ชายที่คนรักจากไป [Men without Women]

Page 1


MEN WITHOUT WOMEN ชายที่คนรักจากไป Haruki Murakami เขียน กนกวรรณ  เกตุชัยมาศ  ปาลิดา พิมพะกร  พรรษา  หล�าอุบล อานนท์ สันติวิสุทธิ์ มุทิตา พานิช  ปาวัน  การสมใจ มัทนา  จาตุรแสงไพโรจน์ แปล ฐิติรัตน์  ทิพย์สัมฤทธิ์กุล    บรรณาธิการต้นฉบับภาษาญี่ปุน บรรณาธิการบริหาร บรรณาธิการจัดการ

อธิชา  มัญชุนากร  กาบูล็อง มณฑา  มัญชุนากร ศรรวริศา  เมฆไพบูลย์

ออกแบบปก รูปเล่ม พิสูจนอักษร

พงศธร โชลิตกุล วัชรา  พิพัฒนาไพบูรณ์ นินนารา

ONNA NO INAI OKOTOTACHI by Haruki Murakami Copyright © 2014 Haruki Murakami All rights reserved. Originally published in Japan by Bungeishunju Ltd., Tokyo KOI SURU ZAMUZA by Haruki Murakami Copyright © 2013 Haruki Murakami Extract from “KOI SHIKUTE - TEN SELECTED LOVE STORIES” published in Japan by Chuokoron-shinsha, Inc., Tokyo. Thai translation rights arranged with Haruki Murakami through THE SAKAI AGENCY and SILKROAD AGENCY. พิมพ์ครั้งที่ 1  : มีนาคม  2559 ISBN  978-616-7591-49-0 ราคา  270  บาท


จัดพิมพโดย : สํานักพิมพกํามะหยี่ 74/1 รังสิต-นครนายก 31 ธัญบุรี ปทุมธานี 12130 โทรศัพท์ : 084 146 1432  โทรสาร : 02 996 1514 Email : gammemagie@gammemagie.com Homepage : http://www.gammemagie.com Facebook : http://www.facebook.com/GammeMagieEditions  พิมพที่ : ห้างหุ้นส่วนจํากัด ภาพพิมพ 45/12-14,  33  หมู่ที่ 4  ต�าบลบางขนุน  อ�าเภอบางกรวย  จังหวัดนนทบุรี  11130 โทรศัพท์ : 02 433 0026-7, 02 433 8586 โทรสาร : 02 433 8587 Homepage : http://www.parbpim.com จัดจําหน่ายทั่วประเทศโดย บริษัทเคล็ดไทย จํากัด 117-119  ถนนเฟื่องนคร ตรงข้ามวัดราชบพิธ เขตพระนคร  กรุงเทพฯ  10200 โทรศัพท์ : 02 225 9536-9 โทรสาร : 02 222 5188 Homepage : http://www.kledthai.com


บทน�ำ ไม่ว่ำจะเป็นนิยำยขนำดยำวหรือขนำดสั้น  ผมไม่ค่อยชอบ ใส่บทน�ำหรือบทตำมนัก (เพรำะอำจจะฟังดูจองหอง  หรือฟัง ดูเป็นค�ำแก้ตัว  มีควำมเป็นไปได้มำกทั้งสองทำง)  พยำยำม ไม่เขียนอะไรแบบนั้นเท่ำที่จะท�ำได้  แต่ส�ำหรับรวมเรื่องสั้น ชายทีค่ นรักจากไป เล่มนี ้ ผมรูส้ กึ ว่ำควรเติมค�ำอธิบำยเกีย่ วกับ ควำมเป็นมำเสียหน่อย  ซึ่งอำจเป็นเรื่องที่ ไม่จ�ำเป็น  แต่ก็ อยำกขออนุญำตเขียน  ‘รำยงำนกำรปฏิบตั งิ ำน’  ถึงข้อเท็จจริง บำงประกำร  ผมคิดว่ำได้พยำยำมเต็มที่แล้วที่จะไม่ท�ำให้ฟัง ดูจองหอง  หรือเป็นค�ำแก้ตัว  หรือท�ำให้ขัดตำขัดใจ  แต่ก็ไม่ มั่นใจว่ำผลออกมำเป็นอย่ำงที่หวังหรือไม่ รวมเรื่องสั้นเล่มก่อนหน้ำนี้คือ  ลึกลับ.โตเกียว.เรื่องสั้น. ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2005  เป็นกำรทิ้งช่วงกำรพิมพ์เรื่องสั้นมำ ถึงเก้ำปี  ในช่วงระหว่ำงนั้นเอำแต่เขียนนวนิยำยขนำดยำว หลำยเล่ม  ไม่รู้ว่ำท�ำไมจึงไม่มีอำรมณ์อยำกเขียนเรื่องสั้น  แต่ เมื่อฤดูใบไม้ผลิปีก่อน (2013)  ผมมีควำมจ�ำเป็นต้องเขียน เรือ่ งสัน้ เรือ่ งหนึง่ หลังจำกไม่ได้เขียนมำนำน (ชือ่ ว่ำ  แซมซ่าใน ห้วงรัก) กลำยเป็นว่ำผมสนุกกับกำรเขียนนั้นอย่ำงที่ไม่คำดคิด มำก่อน  (เหนืออื่นใดคือยังไม่ลืมวิธีเขียนไป)  เมื่อถึงฤดูร้อน จึงคิดว่ำ  “ชักเหนื่อยกับกำรเขียนนิยำยเรื่องยำว  ลองเขียน เรื่องสั้นดูสักชุดดีกว่ำ”  ผมมักจะเขียนเรื่องสั้นรวดเดียวหลำยๆ เรื่องแล้วรวมเล่ม  กำรเขียนไปลงในสื่อต่ำงๆ ก่อนแล้วค่อยรวบรวมเป็นเล่มนั้น


ผมแทบไม่เคยท�ำเลย  ยกเว้นช่วงเริ่มท�ำอำชีพนี้  ตอนที่ระบบ กำรเขียนยังไม่นิ่งนัก  ดูเหมือนว่ำธรรมชำติของผมจะเหมำะ กับกำรเขียนนิยำยขึ้นใหม่รวดเดียวยำวๆ  ถ้ำเขียนเรื่องสั้น เป็นตอนๆ กระจัดกระจำยไปลงตำมที่ต่ำงๆ  ผมมักจะท�ำงำน ได้ ไม่เต็มที่นัก  จะเรียกว่ำไม่รู้จะแบ่งก�ำลังอย่ำงไรก็คงได้ ดังนั้นเวลำเขียนเรื่องสั้นผมจึงพยำยำมเขียนรวดเดียวไปเลย ครั้งละหกถึงเจ็ดเรื่อง  ซึ่งจะเท่ำกับเขียนงำน  ‘ควำมยำวเท่ำ หนังสือหนึ่งเล่ม’ พอดี  ถ้ำเปรียบเทียบเป็นกำรว่ำยน�้ำ  ท�ำ แบบนี้งำ่ ยต่อกำรจับจังหวะสูดลมหำยใจ ผมใช้ วิ ธี เ ขี ย นแบบนั้ น ในอาฟเตอร์ เ ดอะเควก  และ  ลึกลับ.โตเกียว.เรื่องสั้น.  ควำมเร็วในกำรเขียนตกประมำณ สองสัปดำห์ตอ่ หนึง่ เรือ่ ง  พอครบสำมถึงสีเ่ ดือนก็จะได้หนังสือ พ็อกเก็ตบุก๊ หนึง่ เล่ม  ข้อดีของกำรเขียนแบบนีค้ อื ท�ำให้ผลงำน แต่ ล ะกลุ ่ ม มี ค วำมสอดคล้ อ งและเชื่ อ มร้ อ ยกั น   ไม่ ใ ช่ แ ค่ รวบจับเรื่องรำวที่เขียนไปคนละทิศละทำงมำใส่ตะกร้ำรวมกัน แต่มกี ำรตัง้ หัวข้อเฉพำะและสำมำรถจัดเรียงผลงำนตำมแนวคิด แบบคอนเซ็ ป ชวลได้  เล่ ม อาฟเตอร์ เ ดอะเควกมี โ มที ฟ * คือ  ‘ภัยพิบัติแผ่นดินไหวในโกเบปี 1995’  ส่วนเล่มลึกลับ. โตเกียว.เรื่องสั้น.  คือ  ‘เรื่องสยองขวัญเกี่ยวกับชีวิตในเมือง’ กำรมี  ‘จุดยึด’ อยู่สักข้อหนึ่งช่วยท�ำให้กำรผูกเรื่องรำวเป็นไป ง่ำยขึ้น โมทีฟของเล่มนี้เป็นไปตำมชื่อเล่มคือ  ‘Men  without  Women’  วลีนี้ติดค้ำงอยู่ ในหัวตั้งแต่ตอนที่เขียนเรื่องแรก  Drive  My  Car  เคยมีเพลงบำงเพลงที่ ไม่รู้ท�ำไมผมสลัด ท�ำนองออกไปจำกหัวไม่ ได้  เช่นเดียวกัน  วลีนี้ก็ไม่ยอมหลุด ออกไปจำกหั ว ผม  ตอนที่ เ ขี ย นเรื่ อ งสั้ น เรื่ อ งนั้ น จบ  รู ้ สึ ก *แรงขับเคลื่อน


อยำกตั้งให้วลีนี้เป็นเสำหลัก  และลองเขียนเรื่องสั้นชุดหนึ่ง ล้อมรอบเสำนั้น  ในแง่นี้  เรื่อง  Drive  My  Car  จึงเป็น  จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้ เมือ่ ได้ยนิ ชือ่ เล่ม  Men without Women  ผูอ้ ำ่ นหลำยคน คงนึ ก ถึ ง รวมเรื่ อ งสั้ น ชั้ น ยอดของเออร์ เ นสต์   เฮมิ ง เวย์ ผมก็เช่นกัน  แต่ชื่อหนังสือ  Men  without  Women  ของ เฮมิงเวย์เล่มนั้น  ฮิโรชิ  ทะคะมิ  แปลเป็น  โลกที่มีแต่ผู้ชาย  และในควำมรูส้ กึ ของผม  ชือ่ นัน้ ควรจะแปลว่ำ  ‘พวกผูช้ ำยยำม ไม่เกีย่ วข้องกับสตรี’  มำกกว่ำ  ‘พวกผูช้ ำยทีช่ วี ติ ปรำศจำกสตรี’ ถึงจะใกล้เคียงกับควำมหมำยต้นฉบับ  แต่หนังสือเล่มนี้เป็น เรื่องรำวของโลกสำมัญกว่ำนั้น  ตรงตำมตัวอักษรว่ำเป็นเรื่อง ของ  ‘ชำยที่คนรักจำกไป’  พวกเขำถูกผู้หญิงทอดทิ้ง  หรือ ก�ำลังจะทอดทิ้งด้วยเหตุผลต่ำงๆ นำนำ ท�ำไมควำมตัง้ ใจในกำรสร้ำงผลงำนของผมจึงเกีย่ วกระหวัด กับโมทีฟนี้ได้ (เกี่ยวกระหวัดเป็นค�ำที่ตรงเผงทีเดียว)  ผมเอง ก็ ไม่ค่อยจะเข้ำใจเหตุผล  ไม่ ได้มีเรื่องรำวท�ำนองนั้นเกิดขึ้น กับตัวเอง (ซึ่งน่ำยินดีอย่ำงยิ่ง)  รอบๆ ตัวไม่มีใครเผชิญเรื่อง แบบนี้  หำกเป็นเพียงแค่ควำมรู้สึกอยำกถอดลักษณะและ ควำมรู้สึกของผู้ชำยเหล่ำนั้นออกมำให้เข้ำใจได้ง่ำยในรูปของ เรื่องรำวหลำกหลำยดูเท่ำนั้นเอง  ซึ่งนั่นก็อำจเป็นเมตำฟอร์* หนึ่งของมนุษย์อย่ำงตัวผมเองในสภำวะ  ‘ปัจจุบัน’  หรืออำจ จะเป็นค�ำท�ำนำยอันอ้อมค้อม  หรือตัวผมอำจจ�ำเป็นต้องใช้ ประหนึ่ง  ‘กำรสะเดำะเครำะห์’  ส่วนตัวก็เป็นได้  เรื่องเหล่ำนี้ ผมเองไม่สำมำรถอธิบำยได้  แต่ไม่ว่ำจะอย่ำงไร  ชื่อหนังสือนี้ ถูกก�ำหนดไว้แต่ต้นแล้วว่ำต้องเป็น  Men  without  Women  - ชายที่คนรักจากไป  ไม่มีกำรลังเลใดๆ เลย  พูดอีกอย่ำงได้ว่ำ *อุปมา


หัวใจของผมคงต้องกำรเรื่องรำวชุดนี้อยู่เองโดยธรรมชำติ มำตั้งแต่ต้นแล้ว ในช่วงแรกผมเขียนต้นฉบับชิ้นแรกๆ  Drive  My  Car กับ คิโนะ  ส่งไปที่นิตยสำรบุงเกชุนจู  และถำมว่ำ  “เพิ่งเขียน เรื่องสั้นเสร็จ  ไม่ทรำบจะมีโอกำสได้ลงไหมครับ?”  ไม่ว่ำจะ เรือ่ งยำวหรือเรือ่ งสัน้   ผมไม่ได้เขียนโดยรับค�ำทำบทำมจำกใคร มำนำนแล้ว  มักจะเขียนเองจนเสร็จแล้วค่อยส่งไปยังนิตยสำร หรือส�ำนักพิมพ์ที่เหมำะกับเรื่อง  ถ้ำรับค�ำทำบทำมก่อนแล้ว ค่อยเขียน  จะถูกจ�ำกัดโดยบริบททีจ่ ะถูกตีพมิ พ์  ควำมยำวและ ก�ำหนดส่ง  ซึ่งท�ำให้รู้สึกว่ำสูญเสียอิสรภำพของกำรเป็นผู้ ประพันธ์ ไป (ใช้คำ� ใหญ่โตมำก  แต่นกึ ค�ำทีเ่ หมำะสมกว่ำนีไ้ ม่ออก) คุณทะคะอิโระ  ฮิระโอะ  ซึ่งเป็นประธำนบริษัทบุงเกชุนจู คนปั จ จุ บั น   เคยช่ ว ยเป็ น บรรณำธิ ก ำรให้ ผ มสมั ย ที่ เ คยลง เรื่องสั้นในบุงเกชุนจู  มีควำมสัมพันธ์กันมำก่อน  คุณฮิระโอะ อ่ำนเรือ่ ง  Drive My Car  ให้แล้วก็ปรึกษำกับกองบรรณำธิกำร ว่ำ  “ลงในนิตยสำรของเรำเถอะ”  หลังจำกนั้นผมจึงเขียน เรื่อง Yesterday  และ  อวัยวะเอกเทศ  ด้วยควำมคิดว่ำจะ ส่งไปลงทีบ่ งุ เกชุนจู  แต่ละเรือ่ งควำมยำวมำกกว่ำแปดสิบหน้ำ กระดำษต้นฉบับแบบสี่ร้อยตัวอักษร  ถือว่ำยำวกว่ำเรื่องสั้น ทั่วๆ ไป  แต่ว่ำนั่นคือปริมำณที่ ‘เหมำะสม’ ส�ำหรับตัวผมใน เวลำนั้น  ผมไม่ ได้ก�ำหนดจ�ำนวนหน้ำก่อนที่จะเริ่มเขียน  แต่ ทุกเรื่องก็ออกมำมีควำมยำวประมำณแปดสิบหน้ำเหมือนกัน เมื่ อ พิ จ ำรณำถึ ง ควำมสมดุ ล โดยรวมแล้ ว   ผมจึ ง น� ำ เรื่ อ ง  Yesterday  ที่เขียนเป็นเรื่องที่สำมมำวำงไว้หน้ำเรื่อง  คิโนะ  ที่เขียนเป็นเรื่องที่สอง  เหตุหนึ่งก็เพรำะ คิโนะ เป็นเรื่องที่ใช้ เวลำเขียนมำกกว่ำที่คิดไว้ด้วย  เป็นเรื่องที่ยำกต่อกำรเขียน ให้สมบูรณ์เป็นอย่ำงยิ่ง  ผมแก้แล้วแก้อีกอย่ำงละเอียด  ทั้งที่


เขียนเรื่องอื่นได้อย่ำงลื่นไหล ระหว่ ำ งนั้ น ผมได้ รั บ กำรทำบทำมให้ เ ขี ย นเรื่ อ งสั้ น ลง นิตยสำรศิลปะวรรณกรรม  MONKEY  ฉบับที่ 2  ที่บริหำร โดยคุณโมโตะยูคิ  ชิบะตะ  ผู้เป็นเพื่อนที่นับถือกันอยู่  ดังที่ กล่ำวไปแล้วว่ำปกติผมไม่รับกำรทำบทำม  แต่ว่ำตอนนั้นผม อยู่ในโหมดก�ำลังอยำกเขียนเรื่องสั้นเต็มตัวพอดีจึงตอบไปว่ำ  “ได้เลยครับ  เดี๋ยวจะเขียนให้”  แล้วก็เขียนเรื่อง เซเฮราซาด ส่ ง ไปอย่ ำ งรวดเร็ ว   ตำมล� ำ ดั บ แล้ ว ผมเขี ย นเรื่ อ งนี้ ใ นช่ ว ง ระหว่ำงเรื่อง  Yesterday  และ  อวัยวะเอกเทศ  แต่ผลงำน เรื่องนี้ถูกเขียนด้วยท่ำทีที่แตกต่ำงจำกที่เขียนให้บุงเกชุนจู โดยสิ้ น เชิ ง   บุ ง เกชุ น จูเ ป็ น นิ ต ยสำรครอบคลุ ม ทุ ก ประเด็น มีเป้ำหมำยเป็นผู้อ่ำนทั่วไป  แต่ MONKEY เป็นนิตยสำร ศิลปะวรรณกรรมที่ให้ควำมรู้สึกสดใหม่ส�ำหรับผู้อ่ำนหนุ่มสำว ที่มีควำมเป็นตัวของตัวเอง  จะเรียกว่ำเป็นคู่ตรงข้ำมระหว่ำง ห้ำงสรรพสินค้ำกับ ‘ร้ำนค้ำอิสระ’ ก็ว่ำได้  ในแง่นี้ผมจึงเขียน เรื่องสั้นด้วยควำมตั้งใจที่แตกต่ำงกัน  พร้อมกับสนุกไปกับ ลักษณะทีแ่ ตกต่ำงของสือ่ ทัง้ สองด้วย  เรือ่ งนีม้ คี วำมยำวเพียง แค่หกสิบหน้ำ  น้อยกว่ำเรื่องอื่นเล็กน้อย (ซึ่งส�ำหรับเรื่องสั้น แล้วเป็นควำมยำวปกติ)  แม้จะเป็นเรื่องที่เขียนให้กับนิตยสำร เล่มอืน่   แต่กม็ โี มทีฟเดียวกันคือ ‘ชำยทีค่ นรักจำกไป’ จึงสมควร จะมองว่ำเป็นเรื่องในชุดเดียวกัน แล้วสุดท้ำยก็เขียนเรื่อง พวกผู้ชายที่คนรักจากไป ขึ้นใหม่ ส�ำหรับหนังสือเล่ม  ไม่ใช่เขียนส�ำหรับนิตยสำร  เพรำะลอง คิดดูแล้วยังไม่มี ‘เรื่องที่เป็นชื่อเล่ม’ ที่จะเชื่อมโยงโดยตรงกับ ชื่อหนังสือเล่มนี้  กำรมีผลงำนที่มีควำมหมำยเชิงสัญลักษณ์ ปิดท้ำยสักเรื่องหนึ่งก็ท�ำให้เข้ำที่เข้ำทำงดี  เหมือนกับเป็น อำหำรปิดท้ำยคอร์สพอดี


กำรเขียนผลงำนสัน้ เรือ่ ง พวกผูช้ ายทีค่ นรักจากไป นีม้ เี หตุ ตั้งต้นส่วนตัว  และเมื่อมีเหตุนั้นก็ท�ำให้มีภำพในใจว่ำ  “อืม  เขียนเรื่องแบบนี้ดีกว่ำ”  แล้วก็เขียนอย่ำงลื่นไหลด้นสดไป จนจบ  ในชีวิตของผมบำงทีก็มีเรื่องแบบนี้  มีเรื่องบำงอย่ำง เกิ ด ขึ้ น   แล้ ว แสงในชั่ ว วู บ นั้ น ก็ ว ำบสว่ ำ งโชติ ช ่ ว ง  ส่ อ งให้ เห็ น รำยละเอี ย ดของภำพรอบตั ว ที่ ป กติ ม องไม่ เ ห็ น อย่ ำ ง ชัดเจน  ทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่อยู่ตรงนั้น  ผมพยำยำม จะลงมือสเก็ตช์รูปรอยอันสดใหม่เหล่ำนั้นอย่ำงรวดเร็ว  หัน หน้ำเข้ำหำโต๊ะ  แล้วเขียนประโยคที่จะกลำยเป็นเนื้อควำม ส�ำคัญออกมำในหนึ่งอึดใจ  ส�ำหรับนักเขียนแล้ว  กำรได้มี ประสบกำรณ์เช่นนี้น่ำยินดียิ่งกว่ำอะไรทั้งหมด  ท�ำให้รู้สึกได้ ว่ำยังมีสำยแร่ของเรื่องรำวเป็นสัญชำตญำณอยู่ข้ำงในตัวเอง ไม่เปลีย่ นแปลง  และมีบำงอย่ำงเข้ำมำขุดค้นออกมำได้  ท�ำให้ เชื่อเรื่องกำรมีแสงที่เป็นจุดเริ่มต้นอยู่  กำรเขียนเรื่องสั้นรวดเดียวมักจะเป็นแบบนี้เสมอ  ควำม ยินดีที่สุดของผมคือกำรได้ลองใช้วิธีกำรหลำกหลำย  ส�ำนวน หลำกหลำย  สถำนกำรณ์ ที่ ห ลำกหลำยภำยในเวลำอั น สั้ น ได้เฝ้ำมอง  ค้นหำ  ทดสอบโมทีฟหนึ่งจำกหลำกหลำยมุม อย่ำงมีมิติ  ได้เขียนเกี่ยวกับบุคคลหลำกหลำยด้วยสรรพนำม หลำกหลำย  ในควำมหมำยนี้  หนังสือเล่มนี้  ถ้ำเป็นดนตรี ก็เรียกได้ว่ำเป็น ‘คอนเซ็ปต์อัลบั้ม’  ควำมจริงแล้วในขณะที่ เขียนเรื่องเหล่ำนี้อยู่  ผมนึกถึง  Sergeant  Pepper’s  ของ วงเดอะบีตเทิลส์  และ  Pet  Sounds  ของวงเดอะบีชบอยส์ แน่นอนว่ำกำรเอำผลงำนอมตะชือ่ ดังมำเปรียบเทียบกับผลงำน ของตัวเองนั้นไร้สัมมำคำรวะยิ่งนัก  แต่อยำกให้ผู้อ่ำนเข้ำใจ ว่ำมันเป็น (เพียงแค่) อิมเมจและควำมตั้งใจ  เท่ำนี้ผู้เขียนก็จะ รู้สึกขอบคุณ


ผมอยำกขอบคุณต้นหลิวผู้เงียบเชียบ  หมู่แมวผู้งำมสง่ำ บรรดำหญิงสำวผู้งดงำมมำกมำยที่ผมได้มีโอกำสพบเจอใน ชี วิ ต นี้   หำกไม่ มี ค วำมอบอุ ่ น และก� ำ ลั ง ใจเหล่ ำ นั้ น   ผมคง ไม่สำมำรถเขียนหนังสือเล่มนี้จนส�ำเร็จได้ สุดท้ำยนี้  ขอแจ้งว่ำเนื้อหำของ  Drive  My  Car  และ  Yesterday  มี ก ำรเปลี่ ย นแปลงไปจำกตอนที่ ล งพิ ม พ์ ใ น นิตยสำรเล็กน้อย  ชื่อสถำนที่ใน  Drive My Car  ถูกเปลี่ยน เพรำะมี ก ำรแสดงควำมไม่ พ อใจจำกผู ้ อ ยู ่ ใ นท้ อ งถิ่ น   ส่ ว น  Yesterday นั้น  ได้รับ ‘ข้อเรียกร้องเชิงชี้แนะ’  จำกตัวแทน  ลิขสิทธิ์เกี่ยวกับกำรเปลี่ยนแปลงเนื้อร้อง  ผมเองมีข้อโต้แย้ง ต่อเรื่องนี้อยู่ (ว่ำเนื้อเพลงนั้นไม่ใช่กำรแปลเนื้อร้อง  แต่ว่ำ เป็นกำรแต่งขึ้นใหม่  ไม่มีควำมเกี่ยวข้องใดๆ กับเนื้อเพลง ต้นฉบับโดยผมเอง)  แต่ผมเองไม่มีเจตนำจะก่อเรื่องยุ่งยำก กับทำงฝั่งเดอะบีตเทิลส์  จึงตัดสินใจตัดทอนเนื้อเพลงออกไป จ�ำนวนมำกและพยำยำมแก้ ไขไม่ให้เกิดปัญหำ  ทัง้ สองประเด็น ไม่ ไ ด้ เ กี่ ย วข้ อ งโดยตรงกั บ ใจควำมส� ำ คั ญ ของตั ว เรื่ อ งสั้ น ผมจึงคิดว่ำดีแล้วทีจ่ ดั กำรปัญหำไปได้ดว้ ยกำรแก้ ไขทำงเทคนิค  จึงขอแจ้งให้ทุกท่ำนได้รับทรำบมำ ณ ที่นี้

มีนำคม 2014  ฮำรูกิ มูรำคำมิ

หมำยเหตุจำกส�ำนักพิมพ์ก�ำมะหยี่  :  ในฉบับภำษำญี่ปุ่นไม่มี เรือ่ ง  แซมซ่าในห้วงรัก  แต่เจ้ำของลิขสิทธิแ์ จ้งควำมประสงค์ ให้น�ำมำรวมไว้ ในฉบับแปลภำษำไทยเล่มนี้



Drive My Car

กนกวรรณ เกตุชัยมาศ  แปล

12

ทีผ่ า่ นมา คะฟุคเุ คยนัง่ รถทีม่ ผี หู้ ญิงเป็นคนขับมาแล้วนับครัง้ ไม่ถว้ น ในสายตาของเขา ลักษณะการขับรถของผูห้ ญิงแบ่ง คร่าวๆ ได้เป็นสองประเภท  คือ  ไม่ขับอย่างดุดันเกินไปนิด ก็ระมัดระวังเกินไปหน่อย  อย่างใดอย่างหนึ่ง  โดยประเภท หลังมีเยอะกว่าประเภทแรกมาก – ซึ่งก็ควรต้องขอบคุณที่ เป็นเช่นนั้น – กล่าวโดยทั่วไปแล้ว  คนขับที่เป็นผู้หญิงจะขับ รถด้วยความระมัดระวังและสุภาพเรียบร้อยกว่าผู้ชาย  คง เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลหากจะบ่นไม่พอใจคนที่ขับรถอย่าง สุภาพเรียบร้อยและระมัดระวัง กระนัน้  การขับรถแบบทีว่ า่ ก็อาจเป็นสาเหตุให้คนอื่นที่ขับอยู่บริเวณรอบๆ  หงุดหงิดได้ อยู่เนืองๆ     ขณะเดียวกัน  คนขับผู้หญิงที่เข้าข่าย  “ขับรถดุดัน”  จ�านวนมากดูจะมีความเชื่อว่า  “ฉันขับรถเก่ง”  ส่วนใหญ่มัก ดูถูกผู้หญิงที่ขับรถระมัดระวังเกินไป  และรู้สึกภาคภูมิใจที่ ตัวเองไม่เป็นเช่นนั้น  แต่ดูเหมือนผู้หญิงเหล่านี้จะไม่ค่อย ตระหนักนักว่า เวลาทีพ่ วกเธอเปลีย่ นเลนอย่างน่าหวาดเสียว Drive My Car


ยังมีคนขับรถที่อยู่รอบๆ หลายคนก�าลังถอนหายใจ  หรือไม่ ก็เอ่ยค�าพูดที่ ไม่นา่ ชืน่ ชมนักขณะใช้เท้าออกแรงเหยียบเบรก มากกว่าปกติ  แน่นอนว่าผูห้ ญิงที่ ไม่เข้าข่ายประเภทใดเลยก็ยอ่ มมี  เธอ เหล่านัน้ คือผูห้ ญิงทีข่ บั รถอย่างแสนจะปกติธรรมดา ไม่ดดุ นั เกินไปและไม่ระมัดระวังเกินไป  หลายคนในจ�านวนดังกล่าว เป็นผู้หญิงที่ขับรถเก่งทีเดียว  แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดที่แม้เมื่อ ได้พบผู้หญิงประเภทที่ว่า  คะฟุคุก็ยังสัมผัสได้ถึงรังสีแห่ง ความตึงเครียดอยู่ทุกขณะจิตแผ่ออกมาจากพวกเธอ  เขา ไม่อาจระบุอย่างชัดเจนได้ว่าอะไรเป็นอย่างไร  แต่ทุกครั้ง ที่นั่งเบาะข้างคนขับ  คะฟุคุจะรู้สึกถึงบรรยากาศแห่งความ  “ไม่ราบรื่น”  ที่ท�าให้ ไม่อาจสงบจิตสงบใจอยู่ได้  เกิดอาการ คอแห้งผิดปกติ  หรือไม่กอ็ ดไม่ได้ทจี่ ะท�าลายความเงียบด้วย การเริ่มคุยเรื่องไร้สาระที่ ไม่จ�าเป็นต้องพูด และแน่ น อนว่ า   ในบรรดาผู ้ ช ายที่ ขั บ รถ  ย่ อ มมี ทั้ ง คนที่ขับเก่งและไม่เก่ง  แต่การขับรถของผู้ชายส่วนใหญ่จะ ปลอดจากความตึงเครียดให้สมั ผัสได้  ซึง่ ไม่ได้หมายความว่า พวกเขารู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษแต่อย่างใด  จริงๆ แล้ว ผู้ชายที่ขับรถก็น่าจะมีความตึงเครียดเช่นกัน  แต่ดูเหมือน ผู้ชายจะสามารถแบ่งแยกความตึงเครียดออกจากตัวตน ของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ – และน่าจะโดยจิตใต้สา� นึก – จดจ่อสมาธิอยู่กับการขับรถ  ขณะเดียวกันก็ด�าเนินบท สนทนาและพฤติกรรมต่างๆ ในระดับปกติธรรมดาอย่างยิ่ง ท�านองว่า  ส่วนนั้นก็ส่วนหนึ่ง  ส่วนนี้ก็อีกส่วนหนึ่ง  คะฟุคุ ไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าความแตกต่างนี้เกิดจากอะไร  Haruki Murakami

13


คะฟุคุไม่ได้คิดเรื่องต่างๆ  โดยแยกแยะระหว่างหญิง ชายมากนักในชีวิตประจ�าวัน  และแทบไม่เคยรู้สึกถึงความ แตกต่างในความสามารถระหว่างผูห้ ญิงกับผูช้ าย ด้วยอาชีพ ท�าให้คะฟุคุมี โอกาสร่วมงานกับผู้หญิงและผู้ชายในจ�านวน เกือบจะเท่าๆ กัน  จิตใจเขาออกจะผ่อนคลายกว่าด้วยซ�้า เวลาได้ท�างานร่วมกับผู้หญิง  ส่วนใหญ่พวกเธอจะใส่ ใจ รายละเอียด อีกทัง้ เป็นผูส้ ดับตรับฟังได้ด ี เฉพาะเวลาขับรถ เท่านัน้ ทีเ่ มือ่ ไรก็ตามทีค่ ะฟุคนุ งั่ รถซึง่ มีผหู้ ญิงเป็นคนขับ เขา มักอดไม่ได้ที่จะพะวงถึงข้อเท็จจริงว่า  บัดนี้  คนที่ก�าลังจับ พวงมาลัยอยูข่ า้ งๆ เป็นผูห้ ญิง แต่เขาก็ ไม่เคยเอ่ยความเห็น เช่นนั้นกับใคร  เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูจะเป็นหัวข้อสนทนา ที่ ไม่เหมาะจะเอ่ยปากออกไป  14

ด้วยเหตุน ี้ หลังจากคะฟุคบุ อกโอบะซึง่ เป็นผูบ้ ริหารอูซ่ อ่ ม รถว่าตัวเองก�าลังมองหาคนขับรถประจ�าตัวอยู่  และโอบะ แนะน�าคนขับที่เป็นหญิงสาวให้  คะฟุคุจึงไม่อาจแสดงสีหน้า รื่นรมย์ ได้  โอบะเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มน้อยๆ ราวกับจะบอกว่า ผมเข้าใจความรู้สึกคุณดีครับ  “แต่คุณคะฟุคุครับ  ฝีมือขับรถของเด็กคนนี้แน่นอนมาก เลยนะครับ  เรื่องนี้ผมรับประกันได้ ไม่มีพลาดแน่ๆ  หากไม่ รังเกียจ อย่างน้อยจะลองให้ โอกาสพบเธอดูสกั ครัง้ ไหมครับ”  “ได้สิ  ถ้าคุณว่าอย่างนั้น”  คะฟุคุตอบ  เพราะเขาเอง ก�าลังต้องการคนขับรถโดยเร็วที่สุด  อีกทั้งโอบะก็เป็นผู้ชาย ที่เชื่อถือได้  คะฟุคุรู้จักโอบะมาเกือบสิบห้าปีแล้ว  ชายผู้นี้มี ผมแข็งดุจเส้นลวดและรูปลักษณ์ทที่ า� ให้นกึ ถึงปีศาจตัวเล็กๆ  Drive My Car


แต่หากเป็นเรื่องรถ  รับรองได้ว่าท�าตามความเห็นของโอบะ แล้วไม่มีผิดแน่ ๆ   “ผมอยากขอตรวจสภาพงานประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ให้ ดีเพื่อความแน่ ใจก่อนครับ  หากไม่มีปัญหาอะไร  ก็น่าจะส่ง มอบรถในสภาพสมบูรณ์ ได้วันมะรืนนี้ตอนบ่ายสอง  เดี๋ยว ผมจะนัดเจ้าตัวเด็กคนนั้นมาที่นี่ด้วย  คุณคะฟุคุจะลองให้ เธอขับรถไปใกล้ๆ แถวนี้ดูสักหน่อยดีไหมครับ  หากไม่ถูกใจ ก็บอกได้นะครับ  ไม่จ�าเป็นต้องเกรงใจผมเลย”  “อายุประมาณเท่าไหร่นะ”  “น่าจะประมาณยี่สิบกลางๆ ครับ  ผมเองก็ ไม่เคยถาม เป็นเรือ่ งเป็นราว” โอบะตอบ ขมวดคิว้ น้อยๆ และพูดต่อว่า  “อย่างที่เรียนเมื่อครู่น่ะครับ  เรื่องฝีมือการขับรถนั้นรับรอง ได้ว่าไม่มีปัญหาแน่ๆ  แต่...” “แต่อะไร” “แต่  จะพูดยังไงดีล่ะครับ  เธอคนนี้ออกจะประหลาดๆ  หน่อยน่ะครับ”  “ยังไง” “เป็นคนขวานผ่าซาก  พูดน้อย  และสูบบุหรี่จัดมาก” โอบะตอบ  “ถ้าได้พบคุณก็จะเห็นเองครับ  เธอไม่ใช่ประเภท หญิงสาวน่ารักมีเสน่ห ์ แทบไม่เคยยิม้ เลย พูดตรงๆ คือ อาจ เรียกได้ว่าติดจะขี้เหร่ไร้เสน่ห์น่ะครับ” “ไม่เป็นไร  ถ้าสวยเกินไปสิ  ผมเองจะไม่ค่อยสบายใจ  เพราะไม่อยากให้มีข่าวลือแปลกๆ” “ถ้างั้นก็อาจจะเข้าทีพอดีเลยครับ” “แต่ ยั ง ไงก็ ต าม  คุ ณ ว่ า ฝี มื อ ขั บ รถของเธอเชื่ อ มื อ ได้ Haruki Murakami

15


Yesterday

ปาลิดา  พิมพะกร  แปล

62

เท่าทีผ่ มรู ้ มีเพียงคนคนเดียวที่ใส่เนือ้ ร้องภาษาญีป่ นุ่ ให้เพลง เยสเตอร์เดย์ ของเดอะบีตเทิลส์ (และเป็นเนือ้ เพลงภาษาคันไซ1) คือผู้ชายที่ชื่อว่าคิตะรุ  เขามักจะร้องเพลงนี้เสียงดัง เวลาอาบน�า้   เมื่อวานนี้คือ/เมื่อวานซืนของพรุ่งนี้  พรุ่งนี้ของเมื่อวานซืน มันคือช่วงต้นของเพลงเท่าที่ผมจ�าได้  แต่นั่นก็ค่อนข้าง นานมาแล้ว  ผมจึงไม่มั่นใจว่าจ�าถูกหรือเปล่า  อย่างไรก็ด ี เนื้อเพลงตั้งแต่ต้นจนจบแทบไม่มีความหมาย  จะว่าไร้สาระ ก็ ได้  ค�าที่ใช้แทนในเนื้อเพลงแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับต้นฉบับ  ท่วงท�านองเศร้าสร้อยสวยงามคุน้ หูทปี่ ระกอบเข้ากับส�าเนียง  Kansai-ben  คือภาษาและส�าเนียงท้องถิ่นทางภูมิภาคคันไซหรือ ทางตะวันตกของประเทศญีป่ นุ่  และในแต่ละจังหวัดมีสา� เนียงแยกย่อย ออกไปอีก  เช่น  โอซะกะ  เกียวโต  เป็นต้น 1

Yesterday


คั น ไซที่ ไ ม่ ทุ ก ข์ ร ้ อ น – ไร้ ซึ่ ง ความโศกสลดใดๆ – ถื อ เป็ น ส่วนผสมที่แปลกประหลาดและไม่จ�าเป็นแม้แต่น้อย  อย่าง น้อยหูของผมก็ ได้ยินอย่างนั้น  แม้จะสามารถอ่านเนื้อความ อืน่ ทีซ่ อ่ นอยู่ในเนือ้ เพลงได้  แต่ในตอนนัน้ ผมก็ทา� ได้แค่เพียง ฟังแล้วส่ายหัวอย่างระอาใจ เท่ า ที่ ผ มฟั ง   คิ ต ะรุ พู ด ด้ ว ยส� า เนี ย งคั น ไซที่ เ กื อ บจะ สมบูรณ์แบบ  แต่เกิดและเติบโตที่เด็นเอ็นโชฟุ  เขตโอตะ ในโตเกียว  ขณะที่ผมซึ่งเกิดและเติบโตที่คันไซ  กลับพูด ด้วยภาษากลาง (ภาษาโตเกียว) อย่างเกือบจะสมบูรณ์แบบ ชัดถ้อยชัดค�า  พอลองคิดดูแล้ว  เราสองคนจะเรียกว่าเป็น คู่ที่ค่อนข้างเพี้ยนก็ว่าได้  ผมรู้จักเขาตอนท�างานพาร์ตไทม์ที่ร้านกาแฟใกล้ประตู ใหญ่ของมหาวิทยาลัยวาเซดะ ผมท�างานในครัว ส่วนคิตะรุ เป็นพนักงานเสิร์ฟ  จะคุยกันก็เมื่อมีเวลาว่าง  พวกเราอายุ ยี่สิบ  และเกิดห่างกันเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ “คิตะรุเป็นนามสกุลที่แปลกนะ”  ผมพูด “เออ จริง แปลกจริงด้วย” คิตะรุตอบด้วยส�าเนียงคันไซ “พิตเชอร์ของทีมเบสบอลลอตเต้กน็ ามสกุลนีเ้ หมือนกัน”  “อืม  ไม่ได้เป็นญาติกันน่ะ  แต่จะว่าไปคนใช้นามสกุล นี้ก็ ไม่ค่อยมีเท่าไหร่  บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับเราทางใด ทางหนึ่งก็ ได้”  ตอนนั้นผมเรียนปีสองภาควรรณคดีอยู่ที่มหาวิทยาลัย วาเซดะ  ส่วนเขาเรียนอยู่ที่ โรงเรียนกวดวิชาของวาเซดะ Haruki Murakami

63


64

เพราะสอบเข้าไม่ติด  ทั้งที่สอบไม่ติดมาสองปีแล้ว  แต่เขา กลับไม่มีภาพลักษณ์ของคนที่ก�าลังพยายามอ่านหนังสือ สอบเข้ามหาวิทยาลัยแม้แต่น้อย  พอมีเวลาว่างเขาก็เอาแต่ อ่านหนังสือที่ ไม่เกีย่ วข้องกับการสอบสักนิดเดียว อย่างเช่น อัตชีวประวัตขิ องจิมมี ่ เฮนดริกซ์  เคล็ดลับการเล่นหมากรุก ญี่ ปุ่น   หรื อ หนั ง สื อ  จั ก รวาลมาจากที่ ไ หน อะไรเทื อ กนั้ น  เขาบอกว่าอาศัยอยู่บ้านที่เขตโอตะ “บ้านเหรอ” ผมพูดขึ้น  “นึกว่านายเป็นคนคันไซซะอีก”  “ไม่ใช่ๆ เกิดและโตที่เด็นเอ็นโชฟุน่ะ” ผมตกใจมากที่ ได้ยินแบบนั้น  “แล้วท�าไมพูดส�าเนียงคันไซล่ะ”  ผมถาม “เราหัดเองน่ะ  อยู่ดีๆ ก็เกิดอยากขึ้นมา” “หัดเองงั้นเหรอ” “เราพยายามมากเลยละ พยายามจ�าทัง้ ค�ากริยา ค�านาม และการเน้ น เสี ย งต่ า งๆ  หลั ก การก็ เ หมื อ นกั บ การเรี ย น ภาษาอังกฤษภาษาฝรั่งเศสนั่นแหละ  เราไปฝึกถึงที่คันไซมา ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง”  ผมรู้สึกสนใจขึ้นมาเลย  เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งเคย ได้ยนิ ว่ามีคนเรียนภาษาคันไซเพราะอยากหัดขึน้ มาเอง ด้วย ความคิดที่ว่าเหมือนกับการเรียนภาษาต่างประเทศอย่าง ภาษาอังกฤษหรือฝรัง่ เศส และนัน่ ก็ทา� ให้ผมรูส้ กึ ว่า โตเกียว ช่างเป็นเมืองทีก่ ว้างใหญ่อะไรเสียอย่างนี ้ อย่างกับนวนิยาย เรื่อง ซันชิโร่ 2 อย่างไรอย่างนั้น   นวนิยายของนัตสึเมะ  โซเซกิ  ว่าด้วยเรื่องของชายหนุ่มจากคิวชู ที่เข้ามาเมืองหลวงเป็นครั้งแรก 2

Yesterday


“ตัง้ แต่ยงั เด็กๆ เราคลัง่ ไคล้ทมี เบสบอลฮันชิน ไทเกอร์ส มาก  ถ้ า มี แ ข่ ง ที่ โ ตเกี ย วเมื่ อ ไหร่ ก็ ไ ปดู   แต่ ถึ ง เราจะใส่ ยูนิฟอร์มและนั่งเชียร์อยู่ที่อัฒจันทร์ของฮันชิน  พอเราพูด ส�าเนียงโตเกียว  ทุกคนก็ ไม่ยุ่งกับเรา  เข้าไปมีส่วนร่วมกับ พวกเขาไม่ได้  เราเลยคิดว่าต้องเรียนส�าเนียงคันไซ และนัน่ ก็เป็นเหตุผลที่ท�าให้เราเรียนอย่างเอาเป็นเอาตาย”  “ด้วยเหตุจูงใจแค่นั้นน่ะเหรอที่ทา� ให้นายเริ่มเรียนภาษา คันไซ” ผมถามด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “ก็ใช่ส ิ ฮันชิน ไทเกอร์ส มีความหมายต่อเรามาก ตัง้ แต่ นั้นมา  ไม่ว่าจะที่ โรงเรียนหรือที่บ้าน  เราตัดสินใจแล้วว่าจะ พูดด้วยส�าเนียงคันไซทัง้ หมด แม้แต่ตอนละเมอ” คิตะรุเล่า  “ส�าเนียงคันไซของเราเหมือนเป๊ะเลยใช่ไหม”  “เป๊ะมาก  จนคิดว่านายเป็นคนคันไซเลยละ”  ผมพูด “แต่วา่ มันไม่ใช่สา� เนียงฮันชินนี ่ วิธพี ดู แบบนีม้ นั ส�าเนียงในตัว เมืองโอซะกะ แถมยังเป็นพืน้ ทีท่ มี่ สี า� เนียงฟังเข้าใจยากด้วย” “นายนี่รู้ดีจริง  ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนสมัยมัธยมปลาย เราเคยไปโฮมสเตย์ที่แถวเขตเท็นโนจิในโอซะกะ  เป็นย่าน ที่สนุกดี  เดินไปถึงสวนสัตว์ ได้ด้วย” “โฮมสเตย์”  ผมทวนค�าเพราะสนใจ “จะว่าไป  ถ้าเราตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เหมือนกับที่ทุ่มเทเรียนภาษาคันไซ  เราก็คงไม่สอบพลาด สองปีแบบนี้หรอก”  คิตะรุบอก ผมก็คดิ แบบนัน้  การเสียดสีตวั เองแบบชงเองตบเองของ เขาก็มีความเป็นคันไซด้วยเหมือนกัน “แล้วนายล่ะ  บ้านเกิดอยู่ที่ ไหน”  Haruki Murakami

65


อวัยวะเอกเทศ

พรรษา  หล�าอุบล  แปล

108

มีคนประเภทที่ขาดความสลับซับซ้อนหรือความกลัดกลุ้ม ภายใน  หากกลับเดินไปบนเส้นทางชีวิตอันหลักแหลมได้ อย่างน่าตกใจ  ไม่ได้มีมากมายนัก  แต่บางครั้งก็พบเห็นได้ โดยบังเอิญในโอกาสต่างๆ  นายแพทย์ โทคะอิเป็นหนึ่งในนั้น  คนเหล่านัน้  จะมากจะน้อยก็จา� เป็นต้องอาศัยกระบวนการ ขั ด เกลาเพื่ อ ปรั บ ตั ว ตนอั น  (ว่ า กั น ว่ า ) ตรงไปตรงมาให้ สอดคล้องกับโลกรอบตัวอันบิดเบี้ยวเพื่อเอาชีวิตรอดต่อไป  หากเจ้าตัวกลับไม่ได้ตระหนักแม้แต่น้อยว่าตนอาศัยกลเม็ด หลักแหลมอันวุ่นวายไปในแต่ละวันอย่างไร  ด้วยเชื่ออย่าง แน่นแฟ้นไร้ข้อกังขาว่านี่คือตัวตนตามธรรมชาติอันหมดจด  ไร้เบื้องหลังหรือลวดลาย  ใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมา  ใน จังหวะใดจังหวะหนึ่ง  พวกเขาก็จะถูกแสงตะวันแสนพิเศษ อันไร้ที่มาที่ ไปสาดส่องจนตระหนักถึงความจอมปลอมที่ตน จัดแต่ง หรือไม่กห็ รือความผิดธรรมชาติอนั นัน้  บางครัง้ อาจ น�ามาซึ่งความปวดร้าว  บางครั้งอาจน�ามาซึ่งสุขนาฏกรรม  แน่นอนว่าหลายคนผู้ โชคดี (ต้องเรียกแบบนี้) อาจไม่เคยได้ อวัยวะเอกเทศ


ยลแสงแห่งสัจธรรมนั้นไปจนตาย  หรือแม้จะเคยเห็น  แต่ก็ ไม่รู้สึกรู้สาอันใดเป็นพิเศษ  ผมอยากบันทึกเรื่องราวที่ ได้เรียนรู้ ในระยะแรกจาก บุคคลนามว่าโทคะอิไว้ ในที่นี้  โดยมากเป็นเรื่องที่ผมได้ฟัง จากปากเขาโดยตรง  แต่มีบางส่วนที่รวบรวมมาจากบุคคล ที่เขาให้ความสนิทสนม – และมีค่าควรแก่การเชื่อใจ – และ ยังมีส่วนที่ผมได้มาจากการสังเกตการณ์พฤติกรรมในชีวิต ประจ�าวันของเขาแล้วคาดเดาเอาเองว่า  “คงเป็นเช่นนี้แน่”  ปะปนอยูบ่ า้ งไม่มากก็นอ้ ย คล้ายกาวยางอ่อนนุม่ ทีฝ่ งั ตัวอยู่ ระหว่างช่องว่างของข้อเท็จจริงและข้อเท็จจริง สิง่ ทีผ่ มอยาก พูดก็คอื  การวาดภาพเหมือนนี้ ไม่ได้ทา� ขึน้ จากความเป็นจริง อย่างเป็นกลางโดยบริสุทธิ์ผุดผ่องไปเสียทั้งหมด  ดังนั้น ในฐานะผู้เขียน  ผมไม่อาจแนะน�าให้ตัวท่านผู้อ่านใช้สิ่งที่ เรียบเรียงอยู่ ในที่นี้ประหนึ่งหลักฐานประกอบในชั้นศาล หรือเป็นเอกสารสนับสนุนในการแลกเปลีย่ นสินค้า (เป็นการ แลกเปลี่ยนสินค้าประเภทใดก็ยากจะเดา)  แต่ถ้าหากท่านจะถอยหลังเว้นระยะห่างออกไป (ขอให้ ตรวจดูก่อนว่าเบื้องหลังท่านไม่ ใช่หน้าผา)  วางตนให้อยู่ ในระยะที่พอเหมาะแก่การจ้องมองภาพเหมือนนี้  ก็น่าจะ เข้าใจได้ว่าความจริงเท็จในรายละเอียดปลีกย่อยล้วนไม่ ใช่ ปัญหาสลักส�าคัญ  และภาพของตัวละครที่ชื่อนายแพทย์ โทคะอิ ก็ ค งจะผุ ด ขึ้ น อย่ า งมี มิ ติ แ ละกระจ่ า งแจ่ ม ชั ด  – อย่างน้อยผูเ้ ขียนก็หวังเช่นนัน้  ควรจะพูดเช่นไรดี  นัน่ เพราะ เขาไม่ ใช่บุคคลที่มี  “ช่องว่างอันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจ Haruki Murakami

109


110

ผิด” เหลือเฟือนัก ไม่ได้จะบอกว่าเขาเป็นคนราบเรียบเข้าใจง่าย อย่างน้อย ในส่ ว นหนึ่ ง เขาก็ เ ป็ น บุ ค คลที่ ซั บ ซ้ อ นหลากหลายไม่อ าจ เข้ า ถึ ง ได้ โดยง่าย  ภายใต้ จิ ต ส� า นึ ก นั้ น จะมี ค วามมื ด มน เช่น ไร  เบื้ อ งหลั ง นั้ น แบกรั บ ความรู ้ สึ ก ผิ ด เช่ น ไรเอาไว้  แน่นอนว่าผมไม่อาจรู้ถึงเรื่องนั้น  หากรูปแบบพฤติกรรม ของเขาที่สอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  ก็น่าจะท�าให้ พูดได้เต็มปากว่า ค่อนข้างง่ายทีจ่ ะวาดภาพโดยรวมของเขา ออกมา  ในฐานะนักเขียนมืออาชีพ  นี่อาจดูเป็นเรื่องเกินตัว ไปบ้าง  แต่ในขณะนั้นผมมีความรู้สึกเช่นนั้น  โทคะอิอายุห้าสิบสองปี  หากไม่เคยผ่านการแต่งงานมา ก่อน ไม่มแี ม้กระทัง่ ประวัตกิ ารอยูก่ นิ กับผูห้ ญิง อาศัยอยู่ใน แมนชั่นเรียบหรูขนาดสองห้องนอนในชั้นหกที่อาซาบุเพียง ล�าพังเรื่อยมา  เรียกได้ว่าครองตัวเป็นโสดอย่างเหนียวแน่น งานบ้านแทบทัง้ หมดไม่วา่ จะเป็นการหุงหาอาหาร ซักผ้า รีดผ้า ท�าความสะอาด  เขาท�าได้อย่างเรียบร้อยไม่มีข้อบกพร่อง และยังจ้างมืออาชีพเข้ามาท�าความสะอาดบ้านเดือนละ สองครัง้  เขาเป็นคนรักสะอาดโดยนิสยั  ไม่ได้เดือดร้อนทีจ่ ะ ท�างานบ้าน  ถ้าจ�าเป็นก็ยังผสมค็อกเทลอร่อยๆ ได้ด้วย  ท�า อาหารได้หลากหลายตั้งแต่เนื้อต้มมันไปจนถึงปลาซูซูกิอบ แผ่นฟอยล์ (เช่นเดียวกับคนท�าอาหารประเภทนี้ โดยมาก เขาไม่กระเบียดกระเสียรเรื่องเงินที่ ใช้จับจ่ายซื้อวัตถุดิบ โดยทั่วไปแล้วจึงมักท�าออกมาอร่อย)  แม้จะไม่มีผู้หญิงอยู่ใน บ้านก็ ไม่เคยรู้สึกอึดอัด  แทบไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้อง จับเจ่าอยูค่ นเดียวในบ้าน ไม่เคยรูส้ กึ เหงาทีต่ อ้ งนอนคนเดียว  อวัยวะเอกเทศ


อย่างน้อยก็ ไม่เคยรู้สึกมาก่อนจนกระทั่งถึงจุดจุดหนึ่ง เขาประกอบอาชีพแพทย์ศัลยกรรมความงาม  บริหาร  “คลินกิ ความงามโทคะอิ” อันเป็นสิง่ ทีร่ บั ช่วงสืบทอดมาจาก บิดาผู้มีอาชีพเดียวกัน  แน่นอนว่ามี โอกาสได้รู้จักพบพาน หญิงสาวมากมาย แม้ ไม่อาจกล่าวได้วา่ เป็นชายรูปงาม หาก ใบหน้าได้รูปหมดจด (เจ้าตัวไม่เคยคิดจะเข้ารับการผ่าตัด ศัลยกรรมแม้แต่ครัง้ เดียว) การบริหารคลินกิ ก็ราบรืน่ อย่างยิง่ มีรายได้สูง  ได้รับการเลี้ยงดูอบรมอย่างดี  มารยาทสุภาพ อ่อนน้อม  มีความรู้เช่นปัญญาชน  หัวข้อพูดคุยหลากหลาย  ผมบนศีรษะก็ยังดก (แม้ผมขาวจะเริ่มเห็นถนัดตา)  ถึงจะมี เนือ้ ส่วนเกินเพิ่มมาตรงโน้นตรงนี ้ แต่กย็ ังพอรักษาหุน่ ทีเ่ คย เข้ายิมอย่างขมีขมันในสมัยหนุ่มๆ เอาไว้ ได้  ด้วยเหตุนี้  วิธี การพูดแบบขวานผ่าซากเช่นนีอ้ าจก่อให้เกิดความขัดเคืองแก่ คนมากมายในสังคมได้  แต่กต็ อ้ งบอกว่าเขาไม่เคยขาดแคลน ผู้หญิงที่คบหากันเชิงชู้สาวเลย  ไม่รู้ด้วยเหตุใด  ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ แล้ว  โทคะอิจึงไม่เคย นึกปรารถนาจะแต่งงานมีครอบครัวเลยแม้แต่น้อย  เขา มั่นใจอย่างประหลาดว่าชีวิตแต่งงานไม่เหมาะกับตน  ดังนั้น  ไม่ว่าจะเป็นสตรีทรงเสน่ห์เพียงใด  หากเรียกร้องจะคบหา กันโดยมีปลายทางที่การแต่งงาน  เขาก็มักจะเลี่ยงหลบเสีย แต่แรก ด้วยเหตุน ี้ สตรีทเี่ ขาเลือกคบหาในฐานะเพือ่ นหญิง จึงล้วนแล้วแต่จ�ากัดอยู่ที่ภรรยาของชายอื่น  หรือสตรีท่ีมี คู่รัก “ตัวจริง” อยู่แล้วทั้งนั้น  ตราบใดที่ยังรักษาเงื่อนไข นี้ ไว้  สถานการณ์ที่สตรีเหล่านั้นวาดหวังอย่างสุดหัวใจว่า จะได้แต่งงานกับโทคะอิก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น  พูดให้ง่ายขึ้น Haruki Murakami

111


เซเฮราซาด

อานนท์  สันติวิสุทธิ์  แปล

156

ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับฮะบะระ  เธอมักจะเล่าเรื่องที่ชวน พิศวงและน่าสนใจให้ฟังเหมือนกับเจ้าหญิงเซเฮราซาดใน เรื่อง อาหรับราตรี  แน่นอนว่าเรื่องราวมันต่างกัน  ฮะบะระ ไม่มีความตั้งใจที่จะตัดหัวเธอตอนรุ่งเช้านั้นเลยแม้แต่น้อย  (ความจริงเธอเองก็ ไม่เคยอยูข่ า้ งๆ เขาจนถึงเช้าเลยสักครัง้ )  เธอเล่าเรื่องให้ฮะบะระฟัง  เล่าเพียงเพราะอยากเล่า  อาจ เป็นความตั้งใจจะปลอบใจฮะบะระที่ต้องเก็บตัวอยู่ ในบ้าน คนเดียว  แต่คงไม่ ใช่แค่นั้น  น่าจะมากกว่านั้น  ฮะบะระเดา ว่าเธอเองน่าจะชอบพฤติกรรมการพูดคุยสนิทสนมกับผู้ชาย บนเตียง – โดยเฉพาะช่วงหลังจากมีเพศสัมพันธ์อนั อ่อนเพลีย ที่ทั้งสองอยู่กันตามล�าพัง ฮะบะระตั้งชื่อให้ผู้หญิงคนนี้ว่าเซเฮราซาด  เขาไม่เคย เอ่ยชื่อนี้ต่อหน้าเธอ  แต่เขาจดด้วยปากกาลงในสมุดบันทึก ประจ�าวันเล่มเล็ก  ในวันที่เธอมา  เขาจะใช้ปากกาเขียนว่า  ‘เซเฮราซาด’  แล้วบันทึกเนื้อหาคร่าวๆ ของเรื่องที่เธอเล่า ให้ฟัง อย่างที่ใครมาอ่านทีหลังก็ ไม่เข้าใจ  เซเฮราซาด


ฮะบะระไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอเล่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่อง ที่แต่งขึ้นใหม่ทั้งหมด  หรือบางส่วนเป็นเรื่องจริง  บางส่วน เป็นเรื่องแต่ง  แยกความแตกต่างไม่ได้  ดูเหมือนความจริง กับการคาดเดา  ข้อสังเกตกับความเพ้อฝัน  จะผสมปนเป กันอยู่  ฮะบะระจึงไม่ได้คอยใส่ ใจว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือ เรื่องแต่ง  ได้แต่เงี่ยหูฟังเรื่องที่เธอเล่าอย่างตั้งใจ  จะเป็น เรือ่ งจริงหรือเป็นเรือ่ งโกหก หรือเป็นเรือ่ งทีซ่ บั ซ้อนเอาแน่เอานอนไม่ได้  ความแตกต่างนั้นจะมีความหมายต่อตนเอง ในตอนนี้แค่ไหนหรือ? อย่างไรก็ตาม  เซเฮราซาดมีความสามารถในการเล่า เรื่องที่สะกดความสนใจของผู้ฟัง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแบบไหน  ถ้าเธอเป็นคนเล่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวที่พิเศษขึ้นมา โทนเสี ย ง  จั ง หวะจะโคน  การด� า เนิ น เรื่ อ งทุ ก อย่างล้ ว น สมบูรณ์แบบ เธอท�าให้ผฟู้ งั สนใจแล้วแกล้งให้กระวนกระวาย ให้คิดให้เดาเอาเอง หลังจากนั้นจึงค่อยเฉลย มอบสิ่งที่ผู้ฟัง ต้องการอย่างถูกจังหวะ  เทคนิคที่ดึงดูดใจนี้แม้เพียงแค่ ชั่วคราว  มันก็ท�าให้ผู้ฟังลืมความเป็นจริงรอบตัว  ช่วยลบ ความทรงจ�าส่วนแย่ๆ ที่ฝังอยู่หรือความกังวลที่อยากจะลืม ถ้าท�าได้จนสะอาดเอี่ยมราวกับลบกระดานด�าด้วยผ้าขี้ริ้ว เปียก  ฮะบะระคิดว่าแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ ใช่หรือ  จะ ว่ า ไป  สิ่ ง นี้ ต ่ า งหากที่ ฮ ะบะระต้ อ งการมากกว่ า สิ่ ง อื่ น ใด ในตอนนี ้ เซเฮราซาดอายุสามสิบห้าปี  มากกว่าฮะบะระสี่ปี  ปกติ เป็นแม่บ้าน (มี ใบอนุญาตของพยาบาล  บางครั้งจะถูกเรียก ไปท�างานตามความจ�าเป็น)  เธอมีลูกสองคน  เรียนอยู่ชั้น Haruki Murakami

157


158

ประถม  สามีทา� งานอยู่บริษัทธรรมดาๆ  บ้านอยู่ห่างจากที่นี่ ออกไปประมาณยี่สิบนาทีถ้าขับรถยนต์  นี่เป็นข้อมูล (เกือบ)  ทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเธอที่เธอบอกฮะบะระ  ส่วนมันจะเป็น เรื่องจริงที่ปราศจากความเท็จหรือไม่นั้น  ฮะบะระไม่มีทาง ตรวจสอบได้  จะว่าไปแล้วก็ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรให้ตอ้ งสงสัย เป็นพิเศษ  ชื่อเธอก็ ไม่ได้บอก  ไม่มีความจ�าเป็นที่ต้องรู้ชื่อ ของฉันไม่ ใช่เหรอ  เซเฮราซาดพูด  ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ส�าหรับเขาแล้วเธอยังคงเป็น ‘เซเฮราซาด’ อยู่ดี  ไม่มีสิ่งใด ที่ ไม่สะดวก  แน่นอนว่าเธอเองน่าจะรู้ชื่อของฮะบะระ  แต่ก็ ไม่เคยเรียก  เธอระมัดระวังหลีกเลี่ยงชื่อของเขา  ราวกับ การเอ่ยชือ่ ของเขาเป็นเรือ่ งอัปมงคลหรือเป็นความประพฤติ ที่ ไม่เหมาะสม  รู ป ร่ า งหน้ า ตาของเซเฮราซาด  ถึ ง จะมองด้ ว ยใจที่ ล�าเอียงเพียงใดก็ ไม่คล้ายเจ้าหญิงแสนงามในเรื่อง อาหรับ ราตรี เลย  ในจุดต่างๆ ของร่างกายเธอเริ่มมีไขมันส่วนเกิน ติดอยู ่ (ราวกับกาวเชือ่ มประสานทีท่ าลงบนช่องว่าง) ลักษณะ เหมือนแม่บ้านตามหัวเมืองต่างจังหวัด  ดูเหมือนเธอก�าลัง ค่อยๆ ย่างเข้าสู่วัยกลางคน  กรามเริ่มหนาขึ้น  รอบดวงตา มีรอยยับของตีนกาสลักอยู ่ ทัง้ ทรงผม เสือ้ ผ้า เครือ่ งส�าอาง อาจจะไม่ถึงกับลวกๆ  แต่ก็ ไม่ได้น่าประทับใจ  หน้าตาถือว่า ไม่แย่  แต่หาสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นไม่มี  ไม่ได้สร้างความ ประทับใจพิเศษกับผู้คน  ถึงจะเดินสวนกันหรือขึ้นลิฟต์ ไป ด้วยกัน คนส่วนใหญ่คงไม่หยุดมองเธอ หรืออาจเป็นไปได้วา่ สักเมื่อสิบปีก่อน  เธอคงเป็นหญิงสาวที่น่ารัก  ร่าเริง  ผู้ชาย หลายคนอาจเหลียวกลับมามองเธอ แต่ถงึ จะเคยเป็นเช่นนัน้ เซเฮราซาด


วันเวลาเช่นนั้นคงปิดฉากไปแล้ว  และฉากที่ถูกปิดไปนั้น ก็ ไม่มีวี่แววจะถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  เซเฮราซาดมาที่ “เฮ้าส์” ประมาณสัปดาห์ละสองครั้ง  ไม่ได้กา� หนดว่าเป็นวันไหนของสัปดาห์  แต่ไม่เคยมาวันเสาร์อาทิตย์  คงจ�าเป็นต้องใช้เวลากับครอบครัวในช่วงสุดสัปดาห์  มี โทรศัพท์มาก่อนจะปรากฏตัวหนึ่งชั่วโมงเสมอ  เธอจะซื้อ อาหารจากซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ ใกล้ๆ ขนใส่รถมา  เป็นรถ มาสด้ารุน่ เล็กสีนา�้ เงิน รถรุน่ เก่าทีก่ นั ชนหลังมีรอยบุบเด่นชัด วงล้อรถเลอะเทอะจนกลายเป็นสีด�าเข้ม  เธอจอดรถที่ลาน จอดรถของ “เฮ้ า ส์ ”  เปิ ด ประตู ห ลั ง ของแฮทช์ แ บ็ ก หยิ บ ถุงช็อปปิ้งออกมากอดไว้ ในอ้อมแขนสองข้างแล้วกดกริ่ง ประตู  ฮะบะระมองผ่านช่องรูเพื่อตรวจดูอีกฝ่าย  แล้วจึง ปลดล็อกประตู  ถอดโซ่คล้องแล้วเปิดประตู  เธอเดินตรงไป ที่ครัว  แยกอาหารที่น�ามาแล้วเก็บเข้าตู้เย็น  หลังจากนั้นจึง จดรายการของทีจ่ ะซือ้ คราวหน้า เธอน่าจะเป็นแม่บา้ นทีเ่ ก่ง ท� า งานคล่ อ งแคล่ ว และเคลื่ อ นไหวอย่างมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ  ระหว่างจัดการธุระเธอแทบจะไม่พูดคุย  คงสีหน้าจริงจังไว้  พอเธอท�างานเสร็จ  โดยไม่มีฝ่ายไหนเอ่ยอะไรออกมา  ทั้งสองก็ย้ายเข้าไปในห้องนอนอย่างเป็นธรรมชาติ  ราวกับ ถูกคลื่นทะเลที่มองไม่เห็นหอบพาไป  ที่นั่น  เซเฮราซาดถอด เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไร  ขึ้นบนเตียงกับฮะบะระ  ทัง้ สองโอบกอดกันโดยไม่พดู จา มีเพศสัมพันธ์กนั ตามขัน้ ตอน ราวกับก�าลังร่วมมือกันท�างานที่ ได้รบั มอบหมาย ถ้าเป็นช่วง มีประจ�าเดือน  เธอจะใช้มือช่วยให้ส�าเร็จตามจุดมุ่งหมาย  การใช้มอื ทีค่ ล้ายกับการจัดการงานและคล่องแคล่วท�าให้เขา Haruki Murakami

159


คิโนะ

มุทิตา  พานิช  แปล

192

ชายคนนั้นนั่งที่เดิมเสมอ  ที่ม้านั่งไม่มีพนักด้านในสุดของ เคาน์เตอร์  แน่นอนว่าถ้าไม่มีใครครอบครองอยูก่ อ่ น แต่ทนี่ ง่ั นั้นก็ว่างแทบไม่มีข้อยกเว้น  เพราะร้านไม่เคยแน่นอยู่แล้ว  แถมบริเวณนั้นไม่ โดดเด่นเอาเลย  และที่นั่งไม่อาจเรียกได้ ว่านัง่ สบาย เพราะด้านหลังมีบนั ได เพดานจึงลาดลง เวลา ลุกยืนต้องระวังไม่ให้หัวไปกระแทก  เขาเป็นชายร่างสูง  แต่ ดูเหมือนจะติดใจที่นั่งคับแคบนั้นเป็นพิเศษ คิโนะจ�าเหตุการณ์เมื่อชายคนนั้นเข้ามาในร้านครั้งแรก ได้ดี  เหตุหนึ่งเพราะเขาโกนหัวมาอย่างเรียบร้อย (ยังมีรอย เขียวๆ เหมือนเพิ่งไถปัตตาเลียนมาเมื่อครู่นี้เอง)  แม้จะผอม แต่ไหล่ผายกว้าง และสายตาเฉียบคมอย่างไรก็ ไม่ร ู้ กระดูก แก้มโปน หน้าผากกว้าง อายุคงราวสามสิบต้นๆ แม้ฝนไม่ตก และไม่มที า่ ทีจะตก เขาก็สวมเสือ้ เรนโค้ตตัวยาวสีเทา ทีแรก คิโนะถึงกับคิดว่าคงเป็นพวกท่านๆ จึงเกร็งอยู่พอควร  และ ระแวดระวังด้วย  ตอนนั้นเป็นเวลาเลยทุ่มครึ่งในคืนกลาง เดือนเมษายนที่อากาศค่อนข้างเย็น  ไม่มีลูกค้าคนอื่น คิโนะ


เขาเลือกนั่งที่ด้านในสุดของเคาน์เตอร์  ถอดเสื้อโค้ต แขวนตะขอทีผ่ นัง สัง่ เบียร์ดว้ ยเสียงเบาๆ แล้วอ่านหนังสือ เล่มหนาเงียบๆ  จากสีหน้าดูเหมือนเขาก�าลังจดจ่อกับการ อ่าน  ราวสามสิบนาทีผ่านไป  เมื่อดื่มเบียร์หมด  เขายกมือ ขึ้นเล็กน้อยเรียกคิโนะ  แล้วสั่งวิสกี้  พอถามว่าเอายี่ห้อไหน ดี  เขาก็บอกว่าไม่ได้ชอบยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ  “ขอสก็ อ ตช์ ธ รรมดาที่ สุ ด แบบดั บ เบิ ล ช็ อ ต  ผสมน�้ า ปริมาณเท่ากัน  แล้วใส่นา�้ แข็งนิดหน่อยครับ” สก็อตช์ธรรมดาทีส่ ดุ ? คิโนะรินไวท์  ลาเบลลงแก้ว เติม น�า้ ปริมาณเท่ากัน ใช้ทเี่ จาะน�า้ แข็งกะเทาะให้นา�้ แข็งแตก ใส่ ก้อนค่อนข้างเล็กรูปทรงสวยลงไปสองก้อน  เขาดื่มอึกหนึ่ง  พิจารณารสชาติ  หรี่ตาแล้วว่า  “ใช้ ได้แล้วครับ” เขาอ่านหนังสืออีกประมาณสามสิบนาที  สุดท้ายก็ลกุ ขึน้   จ่ายเงินสดโดยเอาเหรียญออกมานับให้ ไม่ต้องทอน  พอเขา ไม่อยู่  คิโนะค่อยผ่อนคลาย  แต่ถึงตัวเขาจะไม่อยู่  ร่องรอย ของเขาก็ยังคงหลงเหลือหลังจากนั้นครู่หนึ่ง  คิโนะเตรียม อาหารอยู่ด้านในเคาน์เตอร์  เงยหน้าโดยไม่ตั้งใจเป็นระยะ  ตามองไปยังเก้าอี้ที่ชายคนนั้นนั่งอยู่จนเมื่อครู่  เพราะรู้สึก เหมือนใครบางคนตรงนั้นยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อขออะไร บางอย่าง ชายคนนั้นเริ่มมาเยือนร้านของคิโนะบ่อยๆ  สัปดาห์ ละครั้งหรืออย่างมากก็สองครั้ง  ประมาณนั้น  ตอนแรกจะ ดื่มเบียร์  หลังจากนั้นสั่งวิสกี้ (ไวท์  ลาเบล  ผสมน�้าเท่ากัน น�า้ แข็งเล็กน้อย) เขาสัง่ แก้วทีส่ องบ้างเหมือนกัน แต่สว่ นมาก จะหยุดแค่แก้วเดียว  บางครั้งเขามองเมนูประจ�าวันที่เขียน Haruki Murakami

193


194

ไว้บนกระดานด�า  เลือกรับประทานอาหารเบาๆ ก็เคย เขาเป็นชายเงียบขรึม  แม้จะมาที่ร้านบ่อยแล้ว  แต่ก็ ไม่ พูดอะไรนอกจากสั่งอาหารเครื่องดื่ม  เมื่อเห็นหน้าคิโนะจะ พยักหน้าให้เล็กน้อย  เหมือนบอกว่าจ�าหน้าคุณได้นะครับ เขาหนีบหนังสือไว้ทรี่ กั แร้  เข้ามาทีร่ า้ นยามกลางคืนค่อนข้าง หัวค�า่  วางหนังสือบนเคาน์เตอร์แล้วอ่าน เป็นหนังสือปกแข็ง เล่มหนา  ไม่เคยเห็นเขาอ่านพ็อกเก็ตบุ๊กเลย  พอเขาเหนื่อย จากการอ่าน (คงจะเหนื่อย) ก็เงยหน้าขึ้นจากหน้าหนังสือ  มองขวดเหล้ า ที่ วางเรียงรายบนชั้นตรงหน้าไปทีละขวด  ราวกับตรวจสอบสัตว์สตัฟฟ์หายากที่มาจากแดนไกลโพ้น แต่เมื่อชินเข้า  การอยู่สองต่อสองกับชายคนนั้นก็ ไม่ ใช่ เรื่องกระอักกระอ่วนใจส�าหรับคิโนะอีกต่อไป  เพราะตัว คิโนะเองก็มีนิสัยเงียบขรึม  และไม่ทรมานที่จะอยู่กับใคร โดยไม่พูดจา  ระหว่างชายคนนั้นหมกมุ่นกับการอ่านหนังสือ คิโนะก็ล้างถ้วยชาม  เตรียมซอส  เลือกแผ่นเสียง  หรือนั่ง อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าและฉบับเย็นรวบยอดบนเก้าอี้ เหมือนยามอยู่คนเดียว คิโนะไม่รู้ชื่อของชายคนนั้น  ส่วนชายคนนั้นรู้ว่าเขาชื่อ คิโนะ  ร้านก็ชื่อ “คิโนะ” เช่นเดียวกัน  ชายคนนั้นไม่บอกชื่อ  และคิโนะก็ ไม่คิดถาม  เขาเป็นเพียงลูกค้าประจ�า  เข้ามาใน ร้าน  ดื่มเบียร์กับวิสกี้  อ่านหนังสือเงียบๆ  และจ่ายบิลด้วย เงินสด ไม่ได้ท�าให้ ใครเดือดร้อน ยังต้องรูอ้ ะไรมากไปกว่านี้ อีกหรือ? คิโนะท�างานบริษัทขายเครื่องกีฬาเป็นเวลาสิบเจ็ดปี สมัยเรียนมหาวิทยาลัยพลศึกษา  เขาเป็นนักวิ่งระยะกลาง คิโนะ


ที่เก่งพอสมควร  แต่ตอนปีสามเขาบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย  จึงเลิกล้มความตั้งใจที่จะเข้าทีมกรีฑาในบริษัท  หลังจบการ ศึกษาเขาเข้าท�างานบริษัทนั้นในฐานะพนักงานทั่วไป  โดย การแนะน� า ของโค้ ช   ในบริ ษั ท เขารั บ ผิ ด ชอบรองเท้ า วิ่ ง เป็นหลัก งานของเขาคือการท�าให้รา้ นเครือ่ งกีฬาทัว่ ประเทศ วางสินค้าของบริษัทมากขึ้นอย่างน้อยอีกสักนิด  และให้นัก กรีฑาแนวหน้าสวมรองเท้าของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอีก สักคน  บริษัทมีส�านักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโอกะยะมะ  เป็น บริษัทขนาดกลางที่มีเทคโนโลยีเฉพาะตัว  ไม่ได้เป็นแบรนด์ ชือ่ ดังอย่างมิซโู นะหรือแอซิกส์  และก็ ไม่มที นุ มากองเป็นเงิน ค่าสัญญาราคาแพงลิบเพือ่ ท�าสัญญาพรีเซ็นเตอร์กบั นักกีฬา ชั้นน�าระดับโลกอย่างไนกี้หรืออาดิดาส  ขนาดค่าใช้จ่าย ในการเลี้ยงอาหารรับรองนักกีฬาชื่อดังบริษัทยังไม่ออกให้ หากคิดจะเลี้ยงเหล่านักกีฬาต้องกระเหม็ดกระแหม่จาก ค่าใช้จ่ายออกต่างจังหวัด  หรือไม่ก็ควักกระเป๋าตัวเอง แต่บริษทั ของเขาก็ตดั รองเท้าส�าหรับนักกรีฑาชัน้ น�าด้วย มือ  ท�าอย่างประณีตโดยไม่ค�านึงถึงก�าไรขาดทุน  มีนักกีฬา ไม่น้อยที่ชื่นชมการท�างานด้วยใจนี้  “หากท�างานด้วยความ ซือ่ ตรง ผลก็จะตามมาเอง” เป็นแนวคิดของประธานผูก้ อ่ ตัง้ บริษทั  แนวทางเรียบๆ หันหลังให้สมัยนิยมเช่นนีข้ องบริษทั คงเข้ากับลักษณะนิสัยของคิโนะ  แม้จะเป็นผู้ชายพูดน้อย ท่าทางไม่รบั แขกอย่างเขา ก็พอท�างานการตลาดได้  และว่า ไปแล้วด้วยนิสยั เช่นนีก้ ม็ ี โค้ชทีเ่ ชือ่ มัน่ ในตัวเขา และนักกีฬา ที่ชอบเขาเป็นการส่วนตัว (แม้จะไม่มากเท่าไรนัก)  เขาตั้งใจ ฟังว่านักกีฬาแต่ละคนต้องการรองเท้าแบบไหน  แล้วน�า Haruki Murakami

195


แซมซ่าในห้วงรัก ปาวัน  การสมใจ  แปล

238

ครัน้ ลืมตาตืน่  เขาก็พบว่าตนเองได้กลายร่างเป็นเกรเกอร์ แซมซ่า  อยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว เขาจับจ้องมองเพดานห้องทัง้ ทีย่ งั นอนหงายอยู ่ ใช้เวลา ครูห่ นึง่ กว่าตาจะชินกับความมืดสลัว เพดานนัน้ ช่างดูสามัญ ธรรมดาแบบทีพ่ บเห็นได้ทวั่ ไป ในอดีตมันอาจเคยถูกทาเป็น สีขาวหรือครีมอ่อนกระมัง  แต่เมื่อเวลาผันผ่าน  รอยเปื้อน และฝุ่นได้แปรเปลี่ยนเพดานนี้ ให้กลายเป็นสีที่ชวนให้นึกถึง นมบูด  ไม่มีสิ่งประดับตกแต่ง  ไม่มีจุดเด่นให้จดจ�า  ไม่มีการ แสดงตนหรือข้อความใด  เรียกได้ว่านอกจากบทบาททาง ด้านโครงสร้างในฐานะเพดานดังที่เป็นอยู่แล้ว  แลไม่เห็นถึง ความปรารถนาที่จะเป็นอะไรมากกว่านั้นเลย ผนังห้องด้านหนึง่  (จากต�าแหน่งทีเ่ ขาอยูค่ อื ด้านซ้ายมือ)  มีหน้าต่างบานสูง แต่หน้าต่างบานนัน้ กลับถูกปิดกัน้ จากทาง ด้านใน  ผ้าม่านที่น่าจะมีอยู่แต่เดิมถูกปลดออก  แทนที่ด้วย แผ่นไม้หนาหลายแผ่นซึง่ ถูกตอกตะปูตรึงไว้กบั กรอบหน้าต่าง เป็นแนวขวาง ระหว่างแผ่นไม้แต่ละแผ่นเว้นช่องห่างจากกัน แซมซ่าในห้วงรัก


หลายเซนติเมตร ไม่รวู้ า่ เกิดจากความจงใจหรือเปล่า ท�าให้ แสงอรุ ณ สาดส่ อ งเข้ า มาเห็ น เป็ น เส้ น ขนานสว่ า งจั บ ตา หลายเส้นบนพื้นห้อง  เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องปิด หน้าต่างไว้แน่นหนาขนาดนี ้ เพือ่ กันไม่ให้ ใครเข้ามาในห้องนี?้ หรื อ เพื่ อ กั น ไม่ ใ ห้ ใคร (ซึ่ ง อาจหมายถึ ง เขาเอง) ออกไป ภายนอก?  หรื อ อาจเป็ น เพราะก� า ลั ง จะมี พ ายุ ใ หญ่ ห รื อ ลมหมุนเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า? เขากลอกตา  ขยับคอช้าๆ เพื่อหันไปส�ารวจภายในห้อง  ทั้งที่ยังคงนอนหงายอยู่เช่นเดิม ภายในห้อง  นอกจากเตียงที่เขาก�าลังนอนอยู่แล้ว  ไม่มี สิ่งที่พอจะเรียกว่าเครื่องเรือนแม้สักชิ้น  ไม่มีตู้  โต๊ะ  หรือ เก้าอี ้ ผนังไร้ซงึ่ ภาพเขียน นาฬิกา หรือกระจกแขวนไว้  ไม่มี อุปกรณ์ ให้แสงสว่าง  และเท่าที่สายตาของเขามองไปถึง ดูเหมือนว่าบนพื้นจะไม่มีพรมหรือผ้าเช็ดเท้าปูเอาไว้เช่นกัน  พืน้ ไม้เปิดเปลือย ผนังบุวอลล์เปเปอร์สเี ก่ากึก้  ลวดลายเล็ก ละเอียด  มองไม่ออกว่าเป็นลายอะไรภายใต้แสงสลัวเช่นนี้ – หรือต่อให้อยู่ในแสงสว่างก็อาจจะไม่ต่างกันนัก  ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่าง  หรือฝั่งขวามือของเขา  มีประตู ซึ่งมีลูกบิดที่สีเปลี่ยนเป็นหย่อมๆ ติดอยู่บานหนึ่ง  ห้องนี้ เดิมทีอาจจะเคยถูกใช้เป็นห้องปกติมาก่อน  เขารู้สึกได้ถึง บรรยากาศเช่นนั้น  แต่ตอนนี้กลิ่นอายของผู้อยู่อาศัยได้จาง หายไปแล้ว  เหลือเพียงเตียงที่เขานอนอยู่นี้  ถูกทิ้งไว้กลาง ห้องอย่างโดดเดีย่ ว บนเตียงไม่มเี ครือ่ งนอน ผ้าปูเตียงหรือ ผ้าห่ม  มีแต่เบาะนอนตั้งเปลือยเอาไว้เท่านั้น ที่ นี่ คื อ ที่ ไ หน  จากนี้ ไปเขาควรท� า อย่างไรดี   แซมซ่า Haruki Murakami

239


240

ไม่รเู้ ลย สิง่ ทีเ่ ขาเข้าใจได้เลือนรางคือ เขาได้กลายเป็นมนุษย์ ชื่อเกรเกอร์  แซมซ่า  ไปเสียแล้ว  และท�าไมเขาถึงได้รู้เรื่อง นัน้ ? อาจมีใครมากระซิบข้างหูวา่  “ชือ่ ของเธอคือ เกรเกอร์  แซมซ่า”  ระหว่างที่เขาหลับใหลอยู่ก็ ได้ ถ้าอย่างนัน้  ก่อนจะมาเป็นเกรเกอร์  แซมซ่า ตัวเขาเคย เป็นใครมาก่อน?  หรือเป็นอะไรมาก่อนกันแน่? แต่พอเริม่ คิดเกีย่ วกับเรือ่ งนัน้  สติของเขาก็พลันหนักอึง้ ราวกับมียุงรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่มืดทะมึนอยู่ ในหัว  สิ่งนั้น แผ่กว้างและเข้มข้น  เปล่งเสียงครางหึ่งและเคลื่อนย้ายไป ยังสมองส่วนที่อ่อนนุ่ม  แซมซ่าหยุดคิด  การคิดเรื่องลึกซึ้ง คงเป็นสิ่งที่หนักหนาเกินไปส�าหรับเขาตอนนี้ อย่ า งไรก็ ต าม  เขาจ� า เป็ น ต้ อ งเรี ย นรู ้ วิ ธี เ คลื่ อ นไหว ร่างกาย  จะให้นอนดูเพดานไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้คงไม่ได้  เพราะจะดู ห ละหลวมไร้ ก ารป้ อ งกั น ตั ว เกิ น ไป  ในสภาพ แบบนี้หากเจอศัตรู  เช่น  พวกนกดุร้าย  เข้ามาจู่ โจม  เขา คงไม่มีทางรอดแน่  ตอนแรกเขาเริ่มจากการลองขยับนิ้ว แขนซ้ายขวาทั้งคู่มีนิ้วยาวข้างละห้า  รวมทั้งหมดสิบนิ้ว เต็ ม ไปด้ ว ยข้ อ ต่อ ผสมผสานเป็น การเคลื่ อ นไหวซั บ ซ้ อ น การขยับมันท�าให้เขารู้สึกชาวูบขึ้นมาทั้งร่าง (ราวกับถูกแช่ อยู่ ในของเหลวเหนียวหนึบเกือบทั้งตัว)  ไม่สามารถส่งพลัง ไปยังส่วนปลายอวัยวะได้ดีนัก  ถึงกระนั้น  เขาก็หลับตาลง  ตั้งสมาธิ  และพออดทน ลองผิดลองถูกหลายครั้งเข้า ก็เริ่มขยับนิว้ ของมือทั้งสองได้ อย่างอิสระ และแม้จะเป็นไปอย่างเชือ่ งช้า เขาก็พอจะจ�าวิธี เคลือ่ นไหวของข้อต่อได้บา้ งแล้ว เมือ่ ปลายนิว้ ขยับ ความชา แซมซ่าในห้วงรัก


หนึบทีค่ รอบคลุมอยูท่ วั่ ร่างก็คอ่ ยคลายตัวออกทีละน้อย แต่ จากนั้นความเจ็บปวดรุนแรงก็เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง  เข้า แทนที่ความเหน็บชาราวกับหินโสโครกอัปลักษณ์ที่เผยโฉม หลังน�้าในทะเลสาบลด ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าเขาจะตระหนักได้ว่านั่นคือความหิว  เขาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนีม้ าก่อนเลย ไม่ส ิ ต้องบอกว่า อย่างน้อยเขาก็ ไม่มคี วามทรงจ�าถึงประสบการณ์นนั้ ต่างหาก มันเป็นความหิวโหยขั้นรุนแรง  ประหนึ่งว่าเขาไม่ได้กินอะไร สั ก ค� า มาเป็ น สั ป ดาห์   เหมื อ นมี โ พรงถ�้ า ว่ า งโหวงเกิ ด ขึ้ น กลางร่าง กระดูกกระเดีย้ วในตัวบดเบียดเสียดสี  กล้ามเนือ้ เหมือนโดนบิดจนท�าให้อวัยวะภายในเป็นตะคริว แซมซ่าไม่อาจทนทานความเจ็บปวดนัน้ ได้  เขาใช้ศอกยัน พื้นเตียง  ยกกายท่อนบนขึ้นทีละนิด  กระดูกสันหลังลั่นกรึบ อย่างน่ากลัวอยู่หลายครั้ง  เขานอนอยู่บนเตียงนี่มานาน แค่ไหนหนอ? ทุกส่วนของร่างกายกรีดร้องเสียงแหลมแสดง เจตนารมณ์ต่อต้านการลุกหรือเปลี่ยนอิริยาบถไปจากเดิม แต่เขาก็พยายามฝืนทนความเจ็บปวด  รวบรวมพละก�าลัง เท่าที่มีพยุงกายขึ้นมานั่งบนเตียงจนได้ ช่างเป็นร่างกายทีด่ ไู ม่ได้เอาเสียเลย แซมซ่าอดนึกไม่ได้ เมื่อมองร่างเนื้อเปลือยเปล่าของตนเองคร่าวๆ พลางใช้มือ ลองลูบไล้ส่วนที่มองไม่เห็น  ไม่ ใช่แค่ดูไม่ได้  แต่ยังไร้การ ป้องกันอย่างทีส่ ดุ  ผิวขาวเนียนลืน่  (มีขนปกคลุมร่างกายบ้าง ประปราย)  ช่วงท้องอันอ่อนนุ่มไม่มีการปิดป้องแม้แต่นิด  อวัยวะสืบพันธุ์มีรูปร่างแปลกประหลาดจนไม่น่าเชื่อ  แขน ขายาวเก้งก้างทีม่ เี พียงอย่างละสองข้าง เส้นเลือดเปราะบาง Haruki Murakami

241


พวกผู้ชายที่คนรักจากไป

มัทนา  จาตุรแสงไพโรจน์  แปล

272

โทรศัพท์ดงั ขึน้ ยามดึกตอนตีหนึง่ กว่าปลุกให้ผมตืน่  เสียงกริง่ โทรศัพท์กลางดึกมักจะดังกระโชกโฮกฮากเสมอ ฟังดูเหมือน มี ใครสักคนใช้แผ่นโลหะอ�ามหิตพยายามท�าลายล้างโลกอยู ่ ผมในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของมนุษยชาติจ�าเป็นต้องหยุด การกระท�าดังกล่าว  ผมจึงลุกออกจากเตียงเดินไปยังห้อง นั่งเล่นแล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงทุ้มต�่าของชายคนหนึ่งแจ้งข่าวให้ผมรู้เรื่องผู้หญิง คนหนึง่ หายตัวไปจากโลกใบนีช้ วั่ นิจนิรนั ดร์  เจ้าของเสียงคือ สามีของเธอผูน้ นั้  อย่างน้อยเขาก็แนะน�าตัวเองเช่นนัน้  แล้ว เอ่ ย ค� า   ภรรยาผมฆ่ า ตั ว ตายเมื่ อ วั น พุ ธ ที่ แ ล้ ว   ผมคิ ด ว่ า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องแจ้งให้คุณทราบ  เขาบอกเช่นนั้น ไม่วา่ อย่างไรก็ตาม เท่าทีผ่ มฟัง น�า้ เสียงของเขาไม่มอี ารมณ์ ความรูส้ กึ เจือปนอยูเ่ ลยสักนิด ประหนึง่ ข้อความทีเ่ ขียนเพือ่ ส่งโทรเลข  แทบไม่มีช่องว่างระหว่างค�า  เป็นค�าประกาศ อันบริสุทธิ์  เป็นความจริงที่ ไร้การเสริมแต่ง  จบแค่นี้   แล้ ว ผมพู ด อะไรตอบเขาไปนะ?  คงพู ด อะไรออกไป พวกผู้ชายที่คนรักจากไป


สักอย่างแต่นกึ ไม่ออก อย่างไรก็ด ี ความเงียบงันเข้าปกคลุม สักพักหลังจากนั้น  ความเงียบงันที่เหมือนคนสองคนก�าลัง ส่องดูหลุมลึกที่ยุบกลางถนนจากสองฝั่ง  และแล้วอีกฝ่าย ก็วางสายไปเลยโดยไม่ปริปากพูดอะไรสักค�า  ราวกับค่อยๆ  วางงานศิลปะที่เปราะบางลงบนพื้น  ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก หลังจากนั้น  ก�าหูโทรศัพท์ ไว้ ในมืออย่างไร้ความหมายอยู่ใน ชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงในบ็อกเซอร์สีน�้าเงิน ท�าไมเขาถึงรู้จักผม  เรื่องนั้นไม่รู้  หรือเธอบอกชื่อของ ผมกับสามี ในฐานะ “อดีตคนรัก”?  เพื่ออะไรกัน?  แล้วเขา รู้เบอร์ โทรศัพท์บ้านผมได้อย่างไร (ไม่ได้ลงเบอร์ ในสมุด โทรศัพท์)  แล้วท�าไมถึงต้องเป็นผม?  ท�าไมสามีของเธอต้อง จงใจโทร.มาหาผมแล้วบอกเรื่องที่เธอเสียชีวิตด้วย?  มัน ไม่น่าเป็นไปได้ว่าเธอจะเขียนในพินัยกรรมทิ้งไว้ว่าขอให้ท�า แบบนั้น  ที่ผมกับเธอคบหากันนั้นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว และหลังจากเลิกรากันก็ ไม่ได้เจอหน้ากันเลยแม้แต่ครัง้ เดียว ไม่มีแม้กระทั่งคุยกันทางโทรศัพท์   แต่เอาเถอะ  เรื่องนั้นจะยังไงก็ ได้  ปัญหาคือเขาไม่มีค�า อธิบายให้ผมเลยสักอย่าง  เขาคิดว่าต้องแจ้งเรื่องที่ภรรยา ฆ่าตัวตายให้ผมทราบ แล้วเขาก็ ได้เบอร์ โทรศัพท์บา้ นผมมา จากที่ ไหนสักแห่ง แต่เขาคิดว่าไม่มคี วามจ�าเป็นทีจ่ ะต้องบอก รายละเอียดให้ผมรูม้ ากไปกว่านัน้  ดูเหมือนว่าการก�าหนดให้ ผมอยู่กึ่งกลางระหว่างความรู้กับความไม่รู้นั้นตรงกับเจตนา ของเขา  ท�าไมล่ะ?  เพื่อให้ผมขบคิดอะไรบางอย่างหรือ?   เช่นเรื่องอะไรบ้าง?    Haruki Murakami

273


274

ผมไม่รู้  มีแต่เครื่องหมายค�าถามเพิ่มจ�านวนขึ้นเรื่อยๆ   เหมือนเวลาเด็กใช้ตรายางปัม๊ ลงสมุดโน้ตไปเรือ่ ยตามใจชอบ ด้วยเหตุนี้  กระทั่งบัดนี้ผมจึงยังไม่มีข้อมูลว่าท�าไมเธอ ถึงฆ่าตัวตายและเลือกปลิดชีวิตด้วยวิธีไหน  จะให้สืบค้นก็ ไม่มีหนทางให้สืบเสาะ  ผมไม่รู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ ไหน  จะว่า ไปผมไม่รู้ด้วยซ�้าว่าเธอแต่งงานแล้ว  แน่นอนว่าผมไม่ทราบ นามสกุลใหม่ของเธอ (ชายคนนั้นก็ ไม่ได้บอกชื่อสกุลทาง โทรศัพท์ดว้ ย) เธอแต่งงานมานานแค่ไหนแล้ว? มีลกู  (ลูกๆ)  หรือเปล่า?  แต่ผมยอมรับสิง่ ทีส่ ามีเธอบอกทางโทรศัพท์ตามนัน้  ไม่มี ความรูส้ กึ เคลือบแคลงสงสัยเกิดขึน้  หลังจากแยกทางกับผม เธอยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้  ตกหลุมรักใครสักคน  (กระมัง)  แต่งงานกับใครคนนั้น  แล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็ ปลิดชีวิตตัวเองด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างด้วยวิธี ใดวิธีหนึ่ง  ไม่วา่ อย่างไรก็ตาม มีสงิ่ ทีเ่ ชือ่ มโยงกับโลกของผูต้ ายอยูล่ กึ ๆ ในน�้าเสียงของเขาอย่างชัดเจน  ท่ามกลางความเงียบสงัด ยามราตรี  ผมได้สดับฟังเสียงสายสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยพลัง ชีวิตนั้น  ได้เห็นความตึงเปรี๊ยะของเส้นด้ายที่ขึงอยู่และ ประกายวาววับอันคมกริบนั้น  ในแง่นั้น – ไม่ว่านั่นจะเป็น การกระท�าโดยเจตนาหรือเปล่า – การโทรศัพท์มายามดึก ตอนตีหนึง่ กว่าเป็นตัวเลือกทีถ่ กู ต้องส�าหรับเขาแล้ว ถ้าเป็น เวลาบ่ายโมงคงไม่เป็นไปแบบนี้กระมัง เมื่อในที่สุดวางหูโทรศัพท์ลงแล้ว  ผมเดินกลับมาที่เตียง  ภรรยาผมก็ลืมตาตื่นอยู่เช่นกัน  “โทรศัพท์เรื่องอะไร  ใครตายเหรอ”  ภรรยาถาม พวกผู้ชายที่คนรักจากไป


“ไม่มี ใครตาย  โทร.ผิดน่ะ”  ผมบอกด้วยเสียงยานคาง ฟังดูง่วงเหงาหาวนอน แต่แน่นอนว่าเธอไม่เชือ่ เรือ่ งทีว่ า่  เพราะมีเงาของคนตาย รวมอยู่ ในเสียงของผมด้วยเช่นกัน  ความสะเทือนใจที่น�ามา โดยคนที่เพิ่งตายใหม่ๆ นั้นมีการระบาดที่รุนแรง  กลายเป็น ความสั่นสะเทือนที่มีความถี่ส่งผ่านสายโทรศัพท์  แปรรูป เสียงสะท้อนของถ้อยค�าและท�าให้ โลกเข้าจังหวะกับการ สั่นสะเทือนนั้น  แต่ภรรยาผมไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น  เรา ล้มตัวลงนอนในความมืดมิดพลางเงี่ยหูฟังความเงียบงัน ที่อยู่ตรงนั้น ต่างคนต่างครุ่นคิดอยู่ในใจ ดังที่กล่าวมา  ในบรรดาผู้หญิงทั้งหลายที่ผมคบหามา  เธอกลายเป็นคนที่สามที่เลือกวิธีการจบชีวิตตัวเอง  ลองคิด ดูแล้ว  ไม่สิ  ไม่จ�าเป็นต้องคิดเลยด้วยซ�้า  มันเป็นอัตราการ ตายที่สูงทีเดียว  นั่นเป็นเรื่องเหลือเชื่อส�าหรับผม  เพราะว่า ตัวผมก็ไม่ได้คบกับผูห้ ญิงเยอะอะไร ผมไม่เข้าใจเลยว่าท�าไม พวกเธอถึงจบชีวติ ตัวเองลง หรือจ�าเป็นต้องทยอยกันจบชีวติ ลงขนาดนั้นทั้งที่อายุยังน้อยอยู่  ผมคิดว่าคงจะดีถ้าไม่ ใช่ เป็นเพราะผม  ผมคิดว่าคงจะดีถ้าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อะไรตรงนัน้ หรือไม่  คงจะดีหากพวกเธอไม่ได้สมมติให้ตวั ผม อยู่ ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์หรือในฐานะผู้บันทึกเหตุการณ์ ผมนึกเช่นนัน้ จากใจจริง แล้วไม่รจู้ ะบอกอย่างไรดี  เธอ – เธอ คนทีส่ ามคนนัน้  (ผมขอเรียกเธอว่าเอ็ม เป็นนามสมมติตรงนี้ แล้วกัน  เพราะไม่มีชื่อก็ ไม่สะดวก) – ไม่ว่าจะใคร่ครวญ อย่างไร  เธอก็ ไม่ ใช่คนประเภทที่จะฆ่าตัวตาย  เพราะน่าจะ Haruki Murakami

275


(ค�ำชี้แจง หรือค�ำแก้ตัว หรือ)

ค�ำตำมจำกก�ำมะหยี่

เมื่อคุณเปิดมำถึงหน้ำนี้  มีควำมเป็นไปได้สูงว่ำ  คุณคงจะ อ่ำนหนังสือเล่มนี้  เริ่มตั้งแต่บทน�ำ  ‘รำยงำนกำรปฏิบัติงำน’  ที่ผู้เขียนบอกกล่ำวถึงที่มำของชื่อเล่มในภำษำญี่ปุ่นและภำษำ อังกฤษ  ทั้งชื่อแบบแปลตรงตัวและควำมหมำยซึ่งแฝงอยู่ของ ชื่อเรียบร้อยแล้ว  ควำมสับสนไม่เข้ำใจอะไรๆ ในฝั่งชื่อเรื่อง ทำงนั้นคงจบลงตรงนั้น แต่ฝง่ั ชือ่ เล่ม - ชือ่ เรือ่ งฉบับภำษำไทย  อำจจะยังไม่จบ  อำจ จะมีผู้ที่อ่ำนหรือเห็นเรื่อง  พวกผู้ชายที่คนรักจากไป  ซึ่งเป็น เรือ่ งทีเ่ ป็นชือ่ เล่ม  งุนงงสงสัยว่ำท�ำไมชือ่ เล่มในฉบับภำษำไทย ถึงหดลดเหลือแค่  ชายที่คนรักจากไป อยำกจะสำมำรถอธิบำยได้แบบยำวๆ  ดูมีหลักกำรถูกต้อง  ประมำณ...เพรำะในภำษำไทย  เรื่องของพจน์หรือจ�ำนวนใน ค�ำนำมนั้น  หำกไม่ ได้มีค�ำเฉพำะเจำะจงว่ำจะหนึ่งหน่วยหรือ หลำยหน่วยประกบอยู่  ค�ำโดดๆ สำมำรถมีนัยแฝงบ่งชี้เป็น รำยหน่วย - เอกพจน์ - ทีเ่ ป็นสมำชิก และสำมำรถหมำยรวมถึง กลุ่ม - พหูพจน์ - ได้ด้วย... พอเถอะ...รู้สึกว่ำก�ำลังด�ำน�้ำเอำสีข้ำงเข้ำถูอย่ำงไรก็ไม่รู ้ ขอเล่ำควำมจริง เรือ่ งของเรือ่ งก็คอื   ตอนทีม่ อบหมำยงำนออกแบบปก  เรำ ส่งโฟลเดอร์ ไฟล์ต้นฉบับของทั้งเล่มให้ผู้ออกแบบอ่ำนก่อน   ตอนนัน้ รีบๆ ไม่ได้เปิดตรวจดูชอื่ เต็ม  แต่คนุ้ ๆ ว่ำไม่ไกลจำกนีล้ ะ เลยบอกไปว่ำ  เรื่องสั้นที่เป็นแกนหลักของเล่มนี้ที่ควรน�ำมำ


ตีควำมท�ำปก  คือ ชายทีค่ นรักจากไป ค่ะ  เป็นคล้ำยชือ่ ย่อหรือ ชื่อเล่น  แทนที่จะบอกชื่อเต็ม  พวกผู้ชายที่คนรักจากไป แบบดรำฟต์ แ รกๆ  ผู ้ อ อกแบบใส่ ชื่ อ ย่ อ นั้ น มำ  พอได้ ดรำฟต์ค่อนข้ำงลงตัว  เรำก็อัพรูปขึ้นเฟซบุ๊กเพจ  ก่อนจะมำ ตรวจดูแล้วพบว่ำชื่อจริงคือ  พวกผู้ชายที่คนรักจากไป  เอ้ำ... ปรับให้เหมือนกัน  แก้จกุ จิกโน่นนีอ่ กี นิดหน่อยตำมประสำแล้ว เคำะ  ปัง!  อัพโชว์แฟนๆ อีกหนึ่งรอบ  ขอก�ำลังใจ ได้เรื่องเลย...ก�ำลังใจมำเพียบ  มำพร้อมเสียงคัดค้ำนว่ำใช้ ชื่อ ชายที่คนรักจากไป เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว  ไม่ต้องใส่ชื่อเต็ม หรอก  มำทั้งหน้ำไมค์และหลังไมค์  ด้วยใจที่เอนเอียงไปทำงชื่อสั้นๆ อยู่แล้ว  เพรำะรู้สึกว่ำ กระชับจับหูจำ� ง่ำย (อำจจะช่วยให้ขำยคล่อง)  จึงหมุนพวงมำลัย พรวด  เลี้ ย วยู เ ทิ ร ์ น กลั บ ทำงเดิ ม   ใช้ ชื่ อ เดิ ม  ชายที่ ค นรั ก จากไป ในทันที ดังนี้แล


ผลงานรวมเรื่องสั้นส่วนหนึ่งของฮารูกิ มูราคามิ เรียงล�าดับตามเวลาการออกฉบับภาษาญี่ปุ่น 1983 วันเหมาะเจาะสําหรับจิงโจ้ (A Perfect Day for Kangaroos) ไปดู ลู ก จิ ง โจ้ เ พิ่ ง เกิ ด ใหม่ ไปเจอสาวน้อยร้อยเปอร์เซ็นต์ เช้าวันฟ้าใสเดือนเมษายน สัมผัสความง่วงที่ไม่เข้าใคร ออกใคร นัง่ แท็กซีท่ มี่ คี นขับ เป็นแวมไพร์ และอื1นๆ 1984 เส้นแสงที่สูญหาย เราร้องไห้เงียบงัน (Firefly, Barn Burning and other stories) พบกับเรื1องสั้นที่เป็นโครงคร่าว ต้นเรื1องของ ด้วยรัก ความตาย และหั ว ใจสลาย นวนิ ย ายชื1อ เลื1อง โรงนามอดไหม้ เริงระบํา กับคนแคระ และอื1นๆ


1985 ไม่มีใครนําหน้าบนม้าหมุน (Dead Heat on a Merry-Go-Round) ชีวติ คนเราดัง่ ม้าหมุน หมุนไป ในทีท่ ถี่ กู กําหนด ไปไหนก็ไม่ได้ ไม่แซงหน้าใคร และไม่ถูกใคร แซงหน้า หากเรายังควบตะบึง ขับเคี่ยวคู่แข่งในจินตนาการ อย่างดุเดือดสูสี 1986 คําสาปร้านเบเกอรี (The Second Bakery Attack) ขอเชิ ญ เข้ า สู ่ ส ถานการณ์ พิลกึ เพีย้ น พาไปบุกปล้นร้าน เบเกอรี เพื่ อ ถอนคํ า สาป ติดตามคดีชา้ งหาย กับชาย ผู้ขายเอกภาพในเครื1องใช้ ในครัว และอื1นๆ


1990 ทีวีพีเพิล (TV People) พบกับชายผู้มีทีวีพีเพิลมา หาในเย็นวันอาทิตย์ สดับ ฟังชายชู้เมียชาวบ้าน ผู้มี นิสยั พูดคนเดียวราวกับอ่าน บทกวี รับทราบเบื้องลึก เบื้องลับของมิสเตอร์คลีน ที่ทุกคนชื1นชม และอื1นๆ 1996 ปีศาจแห่งเล็กซิงตัน (Lexington Ghosts) ไปหลงกลมนตร์ของปีศาจทีเ่ ต้น ระบําอยู่บนบทเพลงแจ๊ซและ ความตาย ไปสํารวจดินแดนมนุษย์ นํ้าแข็งอันแสนหนาวเย็นแห่ง ขัว้ โลกใต้ ไปปะทะคลื1นยักษ์รมิ ฝัง่ ทะเลชายฝัง่ ของจังหวัดเล็กๆ ห่างไกลผู้คน ไปพบกับปีศาจ เขียวทีโ่ ผล่มาให้ตระหนกอกสัน่ ขวัญแขวน และอื1นๆ


1999 อาฟเตอร์เดอะเควก (after the quake) เรื1อ งราวของตั ว ละครหกคน ในเรื1องสั้นหกเรื1องที่ตกอยู่ใน ห้ ว งรั ด แห่ ง พั น ธนาการจาก เรื1องราวหนหลังบางอย่าง ซึง่ ค่อยๆ ปรากฏโฉมขึ้ น อี ก ครั้ ง โดยมีสาเหตุจากกรณีแผ่นดิน ไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ 2005 ลึกลับ.โตเกียว.เรื1องสั้น. (Tokyo Mysterious Story Collection) เรื1องราวลึกลับหลายระดับ หลากความเข้มข้น ความ บังเอิญชวนฉงน การติดตาม คนหายสาบสูญ บ้างไปแล้ว ไปลั บ บ้ า งไปแล้ ว พบตั ว กลับมา เกิดอะไรขึน้ เมื1อชื1อ และนามสกุลหนีหายไปจาก ความทรงจํา และอื1นๆ


หากพบหนังสือที่มีขอผิดพลาดหรือไมไดมาตรฐาน อาทิ หนากระดาษขาดหายหรือสลับกัน โปรดแจงมาที่ gammemagie@gammemagie.com เพื่อขอเปลี่ยนเลมใหม


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.