ฟาติมาสาร - สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา (06-07-2014)

Page 1

-1-

ฟาติมาสาร สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014 ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วัดแม่พระฟาติมา 4080 ถ. อโศก – ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. 10400 โทร. 02 - 245 - 1039, 02 - 642 - 9907, 02 - 247 - 5222, โทรสาร 02 - 246 - 6174 E-mail : fatimachurch13@gmail.com www.fatima.or.th สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-2-

บทความเจ้าอาวาส อาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม สับดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา พระวรสารวันนี้ (นักบุญมัทธิว 11:25-30) เป็นบทภาวนาที่พระเยซูเจ้าสวดสรรเสริญพระบิดา ที่ทรงปิดบัง เรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่าต้อย ......ท่าน ทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิดเราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับ แอกของเราแบกไว้และมาเป็นศิษย์ของเรา.....เพราะแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ ท่านแบก ก็เบา.....ในสัปดาห์นี้มีบุคคลที่เป็นลูกวัดรุ่นแรกๆ ของวัดแม่พระฟาติมาและเป็น อดีตพล มารีจีนที่ศรัทธามากคือ มารีอา อารีย์พร เลิศทวีวิทย์ ได้จากไป มีสัตบุรุษทั้งชาว คริสต์ ชาวพุทธมาร่วมสวดภาวนาเป็นจ่านวนมากทุกคืน จึงขอร่วมไว้อาลัยกับบุตรหลาน ญาติสนิทมิตรสหายในการจากไปครั้งนี้ของบุคคลอันเป็นที่รักของท่าน การด่าเนินชีวิตแบบวิถีชุมชนคริสตชนวัดของเรายังไม่เลิกนะครับ เรื่องนี้ท่าได้ ตลอดชีวิตเพราะเป็นวิถีชีวิตของคริสตชน การด่าเนินชีวิตมีหลายแบบ วิถโี ลก วิถีวัตถุ นิยม วิถีบริโภคนิยม วิถีพุทธ วิถีคริสต์ วิถีชุมชนคริสต์ วิถีชุมชนคริสตชน ท่าได้ตลอด ชีวิต ท่าได้ทุกปี ท่าได้ตลอดไปไม่มีวันจบ เหมือนมนุษย์ต้องด่าเนินชีวิต ต้องท่ามาหากิน เพียงแต่เอาแนวคิดที่ว่า ชีวิตเราต้องมีพระอยู่กับเราตลอดเวลา คริสตชนมีพระวาจาของ พระอยู่ตลอดเวลา แล้วเราก็มาใช้ชีวิตร่วมกันมากขึ้น แทนที่จะต่างคนต่างอยู่ ก็หันมาเอา ใจใส่กันและกัน ช่วยเหลือกัน ตามที่พระอาจารย์เจ้าสอนเรา ตัวอย่างบทจดหมายนักบุญ เปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม....ท่านไม่ด่าเนินชีวิตตามธรรมชาติ แต่ด่าเนินชีวิตตามพระจิต เจ้า...ด่าเนินชีวิตอย่างที่พระอาจารย์สอนวันนี้ว่าท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบก ภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน.....แอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เรา ให้ท่านแบกก็เบา...ในช่วงสัปดาห์นี้ขออนุญาตพี่น้องเยี่ยมบ้านของท่านสักหน่อย จะมี อาสาสมัครติดต่อบ้านของท่านเพื่อการเข้าเยี่ยมเยียน สมาชิกในบ้าน พูดคุยท่าความรู้จัก กันบ้าง ก็อยากจะไปเยี่ยมทุกบ้านเลยครับ กรุณาต้อนรับหน่อยนะครับ และเพื่อส่งเสริม วิถีชุมชนคริสตชนวัดของเราจัดวิถีชุมชนคริสตชนแบบสัญจรด้วยนะครับ มีพี่น้องสมัครมา มากมายเลยครับ ถ้าเรียบร้อยก็จะไปวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคมนี้ คุณพ่อสุรชัย กิจสวัสดิ์ สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-3-

พระวรสารประจาสัปดาห์ มธ 11:25-30 เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้า สรรเสริญพระองค์ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้แต่ทรงเปิดเผย แก่บรรดาผู้ต่าต้อย 26ถูกแล้ว พระบิดาเจ้าข้า พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น 27พระบิดาทรง มอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดาและไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้ 28 “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่าน ได้พักผ่อน 29จงรับแอกของเราแบกไว้และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพ อ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน 30เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่ม และภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” 25

***************************

ข้อคิดจากบทพระวรสาร

(โดย คพ.ชัยยะ กิจสวัสดิ์)

1. ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ตาต้อย พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ข้าพเจ้าสรรเสริญพระองค์ ที่ทรงปิดบังเรื่องเหล่านี้จากบรรดาผู้มีปรีชาและรอบรู้ แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาผู้ต่าต้อย” (มธ 11:25) ค่าสรรเสริญนี้ออกมาจากประสบการณ์และชีวิตจริงของพระองค์เอง บรรดาธรร มาจารย์ ฟาริสี และผู้มีปรีชารอบรู้ทั้งหลายไม่ยอมรับพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์ แต่ ประชาชนผู้ต่าต้อยกลับต้อนรับพระองค์ด้วยความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-4-

ที่ตรัสเช่นนี้มิได้หมายความว่าพระองค์ทรงรังเกียจ “พลัง” ของสติปัญญา แต่ เป็น “ความหยิ่งจองหอง” ของสติปัญญาต่างหากที่พระองค์ทรงรังเกียจและต่าหนิ ทั้งนี้เป็นเพราะความหยิ่งจองหองนั่นเองที่ฉุดรั้งมนุษย์จากพระเจ้า ส่วนความเฉลียวฉลาด นั้นไม่เคยปิดกั้นเราจากพระองค์ เราอาจเฉลียวฉลาดเทียบเท่ากษัตริย์โซโลมอน แต่ถ้าขาดหัวใจที่สุภาพ วางใจ และใสซื่อเหมือนเด็กเล็ก ๆ เราก็ปิดกั้นตัวเราจากพระองค์ ปราชญ์ท่านหนึ่งจึงกล่าวไว้ว่า “ที่พ่านักของข่าวดีคือหัวใจ ไม่ใช่หัวคิด” พวกธรรมาจารย์เองก็ตระหนักดีถึงอันตรายของความหยิ่งจองหองของสติปัญญา พวกเขาจึงเล่าเรื่องเตือนใจตัวเองว่า “ครั้งหนึ่งเกิดโรคระบาดใหญ่ในเมืองสูรา (Sura) แต่ ผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกับรับ (Rab) ซึ่งเป็นธรรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียง กลับไม่มีผู้ใดติด โรค ชาวบ้านพากันเชื่อว่าคงเป็นเพราะคุณงามความดีของรับ แต่พวกเขาได้รับแจ้งในฝัน ว่าเป็นเพราะชายคนหนึ่งซึ่งเต็มใจให้เพื่อนบ้านยืมจอบและพลั่วส่าหรับขุดหลุมฝังศพ และเมื่อเกิดไฟไหม้ที่เมืองโดรเคอเรท (Drokeret) เพื่อนบ้านของรับบีฮูนาคิดว่าเป็นเพราะ คุณงามความดีของท่านรับบี บ้านของพวกเขาจึงรอดพ้นจากกองเพลิง แต่ในฝันพวกเขา ได้รับแจ้งว่าเป็นเพราะหญิงคนหนึ่งซึ่งเต็มใจให้เพื่อนบ้านใช้เตาอบ” ชายและหญิงที่กล่าวถึงมิได้มีสติปัญญาโดดเด่นดุจเดียวกับรับบีหรือธรรมาจารย์ แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พวกเขาท่าด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและความสุภาพถ่อม ตนต่างหากที่ท่าให้พระเจ้าทรงพอพระทัย ใช่ “พระองค์ทรงพอพระทัยเช่นนั้น” ! (มธ 11:26) 2. ไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตร ชาวกรีกถือว่ายากที่จะรู้จักพระเจ้าและเมื่อรู้จักแล้วยิ่งยากที่จะอธิบายให้ผู้อื่นฟัง โซฟาร์เพื่อนของโยบได้ชี้ให้เห็นความล้่าลึกของพระเจ้าเมื่อเขาถามโยบว่า “ท่าน คิดว่าจะหยั่งรู้ความลึกลับของพระเจ้า และรู้จักพระผู้ทรงสรรพานุภาพได้อย่างสมบูรณ์ หรือ ?” (โยบ 11:7) สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-5-

แต่วันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “พระบิดาทรงมอบทุกสิ่งแก่ข้าพเจ้า” (มธ 11:27) นี่คือเอกสิทธิ์ชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของพระองค์แต่เพียงผู้เดียว เอกสิทธิ์อันเป็น ศูนย์กลางความเชื่อของเราคริสตชน นั่นคือ “ไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตร และ ผู้ที่พระบุตรเปิดเผยให้รู้” (มธ 11:27) หรือตามส่านวนของนักบุญยอห์นว่า “ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย” (ยน 14:9) ความหมายของพระองค์ก็คือ หากเราต้องการรู้ว่าพระบิดาทรงมีนิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิด จิตใจ ตลอดจนทัศนคติต่อเราอย่างไรแล้วละก็ ให้ดูที่พระองค์ เป็นความเชื่อมั่นสูงสุดของเราคริสตชนว่า ในพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้นที่เรา สามารถรู้จักพระเจ้า และพระองค์เท่านั้นสามารถประทานความรู้นี้แก่ทุกคนที่มีความ สุภาพถ่อมตนพอที่จะน้อมรับความรู้นั้น 3. ท่านทั้งหลายทีเหน็ดเหนือยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด พระเยซูเจ้าตรัสถึงบรรดาธรรมาจารย์และฟารีสีว่าพวกเขา “มัดสัมภาระหนักวาง บนบ่าคนอื่น” (มธ 23:4) สัมภาระหนักที่พวกเขาวางบนบ่าคนอื่นคือกฎระเบียบหยุมหยิมไม่รู้จักจบสิ้น พวกเขาท่าให้ค่าว่า “ท่านจะต้องไม่...ท่านจะต้องไม่...” กลายเป็นหัวใจของศาสนา พวกธรรมาจารย์เองก็รับรู้ปัญหาเหล่านี้ พวกเขาเล่านิทานเปรียบเทียบอันน่าสลด ใจเพือ่ แสดงว่าธรรมบัญญัตินั้นผูกพัน บีบรัด เรียกร้องและเป็นภาระหนักมากเพียงใด หญิงหม้ายยากจนคนหนึ่งมีบุตรสาวสองคนพร้อมกับนาอีกแปลงหนึ่ง เมื่อนาง เริ่มไถนา โมเสส (นั่นคือธรรมบัญญัติของโมเสส) บอกนางว่า “ท่านจะต้องไม่ไถนาด้วยวัว และลาพร้อมกัน” เมื่อนางเริ่มหว่านเมล็ดพืช โมเสสพูดว่า “ท่านจะต้องไม่หว่านนาของ ท่านด้วยเมล็ดพืชต่างชนิดกัน” ต่อมานางเริ่มเก็บเกี่ยวพืชผล โมเสสคนเดิมพูดอีกว่า “เมื่อท่านเก็บเกี่ยวพืชผลในทุ่งนาแล้วลืมฟ่อนข้าวไว้ ท่านจะต้องไม่กลับไปเก็บ” (ฉธบ 24:19) และ “ท่านจะต้องไม่เกี่ยวรวงข้าวที่ขอบนาจนหมด” (ลนต 19:9) เมื่อนางนวดข้าว สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-6-

โมเสสกลับมาบอกนางว่า “ท่านต้องถวายสิบชักหนึ่ง” นางก็แสนดี ปฏิบัติตามค่าสั่งของ โมเสสทุกประการ แต่เพื่อความอยู่รอด นางตัดสินใจขายนาแล้วน่าเงินไปซื้อแกะสองตัว โดยหวังจะ อาศัยขนแกะท่าเครื่องนุ่งห่ม และขายลูกแกะเกิดใหม่หารายได้ปะทังชีวิต เมื่อลูกแกะถือก่าเนิดขึ้นมา อาโรน (นั่นคือข้อเรียกร้องของสมณะ) ตรงเข้ามา บอกนางว่า “ลูกแกะหัวปีต้องเป็นของเรา” นางก็ยอมให้ลูกแกะตัวแรกไป เมื่อถึงเวลา ตัดขนแกะอาโรนกลับมาบอกว่า“ท่านจะต้องให้ผลิตผลแรกจากข้าวสาลี เหล้าองุ่นใหม่ และน้่ามันมะกอก รวมทั้งขนแกะแก่สมณะ” (ฉธบ 18:4) นางสุดทนจึงคิดจะฆ่าแกะกิน แต่อาโรนก็ตามนางไม่เลิก “สมณะจะมีสิทธิ์รับขาหน้า เนื้อแก้ม และเนื้อท้อง” (ฉธบ 18:3) นางจึงพูดกับบุตรสาวว่า “ถึงเราจะฆ่าแกะก็ยังไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกเขา อยู่ดี อย่ากระนั้นเลย ให้เราถวายแกะเหล่านี้แด่พระเจ้าเถิด” เหลือเชื่อ อาโรนพูดกับนางว่า “ของทุกอย่างที่ชาวอิสราเอลถวายขาดแด่ พระยาเวห์จะเป็นของฉัน” (กดว 18:14) แล้วก็ฉวยแกะไปทั้งหมด ปล่อยให้นางร้องไห้อยู่ กับบุตรสาวทั้งสอง แม้เป็นเพียงนิทานเปรียบเทียบ แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าธรรมบัญญัติเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิต ของมนุษย์ทุกแง่ทุกมุมและไม่รู้จักหยุดจักหย่อนเลย ช่างเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์จริง ๆ ! ส่าหรับผู้ที่เผชิญกับภาระหนักเช่นนี้ พระองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ด เหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน” (มธ 11:28) พร้อมกันนี้ ทรงเชิญชวนทุกคนว่า “จงรับแอกของเราแบกไว้ เพราะว่าแอกของ เราอ่อนนุ่ม และภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” (มธ 11:29-30) ชาวยิวใช้ค่าว่า “แอก” เพื่อหมายถึง “การยอมมอบตนต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” เช่น แอกของกฎหมายหมายถึงการยอมมอบตนปฏิบัติตามกฎหมาย แอกของอาณาจักร สวรรค์หมายถึงการยอมมอบตนต่อข้อเรียกร้องของอาณาจักรสวรรค์ แอกของพระเจ้า หมายถึงการอุทิศตนมอบถวายแด่พระเจ้า เป็นต้น สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-7-

แอกของพระเยซูเจ้าจึงหมายถึง “การยอมมอบตนเป็นศิษย์ของพระองค์” ที่ส่าคัญแอกของพระองค์น่าแบกเพราะว่า “อ่อนนุ่ม” ! ค่า “อ่อนนุ่ม” ตรงกับภาษากรีก chrēstos (เครสตอส) ซึ่งหมายถึง “เหมาะ พอดี” ในปาเลสไตน์ ชาวยิวท่าแอกเฉพาะอันให้วัวแต่ละตัว พวกเขาน่าวัวไปให้ช่างวัด ขนาด เมื่อช่างท่าแอกเสร็จ พวกเขาจะน่าวัวกลับไปลองแอกและปรับแต่งให้เหมาะพอดี กับคอวัวเพื่อจะได้ไม่เกิดแผลเวลาใส่ หมายความว่า หากเราเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า พระองค์จะประทานแอกที่ไม่ท่า ร้ายเรา เพราะมันเหมาะพอดีกับความจ่าเป็นและความสามารถของเราแต่ละคน และเมื่อตรัสว่า “ภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” (มธ 11:30) พระองค์มิได้ หมายความว่าภาระของพระองค์แบกได้ง่ายหรือสบาย แต่หมายความว่าพระองค์ทรง ประทานภาระแก่เราด้วย “ความรัก” ซึ่งจะท่าให้ภาระที่หนักที่สุดกลายเป็น “เบา” มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งพบเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งก่าลังแบกเด็กพิการที่เล็กกว่าอีก ไว้บนหลัง ชายผู้นั้นกล่าวว่า “ภาระนั่นไม่หนักไปหน่อยหรือ พ่อหนุ่ม ?” เด็กคนนั้นตอบ ว่า “นี่ไม่ใช่ภาระ นี่เป็นพี่น้องตัวจิ๋วของผม” เมื่อเรารู้ซึ้งถึง “ความรักของพระเจ้า” และรู้ว่าภาระที่พระองค์ทรงมอบแก่เรา คือ “รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์” ภาระอะไรๆ ก็เบาไปหมด !

สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-8-

ข้ อคิดเพือ่ ชีวิต “ภารกิจของคาอธิษฐานไม่ใช่เพือโน้มน้าวพระเจ้า แต่เพือเปลียนแปลงธรรมชาติของ คนทีอธิษฐานนั้นต่างหาก” -Soren Kierkegaardคนบางคนอาจสวดภาวนาได้เยอะได้นาน ได้หลายบท แต่นั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรง ประสงค์ที่จะได้ยินจากการภาวนาที่ปราศจากความคิด หรือการอธิษฐานอย่างไม่เข้าใจ ย่อมไม่ใช่สิ่งที่พึงจะเป็น นั่นเป็นตัวบ่งบอกว่า จิตวิญญาณของคุณอาจยังเล่นบทบาทของ “คนหน้าซื่อใจคด” มีบางสิงในใจหรือในชีวิตของคุณทีต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน เพราะไม่คงเส้นคงวาในทางของพระเจ้า พระเจ้าจะตีสอนหรืออาจลงโทษคุณ คุณอาจจะหลอกคนทั้งโลกได้ว่า แต่แท้จริงแล้ว คุณหลอกพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าพระองค์ ทรงทราบและทรงเห็น “ใจ” ที่แท้จริงของคุณว่าเป็นอย่างไร? หากผู้ใดไม่ทาตามทีกล่าวมาข้างต้น พระเจ้าจะไม่สดับฟังคาภาวนาของเขา ไม่ว่าเขา จะทาตัวดูร้อนรน พูดจาแบบฟังดูน่าเลือมใสและรักษากฎบัญญัติประเพณีหรือปฏิบัติ ศาสนกิจอย่างจริงจังมากสักขนาดไหน พระเจ้าเกลียดชังพฤติกรรมแบบหน้าซือใจคดเหล่านั้นดังทีพระองค์ตรัสไว้ว่า … เราเกลียดวันต้นเดือนและวันฉลองของท่านวันเหล่านี้เป็นเหมือนภาระหนักส่าหรับเรา เราเหนื่อยทีจ่ ะต้องแบกภาระนั้น เมื่อท่านชูมือขึ้น เราจะเบือนสายตาไปจากท่าน แม้ท่านจะอธิษฐานภาวนามากขึ้นเราก็จะไม่ฟัง มือของท่านเปื้อนเลือด (อิสยาห์ 1:14-15) ดังนั้น หากภาวนาด้วยใจอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ด้วยปากแค่นั้น ค่าภาวนาของคุณในวันนี้ จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตของตัวคุณเอง เพราะสิ่งที่ออกมาจากใจเหล่านั้น จะตรงกับสิ่งที่อยู่ ในพระทัยของพระเจ้าและนั่นคือ สิ่งที่พระเจ้าประสงค์ที่จะให้เขาทาและเป็น! สิ่งที่คุณพูดหรือคุณท่าอยู่นั้น หากกลับใจละทิ้งความคิดและพฤติกรรมบาปชั่วและรีบเข้า มาหาพระเจ้า ขอพระเมตตาจากพระองค์ คุณก็จะได้รับการช่วยเหลือและการอวยพรจาก พระเจ้ามาแทนที่ค่าอธิษฐานของคุณ จะเป็นค่าอธิษฐานที่เปลียนชีวิตของตัวคุณเอง (ผูเ้ ป็นสุข) สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-9-

Pope Report วันศุกร์ทีแล้ว (27 มิ.ย.) สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงล้มป่วยแบบ กะทันหัน (ปวดหัวอย่างแรง) ทาให้ต้องงดการเยียมผู้ป่วยทีโรงพยาบาลเจเมลลีไปใน วินาทีสุดท้าย การยกเลิกพันธกิจเนืองจากการประชวรเกิดขึ้นทั้งหมด 4 ครั้งในรอบ 7 เดือนทีผ่านมา ทาให้นักข่าวสายวาติกันหลายคน เริมแสดงความเป็นห่วงสุขภาพของ พระสันตะปาปา หลายฝ่ายเสนอให้พระองค์ “พัก” จากการทรงงานหนัก แต่พระ สันตะปาปาก็ยังก้มหน้าก้มตาทางานต่อไป และทรงต้องการจะได้พบสัตบุรุษให้มาก ทีสุดเท่าทีจะทาได้ (ตามปกติ พระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเป็นคนที “อึด” มาก ถ้าไม่ เจ็บป่วยแบบหนักๆ จริงๆ พระองค์จะไม่ยกเลิกการได้ภารกิจเด็ดขาด) ... ยังไง ภาวนา เพือสุขภาพพระสันตะปาปากันด้วยนะครับ ... คนทีไม่ดูแลผู้สูงอายุและทอดทิ้งเยาวชน จัดเป็นคนไร้อนาคต วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปาได้เสด็จเยี่ยมกลุ่มซานต์ เอจิดิ โอ ภายในมหาวิหารซานตา มารีอา ตราสเตเวเร กรุงโรม กลุ่มซานต์ เอจิดิโอ ก่อตั้งในค.ศ. 1968 บริเวณตราสเตเวเร โดยจิตตารมณ์ของกลุ่มคือการรับใช้คนยากจนและผู้ต้องการ ความช่วยเหลือต่างๆ นอกจากนีย้ ังท่างานด้านสังคมสงเคราะห์และดูแลผู้ลี้ภัยด้วย ปัจจุบันกลุ่มซานต์ เอจิดิโอมีสมาชิกกว่า 60,000 คนและด่าเนินงานใน 73 ประเทศทั่วโลก ในส่วนพระด่ารัสที่พระสันตะปาปาตรัสกับพวกเขา พระองค์กล่าวว่า “คนทีไม่ใส่ ใจผู้สูงอายุ คนทีไม่ใส่ใจเยาวชน จัดเป็นคนไม่มีอนาคต พวกนี้เป็นคนทีไม่มีความหวัง จาไว้ว่า ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน หรือผู้สูงอายุ ล้วนแต่เป็นคนทีช่วยนาเราก้าวสู่ ประวัติศาสตร์ เด็กและเยาวชนมอบความกระตือรือร้นและสดใสให้กับเรา ส่วน ผู้สูงอายุให้ความทรงจากับเรา เมือสังคมสูญเสียความทรงจา ทุกสิงก็จบสิ้นแล้ว “วัฒนธรรมสมัยนี้เป็นแบบทิ้งๆ ขว้างๆ มันได้ครอบงาโลกของเราแล้วก็ว่าได้ วัฒนธรรมทิ้งๆ ขว้างๆ ให้เงินเป็นศูนย์กลางของระบบเศรษฐกิจ วัฒนธรรมนี้ไม่ให้ ความสาคัญกับมนุษย์ชายหญิง แต่ให้เงินเป็นพระเจ้า วัฒนธรรมนี้ไม่สนใจเด็ก ไม่ สนใจเยาวชนและไม่สนใจผู้สูงอายุ มันเป็นวัฒนธรรมทีสิงใดไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ก็ พร้อมจะเลิกยุ่งทันที” สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-10-

“คนจน” จ่ายค่าเสียหายให้นักการเมือง นักธุรกิจ และพระสังฆราชทีขี้โกง มิสซาเช้าวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน บทอ่านประจ่ามิสซานี้มาจากหนังสือพงศ์ กษัตริย์ เป็นเหตุการณ์ที่ “นาโบธ” เจ้าของสวนองุ่นถูกลากออกไปนอกเมืองและเอาหิน ทุ่มจนตายเพราะไม่ยอมยกสวนองุ่นที่เป็นมรดกตกทอดของวงศ์ตระกูลให้กับกษัตริย์อาหับ พระสันตะปาปาน่าบทอ่านนี้ มาเทศน์เตือนว่า “นีคือเรืองเศร้าสุดๆ แม้จะเป็น เรืองเก่าขนาดไหน มันก็สะท้อนให้เห็นถึงบาปทีอยู่ใกล้ตัวเรานันคือการขี้โกง เหตุการณ์ ในพันธสัญญาเดิมยังคงเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน เราพบเห็นได้จากการโกงด้วยอานาจ วัตถุสิงของ การเมือง หรือจะเป็นการโกงทางจิตใจ “ในหนังสือพิมพ์ทีเราได้อ่านกันทุกวัน เราได้เห็นพวกนักการเมืองทีรารวย แบบแสดงทีมาทีไปไม่ได้ต้องถูกนาตัวไปขึ้นศาลหรือจะเป็นพวกนักธุรกิจเจ้าของกิจการ อันอู้ฟู่จากการเอาเปรียบลูกจ้าง ก็ถูกนาตัวไปขึ้นศาลเช่นกัน เรายังได้ยินเรืองของ พระสังฆราชทีรารวย และละทิ้งหน้าทีการอภิบาลเพือไปสนใจแต่อานาจของตัวเอง พวกนักการเมืองจอมโกง พวกนักธุรกิจคดโกงและพวกพระสังฆราชพระสงฆ์ขี้โกง เรา พบเห็นเรืองพวกนี้ได้ในทุกที และเราต้องพูดความจริงกันว่า การโกงคือบาปอย่างจับ ต้องได้ ซึงไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ หรือพวกพระสังฆราชพระสงฆ์ ต่างพร้อม เสมอทีจะเข้าไปมีส่วนร่วม พวกเราถูกประจญล่อลวงให้ขี้โกงมันคือบาปทีใกล้ตัวมากๆ “การทีคนๆ หนึงกลายเป็นคนโกงบนหนทางทีจ้องจะเป็นทีหนึง ทั้งทีหนึงใน ด้านความเป็นอยู่ทีดี ทีหนึงในด้านเงินทอง จากนั้นก็เป็นทีหนึงในอานาจ ทีหนึงใน ความยะโสโอหัง และจากสิงเหล่านี้ ทุกสิงมีความเป็นไปได้ทีจะกลายเป็นการเข่นฆ่ากัน ว่าแต่ใครล่ะทีต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับการโกง คาตอบก็คือคนยากจนไง ทีต้องมา ชดใช้ค่าเสียหายให้จากสิงทีคนโกงได้ทิ้งไว้ “คนยากจนเหล่านี้นีแหละคือนาโบธ ผู้ทีต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับการโกง(ด้วย ชีวิต) ใครกันทีจ่ายค่าเสียหายให้กับพระสังฆราชพระสงฆ์ทีขี้โกง ก็เด็กๆนันไง พวกเขา ไม่สามารถทาเครืองหมายสาคัญมหากางเขน พวกเขาไม่ได้เรียนคาสอน พวกเราไม่ได้ รับการเอาใจใส่ ส่วนผู้ป่วยก็ไม่มีคนมาเยียม พวกเขาไม่ได้รับการอภิบาลทางจิตใจ ผู้ ยากไร้ต้องจ่ายค่าชดใช้ให้กับการโกง ด้วยการอับจนทางวัตถุและจิตใจด้วยเช่นกัน สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-11-

“หนทางเดียวทีจะหลีกหนีจากการถูกประจญให้ขี้โกงก็คือการรับใช้ เพราะ การโกงคือการหยิงยะโส การโอหัง แต่ความรักความเมตตาอย่างถ่อมตนคือการรับใช้ ช่วยเหลือผู้อืน” คนโกงคือคนทีขายตัวให้ความชัว มิสซาเช้าวันอังคารที่ 17 มิถุนายน บทอ่านประจ่ามิสซานี้ ยังมาจากหนังสือพงศ์ กษัตริย์ เป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้าสั่งให้เอลียาห์ไปตักเตือนกษัตริย์อาหับ ซึ่งเข้ายึดครอง สวนองุ่นของนาโบธ ผู้ถูกฆ่าตายเพียงเพราะกษัตริย์ต้องการครองสวนองุ่น หลังจาก กษัตริย์อาหับได้ยินสิ่งที่เอลียาห์กล่าวต่าหนิแล้ว เขาก็เป็นทุกข์ถึงบาปที่ท่าไป พระสันตะปาปาจึงให้ข้อคิดว่า “เมือใดทีเรามีส่วนร่วมไปกับการขี้โกง เราก็สูญ เสียความเป็นมนุษย์และเราก็ขายตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว มันเป็นเหมือนสิงทีเอลียาห์ กล่าวกับกษัตริย์อาหับว่า ‘ข้าพเจ้าได้เห็นท่านขายตัวให้กับความชัวร้ายต่อหน้าพระ พักตร์ของพระเจ้า’ “การขายตัวให้กับความชัวคือนิยามของการโกง มันคือสินค้าทีเราซื้อและขาย กันได้ ยังจาบทเทศน์เมือวานนี้ได้ใช่ไหมทีพ่อกล่าวถึงเรืองการโกงในแวดวงการเมือง ธุรกิจ และการโกงในพระศาสนจักร สามสิงนี้ได้ทาร้ายผู้ยากไร้ทีต้องเป็นคนจ่าย ค่าเสียหายให้กับคนโกงเสมอ “คนโกงเหล่านี้ พระเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า พระองค์จะนาวิบัติมาให้พวกเขา และครอบครัว การโกงเข่นฆ่าแม้กระทังผู้ด้อยโอกาส แต่คนเหล่านี้ก็ยังตกลงปลงใจไป กับอาชญากรรมแบบนี้ซึงเน้นแต่ความสาคัญของเงินและอานาจอย่างเดียว “คนโกงคือคนทรยศทีขโมยและฆ่าผู้บริสุทธิ์ พวกเขาฆ่าคนบริสุทธิ์แบบห่างๆ ด้วยถุงมือหนัง เพือทีมือของตัวเองจะไม่ต้องเปื้อนมลทิน คนพวกนี้จะถูกพระเจ้า สาปแช่ง แต่ถ้าพวกเขากลับใจเหมือนกษัตริย์อาหับทีเป็นทุกข์ถึงบาปด้วยการสวมเสื้อ กระสอบ อดอาหาร และสานึกผิดต่อหน้าพระเจ้า คนโกงต้องสานึกผิดและชดใช้โทษ บาปทีตนได้ก่อไว้ “ดังนั้น หน้าทีของเราคริสตชนก็คือจงวอนขอการอภัยโทษจากพระเจ้าเพือคน เหล่านี้ เราต้องภาวนาเพือให้หัวใจของเขากลับใจจริงๆ และสวดขอพระหรรษทาน เพือทีเราจะไม่กลายเป็นคนโกงเสียเอง” สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-12-

พ่อแม่ทีไม่มีเวลาให้ลูก ลูกก็เป็นเด็กกาพร้าไปแล้ว วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พระสันตะปาปาทรงเป็นประธานในการสัมมนาของสังฆ มณฑลโรม ซึ่งเน้นเรื่องบทบาทของพระศาสนจักรในฐานะแม่ของสังคมที่มีลูกๆ หลายคนมี ความเสี่ยงจะเป็นเด็กก่าพร้า โอกาสนี้ พระสันตะปาปาตรัสให้ข้อคิดว่า “สัตบุรุษหลายคนมาระบายความอัด อั้นให้พ่อฟังว่า พวกเขารู้สึกสับสนกับชีวิตทีวุ่นวาย บ่อยครั้ง เป็นชีวิตทีขาดความ หมายและคุณค่า พ่อลองคิดถึงวันยุ่งๆ วุ่นๆ ของพวกเขาดู เริมตั้งแต่ตืนแต่เช้า พาลูก ไปส่งทีโรงเรียน จากนั้น เดินทางไกลๆ ไปทางานทีออฟฟิศ เขารู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้ง ซึงกาลังบีบอัดเขาอยู่ สถานการณ์แบบนี้ เราควรถามตัวเองด้วยว่านีคือชีวิตหรือเนีย?” “เมือเจอสถานการณ์แบบนี้ คาถามทีผุดขึ้นในใจก็คือ เราจะดูแลลูกๆ ของเรา อย่างไร ลูกของเราจะรู้สึกกับชีวิตของเขาอย่างไร เพราะพวกเขารู้สึกว่า บางครั้งเรา ดาเนินชีวิตในสภาพทีโหดร้ายไปหรือเปล่า เราไม่รู้จักวิธีดาเนินชีวิตให้สวยงามใช่ หรือไม่ เราพอใจทีต้องตืนแต่เช้าเพือมาเจอสภาพแบบนี้เหรอ” จากนั้น พระสันตะปาปาทรงต่าหนิความจริงที่ว่า พ่อแม่หลายคนไม่มีเวลาให้กับ ลูกๆ ของตัวเอง และนั่นไม่ต่างกับการท่าให้ลูกต้องเป็นเด็กก่าพร้า “ลูกจะเป็นเด็กกาพร้า ก็ต่อเมือ เขาไม่มีความทรงจากับครอบครัว เพราะอะไร เพราะปู่ย่าตายายถูกส่งไปอยู่ บ้านพักคนชรา ลูกจะเป็นเด็กกาพร้าทีขาดความรัก เพราะพ่อแม่ดูเร่งรีบกับชีวิต จนเกินไป ผลทีตามมาก็คือพ่อก็เหนือย แม่ก็เหนือย ลูกไม่มีคนดูแลและเป็นเด็กกาพร้า ไปเลย!” พร้อมกันนี้ พระสันตะปาปายังกล่าวยืนยันว่า พระศาสนจักรต้องเป็น “แม่” ไม่ใช่ท่าหน้าที่เป็นพวกเอ็นจีโอ หรือองค์กรการกุศลที่มีสาขาอยู่ตามจุดต่างๆ เป็นอันขาด “การอยู่ในพระศาสนจักรคือการอยู่ในบ้านกับแม่ของเรา ถ้าพระศาสนจักรไม่ ทาหน้าทีเป็นแม่ การไปวัดก็เหมือนกับการไปเยียมหน่วยงานการกุศลมากกว่า หรือ เป็นเหมือนการไปเชียร์ฟุตบอล ซึงสัตบุรุษก็เป็นเหมือนแฟนบอลเท่านั้น ดังนั้น สัตบุรุษทุกคนต้องสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ในพระศาสนจักร เราต้อง ต้อนรับทุกคนทีเข้ามาในพระศาสนจักรด้วยหัวใจทียิงใหญ่ ต้อนรับเขาเหมือนเป็น ครอบครัวเดียวกัน” พระสันตะปาปาตรัสในตอนท้าย สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-13-

คาทอลิกบางคนชอบกินอาหารบนโต๊ะของ “ทาส” ปิดท้ายด้วยบทเทศน์ในมิสซาสมโภชพระวรกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า (แห่ศีลมหาสนิท) มิสซานี้ พระสันตะปาปา ตรัสสอนอย่างดุดันว่า ... “บทอ่านแรกของวันนี้มาจากหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติ เป็นเรืองทีพระเจ้าได้ ประทานมานนาให้กับชาวอิสราเอลหลังจากทีพวกเขาเป็นอิสระจากการเป็นทาสชาว อียิปต์ นีคือการเดินทางในทะเลทราย ... บางคนครวญครางว่า ทาไมอาหารทีพระเจ้า ประทานให้ในทะเลทรายถึงมีแต่ขนมปัง ทาไมไม่มีเนื้อสัตว์และหัวหอมให้กินเหมือน ตอนอยู่อียิปต์ คนพวกนี้หลงลืมไปว่า อาหารแบบนั้น พวกเขาได้กินกันบ่อยแล้ว แต่ เป็นการกินบนโต๊ะของการเป็นทาส” “พวกเราคาทอลิกบางคนในยุคนี้ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน เราถูกหล่อเลี้ยงด้วยเงิน ความสาเร็จ ความยะโสโอหัง และอานาจบาตรใหญ่ ของเหล่านี้อาจทาให้เราเกิดความ พึงพอใจก็จริง และคนยุคนี้ก็ถูกล่อลวงให้ลืมไปว่า ของแบบนี้ไม่ต่างจากการกินอาหาร บนโต๊ะของการเป็นทาส” “ดังนั้น เราควรถามตัวเองว่า เราจะกินอาหารทีไหนดี เราต้องการสิงใดมา หล่อเลี้ยงเรา เราต้องการกินอาหารบนโต๊ะทีพระเจ้าจัดไว้ หรือว่าเราฝันอยากจะกิน อาหารรสชาติจัดจ้าน แต่เป็นการกินบนโต๊ะของการเป็นทาส พวกเราคาทอลิกต้อง ตั้งใจและคิดให้ดีๆ ถึงสิงทีพระเจ้าทรงทาให้เรา จงไตร่ตรองให้ดีว่า ขนมปังของปลอม แบบนี้จะเลี้ยงเราด้วยความโกง เพราะมันทาด้วยความเห็นแก่ตัวและบาป” อนึ่ง หลังมิสซาจบลง พระสันตะปาปาไม่ได้ร่วมขบวนแห่ศีลมหาสนิทจากมหา วิหารจอห์น ลาเตรัน ไปยังมหาวิหาร ซานตา มารีอา มาจจอเร่ เนื่องจากพระองค์ทรงมี ปัญหาสุขภาพ ถ้าหากต้องเดินระยะไกล พระองค์จะเดินไม่ไหว (พระสันตะปาปามีปัญหา ที่เข่าซ้าย เวลาเดิน พระองค์จะลงน้่าหนักที่เข่าซ้ายเยอะมาก ท่าให้เดินเอียงซ้ายอย่างเห็น ได้ชัด) ดังนั้นพระสันตะปาปาจึงประทับรถยนต์ไปรอที่มหาวิหาร ซานตา มารีอา มาจจอเร่ แทน และทรงอวยพรศีลมหาสนิทปิดพิธีที่นั่น AVE MARIA สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-14-

เพือความทุกข์จะได้เบาบางลง ( โดย ดร.วรรณีย์ ลิขิตธรรม) เรามักจะคิดหรือพูดกันว่า “เป็นเด็กก็ดีนะ เพราะห์ไม่เคยอนาทรร้อนใจอะไรกับ ใครเลย ถึงเวลาก็กิน แล้วก็เล่น แล้วก็นอน ไม่รู้จักค่าว่ากลุ้มใจ” เราผู้ใหญ่นี่แหละทุกข์ เยอะ มีทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ ปัญหารุมเร้า อุปสรรคมากมายในชีวิต ความทุกข์เกิดจาก การกระท่าของเราเองก็มี เกิดจากคนอื่นท่าให้เราทุกข์ก็มี ทั้งหมดทั้งปวงล้วนแต่เป็นเรื่อง บั่นทอนความสงบสุขของเรา วิธีหลุดพ้นจากความทุกข์หรือความล่าบากมีหลายวิธี ผู้เขียนจะน่าเสนอบางวิธี เผื่อจะมีประโยชน์ต่อท่านบ้าง 1. สวดภาวนา พระเยซูเจ้าทรงสอนเราให้“ตื่นเฝ้าและอธิษฐานภาวนาเพื่อท่าน จะไม่ต้องถูกทดลอง” (มธ 26:41) เราต้องสวดบ่อยๆ และสม่​่าเสมอเพื่อขอความสว่าง ขอการชี้แนะว่า ควรท่าอะไร ควรคิดอย่างไร สวดขอให้เรามีกาลังใจในการต่อสู้กับ อุปสรรค ต่อสู้กับปัญหาหรือความเจ็บป่วยซึ่งพระองค์ทรงอนุญาตให้เกิดกับเรา ทั้งนี้เพื่อ ความดีบางอย่าง ซึ่งเรายังมองไม่เห็น เราอาจจะสวดซ้่าไปซ้่ามาว่า“ข้าแต่พระเจ้าพระองค์ ทรงเป็นที่พึ่งและความหวังของลูก โปรดเมตตาช่วยลูกด้วย”เราสวดขอให้พระองค์ผ่อน หนักเป็นเบา และขอพระหรรษทานให้เรายอมรับน้าพระทัยของพระองค์เช่นเดียวกับ พระเยซูเจ้าว่า “ขออย่าให้เป็นไปตามใจข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของ พระองค์เถิด”(มธ 26:39) นอกจากนี้เราควรจะขอบคุณพระองค์ที่เรามีความเจ็บป่วยหรือ ความทุกข์ยาก ล่าบากหรือปัญหาต่างๆ ที่เราก่าลังประสบอยู่ เราต้องขอบคุณพระองค์ เพราะที่จริงแล้วมันอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ แต่ผู้อ่านอย่าลืมนะคะว่าพระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญ ให้เราถวายความทุกข์ของเราแด่พระองค์ เราก่าลังแบกกางเขนติดตามพระองค์ ล่าพังตัว เราเองนั้นกางเขนหนักอึ้ง แต่ถ้าเราไว้ใจในพระองค์และร่วมทนทุกข์ทรมานกับพระองค์เรา ก็จะได้รับความบรรเทาตามที่ทรงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน” (มธ 11:28 ) (ให้เราเงียบสักครู่เพื่อสัมผัสความ รัก ความเห็นอกเห็นใจและความอ่อนโยนของพระเจ้า) สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-15-

นอกจากสวดภาวนาด้วยความตั้งใจ ด้วยความเชือในพระเมตตาของพระองค์ แล้ว เราต้องมีความหวังว่าพระเจ้าจะทรงประทานสิ่งที่ดีที่สุดแก่เรา เราควรท่ากิจศรัทธา อื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย เช่น ไปแก้บาป รับศีล ร่วมในพิธีมิสซาให้บ่อยขึ้น ท่านพวาร สวด สายประค่าและอ่านหนังสือบ่ารุงความศรัทธา อย่าให้ความคิดฟุ้งซ่านหรือพูดคุยไร้สาระ กับใครต่อใคร ที่ส่าคัญคืออย่าไปหาหมอดูให้ท่านายชะตาชีวิต อย่ายุ่งเกี่ยวกับพิธีกรรม ทางไสยศาสตร์เป็นอันขาด ถ้าเราออกนอกลู่นอกทางเรามีโอกาสเป็นเหยื่อของซาตานและ จะถูกตัดขาดจากพระเจ้า 2. เรียนรู้ คือเรียนรู้บทเรียนที่ได้รับและจ่าไว้ พร้อมทั้งตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะ ท่าแต่สิ่งทีถ่ ูกต้องมากกว่าสิ่งที่ถูกใจ 3. ใช้กฎแห่งความเมตตา จงเป็นคนที่มีเมตตาต่อผู้อื่น ดังที่พระเยซูเจ้าทรง สอนว่า “ผู้มีใจเมตตาย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา” (มธ 5:7) หลีกเลี่ยงไม่ ท่าร้ายร่างกาย ท่าร้ายจิตใจหรือท่าลายชื่อเสียงของผู้อื่น เราต้องไม่เบียดเบียนหรือท่าให้ ผู้อื่นเป็นทุกข์ เราควรช่วยผู้ที่เดือดร้อน ผู้ขัดสนจนยาก ขอมิสซาสุขส่าราญให้ตนและ ครอบครัว บริจาคช่วยวัดอย่างสม่​่าเสมอ กินอยู่อย่างพอเพียง ไม่ฟุ่มเฟือย ท่าพลีกรรมใช้ โทษบาปฯลฯ 4. ให้อภัย เราต้องฝึกให้อภัยตนเองและผู้อื่น คนที่ขุ่นเคืองใจไม่ให้อภัย มักจะมี โรคภัยไข้เจ็บ เราจึงต้องท่าตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนคือให้อภัย การให้อภัยเป็นการให้ที่ ยิ่งใหญ่ ท่าเถอะพระเจ้าทรงพอพระทัยและจะทรงอวยพรเรา ขอฝากบทภาวนาอันทรงพลังนี้ ให้พี่น้องสวดเพื่อหายจากโรคภัยไข้เจ็บ พระเยซูเจ้าข้า หากเป็นพระประสงค์อันแท้จริงของพระองค์แล้ว ขอให้พระ โลหิตอันบริสุทธิ์และสมบูรณ์ด้วยพระพลานามัยของพระองค์นั้น ไหลเวียนในร่างกายที เจ็บป่วยของลูก ขอให้พระวรกายอันบริสุทธิ์และสมบูรณ์ด้วยพระพลานามัยของ พระองค์ฟื้นฟูสุขภาพทีอ่อนแอของลูก และขอให้ลูกมีจิตใจทีเบิกบานผ่องใส เต็มเปี่ยม ไปด้วยพลังชีวิต อาแมน สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-16-

อา. 6 กค. 14

07.00 น.

คพ.สุรชัย

09:00 น.

รายการมิสซาประจาสัปดาห์ อาทิตย์ที 14 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณพระมารดานิจจานุเคราะห์ ขอพร สุขภาพ สุทธาทิพย์ สุวรรณบรรณ ขอพร ลูซีอา ซกไน้ แซ่ลิ้มและครอบครัว ขอพร ครอบครัวของพี่น้อง12 คน “ว่องวิไลกุล” ขอพร หน้าที่การงานลูกทั้ง 5 ขอพร Mathew กานต์, Francis Xavier นพดล ขอพร อันนา วันดี สุขบุญลือและครอบครัว ขอพร ครอบครัวคุณวัชรี อมรรัตนศิริ ขอพร ครอบครัว กาญจนา สงวนสุข ขอพร ครอบครัว ซาโลเม อรวรรณ ศรีวรกุล ขอพร คุณแม่ลัดดาวัลย์ ชัยประสิทธิ์ ขอพร ครอบครัว สุวรรณบรรณ ขอพร มารีอา จริญญา พัวพันธ์ธีระพงษ์ ขอพร ความสงบสุขของประเทศไทย อุทิศ เปโตร ประจวบ เจริญทรัพย์ อุทิศ ยอห์น กมล, ยวง เสกสรร รุขพันธ์เมธี อุทิศ ลูซีอา อังเจลา วัลลา ทวีสิน อุทิศ ยวง สราช สาทรกิจ อุทิศ โยเซฟ บุญ-มารีอา วรรณี อมรรัตนศิริ อุทิศ เปาโล ไสว – คุณจ่าเนียร สุขบุญลือ อุทิศ คุณสมศักดิ์ สงวนสุข อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ เปาโล มิ่ง รุจิพงษ์ อุทิศ มารีอา บ่วยเฮียะ รุจิพงษ์ อุทิศ ยอแซฟ ไพโรจน์ ระดมกิจ อุทิศ ยอแซฟ สุดใจ - มารีอา ไพบูลย์ สุขสุเดช อุทิศ คุณพ่อเปโตร เต็กจุ่น แซ่อึ้ง อุทิศ เปาโล ง่วนฮั้ว แซ่เตาะ อุทิศ ผู้บริจาคอวัยวะ อุทิศ อันนา พรทิพย์ ไตรอัมพวงศ์ อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง ขอพร สาหรับพีน้องสัตบุรุษทุกท่าน ทุกครอบครัว

คพ.ศรีปราชญ์

17.30 น.

คพ.สุชาติ

โมทนาคุณพระเป็นเจ้า ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ อุทิศ แบร์นาแด๊ต ชญานิษฐ์ สีหพล อุทิศ คุณพ่อกิมเข่ง - คุณแม่สายค่า อุทิศ คุณพเยาว์ , คุณภณ จิตเจริญพร อุทิศ คุณบุญผ่อง จิตส่าราญ อุทิศ เปาโล ใช้ – กลารา สินี อุทิศ คุณพรหม ศิริปี อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ซาลอส สมบัติ, มาร์โค นิยม นิยมจ้อย อุทิศ คุณเกศณี วิวรรธนิกร อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ

ขอพร ขอพร อุทิศ อุทิศ อุทิศ อุทิศ อุทิศ อุทิศ อุทิศ อุทิศ อุทิศ อุทิศ

เทเรซา อมรรัตน์ ส่าเภาเงิน แมธธิว กานต์ , คุณจิตต์พล อันนา บุรี, เทเรซา สิริอร ทองประดิษฐ์ อันนา สุณี , ลูซีอา ศิริพร ทองประดิษฐ์ เปโตร หลอ, เปโตร ภิญโญ ทองประดิษฐ์ อันนา สาคร สารสร้าง โทมัส สมุทร ช่างทอง ยวงบัปติสตา ก้าน - มารีอา วิไลลักษณ์ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทด่ารง เปโตร นิพนธ์, เปโตร นิราช นิยมจ้อย อาคาทา ปัททามา,มารีอา วันดี นิยมจ้อย วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง

สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-17จ. 7 กค. 14

อาทิตย์ที 14 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร แคทรีน ไอยศรา ขอพร ความสงบสุขของประเทศไทย ขอพร การศึกษา ยากอบ ธนากร แสงพลสุข 06.15 น. ขอพร หน้าที่การงาน เทเรซา มาภัค ขอพร ยอแซฟ ณัฐวุฒิ, Yan Yan ว่องวิไลกุล คพ.สุรชัย อุทิศ แปร์เปตูอา อรุณี อภิชาตเธียรโกวิท อุทิศ เปาโล มานัส จันทิวงศ์ อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ ผู้ล่วงลับทั้งหลายที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระฟาติมา ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ 19.00 น. ขอพร ยอแซฟ จุนน่า จิน ขอพร ครอบครัวฉัตรชัย ประยงค์รัตน์ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทด่ารง อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล คพ.สุชาติ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ เซซีลีอา แน่งน้อย, ยวงบัปติสตา หวล อุทิศ ญาติผู้ล่วงลับของคุณระหงค์ศรี อุทิศ อันตน จักพงษ์ ประยงค์รัตน์ อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง อ. 8 กค. 14 สัปดาห์ที 14 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร ครอบครัว มารีอา อุดม มยุระสาคร 06.15 น. ขอพร แคทรีน ไอยศรา ขอพร ผู้มพี ระคุณต่อวัดและโรงเรียน อุทิศ บาทีเมอาส นุกรณ์ โชติวรวรรณ อุทิศ ยวงบัปติสตา ปึ๋ง, เวรอนิกา เสนอ คพ.สุรชัย อุทิศ เทเรซา ไช่คิ้ม แซ่เตียว อุทิศ ซีโมน อุ๋ยลิ้ม, ยอแซฟ เต็กเล้ง แซ่ตั้ง อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร ยอแซฟ พอล – ยอแซฟ พิสิษฐ์ พรกุลวิไล 19.00 น. ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ ขอพร โรซา สุนยี ์ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทด่ารง คพ.สุชาติ อุทิศ เปาโล จ่านงค์ ระดมกิจ อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง พ. 9 กค. 14 น.ออกัสติน เซา รง และเพือนมรณสักขีชาวจีน โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร ยอแซฟ สุรเสียง - แคทริรีน จินดารัตน์ 06.15 น. ขอพร แพทริเซีย จารุภรณ์ - อักแนส ณัฐพัชร์ ขอพร แคทรีน ไอยศรา คพ.สุชาติ อุทิศ บาทีเมอาส นุกรณ์ โชติวรวรรณ อุทิศ เปโตร ซังฮี้ – อักแนส กิมสี อุทิศ นพ.สมาน-พญ.ภักดี ตระกูลทิม อุทิศ วิญญาณที่ต้องการความช่วยเหลือ โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ 19.00 น. ขอพร ผู้ทอี่ ยู่ในอันตรายฝ่ายวิญญาณ ขอพร ครอบครัว มารีอา เพ็ชรา ระดมวิวัฒน์ อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทด่ารง คพ.สุรชัย อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ ญาติพี่นอ้ งที่ล่วงลับของผู้ขอ อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-18พฤ.10 กค.14

อาทิตย์ที 14 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร แคทรีน ไอยศรา 06.15 น. ขอพร มารีอา ดวงใจ , มารีอา อารียา ขอพร ยาโกเบ เสรี-อักแนส จันทร์ตรี พรกุลวิไล คพ.สุชาติ อุทิศ เฮเลนา กาญจนา อุทิศ ฟรังซิส ทวน อุทิศ บรรพบุรุษ ตระกูล “กิจนิตย์ชวี ”ี อุทิศ บรรพบุรุษ ตระกูล “อนุรักษ์” โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระฟาติมา ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ ขอพร มารีอา สุวิมล ชาครีย์เวส ขอพร พระสงฆ์ นักบวช ผู้แพร่ธรรมทุกท่าน 19.00 น. ขอพร สุขภาพ อันนา ขจิตพรรณและลูกหลาน ขอพร ครอบครัวดอมินิค สิทธิศักดิ์ - ยุย้ อุทิศ เซซีรีอา ฮ่อฮวย แซ่ตั้ง อุทิศ เปาโล ฮ่ออิ๋ว , ยอแซฟ กิมเม้ง แซ่เจียม คพ.สุชาติ อุทิศ ยอแซฟ อุดมชัย อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทด่ารง อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ ญาติพี่นอ้ งของคุณรณ ศ. 11 กค. 14 ระลึกถึงน.เบเนดิกต์ เจ้าอธิการ โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและพระแม่ ขอพร แคทรีน ไอยศรา, มารีอา ดวงใจ 06.15 น. ขอพร คุณหนู บุตรดารวมและครอบครัว ขอพร ครอบครัว มาลีวรรณ สนิทสม คพ.สุรชัย อุทิศ เฮเลนา กาญจนา อุทิศ อี้ กิมแช อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ 19.00 น. อุทิศ มารีอา สงวนสินธุ์ กิจกรพันธุ์ อุทิศ ยวง ไพศาล แสงหาญ อุทิศ ยอแซฟ จินเหงี่ยน- มารีอา สมถวิล อุทิศ ยอแซฟ ลี้ – มารีอา แดงเดช คพ.สุชาติ อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทด่ารง อุทิศ คุณบุญชื่น - คุณ อรุณ ลิ้มตระกูล อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ คุณแสนสุข ศิริวัฒนา,วิญญาณในไฟช่าระ ส. 12 กค. 14 อาทิตย์ที 14 เทศกาลธรรมดา โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร แคทรีน ไอยศรา, เทเรซา จิราภรณ์ 06.15 น. ขอพร มารีอา นฤมล ขอพร ผู้ทอี่ ยู่ในความยากล่าบาก คพ.สุรชัย อุทิศ ยวง ยรรยง วูวงศ์ อุทิศ เฮเลนา กาญจนา อุทิศ วิญญาณในไฟช่าระ อุทิศ วิญญาณที่ไม่มีใครคิดถึง โมทนาคุณพระเป็นเจ้าและแม่พระ ขอพร คุณสายใจ อะดุงเดชจรูญ ขอพร คุณประกอบ นิโครธานนท์ ขอพร คุณอนันตศักดิ์, คุณอัญญา, คุณอิทธินันท์ 19.00 น. ขอพร เทเรซา ปิยกานต์ ,หลุยส์ ธนพงศ์ ขอพร มารีอา สุทธินยี ์, เทเรซา วินิตา ขอพร มารีอา ดวงใจ สุภาไวย์ ขอพร วินเซนต์ สุรินทร์ และครอบครัว คพ.สุชาติ อุทิศ เทเรซา มยุรี แจ่มเกียรติเลิศ อุทิศ ยอแซฟ อ๊อน - มารีอา เง็กเอ็ง แซ่ฉั่ว อุทิศ ยอแซฟ ถนอม สุหฤทด่ารง อุทิศ ทอมัส ธวัช, เทเรซา จู ศรีสวัสดิ์ สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-19-

ประชาสัมพันธ์ 1. วินเซนต์เดอปอล อาทิตย์ต้นเดือนขอรบกวนพี่น้องบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ คนจนเดือนกรกฎาคม มีเจ้าหน้าวินเซนต์เดอปอล รอรับอยู่หน้าวัด 2. เชิญประชุม ขอเชิญสภาภิบาลประชุมในวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2557 เวลา 10.30 น. ที่บ้านสิริมารีย์ 3. ฉลองวัดสองพีน้อง สุพรรณบุรี วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม เวลา 10.30 น. 4. ฉลองวัดพระบิดาเจ้า วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม เวลา 10.30 น. 5. ภคินีคณะคาร์เมไลท์ แห่งกรุงเทพฯ ขอเชิญร่วมฉลองโอกาส 50 ปี แห่งการ ปฏิญาณตน เซอร์ เทแรส แห่งพระเยซู วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. 6. พระธาตุนักบุญพระสันตะปาปา ขอเชิญพี่น้องร่วมต้อนรับพระธาตุนักบุญ พระสันตะปาปา ทั้ง 2 ท่าน ที่วัดแม่พระฟาติมา ตั้งแต่วันที่ 13 (เที่ยง) -17 กรกฎาคม 2557 7. เทิดเกียรติแห่แม่พระ ขอเชิญพี่น้องร่วมเทิดเกียรติแห่แม่พระวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2014 15.00 น. สวดถวายตัวแด่แม่พระ สวดพระเมตตา 15.30 น. อ่านพระวาจา แบ่งปันพระวาจา 16.30 น. แบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อโดยคุณพ่อยอแซฟ วิทยา ลัดลอย 17.30 น. รับประทานอาหาร 18.00 น. สวดสายประค่าโลก โดย คุณพ่อ ชวลิต กิจเจริญ 19.00 น. มิสซาแห่แม่พระ โดย คุณพ่อยอแซฟ วิทยา ลัดลอยเป็นประธาน

สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


-20-

“ท่านทั้งหลายทีเหน็ดเหนือย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน จงรับแอกของเราแบกไว้และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน”

สัปดาห์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา , วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม 2014


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.