ก
สารนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ด้วยทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้จดั งานประเพณีทอดกฐินเป็ นประจ�ำกันต่อ เนื่องในทุก ๆ ปี และในปี พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ นี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้จดั งานกฐิน ขึน้ โดยความร่วมมือของผูบ้ ริหาร คณาจารย์ นักศึกษา บุคลากร และพุทธศาสนิกชน ผูม้ จี ติ ศรัทธาทัง้ ภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย เพือ่ อนุโมทนาบุญกุศลและร่วมพิธี ถวายผ้ากฐิน เพือ่ น�ำผ้ากฐินไปทอดถวายพระสงฆ์ ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึง่ เป็ นวัดทีท่ �ำประโยชน์ให้แก่ชุมชนและ สังคมโดยรอบ โดยเฉพาะอย่างยิง่ กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น วัดหนองกุงและชุมชน ได้ม กี ารเกื้อ หนุ น กันในหลายภาคส่ว น เช่น การส่งเสริมด้านศิลปวัฒนธรรม โดยการบูรณะมณฑปหอพระพุทธบาท เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ถือเป็ นสมบัตขิ องชุมชน ทีภ่ าคภูมใิ จ แสดงถึงความศรัทธาในศาสนาของผูส้ ร้างและชุมชนซึง่ ท�ำให้ขอนแก่น มีภมู ปิ ั ญญาท้องถิน่ โบราณสถานทีส่ ำ� คัญและน่าสนใจ และวัดแห่งนี้ยงั เป็ นสถานที่ ทีช่ าวมหาวิทยาลัยขอนแก่นเรียนรูแ้ ละเผยแพร่วฒ ั นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิง่ ธรรมค�ำสอนก็ดี วรรณกรรมต่าง ๆ ทีบ่ รรพบุรุษชาวอีสานพาคิดพาท�ำก็ดี หากมี การศึกษาน�ำแนวคิดคติธรรมต่าง ๆ จากวรรณกรรมค�ำสอนอย่างตรึกตรองสม�่ำเสมอ ก็เป็ นทีเ่ ชือ่ แน่ได้วา่ ความรุง่ เรืองทางศาสนาจะยังคงอยูค่ กู่ บั แผ่นดินตราบนาน การประกอบพิธถี วายกฐินของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในปี น้ี นอกจากจะ เป็ นการสร้างบุญกุศลอันยิง่ ใหญ่แล้ว ในพระพุทธศาสนายังสอดคล้องกับกลยุทธ์และ แผนปฏิบตั ติ ามมติสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี ๒๕๕๘ – ๒๕๖๒ เสาหลักที่ 3 ว่ า ด้ว ยการเป็ นองค์ ก รที่ห่ ว งใยและดู แ ลชุ ม ชน ส่ ง เสริม ศิล ปะและวัฒ นธรรม ในโอกาสอันเป็ นมงคลนี้จงึ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ทุกองค์กรทีม่ สี ว่ นร่วม ให้มคี วามสุขความเจริญยิง่ ๆ ขึน้ ไป ตลอดกาลนาน
(ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี) นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น
ข
สารอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามทีม่ หาวิทยาลัยขอนแก่นจะได้ทอดกฐินประจ�ำปี ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น วัดดังกล่าวเป็ นวัดทีม่ ี บทบาทกับทางมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวคือ เป็ นวัดให้ความอนุเคราะห์ตอ่ ทาง มหาวิทยาลัย อีกทัง้ ยังเป็ นวัดทีใ่ ห้บริการสาธารณะประโยชน์ต่อชุมชนโดยรอบ ในการนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เชิญชวนพุทธศาสนิกชน และผูม้ จี ติ ศรัทธา ทังภายนอกและภายในมหาวิ ้ ทยาลัย ร่วมอนุโมทนาบุญและร่วมพิธถี วายผ้ากฐิน ทอด ถวาย ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึง่ ได้รบั ความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนักศึกษาและบุคลากร ร่วมถึงผูม้ จี ติ ศรัทธา นอกจาก ร่วมอนุโมทนาบุญครัง้ นี้แล้ว มหาวิทยาลัยขอนแก่นยังมีการพิมพ์หนังสือทีร่ ะลึกใน งานกฐิน เพือ่ เป็ นการเผยแพร่ธรรมค�ำสอนของพุทธองค์ ทัง้ ยังเป็ นการรักษาไว้ซง่ึ มรดกทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอนั ดีงามของชาวพุทธอย่างแท้จริง หากจะกล่าวถึงชาวอีสาน เมือ่ ไปอยูใ่ นทีใ่ ด ๆ ถ้าได้มกี ารจัดกิจกรรมร่วมกัน หรือแม้กระทังคุ ่ ยกันในกลุ่มของคนอีสานแล้ว สิง่ ทีจ่ ะขาดไม่ได้กค็ อื การเล่าเรื่อง ต�ำนานและนิทานอีสาน จึงเป็ นวรรณกรรมมุขปาฐะทีม่ บี ทบาทต่อสังคมคนอีสาน มาก ทังยั ้ งเป็ นเครือ่ งมือให้การศึกษาแก่คนในกลุม่ และสถาบันพืน้ ฐานทางสังคม เช่น ครอบครัว เป็ นต้น นอกจากนี้ยงั สร้างความเพลิดเพลิน กระตุน้ ความเป็ นอันหนึ่ง อันเดียวกัน และคงความเป็ นเอกลักษณ์ทางภาษาแก่คนอีสานไว้ไม่ให้เสือ่ มสูญไป เรียกได้ว่าเป็ นนิทานธรรมค�ำสอนทีแ่ ฝงคติทอ้ งถิน่ ทีม่ บี ทบาทหน้าทีท่ ส่ี ำ� คัญต่อ คนอีสานตัง้ แต่อดีตจนตราบเท่าปั จจุบนั ทุกวันนี้ นิทานจึงเป็ นส่วนหนึ่งในการสะท้อนชีวติ ค่านิยม และความเชือ่ ของผูค้ นใน สังคม เป็ นเรือ่ งราวทีผ่ คู้ นบอกเล่าสืบต่อกันจากรุน่ ปู่ สรู่ นุ่ พ่อ จากรุน่ พ่อสูร่ นุ่ ลูก รุน่ หลาน สืบสานกันไปเรือ่ ย ๆ แฝงค�ำสอนใจ แฝงบทเรียน เป็ นเสมือนมรดกตกทอด ของแต่ละสังคม ภาคอีสานมีนิทานต�ำนานมากมายหลากหลายประเภททัง้ นิทาน ชาดก นิทานกลอนล�ำ นิทานก้อม ซึง่ ส่วนมากเล่ากันมาแบบปากต่อปาก (มุขปาฐะ)
ค ในนามของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอขอบพระคุณผูท้ ม่ี สี ว่ นร่วมทุกภาคส่วน ที่ท�ำให้การจัดงานกฐินของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ในครัง้ นี้ ประสบความส�ำเร็จไปได้ดว้ ยดี ขออ�ำนาจคุณพระศรีรตั นตรัย และสิง่ ศักดิ ์สิทธิ ์ ทัง้ ในสากลโลก ได้โ ปรดดลบัน ดาลและอภิบ าลรัก ษาให้ท่ า นและครอบครัว จงประสบศุภศิรสิ วัสดิ ์พิพฒ ั มงคลสมบูรณ์พนู ผลในสิง่ อันพึงปรารถนาทุกประการ
รองศาสตราจารย์ กิตติชยั ไตรรัตนศิรชิ ยั อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ง
สารรองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและชุมชนสัมพันธ์ กฐินเป็ นประเพณีทส่ี ำ� คัญของพุทธศาสนิกชนทีส่ บื ทอดกันมาอย่างยาวนาน ถือว่าเป็ นทานพิเศษ ก�ำหนดเวลา ๑ ปี ทอดได้เพียงครัง้ เดียว ถือเป็ นประเพณี ส�ำคัญในฮีต ๑๒ ของชาวอีสาน ทีเ่ ชื่อว่า การท�ำบุญทอดกฐินคงจะมีส่วนช่วย เสริมความงดงามทัง้ พุทธศาสนสถาน และความเจริญงอกงามแห่งจิตใจของ พุ ท ธศาสนิ ก ชน จึง นับ ว่ า เป็ น ประเพณี นิ ย มในการบ�ำ เพ็ญ กุ ศ ลที่ดีง าม เป็ น สาธารณประโยชน์รว่ มกับการบูรณปฏิสงั ขรณ์วดั วาอาราม ท�ำนุบำ� รุงพระพุทธศาสนา ซึง่ เป็ นรากฐานส�ำคัญของวัฒนธรรมไทย การน� ำกฐินไปทอดถวายเป็ นบุญกุศลบุคคลที่ทอดกฐินครัง้ หนึ่งในชีวติ จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ยอ่ มได้ การทอดกฐินนัน้ เป็ นอ�ำนาจบุญกุศลทีไ่ ด้ถวาย ผ้ากฐินเป็ นบุญกุศลอันใหญ่หลวง ผูถ้ วายปรารถนาความส�ำเร็จใด ๆ ในภพชาติใหม่ ก็จะให้สำ� เร็จได้ดงั มโนรถความปรารถนา ในปี พทุ ธศักราช ๒๕๖๑ นี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นจะได้มกี ารจัดทอดกฐินถวาย ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในการนี้ฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและชุมชนสัมพันธ์ โดยศูนย์วฒ ั นธรรม มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ได้จดั ท�ำหนังสือทีร่ ะลึกในงานทอดกฐิน “นิทานธรรมค�ำสอนอีสาน” อัน ประกอบด้วยเนื้อหาทีก่ ล่าวถึงประวัตคิ วามเป็ นมาของวัด และเนื้อหาหลักเป็ น วรรณกรรมค�ำสอน หรือเรียกว่า นิทานธรรมมะ ซึง่ เป็ นกุศโลบายเพือ่ เป็ นการสัง่ สอนและแทรกคติธรรมค�ำสอนไว้ในวรรณกรรมนัน้ ๆ ทีเ่ ป็ นนิทานทัง้ ๒๐ เรือ่ ง เนื้ อ หาดัง กล่ า วจึง เหมาะสมที่จ ะน� ำ มาเผยแพร่ ใ นวาระที่เ ป็ น สิร ิม งคล ในงานทอดกฐินประจ�ำปี เพือ่ เผยแพร่ขอ้ มูลพืน้ ฐานทีส่ ำ� คัญในการศึกษาศิลปะและ วัฒนธรรม ผ่านนิทานธรรม ทีแ่ ฝงคติ ข้อคิด และปรัชญาค�ำสอนของศาสนาทีแ่ ทรก อยูใ่ นนิทาน ซึง่ จะเป็ นประโยชน์อย่างยิง่
รองศาสตราจารย์เกรียงไกร กิจเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและชุมชนสัมพันธ์
จ
สารเจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม เนื่ อ งในวโรกาสที่ ม หาวิท ยาลัย ขอนแก่ น ได้ ก� ำ หนดจัด งานทอดกฐิ น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ จึงน�ำความปลืม้ ปิ ตยิ นิ ดีมาสูพ่ ุทธศาสนิกชนคนทัวไป ่ โดยเฉพาะ ชาวหนองกุงและชาวขอนแก่นทุกหมูเ่ หล่า เนื่องด้วยมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้จดั งานทอดกฐิน เพือ่ ถวายผ้ากฐินแด่ เจ้า อาวาสวัดสว่างสุทธาราม พระสงฆ์ผจู้ ำ� พรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้าน หนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ ๒๖-๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๑ นี้ การจัด ท�ำ หนัง สือ ที่ร ะลึก ในงานกฐิน มหาวิท ยาลัย ขอนแก่ น ฉบับ นี้ เป็ น การน�ำเสนอเนื้อหาและเรือ่ งราวของประวัตทิ ม่ี าของวัดและโบราณสถานโดยสังเขป และยังมีการน�ำเอานิทานธรรม ค�ำสอนของอีสาน ทีเ่ ป็ นเรือ่ งทีอ่ า่ นแล้วทัง้ เพลิดเพลิน เพือ่ เป็ นการเผยแพร่คติธรรมค�ำสอนในนิทานอีสานนัน้ เป็ นการสร้างบุญกุศลการทาน “ความรู”้ เพื่อรับอานิสงส์อนั ประเสริฐยิง่ สมก�ำลังจิตก�ำลังทรัพย์ทท่ี ุ่มเท และเป็ น การจรรโลงสืบทอดศาสนา ศิลปวัฒนธรรมชาติพนั ธุอ์ สี าน ให้มนคงถาวรสื ั่ บไป ข้าพเจ้าขออนุโมทนาอ�ำนวยพรให้ผบู้ ริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา ศิษ ย์เ ก่ า มหาวิท ยาลัย ขอนแก่ น และพุท ธศาสนิ ก ชนทัง้ หลาย จงมีค วามเจริญ ด้วยลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ
พระครูกมลกิตติสาร (กอง กมโล) จร.ชท เจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ช
ค�ำน�ำ วรรณกรรมที่มจี ุดก�ำเนิดเค้าโครงเรื่องมาจากชาดกในพระพุทธศาสนา แล้วถูกนักแต่งวรรณกรรมอีสานน�ำมาประยุกต์เรียบเรียงร้อยเรือ่ งให้เป็ นลักษณะ วรรณกรรมภาษาท�ำนองแบบอีสาน และมีการน� ำวิถชี วี ติ อีสานสอดแทรกเข้าไป ท�ำให้เกิดความน่าสนใจและอรรถรสของคนในท้องถิน่ ยิง่ ขึน้ ดังนัน้ ข้าพเจ้าขอยกค�ำของพระครูบุญชยากรทีก่ ล่าวถึงวรรณกรรมทีน่ �ำมา จากเรื่องเล่าหรือนิทานอีสาน แต่น�ำธรรมะหรือค�ำสอนในพระพุทธศาสนาเข้าไป ผสมกลมกลืน เพือ่ ให้เกิดคุณค่าในเชิงศรัทธาเป็ นประโยชน์ตอ่ สังคมส่วนรวม ท�ำให้ เกิดการยอมรับและสามารถน� ำไปใช้ในวัด ให้พระสงฆ์เทศนาสังสอนชาวบ้ ่ าน ได้อย่างไม่เคอะเขิน วรรณกรรมประเภทนี้จะต่างจากลักษณะแรก คือ อย่างแรก เป็ นการน� ำวิถีความคิดความเชื่อประเพณีวฒ ั นธรรมดัง้ เดิม เข้าไปสอดแทรก เค้าโครงหลักชาดกในพระพุทธศาสนา แต่ประเภททีส่ อง มีลกั ษณะตรงข้าม คือ การน�ำเอาค�ำสอนในพระพุทธศาสนาไปสอดแทรกในเค้าโครงเรือ่ งเล่านิทานหรือ วรรณกรรมตามความนิยมเดิม เช่น เรื่องนางแตงอ่อน ขูลูนางอัว้ ท้าวก�่ำกาด�ำ นางสิบสอง นางผมหอม สังข์ศลิ ป์ ชัย เป็ นต้น โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การใช้สอ่ื สอนธรรมะเข้าสูช่ าวบ้าน ซึง่ มีหลากหลายระดับ แต่วรรณกรรมเหล่านี้จะ เป็ นสิง่ ทีผ่ คู้ นได้ให้ความสนใจใฝ่ รไู้ ด้มากทีส่ ดุ เพราะสอดคล้องกับวิถชี วี ติ ประเพณี วัฒนธรรมของคนในท้องถิน่ เพือ่ ให้ชาวอีสานตัง้ แต่อดีตได้ใช้เป็ นเครือ่ งประดับจิต กล่อมเกลาใจหล่อหลอมสู่วถิ สี งั คมอันดีงาม เป็ นสังคมของคนทีเ่ อื้อเฟื้ อเผื่อแผ่ เมือ่ นิทานธรรมอีสานทัง้ หมดได้รบั การยอมรับทัง้ ในบ้านและในวัดด้วยนิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน เป็ นการแต่งเรื่องผ่านมุมมองทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถชี วี ติ โดยน�ำหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้ามาเป็ นเหตุผลในบริบทเหล่านัน้ โดยส่วนมากแม้จะมีความมุ่งหมายเพื่อความบันเทิงเริงใจบ้าง นัน่ ก็เพื่อให้เกิด ความน่ าสนใจและถูกอัธยาศัยคนอีสาน จึงถือว่าวรรณกรรมอีสานมีคุณค่าต่อ ผูท้ ไ่ี ด้ศกึ ษา เพื่อให้เกิดมุมมองจากพืน้ ฐานสังคมอีสานในอดีต คุณค่าทางธรรม ทีส่ อดแทรกไว้ในพืน้ ทีค่ วามหมายของนิทานนัน้ ๆ (พระครูบุญชยากร, ๒๕๖๐)
ซ ในโอกาสทีม่ หาวิทยาลัยขอนแก่น ได้น�ำเอานิทานธรรมค�ำสอนอีสานจ�ำนวน ๒๐ เรือ่ ง มาจัดพิมพ์เผยแพร่ ซึง่ จะเป็ นคุณเป็ นประโยชน์ทงั ้ ทางตรงและทางอ้อม หลายประการ ด้วยปั ญญาอันชาญฉลาดของนักปราชญ์ดา้ นวรรณกรรมอีสานใน อดีต ส่งผ่านให้เกิดการศึกษาเรียนรูแ้ ก่ผทู้ ส่ี นใจให้เกิดปั ญญาทางธรรมอีกยุคสมัย
นายบัญชา พระพล ผูอ้ ำ� นวยการศูนย์วฒ ั นธรรม บรรณาธิการบริหาร
ฌ
สารบัญ เนื้อหา
หน้า
นิ ทานธรรมอีสาน ๑. กาละเกด ๒. ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ๓. ก�่ำกาด�ำ ๔. ก�ำพร้าค�ำสอน ๕. ก�ำพร้าผีน้อย ๖. แก้วหน้าม้า ๗. ไก่แก้วหอมฮู ๘. ขุนบรม ๙. ขุนทึง - ขุนเทือง ๑๐. ขูลู - นางอัว้ ๑๑. คันธนาม ๑๒. จ�ำปาสีต่ น้ ๑๓. ท้าวยี ่ ๑๔. ปาจิต - อรพิม
๑๔ ๑๖ ๑๘ ๒๒ ๒๖ ๓๐ ๓๒ ๓๖ ๔๐ ๔๔ ๔๖ ๕๒ ๕๔ ๕๘
สารนายกสภามหาวิ ทยาลัยขอนแก่น สารอธิ การบดีมหาวิ ทยาลัยขอนแก่น สารรองอธิ การบดีฝ่ายศิ ลปวัฒนธรรมและชุมชนสัมพันธ์ สารเจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม ค�ำน�ำ ประวัติวดั สว่างสุทธาราม ประวัติบา้ นหนองกุง ประวัติมหาวิ ทยาลัยขอนแก่น ประวัติโดยสังเขป พระครูกมลกิ ตติ สาร
ก ข ง จ ช ๑ ๕ ๘ ๑๑
ญ
สารบัญ (ต่อ)
เนื้ อหา นิ ทานธรรมอีสาน (ต่อ) ๑๕. ปลาบูท่ อง ๑๖. ผาแดง - นางไอ่ ๑๗. พะลัก - พะลาม ๑๘. พะยาคันคาก ๑๙. พืน้ เมืองอุบล ๒๐. พืน้ เวียง ๒๑. ฟ้ าแดดสูงยาง ๒๒. สินไซ ๒๓. สีทนต์ - นางมโนรา ๒๔. เสียวสวาด ๒๕. อุษา-บารส บรรณานุกรม รายนามผูร้ ่วมถวายเครื่องอัฐบริ ขาร ค�ำสังมหาวิ ่ ทยาลัย คณะผูจ้ ดั ท�ำ
หน้ า ๖๒ ๖๖ ๗๐ ๘๐ ๘๔ ๘๘ ๙๒ ๙๔ ๙๘ ๑๐๐ ๑๐๖ ๑๑๐ ๑๑๔ ๑๓๔ ๑๔๖
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
1
ประวัติวดั สว่างสุทธาราม สาเหตุทไ่ี ด้ชอ่ื ว่าวัดสว่างสุทธาราม เนือ่ งมาจากปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ช่วงเวลากลางคืน ภายในบริเวณวัดสว่างสุทธารามจะมีแสงสว่างไสวไปทัวบริ ่ เวณ รวมไปถึงต้นไม้ ใบหญ้าจนเป็ นทีน่ ่าอัศจรรย์ใจแก่ผพู้ บเห็น ทัง้ เด็กเล็กคนหนุ่มสาวตลอดจนผูเ้ ฒ่า ผูแ้ ก่จะพากันมาดูวดั ออกแสง และจะเก็บใบไม้ใบหญ้าไปไว้บนหัวนอน เพือ่ สักการะ บูช าให้เ กิด ความเป็ นสิริม งคล ระยะแรก วัดมีเนื้ อ ที่ท งั ้ หมด ๒๓ ไร่ ๒ งาน แต่ ปั จ จุบ นั ได้ม กี ารขยับขยายเพิม่ เติม เนื่ องจากมีชาวบ้านบริจาคเนื้ อที่เป็ น จ�ำนวน ๔๘ ไร่ ๓ งาน อาณาเขตทิศเหนือจรดถนนสาธารณะ ทิศใต้จรดทีน่ ายบิน นางดวง เมืองสนธิ ์ทิศตะวันออกจรดถนนสาธารณะ ทิศตะวันตกจรดถนนสาธารณะ (โรงเรียนบ้านหนองกุง)
ปูชนี ยวัตถุสำ� คัญ พระประธาน ๑ องค์ เป็ นพระพุทธรูปปางทรมานกาย บ�ำเพ็ญทุกรกิรยิ า สร้างเมือ่ ปี พ.ศ ๒๔๘๔ และพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ๕ องค์
ท�ำเนี ยบเจ้าอาวาส การบริหารการปกครองของวัดสว่างสุทธาราม มีเจ้าอาวาสเป็ นผูด้ แู ลตัง้ แต่ อดีตจนถึงปั จจุบนั ดังนี้ • พระครูสารนารถธรรมาจารย์ (บัว กิตติสาโร) พ.ศ. ๒๔๗๓-๒๔๘๕ รวม ๑๒ ปี • พระเครือ่ ง ศรีหนองกุง พ.ศ. ๒๔๘๗-๒๕๑๐ รวม ๑๓ ปี • พระมงคล วุฑฒิญาโณ พ.ศ. ๒๕๑๒-๒๕๓๖ รวม ๒๔ ปี • พระอาจารย์คะนอง กตปุญโญ (รักษาการ) พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๔๓ รวม ๗ ปี • พระครูกมลกิตติสาร (กอง กมโล) พ.ศ. ๒๕๔๔-ปั จจุบนั
งานท�ำบุญประจ�ำปี
ได้มกี ารก�ำหนดวันท�ำบุญประจ�ำปี ขน้ึ ในวันเพ็ญ ๑๕ ค�่ำ เดือน ๓ ของทุกปี
2
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
มณฑป วัดสว่างสุทธาราม
ที่ ตงั ้ : หอพระบาท หรือ มณฑป ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ของวัดสว่าง สุทธารามหรือวัดหนองกุง ตามทีเ่ รียกขาน กันทัวไป ่ อยู่ในบริเวณพื้นที่ดินด้านทิศ ตะวันตกของอุโบสถสุดเขตทีด่ นิ ของวัด ซึง่ ติดกับเขตทีด่ นิ ของโรงเรียนบ้านหนองกุง ห่ า งจากถนนมิ ต รภาพช่ ว งขอนแก่ น อุดรธานี ประมาณ ๑๐๐ เมตรเศษ
ทีม่ า: http://www.finearts.go.th/fad9/parameters/km/item/วัดสว่างสุทธาราม-บ้านหนองกุงต�ำบลศิลา-อ�ำเภอเมือง-จังหวัดขอนแก่น.html
ประวัติการก่อสร้าง
การก่อสร้าง เริม่ เมือ่ พ.ศ. ๒๔๘๐ แล้วเสร็จสมบูรณ์ พ.ศ. ๒๔๘๔ โดยท่าน เจ้าคุณสารนารถธรรมาจารย์ (บัว กิตสิ าโร) เจ้าอาวาสวัดองค์แรก (พ.ศ.๒๔๗๓-๒๔๗๕) หรือพระครูวนิ ยั ยานุกลู ในสมัยเริม่ ก่อตัง้ วัด (พ.ศ. ๒๔๗๐) ร่วมกับชาวบ้านหนองกุ งกับลูกจ้างญวนอพยพ ๓ คน และช่างฝ่ ายสงฆ์ ๑ รูปด�ำเนินการก่อสร้างแบบค่อย เป็ นค่อยไปตามก�ำลังปัจจัยทีม่ อี ยูใ่ นขณะนัน้ • หัวหน้ าช่างฝ่ ายสงฆ์ : คือ พระอาจารย์ขนื เป็ นผูช้ ว่ ยช่างพล ในการท�ำการ ก่อสร้างทังหมด ้ • หัวหน้ าช่างปูน : ชือ่ นายยน ศรีหนองกุง หรือพ่อใหญ่ยน • ช่ างชาวญวนอพยพ : ชื่อ องเผิ่ง องเฉี ย ง องไก่ และองกิ่ง จากบ้า น ดอนหญ้านาง เป็ นลูกจ้างร่วมกับชาวบ้าน เป็ นแรงงานปั น้ อิฐ เผาอิฐ ก่ออิฐ ฉาบปูน และงานไม้ทวไป ั่
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
3
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
เป็ นอาคารสถาปั ตยกรรมไทยพืน้ ถิน่ อีสานทีไ่ ด้รบั อิทธิพลช่างญวน มีรปู แบบ แผนผังอาคารเป็ นสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั มีทางเข้า ๒ ทาง ด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกตรง กัน ส�ำหรับขึน้ สูห่ อประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ขนาดอาคารโดยรอบกว้าง ๘.๗๐ เมตร ยาว ๘.๗๐ เมตร หลังคามีลกั ษณะซ้อนกัน ๓ ชัน้ ความสูงวัดจากฐานถึงยอดประมาณ ๑๒ เมตร
โครงสร้าง
• ฐาน: เป็ นฐานแผ่กอ่ ด้วยอิฐซ้อนกัน กว้างประมาณ ๘.๗๐ x ๘.๗๐ เมตร ลึก จากระดับดินปัจจุบนั ประมาณ ๕๐ เซนติเมตร • เสา: เป็ นเสาไม้ตงั ้ อยู่บนฐานอิฐ และก่ออิฐปิ ดรอบเสาไม้ต้น เสารอบนอก จ�ำนวน ๑๒ ต้น และเสารอบใน จ�ำนวน ๔ ต้น แล้วก่ออิฐเป็ นคานโค้งระหว่าง เสารอบนอกเพือ่ รับโครงหลังคา ลักษณะของคานโค้งเป็ นลักษณะสถาปัตยกรรม อิทธิพลญวน • ก�ำแพง: อาคารหอพระบาทภายในด้วยอิฐ ขนาดอาคาร ๕x๕ เมตรสูงประมาณ ๑.๓๕ เมตร จากระดับฐาน ส�ำหรับเสา ๔ ต้น ทีอ่ ยูร่ อบในนัน้ ตัง้ อยูบ่ นฐานที่ ก่อยกขึน้ แล้วทีม่ มุ ทัง้ ๔ แล้วก่ออิฐฉาบปูน ปิ ดรอบเสาไม้ บริเวณโคนเสาและ หัวเสาท�ำลวดลายปูนปัน้ เป็ นรูปกาบบัวและกลีบบัวทุกต้น • พืน้ : ภายในอาคารชัน้ ใน พืน้ เป็ นปูนทรายหยาบทัง้ หมด ยกเว้นบริเวณพืน้ ที่ ส่วนกลางมีการก่อฐานด้วยอิฐ ฉาบปูนเป็ นชัน้ ๆ แล้วปั น้ ลายทาสีเพือ่ เป็ นที่ ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท • หลังคา: โครงไม้เนื้อแข็ง มุงด้วยกระเบือ้ งวิบลู ย์ศรี หางมน ห่างแผ่นละ ๕.๕ มิลลิเมตร กว้าง ๑๔.๒ เซนติเมตร ยาว ๒๐.๕ - ๒๗.๕ เซนติเมตร มุงซ้อนทับ กัน ส่วนกระเบือ้ งปลายชายคาถูกแผ่นเป็ นชนิดปลายตัด • สันตะเข้: เป็ นปูนปัน้ ปิ ดสัน ตกแต่งด้วยใบระกาปูนปัน้ และหัวหน้าปูนปัน้ เสริม เหล็กทุกมุมชายคา • ยอดหลังคา: ตกแต่งด้วยยอดปราสาท ปูนปัน้ เสริมเหล็ก • ฝ้ าเพดาน: ตีปิดด้วยไม้แผ่นขนาดประมาณ ๓/๘” x ๕” เหนือรอยพระพุทธบาท และชายคาโดยรอบทุกชัน้ • เชิ งชาย: ไม้เนื้อแข็ง ๑” x ๘” โดยรอบชายคาทัง้ ๓ ชัน้
4
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
วัสดุก่อสร้าง • อิ ฐ: เป็ นอิฐซึ่งขุดเอาดินจากท้องถิน่ ของชาวบ้านหนองกุง โดยรอบ ๆ หมูบ่ า้ น น�ำมาปั น้ และเผาโดยช่างชาวญวน ๓ คน และมีชาวบ้านร่วมแรง กันท�ำ • ปูน : ใช้ปู น ซีเ มนต์ ที่เ รีย กกัน ในสมัย นั น้ ว่ า ปู น ญี่ป่ ุ น บรรจุ ใ นถัง ไม้ บุกระดาษภายใน ขนาดถังสูงประมาณ ๑ เมตร กว้างประมาณ ๖๐ เซนติเมตร น�้ำหนักประมาณถังละ ๑๐๐ กิโลกรัม ส่วนผสมซีเมนต์ ๑:๒:๓ หรือ ๑:๒:๔ ไม่ ม ีก ารเสริม เหล็ก ในโครงสร้า งส่ ว นใดเลย ยกเว้น บริเ วณหงส์แ ละ ยอดปราสาท เท่านัน้ • ไม้: เสาไม้ขนาด ๘” x ๘” คานหัวเสาตัวใน ขือ่ จันทันและตะเฆ่สนั เป็ นไม้ เนื้อแข็ง ได้แก่ ไม้ตะเคียน ไม้มะค่า ไม้เต็ง และไม้แดง ส่วนไม้ระแนง รับกระเบือ้ งเป็ นไม้ยางและไม้กุง ขนาด ๑” x ๑” ไม้ฝ้าเพดานเป็ นไม้เต็ง และไม้ยาง ขนาด ๓/๘” x ๕” • เสริ มเหล็ก: ใช้เศษเหล็กซึง่ ได้จากเหล็กรัดถังปูนญีป่ ่ นุ ทีใ่ ช้ในการก่อสร้าง มาเสริมในส่วนประดับทีเ่ ป็ นปูนปั น้ โดยกรมศิล ปากร ได้ข้ึน ทะเบีย นและก� ำ หนดเขตที่ดิน โบราณสถาน ในราชกิจจานุ เบกษา เล่ม ๑๑๘ ตอนพิเศษ ๒๙ ง วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๔ พืน้ ทีป่ ระมาณ ๒ ไร่ ๑๑.๗๓ ตารางวา
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
5
ประวัติบา้ นหนองกุง บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ตัง้ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๓๗๖ รวมจนถึง ปั จ จุ บ นั เป็ น เวลากว่า ๑๖๗ ปี โดยการน� ำ ของพ่อ ใหญ่ ค�ำ มณี ช า พ่อใหญ่ชา สองหลาบ พร้อมด้วยลูกหลานประมาณ ๕ ครอบครัว และประชากร เพิม่ มาเรือ่ ย ๆ จนแยกออกเป็ น ๒ หมู่ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ คือ หมู่ ๒ มีประชากร ๖๖๘ หลัง คาเรือ น ผู้ใ หญ่ บ้า นชื่อ นายกฤษณะ บุ บ พิ และหมู่ท่ี ๑๗ จ�ำ นวน ๔๓๑ หลังคาเรือน ผูใ้ หญ่ช่อื นายสุวรรณ ศรีโนนม่วง มีโรงเรียน ๑ แห่ง และ วัด ๒ วัด คือ วัดสว่างสุทธาราม และวัดป่ าหนองกุง วัดสว่างสุทธารามสร้างขึน้ เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๗๐ สังกัดคณะสงฆ์ มหานิกาย ได้รบั พระราชทานวิสงุ คามสีมา เมือ่ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ในระยะแรก ทีด่ นิ ทีต่ งั ้ วัดมีเนื้อที่ ๒๓ ไร่ ๒ งาน ๓๐ ตารางวา ปั จจุบนั ได้รบั บริจาคเพิม่ เติม จากชาวบ้านเป็ นเนื้อที่ ๔๘ ไร่ ๓ งาน อาณาเขตทิศเหนือจดถนนสาธารณะ ทิศใต้จรดที่นานายบิน นางดวง เมืองสนธ์ ทิศตะวันออกจรดถนนสาธารณะ ทิศตะวันตกจรดถนนสาธารณะ (โรงเรียนบ้านหนองกุง) อาคารเสนาสนะประกอบไปด้วยศาลาการเปรียญกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๘ เมตร เมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๗๔ อุโบสถกว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สร้างเมือ่ ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ (ปั จจุบนั สร้างหลังใหม่ขน้ึ แทน) กุฏสิ งฆ์จำ� นวน ๓ หลัง เป็ นอาคารไม้ (รือ้ ถอน) ศาลาบ�ำเพ็ญกุศล ๑ หลัง เป็ นคอนกรีต (รือ้ ถอน) • ปูชนียวัตถุ พระประธาน ๑ องค์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ พระพุทธรูป ปางทรมาน ๑ องค์ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ๕ องค์ • มณฑป (รอบพระพุทธบาทจ�ำลอง) ๑ หลัง สร้างเสร็จเมือ่ พ.ศ. ๒๔๘๔ • เขตวิสงุ คามสีมากว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๒ เมตร • การบริหารการปกครองมีเจ้าอาวาสเป็ นผูด้ แู ล • การศึกษา มีการเรียนพระปริยตั ธิ รรมแผนกสามัญ เปิ ดสอนเมือ่ พ.ศ. ๒๔๘๖
6
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
เหตุ ท่ีไ ด้ส ร้า งรอยพระพุ ท ธบาทจ�ำ ลอง เนื่ อ งจากเจ้า อาวาสองค์แ รก พระครูวนิ ยั ยานุกลู (บัว) ย้ายมาจากวัดโมลี จังหวัดนนทบุร ี ได้น�ำรอยพระพุทธบาท จ�ำลองมาด้วย จึงสร้างมณฑปขึน้ เพื่อรองรับรอยพระพุทธบาทจ�ำลอง แรกสุด ได้วา่ จ้างชาวเวียดนาม ๒ คน เป็ นผูก้ ่อสร้าง คนแรกชือ่ องเผิง่ ส่วนอีกคนหนึ่ง ชื่อ องเฮียง ก่อฐานโดยใช้อฐิ มอญ ยังไม่ทนั แล้วเสร็จก็ถูกทางการไทยจับตัว ส่งกลับประเทศ ในขณะนัน้ นายสุพล ใยแก้ว เป็ นผูใ้ หญ่บา้ นและมีฝีมอื ทางช่างไม้ จึงได้รบั การทาบทามจากพระครูวนิ ัยยานุ กูลให้สร้างต่อ โดยมีพระอาจารย์ขนื เป็ นช่างผูช้ ว่ ย จนแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๘๔ รวมระยะเวลาการก่อสร้าง ๔ ปี เต็ม ใช้งานอยู่ ๑๔ ปี จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๘ ก็ขาดการท�ำนุบำ� รุงปล่อยให้ชำ� รุดทรุดโทรม เรือ่ ยมา พร้อมกันนัน้ ทางวัดได้กำ� หนดการท�ำบุญประจ�ำวัด คือ วันเพ็ญ ๑๕ ค�่ำ เดือน ๓ ของทุกปี ซึง่ จะเลือ่ นขึน้ หรือเลือ่ นลงไม่ได้จนปั จจุบนั นี้ ด้วยความที่เป็ นวัดเก่าแก่และสาเหตุท่มี ชี ่อื วัดว่า วัดสว่างสุทธารามนัน้ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ บริเวณวัดสว่างสุทธารามตอนกลางคืน จะมีแสงสว่างไสวไปทัว่ บริเวณรวมถึงต้นไม้ใบหญ้า เป็ นทีอ่ ศั จรรย์ใจของคนทัวไป ่ เด็กเล็กทีล่ งเล่นหรือ กระทังคนหนุ ่ ่ มสาวก็จะพากันมาดูวดั ออกแสง และเก็บใบไม้ใบหญ้าไปวางไว้ บนหัวนอน เพื่อสักการะบูชาและเพื่อความเป็ นสิรมิ งคล (ข้อมูลจากผูใ้ หญ่บา้ น หนองกุง หมู่ ๒ นายกฤษณะ บุบพิ, สิงหาคม ๒๕๔๒ เอกสารประกอบการ บูรณะมณฑป) หอพระพุทธบาท วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น, คณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๒๕๔๒) ส�ำหรับรอยพระพุทธบาทจ�ำลองนัน้ ได้รบั การบูรณปฏิสงั ขรณ์ใหม่ เมือ่ วันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยคณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับชาวบ้านหนองกุงจนแล้วเสร็จ ใช้งบประมาณทัง้ สิน้ กว่า ๓ แสนบาทเศษ ในโครงการค่ า ยอาสาอนุ ร กั ษ์ ส ถาปั ต ยกรรมของคณะสถาปั ต ยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
7
ค่ายอาสาอนุรกั ษ์สถาปั ตยกรรม คณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น โครงการบูรณะมณฑป วัดสว่างสุทธาราม เนือ่ งด้วยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ดำ� เนินโครงการค่ายอาสาอนุรกั ษ์สถาปั ตยกรรมขึน้ เป็ น ประจ�ำทุกปี เพือ่ ให้นกั ศึกษาของคณะฯ ได้มโี อกาสรับใช้สงั คม ด้วยการเสียสละ เวลาและแรงงาน มาร่วมกิจกรรมเพื่อบูรณะซ่อมแซมอาคารทีม่ คี ุณค่าทางด้าน สถาปั ต ยกรรมพื้น ถิ่น ซึ่ง จะเป็ น การฝึ กฝนความช�ำนาญในวิชาชีพ และให้ม ี ประสบการณ์ปฏิบตั งิ านในภาคสนามได้ นอกจากนี้ยงั เป็ นการปลูกฝั งให้มคี วามรู้ และหวงแหนในอาคารทีเ่ ป็ นสมบัตขิ องชาติ และฝึกฝนให้รจู้ กั การบ�ำเพ็ญประโยชน์ ส่วนรวม การท�ำงานร่วมกับผูอ้ น่ื ทัง้ ทีเ่ ป็ นนักศึกษาด้วยกัน และประชาชนในชุมชน ทีไ่ ปออกค่ายปฏิบตั งิ าน งบประมาณในการด�ำเนินงานกิจกรรมค่ายอาสาอนุรกั ษ์น้ี ได้จากการสนับสนุ นของทบวงมหาวิทยาลัย จากงบประมาณสนับสนุ นของคณะ และจากเงินรับบริจาคของผูม้ จี ติ ศรัทธา ทางคณะสถาปั ตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เล็งเห็นว่ามณฑป ซึง่ ประดิษฐานพระพุทธบาทของวัดสว่างสุทธาราม (วัดหนองกุง) เป็ นอาคารทาง ศาสนาทีม่ คี ุณค่าทางสถาปั ตยกรรมในท้องถิน่ สมควรแก่การอนุ รกั ษ์ไว้ให้เป็ น สมบัตขิ องลูกหลานบ้านหนองกุงและชาวจังหวัดขอนแก่น สืบไปในภายภาคหน้า จึงได้ดำ� เนินการให้นกั ศึกษาออกค่ายอนุรกั ษ์ เพือ่ บูรณะมณฑปวัดสว่างสุทธาราม แห่งบ้านหนองกุง เมือ่ วันที่ ๑๑ ถึง ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ จากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ าย ท�ำให้การบูรณะมณฑป วัดสว่างสุทธาราม ครัง้ นี้ ส�ำเร็จลุลว่ งไปได้ดว้ ยดี เป็ นทีน่ ่าอนุโมทนาในกุศลครัง้ เป็ นอย่างยิง่ อย่างไร ก็ดกี ารดูแลรักษา ให้อาคารนี้ดำ� รงอยูใ่ นสภาพทีใ่ ช้งานได้ดเี ป็ นทีเ่ คารพบูชาของ ประชาชนทัวไป ่ ยังคงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุก ๆ ฝ่ ายเช่นนี้อกี ต่อไป ตราบเท่าทีเ่ รายังเป็ นพุทธศาสนิกชนอยู่
8
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ประวัติความเป็ นมาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น “การตัง้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นขึน้ อีกแห่งหนึ่งนี้ เป็ นคุณอย่างยิง่ เพราะท�ำให้ การศึกษาชัน้ สูงขยายออกไปถึงภูมภิ าคทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ ส่วนหนึ่งของประเทศ ซึง่ ต่อไป จะเป็ นผลดีแก่การพัฒนา ยกฐานะความเป็ นอยูข่ องประชาชนในภูมภิ าคนี้เป็ นอย่างยิง่ ความส�ำเร็จในการตัง้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงเป็ นความส�ำเร็จทีท่ กุ คนควรจะยินดี” พระราชด�ำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมพิ ลอดุลยเดช เมือ่ ครัง้ เสด็จ พระราชด�ำเนินมาทรงเปิ ดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชด�ำเนินประกอบพิธเี ปิดมหาวิทยาลัย เมือ่ วันที ่ ๒๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
9
มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็ นอุดมศึกษาสถานแห่งแรกของภาคตะวันออก เฉียงเหนือ แม้ก�ำเนิดของมหาวิทยาลัยจะมีแนวความคิดย้อนหลังไปได้ถงึ ก่อน สงครามโลกครัง้ ทีส่ อง แต่การเตรียมการก่อสร้างอย่างจริงจังกระท�ำกันในรัฐบาล ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ ์ ธนะรัชต์ ในขณะทีเ่ ริม่ พัฒนาภูมภิ าคส่วนนี้ของประเทศ เมือ่ พุทธศักราช ๒๕๐๕ การลงมือก่อสร้างเริม่ ขึน้ ในปี ๒๕๐๗ โดยมีมติจดั ตัง้ สถาบัน การศึกษาชันสู ้ ง ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเกษตรศาสตร์ขน้ึ ทีบ่ า้ นสีฐาน จังหวัดขอนแก่น และเสนอชือ่ สถาบันนี้วา่ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีชอ่ื เป็ นภาษาอังกฤษ ว่า Khon Kaen Institute of Technology และมีชอ่ื ย่อ K.I.T. โดยมีสภาการศึกษา แห่งชาติเป็ นผูร้ บั ผิดชอบ ต่อมาในปี พทุ ธศักราช ๒๕๐๘ คณะรัฐมนตรีมมี ติให้เปลีย่ น ชือ่ เป็ นมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตราพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประกาศในราชกิจจานุ เบกษา เมื่อ วัน ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๐๙ ซึ่ง ถือ เป็ นวัน สถาปนาของมหาวิท ยาลัย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จ พระราชด� ำ เนิ น ประกอบพิธีเ ปิ ด มหาวิท ยาลัย เมื่อ วัน ที่ ๒๐ ธัน วาคม พุทธศักราช ๒๕๑๐ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็ นศูนย์รวมทางความคิด สติปัญญาของสังคม และ เป็ นศูนย์กลางทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาสูภ่ มู ภิ าค ตัง้ อยูบ่ นพืน้ ทีซ่ ง่ึ มีลกั ษณะ เป็ นเนินดินลูกคลืน่ สีแดง มีชอ่ื เรียกว่า “มอดินแดง” บนพืน้ ทีป่ ระมาณ ๕,๕๐๐ ไร่ มีค ณะวิช าที่ผ ลิต บัณ ฑิต จ�ำ นวน ๒๕ คณะวิช า นอกจากนี้ ย งั มีโ รงพยาบาล ศรีนครินทร์ และหน่ วยงานเทียบเท่าคณะ ประกอบด้วยศูนย์ สถาบัน ส�ำนัก ให้บริการวิชาการและบริการชุมชน มีทท่ี �ำการไปรษณีย์ ศูนย์บริการ สหกรณ์ ร้านค้า หอพัก บ้านพัก แฟลต เรือนรับรอง ธนาคาร โรงเรียน และสาธารณูปโภค อืน่ ๆ เพือ่ ให้บริการแก่บุคลากร นักศึกษา และประชนชนทัวไปอย่ ่ างครบครัน
10
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ปณิ ธานและปรัชญา มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็ นศูนย์รวมทางความคิด สติปัญญาของสังคม และ เป็ นศูนย์รวมการศึกษาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยึดมันในความเป็ ่ นเลิศทางวิชาการ มีความสัมพันธ์กบั นานาประเทศทัวโลก ่ เพือ่ แลกเปลีย่ นความรูแ้ ละเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่นมีทต่ี งั ้ ทางภูมศิ าสตร์ ใกล้ชดิ กับกลุ่มประเทศอินโดจีน เป็ นสถาบันการศึกษาที่เป็ นแหล่งเชื่อมโยง ความรูท้ างอินโดจีนอย่างแท้จริง มหาวิทยาลัย ขอนแก่น เป็ นกลไกในการพัฒนาให้มคี วามเป็ นเลิศ ทาง วิชาการทุกสาขา รวมทัง้ การวางรากฐานให้เป็ นศูนย์ขอ้ มูลสารสนเทศของภูมภิ าค โดยอาศัยความร่วมมือการบริหารจัดการทีม่ ปี ระสิทธิภาพ บัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น พึงเป็ นผูท้ ก่ี อปรด้วยวิทยา จริยา และ ปั ญญา อันทีจ่ ะสามารถประยุกต์ให้เกิดประโยชน์สงู สุดแก่ภมู ภิ าคแก่ประเทศชาติ และขยายสูค่ วามเป็ นสากลต่อไป ตราประจ�ำมหาวิ ทยาลัย เป็ นรูปเทพยดากระหนาบองค์พระธาตุพนม อัญเชิญมิง่ มงคลประทานแก่สถาบัน สถิตเหนือ ขอนไม้ ซึง่ สลักเป็ นชือ่ มหาวิทยาลัย พืน้ หลังแบ่ง เป็ น ๓ ช่ อ ง มีค วามหมายถึง คุ ณ ธรรมของ นักศึกษา ๓ ประการ ได้แก่ วิทยา คือ ความรูด้ ี จริยา คือ ความประพฤติดี ปั ญญา คือ ความฉลาด เกิดแต่การเรียนดี และคิดดี สีประจ�ำมหาวิทยาลัยขอนแก่น คือ สีดนิ แดง อันมีความหมายโยงไปถึงลักษณะ และภูมนิ ามของ พื้นที่ซ่ึงเป็ นเนินดินลูกคลื่นสีแดงหรือที่เรียกว่า “มอดินแดง” อันซึง่ เป็ นทีต่ งั ้ ของมหาวิทยาลัย
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
11
ประวัติโดยสังเขป พระครูกมลกิตติสาร
เจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ชื่อ พระครูสมุหก์ อง ฉายา กมโล ชื่อเดิ ม กอง นามสกุล กสิชา อายุ ๕๐ ปี พรรษา ๓๐ เกิ ดวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๐๑ ต�ำบลหนองหว้า อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น วิ ทยฐานะนักธรรมชัน้ เอก บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น • พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้ไปจ�ำพรรษาอยู่ทว่ี ดั ศรีบุญเรือง ต�ำบลหนองเรือ อ�ำเภอ โนนสัง จังหวัดหนองบัวล�ำภู • พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้ยา้ ยไปอยู่วดั หนองหารจาง ต�ำบลน�้ ำพอง อ�ำเภอน�้ ำพอง จังหวัดขอนแก่น • พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้ยา้ ยไปอยู่วดั ไตรมิตร บ้านหนองบอน อ�ำเภอโกสุมพิสยั จังหวัดมหาสารคาม • พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ยา้ ยไปอยูท่ ว่ี ดั ศรีอาราม บ้านกอก ต�ำบลบ้านเป็ ด อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น • พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้มกี ารย้ายมาอยูว่ ดั สว่างสุทธาราม ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๔๔ จนถึงปั จจุบนั
12
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
อุปสมบท ชื่อพระ กอง ฉายา กมโล พระอุปัชฌาย์ พระครูนิมติ นิการ พระกรรมวาจา เจ้าอธิการวิเชียร สุภทั โท พระอนุสาวนาจารย์ พระนรงค์ สุมงั คโล อุปสมบทเมือ่ อายุ ๒๐ ปี ในวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๒๒ ณ วัดสระพังทอง ต�ำบลโนนขมิน้ อ�ำเภอหนองบัวล�ำภู จังหวัดหนองบัวล�ำภู การปกครอง • พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้เป็ นเจ้าอาวาสวัดสว่างสุทธาราม • พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้เป็ นผูอ้ ำ� นวยการพุทธศาสนาวันอาทิตย์ • พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้เป็ นพระครูสมุหก์ อง กมโล • พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้เป็ นพระครูกมลกิตติสาร งานการศึกษา • พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้มกี ารจัดตัง้ ศูนย์พทุ ธศาสนาวันอาทิตย์ และได้เป็ นผูอ้ ำ� นวย การศูนย์พทุ ธศาสนาวันอาทิตย์ งานเผยแผ่ • พ.ศ. ๒๕๔๔-๒๕๕๒ ได้อบรมสังสอนเผยแผ่ ่ หลักธรรมมาโดยตลอด งานสาธารณูปการ • พ.ศ. ๒๕๔๔ สร้างกุฏสิ งฆ์ ๕ ห้อง ๑ หลัง จ�ำนวนเงิน ๒๐๕,๐๐๐ บาท • พ.ศ. ๒๕๔๕ สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง จ�ำนวนเงิน ๘,๔๕๓,๐๐๐ บาท • พ.ศ. ๒๕๔๙ สร้างกุฏสิ งฆ์หลังใหม่ ๑ หลัง จ�ำนวนเงิน ๓,๓๕๐,๐๐๐ บาท • พ.ศ. ๒๕๕๑ สร้างศาลาอเนกประสงค์ ๑ หลัง จ�ำนวนเงิน ๒,๓๐๐,๐๐๐ บาท
นิทานธรรม
คำ�สอนอีสาน
๑. การะเกด
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
15
เนื้ อเฮื่อง ท้าวสุรวิ งศ์เ กสนุ ร าชครองเมืองพาราณสี มีราชโอรสชื่อท้าวกาละเกด ท้าวสุรยิ วงศ์หา้ มโอรสไปเล่นทีโ่ รงม้ามณีกาบ ซึง่ เป็ นม้าวิเศษเหาะได้ แต่กาละเกด ไม่เชื่อ กาละเกดจึงต้องพลัดพรากจากเมืองเพราะม้ามณีกาบพาเหาะทะยานไป เที่ยวยังที่ต่างๆ จนมาถึงเมืองท้าวผีมนต์ ได้พบนางมาลีจนั ทร์ ธิดาเจ้าเมือง ในอุทยาน บังเกิดความรักจึงแอบลักลอบได้เสียกับนาง ท้าวผีมนต์ได้ขา่ วจึงผูกยนต์ไว้ทป่ี ระตูปราสาทของนาง เมือ่ กาละเกดมาหา นางก็ถกู ยนต์ตกลงมาตายพร้อมกับม้า ก่อนตายกาละเกดสังนางให้ ่ น�ำศพของตน และม้าลอยแพไป พระอินทร์เข้าฝั นพญาครุฑให้นึกอยากประพาสป่ า พญาครุฑจึงมาพบแพ เข้าได้คาบแพไปให้พระฤๅษีชบุ ชีวติ กาละเกดศึกษาวิชากับพระฤๅษีได้ระยะหนึ่ง ก็ลาไปหานาง ได้รบกับเท้าผีมนต์ ๆ แพ้ ยกเมืองให้ครอง กาละเกดพานางกลับ เมืองพาราณสีก่อน ระหว่างการเดินทาง กาละเกดได้ปราบยักษ์พาลทัง้ หลาย เช่น สาระกันยักษ์ คันธะยักษ์ นางยักษ์ขนิ ีสาระกายได้สงสอนยั ั่ กษ์เหล่านัน้ ให้ตงั ้ มันอยู ่ ่ในศีลธรรม จนกระทังมาถึ ่ งป่ าแห่งหนึ่งนางกินรี ๓ พีน่ ้องมาพบเข้า หลงรักกาละเกดจึงลักเอา กาละเกดไปเป็ นสามีอยูถ่ งึ ๒ ปี กล่าวถึงนางมาลีจนั ทร์และม้ามณีกาบตืน่ ขึน้ ไม่พบกาละเกด จึงออกตามหา ม้ามณีกาบให้นางรออยูแ่ ต่เผอิญม้ามณีกาบหลงทางต้องไปอาศัยอยูก่ บั พระฤๅษี อิศรู ย์เห็นนางอยูผ่ เู้ ดียวจึงรับนางไว้ในเมืองคอยท่ากาละเกด ม้ามณีกาบออกตามหากาละเกดไปเรือ่ ย ๆ จนพบ จึงพากันเดินทางติดตามหา นางมาจนถึงเมืองอิศรู ย์ ทังสามได้ ้ พบกันอีกครัง้ จึงพากันเดินทางกลับเมืองพาราณสี ระหว่างทางพบยักษ์โขโนต่อสูก้ นั กาละเกดฆ่ายักษ์ตายและชุบชีวติ ขึน้ มาใหม่ สอนให้เลิกประพฤติพาล ระหว่างการเดินทางทัง้ หมดพลัดหลงเข้ามาในอุ ทยานของยักษ์กุมพล ยักษ์เห็นนางมาลีจนั ทร์สวย จึงเป่ ามนต์สะกด แล้วอุม้ นางขึน้ ปราสาท เกิดศึกใหญ่ ระหว่างพลยักษ์กบั ท้าวกาละเกดในทีส่ ดุ ยักษ์แพ้ ท้าวกาละเกดได้สอนให้อยูใ่ นฮีต ในคองแล้วเดินทางกลับเมือง
16
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๒. ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ “โมโหหิว” นี้โทษร้ายแรงมาก เมื่อบุคคลตกอยู่ในภาวะ “โมโหหิว” สามารถทำ�สิ่งชั่วร้ายใด ๆ ได้ง่ายมาก
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
17
เนื้ อเฮื่อง อตีตากาลดนมาแล้ว มีครัวหนึ่งเฮ็ดเปิ งเฮือนอยู่แคมถ่ง คนครัวเดียวกัน ยังอยู่ ๒ คน คือ แม่กบั ลูกซายค�ำแพง สองแม่ลูกมีเฮ็ดนา ฐานะพออยู่พอเซา น�ำแนวไทบ้านเขตคามบ้านนอก ฮอดยามเฮ็ดนา ลูกซายกะออกจากบ้านไปไถนา แต่เซ้าซุม่อื ทางแม่สติ ่นื ก่อน มาเฮ็ดกับข้าวไปสูล่ ูกซายอยู่ถ่งนา แล้วแม่กะเฮ็ด จังซี ่ ซ่ ุมอ่ื คือกัน สองแม่ลกู อยูน่ �ำกันอย่างปกติสขุ จนมาฮอดมื่อหนึ่ง ลูกซายกะออกไปไถนาคือซุม่อื ทางแม่กะตื่นแต่เซ้า คือเก่า แล้วเข้าบ่อนคัวกินเฮ็ดกับข้าวอย่างตัง้ ใจ แต่มอ่ื นี้เฮ็ดกับข้าวไว้เป็ นสองพา พาหนึ่งสิเฮ็ดไปจังหันพระ อีกพาหนึ่งสิเอาไปสูล่ กู ซายกินอยูถ่ ง่ นา คันฮอดยามแล้ว แม่กะเอาข้าวไปจังหันพระก่อน แต่มอ่ื นัน้ เป็ นวันศีลวันโกน กะสิมพี ธี กี รรมหลาย ซัวสิ ่ แล้วกะดนเติบ คันจังหันพระเสร็จแล้ว แม่กะฟ่ าวย่างเมือเฮือนไปเอากับข้าว ไปให้ลูกซายอยู่ถ่งนาทันที ทางลูกซายถ่าอยู่ในถ่งนา กะเง้อกะงวกหาแม่ดุ๊ ๆ บ่เห็นแม่มาจักเทือ่ ใจอยูบ่ ส่ ขุ ย้อนว่าหิวข้าวแฮง จนแม่มาฮอด เพิน่ เว้ากับลูกชายว่า มือ่ นี้แม่มาสวย ค่อมว่าแม่ไปเฮ็ดบุญ อยูว่ ดั คันเห็นก่องข้าวในมือแม่ ย้อนว่าหิวหลายจนตาฟาง กะเห็นว่าก่องข้าวมัน น้อยโพด เบิง่ ทรงข้าวปลาสิบ่พอกิน ลูกซายสูนแฮงจับเอาแอกตีแม่จนแม่บ่ตงี คันเซาสูนแล้วกะนัง่ ลงกินข้าว จนว่าอิม่ แอ้แล่ แต่ผากฏว่าข้าวอยู่ก่องข้าวกะทัน ได้เหมิด หัวกะคึดได้ว่าบ่น่าตีแม่เลย จังฟ่ ่ าวไปเกีย่ ตะกองแม่ขน้ึ มา แต่อนิจจา แม่บงั เกิดเกล้าบ่หนั ใจแล้ว ลูกซายฮูส้ กึ เสียใจแฮงย้อนเจ้าของเฮ็ดแม่ตาย อันผูเ้ ฮ็ด บาปซัวช้ ่ าฆ่าแม่ (มาตุฆาต) นี้นบั เป็ นบาปทีส่ ดุ ฮอดว่าห้ามขึน้ สวรรค์ ห้ามฮอด นิ พ พาน เพิ่น ส�ำ นึ ก ในควมผิด และบาปกรรม กะเลยไปมอบโตกับ เจ้า เมือ ง ยอมฮับสารภาพผิดแล้วขอบวช เจ้าเมืองกะอนุญาตให้บวชได้ ภายลุนบวชเป็ นภิกษุแล้ว กะปฏิบตั โิ ตน�ำพระธรรมวินยั อย่างดี บ่มศี ลี ขาด หมันเจริ ่ ญเมตตาภาวนา อุทศิ บุญกุศลให้แม่ ย้อนว่าเป็ นพระดี หมันในพระวิ ่ นยั ซาวบ้านกะให้ควมเลือ่ มใสศรัทธา ควมฮอดหูเจ้าเมือง กะได้ถวายตาดค�ำหลือฟอย ค�ำให้ แล้วกะเอิ้นบ้านนัน้ ว่าบ้านตาดทอง แล้วพระฮูปนี้กะสร้างพระธาตุเจดีย์ ขึน้ มา เป็ นอนุสรณ์แก่โยมมารดา มีซาวบ้านมาซ่อยกันสร้าง จนได้พระธาตุเจดีย์ สูงส�่ำล�ำตาลต้นหนึ่ง แล้วเอิน้ ว่า พระธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ หรือ พระธาตุก่อง ข้าวน้อย อยูบ่ า้ นตาดทอง จังหวัดยโสธร
18
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๓. ก�่ำกาดำ� เจ้าผูอ้ อ่ ยม่อยหน้าท้าวก�ำ่ กาดำ�
บาก็จาคำ�แข็งต่อยายดีคอ้ ย
ท้าวก็ปากจ้อย ๆ อ้อนอิน่ กินนะรี
ข้อยบ่กลัวเกรงสังท่อใยยองน้อย
ชาติทดี่ วงคนนีย้ งั ขวงไว้กอ่ นยายเอย
เพิน่ สิไหลล่องน�ำ้ ต่างให้ซมุ่ เย็นหัน่ ถอน
เจ้าอดสาเลีย้ งข้อยไว้บญ ุ หลายหลอนใหญ่ คุณเจ้ามีหมืน่ ตือ้ เมือ่ หน้าข้อยบ่ลมื ย่าเอย ข้อยจักโผดให้เจ้าเป็นสาวสองเทือ่
ข้อยสิให้ผบู้ า่ วส�ำ่ น้อยเทียวขึน้ ย่องลง หัน่ แล้ว
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
19
เนื้ อเฮื่อง กล่าวเถิงผัวเมียคูห่ นึ่งอยูน่ �ำกันมาดนเติบได้ ๗ ปี ทัง้ สองบ่มลี กู เลย กะเลย พากันอธิษฐานขอลูกจากพระอินทร์ โดยเฮ็ดพิธบี ซู าและอธิษฐานขอลูกจากพระอินทร์ พระอินทร์กะประทานลูกให้เป็ นซาย ก่อนท้อง แม่ฝันว่ามีลกู แก้วสีดำ� ตกเข้าปาก ลูกแก้วลอยหนีไปเฮืองแสงแจ้งไปทัว่ คันตัง้ ท้องกะเกิดลูกเป็ นซายโตด�ำคืออีกา เด็กน้อยเฮ็ดให้ไทบ้านส่าหลาย นางพยายามสิเมีย้ นเด็กน้อยให้สน้ิ แต่ผวั กะห้ามไว้ นางอดสาเลีย้ งจนเด็กน้อยอายุได้ ๓ ขวบปี ลูกกะยังบ่ยอมเว้าน�ำ นางเคียด หลาย เลยอ้างค�ำทวยหมอในบ้าน นางจังเอาลู ่ กน้อยไปลอยแพ แพกะพาเด็กน้อย ล่องไป ๗ มือ้ ๗ คืน จนว่าไปตกอยูก่ ลางหาดทรายหลายเดือน พระอินทร์เห็นว่า ทุกข์คกั ทุกข์แหน่ กะเลยให้กาด�ำมาซ่อยและตัง้ ซื่อให้ว่า ก�่ำกาด�ำ เอาไปไว้อยู่ เมืองเป็ งจาล ก�่ำกาด�ำไปอาศัยอยูส่ วนธิดาเจ้าเมือง และเก็บผลไม้กนิ จนมือ่ หนึ่ง เฒ่ายายเฝ้ าสวนมาพ้อเลยเฮ็ดบ่วงไว้ ก�่ำกาด�ำตั ๋วว่าติดบ่วง ยายกะเลยเอาก�่ำกา ด�ำไปเลี้ยงไว้ คันก�่ำกาด�ำได้อยู่กบั ยายจ�ำสวน ยายบ่ยอมให้ก่�ำกาด�ำออกไปไส ค่อมว่าคันคนมาพ้อเพิน่ สิหาว่าเป็ นกาลีบา้ นกาลีเมือง ท้าวก�่ำกาด�ำมีความสามารถพิเศษในการฮ้อยดอกไม้และเป่ าแคน กะเลย ได้รอ้ ยดอกไม้เป็ นฮูปผูซ้ ายเกี้ยวแม่ญงิ ฝากยายจ�ำสวนให้เอาเข้าไปให้นางลุน ลูกสาวหล่าเจ้าเมือง นางลุนพอใจคัก ฮังว่าก�่ำกาด�ำสิแสดงความสามารถให้ยาย ประจักษ์แล้ว แต่ยายกะบ่ยอมให้ก่ำ� กาด�ำได้พอ้ ผูค้ น แฮ่งเป็ นกลางเว็น คนกะแฮ่ง ย่านยามเห็นก�่ำกาด�ำ ก�่ำกากะได้แต่ลห้ี นี นางลุนกะอยากเห็นโตคนฮ้อยมาลัย มื่อหนึ่ง กินรีเฮ็ดอุบายให้ยายพานางมาชมสวน คันก�่ำกาด�ำได้พ้อนาง ก็เกิดควมฮักขึน้ ก�่ำกาด�ำเป็ นคนเป่ าแคนหม่วน กะเลยเป่ าแคนสูค่ นฟั ง เสียงส่า ไปทัวว่ ่ ากินรีเป่ าแคนหม่วนไปทัวเมื ่ อง มือ่ นึงก�่ำกาด�ำได้ถอดฮูปงามสง่าไปหานางลุน นางลุนพอใจและฮักก�่ำกาด�ำ หลาย ก�่ำกาด�ำว่าเจ้าของมาแต่เมืองอินทปั ฐ ทัง้ สองคนฮักกัน และก�่ำกาด�ำก็ได้ นางลุนเป็ นเมีย เจ้าเมืองฝั นว่าซ้างมาไล่คน กินอ้อยกินกล้วยของเมือง จึงให้หาหมอมอ (โหร) มาทวยซะตา
20
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ก�่ำกาด�ำได้เข้าเฝ้ ากษัตริย์ ย้อนว่ามีคนส่ามาฮอดพระกรรณว่าเป่ าแคนหม่วน ยามคืนก�่ำกาด�ำไปหานางลุนและได้ขอแหวนกับผ้าสไบมาไว้ คันเมือมาฮอดบ้าน กะขอให้ยายไปขอแม่ญงิ ให้ เจ้าเมืองฮ้องสิเอาสินสอดเงินแสนซัง่ ทองแสนซัง่ ช้างพันโต มีคนขีพ่ ร้อม ข้าฮับใซ้พนั คน ขัวเงิน ขัวค�ำ ควมมาแต่บา้ นยายฮอด พระราชวัง ย้อนว่าก�่ำกาด�ำเป็ นคนดี บ่คดิ ฮ้ายกับไผ พัดว่าพระอินทร์ฮู้เรื่อง กะทรงลงมาซ่อย มีพญานาคมาซ่อยเฮ็ดขัวให้ หาสินสอดซุอย่างมาให้ ในทีส่ ุด ก�่ำกาด�ำกับนางลุนกะได้ดองกัน อยูก่ นิ อย่างมีความสุข
22
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๔. กำ�พร้าคำ�สอน หญิงอยู่ในโลกนี้เหลือล้นอเนกนอง ท้าวเอย คันจักเอาเป็นเหง้าเมียขวัญกับประทีป โสกถืกต้องนางนั้นก็จึงดีแท้ดาย ดีท่อคึดอยากได้เห็นฮูปโฉมงามดังนั่น
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
23
เนื้ อเฮื่อง ท้าวค�ำสอน เป็ นก�ำพร้าอาศัยอยูน่ �ำญาคู พอใหญ่ขน้ึ มาญาคูเลยบอกสอนให้ ฮูจ้ กั ความ ฮูเ้ บิง่ เอาเมีย กะเลยบอกเถิงลักษณะของแม่ญงิ แต่ละอย่าง เป็ นต้นว่า ๑. ญิงใดสิน�ำโซคลาภมาสูผ่ วั และครอบครัว สิเป็ นผูม้ วี าสนาให้ผวั ฮุง่ เฮือง มีความสุข ความเจริญ ฮ�่ำฮวยเงินค�ำ ญาคูวา่ ญิงใดเอเลท้องปุ้มหลวงอุม้ บาตร ญิงนัน้ ลอนท่อเป็ นฮูปฮ้ายบุญเจ้าหากมี แท้ตาย ซายใดได้เข้าอยูซ่ อ้ นสุขฮ่วมบฮม สมบัตใิ นเฮือนมีพร�่ำเพ็งเต็มเหย้า หัน้ แล้ว ญิงใดคอตกปล้องหางตาแดงพอหน่อย เมือ่ นางยกย่างย้ายพอด้ามเกิง่ เสมอกัน แม่นว่าท้าวเข้าไปอยูซ่ อ้ นเฮียงฮ่วมเป็ นเมีย เมือ่ ใด ยูทา่ งและทรงความสุขนังปองเป็ ่ นเจ้า ๒. ลักษณะแม่ญงิ ทีม่ คี วามซื่อสัตย์ต่อผัวตน บ่เป็ นซู้ ญาคูวา่ หญิงใดหลังตีนสูงขึน้ คือหลังดองเต่า หญิงนัน้ ใจซื่อแท้ประสงค์ตงั ้ ต่อผัว เจ้าเอย ก็บม่ กั เล่นชูช้ ายอืน่ มาชม ก็ทอ่ จงใจรักต่อผัวคีคอ้ ยคีคอ้ ย ญิงนัน้ แม่นซิทำ� การสร้างอันใดก็เฮืองฮุง่ แท้แล้ว แสนซิจมอยูพ่ น้ื มาแล้วก็หากฟู ญิงใดโยนีสว้ ยดวงปลีกล้วยตีบ ญิงนัน้ สุขลืน่ ล้นค�ำไฮ้บห่ อ่ นมี แท้แล้ว ก็หากซื่อสัตย์แท้ตงั ้ ต่อผัวตน จักเทียระคาคงอยูย่ นื เถิงเฒ่า หัน้ แล้ว
24
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๓. ลักษณะแม่ญงิ อันโทษ อัปมงคลต่อสามีตลอดจนซีวติ ครอบครัวบ่ฮงุ่ เฮือง เหลืองเหลือ่ ม ญาคูวา่ ญิงใดโข้โมหน้าคือชายสักหยาด ญิงนัน้ ในโลภเลีย้ วเคยม้างศาสนา มีใจถ่อยแท้บห่ ลิง่ เบิง่ ทางบุญ หญิงใดจินจิกหน้าผมแดงทางหน้าผาก ญิงนัน้ โสมรูปร้ายเคยม้างศาสนา จากหัน่ ท้าวค�ำสอนผูก้ ำ� พร้า ก็เลยลาญาคูไปหาญิงคนฮูผ้ ดู้ มี าเป็ นเมียครอง ซ้อน กะเลยได้บพพ้อนางปั งค�ำเป็ นคนจนอยูต่ บู มีลกั ษณะถูกโศลงเป็ นมิง่ เมียแก้ว ท้าวค�ำสอนเลยได้ออกปากต้านคุยเว้าต่อนาง เลยได้เป็ นเมียท้าวค�ำสอนนัน้ แท่แล้ว
26
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๕. กำ�พร้าผีน้อย บัดนี้ กล่าวเถิงโพธิสัตว์เจ้าลงมาใช้ชาติ เป็นกำ�พร้านอนแล้งพ่อตาย มารดาแก้วคุณโณล้นเกตุ
ก็หากมรมิง่ เมีย ้ นตายไปพร้อมพร�ำ่ กัน
แม้ว่าวงศาเชื้อตายายอาวปู่
ก็บ่มีผู้เลี้ยงบาท้าวอยู่ดอม
ทุกขะมอดไฮ้เชื้อโคตรวงศา
ทั้งตายายกะบ่มีไผเลี้ยง
บาก็อายุได้สิบหกปีขึ้นใหญ่มาแล้ว
มีท่อไปเที่ยวบ้านขอข้าวเพิ่นกิน
ขอบ่ได้คืนมาดายเปล่า
เจ้าติ่วช้อยเวาวงผู้เดียว
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
27
เนื้ อเฮื่อง กล่ า วเถิง แต่ เ ทื่อ พุ้น ยัง มีเ มือ งหนึ่ ง มีเ ด็ก น้ อ ยผู้ห นึ่ ง เป็ น ก� ำ พร้า พ่อ แม่ ได้เทียวขอทานซาวบ้านกินจนหว่าใหญ่เป็ นบ่าวพอแวง ๆ แล้วเลย ออกจากเมือง เฮ้ไฮ่ใส่นาอยูต่ ามบ้านนอกขอกคาเม พอแต่ขา้ วงามกะมีสตั ว์มากิน ไล่จ ั ่งได๋กะบ่ฮู้ จักเบิด เอาหยังมาดักกะขาดถิม่ เบิด เลยไปขอเอาสายไหมจากย่าจ�ำสวน (คนสวน ของพระราซา) มาแล้วกะเลยจับได้ซ้าง ซ้างกะเลยฮ้องขอซีวติ แล้วบอกว่าสิให้ ของวิเศษ คือ ถอดงาซ้างข้างหนึ่งให้ ท้าวก�ำพร้าเลยปล่อยซ้างไปแล้วเอางามาไว้ เฮือน ต่อมาท้าวก�ำพร้าเลยดักเสือได้ เสือโตนัน้ กะฮ้องขอซีวติ แล้วสิยอมเป็ น ลูกน้องของท้าวก�ำพร้าสืบต่อไป เสือเลยบอกว่า คันแม่นมีเรือ่ งหยังสิฟ้าวมาซ่อย ทันที ต่อมากะจับได้อเี ห็นอีก อีเห็นกะยอมเป็ นลูกน้อง ต่อมากะจับได้พญาฮุง้ (นกอินทรีย)์ พญาฮุง้ กะยอมเป็ นลูกน้องอีก โตสุดท้ายทีจ่ ำ� ได้แม่นผีน้อย มาหลอยกิน ปลาอยูใ่ นไซ ผีน้อยกะเลยยอมเป็ นลูกน้อง พอแต่ทา้ วก�ำพร้าเอางาซ้างมาไว้เฮือน ในงาซ้างนัน้ กะมีหญิงสาวงามคนหนึ่งซื่อว่า นางสีดา อาศัยอยู่ นางเลยออกมาเฮ็ด กับข้าวเฮ็ดอยูเ่ ฮ็ดกินถ่าท้าวก�ำพร้าผูอ้ อกไปเฮ็ดนา ต่อมาพอท้าวก�ำพร้ากะเลยตีงาซ้างนัน้ ถิม่ อยากอยูก่ นิ กับนางคือจั ่งผัวเมีย ข่าวความงามของนางสีดาฮูไ้ ปฮอดพระราซา พระราซาเห็นแล้วกะเกิดมักอยากยึด เอาแต่กะย้านคนเขาสิวา่ เลยท้าท้าวก�ำพร้าแข่งขันต่าง ๆ ถ้าแม่นว่าท้าวก�ำพร้า แพ้ส ิย ึด เอานางสีด ามา แต่ ค นั แม่ น ว่ า พระองค์แ พ้ส ิย อมยกเมือ งให้เ คิ่ง หนึ่ ง การแข่งขันกะมี ซนไก่ ซนงัว ส่วงเฮือ สุดท้ายท้าวก�ำพร้ากะซะนะเบิดซุอย่าง การซนงัวหน้าเสือกะแปลงกายมาซ่อย การซนไก่อเี ห็นกะแปลงเป็ นไก่มาซ่อยกัด ไก่พระราซาตาย การแข่งส่วงเฮือนัน้ พญาฮุง้ กะแปลงมาเป็ นเฮือ เฮ็ดเฮือพระราซา ล่มแล้วกินคนเทิงเบิด พอแต่พระราซาตายเล้วกะเลยได้ฮ่วมกันกับบ่างโตหนึ่ง ให้บ่างฮ้องเอิ้นวิญญาณของนางสีดามา ฮ้องทีแ่ ฮกนางกะบ่มาย่อนว่าบ่ซ�ำบาย เทื่อที่ ๒ เลยสลบไป เทื่อที่ ๓ นางเลยไปอยู่น� ำพวกปี ผที หารของพระราซา ทางฝ่ ายท้าวก�ำพร้ากะเลยปรึกษากัน ผีน้อยว่าอย่าทันเผานางเถอะ คีงยังอุน่ ๆ อยู่ คือว่า นางนัน้ บ่ทนั ตาย ผีน้อยเลยน�ำเบิง่ เฮือ่ งทีง่ เทิงเบิดเลยฮูว้ า่ ต้องหาวิธจี บั บ่าง โตนัน้ เลยวางแผนจับบ่างเข้าไปตีสนิทกับบ่าง จากหั ่นผีน้อยเลยหลบมาบอกให้ นายพรานขายข้อง สิเอาไปบางอย่าง นางกะเลยไปหาบ่างตัวนัน้ แล้วบอกว่า ถ้าท่านเข้าไปในห้องนัน้ ได้ ท่านสิเป็ นผูว้ เิ ศษ บ่างอยากแสดงให้เห็นเลยเข้าไปใน
28
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ข้องแล้วกะเอาตีนถีบออกมาอย่างง่ายดาย ผีน้อยเลยเว้ากับบ่างว่า เจ้าแม่เป็ น ผูว้ เิ ศษอีหลีน้อ บ่างกะเกิดหลงดีใจว่าจะของแม่นผูว้ เิ ศษ ผีน้อยเลยหลบมาหานาย ก�ำพร้าบอกว่าให้เอาลวดสานข้องแทนไม้ไผ่ แล้วกะฟ้ าวไปหาบ่าง เลยบอกบ่างว่า คันแม่นเจ้าไขข้องหน่ วยนี้ได้ ข้อยสิยอมเป็ นทาสเจ้าตลอดไป ทางฝ่ ายบ่างก�ำลัง หลงจะของกะเลยมุดเข้าข้อลวด แต่วา่ ถีบจังได๋ ่ ยังจังได๋ ่ กะบ่ออก ผีน้อยกะเลยหา ฝามาปิ ดแล้วเอาไปให้นายก�ำพร้า แล้วบังคับให้บ่างฮ้องเอาวิญญาณนางสีดา กลับคืนมา คันบ่เอิน้ สิฆา่ บ่างถิม่ เสีย บ่างกะเลยเอิน้ เอาวิญญาณนางสีดาหลบคืนมา ฮ้องเทือ่ แฮกมือนางสีดากะสันจั ่ กหน่อยตีงคีงจักหน่อย พอเอิน้ เทือ่ ที ๒ นางกะฟื้ น แต่กะยังคือคนไข้คนโซอยู่ บ่างกะเลยเอิน้ เป็ นเทื่อที ๓ นางสีดาเลยคืนเป็ นปกติ คือเก่า พอแต่นางสีดาคืนมาแล้ว บ่างกะเลยขอฮ้องให้นายก�ำพร้าปล่อยไปเสีย แต่นายก�ำพร้าย้านว่าคันปล่อยไปแล้วบ่างโตนี้สหิ ลบไปหาพระราซาแล้วกะสิเอิน้ วิญญาณนางสีดาไปอีก กะเลยตั ๋วบ่างว่า ข้อยขอเบิง่ แนวอันเจ้าใซ้เอิน้ วิญญาณ แหน่ บ่างผูย้ งั หลงใหลในค�ำซื่นซมยินดีกะเลยแลบลิน้ ออกให้เบิง่ นายก�ำพร้าเลย ใซ้มดี ฟั นลิน้ บ่างจนขาด บ่างกะเลยบ่สามารถเอิน้ เอาวิญญาณไผไปได้อกี ซาวเมือง เทิงหลายเลยเห็นว่านายก�ำพร้าผูน้ ้ีเป็ นผูซ้ นะการแข่งขัน เลยพากันพร้อมใจยก เมืองให้นายก�ำพร้าครอบครองตามสัญญาของพระราซา มีนางสีดาเป็ นมเหสี ทัง้ สองพระองค์กะซ่อยกันปกครองบ้านเมือให้อยูซ่ ุม่ กินเย็นจ�ำเฮิญฮุง่ เฮืองตลาดไป
30
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๖. แก้วหน้าม้า
ทศมาสถ้วนจวนมื้อแม่นยาม เลยประสูติลูกน้อยนามหน่อเป็นหญิง โฉมพระนางคือดั่งอาชะนัยม้า ดูใบหน้าคือแนวม้ามิ่ง แต่เป็นหญิงรูปโก้โตนั้นแม่นคน อันว่าตนโตนั้นคือคนเหมิดทุกบ่อน หูตาคือดั่งม้าเป็นน่าหน่ายสะอาง... เหตุที่นางคือม้าบิดาเลยใส่ชื่อ ชื่อว่าแก้วหน้าม้าปางนั้นต่อมา
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
31
เนื้ อเรื่อง มีหญิงสาวผูห้ นึง่ รูปร่างหน้าตาคือม้า คนทัวไปเอิ ่ น่ นางว่าแก้วหน้าม้า นางอาศัย อยูก่ บั พ่อแม่อยูน่ อกเมือง มีอาชีพเฮ็ดไฮ่เฮ็ดนาคือคนทัวไป ่ มือ่ หนึง่ ท้าวปิ่ นทองพระโอรสของพระยาภูวดลเจ้าเมืองมิถลิ า ได้เฮ็ดพิธปี ล่อย ว่าวเลือกคู่ คือการเขียนจดหมายติดอยูว่ า่ วแล้วปล่อยไป ถ้าว่าวขาดไปตกหม่องใดแล้ว มีคนเก็บได้ถา้ เป็ นแม่หญิงให้เอามาเป็ นคู่ แต่ถา้ เป็ นผูเ้ ฒ่า เด็กน้อย หรือผูช้ าย สิมขี อง มีคา่ เป็ นเครือ่ งตอบแทน ว่าวของท้าวปิ่ นทองได้ไปตกอยูบ่ า้ นของนางแก้วหน้าม้าแล้ว นางกะเก็บได้ ท้าวปิ่ นทองก็ให้เสนาอ�ำมาตย์น�ำหาไปเอาว่าวของท้าวปิ่ นทองคืนเพราะ ว่าเพิน่ บ่มกั นาง เพิน่ ว่าหน้าตาฮูปลักษณ์บง่ าม ขีฮ่ า่ ยแต่นางกะบ่ยอมคืน ท้าวปิ่ นทอง เลยจ�ำใจพานางเข้าเมืองไปน�ำ แต่บย่ อมนอนกับนางคือจังผั ่ วเมียเพราะนางบ่งาม และ ทุกคนทีอ่ ยูใ่ นเมืองกะพากันซังนางเบิด ต่อมาท้าวปิ่ นทองกับเสนาอ�ำมาตย์ได้พากันแกล้งนางให้นายหนีออกจากเมือง หรือตายไปกะได้ จังใช้ ่ ให้นางไปเอายาสมุนไพรในป่ าเขา นางแก้วหน้าม้ากะไปเอามาได้ ต่อมาอีก ท้าวปิ่ นทองกับเสนาอ�ำมาตย์กะแกล้งนางด้วยเหตุอน่ื ๆ อีก แต่กะบ่มอี หิ ยัง แกล้งนางได้ จึงจะส่งท้าวปิ่ นทองไปอยูเ่ มืองอืน่ โดยการส่งท้าวปิ่ นทองไปแต่งงานกับ ธิดาเมืองอืน่ ก่อนไปท้าวปิ่ นทองสังนางแก้ ่ วหน้าม้าไว้วา่ “ในตอนทีท่ า้ วปิ่ นทองบ่อยู่ ให้ เจ้ามีลกู ให้ได้” สังเสร็ ่ จท้าวปิ่ นทองกะลงเรือเดือนทางไปนางแก้วหน้าม้าจึงไปดักถ่าข้าง หน้า แล้วได้ถอดหน้าม้าออกกลายเป็ นแม่หญิงคิงงามราวนางฟ้ า บาดท้าวปิ่นทองมาเห็น เข้ากะจ�ำบ่ได้ กะตกหลุมรักนาง ท้าวปิ่ นทองได้อยูก่ นิ กับนางหลายมือ่ จังเดิ ่ นทางต่อไป ส่วนนางแก้วหน้าม้ากะกลับไปอยูใ่ นเมืองตามเก่า กล่าวเถิงท้าวปิ่ นทองเมือ่ เพิน่ ไปอยูเ่ มืองอืน่ กะได้ธดิ าของเจ้าเมืองนัน้ เป็ นเมีย อยูต่ อ่ มากะเกิดคิดฮอดบ้านเมืองเจ้าของจึงลากลับบ้าน ระหว่างเดินทางท้าวปิ่ นทองได้ พ่อกับยักษ์จงึ ได้รบกัน ท้าวปิ่ นทองคือจังสิ ่ แพ้ พอนางแก้วหน้าม้าฮูว้ า่ ท้าวปิ่ นทองก�ำลัง ตกอยูใ่ นอันตรายนางกะปลอมโตเป็ นผูช้ ายไปซ่อยรบจนชนะแล้วฟ่ าวกลับเข้าเมือง เมือ่ ท้าวปิ่ นทองมาฮอดเมืองก็ยงั ซังนางแก้วหน้าม้าอยูค่ อื เก่า แฮงฮูว้ า่ นางท้องกะหาว่า นางมีชู้ ถึงนางสิเว่าเรือ่ งราวให้ฟังจังใด๋กะบ่ยอมฟัง เพราะบ่เชือ่ ว่าสิเป็ นไปได้ อยู่มากะได้มยี กั ษ์มาท้ารบ ท้าวปิ่ นทองออกไปรบแพ้ยกั ษ์กลับเข้าเมือง มาหาคนทีเ่ ก่งกล้าสามารถทีส่ อิ อกไปรบกะบ่มไี ผ๋อาสา แล้วนางแก้วหน้าม้ากะออกอาสา แทนแล้วนางกะไปรบชนะ ทุกคนในเมืองจังยอมรั ่ บนาง ยิง่ เมือ่ นางถอดหน้าม้าออกก็ กลายเป็ นแม่หญิงทีส่ วยงามหยาดฟ้ า ท้าวปิ่ นทองจึงฮับเอานางเป็ นมเหสี แล้วทังสองกะ ้ อยูค่ รองเมืองอย่างมีความสุข
32
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๗. ไก่แก้วหอมฮู (ท้าวจันทร์สมุทร)
เมื่อนั้น ยมราชเจ้า ใจดีชมชื่น ฮู้ข่าวอ้ายกำ�พร้า ขันต่ออาสา ว่าสิลงนำ�ฮู เพื่อสิเอาหอมนั้น เมื่อนั้น พระก็มีอาชญา ให้จัดช่างหาทอง ให้สูตีทองสาว เร่งเร็ววันนี้ ให้สูตีสาวได้ พันวาแปดหมื่น กับทั้งช่างยนต์อู่แก้ว วันนี้พร�่ำมวล เมื่อนั้น ช่างทองเจ้า โดยคำ�ยมราช จัดแต่งตั้งสูบขึ้น คีมพร้อมฮีบตี เมื่อนั้น ทั้งหลายพร้อม เนืองนันตีต่อย พุ้นเยอ
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
33
เนื้ อเฮื่อง จักกว่าเถิงฝ่ ายก�้ำเมืองใหญ่ลอื นาม มือ้ หนึ่งนัน้ ซาวเมืองไปพ้อฮูดนิ ใหญ่ ฮูหนึ่งมีกลิน่ หอมออกมาจากฮูนัน้ ซาวบ้านซาวเมืองกะเลยอยากฮูว้ ่าแม่นฮูหยัง พระราซากะเลยประกาศหาอาสาสมัครลงไปเบิง่ ในฮูนนั ้ มามีหยัง แต่กะบ่มไี ผหาญ ลงไปเบิง่ ในเวลานัน้ มีหนุ่ มน้ อยผูห้ นึ่งซื่อว่า เทศจันทร์สมุทร อาศัยอยู่กบั ย่า ผูเ้ ป็ นคนสวนของพระราซา ท้าวเทศจันทร์สมุทรนี้เห็นว่าบ่มไี ผหาญลงไปเบิง่ เลยฮับอาสาพระราซาไป พระราซาเลยให้คนเฮ็ดอู่เหล็กแล้วกะเอาโซ่เหล็กคล้อง ให้ทา้ วเทศสมุทรไปอยูใ่ นอูเ่ หล็กนัน้ แล้วกะหย่อนลงฮูไป ลงไปกะเลยไปพ้อเมืองหนึ่ง อูเ่ หล็กไปลงอยูห่ ม่องเกาะพอดี ท้าวเทศจันทร์สมุทรกะเลยขึน้ กินหมากเดือ่ อยูเ่ ทิงต้น เห็นหนูคาบแก้ววิเศษลอยน�้ำมาเลยเอาหมากเดือ่ โยนให้กนิ ออกห่างไปเรือ่ ย แล้ว เลยหลอยเอาแก้ววิเศษนัน้ ไป หย่างไปพ้อซายผูห้ นึ่งถือน�้ำเต้าเหาะมาเลยขอเอา แก้ววิเศษแลกกับน�้ ำเต้า พอแต่ได้น้� ำเต้าแล้วแก้วนัน้ กะเหาะลอยหลบมาอยู่น�ำ ท้าวเทศจันทร์สมุทรคือเก่า หย่างไปเรือ่ ยกะเลยไปพ้อคนถือขวน (ขวาน) ถือดาบ ถือขอดหนังเหาะมา ท้าวเทศจันทร์สมุทรกะเลยขอแลกแล้วเทิงเบิดกะเหาะลอยมา อยูค่ อื เก่า บัดทีน้ีทา้ วเทศจันทร์สมุทรนัน้ กะเลยได้ของดีตดิ โตมา ๕ อย่าง คือ แก้ว น�้ำเต้า ขวน ดาบ แล้วกะขอดหนัง แล้วจังเดิ ่ นทางไปหาย่าจ�ำสวน แล้วสืบหากลิน่ หอม พอฮูจ้ งซั ั ่ นย่ ่ าจ�ำสวนว่าท้าวเทศจันทร์สมุทรนี่บห่ ล่อเหลา เลยพาไปหล่อกาย ใหม่แล้วกะเลยพาไปสู่ขอนางผมหอม พอแต่นางผมหอมเห็นท้าวจันทรสมุทร ผูฮ้ ปู หล่อกายงามกะเลยมักกัน แต่พระราซาพ่อของนางผมหอมบ่ยอม ย้อนว่าเคย มีลูกกษัตริยม์ าสู่ขอแต่งดองหลายคนแล้ว เลยบอกท้าวจันทร์สมุทรว่า คันแม่น อยากได้กะให้มาฮบเอา ท้าวเทศจันทร์สมุทรกะเลยไปฮบซะนะแล้วเลยได้อยูก่ นิ กับนางผมหอม อยู่เมืองนี้มาดนนานท้าวจันทร์สมุทรกะเลยคึดฮอดบ้านเฮือนซาน เลยพา นางผมหอมมาหม่องเกาะทีล่ งมา บัดทีน้ผี า้ นางผมหอมผืนหนึ่งตกลง ท้าวจันทร์สมุทร เลยไปเอาให้ แต่ขน้ึ มาฮางเหล็กบ่ทนั คนดึงขึน้ ก่อน นางผมหอมเลยขึน้ มาได้ผเู้ ดียว แล้วคนทัง้ หลายเลยพาไปถวายพระราซา แต่พระราซากะบ่สามารถเข้าใกล้นางได้ ท้าวเทศจันทร์สมุทรกะเดินทางต่อไปเพื่อหาทางขึน้ จนไปพ้อนกกระจอก ๒ โต
34
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
เป็ นพระอินทร์แปลงกายลงมา เลยให้ทา้ วเทศน์จนั ทร์สมุทรขึน้ ขีแ่ ล้วกะมาปล่อย ไว้ อ ยู่ น อกเมือ งใกล้ ก ับ แม่ น้� ำ พอดี ม ีน ายสะเภามาพ้ อ เข้ า กะเลยได้ ฮ ับ ท้าวเทศจันทร์สมุทรขึน้ มาน�ำ แล้วท้าวเทศจันทร์สมุทรกะไปอยูน่ �ำย่าจ�ำสวนคือเก่า ส่วนนางผมหอม พอแต่ฮูว้ ่าผัวตนหลบมาแล้วกะเลยออกมาอยู่น�ำ พระราซาฮู้ เลยยกทัพมาซิงเอานางผมหอม แต่กะบ่สามารถเอานางไปได้ยอ้ นว่าแพ้ของวิเศษ ทัง้ ๕ ของท้าวเทศจันทร์สมุทร พระราซาเบิดปั ญญากะเลยยอมยกเมืองให้ครอง เคิง่ หนึ่ง ท้าวเทศจันทร์สมุทรกะเลยอยูก่ บั นางผมหอมอยูเ่ ย็นเป็ นสุขสืบมา
36
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๘. ขุนบรม เมื่อนั้นแถนจึงเสี่ยงฮู้บุญแห่งฝูงแถน ก็จึงได้ลูกเจ้าแถนหลวงฟ้าคื่น อาจจักไปผาบพื้นเป็นใหญ่ชมพู แท้แหล้ว จึงซ�้ำหลิงล�่ำเยี่ยมบุญนาถนางแมน
ทั้งหญิงชายซู่คนแวนเผี้ยน เจ้านัน ้ บุญมากล้นลือแท้ทวั่ แดน ชื่อว่าขุนบุรมลูกอินตาเจ้า เพื่อให้เป็นเทวีอยู่เผือแฝงท้าว
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
37
เนื้ อเฮื่อง พระยาแถนคือท้าวสักกะเทวราช ผูเ้ ป็ นใหญ่ในสวรรค์ มีเทพธิดาปิ สาเป็ น นางธรณี นางเมขลาเป็ นผูต้ รวจตราชาวโลกว่าใผเฮ็ดบุญบาป เพื่อรายงานต่อ ท้าวจตุ โลกบาล คนเฮ็ดบุญได้ข้นึ สวรรค์ ส่วนคนท�ำบาปให้ตกนรก สมัยนัน้ พระโพธิสตั ว์เกิดเป็ นมหาพรหม มีอาณาเขตปกครอง ๘๔,๐๐๐ เมือง มอบหมายให้ พระเมศวรประจ�ำอยูท่ ศิ ตะวันออก มโนสิทธิประจ� ์ ำทิศเหนือ พระนารายณ์ประจ�ำ ทิศตะวันตก และเสนาสิทธิ ์ประจ�ำทิศใต้ เฮ็ดหน้าทีเ่ ป็ นอาจารย์สอนศิลปศาสตร์ ให้เมืองตักกะศิลา ในภัทรกัปป์ มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ ในสมัยพระพุทธเจ้า นามว่า กุสนั ทะ เมือ่ พระองค์นิพพานแล้ว ชาวมนุ ษยโลกก็ถงึ กาลเสือ่ มสลายไป พระพรหมจึงมอบหมายให้ทา้ วจตุโลกบาล วิษณุกรรมเทวบุตร นางเมขลาเทพธิดา พร้อมบริวาร ลงมาเกิดในโลกมนุษย์เอิน้ ว่า อุปปาติกะ (เกิดผุดขึน้ ) เพราะมิได้บงั เกิด จากท้องใคร ให้ปกครองแผ่นดินโดยธรรม ต่อมาในสมัยพระพุทธเจ้านามว่า โกนาคมนะ เมือ่ พระองค์นพิ พานแล้ว มนุษย์โลกก็กลับเข้าสูก่ าลเสือ่ มสลายคือเดิม พระพรหมกะ ส่งเทวดาลงมาเกิดเมืองมนุ ษย์อกี จนฮอดยุคของพระพุทธเจ้านามว่า กัสสปะ พอพระองค์นพิ พานแล้วมนุษย์โลกก็ถงึ กาลเสือ่ มสลายอีกคือเก่า เป็ นยุคคนดีทงั ้ เบิด บ่มคี นซัวฮ้ ่ าย ยุคศาสนาหมดผีรา้ ยเข้าครองเมือง โดยมีนางยักษ์นามว่า กังลี ครองเมืองศรีสตั ตะนาค (ประเทศลาว) ให้ก�ำเนิดบุตรีนามว่า นางปากกว้าง กับ นางผีเสือ้ นามว่า นันทะเทวี เว่าฮอดฤๅษีสองพีน่ อ้ ง เฮ็ดเขตเมืองไว้ ๔ มุม คือจังสวรรค์ ่ ชนั ้ ดาวดึงส์ พร้อม ทัง้ เฮ็ด ก้อ นก่ า ยฟ้ า ด้ว ยหิน จากนั น้ กะเอาน�้ ำ จากอโนมามาเฮ็ด น�้ ำ มนต์ ฮ ด เสาหลักเมืองทัง้ ๔ แล้วเอาน�้ำมนต์ทเ่ี หลืออยูไ่ ปเก็บไว้ในถ�ำ้ อธิษฐานจิตให้คนมีบญ ุ ท่อนัน้ มาเอาน�้ำมนต์ศกั ดิ ์สิทธิ ์น�้ำไปฮดหลักเมือง จังสิ ่ สามารถครอบครองเมืองได้ จากนัน้ ฤๅษีกะเอิน้ พระยานาค ๑๔ ตน มาชุมกันหม่องก้อนก่ายฟ้ า แล้วสังสอนให้ ่ ตัง้ อยูใ่ นธรรม สังให้ ่ นาคหมุนเวียนกันขึน้ มารักษาเมืองทุก ๔ เดือน จากนัน้ ฤๅษีกะ เอิน้ หมูเ่ ทวดา ผีเมือง มาให้รกั ษาเมือง แล้วตัง้ ชือ่ เมืองว่าเมืองล้านช้าง แต่นนั ้ สืบมา ต่อมาฤๅษีผอู้ า้ ยได้ขน้ึ ไปหาท้าวสักกะ (พระอินทร์) เทิงสวรรค์ ขอให้สง่ เทวดา ผูม้ บี ญ ุ ลงมาเกิดในโลกมนุษย์มาปกครองบ้านเมือง พระอินทร์ได้เลือกพระโอรส คือ ขุนบรมลงมาเกิดในมนุ ษยโลก มีธดิ าของแถนแต่งนามว่า แก้วยมพะรา เป็ นเทวี
38
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ฝ่ ายขวา และธิดาของแถนสังนามว่ ่ า นางอกแคง เป็ นเทวีฝ่ายซ้าย พร้อมกับมอบ อาวุธและช้างมงคลให้พร้อมทุกอย่าง แล้วกะให้ลงมาเกิดทีม่ นุษยโลก พระยาแถนได้ บอกเขตแดนเมือง ๖ หัวเมือง คือ เมืองแกว อยูท่ างทิศตะวันออก เมืองฮ่ออยูท่ าง ทิศเหนือ เมืองญวนอยูท่ างทิศตะวันตก เมืองศรีอยุธยาอยูท่ างทิศใต้ เมืองพวน แล้ว กะเมืองค�ำเกิด เพือ่ ให้ขนุ บรมมอบหมายให้บตุ รไปครอบครองเมืองต่อไป ขุนบรมเมืองลงมาอยูม่ นุษยโลกแล้วได้ปกครองบ้านเมืองโดยธรรม เวลาผ่าน ไป ๒ ปี ได้มบี ตุ รจ�ำนวน ๗ คน เกิดจากเทวียมพะรา ๓ คน คือ ขุนลอ ยีผ่ าล้าน จุสง และงัวอินทร์ เกิดจากนางเทวีอกแคง ๓ คน คือ ไสพงศ์ ลกกลม และเจ็ดเจือ่ ง เมือ่ ปกครองบ้านเมืองไปได้ ๙ ปี สมบัตทิ ใ่ี ห้มาจากสวรรค์กะเบิดลงบ่พอใช้ และเกิด ความเดือดร้อนย่อนมีเครือเขากาดกับน�้ำเต้าปุง ๒ ลูกเกิดขึน้ กลางเมือง เฮ็ดให้แสง ตะเว็นสาดบ่ฮอดพืน้ เมือง เกิดความหนาวเย็นไปทัว่ จังได้ ่ สง่ คนขึน้ ไปขอค�ำแนะน�ำ จากพระยาแถน พระยาแถนแนะน� ำให้ตดั เครือเขากาด แล้วกะเจาะลูกน�้ำเต้าปุง ขุนบรมให้เฮ็ดตามนัน้ ปรากฏว่ามีสรรพสัตว์ไหลออกมาแต่น้ำ� เต้าลูกแรก ทรัพย์สมบัติ ไหลออกมาแต่น้�ำเต้าลูกทีส่ องย่อนว่าคนออกมาแต่ลกู น�้ำเต้า (ลาพุ) จังได้ ่ เอิน้ ว่า ลาว พอตัดเครือเขากาดแล้ว มนุษย์กบั เทวดากะติดต่อกันบ่ได้ตงั ้ แต่นนั ้ มา เครือน�้ำเต้า กะกลายเป็ นหิน คนทีอ่ อกมาแต่ลกู น�้ำเต้าปุงกะกลายเป็ นต้นตระกูลไทเผ่าพันธุต์ า่ ง ๆ ต่อมามีแนวให้เฮ็ดน�ำจารีตประเพณี “ขะล�ำ” ส�ำหรับชาวบ้าน ต่อแต่นนั ้ ขุนบรม ตังกฎหมายตามระเบี ้ ยบการบริหารบ้านเมือง แล้วหาเมียให้กบั ลูกทัง้ ๗ คน กะคือ ๑. ขุนลอ อภิเษกกับนางเอือ้ ย ได้เป็ นเจ้าครองเมืองล้านช้าง ๒. ยีผ่ าลาน อภิเษกกับนางแอด ได้เป็ นเจ้าครองเมืองฮ่อ ๓. จุสง อภิเษกกับนางอุรสั สา ได้เป็ นเจ้าครองเมืองแกว ๔. งัวอินทร์ อภิเษกกับนางไอ่ ได้เป็ นเจ้าอโยธยา ๕. ไสพงศ์ อภิเษกกับนางอาบสร้อย ได้เป็ นเจ้าครองเมืองยวน ๖. ลกกลม (ไม่ปรากฏชือ่ ภรรยา) ได้ครองเมืองค�ำเกิด ๗. เจ็ดเจือ่ ง อภิเษกกับนางลุน ได้เป็ นเจ้าครองเมืองพวน แล้วมอบคนทีร่ กั ใคร่ให้เป็ นข้าทาสบริวารใกล้ชดิ คนทีม่ คี าถาอาคมเป็ น ทหาร คนทีร่ ฮู้ ตี คองประเพณีเป็ นพราหมณ์ ปุโรหิต เฮ็ดพิธอี ภิเษกบุตรทัง้ ๗ คน ขึน้ ครองเมืองแล้วให้โอวาท เสร็จแล้วมอบวัตถุมงคลและเครื่องใช้จ�ำเป็ นแก่บุตร
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
39
ทัง้ ๗ คน แล้วให้โอวาทสะใภ้ทงั ้ ๗ คน ให้ซ่อยเกื้อกูลกัน เมืองอ้ายอย่ารบ เมืองน้อง ให้สบื สกุลฮอดลูกหลาน ใผรบกันขอให้มอี นั เป็ นไปภายใน ๖ เดือน พอแต่ขุนบรมสวรรคตแล้ว ราชบุตรทัง้ ๗ คน กะอ�ำลาชาวเมืองไปปกครอง เมืองของตน เวลาผ่านไป ขุนลอได้เอิน้ เจ็ดเจื่องมาปั กเขตแดนกัน เขตแดนนี้ใช้ มาได้ ๘๔๒ ปี จังได้ ่ ปักเขตแดนใหม่ นิทานเรือ่ งขุนบรมกะจบลงท่อนี้แล
40
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๙. ขุนทึง-ขุนเทือง ก็จึงฮอดแก่วกว่างทุ่งใหญ่เพนี มีนทีหลวงผ่ากลางหลายห้วย ขอคำ�น้อยคาเสียแก่ท้าว ไปบ่ได้นอนหั้นบ่หนี ได้แล้ว บัดนี้จึงขำ�เขือกขึ้นบังเกิดเป็นเมือง เรืองเรืองใสเกิ่งดาวดึงส์ฟ้า มีทั้งคนหลายล้นเพนีหลายโกฎ เยาวโยชน์กว้างเชียงกว้างแม่เมือง
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
41
เนื้ อเฮื่อง มีเ มือ งหนึ่ ง ซื่อ ว่ า เมือ งเซีย งเงื้อ ม หลือ ว่ า เซีย งใหญ่ มีก ษัต ริย์ซ่ือ ว่ า ท้าวขุนเทือง และมเหสีซ่อื นางบุสดี ปกครองนคร มือ่ หนึง ขุนเทืองอยากเข้าป่ า เข้าดง กะเลยออกท่องแต่เมืองไปดง ๒ เดือน พัดว่าไปพ้อล�ำน�้ ำหนึ่ง เป็ นสวน พญานาค แล้วบัดนี้กะได้พอ้ กับลูกสาวพญานาคซื่อว่า นางแอกใค้ ทังสองกะฮักกัน ขุนเทืองเลยไปบาดาลน�ำนาง แล้วกะอยูพ่ นุ่ ๒ ปี กว่า ระหว่างทีข่ นุ เทืองบ่อยู่ นางบุสดีได้เอาหมอมอมาทวยเบิง่ ว่าขุนเทืองอยูบ่ อ่ นใด๋ คันได้ฮวู้ า่ ขุนเทืองอยูเ่ มืองพญานาคกับลูกสาวพญานาค นางบุสดีกะไปบะกับซุมผี เทิงผีน้� ำ ผีตายาย ผีเมือง แล้วกะไปน� ำท้าวขุนเทืองเมือเมือง ขุนเทืองจังลา ่ นางแอกใค้และพญานาคเมือเมือง นางแอกใค้กะมาส่งขุนเทืองฮอดท่า ก่อนสิเมือ นางจกเอาลูก ในท้อ งแล้ว เอาใบตองทึง ห่อ ลูก ให้ขุน เทือ งเอาไปเลี้ย ง ค่อ มว่า ฮอดเมืองแล้ว นางบุสดีเคียดแฮง หาเรือ่ งเฮ็ดอันตรายใส่ลกู นางแอกใค้ ขุนเทือง เบิง่ ทรงบ่เข้าท่าเลยให้เสนาอ�ำมาตย์เอาลูกซายซื่อขุนทึงไปโผดป่ า ขุนทึงอยูใ่ นป่ า อย่างสุขซ�ำบาย ย้อนว่ามีเทวดาและสัตว์ทงั หลายคอยเบิง่ แยงอยู่ จนว่าครบขวบปี ขุนเทืองคึดฮอดขุนทึง จังให้ ่ พวกอ�ำมาตย์ออกไปเสาะสืบว่ายังอยูบ่ ่ คันฮูว้ า่ ยังกะ ไปเอิน้ เข้ามาอยูใ่ นเมือง พอขุนทึงใหญ่ข้นึ เป็ นบ่าวกะอยากพ้อแม่คงี กะเลยถามพ่อเถิงบ่อนอยู่ บ่อนเซาของแม่ คันฮูว้ ่าเป็ นนาคีอยู่เมืองบาดาล กะเลยลาพ่อไปเยีย่ มยามถาม ข่าวแม่ แล้วกะออกท่องไปน� ำแนวพ่อเว้าสู่ฟังจนฮอดท่า แล้วกะเอาไม้ตนี ้� ำเอิ้น ซุมนาคให้มาหา คันนาคถามเบิง่ กะฮูว้ ่าเป็ นลูกของนางแอกใค้ จังพาขุ ่ นทึงไป เมืองบาดาล ขุนทึงได้พ้อแม่ ตา และยาย อยู่นัน่ ดนเติบจังได้ ่ ลาแม่เมือเมือง เชียงเงือ้ มของพ่อ นางแอกใค้บอกให้ลาตาแล้วขอของวิเศษเป็ นเครือ่ งติดโตยาม เดินดง พัดว่าขุนทึงไปลาตา ตากะได้ให้ของวิเศษ ๓ อย่าง กะคือ หม้อทองแดง ดาบ แล้ว กะง้า ว แล้ว ขุน ทึง กะมาถามวิธีใ ซ้ก ับ แม่ นางแอกใค้บ อกวิธีใ ซ้ว่ า หม้อนัน้ มีซุอย่างอยู่ขา้ งใน คันอยากได้หยังให้ตงั ้ จิตอธิษฐาน แล้วเคาะค่อย ๆ แนวที่อยากได้กะสิออกมา ดาบนัน้ ใซ้สู้กบั ผู้ร้าย อันง้าวนัน้ ให้ลากไปอย่าคอน หลือว่าถือไป คันยามลากแล้วบ่เกีย่ วหยังกะให้ยา่ งไปเลือ่ ย ๆ ห้ามนอน จักมื ๊ อ่ กะซ่าม
42
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
แต่คนั ง้าวไปเกาะหยังแล้ว ให้หยุดนอน คันแม่มาส่งเถิงท่าแล้วก็ทอ่ งไปเฮ็ดน�ำค�ำแม่ ย่างอยูห่ ลายมือ่ จนว่าฮอดแม่น้�ำใหญ่งา้ วกะเกีย่ วหยุด สิดงึ จังใด๋ ่ กะบ่ไป กะเลยหยุด นอนหม่องนัน่ คันตื่นขึน้ หม่องนัน่ กะกลายเป็ นเมืองใหญ่ ซื่อว่า ศรีสตั นาคนหุต ขุนทึงกะเลยเคาะหม้อทองแดงแล้วกะมีแม่ญงิ ออกมา ๒ คน ซื่อ ทึงและทอง เลย อภิเษกเป็ นมเหสีทงั ้ สองคน ขุนทึงครองศรีสตั นาคนหุตอย่างมีควมสุข มือ่ หนึ่งขุนทึงออกไปเลาะเถื่อน ผูเ้ ดียว ท่องไป ๑๕ มือ้ ได้ ฮอดป่ าหิมพานต์ พ้อซะนีอยูใ่ กล้กบั อาศรมฤาษี ซะนี กะแปงกายเป็ นคนแล้วใส่ยาแฝดให้ขุนทึงฮัก ขุนทึงถืกของ มักนางซะนีหลาย แล้วกะได้อยู่ถ้�ำกับซะนีในป่ าหิมพานต์นัน้ จนว่า ๓ ปี ได้ลูกซายผูห้ นึ่งซื่ออ�ำคา หรือ อูแ่ ก้ว ภายลุนขุนทึงได้ลานางซะนีเมือเมืองศรีสตั ตนาคนหุต พร้อมท้าวอ�ำคา ลูกซายและค�ำมันกั ่ บนางซะนีว่าสิมาฮับไปอยู่ในเมืองน� ำ นางทึงและนางทอง ก็ดเี อิกดีใจแฮง และฮักท้าวอ�ำคาคือลูกจะของ บัดแล้วขุนทึงกะได้ไปฮับนางซะนี มาคือจังค� ่ ำมันไว้ ่ และสังซาวเมื ่ องซุคนให้ผูกหมาไว้ให้ดี อย่าให้ไปเลาะทัวที ่ ป แต่บดั นางซะนีมาฮอด นางทึง นางทองกะปล่อยหมาไล่สวบนางซะนีหนีเมือไปอยู่ ถ�้ำคือเก่า ยามขุนทึงเฒ่าซรากาลจังอภิ ่ เษกท้าวอ�ำคาเป็ นกษัตริยส์ บื เซือ้ มา
44
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๐. ท้าวขูลู-นางอั้ว
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
45
เนื้ อเฮื่อง ท้าวขูลู โอรสเจ้าเมืองกาสี และนางอัว้ เคีย่ มธิดาเจ้าเมืองกายนคร ทัง้ สอง เมืองปองดองกันดี ทัง้ เจ้าเมืองและมเหสีต่างกะเป็ นเสีย่ วฮักแพงกัน ละเคยให้ ค�ำมันไว้ ่ ว่า คันมีลูกซายลูกสาวฝ่ ายใด๋กะซ่างจะสิให้เป็ นดองกัน ทัง้ ท้าวขูลูและ นางอัว้ เคีย่ มเกิดปี เดียวกัน จนว่าใหญ่มานางอัว้ เคีย่ มหน้าตางามหลาย ส่าไปฮอด เมืองขุนลางผูเ้ ป็ นขอมภูขาก�่ำ บัดนี้ทา้ วขูลูใหญ่เติบกะอยากสิมเี มีย กะเลยลาแม่ไปเลาะเมืองกายนคร เอาเครื่องบรรณาการมาเยี่ยมยามเจ้าเมืองพร้อม ท้าวขูลูได้พ้อนางอัว้ เคี่ยม กะเกิดฮักกัน ท้าวขูลปู ระทับอยูท่ เ่ี มืองกายนครได้จกหน่ ั ๊ อย จังขอลานางอั ่ ว้ เคีย่ ม เมือเมือง แล้วสิสง่ ผูเ้ ฒ่ามาขอภายลุน ขุนลางได้ยนิ ค�ำส่าว่านางอัว้ เคีย่ มมีความงามกะเกิดความฮัก กะเลยส่ง ผูเ้ ฒ่ามาขอนางอัว้ เคีย่ ม พระมารดานางอัว้ เคีย่ มฮับค�ำ ย้อนว่านางนัน้ บ่ถกื กับ แม่ทา้ วขูลู แต่ตอนนางท้อง นางอัว้ เคีย่ มนางได้ไปเลาะสวนอุทยานของเมืองกาสี คันเห็นหมากเกีย้ งในสวนอุทยาน นางกะอยากกินน�ำแนวคนแพ้ทอ้ ง แต่มารดา ท้าวขูลบู ใ่ ห้ อ้างว่าหมากเกีย้ งยังเหิม่ ๆ อยู่ นางน้อยใจและกะเคียดหลาย กะเลย ตัดขาดจากความเป็ นเสีย่ วฮักกัน นางอัว้ เคีย่ มได้ฮวู้ า่ มารดาฮับค�ำขอของขุนลาง นางก็เสียใจและบ่ยอมฮับ นางว่าขุนลางเป็ นคนบ่อยูใ่ นฮีตในคอง บ่นบั ถือพระธรรม แต่ในทีส่ ดุ มารดาก็สงแม่ ั ่ สอ่ื ไปว่ายอมฮับค�ำขอของขุนลาง ทางท้า วขูลู บ อกบิด ามารดามาขอนางอัว้ เคี่ย ม คัน แม่ ส่ือ ของท้า วขูลู เอาสินสอดมาขอ เทือท�ำอิดมารดาของนางอัว้ เคีย่ มบ่ยอมตกลง อ้างว่าตกลงกับ ทางขุนลางไว้กอ่ นแล้ว ท้าวขูลกู ะเลยขอให้บดิ าส่งแม่สอ่ื ไปสูข่ อนางอัว้ เคีย่ มอีกเทือ แล้วกะอ้างค�ำมันที ่ ว่ ่าไว้สมัยเป็ นเสีย่ วกัน เทือนี้พระมารดาท้าวขูลมู าน� ำ แล้วกะ เว้าทวงค�ำมันที ่ ่เคยว่าจะให้ลูกสาวลูกซายเป็ นดองกัน แต่มารดานางอัว้ เคี่ยม เว้าไปเถิงแนวเคียดเคียง ตัง้ แต่เจ้าของขอหมากเกีย้ งกินเทือนัน้ แล้วขอคืนค�ำมัน่ ทัง้ เหมิด ในทีส่ ดุ กะตกลงกันว่าสิเฮ็ดพิธเี สีย่ งสายแนนว่าเป็ นคูก่ นั บ่ กะฮูว้ า่ ทัง้ คูเ่ ป็ น คูก่ นั แต่ตอ้ งตายจากกัน ทางขุนลางกะส่งคนมาเทียวถามมือ่ ดอง คันข่าวมือ่ ดอง
46
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
เถิงหูอวั ้ เคีย่ มเฮ็ดให้นางเสียใจแฮง นางกะเลยสังควมทาสาไปเอิ ่ น้ ท้าวขูลูมาพ้อ นาง ทางมารดานางอัว้ เคีย่ มฮูว้ า่ ธิดาหลอยพ้อกับท้าวขูลอู ยูส่ วนอุทยาน นางเคียด หลาย เลยป้ อยว่านางอัว้ เคีย่ มว่าไปเล่นชู้ นางเสียใจคักกะเลยผูกคอตายอยูอ่ ทุ ยาน คันควมไปฮอดหูเจ้าเมืองและพระมารดาต่างกะเสียพระทัยหลายกะเอาพระศพเข้า เมืองบ�ำเพ็ญกุศล ขุนลางกะถืกธรณีสบู ตาย คันท้าวขูลฮู กู้ ารตายของนางอัว้ เคีย่ ม กะเสียใจ เอามีดแทงคอเจ้าของตาย
48
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๑. คันธนาม
ตโต ปฏฺฐาย ตัง้ แฮกแต่ยา่ เฒ่าผูน ้ น ั้ แล ไปกินน�ำ้ ฮอยช้างแลก็ทรงครรภ์
ได้สิบเดือนแล้ว ก็ประสูติได้ยังลูกชายผู้หนึ่งแล้วมีบุญสมภารอันมากนักใน โลกอันนี้แท้ดีหลีแล แต่นั้นส่วนอันว่า “คันไชยศรีทิพย์” ดวงหนึ่ง ก็ตกลงมา หากุมารน้อยผู้นั้น ก็เป็นประดุจดั่งแก้วมณีโชติมีแล ส่วนอันว่าชื่อแห่งกุมาร น้ อ ยผู ้ นั้ น อั น คนทั้ ง หลาย หากใส่ ชื่ อ ตามคั น ไชยศรี ด วงนั้ น ก็ ใ ส่ ชื่ อ ว่ า “ท้าวคันธนกุมาร” แท้แล
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
49
เนื่ อเฮื่อง จักกล่าวเถิงบ้านหนึ่งในเมืองศรีสาเกตุ มีสาวทึนทึกอายุอานามกะเป็ น สาวใหญ่เติบแต่บ่มผี วั เฮ็ดอยู่เฮ็ดกินอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ สาวนางนี้มนี ากลาง นาของไทบ้า น ต่ อ มาฮอดเวลาที่เ ทวบุ ต ร ผู้เ ป็ น พระโพธิส ตั ว์ส ิล งมาเกิด ใน มนุ ษยโลก พอฮอดยามเกี่ยวข้าวพระอินทร์กะเลยแปลงกายมาเป็ นซ้างใหญ่ พญาฉัททันต์ ไปเหยียบย�่ำนาข้าวของสาวผูน้ นั ้ จนหมุน่ เบิดแล้วกะเลยหนีไปทาง เบื้องหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) ซ้างนัน้ กะจ่งฮอยตีนไว้ให้ฮู้ให้เห็น ตื่นเซ้ามา นางมาพ้อนาเสียหายกะเลยเสียอกเสียใจแล้วเทิงเคียดหลายเลยหย่างน�ำหาสัตว์วา่ แม่โตอีหยังมาเหยียบนาจะของ ระหว่างทางนัน้ นางเมือ่ ยเลยกินน�้ำในฮอยตีนซ้าง เลยเกิดมีทอ้ งขึน้ มา อยูไ่ ด้หว่างสิบเดือนกะเลยได้ออกลูก ได้ลกู ซายเป็ นตาฮักตาซัง ฮ่างกายสมบูรณ์ แข็งแฮง แล้วกะมีดาบศรีขรรค์ซยั ติดโตมาน� ำ นางเลยให้ซ่ือ ลูกซายว่า คันทะนาม ลูกซายกะเลยได้ซ่อยเหลือแม่เฒ่าเฮ็ดเวียกงานการสร้าง น้อยใหญ่แต่ยงั น้อย พออายุคนั ทะนามอายุได้ ๗ ปี เลยถามหาพ่อ แม่เฒ่าเลย เว้าสูฟ่ ั ง แล้วกะพาไปเบิง่ ฮอยซ้างทีแ่ ม่ได้กนิ น�้ำจนได้ทอ้ ง พอแต่กำ� ลังเว้ากันอยู่ นัน้ กะเกิดมียกั ษ์สมิ าตีมาฆ่าแม่เฒ่า คันทะนามกะเลยเอาดาบศรีขรรค์ซยั ต่อสู้ กับยักษ์ ยักษ์ยอมแพ้กะเลยเอาน�้ ำเต้าวิเศษให้ แล้วกะเลยบอกหม่องเสีย่ งค�ำ (ซ่อนทอง) ให้ฮู้ เทิงสองแม่ลกู เลยไปหาค�ำขุมนัน้ พอไปฮอดกะพ้อค�ำหลายบ่น้อย เฮ็ดให้สองแม่ลกู มีฐานะดีขน้ึ แล้วกะแบ่งค�ำนัน้ ให้ซาวบ้านน�ำซุคซู่ ุคน พอแต่ทา้ วคันทะนามอายุอานามได้ ๑๖ ปี ข่าวกะล�่ำลือว่าท้าวคันทะนาม ผูน้ ้ีสามารถปราบยักษ์ได้ ฮูไ้ ปฮอดหูขอเจ้าเมืองศรีสาเกตุ พระองค์กะเลยสังให้ ่ ไป เอาโตท้าวคันธนามมาเข้าเฝ้ า แล้วสังให้ ่ ทดลองหลก (ถอน) ต้นตาล ๒ ต้น ทีม่ นั ขวางทางอยู่ ท้าวคันทะนามกะหลกได้ แล้วกะเลยเหาะขึ้นเทิงฟ้ าอากาศแก่ง กกตาลอย่างเต็มแฮง พระยาศรีสาเกตุเห็นจังซั ่ นกะเลยแต่ ่ งตัง้ ให้คนั ทะนามเป็ น อุปฮาดแล้วกะเฮ็ดผาสาดให้เป็ นหม่องประทับอยู่ในเมือง ท้าวคันทะนามกะเลย พาแม่เฒ่ามาอยู่น�ำ แล้วกะเลยเอาน�้ ำเต้าวิเศษฮดลงในกายแม่เฒ่า แม่เฒ่านัน้ กะเลยเป็ นสาวงามจนเจ้าเมืองมาขอไปเป็ นมเหสี อยูม่ าฮอดมือ้ หนึ่ง ท้าวคันทะนามเลยขอลาแม่ไปน�ำหาพ่อ ท้าวคันทะนาม หย่างน�ำฮอยซ้างไปฮอดเมืองอินทปั ดถา ระหว่างทางกะไปพ้อซายฮ้อยเล่มเกวียน
50
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ก�ำลังลากเกวียน ๕๐๐ เล่ม ท้าวคัดทะนามเลยไปประลองโดยดึงเกวียนเล่มสุดท้าย ไว้ ซายฮ้อยเล่มเกวียนดึงบ่ได้กะเลยได้ประลองวิซากัน สุดท้ายซายฮ้อยเล่มเกวียน กะสูบ้ ่ได้เลยขอติดตามเป็ นทาส ต่อมากะไปพ้อซายไม่ฮอ้ ยกอ ท้าวคันทะนามกะ เลยไปประลองก�ำลังจับไม้ทก่ี �ำลังถืกลาก ซายไม้ฮอ้ ยกอเคียดเลยเกิดการต่าสู้ คันทะนามซะนะ ซายไม้ฮอ้ ยกอเลยยอมเป็ นทาส เทิงสามคนเดินทางไปน�ำหาพ่อ ของท้าวคันทะนาม ไปฮอดป่ าหิมพานต์ กะเลยแนมเห็นจินายโม้ก�ำลังขุดขวย ขี้ดนิ ฟ้ งข่วมน�้ ำโขงไปตกเลาะเมืองเวียงจันทร์ ท้าวคันทะนามเลยลงไปจับได้ ขาจินาโม้ดดี ขาเลยขาด ท้าวคันทะนามกะเลยเอาขาจินายโม้มาหาหมูเ่ ทิงสองคน แล้วพากันไปขอไฟอยูต่ บู ของยักษ์ สองคนนัน้ ถืกยักษ์จบั หาขา ท้าวคันทะนามกะ เลยเอาดาบศรีขรรค์ซยั ต่อสูย้ กั ษ์จงึ ยอมแพ้ แล้วกะเลยให้ไม่เท้าวิเศษ กกซีต้ าย ปลายซีเ้ ป็ น แล้วกะพิณวิเศษให้แก่ทา้ วคันทะนาม ท้าวคันทะนามกะเลยใซ้น้�ำเต้า ฮดหมูท่ งั ้ สองจังออกเดิ ่ นทางต่อไปได้ เทิงสามคนเดินทางมาฮอดเมืองขวางทะบุฮี กะพ้อว่าเป็ นเมืองฮ้างบ่มคี นอยู่ อาศัย หย่างไปกลางเมืองเลยไปพ้อกลองใหญ่หน่วยหนึ่ง เลยลองตีแล้วกะมีเสียง ฮ้องของแม่ญงิ ดังมาแต่ในกลอง กะเลยใว้มดี ปาดหน้ากลองออกเลยพ้อสาวงาม ซื่อว่า นางกองสี เป็ นลูกสาวเจ้าเมือง ที่เจ้าเมืองเอามาเสีย่ งไว้ให้ฮอดพ้นภัย จากงูซวง ส่วนว่าเจ้าเมืองกับเทิงไพร่พลซาวบ้านซาวเมืองถืกงูซวงกินเบิดแล้ว ย้อนว่าเจ้าเมืองแลซาวเมืองประพฤติผดิ ฮีตครองธรรม นางกองสีบอกว่า คันแม่น ดังไฟขึน้ งูซวงเห็นแล้วกะสิลงมาอีก ท้าวคันทะนามเลยก่อไฟกองใหญ่ให้หงุ่ ไปฮอด แถน งูซวงเลยพากันลงมาหลายบ่น้อยท้าวคันทะนามกับหมูท่ งั ้ สองคนเลยซ่อยกัน ฆ่างูซวงตายถิม่ เบิด ท้าวคันทะนามเลยเอาไม่เท้าวิเศษซุบซีวติ ซาวบ้านซาวเมือง ตลอดจนพระราซา กองกระดูกเทิงหลายกะหลบมามีซวี ติ คือเก่า พระราซาเลยดีใจ ยกเมืองขวางทะบุฮแี ลนางกองสีในแก่ทา้ วคันทะนาม ท้าวคันทะนามเลยให้ซาย ไม้ฮอ้ ยกอเป็ นฮุปฮาด ให้นายเกวียนฮ้อยเล่มเป็ นนายแสนเมือง อยูต่ ่อมาได้บ่ดน ท้าวคันทะนามกะต้องออกน� ำหาพ่อต่อไป เลยฝากเมือง ขวาง ทะบุฮไี ว้กบั หมูเ่ ทิงสอง แล้วกะไปฮอดเมืองจ�ำปานคร ได้นางสีไส ลูกสาว มหาเศรษฐีของเมืองนัน้ เป็ นเมีย ได้ลกู ซายน�ำกันผูห้ นึ่งซื่อว่า คัดซะเนก มือ้ หนึ่ง เจ้าเมืองจ�ำปานครได้เสด็จประพาศป่ าไม้ไปพ้อยักษ์ ยักสิจบั กิน พระยาจ�ำปาเลย
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
51
ขอซีวติ ไว้ แล้วสิให้มนุ ษย์กนิ มือ้ ละคน เจ้าเมืองเลยเอานักโทษไปไว้หอผีให้ยกั ษ์ จับกินมื้อละคน พอเบิดนักโทษเจ้าเมืองเลยคึดว่าสิยอมให้ยกั ษ์กนิ จะของเสีย ย้อนว่าคันแม่นไปเอาคนบ่มคี วามผิดมาให้ยกั ษ์กนิ กะสิบ่เบิดเวรเบิดกรรม พอฮู้ จังซั ่ น่ นางสีดา เป็ นลูกสาวกตัญญูฮคู้ ณ ุ พ่อเลยยอมอาสาไปให้ยกั ษ์กนิ แทน สุดท้าย พ่อเลยยอมก่อนไปอยูห่ อผีเป็ นอาหารยักษ์ เลยขอเฮ็ดบุญแจกทานให้แก่ซาวบ้าน ซาวเมือง พอแต่ทางฝ่ ายท้าวคันทะนามเห็นซาวบ้านซาวเมืองพากันฮ้องไห้ฮ่ำ� ฮอน เลยสงสัยแล้วไปถามเฮื่องฮาวน� ำแม่เฒ่ากะเลยฮูเ้ ฮื่องฮาวเทิงเบิดเลย ตกฮอด ยามเดิก ท้าวคันทะนามเลยเหาะไปหานางสีดาอยู่หอผีกลางเมือง แล้วปลอบ นางสีดาว่าบ่ตอ้ งย้าน พอแต่ยกั ษ์มาเถิงท้าวคันทะนามกะเลยฆ่ายักษ์ตาย แล้วเอา ซากยักษ์ไปถิม่ อยูห่ นองน�้ำ แล้วกะมาหานางสีดาอยูห่ อผีกลสงเมือง นางเลยขอให้ พาไปส่งอยู่ต�ำหนัก ท้าวคันทะนามเลยว่ามันบ่ดี ย้านซาวบ้านซาวเมืองเอาไป เว้าพื้นนินทาว่านางเฮ็ดมารยาคบซู้ ท้าวคันทะนามเลยลาเมือเฮือนด้วยความ ฮ�่ำฮอนใจ ก่อนสิจากกันท้าวคันทะนามเลยตัดผ้าแสนค�ำไว้ให้นางสีดาไว้เบิง่ แทน หน้า นางสีดาเลยเอาแหวนให้ตอบแทน เทิงสองเลยลาจากกัน ฝ่ ายทางพระยาเมืองนครจ�ำปาฮูเ้ ฮื่องเทิงเบิด กะดีใจ ฮูว้ ่าท้าวคันทะนาม เป็ นผูม้ บี ุญวาสนาดี มีฤทธิหลาย มีบุญญาธิการมาซ่อยบ้านเมืองจ�ำปานครไว้ได้ ์ เลยยกบ้านเมืองให้ปกครอง ให้นางสีดา ลูกสาวตนให้เป็ นมเหสีเบื้องขวา ให้ นางสีไล ลูกสาวมหาเศรษฐี เป็ นมเหสีเบือ้ งซ้าย พระยาจ�ำปานครกะเลยให้มกี าร คบงันสลองการขึน้ ตังนั ่ งครองเมื ่ องของท้าวคันทะนาม ต่อมาท้าวคันทะนามกะเลยล�่ำลาเจ้าเมือง เลยออกเดินทางพร้อมกับมเหสี ทัง้ สองแลซาวเมืองไปน�ำหาพญาซ้างฉัททันต์พอ่ ของตน ไปจนฮอดเขตป่ าหิมพานต์ กะได้พอ้ กับพ่อพญาซ้างฉัททันต์สมใจหมาย พญาซ้างเลยสังสอนลู ่ กซายหลายสิง่ หลายอัน แล้วยกงาให้คหู่ นึ่ง พอแต่ซา้ งพญาฉัททันต์ผพู้ อ่ เบิดอายุขยั ท้าวคันทะนาม เลยเมีย้ นกระดูกหลังฝั งกระดูกข้างพ่อของตน แล้วกะเลยขีซ่ า้ งหลบคืนเมือบ้าน เมืองจะของ
52
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๒. จำ�ปาสี่ต้น
ค้อมว่าสองกล่าวแล้วย้ายย่างลงเฮือน ก็จึ่งเถิงกองฟอนลูกตนมิซ้า
ก็บ่เห็นดูกแท้ทั้งถ่านไฟเผา
เห็นแต่ฮอยกองฟอนแผ่นดินดูแห้ม
ก็จึ่งหลิงเห็นต้นจำ�ปาทั้งสี่
เกิดออกตั้งแทนไว้ที่เผา
ก็หากดูงามล้นเป็นใบซ่อนกาบ
ง่าก่องค้อมใบซ้อยซื่นงาม
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
53
เนื้ อเฮื่อง เมือ่ นัน้ ยังมีเมืองใหญ่กว้าง ชือ่ เมืองจักขิน อันก้วงใหญ่ไพศาลและจ�ำเริญเฮืองฮุง่ ซาวเมืองซุผทู้ กุ คนอยูโ่ ฮมกันสุขซ�ำบายดี มีทา้ วจักขินเป็ นกษัตริยน์ งครองเป็ ั่ นเจ้าเมือง มีพระนางแก้วเทวีเป็ นพระมเหสี และมีพระธิดาซือ่ ปทุมา เป็ นผูม้ โี สมงามเกินกัวแม่ ่ ญงิ ใด มือ่ หนึง่ แนวบ่ดกี ะเกิดขึน้ กับซาวเมืองจักขิน ค่อมว่าพญาฮุง้ (พญาเอีย่ ว) สอง ตัวผัวเมียมาจับประซาซนกิน แล้วว่ากับซาวเมืองซุคนว่าอีก ๗ มือ่ สิมากินคนให้เหมิด เมือง เฮ็ดให้ทา้ วจักขินต้องเอิน้ เสนาอ�ำมาตย์มาซ่อยให้อย่างไวย้อนว่าสิป่าวฮ้องหา ผูแ้ ก้วก้ามาผาบนกยักษ์เทิงสองโต ไผกะซ่างทีเ่ ฮ็ดส�ำเร็จท้าวจักขินสิยกเมืองให้ครอง แต่วา่ ผ่านไปแล้ว ๓ มือ่ กะยังบ่มผี ใู้ ด๋อาสามาผาบนกยักษ์ ย้อนห่วงควมปอดไพเจ้าเมือง เหมิดทางสูก้ ะเลยเอานางปทุมาไปเสีย่ งไว้ในกลองในพระราชวัง ในทีส่ ดุ ฮุง่ ใหญ่กะจับคน กินเหมิด ว่าไปฮอดท้าวจุลนีแห่งปัญจานคร ได้ออกล่าสัตว์แล้วหลงเข้าไปในเมืองจักขิน กะเห็นเป็ นเมืองฮ้าง มีแต่ซากกระดูกกองอากลาก เลยไปตีกลองเอิน้ คนออกมาน� ำ เสียงกลอง กะได้ยนิ เสียงนางปทุมาฮ้องออกมาแต่ในกลองเลยเอานางออกมาจังซัน่ นางจังมี ่ อกี ซือ่ ว่า นางค�ำกลอง ท้าวจุลนีเลยได้นางเป็ นมเหสีคนทีส่ องต่อจากนางอัคคี คันนางปทุมาท้องกะได้ประสูตพิ ระโอรส ๔ องค์ นางอัคคีเอาผ้าผูกตา แล้วเอาลูกหมา มาเปลีย่ น เทิงใส่ควมนางว่าเป็ นซูก้ บั หมา ท้าวจุลนีกะเลยไล่นางออกจากเมืองไปเป็ นคน เลีย้ งหมู ทุกข์แฮง เทิงกายเทิงใจ ทางกุมารสีอ่ งค์ถกื นางอัคคีจบั ใส่ไหลอยน�้ำไปคาอยู่ สวนดอกไม้ ย่าจ�ำสวนพ้อกะเอาศพทังสี ้ ก่ มุ ารไปเผา หม่องกองฟอนทีเ่ ผานัน้ เกิดต้นจ�ำปา ขึน้ สีต่ น้ นางอัคคีสบื เสาะฮูเ้ รื่องอีกกะให้เสนามาหย่องถิม่ แล้วให้ลอยน�้ ำไป จ�ำปา เทิงสีต่ น้ ลอยไปฮอดอาศรมพระฤๅษี พระฤๅษีซบุ ซีวติ ให้ฟ้ื นเป็ นมนุษย์คอื เก่าแล้วสอน อาคมต่าง ๆ ให้ กุมารเทิงสีค่ นกะไปสูซ้ นะยักษ์มารและมนุษย์ ได้เมืองขึน้ มาหลาย แล้วทีนก้ี ะเมือมาหาย่าจ�ำสวน แล้วออกท่องน�ำหามารดาจนพ้อกัน เลยเว้าเรือ่ ง ทังเหมิดสูแ่ ม่ฟัง คันฮูว้ า่ กุมารทัง้ ๔ องค์ เป็ นลูกเจ้าของกะดีใจหลายแล้วแม่ลกู ๕ คน กะไปเข้าเฝ้าท้าวจุลนี กุมารได้ทลู ความจริงทังหมดให้ ้ เพิน่ ฮู้ ท้าวจุลนีกะดีใจว่าลูกเจ้าของ บ่แม่นลูกหมาคือแนวนางอัคคีวา่ เลยให้กมุ ารทัง้ สีข่ น้ึ ครองราชย์สมบัตติ อ่ จากเจ้าของ ทางนางอัคคีถกื ลงโทษให้เป็ นทาสเลีย้ งหมูซดใซ้กรรม
54
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๓. ท้าวยี่
ถัดนั้น ท้าวยี่ต้าน ตามแต่คำ�มัก กูก็อยากทรงนครหลวง นั่งปองเป็นเจ้า ให้มีทั้งเวียงหลวงพร้อม แสนวาคุงเมฆ ผาสารทตั้ง ทรงเท่าแปดหลัง ให้มีทั้งเสนาพร้อม พลกือแสนโกฏิ์ มาแวดล้อม แฝงเฝ้าซู่ยาม ให้มีทั้งเทวีพร้อม สาวสนมหกหมื่น มานั่งล้อม แฝงเฝ้าซู่ยาม กูจักเชยชมซ้อน นางงามหกหมื่น คำ�ทุกข์ไฮ้ บ่มีฮู้เมื่อคีง แท้แหล้ว
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
55
เนื้ อเฮื่อง กล่าวเถิงเมืองจ�ำปา มีทา้ วเกิดในตระกูลซาวไฮซาวนา เพิน่ ซื่อว่าท้าวยี่ พ่อเพิน่ นันซื ่ ่อสุดโท เพิน่ มีอา้ ยซื่อท้าวย่า ย่างเข่าเดือนหกยามฝนฮอดฤดูเฮ็ดนา พ่อเพิน่ กะพาลูกซายทัง้ สองออกไปเฮ็ดนาคือทุกปี อยูเ่ ทิงถียงนาน้อยเหลียวเบิง ข้าวเขียวเต็มท่ง พ่อลูกเว่าจาว่าอากาศดีแบบนี้คดึ อยากได้อหิ ยังหลายทีส่ ดุ ผูพ้ อ่ แฮกเฮิม้ เว่า “พ่ออยากได้ขา้ วเหนียวฮ้อน ๆ ปลาแดกบอง มีบกั เขือเป็ นผักคุย้ สิกนิ ให้อม่ิ หน�ำใจ” ท้าวย่าเว่าว่า “ลูกอยากได้ขา้ วจีป่ ั น้ ซ�่ำคันแทนา ทาไข่ มีน้�ำอ้อย ยัด ใส้ สิน อนกิน ให้ส� ำ ราญใจ” ฮอดท้า วยี่บ ัด เว่ า ว่ า “ลู ก อยากได้เ ป็ นราชา ครองเมือง มีปราสาท ๘ หลัง อ้อม ๆ มีอำ� มาตย์เสนา ข้าทาสบริวาร ๖๐,๐๐๐ นาง” พอท้าวยี่เว่าจบลงท่อนัน้ ผู้พ่อกะฮ่ายว่าเว่าเกินฐานะ บ่รู้จกั เจียมโตเจ้าของ พร้อมทัง้ ฟาดสังสอนไป ่ ท้าวยี่แล่นไห้ไปหาแม่ พอแม่ฮู้เรื่องแม่กะฮ่ายอีกว่า เป็ นคนสามหาวบ่เจียมเนื้อเจียมโตแถมยังฟาดซ�้ำอีก ท้าวยีบ่ ม่ หี ม่องเพิง่ เลยแล่น ไปหาลุงอยูบ่ า้ น ลุงกับป้ าฮูเ้ รือ่ งเพิน่ กะโอ๋กะออยเอาแล้วฮับมาอยูน่ �ำกัน พร้อมทัง้ สูข่ วัญอวยพรให้ได้รบั ในสิง่ ทีอ่ ยากได้ พร้อมทัง้ ให้ควายเผือกไปดูเลีย้ ง ๑ โต จักกล่าวเถิงพระยาล้าน�้ำแห่งเมืองเป็ งจาล พระมีไก่ขาวคูบ่ ารมี ไก่โตนี้เป็ น ไก่วเิ ศษ ทุก ๓ ปี สิขนั เที่ยหนึ่ง บันดาลให้ฝนแก้วมณี ๗ ประการ ตกลงมา ทัวเมื ่ อง จึงเฮ็ดให้เมืองเป็ งจาลอุดมสมบูรณ์ ซาวเมืองบ่มผี ูย้ ากจน แต่มาบัดนี้ พระเกิดประซวรกระทันหัน หมอหลวงเพิน่ รักษาโดยยาอิหยังกะบ่หาย โหรหลวง เลยท�ำนายว่าต้องได้ควายเผือกมาเป็ นสัตว์คบู่ ารมี อาการประซวรจังจะเซาขาดได้ ่ เมื่อ ได้ฮู้ว่า มีค วายเผือ กโตหนึ่ ง อยู่ใ นเมือ งจ�ำ ปา พระจึง สังให้ ่ อ�ำ มาตย์ไ ปซื้อ ควายเผือกโตนัน้ มาเดีย๋ วนี้ พออ�ำมาตย์กบั พวกเดินทางไปฮอดเมืองจ�ำปากะฟ่ าว ไปเฮือนท้าวยี่เพื่อขอซื้อควายเผือก ท้าวยี่ได้ถามว่าสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเป็ งจาล คือสัตว์อหิ ยัง เมือ่ ท้าวยีฮ่ วู้ า่ เป็ นไก่ขาว ก็ขอแลกควายเผือกกับไก่ขาว อามาตย์ กับพวกบ่สามารถตัดสินใจได้ เลยเชิญให้ทา้ วยีเ่ ดินทางไปเมืองเป็ งจาล เข้าเฝ้ า พระราชาและทูลขอโดยเจ้าของเอง ท้าวยีก่ บั ลุงจึงได้ออกเดินทางไม่เมืองเป็ งจาล พร้อมกับควายเผือก ยางโดนแรมเดือนจึงเข้าเขตปลายแดนเมืองเป็ งจาล ได้หยุด
56
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
เซาเหมือ่ ยอยูเ่ มืองปลายแดนนัน้ หม่องเมืองปลายแดนมีเศรษฐีผหู้ นึ่งผูร้ กั ษาเมือง เศรษฐีผนู้ นั ้ มีลกู สาวงามซื่อว่าบัวไข มาอายุ ๑๕ ปี ตกดึกยามค�่ำในมือ่ นัน้ หลังกินข้าวแลง ท้าวยีก่ ็ไปเที่ยวซอมเบิง่ ผูส้ าวเมืองเข็นฝ้ าย (ปั น่ ฝ้ าย) ท้าวยีด่ ดี พิณเสียงม่วนไพเราะเฮ็ดให้ผสู้ าวมักผูส้ าวหลง มีการจ่ายผญาเกีย้ วโต้ตอบ กับผูส้ าวอย่างม่วนซืน่ เบิดคืน ยามเช้ามีคำ� ซ่าเรือ่ งผูบ้ า่ วต่างเมืองผูม้ เี สน่ห์ รูปหล่อ เจ้าคารมของท้าวยี่ ก็ได้ยนิ ไปฮอดหูสาวบัวไข นางอยากพ้อจึงให้ทา้ วยีม่ าพ้อ อยูป่ ราสาท ท้าวยีบ่ ่ไปพ้อเพราะถือว่าเจ้าของเป็ นคนจน สาวบัวไขเลยน้อยใจว่า ท้าวยี่บ่ให้ความสนใจเลยเข้าไปหาผู้พ่อ เศรษฐีกะได้เตือนลูกสาวว่าเจ้าของ เป็ นหญิงบ่ควรนัดผูช้ ายมาพ้อ ผิดฮีดคองประเพณี ควรรักนาลสงวนโต เรือ่ งคูค่ รอง เป็ นเรือ่ งของบุญกรรมเก่าคราวหลัง ท้าวยีเ่ ป็ นผูม้ บี ญ ุ วาสนาสูงเป็ นคนทีพ่ ระราชา เชิญให้เข้าเฝ้ า เป็ นหยังคือไปเชิญแขกอันมีศกั ดิใหญ่ ์ มาพ้อเจ้าของ เจ้าของสมควร ที่จะไปพ้อเขาจังถื ่ กต้อง เพื่อเป็ นการไถ่โทษจึงให้เตรียมเครื่องขอขมาไว้แล้ว เศรษฐีก ะพาลูก สาวพร้อ มขบวนบริว ารซ้า งไปอัญ เซิญ ท้า วยี่ใ ห้เ ป็ น เจ้า เมือ ง แต่ทา้ วยีบ่ ่รบั เป็ นเจ้าเมือง แต่ยอมรับสาวบัวไขเป็ นเมีย เศรษฐีกะได้จดั พิธดี อง ให้ทงั ้ สองในสองมื่อถัดมา เวลาผ่านไป ๗ มื่อ ท้าวยี่ก็ขอล�ำลาเมียกับพ่อตา เดินทางเข้าเมืองเป็ งจาล เพือ่ เข้าเฝ้ าเพระราชาตามประสงค์ ออกเดินทางไปบ่โดน กะฮอดเมืองเป็ งจาล อ�ำมาตย์กะให้เซาอยู่หม่องสนามชัยแล้วเข้าเฝ้ ากราบทูล พระราชาให้ทราบฮู้ ซาวเมืองพากันแตกตืน่ มาเบิง่ ควายเผือก บัดเข้าเฝ้ าพระราชา พระองค์ซน่ื ซมยินดีในควายเผือกโตนัน้ หลาย ท้าวยีจ่ งึ ทูลขอแลกกับไก่ขาวพระองค์ พระราชาได้ให้สญ ั ญาว่าอีก ๗ มื่อ พระราชาเซาจากอาการประชวร เลายินดี สิแ ลกกับ ไก่ ข าว เซ้า มา ซาวเมือ งพากัน ประกอบพิธีสู่ข วัญ พระราชาให้เ ซา จากอาการประชวน เวลาผ่านไป ๗ มือ่ พระราชากะเซาจากอาการประชวรอิหลี เดิกมื่อที่ ๗ – ๘ ควายเผือกกะส�ำแดงฤทธิโดยการถ่ ายมูลออกมาเป็ นแก้วมณี ์ ๗ ประการ พระราชาเพิน่ พอพระทัยอย่างคัก กะเลยตกลงแลกควายเผือกกับ ไก่ขาวให้ทา้ วยีไ่ ป ท้าวยีก่ บั ลุงกะได้ลาพระราชากลับบ้าน พอฮอดบ้านซาวบ้าน กะบากันมาหุม่ เบิง่ ไก่ขาว เสียงแตกแซว ๆ สาธุต่อบารมีของท้าวยีก่ บั ความงาม ของไก่ขาว ยามเช้าท้าวยีไ่ ด้ไปประกอบพิธรบูชาไก่แล้วตัง้ จิตอธิฐานของให้ฝนแก้ว
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
57
มณี ๗ ประการ ตกลงทัวเมื ่ อง ไก่ได้ขนั ขึน้ ๓ เทือ่ เฮ็ดให้ฝนแก้วมณีตกทัวเมื ่ อง ชาวเมืองพากันเป็ นเศรษฐีกนั เบิดสุคน บ่มคี นยากคนจน จากนัน้ ท้าวยีก่ ะได้อำ� ลา เศรษฐีและพาบัวไขกับบริวารส่วนหนึ่งไปสร้างเมืองใหม่ ออกเดินทางไปได้หลายมือ่ กะไปพ้อหม่องดีทม่ี แี ม่น้�ำสายใหญ่ ป่ ากว่างขวาง กะเลยหยุดประกอบพิธอี ธิษฐาน สร้างบ้านเมือง ไก่ขาวขันขึน้ ๓ เทือ่ พอมิดเสียงไก่กะเป็ นเมืองขึน้ มาทันที อ่านอวยมากล่าวเถิงเมืองต่าง ๆ เมือ่ ฮูถ้ งึ กิตติศพั ท์คำ� ซ่าของท้าวยีก่ ย็ กทัพ เพือ่ ชิงเอาเมืองล้อมเมืองเอาไว้ ท้าวยีจ่ งึ ท�ำพิธบี ชู าไก่อธิษฐานให้ฝนแก้วมณีตก และขอให้เจ้าเมืองต่าง ๆ ได้เป็ นมิตรให้ความเคารพนับถือตน พระราชาทัง้ ๘๔,๐๐๐ องค์ เห็น ความมหัศ จรรย์แ บบนั น้ ก็ต่ า งชื่น ชมในบารมีข องท้า วยี่ ได้สวามิภกั ดิต่์ อท้าวยี่ แม้แต่เมวดาก็พากันชืน่ ชมและยินดีน�ำ พระราชาเมืองต่าง ๆ ก็ขนสมบัตริกลับคืนเมืองของตนไป ต่อมาท้าวยีก่ ะได้ให้ลุงกลับไปรับป้ า พ่อแม่ พีน่ ้องมาอยู่น�ำกัน แล้วปูนบ�ำเหน็จให้ได้เป็ นใหญ่เป็ นโตกันถ้วนหน้า รวมไปทัง้ พ่ อ ตา แล้ ว ให้ เ ฮ็ ด แนวกิ น ที่ แ ซบที่ สุ ด ให่ พ่ อ กั บ อ้ า ยที่ เ พิ่ น เคยอยากกิ น พระยาธรรมิกราชหรือท้าวยี่ บ�ำเพ็ญทานบารมีสุม่อื บ่มขี าด รักษาศีล ๕ สุม่อื รักษาศีลอุโบสถในวันพระ ต่อมาบ่โดนนางบัวไขกะได้คลอดลูกผูห้ นึ่ง พออายุได้ ๑๖ ปี ท้าวยีก่ ะได้มอบเมืองให้ผเู้ ป็ นลูกช้ายปกครองสืบมา เมือ่ เพิน่ สิน้ อายุไขได้ ไปเกิดเทิงสวรรค์ชนั ้ ดาวดึงส์
58
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๔. ปาจิต - อรพิม
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
59
เนื้ อเฮื่อง ดนมาแล้ว กษัตริยข์ อมพระองค์หนึ่งมีโอรสซือ่ ท้าวปาจิต คันอายุได้ ๖ พรรษา พระราชบิดาสิจดั การอภิเษกให้ขน้ึ ครองราชย์ตอ่ แล้วกะสิหาราชธิดาจากเมืองต่าง ๆ มาให้เลือกพร้อม พระราชโอรสกะบ่ประสงค์ หมอมอทวยว่าคูข่ องเพิน่ อยูใ่ นท้อง แม่ฮา้ งอนาถา ให้ทา้ วปาจิตท่องไปทิศตะเว็นออกแล้วสิพอ้ แม่ฮา้ งผูน้ ัน้ โดยสิม ี ลักษณะให้เบิง่ ได้คอื สิมตี ะเว็นโค้งเป็ นเงาอยู่เทิงหัว ท้าวปาจิตกะออกย่างหา แม่ฮ้างผู้นัน้ จนว่าพ้อนางบัวคนบ้านสัมฤทธิ ์ ยังมีท้องอยู่มลี กั ษณะตามแนว หมอมอได้ทวยไว้ กะเลยฝากโตเป็ นข้าฮับใซ้ คันนางบัวออกลูก กะเป็ นแม่ญงิ มีลกั ษณะดี กะให้ซ่ือว่านางอรพิม ท้าวปาจิตกะซ่อยนางบัวเลี้ยงจนใหญ่เป็ น สาวฮูปโฉมงามหลาย บัดนี้ทา้ วปาจิตลาเมือบ้านเมืองไปจัดขันหมากมาขอ พัดว่าขันหมากมาฮอด บ้า นกงรถ กะฮู้ค วมว่ า ท้า วพรหมทัต มาลัก โตนางอรพิม ไปแล้ว ท้า วปาจิต เสียพระทัยแฮงเลยเจิดขันหมากถิม่ ลงน�้ ำเหมิด ท้าวปาจิตแฝงโตเข้าไปในผาสาท ท้าวพรหมทัตแล้วเฮ็ดอุบายฆ่าท้าวพรหมทัต แล้วท้าวปาจิตเอานางอรพิมหนีออก มาได้ แต่ระหว่างนัน้ ท้าวปาจิตถืกนายพรานหลอยฆ่าจนสิน้ พระชนม์ นางอรพิม เสียใจและเคียดหลาย กะเลยฆ่านายพรานให้ตาย แล้วนางกะซุบซีวติ ท้าวปาจิต จากยาวิเ ศษของเทวดา และออกท่อ งกัน ไปฮอดแม่น้� ำ หนึ่ ง อาศัย เณรให้ส่ง ข้ามฟาก เณรตั ๋วท้าวปาจิตให้ขน้ึ ฝั ง่ ก่อน แล้วจังตั ่ ๋วเอานางอรพิมให้หนีไปน� ำ นางอรพิมเคียดแฮงกะเลยออกอุบายตั ๋วให้เณรขึน้ ต้นเดื่อแล้วเอาหนามมาวางแผ่ อยูก่ กต้นเดือ่ นัน้ แล้วได้พายเรือหนีไป ย้อนว่าสิไปน�ำหาท้าวปาจิตแต่กะบ่พอ้ นางเลยอธิษ ฐานขอแปลงกายเป็ นผู้ซ าย ฝากหน้ า เอิก กับ โยนี ไ ว้อ ยู่ ต้นมะโฮงแล้วน� ำหาผัว จนว่าไปฮอดเมืองจ�ำปานคร นางอรพิมกะได้ปัวธิดา เจ้าเมืองจ�ำปานครให้ฟ้ื นจากอาการประชวร เจ้าเมืองจังยกพระธิ ่ ดาและเมืองให้ ปกครองแต่นางบ่เอา นางกะเลยออกบวช ศึกษาเล่าเรียนจนบรรลุธรรมเป็ นสังฆราช ของเมืองนัน้ แล้วนางได้สร้างศาลาและเขียนฮูปแต้มเรือ่ งราวของนางกับท้าวปาจิต ไว้ฝาศาลา และสังควมผู ่ ด้ แู ลไว้วา่ คันผูใ้ ดเบิง่ ฮูปหมูน่ ้ีแล้วฮ้องไห่ให้บอกให้นางฮู้
60
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ทางท้า วปาจิตได้ม าอาศัยกับตายายอยู่สวนหม่องนึ งดนเติบ บ่ได้ข่าว นางอรพิมเลย ท้าวปาจิตกะเลยขอลาตายายไปน� ำหานางอรพิม หมูเ่ ทพเจ้าเหล่า เทวดากะได้แปลงกายเป็ นนกแก้วมาซีท้ างให้ แล้วกะท่องไปฮอดศาลาทีน่ างอรพิม สร้างไว้ คันเห็นฮูปแต้มเทิงฝา ท้าวปาจิตกะไห่ฮ่ำ� ฮีฮำ� ฮอน เฮ็ดให้ได้พอ้ กับสังฆราช สังฆราชคันมันว่ ่ าผัวยังฮักยังซื่อกับเจ้าของอยู่ กะอาสาสิพาท้าวปาจิตไปพ้อกับ นางอรพิม สังฆราชเสิกและท่องไปพร้อมกับท้าวปาจิตจนฮอดต้นมะโฮง นางขอ อวัยวะคืนแล้วอธิษฐานขอคือเพศเป็ นแม่ญงิ คือเก่า นางว่าควมจริงให้ทา้ วปาจิตฟั ง ทัง้ เหมิด ทัง้ สองคึดขึน้ ได้วา่ ความทุกข์ยากในเทือนี้ มาแต่กรรมทีเ่ ฮ็ดไว้กบั พระเจ้า พรหมทัตกะเลยพากันไปปลงศพพระเจ้าพรหมทัตอยู่เมืองพาราณสีเป็ นการ อโหสิกรรม คันเสร็จพิธแี ล้วทัง้ สองเมือเมืองท่ามกลางควมยินดีของซุคน ทัง้ สอง ได้รบั การอภิเษกให้ครองเมืองและอยูอ่ ย่างสงบสุขสืบไป
62
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๕. ปลาบู่ทอง
บัดนี้ จักกล่าวก�ำ้ เถิงนางนาถเมียหลวงก่อนแหล่ว นับแต่ผว ั ใจพาลถีบ
นางลงน�้ำ นางก็มารณเมี้ยนตายไปดับชาติก่อน ซิมรมิ่งเมี้ยนใจเจ้าฮ�่ำคนิง นางก็คิดลูกน้อยคอยอยู่ทางเฮือน คิดอยากเอาปลาไปฝากอวนนางเอื้อย เจตสิดเจ้าคนิงเถิงปลาบู่ มรณาตเมี้ยนตายแล้วบ่ลืม นางนาถน้อยเลยเกิด เป็นปลาอาศัยคลองแม่นัททีวังน�้ำ เป็นแต่สมภารยู้บุญนางปางก่อน เคยได้ ก่อสร้างทำ�ไว้แต่หลัง
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
63
เนื้ อเฮื่อง ณ หมูบ่ า้ นหม่องหนึ่ง มีเศรษฐีชอ่ื ว่าทารก มีเมียอยูส่ องคนชือ่ ขนิษฐาและ ขนิษฐี นางขนิษฐาเป็ นเมียคนแรก มีลกู สาวชือ่ ว่านางเอือ้ ย นางขนิษฐีเป็ นเมียคนรอง เป็ นคนทีฮ่ า่ ยแฮง มีลกู สาวสองคน ชือ่ ว่านางอ้ายกับนางอี่ นางอ้ายกับนางเอือ้ ยเป็ นลูกคนละแม่แต่วา่ พ่อเดียวกัน กะเลยเฮ็ดให้หน้าตา คือกันแฮง จนเป็ นเหตุให้เกิดภัยฮ่ายในอนาคต มือ่ หนึ่ง นางขนิษฐากับเศรษฐีทารกได้ออกเฮือไปหาปลาน�ำกัน แล้วอากาศ ฮ้อนอบอ้าว กว่าสิได้ปลากะแสนยากล�ำบาก จนกระทังเศรษฐี ่ ทารกได้ปลาบูโ่ ตหนึ่ง นางขนิษฐาจังลั ่ กปล่อยลงน�้ ำ เศรษฐีทารกเคียดหลาย คว้าไม้พายได้จบั ฟาด เมียเจ้าของตกลงน�้ำตาย นางขนิษฐีฮเู้ พิน่ แฮงดีใจเพราะว่าผัวสิฮกั เพิน่ ผูเ้ ดียว พอแม่นางเอื้อยตายนางขนิษฐีกะได้แกล้งนางเอื้อยสารพัดต่าง ๆ นา ๆ จนกระทังนางขนิ ่ ษฐากลับชาติมาเกิดเป็ นปลาบู่ทอง นางเอือ้ ยกะดีใจอย่างหลาย เมือ่ ฮูว้ า่ ปลาบูโ่ ตนันเป็ ่ นแม่เจ้าของ จากทีเ่ คยโศกเศร้ากะยิม้ ตลอดเวลา อารมณ์ดี เพราะว่าคิดฮอดแม่แล้วกะมาหาแม่อยู่ท่าน�้ำสุม่อื เป็ นเวลาหลายอาทิตย์ทเ่ี อือ้ ย มาหา มาเว่า มาคุย ไถ่ถามสารทุกข์สขุ ดิบอยูท่ กุ มือ่ จนอ้ายกับอีจ่ บั ได้ จังได้ ่ แอบ จับปลาบู่ทองให้นางขนิษฐาฆ่าแกงให้ผวั กิน เหลือไว้แต่เกล็ดสีทองทีเ่ ป็ ดโตหนึ่ง คาบมาให้ นางเอื้อยกะได้เอาเกล็ดปลาไปฝั ง เกล็ดปลาบู่กะได้กลายเป็ นต้นบักเขือ นางเอื้อยกะดีใจแล้วกะมาหาแม่ทุกมื่อ จนอ้ายกับอี่จบั ได้อกี กะมาท�ำลายกก บักเขือตายอีก นางเอื้อยกะได้เอาเม็ดบักเขือไปฝั ง่ อีกแล้วเกิดเป็ นต้นโพธิทอง ์ ทีง่ ามและบ่มผี ใู้ ด๋กล้าเฮ็ดแม่เอือ้ ยอีก มือ่ หนึ่ง ท้าวพรหมทัตได้เสด็จประพาสหมูบ่ า้ นของนางเอือ้ ย ได้พอ่ เอือ้ ย กับต้นโพธิ ์ทองกะทรงพอพระทัย และได้ขออนุ ญาตครอบครัวของเอือ้ ย ขอเอือ้ ย ไปเป็ นมเหสีอยูใ่ นวัง พร้อมกับต้นโพธิทอง ์ ได้สร้างความบ่พอใจให้กบั อ้ายและอี้ แล้วกะนางขนิษฐีอย่างหลาย บาดเศรษฐีบ่อยู่หลายเดือน นางขนิษฐีกะคิดแผนก�ำจัดนางเอื้อย โดยให้ นางเอื้อยกลับเฮือนมาเบิง่ พ่อที่ป่วยที่ใกล้สติ ายแล้ว นางเอื้อยหลงเซื่อกะตาม
64
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
มาบ้าน นางอีไ่ ด้เตรียมกับดักไว้ให้นางเอือ้ ยย่างขึน้ บ้านแล้วตกกระทะน�้ำฮ้อนตาย ใต้ล่างเฮียน นางเอื้อยมาฮอดด้วยความฟ่ าวกะตกกระทะน�้ ำฮ้อนตาย นางอ้าย ทีห่ น้าตาคล้ายนางเอือ้ ยเลยปลอมโตเข้าไปในวังแทนนางเอือ้ ย เฮ็ดโตในวังบ่ถกื มาลัยกะบ่เคยฮ้อยถวายท้าวพรหมทัตคือเก่า คนในวังกะเลยสงสัยแล้วกะแปลกใจ ต่อมานางเอื้อยได้เกิดเป็ นนกแขกเต้า บินไปหาท้าวพรหมทัต นางอ้าย จับได้กะเอาไปให้แม่แกงให้กนิ แต่นกนัน่ บินไปลี่อยู่ฮูหนู แล้วบินไปเพิง่ ใบบุญ พระฤๅษี เพิน่ กะได้แปลงโฉมชุบโตให้กลายเป็ นนางเอื้อยคือเก่าแล้วชุบลูกให้ นางเอื้อยเลี้ยงพร้อม ลูกนางเอื้อยกะได้ส่อเกี่ยวกับพ่อของเจ้าของเอื้อยกะเล่า ให้ฟังว่า อ้ายเพิน่ ปลอมตนเป็ นแม่แล้วไปสวมฮอยแทนแม่ ลูกนางเอือ้ ยแค้นเลย ได้ลกั ไปหาท้าวพรหมทัตในวัง แล้วทูลความจริงให้ทา้ วพรหมทัตฮู้ ท้าวพรหมทัต เลยได้ฮบั โตเอื้อยเข้ามาอยู่ในวัง อ้ายฮูว้ ่าเอื้อยกลับมาแล้วบ่ฮูส้ เิ ฮ็ดจังใด๋ ่ กะเลย ชิงฆ่าโตตายก่อน แต่ทจ่ี ริงเอื้อยเพิน่ กะทูลขอชีวติ อ้ายกับท้าวพรหมทัตไว้แล้ว ต่อมาเมืองพาราณสีกะอยูอ่ ย่างเป็ นสุขเรือ่ ยมา
66
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๖. ผาแดง - นางไอ่
(อักษรธรรม ๘ ผูก วัดสุทธาวาส บ้านโสกใหญ่ ตำ�บลลือ อำ�เภอพนา จังหวัดอุบลราชธานี)
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
67
เนื้ อเรื่อง เริม่ เรือ่ งทีเ่ มืองสุวรรณโคมค�ำหรือเอกธีตา อยูท่ างทิศใต้ของเมืองหนองแส เมืองเอกธีตานี้มพี ระยาขอมเป็ นผูป้ กครอง มีนางจันทร์เป็ นมเหสี มีธดิ าสาวสวย คนหนึ่งซื่อว่านางไอ่คำ� พระยาขอมมีน้องซาย ๒ คน ให้ไปครองเมืองเชียงเหียน และเมืองสีแก้ว มีหลาน ๓ คน ให้ไปปกครองเมืองฟ้ าแดด เมืองหงส์ และเมืองทอง นางไอ่คำ� พออายุได้ ๑๕ ปี ก�ำลังเติบใหญ่เป็ นสาว ด้วยความงามกะเป็ นทีซ่ ่าลือ ไปทัวทุ ่ กทิศจนไปเข้าหูของท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง ท้าวผาแดงอยากเห็น จังขึ ่ น้ ขีม่ า้ แอบมาหานางไอ่ และได้เกิดความฮักต่อกัน ทัง้ สองได้สญ ั ญากันว่า สิมาสูข่ อแต่งงานกันตามประเพณี กล่าวเถิงยังมีอกี เมืองหนึ่งซื่อศรีสตั นาคนหุต มีพระยาสุทโธนาคครองเมือง มีโอรสซื่อภังคี พระยาสุทโธนาคนี้อพยพมาจากเมืองหนองแส เพราะผิดใจกับ สุวรรณนาคผูเ้ ป็ นเสีย่ วฮัก เนื่องมาจากสาเหตุการปั นเนื้อเม่น คือ สุทโธนาคบ่พอใจ เพราะได้ น้ อ ยคิด ว่ า สุ ว รรณนาคบ่ ซ่ื อ เลยเกิ ด การทะเลาะกัน เป็ นสงคราม จนพระอินทร์ต้องส่งเทพบุตรลงมาห้ามเศิก และได้แบ่งเขตปั นแดนให้ทงั ้ สอง ปกครอง คือ สุวรรณนาคปกครองฝั ง่ ใต้ สุทโธนาคครองฝั ง่ เหนือและตะวันออก โดยแบ่งลงไปสุดฝัง่ ทะเล นาคทัง้ สองจึงขุดคลองจากหนองแสลงสูท่ ะเล โดยสุวรรณ นาคขุด แม่น้� ำ น่ า นหรือ โพระมิง ตัง้ แต่ เ มือ งนัน ทบุ ร ี (จัง หวัด น่ า นในปั จ จุ บ นั ) ส่วนสุทโธนาคขุดแม่น้�ำโขง และตัง้ ต้นแต่เมืองศรีสตั นาคนหุตไป ฝ่ ายพระยาขอม ครัน้ เถิงกลางเดือนหกสิเฮ็ดบุญบัง้ ไฟทุกปี โดยบอกบุญ ไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ทีเ่ ป็ นบริวารให้เฮ็ดบัง้ ไฟมาฮ่วมจุดในงานบุญ ท้าวผาแดง บ่ได้รบั ข่าวบอกบุญจากพระยาขอมแต่ได้ยนิ จากทางอืน่ จังได้ ่ จดั บัง้ ไฟหมืน่ ไปฮ่วม จุดในงานบุญน� ำ พร้อมกันนี้กะได้พอ้ นางไอ่ค�ำอีกเทื่อหนึ่ง พระยาขอมต้อนฮับ ท้าวผาแดงเป็ นอย่างดี ส่วนในการจุดบัง้ ไฟ พระยาขอมได้ตกลงก�ำหนดไว้ว่า ถ้าบัง้ ไฟของผูไ้ ด๋ชนะ สิมอบทรัพย์สมบัตแิ ละนางสนมก�ำนัลให้ ส�ำหรับท้าวผาแดง นัน้ สิยกนางไอ่คำ� ให้เป็ นเมีย ฮอดเวลาจุดปรากฏว่าบัง้ ไฟของเมืองอืน่ ๆ ขึน้ เหมิด ส่วนของพระยาขอมบ่ขน้ึ (ซุ คือ จุดแล้วไม่ขน้ึ จากฐาน) และของท้าวผาแดง แตกกลางบัง้ แต่พระยาขอมก็เฉยเสียบ่ทำ� ตามสัญญา เจ้าเมืองต่าง ๆ จังพากั ่ น
68
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
กลับเหมิด ส่วนท้าวผาแดงกะกลับเมืองคือกัน พร้อมกับความทุกข์เพราะความรัก บ่สมหวังอันมาจากบัง้ ไฟบ่ขน้ึ บ่ชนะ ในงานบุญบัง้ ไฟนัน้ ท้าวภังคี ลูกพระยา ศรีสทุ โธนาคบ่ได้น�ำบัง้ ไฟมาฮ่วม แต่ได้แปลงกายมาในงาน และเกิดความหลงฮัก นางไอ่คำ� หลาย แต่บม่ โี อกาสเข้าใกล้นาง จังได้ ่ กลับบ้านไปด้วยความฮักเต็มหัวใจ ครัน้ เถิง เมือ งศรีส ัต นาคนหุ ต แล้ว ก็บ่ เ ป็ นอัน กิน อัน นอน อดรนทนอยู่ บ่ ไ หว จังขอลาพ่ ่ อคือพระยาศรีสุทโธนาค เพื่อกลับมาหานางไอ่ค�ำอีก พ่อได้ห้ามไว้ แต่ทา้ วภังคีกะอ้อนวอนขอมาจนได้ เมื่อมาถึงเมืองเอกธีตาหรือสุวรรณโคมค�ำ ท้าวภังคีได้แปลงกายเป็ นกระฮอกด่อน (กระรอกเผือก) ส่วนบริวารกะแปลงเป็ น สัตว์ กระฮอกด่อนภังคีหอ้ ยกระดิง่ ไว้ทค่ี อ ได้ปีนป่ ายเต้นไปตามต้นไม้ใกล้ปราสาท ของนางไอ่ค�ำสายตาสอดส่ายหานางไอ่ค�ำ นางไอ่ค�ำเห็นกระฮอกกะอยากได้ จึงให้คนไปตามนายพรานมาจับ นายพรานได้ยงิ กระฮอกด่อนด้วยศร ก่อนตาย กระฮอกด่ อ นได้ อ ธิษ ฐานว่ า “ขอให้ เ นื้ อ ข้า แซบ พอคนกิน ได้ เ หมิด เมือ ง” เมือ่ กระฮอกด่อนตายแล้วซาวเมืองกะปั นเนื้อกันกิน ยกเว้นแม่มา่ ย เพราะเขาถือว่า บ่ได้ช่อยหยัง ฝ่ ายบริวารของท้าวภังคีเห็นท้าวภังคีตาย กะฟ้ าวกลับไปบอก พระยาสุทโธนาค สุทโธนาคเคียดหลาย จังเกณฑ์ ่ ไพร่พลนับหมืน่ เพือ่ มาท�ำสงคราม กับพระยาขอม โดยตัง้ ใจว่าไผ๋กินเนื้อภังคีต้องเอาให้ตายเหมิด กองทัพนาค จัง่ มุ่ ง สู่เ มือ งพระยาขอมทัน ที ในขณะเดีย วกัน ท้า วผาแดงคิด ฮอดนางไอ่ ค�ำ จนทนอยูบ่ ไ่ ด้ จังฟ้ ่ าวขึน้ ม้าบักสามจากเมืองผาโพงสูเ่ อกธีตา เมือ่ มาถึงนางไอ่คำ� ก็ตอ้ นฮับพร้อมทัง้ แต่งอาหารมาสูก่ นิ ท้าวผาแดงฮูว้ า่ เป็ นเนื้อกระฮอกด่อนกะบ่กนิ บอกนางไอ่ค�ำว่ากระฮอกนี้บ่แม่นกระฮอกธรรมดา เป็ นท้าวภังคีแปลงตนมา ไผ๋กนิ เนื้อกระฮอกแล้วสิตอ้ งตายบ้านเมืองสิหล่มจม พอตกกลางคืนกองทัพนาคกะมาฮอด เฮ็ดให้แผ่นดินถล่มโครมครามไปทัว่ ท้าวผาแดงจังให้ ่ นางไอ่คำ� เก็บข้าวของทีพ่ อสิเอาไปได้ เช่น แหวน ฆ้อง และกลอง ประจ�ำเมือง ฟ้ าวพากันขึน้ ขีม่ า้ บักสามออกจากเมืองทันที พญานาคฮูว้ า่ ไอ่คำ� กิน เนื้อกระฮอกก�ำลังหนีจงติ ั ่ ดตามไป พร้อมกันนี้แผ่นดินกะหล่มไปบ่เซา นางไอ่คำ� ต้องโยนฆ้องและกลองถิม่ ตามทาง สุดท้ายกะโยนแหวนเพราะเข้าใจว่าพระยานาค ตามมาเอาของพวกนี้ แต่พระยานาคกะยังตามมาอีก ม้าบักสามกะค่อย ๆ เหมิดแฮง
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
69
พระยานาคตามมาทัน เอาหางเกี่ย วนางไอ่ ค� ำ ลงมาจากหลัง ม้า จมน�้ ำ หายไป ส่วนท้าวผาแดงกะขีม่ า้ หนีต่อไปอีก ส่วนบ้านไผทีไ่ ด้กนิ เนื้อกระฮอกกะสิหล่มจม ลงเป็ นหนองน�้ำขนาดใหญ่ คือ หนองหาน (จังหวัดสกลนครในปั จจุบนั ) นัน่ เอง เหลือแต่บา้ นแม่หม้ายทีบ่ ไ่ ด้กนิ เลยกลายเป็ นดอนแม่หม้ายจนทุกมือ้ นี้ ท้าวผาแดงกลับไปฮอดเมืองผาโพงแล้วเสียใจทีส่ ูญเสียคนฮักไปต่อหน้า ต่ อ ตา จัง่ อธิษ ฐานต่ อ เทพยดาว่ า สิข อตายเพื่อ ไปสู้เ อานางไอ่ ค� ำ กลับ คืน มา เมือ่ จบค�ำอธิษฐาน ท้าวผาแดงกะตรอมใจตายไปเป็ นหัวหน้าผี แล้วได้น�ำกองทัพ ผีไปต่อสูก้ บั พระยานาค กองทัพผีกบั กองทัพพระยานาคได้ตอ่ สูก้ นั อยูด่ น น�้ำในบึง ในหนองขุ่นข้น ดินกะกลายเป็ นขีไ้ ง่ (ฝุ่ น) ไปเหมิด ฮูฮ้ อดพระอินทร์ตอ้ งลงมา ระงับเศิกให้ทุกฝ่ ายตัง้ สติ แล้วให้คติเตือนใจว่า เหตุทงั ้ หลายเป็ นเพราะกรรมเก่า และให้เลิกแล้วต่อกัน ทุกฝ่ ายได้ฟังค�ำนัน้ แล้วกะเข้าใจในเหตุผล ต่างฝ่ ายต่างกะ อโหสิกรรมต่อกันด้วยดี
70
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๗. พะลัก - พะลาม
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
71
เนื้ อเฮื่อง แต่ก่อนกี้ยงั มีท้าวฮาบมะนาสวน (ราพณาสูร-ทศกัณฑ์) นัง่ เมืองลังกา ท้าวฮาบมะนาสวนคึดอยากเฮียนวิชาศาสตร์ศลิ ป์ กับองค์อนิ ทาเทวราช จึง่ ได้เหาะ ขึ้น ฟ้ าเข้า เฝ้ า ฮอดสวรรค์ ช ัน้ ดาวดึง ส์ พอแต่ อิน ทาไท้ฮู้เ หตุ ค วามประสงค์ กะบ่ ท านทัด คัด ค้า นหยัง สัก สิ่ง ค่อ มว่า ท้า วฮาบมะนาสวนมีท ศพิธ ราชธรรม ขอแต่วา่ อย่าไปเว้าอวดโอ้ ให้เอาวิชาความรูน้ ้ีไปใช้ในทางชอบ แล้วอินทาไท้จง่ึ ได้ สอนวิชาให้เหมิดเสีย่ ง จนท้าวฮาบมะนาสวนแปลงฮูปได้ มือ้ หนึ่งพระอินทร์บ่อยู่ ท้าวฮาบมะนาสวนแปลงเป็ นพระอินทร์เข้าในห้องนางสุชาดา เชยชมดมดอม นางสุชาดาจนอิม่ เต็มแล้วจึง่ ได้ออกไป บ่ทนั ดนพระอินทร์กะมาห้องนางสุชาดา นางเกิดความสงสัยเลยถามไปว่า พระองค์หวั แต่ไปบ่ดนคือคืนมาอีกแล้ว พระอินทร์ ได้ยนิ เกิดความสงสัยซักถามเบิง่ คักแล้วสูนให้ทา้ วฮาบมะนาสวนแฮง จังได๋ ่ กล้า เฮ็ดซัวปานนี ่ ้ ต่อมาพระอินทร์ฮวู้ า่ นางสุชาดาสิเหมิดบุญเทิงสวรรค์แล้ว จึง่ ให้นาง ลงไปเกิดในโลกมนุ ษย์ใช้หนี้กรรมทีเ่ ฮ็ดไว้ ต่อมานางปฏิสนธิในครรภ์ของมเหสี ท้าวฮาบมะนาสวน นางให้กำ� เนิดพระธิดาโสมงามคัก ท้าวฮาบมะนาสวนมีบญ ั ชา ให้โหรมาทวยเบิง่ ซาตาราศี โหรทวยว่าพระธิดาสิพาความเดือดร้อนมาให้บา้ นเมือง เผ่าพงศ์ยกั ษา พร้อมทัง้ ท้าวฮาบมะนาสวนกะสิมว้ ยมอดมรณาเทือ่ นี้ละ่ บ่ควรเลีย้ ง นางไว้ต่อไป ย้อนว่าฮักลูกสาวเลยบ่เชื่อค�ำโหร สังให้ ่ เอาพระธิดามาเบิง่ ลักษณะ ให้ดปี ระกอบค�ำท�ำนายอีกเทื่อก่อน ยามทีท่ า้ วฮาบมะนาสวนเข้าอุม้ ราชธิดาน้อย นัน้ เกิดเหตุการณ์บค่ าดคึดกะคือ ราชธิดาได้จบั มีดแทงพระบิดา ท้าวฮาบมะนาสวน สู น หลาย เห็น ดีง ามน� ำ ค� ำ ท� ำ นายของโหร สัง่ ให้น� ำ นางไปโผดให้ไ กลที่สุ ด เสนาอ�ำมาตย์ฟ้าวฝั ง่ ไปยังป่ าหิมพานต์ ได้อมุ้ พระธิดาไปวางไว้ในดอกบัวค�ำกลางสา ย้อนบุญญาธิการของนางเฮ็ดให้ฤๅษียา่ งมาผ่อ เก็บนางไปเลีย้ งอยูอ่ าศรม ให้ซ่อื ว่า “สีดาจันทะแจ่ม” ฤๅษีตนนี้ได้เนรมิตนิ้วมือให้นางดูดดื่มกินแทนน�้ำนมมารดา กาลเวลาผ่านพ้นไป นางสีดาจันทะแจ่มเจริญขวบได้ ๑๒ ปี แฮ่งนับมือ้ แฮ่งงาม ไปหน้ าบ่มหี ม่องติ ฤๅษีได้เลี้ยงดูนางดีสู่อย่างปานพ่อบังเกิดเกล้า ได้เนรมิต ผาสาทแก้วพร้อมกับทาสีไว้ บัวระบัตริ บั ใช้นางแก้วบ่หา่ งคีง
72
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
มีพรานผูห้ นึ่งเป็ นชาวเมืองลังกา ออกไล่ป่ามาหลายมือ้ แล้ว แต่กะบ่ได้พอโต จนว่าฮอดขวงเขตเข้าป่ าหิมพานต์ ได้พอ้ ฤๅษีกบั นางสีดาจันทะแจ่มโสมเสลาเกลา เกลีย้ งงามแท้กว่าไผ ได้เข้าไปถามว่านางเป็ นลูกเต้าเหล่าเชือ้ แม่นผูไ้ ด๋ ฤๅษีเว่าสู่ ฟั งว่า นางเป็ นลูกเลี้ยง ออกมาแต่ดอกบัวค�ำ พอแต่พรานต่าวเมือ ได้น�ำความ ขึน้ กราบบังคมทูลท้าวฮาบมะนาสวนว่าพ้อสาวงามปานนางฟ้ าอยู่ป่าหิมพานต์ อาศัยอยูก่ บั ฤๅษีผเู้ ป็ นบิดาเพียงสองคน ท้าวฮาบมะนาสวนพอฮูข้ า่ วความงามของ นางจากพรานป่ า กะออกเดินทางไปอาศรมของพระฤๅษี เข้าไปนมัสการฤๅษีพร้อม ทัง้ รับ สังว่ ่ า พระองค์เ ป็ น กษัต ริย์เ มือ งลัง กายิน ข่า วว่า ฤๅษีม ีธิด าผู้ง ามหลาย คิดอยากได้นางไปเป็ นเมีย ฤๅษีได้ฟังดังนัน้ ตอบว่าบ่ขดั ข้องแนวได๋ดอก แต่ขอให้ ท้าวฮาบมะนาสวนยกธนู ทอง คันมีบุญญาธิการพอเป็ นคู่ครองของนางกะอาจสิ ยกได้งา่ ย แต่ทา้ วฮาบมะนาสวนก็บอ่ าจยกธนูทองได้ เว่าฮอดเมืองศรีสตั นาค เจ้าเมืองมอดม้วยไปแล้ว ยังแต่มเหสีกบั โอรสอีก ๒ องค์ มีนามว่าพระลักกับพระลาม มีความลออบ่แพ้กนั ชาวประชาได้อภิเษกให้ พระลักและพระลามปกครองบ้านเมืองสืบต่อจากบิดา มือ้ หนึ่งมีพอ่ ค้าเดินทางมา แต่เมืองลังกา ได้กราบทูลถึงความงามของนางสีดาจันทะแจ่มทีอ่ ยู่ป่าหิมพานต์ พอแต่พระลักพระลามได้ฟังจังซั ่ น่ กะคึดอยากได้นางมาเป็ นเมีย พากันไปกราบลา พระมารดาแล้ว ทัง้ สองกะออกเดินทางออกไปจนกระทังฮอดอาศรมพระฤๅษี ่ ด้วยบุญญาธิการกับบุพเพสันนิวาส พระลามสามารถยกธนู ทองได้สำ� เร็จอย่าง ง่ายดาย พระฤๅษียกนางสีดาจันทะแจ่มให้เป็ นมเหสีของพระลาม แล้วจังได้ ่ พากัน ลีลาย้ายออกจากอาศรมไป แต่กะหนีบม่ ม้ สายตาพรานป่ าแห่งเมืองลังกา พรานป่ า ได้น�ำความไปกราบทูลท้าวฮาบมะนาสวนให้ทรงทราบ ท้าวฮาบมะนาสวนคิดแค้น ทัง้ เสียดายนางสีดาจันทะแจ่ม คึดหาอุบายเอาชนะให้ได้ โดยการเนรมิตเมืองขึน้ มาอย่างสวยงามกลางป่ า พอแต่สามกษัตริยย์ ่างผ่านมาฮอดผ้อคนผ่านไปมาอยู่ เมืองนี้ พระลามกะประหลาดใจว่าเป็ นหยังเมืองนี้คอื จังมาตั ่ ง้ อยู่กลางป่ าลึกจังซี ่ ่ ตอนมาคือจังบ่ ่ เห็น คิดว่าพวกผีพวกยักษ์แปลงขึน้ แท้ ๆ พระลามเลยยิงธนู ใส่ เพือ่ ท�ำลายเมืองเนรมิต ท้าวฮาบมะนาสวนได้แปลงกายเป็ นกาด�ำบินเซิน่ ไปเซิน่ มา พระลามกวดแก่งธนู กากะพาล้มตายบักหลาย ท้าวฮาบมะนาสวนคึดหาอุบายใหม่
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
73
เทือ่ นี้แปลงเป็ นกวางทอง นางสีดาจันทะแจ่มเห็นกวางทองแล้วกะอยากได้ ร้องขอ ให้พระลามจับกวางทองตัวนัน้ มาให้นาง พระลามจ�ำใจต้องย่างน�ำกวางทองโดย ฝากนางสีดาจันทะแจ่มไว้กบั พระลัก พระลามน�ำกวางทองไปแล้วยิงธนูใส่กวางทอง กวางทองจึ่งฮ้องเลียนเสียงของพระลามก่อนที่จะล้มลง พระลามเลยใช้มดี ตัว หัวกวางทองหิว้ กลับมา พระลักกับนางสีดาจันทะแจ่มได้ยนิ เสียงกวางร้องคิดว่า เป็ นเสียงของพระลามได้รบั อันตราย นางร้องขอให้พระลักออกไปซ่อยพระลาม ท้า วฮาบมะนาสวนคิด ว่ า เป็ นโอกาสดีจ ัง่ ได้ล ัก พาตัว นางสีด าจัน ทะแจ่ ม ไป ท้าวฮาบมะนาสวนพานางสีดาจันทะแจ่มเหาะผ่านเมืองพระยาครุฑทีเ่ ป็ นหมูข่ อง พระลักพระลาม พระยาครุฑพ้อเข้าเลยได้เข้าไปขวง โดยกางปี กบังแสงอาทิตย์ จนมืดมิด เพือ่ สิเข้าไปแย่งชิงเอาตัวนางสีดาจันทะแจ่มไว้ให้พระลาม ท้าวฮาบมะนาสวน ฮู้ว่ า พระยาครุ ฑ ย่ า นอิท ธิฤ ทธิพ์ ระธ� ำ มรงค์ ท่ีส วมอยู่ น้ิ ว นางสีด าจัน ทะแจ่ ม ท้าวฮาบมะนาสวนจึงถอดแหวนจากนิ้วของนางแก่งไปถืกปี กพระยาครุฑหัก เฮ็ดให้พระยาครุฑบินบ่ได้ แพ้ให้ทา้ วฮาบมะนาสวน ท้าวฮาบมะนาสวนเลยฟ้ าว พานางสีดาจันทะแจ่มเหาะหนี พอแต่ พ ระลามกลับ มาบ่ เ ห็น นางสีด าจัน ทะแจ่ ม กะได้อ อกน� ำ หาจนล้า กะบ่เห็น คิดว่าเสือช้างจับนางกินอยูก่ ลางป่ าบ่ซนกะพวกวิ ั่ ทยาธร พรานป่ าทีผ่ า่ น มาเห็นเข้าแล้วลักพานางไป พระลามเลยโทษว่าเป็ นความผิดของพระลักทีบ่ ่เบิง่ นางไว้ ปล่อยให้นางอยู่กลางป่ าผูเ้ ดียว พระลามเด็ดใบไม้แล้วจ่มมนตร์กะฮูว้ ่า นางสีดาจันทะแจ่มยังบ่ตาย ฝ่ ายพระลักได้เด็ดใบไม้มาจ่มมนตร์คอื กัน ย้อนอยาก ฮูว้ า่ นางถืกไผลักพาตัวไปไว้หม่องใด๋ จนฮูว้ า่ มีพระยายักษ์ทรงอิทธิฤทธิ ์ลักพานาง เหาะหนีไปทางทิศบูรพา พระลักพระลามจึง่ ขีม่ า้ มณีกาบเหาะน� ำไปทันที จนฮอด เมืองพระยาครุฑ พระยาครุฑเว่าเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ให้พระลักพระลามฟั ง ตนกะคึด เสียใจทีช่ ว่ ยนางไว้บไ่ ด้ พระลามได้ซ่อยรักษาปี กให้พระยาครุฑจนคืนมาดี บินได้ คือเก่า จึง่ ลาพระยาครุฑเดินทางน� ำหานางสีดาจันทะแจ่มต่อไป จนว่าเมื่อยล้า จังเซาพั ่ กอยูใ่ ต้ตน้ มณีโคตรทีก่ ำ� ลังออกลูกแดงสุกงามเต็มต้น ต้นมณีโคตรนี้มหี ง่า สามหง่า คือ หง่าที่ช้ไี ปทางทิศตะวันออก คันกินหง่านี้สผิ ูง้ าม หง่าที่ช้ไี ปทาง ทิศใต้ผใู้ ด๋กนิ สิกลายเป็ นลิง แล้วกะหง่าทีช่ ไ้ี ปทางทิศเหนือคันผูใ้ ดกินสิกลายเป็ น
74
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
นกกะยาง พระลักพระลามเห็นหมากมณีโคตรสุกงาม ย่อนหิวเลยปี นขึน้ ไปเก็บ หมากมณีโคตรกิน พระลามได้เก็บกินหมากทิศใต้เลยกลายเป็ นลิง ส่วนพระลักกิน หมากทางทิศตะวันออกเลยผูง้ ามกว่าเก่า พอพระลักเห็นพระลามกลายเป็ นลิง เลยนั ง่ ไห้ย่ อ นว่ า ลิโ ตนอ้า ย พระลัก ต้อ งอยู่ เ ฝ้ า ลิง พระลามในป่ านี้ ต่ อ ไปอีก ได้พยายามให้ลงิ พระลามกินหง่าทีช่ ไ้ี ปทางทิศตะวันออกสิได้กลับมาเป็ นคนคือเก่า แต่วา่ ลิงพระลามบ่ยอม ย่อนว่ายังมีกรรมเก่าเฮ็ดให้เหตุการณ์เป็ นจังซี ่ ่ เว่าเถิงฤๅษีอกี ตนหนึ่งมีวชิ าอาคมแก่กล้า คิดหวังแนวได่ได้เบิด อาศัยอยูใ่ น ถ�้ำมาดน คิดอยากมีเมีย ลงอาบน�้ำถูขไ้ี คลมาปั น้ เป็ นหญิงสาว แล้วฮ่ายมนตร์ให้หญิง สาวนี้กลายร่างเป็ นหญิงงามทีม่ ชี วี ติ จิตใจ ฤๅษีตงั ้ ชื่อให้ว่า “นางจันทะแจ่มอินทา“ ฤๅษีอยูก่ บั นางจันทะแจ่มอินทาในถ�้ำอย่างมีความสุข จนว่านางได้ก�ำเนิดบุตรีชอ่ื “นางแพงแก้วศรี” ยัง มี พ ระอาทิ ต ย์ ผู้ ม ี อ าคมล�้ ำ ลึ ก ได้ เ หาะมายัง ป่ าแห่ ง นี้ ได้ พ้ อ กั บ นางจันทะแจ่มอินทา ผูเ้ ป็ นเมียฤๅษี พอดีนางก�ำลังอาบน�้ ำอยู่นัน้ เห็นว่านางนี้ งามหลาย พระอาทิตย์ได้เว่าถามแต่นางบ่ยอมตอบพร้อมกับแล่นเข้าไปในถ�้ำ บ่ได้ บอกให้ฤาษีฮู้ พระอาทิตย์ลเ้ี บิง่ อยูใ่ กล้ ๆ ปากถ�้ำ พ้อว่ามีกอ้ นหินใหญ่ปิดปากถ�้ำ อยู่ พยายามซุ ก ท่ อ ได๋ ก ะเปิ ด บ่ ไ ด้เ ลยได้นั ง่ ซอมต่ อ ไป พอดีเ ป็ น ยามที่ฤ าษี สิตอ้ งออกไปหากินนอกถ�้ำ พอแต่ฤๅษีสอิ อกมาแล้วบ่คดิ ว่าในป่ าดงจังซี ่ ส่ มิ ผี ไู้ ด๋ มาฮอด จังฮ่ ่ ายมนตร์เสียงดังแล้วใช้มอื อยูก่ อ้ นหินใหญ่ปิดปากถ�้ำออกแล้วจังย่ ่ าง ต่อไป พระอาทิตย์จำ� มนตร์นนั ้ ได้เหมิด พระอาทิตย์เลยเปิ ดปากถ�้ำได้งา่ ย แล้วได้ นางจันทะแจ่มอินทาเป็ นเมีย ทัง้ สองลักลอบได้เสียกันจนนางจันทะแจ่มอินทาได้ ก�ำเนิดบุตรชายฝาแฝด ฤๅษีบ่ฮู้ว่าแฝดนี้บ่แม่นลูกจักของ ดีใจหลายมีลูกชาย ไว้สบื หน่ อแทนแนว พร้อมทัง้ ได้พร�่ำสอนเวทย์มนตร์คาถาต่าง ๆ ให้ลูกจนเบิด เสีย่ ง พอลูกชายแฝดเจริญวัยได้ ๑๒ ขวบ จึง่ ตัง้ ชื่อให้ผอู้ า้ ยว่า “สังคีป” น้องชื่อ “พะลีจนั ทร์” ทัง้ สังคีปกับพะลีจนั ทร์เรียนศาสตร์ศลิ ป์ กับฤๅษี จนสามารถเหาะเหิน เดินอากาศได้อย่างน่าอัศจรรย์ผดิ กับมนุษย์ธรรมดา ฤๅษีจง่ึ คึดสงสัยว่าลูกทัง้ สอง คนนี้ตอ้ งบ่แม่นลูกจักของคัก ๆ อีกทัง้ รูปร่างหน้าตากะเป็ นแปลก ได้เอาลูกสาม คนไปเสีย่ งทาย โดยอธิษฐานว่าสิโยนลูกทัง้ สามคนนี้ไปกลางแม่น้�ำ คันไผเป็ นลูก
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
75
จักของให้ว่ายน�้ ำกลับมา คันบ่แม่นให้ลอยน� ำน�้ ำไป ในทีส่ ุดสังคีปกับพะลีจนั ทร์ ได้ลอยน�ำน�้ำไป ส่วนนางแก้วแพงศรีลอยกลับมาหาฤๅษีผเู้ ป็ นพ่อ ฤๅษีจงแน่ ั ่ ใจว่า สังคีปและพะลีจนั ทร์บแ่ ม่นลูกจักของ จังเนรมิ ่ ตเมืองให้สงั คีปกับพะลีจนั ทร์แล้วพา นางแก้วแพงศรีกลับมาอาศรม พอแต่นางจันทะแจ่มอินทาบ่เห็นลูกชายฝาแฝด กลับมาจังถามหา ่ นางแก้วแพงศรีกะได้เว่าเรือ่ งให้แม่ฟัง นางฮูว้ า่ ฤๅษีหาทางก�ำจัด ลูกชายฝาแฝด นางเคียดแค้นหลาย จับนางแก้วแพงศรีดกึ ไปจนฮอดภูหน่วยหนึ่ง นางแก้วแพงศรีตอ้ งย่างป่ าผูเ้ ดียวจนว่าฮอดต้นมณีโคตร นางได้กนิ หมากมณีโคตร หง่าทางทิศใต้จนกลายเป็ นลิง ต่อมาลิงนางแก้วแพงศรีกบั ลิงพระลามได้สมสูก่ นั จนนางแก้วแพงศรีตงั ้ ท้องออกลูกมาเป็ นลิงเผือกชือ่ ว่า “หุลละมาน” (หนุมาน) ยังมีควายตัวหนึ่งมีกำ� ลังปานพระยาช้างสาร เป็ นพระยาแห่งควายทัง้ หลาย ในป่ านี้ช่อื ว่า ควายทัวระพี มีนางควายเป็ นบริวารเป็ นหมืน่ ๆ ตัว พระยาควาย มีค�ำสังต่ ่ อนางควายทัง้ หลายว่า คันนางควายตัวใดคลอดลูกตัวผูใ้ ห้ฆ่าทิม่ เบิด อยูต่ อ่ มาอีกหลายปี นางพระยาควายได้ตงั ้ ท้อง พอฮอดขวบนางได้ให้กำ� เนิดควาย ตัวผู้ ย่อนความรักความลิโตนบ่อยากฆ่าลูกนาง เลยน�ำลูกไปเสีย่ งไว้ในถ�้ำถ�้ำหนึ่ง แล้ว ใช้ห ิน ปิ ด ปากถ�้ำ ไว้ พอฮอดยามใกล้ค่�ำ นางจังหลอยไปเบิ ่ ่ง ลูก นางในถ�้ำ พร้อมทัง้ ป้ อนอาหารกับนม เฮ็ดจังซี ่ อ่ ยูส่ มู่ อ้ื จนมือ้ หนึ่ง ควายทัวระพีถามนางพระยาควายว่า เจ้าตัง้ ท้องพอคลอดแล้ว เอาลูกไปไว้ไส นางตั ๋วว่านางคลอดลูกก่อนฮอดขวบ ตอนนี้ลูกตายแล้ว ฝ่ ายผัว กะหลงเชื่อคึดว่าเว่าอีหลี หลายปี ผ่านไป ควายทัวระพีผูล้ ูกได้เติบโตเป็ นหนุ่ ม มีเขาทัง้ สองข้างยาวข้างละแปดวา ตัวใหญ่ ท่อช้างเก้าศอก มีแฮงหลายปาน พระยาช้า งสาร มัน อยากเห็น หน้ า พ่อ นางควายผู้เ ป็ น แม่ไ ด้อ ธิบ ายให้ฟั ง ว่า พ่อมีความโหดฮ้ายแล้วมีกำ� ลังมหาศาล ให้เจ้าใหญ่กว่านี้แข็งแรงกว่านี้กอ่ นแล้วแม่ สิพาไปหาพ่อเจ้า มือ้ หนึ่งควายทัวระพีผพู้ อ่ ย่างผ่านหน้าถ�้ำไปพร้อมกับนางควาย ตัว อื่น ๆ ควาย ทัว ระพีผู้ลูก แนมเห็น แต่ ไ กล คิด ว่า แม่น พ่อ จัก ของจึ่ง หลอย ไปแทกฮอยตีนพ่อ จนต่อมาฮอยตีนจักของใหญ่ทอ่ พ่อแล้ว ได้รอ้ งขอให้แม่พาไป หาพ่อ นางจังเว่ ่ าความเก่งกล้าของพ่อให้ลกู ฟั งว่า พ่อมีความสามารถมีแฮงหลาย กว่าสิมใี ผเทียบได้ ขอให้เจ้าหัดเลียนแบบพ่อจนเก่งสูอ่ นั สูแ่ นวก่อนแม่จงสิ ั ่ พาไป
76
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ต่อมาฝึกฝนจนเก่งกล้ามันใจในความสามารถของจั ่ กของแล้ว จึง่ ไปท้าให้พอ่ มาสู้ กับเจ้าของ จนควายทัวระพีถกื ลูกจักของฆ่าตาย ควายทัวระพีผลู้ กู พอแต่ฆา่ พ่อ ตายแล้วกะเกิดความฮึกเหิมได้ไปท้าสูก้ บั จอมปลวก ท้าสูก้ บั ต้นโพธิ ์ เทพารักษ์ ประจ�ำต้นโพธิ ์ได้สาปแช่งควายทัวระพีให้ตายย่อนของ้าวของมีคม ควายทัวระพี ย่ า งท้า สู้ร บไปเรื่อ ย ๆ จนบ่ ม ีใ ผอยากสู้น� ำ มีแ ต่ ค นสาปแช่ ง จนย่ า งไปฮอด เมืองสังคีปพะลีจนั ทร์ ควายทัวระพีได้ทา้ รบกับสังคีป ได้สกู้ นั อย่างเต็มแฮง บ่มใี ผ ยอมแพ้อ่ อ นข้อ ให้ก นั สุด ท้า ยได้ช วนกัน ไปสู้ใ นถ�้ ำ สัง คีป จึ่ง สังพะลี ่ จ นั ทร์ว่า ให้พะลีจนั ทร์ยนื คองอยูป่ ากถ�้ำ แล้วให้สงั เกตเบิง่ คันเห็นเลือดขุน่ ข้นสีแดงเข้มไหล ออกมา แสดงว่าเป็ นเลือดของควาย แต่คนั เป็ นเลือดสีแดงสดใส แสดงว่าเลือดของ สังคีป ให้พะลีจนั ทร์ปิดปากถ�้ำแล้วฟ่ าวหนีไป ระหว่างที่เกิดการสู้รบกันของ สังคีปกับควายทัวระพีในถ�้ำนัน้ ฝนได้ตกลงมาอย่างแฮง ยามนัน้ พะลีจนั ทร์เห็น เลือดแดงไหลปนกับฝนเป็ นสีแดงสดพอดี กะรูส้ กึ เสียใจทีส่ งั คีปแพ้ควายทัวระพี เลยฟ่ าวปิ ดปากถ�้ำแล้วย่างกลับเมือง แจ้งข่าวการตายของสังคีปให้ประชาชนฮู้ ทุกคนเศร้าโศกเสียใจ แล้วอัญเชิญให้พะลีจนั ทร์ขน้ึ ครองเมืองต่อไป พอแต่สงั คีปฆ่าควายทัวระพีตายแล้ว ได้ฟ่าวย่างออกมาฮอดปากถ�ำ้ เห็นว่า ปากถ�้ำปิ ดบ่แกบกะเลยออกมาได้ จึ่งได้กลับไปตัดเอาหัวควายทัวระพีมาโยน จนปากประตูถ้�ำแตกกระจายแล้วจึง่ ย่างกลับเข้าเมือง พอมาฮอดเห็นพะลีจนั ทร์ นัง่ อยูก่ บั นางสนมก�ำนัลกะสูน ไล่ตพี ะลีจนั ทร์ ย่อนความย่าน พะลีจนั ทร์กะฟ่ าว หนีออกจากเมืองไปอยูป่ ่ า เสียใจหลายไห้อยู่ ๔ เดือน จนน�้ ำตากลายเป็ นแม่น้�ำ ชือ่ “ยมนา” พระลักเฝ้ าลิงพระลามอยูใ่ ต้ตน้ มณีโคตรเป็ นเวลา ๓ ปี ได้พยายามล่อให้ ลิง พระลามกิน ผลมณี โ คตรหง่ า ที่ส ิก ลายเป็ น มนุ ษ ย์แ ต่ ก ะบ่ เ ป็ น ผล มื้อ หนึ่ ง ลิงพระลามได้มากินผลมณีโคตรหง่าทางทิศตะวันออก จังกลายร่ ่ างเป็ นมนุ ษย์ คือเก่า ทัง้ พระลักพระลามดีใจหลาย ทัง้ สองพีน่ ้องได้ออกน�ำหานางสีดาจันทะแจ่ม ต่ อ ไป ทิ่ม ลิง นางแก้ ว แพงศรีก ับ ลิง หุ ล ละมานสองแม่ ลู ก ไว้อ ยู่ ต้ น มณี โ คตร ยามที่เดินทางอยู่นัน้ พระลามรู้สกึ กระหายน�้ ำจึ่งให้พระลักไปฮ่ายน�้ ำใส่น้� ำเต้า มาถวาย พระลัก ได้พ้อ พะลีจ นั ทร์ฮ้อ งไห้อ ยู่ ถามจนได้ค วามว่ า สัง คีป ไล่ ฆ่า
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
77
พะลีจ นั ทร์ย่า นว่ า สิแ ย่ง ราชสมบัติ พระลัก ได้ช วนพะลีจ นั ทร์ไ ปเฝ้ า พระลาม พระลามถามความสมัครใจพะลีจนั ทร์วา่ สิไปน�ำกันหรือสิกลับไปครองเมืองสังคีป พะลีจนั ทร์ตอบว่าอยากไปครองเมือง ทัง้ อยากขอเพิง่ บารมี จังซั ่ น่ พระลักพระลาม พะลีจ นั ทร์จ่ึง ย่ า งไปเมือ งสัง คีป สัง คีป กับ พะลีจ นั ทร์ไ ด้สู้ก ัน แต่ บ่ ม ีผู้แ พ้ช นะ จนทังสองอ่ ่ อนล้า พระลามเลยฮ่ายมนต์เฮ็ดต�ำหนิ คือ เอาปูนมาแต้มเป็ นหมาย เทิงหลังพะลีจนั ทร์ เพื่อให้เห็นความแตกต่างกัน เพราะทัง้ สองคนเป็ นแฝดที่ คือกันหลาย ตอนทีก่ ำ� ลังต่อสูก้ นั อยูน่ นั ้ สังคีปถืกศรพระลามจนตาย พะลีจนั ทร์จง่ึ ได้ครองเมือง พระลามคึดฮอดลูกกับเมียทีเ่ ป็ นลิง จึง่ สังให้ ่ พระลักกับพะลีจนั ทร์ ไปน�ำลิงนางแก้วแพงศรีกบั ลิงหุลละมานเข้าเมือง นางแก้วแพงศรีจง่ึ กลายร่างเป็ น มนุ ษย์คอื เก่า ส่วนลิงหุลละมานยังมีกรรมเก่า บ่สามารถกลายร่างเป็ นมนุ ษย์ได้ คือจังแม่ ่ ยังเป็ นลิงด่อนคือเก่า พอนางแก้วแพงศรีกบั ลูกมาอยู่ในเมืองกับพระลักพระลามแล้ว พระลาม ได้ใช้ให้หลุ ละมานไปน�ำหานางสีดาจันทะแจ่มอยูเ่ มืองลังกา หุลละมานได้เหาะไป พ้อฤๅษีตาไฟ ได้ถามทางไปเมืองลังกา แล้วฟ่ าวเดินทางต่อไปจนฮอดเมืองลังกา ได้แปลงร่างเป็ นหนุ่มรูปงามเข้าไปเกีย้ วสาวเมืองลังกา จนพ้อนางสีดาจันทะแจ่ม ได้เว่าให้นางฟั งว่าพระลามบอกให้ฟ่าวพานางคืนเมือ ท้าวฮาบมะนาสวนฮูข้ า่ วว่า ลิงหุลละมานเข้ามาอยูใ่ นเมืองลังกา สังให้ ่ เสนาอ�ำมาตย์จบั หุลละมานฆ่า แต่บม่ ใี ผ เฮ็ดหยังหุลละมานได้ ท้ายที่สุดหุลละมานถืกบ้วงบาศของท้าวฮาบมะนาสวน พอจับได้ทา้ วฮาบมะนาสวนสังให้ ่ เอาไปฆ่าแต่หลุ ละมานกะบ่ตาย จึง่ วิธวี า่ คันสิฆา่ ให้ตายต้องเอาน�้ ำมันลูบน� ำขนให้ทวตั ั ่ วแล้วจุดไฟเผา เทื่อนี้หุลละมานจังได้ ่ เผา เมือ งลัง กาเป็ นเถ้ า ถ่ า น แล้ว กลับ ไปรายงานต่ อ พระลาม พระลามคิด ฮอด นางสีดาจันทะแจ่ม จังให้ ่ หุลละมานไปถามฤๅษีว่าสิไปทางใด ฤๅษีบอกให้ไป เบิง่ ในท้องปลาอานนท์ หุลละมานจึง่ เนรมิตให้บงั เกิดเป็ นพระอาทิตย์เจ็ดหน่ วย แล้ว ใช้ป ากคาบลอยเข้า ปากปลาไปในท้อ งปลา แล้ว คาบเอาต� ำ นานออกมา ในต�ำนานบอกทางข้ามน�้ำไปเมืองลังกา พระลามส่งสาส์นไปหาท้าวฮาบมะนาสวน ว่ า ให้ส่ ง นางสีด าจัน ทะแจ่ ม คืน ให้พ ระลาม คัน บ่ ส่ ง คืน สิย กกองทัพ มารบให้ เมืองลังการาบเป็ นหน้ากลอง ท้าวฮาบมะนาสวนได้ถามกลลวงของพระองค์กบั
78
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ท้าวเสตถะราช ท้าวเสตถะราชขอร้องให้บดิ าคืนนางสีดาจันทะแจ่มให้พระลาม ไปโลด บ่จงซั ั ่ นนางสิ ่ เป็ นเหตุให้เกิดการชักศึกเข้าบ้าน ท้าวฮาบมะนาสวนสูนหลาย จับท้าวเสตถะราชแกว่งไป แล้วท้าวฮาบมะนาสวนได้เหาะไปขอความซ่อยเหลือ จากพวกผียกั ษ์ ขอให้ซ่อยกันจับพระลักพระลามกับพะลีจนั ทร์กนิ เป็ นอาหาร พระรามเตรียมพลทหารเมืองสังคีปให้สร้างสะพานหินข้ามไปเมืองลังกา ตอนทีก่ ำ� ลังสร้างสะพานหินอยูน่ นั ้ หุลละมานได้แปลงร่างเป็ นปลาลอยน�้ำไปพ้อกับ นางมัสสา (มัจฉา) สมสูก่ นั ได้ลกู ออกมาชือ่ ว่าท้าวอุทธา (มัจฉาณุ) มีฤทธิ ์เดชคือ พ่อ พอหุลละมานกลับไปเฝ้ าพระลาม นางมัสสาน�ำหาผัวบ่พอ้ จังพาท้ ่ าวอุทธาไป กราบทูลท้าวฮาบมะนาสวนว่านางมีผวั ผูม้ อี ทิ ธิฤทธิได้ ์ วางแผนฆ่าพระลามด้วย การท�ำสะพานหินข้ามมาเมืองลังกา ท้าวฮาบมะนาสวนดีใจมีลูกเขยกับหลาน มีอทิ ธิฤทธิ ์คือกัน พญาครุฑคิดฮอดพระลามจังได้ ่ บนิ มาพ้อ พระลามซวนให้ซ่อยอีกแฮงหนึ่ง พระลามกับพญาครุฑไปหาท้าวเสตถะราชขอให้พระลามซ่อย ทัง้ ได้เว่าเรื่องที่ สิขวางความคิดของท้าวฮาบมะนาสวนให้พระลามฟั ง พระลามได้รา่ ยมนต์เสกเป่ า จนหายดีแล้ว จังได้ ่ พากันเดินทางต่อมาพ้อสะพานทีม่ คี นย่างข้ามไปมา แล้วสะพาน นี้กะปี้ นกลับเฮ็ดให้คนสัญจรไปมาตกน�้ำตาย ท้าวเสตถะราชได้พจิ ารณาเบิง่ จังฮู ่ ว้ า่ เป็ นลิน้ ของท้าวฮาบมะนาสวนบ่แม่นสะพานอีหลี หุลละมานได้ฟังจังฟ่ ่ าวเหาะไป หาท้าวฮาบมะนาสวนแล้วใช้ตนี เตะกะหง่อน เฮ็ดให้ลน้ิ ของท้าวฮาบมะนาสวนหลุด ตกสะพานไป ต่อมา พอสร้างสะพานแล้ว พระลามกะยกทัพเข้าเมืองลังกาได้ ได้ชนช้าง กับท้าวฮาบมะนาสวน ท้าวฮาบมะนาสวนแพ้แล้วได้ไปขอก�ำลังน�ำหมูช่ อ่ื โมกขะสัก มาซ่อยรบกับพระลาม พระลามถูกหอกโมกขะสัก หุลละมานต้องไปเทีย่ วหาเก็บ ยามาปั วพระลามจนเซาแล้ว พระลามได้ไปรบกับท้าวฮาบมะนาสวนอีก เทื่อนี้ พระลามสามารถผาบท้า วฮาบมะนาสวนได้ส� ำ เร็จ ได้เ วนคืน เมือ งลัง กาให้ ท้ า วเสตถะราชครองแทนพ่ อ ส่ ว นพระลามพานางสีด าจัน ทะแจ่ ม กลับ ไป เมืองศรีสตั นาค พร้อมทัง้ ให้พะลีจนั ทร์กลับไปครองเมืองสังคีปคือเก่า
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
79
ชาวเมืองศรีสตั นาคได้จดั พิธเี สกสมรสให้พระลักพระลามและนางสีดาจันทะแจ่ม ตามราชประเพณี พอแล้วพิธพี ะลีจนั ทร์ได้ลากลับเมือง พระลามใช้ให้พญาครุฑ ไปเก็บหมากมณีโคตรมาให้หุลละมานกิน พอหุลละมานกินหมากมณีโคตรแล้ว จังกลายร่ ่ างเป็ นมนุ ษย์รูปงาม จากนัน้ พระลามจังแจกจ่ ่ ายหมากมณีโคตรให้ ชาวเมืองกิน แล้วพญาครุฑได้ลากลับเมือง นางสีดาจันทะแจ่มกลับมาอยู่เมืองศรีสตั นาคกับพระลามอย่างมีความสุข จนนางทรงครรภ์ได้ ๓ เดือน มือ้ หนึ่งนางสนมก�ำนัลในอยากเห็นรูปร่างหน้าตา ของท้าวฮาบมะนาสวน นางสีดาจันทะแจ่มจังได้ ่ วาดรูปท้าวฮาบมะนาสวนให้เบิง่ พระลามมาพ้อเข้ากะสูนหลาย ย่อนคิดว่านางคิดฮอดท้าวฮาบมะนาสวน สังให้ ่ ประหารนางสีดาจันทะแจ่ม พระลักฮูว้ ่านางสิให้ก�ำเนิดเลือดเนื้อเชือ้ ไขพระลาม คิดลิโตนจังพานางไปอาศรมฤๅษี ่ ผูเ้ ป็ นพ่อของนาง แล้วพระลักก็เดินทางกลับ หว่างทางได้ฆา่ หมาควกเอาหัวใจไปถวายพระรามตามรับสัง่ ต่อมา นางสีดาจันทะแจ่ม ได้ให้กำ� เนิดพระโอรส นางเลีย้ งดูพระโอรสเจริญวัยได้ ๑๕ ปี (บ่ฮซู้ ่อื ) พระโอรส ได้ไปแล่นเล่น ได้ท้าพนันตีคลีแลกข้าวห่อกับเด็กเลี้ยงควาย ย่อนว่าเป็ นคนมี บุญญาธิการและมีอทิ ธิฤทธิ ์เลยเอาชนะเด็กเลีย้ งควายได้สเู่ ทือ่ พอเด็กเลีย้ งควาย บ่มขี า้ วกินเลยไห้ไปเว่าสูพ่ อ่ แม่จกั ของฟั ง มือ้ หนึ่งชาวบ้านได้น�ำความขึน้ กราบทูล พระลามให้ฮู้ พระลามได้สงให้ ั ่ หลุ ละมานไปปราบแต่หลุ ละมานสูบ้ ไ่ ด้ ทัง้ ยังถืกเอา หญ้าคามัดแล้วส่งคืนมา พระลามประหลาดใจทีห่ ุลละมานผูม้ ฤี ทธิต้์ องพ่ายแพ้ให้ เด็ก น้ อ ย คิด ว่ า ผู้ส ิเ ฮ็ด กับ หุ ล ละมานได้ต้ อ งเป็ นผู้ม ีบุ ญ ญาธิก าร เลยสัง่ ให้ เสนาอ�ำมาตย์ไปถามว่าเป็ นลูกเต้าเหล่าใผ ในทีส่ ุดพระโอรสได้เว่าให้ฟังว่าเป็ น ลูก ของนางสีด าจัน ทะแจ่ม อาศัยอยู่กบั ฤๅษีอยู่กลางป่ า แล้วพระลามจังฮู ่ ้ ว่ า นางสีด าจัน ทะแจ่ม ยัง บ่ท นั ตาย มีค�ำ สังให้ ่ ไ ปรับ นางสีด าจัน ทะแจ่ม พร้อ มกับ พระโอรสกลับเข้าเมือง
80
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๘. พะยาคันคาก
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
81
เนื้ อเฮื่อง เจ้าเมืองอินทะปั ตถนคร มีพระโอรสผิวเหลืองปานค�ำ แต่เป็ นตุ่มตูดปูด ตีดปี ดคือจังขี ่ ค่ นั คาก จังได้ ่ พระนามว่า ท้าวคันคาก พอท้าวคันคากใหญ่เป็ นบ่าว กะอยากได้นางเทวีผงู้ ามเป็ นเมีย พระราชบิดากะพยายามออยย้อนว่าเจ้าของนัน้ ฮูปชัวตั ่ วด�ำ แต่ทา้ วคันคากกะบ่ละความพยายาม จนสุดท้ายท้าวคันคากได้อธิษฐาน ว่า คันว่าข้าน้ อยมีบุญบารมีแต่ชาติเก่าปางหลัง ขอให้ได้หญิงงามมาเป็ นเมีย ตามต้อ งการ ฮ้อ นฮอดพระอิน ทร์ ได้ม าซ่ อ ยเนรมิต ผาสาทให้ พร้อ มทัง้ น� ำ นางแก้วเทวีมาให้เป็ นเมียอีกพร้อม แต่เห็นว่าท้าวคันคากนัน้ มีรปู ร่างอัปลักษณ์ ท้าวคันคากจังได้ ่ แปลงฮูปเป็ นหนุ่มฮูปงาม ทัง้ สองได้อาศัยอยูผ่ าสารทอินทร์แปลง (เนรมิต) งามปานไพชยนต์ผาสาท พระเจ้าอินทะปั ตถนครฮูเ้ รื่องกะดีใจ เห็นว่า พระราชโอรสหมดเวรหมดกรรมแล้ว ได้เวนราชสมบัตใิ ห้ครอบครองเมือง พอแต่ อภิเษกแล้วพระยาคันคากกะครองเมือง ซ่อยเหลือชาวเมืองทีท่ กุ ข์ยากปากหมอง ปกครองบ้านเมืองอย่างดี จนเฮ็ดให้ชาวเมืองศรัทธาเลือ่ มใสพระยาคันคาก จนลืม บูชาพระยาแถน ฝ่ ายพระยาแถนเห็นจังซั ่ นแล้ ่ วกะบ่พอใจ ย้อนเห็นว่าท้าวคักคากมี อิทธิฤทธิห์ ลายย่านว่าสิเป็ นภัยต่อเจ้าของ จังได้ ่ หาอุบายแกล้งบ่ให้ฝนตกลง โลกมนุ ษย์โดยการบ่เปิ ดประตูสระหลวง เฮ็ดให้พญานาคบ่ได้เล่นน�้ ำเกิดความ เดือ ดร้อ นไปทัวพื ่ ้น พิภ พ ท้า วคัน คากได้สู้ร บกับ พระยาแถน การต่ อ สู้เ ทื่อ นี้ ถือเป็ นมหายุทธใช้เวลาดนแต่กะบ่มผี แู้ พ้ชนะ พระยาคันคากวางแผนให้พญานาค ไปขดอยู่ห างช้า งเพื่อ หลอยเข้า จู่โ จมพระยาแถน พอแต่ ช้า งฟาดหางแฮง ๆ พญานาคทีข่ ดตัวอยูก่ ะฟ่ งออกไปฮัดโตพระยาแถนจนตกจากหลังช้าง แล้วเกีย้ ว พระยาแถนไว้บกั อย่างแน่นหนาบ่สามารถดิน้ หลุดไปได้ จนพระยาแถนขอยอมแพ้ ท้าวคันคาก หลังการสูร้ บได้เซาลง ท้าวคันคากได้จดั ให้มกี ารประชุมเจรจาตกลงกับ พระยาแถน โดยขอให้พ ระยาแถนเปิ ด ป่ องให้พ ญานาคขึ้น ไปเล่ น น�้ ำ คือ เก่ า ทัง้ ต้องกลับไปเบิง่ แงงทุกข์สขุ ให้กบั พวกมนุ ษย์คอื จังเคยเฮ็ ่ ดมา จากนัน้ ทีป่ ระชุม กะเริม่ เว่าถึงก�ำหนดระยะเวลาการเปิ ดป่ อง การเปิ ดป่ องทัง้ ๗ ป่ อง ได้ตลอดเวลานัน้ พญานาคสามารถขึน้ ไปเล่นน�้ ำได้ตามความพอใจของตน แล้วฝนกะสิตกตาม
82
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
การเล่นน�้ ำของพญานาค บางเทื่อมนุ ษย์ยงั บ่อยากได้น้� ำฝน พอฝนตกก็สสิ ร้าง ความเดือดร้อนให้สคู่ น ย้อนว่ามีน้�ำหลายโพด ฝ่ ายพระยาแถนคิดเบิง่ อยูค่ ราวหนึ่ง จังเอ่ ่ ยถามทีป่ ระชุมว่า “แล้วสิฮูไ้ ด้จงได๋ ั ่ ว่ายามได๋ต้องเปิ ดป่ องเพื่อให้พญานาค ขึน้ มาเล่นน�้ำ” ท้าวคันคากเลยบอกว่า “เอาจังซี ่ เ่ ด้อ พอแต่ฮอดเดือนหก ยามเฮ็ดนา พวกมนุ ษย์อยากได้น้� ำฝนเพื่อเฮ็ดนา ท่านกะให้ฝนตกลงมาในยามนี้ คันมนุ ษย์ จุดบัง้ ไฟขึน้ ฟ้ าเพือ่ เป็ นสัญญาณแล้ว ให้ทา่ นเปิ ดป่ องได้” พญาแถนถามต่อไปว่า “แล้วข่อยสิฮไู้ ด้จงได๋ ั ่ วา่ มีพญานาคขึน้ มาเล่นน�้ำแล้ว คันเปิ ดป่ องแต่พญานาคบ่ได้ ขึน้ มาเล่นน�้ำ ฝนกะสิบ่ตก” ท้าวคันคากตอบว่า “คันฝนตก กบเขียดสิพากันออก มาเล่นน�้ำ ส่งเสียงฮ้องไปทัว่ คันท่านได้ยนิ เสียงกบเขียดมันฮ้อง แสดงว่าฝนได้ ตกลงเมืองมนุษย์แล้ว” แต่พระยาแถนกะถามต่ออีกว่า “คันมนุษย์ใช้น้�ำฝนพอแล้ว หรืออยากให้ปิดปากป่ อง ข่อยสิฮไู้ ด้จงได๋ ั ่ ละ่ ” ท้าวคันคากตอบว่า “ท่านไม่ตอ้ งห่วงดอก คันมนุษย์ได้น้�ำพอแล้วสิสง่ สัญญาณขึน้ มาบอกท่าน โดยพวกเขาสิเฮ็ดโหวดขึน้ มา พร้อม ๆ กัน แล้วแกว่งโหวดขึน้ ฟ้ าส่งเสียงเป็ นสัญญาณให้ทา่ นรูว้ า่ ได้น้�ำพอแล้ว ให้ปิดปากป่ องได้” พอแต่ทุกฝ่ ายบรรลุขอ้ ตกลงร่วมกันแล้ว ท้าวคันคากกะสังให้ ่ พญานาคจัดเวรกันขึน้ มาเล่นน�้ำทุกปี อย่าได้ขาด จากนัน้ กองทัพของท้าวคันคาก กะกลับลงมายังโลกมนุษย์ แล้วฝนก็ตกต้องตามฤดูกาลนับแต่นนั ้ เป็ นต้นมา
84
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๑๙. พื้นเมืองอุบล
ของกินบ่ฮ่อนจับจ่ายซื้อ ขายแลกเงินคำ� มีแต่ขอกันกิน ฮ่อนแพงหวงไว้ เฮือนไกไก้ ก็คือดังเฮือนเดียว เที่ยวไปกินของกัน โลดบ่มีความเว้า เจ้าเลี้ยงข่อย ข่อยเลี้ยงเจ้า แลงงาย กินกันไขว่
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
85
เนื้ อเฮื่อง เรือ่ งพืน้ เมืองอุบลเป็ นการเล่าหาประวัตขิ องการอพยพกลุม่ พระวอ – พระตา ทีย่ า้ ยมาจากวังเวียง ฮอดการก่อตัง้ เมืองอุบลในหม่องทีเ่ ป็ นเมืองอุบลราชธานี ปั จจุบนั นี้ เชื้อสายของคนที่อพยพมาก่อตัง้ เมืองอุบล เพิน่ มาจากบ้านหินโงม อยูเ่ วียงจันทร์ โดยมีพระตาเป็ นหัวหน้า พระตาเป็ นผูม้ อี ำ� นาจหลายปกครองบริวาร จ� ำ นวนหนึ่ ง พระตามีลู ก ซายอยู่ ส ามคน คือ ท้า ววอ ท้า วค�ำ ผง ท้า วพรม กษัตริยเ์ วียงจันทร์ได้ตงั ้ ท้าววอเป็ นพระวอ เป็ นนายกองคุมกองนอก บาดกษัตริย์ เวียงจันทร์เพิน่ สวรรคตกษัตริยอ์ งค์ใหม่กะได้ข่มเหงลูกสาวของพระตา พระตา บ่พอใจ กะได้พาไพร่พลลอบอพยพหนีจากเวียงจันทร์ โดยมีไพร่พลเป็ นครัวเฮือน สามหมื่น กว่า ๆ แล้ว เป็ น ทหารอีก สี่พ นั คน เพิ่น กะได้แ บ่ ง เป็ น สามกอง คือ หลวงราชโภชนัย เป็ นกองหน้ าก�ำลังคนหมื่นเศษ ท้าวนาม เป็ นกองก�ำลังคน หมืน่ เศษ และพระตา พระวอ เป็ นกองกลาง และมีทา้ วชม ท้าวสูน เป็ นกองสอดแนม บาดเดินทางได้เดือนหนึ่งฮอดหนองบัวล�ำภู โดยกองของพระตาอยูใ่ กล้กบั ภูวง หลวงราชโภชนัย ตัง้ อยู่หม่องบ้านผ้าขาวพรรณนาใกล้กบั ล�ำน�้ ำสงคราม ท้าวนามไปตัง้ อยูห่ ม่องภูเวียง กษัตริยเ์ วียงจันทร์กะได้ยกทัพมาประมานหมืน่ คน มาปราบ โดยให้เมืองแสนกับเมืองจันเป็ นแม่ทพั มาตัง้ พักอยู่หม่องหนองคาย ในปั จจุบนั กองสอดแนมฝ่ ายพระตากะได้รายงานให้พระตาฮู้ กองทหารเวียงจันทร์ กะเลยถืกซุ่มโจมตีอย่างยับเยิน กองทัพเวียงจันทร์เสียทหารประมาณ ๕๐๐ คน ฝ่ ายพระตาได้อ าวุ ธ ช้า ง ม้า ทรัพ ย์ส ิน อัน มากหลาย ในวัน เสาร์ข้ึน ๖ ค�่ำ เดือ น ๕ ทัพ เวีย งจัน ทร์ก ะได้ย กทัพ มาตีอ ยู่ ห นองบัว ล� ำ ภู แ ต่ ก ะแพ้ก ลับ ไป พระวอซนซ้างฆ่าอุปราชเวียงจันทร์ตาย พระตาได้ตงั ้ บ้านเมืองอยู่หนองบัวล�ำภู ๗ ปี ต่อมากษัตริย์เวียงจันทร์ได้ขอความฮ่วมมือกับเมืองเชียงใหม่ขอกองทัพ มาซ่อยปราบพระตา กษัตริยเ์ ชียงใหม่ยกทัพมาซ่อยรบ พระตากะเลยได้พาบริวาร มาตัง้ เมืองอยูห่ ม่องร้อยเอ็ดในปั จจุบนั รบกันตัง้ แต่เดือนยี่ แรม ๘ ค�่ำ วันจันทร์ จนฮอดเดือน ๓ วันเพ็ญ จึงลาถอย แต่สูนเสียคนบ่หลาย เพราะรบไปถอยไป พระตาเดินทางไปจากร้อยเอ็ดอีก ๔ เดือน กะฮอดเมืองจ�ำปาศักดิ ์ เจ้าเมืองจ�ำปาศักดิ ์ บ่ อ ยากให้อ ยู่ เพราะว่ า ย่า นสิเ ป็ น ชัก ศึก เข้า บ้า น ได้ม าตัง้ อยู่ใ กล้แ ม่น้� ำ พลึง
86
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
คือบ้านดู่ บ้านแก ตัง้ อยูบ่ ริเวณนี้อกี ๑๐ ปี เจ้านามตัง้ อยูพ่ รรณนาผ้าขาวร้อยเอ็ด กษัต ริย์เ วีย งจัน ทร์ย กกองทัพ เรือ มีก� ำ ลัง พลประมาณสองหมื่น รบกัน ตัง้ แต่ เดือน ๔ ฮอดเดือน ๕ ข้างแรม รบอยูส่ องเดือนกะบ่แพ้ชนะแก่กนั พระวอขีม่ า้ ออก มารบอย่างกล้าหาญต่อสูฆ้ า่ คนตายไปประมาณพันคน แล้วพระวอกะขาดใจตาย ในหม่องรบเพราะว่าเมือ่ ยและบอบช�ำ้ จากการรบ ท้าวค�ำผง ท้าวทิดพรม ได้ซอ่ ยกัน ฮักษาเมืองให้มนคงไว้ ั่ พระตาได้มสี าส์นมาทูลบอกพระเจ้าตากสินแห่งกรุงธนบุร ี พระเจ้าตากสินจึงส่งทัพมาซ่ อยรบกันตัง้ แต่เดือน ๔ ฮอดเดือน ๘ วันจันทร์ ขัน้ ๑๒ ค�่ำ ปี ม ะโรง กษัต ริย์จ�ำ ปาศัก ดิอ์ อกมาอ่ อ นน้ อ มส่ง ส่ว ยต่ อ ฝ่ ายไทย ท้าวค�ำผงได้เป็ นแม่ทพั ยกไปตีเวียงจันทร์ฮว่ มกับทัพไทยลาวในอีสาน เวียงจันทร์ หลวงพระบาง จ�ำปาศักดิได้ ์ ขน้ึ ต่อไทย ตัง้ แต่ นั น้ มา พระไทยกะได้น� ำ เอาพระแก้ว มรกต และนางเขีย วค่ อ ม ราชธิดาเวียงจันทร์กลับไทย พระตาเพิน่ ได้สน้ิ ชีวติ ตอนเพิน่ อายุ ๗๘ ปี สอนให้ ลูกหลานประพฤติปฏิบตั ติ นตามประเพณี และมีหลักการปกครองแทรกอยูน่ �ำ และ สังให้ ่ อาศัยหม่องใกล้ ๆ แม่น้�ำมูล พระตาสิน้ ในวันศุกร์ เดือน ๓ ขึน้ ๑๓ ค�่ำ และ ในเดือน ๔ ขึน้ ๑๑ ค�่ำ เฮ็ดศพกลางท่งใหญ่ จัดตัง้ วางศพเทิงเมรุนกหัสดีลงิ ค์ สมโภชศพ ๗ มือ ๗ คืน และก่อพระธาตุพระวอพระตาไว้นอกเมือง
88
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๒๐. พื้นเวียง (เวียงจันทร์)
ลาวนั้น หักแต่ค่าย มูลเค้งจึ่งมา แท้แล้ว เขาก็คองว่า ไทยเดียวแท้ เวียงจันทน์ก�้ำฝ่าย ตนนั้น ก็จึ่ง ตามไต่เต้า ทางแท้ด่วนคือ หั้นแล้ว ฯ
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
89
เนื้ อเฮื่อง จักกล่าวเถิงเมืองเวียงจันทร์ มีกษัตริยซ์ อ่ื ว่าพระอนุรทุ ธาธิราชเจ้า (พระเจ้า อนุ วงศ์) มีมเหสีฝ่ายขวาซื่อค�ำปอง มเหสีฝ่ายซ้ายซื่อค�ำจันทร์มพี ระธาตุพนมเป็ น หม่องยึดเหนี่ยวจิตใจของซาวลาว ต่อมาได้เกิดพายุแผ่นดินแยกแล้วเกิดฟ้ าผ่า พระธาตุพนมอันเป็ นหม่องสักการะกราบไหว้บซู าได้พงั พินาศลง ซ่างเป็ นลางฮ่ายของ บ้านเมืองมาฮอด หลวงบกบัตรเมืองโคราชขออนุญาตราชส�ำนักสยามเพือ่ ขอปราบไล่ พวกข่าอยูด่ อนโขงบ้านด่าน บาดได้ฮบั พระบรมราชานุญาต หลวงยกบัตรกะได้ออก มาขูดฮีดซาวบ้านซาวเมือง ยกทัพไปโจมตีซาวพืน้ เมืองคนล้มตายเป็ นจ�ำนวนหลาย พระยาไกรเจ้าเมืองภูขนั บ่ยอมอ่อนต่อเมืองโคราชกะได้ฮอ้ งมายังส�ำนัก สยาม ราชส�ำ นัก สยามกะได้ส่ง คุ ณ มหาอมาตย์ข้นึ ไปไต่ ส วนความ บ่ พ่อ กับ หลวงยกบัตรเมืองโคราชกะได้พอ่ ค�ำเว่าเพ็ดทูลแล้วได้ฮบั สินบน คุณมหาอามาตย์ กะเดิน ทางต่ อ เพราะสิไ ปรายงานต่ อ ราชส�ำ นั ก พระยาไกรกะได้ฮ้อ งไปอีก คุ ณ มหาอามาตย์ก ะได้เ ดิน ทางไปอีก คือ เก่ า หลวงยกบัต รเพิ่น กะได้จ ดั แต่ ง เครื่องบรรณาการข้าทาสถวายราชส�ำนักน� ำ หลวงยกบัตรได้ฮบั แต่งตัง้ ให้เป็ น พระยาพรหมภัก ดีแ ล้ ว สัญ ญาว่ า พอเจ้ า เมื่อ งโคราชฮอดแกกรรมแล้ ว สิใ ห้ พรหมพระยาภักดีขน้ึ ครองเมืองแทน พระยาพรหมภักดีเพิน่ ได้เป็ นคนโปรดของ ราชส�ำนักสยามได้กดขี่ขูดฮีดซาวเมืองหลายขึ้น ในที่สุดซาวเมืองที่มซี าวข่า รวมอยูน่ �ำ มีหวั หน้าคือเจ้าหัวสาตัง้ อยูห่ ม่องเขาเก็ดโง่ง บ้านหนองบัว แขวงจ�ำปาศักดิ ์ มีพวกข่าจ�ำนวนหลายขึ้นมาเผาเมืองจ�ำปาศักดิ ์ เจ้าเมืองจ�ำปาศักดิหนี ์ ไปหา พระพรหม พระอนุ รุ ธ าธิร าช เจ้า เมือ งเวีย งจัน ทร์ก ะได้อ อกมาปราบแล้ว จับ เจ้าหัวสาได้ บาดได้สอบสวนเจ้าหัวสากะสารภาพว่าพระยาพรหมภักดีเป็ นผูย้ แุ หย่ แต่พระยาพรหมภักดีเพิน่ กะว่าบ่ได้เฮ็ด จากเหตุดงกล่ ั ่ าว เฮ็ดให้ทงั ้ สองขัดแย้งกันหลายกว่าเกิดจากการสอบสวน แม้ว่าพระยาพรหมภักดีสมิ คี วามผิดแต่กะทรงเป็ นว่ามีคุณต่อแผ่นดิน กะเลยยก ความผิดให้ พระอนุรทุ ธาธิราชทูลขอให้ราชบุตรของพระองค์ครองเมืองจ�ำปาศักดิ ์ กะทรงอนุ ญ าต พระยาพรหมภัก ดีก ะเห็น ว่า พระยาอนุ รุ ท ธาธิร าชสิม ีอ� ำ นาจ ขึน้ สุม่อื พวกลาวสิกลับไปวังเวียงได้เบิด ทางแก้กะคือสักเลกพวกลาวไว้ก่อน
90
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
ทางราชส�ำนักสยามก็เห็นน�ำจังใดสั ่ งโปรดให้ ่ หมืน่ ภักดี หมืน่ พิทกั ษ์ไปเป็ นแม่กอง สักเลกพวกลวงอยูก่ าฬสิน ละคร เหมราษฐ์บงั มุขอุบล ฯ เจ้าเมืองโคราชถึงแก่อสัญกรรม พระยาพรหมภักดีได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให่เพิน่ ได้ขน้ึ เป็ นเจ้าเมืองแทน พญาพรหมภักดีเฮ็ดความเดือดฮ้อนให้กบั ซาวลาว และข่าหลายขึน้ สุม่อื พระอนุ รุทธาธิราชเจ้าเมืองเวียงจันทร์ได้ยกทัพมาเพื่อจับ นายกองสักเลกแล้วกะได้กดขีร่ าษฎรฆ่าเสีย แล้วหลายสิลม้ อ�ำนาจพระยาพรหม ภักดีน�ำ ในทีส่ ดุ ทัพเวียงจันทน์กะได้ยา่ งทัพเข้าเมืองโคราช กรรมการเมืองกะยอม อ่อนน้อมให้ ทัพเวียงจันทน์กกั คนไว้อยูห่ ม่องค่ายมูลเค็ง (ทุง่ สัมริด) อีกส่วนหนึ่ง กะออกน�ำล่าพระยาพรหมภักดีโดยทีม่ พี ระยาไกรเป็ นหน้า พระยาพรหมภักดีได้ ปลอมโตเป็ นไพร่ลอบเข้ามาค่ายมูลเค็ง พระยาพรหมภักดีเพิน่ คึดว่าสิเซาการกวาด ต้อนคนของทัพเวียงจันทร์ให้เป็ นไปอย่างซ่า ๆ แล้วได้รวมคนของเมืองกาฬสินธุ์ ละคร แปะ (บุรรี มั ย์) ปั ก (ปั กธงชัย) ร้อยเอ็ด ในตอนทีค่ า่ ยมูลเค็งก่อความบ่สงบ กะได้ฆา่ พวกทหารเวียงจันทร์ไปเกือบเบิด เจ้าเมืองเวียงจันทน์ได้ฮขู้ า่ วกะทรงเคียด อย่างหลายแล้วจัดให้ถอยทัพ ฟ่ าวยกไพร่พลกลับเวียงจันทร์ ฮูฮ้ อดราชส�ำนักสยาม กรุงเทพฯ ฮู้แค่ว่าเจ้าอนุ วงศ์เวียงจันทน์ เป็ นกบฏ จึงโปรดให้พระยามุนินทร์ เจ้าเมืองลือเดช (เจ้าพระยาบดินทร์เดชา สิงห์ สิงหเสนี) เมื่อทัพทางกรุงเทพ ขึน้ ไป ทัพลาวแพ้ยบั เยินเจ้าเมืองเวียงจันทร์หนีไปฮอดแกว (ญวน) แต่ในทีส่ ุด พระองค์ถอื ทัพไทยจับได้แล้วถือส่งโตไปกรุงเทพฯ ในทีส่ ดุ กะฮอดแก่ทวิ งคต
92
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๒๑. ฟ้าแดดสูงยาง
เมื อ งฟ้ า แดดสู ง ยาง ซึ่ ง ปั จ จุ บั น ยั ง คงทิ้ ง รุ ่ ง รอยของความเจริ ญ
มาตัง้ แต่ยค ุ แรกเริม ่ แห่งประวัตศ ิ าสตร์ไว้ ณ บ้านเสมา อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เป็นเมืองลี้ลับ มาด้วยประวัติและตำ�นาน ชื่อเมืองนั้นฟังดูก็อาจจะใหญ่โตและ รุ ่ ง เรื อ งอยู ่ ม าก หากสภาพกาลเวลาอั น ผั น แปรนั้ น เอง ที่ ทำ�ให้ น ครแห่ ง นี้ เหลือไว้เพียงความทรงจำ�ในอดีตที่สืบสาวราวเรื่องเล่าสู่กันฟังมาจนบัดนี้ ด้ ว ยความเชื่ อ ความภู มิ ใ จของชาวบ้ า นละแวกนั้ น ซึ่ ง ใครเล่ า จะบอกได้ ว ่ า เขาเหล่านั้น มิได้เป็นลูกหลาน พระยาฟ้าแดดสูงยาง
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
93
เนื้ อเฮื่อง เจ้าเมืองฟ้ าแดดชือ่ ว่า “พระยาฟ้ าแดด” มีมเหสีชอ่ื ว่า “จันทาเทวี” มีราชธิดา ทีม่ หี น้าตาและคิงงดงามชื่อ “นางหยาดฟ้ า” พระยาแดดเพิน่ ฮักแล้วกะแพงแฮง เพิน่ ฮอดสร้างปราสาทกลางน�้ ำให้เป็ นหม่องอยู่และบ่มคี นเข้าออก ปราสาททีอ่ ยู่ บริเวณซึง่ ปั จจุบนั เอิน้ ว่า “โนนสาวเอ้” ต่อมาเจ้าเมืองเซียงโสมชือ่ “พระยาจันราช” เสด็จออกล่าเนื้อต่อไก่ในป่ า ได้พอ่ กวางทองเป็ นเทวดาแปลงกายมา พระนาจันทราช กะได้พ ยายามน� ำ กวางทองจนหลงกับ ไพร่ พ ลที่น� ำ เพิ่น มาและหลงเข้า ไปใน เมืองฟ้ าแดด เมือ่ เพิน่ ได้ฮกู้ ติ ศัพท์ความงดงามของนางหยาดฟ้ ากะลอบเข้าไปพ้อ นางฟ้ าหยาด พระธิดากะได้ลกั ลอบเข้าไปพ้อนางฟ้ าหยาด และสมสูจ่ นนางมีครรภ์ พระยาจันทราชก็ลานางกลับเมืองเชียงโสม เพื่อสิส่ขู อนางฟ้ าหยาด เมื่อพระยา จันทราชกลับฮอดเมืองเชียงโสมกะส่งอ�ำมาตย์ชอ่ื ขุนเส็งกับขุนคนเป็ นทูตถือสาส์น มาทูลขอนางฟ้ าหยาด พระยาฟ้ าแดดบ่ยอมยกนางให้ พระยาจันทรมีความเคียด เลยยกทัพมาล้อมแล้วได้ตอ่ สูก้ นั ในทีส่ ดุ พระยาจันทราชกะเสียท่าถืกพระยาฟ้ าแดด ฟั นเสียชีวติ เทิงคอซ้างในการเฮ็ดยุทธหัตถี นางฟ้ าข่าวบาดได้ฮขู้ า่ วกะเศร้าโศก เสียใจอย่างหลายจนเป็ นลมเสียชีวติ พระยาฟ้ าแดดได้สำ� นึกจึงจัดงานพระศพของ พระธิดาและพระยาจันทราชและได้สร้างเจดียบ์ รรจุอฐั ไิ ว้สององค์ และให้พระยา ธรรม น้องชายของพระยาจันทราชเป็ นเจ้าเมืองครองเมืองเชียงโสมในฐานะเมือง ขึน้ และให้สง่ บรรณาการให้เมืองฟ้ าแดด พระยาธรรมยังคงเคียดแค้นพระยาฟ้ าแดด จึงท�ำนุ บำ� รุงบ้านเมืองแล้วร่วง ไพร่พล เมือ่ แข็งแรงพอกะยกทัพมาตีเมืองฟ้ าแดด พระยาฟ้ าแดดกะเฒ่าแฮงแล้ว กะบ่สามารถต่อสูไ้ ด้กะยอมอ่อนน้อมแก่เมืองเชียงโสมเมื่อทัง้ สองเมืองรวมเป็ น เมืองเดียวกันกะเปลีย่ นชือ่ เป็ นเมืองฟ้ าแดดสูงยาง
94
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๒๒. สินไซ
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
95
เนื้ อเฮื่อง ดนมาแล้ว นครเป็ งจาลมีพระราซาซื่อว่า พระยากุศราช พระยากุศราช มีน้องสาวหล่าซื่อว่า นางสุมณฑา นางสุมณฑามีฮปู หน้างาม ไทนครเป็ งจาลกะมี ความสุขซ�ำบาย ว่าไปฮอดยักษ์ตนหนึ่งซื่อว่า ยักษ์กุมภัณฑ์ เป็ นยักษ์ขาเลาะ มือ่ หนึ่ง ยักษ์กมุ ภัณฑ์แปลงกายเป็ นแมลงวัน บินออกไปเลาะจนมาฮอดเมืองเป็ งจาล พัดว่าเห็นนางสุมณฑากะเกิดฮักแพงนางหลาย เลยหลอยเกีย่ นางเมือยังเมืองยักษ์ น�ำ พระยากุศราชคันฮูว้ า่ น้องสาวเจ้าของถืกยักษ์ลกั โตไป กะเสียใจแล้วกะคึดฮอด น้องสาวหลาย จังตั ่ ดสินใจออกบวชน�ำหาโตน้องสาว พระยากุศราชคันออกท่องไป น�ำหม่องต่าง ๆ กะยังบ่พอ้ น้องสาว จนมาฮอดบ้านเศรษฐีผหู้ นึ่ง เศรษฐีมลี กู สาว ทัง้ เหมิด ๗ นาง มีหน้าตางามซุคน คันพระยากุศราชมาเห็นกะเกิดมักลูกสาว เทิง ๗ ของเศรษฐี กะเลยเมือเมืองเป็ งจาลลาสิกขา แล้วแต่งทหารไปขอลูกสาว เทิง ๗ ของเศรษฐี เศรษฐีดเี อิกดีใจกะยกนางเทิง ๗ ให้เป็ นเมียพระยากุศราช เป็ น อันว่าพระยากุศราชมีเมียตัง้ ว่า ๘ คน อยูก่ นิ กันมาดน พระยากุศราชกะบ่มลี กู สืบ สกุลจักคน ๊ กะเลยให้เมียเทิง ๘ ไปขอลูกกับอินตาเทวราช คันอินตาเทวราชฮูเ้ รือ่ ง กะให้เทวดาผูม้ บี ุญญาธิการลงมาเกิด เทวดาองค์แรกลงมาเกิดในท้องนางจันทา นางจันทาออกลูกเป็ นสิงห์ ให้ซ่อื ว่า สีโห เทวดาอีก ๒ องค์ ลงมาเกิดในท้อง นางลุ น ผู้เ ป็ น ลูก สาวหล่ า ของเศรษฐี นางลุ น ออกลูก เป็ น แฝด ผู้อิด ออกมามี พระขรรค์ออกมาน�ำ ให้ซ่อื ว่า สินไซ ผูส้ องออกมาเป็ นหอยสังข์กะตัง้ ซื่อว่า สังข์ทอง ทางลู ก สาวอีก หกคนของเศรษฐีอ อกลู ก เป็ น คนธรรมดาบ่ อิท ธิฤ ทธิห์ ยัง เลย เมีย เทิง หกย่ า นว่ า ลู ก ซายนางจัน ทากับ นางลุ น สิห ลื่น ได้ค รองเมือ งย้อ นว่ า มีอทิ ธิฤทธิ ์ กะโฮมแฮงกันบังคับให้หมอทวยทูลพระยากุศราชว่าลูกเทิงสามของ นางจันทากับนางลุนเป็ นโตจังไฮบ้านจังไฮเมือง พระยากุศราชคันฟั งจังซั ่ นกะเซื ่ ่อ ค�ำเมียน้อย กะสังให้ ่ ทหารไล่นางจันทากับนางลุนเทิงลูกทัง้ สามคนออกจากเมือง เป็ งจาลไป คันเทวดาฮูเ้ รือ่ งเลยเนรมิตเฮียนน้อยให้อยูก่ ลางดง จนลูกทัง้ สามใหญ่ เป็ นบ่าว ลูกชายทัง้ หกของพระยากุศราชกะใหญ่เป็ นบ่าวคือกัน พระยากุศราชกะ ยัง คึด ฮอดน้ อ งสาวเจ้า ของอยู่ จังสั ่ งให้ ่ ลูก ซายเทิง หกของเจ้า ของออกน� ำ หา อาให้พ้อ และพาเมือ นครเป็ ง จาลพร้อ ม ท้า วทัง้ หกท่อ งเข้า ดงจนมาพ้อ สิน ไซ สังข์ทอง และสีโห เก้ากุมารฝอยกันไปเว้ากันมากะฮูว้ า่ เป็ นพีน่ ้องกันเลยดีใจหลาย
96
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
พากันวางแผนตั ๋วให้สนิ ไซไปน� ำหาอาน�ำกัน สินไซ สังข์ทอง และสีโห พร้อมกับ ท้าวทัง้ หกกะท่องดงน�ำหาอา สินไซ สังข์ทอง และสีโห บ่ย่านหยังย้อนว่ามีฤทธิ ์เดช ท้าวทัง้ หกย่าน ภัยอันตรายบักขนาดกะเลยย่างอยูท่ างหลัง ท่องเทือ่ นี้ เทิงเก้าคนได้พอ้ กับอันตราย ต่าง ๆ หลายด่าน มีด่านงูซวงอันเป็ นงูฮา้ ย มีพษิ อันตรายมหาศาล สินไซ สีโห และสังข์ทอง กะสูก้ บั งูซวงจนซนะ ท้าวทัง้ หกย่านแฮงจังพากั ่ นลีอ่ ยูใ่ นป่ า สินไซ เหลือโตนเลยให้ทา้ วทัง้ หกถ่าอยู่นัน่ แล้วให้สโี หอยู่เป็ นหมู่ คันสินไซกับสังข์ทอง ท่องมาฮอดแม่น้�ำ สังข์ทองกะแปลงโตเป็ นเฮือให้สนิ ไซข้ามแม่น้�ำ สินไซย่างต่อไป อีกไปพ้อกับยักษ์ป่ากะสู้กบั ยักษ์ป่าจนยักษ์ป่าตาย สินไซย่างต่อไปอีกไปพ้อ ซ้างสีโ่ ต สินไซกะสูก้ บั ซ้างจนมีซยั สินไซย่างต่อไปอีกไปพ้อต้นไม้ออกลูกเป็ นแม่ ญิงซื่อต้นมักกะลีผล สินไซกะสูก้ บั วิทยาธรเอานารีผลกันจนสินไซซนะ สินไซมัก นารีผลกะเลยได้นางนารีผลเป็ นเมีย สินไซอยากพ้ออาหลายกะย่างต่อไปอีกไปพ้อ กินรี สินไซมักนางกินรีกะได้นางกินรีเป็ นเมีย แล้วกะออกท่องต่อไปอีกจนไปพ้อ เมือ งยัก ษ์ ยัก ษ์ กุ ม ภัณ ฑ์ อ อกไปหากิน นอกเมือ ง สิน ไซกะไปบอกข่ า วให้ นางสุมณฑาฮูแ้ ล้วเอิน้ เอานางสุมณฑาเมือเมืองเป็ งจาล นางสุมณฑากะบ่อยากเมือ ย้อนว่ามาอยูเ่ มืองยักษ์ดนแล้ว นางกะมีใจฮักยักษ์กมุ ภัณฑ์ สินไซพยายามเว้าออย ให้อาเมือน�ำ ค่อมว่าคันอาเมือนครพระยากุศราชสิอภัยให้แม่จนั ทากับแม่ลุนตาม ค�ำว่าท้าวทัง้ หก พอดียกั ษ์กุมภัณฑ์มาฮอดกะพ้อสินไซจังได้ ่ สกู้ นั เทิงสองสูไ้ ด้พอ ปั นกัน บ่มไี ผแพ้ซนะ สินไซกะน�ำสีโหให้มาซ่อย สีโหฮ้องเทือ่ เดียวยักษ์กะหนหวย สีโหฮ้องต่อจนว่าหูยกั ษ์แตกตาย เป็ นอันว่าเศิกเทื่อนี้สนิ ไซซนะ นางสุมณฑากะ เลยยอมเมือนครเป็ งจาล คันว่าเมือมาฮอดเมือง นางสุมณฑาเว้าสูพ่ ระยากุศราช ฟั งในเรื่องทีเ่ กิดขึน้ พระยากุศราชกะเลยเอิ้นเอานางจันทากับนางลุนเข้าเมือง เป็ งจาล คนในเมืองเป็ งจาลกะอยูอ่ ย่างมีความสุขตัง้ แต่นนั ้ มา
98
นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๒๓. สีทนต์ - นางมโนรา
เมื่ อ นั้ น พรานพาแก้ ว มะโนราลั ด ล่ ว งมาแล้ ว เข้ า ข่ ว งคุ ้ ม สวนกว้ า ง
พระยอดเมือง ฝูงไพร่ฟ้าทั้งทีบถามเถิง อันนี้นางแนวใดฮูปสวยเหมือนแต้ม เมื่อนั้นศรีทนต์เยี้ยมมะโนราลืมเพศ สมสะอาดอ้างองค์อ้วนดั่งสิบิน มะโนรา ท้าวทงสะแดดิ้นดั่น เพราะเพื่อจิตสวาทน้องแลแล่วเล่ายาง
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑
99
เนื้ อเฮื่อง จักกล่าวเถิงเมืองเป็ งจาล มีกษัตริยช์ อ่ื ท้าวอาทิตราช เพิน่ มีมเหสีซ่อื นางจันทา ต่อมาพระมเหสีเพิน่ กะได้ตงั ้ ครรภ์ พระโพธิสตั ว์ได้ลงมาจุตใิ นครรภ์มเหสี พอพระโอรส ประสูตแิ ล้วเพิน่ ได้ทรงให้พระนามว่า สีทนต์ บาดเพิน่ ประสูตอิ อกมาเพิน่ กะมีอาวุธติด โตเพิน่ ออกมาคือธนูมาน�ำ แสดงให้เห็นว่าเพิน่ เป็ นผูม้ บี ารมี มือ่ หนึ่ง มีนายพรานผูห้ นึ่งไปล่าสัตว์ในป่ าหิมพานต์ ไปซ่อยกิตตินาคราช ให้พ้นจากการรังควานของยักษ์ มื่อหนึ่งนายพรานไปพ้อนางกินรีช่อื มโนราห์ พร้อมกับเอื้อยของนาง ๗ คน มาเล่นน�้ำในสระริมเขาไกรลาส นายพรานจึงยืม บ่วงบาศจากพระยานาคไปคล้องนางมโนราห์ได้แล้วน�ำนางไปถวายแด่ทา้ วสีทนต์ ท้า วสีท นต์ย กนางไว้ใ นต�ำ แหน่ ง พระมเหสีข องเพิ่น ต่ อ มากะมีโ จรมารุก ราน นอกเมือง ท้าวสีทนต์จงึ ไปปราบโจร ท้าวอาทิตราชเพิน่ กะได้สบุ นิ ว่าไส้เพิน่ ได้ไหล ออกมาจากท้อง เพิน่ จึงให้หมอโหรได้เบิง่ มอ โหรเพิน่ ท�ำนายว่าจะต้องเอาเนื้อ นางมโนราห์มาเซ่นไหว้ผบี า้ นผีเมือง นางมโนราห์จงออกกลตั ั่ ๋วว่าขอปี กกับหางคืน แน่เด้อเพราะว่าสิรำ� ให้เบิง่ ในตอนทีเ่ พิน่ ก�ำลังร�ำอยูเ่ พิน่ กะได้บนิ หนีไปเขาไกรลาส ทางท้าวสีทนต์เพิน่ กะไปปราบโจรอยู่ ๓ เดือนจังส� ่ ำเร็จ กลับมาบ่พอ้ นางมโนราห์ เพิน่ กะได้ออกน� ำหา ท้าวสีทนต์เพิน่ กะได้ไปน�ำหาด้วยความยากล�ำบาก ไปพ้อ พระฤๅษีท่ีน างมโนราห์ฝ ากแหวนไว้ พระฤๅษีก ะชี้ท างไปทางเขาไกรลาส แล้วกะแนะน�ำในเรือ่ งการกินหมากไม้กะให้กนิ น� ำนก สิพอ้ เส้นทางยากล�ำบากให้ ปราบโดยการใช้บกั นาวเสก ต่อมาพ่องูยกั ษ์สงู เจ็ดชัวล� ่ ำตาลให้ใช้ปืนยิง และข้าม แม่น้� ำที่มงี ูจงอาง งูเหลือม เป็ นแม่น้� ำที่มพี ษิ พ้นจากตรงนัน้ แล้วให้เกาะหลัง นกอินทรียไ์ ปจนกว่านกอินทรียส์ พิ าบินไปป่ าหิมพานต์ของนางมโนราห์ ในทีส่ ุด ท้าวสีทนต์เพิน่ กะได้พอ้ นางมโนราห์สมดังใจเพิ ่ น่
100 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๒๔. เสียวสวาด
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 101
เนื้ อเฮื่อง เมืองพาราณสี มีเศรษฐีสองผัวเมีย มีลูกชาย ๒ คน ผูอ้ ้ายชื่อศรีเฉลียว ผู้น้องชื่อเสียวสวาด ลูกชายทัง้ สองคนใหญ่ เป็ นบ่าว ท่านเศรษฐีได้แบ่งเฮือน ให้คนละหลัง เสียวสวาดผู้เป็ นน้ องเลือกเอาหลังสร้างยังบ่แล้ว ฝ่ ายศรีเฉลียว เลือกเฮือนหลังสร้างแล้วแล้ว พ่อแม่จงได้ ั ่ ท�ำนายว่า ลูกชายหล่าคือเสียวสวาด เป็ นคนทีม่ ปี ั ญญาสิประสบความส�ำเร็จในชีวติ ท่านเศรษฐีได้อบรมสังสอนลู ่ กชาย ทัง้ สองคนให้ปฏิบตั ติ นอยูใ่ นจารีตประเพณีและศีลธรรมทีด่ งี าม จนต่อมา พ่อแม่ได้ ตายจากไป ลูกชายทัง้ สองได้เฮ็ดตามค�ำสังสอนของพ่ ่ อแม่อย่างดีตลอดมา มือ้ หนึ่ง มีเฮือส�ำเภาต่างเมืองมาจอดเซาอยูท่ า่ น�้ำเมืองพาราณสี เสียวสวาด ได้ขอเดินทางไปค้าขายน�ำ นายส�ำเภาได้รบั เสียวสวาดไว้เป็ นลูกเฮือ เสียวสวาด ดีใ จหลายจัง่ ได้ล าญาติพ่ีน้ อ งเพื่อ นฝูง แล้ว ออกเดิน ทางไปกับ เฮือ ส�ำ เภานั น้ นายส�ำเภาได้ให้ความรัก ความเมตตาต่อเสียวสวาดปานลูกเจ้าของเอง พอแต่ ออกเดินทาง เฮือสิแล่นผ่านหมู่บา้ น ผ่านเมือง ผ่านป่ า วัดวาอาราม หาดทราย พอได้เวลานายส�ำเภากะสังให้ ่ เรือจอดเซาพัก ระหว่างนัน้ ล่ะ เสียวสวาดได้ถาม นายเฮือเกีย่ วกับสิง่ ต่าง ๆ ทีเ่ ฮือแล่นผ่านมา จังถามว่ ่ า หมูบ่ า้ นเหล่านี้มคี นอยูบ่ ่ ในเมืองมีเจ้าเมืองบ่ ป่ ามีตน้ ไม้บ่ ในวัดมีพระบ่ เมืองนี้มคี นเฒ่าบ่ บรรดาลูกเรือ ได้ยนิ ค�ำถามทีเ่ สียวสวาดถามนายส�ำเภากะพากันหัวอย่างม่วนซื่น เห็นเป็ นเรือ่ ง เป็ นตาหัว คิดว่าเป็ นค�ำถามทีโ่ ง่หลาย นายส�ำเภาได้เตือนเสียวสวาดว่า เฮาล่อง เฮือมานี่เพือ่ ค้าขาย ควรเว่าแต่เรือ่ งก�ำไรขาดทุนหรือสิง่ ทีเ่ ป็ นมงคลท่อนัน้ อย่าเว่า ไร้สาระอย่าเว่านอกเรือ่ งนอกราว การเดินทางผ่านไปหลายมือ้ จนเดินทางมาฮอด เมืองจ�ำปาบ้านเมืองของนายส�ำเภา บรรดาลูกเรือทัง้ หลายต่างกะแยกย้ายกันกลับไป เฮือนซานบ้านช่องของจักของ ส่วนเสียวสวาดได้ไปพักอาศัยอยูก่ บั บ้านนายส�ำเภา ได้เว่าเรือ่ งการไปค้าขายให้ลกู เมียของเขาฟั ง แล้วเว่าว่าเทือ่ นี้มโี ชคกว่าทีผ่ า่ น ๆ มาคือได้ลกู ชายจากเมืองพาราณสีมาน�ำผูห้ นึ่ง ถือเป็ นผูบ้ า่ วทีด่ แู๋ ฮง เอาการเอางาน หนักเอาเบาสู้ ทีส่ ำ� คัญคือเป็ นคนซื่อสัตย์บุคลิกดี แต่เสียอย่างเดียวคือมักถามใน เรื่องบ่มสี าระ ตอนทีน่ ายส�ำเภาเว่าเรื่องเสียวสวาดอยู่นนั ้ นางสีไว ลูกสาวผูง้ าม ของนายส�ำเภากะนังฟั ่ งอยูน่ �ำ สนใจอยากฮูว้ า่ หนุ่มผูน้ ้ีสถิ ามว่าจังได๋ ่ พ่อของนาง จังเห็ ่ นเป็ นเรือ่ งบ่มสี าระ นางจังขอให้ ่ พอ่ เว่าสูฟ่ ั ง พอนางได้ฟังคักแล้วบอกกับพ่อ ของนางว่า ทีเ่ สียวสวาดถามว่าในเมืองมีเจ้าเมืองบ่ เขาหมายถึง มีผปู้ กครองบ้าน
102 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน เมืองทีม่ คี ณ ุ ธรรมในการปกครองบ้านเมืองบ่ ทีถ่ ามว่า ในป่ ามีตน้ ไม้บ่ หมายความ ว่า มีตน้ ไม้ทม่ี คี า่ มีราคาบ่ จังไม้ ่ หอม ไม้แก่นจันทน์ จังซี ่ ม่ บี ่ ทีถ่ ามว่า มีบา้ นคนอยู่ บ่ หมายความว่า มีนกั ปราชญ์ราชบัณฑิตทีฉ่ ลาดรอบรูอ้ ยูบ่ ่ ทีถ่ ามว่า ในวัดมีพระ บ่ หมายถึงพระสงฆ์ผทู้ รงศีล รอบรู้ พระธรรมวินยั มีบ่ ทีถ่ ามว่า หาดทรายมีหนิ บ่ หมายความว่า มีหนิ ที่มคี ุณค่ามีราคา จังเพชรนิ ่ ลจินดา แก้วมณีไพฑูรย์ต่าง ๆ มีบ่ ทีถ่ ามว่า เมืองนี้มคี นเฒ่าบ่ หมายความว่าคนเฒ่าทีม่ ศี ลี ธรรมน่าเคารพนับถือ เมื่อนางสีไวได้อธิบายค�ำถามของเสียวสวาดให้ผเู้ ป็ นพ่อฟั ง เฮ็ดให้พอ่ แม่ ของนาวสีไวมีความพอใจทีธ่ ดิ าของตนมีความเฉลียวฉลาด สามารถล่วงรูถ้ งึ ปั ญหา ทีเ่ สียวสวาดซักถามเป็ นอย่างดี ส่วนโตเสียวสวาดนัน้ กะเป็ นคนมีผญาหลักแหลม สมชือ่ บ่ได้โง่เง่าคือจังคนอื ่ น่ เข้าใจ ดังพ่อแม่ของนางสีไวฮักแล้วกะพอใจเสียวสวาด หลาย จนได้ตดั สินใจแต่งงานให้เสียวสวาดกับนางสีไวอย่างดี ต่อมาเจ้าเมืองจ�ำปา ขาดคุณธรรมปกบ้านครองเมือง เฮ็ดให้ชาวเมืองเกิด ความวุน่ วาย บ่มคี วามสุขไปทุกหนแห่ง ชาวเมืองต่างกะหวาดระแวงว่าสิบ่ได้รบั ความปลอดภัยทัง้ จักของแล้วกะครอบครัว เจ้าเมืองจ�ำปากะระแวงว่าภัยสิเกิดกับ เจ้าของ จังได้ ่ เกณฑ์ชาวเมืองให้มานอนเฝ้ าระวังภัยให้พระองค์คนื ละห้าร้อยคน พอตกดึก บรรดาพวกเวรยามต่างก็พากันนอนหลับสนิท เจ้าเมืองจ�ำปาสิย่าง ออกมาแล้วกะใช้ดาบตัดคอพวกเวรยามซุมนัน้ ให้ตายไปทุกคืน เหตุการณ์น้ไี ด้เกิด ขึ้นแล้วสามคืน มีคนถืกฆ่าตายจ�ำนวนพันห้าร้อยคน ในคืนที่ส่ี ฮอดเวรของ นายส�ำเภา พ่อตาของเสียวสวาด นายส�ำเภาฮูโ้ ตดีวา่ สิมชี วี ติ อยูอ่ กี มือ้ เดียวท่อนัน้ หลัง จากที่ไ ปอยู่ย ามแล้ว เขาสิถืก ฆ่า ตาย บ่ ไ ด้ก ลับ มาเห็น ลูก เมีย อีก ต่ อ ไป นายส�ำเภาได้เอิน้ ลูกสาว เมีย และลูกเขยมาพร้อมกัน พร้อมกับสังลา ่ มอบทรัพย์ สมบัติให้ แต่เสียวสวาดบ่ยอมให้พ่อตาไปอยู่ยาม รับอาสาสิไปอยู่แทนให้ได้ นายส�ำเภาเห็นความกตัญญูของเสียวสวาด บ่อาจสิทดั ทานได้เลยยอม เสียวสวาด ได้ไปอยูย่ ามแทนพ่อตาในคืนทีส่ น่ี นั ้ เอง พอฮอดเวลาเสียวสวาดได้เลือกนัง่ ยามตรงกับทางผ่านขึ้นลงพร้อมทัง้ นัง่ บริกรรมภาวนาพระคาถาอยู่ดนจนฮอดเทีย่ งคืน เวรยามคนอื่นหลับหมดแล้ว ยามนัน้ เป็ นเวลาที่เจ้าเมืองจ�ำปาถือดาบออกมา ก�ำลังสิยกดาบขึ้นฟั นคอคน ทีน่ อนหลับอยู่ เสียวสวาดกะจ่มคาถาให้เกิดเสียงดังขึน้ เจ้าเมืองจ�ำปาได้ยนิ เสียง
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 103
ทีเ่ สียวสวาดจ่มคาถากะย่างกลับเข้าไป จักหน่ อยหนึ่งกะย่างถือดาบออกมาอีก เสียวสวาดจ่มเป็ นปริศนาอีก เจ้าเมืองจ�ำปาได้ยนิ เสียงย่างกลับไปอีกเทื่อหนึ่ง จนเกือบสิแจ้งจังได้ ่ ถอื ดาบออกมาอีก เสียวสวาดจ่มเป็ นปริศนาอีก เจ้าเมืองจังได้ ่ ย่างกลับเข้าไปอีก เป็ นอันว่าตลอดคืนทีส่ น่ี นั ้ บ่มผี ไู้ ด๋ถกื ฆ่า พอฮุง่ เช้าพวกเวรยาม ต่างกะกลับบ้านจักของ ตกแลงมื้อ นัน้ เอง เจ้า เมือ งเอิ้น เวรยามทัง้ หมดมาประชุม แล้ว ถามว่า เมือ่ คืนทีผ่ า่ นมามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึน้ พร้อมกับถามว่าเป็ นเสียงเว่าของผูไ้ ด๋ เสียวสวาดรับว่าตนเป็ นคนเว่า เจ้าเมืองถามเสียวสวาดว่า “คเตสิ คเตสี กิงการณา คเตสิ” หมายความว่ า จัง่ ได๋ เสีย วสวาดจัง่ ได้ก ราบทู ล เว่ า ให้ฟั ง ว่ า หมายถึง ชายสองคนเป็ น หมู่ก นั คนหนึ่ ง มัก หว่า นแห อีก คนหนึ่ ง มัก ฟั ง ธรรม มื้อ หนึ่ ง คนทีม่ กั หว่านแห ไปหว่านแหเบิดมือ้ บ่ได้ปลาจักโต คิดอยากไปฟั งธรรม ส่วนคน ทีม่ กั ฟั งธรรม ฟั งธรรมตลอดเบิดมือ้ แต่กะจ�ำอีหยังบ่ได้เลย คิดอยากไปหว่านแห ลองเบิง่ ในลักษณะจังซี ่ ่ผลบุญที่ได้น้ีตกแก่คนหว่านแห แล้วค�ำว่า “อหังปิ ตงั ชานามิ ชานามิ” หมายความว่าจังได๋ ่ เสียวสวาดกราบทูลว่า มีชายหนุ่มผูห้ นึ่งชือ่ กุททาละ มีบกั จกกับเสียมเป็ นเครื่องมือเฮ็ดอยู่เฮ็ดกิน ขนาดว่าไปบวชกะยัง คิดฮอดบักจกกับเสียม พอแต่สกิ ข์ออกมาแล้วกะบวชอีกเป็ นจังซี ่ จ่ นครบเจ็ดเทื่อ เทือ่ สุดท้ายเขาตัดสินใจโยนบักจกกับเสียมลงในน�้ ำ แล้วหันมาตัง้ ใจบ�ำเพ็ญเพียร ภาวนาจนบรรลุผล แล้วค�ำว่า อัศจรรย์ใจโอ้ โอนอสังเวช สังมาเป็ นดังนี้ เป็ นน่ า อยากหัว หมายความว่าหยัง เสียวสวาดก็กราบทูลว่า มีหญิงสาวผูห้ นึ่งไปเทีย่ วหา หน่ อไม้ในป่ า ได้แ ล้ว เอามาปอกกาบที่แ ข็ง ๆ ออก แล้วเอาแหง่โยนี จกั ของ หน่ อไม้นนั ้ หักคา ขณะนัน้ มีพระเฒ่าแฮงองค์หนึ่งเดินไปหาเปลือกไม้มาย้อมจีวร ย่างมาพ้อเข้า หญิงสาวได้ขอให้เพิน่ ซ่อย โดยตกลงกันว่าคันซ่อยได้สใิ ห้เสพสังวาส ท่านกะซ่อยจนดึงหน่ อไม้นัน้ ออกมาได้ แล้วหญิงสาวคนนัน้ กะย่างกลับเฮือนไป แต่งโต พระองค์น้ีถ่านางอยูด่ นหลาย เกิดก�ำหนัดขึน้ จับองคชาตสอดเข้าในโพรงไม้ ถืกกับแก้คาบองคชาตของท่าน หญิงสาวกลับออกมาพ้อ ได้ซ่อยจนท่านปลอดภัย เป็ นอันว่าทัง้ หญิงสาวกับพระเฒ่านัน้ บ่เป็ นหนี้บุญคุณต่อกัน พอเจ้าเมืองจ�ำปาได้ขอให้เสียวสวาดอธิบายความคาถาพร้อมกับปริศนา เหล่านัน้ เขาก็สามารถอธิบายได้เบิด เจ้าเมืองจ�ำปาเห็นว่าเสียวสวาดเป็ นคนฉลาด
104 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ควรทีส่ มิ อบต�ำแหน่งส�ำคัญให้ซอ่ ยชาติบา้ นเมืองได้ในยามคับขันจังซี ่ ่ จังได้ ่ แต่งตัง้ ให้เสียวสวาดเป็ น “อัครมหาเสนาบดี” มีหน้าทีส่ อนพร้อมกับอบรมศีลธรรม จารีต ประเพณี แ ก่ ป ระชาชน พร้อ มทัง้ ได้ป ระทานเงิน ทองและข้า ทาสชายหญิง ให้ เสียวสวาดอีก ๕๐๐ คน อยูม่ ามือ้ หนึ่ง เจ้าเมืองจ�ำปาอยากทดลองจิตใจของเสนาอ�ำมาตย์วา่ สิซ่อื สัตย์ ต่อพระองค์ปานใด๋ จังได้ ่ มรี บั สังให้ ่ หาหมากขีก้ า (หมากขีก้ า) เป็ นหมากไม้รสขมแฮง มาแจกให้หมูเ่ สนาอ�ำมาตย์กนิ ต่างคนต่างกะกินหมากขีก้ านัน้ แล้ว เจ้าเมืองจ�ำปา จังบอกว่ ่ าหมากขีก้ านี้กะมีรสหวานดี แล้วจังหั ่ นไปถามซุมเสนาอ�ำมาตย์ ทุกคน ตอบคือกันว่า “หวาน” เว้นไว้ผเู้ ดียวทีต่ อบว่า “ขมและบ่หวาน” กะคือเสียวสวาด พระองค์ตรัสถามเสียวสวาดว่า เป็ นหยังบรรดาเสนาอ�ำมาตย์ซุมนัน้ คือตอบว่า หวานล่ะ จังซี ่ ่สบิ ่เอิ้นว่าตั ๋วบ่ เสียวสวาดจึงกราบทูลเจ้าเมืองจ�ำปาว่าคนซุมนี้ กราบทูลไปย้อนความย่าน พระองค์ตรัสว่าหวาน เขากะเลยตอบว่าหวานไปน� ำ สิค ึด ตัว๊ กะบ่ แ ม่น เจ้า เมือ งจึ่ง ยกโทษให้ ต่ อ มาได้เ อิ้น เสนาอ� ำ มาตย์ซุ ม นี้ ว่ า “เสนาหมากขีก้ า” วันเวลาผ่านไปอีกจนเจ้าเมืองจ�ำปาเห็นว่าโอรสของพระองค์หลงมัวเมาติด การพนันกับเหล้า บ่คอ่ ยสนใจศึกษา บ่คอ่ ยสนใจราชการบ้านเมือง จังได้ ่ มอบให้ เสียวสวาดเป็ นผูอ้ บรมสังสอน ่ จนสามารถเฮ็ดให้โอรสของเจ้าเมืองจ�ำปาส�ำนึก ในคุณธรรม กลับโตเป็ นคนดี เจ้าเมืองจ�ำปายอมรับนับถือเสียวสวาด ได้ยกย่อง ให้เป็ นครูอกี คนหนึ่งของพระองค์พร้อม นอกจากนี้ เสียวสวาดยังได้อบรมสังสอน ่ เสนาอ�ำมาตย์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเมืองจ�ำปาตลอดมา ด้วยคุณลักษณะพิเศษที่ เสีย วสวาดเป็ นคนดีม ีปั ญ หาเฉลีย วฉลาดบ่ ลืม โต เคารพอ่ อ นน้ อ มถ่ อ มตน ต่อคนทัวไป ่ ทัง้ ปฏิบตั หิ น้าทีท่ ไ่ี ด้รบั มอบหมายอย่างขยันหมันเพี ่ ยร เป็ นทีร่ กั ใคร่ ชอบพอของเจ้าเมืองจ�ำปา หลังจากทีเ่ มืองจ�ำปาผ่านพ้นภัยพิบตั ถิ งึ ขัน้ ยุคเข็ญ มาได้กะย้อนความฉลาดหลักแหลมของเสียวสวาด จนเมืองจ�ำปาเจริญฮุ่งเฮือง อุดมสมบูรณ์ทรัพย์สนิ เงินทอง กะย้อนว่าเจ้าเมืองกลับมีศลี ธรรมปกครองบ้านเมือง โดยสุจริตยุตธิ รรม ประชาชนขยันหมันเพี ่ ยรถือศีลฟั งธรรม เคารพในจารีตประเพณี เคร่งครัดกฎหมายอันดีงามของบ้านเมือง
106 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน
๒๕. อุสา - บารส
อุสาเสียงสว่างสร้อย รัชนี กลองกลั่นโลงทันที อ่านอ้อย บารสเรียกมาลี เบงบาท ทุมเอย ตรีโจกทูทุกถ้อย เถี่ยงก้องถามชัย
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 107
เนื้ อเฮื่อง พระเจ้ากรุงพาน มีมเหสี และครองเมืองมาดน แต่กะบ่มโี อรสหรือธิดา สืบสันติวงศ์ พระกรุงพานเพิน่ กะได้เฮ็ดพิธขี อโอรสต่อเทวดาทัง้ หลาย เทื่อแรก กะบ่ได้ผล ในป่ าเทิงเทือกเขานันกะมี ่ ฤๅษีตนหนึ่งบ�ำเพ็ญชาญแก่กล้า มือ่ หนึ่ง ฤๅษี เพิน่ อยากได้พระธิดา ก็ได้มกี ุมารีมาเกิดในดอกบัวอยู่ในสระข้างอาศรมของเพิน่ ฤๅษีกะได้น�ำมาเลี้ยงเป็ นลูกสาวบุญธรรมของเพิน่ ชื่อว่า “นางอุสา” บาดใหญ่ นางอุสากะกลายเป็ นผูห้ ญิงทีม่ คี งิ งามหลาย ความงามของนางอุสาพระธิดาฤๅษี กะเลืองลือไปฮอดกรุงพาน พระเจ้ากรุงพานกะได้เสด็จมาฮอดอาศรมของฤๅษีทนั ที และเห็นว่านางอุสามีศริ ลิ กั ษณ์ลกั ษณะผูม้ บี ุญญาธิการ เพิน่ เลยขอนางอุสามาเป็ น พระธิดาบุญธรรมของเพิน่ พระฤๅษีกะบ่ได้ขดั ข้องอิหยัง กะยินยอมให้นางอุสา มาอยู่ในวังของพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้ากรุงพานกะได้จดั สนมนางก�ำนันมาคอย ฮับ ใช้น างอุ ส าอย่า งหลาย แล้ว สร้า งหอค�ำ ให้เ ป็ น หม่อ งอยู่ เอิ่น ว่า “หออุ ส า” นางอุ ส าเพิ่น กะมีค วามสุ ข อยู่ ก ับ เหล่ า นางสนม มื่อ หนึ่ ง นางเสด็จ ประพาส สวนอุทยาน ไปพ้อล�ำธารทีม่ นี ้� ำไหลอยู่ตลอดเวลา นางกะได้คดึ ว่าล�ำธารนี้คอื สิไ หลผ่า นเมือ งหลายเมือ ง นางกะเลยได้ก รองมาลัย เฮ็ด เป็ น กระทงลอยไป แล้วกะเสีย่ งทายหาเนื้อคู่ ขอให้กระทงลอยน�้ำไปเมืองทีม่ เี นื้อคูเ่ จ้าของ แล้วดลใจ ให้ฮคู้ วามในใจของนางน�ำ กล่าวเถิงเมืองพะโค มีโอรสชือ่ ว่า “บารส” ได้เติบใหญ่เป็ นหนุ่ มแต่ ยังบ่มพี ระชายา อยูม่ ามือ่ หนึ่งเพิน่ กะได้ฝันว่ามีแก้วสว่างลอยมาจากฟ้ า ลงมาใส่ มือ เพิ่น เพิ่น กะดีใ จหลายกับ แก้ว ดวงนี้ ตื่น ขึ้น เพิ่น ได้ค ึด หนัก อุ ก อัง ใจแฮง เลยชวนอ�ำมาตย์ไปเล่นน�้ ำ ในตอนนัน้ เพิน่ กะเห็นกระทงตกแต่งกรองมาลัย อย่างงาม ท้าวบารสเพิน่ กะได้ไปเก็บกระทงนัน้ แล้วซอมเบิง่ ว่ากระทงนี้ผู้เฮ็ด คือเฮ็ดงามแท้ คือสิบแ่ ม่นฝีมอื ชาวบ้านธรรมดาเพิน่ กะซอมเบิง่ ตัง้ โดน กลิน่ ไม้หอม จากกระทงกะเฮ็ดให้เพิน่ รัญจวนใจ อยากสิพอ้ ผูเ้ ป็ นเจ้าของกระทง ท้าวบารสเลย ทูลลาพระราชาไปติดตามหาเจ้าของกระทงนี้ ท้าวบารสเพิน่ ไปผูเ้ ดียว ขีม่ า้ ไปล�ำพัง เทพเลยดลใจเพิน่ ให้เข้ามาเมืองพาน ผูกม้าไว้อยูค่ อก ปั จจุบนั กลายเป็ นหิน เอิน่ ว่า “คอกม้าบารส” ท้าวบารสกะเข้าไปในเมือ ไปน�ำหานางในฝั น
108 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน มื่อ หนึ่ ง ท้า วบารสหลงเข้า ไปในอุ ท ยานหลวงได้ย ิน เสีย งเพลงลอยมา ม่วนหลาย ท้าวบารสเลยน�ำหาเจ้าของเสียง แล้วกะพ่อนางอุสาก�ำลังร้องเพลงอยู่ ในสวนอุทยาน ทัง้ สองพ่อกันกะได้มกั กัน มีจติ สัมผัสกันและกัน น�ำเทพบัลดาล ทัง้ สองกะได้เว่าปราศรัยผูกไมตรีต่อกัน และนางอุสากะได้พาท้าวบารสไปเซีย่ งไว้ อยูห่ อค�ำ อยูโ่ ดนมาข่าวลือเรือ่ งชายซูใ้ นต�ำหนักหอค�ำกะได้ฮอดหูพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้ากรุงพานได้ให้ทหารไปจับโตท้าวบารสมาเข้าเฝ้ า เพิน่ ทรงเคียดอย่างหลาย ที่ท้า วบารถบัง อาจบ่ เ กรงย่ า นพระราชอาญา เลยสัง่ ให้ป ระหารท้า วบารส โดยบ่ตอ้ งไตร่สวนคดีความ ฝ้ ายท้าวบารสเห็นแบบนัน้ กะได้เว่าความจริงให้ฟัง พระเจ้ากรุงพานเลยส่งข่าวไปเมืองพะโค พระเจ้าเมืองพะโคเลยเห็นว่าสิเกิด สงครามใหญ่แท้ เลยยกทัพมาประชิดเมืองพาน แล้วต่อสูก้ นั โดยสงครามธรรม เพือ่ สิบเ่ ป็ นเวรกรรมต่อไปภายหน้า ในทีส่ ดุ ทัง้ สองเมืองกะพนันแข่งขันกันสร้างวัด ให้เสร็จภายในคืนเดียว หากพระเจ้ากรุงพานชนะสิยอมให้ประหารท้าวบารส หากท้าวบารสชนะพระเจ้ากรุงพานจะต้องยอมยกพระธิดาให้เป็ นพระชายา วัดของ พระเจ้ากรุงพานบ่เสร็จ อันเป็ นว่าท้าวบารสชนะและได้นางอุสาไปอภิเษกสมรสอยู่ เมือ งพระโคคือ เมือ งเวีย งจัน ทร์ สุ ม่ือ นี้ วัด ที่ท ัง้ สองสร้ า งแข่ ง กัน ยัง มีซ าก โบราณสถานอยูเ่ ทือกเขาภูพานน้อย อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี บ่ไกลจากหอนางอุสา เอิน้ ว่า “วัดพ่อตา” และอีกวัดหนึ่งเอิน้ ว่า “วัดลูกเขย” (ทัง้ สองวัดเป็ นโบราณสถาน ทีค่ นต่อเติมดัดแปลงจากหน้าผาธรรมชาติ มีพระพุทธรูปสลักรูปอยู่หน้าผาเป็ น จ�ำนวนหลาย มีอฐิ โบราณแสดงให้เห็นว่ามีคนก่อสร้างเพิม่ เติม
บรรณานุกรม กฤชกร เพชรนอก. (๒๕๕๕). นิทานพืน้ บ้านภาคอีสาน. ปทุมธานี: สกายบุ๊กส์. กัมพล สมรัตน์. (ม.ป.ป.) ปลาบู่ทอง ค�ำกลอนภาคอีสาน. ขอนแก่น: ขอนแก่น คลังนานาธรรม. กัญหา (บ.ช.ย.) กระบากวิทยาและ ก.กิง่ แก้ว ป. รวมนิทานอีสาน ชุดที่ ๔ บริษทั ขอนแก่น: คลังนานาธรรม ๒๕๔๔. จารุบุ ต ร เรือ งสุว รรณ. (๒๕๒๕). พื้น เวียง (กลอน ๗). กรุงเทพฯ: สมาคม ประวัตศิ าสตร์ในพระราชอุปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. จินดา ดวงใจ. (๒๕๐๔). นิทานท้าวหมาหยุย ค�ำกลอนโบราณอีสาน. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา. เตชวโรภิกขุ (อินตากาวีวงศ์) น.ธ.เอกรวมนิทานพืน้ บ้านอีสาน ชุดที่ ๕ บริษทั ขอนแก่นคลังนานาธรรม ๒๕๔๕. เตชวโรภิกขุ (อินตากาวีวงศ์) น.ธ.เอกรวมนิทานพืน้ บ้านอีสาน ชุดที่ ๖ บริษทั ขอนแก่นคลังนานาธรรม ๒๕๔๖. เตชวโรภิกขุ (อินตากาวีวงศ์) น.ธ.เอกรวมนิทานพืน้ บ้านอีสาน ชุดที่ ๓ บริษทั ขอนแก่นคลังนานาธรรม ๒๕๔๔ ถาวร ชุปวา. (๒๕๓๑). เสมาเมืองฟ้ าแดดสูงยาง. เอกสารวิชาการวิทยาลัยเทคนิค กาฬสินธุ์ กองวิทยาลัยเทคนิค กรมอาชีวศึกษา. กาฬสินธุ:์ วิทยาลัยเทคนิค กาฬสินธุ.์ ทรงวิทย์ พิมพะกรรณ์ & ซายะสะหมุด จ�ำปาอุทุม. (๒๕๕๗). สินไซสองฝั ง่ โขง. ขอนแก่น: ขอนแก่นการพิมพ์. ธวัช ปุณโณทก. (๒๕๒๕). วรรณกรรมท้องถิน่ . กรุงเทพฯ: โอเตียนสโตร์. ธวัช ปุณโณทก. (๒๕๕๐). วรรณกรรมภาคอีสาน. (พิมพ์ครัง้ ที่ ๓). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง. น้อย ผิวผัน. (๒๕๔๔). นิทานเรือ่ งท้าวก�ำพร้าค�ำสอน ค�ำกลอนโบราณภาคอีสาน. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา.
111 บุญเตือน ศรีวรพจน์ . (๒๕๔๘). โสวัตกลอนสวด. กรุงเทพฯ: เอดิสนั เพรส โพรดักส์. ปรีชา พิณทอง. มปป. วรรณคดีอสี านเรื่องขูลูนางอัว้ . อุบลราชธานี: ศิรธิ รรม ออฟเซ็ท. ปรีชา พิณทอง. (๒๕๒๔). วรรณคดีอสี านเรื่องผาแดงนางไอ่. อุบลราชธานี: ศิรธิ รรม ออฟเซ็ท. บุญชยากร พระครู. (๒๕๖๐).เทศก์วรรณกรรมอีสานส�ำนวนอีสาน.ขอนแก่น: เอกสารการเทศก์ วัดไชยศรี. มหาสีลา วีรวงศ์. ส�ำนักงาน ส.ธรรมภักดี นิทานธรรม กรุงเทพ ร้าน ส. ธรรมภักดี พินิจ หุตะจินดา. (๒๕๕๓). บารมีสบิ ชาติชาดก. กรุงเทพฯ: สกายบุ๊กส์. วิเชียร เกษประทุม. (๒๕๔๘). เล่าเรือ่ งนางสิบสอง. กรุงเทพฯ: พัฒนศึกษา. ศูนย์วฒ ั นธรรมอีสาน (๒๕๓๕). อีสาน ฉบับ กาละนับมือ้ ส้วย หรือ พุทธท�ำนาย. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น. สดศรี ดรน้อย. (๒๕๓๙). การศึกษาเปรียบเทียบวรรณกรรมเรื่องก�่ำกาด�ำ ฉบับ ล้านนา อีสานและไทเขิน. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สายทอง จนทโสภโณ (พระมหา) เปรียญโท ตรวจช�ำระโดย พระครูบุญชยากร ค�ำกลอนนักเทศน์ (ภาษาบาลี-ภาษาอีสาน) หจก. โรงพิมพ์คลังนาธรรม ขอนแก่นคลังนานาธรรม ขอนแก่น ๒๕๔๘. ส.ธรรมภักดี รวบรวมโดย ธนิต ตาแก้ว รวมนิทานธรรม พิมพ์ท่ี ลูก ส.ธรรมภักดี ถนนข้าวสาร พระนคร ๒๕๓๙. สัณห์ ภาวิต. (๒๕๓๙). นิทาน ๔ ภาค : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. กรุงเทพฯ: สุรวี นิ าสาส์น. สุจติ วงษ์เทศ. (๒๕๔๐). แนวคิดและฮีตคอง ท้าวฮุง่ ท้าวเจือง. กรุงเทพฯ: มติชน สุเทพสารคุณ. พระครู. (๒๕๔๐). ท้าวอุน่ งัวทอง. ขอนแก่น: มหาจุฬาลงกรณราช วิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น. สุเทพสารคุณ. พระครู. (๒๕๔๙). วรรณกรรมนิทานอีสาน เล่ม ๑. ขอนแก่น: คลัง นานาวิทยา.
112 สุเทพสารคุณ. พระครู. (๒๕๔๙). วรรณกรรมนิทานอีสาน เล่ม ๒. ขอนแก่น: คลัง นานาวิทยา. อรรถ นันทจักร. (ม.ป.ป.) พืน้ เมืองอุบล: ข้อวินิจฉัยบางประการและภาพสะท้อน. อ�ำนาจเจริญ: โรงเรียนอ�ำนาจเจริญ. อริยานุวตั ร. พระ (๒๕๑๕). จ�ำปาสีต่ น้ . มหาสารคาม: สาส์นสวรรค์ อัมพร นามเหลา. ๒๕๒๙. ท้าวคัทธนาม. นครราชสีมา: ศูนย์วฒ ั นธรรมจังหวัด นครราชสีมา วิทยาลัยครู นครราชสีมา. อินตา กวีวงค์. (๒๕๓๔). นิทานพระยาคันคาก. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา. อินตา กวีวงค์. (๒๕๔๒). นิทานท้าวนกกระจอก ค�ำกลอนโบราณอีสาน. ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา. อินตา กวีวงค์. (๒๕๔๒). นิทานนางผมหอม ค�ำกลอนโบราณอีสาน. กรุงเทพฯ: สหธรรมิก. อินตา กวีวงค์. (๒๕๔๔). รวมนิทานอีสาน ชุดที่ ๓. ขอนแก่น: ขอนแก่นคลังนานา ธรรม. ธวัช ปุณโณทก. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม ๕. (ม.ป.ป.). เข้าถึง ได้จาก http://www.bl.msu.ac.th/bailan/vanagum/vanagum๕.asp (วันที่ ค้นข้อมูล ๒๐ กันยายน ๒๕๕๘). พจณีย์ เพ็งเปลีย่ น. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม ๑๔. (ม.ป.ป.). เข้า ถึงข้อมูลได้จาก http://www.bl.msu.ac.th/bailan/vanagum/vanagum๖.asp (วันทีค่ น้ ข้อมูล : ๑๓ กันยายน ๒๕๕๘). ใบลาน พระราชรัตโนบล.( ๒๕๒๙) .ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนอีสาน ๒๐ กันฑ์จบ เรือ่ ง สังข์ศลิ ป์ ชัย. พระนคร:โรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส. ธรรมภักดี. พระราชรัตโนบล. (๒๕๒๙). ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนอีสาน ๘ กันฑ์จบ เรือ่ ง ผา แดงนางไอ่. พระนคร: โรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส. ธรรมภักดี. พระราชรัตโนบล. (๒๕๒๙). ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนอีสาน ๙ กันฑ์จบ เรือ่ ง ท้าว ก�่ำกาด�ำ. พระนคร: โรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส. ธรรมภักดี.
113 พระราชรัตโนบล. (๒๕๒๙). ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนอีสาน ๙ กันฑ์จบ เรื่อง ล�ำ นางผมหอม. พระนคร: โรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส. ธรรมภักดี. พระราชรัตโนบล. (๒๕๒๙). ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนอีสาน ๓ กันฑ์จบ เรือ่ ง ปลา บูท่ อง. พระนคร: โรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส. ธรรมภักดี. พระราชรัตโนบล. (๒๕๒๙). ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนอีสาน ๘ กันฑ์จบ เรือ่ ง ท้าว คุดตพนาม. พระนคร:โรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส. ธรรมภักดี. พระราชรัตโนบล. (๒๕๒๙). ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนเอกอีสาน ๘ กันฑ์จบ เรือ่ ง ศรีธน–มโนห์รา. พระนคร:bโรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส.ธรรมภักดี. พระราชรัตโนบล. (๒๕๒๙). ใบลานค�ำกลอนส�ำนวนเอกอีสาน ๑๐ กันฑ์จบ เรือ่ ง นางสิบสอง. พระนคร: โรงพิมพ์สำ� นักงานลูก ส. ธรรมภักดี.
รายนามผู ้ร่วมเป็ นเจ้าภาพเครื่องอัฐบริขาร ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ทอดถวาย ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น (วันที่ ๒๖ - ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๑)
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 115
รายนามผู ้ร่วมเป็ นเจ้าภาพเครื่องอัฐบริขาร ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ทอดถวาย ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง ต�ำบลศิลา อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น (วันที่ ๒๖ - ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๑)
ที่ ๑
ชื่อ - สกุล รศ.ดร กิตติชยั ไตรรัตนศิรชิ ยั
๒
รศ.ดร.ล�ำปาง แม่นมาตย์
๓ ๔ ๕ ๖ ๗
ต�ำแหน่ ง อธิการบดี มหาวิทยาลัย ขอนแก่น รองอธิการบดี ฝ่ ายวางแผน ยุทธศาสตร์
รศ.ดร.เกรียงไกร รองอธิการบดีฝ่าย กิจเจริญ ศิลปวัฒนธรรม และชุมชนสัมพันธ์ รศ.ทพญ.ดร. รองอธิการบดีฝ่าย นวรัตน์ วราอัศวปติ การต่างประเทศ เจริญ ศ. ดร.ศุภชัย รองอธิการบดี ปทุมนากุล ฝ่ ายวิจยั และ ถ่ายทอดเทคโนโลยี ผศ.วิชยั ทีป่ รึกษาฝ่ ายรักษา ณีรตั นพันธุ์ ความปลอดภัย ผศ.ลิขติ อมาตยคง รองอธิการบดี ฝ่ ายบริหาร ทรัพยากรบุคคล
รายการ บาตรสแตนเลส ๙ นิ้ว เสือ้ ถัก ขาหวาย
จ�ำนวน ๔ ชุด
จ�ำนวนเงิ น ๑๐,๐๐๐ บาท
ผ้าไตรเอกและ ผ้าซันฟอไรด์ ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา
๑ ชุด
๓,๐๐๐ บาท
๑ ชุด
๑,๕๐๐ บาท
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
ตาลปั ตรไหมไทย ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
ตาลปั ตรไหมไทย ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ทีน่ อนพระ
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
๓ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
116 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ๘ ๙ ๑๐ ๑๑ ๑๒ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ ๑๗ ๑๘
ชื่อ - สกุล ต�ำแหน่ ง ผศ.ดร.เด่นพงษ์ รองอธิการบดี สุดภักดี ฝ่ ายวิชาการและ สือ่ สารองค์กร ผศ.พนมชัย รองอธิการบดีฝ่าย วีระยุทธศิลป์ โครงสร้างพืน้ ฐาน ผศ.ดร.สมพงษ์ ผูช้ ว่ ยอธิการบดี สิทธิพรหม ฝ่ ายรักษาความ ปลอดภัย รศ.ดร.นันทรัตน์ ผูช้ ว่ ยอธิการบดี โฆมานะสิน ฝ่ ายวิชการ นายบัญชา ผูช้ ว่ ยฝ่ ายศิลป พระพล วัฒนธรรมและ ชุมชนสัมพันธ์ ผศ.ดร.จงรักษ์ ผูช้ ว่ ยอธิการบดี หงษ์งาม ฝ่ ายบริหาร ทรัพยากรบุคคล ผศ.ดร.ปิ ยะวัชร ผูช้ ว่ ยฝ่ ายบริหาร ฝอยทอง จัดการงานก่อสร้าง และบ�ำรุงรักษา ผศ.ดร.กฤตภัทร ผูช้ ว่ ยอธิการฝ่ าย ถาปาลบุตร โครงสร้างพืน้ ฐาน ผศ.ดร.นรินทร์ ผูช้ ว่ ยฝ่ ายพัฒนา จันทร์ศรี นักศึกษาและ ศิษย์เก่าสัมพันธ์ ผศ.ดร.รัชฎา ผูช้ ว่ ยอธิการบดี ตัง้ วงค์ไชย ฝ่ ายถ่ายทอด เทคโนโลยี ผศ.ดร.ภญ. ผูช้ ว่ ยฝ่ าย อัจฉราวรรณ ความร่วมมือ โตภาคงาม ระหว่างประเทศ
รายการ อาสนะไหมดิน้ ทอง
จ�ำนวน ๒ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๑,๐๐๐ บาท
กระบะมุก พร้อมถ้วยทอง ผ้าห่มพระประทาน ผ้าตาด ๕ เมตร
๑ ชุด
๑,๕๐๐ บาท
๑ ผืน
๗๐๐ บาท
ชุดเทียนปฏิโมก
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
รองเท้า
๒ คู่
๙๐๐ บาท
ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว หมอนหนุน พร้อมปลอก
๑ ชุด ๑ คัน
๕๐๐ บาท ๒๐๐ บาท
๓ ลูก
๑,๕๐๐ บาท
บาตรสแตนเลส ๙ นิ้ว เสือ้ ถัก ขาหวาย ตาลปั ตรไหมไทย ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก
๑ ชุด
๒,๕๐๐ บาท
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
ตาลปั ตรไหมไทย ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 117 ที่ ชื่อ - สกุล ๑๙ ผศ.ดร.ศิรพิ งษ์ เพียศิร ิ และครอบครัว ๒๐ ผศ.ปาริชาต บุตรวงค์ ๒๑ อาจารย์ ดร. ศิรประภา บ�ำรุงกิจ
ต�ำแหน่ ง รายการ ผูช้ ว่ ยอธิการบดี ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา ฝ่ ายสือ่ สารองค์กร อาสนะไหมดิน้ ทอง
จ�ำนวน ๑ ผืน ๑ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๕๐๐ บาท ๕๐๐ บาท
ผูช้ ว่ ยอธิการบดี ฝ่ ายการคลัง ผูช้ ว่ ยอธิการบดี ฝ่ ายทรัพย์สนิ
โคมไฟ
๒ ชุด
๑,๐๐๐ บาท
ชุดไทยธรรมพิเศษ (ถวายวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑ สิรคิ ณ ุ ากร) อาสนะไหมดิน้ ทอง
๑ ชุด
๑,๐๐๐ บาท
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
บาตรสแตนเลส ๙ นิ้ว เสือ้ ถัก ขาหวาย
๒ ชุด
๕,๐๐๐ บาท
หมอนอิงไหม อาสนะไหมไทย ปั กโลโก้ ๒๕ ศ.ดร.อภิรฐั คณบดีคณะ ฉัตรดิน้ เงินดิน้ ทอง ศิรธิ ราธิวตั ร วิศวกรรมศาสตร์ สูง ๒ เมตร ๒๖ รศ.ทพญ.ดร. คณบดีคณะ ตาลปั ตรไหมไทย วรานุช ปิ ตพิ ฒ ั น์ ทันตแพทยศาสตร์ ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก ๒๗ รศ.ดร.ไมตรี คณบดีคณะศึกษา ตาลปั ตรไหมไทย อินทร์ประสิทธิ ์ ศาสตร์ ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก ชุดไทยธรรม บรรจุถงุ ตาข่าย ๒๘ รศ.ดร.ศุภวัฒนากร คณบดีวทิ ยาลัย ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา วงศ์ธนวสุ การปกครอง ท้องถิน่
๓ ชุด
๕,๗๐๐ บาท
๑ คู่
๓,๐๐๐ บาท
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
๒ ชุด
๑,๐๐๐ บาท
๒ ผืน
๑,๐๐๐ บาท
๒๒ ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ ๒๓ รศ.ดร.กุลธิดา ท้วมสุข
ผูช้ ว่ ยอธิการบดี ฝ่ ายวิจยั คณบดีคณะ มนุษยศาสตร์และ สังคมศาสตร์ ๒๔ รศ.นพ.ชาญชัย คณบดีคณะ พานทองวิรยิ ะกุล แพทยศาสตร์
118 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๒๙ ผศ.ดร.สมเกียรติ ศรีจารนัย ๓๐ รศ.ดร.วินิต ชินสุวรรณ ๓๑ รศ.ดร.เพ็ญศรี เจริญวาณิชย์ ๓๒ รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ� ๓๓ ศ.ดร.ละออศรี เสนาะเมือง ๓๔ ผศ.กิตติบดี ใยพูล ๓๕ ศ.ดร.มนต์ชยั ดวงจินดา ๓๖ ผศ.กฤษฎา วงศ์คำ� จันทร์ ๓๗ ผศ.ดร.สุธดิ า โง่นค�ำ ๓๘ ผศ.เฉลิมเกียรติ มินา
ต�ำแหน่ ง คณบดีคณะ วิทยาศาสตร์ คณบดีวทิ ยาลัย บัณฑิตศึกษา การจัดการ คณบดีคณะ บริหารธุรกิจและ การบัญชี คณบดีคณะ ศิลปกรรมศาสตร์ คณบดีวทิ ยาลัย นานาชาติ คณบดีคณะ นิตศิ าสตร์ คณบดีคณะ เกษตรศาสตร์ รองคณบดีฝ่าย พัฒนานักศึกษาฯ คณะศิลปกรรม ศาสตร์ รองคณบดีฝ่าย การต่างประเทศ คณะมนุษยศาสตร์ฯ รองคณบดีฝ่าย พัฒนานักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์
รายการ คูเลอร์น้�ำจระเข้ อาสนะไหมดิน้ ทอง หมอนอิงไหม อาสนะไหมไทย ปั กโลโก้ บาตรสแตนเลส ๙ นิ้ว เสือ้ ถัก ขาหวาย
จ�ำนวน ๑ ใบ ๑ ผืน ๑ ชุด
จ�ำนวนเงิ น ๑,๘๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๒,๐๐๐ บาท
๑ ชุด
๒,๕๐๐ บาท
ตาลปั ตรไหมไทย ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ขาตัง้ มุกไทย
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
๑ อัน
๑,๓๙๐ บาท
คูเลอร์น้�ำจระเข้
๑ ใบ
๑,๘๐๐ บาท
ชุดไทยธรรม บรรจุถุง ตาข่าย
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
หม้อแกงจระเข้
๑ ใบ
๑,๐๐๐ บาท
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 119 ที่ ชื่อ - สกุล ๓๙ ผศ.น.สพ.ดร. สุวทิ ย์ อุปสัย
ต�ำแหน่ ง รองคณบดีฝ่าย พัฒนานักศึกษา และศิษย์เก่า สัมพันธ์ คณะสัตว แพทยศาสตร์ ๔๐ ผศ.ดร.อังคณา รองคณบดีฝ่าย ทองพูน พัฒนศร วิชาการคณะ มนุษยศาสตร์ฯ ๔๑ ผศ.ดร.หอมหวล ผูช้ ว่ ยคณบดีฝ่าย บัวระภา พัฒนานักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ฯ ๔๒ นายบุญญฤทธิ ์ กรรมการสภา สมบัตหิ ลาย มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ๔๓ ผศ.ดร.รักพงษ์ ผูอ้ ำ� นวยการส�ำนัก เพชรค�ำ บริการวิชาการ ๔๔ อ.วีระ-เพียงเพ็ญ ผูอ้ ำ� นวยการ ภาคอุทยั ส�ำนักงาน อธิการบดี ๔๕ นางสาวสุนิภา ผูอ้ ำ� นวยการก ไสวเงิน องคลัง ๔๖ นายสมหวัง ผูอ้ ำ� นวยการกอง ทองน�ำ บริหารงานวิจยั ๔๗ นายสถิตย์ แก้วบุดดา
รายการ คูเลอร์น้�ำจระเข้ เก้าอีอ้ ย่างหนา
จ�ำนวน ๑ ใบ ๕ ตัว
จ�ำนวนเงิ น ๑,๘๐๐ บาท ๑,๕๐๐ บาท
อาสนะไหมดิน้ ทอง
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
อาสนะไหมดิน้ ทอง
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
บาตรสแตนเลส ๙ นิ้ว เสือ้ ถัก ขาหวาย เก้าอีพ้ ลาสติกอย่างหนา หม้อแกงจระเข้
๒ ชุด
๕,๐๐๐ บาท
๑๐ ตัว ๒ ใบ
๓,๐๐๐ บาท ๒,๐๐๐ บาท
หมอนอิงไหม อาสนะ ไหมไทย ปั กโลโก้
๑ ชุด
๒,๐๐๐ บาท
บาตรสแตนเลส ๙ นิ้ว เสือ้ ถัก ขาหวาย ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ย่ามไหมไทยแท้ สังปั ่ กโลโก้ มข. ผูอ้ ำ� นวยการกอง หมอนอิงไหม ทรัพยากรบุคคล อาสนะไหมไทย ปั กโลโก้
๑ ชุด
๒,๕๐๐ บาท
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
๑ ใบ
๗๐๐ บาท
๑ ชุด
๑,๙๐๐ บาท
120 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๔๘ นายธัญญา ภักดี และครอบครัว ๔๙ นางปภาภร ดลประสิทธิ ์ ๕๐ นางเพ็ญนภา วันสาสืบ ๕๑ นางอาภรณ์ เอีย่ มนิรตั น์ ๕๒ ผศ.ธรณัส หินอ่อน ๕๓ นายภาสกร เตือประโคน และครอบครัว ๕๔ รศ.ดร.ไชยณรงค์ นาวานุเคราะห์ ๕๕ รศ.ดร.ธีระ ฤทธิรอด
ต�ำแหน่ ง ผูอ้ ำ� นวยการ กองกลาง ผูอ้ ำ� นวยการกอง พัฒนานักศึกษา และศิษย์เก่า สัมพันธ์ ผูอ้ ำ� นวยการกอง บริหารงานคณะ มนุษยศาสตร์ฯ ผูอ้ ำ� นวยกอง บริหารงานคณะ เทคนิคการแพทย์ รองผูอ้ ำ� นวยการ ศูนย์วฒ ั นธรรม รองผูอ้ ำ� นวยการ ศูนย์วฒ ั นธรรม
รายการ ย่ามไหมไทยแท้ สังปั ่ กโลโก้ มข. กะบะมุกพร้อมถ้วยทอง ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา อาสนะไหมดิน้ ทอง
จ�ำนวน ๔ ใบ
จ�ำนวนเงิ น ๒,๘๐๐ บาท
๑ ชุด ๑ ผืน ๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๕๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
ผ้าห่มเนือ้ นุม่ บุญรักษา
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
หมอนอิงไหม อาสนะไหมไทย ปั กโลโก้ ย่ามไหมไทยแท้ สังปั ่ กโลโก้ มข.
๑ ชุด
๑,๙๐๐ บาท
๒ ใบ
๑,๔๐๐ บาท
๒ ลูก
๑,๐๐๐ บาท
๓ เถา ๓ ตัว
๑,๘๐๐ บาท ๙๐๐ บาท
๑ ผืน
๑,๐๐๐ บาท
๑ ชุด
๒,๕๐๐ บาท
คณะเกษตรศาสตร์ หมอนหนุน พร้อมปลอก ประธานสาขา ปิ่ นโตสแตนเลส ๑๔/๔ วิชาเทคโนโลยี เก้าอีอ้ ย่างหนา เภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ ๕๖ ผศ.พวงทอง อดีตผูอ้ ำ� นวยการ เสือ่ -กก ๘ เมตร นายสุชาติ สาธิตมหาวิทยาลัย อ่อนจ�ำรัส ขอนแก่น ๕๗ อาจารย์จริ าภรณ์ ข้าราชการบ�ำนาญ บาตรสแตนเลส ๙ นิ้ว โทขันธ์ เสือ้ ถัก ขาหวาย
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 121 ที่ ชื่อ - สกุล ๕๘ รศ.คูณ โทขันธ์
ต�ำแหน่ ง อดีตรองคณบดี วิทยาลัย การปกครอง ส่วนท้องถิน่ ๕๙ รศ.งามนิจ นนทโส อาจารย์คณะ วิทยาศาสตร์
รายการ ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
จ�ำนวน ๑ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๑,๕๐๐ บาท
๑ ใบ
๗๐๐ บาท
๑ มัด
๕๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ชุดไทยธรรม บรรจุถงุ ตาข่าย บัณฑิตวิทยาลัย ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร (นางพัชลี พวงคต) ราชนิยม
๕๐ ตัว ๑ ผืน
๑๕,๐๐๐ บาท ๑,๕๐๐ บาท
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ย่ามไหมไทยแท้ สังปั ่ ก โลโก้ มข. ข้าราชการบ�ำนาญ ไม้กวาดทางมะพร้าว (ผศ.พวงทอง)
๖๐ รศ.ดร.บ�ำเพ็ญรศ.ดร.วีระศักดิ ์ วงศ์ศรีแก้ว ๖๑ นางตุลยา นานอก ศูนย์วฒ ั นธรรม และครอบครัว มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ๖๒ นางสาวปิ ตยิ าพร กองอาคารสถานที่ ภูงาม ๖๓ นางสาวพรวิภา หัวหน้ากลุม่ สัตนาโค งานการพัฒนา ส�ำนักงานคณบดี คณะเภสัชฯ ๖๔ นางบัวไข ไสยาสย์ ส�ำนักหอสมุด ๖๕ นางบุบผา คณะมนุษยศาสตร์ ประสารฉ�่ำ และสังคมศาสตร์
๖๖ นางพลู ใสยุน่
122 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๖๗ นางเอมอร ทุยบึงฉิมและ ครอบครัว ๖๘ นางอรฤดี เธียรสุภรพงษ์ ๖๙ นางพิจติ ตรา เปรมชัยสวัสดิ ์ และครอบครัว ๗๐ นางยุวรรณา เลิศศิริ
ต�ำแหน่ ง คณะเทคนิค การแพทย์
รายการ ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม
จ�ำนวน ๑ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๑,๕๐๐ บาท
ส�ำนักเทคโนโลยี ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา สารสนเทศ ข้าราชการบ�ำนาญ ผ้าห่มเนื้อนุ่ม บุญ รักษา
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
กองทรัพยากร บุคคล
๑ ผืน ๑ ผืน
๕๐๐ บาท ๑,๕๐๐ บาท
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
๑ ตัว ๓๐ ตัว
๓๐๐ บาท ๓,๐๐๐ บาท
๑ ชุด
๑,๙๐๐ บาท
๑๐ ตัว
๓,๐๐๐ บาท
ผ้าห่มเนือ้ นุ่ม บุญรักษา ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ๗๑ Mrs. Lapasrada ประเทศเยอรมัน ตาลปั ตรไหมไทย Schaper (ศูนย์หวั ใจสิรกิ ติ ิ ์) ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก ๗๒ นางสาวดวงฤทัย กองคลังส�ำนักงาน เก้าอีอ้ ย่างหนา เทียมหอม อธิการบดี ๗๓ นพ.ธิต-ิ ภญ. คณะเภสัชศาสตร์ เก้าอีอ้ ย่างหนา นันท์นภัส ธิตศิ กั ดิ ์สกุล ๗๔ นางรุง่ ฤทัย ตรีชา คณะเภสัชศาสตร์ เก้าอีอ้ ย่างหนา ๗๕ นางรัดดา-สมศักดิ ์ ห้องสมุดคณะ เก้าอีอ้ ย่างหนา อุน่ จันที เทคนิคการแพทย์ ๗๖ นางละออ ข้อยุน่ ส�ำนักหอสมุด หมอนอิงไหม อาสนะไหมไทย ปั กโลโก้ ๗๗ นางธนัชพร วิทยาลัยการ เก้าอีอ้ ย่างหนา ยะปะตัง ปกครองท้องถิน่ ๗๘ นางติม๋ เมืองกลัน่ ผูป้ ระกอบการ รองเท้า ร้านค้าใน มข.
๑ คู่
๕๐๐ บาท
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 123 ที่ ชื่อ - สกุล ๗๙ ชมรมผูเ้ ษียณ คณะศึกษาศาสตร์ มข. ๘๐ นายธีรพร ปทุมบาล ๘๑ นางปวริศา พลเยีย่ ม และครอบครัว ๘๒ ผศ.ทพ.พีรพงษ์ กุประดิษฐ์
๘๓ นางสุกานดา ยิง่ เจริญกิจขจร ๘๔ นางอาภาภรณ์ ธรเสนา ๘๕ นายรักษ์เกียรติ กระแสร์ ๘๖ น.ส.ฌานีเสาวภาค ๘๗ นายชวลิต ตันเจริญ และครอบครัว
ต�ำแหน่ ง รายการ คณะศึกษาศาสตร์ เสือ่ กก ๘ เมตร ญาตินางอรฤดี เธียรสุภรพงษ์ เจ้าหน้าทีบ่ ริษทั
ย่ามไหมไทยแท้ สังปั ่ กโลโก้ มข. ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย
อาจารย์คณะ ตาลปั ตรไหมไทย ทันตแพทยศาสตร์ ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก ย่ามไหมไทยแท้ สังปั ่ กโลโก้ มข. หมอนอิงไหม อาสนะไหมไทย ปั กโลโก้ คณะแพทยศาสตร์ สัปทน ตาดดอก สีเหลืองทอง คณะแพทยศาสตร์ ตาลปั ตรไหมไทย ปั กโลโก้ มข. ด้ามมุก คณะแพทยศาสตร์ ผ้าไตรโทเร ๒*๓ เมตร ราชนิยม ชุดไทยธรรม บรรจุถงุ ตาข่าย สโมสรคณะ ชุดไทยธรรม แพทยศาสตร์ บรรจุถุงตาข่าย คณะแพทยศาสตร์ ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา
จ�ำนวน ๑ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๑,๐๐๐ บาท
๑ ใบ
๗๐๐ บาท
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
๑ ใบ
๗๐๐ บาท
๑ ชุด
๑,๙๐๐ บาท
๑ อัน
๑,๘๐๐ บาท
๑ เล่ม
๒,๐๐๐ บาท
๑ ผืน
๑,๕๐๐ บาท
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
124 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๘๘ นางพัชรีพร บุญบานเย็นง ๘๙ นายอรรถสิทธิ ์ บุญบานเย็น ๙๐ นางโฉมพิไล นันทรักษา ๙๑ นางนิสารัตน์ พิศณุ ๙๒ นางสาวอัญชลี โพธิ ์กราน ๙๓ นางศิรพิ ร นานอก ๙๔ นางจุฑามาศ สังข์แก้ว ๙๕ นางสุดารัตน์ เตโพธิ ์ ๙๖ นางสาวธนิดา รักษาเคน ๙๗ นางหนูแดง ตาบ้านดู่
ต�ำแหน่ ง รายการ คณะแพทยศาสตร์ อาสนะไหมดิน้ ทอง
จ�ำนวน ๑ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๕๐๐ บาท
คณะแพทยศาสตร์ อาสนะไหมดิน้ ทอง
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
คณะแพทยศาสตร์ ทีน่ อนพระ
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
อดีตหัวหน้างาน เก้าอีอ้ ย่างหนา สังคมสงเคราะห์ คณะแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
คณะแพทยศาสตร์ เก้าอีอ้ ย่างหนา คณะแพทยศาสตร์ ผ้าเช็ดตัว ๓๐*๖๐ ตราแกะ ฝ้ ายแท้ ข้าราชการบ�ำนาญ ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว บัณฑิตวิทยาลัย รองเท้า
๑ ตัว ๑ ผืน
๓๐๐ บาท ๕๐๐ บาท
๒ คัน ๑ คู่
๔๐๐ บาท ๔๕๐ บาท
บัณฑิตวิทยาลัย
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
๒ ตัว ๒ ชุด
๖๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
๑ คัน
๒๐๐ บาท
๙๘ นางรัตติยากร บัณฑิตวิทยาลัย วิมลศิร ิ ๙๙ นายณัฐพล บัณฑิตวิทยาลัย พวงคต และครอบครัว ๑๐๐ นางพัชลีบัณฑิตวิทยาลัย ดช.ณัฐกิตติ ์ ณัฐวัฒน์ พวงคต
ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย เก้าอีอ้ ย่างหนา ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 125 ที่ ชื่อ - สกุล ๑๐๑ นางหอมหวล นาถ�้ำเพชร
ต�ำแหน่ ง บัณฑิตวิทยาลัย
๑๐๒ นางสาววรินภ์ธร นันตะเวชกูล ๑๐๓ นางสาวศิตธีรา สโมสร ๑๐๔ นางวรกุล ปทุมบาล
บัณฑิตวิทยาลัย
๑๐๕ ๑๐๖ ๑๐๗ ๑๐๘
๑๐๙
บัณฑิตวิทยาลัย
ส�ำนักเทคโนโลยี สารสนเทศ (นางอรฤดี) นางสาวณัฐวดี ส�ำนักเทคโนโลยี ปทุมบาล สารสนเทศ (นางอรฤดี) นายธีรพร ส�ำนักเทคโนโลยี ปทุมบาล สารสนเทศ (นางอรฤดี) นางจิตมิ า กองคลังส�ำนักงาน อินธิราช อธิการบดี นางเอือ้ งฟ้ า หัวหน้างานบริหาร วรรณสิทธิ ์ และสือ่ สารองค์กร ส�ำนักบริการ วิชาการ นายสัจชัย บุญผิว ส�ำนักเทคโนโลยี สารสนเทศ
รายการ รองเท้า ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย เก้าอีอ้ ย่างหนา
จ�ำนวน ๑ คู่ ๑ ชุด
จ�ำนวนเงิ น ๔๕๐ บาท ๕๐๐ บาท
๒ ตัว
๖๐๐ บาท
ผ้าเช็ดตัว ๓๐*๖๐ ตราแกะ ฝ้ ายแท้ ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
๒ ชุด
๑,๐๐๐ บาท
ไม้กวาดดอกหญ้า
๑ มัด
๕๐๐ บาท
ไม้กวาดทางมะพร้าว
๒ มัด
๑,๐๐๐ บาท
ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว
๑ คัน
๒๐๐ บาท
ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว
๕ คัน
๑,๐๐๐ บาท
ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว
๓ คัน
๖๐๐ บาท
126 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๑๑๐ นางจุฑารัตน์ เอีย่ มทอง
ต�ำแหน่ ง อดีตหัวหน้างาน แม่บา้ นคณะ แพทยศาสตร์ ๑๑๑ นางฐิตริ ตั น์ กองคลังส�ำนักงาน นาวัลย์ อธิการบดี ๑๑๒ นายธนวัฒน์ (นางอรฤดี เธียรสุภรพงษ์ เธียรสุภรพงษ์) ๑๑๓ อ.อัญชลี-นายอุทศิ อ.พวงทอง ชัยรัชตกุล อ่อนจ�ำรัส ๑๑๔ นายวัชรินทร์ ข้าราชการบ�ำนาญ รุง่ วิรยิ ะวณิช ส�ำนักเทคโนโลยี สารสนเทศ ๑๑๕ ผศ.ภัสสรา ข้าราชการบ�ำนาญ อินทรก�ำแหง (อ.พวงทอง) ๑๑๖ ผศ.วรรณภา ข้าราชการบ�ำนาญ ฃศุกรียพงษ์ (อ.พวงทอง) ๑๑๗ ผศ.ศิรวิ รรณ ข้าราชการบ�ำนาญ ร่มเย็น วูลเทอร์ (อ.พวงทอง) ๑๑๘ นายไชยยา นักศึกษาปริญญาโท กลิน่ สุคนธ์ ๑๑๙ นางรชตวรรณ ส�ำนักบริการ พรมภักดี วิชาการ และครอบครัว
รายการ ร่มพระสีราช 30 นิ้ว อาสนะไหมดิน้ ทอง
จ�ำนวน ๒ คัน ๑ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๔๐๐ บาท ๖๐๐ บาท
ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว
๑ คัน
๒๐๐ บาท
กระติกน�้ำร้อน
๑ เครือ่ ง
๙๕๐ บาท
กระติกน�้ำร้อน
๑ เครือ่ ง
๙๕๐ บาท
กระติกน�้ำร้อน
๑ เครือ่ ง
๙๕๐ บาท
ไฟฉายแบบชาร์ต
๑ กระบอก
๒๕๐ บาท
ไฟฉายแบบชาร์ต
๑ กระบอก
๒๕๐ บาท
ไฟฉายแบบชาร์ต
๑ กระบอก
๒๕๐ บาท
ไฟฉายแบบชาร์ต
๓ กระบอก
๗๕๐ บาท
ผ้าเช็ดตัว ๓๐*๖๐ ตราแกะ ฝ้ ายแท้ ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย ไฟฉายแบบชาร์ต
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
๑ กระบอก
๒๕๐ บาท
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
๑๒๐ นางสาวปราณี คณะพยาบาล เหมือนสิงห์ ศาสตร์ ๑๒๑ นางสาวยุภาพรรณ ข้าราชการบ�ำนาญ อาสนะไหมดิน้ ทอง คุณาธิปพงษ์
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 127 ที่ ชื่อ - สกุล ต�ำแหน่ ง ๑๒๒ นายคเชนทร์ สุภศร ๑๔๐/๖๔ ม.๑๔ ซอยอดุลยาราม ๗ จ.ขอนแก่น ๑๒๓ นายสุจณ ิ สุภศร ๑๔๐/๖๔ ม.๑๔ ซ.อดุลยาราม ๗ ต.ในเมือง ๑๒๔ นางจุฑาทิพย์ ๑๔๐/๖๔ ม.๑๔ สุภศร ซ.อดุลยาราม๗ ต.ในเมือง ๑๒๕ นางรัตนา ๑๔๙/๒๒ ม.๗ เขมะศักดิ ์ชัย ถ.มิตรภาพ .เมือง จ.ขอนแก่น ๑๒๖ นางสาวบุณกิ า ๑๔๐/๖๔.ม.๑๔ แสงสว่าง ซ อดุลยาราม ๗ จ.ขอนแก่น ๑๒๗ นางสาวหทัยกาญจน์ ๑๔๐/๖๔ม ๑๔ สุภศร ซ อดุลยาราม ๗ จ.ขอนแก่น ๑๒๘ อาจารย์สมพร ๑๘๑/๒๕ ม.๖ นุทผล แฟลต ๕ มอ.ปั ตตานี ต.รสะมีแล ปั ตานี ๙๔๐๐๐ ๑๒๙ นายวิรศิ ลีลาภัทร (ญาติ นางสาวเยาวลักษณ์ โพธิ ์หล้า) ๑๓๐ นางสาวชุตมิ า บ้านสามเหลีย่ ม ๕ นานอก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น
รายการ ผ้าเช็ดตัว ๓๐*๖๐ ตราแกะ ฝ้ ายแท้
จ�ำนวน ๑ ผืน
จ�ำนวนเงิ น ๕๐๐ บาท
ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
ผ้าห่มเนือ้ นุ่มบุญรักษา
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
หมอนอิงไหม อาสนะไหมไทย ปั กโลโก้ ชุดไทยธรรม บรรจุถุงตาข่าย
๑ ชุด
๑,๙๐๐ บาท
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
ร่มพระสีราช ๓๐ นิ้ว
๑ คัน
๒๐๐ บาท
อาสนะไหมดิน้ ทอง
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
โคมไฟ
๓ ชุด
๑,๕๐๐ บาท
อาสนะดิน้ ทอง
๑ ชุด
๕๐๐ บาท
128 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๑๓๑ นายภูรนิ ทร์ พยัคฆ์มะเริง ๑๓๒ ด.ช.ธิตวิ ฒ ั น์ พยัคฆ์มะเริง ๑๓๓ นางนารี พิทอง ๑๓๔ นางนฤมล พิมพ์พงษ์ตอ้ น ๑๓๕ นายสมโภชน์ พิมพ์พงษ์ตอ้ น ๑๓๖ นางชลินทรา จังคตระกูล ๑๓๗ นายภูมนิ ทร์ นางสาวชลธิชา หอมอ้ม ๑๓๘ นางประคอง เชียงนางาม ๑๓๙ นางพรจิตร์ เตชะเรืองอัมพร ๑๔๐ นางสาวณัฐภร แดบสูงเนิน ๑๔๑ นายณัฐชนน มังมี ่ ๑๔๒ นายวรพล มังมี ่
ต�ำแหน่ ง บ้านสามเหลีย่ ม ๕ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น บ้านสามเหลีย่ ม ๕ ต.ในเมือง กองพัฒนา นักศึกษาและ ศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะเทคโนโลยี
รายการ รองเท้า
จ�ำนวน ๑ ชุด
จ�ำนวนเงิ น ๔๕๐ บาท
ชุดเครือ่ งใช้พระสงฆ์
๑ ชุด
๒๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๒ ตัว
๖๐๐ บาท
คณะเทคโนโลยี
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๒ ตัว
๖๐๐ บาท
ศูนย์หวั ใจสิรกิ ติ ต์ เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
ศูนย์หวั ใจสิรกิ ติ ต์ เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
ส�ำนักบริการ วิชาการ ส�ำนักบริการ วิชาการ ส�ำนักบริการ วิชาการ ส�ำนักบริการ วิชาการ ส�ำนักบริการ วิชาการ
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๒ ตัว
๖๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 129 ที่ ชื่อ - สกุล ต�ำแหน่ ง ๑๔๓ นางสมร แสงชัย คณะทันต แพทยศาสตร์ ๑๔๔ นางศรีจนั ทร์ งานธุรการกองคลัง กิตติกำ� จร ๑๔๕ นายจิรวัฒน์ คณะวิทยาศาสตร์ อุน่ โรจน์ ๑๔๖ นางบุพพัณห์ อดีตหัวหน้างานคลัง วรพุทธพร คณะเทคโนโลยี ๑๔๗ นางศิรวิ รรณ คณะเกษตรศาสตร์ งามเจริญวงศ์ และครอบครัว ๑๔๘ นายธนวัช คณะเกษตรศาสตร์ โชติกมล ๑๔๙ อาจารย์ ดร.หิรญ ั คณะศิลปกรรม จักรเสน ศาสตร์ ๑๕๐ ไม่ประสง คณะวิทยาศาสตร์ จะออกนาม ๑๕๑ นางจินตนา สถาบันสอนวิชา กนกปราณ ศึกษาทัวไป ่ ๑๕๒ นางยุพา ดวงพิมพ์ ส�ำนักหอสมุด
รายการ เก้าอีอ้ ย่างหนา
จ�ำนวน ๓ ตัว
จ�ำนวนเงิ น ๙๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๔ ตัว
๑,๒๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๕ ตัว
๑,๕๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๔ ตัว
๑,๒๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๕๐๐ บาท
ผ้านวมพระสงฆ์
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
ผ้าเช็ดตัว ๓๐*๖๐ ตราแกะ ฝ้ ายแท้ เก้าอีอ้ ย่างหนา เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
๓ ตัว ๑ ตัว
๙๐๐ บาท ๓๐๐ บาท
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
๑๕๓ นางยุพา ดวงพิมพ์ ส�ำนักหอสมุด ๑๕๔ ว่าที่ รท.อภิเดช บุคคลภายนอก สารค�ำ นางสาวสุภาภัค สิงห์เสนา ๑๕๕ นางสาวภารดี คณะแพทยศาสตร์ เก้าอีอ้ ย่างหนา สารพล
130 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๑๕๖ นางสาวมณีรตั น์ แซ่ตงั ้ ๑๕๗ นางสาวดุษณี จันทร์บวั ๑๕๘ นางสมหมาย สิทธิเราะ ๑๕๙ นางดอกไม้ ทองสัน ๑๖๐ นางหนูแก้ว โกศล ๑๖๑ นางสาวอภิรดา สร้อยสน และครอบครัว ๑๖๒ นายอาทิตย์ บุตรพรม นางสาวพัชรีพรรณ อินทร์ออ่ น ๑๖๓ นางปิ ยะนันท์ ทองน้อยเลิศชัย ๑๖๔ นางสาวสมหวัง ทองถม และครอบครัว ๑๖๕ นางสาวศรัญญา ฤทธิ ์ถาพรม ๑๖๖ นางสาววัชราภรณ์ ชิณนาค ๑๖๗ นางสาวนิศรา นามบุญเรือง
ต�ำแหน่ ง บุคคลภายนอก
รายการ เก้าอีอ้ ย่างหนา
จ�ำนวน ๒ ตัว
จ�ำนวนเงิ น ๖๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๓ ตัว
๙๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก เก้าอีอ้ ย่างหนา คณะแพทยศาสตร์ เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว ๑ ตัว
๓๐๐ บาท ๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๕ ตัว
๑,๕๐๐ บาท
คณะแพทยศาสตร์ เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๒ ตัว
๖๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
ที่ระลึกในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ 131 ที่ ชื่อ - สกุล ๑๖๘ นางสาวปิ่ นหล้า ภาสกุล และครอบครัว ๑๖๙ นางสาวฉัตรชนก นานอก ๑๗๐ นายภัทรพล นานอก ๑๗๑ นายโกเมศ สิงห์เสนา ๑๗๒ นางเม้า นานอก ๑๗๓ ๑๗๔ ๑๗๕ ๑๗๖ ๑๗๗ ๑๗๘ ๑๗๙ ๑๘๐ ๑๘๑
ต�ำแหน่ ง บุคคลภายนอก
รายการ เก้าอีอ้ ย่างหนา
จ�ำนวน ๑ ตัว
จ�ำนวนเงิ น ๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
บุคคลภายนอก
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว ๑ ตัว
๓๐๐ บาท ๓๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
ผ้าเช็ดตัว ๓๐*๖๐ ตราแกะ ฝ้ ายแท้ ผ้านวมพระสงฆ์
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
ผ้านวมพระสงฆ์
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
ผ้านวมพระสงฆ์
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
เก้าอีอ้ ย่างหนา
๑ ตัว
๓๐๐ บาท
ผ้าเช็ดตัว ๓๐*๖๐ ตราแกะ ฝ้ ายแท้
๑ ผืน
๕๐๐ บาท
มารดานาศิรพิ ร นานอก นายยอด โสทอง บุคคลภายนอก นางสาวอรชนก บุคคลภายนอก โสทอง นายปิ ยะโชติ บุคคลภายนอก โสทอง นายอดิศกั ดิ ์ ญาตินางจุฑามาศ สังข์แก้ว สังข์แก้ว นางพิมพ์ประไพ ข้าราชการบ�ำนาญ ภาระราช นางยมุนา ข้าราชการบ�ำนาญ สุม่ มาตย์ นางนายิกา ข้าราชการบ�ำนาญ เดิดขุนทด นางอ�ำนวย โรงพยาบาล โสทอง จิตรเวช นางทองล้วน ญาตินางจุฑามาศ หงอกสิมมา สังข์แก้ว
132 นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน ที่ ชื่อ - สกุล ๑๘๒ สหกรณ์ ออมทรัพย์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ๑๘๓ ร้านพัฒนา สังฆภัณฑ์
ต�ำแหน่ ง รายการ สหกรณ์ออมทรัพย์ เงินสนับสนุนกฐิน มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัย ขอนแก่น จ�ำกัด ขอนแก่น
จ�ำนวน -
จ�ำนวนเงิ น ๑,๐๐๐ บาท
ร้านพัฒนา สังฆภัณฑ์
๑ ชุด
๑,๐๐๐ บาท
ต้นโพธิ ์ ๙ ชัน้ ๑ คู/่ บายศรี ๑๔ ซม.
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
คณะผูจ้ ดั ท�ำ ที่ปรึกษา นายณรงค์ชยั อัครเศรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติชยั ไตรรัตนศิรชิ ยั อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น รองศาสตราจารย์ ดร.เกรียงไกร กิจเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและ ชุมชนสัมพันธ์ นายบัญชา พระพล ผูช้ ่วยอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรม และชุมชนสัมพันธ์ กองบรรณาธิ การ นายบัญชา พระพล นายวิทยา วุฒไิ ธสง นายณัฐวุฒ ิ จารุวงศ์ นายธนากร ธนะฤกษ์ นางสาวธนสวรรณ ปั งสมบูรณ์สขุ พิ สจู น์ อกั ษร นายธนากร ธนะฤกษ์
นางสาวธนสวรรณ ปั งสมบูรณ์สขุ
รูปเล่ม นายวิทยา วุฒไิ ธสง
นายณัฐวุฒ ิ จารุวงศ์
ธุรการ การเงิ น นางตุลยา นานอก ประสานงาน นางสาวบุญยืน เปล่งวาจา นางสาวพิชญาฏา พิมพ์สงิ ห์ นายไกรฤกษ แพงมา
นางสาวศิรมิ กุ ดา โพธิ นางสาวคณิตตา คลังทอง นายณรงค์ชยั บุญประคม นายวรศักดิ์ วรยศ
ชื่อหนังสือ จัดพิ มพ์โดย พิ มพ์ครัง้ ที่ ๑ พิ มพ์ที่
“นิทานธรรม ค�ำสอนอีสาน” ทีร่ ะลึกในงานกฐินมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ฝ่ ายศิลปวัฒนธรรมและชุมชนสัมพันธ์ และศูนย์วฒ ั นธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตุลาคม ๒๕๖๑ โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น โทรศัพท์ ๐ ๔๓๒๐ ๒๑๐๐ ภายใน ๔๔๗๗๐ E-mail: kkuprinting@hotmail.com
หนังสือเล่มนี้เรียบเรียงเพือ่ เป็ นวิทยาทานในงานกฐิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจ�ำปี ๒๕๖๑ ณ วัดสว่างสุทธาราม บ้านหนองกุง อ�ำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ ๒๖ - ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๑