• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี
เศรษฐี ข้ า งบ้ า น
อ มิ ต า อ1ริ ย อั ช ฌ า aw1-65.indd 1
6/14/13 2:49:52 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
ชื่อหนังสือ : ล้วงลึกยุทธวิธีเศรษฐีข้างบ้าน ผู้เขียน : อมิตา อริยอัชฌา blissinessbookhouse@gmail.com เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ : 978-616-33534-0-5 ราคา : 180 บาท
เกี่ ย วกั บ ผู้ เ ขี ย น
พิมพ์ครั้งที่ 1 : มิถุนายน 2556
อมิตา อริยอัชฌา
บรรณาธิการ : อริยา จินตพานิชการ กองบรรณาธิการ : ฉัตรพร พิมลสิงห์ ออกแบบ : ก้องเกียรติ ดำรงกีรติกุล ออกแบบปก : อริยา จินตพานิชการ c สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 จัดทำโดย : อริยา จินตพานิชการ 59/46 ม.4 ซอยนาคนิวาส 48 แยก 14-4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 โทรศัพท์ 081-935-9322, 0-2932-9549
มีผลงานเขียนหนังสือมาแล้วมากกว่า 30 ชื่อเรื่อง ในหลากหลายประเภท ตั้งแต่ชีวประวัติ พัฒนาตนเอง สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ ธุรกิจ จิตวิทยา การตลาด และการเงิน อาทิ “ต้องเท่าไหร่ถึงจะพอ” “เพิ่มรายได้หลายกระเปาเงิน” “คุณเปลี่ยนได้” “ธุรกิจของฉัน” “คู่มือเก็บเงิน” “คู่มือปลดหนี้” รวมถึง “เขาเก็บเงินกันอย่างไรได้เป็นล้าน” และ “เขาใช้เงินกันอย่างไรมีเงินใช้ตลอดชีวิต” ติดตามข่าวสารได้ที่ www.amitaariyaatcha.com
พิมพ์ : ภาพพิมพ์ 296 ซ.อรุณอมรินทร์ 30 บางพลัด กรุงเทพฯ โทร. 0-2433-0026-7 จัดจำหน่าย : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) อาคารเนชั่นทาวเวอร์ ชั้น 19 1858/87-90 ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ : 0-2739-8000 โทรสาร : 0-2739-8356-9 http://www.se-ed.com 2
aw1-65.indd 2-3
3
6/14/13 2:50:10 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
คำนำ “ฉันยอมใช้ชีวิตที่คนทั่วไปไม่อยากใช้อยู่ ไม่กี่ปี เพื่อที่ฉันจะได้มีชีวิตอย่างที่คน ทั่วไปไม่สามารถมีไปตลอดชีวิต” ผู้ เ ขี ย นไปเจอประโยคนี้ ใ นเว็ บ บล็ อ กของ โธมั ส เจ สแตนลี ย์ ผู้ เ ขี ย นหนั ง สื อ “The Millionaire Next Door” แสนถูกใจว่าประโยคเดียวประโยคนี้ แทบจะบอกกล่าวเส้นทางเป็นเศรษฐีข้างบ้าน ได้จบในประโยคเดียว เจ้าของประโยคนี้เป็นผู้อ่านบล็อกของโธมัส สแตนลีย์ ที่เขียนมาแบ่งปันเรื่องราว เส้นทางเศรษฐีของมารดา “แม่สอนฉันว่า คุณค่าแห่งมนุษย์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่วิธีที่เขาใช้เงิน หรือวิธีที่เขา เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยเงิน แต่อยู่ที่คนๆ นั้นได้ ใช้เงินทำสิ่งที่มีความหมาย โดยยัง ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเท่าเทียม ไม่มีการทำมาหากินใดที่ไร้ศักดิ์ศรีตราบเท่าที่มันสุจริต” ขณะที่คนมากมายกำลังมุ่งแสวงหาวิธีไปสู่ความร่ำรวย ด้วยการกระทำอะไรแค่ อย่างเดียว ครั้งเดียว แล้วรวยในพริบตา ผู้เขียนกลับรู้สึกสนใจมากกว่า กับวิธีไปสู่ความ มั่งคั่งแบบบ้านๆ ที่มีผู้คนเป็นล้านพิสูจน์แล้วว่าใช้ได้จริง โธมัส เจ สแตนลีย์ เป็นผู้นำมาซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้ ในบทความชื่อ “How to Live Like a Millionaire” ตีพิมพ์ในนิตยสารรีดเดอร์สไดเจสท์ ฉบับเดือนมกราคม 1993 เขาพูดถึงคนรวยธรรมดาๆ ที่ซ่อนความรวยไม่ธรรมดาไว้ชนิดที่ไม่มีใครรู้ “การสำรวจทำให้ ผ มพบว่ า คนทั่ ว ไปที่ มี เ งิ น หลั ก ล้ า นเหรี ย ญขึ้ น ไปในอเมริ กา ส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาๆ เป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว อาศัยอยู่ในเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่ 4
aw1-65.indd 4-5
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
ยั ง เด็ ก อาจเป็ น เจ้ า ของโรงงาน เป็ น เจ้ า ของร้ า นค้ า หรื อ ให้ บ ริ การอะไรสั ก อย่ า ง พวกเขาปันเงินล้านนั้นด้วยการออมเงินและลงทุน คนเหล่านี้มักใช้ชีวิตแบบคนชั้นกลาง จนแม้แต่คนข้างบ้านก็ยังไม่รู้เลยว่าเขารวย” ด้วยวิถีชีวิตและค่าครองชีพที่แตกต่าง ผู้เขียนอยากจะเทียบหลักชัยเงินล้านของ เศรษฐีอเมริกัน ว่าประมาณหลักชัยสิบล้านของเศรษฐีบ้านเรา แม้ค่าของเงินล้านจะน้อยลงเรื่อยๆ แต่ใช่ว่าทุกคนจะสร้างตัวเป็นเศรษฐีสิบล้านได้ ง่ายๆ กระนั้นมันก็ไม่ยากเกินไป ถ้าจะมุ่งมั่นเอาจริง เรื่องราวของคนบ้านๆ แต่รวยเงินเป็นล้านๆ ที่รวบรวมนำมาเสนอทั้ง 20 เรื่องใน หนังสือเล่มนี้ พวกเขาร่ำรวยด้วยหลากวิธี ทั้งลงทุนในหุ้น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ สร้างธุรกิจที่ใช่ และหลายคนอาจไต่เต้ามาจากการทำงานหนัก แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือทุกคนเลือกวิถีชีวิตที่ประหยัด พอเพียง ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หา ได้ ไม่ยอมให้เงินขี่หลัง ร่ำรวยแล้วก็ยังคงดำรงชีวิตเรียบง่าย มักมีความสุขอยู่กับการให้ และสุขที่สุดคือ การมีอิสรภาพที่ได้ในสิ่งที่ความหมายจริงๆ กับชีวิต สำหรับคนที่นิยามความรวยเป็นอิสรภาพที่ ได้ ใช้เงิน หนังสือเล่มนี้คงไม่มีอะไร โดนใจ แต่ถ้านิยามความรวยของคุณคือ อิสรภาพที่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่มีความหมาย คง รู้สึกเหมือนผู้เขียนว่า เรื่องราวแบบนี้มีเสน่ห์เอาจริงๆ “I lived for a few years like no one wants to, so that I can live for the rest of my life like no one can” ถ้าคุณอยากเป็นเศรษฐีเงียบๆ ด้วยวิธีที่ง่ายๆ ที่ ใช้ ได้จริงๆ คุณจะเห็นด้วยกับ ประโยคนี้ และถ้าคุณเห็นด้วยกับประโยคนี้ นี่คือหนังสือสำหรับคุณ อ มิ ต า อ ริ ย อั ช ฌ า 5
6/14/13 2:50:11 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
สารบั ญ หนา รูจักคนรวยตัวจริง 8 ลวงลึกเศรษฐีขางบาน 13 ความลับที่ไมเปนความลับ 20 “ผมมีเงิน 7 ลานใน 7 ป” เอเดรียน คาร์ทวู้ด 28 “สำคัญกวาวาคุณทำอะไรกับเงิน” แอนดรูว์ ฮัลลัม 39 “วันหนึ่งเราจะรวย” เจฟฟ์ แฮร์ริส 48 “ฉันไมเคยถอดใจกับหุน” แอนน์ ไชเบอร์ 56 “เพื่อนฉันไมไดรักในสิ่งที่ฉันมี” เกรซ โกรเนอร์ 66 “ผมตองรวยใหไดกอนอายุสามสิบ” อลัน โครีย์ 74 “ถาคุณเขาใจ คุณทำไดทุกเรื่องในโลกนี้” สตีฟ แมกซ์เวล 85 6
aw1-65.indd 6-7
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
“เราทุกคนเคยทำผิดพลาด” ซูซี่ ออร์มัน “ไมมีใครสนใจเรื่องเงินมากเทาฉัน” เจน สมิธ “ฉันทำงานคุมทุกเพนนี” ดีแอนน์ เชินนิ่ง “จายตัวเองกอนสำคัญกวา” นีล แมคคาร์ธี “ยี่หอนาฬกานะเรื่องเล็ก” เฮเลนและเจฟฟ์ บราวน์ “ฉันรักอาชีพครู” ดีอันนา จัมป์ “ทุกอยางมันเกิดขึ้นเร็วจริงๆ” ปาร์ค แจ ซอง “ฉันไมมีอะไรตองเสีย” อแมนดา ฮอว์คกิ้ง “ผมทำงานวันละชั่วโมงเดียว” จัสติน ดีแองเจโล “การคร่ำครวญเปนเรื่องเสียเวลา” คอร์เดีย แฮร์ริงตัน “คุณเปลี่ยนชีวิตไดถาคุณจะทำ” แฟรงค์ โอเดีย “ชีวิตมีอะไรมากกวาเงิน” ลิซ พุลเลียม เวสตัน “คุณไมมีวันรูวาผมรวย” เจมส์ เอบเบิร์ธ เศรษฐีขางบานคนตอไป
93 101 111 120 128 135 143 153 161 170 178 187 197 204
7
6/14/13 2:50:12 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
คนรวยตั ว จริ ง
รู้ จั ก คนรวยตั ว จริ ง จิ น ตภาพที่ พ ลิ ก ขั้ ว ปี 1984 สตีฟ ซีโบลด์ วัยแค่สิบเก้า ก็ยังมองคนรวยเหมือนเราๆ คนรวยในจินตภาพดั้งเดิมของเขา ถ้าไม่ใช่ชายกลางคนใส่สูทอาร์มานี่ หิ้ว กระเป๋าเอกสารชั้นดีเดินขึน้ เครือ่ งบินส่วนตัว ก็นา่ จะเป็นหญิงแต่งตัวหรูหรา นัง่ จิบ ไวน์บนเรือยอร์ชริมฝั่งริเวียร่าอะไรประมาณนั้น หลังจากนั้นอีกหลายปี จนเมื่อเขาได้ออกเดินทางสัมภาษณ์เหล่าเศรษฐีเงิน ล้าน เพื่อนำมาเขียนหนังสือชื่อ “How Rich People Think” สตีฟก็พบข้อเท็จจริง ว่า มโนภาพเศรษฐีที่เขาเคยวาดไว้ ไม่ได้มีอะไรตรงกับความจริงเลย เศรษฐีตัวจริงเสียงจริงที่เขามีโอกาสได้พบ ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าหรูหรา พวกเขาใช้ชีวิตเรียบง่ายธรรมดา มักไม่ชอบความวุ่นวายด้วยซ้ำ บางรายถึงกับไม่ยอมให้สัมภาษณ์ หากสตีฟไม่รับปากก่อนว่า จะปิดบังชื่อ เสียงเรียงนามของเขาเป็นความลับ “ลองจินตนาการภาพมหาเศรษฐีแบบที่คุณเห็นบ่อยๆ ในทีวี เศรษฐีตัวจริงคือ ขั้วตรงข้ามของภาพที่คุณจินตนาการนั่นแหละครับ” สตีฟยืนยันว่า เศรษฐีตัวจริงนั้นสุดแสนจะธรรมดา เผลอๆ จะธรรมดายิ่งกว่า ตัวเราเองเสียอีก 8
aw1-65.indd 8-9
ลองถามคนอเมริกันว่ารู้จักเศรษฐีเงินล้านชื่ออะไรบ้าง รับรองได้ว่าไม่มีชื่อ ของ พอล คีเฟอร์ หลุดจากปากใครแน่ เขาคือผู้ชายที่ดูแสนธรรมดา อายุสี่สิบกว่าๆ รูปร่างหน้าตาบ้านๆ เดินสวนกัน ในห้างสรรพสินค้า รับรองว่าไม่มีใครหันไปมองซ้ำ ละแวกที่อยู่อาศัยก็สุดจะพื้นฐาน เขาอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่มีคนอยู่แค่ไม่กี่ พันคน งานที่ทำยิ่งธรรมดา เขาทำงานหกวันต่อสัปดาห์ที่ร้านขายรองเท้าเรดวิง ยี่ห้อรถที่ขับก็ไม่เฉียดใกล้คำว่าโก้ คามาโรปี 1995 ซื้อมามือสองอีกต่างหาก อยู่บ้านกับลูกเมียก็ดูแต่ฟรีทีวี เคเบิ้ลดาวเทียมก็ไม่มีกับใครเขา ครอบครัวสี่คน พ่อแม่ลูกใช้ชีวิตเรียบง่าย ค่าใช้จ่ายแค่ 38,000 เหรียญต่อปี แต่คุณอาจจะตาค้างเมื่อรู้ความจริง นายพอลคนนี้ไม่เพียงเป็นแค่เจ้าของร้าน เรดวิง แต่ยังเป็นเจ้าของลานจอดรถบ้านในเมืองเซนต์ชาร์ลส์อีกห้าแห่ง หนุ่มใหญ่ ที่ดูยังไงก็เหมือนคนข้างบ้านเรา กลับเป็นเจ้าของทรัพย์สินรวม 1.4 ล้านดอลล่าร์ ไม่มีทางที่เพื่อนบ้านจะคาดถึงเลยว่า ผู้ชายธรรมดาคนนี้คือ “เศรษฐีเงินล้าน” ที่คาดไม่ถึงกว่านั้น ทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนรวยธรรมดาแบบนี้อยู่อีก 3.5 ล้านคน
ความจริ ง ที่ ก ลั บ หั ว ก่อนปี 1996 คนอเมริกนั ทัว่ ไปยังมองสถานะเศรษฐีเงินล้านว่าเป็นสิง่ “เกินเอือ้ ม” คนทั่วไปจึงยังไม่คิด “อาจเอื้อม” ที่จะเป็นเศรษฐีเงินล้าน จนถึงวันที่หนังสือ ของโธมัส สแตนลีย์ และ วิลเลียม ดังโก ชื่อ “The Millionaire Next Door” ได้รับ 9
6/14/13 2:50:13 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
การตีพิมพ์ครั้งแรก (ฉบับแปลภาษาไทยชื่อ “เศรษฐีตัวจริง” แปลโดย ศิระ โอภาส พงศ์ ตีพิมพ์ในปี 2542) เพราะข้อเท็จจริงที่ถูกเปิดเผยในหนังสือเล่มนี้ ได้พลิกความรับรู้เกี่ยวกับ คนรวยของคนอเมริกันแบบตีลังกากลับหัว สองผูเ้ ขียนช่วยกันนำเสนอความจริงตีแสกหน้า ให้ทกุ คนได้รบั รูแ้ บบแปลกใจว่า ที่แท้แล้วคนรวยเงินล้าน ส่วนใหญ่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนข้างบ้านของเรานี่เอง “เศรษฐีตัวจริง” คือมนุษย์เดินดินกินพิซซ่า ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆ แต่ดันมี เงินมากกว่าคนธรรมดาเท่านั้น
พวกเขาไม่มีเลขานุการหรือพนักงานบัญชี แต่รู้ดีว่าค่าใช้จ่ายปีที่แล้วทั้งปีคือ เท่าไหร่ แอบเปิดกระเป๋าเงินไร้แบรนด์ของพวกเขาจะยิ่งตกใจ เพราะมันอาจ
อัดแน่นเอาไว้ด้วยคูปองลดราคา
ดู ร วยกั บ รวยจริ ง
เราไม่สามารถรู้ว่าเขารวย ด้วยการแอบดูยี่ห้อข้าวของที่เขาใช้ เราระบุฐานะ ของเขาไม่ได้จากป้ายยี่ห้อรถยนต์ที่เขาขับ เราจะไม่เจอเขาตามเมมเบอร์คลับหรือ สโมสรกีฬาชั้นสูง อาจผิดหวังถ้าจะดักเจอพวกเขาตามงานปาร์ตี้ไฮโซ รีสอร์ทหรูหรา หรือแม้แต่ ตามท่าจอดเรือสำราญ เศรษฐีเงินล้านตัวเป็นๆ ที่แท้ก็คือคนอย่างเราๆ แต่งตัวแบบเราๆ อยู่บ้าน ขนาดเท่าๆ กับเรา ขับรถยี่ห้อเดียวกับเรา กินอาหารร้านเดียวกับเรา พวกเขายืนถัดไปจากเราในห้างสรรพสินค้า กำลังเลือกของในกระบะลดราคา ทั้งที่มีทรัพย์สินเป็นล้านๆ เราอาจพบพวกเขายืนดายหญ้าอยู่หน้าบ้านขนาดกลาง ในละแวกที่อยู่อาศัย ของชนชั้นกลาง ภรรยากำลังทำอาหารอยู่หลังบ้าน โดยมีลูกชายยืนล้างรถมือสอง อยู่หน้าโรงรถ
โธมัส สแตนลีย์ เล่าว่า ที่จริงเขาตั้งใจจะทำวิจัยเพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคน ร่ำรวย ด้วยเหตุผลเพื่อนำไปใช้ในทางการตลาด เมื่อต้องการเจาะลึกว่าคนเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างไร มีแนวคิดกับเงินประมาณไหน เขาจึงได้ส่งแบบสอบถามออกไปถึงเศรษฐีจำนวน 3,000 คน เพื่อคัดรายที่น่าสนใจ ให้เหลือ 100 คน ก่อนออกเดินทางไปสัมภาษณ์ แต่ข้อมูลที่ได้รับกลับมาทำให้เขาสุดเซอร์ไพรส์ เจ้าของบ้านหลังโต รถคันโก้ และไลฟ์สไตล์ที่ดูว่ามั่งคั่ง เอาเข้าจริงๆ เบื้องหลังกลับมีแต่ภาระหนี้ คนที่ “ดูรวย” กลุ่มนี้ เหมือนติดกับดักแห่งความสำเร็จแบบดิ้นไม่หลุด ยับปี้ ในนิวยอร์คและแอลเอที่มีรายได้หกหลัก อยู่อพาร์ทเมนต์หรูหรา ขับรถเบนซ์โฉบ
ไปมา กลับมีมูลค่าทรัพย์สินรวมน้อยมาก “ผมได้สัมภาษณ์ผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีรองเท้า 287 คู่ แต่ไม่มีเงินเก็บเลย” เขาเปรียบคนกลุ่มนี้เหมือนโคบาลหมวกใหญ่แต่ไม่มีวัวในไร่เลยสักตัว ตรงกัน ข้ามกับโคบาลหมวกเก่าคร่ำคร่า ที่เขาได้พบมาอีกกลุ่มหนึ่ง คนพวกนี้สนใจแต่เรื่องวัว ไม่สนว่าหมวกของตัวจะเยินแค่ไหน พวกเขาไม่มีเวลามาใช้จ่าย เพราะมัวแต่เอาใจใส่การออมและการลงทุน คนกลุ่มนี้ดูสภาพข้างนอกห่างไกลจากคำว่าเศรษฐี แต่ขอโทษที พวกนี้เขา “รวยจริง”
10
11
รวยแท้ แ ต่ อ ยู่ ข้ า งบ้ า น
aw1-65.indd 10-11
6/14/13 2:50:13 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
จากข้อมูลในแบบสอบถามที่ได้มา “เศรษฐีธรรมดา” ที่มีเงินล้าน (หรือหลาย ล้าน) นอนนิ่งอยู่ในบัญชี ใช้ชีวิตแบบนี้เป็นส่วนใหญ่
ล้ ว งลึ ก เศรษฐี ข้ า งบ้ า น
เศรษฐี ธ รรมดา
อยู่ในบ้านที่มีราคาไม่ถึง 400,000 เหรียญ ไม่มีบ้านพักร้อนหรือคอนโดริมทะเล ไม่มีเรือส่วนตัว ไม่นิยมโรเล็กซ์ ใช้ไทม์เม็กซ์เป็นส่วนใหญ่ ดื่มไวน์ราคาไม่เกินขวดละ 15 เหรียญ ขับรถโตโยต้า ใส่สูทราคาไม่ถึง 400 เหรียญ ไม่สนแบรนด์เนมหรือใช้น้อยมาก
ถึ ง เวลารั บ ความจริ ง
หลายคนอาจตบอกด้วยความตกใจ นี่มันไม่ใช่ภาพลักษณ์ของเศรษฐีเลยนะ แล้วใครกันล่ะ ที่ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนแล่นฉิว ใครกันที่หิ้วหลุยส์วิตตอง ใครอยู่ในเรือสำราญที่ลอยล่องริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โธมัส สแตนลีย์ เฉลยว่า “ก็คนที่ทำท่ารวย อยากรวย แต่ไม่รวยไงล่ะครับ”
ถึงเวลาลบภาพฝังใจจากนวนิยายที่เราอ่านตอนวัยรุ่น คนรวยไม่ได้แตกต่างไป จากคนธรรมดา คุณไม่สามารถบอกได้วา่ ใครรวย ด้วยสิง่ ทีค่ ณ ุ เห็นภายนอกอีกแล้ว “คนรวยที่มีเงินในบัญชีมากจริงๆ ส่วนใหญ่จะดูนิ่งๆ ไม่ค่อยอวดรวย และคนที่ ดูภายนอกเหมือนรวยแสนรวย ก็ใช่ว่าจะรวยอย่างที่เห็นจริงๆ” นี่คือข้อเท็จจริงจากหนังสือ “The Millionaire Next Door” ที่ยังเป็นจริงจนทุก วันนี้ แม้เวลาจะผ่านไปเกือบยี่สิบปีนับตั้งแต่ที่ตีพิมพ์ครั้งแรก ปี 2010 มีการปรับปรุงหนังสือเล่มนี้เพื่อตีพิมพ์รอบใหม่ นั่นหมายความว่า ข้อเท็จจริงในหนังสือยังใช้การได้จนถึงปัจจุบัน ผู้คนที่อาศัยอยู่ในย่านคนรวย ขับรถหรูหรา หน้าที่การงานก้าวหน้า มีการ ศึกษาสูงๆ ยังคงไม่สนใจที่จะสร้างสมดุลให้ตัวเลขในบัญชี พวกเขารู้แต่ว่าเมื่อเงิน มีก็ต้องใช้ นี่คือรางวัลที่เขาควรได้ตอบแทนความสำเร็จ พวกเขาวัดความสำเร็จจากยี่ห้อรถที่ขับ ระดับของละแวกที่อยู่อาศัย ยี่ห้อข้าว ของที่ใช้ จึงน่าเสียดายที่พวกเขาได้แต่ “ดูรวย”
12
13
aw1-65.indd 12-13
6/14/13 2:50:15 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
ไม้ บ รรทั ด วั ด ความรวย
รวยจริ ง หรื อ ยั ง จน
เมื่อหายช็อคกับข้อเท็จจริงตีลังกา ผู้วิจัยจึงเริ่มตั้งคำถามว่า เราควรนิยาม ความรวยกันที่จุดไหนกันแน่ ความมั่งคั่งที่แท้ คงวัดจากตัวเลขรายได้อย่างเดียวไม่ได้ แต่สมควรวัดจาก ความสามารถในการพึ่งพาตัวเองทางการเงินของคนๆ นั้นมากกว่า สูตรวัดความมั่งคั่งโดยทั่วไป ต้องไม่มองเฉพาะตัวเลขรายได้ แต่ให้รวมทรัพย์ สินทั้งหมดที่มี แล้วลบด้วยมูลค่าหนี้ที่มีทั้งหมด เราเรียกผลลัพธ์ที่ได้ว่า ความ มั่งคั่งสุทธิ หรือ Net Worth ความมั่งคั่งสุทธิ = ทรัพย์สินทั้งหมด - หนี้สินทั้งหมด โธมัส สแตนลีย์ แนะให้นำตัวเลขมาเปรียบเทียบกับไม้บรรทัด โดยเขาให้สูตร หาตัววัดระดับความมั่งคั่งแบบง่ายๆ ที่สัมพันธ์กับอายุและรายได้ ดังนี้ ความมั่งคั่งที่ควรมี ณ อายุหนึ่ง = อายุ X รายได้ต่อปีทั้งหมด 10 ตามสูตรนี้ สมมติว่าคุณมีรายได้ 800,000 บาทต่อปี และคุณมีอายุ 40 ปี คุณ ก็ควรมีความมั่งคั่งสุทธิ 3,200,000 บาท ตัวเลขนี้ถือเป็นไม้บรรทัดของคุณ หากความมัง่ คัง่ สุทธิของคุณ มีมากเกิน 2 เท่าของไม้บรรทัดนี้ (มีเกิน 6,400,000 บาท) จัดว่าคุณรวยจริง (A prodigious accumulator of wealth หรือ PAW) แต่หากมูลค่าความมัง่ คัง่ สุทธิ มีตำ่ กว่าครึง่ ของไม้บรรทัดนี้ (มีตำ่ กว่า 1,600,000 บาท) ถือว่าคุณยังจน (An under accumulator of wealth หรือ UAW) 14
aw1-65.indd 14-15
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
เมื่อวัดระดับความมั่งคั่งตามสูตรนี้ จะพบทันทีว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่เข้า กลุ่ม UAW เพราะพวกเขามีความมั่งคั่งสุทธิต่ำกว่าไม้บรรทัด ที่น่าเป็นห่วงคือส่วนใหญ่ 90% ของสินทรัพย์ที่มีทั้งหมดมาจากรายได้ ต่อปี หมายความว่าถ้าเขาตกงานหรือขาดรายได้เมื่อใด คนเหล่านี้จะดำเนิน ชีวิตต่อไปอย่างยากลำบาก ตรงกันข้ามกับพวก PAW ที่แม้มีรายได้ต่อปีไม่เท่าไหร่ แต่ตัวเลขความ มั่งคั่งสุทธิกลับล้ำไปไกล แปลว่าถึงตกงานก็ยังอยู่อย่างสบายได้หลายปี คนทีม่ คี วามมัง่ คัง่ สุทธิตำ่ เตีย้ ต่อให้มรี ายได้สงู มากต่อปี คงเรียกตัวเองว่า ฐานะดีไม่เต็มปาก คนที่มีรายได้ต่อปีต่ำเตี้ย แต่ตัวเลขความมั่งคั่งสุทธิสูงได้ใจ ก็พูดไม่ได้ เลยว่าเขาจน ดูให้ลึกแล้วคุณจะหายสับสน ว่าคนไหนแค่ยังจน และคนไหนที่รวยจริง
เป้ า หมายไม่ ธ รรมดา
ถ้าอย่างนั้นจะรวยไปทำไม คนไม่รวย(อย่างเรา)ย่อมเริ่มสงสัยขึ้นมาทันที โธมัส สแตนลีย์ เคยปรากฏตัวในรายการทอล์คโชว์ของโอปราห์ แล้ว
ถูกถามใส่หน้าอย่างโกรธๆ ว่า “ถ้ามีเงินแล้วไม่ใช้ คนพวกนี้จะมีเงินไปทำไม
กันคะ” คำตอบนั้นแสนง่าย เพราะคนรวยเงินล้านส่วนใหญ่ มักไม่ได้ต้องการมี เงินมากมายเพื่อจับจ่ายใช้สอย 15
6/14/13 2:50:15 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
พวกเขามองเงินเป็นแค่ “เครื่องมือ” ที่ช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคืออิสรภาพที่จะใช้ชีวิตตามใจปรารถนาของตัวเอง ขณะที่คนรวยตัวปลอมให้ความสำคัญกับ “ความสุขทางวัตถุ” และ “สถานะ ทางสังคม” อย่างยิ่ง คนรวยตัวจริงกลับเลือก “อิสรภาพทางการเงิน” ขึ้นมาวาง ไว้เป็นเป้าหมายลำดับหนึ่ง พวกเขาจึงเลือกได้ง่าย ระหว่างการเพิ่มเงินรองรังในยามเกษียณกับการซื้อ รถยนต์หรูหรา และไม่ต้องมัวลังเลว่าจะเอาเงิน 1,000 เหรียญไปลงทุนดีหรือซื้อ ทีวีอีกเครื่องดี เมื่อความต้องการปลอมๆ ขึ้นขี่หลังพวกเขาไม่ได้ ก็ง่ายแสนง่ายที่จะกุม บังเหียนเงิน
16
aw1-65.indd 16-17
17
6/14/13 2:50:16 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
20 ข้ อ เท็ จ จริ ง เกี่ ย วกั บ คนรวยข้ า งบ้ า น
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
1) เศรษฐีข้างบ้านส่วนใหญ่มีความมั่งคั่งสุทธิ (Net Worth) อยู่ที่ 1.6 ล้าน เหรียญ กลุ่มที่มีความมั่งคั่งสุทธิเกิน 10 ล้านเหรียญมี 6% 2) ครึ่งหนึ่งของเศรษฐีเหล่านี้ประกอบอาชีพอิสระหรือมีธุรกิจของตัวเอง และ เป็นธุรกิจแบบธรรมดาทั่วไป เช่น รับเหมาก่อสร้าง ซักแห้ง กำจัดปลวก ทำไร่ ประมูลสินค้า 3) 80% ของเศรษฐีข้างบ้านเป็นเศรษฐีรุ่นแรก คือสร้างตัวเองจนรวยด้วยตัว เอง มีเพียง 20% เท่านั้นที่ได้รับเงินมรดก 4) รายได้เฉลี่ยของเศรษฐีกลุ่มนี้คือ 247,000 เหรียญต่อปี แต่ค่าใช้จ่ายต่อปี ของพวกเขาไม่เคยเกิน 7% ของทรัพย์สินทั้งหมด 5) ราว 80% ของพวกเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่น้อยคนที่จะเรียน เก่งระดับหัวกะทิหรือจบมหาวิทยาลัยชั้นนำ เศรษฐีข้างบ้าน 18% จบปริญญาโท และเพียง 6% จบปริญญาเอก 6) เศรษฐีข้างบ้าน 9 ใน 10 คน สร้างตนจากการทำงานตลอดชีวิตและการ ลงทุนอย่างชาญฉลาด 7) ต่อให้ไม่ทำงานเลยสักสิบปี เศรษฐีพวกนี้ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบาย แต่มีแค่ 20% เท่านั้นที่รวยแล้วเลิกทำงาน 8) เศรษฐีส่วนใหญ่ไม่ขับรถราคาแพง เพราะเห็นว่ารถยนต์คือการลงทุนที่ได้ ผลตอบแทนไม่คุ้มราคา 50% ของเศรษฐีเหล่านี้ไม่เคยซื้อรถที่มีราคาเกิน 29,000 เหรียญเลยในชีวิต และอีกหนึ่งในห้าไม่เคยใช้รถที่มีราคาเกิน 19,000 เหรียญ 9) 81% ของเศรษฐีเงินล้านมีรถส่วนตัว แต่มีแค่ 23.5% ที่ใช้รถรุ่นใหม่ล่าสุด พวกเขาไม่ชอบเปลี่ยนรถบ่อยๆ 25% ไม่เปลี่ยนรถจนมีอายุอย่างต่ำ 4 ปีขึ้นไป
10) ยี่ห้อรถยอดนิยมของพวกเขาคือฟอร์ด รองลงมาคือคาร์ดิลแลค และ อันดับสามคือลินคอล์น 11) เศรษฐี 97% มีบ้านเป็นของตัวเอง ราคาบ้านโดยเฉลี่ยคือ 320,000 เหรียญ ส่วนใหญ่อยู่ในบ้านหลังเดิมมาเป็นเวลาถึงยี่สิบปี 12) ครึ่งหนึ่งของเศรษฐีข้างบ้านอาศัยอยู่ ในย่านคนชั้นกลาง ในบ้านที่มี ขนาดพอเหมาะไม่เกินความจำเป็น อีกครึ่งหนึ่งแม้จะอยู่บ้านหลังใหญ่ แต่ก็ ตัดสินใจย้ายบ้านหลังจากที่มีฐานะร่ำรวยแล้ว 13) เหล่าเศรษฐีบอกว่าถึงมีเงินมากมาย ก็ยินดีใส่รองเท้าคู่ละ 40 เหรียญ มากกว่าใส่รองเท้าคู่ละ 500 เหรียญ 14) เศรษฐีข้างบ้านกันรายได้ไปลงทุนไม่ต่ำกว่า 20% โดย 95% ลงทุนในหุ้น แต่น้อยคนที่สนใจความผันผวนของราคาดัชนี 15) พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นนักลงทุนระยะยาว ปรับเปลี่ยนพอร์ตโฟลิโอ แค่นานๆ ครั้ง โดย 25% ปรับเปลี่ยนภายใน 2-4 ปี กลุ่มที่ไม่ปรับเปลี่ยนเลย 6 ปีขึ้นไปมีถึง 32% 16) นักลงทุนข้างบ้าน 42% บอกว่าปีนี้ (หมายถึงในปีที่สัมภาษณ์) พวกเขา ยังไม่ได้ซื้อขายหุ้นอะไรเลย 17) 2 ใน 3 ของเหล่าเศรษฐีข้างบ้าน ทำงานน้อยกว่าสัปดาห์ละ 55 ชั่วโมง 18) พวกเขาไม่บ้างานจนลืมชีวิตส่วนตัว พยายามแบ่งเวลางานกับเวลาเพื่อ ครอบครัวให้สมดุล 19) เกือบทั้งหมดเลือกคู่สมรสที่มีทัศนคติตรงกัน บางคนมีคู่ชีวิตที่สมถะยิ่ง กว่าตัวเอง 20) เศรษฐีข้างบ้านคาดหวังให้ลูกๆ สร้างตัวด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่บอกว่า อยากให้ลกู ๆ เป็นนักบัญชี ทนายความ หรือผูเ้ ชีย่ วชาญด้านวางแผนอสังหาริมทรัพย์
18
19
aw1-65.indd 18-19
6/14/13 2:50:16 PM
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
ความลั บ ที่ ไ ม่ เ ป็ น ความลั บ ปากคำเศรษฐี ข้ า งบ้ า น หลังจาก “The Millionaire Next Door” ออกวางตลาดและติดอันดับขายดี นักเขียนจาก Money Magazine ชือ่ จิม เรย์โนลด์ ก็ได้แรงบันดาลใจทีจ่ ะออกตามหา “เศรษฐีข้างบ้าน” ดูบ้าง เขาได้เจอบริน คาฟแมน วัย 31 ปี ที่สร้างตัวด้วยอาชีพขายคอมพิวเตอร์ ใช้เวลาแค่ 12 ปี หนุ่มคนนี้มีความมั่งคั่งสุทธิถึง 1.5 ล้านเหรียญ ข้างล่างนี้คือปากคำของ “เศรษฐีตัวจริง” “ธุ ร กิ จ ผมมี ร ายได้ 6 ล้ า นเหรี ย ญเมื่ อ ปี ที่ แ ล้ ว แต่ ผ มยั ง คงใช้ จ่ า ยแค่ ปี ล ะ 30,000 เหรียญ นั่นพอแล้วสำหรับผม” “ผมอยู่ในอพาร์ทเมนต์หนึ่งห้องนอน ราคาเดือนละ 700 เหรียญ ผมแทบจะ ไม่ได้ใช้เงินไปกับการเที่ยวเตร่เฮฮาเลย ผมกับแฟนชอบไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนฝูง ตามร้านกาแฟ ไม่ก็ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ เพื่อนๆ ผมไม่มีใครสักคนรู้ว่าผม มีเงินล้าน” 20
aw1-65.indd 20-21
• ล้ ว งลึ ก ยุ ท ธวิ ธี เ ศรษฐี ข้ า งบ้ า น •
“ถึงผมจะใส่สทู วาเลนติโนไปทำงาน แต่นอกเวลางานผมแต่งตัวเหมือนนักศึกษา สูทตัวที่ว่าผมก็ไม่ได้จ่ายเงิน ผมใช้แต้มสะสมบัตรเครดิตซื้อมา” “ผมเคยซื้อของใหญ่ให้ตัวเองชิ้นเดียว คือรถลัมโบร์กินี่ปี 1985 เพราะมันเป็น รถในฝันของผมตอนเด็กๆ ผมชอบนอนมองรูปรถคันนี้ที่ติดไว้ข้างฝา หวังว่าจะได้ ขับสักวัน” “เมื่อสองสามปีก่อนผมพบว่าตัวเองมีเงินมากพอที่จะซื้อมัน ก็เลยตัดสินใจ ซื้อเงินสดมาในราคา 100,000 เหรียญ” “ผมไม่คดิ ว่ารถจะบ่งบอกสถานะอะไรได้ สำหรับผมมันเป็นแค่เครือ่ งเตือนใจว่า ถ้าผมทำงานหนักพอ ผมก็มีอิสรภาพพอที่จะทำอะไรก็ได้”
เงิ น ที่ ไ ม่ ใ ช้ คื อ เงิ น ที่ ไ ด้ ม า ผู้ให้ปากคำกับ จิม เรย์โนลด์ คนต่อไป แมรี่ อีดิธ ฮิลล์ วัย 50 ปี เศรษฐีนี ที่สร้างความมั่งคั่งสุทธิ 1.3 ล้านเหรียญได้ ด้วยการอดออมและลงทุนล้วนๆ “ฉันไม่ชอบใช้เงินฟุ่มเฟอย วันก่อนฉันออกไปซื้อเสื้อผ้าเพื่อไปปาร์ตี้ เจอเสื้อ คลุมกับชุดเดรสชีฟองราคา 350 เหรียญ ฉันตั้งใจจะซื้อแล้วละ แต่พอรู้ว่า 350 น่ะ แค่เสื้อคลุม ค่าเดรสต้องเพิ่มต่างหากอีก 300 เหรียญ ฉันก็เปลี่ยนใจไม่ซื้อ ฉันว่า ราคามันแพงเกินความจำเป็น” “ฉันไม่ชอบซื้อรถราคาแพงๆ ฉันขับซูบารุปี 86 ที่ขับมาแล้วแสนไมล์ แต่ดูแล รักษาอย่างดีจนสวยงามเป็นเงาวับ” “ถ้าฉันรู้จักประหยัด ฉันก็จะมีเงินเหลือไปลงทุนมากขึ้น ฉันสามารถกันเงิน จากรายได้ไปลงทุนได้ถึงครึ่งหนึ่งเลยค่ะ” “ฉันไม่มีปรัชญาลึกซึ้งอะไรในการลงทุน แค่ไว้ใจหุ้นตัวที่ฉันคิดว่ากิจการเขาดี 21
6/14/13 2:50:18 PM