แกะรอย แกะดาว A Wild Sheep Chase พิมพ์ครั้งที่ 2
Haruki Murakami เขียน นพดล เวชสวัสดิ์ แปล
ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ www.gammemagie.com
แกะรอย แกะดาว J
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2551 © ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ ลิขสิทธิ์ภาษาไทย © นพดล เวชสวัสดิ์ พ.ศ. 2551
แกะรอย แกะดาว A Wild Sheep Chase Haruki Murakami นพดล เวชสวัสดิ์
เขียน แปล
บรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ
จินตนา เวชสวัสดิ์ อธิชา มัญชุนากร กาบูล็อง ศรรวริศา เมฆไพบูลย์
ออกแบบปก ภาพวาดประกอบปก ภาพถ่ายปก รูปเล่ม พิสูจน์อักษร
นฆ ปักษนาวิน ศรัทธา แสงทอน ฟิลิปป์ กาบูล็อง ศุภรักษ์ ปฐมกสิวัฒนา ปันชิกา ลักษณ์อรุณ
HITSUJI O MEGURU BOKEN by Haruki Murakami Copyright © 1982 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by KODANSHA LTD., Tokyo Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY. พิมพ์ครั้งที่ 2 (ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่) : ธันวาคม 2554 การจัดพิมพ์ครั้งก่อนหน้า : มกราคม 2546 (ส�ำนักพิมพ์แม่ไก่ขยัน) ISBN 978-616-7591-08-7 ราคา 220 บาท
ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432 โทรสาร : 02 996 1514 Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : http://www.gammemagie.com Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions พิมพ์ที่ : ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด ภาพพิมพ์ 296 ซอยอรุณอมรินทร์ 30 ถนนอรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ 10700 โทรศัพท์ : 02 433 0026-7, 02 433 8586 โทรสาร : 02 433 8587 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจ�ำหน่ายทั่วประเทศโดย บริษัทอมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ จ�ำกัด 108 หมู่ที่ 2 ถนนบางกรวย-จงถนอม ต�ำบลมหาสวัสดิ์ อ�ำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 โทรศัพท์ : 02 423 9999 โทรสาร : 02 449 9222, 02 449 9500-6 Homepage : http://www.naiin.com
ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ ในวันทีพ่ ลพรรคก�ำมะหยีจ่ ดั พิมพ์ แกะรอย แกะดาว เล่มนีเ้ ป็นครัง้ แรก ในตอนนั้นเรากล่าวไว้ในหน้าค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์ว่า “แกะรอย แกะดาว เป็นหนังสือล�ำดับที่สามของหนังสือชุด Trilogy of the Rat...ส่วนหนังสือสองเล่มแรกในชุดนี้ คือ สดับลมขับขาน (Hear the Wind Sing) และ พินบอล, 1973 (Pinball, 1973)...ถึงจะยังไม่มีโอกาสได้ จัดท�ำให้ครบถ้วนในวันนี้ เราก็หมายใจจะแกะรอยมาเสนอสนองเพิ่มเติมในวัน ข้างหน้า” สามปีกว่าๆ ผ่านไป บัดนี้เราได้ท�ำตามความตั้งใจ แกะรอยหนังสือ สองเล่มร่วมชุดดังกล่าวมาจัดพิมพ์จนครบถ้วน แถมด้วยสิ่งที่ไม่ได้คาดหมายไว้ ล่วงหน้า คือ การพิมพ์ซำ�้ แกะรอย แกะดาว ในโอกาสอันดีนี้ ด้วยรูปโฉมปกใหม่ ไฉไลเข้าชุดกับอีกสองเล่ม ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ขอขอบคุณ ผู้เขียน ฮารูกิ มูราคามิ ที่ให้ความ ไว้วางใจมอบลิขสิทธิ์ให้เราจัดพิมพ์ในภาษาไทย ผู้แปล คุณนพดล เวชสวัสดิ์ ที่ ท�ำให้เราได้ท�ำความตั้งใจให้เป็นจริง และ ผู้อ่าน ที่อยู่เคียงข้าง คอยสอบถาม ให้ค�ำแนะน�ำ ติดตามผลงาน เป็นก�ำลังใจให้เราเสมอมา
ขอให้มีความสุขในการอ่าน ส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่ พฤศจิกายน 2554
ภาคหนึ่ง
โหมโรง
นพดล เวชสวัสดิ์
9
ปิ ก นิ ก บ่า ยวั น พุ ธ ข่าวสั้นย่อหน้าเดียวในหนังสือพิมพ์กรอบเช้า เพื่อนโทรศัพท์มาหาผม อ่านข่าวนั้นให้ฟัง ไม่มีอะไรพิเศษ อาจเป็นผลงานของนักข่าวฝึกหัดเพิ่งจบจาก มหาวิทยาลัย หัดเขียนข่าว วันที่ หัวมุมถนน คนขับรถบรรทุก คนเดินเท้า ผู้เสียชีวิต ต�ำรวจ สอบสวนการขับรถโดยประมาทท�ำให้คนตาย ส�ำเนียงเหมือนกวีนิพนธ์บทสั้นในแผ่นรองในของนิตยสาร "งานศพเมื่อไหร่?" ผมถาม "จะไปรู้เรอะ?" เพื่อนคนนั้นตอบกลับ "เธออาจไม่มีครอบครัวก็เป็นได้?" แน่นอน เธอมีครอบครัว ผมโทรศัพท์ไปถามสถานีต�ำรวจจนได้ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ ผม โทรศัพท์ไปถามที่บ้านของเธอถึงรายละเอียดงานศพ ครอบครัวของเธออาศัยอยูใ่ นย่านเมืองเก่าโตเกียว ผมลากแผนทีอ่ อกมา วงที่อยู่นั้นด้วยดินสอแดง รถไฟ รถไฟใต้ดิน และรถประจ�ำทาง พาดผ่านเหมือน ใยแมงมุม เขตพื้นที่นั้นเป็นเขาวงกตถนนแคบๆ และคลองข้ามล�ำน�้ำ วันงานศพ ผมนั่งรถรางจากวาเซดะ ลงรถเมื่อใกล้สุดสาย แผนที่ อ�ำนวยประโยชน์ให้เท่าเทียมกับแผนที่โลก ท้ายที่สุด ผมต้องซื้อบุหรี่ซองแล้ว ซองเล่า เพื่อถามทาง...ซองละเลี้ยว บ้านไม้สองชัน้ มีรวั้ ไม้สนี ำ�้ ตาลกัน้ ขอบเขต สนามเล็กๆ เตาเซรามิกวาง หงายรับน�้ำฝน พื้นแฉะด�ำเปื้อน เธอออกจากบ้านเมื่ออายุสิบหกปี อาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่งานศพจัด เรียบง่าย มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้น ส่วนใหญ่อายุแก่กว่าเธอ แม่งานเป็น
10
แกะรอย แกะดาว
ชายอายุคงไม่ถึงสามสิบ อาจเป็นพี่ชายหรือพี่เขยของเธอก็เป็นได้ พ่อของเธอเป็นชายร่างเตี้ย อายุห้าสิบเศษ สวมแขนทุกข์ ยืนปักหลัก ข้างทางเข้า ยืนนิ่งแทบไม่ไหวติง ภาพนั้นชวนให้นึกถึงถนนสะอาดเอี่ยมอ่องหลัง ฝนตกหนัก ในตอนขากลับ ผมค�ำนับในความเงียบงัน เขาค้อมศีรษะรับ ไม่ปริปาก พูดอะไร J
ผมพบเธอในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อเก้าปีก่อน ผมอายุได้ยี่สิบปี เธอสิบเจ็ด ร้านกาแฟเล็กๆ ข้างมหาวิทยาลัย ผมไปสิงอยู่ที่นั่นกับผองเพื่อน ไม่มี อะไรน่าสนใจนัก ให้แต่เพียงอาหารหลักสองอย่าง...เพลงฮาร์ดร็อกกับกาแฟ เหมือนน�้ำล้างเท้า เธอปักหลักนั่งที่เดิมเสมอ ข้อศอกปักอยู่บนโต๊ะ กางหนังสืออ่าน แว่นตาที่คล้ายการดัดฟัน นิ้วมือเรียวยาว ให้ภาพเด็กสาวน่ารัก กาแฟของเธอ เย็นชืด ที่เขี่ยบุหรี่พูนสูงด้วยก้นบุหรี่ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือ ปกหนังสือ หนหนึ่งจะเป็น มิกกี สปิลเลน อีก คราว เคนซาบุโระ โอเอะ แล้วก็อ่าน แอนเลน จินสเบิร์ก ไม่สนใจว่าจะเป็น หนังสืออะไร ขอให้เป็นหนังสือก็พอแล้ว นิสิตเจ้าประจ�ำของร้านกาแฟ จะหอบ หนังสือมาให้เธอยืม เธอก็จะอ่านทุกตัวตั้งแต่ปกหน้ายันปกหลัง ขย�้ำเขมือบ เหมือนกัดแถวข้าวโพดเรียงทีละแถว ในยุคนั้น การแบ่งปันหนังสืออ่านด้วยกัน ถือเป็นปกติวิสัย เธอจึงไม่เคยคิดอยากจะอ่านหนังสือเล่มไหนเป็นพิเศษ ในยุคนั้นเป็นยุคของ เดอะ ดอร์, โรลลิง สโตนส์, เดอะ เบิร์ดส, ดีป เพอร์เพิล และ เดอะ มูดดี บลูส์ อากาศอัดประจุเข้มข้น ทุกอย่างรอบตัว ดูเหมือนพร้อมจะปริแตกพลังทลาย รอคอยเพียงแรงผลัก ผมกับเธอจะแลกหนังสือกันอ่าน พูดคุยกันได้ทั้งวันทั้งคืน ดื่มวิสกี้ ราคาถูก ร่วมเพศกันเป็นครั้งคราวพอให้ผ่านเวลา...ก็เรื่องปกติธรรมดา สุดแสน จะสามัญในชีวิตประจ�ำวัน ในระหว่างนั้น ม่านเวทีก�ำลังจะหลุดหล่นมาลงมาทับ ความแปรปรวนสับสนแสวงหาในยุคหกศูนย์
นพดล เวชสวัสดิ์
11
ผมลืมชื่อเธอไปแล้วละ ที่จริง หากลากหนังสือพิมพ์มาอ่านกรอบแจ้งข่าวมรณะ ก็พอจะทราบ ได้ แต่จะมีประโยชน์อะไร จ�ำไม่ได้ก็คือไม่ได้ อ่านชื่อไปก็นึกโยงไปถึงเธอไม่ได้ ถ้าเกิดผมไปเจอเพื่อนเก่า ชวนคุยเรื่อยเปื่อยไปถึงร้านกาแฟ และ เด็กสาวอ่านหนังสือ ก็คงไม่มีใครจ�ำชื่อเธอได้ เอ้อ, จ�ำได้ไหม ยุคโน้น ผู้หญิง ที่นอนกับใครก็ได้ เออ, หน้าตาน่ารัก แต่จ�ำชื่อไม่ได้ว่ะ ฉันสงสัยเหมือนกันว่า ตอนนี้เธอท�ำอะไร แปลกดี เพิ่งเจอที่บนถนน ‘ยุคโน้น, ผู้หญิงที่นอนกับใครก็ได้’...นั่นละครับชื่อของเธอ J
ความจริ ง แล้ ว เธอไม่ ใ ช่ ผู ้ ห ญิ ง ประเภทที่ น อนกั บ ใครก็ ไ ด้ เธอมี มาตรฐานประจ�ำตัวเหมือนกัน แต่ก็เถอะ, หากพิจารณาสอบทานข้อมูลอย่างผาดเผิน ผลมักยืนยัน ออกมาเสมอว่า เธอเป็น 'ผู้หญิงที่นอนกับใครก็ได้' ครั้งหนึ่งฉัน ครั้งเดียวเท่านั้น ผมถามเธอเรื่องมาตรฐานประจ�ำตัว "ก็, ถ้าคุณอยากรู้จริงๆ" เธอนิ่งอึ้งไปชั่วสามสิบวินาที "...ก็ไม่ถึงกับว่า ใครก็ได้นะ บางคราวไอเดียแบบนี้ก็ท�ำให้ฉันรังเกียจเหมือนกันนะ อาจเป็นได้ ว่าฉันต้องการค้นหาเรื่องราวของผู้คน อาจเป็นได้ว่าการท�ำแบบนี้ท�ำให้โลกมี ความหมายส�ำหรับฉัน" "ด้วยการไปนอนกับผู้ชายนี่นะ?" "อือ" คราวนี้ ผมเป็นฝ่ายหยุดคิดบ้าง "บอกผม, การนอนกับผู้ชายท�ำให้คุณเข้าใจอะไรได้มากขึ้น อย่างนั้น หรือ?" "ก็ช่วยได้บ้างนะ" เธอตอบ
J
จากฤดูหนาวจนถึงฤดูร้อน ผมแทบจะไม่ได้พบเธอ นิสิตนักศึกษายึด อาคารเรียนเป็นที่มั่น มหาวิทยาลัยสั่งปิดคราวละห้าวันสิบวัน ผมเองก็วุ่นอยู่กับ
12
แกะรอย แกะดาว
ปัญหาส่วนตัว เมือ่ ผมหวนกลับไปเยีย่ มร้านกาแฟอีกครัง้ ในฤดูใบไม้รว่ ง ลูกค้าขาประจ�ำ เปลี่ยนหน้าไปสิ้นแล้ว มีเพียงใบหน้าเธอที่ผมจ�ำได้ เพลงฮาร์ดร็อกยังกระหึ่มอยู่ เหมือนเคย แต่บรรยากาศคึกคักตื่นเต้นไม่หลงเหลืออยู่ มีเพียงเธอกับกาแฟรส น�้ำล้างเท้าที่ยังเหมือนเดิม ผมลากเก้าอี้ไปนั่งกับเธอ เราคุยกันถึงเพื่อนร่วมร้าน เจ้าประจ�ำส่วนใหญ่หายหัวไป คนหนึ่งฆ่าตัวตาย อีกคนหนีเข้าป่า พูด คุยกันเรื่องแบบนั้น "คุณท�ำอะไรบ้างล่ะในปีที่ผ่านมา?" เธอถามผม "เรื่องโน้น เรื่องนี้" "ฉลาดขึ้น?" "นิดหน่อย" ค�่ำคืนนั้น ผมนอนกับเธอเป็นครั้งแรก J
เรื่องราวชีวิตของเธอ ผมแทบจะไม่ทราบเลย สิ่งที่ผมรู้ มีคนมาบอก เล่าให้ฟัง อาจเป็นเธอเล่าให้ฟังเสียเองบนเตียงนอนคืนนั้น ปีแรกในโรงเรียนมัธยมปลาย เธอมีปากเสียงกับพ่อ เธอหนีออกจากบ้าน (ไม่ยอมเรียนหนังสือด้วย) ผมแน่ใจว่าเรื่องราวของเธอเป็นเช่นนั้น แต่เธอจะพัก ที่ไหน ด�ำรงชีวิตอย่างไร ไม่มีผู้ใดทราบ เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟฮาร์ดร็อกได้ทั้งวัน ดื่มกาแฟถ้วยแล้วถ้วยเล่า สูบบุหรี่มวนต่อมวน นิ้วพลิกหน้ากระดาษ รอคอยให้ผู้ชายสักคนเดินเข้ามา ในร้าน จ่ายเงินค่ากาแฟและบุหรี่ (ไม่ใช่เงินมากมายอะไรส�ำหรับชายยุคนั้น) ใครจ่าย เธอก็นอนกับผู้นั้น นั่นละ, หมดแล้ว ผมทราบเรื่องของเธอแค่นี้เอง จากฤดูใบไม้ร่วงปีนั้นจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปีถัดมา หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ในค�่ำคืนวันอังคาร เธอจะแวะมาที่อพาร์ตเมนต์ของผมนอกเมืองมิตากะ ผมท�ำ อาหารอะไร เธอกินได้ทั้งนั้น เธอเติมที่เขี่ยบุหรี่จนพูนสูง ร่วมรักกับผมหลังจาก เปิดวิทยุสุดเสียง รายการเพลงร็อก ตื่นเช้าวันพุธ เราจะออกไปเดินเล่นใน
นพดล เวชสวัสดิ์
13
ป่าละเมาะของมหาวิทยาลัย กินอาหารกลางวันในโรงอาหาร ตอนบ่าย ดืม่ กาแฟ รสชื ด เหมื อ นน�้ ำ ล้ า งมื อ ในห้ อ งอาหารนั ก ศึ ก ษา หากอากาศดี เราจะนอน เหยียดยาวบนสนามหญ้า นอนมองฟ้าโปร่ง ปิกนิกบ่ายวันพุธ เธอเรียกขานอย่างนั้น "ทุกคราวที่เรามาที่นี่ ฉันรู้สึกเหมือนไปปิกนิก" "จริงหรือ? ปิกนิก?" "ไม่จริงหรือ...สนามหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา คนหน้าตายิ้มแย้ม มี ความสุข..." เธอลุกขึ้นนั่ง ควานกระเป๋าหาไม้ขีดไฟ จุดบุหรี่สูบ "พระอาทิตย์ลอยดวงกลางฟ้า ดาวผุดขึ้นมาทีละดวงสองดวง คนเดิน ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เวลาพัดโชยเชื่องช้า อย่างนี้ไม่ใช่ปิกนิกดอกหรือ?" ตอนนัน้ ผมอายุได้ยสี่ บิ เอ็ดปี เกือบเต็มยีส่ บิ สองแล้ว ยังเหลืออีกหลาย หน่วยก่อนจะเรียนจบ แต่ก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะเลิกเรียนกลางคัน ตกอยู่ในภาวะ เหนียวหนืดอึดอัดขัดข้อง หลายเดือนมาแล้ว ผมหมุนวนอยู่กับที่ ไม่อาจก้าวเท้า มุ่งหน้าไปในทิศทางไหน โลกยังหมุนเคลื่อนจากที่ มีแต่ผมคนเดียวที่หยุดนิ่ง งัน ในฤดูใบไม้ร่วง สรรพสิ่งรอบข้างซึมเซาเศร้าหม่น สีสันเลือนหายลับไปต่อ หน้าต่อตา รังสีของแสง กลิ่นกรุ่นของหญ้า เสียงฝนพร�ำเปาะแปะ...ทุกอย่างดู เหมือนจะกลุ้มรุมซ�้ำเติมให้หดหู่ มีกคี่ รัง้ ทีผ่ มฝันถึงการจับรถไฟเดินทางไปกลางดึก? ฝันหนึง่ เดียวซ�ำ้ ซาก รถไฟเทีย่ วกลางดึก เหม็นหืนควันบุหรีเ่ จือด้วยกลิน่ ห้องสุขารถไฟ ผูค้ นเบียดเสียด จนไม่มีที่จะยืน ที่นั่งมีคราบอาเจียนเหลืองเขียวแดง ผมจะท�ำอะไรได้ นอกจาก ลุกขึ้นและลงรถในสถานีถัดมา สถานีไม่ใช่ชานชาลา หากแต่เป็นทุ่งโล่ง ไม่มี แสงดวงไฟจากบ้าน ไม่มีนายสถานี ไม่มีนาฬิกา ไม่มีตารางเดินรถ...ว่างเปล่า มืดมน ไม่มีอะไรเลย...ความฝันด�ำเนินต่อไป J
ผมยังจ�ำบรรยากาศสยองยามบ่ายวันนั้นได้ดี วันที่ยี่สิบห้า เดือน
14
แกะรอย แกะดาว
พฤศจิกายน ใบแป๊ะก๊วยหลังฝนห่าใหญ่ หล่นกระจายเกลื่อนจนทางเดินปูลาด ด้วยสีทอง ผมกับเธอออกไปเดินเล่น มือสองข้างซุกกระเป๋า ไม่มีศัพท์เสียงใด นอกจากเสียงพื้นรองเท้าของเราบดบนใบไม้ และเสียงแสกกรีดแหลมของนกดัง แทรกเป็นครั้งคราว "คุณคิดอะไรอยู่?" เธอโพล่งออกมา "ไม่มี 'ไร?" เธอเดินไปได้ครู่เดียว ก่อนจะทรุดนั่งข้างทางเดิน อัดบุหรี่หนัก "คุณเคยฝันร้ายบ้างไหม?" "บ่อย...ฝันสยองเหี้ยมที่สุด น่าจะเป็นตู้หยอดเหรียญ หยอดลงไปเท่า ไหร่ แ-กเหรียญไปหมด" เธอหัวเราะเสียงใส ยกมือมาวางบนหัวเขา แต่แล้วก็ดึงมือกลับ "คุณไม่อยากพูดถึงฝันร้ายสินะ?" "ไม่ใช่วันนี้ วันนี้ผมมีปัญหาในการพูด" เธอทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้น ขยี้ให้ดับด้วยส้นเท้ า "คุณไม่อาจบอกเล่า เรื่องราวที่คิดอยู่ในใจ อย่างนั้นหรือ?" "ไม่รู้ซี" ผมตอบ นกสองตัวโผออกจากทรงพุม่ บินหายลับเข้าไปในท้องฟ้าไร้เมฆ เรามอง ตามจนลับไปจากสายตา จากนั้น เธอขีดเขี่ยวาดลายเส้นไร้รูปแบบบนพื้นด้วย กิ่งไม้ "บางคราว ฉันเปลี่ยวเหงาตอนนอนกับคุณ" "เสียใจด้วยที่ผมท�ำให้คุณรู้สึกอย่างนั้น" "ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ ก็ไม่เหมือนกับว่าคุณคิดถึงผูห้ ญิงคนอืน่ ตอนที่นอนกับฉัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ต่างอะไรไม่ใช่หรือ คล้ายกับว่า" เสียงของ เธอขาดห้วงไปกลางประโยค เธอลากเส้นขนานสามเส้นบนพืน้ ดิน "...โอ, ฉันไม่ร"ู้ "คุณก็ทราบดีว่าผมไม่ได้ต้องการจะปิดกั้น กันคุณอยู่ห่าง" ผมบอก เธอหลังจากเงียบไปอึดใจใหญ่ "คุณเองก็ไม่เข้าใจว่ามีอะไรเข้าสิงในใจ ผม พยายามเต็มที่แล้วนะที่จะสะสางความคิดตัวเอง ผมไม่ต้องการระเบิดทุกอย่าง
นพดล เวชสวัสดิ์
15
ให้ผิดสัดส่วน แต่ผมก็ไม่ได้ประสงค์ที่จะแสร้งท�ำเป็นว่าคุณไม่ได้อยู่ที่นั่น ขอ เวลาสักหน่อย" "เวลานานแค่ไหน?" "ใครจะรู้? อาจเป็นปีเดียวหรือสิบปี" เธอโยนกิ่งไม้ในมือทิ้ง ลุกขึ้นยิน ปัดเศษหญ้าออกจากเสื้อโค้ต "สิบปี? ไม่เอาน่า...นานเหมือนชั่วนิรันดร์เลย" "อาจเป็นได้" ผมตอบ เราเดินผ่านป่าละเมาะมายังอาคารมหาวิทยาลัย เข้ามาในห้องอาหาร นักศึกษา เคี้ยวฮ็อตด็อก เวลาบ่ายสองโมง ยูกิโอะ มิชิมะประกาศถ้อยปฏิวัติ วูบวาบบนจอทีวี ปุม่ เร่งเสียงหักไปแล้ว เราเลยไม่ทราบว่าเธอพูดถึงเรือ่ งอะไร แต่ ก็ไม่มีความหมายใดส�ำหรับเราอยู่แล้ว นักศึกษาคนหนึ่งอดรนทนไม่ไหว ลาก เก้าอี้มา พยายามแหย่ปลายนิ้วซ่อมปุ่มเร่งเสียง แต่แล้วก็ยอมแพ้ เดินหนีจาก ห้องไป "ผมต้องการคุณ" "ได้เลย" เธอตอบ เราซุกมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ต เดินเชื่องช้ากลับมายังอพาร์ตเมนต์ ของผม ผมตืน่ ขึน้ มา พบเธอสะอืน้ เบาๆ ร่างเพรียวของเธอสะท้านใต้ผา้ ห่ม ผม บิดปุ่มเปิดเครื่องท�ำความร้อน หันไปมองนาฬิกา เวลาตีสองแล้ว จันทร์เต็มดวง ขาวโพลนกลางฟ้า ผมรอจนเธอหยุดร้องไห้ ตัง้ กาน�ำ้ บนเตา วางถุงชาลงในถ้วย ถ้วยละถุง ไม่มีน�้ำตาล ไม่มีเลมอน มีแต่ชาเพียงอย่างเดียว ผมจุดบุหรี่สองมวน ยื่นมวน หนึ่งให้เธอ เธออัดบุหรี่เข้าเต็มปอด ถ่มควันออกมา อัดซ�้ำสามครั้งก่อนที่น�้ำตา จะไหลพราก ไอออกมาเป็นการใหญ่ "บอกฉัน...คุณเคยมีความคิดอยากจะฆ่าฉันหรือเปล่า?" "คุณ?"
16
แกะรอย แกะดาว
"ช่าย" "ถามอะไรแบบนี้?" บุหรี่ยังคาบที่มุมปาก เธอยกปลายนิ้วนวดคลึงบนเปลือกตา "ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ" "ไม่, ไม่เคยคิด" ผมตอบ "จริงนะ?" "จริงที่สุด ท�ำไมผมถึงอยากจะฆ่าคุณด้วยเล่า?" "โอ, คุณก็น่าจะพูดถูก..." เธอนิ่วหน้าครุ่นคิด "...บางคราว ความคิด ก็แวบเข้ามาในหัว ก็คงไม่เลวร้ายเกินไปที่จะมีใครมาฆ่าฉันให้ตาย อาจลงมือ ตอนฉันหลับก็เป็นได้" "ผมเกรงว่าผมจะไม่ใช่คนประเภทฆาตกร" "โอ?" "เท่าที่ทราบแล้วนะ" เธอหัวเราะเสียงใส ขยี้ดับบุหรี่ ดื่มน�้ำชาที่เหลือ และจุดบุหรี่อีกมวน "ฉันจะมีอายุถึงยี่สิบห้า" เธอบอก "...จากนั้นก็ตายดับไป" J
เดือนกรกฎาคม อีกแปดปีถัดมา เธอเสียชีวิตเมื่ออายุได้ยี่สิบหกปี