หนา บาน
WWW.Muslim4health.or.th
กรณีคดีเด็กวัย 18 ป ที่ เ ป น ข า วดั ง เมื่ อ ปลายเดื อ น เมษายน 2560 จนหลายต อ หลายคน ตางแสดงอารมณโกรธ ตอวัยรุนผูนี้ ยิ่ง เมื่อรูวา เด็กวัย 18 คนนี้เคยกอคดีฆาคน ตายมาแล ว ในช ว งปลายป 2559 กระแสเกลียดชังยิ่งโหมทวี
ยั ง มี ค ดี เ กี่ ย วกั บ เด็ ก และเยาวชนอี ก หนึ่ ง คดี ถ า จํ า กั น ได เมื่อเดือนมีนาคม 2557 เปนคดีลูกชายคนโตวัย 19 ปกอเหตุฆา พอแมและนองชาย รวม 3 ศพ เดิมทีเจาหนาที่เชื่อวา ลูกชาย คนเล็ก วัย 16 ป เปนผูกอเหตุใชปนยิงพอแมและยิงตัวเองตาย ตาม เนื่องจากปญหาเรื่องการเรียน โดยมีเพียงลูกชายคนโตเปน ผูเดียวที่รอดชีวิตและยังใหการได แตการจากสืบสวนหลักฐาน เพิ่มเติมในเวลาตอมา พบวาลูกชายคนโตนาจะมีสวนเกี่ยวของ กับเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ จนกระทั่งยอมรับในที่สุดวา กอเหตุยิง พ อ แม แ ละน อ งชาย เนื่ อ งจากน อ ยใจและแค น ที่ ค รอบครั ว ไม ไว ใจและดุ ด า ต อ ว า จึ ง ตั ด สิ น ใจก อ เหตุ ดั ง กล า ว ป จ จุ บั น เยาวชนวั ย 19 ป ร ายนี้ ถู ก ตั ด สิ น จํ า คุ ก 25 ป คดี น้ี มี ร ายงาน ระบุ ค วามเป น คนเจ า ระเบี ย บของแม อาจเป น สาเหตุ ใ นการ กระทํา ในขณะที่คดีเด็กวัย 18 ป ก็มีรายงานความรุนแรงของ ครอบครั ว ที่ พ อ มั ก จะเมากลั บ บ า นมาทํ า ร า ยแม ทุ ก ครั้ ง ไป สมาชิกสุขสาระ (สนับสนุนคาจัดสง) ที่ ไมไดรับหนังสือ หรือเปลี่ยนที่อยู กรุณาติดตอที่ suksara@yahoo.co.th จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
3
ลา คอมรฺ
แม จ ะมี ร ายงานว า เด็ ก วั ย 18 ป ผู นี้ เคยเตะพ อ จนสลบ เพื่ อ เพิ่ ม กระแส ก็ น า จะมี คํ า ถามต อ สั ง คมเช น กั น ว า อะไรนํ า พา ทํ า ให เขากลายเป น คน อารมณรุนแรงเชนนั้นได ที่ นํ า คดี เ ด็ ก ทั้ ง สองคดี ม าเล า มิใชอะไร เพียงแตตองการใหเรารูจัก เริ่ ม ต น ที่ จ ะนํ า พาเด็ ก ๆ ของเราไปสู สิ่งแวดลอมที่ดี จะเห็นไดวาสิ่งแวดลอม อั น ดั บ แรกคื อ ครอบครั ว เป น ส ว น สําคัญ ทีจ่ ะคอยหลอหลอมสภาพจิตใจ นิ สั ย ของเด็ ก ให เ ติ บ โต เป น ผู ใ หญ อยางงดงาม ตรงนี้ตองชวยกันขบคิด ไมตึงเกินไป ไมหยอนเกินไป รวมทั้ง ไมสรางขอเปรียบเทียบระหวางบุตร หลาน เปนตน สิ่งแวดลอมอันดับตอมานาจะ เปน โรงเรียน ซึ่งรวมไปถึงครูและกลุม เพื่อนที่คบ หรือแมกระทั่งการปลอย ให เ ด็ ก อยู กั บ โลกโซเชี ย ลมากเกิ น ไป ก็อาจชักนําใหเด็กออกนอกหลงทาง ไปได เพราะในโลกโซเชี ย ลมี ห ลาก หลายความคิ ด ทั้งที่ สมเหตุผล และ ไมมีเหตุผล จึงอันตรายที่จะปลอยให เด็กอยูตามลําพัง
ถาเราแกสวนนี้ ได ปญหา สั ง คม ก็ น า จะลดลงไปได อี ก แนนอนปญหาสังคมไมมีทางหมด อยู แ ล ว หากเราช ว ยกั น ทํ า ให ลดลงได ก็นาจะชวยกัน ...
บุหรี่ ไฟฟา
เพิ่ ม ความเสี่ ย ง กลามเนื้อหัวใจ
ตาย..!
ศ.นพ.ประกิ ต วาที ส าธกกิ จ เลขาธิ ก ารมู ล นิ ธิ ร ณรงค เ พื่ อ การ ไมสูบบุหรี่ เปดเผยรายงานวิจัยที่พบ วา การใชบุหรี่ไฟฟา เพิ่มความเสี่ยง กล า มเนื้ อ หั ว ใจตาย 42% รายงาน ดังกลาวเปดเผยโดยนักวิจัย นารดอส เทเมสเจน และคณะ จากจอร จ วอชิ ง ตั น ยู นิ เวอร ซิ ตี้ สหรั ฐ อเมริ ก า ที่ ทํ า การวิ เ คราะห ข อ มู ล การสํ า รวจ สุ ข ภาพระดั บ ประเทศ ป 2557 ใน กลุมตัวอยาง 35,156 ราย ถึงความ สัมพันธระหวางปจจัยเสี่ยงตาง ๆ เชน อายุ เพศ นํ้ า หนั ก มวลกาย รายได ความดันสูง เบาหวาน ไขมันเลือดสูง การสู บ บุ ห รี่ และการสู บ บุ ห รี่ ไ ฟฟ า กั บ การเกิ ด โรคกล า มเนื้ อ หั ว ใจตาย (Myocardial infarction) ผลการวิเคราะหพบวา การสูบ บุ ห รี่ ไ ฟฟ า เพิ่ ม ความเสี่ ย งการเกิ ด กลามเนื้อหัวใจตาย 42% โดยไมเกี่ยว กับปจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ขณะที่ การสูบ บุหรี่ทุกวัน ความเสี่ยงกลามเนื้อหัวใจ ตายเพิ่มขึ้น 175% สูบเปนครั้งคราว ที่มา : มูลนิธิรณรงคเพื่อการไมสูบบุหรี่
4
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ความเสี่ ย งเพิ่ ม ขึ้ น 139% ความดั น โลหิ ต สู ง ความเสี่ ย งเพิ่ ม ขึ้ น 172% ไขมันในเลือดสูง 119% และเบาหวาน ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 68% ศ.นพ.ประกิต เปดเผยตอไปวา รายงานการทบทวนงานวิจัยที่มีการ ตีพิมพแลวพบวา การสูบบุหรี่ซิกาแรต และการสูบบุหรี่ไฟฟา ทําใหเกิดอนุมูล อิสระและทําใหเกิดความผิดปกติของ เยื่ อ บุ เ ส น เลื อ ด แม ว า บุ ห รี่ ไ ฟฟ า จะทํ า ให เ กิ ด ความผิ ด ปกติ ที่ รุ น แรง นอยกวาก็ตาม ทั้งนี้ ควันบุหรี่ไฟฟา ประกอบด ว ยสารที่ ส ามารถส ง ผล ต อ การทํ า งานของหั ว ใจ ได แ ก สาร นิโคติน สารออกซิแดนท ละอองฝอย ขนาดเล็ก แอลดีไฮด และสารที่ปรุง แต ง กลิ่ น รส ซึ่ ง มี ห ลั ก ฐานว า สาร เหลานี้ เรงการแข็งตัวของเส นเลือด นํ า ไปสู ก ารเกิ ด กล า มเนื้ อ หั ว ใจตาย เฉียบพลันได โดยเฉพาะในผูที่มีโรค เส น เลื อ ดหั ว ใจตี บ การเลิ ก สู บ บุ ห รี่ จึงเปนทางเลือกที่ดีที่สุดสําหรับผูปวย ที่เปนโรคเสนเลือดหัวใจอยูแลว
ริมคลอง สมุย
ตนเฟองฟา Paper flower, Bougainvillea ถูกพบครั้งแรกในประเทศ บราซิลโดยนักพฤกษศาสตรชาวฝรั่งเศส เมื่อประมาณป ค.ศ. 1766-1769 และไดถูกนําไปปลูกยังสวนตาง ๆ ของโลก เริ่มจากทางยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชี ย สํ า หรั บ ในประเทศไทยได มี ก ารนํ า พั น ธุ ข องต น เฟ อ งฟ า เข า มา จากประเทศสิ ง คโปร เ ป น ครั้ ง แรกเมื่ อ ประมาณป พ.ศ.2423 (รั ช กาลที่ 5) และมีการนําเขามาจากตางประเทศอีกมากมายจนถึงปจจุบัน เฟองฟาเปนไม ที่เจริญเติบโตไดดี ในประเทศไทยแลวยังเกิดการกลายพันธุเปนสายพันธุใหม เกิดขึ้นอีกมากมาย เฟองฟา มีชื่อทองถิ่นอื่นๆ วา ดอกตางใบ (กรุงเทพฯ), ดอกกระดาษ ดอกโคม (ภาคเหนือ), ตรุษจีน (ภาค กลาง), เย จื่ อ ฮวา จื่ อ ซานฮวา (จี น กลาง) เปนตน เฟอ งฟา นิยมปลูกเปนไมประดับ มีอายุยืนหลายสิบป เปนซุมไมเลื้อย สามารถเลื้ อยไปได ไกลถึง 10 เมตร เป น ซุ ม นั่ ง เล น ปลู ก ในที่ ส าธารณะ สวนข า งทางเดิ น ปลู ก เป น แนวรั้ ว ปลู ก เป น ไม ก ระถาง หรื อ ทํ า เป น ไม บอนไซหรือไมแคระ สามารถตัดแตง ทรงพุ ม ได ดู แ ลรั ก ษาได ง า ยและ
ทนความแล ง ได ดี เมื่ อ มี อ ากาศเย็ น จะมีดอกออกเต็มตน แตไมควรนําไป ปลู ก ไว ใ กล กั บ สนามเด็ ก เล น เพราะ มีหนามแหลม ต น เฟ อ งฟ า ลํ า ต น มี ลั ก ษณะ กลมใหญ เนื้อแข็ง ผิวเปนสีเทาหรือ สีนํ้าตาล ลําตนเปราะและหักไดงาย มี ห นามขึ้ น ตามลํ า ต น อยู เ หนื อ ใบ หนามมี ค วามยาวประมาณ 0.5-1 เซนติ เ มตร ขยายพั น ธุ ด ว ยวิ ธี ก าร ตอนกิ่ง การปกชํากิ่ง เสียบยอด เจริญ เติบโตไดดีในดินปนทรายระบายนํ้าดี ชอบความชื้ น ตํ่ า และแสงแดดแบบ เต็มวัน ใบเฟองฟา ใบเปนใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเปน รูปไข รูปรี หรือรูปหัวใจ ปลายใบ แหลม โคนใบมน ส ว นขอบใบเรี ย บ
ใบมีขนาดกวางประมาณ 3-6 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-10 เซนติ เ มตร แผนใบเปนสีเขียว ผิวใบเรียบ ใบบาง มีหนามอยูตามงามใบ มีกานใบยาว ประมาณ 1 เซนติเมตร เฟ อ งฟ า ออกดอกเป น กระจุ ก ตามง า มใบและปลายกิ่ ง มี 3 ดอก ดอกมี ห ลายสี ทางจี น นิ ย มนํ า มาใช เป น ยา คื อ ดอกสี ม ว ง หรื อ สี แ ดง
จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
5
ดอกที่เปนสีๆ ก็คือใบที่เปลี่ยนสี เรียก ว า ใบดอก มี ลั ก ษณะบางคล า ยกั บ กระดาษ ลั ก ษณะเป น รู ป ไข ป ลาย แหลม ในหนึ่งดอกจะมีใบดอก 3 ใบ เชื่อมติดกัน ใบดอกจะกวางประมาณ 2-4 เซนติเมตรและยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร มีเกสรเปนรูปทรงกระบอก สีเขียว
ครั้ ง ละ 10-15 กรั ม นํ า มาต ม กั บ นํ้ า รั บประทาน หรือจะใชรวมกั บตัวยา อื่นๆ ในตํารับยาตามที่ตองการ เฟ อ งฟ า ดอกขาว Bougainvillea spectabilis Willd. ใน ประเทศจี น จะไม นิ ย มนํ า มาใช ทํ า ยา แตในประเทศไทยจะมีการนํารากมา ใชเปนยาแกพิษตางๆ
ตนเฟองฟาเปนพรรณไมที่ไดรับสมญา นามว าเป น “ราชินี แห งไม ประดับ” นอกจากนี้ ค นไทยโบราณยั ง มี ค วาม เชื่ อ อี ก ว า ต น เฟ อ งฟ า เป น ไม ม งคล สํ า คั ญ ของเทศกาลตรุ ษ จี น เพราะ ต น เฟ อ งฟ า สามารถออกดอกได บานสะพรั่ ง ในช ว งเทศกาลตรุ ษ จี น เปนที่มาของการเรียกตนเฟองฟาวา “ตนตรุษจีน” นอกจากสวยแล ว เฟองฟายัง ขึ้ น ชื่ อ เรื่ อ งคงทน หากหลุ ด ร ว งจาก ตนแลวยังสามารถคงความสวยไวได นานกว า ดอกไม อื่ น ทั่ ว ไป ก อ นที่ จ ะ เหี่ยวเฉาไป ยกเวนดอก บานไมรูโรย * หมายถึงยาที่ปรุงเสร็จแลว ไดยาที่มีรสไม รอนไมเย็น มีสรรพคุณแกโรคทางโลหิต ขอมูล : https://kaijeaw.com http://pmascots.multiply.com https://medthai.com
เฟอ งฟา มีผลขนาดเล็ก ลักษณะ เปนสัน 5 เหลี่ยม เปลือกแข็งและมี เมล็ดติดกับเปลือก ดอกเฟ อ งฟ า มี ส รรพคุ ณ ช ว ย บํ า รุ ง หั ว ใจและระบบขั บ ถ า ย บาง ขอมูลระบุวาดอกเฟองฟามีสรรพคุณ ชวยบํารุงโลหิตและใชแทนเครื่องหอม ไดดวย ดอกเฟ องฟ า สายพันธุ Bougainvillea glabra Choisy. มีรสขม ฝาด เปนยาสุขุม* ออกฤทธิ์ตอตับ ใช เปนยาแกประจําเดือนมาไมเปนปกติ ทําใหเลือดไหลเวียนไดดี รักษาสตรีที่ ประจําเดือนไมมาหรือมุตกิดตกขาว ของสตรี ดวยการใชดอกที่เปนยาแหง 6
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
นอกจากนี้ยังพบวา ดอกเฟองฟา สามารถนํ า มาใช ใ นการประกอบ อาหารได เชน การทําดอกเฟ องฟ า ชุบแปงทอด ดวยการนําดอกเฟองฟา มาชุบในแปงชุบทอด รอใหนํ้ามันรอนจัด แล ว ใส ด อกเฟ อ งฟ า ที่ ชุ บ แป ง ลงไป ทอดจนเหลืองกรอบ แลวตักขึ้นมารอ จนนํ้ามันสะเด็ด ใชรับประทานกับนํ้า จิ้มเพื่อเพิ่มรสชาติใหอรอยยิ่งขึ้น ใชปลูกเปนไมประดับ ดอกสวย มีหลายสีจากหลากหลายสายพันธุ คนไทยโบราณมี ค วามเชื่ อ ว า หากบ า นใดปลู ก ต น เฟ อ งฟ า ไว เ ป น ไม ป ระจํ า บ า นจะสามารถช ว ยสร า ง คุ ณ ค า ของชี วิ ต ให สู ง ขึ้ น เนื่ อ งจาก
...ชวนอาน...
อาหารตานโรคชวงหนาฝน........หนา 9 “การเดินถอยหลังบนลูกล (Backward walking exercise)” การออกกําลังกายแนวใหม สําหรับ ผูมีปญหาเกี่ยวกับขอเขา......... หนา 11 ‘พฤติกรรมเนือยนิ่ง’ ไลฟสไตลที่ตอง เซยโน.................................... หนา 13 โยเกิรตชวยลดความเสี่ยง มะเร็งเตานมได ขณะที่ชีส ใหผลตรงกันขาม....................หนา 15 ชุมชนรักษสุขภาวะ ตอน รักแรกพบ ที่บานทอนตรน....................... หนา 16 สังคมไทย.............................. หนา 19 กิจกรรมสรางสุขมุสลิมไทย..... หนา 20
ทองโรค ฮากีม
“โรคนํ้ า ในหู ไ ม เ ท า กั น ” เป น โรคที่ แ รงดั น นํ้ า ในช อ งหู ชั้ น ในผิ ด ปกติ ของเหลวที่ อ ยู ภ ายในส ว นที่ เปนเยื่อหุมภายในจะคั่งมาก ทําให การไหลเวี ย นไม ส ะดวก แรงดั น ที่ เพิ่ ม ขึ้ น ในหู ชั้ น ในจะขั ด ขวางการ ทํ า งานของกระแสประสาทที่ เ กี่ ย ว กับการไดยินและการทรงตัว ทําให สู ญ เสี ย การไดยิ น และความสมดุ ล จึ ง ทํ า ให เ กิ ด อาการเวี ย นศี ร ษะขึ้ น เมื่ อ แรงดั น มากขึ้ น ผู ป ว ยจะรู สึ ก ตึงๆ ในหูขางที่ผิดปกติ สาเหตุ ไมแนชัด ในกลุมที่ทราบ สาเหตุ จ ะเรี ย กว า กลุ ม อาการมี เ นี ย ไดแก โรคซิฟลิส หูนํ้าหนวก เปนตน เพราะฉะนั้นโรคนี้จึงรักษาไมหายขาด เพี ย งแต ส ามารถรั ก ษาอาการเวี ย น ศี ร ษะให ห ายเป น ปกติ ไ ด เ ท า นั้ น อาการผิดปกติอาจเกิดขึ้นกับหูเพียง
โรคนํ้ า ในหู ไม เ ท า กั น
ขอมูล : http://www.thaihealth.or.th/Content/12439-.html http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=757 http://thaihealthlife.com
ข า งเดี ย วหรื อ ทั้ ง สองข า งก็ ไ ด ระยะ แรกๆ มั ก เปน ข า งเดี ย ว แต เ มื่ อ เปน นานๆ เขา โอกาสที่หูขางที่สองจะเปน รวมดวยก็มีมากขึ้น โรคนี้พบมากในคนอายุ 30-60 ป พบได ทั้ ง เพศชายและเพศหญิ ง โดย มากอาการมั ก จะเริ่ ม เมื่ อ อายุ 30 ป ในประเทศไทยขอมูลทางระบาดวิทยา ของโรคนี้ยังมีนอย โรคนี้มักเปนในหู ขางเดียว แตอาจเปนทั้งสองหูไดรอยละ 30 อาการของโรคนี้มักจะเกิดขึ้นทันที ทันใด อาจมีอาการทุกวัน หรือนานๆ ครั้ ง ก็ ไ ด ซึ่ ง ไม ส ามารถทํ า นายได ว า จะเกิดอีกเมื่อไร แตละครั้งที่มีอาการ อาจมีอาการเปนระยะเวลาสั้นๆ เปน นาที หรือมีอาการเปนระยะเวลานาน จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
7
อาหารกับสุขภาพ ครูกุก
เปนชั่วโมงได อาจมีอาการนอยหรือ มากได นอกจากนั้นผูปวยอาจมีอาการ ปวดศี ร ษะ ปวดท อ ง หรื อ ท อ งเสี ย รวมดวยได สวนอาการของโรคที่พบบอยๆ จะเริ่ ม ต น กั น ด ว ยอาการเวี ย นศี ร ษะ ที่ รู สึ ก เหมื อ นกํ า ลั ง หมุ น ไปพร อ มๆ กับอาการคลื่นไส อาเจียน เหงื่อออก ลั ก ษณะอาการคื อ จะเกิ ด ขึ้ น ในทั น ที ทันใด อาจจะเปนอยูนานกวา 20 นาที หรือ 2-3 ชั่วโมง อาการดังกลาวมัก เป นรุนแรง แตไม ทําใหหมดสติหรือ เปนอัมพาต เมื่อหายเวียนศีรษะ ผูที่ เปนจะมีความรูสึกเหมือนเปนปกติ ตอมาเปนอาการ หูอื้อ อาจจะ เป น ชั่ ว คราวหรื อ ถาวรก็ ไ ด ถ า เป น ระยะแรกๆ จะสู ญ เสี ย การได ยิ น แค ชั่วคราว หลังจากหายเวียนศีรษะแลว การไดยินจะกลับมาเปนปกติ แตถา ผูปวยมีอาการเวียนศีรษะบอยๆ หรือ เป น มานาน อาการหู อื้ อ มั ก จะเป น ถาวร บางครั้ ง อาจถึ ง ขั้ น หู ห นวกไป เลยก็เปนได อาการทีม่ เี สียงดังในหูและอาการ ตึงๆ ภายในหูคลายกับมีแรงดัน ผูปวย 8
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
จะมี เ สี ย งดั ง ในหู ข า งที่ ผิ ด ปกติ และ จะเกิดแรงดันของนํ้า อาการของโรค นํ้ าในหูไมเทากันนี้อาจเปนไดตลอด เวลาหรือเปนเฉพาะขณะที่เวียนศีรษะ
การปองกัน
1. ลดอาหารที่ มี ร สชาติ เ ค็ ม โดยจํ า กั ด เกลื อ สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด คื อ ควรที่ จะรับประทานอาหารใหครบทั้ง 5 หมู และหมั่นออกกําลังกายใหแข็งแรง 2. หลีกเลีย่ งสารคาเฟอีน (เครือ่ ง ดื่ ม นํ้ า อั ด ลม ชา กาแฟ) เครื่ อ งดื่ ม แอลกอฮอล 3. การสูบบุหรี่ และความเครียด จะทําใหอาการของผูปวยโรคนี้แยลง เนื่ อ งจากจะไปลดเลื อ ดที่ ไ ปเลี้ ย งหู ชั้นใน หลีกเลี่ยงสภาวะแวดลอมที่อาจ กระตุนภาวะความเครียด เชน อากาศ รอน บริเวณที่มีเสียงดัง บริเวณที่คน แออัด เปนตน 4. รั บ ประทานอาหารจํ า พวก ผั ก ผลไม เ พิ่ ม ขึ้ น และลดอาหาร ประเภทแปงหรือไขมันที่เปนสาเหตุ ของไขมันอุดตันในเสนเลือด
สภาพอากาศที่ อั บ ชื้ น และเย็ น ลงในหน า ฝน เหมาะแก ก ารเจริ ญ เติ บ โตของเชื้ อ โรค และพร อ มโจมตี คุณไดทันที การดูแลสุขภาพจึงไมใช เพียงแคการรับประทานยาเพื่อรักษา โรคเทานั้น ยังตองใหความสําคัญกับ การรับประทานอาหารเพื่อชวยสราง ภู มิ ต า นทานให ร า งกายควบคู กั น ไป ดวย วิ ธี ดู แ ลสุ ข ภาพสํ า หรั บ คนทุ ก ชวงวัยในหนาฝน เริ่มตนงายๆ ที่ตัว คุณเอง ดังนี้ สําหรับเด็กๆ สิ่งที่ตองกังวลเปน พิเศษ คือ เชื้อโรคที่เกิดจากการสัมผัส เพราะเด็กๆ สวนใหญ มักไมคอยใสใจ รักษาความสะอาดและสุขอนามัยของ ตัวเอง เชน โรคตาแดง ที่อาจเกิดจาก นํ้าสกปรกกระเด็นเขาตา หรือนํามือ ที่เปอนสิ่งสกปรก ไปสัมผัสโดนดวงตา เป นต น นอกจากนี้ ยังมีโรคที่มากับ การรั บ ประทานอาหารหรื อ นํ้ า เช น โรคอุจจาระรวง และอาหารเปนพิษ อย า งไรก็ ต าม ในหน า ฝน มั ก พบไข หวัดระบาดในเด็ก ซึ่งสาเหตุก็มาจาก สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือเด็ก ตากฝนจนไมสบาย ส ว นผู สู ง วั ย ซึ่ ง มี ภู มิ ต า นทาน โรคตํ่าตามสภาพรางกายที่ออนแอลง อาจปวยเพราะการเปลี่ยนแปลงของ สภาพอากาศเช น กั น ซึ่ ง โรคที่ พ บ ได บ อ ยในคนสู ง อายุ คื อ โรคระบบ ทางเดินหายใจ ทั้งไขหวัด ไขหวัดใหญ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ซึง่ สามารถ ลุกลามไปถึงโรคปอดอักเสบหรือปอด บวมได หากอยูในสภาพแวดลอมที่มี นํ้าทวมขัง ปสสาวะหนูตามพื้นถนน
ที่ปนเปอนอยู เมื่อเดินเทาเปลาอาจ ทําใหเชื้อโรคเขาสูรางกาย โดยผาน ทางบาดแผล หรื อ เยื่ อ บุ ผิ ว หนั ง จน ป ว ยเป น โรคเลปโตสไปโรซิ ส หรื อ ไข ฉี่ ห นู ดั ง นั้ น หากมี ค นชราอยู ที่ บ า น ควรดู แ ลเป น พิ เ ศษ เน น ยํ้ า เรื่ อ งการ สวมใสรองเทา หากเดินออกไปนอก บาน หรือเขาไปในสวนหรือที่ชื้นแฉะ เพราะคนสูงวัยจํานวนไมนอยที่ชอบ ทําสวนและปลูกตนไมเปนงานอดิเรก สําหรับคนวัยทํางานอยางเราๆ ก็ไมควรชะลาใจ เพราะคนวัยทํางาน สวนใหญ ไมคอยมีเวลาออกกําลังกาย เนื่ อ งจากภาระหน า ที่ ก ารงานรั ด ตั ว จึ ง ทํ า ให ร า งกายมี ภู มิ คุ ม กั น ลดลง เป น สาเหตุ ใ ห ป ว ยเป น ไข ห วั ด หรื อ ไขหวัดใหญได หรือแมกระทั่งการถูก ยุงกัดก็อาจสงผลใหเปนโรคไขเลือด ออกหรือไขสมองอักเสบไดเชนกัน ดั ง นั้ น หน า ฝนนี้ ควรดู แ ล สุขภาพตนเองอยางเครงครัด เพื่อให รางกายสามารถปรับสภาพและมีภูมิ ต า นทานต อ การเปลี่ ย นแปลงของ อากาศได คําแนะนําเบื้องตนในการ ดูแลสุขภาพในชวงหนาฝน คือ 1. รั ก ษาร า งกายให อ บอุ น อยู เสมอ
2. พักผอนนอนหลับใหเพียงพอ 3. รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ใหม และดื่มนํ้าสะอาด 4. ล า ง มื อ ใ ห ส ะ อ า ด ก อ น รับประทานอาหารทุกครั้ง 5. หลี ก เลี่ ย งการสั ม ผั ส หรื อ คลุกคลีกับผูปวย โดยเฉพาะอยางยิ่ง ในชวงที่รูสึกวารางกายออนแอ 6. ออกกําลังกายเปนประจํา 7. ระวังอยาใหถูกยุงกัด นอกจากดู แ ลตั ว เองจากภาย นอกแล ว เรายั ง มี อ าหารที่ ช ว ยต า น หวัดในชวงหนาฝนมาฝากกันดังนี้ 1. ซุป ไกรอนๆ ชวยลดอาการ คั ด จมู ก อาจเติ ม ผั ก เข า ไปเพื่ อ เพิ่ ม สารทําใหรางกายแข็งแรง มีสุขภาพดี ซุปไกที่ผานกระบวนการตุนนานๆ จน
โปรตีนยอยสลายเปนไดเปปไทด จะ ชวยกระตุนภูมิคุมกัน ชวยใหรางกาย สดชื่น และยังใหโปรตีนที่ดีตอรางกาย ดวย 2. แกงเลี ย ง ขึ้ น ชื่ อ ว า เมนู อาหารแก ห วั ด ก็ ต อ งนึ ก ถึ ง เมนู แกงเลียงเปนอันดับแรกๆ ตักซดรอนๆ จมู ก โล ง โปร ง สบายดี นั ก แล ที เ ด็ ด ก็อยูตรงที่ความเผ็ดรอนจากเครื่องแกง ที่จัดมาทั้งกระชาย พริกไทยดํา และ หอมแดง และผักที่ใสลงไปในแกงเลียง นี่ แ หละ เขาว า กั น ว า ช ว ยแก ห วั ด ชะงัดนัก 3. เ นื้ อ ป ล า จํ า พ ว ก ป ล า แซลมอน ปลาทู น า และปลา แมคเคอเรล เพราะกรดไขมั น โอเมกา 3 จะเข า ไปช ว ยลดอาการ
จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
9
อักเสบ สาเหตุที่ทําใหภูมิคุมกันของ เราออนแอลง ฟนคนป วยไขหวัดให กลั บ มาแข็ ง แรงได เร็ ว หอยนางรม นอกจากจะมีโอเมกา 3 แลวยังมีธาตุ สั ง กะสี ที่ ช ว ยเสริ ม ให เ ม็ ด เลื อ ดขาว แข็ ง แรง ทํ า ให มี ภู มิ คุ ม กั น ต อ ต า น ไวรัสหรือแบคทีเรียที่เปนสาเหตุของ ไขหวัดได 4. อาหารตางๆ ที่มีวิตามิน ซี แ ล ะ ส า ร ต า น อ นุ มู ล อิ ส ร ะ อาหารที่ มี วิ ต ามิ น ซี ฝรั่ ง พริ ก หวาน สตรอวเบอรรี สับปะรด หรือกะหลํ่าปลี ล ว นแล ว แต ช ว ยเพิ่ ม ภู มิ ต า นทาน โรคได สวนสารตานอนุมูลอิสระ เชน เบตาแคโรทีนหรือวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี จะชวยกําจัดสิ่งแปลกปลอม หรื อ เชื้ อ โรคที่ เ ข า สู ร า งกาย และ ป อ งกั น การติ ด เชื้ อ ได ผั ก ผลไม ที่ มี สารตานอนุมูลอิสระสูง เชน แครอท ผักใบเขียวจัด สม ฝรั่ง องุน แคนตาลูป มะละกอสุก เปนตน 5. อาหารรสเผ็ ด รวมทั้ ง เครื่องเทศ เชน กระเทียม สามารถ ชวยลดอาการหวัด จะใชใสปรุงลงใน อาหารหรือเคี้ยวสดๆ วันละ 1-2 กลีบ ก็ ไ ด ขิ ง จะช ว ยลดอาการหวั ด และ ปองกันโรคหวัดได นํ้าขิงรอนๆ ผสม กระเที ย ม 2-3 กลี บ ช ว ยให ร ะบบ หายใจทํ า งานคล อ งขึ้ น พริ ก ความ เผ็ ด ของพริ ก มาจากสารชื่ อ “แคป ไซซิน” พริกยังมีสารสําคัญอีกหลาย
10
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ชนิ ด เช น วิ ต ามิ น ซี วิ ต ามิ น เอ ธาตุ เหล็ ก และแคลเซี ย ม ลดอาการ คัดจมูก ชวยใหหายใจโลงขึ้น 6. แกงส ม ดอกแค ไล ไ ป ตั้ ง แต เ ครื่ อ งแกงที่ มี ส ว นประกอบ สมุนไพรตานหวัดหลายชนิดและดวย การปรุ ง ที่ มี ร สชาติ เ ผ็ ด ผสมเปรี้ ย ว จะช ว ยบํ า รุ ง ธาตุ ล มและธาตุ นํ้ า ได เปนอยางดี ขณะเดียวกันดอกแคยัง มีคุณสมบัติบํารุงธาตุไฟ ดังนั้นเมนูนี้ จึ ง มี ป ระโยชน ทั้ ง ช ว ยบํ า รุ ง ธาตุ แ ละ ระบบภูมิคุมกัน ชวยตานหวัดไดอยาง แนนอน 7. ชาร อ น เป น เครื่ อ งดื่ ม ที่ มี ประโยชนมากชนิดหนึ่ง เพราะชารอน มี ส ารโพลิ ฟ น อล (Polyphenol) และสารแอนติ อ อกซิ แ ดนท (Antioxidant) ซึ่ ง มี คุ ณ สมบั ติ ช ว ยลด อาการติ ด เชื้ อ ทํ า ให เ ยื่ อ บุ ภ ายใน โพรงจมู ก ชุ ม ชื่ น รู สึ ก หายใจสะดวก มากขึ้ น ซึ่ ง การดื่ ม ชาร อ นที่ เ หมาะ สมควรดื่มชาหลังรับประทานอาหาร 2-3 ชั่วโมง 8. ดื่ ม นํ้ า มากๆ อาจเป น นํ้ า ผลไม คั้ น สดก็ ไ ด เพื่ อ เสริ ม วิ ต ามิ น ซี ใ ห กั บ ร า งกายหรื อ อาจเปนเครื่องดื่มรอนๆ เชน ชา นํ้ามะนาวอุนๆ ก็จะชวย ลดเสมหะได แตควรงดกาแฟ นํ้าอัดลม หรือเครื่องดื่มที่มีรส หวาน
9. ผลไม ต ระกู ล ส ม ซึ่ ง มี วิ ต ามิ น ซี สู ง ช ว ยลดความเสี่ ย งการ ติ ด เชื้ อ หวั ด ได การสู บ บุ ห รี่ ห รื อ อยู ในแวดวงของคนสู บ บุ ห รี่ จะเพิ่ ม ความเสี่ยงตอการเปนหวัดและทําให รางกายตองการวิตามินซีสูงขึ้น 10. โยเกิ ร ต ช ว ยเพิ่ ม การ ทํ า งานของเซลล เ ม็ ด เลื อ ดขาวและ ชวยเพิ่มการสรางสารแอนติบอดีบาง ชนิดได การรับประทานโยเกิรตทุกวัน จะชวยลดอาการหวัดและภูมิแพได
สาระนารู นิรอมลี มะกาเจ คณะวิทยาศาสตรการกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร
“การเดินถอยหลังบนลูกล” (Backward walking exercise)
การออกกําลังกายแนวใหม
สําหรับผูมีปญหาเกี่ยวกับขอเขา ข อ เข า เป น ข อ ต อ ที่ สํ า คั ญ ของร างกาย เนื่ องจากเป น ส ว นที่ ใช ในการเคลื่อนไหวอยูบอยครั้ง ไมวา จะเป น การเดิ น การวิ่ ง หรื อ การ เคลื่อนไหวในขณะเลนกีฬาและออก กํ า ลั ง กาย โดยหากศึ ก ษาทางด า น กายวิ ภ าคศาสตร จ ะพบว า ข อ เข า ไม ไ ด มี ก ล า มเนื้ อ ห อ หุ ม ไว แ น น หนา เหมื อ นข อ ต อ อื่ น ๆ เช น ข อ สะโพก และขอไหล ดังนั้นขอเขาจึงขาดกลไก ที่ ช ว ยดู ด รั บ แรงกดเพื่ อ ผ อ นหนั ก ใหเปนเบาไดดีเทาที่ควร อีกทั้ง ปกติ
ข อ เข า จะเป น ข อ ที่ มี ก ารเคลื่ อ นไหว มากที่สุด เมื่อมีการใชอยูเปนประจํา สมํ่าเสมอยอมจะกอใหเกิดการเสื่อม สภาพ ดังนั้นจึงมีโอกาสเสี่ยงตอการ บาดเจ็ บ ได ง า ย โดยเฉพาะอย า งยิ่ ง ในกลุ ม ผู สู ง อายุ และผู ที่ มี นํ้ า หนั ก ตั ว มาก รวมถึ ง ในกลุ ม นั ก กี ฬ าที่ มี การเปลี่ยนทิศทาง การเคลื่อนที่อยาง รวดเร็ว และกีฬาที่มีลักษณะของการก ระโดด เชน ฟุตบอล, บาสเกตบอล, วอลเลยบอล, เทนนิส และแบดมินตัน เป น ต น โดยในกี ฬ าดั ง กล า วพบว า ปญหาการบาดเจ็บบริเวณขอเขาเปน ปญหาที่เกิดขึ้นเปนอันดับแรก ซึ่งผล ที่ไดจากปญหาดังกลาวนี้ จะบั่นทอน ทั้ ง สุ ข ภาพกายและสุ ข ภาพจิ ต ให ยิ่ ง
ลดลงเรื่ อ ยๆ ดั ง นั้ น จึ ง จํ า เป น ต อ งมี การฟ น ฟู แ ละรั ก ษาอาการบาดเจ็ บ บริ เวณข อ เข า ให ห ายเป น ปกติ เพื่ อ กลับมาเลนกีฬา ออกกําลังกาย รวม ไปถึงการดําเนินชีวิตประจําวันอยาง เปนปกติโดยเร็วที่สุด ในการฟนฟูสมรรถภาพทางกาย ของผู ที่ มี ป ญ หาการบาดเจ็ บ บริ เวณ ขอเขานั้น จุดประสงคหลักก็เพื่อที่จะ รักษาระดับสมรรถภาพทางกายของ ผู ที่ ไ ดรั บ การบาดเจ็ บ ใหอ ยู ใ นระดั บ คงที่ ดังนั้นรูปแบบกิจกรรมการออก กํ า ลั ง กายที่ นํ า มาใช จะต อ งมี ค วาม ปลอดภั ย และไม ก อ ให เ กิ ด การบาด เจ็บซํ้ากับอาการเดิมที่เปนอยู ซึ่งการ ออกกําลังกายที่เปนที่นิยมในปจจุบัน จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
11
ก็มีอยูหลายวิธีดวยกัน เชน การออก กําลังกายในนํ้า (Aquatic exercise) การออกกํ า ลั ง กายด ว ยการบริ ห าร กลามเนื้อรอบขอเขาโดยใชแรงตาน (resistance exercise) และการออก กํ า ลั ง กายโดยการเดิ น ถอยหลั ง บน ลูกล (backward walking exercise) เปนตน การออกกําลังกายโดยการเดิน ถอยหลังบนลูกล (backward walking exercise) เป น การออกกํ า ลั ง กาย รู ป แบบหนึ่ ง ที่ ไ ด รั บ การยอมรั บ จากวงการเวชศาสตร ฟ น ฟู แ ละ วิ ท ยาศาสตร ก ารกี ฬ าว า สามารถที่ จะฟ นฟู ส มรรถภาพของผู ที่ มีป ญหา การบาดเจ็ บ บริ เวณข อ เข า ได ทั้ ง นี้ เนื่องจากลักษณะของรูปแบบการออก กํ า ลั ง กายจะช ว ยลดแรงกดบริ เวณ ขอตอ patello femoral และลดมุม การเคลื่ อ นไหวของข อ เข า โดยจะ เกิ ด การยื ด ตั ว ของกล า มเนื้ อ ต น ขา ด า นหลั ง ก อ นถึ ง ช ว งที่ ข อ เข า จะรั บ นํ้าหนัก ทําใหชวยลดแรงกดที่ขอเขาได
12
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ที่ สํ า คั ญ คื อ ยั ง ช ว ยป อ งกั น การยื ด เกินไปของเอ็นไขวหนาไดอีกดวย ซึ่ง โดยทั่ ว ไปในขณะที่ อ อกกํ า ลั ง กาย โดยการเดินแบบปกติหรือการเดินไป ข างหนานั้น ในชวงที่มีการเคลื่อนที่ ของข อ เข า จะพบว า การหดตั ว ของ กลามเนื้อตนขาดานหนา และนํ้าหนัก ของร า งกายจะทํ า ให เ กิ ด แรงกดบน ขอตอ patellofemoral เปนอยาง มาก อีกทั้งระยะการงอของเขาก็จะมี ผลโดยตรงกั บ ขนาดของแรงจาก กลามเนื้อบริเวณตนขาดานหนา ยิ่ง ระยะการงอมากขึ้นเทาไรแรงกดก็จะ มากขึ้ น ตามไปด ว ย ดั ง นั้ น การออก กํ า ลั ง กายโดยการเดิ น ถอยหลั ง บน ลูกล จึงมีประสิทธิภาพเปนอยางมาก ในการนํามาฟนฟูสมรรถภาพทางกาย ในผู ที่ มี ป ญ หาการบาดเจ็ บ บริ เ วณ ขอเขา จุดประสงคทสี่ าํ คัญประการหนึง่ ของการเดินถอยหลังบนลูกล คือ การ พัฒนาความอดทนของระบบไหลเวียน เลื อ ดและระบบหายใจ (Cardio-
respiratory endurance) ในผูที่ได รั บ บาดเจ็ บ บริ เวณขอ เข า รวมไปถึ ง ผู ที่ มี ป ญ หานํ้ า หนั ก ตั ว มาก ซึ่ ง ไม สามารถที่จะออกกําลังกายโดยวิธีอื่น เหมือนคนปกติทั่วไป ดังนั้นถาหากมี การกําหนดความหนักและระยะเวลา ในการออกกําลังกายที่เหมาะสมแลว การออกกําลังกายรูปแบบดังกลาวนี้ จะเป น ประโยชน อ ย า งยิ่ ง ที่ จ ะทํ า ให การทํางานของหัวใจ ระบบไหลเวียนเลือด และปอดทํางานอยางมีประสิทธิภาพ มากขึ้นได อย า งไรก็ ดี ก ารออกกํ า ลั ง กาย ในรูปแบบดังกลาวนี้คอนขางจะเปน การฝ น ธรรมชาติ ดั ง นั้ น ขณะออก กําลังกายควรเริ่มฝกเดินถอยหลังจาก ความเร็วที่ชาๆ สักระยะหนึ่ง จากนั้น เมื่ อ ชํ า นาญดี แ ล ว ค อ ยๆ ปรั บ เพิ่ ม ระดั บ ความเร็ ว ตามความเหมาะสม ของแตละบุคคล พิมพครั้งแรก มีนาคม 2551
รายงาน อะหมัดซอและห
ปจจุบันวิกฤตดานพฤติกรรม ของคนเมื อ ง คื อ การนอนดู ที วี ครึ่งคอนวันในวันพักผอน กมหนา แชทกับเพื่อนผานหนาจอโทรศัพท นานๆ หรืออยู ในรถที่ติดเปนเวลา หลายชั่ ว โมงแทบทุ ก วั น หรื อ นั่ ง เรียนหนังสือหลายชั่วโมง หรือนั่ง ทํางานหนาจอคอมพิวเตอรทั้งวัน โดยแทบไม ไ ด ลุ ก ไปไหน ถ า คุ ณ มี พฤติกรรมเหลานี้ก็หมายความวา คุณกําลังเผชิญกับ “พฤติ ก รรม เนือยนิ่ง” “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” (Sedentary Lifestyle) เป น สาเหตุ ใ ห คุ ณ ขยั บ ร า งกายน อ ยลง และอาจส ง ผล เสียตางๆ ตอสุขภาพไดในอนาคต ไทยมีจํานวนประชากรที่มีภาวะ อ ว นหรื อ นํ้ า หนั ก เกิ น เป น อั น ดั บ ที่ 2 ในกลุ ม ประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย น รองจากมาเลเซีย เหตุเพราะทุกวันนี้ คนไทยมีพฤติกรรมติดจอ ใชเวลาอยู
‘พฤติกรรมเนือยนิ่ง’
ไลฟสไตลที่ตองเซยโน หนาจอโทรทัศนหรือคอมพิวเตอรนาน กวา 6 ชม.ตอวัน หรืออาจจะนั่งเรียน นาน เลนเกมคอมพิวเตอร และเลน
โทรศัพทมือถือรวม 3.5 ชั่วโมงตอวัน หรือมีกิจกรรมขยับรางกายในระดับ เบาโดยรวมไมถึง 6 ชั่วโมงตอวัน หรือ แมแตการนั่งในรถที่ติดนานๆ ถือเปน ความสุมเสี่ยงดานสุขภาพที่ชัดเจน การที่เราอยูนิ่งๆ นั่งนานๆ ไมมี การขยั บ ตั ว เป น เวลานานๆ ทํ า ให มี การใชพลังงาน (ขาออก) ลดลง เกิด ความไม ส มดุ ล กั บ พลั ง งาน (ขาเข า ) ที่ ได รั บจากอาหารที่ บริ โภคไปในแต ละวัน ซึ่งสงผลตอสุขภาพในระยะสั้น ได แ ก เหนื่ อ ย หอบง า ย และส ง ผล ในระยะยาว ได แ ก โรคหั ว ใจและ หลอดเลือด โรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 โรคอว น และมะเร็ ง บางชนิ ด ดั ง นั้ น การมีกิจกรรมขยับรางกายที่เพียงพอ จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
13
และบริ โ ภคให ส มดุ ล ในแต ล ะวั น จึ ง เป น การแก ไขป ญ หาวิ ก ฤติ ด า น พฤติกรรมการใชชีวิตไดอยางถูกตอง วิ ท ยาลั ย วิ ท ยาศาสตร และ เทคโนโลยี ก ารกี ฬ า ศู น ย ก ารแพทย กาญจนาภิ เ ษกมหาวิ ท ยาลั ย มหิ ด ล และสมาคมวิทยาศาสตรการกีฬาแหง ประเทศไทย แนะนํากายบริหารอยาง ง า ยๆ เพื่ อ ลดผลเสี ย ต า งๆ ที่ จ ะเกิ ด กั บ ร า งกายจากกิ จ กรรมเนื อ ยนิ่ ง ดังตอไปนี้ 1. นัง่ หนาจอคอมพิวเตอร -เมือ่ นั่ ง นานๆ จะเกิ ด การเกร็ ง ค า งของ กล า มเนื้ อ คอ สะบั ก และไหล และ อาจเกิ ด การกดทั บ เฉพาะที่ บ ริ เวณ ขอมือ ศอก และแกมกน อาจเกิดการ แอนหรือบิดของกระดูกหลัง ควรละ สายตาจากงานที่ ทํ า สามารถออก กํ า ลั ง กายช า ๆ ตามนี้ และสลั บ ข า ง ทาละ 5-10 ครั้งทุกชั่วโมง เริ่มตนที่ การบริหารคอดวยการนั่งตัวตรง หัน
หน า ไปทางซ า ยสลั บ ขวา มื อ ไขวจั บ ศีรษะดึงเฉียงลงไปทางดานซาย-ขวา สวนการบริหารไหล สะบัก แขน ทําได โดยประสานนิ้ ว เหยี ย ดไปข า งหน า แล ว เหยี ย ดไปข า งหลั ง ยื น หั น หลั ง แนบผนั ง แหงนคอ แอ น อก การ บริหารหลัง มือเกาะขอบเกาอี้ บิดตัว สลั บ ซ า ย-ขวา และกอดเข า สลั บ ซาย-ขวา 2. นั่ ง อยู ใ นรถท า มกลางการ จราจรติ ด ขั ด -ทํ า ให ค อและไหล ก ม มาขางหนา สงผลใหเกิดอาการปวด คอและสะบั ก และก น จมลึ ก เข า ไป ในเบาะ มี ก ารกดที่ ต น ขาด า นหลั ง การยื ด เส น ยื ด สายทํ า ได ข ณะรถติ ด แตอยาลืมเขาเกียร P เสียกอน เริ่มตน ดวยการบริหารคอ ใหเอามือไขวจับ ศีรษะดึงเฉียงลงไปทางดานซาย-ขวา บริ ห ารไหล สะบั ก แขน ทํ า ได โ ดย ไขว จั บ ไหล อี ก มื อ ดึ ง ข อ ศอกตาม ไปจนสุ ด ก อ นประสานนิ้ ว เหยี ย ด
ขอมูล : http://www.thaihealth.or.th/Content/29822 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1443592865 กรมอนามัย
14
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
ไปข า งหน า ท า ต อ มาคื อ แหงนคอ แอ น อก ท า สุ ด ท า ยคื อ กดเบาะ ยกก น ลอยส ว นท า บริ ห ารหลั ง เริ่ ม จากมื อ เกาะขอบเก า อี้ บิ ด ตั ว สลั บ ซาย-ขวา การบริหารเทา ใหกระดก ขอเทาสลับซาย-ขวา 3. นั่งดูทีวีหลายๆ ชั่วโมง หรือ แชททางโทรศั พ ท น านๆ -จะทํ า ให นิ้ ว และข อ มื อ เกร็ ง ไหล ย กเกร็ ง คอ ยื่ น และก ม ไปข า งหน า การบริ ห าร รางกายทําไดทั้งทานั่ง นอน และยืน รวมกับการเดินไปมาการบริหารหลัง และต น ขา ให เริ่ ม จากก ม แตะปลาย เทา บิดตัว/บิดหมุนตัว/กมตัวขาตึง/ โน ม เข า หาผนั ง ขาด า นหลั ง ตึ ง การ บริการหลัง ไหล ตนขา เริ่มดวยนอน ชั น เข า กดหลั ง แอ น อก/นอนบิ ด สะโพกซ า ยสลั บ ขวา/นอนหงาย กอดเขาทีละขางเขาหาอก/นอนหงาย กอดเข า ทั้ ง สองข า งเข า หาอกการ บริ ห ารหลั ง และต น ขา เริ่ ม จากการ นั่ ง เกา อี้ แหงนหนา แอน อก/บิ ด ตั ว ซ า ยสลั บ ขวา/ดึ ง เข า เข า หาอกซ า ย สลั บ ขวา/ดึ ง เข า เข า หาอกพร อ มกั น ทั้งสองขาง พฤติกรรมเนือยนิ่งไมสงผลดีตอ รางกายแมแตนอ ย แถมยังเสี่ยงทําให รางกายไมแข็งแรงและเปนโรคเรื้อรัง ต า งๆ ได ดั ง นั้ น ลองหั น มาใช ชี วิ ต แอคทีฟพรอมกับบริโภคอาหารอยาง สมดุลกันใหเปนนิสัย ทีนี้รางกายของ เราก็จะหางไกลจากโรครายที่มาคอย รบกวน เกิดความสุขทั้งกายและใจ
สาระสุขภาพ
ผลิตภัณฑนม แมจะเปนแหลงแคลเซียม ที่ดี แตก็อาจมีไขมันสูง ซึ่งผลการวิจัยลาสุดพบวา การบริ โ ภคเชดดาร ชี ส และครี ม ชี ส ในปริ ม าณที่ ม าก อาจเพิ่มความเสี่ยงตอการเปนมะเร็งเตานมของสตรี แตการบริโภคโยเกิรตมากๆ อาจชวยลดความเสี่ยง ตอการเกิดโรคได
โยเกิรต ชวยลดความเสี่ยง มะเร็งเตานมได ขณะที่ ใหผลตรงกันขาม
ชีส
ซู ซ าน แมคแคนน (Susan McCann) ผู อํ า นวยการฝ า ยการ ป อ งกั น มะเร็ ง ของสถาบั น Roswell Park Cancer จาก Buffalo, NY และเพื่ อ น รวมงานไดรายงานผลการวิจัยดังกลาวในวารสาร Current Developments in Nutrition ผานการทําสํารวจขอมูลจาก Roswell Park Data Bank และ
Biorepository ซึ่ ง รวมถึ ง ผู ห ญิ ง ที่ เป น มะเร็ ง เต า นม 1,941 ราย และ ผู ห ญิ ง 1,237 คนที่ ไ ม มี โรค ในช ว ง ป 2003-2014 โดยผู ห ญิ ง ทุ ก คน ได ทํ า แบบสอบถามเกี่ ย วกั บ ความถี่ ของอาหารซึ่ ง ระบุ ร ายละเอี ย ดของ ผลิตภัณฑ นมรวมทั้งชีส โยเกิรต และ นมที่ไดรับประทานทุกเดือน หลังจาก ประมวลผลลั พ ธ จ ากป จ จั ย หลาย ประการตั้ ง แต อายุ ดั ช นี ม วลกาย ภาวะวัยหมดประจําเดือน และประวัติ ครอบครั ว เกี่ ย วกั บ มะเร็ ง เต า นม ที ม นั ก วิ จั ย ก็ พ บว า ผู ที่ บ ริ โ ภคนมใน ปริ ม าณที่ สู ง มี ส ว นสั ม พั น ธ กั บ การ ลดลงของความเสี่ยงตอการเกิดมะเร็ง เต า นม 15% “การลดความเสี่ ย ง มะเร็ ง เต า นมนี้ เ ป น ผลมาจากการ รับประทานโยเกิรตในปริมาณสูง โดยผูหญิงที่รับประทานโยเกิรต จํานวนมากพบวามีความเสี่ยงตํ่ากวา ร อ ยละ 39 ขณะที่ เชดดาร ชี ส และ ครีมชีสกลับใหผลตรงกันขาม นั่นคือ การรั บ ประทานเชดดาร ชี ส และครีม ชีสในปริมาณที่มากนั้น อาจเพิ่มความ เสี่ ย งของการเกิ ด มะเร็ ง เต า นมได ถึ ง 53%” จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
15
เรื1องเลาโครงการ จันทรา
อยางไรก็ดี ทางทีมวิจัย ก็ยอมรับวาจําเปนตองมีการ ศึ ก ษาเพิ่ ม เติ ม เพื่ อ ให เข า ใจ ถึงวิธีการที่ผลิตภัณฑนม มีผล ต อ ความเสี่ ย งของการเกิ ด มะเร็ ง เต า นม โดยนั ก วิ จั ย เชื่ อ ว า การค น พบในป จ จุ บั น ข อ ง พ ว ก เข า ไ ด ช ว ย จุ ด ประกายให เ กิ ด ความเข า ใจ ใหมๆ ในเรื่องดังกลาว “การ ศึ ก ษ า ก า ร เ ชื่ อ ม โ ย ง กั น ระหวางผูหญิงกับการบริโภค ผลิ ต ภั ณ ฑ จ ากนมก อ ให เ กิ ด ความเข า ใจใหม อ ย า งมาก เกี่ยวกับปจจัยเสี่ยงของมะเร็ง เตานม และเราหวังวาการวิจัย เพิ่ ม เติ ม จะช ว ยให เราเข า ใจ ถึ ง ผลิ ต ภั ณ ฑ อ าหารที่ จ ะมี คุณคามากที่สุดในแงของการ ลดความเสี่ยงตอโรคนี้ตอไป”
สวั ส ดี ค ะ วั น นี้ จ ะพาไปยั ง หมู บ า นแห ง หนึ่ ง ที่ อ ยู ห า งไกลจากตั ว เมื อ งของจั ง หวั ด พั ท ลุ ง ประมาณ 28 กิโลเมตร และเปนทางที่หากไมใชคนในพื้นที่เขาไป จะรูสึก สับสนเล็กนอย ทางเขาหมูบาน เปนถนนหนทางที่เต็ม ไปด ว ยป า ต น ยาง ภู เ ขาสลั บ ซั บ ซ อ น ภาพที่ มี ทุ ง นา ปาภูเขาลอกับสายลมและแสงแดด จนไมมี ใครนึกคิดวา จะมีสิ่งสวยงามและผูคนที่มีนํ้าใจอาศัยอยูเปนจํานวนมาก
ชุมชนรักษสุขภาวะ ตอน...
รักแรกพบ ที่ “บานทอนตรน”
ขอมูล : วารสารกรมการแพทย ฉ.2 พ.ค. 2560
16
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
เมื่อเขาถึงหมูบานจะรูสึกถึงความเงียบสงบ ปาไมที่ ใหความรมรื่นชวนผอนคลาย ใจกลางหมูบานมีมัสยิดตั้งอยู เพื่ อ แสดงถึ ง ความเป น วั ฒ นธรรมของมุ ส ลิ ม ไทย มี เ สี ย ง นํ้ า ไหลจากลํ า ธารบริ เวณข า งมั ส ยิ ด ฟ ง ดู แ ล ว น า รื่ น รมย
เมื่อมองดูผูหญิงในชุมชน พวกเธอใสผาถุงที่มีลายปกแบบ ชาวใตหลากหลายสีสัน สวนผูชายใสกางเกงธรรมดา มีบาง บางคนใส ผ า โสร ง หรื อ ผ า นุ ง อย า งหนึ่ ง ที่ ใช ผ า ผื น เดี ย ว เย็บเขาดวยกันเปนถุงแบบเดียวกับผาถุง ผาซิ่นสําหรับผูชาย มุสลิมสวมใส ทุกคนแตกตางกัน แตที่เหมือนกันคือรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ แสดงใหเ ห็ นถึ ง ความจริง ใจของคนในชุมชน เมื่อ เราเดินออกมาสัมผัสกับบรรยากาศในชุมชนจะเห็นวามีภูเขา เรียงรายทับซอนกันภูเขาที่เดนชัดและเมื่อไปถึงตองหันไป มอง ชื่อวา “ภูเขานมสาว” หรือ “ภูเขาพระยากงจีน” ที่มี ลักษณะเดนคลายหนาอกหญิงสาวตามชื่อเรียกขาน ชื่ อ ของชุ ม ชนแห ง นี้ คื อ ชุ ม ชนบ า นทอนตรน จาก คําบอกเลาของคนเฒาคนแกในชุมชนไดใหความหมายของ ชื่อชุมชนวา “ทอน” หมายถึงภูเขาที่มีมากมายในชุมชนเปน เอกลั ก ษณ ที่ เ ด น ชั ด ที่ สุ ด เป น การอยู ร ว มกั น ของคนกั บ ป า มาตั้ ง แต บ รรพบุ รุ ษ ส ว นคํ า ว า “ตรน” หมายถึ ง เครื่ อ ง ทอผาชนิดหนึ่ง เปนไมมีลักษณะคลายกันกับการทอผาใน ภาคเหนือ ซึ่งในปจจุบันไดหายสาบสูญไปหมดแลวจากชุมชน แต ค นเฒ า คนแก ใ นชุ ม ชนที่ มี อ ายุ ยื น ยาวยั ง สามารถจดจํ า และอธิ บ ายรู ป ลั ก ษณะเหล า นั้ น ได การที่ ชุ ม ชนพั ฒ นามา จนถึง ปจจุ บั น จากผู นําชุมชนและหนว ยงาน องคกรหลาย แหง สสม.เปนองคกรหนึ่งที่เขาไปชวยพัฒนาชุมชนและผลัก ดันใหเปนชุมชนตนแบบรักษสุขภาวะ จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
17
ปลายป 2558 ศู น ย กิ จ กรรม สสม.ภาคใตตอนกลาง ไดนําโครงการ มัสยิดครบวงจรเขารวมชี้แจงกับทาง ผู นํ า ชุ ม ชน จึ ง ได ต กลงทํ า โครงการ มั ส ยิ ด ครบวงจรขึ้ น จากผลงานของ ผู นํ า ชุ ม ชนและคนในชุ ม ชนทํ า ให มัสยิดมีการปรับปรุงพัฒนากลายเปน มั ส ยิ ด ต น แบบของอี ก หลายแห ง ได รั บ รางวั ล มั ส ยิ ด ส ง เสริ ม สุ ข ภาพ ชนะเลิศของระดับอําเภอกงหรา และ ไดรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ใน ระดับจังหวัดพัทลุง ตอมาเมื่อโครงการ มั ส ยิ ด ครบวงจรสํ า เร็ จ ทาง สสม. ภาคใต ต อนกลางจึ ง เสนอโครงการ ชุมชนรักษสุขภาวะใหกับผูนําชุมชน บ า นทอนตรน ซึ่ ง โครงการนี้ เ ป น โครงการที่ใหญและอาจจะเหนื่อยยาก สําหรับคนทํางานขับเคลื่อนในชุมชน และอาจจะเปลี่ยนแปลงชุมชน ผูคน ในชุมชนไดในอนาคต จากการชี้แจง ปรึ ก ษาหารื อ ระหว า งผู นํ า ชุ ม ชนกั บ สสม.ภาคใต ต อนกลางทํ า ให ไ ด ข อ
ตกลงว า เราจะขั บ เคลื่ อ นชุ ม ชนรั ก ษ สุขภาวะไปดวยกัน จึงเริ่มดําเนินการ ในป 2559 เปนระยะเวลา 1 ป เมื่อเขามาขับเคลื่อนงานชุมชน ทํ า ให ไ ด พ บกั บ วั ฒ นธรรมอั น ดี ง าม และความมีนํ้าใจของผูคนในชุมชนที่ ไมวาเดินไปบานหลังไหนเราสามารถ นั่ ง กิ น ข า วได ทุ ก บ า น ทุ ก ๆ บ า นมี ผลไม มีผักสวนครัวที่ส ามารถหาทํา กับขาวแตละมื้อโดยที่ไมตองพึ่งตลาด ดังเชน คนเมือง เมื่อถึงฤดูการทํานา ทุ ก คนจะช ว ยกั น ดํ า นาเมื่ อ ข า วออก ผลผลิ ต มาส ว นใหญ จะเก็ บ ไว กิ น สําหรับทั้งป สวนที่เหลือจากการเก็บ นั้ น ก็ นํ า ไปขาย ส ว นนํ้ า ในชุ ม ชนนั้ น ทางชุ ม ชนมี ท รั พ ยากรนํ้ า ที่ มี คุ ณ ค า และสํ า คั ญ กั บ ชาวบ า นมาก สายนํ้ า ที่ ไ หลตั ด ใจกลางหมู บ า นนั้ น เป น นํ้ า สายเดี ย วกั น ที่ ช าวบ า นดื่ ม กิ น และอาบนํ้ า ทุ ก วั น โดยการได รั บ การสนับสนุนจากเทศบาลใหมีการทํา นํ้าประปาหมูบาน ชาวบานจึงมีนํ้ากิน
*ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ วาพรือทอนตรน 18
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
นํ้ า ใช ต ลอดทั้ ง ป แต ใ นความอุ ด ม สมบู ร ณ นั้ น ยั ง มี ค วามไม ส มบู ร ณ ซอนอยู เนื่องจากชาวชุมชนที่อาศัย อยูสวนมากจะเปนผูสูงวัย ขณะที่ลูก หลานตางออกจากหมูบานเพื่อไปหา งานทํ า หรื อ ไปศึ ก ษาหาความรู จ าก โรงเรี ย นและมหาวิ ท ยาลั ย ต า งๆ ใน เขตเมื อ ง เหมื อ นเช น ชุ ม ชนชนบท ทั่วไป จากชุมชนที่อยูหางไกลตัวเมือง และขอมูลความรูที่ไมสามารถเขาถึง ตั ว ชุ ม ชนได ในเรื่ อ งสุ ข อนามั ย เช น การรับประทานอาหารที่ถูกตองตาม หลั ก โภชนาการ การออกกํ า ลั ง กาย สําหรับผูสูงอายุยังไมเคยเกิดขึ้น สสม.จึงไดจัดกิจกรรมเสริมขึ้น อี ก หลากหลายกิ จ กรรมร ว มกั บ ชาว ชุมชน เพื่อใหชาวชุมชนไดรับความรู พรอมพัฒนาชุมชนใหกาวไปขางหนา ตอไป ซึ่งจะมาเลาใหฟงในตอนตอไป
คนแกขี้บน คนริมน้ํา
สังคมไทยในอดีต เปนสังคม ในระบบเจ า ขุ น มู ล นาย ที่ ไ ม ต า ง กับสังคมในกลุมประเทศอาเซียน เปนสังคมที่มีหลายชนชั้นรวมกัน แตละชนชั้นก็มีสิทธิที่แตกตางกัน ในการดํารงชีวิต แมจะเปนสังคม ที่เคยถูกปกครองโดยผูมีอํานาจ แต ก็ เ ป น สั ง คมที่ ช ว ยเหลื อ เอื้ อ อาทรกัน แบงปนกัน สังคมไทย ในอดีตเปนสังคมที่ประกอบอาชีพ ดานการเกษตร แบบไมมีมลภาวะ และเป น สั ง คมที่ เ ชื่ อ ในโชคลาภ วาสนา มี ศี ล ธรรมนํ า การดํ า เนิ น ชี วิ ต ยกเว น สิ่ ง มึ น เมาและการ พนันที่เปนสิ่งเสพติดที่ขาดไม ได ชองวางระหวางชนชั้นก็เปนชอง ว า งระหว า งชนชั้ น ปกครองกั บ ชนชั้นผูอยู ใตปกครองเสียเปน สวนใหญ ยังคงมี แตกลายเปนชนชั้นระหวางคนจนกับ คนรวย ชนชั้ น ข า ราชการกั บ ชนชั้ น เกษตรกร แม ทุ ก คนมี สิ ท ธิ์ เ ท า เที ย มกั น ตามที่ ร ะบุ ใ น รัฐธรรมนูญ แตในทางปฏิบัติ สิทธิที่ประชาชน พึ ง ได รั บ ถู ก แบ ง ออกเป น หลายประเภทที่ ไ ม เหมือนกันและไมเทาเทียมกัน ขึ้นอยูกับคนๆ นั้นจะประกอบอาชีพอะไร คนรวยและคนที่มี
ตอมาเมื่อสังคมไทยไดเปลี่ยนมาปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต ค นไทยส ว นใหญ ยั ง คงติ ด กั บ ดั ก ของความเชื่ อ ในเรื่ อ งโชคลาภ วาสนา ยังคิดนอกกรอบไมคอยเปน ถนัดในการลอกเลียนแบบ แม จะมี ก ารศึ ก ษาสู ง สั ก เพี ย งใดก็ ต าม ขณะที่ ก ารช ว ยเหลื อ เกื้ อ กู ล กั น ก็ ยั ง มี ใ ห เ ห็ น ทั้ ง โดยสุ จ ริ ต ใจ และแบบเล น พรรคเล น พวก ชนชั้ น จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
19
หองขาว แผนงานพัฒนาปจจัยสรางเสริม สุขภาวะมุสลิมไทย
อํานาจ มีตําแหนงหนาที่ทางราชการ สู ง มั ก จะได รั บ สิ ท ธิ พิ เ ศษกว า คน กลุ ม อื่ น ขณะที่ ก ารใช เ งิ น ติ ด สิ น บน เจ า หน า ที่ รวมไปถึ ง การใช ห น า ที่ การงานเอื้ อ ประโยชน ใ ห กั บ ตนเอง และพวกพ อ งยั ง มี ใ ห เ ห็ น เกิ ด ความ อยากไดอยากมี เปนตนตอแหงปญหา คอรัปชั่นที่เพิ่มขึ้น การรั บ รู ข า วสารในอดี ต ทํ า ได ยาก จึ ง ดู เ หมื อ นว า สั ง คมในอดี ต นั้ น ไม ค อ ยมี ค วามแตกแยก ต อ เมื่ อ เทคโนโลยีดานการสื่อสารไดรับการ พั ฒ นาให ดี ขึ้ น ตามลํ า ดั บ ทํ า ให ก าร เผยแพรขาวสารตางๆ กระทําไดอยาง รวดเร็ ว ประชาชนมี ค วามคิ ด อิ ส ระ เพิ่มขึ้น จึงเริ่มมีมุมมองความคิดแตก ต า งกั น เพิ่ ม ขึ้ น กลั บ ดู เ หมื อ นสั ง คม แตกแยก ยิ่ ง ข อ มู ล ข า วสารกระจาย ได อ ย า งรวดเร็ ว แต สั ง คมกลั บ ยิ่ ง ระสํ่าระสาย ขาดการตรวจสอบเพราะ สิ่ ง ที่ ป รากฏในสื่ อ ต า งมี ทั้ ง เรื่ อ งจริ ง และไมจริง ถาเรายังปลอยใหสังคมไทยเปน เชนนี้ อยาหวังที่จะเห็นประเทศไทย เจริญกาวหนาเชนสังคมอารยประเทศ สั ง คมไทยยั ง คงวนเวี ย นอยู กั บ เรื่ อ ง เดิมๆ ปญหาเกาๆ ซึ่งยังมองไมเห็น โอกาสที่จะกาวขามสังคมที่เปนอยูไป ไดอยางไร เพื่อใหลูกหลานไดมีชีวิตที่เปน สุข และรูจักเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ตองเริ่มตนกันเสียแตวันนี้ ใชศีลธรรม นําการดําเนินชีวิต เปนผูมีสติ ไมรูแค ผิ ด หรื อ ถู ก แต ต อ งถื อ ปฏิ บั ติ สั ง คม จึงจะเดินไปสูจุดหมายได 20
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
วันที่ 4 เมษายน 2560 ศูนยกิจกรรม สสม.ภาคใตตอนบน โดยนางสาวกรรณทิมา หมื่นระยา รองผูอํานวยการฯ ลงพื้นที่มัสยิด เราะหมะห บานสํานัก ต.มวงกลวง อ.กะเปอร จ.ระนอง เพื่อชี้แจง เรื่ อ งการเข า ร ว มโครงการมั ส ยิ ด ครบวงจรกั บ นายดลล า คํ า เส็ น อิ ห ม า มมั ส ยิ ด เราะห ม ะห ซึ่ ง เป น มั ส ยิ ด ที่ จ ะพั ฒ นาให เ ป น มั ส ยิ ด ต น แบบของ จ.ระนอง อี ก แห ง หนึ่ ง ในโครงการมั ส ยิ ด ครบวงจร ซึ่งจะขับเคลื่อนกิจกรรมมัสยิดครบวงจรรวมกัน ในเดือน พฤษภาคม 2560 กอนเดือนรอมฎอนที่จะถึงนี้
โรงเรียนผูนําสุขภาวะมุสลิมไทย จัดอบรม หลักสูตร CEO ชุมชน ขึ้นที่ โรงแรมพาราไดซแอนดรีสอรท อ.หาดใหญ จ.สงขลา โดยรุนที่ 1 จัดการอบรม ในวันที่ 21-24 เมษายน 2560 และรุนที่ 2 จัดการอบรมในวันที่ 28 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2560 โดยไดรับความสนใจจากองคกรทองถิ่น และผูสนใจจํานวน มาก ในการอบรมทั้งสองรุนมีผูเขารวมอบรมรวมทั้งสิ้น 66 คน “CEO ชุมชน” เปนหลักสูตรระดับสูง ของโรงเรียนผูนําฯ ซึ่งเกิดขึ้นดวย วัตถุประสงคที่จะสรางการเรียนรูอยางมีสวนรวม การพัฒนาสังคมแบบองค รวม ในรูปแบบ CEO เพื่อยกระดับศักยภาพแกนนําชุมชนใหมีทั กษะในการ พัฒนาที่สูงขึ้น มีทัศนคติที่เอื้อตอการบริหารการพัฒนาชุมชนที่สอดคลองตาม บริบทของแตละสังคม มีความรูความเชี่ยวชาญมากขึ้น มีความเขาใจในความ แตกตางทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงเทคนิคการวิเคราะหความขัดแยง และเรี ย นรู วิ ธี ก ารแก ป ญ หาความขั ด แย ง ในสั ง คมพหุ วั ฒ นธรรมแบบสั น ติ วิ ธี
ดําเนินงานโดย มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.) สนับสนุนโดย สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.)
วันที่ 17 เมษายน 2560 นายสุรินทร เหมนุกูล ผูอํานวยการศูนยกิจกรรม สสม.ภาคใตตอนกลาง พรอมดวย นายตอฮีตร สายสอิด รองผูอํานวยการฯ และเจาหนาที่ลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง พบปะอีหมาม คณะกรรมการมัสยิดสามัคคี อิสลาม ม.1 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง เพื่อชี้แจงรายละเอียดโครงการ
มัสยิดครบวงจรโดยมีนายหรอหมาน โตะราหนี อิหมามประจํามัสยิดพรอม ด ว ยคณะกรรมการมั ส ยิ ด ร ว มรั บ ฟ ง รายละเอียดโครงการฯ
พร อ มกั บ สร า งจิ ต สํ า นึ ก สาธารณะและสามารถ บริหารโครงการดวยตนเอง ได อ ย า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยง การบูรณาการการพัฒนา สังคมกับหนวยงานราชการ ในท อ งถิ่ น และขอสนั บ ส นุ น ง บ ป ร ะ ม า ณ จ า ก แหลงทุนอื่นๆ ไดตอไป
จดหมายขาว...วารสารสุขสาระ
21
ดําเนินงานโดย มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.) สนับสนุนโดย สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ (สสส.)
ศู น ย กิ จ กรรม สสม.ภาคใต ตอนล า ง ได จั ด คณะทํ า งานพร อ ม ลงพื้นที่เครือขายปอเนาะ เพื่อสงเสริม การจั ด การป ญ หาบุ ห รี่ ใ นปอเนาะ อยางเปนรูปธรรม เพื่อใหคําปรึกษา
22
มูลนิธิสรางสุขมุสลิมไทย (สสม.)
และแนะนํ า การจั ด การป ญ หาบุ ห รี่ ในปอเนาะอยางเปนรูปธรรม พรอม คัดเลือกตัวแทนนักเรียน 5 คนเขารับ การฝกอบรมอาสาสมัครพาเลิกบุหรี่ เพื่อเปนกําลังสําคัญในการดําเนินงาน
ดานบุหรี่ ซึ่งไดดําเนินการในสถาบัน ศึ ก ษาปอเนาะภายใต โ ครงการเครื อ ขายปอเนาะสรางสุขทั้งหมด ดังนี้