ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน ประจำปี 2555

Page 1

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


สาขา

ทัศนศิลป์

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายคำ�นวน ชานันโท

( จิตรกรรมแนวประเพณี )

นายคำ�นวณ ชานันโท อายุ 81 ปี เกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พุทธศักราช 2475 ที่บ้านดงบัง ตำ�บลบ้านยา อำ�เภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี สำ�เร็จการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียน สกลราชวิทยานุกูล จังหวัดสกลนคร และมาศึกษาต่อที่โรงเรียน เพราะช่าง กรุงเทพมหานคร แผนกฝึกหัดครูได้วุฒิประโยคประถม การช่าง (ป.ป.ช.)และมัธยมการช่าง(ป.ม.ช.) ตามลำ�ดับ นายคำ�นวน ชานันโทรักและสนใจศิลปะแขนงต่างๆมาตั้งแต่ เด็ก ดังเห็นได้จากการใช้เวลาว่างวาดภาพอยู่เสมอๆ เมื่อเข้าเรียน ชั้นมัธยม นายคำ�นวณ ชานันโท มักจะได้รับคำ�ชมเชยจากคุณครู และเพื่อนๆอยู่เสมอ ว่าเป็นบุคคลที่วาดภาพเก่งที่สุดในโรงเรียน เมื่อเข้ามาศึกษาศิลปะที่กรุงเทพฯด้วยความชื่นชอบผลงานของ เหม เวชกร เป็นพิเศษ จึงใช้เป็นแรงบันดาลใจในการฝึกหัดและ พัฒนาแนวการวาดภาพจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แม้ว่าจะสามารถ วาดภาพได้หลากหลายแนว เช่น ภาพวรรณคดี ภาพประวัติศาสตร์ แต่ผลงานที่ชอบวาดและรักมากที่สุดคือ การภาพวาดเกี่ยวกับพุทธ ประวัติ โดยได้ใช้ความสามารถทางด้านศิลปะของตนสรรค์สร้าง ผลงานในแบบพุทธศิลป์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ผลงานที่ปรากฏ ให้เห็นเด่นชัดคือ การวาดภาพพุทธประวัติวัดวาอารามต่างๆทั่ว

ประเทศ รวมถึงที่วัดธัมมาราม รัฐอิลลินอยส์ นครรัฐชิคาโก ประเทศ สหรัฐอเมริกา และยังได้รับความไว้วางใจเขียนภาพพุทธทาสภิกขุ จำ�นวนกว่าร้อยภาพ จนมีชื่อเสียงอย่างแพร่หลาย นับว่าเป็นจิตรกร ที่สร้างสรรค์ผลงานที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนามากที่สุดท่านหนึ่งของ เมืองไทยนับจากอดีตถึงปัจจุบัน นาย คำ�นวนชานันโทเป็นผู้ที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถทาง ด้านศิลปะมารังสรรค์ผลงานเพื่อเผยแพร่และทำ�นุบำ�รุงศาสนา จน ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น “พุทธจิตรกร” ผู้มุ่งมั่นเฝ้าเพียรเขียนภาพ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเกือบตลอดชีวิตการสร้างงานศิลปะกว่า 30 ปี ภาพพุทธประวัติที่นายคำ�นวนชานันโท ได้บรรจงวาดด้วยความรัก ล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงแรงศรทธาต่อพระพุทธศาสนาอย่าง แท้จริง นาย คำ�นวนชานันโทจึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรมแนวประเพณี) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็น เกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


รองศาสตราจารย์สุวิช สถิตวิทยานันท์ ( ประติมากรรมร่วมสมัย )

รองศาสตราจารย์สุวิช สถิตวิทยานันท์อายุ 69 ปี เกิดเมื่อวัน ที่ 1 สิงหาคม พุทธศักราช 2486 ณ ตำ�บลนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 1891 ซอยสืบศิริ21 ถนนสืบสิริ ตำ�บลใน เมือง อำ�เภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา สำ�เร็จการศีกษาสูงสุด ระดับปริญญาโทหลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สขาประติมากรรม จาก มหาวิทยาลัยศิลปากร รองศาสตราจารย์สุวิช สถิตวิทยานันท์ เป็นศิลปิน นักวิชาการด้านศิลปะ ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในด้านการ สร้างสรรค์ การศึกษาและการบริหาร เป็นผู้ก่อตั้งคณะศิลปกรรม ศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และเป็นคณะบดีคนแรก ซึ่งได้ บริหารงานมาถึง 2สมัย รวมถึงเป็นผู้ที่มีส่วนในการก่อกำ�เนิดกลุ่ม อีสานในยุคสมัยนั้น ในด้านของการสร้างสรรค์นับเป็นประติมากรที่ มีผลงานโดดเด่นคนหนึ่งของภาคอีสานแม้แต่เวทีระดับชาติ ซึ่งเคย ได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 เหรียญเงิน ประเภทประติมากรรม ในโอกาสการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 29 ในปีพุทธศักราช 2526 ด้วยผลงานประติมากรรมชุด “ แม่กับลูก” ซึ่งท่านได้เริ่ม สร้างสรรค์มาตั้งแต่พุทธศักราช 2521 และยังสร้างสรรค์ขยายผล ต่อเนื่องมาหลายปี จนได้รับฉายยา “สุวิชแม่กับลูก” นอกจากผลงานสร้างสรรค์ชุดสำ�คัญแล้ว รอง ศาสตราจารย์ สุสิช สถิตวิทยานันท์ ยังได้สร้างผลงานเป็นที่ ประจักษ์อีกหลายชิ้นงาน อาทิ บูรณะซ่อมแซมเศียรพญานาค ประดับปรางค์ประธานปราสาทหินพิมาย ในปี พุทธศักราช 2512

ได้ออกแบบประติมากรรมดินเผาประดับผนังโบสถ์ที่วัดศาลาลอย จังหวัดนครราชสีมา ในปีพุทธศักราช 2124 ออกแบบประติมากรรม นูนต่ำ� ประดับผนังด้านหลังชีวประวัติ ฯพณฯ จอมพล สฤษดิ์ธนะ รัชต์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ในปีพุทธศักราช 2535 ได้ ออกแบบสร้างบรมราชาอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 ประดิษฐานหน้า อาคารวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปีพุทธศักราช 2539 ได้ออกแบบสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ที่ค่ายลูกเสือ จังหวัดขอนแก่นในปีพุทธศักราช 2540 ได้ออกแบบประติมากรรม นูนต่ำ�ดินเผาประดับตกแต่งประตูศรีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ใน ปีพุทธศักราช 2541 ซึ่งเป็นการสร้างประติมากรรมที่งดงาม และ สื่อถึงอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้อย่างชัดเจน เมื่อ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ขยายวิทยาเขตไปยังจังหวัดหนองคาย ยัง ได้สร้างประติมากรรม ประดับหน้าอาคารอำ�นวยการ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย ผลงานชิ้นสำ�คัญที่เป็นความภาค ภูมิใจคือ การสร้างพระธาตุพนมจำ�ลองหล่อด้วยทองคำ� เพื่อทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทาน ปริญญาบัตร แก่ผู้สำ�เร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น รองศาสตราจารย์สุวิช สถิตวิทยานันท์จึงสมควรได้ รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาทัศน ศิลป์ (ประติมากรรมร่วมสมัย) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายสุขสันต์ เหมือนนิรุทธ์ (สันติภาพ นาโค) ( จิตรกรรมสื่อผสม )

นายสุขสันต์ เหมือนนิรุทธ์นามแฝงสันติภาพ นาโค ปัจจุบัน อายุ 61 ปี เกิดเมื่อวันที่ 11 มกราคม พุทธศักราช 2494 ที่บ้าน กลาง หมู่ที่ 3 ตำ�บลหนองแม่ไก่ อำ�เภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง สำ�เร็จการศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง สาขาจิตรกรรม ประติมากรรม คณะออกแบบ วอทยาลัยเทคนิค ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ(มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล นครราชสีมา) นายสุขสันต์ เหมือนนิรุทธ์ในวัยเด็กเป็นคนที่ชื่นชอบการวด ภาพจึงได้เข้าศึกษาในแผลศิลปกรรมของวิทยาลัยเทคโนโลยีราช มงคล จนสำ�เร็จการศึกษาจากสถาบันดังกล่าว จากนั้นจึงได้สมัคร ข้าเป็นอาจารย์อัตราจ้างของวิทยาลัยในปีพุทธศักราช 2515 และ ในปีถัดมาได้เข้าร่วมระกระบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองใน เหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จากเหตุการณ์ครั้งสำ�คัญนี้ได้ ตอกย้ำ�ความคิดด้านศิลปะกับสังคมให้กับสุขสันต์ผู้อยู่ในวัยช่วง เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ ด้วยมุมมองที่มีต่อคนยากไร้ ความแห้งแล้ง การต่อต้านสงคราม การเรียกร้องสันติภาพ และ การวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นไปของเมืองใหญ่ ในรูปแบบของศิลปะ ประเภทภาพวาดลายเส้น อาทิ เทคนิคลายเส้นจากปากกา แท่ง ถ่าน ดินสอถ่าน เป็นต้น ผลงานที่สำ�คัญหลายชิ้นจึงได้ถูกผลิตขึ้นใน

ช่วงระยะเวลานี้เอง แต่สิ่งที่น่าสนใจในความสุขสันต์ คือ การนำ�บทกวีที่ได้ ประพันธ์ขึ้นเอง มาใช้เขียน อ่าน และร้องประกอบร่วมกับภาพเขียน รวมถึงใช้สื่อดนตรีมาช่วยเสริมเติมความสมบูรณ์อีกส่วนหนึ่ง จน ยากที่จะแยกแยะตัวตนของเขากับเทคนิคใดเทคนิคหนึ่งโดยเฉพาะ สุขสันต์ เหมือนนิรุทธ์ ได้มีโอกาสนำ�ผลงานที่สำ�คัญหลายชิ้นจึงได้ ถูกผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากที่เกษียณอายุราชการจากอาจารย์ โรงเรียนบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ครูสุขสันต์ก็ได้ใช้ชีวิตสร้างสรรค์ผล งานศิลปะอิสระเสรี และทุ่มเทมากขึ้น จนมาในปีพุทธศักราช2555 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ได้เชื้อเชิญให้ครูสุขสันต์ นำ�ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นตลอดระยะที่ผ่านมาออกมาจัดแสดงเดี่ยว ในชื่อนิทรรศการ “โลกของสุขสันต์ ดินแดนของสันติภาพ” ซึ่ง เป็นการบันทึกเรื่องราวการเดินทางกว่า 30ปี ในการสร้างสรรค์ นายสุขสันต์ เหมือนนิรุทธ์จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชู เกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาทัศนศิลป์ (จิตกรรมสื่อผสม) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็น เกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นางเอือม แยบดี

( หัตถกรรมผ้าทอมือ )

นางเอือม แยบดี เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พุทธศักราช 2497 ที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 1 ตำ�บลเขวาสินทร์ กิ่งอำ�เภอเขวาสินทร์ จัง หวัดสรินทร์ สำ�เร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียน บ้านเขวารินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัฑิตกิต ติมศักดิ์ สาขาวิทยาศาสตร์ โปรแกรมวิชาสิ่งทอ จากมหาวิทยาลัย ราชภัฏสุรินทร์ นางเอือม แยบดีเป็นผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบลวดลาย ผ้าทอยดอกและมัดหมี่ ของกิ่งอำ�เภอเขวารินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างยิ่งในเรื่องหัตถกรรมทอผ้า โดย ได้คว้นคว้าทดลองวัสดุธรรมชาติที่มีอยู่ในบิรเวณหมู่บ้านแบะชุมชน มาย้อมไหม เป็นผู้ที่มีความสามารถผลิตไหมได้ทุกชนิด แบะยัง เป็นผู้ที่มีความสามารถทางตลาดด้านการจัดการและบริหารด้าน ผลิตภัณฑ์สิ่งทอและช่วยสนับสนุนให้คนในหมู่บ้านมีรายได้อย่าง สม่ำ�เสมอ โดยการสอนการทอผ้า การย้อมผ้า และเทคนิคต่างๆ ด้วยความเต็มใจที่ได้ถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ที่มีให้กับผู้คนในหมู่บ้าน จึงมีลูกศิษย์ตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยชรา แบะให้ความร่วมมือกับทุกหน่วย งานไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อเผยแพร่ผลงานแก่

สาธารณชน โดยการเป็นวิทยากร ทั้งในจังหวัดสุรินทร์และจังหวัด ต่างๆ เช่นจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำ�นาจเจริญ และจังหวัด ศรีสะเกษ นอกจากเป็นวิทยากรแล้วยังเป็นที่ปรึกษาและเป็น ปราชญ์ชาวบ้านให้กับนักเรียนนักศึกษาที่สนใจเกี่ยวข้องกับขั้นตอน การทำ�ผ้าไหมลวดลายต่างๆอีกด้วย นางเอือม แยบดี ได้รับประกาศเกียรติคุณจากศูนย์ วัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ ในฐานะผู้ร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลป วัฒนธรรม ได้รับโล่รางวัลชนะเลิศในการประกวดของดี จังหวัด สุรินทร์ ได้รับเกียรติบัตรจากศูนย์ศิลปาชีพอีสานไต้ มอบให้ใน ฐานะแม่ตัวอย่าง ผลงานที่สำ�คัญคือการพัฒนาผ้าทอยกดอก ได้ สร้างสรรค์และออกแบบลวดลายการทอยกดอกได้อย่างประณีต งดงาม จนเป็นที่ยอมรับของประชาชนทั่วไป นางเอือม แยบดีจึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาทัศนศิลป์ (หัตถกรรมทอผ้ามือ) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็น เกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายสมภพ บุตราช ( จิตรกรรมร่วมสมัย )

นายสมภพ บุตราช เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2500 เป็นชาว อำ�เภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม สำ�เร็จการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียน ขอนแก่นวิทยายน จังหวัดขอนแก่น แต่ด้วยความสนใจในการวาด ภาพมาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงตัดสินใจเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเพาะช่าง ใน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ และสำ�เร็จการศึกษาในระดับปริญญา ตรีในสาขาจิตรกรรมจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ในขณะที่ศึกษาที่มหาวิทยาลัยศิลปากร สมภพได้ส่งผลงาน เข้าร่วมประกวดในเวทีศิลปกรรมแห่งชาติและได้รับรางวัลเหรียญ ทองแดงในประเภทจิตรกรรม อันเป็นเครื่องยืนยันถึงความไม่ ธรรมดาในทักษะฝีมือโดยเฉพาะในการเขียนภาพแนวเหมือนจริง ส่ง ผลให้รับการชักชวนจากศิลปินรุ่นพี่อย่างเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และ ปัญญา จินธนสาร ให้ไปร่วมเขียนภาพจิตรกรรมไทยประเพณี ที่วัด พุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประสบการณ์ครั้งสำ�คัญ ในประเทศอังกฤษกว่า 10 ปี ได้เปิดโอกาสให้สมภพ บุตราช มีโอกาส ศึกษาเรียนรู้ศิลปะร่วมสมัยในแง่มุมแปลกใหม่อย่างหลากหลาย ด้วย หัวใจของความเป็นนักสร้างสรรค์ที่มีอย่างเต็มเปี่ยม จึงได้ใช้จังหวะ โอกาสนี้สร้างสรรค์ผลงานร่วมสมัยออกจัดแสดง ณ Royal Academy ประเทศอังกฤษ ในหลายโอกาส หลังจากเดินทางกลับมาอยู่ที่ เมืองไทย ในราวปี พุทธศักราช 2540 สมภพได้แสดงผลงานอย่างต่อ เนื่องเริ่มจากผลงานชุด “หนึ่งตีน หนึ่งเท้า”“ชุดอนิจจัง” ชุด “เดือน หก” ที่นำ�ดินมาเป็นวัสดุในการสร้างสรรค์ครั้งแรก ตามมาด้วยชุด

“นางฟ้า อัญมณี” ชุด “กรุงเทพเมืองเทพ” ชุด “นางสงกรานต์” ที่ นำ�แรงบันดาลใจมาจากภาพเขียนไทยตามจินตนาการ แต่สิ่งหนึ่งที่ สมภพไม่เคยละทิ้งคือ เรื่องราวที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเขา ที่ สัมพันธ์รากเหง้าภูมิปัญญา ดังจะเห็นได้จากผลงานในระยะหลังที่มี กลิ่นไอของความเป็นจิตรวิญญาณอีสานซ่อนแฝงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม อาทิ ผลงานชุด “บันไดสวรรค์” ที่นำ�ภาพใบหน้าของบรรดาปราชญ์ อีสาน รวมถึงผู้คนที่เขารักและศรัทธามาบรรจงแต้มแต่ง ด้วย “ดิน” วัสดุจากธรรมชาติที่เก็บมาจากพื้นที่ต่างๆในภาคอีสาน เพื่อจะบ่ง บอกถึงความประสานจิตวิญญาณในตัวเขากับพื้นที่ที่เขาผูกพัน อัน เป็นต้นแบบของศิลปินในการสร้างสรรค์ที่น่าประทับใจยิ่งอีกท่าน หนึ่ง นอกจากการเป็นนักสร้างสรรค์ที่มีความสามารถอย่างยิ่งยวด แล้วท่านยังได้อุทิศตนในการเผยแพร่ศิลปะ ทั้งด้านกิจกรรมทาง ศิลปะ และในด้านการศึกษาทางศิลปะ โดยท่านได้รับเชิญเป็น อาจารย์พิเศษให้กับสถาบันหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยศิลปากร เพาะช่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ให้กับคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อีกด้วย จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรมร่วมสมัย) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายวินัย เตียวตระกูล (วินัย แก้วเหนือ) ( ประพันธ์เพลงลูกทุ่งต้นแบบ )

สาขา

วรรณศิลป์

ภูมิลำ�เนาเดิม ตำ�บลวัดแก้ว อำ�เภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เกิด เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พุทธศักราช 24788 ปัจจุบันอายุ 66 ปี ประวัติการศึกษา ปี พ.ศ.2499 สำ�เร็จการศึกษาระดับประถม ศึกษา จากโรงเรียนวัดแก้ว ตำ�บลวัดแก้ว อำ�เภอบางแพ จังหวัด ราชบุรี และสำ�เร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและชั้น มัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนบางแพปฐมวิทยาลัย ตำ�บล บางแพ อำ�เภอบางแพ จังหวัดราชบุรีในปี 2503 และปี 2506 ตาม ลำ�ดับ อาชีพ ปี พ.ศ.2507 ดำ�รงตำ�แหน่งเจ้าหน้าที่การเงิน ของกอง บังคับการตำ�รวจนครบาลพระนครเหนือกรุงเทพมหานคร

ปี พ.ศ.2512 เป็นนักประพันธ์เพลง ปี พ.ศ.2520 ประกอบอาชีพ ค้าขาย ปี พ.ศ.2537 ประกอบอาชีพค้าขายที่ร้าน สมตระกูลกลการ รางวัลและผลงาน ปี พ.ศ.2537 ได้รับรางวัล คนดีศรีเมือง มุกสาขาพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมรม จังหวัดมุกดาหาร ปี พ.ศ.2551 ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดร้องเพลง ประจำ� สถานี (ระดับภาค) จากหน่วยงานตำ�รวจภูธรภาค 4 และ รางวัลพ่อ ตัวอย่างแห่งชาติ ประจำ�ปี พ.ศ.2551 ปี พ.ศ.2553 ได้รับโล่ยกย่อง เชิดชูเกียรติครูผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงไว้ในแผ่นดิน จากกระทรวง วัฒนธรรม และสมาคมนักแต่งเพลงแห่งประเทศไทย

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายทองเจริญ ดาเหลา ( ประพันธ์กลอนลำ� )

นายทองเจริญ ดาเหลา เกิดวันที่ 5 พฤษภาคม พุทธศักราช 2485 ที่อำ�เภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี สำ�เร็จการ ศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่4 จากโรงเรียนหนองเต่า ตำ�บลหนอง เต่า อำ�เภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี นายทองเจิรญ ดาเหลา เกิดในครอบครัวหมอลำ�ที่มีฐานะ ยากจน ซึ่งมีอาชีพหลักในการทำ�นา เมื่อสำ�เร็จการศึกษาระดับ ประถมศึกษาปีที่4 ได้ออกมารับจ้างตุ้ทำ�ให้ทองเจริญ ดาเหลาถูก หล่อหลอมบ่มเพาะในด้านศิลปะการแสดงหมอลำ� สำ�เนียงเสียงลำ� อันเป็นแรงบันดาลใจสำ�คัญได้กระตุ้นให้เขาเกิดความตั้งใจแน่วแน่ ว่าจะเน้นหมอลำ�ให้ได้ด้วยความตั้งใจฝึกหัดการลำ�อย่างจริงจังใน ระหว่างนั้นทองเจริญ ได้มีโอกาสเรียนลำ� ละลำ� ร่วมกับหมอลำ� ที่มีชื่อเสียงหลายท่าน จึงเป็นช่วงเวลาที่ได้สั่งสมประสบการณ์ ทั้งการเรียนรู้โดยตรง กับผู้เป็นบิดา และศิลปินผู้มากความสา มารถอื่นๆรวมทั้งหมอลำ�เคน ดาเหลาผู้เป็นญาติใกล้ชิดส่งผลให้ พัฒนาฝีมืออย่างรวดเร็วแต่สิ่งหนึ่งที่ทองเจริญได้เปรียบหมอลำ�อื่น คือ ความสามารถในการประพันธ์กลอนลำ�ซึ่งได้รับการถ่ายทอด จากผู้เป็นบิดาเช่นกัน ด้วยความฉลากปลาดเปลื่องอีกทั้งการหา โอกาสเพิ่มพูน ความรู้ เพื่อการศึกษาเล่า นิทาน เพิ่มเติมอยู่เป็น นิด จึงทำ�ให้กลอนลำ�ของทองเจริญ มีความพิเศษคือ ให้ทั้งสาระ โลกและทางธรรม เป็นที่น่าจับใจเพราะให้ทั้งความคิด ความรู้และ จินตนาการกับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ทองเจริญ ดาเหลา มีผลงานที่สร้างชื่อเสียงมากมายซึ่งส่วน ใหญ่ประพันธ์ขึ้นเพื่อใช้ในการบันทึกและแสดงสดร่วมกับหมอลำ�

บุญช่วง เด่นดวง คู่ชีวิต ซึ่งเป็นคู่ขวัญ หมอลำ�กลอนในดวงใจ ของ ใครหลายคน อาทิ ประวัติเมืองเวียงจันทร์ ประวัติพระธาตุพระนม ห้ามเอาเมีย2 สะพานทองไทยลาว ฮีตสิบสิงคลองสิบสี่ ลำ�กลอน มหามันส์ เต้ยท่องเที่ยว พี่น้องสองฝั่งโขง พระพุทธเจ้าเข้าสู่นิพาน และมาถึงปีพุทธศักราช 2540 ได้ออกอัลบั้มชุดที่11 ชุดอนุรักษ์ดอน เจ้าปู่ ตามมาด้วยอัลบั้มชุดที่12 อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผลงานที่สร้าง ชื่อเสียงโด่งดัง มากที่สุด คือชุด คุยเฟื่องเรื่องซาอุ หรือสะพานทอง ไทยลาว ซึ่งทำ�ให้พี่น้องฝั่งลาวติดอกติดใจ นอกจากนั้นท่านยังรับถ่ายทอดศิลปะท่าฟ้อน การแต่ง ประพันธ์กลอนลำ� เทคนิคการใช้เสียงลำ�ให้แก่ผู้สนใจ ที่เข้ามา ศึกษากับท่านที่ศูนย์เรียนรู้ด้านหมอลำ� และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้าน การลำ�ให้กับนักศึกษา สาขาศิลปะการแสดงคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดร และเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาศิลปินนิพนธ์ ของสาขาศิลปะการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัย มหาสารคามจากผลงานมากมายและอุทิศชีวิตเพื่อการศึกษาด้าน ภูมิปัญญาหมอลำ� ส่งผลให้ท่านได้รับการยกย่อง เป็นครูภูมิปัญญา ไทยด้านการประพันธ์กลอนลำ� จากสภาการศึกษาอีกด้วย นายทองเจริญ ดาเหลา จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชู เกียรติ เป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาวรรณศิลป์ (ประพันธ์กลอน ลำ�) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อเป็น เกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายประยงค์ มูลสาร (ยงค์ ยโสธร) ( วรรณกรรมร่วมสมัย )

นายประยงค์ มูลสาร หรือ ยงค์ ยโสธร เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2490 ที่บ้านโสกน้ำ�ขาว ตำ�บลห้วยแกง อำ�เภอ กุดชุม จังหวัดยโสธรสำ�เร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหลักสูตรนิติสา สตร์บัณฑิต ในปีพุทธศักราช 2530 จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิร ราช เริ่มสนใจการอ่าน การเขียนหนังสือ ตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยเขียน บทกลอนหรือถ้อยรำ�พึงสั้นๆ และเรื่องสั้นจากความคิดฝัน และได้ อ่านบทกลอนสอนใจจากหนังสือธรรมมะเช่น ธรรมจักษุที่มีตามวัด ซึ่ง เป็นที่ศึกษาฝ่ายธรรมบาลีที่ไปศึกษาอยู่ ต่อมาได้อ่านนิยายเรื่องเสือใบ เสือดำ� ของ ป. อินปาลิต ถือ เป็นครูในการประพันธ์คนแรกและเป็นแรงบันดารใจคนสำ�คัญให้คิด เขียนเรื่องสั้น และคิดถึงการเขียนนวนิยายและเป็นแรงบัลดาลใจใน การเขียนหนังสือมาจนถึงปัจจุบัน งานสำ�คัญในช่วงที่อยู่เขาอีกชิ้นหนึ่งคือ “นิราศแม่” คำ�โคลง ความยาว 375 บท เขียนในปี พ.ศ.2521 ขณะลักลอบเข้ามาเคลื่อน ใหวในเขตจังหวัดยโสธร บ้านเกิด ตีพิมพ์เผยแพร่โดยสำ�นักพิมพ์ “อุ ตมรัฐ” ในปี พ.ศ.2542มีนวนิยายแนวหัสการ ชื่อ “เมืองฟ้าเปื้อนฝุ่น” ยังไม่ได้ตีพิมพ์อีกเรื่อง และมีเรื่องสั้นอีกกว่า 20 เรื่อง เรื่องเขียนใน นามปากกาต่างๆ เช่น เรื่อง “คลื่น” เรื่อง “สัตว์ประลาด “ เรื่อง “คำ� อ้าย” เป็นต้น ในปี พ.ศ. 2534 ได้รวบรวมบทกวีในชื่อชุด “รอยเวลา” ตี พิมพ์โดยสำ�นักพิมพ์มิ่งมิตรของปรีดา ข้าวบ่อ จากนั้นในปี พ.ศ. 2535 มีเรื่องสั้นชื่อ “แร้งหลงฝูง” ตีพิมพ์ร่วมกับนักเขียนอื่นๆใน นิตยสาร “ช่อการะเกด” 9 ของสำ�นักพิมพ์ “ช่างวรรณกรรม” ซึ่ง ดำ�เนินงานโดยบรรณาธิการลือชื่อ คือ สุชาติ สวัสดิ์ กับ เรืองเดช

จันทรคีรี จากนั้นมีผลงานออกมามากมาย โดยในปี พ.ศ.2551 ตีพิมพ์ บทกวี “พระธาตุตาดทอง (พระธาตุกล่องข้าวน้อย) “ ร่วมกับกวี คนอื่นๆ ในหนังสือมรดกแผ่นดินนวมินทรมหาราช ซึ่งดำ�เนินการ โดยคณะกรรมการฝ่ า ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ใ นคณะ กรรมการ อำ�นวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหา มงคลเฉิลมพระชลพรรษา 80 5 ธันวาคม 2440 ตีพิมพ์เรื่องสั้น “แร้งหลงฝูง” (พิมพ์ซ้ำ�ครั้งที่สอง) ในรวมเรื่อง สั้น “สาบอาสน” ของนักเขียนแห่งอีสาน 12 คน ซึ่งดำ�เนินการโดย คณะกรรมการสโมสรนักเขียนภาคอีสาน มี สุมาลี โพธิ์พยัคฆ์ เป็น ประธาน, ในปี พ.ศ.2552 ตีพิมพ์บทกวี “สงครามครั้งสุดท้าย” .มติ ชนสุดสัปดาห์,ในปี พ.ศ.2553 ตีพิมพ์บทกวีชุด “คำ�ผญา ปรัชญา บทกวี” ในมติชนสุดสัปดาห์ ในปี พ.ศ.2554 เขียนเรียงความเรื่อง “ความเป็นมาและแนวคิดในการเขียนนวนิยายคำ�อ้าย” ตีพิมพ์ใน อีสานไรเตอร์ 32 ฉบับ คืนกลับสู่ความสามัญ ซึ่งมีคุณพิเชษฐ์ศักดิ์ โพธิ์พยัคฆ์ เป็นบรรณาธิการ เขียนเปิดอกครั้งสำ�คัญ ถึงเรื่องที่เก็บงำ� ไว้ในใจมานาน เมื่อปลายปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เริ่มเขียนบทความใน คอลัมน์ “บางมุมมอง” และเขียนคอลัมน์ “วรรณกรรมจำ�นรรจ์” ในหนังสือพิมพ์ไทพิทักษ์ อันเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ซึ่งเพิ่งเริ่มออก ใหม่อีกด้วย นายประยงค์ มูลสาร จึงสมควรได้รับการยกยกเชิดชูเกียรติ เป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาวรรณศิลป์ (วรรณกรรมร่วมสมัย) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จากมหาวิทาลัยขอนแก่น เพื่อเป็น เกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายปราโมทย์ ในจิต (จินตรัย) ( วรรณกรรมแปล )

นายปราโมทย์ ในจิต หรือนามปากกาที่ใช้แปลวรรณกรรม ว่า จินตรัย โดยใช้นามปากกานี้ในการแปลวรรณกรรม และ งาน เขียนของนักเขียนจาก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พุทธศักราช 2497 อายุ 58 ปี โดยเป็นชาวอำ�เภอทรายมูล จังหวัดยโสธร สำ�เร็จการ ศึกษาปริญญาตรี หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาบริการการ ศึกษาในปีพุทธศักราช 2526 จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่ผ่านมาสนใจการอ่าน การเขียนมากมาย และมีผลงาน ออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ.1520 -ปัจจุบัน มีผลงาน บทกวี,เรื่องสั้น,บทความ และอื่นๆ ตีพิมพ์ตามหน้าหนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่างๆ เช่น หนุ่มสาว,แมน,ลลนา,เศรษฐกิจราย สั ป ดาห์ , นะคะ,ชี วิ ต ต้ อ งสู้ , คุ รุ ป ริ ทั ศ น์ , สยามรั ฐ รายวั น ,สยามรั ฐ สั ป ดาห์ วิ จ ารณ์ , มติ ช นสุ ด สั ป ดาห์ , ข่ า วพิ เ ศษ,โลกหนั ง สื อ ,ศิ ล ปะ วัฒนธ รรม,ช่อการะเกด,กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์ภาค วรรณกรรม,เนชั่นสัปดาห์,อีสานไรเตอร์,วิทยาจารย์,ฯลฯ และยังมีผลงานรวมเรื่องสั้นชื่อ “ถิ่นเถื่อน” จัดพิมพ์โย สำ�นักพิมพ์บางหลวง ในปี พ.ศ.2533 นอกจากนั้นยังสนใจและ ศึกษางานเขียนของนักเขียนลาว และนำ�มาจัดแปล พร้อมกับจัด พิมพ์เล่มแรก ในปี พ.ศ.2534 เป็นรวมเรื่องสั้นแปลลาว ชื่อ “กระดูกอเมริกัน” เขียนโดย บุนทะนอง ซมไซผน ในนามปากกา จนตรัย จากนั้นในปี พ.ศ.2535 มีผลงานรวมเรื่องสั้นแปลลาวชื่อ “ควายโดยสาร” ของไชสุวัน แพงพง และ “เมื่อแม่จากไป” ของ

อุทิน บุนยางวง ใช้นามปากกา จินตรัย ปี พ.ศ.2534-2535 แปล นวนิยายเรื่องยาว “ลงสู่ถนนล้านช้าง” ของบุนทะนอง ซมไซผน ในนิตยสารนะคะ จากนั้นในปี พ.ศ.2539-2540 แปลนวนิยายเรื่องยาว “นก สิบฝน” ของไซสุวัน แพงพง ในนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ปี พ.ศ. 2535 ปริวรร6 “แบบแสดงกลอนไทยเวียงจันทร์ และกาพย์วิสา สินี” ใช้ชื่อจริงในการแปล ปี พ.ศ. 2549 แปลมหากาพย์แห่งอุศาค เนย์เป็นภาษาไทย “เท้าหุ่ง เท้าเจือง” ฉบับร้อยแก้วใช้ชื่อจริงใน การแปล ปี พ.ศ.2551 แปลเรื่องสั้นลาวร่วมสมีย 10 เรื่อง และ รวมเขียน 1 เรื่อง ในชุด “สองฟากฝั่งของแม่น้ำ�” ในโครงการสาน สัมพันธ์ไทยลาว “วรรณกรรมดนตรีกวีศิลป์สองฝั่งโขง” ปี พ.ศ. 2552 แปลเรื่องสั้นรางวัลซีไรต์ของประเทศลาว ปี พ.ศ.2008 เรื่อง “ซิ่นไหมผืนเก่าๆ” ของฮุ่งอรุณ แดนวิไล ที่ผ่านมานอกจากนามปากกา จินตรัย ที่ใช้แปลวรรณกรรม ลาวแล้วยังมีนามปากกาอื่นๆที่ใช้เขียนผลงานอีก ไม่ว่าจะเป็น แมง ย่างซี่น คนดิบ คีตัสจรรย์ และปราโมช ปราโมทย์ อีกด้วย นายปราโมทย์ ในจิต จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชู เกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาชาวรรณศิลป์ (วรรณกรรมแปล) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็น เกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายสัญญาลักษณ์ ดอนศรีฐิติโชติ

(สัญญาลักษณ์ ดอนศรี)

( ประพันธ์เพลงลูกทุ่ง )

นายสัญญาลักษณ์ ดอนศรีฐิติโชติ หรือ สัญญาลักษณ์ ดอนศรี เกิดเมื่อ วันที่ 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2508 เป็น ชาวอำ�เภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ สำ�เร็จการศึกษา คุรุ ศาสตร์บัณฑิต สาขาภาษาไทย จากมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ ปี พุทธศักราช 2528 โดยปีที่ผ่านมามีความสนใจในการอ่าน การเขียน เคย เป็นครูสอนเด็กนักเรียนประถมศึกษาที่บ้านเกิด ก่อนจะมาเอาจริง เอาจังกับการแต่งเพลงและเคยร่วมก่อตั้งกลุ่มวรรณกรรมลุ่มลำ�น้ำ� มูล ร่วมกับเพื่อนๆนักเขียนอีสาน ในปี พ.ศ.2525 และเขียนผล งานมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแต่งเพลงซึ่งส่วนตัว ชื่นชอบ เพลง ลูกทุ่งในแนวร๊อคสนุนสนาน มีผลงานประพันธ์เพลงลูกทุ่งออกมามากมาย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 ในอัลบั้ม มอเตอร์ไซฮ้าง โดยมีศิลปินวงร๊อคคงคย เป็นปผู้ขับร้อง จากนั้นปี พ.ศ.2546 มีผลงานอัลบั้มชุด เห็นเธอที่ เยอรมัน โดยมีศิลปิน วงร๊อคคงคย เป็นผู้ขับร้อง ปี พ.ศ. 2548 อัลบั้ม ผู้บ่าวกินแมว ปี พ.ศ. 2550 อัลบั้ม ตลกอกหัก ขับร้อ โดยปอยฝ้าย มาลัยพร ปี พ.ศ. 2552 อัลบั้ม สาวลาดพร้าว ขับ ร้องโดย สาวมาด เมกะแดนซ์ ปี พ.ศ. 2553 อัลบั้ม ดาวมหาลัย ขับร้องโดย สาวมาด เมกะแดนซ์ ปี พ.ศ. 2554 อัลบั้ม หนุ่ม

หนองใหญ่สาวหนองฮี ขับร้องโดยกำ�ภู กับ รัชนีย์ นอกจากนั้นยังแต่งเพลง ให้กับศิลปินในค่ายท๊อปไลน์ ไดมอนด์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะศิลปินวงเสียงอีสาน โดยทุกผล งานเพลงเน้นจังบหวะสนุกสนานและเร้าใจ อาจจะยกเว้นเพลง ตลกอกหัก ที่ร้องโดย ปอยฝ้าย มาลัยพร ที่แตกต่างจากเพลงอื่น เพราะเป็นเพลงช้า สำ�หรับกิตคุณและเกียรติประวัติด้านผลงานเพลง ปี พ.ศ. 2544 ได้รับรางวัลเพลงลูกทุ่งยอดนิยม จากเพลงมอเตอร์ไซฮ่า ง จากสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย จากนั้น ปี พ.ศ. 2550 ได้รับรางวัลเพชรในเพลงจากกรมศิลปากร ปี พ.ศ. 2551 ในเพลง มันต้องถอน ได้รับรางวางเพลงลูกทุ่งยอดนิยม จากสตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ด 2008 ครั้งที่ 7 และปี พ.ศ.2554 ได้ รับรางวัล พระพิฆเนศเพลงลูกทุ่งยอดนิยมดาวมหาลัย จากสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายสัญญาลักษณ์ ดอนศรีฐิติโชติ จึงสมควรได้รับ การยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาวรรณศิลป์ (ประพันธ์เพลงลูกทุ่ง) ประจำ�ปีพุทธศักราช 2555 จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อนเป็นเกียรติประวัติสืบไป

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นางเทวี บุตรตั้ว ( ลำ�กลอน )

สาขา

ศิลปะการแสดง

ภูมิลำ�เนาเดิม อำ�เภอฝาง จังหวัดขอนแก่นเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2491 ปัจจุบันอายุ 63 ปี ประวัติการศึกษา นางเทวี บุตรตั้ว สำ�เร็จการศึกษาระดับ ประถมศึกษา จากโรงเรียนบ้านโสกม่วง ตำ�บลหนองบัว อำ�เภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และระดับอุดมศึกษา ปริญญาศิลปะศาสตร์มหา บัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานาฏศิลป์และการละคร จากมหาวิทยาลัย ราชภัฎอุดรธานี เมื่อ พุทธศักราช 2550 อาชีพ ปี พ.ศ. 2505- ปัจจุบัน เป็นศิลปินหมอลำ� ปี พ.ศ. 2512 – ปัจจุบัน ประพันธ์คำ�กลอนและเป็นครูสอน ลำ�กลอนพื้นบ้านให้แก่บุคคลทั่วไป ปี พ.ศ. 2545 –ปัจจุบัน เป็นวิทยากรอบรมตามโครงการ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม “ ศิลปินพื้นบ้านสาขาหมอลำ�กลอนพื้น บ้าน” โดยอบรมให้แก่นักเรียนนักศึกษาของสถาบันภายในจังหวัด อุดรธานี มีสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการ 50 แห่ง ปี พ.ศ.2545-2549 เป็นรองประธารกรรมการสภาวัฒนธรรม

จังหวัดอุดรธานี ปี พ.ศ.2549-ปัจจุบัน เป็นประธานชมรมศิลปินพื้นบ้านอีสาน จังหวัด รางวัลและผลงาน ปี พ.ศ. 2507 แสดงหมอลำ�ครั้งที่บ้าน ถ่อน ตำ�บลเชียงพิณ (บ้านเลื่อมในปัจจุบัน) อำ�เภอเมือง จังหวัด อุดรธานี คู่กับนางอ่อนสี เหลาผา ซึ่งได้รบความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง จึงได้รับเชิญให้ไปแสดงต่อที่ อำ�เภอท่าบ่อจังหวัดหนองคายและที่ เวียงจัน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตรประชาชนลา ปี พ.ศ.2545 แสดงหมอลำ�ที่วัดธาตุปุ่น ประเทศสารณรัฐประชาธิปไตรประชาชน ลาว แสดงคู่กับหมอลำ�สมบัติ ศรีทะบาน ในงานทอดผ้าป่าสามัคคี ของกองทัพบก จากนั้นจัดหมอลำ�รวมแสดเพื่ออนุรักษ์ เผยแพร่ศิลป วัฒนธรรมพื้นบ้านอีสานทางโทรทัศน์ช่อง 11 รายการวาสนาบันเทิง ร่วมกับคุณยงฤดี พูนทรัพย์ ทุกวันพุธที่ 3 ของทกเดือน ช่วงเวลา 16.00-17.00 น.

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายทองเยี่ยม ประสมพืช ( ลำ�พื้น )

เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน พุทธศักราช 2479 ที่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 10 บ้านม่วงใหญ่ ตำ�บลบ้านทุ่ม อำ�เภอเมือง จังหวัดขอนแก่น การศึกษา สำ�เร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 4 จาก โรงเรียนบ้านม่วง ตำ�บลบ้านทุ่ม อำ�เภอเมือง จังหวัดขอนแก่น อาชีพหมอลำ�พื้น ผลงานสำ�คัญ ปี พ.ศ. 2510 ประธานชมรมหมอลำ�อีสาน ปี พ.ศ. 2554 ได้รับเชิญร่วมแสดงหมอลำ�ในงานมหกรรมฮีตฮอย

หมอลำ� เฉลิมพระเกียรติ ฯ 84 พรรษา ณ ศากลางจังหวัดขอนแก่น เกียรติประวัติ ปี พ.ศ. 2523 รางวัลกิเลนทองยอดเยี่ยม จากบริษัทโอสถสภา ประการณ์ทำ�งานสังคม ปี พ.ศ.2532 ดำ�รง ตำ�แหน่งผู้ใหญ่บ้าน ปี พ.ศ.2540 ประธารสภาองค์การบริหารส่วน ตำ�บล 2 สมัย ปี พ.ศ.2548 รองนายกองค์การบริหารส่วนตำ�บล

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายสมบัติ เมทะนี ( แสดงภาพยนตร์ )

เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ปีพุทธศักราช 2480 ณ จังหวัด อุบลราชธานี ปัจจุบันอายุ 75 ปี สมรสกับ คุณกาญจนา เมทะนี มี บุตรธิดา รวม 5 คน สำ�เร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนเทพศิรินทร์ ระดับอนุปริญญาจากโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย ปริญญาตรี สาขาก่อสร้าง จากวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ และระดับปริญญาโทเอกสาขารัฐประศาสน์ศาสตร์ จากมหาลัยอีสเทริร์นเอเชีย อาชีพ นักแสดงและการเมือง 20 ตุลาคม รองหัวหน้าพรรคประชาราชประชาธิปไตร อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ลาออก 6 พ.ย. 2550) 19 เมษายน 2549 สมาชิกวุฒิสภา กรุงเพทมหานคร ผลงานสำ�คัญเริ่มเข้าวงการบันเทิง โดยแสดงละครโทรศัพท์ เรื่อง หัวใจปรารถนา เป็นเรื่องแรกเมื่อ พ.ศ. 2503 คู่กับวิไลวรรณ วัฒนพานิช สมบัติ เมทะนี แสดงละครโทรทัศน์อยู่ 4 เรื่องจึงหันไป แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ รุ้งเพชร คู่กับ รัตนาภรณ์ อินทรกำ�แหง

พ.ศ. 2504 ผลงานโดดเด่น เกียรติศักดิ์ทหาร เสือ ศึกบางระจัน นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว สมบัติ เมทะนี ยังเคยกำ�กับภาพยนตร์ หลายเรื่อง เช่น ลูกสาวกำ�นัน แม่แตงร่มใบ น.ส . ลูกหว้า และเป็นนัก ร้อง มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงด้วย สมบัติ เมทะนี คือพระเอกภาพยนตร์ไทยที่แสดงภาพยนตร์ มามากมายและยาวนานที่สุดของดาราไทยจนได้รับบันทึกลงใน กิน เนสบุ๊ค ว่าเป็นดาราที่แสดงหนังมากที่สุด 617 เรื่อง และด้วยบทบาท มากมายทั้งหนังรัก หนังชีวิต หนังบู๊ ล้วนแต่เคยแสดงมาแล้วทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังเป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาให้กับสินค้าต่างๆ มากมาย เกียรติประวัติ ปี พ.ศ.25 09 รางวัลตุ๊กตาทอง ดารานำ� ชาย จากภาพยนตร์เรื่องศึกบางระจัน ปี พ.ศ.2534 รางวัลนักแสดง ประกอบชาย จากเรื่อง มือขวาอาถรรพ์ ของชมรมวิจารณ์บันเทิง ปี พ.ศ.2539 ครอบครัวตัวอย่าง (ศิลปิน) ปี พ.ศ.2543 รางวัลนักแสดง สมทบชายยอดเยี่ยม จาเรื่อง ฟ้าทะลายโจร ของชมรมวิจารณ์บันเทิง

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นางบุญช่วง เด่นดวง ( ลำ�กลอน )

เกิดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พุทธศักราช 2488 อำ�เภอ คำ�เขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร สำ�เร็จการศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านกระจาน ตำ�บลป่าติ้ว อำ�เภอคำ�เขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร และได้รับปริญญาศิลปะศาสตร์ มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขานาฎศิลป์และละคร มหาวิทยาลัย ราชภัฎอุดรธานี ปี พ.ศ. 2551 ผลงานสำ�คัญเป็นที่ปรึกษาสำ�นักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัย ขอนแก่นเป็นวิทยากรสาธิตการขับลำ�หมอลำ�กลอนและบันทึกเสียง ให้แก่นิสิตระดับปริญญาโทคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหาสารคามเป็ น ที่ ป รึ ก ษาและคณะกรรมการประกวดหมอลำ � กลอนย้อนยุค ชิงถ้วยพระราชทาน สำ�งานศิลปะและวัฒนธรรม

จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ร่วมแสดงงานแสง สี เสียง เรื่อง สินไช ในวาระ 72 ปี เทศบาลนครขอนแก่น มีผลงานลำ�กลอน 12 ชุด เช่น คุยเฟื่องเรื่องซาอุ ประวัตพระธาตุพนม ประวัติเวียงจันทร์ ล่าสุดชุด อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เกียรติประวัติ ได้รับโล่ศิลปินดีเด่นภาคอีสาน ณ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้รับโล่รางวัลเชิดชูเกียรติศิลปินพื้นบ้าน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นบุคคลดี เด่นแห่งปี รางวัลเพชรสยาม สาขานาฎการพื้นบ้านประจำ�ปี 2549 จากมหาวิทยาลัยราชภัฎจันเกษม เนื่องในวโรกาสสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายทองใส ทับถนน ( ดนตรีพื้นบ้าน พิณ )

ภูมิลำ�เนาเดิมบ้านเลขที่ 163 หมู่ 8 ตำ�บลหนองกินเพล อำ�เภอวารินชำ�ราบ จังหวัดอุบลราชธานี สำ�เร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 โรงเรียนหนองกินเพล ตำ�บลหนองกินเพล อำ�เภอวารินชำ�ราบ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นศิลปินพื้นบ้าน สอนพิณ และแสดงดนตรีให้กับเยาวชน ที่สนใจทั้งในสถาบันและเป็นการส่วนตัว เกียรติประวัติ ปี พ.ศ. 2543 ศิลปินดีเด่นจังหวัดอุบลราชธานี สาขาศิลปะการแสดง (ด้านดนตรีอีสาน) จากสำ�นักงานคณะ กรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ปี พ.ศ. 2544 รางวัลผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมวัฒนธรรมดีเด่น จากสำ�นักงาน พัฒนาการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม เขตการศึกษาเขต 10 จากนั้น ปี พ.ศ. 2545 รางวัลครูภูมิปัญญา รุ่นที่ 2 ด้าน ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน – พิณอีสาน จากสำ�งานคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ สำ�นักนายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ. 2546 ได้รับ

พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภ รณ์ชั้นเหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ เมื่อวันที่1 ธันวาคม 2546 ปี พ.ศ. 2547 รางวัลสุดยอดศิลปินอีสาน ประเภทพิณอีสานในโอกาสครบ รอบ 40 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวัน ที่ 25 มกราคม 2557 ได้รับโล่เชิดชูเกียรติ สุดยอดศิลปินอีสานในวาระ 40 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น จาก ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โล่เกียรติยศและประกาศเกียรติคุณ ประเภท นักดีดพิณ โล่เกียรติยศ “ ครูภูมิปัญญาดีเด่น” ของกรมการ ศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ รับรางวัลจาด ฯพณฯ สุ ธรรม แสงประทุม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้ อ มด้ ว ยการรั บ พระราชทานปริ ญ ญาศิ ล ปะศาสตร์ ม หา บั ณ ฑิ ต กิ ต ติ ม ศั ก ดิ์ ส าขาดนตรี ศึ ก ษาจากมหาวิ ท ยาลั ย ราชภั ฏ อุบลราชธานี

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายกำ�ปั่น ข่อยนอก (กำ�ปั่น บ้านแท่น) ( เพลงโคราช )

เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พุทธศักราช 2494 บ้านแท่น ตำ�บลโพนทอง อำ�เภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 30120 สำ�เร็จการศึกษาหลัดสูตรศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต สาขา วิชา ศิลปะการแสดงดนตรี จากสถาบันราชภัฎนครราชสีมา ปี พ.ศ. 2546 เป็นอาจารย์พิเศษให้กับวิทยาลัยนาฎศิลปะนครราชสีมา เกียรติประวัติ ปี พ.ศ. 2530 รางวัลรองชนะเชิดการประกวด เพลงโคราช จากมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ปี พ.ศ. 2537 โล่เกียรติ จากสถาบันราชภัฎนครราชสีมา รางวัลรองชนะเลิศในการประกวด เพลงโคราช โล่เกียรติคุณผู้อนุรักษ์มรดกโคราชจากศูนย์วัฒนธรรม

วิทยาลัยคูรนครราชสีมา ปี พ.ศ. 2531 รางวัลส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านยอด เยี่ยม จากนิสิตสารรักษ์เมืองไทย ปี พ.ศ. 2542 รับพระราชทาน เข็มเชิดชูเกียรติ “ ศิลปินผู้สร้างชื่อเสียงให้ชาติจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี” ปี พ.ศ. 2542 – 2543 ได้รับ รางวัลประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัลพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียง เหนือยอดเยี่ยม จากศูนย์ประสานงานเพื่อเยาวชนแห่งชาติ สำ�นัก นายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ. 2547 โล่ประกาศเชิดชูเกียรติ สุดยอดศิลปิน พื้นบ้านอีสาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายชุมพร นนทลือชา ( ลำ�กลอน )

เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน พุทธศักราช 2492 ณ บ้านเลขที่ 58 หมู่ 1 ตำ�บลบัวค้อ อำ�เภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 44000 สำ�เร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 จากโรงเรียน บ้านบัวค้อ ตำ�บลบัวค้อ อำ�เภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม รับแสดง หมอลำ�กลอน ผลงานสำ�คัญ ปี พ.ศ. 2513 ตั้งหมอลำ�หมู่ คณะ ท. นครชัย ศิลป์ ปี พ.ศ. 2535 สอนการแสดงหมอลำ�ให้กับศิลปินรุ่นใหม่หลาย คน อาทิ ชัยวุฒิ เวียงวิเศษ, ปรีชา นนทลือชา, ประจวบ นนลือชา, วันเพ็ญ เด่นสารคาม, จำ�เนียร นนทลือชา ปี พ.ศ. 2545 สอน

การแสดงลำ�ให้กับนักเรียน โรงเรียนโคกก่อวิทยา ปี พ.ศ. 2513 ปัจจุบันเป็นผู้ประพันธ์กลอนลำ�สร้างสรรค์สังคม อาทิ กลอนเทิดพระ เกียรติกลอนสยามเมืองยิ้ม กลอนฟังความเมีย กลอนพระเวสสันดร กลอนบุญพระเวส กลอนนิทานกาดำ� เป็นต้น เกียรติประวัติ ปี พ.ศ. 2514 ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองแชมป์ หมอลำ�แห่งประเทศไทย จากอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พล. อ. กฤษ ปุณกัณต์ ปี พ.ศ. 2554 ได้รับรางวัลเกียรติคุณ จากผู้ว่าราชการ จังหวัดมหาสารคาม

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นางบัวผัน จักรพิมพ์ (บัวผัน ดาวคะนอง) ( ลำ�กลอน )

เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2498 อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัด มหาสารคาม อายุ 57 ปี ประวัติการศึกษา ปี พ.ศ. 2509 ประถมศึกษา โรงเรียนขีศรี สง่า ตำ�บลเขวาใหญ่ อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ปี พ.ศ. 2525 มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนพล ตำ�บลพลในเขต อำ�เภอพล จังหวัดขอนแก่น เป็นอาจารย์สอนหมอลำ�กลอน โดยมีผลงานดีเด่นในปี พ.ศ. 2554 รางวัลเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านการแสดง จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายชุมพร นนทลือชา ( ลำ�กลอน )

เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน พุทธศักราช 2492 ณ บ้านเลขที่ 58 หมู่ 1 ตำ�บลบัวค้อ อำ�เภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 44000 สำ�เร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 จากโรงเรียน บ้านบัวค้อ ตำ�บลบัวค้อ อำ�เภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม รับแสดง หมอลำ�กลอน ผลงานสำ�คัญ ปี พ.ศ. 2513 ตั้งหมอลำ�หมู่ คณะ ท. นครชัย ศิลป์ ปี พ.ศ. 2535 สอนการแสดงหมอลำ�ให้กับศิลปินรุ่นใหม่หลาย คน อาทิ ชัยวุฒิ เวียงวิเศษ, ปรีชา นนทลือชา, ประจวบ นนลือชา, วันเพ็ญ เด่นสารคาม, จำ�เนียร นนทลือชา ปี พ.ศ. 2545 สอน

การแสดงลำ�ให้กับนักเรียน โรงเรียนโคกก่อวิทยา ปี พ.ศ. 2513 ปัจจุบันเป็นผู้ประพันธ์กลอนลำ�สร้างสรรค์สังคม อาทิ กลอนเทิดพระ เกียรติกลอนสยามเมืองยิ้ม กลอนฟังความเมีย กลอนพระเวสสันดร กลอนบุญพระเวส กลอนนิทานกาดำ� เป็นต้น เกียรติประวัติ ปี พ.ศ. 2514 ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองแชมป์ หมอลำ�แห่งประเทศไทย จากอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ พล. อ. กฤษ ปุณกัณต์ ปี พ.ศ. 2554 ได้รับรางวัลเกียรติคุณ จากผู้ว่าราชการ จังหวัดมหาสารคาม

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นางบัวผัน จักรพิมพ์ (บัวผัน ดาวคะนอง) ( ลำ�กลอน )

เกิดเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2498 อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัด มหาสารคาม อายุ 57 ปี ประวัติการศึกษา ปี พ.ศ. 2509 ประถมศึกษา โรงเรียนขีศรี สง่า ตำ�บลเขวาใหญ่ อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ปี พ.ศ. 2525 มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนพล ตำ�บลพลในเขต อำ�เภอพล จังหวัดขอนแก่น เป็นอาจารย์สอนหมอลำ�กลอน โดยมีผลงานดีเด่นในปี พ.ศ. 2554 รางวัลเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านการแสดง จาก มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นางทองนาง คุณไชย (อังคนางค์

คุณไชย)

( ลำ�เรื่องต่อกลอน )

เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2498 ที่บ้านโคก สารเทิง ตำ�บลโคกสารเทิง อำ�เภอชานุมาน จังหวัดอุราชธานี (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดอำ�นาจเจริญ) ปัจจุบันอายุ 57 ปี สมรถกับ นายอำ�นวย ศิริมณี ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 8 ตำ�บลโคกสาร อำ�เภอชานุมาน จังหวัดอำ�นาจเจริญ สำ�เร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยสอบที่ได้ที่ 1 ของทุกชั้น เรียน มีอาชีพศิลปินการแสดงหมอลำ� เพลงลูกทุ่ง และการลำ�เรื่อง ต่อกลอน ผลงานที่สำ�คัญร่วมแสดงศิลปะพื้นบ้านหมอลำ�จักโดยหน่วย งานราชการหลายแห่ง ร่วมแสดงศิลปะพื้นบ้านลูกทุ่งอีสานในงาน จังหวัดและหน่วยงานราชการหลายครั้งแสดงศิลปะพื้นบ้านลูกทุ่ง หมอลำ� ทางสื่อโทรทัศน์ วิทยุหลายครั้ง เป็นวิทยากรรับเชิญให้

ส่วนราชการในการถ่ายทอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านจนถึงปัจจุบัน หลายครั้งและหลายหน่วยงาน ร่วมแสดงเผยแพร่ศิลปะการแสดงใน ต่างประเทศ เช่น สิงค์โปร์ เยอรมัน ฮ่องกง สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน ฝรั่งเศส ออสเตรีย และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ เกียรติประวัติ ชนะเชิดการประกวดหมอลำ�เรื่องต่อกลอน รับโล่เชิดเกียรติเป็นสุดยอดศิลปินพื้นบ้านอีสาน จาก มหาวิทยาลัยขอนแก่น รับโล่เชิดชูเกียรติคุณ เป็นศิลปินดีเด่นจังหวัด อำ�นาจเจริญ สาขาศิลปะการแสดงพื้นบ้านอีสาน จากคณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ รับโล่รางวัลเกียรติบัตรด้านศิลปะพื้นบ้านลำ�เรื่อง ต่อกลอน การแสดงเพลงลูกทุ่งอีสานจากหน่วยงานราชการต่างๆ มากกว่า 30 รางวัล

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


นายกฤติยา ลาดพันนา (พันนา ฤทธิไกร)

( กำ�กับและแสดงภาพยนตร์ )

เกิดเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2504 จังหวัด ขอนแก่น การศึกษา สำ�เร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาลัยผล ศึกษา จังหวัดมหาสาคาม ผลงานที่สำ�คัญ ปี พ.ศ.2547 ออกแบบกำ�กับฉากต่อสู้ ในภาพยนตร์เรื่อง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ปี พ.ศ.2547 กำ�กับ ภาพยนตร์เรื่อง เกิดมาลุย ปี พ.ศ.2549 ออกแบบและกำ�กับฉาก ต่อสู่เรื่อง มนุษย์เหล็กไหล ปี พ.ศ.2549 รับบทการแสดง เป็นปอบ

ดำ�ในภาพยนตร์เรื่อง คนไฟบิน ปี พ.ศ.2551 กำ�กับภาพยนตร์เรื่อง ส้มตำ� ปี พ.ศ.2551 กำ�กับภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก 2 ปี พ.ศ.2551 ควบคุมฉากต่อสู้เรื่อง ช็อกโกแลต ปี พ.ศ.2552 ควบคุมฉากต่อสู้ เรื่อง ห้า หัวใจฮี่โร่ ปี พ.ศ.2552 ควบคุมฉากต่อสู้ภาพยนตร์เรื่อง จีจ้า ดื้อ สวยดุ ปี พ.ศ.2553 เป็นที่ปรึกษาภาพยนตร์เรื่อง ครูบ้าน นอกบ้านหนองฮีใหญ่ ปี พ.ศ.2553 กำ�กับภาพยนตร์เรื่อง โคตรสู่ โคตรใส ปี พ.ศ.2553 กำ�กับภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก 3

ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


ฐานข้อมูลศิลปินมรดกอีสาน 2555


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.