ่ ดุ แจกพลุกพล่านทัว่ กรุงเทพฯ กว่า 500 แห่ง สมัครสมาชิกรายปี โทร. 0-2726-9996 ต่อ 11, 12, 49 หรือ 08-6304-4800 อ่าน a day BULLETIN ฉบับล่าสุดและฉบับย้อนหลับแบบออนไลน์ www.daypoets.com/adb

• อาคาร อับดุลราฮิม • อาคาร ชาร์เตอร์ • I House Condominium • The Lake Condo • CDC (Crystal Design Center)

• สถานีรถไฟฟ้า BTS • สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (แจกทุกเย็นวันศุกร์) • เซ็นทรัล • โรบินสัน • ดิ เอ็มโพเรียม • สยามพารากอน • เคาน์เตอร์การบินไทย ดอนเมือง • เคาน์เตอร์การบินไทย สุวรรณภูมิ • เคาน์เตอร์ Thai Air Asia • เคาน์เตอร์ Thai Ticket Major • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย • ศูนย์สิริกิติ์ • อาคาร อื้อ จือ เหลียง • อาคาร Tipco • อาคาร SCB • อาคาร สิรินรัตน์ • อาคาร เอ็มไพร์ม • อาคาร มณียา • อาคาร ต้นสน • อาคาร มาลีนนท์ • อาคาร Lake Rajada

• British Council • สมาคมฝรั่งเศส • สถาบันเกอเธ่ • TCDC • Hof Art Gallery • Secret Recipe • Apex Skin Care • Q Cut • The Style by TOYOTA • ชลาชล • โรงพยาบาลวิภาวดี • California WOW Xperience • Karmakamet : จตุจักร • ศูนย์หนังสือ สวทช.

• SCG Experience • AIS Fortune Town • PJ Dental Clinic • ผิวดี คลินิก • Puntip : J Avenue • Puntip : K Village • Doctor Younger : K Village • Lounge Hair Salon : K Village • Bodyshape : K Village • มิลเลนเนียม ออโต้ : ลาดพร้าว 112 • มิลเลนเนียม ออโต้ : พระราม 4 • มิลเลนเนียม ออโต้ : สยามพารากอน • มิลเลนเนียม ออโต้ : เยาวราช • มินิเอกมัย

• HONDA : สุขุมวิท 66/1 • HONDA : ศรีอยุธยา • HONDA : พระราม 4 • Executive Supercar : เอกมัย • INDEX Livingmall : บางนา • INDEX Livingmall : พหลโยธิน • INDEX Livingmall : ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต • INDEX Livingmall : เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ • INDEX Livingmall : มาบุญครอง • INDEX Livingmall : เพชรเกษม • INDEX Livingmall : บางใหญ่ • INDEX Livingmall : เอกมัย • Modernform : CDC • True Shop • True Coffee • Starbucks Coffee World • 94 Coffee • กาแฟดอยตุง • บ้านไร่กาแฟ • iberry • Kanom • Mister Donut • Vanilla Garden • กัลปพฤกษ์ • กับข้าว กับปลา • Yindee Cup • ร้านประตูสีฟ้า : เอกมัย • Cafe Classique : เอกมัย • ไล-บรา-ลี่ • A BIG Seat • au bon pain • Coffee Beans by Dao

• Daddy Dough • คอฟฟี่ แกลลอรี่ CDC • GREYHOUND Cafe • Nichy Cakes & Coffee • Coffee Berry • กาแฟวาวี : เอกมัย • ห้องอาหารสีฟ้า • Folies • ZaaB..Eli : ทองหล่อ 10 • Miss Mamon • ร้านกาแฟโปลีส์ • Le Francais Restaurant : K Village • EST.33 : CDC • โรงภาพยนตร์ลิโด้ • โรงภาพยนตร์สกาลา • โรงภาพยนตร์ House • ภัทราวดีเธียเตอร์ เชียงใหม่ • Starbucks • กาแฟวาวี • iberry NEW! เขาใหญ่-ปากช่อง • คีรีมายา

ALL ABOUT BIZ

31

BIZ LIFE

JUST PUT YOURSELF IN THEIR SHOES ดำริ นามพญา

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.บี.พี. พับลิชเคชั่น จำกัด ผู้ผลิต และจัดทำหนังสือ Thailand Business Pages คู่มือการซื้อขายสินค้า ภาคอุตสาหกรรม ที่ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจด้วยคติที่ยึดมั่นว่า ทำงานด้วยใจ เคารพในตัวเองและผู้อื่น

• หลักในการเริ่มต้นดำเนินธุรกิจที่ดีก็คือ เลือกธุรกิจที่มีผู้แข่งขันน้อยราย สินค้าลอกเลียนแบบได้ยาก และกำหนดมูลค่าการตลาดเองได้ ถ้ามีครบทั้ง สามสิ่งนี้ ธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นมาก็จะประสบความสำเร็จ • หัวใจหลักในการทำธุรกิจก็คือ ต้องสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าให้ได้ เพราะถ้าเราทำตรงนี้ไม่สำเร็จ ก็หมายความว่าการดำเนินธุรกิจของเรานั้น ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้อย่างแน่นอน • ความซื่อสัตย์ต่อธุรกิจนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ในบางครั้งเราอาจจะ ต้องลดต้นทุนการผลิต แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราต้องลดคุณภาพของสินค้าลงไปด้วย การมีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจะทำให้พวกเขาอยู่คู่กับเราตลอดไป • ทีมงานคือองค์ประกอบสำคัญในการสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง ผู้บริหารที่ดี ต้องหันกลับมาดูแลทีมงานด้วยว่าพวกเขาเหล่านั้นมีความเป็นอยู่ที่ดีหรือยัง ถ้ายังไม่พอดี แน่นอนว่าเขาก็จะต้องไปจากเราเพื่อไปหาสิ่งที่ดีกว่า • วิธีประเมินศักยภาพของทีมงาน ต้องดูที่ผลงานของพวกเขามากกว่าความ ใกล้ชิดสนิทสนม นอกจากจะทำให้เรามีมาตรฐานในการคัดเลือกพนักงาน แล้ว ยังช่วยให้เรารักษาพนักงานที่ดีไว้อยู่คู่กับเราได้อีกด้วย • ผู้บริหารต้องมีคุณธรรมและมโนธรรมมาก่อน ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ดี แต่ขาดคุณธรรมก็ปกครองใครไม่ได้ • ทีมงานทีด่ นี อกจากจะทำผลงานได้เป็นทีน่ า่ พอใจแล้ว สิง่ สำคัญทีข่ าดไม่ได้ ก็คือ พวกเขาต้องมีความซื่อสัตย์ และความโอบอ้อมอารีต่อเพื่อนร่วมงาน ทุกคนด้วย • ผู้บริหารต้องให้ความเคารพในเหตุผลของทีมงาน และทีมงานเองก็ต้องฟัง เหตุผลของหัวหน้าด้วยเช่นกัน ถ้าเรามีเหตุผลที่ดี ลูกน้องก็จะเชื่อฟังเรา แต่ ถ้าเราใช้แต่อารมณ์ในการทำงาน ลูกน้องก็จะไม่ให้ความเคารพต่อเจ้านาย อย่างจริงใจ • สิ่งสำคัญที่จะพาให้องค์กรเดินไปข้างหน้าได้ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำก็คือ การสอนคนในองค์กรให้ตระหนักและเข้าใจถึงการประหยัดพลังงาน หรือ วัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ร่วมกัน • กฎระเบียบ มาตรฐาน และการตรวจสอบ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่ควรยึดเอาไว้ใน องค์กร เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกน้องที่เริ่มเดินไม่ตรงเส้นทาง กลับเข้ามา สู่ระบบของบริษัทอย่างที่ควรจะเป็น

• การให้ทีมงานทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจด้วยกัน จะทำให้ พวกเขาให้ใจและช่วยกันทุ่มเทการทำงานกันอย่างเต็มที่ • เราต้องสอนให้ลูกน้องรู้จักคำว่าหน้าที่ ความพอเพียง และความหวังใน อนาคต ถ้าพวกเขาไม่รู้จักคำว่าพอ พวกเขาจะใช้วิธีเอาเปรียบกันและกัน ส่วนคำว่าหน้าที่จะทำให้พวกเขารู้จักหลักในการทำงานที่ดี และอนาคตจะ สอนให้พวกเขาขยันขันแข็ง • คนดีในเชิงธุรกิจหมายความว่า เป็นคนที่ทำงานเป็นและทำงานได้ รู้ว่า หน้าทีข่ องตนเองคืออะไร ไม่ทำงานโดยเอาเปรียบผูร้ ว่ มงาน ไม่เอาเปรียบคูค่ า้ และไม่เอาเปรียบหัวหน้าของตัวเอง แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้การทำงาน ที่ส่งผลให้องค์กรได้ผลกำไรด้วย • ความสำเร็จคือการได้มาในสิ่งที่เราต้องการอย่างสุจริต ไม่เอาเปรียบสังคม และบริษัทที่เป็นคู่แข่ง นอกจากนี้ ผลกำไรที่ได้มาก็ต้องนำไปทำประโยชน์ คืนให้แก่สังคมด้วย • ความผิดพลาดคือสิง่ ทีน่ ำมาใช้เป็นบทเรียนทีด่ ี และผมก็เชือ่ ว่ายังมีบทเรียน อีกมากมายที่รอให้ผมได้เรียนรู้ • ไม่มีใครที่ทำธุรกิจใหญ่ๆ ได้คนเดียวสำเร็จ เพราะเรามีแค่สองมือที่หยิบจับ อะไรได้แค่สองอย่างเท่านั้น เราต้องอาศัยมืออีกยี่สิบ หรือร้อยมือ มาช่วยกัน สร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จร่วมกัน • มืออาชีพคือคนทำงานด้วยความรู้จริง ใช้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้มาเป็น reference เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ความจริงก็จะเปลี่ยน การเรียนรู้เพิ่มเติม จะช่วยให้เรารู้จริงและมีประสบการณ์จริงด้วย • ความท้าทายคือ การบริหารลูกน้องให้พฒ ั นาองค์กรของเราได้ดยี ง่ิ ขึน้ ไปอีก ต้องสร้างให้เขาเหล่านั้นเติบโตเป็นทีมเวิร์กที่ใหญ่ขึ้นได้ และที่สำคัญ ต้อง ทำให้พวกเขามีความศรัทธาในตัวเราให้ได้มากที่สุด • ถ้าความเครียดคือสิ่งที่เราไม่ต้องการ สิ่งที่ทำให้เราปวดหัว หรือสิ่งที่ทำให้ เราอารมณ์ไม่ดี สิ่งที่จะมาสลายความเครียดก็คือ เราต้องหันกลับไปทำสิ่งที่ เรารักหรือสิ่งที่เราเชื่อ เพื่อทำให้ลืมเรื่องไม่ดีเหล่านี้เสีย • การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก่อนทีจ่ ะคิดลงมือทำอะไรสักอย่างว่าจะมีผลกระทบ ต่อผู้อื่นหรือไม่ จะทำให้รู้สึกว่าตัวเราเองนั้นไม่มีศัตรู ทั้งในด้านการค้า หรือแม้กระทั่งด้านชีวิตส่วนตัว

BIZ BOOK บ่อยครั้งที่เรามักจะแยกสุนทรียศิลป์ออก จากธุรกิจอย่างสิ้นเชิง เพราะนักออกแบบที่ใช้ ศิ ล ปะและความคิ ด สร้ า งสรรค์ เ ป็ น แรงขั บ เคลื ่ อ นการสร้ า งผลงานชั ้ น เยี ่ ย ม มั ก จะเป็ น คนละคนกับนักธุรกิจที่ต้องมองที่ผลประกอบการเป็นหลัก โดยใช้ตรรกะ และเหตุผลในการ คำนวณ แต่ ห นั ง สื อ เล่ ม นี ้ ก ำลั ง บอกเราว่ า How Firms Succeed เมื่อนักออกแบบต้องเป็นนักธุรกิจ มุมมองแบบนี้เป็นมุมมองที่เก่าไปแล้ว เพราะ ผู้ เ ขี ย น : James P. Cramer และ Scott สิ ่ ง ที ่ น ั ก ออกแบบที ่ ไ ม่ ว ่ า จะเป็ น สถาปนิ ก นักโฆษณา หรือดีไซเนอร์ ควรจะตระหนักก็คือ Simpson งานของพวกเขาเป็ น งานสร้ า งสรรค์ ท ี ่ ต ้ อ ง ผู้แปล : ดอกเตอร์ พร วิรุฬรักษ์ เกี่ยวพันกับคนหมู่มาก ดังนั้น นักออกแบบ สำนักพิมพ์ : ลายเส้น จึ ง ไม่ ค วรจะต้ อ งเลื อ กสิ ่ ง ใดสิ ่ ง หนึ ่ ง ระหว่ า ง ราคา : 525 บาท

งานสร้ า งสรรค์ กั บ การจั ด การธุ ร กิ จ เท่ า นั ้ น เพราะทั้งสองสิ่งนี้ต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน และแยกจากกันไม่ได้ ดังตัวอย่างทีห่ นังสือเล่มนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ด้วยการเปิดเผยถึง ระบบ และเทคนิคการบริหารจัดการของบริษัท ออกแบบต่ า งๆ ทั ่ ว โลกที ่ ต ่ า งก็ ป ระสบความ สำเร็จมาแล้ว โดยใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการที่ดีไปในเวลาเดียวกัน เพียงแค่ไม่จำกัดตัวเองอยู่ในมุมมองเดิมๆ ของ นักออกแบบ แล้วเปิดใจกว้างสู่การสร้างสรรค์ ในโลกธุรกิจที่ใหญ่กว่าเท่านั้นเอง

32

THE WORDS

“Forgive your enemies, but never forget their names.”

จงให้อภัยศัตรูของท่าน แต่จงอย่าลืมชือ่ พวกเขาเด็ดขาด -John F. Kennedy

“I’m so glad I never feel important, it does complicate life!”

ข้าพเจ้ายินดีที่ตัวเองไม่เคย รู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ เพราะมัน จะทำให้ชีวิตยุ่งยากซับซ้อน -Eleanor Roosevelt

“Stop acting as if life is a rehearsal. Live this day as if it were your last. The past is over and gone. The future is not guaranteed.”

“The amount of happiness that you have depends on the amount of freedom you have in your heart.” ปริมาณความสุขที่ท่านมี ขึ้นอยู่กับปริมาณอิสรภาพที่ท่านมีในหัวใจด้วย

หยุดการแสดงที่ทำราวกับว่าชีวิตคือการซ้อม จงใช้ชีวิตแต่ละวัน ราวกับมันเป็นวันสุดท้ายของคุณ อดีตได้จบลงและผ่านไปแล้ว ส่วนอนาคตก็ ไม่มีใครรับประกันได้ทั้งสิ้น -Wayne Dyer

“We do notthe seeearth, naturewe withheal our eyes, “When weour heal but with understandings and ourourselves.” hearts.” เราไม่ได้มองเห็นธรรมชาติด้วยสายตาของเรา หากแต่ด้วยความเข้าใจ เมื่อเราเยียวยาโลก เราก็ ได้เยีายงหาก วยาตัวเราเองด้วย และหัวใจของเราต่ -David Orr -William Hazlitt

“The friend is the man who knows all about you, and still likes you.”

- Thich Nhat Hanh

เพือ่ นคือคนทีร่ ทู้ กุ อย่างเกีย่ วกับ ท่าน แต่กย็ งั คงชอบท่านอยูด่ ี -Elbert Hubbard

“The art of being happy lies in the power of extracting happiness from common things.” ศิลปะของการมีความสุข อยู่ที่พลังในการสกัดเอาความสุขออกมาให้ได้จากสิ่งธรรมดาสามัญทั้งหลาย -Henry Ward Beecher

“To be without some of the things you want is an indispensable part of happiness.”

การอยู่โดยปราศจากบางสิ่งที่ ท่านอยากได้ คือส่วนหนึ่งที่ขาด ไม่ได้ของชีวิตที่เป็นสุข - Bertrand Russell

34

THE GUEST

SOCIAL MEDIA 101 เรื่ อ ง : เอกพล บรรลื อ ภาพ : กฤตธกร สุ ท ธิ ก ิ ต ติ บ ุ ต ร

ถึงตอนนี้ เราเชื่อว่า Social Media คงกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครหลายๆ คนไปแล้วอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนสนิทสนมกับ Facebook หนึ่งใน Social Media ยอดนิยม จนอาจจะเรียกได้ว่าขาด ไม่ได้กนั เลยทีเดียว และบางคนถึงขัน้ ต้อง tweet ข้อความใน Twitter เป็นอย่างแรกทีท่ ำเมือ่ ตืน่ นอนในทุกเช้า ในทางหนึ่ง แน่นอนว่า Social Media เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่ก็เหมือนทุกสิ่งในโลกที่ต่างก็มี ข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง และถึงแม้ประเทศไทยจะยังไม่ได้ติดอันดับประเทศที่ใช้ Social Media มากที่สุดในโลก (อันดับ 1 คือสหรัฐอเมริกา) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันที่คนค่อนประเทศจะมี account ใน Facebook เป็นของตัวเองจะมาไม่ถึง คงจะดีถ้าเราเดินไปถึงวันนั้นด้วยท่าทีที่เตรียมพร้อมรับมือกับ ปัญหามากมายที่จะตามมากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ หนึง่ ในการรับมือทีด่ ที ส่ี ดุ คือการเรียนรูเ้ กีย่ วกับสิง่ นัน้ ให้ได้มากทีส่ ดุ เราจึงถือโอกาสพาทุกท่านเข้าสู่ ห้องเรียนคลาสทีว่ า่ ด้วยเรือ่ ง Social Media ล้วนๆ โดยมี ดอกเตอร์ มานะ ตรีรยาภิวฒ ั น์ อาจารย์สาขา วิชาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นผูบ้ รรยาย เพราะเขาเป็นผูต้ ดิ ตามความ เป็นไปของ Social Media และอัพเดตให้คนทั่วไปได้รับรู้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องผ่านทาง Twitter @dr_mana รวมถึงการเขียนบทความทางวิชาการเกี่ยวกับสื่อใหม่หลายต่อหลายชิ้นผ่านสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์ ซึง่ ดอกเตอร์มานะเริม่ พาเราเข้าสูบ่ ทเรียนแรกด้วยการแนะนำ Social Media อย่างเป็นทางการ

“Social Media เป็นสื่อนวัตกรรมใหม่ อย่างเช่น Twitter และ Facebook ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในนั้น blog ก็เป็นส่วนหนึง่ ของ Social Media ซึง่ มันแตกต่างจากสือ่ ปกติอน่ื ๆ ตรงทีว่ า่ สือ่ อืน่ โดยทัว่ ไปยังเป็นลักษณะที่ ผู้ส่งสารเป็นคนเล่าเรื่องราวให้กับผู้รับสารฟังมากกว่า หรือเรียกว่าเป็นการสื่อสารทางเดียวค่อนข้างมาก แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ทเ่ี กิดขึน้ มันอนุญาตให้ผรู้ บั สารสามารถส่งข่าวสาร หรือโต้ตอบปฏิสมั พันธ์กบั ผูส้ ง่ สาร ได้อย่างทันทีทันใด บางครั้งผู้รับสารก็กลายเป็นผู้ส่งสารเสียเอง จนเกิดเป็นนักข่าวพลเมืองขึ้น หรือที่เรา เรียกว่าเป็นยุควารสารศาสตร์ 2.0”

ในยุค 2.0 คนเราจะสามารถรับข่าวสารได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันมีนักข่าวจำนวนมาก นำ Social Media มาใช้ในการรายงานข่าว แต่ความรวดเร็วมักจะมาควบคู่กับความบกพร่อง ซึ่งดอกเตอร์ มานะเตือนว่า ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ปัญหาที่ตามมาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

“จุดเด่นของ Social Media ก็คือความรวดเร็วในการรายงานข่าว เร็วกว่าวิทยุ เร็วกว่าทีวี เพราะ วิทยุและทีวีต้องรอให้ถึงช่วงรายการข่าว แต่ถ้าเป็น Twitter หรือ Facebook มันคือการรายงานแบบทันที ทันใด ปัญหาก็ตามมาเป็นดาบสองคม คือมันเร็วจริง แต่ถ้าเร็วเกินไป ความถูกต้องก็อาจจะถูกตั้ง คำถาม ซึ่งที่ผ่านมาหลายๆ ครั้งนักข่าวที่ใช้ Twitter ก็รายงานข่าวผิดพลาดเยอะ ฟังมาแล้วก็รายงาน เลย หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่ได้เป็นนักข่าว เป็นคนทั่วๆ ไป เรารับข่าวมาแล้วเราก็ retweet คือการบอกต่อ แค่กดแค่ทีเดียวก็กระจายไปทั่ว กลายเป็นแหล่งหนึ่งในการกระจายข่าวลือ โดยเฉพาะนักข่าวที่จะต้อง ระวังมากกว่าคนปกติ เพราะคนที่เลือกจะ follow นักข่าว ไม่ใช่เพราะว่าตัวเขาเป็นคนธรรมดา แต่เพราะ เขามีสถานภาพเป็นนักข่าว เพราะฉะนั้น นักข่าวก็จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าคนทั่วไป”

ดอกเตอร์มานะเริ่มบรรยายต่อถึงผลกระทบจาก Social Media ว่า “อีกประเด็นหนึ่งที่น่ากังวล ตอนนี้ก็คือ คนที่ใช้ Social Media ส่วนมากจะใช้โดยเข้าใจว่ามันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ฉันอยากจะโพสต์อะไร ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูป หรือจะโพสต์ด่าใคร ใช้คำพูดรุนแรงแค่ไหนก็ได้ แต่จริงๆ แล้วอยากจะบอกว่ามัน ไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว แต่มันเป็นพื้นที่สาธารณะ แม้จะอนุญาตเฉพาะกลุ่มเพื่อนให้เข้ามาดูได้เท่านั้น แต่พอ โพสต์ปุ๊บ มันก็จะมีคนเห็น เพื่อนของเพื่อนก็อาจจะนำไปโพสต์ต่อ หรือ copy ไปเผยแพร่ในที่อื่นๆ ได้ แล้วก็กลายเป็นคดีความเกิดขึ้นในหลายๆ กรณี ในอเมริกามีการฟ้องหย่าเพราะสามีไปจีบผู้หญิงคนอื่น จนภรรยาต้องเอาหลักฐานใน Facebook ไปฟ้องหย่าต่อศาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วมันเป็นพื้นที่

สาธารณะ เรามักจะนึกว่ามันเป็นพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกับการระบายในห้องน้ำ อยากจะเขียนอะไรก็เขียน พอเสร็จปุ๊บก็ออกไปโดยไม่มีใครรู้ แต่จริงๆ มันมีคนรู้เห็นได้ตลอดเวลา ซึ่งโยงไปสู่ปัญหาต่อไปว่า แม้ กระทั่งดาราเองถ้าโพสต์รูปอยู่ในนั้น มันจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือพื้นที่สาธารณะ นักข่าวสามารถเอารูป ตรงนั้นมาลงได้ไหม เป็นปัญหาในเชิงจริยธรรมต่อไปด้วย”

ถึงแม้ Social Media กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครหลายๆ คน และกำลังพัฒนาขึ้นไป เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง แต่การรู้เท่าทันสื่อในประเทศไทยกลับยังพัฒนาตามไปไม่ทัน ซึ่งดอกเตอร์มานะให้ ข้อคิดอย่างน่าสนใจว่า

“Social Media ทำให้เราได้รับข้อมูลที่หลากหลายด้านมากขึ้น หลายมิติมากขึ้น ปัญหาคือ เรา จะเลือกเชือ่ ข้อมูล หรือเลือกตัดสินใจยังไงว่าข้อมูลทีไ่ ด้รบั มานัน้ เหมาะสมกับเรา บ้านเรายังขาดการปลูกฝัง เรื่องการรู้เท่าทันสื่ออย่างมาก ไม่แปลกใจที่จะเกิดวิกฤตในช่วงที่ผ่านมา เพราะคนเลือกเชื่อข้อมูลบาง ด้านเพียงอย่างเดียว แล้วก็ปฏิเสธที่จะเชื่อข้อมูลด้านอื่นๆ นั่นเป็นเพราะว่าเราไม่ได้มีการฝึกฝนมาตั้งแต่ เด็กว่า ข้อมูลที่เรารับมาบางอย่างอาจจะจริง บางอย่างอาจจะจริงนิดหน่อย ผมเคยไปเยี่ยมโรงเรียนที่ ซิดนีย์ ในชั้นอนุบาล เขาก็มีการสอนในเรื่องของการรู้เท่าทันสื่อ โดยเอาโฆษณาทอฟฟี่ฉายให้เด็กดู แล้ว ให้เด็กจับกลุ่มกันว่าคิดยังไง เด็กก็จะออกมาบอกว่า ทอฟฟี่น่ากินมาก บางคนก็จะบอกว่า ไม่เอาหรอก ทานแล้วฟันหลอ เด็กอีกคนก็บอกว่า ไม่หลอหรอก ถ้าหลอเขาก็ต้องบอกสิว่ากินแล้วฟันหลอ แล้วทำไม ในโฆษณาเขาไม่บอกล่ะ ครูก็จะนำประเด็นว่า บางอย่างที่เราเห็นในโฆษณามันไม่ได้บอกหมดหรอก แต่ ถ้าสังคมการศึกษาของเราก็จะบอกว่า ทอฟฟี่ไม่ดี กินแล้วฟันผุ คือครูบอกเด็ก แต่เด็กไม่ได้เรียนรู้จากตัว เขาเอง พอเด็กเริ่มตั้งคำถามจากสิ่งที่เขาเห็นในโฆษณา ก็จะเรียนรู้ต่อไปในอนาคตว่า โฆษณาที่เห็นมัน ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดนะ มันเป็นความจริงที่คนสร้างสรรค์โฆษณาต้องการบอกเล่าเรื่อง แล้วถ้าเกิดว่า เขามีการสอนอย่างนี้มาเรื่อยๆ ทุกระดับชั้น มีการวิเคราะห์จากข่าว วิเคราะห์จากสื่อต่างๆ เขาก็จะเริ่มรู้ แล้วก็จะคัดเลือกข้อมูลได้ดีขึ้น เพราะข้อมูลที่เข้ามามันเยอะขึ้น แล้วเร็วขึ้น แต่ถ้าเกิดไม่ตั้งคำถาม เชื่อ หมดเลย รับหมดเลย หรือปฏิเสธหมดเลย หรือเชื่อเร็วกว่าเดิม ปัญหาก็จะเร็วกว่าเดิมเช่นกัน”

นอกจากคนที่รับข่าวสารทั่วไปจะต้องปรับตัวให้ทันกับสื่อสมัยใหม่แล้ว นักข่าวเองก็ต้องเรียนรู้ ที่จะปรับตัวเพื่อก้าวให้ทันเทคโนโลยีนี้ด้วย

“นักข่าวต้องเรียนรู้ที่จะทำข่าวให้มีความลุ่มลึกมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น เพราะคุณไม่สามารถจะ เขียนอะไรทีค่ ณ ุ ไม่รไู้ ด้อย่างเดิม เพราะมีการตรวจสอบจากคนอ่านได้เร็วขึน้ บทบาททีต่ า่ งกันระหว่างนักข่าว ปกติกับนักข่าวพลเมืองอย่างหนึ่งก็คือ นักข่าวปกติได้รับการสอนมาในเรื่องของการทำข่าวมากกว่าคน ธรรมดาทั่วๆ ไป เพราะฉะนั้น เมื่อมีความรู้ที่มากกว่า เขาก็ต้องทำงานหนักกว่าคนทั่วไป เพื่อให้แยกได้ อย่างชัดเจนว่านักข่าวพลเมืองได้เรื่องความสด ได้เรื่องของการอยู่ในที่เกิดเหตุ ได้เรื่องความจริงบางอย่าง แต่ถ้าเป็นนักข่าวมืออาชีพคุณต้องทำงานหนักขึ้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรจะสู้เขาได้

จบจากคลาสเรียนที่ว่าด้วยเรื่องของ Social Media เราแอบไปกระซิบถามดอกเตอร์มานะถึงสิ่งที่ เขาได้จากการติดตามพัฒนาการของ Social Media อย่างใกล้ชิด ซึ่งนอกจากจะทำให้เห็นถึงปัญหาที่จะ ตามมาแล้ว อีกด้านหนึ่งที่ได้ก็คือความสนุก และความหนุ่มตลอดกาล!

“มันสนุกตรงที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ คือในฐานะนักวิชาการด้านวารสารศาสตร์ ซึ่ง ส่วนใหญ่จะมีการพูดกันว่า สื่อเก่ามันกำลังจะตายแล้ว พอมีสื่อใหม่ๆ เกิดขึ้น มันก็มีอะไรที่น่าเรียนรู้มาก ขึ้น ได้เห็นปรากฏการณ์หลายๆ อย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน คือก่อนหน้านี้ผมเคยสอนนักเรียนให้ จัดหน้าในหนังสือพิมพ์ แต่ต่อไปก็อาจจะต้องสอนการจัดหน้าใน iPad ก็ทำให้เรารู้สึกไม่แก่ ดีกว่าจะมา จมอยู่กับสื่อเดิมๆ อย่างเดียว”

ËÅÒ¡ËÅÒÂ¤Ó ·Õèà¡Ô´¢Öé¹µÅÍ´àʶÒÁ Œ¹·Ò áË‹§¤ÇÒÁÃÑ¡ § ÃÐËÇ‹Ò§ªÒÂ-ËÞ »ÃÐà´ç¹àÃ×èͧ¨ÃÔ§ Ô§ ¢Í ·Õèã¤Ãæ ¡çÍÂÒ¡Ã §ã¨ ÙŒ

ÍÍ¡ÍÒ¡ÒÈ·Ø¡Çѹ¨Ñ¹·Ã -ÈØ¡Ã àÇÅÒ 18.00-18.30 ¹. ·Ò§ Modernni ne TV ¼ÅÔµâ´Â ºÃÔÉÑ· ÍԹ䫷 ÍÔ¹ â¿ ¨Ó¡Ñ´