รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
คูมือการพัฒนาวิชาชีพครู
School-Based Teacher Professional Development
1
Action Research การวิจัยปฏิบัตกิ าร Action Research ผูเรียบเรียง
ชนกกมล ลาภหลาย
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
1
คํานํา คู มื อ การพั ฒ นาวิ ช าชี พ ครู เรื่ อ ง การวิ จั ย ปฏิ บั ติ ก าร (Action Research) จั ด ทํ า ขึ้ น ในการพั ฒ นาวิ ช าชี พ ครู โ ดยใช โ รงเรี ย นเป น ฐาน (2716607) คณะครุศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย โดยมีวัตถุประสงคเพื่อ ศึ ก ษาและเผยแพร ค วามรู แนวคิ ด ทฤษฎี แ ละกระบวนการของการวิ จั ย ปฏิบัติการ (Action Research) ซึ่งเปนแนวทางหนึ่งในการพัฒนาวิชาชีพครู อีกทั้ งยั งเป น ข อมู ล ที่ เ ป นประโยชน แก ผู จั ดทํ า และผูที่เกี่ย วของดานการจั ด การศึกษาที่จะสงผลใหเกิดองคความรู ความเขาใจ และสามารถนําไปใชในการ ปฏิบัติในทางวิชาชีพได หากคูมือเลมนี้มีขอผิดพลาดประการใด ผูจัดทําขอนอมรับคําติชม และขออภัยไว ณ โอกาสนี้ ชนกกมล ลาภหลาย กันยายน 2560
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
2
School-Based Teacher Professional Development
สารบัญ เรื่อง 1. ความเปนมาและความหมายของการวิจัยปฏิบัติการ 2. ลักษณะของการวิจัยปฏิบัติการ 3. ความเปนมาและความหมายของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน 4. ลักษณะสําคัญของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน 5. กระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน 6. ความแตกตางระหวางการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน และการวิจัยเชิงวิชาการ 7. การวางแผนการวิจัย 8. หัวขอที่จําเปนในการเขียนรายงานปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน 8. งานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับการพัฒนาวิชาชีพครู 9. ความหมายและพัฒนาการการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม 10. หลักการสําคัญของการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม 11. ตัวอยางงานวิจัยปฏิบัติการแบบมีสวนรวม
หนา 1 2 3 4 6 7 8 13 17 19 21 21
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
1
การวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) ความเปนมาของงานวิจัยปฏิบัติการ
การถือกําเนิดของการวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) เปนคําที่ เกิดขึ้นตามแนวคิดของ Kurt Lewin (1944) ซึ่งเปนนักจิตวิทยาสังคม ชาว อเมริกัน โดยแนวคิดของ Lewin เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการ ใชการปฏิบัติ 3 ขั้นตอน คือ การวางแผน (Planning) การคนหาความจริง (Fact Finding) และการดําเนินงานตามแผน (Execution) ในทุกขั้นตอนของการดําเนินงาน จะตองอาศัยการมีสวนรวมของผูที่เกี่ยวของ ดวยเหตุนี้การวิจัยปฏิบัติการจึงมี ลักษณะ 3 ประการคือ การมีสวนรวม การเสริมสรางความเปนประชาธิปไตย และการนําไปสูการเปลี่ยนแปลงทางสังคมศาสตรและสังคมพรอมๆกัน โดย แนวคิดของ Lewin ไดถูกนําไปใชในหลากหลายวงการ รวมทั้งวงการศึกษา
ความหมายของงานวิจัยปฏิบัติการ
Kurt Lewin (1947) กลาววา การวิจัยปฏิบัติการ เปนกระบวนการที่ เปนวงจรแบบขดลวด มี 3 ขั้นตอน คือ 1) การวางแผนโดยมีการสํารวจตรวจ ตรา 2) การลงมือ ปฏิ บั ติ และ 3) การค น หาความจริงเกี่ย วกั บ ผลของการ ปฏิบัติ Kemmis and McTaggart (1988) กลาววา การวิจัยเชิงปฏิบัติการ เปนการดําเนินการศึกษาโดยคนในกลุมที่ปฏิบัติงานตามปกติในสถานการณ ทางสังคม โดยมีเปาหมายเพื่อที่จะปรับปรุงวิธี และลักษณะการปฏิบัติงานให ชอบดวยหลักการเหตุผล และมีคุณภาพ รวมทั้งเปนการสรางความเขาใจใน งานที่ตนกําลังปฏิบัติงาน ซึ่งกลุมผูรวมงานวิจัยอาจหมายรวมถึง ผูบริหาร ครู นักเรียน ผูปกครอง ที่เกี่ยวของที่มีความสนใจรวมกัน ในแวดวงการศึกษา
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
2
กิ ต ติ พ ร ป ญ ญาภิ ญ โญผล (2541) กล า วว า การวิ จั ย ปฏิ บั ติ ก าร หมายถึง การศึกษาคนควาเพื่อหาวิธีแกปญหา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เพื่อ พัฒนาคุณภาพของงานที่ ตนกํ าลั งปฏิ บัติอยู และขณะเดียวกันก็สรางความ เขาใจถึงสภาพและกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยผานกระบวนการ ของวงจรแบบบันไดเวียน ขอมูลที่รวบรวมไดระหวางดําเนินงานเปนฐานของ การปรับแกไขขั้นถัดไป จากความหมายของการวิจัยปฏิบัติการดังกลาว สรุปไดวา การวิจัย ปฏิบัติการ หมายถึง การรวบรวมหรือการแสวงหาขอเท็จจริง โดยใชขั้นตอน กระบวนการทางวิทยาศาสตรเพื่อใหไดมาซึ่งขอสรุปอันนําไปสูการแกปญหาที่ เผชิญ อยู ผูวิจั ยจะตองมีการปรับ ปรุง พัฒนา แกไข และดําเนินการวิจัยซ้ํา หลายๆครั้ง จนกระทั่งผลการปฏิบัตินั้นบรรลุผลสําเร็จตามที่ไดตั้งเปาหมายไว โดยมีแนวทางการทํางานที่เชื่อมโยงระหวางทฤษฎีและการปฏิบัติใหเปนหนึ่ง เดียวกันจากแนวคิดสูการปฏิบัติ
ลักษณะของการวิจัยปฏิบัติการ
ดังนี้
โดยสรุป นิยามเกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการที่ใหขอสรุปสอดคลองกัน
ผูวิจัย คือ ผูที่ปฏิบัติงานในหนวยงาน (ในทางการศึกษา ผูวิจัยคือ ครู) สิ่งที่ถูกวิจัย คือ ปฏิบัติการทางการศึกษา วิธีการวิจัย คือ กระบวนการคนหาขอความรูที่มีขั้นตอนหลักสําคัญ คือ การวิจัยและการปฏิบัติ ลักษณะสําคัญ 1. การสะทอนกลับผลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของตนเองและผลที่ เกิดขึ้น
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
3
2. การเปดโอกาสใหผูมีสวนเกี่ยวของกับการเรียนการสอน/เพื่อน รวมงาน มีสวนในการวิพากษ วิจารณการปฏิบัติงานและผลที่ไดรับ 3. กระบวนการที่มีการดําเนินงานเปนวงจรตอเนื่องและทําเปนสวน หนึ่งของการปฏิบัติงาน 4. ผลที่ไดจากการวิจัยนําไปสูการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติงาน
การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research) ความเปนมาของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research : CAR) การวิ จั ย ปฏิ บั ติ ก ารในชั้ น เรี ย น เป น ประเภทหนึ่ ง ของการวิ จั ย ปฏิบัติการ ซึ่งเปนการวิจัยที่มุงแกไขปญหาที่เกิดขึ้นในหองเรียนบางอยางที่ครู ตองการคําตอบมาอธิบาย หรือมุงพัฒนาสงเสริมการเรียนรูของนักเรียนในชั้น เรียนโดยครูผูสอนทําหนาที่เปนผูวิจัยดวยตนเอง ลักษณะเดนประการหนึ่งของ การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนคือเปนการวิจัยที่มุงแกไขปญหาการเรียนรูของ นักเรียนอยางแทจริง การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนมีความเกี่ยวเนื่องกับแนวทางการจัด การศึกษา ที่ตองยึดหลักวา ผูเรียนมีความสําคัญที่สุด ผูเรียนทุกคนสามารถ เรียนรูและพัฒนาตนเองได ดังนั้นกระบวนการจัดการศึกษาตองสงเสริมให ผูเรียนไดพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยมีครูผูสอนเปนนักวิจัย ในชั้นเรียน ที่สอดคลองตามพระราชบัญญัติการศึกษาแหงชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 4 ว า ด ว ยแนวทางการจั ด การศึ ก ษา มาตรา 30 มี ก ารกํ า หนดให สถานศึกษามีหนาที่สนับสนุนและสงเสริมใหครูมีการทําวิจัยเพื่อพัฒนาการ เรียนรู ดังนั้นการทําวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนจึงนับเปนกระบวนการหนึ่งที่ครู
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
4
ใชในการประเมินการทํางานของตนเอง เปนกระบวนการสืบเสาะคนหาแนว ทางการแกไขปญหาที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติงานสอน เพื่อนําไปสูการพัฒนาการ เรียนการสอน
ความหมายของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
สุวิมล วองวาณิช (2550) ใหคําจํากัดความของการวิจัยปฏิบัติการใน ชั้นเรียนซึ่งเกิดจากการสังเคราะหนิยามเกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน สรุปไดวา คือ การวิจัยที่ทําโดยครูผูสอนในชั้นเรียน เพื่อแกปญหาที่เกิดขึ้นใน ชั้ น เรี ย น และนํ า ผลมาใช ใ นการปรั บ ปรุ ง การเรี ย นการสอน หรื อ ส ง เสริ ม พั ฒ นาการเรี ย นรู ของผู เ รี ย นให ดียิ่ งขึ้ น ทั้ งนี้ เ พื่อ ใหเกิดประโยชนสูงสุดกั บ ผูเรียน เปนการวิจัยที่ตองทําอยางรวดเร็ว นําผลไปใชทันที และสะทอนขอมูล เกี่ยวกับการปฏิบัติงานตางๆในชีวิตประจําวันของตนเองใหทั้งตนเองและกลุม เพื่อนรวมงานในโรงเรียนไดมีโอกาสวิพากษ อภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรูใน แนวทางที่ไดปฏิบัติและผลที่เกิดขึ้นเพื่อพัฒนาการเรียนรูของทั้งครูและผูเรียน พิมพัน ธ เดชะคุป ต (2559) กลา วว า การวิจัยในชั้นเรีย น หมายถึง การวิจัยที่มีเปาหมายเพื่อนําผลไปใชปฏิบัติงานจริงโดยมีครูเปนผูทําวิจัยดวย วิธีการทางวิทยาศาสตร ถาผลการวิจัยขอบกพรองก็ทําการวิจัยและนําผลไป พัฒนาอยางตอเนื่อง
ลักษณะสําคัญของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
การวิจัยปฏิบตั ิการในชั้นเรียน คือ การวิจัยที่มีลักษณะดังนี้ ใคร ครูผูสอนในหองเรียน ทําอะไร ทําการแสวงหาวิธีการแกไขปญหา ที่ไหน ที่เกิดขึ้นในหองเรียน เมื่อไร ในขณะที่การเรียนการสอนกําลังเกิดขึ้น
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
5
การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน คือ การวิจัยที่มีลักษณะดังนี้ อยางไร ดวยวิธีการวิจัยที่มีวงจรการทํางานตอเนื่องและสะทอนกลับ การทํางานของตนเอง (Self-reflection) โดยมีขั้นตอนหลัก คือ การทํางานตามวงจร PAOR การวางแผน (Plan), การ ปฏิบัติตามแผน (Act), การสังเกตผลที่เกิดจากการปฏิบัติ (Observe),การสะทอนผลหลังการปฏิบัติงาน(Reflect) เพื่อ มีจุดมุงหมายเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนใหเกิดประโยชน จุดมุงหมาย สูงสุดตอผูเรียน ใด ลักษณะเดน เปนกระบวนการวิจัยที่ทําอยางรวดเร็ว โดยครูผูสอนนําวิธีการ การวิจัย แกปญหาที่ตนคิดขึ้นไปทดลองใชกับผูเรียนทันและสังเกตผล การแกปญหานั้น มีการสะทอนผล และแลกเปลี่ยน ประสบการณกับเพื่อนครูในโรงเรียน เปนการวิจัยแบบรวมมือ (Collaborative research) สรุปไดวา ลักษณะสําคัญของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนตองมีการ ดําเนินงานที่เปนวงจรอยางตอเนื่อง มีกระบวนการทํางานแบบมีสวนรวม และเปนกระบวนการที่เปนสวนหนึ่งของการทํางานปกติ จึงมีลักษณะตาม แผนภาพที่ 1 นั่นคือ ขณะที่กิจกรรมการเรียนการสอนดําเนินการอยู ก็ตองมี การวิ จั ย เพื่ อ แสวงหาวิ ธี ก ารแก ป ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น ระหว า งเรี ย น และทํ า การ ปรับปรุงแกไขพัฒนาผูเรียนควบคูกันไป
แผนภาพที่ 1 วิถีชีวิตของการปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียนของครู (อางอิง : สุวิมล วองวาณิช , 2550)
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
6
การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนสามารถใชวงจร PAOR เพื่อใชเปน แบบแผนในการดํ า เนิ น การวิ จั ย ได ต ามแนวคิ ด ของ Kemmis (1998) ดังปรากฏในแผนภาพที่ 2 ซึ่งแสดงใหเห็นวาการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรีย น ประกอบดวยขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอน ตามวงจร PAOR ซึ่งสอดคลองกับการ สอนของครู กลาวคือ 1) การวางแผนการปฏิบัติงานและกําหนดปญหาที่ตองการศึกษา (plan) 2) การดําเนินการวิจัยตามแผนที่กําหนดไว (do) 3) การสังเกตผลที่เกิดขึ้นจากการดําเนินการวิจัย (observe) 4) การสะทอนผลหลังจากการดําเนินการวิจัยเสร็จสิ้นแลว เพื่อใหเกิดการ วิพากษของเพื่อนรวมงาน (reflect)
แผนภาพที่ 2 วงจรการปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน (อางอิง : สุวิมล วองวาณิช , 2550)
กระบวนการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
กระบวนการที่ใชในการวิจัยในชั้นเรียน หรือการวิจัยปฏิบัติการในชั้น เรียน คือกระบวนการทางวิทยาศาสตร (Scientific method) ซึ่งเปนวิธีการที่ มีระบบ มีขั้นตอนตามแผนภาพดังนี้
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
7
School-Based Teacher Professional Development
1. กําหนดปญหา 6. สะทอนความคิด 5. สรุปการวิจัย
2. ตั้งสมมติฐาน 3. ออกแบบวิจัย 4. ดําเนินการวิจัย
แผนภาพที่ 3 ขั้นตอนของกระบวนการปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน (อางอิง : พิมพันธ เดชะคุปต , 2559) จากแผนภาพ ขั้นตอนของกระบวนการวิจัยในชั้นเรียนพบวา ขั้นที่ 1, 2
และ 3 คือ ขั้นวางแผนวิจัย ขั้นที่ 4 คือ การดําเนินการวิจัย ซึ่งเปนการจัดเก็บ ขอมูล วิเคราะหขอมูล นําเสนอขอมูล แปลผล ในขั้นนี้มีการตรวจสอบการ ดําเนินงาน เพื่อปรับปรุงแกไข หากยังพบขอแกไขก็ดําเนินงานปรับปรุงแกไข อยางตอเนื่อง ขั้นที่ 5 คือ การสรุปผลการวิจัย เปนขั้นของการสรางความรูใหม
ความแตกตางระหวางการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับการวิจัย เชิงวิชาการ (Classroom Action Research and Academic Research)
เนื่องจากการวิจัยเชิงวิชาการ (academic research) มีรายละเอียด และรูปแบบการวิจัยที่เปนระบบระเบียบชัดเจน ทําใหบางครั้งเมื่อนํามาใชใน การทําวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนอาจเกิดขอยุงยากและขอจํากัดในการทําวิจัย เปนอยางมากโดยเฉพาะกับผูที่ไมมีพื้นฐาน หรือความรูทางดานระเบียบวิธีวิจัย ที่ดีพอ การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแกไขขอยุงยากที่เกิด จากรู ป แบบการวิ จั ย ให มี ค วามเหมาะสมสํ า หรั บ ครู ในการนํ า มาใช ศึ ก ษา เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหองเรียน มีการลดขั้นตอน และขอจํากัดของรูปแบบการ
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
8
วิจัยลงทําใหงายที่จะทําความเขาใจ และนําไปใช จึงขอเสนอขอเปรียบเทียบ ระหวางการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนกับการวิจัยเชิงวิชาการ ซึ่งสามารถ สรุปไดดังนี้ ประเด็น 1. เปาหมาย 2. ผูวิจัย
3.วงจรของ การวิจัย
การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom action search) มุงสรางความรูเฉพาะเพื่อใชในหองเรียน ของครูผูวิจัย ดําเนินการโดยครูผสู อนในหองเรียน มีลักษณะการวิจยั แบบรวมมือ (collaborative research) ใชวงจรการ ทําวิจัยแบบ PAOR Plan, Act, Observe, Reflec โดย ขั้นตอน Reflect (สะทอนกลับ) เปน ขั้นตอนที่เดนที่ทําใหการวิจัยแบบนี้ตาง จากการวิจัยอื่น
4. วิธีการวิจัย
ไมเนนการกําหนดกรอบแนวคิดทฤษฎี แตใชประสบการณของผูส อน ไมเนน แบบแผนการวิจยั มาก ใชการวิจัยเชิง คุณภาพมากกวาเชิงปริมาณ
5. การกําหนด วิธีการแกปญหา ในหองเรียน (Solution)
ใชวิธีการเชิงอัตวิสัย (subjective) โดย อาศัยประสบการณของครูนักวิจัย แตจะ ใชวิธีการเชิงปรนัยในการตรวจสอบ ผลการวิจยั
การวิจัยเชิงวิชาการ (Academic research) มุงสรางขอความรูทั่วไปซึ่งสามารถ สรุปอางอิงได ดําเนินการโดยนักวิชาการ หรือนัก การศึกษาในมหาวิทยาลัย ที่ไมได ปฏิบัติงานในหองเรียน ใชวงจรการทําวิจัยแบบกําหนด ปญหา ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวของ ออกแบบการวิจัย กําหนด ประชากรกลุมตัวอยาง สราง เครื่องมือ เก็บขอมูล วิเคราะห ขอมูล) สรุปและอภิปราย ผลการวิจัย ยืดแบบแผนการวิจัย การ ออกแบบการวิจัยที่รัดกุม มีการ กําหนดกรอบแนวคิดทฤษฎี ตรวจสอบทฤษฎี และพัฒนา ทฤษฎี ใชการวิจัยเชิงปริมาณ มากกวา อิงทฤษฎีหรือมีผลการวิจัยรองรับ
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
ประเด็น
การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom action search) 6.กลุมเปาหมายที่ นักเรียนในหองเรียน อาจเปนรายคน ตองทําการวิจัย หรือรายหอง 7. ขอมูลวิจัย ครูเปนผูเก็บขอมูล ใชวิธีการสังเกต หลักฐานการแสดงพฤติกรรมของผูเรียน ขอมูลสวนใหญเปนขอมูลเชิงคุณภาพ 8. การวิเคราะห ขอมูล 9. การอภิปราย แปลความหมาย ขอคนพบจากการ วิจัย 10. ชวงเวลาใน การทําวิจัย
ใชการวิเคราะหเนื้อหา ไมเนนการ วิเคราะหดวยสถิติขั้นสูง ครูนักวิจัยและเพื่อนครูจะมีการ แลกเปลีย่ นประสบการณการวิจยั รวมกันมีการถกอภิปรายถึงวิธีการ แกปญหาที่ใชและผลที่เกิดขึ้น ทําเปนสวนหนึ่งของการเรียนการสอน และทําอยางรวดเร็ว เพื่อใชสามารถ ทดลองใชผลตามแนวทางที่ครูนักวิจัย ตัดสินใจจะใช
11. การใช ผลการวิจัย
นําผลไปใชแกปญหาในหองเรียนทันที และตรวจสอบผลทีเ่ กิดผลที่เกิดขึน้ ไม เนนการตีพิมพเผยแพรเปนบทความ วิชาการ
9
การวิจัยเชิงวิชาการ (Academic research) กลุมนักเรียนที่เปนตัวแทนประชากร อาจใช วิ ธี ก ารเก็ บ ข อ มู ล แบบ เดียวกับการวิจัยปฏิบัติการ เพื่อ พัฒนาการเรียนการสอนแตโอกาส ใกลชิดกับแหลงขอมูล (นักเรียน) จะมีนอย ส ว นใหญ ใ ช วิ ธี ก ารวิ เ คราะห ท าง สถิติเนนการสรุปอางอิง นั ก วิ จั ย อภิ ป รายภายใต ก รอบ ทฤษฎี ที่ ใ ช ใ นการวิ จั ย และใช ความคิดเห็นของนักวิจัย ประกอบการอภิปราย เป น นั ก วิ จั ย ที่ เ ฝ า สั ง เกตหรื อ เก็ บ ขอมูลอยูห าง ๆ แมจะมีโอกาสเขา ไปทําในหองเรียนแตก็จะเปนชวง สั้น เมื่อเสร็จก็ถอยหาง ออกมา การวางแผนการวิจัยอาจ ต อ งใช เ วลานานกว า การวิ จั ย ปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการเรียนการ สอน ผลการวิ จั ย อาจไม ไ ด นํ า ไปใช ในทางปฏิ บั ติ จ ริ ง แต อ าจมี ก าร ตีพิม พเผยแพรเป นบทความวิจั ย หรือบทความทางวิชาการ
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
10
การวางแผนการวิจัย 1 การวิเคราะหสภาพปญหาที่เกิดขึ้นในหองเรียน สภาพปญหาที่เกิดขึ้นในหองเรียน คือสิ่งที่เกิดขึ้นในหองเรียน หรือเกิดกับ ผูเรียนซึ่งเปนปญหาที่สงผลใหการเรียนการสอนไมบรรลุเปาหมายที่กําหนด ซึ่งการวิ เคราะห สภาพปญ หาในหองเรีย นจึ งเปน ขั้น ตอนสําคัญ โดยครูตอง จัดลําดับความสําคัญกอนหลังของปญหาเหลานั้น ประเด็นในการวิเคราะหสภาพปญหา ครูควรตั้งคําถามกับตนเองหลังการสังเกตปญหาที่เกิดขึ้นในชั้น เรียน ดังตอไปนี้ 1. ปญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร 2. ปญหาที่เกิดขึ้นเปนปญหาของใคร 3. ปญหาที่เกิดขึ้นสงผลกระทบตอใครและอะไรบาง 4. ปญหาที่เกิดขึ้นมีความสําคัญในระดับใด เมื่อเทียบกับ ปญหาอื่นๆ ปญหาใดสําคัญกวากัน 5. ปญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวของสัมพันธกับปญหาหรือเหตุการณ อื่นๆอะไรบาง อยางไร 6. ใครคือผูรับผิดชอบหลักในการแกปญหาดังกลาว และการ แกปญหานั้นตองเกี่ยวของกับใครหรือไม อยางไร ลักษณะของปญหาวิจัยที่ดี 1. ปญหาวิจัยตอง “จําเปน ชัดเจนดี มีคุณคา” จําเปน - เปนปญหาวิจัยที่ตองเรงแกไข ชัดเจนดี - เปนปญหาที่เกิดขึ้นชัดเจน มีขอมูลหลักฐานชี้ชัด มีความสมเหตุสมผลในการทําวิจัย
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
11
มีคุณคา – เปนปญหาวิจัยที่ใหคําตอบที่เกิดประโยชนตอการ นําไปพัฒนาผูเรียน 2. ปญหาตองมีความเปนปจจุบัน เปนปญหาที่เกิดขึ้นในชวงเวลานั้น เพื่อใหผลการวิจัยนําไปสูการพัฒนาผูเรียนไดทันเวลา 3. ปญหาวิจัยตองไมสงผลกระทบเสียหายใดๆ ตอผูที่เกี่ยวของหรือผู ถูกวิจัย (นักเรียน) 1.2 การใชประโยชนจากผลการวิเคราะหสภาพปญหา ผลที่ไดจากการวิเคราะหสภาพปญหา นําไปสูการกําหนดคําถาม วิจัยที่สอดคลองกับสภาพการณที่เกิดขึ้นในหองเรียน 2. การตั้งคําถามวิจัย เปนการกําหนดประเด็นขอสงสัย ที่ตองการหาคําตอบโดยมักเขียนอยู ในรูปประโยคคําถาม ที่มีความเฉพาะเจาะจง 2.1 เกณฑการกําหนดคําถามวิจัย - คําถามที่ดีไมควรถาม Yes/No แตควรใชคําถาม “ทําไม อยางไร อะไร” - มีความนาสนใจจะศึกษาเพื่อชวยนักเรียนที่มีปญหา - คําถามวิจัยนั้นมีความสําคัญทั้งตัวครูผูสอนและผูเรียน - คําถามวิจัยนั้นมีความเปนไปไดในการทํา เหมาะสมกับ เวลา ทรัพยากร ตัวอยางการกําหนดปญหาและการตั้งคําถามวิจัย จากผลการศึ กษาของครู จิ ร าภาที่ ทํา การศึกษาสภาพของนักเรีย น ชั้นป.4 ในหองที่ตนเองรับผิดชอบ ครูจิราภาอาจสนใจพัฒนาความสามารถ ของนักเรียนในวิชาคณิตศาสตร เนื่องจากเห็นวาเปนวิชาทักษะพื้นฐาน และ
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
12
นักเรียนสวนใหญมีปญหา ครูจิราภาตั้งปญหาวิจัยหลายขอ ทานคิดวาขอใดมี ความเหมาะสมที่สุด 1. นักเรียนชั้นป.4 มีปญหาในวิชาคณิตศาสตรจริงหรือ? (คําถามนี้ไมทาทาย ไดขอมูลเพียงแคการยืนยันขอมูลเดิมที่ครูมีอยู ผลการวิจัยนําไปใชประโยชนอะไรไมไดมาก) 2. ทําไมนักเรียนชั้นป.4 จึงเรียนคณิตศาสตรออน? 3. สาเหตุอะไรบางที่ทําใหนักเรียนชั้นป.4 เรียนคณิตศาสตรออน? 4. ปจจัยอะไรทําใหนักเรียนชั้นป.4 เรียนคณิตศาสตรออน? (คําถามขอ 2, 3, 4 เปนคําถามลักษณะเดียวกัน เปนคําถามที่มุง วิเคราะหหาสาเหตุของปญหาที่เกิดขึ้น ผลการวิจัยทําใหทราบสาเหตุ แตก็ยัง ไมไดนําไปสูการแกปญหา) 5. สาเหตุที่นักเรียนชั้นป.4 เรียนคณิตศาสตรออน มีอะไรบาง? วิธีการ แกปญหาควรเปนเชนใด? หากปรับเปลี่ยนวิธีการสอนใหมโดยใชการทดสอบ ยอยบอยๆ นักเรียนจะเรียนดีขึ้นหรือไม? (คํ าถามนี้ มีเ ปน ชุ ดตั้ งแต การวิ เ คราะหส าเหตุของปญ หา การหา วิธีการแกไข และการทดลองใชวิธีการแกปญหาที่ครูสนใจและการศึกษาผล การทดลองใช เปนชุดคําถามที่เกิดประโยชนตอการพัฒนาผูเรียน) 3. การกําหนดแนวทางการแกปญหา หลายครั้งที่ครูกําหนดปญหาวิจัย แตหาวิธีการแกปญหาไมได โดย แนวทางการแก ปญ หาคื อ ครูตองอ า นมาก และมีการรวมกลุมอภิปราย แลกเปลี่ยนประสบการณ ตองมีการสํารวจและจัดระบบฐานขอมูลเกี่ยวกับ นวัตกรรมดานการเรียนรู
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
13
School-Based Teacher Professional Development
4. การกําหนดรูปแบบการวิจัย รูปแบบในการทําวิจัย หมายถึง การกําหนดกลุมทํางานวาเกี่ยวของ กับใครบาง เลือกใชแนวทางวิจัยแบบใด เปนปญหาระดับใด
ประเด็น สาเหตุ 1. นักเรียนอานจับ พื้นฐานการ ใจความไมไดเปน อานออน สวนใหญ ตั้งแตระดับ กอนหนานี้
ระดับปญหา รูปแบบ ระดับ การวิจัย หองเรียน/ ปฏิบัตกิ ารแบบ ชั้นเรียน รวมมือ
กลุมทํางาน ครูในหมวด ภาษาไทย
หัวขอที่จําเปนในการเขียนวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
1. ชื่อเรื่อง : สวนประกอบชื่อเรื่องมี 3 สวน คือ 1) จุดมุงหมายของการ วิจัย 2) ตัวแปรในการวิจัย 3) กลุมเปาหมายที่ใชในการวิจัย ตัวอยาง การเปรียบเทียบความสนใจในการฟงนิทานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 1 ระหวางการใชวิธีการอานและวิธีการเลาใหครูฟง จุดมุงหมายของการวิจัย : การเปรียบเทียบ ตัวแปรในการวิจัย : ความสนใจในการฟงนิทาน , วิธีการอานและวิธีการเลาใหครูฟง กลุมเปาหมาย : นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 1
2. ความเปนมาและความสําคัญของปญหาวิจัย แนวทางในการเขียนความเปนมาและความสําคัญของการวิจัยมีสาระที่ ควรนําเสนอ 6 สวน คือ 1. หลักการและเหตุผล หรือสิ่งที่พึงประสงค 2. สภาพที่เปนอยูในปจจุบัน 3. ความแตกตางของสภาพที่พึงประสงคกับสภาพที่เปนอยู
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
14
4. ผลที่ตามมา หรือปญหาที่เกิดจากความแตกตางในขอ 3 5. ประเด็นที่ตองการทําวิจัยเพื่อใหไดแนวทางในการแกปญหา 6. สิ่งที่เปนประโยชนที่คิดวาจะไดรับหลังจากไดแนวทางการแกปญหา ตัวอยาง 1. ทักษะการฟงเปนสิ่งที่ควรพัฒนาใหเกิดกับผูเ รียนในทุกระดับการศึกษาไมเวนแมแตวัย เด็กเล็กที่กําลังสนใจการฟงนิทาน 2. แตก็ยังพบวาเด็กเล็กมักมีสมาธิในการฟงสั้น ทําใหไมสามารถจับประเด็นสาระที่ไดจาก การฟงไดอยางครบถวน สภาพดังกลาวเกิดขึ้นกับนักเรียนในชั้นอนุบาล 2 ที่ผูวิจัยตองรับผิดชอบ 3. นักเรียนสวนหนึ่งมีพฤติกรรมการฟงอยูในเกณฑไมนาพอใจ 4. ทําใหมีผลกระทบตอการพัฒนาทักษะทางภาษาโดยเฉพาะการจับประเด็นเรื่องราวตางๆ 5. ประเด็นทีส่ นใจศึกษามีหลายประการ เชน ทําไมนักเรียนจึงไมคอยสนใจการฟง นักเรียน ชอบฟงนิทานแบบใดมากกวากัน วิธีการเลานิทานทีต่ รึงความสนใจในการฟงมีอะไรบาง 6. การไดขอมูลเหลานี้จะทําใหไดขอมูลที่เปนประโยชนตอการพัฒนาทักษะการฟงแกผูเรียน
3. คําถามวิจัย แนวทางการกําหนดคําถามวิจัยมีหลักการดังนี้ 1. ใชขอความที่เปนประโยคคําถาม 2. ประกอบดวยตัวแปรในการวิจัย และกลุมเปาหมายที่ตองการศึกษา 3. สอคลองกับสภาพปญหาที่เกิดขึ้น 1. นักเรียนมีความสนใจในวิธีการเลานิทานแบบใดมากกวากันระหวางวิธีการเลาใหฟงและวิธีการ อานใหฟง 2. วิธีการเลานิทานใหฟงและวิธีการอานนิทานใหฟงสงผลใหความสนใจในการฟงของนักเรียน ตางกันหรือไม วิธีใดดีกวากัน
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
15
4. วัตถุประสงคของการวิจัย แนวทางการเขียนวัตถุประสงคของการวิจัย มีดังนี้ 1. ระบุกิจกรรมหรืองานที่ตองการทําเพื่อตอบคําถามวิจัยโดยมีการ เขียนตามลําดับขั้นตอน 2. อยาเขียนสิ่งที่ตองการใหเกิดขึ้นหรือสิ่งที่เปนประโยชนของการวิจัย 3. นิยมเขียนในรูปประโยคบอกเลามากกวาประโยคคําถาม ตัวอยาง วัตถุประสงคของการวิจัยที่ถูกตอง 1. เพื่อศึกษาวิธีการเลานิทานที่นักเรียนชอบ 2. เพื่อศึกษาพฤติกรรมดานการฟงหลังจากที่มีการทดลองใชวิธีการเลานิทานดวยวิธีการตางกัน ระหวางวิธีการเลาใหฟง และวิธีการอานใหฟงโดยครู วัตถุประสงคของการวิจัยที่ไมถูกตอง 1. เพื่อใหทราบวาวิธีการเลานิทานแบบใดที่สงผลใหนักเรียนมีความสนใจในการฟงมากกวากัน 2. เพื่อใหนักเรียนมีทักษะในการฟงนิทานสูงขึ้น
5. ประโยชนที่ไดรับจากการศึกษา หลักการเขียนประโยชนที่ไดรับจากการศึกษาจากการวิจัย มีดังนี้ 1. ระบุสิ่งที่เปนประโยชนจากขอคนพบ ไมวาขอคนพบนั้นจะเปนแบบ ใดก็ตามไมวาขอคนพบนั้นจะเปนไปตามที่ผูวิจัยมุงหวังหรือไม แตสิ่งที่คนพบจะ เปนประโยชนทําใหไมเสียเวลาทําวิจัยแนวเดิม 2. การวิจัยเปนการคนหาที่สิ่งคนพบ ซึ่งผูวิจัยไมทราบลวงหนาวา คําตอบจะเปนเชนใด ดังนั้นการระบุประโยชนของการวิจัยวาจะไดผลอยางที่มุง หวัง ไมควรเขียนแบบนี้
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
16
ตัวอยางที่ถูกตอง การวิจัยนี้ทําใหไดขอมูลที่ชวยใหครูคนพบวิธีการเลานิทานที่เหมาะสมกับนักเรียน ขอคนพบดังกลาวจะเปนประโยชนตอการพัฒนาทักษะการฟงของนักเรียนใหกาวหนาขึ้น ตัวอยางทีไ่ มถูกตอง 1. การวิจัยนี้ทําใหรูวาวิธีการเลานิทานแบบใดดีกวากัน (แครูอยางเดียวยังเกิด ประโยชนไมพอ ตองขยายความตอวาความรูนี้จะเกิดประโยชนอะไรบาง) 2. การวิจัยทําใหความสนใจในการฟงของนักเรียนสูงขึ้น (การเขียนแบบนี้เปนการ สรุปทึกทักลวงหนา และชี้เปนนัยๆวา หากความสนใจในการฟงของนักเรียนไมสูงขึ้น การวิจยั นี้ ก็ไมเกิดประโยชน ซึ่งไมถูกตอง)
6. ตัวแปรในการวิจัย ตัวแปรในการวิจัย คือสิ่งที่ผูวิจัยสนใจจะศึกษา ซึ่งสามารถแปรคาตาม คุณลักษณะที่ผูวิจัยสนใจไดมากกวา 1 คาหรือมากกวา 1 คุณลักษณะ ตัวอยาง เพศ : เปนตัวแปร 1 ตัวแปร โดยแปรคาไดเปนหญิง และชาย (2 ลักษณะ) วิธีการเลานิทาน : เปนตัวแปร 1 ตัวแปร โดยแปรคาไดเปน 2 คา วิธีการเลาใหฟง และวิธีการ อานใหฟง
7. วิธีการวิจัย ระบุแบบแผนการวิจัย ไดแก การวิจัยเชิงทดลอง การวิจัยกึ่งทดลอง การวิจัยเชิงสํารวจ การวิจัยรายกรณี 8. กลุมตัวอยาง กลุมที่เปนเปาหมายของการวิจัย 9. เครื่องมือที่ใชในการวิจัย สิ่งที่ใชในการเก็บขอมูลที่ตองการ ไดแก แบบสอบถาม แบบสอบ แบบ สัมภาษณ แบบสังเกต แบบบันทึกขอมูล เปนตน
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
17
10. การเก็บรวบรวมขอมูล วิธีการที่ใชในการเก็บขอมูลเก็บในชวงใด ใครเปนคนเก็บ เก็บอยางไร และใชเวลานานเทาใด 11. วิธีการวิเคราะหขอมูล ระบุวิธีการในการวิเคราะหขอมูลใหเห็นภาพรวม ขึ้นอยูกับลักษณะของ ขอมูล ถาเปนเชิงคุณภาพอาจใชการวิเคราะหเนื้อหา ความถี่ ขอมูลเชิงปริมาณ อาจใชความถี่ รอยละ คาเฉลี่ย หรือนําเสนอดวยกราฟ
ขอจํากัดของการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
1. มีความจํากัดในการอางอิงผลการวิจัยไปยังประชากร เนื่องจาก กลุ ม ตั ว อย า งที่ ไ ด ส ว นใหญ จ ะใช ก ารเลื อ กกลุ ม ตั ว อย า งแบบเจาะจง (purposive sampling) และทาในกลุมตัวอยางขนาดเล็กผลที่ไดจึงไมเปน ตัวแทนของขอคนพบ 2. ความตรงภายนอก (external validity) หรือความถูกตองของ ผลการวิจัยที่สามารถนาไปใชกับกลุมตัวอยางอื่นๆหรือสถานการณอื่นๆ ได ของงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนจะคอนขางนอย 3. ตัวแปรภายนอกที่ผูวิจัยไมไดสนใจศึกษาในงานวิจัยประเภทนี้จะ ไมสามารถควบคุมไดเหมือนกับงานวิจัยประเภทอื่นๆ เนื่องจากการจัดการใน ชั้น เรี ย นมี ลั กษณะเป น ธรรมชาติ ที่เ กิ ดขึ้ นจริ ง ไมไดมีการจัดกระทํา ของ ครูผูสอน ดังนั้นขอคนพบที่ไดรับอาจไมสามารถยืนยันไดวามาจากปจจัยใด
งานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนกับการพัฒนาวิชาชีพครู การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน เปนเครื่องมือสําคัญของครูในการ พัฒนาการจัดการเรียนรูใหมีประสิทธิภาพ รวมถึงใชเปนเครื่องมือในการ พัฒนานักเรียนของตนเองดวย
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
18
ตัวอยาง งานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาครูดวยการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ยุ ท ธพงษ อายุ สุ ข (2549) ได ทํ า การวิ จั ย เรื่ อ ง “การวิ จัย ประเมิ น ความตองการจําเปนเพื่อพัฒนาการทําวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู” ผลการวิจัยพบวา 1) วิธีการที่ครูควรใชในการทําวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ประกอบดวย การกําหนดประเด็นปญหาที่ตองการวิจัยและแผนการแกไข การ ปฏิบัติตามแผนที่กําหนด การสังเกตผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานและการ สะท อ นผลหลั ง จากการปฏิ บั ติ ง าน 2) ครู มี ก ารกํ า หนดประเด็ น ป ญ หาที่ ตองการวิจัยและแผนการแกไข การปฏิบัติตามแผนที่กําหนด และการสังเกต ผลที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานอยูในระดับสูง สวนการสะทอนผลหลังจากการ ปฏิบัติงานอยูในระดับปานกลาง โดยขั้นตอนที่ครูปฏิบัติสูงสุด คือ ขั้นตอนการ สังเกตผลที่เ กิดขึ้น จากการปฏิบัติงาน 3) ปจ จัยเชิงสาเหตุที่ทําใหเกิดความ ตองการจําเปนในการทําวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู ที่มีอิทธิพลสูงสุด คือ ปจจัยดานตัวครู 4) แนวทางการพัฒนาการทําวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน ของครูที่สําคัญที่สุดคือ การสนับสนุนของผูบริหารสถานศึกษา และแนวทาง อื่น ไดแก การพัฒนาความรูและทักษะวิชาชีพครู การสงเสริมความรวมมือกัน ระหวางผูมีสวนเกี่ยวของ และการสนับสนุนของหนวยงานตนสังกัด เดนดาว ชลวิทย (2554) ไดทําการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาหลักสูตร และวิธีการเสริมสรางความสามารถในการเขียนรายงานวิจัยปฏิบัติการใน ชั้นเรียนของครู” ผลการวิจัยพบวา 1) ความจําเปน 5 อันดับแรกที่ครูตอง ได รับ การพั ฒ นาคื อ การเขี ย นการวิ เ คราะห ข อมู ล การเขี ย นข อเสนอแนะ การเขียนเครื่องมือที่ใชในการวิจัย การเขียนคําถามวิจัยและการเขียนอภิปราย ผลการวิจัย 2) วิธีการนําหลักสูตรเสริมสรางความสามารถในการเขียนรายงาน วิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู มี 3 คือ การฝกอบรม วิธีการเปนพี่เลี้ยง และวิธีการเรียนรูดวยตนเอง โดยพบวาครูที่ไดรับการเสริมสรางความสามารถ ในการเขียนรายงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนดวยวิธีการฝกอบรม วิธีการเปน
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
19
พี่เ ลี้ ย ง และวิ ธี การเรี ย นรู ดว ยตนเอง มี คา เฉลี่ ย ความสามารถในการเขีย น รายงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนหลังการใชหลักสูตรแตกตางกัน จะเห็นไดวา การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเปนเครื่องมือสําคัญในการ พั ฒ นาวิ ช าชี พ ครู ไ ปสู ค วามเป น ครู มื อ อาชี พ เป น เครื่ อ งมื อ ในการพั ฒ นา หลักสูตรและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูใหกาวหนาอยางไมหยุด อยูกับที่เกิดนวัตกรรมที่นํามาใชในการแกปญหาการเรียนการสอนไดทันทวงที ทั้งยังเปนตัวบงชี้ความสําเร็จในการทํางานของครูอยางเปนรูปธรรม คือการ พัฒนาผูเรียนใหเกิดการเรียนรูที่ดีขึ้นดวย
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม (Participatory Action Research : PAR) ความหมายของการวิจัยปฏิบัติการอยางมีสวนรวม (Participatory Action Research )
สุภางค จันทวานิช (2537) กลาวถึงการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวน รว ม (Participatory Action Research:PAR) วาเปน วิธีการเรี ย นรู จ าก ประสบการณ โดยอาศัยการมีสวนรวมอยางแข็งขันจากทุกฝายที่เกี่ยวของกับ กิจกรรมการวิจัย นับตั้งแตการระบุปญหาการดําเนินการ การติดตามผล จนถึง ขั้นประเมินผล วรรณคดี สุทธินรากร (2557) ใหความหมายของการวิจัยปฏิบัติการ แบบมีสวนรวมวา “การวิจัยปฏิบัติการอยางมีสวนรวม เปนการหลอมแนวการ วิจัยอยางมีสวนรวม (Participatory Research) และการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) เขาดวยกัน เปนงานวิจัยที่เปนการพยายามศึกษาชุมชน โดยเนนการวิเคราะหปญหา ศึกษาแนวทางในการแกไขปญหา ปฏิบัติตามแผน
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
20
และติ ด ตามประเมิ น ผล ทั้ ง นี้ ใ นการดํ า เนิ น การวิ จั ย ทุ ก ขั้ น ตอน ชาวบ า น ประชาชน หรือสมาชิกของชุมชนนั้นๆ จะตองเขามามีสวนรวมดวย สรุปไดวา การวิจัยปฏิบัติการแบบมีสวนรวม (PAR) คือการวิจัยที่มุงศึกษา ชุมชน โดยเนนการวิเคราะหปญหา ศึกษาแนวทางการแกปญหา ปฏิบัติตาม แผน และติดตามประเมินผล โดยเนนคนเปนศูนยกลาง และมุงสรางพลังอํานาจ ใหกับประชาชน โดยทุกขั้นตอนมีสมาชิกของชุมชนเขารวมดวย
พัฒนาการของการวิจัยปฏิบัติการอยางมีสวนรวม
การวิจัยปฏิบัติการแบบมีสวนรวม(PAR) ไวคลายๆ กันวา เปนการหลอม รวมทั้งการวิจัยแบบมีสวนรวม (Participatory Research)และการวิจัยเชิง ปฏิบัติการ(Action Research) เขาดวยกัน โดยการวิจัยปฏิบัติการอยางมี สวนรวม เปนการศึกษาชุมชนโดยใหชุมชนเขามามีสวนรวมในการศึกษาและ เก็บรวบรวมขอมูล รวมทั้งเปนผูรวมวิจัยดวย แตไมมีการปฏิบัติการ ไมมีการ นําไปประยุกตแกปญหา สวนการวิจัยปฏิบัติการ เปนกระบวนการวิจัยที่ผูวิจัย กํ า หนดกิ จ กรรมอย า งใดอย า งหนึ่ ง ขึ้ น มาแล ว นํ า ไปทดลองใช ใ หม กั บ กลุมเปาหมายอีก จนกวาจะไดผลเปนที่นาพอใจจากนั้นจึงนําไปใชและเผยแพร ตอไป ซึ่งการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบนี้ กลุมเปาหมายอาจมีสวนรวมหรือไมมี สวนรวมก็ได
ภาพแสดงความสัมพันธของผูวิจยั ชุมชน และ ชาวบาน ของการวิจัยเชิงปฏิบัติการ(AR) และ การวิจัยอยางมีสวนรวม (PR)
ภาพแสดงความสัมพันธของผูวิจยั ชุมชน และ ชาวบาน ของการวิจัยปฏิบัติการมีสวนรวม(PAR)
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
21
หลักการของการวิจัยปฏิบตั ิการอยางมีสวนรวม
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม เปนรูปแบบของการวิจัยที่ประกอบไปดวย กระบวนการคนควาทางสังคม (Social Investigation) การใหการศึกษา (Education) และการกระทําหรือการปฏิบัติการ (Action) มีหลักการสําคัญที่ใหความเคารพตอ ภูมิปญญาและวัฒนธรรมทองถิ่น ตลอดจนระบบการสรางความรู โดยประกอบดวย 1) ปรับปรุงความสามารถและพัฒนาศักยภาพของชาวบาน ดวยการสงเสริ ม ยกระดับนักศึกษาและพัฒนาความเชื่อมั่นใหเกิดการวิเคราะห/สังเคราะหสถานการณ ปญหาของเขาเองซึ่งเปนการนําเอาศักยภาพเหลานี้มาใชประโยชน 2) ใหความรูที่เหมาะสมแกชาวบาน ตลอดจนมีการนําไปใชอยางเหมาะสม 3) สนใจปริทัศนของชาวบาน โดย การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวมจะชวย เปดเผยใหเห็นคําถามที่ตรงกับประเด็นปญหา 4) การปลดปลอยแนวความคิดเพื่อใหชาวบานและคนยากจนดอยโอกาสสามารถ มองความคิดเห็นของตนเองไดอยางเสรี มองสภาพการณและปญหาของตนเอง วิเคราะห วิจารณ ตรวจสอบสภาพขอเท็จจริงตางๆ ที่เกิดขึ้น
ตัวอยาง งานวิจัยที่เกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการแบบมีสวนรวม พรรณราย ธนสัตยสถิตย (2553) ไดทํางานวิจัยเรื่อง “การประยุกตใชการ วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวมของครู ผูปกครอง และชุมชน ในการลดพฤติกรรมที่ เปนปญหาและสงเสริมทักษะชีวิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตน” ผลการวิจัย พบวา 1) นักเรียนกลุมทดลองมีพฤติกรรมที่เปนปญหาคือ ติดเกมมากที่สุด รองลงมา ไดแก ทะเลาะวิวาท หนีเรียน ดื่มเหลา สูบบุหรี่ การมีเพศสัมพันธกอนวัยอันควร และการ ลักขโมย ตามลําดับ และมี 6 แนวทางในการลดพฤติกรรมที่เปนปญหาและพัฒนาทักษะ ชีวิตไดแก การสรางความตระหนักในตนเอง การชี้ใหเห็นผลเสียของพฤติกรรมที่เปน ปญหา การสรางแบบอยางที่ดี การอบรมขัดเกลาจิตใจนักเรียน การดูแลจากคนรอบขาง และการลดพฤติกรรมดื่มเหลา สูบบุหรี่ 2) กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม ของครู ผูปกครองและชุมชนในการลดพฤติกรรมที่เปนปญหาและสงเสริมทักษะชีวิตของ นักเรียน แบบ PDCA มี 2 วงจร คือ การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวมระหวางผูวิจัย
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
22
กับครู และการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวมระหวางครู ผูปกครอง ชุมชน โดยแตละ ฝายแสดงบทบาทของผูเกี่ยวของ ไดแก บทบาทผูใหกําลังใจ บทบาทผูใสใจกํากับ และ บทบาทผูสนับสนุนสงเสริม 3) ผลจากการใชการวิจัยปฏิบัติการแบบมีสว นรวม แบงเปน 2 ดาน คือ ดานพฤติกรรม นักเรียนมีพฤติกรรมที่มีปญหาลงลงกอนการวิจัย ดานทักษะชีวิต นักเรียนกลุมทดลองมีทักษะชีวิตสูงกวานักเรียนกลุมเปรียบเทียบ และมีทักษะชีวิตสูงกวา กอนการทําวิจัย จะเห็นไดวา การวิจัยปฏิบัติการแบบมีสวนรวม ตองอาศัยการรวมมือรวมพลัง จากทุกๆฝายและผูมีสวนเกี่ยวของ ไมวาจะเปนครู ผูปกครอง ชุมชน ในการรวมกันแกไข ปญหา ทําใหเกิดความเขาใจซึ่งกันและกัน และเกิดการพัฒนาตนเองอยางแทจริง
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
23
รายการอางอิง Kemmis, Stephen and Robin Mc Taggart. (1990). The Action Researcher Planner. 3rd ed.,Victoria: Brown Priori Anderson National Library of Australia Catalouging in Publication Data. กิตติพร ปญญาภิญโญผล. (2541). รูปแบบของวิธีการวิจัยเชิงปฏิบตั ิการในชั้นเรียน : กรณีศึกษาสาหรับครูมัธยมศึกษา. เชียงใหม : คณะศึกษาศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม. เดนดาว ชลวิทย. (2554). การพัฒนาหลักสูตรและวิธกี ารเสริมสรางความสามารถใน การเขียนรายงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู. วิทยานิพนธปริญญาดุษฎี บัณฑิต, สาขาวิธีวิทยาการวิจยั ทางการศึกษา ภาควิชาวิจัยและจิตวิทยา การศึกษา คณะครุศาสตรจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. ธีระวุฒิ เอกะกุล. (2552). การวิจัยปฏิบัติการ. (พิมพครั้งที่ 2). อุบลราชธานี: ยงสวัสดิ์ อินเตอรกรุป. พรรณราย ธนสัตยสถิตย. (2553). การประยุกตใชการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม ของครู ผูปกครอง และชุมชน ในการลดพฤติกรรมที่เปนปญหาและสงเสริม ทักษะชีวิตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนตน. วิทยานิพนธปริญญา มหาบัณฑิต, สาขาวิธีวิทยาการวิจยั ทางการศึกษา ภาควิชาวิจัยและจิตวิทยา การศึกษา คณะครุศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. พันธุทิพย รามสูตร. (2540). กาวิจัยปฏิบัติการอยางมีสวนรวม.กรุงเทพมหานคร: พี เอ ลีฟวิ่ง. พิมพันธ เดชะคุปต (2559). สอนเด็กทําโครงงาน สอนอาจารยทําวิจัยปฏิบัติการในชัน้ เรียน. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพแหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. ยุทธพงษ อายุสุข. (2549). การวิจัยประเมินความตองการจําเปนเพื่อพัฒนาการทําวิจัย ปฏิบัติการในชั้นเรียนของครู. วิทยานิพนธปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิธี วิทยาการวิจัยทางการศึกษา ภาควิชาวิจัยและจิตวิทยาการศึกษา คณะครุศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
24
วรรณคดี สุทธินรากร (2557).การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีสวนรวม และกระบวนการ ทางสํานึก. กรุงเทพฯ: สยามปริทศั น. สุวิมล วองวาณิช. (2550). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. กรุงเทพมหานคร : สํานักพิมพ แหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย. สุภางค จันทวานิช (2546). วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพแหง จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
******************************************
รายวิชาการพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน
School-Based Teacher Professional Development
แนวคิด ทฤษฎี กระบวนการ วิธีการ และกลยุทธ ในการพัฒนาวิชาชีพครู การวิจัยปฏิบัติการ (Action Research) - การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research : CAR) คือการวิจัยทีท่ ําโดยครูผูสอน เพื่อแกปญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียน นําผลมาปรับปรุงการ สอนและพัฒนาผูเรียน - การวิจัยปฏิบัติการแบบมีสวนรวม (Participatory Action Research : PAR) คือการวิจัยที่มงุ ศึกษาชุมชน โดยเนนการวิเคราะหปญหา ศึกษาแนวทางการแกปญหา
คูมือนี้เปนสวนหนึ่งของการศึกษาในรายวิชา 2716607 การพัฒนาวิชาชีพครูโดยใชโรงเรียนเปนฐาน ปการศึกษา 2560 คณะครุศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
5