Kwanphayao Magazine@56000 : April 2013

Page 1


2

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 1 เดือนมีนาคม 2556


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

บรรณาธิการ

3

E - mail : kwan.magazine@gmail.com Facebook Fanpage : Kwanphayao Magazine@56000.com

ฉบับต้อนรับสงกรานต์กับกว๊านพะเยาmagazine@56000 กอง บก.ขอสวัสดีปี๋ใหม่เมืองบ้านเฮา กิ๋นหอมต๋อมม่วน รดน�้ำด�ำหัวคนเฒ่า คนแก่ เทศกาลนี้เป็นอีกหนึ่งเทศกาลหยุดยาวที่หลายๆคนรอคอยที่จะ ได้กลับบ้านมาพบกับคนในครอบครัว อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เป็น เทศกาลที่ให้ชาวไทยได้ท�ำบุญ เพื่อเป็นศิริมงคลให้กับชีวิตตลอดทั้งปี แถมยังเป็นการทบทวนตัวเองทีไ่ ด้เราท�ำงานหรือเรียนมาทัง้ ปี ในตลอด ระยะเวลาทีผ่ า่ นมาของการด�ำเนินชีวติ ปัญหา อุปสรรค จุดอ่อน จุดแข็ง เพื่อน�ำมาพัฒนา ปรับแก้ เหลียวหลัง มองไปข้างหน้า ทางกองบก.น�ำเกร็ดเล็กๆที่ใครหลายๆคนมองข้าม และในเนื้อหา ของทางเจ้าของบทความจะยังคงร่วมถ่ายทอดในการก้าวของเมืองที่ มีหลายคนกล่าว เงียบ งาม สงบใจ ฮักพะเยา อย่างที่พะเยาเป็นและ พร้อมที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบคอบรอบด้าน แบบ 360o และ ทางกองบก.ทุกท่านขอเป็นฟันเฟืองส่วนเล็กๆส่วนหนึง่ ในการขับเคลือ่ น เพือ่ ให้พบสิง่ ทีย่ งิ่ ใหญ่ของจังหวัดพะเยาในระดับประเทศและอาเซียนไป พร้อมๆกับท่านผูอ้ า่ น และฉบับนีก้ องบก.ขอให้ทกุ ท่านได้มคี วามสุขกับ เทศกาลสงกรานต์แห่งความสุข และติดตามกับกว๊านพะเยา magazine..ฉบับต่อๆไปครับ ธีรศักดิ์ สิทธิชัยธนะกิจ บรรณาธิการ โทร. 081 - 884 - 8824 ภาพปก : ร้าน Yellow Book หน้าอนุบาลพะเยา

กองบรรณาธิการ ธีระศักดิ์ ดร.ปราณี ดร.นภนันต์ ดร.ประกอบศิริ ผศ.ดร.สุขทัย ผศ.ก�ำธร อ.อุเทน กนกวรรณ พฤหัส ทรงวุฒิ จรัส ธิดาเดือน กัญญาณี

สิทธิชัยธนะกิจ pop_eye16@hotmail.com อยู่ศิริ pranee_usiri@hotmail.com ศุภศิริพงษ์ชัย noppanun@hotmail.com ภักดีพินิจ prakobsirip@hotmail.com พงศ์พัฒนศิริ sukthai_p@hotmail.com ธรรมพิทักษ์ thorn97@yahoo.com ธัชศฤงคารสกุล uthen@hotmail.co.uk ประภากรณ์ ann194@hotmail.com ใจลา paruhat0292@hotmail.com หาญธัญพงศ์ ptyk@hotmail.com สุทธิกุลบุตร jr.asia@hotmail.com อุตยานะ nanamcha@hotmail.com พันธุวัฒน์ 2psociety@gmail.com

กลุ่มพะเยาโฟโต้คลับ www.phayaophotoclub.com ---------------------------------------ศุภพงษ์ ชัยทัศน์ นพดล เชี่ยวพาณิชย์กุล ณรงค์ชัย สุทธิกุลบุตร ปิยะพงษ์ ตุลาชม ชาคริส พรหมโมบล ไปยวัตร ยะตา เกรียงศักดิ์ ขวัญสง่า np.phayao@gmail.com

e-mail : e-asta@hotmail.com

ซาลามัตปากี บาหลี ( อรุณสวัสดิ์บาหลี ) ภูเขาไฟกุหนุงบาตูร์( Gunung Batur Mt.)

“ซาลามัต”เป็นค�ำทักทายของชาวอินโดนีเซีย ซึ่งหมายถึง “สวัสดี” มิตรภาพมักเริ่มต้นจากการทักทายเสมอฉันใด ความจริงใจมักเริ่มต้นจาก ความรู้สึกที่ดีให้แก่กันฉันนั้น และสิ่งนี้จะท�ำให้โลกเราน่าอยู่อีกเยอะ ไม่ต้องมารบราฆ่าฟันกันเหมือนโลกในปัจจุบัน ความจริงคอลัมน์เดือนนี้ผู้เขียนตั้งใจจะสะพายกล้องท่องเที่ยวในเมืองไทย แต่มีเหตุบังเอิญก็เลยขอเลื่อนไปก่อนเพราะอยากจะเขียนถึง เกาะ บาหลี(Bali) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวท๊อปฮิตที่สุดของประเทศอินโดนีเซียและเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลติดอันดับโลกไม่แพ้เกาะภูเก็ตของไทยเรา ถ้าใครเป็นแฟนคอหนังฝรั่งและชื่นชอบการแสดงของดาราหญิงแสนสวยรุ่มรวยเสน่ห์เพราะปากเธอกว้าง ชื่อ จูเลีย โรเบิร์ท คงเคยดูหนังเรื่อง Eat Pray Love ซึ่งเธอเป็นดาราแสดงน�ำ เรื่องนี้ถ่ายท�ำที่บาหลีภาพจากมุมกล้องแทบทุกมุมสวยมาก โดยเฉพาะที่เมืองอูบุด (Ubud) เป็นสถานที่พระเอก กับนางเอกพบรักกัน บรรยากาศของเมืองสุดแสนจะโรแมนติค ดูแล้วเคลิบเคลิ้มนึกๆอยากจะเป็นพระเอกเสียเอง ในที่สุดก็ได้เพียงแค่ตามล่าหาความ ฝันอยากไปเยือนดินแดนบาหลีสักครั้งหนึ่งในชีวิต เผื่อไปเก็บความทรงจ�ำดีๆไว้มาฝากให้กับท่านผู้อ่านที่ติดตามคอลัมน์นี้ การเดินทางไปบาหลีใช้เวลาประมาณ 4 ชัว่ โมงโดยเครือ่ งบินจากกรุงเทพฯมาถึงสนามบินนานาชาติงรู ะห์ไร (Ngurah Rai International Airport) บาหลี เวลาที่นี่จะเร็วกว่าไทยไป 1 ชั่วโมง เมื่อลงเครื่องสิ่งแรกที่ผู้เขียนพยายามมองหาคือ ป้ายโฆษณาประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยนเพราะอยากจะรู้ว่า คนอินโดนีเซียบ้ากระแสอาเซี่ยนเหมือนกับคนไทยหรือเปล่า?เพราะทุกวันนี้ต้องทนฟังการโหมโฆษณาเกี่ยวกับอาเซี่ยนจากสื่อทุกแขนงจนกลาย เป็นกระแสดัดจริตนิยมไปทัว่ สังคมไทย หายใจเข้าก็อาเซีย่ น หายใจออกก็อาเซีย่ นทัง้ ๆทีค่ นส่วนใหญ่จะรูค้ วามจริงหรือไม่วา่ การรวมตัวกันเป็นประชาคม เศรษฐกิจอาเซี่ยน(AEC) ใครกันแน่?ที่จะได้รับผลประโยชน์เต็มๆประชาชนรากหญ้าหรือกลุ่มทุน ซึ่งเป็นค�ำถามที่รู้ค�ำตอบกันอยู่แล้วเพียงแต่ว่าใคร จะพูดความจริง การโหมโฆษณาของคนไทยในเรื่องนี้ดูๆกลายเป็นเรื่องที่เพ้อเจ้อ เหมือนวาดวิมานในอากาศว่า ชีวิตคนไทยจะดีขึ้นหลังการรวมตัวกัน เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซีย่ นในปีพ.ศ. 2558 ระหว่างมองหาป้ายอาเซีย่ นอยู่ ในทีส่ ดุ ความพยายามก็บรรลุผลเจอป้ายอยูห่ น้าลานจอดรถของสนามบิน มีอยู่แค่ป้ายเดียวจริงๆ ช่วงเดือนตุลาคมอากาศที่นี่ค่อนข้างร้อน ผู้เขียนต้องรอให้แดดร่มลมตกเสียก่อนจึงค่อยไปเที่ยวที่วัดอูลูวาตู(Uluwatu) หรือที่เรียกชื่ออีกอย่าง หนึ่งว่า “วัดแห่งท้องทะเล” เพราะที่ตั้งของวัดอยู่บนหน้าผาสูงชันติดริมทะเลตัดกับสีท้องฟ้าท�ำให้วัดดูโดดเด่นเป็นสง่า วัดที่นี่จะมีลิงเยอะมากไม่รู้มา จากไหนเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ของวัดต้องท�ำหน้าที่ เป็นบอดีก้ าร์ดถือหนังสติก๊ ไว้ยงิ ลิง นักท่องเทีย่ วต้อง พึงระวังเพราะจะโดนลิงฉกของ โดยเฉพาะกระเป๋า ถือหรือแว่นตาหรือแม้กระทัง่ กล้องถ่ายรูปห้ามเผลอ เด็ดขาด เพราะผู้เขียนเกือบโดนมาแล้ว การท่อง เที่ยวเชิงระแวดระวังภัยให้ความรู้สึกแปลกๆไปอีก แบบหนึ่ ง ถ้ า ชอบแนวตื่ น เต้ น แกมเขย่ า ขวั ญ เชิงหน้าผาวัดอูลวู าตู(Uluwatu) ชายหาดจิมบารัน( Jimbaran )


4

วัดเบซากิห์( Besakih )

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556

วัดอูลันดานูเบอราตัน( Ulun Danu Beratan )

พบความงามเมื่อยามเย็นพอพระอาทิตย์เริ่มอัสดงทิวทัศน์ที่นี่จะสวยมาก นักถ่ายภาพทั้งหลายไม่ควรพลาด เมื่อถึง เวลาอันสมควรผู้เขียนได้ไปกินอาหารซีฟู้ดที่ริมชายหาดจิมบารัน(Jimbaran) คล้ายๆกับหาดพัทยาแต่ไม่คึกคักเท่า หลังจากกินอาหารเสร็จ ผู้เขียนได้มีเวลาเดินไปตามชายหาดท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ เห็นกลุ่มนักดนตรีประมาณ 3-4 คน ร้องเพลงขับกล่อมให้แขกนักท่องเที่ยวตามโต๊ะด้วยลีลาและน�้ำเสียงสุดยอดจริงๆ ตามชายหาดเมืองไทยน่า จะมีอย่างนีบ้ า้ งแต่ขอเลือกชายหาดทีส่ งบๆหน่อยเพราะเป็นเครือ่ งดนตรีจำ� พวกอะคูสติก (Acoustic) ฟังแล้วได้อารมณ์ จริงๆ เป็นความไพเราะที่ไม่ต้องปรุงแต่ง คืนนั้นกลับไปที่พักด้วยความอิ่มเอมใจและนอนพักเอาแรงไว้ลุยเที่ยวต่อวัน พรุ่งนี้ซึ่งเป็นโปรแกรมใหญ่จะต้องไปที่วัดเบซากิห์(Besakih) ซึ่งเป็นวัดสวยงามที่สุดและใหญ่ที่สุดในเกาะบาหลี วั ด เบซากิ ห ์ ( Besakih) ถื อ เป็ น วั ด ส� ำ คั ญ และศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ข องศาสนาฮิ น ดู ใ นบาหลี ชาวบาหลี ย กให้ เ ป็ น วัดหลวง(Mother Temple) วัดแห่งนี้ประกอบด้วยวัดเล็กๆอีก 23 วัดตั้งอยู่เรียงรายขึ้นไปตามไหล่เขา โดยมีฉากหลัง เป็นภูเขาไฟกุหนุง อากุง(Gunung Agung Mt.) ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่สูงที่สุดในเกาะบาหลี ทุกๆวันจะมีชาวบาหลีเดินทาง มาประกอบพิธที างศาสนาไม่ขาดสาย ท�ำให้เราได้มโี อกาสเห็นขนบธรรมเนียมประเพณีและการแต่งกายแบบพืน้ เมือง ของชาวบาหลี โดยเฉพาะการได้เห็นชาวบาหลีแบกทูนของบูชาไว้บนศีรษะด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ในขณะที่ผู้เขียน และคณะก�ำลังเดินขึน้ ไปชมวัดมีผชู้ ายแปลกหน้า ผูเ้ ขียนเข้าใจว่า เป็นเจ้าหน้าทีข่ องวัดได้มาเชิญชวนให้พวกเราเข้าไป ชมในวัด แต่ผเู้ ขียนตอบปฏิเสธไปเพราะรูส้ กึ สงสัยยังไงๆพิกล ภายในวัดไม่เห็นมีชาวต่างชาติเข้าไปดูสกั คน เห็นอยูแ่ ต่ ภายนอก เมื่อผู้เขียนไม่สนองตอบความหวังดี พวกผู้ชายแปลกหน้าเหล่านั้นเริ่มแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับเราพร้อมกับ ไล่เราให้ลงจากวัด พอมาทราบทีหลังว่าหลอกให้เราเข้าไปในวัดแล้วจะเรียกเก็บเงิน เมื่อไม่ส�ำเร็จก็เลยปฏิบัติการไล่ พวกเราทันที นี่แหละ! มาเฟียตัวพ่อที่แฝงตัวหากินอยู่ในวัด ขออย่าได้เกิดขึ้นในเมืองไทยเลยยย.. สาธุ จากวัดไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวแทนที่จะได้บุญเกือบจะได้บาปเสียแล้ว เวลาเกือบ11โมงจึงเดินทางไปหมู่บ้าน คินตามณี(Kintamani) ไม่รู้ใคร?ตั้งชื่อได้พราะจริงๆหมู่บ้านอยู่ใกล้ภูเขาไฟกุหนุงบาตูร์(Gunung Batur Mt.) และ หมู่บ้านแห่งนี้เคยได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติภูเขาไฟระเบิดลูกนี้มาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วจนต้องอพยพคนในหมู่บ้าน ออกไป ผูเ้ ขียนได้แวะมากินอาหารมือ้ เทีย่ งทีห่ มูบ่ า้ นแห่งนี้ อาหารไม่ถกู ปากถูกคอเอาเสียเลยไร้รสชาติ จึงได้แต่กนิ วิว ทิ ว ทั ศ น์ แ ทนเพราะจุ ด ที่ นั่ ง กิ น จะเห็ น ภู เขาไฟกุ ห นุ ง บาตู ร ์ ( Gunung Batur Mt.) และทะเลสาบกุ ห นุ ง บาตู ร ์ (Gunung Batur Lake) สวยมาก การดืม่ ด�ำ่ กับธรรมชาติเหมือนได้กนิ อาหารทิพย์ ท�ำไมมนุษย์เราช่างโง่!เสียเหลือเกิน ที่ชอบท�ำลายธรรมชาติ คนอินโดนีเซียก็พอๆกับคนไทยนั่นแหละชอบท�ำลายธรรมชาติ ระหว่างทางที่มาเห็นป่าถูก ท�ำลายเป็นเขาหัวโล้นช่างเหมือนกับเมืองไทย เหนือ่ ยใจแทนกับนักอนุรกั ษ์กบั ผูท้ รี่ กั ธรรมชาติ ในเวลาต่อมาได้แวะไป ลองชิมกาแฟชะมดอันลือชื่อของบาหลี สนนราคาแก้วละ 200.-บาท ชิมแล้วสู้รสชาติที่เคยกินในเมืองไทยไม่ได้หอม กรุ่นกว่ากัน แต่ที่ส�ำคัญกากกาแฟเยอะจริงๆเห็นตกตะกอนกันเป็นชั้นๆ เลยไม่แน่ใจว่าตอนชงกาแฟเขากรองหรือ

ปล่าว? ถ้าขืนกินต่อไปคงไม่ไหวแน่ยังกับกินกาแฟผสมผงฝุ่น หลังจากกินกาแฟชะมดแค่ 2 จิบจ�ำใจต้องทิ้งมันไม่ไหวจริงๆแม้จะต้องเสียเงินไป 200 บาทก็ตาม ตัดใจแล้วเดิน ขึ้นรถเพื่อไปเที่ยวชมอีกวัดหนึ่งซึ่งเป็นโปรแกรมสุดท้ายของวันนี้คือ วัดเตียร์ตาอัมปึล(Tirta Empul) หรือเรียกอีกชื่อ หนึ่งว่า วัดน�้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ชาวบาหลีเชื่อกันว่าพระอินทร์เป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดน�้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ใครได้มาอาบน�้ำที่ บ่อน�้ำพุศักดิ์สิทธิ์จะเป็นสิริมงคล ขับไล่สิ่งเลวร้ายและรักษาโรคต่างๆได้ ดังนั้นชาวบาหลีจึงนิยมมาอาบน�้ำที่นี่ เมือ่ ออกจากวัดนัง่ รถมาเรือ่ ยๆ ในทีส่ ดุ ก็มาถึงเมืองอูบดุ (Ubud) เพือ่ มารับประทานอาหารเย็นกัน ร้านอาหารอยู่ ติดกับทุง่ นาบรรยากาศดีมากในยามเย็นตะวันก�ำลังจะลับขอบฟ้า อาหารทีส่ งั่ เป็นอาหารแบบบาหลี ข้าวจะห่อใบตอง กินกับไก่อบสูตรพืน้ บ้าน หมูสะเต๊ะบาหลีและมีเครือ่ งเคียงคือ น�ำ้ พริกหรือคนบาหลีเรียกว่า ซัมบัล(Sambal )จะเสิรฟ์ มาพร้อมกับผักและครุปคั (Krupak) หรือข้าวเกรียบนัน่ เอง ตามด้วยน�ำ้ ซุปหนึง่ ถ้วยและผลไม้หนึง่ จานตัง้ แต่วนั แรกมา บาหลีอาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดจนต้องจ�ำชื่อร้านเอาไว้ เผื่อมีโอกาสได้มาที่เมืองอูบุด(Ubud) อีกครั้ง จะแวะมากิน ร้าน อาหารนี้ชื่อ The Pond พอตกค�่ำประมาณ 2 ทุ่มจึงไปดูระบ�ำเลกอง(Lagong Dance) เป็นระบ�ำพื้นเมืองของชาว บาหลี เรื่องราวเกี่ยวกับมหากาพย์สงครามภารตยุทธ คนร�ำจะท�ำหน้าตาท่าทางเลิ่กลั่กที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อระบ�ำ บาหลี การแสดงใช้เวลามากเกินไป ประกอบกับท่าทางร่ายร�ำและดนตรีเล่นซ�้ำซาก การแสดงจึงดูน่าเบื่อและไม่ค่อย เสียดายเท่าไหร่ถ้าเราไม่ได้ดู รุง่ เช้าวันต่อมาเดินทางไปวัดอูลนั ดานูเบอราตัน(Ulun Danu Beratan) เป็นวัดทีส่ ร้างมาตัง้ แต่สมัยคริสต์ศตวรรษ ที่ 17 ตัววัดสร้างยื่นเข้าไปในทะเลสาปเบอราตัน(Beratan Lake) รูปทรงสถาปัตยกรรมหลังคาจะเป็นชั้นๆคล้ายกับ เจดีย์สวยงามมาก โชคดีที่ผู้เขียนได้มาเห็นชาวบ้านจ�ำนวนมากก�ำลังมาท�ำบุญที่วัด มีการจัดขบวนพิธีแห่เครื่องบูชา ต่างๆ ดูงามเรียบง่ายเป็นวิถชี วี ติ ของชาวบาหลีจริงๆทีแ่ สดงออกถึงความเลือ่ มใสศรัทธาในศาสนา ต่างจากของเรา ทุก วันนี้ขบวนแห่ในพิธีต่างๆส่วนใหญ่กลายเป็นวัฒนธรรมดัดจริตปรุงแต่งเสียจนเพี้ยน โดยไม่เข้าใจแก่นแท้วัฒนธรรม ของตนเอง เมื่อออกจากวัดมาเข้าสู่ย่านใจกลางเมือง สภาพการจราจรติดขัดเหมือนกับเมืองไทย บรรดารถมอเตอร์ไซด์ที่นี่ มากจริงๆ น้องๆประเทศเวียดนามเลยทีเดียว ถนนในบาหลีส่วนใหญ่ค่อนข้างจะคับแคบ คงเป็นสาเหตุหนึ่งท�ำให้การ จราจรติดขัด ขณะนัง่ รถไปเรือ่ ยๆผ่านปัม๊ น�ำ้ มันเห็นป้ายราคาน�ำ้ มันดีเซลลิตรละ 13 บาท โอ้...พระเจ้าทีเ่ มืองไทยราคา กลับกันลิตรละเกือบ 31 บาท มิน่า! ปตท.กับนักการเมืองถึงรวยเอารวยเอา ประชาชนอย่างเราหน้าแห้งไปตามๆกัน ในที่สุดรถก็มาถึงวัดทานาห์ลอต(Tanah Lot) เกือบ 4 โมงเย็น อากาศร้อนตับแล่บอารมณ์ที่จะดูความงดงามของวัด กระเจิงไปหมด ทีน่ เี่ ป็นวัดทีส่ วยงามอีกแห่งหนึง่ ในเกาะบาหลี ตัววัดสร้างยืน่ ออกไปในทะเล พอน�ำ้ ทะเลขึน้ วัดเหมือน อยู่บนเกาะ นักบวชชาวฮินดูชื่อ ดังฮยังนิราห์ธา เป็นผู้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 11 การเดินทางท่องเที่ยวในบาหลีได้ มาสิ้นสุดที่วัดนี้และพรุ่งนี้เช้าต้องเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านแล้ว ถ้ามีโอกาสจะมาใหม่อีกครั้งแต่ขอให้ถนนในเมือง บาหลีที่ก�ำลังปรับปรุงซ่อมแซมเสร็จเสียก่อนเพราะฝุ่นเยอะจริงๆ ลาก่อนบาหลี

อาหารพื้นบ้านของชาวบาหลี

วัดเตียร์ตาอัมปึล(Tirta Empul)

วัดทานาห์ลอต(Tanah Lot)


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

แนวหน้า

ปั้นเด็กเก่งวิชาการ ควบคู่ศิลปศาสตร์

ข่าว 3 มติชน

คมชัดลึก

โป้ง

คนใช้ พลังงาน อย่าง ไม่รู้คุณค่า

ร้านเรามีเบียร์บุฟเฟต์ เริ่มต้นที่ 199 ตั้งแต่ หกโมงเย็น ถึง สามทุ่ม(สูตรพิเศษจากทางร้าน)

เบียร์ ขอ เสริฟ์

โทร. 089-9966778, 088-1857975

ชั่น โปรโม

สั่ง 2 ทาวเวอร์ รับฟรี เบียร์ 1 เหยือก สั่งเบียร์ 1 เหยือก + อาหารสองอย่าง

รับส่วนลดสิบห้าบาท

สั่งเบียร์ 1 ทาวเวอร์ พร้อมอาหารสองอย่าง

รับส่วนลดสี่สิบบาท

5


6

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 ตลาดเช้าหลวงพระบาง...เขาขายอะไรกันตื่นตากับตลาดหลวงพระบางยามเช้า

สวัสดีกว๊านพะเยา สบายดีหลวงพระบาง

ตั้งแต่มติคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติยกระดับด่านบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา ให้เป็นด่านถาวร ในวันที่ 15 มกราคม 2555 และวันที่ 12 พฤศจิกายน 2555 ได้มีมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับด่านบ้านฮวกอีกครั้งหนี่ง นั้นก็คือ ครม.เห็นชอบในหลักการควักงบฯ 1,473.88 ล้านบาท ช่วยสปป.ลาวสร้างถนน แล้วนั้น บทความนี้ก็ได้พูดถึงความ ส�ำคัญและศักยภาพที่ด่านบ้านฮวก มาโดยตลอด ซึ่งเส้นทางที่ผ่านด่านบ้านฮวก เข้าสู่เมืองคอบ แขวงไชยบุลี สปป. ลาว นี ้ สามารถเดินทางต่อไปเมืองหลวงพระบางได้ทงั้ ทางบกและทางเรือ และได้เอ่ยถึงโครงการเชือ่ มจังหวัดพะเยา กับหลวงพระบางไว้ “ สวัสดีกว๊านพะเยา สบายดีหลวงพระบาง “ มา วันนี้ จะขอแนะน�ำหลวงพระบาง และสถานที่แหล่งท่องเที่ยว หลวงพระบาง (ลาว: ຫ ຼ ວງພຣະບາງ) เป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตั้งอยู่ ริมแม่น�้ำโขงและแม่น�้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกัน เป็นเมืองที่องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วย หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้าง ตั้งแต่สมัยสถาปนาอาณาจักร ซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่าเมืองซวา (ออกเสียงว่า ซัว) และเมือ่ พ.ศ. 1300 ขุนลอ ซึง่ ถือเป็น ปฐมกษัตริยล์ าวได้ทรงตัง้ เมืองซวาเป็นราชธานีของอาณาจักร ล้านช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่ว่าเชียงทอง เมื่อพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1916) เสด็จกลับจากกัมพูชา อันเนื่องจากพระองค์และพระบิดาต้องเสด็จลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์ องค์ก่อน ซึ่งแท้จริงก็คือพระอัยกาของ เจ้าฟ้างุ้มนั่นเอง เจ้าฟ้างุ้มทรงรวบรวมก�ำลังขณะอยู่ในเสียมเรียบ และน�ำกองทัพนับพันก�ำลังเพื่อกู้ราชบัลลังก์กลับ คืน และสถาปนาอาณาจักรขึ้น ต่อมาในสมัยพระโพธิสารราชเจ้าพระองค์ได้อาราธนาพระบางซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ ที่เมืองเวียงค�ำ ขึ้นมาประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวง เมืองเชียงทองจึงถูกเรียกว่า หลวงพระบาง นับ แต่นั้นมา หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วยเหตุผล คือ มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรือนอัน เป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมน�้ำโขงและน�้ำคาน ซึ่งไหลบรรจบกันท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม และชาวหลวงพระบางมีบุคลิกที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตร และมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม

ฟัง

99.25 city radio วิทยุพะเยา เมืองน่าอยู่

วัดเชียงทอง (Wat Xieng Thong) ที่สุดแห่งสถาปัตยกรรมแบบหลวงพระบาง

“ตลาดมืด หลวงพระบาง” มาเดินช้อปปิ้งยามเย็นหาของฝากกัน

พระธาตุจอมสี จุดชมดวงอาทิตย์ตกบนยอด เขาพูสี หลวงพระบาง


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

เมื่อฝรั่งส�ำรวจเมืองพะเยา

เรจินาลด์ เลอ เมย์ ( Reginald le May ) อดีตรองกงสุลอังกฤษประจ�ำเชียงใหม่

ยุคสมัยสยามเปิดประเทศในรัชกาลที่ 5 มีฝรั่งตาน�้ำข้าวชาวอังกฤษนาม เรจินาลด์ เลอ เมย์ (Reginald le May ) ได้เดินทางเข้ามาท�ำงานในสยาม เมื่อปีพ.ศ. 2451 ต�ำแหน่งเจ้าหน้าที่สถานทูตอังกฤษ ประจ�ำกรุงเทพฯหลังจากท�ำงานได้ไม่นานนัก เหมือนจะเป็นชะตาฟ้าลิขิต เขาถูกย้ายไปเป็น รองกงสุลอังกฤษประจ�ำเชียงใหม่ ปีพ.ศ. 2456 และในปีเดียวกันย้ายไปประจ�ำอยู่ที่ล�ำปาง ณ เมืองล�ำปางแห่งนี้ เลอ เมย์ ได้เกิดประกายความคิดทีจ่ ะวางแผนการเดินทางท่องเทีย่ วไปตามหัวเมืองต่างๆทางภาคเหนือ ซึง่ เป็นสิง่ ทีเ่ ขาตัง้ ใจเอา ไว้เพียงแต่ยังไม่สบโอกาส ในส่วนลึกของเขาก็มีอุปนิสัยชอบการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว เมื่อประจวบเหมาะกับภาระงานที่ล�ำปางไม่มากเหมือน เชียงใหม่ ท�ำให้เขาพอมีเวลาว่างที่จะท�ำตามความตั้งใจ ดังนั้นเมื่อถึงช่วงเวลาแห่งฤดูหนาวปลายปีพ.ศ. 2456 ทุกอย่างลงตัวและพร้อม เลอ เมย์ จึง ตัดสินใจออกเดินทางท่องเทีย่ วตามหัวเมืองต่างๆทางภาคเหนืออย่างไม่รรี อ โดยมีชา้ งกับม้าเป็นพาหนะพร้อมกับคณะลูกหาบติดตามจ�ำนวนหนึง่ เส้น ทางที่ก�ำหนดไว้คือเริ่มต้นจากเมืองเชียงใหม่ผ่านล�ำปาง จะไปแพร่ น่าน แล้วเข้าเมืองสวด ซึ่งอยู่ในเขตดินแดนลาวฝั่งขวาแม่น�้ำโขงของฝรั่งเศส จาก นัน้ กลับเข้ามาฝัง่ สยามเพือ่ เดินทางต่อไปยังเมืองเชียงราย พะเยาสุดท้ายมาสิน้ สุดทีล่ ำ� ปางการเดินทางทีแ่ สนยาวไกลต้องใช้เวลากว่า 5 เดือน จะมีสกั กี่ คนทีท่ ำ� เช่นนัน้ ได้ ยิง่ สมัยนัน้ เป็นเรือ่ งยากส�ำหรับคนทัว่ ๆไปเพราะเส้นทางเต็มไปด้วยความยากล�ำบากและทุรกันดารผูม้ หี วั ใจแกร่งเท่านัน้ ทีจ่ ะสามารถ ท�ำได้และเลอ เมย์ ก็เป็นหนึ่งในจ�ำนวนนั้น ตามแผนการเดินทาง เลอ เมย์ ได้เดินทางออกจากเมืองน่านมาทีป่ ง( อ.ปง จ.พะเยา )เพือ่ ตัง้ ใจมาดูการสร้างทางรถไฟเล็กส�ำหรับลากไม้ของบริษทั แองโกล -สยาม ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษที่ได้รับสัมปทานป่าไม้ในเขตป่าสงวนแม่จุนระหว่างทางเขาได้แวะที่บ้านมางและบ้านท่าฟ้า ซึ่งอยู่ในเขต เชียงม่วน สมัยนั้นเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ผู้คนส่วนใหญ่เป็นชาวไทลื้อที่อพยพมาจากเมืองสิบสองปันนา เขตมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่บ้านมาง เลอ เมย์ ได้มโี อกาสพบปะกับชาวไทลือ้ ได้เห็นวัฒนธรรมแปลกใหม่ แต่ทเี่ ขาสนใจเป็นพิเศษคือ รอยสักตามตัวของพวกผูช้ ายไทลือ้ ทีเ่ ชือ่ กันว่า สักเพือ่ ให้ ขลังและอยู่ยงคงกระพัน หลังจากภารกิจที่ปงเสร็จเรียบร้อย เลอ เมย์ จึงเดินทางไปเมืองเชียงค�ำ ที่นี่เขาได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวไทลื้อในแง่มุมต่างๆ อาทิเช่นการคลอดลูก จะมีขั้นตอนต่างๆซึ่งผูกพันกับคติความเชื่อโดยผ่านพิธีกรรมเด็กที่คลอดออกมา หมอต�ำแยประจ�ำหมู่บ้านจะน�ำเด็กใส่ในกระด้งแล้วน�ำไปวางไว้หน้า ประตูเรือน จากนั้นหมอต�ำแยจะกระทืบเท้าลงบนพื้นบ้านดังๆ 2-3 ทีเพื่อให้เด็กตกใจและร้องไห้ การที่เด็กร้องหมายถึงว่า ผีได้ถูกขับไล่ออกจากตัว เด็กแล้วและเด็กก็จะมีชีวิตอยู่รอดจนเติบใหญ่ ตลอดการเดินทางความยากล�ำบากที่สุดคือ เส้นทางช่วงเชียงค�ำไปเมืองสวด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเขาสูงและมีโขดหิน อย่างไรก็ตามเลอ เมย์ สามารถผ่านพ้นไปได้แม้จะอยู่ในสภาพทุลักทุเลก็ตามพอถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 คณะเดินทางของเขาได้มาถึงเมืองพะเยา เดินผ่านวัดพระเจ้า

7

ตนหลวง เข้ า สู ่ ตั ว เมื อ งด้ า นประตู เมืองทิศเหนือ(ประตูเหล็ก) มองเห็น แนวก�ำแพงเมืองแต่ไกล ลักษณะก่อ ด้วยอิฐทอดยาวเป็นบางช่วงสลับกับ แนวเนินดิน เลอ เมย์ให้ข้อสังเกตว่า พะเยาไม่ใช่เมืองใหญ่เป็นเมืองที่เพิ่ง จัดตั้งขึ้นมาใหม่(อีกครั้ง)สมัยรัชกาล ที่ 3 เดิมเคยเป็นเมืองเก่าแก่โบราณ แต่ ถู ก ปล่ อ ยทิ้ ง ร้ า งไปช่ ว งสงคราม เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 จนถึงต้น สมั ย รั ต นโกสิ น ทร์ ขณะนั้ น จ� ำ นวน ประชากรในเมืองพะเยาและพืน้ ทีร่ อบ นอกรวมกันประมาณไม่เกิน 15,000 วัดราชคฤห์ในอดีต พ.ศ. ๒๔๖๗ คน ส่วนใหญ่มีอาชีพท�ำนาปลูกข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลัก ช่วง 2-3 ปีที่ ผา่ นมาการเพาะปลูกในเมืองพะเยาประสบความ ล้มเหลวเพราะเกิดปัญหาภาวะฝนแล้งนานติดต่อกันหลายปี ส่งผลให้ผคู้ นอพยพไปหา ที่ท�ำกินใหม่ จึงเป็นสาเหตุท�ำให้ประชากรในเมืองลดลง เลอ เมย์และคณะได้ใช้เวลาอยู่ในเมืองพะเยาหลายวัน แต่เขาไม่เคยละทิ้งโอกาส ที่จะเดินส�ำรวจไปทั่วในตัวเมืองพะเยาและปริมณฑล เช่น ไปบ้านแม่ต�๋ำ(บริเวณชุมชน วัดศรีจอมเรือง) ซึง่ เป็นย่านอยูอ่ าศัยและการค้าของพวกเงีย้ ว สมัยนัน้ เศรษฐกิจการค้า ของเมืองพะเยาส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของพ่อค้าพวกเงี้ยว ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพล สูงทางเศรษฐกิจและสังคมในขณะนั้น จะเห็นว่า ช่วงที่เกิดเหตุการณ์พวกกบฏเงี้ยว ก่อการจลาจลในมณฑลพายัพ พ.ศ. 2445 พวกกบฏได้รบั การหนุนหลังจากกลุม่ พ่อค้า เงี้ยวไม่ว่าจะเป็นเสบียงอาหารหรือยุทโธปกรณ์จึงท�ำให้สามารถยึดเมืองต่างๆได้โดย ง่าย ในวันต่อมาเขาได้ไปแวะชมวัดพระเจ้าตนหลวง จากนั้นไปวัดหลวง ( วัดหลวง ราชสัณฐาน )เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบรรยากาศสงบร่มรื่น เขามีโอกาสเข้าไปดู จิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารวัด ซึ่งเป็นฝีมือของช่างวาดพื้นบ้านสร้างความตื่นตาตื่น ใจให้กับเขา มีวัดอีกแห่งหนึ่งคือ วัดราชคฤห์ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก เลอ เมย์ได้ไปแวะชม และมีโอกาสสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาส แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่า พระเถระที่เขาสนทนา ด้วยนั้นคือ พระครูศรีวิราชวชิรปัญญา เจ้าคณะแขวงเมืองพะเยา สิ่งหนึ่งที่เลอ เมย์ ได้ให้ทัศนะไว้นอกเหนือจากเรื่องราวอื่นๆคือ ชื่นชมความงามของหญิงสาวพะเยา ซึ่ง เป็นที่เลื่องลือมานมนานจนถึงปัจจุบันและไม่แปลกใจเลยที่เลอ เมย์ ได้หลงมนต์เสน่ห์ เมืองเหนือเข้าแล้ว ดังความในใจที่เขาได้พรั่งพรูออกมาเป็นถ้อยวลีอันแสนจะสุดซึ้งใน ย่อหน้าสุดท้ายของบันทึกการเดินทางว่า...... “ ณ ดินแดน(ภาคเหนือ)แห่งนี้ แม้มิใช่ดินแดนแห่งพันธสัญญาของพระเป็นเจ้า แต่ หากใครได้มาเยือน ยิ่งนานวันความรักและหลงใหลก็ยิ่งทวีในหัวใจ กระทั่งผู้มาเยือน บังเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเขาจ�ำต้องถูกเนรเทศจากบ้านเกิดเมืองนอนแล้วไซร้ คงมิอาจ หาดินแดนใดที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์และความเอื้ออารีเพื่อใช้เป็นที่พ�ำนักตราบชั่วชีวิต ”


8

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556

IT

พฤหัส ใจลา

สงกรานต์นี้

เรามอบสาระและโปรโมชั่นแรงๆมาฝาก

การตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นก่อนเดินทางไกล ผ่านช่วงวันแห่งความรักมาไม่นาน ใครที่ยังไม่มีคนรักก็คิดซะว่าความรักมี อยู่ทุกที่ รักสัตว์เลี้ยง รักเพื่อน รักครอบครัว มอบความรักให้กับสิ่งรอบตัวก็ได้ นะ ยิ่งกระแสตอนนี้มาแรงกับเจ้าตุ๊กตา Furby ที่มีลูกเล่นและฟังก์ชั่นมากมาย เรามาท�ำความรู้จักเจ้า Furby กันดีกว่าครับ Furby ตุ๊กตาสุดฮอต เวอร์ชั่นใหม่ด้วยค�ำสั่งผ่าน iOS และ Android ถ้าพูดถึง Furby ตุ๊กตาไฮเทคพูดได้ที่นิยมเล่นกันเมื่อประมาณ 14 ปี ที่แล้วนั้น ตอนนีก้ ลับมาฮิตกันทัว่ บ้านทัว่ เมืองเลยก็วา่ ได้ เจ้า Furby นีไ้ ด้อพั เกรดใหม่จาก ทางผู้ผลิต Hasbro โดยมีลูกเล่นใหม่ๆเพิ่มมาเล็กน้อยอย่างเช่น ดวงตาใหม่ที่จากเดิมนั้นเป็น พลาสติก เปลี่ยนมาเป็นหน้าจอ LCD ที่เรือง แสงและมีสีสันมากขึ้น ดวงตาใหม่นี้จะสื่ออารมณ์ของ Furbyได้ว่าตอนนี้มัน อยู่ในอารมณ์โกรธ ดีใจ หิว หรืออาการหาวง่วงนอน รวมไปถึงแอพพลิเคชั่น iOS และ Android ที่เชื่อมต่อกับ Furby ได้อีกด้วย สิง่ ทีเ่ พิม่ มาใน Furby 2012 หน่วยความจ�ำทีเ่ พิม่ ขึน้ ถึง 6 เท่าด้วยขนาด 500 KB และมีตวั เซ็นเซอร์สมั ผัสถึง 3 ตัวพร้อมทัง้ ใช้เทคโนโลยี “Emoto-Tronics” ทีช่ ว่ ยให้ เฟอร์บี้ 2012 ตอบสนองการกระท�ำของผูใ้ ช้ได้ โดย Furby สามารถพูดได้ปากก็ขยับไปพร้อมเสียง ร้องเพลง เต้นร�ำ และ เล่นเกมส์ได้ด้วย ถ้าเราลองจั๊กจี๊ตรงท้องเจ้า Furby มันก็จะหัวเราะออกมา และถ้าลูบหลังเจ้า Furby มันจะส่งเสียงดูเหมือน มันมีความสุข เจ้า Furby นีไ้ ม่มปี มุ่ ปิดเปิด เราต้องท�ำไม่สนใจกับมัน เดีย๋ วเจ้า Furby มันก็เงียบไป หรืออีกวิธนี งึ่ ก็ตอ้ งถอด ถ่านเจ้า Furby ออก สนใจข้อมูลติดตามได้ที่ http://www.furby.com/ โปรดระวังๆๆ การซื้อขายตุ๊กตา Furby ควรตรวจสอบข้อมูล ผู้ซื้อ-ผู้ขาย ให้ละเอียดรอบคอบ ควรนัดเจอกัน และตรวจสอบสินค้าก่อนช�ำระเงินระวังโดนหลอก !อย่างที่เป็นข่าว นะครับ

เพื่อให้การเดินทางไกลในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วยรถยนต์ส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยว หรือ กลับถิ่นฐานเดิมในต่างจังหวัด เป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข ไม่ต้องมาปวดหัวกับปัญหารถเสียระหว่างการ เดินทาง หรืออาจน�ำไปสู่อุบัติเหตุ ท่านสามารถป้องกันได้กับการตรวจเช็คด้วยตัวเองแบบง่ายๆ และไม่เสียเวลา มากนักก่อนเดินทาง จะช่วยให้มั่นใจในการขับขี่ หรือหากพบข้อบกพร่องก็สามารถแก้ไขก่อนเดินทาง ส�ำหรับวิธี การตรวจเช็คเบื้องต้นสามารถท�ำได้ดังนี้ ตรวจรถภายนอก 1. ยาง ตรวจความดันลมยาง ดอกยาง และรอยฉีกขาด 2. รอยรั่วซึม ตรวจดูว่ามีร่องรอยน�้ำมันเครื่อง น�้ำมันเกียร์ น�้ำมันเบรค หรือ น�้ำรั่วซึมจากใต้ท้องรถ 3. ยางปัดน�้ำฝน ทดลองปัดดู 4. ไฟส่องสว่าง ตรวจดูไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรค ไฟเลี้ยวหรืออื่นๆรวมทั้งระดับไฟหน้าด้วย ตรวจภายในรถ 1. ยางอะไหล่และแม่แรง ตรวจเช็คลมยาง และให้แน่ใจว่าแม่แรงและด้ามขันใช้งานได้ตามปกติ 2. เข็มขัดนิรภัย ตรวจเช็คว่าหัวเข็มขัดสามารถล็อคได้เรียบร้อย 3. แตร ให้แน่ใจว่าดังดี 4. แผงควบคุมและอุปกรณ์ ตรวจดูให้แน่ใจว่าท�ำงานเป็นปกติ และที่ปัดน�้ำฝน ปัดได้เรียบร้อยสม�่ำเสมอ 5. เบรก เช็คระยะฟรีขาเบรคอยู่ในค่าก�ำหนดหรือไม่ 6. ระดับน�้ำหล่อเย็น ควรจะมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถัง พักส�ำรอง 7. หม้อน�้ำและท่อยาง ควรดูว่าด้านหน้าหม้อน�้ำหมดจด ไม่มเี ศษวัสดุ หรือใบไม้ตดิ อยู่ ดูทอ่ ยางว่ามีรอยแยกเปือ่ ย มีรอยฉีกขาดหรือหลวม 8. สายพานขับต่างๆ ต้องไม่มีรอยแตก เลอะน�้ำมันหล่อ ลื่น และความตึงสายพานอยู่ในค่าก�ำหนด 9. แบตเตอรี่และสายไฟ ตรวจดูและเติมน�้ำกลั่นให้ได้ ระดับที่ก�ำหนดดูเปลือกแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอย เสียหาย หรือไม่ ดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ 10. ระดับน�้ำมันเบรคและคลัชท์ ตรวจดูว่าระดับน�้ำมัน เบรคและคลัทช์อยู่ในระดับที่ถูกต้อง 11. ท่อน�้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจดูว่าท่อน�้ำมันมีการรั่ว หลุด หรือไม่ เพื่ อ ให้ ก ารเดิ น ทางเป็ น ไปอย่ า งราบรื่ น และมี Credit : http://www.raat.or.th/node/28 ด้วยความปราถนาดีจาก...ค็อกพิทศรีนวลการยางพะเยา ความสุข ไม่ควรละเลยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ คะ 054-411138


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา

กับการคุ้มครองผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในจังหวัดพะเยา ดร. นภนันต์ ศุภศิริพงษ์ชัย อาจารย์ประจ�ำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

ดังที่ได้กล่าวในฉบับที่แล้วว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่ง บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จะให้ความคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ส�ำหรับสินค้าเฉพาะอย่างคือ ข้าว ไหม ไวน์ และสุรา ไว้เป็น พิเศษ โดยในมาตรา 28 ก�ำหนดให้การใช้สงิ่ บ่งชีท้ างภูมศิ าสตร์ กับสินค้าที่มิได้มีแหล่งภูมิศาสตร์ตามที่ระบุไว้ในค�ำขอขึ้น ทะเบียนถือเป็นความผิด ถึงแม้ผู้ใช้จะระบุแหล่งภูมิศาสตร์อัน แท้จริงของสินค้านั้นไว้ด้วยก็ไม่อาจน�ำมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ หลุดพ้นจากความรับผิดได้ ดังนั้นหากบุคคลภายนอกน�ำชื่อที่ ขึน้ ทะเบียนเป็นสิง่ บ่งชีท้ างภูมศิ าสตร์ไปใช้ประกอบหรืออ้างอิง กับสินค้าของตนที่มิได้มีแหล่งภูมิศาสตร์ตรงกับที่ระบุในค�ำขอ ขึน้ ทะเบียน ก็ถอื เป็นการกระท�ำโดยมิชอบตามมาตรา 28 และ เป็นการละเมิดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้จดทะเบียนไว้แล้วถึง แม้ว่าบุคคลภายนอกจะได้ระบุแหล่งภูมิศาสตร์อันแท้จริงของ สินค้านั้นไว้ด้วยก็ตาม ซึ่งกฎหมายก�ำหนดให้ผู้กระท�ำความ ผิดตามมาตรา 28 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสอง แสนบาท ส่วนปัญหาที่ว่าหากสินค้าเฉพาะอย่างมีสิ่งบ่งชี้ทาง ภูมศิ าสตร์เหมือนหรือพ้องกันแต่เป็นสินค้าทีม่ แี หล่งภูมศิ าสตร์ ต่างกันจะแก้ไขอย่างไร ในกรณีนี้มาตรา 29 ก�ำหนดไว้ว่า “ใน กรณีทสี่ นิ ค้าเฉพาะอย่างทีก่ ำ� หนดในกฎกระทรวงมีสงิ่ บ่งชีท้ าง ภูมศิ าสตร์เหมือนหรือพ้องกันแต่เป็นสินค้าทีม่ แี หล่งภูมศิ าสตร์ ต่างกัน เมื่อมีการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ส�ำหรับ สินค้าดังกล่าว ให้การใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในกรณีนี้เป็น ไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก�ำหนดในกฎกระทรวง” ซึ่ง ค�ำว่า “หลักเกณฑ์และวิธีการที่ก�ำหนดในกฎกระทรวง” นั้น ก็คือ หลักเกณฑ์และวิธีการที่อยู่ในกฎกระทรวงก�ำหนดราย ชื่อประเภทสินค้าเฉพาะอย่างและก�ำหนดหลักเกณฑ์และวิธี การในการใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่เหมือนหรือพ้องกัน พ.ศ. 2547 โดยข้อ 2 ของกฎกระทรวงฉบับนีไ้ ด้ระบุไว้วา่ หากสินค้า เฉพาะอย่างมีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์เหมือนหรือพ้องกันกับสิ่ง บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของสินค้าเฉพาะอย่างที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ แล้วก่อนหน้านั้นหรืออยู่ระหว่างด�ำเนินการขึ้นทะเบียนแต่

คบเด็กสร้างบ้าน

ตอนที่ 7

เป็นสินค้าที่มีแหล่งภูมิศาสตร์ต่างกัน ให้การใช้สิ่งบ่งชี้ทาง ภูมิศาสตร์ส�ำหรับสินค้าเฉพาะอย่างที่ขอขึ้นทะเบียนราย หลังต้องระบุแหล่งภูมิศาสตร์และประเทศที่ผลิตสินค้านั้น ไว้ท้ายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์โดยชัดเจนด้วย นอกจากนี้ ประเด็นส�ำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนยื่นค�ำขอขึ้นทะเบียนสิ่ง บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็คือ จะต้อง ศึกษาปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับความเป็นไปได้ของการขอ ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์นั้นๆ เช่น สินค้าอะไรที่ ต้องการคุ้มครอง กลุ่มผู้ประกอบการทั้งสายการผลิตมีใคร บ้าง ค่าใช้จ่ายในการควบคุมมาตรฐานขั้นต�่ำของสินค้าหรือ มาตรฐานในการผลิตสินค้าที่ใช้ชื่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์นั้น คุ้มหรือไม่เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ชุมชนท้องถิ่นที่จะได้ รับ และจะท�ำการประชาสัมพันธ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์นั้น อย่างไรให้ติดตลาด และขอบเขตพื้นที่การผลิตสินค้าที่จะ ใช้ชื่อสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์นั้นจะกว้างมากน้อยแค่ไหน เช่น ครอบคลุมพื้นที่อ�ำเภอใดบ้างในจังหวัดพะเยา นอกจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ พ.ศ. 2546 จะให้ความคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของไทยแล้ว ยัง ให้การคุ้มครองสิ่งบงชี้ทางภูมิศาสตร์ของต่างประเทศด้วย โดยก�ำหนดไว้ในมาตรา 6 ว่าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของต่าง ประเทศจะได้ รั บ ความคุ ้ ม ครองในประเทศไทยก็ ต ่ อ เมื่ อ ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ที่ได้รับ ความคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศนั้นและมีการใช้สืบ เนือ่ งตลอดมาจนถึงวันทีย่ นื่ ค�ำขอขึน้ ทะเบียนในประเทศไทย จะเห็นได้ว่ากฎหมายคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์นั้นมี ความส�ำคัญต่อการคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นของจังหวัดพะเยา ไม่แพ้กฎหมายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ เคยกล่าวมาก่อนหน้านี้เลย นอกจากการคุ้มครองสิ่งบงชี้ ทางภูมิศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่นแล้ว กฎหมายอื่นที่ น่าจะเป็นประโยชน์ต่อจังหวัดพะเยาก็คือกฎหมายคุ้มครอง พันธุพ์ ชื ซึง่ จัดเป็นกฎหมายทรัพย์สนิ ทางปัญญาชนิดหนึง่ เช่น กัน ดังนั้นในฉบับหน้าจะกล่าวถึงหัวข้อส�ำคัญเรื่องกฎหมาย ทรัพย์สนิ ทางปัญญากับการคุม้ ครองพันธุพ์ ชื ในจังหวัดพะเยา

9

เยาวชนเมือง

ธีระศักดิ์ สิทธิชัยธนะกิจ

บรรณาธิการ

คอลัมน์พลังจิตอาสาเยาวชนเมืองพะเยาฉบับเมษาฮาวาย ปี๋ใหม๋เมืองบ้านเฮา เป็นเทศกาลที่เข้ามาท�ำสถิติเหมือนวิชา เศษฐศาสตร์ ฮ่าๆ วันนี้ของปีที่แล้วเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อุบัติเหตุ การเจ็บการตายเกิดขึ้นกี่ครั้ง ขณะนั่งเขียนปิด ต้นฉบับผมผลันคิดอยู่ว่าเมื่อไรจะผ่านเหตุการณ์ที่รอลุ้นจะ หมดไป ไม่อยากรับรูร้ บั ทราบจริงๆกับเรือ่ งอุบตั เิ หตุ ตัง้ สติกนั น่ะครับจงอยู่บนความไม่ประมาทของชีวิตในช่วงเทศกาลนี้ ฉบับนี้ขอน�ำท่านไปดูกิจกรรม ถนนคนเดิน หอการค้าแฟร์ ปี ที่ 11 ครับและทางหอการค้าพะเยามีนโยบายชัดเจนที่จะให้สนามการค้า เดินควบคู่ไปกับสนามเด็กเล่น เด็ก ได้แสดงออกไปในทางที่ถูก ที่ควรที่ดีและได้รับการส่งเสริมจากผู้ใหญ่ที่ใจดี และการนี้โดยความร่วมมือของ มหาวิทยาลัยพะเยาโดยวิทยาลัยการศึกษาต่อเนือ่ งน้องๆนิสติ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา,คณะ ศิลปะศาสตร์ เอกภาษาจีน,คณะวิศวะกรรม และน้องที่เรียนวิชาทักษชิวิต ทักษะสุขภาพที่น�ำเอาการละเล่นกีฬาพื้นบ้าน วัฒนธรรม+อนุรักษ์ ที่หลายคนเห็นแต่ไม่เคยเล่น อาทิ งูกินหาง รีๆข้าวสาร เก้าอี้ดนตรี วิ่งกระสอบ และกีฬา พื้นบ้านประจ�ำจังหวัดวิ่งโกงเก้ง ขอปรบมือดังๆให้กับน้องนิสิต ม.พะเยา และผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสอีกมิติสังคม และเศรษฐกิจคู่ขนานให้ก้าวไปพร้อมกันคบเด็กสร้างบ้าน...เมืองพะเยาอย่างมั่นคง มุ่งสู่ AEC

ครั ว คุ ณ แอ๊ ว

ห้องพัก อาหาร - เครื่องดื่ม กาแฟสด จ�ำหน่าย เมล็ดกาแฟคั่ว/บด ปลีก - ส่ง

103/1 หมู่ 15 บ้านโป่งเกลือใต้(สันหมื่นแก้ว) ต�ำบลแม่ปืม อ�ำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา 56000 โทร. 054-428-304, 081-992-6870 E-mail: iya_phayao@hotmail.com www.facebook.com/iya.phayao


10

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556

ภญ.จิราภรณ์ หาญธัญพงศ์ กลุม่ งานเภสัชกรรม รพ.พะเยา โทร. 054 - 409300 - 3

ภัจากกล่ ยเงีองโฟมบรรจุ ยบ อาหาร ในปัจจุบันเราคงต้องยอมรับกันว่ากล่องโฟมเป็น ภาชนะยอดอิตที่มักจะน�ำมาใส่อาหารเนื่องจากมีความ สะดวกรวดเร็วและใช้งานได้สารพัดประโยชน์แต่ท่าน ทราบหรือไม่วา่ กล่องโฟม เหล่านีม้ คี วามปลอดภัยแค่ไหน โฟมเป็นพลาสติกที่ผลิตมาจากโพลีสไตรีน (Polystyrene)เมื่อน�ำมาผลิตเป็นกล่องโฟมบรรจุอาหารและ สัมผัสกับอาหารร้อนจัดเป็นเวลานานจะท�ำให้ภาชนะเสีย รูปและหลอมละลายจนเกิดสาร สไตรีน (styrene) และเบนซิน (Benzene) ซึ่งเป็น สารก่อมะเร็งโดยสารสไตรีนจะ ท�ำลายไขกระดูกตับไต สมองท�ำให้สมองมึนงงสมองเสือ่ ม หงุดหงิดง่ายนอกจากนี้ ยังมีผลท�ำให้ประจ�ำเดือนมาไม่ปกติ และเป็นสารก่อมะเร็ง อีกด้วยโดยพบว่าถ้าเป็นผูช้ ายจะมีโอกาสเสีย่ งเป็นมะเร็ง ต่อมลูกหมาก ขณะทีผ่ หู้ ญิงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมาก ขึ้น และอาจส่งผลให้ทั้งชายและหญิงมีโอกาสเป็นมะเร็ง ตับสูงขึน้ ด้วย แม้จะไม่ได้ดมื่ แอลกอฮอล์เป็นประจ�ำก็ตาม และจากการศึกษาวิจัยพบว่าหญิงมีครรภ์ที่รับประทาน อาหารบรรจุในกล่องโฟม มีโอกาสท�ำให้ลูกสมองเสื่อม กลายเป็นเอ๋ออวัยวะบางส่วนพิการส่วนคนทั่วไป ถ้ารับ ประทานอาหารกล่องโฟมทุกวัน วันละอย่างน้อย 1 มื้อ ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งสูง กว่าคนปกติถึง 6 เท่า” ส�ำหรับสารเบนซิน เป็นสารที่มีความเป็นพิษสูงและ เป็นสารก่อมะเร็งเช่นกันอาการของผูท้ ไี่ ด้รบั เบนซินเข้าไป ในระยะแรกจะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ถ้าดื่มหรือกิน อาหารที่มีเบนซินปนเปื้อนอยู่สูงจะทําให้มีอาการปวด ท้องเนื่องจากกระเพาะถูกกัดกร่อน เวียนศรีษะคลื่นไส้ อาเจียน ง่วงนอนชัก หัวใจเต้นแรงและอาจเสียชีวิตได้

ปัจจัยที่ท�ำให้มีโอกาสได้รับสารสไตรีนจากกล่องโฟม มากขึ้น ได้แก่ 1. อุณหภูมิของอาหารที่บรรจุถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นท�ำ ให้สไตรีนซึมเข้าสู่อาหารได้มากขึ้น 2. ชนิดของอาหารที่บรรจุอาหารที่มีน�้ำมัน น�้ำส้ม สายชู หรือแอลกอฮอล์ สารเหล่านี้จะดูดสารสไตรีนจาก กล่องโฟมได้มากกว่าปกติ 3. ระยะเวลาของอาหารที่อยู่ในกล่องโฟมถ้าทิ้งไว้ นานๆ อาหารจะดูดสารสไตรีนได้มากขึ้น 4. ถ้าน�ำอาหารทีบ่ รรจุในกล่องโฟมเข้าไมโครเวฟสา รสไตรีนจะไหลออกมาในปริมาณมาก 5. ถ้าอาหารสัมผัสพื้นที่ผิวกล่องโฟมมากๆจะได้รับ สารสไตรีนมากขึ้น

อาหาร การออกก�ำลังกาย และการใช้พลังงาน โดย ผศ.กำ�ธร ธรรมพิทักษ์ คณะวิทยาการจัดการสารสนเทศศาสตร์ มหาวิยาลัยพะเยา ตำ�บลแม่กา อำ�เภอเมือง จังหวัดพะเยา 56000

สวัสดีครับเวลาช่วงนี้ของปีนับว่าปั่นจักรยานได้ สนุก อากาศเย็นสบายจนหนาวเลยครับ ยิ่งตอนเช้า ปั่นจักรยานลมหนาวจะแทรกผ่านผิวหนังท�ำให้ขนลุก ตั้งเป็นครั้งคราว ปั่นเท่าไหร่ก็ไม่เหนือย เหงื่อไม่ไหล มาก แห้งดี หน้าหนาวตะวันขึ้นช้าและตกไว ไฟกระ พริบสัญญา อย่างลืมเปิดนะครับ ผมซื้อมาติดด้าน หน้าอีก หนึ่งดวง เพิ่มความอุ่นใจขณะปั่น ผมจัดกลุ่ม นักปัน่ เป็น 3 กลุม่ นักปัน่ จักรยานเพือ่ การแข่งขัน การ ออกก�ำลังกายเพือ่ เผาผลาญไขมัน และการปัน่ เพือ่ การ พักผ่อนหย่อนใจ มีเป้าหมายในการปั่นแตกต่างกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกันคือการเผาผลาญแคลอรี่ใน ร่างกาย ขอยกตัวอย่าง ความต้องการใช้พลังงานใน กิจกรรมต่างๆ ด้วยวิธีค�ำนวณ ของ Harris-Benedict BEE(ผู้ชาย) = 66.5 + (13.7xน�้ำหนัก[kg]) + (5xส่วนสูง[cm]) – (6.8xอายุ) BEE(ผู้หญิง) = 65.5 + (9.6xน�้ำหนัก[kg]) + (1.8xส่วนสูง[cm]) – (4.7xอายุ) เมือ่ ได้คา่ BEE แล้วให้นำ� มาคูณกับ Activity Factor จะได้ความต้องการพลังงาน(กิโลแคลลอรี)ต่อวัน คิดได้ ดังนี้ - ถ้ามีกิจกรรมน้อยมากหรือแทบไม่ออกก�ำลัง กายเลย = BEE x 1.2 - ถ้ามีกิจกรรมน้อยหรือออกก�ำลังกาย 1-3 วัน/ สัปดาห์ = BEE x 1.37 - ถ้ามีกิจกรรมปานกลางหรือออกก�ำลังกาย 3-5 วัน/สัปดาห์ = BEE x 1.55 - ถ้ามีกิจกรรมหนักหรือออกก�ำลังกาย 6-7 วัน/ สัปดาห์ = BEE x 1.725 - ถ้ามีกจิ กรรมหนักมากหรือเป็นผูใ้ ช้แรงงานหรือ

นักกีฬา = BEE x 1.9 ตัวอย่างเช่น ชวิน วัยรุ่นชาย อายุ 20 ปีส่วน สูง 175 เซนติเมตร น�้ำหนัก 70 กิโลกรัม เป็นคน ที่ไม่ออกก�ำลังกายเลยจะใช้พลังงานต่อวัน เท่ากับ BEE(ชาย)=66.5+(13.7X70)+(5X175)-(6.8x20) = 1,764.5 กิโลแคลอรี่ และน�ำค่า 1,764.5X1.2 เท่ากับ 2,117.4 กิโลแคลอรี่ต่อวัน อีกตัวอย่างหนึ่งคืออาหารและการให้พลังงาน ครับ ขนมปัง 1 แผ่น 70 กิโลแคลอรี่ (Kcal) , ชา หรือ กาแฟนม 1 แก้ว 100-150 Kcal , ก๋วยเตี๋ยว น�้ำ 1 ชาม 350 Kcal , ขนมถุงกรอบ 80 กรัม 400 Kcalและกระเพราไก่ไข่ดาว 550 Kcal อาหารทั้งหมด ที่ยกตัวอย่างนี้ให้พลังงานรวม 1,520 Kcal ถ้าเปรียบ เทียบการด�ำเนินชีวิตแบบ ชวิน กับการกินอาหารแล้ว กินอาหารน้อยไป ในชีวติ ทีเ่ ร่งรีบแข่งขันไม่มเี วลาออก ก�ำลังกาย จะใช้พลังงานช่วง 2,000-2,500 Kcal ต่อ วัน ผมยกตัวอย่างกิจกรรมที่พอจะเผาผลาญ แคลอรี่ ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ดังนี้ เดินทอดน่องสบายๆ 150 Kcal , เดินธรรมดา 300 kcal , เดินเร็ว 420-480 kcal, วิ่งเหยาะ 600-750 kcal, วิ่งเร็ว 900-1,200 kcal , ปั่นจักรยาน 250-600 kcal ผมว่าทุกคนรู้ เมื่อ อายุมากขึ้น จะอ้วน เสี่ยงต่อการเจ็บป่วย ถ้าเรามีสติ เข้าใจมัน ชีวิตมันจะผ่อนหนักเป็นเบา ใช่น�้ำหนักต้อง ขึ้นแต่ไม่มาก ใช่จะต้องเจ็บป่วย แต่ก็เพียงหวัด ปวด เหมื่อย ตามร่างกาย ในเดือนถัดไปจะเล่าถึง การเผา ผลาญแคลอรี่กับการปั่นจักรยานกันครับ


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

11

เมนูอร่อยและร้านอาหารในพะเยา ร้านรวมมิตร

ข้าวแกงร้านข้าวราดแกง - อาหารไทย - จีนเก่าแก่ บนถนนพหลโยธินสายเก่า ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพพาณิชย์เก่า อาหาร อร่อยสะอาดสะอ้าน อาหารจีนและอาหารพื้นเมืองมีบริการตลอดทั้งวัน อาหารแนะน�ำ ลาบคั่ว น�้ำพริกอ่อง แกงอ่อม แกงแค และ ไก่ตุ๋น เปิดเวลา 6.00 - 16.00 น. โทร.054-484712

ร้านกาแฟคัพ เค้ก

ร้านกาแฟและเบเกอรี่บรรยากาศดี น่านั่ง บริการด้วยความใส่ใจบนถนนชายกว๊าน มองเห็นกว๊านพะเยาและวัดติโลกอารามอยู่ ตรงหน้าร้าน เหมาะที่จะเป็นจุดนัดหมายได้อย่างดีเยี่ยม ที่อยู่ ๔๕ ถ.ชายกว๊าน ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา เปิดเวลา 08.00 - 21.00 น. โทร. 054- 484396 มือถือ 086 - 4468885

ร้านถ้วยก๋าไก่

อาหารแนะน�ำ แกงแค แกงฮังเล แกงอ่อม ลาบคั่ว มีทั้งตามสั่ง ไทย, จีน, พื้นเมืองให้เลือก ที่ตั้ง ถ.พหลโยธิน ในปั๊มเอสโซ่ เปิดเวลา 10.00 - 22.00 น. โทร. 054 - 431246

ร้านข้าวมันไก่ ลุงด�ำ - ป้าเจ๊

ข้าวมันไก่ร้านนี้ มีความพิเศษคือ ไก่ต้มเนื้อนุ่ม สูตรไม่เหมือนใคร น�้ำจิ้มสูตรเด็ด ใส่หัวใจไก่และใส่หัวใจความเป็นนักกีฬาของ เจ้าของร้านลุงด�ำ-ป้าเจ๊ ร้านตั้งอยู่ถนนชายกว๊าน ใกล้ 7-11 สาขากว๊านพะเยา 2 คูหาบรรยายกาศริมกว๊านพะเยา เปิดบริการตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า ถึง บ่าย 2 โมง หรือจนกว่าของจะหมด และแจ้งล่วงหน้าทาง fb เพิ่มเติมกับอาหารตามสั่ง และข้าวกล่อง ส�ำรองที่นั่ง 086-429-8747

ร้านครัวสล่ามี

อาหารตามสั่ง อาหารชุด ไทย จีน ฝรั่ง ฯลฯ เมนูแนะน�ำ หมูกรอบผัดพริกป่น ,ไข่ระเบิด, ไข่ขยี้ กระทิงคลุกฝุ่น, ข้าวผัดจา พนม, ไก่บ้านผัดกระเพรา, ต้มข่าไก่บ้าน, สเต็กหมู, สปาเก็ตตี้ ถ.ราชวงศ์ เปิดตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. ส�ำรองที่นั่งหรือสั่งอาหารรอได้ที่ 054 - 431513,084 - 6084317, 084 - 6177483

รักพะเยา เชียร์ PHAYAO FC


12

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556

วิ่ง ๆ แล้วจุกท้อง...จะแก้ ไขอย่างไร ดร.ปราณี อยู่ศิริ

โยธาคันทรีรีสอร์ต ที่พักของคนรักธรรมชาติ

ถนนสายพะเยา-เชียงราย อ.เมือง จ.พะเยา (ห่างจากตัวเมืองพะเยา เพียง 5 นาที) โทร.054-428311, 081-7241693

อาการการจุกท้องขณะวิ่งหรือออกก�ำลังกาย เป็นอาการที่หลาย ๆ คนสงสัยว่าเกิดมาจากอะไร และจะแก้ไข อย่างไรเมื่อเกิดอาการขึ้น อาการจุกส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณใต้ชายโครงซึ่งเป็นได้ทั้งซ้ายและขวา ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นชายโครงด้านขวา เรียกว่า “จุกตับ” จากการศึกษายังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่า มีสาเหตุมา จาก การเป็นตะคริวทีก่ ระบังลม ซึง่ ผนวกกับการทีต่ บั ของคนเราจะอยูท่ างด้านขวาบริเวณใต้กระบังลม ต�ำ่ กว่าชาย โครง จึงเป็นเหตุให้มีความเชื่อมโยงกับการเป็นตะคริวที่กระบังลมด้านขวามากกว่าข้างซ้าย กระบังลมเป็นกล้าม เนื้อมัดหนึ่ง ซึ่งท�ำหน้าที่ช่วยการหายใจ โดยที่เราหายใจเข้าออก กะบังลมจะเคลื่อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ของคนเรา ขณะที่เนื้อปอดก็จะอยู่บริเวณด้านบนของกะบังลม ซึ่งจะมีการยุบพองตัวตามจังหวะการหายใจสอด คลองกับการท�ำงานของกะบังลม ส่วนด้านใต้กะบังลมนั้นจะมีตับและส�ำไส้ กะบังลมจึงเป็นส่วนที่อยู่ตรงกลาง ระหว่างปอดและตับ ล�ำไส้ ตามปกติการเคลื่อนไหวร่างกายทั่ว ๆ ไปในการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวันธรรมดาก็จะไม่ เกิดอาการ แต่เมื่อไหร่ที่มีการเคลื่อนไหวด้วยการวิ่งหรือออกก�ำลังกาย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มออกก�ำลังกายและยังมี สมรรถภาพทางกายไม่ฟิต พอวิ่งเร็วและหนักขึ้น จะท�ำให้หายใจถี่ กะบังลมก็จะต้องท�ำงานหนักเพิ่มขึ้น หากมีแรง ดันด้านบนจากปอดซึ่งจะมีการขยายตัวมากขึ้นโดยการหายใจลึก ๆ ขณะออกก�ำลังกาย หรือด้านล่างจากตับ ที่ จะมีเลือดมาคั่งเป็นจ�ำนวนมากขณะออกก�ำลังกาย จะไปกดกะบังลมให้ขาดเลือดได้ ทั้งนี้กะบังลมเป็นกล้ามเนื้อ มัดหนึง่ จ�ำเป็นทีจ่ ะต้องมีเลือดไปเลีย้ งตลอดเวลา หากถูกกดจนกระทัง่ เลือดมาหล่อเลีย้ งไม่เพียงพอก็จะท�ำให้เกิด “ตะคริวที่กะบังลม”ได้ จึงท�ำให้ร้สู ึกจุกท้องบริเวณกะบังลมและหายใจได้ยากล�ำบาก วิธกี ารที่จะช่วยบรรเทาและ หายจากการจุกท้องขณะวิ่ง คือ การลดระดับความเร็วของการวิ่งให้ช้าลง โดยมากจะหายไปเอง หรือหยุดวิ่งสักครู่ หนึ่ง หากเราฝืนวิ่งทั้งยังจุกอยู่ เพื่อการฝึกก็ได้ แต่ต้องลดความเร็วลง จะช่วยลดการกดของปอดและการคั่งเลือด ของตับได้ ทั้งนี้การฝึกต้องซ้อมโดยค่อย ๆ เพิ่มความเร็วทีละน้อยจนกระทั่งอยู่ตัว สามารถป้องกันการจุกท้องขณะวิ่งและออกก�ำลังกายได้โดย 1. ต้องไม่ทานอาหารหนักหรือย่อยยากก่อนการวิง่ หรือออกก�ำลังกาย จะ ยิง่ ท�ำให้จกุ ท้องมากขึน้ ตามทีม่ กี ารบอกเล่ากันอยูเ่ สมอ ว่าไม่ควรรับประทาน อาหารแล้วไปออกก�ำลังกายทันทีนั้นเองจะท�ำให้จุกท้อง 2. อย่าทานอาหารที่มีกากใยมากเกินไป เพราะจะท�ำให้เกิดแก๊สในล�ำไส้ และจะดันล�ำไส้ให้ป่องพอง ซึ่งจะไปดันกะบังลมได้ 3. เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของนม ซึ่งบางคนอาจไม่มีน�้ำย่อยส�ำหรับย่อย นม นมก็จะไม่ถูกย่อย และหลงเหลือไปถึงล�ำไส้ใหญ่ ท�ำให้แบคทีเรียในล�ำไส้ มาย่อยแทน ก็จะท�ำให้เกิดแก๊สในล�ำไส้ใหญ่และจะดันล�ำไส้ให้โป่งพอง ท�ำให้ จุกท้องได้ ดังนั้นเมื่อเราทราบถึงกลไกและวิธีการป้องการจุกท้องขณะการวิ่งและ ออกก�ำลังกายแล้ว ก็น่าจะท�ำให้การวิ่งและการออกก�ำลังกายของเรามีความ สุขมากขึ้น ส่งเสริมท�ำให้มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ไม่มีโรคภัย และไม่เกิด ความท้อแท้ขณะออกก�ำลังกายจากการต้องทนเจ็บปวดจากการจุกท้องต่อไป


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

หลักการเกี่ยวกับวาระด�ำรงต�ำแหน่ง

13

ของก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้านตามร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ โดย อุเทน ธัชศฤงคารสกุล อาจารย์ประจำ�คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้านที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันมีจุดเริ่ม ต้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ การก�ำหนดให้มีต�ำแหน่งก�ำนัน และผู้ใหญ่ บ้านขึน้ มาในสมัยนัน้ ก็เพือ่ ปรับปรุงให้ระบบบริหารราชการมีความ ทั น สมั ย สามารถรวบรวมอ� ำ นาจที่ ก ระจั ด กระจายอย่ า งไม่ มี เอกภาพให้เข้ามารวมไว้ทรี่ ฐั บาลกลาง เนือ่ งจากเดิมอ�ำนาจในการ ปกครองทีแ่ ท้จริงจะอยูใ่ นมือของบรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ โดยเฉพาะ ในหัวเมืองทีอ่ ยูห่ า่ งไกลจากรัฐบาลกลาง การก�ำหนดให้มตี ำ� แหน่ง ก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้านก็เพื่อให้รัฐบาลกลางมีตัวแทนของรัฐบาล กลางเอง และยังเป็นผู้น�ำตามธรรมชาติของคนในพื้นที่ท้องถิ่นซึ่ง ถือเป็นตัวแทนคนในพื้นที่ท้องถิ่นนั้นด้วย ดังจะเห็นได้ว่า ก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้านในปัจจุบันนี้ก็ยังถือเป็นต�ำแหน่งหนึ่งในราชการ ส่วนภูมิภาค หรือของรัฐบาลกลางอยู่นั่นเอง ต่อมาภายหลัง ประเทศไทยได้มรี ะบบราชการส่วนท้องถิน่ เกิดขึน้ ซึง่ เน้นไปทีก่ าร ให้ประชาชนในพื้นที่ท้องถิ่นได้ปกครองตนเองในลักษณะที่เป็น ประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้นโดยเน้นให้มีการเลือกตั้งผู้แทนเข้าไป บริหารจัดการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท�ำให้หลายครั้ง บทบาทของก�ำนัน และผูใ้ หญ่บา้ น กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ เหล่านี้เริ่มทับซ้อนกัน หลายครั้งท�ำให้บทบาทของก�ำนันผู้ใหญ่ บ้านเริ่มลดลงไป และแทนที่ด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้น�ำหลักประชาธิปไตยมาใช้ ในการเลือกตั้งผู้แทน และผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งมีการก�ำหนด เวลาการด�ำรงต�ำแหน่งดังกล่าวด้วย การก�ำหนดเวลาวาระการ ด�ำรงต�ำแหน่งสอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยเพราะการก�ำหนด เวลาวาระการด�ำรงต�ำแหน่งทีพ่ อเหมาะไม่นอ้ ย และไม่มากเกินไป ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเชื่อว่าประมาณ ๔ หรือ ๕ ปีจะก�ำลังเหมาะที่จะ ไม่ให้นานเกินไปจนยากทีจ่ ะตรวจสอบความสามารถในการเป็นผู้ แทน หรือผู้บริหาร หรือจนท�ำให้ผู้แทน หรือผู้บริหารเหล่านี้วาง อิทธิพลในงานจนเสียหาย ตลอดจนไม่ให้ระยะเวลาสัน้ เกินไปทีจ่ ะ ให้ผู้แทน หรือผู้บริหารได้คุ้นเคยกับภารกิจหน้าที่ หรือสามารถ ผลักดันสิ่งที่เป็นนโยบายให้ส�ำเร็จได้อันเป็นการพิสูจน์ฝีมือของ ผูแ้ ทน หรือผูบ้ ริหารนัน้ ส�ำหรับในกรณีของก�ำนัน และผูใ้ หญ่บา้ น ก็เช่นเดียวกันที่ได้น�ำหลักประชาธิปไตยในลักษณะเดียวกับกรณี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาใช้ จนเป็นที่มาของการจัดท�ำร่าง พระราชบัญญัติเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว

พฤหัส ใจลา รายงาน

ร้านกาแฟสไตล์ชิค C H I C ทันสมัยใจกลางเมืองพะเยาพร้อมอาหารญี่ปุ่นหลากหลาย เมนูปรุงแต่งพิถีพิถันด้วยวัตถุดิบน�ำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น

สไตล์การออกแบบตกแต่งร้านเป็นแบบ I C H I N O Taste & Talk ชั้นล่างตกแต่งเป็นร้าน น่านั่งชิลๆ ด้านนอกนั่งทานอาหารกลางบรรยากาศ สนามหญ้าตามความหมายของชื่อร้าน ส่วนชั้นบน เหมาะส� ำ หรั บ ครอบครั ว หรื อ กลุ ่ ม เพื่ อ นฝู ง นั่ ง ทาน อาหารแบบสบายๆ บรรยากาศระเบียงด้านนอกยังคง ความชิลไว้ส�ำหรับลูกค้าที่ชอบนั่งแบบ Open Air

BM ผับ

วัดศรีอุโมงค์ค�ำ

กว๊านพะเยา

แผนที่ร้าน

ร้านอาหารแสงจันทร์

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่เคารพ ส�ำหรับบทความในฉบับนี้จะ หยิบยกเรื่องของก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งก�ำลังเป็นข่าวถึงแรงต่อ ต้านร่างกฎหมายฉบับหนึง่ ก็คอื ร่างพระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครอง ท้องที่ เนือ่ งจากเนือ้ หาของร่างกฎหมายฉบับนีไ้ ด้เข้าไปปรับเปลีย่ น เรื่องส�ำคัญเกี่ยวกับก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ท�ำให้บรรดาก�ำนัน และ ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียต้องออกมากดดันต่อต้านร่าง กฎหมายฉบับนี้ ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ได้ผ่าน ขั้นตอนนิติบัญญัติ หรือการตรากฎหมายในวาระที่หนึ่งแล้วในการ ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๔ สมัยสามัญ ทั่วไป เมื่อวันพุธที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีร่างพระราช บัญญัติลักษณะปกครองท้องที่จากฝ่ายต่าง ๆ ทั้งฝ่ายรัฐบาล และ ฝ่ายค้านจ�ำนวน ๕ ฉบับ และทีป่ ระชุมได้มมี ติให้ตงั้ คณะกรรมาธิการ วิสามัญจ�ำนวน ๓๑ คน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ร่างพระราชบัญญัตลิ กั ษณะปกครองท้องทีซ่ งึ่ ได้รบั การเสนอมา จ�ำนวน ๕ ฉบับ ล้วนมีสาระส�ำคัญส่วนใหญ่เหมือนกันกล่าวคือ ก�ำหนดให้ก�ำนัน และผู้ใหญ่บ้านมีวาระอยู่ในต�ำแหน่งคราวละห้าปี นับแต่วนั ทีไ่ ด้รบั แต่งตัง้ และมีอายุไม่เกินหกสิบปี จากเดิมทีพ่ ระราช บัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติม มาแล้ว ๑๒ ครั้ง จนกระทั่งล่าสุดกฎหมายได้ก�ำหนดให้ก�ำนัน และ ผู้ใหญ่บ้านมีวาระอยู่ในต�ำแหน่งได้จนถึงอายุ ๖๐ ปี ดังนั้น ในการ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ครั้งนี้จึง เน้นไปที่การก�ำหนดวาระด�ำรงต�ำแหน่งให้มีเวลาสั้น และจ�ำกัดยิ่ง ขึ้น นอกจากนี้ยงั สังเกตได้ว่าในการแก้ไขเพิม่ เติมกฎหมายครั้งนีท้ ุก ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านต่างก็เห็นพ้องต้องกัน ทัง้ หมด ทัง้ นี้ เห็นได้จากร่างพระราชบัญญัตทิ เี่ สนอมาต่างมีหลักการ และสาระส�ำคัญเหมือนกันโดยเห็นว่า ต�ำแหน่งก�ำนัน และผู้ใหญ่ บ้านนั้นยังคงมีความส�ำคัญในการดูแลพื้นที่ท้องถิ่น และประสาน ประโยชน์ระหว่างราชการส่วนภูมิภาค และพื้นที่ท้องถิ่นได้ดีซึ่งยัง จ�ำเป็นต้องให้ด�ำรงอยู่ เพียงแต่การด�ำรงต�ำแหน่งของก�ำนัน และ ผูใ้ หญ่บา้ นทีส่ นิ้ สุดเมือ่ อายุ ๖๐ ปีนนั้ มีระยะเวลานานเกินไปจนอาจ เป็นอุปสรรคต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยได้ เพราะใน ระหว่างด�ำรงต�ำแหน่งอาจยากต่อการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ อาจเกิดความละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ ท�ำให้ไม่เกิดประสิทธิภาพ เท่าที่ควร ซึ่งเหตุผลที่กล่าวอ้างนี้ได้น�ำมาจากบรรดาร่างพระราช บัญญัติที่เสนอมานั่นเอง

เวลาเปิดให้บริการ 11.30 AM. – 8.30 PM.

[ ติดต่อคุณปู 085-9103139 ]

เจ้าของร้านเน้นความสบายของลูกค้าเป็น หลักและการได้ลิ้มลองรสชาติอาหารจากวัตถุดิบ ชัน้ ดีจากญีป่ นุ่ ประเทศต้นต�ำรับ จากประสบการณ์ กว่า 20 ปีของการท�ำงานเพื่อคัดสรรและน�ำเข้า วัตถุดิบ เมนูแนะน�ำ อาทิ แซลมอล+มากุโระซาชิมิ, ข้ า วปลาหมึ ก ย่ า งซี อิ้ ว , ข้ า วหน้ า กุ ้ ง เทมปุ ร ะ, ชุดข้าวยากินกิ ,ุ ทงคัตสึดง้ , เทมปุระราเมน, บะหมี่ เย็น, เกี๊ยวซ่า และไอศกรีมชากรีม ชาเขียวถั่ว แดง, สละลอยแก้ว, เครปเค้ก และเครื่องดื่มกว่า 20 รายการ


14

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 fufupixx

สวัสดีครับ

หมดปัญหาหยิบนิตยสารไม่ทัน สมัครสมาชิกรายปีโดยมีค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง 200 บาท ( 12 เล่ม) และรอรับนิตยสารถึงบ้าน (ถ่ายเอกสารใบสมัครได้)

ข้อมูลผู้สมัครสมาชิก

ที่อยู่ในการจัดส่ง

ชื่อ....................................นามสกุล......................................... เพศ ชาย หญิง อายุ......................................... อีเมล....................................................................................... โทรศัพท์ที่ท�ำงาน............................โทรสาร............................ โทรศัพท์มือถือ........................................................................

หมู่บ้าน/บริษัท.................................................................... หน่วยงาน/แผนก................................................................. เลขที่.............ซอย.............................ถนน........................... ต�ำบล/แขวง..............................อ�ำเภอ/เขต......................... จังหวัด..........................รหัสไปรษณีย.์ ..................................

วิธีการช�ำระเงิน

โอนเข้าบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาพะเยา เลขที่ 209-232953-7 ในนาม นายธีระศักดิ์ สิทธิชัยธนะกิจ ส่งอีเมลใบสมัคร พร้อม ใบน�ำฝากที่ kwan.magazine@gmail.com (10% ค่าสมาชิกสมทบกองทุนท�ำบุญปลูกปัญญาบริจาคหนังสือห้องสมุดโรงเรียน) ทางไปรษณีย์ 737/2 หน้าวัดราชคฤห์ ถนนพหลโยธิน อ�ำเภอเมือง จังหวัดพะเยา 56000 โทร. 081 - 8848824, 081 - 0302547

ว่าด้วย...อารมณ์ของภาพ ^^

ต้อนรับหน้าร้อนทีม่ าถึงอย่างรวดเร็ว ด้วยการออกไปถ่ายรูปกันดีกว่า มาคราวนี้ ผมจะว่ากันด้วยเรือ่ งของ อารมณ์ในภาพ อาจเคยได้ยินค�ำกล่าวที่ว่า “ภาพไม่คม อารมณ์ต้องได้” ใช่รึเปล่าครับ มันไม่ใช่ข้ออ้าง ของคนถ่ายภาพไม่ชดั แน่นอน ^^ แต่เป็นสิง่ ทีผ่ ถู้ า่ ยนัน้ คิดไว้แล้วว่าอยากให้ภาพนีไ้ ม่ชดั ซึง่ เหตุผลส่วนใหญ่จะอยู่ที่ว่า “เพราะอารมณ์ในภาพจะชัดเจนกว่าถ้าภาพไม่ชัด” การเน้น อารมณ์ในภาพนั้น ใช่ว่าภาพจะต้องไม่ชัดเสมอไป มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆประการครับ และหลายๆครัง้ ก็ไม่จำ� เป็นต้องสบสายตา ทีว่ า่ กันว่าเป็นหน้าต่างของหัวใจ เราก็สามารถเห็น อารมณ์ข้างในได้เช่นกัน หลายๆคน อาจคิดว่า การที่จะ “จับอารมณ์” ได้ ต้องถ่ายในจังหวะที่ตัวแบบ “เผลอ เท่านั้น” จริงๆแล้วนั่นเป็นเพียงวิธีการหนึ่งครับ ยังมีอีกหลายวิธี เช่น เราอาจสร้างอารมณ์ นัน้ ๆขึน้ มาร่วมกับตัวแบบ บิว๊ ให้แบบรูส้ กึ เศร้า เล่าเรือ่ งตลกให้แบบสนุกสนาน บางคนใช้วธิ ี การแซวให้แบบเขินอาย ซึ่งเหล่านี้จะได้ทั้งความเป็นธรรมชาติปนมากับอารมณ์ด้วย แน่นอนว่าการ สร้างอารมณ์นั้นไม่ได้ง่ายแล้ว ขึ้นอยู่กับวิธีการ ประสบการณ์ และการ ฝึกฝนของแต่ละคน แต่การจะ “จับอารมณ์” ให้ได้ ย่อมยากกว่า เพราะหลายๆครัง้ อารมณ์ นั้นผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลาแม้จะวางมุมภาพด้วยซ�้ำ สิ่งเหล่านี้เราต้องคิด และวางแผนก่อนถ่ายครับ ถึงจะได้มาอย่างที่ต้องการ

เช่นเคยครับ ผมได้แนบภาพที่มีอารมณ์ปนอยู่ด้วยทั้งภาพที่ชัด ภาพที่เบลอ ภาพที่ไม่สบตากับคนถ่าย รวมๆกัน ไปครับ ลองไปท�ำกันดูนะครับ นี่เป็นอีกวิธีการในการถ่ายภาพบุคคล ที่ทั้งท้าทายและสนุกสนาน และที่ส�ำคัญท�ำให้ ภาพดูมีชีวิตชีวาอีกด้วย ถ้าฝึกบ่อยๆ ไม่ว่าถ่ายรูปครอบครัว แฟน เพื่อน หรือถ่ายรับงาน ก็จะท�ำให้ได้ภาพที่หลาก หลายและเต็มไปด้วยอารมณ์มากขึ้นครับ ไว้พบกันใหม่โอกาสต่อไป สวัสดีปี๋ใหม่ครับผม ^^


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

15

ครกหิน

ถ้าอยากจะดูการท�ำครกหินถึงที่ ให้แวะไปบ้านงิ้วใต้ ต�ำบลบ้านสาง อ.เมือง ประมาณ ๑๕ กิโลเมตรจากเมืองพะเยา ตาม ทางหลวงหมายเลข ๑ ลงสู่ทิศใต้ไปเล็กน้อย ถึงสี่แยกแม่ต�๋ำ เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข ๑๑๙๓ จนถึงบ้านสาง สอง ข้างทางจะพบกับร้านขายครกหินและแหล่งผลิตอยู่ในที่เดียวกัน จะได้รู้ถึงกรรมวิธีการแกะสลักครกหินอย่างละเอียด มีประมาณ ๕๐ ครัวเรือนทีเดียวที่สลักครกหินเป็นอาชีพ เป็นที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ครกหินจากบ้านสางแห่งนี้ได้ตีตลาดไปทั่วประเทศแล้ว ร้านพะเยาศิลา ที่อยู่ ๗๕ หมู่ ๖ บ้านงิ้ว ต.บ้านสาง อ.เมือง จ.พะเยา โทร. ๐๕๔-๔๒๗-๕๖๐ (รับแกะสลักครกหินและงานสลักหินทุกชนิด)

แหล่งตีมีด

แหล่งตีมีดที่ขึ้นชื่อของพะเยา มีอยู่ ๒ หมู่บ้าน แต่ต่างอ�ำเภอกัน บ้านร่องไฮไกล้ๆกับกว๊านพะเยา อ.เมือง และบ้านดงเจน อ.ภูกามยาว เป็นอาชีพที่สืบทอดกันมานับ ร้อยปี งานตีมีดเป็นงานที่หนักมาก ต้องอาศัยความอดทนและประสบการณ์ การตีมีดใน ๑ วัน ตีได้คนละ ๓-๔ เล่มเท่านั้นเอง ๑ กลุ่ม ๔ คน จะตีได้ ๑๕ – ๑๖ เล่ม ทั้งที่บ้า นร่องไฮและบ้านดงเจน จะตีทั้งมีด จอบ เสียม เคียว และ ฯลฯ มีทั้งงานซ่อมและปรับแต่งมีดอีกด้วย แหล่งตีมีดทั้งสองแห่งนี้ จะมีร้านค้าจ�ำหน่ายอยู่ด้วยกันเสมอ ลูกค้าส�ำคัญที่มาซื้อนอกจากชาวพะเยาและน่านแล้วนั้นจะเป็นชาวลาวที่เหมาซื้อเป็นจ�ำนวนมากๆ ชาวลาวที่เดินทางผ่านด่านชายแดนมาทางบ้านฮวก อ.ภูซาง นั่นเอง กลุ่มตีมีดบ้านร่องไฮ เปิดเวลา ๙.๐๐ น.-๑๗.๐๐ น. โทร. ๐๕๔-๔๔๐๒๘๖, ๐๘-๙๘๕๔-๐๓๐๕ สินค้าคือ มีดปังตอ มีดอีโต้ มีดดาบ จอบ เสียม กลุ่มตีมีดบ้านดงเจน เปิด ๘.๓๐ น - ๑๗.๐๐น. โทร. ๐๕๔-๔๒๒๙๑๑ สินค้ามี มีด เคียว ขวาน

ผ้าทอไทลื้อภูซาง

วันที่ ๑๐ และ ๓๐ ของทุกเดือน ตลาดการค้าชายแดนไทย-ลาว คึกคักเป็นพิเศษ นอกจากจะมาชมตลาดชายแดนแล้ว ร้านสินค้าโอทอปของฝากที่ขึ้นชื่อแห่งบ้านฮวกคือ ผ้าทอไท ลื้อ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด มีทั้งผ้าปูโต๊ะ ผ้าคลุมเตียง ผ้าส�ำเร็จรูป ผ้าถุง ผ้าซิ่น ผ้าส�ำหรับตัดชุด ตุง (ธง) แบบต่างๆมีมากมาย ลายแบบโบราณ รวม ถึงลาย ๑๒ ราศี ของดีๆที่ควรติดไม้ติดมือกลับบ้าน จากบ้านฮวกแห่งอ.ภูซาง ร้านต่างๆจะเปิดเวลา ๘.๐๐ และปิดเวลา ๑๗.๐๐ น.ของทุกวัน


16

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556

การละเมิดเครือ่ งหมายการค้าของผูอ้ นื่ ในปัจจุบันการละเมิดเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นส่วน หนึ่งมาจากการเข้าใจผิดเกี่ยวกับน�ำเครื่องหมายการค้าของผู้ อืน่ มาใช้โดยมิชอบ ในฉบับนีจ้ งึ ขอน�ำเสนอในเรือ่ ง การละเมิด เครื่องหมายการค้าของผู้อื่น “เครือ่ งหมายการค้า” หมายถึง เครือ่ งหมายหรือสัญลักษณ์ หรือตราที่ใช้กับสินค้าหรือบริการ ซึ่งเครื่องหมายที่ให้ความ คุ้มครองตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 ( แก้ไขเพิม่ เติมโดยพระราชบัญญัตเิ ครือ่ งหมายการค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2543) มี 4 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1.เครื่องหมายการค้า เช่น กระทิงแดง ซัมซุง 2.เครือ่ งหมายบริการ เช่น เครือ่ งหมาย สายการบิน โรงแรม 3. เครือ่ งหมายรับรอง เช่น แม่ชอ้ ยนางร�ำ ฮาลาล 4. เครื่องหมายร่วม เช่น ตราช้างของบริษัทปูนซีเมนต์ ไทย เครือ่ งหมายการค้า ทีน่ ำ� มาจดทะเบียนจะต้องมีลกั ษณะ บ่งเฉพาะ ซึ่งหมายถึงเครื่องหมายการค้าอันมีลักษณะที่ท�ำให้ ประชาชนหรือผู้ใช้สินค้านั้นทราบและเข้าใจว่าสินค้าที่ใช้ เครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างไปจากสินค้าอื่น การละเมิดเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นจะขอยกตัวอย่าง ดังนี้ 1. น� ำ เครื่ อ งหมายการค้ า ของรถยนต์ ไ ปใช้ ทั้ ง ที่ มิ ไ ด้ เป็นตัวแทนจ�ำหน่ายโดยตรงของสินค้าดังกล่าว เช่น น�ำ เครื่องหมายการค้า BENZ , BMW ไปติดไว้หรือขึ้นป้ายหน้า บริษทั หรือลงโฆษณา ตามกฎหมายแล้วควรจะขออนุญาตเป็น หนังสือจากเจ้าของเครือ่ งหมายการค้า มิฉะนัน้ อาจถูกด�ำเนิน คดีตามกฎหมาย

หรือกรณีอู่ซ่อมรถน�ำโลโก้ของรถยนต์ไปติดหน้าอู่ซ่อม รถของตนเอง เพื่อโฆษณาชวนเชื่อให้ผู้บริโภคเชื่อ โดยอาศัย เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นการ ใช้ประโยชน์จากเครือ่ งหมายการค้าของบุคคลอืน่ โดยไม่ได้รบั อนุญาต 2. เป็ น ตั ว แทนลิ ข สิ ท ธิ์ มี อ� ำ นาจในการผลิ ต สิ น ค้ า ตามจ�ำนวนและเงื่อนไขที่ตกลงกัน เช่น ผลิตกางเกงยินส์ เครื่องหมายการค้าหนึ่ง แต่ผลิตเกินจ�ำนวนที่อนุญาต โดย ไม่ได้แจ้งให้เจ้าของสินค้าทราบ เป็นการหาประโยชน์จาก เครื่องหมายการค้าของผู้อื่นมีความผิดตามกฎหมาย 3. ใช้ เ ครื่ อ งหมายการค้ า ที่ มี ลั ก ษณะ เกื อ บเหมื อ น เครื่องหมายการค้าของผู้อื่น มีความผิดตามกฎหมาย ค�ำแนะน�ำในการใช้เครื่องหมายการค้าของผู้อื่น 1. ควรออกแบบเครื่องหมายการค้าของตนเอง และ น�ำไปจดทะเบียนต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อใช้เป็น เครื่องหมายการค้าของตนเองจะดีกว่า 2. หากมีข้อสงสัยว่าเครื่องหมายการค้าของตนเองมีส่วน คล้ายคลึง ให้ตรวจสอบจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา 3. หากมีความจ�ำเป็นต้องน�ำเครื่องหมายการค้าของ บุคคลอื่นมาใช้ ควรขออนุญาตและจะต้องมีหนังสือยินยอม เป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งอาจตกเป็นผู้ต้องหาในคดีละเมิด เครื่องหมายการค้า ถูกด�ำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญา


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

เตรียม!!

กด LIKE

ในซอยเรือนจ�ำเร็ว ๆ นี้

17


18

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556

วันที่ 20 – 23 มีนาคม 2556 ที่ นครหลวงเวียงจันทร์และแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว กลุ่มจังหวัดภาค เหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) จัดโครงการส่งเสริมการค้าการลงทุนของภาคเอกชนและนักลงทุน เพื่อการค้าการลงทุนในกลุ่มจังหวัด ประเทศกลุ่ม GMS เพื่อการแข่งขันใน AEC โดยมี เรืออากาศตรี สุวิชา แก้ว มณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วย พาณิชย์จังหวัดพะเยา ประธานหอการค้าจังหวัดพะเยา ประธาน สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพะเยาและผู้ประกอบการ เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน และการท่อง เที่ยว รวมถึงเชื่อมโยงตลาดการค้าและวัตถุดิบ โดยทาง สปป.ลาว ได้จัดคณะนักธุรกิจ เพื่อเข้าร่วมเจรจาการค้า การลงทุน เพื่อให้มีการติดต่อท�ำธุรกิจในอนาคต อีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 4 เม.ย. 56 ทีห่ อ้ งภูกามยาว ศาลากลางจังหวัดพะเยา นายชูชาติ กีฬาแปง ผูว้ า่ ราชการจังหวัด พะเยา เป็นประธานเปิดโครงการ “รวมใจคนพะเยา สู้วิกฤตไฟฟ้า” ร่วมปฏิบัติการช่วยชาติประหยัดพลังงาน ตามนโยบาย 3 ป. คือ ปิดไฟ ปรับเครื่องปรับอากาศเป็น 26 องศาเซลเซียส และปลดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ จ�ำเป็น โดยมี ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกิจกรรม

สตส.พะเยาร่วมท�ำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งเนื่องในวันมาฆบูชา

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 ตรงกับวันขึ้น 15 ค�่ำ เดือน 3 สตส.พะเยา น�ำโดยนางธิติพร มิ่งเชื้อ หัวหน้า ส�ำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์พะเยา พร้อมด้วยข้าราชการ พนักงานราชการและลูกจ้าง ร่วมกันท�ำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้งแด่พระสงฆ์เนื่องในวันมาฆบูชา ณ บริเวณหน้า อนุสาวรีย์พ่อขุนง�ำเมือง อ�ำเภอเมือง จังหวัดพะเยา วันพฤหัสบดีที่ 4 เม.ย. 56 ที่โรงแรมพะเยาเกทเวย์ อ.เมือง จ.พะเยา นายชูชาติ กีฬาแปง ผู้ว่าราชการ จังหวัดพะเยา พร้อมด้วย ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน รองอธิบดีกรมพลศึกษา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพะเยา และ เลขาธิการนายกสมาคมกีฬาจังหวัดพะเยา ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 25 ประจ�ำปี 2556 “กว๊านพะเยาเกมส์” ส�ำหรับการแข่งขันกีฬาชาวไทยภูเขาแห่งประเทศไทย ครัง้ ที่ 25 ประจ�ำปี 2556 “กว๊านพะเยาเกมส์” ก�ำหนด จัดขึน้ ในระหว่างวันที่ 10-14 พฤษภาคม 2556 ณ จังหวัดพะเยา มีการแข่งขันจ�ำนวน 7 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ฟุตบอลชาย 7 คน, วอลเลย์บอลหญิง, เซปักตะกร้อชาย, เปตอง, วูด้ ดี,้ กรีฑา และกีฬาพืน้ บ้าน ได้แก่ วิง่ แบกก๋วย, วิง่ ขาหยัง่ , ชักเย่อ, กลิง้ ครก, ตักน�ำ้ ใส่กระบอก, ขว้างลูกข่าง, ขว้างสากมอง, ขว้างมีดสัน้ , ยิงหน้าไม้, เป่าลูกดอก และพุ่งหอกซัด โดยจะมีนักกีฬาชาวไทยภูเขาจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ จ�ำนวน 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดพะเยา น่าน เชียงใหม่ เชียงราย ล�ำปาง ล�ำพูน แพร่ แม่ฮอ่ งสอน พิษณุโลก สุโขทัย ก�ำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ตาก อุทัยธานี สุพรรณบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี เลย และประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาเข้าร่วมแข่งขัน

7 มี น าคม 2556 นายหั ส นั ย แก้ ว กุ ล ประธานหอการค้าจ.พะเยาเป็นประธานในพิธี เปิดโครงการตลาดนัดสุขใจ โดยความร่วมมืิอระ หว่าง มหาวิทยาลัยพะเยา วิทยาลัยต่อเนื่อง หอการค้ า จ.พะเยา โรงพยาบาลพะเยาโดยมี วิทยากรมาให้ความรูแ้ ก่ผปู้ ระกอบการในการผลิต อาหารปลอดภัยอาหารและความปลอดภัยของผู้ บริโภค ตรวจวิเคาระห์ ติดตามประเมินผล มอบ ใบประกาศโครงการตลาดน�ำร่อง ถนนคนเดิน หอการค้าแฟร์ ณ.หอประชุมวัดราชคฤห์


ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556 :

19


20

: ฉบับที่ 10 ปีที่ 2 เดือนเมษายน 2556


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.