หนา บาน
WWW.Muslim4health.or.th
กรณีชายสองวัยพิพาทกันเรื่องปญหาการขับขี่รถยนต จน ฝายหนึ่งใชอาวุธทํารายอีกฝายหนึ่งที่พวกมากกวา เปนขาวดัง เมื่อชวงตนเดือนกุมภาพันธที่ผานมา กอกระแสมากมายทั้งสะใจ และเห็นใจตอคูกรณีทั้งสอง
ขณะที่ คนอยูนอกเหตุการณ เชน นักแสดงหลายคนพูดเอามัน วา ถาเปน ตนเองจะยิงใหหมดแม็กเลย? ..จะปลอย ใหมันมากระทืบกอนหรือ? ดู ไ ปแล ว สั ง คมของเรา คงเป น สั ง คมที่ ช อบใช อํ า นาจ เมื่ อ อาวุ ธ เป น อํานาจ จึงถูกนํามาใชสรางอํานาจ เมื่อ พวกมากเปนอํานาจ จึงถูกนํามาใชสราง อํานาจ ยิ่งในยุคนี้มีโซเชียลเปนอาวุธ จึง ได โ อกาสโจมตี เป น นั ก เลงคี ย บ อร ด คอนขอดผูคิดตางไดโดยเขาใจวาจะไมมี ใครมาทําราย เราจึงเห็นนักเรียนตั้งแตสองคน ขึ้ น ไปไล ตี กั น เพราะมาคนเดี ย วต อ ง เจียมตัว …เราจึงเห็นผูคนใชอาวุธไลลา ตัดสินป ญหา เพราะพูดกันไมรู เรื่อง เปนตน มิ ต รสหายหลายคน ของผู เ ขี ย น แต ล ะคนมี ความอดทนในการขับขี่ไม เหมื อ นกั น หลายคนไม ชอบเวลามีการขับรถปาด หนาจะดวยความจําเปน
หรือตั้งใจ ก็มักจะบีบแตรไลยาวๆ ที่ชวนหวาดเสียวมากวาจะเกิดกรณี พิพาทได หลายครั้งผูเขียนตองหันไป ถามว า ไม ก ลั ว หรื อ ถ า รถคู ก รณี จ ะขั บ ปาดหนาอีกครั้ง แลวลงมาพรอมอาวุธ มิตรสหายทานนั้นก็ไดแตยิ้มแหยๆ แต บางคนไมบีบแตร แคกนดาดวยคําศัพท แปลกอยู ภ ายในรถ เช น ไอ สั น ขวาน (สั น ขวานมั น หนา) ไอ ชั ก โครก (อั น นี้ มี ก ลิ่ น นิ ด หน อ ย) ไอ ส ว มซึ ม (อั น นี้ ไมตองบรรยาย..วาคละคลุงขนาดไหน) ซึ่ ง ผู เขี ย นก็ ไ ด แ ต นั่ ง อมยิ้ ม ไป ไม ต อ ง หวาดเสียวกับพวกบีบแตรยาว คํ า ถามจึ ง อยู ที่ ว า ในเหตุ ก ารณ นั้นๆ เราจําเปนตองไปแสดงอํานาจขม กันและกันหรือไม? หลายคนอาจแยงวา ตอนนั้นไมตองคิดแลว ตองปองกันตัว มันหยามกันซึ่งหนา...ก็วากันไป เพราะ
ตอจากนั้นอาจมีฝายหนึ่งบาดเจ็บ หรือ ลมตาย และอีกฝายหนึ่งอาจเสียอนาคต นอนรออิสรภาพอยูในเรือนจํา! และต อ ให ว า “จํ า เป น ” พึ ง คิ ด ทบทวนถึงความปลอดภัยของตัวเราเปน อันดับแรก คิดงายๆ วา ถาเราไปแสดง อํานาจ และพลาดถึงเสียชีวิต เรื่องของ เราคงจบ แตถาไม..! แคพิการกลายเปน ผั ก เป น หญ า ใครจะเลี้ ย งดู ค รอบครั ว โดยเฉพาะใครจะมาเลี้ยงดูเรา? ในกรณี นี้ ทั้ ง สองฝ า ยต อ งรู จั ก “เย็น” ยิ่งเปนผูที่อาวุโสกวายิ่งจําเปน ตองเย็น สวนผูที่ออนวัยกวายิ่งควรได รั บ การอบรมสั่ ง สอนมารยาทในการ พู ด จา และทั้ ง สองฝ า ยต อ งรู จั ก คํ า พู ด อยู ส องคํ า ได แ ก “ขอโทษ” และ “ขอบคุณ”
เราจึ ง ต อ งรู จั ก ใช อํานาจ รูจักปล อยวางอํานาจ ปล อ ยวางศั ก ดิ์ ศ รี ไม ใ ช เ พื่ อ ใคร ก็ เ พื่ อ ตั ว เราเอง ..เพราะเมื่ อ เรา ปลอดภัย ครอบครัวและคนรอบขาง ย อ มปลอดภั ย ไปด ว ย ...เท า นั้ น จริงๆ
สมาชิกสุขสาระ (สนับสนุนคาจัดสง) ที่ ไมไดรับหนังสือ หรือเปลี่ยนที่อยู กรุณาติดตอที่ suksara@yahoo.co.th จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
3
ลา คอมรฺ ฮามิด
ผลการศึกษาของผูเชี่ยวชาญจาก องคการอนามัยโลก (WHO) และสมาคม มะเร็ ง อเมริ กั น ที่ เ ผยแพร ใ นวารสาร โทแบคโค คอนโทรล เมื่ อ วั น ที่ 31 มกราคม ระบุวา การสูบบุหรี่ทั่วโลกเมื่อ ป 2555 ไดผลาญเงินไปกวา 1.4 ลาน ล า นดอลลาร ส หรั ฐ (ราว 49.28 ล า น ลานบาท) หรือคิดเปนเกือบ 2 เปอรเซ็นต ของผลิตภัณฑมวลรวมของโลก รายงานระบุ ว า เงิ นที่สู ญเสียไป จํานวนมหาศาลนี้ 40 เปอรเซ็นตอยูใน ประเทศกํ า ลั ง พั ฒ นา ซึ่ ง มี ผู ที่ มี ป ญ หา สุ ข ภาพและป ว ยเนื่ อ งจากการสู บ บุ ห รี่ เพิ่มสูงขึ้น โดยในจํานวนเงินที่สูญเสียไป เหล า นี้ เ ป น เงิ น ที่ ต อ งใช ไ ปสํ า หรั บ การ รั ก ษาตั ว และเข า โรงพยาบาลเป น เงิ น กว า 4.2 แสนล า นดอลลาร ส หรั ฐ รวมทั้ ง เงิ น ที่ สู ญ เสี ย ทางอ อ มผ า นการ ขาดแคลนแรงงานเนื่ อ งจากป ว ยหรื อ เสียชีวิตเนื่องจากการสูบบุหรี่ ผลการศึกษาระบุดวยวา การสูบ บุ ห รี่ ไ ด ผ ลาญเงิ น อย า งมากไปทั่ ว โลก โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกาเหนือ ที่ โรคภั ย เกี่ ย วกั บ บุ ห รี่ มี ค วามรุ ด หน า ไป 4
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
อยางมาก ดังนั้นประเทศตางๆ ควรจะ เร ง หามาตรการในการควบคุ ม บุ ห รี่ ใ ห เขมแข็งมากขึ้นเพื่อไมใหสูญเสียเงินไป มากกวานี้ รายงาน World Tobacco Atlas 2014 ประมาณการวา แตละปจะมีผูคน ในโลกเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ประมาณ 6 ล า นคน โดยที่ 10% ของผู เ สี ย ชี วิ ต (6 แสนคน) เกิ ด จากการสู ด ควั น บุ ห รี่ ทางออม (Secondhand smoking) ที่
นาสนใจก็คือ สามในสี่ของผูที่เสียชีวิต จากการสูดควันบุหรี่ทางออม เปนเด็ก และผูหญิง ประเมินกันวาความเสียหายทาง เศรษฐกิจจากการสู บบุ หรี่ ข องไทย จะ ไมนอยกวา 2 หมื่นลานบาทตอป บุหรี่ ทุ ก มวนที่ คุ ณ จุ ด ไม ใช แ ค เ ผากระดาษ และใบยา ..แตยังเผาเงินในกระเปาของ คุณอีกดวย..
เรื1องนารูกับหมอกษิดิษ นายแพทยกษิดิษ ศรีสงา
พืช ในวงศเดียวกัน และในพื้นที่ที่มีความชื้น และสารอาหารแตกตางกัน (สูงและ ตํ่า) แวนแกวก็สามารถเติบโตไดดีกวาพืชชนิดอื่น ในสภาวะแหงแลงสามารถผลิต เมล็ดไดแตไมพบการเจริญเติบโตจากเมล็ด (ในการทดลอง) พบพื ช ชนิ ด นี้ ต ามบึ ง บ อ และคู นํ้ า ข า งทางในหลายจั ง หวั ด และยั ง พบได ในพื้ น ที่ ที่ มี ค วามชื้ น สู ง อี ก ด ว ย แสดงให เ ห็ น ถึ ง ความสามารถในการแก ง แย ง ได ดี เหนือพืชพื้นเมืองอื่นๆ และดูเหมือนวาประเทศไทยจะไมมีศัตรูตามธรรมชาติที่สง ผลตอแวนแกว จากปจจัยเหลานี้สงผลใหแวนแกวมีแนวโนมที่จะเปนวัชพืชในอนาคต อันใกล นี้
สรรพคุณผักแวนแกว 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.
แวนแกวมีสรรพคุณเปนยาแกพิษไข (ทั้งตน) ใบนํามาตมนํ้าดื่มเปนยาแกอาการชํ้าในได (ใบ,ทั้งตน) ทั้งตนแวนแกว สรรพคุณ ใชแกอาการตาแดง (ทั้งตน) ชวยแกอาการทองเสีย (ทั้งตน) ชวยแกอาการทองอืด ทองเฟอ (ทั้งตน) ชวยในการขับปสสาวะ (ทั้งตน) ใชเปนยาแกบวม (ทั้งตน)
ประโยชนผักแวนแกว
1. นิยมใชปลูกเปนไมประดับในตูปลา อางปลา ปลูกเปนไมกระถางเพื่อให ความสวยงาม และยังดูแลรักษางายอีกดวย 2. ใบหรือผักแวนแกว สามารถนํามารับประทานได โดยใชรับประทานเปน ผัก ใชเปนผักจิ้มเครื่องหลน ใชเปนเครื่องเคียง หรือนําไปแกง หรือใชรับประทาน กับลาบแบบสดๆ หรือนําไปคั้นทําเปนนํ้าดื่ม
ขอมูล : https://th.wikipedia.org/wiki/ https://www.pstip.com http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=28459.0 https://medthai.com
6
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ผู เขี ย นมี ผู ป ว ยคนหนึ่ ง เป น ชาว อาหรับ อายุประมาณ 50 กวาป มาพบ แพทย ดวยอาการปสสาวะแสบขัด และ อักเสบบอยๆ ไปรักษามาหลายที่ไมหาย จึ ง มาที่ โ รงพยาบาล หลั ง จากตรวจ ร า งกายโดยละเอี ย ด ก็ ยั ง ไม พ บอะไร ผิดปกติ แตพอทําอัลตราซาวดทอง กลับ พบวา มีกอนที่บริเวณกระเพาะปสสาวะ และกระเพาะป ส สาวะมี ร อยรั่ ว ด ว ย จึ ง มี ก ารส อ งกล อ งเข า ไปในกระเพาะ ป ส สาวะ พบว า มี รู ท ะลุ เข า ไปยั ง ลํ า ไส ใหญ จึงไดเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ และผล ชิ้นเนื้อที่ออกมา บอกวา เปนกระเพาะ ป ส สาวะอั ก เสบ โดยไม พ บมะเร็ ง ใน ชิ้นเนื้อที่ตัดออกไป แต อ ย า งไรก็ ต าม เนื่ อ งจาก ประสบการณ อั น ยาวนานของแพทย ผูรักษา ไดบอกกับผูปวยวา ลักษณะการ ทะลุเขามาเชนนี้ ไมธรรมดา โรคติดเชื้อ ธรรมดาไม เ คยพบว า ทํ า ให เ นื้ อ ทะลุ เข า ไปได ดั ง นั้ น จะมาทํ า เย็ น ใจรั ก ษา ด ว ยยาแบบโรคติ ด เชื้ อ ธรรมดาไม ไ ด จึ ง มี ท างเดี ย วต อ งผ า ตั ด เอาก อ นเนื้ อ นี้ ออกจึงจะปลอดภัยที่สุด ในการผาตัด พบวา ตัวกระเพาะ ป ส สาวะส วนหนึ่ ง และลํ าไส ใ หญ ส ว น
หนึ่ง ติดกันเปนกอน การตัดกอนนี้ ใช แนวคิ ด แบบตั ด มะเร็ ง คื อ การตั ด เผื่ อ ให อ อกไปกว า งกว า บริ เวณที่ เ ป น จริ ง เพื่อที่จะกําจัดตัวมะเร็งใหหมด แมผล ชิ้ น เนื้ อ ที่ ต รวจตอนแรกจะไม พ บเซลล
มะเร็งก็ตาม ตัวลําไสใหญเองไมมีปญหา เพราะมีความยาวมาก สามารถเลาะเอา มาต อ ได แต ตั ว กระเพาะป ส สาวะนั้ น เมื่อตัดสวนที่เปนกอนออกไปแลวเหลือ เพียงนิดเดียวเทานั้น จึงตองใสสายสวน ป ส สาวะทางหน า ท อ งเพื่ อ ให ร ะบาย ปสสาวะออกไปกอนจนกวาแผลจะหาย สนิท และแผลผาตัดแข็งแรงดี จึงคอยๆ ถอดสายออกและใหผูปวยปสสาวะเอง หลัง จากผ า ตั ด ได ไ ม กี่ วั น ผู ป วย ก็ เ ริ่ ม รั บ ประทานอาหารได และทํ า
ในกระเพาะปสสาวะ จนเกิดเปนรูทะลุ ถื อ ได ว า เป น ระดั บ สาม ต อ งทํ า การ รักษาตอโดยการใชเคมีบําบัดตอไป เรือ่ งนีเ้ ปนอุทาหรณทดี่ ี ในหลายๆ อย า ง อย า งแรกนั่ น ก็ คื อ แม ค นทั่ ว ไป คิดวา ผลชิ้นเนื้อที่ออกมาโดยทางพยาธิ วิ ท ยา จะถื อ ว า แม น ยํ า เที่ ย งตรงที่ สุ ด แลวก็ตาม ก็ยังอาจจะมีการผิดพลาดได ถาหากชิ้นเนื้อที่ถูกนําไปตรวจนั้น ไมใช บริ เวณที่เป นมะเร็งจริง คือเอาชิ้นเนื้อ ผิดที่ไปใหตรวจนั่นเอง ซึ่งจะพบไดบอย
กายภาพได ปสสาวะไดดี เพียงแตตอง ปสสาวะบอยหนอย เนื่องจากกระเพาะ ปสสาวะเล็กลงมากนั่นเอง พอผลชิ้นเนื้อออกมา ปรากฏวา เปนมะเร็งที่ลําไสใหญ และลามเข าไป
เวลาแพทยเอาเนื้อเพียงสวนใดสวนหนึ่ง ออกไปตรวจ โดยถื อ ว า ชิ้ น ส ว นเล็ ก ๆ นั้น คือ ตัวแทนของทั้งกอน ซึ่งสวนมาก จะถู ก ต อ ง แต ก็ มี บ างส ว นเช น กั น ที่ ผิดพลาดได ดังนั้น การจะเชื่อหลักฐาน ใดๆ จึ ง ต อ งมี ข อ มู ล เบื้ อ งต น ที่ ถู ก ต อ ง ก อ นเสมอ จึ ง จะทํ า ให ผ ลที่ อ อกมา มี ค วามถู ก ต อ งน า เชื่ อ ถื อ ได แน น อน ถ า แพทย เชื่ อ ถื อ ผลตรวจนั้ น โดยไม พิจารณาจุดอื่นอีก ผูปวยก็คงไดรับการ รั ก ษาที่ ถู ก ต อ งช า ลงไป และอาจเป น อันตรายถึงชีวิตได อยางที่สองก็คือสิ่งที่จะชวยแกไข ความผิดพลาดนี้ได ก็คือ ประสบการณ และความรอบคอบของแพทยผูใหการ รักษานั่นเอง ที่จะตองพบกับผูปวยเชน นี้มามากๆ จนคุนเคยกันดี จนสามารถ จับไดวา ผลชิ้นเนื้อที่ไดนั้น ไมนาจะถูก ตองตรงกับความเปนจริง ซึ่งสิ่งเหลานี้ จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
7
จะได ม าจากการทํ า งานที่ ล ะเอี ย ด รอบคอบ และประสบการณที่ยาวนาน เทานั้น มีคํากลาวของแพทยรุนอาวุโส ที่ ส อนรุ น น อ งอยู เ สมอๆ ว า ให รั ก ษา คนไข อยาไปรักษาผลแล็บ (lab) ซึ่ง หมายความถึ ง ให ดู ผู ป ว ยเป น หลั ก ไมใชดูเฉพาะผลชิ้นเนื้อ ผลเลือด หรือ
ตั ว เลขต า งๆ เป น หลั ก แล ว พยายาม รั ก ษาตั ว เลขเหล า นั้ น ให อ ยู ใ นระดั บ ปกติ ซึ่ ง วิ ธี ก ารรั ก ษาตั ว เลขนี้ เกิ ด ขึ้ น เพราะแพทยใหมๆ จะไมคอยมั่นใจใน วิ จ ารณญาณของตั ว เอง จึ ง ต อ งพึ่ ง พา ตัวเลข หรือผลตรวจตางๆ เปนหลัก มัก ไมกลาที่จะขัดแยงกับผลตรวจเหลานั้น แต ใ นชี วิ ต จริ ง จะพบเสมอว า เมื่ อ พยายามไลตามรักษาตัวเลขใดเลขหนึ่ง เพียงตัวเดียว ตัวเลขอื่นๆ ที่เหลือ ก็จะ เริ่มรวนไปเรื่อยๆ และสภาพผูปวยก็จะ แย ล งเรื่ อ ยๆ เช น กั น วิ ธี ก ารรั ก ษาที่ ถูกตองจึงตองประกอบดวยการดูทั้งตัว ผูปวย และตัวเลขตางๆ ไปพรอมๆ กัน ใหอยูในระดับที่พอใชไดทั้งคู จึงสามารถ ประคับประคองผูปวยใหไดรับการรักษา ที่ดีได แต อ ย า งไรก็ ต าม สิ่ ง ที่ สํ า คั ญ อีก อย า งหนึ่ ง ก็ คื อ การทํ า ความเข า ใจกั บ ผูปวย ใหเขาใจอยางถูกตองถึงสภาวะ ที่ตัวเองนาจะเป นที่สุด ตามความเห็น ของแพทย เพื่อใหเกิดความเขาใจตรงกัน และเดินไปดวยกัน เนื่องจากการรักษา 8
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
โดยไม ยึ ด ติ ด กั บ ตั ว เลข และการใช วิจารณญาณแบบนี้ ถาไมมีประสบการณ มากอน หรือประสบการณไมพอ ก็สามารถ ทํ า ให ผิ ด พลาดได เช น กั น เพราะเรา ทํางานกับคนซึ่งเปนสิ่งที่พระผูเปนเจา สรางขึ้น มีความซับซอน มีความหลาก หลายอยู ม ากมาย ไม ไ ด ทํ า งานกั บ เครื่องจักร ซึ่งเปนสิ่งที่มนุษยสรางที่มัก จะถูกออกแบบมาใหเหมือนกันหมดใน ทุ ก ๆ ด า น ดั ง นั้ น การพู ด คุ ย ทํ า ความ เขาใจกับผูปวยและญาติ ถึงแนวทางการ รั ก ษาที่ แ พทย จ ะทํ า เพื่ อ ให เ กิ ด ความ ยินยอมพรอมใจ จึงเปนสิ่งที่สําคัญเสมอ ที่ มั ก ถู ก ละเลยไป ทํ า ให เ กิ ด ความไม เขาใจกันระหวางแพทยและผูปวยหรือ ญาติ เกิดการฟองรองหรือรองเรียน เพื่อ ปองกันตัวเอง แพทยหลายๆ ทาน จึง พยายามเลี่ ย งไม ใช วิ จ ารณญาณและ ประสบการณ แตรักษาดวยตัวเลขเปน หลัก เพราะสามารถอางอิงได และเปน หลั ก ฐานยื น ยั น ในชั้ น ศาลได ทํ า ให ตัวเองพนผิ ดได ผลสุดท า ยคื อ ผลเสี ย ที่ เ กิ ด ขึ้ น ทั้ ง กั บ ผู ป ว ยเอง และแพทย รวมทั้งระบบสาธารณสุขทั้งระบบ เหลานี้เปนสิ่งที่ควรจะตองนํามา คิดทบทวนแกไขกันทั้งสองฝาย เพื่อให เกิ ด ผลที่ ดี ที่ สุ ด ในการรั ก ษาผู ป ว ย วิ ธี
การแกไขอยางหนึ่งก็คือการยอมรับวา แพทยเปนเพียงบุคคลคนหนึ่งที่มีความ รูระดับหนึ่งเกี่ยวกับรางกายของมนุษย แตอยางไรก็ตาม รางกายของมนุษยนั้น เปนสิ่งที่พระผูเปนเจาสรางขึ้น มีความ สลั บ ซั บ ซ อ นมากมาย จนไม อ าจคาด คะเนได ดั ง นั้ น ความผิ ด พลาดจึ ง สามารถเกิดขึ้นไดเสมอ ที่สําคัญที่สุดคือ ถ า แพทย ใ ห ค วามเอาใจใส อ ย า งเต็ ม ที่ และสุ ด ความสามารถแล ว ผู ป ว ยและ ญาติ ก็ ค วรยอมรั บ ผลที่ จ ะเกิ ด ตามมา และแพทยเองก็จะตองดูแลรับผิดชอบ หนาที่ของตนเองอยางดีที่สุด รอบคอบ ที่สุด เพื่อใหเกิดความผิดพลาดนอยที่สุด เชนกัน สิ่ ง เหล า นี้ ส ามารถจะเกิ ด ขึ้ น ได ดวยแนวคิดแบบอิสลาม นั่นคือแทจริง โรคต า งๆ นั้ น มาจากพระเจ า และ แทจริง พระองคเทานั้นจะเปนผูที่ทําให หายจากโรคต า งๆ ได แพทย หรื อ ยา หรือการรักษาใดๆ ก็ตาม เปนเพียงสื่อ กลางที่ชวยในการรักษาเทานั้น แตการ หายที่แทจริงนั้น จะเกิดขึ้นดวยอนุมัติ ของพระผูเปนเจาเพียงองคเดียว พิมพครั้งแรก มกราคม 2553
ทองโรค ฮากีม
ไขหวัดใหญ เปนโรค
ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจอยาง เฉียบพลัน ที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) หรื อ ที่ รู จั ก กั น ในชื่อของเชื้อไวรัสไขหวัดใหญ โดยเชื้อไวรัส ชนิดนี้มีทั้งหมด 3 สายพันธุ ไดแกไขหวัด สายพันธุ A สายพันธุ B และสายพันธุ C ที่เราพบมากและบอยคือ สาย พันธุ A และ B
ไขหวัดใหญ ไขหวัดใหญสายพันธุ A นั้น จะมี อาการรุนแรงมากกวาไขหวัดใหญสาย พั น ธุ B เป น เพราะไขห วั ด สายพั น ธุ A จะแพร ร ะบาดและควบคุ ม ได ย ากกว า ชนิดบี อีกทั้งยังมีอาการรุนแรงกวาหาก พบเชื้ อ ที่ ก ลายพั น ธุ เ ป น ไข ห วั ด ชนิ ด ที่ เกิดจากสัตวแลวแพรกระจายมายังคน สายพันธุ B จะพบเฉพาะในคน และไม ค อ ยทํ า ให เ กิ ด อาการรุ น แรง ส ว นมาก จะระบาดในช ว งหน า หนาว เพราะ ไข ห วั ด ชนิ ด นี้ ส ามารถเจริ ญ เติ บ โตได ดี ในอากาศเย็น ซึ่งพบมากที่สุดในระหวาง
เดือนธันวาคม และมกราคม และในฤดูฝนคือ ชวงเดือนสิงหาคม ซึ่งใครๆ ก็ปวยเปน ไขหวัดสายพันธุนี้ได แตกลุมที่เสี่ยงและ ตองระวังคือ ผูที่ปวยเปนโรคปอด โรค หัวใจ และเด็กเล็กๆ อายุนอยกวา 2 ป รวมทั้งผูสูงอายุ และหญิงมีครรภ ซึ่งถา เกิดขึ้นมีโอกาสรุนแรงกวาปกติ ไขหวัดใหญสายพันธุ C เชื้อไวรัส สายพันธุนี้เปนสายพันธุที่พบไดนอยมาก อีกทั้งยังมีอาการที่ไมรุนแรงและไมพบ การระบาด จึงทําใหบางครั้งไขหวัดใหญ สายพันธุนี้ก็ไมถูกนับรวมเปนชนิดของ โรคไขหวัดใหญ
เชื้อไวรัสไขหวัดใหญสามารถแพร ระบาดไดทั่วโลก โดยเฉพาะในชวงฤดู หนาว เป น โรคที่ ส ามารถติ ด ต อ กั น ได ผานทางการหายใจ ไอ จาม หรือหายใจ รดกันในพื้นที่ที่มีคนอยูแออัด อีกทั้งยัง สามารถติ ด ต อ กั น ได ผ า นทางนํ้ า มู ก นํ้ า ลาย หรื อ การนํ า มื อ ที่ มี เชื้ อ ไวรั ส ไป สั ม ผั ส ปากกั บ จมู ก จนทํ า ให เชื้ อ เข า สู รางกาย โดยจากสถิติของผูติดเชื้อนั้น สวน ใหญ แ ล ว กลุ ม ที่ ติ ด เชื้ อ ได ม ากที่ สุ ด คื อ เด็ ก เล็ ก ที่ มี อ ายุ ตํ่ า กว า 4 ป และกลุ ม ผูสูงอายุ อายุมากกวา 55 ป และนอก เหนือจากนี้ยังมีกลุมเสี่ยงที่หากเปนแลว อาจมี อ าการที่ รุ น แรงจน เสี่ ย งต อ การ เสียชีวิตจากโรคแทรกซอน ไดแก ผูปวย โรคหอบหืด โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรค หลอดเลือดสมอง ผูติดเชื้อ HIV ผูปวย โรคเอดส ผูปวยโรคมะเร็ง หญิงตั้งครรภ จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
9
เชื้อไวรัสสายพันธุ A ถือเปนสาย พั น ธุ ที่ รุ น แรงที่ สุ ด และสามารถแพร ระบาดไปได ทั่ ว โลก โดยเชื้ อ ไวรั ส สาย พันธุ A จะแบงความแตกตางออกเปน อีกหลายชนิดยอยๆ โดยชนิดยอยของ ไข ห วั ด สายพั น ธุ A ที่ เ คยแพร ร ะบาด อยางเชน
1. ไขหวัดสุกร H3N2 หรือ
H3N2V ไข ห วั ด สุ ก รนั้ น มี แ หล ง กํ า เนิ ด มาจากหมู ระดับความรุนแรงนั้นถือวา สูงกวาไขหวัดใหญ แตนอยกวาไขหวัดนก เนื่องจากการติดตอนั้นยากกวาไขหวัด นก ทั้ ง นี้ ค นมั ก เข า ใจผิ ด วาไข ห วั ด สุ ก ร นั้นเปนเพียงแคไขหวัดใหญธรรมดา จึง ทําใหไดรับการรักษาที่ไมดีเพียงพอ ซึ่ง ความเข า ใจผิ ด นี้ อ าจจะทํ า ให อ าการ รุ น แรงขึ้ น จนเกิ ด ภาวะแทรกซ อ นและ เสียชีวิตได
2. ไขหวัดนก เปนโรคไขหวัด
ใหญ ส ายพั น ธุ เ อ ที่ เ คยระบาดอย า ง รุ น แรงในประเทศไทย โดยสายพั น ธุ ที่ เคยพบในประเทศไทยก็ ไ ด แ ก H5N1 และ H5N8 โดยไขหวัดนกจะมีอาการ รุ น แรงมาก กว า ไข ห วั ด ใหญ ช นิ ด อื่ น ๆ เนื่องจากเปนไขหวัดที่สามารถติดตอได งาย และสามารถติดตอจากคนสูค น หรือ ติดตอจากสัตวปกไดโดยตรง
3. ไข ห วั ด ใหญ ส ายพั น ธุ ใหม H1N1 ไขหวัดชนิดนี้มีอีกชื่อ
หนึ่ ง ที่ รู จั ก กั น ดี นั่ น ก็ คื อ ไข ห วั ด ใหญ 2009 เปนไขหวัดใหญสายพันธุใหมของ มนุษย เกิดขึ้นจากการผสมกันขามสาย พั น ธุ ข องไข ห วั ด นก ไข ห วั ด สุ ก ร และ ไข ห วั ด ใหญ ข องมนุ ษ ย โดยเริ่ ม มี ก าร ระบาดครั้ ง แรกที่ ป ระเทศสเปน ในป พ.ศ. 2461-2462 ขณะนั้นรูจักกันในชื่อ 10
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ของ “ไขหวัดสเปน” จากการระบาดใน ครั้งนั้น ทําใหมีผูเสียชีวิตไปกวา 20-30 ลานคนทั่วโลก ตอมาในป พ.ศ. 2520 ก็เกิดการ ระบาดอี ก ครั้ ง ในประเทศรั ส เซี ย และ มีชื่อเรียกใหมวา “ไขหวัดรัสเซีย” และ การระบาดครั้งลาสุดเกิดขึ้นในป พ.ศ. 2552 (ป 2009) ซึ่งมีการระบาดขึ้นใน ประเทศแถบอเมริ ก าเหนื อ ก อ นจะ กระจายไปทั่ ว โลกผ า นผู เ ดิ น ทางที่ เดิ น ทางเข า -ออกประเทศในทวี ป อเมริกาเหนือ ทั้งนี้ไขหวัดใหญสายพันธุ H1N1 ยังถือเปนโรคที่ตองเฝาระวังการ แพรระบาดอยูอยางใกลชิด
การแพร ติ ด ต อ เชื้อไวรัสที่
อยูในเสมหะ นํ้ามูก นํ้าลาย หรือเสมหะ ของผูปวย แพรติดตอไปยังคนอื่นๆ ได ง า ย เช น การไอหรื อ จามรดกั น หรื อ หายใจเอาฝอยละอองเขาไป หากอยูใกล ผู ป ว ยในระยะ 1 เมตร บางรายได รั บ เชื้ อ ทางอ อ มผ า นทางมื อ หรื อ สิ่ ง ของ เครื่ อ งใช ที่ ป นเป อ นเชื้ อ เช น แก ว นํ้ า ลูกบิดประตู โทรศัพท ผาเช็ดมือ เปนตน เชื้ อ จะเข า สู ร า งกายทางจมู ก ตา ปาก
ในผู ใหญอาจแพร เชื้อได นานประมาณ 3-5 วั น นั บ จากเริ่ ม ป ว ย ในเด็ ก เล็ ก สามารถแพรไดนานกวาผูใหญ อาจพบ ได 7-10 วั น และอาจนานขึ้ น ไปอี ก ในผู ป ว ยที่ มี ภู มิ คุ ม กั น บกพร อ งอย า ง รุนแรง
อาการปวย มักจะเกิดขึ้นทันที
ทั น ใดด ว ยอาการไข สู ง ตั ว ร อ น หนาว ปวดเมื่อยตามกลามเนื้อมาก โดยเฉพาะ ที่ ห ลั ง ต น แขน ต น ขา ปวดศี ร ษะ ออนเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีนํ้ามูก ใสๆ ไอแหงๆ โดยในเด็กอาจพบอาการ คลื่ น ไส อาเจี ย น ท อ งร ว งได ม ากกว า ผูใหญ สวนอาการคัดจมูก จาม เจ็บคอ พบเป น บางครั้ ง ในไข ห วั ด ใหญ แต จ ะ พบในไขหวัดมากกวา ผูปวยสวนใหญมีอาการไมรุนแรง หายปวยไดโดยไมตองนอนรักษาตัวใน โรงพยาบาล อาการจะทุ เ ลาและหาย ป ว ยภายใน 5-7 วั น แต บ างรายที่ มี อาการปอดอักเสบ รุนแรง จะพบอาการ หายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลําบาก ซึ่งอาจทําใหเสียชีวิตได
โรคไขหวัดใหญสามารถรักษาได ซึ่งโดยมากเปนการรักษาตามอาการ แต ในรายที่ มี ข อ บ ง ชี้ ท างการแพทย เช น ในกลุมเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง หากมี อาการสงสั ย ไข ห วั ด ใหญ เช น เป น ไข ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ ไอ มีนํ้ามูก ให รี บ มาพบแพทย เข า รั บ การรั ก ษาตั้ ง แต เนิ่นๆ สวนบุคคลทั่วไปหากมีอาการปวย และอาการไม ดี ขึ้ น ใน 2 วั น ให รี บ พบ แพทยเพื่อรับการรักษา
5.
ปดปากและจมูกเวลาไอหรือ จามดวยกระดาษทิชชู แลวทิ้งขยะทันที หรือใชผาเช็ดหนาซึ่งจะใชซํ้าได 2-3 ครั้ง โดยกลับดานสะอาดขึ้นมาใหม (ในกรณี ที่ ไ ม มี ก ระดาษทิ ช ชู ควรป ด ปากและ จมูกดวยตนแขนเสื้อ) เพื่อไมใหเชื้อโรค สัมผัสกับมือหรือแพรกระจายในอากาศ
6.
ลางมือบอย ๆ ดวยนํ้าและ สบู หรื อ ใช แ อลกอฮอล เ จลทํ า ความ สะอาดมือ ในกรณีที่มือไมเปรอะเปอน
7.
ไม ใช สิ่ ง ของ เช น แก ว นํ้ า หลอดดู ด นํ้ า ช อ นอาหาร ผ า เช็ ด มื อ ผาเช็ดหนา ผาเช็ดตัว เปนตน รวมกับ ผูอื่น
8.
ไมควรคลุกคลีใกลชิด กับผูปวยที่มีอาการไขหวัด ผู ป ว ยที่ มี อ าการเล็ ก น อ ย เช น มีไขตํ่ า ๆ และยั ง รั บ ประทานอาหารได อาจไปพบแพทย และดูแลรักษากันเอง ที่บานได ดังนี้
9.
กินอาหารที่มีประโยชน เนน ผัก ผลไม นม ไข กินอาหารปรุงสุกใหมๆ และใชชอนกลาง นอนหลับพักผอนให เพี ย งพอ และออกกํ า ลั ง กายอย า ง สมํ่าเสมอ
10.
ควรหลีกเลีย่ งการอยูใ นสถาน ที่ที่มีผูคนแออัดและอากาศถายเทไมดี เปนเวลานานโดยไมจําเปน
11.
ติดตามคําแนะนําอื่นๆ ของ กระทรวงสาธารณสุขอยางใกลชิด
ป จ จุ บั น มี วั ค ซี น ไข ห วั ด ใหญ ประจํ า ฤดูกาล แนะนํา ให ฉีด ทุก ป ปละ 1 ครั้ง วัคซีนนี้เหมาะสําหรับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะผูที่เปนโรคเรื้อรัง หรือมีโรค ประจําตัวในกลุมโรคปอด และโรคหัวใจ วั ค ซี น ที่ มี ป ระจํ า ฤดู ก าลนี้ ไม ส ามารถ ปองกันไขหวัดสายพันธุใหมได แตอาจ ชวยลดความรุนแรงไดในระดับหนึ่ง ซึ่ง ยังตองการการศึกษาวิจัยตอไป
1.
นอนหลับพักผอนมากๆ ใน หองที่อากาศถายเทดี ไมควรออกกําลัง กาย
2.
ให ดื่ ม นํ้ า เกลื อ แร นํ้ า ผลไม มากๆ งดดื่มนํ้าเย็น
3.
รั ก ษาตามอาการ หากมี ไข ให ใช ผ า ชุ บ นํ้ า เช็ ด ตั ว หากไข ไ ม ล ดให รับประทานยาลดไข เชน พาราเซตามอล ห า มใช ย าแอสไพริ น หากทานยาแล ว อาการไมดีขึ้น ภายใน 2 วัน ควรรีบพบ แพทย
4.
พยายามรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน เชน โจก ขาวตม ไข ผัก ผลไม เปนตน
ขอมูล : http://beid.ddc.moph.go.th/beid_2014/th/diseases/253 http://sukkaphap-d.com https://health.kapook.com/view16423.html http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=747 จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
11
อาหารกับสุขภาพ ครูกุก
เป น เวลากว า 2 ทศวรรษมาแล ว ที่ แ พทย ใ นรั ฐ พิ ห ารร ของอินเดีย ตองงงกับการที่เด็กซึ่งดูสุขภาพปกติดี อยู ๆ ก็ เ กิ ด ช็ อ กและหมดสติ โดยมีถึงเกือบครึ่งจากก จํานวนนี้ที่เสียชีวิต
ÍѹμÃÒ¨ҡ ÅÔ鹨Õè เรือ่ งคลีค่ ลายขึน้ เมือ่ นักวิทยาศาสตร อินเดียและสหรัฐฯ ใหความเห็น เกี่ยว กั บ ปริ ศ นาที่ ทํ า ให เ ด็ ก ในภาคเหนื อ ของอินเดีย เสียชีวิตกวา 100 คนตอป ว า เกิ ด จากการรั บ ประทานลิ้ น จี่ ต อน ทองวาง ผลงานวิ จั ย ใหม ที่ เ พิ่ ง ได ตี พิม พ ในวารสารวิชาการทางการแพทย เดอะ แลนเซ็ท ชี้วา เด็กเหลานี้ อาจเสียชีวิต จากสารพิษในผลลิ้นจี่ที่เรียกวา “ไฮโพก ลีซิน” งานวิจัยตั้งขอสังเกตวา เด็กที่เปน เหยื่อสวนมาก มาจากครอบครัวยากจน ในพื้ น ที่ ป ลู ก ลิ้ น จี่ ห ลั ก ๆ ของประเทศ 12
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
และมักไมไดรับประทานอาหารเย็น เมื่อ พวกเขาทานผลไมเหลานั้นเขาไป ก็่รวง ลมลงกับพื้นไรทันที
สารพิษในผลลิ้นจี่ “ไฮโพกลีซิน” จะไปตอตานกระบวนการสรางกลูโคส ในรางกาย อันจะสงผลตอเด็กเหลานี้ที่ มีระดับนํ้าตาลในเลือดตํ่า เนื่องมาจาก ไม ไ ด รั บ ประทานอาหารเย็ น โดยเด็ ก จะตื่ น ขึ้ น มาร อ งไห ท รมานกลางดึ ก เนื่องจากสมองบวมเฉียบพลัน กอนจะ มีอาการชักและหมดสติไป ภาวะนํ้าตาลในเลือดตํ่าเปนภาวะ แทรกซ อ น สาเหตุ อ าจจะเกิ ด จาก รั บ ประทานยามาก ไตเสื่ อ ม งดเว น อาหาร หรื อ กิ น อาหารน อ ยลง กิ น ผิ ด เวลา หรื อ มี ก ารปรั บ ชนิ ด ของอาหาร ทําใหมีแปงลดลง
คนแกขี้บน คนรีมน้ํา
นอกจากนี้ การตรวจผู ป ว ยเด็ ก ซึ่ ง ถู ก ส ง ไปยั ง โรงพยาบาลในเมื อ ง มูซาฟฟารปุระ ระหวางเดือนพฤษภาคม ถึงกรกฎาคมป พ.ศ.2557 ยังพบความ เชื่ อ มโยงกั บ โรคระบาด ที่ ทํ า ให เ กิ ด ภาวะสมองบวมเฉี ย บพลั น และการชั ก ในเด็ ก แถบคาบสมุ ท รแคริ บ เบี ย นด ว ย โดยการระบาดดังกลาว เกิดจากผล แอคคี ซึ่งเปนผลไมที่มีสารไฮโพกลีซิน หรือสาร พิ ษ ที่ ยั บ ยั้ ง ความสามารถในการผลิ ต กลู โ คสของร า งกาย ทํ า ให ร า งกายไม สามารถสรางกลูโคสไดเชนกัน ขอมูลนี้ ทําใหเจาหนาทีส่ าธารณสุข ต อ งออกคํ า เตื อ นผู ป กครองให ดู แ ล ลู ก หลาน ให รั บ ประทานอาหารมื้ อ คํ่ า และจํากัดจํานวนลิ้นจี่ที่เด็กรับประทาน ดวย สวนเด็กที่มีแสดงอาการดังกลาว จะตองไดรับการรักษาภาวะ ไฮโพกลีซีเมีย หรือนํ้าตาลในเลือดตํ่า โดยเร็วที่สุด และ หลังจากมีคําเตือนนี้ออกมา จํานวนเด็ก
ที่ปวยดวยอาการนี้ ก็ลดลงจากหลักรอย เหลือประมาณ 50 คนตอป อยางไรก็ตาม รศ.รัชนี คงคาฉุยฉาย ผู อํ า น ว ย ก า ร ส ถ า บั น โ ภ ช น า ก า ร มหาวิ ท ยาลั ย มหิ ด ล กล า วว า สาร ไฮโพกลีซิน เอ ตามที่มีการรายงานใน งานวิจัยดังกลาวนั้น สารชนิดนี้จะมีมาก ในผลลิ้นจี่ที่ดิบ และจะลดปริมาณของ สารลงไปเรื่ อ ยๆ เมื่ อ ผลมี ก ารเจริ ญ เติ บ โตเต็ ม ที่ หรื อ เมื่ อ ผลลิ้ น จี่ กึ่ ง สุ ก กึ่ ง ดิบปริมาณสารนี้ก็จะลดลง และเมื่อผล สุกแลวจะมีปริมาณสารไฮโพกลีซินอยู ราว 0.1 พีพีเอ็ม (ppm) เทานั้น จากที่ ในผลดิบจะมีมากถึงหลักหมื่นพีพีเอ็ม สําหรับในเมืองไทย คงไมตองไป กังวล กับเรื่องนี้มาก เพราะบานเราคน ไมไดขาดสารอาหาร รางกายยังสามารถ สร า งกลู โ คสได และไม นิ ย มกิ น ลิ้ น จี่ ที่ เปนผลดิบ
ขอมูล : http://www.bbc.com/thai/international-38846082?ocid=socialflow_facebook www.muslim4health.or.th http://www.thairath.co.th/content/849250 http://www.thaihealth.or.th/Content/23505 http://www.matichon.co.th/news/450995
เ ป น เ รื่ อ ง ที่ น า ยิ น ดี เ มื่ อ รีสอรท และสถานที่อํานวยความ สะดวกในการพักผอนของผูมีอัน จะกิน ที่บุกรุกปาสงวน ไดถูกรื้อ ถอน ถู ก ขั บ ไล อ อกจากป า สงวน เปนจํานวนมาก จึงทําใหสถานที่พัก ผอนหยอนใจในชวงวันหยุดยาว ของผู ค นซึ่ ง ถื อ เป น ป จ จั ย หนึ่ ง ที่ ควรมีตองลดลง
สถานที่ทองเที่ยว พักผอนหยอน ใจนับเปนปจจัยหนึ่งที่รัฐฯ ควรสนับสนุน ให มี ขึ้ น เพื่ อ ให ผู ค นสามารถเดิ น ทาง มาพั ก ผ อ นภายใต ก ฎเกณฑ ที่ กํ า หนด ไดอยางเปนระเบียบ ซึ่งหลายประเทศ ได กํ า หนดเขตพื้ น ที่ ที่ แ น น อน และ เจ า หน า ที่ ผู รั บ ผิ ด ชอบก็ เ คร ง ครั ด กั บ กฎระเบียบตางๆ จึงทําใหสถานที่ทอง เที่ ย วและสถานที่ พั ก ผ อ นของประเทศ นั้นๆ ไดรับการดูแลเปนอยางดีทั้งจาก ผู ป ระกอบการและเจ า หน า ที่ ภ าครั ฐ แต ยั ง มี อี ก หลายประเทศที่ เจ า หน า ที่ ผูรับผิดชอบขาดสามัญสํานึก หรืออาศัย ชองโหวและความไมชัดเจนของกฎหมาย เอื้ อ ประโยชน ใ ห นั ก ธุ ร กิ จ เข า ไปใช ประโยชน ใ นสถานที่ ต อ งห า มจึ ง ต อ งมี การรื้อถอนอยางที่เห็นในปจจุบัน จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
13
รีสอรท ในปาสงวน? หลายคนเห็ น ใจผู ป ระกอบการ จากการสูญเสียสิ่งปลูกสรางที่ลงทุนไป เป น จํ า นวนมาก โดยหวั ง ว า เมื่ อ ได รั บ อนุมัติจากหนวยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ แล ว คงดํ า เนิ น ธุ ร กิ จ ได ต ลอดไปทั้ ง ที่ รู อยู แ ก ใจว า ที่ ทํ า ไปนั้ น ไม ถู ก ต อ ง แต หลายคนก็แปลกใจวาทําไมขาราชการ ผูรับผิดชอบที่อนุมัติโครงการตางๆ จึง ไม ถู ก เอาผิ ด ด ว ย พวกเขาสมควรที่ จ ะ ถูกดําเนินคดีและยึดทรัพยที่พิสูจนไดวา ไดมาอยางไมถูกตอง ถึงแมจะเกษียณ อายุหรือเสียชีวิตไปแลวก็ตามอยางถึง ที่สุด มิฉะนั้นจะทําใหเกิดความไมเปน ธรรมแกนักธุรกิจทั้งหลายที่แทบสิ้นเนื้อ ประดาตั ว เพราะเท า กั บ ว า เจ า หน า ที่ ภาครัฐที่รับผิดชอบไดตกเปนจําเลยรวม ในการกระทํ า ครั้ ง นี้ หากพวกเขาไม อนุมัติใหกอสราง อาคารที่พักตางๆ ก็ ไม ส ามารถก อ สร า งในพื้ น ที่ ต อ งห า ม เหลานั้นได มิตางอะไรกับกรณีอื่นๆ ที่ เจ า หน า ที่ ผู รั บ ผิ ด ชอบละเลยในการ ปฏิบัติหนาที่ หรือมีผลประโยชนรวมกัน แต ถึ ง คราที่ ภ าครั ฐ บางยุ ค เข ม งวด กวดขั น ผู ที่ เ สี ย หายคื อ ผู ป ระกอบการ 14
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
เจ า หน า ที่ ผู รั บ ผิ ด ชอบที่ ก ระทํ า ผิ ด กฎหมายยังคงลอยนวลยืดอกอยูในสังคม อยางสงาผาเผยราวกับวาตนมิไดทําผิด อะไรเลย ประเทศไทยมีกฎหมายมากมาย ซึ่งอาจมากกวาประเทศที่เจริญแลวบาง ประเทศเสี ย อี ก แต ผู ที่ ก ระทํ า ผิ ด กฎหมายอีกหลายคนยังใชชีวิตอยูอยาง มี ค วามสุ ข ส ว นหนึ่ ง เกิ ด จากความ บกพรองของเจาหนาที่ภาครัฐ หรือเจา
หนาที่ภาครัฐเขาไปมีสวนรวมกระทําผิด นั้นๆ ดวย ฉะนั้นถาจะใหเกิดความเปนธรรม แกทุกฝาย เจาหนาที่ภาครัฐที่เกี่ยวของ กั บ การกระทํ า ผิ ด ต า งๆ ควรต อ งถู ก ลงโทษด ว ยเพื่ อ เป น แบบอย า งและ ปองกันคนรุนหลังมิใหกระทําเชนนี้อีก และควรปรับปรุงกฎหมายที่มีอยูเพื่อให เกิดความชัดเจนโดยไมตองตีความใดๆ ในการนํากฎหมายไปใชดังเชนที่ผานมา
เรื1องเลานักเรียนทุน นูรูลฮายาตี ยุปูลา ปวส.1 บริหารธุรกิจ
มนุษยทุกคนล วนแตเกิดมาต างคนตางมีความ ฝนและจินตนาการเปนของตนเองที่ไมเหมือนกัน แต ล ะคนมี ค วามฝน ต า งกั น ไปตามจิ น ตนาการ สิ่งที่ทํ า ใหเกิด ความฝนของตัวเองนั้ นอาจจะมี สาเหตุและปจจัยมาจากสภาพแวดลอมรอบขาง เชน อาชีพที่ใกลชิด บทบาทที่เคยชิน หรือการที่ ไดพบเห็นสิ่งตางๆรอบตัว ทั้งสิ้นลวนแลวแตความถนัด และความชอบของคนๆนั้ น จึ ง ทํ า ให เ กิ ด ความฝ น ตาม จินตนาการของแตละคนที่ไดสัมผัส บางคนอาจมีความฝนที่สวย หรู เชน ฝนอยากเปนแอรโฮสเตส บางคนมี ความฝนที่ธรรมดา เชน อยาก เปนครู ทหาร ตํารวจ พยาบาล แพทย ทนายความ พนักงานราชการ ฯลฯ ซึ่งอาชีพเหลานี้ ลวนแตเกิดมาจากจินตนาการในวัยเด็ก
ในวั ย เด็ ก ฉั น ใฝ ฝ น ที่ จ ะเป น ครู เนื่ อ งจากการที่ ไ ด เ ห็ น และใกล ชิ ด กั บ บทบาทหน า ที่ นี้ ม ากที่ สุ ด จึ ง ทํ า ให มี จิ น ตนาการและความฝ น อยากเป น ครู เพราะไดสอนหนังสือเด็กๆ และรักที่จะ สอนหนังสือ อาชีพครูเปนอาชีพที่สุจริต สามารถใหความรูกับนักเรียน ทําใหเด็ก รู จั ก คิ ด วิ เ คราะห แยกแยะได และ สามารถนํ า ความรู ที่ ไ ด เรี ย นไปพั ฒ นา บานเมืองได อาชีพครูทําใหเรามีความสุข
ความสุขที่ไดเห็นนักเรียนเติบโตไปเปน อนาคตของประเทศชาติที่ดี และยังเปน อาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ครูถือไดวา เปนแมพิมพของชาติ ทําใหเด็กๆ มีความ รู แ ละสามารถดํ า เนิ น ชี วิ ต บนหนทาง ที่ เ ที่ ย งตรงได แต เ มื่ อ ร า งกายมี ก าร พั ฒ นาการเจริ ญ เติ บ โตทํ า ให ค วามฝ น ของฉันเปลี่ยนไปตามความคิดและสภาพ แวดล อ มที่ ไ ด สั ม ผั ส เมื่ อ เริ่ ม เข า สู ช ว ง วัยรุนฉันก็ละทิ้งความใฝฝนที่อยากจะ จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
15
สิ่งแวดลอม ปยะจิตร
เปนครู เพราะประสบการณที่ไดประสบ มา ตอนที่ ฉั น กํ า ลั ง ศึ ก ษาอยู ชั้ น มั ธ ยม ศึกษาปที่ 6 ทางโรงเรียนไดมีการฝกให นักเรียนไดไปฝกสอนที่ตาดีกา (โรงเรียน สอนศาสนศาสตรสําหรับเด็ก) เปนเวลา 1 ป ซึ่ ง การที่ ไ ด ไ ปฝ ก สอนในครั้ ง นั้ น ทํ า ให ฉั น ค น พบตั ว เองว า อาชี พ ครู ไ ม เหมาะสมกับฉันเลย เพราะฉันเปนคนที่ พูดไมคอยเกง ไมสามารถพูดใหนักเรียน เข า ใจและสนใจในบทเรี ย นได และ ควบคุ ม นั ก เรี ย นไม ไ ด ฉั น คิ ด ว า ตั ว เอง ไมนาจะทําอาชีพนี้ไดตอไป และไดมี ความฝ น อย า งอื่ น มาแทนที่ นั่ น คื อ นักการบัญชี ซึ่งนั้นก็เปนสาเหตุมาจาก การที่ ไ ด รั บ มอบหมายจากหั ว หน า ให ดู แ ลรั บ ผิ ด ชอบบั ญ ชี ข องห อ ง เพราะ ฉันเปนคนที่ชอบคิด คํานวณ เกี่ยวกับ บัญชี เชน บัญชีรายรับ-รายจายของหอง รายรับ-รายจายของตัวเอง เปนตน แต และแลวความฝนของฉันตองลมเลิกไป เนื่ อ งจากว า ฉั น ไม ส ามารถที่ จ ะเลื อ ก เรียนในสาขาการบัญชีโดยตรงได เพราะ ทางบ า นไม ส ามารถส ง เสี ย ในการเล า เรียนในระดับนี้ได ฉันมีพี่นอง 6 คน ซึ่งทุกคนกําลัง ศึกษาอยู ฉันจึงไมสามารถเรียนตามที่ ตองการได แตฉันดีใจมากที่ไดศึกษาใน ระดั บ ประกาศนี ย บั ต รวิ ช าชี พ ชั้ น สู ง (ปวส.) ในคณะบริหารธุรกิจ การเรียน ในระดั บ ปวส.นี้ แม ไ ม ไ ด ต รงกั บ ที่ ฉั น ได เรี ย นมาตอนอยู มัธ ยม เนื่ อ งจากฉั น จบมัธยมศึกษาปที่ 6 ในสายวิชา วิทยคณิต แตฉันก็ดีใจที่ไดรับทุนการศึกษา จากมู ล นิ ธิ ส ร า งสุ ข มุ ส ลิ ม ไทย (สสม.) อย า งต อ เนื่ อ ง ทํ า ให ส ามารถแบ ง เบา ภาระทางบานได และไดนําทุนการศึกษา
16
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ไปเปนคาเลาเรียน และหลังจากนั้นฉัน ได ค น พบตั ว เองว า ฉั น ชอบและรั ก ใน งานดานเอกสาร จึงทําใหความฝนของ ฉัน ณ ปจจุบัน คือ การทํางานเกี่ยวกับ เอกสาร ซึ่ ง ฉั น คิ ด ว า คงเป น ไปได ย าก แตฉันจะตั้งใจเรียนและทําใหดีที่สุดเทา ที่จะทําได แตเมื่อถึงเวลานั้นที่ฉันไดไป ถึ ง จุ ด ๆ นั้ น ของสิ่ ง ที่ ฉั น สามารถทํ า ได เพี ย งแค นั้ น ฉั น คิ ด ว า เป น สิ่ ง ที่ น า ภู มิ ใจ และพอใจแลวสําหรับฉัน ถึ ง แม วั น นี้ ค วามฝ น ของฉั น นั้ น ยั ง ไม เ ป น จริ ง แต ฉั น จะไม ล ะความ พยายามที่จะตั้งใจเรียน เพื่อสักวันหนึ่ง จะสามารถทํ า ความฝ น ของตนเองให เปนจริง ในเมื่ อ ทุก คนตา งคนตา งมี ค วาม ฝ น ไปตามจิ น ตนาการของตนเองนั้ น ไมวาจะเปนจริงหรือไมก็ตามที แตเรา อยากให ค วามฝ น ของเราเป น จริ ง ตาม ฝน เราก็ตองมีความพยายามมุงมั่นใน การทํ า ความฝ น นั้ น ให เ ป น จริ ง ขึ้ น มา สิ่งที่เราจะไดรับก็คือ ความภาคภูมิใจใน ตนเอง อีกทั้งยังสามารถนําความฝนที่ สําเร็จของตนนั้นไปเลาเปนประสบการณ ใหแกผูอื่นอีกดวย ความใฝ ฝ น ของแต ล ะคนนั้ น ไม เหมือนกัน ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทําใหฝน นั้นเปนจริงได ถาหากมีความพยายาม ใฝรู ใฝเรียน ขยัน อดทน สูตอไป และ ตั้งใจที่จะทํางานนั้นจริงๆ เพื่อที่จะทําให ความฝ น เป น จริ ง ให ไ ด เมื่ อ เกิ ด ความ รูสึกทอแทก็จะมีกําลังใจจากครอบครัว และเพื่ อ นๆ ที่ ค อย เป น กํ า ลั ง ใจให ประสบความสําเร็จในสิ่งที่หวัง เพื่อที่จะ ไดอดทนสูตอไป ไดทํางานดีๆ และเปน งานที่ตนเองรัก
Ocean Conservancy องคกรไมแสวงหาผลกําไรไดเผย รายงานลาสุดถึงสภาพปญหาขยะ พลาสติ ก ที่ ถู ก ทิ้ ง ลงในแหล ง นํ้ า โดยระบุวาในแตละปจะมีพลาสติก ราว 80 ลานตันที่ถูกทิ้งลงมหาสมุทร ทั่วโลก เพิ่มเติมปริมาณขยะพลาสติก ในมหาสมุทรที่มีอยูเดิมรวม 150 ลานตัน
ทั้ ง นี้ พ บว า ปริ ม าณพลาสติ กเกิ น กวาครึ่งของโลก มาจากกลุมประเทศใน เอเชี ย 5 ประเทศด ว ยกั น ได แ ก จี น อินโดนีเซีย ฟลิปปนส เวียดนาม และ ประเทศไทย ตามลํ า ดั บ เนื่ อ งจาก ประเทศเหล า นี้ มี ก ารพั ฒ นาเศรษฐกิ จ อย า งรวดเร็ ว ในช ว งหลายป ที่ ผ า นมา และมี ค วามต อ งการบริ โ ภคสู ง ทํ า ให ผลิ ต ภั ณ ฑ ใช แ ล ว ทิ้ ง อย า งพลาสติ ก มี มากจนเกิ นความสามารถในการกํ า จั ด ขยะของแตละประเทศ โดยคาดวาในป 2025 หากทั้ ง 5 ประเทศดั ง กล า วไม พั ฒ นาระบบการจั ด การขยะ หรื อ ลด ปริมาณพลาสติกใหได คาดวาจะสงผล ใหมีพลาสติกที่ลอยลองอยูในมหาสมุทร ถึง 250 ลานตัน อนึ่ ง เศษพลาสติ ก ที่ ถู ก ทิ้ ง ลงสู มหาสมุทรเหลานี้นับวาเปนอันตรายตอ
ป ญ ห า ข ย ะ ท ะ เ ล รุ น แ ร ง
ไทยอยูอันดับที่เทาไร สิ่งแวดลอมอยางมาก เนื่องจากพลาสติก จะสลายตัวออกเปนชิ้นเล็กๆ ลอยลอง อยู ใ นมหาสมุ ท รเป น เวลานานหลาย รอยป ทําใหสัตวทะเลทั้งเล็กและใหญ เกิ ด ความเข า ใจผิ ด นึ ก ว า เศษพลาสติ ก เหลานี้เปนอาหาร ซึ่งจะสงผลกระทบ ต อ ระบบนิ เวศทางทะเลอย า งหลี ก หนี ไมพน ขอมูลจากการผาพิสูจนซากเตา ทะเลที่ ต ายนั บ ร อ ยตั ว ต อ ป ยื น ยั น ว า ขยะเปนหนึ่งในสาเหตุสําคัญสุดที่ทําให ระบบนิ เวศในทะเลเปลี่ ย นแปลง โดย เวลานี้ จ ะเห็น ได ว า แมงกะพรุ นจํานวน มากสงผลกระทบต อชายหาดในหลาย พื้นที่ ทําใหนักทองเที่ยวไมสามารถลง เลนนํ้าทะเลได สวนหนึ่งเปนเพราะเตา ทะเลซึ่ ง เป น สั ต ว เ พี ย งไม กี่ ช นิ ด ที่ กิ น แมงกะพรุ น เป น อาหารลดจํ า นวนลง ทําใหแมงกะพรุนขยายพันธุไดมากขึ้น ป ญ หาขยะทะเลเป น เรื่ อ งใหญ ขนาดที่ภาครัฐตองใชความรวมมือของ หน ว ยงานถึ ง 12 หน วยงานในการแก ปญหา นั่นเปนการแกปญหาปลายเหตุ สวนตนเหตุคือทําอยางไรเราจะลดการ ใช ถุ ง พลาสติ ก ได ขอยกตั ว อย า งของ หลายประเทศดังนี้
จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
17
ขอมูล : https://travel.kapook.com/view134613.html มติชน 26 ส.ค.59 http://www.manager.co.th/HotShare/ViewNews.aspx?NewsID=9600000013672 http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/638794 ภาพประกอบจากเฟสบุค ปะปา วงเวียน
18
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
สหราชอาณาจักร ซึ่งมีกฎหมาย ควบคุ ม การใช ถุ ง พลาสติ ก ที่ เ ห็ น ผล อยางมีนัยสําคัญ ดังตัวอยางในกรณีของ แคว น เวลส ซึ่ ง มี ก ารตรากฎหมายมา ตั้งแตป 2011 สวนไอรแลนดเหนือและ สกอตแลนดมีการประกาศใชกฎหมาย ในป 2013 และ 2014 ตามลํ า ดั บ มาตรการหลั ก ที่ ก ฎหมายนํ า มาใช เ พื่ อ ลดปริมาณขยะจากถุงพลาสติก คือการ กํ า หนดให ผู ซื้ อ ต อ งชํ า ระราคาค า ถุ ง พลาสติ ก ในราคา 5 เพนนี (ประมาณ 2.50 บาทตอถุง) ซึ่งมีผลตอการลดการ ใชถุงพลาสติกอยางมีนัยสําคัญ สําหรับ ในอังกฤษเพิ่งมีกฎหมายกําหนดใหผูซื้อ ต อ งชํ า ระราคาค า ถุ ง พลาสติ ก เมื่ อ ป 2015 นี้เอง สหรั ฐ อเมริ ก า ในรั ฐ นิ ว ยอร ก กําหนดใหรานคาขนาดใหญตองรีไซเคิล ถุงพลาสติก ในแคลิฟอรเนียกําหนดให รานคาตองรับคืนถุงพลาสติกจากผูซื้อ เพื่ อ นํ า ไปรี ไซเคิ ล ผู ซื้ อ สิ น ค า ในกรุ ง วอชิ ง ตั น ต อ งจ า ยภาษี ถุ ง พลาสติ ก ใน ราคา 5 เซนตตอใบ ในซานฟรานซิสโก และเวสต พ อร ท มี ก ารออกกฎหมาย หามใชถุงพลาสติกชนิดยอยสลายไมได ส ว นในจี น ก็ มี ก ารออกกฎหมาย หามการผลิต จําหนายและใชถุงพลาสติก ที่ ผ ลิ ต จากโพลี เ อทิ ลี น บางชนิ ด และ ให ผู ซื้ อ มี ห น า ที่ จ ะต อ งชํ า ระราคาถุ ง พลาสติ ก ชนิ ด โพลี เ อทิ ลี น ความหนา แนนตํ่า มาตรการของรัฐบาลจีนทําให ลดปริ ม าณการใช ถุ ง พลาสติ ก ลงได ถึ ง สองในสามของปริมาณการใชเดิม เพราะขยะเกิดขึ้นจากพวกเราทุก คน จึงตองรวมมือแกไขกันอยางจริงจัง เพื่อลดภาพของความมักงายที่สรางชื่อ เสีย..ระดับโลกใหได?
หองขาว
แผนงานสรางสุขมุสลิมไทย
¡Ô¨¡ÃÃÁÊÃéÒ§ÊØ¢ÁØÊÅÔÁä·Â วั น ที่ 12-13 มกราคม 2560 แผนงานสรางสุขมุสลิมไทย พรอมคณะ ทํ า งานและเครื อ ข า ยจํ า นวน 30 คน เข า ศึ ก ษาดู ง าน ณ มิ นิ มู ร า ห ฟาร ม จ.ฉะเชิ ง เทรา และมู ล นิ ธิ เ กษตรกรรม ธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี เพื่อใหคณะ ทํ า งานและตั ว แทนเครื อ ข า ยได ศึ ก ษา แนวคิด การบริหารการจัดการ การคนหา จุดเดนของชุมชนเพื่อเปนจุดขาย และ นําไปพัฒนาชุมชนตอไป
จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
19
หองขาว
แผนงานสรางสุขมุสลิมไทย
วั น ที่ 1 8 มกราคม 2560 สสม.ภาคใต ตอนกลาง จั ด กิ จ กรรมการสร า งอาชี พ ให กั บ คนในชุมชน ภายใตโครงการมัสยิดครบวงจร ของแผนงานสร า งสุ ข มุ ส ลิ ม ไทย ณ มั ส ยิ ด บ า นป า โอน ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา เพื่อ สร า งอาชีพ ให กับ คนในชุ มชน โดยมีจ าสิบตรี นัฐวุธ ไตรยราช ใหเกียรติมาเปนวิทยากรเรื่อง การเลี้ยงกุงกามแดงใหกับผูสนใจเขาการอบรม จํานวน 10 ครัวเรือน นอกจากนี้ยังไดแจกวัสดุ อุปกรณ พรอมทั้งพันธกุงกามแดงใหกับสมาชิก ผู เข า ร ว มการอบรมได นํ า กลั บ ไปเลี้ ย งที่ บ า น โดยสมาชิกจะมีการประชุมและติดตามผลการ เลี้ยงกุงตอไป
วั น ที่ 28 มกราคม 2560 มั ส ยิ ด อั ล -อั น ซอรี ในโครงการมั ส ยิ ด ครบวงจร จั ด กิ จ กรรมสง เสริ ม คุ ณ ธรรมจริ ย ธรรมโดยการจั ด บรรยายเสริ ม ความรู แ ละสร า ง กิจกรรมรวมกัน โดยมี พล.ต.ต สมบัติ หวังดี ผูกํากับการตํารวจภูธรจังหวัดลําพูน อิหมามอับดุลยาลิล คานเคน อิหมามมัสยิดอัลฟาลาฮฺ จังหวัดลําปาง และอิหมาม มุสตอฟา หะซัน อิหมามมัสยิดอันนูร (ชางเผือก) จังหวัดเชียงใหมเปนผูใหความรู มีผูสนใจเขารวมรับฟงประมาณ 100 คน จากจังหวัดลําพูน เชียงใหม ลําปาง แพร และแมฮองสอน รวมถึงพี่นองตางศาสนิก ทั้งนี้มัสยิดอัล-อันซอรี ตั้งอยูที่ หมูที่ 2 ตําบลเวียงยอง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน เปนมัสยิดแหงเดียวของจังหวัด ลําพูน 20
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ดําเนินงานโดย มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.) สนับสนุนโดย สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.)
ตลอดเดือนมกราคม-กุมภาพันธ ที่ ผ า นมา มู ล นิ ธิ ส ร า งสุ ข มุ ส ลิ ม ไทย (สสม.) พร อ มเครื อ ข า ย และจิ ต อาสา ร า นน อ งณั ด โภชนา อาหารฮาลาล จ.ปตตานี, บานเด็กกําพราและผูดอย โอกาสบานโคกกูแว อ.ตากใบ จ.นราธิวาส, ศิ ษ ย เ ก า สสม., ที ม Social Fatoni Multimedia, ราน Kool นิบงสปอรต ยะลา, ตัวแทนจากสถาบันอิสลามและ อาหรับศึกษา ม.นราธิวาสราชนครินทร รวมลงพื้นที่ชวยเหลือพี่นองผูประสบภัย นํ้ า ท ว มที่ ภ าคใต โดยเงิ น บริ จ าคของ พี่นองทั่วประเทศ ทั้งนี้พื้นที่ที่ใหความ ชวยเหลือจะเปนพื้นที่ที่ตกสํารวจ ความ ชวยเหลือเขาไปไมถึง บางพื้นที่ยังตอง อาศัยอยูบนถนน อนึ่งในวันที่ 26 ม.ค. 60 และวันที่ 1 ก.พ. 60 สสม.ลงพื้นที่พรอมกับสภา เครื อ ข า ยเพื่ อ มนุ ษ ยธรรม สํ า นั ก จุฬาราชมนตรี
ใต ลงพื้นที่ชวยเหลือพี่นองผูประสบภัยนํ้าทวมที่ภาค โดยเงินบริจาคของพี่นองทั่วประเทศ
จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
21
หองขาว
แผนงานสรางสุขมุสลิมไทย
ทุนการศึกษา
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.) ดวยตระหนักถึงภาระหนาที่ที่มีตอสังคมไทยโดยรวมตลอดมา มูลนิธิ สรางสุขมุสลิมไทย (สสม.) จึงไดจัดใหมีกองทุนการศึกษาแกนักเรียนที่มี ฐานะยากจน ตั้ ง แต ป ก ารศึ ก ษา 2556 เป น ทุ น การศึ ก ษาแบบให เ ปล า ต อ เนื่ อ ง ตั้ ง แต ร ะดั บ มั ธ ยมศึ ก ษา อาชี ว ศึ ก ษา จนถึ ง ระดั บ ปริ ญ ญาตรี ไมมีภาระผูกพันตองใชคืน จนถึงปจจุบันมีนักเรียนทุนที่สําเร็จการศึกษาทั้งระดับอาชีวศึกษา และระดับปริญญาตรีจํานวน 9 ราย และนักเรียนทุน 2 รายที่ศึกษาตอ แตไมขอรับทุน เนื่องจากนักเรียนทุนหนึ่งราย ไดทุนจากสถานศึกษา และ อีกหนึ่งรายมีงานทําและศึกษาตอที่ ม.รามคําแหง
ในปการศึกษา 2559 จะมีนกั เรียน ทุน สําเร็จการศึกษาอีกจํานวน 7 ราย โดยแยกเป น ระดั บ อาชี ว ศึ ก ษาจํ า นวน 2 ราย และระดั บ ปริ ญ ญาตรี จํ า นวน 5 ราย นอกจากนี้ ในป พ.ศ. 2559 ภาค เรียนที่ 2 มูลนิธิฯไดจัดใหมีทุนการศึกษา ประเภททุนอุปถัมภขึ้น สําหรับผูบริจาค ที่ตองการบริจาคใหนักเรียนทุนรายหนึ่ง รายใดโดยเฉพาะ โดยมูลนิธิฯ เปนผูคัด เลือกนักเรียนทุน และในโอกาสนี้ มู ล นิ ธิ ส ร า งสุ ข มุสลิมไทย (สสม.) ขอแสดงความยินดี
กับ นางสาวสุพรรษา แซพาน นักเรียน ทุนอุปถัมภ ชั้น ปวส.1 สาขาพืชศาสตร คณะเกษตรกรรม วิทยาลัยเกษตรและ เทคโนโลยีเชียงใหม ที่ไดรับรางวัลที่ 2 การประกวดการสัมมนาผลงานวิชาการ ประเภทผลงานการวิจัย สาขาพืชศาสตร เรื่ อ ง ศึ ก ษาระดั บ ความเข ม ข น ของ ฮอรโมน IBA ที่มีผลตอการเจริญเติบโต และการแตกหนอของมหาหงส มาตรฐาน เหรี ย ญทอง ในการประชุ ม วิ ช าการ องคการเกษตรกรในอนาคตแหงประเทศ ไทย ในพระราชูปถัมภสมเด็จพระเทพ รั ต นราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี
คุณผูอานสามารถรวมบริจาคชวยเหลือนักเรียนยากจน กับ สสม. ไดโดยบริจาคผาน ธ.อิสลามแหงประเทศไทย สาขารามคําแหง 87 บัญชีเลขที่ 109-1-03034-0 22
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ระดับชาติ ครั้งที่ 38 ณ วิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยี อุ ทั ย ธานี ระหวา งวั น ที่ 31 มกราคม - 6 กุมภาพันธ 2560 ปจจุบนั มีนกั เรียนทุนทัง้ สิน้ จํานวน 44 ราย แยกเปนแตละระดับการศึกษา ดังนี้ 1. ระดับมัธยมศึกษา จํานวน 19 ราย (ทุนละ 8,000 บาท/ป) 2. ระดับอาชีวศึกษา จํานวน 10 ราย (ทุนละ 10,000 บาท/ป) 3. ระดับปริญญาตรี จํานวน 15 ราย (ทุนละ 12,000 บาท/ป) การคัดเลือก “นักเรียนทุน” จะ พิ จ ารณาจากรายได ข องครอบครั ว จํานวนพี่นอง ปญหาของครอบครัว และ การขาดผูอุปการะสงเสียเลาเรียน ผล การเรียนพอใช มีความประพฤติดี และ มีความมุงมั่นตั้งใจ ในการศึกษาเลาเรียน