Asem jamaah all

Page 1

พลานิสงค์ ของ

การละหมาดญะมาอะฮฺ ตามมโนทัศน์อลั -ก ุรฺ อาน อัล-หะดีษและวิถีกลั ญานชน

แปล / เรี ยบเรี ยง

อาเซ็ม อัชชะรีฟ aalsyareef@gmail.com

บรรณาธิการ

รศ.ดร. อับดุลเลาะ การีนา ดร. ชาฝี อี อาดํา

จัดพิมพ์ โดย

ศูนย์อิกเราะมีเดีย

08 4749 0400 aalsyareef@gmail.com ออกแบบปก

อุสมาน ลีมอปาแล

พิมพ์ ครั งแรก

มุหัรฺร็อม 1429 / มกราคม 2551

ISBN

978-974-11-4890-5 9955 บาท


คํานํา ِ ‫ﻢ اﻟ‬ ِ‫ ِﺬي ﺑِﻨِﻌﻤﺘِ ِﻪ ﺗَﺘ‬‫اﳊﻤﺪ ﷲِ اﻟ‬ ‫ﻤ ٍﺪ‬ َ‫ﻨﺎ ُﳏ‬‫ﻼم َﻋﻠﻰ ﻧَﺒِﻴ‬  ‫ واﻟ‬،‫ﺎت‬ ُ َْ ُ ‫ﺼﺎﳊ‬ ّ ُ ‫ﺴ‬ ‫ﺼﻼةُ واﻟ‬ َْ ِ ِ  ‫وﻋﻠﻰ آﻟِ​ِﻪ وﺻﺤﺒِ ِﻪ وﻣ ِﻦ اﺳ‬ .‫ﻳْ ِﻦ‬‫ودﻋﺎ ﺑِ َﺪ ْﻋ َﻮﺗِ​ِﻪ إﱃ ﻳَـ ْﻮِم اﻟﺪ‬ َ ‫ﺘﻪ‬‫ﱳ ﺑِ ُﺴﻨ‬ َْ َ ْ َ

การสรรเสริ ญทั%งมวลเป็ นสิ ทธิ ของอัลลอฮฺ ผูอ้ ภิบาล แห่ งสากลโลก การวิงวอนขอพรและความสันติ สุขอย่างสมบูรณ์ พึงประสบแด่ผนู ้ าํ บรรพชนยุคแรกและยุคสุ ดท้ายผูซ้ F ึ งถูกส่ งมาเพืFอ เป็ นความเมตตาแก่ชาวโลกทั%งมวล คือท่านนบีของเรามุหมั มัด แด่ ว งศ์ว านและบรรดาสาวกของท่ า น ตลอดจนผูท้ ีF ด ํา เนิ นตาม แนวทางของท่านด้วยความดีจนกระทังF วันแห่งการตอบแทน อัลลอฮฺ

ได้ช% ีถึงท่านรสู ล

แก่พวกเราว่า:

﴾ β◊Ω⇒ΤΩ♥Ωš δ〈Ω Τ♠ΡΚ… ϑðΨ/≅… ΨΣ♠⁄Ω ℑ ⌠¬Ρ∇ς√ Ω⇐†ς ŸΤΩ⊆ςΠ√ ﴿ (อัล-อะหฺ ซาบ : 21)

ความว่า:แน่ แท้ ในเราะสู ลของอัลลอฮฺ มีแบบฉบับอันดี งาม (ที จําเป็ นต้ องปฏิ บัติตามในทุกคําพูดและการ ปฏิ บัติ) สําหรั บพวกเจ้ าแล้ ว ข


พลานิสงค์ ของการละหมาดญะมาอะฮฺ

ท่านเราะสู ล ก็ได้กาํ ชับพวกเราให้ปฏิบตั ิตามวิถีชีวติ ของท่านและบรรดาเศาะหาบะฮฺโดยเฉพาะบรรดาเคาะลีฟะฮฺท% งั สีF ท่าน เราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ ِ​ِ ِ ِ ِ ِ ( (‫ﲔ‬ َ ْ ‫ﺮاﺷﺪﻳْ َﻦ اﳌَْﻬﺪﻳـ‬‫ﺔ اﳋُﻠَﻔﺎء اﻟ‬‫ﱵ َو ُﺳﻨ‬ ْ ‫))ﻓَـ َﻌﻠَْﻴ َﻜ ْﻢ ﺑ ُﺴﻨ‬ (สุ นนั อัต-ตัรมิซีย ์ 5/44 เลขทีF 2676) ความว่า: พวกเจ้ าจงปฏิ บัติตามวิถีของข้ าและวิถีของ บรรดาเคาะลีฟะฮฺ ทีปราดเปรื องและได้ รับทางนํา แท้จริ งแล้ว ในการทีFจะแก้ปัญหาโลกอิสลามทุกวันนี% เรา ไม่จาํ เป็ นต้องเปลีF ยนประชาราษฎร์ ทีFเบีF ยงเบนและหลงลื มให้ยึด มันF กับ อิ ส ลาม เสมื อนสิF ง ทีF จาํ เป็ นอย่า งเร่ ง ด่ วนในการเชิ ญชวน มุสลิมกลับมายึดมันF กับแบบฉบับของท่านเราะสู ล บรรดาเศาะ หาบะฮฺ และนัก ปราชญ์มุ สลิ มทีF ได้รับ ทางนําทีF เทีF ยงตรงแล้ว ผูท้ ีF ศรั ท ธาทีF ดีย งั คงหลงเหลื อ อี ก มาก พอเพี ย งแล้วสํ า หรั บ เราทีF จ ะ กระทํา ความดี ถ้า บรรดาศรั ท ธาชนเหล่ า นี% รู ้ จ ัก ถอนตัว กลับ มา สู่ อลั ลอฮฺ ดําเนิ นชี วิตตามแบบฉบับของท่านเราะสู ล ไม่ หวันF ไหวกับ อิ ท ธิ พ ลโลกดุ นยา ตี ต ัว ห่ า งจากภัย ฟิ ตนะฮฺ (สิF ง ทีF ผลักดันให้เกิ ดวิกฤต) มีความอดทนต่อภัยพิบตั ิ และหันมาพัฒนา ความชํานาญในการเป็ นประชาชาต◌ิตวั อย่าง ค


“ก่ อนที เราจะก้ าวไปไกล” มีนยั ทีFเราต้องมาหยุดคิดในแต่ ละก้าวของชี วิต ประชาชาติ อิสลามจะต้องให้ความสําคัญกับการ นําพาประชาชาติและเผชิ ญหน้ากับโลกแห่ งข้อมูลทางวิชาการ ซึF ง ต้องเน้นหนักในเรืF องการญิฮาดด้วยหลักฐาน เราจะต้องนําเสนอ อิ ส ลามในการเป็ นวิ ถี แ ห่ ง การดํา เนิ นชี วิ ต ให้ไ ด้ อย่า งไรก็ ต าม อาจจะ มีเหตุฉุกเฉิ นจากความหลงลืมและความละเลยจากชาวโลก และอาจจะปกคลุมด้วยความไม่รู้ มิหนําซํ%ายังมีสถานการณ์เฉพาะ ในแต่ละยุคสมัยและสิF งประดิษฐ์ใหม่ๆ ได้ผุดขึ%นในแต่ละศตวรรษ ทีF ผลัก ดันความจํา เป็ นในการทําความเข้าใจใหม่ หรื อหนทาง ปฏิบตั ิงานอันใหม่ จากจุดนี% เราจะกล่าวได้ว่า : แท้จริ ง ในยุค สมัยใหม่น% ียงั มีนยั อีกมากมายทีFตอ้ งการการรื% อฟื% นความทรงจํา เพืFอ มุ ส ลิ ม สมัย ใหม่ จ ะไม่ ก้า วไปไกลจากความจํา เป็ นของยุ ค สมัย ข้าพเจ้าหวังว่า สาส์ นนี%จะมีคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงสําหรับ ท่านผูอ้ ่านทีFมีเกียรติท% งั หลาย “ญะมาอะฮฺ ” เป็ นนัยหนึF งทีFบ่งชี% ถึงความเป็ นปึ กแผ่น การ เป็ นกลุ่ มเป็ นก้อน การบริ หารและการจัดการ ความเป็ นระเบี ยบ เรี ยบร้ อย รวมถึ งความสมานสามัคคี และปรองดองกัน ไม่ว่าจะ เป็ นญะมาอะฮฺ ในการละหมาด สังคมและการปกครองแม้กระทังF ในสนามรบก็ตาม ล้วนเป็ นทีFรักยิFงของอัลลอฮฺ เพราะพระองค์ ง


พลานิสงค์ ของการละหมาดญะมาอะฮฺ

ทรงรักผูท้ ีFมีความหนักแน่นมันF คงในการทําศึกสงครามในสภาพทีF พวกเขาอยูใ่ นแถวเดียวกัน ประหนึFงพวกเขาเป็ นอาคารทีFแข็งแกร่ ง การเป็ นผู ้นํา และผู ้ต ามในการละหมาด “ญะมาอะฮฺ ” เปรี ยบเทียบได้กบั การปกครองและการจัดระเบียบสังคมในอิสลาม เริF มด้วยการปฏิบตั ิตามอย่างเคร่ งครัด (ฏออะฮฺ ) และไม่สามารถฝ่ า ฝื นหรื อปฏิ บตั ิ ก่อนการปฏิ บตั ิ ของอิ มาม ผูต้ ามสามารถตักเตื อน หรื อทักทวงอิมามได้ถา้ หากเขาได้ปฏิบตั ิสFิ งทีFผดิ พลาดหรื อหลงลืม บทบาทของผูห้ ญิงก็ไม่ต่างไปจากผูช้ ายในการยับยั%งความผิดพลาด และส่ งเสริ มการกระทําความดีและความประเสริ ฐทั%งหลาย จําได้ ไหมว่า เรืF องราวทีFเกิดขึ%นกับอุมรั ฺ อิบนุ อลั -ค็อฏฏอบ ผูท้ ีFท่าน นบี ได้ให้คุณลักษณะแก่ท่านว่าเป็ นภาชนะแห่ งองค์ความรู ้ วัน หนึF งในขณะทีFท่านได้กล่าวถึ งเกีFยวกับเรืF องค่าสิ นสอดของผูห้ ญิง ในสู เราะฮฺ อนั -นิ สาอ์ อายะฮฺ ทีF 20-21 มีผหู ้ ญิงท่านหนึF งได้คดั ค้าน ข้อ มู ล ทีF ท่ า นอุ ม ัรฺ ได้ ก ล่ า วไว้ ทัน ที ท ัน ใดท่ า นก็ ย อมรั บ ความ ผิดพลาดต่อหน้ามวลชนทั%ง หลายด้วยคํากล่ า วทีF ชัดเจนว่า “อุ มัรฺ ผิดพลาดแล้ ว ส่ วนผู้หญิงท่ านนั0นพูดถูกต้ อง” การยอมรับของท่าน ต่อหน้ามวลชนไม่ได้ลดสถานะของท่านเลย มิหนําซํ%าผูค้ นต่างให้ การยอมรับและเป็ นทีFไว้วางใจของผูต้ ิดตามท่านมาตลอด การนําละหมาดญะมาอะฮฺ ในขณะทีFท่านเราะสู ล ป่ วย หนักในวาระสุ ดท้าย ท่านไม่ยนิ ยอมให้คนอืFนนําละหมาดนอกจาก จ


กําชับให้อบูบกั รฺ เป็ นอิมามแทน จากจุ ดนี% เอง ผลักดันให้ บรรดาเศาะหาบะฮฺ มีความคิ ดเห็ นว่า ในเมืF อท่านเราะสู ล ได้ ยินยอมให้ท่านอบูบกั รฺ เป็ นผูน้ าํ ในการปฏิ บตั ิกิจการศาสนาแทน ท่า น แล้วทําไมเราไม่ยินยอมให้อบูบ กั รฺ เป็ นผูน้ ําของเราในทาง โลกนี% ล่ะ หมายถึ ง การเป็ นเคาะลี ฟะฮฺ หลังจากทีF ท่านเราะสู ลได้ สิ% นชีวติ ไปแล้ว ดังนั%น เราประจักษ์แล้วว่า ความสําคัญของการละหมาด ญะมาอะฮฺ มากแค่ไหน เราพอจะสัมผัสความสําคัญนี%ได้ ในเมืFอเรา รู ้ว่า ช่ วงสุ ดท้ายทีFท่านนบี ไม่สามารถทีFจะออกจากบ้านไปนํา ละหมาดได้ เพราะท่านอยูใ่ นอาการป่ วยหนักจนทําให้สิ%นชี วิต ใน วาระสุ ดท้ายของชี วิต ท่านมีใบหน้าทีFยิ%มแย้มแจ่มใสมาก เมืFอท่าน มองไปยังแถวละหมาดทีFท่านอบูบกั รฺ กําลังนําละหมาดให้กบั บรรดาเศาะหาบะฮฺท% งั หลาย การละหมาดด้วยความบริ สุทธิ ใจต่ออัลลอฮฺ สามารถ ทําให้จิตใจของผูศ้ รัทธาสงบได้ อิมามอะบูดาวูดและอิมามอะหฺ มดั ว่าได้รายงานถึ งแบบฉบับของท่านเราะสู ล ในการเผชิ ญหน้า กับอุปสรรคว่า ِ َ ‫ن رﺳ‬ َ‫))أ‬ ((ِ‫ﺼﻼة‬  ‫ع إﱃ اﻟ‬ َ ‫ﻮل اﷲ إذا َﺣَﺰﺑَﻪُ أ َْﻣٌﺮ ﻓَـَﺰ‬ َُ ฉ


พลานิสงค์ ของการละหมาดญะมาอะฮฺ

ความว่ า เมือท่ านเราะสู ลมีเรื องที ทําให้ ร้ ู สึกไม่ สบายใจ ท่ านจะรี บไปละหมาด จากการปฏิบตั ิของท่านเราะสู ล เราสามารถเข้าใจนัย ในคําพูดของท่านว่า ِ ‫ﺼ‬ ((‫ﻼة‬  ‫ﺮَة َﻋْﻴ ِﲏ ﰲ اﻟ‬‫ﺖ ﻗُـ‬ ُ ‫)) َو َﺟ َﻌ ْﻠ‬ ความว่ า ฉั นได้ นาํ ความรื นรมย์ ของสายตา (ความ สงบจิ ตสงบใจ) ในการละหมาด ด้วยเหตุน% ีเอง ท่านเราะสู ล จึงเป็ นผูท้ ีFมีจิตใจทีFสงบ วิญญานทีFมีความสุ ขอย่างแท้จริ ง และห่างไกลจากความหลงลืมใน การปฏิบตั ิภาระหน้าทีFทีFสูงส่ งในการเผยแผ่สาส์นอิสลาม นีFแหละ สภาพของผูศ้ รัทธาทีFแท้จริ ง ส่ วนผูท้ ีFไม่ใช่ผศู ้ รัทธาในอัลลอฮฺ อาจจะมุ่งสู่ สFิ งทีFเขาคิดว่าสิF งนั%นสามารถทําให้เขาลืมทุกสิF งทุกอย่าง ซึF งเขากําลังประสบอยู่ และคิดว่าสิF งนั%นสามารถปลีFยนสู่ สภาพทีF ดีกว่าโดยการดืFมสิF งมึนเมาต่างๆ เสพสิF งเสพติด และวิธีอืFนๆ อีก มากมาย นักการแพทย์ตะวันตกได้ยนื ยันว่า การละหมาดสามารถ ช่วยและบรรเทาอาการของโรคและพฤติกรรมต่างๆ ได้ แม้กระทังF ในผูท้ ีFประสบกับโรคมะเร็ งหรื อโรคเอดส์ก็ตาม และการวิจยั ช


มากกว่า 200 เรืF องได้ยนื ยันว่า ผูท้ ีFยดึ มันF กับศาสนา ความดันโลหิ ต ของเขาจะตํFา และจิตใจของเขามีสุขภาพดี (Fathi Yakan. 1998 : 57) ดังนั%น การยึดมันF กับศาสนาด้วยการอิบาดะฮฺ โดยเฉพาะ การละหมาดญะมาอะฮฺ จะช่วยให้ผปู ้ ฏิบตั ิมีจิตใจทีFสงบ อัลลอฮฺ ได้เน้นหนักในเรืF องนี%มาก พระองค์ตรัสว่า ς∏Ω∅ ‚Πς ΜΞ… δ〈≤Ω∼Ψ‰ς∇ς√ †ΩςΤΠ ⇓ΜΞ…Ω &Ψ〈λ ς∏ϑð±√≅…Ω ⁄Ξ ιϑð±√≅†ΨŠ Ν…Σ⇒∼Ψ⊕Ω Τ♠≅…Ω ﴿

(٤٥ :‫)اﻟﺒﻘﺮة‬

﴾(45) Ω⇐κΨ⊕Ψ↑ΤΗ Ω=<√≅…

ความว่ า พวกท่ านจงอาศัยความอดทน (ในการปฏิ บัติ ตามศาสนบัญญัติ) และการละหมาดเถิด แท้ จริ งการ ละหมาดนั.น เป็ นสิ งใหญ่ โต นอกจากบรรดาผู้ทีนอบ น้ อมถ่ อมตนเท่ านั.น (ที จะรู้ สึ กว่ าการละหมาดนั.นเป็ น เรื องเล็ก) และพระองค์ตรัสอีกว่า (١٣٢ :‫†∃ ﴾ )ﻃﻪ‬Ω∼ς∏Ω∅ ⁄ιΨ ς≠π″≅…Ω Ψ〈λ ς∏ΘΩ±√≅†ΨŠ ∠ ð ΤΩ ∏∑ςΚ… ≤⌠ ΤΣ∨Κ<…Ω ﴿

ความว่ า ท่ านจงกําชับครอบครั วของท่ านให้ ดาํ รง ปฏิ บัติละหมาดและจงอดทนในการปฏิ บัติมนั


พลานิสงค์ ของการละหมาดญะมาอะฮฺ

อัลลอฮฺ ได้เน้นหนักและกําชับให้ดาํ รงการละหมาด เพราะการละหมาดจะช่วยให้ผปู ้ ฏิบตั ิรําลึกถึงพระองค์ และมีความ ยํา เกรงต่ อพระองค์ มุ ส ลิ ม ต้องใช้ค วามอดทนเป็ นสํา คัญในการ ปฏิบตั ิ ทั%งนี%เพราะการละหมาดนั%นต้องปฏิบตั ิเป็ นเนื องนิ จ อันเป็ น ภาระทีF เ ปรี ย บเสมื อ นสิF ง ใหญ่ โ ตทีF ต้อ งใช้ อุ ต สาหะเป็ นสํ า คัญ นอกจากบรรดาผูท้ ี. นอบน้อมแต่ พ ระองค์แ ละปฏิ บ ัติ ด้วยความ ศรัทธาเท่านั2นที.จะรู ้สึกว่าการละหมาดนั2นเป็ นเรื. องเล็ก หนังสื อเล่มนี% ได้กล่าวถึงการให้ความสําคัญของท่านเราะ สู ล บรรดาเศาะหาบะฮฺ และอุละมาอ์ท% งั หลายต่อการละมาดญะ มาอะฮฺ รวมถึ ง การรวบรวมข้อคิ ดเห็ นของบรรดาอุ ล ะมาอ์ท% งั 4 มัซฮับในการกําหนดหุ กุมของการละมาดญะมาอะฮฺอีกด้วย ในโอกาสนี% ผูแ้ ปลขอขอบคุณ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.อับ ดุลเลาะ การี นา และ ดร. ซาฝี อี อาดํา ทีFได้ตรวจทาน ให้ขอ้ คิดเห็น และแก้ไขการแปลครั%งนี% ผูแ้ ปลหวังว่า หนังสื อเล่มนี% สามารถให้ ประโยชน์กบั ผูอ้ ่าน ในการปฏิบตั ิอิบาดะฮฺ ภาระหน้าทีFและความ รับผิดชอบในความเป็ นมุสลิมทีFสมบูรณ์ ในแต่ละวัน ความบะเราะ กะฮฺ (ความศิริมงคล) และความประเสริ ฐต่างๆ กําลังรอพวกเราอยู่ การภักดี การละหมาด การเศาะดะเกาะฮฺ (ทานอาสา) การดุอาอ์ (การวิง วอน) การอิ ส ตี ฆฟารฺ (การขออภัย โทษจากอัล ลอฮฺ ) ฌ


และการงานทีFดีต่างๆ จะเป็ นเสบียงแห่งพลังทีFมีค่ายิFงสําหรับเราใน การบรรลุสู่ หลักชัยทั%งในโลกนี% และโลกอาคิ เราะฮฺ (สุ ดท้าย) หวัง ว่าเราทุกคนจะได้อยู่ร่วมกับบรรดาผูท้ ีFได้รับความประเสริ ฐจากอิ บาดะฮฺ (การภักดีต่อพระผูเ้ ป็ นเจ้า) ด้วยเถิด อามีน อัลลอฮฺ เทีFยงตรง

ผูป้ ระทานความสําเร็ จและผูท้ รงชี%นาํ สู่ ทางทีF

ٍ ِ​ِ .‫وﺻ ْﺤﺒِﻪ‬ ّ ‫ﺘﺐ ﺣﺎﻣﺪاً ﷲ‬ َ ‫ﻤﺪ وﻋﻠﻰ آﻟﻪ‬ َ‫ﻨﺎ ُﳏ‬‫ﻴﺎً ﻋﻠﻰ ﻧَﺒِﻴ‬‫ﺼﻠ‬ َ ‫وﻣ‬ ُ ‫وﺟﻞ‬ َ ‫ُﻛ‬ ّ ‫ﻋﺰ‬ อาเซ็ม อัชชะรีฟ 10 Muharram 1429 H.


คําบุพบท การสรรเสริ ญทังมวลเป็ นสิ ทธิ ของอัลลอฮฺ ผูอ้ ภิบาล แห่ งสากลโลก การวิงวอนขอพรและความสันติ สุขอย่างสมบูรณ์ พึงประสบแด่ผูน้ าํ บรรพชนยุคแรกและยุคสุ ดท้าย ผูซ้ . ึ งถูกส่ งมา เพื.อเป็ นความเมตตาแก่ชาวโลกทังมวล คือท่านนบีของเรามุหมั มัด แด่วงศ์วานและบรรดาสาวกของท่าน ตลอดจนผูท้ ี.ดาํ เนิ นตาม แนวทางของท่านด้วยความดีจนกระทัง. วันแห่งการตอบแทน แท้จริ งการละหมาดเป็ นรุ กุน (หลักการ) อิสลามข้อทีสอง เป็ นเสาหลักของศาสนาและเป็ นการงานที รั กยิงของอัลลอฮฺ การปฏิ บตั ิละหมาดในสภาพร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นส่ วนหนึ งของ อิบาดะฮฺ ทีอิสลามได้เน้นหนักไว้ เป็ นการฏออะฮฺ (การภักดี ) และ เป็ นเอกลักษณฺ แห่งอิสลามทียิงใหญ่ แต่ทว่า มุสลิมส่ วนใหญ่ไม่ให้ ความสําคัญกับเรื องนี3 อันเนื องจากสาเหตุหลายประการ ส่ วนหนึ ง จากสาเหตุ ดังต่อไปนี3:

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

1


1. ไม่หยัง. รู ้ ในผลบุ ญอันยิ.งใหญ่ที. อลั ลอฮฺ ได้เตรี ย มไว้ สํา หรั บ ผูท้ ี. ล ะหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ หรื อหลงลื ม ใน เรื. องนี 2. ไม่ ท ราบเกี. ย วกับ บทบัญ ญัติ ห รื อ ข้อ ชี ขาดเกี. ย วกับ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ หรื อไม่ให้ความสนใจในเรื. อง นี เนื.องจากความปรารถนาที.จะให้เพื.อนมุสลิมได้รําลึกและ ประจักษ์ถึงความสําคัญของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ข้าพเจ้าจึงได้ตงโจทย์ ั ปัญหาดังต่อไปนี : 1. ความประเสริ ฐ ของการละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ มี อะไรบ้าง 2. อะไรคือบทบัญญัติของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 3. ท่านนบี ให้ความสําคัญกับการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺอย่างไร 4. บรรดาเศาะหาบะฮฺ แ ละชนยุ ค หลัง จากพวกเขาได้ใ ห้ ความสําคัญกับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺอย่างไร 5. บรรดาอุ ล ะมาอ์แ ละเหล่ า อิ ม ามในมัซ ฮับ มาลิ กี ย ์ หะ นะฟี ย์ ชาฟิ อี ย ์ หั น บะลี ย ์แ ละซอฮิ รี ย์มี ค วามคิ ด เห็ น อย่างไรเกี.ยวกับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 2

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ลักษณะเด่นในวิธีการเขียนตําราเล่มนี ในการเขียนตําราเล่มนี ข้าพเจ้าใช้วธิ ี การต่างๆ ดังต่อไปนี 1. มหาคัมภีร์อลั -กุรฺอานและอัล-หะดีษเป็ นสิ. งอ้างอิงหลักใน การเขียนตําราเล่มนี 2. สรรหาอัล-หะดีษที.เศาะหี ฮฺโดยนํามาจากแหล่งที.เชื. อถือได้ และกล่ าวถึ งการขอชี ขาดของบรรดาอุละมาอ์ผูท้ ี. เป็ นนัก รายงานอัล-หะดี ษโดยวิธีการระบุ สถานภาพของอัล-หะ ดีษซึ. งเป็ นอัล-หะดีษที.ถูกรายงานนอกเหนือจากการอ้างอิง โดยอัล-บุคอรี ยแ์ ละมุสลิม 3. ในการอ้างอิงถึ งอายะฮฺ ของคัมภีร์อลั -กุรฺอานและอัล-หะ ดี ษ ข้า พเจ้าได้อาศัย คําบรรยายจากนักอรรถาธิ บ ายและ จากการขยายความของนักรายงานอัล-หะดีษ 4. นําเสนอสภาพการณ์ ของท่านนบี บรรดาเศาะหาบะฮฺ และผูต้ ิดตามท่านในยุคแรกที.แสดงถึงการให้ความสําคัญ กับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 5. การกล่าวถึ งข้อคิดเห็ นของบรรดาอิมามในมัซฮับมาลิ กีย ์ หะนะฟี ย์ ชาฟิ อี ย ์ หัน บะลี ย ์ ซอฮิ รี ย ์แ ละคนอื. น ๆ ว่า มี ความคิ ด เห็ น อย่ า งไรเกี. ย วกับ การละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

3


6. พยายามขัด เกลาหนัง สื อ อ้า งอิ ง ในขณะที. ไ ด้อ้า งอิ ง ถึ ง สภาพการณ์ ของชนยุคสะลัฟ (ผูท้ ี. ใช้ชีวิตใน 3 ศตวรรษ แรก) คําพูดและข้อคิดเห็นของพวกเขา 7. บรรดาอุ ล ะมาอ์ ที. ข ้ า พเจ้ า กล่ า วถึ ง ในขณะที. ย กอ้ า ง ข้อคิ ดเห็ นของพวกเขาที. นอกเหนื อจากเศาะหาบะฮฺ นัน ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงชีวประวัติของพวกเขาด้วย โครงร่างการเขียน โครงร่ างการเขียนตําราเล่มนีมีลกั ษณะดังต่อไปนี: คํานํา บทที. 1 ความประเสริ ฐของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ บทที. 2 บทบัญญัติของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ บทที. 3 ท่านนบี และบรรดาชสะลัฟแห่ งประชาชาติ น3 ี ให้ ความสําคัญต่อการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ บทที. 4 ความคิดเห็นของบรรดาอุละมาอ์แห่ งประชาชาติน3 ีใน เรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ บทสรุ ป รวมถึงสิ งทีได้รับจากการเขียนและข้อเสนอแนะ

4

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


กิตติกรรมประกาศและบทด ุอาอ์ การสรรเสริ ญทังมวลเป็ นสิ ทธิ ของอัลลอฮฺ ผูท้ รงเอกะ และผูท้ รงเป็ นที.พ. ึง ซึ. งพระองค์ประทานให้ขา้ พเจ้าได้ดาํ เนิ นการ วิจยั นี และข้า พเจ้า ขอขอบคุ ณ แด่ อาจารย์ม นั นาอ์ อิ บ นุ เคาะลิ ล ก็อฏฏอนและ ดร. มะหฺ มู ด มี เราะฮฺ รวมถึ ง สหายรั ก ดร. สั ย ยิด มุหมั มัดสาดาตี อัช-ชันกีฏียแ์ ละ ดร. ยูสุฟ มุหฺยดิ ดีน อะบูฮะลาละฮฺ ที.ได้ให้คาํ ปรึ กษาในการเขียนตําราเล่มนี ขอให้อลั ลอฮฺ ทรง ประทานคุณงามความดีแก่พวกเขาด้วย ขอให้อลั ลอฮฺ ทรงตอบแทนความดีของท่านบิดาและ มารดาที.ชีทางในการเขียนครังนี ข้าพเจ้าขอจากพระองค์ประทาน ความเมตตาแก่ ท่ า นทังสองดัง ที. ท่ า นทังสองได้เ มตตาข้า พเจ้า ในช่ วงวัยเด็ก และให้การงานของข้าพเจ้านี บริ สุท ธิG ใจเพีย งเพื. อ พระองค์และทําให้การงานนีเป็ นเสบียงแก่ขา้ พเจ้าและบิดามารดา ของข้าพเจ้าในวันกิยามะฮฺ ซึ. งเป็ นวันที.ทรัพย์สินและลูกหลานไม่ สามารถมีความสําคัญเลยนอกเสี ยจากผูท้ ี.กลับสู่ อลั ลอฮฺ ด้วยใจ ที. บริ สุท ธิG และขอดุ อาอ์ให้พระองค์ประทานการชี นําแก่ ข ้าพเจ้า และเพื. อนมุ ส ลิ ม ทุ ก คนในการงาน การวิ ง วอนขอพรและความ สันติ สุ ขอย่า งสมบู รณ์ พึ งประสบแด่ ท่า นนบี ของเรา แด่ วงศ์ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

5


วานและบรรดาสาวกของท่า น ตลอดจนผูท้ ี. ดาํ เนิ นตามแนวทาง ของท่าน กรุ งริ ยาฎ พฤหั สบดี 15 เราะมะฎอน 1412 ฮ.ศ. ฟัฎลุ อิลาฮี

6

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


--------------------------------------------------- บทที#

1

ความประเสริฐ ของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

7


ความนํา ส่ วนหนึ งจากความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ต่อบ่า ว ของพระองค์ คือ พระองค์ประทานผลบุ ญอันใหญ่หลวงในการ ละหมาดร่ วมกับ ญามาอะฮฺ ผลบุ ญนี3 เริ มตั3ง แต่ ค วามผูก พันของ หัว ใจกับ มัส ญิ ด การเดิ น สู่ ม ัส ญิ ด เพื อการละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ จนกระทังบ่าวเสร็ จสิ3 นจากการละหมาด และผลบุญยังไม่ เพียงพอแค่น3 ี แต่วา่ มันยังคงต่อเนื องจนกว่าผูล้ ะหมาดถึ งบ้านของ เขา และอัล ลอฮฺ ยัง คงประทานผลบุ ญ พิ เ ศษสุ ดในการ ละหมาดอิชาอ์ ศุบหฺ และอัศรฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺอีกด้วย ข้าพเจ้าจะกล่าวในบทนี3-ด้วยความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ - ในหัวข้อต่อไปนี3 1.1 หัวใจทีผูกเหนี ยวกับมัสญิดจะอยู่ใต้ร่มเงาแห่ งอัลลอฮฺ ในวันกิยามะฮฺ 1.2 ความประเสริ ฐของการเดิ นสู่ มสั ญิ ดเพือการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 1.3 ผูท้ ีเยือนมัสญิด คือ ผูท้ ีมาเยียมเยียนอัลลอฮฺ 1.4 อัลลอฮฺ ทรงปิ ติ ยินดี กบั การเยือนมัสญิ ดของบ่าว เพือทําการละหมาด 1.5 ความประเสริ ฐของการรอคอยการละหมาด 8

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.6 1.7 1.8 1.9 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 1.15

ความประเสริ ฐของแถวแรก ความประเสริ ฐของแถวซี กขวา อัลลอฮฺ ทรงชอบการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ความประเสริ ฐของการกล่าว "อามีน" พร้อมกับอิมาม การอภัยต่ อความผิดสําหรั บผูท้ ี อาบนํ3าละหมาดอย่า ง สมบูรณ์แบบแล้วไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ มีความความประเสริ ฐ กว่าการละหมาดคนเดียว การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ จะปกป้ องบ่าวจากมาร ร้ายชัยฏอน เพิมความประเสริ ฐการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ดว้ ย การเพิมจํานวนผูล้ ะหมาด การปลอดพ้นจาก 2 สิ งสําหรั บผูล้ ะหมาดที ทันตักบี รฺ แรกพร้อมอิมาม 40 วัน ความประเสริ ฐการละหมาดอิ ช าอ์ ศุ บ หฺ และอัศ รฺ ร่ วมกับญะมาอะฮฺ

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

9


1.1 หัวใจทีผูกเหนียวกับมัสญิดจะอยู่ใต้ ร่มเงาแห่ งอัลลอฮฺ วันกิยามะฮฺ

ใน

สิ งที บ่ ง บอกถึ งความประเสริ ฐของการละหมาด ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ คื อ อัล ลอฮฺ จะทรงบัง ผูท้ ี รั ก มัส ญิ ด และ ปฏิบตั ิละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ใต้ร่มเงาแห่ งพระองค์ในวันทีไม่ มีร่มเงานอกเสี ยจากร่ มเงาของพระองค์ อิมามอัล-บุคอรี ยแ์ ละอิมาม มุสลิมได้รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านนบี ได้กล่าวว่า ِ​ِ ِ ‫اﻹﻣﺎم‬ : ُ‫ﻪ‬‫ﻞ إﻻ ِﻇﻠ‬ ‫ﻳﻮم ﻻ ِﻇ‬ ُ َ ‫ﻪ‬‫ ُﻬ ُﻢ اﷲُ ﰲ ﻇﻠ‬‫)) ﺳﺒﻌﺔٌ ﻳُﻈﻠ‬ ِ ‫ ٌﻖ ﰲ‬‫ـ وَرـ ُﺟـ ٌﻞ ﻗَـ ْﻠﺒُﻪُ ُﻣـ َﻌﻠ‬،‫ ِﻪ‬‫ـﺷﺎب ﻧـَ َﺸﺄَ ﰲـ ﻋﺒﺎدـ ِةـ رﺑـ‬ ٌ ‫ـ و‬،‫اﻟـﻌﺎدـ ُل‬ ِ ِ ‫اﷲ اﺟﺘَﻤﻌﺎ‬ ِ ‫ﻼن ِﲢﺎﺑﺎ ﰲ‬ ِ ‫ ورﺟ‬، ‫اﳌﺴﺎﺟ ِﺪ‬ ،‫ﺮﻗﺎ ﻋﻠﻴﻪ‬‫ﻋﻠﻴﻪ وﺗَـ َﻔ‬ َ​َ َُ ِ ‫ورﺟﻞ ﻃَﻠَﺒْﺘﻪ اﻣﺮأٌَة ذات ﻣْﻨ‬ ٍ‫ﺼ‬ ‫َﺧﺎف‬  :‫ﻓﻘﺎل‬ َ ‫وﲨ ٍﺎل‬ ُ ‫إﱐ أ‬ َ ‫ﺐ‬ َ َ َْ ُ َ ٌ ُ َ ِ ِ ‫ﺪ َقـ أـ ْﺧـﻔﻰ ﺣــﱴ ﻻـ ﺗـَ ـ ْﻌﻠَ َﻢ ﴰـﺎﻟُـﻪُ ﻣــﺎ ﺗـُـْﻨﻔ ُﻖ‬ ‫ﺼ‬ َ ‫ـ وــَـرـ ُﺟـ ٌﻞ ﺗَـ‬،‫اـﷲَـ‬ ِ .‫ ـ َﻔ ٌﻖ ﻋــﻠﻴﻪ‬‫ﺖ َﻋـْﻴﻨﺎﻩُـ(( ُﻣـﺘ‬ ْ ‫ـﻔﺎﺿ‬ َ ‫ـ وـرــ ُﺟـ ٌﻞ ـذَـ َﻛـَﺮ اـﷲَـ ﺧـﺎﻟـﻴﺎً ﻓـ‬،ُ‫َﳝـْﻴ ـﻨُﻪ‬ 1031 ‫ ﻣﺴﻠﻢ‬،660 ‫اﻟﺒﺨﺎري‬

ความว่า: มี เจ็ดจําพวกมนุษย์ ทีอัลลอฮฺ จะทรงบังพวกเขา ใต้ ร่มเงาแห่ ง พระองค์ ในวันที ไม่ มีร่มเงานอกเสี ย จากร่ มเงา ของพระองค์ พวกเขาคื อ: 1. นักปกครองที$ ยตุ ิธรรม 10

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


2. ชายหนุ่มที$ เติบโตในการภักดีต่อผู้อภิบาลของเขา 3. ชายที$ หัวใจของเขาได้ ผกู เหนี$ยวกับมัสญิด 4. ชายสองคนที$ รักมั$นเพื$ ออัลลอฮฺ ทั7งสองจะพบปะกัน และพลัดพรากจากกันล้ วนแล้ วเพื$ออัลลอฮฺ 5. ชายหนุ่มที$ สตรี เพศซึ$ งเป็ นผู้มียศศักดิ< และมีรูปร่ างหน้ าตา สวยงามมาชวน (ให้ เขาร่ วมประเวณี ) พลันเขาตอบกลับ ว่ า: ข้ าพเจ้ าเกรงกลัวอัลลอฮฺ 6. ชายที$ จ่ายศี ลทานอย่ างลับๆ เสมื อนกับว่ ามื อซ้ ายของเขา ไม่ รับรู้ สิ$งที$ มือขวาของเขาได้ ทาํ การจ่ ายศีลทานนั7น 7. ชายที$ รํา ลึ ก ถึ ง อั ล ลอฮฺ ในที$ ลั บ แล้ วนํ7า ตาของเขาก็ หลั$ ง ออกมา (เนื$ อ งจากยํ า เกรงในความเกรี ยงไกร ของอัลลอฮฺ ) ในหนังสื ออัล-มุวฏั เฏาะอ์ของอิมามมาลิกมีรายงานว่า: ِ ‫ﻖ ﺑِﺎﳌﺴ ِﺠ ِﺪ إذا ﺧﺮج ﻣﻨﻪ ﺣﱴ ﻳﻌﻮد‬‫))ورﺟﻞ ﻗَـ ْﻠﺒﻪ ﻣﺘَـﻌﻠ‬ ((‫إﻟﻴﻪ‬ َ َ ُ َ َ​َ ْ َ ٌ َ ُ ُ​ُ ٌ ُ َ ความว่า: และชายที$ หัวใจของเขามี ความสั มพันธ์ กับมัสญิ ดเมื$ อ เขาออกจากมัสญิดไปจนกระทั$งกลับมาอี กครั7 ง (หะดีษหมายเลข 14, 2/952)

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

11


ในการอธิ บายของอิมามอัน-นะวะวียต์ ่อหะดีษของท่านน บี ที ว่ า "‫ ٌﻖ ﰲـ اـﳌــﺴﺎ ِﺟـ ِﺪ‬‫ " وــَـرـ ُﺟـ ٌﻞ ﻗـَ ـ ْﻠﺒُﻪُ ُﻣـ َﻌﻠ‬ท่ า นได้ ก ล่ า วว่ า : ความหมายของประโยคนี คื อ เป็ นการรั ก มัส ญิ ด ยิ งนัก และไป ยัง มัส ญิ ด อย่ า งสมําเสมอเพื อละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ มิ ใ ช่ หมายถึง การอยูน่ านในมัสญิด1 อัล-อัยนียไ์ ด้กล่าวชี3แจงสิ งทีได้รับจากหะดีษของท่านนบี นี3 ว่า: “หะดี ษนี3 บ่งชี3 ถึงความประเสริ ฐของผูเ้ ดิ นทางสู่ มสั ญิ ดอย่า งสมําเสมอเพื อละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ เพราะแท้จ ริ ง มัสญิดนั3นเป็ นบ้านแห่ งอัลลอฮฺ และเป็ นบ้านสําหรับผูย้ าํ เกรง ต่ออัลลอฮฺ ทุกคน เป็ นการสมควรอย่างยิงต่อเจ้าภาพทีต้องให้ เกียรติแก่ผมู ้ าเยียมเยียนถึงบ้าน ดังนั3นอัลลอฮฺ ผูท้ รงให้เกียรติ ยิงในบรรดาผูม้ ีเกียรติท3 งั หลาย พระองค์จะทรงให้เกียรติแก่ผทู ้ ีมา เยียมเยียนบ้านของอัลลอฮฺ เหนือกว่าใครๆ” 2

1 2

ชัรหุ อัน-นะวะวีย ์ 7/121 อุมดะตุ อัล-กอรี 5/180

12

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.2 ความประเสริ ฐของการเดินสู่ มัสญิดเพือการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นการงานส่ วน หนึ งทีอัลลอฮฺ จะให้ผลบุญและผลตอบแทนแก่มุสลิ มก่อนที เขาจะปฏิ บ ัติก ารละหมาดเสี ย อี ก อนึ ง รอยย่า งก้า วของผูท้ ี เดิ น ไปมัส ญิ ด จะถู ก บัน ทึ ก ไว้ มิ ห นํา ซํ3า เหล่ า มลาอิ ก ะฮผูท้ ี อยู่ บ น ฟากฟ้ าจะถกเถี ย งในการบัน ทึ ก สิ งนี3 และแท้จริ ง การเดิ นสู่ ก าร ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นการงานส่ วนหนึ งที บ่าวจะได้รับ การประกันในการดํารงชี วิตและการตายด้วยดี –ด้วยความโปรด ปรานของอัล ลอฮฺ - และมัน เป็ นส่ วนหนึ งของการงานซึ ง ความผิดจะถู กลบไปและความดี จะถู กยกระดับขึ3น สิ งที กล่ าวมา ทั3งหมดนี3 มิใช่ ขณะที เดิ นสู่ มสั ญิ ดเพียงอย่างเดี ยว แต่การกลับมา จากมัสญิดก็จะได้รับสิ งนั3นเฉกเช่นเดียวกัน ผูท้ ีเดินออกไปสู่ มสั ญิดโดยเขาอยูใ่ นสภาพสะอาดสะอ้าน ด้วยนํ3าละหมาด เขาจะได้รับผลบุญเท่าเทียมกับผูท้ ีประกอบอิบา ดะฮฺ หจั @ฺ จะเป็ นผูท้ ีได้รับการประกันจากอัลลอฮฺ และได้รับ ความผาสุ ขด้วยการได้รับข่าวดี กบั รั ศมี ใ นวันกิ ย ามะฮฺ เนื องจาก การเดินของเขาสู่ มสั ญิดในยามมืดมิด และอัลลอฮฺ ทรงเตรี ยม พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

13


ทีพักพิงแก่เขาในสรวงสวรรค์ในทุกๆ ครั3งทีเขาเดินไปสู่ มสั ญิดใน ตอนเช้าและตอนเย็น ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงหะดีษบางบททีบ่งชี3 ถึงสิ งทีกล่าวมา ข้างต้นในหัวข้อต่อไปนี3 รอยย่างก้าวของผูท้ ีเดินไปมัสญิดจะถูกบันทึกไว้ การถกเถี ยงของชนที อยู่บนฟากฟ้ าในการบันทึ กผลบุ ญของ การเดินไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ การเดินไปละหมาดญะมาอะฮฺ เป็ นสาเหตุประการหนึ งในการ ได้รับการประกันการดํารงชีพและการตายด้วยดี การเดินไปละหมาดญะมาอะฮฺ เป็ นสาเหตุหนึ งของการลบล้าง รอยมลทินและการยกระดับแห่งผลบุญ ผลบุ ญ ของผู ้ที ออกไปสู่ มั ส ญิ ด ในสภาพสะอาดด้ ว ยนํ3 า ละหมาดเหมือนกับผลบุญของผูท้ ีอยูใ่ นชุ ดอิหฺรอมเพือ ทําอิบาดะฮฺหจั ญ์ อัลลอฮฺ จะเป็ นผูป้ ระกันภัยผูท้ ีออกไปมัสญิด ผู ้ที ออกไปมัส ญิ ด เพื อทํา การละหมาดจะอยู่ใ นสภาพการ ละหมาดจนกว่าเขาจะกลับถึงบ้าน ข่าวดีแก่ผูท้ ีเดิ นสู่ มสั ญิดในยามมืดมิดด้วยแสงรัศมีทีสมบูรณ์ ในวันกิยามะฮฺ 14

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


การเตรี ยมพร้ อ มที พํา นั ก ในสรวงสวรรค์ สํ า หรั บ ผู ้ที เดิ น ไปมัสญิดในยามเช้าและยามเย็น 1.2.1 รอยย่ างก้ าวของผู้ทเดิ ี นไปมัสญิดจะถูกบันทึกไว้ ท่านเราะสู ล ผูท้ ีกล่าวด้วยถ้อยคําวะหฺ ยุ (วิวรณ์) ได้ให้ คําชัดแจ้งว่ารอยก้าวของการเดินทางทีมุสลิมได้กา้ วไปสู่ มสั ญิดนั3น ถูกบันทึกไว้ อิมามมุสลิมได้รายงานจากญาบิรฺ อิบนุ อบั ดุลลอฮฺ เขา ได้กล่ าวว่า: ตระกูลสะลี มะฮฺ ซึงเป็ นเผ่าหนึ งจากชาวอัล-อันศอรฺ ปรารถนาที จะไปตั3ง ถิ นฐานใกล้ก ับ มัส ญิ ด พวกเขาได้อ้า งว่า : สถานที ณ. ที นั3นยัง ว่า งอยู่ ท่ า นนบี ก็ ไ ด้รับ ทราบเหตุ ก ารณ์ ดังกล่าว ท่านเลยกล่าวว่า: โอ้ บรรดาตระกูลสะลีมะฮฺ: รอยย่างก้าว จากบ้านของพวกเจ้าทั3งหลายนั3นได้ถูกบันทึกไว้ 3(ถูกบันทึกไว้ใน สมุดบันทึกการงานหรื อถูกบันทึกในบรรดาชี วประวัติของกัลญาน ชนว่าเป็ นสาเหตุหนึ งจากการอุตสาหะของมนุ ษย์ในการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ)4

3 4

เศาะฮีหฺมุสลิม หะดีษที. 663, 1/460-461 อิกมาลุ อิกมาล อัล-มุอลั ลิม 2/330 พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

15


พวกเขาเหล่านั3นต่างกล่าวว่า: พวกเขาไม่ปรารถนาและปิ ติ ยินดีเลยทีจะเปลียนทีอยูอ่ าศัย 5 อิ ม ามอัน -นะวะวี ย ์ ได้ ก ล่ า วในคํา บรรยายหะดี ษ นี3 ว่ า (ความหมายของหะดีษข้างต้น คือ พวกเจ้าทั3งหลายจงพํานักทีบ้าน ของพวกเจ้าเถิ ด เพราะว่าหากพวกเจ้าพํานักทีนั3นแล้ว ย่างก้าวอัน มากทีพวกเจ้าก้าวเดินสู่ มสั ญิดจะถูกบันทึกไว้ 6 ทั3งหมดนี3 อะบูสะอีด อัล-คุ ดรี ย ์ ได้กล่าวถึ งคํากล่ าวของ ท่านนบี แก่ตระกูลสะลี มะฮฺ เพือให้พวกเขาพํานักในบริ เวณที ไกลจากมัสญิดนั3น เป็ นเหตุการณ์ หลังจากการประทานลงมาของ อายะฮฺที12 ของสู เราะฮฺยาซี นว่า: ﴾ &⌠¬Σ∑≤Ω ΤΗ ΤΩ ’…ƒ∫Ω Ν…Σ∨ςŸΠ ΤΩ ∈ †Ω∨ ˆ 〉 Σ |ΤΩ ⇓Ω υΤΩ Ω∧<√≅… γΤ™ΣΤ⇓ Σ⇑Τµðš †ΘΤΩ Τ⇓ΞΜ…﴿ ความว่ า: แท้ จริ งเราเป็ นผู้ให้ คนตายกลับมีชีวิตขึน/ และ เราบันทึ กสิ งที พวกเขาได้ ประกอบไว้ แต่ ก่อนรวมทั/ง ร่ องรอยของพวกเขา

อิมามอัต-ตัรมิซียไ์ ด้รายงานจากอะบูสะอีด อัล-คุดรี ย ์ ท่าน ได้กล่าวว่า: ตระกูลสะลีมะฮฺอาศัยอยูน่ อกเมืองมะดีนะฮฺ พวกเขา 5 6

เศาะฮีหฺมุสลิม หะดีษที. 665, 1/462 ชัรหุ อัน-นะวะวีย ์ 5/169

16

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ได้ปรารถนาทีจะย้ายมาอยูใ่ กล้มสั ญิด อายะฮฺขา้ งต้นจึงได้ถูก ประทานลงมา ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: แท้จริ งทุกย่างก้าวของ พวกเจ้าจะถูกบันทึกไว้ ดังนั3นพวกเจ้าจงอย่าเคลือนย้ายเลย7 อับดุลลอฮฺ อิบนุ อบั บาส กล่าวว่า: “พวกเขาเหล่านั3นก็ เลยไม่ยา้ ย” อิมามอิบนุ มาญะฮฺ ได้รายงานในหนังสื อสุ นนั ของเขา เช่ นกัน บ้า นของชาวอัน ศอรฺ ตั3ง อยู่ไ กลจากมัส ญิ ด พวกเขาเลย ปรารถนาทีจะย้ายมาอยูใ่ กล้มสั ญิด อายะฮฺ ขา้ งต้นก็ได้ถูกประทาน ลงมา8 การบันทึกรอยย่างก้าวของผูท้ ีมี เจตนาจะไปมัสญิ ด มิใช่ แค่ตอนขามามัสญิดเท่านั3น แต่ตอนขากลับก็จะถูกบันทึกเช่นกัน อิ มามมุสลิ มได้รายงานจากอุบยั อิบนุ กะอับถึ งเหตุการณ์ ของผูช้ าย คนหนึ งจากชาวอัน ศอรซึ งเขาไม่ เ คยขาดละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ เลย และเขาไม่เคยปรารถนาทีจะมีบา้ นใกล้เคียงกับมัสญิด เลย เขาได้กล่าวกับท่านนบี ว่า: ข้าพเจ้าไม่เคยปิ ติยินดีเลยทีจะมี

7

ชัยคฺอลั -อัลบานียไ์ ด้เห็นชอบว่า หะดีษที.รายงานโดยอิมามอัต-ตัรมิซียเ์ ป็ นหะดีษ ที.เศาะฮีหฺ (ในหนังสื อเศาะฮีหฺ สุ นนั อัต-ตัรมิซีย ์ 3/97) 8 ซุนนั อิบนุมาญะฮฺ เลขที. 769 , ชัยคฺอลั -อัลบานียไ์ ด้เห็นชอบว่าเป็ นหะดีษที. เศาะฮีหฺ (ในหนังสื อเศาะฮีหฺ สุ นนั อิบนุมาญะฮฺ 1/131 และหนังสื อ เศาะฮีหฺ อัตตัรฺฆีบ วะ อัต-ตัรฺฮีบ 1/195) พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

17


บ้านอยู่ใกล้มสั ญิ ด แท้จริ งข้าพเจ้าปรารถนาว่าการเดิ นไปมัสญิ ด และการกลับสู่ ครอบครัวของข้าพเจ้านั3นจะถูกบันทึกไว้ ดังนั3นท่านนบี จึงได้กล่าวว่า: อัลลอฮฺ ทรงรวบรวม ทั3งหมดทีกล่าวมานั3นแก่เจ้าแล้ว9 ในรายงานของอิ บนุ หิบ บานมี ก ล่ า วว่า: อัล ลอฮฺ ได้ ประทานทั3ง หมดแก่ เ จ้า แล้ ว อัล ลอฮฺ ได้ป ระทานผลบุ ญ ทั3งหมดทีเจ้าหวังจากพระองค์แก่เจ้าแล้ว 10 สิ งทีบ่งชี3 ชดั ในหะดีษ คือ แท้จริ งชายผูน้ 3 นั ได้เปิ ดใจในสิ ง ทีเขาปรารถนา เพือการเยือนของเขาสู่ มสั ญิดและการกลับสู่ บา้ น ของเขาได้ถู ก บัน ทึ ก ดัง นั3น ท่ า นนบี ก็ ไ ด้ใ ห้ ข่ า วดี เ เก่ เ ขาว่ า อัลลอฮฺ ได้ทรงบันทึกในสิ งทีเขาปรารถนาให้ถูกบันทึกเเล้ว

9

เศาะฮีหฺมุสลิม หะดีษที. 663, 1/460-461 อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน หะดีษที. (2041) หน้า 5/390, เช็ค ชุอยั บฺ อัล-อัรนาอูฏ มีความเห็นว่า สายการรายงานถูกต้องตามเงื.อนไขของอิ มามอัล-บุคอรี ยแ์ ละมุสลิม

10

18

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.2.2 การถกเถียงของชนทีอยู่บนชั- นฟากฟ้ าในการบันทึกผลบุญ ของการเดินไปปฏิบัติละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ สิ งทีบ่งบอกถึงความประเสริ ฐของการเดินสู่ มสั ญิดเพือทํา การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ คือ อัลลอฮฺ จะประทานผลบุญ ในทุกย่างก้าวของผูม้ ีเจตนาจะเดินสู่ มสั ญิด จนกระทังเหล่ามลาอิกะฮฺ ผูอ้ ยู่ใกล้เคี ยงจะถกเถี ยงกันในเรื องข้อเท็จจริ งอันนี3 เเละการ ขึ3นมาของรอยก้าวนั3นสู่ ฟากฟ้ า อิมามอัตตัรมิซียไ์ ด้รายงานจาก อิบ นุอบั บาส ท่านได้กล่าวว่า: เราะสู ล ได้กล่าวว่า: พระองค์อลั ลอ ฮฺ ในรู ปทรงทีสง่างามได้เยือนข้าพเจ้าในคืนหนึง อิบนุอบั บาส กล่าวว่า: ข้าคิดว่าท่านกล่าวถึงสิ งในฝัน พระองค์ ก็ ต รั ส ว่ า :โอ้ มุ หั ม มัด เจ้า รู ้ ห รื อไม่ ว่ า ชนชั3 น ฟากฟ้ าได้ถกเถียงถึงเรื องอะไร อิบนุอบั บาสกล่าวว่า: ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ไม่ทราบ ท่า นนบี ก็ เล่ า ต่อไปว่า: หลัง จากนั3นพระองค์ท รงตั3ง พระหั ต ต์ ข องพระองค์ บ นไหล่ ข องข้า จนข้า รู ้ สึ ก หนาวเย็น ที หน้าอกของข้า หรื อท่านกล่าวว่า: พระองค์ทรงตั3งบนคอของข้า ข้า เลยทราบเรื องเกียวกับสิ งทีเกิดขึ3นในชั3นฟากฟ้ าและในพื3นแผ่นดิน พระองค์ตรัสว่า:โอ้ มุหมั มัด เจ้ารู ้หรื อไม่ว่าชนชั3นฟากฟ้ า ได้ถกเถียงถึงเรื องอะไร พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

19


ข้า จึ งกล่ า วว่า : ข้า ทราบแล้ว พวกเขาได้ถกเถี ย งถึ งเรื อง ของการอภัย โทษ และการอภัย โทษนั3น คื อ : การอยู่ ใ นมัส ญิ ด หลังจากละหมาดแล้ว และการเดินเท้าสู่ การละหมาดพร้อมกับญะมาอะฮฺ และการอาบนํ3าละหมาดทีสมบูรณ์แบบ 11 หากการเดิ น สู่ ม ัส ญิ ด มิ ใ ช่ เ ป็ นส่ ว นหนึ งของการงานที ยิงใหญ่แล้ว บรรดามลาอิ ก ะฮฺ ก็ จะไม่ ถ กเถี ย งถึ ง ข้อเท็จจริ ง ของ เรื องนี3และการยกเรื องนี3ข3 ึนสู่ ฟากฟ้ าหรอก 1.2.3 การเดินสู่ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺเป็ นสาเหตุ ประการหนึงในการได้ รับประกันการดํารงชี พ และการตาย ด้ วยดี ไม่เพียงแค่การถกเถียงของเหล่ามลาอิกะฮฺ ในการชี3ชดั ของ ความประเสริ ฐ ของการเดิ น เท้า สู่ ล ะหมาดญะมาอะฮฺ แต่ ท ว่ า อัลลอฮฺ ทรงทําให้การเดิ นนี3 เป็ นสาเหตุหนึ งของการประกัน การดํารงชีพและการตายด้วยดี มีรายงานจากหะดีษว่า: ِ ((‫وﻣﺎت ِﲞٍَْﲑ‬ َ ‫ﻋﺎش ﲞٍَْﲑ‬ َ ‫))وﻣﻦ ﻓَـ َﻌ َﻞ ذﻟﻚ‬ 11

เศาะฮีหฺ สุ นนั อัต-ตัรมิซีย ์ 3/98, เช็คอัล-อัลบานียม์ ีความเห็นว่าเป็ นหะดีษที. เศาะฮีหฺ

20

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ความว่า: ผู้ใดที กระทําสิ งดังกล่ าว (การงานทั/งสามอย่ าง ที กล่ าวในหะดี ษข้ างต้ นในข้ อ 1.2.2 ส่ วนหนึ งคื อ การ เดิ นไปปฏิ บัติละหมาดญะมาอะฮฺ ) เขาจะดํารงชี พด้ วยดี และตายด้ วยดี การประกันอันนี3ช่างยิงใหญ่และประเสริ ฐเสี ยเหลือเกิน นันก็คือ การดํารงชีพด้วยดีและการตายด้วยดี 1.2.4 การเดินไปปฏิบัติละหมาดญะมาอะฮฺเป็ นสาเหตุหนึงของ การลบล้ างรอยมลทิน และการยกระดับแห่ งผลบุญ อัล ลอฮฺ ประทานการเดิ น ไปปฏิ บ ัติ ล ะหมาดญะ มาอะฮฺ เป็ นสาเหตุหนึ งของการลบล้างบาปแก่บ่าวของพระองศ์ มี หะดี ษกล่ าวว่า : ((‫ﻣﻪ‬ ‫)) وﻛﺎن ﻣﻦ َﺧﻄﻴﺌﺘﻪ ﻛﻴَ ِﻮم َوﻟَ َﺪ ْﺗﻪُ أ‬12 ซึ. งมี ความ ว่า: การลบล้างความผิดของเขาจะเหมือนวันทีมารดาของเขาได้ คลอดเขามา และมี หะดี ษอื นกล่ าวถึ งการย่างก้าวที มี จาํ นวนมาก สู่ มสั ญิ ดเป็ นส่ วนหนึ งของการลบล้างความผิดและยกระดับแห่ ง ผลบุ ญ เช่ นหะดี ษที อิ มามมุ ส ลิ ม ได้รายงานจากอะบู ฮุร็อยเราะฮฺ ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: 12

เศาะฮีหฺ สุ นนั อัต-ตัรมิซีย ์ 3/98 พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

21


:‫ﻜﻢ ﻋﻠﻰ ﻣﺎ ﳝَْﺤﻮ اﷲُ ﺑﻪ اﳋَﻄﺎﻳﺎ وﻳَﺮﻓَﻊ ﺑﻪ اﻟﺪرﺟﺎت؟ ﻗﺎﻟﻮا‬‫)) أﻻ أ َُدﻟ‬ ِ ‫ إﺳﺒﺎ ُغ اﻟﻮ‬:‫ ﻗﺎل‬،‫ﺑﻠﻰ ﻳﺎ رﺳﻮل اﷲ‬ ‫ وَﻛﺜْـَﺮُة اﳋُﻄﺎ إﱃ‬، ‫ﺿﻮء ﻋﻠﻰ اﳌﻜﺎ ِرِﻩ‬ ْ ُ َ 13 ِ ِ​ِ ((‫ ﻓﺬﻟِﻜﻢ اﻟ ِﺮﺑﺎط‬،ِ‫ﻈﺎر اﻟﺼﻼةِ ﺑـَ ْﻌ َﺪ اﻟﺼﻼة‬ ُ ‫ واﻧْﺘ‬،‫اﳌَ ْﺴﺠﺪ‬ ความว่า : พวกเจ้ าต้ องการให้ ข้าพเจ้ าชี /แนะสิ งที อัลลอฮฺ จะลบล้ างความผิดและยกระดับผลบุญไหม พวกเขา (บรรดาเศาะหาบะฮฺ ) ต่ างพูดว่ า: ใช่ แล้ ว โอ้ ท่านศาสน ทูตแห่ งอัลลอฮฺ ท่ าน(นบี ) กล่ าวอี กว่ า: อาบนํา/ ละหมาดอย่ างสมบูรณ์ แบบในยามยากลําบาก และรอย ย่ า งก้ าวจํ า นวนมากสู่ มั ส ญิ ด และการคอยละหมาด หลังจากเวลาละหมาดแรกได้ ผ่านไป ทั/งหมดที ได้ กล่ าว มา เป็ นเสบียงสําหรั บพวกท่ าน ในรายงานของอิมามมาลิกมีกล่าวไว้วา่ : (( ‫ ﻓﺬﻟِﻜﻢ اﻟ ِﺮﺑﺎط‬،‫ ﻓﺬﻟِﻜﻢ اﻟ ِﺮﺑﺎط‬،‫))ﻓﺬﻟِﻜﻢ اﻟ ِﺮﺑﺎط‬ อิมามอับนุ อลั -อะษี รฺได้อธิ บายว่า อั รฺ-ริ บาฏ ในเชิ งภาษา คื อ: การพัก ณ สถานที แห่ ง หนึ งเพือทํา ศึ กกับศัตรู การผูกม้ารบ และการเตรี ยมพร้ อม ท่านนบี ได้เปรี ยบสิ งนี3 กบั สิ งที กล่าวมา จากการงานที ดี แ ละเป็ นอิ บ าดะฮฺ การเปรี ย บเที ย บดัง กล่ า วนี3

13

เศาะฮีหฺมุสลิม หะดีษที. 251

22

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


เน้นหนักถึงสถานภาพของการงานทั3งสามอย่างทีกล่าวมาในหะดีษ ส่ วนหนึง คือ การย่างก้าวทีมีจาํ นวนมากในขณะเดินสู่ มสั ญิด การย่างก้า วที มี จาํ นวนมากในขณะเดิ นสู่ ม สั ญิ ดนั3นเป็ น ส่ วนหนึ งของการลบล้างบาปและยกระดับผลบุ ญ อย่าไปนึ กว่า เพียงแค่ขณะไปมัสญิดเท่านั3นแต่ขากลับก็เช่ นกัน ดังทีอิมามอะหฺ มัดได้รายงานจากอับดุลลอฮฺอิบนุอมั รู ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ​ِ ِ ُ ،ً‫ﺌﺔ‬‫اح إﱃ َﻣ ْﺴﺠﺪ اﳉﻤﺎﻋﺔ ﻓَ ُﺨﻄْ َﻮةٌ ﲤَْﺤﻮ َﺳﻴ‬ ُ‫ﺐ ﻟﻪ‬ َ ‫)) َﻣﻦ ر‬ ُ َ‫وﺧﻄْ َﻮةٌ ﺗُﻜْﺘ‬ 14 ِ ٌ‫ﺣﺴﻨﺔ‬ ((ً‫ذاﻫﺒًﺎ ور ِاﺟﻌﺎ‬ َ​َ ความว่า: ผู้ใดที เดิ นสู่ มัสญิ ดเพื อละหมาดญะมาอะฮฺ ก้ าว หนึ งก้ า วจะลบล้ า งหนึ งความผิ ดและอี ก หนึ งก้ า วจะถู ก บันทึ กความดีแก่ เขา ทั/งขาไปและขากลับ อิมามอิ บนุ หิบบานได้บนั ทึ กหะดี ษนี3 ในหนังสื อเศาะฮี หฺ ของท่านเช่นกันและได้ต3 งั หัวข้อว่า: (การกล่าวถึ งการลบล้างบาป และยกระดับผลบุญด้วยการก้าวเดินของผูท้ ีมาละหมาดจนกระทัง เขากลับถึงบ้าน)

14

มุสนัดอิมามอะหฺ มดั หะดีษที. 6599 พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

23


1.2.5 ผลบุญของผู้ทีออกไปสู่ มัสญิดในสภาพสะอาดด้ วยวุฎูอ์ เหมือนกับผลบุ ญของผู้ทีอยู่ในชุ ดอิ หฺรอมเพือทําอิ บาดะฮฺ หัจญ์ หะดี ษ ที บ่ ง บอกถึ ง สิ งข้ า งต้ น นี3 อิ ม ามอะหฺ มั ด และ อิมามอะบูดาวูดได้รายงานจากอะบูอุมามะฮฺ ท่านเราะสู ล ได้ กล่าวว่า: ٍ ‫ﻬﺮا إﱃ‬ َ‫))ﻣﻦ ﺧﺮج ِﻣﻦ ﺑـﻴﺘِ ِﻪ ﻣﺘﻄ‬ ٍ ‫َﺟ ِﺮ‬ ْ ‫َﺟ ُﺮﻩُ َﻛﺄ‬ ْ ‫ ﻓﺄ‬،‫ﺻﻼة َﻣﻜْﺘﻮﺑَﺔ‬ َ ً َ ُ َْ ْ َ َ َ َ 15 ((‫اﳊﺎج اﶈﺮم‬ ِ ความว่า : ผู้ใ ดที ออกจากบ้ า นในสภาพที สะอาดด้ ว ยนํ/า ละหมาดเพื อทํ า ละหมาดฟั รฎุ เขาจะได้ รั บผลบุ ญ เหมือนกับผลบุญของผู้ประกอบพิธีหัจญ์ ในชุดอิ หฺรอม ซัย นุ อัล-อะรั บ ได้ข ยายความหะดี ษของเราะสู ล ว่า : (เหมือนกับผลบุญของผูป้ ระกอบพิธีหจั ญ์ในชุ ดอิหฺรอม) หมายถึ ง ผลบุญทีสมบูรณ์ทุกอย่าง 16

15 16

มุสนัดอิมามอะหฺ มดั หะดีษที. 5/268 และสุ นนั อะบูดาวูด หะดีษที. 554 เอานุ อัล-มะอฺ บูด

24

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อัล ลอฮุ อกั บัรฺ (ผูท้ รงเกรี ย งไกรยิง) ผลบุ ญของผูท้ ี ออก ไปสู่ ม ัส ญิ ด ช่ า งประเสริ ฐอะไรเช่ น นี3 มุ ส ลิ ม จะได้ รั บ ผลบุ ญ เหมือนกับผูท้ ีออกไปประกอบพิธีหจั ญ์ในสภาพทีแต่งชุ ดอิหฺรอม 5 ครั3งทุกวัน ด้วยการออกสู่ มสั ญิดเพือทําการละหมาด 5 เวลา หาก ผลบุ ญ อัน ยิ งใหญ่ น3 ี เพี ย งแค่ ข ณะออกไปสู่ ม ัส ญิ ด เพื อละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ แล้วผลบุญขณะละหมาดร่ วมกับญามาอะฮฺ ล่ะ จะเป็ นอย่างไร 1.2.6 อัลลอฮฺ

จะเป็ นผู้ประกันผู้ทออกไปมั ี สญิด

หะดีษทีชี3ถึงความประเสริ ฐอันนี3เป็ นหะดีษทีอิมามอะบูดา วูดรายงานจากอะบูอุมามะฮฺ จากเราะสู ลูลลอฮฺ ท่านได้กล่าวว่า: ِ ‫ﺿﺎﻣﻦ ﻋﻠﻰ‬ ِ ‫ﻬﻢ‬‫)) ﺛﻼﺛﺔٌ ُﻛﻠ‬ ‫ َر ُﺟ ٌﻞ َﺧَﺮ َج ﻏﺎ ِزﻳﺎً ﰲ‬:‫اﷲ ﻋﺰ وﺟﻞ‬ ُ ٌ ِ ِ ‫ﺳ‬ ‫ﺣﱴ ﻳَـﺘَـ َﻮﻓّﺎﻩ ﻓَـﻴُ ْﺪ ِﺧﻠَﻪ‬ ّ ‫ﺿﺎﻣﻦ ﻋﻠﻰ اﷲ‬ ٌ ‫ﺒﻴﻞ اﷲ ﻋﺰ وﺟﻞ ﻓﻬﻮ‬ َ ِ ‫ـ وــَـرـ ُﺟـ ٌﻞ ـرـاــ َحـ إــﱃ‬،‫ﻨﻴﻤ ٍﺔ‬ َ ‫دـﻩـ ﲟـﺎ ﻧــﺎ َلـ ﻣــﻦ أَـ ْﺟـ ٍﺮ وـ َﻏـ‬‫ﺔَ أـوـ ﻳـَـ ُﺮ‬‫اـﳉـﻨ‬ ِ ِ ِ ‫ﺔَ أو‬‫ﺣﱴ ﻳَـﺘَـ َﻮﻓّﺎﻩ ﻓَـﻴُ ْﺪ ِﺧﻠَﻪ اﳉﻨ‬ ّ ‫ﻓﻬﻮ ﺿﺎﻣ ٌﻦ ﻋﻠﻰ اﷲ‬ َ ‫اﳌﺴﺠﺪ‬ ٍ ‫ ورﺟﻞ َد َﺧﻞ ﺑـْﻴﺘَﻪ ﺑِﺴ‬،‫َﺟ ٍﺮ و َﻏﻨﻴﻤ ٍﺔ‬ ‫ﻼم ﻓَـ ُﻬ َﻮ‬ َ ‫دﻩ ِﲟﺎ‬‫ﻳَـ ُﺮ‬ ْ ‫ﻧﺎل ﻣﻦ أ‬ َ َ َ ٌ َُ َ 17 ِ ((‫ﺿﺎﻣ ٌﻦ ﻋﻠﻰ اﷲِ ﻋﺰ وﺟﻞ‬ 17

สุ นนั อะบดาวูด ๑๑/๓๙๘ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

25


ความว่า: มีสามจําพวกที อัลลอฮฺ จะเป็ นผู้ประกันพวกเขา คื อ: 1. ชายที ออกทํ า ศึ กในหนทางของอั ล ลอฮฺ พระองค์ จะทรงเป็ นผู้ประกันเขาจนกระทั งเขาตาย และพระองค์ จะให้ เขาได้ เ ข้ า สรวงสวรรค์ หรื อ พระองค์ จะปล่ อยให้ เขาปลอดภัยกลับบ้ านกับสิ งที เขาจะได้ รับจากผลบุญและทรั พย์ สินจากการทําศึก 2. ชายที เดิ น สู่ มั ส ญิ ด เขาจะอยู่ ใ นความคุ้ มครอง ของอัลลอฮฺ จนกระทังพระองค์ จะปลิ ดชี วิตเขา และเขาจะได้ เข้ าสวรรค์ หรื อพระองค์ จะปล่ อยเขา กลั บ สู่ บ้ านกั บ สิ งที เขาจะได้ รั บจากผลบุ ญ และ ทรั พย์ สิน 3. ชายที เข้ าบ้ านของเขาโดยการให้ สะลาม เขาจะอยู่ ในความคุ้มครองของอัลลอฮฺ ค ว า ม คุ ้ ม ค ร อ ง แ ล ะ ก า ร ป ร ะ กั น เ ฉ ก เ ช่ น นี3 ช่ า ง มี ความสั ม พัน ธ์ เ หนี ย วแน่ น และยิงใหญ่ เ หลื อ เกิ น ! จะมี ค วาม คุ ม้ ครองไหนอี กหล่ ะ ที สามารถเป็ นที ยึดเหนี ยวที แข็งแกร่ ง กว่า หรื อเท่ าเที ย มกับความคุ ้มครองของอัล ลอฮฺ ผูท้ รงอํา นาจ ผู ้ ทรงเกรี ยงไกร 26

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.2.7 ผู้ทออกไปมั ี สญิดเพือทําการละหมาดจะอยู่ในสภาพการ ละหมาดจนกว่ าเขาจะกลับถึงบ้ าน แท้ จ ริ ง สิ งที ชี3 ถึ ง ความประเสริ ฐของการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ คือผูท้ ีออกไปมัสญิ ด เขาจะถูกนับว่าเขาอยู่ใน ละหมาด – ด้วยความปราณี และความประเสริ ฐของอัลลอฮฺ อิมามอะบูดาวูดได้รายงานจากกะอับ อิบนุ อจั ญ์เราะฮฺ วา่ : ท่านเราะ สู ล ได้กล่าวว่า: ِ ‫ ﺧﺮج‬ُ‫ﺿﺄَ أﺣ ُﺪ ُﻛﻢ ﻓﺄَﺣﺴﻦ وﺿﻮءﻩ ﰒ‬ ‫ﻋﺎﻣ ًﺪا إﱃ‬ َ  ‫))إذا ﺗَـ َﻮ‬ َ َ َ َُ ُ َ َ ْ 18 ٍ ((‫ﻦ ﻳَ َﺪﻳِْﻪ ﻓﻬﻮ ﰲ ﺻﻼة‬ ‫اﳌﺴ ِﺠ ِﺪ ﻓﻼ ﻳَ ْﺸﺒِﻜ‬ ْ ความว่ า : หากผู้ ใ ดในบรรดาพวกเจ้ าทํา วุ ฎู อ์ (อาบนํ/า ละหมาด) อย่ างสมบูรณ์ แบบ หลังจากนั/นเขาออกจากบ้ าน โดยมีเจตนามุ่งไปมัสญิดและเขาจะไม่ ประสานมือของเขา (เนื องจากความเกี ยจคร้ าน) ดังนั/นเขาจะอยู่ในสภาพการ ละหมาด อิมามอิบนุ หิบบานก็ได้บนั ทึกหะดีษนี3ในหนังสื อ "เศาะฮี หฺ " ของเขาเช่ น กัน โดยถอดความด้ว ยถ้อ ยคํา ของเขาว่า : (การ 18

สุ นนั อะบูดาวูด หะดีษที. ๕๕๘ , อัล-อัลบานียเ์ ห็นว่าเป็ นหะดีษที.เศาะฮีหฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

27


กล่ าวถึ งการบันทึ กผลบุ ญของการละหมาดสํา หรั บผูท้ ี ออกไปสู่ มัสญิดเพือละหมาดฟัรฎุตลอดเวลาทีเขามุ่งเดินสู่ มสั ญิด) 19 เขาได้รับสิ งทีได้กล่าวมาข้างต้นนี3มิใช่แค่การเดินสู่ มสั ญิด เท่ า นั3 น แต่ ท ว่ า เขาจะได้ เ ช่ น นี3 เหมื อ นกัน ในขณะที เขากลับ จากมัส ญิ ด สู่ บ ้า นของเขา ดัง หะดี ษ ที อิ ม ามอิ บ นุ คุ ซั ย มะฮฺ ใ น หนังสื อ "เศาะฮีหฺ"ของเขา อะบูฮุร็อยเราะฮฺ รายงานจากท่านนบี ว่า: ٍ‫ ﻛﺎ َن ﰲ ﺻﻼة‬،‫ﺄ أﺣ ُﺪ ُﻛﻢ ﰲ ﺑﻴﺘِ ِﻪ ﰒ أﺗﻰ اﳌﺴ ِﺠ َﺪ‬‫))إذا ﺗَـﻮﺿ‬ ّ ْ َ 20 ِ ِ ِ ِ ((‫ﺑﲔ أﺻﺎﺑﻌﻪ‬ َ ،‫ ﻓﻼ ﻳـَ ُﻘ ْﻞ ﻫﻜﺬا‬،‫ﺣﱴ ﻳـَ ْﺮﺟ َﻊ‬ َ َ‫وﺷﺒ‬ َ ‫ﻚ‬ ّ ความว่า : หากผู้ ใ ดในบรรดาพวกเจ้ า ทํา วุฎู อ์ ที บ้ า นแล้ ว มายังมัสญิด เขาจะอยู่ในสภาพการละหมาดจนกระทังเขา กลับบ้ าน แล้ วเขาไม่ แสดงถึงเฉกเช่ นนี:/ ท่ านเราะสู ล ก็ ประสานระหว่ างนิว/ มือของท่ าน (แสดงถึงการเกียจคร้ าน)

19 20

อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน หะดีษที. (๒๐๓๗) เศาะฮีหฺอิบนุคุซยั มะฮฺ หะดีษที. ๔๓๙

28

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.2.8 ข่ าวดีสําหรั บผู้ทีเดินไปมัสญิดในยามมืดมิดด้ วยแสงรั ศมี ทีสมบูรณ์ ในวันก◌ิ ยามะฮฺ ท่านเราะสู ล ผูท้ ีกล่าวด้วยวะหฺ ยุได้ให้ข่าวดี แก่ผูท้ ีเดิ น ในยามมืดมิดสู่ ยงั มัสญิดว่าพวกเขาจะได้รับรัศมีทีสมบูรณ์ในวันกิ ยามะฮฺ อิ มามอิ บนุ มาญะฮฺ ได้รายงานจากสะฮฺ ลุ อิ บ นุ สะอัด อัส สาอิดีย ์ เขากล่าวว่า: ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: 21 ِ ِ ِ ‫ﺎؤو َن ﰲ اﻟﻈُْﻠ ِﻢ إﱃ‬‫))ﻟِﻴﺒ ِﺸﺮ اﳌﺸ‬ ٍ ‫اﳌﺴﺠ ِﺪ ﺑِﻨﻮٍر‬ ((‫ﺗﺎم ﻳـَ ْﻮَم اﻟﻘﻴﺎﻣﺔ‬ َ ُْ ความว่า: ผู้ทีเดิ นไปยังมัสญิ ดในยามมื ดมิ ดจงรั บข่ าวดี ถึง การได้ รับรั ศมีทีสมบูรณ์ ในวันกิยามะฮฺ อัฏ-ฏ็อยยีบียไ์ ด้กล่าวว่า: ในการบอกคุณสมบัติของรัศมีที สมบูรณ์ และเกียวเนืองกับวันกิยามะฮฺเป็ นการทําให้มีประกายรัศมี สู่ ใบหน้าของชนมุอม์ ินในวันกิ ยามะฮฺ ในอายะฮฺ ที 8 สู เราะฮฺ อตั ตะหฺ รีม อัลลอฮฺ ตรัสว่า: Ω⇐ΣΤ√Σ⊆ΤΩ ÿ ⌠¬ΞΨ⇒ΤΗ Ω∧ΤÿςΚ†ΤΨ ŠΩ ⌠¬ΞÿΨŸΤÿΚς… φκΤΩ Š υΩ⊕Τπ ♥ΩΤÿ ⌠¬Σ∑Σ⁄ΣΤ⇓﴿

﴾†ΩΤ⇓Ω⁄ΣΤ⇓ 21

†ΩΤ⇒ς√ ⌠¬Ψ∧Τ ςΚ… :†ΤΩ ⇒ΠςΤŠΩ⁄

สุ นนั อิบนุมาญะฮฺ หะดีษที. ๗๖๔ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

29


ความว่า: แสงรั ศมีของพวกเขาจะส่ องจ้ าไปยังเบื อ7 งหน้ า และทางเบื อ7 งขวาของพวกเขา (ในขณะที$ พวกเขาเดิ นข้ าม สะพานอัศ-ศิ รอฏไปสู่ สรวงสวรรค์ ) พวกเขาต่ างกล่ าวว่ า ข้ าแต่ พระเจ้ าของเรา ขอพระองค์ ได้ ทรงโปรดทําให้ แสง สว่ างของเราคงอยู่กับเราตลอดไป ด้วยเหตุน3 ี ท่านนบี ผูท้ ีน่ายกย่องได้สังผูท้ ีได้ยินอายะฮฺ นี3 ให้ ไ ปบอกข่ า วดี อ ัน ยิ งใหญ่ น3 ี แก่ ผู ้ที เดิ น ในยามคําคื น มื ด มิ ด สู่ มสั ญิดด้วย อิมามอะบูดาวูดรายงานจากบุร็อยดะฮฺวา่ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: 22 ِ ِ ِ ِ  ‫))ﺑ‬ ِ ‫اﳌﺴﺎﺟ ِﺪ ﺑﺎﻟِﻨﻮِر‬ ((‫اﻟﺘﺎم ﻳـَ ْﻮَم اﻟﻘﻴﺎﻣﺔ‬ ‫ﺎﺋﲔ ﰲ اﻟﻈﻠﻢ إﱃ‬ َ ‫ﺶ◌ر اﳌَﺸ‬ َ ความว่า: (จงประกาศข่ าวดี แก่ ผ้ ูทีเดิ นไปสู่ มัสญิดในยาม มืดมิดว่ าพวกเขาจะได้ รับรั ศมีทีสมบูรณ์ ในวันกิยามะฮฺ ) อัล-ลามะฮฺ อบั ดุ รฺเราะอูฟ อัล-มะนาวียไ์ ด้ช3 ี แจงว่า ในเมือ พวกเขาได้รับ ความลํา บากยิงนัก ในการเดิ น ในยามคําคื น อย่า ง สมําเสมอเพื อปฏิ บ ัติ ก ารภัก ดี ต่ อ อัล ลอฮฺ พวกเขาจะได้ ผลตอบแทนด้วยรัศมีทีเปล่งประกายแก่พวกเขาในวันกิยามะฮฺ 23 22 23

สุ นนั อะบูดาวูด หะดีษที. ๕๕๗ ฟัยฎุ อัล-เกาะดีรฺ ๓/๒๐๑

30

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.2.9 การเตรี ย มที พํ า นั ก ในสรวงสวรรค์ สํ าหรั บ ผู้ ที เดิ น ไปมัสญิดในยามเช้ าและยามเย็น อิ ม ามอัล -บุ ค อรี ย ์แ ละอิ ม ามมุ ส ลิ ม ได้ร ายงานจากอะบู ฮุร็อยเราะฮฺวา่ ท่านนบี กล่าวว่า: ِ ِ ‫))ﻓﻤﻦ ﻏﺪا إﱃ‬ ‫ﻤﺎ ﻏﺪا‬‫ﺔ ُﻛﻠ‬ِ ‫ﺪ اﷲُ ﻟﻪ ﻧـُ​ُﺰﻟَﻪُ ِﻣ َﻦ اﳉَﻨ‬ ‫ أَ َﻋ‬،‫اح‬ َ ‫اﳌﺴﺠﺪ ور‬ ْ َ 24 ((‫اح‬ َ ‫ور‬ ความว่า : ผู้ใ ดที ออกจากบ้ า นในยามเช้ า และยามเย็นไป ยังมัสญิ ด อัลลอฮฺ จะเตรี ยมที พํานักในสรวงสวรรค์ สําหรั บเขาทุกๆ ครั/ งที เขาออกจากบ้ านในยามเช้ าและยาม เย็น หากอัลลอฮฺ ผูม้ ีอภิสิทธิE ในชั3นฟ้ าและแผ่นดิน และผูส้ ร้าง สากลโลกได้ทรงเตรี ยมทีพํานักสําหรับผูท้ ีออกจากบ้านในยามเช้า และยามเย็นไปยังมัสญิด ทีพํานักดังกล่าวนั3นจะสง่างามขนาดไหน หากทั3งหมดนี3เพียงแค่ออกจากบ้านสู่ มสั ญิดและกลับมายัง บ้า น แล้ว ผลตอบแทนและผลบุ ญ ในการละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺในมัสญิดจะเป็ นอย่างไร 24

เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ หะดีษที. ๖๖๒ และมุสลิม หะดีษที. ๖๖๙ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

31


ในหนังสื อเศาะฮีหฺของอิมามอิบนุ คุ​ุซัยมะฮฺ ก็ได้บนั ทึกหะ ดี ษ นี3 เหมื อนกัน ท่ า นได้ต3 งั หัวข้อ ว่า : (ภาคของการกล่ า วถึ ง การ ทีอัลลอฮฺ จัดเตรี ยมทีพํานักในสวรรค์สําหรับผูท้ ีออกจากบ้าน สู่ มสั ญิ ดในยามเช้าและยามเย็น)25 และในหนังสื อเศาะฮี หฺของอิ มามอิบนุ หิบบานก็ได้กล่าวถึงหะดี ษนี3เช่ นกันและได้ต3 งั หัวข้อว่า: (การกล่ าวถึ งการเตรี ยมที พํานักในสรวงสวรรค์จากอัลลอฮฺ สําหรับผูท้ ีออกจากบ้านในยามเช้าและในยามเย็นไปยังมัสญิด)26 1.3 ผู้ทเยื ี อนมัสญิด คือผู้ทมาเยี ี ยมเยียนอัลลอฮฺ สิ งทีแสดงถึ งความประเสริ ฐของการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ คือ การเยียมเยียนอัลลอฮฺ แน่แท้ผทู ้ ีถูกเยียมจะต้องให้ เกียรติแก่ผมู ้ าเยือน อิมามอัฏ-เฏาะบะรี ยร์ ายงานจากสัลมานว่าท่าน เราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ​ِ ،‫اﳌﺴﺠﺪ ﻓﻬﻮ زاﺋٌِﺮ اﷲَـ‬ ‫ﺿﻮء ّﰒ أﺗﻰ‬  ‫)) َﻣﻦ ﺗَـ َﻮ‬ َ ْ ‫ﺿﺎَ ﰲ ﺑَـْﻴﺘﻪ ﻓﺄ‬ َ ‫َﺣ َﺴ َﻦ اﻟ ُـﻮ‬ 27 ِ ((‫ﻖ ﻋﻠﻰ اﳌﺰوِر أن ﻳُ ْﻜ ِﺮَم اﻟﺰاﺋَﺮ‬ ‫وﺣ‬ َ َ 25 26 27

เศาะฮีหฺ อิบนุคุซยั มะฮฺ ๒/๓๗๖ อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน หะดีษที. ๕/๓๘๕ มัจญ์มะอุ อัซ-วะวาอิด วะ มันบะอุ อัล-ฟะวาอิด ๒/๓๑

32

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ความว่า : ผู้ ใ ดอาบนํ/า ละหมาดอย่ า งดี จ ากบ้ า นและเดิ น ไปมัส ญิ ด ดั ง นั/ นเขาคื อผู้ม าเยี ยมอั ล ลอฮฺ และเป็ น หน้ า ที สํา หรั บ ผู้ที ถูก เยี ยมจะต้ องให้ เกี ย รติ แ ก่ ผ้ ู ม าเยี ยม เยียน การให้เกียรติของอัลลอฮฺ แก่ผทู ้ ีมาเยียมเยียนพระองค์ จะขนาดไหน ทั3ง ๆ ที พระองค์ คื อ ผู ้ที มี เ กี ย รติ สู ง สุ ด ผู ้ท รงมี กรรมสิ ทธิE ในฟากฟ้ าและแผ่นดิ น บรรดาเศาะหาบะฮฺ ของท่านนบี ก็เน้นหนักเรื องนี3มาก อิมามอิ บนุ อัล-มุ บาร็ อกได้รายงานจากอัมรฺ อิ บนุ มยั มูน เขากล่ าวว่า: บรรดาเศาะหาบะฮฺ ของท่านรสู ลุลลอฮฺ ได้กล่าว ว่า: แท้จริ งบ้านของอัลลอฮฺ บนโลกนี3คือมัสญิด และแน่แท้มนั เป็ นสิ ทธิEของอัลลอฮฺ ทีจะให้เกียรติแก่ผมู ้ าเยือน ณ ทีนั3น อิมามอิบนุ อะบูชยั บะฮฺ ได้รายงานจากอัมรฺ อิบนุ มยั มูนว่า ท่า นอุ ม รั ฺ ได้ก ล่ าว่า : อันมัส ญิ ดนั3นเป็ นบ้า นของอัลลอฮฺ บน แผ่นดิ น และสิ ทธิ ของผูท้ ี ถูกเยียมที จะให้เกี ยรติแก่ผูม้ าเยียม (คื อ แขกของพระองค์)28 อิมามอิบนุ อะบูชัยบะฮฺ ได้รายงานเช่ นกันจากสัลมานว่า: ผูใ้ ดทีอาบนํ3าละหมาดอย่างดี หลังจากนั3นเขามามัสญิดเพือทําการ 28

อัล-มุศอ็ นนัฟ ๑๓/๓๑๘ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

33


ละหมาด เขาจะเป็ นแขกของอัลลอฮฺ จะต้องให้เกียรติแก่แขกของเขา29

และสิ ทธิ ของผูท้ ีถูกเยียม

1.4 อัลลอฮฺ ทรงปิ ติยนิ ดีกบั บ่ าวทีเยือนมัสญิดเพือทําการ ละหมาด อิมามอิบนุ คุซัยมะฮฺ รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านได้ กล่าวว่า ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: ‫ﺄ ُ◌ أـ َﺣـ ُﺪ ُﻛـﻢ ﻓـَ ـﻴُ ْﺤ ِﺴ ُﻦ ُوـﺿﻮءَـﻩُـ وـﻳُـ ْﺴﺒِﻐُﻪُ ﰒّـ ﻳــﺄﰐ‬‫)) ﻻـ ﻳـَـﺘَ ـ َﻮﺿ‬ ‫ﺶ اـﷲُـ إـﻟــﻴﻪ ﻛــﻤﺎ‬  ‫اـﳌـ ْﺴ ِﺠ َﺪ ﻻـ ﻳـُﺮﻳْـ ُﺪ إـﻻّـ اـﻟـ‬ َ َ‫ﺼﻼ َةـ ﻓــﻴﻪ إـﻻّـ ﺗـَـﺒَ ْﺸﺒ‬ َ 30 ِ ِ ِ ِ‫ﺶ أﻫﻞ اﻟﻐﺎﺋ‬ ((‫ﺐ ﺑِﻄَْﻠ َﻌﺘﻪ‬ ‫ﺒ‬ ‫ﺸ‬ ‫ﺒ‬ ْ ُ ُ َ َ​َ‫ﻳـَﺘ‬ ความว่า: ไม่ มี ผ้ ูใ ดที อาบนํ/าละหมาดอย่ า งสมบู รณ์ แบบ ที สุ ด แล้ วมามัส ญิ ดเพื อละหมาดที นั/ น นอกจากอั ลลอฮฺ จะปิ ติ ยินดี ยิงเหมื อนกับครอบครั วที มี สมาชิ กซึ งจาก หายไปดีใจยิงเนืองจากการกลับมาของเขา

29 30

อัล-มุศอ็ นนัฟ ๑๓/๓๑๙ เศาะฮีหฺอิบนุคุซยั มะฮฺ หมายเลขที. (๑๔๙๑) ๒/๓๗๔

34

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อิ ม ามอิ บ นุ อาษี รฺก ล่ าวว่า: อั ล -บัช ชุ (‫ﺶ‬  َ‫ ) اﻟﺒ‬คื อ การดี ใ จ ของเพือนที มีต่อเพือน มีความอ่อนโยนในอิริยาบถและหันมาให้ ความสนใจ การยกคําปรมัยนี3แสดงถึงการตอบรับจากอัลลอฮฺ ด้วยความดี ความใกล้ชิดและการให้เกียรติแก่บ่าวนั3น31 อิมามอิบนุ คุซัยมะฮฺ ได้ต3 งั หัวข้อแก่หะดีษนี3 ว่า: หัวข้อการ กล่ าวถึ ง ความเปรมปรี ย ์ของอัล ลอฮฺ กับการเดิ นของบ่าวใน ขณะทีเขาสะอาดสะอ้านด้วยนํ3าละหมาด 1.5 ความประเสริ ฐของการรอคอยการละหมาด ผูใ้ ดทีนังคอยเวลาละหมาดในมัสญิด เขาจะได้รับผลบุ ญ เหมือนกับเขากําลังละหมาด และบรรดามลาอิกะฮฺ จะขออภัยโทษ แก่เขาและขอพรให้เขาได้เราะหฺ มะฮฺ (ความปรานี )จากอัลลอฮฺ อิมามมุสลิ มได้รายงานจาก อะบูฮุร็อยเราะฮฺ ว่า เราะสู ล กล่าว ว่า: ٍ ‫))أﺣﺪﻛﻢ ﻣﺎ ﻗَـﻌ َﺪ ﻳـْﻨﺘ ِﻈﺮ اﻟﺼﻼةَ ﰲ‬ ‫ ﺗﺪﻋﻮ‬،‫ث‬ ْ ‫ﺻﻼة ﻣﺎ ﱂ ُﳛ ِﺪ‬ ُ َ​َ َ 32 ِ ((‫ﻢ ْارﲪَْﻪ‬ ‫ اﻟﻠّ ُﻬ‬،‫ﻢ ا ْﻏ ِﻔ ْﺮ ﻟﻪ‬ ‫اﻟﻠﻬ‬ ُ :ُ‫ﻟﻪ اﳌﻼﺋﻜﺔ‬ 31 32

อัน-นิฮายะตุ ฟิ เฆาะรี บิ อัล-หะดีษ วะ อัล-อะษัรฺ, ๑/๑๓๐ เศาะฮีหฺมุสลิม หะดีษที. (๖๔๙) ๑/๔๖๐ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

35


ความว่า: (ผู้ใดจากบรรดาพวกเจ้ านังคอยการละหมาด เขา จะอยู่ในการละหมาด (เป็ นเรื องที เกี ยวเนื องกับการได้ รับ ผลบุญในวันอาคิ เราะฮฺ 33) จนกว่ าจะเสี ยนํา/ ละหมาด และ บรรดามลาอิ กะฮฺ จะขอพรให้ แก่ เขาตลอดว่ า: โอ้ อัลลอฮฺ จงอภัยให้ แก่ เขาเถิด โอ้ อัลลอฮฺ จงปรานีเขาด้ วยเถิด อิมามอิบนุ คุซัยมะฮฺ ได้บนั ทึกหะดี ษนี3 ในหนังสื อ "เศาะฮี หฺ " ของท่าน และได้ต3 งั หัวข้อว่า: ภาคการกล่าวถึ งความประเสริ ฐ แห่งการนังในมัสญิดเพือคอยการละหมาดและการกล่าวถึงการขอ อภัยโทษและการขอพรของมลาอิกะฮฺ แก่เขาตลอด ตราบเท่าทีเขา ไม่ให้ร้ายในมัสญิดหรื อเขาจะเสี ยนํ3าละหมาด 1.6 ความประเสริ ฐของแถวแรก ท่านเราะสู ล ได้ให้คาํ กระจ่างชัดในเรื องนี3ในหลายหะ ดีษด้วยกัน เช่นหะดีษทีอิมามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้รายงานจากอะบูฮุร็อย เราะฮฺวา่ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า:

33

เอานุ อัล-มะอฺ บูด ๒/๑๓๕

36

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ِ ِ ‫اﻟﺼ‬ ‫ ﱂْ َِﳚﺪوا إﻻّ أن‬‫وِل ﰒ‬ ‫ﻒ اﻷ‬ ّ ‫ﺪاء و‬‫س ﻣﺎ ﰲ اﻟﻨ‬ ُ ‫)ﻟﻮ ﻳـَ ْﻌﻠَ ُﻢ اﻟﻨﺎ‬ ٣٤ (‫ﻤﻮا‬ ‫ﻻﺳﺘَـ َﻬ‬ ْ ‫ﻳَ ْﺴﺘَ ِﻬﻤﻮا ﻋﻠﻴﻪ‬ ความว่า: หากมนุษย์ ร้ ู ถึง(ความประเสริ ฐ)ในคําเชิ ญชวน(สู่ การละหมาด)และ(ความประเสริ ฐ) ของแถวหน้ า(พวกเขา ก็จะพากันแย่ งกันให้ ได้ ) แล้ วพวกเขาก็จะไม่ ได้ (อยู่แถว หน้ า ทุ ก คน) นอกจากพวกเขาจะต้ อ งทํา การหยิ บ ฉลาก พวกเขาก็จะทําการหยิบฉลาก อัล-หาฟี ซอิ บนุ หะญัรฺไ ด้กล่ าวว่า อะบูซัยดฺ ได้เติ ม คําว่า : หากมนุษย์รู้ถึง “ความดีและความศิริมงคล” ในรายงานของเขาจาก สายทางการรายงานจากอัล-อะอฺ รอจญ์ จากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ 35 อัล-ฏ็อยยิบียไ์ ด้เสริ มท้ายคําบรรยายหะดี ษนี3 ว่า: ท่านนบี มิได้แจ้งชัดถึงความประเสริ ฐทีกล่าวถึงในหะดีษนั3นว่าหมายถึง อะไร นันก็แสดงถึงการเน้นหนักชนิดหนึงทีสําคัญยิงและเป็ นเรื อง ทีเหนื อคําบรรยาย ภาพลักษณ์ ของการแข่งขันด้วยการหยิบฉลาก ซึ งบ่ ง บอกถึ ง ขั3น เหนื อ การเปรี ย บเที ย บ เพราะว่า เรื องนี3 จะไม่ เกิดขึ3นนอกเสี ยจากเป็ นเรื องของการแย่งชิงของผูแ้ ข่งขันทั3งหลาย36 34

เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ หะดีษที. (๖๑๕) ๒/๙๖ ฟัตหุ อัล-บารี ย ์ ๒/๙๖ 36 อ้างจาก ชัรหุ อัล-กัรฺมะนีย ์ ลิเศาะฮีหฺ อัล-บุคอรี ย ์ ๕/๑๖ 35

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

37


อัลลามะฮฺ อลั -อัยนี ยไ์ ด้กล่าวคําพูดทีชัดแจ้งถึ งสิ งทีได้รับ จากหะดี ษนี3 ว่า: ในหะดี ษนี3 กล่ าวถึ งความประเสริ ฐของแถวแรก และความประเสริ ฐของการมามัสญิดในเวลาเนิ.นๆ 37 มีบางหะดีษได้กล่าวถึงแถวแรกนั3นเปรี ยบเสมือนแถวของ บรรดามลาอิกะฮฺ และมีหะดีษทีบ่งบอกว่า อัลลอฮฺ และมลาอิ กะฮฺได้สรรเสริ ญแก่ผทู ้ ีอยูแ่ ถวแรก และท่านนบี ได้ขออภัยแก่ผู ้ ที อยู่ ใ นแถวแรกและแถวที ๒ หะดี ษ ที กล่ า วถึ ง เรื องดัง กล่ า ว ดังต่อไปนี3 1.6.1 แถวแรกเหมือนกับแถวของมลาอิกะฮฺ อิ มามอะบูดาวูดได้รายงานจากอุ บยั อิ บนุ กะอับว่า ท่า น เราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ ِ‫ﻒ اﳌﻼﺋ‬ ‫ وﻟﻮ ﻋﻠِ ْﻤﺘُﻢ‬،‫ﻜﺔ‬ ‫ن‬ ‫))وإ‬  ‫ﺻ‬ َ ‫و َل ﻋﻠﻰ ﻣﺜْ ِﻞ‬ ‫اﻟﺼﻒ اﻷ‬ 38 ((‫ﻣﺎ ﻓﻀﻴﻠﺘﻪ ﻻﺑْـﺘَ َﺪ ْرُﲤﻮﻩ‬

37 38

อุมดะตุ อัล-กอรี ย ์ ๕/๑๒๕-๑๒๖ สุ นนั อิบนุดาวูด หะดีษที. (๕๕๐) ๒/๒๕๙-๒๖๐

38

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ความว่า: แท้ จริ งแถวแรกนั/นจะเหมือนแถวของบรรดาม ลาอิ กะฮฺ หากพวกเจ้ ารู้ ว่าความประเสริ ฐของมันเป็ นเช่ น ไร แน่ แท้ พวกเจ้ าจะต้ องเร่ งรี บสู่ มนั แน่ นอน ชัยคฺ อะหฺ มดั อับดุ ลรอหฺ มาน อัล-บันนา กล่าวในคําขยาย ความหะดี ษนี3 ว่า: เหมือนแถวของบรรดามลาอิกะฮฺ น3 นั หมายถึ ง การใกล้ชิดกับ อัล ลอฮฺ และการประทานความปรานี ความ สมบูรณ์และการจัดแถวตรง 1.6.2 การสรรเสริ ญของอัลลอฮฺ แรก

และมลาอิกะฮฺแก่ ผ้ ูทีอยู่แถว

อิมามอะหฺ มดั ได้รายงานจากอะบูอุมามะฮฺ วา่ : ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ ‫ ﻳﺎ‬:‫ ﻗﺎﻟﻮا‬،‫وِل‬ ‫ﻒ اﻷ‬ ‫ﺼ‬  ‫ﻮن ﻋﻠﻰ اﻟ‬‫ﺼﻠ‬ َ ُ‫ن اﷲَ وﻣﻼﺋﻜﺘَﻪ ﻳ‬ ‫))إ‬ ِ ِ َ ‫ﻮن ﻋﻠﻰ‬‫ﺼﻠ‬ َ ُ‫ن اﷲَ وﻣﻼﺋﻜﺘَﻪ ﻳ‬ ‫ إ‬:‫ ﻗﺎل‬،‫رﺳﻮل اﷲ! وﻋﻠﻰ اﻟﺜﺎﱐ‬ ‫ وﻋﻠﻰ‬:‫ ﻗﺎل‬،‫رﺳﻮل اﷲِ! وﻋﻠﻰ اﻟﺜﺎﱐ‬ ‫ﺼ‬ َ ‫ ﻳﺎ‬:‫ ﻗﺎﻟﻮا‬،‫وِل‬ ‫ﻒ اﻷ‬  ‫اﻟ‬ ((‫اﻟﺜﺎﱐ‬ ความว่า: แท้ จริ งอัลลอฮฺ และบรรดามลาอิ กะฮฺ ของ พระองค์ จะสรรเสริ ญแก่ ผ้ ูทีอยู่ในแถวแรก บรรดาเศาะ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

39


หาบะฮฺ ก็กล่ าวว่ า:โอ้ ท่านเราะสู ลุลลอฮฺ แล้ วแถวที สอง ล่ ะ ท่ านก็กล่ าวว่ า: แท้ จริ งอัลลอฮฺ และบรรดามลาอิ กะฮฺ ของพระองค์ จะสรรเสริ ญแก่ ผ้ ูทีอยู่ในแถวแรก พวก เขาก็กล่ า วอี กว่ า :โอ้ ท่ า นรสู ลุ ล ลอฮฺ แล้ วแถวที สองล่ ะ ท่ านเลยพูดว่ า แถวที สองเช่ นกัน อิมามอะหฺ มดั รายงานเช่นกันในอีกหะดีษหนึ งจากอัน-นุ อฺ มาน อิบนุบะชีรฺวา่ : ข้าพเจ้าได้ยนิ ท่านนบี กล่าวว่า: ِ  ‫ن اﷲ ﻋﺰ‬ ‫))إ‬ ‫وِل أو‬ ‫ﻒ اﻷ‬ ‫ﺼ‬  ‫ﻮن ﻋﻠﻰ اﻟ‬‫ﺼﻠ‬ ّ َ َ ُ‫وﺟﻞ وﻣﻼﺋﻜﺘَﻪ ﻳ‬ 39 ِ ‫اﻟﺼ‬ ((‫ﻔﻮف اﻷوﱃ‬ ُ ความว่า: แท้ จริ งอัลลอฮฺ และบรรดามลาอิ กะฮฺ ของ พระองค์ จะสรรเสริ ญแก่ ผ้ ูทีอยู่ในแถวแรก หรื อแถวหน้ า ทั/งหลาย อิมามอัรฺ-รอฆีบ อัล-อัศพะฮานี ย ์ ได้กล่าวว่า: ความหมาย ของ ‫ اﻟﺼﻼة‬จากอัลลอฮฺ คือ การให้คาํ พยานความบริ สุทธ์แก่ เขา และ ‫ ﺻﻼة اﳌﻼﺋِﻜﺔ‬หมายถึง การขอพรและขออภัยโทษ 40

39 40

อัล-ฟัตหุ อัรฺ-ร็ อบบานีย ์ ลิ ตัรฺตีบิ มุสนะดิ อัล-อิมามอะหฺ มดั (๑๔๗๖) ๕/๓๑๙ อัล-มุฟเราะดาตุ ฟิ เฆาะรี บิ อัล-กุรฺอาน หน้า ๒๘๕

40

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อัลลอฮุอกั บัรฺ ! อะไรจะเป็ นความสุ ขปานนี3 แก่ผทู ้ ีอยู่แถว หน้าในการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เขาจะได้รับความยินยอม จากอัลลอฮฺ และการขออภัยโทษจากมลาอิ ก ะฮฺ โอ้อลั ลอฮฺ ขอให้เราได้อยูใ่ นบรรดาพวกนั3นด้วยเถิด 1.6.3 คําขอพรของท่ านนบี

แก่ ผ้ ูทอยู ี ่ แถวแรกและแถวทีสอง

อิมามอัน-นะสาอียไ์ ด้รายงานจากอัล-อีรฺบาฏ อิบนุสาริ ยะฮฺวา่ ท่านนบี จะขอพรแก่ผทู ้ ีอยูแ่ ถวแรกสามครั3ง และผูท้ ีอยู่ แถวทีสองครั3งเดียว อัลลามะฮฺอสั -สิ นดียไ์ ด้กล่าวว่า “การขอพรจากท่านเราะ สู ล ทั3งสามครั3 งนั3น หมายถึ ง ท่ านขอพรให้อลั ลอฮฺ ทรง ปรานีเขาและขอให้อลั ลอฮฺ ทรงอภัยโทษแก่เขาสามครั3ง”41 อะไรจะสุ ขเท่าผูท้ ีท่านนบี (คนรักของอัลลอฮฺ ) ได้ ขอพรและขออภัยให้แก่ เขา สิ งที ได้กล่ า วมาเป็ นเพี ยงแค่การยืน ละหมาดในแถวแรกและแถวที สองเท่ านั3น แล้วผลบุ ญของการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺจะเป็ นเช่นไร

41

หาชิยะตุ อัล-อิมาม อัส-สะนะดีย ์ ๒/๙๓ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

41


1.7 ความประเสริฐของแถวซีกขวา อิมามอะบูดาวูดและอิมามอิบนุมาญะฮฺได้รายงานจากท่าน หญิงอาอีชะฮฺวา่ : ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: 42 ِ ِ (‫ﻮن ﻋﻠﻰ ﻣﻴﺎﻣ ِﻦ اﻟﺼﻔﻮف‬‫ﺼﻠ‬ َ ُ‫ن اﷲَ وﻣﻼﺋﻜﺘَﻪ ﻳ‬ ‫)إ‬ ความว่า: แท้ จริ งอัลลอฮฺ และบรรดามลาอิ กะฮฺ ของ พระองค์ จะดุอาอ์ เเก่ ผ้ ทู ี อยู่ในแถวซี กขวา. เมือบรรดาเศาะหาบะฮฺ ละหมาดข้างหลังท่านเราะสู ล พวกเขาชอบอยูด่ า้ นซี กขวาของท่าน อิมามอะบูดาวูดรายงานจากอัล-บัรฺรออ์ เขากล่าวว่า: เมือ พวกเราละหมาดข้างหลังเราะสู ล พวกเราชอบทีจะอยู่ทางซี ก ขวาของท่าน แล้วท่านจะหันหน้าของท่านสู่ พวกเรา อัลลามะฮฺ มุหมั มัดชัมสุ อัล-หักกล่าวเสริ มท้ายในคํากล่าว ของอัล-บัรฺรออ์วา่ : การทีแถวซี กขวาดีกว่านั3น เพราะว่าตอนทีท่าน เราะสู ล ให้สะลามแรก ท่านจะหันมาสู่ พวกเราด้วยใบหน้าของ ท่านก่อนทีท่านจะหันไปสู่ ผทู ้ ีอยูท่ างซี กซ้ายของท่าน

42

สุ นนั อะบูดาวูด หะดีษที. (๖๖๒) ๒/๓๗๒ และสุ นนั อิบนุมาญะฮฺ หะดีษที. (๙๙๑)

42

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.8 อัลลอฮฺ

ทรงชอบการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

อิ ม ามอะหฺ ม ัด ได้ร ายงานจากอับ ดุ ล ลอฮฺ อิ บ นุ อุ ม ัรฺ ว่ า : ข้าพเจ้าได้ยนิ เราะสู ล กล่าวว่า: 43 ((‫ﺠﺐ ﻣﻦ اﻟﺼﻼة ﰲ اﳉﻤﻴﻊ‬ ُ ‫ن اﷲَ ﻟﻴَـ ْﻌ‬ ‫))إ‬ ความว่า : แท้ จริ ง อั ลลอฮฺ ทรงทึ งกับผู้ที ละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 1.9 ความประเสริ ฐของการกล่ าว "อามีน44" พร้ อมกับอิมาม อิมามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านเราะ สู ล กล่าวว่า: ،‫﴾ـ‬Ω⇐κΤΠΨ√:†ϑð∝√≅… ‚Ω Ω ⌠¬Ξ∼ς∏Ω∅ ‡ γ Σ∝Τπ ⊕ Ω∧<√≅… ⁄Ψ κΤΩ∅  ‫)) إـذـاـ ﻗــﺎلـ اـﻹـﻣــﺎمـ ﴿ـ‬ ُ ‫ﻗﻮل اﳌﻼﺋِﻜﺔ ُﻏ ِﻔَﺮ ﻟﻪ‬ ُ ‫ﻪ ﻣﻦ واﻓَ َﻖ ﻗَـ ْﻮﻟَﻪ‬‫ ﻓﺈﻧ‬، ((‫ )) آﻣﲔ‬:‫ﻓﻘﻮﻟﻮا‬ 45 ِ ِ ((‫م ﻣﻦ ذَﻧْﺒﻪ‬‫ﻣﺎ ﺗﻘﺪ‬ 43

อัล-มุสนัด หะดีษที. (๕๑๑๒) ๗/๑๒๐ “อามีน” หมายถึง โอ้ อัลลอฮฺ จงตอบรับคําขอพรของเราด้วยเถิด 45 เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ หะดีษที. (๗๘๒) ๒/๒๖๖ 44

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

43


ความว่า: เมืออิ มามอ่ าน ﴾Ψ⌠Ω⇐κΤΠΨ√:†ϑð∝√≅…‚Ω Ω ¬Ξ∼ς∏Ω∅ ‡ γ Σ∝Τπ ⊕ Ω∧<√≅… ⁄κΤΩ∅  ﴿ พวกเจ้ า ทั/ ง หลายจง

กล่ าว "อามีน" แท้ จริ งแล้ วผู้ใดที กล่ าว “อามีน” พร้ อมๆ กับคํากล่ าวของบรรดามลาอิ กะฮฺ บาปที ผ่ านมาของเขา จะถูกอภัยโทษ ในรายงานของอิบนุหิบบาน ท่านนบี กล่าวว่า: ،‫ ﴾ـ‬Ω⇐κΤΠΨ√:†ϑð∝√≅… ‚Ω Ω ⌠¬Ξ∼ς∏Ω∅ ‡ γ Σ∝Τπ ⊕ Ω∧<√≅… ⁄Ψ κΤΩ∅  ‫)) إ ـذـا ـ ﻗــﺎل ـ اـﻹ ـﻣــﺎمـ ﴿ ـ‬ ُ ‫ واﻹﻣﺎم‬، ((‫ )) آﻣﲔ‬:‫ﺗﻘﻮل‬ ُ ‫ ﻓﺈن اﳌﻼﺋِﻜﺔ‬، ((‫ )) آﻣﲔ‬:‫ﻓﻘﻮﻟﻮا‬ ‫ ﻓﻤﻦ واﻓَ َﻖ ﺗﺄﻣﻴﻨَﻪ ﺗﺄﻣﲔ اﳌﻼﺋِﻜﺔ ُﻏ ِﻔَﺮ ﻟﻪ ﻣﺎ‬، ((‫ )) آﻣﲔ‬:‫ﻳﻘﻮل‬ ُ 46 ِ ِ ((‫م ﻣﻦ َذﻧْﺒﻪ‬‫ﺗﻘﺪ‬ ِ ‫﴿ َﻏ ِْﲑ اﳌ ْﻐ‬ ความว่า: เมืออิ มามอ่ าน ﴾‫ﻀـﺂﻟﲔ‬  ‫ﻀﻮب َﻋﻠَْﻴ ِﻬ ْﻢ َوﻻ اﻟ‬ َ พวกเจ้ าจงกล่ าว "อามีน" เพราะแท้ จริ งบรรดามลาอิ กะฮฺ ก็กล่ าว "อามี น" และอิ มามก็กล่ าว “อามี น” ดังนั/นการ กล่ าว “อามีน” ของผู้ใดที ตรงกับการกล่ าว “อามีน” ขอ งมลาอิ กะฮฺ บาปที ผ่ านมาของเขาจะถูกลบล้ าง ผลบุญอันนี3ช่างประเสริ ฐและยิงใหญ่เหลือเกิน แก่มะอ์มูม (ผูล้ ะหมาดตาม) ที กล่ าว “อามี น” พร้ อมกับอิ ม ามและพร้ อมกับ 46

อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน ๕/๑๐๖-๑๐๗

44

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


มลาอีกะฮ คือ การยกโทษในความผิดทีผ่านมา และมิใช่ เพียงแค่น3 ี เท่านั3น ท่านนบี ยังบอกเราอีกว่า คําขอพรทีผูก้ ล่าว “อามีน” ใน ละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ น3 ัน จะถู ก ตอบรั บ ดัง หะดี ษ ที อิ ม าม มุสลิมได้รายงานจากอะบูมูซาอัล-อัชอะรี ยก์ ล่าวว่าท่านเราะสู ล ได้ให้คาํ ปราศรัยแจ้งแก่พวกเรา(ชาวอัชอารี ย)์ ท่านได้ช3 ี แจงเกียวกับ การปฏิ บตั ิตามสุ นนะฮฺ ของเรา และสอนเกี ยวกับการละหมาดของ เรา แล้วท่ า นก็ ก ล่ า วว่า : เมื. อพวกท่ า นทังหลายจะปฏิ บ ตั ิ ก าร ละหมาด พวกเจ้า ก็ จ งจัด แถวให้ ต รง แล้ว ให้ ค นใดคนหนึ งใน บรรดาพวกเจ้าเป็ นอิมามในการละหมาด เมืออิมามตักบีร พวกเจ้า ก็ตกั บีรตาม เมือเขากล่าว ﴾Ψ⌠Ω⇐κΤΠΨ√:†ϑð∝√≅…‚Ω Ω ¬Ξ∼ς∏Ω∅ ‡ γ Σ∝Τπ ⊕ Ω∧<√≅… ⁄κΤΩ∅  ﴿ พวก เจ้าก็จงกล่าว “อามีน” แน่นอน อัลลอฮฺ

จะตอบรับจากพวกเจ้า

1.10 การอภัยต่ อความผิดสํ าหรั บผู้ทีละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ หลังจากทีได้ ทาํ วุฎูอ์ อย่ างสมบูรณ์ แบบ จากหะดี ษที แสดงถึ งความประเสริ ฐอันยิงใหญ่ ของการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ท่านนบี ได้บอกข่าวดีน3 ี วา่ : อันการ ละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ หลัง จากที ได้อ าบนํ3า ละหมาดอย่า ง สมบู ร ณ์ แ บบแล้ ว มั น จะเป็ นเหตุ ใ ห้ ไ ด้ รั บ การยกโทษจาก พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

45


บาปกรรม ในเรื องนี3 ท่านอิมามมุสลิ มรายงานจากอุษมานอิบนุ อฟั ฟานว่า: ข้าพเจ้าได้ยนิ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ‫ـ ﰒـ ﻣــﺸﻰ إـﱃـ اـﻟــﺼﻼة‬،‫ﺿﺄَ ﻟــﻠﺼﻼ ِةـ ﻓـﺄَﺳﺒ َﻎ اـﻟــﻮﺿﻮءـ‬  ‫)) َﻣـﻦ ﺗـَـ َﻮ‬ ّ َ َْ ‫ أو ﰲ اﳌﺴﺠﺪ‬،‫ أو ﻣﻊ اﳉﻤﺎﻋﺔ‬،‫ﻓﺼﻼّﻫﺎ ﻣﻊ ا ﻟﻨﺎس‬ َ ‫اﳌﻜﺘﻮﺑﺔ‬ 47

((‫َﻏ َﻔَﺮ اﷲُ ﻟﻪ ذﻧﻮﺑَﻪ‬ ความว่า: ผู้ใดอาบนํา/ ละหมาดเพื อทําการละหมาด แล้ ว อาบอย่ างถูกวิ ธีและสมบูรณ์ แบบ หลังจากนั/นเขาก็เดิ น ไปมัสญิ ดเพื อละหมาดฟั รฎูพร้ อมกับเพื อนมนุษย์ หรื อ พร้ อมกั บ ญะมาอะฮฺ หรื อละหมาดในมัส ญิ ด อั ล ลอฮฺ จะทรงยกโทษจากบาปกรรมต่ างๆของเขา

1.11 ก ารละหมาดร่ ว มกับญะมาอะฮฺมีค วามประเสริ ฐกว่ าการ ละหมาดลําพังคนเดียว ส่ วนหนึ งของความประเสริ ฐจากการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ คือ ผลบุญทีเพิมพูนกว่าการละหมาดคนเดี ยว อิมามอัล-บุ คอรี ยไ์ ด้รายงานจากอะบูซะอีดอัล-คุดรี ย ์ เขาได้ยินท่านเราะสู ล กล่าวว่า: 47

เศาะฮีหฺมุสลิม หะดีษที. (๒๕๒) ๑/๒๐๘

46

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ِ ٍ ‫ﺬ ِﲞَﻤ‬ ‫ﻤﺎﻋﺔ ﺗَـ ْﻔﻀﻞ ﺻﻼَ​َة اﻟ َﻔ‬ ِ ‫))ﺻﻼةُ اﳉ‬ ((ً‫ﻳﻦ درﺟﺔ‬ َ ْ َ ‫ﺲ وﻋ ْﺸﺮ‬ ُ​ُ ความว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เหนื อกว่ าการ ละหมาดคนเดียวด้ วย ๒๕ เท่ าแห่ งผลบุญ

48

อิมามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้รายงานเช่นกันจากอับดุลลอฮฺอิบนุ อุมรั ว่า: ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: 49 ِ ِ ِ ((ً‫ﻳﻦ درﺟﺔ‬ ُ ‫ﺻﻼةُ اﳉﻤﺎﻋﺔ ﺗَـ ْﻔ‬ َ )) َ ‫ﺬ ﺑ َﺴْﺒ ٍﻊ وﻋ ْﺸﺮ‬ ‫ﻀ ُﻞ ﺻﻼَ​َة اﻟ َﻔ‬ ความว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เหนือกว่ าการ ละหมาดคนเดียวด้ วย ๒๗ เท่ าแห่ งผลบุญ) บรรดาอุ ล ะมาอ์ไ ด้รวมการรายงานทั3ง สองหะดี ษ นี3 ด้วย การขยายความต่างๆ นานา คําชี3 แจงทีใกล้กบั ความถูกต้องทีสุ ดก็ คือ การแตกต่างอยูท่ ีความแตกต่างของสถานการณ์ของผูล้ ะหมาด และการละหมาดเอง ดังนั3น บางคนจะได้รับ ๒๕ เท่าแห่ งผลบุ ญ และบางคนจะได้รับ ๒๗ เท่าแห่ งผลบุญ ประการนี3 ย่อมขึ3นอยูก่ บั ความสมบู ร ณ์ แ บบของการละหมาดและการรั ก ษาอิ ริ ย าบทที ถูกต้องมันคงและการคุชูอฺ (การสํารวมตนในการละหมาด) และ ขึ3นอยู่กบั จํานวนมากน้อยของผูท้ ีละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และ 48 49

เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ หะดีษที. (๖๔๖) ๒/๑๓๑ เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ หะดีษที. (๖๔๕) ๒/๑๓๑ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

47


ความประเสริ ฐของผูท้ ี ละหมาดที มี ใ นญะมาอะฮฺ และขึ3 นอยู่ก ับ สถานทีทีเป็ นเกี ยรติเป็ นต้น อัลลอฮฺ เท่านั3นผูท้ รงรอบรู ้ ยิงใน สิ งทีถูกต้อง อุละมาอ์บางคนได้กล่าวถึงสาเหตุต่างๆทีนํามาซึ งผลบุญที เหนื อกว่าในการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เช่ น อัล-หาฟี ซอิบนุ หะญัรได้กล่าวว่า: (ข้าพเจ้าได้เลื อกเฟ้ นสิ งที ข้าพเจ้าได้เชื อมันว่า ถู ก ต้องในเรื องนี3 และข้า พเจ้า ได้ลบทิ3 ง สิ งที ไม่เกี ยวข้องกับ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ) สาเหตุต่างๆ ทีทําให้ได้ผลบุญมากยิงขึ3นในการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ทีอิบนุหะญัรได้กล่าวถึงมีดงั ต่อไปนี3 1. ตอบรับคําเรี ยกร้องของผูอ้ ะซานด้วยการเจตนาจะ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 2. ไปมัสญิดแต่เนินๆ 3. เดินไปมัสญิดอย่างนอบน้อมถ่อมตน 4. เข้ามัสญิดด้วยการอ่านกล่าวดุอาอ์เข้ามัสญิด 5. ละหมาดตะหี ยะตุลมัสญิด (เพือให้เกี ยรติมสั ญิด) ทุกครั3ง ทีเข้ามัสญิด (ทุกอย่างนั3นจะต้องตั3งเจตนาว่าจะละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ) 6. รอคอยการละหมาดญะมาอะฮฺ 7. มลาอิกะฮฺจะขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ แก่เขา 48

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


8. มลาอีกะฮเป็ นพยานแก่เขา 9. ตอบรับคํากล่าว "อิ กอมะฮฺ " 10. ปลอดพ้นจากการกระซิ บกระซาบของมารชัยฏอนโดยที มันจะรี บหนีในขณะทีได้ยนิ เสี ยง "อิ กอมะฮฺ " 11. ยืนรอตั ก บี เราะตุ อั ล -อิ หฺรอมพร้ อมกับ อิ ม าม หรื อเริ ม ละหมาดพร้อมกับอิมามไม่วา่ จะทันทีรุ กุนไหนก็ตาม 12. กล่าวตักบีเราะตุ อัล-อิ หฺรอม พร้อมกับอิมาม 13. จัดแถวตรงและชิดกันโดยไม่ปล่อยให้มีทีว่างในแต่ละ แถว 14. ตอบรับคํากล่าวของอิมามขณะทีกล่าว ‫َِﲰ َﻊ‬ ِ ِ ُ‫اﷲُ ﻟ َﻤ ْﻦ َﲪ َﺪﻩ‬ 15. ปลอดพ้นจากการหลงลืม และเตือนอิมามขณะทีเขาลืม โดยการ "ตัสบีหฺ" หรื อด้วยการทักการอ่านของอิมามใน ขณะทีเขาลืมอ่านหรื ออ่านผิด 16. มีลกั ษณะของการ "คุชูอฺ" และปลอดพ้นจากสิ งทีจะทํา ให้เขาหลงลืม 17. ทําให้สภาพการณ์ดูดี ด้วยการแต่งกายสะอาดและสุ ภาพ 18. การล้อมรอบของมลาอิกะฮฺ ด้วยการขอพรให้เขาได้รับ เราะมะฮฺ (ความเมตตา) จากอัลลอฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

49


19. พยายามทําให้การอ่านในการละหมาดดีและถูกต้อง โดย ถูกหลักตัจEฺ วีด (กฏการอ่านอัล-กุรฺอาน) และเรี ยนรู ้ รุ กุนและปฏิบตั ิทีเป็ นสุ นนะฮฺ ของการละหมาด 20. การทําให้เอกลักษณ์ของอิสลามดูเด่นและมีสง่า 21. บี บเบี ย ดมารร้ ายชัยฏอนด้วยการร่ วมทํา อิ บ าดะฮฺ และ เกื3 อหนุ นในเรื องฏออะฮฺ และผลักดันผูท้ ี เกี ยจคร้ านให้ กระตือรื อร้น 22. ปลอดพ้นจากภัยนิฟาก (การกลับกลอก) และการมองคน อืนในแง่ร้าย เช่น การต่อว่าคนอืนทิ3งละหมาด เป็ นต้น 23. ตอบรับการกล่างสะลามของอิมาม 24. รับประโยชน์จากการชุมนุม การอ่านดุอาอ์และซิ กรฺ และ ทดแทนความศิริมงคลด้วยสิ งทีสมบูรณ์แบบต่อการขาด ตกบกพร่ องในการละหมาด 25. ธํารงหลักการรักใคร่ ปรองดองระหว่างเพือนบ้านและให้ ความเอาใจใส่ ดูแลในเวลาละหมาด หลั ง จากนั3 นอิ บ นุ ห ะญัรฺ ก็ ก ล่ า วว่ า "นี แหล่ ะ คื อ ๒๕ คุณลักษณะเด่น คําสังและการส่ งเสริ มให้กระทําต่างๆ จะออกมา ในทุกรู ปแบบทีได้กล่าวมา และยังมีอีก 2 ลักษณะเด่นทีเจาะจง เฉพาะกับการละหมาดทีมีการอ่านออกเสี ยงดัง คือ 50

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1. เงียบนิงในขณะทีอิมามอ่าน และตั3งใจฟังอย่างมีสติ 2. กล่าว "อามีน" ในขณะทีอิมามกล่าว "อามีน" เพือจะได้ ตรงกับการกล่าว "อามีน" ของบรรดามลาอิกะฮฺ 1.12 การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺจะปกป้ องบ่ าวจากมารร้ าย ชั ยฏอน อิมามอะหฺ มดั ได้รายงานจากมุอาซอิบนุ ญะบัลว่า: ท่านนบี กล่าวว่า: ِ ‫ﻴﻄﺎ َنـ ِذـﺋْـﺐ اـﻹـﻧْـﺴﺎ ِنـ َﻛـ ِﺬﺋْـ‬‫نـ اـﻟـﺸ‬ ‫)) إـ‬ ‫ﺎ َة‬‫ـ ﻳـﺄ ُﺧـ ُﺬ اـﻟـﺸ‬،‫ﺐ اـﻟـﻐَﻨَ ِﻢ‬ ُ ِ‫ ـ وــﻋ ـﻠَﻴ ُﻜﻢ ﺑِـﺎﳉــﻤﺎﻋــﺔ‬،‫ﻌﺎب ـ‬‫ ـ ﻓَـِﺈﻳ ـﺎ ُﻛ ـﻢ ـوـا ـﻟ ـﺸ‬،َ‫ـﻘﺎﺻﻴﺔَ ا ـﻟــﻨﺎ ِﺣ ـﻴﺔ‬ ِ ْ ّ َ َ َ ‫ا ـﻟـ‬ 50 ِ ِ ِ ‫و‬ ((‫اﻟﻌﺎﻣﺔ واﳌﺴﺠﺪ‬ ความว่า: แท้ จริ งชั ยฏอนนั/น(เปรี ยบเสมือน)หมาไน(ที ล่ า) มนุษย์ เหมือนกับหมาไน(ที ล่ า)แพะ มันจะตะครุ บจับแพะ ที อยู่ ต ามลํา พั ง และอยู่ ไ กลจากฝู ง ฉะนั/ น พวกเจ้ าจง หลี ก เลี ยงจากซอกเขา (เพื อบํา เพ็ญ อิ บ าดะฮฺ ต ามลํา พั ง ) และพวกเจ้ าจงร่ วมกับญะมาอะฮฺ ฝูงชนและมัสญิด 50

อัล-ฟัตหุ อัรฺ-ร็ อบบานีย ์ ลิ ตัรฺตีบิ มุสนะดิ อัล-อิมามอะหฺ มดั (๑๓๐๖) ๕/๑๗๕๑๗๖ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

51


1.13 เพิมความประเสริ ฐของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺด้วย การเพิมจํานวนผู้ละหมาด สิ งที ผลัก ดั น มุ ส ลิ ม ให้ หั น มาสนใจมากยิ งขึ3 นต่ อ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ คือ หะดีษทีท่านเราะสู ล (ผูป้ ราศัย ด้วยวะหฺ ยุ) ว่าด้วยการเพิมผลบุ ญและสิ งตอบแทน เนื องจากการ เพิมจํานวนของผูล้ ะหมาด อิมามอบูดาวูดได้รายงานจากอุบยั ฺ อิบนุ กะอับ ท่านเราะสู ลได้กล่าวว่า: ،‫ﺮ ُﺟ ـ ِﻞ أـ ـْـز ـﻛــﻰ ِﻣ ـﻦ ﺻﻼﺗِـ ِﻪ َـو ـ ْﺣ ـ َﺪﻩُـ‬‫ﺮ ُﺟ ـ ِﻞ َﻣ ـ َﻊ ا ـﻟ ـ‬‫ﺻﻼ َة ـ ا ـﻟ ـ‬ َ ‫ن ـ‬ ‫)) إ ـ‬ ِ ْ َ‫ﺮ ُﺟـﻠ‬‫وﺻﻼﺗـُﻪُ َﻣـ َﻊ اﻟـ‬ ‫ـ وﻣـﺎ َﻛـﺜُـَﺮ‬،‫ﺮ ُﺟـ ِﻞ‬‫ﲔ أ ْزـﻛـﻰ ِﻣـﻦ ﺻﻼﺗِ ِﻪ َﻣـ َﻊ اـﻟ‬ َ ((‫وﺟﻞ‬  ‫أﺣ‬  ‫ﺰ‬‫ﺐ إﱃ اﷲِ ﻋ‬ ُ َ ‫ﻓﻬ َﻮ‬

(สุนนั อิบนุดาวูด หะดีษที. (๕๕๐) ๒/๒๕๙-๒๖๐)

ความว่า: แท้ จริ งการละหมาดของชายคนหนึ งร่ วมกับชาย อี กคนหนึ งจะดี กว่ า การละหมาดของเขาตามลําพัง และ การละหมาดของเขาร่ วมกั บ ชายสองคนจะดี ก ว่ า ที เขา ละหมาดร่ วมกับชายอี กคน และยิงจํานวนมาก มันก็จะยิ ง เป็ นที รั กและชอบของอัลลอฮฺ

52

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อิมามอิบนุ คุซยั มะฮฺ 51และอิมามอิบนุ หิบบาน52 ได้บนั ทึก ในหนังสื อ “เศาะฮีหฺ” ของท่านทั3งสองเช่ นกัน และท่านเราะสู ล ได้แจ้ง ชัด ในหะดี ษ อื นว่า : "ผูล้ ะหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ จ ะ ได้รับผลบุ ญอันยิงใหญ่ และประเสริ ฐกว่า บุ ค คลที มี จาํ นวนมาก และหลายเท่ากว่า โดยที พวกเขาเหล่ านั3นต่างละหมาดตามลําพัง ในเรื องนี3 อิมามอัล-บัซซารฺ ได้รายงานจากก็อบบาษอิบนุอุชยั มฺ อัลลัยษียว์ า่ ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ ‫ـﻨﺪ اـ‬ ِ ْ َ‫ﺮ ُﺟـﻠ‬‫ﺻﻼةُـ اـﻟـ‬ ‫ﷲـ ﻣــﻦ‬ َ ‫مـ أـ َﺣـ َﺪﳘــﺎ ﺻﺎ ِﺣـﺒُﻪُ أ ــزـﻛــﻰ ﻋـ‬‫ﲔ ﻳـَـ ُﺆ‬ َ )) ِ‫ﻋﻨﺪ اﷲ‬ ٍ ٍ ِ َ ‫أﺣ ُﺪﻫﻢ أزﻛﻰ‬ َ ‫م‬‫ وﺻﻼ ُة أرﺑَـ َﻌﺔ ﻳَـ ُﺆ‬،‫ﺻﻼة أرﺑَـ َﻌﺔ ﺗﱰى‬ ٍِ ٍِ ِ ‫ﻋﻨﺪ‬ َ ‫أﺣ ُﺪ ﻫﻢ أزﻛﻰ‬ َ ‫م‬‫ وﺻﻼ ُة َﲦﺎﻧﻴَﺔ ﻳَـ ُﺆ‬،‫ﻣﻦ ﺻﻼة َﲦﺎﻧﻴَﺔ ﺗﱰى‬ 53 ((‫اﷲِ ﻣﻦ ِﻣﺎﺋٍَﺔ ﺗﱰى‬ ความว่ า : การที ชายสองคนละหมาดโดยที คนหนึ งนํา ละหมาดอี ก คนหนึ ง ในทั ศ นะของอั ล ลอฮฺ แล้ วจะ ดี กว่ าการละหมาดของสี คนโดยต่ างคนต่ างละหมาดกั น และการละหมาดของชายสี คนโดยมี คนหนึ งจากพวกเขา เป็ นอิ มามจะดี กว่ าการละหมาดของแปดคนตามลําพังใน 51 52 53

เศาะฮีหฺ อิยนุคุซยั มะฮฺ (๑๔๗๖) ๒/๓๖๖-๓๖๗ อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน (๒๐๕๖) ๕/๔๐๕ อ้างจาก กัชฟุ อัล-อัสตารฺ อัน ซะวาอิดุอลั -บัซซารฺ (๔๖๑) ๑/๒๒๗-๒๒๘ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

53


ทัศนะของอัลลอฮฺ และการละหมาดของแปดคนใน ทัศนะของอัลออฮจะดี กว่ าการละหมาดของหนึ งร้ อยคน โดยต่ างคนต่ างละหมาดกัน การละหมาดของร้ อยคนในญะมาอะฮฺ แน่ นอนจะดี ก ว่า การละหมาดของบุ ค คลจํา นวนเท่ า ไหร่ ล่ ะ หากพวกเขาต่ า ง ละหมาดกันตามลํา พังคนเดี ย ว และการละหมาดของร้ อยๆ คน ในญะมาอะฮฺ จะดี กว่าการละหมาดของบุ คคลจํานวนเท่าไหร่ ล่ะ หากพวกเขาต่างละหมาดกันตามลําพัง ผลบุญของผูล้ ะหมาดในญะ มาอะฮฺจะเพิมทวีคูณเท่าไหร่ ล่ะ หากจํานวนของพวกเขาเป็ นพันๆ 1.14 การปลอดพ้ นจาก 2 สิ งสํ าหรั บผู้ละหมาดทีทันตักบีรฺแรก พร้ อมกับอิมาม 40 วัน อิมามอัต-ตัรฺมิซียไ์ ด้รายงานจากอะนัส อิบนุมาลิก เขา กล่าวว่า: ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ ِ ِ ٍ َ ‫ﲔ ﻳـَ ْﻮًﻣﺎ ﰲ َﲨ‬ ‫ْﺒﲑَة اﻷوﱃ‬ َ ‫))ﻣﻦ ﺻﻠّﻰ ﷲ ْأرﺑَﻌ‬ َ ‫ﺎﻋﺔ ﻳُ ْﺪرُك اﻟﺘَﻜ‬ ِ ‫ﺎ ِر وﺑﺮاءةٌ ِﻣﻦ اﻟﻨ‬‫ ﺑﺮاءةٌ ِﻣﻦ اﻟﻨ‬:‫ُﻛﺘِﺐ ﻟﻪ ﺑﺮاءﺗﺎن‬ ((‫ﻔﺎق‬ َ َ َ َ َ َ َ َ

(ญามิอฺ อัต-ตัรฺมิซีย ์ ๑/๒๐๑)

54

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ความว่า: ผู้ใดที ละหมาดโดยบริ สุทธ์ ใจต่ ออัลลอฮฺ ๔๐ วันในญะมาอะฮฺ โดยที เขาทันตักบี รฺแรกพร้ อมกับอิ มาม เขาจะถู ก บั น ทึ ก ให้ ปลอดพ้ น จากสองประการ ปลอดพ้ นจากไฟนรกและปลอดพ้ นจากนิฟาก อัลลามะฮฺ อฏั -ฏ็อยยิบียไ์ ด้กล่าวในคําขยายความหะดี ษนี3 ว่า พระองค์ทรงให้เขาปลอดพ้นในโลกนี3จากการปฏิบตั ิในการงาน ของคนมุนาฟิ ก (ผูก้ ลับกลอก) และพระองค์จะทรงประคองเขาให้ ทําอิบาดะฮฺ เช่ นผูท้ ีบริ สุทธิE ใจ และในวันอาคิเราะฮฺ พระองค์จะให้ เขาปลอดภัยจากการลงโทษทีพวกมุ นาฟิ กได้รับ และจะทรงเป็ น พยานให้แก่เขาว่า เขามิใช่มุนาฟิ ก กล่าวคือ แท้จริ งพวกมุนาฟิ กจะ ละหมาดอย่า งเกี ย จคร้ า นและลักษณะนี3 ตรงข้ามกับลักษณะของ พวกเขา 54 ข่าวดีน3 ีช่างยิงใหญ่เสี ยเหลือเกิน การปลอดพ้นจากทั3งสอง สิ งที ได้กล่ า วมาข้า งต้นช่ า งเป็ นความประเสริ ฐเสี ยเหลื อเกิ น โอ้ อัล ลอฮฺ จงอย่า ปลิ ดชี วิ ตเราก่ อนที พวกเราจะได้รับ ทั3ง สอง ประการนี3ดว้ ยเถิด

54

อ้างจาก ตุหฺฟะตุอลั -อะหฺ วะซีย ์ ๑/๒๐๑ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

55


๑.๑๕ ความประเสริ ฐ ของการละหมาดอิ ช าอ์ ศุ บ หฺ และอั ศ รฺ ร่ วมกับญะมาอะฮฺ นอกเหนื อ จากสิ งที ได้ ก ล่ า วมา มี ห ะดี ษ ที ชี3 ถึ ง การ ละหมาดอิชาอ์ ศุบหฺ และอัศรฺ ในญะมาอะฮฺ ว่ามีความประเสริ ฐอัน ยิงใหญ่และผลบุญอันเหลื อล้น และผลบุญอัยยิงใหญ่สําหรับการ ละหมาดอิชาอ์และศุบหฺ ในญะมาอะฮฺ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ‫))وﻟَﻮ ﻳـﻌﻠَﻤﻮ َن ﰲ‬ ((‫اﻟﺼْﺒ ِﺢ ﻷَﺗَـ ْﻮ ُﳘﺎ َوﻟَﻮ َﺣْﺒـ ًﻮا‬ َْ َ ُ ‫اﻟﻌﺘَ َﻤﺔ و‬ َ

(อัล-บุคอรี ย ์ (๗๒๑) ๒/๒๐๘, และมุสลิม (๔๓๗) ๑/๓๒๕ จากอะบูฮุร็อย เราะฮฺ)

ความว่า : หากพวกเขารั บ รู้ ถึ ง (ความประเสริ ฐของ)การ ละหมาดอิ ชาอ์ และศุบหฺ แน่ นอนพวกเขาจะต้ องมาในเวลา ทั/งสอง ถึงแม้ พวกเขาจะต้ องคลานมาก็ตาม อิ ม ามอัน -นะวาวีย ์ไ ด้เสริ ม ท้า ยหะดี ษ นี3 ว่า “ในหะดี ษ นี3 เป็ นการส่ งเสริ มอันยิงใหญ่เพือไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ใน สองเวลาดังกล่าวนี3” 55

55

ชัรฺหุ อัน-นะวะวีย ์ ๔/๑๕๘

56

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


หะดี ษอื นอี ก มากมายที กล่ า วถึ ง ความประเสริ ฐชองการ ละหมาดอิ ช าอ์ ศุ บ หฺ แ ละอัศ รฺ ร่ วมกั บ ญะมาอะฮฺ ซึ งจะกล่ า ว ดังต่อไปนี3 ๑.๑๕.๑ ละหมาดอิ ชาอ์ ในญะมาอะฮฺเหมือนกับละหมาดกิยาม (ละหมาดกลางคืน)ครึ งคืน และละหมาดศุบหฺร่วมกับญะ มาอะฮฺเหมือนกับละหมาดกิยามทัง- คืน อิมามมุสลิ มได้รายงานจากอับดุรฺเราะหฺ มานอิบนุ อะบูอมั เราะฮฺ เขากล่าวว่า อุษมาน อิบนุอฟั ฟานได้เข้ามาในมัสญิดหลังจาก ละหมาดมัฆริ บ แล้วท่านนังตามลําพัง ดังนั3นข้าพเจ้าจึงเข้าไปนัง ใกล้ท่าน ท่านเลยกล่าวกับข้าพเจ้าว่า โอ้ หลานชายของข้า ข้าได้ยิน ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ‫َﳕﺎ ﻗ‬‫)) ﻣﻦ ﺻﻠّﻰ اـﻟﻌِﺸﺎء ﰲ َﲨـﺎﻋ ٍﺔ َﻓ َﻜﺄ‬ ‫ وَﻣـ ْﻦ‬، ‫ْﻴ ِﻞ‬‫ﻒ اﻟـﻠ‬ َ ‫ﺼ‬ َ ْ ‫ـﺎم ﻧ‬ َ َْ َ ٍ ((‫ﻪ‬‫ْﻴ َﻞ ُﻛﻠ‬‫ﳕﺎ ﺻﻠّﻰ اﻟﻠ‬َ‫ﺎﻋﺔ ﻓَ َﻜﺄ‬ َ ‫اﻟﺼْﺒ َﺢ ﰲ َﲨ‬ ُ ‫ﺻﻠّﻰ‬

(เศาะฮีหฺมุสลิม (๖๕๖) ๑/๔๕๔)

ความว่า: ผู้ใดที ละหมาดอิ ชาอ์ ในญะมาอะฮฺ เขาจะได้ รับ ผลบุญเหมื อนกับเขาได้ ละหมาดกิ ยามครึ งคื น และผู้ใดที ละหมาดศุบหฺ ในญะมาอะฮฺ (หลังจากละหมาดอิ ชาอ์ ในญะ มาอะฮฺ แล้ ว)เขาจะได้ รับผลบุญเหมื อนกับที เขาละหมาดกิ ยามทั/งคื น พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

57


มี หะดี ษ ที รายงานจากอิ ม ามอะบูดาวูด อิ ม ามอัตตี รมิ ซี ย ์ และอิ มามอิ บนุ อลั -มุ นซี รมาเน้นหนักหะดี ษนี3 อุ ษมาน อิ บนุ อฟั ฟานได้กล่าวว่า ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ِ ٍ ِ ِ‫ﺼ‬ ‫ـ وـَﻣـ ْﻦ‬،‫ﻒ ﻟَـْﻴ ـﻠَ ٍﺔ‬ ْ ‫)) َﻣـ ْﻦ ﺻﻠّﻰ اـﻟــﻌﺸﺎءَـ ﰲـ َﲨـﺎ َﻋـﺔ ﻛــﺎ َنـ َﻛـﻘﻴﺎِمـ ﻧـ‬ ِ ِ ‫ﺎﻋ ٍﺔ ﻛﺎ َن َﻛ ِﻘ‬ ((‫ﻴﺎم ﻟَْﻴـﻠَ ٍﺔ‬ َ ‫اﻟﺼْﺒ َﺢ ﰲ َﲨ‬ ُ ‫ﺻﻠّﻰ اﻟﻌﺸﺎءَ و‬ (สุนนั อบูดาวูด (๕๕๑) ๒/๒๖๐-๒๖๑)

ความว่า: ผู้ใดที ละหมาดอิ ชาอ์ ในญะมาอะฮฺ ผลบุญของ เขาเหมื อ นกั บ การละหมาดกิ ย ามครึ งคื น และผู้ ใ ดที ละหมาดอิ ช าอ์ และศุ บ หฺ ใ นญะมาอะฮฺ ผลบุ ญ ของเขา เหมือนกับการละหมาดกิยามทั/งคื น หะดีษทีอิมามอิบนุหิบบานรายงานจากอุษมาน อิบนุอฟั ฟานเสริ มว่า ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ٍ ‫))ﻣﻦ ﺻﻠّﻰ اﻟﻌِﺸﺎء واﻟﻐَﺪا َة ﰲ َﲨ‬ ((‫ْﻴ َﻞ‬‫ﻗﺎم اﻟﻠ‬ َ َ ‫ﳕﺎ‬َ‫ﺎﻋﺔ ﻓَ َﻜﺄ‬ َْ َ

(อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน ๕/๔๐๗)

ความว่า: ผู้ใดที ละหมาดอิ ชาอ์ และศุบหฺ ในญะมาอะฮฺ เหมือนกับว่ าเขาได้ ละหมาดกิยามทั/งคื น. ในเรื องนี3 เศาะหาบะฮฺ บ างคนมี ค วามเห็ น ว่ า การ ละหมาดอิชาอ์และศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั ดีกว่าการละหมาดกิ 58

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ยามทั3งคืนเสี ยอีก อิมามอิบนุ อะบูชยั บะฮฺ ได้รายงานจากผูน้ าํ แห่ ง ศรั ท ธาชน นันคื อ อุ ม ัรฺ อิ บ นุ อ ัล -ค็ อ ฏฏอบ ท่ า นกล่ า วว่ า หาก ข้าพเจ้าได้ทาํ การละหมาดทั3งสองเวลา(อิชาอ์และศุบหฺ )ร่ วมกับญะ มาอะฮฺจะเป็ นทีรักยิงสําหรับข้าพเจ้ากว่าการอดหลับ(เพืออิบาดะฮฺ ) ในระหว่างสองเวลานั3น อะลี อิบนุอะบูฏอลิบ กล่าวว่า หากข้าพเจ้า ละหมาดศุ บหฺ และอิชาอ์ร่วมกับญะมาอะฮฺ จะเป็ นทีรั กยิงสําหรั บ ข้าพเจ้ากว่าการอดหลับ(เพืออิบาดะฮฺ)ในระหว่างสองเวลานั3น 56 • การละหมาดศุบหฺร่วมกับญะมาอะฮฺดีกว่ าการละหมาดอิชาอ์ ร่ วมกับญะมาอะฮฺหรือไม่ ? อิมามอิ บนุ คุซัยมะฮฺ ออกความเห็ นว่า การละหมาดศุ บหฺ ร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ จะดี กว่าการละหมาดอิ ชาอ์ร่วมกับ ญะมาอะฮฺ ท่านได้กล่าวในหนังสื อ เศาะฮีหฺของท่านและได้อา้ งหะดีษอุษมาน อิบนุ อฟั ฟานที กล่าวไว้ขา้ งต้น และท่านได้ขยายความในหนังสื อ ของท่านด้วยการกล่ าวว่า “ภาคตอนการกล่ าวถึ งความประเสริ ฐ ของการละหมาดอิ ช าอ์และศุ บ หฺ ร่วมกับ ญะมาอะฮ และคํา พูดที แจ่ ม แจ้ง ว่ า การละหมาดศุ บ หฺ ร่ ว มกับ ญะมาอะฮจะดี ก ว่ า การ 56

อัรฺ-เราฎุ อัน-นะฎีรฺ ชัรฺหุ มัจญ์มอู ฺ อัล-ฟิ กฮฺ อัล-กะบีรฺ ๒/๑๑๖ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

59


ละหมาดอิ ช าอ์ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ และความประเสริ ฐ ของการ ละหมาดศุ บ หฺ เ ป็ นสองเท่ า ของการละหมาดอิ ช าอ์ ร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ” 57 จากการรายงานของอะบูดาวูด อัต-ตัรฺมิซีย ์ อิบนุ อัล-มุ น ซิ รฺและอิ บนุ หิบบานได้เน้นหนักในคํากล่าวของท่านเราะสู ล ว่า : ผูใ้ ดที ละหมาดศุ บ หฺ ร่วมกับ ญะมาอะฮฺ (เขาจะได้รับ ผลบุ ญ ) เหมื อ นกั บ ละหมาดกิ ย ามทั3 งคื น คื อ ผู ้ใ ดที ละหมาดศุ บ หฺ ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ หลัง จากที เขาได้ล ะหมาดอิ ช าอ์ร่ วมกับ ญะ มาอะฮฺแล้ว เขาจะได้รับผลบุญเหมือนกับการละหมาดกิยามทั3งคืน ๑.๑๕.๒ มลาอิ กะฮฺจ ะเดิ นเป็ นเพือนผู้ทีเดินไปมั สญิดเป็ นคน แรก สิ งที บ่ ง บอกถึ ง ความประเสริ ฐ ของการละหมาดศุ บ หฺ พร้ อ มกั บ ญะมาอะฮฺ คื อ หะดี ษ ที อิ ม ามอิ บ นุ อ ะบู อ าศิ ม และอิ มามอะบูนุอยั มฺ ทีได้รายงานจากมีษมั ซึ งเป็ นคนหนึ งในบรรดาเศาะ หาบะฮฺของท่านเราะสู ล เขากล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ยนิ มาว่า:

57

เศาะฮีหฺ อิบนุคุซยั มะฮฺ ๒/๓๖๕

60

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ِ​ِ ِ ‫ ﻓﻼ‬،‫اﳌﺴ ِﺠﺪ‬ َ َ‫ن اﳌﻠ‬ ‫)) أ‬ ْ ‫َو َل َﻣﻦ ﻳ ْﻐﺪو إﱃ‬ ‫ﻚ ﻳَـ ْﻐﺪو ﺑﺮاﻳَﺘﻪ َﻣ َﻊ أ‬ َ ِ ‫ﻴﻄﺎ َن ﻳَـ ْﻐﺪو‬ْ‫ن اﻟﺸ‬ ‫ وأ‬،‫ﺎ َﻣْﻨ ِﺰﻟَﻪ‬ ‫ﺣﱴ ﻳَـ ْﺮِﺟ َﻊ ﻓَـﻴُ ْﺪ ِﺧ َﻞ‬ ‫ﻪ‬ ‫ﻣﻌ‬ ّ َ ‫ﺎ‬ ‫ﻳَﺰ ُال‬ ‫ـﺎ ﻣـ َـﻌﻪ ﺣـ ّـﱴ‬ِ ‫وـ َلـ َﻣـﻦ ﻳـَـ ْﻐﺪوـ ﻓــﻼ ﻳـَﺰاـ ُلـ‬ َ‫ﺴﻮ ِقـ َﻣـ َﻊ أـ‬ ‫ﺑِـﺮاـﻳَـﺘِ ِﻪ إـﱃـ اـﻟـ‬ ٥٨ ((‫ﺎ َﻣْﻨ ِﺰﻟَﻪ‬ ‫ﻳـَ ْﺮِﺟ َﻊ ﻓَـﻴُ ْﺪ ِﺧ َﻞ‬ ความว่า: แท้ จริ งมลาอิ กะฮฺ จะเดิ นถื อธงพร้ อมกับผู้ทีเดิ น ไปมั ส ญิ ด เป็ นคนแรก และจะยั ง คงถื อ อยู่ อย่ างนั/ น จนกระทังเขากลับบ้ าน มลาอี กะฮก็จะพาธงเข้ าไปในบ้ าน ของเขา และแท้ จริ งชั ยฏอนจะถื อธงสู่ ตลาดพร้ อมกับผู้ที เดินไปตลาดเป็ นคนแรก มันจะอยู่ในสภาพเช่ นนั/นจนกว่ า เขากลับบ้ าน มันก็จะพาธงเข้ าไปในบ้ านของเขา ช่ า งเป็ นเกี ย รติ อ ัน ยิ งใหญ่ อ ะไรเช่ น นี3 สํ า หรั บ ผู ้ที เดิ น สู่ มสั ญิดเป็ นคนแรกเพือละหมาดศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ คํากล่าวที ได้อา้ งมาข้างต้นนี3 ถึงแม้วา่ หะดีษนี3เป็ น “เมากูฟ” (หะดีษทีมีสาย การรายงานถึงแค่ระดับเศาะหาบะฮฺ ไม่วา่ จะเป็ นคําพูด การกระทํา หรื อ การยอมรั บ ) แต่ ถื อ ว่า เป็ นหะดี ษ “มัรฺ ฟู อฺ” (หะดี ษ ที มี ก าร รายงานถูกยกระดับถึงนบี ) ท่านอิมามอัน-นะวะวียไ์ ด้กล่าวว่า: หากหะดี ษใดมี การกล่ าวว่า “เศาะหาบะฮฺ ได้กล่าวว่า “ยกระดับ” 58

อ้างจาก อัต-คัรฺฆีบ วะ อัต-ตัรฺฮีบ (๑๓) ๑/๒๗๑ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

61


“ได้ฟ3ื นฟู” “มีคาํ กล่าวถึงเขาว่า” หรื อ “มีรายงานอืนว่า” ทั3งหมดนี3 จะนับเป็ นหะดีษ “มัรฺฟูอฺ”ในทัศนะของนักวิชาการ59 ๑.๑๕.๓ การละหมาดศุบหฺพร้ อมกับญะมาอะฮฺจะถูกบันทึกใน แบบฉบับการละหมาดของคนดี และผู้ละหมาดจะรวมอยู่ ในคณะแขกของอัลลอฮฺ อิมามอัฏ-เฏาะบะรอนียไ์ ด้รายงานจากอะบูอุมามะฮฺวา่ ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ ‫ أﺗﻰ‬ُ‫ﺿﺄَ ﰒ‬ ِ ْ ‫ﺼﻠّﻰ اﻟﺮْﻛ َﻌﺘَـ‬  ‫)) َﻣﻦ ﺗَـ َﻮ‬ ّ‫ ﰒ‬،‫ﲔ ﻗَـْﺒ َﻞ اﻟ َﻔ ْﺠ ِﺮ‬ ْ َ َ َ‫ ﻓ‬،‫اﳌﺴﺠ َﺪ‬ ِ ‫ﻲ اﻟ َﻔﺠﺮ ُﻛﺘِﺒﺖ ﺻﻼﺗُﻪ ﻳـﻮﻣﺌِ ٍﺬ ﰲ ﺻ‬‫ﱴ ﻳﺼﻠ‬ ‫ﺟﻠَﺲ ﺣ‬ ‫ﻼة‬ َ َ َْ ُ َ ْ َ َ ْ َ َ ُ َ َ َ ِ ِ ((‫ﺮﲪ ِﻦ‬‫ﺐ ﰲ َوﻓْ ِﺪ اﻟ‬ َ ‫ وُﻛﺘ‬،‫اﻷَﺑْﺮار‬ ความว่า: ผู้ใดที ทําวุฎูอ์ แล้ วไปมัสญิ ด เขาก็ละหมาด ๒ ร็ อกอะฮฺ ก่ อนละหมาดศุ บ หฺ แล้ วเขาก็นังรอละหมาด ฟั ญรฺ การละหมาดของเขาจะถูกบันทึ กในแบบฉบับการ ละหมาดของบรรดาคนดี และเขา จะถูกบันทึ กในคณะ แขกของอัลลอฮฺ ผ้ ทู รงเมตตายิง

59

ตักรี บ อัน-นะวะวีย ์ ๑/๑๙๑-๑๙๒

62

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อัล ลอฮ◌ุ อัก บัรฺ ! ช่ า งเป็ นเกี ย รติ อ ะไรเช่ น นี3 ผู ้ค นต่ า ง พยายามและสรรหาเส้ นหาสายและสื อกลางในการที จะเข้าร่ วม คณะทีมีเกียรติและทีเป็ นทางการ แต่คณะของอัลลอฮฺ เล่า หาก ชื อของเขาถู กบันทึ กในนั3นแล้ว เขาจะมี ความรู ้ สึกอย่างไร? โอ้ อัลลอฮฺจงบันดาลให้เราทุกคนอยูใ่ นจํานวนนั3นด้วยเถิด ๑.๑๕.๔ ผู้ทละหมาดศุ ี บหฺพร้ อมกับญะมาอะฮฺจะอยู่ในความ ดูแลของอัลลอฮฺ อิมามอัฏ-เฏาะบะรอนียไ์ ด้รายงานจากอะบูบกั รอฮฺ ท่าน เราะสู ล ได้กล่าวว่า: ِ ِ​ِ ٍ ‫))ﻣﻦ ﺻﻠّﻰ اﻟﺼﺒﺢ ﰲ‬ ‫أﺧ َﻔَﺮ‬ ْ ‫ ﻓَ َﻤﻦ‬،‫ﻣﺔ اﷲ‬ ‫ﻬﻮ ﰲ ذ‬ َ َ َ ُْ َ َ‫ﲨﺎﻋﺔ ﻓ‬ ِ ِ ِ ِ ((‫ﺎ ِر ﻟ َﻮ ْﺟ ِﻬﻪ‬‫ﻪُ اﷲُ ﰲ اﻟﻨ‬‫ﻣﺔَ اﷲ َﻛﺒ‬ ‫ذ‬ ความว่า: ผู้ใดที ละหมาดศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ เขาผู้นั/น จะอยู่ภายใต้ ความดูแลของอัลลอฮฺ (ความปลอดภัย และการรั บประกันของพระองค์ ) ดังนั/นผู้ใดที ไม่ เหลี ยว แลต่ อการรั บประกันจากอั ลลอฮฺ พระองค์ จะถลก หน้ าของเขาในนรก

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

63


อัล-ลามะฮฺ อบั ดุ รฺรอหฺ มาน อัล-มุบาร็ อกฟูรียไ์ ด้อธิ บายคํา กล่าวของท่านนบี : ((ِ‫ﻣ ِﺔ اﷲ‬ ‫ﻬﻮ ﰲ ِذ‬ َ َ‫ ))ﻓ‬ว่า: หมายถึง อยูใ่ นความ คุม้ ครองและสวัสดิภาพจากพระองค์ในโลกนี3และวันอาคิเราะฮฺ 60 คํา กล่ า วของท่ า นนบี : ผู ้ใ ดที ไม่ เ หลี ย วแลต่ อ การ รับประกันจากอัลลอฮฺ พระองค์จะถลกหน้าของเขาในนรก นั3น บรรดาอุละมาอ์ได้กล่าวว่า มี ๒ ความหมาย: ความหมายแรก: ความดูแลของอัลลอฮฺ จะหมายถึง การละหมาดทีนํามาซึ งความสวัสดิภาพ กล่าวคือ: พวกเจ้าจงอย่า ละเลยการละหมาดศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ และอย่ามองว่าเรื องนี3 มันไม่สาํ คัญ ถ้าเป็ นอย่างนั3นแล้ว สัญญาทีมีไว้ระหว่างพวกเจ้ากับ ผูอ้ ภิบาลของพวกเจ้าก็จะถูกยกเลิก ดังนั3นอัลลอฮฺ จะถลกลาก หน้าพวกเจ้าในนรก ความหมายทีสอง: ผูใ้ ดทีละหมาดศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ เขาจะอยู่ ใ ต้ค วามดู แ ลของอัล ลอฮฺ ดัง นั3น พวกเจ้า จงอย่ า คัดค้านพระองค์ดว้ ยสิ งอืนใด ถ้ามิเช่ นนั3นแล้ว พระองค์ก็จะลาก หน้าของพวกเจ้าในนรก61

60 61

ตุหฺฟะตุ อัล-อะหฺ วะซีย ์ ๑/๑๙๒ อัล-มะนาวีย.์ ฟั ยฎุ อัล-เกาะดีรฺ ๖/๑๖๔

64

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


๑.๑๕.๕ ผู้ทีละหมาดศุบหฺร่วมกับญะมาอะฮฺจะได้ รับผลบุญของ การประกอบอิบาดะฮฺหัจญ์ และอุมเราะฮฺ ท่านเราะสู ล ได้บอกว่า: ผูใ้ ดทีกระทําการงาน ๓ ประการ เขาจะได้รับผลบุญของการประกอบอิบาดะฮฺหจั ญ์และอุม เราะฮฺ การงาน ๓ ประการนั3นคือ: 1. ละหมาดศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ 2. นังในมัส ญิ ดหลัง ละหมาดพร้ อมกับซิ กรฺ ต่ออัล ลอฮฺ (รําลึกถึงอัลลอฮฺ และกล่าวนามของพระองค์) จนกระทังดวงอาทิตย์ข3 ึน 3. แล้วละหมาด ๒ ร็ อกอะฮฺหลังจากดวงอาทิตย์ข3 ึน ในเรื องนี3 อิมามอัฏ-เฏาะบะรอนียไ์ ด้รายงานจากอะบูอุมา มะฮฺ ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า:

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

65


ٍ ‫))ﻣﻦ ﺻﻠّﻰ ﺻﻼ َة اﻟﻐَﺪاةِ ﰲ َﲨ‬ َ َ‫ﺲ ﻳَ ْﺬ ُﻛ ُﺮ اﷲ‬ َ َ َ‫ َﺟﻠ‬ُ‫ ﰒ‬،‫ﺎﻋﺔ‬ ِ ِ ‫َﺟ ِﺮ‬ ْ ‫ﺐ ﺑﺄ‬ َ َ‫ﻗﺎم ﻓ‬ َ ُ‫ ﰒ‬،‫ﺲ‬ ْ ‫َﺣ ّﱴ ﺗَﻄْﻠُ َﻊ اﻟﺸ‬ َ َ‫ﺼﻠّﻰ َرْﻛ َﻌﺘَـ ْﲔ اﻧْـ َﻘﻠ‬ ُ ‫ﻤ‬ 62 ٍ ((‫ﺠ ٍﺔ وﻋُ ْﻤَﺮة‬ ‫ُﺣ‬ ความว่า: ผู้ใดที ละหมาดศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ แล้ วนัง ซิ กิรต่ ออัลลอฮฺ จนกระทังพระอาทิ ตย์ ขึน/ หลังจาก นั/ น เขาละหมาด ๒ ร็ อ กอะฮฺ การกระทํา เช่ นนี /เ ขาจะ ได้ รับผลบุญเหมือนกับการทําหั จญ์ และอุมเราะฮฺ อะนัสได้เสริ มอีกว่า ท่านเราะสู ล ได้กล่าวว่า: ،‫ﺗﺎﻣ ٍﺔ‬ َ )) ٍ ،‫ ﺗﺎﻣ ٍﺔ‬ความว่า: อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างสมบูรณ์แบบ อย่าง ((‫ﺗﺎﻣﺔ‬ َ สมบู รณ์ แ บบ คํา ว่า “อย่า งสมบู รณ์ แ บบ” ทั3ง สามครั3 งนั3น เป็ น คุณลักษณะของการประกอบอิบาดะฮฺ หจั ญ์และอุมเราะฮฺ ท่านเราะ สู ล กล่ าวซํ3าถึ ง ๓ ครั3 งเพือการเน้นหนักในเรื องการได้รับผล บุญดังกล่าว 63

62 63

อ้างจาก อัต-คัรฺฆีบ วะ อัต-ตัรฺฮีบ (๖) ๑/๒๙๖ ตุหฺฟะตุ อัล-อะหฺ วะซีย ์ ๑/๔๐๕

66

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


๑.๑๕.๖ การชุ ม นุ ม ของบรรดามลาอิ ก ะฮฺ ที ถู ก มอบหมายใน กลางคื นและกลางวั น ในเวลาศุ บ หฺ และอั ศรฺ และการขอ อภั ย โทษของพวกเขาแก่ ผู้ ที ละหมาดทั- ง ๒ เวลานีร่ วมกับญะมาอะฮฺ อิมามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้รายงานหะดีษทีเกียวข้องกับการ ประชุมของบรรดามลาอิกะฮฺ ในเวลาละหมาดศุบหฺ น3 นั จากอะบู ฮุร็อยเราะฮฺ เขากล่าวว่า: ข้าพเจ้าได้ยนิ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ٍ َ‫أﺣ ِﺪ ُﻛﻢ َو ْﺣ َﺪﻩ ِﲞ‬ ‫ﻤﺲ‬ ُ ‫))ﺗَـ ْﻔ‬ َ ‫ﺻﻼةُ اﳉَﻤﻴ ِﻊ‬ َ ‫ﻀ ُﻞ‬ َ ‫ﺻﻼ َة‬ ِ ِ ِ َْ ،‫وﻋ ْﺸﺮﻳﻦ ﺟﺰءا‬ ‫ﻬﺎ ِر ﰲ‬‫وﻣﻼﺋِ َﻜﺔُ اﻟﻨ‬ َ ‫ْﻴ ِﻞ‬‫وﲡﺘَﻤ ُﻊ َﻣﻼﺋ َﻜﺔُ اﻟﻠ‬ ًُْ ((‫ﺻﻼةِ اﻟ َﻔ ْﺠ ِﺮ‬ ความว่า : การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ จะดีเลิศกว่ าการ ละหมาดของพวกเจ้ าโดยตามลําพั งถึ ง ๒๕ ขั/นและม ลาอิ กะฮฺ ทีถูกมอบหมายในเวลากลางคื นและมลาอี กะฮที พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

67


ถูก มอบหมายในเวลากลางวันจะมาชุ ม นุ ม กั นในเวลา ละหมาดศุบหฺ หลัง จากนั3น อะบู ฮุ ร็ อ ยเราะฮฺ ไ ด้เ สริ ม ว่า : หากพวกเจ้า ต้ อ งการทราบถึ ง เรื องนี3 พวกเจ้ า ทั3ง หลายจงอ่ า นอายะฮฺ ที มี ความหมายว่า: “แท้จริ งการอ่านอัล-กุรฺอาน(ในละหมาด)ศุบหฺ น3 นั จะถูกเป็ นสักขีพยาน 64 ส่ วนการรวมตัวและพบปะของบรรดามลาอิ กะฮฺ ในเวลา ละหมาดศุบหฺ และอัศรฺ น3 นั อิมามมุ สลิ มได้รายงานจากอะบูฮุร็อย เราะฮฺ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ‫ﻴ ِﻞ‬‫)) ﻳـﺘَﻌﺎﻗَﺒﻮ َن ﻓﻴ ُﻜﻢ ﻣﻼﺋِ َﻜﺔٌ ﺑِﺎﻟﻠ‬ ‫وﳚﺘَ ِﻤﻌﻮ َن‬ َْ ،‫ﻬﺎ ِر‬‫وﻣﻼﺋ َﻜﺔٌ ﺑِﺎﻟﻨ‬ َ ْ َ َ ِ ‫ﰲ ﺻﻼ ِةـ اـﻟـ َﻔﺠ ِﺮ و‬ ‫ـﺬﻳﻦ ﺑـﺎﺗـﻮاـ ﻓـﻴ ُﻜﻢ‬ ْ ‫ـﺻﻼة اـﻟـ َﻌ‬ َ ْ َ َ ‫ـ ﰒّـ ﻳَـ ْﻌ ُﺮ ُجـ اـﻟ‬،‫ﺼ ِﺮ‬ ِ ‫ َﻛﻴﻒ ﺗَـﺮْﻛﺘﻢ ِﻋ‬:‫ِ​ِﻢ‬ ‫ﻬﻢ وﻫﻮ أﻋﻠَﻢ‬‫ﻓَـﻴﺴﺄَ ُﳍﻢ رﺑـ‬ :‫ ﻓﻴَﻘﻮﻟﻮ َن‬،‫ﺒﺎدي‬ َُ َ ْ ُ ْ َُ ُ َ ُ ْ َ ((‫ﻮ َن‬‫ﺼﻠ‬ ُ ‫ﻨﺎﻫﻢ‬ ُ ‫ َوأَﺗَـْﻴ‬،‫ﻮ َن‬‫ﺼﻠ‬ ُ ‫ﻨﺎﻫﻢ‬ ُ ‫ﺗَـَﺮْﻛ‬ َ ُ‫وﻫﻢ ﻳ‬ َ ُ‫وﻫﻢ ﻳ‬

(เศาะฮีหฺมุสลิม (๖๓๒) ๑/๔๓๙)

ความว่า: มลาอิ กะฮฺ ทีถูกมอบหมายในเวลากลางคื นและม ลาอี กะฮที ถูกมอบหมายในเวลากลางวันจะผลัดเวรกันใน การมาหาพวกเจ้ า และพวกเขาจะมารวมตั ว ในเวลา 64

เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรี ย ์ (๖๔๘) ๒/๑๓๗

68

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ละหมาดศุบหฺ และเวลาละหมาดอั ศรฺ หลังจากนั/นผู้ทีอยู่ ร่ วมกับพวกเจ้ าในเวลากลางคื น(มลาอิ กะฮฺ ทีถูกมอบหมาย ในเวลากลางคื น )จะขึ / น ไป(บนฟากฟ้ าเพื อรายงาน ต่ ออั ล ลอฮฺ ) พระองค์ ก็ถามพวกเขาทั/ ง ๆที พระองค์ ทรงรอบรู้ ยิ งว่ า: พวกเจ้ าได้ จากบ่ าวของข้ าในลักษณะใด พวกเขาก็ตอบว่ า: พวกเราได้ จากพวกเขาในขณะที พวก เขากําลังละหมาด และพวกเราก็ไปหาพวกเขาในขณะที พวกเขากําลังละหมาดเช่ นกัน อิมามอัน-นะวะวียไ์ ด้บนั ทึกท้ายหะดี ษนี3 ว่า: “ส่ วนการ รวมตัวของพวกเขา (มลาอี กะฮฺ ) ในเวลาละหมาดศุ บหฺ และเวลา ละหมาดอัศรฺ น3 นั เป็ นส่ วนหนึ งของความเมตตาจากอัลลอฮฺ ต่อบ่าวผูศ้ รัทธาของพระองค์และเป็ นการให้เกียรติแก่พวกเขาโดย การทําให้การรวมตัวของบรรดามลาอิ ก ะฮฺ และการแยกย้า ยของ พวกเขาในเวลาปฏิ บตั ิอิบาดะฮฺ ของบ่าวเหล่านั3น และการรวมตัว ของพวกเขาในการภัก ดี ต่ อ พระเจ้า ของพวกเขา ดัง นั3น คํา สั ก ขี พยานของบรรดามลาอิกะฮฺแก่พวกเขาจากสิ งทีพวกเขาได้เห็นสิ งดี งามกับตาของพวกเขาเอง65 65

ชัรฺหุ อัน-นะวะวีย ์ ๕/๑๓๓ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

69


ส่ วนการขออภัยโทษของบรรดามลาอิกะฮฺ แก่ผทู ้ ีละหมาด ศุบหฺ และอัศรฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั มีรายงานจากอิบนุ คุซยั มะฮฺ ซึง มีความหมายว่า: พวกเราได้ไปหาพวกเขาในขณะทีพวกเขากําลัง ละหมาด พวกเราได้จากพวกเขาในขณะทีพวกเขากําลังละหมาด โอ้ อัลลอฮฺ ! จงอภัยแก่พวกเขาในวันอาค◌ิเราะฮฺดว้ ยเถิด อิมามคุ ซยั มะฮฺ และอิมามอิบนุ หิบบานต่างก็บนั ทึกเรื องที ได้กล่าวมาข้างต้นนี3ในหนังสื อ “เศาะฮีหฺ” ของทั3งสอง ช่ างเป็ นสุ ขเสี ยเหลื อเกิ นสําหรับผูท้ ี มลาอีกะฮฺ ได้ขออภัย โทษให้แก่เขา โอ้อลั ลอฮฺโปรดประทานโอกาสให้เราได้รวมอยูใ่ น หมู่คนเหล่านั3นด้วยเถิด อามีนยาร็ อบบัลอาละมีน

70

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


------------------------------------------------

บทที#

2

ห ุก ุมวาญิ บ ของการละหมาดร่วมกับญะมาอะฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

71


ความนํา การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ใน ๕ เวลาของแต่ละวัน นั3นเป็ นอิบาดะฮฺ ทียิงใหญ่มากและเป็ นการใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ ทีประเสริ ฐยิง หลักฐานมากมายในอัล-กุรฺอานและอัส-สุ นนะฮฺ ที บ่ง บอกถึ ง การวาญิ บ ของมัน ข้า พเจ้าพยายามกล่ า วถึ ง ณ ที นี3 – ด้วยความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ - ภายใต้หวั ข้อต่อไปนี3: 2.1 อัลลอฮฺ ทรงบัญชาให้ละหมาดพร้อมกับบรรดาผู ้ ทีละหมาดทั3งหลาย 72

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


2.2 คํ า บั ญ ช า ใ ห้ ล ะ ห ม า ด ร่ ว ม กั บ ญ ะ ม า อ ะ ฮฺ ใ น สถานการณ์ ทีหวาดกลัว(จากการโจมตี ข องศัตรู ใ น ยามรบ) 2.3 ท่านนบี สังให้ปฏิบตั ิละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 2.4 ท่ า นนบี ได้ห้ า มไม่ ใ ห้ อ อกจากมัส ญิ ด หลัง จาก เสี ยงอะซาน 2.5 ท่ า นนบี ไม่ อ นุ ญ าตให้ พ ลาดจากการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 2.6 ไม่ถือเป็ นการละหมาด สําหรับผูท้ ีพลาดจากละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺโดยไม่มีกิจธุ ระทีอนุโลมได้ 2.7 การพลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นส่ วน หนึงของสัญลักษณ์ของ "มุนาฟิ ก" 2.8 การแทรกแซงของชั ย ฏอนในหมู่ บ ้า นที ไม่ มี ก าร ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 2.9 คําเตือนทีร้ ายแรงด้วยการกริ3 วโกรธจากอัลลอฮฺ เนืองจากการละทิ3งละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 2.10 ท่านนบี ได้มีเจตนาทีจะเผาบ้านของผูท้ ีพลาดจาก การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 2.11 ผลร้ายสําหรับผูท้ ีไม่ตอบสนองคําเชื3อเชิญสู่ การสุ Eูด พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

73


๒.๑ อั ล ลอฮฺ ละหมาด

ทรงบั ญ ชาให้ ล ะหมาดพร้ อมกั บ บรรดาผู้

สิ งที บ่ ง บอกถึ ง การวาญิ บ ของการละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ คื อคําตรั สของอัลลอฮฺ ในสู เราะฮฺ อลั -บะเกาะเราะฮฺ โองการที 43 ว่า: ﴾ Ω⇐κΨ⊕Ψ.Θ≤Ω √≅… Ω⊗Ω∨ Ν…Σ⊕Ω{⁄≅…Ω Ω〈λ Τς∞ϑð Τ√≅… Ν…ΣΤ …ƒ∫Ω Ω〈λ ς∏ϑð±√≅… …Σ∧∼Ψ∈Κς…Ω ﴿ ความว่า: พวกเจ้ าทั/งหลายจงทําการละหมาด จงจ่ ายซา กาฮฺ และจงรุ กูอฺพร้ อมกับบรรดาผู้รุกูอฺทั/งหลาย อิบนุเญาซี ยไ์ ด้ขยายความคําตรัสของอัลลอฮฺ ทีว่า: “จงรุ กอู ฺ พร้อมกับบรรดาผูร้ ุ กูอฺท3 งั หลาย” หมายถึง พวกเจ้าทั3งหลาย จงละหมาดพร้อมกับผูท้ ีทําละหมาด66 อัล-กอฎีย ์ อัล-บัยฎอวียก์ ล่าวว่า: คือร่ วมกับญะมาอะฮฺ ของ พวกเขา67 อิ ม ามอะบู บ ัก รฺ อัล -กาสานี ย ์ อัล -หะนะฟี ย์ก ล่ า วอย่ า ง ชัด เจนถึ ง หลัก ฐานของการวาญิ บ ของการละหมาดร่ ว มกับ ญะ 66 67

ซาดุลมะสี รฺ ๑/๗๕ ตัฟสี รฺ อัล-บัยฎอวีย ์ ๑/๕๙

74

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


มาอะฮฺ ว่า : ส่ วนหลัก ฐานจากมหาคัม ภี ร์อลั -กุ รฺอาน คื อ คํา ตรั ส ของอัล-ลอฮฺ Ω﴾ Ω⇐κΨ⊕Ψ.Θ≤Ω √≅… ⊗Ω∨ Ν…Σ⊕Ω{⁄≅…Ω ﴿ อัลลอฮฺ ทรงบัญชาให้รุกูอฺพร้ อมกับ บรรดาผูร้ ุ กูอฺเช่นนี3 จะเป็ นการร่ วมกันในการรุ กูอฺ ดังนั3นมันเป็ นคํา บัญ ชาให้ ป ฏิ บ ัติก ารละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ และเป็ นคํา สั ง โดยรวมในการเป็ นวาญิบของการงานต่างๆ 68

๒.๒ คํ า บั ญ ชาให้ ล ะหมาดร่ วมกั บ ญะมาอะฮฺ ใ นสถานการณ์ ที หวาดกลัว (จากการโจมตีของศัตรูในยามรบ) ไม่ เ พี ย งแต่ ค ํา บัญ ชาให้ ล ะหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ใ น สถานการณ์ ปกติ เท่า นั3น แต่ อลั ลอฮฺ ทรงบัญชาให้ละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ จนกระทังในสถานการณ์ ทีหวาดกลัว อัลลอฮฺ ตรัสว่า:

68

บะดาอิอุ อัศ-เศาะนาอิอฺ ฟิ ตัรฺตีบ อัช-ชะรออิอฺ ๑/๑๕๕ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

75


∠ ð Ω⊕ΘΩ∨ ¬Σ⇒ΤΘΨ∨ β◊Τφ ΤΤ⊃ΜΞ:†ð≡ ¬Σ⊆Ω <∏ΤΩ ⊇ Ω〈υ ΤΩ ∏ΥΤφ ±√≅… Σ¬Σς√ Œ ð ∧ΤΩ ∈ςΚ†ΤΩ ⊇ ¬Ξ∼Ψ⊇ Œ ð ⇒Ρ …ς′ΞΜ…Ω

‫﴿ـ‬

‹ γ <Κ†Ω <√Ω ¬Σ|ΜΞ:…⁄ƒ Ω ⇑Ψ∨ Ν…ΣΤ⇓Ρ∇ΤΩ ∼<∏ΤΩ ⊇ Ν…ΣŸΩ•Ω♠ …Ω′ΜΞ†ΤΩ ⊇ ¬ΣΩ Ω™Ψ∏♠ςΚ… Νϖ…ΣϒΣā<Κ†Ω∼<√Ω ¬Σ∑⁄Ω πϒΨš Ν…ΣϒΣā<Κ†Ω∼<√Ω ∠ ð Ω⊕Ω∨ Ν…ΠΡ∏φ±Σ∼<∏ΤΩ ⊇ Ν…ΠΡ∏Τφ Τ±Σÿ ψς√  υ ≤Ω āΚΡ… δ◊Τφ ΤΤ⊃ΜΞ:†ð≡ ψΡ∇Ψ Ω⊕Ψ ∨ςΚ…Ω ¬Ρ∇Ψ Ω™Ψ∏♠ςΚ… ⇑ ⌠ Ω∅ φΣΤ∏Σ⊃Τπ ⊕ ΤΩ ς√ Ν…Σ≤Ω⊃Ω{ ⇑ Ω ÿΨϒς√Π ≅… ς Π Ω ¬ % ΣΩ Ω™Ψ∏♠ςΚ…Ω ⊥′Κς… ¬Ρ∇ΨŠ Ω⇐†ς ⇐ΜΞ… ¬Σ|∼ς∏Ω∅ Ω—†ΤΩΤ⇒Σ– ‚Ω Ω &〈_ ðŸΨš.Ω ◊⊥ ΤΩ ∏ΤΤ∼ΘΩ∨ ¬Ρ∇∼ς∏Ω∅ Ω⇐ΣΤ∏∼Ψ∧Ω∼ΤΩ ⊇ ΘΩ⇐ΜΞ… ¬ % 〉{⁄Ω πϒΤΤΨš Ν…ΣϒΣāΩ ¬ ∃ Ρ∇Ω Ω™Ψ∏♠ςΚ… ϖΝ…Σ⊕Ω∝ΤΩ ⇐Κς… υϖΩ∂≤⌠ ΘΩ∨ ¬Σ ⇒Ρ ςΚ… ≤∴ ΤΤς≠ΘΩ∨ ⇑ΨΘ∨

﴾ (102) †_Τ⇒∼ΤΞΣ∨Θ †_ΤŠ…ΩϒΩ∅ ⇑Ω ÿΞ≤Ψ⊃ΤΗ ς∇<∏Ψ√ ςŸΠ ΤΤΩ∅ςΚ… ϑðΩ/≅… (สูเราะฮฺอนั -นิสาอ์ อายะฮฺที. ๑๐๒)

ความว่า : และเมือเจ้ า(หมายถึงท่ านนบี )อยู่ในหมู่พวกเขา แล้ วเจ้ าได้ ให้ มีการปฏิ บัติล ะหมาดขึ 7นแก่ พวกเขาดังนั7 น กลุ่มหนึ$ งจากพวกเขาก็จงยืนละหมาดร่ วมกับเจ้ าและก็จง ให้ พวกเขาถื ออาวุธของพวกเขาไว้ ด้วย ครั7 นเมื$ อพวกเขา สุ Kูดแล้ วจงให้ พวกเขาอยู่เบื อ7 งหลังพวกเจ้ า69 และอี กกลุ่ม หนึ$งที$ ยงั มิได้ ละหมาดก็จงมาละหมาดร่ วมกับพวกเจ้ าและ

69

ให้ถอยไปอยู่ขา้ งหลังเพื.อระมัดระวังมิให้ศตั รู ฉวยโอกาสโอบเข้าด้านหลังเพื.อ โจมตีขณะทําการละหมาด

76

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


จงยึ ดถื อไว้ ซึ$งการระมัดระวัง70และจงถื ออาวุธ ของพวก เขาไว้ บรรดาผู้ที$ปฏิ เสธศรั ทธานั7น หากว่ าพวกเจ้ าละเลย อาวุธและสั มภาระของพวกเจ้ าแล้ ว พวกเขาก็จะจู่โจมพวก เจ้ าอย่ างรวดเดี ยว และไม่ มีบาปใดๆแก่ พวกเจ้ าหากว่ าที$ พวกเจ้ ามีความเดือดร้ อน เนื$ องจากฝนตกหรื อพวกเจ้ าป่ วย ในการที$ พ วกเจ้ า จะวางอาวุ ธ (ไม่ ถื อ อาวุ ธ ขณะทํา การ ละหมาด) และพวกเจ้ าจงยึ ดถื อไว้ ซึ$งการระมัดระวัง แท้ จริ งอั ล ลอฮฺ ท รงเตรี ยมไว้ แ ล้ วซึ$ ง การลงโทษที$ ยั ง ความ อัปยศแก่ ผ้ ปู ฏิ เสธศรั ทธาทั7งหลาย หากอัล ลอฮฺ ได้ท รงบัญชาให้ ด ํา เนิ น การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในสถานการณ์ ทีหวาดกลัวแล้ว การปฏิ บตั ิ ใน สถานการณ์ ทีสงบและสวัส ดิ ภาพก็ ยิงเป็ นที ควรปฏิ บ ตั ิ ม ากกว่า ณทีนี3 อิบนุ อัล-มุนซิ รฺได้กล่าวว่า: อัลลอฮฺ ได้ทรงบัญชาให้ ปฏิ บตั ิการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในสถานการณ์ ทีหวาดกลัว 70

ให้กลุ่มที.สองซึ. งกําลังทําการละหมาดร่ วมกับท่านนบีอยู่นันได้ยึดถือไว้ซ. ึ งการ ระมัดระวัง เพราะในขณะนี ฝ่ ายศัตรู อาจจะรู้แล้วว่าฝ่ ายมุสลิมกําลังละหมาด พวก เขาอาจจะถื อ โอกาสนี โจมตี ไ ด้ ส่ ว นที. ใ ห้ ก ลุ่ ม แรกระมัด ระวัง ขณะที. ท าํ การ ละหมาด ก็เพราะว่าในขณะที.ฝ่ายมุสลิมเข้าแถวเพื.อทําการละหมาดนัน ฝ่ ายศัตรู ย่อมเข้าใจว่าเป็ นการเตรี ยมตัวเพื.อทําการรบ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

77


แล้ว มันบ่งชี3ถึงการปฏิบตั ิเช่นนั3นในสถานการณ์ทีปลอดภัยจะเป็ น สิ งทีวาญิบยิงกว่า 71 อิ ม ามอิ บ น◌ุ อัล -ก็ อ ยยิ ม อัล -เญาซี ย ะฮฺ ไ ด้แ ถลงถึ ง บท หลั ก ฐานจากอายะฮฺ ที แสดงถึ ง การวาญิ บ ของการละหมาด ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ใ นอายะฮฺ ข ้า งต้น ส่ ว นหนึ งจากการอ้า งบท หลัก ฐานคื อ: คํา บัญชาของอัล ลอฮฺ แก่ มุ ส ลิ ม ให้ป ฏิ บ ตั ิ ก าร ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ หลังจากนั3นพระองค์ทรงบัญชาคําสัง นี3 เป็ นครั งที ๒ แก่ พวกทีสองด้วยการตรั สมี ใจความว่า: “และอี ก กลุ่มหนึ$ งที$ ยังมิ ได้ ละหมาดก็จงมาละหมาดร่ วมกับพวกเจ้ า” ใน กรณี น3 ี เป็ นหลักฐานทีแน่ ชดั ว่าการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นฟั รฎุอัยนฺ (ทุกคนต้องปฏิ บตั ิ) อนึ ง อัลลอฮฺ ไม่ผ่อนผันแก่ พวกทีสองเนืองจากพวกแรกได้ปฏิบตั ิแล้ว และหากญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นเพี ย งแค่ สุนนะฮฺ (กิ จอาสา) เป็ นการสมควรอย่า งยิงที จะถู ก ผ่อนผันเนื องจากความหวาดกลัว และหากมันเป็ นเพียงแค่ ฟั รฎุ กิฟายะฮฺ แน่นอนการปฏิบตั ิของพวกทีสองจะถูกผ่อนผัน(โดยต่าง คนต่างละหมาด)

71

อัล-เอาสะฏุ ฟิ อัส-สุ นะนิ วะ อัล-อิจญ์มาอฺ วะ อัล-อิคติลาฟ ๔/๑๓๕

78

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ในอายะฮฺ ขา้ งต้นเป็ นบทหลักฐานทีชี3ชดั ถึ งการเป็ นวาญิบ ของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ต่อทุ กคน ในกรณี น3 ี เราได้มา จาก ๓ ทัศนะต่อไปนี3: 1. คําบัญชาของพระองค์ในเรื องการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ 2. คําบัญชาของพระองค์ในเรื องนี3เป็ นครั3งทีสอง 3. อัล ลอฮฺ ไม่ ผ่อนผัน(อนุ ญาต)แก่ มุ ส ลิ มที ร่ วมรบ กับนบี ให้ละทิ3ง ญะมาอะฮฺ ในกรณี หวาดกลัวจาก การโจมตีของศัตรู 72 ชัยคฺ อัล-อิสลามอิบนุตยั มียะฮฺได้แถลงมุมมองอืนเพือชี3 ชดั ว่า อายะฮฺ น3 ี บ่ ง บอกถึ ง การวาญิ บ ของการละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ ท่านกล่าวว่า: แท้จริ งพระองค์ได้ทรงวางฐานการละหมาด ในกรณี หวาดกลัวในรู ปแบบญะมาอะฮฺ และพระองค์ได้วางกรอบ สิ งที ไม่ควรกระทําสําหรั บผูท้ ี ไม่กิจธุ ระที ควรผ่อนผันได้ในการ ละหมาดนี3 เช่ น หันหลัง จากกิ บ ละฮฺ แ ละเคลื อนไหวเกิ นกว่า ที อนุ ญาต ทั3งหมดนี3 ผูท้ ี ไม่ มีค วามจํา เป็ นที ควรผ่อนผันได้ไม่ ควร ปฏิบตั ิโดยมติเอกฉันท์ของบรรดาอุละมาอ์ เฉกเช่นเดียวกันกับการ 72

กิตาบุ อัศ-เศาะลาฮฺ หน้า ๖๔-๖๕ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

79


มุฟาเราะเกาะฮฺ (นียะฮฺเลิกตามอิมาม)ก่อนอิมามให้สะลามในทัศนะ ของEุมฮู รฺ (มหาชนจากบรรดาอุละมาอ์) เหมือนกับการพลาดจาก การตามอิ ม ามและในกรณี ทีมี ศตั รู อยู่ขา้ งหน้า แถวหลังได้ล่าช้า หลังจากได้รุกอู ฺ พร้อมกับอิมามแล้ว Eุมฮู รฺกล่าวว่า: เรื องทั3งหมดทีกล่าวมาข้างต้นสามารถทํา ให้ก ารละหมาดเสี ย ได้ หากกระทํา มันโดยไม่ มี กิ จที อนุ ญาตให้ ดังนั3นหากการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺไม่เป็ นการวาญิบแต่เพียง แค่เรื องสุ นนะฮฺ มันก็จะควบคู่การกระทําทีต้องห้ามและเป็ นสิ งที ทําให้การละหมาดตกเป็ นโมฆะ และกลุ่มนั3นละทิ3งการตามอิมาม ทีเป็ นเรื องวาญิบในการละหมาดเพียงเพือการกระทําทีเป็ นสุ นนะฮฺ ทั3งๆทีมันเป็ นเรื องทีเป็ นไปได้ทีพวกเขาจะละหมาดอย่างสมบูรณ์ ตามลํา พัง โดยต่ า งคนต่ า งละหมาดกัน ดัง นั3 น พึ ง ทราบเถิ ด ว่ า แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺน3 นั เป็ นเรื องวาญิบ73 ๒.๓ คําสั งของท่ านนบี ให้ ปฏิบัติละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

73

มัจญ์มอู ฺ อัล-ฟะตาวา ๒๓/๒๒๗ และดูตฟั ซีรฺอิบนุกะษีรฺ “เป็ นหลักฐานที.ดีมาก สําหรับผูท้ ี.มีความคิดเห็นว่าการละหมาดญะมาอะฮฺนนวาญิ ั บ ซึ.งอ้างจากอายะฮฺ ข้างต้น การกระทําต่างๆ ถูกอภัยอันเนื.องจากการปฏิบตั ิในญะมาอะฮฺ ดังนัน ถ้า หากไม่เป็ นวาญิบแล้ว ก็จะไม่อา้ งถึงเรื. องนีหรอก” (ดู มุคตะศ็อรฺ ตัฟซีรฺ อิบนุ กะษีรฺ ๑/๔๓๔)

80

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


สิ งที บ่ ง ชี3 ถึ ง การวาญิ บ ของการละหมาดร่ ว มกับ ญะมา อะฮฺ น3 นั คือ ท่านนบี ได้กาํ ชับให้บรรดาเศาะหาบะฮฺ ปฏิบตั ิเรื อง นี3 อิมามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้รายงานจากมาลิกอิบนุ อลั -หุ วยั รี ษ เขากล่าว ว่า: ข้าพเจ้าพร้ อมกับกลุ่ มหนึ งจากพวกเราเข้าไปหาท่านนบี แล้วพวกเราได้พกั พิงพร้อมกับท่าน๒๐ คืน ท่านนบี เป็ นคนทีมี ความเมตตาปรานี และอ่ อนโยนมาก เมื อท่ า นได้เห็ นว่า พวกเรา คิดถึงญาติพีน้องของเราแล้ว ท่านก็กล่าวว่า: ِ  ‫ﻀَﺮ ِت اﻟ‬ ُ‫ﺼﻼة‬ َ ‫ ﻓِﺈذا َﺣ‬،‫ﻮا‬‫وﺻﻠ‬ َ ‫))ارﺟﻌﻮا ﻓﻜﻮﻧﻮا ﻓﻴ ِﻬﻢ‬ َ ‫ﻤﻮﻫﻢ‬‫وﻋﻠ‬ ((‫أﻛﱪﻛﻢ‬ ُ ‫ ْن ﻟﻜﻢ أﺣ ُﺪ ُﻛﻢ وﻟْﻴَﺆﻣﻜﻢ‬‫ﻓ ْﻠﻴُـ َﺆذ‬ (เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ (๖๒๘) ๒/๑๑๐)

ความว่า: พวกเจ้ าทั/ งหลายจงกลับไปอยู่กับพวกเขาเถิ ด แล้ วจงสอนสั งพวกเขาและจงปฏิ บัติการละหมาด เมือถึง เวลาละหมาดแล้ วให้ คนหนึ งจากพวกเจ้ าอะซานและจง ให้ ผ้ อู าวุโสในบรรดาพวกเจ้ าเป็ นอิ มามแก่ พวกเจ้ า ท่านนบี สังให้อะซานและการนําละหมาดเมือถึ งเวลา ละหมาด หมายความว่า ท่ า นสั งให้ ป ฏิ บ ัติ ล ะหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ และการสังของท่านในแต่ละสิ งนั3นบ่งชี3ถึงการเป็ นวาญิบ ไม่เพียงแต่คาํ สังของท่านนบี ให้ปฏิ บตั ิ การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ระหว่างพวกเขาทีมีจาํ นวนมากเท่านั3น แต่คาํ สัง พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

81


ของท่า นจะรวมถึ งแม้กระทังจํานวนของพวกเขาเพียงแค่ ๓ คน เท่ า นั3น ดัง ที อิ ม ามมุ ส ลิ ม ได้รายงานจากอะบู ซ ะอี ดอัล -คุ ดรี ย ์ว่า ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ((‫ﺎﻹﻣﺎﻣ ِﺔ أﻗْـَﺮُؤﻫﻢ‬ ُ ‫ﻣﻬﻢ‬‫))إذا ﻛﺎﻧﻮا ﺛَﻼﺛَﺔً ﻓ ْﻠﻴَـ ُﺆ‬ َ ‫ﻬﻢ ﺑ‬‫أﺣﻘ‬ َ ‫ و‬،‫أﺣﺪﻫﻢ‬

(เศาะฮีหฺมุสลิม (๖๗๔) ๑/๔๖๕)

ความว่า: หากพวกเขามี ๓ คน ก็จงนําละหมาดโดยคน หนึ งจากพวกเขา และผู้ทีควรเป็ นอิ มามในบรรดาพวก เขาคื อ ผู้ทีอ่ านกรุ อานเก่ งที สุ ดจากพวกเขา อิมามอิบนุ อัล-ก็อยยิมได้แถลงบทหลักฐานทีบ่งชี3 ในหะ ดี ษ นี3 ว่ า เป็ นการวาญิ บ ของการละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ว่ า : ทัศนะของการนําหะดี ษนี3 เป็ นหลักฐานก็คือ แท้จริ งท่านได้สังให้ ปฏิบตั ิการละหมาดในญะมาอะฮฺ และคําสังของท่านนี3 ถือว่าเป็ นวา ญิบ74 สิ งที เน้ น หนัก ของการวาญิ บ ของละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ คื อ ท่ า นนบี ได้สั งบรรดาเศาะหาบะฮฺ ใ ห้ ป ฏิ บ ัติ ม ัน แม้กระทังพวกเขาอยูใ่ นการเดินทางก็ตามและถึงแม้วา่ จํานวนของ พวกเขาเพียงแค่ ๒ คนเท่านั3น อิมามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้รายงานจาก มา 74

อิบนุ อัล-ก็อยยิม, กิตาบ อัศ-เศาะลาฮฺ, ๗๐

82

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ลิก อิบนุ อลั -หุ วยั รี ษว่า ชาย ๒ คนได้เข้าไปหาท่านนบี ก่อนที เขาจะเริ มเดินทาง แล้วท่านนบี ก็กล่าวว่า: ((‫ ﰒّ ﻟﻴَﺆﻣﻜﻤﺎ أﺣﺪﻛﻤﺎ‬،‫ أَﻗِْﻴﻤﺎ‬ُ‫ ﰒ‬،‫ﻧﺎ‬‫))إذا أﻧﺘُﻤﺎ َﺧَﺮ ْﺟﺘُﻤﺎ ﻓﺄَذ‬

(เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ (๖๓๐) ๒/๑๑๑)

ความว่า:หากเจ้ าทั/งสองออกเดิ นทางแล้ ว พวกเจ้ าจงอะ ซานหลังจากนั/นให้ กล่ าวคําอิ กอมะฮฺ แล้ วให้ ผ้ ูอาวุโส ในระหว่ างพวกเจ้ าทั/งสองเป็ นอิ มาม อัล ลอฮฺ ผูท้ รงยิงใหญ่ยิง! หากท่ า นนบี ได้สั ง บรรดาเศาะหาบะฮฺ ให้ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในระหว่างการ เดินทางของพวกเขาโดยพวกเขามีจาํ นวนเพียงแค่ ๒ คน ในกรณี ที พวกเขาอยู่ทีบ้านและพวกเขามีจาํ นวนมากคําสังนี3 จะเป็ นอย่างไร เล่า? ณ. ทีนี3 อิมามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้ต3 งั บทหนึงในหนังสื อ “เศาะฮี หฺ ” ของท่านว่า ๒ คนขึ3นไปถือว่าเป็ นญะมาอะฮฺ75 ๒.๔ ท่ านนบี

75

ห้ ามไม่ ให้ ออกจากมัสญิดหลังจากอะซาน

เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย,์ ๒/๑๔๒ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

83


ส่ วนหนึ งที บ่ ง บอกถึ ง การวาญิ บ ของการละหมาด ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ คื อ ท่ า นเราะสู ล ห้ า มออกจากมัส ญิ ด หลังจากอะซานและก่อนทีจะปฏิ บตั ิละหมาดพร้ อมกับญะมาอะฮฺ อิมามอะหฺ มดั ได้รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺวา่ : ِ ِ​ِ ِ ‫ﺼ‬ ِ ُ ‫))أَﻣﺮﻧﺎ ر‬ ‫ﻼة‬  ‫ي ﺑِﺎﻟ‬ َ َ​َ َ ‫ﺳﻮل اﷲ إذا ُﻛْﻨﺘُﻢ ﰲ اﳌَ ْﺴﺠﺪ ﻓَﻨﻮد‬ ٧٦ ((‫ﻲ‬‫ﺼﻠ‬ َ ُ‫ﱴ ﻳ‬ ‫َﺣ ُﺪ ُﻛ ْﻢ َﺣ‬ َ ‫ﻓَﻼ َﳜُْﺮ ُج أ‬ ความว่า:หากพวกท่ านอยู่ในมัสญิด แล้ วเสี ยงเรี ยกร้ องสู่ การละหมาด (เสี ยงอะซาน) ดังขึ น/ ท่ านเราะสู ล สั ง ไม่ ให้ ผ้ ใู ดในบรรดาพวกเจ้ าออกจากมัสญิดจนกว่ าเขาจะ ละหมาด อะบู ฮุ ร็ อยเราะฮฺ ไ ด้ ต ั ด สิ นชี3 ขาดผู ้ที ออกจากมั ส ญิ ด หลังจากอะซานเรี ยบร้อยแล้วก่อนทีเขาจะละหมาดในมัสญิดนั3นว่า แท้จริ งเขาคนนั3นได้ละเมิดคําสังของท่านนบี ดังทีอิมามมุสลิ ม ได้รายงานจากอะบูอชั -ชะอฺ ษาอ์ ว่า: พวกเราอยู่ใ นมัสญิ ดพร้ อม กับอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ทันใดนั3นเสี ยงอะซานก็ดงั ขึ3 น แล้วมี ชายคน หนึ งลุ กขึ3นเดิ นไป อะบูฮุร็อยเราะฮฺ ก็ทอดสายตายังเขาจนกระทัง 76

อัล-ฟัตหฺ อัรฺ-ร็ อบบานีย ์ ลิ ตัรฺตีบ มุสนัด อัล-อิมาม อะหฺ มดั อิบนุ หันบัล, หมายเลขหะดีษ (๒๙๗), ๓/๔๓

84

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


เขาคนนั3นออกจากมัส ญิ ด แล้วท่ า นก็ ก ล่ า วว่า : ส่ วนชายคนนี3 แท้จริ ง เขาได้ล ะเมิ ดคํา สั งของอะบู อลั -กอซิ ม (นันคื อ ท่ า นนบี ).77 สิ งที ยื น ยัน ถึ ง การห้ า มออกจากมัส ญิ ด หลัง จากอะซาน ก่อนทีจะละหมาดในมัสญิดนั3น คือ หะดี ษทีท่านนบี ได้ให้ขอ้ ชัดเจนเกียวกับเรื องนี3 กล่าวคือ ผูท้ ีออกจากมัสญิดหลังจากอะซาน โดยไม่มีธุระที จําเป็ นนั3นเป็ นมุ นาฟิ ก อิ มามอัฏ-เฏาะบะรอนี ยไ์ ด้ รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ِ ‫)) ﻻﻳﺴﻤﻊ اﻟﻨِﺪاء ﰲ‬ ‫ﺎﺟ ٍﺔ ُﰒّ ﻻ‬ َ ‫ ﰒ َﳜُْﺮ ُج ﻣﻨﻪ إﻻ ﳊ‬،‫ﻣﺴﺠﺪي ﻫﺬا‬ ْ ُ ُ ُ ِ ِ ((‫ﻳـَ ْﺮﺟ ُﻊ إﻻ ُﻣﻨﺎﻓﻖ‬

(รายงานโดยอัฏ-เฎาะบะรอนีย)์

ความว่า: เขาจะไม่ ได้ ยินเสี ยงเรี ยกร้ อง (อะซาน) ในมัสญิ ดของข้ า นี / หลัง จากนั/นเขาไม่ เดิ นออกไปนอกเสี ยจะมี ธุ ระที จําเป็ น แล้ วเขาไม่ กลับมาสู่ มัสญิด นอกจากเขาคน นั/นเป็ นคนมุนาฟิ ก หากการละหมาดพร้ อมกับญะมาอะฮฺ ไม่เป็ นวาญิ บแล้ว ท่านนบี ก็จะไม่สังให้อยู่ในมัสญิ ดหลังจากอะซานเสร็ จแล้ว 77

เศาะฮีหฺมุสลิม (๖๕๕) ๑/๔๕๓) พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

85


จนกระทังเขาจะได้ละหมาด และอะบูฮุร็อยเราะฮฺก็จะไม่กล่าวถึงผู ้ ที ออกไปหลัง จากอะซานว่า เขาคนนั3นได้ล ะเมิ ด(ไม่ เคารพ) ต่ อ ท่านนบี และผูท้ ีกล่าวสัจจริ งทีสุ ด นันคือนบี ก็จะไม่ตดั สิ น ชี3ขาดแก่ผทู ้ ีออกมัสญิดหลังจากอะซานโดยไม่มีธุระใดๆว่าแท้จริ ง เขาคนนั3นเป็ นมุนาฟิ ก อิมามอัล-มุนซี รฺให้ขอ้ สังเกตุเกียวกับคําพูดของอะบูฮุร็อย เราะฮฺ วา่ : หากผูห้ นึ งถูกให้เลือกระหว่างละทิ3งการละหมาดพร้อม กับญะมาอะฮฺ กบั การมาละหมาดนั3น ผูท้ ีพลาดจากญะมาอะฮฺ ไม่ สามารถจะเกาะฎออ์ (ทําละหมาดซํ3าในเวลาอื น) ในสิ งที เขาไม่ จําเป็ นต้องมา (แต่ทีจริ งแล้วไม่เป็ นอย่างงั3น)78 ๒.๕ ท่ านนบี มาอะฮฺ

ไม่ อนุญาตให้ พลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะ

ส่ ว นหนึ งที ชี3 ชั ด เกี ยวกับ การวาญิ บ ของการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั ท่านนบี ไม่อนุ ญาติ ให้อบั ดุ ลลอฮฺ อิบนุ อุมมุมกั ตูมพลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และไม่ผ่อน ผันให้เขาละหมาดทีบ้านทั3งๆทีเขามีขอ้ ผ่อนผันดังนี3: 78

อัล-เอาสะฏุ ฟิ อัส-สุ นะนิ วะ อัล-อิจญ์มาอฺ วะ อัล-อิคติลาฟ ๔/๑๓๕

86

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1. 2. 3. 4.

เขาเป็ นคนตาบอด ไม่มีใครช่วยนําทางเขาไปมัสญิด บ้านของเขาตั3งอยูไ่ กลจากมัสญิด ระหว่ า งทางจากบ้ า นถึ ง มั ส ญิ ด เต็ ม ไปด้ ว ยต้ น อินถผลัมและต้นไม้ต่างๆ 5. มีสัตว์ดุร้ายมากมายในเมืองมะดีนะฮฺ 6. อายุแก่มากแล้วและกระดูกทีผุพงั

จากรายงานทีเเสดงถึ งข้อผ่อนผันข้อทีหนึ งเเละข้อทีสอง อิ มามมุ สลิ มได้รายงานจากอะบู ฮุร็อยเราะฮฺ ว่า: มี ชายตาบอดคน หนึ งมาหาท่านนบี แล้วกล่ าวว่า:โอ้ ท่านเราะสู ลูลอฮฺ แท้จริ ง ข้าพเจ้าไม่มีผูท้ ีนําทางข้าพเจ้าไปมัสญิด เขาจึงอ้อนวอนจากท่าน เราะสู ล ให้อนุโลมแก่เขาเพือละหมาดทีบ้าน ท่านเราะสู ล ก็ผอ่ นผันให้แก่เขา แต่เมือเขาหันหลังไป ท่านก็เรี ยกเขาแล้วกล่าวว่า: เจ้าได้ยินเสี ยงร้องเรี ยกสู่ การละหมาด ไหม? เขาก็ตอบว่า: ใช่ ข้าพเจ้าได้ยนิ

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

87


ท่านเราะสู ล ไปละหมาดเถิด)79

ก็กล่ าวว่า: ดังนั3น จงขานรับเถิ ด (คื อ จง

ส่ วนหนึ งจากรายงานต่างๆ ทีได้กล่าวถึ งข้อผ่อนผันอืนๆ คือ บ้านของอิบนุ อุมมุมกั ตูมตั3งอยู่ไกลจากมัสญิดและข้อผ่อนผัน อืนๆ ทีได้กล่าวมาข้างต้นอิมามอะบูดาวูดได้รายงานจากอิบนุ อุมมุ มักตูม เขาได้ขอจากท่านนบี โดยกล่าวว่า: โอ้ ท่านเราะสู ลูลลอ ฮฺ ข้าพเป็ นคนตาบอด บ้านอยูไ่ กลจากมัสญิด คนนําทางข้าพเจ้าก็ ไม่มี ข้าพเจ้าจะได้ขอ้ ผ่อนผันทีสามารถละหมาดทีบ้านไหม? ท่านนบี ก็ถามว่า: เจ้าได้ยินเสี ยงร้องเรี ยกไหม? เขาตอบว่า: ใช่ ข้าพเจ้าได้ยนิ ท่านนบี ก็กล่าวว่า: ข้าไม่มีขอ้ ผ่อนผันให้แก่เจ้า80 อิ ม ามอิ บ นุ คุ ซั ย มะฮฺ ก ล่ า วถึ ง ๒ รายงานข้า งต้น ว่า ใน หนังสื อเศาะฮีหฺของท่านและได้ต3 งั หัวข้อบทว่า: ภาคที กล่ าวถึ ง คําสังให้คนตาบอดไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺทีมัสญิด ถึงแม้วา่ บ้านของเขาเหล่านั3นอยูไ่ กลจากมัสญิดก็ตาม และไม่มีอาสาสมัคร 79 80

เศาะฮีหฺมุสลิม (๖๕๓) ๑/๔๕๒) สุ นนั อะบีดาวูด (๕๔๘) ๒/๒๕๗)

88

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ที จะนํา ทางพวกเขาไปมัส ญิ ด และหะดี ษ นั3นเป็ นหลัก ฐานหนึ ง แสดงถึ งการละหมาดญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องฟั รฎุ มิ ใ ช่ แค่เรื องฟะฎี ละฮฺ (ความประเสริ ฐ) อนึ ง เป็ นการห้ามทีมีคาํ กล่าวทีว่า: ไม่มีการ ผ่อนผันสําหรับผูใ้ ดในการละทิ3งสิ งฟะฎีละฮฺ 81 จากรายงานที กล่ า วถึ ง มี ส วนอ◌ิ น ทผลัม และต้น ไม้ใ น ระหว่างทางไปมัสญิดนั3น คือหะดีษทีอิมามอะหฺ มดั ได้รายงานจาก อับดุลลอฮฺอิบนุชดั ดาดอิบนุอลั -ฮาด จากอิบนุ อุมมุมกั ตูม ท่านเราะ สู ล มามัสญิด ปรากฏว่าจํานวนผูท้ ีมาละหมาดน้อยมาก ดังนั3น ท่านกล่าวว่า: ِ ‫ﻢ أَ ْن أ‬ ‫ﱐ ﻷَﻫ‬ ِ‫))إ‬ ٍ ْ‫ ﻓﻼ أَﻗْ ِﺪر ﻋﻠﻰ إِﻧ‬،‫ أَﺧﺮج‬ُ‫ ﰒ‬،‫ﺎس إِﻣﺎﻣﺎ‬ ‫ﺴﺎن‬ َ ُ َ ْ ً ِ ّ‫َﺟ َﻌ َﻞ ﻟﻠﻨ‬ َُْ ِ ِ ِ  ‫ﻒ ﻋ ِﻦ اﻟ‬‫ﻳـﺘَﺨﻠ‬ ((‫َﺣَﺮﻗْـﺘُﻪُ َﻋﻠَْﻴ ِﻪ‬ َ ُ َ َ ْ ‫ﺼﻼة ﰲ ﺑـَْﻴﺘﻪ إﻻّ أ‬ ความว่า: แท้ จริ งข้ าพเจ้ าเจตนาที จะจัดอิ มามคนหนึ งแก่ บรรดาผู้ ค น(ที มาละหมาด) หลั ง จากนั/ น ข้ า พเจ้ าจะ ออกไปหาผู้ทีพลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และละหมาดที บ้ านของเขา ข้ า พเจ้ าไม่ สามารถทนได้ นอกจากจะเผาบ้ านหลังนั/น

81

เศาะฮีหฺอิบนุคุซยั มะฮฺ ๒/๓๖๘ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

89


อิบนุ อุมมุมกั ตูมก็กล่าวว่า:โอ้ ท่านเราะสู ลูลลอฮฺ แท้จริ ง ระยะทางระหว่างบ้านข้าพเจ้ากับมัสญิ ดนั3นมีสวนอิ นทผลัมและ ต้นไม้ต่าง ๆ และข้าพเจ้าไม่สามารถหาคนนําทางข้าพเจ้าทุกเวลา ได้ ข้าพเจ้าจะละหมาดที บ้านได้ไหม? ท่านเราะสู ล ก็ตอบว่า: เจ้าได้ยนิ เสี ยงอิกอมะฮฺ82ไหม? เขาตอบว่า: ใช่ ข้าพเจ้าได้ยนิ ท่านก็กล่าวว่า: ถ้าอย่างนั3น เจ้าจงมามัสญิด83 การรายงานทีกล่าวถึงเมืองมะดีนะฮฺ เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย คื อ หะดี ษที อิ มามอะบู ดาวูดรายงานจากอิ บ นุ อุม มุ มกั ตูมเช่ นกัน เขากล่าวแก่ท่านนบี ว่า: โอ้ ท่านเราะสู ลูลลอฮฺ แท้จริ งเมืองมะดี นะฮฺ เต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายต่างๆ ท่านนบี ก็กล่ าวว่า: เจ้าได้ยิน เสี ยงเรี ยก “จงมาสู่ มสั ญิ ดเถิ ด” “จงมาสู่ ความชัยชนะเถิ ด” ไหม ดังนั3นจงหันไปอย่างเร่ งด่วน84

82

อัช-ชัยคฺ อะหฺ มดั อับดุรฺเราะหฺ มาน อัล-บันนา กล่าวว่า “อิกอมะฮฺ ณ ที.นี หมายถึง การอะซาน ดังที.ท่านญาบิรฺ ได้กล่าวถึงอย่างชัดเจนในหะดีษในบทนี (ดู บุลูฆ อัล-อะมานีย ์ ๕/๑๗๘) 83 อัล-ฟัตหฺ อัรฺ-ร็ อบบานีย ์ ลิ ตัรฺตีบ มุสนัด อัล-อิมาม อะหฺ มดั อิบนุ หันบัล, หมายเลขหะดีษ (๑๓๑๐), ๕/๑๗๗-๑๗๘ 84 สุ นนั อะบูดาวูด (๕๔๘), ๒/๒๕๗

90

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อิมามอิบนุคุซยั มะฮฺ ได้รายงานหะดีษนี3ในหนังสื อเศาะฮีหฺ ของเขาและได้ต3 งั หัวข้อว่า “ภาคของการกําชับคนตาบอด ให้ไป ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺถึงแม้เขาจะกลัวนกฮูกและหมาจิ3งจอกก็ ตาม85 หะดี ษ ที บ่ ง ชี3 ถึ ง ความแก่ ข องเขานั3น อิ ม ามอัฏ -เฏาะบะ รอนี ยไ์ ด้รายงานจากอะบูอุมามะฮฺ ว่า: อิบนุ อุมมุมกั ตูมเป็ นคนตา บอดเข้าหาท่านเราะสู ล และอายะฮฺ – ﴾(2)Ω∧∅ςΚ‚≅… Σƒ∫:†Ω– ⇐Κς… (1) υϖςΠ√Ω ΤΩ Ωυ ♦Ω‰ΤΩ∅ ﴿ ความว่า: ท่าน หน้าบึ3งและหันหลังไปเมือคนตาบอดเข้ามาหา ท่านได้ถูกประทานลงมาอันเนื องจากสาเหตุน3 ี - แล้วเขากล่าวว่า: โอ้ ท่านเราะสู ลูลลอฮฺ ข้าพเจ้าขอสาบาน ท่านทราบดีถึงสภาพของ ข้าพเจ้านี3 อายุของข้าพเจ้าก็มากแล้ว กระดู กก็ผุพงั แล้ว ดวงตาก็ บอด คนนํา ทางข้า พเจ้าก็ไ ม่พ ร้ อมที จะอยู่กบั ข้าพเจ้า ตลอดเวลา ท่านพอทีจะให้ขอ้ ผ่อนผันให้ขา้ พเจ้าละหมาดห้าเวลาทีบ้านไหม? ท่าน ก็ถามว่า: เจ้าได้ยนิ เสี ยงอะซานดังถึงทีบ้านของ เจ้าไหม? เขาตอบว่า: ใช่ โอ้ ท่านเราะสู ลูลลอฮฺ ท่านเราะสู ลก็กล่าวว่า: 85

เศาะฮีหฺ อิบนุคุซยั มะฮฺ, ๒/๓๖๗ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

91


ِ‫ﻒ ﻋ ِﻦ اﻟﺼﻼة‬‫ وﻟﻮ ﻳـﻌﻠَﻢ ﻫﺬا اﳌﺘﺨﻠ‬،ً‫)) ﻣﺎ أ َِﺟ ُﺪ ﻟﻚ رﺧﺼﺔ‬ َ ُ َ َُ َ ُْ َ ُ َْ ِ ‫ﰲ اﳉﻤﺎﻋ ِﺔ ﻣﺎ ِﳍﺬا‬ ‫اﳌﺎﺷﻲ إﻟﻴﻬﺎ ﻷﺗﺎﻫﺎ وﻟَﻮ َﺣْﺒـ ًﻮا ﻋﻠﻰ ﻳَ َﺪ ﻳْ ِﻪ‬ َ 86 ((‫وِر ْﺟﻠَﻴﻪ‬ ความว่า: ข้ าไม่ มีข้อผ่ อนผันให้ เจ้ า และหากผู้ทีพลาดจาก การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ได้ รับทราบถึ งสิ ง(ที เป็ น ประเสริ ฐ)ต่ อ ผู้ ที เดิ น ไปมั ส ญิ ด นี / แน่ น อนเขาจะมา ละหมาดที มัสญิด ถึงแม้ เขาจะคลานมาบนมือและบนเท้ า ของเขาก็ตาม ในเมือท่านนบี ผูโ้ อบอ้อมอารี ซึงอัลลอฮฺ ผทู ้ รงสร้างได้ ให้คุณลักษณะแก่ท่านในคําตรัสของพระองค์วา่ : ψΡ Π Ψ⇒Ω∅†Ω∨ Ψ∼ς∏Ω∅ ε∞ÿΞ∞Ω∅ ⌠¬Σ|Ψ♥Σ⊃⇓Κς… ⇑ ⌠ ΨΘ∨ χΣ♠⁄Ω ⌠¬Σ{ƒ∫:†Ω– ŸΩ⊆ς√‫﴿ـ ـ‬

﴾ (128) χψ∼Ψš⁄ΘΩ χ∩Σ∫⁄Ω φκΨ⇒Ψ∨Σ∧<√≅†ΨŠ ¬Σ|∼ς∏Ω∅ ° } ÿΞ≤Ωš ความว่า: แท้ จริ งมีเราะสู ลคนหนึงจากพวกท่ านเองได้ มา หาพวกท่ านแล้ ว เป็ นผู้ทีลําบากใจมากในสิ งที พวกท่ าน

86

คัดอ้างมาจากหนังสื อ (อัต-ตัรฺฆีบ วะ อัต-ตัรฺฮีบ) ของ อัล-หาฟี ซ อัล-มุนซีรีย,์ ๑/๒๔๗. ดู อัล-อัลบานีย,์ เศาะฮีหฺ อัต-ตัรฺฆีบ วะ อัต-ตัรฺฮีบ, ๑/๒๔๗.

92

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ได้ รับความทุกข์ ยาก เป็ นผู้ห่วงใยพวกท่ าน เป็ นผู้เมตตา ผู้กรุ ณาสงสารต่ อบรรดาผู้ศรั ทธา ในเมื อท่านไม่อนุ ญาตและไม่มีขอ้ ผ่อนผันให้พลาดจาก การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ แก่ผทู ้ ีมีสาเหตุทีสามารถอนุ โลมได้ ดังต่อไปนี3: 1. เป็ นคนตาบอด 2. ไม่มีใครนําทางเขาสมําเสมอเพือไปมัสญิด 3. บ้านอยูไ่ กลจากมัสญิด 4. มี ส วนต้น อัน ทผลัม และต้น ไม้ต่ า ง ๆ ระหว่ า งทาง ไปมัสญิด (กลัวว่าจะชน) 5. มีสัตว์ดุร้ายและหมาจิ3งจอกเป็ นจํานวนมาก ในบริ เวณ นครมะดีนะฮฺในตอนนั3น 6. อายุมากและกระดูกก็ผพุ งั สําหรับผูท้ ีสายตาดี แข็งแรง บ้านอยู่ใก้ลมัสญิด ระหว่าง ทางไม่มีสวนอินทผลัมและต้นไม้อืนๆ ไม่มีป่าขวางกั3น และไม่มี หมาจิ3งจอกและนกฮูกยักษ์ทีจะต้องกลัว แล้วจะมีขอ้ อ้างอะไรอีก ไหม ทีจะมาเป็ นข้ออ้างในการพลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ? พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

93


อิมามอิ บนุ อัล-มุนซี รได้ต3 งั หัวข้อแก่ หะดี ษอิบนุ อุมมุมกั ตู ม นี3 ว่ า : “การกล่ า วถึ ง การเป็ นสิ งวาญิ บ ของการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ต่อคนตาบอดถึงแม้บา้ นอยูไ่ กลจากมัสญิดก็ตาม และเป็ นหะดี ษ ที บ่ ง ชี3 ว่า การละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ น3 ันเป็ น ฟัรฎุ มิใช่เป็ นเรื องกิจอาสา(สุ นนะฮฺ )87 และท่านยังได้ให้ขอ้ สังเกต ท้ายหะดีษนี3วา่ : ในเมื.อคนตาบอดไม่มีขอ้ ผ่อนผันให้เช่นนี คนตาดี จะไม่มีขอ้ ผ่อนผันให้เลย.88 อิมามอัล-คิ ฏอบี ยไ์ ด้กล่าวหลังอ้างหะดี ษนี3 ว่า: หะดี ษนี เป็ นหลักฐานว่า แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นวาญิบ หากมันเป็ นเพียงเรื องสุ นนะฮฺ แล้ว แน่ นอนผูท้ ี มี ทุพพลภาพและ อ่อนแอจะมีโอกาสพลาดจากญะมาอะฮฺ ได้ เฉกเช่นผูท้ ีอยูใ่ นสภาพ ของอิบนุอุมมุมกั ตูมท่านนี389 ๒.๖ ไม่ นั บ เป็ นการละหมาดสํ า หรั บ ผู้ ที พลาดจากละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺโดยไม่ มีกจิ ธุระทีอนุโลมได้

87

อัล-เอาสะฏุ ฟิ อัส-สุ นะนิ วะ อัล-อิจญ์มาอฺ วะ อัล-อิคติลาฟ 4/132 อัล-เอาสะฏุ ฟิ อัส-สุ นะนิ วะ อัล-อิจญ์มาอฺ วะ อัล-อิคติลาฟ 4/134 89 มะอาลิม อัส-สุ นนั , 1/160 88

94

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


หะดี ษ ที บ่ ง ชี3 ถึ ง นัย นี3 เ ป็ นหะดี ษ ที อิ ม ามอิ บ นุ ม าญะฮฺ ไ ด้ รายงานจากอิบนุอบั บาส ท่านนบี กล่าวว่า: ((‫ﺪاءَ ﻓﻠَ ْﻢ ﻳﺄﺗِ​ِﻪ ﻓﻼ ﺻﻼ َة ﻟﻪ إﻻ ﻣﻦ ﻋُ ْﺬ ٍر‬‫)) َﻣﻦ َِﲰ َﻊ اﻟﻨ‬

(สุนนั อิบนุมาญะฮฺ (777) 1/142)

ความว่า: ผู้ใดที ได้ ยินเสี ยงเรี ยกสู่ การละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ แล้ วเขาไม่ ไป ดังนั/นการละหมาดของเขา(ที บ้ าน) ไม่ ถือว่ าเป็ นการละหมาด ยกเว้ นหากมีธุระที อนุโลมได้ อิมามอัตตัรฺมิซียก์ ล่ าวว่า: บรรดาเศาะหาบะฮฺ หลายท่าน ต่ า งกล่ า วว่ า : ผู ้ใ ดที ได้ ยิ น อะซานแล้ ว ไม่ ข านรั บ (โดยไม่ ไ ป ละหมาดทีมัสญิด) การละหมาดของเขาถือเป็ นโมฆะ90 อะลี อิ บนุ อะบูฏอลิ บกล่ าวว่า: ไม่ถือเป็ นการละหมาด สํ า หรั บ ผู ้ที เป็ นเพื อนบ้ า นกั บ มัส ญิ ด นอกจาก(จะละหมาด) ในมัสญิด มีคนถามท่านว่า: โอ้ ท่านผูน้ าํ แห่ งศรัทธาชน ใครละคือ ผูท้ ี เป็ นเพื อนบ้า นกับ มัส ญิ ด ? ท่ า นก็ ต อบว่า : ผูท้ ี ได้ยิ นอะซาน (เรี ยกร้องสู่ ญะมาอะฮฺ)91 อับดุลลอฮฺ อิบนุมสั อูด อับดุลลอฮฺอิบนุ อบั บาสและอะบูมู ซา อัล-อัชอะรี ยต์ ่างกล่าวว่า: ผูใ้ ดทีได้ยนิ ผูเ้ รี ยกร้องสู่ การละหมาด 90 91

ญามิอฺ อัต-ตัรฺมิซีย,์ ๑/๑๘๘ อับดุรฺร็อซซาก, อัล-มุศอ็ นนัฟ, หมายเลขหะดีษ (๑๙๑๕), ๑/๔๙๗-๔๙๘ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

95


ร่ วมกับญะมาอะฮฺแล้วไม่ตอบรับโดยไม่มีกิจธุ ระใดๆ ดังนั3นไม่มี การละหมาดสําหรับเขา92 แน่นอน กิจธุ ระทีไม่สามารถอนุโลมได้น3 นั หลังจากได้ ยินเสี ยงเชิญชวนสู่ การละหมาดแล้ว จะต้องปฏิบตั ิการละหมาดใน รู ปแบบญะมาอะฮฺ นันเป็ นหลักฐานทีแน่ชดั ในการเป็ นวาญิบของ การละหมาดญะมาอะฮฺ ๒.๗ การไม่ ไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺเป็ นสั ญลักษณ์ ส่วนหนึง ของมุนาฟิ ก มี ห ลายหะดี ษ ที ชี3 ชัด ถึ ง เรื องนี3 ส่ ว นหนึ ง คื อ หะดี ษ ที อิ มามอัล-บุคอรี ยไ์ ด้รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านนบี กล่าว ว่า: ِ ِ‫))ﻟﻴﺲ ﺻﻼة أﺛْـﻘﻞ ﻋﻠﻰ اﳌﻨﺎﻓِ ِﻘﲔ ِﻣﻦ اﻟﻔﺠ ِﺮ واﻟﻌ‬ ‫ وﻟﻮ‬،‫ﺸﺎء‬ ْ ُ ْ َ َ َُ ((‫ﻳـَ ْﻌﻠﻤﻮ َن ﻣﺎ ﻓﻴﻬﻤﺎ ﻷَﺗَﻮﳘﺎ وﻟﻮ َﺣْﺒـ ًﻮا‬

(เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ (๖๕๗) ๒/๑๔๑)

ความว่า :ไม่ มีการละหมาดที หนั กที สุ ดต่ อพวกมุนาฟิ ก เกิ นกว่ าการละหมาดศุบหฺ และอิ ชาอ์ และหากพวกเขารู้ 92

มุศอ็ นนัฟ อิบนุ อะบีชยั บะฮฺ, ๑/๓๔๕. อัล-เอาสะฏุ ฟิ อัส-สุ นะนิ วะ อัล-อิจญ์ มาอฺ วะ อัล-อิคติลาฟ, หมายเลขการรายงาน (๑๙๐๒, ๑๘๙๙, ๑๙๐๐)

96

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ถึ ง สิ งที เป็ นประเสริ ฐใน 2 เวลานี / แน่ น อนพวกเขา จะต้ องมาละหมาดถึงแม้ ในสภาพคลุกคลานก็ตาม อิมามอิ บนุ หิบบานได้บนั ทึ กหะดี ษนี3 ในหนังสื อเศาะฮี หฺ ของท่านและได้ต3 งั หัวข้อว่า: (การกล่าวถึงการละหมาดทั3ง ๒ เวลา นี3เป็ นการละหมาดทีหนักทีสุ ดต่อพวกมุนาฟิ ก)93 อิมามอะบูดาวูดได้รายงานจากอุบยั ฺ อิ บนุ กะอับว่า: วัน หนึ งขณะทีท่านเราะสู ล ละหมาดศุบหฺ พร้อมกับพวกเรา แล้ว ท่านก็ถามว่า: ชายคนนั3นมาละหมาดพร้อมกับพวกเราไหม? บรรดาเศาะหาบะฮฺก็ตอบว่า: ไม่มา ท่านนบี ก็ถามคนอืนอีกว่า: ชายคนนั3นมาละหมาดญะ มาอะฮฺไหม ? บรรดาเศาะหาบะฮฺก็ตอบว่า: ไม่มา ท่านเลยกล่าวว่า: ِ​ِ ِ ِ  ‫ﲔ اـﻟ‬ ِ ‫نـ ﻫـﺎ َﺗ‬ ‫)) إ‬ ‫ وـﻟـﻮ‬، ‫ﲔ‬ َ ‫ـﺼﻠَﻮاـت ﻋـﻠﻰ اﳌـﻨﺎﻓـﻘ‬ َ ‫ـﻘﻞ اﻟ‬ ُ ‫ﺼﻼﺗـَـ ْﲔ أﺛ‬ ِ ‫ﺗَـ ْﻌﻠَﻤﻮ َن ﻣﺎ ﻓﻴ ِﻬﻤﺎ ﻷﺗَـْﻴﺘُﻤﻮﳘﺎ وﻟﻮﺣﺒﻮا ﻋﻠﻰ اﻟﺮ‬ ((‫ﻛﺐ‬ ً

(สุนนั อะบูดาวูด (๕๕๐) ๒/๒๕๙)

93

อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน, ๕/๔๕๔ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

97


ความว่ า :แท้ จริ งการละหมาดทั/ ง ๒ เวลานี / เป็ นการ ละหมาดที หนักที สุ ดต่ อพวกมุนาฟิ ก หากพวกเจ้ ารั บรู้ ถึ ง สิ งประเสริ ฐที มีในเวลาทั/ง ๒ นี แ/ ล้ ว แน่ แท้ พวกเจ้ าจะต้ อง มาละหมาด(พร้ อมกับญะมาอะฮฺ )ถึ งแม้ พวกเจ้ าจะมาใน สภาพคลุกคลานก็ตาม อิมามอะหฺ มดั ได้รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺท่านนบี กล่าวว่า: ٍ ‫نـ ﻟــﻠﻤﻨﺎﻓِـ ِﻘﲔ ﻋــﻼﻣــﺎ‬ ‫)) إـ‬ ،ٌ‫ـ وـﻃَـﻌﺎ ُﻣـﻬﻢ ﻧـَـ ْﻬﺒَﺔ‬،ٌ‫ﺘُﻬﻢ ﻟَـ ْﻌﻨَﺔ‬‫ َِﲢـﻴ‬:‫تـ‬ َ ِ ‫ وﻻ ﻳﺄﺗﻮ َن‬،‫اﳌﺴﺎﺟ َﺪ إﻻ َﻫ ْﺠًﺮا‬ ‫ وﻻ ﻳَـ ْﻘَﺮﺑﻮ َن‬، ‫ﻠﻮل‬ ٌ ‫وﻏﻨﻴﻤﺘُﻬﻢ َﻏ‬ ِ ‫ﺐ‬ ٌ ‫ َﺧ ْﺸ‬،‫ وﻻ ﻳﺆﻟَﻔﻮ َن‬،‫ ﻻ ﻳﺄﻟَﻔﻮ َن‬،‫ﻳﻦ‬ َ ‫ ُﻣ ْﺴﺘَﻜْﱪ‬،‫اﻟﺼﻼةَ إﻻ َدﺑْـًﺮا‬ ِ ((‫ﺨﺐ ﺑﺎﻟﻨﻬﺎ ِر‬ َ ‫ﺑﺎﻟﻠﻴﻞ‬ ٌ ‫ﺻ‬

(มุสนัดอิมามอะหฺ มดั (๗๙๑๓) ๑๕/๕๐-๕๑)

ความว่า: แท้ จริ งสําหรั บพวกมุนาฟิ กมี สัญลักษณ์ หลาย ประการ นั$นคื อ การทักทายของพวกเขาเป็ นการสาปแช่ ง อาหารของพวกเขาได้ มาโดยการแย่ งชิ ง ทรั พย์ สินของ พวกเขาคื อการครองสมบั ติจากสงครามก่ อนจะมี ก าร แบ่ งปั นกัน พวกเขามักจะผิ นหลังจากมัสญิ ด พวกเขาจะ มาละหมาดท้ ายๆ (ใกล้ อิมามจะเสร็ จการละหมาด) พวก เขาเป็ นคนหยิ งยะโส พวกเขาจะไม่ สานสายใยสั มพันธฺ์ 98

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ฉั นมิตรและพวกจะไม่ เป็ นมิตร พวกเขาจะหลับไหลใน ตอนกลางคื นและจะส่ งเสี ยงรําคาญในตอนกลางวัน อิมามอัฏ-เฏาะบะรอนี ยไ์ ด้รายงานจากอะนัส อิบนุ มาลิ ก ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ‫ﺎسـ إﱃـ َﻋﺮٍقـ أوـ َم ِ◌ـ ْرﻣـﺎ َﺗ‬‫ن رـ ُﺟﻼً دـﻋﺎ اـﻟﻨ‬ ‫)) ﻟﻮ أـ‬ ُ‫ﲔ ﻷـﺟﺎﺑـﻮﻩ‬ ْ َ َ ‫ـ ﻟــﻘﺪ‬،‫ـ‬،‫ـﺎ‬َ‫ـﺼﻼ ِةـ ﰲـ َﲨـﺎ َﻋـ ٍﺔ ﻓـﻼ ﻳـﺄﺗـﻮ‬ َ ‫وـﻫـﻢ ﻳـﺪﻋـﻮ َنـ إـﱃـ ﻫـﺬﻩـ اـﻟـ‬ ٍ ِ ‫ف‬ ‫ َﻲ‬‫ﺼﻠ‬ ْ ً‫آﻣَﺮ َر ُﺟﻼ‬ َ ‫أﻧﺼ ِﺮ‬ َ ‫ﺑﺎﻟﻨﺎس ﰲ‬ ُ ‫َﳘَ ْﻤ‬ َ ‫ﲨﺎﻋﺔ ﰒ‬ َ ُ‫أن ﻳ‬ ُ ‫ﺖ أن‬ ِ ٍ ِ ‫ﻪ ﻻ‬‫ إ ﻧ‬،‫ﻧﺎرا‬ ْ ‫ﻓﻠﻢ ُِﳚﻴﺒﻮا ﻓَﺄ‬ ْ ‫ﺪاء‬ ً ‫َﺿ َﺮﻣﻬﺎ ﻋﻠﻴﻬﻢ‬ َ ‫إﱃ ﻗَـ ْﻮم َﲰﻌﻮا اﻟﻨ‬ ٩٤ ((‫ﻒ ﻋﻨﻬﺎ إﻻ ُﻣﻨﺎﻓِ ٌﻖ‬ ُ ‫ﻳـَﺘَ َﺨﻠ‬ ความว่า: หากมี ช ายคนหนึ งเชิ ญชวนมนุ ษย์ ส่ ู งานเลี /ย ง เพื อกิ นอาหารที ปรุ งต้ มกระดูกที แล◌่เนื อ/ ออก แน่ นอน พวกเขาจะตอบรั บ ทั/ ง ๆที พวกเขาถู ก เรี ยกร้ องสู่ การ ละหมาดร่ วมกั บ ญะมาอะฮฺ แล้ วพวกเขาไม่ ม า แท้ จริ ง ข้ า พเจ้ า ได้ เ จตนาที จะสั งให้ ผู้ หนึ งละหมาดเป็ นอิ ม าม แทนร่ วมกับญะมาอะฮฺ หลังจากนั/นข้ าพเจ้ าจะออกไป หาชนกลุ่มหนึงซึ งพวกเขาได้ ยินเสี ยงเรี ยกร้ อง(สู่ มัสญิด) แต่ พวกเขาไม่ ตอบรั บ แล้ วข้ าพเจ้ าจะจุ ดไฟเผาพวกเขา

94

คัดลอกจากมัจญ์มะอฺ อัซ-ซะวาอิด วะ มันบะอฺ อัล-ฟะวาอิด, ๒/๔๓ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

99


ซะ แท้ จริ งแล้ วไม่ มี ผ้ ู ใ ดที พลาดจากการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ นอกจากคนมุนาฟิ ก อิ ม ามอิ บ นุ อ ะบู ชัย บะฮฺ ไ ด้ร ายงานจากอะบู อุ ม ัย รฺ อิ บ นุอะนัส เขากล่าวว่า อาทั3งหลายจากชาวอันศอรฺ ต่างกล่าวว่า ท่านน บี ได้กล่าวว่า: คนมุนาฟิ กจะไม่มาละหมาดใน 2 เวลานี3 คือ อิ ชาอ์ และศุบหฺ 95 บรรดาชาวสะลัฟจํานวนไม่น้อยที เน้นหนักกับเรื องนี3 ว่า แท้จริ งการพลาดจากการละหมาดร่ วมญะมาอะฮฺ เป็ นกิ จวัตรและ สัญลักษณ์ของคนมุนาฟิ ก อิมามมุสลิมได้รายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนุ มสั อูดว่า: ผูใ้ ด ทีปรารถนาทีจะพบอัลลอฮฺ ในวันพรุ่ งนี3 (วันกิยามะฮฺ )โดยทีเขา เป็ นมุ สลิ มเต็มตัว ฉะนั3นเขาจงรักษามันกับการละหมาดเหล่านั3น ซึ งเขาถูกเรี ยกร้องให้ปฏิบตั ิ และอัลลอฮฺ ทรงบัญญัตแก่ท่านน บี ของพวกเจ้าหนทางแห่งทางนํา และแท้จริ ง ละหมาด ๕ เวลา นั3นเป็ นส่ วนหนึ งของหนทางแห่ งทางนํา หากพวกเจ้าละหมาดที บ้า นของพวกเจ้า แล้วเหมื อนกับ ผูพ้ ลาดละหมาดร่ วมกับ ญะมา อะฮฺ น3 ี (หมายถึ ง พวกมุนาฟิ ก) แน่ แท้ พวกเจ้าได้ละทิ3งทางนําของ ท่านนบี ของพวกเจ้าแล้ว และหากพวกเจ้าละทิ3 งทางนํา ของ 95

อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๓๒

100

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ท่านนบี แน่ นอนพวกเจ้าจะหลงทาง และแท้จริ ง พวกเราได้ ประจักษ์แล้วว่า ไม่มีผูใ้ ดทีพลาดจากญะมาอะฮฺ นอกเสี ยจากคนมุ นาฟิ กทีชัดเจน96 อิ ม ามอิ บ นุ อะบู ชัย บะฮฺ ไ ด้รายงานจากอิ บ นุ อุมรั ว่า : เมื อ พวกเรามิ ได้เห็ นชายหนึ งๆ ในละหมาดอิ ชาอฺ และละหมาดศุ บหฺ พวกเราจะมองเขาในแง่ร้ายทันที97 อี ก รายงานหนึ งจากอิ ม ามอิ บ นุ หั ซ มฺ อะฏออ์ ก ล่ า วว่ า : พวกเราเคยได้ยินมาว่าไม่มีผใู ้ ดทีไม่มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ยกเว้นผูน้ 3 นั คือ มุนาฟิ ก98 หากการมามัสญิ ดเพื อละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ไม่ ใ ช่ เป็ นเรื องวาญิ บ แล้ ว ท่ า นนบี และบรรดาชาวสะลั ฟ จาก ประชาชาติ น3 ี ที ได้ก ล่ า วชื อพวกเขาในข้า งต้นจะไม่ จาํ แนกผูท้ ี พลาดจากละหมาดร่ วมกั บ ญะมาอะฮฺ ว่ า เป็ นส่ วนหนึ งของ สัญลักษณ์ของคนมุนาฟิ ก อิมามอิบนุ อลั -ก็อยยิมได้อา้ งคํากล่าวของอับดุ ลลอฮฺ อิ บ นุ มสั อูดข้างต้นว่า เป็ นหลักฐานของการวาญิ บของการละหมาด 96

ดู เศาะฮีหฺมุสลิม หมายเลขการรายงาน (๖๕๔), ๑/๔๕๓ อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๓๒ 98 อัล-มุหลั ลีย,์ ประเด็นที. ๔๘๕, ๔/๒๗๖ 97

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

101


ร่ วมญะมาอะฮฺ ท่ า นกล่ า วว่า : บทหลักฐานก็ คื อ การจํา แนกการ พลาดจากละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ วา่ เป็ นสัญลักษณ์หนึ งของคน มุ นาฟิ กที ชัดแจ้งและสัญลักษณ์ ของการนิ ฟ าก (การกลับ กลอก) มิ ใช่ การละทิ3งเรื องกิ จอาสา(สุ นนะฮฺ )หรื อกระทําสิ งที เป็ นมักรู ฮฺ และผูใ้ ดทีวินิจฉัยสัญลักษณ์ ของการนิ ฟากในหะดี ษต่างๆแล้วจะ พบว่าสัญลักษณ์ ของการนิ ฟากนั3นบางครั3งจากการละทิ3งสิ งทีเป็ น ฟั รฏุหรื ออาจกระทําในสิ งทีเป็ นหะรอม คํากล่าวของอิบนุ มสั อูดข้างต้นเป็ นการยืนยันนัยดังกล่าว นี3 และเขาได้ขนานนามผูท้ ีละทิ3งละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และผู ้ ทีละหมาดทีบ้านนั3นว่าเป็ นผูท้ ีละทิ3งสุ นนะฮฺ ของท่านนบี และ เป็ นผูท้ ี ละทิ3งกฏชะรี อะฮฺ ทีท่ านนบี ได้บ ญ ั ญัติแก่ ป ระชาชาติ ของท่าน คํา ว่า “สุ นนะฮฺ ” ณ ที นี3 ไ ม่ไ ด้หมายถึ ง เรื องกิ จอาสา ซึ ง ใครประารถนาที จะปฏิ บ ัติ ก็ ป ฏิ บ ัติ และใครที ปรารถนาจะไม่ กระทํา ก็ล ะทิ3 งมันไป เพราะว่า เรื องที เป็ นสุ นนะฮฺ น3 ี หากใครไม่ ปฏิ บตั ิ แล้วไม่ถือว่าเป็ นการหลงทางและไม่ใช่ เป็ นส่ วนหนึ งของ สั ญ ลัก ษณ์ ข องคนมุ น าฟิ ก เรื องสุ น นะฮฺ ดัง กล่ า วเช่ น การไม่

102

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ละหมาด ฎุฮา กิยามูลลัยลฺ ถือศิลอดในทุกวันจันทร์ และวันพฤหัส เป็ นต้น99

๒.๘ การซอกแซกของชั ย ฏอนต่ อ หมู่ บ้ า นที ไม่ มี ก ารละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ อิ ม ามอะบูดาวูดได้รายงานจากมะอฺ ดาน อิ บนุ อะบูฏ็ อล หะฮฺ อัล-ยะอฺ มุรียว์ า่ อะบูดารฺ ดาอ์กล่าวว่า: ข้าพเจ้าได้ยินท่านเราะ สู ล กล่าวว่า: ِ ‫)) ﻣﺎ ِﻣﻦ ﺛَﻼ ﺛَ ٍﺔ ﰲ ﻗﺮﻳ ٍﺔ وﻻ ﺑ ْﺪ ٍو ﻻ ﺗُﻘﺎم ﻓﻴ ِﻬﻢ اﻟﺼﻼ ُة إﻻ‬ ‫ﻗﺪ‬ َ ُ َ َْ ‫ﳕ ـﺎ ﻳــﺄ ُﻛ ـ ُﻞ‬‫ﻚ ﺑــﺎﳉــﻤﺎ َﻋ ـ ِﺔ ﻓَـﺈ‬ َ ‫ ـ ﻓــﻌﻠَْﻴ‬،‫ـﺸْﻴﻄﺎ ُن ـ‬ َ ‫اـ ْـﺳﺘَ ْﺤ َﻮ َذ ـ ﻋــﻠﻴ ِﻬﻢ ا ـﻟـ‬ 100 ِ ‫ﺬﺋْﺐ‬ ‫اﻟ‬ ((َ‫اﻟﻘﺎﺻﻴَﺔ‬ ُ ความว่า: ในหมู่บ้านหนึ งหรื อถิ นใดถิ$ นหนึ$ งที มี สมาชิ ก ๓ คนไม่ ทํ า การละหมาด(ในรู ปแบบญะมาอะฮฺ ) นอกจากชั ยฏอนจะควบคุมพวกเขาไว้ แล้ ว ดังนั/นจงยึ ด 99 100

กิตาบ อัศ-เศาะลาฮฺ, ๗๐ ดู เอานุ อัล-มะอฺ บูด ชัรหฺ สุ นนั อะบีดาวูด, ๒/๒๕๑ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

103


มันกับญะมาอะฮฺ แท้ จริ งแล้ วหมาจิ /งจอกจะตะครุ บกิ น แพะที หลงฝูง อิ มามอิ บ นุ อัล-ก็อยยิมอัล-เญาซี ยะฮฺ ได้แถลงถึ งข้อบ่ง ชี3 ของหะดี ษเกี ยวกับการวาญิ บของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ว่า : บทหลัก ฐาน ณ ที นี3 คื อ แท้จริ ง หะดี ษ ที บอกกล่ า วถึ ง การ ควบคุ ม ของชัย ฏอนต่ อ บรรดาพวกเขา เนื องจากการละทิ3 ง ญะ มาอะฮฺ เอกลักษณ์ของมันก็คือ การอะซานและการปฏิบตั ิละหมาด ถ้า หากการละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องสุ นนะฮฺ ซึ งคนๆ หนึ งสามารถทีจะเลื อกกระทําหรื อไม่กระทํา ชัยฏอนจะไม่เข้ามา ควบคุ ม ผูล้ ะทิ3 ง ญะมาอะฮฺ และผูล้ ะทิ3 ง เอกลัก ษณ์ ข องญะมาอะฮฺ หรอก101 ๒.๙ คําเตือนทีร้ ายแรงด้ วยการกริ- วโกรธจากอัลลอฮฺ การไม่ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

เนืองจาก

คํา เตื อ นที หนัก แน่ น นี3 เราสามารถรู ้ จากคํา พูดของท่ า น เราะสู ล ผูไ้ ด้รับความไว้วางใจ อิ มามอิ บนุ มาญะฮฺ ได้รายงาน 101

กิตาบ อัศ-เศาะลาฮฺ, ๗๓

104

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


จากอิบนุ อับบาสและอิบนุ อุมรั ฺ วา่ ทั3งสองได้ยินท่านนบี กล่าว ว่า: ِ ِ ِ  َ ‫))ﻟَﻴَـْﻨﺘَ ِﻬ‬ ُ‫ﻦ اﷲ‬ ‫ أو ﻟَﻴَ ْﺨﺘ َﻤ‬،‫ﲔ أﻗﻮ ٌام َﻋ ْﻦ َو ْدﻋ ِﻬﻢ اﳉَﻤﺎﻋﺎت‬ ِ ِ ِ​ِ ((‫ﻠﲔ‬ َ ‫ﻦ ﻣ َﻦ اﻟﻐَﺎﻓ‬ ُ‫ ﻟَﻴَﻜﻮﻧ‬ُ‫ ﰒ‬،‫ﻢ‬‫ﻋﻠﻰ ﻗُ ْﻠﻮ‬

(สุนนั อิบนุมาญะฮฺ (๗๗๘) ๑/๑๔๒-๑๔๓)

ความว่า: (มี ๒ สิ งให้ เลือก) ชนกลุ่มต่ างๆอาจจะหยุดจาก การละทิ ง/ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ หรื อว่ าจะให้ อัลลอ ฮฺ ทรงประทั บตราบนหั วใจของพวกเขา(เนื องจาก ละทิ ง/ ญะมาอะฮฺ ) หลังจากนั/นพวกเขาจะอยู่รวมกับพวก ที หลงลืม(ในคําบัญชาของอัลลอฮฺ ) ทั3งๆ ทีรู ้ กนั อยู่ว่า ท่านนบี จะไม่กล่าวถึ งโทษร้ ายแรง ในเรื องเฉกเช่นนี3 นอกจากว่าเป็ นเรื องทีเกียวกับการละทิ3งสิ งทีเป็ น วาญิบ ข้อยืนยันในเรื องนี3 คือ คํากล่าวของท่านหญิงอาอิชะฮฺ ซึง เป็ นมารดาแห่ งศรัทธาชนว่า: ผูใ้ ดทีได้ยินเสี ยงอะซานแล้วไม่ตอบ รั บ เขาไม่ ต้อ งการความดี หรื อเขาจะไม่ ใ ห้ไ ด้รั บ ความดี ก ับ มัน เลย102 102

อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๔๕. พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

105


อะบูฮุร็อยเราะฮฺก็เสริ มอีกว่า: หูของลูกหลานของอาดัมถูก อุดด้วยดีบุกเหลวจะดีกว่าสําหรับเขาหากเขาได้ยินเสี ยงผูเ้ รี ยกร้อง (อะซาน)แล้วเขาไม่ตอบรับมัน103 ๒.๑๐ ท่ า นนบี ได้ เจตนาทีจะเผาบ้ านของผู้ทีไม่ ไปละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ หะดี ษต่างๆ ทีเศาะฮีหฺทีกล่าวถึ งเจตนารมณ์ ของท่านนบี ที จะเผาบ้า นของผูไ้ ม่ ไ ปละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ทั3ง ๆที ท่า นนบี ถู ก ประทานมาเพือความเมตตาแก่ ป ระชาชาติ ส่ วน หนึ งจากหะดี ษ นั3น อิ ม ามอัล -บุ ค อรี ย ์ไ ด้ร ายงานจากอะบู ฮุ ร็ อ ย เราะฮฺ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ​ِ ٍ ِ ُ ‫ﺖ أن‬ ‫ﺐ ﰒ‬ ُ ‫)) واﻟّﺬي ﻧَـ ْﻔﺴﻲ ﺑِﻴَﺪﻩ ﻟَ َﻘ ْﺪ َﳘَ ْﻤ‬ ُ َ‫آﻣَﺮ َﲝﻄَﺐ ﻓَـﻴُ ْﺤﻄ‬ ِ ِ ِ ‫ﻒ‬ َ ‫ أُﺧﺎﻟ‬ُ‫ ﰒ‬،‫ﻨﺎس‬ َ ‫آﻣَﺮ ﺑ‬ ُ ُ‫ ﰒ‬،‫ذ ُن ﳍَﺎ‬ ‫ﺎﻟﺼﻼة ﻓَـﻴُـ َﺆ‬ ُ َ ‫م اﻟ‬‫آﻣَﺮ َر ُﺟﻼً ﻓَـﻴَـ ُﺆ‬ ‫ﻪُ َِﳚـ ُﺪ‬‫ـ ﻟـﻮ ﻳـَـ ْﻌﻠَ ُﻢ أـ َﺣـ ُﺪ ُﻫـﻢ أـﻧـ‬،‫ﺮ َقـ ﻋـﻠَْﻴ ِﻬ ْﻢ ﺑـُﻴﻮﺗـَـ ُﻬﻢ‬‫إﱃـ ِرـﺟـﺎ ٍلـ ﻓَـﺄُ َﺣـ‬ ِ ْ ‫ﲔ َﺣﺴﻨَﺘَـ‬ ِ َ‫َﻋﺮﻗًﺎ َﲰﻴﻨﺎ أو َﻣﺮﻣﺎﺗ‬ ((َ‫ﲔ ﻟَ َﺸ ِﻬ َﺪ اﻟﻌِﺸﺎء‬ ْ َ

(เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ (๖๔๔) ๒/๑๒๕)

103

มุศอ็ นนัฟ อิบนุ อะบีชยั บะฮฺ, ๑/๓๔๕. อัล-เอาสะฏุ ฟิ อัส-สุ นะนิ วะ อัล-อิจญ์ มาอฺ วะ อัล-อิคติลาฟ, หมายเลขการรายงาน (๑๙๐๒, ๑๘๙๙, ๑๙๐๐)

106

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ความว่า: ข้ าขอสาบาน(ต่ ออัลลอฮฺ )ซึ งวิ ญญาณของ ข้ าในพระหั ตต์ ของพระองค์ แท้ จริ งข้ าได้ เจตนาที จะให้ รวบรวมไม้ ฟื/นแล้ วข้ าจะสั งอะซานเรี ยกร้ องมาละหมาด หลังจากนั/นข้ าจะสั งให้ คนๆหนึ งละหมาดเป็ นอิ มามกับ ผู้ ค นอื นๆ(แทนข้ า) หลั ง จากนั/ น ข้ าจะไปหาผู้ ชาย ทั/งหลายถึ งบ้ านแล้ วจะเผาทั/ งบ้ านทั/งเขาเลย และข้ าขอ สาบาน (ต่ ออัลลอฮฺ ซึ งวิ ญญาณของข้ าในพระหั ตต์ ของพระองค์ หากเขาคนใดคนหนึ งรั บรู้ ว่ าเขาจะได้ รับ เนื /ออ้ ว นท้ วนหรื อน่ อ งทั/ ง สองที สมบู รณ์ แน่ แท้ เขา จะต้ องมาละหมาดอิ ชาอ์ อิมามอิบน◌ุ หิ บบานได้บนั ทึกหะดีษนี3ในหนังสื อ “เศาะฮี หฺ ” ของเขาและตั3ง หัวข้อว่า: (การกล่ าวถึ ง การใช้คาํ ร้ า ยแรงของ ท่ า นนบี ต่ อ ผู ้ที ไม่ ม าละหมาดอิ ช าอ์ แ ละศุ บ หฺ ร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ104 อีกหะดีษหนึงทีชี3ชดั ถึงการเจตนาของท่านนบี ทีจะเผา บ้า นเนื องจากพวกเขาไม่ อ อกไปละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ

104

อัล-อิหฺสาน ฟิ ตักรี บ เศาะฮีหฺ อิบนุหิบบาน, ๕/๔๕๑ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

107


ทีมัสญิด คือการรายงานของอิมามอัล-บุคอรี ยจ์ ากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านนบี กล่าวว่า: ِ ‫ وﻟﻮ‬،‫ﻘﲔ ِﻣ َﻦ اﻟ َﻔ ْﺠ ِﺮ واﻟﻌِ َﺸ ِﺎء‬ َ ‫ﺻﻼة أﺛْـ َﻘ ُﻞ ﻋﻠﻰ اﳌﻨﺎﻓ‬ َ ‫ﻴﺲ‬ َ َ‫))ﻟ‬ ‫ﺖ أـنـ آـ ُﻣـَﺮ‬ ُ ‫ـ ﻟَـ َﻘ ْﺪ َﳘَـ ْﻤ‬،‫ﻳـَـ ْﻌﻠَﻤﻮ َنـ ﻣــﺎ ﻓــﻴ ِﻬﻤﺎ ﻷـﺗَـﻮﳘــﺎ وـﻟــﻮ َﺣـْﺒ ـ ًﻮاـ‬ ‫آﺧ ُﺬ ُﺷ ْﻌﻼً ِﻣ َﻦ‬ ُ ُ‫ ﰒ‬، ‫اﻟﻨﺎس‬ ُ ‫ ﰒ‬، ‫ذ َن ﻓﻴُ ْﻘﻴ َﻢ‬ ‫اﳌَُﺆ‬ َ ‫م‬‫آﻣَﺮ َر ُﺟﻼً ﻳَـ ُﺆ‬ ((‫ﺮ َق ﻋﻠﻰ َﻣ ْﻦ ﻻ َﳜُْﺮ ُج إﱃ اﻟﺼﻼةِ ﺑـَ ْﻌ ُﺪ‬‫ُﺣ‬ َ ‫اﻟﻨﺎ ِر ﻓَﺄ‬

(เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย ์ (๖๕๗) ๒/๑๔๑)

ความว่า: ไม่ มีการละหมาดใดที เป็ นเรื องหนักที สุ ดต่ อ พวกมุนาฟิ ก มากกว่ าการละหมาดศุบหฺ และอิ ชาอ์ และ หากพวกเขารั บรู้ สิ ง(ประเสริ ฐ)ที มี อยู่ในเวลาทั/ งสองนี / พวกเขาจะมาละหมาดแน่ นอนถึ งแม้ จะคลานมาก็ตาม แท้ จริ งแล้ วข้ าเจตนาที จะสั งให้ มอุ ัซซิ น(โต๊ ะบิ ลาล)กล่ าว คําอิ กอมะฮฺ แล้ วข้ าจะสั งคนใดคนหนึ งเป็ นอิ มาม(แทน ข้ า) หลังจากนั/นข้ าจะเอาช่ อไฟแล้ วเผาพวกที ไม่ ออกไป ละหมาดอี ก มี ห ะดี ษ อื นอี ก ที มายื น ยัน ในเรื องนี3 อิ ม ามอะหฺ ม ัด ได้ รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านนบี กล่าวว่า:

108

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ِ ‫ﺣﻮل اﳌﺴﺠﺪ ﻻ ﻳ ْﺸﻬ ُﺪو َن اﻟﻌِ َﺸﺎء‬ ‫اﻵﺧَﺮَة‬ ٌ ‫ﲔ ِر‬  َ ‫))ﻟَﻴَـْﻨﺘَ ِﻬ‬ َ ‫ﻦ‬‫ﺟﺎل ِﳑ‬ َ َ َ ((‫ﻢ ِﲝَْﺰِم اﳊَﻄَﺐ‬‫ﻮ‬ َ ُ‫ﻦ ﺑـُﻴ‬ َ‫ﺮﻗ‬‫ُﺣ‬ َ ‫ﰲ اﳉﻤﻴ ِﻊ أو ﻷ‬

(มุสนัดอิมามอะหฺ มดั (๗๙๐๓) ๑๕/๔๐-๔๑)

ความว่า: (มี ๒ สิ งให้ เลือก) ชายทั/งหลายที อาศัยบริ เวณ ใกล้ ๆมัสญิดจะหยุดจากการไม่ มาละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ หรื อว่ าข้ าจะเผาบ้ านของพวกเขาด้ วยกองฟื น (เนื องจากไม่ มาละหมาด) อย่านึ กเสี ยว่าการทีท่านนบี ได้เจตนาทีจะเผาบ้านของ พวกเขาเหล่านั3นเนืองจากพวกเขาไม่ละหมาด มิใช่อย่างนั3น เพราะ มีหะดี ษทีชัดเจนบ่งบอกว่าพวกเขาได้ทาํ การละหมาดแต่พวกเขา ละหมาดกัน ที บ้า น เรื องดัง กล่ า วนี3 อิ ม ามอะบู ดาวูด ได้ร ายงาน จากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ท่านนบี กล่าวว่า: ٍ َ‫آﻣﺮ ﻓِْﺘـﻴَﱵ ﻓَـﻴَ ْﺠﻤﻌﻮا َﺣ ْﺰًﻣﺎ ِﻣ ْﻦ َﺣﻄ‬ ‫ آﰐ‬ُ‫ﺐ ﰒ‬ ُ ‫))ﻟَ​َﻘ ْﺪ َﳘَ ْﻤ‬ َ َ ُ ‫ﺖ أ ْن‬ ِ ِ​ِ ‫ِ​ِﻢ ﻟَﻴﺴ‬‫ﻮ َن ﰲ ﺑـﻴﻮ‬‫ﻗَـﻮﻣﺎ ﻳﺼﻠ‬ ((‫ﺮ َق ﻋﻠَْﻴ ِﻬﻢ‬‫ُﺣ‬ ْ َ ْ ُ​ُ َ ُ ًْ َ ‫ﺔٌ ﻓَﺄ‬‫ﻢ ﻋﻠ‬ ‫ﺖ‬

(สุนนั อะบูดาวูด (๕๔๕) ๒/๒๕๓-๒๕๔)

ความว่ า : แท้ จริ งข้ า มี เ จตนาที จะสั งให้ สาวกของข้ า รวบรวมกองฟื นมัดใหญ่ หลังจากนั/นข้ าจะไปหาพวกที ละหมาดที บ้ านโดยไม่ มีเหตุจาํ เป็ น(ที อนุโลมได้ ) แล้ วข้ า จะเผาพวกเขาพร้ อมกับบ้ านนั/น พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

109


สรุ ปว่า ท่านนบี ผูม้ ีเกียรติยิงได้เจตนาทีจะเผาบ้านของ พวกทีละหมาดฟัรฎุ (วาญิบ)ทีบ้านของพวกเขาและไม่ไปละหมาด ร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ที มัส ญิ ด และถ้า หากการละหมาดร่ วมกับ ญะ มาอะฮฺ ไม่เป็ นการวาญิบแล้วท่านนบี จะไม่เจตนาทีจะกระทํา สิ งดังกล่าว อัล-หาฟิ ซอิบนุหะญัรได้เขียนข้อสังเกตุกาํ กับท้ายหะดีษนี3 ว่า: (ส่ วนหะดี ษบทนี3ช3 ี ชดั ว่าการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ น ฟั รฎุอัยนฺ ซึงทุกคนจะต้องปฏิ บตั ิ มนั เพราะถ้ามันเป็ นแค่เรื องสุ น นะฮฺ (กิ จ อาสา) ท่ า นนบี ไม่ ก ล่ า วคํา ร้ า ยแรงแก่ ผู ้ที ละทิ3 ง ละหมาดด้วยการเผาพวกเขาพร้ อมๆ กับบ้านเรื อนหรอก และถ้า หากมันเป็ นฟั รฎุกิ ฟายะฮฺ การละหมาดของท่านเราะสู ล และผู ้ ทีมาละหมาดพร้อมกับท่านก็เพียงพอแล้ว105 ในขณะที อิ ม ามอะบู บกั รฺ อัล-กะสานี ย ์ อัล -หะนะฟี ย์ไ ด้ กล่าวถึงหลักฐานการเป็ นวาญิบของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ แล้วเขากํากับท้ายว่า: (สัญญาร้ายอย่างนี3 จะไม่โดนพวกเขายกเว้น เสี ยจากเหตุการณ์ละทิ3งสิ งทีเป็ นวาญิบ) 106 105 106

อัล-บุคอรี ย,์ ฟัตหุลบารี ย,์ ๒/๑๒๕-๑๒๖) บะดาอิอฺ อัศ-เศาะนาอิอฺ, ๑/๑๕๕)

110

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


หมายเหตุ : อัล-หาฟิ ซ อิบนุ หะญัรได้แถลงสิ งทีได้รับจากหะดีษนี3 วา่ : ในหะดีษนี3มีขอ้ ผ่อนผันสําหรับอิมามหรื อผูป้ ฏิบตั ิการแทนเขาทีจะ ไม่ตอ้ งละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เพือทีจะเอาออกผูท้ ีซุ กซ่ อนอยู่ ในบ้านและไม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ107 ณ ที นี3 ท่ า นพึ ง ทราบแล้ ว ว่ า มัน เป็ นการถู ก ต้ อ งตาม บทบัญญัติทางศาสนาทีองค์กรทีมีหน้าทีเพือกําชับความดีและห้าม ปรามความชัวในประเทศซาอุ ดีอาราเบียได้ติดตามและขับไล่ผูท้ ี ไม่ไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และสังให้พวกเขาไปละหมาด ทีมัสญิ ดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และถื อว่าเป็ นการอยุติธรรมและการ ไม่ให้เกียรติทีจะมีคาํ วิจารณ์ต่อกลุ่มผูก้ ระทําความดีแทนทีจะกล่าว ขอบคุณพวกเขาในการทําความดี ๒.๑๑ ผลร้ ายสํ าหรั บผู้ทไม่ ี ตอบสนองคําเชื- อเชิ ญสู่ การสุ Jูด ข้อยืนยันอีกประการหนึงทีบ่งชี3ถึงการวาญิบของการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ คือ คําตรัสของอัลลอฮฺ ว่า:

107

อัล-บุคอรี ย,์ ฟัตหุลบารี ย,์ ๒/๑๓๐) พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

111


φΣ⊕∼Ψ≠ΤΩ π♥Ωÿ ð„ΤΩΤ⊇ Ψ Σ•ϑ〉♥√≅… υς√ΞΜ… Ω⇐⌠ ΤΩ∅ŸΤΣΤÿΩ ⊄ ξ †Ω♠ ⇑Ω∅ ∪ 〉 Ω↑<∇Σÿ Ω⋅⌠ ΤΩÿ

﴿

υς√ΞΜ… Ω⇐⌠ ΤΩ∅ŸΤΣÿ Ν…ΣΤ⇓†ς ŸΤΩΤ∈Ω β◊∃ ΤΤΠς√Ψ′ ⌠¬ΣΣ⊆Ω∑≤⌠ ΤΩΤ ⌠¬Σ∑Σ≤ΤΗ Ω±ΤŠςΚ… ◊Ζ Ω⊕Ψ↑ΤΗ ΤΩ ā (42)

﴾ (43) Ω⇐Σ∧Ψ∏ΤΗ Ω♠ ⌠¬ΤΣ∑Ω Ψ Σ•ϑ〉♥Τ√≅… (สูเราะฮฺอลั -เกาะลัม อายะฮฺที.: 42-43)

ความว่า: วันที หน้ าแข้ งจะถูกเผยและพวกเขา(มุนาฟิ ก) จะถูกเรี ยกให้ มาสุ Eูดแต่ พวกเขาไม่ สามารถจะสุ Eูดได้ สายตาของพวกเขาจะละห้ อย ความตําต้ อยจะปกคลุม พวกเขา และแน่ นอนพวกเขาเคยถูกเรี ยกให้ สุEูดแล้ ว ทั/งๆที พวกเขาอยู่ในสภาพที สมบูรณ์ (ในโลกดุนยา) “การเรี ย กร้ องสู่ การสุ Eูด” หมายถึ ง การเรี ยกร้ องสู่ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อับดุลลอฮฺ อิบนุ อบั บาสซึ งมีฉายานาม ว่า ผูแ้ ปลแห่ งมหาคัมภีร์อลั -กุรฺอานได้อรรถาธิ บายอายะฮฺ ขา้ งต้น ว่า: (พวกเขาได้ยินเสี ยงอะซานและคําเรี ยกร้ องสู่ การละหมาดแต่ พวกเขาไม่ตอบรับ(ด้วยการปฏิ บตั ิตามคําเรี ยกร้องให้ไปละหมาด ทีมัสญิด) 108

108

อัล-อาลูสีย,์ รู หุลมะอานีย,์ ๒๙/๓๖

112

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ชนสะลัฟจากประชาชาติน3 ี จาํ นวนไม่นอ้ ยทีได้กาํ ชับมาก ในเรื องนี3 เฉกเช่น กะอับ อัล-อะหฺ บารกล่าวว่า: ขอสาบานด้วยพระ นามของอัลลอฮฺ อายะฮฺ ขา้ งต้นจะไม่ถูกประทานลงมานอก เสี ยจากผูท้ ีไม่ไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ109 สะอี ด อิ บนุ @ุบยั รฺ กล่ าวว่า: พวกเขาเหล่ านั3นได้ยินเสี ย ง เรี ยก “หัยยะ อะลัล ฟะลาหฺ ” แต่พวกเขาไม่ขานรับ(ด้วยการปฏิบตั ิ ตามคําเรี ยกร้องให้ไปละหมาดทีมัสญิด) 110 อิบรอฮีม อัน-นะเคาะอียก์ ล่าวว่า: อายะฮฺ ขา้ งต้นหมายถึ ง พวกเขาถูกเรี ยกด้วยเสี ยงอะซานและอิกอมะฮฺและพวกเขาก็ปฏิเสธ (ทีจะปฏิบตั ิตามคําเรี ยกร้องให้ไปละหมาดทีมัสญิด) 111 อิบรอฮีม อัต-ตัยมียก์ ล่าวว่า: อายะฮฺขา้ งต้นหมายถึง (พวก เขาถูกเรี ยก ) สู่ การละหมาดฟัรฎุด้วยเสี ยงอะซานและอิกอมะฮฺ112 นักอรรถาธิ บายมหาคัมภีร์อลั -กุรฺอานหลายคนชี3แจงว่า ใน อายะฮฺ ข ้ า งต้ น นั3 นเป็ นสั ญ ญาร้ า ยสํ า หรั บ ผู ้ที ละทิ3 ง ละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ เฉกเช่ น อัล-หาฟิ ซอิบนุ อัล-เญาซี ยไ์ ด้กล่าวว่า 109

อัล-บะฆอวีย,์ ตัฟซีรฺอลั -บะฆอวีย,์ ๔/๒๘๓. อัล-กุรฺฏุบีย,์ ตัฟซีรฺ อัล-กุรฺฏุบีย,์ ๑๘/๒๕๑ 110 อัล-กุรฺฏุบีย,์ ตัฟซีรฺ อัล-กุรฺฏุบีย,์ ๑๘/๑๕๑. อัล-อาลูสีย,์ รู หุลมะอานีย,์ ๒๙/๓๖ 111 อัล-กุรฺฏุบีย,์ ตัฟซีรฺ อัล-กุรฺฏุบีย,์ ๑๘/๑๕๑. อัล-อาลูสีย,์ รู หุลมะอานีย,์ ๒๙/๓๖ 112 อัล-บะฆอวีย,์ ตัฟซีรฺอลั -บะฆอวีย,์ ๔/๒๘๓. พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

113


(ในเรื องนี3 เ ป็ นสั ญญาร้ า ยสํ า หรั บ ผูท้ ี ละทิ3 ง ละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ) 113 อิมามฟั ครุ อัรฺ-รอซี ยไ์ ด้กล่าวว่า: คําตรัสของอัลลอฮฺ ที.วา่ ﴾ (43) Ω⇐Σ∧Ψ∏ΤΗ Ω♠ ⌠¬ΤΣ∑Ω Ψ Σ•ϑ〉♥Τ√≅… υς√ΞΜ… Ω⇐⌠ ΤΩ∅ŸΤΣÿ Ν…ΣΤ⇓†ς ŸΤΩΤ∈Ω ﴿ หมายถึ ง เมือพวกเขาถูกเรี ยกสู่ ละหมาด ๕ เวลาด้วยเสี ยงอะซาน และอิ ก อมะฮฺ ท3 ัง ๆที พวกเขามี สุ ขภาพสมบู ร ณ์ ส ามารถที จะ ละหมาดได้ ในอายะฮฺ น3 ี เป็ นสัญญาร้ ายสําหรับผูท้ ี ละเลยจากการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และไม่ตอบรับคําเชิ ญชวนของมุอซั ซิ น สู่ การปฏิบตั ิละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ114 อิมามอิบนุอลั -ก็อยยิมได้กล่าวว่า: บรรดาชาวสะลัฟหลาย ท่ า นได้ใ ห้ ค าํ ชี3 แจงเกี ยวกับ คํา ตรั ส ของพระองค์ ข ้า งต้น ว่ า : คํา เรี ยกร้องนั3นคือคํากล่าวของผูเ้ รี ยกร้องอะซาน หลักฐานข้างต้นแสดงถึง: ๑. การตอบรับ(สู่ การปฏิบตั ิ)นั3นเป็ นวาญิบ ๒. การตอบรับจะไม่เกิ ดผลนอกจากจะต้องไปละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 113 114

อิบนุ อัล-เญาซีย,์ ซาดุลมะสี รฺ, ๘/๓๔๒ ฟัครุ รฺรอซีย,์ อัต-ตัฟซีรฺ อัล-กะบีรฺ, ๓๐/๙๖

114

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


เรื องทั3ง หมดนี3 ม นั เป็ นความเข้า ใจของพวกเศาะหาบะฮฺ ทั3งหลายซึ งพวกเขาคื อ ประชาชาติทีหยังรู ้ ทีสุ ดและมีความเข้าใจ ทีสุ ดเกียวกับคําตอบรับนี3115 อับดุ ลลอฮฺ อิ บนุ อบั บาสได้ยืนยันการเป็ นวาญิ บของการ ละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ด้วยการกล่ า วถึ ง ผลร้ า ยของการไม่ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อิมามอิบนุ อะบูชยั บะฮฺ ได้รายงานจาก มุญาฮิด อิบนุ อบั บาสกล่าวว่า: มีชายผูห้ นึ งได้ขดั แย้งกับท่านเป็ น เวลา๑ เดื อน ซึ งชายคนนั3นได้ถามท่านถึ งผูช้ ายทีถื อศีลอดประจํา ในยามกลางวัน และละหมาดกิ ยามตลอดในยามคําคืนแต่เขาไม่ ไปละหมาด@ุมอะฮฺและไม่ไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อิบนุอบั บาสจึงตอบว่า: เขาจะอยูใ่ นนรก116

115 116

กิตาบ อัศ-เศาะลาฮฺ, ๖๕ มุศอ็ นนัฟ อิบนุ อะบีชยั บะฮฺ, ๑/๓๔๖ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

115


116

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


---------------------------------------------- บทที#

3

การ ให้ค วามสํ า คัญ ของ ท่ า นนบี และบรรดา สะลัฟแห่งประชาชาตินีต่อ การละหมาดญะมาอะฮฺ

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

117


ความนํา ท่านเราะสู ล และบรรดาชาวสะลัฟแห่ งประชาชาติ นี3จากบรรดาเศาะหาบะฮฺท3 งั หลาย และบรรดาผูต้ ิดตามหลังจาก ยุคพวกเขาได้ให้ความสําคัญมากกับการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ ข้าพเจ้าพยายามจะกล่าวถึ งภาพการณ์ ของพวกเขาใน หัวข้อต่อไปนี3 การให้ความสําคัญของท่านเราะสู ล ต่อการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ การเอาใจใส่ ของบรรดาสะลัฟแห่ งประชาชาติน3 ี ต่อการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

118

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ภาคที# 1 การให้ความสําคัญของท่านเราะ สูล ต่อการละหมาดญะมาอะฮฺ

ท่ า นเราะสู ล ไม่ เ พี ย งแต่ ส นับ สนุ น และผลัก ดัน ให้ ประชาชาติมุสลิมทําการละหมาดญะมาอะฮฺ และให้ความสนใจกับ มันเท่านั3น แต่ทว่าท่านเป็ นคนที ให้ความสําคัญมากที สุ ดกับการ ละหมาดญะมาอะฮฺ แม้กระทังในสภาพทีแสนเข็ญและลําบากมาก ก็ตาม ข้าพเจ้าจะกล่าวถึง ๒ ประเด็นทีสามารถแสดงให้เห็นชัดถึง การให้ความสําคัญกับการละหมาดญะมาอะฮฺ ของท่านเราะสู ล คือ

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

119


๓.๑.๑ ท่ านเราะสู ล ยืนหยัดทําการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในยามทีการรบกําลังดําเนินอย่ างดุเดือด อิ ม ามมุ ส ลิ ม ได้รายงานจากญาบิ รฺว่า: พวกเราพร้ อมกับ เราะสู ล ได้ทาํ ศึกกับชนกลุ่มหนึ งจากเผ่า@ุ ฮยั นะฮฺ พวกเขาได้ รบกับพวกเราอย่างดุเดือดมาก ในขณะทีพวกเรากําลังละหมาดซุ ฮฺ รี อยู่ พวกมุ ชรี กีนก็ กล่ าวว่า: หากพวกเราบุ กโจมตี พร้ อมๆกัน ทีเดี ยวเลย เราสามารถโค◌่นกําลังพวกเขาแน่ นอน ดังนั3น ญิ บรี ลก็บอกท่านเราะสู ล ถึ งแผนการนี3 ท่านเราะสู ล ก็ได้บอก พวกเราว่า: พวกเขา(มุชรี กีน)กล่าวว่า แท้จริ งเวลาละหมาดจะมาถึง พวกเขาแล้ว ซึ งการละหมาดนั3นเป็ นทีรักยิงแก่พวกเขายิงกว่าลูกๆ เสี ยอีก เมือถึงเวลาอัศรฺ ญาบีรก็กล่าวว่า: พวกเราได้จดั เป็ น ๒ แถว และมุชรี กีนอยูข่ า้ งหน้าพวกเราทางกิบละฮฺ ท่านเราะสู ล ก็เริ มตักบีรฺ พวกเราก็ตกั บีรฺตาม ท่านรุ กูอฺ พวกเราก็ รุกูอฺตาม หลังจากนั3นท่านสุ @ูดพวกเราที อยู่แถวแรกก็ สุ @ู ดพร้ อมกับ ท่ า น เมื อพวกเราเงยหัวพวกที อยู่ใ นแถวที สองก็ สุ @ู ด หลัง จากนั3น แถวแรกก็ ถ อยหลัง และแถวที สองก็ ข ยับ ไป ข้างหน้าผลัดเปลี ยนทีกัน จากนั3นท่านเราะสู ล ก็ตกั บีรฺอีกครั3 ง พวกเราก็ตกั บีรฺตาม ท่านรุ กูอฺพวกเราก็รุกูอฺตาม หลังจากนั3นท่าน สุ @ูดพวกเราทีอยูแ่ ถวแรกก็สุ@ูดพร้อมกับท่านและผูท้ ีอยูแ่ ถวแรก 120

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ก็สุ@ูดตาม ส่ วนแถวทีสองยังยืนอยู่ เมือแถวทีสองสุ @ูดเสร็ จแล้ว พวกเขาก็นงกั ั นทุกคน แล้วเราะสู ล ก็เริ มให้สะลาม117 หะดี ษนี3 แสดงให้เห็ นอย่างชัดเจนถึ งการให้ความสําคัญ ของท่ านนบี กับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ซึงเราจะได้ เห็นดังต่อไปนี3 1. เราะสู ล ปฏิบตั ิการละหมาดซุ ฮรี พร้อมกับญะมาอะฮฺ ในขณะทีกําลังทําศึกกับชนกลุ่มหนึ งจาก@ุฮยั นะฮฺ ตอน นั3นพวกเขาได้บุกรุ กฝ่ ายอิสลามอย่างดุเดือดทีสุ ด 2. การทีได้รับรู ้ถึงแผนการของพวกมุชรี กีนทีจะบุกตีพวกมุ สลี มีนพร้ อมกันทีเดี ยวในขณะทีพวกเขากําลังละหมาด อัศรฺ พร้ อมกับญะมาอะฮฺ น3 นั ไม่ได้ทาํ ให้ความสนใจต่อ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺของท่านนบี ลดหย่อน เลย ณ ทีนี3 ไม่ควรคิดว่า ท่านเราะสู ล ทําการละหมาดเช่นนี3 ในวัน นั3 น วัน เดี ย วเท่ า นั3 น แต่ ท ว่ า ท่ า นเราะสู ล ได้ ท ํา การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในขณะทําศึกมาแล้วหลายครั3งด้วยกัน อิมามอะบูสุลยั มานอัล-ค็อฏฏอบี ยก์ ล่ าวว่า: การละหมาดในยาม รู ้ สึ ก หวาดกลัว นั3น มี ห ลายประเภท แท้จ ริ ง ท่ า นเราะสู ล ได้ 117

ดู เศาะฮีหฺมุสลิม, หมายเลขหะดีษ (๘๔๐), ๑/๕๗๕ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

121


ปฏิ บ ัติ ก ารละหมาดเช่ น นั3น ในหลายที หลายแห่ ง ด้ว ยกัน และ วิธีการก็หลายรู ปแบบเช่นกัน118 อิ บ นุ อ ั ล -ก็ อ ศศอรฺ อั ล -มาลิ กี ย ์ ก ล่ า วว่ า : ท่ า นนบี ละหมาดเช่นนี3 ใน ๑๐ สถานการณ์และสถานที119 อิมามอะบูบกั รฺ อิบนุ อลั -อะเราะบียก์ ล่าวว่า: จากทีบันทึก จากท่ า นนบี แท้ จ ริ งท่ า นได้ ท ํา การละหมาดในยามรู ้ สึ ก หวาดกลัว (จากข้า ศึ ก เป็ นต้น ) หลายต่ อ หลายครั3 งด้ว ยวิ ธี แ ละ รู ปแบบทีแตกต่างกัน เขาได้กล่าวไว้ในหนังสื อ “มัจ@ฺ มูอฺ” ของเขา ว่ า รู ปแบบของการละหมาดในยามรู ้ สึ ก กลั ว มี ท3 ัง หมด ๒๔ ลั ก ษณะและที มี ก ารบั น ทึ ก ตามสายรายงานที ชั ด เจนมี ๑๖ ลักษณะ120 ๓.๑.๒ การทุ่ ม เทแรงกายของท่ า นนบี ทีจะออกไปละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺในยามทีป่ วยหนัก

118

อัล-คิฏอบีย,์ มะอาลิม อัส-สุ นนั , ๑/๒๖๙ ดู ชัรหฺ อัน-นะวะวีย ์ อะลา เศาะฮีหฺมุสลิม, ๖/๑๒๖. และ ตัฟซีรฺ อัล-กุรฺฏุบีย,์ ๕/๓๖๕ 120 ดู อิบนุ อัล-อะเราะบีย,์ อะหฺ กามอัล-กุรฺอาน, ๑/๔๙๑ 119

122

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อิ ม ามอัล -บุ ค อรี ย ์ไ ด้ร ายงานจากอุ บ ัย ดุ ล ลอฮฺ อิ บ นุ อ ับ ดุ ลลอฮฺ อิบนุ อุตบะฮฺ ว่า: ข้าพเจ้าได้ไปหาท่านหญิงอาอิชะฮฺ แล้ว ข้าพเจ้าก็ถามว่า: ท่านช่วยเล่าถึงอาการป่ วยของท่านเราะสู ล ให้ ข้าฟังได้ไหม ท่านหญิงก็ตอบว่า: ได้ ท่าน ป่ วยหนักมาก แล้วท่าน ถามว่า: ทุกคนละหมาดหรื อยัง พวกเราก็ตอบว่า: ยัง พวกเขากําลังรอท่านอยู่ ท่านเราะสู ล ก็กล่ าวว่า: พวกเจ้าจงตักนํ3าใส่ ขนั ให้ขา้ หน่อย ท่านหญิงก็กล่าวว่า: พวกเราก็จดั การ(ตามทีท่านสัง) แล้ว ท่านก็อาบนํ3า ทันใดทีท่านจะลุกขึ3นท่านก็ลม้ ลงโดยไม่รู้สึกตัว หลังจากทีท่านรู ้สึกตัวแล้ว ท่านก็ถามว่า: ทุกคนละหมาด หรื อยัง พวกเขาก็ตอบว่า: ยังครับท่าน พวกเขากําลังรอท่านอยู่ โอ้ ท่านเราะสู ลูลลอฮฺ ท่าน ก็กล่าวว่า: จงนํานํ3าใส่ ขนั ให้ขา้ ที ท่านหญิงก็กล่าวอีกว่า: ท่านก็นงลงแล้ ั วอาบนํ3า หลังจาก นั3นเมือท่านจะลุกขึ3น ท่านก็ลม้ ลงไม่รู้สึกตัวอีกครั3ง หลังจากทีรู ้สึกตัวแล้ว ท่านก็ถามว่า: ทุกคนละหมาดหรื อ ยังล่ะ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

123


พวกเราก็ตอบว่า: ยังครับท่าน พวกเขากําลังคอยท่านอยู่ ในขณะนั3นเศาะหาบะฮฺ ต่างรวมตัวทีมัสญิดคอยท่านเราะ สู ล เพือจะละหมาดอิ ช าอ์ ท่ า นนบี ก็ สังบอกให้อะบู บ กั รฺ เป็ นอิมาม ผูแ้ ทนของท่านนบี ก็กล่าวกับอะบูบกั รฺ วา่ : ท่านเราะ สู ล สังให้ท่านละหมาดเป็ นอิมามแทนท่าน อะบู บ ัก รฺ ก็ ก ล่ า วว่ า : โอ้ ท่ า นอุ ม ัรฺ จงเป็ นอิ ม ามเถอะ (เพราะอะบูบกั รฺ เป็ นคนทีอ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย) อุมรั ฺ ก็กล่าวว่า: ท่านนันแหละสมควรทีสุ ดในเรื องนี3 ดังนั3นอะบูบกั รฺ ก็ละหมาดเป็ นอิมามในวันนั3น121 อัลลอฮุอกั บัรฺ! ท่านเราะสู ล ช่างอุตส่ าห์ทีจะรักษาการ ละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ม ากเหลื อเกิ น ท่ า นเราะสู ล ป่ วย หนักแล้วยังจะอาบนํ3าอีก แล้วล้มลงไม่รู้สึกตัวหลายต่อหลายครั3ง ทั3งนี3ท3 งั นั3นก็เพราะว่าท่านหวังจากการอาบนํ3านั3นอาจช่วยให้ท่านมี ความกระชุ่ มกระชวยขึ3 น และด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ท่านสามารถมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺในมัสญิด

121

ดู เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย,์ หมายเลขหะดีษ (๖๘๗), ๒/๑๗๒-๑๗๓

124

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


สุ ดท้าย หลังจากที ท่านเป็ นลมและล้มลงไม่รู้สึกตัวและ รู ้ตวั ว่าท่านไม่สามารถทีจะเดินไปมัสญิด ท่านจึงส่ งคนให้บอกกับ ท่านอะบูบกั รฺ เป็ นอิมามแทน ไม่เพียงแค่น3 ีเท่านั3น ท่านเราะสู ล ยังออกไปมัสญิดเพือ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺในตอนทีท่านรู ้สึกว่าอาการป่ วยได้ทุเลา ลง สภาพการป่ วยที ทุ เลาลงแค่ไหน และการออกไปมัสญิ ดของ ท่านเราะสู ล เป็ นอย่างไร เพือที เราจะมองภาพได้อย่างชัดเจน ขึ3น เรามาอ่านหะดี ษที อิ มามอัล-บุ คอรี ยไ์ ด้รายงานจากท่านหญิ ง อาอิชะฮฺ ว่า: เมือท่านนบี รู ้ สึกว่าอาการป่ วยของท่านทุเลาลง แล้ว ท่านจึ งออกไปโดยมี ชาย ๒ คนช่ วยประคองท่าน(ท่านเดิ น โยกเยกไปมาเนื องจากความอ่อนแออย่างแรง) คล้ายๆกับว่าขาทั3ง สองของท่านก้าวอย่างสาหัส (เนื องจากไม่สามารถที จะยกขาทั3ง สอง) 122 สุ บ หานัล ลอฮฺ ! ท่ า นนบี ไม่ ส ามารถที จะก้า วเดิ น นอกจากจะต้องพึงชายสองคนจนถึงขนาดว่าท่านถูกลากขาไปโดย ที ท่ า นไม่ ส ามารถจะยื น บนขาของท่ า นเองได้ เนื องจากความ อ่อนแออย่างแรง แต่ อย่างไรก็ตามท่า นยังอุ ตส่ าห์ ไปมัส ญิ ดเพื อ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺในมัสญิดอีก แล้วทําไมเล่าผูท้ ีอ้างตนว่า 122

ดู เศาะฮีหฺอลั -บุคอรี ย,์ หมายเลขหะดีษ (๖๖๔), ๒/๑๕๑-๑๕๒ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

125


เป็ นผูต้ ิดตามย่างก้าวของท่านแล้วไม่ยอมไปละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ เนืองจากข้ออ้างเพียงน้อยนิดและไร้เหตุผล อัล-ลามะฮฺ อลั -อัยนี ยไ์ ด้กาํ กับท้ายเรื องนี3 ว่า: หะดี ษนี3 บ่ง บอกถึ งความยิงใหญ่ของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และชี3ถึง การเน้ น หนัก ของการดํา เนิ น งานร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ และเลื อ ก ปฏิ บตั ิ ท าํ ในสิ งที หนักกว่า ถึ งแม้จะเป็ นสาเหตุ จากการป่ วยไข้ที สามารถผ่อ นผัน ให้ ไ ม่ ต้อ งละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ไ ด้แ ละ รวมถึ งการกระทําดังกล่าวเป็ นการแถลงชัดถึ งการปฏิ บตั ิ ในสิ งที สมบูรณ์กว่าถึงแม้วา่ การผ่อนผันนั3นจะดีกว่า123

123

ดู อัยนีย,์ อุมดะตุลกอรี ย,์ ๕/๑๙๐

126

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ภาคที# 2 การเอาใจใส่ของบรรดาสะลัฟ แห่งประชาชาตินีต่อการ ละหมาดญะมาอะฮฺ ความนํา

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

127


หลายภาพการณ์ ข องชาวสะลัฟ แห่ ง ประชาชาติ น3 ี ซึ ง ประกอบด้วยบรรดาเศาะหาบะฮฺ และผูท้ ีอยู่ในยุคหลังจากพวกเขา ทีแสดงถึงการหยังรู ้ในความประเสริ ฐอันยิงใหญ่ของการละหมาด ร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ และความอุ ตสาหะของพวกเขาที จะได้ค วาม ประเสริ ฐนั3นมา และความพยายามของพวกเขาในการเชื3อเชิ ญผูอ้ ืน ให้ปฏิ บตั ิละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ข้าพเจ้าจะกล่าว -ด้วยความ ช่วยเหลื อของอัลลอฮฺ - ส่ วนหนึ งจากภาพการณ์ น3 นั ใต้หัวข้อ ต่างๆ ต่อไปนี3: การก้าวขาอย่างชิดๆ ขณะทีเดินไปมัสญิด เลื อกทีพักอาศัยทีห่ างไกลจากมัสญิดเพือจะได้รับ ผลบุญทีมากกว่า การรี บเร่ งสู่ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ การมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺอย่างสมําเสมอ ไปละหมาดศุบหฺ ในคืนงานแต่งงาน ละทิ3 ง การรั ก ษาอาการไข้เพื อการละหมาดอิ ช าอ์ และศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ คนไข้มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ไปล ะหมาดร่ วมกั บ ญะ มาอะ ฮฺ ที มั ส ญิ ดใน สถานการณ์ทียากเข็ญ 128

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


พยายามที จะให้ ต ายในขณะที กํ า ลั ง คอยการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ไปมัสญิดอืนในกรณี ทีมัสญิดนี3ทาํ การละหมาดญะ มาอะฮฺแล้ว กําชับลูกเพือไปมัสญิดอย่างสมําเสมอ ซักถามลูกในการไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ทํ า โทษ(สั งสอน) ลู ก เนื องจากไปละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺชา้ การเชื3 อเชิ ญสู่ การรั กษามันกับการละหมาดอิ ชาอ์ และศุ บ หฺ ร่วมกับ ญะมาอะฮฺ ในสภาพที ป่ วยหนัก ในช่วงท้ายๆ ของชีวติ การเอาใจใส่ ของบรรดานั ก ปกครองต่ อ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ๓.๒.๑ การก้ าวขาอย่ างชิ ดๆ ขณะทีเดินไปมัสญิด สิ งทีบ่งชี3 ถึงความเข้าใจของบรรดาสะลัฟเเห่ งประชาชาติ นี3 ถึงผลบุญอันใหญ่หลวงของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เเละ การกระตือรื อร้นของพวกเขาทีจะได้รับผลบุญนี3 นันคือ บางคนใน บรรดาของพวกเขาก้าวขาอย่างชิ ดๆ ขณะทีเดินสู่ มสั ญิดเพือให้ได้ จํานวนก้าวย่างมากยิงขึ3น แล้วผลบุญก็จะเพิมมากขึ3นตามไปด้วย อิ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

129


มามอัล-บุคอรี ย ์ ได้รายงานจากษาบิตว่า เขานังอยูก่ บั อะนัส ณ มุม หนึ งของห้องชั3นบนและแล้วเขาก็ได้ยินเสี ยงอะซาน เขาจึงเดินลง ไป ข้าพเจ้าก็ลงไปด้วย เขาจึงก้าวขาอย่างชิดๆ แล้วกล่าวว่า: ในขณะทีข้าพเจ้าอยูพ่ ร้อมกับซัยดฺ อิบนุ ษาบิต เขาได้เดินกับ ข้าแบบนี3แหล่ะ และเขากล่าวอีกว่า: รู ้ไหมว่าทําไมข้าพเจ้าทําเช่นนี3 ให้เจ้าเห็น แท้จริ งท่านนบี ได้เดินแบบนี3ไม่ผดิ เลย และท่านกล่าวว่า: รู ้ไหมว่าทําไมข้าเดินแบบนี3ดงั ทีท่านเห็น ข้าพเจ้าก็ตอบว่า: อัลลอฮฺ และเราะสู ล ของพระองค์ เท่านั3นทีทรงรู ้ยงิ เขาก็กล่าวว่า: เพือทีจะให้กา้ วเดิ นของเราเยอะในการเดิ นสู่ การละหมาด124 ๓.๒.๒ เลือกทีพักอาศั ยทีห่ างไกลจากมัสญิด เพือจะได้ รับบุญที มากกว่ า มีเศาะหาบะฮฺ ท่านหนึ งสรรหาทางเลือกอืนทีจะได้รับผล บุญอันใหญ่หลวงของการเดิ นสู่ มสั ญิ ด โดยทีเขาไม่ตอ้ งการทีจะ ให้บา้ นของเขาอยู่ใกล้ๆ บริ เวณมัสญิด แต่ทว่า เขาเลื อกพักอาศัย ในที ทีห่ างไกลจากมัสญิด และจะได้เดิ นจากทีดังกล่าวมามัสญิ ด 124

อัล-อะดะบุ อัล-มุฟร็ อด (๔๕๘), หน้า ๑๖๑-๑๖๒

130

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ในเรื องนี3 อิมามมุ สลิ มได้รายงานจากอุบยั อิบนุ กะอับว่า: มี ชายผู ้ หนึงจากชาวอันศอรฺ ได้ปลูกบ้านห่ างไกลทีสุ ดในบรรดาบ้านเรื อน ในนครมะดีนะฮฺ และเขายังไม่เคยพลาดจากการละหมาดพร้อมกับ เราะสู ล อุ บ ยั ฺ ก็กล่ าวว่า: พวกเราก็รู้สึกเห็ นใจเขา ข้า พเจ้าเลย กล่าวกับเขาว่า : โอ้ ท่านนี3 หากเจ้าซื3 อลาตัวหนึ ง เจ้าจะได้ปกป้ อง จากความร้อนของทะเลทรายและจะได้ปกป้ องจากสัตว์ร้ายด้วย เขาได้ตอบว่า: สําหรับเรื องนี3น3 นั แท้จริ งข้าไม่ชอบทีจะให้ บ้านของข้าแนบติดกับบ้านของมุหมั มัด (แต่ขา้ อยากให้บา้ นข้า อยู่ไ กลต่ า งหาก เพื อจะได้รั บ ผลบุ ญ จากการก้า วไปสู่ ม ัส ญิ ด ที มากกว่า) อุ บ ัย ก็ ก ล่ า วว่ า : ข้า เลยแบกรั บ (คํา พู ด ที ร้ า ยแรงอัน นี3 ) จนกระทังข้าไปหาท่านนบี ข้าจึงได้เล่าเรื องนี3 แก่ท่าน ท่านนบี ก็ได้เรี ยกเขามา ชายคนนั3นก็กล่าวแก่ท่านนบี เช่นเดียวกับที ได้กล่าวมาและบอกว่าเขาหวังทีจะได้บุญจากการก้าวของเขา ท่านนบี จึงได้กล่าวแก่เขาว่า: แท้จริ งเจ้าจะได้รับสิ งที เจ้าปรารถนา125 ในสายรายงานอืน ชายผูน้ 3 ีกล่าวว่า: ข้าไม่ยินดี เลยทีจะให้ บ้านของข้าตั3งอยู่ใกล้มสั ญิ ด แท้จริ งข้าปรารถนาให้อลั ลอฮฺ 125

ดู เศาะฮีหฺมุสลิม (๖๖๓), ๑/๔๖๑ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

131


บันทึกการเดินของข้าสู่ มสั ญิดและการกลับของข้าสู่ บา้ น ท่านนบี ก็กล่าวว่า: แท้จริ งอัลลอฮฺ ทรงรวมทั3งหมดนี3แก่เจ้าแล้ว อัล -ลอฮุ อ ัก บัรฺ ! ช่ า งเป็ นการตังเจตนาที บริ สุ ท ธ์ เ สี ย เหลือเกิน ชายผูน้ 3 นั ไม่ได้เจตนาอย่างบริ สุทธ์เพียงอย่างเดียว แต่ทว่า เขาได้รับ ความยากลํา บากและความเหนื อยยากเพือจะละหมาด ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ และเขาได้ดาํ รงมันกับ สิ งนี3 จนกระทังอุ บ ัยฺ กล่าวถึงเขาว่า: เขาเป็ นคนทีไม่เคยพลาดจากการละหมาดพร้อมกับ ท่านนบี เลย ช่ างแปลกจริ งน่ ะ กับใครบางคนในบรรดาพวกเราทีขาด หายจากการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในมัสญิดทั3งๆทีบ้านของ เขาแนบติ ด กับ มัส ญิ ด และมี เครื องอํา นวยความสะดวกในการ เคลือนย้ายทีสะดวกสบายและวิธีทีหลากหลาย ๓.๒.๓ การรี บเร่ งสู่ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ การให้ ค วามสํ า คัญ ของอะมี รุ ล มุ อ์ มิ นี น อุ ม ัรฺ อิ บ นุ อ ับ ดุลอะซี ซกับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ได้แสดงถึงภาพการณ์ ทีเห็ นชัดจากการรี บร้ อนของเขาสู่ ญะมาอะฮฺ อิมามอิบนุ สะอัดได้ รายงานจากสุ ลยั มาน อิ บนุ มู ซาว่า: ข้าพเจ้าได้เห็ นผูท้ าํ หน้าที อะ 132

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ซานของอุมรั ฺ อิบนุอบั ดุลอะซี ซซ◌ึ◌่งตอนนั3นท่านเป็ นเคาะลีฟะฮฺ ทีเมืองคุนาเศาะเราะฮฺ126 ได้ให้สะลามหน้าประตูของท่านโดยกล่าว ว่า: (บรรดาสันติสุขและความเมตตาแห่ งอัลลอฮฺ จงมีแด่ท่าน โอ้ อะมีรุลมุอม์ ีนีน ไม่ทนั ทีการให้สะลามของเขาจบลง ท่านอุมรั ฺ ก็ ออกจากบ้านสู่ ละหมาดทีมัสญิดทันที127 อัล-ลอฮุอกั บัรฺ! แล◌้วประสาอะไรกับบางคนในบรรดา พวกเราทีอ้างโน้นอ้างนี3เพือทีจะชักช้าและไม่ละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ อ้างว่ายุ่งกับงานต่างๆ แล้วพวกเขามีงานยุ่งมากกว่าท่าน อะมีรุลมุอ์มีนีน อุมรั ฺ อิบนุ อบั ดุ ลอะซี ซ ไหมล่ะ ท่านต้องแบกรับ กิจการงานของประชาชาติอิสลามทั3งหมดในสมัยของท่าน 3.2.๔. การมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺอย่ างสมําเสมอ มีการรายงานจากชนสะลัฟจากประชาชาติน3 ีวา่ การเอาใจ ใส่ อย่างสมําเสมอกับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ การดํารงมัน ในการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นแรมๆปี อิมามอิบนุ อัล-มุบา

126 127

รัฐหนึ.งในประเทศซีเรี ยซึ.งติดกับเขตแดนกับอีรัก อัฏ-เฏาะบะกอต อัล-กุบรอ, ๕/๓๕๙ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

133


ร็ อกได้เล่าว่า อะดี ยฺ อิ บนุ หาติ มกล่ าวว่า: “เวลาละหมาดยังไม่ถึง แต่ขา้ พเจ้าคิดถึงมันมาก”128 อะดี ยฺ ไ ม่ เ พี ย งแค่ คิ ด ถึ ง การละหมาดเท่ า นั3 น ท่ า นยัง เตรี ยมพร้ อมเพือละหมาดก่ อนที จะกล่ าวคําอิ กอมะฮฺ เสี ยอี ก อัลหาฟี ซอัซ-ซะฮะบียก์ ล่าวถึ งคําพูดของอะดี ยฺว่า: ตั3งแต่ขา้ พเจ้ารั บ อิ สลาม ข้าพเจ้า มี น3 าํ ละหมาดแล้วทุ กครั3 งก่ อนที จะกล่ าวคํา อิ ก อ มะฮฺ129 สะอีด อิบนุอลั -มุสัยยิบมามัสญิดก่อนอะซานทุกครั3ง และ ได้ปฏิ บตั ิในลักษณะนี3เป็ นเวลาไม่นอ้ ยกว่า ๓๐ ปี อิมามอิบนุ อะบู ชัยบะฮฺ ได้รายงานจากสะอีด อิบนุ อลั -มุสัยยิบว่า: ผูท้ าํ การอะซาน จะไม่กล่าวอะซานในช่ วงเวลา ๓๐ ปี มาแล้ว นอกจากข้าพเจ้าอยู่ ในมัสญิดแล้ว130 อิ ม ามอิ บ นุ ส ะอัด ได้ ร ายงานจากอิ บ นุ อ ัล -มุ สั ย ยิ บ ว่ า : ข้าพเจ้าไม่ได้ยนิ เสี ยงอะซานในขณะทีข้าพเจ้าอยูก่ บั ครอบครัวของ ข้าพเจ้าเป็ นเวลา ๓๐ ปี มาแล้ว131

128

กิตาบ อัซ-ซุฮดฺ (๑๓๐๒), ๑๐/๔๖๐ สิ ยรั ฺ อะอฺ ลาม อัน-นุบะลาอ์, ๓/๑๖๔ 130 อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๕๑ 131 อัฏ-เฏาะบะกอต อัล-กุบรอ, ๕/๑๓๑ 129

134

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


สะอี ด อิ บ นุ อ ัล -มุ สั ย ยิ บ ไม่ เ คยพลาดจากการละหมาด ร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ใ นช่ วงเวลา ๔๐ ปี ดัง ที อิ ม ามอิ บ นุ ส ะอัดได้ รายงานจากเขาว่า: ท่านไม่เคยพลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ ต3 งั แต่ ๔๐ ปี มาและบรรดาสหายของเขาไม่มีใครเทียบเขา ได้132 อะบูอลั -อัชอัษ เราะบีอะฮฺ อิบนุ ยาซี ดได้รักษามันในการ มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ก่อนเสี ย งอะซานเป็ นเวลาไม่น้อย กว่า ๔๐ ปี เขากล่ า วว่า : ผูอ้ ะซานไม่ ส่ ง เสี ย งอะซานศุ บ หฺ เ พื อ ละหมาดศุ บ หฺ ต3 งั แต่ ๔๐ ปี ที แล้ว นอกจากข้า อยู่ใ นมัส ญิ ด แล้ว ยกเว้นตอนข้าพเจ้าป่ วยหรื อเดินทาง133 ถึงแม้อะอฺ มชั จะแก่ชราแล้ว แต่ยงั คงรักษามันกับตักบีเราะ ตุลอิหฺรอมกับอิ มามอีก วะกี อฺกล่ าวว่า: ข้าพเจ้าได้ไปมาหาสู่ ท่าน ในช่วงประมาณ ๒ ปี ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นท่านพลาดจากอิมามแม้แต่ ร็ อกอะฮฺ เดี ยว ตอนนี3 อายุท่านย่างเข้า ๗๐ แล้ว ท่านไม่เคยพลาด จากตักบีเราะตุลอิหฺรอมกับอิมามเลย134

132

อัฏ-เฏาะบะกอต อัล-กุบรอ, ๕/๑๓๑ ริ ยาฎ อัน-นุฟสู , ๑/๘๔ 134 ตัฮซีบ อัต-ตัฮซีบ, ๔/๒๒๔ 133

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

135


๓.๒.๕ ไปละหมาดศุบหฺในคืนแรกของการแต่ งงาน หลายคนในบรรดาพวกเราที เอาใจใส่ ต่อการมาละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในสถานการณ์ปกติธรรมดา อาจจะมีผลกระทบ ในการเอาใจใส่ กบั การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในโอกาสพิเศษ ได้ แต่ ช นสะลัฟ แห่ ง ประชาชาติ น3 ี เอาใจใส่ ต่ อ การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในทุกสถานการณ์ เศาะหาบะฮฺ ท่านหนึ งชื อ อัลหาริ ษ อิบนุหสั สานได้เข้าพิธีแต่งงานในคืนหนึงและยังมาละหมาด ศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ อีก อิมามอัฏ-เฏาะบะรอนี ยไ์ ด้รายงานจาก อันสะบะฮฺ อิบ นุ อลั -อัซ ฮัรฺว่า : อัล -หาริ ษ อิ บ นุ หัส สานได้เข้า พิ ธี แต่งงานและมี ผูห้ นึ งเป็ นเพือนเขาในคื นนั3น ชายผูน้ 3 ันก็กล่ าวกับ ท่านว่า: คุณจะออกไปละหมาดหรื อทั3ง ๆ ทีคุ ณได้นอนกับภรรยา ของท่ า นแล้วคื นนี3 ท่ า นก็ ตอบว่า : ข้า ขอสาบานต่ อ อัล ลอฮฺ แท้จ ริ ง ผูห้ ญิ ง ใดที ขัดขวางข้า จากการละหมาดศุ บ หฺ ร่ วมกับ ญะ มาอะฮฺ ผูห้ ญิงคนนั3นย่อมเป็ นผูห้ ญิงทีไม่ดี135 ๓.๒.๖ ไม่ รั ก ษาไข้ เ พือการละหมาดอิ ช าอ์ แ ละศุ บ หฺ ร่ว มกั บ ญะ มาอะฮฺ 135

มัจ`ฺ มะอฺ อัซ-ซะวาอิด วะ มันบะอฺ อัล-ฟะวาอิด, ๒/๔๑

136

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อิมามอิบนุ สะอัดได้รายงานจาก อิบนุ หรั ฺ มะละฮฺ วา่ สะอีด อิบนุ อลั -มุสัยยิบได้ร้องทุกข์เนื องจากดวงตาของเขา พวกเขาต่าง กล่าวว่า: โอ้ อะบูมุหมั มัด หากท่านออกไปสู่ อลั -อะกีก136 แล้วเจ้า ได้ชมวิวเขียวขจี ณ ทีนัน แน่นอนตาของเจ้าก็จะบรรเทาความเจ็บ ได้ ท่ า นก็ ก ล่ า วว่า : (แล้วข้า จะทํา อย่า งไรกับ การละหมาดอิ ช าอ์ และศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺละ137 อัล ลอฮุ อ ัก บัรฺ ! สะอี ด อิ บ นุ อลั -มุ สั ย ยิบ ยอมอดทนจาก ความเจ็บของดวงตา แต่ทว่า ท่ านไม่สามารถทนต่อการผ่านเลย ของการมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ แล้วเราล่ะจะเทียบกับพวก เขาได้อย่างไร ๓.๒.๗ คนไข้ มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ สิ งทีควรรู ้กนั ในคําสอนของอิสลามว่า คนไข้สามารถผ่อน ผัน จากการมาละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ไ ด้ แต่ ท ว่า ผูป้ ่ วยใน บรรดาเศาะหาบะฮฺ ย อมอดทนต่ อ ความยากลํา บากในการมา ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เพือแสวงหาผลบุ ญโดยการทํา ตามอิ 136

สถานที.ที.อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ.งของชาวมะดีนะฮฺ ห่างจากนครมะดีนะฮฺ ประมาณสองหรื อสามไมล์ 137 อัฏ-เฏาะบะกอต อัล-กุบรอ, ๕/๑๓๒ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

137


มามและแบบอย่างของพวกเขา นันก็คือ ท่านเราะสู ล ในเรื องนี3 อิมามมุสลิมได้รายงานจากอับดุลลอฮฺ วา่ : พวกเราได้ประจักษ์แล้ว ว่าผูท้ ีไม่มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ นอกจากเสี ยว่าผูน้ 3 นั คือมุนา ฟิ กทีแน่ชดั แท้จริ งมีชายคนหนึ งมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ใน สภาพทีต้องอาศัยชาย ๒ คนมาประคองไหล่ให้มายืนในแถว138 อิมามอัน-นะวะวียไ์ ด้เสริ มคําของอับดุ ลลอฮฺ อิบนุ มสั อูด ว่า: เรื องทั3งหมดนี3 ลว้ นเน้นหนักถึงเรื องญะมาอะฮฺ และการอดทน ต่ อ ความยากลํา บาก แท้ จ ริ งหากผู ้ป่ วยสามารถมาละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ด้วยวิธี ใ ดก็ตามเป็ นการดี ยิงสําหรั บ เขาให้ม า ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ139 เรายังมีตวั อย่างให้เห็นเรื องราวของเศาะหาบะฮฺ ท่านอืนอีก นันก็คือ อุบยั ฺ อิบนุ กะอับได้ขอพรต่ออัลลอฮฺ ให้เขาป่ วยเป็ น ไข้เพือจะได้ลบล้างโทษของเขาเนื องจากการป่ วยของเขา แต่เขาดุ อาอ์พร้อมกับเรื องนี3 วา่ การป่ วยของเขาอย่าได้ขดั ขวางเขาจากการ มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ดังที อิ มามอะหฺ มดั และอิ มามอะบู ยะอฺ ลาจากอะบูสะอีด อัล-คุดรี ยว์ ่า ชายผูห้ นึ งได้กล่าวกับท่านนบี

138 139

เศาะฮีหฺ มุสลิม (๖๕๔), ๑/๔๕๓ ชัรฺหุ อัน-นะวะวีย ์ ๕/๑๕๗

138

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ว่า: โรคทั3งหลายทีเราได้เผชิ ญมานั3น พวกเราจะได้รับผลอะไร ไหม ท่านเราะสู ล ตอบว่า: มันจะลบล้างบาป อุบยั กล่าวว่า: ถึงแม้การป่ วยนั3นจะน้อยนิดก็ตามใช่ไหม ท่ า นก็ ตอบว่า : ถึ ง แม้จะโดนหนามทิ3 ม หรื อที ร้ า ยกว่า นี3 หน่อย สะอีด อัล-คุดรี ยก์ ล่าวว่า: อุบยั ฺ ก็ขอพรสมําเสมอเพือมิให้ หายขาดจากการเป็ นไข้จนกระทังท่านได้เสี ยชี วิต แต่การป่ วยของ เขาไม่ขดั ขวางเขาจากการประกอบอิบาดะฮฺ หัจญ์ อุมเราะฮฺ ญิฮาด ในหนทางของอัล ลอฮฺ และการละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ผู ้ใ ดที สั ม ผัส ตัว ของอุ บ ัย นอกเสี ย จะต้อ งรู ้ สึ ก ว่ า ท่ า นตัว ร้ อ น จนกระทังท่านเสี ยชีวติ 140 ช่างเป็ นการกระตือรื อร้นของอุบยั ยิงนักในการทีจะได้ลบ ล้างบาปและความผิดของเขาโดยการขอให้เขาเป็ นไข้อยูเ่ สมอ แต่ ถึ ง กระนั3 น ก็ ต าม ท่ า นก็ ต้อ งการให้ ท่ า นอย่ า ได้ พ ลาดจาก ๔ ประการ ส่ วนหนึงก็คือ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

140

มัจ`ฺ มะอฺ อัซ-ซะวาอิด วะ มันบะอฺ อัล-ฟะวาอิด, ๒/๓๐๑-๓๐๒ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

139


ชนยุคตาบิอีนและผูท้ ีอยูใ่ นยุคหลังจากพวกเขาต่างเอาใจ ใส่ ในเรื องการละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ และใช้พ ละกํา ลัง มา ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺถึงแม้จะมีไข้หนักก็ตาม อี ก ตัว อย่า งหนึ ง คื อ อิ ม ามอิ บ นุ อ ะบู ชัย บะฮฺ ไ ด้รายงาน จากอะบูหยั ยานจากบิดาของเขาว่า: อัรเราะบีอฺ อิบนุ ค็อยษัม ป่ วย หนัก จนต้องมีชาย ๒ คนช่ วยประคองท่าน มี คนกล่าวแก่ เขาว่า: โอ้ อะบูยะซี ด หากท่านต้องการได้รับการผ่อนผันก็ยอ่ มได้ ท่านก็ กล่าวว่า: ใช่ แต่ขา้ ได้ยินเสี ยงอะซานกล่าวว่า: “จงมาละหมาดเถิ ด จงมาสู่ ชยั ชนะเถิด” และผูท้ ีได้ยินเสี ยงนี3 จะต้องไปละหมาดถึ งแม้ จะคลานหรื อกระโดดไปก็ตาม141 อี ก ตัวอย่า งหนึ ง อิ ม ามอิ บ นุ อะบู ชัย บะฮฺ ไ ด้รายงานจาก สะอัด อิบนุ อุบยั ดะฮฺ วา่ อะบูอบั ดุรฺเราะหฺ มานถูกแบกไปมัสญิดใน สภาพทีเขาป่ วยหนัก142 มิใช่ เพียงแค่น3 ี แต่ทว่า เขายังให้แบกเขาสู่ มสั ญิดในวันที ฝนตกหนัก ซึ งข้อผ่อนผันรวมเป็ น ๒ ประการ คือ การป่ วยและฝน ตก ซึ งเรื องนี3 อิมามอิบนุ อลั -มุบาร็ อกได้รายงานจากสะอัด อิบนุ อุบยั ดะฮฺ ว่า อะบูอบั ดุ รฺเราะหฺ มาน อัส-สะละมี ยส์ ังให้พรรคพวก 141 142

อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๕๐ อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๕๐

140

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


แบกเขาในสภาพทีจะต้องลุยโคลนและกลางฝนเพือไปมัสญิดทั3งๆ ทีเขาอยูใ่ นสภาพป่ วยหนัก143 ๓.๒.๘ ไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺทีมัสญิดในสถานการณ์ ที ยากเข็ญ จากสิ งที บ่ ง บอกถึ ง การเอาใจใส่ ข องชนยุ ค สะลัฟ แห่ ง ประชาชาติ น3 ี ที จะได้รั บ ผลบุ ญ อัน ใหญ่ ห ลวงในการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ถึ งแม้ในสถานการณ์ ทียากเข็ญ ได้แก่ มีชายผู ้ หนึ งกล่าวแก่สะอีด อิบนุ อลั -มุสัยยิบว่า: ฏอริ กจะฆ่าท่าน ท่านจง หลบซ่อนเถิด สะอีดก็กล่าวว่า: ไม่มีทางอืนทีจะช่วยจากสิ งทีอัลลอ ฮฺ ได้กาํ หนดแล้วหรื อ ชายผูน้ 3 นั กล่าวว่า: ท่านจงหลบตัวอยู่ ในบ้านเถิด ท่านเลยกล่าวว่า: ข้าพเจ้าได้ยินเสี ยงอะซาน แล้วข้าไม่ ตอบรับได้หรื อ144 ๓.๒.๙ พยายามทีจะให้ ต ายในขณะที กํ า ลั ง รอ119การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 143 144

กิตาบ อัซ-ซุฮดฺ (๔๑๙), ๑๔๑ ตัฟสี รฺ อัล-กุรฺฏุบีย ์ ๑๘/๒๕๑ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

141


อะบูอบั ดุ รฺรอหฺ มาน อัสสะละมียพ์ ยายามทีจะให้เขาตาย ในขณะที เขากําลังคอยการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในมัสญิ ด เพราะเหตุน3 ี เขาปฏิเสธทีจะย้ายจากมัสญิดสู่ เตียงในขณะทีใกล้จะ ตาย เรื องนี3 อิ ม ามอิ บ นุ อัล -มุ บ าร็ อกได้รายงานจากอะฏออ์ อิ บ นุอสั -สาอิบว่า: พวกเราได้เข้าไปเยียมอะบูอบั ดุรฺรอหฺ มานอัสสะละ มีย ์ เขามีชือว่า อับดุ ลลอฮฺ อิบนุ หะบีบขณะทีวิญญาณของเขาใกล้ จะสิ3 นในมัสญิด พวกเราเลยกล่าวแก่เขาว่า: หากท่านย้ายไปทีเตียง นอนจะดีกว่า อะบู อบั ดุ รฺเราะหฺ ม านก็ ก ล่ าวว่า : แท้จริ ง ท่ า นนบี ได้ กล่าวว่า: 145 ٍ ‫))ﻻ ﻳﺰ ُال أﺣ ُﺪ ُﻛﻢ ﰲ‬ ((‫ﺼﻼ َة‬  ‫ﺼﻼّﻩ ﻳـَْﻨﺘَ ِﻈ ُﺮ اﻟ‬ َ ‫دام ﰲ ُﻣ‬ َ ‫ﺻﻼة ﻣﺎ‬ َ َ َ ความว่ า : คนหนึ งในบรรดาพวกเจ้ า ทั/ ง หลายอยู่ใ น สภาพของการละหมาด ตราบนานที เขาอยู่ใน ที ละหมาดเพือคอยการละหมาด ในสายรายงานของอิบนุ สะอัดมีวา่ : มลาอิกะฮฺ จะกล่าวว่า: โอ้ อัลลอฮฺจงอภัยแก่เขาเถิด โอ้อลั ลอฮฺ จงปรานีแก่เขาด้วยเถิด

145

กิตาบ อัซ-ซุฮดฺ (๔๒๐), ๑๔๑-๑๔๒

142

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อะบูอบั ดุ รฺเราะหฺ มานก็กล่ าวว่า: ดังนั3นข้าปรารถนาที จะ ตายในสภาพทีข้าอยูใ่ นทีละหมาดของข้า146 ๓.๒. ๑๐ ไปมัสญิดอื นในกรณีทีมัส ญิด (ทีเคยละหมาด) ทํา การ ละหมาดญะมาอะฮฺแล้ ว บางคนจากชาวสะลัฟ ถ้ า เขาพลาดจากการละหมาด ในมัส ญิ ด ที เขาละหมาดเป็ นประจํา เขาจะไปที มัส ญิ ด อื นเพื อ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อิมามอิบนุอะบูชยั บะฮฺได้รายงานจากมุ อาวิยะฮฺ อิบนุ ก็อรเราะฮฺ ว่า: หากหุ ซัยฟะฮฺ พลาดจากการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺทีมัสญิดในหมู่ชนของเขา เขาจะผูกร้องเท้าอย่าง แน่ น แล้วหามัส ญิ ด ต่ า งๆ จนกว่า เขาจะทันละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ147 อิ มามอัล-บุ คอรี ยไ์ ด้รายงานว่า ถ้าอัล-อัสวัด อิ บนุ ยะซี ด อิบนุก็อยสฺ พลาดจากละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เขาจะไปทีมัสญิด อืน148

146

อัฏ-เฏาะบะกอต อัล-กุบรอ, ๖/๑๗๔-๑๗๕ อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๒/๒๐๕ 148 เศาะฮีหฺ อัล-บุคอรี ย,์ ๒/๑๓๑ 147

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

143


สะอีด อิบนุ @ุบยั รฺ ก็กระทําเช่นนี3 เหมือนกัน ดังทีอิมามอับ ดุรฺร็อซซากได้รายงานจากอัรฺ-เราะบีอฺ อิบนุ อะบูรอซิ ดว่า: (ข้าพเจ้า เห็ นสะอีด อิบนุ @ุบยั รฺ มาหาพวกเรา และเราได้ละหมาดเรี ยบร้ อย แล้วทันใดนั3นเขาได้ยินเสี ยงอะซานขึ3น เขาก็เลยรี บออกไปสู่ เสี ยง นั3น149 ๓.๒.๑๑ กําชั บลูกเพือไปมัสญิดอย่ างสมําเสมอ อิ ม ามฮัน นาดได้ ร ายงานจากมุ หั ม มัด อิ บ นุ ว าสิ อฺ ว่ า : ท่านอะบูดรั ฺ ดาอ์กล่าวแก่ลูกชายของเขาว่า:โอ้ ลูกรัก จงยึดมัสญิด เสมือนบ้านของเจ้า แท้จริ งข้าได้ยนิ ท่านเราะสู ล กล่าวว่า: ِ ِ ِ َ ‫ﻴﻮت اﳌُﺘ‬ ُ ُ‫ن اﳌَﺴﺎﺟ َﺪ ﺑ‬ ‫))إ‬ ُ‫ ﻓَ َﻤ ْﻦ ﻛﺎﻧَﺖ اﳌَﺴﺎﺟ ُﺪ ﺑُﻴﻮﺗَﻪ‬،‫ﻘﲔ‬ ِ ‫ﺼﺮ‬ ((‫ﺔ‬ِ ‫اط إﱃ اﳉَﻨ‬ ِ ُ‫ﻤ َﻦ اﷲُ ﻟﻪ‬ ‫ﺿ‬  ‫اﻟﺮﲪَِﺔ واﳉَﻮا ِز ﻋﻠﻰ اﻟ‬ ْ ‫ﺑﺎﻟﺮوح و‬ ความว่า : แท้ จ ริ งอั น มั ส ญิ ด นั/ น คื อ บ้ า นของบรรดาผู้ ย าํ เกรง ใครก็ตามที เอามัสญิดเป็ นเสมือนบ้ านของเขา อัลลอ ฮฺ จะให้ ประกันแก่ เขาด้ วยวิ ญญาณและความเมตตา และได้ ผ่านพ้ นบนศิรอฏ(สะพาน)สู่ สวรรค์

149

อัล-มุศอ็ นนัฟ (๑๘๗๓), ๑/๕๑๕

144

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


๓.๒.๑๒ ถักถามลูกในการไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อิมามอับดุรฺร็อซซากได้รายงานจากจากมุญาฮิดว่า ข้าพเจ้า ได้ยนิ จากท่านหนึงในบรรดาเศาะหาบะฮฺ ของท่านนบี กล่าวว่า: ข้ารู ้วา่ เขาเป็ นผูท้ ีเข้าร่ วมรบในสมรภูมิบดั รฺ เขากล่าวแก่ลูกชายของ เขาว่า: เจ้าทันละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺพร้อมกับพวกเราไหม ลูกชายของเขากล่าวว่า: (ใช่ครับ) เขากล่าวอีกว่า: เจ้าทันตักบีรฺแรกกับอิมามไหม ลูกชายก็ตอบว่า: ไม่ เขาเลยกล่าวว่า: เมือเจ้าไม่พลาดจากตักบีรฺแรกแล้ว มันจะ ดีกว่าอูฐ ๑๐๐ ตัว ล้วนตาดําหมด (อูฐชั3นดี) 150 ๓.๒.๑๓ ทําโทษ (สั งสอน) ลูกเนืองจากละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ช้ า ไม่เพียงแต่ซกั ถามลูกถึงเรื องการละหมาดทีมัสญิดเท่านั3น แต่ เ ราได้ เ ห็ น อี ก ว่ า บางคนทํา โทษลู ก หากเขามาละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺชา้ อัล-หาฟิ ซ อัซ-ซะฮะบียไ์ ด้ยกอ้างจากยะอฺ กูบ 150

อัล-มุศอ็ นนัฟ, (๒๐๒๑), ๑/๕๒๘-๕๒๙ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

145


จากพ่อของเขาว่า อับดุ ลอะซี ซ อิ บนุ มรั ฺ วานได้ส่งลูกของท่านชื อ อุ ม รั ฺ สู่ ยงั นครมะดี นะฮฺ เพื อเขาจะได้รับ การอบรมบ่ ม นิ สั ย ที นัน และได้ส่งหนังสื อถึ งศอลิ หฺ อิ บนุ กยั สานให้เป็ นผูอ้ บรมเขา และ ท่ า นผู ้น3 ี กํา ชั บ ให้ อุ ม ัรฺ ละหมาดที มัส ญิ ด เสมอ วัน หนึ งเขามา ละหมาดช้า ท่านเลยถามเขาว่า: สิ งใดทีทําให้เจ้ามาละหมาดช้า อุมรั ฺ ก็ตอบว่า: เครื องดัดผมของข้าพเจ้าทําให้ขา้ พเจ้าช้า ท่านเลยกล่ า วว่า : การที ให้ผมของเจ้า แนบเนี ย นนนเป็ น สาเหตุให้มาละหมาดช้าเชียวหรื อ ศอลิหฺได้ส่งหนังสื อให้แก่บิดาของเขา อับดุลอะซี ซจึงได้ ส่ งผูแ้ ทนไป ไม่ทนั ทีจะได้กล่าวอะไร ผูแ้ ทนก็ได้โกนหัวของ เขา151 ๓.๒.๑๔ การเชื- อเชิ ญสู่ การรั กษามันกับการละหมาดอิชาอ์ และศุบ หฺร่วมกับญะมาอะฮฺในสภาพทีป่ วยหนักในช่ วงสุ ดท้ ายของ ชี วิต บรรดาเศาะหาบะฮฺ ใ ห้ ค วามสํ า คัญ กั บ การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในขณะทีอะบูอดั -ดัรฺดาอ์ป่วยหนัก ท่านยังจะไป 151

สิ ยรั ฺ อะอฺ ลาม อัน-นุบะลาอ์, ๕/๑๑๖

146

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อีก อิมามอิบนุ อะบูชยั บะฮฺ ได้ รายงาน จากอิบนุ อะบูลยั ลาจากอะบูอดั -ดารฺ ดาอ์ ท่านกล่าวในขณะทีป่ วย หนักซึ งจากการป่ วยนี3เป็ นสาเหตุของการเสี ยชี วิตของเขา เขากล่าว ว่า: พวกท่านจะไม่ประคองข้าพเจ้าสู่ การละหมาดหรื อ พวกเขาก็ ประคองเขาและพาเขาออกไปสู่ มสั ญิด พลันท่านก็กล่าวว่า: พวก เจ้าทั3งหลายจงฟังให้ดี และจงบอกกล่าวแก่ผทู ้ ีอยูเ่ บื3องหลังพวกเจ้า ว่า: จงรักษาไว้ซึงการละหมาด ๒ เวลานี3 คือ การละหมาดอิชาอ์ และการละหมาดศุบหฺ หากพวกเจ้ารับรู ้ถึงความประเสริ ฐสุ ดทีมีอยู่ ในสองเวลานี3 แน่ แท้พวกเจ้าจะต้องใฝ่ หามันถึ งแม้ว่าพวกเจ้าจะ คลานมาบนศอกและหัวเข่าของพวกเจ้าก็ตามที152 ๓.๒.๑๕ การเอาใจใส่ ของบรรดานั ก ปกครองต่ อ การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ อะมีรุลมุอม์ ินีน อุมรั ฺ อิบนุ อลั -ค็อฏฏอบได้ข่วู า่ จะลงโทษ ผูท้ ีพลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ษาบิต อิบนุ อลั -หัจญา จ@ฺ กล่าวว่า: อุมรั ฺ อิบนุ อลั -ค็อฏฏอบออกไปละหมาด คนอืนก็เข้า มาหาท่ า น ท่ า นได้สั งให้ อ ะซานแล้ว กล่ า วว่า : ข้า ขอสาบาน 152

อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๓๒ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

147


ต่ออัลลอฮฺ เราจะไม่รอแม้แต่คนเดียวในการละหมาดของเรา นี3 หลังจากทีการละหมาดเสร็ จสิ3 นเรี ยบร้ อยแล้ว ท่านหันมา หาผูค้ นและกล่ า วว่ า : เหตุ ไ ฉนผูค้ นจึ ง พลาดจากการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ชนกลุ่มอืนก็จะพลาดจากการละหมาดเนื องจาก การไม่มาของพวกเขา ข้าขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ข้าเคยเจตนาที จะส่ ง ตัว แทนไปยัง พวกเขาเหล่ า นั3น แล้ ว ฟั น คอของพวกเขา หลังจากนั3นข้าจะกล่าวแก่ พวกเขาที ตายแล้วว่า: จงมาละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺเถิด153 อัล-ฟารู ก อุมรั ฺ อิบนุอลั -ค็อฏฏอบได้ตระเวนและสอดส่ อง ผูค้ นในการปฏิบตั ิละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อีกด้วย ดังทีอิมามมา ลิ กได้รายงานจากอะบูบกั รฺ อิ บ นุ สุลยั มาน อิ บนุ อะบูหัษมะฮฺ ว่า : แท้จริ งอุ มรั ฺ อิ บนุ อลั -ค็อฏฏอบไม่เห็ นสุ ลยั มานมาละหมาดศุ บหฺ ร่ วมกับญะมาอะฮฺ เช้ารุ่ งของพรุ่ งนี3 ท่านอุมรั ฺ ไปตลาดเเละบ้านของ สุ ลยั มานตั3งอยูร่ ะหว่างตลาดกับมัสญิด เเล้วท่านก็เดิ นผ่านมรรดา ของสุ ลยั มานทีชื ออัช-ชิ ฟาอ์ อุมรั ฺ จึงกล่ าวแก่ นางว่า: ข้าไม่เห็ นสุ ลัยมานในละหมาดศุบหฺ หล่อนก็ตอบว่า: เมือคื นเขาอดหลับเพือ ละหมาดกลางคื น แล้วตาของเขาก็ เผลอหลับ ไปอุ ม รั ฺ ก็ ก ล่ าวว่า : 153

กันซุ อัล-อุมมาลฺ (๒๒๗๙๕), ๘/๒๕๒.

148

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


แท้จริ งหากข้าพเจ้าได้มาละหมาดศุบหฺ พร้อมกับญะมาอะฮฺ จะเป็ น ทีรักสําหรับข้าพเจ้ายิงกว่าตืนมาละหมาดทั3งคืนซะอีก154 อิมามอิบนุ อะบูชยั บะฮฺ ได้รายงานจากฮุชยั มฺ จากบิดาของ เขาว่า อุ ม ัรฺ ไม่ เ ห็ น ชายผูห้ นึ งในเวลาละหมาดศุ บ หฺ ท่ า นจึ ง ส่ ง ผูแ้ ทนเรี ยกเขามาพบ แล้วท่านกล่าวกับเขาว่า: เมือคืนเจ้าไปไหน มา เขาผูน้ 3 นั ก็ตอบว่า: ข้าป่ วยหนัก และถ้าหากผูแ้ ทนของท่านไม่ มาหาข้า แน่แท้ขา้ ไม่มาหาท่านหรอก อุมรั ฺ ก็กล่าวว่า: แทนทีเจ้าจะ ออกไปหาใครสักคน เจ้าสมควรออกไปละหมาดดีกว่า155 ณ ทีนี3 เราได้เห็ นชัดแล้วว่า อุมรั ฺ อิบนุ อลั -ค็อฏฏอบได้ให้ ความสําคัญกับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ท่านยังส่ งเด็กรับใช้ ไปยัง คนตาบอดเพื อจู ง พวกเขามายัง มัส ญิ ด ดัง ที อิ บ นุ ส ะอัดได้ รายงานจากอับดุ รฺเราะหฺ มาน อิบนุ อลั -มิสวัรฺ อิบนุ มคั เราะมะฮฺ ว่า: อุมรั ฺ มาหาสะอีดอิบนุยรั บูอฺทีบ้านของเขา และได้แสดงความเสี ยใจ กับการเสี ยดวงตาของเขา แล้วท่านกล่าวว่า: เจ้าจงอย่าพลาดจาการ ละหมาด@ุ มอะฮฺ และละหมาดฟั รฎุในมัสญิดของท่านเราะสู ล

154 155

อัล-มุวฏั เฏาะอ์ (๗), ๑/๑๓๑ อัล-มุศอ็ นนัฟ, ๑/๓๔๔-๓๔๕ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

149


เขาได้กล่าวว่า: ข้าพเจ้าไม่มีผนู ้ าํ ทาง อุมรั ฺ ได้กล่าวว่า: เราจะส่ งผูน้ าํ ทางแก่เจ้า ดังนั3นท่านจึงส่ งเด็กรับใช้มายังเขาผูน้ 3 นั 156 อะมีรุลมุอม์ ินีน อะลีอิบนุอะบูฏอลิบได้เดินตามทางพร้อม กับเรี ยกร้ องว่า: จงไปยังการละหมาด จงไปยังการละหมาด ท่าน เรี ยกร้ องเช่ นนี3 เพือปลุ กผูค้ นสู่ การละหมาดศุบหฺ เป็ นประจําทุกวัน อัล-หะสันเล่าถึงการออกไปของท่านอะลีในวันทีท่านถูกแทง(ยาม วิ ก ฤติ ก ารณ์ ) ว่ า : เมื อท่ า นออกไปจากประตู บ ้า น ท่ า นจะร้ อ ง เรี ยกว่า: โอ้ผคู ้ นทั3งหลาย จงรักษาไว้ซึงการละหมาด จงรักษาไว้ซึง การละหมาด แล้วมี ชายสองคนมาดัก ทางของท่าน (แล้วได้แทง ท่าน) 157 ท่ า นนบี ได้แ ต่ ง ตั3ง อัต ตาบ อิ บ นุ อุ ซัย ดฺ อ ัล -อะมะวี ย ์ เป็ นอะมี ร ที นครมัก กะฮฺ ท่ า นขู่ก ํา ชับ ผู ้ที ไม่ ม าละหมาดพร้ อ ม กับญะมาอะฮฺทีมัสญิดด้วยการฟันคอ อิมามอิบนุ อัล-ก็อยยิมเล่าว่า: อัตตาบได้กล่ าวแก่ ชาวมักกะฮฺ ว่า: โอ้ชาวมักกะฮฺ ท3 งั หลาย ข้าขอ สาบานต่ออัลลอฮฺ หากข้ารั บรู ้ ว่ามี ค นใดคนหนึ งในบรรดา พวกเจ้าไม่ม าละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ใ นมัสญิ ด ข้าจะฟั นคอ ของเขา อิมามอิบนุ อลั -ก็อยยิมกล่าวว่า: บรรดาสหายของท่านเราะ 156 157

กันซุ อัล-อุมมาลฺ (๒๓๐๕๑), ๘/๓๐๗. อัฏ-เฏาะบะกอต อัล-กุบรอ, ๓/๓๖-๓๗

150

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


สู ล ต่างเชยชมกับการกระทําของเขาครั3งนี3 และเพิมเกี ยรติ ใน สายตาของพวกเขา จากทีกล่าวมาทั3งหมดนี3 เป็ นการเพียงพอแล้ว-ด้วยความ ประสงค์ของอัลลอฮฺ - ในการรับรู ้ ถึงการให้ความสําคัญของ ท่ า นเราะสู ล และบรรดาสะลัฟ แห่ ง ประชาชาติ น3 ี กับ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

---------------------------------------------

บทที#

4

ความคิดเห็นของบรรดาอ ุละมาอ์ ในเรือ# งการละหมาดร่วมกับญะมาอะฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

151


ความนํา บางคนคิดว่าการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นเพียงแค่ เรื องกิ จอาสา(สุ นนะฮฺ ) ซึ งผูท้ ีปฏิ บตั ิจะได้รับผลบุญและผูท้ ีจะไม่ ปฏิ บตั ิ จะไม่รับบาป และพวกเขาได้อา้ งด้วยความสงสัยและจาก ความนึกคิดของพวกเขาเองว่าเป็ นข้อคิดเห็นของมหาชนในบรรดา อุละมาอ์แห่ งประชาชาติน3 ีจากผูท้ ีตามรอยมัซฮับมาลิกีย ์ หะนะฟี ย์ และชาฟิ อีย ์ ถึ ง แม้ ว่ า ความเชื อมันของข้ า พเจ้ า ในการไม่ มี ค วาม สอดคล้องระหว่างจํานวนมากและสิ งทีเป็ นมติรอญิหฺหรื อว่าความ 152

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ถูกต้องกับจํานวนน้อยและสิ งทีถูกวินิจฉัยใหม่หรื อความผิดพลาด ทั3งนี3 ท3 งั นั3นก็เพราะว่า สิ งทีเรารับได้ข3 ึนอยู่ทีตัวบทหลักฐานทีแน่ ชัดในมหาคัมภีรฺอลั -กุรฺอานและอัล-หะดี ษ หากผูใ้ ดได้ยึดทั3งสอง สิ งนี3 ผูน้ 3 นั จะอยูบ่ นเส้นทางทีเทียงตรงถึงแม้ไม่มีผคู ้ นจํานวนมากที จะอยูข่ า้ งเขาหรื อว่าตรงกันข้าม ผูใ้ ดทีตัวบทหลักฐานไม่สามารถ สมทบเขาในการสนับสนุ นของมหาชน มันก็จะไม่เกิดประโยชน์ อะไรเลย ถึงแม้วา่ ความเชือของข้าพเจ้าในเรื องนี3 ข้าพเจ้าจัดเฉพาะ บทนี3 เพื อชี3 แจ้ง คํา กล่ า วของบรรดาอุ ล ะมาอ์แ ห่ ง ประชาชาติ น3 ี เกี ยวกับเรื องดังกล่าวนี3 มีจุดประสงค์เพือช่ วยทําให้ความสงสัยที ผิดพลาดให้ถูกต้อง ในบทนี3 ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี3: ภาคที 1. ความคิดเห็ นของบรรดาอุละมาอ์ของมัซฮับมาลิ กีย ์ ในเรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ภาคที 2. ความคิดเห็นของบรรดาอุละมะอ์ของมัซฮับหะนะฟี ย์ ในเรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ภาคที 3. ความคิดเห็ นของบรรดาอุละมาอ์ของมัซฮับชาฟิ อี ย ์ ในเรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ภาคที 4. ความคิ ดเห็ นของบรรดาอุละมาอ์ของมัซฮับหันบะ ลียใ์ นเรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

153


ภาคที 5. ความคิดเห็นของบรรดาอุละมาอ์ของมัซฮับซอฮิรีย ์ ในเรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ภาคที 6. ความคิ ดเห็ นของผูร้ ู ้ บางคนแห่ งประชาชาติ น3 ี ใ น เรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

ภาคที# 1 ความคิดเห็นของบรรดาอ ุละมาอ์ ของมัซฮับมาลิกียใ์ นเรือ# งการ ละหมาดญะมาอะฮฺ 4.1.1 คํากล่ าวของบรรดาอุละมาอ์ ในมัซฮับมาลิกยี ์ จากหนั ง สื อ ต่ า งๆของบรรดาอิ ม ามอวุ โ สแห่ ง มัซ ฮับ มาลีกีย ์ เราสามารถรู ้ถึงข้อคิดเห็นของพวกเขาเกียวกับการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺดงั ต่อไปนี3: 154

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


(1) อัลลามะฮฺเคาะลีล อิบนุอิสหาก เคาะลีลกล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ของการ ละหมาด ๕ เวลาที.นอกเหนื อจากการละหมาดวันศุกร์ น3 นั เป็ นเรื อง กิจอาสา (สุ นนะฮฺ) (2) อัล-หาฟิ ซอิบนุญะซีย์ อัล-ฆ็อรนาฏีย์ ท่ า นกล่ า วถึ ง บทบัญ ญัติ ข องการละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ วา่ : การร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในการละหมาดฟั รฎุนั3นมันเป็ น สุ นัตมุ อกั กะดะฮฺ (สุ นนะฮฺ ที ส่ งเสริ ม ให้กระทํา และมี ผลบุ ญอัน ใหญ่หลวง) และชาวซอฮิรียถ์ ือว่าเป็ นวาญิบ (3) อัลลามะฮฺอะหฺมัด อิบนุมุหัมมัด อัด-ดัรดีรฺ ท่านกล่ าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ คื อ การ ปฏิ บ ตั ิ ล ะหมาดในญะมาอะฮฺ โดยมี อ◌ิ ม าม (เนื องจากเป็ นเรื อง ฟัรฎุ) ถึงแม้วา่ มันจะเป็ นการละหมาดแทนหรื อทีเป็ นฟั รฎุกิ ฟายะฮฺ เฉกเช่น ละหมาดญะนาซะฮฺ ทีนอกเหนื อจากละหมาด@ุมอะฮฺ เป็ น เรื องสุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ (4) ชั ยคฺศอลิหฺ อับดุสสะมิอฺ อัล-อาบีย์ อัล-อัซฮะรี ย์ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

155


ท่านกล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ทีเป็ นฟั รฎุที นอกเหนือจากละหมาด@ุมอัตนั3นเป็ นสุ นตั มุอกั กะดะฮฺ 4.1.2 สิ2 งทีไ2 ด้ รับจากคํากล่ าวของบรรดาอุละมาอ์ ในมัซฮับมาลิกยี ์ 1. บางคนมี ความคิ ดเห็ นว่าการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องสุ นนะฮฺ 2. บางคนมี ความคิ ดเห็ นว่าการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องสุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ ดังทีเราได้เห็นจากคํากล่าว ของ อัล-หาฟิ ซอิบนุ ญะซี ย ์ อัล-ฆ็อรนาฏี ย ์ อัลลามะฮฺ อดั ดัรดีรฺ และชัยคฺ ศอลิหฺ อัล-อัซฮะรี ย ์ ชัยคฺ อิบนุ ตยั มียะฮฺ ก็ได้ ยืนยันความคิ ดเห็ นนี3 เช่ นกัน ท่านกล่ าวว่า: ดังที กล่าวมา ว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นเพียงแค่สุนตั มุ อักกะดะฮฺ เท่านั3น ข้อคิ ดเห็ นนี3 เป็ นทีรู ้ ๆกันในบรรดาผูท้ ี ยึดตามอิมามอะบูหะนี ฟะฮฺ บรรดาผูท้ ียึดตามอิมามมาลิ ก เป็ นส่ วนมากและผูท้ ียึดตามอิมามอัชชาฟิ อียเ์ ป็ นส่ วนใหญ่ และยังมีการกล่าวถึงรายงานจากอิมามอะหฺ มดั อีกด้วย อย่ า คิ ด ว่ า การที มี ค ํา กล่ า วว่ า การละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ เป็ นสุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ น3 ันหมายถึ ง ผูป้ ฏิ บตั ิ จะได้รับผล 156

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


บุญและผูไ้ ม่ปฏิบตั ิจะไม่ได้รับบาป เพราะว่า หากเป็ นเช่นนั3นก็จะ ไม่เหลื อความแตกต่างอะไรเลยระหว่างการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ ที เป็ นสุ น นะฮฺ ก ับ ที เป็ นสุ น นะฮฺ มุ อั ก กะดะฮฺ แต่ ก ารที ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยให้เหตุ ผลว่าเป็ นสุ นนะฮฺ มุอักกะ ดะฮฺ นั3นจะหมายถึ ง ผูป้ ฏิ บ ตั ิ จะได้รับ ผลบุ ญและผูไ้ ม่ ป ฏิ บ ตั ิ จะ ได้รับบาป ในข้อคิ ดเห็ นนี3 อิ มามอิ บนุ อลั -ก็ อยยิม อัล-เญาซี ย ะฮฺ ไ ด้ สนับสนุนเช่นกัน ท่านกล่าวว่า: ผูท้ ียึดตามมัซฮับหะนะฟี ย์และผูท้ ี ยึดตามมัซ ฮับ มาลิ กี ย ์ต่า งกล่ า วว่า : อันละหมาดร่ วมกับ ญะมา อะฮฺ น3 ัน เป็ นสุ นัตมุ อ ัก กะดะฮฺ และพวกเขาทั3ง หลายต่ า งมี ค วาม คิ ดเห็ นว่าเป็ นการบาปสําหรั บผูท้ ี ไม่ป ฏิ บ ตั ิ สิงที เป็ นเรื องสุ นัตมุ อักกะดะฮฺ และการละหมาดทีไม่ปฏิบตั ิในรู ปแบบญะมาอะฮฺ ถือว่า ถูกต้อง และข้อแตกต่างระหว่างพวกเขากับพวกที มีขอ้ คิดเห็ นว่า การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องวาญิบนั3นเป็ นการแตกต่าง ทีถ้อยคําเท่านั3น และมีบางคนในบรรดาพวกเขาว่าเป็ นวาญิบอย่าง ชัดเจน

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

157


ภาคที# 2 ความคิดเห็นของบรรดาอ ุละมาอ์ ของมัซฮับหะนะฟีย์ในเรือ# งการ ละหมาดญะมาอะฮฺ

4.2.1 คําพูดของบรรดาอุละมาอ์ ในมัซฮับหะนะฟี ย์ ต่ อ ไปนี3 บางส่ ว นจากคํา พู ด ของอุ ล ะมาอ์ รุ่ นอาวุ โ ส ในมัซฮับหะนะฟี ย์ โดยการคัดลอกจากหนังสื อต่างๆ ของพวกเขา (1) อัลลามะฮฺอะลาอุดดีน อัส-สะมัรฺกอ็ นดีย์ ท่านได้ก ล่ า วว่า : แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นวาญิบ บางคนในบรรดาสหายของเราเรี ยกว่า “สุ นนะฮฺ มุอักกะ ดะฮฺ ” ทั3งสองชื อเรี ยกเป็ นสิ งเดียวกัน รากฐานในเรื องนี3 คือ หะดี ษ ที ได้ร ายงานจากท่ า นเราะสู ล ท่ า นได้ล ะหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺ อย่างสมําเสมอและไม่เคยพลาดเลย ประชาชาติ ท3 งั หลาย นับ ตั3ง แต่ ส มัย ท่ า นเราะสู ล จนถึ ง ทุ ก วัน นี3 ต่ า งคัด ค้า นผูท้ ี ไม่ ปฏิบตั ิ และนีแหละ คือ นิยามของการวาญิบ ไม่ใช่เรื องสุ นนะฮฺ (2) อิมามอะบูบักรฺ อิบนุมัสอูด อัล-กาสานีย์ 158

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อัล -กาสานี ย ์ไ ด้ ก ล่ า วถึ ง บทบัญ ญัติ ข องการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ วา่ : บรรดาปรมาจารย์ส่วนใหญ่ของพวกเราต่าง กล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นวาญิบ แต่อลั -กะเราะ คียถ์ ือว่าเป็ นสุ นนะฮฺ เขาได้อา้ งหลักฐานจากหะดีษของท่านนบี ที มี ว่า : การละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ มี ผลบุ ญที เหนื อกว่า การ ละหมาดตามลําพัง และเขาถือว่าการปฏิ บตั ิในญะมาอะฮฺ เป็ นการ ใฝ่ หาความประเสริ ฐ และนี3 แหละเป็ นหลักฐานของการเป็ นสุ น นะฮฺของการปฏิบตั ิร่วมกับญะมาอะฮฺ การที อัล-กาสานี ยไ์ ด้กล่าวคําว่า: (ส่ วนใหญ่) หมายถึ ง มหาคัมภีร์อลั -กุรฺอาน อัล-หะดีษและการสื บทอดของประชาชาติ ส่ ว นหลัก ฐานจากมหาคัม ภรี ร์ อ ัล -กุ รฺ อาน คํา ตรั ส ของ พระองค์ทีว่า: อัลลอฮฺ ทรงกําชับให้รุกอู ฺ พร้อมกับบรรดาผูร้ ุ กูอฺ และนันเป็ นการกล่าวในสถานการณ์ทีร่ วมกระทําในรู ปแบบของรุ กูอฺ ดังนั3นมันเป็ นคําสังในการปฏิ บตั ิการละหมาดในรู ปแบบญะ มาอะฮฺ และคําสังที ปราศจากข้อผูกมัดใด ๆ (มุฏลัก) ถื อว่าเป็ น การวาญิบให้ปฏิบตั ิ ส่ วนหลักฐานจากอัล-หะดี ษ ดังที มี การรายงานจากท่าน เราะสู ล ว่า: (แท้จริ งข้าพเจ้ามีความประสงค์อย่างแน่นหนักทีจะ สั งชายคนหนึ งให้เป็ นอิ ม ามแทน ...) และการคํา กล่ า วด้วยการ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

159


สัญญาด้วยการลงโทษนี3 มนั จะไม่ใช่อืนใดนอกจากสิ งนั3นเป็ นการ ละทิ3งสิ งทีเป็ นวาญิบ ส่ วนการสื บทอดของประชาชาติ น3 ั น เนื องจากว่ า ประชาชาตินบั ตั3งแต่สมัยท่านเราะสู ล จนถึงทุกวันนี3 พวกเขาได้ ปฏิ บ ัติ ก ัน อย่ า งต่ อ เนื องและยัง คัด ค้า นต่ อ ผู ้ที ไม่ ป ฏิ บ ัติ ใ นญะ มาอะฮฺ และการกระทําอย่างสมําเสมออย่างที ว่านี3 เป็ นหลักฐาน หนึงของการวาญิบ หลัง จากนั3น อิ ม ามอัล -กาสานี ยไ์ ด้ช3 ี แจ้ง ข้อเท็จจริ ง ของ ความแตกต่ า งระหว่ า งข้ อ คิ ด เห็ น ของปรมาจารย์ ส่ ว นใหญ่ จากมัซ ฮับ หะนะฟี ย์ก ับ อัล -กะเราะคี ย ์ว่า : สิ. ง นี ไม่ ใ ช่ เ ป็ นข้อ แตกต่างในข้อเท็จจริ ง แต่ทว่าเป็ นการแตกต่างในถ้อยคําต่างหาก เพราะว่าสุ นตั มุอกั กะดะฮฺ และวาญิบนั3นเหมือนกัน โดยเฉพาะใน เรื องทีเป็ นเอกลักษณ์ของอิสลาม คุณไม่สังเกตหรอกหรื อว่าอัล-กะ เราะคี ย ์เรี ย กว่า การปฏิ บ ตั ิ ใ นรู ป แบบญะมาอะฮฺ น3 ันเป็ นสุ นนะฮฺ หลังจากนั3นท่านก็ได้ขยายความด้วยการเป็ นวาญิบ ท่านกล่าวว่า: การปฏิบตั ิในรู ปแบบญะมาอะฮฺเป็ นสุ นนะฮฺซึงไม่อนุ ญาตให้ผใู ้ ดก็ ตามพลาดจาการปฏิ บ ัติ ดัง กล่ า วยกเว้น มี กิ จ ธุ ร ะที อนุ โ ลมได้ . คําอธิ บายนี3 เป็ นการขยายความของการเป็ นวาญิบในทัศนะความ คิดเห็นของอุละมาอ์ส่วนใหญ่ 160

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


(3) บุรฺฮานุดดีน อาลี อิบนุอะบูบักรฺ อัล-มุรฺฆนี านีย์ อัล -มุ รฺ ฆี น านี ย ์ไ ด้ก ล่ า วว่า : การละหมาดร่ ว มกับ ญะมา อะฮฺน3 นั เป็ นสุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ (4) อะบูอัล-ฟัฏลฺ อับดุลลอฮฺ อิบนุมะหฺมูด อัล-มูเศาะลีย์ ท่านอัล-มูเศาะลียไ์ ด้กล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมา อะฮฺ น3 ัน เป็ นสุ นัต มุ อ ัก กะดะฮฺ ท่ า นเราะสู ล กล่ า วว่า :แท้จ ริ ง ข้าพเจ้าได้ต3 งั เจตนาอย่างแรงกล้า ...อัล-หะดีษ. คํานี3เป็ นสัญลักษณ์ ของการหนั ก แน่ น และแท้ จ ริ งท่ า นเราะสู ล ได้ ล ะหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ อย่างต่อเนื องและไม่เคยพลาด และไม่เคยเปิ ด โอกาสให้ล ะทิ3 ง มัน ยกเว้นเนื องจากกิ จธุ ระที จํา เป็ นที อิ ส ลาม อนุ โลมได้ และหากชาวเมืองใดไม่ปฏิ บตั ิในญะมาอะฮฺ แล้ว พวก เขาจะถูกบังคับให้ปฏิ บตั ิ ถ้าหากพวกเขาได้ปฏิ บตั ิ ตามคําสังก็จะ ถูกปล่อยไป ถ้าหากไม่ปฏิบตั ิตามคําสัง พวกเขาจะถูกประกาศรบ เพราะว่ า การละหมาดร่ วมกั บ ญะมาอะฮฺ เ ป็ นส่ วนหนึ งของ เอกลักษณ์แห่งศาสนาอิสลาม (5) อิมามอะบู มุหัมมัด อะลี อิบนุซะกะรี ยา อัล-มุนญีย์ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

161


ความคิดเห็นของอิมามอัล-มุนญีย ์ เกียวกับบทบัญญัติของ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ได้ช3 ี ชดั จากหัวข้อในหนังสื อของ เขาว่า: หัวข้อว่าด้วยการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นสุ นนะฮฺ มุ อักกะดะฮฺ อัล-มุนญียไ์ ด้กล่าวถึ งหะดีษทีชี3ขาดว่าด้วยการเป็ นสุ นตั ข องการปฏิ บ ัติ ล ะหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ เ ป็ นอัน ดับ แรกเลย หลัง จากนั3นท่ า นได้ย กอ้า งหะดี ษ อื นเพื อชี3 ขาดว่า เป็ นสุ นนะฮฺ มุ อักกะดะฮฺ (6) อะบูลบะเราะกาต อันนะสะฟี ย์ อัน-นะสะฟี ย์ไ ด้ก ล่ าวว่า : การละหมาดร่ วมกับ ญะมา อะฮฺน3 นั เป็ นเรื องสุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ (7) ฟัครุดดีน อุษมาน อิบนุอะลี อัซ-ซัยละอีย์ อัซ-ซัยละอียไ์ ด้กล่าวในคําขยายความคําพูดของท่าน อันนะสะฟี ย์ขา้ งต้นว่า: กล่าวคื อ สุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ มีสถานภาพที แข็งแกร่ งเทียบเท่ากับวาญิบในความแข็งเกร่ งนั3น จนกระทังท่าน ได้ ย กอ้า งเป็ นหลัก ฐานเนื องจากการควบคู่ ข องการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ก ับการมี อีมาน อุ ละมาอ์อาวุโสส่ วนใหญ่ต่า ง กล่าวว่า: แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺเป็ นฟั รฎุ 162

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


บางคนมีความคิดเห็นว่า: แท้จริ งมันเป็ นฟั รฎุกิฟายะฮฺ บางคนก็กล่าวว่า: แท้จริ งมันเป็ นฟั รฎุอัยนฺ ในหนังสื อ “อัล-มุฟีด” มีกล่าวว่า: อันญะมาอะฮฺน3 นั เป็ นวา ญิบและการให้นามมันว่า “สุนนะฮฺ ” เนืองจากการเป็ นวาญิบของ มันได้มาจาก “อัน-สุ นนะฮฺ” (นันคือ อัล-หะดีษ) (8) คํากล่ าวของบรรดาศาสตราจารย์ ในมัซฮับหะนะฟี ย์ ตามที ฟัครุดดีน อัล-อัยนีย์ได้ นํามา อัล-อัยนี ยไ์ ด้กล่าวว่า: ในคําขยายความหนังสื อ “อัล-ฮิดา ยะฮฺ ” บรรดาศาสตราจารย์ของเราส่ วนใหญ่ต่างลงความเห็ นว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นวาญิบ และส่ วนหนึ งจากสหาย ของเราเรี ยกว่าเป็ นสุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ บรรดาอิมามผูม้ ีเกี ยรติมีความคิดเห็ นว่า: การไม่ละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยทีไม่มีกิจจําเป็ นใดๆ จะต้องมีการลงโทษใน สถานะ “ตะอฺ ซีร” ซึ งเป็ นการลงโทษตามดุลพินิจของอิมามหรื อผู ้ พิพากษาในการกําหนดโทษ และเพือนบ้านจะได้รับบาปเนื องจาก เงียบเฉยไม่คดั ค้านผูไ้ ม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ บางคนมีความคิดเห็นว่า: การเป็ นพยานของผูไ้ ม่ละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺจะไม่ถูกรับ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

163


ในหนังสื อ “อัล-กุนยะฮฺ” มีกล่าวไว้วา่ : ผูใ้ ดทีตั3งหน้าตั3งตา ค้ น คว้า เรื องฟิ กฮฺ (บทบั ญ ญั ติ อิ ส ลาม) และไม่ ม าละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ เขาจะไม่นบั รวมในบรรดาผูท้ ีมี กิจธุ ระจําเป็ น และการเป็ นพยานหลักฐานของเขาจะไม่ถูกรับ ในหนังสื อ “ชัรหุ ญะวาฮิรฺ” มีเสริ มว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องสุ น นะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ ทีมีระดับหนักแน่นทีสุ ด (9) ซัยนุดดีน อิบนุนุญัยมฺ อัล-หะนะฟี ย์ ในขณะทีท่านได้ขยายความประโยคในหนังสื อ “กันซุ อัด ดะกออิก” ท่านกล่าวว่า: อันญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นสุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ กล่าวคือ มันหนักแน่นคล้ายๆ กับวาญิบในความแข็งเกร่ งนั3น และ เป็ นทีรอญิหฺ (เรื องทีถูกตัดสิ นว่าถูกต้องและแข็งเกร่ งด้วยหลักฐาน ในการอ้างอิง)ในทัศนะของมัซฮับอัล-หะนะฟี ย์วา่ เป็ นวาญิ บ และ ได้อ้า งมาในหนัง สื อ “อัล -บะดาอิ อฺ ” จากบรรดาศาสตราจารย์ ในมัซฮับของเราเป็ นส่ วนใหญ่ ซัยนุ ดดิ นและคนอืนๆ ได้กล่าวว่า ผูท้ ีมี ความคิ ดเห็ นว่า การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องสุ น นะฮฺ มุอักกะดะฮฺ สิ. งนี ไม่ใช่ เป็ นข้อแตกต่างในข้อเท็จจริ ง แต่ทว่า เป็ นการแตกต่างในถ้อยคําต่างหาก เพราะว่าสุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ และวาญิ บนั3นเหมื อนกันโดยเฉพาะในเรื องทีเป็ นเอกลักษณ์ ของ 164

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


อิ สลาม ส่ วนหลักฐานทางอัล-หะดี ษ การกระทําอย่างสมําเสมอ ของท่ า นเราะสู ล และยัง คัด ค้า นผูท้ ี ไม่ ล ะหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺโดยไม่มีเหตุจาํ เป็ นในหลายหะดีษด้วยกัน ในหนัง สื อ “อัล -มุ จ ตะบาย์” มี ก ล่ า วไว้ว่า : พวกเขา หมายถึงการเน้นหนัก (มุอักกะดะฮฺ )นัน คือวาญิบ เนื. องจากว่าพวก เขาได้ยกอ้างหลักฐานที.มีกล่าวสัญญาร้ ายในการไม่ปฏิ บตั ิในญะ มาอะฮฺ. ในหนังสื อ “อัล-กุนยะฮฺ ” มีกล่าวว่า: หากผูใ้ ดรออิกอมะฮฺ ก่อนจึงจะเข้ามัสญิด เขาผูน้ 3 นั คือ คนไม่ดี

(10) ชั ยคฺมุหัมมัด อันวัรฺ อัล-กัชมีรีย์ ท่านกล่ าวว่า: ในเรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 ี พวกเรามี ๒ ข้อคิดเห็น: ๑. สุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ ๒. วาญิบ ผูแ้ ต่งหนังสื อ “อัล-บะหฺ รุ อัรฺ-รออิก” กล่าวว่า: แท้จริ งการ เป็ นวาญิ บทีมีข3 นั ตําที สุ ดและสุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ ทีมี ข3 นั สู งทีสุ ด อยูใ่ นตําแหน่งเดียวกัน ดังนั3นไม่มีขอ้ แตกต่างอะไรเลย พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

165


4.2.2 สิ2 งทีไ2 ด้ รับจากคํากล่ าวของบรรดาอุละมาอ์ ในมัซฮับหะ นะฟี ย์ 1. บรรดาศาสตรจารย์ในมัซฮับหะนะฟี ย์ส่วนใหญ่ต่างลงความ คิดเห็นว่า แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นวา ญิบ 2. บรรดาศาสตรจารย์เหล่ านั3นได้ยกอ้างหลักฐานการเป็ นวา ญิบจากมหาคัมภีร์อลั -กุรฺอาน อัล-หะดีษและการปฏิบตั ิสืบ ทอดต่อๆ กันมาของประชาชาติน3 ี ดังทีพวกเขากล่าวถึ งว่า: ท่านเราะสู ล ได้ปฏิบตั ิมาโดยไม่เคยพลาดเลย 3. บางคนจากบรรดาอุ ล ะมาอ์ใ นมัซ ฮับ หะนะฟี ย์ก ล่ า วว่ า : แท้จ ริ ง อัน ละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ น3 ัน เป็ นสุ น นะฮฺ มุ อักกะดะฮฺ และข้อแตกต่างระหว่างความคิ ดนี3 กบั ความคิ ด ทีว่าเป็ นวาญิ บอยู่ทีประโยคคําพูดเท่านั3น เพราะว่าพวกเขา ต่างขยายความว่าด้วยเรื องสุ นนะฮฺ นั3นเหมือนกับทีพวกเขา ได้ขยายความในเรื องวาญิ บ พวกเขากล่ าวว่า: อันญะมา อะฮฺน3 นั เป็ นสุ นนะฮฺ ไม่มีผใู ้ ดได้รับการผ่อนผันนอกเสี ยจาก มีเหตุจาํ เป็ นและกิจธุ ระทีอิสลามอนุ โลมได้ นี เป็ นการขยาย ความของการเป็ นวาญิบในทัศนะของผูห้ ยังรู ้ส่วนใหญ่ 166

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


4. ผูใ้ ดที เรี ยกว่าการละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ เป็ นเรื องสุ น นะฮฺ เขาไม่ได้หมายถึงว่ามันเป็ นการงานซึ งผูท้ ีไม่ปฏิบตั ิจะ ไม่ ไ ด้รับ บาป แต่ ท ว่าเขาหมายถึ ง การเป็ นวาญิ บ ของการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺถูกชี3ขาดด้วยอัส-สุ นนะฮฺ (นันคือ อัล-หะดีษ) 5. แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นส่ วนหนึ งของ เอกลักษณ์แห่งอิสลาม 6. ไม่มีการผ่อนผันสําหรับผูใ้ ดก็ตามในการละทิ3งการละหมาด ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ โ ดยไม่ มี เ หตุ จ าํ เป็ นที อิ ส ลามสามารถ อนุโลมได้ 7. การไม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยไม่มีกิจธุ ระทีสามารถ อนุ โลมได้จะต้องถู ก ลงโทษตามดุ ล พินิจของกอฎี ย์ หรื ออิ มาม ในสถานะ “ตะอฺ ซีรฺ” 8. ไม่รับคําให้พยานของผูไ้ ม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 9. ไม่ควรละทิ3งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺโดยอ้างว่ายุง่ กับ การใฝ่ หาความรู ้ จนกระทังเขายุง่ อยูก่ บั การทบทวนในเรื อง บทบัญญัติของศาสนาก็ตามที 10. เพือนบ้านจะได้รับาป เนืองจากการเงียบเฉยและไม่ต่อว่าแก่ ผูไ้ ม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

167


11. หากชาวเมืองใดทีละทิ3งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อย่าง โจ่งแจ้ง พวกเขาจะถูกประกาศรบ 12. ผูใ้ ดทีไปละหมาดมัสญิดหลังจากทีได้ยินอะซานโดยทีคอย เสี ยงอิกอมะฮฺเสี ยก่อน เขาคนนั3นจัดอยูใ่ นกลุ่มผูท้ ีไม่ดี หลังจากทีได้กล่าวมาทั3งหมดนี3 ยังมีผใู ้ ดอีกเล่าทีสรรหากิจ ธุ ระต่าง ๆ และเหตุจาํ เป็ นในการที จะหลอกลวงตัวเองเพือละทิ3ง การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยอ้างว่า “ข้ายึดปฏิบตั ิในมัซฮับ หะนะฟี ย์ และการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺในทัศนะของพวกเรา คือ สุ นนะฮฺ ”?

ภาคที# 3 ความคิดเห็นของบรรดาอ ุละมาอ์ ของมัซฮับชาฟิอียใ์ นเรือ# งการ ละหมาดญะมาอะฮฺ

4.3.1 คํากล่ าวของบรรดาอุละมาอ์ ในมัซฮับอัช-ชาฟิ อีย์

168

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ต่ อไปนี3 เป็ นคํา กล่ า วของบรรดาอิ ม ามผูเ้ ป็ นอาวุโสบาง ท่านในมัซฮับอัช-ชาฟิ อียท์ ีข้าพเจ้าได้คดั ลอกคํากล่าวนี3จากหนังสื อ ของพวกเขาทั3งหลาย (1) อิมามมุหัมมัด อิบนุอิดรี ส อัช-ชาฟิ อีย์ อิมามอัช-ชาฟิ อียไ์ ด้กล่าวว่า: ข้าพเจ้าจะไม่ผอ่ นผันแก่ผูท้ ี สามารถปฏิ บ ตั ิ การละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ โดยที เขาไม่ ต้อง ไปมัสญิด ยกเว้นผูท้ ีมีกิจธุ ระจําเป็ นทีอิสลามอนุญาตให้ ท่ า นยัง กล่ า วอี ก ว่ า :ให้ สั งเด็ ก ๆ มามัส ญิ ด และเข้า ร่ ว ม ละหมาดพร้อมกับญะมาอะฮฺ เพือให้พวกเขาเคยชินกับญะมาอะฮฺ

(2) ความคิดเห็ของนักรายงานหะดีษในมัซฮับอัช-ชาฟิ อีย์ พวกเขาได้กล่าวว่า: แท้จริ งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นฟั ร ฎุ อั ย นฺ ขณะที อิ ม ามอัน -นะวะวี ย ์ไ ด้ก ล่ า วถึ ง คํา พู ด ของ บรรดาอุลามะอ์ในมัซฮับอัช-ชาฟิ อียเ์ กียวกับบทบัญญัติวา่ ด้วยการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ท่านกล่ าวว่า: ความคิดเห็ นที ๓ คื อ ฟั รฎุอัยนฺ แต่มนั ไม่ใช่ เป็ นเงือนไขของการละหมาดทีถูกต้อง และ ความคิดเห็นที 3 นี3 เป็ นคําพูดของอุละมาอ์ผอู ้ าวุโสของเราทั3งสอง พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

169


ซึ งทั3งสองมีความชํานาญในด้านฟิ กฮฺ และหะดีษ ทั3งสองนี3 คือ อะบู บักรฺ อิบนุคุซยั มะฮฺและอิบนุ อัล-มุนซี รฺ อัล -หาฟิ ซอิ บ นุ ห ะญัรฺ ได้ ก ล่ า วว่ า : คํา กล่ า วที ว่ า การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นฟั รฎุอัยนฺ น3 นั เป็ นความคิดเห็นของ กลุ่มนักรายงานหะดีษจากมัซฮับอัช-ชาฟิ อีย ์ เช่น อะบูเษารฺ อิบนุ คุ ซัยมะฮฺ อิบนุ อัล-มุนซี รฺและอิบนุหิบบาน หลักฐานทีกลุ่มนักรายงานหะดีษในมัซฮับอัช-ชาฟิ อียต์ ่าง อ้างมาในเรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺดงั ไปนี3

1. คําพูดของอิมาม อะบู เษารฺ อิ ม ามอิ บ นุ อัล -มุ นซี รได้ร ายงานจากอะบู เ ษารฺ ว่า : การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นวาญิ บ ผูใ้ ดก็ตามไม่มีทางทีจะ ละทิ3งมันได้นอกเสี ยจากผูท้ ีมีกิจธุ ระทีผ่อนผันได้ 2. ความคิดเห็นของอิมามอิบนุคุซัยมะฮฺ

170

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ความคิ ดเห็ นของท่า นจะเห็ นได้ชัดในหัวข้อที กล่ า วถึ ง การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในหนังสื อเศาะฮี หฺของอิบนุ คุซัย มะฮฺ หัวข้อดังกล่าว เช่น: บททีว่าด้วยการสังให้คนตาบอดมาละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ ถึงแม้วา่ เขาจะกลัวนกฮูกและหมาไนเมือเขามา ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺก็ตาม บททีว่าด้วยการสังให้คนตาบอดมาละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ ถึงแม้วา่ บ้านเรื อนของเขาจะอยู่ไกลจากมัสญิด ผู ้นํ า ทางเขาไม่ อ าสาจะนํ า ทางเขาสู่ มั ส ญิ ด และ หลักฐานทีบ่งชี3วา่ การมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นฟั ร ฎุ ไม่ ใ ช่ เ ป็ นเพี ย งสิ งเพิ มเติ ม เพื อได้รั บ ความ ประเสริ ฐ (ฟะดีละฮฺ ) กล่าวคือ ห้ามไม่ให้กล่าวว่า: ไม่มี ข้อผ่อนผันสําหรับผูใ้ ดก็ตามในการละทิงสิ. งที.เป็ นฟะดี ละฮฺ บทที ว่ า ด้ ว ยการเข้ม งวดต่ อ ผู ้ที ละทิ3 ง การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ บทที ว่า ด้วยการเตื อ นถึ ง การเป็ นนิ ฟ าก(หน้า ไว้หลัง หลอก) แก่ผทู ้ ีละทิ3งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

171


บททีกล่าวถึงการละหมาดทีเป็ นเรื องหนักทีสุ ดสําหรับ คนมุ นาฟิ ก และการเตื อนเป็ นการนิ ฟ ากแก่ ผูท้ ี ละทิ3 ง การละหมาดอิชาอ์และศุบหฺ ในญะมาอะฮฺ บทที ว่ า ด้ว ยการเข้ม งวดในการละทิ3 ง การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ของหมู่บา้ นหนึ งๆ และการแซกแซง ของชัย ฏอนในตัว ผูท้ ี ละทิ3 ง การละหมาดร่ วมกับ ญะ มาอะฮฺ 3. ความคิดเห็นของ อิมามอิบนุอัล-มุนซีรฺ ความคิดเห็ นของอิบนุ อัล-มุนซิ รฺจะเห็นได้ชดั ในหัวข้อที ท่านกล่ าวในหะดี ษต่างๆ ที มี มาในบท “อัล-อิ มามะฮฺ : การเป็ น ผูน้ าํ ” จากหนังสื อแต่งของท่านทีมีคุณค่ายิงซึ งได้ให้ชือว่า “อัล-เอา สะฏุ ฟิ อัส -สุ นะนิ วะ อัล -อิ จมาอฺ วะ อัล -อิ ค ติ ล าฟ” ในบรรดา หัวข้อทีท่านได้กล่าวถึงมีดงั ต่อไปนี3: 1. การกล่ าวถึ งการเป็ นวาญิ บของการมาละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ ต่อผูท้ ี ตาบอด ถึ งแม้ว่าบ้านเรื อนของเขาจะอยู่ไกล จากมัสญิด และทั3งหมดนี3 แสดงให้เห็ นว่าการมาร่ วมญะมา อะฮฺน3 นั เป็ นวาญิบ ไม่ใช่แค่เป็ นเรื องสุ นนะฮฺ

172

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


2. การกล่ าวถึ งความเข้มงวดต่อการละทิ3งการละหมาดอิ ชาอ์ ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 3. การกล่ า วถึ ง คํา เตื อ นการเป็ นนิ ฟ ากสํ า หรั บ ผู ้ล ะทิ3 ง การ ละหมาดอิชาอ์และศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺและละหมาดทั3ง 2 เวลานี3 คือ การละหมาดทีลําบากและหนักที สุ ดต่อคนมุ นา ฟิ ก หลังจากทีอิบนุ อัล-มุนซี รฺได้อา้ งหะดีษต่างๆทีบ่งชี3 ถึงการ เป็ นฟั รฎุของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ แล้ว ท่านยังกล่าวอีก ว่า: หะดี ษต่างๆ นี3 ทีบ่ งบอกถึ งการเป็ นวาญิ บของการญะมาอะฮฺ สําหรับผูท้ ีไม่มีขอ้ ผ่อนผันใดๆ

4. ความคิดเห็นของอิมามอิบนุหิบบาน ในหนังสื อเศาะฮี หฺของอิ บนุ หิบบานได้ช3 ี อย่างเด่ นชัดใน ความคิดเห็นของท่าน เช่น:

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

173


1. คํากล่ าวของท่านที ว่า: บทที ว่าด้วยการเป็ นฟั รฎุของการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ และเหตุจาํ เป็ นต่างๆ ทีอนุ ญาต ผ่อนผันได้ 2. คํากํากับท้ายหะดีษทีเกี ยวกับอิบนุ อุมมุมกั ตูม ท่านกล่าวว่า: ในคําขอของอิบนุ อุมมุมกั ตูมจากนบี เพือผ่อนผันให้เขา ไม่ตอ้ งมาละหมาดในญะมาอะฮฺ และคํากล่าวของท่านเราะ สู ล ทีว่า: ((เจ้าจงมา)) ถึ งแม้จะอยู่ในสถานการณ์ ทีต้อง คลานมาก็ตาม มันเป็ นหลักฐานทียิงใหญ่นกั ว่า คําสังนี3 เป็ น วาญิ บไม่ใช่ แค่ เรื องสุ นนะฮฺ กล่ าวคื อ หากการมาร่ วมญะ มาอะฮฺ ข องผูท้ ี ได้ยิ น เสี ย งอะซาน ไม่ ใ ช่ เ ป็ นเรื องวาญิ บ แน่นอนท่านนบี จะต้องให้ขอ้ ผ่อนผันแก่เขา เพราะคําขอ นั3นออกจากปากเขาเอง และเป็ นไปไม่ได้ทีจะไม่มีขอ้ ผ่อน ผันทีนอกเหนือจากฟั รฎุ 3. การตั3งหัวข้อของท่านแก่หะดีษของอิบนุ อบั บาส: (ผูใ้ ดได้ ยินเสี ยงอะซานแต่ไม่ขานรับ ...) โดยทีท่านได้ต3 งั หัวข้อว่า: การกล่ าวถึ งหะดี ษทีว่าด้วยหลักฐานที บ่งชัดถึ งการเป็ นวา ญิบในเรื องนี3และไม่ใช่เป็ นแค่เรื องสุ นนะฮฺ 4. คําขยายความของท่านต่อหะดีษอิบนุอุมรั ฺ ทีว่า: หากพวกเรา มิได้เห็นคนใดคนหนึ ง .... ท่านกล่าวว่า: การกล่าวถึงสิ งที 174

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ท่านได้เตือนภัยต่อผูท้ ีพลาดจากญะมาอะฮฺ ในสมัยท่านเราะ สู ล (3) อัล-กอฎีย์อะบูชุญาอฺ อะหฺมัด อิบนุอัล-หะสั น อิบนุอะหฺมัด อัล-อัศบะฮานีย์ ท่านกล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นสุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ (4) อิมาม อัน-นะวะวีย์ ท่านกล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นฟั รฎุ อัยนฺในละหมาด@ุมอะฮฺ ส่ วนในละหมาด ๕ เวลานั3นมีหลายแง่มุม มอง ความคิดเห็นทีใกล้กบั ความถูกต้องทีสุ ด คือ เป็ นฟั รฎุกิ ฟายะฮฺ ความคิ ดเห็ นที ๒ เป็ นเรื องสุ นนะฮฺ ส่ วนความคิ ดเห็ นที ๓ เป็ น ฟั ร ฎุ อั ย นฺ ข้อ คิ ด เห็ น ทั3ง หมดนี3 เป็ นคํา กล่ า วของสหายเรา เฉก เช่ นอิบนุ อลั -มุนซี รฺและอิบนุ คุซัยมะฮฺ มี บางคนกล่ าวว่า: มันเป็ น คําพูดของอิมามอัช-ชาฟิ อียเ์ อง อิ มามอัน-นะวะวียไ์ ด้กล่ าวอย่างชัดแจ้ง ว่า : ผูท้ ี ว่า การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นสุ นนะฮฺ เขาจะหมายถึงว่า: หากเรา กล่ า วว่า มัน เป็ นสุ น นะฮฺ ดัง นั3นจะหมายถึ ง สุ นนะฮฺ มุอัก กะดะฮฺ สหายของเราบางคนกล่ าวว่า: การไม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

175


เป็ นมัก รู ฮฺ (สิ งที ไม่ส่ งเสริ ม ให้ปฏิ บ ตั ิ ) คํา กล่ าวนี3 เป็ นคํา พูดของ ชัยคฺ อะบูหามิดและอิบนุเศาะบาฆฺ และคนอืนๆ (5) อัลลามะฮฺ อิบนุ อัล-กอสิ ม อัล-เฆาะซีย์ ท่านกล่าวว่า: ในบรรดาคําพูดทั3งสี ข้อคิดเห็นทีแข็งแกร่ ง ด้วยหลักฐาน คือ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺเป็ นฟั รฎุกิฟายะฮฺ (6) ชั ยคฺสุลัยมาน อัล-ญะมาล ท่านกล่าวอย่างชัดแจ้งในหมายความของฟั รฎุกิ ฟายะฮฺ วา่ : หากเรากล่ าวว่า การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นฟั รฎุกิ ฟา ยะฮฺ และการปฏิบตั ิจะได้แสดงถึงเอกลักษณ์แห่ งอิสลาม ทีแน่ ๆ ก็ คือ มันเป็ นสุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ อนึง การไม่ปฏิบตั ิน3 นั จะถือว่าเป็ น มักรู ฮฺ ในหนังสื อ “อัล-มินฮาจ@ฺ ” มีกล่าวไว้วา่ : ไม่มีขอ้ ผ่อนผันใน การละทิงการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

สิ2 งทีไ2 ด้ รับจากคําพูดของบรรดาอุลามะอ์ ในมัซฮับอัช-ชาฟิ อีย์

176

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1. อิมามอัช-ชาฟิ อียไ์ ม่ให้ขอ้ ผ่อนผันในการละทิ3งการละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ สําหรับผูท้ ีไม่มีเหตุจาํ เป็ นทีสามารถผ่อน ผันได้ 2. อิ ม ามอัช -ชาฟิ อี ย ์มี ค วามคิ ด เห็ นว่า ให้ สั งเด็ ก ๆ มามัส ญิ ด และละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เพือให้พวกเขาเคยชิน 3. กลุ่มนักรายงานหะดี ษจากมัซฮับอัช-ชาฟิ อีย ์ เช่ น อะบูเษารฺ อิ บ นุ คุ ซัย มะฮฺ อิ บ นุ อัล -มุ น ซี รฺ และอิ บ นุ หิ บ บานมี ค วาม คิ ดเห็ นว่า แท้จริ ง การละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ น3 ันเป็ น ฟั รฎุ อั ย นฺ และมี ค าํ กล่ า วว่า : คํา กล่ า วนี3 เป็ นคํา พูดของอิ มามอัช-ชาฟี อียเ์ อง 4. อิ ม ามอั น -นะวะวี ย ์ แ ล ะบางคนในบรรดาอุ ล ะมาอ์ ของมัซ ฮับ อัช -ชาฟี อี ย ์ มี ค วามคิ ด เห็ น ว่ า การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺเป็ นฟั รฎุกิฟายะฮฺ 5. การทีการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺเป็ นฟั รฎุกิฟายะฮฺ ไม่ได้ หมายถึ ง หากบางคนได้ป ฏิ บ ัติม ัน แล้ว คนอื นจะไม่ ต้อ ง รั บ ภาระอะไรเลย แต่ ท ว่ า มัน เป็ นสุ น นะฮฺ มุ อั ก กะดะฮฺ สําหรับคนอืนๆ ซึ งผูท้ ีปฏิบตั ิมนั จะได้รับผลบุญและผูท้ ีไม่ ปฏิบตั ิมนั จะได้รับบาป 6. ผูท้ ียึดปฏิ บตั ิตามมัซฮับอัช-ชาฟิ อียบ์ างคนมีความคิดเห็ นว่า การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺเป็ นสุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

177


7. ผูใ้ ดจากมัซฮับอัช-ชาฟิ อียท์ ีกล่าวว่าการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺเป็ นสุ นนะฮฺ เขาจะหมายถึงว่ามันเป็ นสุ นนะฮฺ มุอักกะ ดะฮฺ

ภาคที# 4 ความคิดเห็นของบรรดาอ ุละมาอ์ ของมัซฮับหันบะลียใ์ นเรื#องการ ละหมาดญะมาอะฮฺ

4.4.1 คําพูดของอุละมาอ์ ในมัซฮับหันบะลีย์ (1) อิมาม อะหฺมัด ท่านได้กล่ าวถึ งผูท้ ี ไม่ไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ว่า : แท้จริ งผูช้ ายคนนั3นเป็ นคนไม่ดี (2) มุวัฟฟิ กุดดีน อิบนุกุดามะฮฺ (อับดุลลอฮฺ อิบนุอะหฺมัด อิบ นุมุหัมมัด อัล-มัดดิซีย์) ท่านกล่ าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นวาญิ บ สําหรับการละหมาดฟั รฎุ 5 เวลา 178

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


(3) ชั มสุ ดดีน อิบนุอะบูอุมัรฺ กุดามะฮฺ อัล-มักดิสีย์ ท่านได้กล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ นบั เป็ นวา ญิบ สําหรับผูท้ ีบรรลุศาสนภาวะในทุกการละหมาดทีเป็ นฟั รฎุ (4) ชั ยคฺอิบนุตัยมียะฮฺ ท่านได้กล่าวว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮทีปฏิ บตั ิ ในมัสญิ ดเป็ นส่ วนหนึ งของเอกลักษณ์ แห่ งอิสลามที เด่ นชัด และ เป็ นทางนําแห่งอิสลาม ดังทีได้กล่าวในหะดีษทีเศาะฮีหฺซึงอิบนุ มสั อูดได้กล่ าวว่า: แท้จริ งการละหมาดห้าเวลาที ปฏิ บตั ิมาในมัสญิ ด เป็ นส่ วนหนึงของเส้นทางแห่งทางนํา อิบนุ ตยั มียะฮฺ ได้กล่าวอีกว่า: การละหมาดร่ วมกับญะมา อะฮฺ น3 ันเป็ นส่ วนหนึ งของกิ จการที ถู ก กํา ชับ ในศาสนาในทัศนะ ของบรรดามุ ส ลิ ม ทั3ง หลาย และเป็ นฟั รฎุ อั ย นฺ ใ นทัศ นะของชน สะลัฟส่ วนมากและในบรรดาอิมามทีเป็ นนักรายงานหะดีษ เช่น อิ มามอะหฺ มดั อิมามอิสหากและคนอืนๆ รวมถึงบางกลุ่มจากผูท้ ียึด ปฏิ บตั ิ ตามอิ มามอัช-ชาฟิ อีย ์ และเป็ นฟั รฎุกิ ฟายะฮฺ ในทัศนะของ อีกกลุ่มหนึงจากผูท้ ียึดปฏิบตั ิตามอิมามอัช-ชาฟิ อีย ์ ผูท้ ีไม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นประจําถือว่าเป็ นคน ไม่ดี ทุกคนจะต้องคัดค้านและห้ามปรามเขาจากการไม่ปฏิ บตั ิใน พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

179


เรื องดังกล่าวนี3 มิหนําซํ3าเขาจะถูกลงโทษและคําสักขีพยานของเขา จะถูกปฏิเสธ ถึงแม้วา่ จะมีคนกล่าวว่า: มันเป็ นสุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ ก็ตาม มี คนถามอิ บนุ ตยั มี ยะฮฺ เกี ยวกับผูท้ ี อาศัย ใกล้มสั ญิ ดและ เขาไม่มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยอ้างว่าติดธุ ระทีร้านค้าของ เขา ท่านได้ตอบว่า: บรรดาสรรเสริ ญมีแด่อลั ลอฮฺ เขาต้องถูก สั งให้ล ะหมาดพร้ อมกับ มุ ส ลิ มี น หากเขายัง ฝื นไม่ ล ะหมาดเขา จะต้อ งถู ก สั งให้เ ตาบะฮฺ ( กลับ ตัว ) หากเขาได้ก ลับ ตัว แล้ว ก็ ใ ห้ ปล่อยเขาไป แต่ถา้ หากเขายังไม่กลับตัวให้ฆ่าเขาเสี ยเถิด และถ้ารู ้ ว่าเขาเป็ นคนไม่สนใจและละเลยการละหมาด เราจะรับคําพูดของ เขาทีว่า: “หากข้าพเจ้าว่างแล้วข้าพเจ้าจะละหมาด” ไม่ได้ มิหนําซํ3า หากรู ้ ว่า เขาโกหกเราจะรั บ คํา พูด ของเขาไม่ ไ ด้ และเขาจะต้อ ง ปฏิ บตั ิ ตามทีอัลลอฮฺ และท่านเราะสู ล สังเท่านั3น (นันคื อ เขาต้องไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ) (5) อิมามอิบนุอัล-ก็อยยิม อัล-เญาซียะฮฺ ท่ า นได้ ช3 ี แจงคํา กล่ า วของบรรดาอุ ล ะมาอ์ เ กี ยวกั บ บทบัญญัติที ว่าการละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ว่า : ผ◌ู ◌้ ทีออก ความเห็ นว่า เป็ นวาญิ บ มีอะฏออ์ อิบนุ อะบูเราะบาหฺ อัล-หะสัน อัล-บัศรี ย ์ อะบูอมั รฺ อัล-เอาซาอี ย ์ อะบู เษารฺ อิ มามอะหฺ มดั และอิ 180

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


มามอัช -ชาฟิ อี ย ์ซึ งท่ า นได้บ ันทึ ก ในหนัง สื อ “มุ ค ตะศ็ อร อัล -มุ ซะนีย”์ ท่านอิ บ นุ อลั -ก็ อยยิมยังกล่ า วอี ก ว่า : ผูท้ ี กล่ าวว่า วาญิ บ มี ความคิดเห็นทีแตกต่างกันใน ๒ ทัศนะ: 1. การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นฟั รฎุซึ งผูท้ ีไม่ปฏิบตั ิ จะได้รับบาป และเขาจะไม่ได้รับการคุ ม้ ครองของอัลลอฮฺ เนื องจากการละหมาดลํา พังคนเดี ย ว ข้อคิ ดเห็ นนี3 เป็ น ความคิ ดของชนยุคหลังส่ วนมากจากผูท้ ี ยึดตามอิมามอะหฺ มัด 2. อะบูหะสัน อัซ-ซะอฺ ฟะรอนี ยไ์ ด้กล่ าวถึ งในหนังสื อ “อัลอิ ก นาอฺ ” ว่า : การละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ เ ป็ นเงื อนไข หนึงของการละหมาดทีถูกต้อง ดังนั3น ผูท้ ีละหมาดลําพังคน เดี ยว การละหมาดของเขาไม่ถู กต้อง อะบูอลั -วะฟาอ์ อิ บ นุ อะกีลและอะบู อัล-หะสันอัต-ตะมีมียก์ ็เลื อกความคิดเห็ น นี3 เช่ น กัน ส่ วนอิ บ นุ หิ ซ มฺ อัซ -ซอฮฺ รีย ์ไ ด้ก ล่ า วว่า : นี คื อ ความคิดเห็นของสหายทังหลายในมัซฮับของเรา ส่ วนความคิดเห็ นของอิมามอิบนุ อัล-ก็อยยิมเอง เกียวกับ เรื องการละหมาดร่ วมญะมาอะฮฺ จะเด่นชัดในหนังสื อของเขา เช่ น ท่านได้ก ล่ าวว่า: “เป็ นหะรอมสําหรั บมุ ฟตี ย ์ทีออกความเห็ นที พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

181


ขัด แย้ง กั บ ตัว บทของชะรี อะฮฺ ถึ ง แม้ ว่ า ความคิ ด เห็ น นั3 นจะ สอดคล้องกับมัซฮับของเขาก็ตาม” แล้วท่านก็ยกตัวอย่างดังกล่าว มี คนถามว่า ผูท้ ี ไม่มีกิจธุ ระและเหตุ จาํ เป็ นที อนุ ญาตได้จะได้รับ การผ่อนผันในการละทิ3งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ไหม? ท่าน ตอบว่า: ได้ สําหรับเขามีการผ่อนผันให้ ทั3งๆ ทีเราะสู ล กล่าว ว่า: ข้าพเจ้าไม่มีการผ่อนผันสําหรับเจ้า (นันคือ อิบนุ อุมมุมกั ตูม) อิบนุอลั -ก็อยยิมได้กล่าวอีกว่า: ตามทีพวกเราได้ศรัทธากับอัลลอฮฺ ในการทีไม่อนุ ญาตสําหรับคนใดคนหนึ งทีจะไม่มาละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺในมัสญิด นอกจากผูท้ ีมีเหตุจาํ เป็ นและกิจธุ ระที สามารถผ่อ นผัน ได้ และอัล ลอฮฺ เท่ า นั3น ผูท้ รงรอบรู ้ สิ งที ถูกต้อง อิ บ นุ อลั -ก็ อยยิม ได้ก ล่ า วอี ก ว่า : ผูใ้ ดที สั ง เกตอัล -หะดี ษ อย่างรอบคอบ เขาจะประจักษ์ว่าการละหมาดในมัสญิ ดนั3นเป็ น ฟั รฎุอัยนฺต่อทุกคนนอกเสี ยจากว่ามีเรื องทีกีดกั3นเขาจนไม่สามารถ มาละหมาด@ุ ม อะฮฺ และญะมาอะฮฺ ได้ ดังนั3น ผูใ้ ดที ไม่ ละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ทีมัสญิดโดยไม่มีกิจธุ ระอันใดเหมือนกับว่าเขา ได้ล ะทิ3 ง ญะมาอะฮฺ โดยปราศจากเหตุ จาํ เป็ นใดๆ และอิ บ นุ อลั ก็ อ ยยิ ม ได้ อ อกความคิ ด เห็ น ว่ า แท้จ ริ งอัน ญะมาอะฮฺ น3 ัน เป็ น เงือนไขหนึงของการละหมาดทีถูกต้อง 182

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


4.4.2 สิ2 ง ที2 ไ ด้ รั บ ประโยชน์ จากคํ า กล่ า วของบรรดาอุ ล ะมาอ์ ในมัซฮับหันบะลีย์ 1. อิมามอะหฺ มดั ได้ขนานนามผูท้ ีไม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ว่าเป็ น “คนไม่ดี” 2. หลัก ฐานต่ า งๆ จากคํา พู ด ของอิ ม ามอะหฺ ม ัด ได้ ช3 ี ชั ด ว่ า ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นวาญิ บสําหรับทุกคน ผูท้ ีไม่ ปฏิ บตั ิจะได้รับบาป และญะมาอะฮฺ น3 นั ไม่ใช่ เป็ นเงื อนไขที ทําให้การละหมาดสมบูรณ์ 3. มี ส ายรายงานอื นจากอิ ม ามอะหฺ ม ดั ว่า ญะมาอะฮฺ น3 ัน เป็ น เงือนไขหนึงทีทําให้การละหมาดสมบูรณ์ 4. เป็ นการวาญิ บทีจะต้องละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เว้นแต่มี เหตุจาํ เป็ นและกิจธุ ระทีสามารถผ่อนผันได้ 5. เป็ นทีต้องห้ามสําหรับผูพ้ ิพากษาที จะผ่อนผันให้กบั คนใด คนหนึงละทิ3งญะมาอะฮฺโดยปราศจากกิจธุ ระ 6. ผูท้ ี อาศัย อยู่ใกล้กบั มัสญิ ดต้องละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในมัสญิด 7. ผูท้ ีละทิ3งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นประจํา จําเป็ นที เราจะต้อ งคัด ค้า นและห้า มปรามเขาจากการไม่ ล ะหมาด พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

183


ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ และต้อ งลงโทษเขาและการเป็ นสั ก ขี พยานของเขาจะไม่ถูกรับ 8. นักปกครองของมุสลิ มจะต้องประกาศรบกับผูท้ ี ละทิ3งการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ

ภาคที# 5 ความคิดเห็นของพวกอัซ-ซอฮิรี ยะฮฺ ในเรื#องการละหมาดญะมาอะฮฺ

4.5.1 ความคิดเห็นของอิมามอิบนุหัซมฺ อิมามอิบนุหซั มฺ อัซ-ซอฮิรียไ์ ด้กล่าวว่า: การละหมาดฟั รฎุ ของแต่ ล ะคนไม่ เ ป็ นที ยอมรั บ หากเขาได้ยินเสี ย งอะซานให้ไ ป ละหมาดนอกเสี ย จากว่าเขาจะต้องละหมาดที มัสญิ ดพร้ อมกับ อิ มาม หากเขาแกล้งละทิ3งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยไม่มี กิจธุ ระทีสามารถเป็ นทีผ่อนผันได้ ละหมาดของเขานับว่าไม่ถูกรับ (บาฏิ ล) และหากเขาไม่ได้ยินเสี ยงอะซาน เขาต้องละหมาดพร้อม กับ ญะมาอะฮฺ เหมื อนกันพร้ อมกับ อี ก คนหรื อมากกว่า ถ้า เขาไม่ 184

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


สามารถปฏิ บตั ิ ดงั กล่ าว ละหมาดของเขาตามลําพังไม่นับว่าเป็ น การละหมาดทียอมรับได้ ยกเว้นหากเขาไม่มีใครทีจะมาละหมาด พร้อมกับเขา ในกรณี น3 ีการละหมาดของเขาจะถูกรับ นอกจากผูท้ ีมี กิ จ ธุ ร ะที ผ่ อ นผัน ได้ ในกรณี น3 ี เขาไม่ ต้อ งละหมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺก็ได้ 4.5.2 สิ2 งทีไ2 ด้ รับจากถ้ อยคําของอิมามอิบนุหัซมฺ 1. การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นฟั รฎุอัยนฺ สําหรับผูช้ าย ทุกคน 2. การปฏิบตั ิในลักษณะร่ วมกันนั3นเป็ นเงือนไขหนึ งทีทําให้ การละหมาดถูกต้อง อนึ ง การละหมาดของคนหนึ งจะไม่ ถูกต้องถ้าไม่ปฏิ บตั ิ ร่วมกับญะมาอะฮฺ นอกเสี ยจากมี กิจ ธุ ระทีผ่อนผันได้ สิ งทีได้กล่าวมาข้างต้นนี3เป็ นความคิดของอิมามดาวูด อัซซอฮิรียเ์ ช่ นกัน อิมามอัน-นะวาวียไ์ ด้กล่าวว่า: ดาวูดได้กล่าวว่า: อันญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นฟั รฎุอัยนฺ ต่อทุกคนและเป็ นเงื อนไขหนึ งใน การละหมาดทีถูกต้องและสมบูรณ์

ภาคที# 6 พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

185


ความคิดเห็นของผูท้ รงค ุณว ุฒิ แห่งประชาชาตินีในเรือ# งการ ละหมาดญะมาอะฮฺ 4.6.1 คํากล่ าวของผู้ทรงคุณวุฒิแห่ งประชาชาตินี;บางคนเกี2ยวกับ การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ (1) อิมามอิบรอฮิม อัน-นะเคาะอีย์ อิมามอิบนุหซั มฺ ได้รายงานจากอิมามอิบรอฮิม อัน-นะเคาะ อี ย ์ว่า : ท่ า นไม่ ผ่อ นผัน ให้ล ะทิ3 ง การละหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ นอกเสี ยจากผูป้ ่ วยหรื อผูห้ วาดกลัว ท่า นไม่ไ ด้แยกแยะระหว่างผูเ้ ดิ นทางและผูท้ ี อยู่บ ้านใน การเป็ นวาญิบของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ (2) อิมามอะฏออ์ อิบนุอะบู เราะบาหฺ อิมามอับดุลรอซซากได้รายงานจากอะฏออ์วา่ สิ ทธิ ทีเป็ น วาญิบทีควรปฏิบตั ิและไม่มีสิงอืนใดทีจะแทนทีมันได้ คือ หากได้ ยินอะซานแล้วให้ไปละหมาด

186

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ท่านได้กล่าวอีกว่า: ตามสายรายงานจากอิบนุ @ุร็อยจฺ @ฺว่า ในบรรดามนุ ษ ย์ทีถู กสร้ า งทุ ก คนไม่ว่า ในเมื องหรื อชนบท ไม่ มี การผ่อนผันทีจะละทิ3งการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ (3) อิมามอัล-หะสั น อัล-บัศรี ย์ อิมามอัล-บุ คอรี ยไ์ ด้รายงานจากอัล-หะสันอัล-บัศรี ยว์ ่า: ถ้าหากมารดาของเขาห้ามเขาไปละหมาดอิชาอ์ร่วมกับญะมาอะฮฺ ด้วยความรู ้สึกสงสาร เขาไม่ควรทีจะเชือฟังนาง อัล-หาฟิ ซอิบนุ หะญัรฺได้คดั ลอกจากหนังสื อ “อัศ-ศิยาม” ของอัล-หุ สัยนฺ อิบนุ อลั -หะสัน อัล-มัรฺวะซี ย ์ จากอัล-หะสันซึ งได้ กล่าวถึงชายทีถือศีลอดทีไม่ใช่ฟัรฎุ แล้วมารดาของเขาสังให้เขาละ ศี ล อด อัล-หะสั นมี ความคิ ดเห็ นว่า : ให้เขาละศี ล อดและไม่ ต้อง เกาะฏออ์ (การถือศีลอดแทนในวันอืน) เขาจะได้ผลบุญจากการถือ ศีลอดและผลบุญของการทําดี(เชือฟัง) ต่อมารดา มี ค นถามว่ า : แล้ ว ถ้ า มารดาของเขาห้ า มเขาจากการ ละหมาดอิชาอ์ร่วมกับญะมาอะฮฺละ? อัล-หะสันตอบว่า: นางไม่มีสิทธิ ◌์ทาํ เช่นนี3 เพราะนี เป็ น ฟั รฎุ

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

187


(4) อิมามอัล-เอาซาอีย์ อิ ม ามอั ล -เอาซาอี ย ์ มี ค วามคิ ด เห็ น ว่ า : อั น ละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ น3 นั เป็ นฟั รฎุอัยนฺ ต่อทุกคน และอิมามอิบนุ อัลมุนซิ รฺได้รายงานจากท่านว่า ไม่ใช่เป็ นการเชื อฟั งต่อบิดามารดาใน การละทิ3ง@ุ มอะฮฺ และละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ไม่ว่าเขาจะได้ ยินหรื อไม่ได้ยนิ เสี ยงอะซานก็ตาม (5) อิมามอัล-บุคอรี ย์ ท่านได้เขียนในหนังสื อ “เศาะฮีหฺ” ของท่านในหัวข้อทีว่า ด้วยการวาญิบของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ อัล-หาฟิ ซอิบนุ หะญัรฺได้เสริ มว่า: เฉกเช่นนี3 เป็ นการชี ขาด ในบทบัญญัติในเรื องนี3เหมือนกับว่ามันเป็ นหลักฐานทีแข็งแกร◌่ง ทีเขามีมา แต่การกล่าวว่า “วาญิบ” นั3นจะรวมถึง วาญิบอัยนฺ หรื อวา ญิ บ กิ ฟ ายะฮฺ แต่ ท ว่ า หลั ก ฐานที อั ล -หะสั น ได้ ก ล่ า วถึ ง นั3 น เหมือนกับว่า ท่านจะหมายถึง เป็ นวาญิบอัยนฺ เพราะตามปกติของ ท่ า นแล้ว ท่ า นจะใช้ห ลัก ฐานต่ า งๆ ในการชี3 แจง เพิ มเติ ม และ เจาะจงสิ งทีมีเรื องอืนมารองรับในหะดีษแต่ละหัวข้อเรื อง

188

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


4.6.2 สิ2 งทีไ2 ด้ รับจากคํากล่ าวของผู้ทรงคุณวุฒิแห่ งประชาชาตินี; 1. ไม่ มี ก ารผ่อ นผัน ในเรื องการละทิ3 ง ละหมาดร่ วมกับ ญะ มาอะฮฺ เว้นแต่ผปู ้ ่ วยหรื อผูท้ ีหวาดกลัว 2. ไม่มีขอ้ แตกต่างในการวาญิบของการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺระหว่างผูเ้ ดินทางและผูท้ ีอยูท่ ีบ้าน 3. ผูท้ ีอาศัยในเมืองหรื อชนบทจะมีสถานะทีเท่าเทียมกันใน การวาญิบของการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 4. ไม่เป็ นการเชือฟังต่อบิดามารดาในการละทิ3งญะมาอะฮฺ หลังจากที กล่ าวมาทั3งหมดนี3 จะมี อีกหรื อที คนๆ หนึ งจะ ไม่ ม าละหมาดร่ วมกั บ ญะมาอะฮฺ โดยอ้ า งว่ า การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺในทัศนะของมหาชนผูท้ รงคุณวุฒิในประชาชาติ นี3 ว่าเป็ นสุ นนะฮฺ ซึ งผูป้ ฏิ บตั ิ จะได้รับผลบุ ญและผูไ้ ม่ปฏิ บตั ิ (ไม่ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ) จะได้รับบาป ﴾ βŸ∼ΞΩ→ Ω Σ∑Ω Ω⊗∧ς♥Π √≅… ς⊆<√ςΚ… ςΚ… ˆ } <∏ΤΩ ∈ ΙΣς√ Ω⇐†ς ⇑Ω∧Ψ√  υ ≤Ω <Ψϒς√ ∠ ð Ψυ√ς′ ℑ ΘΩ⇐ΜΞ… ﴿ (สูเราะฮฺกอฟ อายะฮฺที. ๓๗)

ความว่า: แท้ จริ งในการนั/น แน่ นอนย่ อมเป็ นข้ อตักเตือน แก่ ผ้ มู ีหัวใจ หรื อรั บฟั ง (แล้ วนําไปคิ ดพิจารณาเพือความ เข้ าใจ)โดยที เขามีความตั/งใจจริ ง พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

189


บทสรุป ขอสรรเสริ ญต่ออัลลอฮฺ ผูท้ รงกรุ ณาธิ คุณทีทําให้การ วิจยั ครั3 งนี3 สําเร็ จลุ ล่วงไปด้วยดี ข้าพเจ้าหวังในความโปรดปราน และความกรุ ณาธิ คุณของพระองค์ขอให้พระองค์รับการงานนี3 ไว้ ในบทสรุ ปนี3มีขอ้ สรุ ปหลายประการดังต่อไปนี3 1. แท้จริ งการละกมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ มีผลบุญและสิ งตอบ แทนที ใหญ่ หลวง ผลบุ ญนี3 เริ มตั3ง แต่ ย งั ไม่ ไ ด้ป ฏิ บ ัติก าร ละหมาดเสี ยอีก กล่าวคือ ความผูกพันของหัวใจกับมัสญิด การเดิ น สู่ ม ั ส ญิ ด เพื อการละหมาดร่ วมกั บ ญะมาอะฮฺ จนกระทังบ่าวเสร็ จสิ3 นจากการละหมาด และผลบุญยังไม่ เพียงพอแค่น3 ี แต่ว่ามันยังคงต่อเนื องจนกว่าผูล้ ะหมาดถึ ง บ้านของเขา 2. การปฏิบตั ิละหมาดฟั รฎุ ๕ เวลาร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นส่ วน หนึ งของการอิบาดะฮฺ ทีอิสลามได้กาํ ชับไว้อย่างหนักแน่ น อัลลอฮฺ ทรงกําชับให้ปฏิ บตั ิในทุกสถานการณ์ จนกระ ทั3งในยามหวาดกลัวก็ตามและพระองค์ได้แจ้งถึ งผลร้ ายที 190

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


จะตามมาสําหรับผูท้ ีไม่ตอบรับเสี ยงอะซานให้ไปละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ทีมัสญิด ท่านเราะสู ล ก็ได้กาํ ชับเฉก เช่นนี3เหมือนกันดังต่อไปนี3 - ท่านห้ามออกจากมัสญิ ดหลังจากได้ยินเสี ยงอะซาน แล้ว - ท่านไม่ผ่อนผันให้คนตาบอดพลาดจากการละหมาด ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ถึ ง แม้ว่า เขาจะมี ส าเหตุ ต่า งๆ ที สามารถผ่อนผันได้ - ท่ า นยัง ได้ ป ระกาศกฏหุ ก มว่ า ไม่ นั บ ว่ า เป็ นการ ละหมาดสําหรับผูท้ ีไม่มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ทั3งๆ ทีไม่มีกิจธุ ระทีทางชะรี อะฮฺอนุญาตได้ - ท่า นได้ช3 ี แจงอี ก ว่า การไม่ ร่วมละหมาดร่ วมกับ ญะ มาอะฮฺเป็ นส่ วนหนึงของสัญลักษณ์ของคนมุนาฟิ ก - ชั ย ฏอนจะควบคุ มหมู่ ช นที ไม่ มี ก ารละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ - ท่านได้ยืนยันกับการโกรธของอัลลอฮฺ ต่อผูท้ ีไม่ มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ จนกระทังท่านเราะสู ล ได้ เ จตนาที จะเผาบ้า นของผู ้ที ไม่ ม าละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺทีมัสญิด พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

191


3. ท่ า นเราะสู ล ได้ ใ ห้ ค วามสํ า คั ญ กั บ การละหมาด ร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ยิ งนัก จะเห็ น ได้ชัด ในขณะที ท่ า นได้ ปฏิบตั ิการละหมาดญะมาอะฮฺในยามสงครามทีกําลังดุเดือด และท่านยังพยายามทีจะออกไปละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในขณะทีท่านกําลังป่ วยหนักมาก 4. ชนในยุคสะลัฟแห่งประชาชาติน3 ีได้ให้ความสําคัญกับการ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ จะเห็นได้จากสภาพการณ์ของ พวกเขาทีบ่งบอกถึงเรื องนี3 ไม่วา่ ในยามคับขันและในยาม สุ ขสบาย ในยามสุ ขภาพดี และในยามเจ็บป่ วย ในการเชื3 อ เชิ ญ ของพวกเขาให้ ป ฏิ บ ัติ ใ นเรื องนี3 และบรรดานั ก ปกครองยุ ค แรกได้ ใ ห้ ค วามสํ า คั ญ กั บ การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 5. ข้อ สรุ ป เกี ยวกับ หุ กุ ม การละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ ดังต่อไปนี3 5.1 บางกลุ่ ม จากมัซ ฮับ มาลิ กี ย ์มี ค วามเห็ นว่า มัน เป็ นเรื อง “สุ นนะฮฺ ” (กิ จ อาสา) และอี ก กลุ่ ม จากพวกเขามี ความเห็นว่ามันเป็ นเรื อง “สุ นนะฮฺ มอุ ักกะดะฮฺ ” 5.2 อุละมาอ์ในมัซฮับหะนะฟี ย์ได้ลงมติเป็ นเอกฉันท์วา่ ไม่ อนุ ญาตให้ละทิ3งการละมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยไม่มี สาเหตุ ที ผ่ อ นผัน ได้ และผู ้ที ไม่ ป ฏิ บ ั ติ ก ารละมาด 192

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยไม่มีสาเหตุทีผ่อนผันได้จะได้รับ บาป ส่ วนบรรดาอุ ละมาอ์คนอื นต่า งมี ความเห็ นว่ามัน เป็ นเรื อง “วาญิบ” บางคนในกลุ่มนี3 ได้ให้นาม “วาญิบ”นี3 ว่า “สุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ ” แต่พวกเขาได้อธิ บายสิ งทีได้ กล่าวถึ ง “สุ นนะฮฺ มุอักกะดะฮฺ ” นี3 เหมือนกับการอธิ บาย ของการเป็ น “วาญิ บ” ไม่ มี ผิด ข้อแตกต่ างอยู่ทีการให้ นามเท่านั3น ไม่ ได้เกี ยวกับข้อเท็จจริ งของการเป็ น “วา ญิบ” เลย 5.3 อิ ม ามอั ช -ชาฟิ อี ย ์ ไ ม่ อ นุ ญ าตให้ ล ะทิ3 ง การละมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ โดยไม่มีสาเหตุทีผ่อนผันได้ อุละมาอ์ ในมัซฮับอัช-ชาฟิ อียม์ ีความคิดเห็นทีแตกต่างกันในเรื อง การให้ น ามของการเป็ น “วาญิ บ ” บางคนให้ น ามว่ า “ฟั รฎุอัยนฺ ” บางคนให้นามว่า “ฟั รฎุกิ ฟายะฮฺ ” บางคน ให้น ามว่า “สุ น นะฮฺ มุ อัก กะดะฮฺ ” แต่ พ วกเขาต่ า งเห็ น พ้อ งต้อ งกัน ว่ า : ผู ้ที ไม่ ป ฏิ บ ัติ ก ารละมาดร่ ว มกับ ญะ มาอะฮฺโดยไม่มีสาเหตุทีผ่อนผันได้จะได้รับบาป 5.4 การรายงานบทหลักฐานจากคําพูดของอิมามอะหฺ มดั ว่า การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ น “วาญิ บ” ต่อทุกคน ไม่ ใ ช่ แค่ เป็ นเงื อนไขในการละหมาดที ถู ก ต้องเท่ า นั3น พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

193


บางกลุ่ ม จากอุ ล ะมาอ์ ใ นมัซ ฮับ หั น บะลี ย ์ว่ า มัน เป็ น เงือนไขในการละหมาดทีถูกต้องเช่นกัน 5.5 อุ ล ะมาอ์ ใ นมัซ ฮับ อัซ -ซอฮิ รี ย ์มี ค วามเห็ น ว่ า มัน เป็ น “ฟั รฎุอั ย นฺ ” และเป็ นเงื อนไขในการละหมาดที ถู กต้อง ด้วย 5.6 บรรดาอุ ล ะมาอ์แห่ ง ประชาชาติ น3 ี ไ ด้มี ค วามเห็ นว่า ไม่ อนุ ญาตให้ละทิ3งงการละมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ นอกเสี ย จากผูป้ ่ วยหรื อผูท้ ีหวาดกลัวจากการบุกรุ กของศัตรู ไม่มี ข้อแตกต่างในการเป็ นวาญิ บระหว่างผูเ้ ดินทางกับผูท้ ีอยู่ ในพื3นที และระหว่างผูท้ ีอยู่ในเมืองกับผูท้ ี อยู่ในชนบท บางคนได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าไม่จาํ เป็ นต้องเชื อฟั งบิดา มารดาในกรณี ที ทั3 งส องสั งห้ า มไม่ ใ ห้ ล ะ หมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในโอกาสนี3 ผูเ้ ขียนใคร่ ขอจากบรรดามุสลิมทีอยูใ่ นทุกมุม โลกให้รักษามันกับการละหมาดฟั รฎุ ๕ เวลาร่ วมกับญะมาอะฮฺ เหมือนกับท่านเราะสู ล ผูเ้ ป็ นทีรักยิงและบรรดาชนยุคสะลัฟได้ รั กษามันกับเรื องนี3 และผูเ้ ขี ยนใคร่ ข อจากนักปกครองมุ สลิ มให้ ความสํา คัญกับ การละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ เ หมื อ นกับ ที นัก ปกครองในยุคแรกให้ความสําคัญกับเรื องนี3 ขอให้อลั ลอฮฺ จง 194

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ประทานความจําเริ ญแก่เราทุกคนในสิ งทีพระองค์ทรงรักและพึง พระทัย แท้จริ ง พระองค์คื อ ผูท้ รงได้ยิน และผูท้ รงตอบรั บ และ ขอให้อลั ลอฮฺ ประทานความสันติสุขจงมีแด่ท่านนบีมุหมั มัด วงค์ ต ระกู ล บรรดาเศาะหาบะฮฺ แ ละผูต้ ิ ด ตามท่ า น สุ ด ท้า ย บรรดาสรรเสริ ญ เป็ นกรรมสิ ท ธิE ของอัล ลอฮฺ ผูเ้ ป็ นเจ้า แห่ ง สากลโลก

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

195


ใต้ ร่มเงาแห่ งมัสญิด จงหันความประสงค์ ของหั วใจ สู่ร่มเงาแห่ งมัสญิดอันสถาน รอยการเดิน บนหนทาง ของอีมาน เท่ าจํานวน รอยก้ าว การเดินทาง เจตนา รมณ์ เร่ าร้ อน เริ มประสาน เปิ ดทางใจ สถิต สุขร่ มเย็น ผู้กราบ ทาบหน้ าผาก อย่ างถ่ อมตน เปี ยมความหวาน ซึ /งตรึ ง ใจไม่ สร่ าง เสี ยงวิงวอน จากฤทัย อย่ างสุดซึ /ง ความยินดี และความ พึงพระทัย เสี ยงดุอาอ์ นีใ/ คร่ ความปรานี บ่ าวผู้หวัง ผิงตัวสู่ ขอบฟ้ าไกล คําขอพร แอบแฝงร้ อยปรารถนา ดลใจบ่ าว ให้ หลีกเลียง สิ งอธรรม จากหั วใจ ผู้สาํ นึก อย่ างตระหนัก ปรารถนา ลกโทษ และสงสาร ดุจการเดิน ของเขา ทีเปล่ าเปลียว สาส์ นนบี ส่ องทาง เพือพิชิด มวลมนุษย์ มาเถิดมา เสริ มกําลัง ที แอบแฝง ในมัสญิด ฝ่ าข้ ามไป

กับทรวงในที เต็มด้ วยอุดมการณ์ แสงอีมาน ช่ วยส่ อง ชี น/ าํ ทาง ช่ วยฉี กม่ าน มลทิ น ถูกลบล้ าง พลาดผิดหลง คงไม่ มีให้ เห็น ดังสัญญาน การดลใจ ที ซ่ อนเร้ น กับอิสลาม ที สาดส่ อง ทางสว่ าง หวังดลใ จฮิ ดายะฮฺ ชี น/ าํ ทาง โปรดตอบรั บโอ้ ผ้ ูทรงเกรี ยงไกร คิดถึงความ เมตตา และอภัย ความหวังนี / เต็มปรี ในหั วใจ จากผู้ทรง เอือ/ อารี ยืนมือให้ พเนจร ตามเส้ นทาง คุณธรรม ชวนประชา ชาติหวลสู่ สัจธรรม ในวันรุ่ ง ของพรุ่ งนี / ที ยาวนาน เคยทลัก ด้ วยมลทิน มายามาร อภัยเถิด บ่ าวนี / สํานึกผิด แต่ แลเหลียว เล็งมอง อย่ างพินิจ ความมืดมิด ของดวงตา แห่ งฤทัย พลังความ เป็ นหนึง ดุจเขาใหญ่ สู่ใต้ ร่ม รั ศมี แห่ งอีมาน อาศิ ม อาลชะรี ฟ

196

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

197


สารบัญ บทที# 1 ความประเสริฐของการละหมาดร่วมกับญะมาอะฮฺ ความนํา 8 1.1 หัวใจทีผูกเหนียวกับมัสญิดจะอยูใ่ ต้ร่มเงาแห่งอัลลอฮฺ ในวันกิยามะฮฺ 10 1.2 ความประเสริ ฐของการเดินสู่ มสั ญิดเพือการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ 13 1.2.1 รอยย่างก้าวของผูท้ ีเดินไปมัสญิดจะถูกบันทึกไว้ 15 1.2.2 การถกเถียงของชนที อยู่บนฟากฟ้ าในการบันทึ กผลบุ ญ ของการเดินสู่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 19 1.2.3 การเดิ น สู่ ก ารละหมาดร่ ว มกับ ญะมาอะฮฺ เ ป็ นสาเหตุ ประการหนึ งในการได้รับประกันการดํารงชี พและการ ตายด้วยดี 20 1.2.4 การเดินสู่ ละหมาดญะมาอะฮฺ เป็ นสาเหตุหนึ งของการลบ ล้างรอยมลทินและการยกระดับแห่งผลบุญ 21 1.2.5 ผลบุญของผูท้ ี ออกไปสู่ มสั ญิดในสภาพสะอาดด้วยวุฎูอ์ เหมือนกับผลบุญของผูท้ ีอยู่ในชุดอิหฺรอมเพือทําอิบาดะฮฺ หัจญ์ 24 1.2.6 อัลลอฮฺ จะเป็ นผูป้ ระกันผูท้ ีออกไปมัสญิด 25 198

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


ผูท้ ีออกไปมัสญิดเพือทําการละหมาดจะอยูใ่ นสภาพ การละหมาดจนกว่าเขาจะกลับถึงบ้าน 27 1.2.8 ข่าวดีสาํ หรับผูท้ ีเดินไปมัสญิดในยามมืดมิดด้วยแสงรัศมี ทีสมบูรณ์ในวันกิยามะฮฺ 29 1.2.9 การเตรี ยมพร้อมที พํานักในสรวงสวรรค์สําหรับผูท้ ี เดิ น ไปมัสญิดในยามเช้าและยามเย็น 31 1.3 ผูท้ ีเยือนมัสญิด คือ ผูท้ ีมาเยียมเยียนอัลลอฮฺ 32 1.4 อัล ลอฮฺ ทรงปิ ติ ยิ น ดี กับ บ่ า วที เยื อ นมัส ญิ ด เพื อทํา การ ละหมาด 34 1.5 ความประเสริ ฐของการรอคอยการละหมาด 35 1.6 ความประเสริ ฐของแถวแรก 36 1.6.1 แถวแรกเหมือนกับแถวของมลาอิกะฮฺ 38 1.6.2 การสรรเสริ ญของอัลลอฮฺ และมลาอิกะฮฺ แก่ผทู ้ ีอยู่ แถวแรก 39 1.6.3 คําขอพรของท่านนบี แก่ผทู ้ ีอยูแ่ ถวแรกและแถวทีสอง 41 1.7 ความประเสริ ฐของแถวซี กขวา 42 1.8 อัลลอฮฺ ทรงชอบการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 43 1.9 ความประเสริ ฐของการกล่าว "อามีน" พร้อมกับอิมาม 43 1.10 การอภัยต่ อความผิ ดสําหรั บผูล้ ะหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ หลังจากทําวุฎูอ์อย่างสมบูรณ์แบบ 45 1.2.7

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

199


1.11 การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ มีความความประเสริ ฐกว่า การละหมาดคนเดียว 46 1.12 การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ จะปกป้ องบ่าวจากมารร้าย ชัยฏอน 51 1.13 เพิมความประเสริ ฐการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ ดว้ ยการ เพิมจํานวนผูล้ ะหมาด 52 1.14 การปลอดพ้นจาก 2 สิ งสําหรับผูล้ ะหมาดที ทันตักบี รฺแรก พร้อมอิมาม 40 วัน 54 1.15 ความประเสริ ฐของการละหมาดอิชาอ์ ศุบหฺ และอัศรฺ ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 56 1.15.1 ละหมาดอิชาอ์ในญะมาอะฮฺเหมือนกับละหมาดกิยามครึ ง คื น และละหมาดศุ บ หฺ ร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ เ หมื อ นกั บ ละหมาดกิยามทั3งคืน 57 1.15.2 มลาอิกะฮฺจะเดินเป็ นเพือนผูท้ ีเดินไปสู่มสั ญิดเป็ นคนแรก 60 1.15.3 การละหมาดฟั ญรฺ พร้ อมกับญะมาอะฮฺ จะถูกบันทึ กใน แบบฉบับการละหมาดของคนดี และผูล้ ะหมาดจะรวมอยู่ ในคณะแขกของอัลลอฮฺ 62 1.15.4 ผูท้ ีละหมาดศุบหฺ พร้อมกับญะมาอะฮฺ จะอยูใ่ นความดูแล ของอัลลอฮฺ 63 1.15.5 ผูท้ ี ละหมาดศุ บหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ จะได้รับผลบุ ญของ การประกอบอิบาดะฮฺหจั ญ์และอุมเราะฮฺ 65 200

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


1.15.6 การประชุ มของบรรดามลาอิ ก ะฮฺ ทีถู กมอบหมายใน กลางคื นและกลางวันในเวลาศุบหฺ และอัศรฺ และการขอ อภัย โทษของพวกเขาแก่ ผู ้ที ละหมาดทั3ง ๒ เวลานี3 ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 67

บทที# 2 การวาญิ บของการละหมาดร่วมกับญะมาอะฮฺ ความนํา 72 อัลลอฮฺ ทรงบัญชาให้ละหมาดพร้อมกับบรรดาผูล้ ะหมาด 73 คํา บัญ ชาให้ ล ะหมาดร่ วมกับ ญะมาอะฮฺ ใ นสถานการณ์ ที หวาดกลัว(จากการโจมตีของศัตรู ในยามรบ) 75 คําสังของท่านนบี ให้ปฏิบตั ิละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 80 ท่านนบี ห้ามไม่ให้ออกจากมัสญิดหลังจากอะซาน 83 ท่านนบี ไม่อนุญาตให้พลาดจากการละหมาดญะมาอะฮฺ 86 ไม่ นั บ เป็ นการละหมาด สํ า หรั บ ผู ้ที พลาดจากละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺโดยไม่มีกิจธุ ระทีอนุโลมได้ 94 การพลาดจากการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ เป็ นสัญลักษณ์ ส่ วนหนึงของมุนาฟิ ก 96 การซอกแซกของชัย ฏอนในหมู่ บ้า นที ไม่ มี ก ารละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 103 พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

201


คําเตือนทีร้ายแรงด้วยการกริ3 วโกรธจากอัลลอฮฺ เนื องจาก การไม่ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 104 ท่ านนบี ได้ต3 งั เจตนาที จะเผาบ้า นของผูท้ ี ไม่ ไปละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 106 ผลร้ายสําหรับผูท้ ีไม่ตอบสนองคําเชื3อเชิญสู่การสุ @ูด 111

บทที# 3 การให้ความสําคัญของท่านนบี และบรรดาสะลัฟ แห่งประชาชาตินีต่อการละหมาดร่วมกับญะมาอะฮฺ ความนํา 118 การให้ ค วามสํ า คั ญ ของท่ า นเราะสู ล ต่ อ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 119 3.1.1 ท่านเราะสูล ยืนหยัดทําการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺในยามทีการรบกําลังดําเนินอย่างดุเดือด 119 3.1.2 การทุ่ มเทแรงของท่ านนบี ที จะออกไปละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺในยามทีป่ วยหนัก 122 การเอาใจใส่ ข องบรรดาสะลัฟ แห่ ง ประชาชาติ น3 ี ต่ อ การ ละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 127 การก้าวขาอย่างชิดๆ ขณะทีเดินไปมัสญิด 129 เลือกทีพักอาศัยทีห่างไกลจากมัสญิด 130 การรี บเร่ งสู่การละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 132 202

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


การมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺอย่างสมําเสมอ 133 ไปละหมาดศุบหฺ ในคืนแรกของงานแต่งงาน 135 ไม่รักษาไข้เพือการละหมาดอิชาอ์และศุบหฺ ร่วมกับญะมาอะฮฺ 136 คนไข้มาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 137 ไปละหมาดญะมาอะฮฺ ทีมัสญิดในสถานการณ์ทียากเข็ญ 140 พยายามทีจะให้ตายในขณะทีกําลังรอการละหมาดร่ วมกับญะ มาอะฮฺ 141 ไปมัสญิดอืนในกรณี ทีมัสญิดนี3 ทาํ การละหมาดญะมาอะฮฺแล้ว 142 กําชับลูกเพือไปมัสญิดอย่างสมําเสมอ 143 ถักถามลูกในการมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 144 ทําโทษ(สังสอน) ลูกเนืองจากมาละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺชา้ 145 การเชื3 อเชิ ญ สู่ การรั กษามันกับการละหมาดอิ ช าอ์แ ละศุ บ หฺ ร่ วมกับญะมาอะฮฺ ในสภาพที ป่ วยหนักในช่ วงสุ ดท้า ย ของชีวิต 146 การเอาใจใส่ ของบรรดานั ก ปกครองต่ อ การละหมาด ร่ วมกับญะมาอะฮฺ 147

บทที# 4 ความคิดเห็นของบรรดาอ ุละมาอ์ ในเรือ# งการละหมาดร่วมกับญะมาอะฮฺ

ความนํา

152 พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

203


ภาคที2 1. ความคิดเห็นของบรรดาอุละมาอ์ของมัซฮับมาลิกียใ์ น เรื องการละหมาดญะมาอะฮฺ 154 4.1.1 คํากล่าวของบรรดาอุละมาอ์ในมัซฮับมาลิกีย ์ 154 (1) อัลลามะฮฺเคาะลิล อิบนุ อิสหาก 154 (2) อัล-หาฟี ซอิบนุญะซี ยอ์ ลั -ฆอรนาฏีย ์ 154 (3) อัลลามะฮฺอะหฺ มดั อิบนุมุหมั มัดอัดดัรดีร 155 (4) เช็คศอลิหฺ อับดุสสะมิอฺอลั -อาบียอ์ ลั -อัซฮะรี ย ์ 155 4.1.2 สิ งทีได้รับจากคํากล่าวของบรรดาอุละมาอ์ในมัซฮับมา ลิกีย ์ 155 ภาคที2 2. ความคิดเห็นของบรรดาอุละมะอ์ของมัซฮับหะนะฟี ย์ ในเรื องการละหมาดญะมาอะฮฺ 157 4.2.1 คําพูดของบรรดาอุละมาอ์ในมัซฮับหะนะฟี ย์ 157 (1) อัลลามะฮฺอะลาอุดดีนอัสสะมัรก็อนดีย ์ 158 (2) อิมามอะบูบกั รฺ อิบนุมสั อูดอัล-กาสานีย ์ 158 (3) บุรฮานุดดีน อาลีอิบนุ อะบูบกั รฺ อัล-มุรฆีนานีย ์ 160 (4) อะบูอลั -ฟัฏลฺ อับดุลลอฮฺ อิบนุมะหฺ มูด อัล-มูเศาะลีย ์ 160 (5) อิมามอะบู มุหมั มัด อะลีอิบนุซะกะรี ยา อัล-มุนญีย ์ 161 (6) อะบูลบะเราะกาต อันนะสะฟี ย์ 161 (7) ฟัครุ ดดีน อุษมานอิบนุอะลี อัซ-ซัยละอีย ์ 162 204

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


(8) คํากล่าวของบรรดาศาสตราจารย์ของมัซฮับหะนะฟี ย์ ตามทีฟัครุ ดดี อัล-อัยนียไ์ ด้นาํ มา 162 (9) ซัยนุดดีน อิบนุ นุญยั มฺ อัล-หะนะฟี ย์ 163 (10) เช็ค มุหมั มัด อันวัร อัล-กัชมีรีย ์ 165 4.2.2 สิ งทีได้รับจากคําพูดของบรรดาอุละมาอ์ในมัซฮับหะ นะฟี ย์ 165 ภาคที2 3 ความคิ ดเห็ นของบรรดาอุ ละมาอ์ของมัซฮับอัช-ชาฟิ อียใ์ นเรื องการละหมาดญะมาอะฮฺ 168 4.3.1 คําพูดของบรรดาอุละมาอ์ในมัซฮับชาฟิ อีย ์ 168 (1) อิมามมุหมั มัดอิบนุ อิดรี ส อัชชาฟิ อีย ์ 168 (2) ความคิดเห็ของนักรายงานหะดีษในมัซฮับชาฟิ อีย ์ 169 1. คําพูดของอิมาม อะบู เษารฺ 170 2. ความคิดเห็นของอิมามอิบนุคุซยั มะฮฺ 170 3. ความคิดเห็นของ อิมามอิบนุอลั -มุนซี ร 171 4. ความคิดเห็นของอิมามอิบนุหิบบาน 173 (3) อัล-กอฎี ยอ์ ะบูชุญาอ์ อะหฺ มดั อิ บนุ อลั -หะสันอิบนุ อะหฺ มัด อัล-อัศบะฮานีย ์ 174 (4) อิมาม อันนะวะวีย ์ 174 (5) อัลลามะฮฺ อิบนุ อัล-กอสิ ม อัล-เฆาะซี ย ์ 175 พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

205


(6) เช็คสุ ลยั มานอัล-ญะมาล 175 4.3.2 สิ งทีได้รับจากคําพูดของบรรดาอุลามะอ์ในมัซฮับอัชชาฟิ อีย ์ 176 ภาคที2 4 ความคิดเห็นของบรรดาอุละมาอ์ของมัซฮับหันบะลี ย ์ ในเรื องการละหมาดญะมาอะฮฺ 177 4.4.1 คําพูดของอุละมาอ์ในมัซฮับฮันบาลีย ์ 177 (1) อิมาม อะหฺ มดั 177 (2) มุวฟั ฟิ กุดดีน อิบนุ กุดามะฮฺ (อับดุลเลาะฮฺ อิบนุ อะหฺ มดั อิบนุมุหมั มัดอัล-มัดดิซีย)์ 178 (3) ชัมซุ ดดีนอิบนุ อะบูอุมรั กุดามะฮฺอลั -มักดีซีย ์ 178 (4) ชัยคฺ อิบนุ ตยั มียะฮฺ 178 (5) อิมามอิบนุ อัล-ก็อยยิมอัล-เญาซี ยะฮฺ 180 4.4.2 สิ งที ได้รับ ประโยชน์จากคํากล่ า วของบรรดาอุ ล ะมาอ์ ในมัซฮับหันบาลีย ์ 182 ภาคที2 5 ความคิดเห็นของบรรดาอุละมาอ์ของมัซฮับซอฮิรีย ์ ในเรื องการละหมาดญะมาอะฮฺ 184 4.5.1 ความคิดเห็นของอิมามอิบนุหซั มฺ 184 4.5.2 สิ งทีได้รับจากถ้อยคําของอิมามอิบนุหซั มฺ 185 ภาคที2 6 ความคิดเห็นของผูร้ ู ้บางคนแห่งประชาชาติน3 ีใน 206

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ


เรื องการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 4.6.1 คํา กล่ า วของผู ้ท รงคุ ณ วุ ฒิ แ ห่ ง ประชาชาติ น3 ี บางคน เกียวกับการละหมาดร่ วมกับญะมาอะฮฺ 186 (1) อิมามอิบรอฮิม อันนัคอีย ์ 186 (2) อิมามอะฏออ์อิบนุ อะบี เราะบาหฺ 186 (3) อิมามอัล-หะสัน อัล-บัศรี ย ์ 187 (4) อิมามอัล-เอาซาอีย ์ 188 (5) อิมามอัล-บุคอรี ย ์ 188 4.6.2 สิ งทีได้รับจากคําพูดของผูท้ รงคุณวุฒิแห่งประชาชาติน3 ี 189 บทสรุ ป 190 สารบาญ 197

พลานิ พลานิสสงค์ งค์ขของ อง การละหมาดญะมาอะฮฺ การละหมาดญะมาอะฮฺ

207


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.