สายใยจันท์ V.27

สายใยจันท์ สารสังฆมณฑล

FREE COPY แจกฟรี

Vol.27

เมษายน 2019 ปีท่ี 30

สมโภชปัสกา พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ 142 ปี ชุมชน การฉลอง 75 ปี สงฆ์ของ ประจันตคาม มิสซังจันทบุรี พระเยซูคริสตเจ้า

ห้อง ซาคริสเตีย

ปีที่ 30 ฉบับที่ 27 / เมษายน 2019

Contents

สารบัญ

สายใยจันท์

สารพระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี................................. 4 ค�ำอวยพรพระสังฆราชลอเรนซ์ เทียนชัย สมานจิต................. 6 การฉลอง 75 ปี มิสซังจันทบุร.ี .................................................................. 9 ตามรอยมิชชันนารี 142 ปี ชุมชนคริตชนประจันตคาม...........12 กฎหมายพระศาสนจักรน่ารู้........................................................15 การท�ำงานด้านสังคม สังฆมณฑลจันทบุรี............................... 18 สงฆ์ของพระเยซูคริสตเจ้า..........................................................20 เรียนรู้พระคัมภีร์......................................................................... 22 ห้องซาคริสเตีย (Sacristia)....................................................... 24 ธรรมล�้ำลึกปัสกา........................................................................26 วันวาร ล้วนมีความหมาย.......................................................... 28 ประมวลภาพกิจกรรม.................................................................29

วัตถุประสงค์ 1. เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารความเคลื่อนไหวของสังฆมณฑล 2. เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเชื่อ ความศรัทธาและหลักปฏิบัติทางศาสนา 3. เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนทัศนคติ และประสบการณ์ชีวิต 2

บรรณาธิการ Editor’s talk

มีข้อพิสูจน์ใดบ้างที่แสดงถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า

หนังสือค�ำสอนคาทอลิกส�ำหรับเยาวชนข้อที่ 106 ได้เขียนอธิบายถึงการกลับคืนชีพ ของพระเยซูเจ้าไว้วา่ ไม่มขี อ้ พิสจู น์ทางวิทยาศาสตร์ ในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า อย่างไรก็ตาม มีบุคคลและหลักฐานที่รวบรวมได้จ�ำนวนมากมาย ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในกรุงเยรูซาเล็มในสมัยนั้น (ค�ำสอนพระศาสนจักร 639-644, 647, 656-657) จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ได้ยืนยันในเรื่องนี้ว่า “ข้าพเจ้ามอบธรรม ประเพณีส�ำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระ คริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์ และทรงแสดงพระ องค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคน หลังจากนั้นทรงแสดง องค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจ�ำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่า บางคนล่วงลับไปแล้ว” (คร 15:3-6) นักบุญเปาโลได้บันทึกชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนคริสตชนในสมัยแรกเริ่ม สองหรือ สามปีหลังการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เมื่อท่านเองกลายเป็น คริสตชน เนื่องจากท่านได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ บรรดาศิษย์น�ำเอา ความจริงเรื่องพระคูหาว่างเปล่า (ลก 24:2-3) มาเป็นเครื่องหมายประการแรกแสดงถึงความ จริงของการกลับคืนพระชนมชีพ บรรดาสตรีได้พบสิง่ นีด้ ว้ ย แต่ตามกฎหมายของสมัยนัน้ สตรีไม่ สามารถเป็นพยานได้ แม้เราอ่านเรือ่ งของนักบุญยอห์น เขา“เห็นและมีความเชือ่ ” (ยน 20:8ข) แล้ว ตั้งแต่พระคูหาว่างเปล่า แต่สิ่งที่ท�ำให้เราแน่ใจในการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า คือการที่พระองค์ทรงแสดงพระองค์หลายต่อหลายครั้ง การพบปะกับองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรง กลับคืนพระชนมชีพสิ้นสุดลง เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ กระนั้นก็ดี ทุกวันนี้ยังมีหลาย คนที่ได้พบเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงชีวิต พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ในฐานะทีค่ ริสตชน แต่ละคนเป็นศิษย์พระคริสต์ ไม่เพียงแต่เชือ่ การกลับคืนชีพของพระ คริสตเจ้าเท่านัน้ แต่ยงั ต้องแบ่งปันความเชือ่ นีใ้ ห้แก่เพือ่ นพีน่ อ้ งรอบข้าง เป็นประจักษ์พยานด้วย ชีวิต ท�ำตามแบบอย่างของพระอาจารย์ด้วยการรักผู้อื่นก่อน จนผู้คนรอบข้างสัมผัส เข้าใจได้ ถึงความรักของพระเจ้าและตอบรับความรักของพระองค์ สุขสันต์วันปัสกาพี่น้องทุกท่าน

คุณพ่อเอนก นามวงษ์ บรรณาธิการ

3

4

สารพระสังฆราช สุขสันต์ปัสกาแก่พี่น้องพระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษคริสตชนที่รักในพระคริสตเจ้า “ท�ำไมท่านมองหาผู้เป็นในหมู่ผู้ตายเล่า พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว” (ลก 24:5-6) พระวรสารของนักบุญลูกาเล่าถึงเหตุการณ์เช้าตรูว่ นั ต้นสัปดาห์ ขณะทีบ่ รรดาสตรีน�ำเครือ่ ง หอมทีเ่ ตรียมไว้มาทีพ่ ระคูหา พวกเธอพบว่าก้อนหินถูกกลิง้ ออกไปจากพระคูหาแล้ว เมือ่ เข้าไปในพระ คูหาก็ไม่พบพระศพของพระเยซูเจ้า แต่พบบุรุษสองคนสวมเสื้อเป็นประกายรุ่งโรจน์ยืนอยู่และกล่าว ข้อความนี้แก่พวกเธอ วันอาทิตย์ปัสกา เราฉลองพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ทรงเข้าสู่ ชีวติ ทีเ่ ปีย่ มด้วยพระสิรริ งุ่ โรจน์และความสุขทีส่ มบูรณ์ วันฉลองนีน้ ำ� ความหวังให้กบั เราทัง้ หลายด้วยว่า สักวันหนึง่ พระองค์จะน�ำพาเราให้มสี ว่ นร่วมในชีวติ ใหม่ทเี่ ปีย่ มด้วยพระสิรริ งุ่ โรจน์ของพระองค์ตลอด ไป “เมื่อพระคริสตเจ้าองค์ชีวิตของท่านจะทรงส�ำแดงพระองค์ เมื่อนั้นท่านจะปรากฏพร้อมกับ พระองค์ในพระสิรริ งุ่ โรจน์ดว้ ย” (คส 3:4) เราจงสรรเสริญองค์พระผูเ้ ป็นเจ้าเถิด อัลเลลูยา อัลเลลูยา! ในวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 เป็นวันแห่งความชื่นชมยินดีของปวงชนชาวไทยถ้วนหน้า เนื่องในวโรกาสอันเป็นมิ่งมงคลที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะได้ประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามพระราชประเพณี เพื่อความเป็นสวัสดิมงคลของ ประเทศชาติ และราชอาณาจักร ขอจงทรงพระเจริญ เรามีความยินดีโอกาสฉลองพิเศษในวาระต่าง ๆ ทั้งในระดับชาติและสังฆมณฑล ในวันเสาร์ ที่ 11 พฤษภาคม เราท�ำการฉลอง 75 ปีการสถาปนามิสซังจันทบุรีที่วัดหัวไผ่ และพร้อมกันนั้นมีการ ฉลอง 60 ปีแห่งชีวิตสงฆ์ของพระคุณเจ้าเทียนชัย สมานจิต และ 50 ปีแห่งชีวิตสงฆ์ของคุณพ่อ แสวง สามิภักดิ์ ในวันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พระศาสนจักรแห่งประเทศไทยท�ำการฉลอง 350 ปี มิสซังสยามที่โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ สามพราน โดยมีพระคาร์ดินัลฟิโลนี พระสมณมนตรีแห่งสมณ กระทรวงประกาศพระวรสารสู่ปวงชน เป็นประธาน และในวันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน ฉลอง 84 ปีบ้าน เณรพระหฤทัย ศรีราชา พร้อมกับบวชพระสงฆ์ใหม่ของสังฆมณฑล ให้เราชื่นชมยินดีร่วมกันเถิด ขอพระหรรษทานและสันติสุขจากพระเจ้า พระบิดา และจากองค์พระเยซูคริสตเจ้าสถิตกับ ทุกท่านเสมอไปเทอญ

(พระสังฆราชซิลวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี) ประมุขสังฆมณฑลจันทบุรี

5

ค�ำอวยพร โอกาสสมโภชปัสกา สุขสันต์สมโภชปัสกาแด่พี่น้องคริสตชนที่รักในพระคริสตเยซูผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ “พระองค์ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว ตามที่ตรัสไว้ อัลเลลูยา” (มัทธิว 28:6) การกลับคืนชีพเป็นสิ่งไม่น่าเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว ในสมัยพระเยซูเจ้าทรงพระชนม์ อยู่บนโลกนี้ พระองค์ได้ทรงท�ำอัศจรรย์ให้ 3 คนกลับคืนชีพ คือ บุตรของหญิงม่ายที่เมืองนา อิน บุตรหญิงของไยรัสและลาซารัส และที่สุดพระองค์เองหลังจากทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน สิ้นพระชนม์ ถูกฝัง วันที่สามก็ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ พระวรสารทั้ง 4 นักบุญเปาโลและ กิจการอัครสาวกก็พดู ถึงพระวรสารโดยนักบุญมัทธิวเขียนไว้วา่ “ทูตสวรรค์กล่าวแก่สตรีทไี่ ป ยังพระคูหาว่าพระองค์มไิ ด้ประทับอยูท่ นี่ ี่ เพราะทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วตามทีต่ รัส ไว้” (มัทธิว 28:6) บรรดาอัครสาวกได้ยืนยันเป็นพยานในเรื่องนี้ แม้ถูกทางการห้ามประกาศ และถูกจองจ�ำไว้ในคุก แต่พระเจ้าทรงสั่งให้ประกาศ “ต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟัง มนุษย์” (กิจการ 5:29) “ถ้าพระคริสตเจ้ามิได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ การเทศน์สอน ของเราก็ไร้ประโยชน์ ความเชื่อของท่านก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน” (1 โครินธ์ 15:14) “พระเยซูเจ้าตรัสกับมาร์ธาว่า “เราเป็นการกลับคืนชีพและเป็นชีวิต ใครเชื่อในเรา แม้ ตายไปแล้วก็จะมีชวี ติ และทุกคนทีม่ ชี วี ติ และเชือ่ ในเราจะไม่มวี นั ตายเลย ท่านเชือ่ เช่นนี้ หรือ” มาร์ธาทูลตอบว่า “เชือ่ พระเจ้าข้า ดิฉนั เชือ่ ว่าพระองค์เป็นพระคริสตเจ้า พระบุตร ของพระเจ้าที่จะต้องเสด็จมาในโลกนี้” (ยอห์น 11:25-26) อัครสาวกโทมัสทีแรกไม่เชื่อว่า พระอาจารย์ทรงกลับคืนพระชนมชีพ แต่ตอนหลังก็เชือ่ ท�ำให้เราเชือ่ ด้วยความมัน่ ใจมากขึน้ ชาวอิสราเอลยังฉลองปัสกากันทุกปี ตามที่พระเจ้าทรงบัญชาไว้แก่โมเสส เพื่อ ร�ำลึกถึงคืนนั้นที่อพยพออกจากประเทศอียิปต์แดนทาสเพื่อเข้าแผ่นดินพระสัญญา โดยบุตร ชายหัวปีของชาวอิสราเอลรอดตาย พระเจ้าทรงผ่านมา ไว้ชีวิตเพราะมีเลือดแกะทาที่ขอบ ประตูบา้ น ขณะทีบ่ ตุ รชายหัวปีของชาวอียปิ ต์ตายหมด อิสราเอลเป็นชาติเลือกสรรทีพ่ ระเจ้า 6

ทรงท�ำพันธสัญญาไว้ แต่ไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าเป็นพระคริสตเจ้าหรือพระเมสสิยาห์ ไม่เชื่อ ในพระองค์ จับไปตรึงกางเขน กระนั้นก็ดี สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ก็ประกาศว่า “สิ่งใด ที่กระท�ำไประหว่างพระทรมาน ไม่อาจจะถือว่าเป็นความผิด พอ ๆ กัน ทั้งของชาวยิว ทุกคนในสมัยโน้นและชาวยิวในยุคสมัยของเรา ชาวยิวทั้งหลายไม่ควรถูกถือว่าเป็นผู้ ที่พระเจ้าทรงทอดทิ้งหรือถูกสาปแช่ง” ยิ่งกว่านั้นนักบุญเปาโลในจดหมายถึงชาวโรมยัง เขียนไว้ว่า “ชาวอิสราเอลส่วนหนึ่งมีจิตใจกระด้างจนกระทั่งคนต่างชาติเข้ามามีความ เชื่อครบจ�ำนวนเสียก่อน ต่อจากนั้นชาวอิสราเอลทั้งหมดก็จะรอด... พวกเขาได้รับการ เลือกสรร จึงยังคงเป็นที่รักของพระเจ้าตามพระสัญญา... เพราะพระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยน พระทัย... ท่านทั้งหลายเคยไม่เชื่อฟังพระเจ้า บัดนี้ได้รับพระกรุณา... บัดนี้ชาวอิสราเอล ไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ในที่สุดพวกเขาก็จะได้รับพระกรุณา” (โรม 11:25-31) ให้เราภาวนา เพื่อพี่น้องชาวยิว บรรพชนของเราต่อไป เนือ่ งด้วยอาดัมเอวา บิดามารดาของมนุษย์คแู่ รกได้ทำ� บาป ละเมิดค�ำสัง่ ค�ำห้ามของ พระเจ้า ถูกพระเจ้าลงโทษ ต้องทนทุกข์ลำ� บากและวันหนึง่ ต้องตาย ความตายจึงเป็นโทษของ บาป “บาปของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษยชาติถูกพระเจ้าลงโทษฉันใด กิจการชอบ ธรรมของมนุษย์คนเดียวก็นำ� ความชอบธรรมทีบ่ นั ดาลชีวติ มาให้มนุษย์ทกุ คนฉันนัน้ ” (โรม 6:16, 18) “เราทุกคนที่รับศีลล้างบาปก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าร่วมกับการสิ้นพระชนม์ของ พระองค์ ถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์... ถ้าเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ในการสิน้ พระชนม์ เราก็จะรวมเป็นหนึง่ เดียวกับพระองค์ในการกลับคืนพระชนมชีพด้วย เช่นเดียวกัน... ถ้าเราตายพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว เราก็จะมีชีวิตพร้อมกับพระองค์ เรารู้ว่าพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้วจะไม่สิ้นพระชนม์ อีก ความตายไม่มีอ�ำนาจเหนือพระองค์อีกต่อไป... พระองค์ทรงตายครั้งเดียวจากบาป ตลอดไป มีพระชนมชีพเพื่อพระเจ้า ดังนี้ท่านทัง้ หลายก็เช่นเดียวกัน ต้องถือว่าท่านตาย จากบาปแล้ว แต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าในพระคริสตเยซู” (โรม 6:3-5, 8-10) ปัสกาของพระเยซูคริสตเจ้า คือการผ่านจากความตายไปสูก่ ารกลับคืนพระชนมชีพ “พระคริสตเจ้าได้สนิ้ พระชนม์เพราะบาปของเรา ทรงถูกฝังไว้ และทรงกลับคืนพระชนม ชีพในวันทีส่ าม” (1 โครินธ์ 15:3-4) เป็นการชดเชยบาปของมนุษยชาติ “พระคริสตเจ้าทรง กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ าย เป็นผลแรกของบรรดาผูล้ ว่ งลับไปแล้ว ความตาย มาจากมนุษย์คนหนึง่ ฉันใด การกลับคืนชีพของบรรดาผูต้ ายก็มาจากมนุษย์คนหนึง่ ฉันนัน้ มนุษย์ทุกคนตายเพราะอาดัมฉันใด มนุษย์ทุกคนก็จะกลับมีชีวิตเพราะพระคริสตเจ้าฉัน นั้น” (1 โครินธ์ 15:20-22) การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้าน�ำความยินดีและ ความหวังมาให้เรา ซึง่ วันหนึง่ ต้องตาย เราจะได้พบกันใหม่ ร่างกายจะได้กลับคืนชีพ จะสวยงาม ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย จะได้อยู่กับพระเจ้า แม่พระ เทวดา นักบุญทั้งหลาย และญาติพี่น้องใน 7

สรวงสวรรค์ตลอดนิรันดร วันปัสกาเป็นวันสมโภชยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสตศาสนาของเรา เราฉลองกัน 3 วัน 3 คืน มีการเตรียม 40 วันในเทศกาลมหาพรต หลายคนได้รับศีลล้างบาป ได้ตายต่อบาป ตายกับ พระคริสตเจ้าและกลับคืนชีพมีชีวิตใหม่กับพระองค์ในวันปัสกา เราคริสตชนเปลี่ยนวันพระเจ้ามาเป็น วันอาทิตย์วันต้นสัปดาห์ เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรงชนะความตาย ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันนั้น ขณะที่ชาวยิวยังถือวันสับบาโตเป็นวันพระเจ้าต่อไป เพื่อเอาอย่างพระเจ้าที่หยุดพักหลังจากสร้างโลก ปัสกาของเราคริสตชน คือการผ่านจากการเป็นทาสของบาปของปีศาจ ไปสูเ่ สรีภาพแห่งการ เป็นบุตรของพระเจ้า นักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวโรม กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าเรา ทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปเดชะพระคริสตเยซู ก็ได้รับศีลล้างบาปเข้าร่วมกับการสิ้นพระชนม์ของ พระองค์ด้วย ดังนั้น เราถูกฝังไว้ในความตายพร้อมกับพระองค์ อาศัยศีลล้างบาป เพื่อว่าพระ คริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย เดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาฉันใด เรา ก็จะด�ำเนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น ถ้าเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในการสิ้นพระชนม์ เราก็จะเป็น หนึ่งเดียวกับพระองค์ในการกลับคืนพระชนมชีพด้วยเช่นเดียวกัน... เรารู้ว่าพระคริสตเจ้าผู้ทรง กลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผูต้ ายแล้วจะไม่สนิ้ พระชนม์อกี ความตายไม่มอี ำ� นาจเหนือพระองค์ อีกต่อไป เพราะเมื่อสิ้นพระชนม์ก็สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวจากบาปตลอดไป เมื่อมีพระชนมชีพก็มี พระชนมชีพเพื่อพระเจ้า ดังนี้ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน ต้องถือว่าท่านทั้งหลายตายจากบาป แล้ว แต่มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าในพระคริสตเยซู” (โรม 6:3-5, 9-11) สมัยก่อนล้างบาปกันทั้งตัว จุ่มลงในน�้ำมิดหัว หมายความว่าตาย ถูกฝังกับพระคริสตเจ้า โผล่ ขึ้นมา กลับคืนชีพกับพระองค์ สวมอาภรณ์ขาวหมายถึงความบริสุทธิ์ของวิญญาณตลอด 8 วัน และ พยายามไม่ท�ำบาป ไม่ต้องแก้บาปบ่อย ๆ นักบุญเปาโลยังบอกกับเราในจดหมายถึงชาวโคโลสีอีกว่า “ถ้าท่านทั้งหลายกลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว ก็จงใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบนเถิด ณ ที่ นั้น พระคริสตเจ้าประทับเบื้องขวาของพระเจ้า จงคิดถึงแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน อย่าพะวงถึงสิ่งของ บนแผ่นดินนี้ เพราะท่านทั้งหลายตายไปแล้ว และชีวิตของท่านก็ซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าใน พระเจ้า” (โคโลสี 3:1-3) ในโอกาสสมโภชปัสกาทุก ๆ ปี ให้เราสรรเสริญขอบพระคุณพระเจ้าทีท่ รงแผ่เมตตา มิใช่ไว้ชวี ติ ลูกชายหัวปีของชาติอิสราเอลชาติเลือกสรรเท่านั้น แต่ไว้ชีวิตลูกหลานอาดัมเอวาทั้งหญิงและชายทุก ชาติทุกภาษา และช่วยให้รอดอาศัยศีลล้างบาป ด้วยพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ลูกแกะ ปัสกาที่ทรงสละชีวิตยอมตายเพื่อเรา ให้เราตายกับพระองค์ ตายจากบาป มีชีวิตใหม่ กลับคืนชีพกับ พระองค์ ด�ำเนินชีวิตของศีลล้างบาป คือตายจากบาปทุก ๆ วันตลอดไปจนวาระสุดท้าย สุขสันต์ปัสกา อัลเลลูยา (พระสังฆราชลอเรนซ์ เทียนชัย สมานจิต) พระสังฆราชกิตติคุณ สังฆมณฑลจันทบุรี

8

ปี

การ ฉลอง

มิสซังจันทบุรี แนวปฏิบัติ เพื่อการเฉลิมฉลอง ตลอดปี 2018-2019

พี่

น้องคริสตชนที่เคารพรัก เราได้ก้าว เข้าสู่ปีที่ 75 ของการสถาปนามิสซัง จันทบุรี ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งพระพรที่มิสซังของเรา ได้เติบโต มั่นคง และด้วยความรัก พระเมตตาของ พระเป็นเจ้าทีม่ ตี อ่ เราทุกคนอย่างต่อเนือ่ ง ด้วยพระพร เช่นนี้ ท�ำให้สังฆมณฑลจันทบุรีตระหนักในความ กตัญญูรู้คุณต่อบรรพชน ไม่ว่าจะเป็นพระสังฆราช พระสงฆ์ นักบวช ผู้แพร่ธรรม และพี่น้องคริสตชน ทีห่ ว่านเมล็ดพันธุแ์ ห่งความเชือ่ ในดินแดนภาคตะวัน ออกของประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่น และอดทน อย่างต่อเนือ่ ง จึงเป็นบทบาทหน้าทีข่ องเราแต่ละคน

ทีจ่ ะสืบสานพันธกิจการประกาศข่าวดีในโลกปัจจุบนั ด้วยความกระตือรือร้น และท�ำให้ข่าวดีนี้เป็นจริงใน สังคมปัจจุบัน และก้าวสู่อนาคตด้วยความหวัง

ด้

วยความเชือ่ และตระหนักในแผนการแห่ง ความรักทีพ่ ระเจ้าได้มตี อ่ สังฆมณฑลของ เรา จึงขอเชิญชวนเราทุกคนในฐานะที่เป็นศิษย์พระ คริสต์ ได้มโี อกาสทบทวน ฟืน้ ฟู และเข้าใจบทบาท และหน้าทีท่ พี่ ระเยซูเจ้าทรงสอน 5 ด้าน (จากการ เสวนาในงานชุมนุมคริสตชนฆราวาส สังฆมณฑล จันทบุรี ครั้งที่ 1) นั่นคือ 9

1

ศิษย์พระคริสต์ต้อง ด�ำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยาน ศิษย์พระคริสต์ ต้องมีชีวิตที่น่านับถือ นั่น คือ เริ่มที่ตนเองท�ำหน้าที่รับผิดชอบอย่างดี ใน ครอบครัว พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูก เป็นลูกที่ดี ซื่อสัตย์ กตัญญู ในที่ท�ำงาน เป็นพนักงานที่ดี เป็น นายจ้างที่ดี และเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ศิษย์พระคริสต์ ยังต้องนับถือในสิ่งที่ตนเชื่อ แม้จะพบเจอกับความ ยากล�ำบาก การเป็นคนดีตามมาตรฐานทั่วไปนั้น อาจไม่เพียงพอ เพราะผูค้ นต้องการเห็นตัวอย่างชีวติ มากกว่าค�ำพูด ดังนั้น การเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยชีวิต จึงมีความส�ำคัญต่อการยืนยันความเชื่อว่ามีพระเจ้า อยู่ท่ามกลางเราอย่างแท้จริงเช่นกัน

2

ศิษย์พระคริสต์ต้อง อุทิศตนเพื่อรับใช้สังคม ศิษย์พระคริสต์ ต้องเสียสละตนเอง เพื่อมี ส่วนร่วมในพันธกิจของพระเป็นเจ้า ทีไ่ ด้มอบให้กบั เรา ในการเป็นผู้ร่วมไถ่กู้ และเสริมสร้างอาณาจักรของ พระเจ้าในโลกปัจจุบัน ด้วยการสร้างความยุติธรรม ความรัก สันติสุข และความชื่นชมยินดีในชุมชน ท�ำ กิจเมตตาสงเคราะห์เพื่อผู้อื่น มีชีวิตเพื่อผู้อื่นที่ขาด โอกาส แต่อย่าลืมว่า เราไม่ได้ท�ำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นองค์พระผู้ช่วยเหลือเรา โดยผ่านทางมือของเราแต่ละคน

3

ศิษย์พระคริสต์ต้องให้ความส�ำคัญกับพิธีกรรม สวดภาวนาส่วนตัว เพิม่ พูนความรูอ้ า่ นพระคัมภีร์ ศิษย์พระคริสต์ ต้องมีส่วนร่วมในพิธีกรรม เพราะเป็นแหล่งชีวติ ภายในทีเ่ ราได้รบั การหล่อเลีย้ ง โดยตรงจากพระเจ้า พิธีกรรมเป็นดั่งเชือกที่เชื่อม คริสตชนเข้าด้วยกัน ต้องเตรียมและสื่อความหมาย ของพิธีกรรมแต่ละอย่างได้อย่างมีความหมาย และ ลึกซึ้ง แม้ว่าคริสตชนบางคนจะมาร่วมพิธีกรรมไม่

10

บ่อยนัก แต่ด้วยการร่วมพิธีกรรมที่เต็มเปี่ยมด้วย ความหมาย จะท�ำให้เขาตระหนัก และเข้าใจถึงความ รักที่พระเป็นเจ้ามีต่อเขาอย่างลึกซึ้งได้ ศิษย์พระคริสต์ ต้องอ่าน ศึกษา เข้าใจพระ คัมภีร์ เพราะพระคัมภีร์อยู่ในวิถีชีวิตคริสตชนทุกคน การอ่านหนังสือ หรือเอกสารส่งเสริมศรัทธา เช่น ประวัตนิ กั บุญ หนังสือค�ำสอน เอกสารพระศาสนจักร ล้วนเป็นสิง่ จ�ำเป็นด้วย อีกทัง้ ความเชือ่ กับชีวติ ต้องไป ด้วยกัน สอดคล้องกัน เพราะความเชือ่ ทีข่ าดการกระท�ำ ก็เป็นความเชือ่ ทีต่ ายแล้ว (เทียบ ยก 2:17) นอกจาก นั้น เราต้องสวดภาวนาส่วนตัว เพื่อเราจะได้มั่นคง และมีความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์

4

ศิษย์พระคริสต์ต้อง เสวนากับคนต่างศาสนา ศิษย์พระคริสต์ ต้องเคารพ ให้ความเป็น หนึ่งเดียวกับบุคคลในทุกศาสนา ทุกกลุ่มองค์กร เพราะทุกคนเป็นลูกของพระเช่นกัน เราเชื่อว่าผล ของการไถ่บาปของพระเยซูเจ้า ครอบคลุมยังมนุษย์ ทุกคน ดังนัน้ การแบ่งปันชีวติ ทีด่ จี ากความเชือ่ ตาม วัฒนธรรมและพิธกี รรมทีแ่ ตกต่างจากเรา เป็นโอกาส สร้างความเคารพและความเป็นหนึง่ เดียวกันในความ แตกต่างเหล่านี้ด้วย

5

ศิษย์พระคริสต์ต้อง ประกาศ ศิษย์พระคริสต์ ต้องประกาศถึงเรื่องราว ของพระเยซูเจ้า ว่าพระองค์ทรงรักมนุษย์ทกุ คน ทรง ไถ่บาปมนุษย์ทุกคน และทรงเสด็จมาเพื่อทุกคน ดัง นั้น การประกาศจึงเป็นค�ำสั่งสุดท้ายให้เรากับสาวก ของพระองค์ออกไปประกาศข่าวดี ก่อนเสด็จสูส่ วรรค์ ทัง้ นี้ เพือ่ เชิญชวนให้ทกุ คนร่วมมือกันสร้างอาณาจักร พระเจ้า มิใช่เพื่อไปสวรรค์ แต่เพื่อร่วมประกาศให้ เชื่อในพระองค์

จากแนวความคิดในการฟื้นฟูชีวิตศิษย์พระ คริสต์เช่นนี้ ทางสังฆมณฑลฯ จึงมีแนวปฏิบัติในการ ทบทวน ร�ำลึก ฟื้นฟูชีวิตศิษย์พระคริสต์ สู่การเป็น ศิษย์ธรรมทูตและการประกาศข่าวดีใหม่ ดังนี้

2.2 จัดพิธเี คารพและแห่ศลี มหาสนิทในระดับ แขวง 2.3 จัดพิธมี สิ ซา ระลึกถึงบรรดามิชชันนารี พระ สังฆราช พระสงฆ์ นักบวช ผูบ้ กุ เบิกและ วางรากฐานความเชือ่ ในระดับสังฆมณฑล แขวง และวัดของตน 2.4 ทุกหน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ของ สังฆมณฑล จัดท�ำการฟื้นฟูภารกิจของ ตน และพัฒนากลุม่ เป้าหมาย เป็นพิเศษ ในเรื่อง พิธีกรรมและศีลมหาสนิท งาน เยาวชน และกระแสเรียก งานครอบครัว และผู้สูงอายุ วิถีชุมชนวัด หรือชุมชน คริสตชนย่อย (BECs) และทีส่ ำ� คัญ การ รวบรวมประวัตศิ าสตร์ในระดับวัด แขวง และสังฆมณฑลอย่างเป็นระบบ และเป็น ปัจจุบันอย่างแท้จริง

1. การฟืน้ ฟูชวี ติ จิตคริสตชน และการประกาศข่าวดี 1.1 จัดให้มีเนื้อหา เทศน์สอน จัดอบรม สัมมนาให้กับคริสตชนในโอกาส และ ระดับต่าง ๆ เพื่อความเข้าใจถึงความ ส�ำคัญ และประวัติศาสตร์ความเป็นมา ตลอดระยะเวลา 75 ปี ของมิสซังจันทบุรี 1.2 จัดให้มีการออกเยี่ยมเยียนสัตบุรุษใน ระดับวัด โดยเน้นผู้ที่อยู่ห่างจากวัด ผู้ สูงอายุ ผู้เจ็บป่วย ผู้รอโอกาส เป็นต้น 1.3 สอบถาม ติดตาม และอภิบาลกับสัตบุรษุ ทุกระดับ โดยเฉพาะผู้อพยพย้ายถิ่น 1.4 ในแต่ละองค์กรคาทอลิก จัดให้มกี ารอบรม ฟืน้ ฟูชวี ติ จิตขององค์กร ซึง่ สอดคล้องกับ แผนอภิบาลสังฆมณฑลฯ 1.5 ส่งเสริมให้คริสตชนฆราวาสมีบทบาทการ ประกาศเรื่องราวเกี่ยวกับพระเป็นเจ้า ด้วยการด�ำเนินชีวิตคริสตชนที่ร้อนรน เสียสละ อุทิศตน รับใช้ และมีชีวิตเชิง ประจักษ์อย่างแท้จริง 1.6 เตรียมความพร้อม ทั้งด้านอภิบาลและ ด้านธรรมทูต รองรับ EEC ในเขตภาค ตะวันออก

น้องทีเ่ คารพรัก แม้เราจะมีแนวปฏิบตั ิ เพือ่ การเฉลิมฉลอง 75 ปี มิสซังจันทบุรี นี้อย่างเป็นรูปธรรมในระดับสังฆมณฑล ระดับแขวง หรือแม้แต่ในระดับวัดแล้วก็ตาม แต่สงิ่ เหล่านีจ้ ะเกิด ขึ้นอย่างแท้จริงไม่ได้ ถ้าพี่น้องคริสตชนทุกคนไม่ ตระหนักรู้ เข้าใจ ให้ความร่วมมือ และเป็นน�้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน จึงเชิญชวนทุกคนได้มโี อกาสให้การเฉลิม ฉลองนี้ เกิดคุณค่า มีความหมาย และได้รบั การฟืน้ ฟู ชีวติ ศิษย์พระคริสต์ในชีวติ คริสตชนของเราแต่ละคน อย่างแท้จริงต่อไป

2. กิจกรรม-งานอื่น ๆ 2.1 มีการจัดอบรม สร้างผู้น�ำฆราวาสให้มี ความเชือ่ และทักษะในการเป็นศิษย์พระ คริสต์ สูก่ ารเป็นศิษย์ธรรมทูต โดยอาศัย พระคัมภีร์

ขอพระอวยพร คุณพ่อยอแซฟ ธรรมรัตน์ เรือนงาม

พี่

11

ตามรอย มิชชันนารี

142 ปี

ชุมชนคริตชน ประจันตคาม

โดย คุณพ่อยอห์น ปอล สุทัศน์ เภกะสุต

โอกาสฉลอง 75 ปี การสถาปนามิสซังจันทบุรี (1944-2019) สารสังฆมณฑล “สายใยจันท์” ฉบับเดือนธันวาคม 2018 ได้น�ำเสนอถึงงานแพร่ธรรมของพระสงฆ์มิชชันนารี ที่ “วัดนักบุญอักแนส หาดสะแก” ฉบับนี้ ขอน�ำเสนอเกีย่ วกับประวัตคิ วามเป็นมาของ “142 ปี ชุมชน คริสตชนประจันตคาม” ระหว่างปี ค.ศ. 1877-1910 ในสมัยที่ คุณพ่ออัลเฟรด มารี เทโอฟิล ร็องแดล(พ่อร็องแดล) คุณพ่อเอมิล วิกตอร์ เบเชต์(พ่อเบเชต์) และ คุณพ่อ หลุยส์-ยอแซฟ กาลังซ์(พ่อกาลังซ์) พระสงฆ์มชิ ชันนารี คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส(M.E.P.) ขณะ ที่ดูแลกลุ่มคริสตชนที่ปราจีนบุรี(วัดนักบุญอักแนส หาดสะแก และบ้านดงกระทงยาม) ได้บกุ เบิกซือ้ ทีด่ นิ สร้างบ้านพัก และให้คริสตัง 2 คน คือนายจงและ หลานสาว ซึ่งแต่งงานกับคนพุทธ ดูแลที่ดินที่ซื้อไว้ ต่อมามีกลุ่มคริสตชนอพยพมาอยู่ 2-3 ครอบครัว พ่อร็องแดล มาเยี่ยมบ้างบางโอกาส ค.ศ. 1895 ผู้แทนคริสตังประจันตคามและ ปราจีนบุรี เดินทางไปหามิชชันนารี โดยมีคริสตัง จากหาดสะแก(ปราจีนบุ​ุรี)เป็นผู้น�ำพา เพื่อขอให้มี พระสงฆ์ไปสอนค�ำสอน และประกอบพิธที างศาสนา 12

ค.ศ. 1910-1912 คุณพ่ออัลทืร์ เอมิลเลียน ยีสแต็ง แปร์รวั ย์(พ่อแปร์รวั ย์) และ คุณพ่อยออากิม (เปาโล) เทพวันท์ (เทว) ประกอบกิจ(พ่อยออากิม) เจ้าอาวาสวัดปราจีนบุรี ได้แวะมาเยีย่ มเป็นบางโอกาส แต่ยังไม่มีการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณ ค.ศ. 1943 ครอบครัวคุณประสาท พึ่งผล สัตบุรุษวัดพระคริสตประจักษ์บ้านเล่า จ.นครนายก ได้ยา้ ยถิน่ ฐานมาประกอบอาชีพค้าขายทีป่ ระจันตคาม และมีครอบครัวตระกูล โชติรตั น์ อีกหนึง่ ครอบครัวซึง่ ก่อนหน้านัน้ มีคริสตังชาวจีนอยู่แล้ว 2-3 ครอบครัว ค.ศ. 1945-1959 คุณพ่อฟิลปิ ศรีจนั ทร์(เว้) ศรีประมงค์(พ่อซีมอน) คุณพ่ออันเดร แฉล้ม คลัง ทรัพย์(พ่อเกลแมนเต) เป็นเจ้าอาวาสวัดปราจีนบุรี และมีคณ ุ พ่อฟรังซิส เดอ ซาลส์ สร้อย เจริญนารถ เป็นผูช้ ว่ ยเจ้าอาวาส ดูแลกลุม่ คริสตชนทีป่ ระจันตคาม

ค.ศ. 1973 คุณพ่อฟรังซิสเซเวียร์ กิจ วรศิลป์ เจ้าอาวาสวัดแม่พระที่พึ่งแห่งคริสตัง ดงแหลมโขด ดูแลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม เวลานั้น มีจ�ำนวน คริสตชนเพิ่มขึ้นประมาณ 50 คน คุณพ่อได้เชิญ พระสังฆราชลอเรนซ์ เทียนชัย สมานจิต มาประกอบ พิธีบูชาขอบพระคุณ และโปรดศีลก�ำลังด้วย ค.ศ. 1980 คุณพ่อยอห์นบอสโก ด�ำรง กูช้ าติ เจ้าอาวาสวัดปราจีนบุรี และดูแลกลุม่ คริสตชน ที่ประจันตคาม ค.ศ. 1951 มีการฝังร่างของ มารีอา ชุน โชติรัตน์ ในที่ดินนั้น และก่อนหน้านี้ก็มีการฝังร่างผู้ ล่วงลับไว้เช่นกัน แต่ไม่ปรากฏชื่อ และใช้เป็นสุสาน จนถึงปัจจุบัน ค.ศ. 1959 คุณพ่อเปโตร สุเทพ นามวงษ์ เจ้าอาวาสวัดปราจีนบุรี ได้มาถวายพิธบี ชู าขอบพระคุณ ให้กับกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคามเดือนละครั้ง โดย ใช้บ้านของคุณประสาท พึ่งผล ซึ่งเป็นร้านค้า (ร้าน ประสาทพานิช ตลาดประจันตคาม) เป็นที่ประกอบ พิธี ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน ค.ศ. 1961-1966 ระหว่างนัน้ คุณพ่อเปโตร อาทร พัฒนภิรมย์ และ คุณพ่อหลุยส์ เฮโม จาก วัดแม่พระทีพ่ งึ่ แห่งคริสตัง ดงแหลมโขด มาดูแลกลุม่ คริสตชนที่ประจันตคาม ค.ศ. 1967 คุณพ่อยอแซฟ วินทร์ เจริญวงศ์ เจ้าอาวาสวัดปราจีนบุรี คุณพ่อสเตเฟน วิชติ ประสงค์ ธรรม เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ดูแลกลุ่มคริสตชน ที่ดงแหลมโขด และกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม ค.ศ. 1972 คุณพ่อเปาโล บุญเนือง วรศิลป์ เป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระทีพ่ งึ่ แห่งคริสตัง ดงแหลมโขด และดูแลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม

ค.ศ. 1983 คุณพ่อสเตเฟน วิชิต ประสงค์ ธรรม เจ้าอาวาสวัดแม่พระทีพ่ งึ่ แห่งคริสตัง ดงแหลม โขด และดูแลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม ค.ศ. 1983 ในระหว่างปีนั้น มีครอบครัว สุขพิบูลย์ ได้แก่ ครอบครัวคุณกาญจนา เหลือง รัตนะ(สุขพิบูลย์) ครอบครัวคุณดรุณี อ่วมเมือง(สุข พิบูลย์) และญาติพี่น้องตระกูล สุขพิบูลย์ สัตบุรุษ วัดพระผู้ไถ่ เสาวภา ได้ย้ายมาประกอบอาชีพที่ ประจันตคาม ต่อมามีครอบครัวคุณประเวศ-คุณสุวารี แพร่ศิริพุฒิพงศ์ สัตบุรุษวัดนักบุญเปาโล บ้านนา นครนายก และครอบครัวคุณประไพศรี แสวงดี สัตบุรุษวัดพระหฤทัยแห่งพระเยซูเจ้า ขลุง จันทบุรี ค.ศ. 1986 คุณพ่อเปาโล บุญเนือง วรศิลป์ เจ้าอาวาสวัดปราจีนบุรี และดูแลกลุ่มคริสตชนที่ ประจันตคาม ค.ศ. 1990 คุณพ่อยอแซฟ สีลม ไชยเผือก เจ้าอาวาสวัดแม่พระที่พึ่งแห่งคริสตัง ดงแหลมโขด และดูแลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม ค.ศ. 1995 คุณยอห์นปอล พ่อสุทศั น์ เภกะสุต เจ้าอาวาสวัดแม่พระที่พึ่งแห่งคริสตัง ดงแหลมโขด ดูแลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม มีการสอนค�ำสอน ภาคฤดูร้อนเตรียมรับศีลมหาสนิทและศีลก�ำลัง 13

ค.ศ. 2000 คุณพ่อฟรังซิสเซเวียร์ ประสพ เจริญนิตย์ เจ้าอาวาสวัดแม่พระที่พึ่งแห่งคริสตัง ดงแหลมโขด และดูแลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม ค.ศ. 2005 คุณพ่อยอแซฟ ชูชาติ ชุณหกิจ เจ้าอาวาสวัดมารีสมภพ กบินทร์บุรี และดูแลกลุ่ม คริสตชนที่ประจันตคาม ค.ศ. 2010-2015 คุณพ่อยอห์นปอล สุทศั น์ เภกะสุต เจ้าอาวาสวัดมารีสมภพ กบินทร์บุรี และดู แลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม เป็นรอบที่สอง ค.ศ. 2015-ปัจจุบัน คุณพ่อยอแซฟ ปรีชา สกุลอ่อน เจ้าอาวาสวัดมารีสมภพ กบินทร์บุรี และ ดูแลกลุ่มคริสตชนที่ประจันตคาม ที่ดินชุมชนประจันตคามที่มิชชันนารีซื้อไว้ 142 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสุสานของชุมชน คริสตชนประจันตคาม และมีร่างผู้ล่วงลับฝังอยู่ 15 กุฏิ สุสานอยู่ติดกับริมคลอง โฉนดเลขที่ 38780 มี เนื้อที่ 4 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา ด้านหนึ่งติดกับศาล เจ้าพ่อปุนเถ่ากงม่า อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี (ทาง เข้าสุสาน...ถนนศาลเจ้า ซอยศาลเจ้า 1)

14

การประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เช่น ศีล ล้างบาป ศีลก�ำลัง ส่วนใหญ่จะบันทึกลงทะเบียนไว้ ที่ วัดอัครเทวดามีคาแอล ปราจีนบุรี วัดแม่พระที่พึ่ง แห่งปวงชน ดงแหลมโขด และมีบ้างที่วัดมารีสมภพ กบินทร์บุรี ปัจจุบนั ชุมชนคริสตชนประจันตคาม มีจำ� นวน คาทอลิก 8 ครอบครัว ที่อยู่ประจ�ำ และมาร่วมพิธี บูชาขอบพระคุณในวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือน เวลา 14.00 น. และจัดให้มีพิธีเสกสุสานในวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนพฤศจิกายนทุกปี หากมีน�้ำท่วมก็เลื่อนไป ตามความเหมาะสม

หากท่านใดมีความสนใจจะไปเยีย่ มสุสานประจนั ตคาม ติดต่อสอบถามได้ที่ ร้านประสาทพานิช หรือ หจก.ซิว ดีพาร์ทเมนท์สโตร์ ตลาดประจันตคาม

กฎหมาย พระศาสนจักรน่ารู้ โดย ส�ำนักงานวินิจฉัยคดี สังฆมณฑลจันทบุรี

ศาล ของพระศาสนจักรใช้มาตรการใด ตัดสิน ว่าการแต่งงานนั้นถูกต้องหรือไม่ เราเข้าใจดีแล้วว่า การแต่งงานเกิดขึ้นจาก “ความสมัครใจ” ของผู้ที่จะเข้าสู่การแต่งงาน ซึ่ง จะต้องมีการแสดงความสมัครใจออกมาอย่างรู้ตัว และโดยอิสระ คุณลักษณะของความสมัครใจควรเป็นเช่นไร ความสมัครใจแต่งงานเป็นเรื่องที่ส�ำคัญ ที่สุดเช่นนี้ จึงต้องพิถีพิถันมากกว่าการตัดสินใจ เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องที่ต้องชั่งน�้ำหนักมาก่อนตัดสิน ใจ เพราะผลของมันจะยืดยาวตลอดไป จึงน่าสังเกต ว่า คนที่ตัดสินใจให้ความสมัครใจแต่งงานนี้ ต้องรับ รู้ว่าตัวเองได้ตกลงอะไรไปบ้าง ความสมัครใจแต่งงานต้องให้โดยอิสระด้วย ความสุขมุ รอบคอบ ต้องไม่มคี วามกดดันทัง้ ภายใน หรือภายนอก เพราะจะเป็นส่วนส�ำคัญที่มาลดทอน อิสรภาพ ท�ำให้การแต่งงานนีบ้ กพร่องไม่สมบูรณ์ได้ นักเทววิทยายอมรับว่า อารมณ์รนุ แรงและ ความกดดันภายนอกสามารถท�ำให้การเลือกอย่าง อิสระมีนำ�้ หนักลดลง และท�ำให้ความรับผิดชอบลดลง ไปได้ดว้ ย พระศาสนจักรได้นำ� ความคิดนีม้ าประยุกต์ใช้ ในเรือ่ งความสมัครใจ ต่อมานักจิตวิทยาสมัยปัจจุบนั

ได้ศกึ ษาเรือ่ งการตัดสินใจและพบความจริงทีว่ า่ แรง จูงใจทีซ่ อ่ นเร้นอยูแ่ ละความกดดันจากสถานการณ์ ต่างๆ รอบด้านเข้ามาเกีย่ วข้องกับอิสรภาพของการ ตัดสินใจ การค้นพบนีช้ ว่ ยงานของศาลพระศาสนจักร อย่างใหญ่หลวง เช่น ชายหญิงทีม่ อี ะไรกันและฝ่าย หญิงเกิดตั้งท้องขึ้นมา ฝ่ายหญิงปฏิเสธเรื่องการ ท�ำแท้ง ฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายอาจจะเห็นว่าการ แต่งงานเป็นทางออกเพียงทางเดียว การตัดสินใจ อย่างนี้ จะถือว่าเป็นการเลือกอย่างอิสระ เพื่อจะ เป็นคูช่ วี ติ กันตลอดไป หรือว่าเป็นเพียงการหาวิธี แก้ความกดดันที่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้น ความสมัครใจของวัยรุน่ คนทีเ่ พิง่ นัดเพียง ครัง้ เดียวและก็ตกหลุมเสน่ห์ เขาตกหลุมรักถึงกับคิด จะแต่งงาน หรือวัยรุน่ ทีไ่ ม่ได้ประเมินคุณลักษณะของ นิสยั ของผูท้ เี่ ขามุง่ จะใช้ชวี ติ ด้วย และหลายๆ ครัง้ ไม่ ได้คดิ ลึกซึง้ ถึงปัญหาทีจ่ ะต้องรับผิดชอบเมือ่ แต่งงาน ไปแล้ว เช่น ปัญหาทางการเงิน ภาระของการเป็น พ่อแม่ ฯลฯ บางรายแต่งงานเพราะต้องการหนีชวี ติ ที่ไม่มีความสุขที่บ้าน ที่มีแต่การเมาสุรา อาละวาด และการทะเลาะเบาะแว้ง 15

กรณีของพ่อม่าย ทีย่ งั คงเศร้าโศกทีภ่ รรยา เพิ่งจะจากไป เขาจะต้องท�ำงานและขณะเดียวกันก็ เป็นกังวลต่อลูกที่ยังเล็กๆ ไม่มีใครดูแล ดังนั้น หาก เขารีบแต่งงานอย่างรวดเร็วนั้น เป็นการตัดสินใจ รอบคอบ หรือเพียงเป็นการเลือกผู้ที่จะมาเป็นแม่ บ้านและแม่เลี้ยงให้ลูกเท่านั้น ในอีกหลายๆ กรณี เช่น คนที่ไม่มีความเชื่อ คนทีไ่ ม่มคี วามจริงใจ ให้ความสมัครใจไปอย่างนัน้ เอง แต่แฝงความคิดของการหย่าร้างได้ถ้าไม่พอใจ หรือ ค่านิยมผิดๆ ที่นิยมชมชอบการมีเซ็กส์อย่างง่ายๆ โดยขาดความรับผิดชอบ ความสามารถที่จะถือ ตามความสมัครใจเป็นเช่นไร การแต่งงานครอบคลุมถึงการใช้ชวี ติ ร่วมกัน ต้องเป็นแบบผูกขาดและตลอดไป ฉะนั้น คู่แต่งงาน ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ในการสร้างสัมพันธภาพ ที่ส่ง เสริมกันและกัน และต้องบ�ำรุงรักษาค�ำสัญญาไว้ ด้วย การกล่าวค�ำ “ครับ” “ค่ะ” โดยปราศจาก ความสามารถจะถือตามข้อผูกมัดก็คือการเป็น โมฆะนั่นเอง แม้ว่าบุคคลนั้นๆ จะมีความเชื่อมั่นคง มีน�้ำใจดี ก็ถือว่าถูกต้องไม่ได้ นักบุญโทมัสได้กล่าว ไว้อย่างน่าฟังว่า “ไม่มีใครสามารถผูกมัดตัว ใน สิ่งที่เขาไม่สามารถให้หรือท�ำได้” เมื่อเราพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่คู่ชีวิตต้อง มีร่วมกัน คนสองคนที่อาจเริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อน ธรรมดาๆ ซึง่ บางอย่างก็ยงั ขัดกัน แต่คอ่ ยๆ ออกแรง ท�ำงานร่วมกันเพือ่ ฟันฝ่าอุปสรรค การจะหาคนทีเ่ ป็น ผู้ใหญ่เต็มที่ แบบที่ไม่เคยล้มเหลวหรือผิดพลาดใน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เลย คงจะหาได้ยากยิ่ง แต่จริงๆ แล้ว คนที่เป็นผู้ใหญ่คือคนที่พยายามจะเป็นคนที่ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ยอมรับความผิดพลาด เปิดใจ รับฟังค�ำแนะน�ำและพระหรรษทาน 16

บุคคลที่มีปัญหาด้านจิตใจ ปัญหาเหล่านี้ ปกคลุมความเป็นตัวตนของเขาอยู่ เป็นแรงผลัก ดันในชีวิตของเขา ความรู้สึกนึกคิดของเขาแปลก แยก ขาดความสมดุล มีความเป็นปฏิปักษ์กับสิ่ง ต่างๆ มีปญ ั หาทางเพศ หรือความเห็นแก่ตวั อาจจะ ท�ำให้เขาผิดปกติและติดเป็นนิสัย จนดูเหมือนเขาไม่ สามารถมีสมั พันธภาพแนบชิด เอาใจใส่ ทะนุถนอมคู่ ชีวิตของตน พูดง่ายๆ บุคคลนั้น เข้าสู่การแต่งงาน โดยไม่มสี งิ่ ทีค่ วรจะมีในการพัฒนาชีวติ ร่วมกัน ซึง่ เป็นรากฐานของการให้ค�ำมัน่ สัญญาเวลาแต่งงาน ปัญหาทางอารมณ์ชนิดไหน ที่ท�ำให้ความสมัครใจลดคุณค่าลงไป พระศาสนจักรได้รับรู้ว่า ผู้ที่มีความผิดปกติ ทางจิต (Psychosis) พวกที่บกพร่องทางสติปัญญา เช่น Schizophrenia (พวกที่ขาดการติดต่อกับสิ่ง แวดล้อม หรือพวกบุคลิกภาพแปลกแยก) พวกที่ เป็นบ้าเพราะความกดดัน สิง่ เหล่านีท้ �ำให้ขาดความ สามารถจะถือตามความสมัครใจ ความรอบรู้ด้านจิตวิทยามากขึ้น พระ ศาสนจักรก็ยอมรับรูว้ า่ มีบคุ ลิกภาพแบบอืน่ ๆ อีกที่ จะก่อให้เกิดความผิดปกติในการปฏิบตั หิ น้าที่ ซึง่ ก็ อาจจะท�ำให้พนั ธสัญญาของการแต่งงานของบาง คูเ่ ป็นสิง่ ทีเ่ ป็นไปไม่ได้ เป็นการยากทีจ่ ะบอกว่าใช้ มาตรการใดตัดสินว่าได้หรือไม่ได้ เพราะแต่ละกรณี ก็ไม่เคยเหมือนกัน และเราก็ตอ้ งยอมรับว่าเรือ่ งจิตใจ ของมนุษย์เป็นเรื่องสลับซับซ้อนมาก อาจพูดได้ว่า Homosexuality และ Alcoholism ก็สามารถ ลดคุณค่าของความสามารถอยู่ร่วมกัน และมีความ รักตลอดไปได้บ่อยๆ เหมือนกัน กลุ่มอื่นๆ ที่ถือว่าเข้าข่าย ได้แก่ พวกที่ บุคลิกภาพยุ่งเหยิง (Personality disorders) พวก ที่เป็นเช่นนี้ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

ถึงความผิดปกติทางจิต และไม่แสดงให้เห็นอาการ ว่าเป็นโรคประสาท ไม่สามารถมีความสัมพันธ์ส่วน บุคคลกับใครอย่างใกล้ชิดและลึกซึ้งจนพร้อมจะรัก และสนับสนุนกันและกันไปจนตลอดชีวิต พวกบ้างาน (Workaholics) ซึง่ ทุ่มเทให้กบั ความส�ำเร็จในหน้าทีก่ ารงานเร่งรีบท�ำตามตารางและ อุทิศตัวพวกเขากับงานมากจนเกินเหตุ บางคนที่มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า และเกลียดชังตัวเอง พวกที่มีปัญหาทางอารมณ์ที่ พบกับความระทมทุกข์มาเป็นเวลายาวนาน แต่ ไม่ได้แสดงออก ต่อมาเมือ่ เขาแต่งงานแล้วเราค่อยๆ สังเกตได้ชดั ว่าเขาอยูภ่ ายใต้แรงกดดันต่างๆ เหล่านัน้ ศาลของพระศาสนจักรที่เกี่ยวกับเรื่อง แต่งงานไม่ได้จ้องต�ำหนิว่าใครเป็นคนที่ท�ำให้การ แต่งงานแตกหัก เพียงแต่ต้องการแสวงหาเพื่อ ความเข้าใจถึงการแต่งงานที่ล้มเหลวไปแล้วนั้น เป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายไม่มีความ สมัครใจที่ถูกต้องอย่างแท้จริง “กระบวนการความเป็นโมฆะ จะต้องขุดคุ้ยอดีตขึ้นมาให้เจ็บปวดหรือ” หลายคนตัง้ ข้อสังเกตว่า การให้คแู่ ต่งงานที่ ล้มเหลวต้องมาคิดถึงอดีตทีน่ า่ เจ็บปวดเป็นเรือ่ งทีน่ า่ เศร้า แต่จริงๆ แล้วการท�ำเช่นนีก้ ช็ ว่ ยพวกเหล่านัน้ ให้ ค้นพบความหมายบางอย่างในการแต่งงานทีแ่ ตกหัก ไปนั้น พวกเขาซาบซึ้งในการมองดูตัวเองอย่างทะลุ ปรุโปร่งและรู้สึกลึกซึ้งต่อคุณค่าของหลายสิ่งหลาย อย่าง กระบวนการนีส้ ามารถช่วยให้พวกเขาเติบโต ทั้งทางด้านจิตวิทยาและด้านชีวิตฝ่ายจิต คาทอลิกบางคน รวมทั้งบรรดาสมณะและ ฆราวาส ยังถกเถียงกันว่า การพิจารณาตนตาม มโนธรรมของคนหนึง่ ก็เพียงพอแล้วทีจ่ ะเป็นผูถ้ กู ต้องเที่ยงธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้า ในแง่หนึ่งก็

ใช่ แต่อย่าลืมว่ายังมีคนเป็นจ�ำนวนมากมีความต้อง การจริงๆ ที่จะได้รับการยืนยันจากภายนอก และ การแต่งงานก็เป็นเหตุการณ์ทที่ ำ� ต่อหน้าสาธารณชน ทัง้ ต่อหน้าฝ่ายศาสนาและสังคม ผลทีต่ ามมาก็คอื คน ทีม่ คี วามเชือ่ เป็นจ�ำนวนมากรูส้ กึ ว่าต้องการตัดสิน ทางศาสนา ว่าการแต่งงานของเขาเป็นโมฆะจริงๆ หญิงคนหนึง่ เพราะความจ�ำเป็นบีบบังคับให้ เธอต้องหย่าร้างเพือ่ ป้องกันความผาสุกของลูกๆ เมือ่ ได้รับการประกาศเป็นโมฆะแล้ว ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เดี๋ยวนี้ เธอรู้สึกสงบ มีสันติ เพราะเธอไม่ได้ละเลย หน้าทีใ่ นฐานะทีเ่ ป็นคาทอลิก และพระศาสนจักรได้ เข้าใจเธอจริงๆ คุณประโยชน์ที่ใหญ่หลวงที่สุดส�ำหรับ หลายๆ คนทีไ่ ด้แต่งงานใหม่เป็นครัง้ ทีส่ องอย่างมี ความสุขและมีความมั่นคง ก็คือ การที่พวกเขาได้ กลับมารับศีลศักดิ์สิทธิ์ได้อีก บางครั้งพวกเขายินดี มากจนน�้ำตาไหลที่ได้รับพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท อีกครั้งหนึ่ง และพวกเขาสามารถรื้อฟื้นการปฏิบัติ กิจทางศาสนาได้อีกในแบบเป็นครอบครัวเดียวกัน พระสงฆ์อาวุโสผูห้ นึง่ หลังจากได้มสี ว่ นในการ เรียนรู้เรื่องกระบวนการประกาศโมฆะการแต่งงาน ได้กล่าวซื่อๆ แต่คมเฉียบว่า “นี่คือการเยียวยาที่ ยิ่งใหญ่” ขอพระเจ้าอวยพรความรักแด่พี่น้องทุก ท่าน ขอให้มีความเข้าใจ ให้อภัย ให้โอกาสกัน และ ไม่ตอ้ งคิดเรือ่ งการขอประกาศโมฆะ ในส่วนของการ แต่งงานนัน้ ขออย่าให้เป็นเพียงเรือ่ งทีท่ ำ� ตามกระแส นะครับ เพราะหากหมดกระแสแล้วอาจไม่มีพลังไป ต่อครับ Happy Easter to all. ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่านครับ

เรียบเรียงจากบทความของ คุณพ่อยอแซฟ วิชา หิรัญญการ 17

ค�ำสอนพระศาสนจักร ด้านสังคม โดย คุณพ่อเอกภพ ผลมูล ฝ่ายสังคมสังฆมณฑลจันทบุรี

การทำ�งาน ด้านสังคม สังฆมณฑล จันทบุรี

สวัสดีครับพี่น้องที่รัก สายใยจันท์ฉบับที่แล้วพ่อได้บอก เล่าถึงเรื่องราวการเริ่มต้นการท�ำงานด้านสังคมและการอภิบาล ด้านสังคมในยุคแรก ๆ ของสังฆมณฑลของเรา (ค.ศ. 1957-1974 / พ.ศ. 2500-2517) ซึง่ เริม่ ต้นจากการเอาใจใส่พนี่ อ้ งคริสตชนตาม วัดต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่

ต่อมาทางสังฆมณฑลได้เห็นถึงความจ�ำเป็นที่จะท�ำให้การ อภิบาลและการพัฒนาด้านสังคมมีความก้าวหน้าและเด่นชัดขึ้น จึง ท�ำการแต่งตัง้ คุณพ่อสีลม ไชยเผือก เป็นผู้อ�ำนวยการศูนย์ สังคมพัฒนา สังฆมณฑลจันทบุรีคนแรก เพื่อ รับผิดชอบในการท�ำงานด้านสังคมอย่างเป็น ทางการในช่วงปี ค.ศ. 1975-1978 (พ.ศ.25182521) โดยมีส�ำนักงานตั้งอยู่ที่ อาสนวิหาร พระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จังหวัดจันทบุรี สภาพการณ์ทางสังคมและพระศาสนจักร • ปัญหาการเมืองระดับชาติ • ปัญหาภัยแล้งทั่วประเทศ • ปัญหาสงครามอินโดจีน (เขมร ลาว เวียดนาม) • ปัญหาการอพยพย้ายถิ่นจากภาคอีสานสู่เมืองหลวง • จัดตั้งสังคมพัฒนา ระดับสังฆมณฑล (ค.ศ. 1975 / พ.ศ. 2518) • นโยบายงานพัฒนา ระดับชาติ (สคทพ.) ฯลฯ 18

นโยบายหลักในงานพัฒนา • การพัฒนาถือเอาคนเป็นศูนย์กลางและการพัฒนาคนทั้งครบ โดยมีพื้น ฐานอยู่บนแนวค�ำสอนของพระเยซูคริสต์และค�ำสอนด้านสังคมของพระ ศาสนจักร • ส่งเสริมการศึกษาปัญหาและการวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา โดยการรวมกลุม่ • การปลุกจิตส�ำนึก • การฝึกอบรมบุคลากรของพระศาสนจักร • โครงการเศรษฐกิจ ออมทรัพย์และเครดิตยูเนี่ยน กลุ่มเป้าหมาย • คริสตชนที่อพยพจากภาคอีสาน คริสตชนตามวัด เป็นต้นในเขตจังหวัด สระแก้ว • ประชาชนที่ยากจนเขตชายแดน • ผู้อพยพจากประเทศเขมร • บุคลากรของศูนย์สังคมพัฒนาสังฆมณฑลจันบุรี กิจกรรม • โครงการส่งเสริมหลักสหกรณ์และเครดิตยูเนี่ยนตามวัด • โครงการธนาคารควาย/ข้าว ในหมู่บ้านคริสตชน เขตจังหวัดสระแก้ว • โครงการพัฒนาแหล่งน�้ำในหมู่บ้านที่ยากจน เขตจังหวัดสระแก้วและ อ�ำเภอโป่งน�้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี • โครงการส่งเสริมอาชีพ การเลี้ยงสุกร เขตบ้านเล่า จังหวัดนครนายก • โครงการพัฒนาชุมชนแบบเบ็ดเสร็จ • โครงการฝึกอบรมต่าง ๆ • งานสงเคราะห์ตามวัด สังฆมณฑลและชายแดน งบประมาณ • เงินทุนจากต่างประเทศ • เงินทุนจากสภาพระสังฆราช พี่น้องที่รัก เราได้ทราบถึงจุดก�ำเนิดของศูนย์สังคมพัฒนาฯ และผู้ อ�ำนวยการคนแรกอย่างเป็นทางการแล้ว เราจึงเห็นภาพว่างานสังคมของ สังฆมณฑลของเราเริ่มมีความชัดเจนและมีการขับเคลื่อนงานด้านสังคมอย่าง มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ฉบับนี้คงบอกเล่าเรื่องราวการพัฒนาการงานด้าน สังคมของสังฆมณฑลเพียงเท่านี้ก่อนครับ พบกันใหม่ฉบับหน้า 19

สงฆ์ของพระเยซูคริสตเจ้า

“ท่านเป็นสงฆ์นิรันดรตามแบบเมลคีเซเดค” โดย ล. เทียนชัย สมานจิต โอกาสฉลองสังฆภาพ 60 ปี

20

เมลคีเซเดค เป็นใคร ในพระคัมภีร์หนังสือ ปฐมกาล บทที่ 7:18-20 และจดหมายถึงชาวฮีบรู บท ที่ 7:1-3; 24; 26-27 มีพูดถึงเมลคีเซเดคพอสมควร “เมลคีเซเดคผู้นี้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งเมืองซาเลม ทรงเป็นสมณะของพระเจ้าสูงสุด เสด็จมาพบอับรา ฮัมขณะทีอ่ บั ราฮัมกลับจากรบชนะบรรดากษัตริย์ และทรงอวยพรเขา อับราฮัมแบ่งหนึ่งในสิบจาก สิ่งของทั้งหมดถวายเมลคีเซเดค ชื่อเมลคีเซเดค แปลว่า “กษัตริย์แห่งความชอบธรรม” ทรงเป็น กษัตริยแ์ ห่งซาเลม ซึง่ แปลว่า “กษัตริยแ์ ห่งสันติภาพ” พระคัมภีรไ์ ม่กล่าวถึงพระบิดาพระมารดาหรือราชวงศ์ ไม่กล่าวถึงวันเริ่มต้นและบั้นปลายชีวิตของพระองค์ พระองค์จงึ เป็นเสมือนพระบุตรของพระเจ้า และทรง เป็นสมณะอยู่ตลอดไป... พระเยซูเจ้าทรงด�ำรงอยู่ ตลอดไป พระองค์จึงทรงเป็นสมณะนิรันดร

ปกติทั่ว ๆ ไป สงฆ์ท�ำหน้าที่เกี่ยวกับคารว กิจพิธีกรรมทางศาสนา แต่เมลคีเซเดคซึ่งเป็นรูป แบบของพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งเป็นสงฆ์และกษัตริย์ เราทราบดีวา่ พระเยซูคริสตเจ้าทรงมีตำ� แหน่งหน้าที่ 3 ประการ คือ ต�ำแหน่งหน้าที่ประกาศก สงฆ์และ กษัตริย์ (ชุมพาบาล) และเราคริสตชนเมือ่ รับศีลล้าง บาป ก็ได้รับต�ำแหน่งหน้าที่ 3 ประการนี้ที่พระเยซู เจ้าทรงมอบให้แก่เรา ฆราวาสก็เป็นสงฆ์ด้วย ไม่ใช่ ถวายพระคริสตเจ้าในบูชามิสซาเท่านั้น แต่ถวาย เครือ่ งบูชาฝ่ายจิต นัน่ คือถวายจิตใจ การไม่ทำ� ตามใจ ตนเอง เป็นพลีกรรมเพื่อท�ำตามพระประสงค์ของ พระเจ้า สงฆ์มิใช่เป็นผู้ถวายเครื่องบูชาเท่านั้น แต่ เป็นเครือ่ งบูชาทีถ่ กู ถวายด้วย ดังพระคริสตเจ้าผูพ้ ลี พระกายและพระโลหิตเป็นเครือ่ งบูชาชดเชยบาปแด่ พระบิดาเจ้า

“เราต้องการมหาสมณะลักษณะเช่นนี้ คือ เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไร้ความผิด ไร้มลทิน แยก จากคนบาปทั้งปวง ประทับอยู่เหนือสวรรค์ชั้น ฟ้า ไม่จ�ำเป็นที่พระองค์จะต้องทรงน�ำเครื่องบูชา มาถวายพระเจ้าทุก ๆ วันดังเช่นมหาสมณะองค์ อื่น ๆ เพื่อถวายชดเชยบาปของตนก่อน แล้วจึง ถวายชดเชยบาปของประชากร ส่วนพระเยซูเจ้า เมื่อทรงถวาย พระองค์ได้ทรงกระท�ำเช่นนี้เพียง ครั้งเดียวโดยมีผลตลอดไป”

สงฆ์ของชาติอสิ ราเอล สงวนสิทธิใ์ ห้แก่ตระ กูลเลวีเท่านั้น ตระกูลอื่นไม่มีสิทธิ์ แต่สงฆ์ของพระ เยซูคริสตเจ้าไม่เลือกตระกูล พระองค์ทรงเลือกอัคร สาวกรุ่นแรก 12 องค์จากชาวประมงตระกูลต่าง ๆ ทรงเลือกผู้ไม่เหมาะสม คนบาป แม้กระทั่งผู้ที่จะ ทรยศพระองค์ ปฏิเสธพระองค์ ฉะนั้นกระแสเรียก ไม่ขึ้นกับความดีหรือความเหมาะสมกับผู้ได้รับเรียก หรือรับเลือก แต่จากพระทัยเมตตาของพระเจ้าแต่ อย่างเดียว ฉะนั้นสงฆ์ทั้งหลายจะต้องส�ำนึกในพระ

มหากรุณาธิคณ ุ ของพระเจ้า และสรรเสริญขอบพระคุณ พระเจ้าตลอดเวลา และเจริญชีวติ ประพฤติปฏิบตั ใิ ห้ เหมาะสมกับกระแสเรียกยิ่ง ๆ ขึ้นทุกวัน ต�ำแหน่ง หน้าที่สงฆ์เรียกร้องให้สงฆ์ของพระเยซูคริสตเจ้ามี ความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้น ความศักดิส์ ทิ ธิค์ อื อะไร นักเทววิทยาผูห้ นึง่ ให้นิยามความศักดิ์สิทธิ์ไว้อย่างดีว่า เป็น “Quality of relationship with God and with others” คือ “คุณภาพหรือระดับความสัมพันธ์กับพระเจ้า และเพือ่ นมนุษย์” นัน่ เอง พยายามหาความศักดิส์ ทิ ธิ์ จากหน้าที่การงานที่ท�ำทุก ๆ วัน ที่น่าสังเกตพระ เยซูคริสตเจ้า ทรงเลือกพ่อบ้านมาเป็นอัครสาวก รุ่นแรก ไม่ทรงเรียกและเลือกหนุ่ม ๆ อย่างสมัยนี้ และสงฆ์สมัยแรก ๆ เป็นเวลาหลายร้อยปีแต่งงานมี ครอบครัว ต่อมาเห็นสงฆ์นักพรตถือความบริสุทธิ์ไม่ แต่งงาน ถือโสด อิสระดี พระศาสนจักรก็เลยก�ำหนด ให้สงฆ์สังฆมณฑลถือโสดไม่แต่งงาน ตามแบบพระ เยซูคริสตเจ้าและสงฆ์นักพรต แต่ก็หาคนบวชยาก หรือคนบวชแล้วถือความบริสทุ ธิถ์ อื โสดไม่ไหว ก็เป็น ปัญหาในปัจจุบัน “ท่านเป็นสงฆ์นริ นั ดรตามแบบเมลคีเซเดค” เมลคีเซเดคเป็นทัง้ สงฆ์และกษัตริย์ พระสงฆ์บางองค์ ในอดีตและปัจจุบันยังท�ำหน้าที่สงฆ์อย่างเดียว คือ ท�ำหน้าที่ถวายคารวกิจประกอบพิธีกรรม ไม่ได้ท�ำ หน้าทีก่ ษัตริย์ หัวหน้าชุมชน พัฒนาสังคม สังคายนา วาติกนั ที่ 2 เน้นด้านนี้ จึงมีสงฆ์นกั พัฒนาขึน้ มา สงฆ์ บางองค์ทำ� งานพัฒนามากเกินไปจนไม่มเี วลาภาวนา หรือถวายบูชามิสซา หรือพูดอีกนัยหนึ่ง สงฆ์ไปแย่ง กิจของฆราวาส และละเลยกิจของสงฆ์ไป สงฆ์ของ พระคริสตเจ้าจึงต้องรักษาสมดุลย์ไว้ระหว่างการเป็น สงฆ์และกษัตริย์

พระสงฆ์ต้องเป็นบุคคลแห่งการภาวนา มี ความเชื่อที่ลึกซึ้ง สามารถน�ำและเป็นเพื่อนร่วม ทางให้ผู้อื่นบนเส้นทางแห่งความรอด คริสตชนใน เอเชียต้องการชุมพาบาลที่มีใจร้อนรน มิใช่ผู้บริหาร ที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แบบอย่างส่วนบุคคลของผู้ อบรมมีบทบาทส�ำคัญในขบวนการการอบรม พระเยซูเจ้ายังตรัสอีกว่า “เรายังมีแกะอืน่ ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องน�ำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะเชือ่ ฟังเสียงของเรา จะมีแกะเพียงฝูงเดียว และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว” (ยอห์น 10:16) ฉะนั้น หน้าที่สงฆ์จึงมิใช่หน้าที่อภิบาล ดูแลผู้ที่เป็นคริสต ชนเท่านัน้ แต่ยงั มีหน้าทีธ่ รรมทูต เอาใจใส่หว่ งใยผูท้ ี่ ยังไม่เป็นคริสตชนอีกด้วย ประเทศไทยมีการเผยแผ่ ศาสนาคริสต์มา 350 ปีแล้ว แต่ยังมีคริสตชนน้อย ไม่ถึงครึ่งเปอร์เซนต์ ทั้ง ๆ ที่มีโรงเรียนคริสต์ 300 กว่าแห่ง สมาชิกของพระศาสนจักรยังขาดจิตตารมย์ ธรรมทูต มิสซังจันทบุรีแยกออกจากมิสซังกรุงเทพฯ มา 75 ปี ปกครองโดยพระสังฆราชคนไทย คณะสงฆ์ ไทย ไม่มีมิชชันนารีต่างชาติ ยิ่งท�ำให้ขาดจิตตารมย์ ธรรมทูตมากขึ้น สรุป สงฆ์ของพระเยซูคริสตเจ้าอยู่ในโลก แต่ไม่เป็นของโลก ไม่ตามโลกแต่อยู่เหนือโลก เป็น มโนธรรมของโลก เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้ากับ มนุษย์ สนิทกับพระเจ้าและกับมนุษย์ เป็นตัวแทน ของพระเจ้าและของมนุษย์ เป็นสิ่งยากและท้าทาย ยิง่ ๆ ขึน้ ในโลกปัจจุบนั โอ้สงฆ์ของพระเยซูคริสตเจ้า

ท่านเป็นสงฆ์ ขององค์ พระคริสตเจ้า ช่วยชาวเรา ภิญโญ สโมสร เป็นหลักรัก ศักดิ์ศรี นิรันดร ประชากร สาธุ สดุดี 21

เรียนรู้พระคัมภีร์ เจริญชีวิตตามพระวาจา โดย คุณพ่อเฮนรี่ สมชาย เกษี

“เราพูดกับพระเจ้าเมื่อเราภาวนา เราฟังพระองค์เมื่อเราอ่านพระวาจา” (น.อัมโบรส) สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน วันนี้พ่อขอ น�ำเกร็ดความรู้พื้นฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการอ่านพระคัมภีร์มาแบ่งปันให้กับพี่น้องนะครับ

ท�ำไมหนังสือนี้ “ไม่มสี าระ” หรือในทางตรงข้าม คง ไม่แปลก ถ้าเราจะไม่พบเรือ่ งตลกใน “หนังสือเรียน” ที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อถ่ายทอดวิชาความรู้เท่านั้น

อันดับแรก สิง่ ทีเ่ ราต้องค�ำนึงถึงอยูเ่ สมอเมือ่ อ่านพระคัมภีรก์ ค็ อื “รูปแบบวรรณกรรม” (Genre) ของพระคัมภีร์ คืออะไร? และ “สถานการณ์ร่วม สมัย” (Sitz im leben) ของพระคัมภีร์ตอนนั้น ๆ เป็นอย่างไร?

นอกจากนี้ หนังสือบางประเภท เราไม่สามารถ อ่านเพียงอย่างเดียวได้ แต่ตอ้ งน�ำไป “ปฏิบตั ”ิ ด้วย ถึงจะบรรลุวัตถุประสงค์ของหนังสือนั้น เช่น “คู่มือ ท�ำอาหาร” เมือ่ อ่านแล้วก็ตอ้ งเข้าครัว ลงมือท�ำ จึง จะได้อาหารมารับประทาน ซึ่งถ้าเราอ่านอย่างเดียว แม้จะอ่านจนท่องจ�ำได้ทั้งเล่ม แต่ไม่ลงมือท�ำ ก็ไม่มี อาหารเกิดขึน้ จริง บางที เราต้องลงมือท�ำซ�ำ้ แล้วซ�ำ้ เล่า กว่าจะสามารถท�ำอาหารให้มีรสชาติที่ดี และ มีความสวยงามได้เหมือนที่หนังสือแนะน�ำไว้ แล้ว “พระคัมภีร์” ของเราล่ะ มีรูปแบบวรรณกรรม อย่างไร?

พี่น้องครับ “รูปแบบวรรณกรรม” หรือ ประเภทของหนังสือ มักจะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของหนังสือเล่มนั้น ๆ ด้วย เช่น หนังสือ “ขาย หัวเราะ” เป็นหนังสือที่เขียนเพื่อความสนุกสนาน อ่านเพื่อความบันเทิง คงไม่มีใครอ่านแล้วต�ำหนิว่า 22

หนังสือพระคัมภีร์ บันทึกสิ่งที่พระเป็นเจ้า ต้องการจะสอนเรา เพื่อให้เราเป็นคนดีมีศีลธรรมใน โลกนี้ และได้รบั ความรอดตลอดนิรนั ดรในสวรรค์ ดัง ทีน่ กั บุญยอห์นได้กล่าวไว้ในตอนท้ายของพระวรสาร ของท่าน ซึง่ เราสามารถน�ำมาเป็นเป้าหมายของพระ คัมภีร์ทั้งหมดได้ด้วยว่า “... เรื่องราวเหล่านี้ถูก บันทึกไว้เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซู เจ้าทรงเป็นพระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อนี้แล้ว ท่านทั้งหลายก็จะมี ชีวิตเดชะพระนามของพระองค์” (ยน 20:30-31) ดังนั้น เราจึงไม่สามารถอ่านพระคัมภีร์ใน ลักษณะเดียวกันกับที่เราอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์ ต�ำราเรียน หนังสือประวัติศาสตร์ หนังสือพิมพ์ หรือ หนังสือรูปแบบอืน่ ๆ ในยุคปัจจุบนั ได้ แต่ให้เราค�ำนึง ถึง “สถานการณ์รว่ มสมัย” ของพระคัมภีรต์ อนนัน้ ๆ เมือ่ เหตุการณ์ในพระคัมภีรเ์ กิดขึน้ สภาพแวดล้อมใน ขณะนั้นเป็นอย่างไร? วัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม ของสังคมในสมัยนั้นเป็นอย่างไร? สิง่ ต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อเหตุการณ์ทเี่ กิด ขึน้ ในพระคัมภีร์ รวมถึงมีอทิ ธิพลต่อผูท้ เี่ ล่าเรือ่ งราว สืบต่อกันมา จนถึงผูท้ ไี่ ด้บนั ทึกเป็นลายลักษณ์อกั ษร ในภายหลังด้วย หากเราน�ำความรูส้ กึ นึกคิดตามแบบ อย่างของคนในยุคปัจจุบันไปตัดสินเหตุการณ์ต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ โดยเฉพาะอย่างยิง่ หลาย ๆ เหตุการณ์ ในพันธสัญญาเดิม ซึ่งเกิดขึ้นหลายพันปีมาแล้ว เรา อาจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจว่า ท�ำไมพระเป็นเจ้า ช่างโหดร้ายเสียจริง? ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้ เป็นผู้น�ำชาวอิสราเอลก็ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน?

กับชาวคานาอัน เพื่อเข้ายึดครองแผ่นดินแห่งพระ สัญญา ผู้เล่าได้เสนอภาพตาม “อุดมการณ์” โดย ใช้รูปแบบวรรณกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติ โดยเน้น อัศจรรย์ทพี่ ระเจ้าทรงกระท�ำ เพือ่ ช่วยประชากรของ พระองค์ แต่จากการส�ำรวจทางโบราณคดีได้พบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์มีความซับ ซ้อนมากกว่านัน้ ชาวอิสราเอลเข้าสูแ่ ผ่นดินแห่งพันธ สัญญาทั้งด้วยการต่อสู้ ค่อย ๆ เข้ายึดครองอย่าง สันติ ท�ำสนธิสัญญากับชาวพื้นเมือง หรือแม้กระทั่ง บางเผ่าทางเหนือได้ตั้งถิ่นฐานนานมาแล้ว และไม่ เคยลงไปอยู่ในอียิปต์!!! ดังนั้น ข้อความในพระคัมภีร์จึงไม่ได้มีความ หมายตามตัวอักษรเท่านั้น แต่เราต้อง “ถอดรหัส” และ “วิเคราะห์” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับใครต่อใคร ในอดีต เพื่อให้ได้ข้อคิดส�ำหรับการด�ำเนินชีวิตของ เราในปัจจุบัน โดยวิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ให้เราอ่าน พระคัมภีร์ด้วยท่าทีของการ “อธิษฐานภาวนา” ดัง ที่ น.อัมโบรสได้กล่าวไว้ว่า “เราพูดกับพระเจ้าเมื่อ เราภาวนา เราฟังพระองค์เมือ่ เราอ่านพระวาจา” ดังนั้น เมื่อเราทั้ง “ภาวนา” และ “อ่านพระวาจา” จึงเป็นการสนทนาโต้ตอบกันระหว่างเรากับพระเป็น เจ้า มิใช่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูดอยู่ข้างเดียว ขอพระเป็นเจ้าอวยพรให้พี่น้องมีความสุข กับการอ่านพระคัมภีร์ และได้ข้อคิดดี ๆ เพื่อน�ำไป ปฏิบัติในชีวิตประจ�ำวันอยู่เสมอนะครับ

เช่น หนังสือโยชูวา บทที่ 1-12 ที่เล่าว่า โยซูวาเป็นผู้น�ำอิสราเอลทุกเผ่า ร่วมกันท�ำสงคราม 23

เข้าใจให้ดีเรื่อง

พิธีกรรม

โดย คุณพ่อเอกภพ ผลมูล แผนกพิธีกรรม สังฆมณฑลจันทบุรี

ห้องซาคริสเตีย (Sacristia)

สวัสดีครับพีน่ อ้ งทีร่ กั สายใยจันท์ฉบับนีข้ อเสนอเรือ่ งราวเกีย่ วกับสถานทีส่ ำ� คัญซึง่ อยูใ่ นวัดของเรา แต่บ่อยครั้งกลับถูกปล่อยปละละเลย ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร นั่นคือ ห้องซาคริสเตีย (Sacristia) ห้องซาคริสเตีย คือ ห้องที่เป็นส่วนหนึ่งของวัด ใช้ส�ำหรับแต่งอาภรณ์ของศาสนบริกรในศาสน พิธี เป็นห้องส�ำหรับเก็บศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ทใี่ ช้ในการประกอบพิธกี รรมศักดิส์ ทิ ธิ์ เช่น ปัง เหล้าองุน่ กาลิกส์ ผอบศีล กางเขน เทียนปัสกา อาภรณ์ หนังสือพระคัมภีร์ หนังสือพิธีกรรมโอกาสต่าง ๆ ฯลฯ ลักษณะของห้องซาคริสเตีย โดยทั่วไปห้องซาคริสเตียจะเป็นห้องที่ติดอยู่กับฉากหลังพระแท่น (abside) ซึ่งอยู่ตรงกันข้าม กับพระแท่นเป็นส่วนใหญ่ ในบางวัดหรือในบางอารามอาจถูกสร้างแยกออกมาจากตัววัด ทั้งนี้สุดแล้ว แต่สถาปัตยกรรมและการออกแบบของแต่ละท้องที่ ห้องซาคริสเตียควรได้รับการออกแบบอย่างดี สวยงาม กลมกลืนกับตัววัด ใช้งานได้สะดวก และเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ในทุกพื้นที่ ในบางวัดอาจมีห้องน�้ำอยู่ภายในส�ำหรับพระสงฆ์ผู้ประกอบ พิธีและศาสนบริกรที่มาร่วมพิธี 24

ผู้ดูแลห้องซาคริสเตีย ในแต่ละวัดเราจะเห็นว่ามีผดู้ แู ลห้องซาคริสเตีย (sacrista) หรือทีบ่ า้ นเราเรียก กันง่ายๆว่า “คนจัดวัด” บุคคลเหล่านี้มีบทบาทส�ำคัญที่จะช่วยพระสงฆ์เจ้าอาวาส ดูแล ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาดทั้งตัวห้องซาคริสเตียและศาสนภัณฑ์ ต่าง ๆ ที่ถูกเก็บในห้องนี้ แนวทางการจัดและใช้ห้องซาคริสเตีย เนื่องด้วยห้องซาคริสเตียเป็นห้องที่ใช้เก็บศาสนภัณฑ์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ใน พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ซึ่งศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์เหล่านั้นได้รับการเสกให้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว หรือในบางวัดอาจจะมีการเก็บศีลมหาสนิทไว้ภายในห้องด้วย จึงจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่ทุก คนที่เข้ามาในห้องซาคริสเตียพึงให้ความเคารพและเอาใจใส่อย่างดี พ่ออยากจะฝาก แนวทางปฏิบัติโดยทั่วไปส�ำหรับผู้ที่จะเข้ามาใช้ห้องซาคริสเตีย

1 2 3

พึงรักษาความเงียบสงบ : ห้องซาคริสเตียเป็นสถานที่ที่ถูกเตรียมพร้อมส�ำหรับ การเริ่มพิธีกรรม การสิ้นสุดของพิธีกรรม ดังนั้นสร้างบรรยากาศแห่งความสงบ ให้เกิดขึ้นเสมอในห้องนี้ ให้ความเคารพต่อสถานที่ : ห้องซาคริสเตียเป็นห้องทีเ่ ก็บศาสนภัณฑ์และอุปกรณ์ ในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จึงควรให้ความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรม ไม่ พูดคุย เล่นหรือท�ำกิริยาที่ไม่เหมาะสม รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย : ผูร้ บั ผิดชอบห้องซาคริสเตีย ร่วมกับคริสตชนทุกคนในวัด ควรร่วมใจกันรักษาความสะอาด เก็บอุปกรณ์ ศาสน ภัณฑ์ต่าง ๆ ให้เกิดความเป็นระเบียบ ไม่ควรน�ำสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ พิธีกรรมมาเก็บไว้ในห้องซาคริสเตีย

พีน่ อ้ งทีร่ กั เมือ่ เราได้รบั ทราบข้อมูลและความชัดเจนเกีย่ วกับห้องซาคริสเตียแล้ว เราคงจะปฏิบตั ติ นได้อย่างเหมาะสม ด้วยความเคารพ ช่วยกันดูแลเอาใจใส่ ท�ำให้เกิด ความสะอาดและความเป็นระเบียบให้มากขึ้นนะครับ ให้สมกับเป็นส่วนหนึ่งในวิหาร ของพระเจ้า พบกันใหม่ฉบับหน้า 25

ธรรมล�้ำลึกปัสกา เช้าตรู่ ในวัน ต้นสัปดาห์ ไร้ร่าง พระอาจารย์ ทรงธรรม์ โอ้พระ เยซู พระเจ้าข้า ลูกนี้ จะถวาย พลีวาง

ที่พระ คูหา แสนโศกศัลย์ มีเพียง ผ้าพัน พับวาง โปรดเสด็จ กลับมา ไม่ห่าง ดวงใจ บางๆ ที่บาทองค์

พระคูหาที่ว่างเปล่าท�ำให้ข้าพเจ้าเห็นถึงแสงสว่าง ที่รอดเข้าไปในพระคูหานั้น ในยามที่หินถูกเคลื่อนออกไปจากปากพระคูหา พระเยซูเจ้าทรงเป็นความสว่าง ผู้ที่อยู่ชิดสนิทกับพระองค์จะไม่เดินในทางที่มืดมิดเลย แสงสว่างจะสาดส่องเข้าไปยังทุกถิ่นที่ที่พระเยซูเจ้าประทับอยู่ ในยามที่ดวงใจของข้าพเจ้าปิดสนิท ความมืดมิดเข้ามาเยือน ความทดท้อ อ่อนล้า สิ้นหวังคืบคลานเข้ามาท่ามกลางความมืด ความมืดที่ปีศาจร้ายคอยหมายมุ่งจะตะครุบเอาวิญญาณข้าพเจ้าไปเสีย แต่ตราบใดที่ข้าพเจ้ายังมีความเชื่อ ความหวัง และความรักในพระเจ้า แสงสว่างแห่งชีวิตของลูกแม้จะริบหรี่แต่มันจะไม่มืดดับไป มันจะกลับมาลุกโชติช่วงอีกครั้งหนึ่งอย่างสวยงาม

เขาน�ำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าเขาน�ำพระองค์ไปไว้ที่ไหน (ยอห์น 20:2)

26

วันนี้ เซอร์เวโรนิกา ประราศรี มาเยี่ยมเยียนห้องค�ำสอน และทักทายพูดคุยถึงภาพติดกระจกในห้องค�ำสอนที่เกี่ยวกับธรรมล�้ำลึกปัสกา เซอร์ชวนพูดคุยถึงธรรมล�้ำลึกปัสกาว่า หมายถึง การรับทรมาน สิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เซอร์สอนว่า เราเองก็ต้องยึดเอาธรรมล�้ำลึกปัสกานี้มาเป็นชีวิตเช่นกัน ในขณะที่เรายังอยู่บนโลกนี้ เราต้องยอมรับความทุกข์ทรมานในชีวิต และหากเราสามารถเอาชนะความทุกข์ยากนี้ไปได้ จนถึงวันตาย เราก็จะได้กลับคืนชีพพร้อมกับพระคริสตเจ้าเช่นกัน แบบอย่างของพระเยซูเจ้าสอนใจเราให้รู้จักที่จะยอมรับ และยินยอมที่จะให้ความทุกข์ยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การยอมรับความทุกข์ยากก็เป็นความทุกข์เช่นกัน เพราะมันท�ำไม่ใช่ง่ายเลย แต่การยินยอมที่จะอยู่กับความทุกข์ยากนั้น กลับให้คุณมากกว่าผลของความทุกข์เสียอีก เพราะสิ่งที่เรารอคอยคือชีวิตนิรันดร ความสุขแท้นิรันดร ที่ต้องผ่านการหล่อหลอมจากความทุกข์ยากจนได้รับชัยชนะนั้น เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงได้รับในธรรมล�้ำลึกปัสกา

พระหัตถ์ขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้าชูขึ้น พระหัตถ์ขวาขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีชัยชนะ ข้าพเจ้าจะไม่ตาย ข้าพเจ้าจะมีชีวิตอยู่ และจะประกาศพระราชกิจยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า (สดุดี 118:16-17) โดย น�้ำผึ้งหวาน

27

วัดแม่พระ มารดาพระศาสนจักร นครนายก

28

ป

จ ก ิ ก ร พ ร า ม ภ ล ว ม ระ ประชุมสภาอภิบาล ระดับสังฆมณฑลจันทบุรี 10 ธันวาคม 2018

29

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดอัสสัมชัญ พัทยา

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดพระผู้ไถ่ เสาวภา

30

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ ท่าศาลา

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี

31

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดนักบุญยอห์น อัครสาวก มะขาม

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ปัญจทรัพย์

32

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดพระคริสตประจักษ์ บ้านเล่า

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดพระนามเยซู ชลบุรี

33

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดนักบุญอันตน พนมสารคาม

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดนักบุญเปาโลกลับใจ ปากน้ำ� ระยอง

34

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดอารักขเทวดา โคกวัด

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดแม่พระประจักษ์ที่ลูร์ด บางคล้า

35

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดแม่พระเมืองลูร์ด บางแสน

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดธรรมาสน์ น.เปโตร ท่าแฉลบ

36

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดนักบุญวินเซน เดอ ปอล เขาขาด

ฉลองชุมชนแห่งความเชื่อ วัดนักบุญยอแซฟ พนัสนิคม

37

เข้าเงียบพระสงฆ์ ประจำ�ปี 2019 7 - 10 มกราคม ค.ศ. 2019

38

39