นสพ รักบ้านเกิด ฉบับที่ 29 เดืิอนกุมภาพันธ์ 2557

Page 1

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

พบกับเรื่องราวดีดี..ที่นี่..เดือนละครั้ง หนังสือพิมพ์เพื่อชาวนครศรีธรรมราช

http://www.nakhonforum.com

ราคา ๒๐ บาท

ประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ ประจ�ำปี ๒๕๕๗ สุด ยิ่งใหญ่ ชาวนครและจังหวัดใกล้เคียงเตรียมแห่ผ้าพระบฏ พระราชทาน ๕ ผืน ขอเชิญร่วมกิจกรรมที่วัดพระมหาธาตุฯ สวนศรีธรรมาโศก และสนามหน้าเมือง

¹¤Ã´Í¹¾ÃÐ ¹¾.ºÑญ ­ ªÒ ¾§Éì¾Ò¹Ôª àÃ×èͧ´Õ´Õ·ÕèàÁ×ͧ¹¤Ã ¨ÓÅͧ ½Ñ觪ŨԵà ชวนคิด ชวนคุย สุธรรม ชยันต์เกียรติ ศิลปินถิ่นนคร รศ.วิมล ด�ำศรี àÅèÒàÃ×èͧàÁ×ͧà¡èÒ ¼È.©ÑµÃªÑ ÈØ¡ÃСҭญ¨น์ รักสุขภาพ นพ.อรรถกร วุฒิมานพ มุมมองรักษ์บ้านรักษ์เมือง สุเมธ รุจิวณิชย์กุล ท่องเที่ยวเมืองนคร ทาร์ซานบอย มองเมืองคอนผ่านเลนส์ นพ.รังสิต ทองสมัคร์

เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๗ นายอภิ นั น ท์ ซื่ อ ธานุ ว งศ์ ผู ้ ว ่ า ราชการจั ง หวั ด นครศรี ธ รรมราช เปิ ด เผยว่ า จั ง หวั ด ร่ ว มกั บ ภาค ส่วนต่างๆ อาทิ อบจ.นครศรีธรรมราช เทศบาลนครนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

˹éÒ ò ˹éÒ ó ˹éÒ ๔ ˹éÒ ñ๐

>> อ่านต่อหน้า ๘

˹éÒ ññ ˹éÒ ñ๒ ˹éÒ ñ๓ ˹éÒ ñ๖ ˹éÒ ñ๗

รายงาน นายสนั่น ศิลารัตน์ ผู้อ�ำนวยการการเลือกตั้ง ประจ�ำองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยความเห็ น ชอบของคณะกรรมการการเลื อ กตั้ ง ประจ�ำจังหวัดนครศรีธรรมราช แจ้งแก่สื่อมวลชนว่า สืบเนื่องมาจากนายพิชัย บุณยเกียรติ นายกองค์การ

บริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชลาออก เมื่อวันที่ ๒๗ ธั น วาคม ๒๕๕๖ จึ ง มี ก ารก� ำ หนดรั บ สมั ค รรั บ เลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๗ ณ ศาลาประชาคม >> อ่านต่อหน้า ๘


หน้า ๒

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

-

วั

นที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ขอเชิญชวนชาวนครศรีธรรมราชผู้มีสิทธิ์ไปลงคะแนนเลือกตั้งนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่ น ที่ ใ หญ่ ที่ สุ ด ขึ้ น มาเป็ น ผู ้ น� ำ ด้ า นการบริ ห ารจั ด การเพื่ อ พัฒนาจังหวัดให้เจริญก้าวหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข การศึกษา การอาชีพและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ องค์การบริหารส่วนต�ำบล (อบต.) และเทศบาลไม่สามารถ ท�ำได้เพราะขาดงบประมาณ ขณะที่ อบจ.นครศรีธรรมราช เป็น อบจ.ขนาดใหญ่มีงบประมาณปีละประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งตลอด ๑ สมัยหรือ ๔ ปี มีงบประมาณกว่า ๔,๐๐๐ ล้านบาท ถ้าการใช้จ่ายมีประสิทธิภาพจะสร้างความ เจริญแก่จังหวัดอย่างมหาศาล การเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งนี้ มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ๓ คน คื อ นายพิ ชั ย บุ ณ ยเกี ย รติ อดี ต นายก อบจ.ที่ ลาออกก่ อ นหมดวาระ นายมาโนช เสนพงศ์ รองนายก เทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช และ นพ.อิสระ หัสดินทร์ ผู ้ บ ริ ห ารโรงพยาบาลนครพั ฒ น์ เมื่ อ เปรี ย บเที ย บกั บ งบ ประมาณกว่ า ๔,๐๐๐ ล้ า นบาท จ� ำ นวนผู ้ ส มั ค ร ๓ คน นับว่าน้อย ประชาชนมีตัวเลือกค่อนข้างจ�ำกัด น่าเสียดาย ที่ น ายนนทิ ว รรธน์ นนทภั ก ดิ์ เลขาส่ ว นตั ว ของนายวิ ท ยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับ นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ ตัวแทนกลุ่มนครภิวัฒน์ที่เคลื่อนไหว หาคะแนนนิยมอยู่ระยะหนึ่งได้ถอนตัวออกไปโดยไม่ทราบ สาเหตุ ส� ำ หรั บ นายนนทิ ว รรธน์ นนทภั ก ดิ์ ได้ แ จ้ ง แก่ ผู ้ สนั บ สนุ นและชาวนครว่าในฐานะแกนน�ำ กปปส.นครศรีธรรมราช ตนเองต้องการสนับสนุนให้มีการปฏิรูปเสียก่อน เพราะการเมื อ งไทยเป็ น ประชาธิ ป ไตยเพี ย งแต่ รู ป แบบที่ นักการเมืองอาศัยเข้ามาคอร์รัปชั่นและตักตวงผลประโยชน์ ทั้งเปิดเผยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีการใช้เงิน ๑๐๐-๑๕๐ ล้าน บาท ขณะที่กฎหมายก�ำหนดให้ใช้คนละ ๖ ล้านบาท ฝ่ า ยประชาชนที่ ต ้ อ งการพิ นิ จ แนวนโยบายของ ผู ้ ส มั ค รก็ ยั ง ไม่ เ ห็ น อะไรที่ แ จ่ ม ชั ด นอกจากเลื อ กคนใหม่ เพื่ อ เปลี่ ย นแปลง คนเก่ า แจ้ ง ว่ า จะสานต่ อ งานเดิ ม ให้ ส�ำเร็จ ปัญหาที่ชาวนครต้องขบคิดก่อนตัดสินใจเลือกนาย พิชัย บุญยเกียรติ กับนายมาโนช เสนพงศ์ ท�ำไมจึงไม่รอ การปฏิรูปเสียก่อน เพราะนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ กับนาย เทพไท เสนพงศ์ พี่ชายแท้ๆ ของทั้ง ๒ ผู้สมัครต่างเป็นแกน น�ำในเวทีปฏิรูปการเมืองที่กรุงเทพฯทั้งสิ้น ส่วนนายแพทย์ อิสระ หัสดินทร์ ไม่มีความเห็นเรื่องการปฏิรูปก่อนเลือก ตั้ง แต่การตัดสินใจลงสมัค รเป็นคนสุด ท้ายก็ไ ม่ไ ด้เสนอ นโยบายที่โดดเด่น กระนั้น ชาวนครก็ต้องเลือกใครสักคน ที่สามารถเป็นผู้น�ำบริหารจังหวัดให้เจริญก้าวหน้า โดยเกิด การโกงกินน้อยที่สุด

าฆบูชาที่เมืองนครปีนี้ ไม่ทราบว่า กิจกรรม “ปฏิบัติ บู ช า มาฆบู ช า แห่ ผ ้ า ขึ้ น ธาตุ ” ที่ ช าวนครร่ ว มกั น สืบสานพัฒนามาตามล�ำดับ ขยับถึงไหน ทั้งนี้หลังจากมีการ ยกระดับครั้งส�ำคัญเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๓ แล้วเทศบาลนคร นครศรีธรรมราชไม่รับลูกจนเกิดการรวนเรครั้งใหญ่ในระยะ

๒ - ๓ ปีที่ผ่านมาอย่างน่าเสียดาย ในขณะ ที่กิจกรรมการแห่ผ้าห่มบูชาพระธาตุก็ขยาย ออกไปทั่วทั้งประเทศ เช่นเดียวกับกิจกรรม การท่ อ งเที่ ย วเชิ ง ศาสนาก็ มี ก ารยกระดั บ พัฒนาและขยายตัวอย่างขนานใหญ่ รวม ทั้งการ “ท่องเที่ยวให้ถึงธรรม” ที่เป็นการ ยกระดั บ ให้ ยิ่ ง กว่ า การท่ อ งเที่ ย วไหว้ พ ระ และท่ อ งเที่ ย วท� ำ บุ ญ ที่ ห อจดหมายเหตุ พุทธทาส อินทปัญโญได้ริเริ่มขึ้นที่สวนโมก ขพลาราม ไชยา สุราษฎร์ธานี ควบคู่กับที่ เมืองนคร จน ททท.นครศรีธรรมราชขานรับ ออกมาเป็นชุดกิจกรรม “ตามรอยธรรมที่

เมืองนคร” ก่อนที่ ททท.ส่วนกลางจะเข้ามาร่วมทดลองท�ำ กิจกรรม “เที่ยวทั่วไทย หัวใจถึงธรรม” ในปี ๒๕๕๔ - ๕๕ และ ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือน�ำไปขยายเป็นกิจกรรม ใหญ่ “พุทธชยันตี ปฏิบัติบูชา ลาพรรษา ที่พระธาตุพนม” ในปี ๒๕๕๕

หลังจากพยายามที่เมืองนครจนพบว่ายังยากอยู่ รวม ทั้งหากท�ำทั่วทั้งประเทศก็จะกระจายเกินก�ำลัง ปี ๒๕๕๗ นี้ พวกเราที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญได้ย้ายฐาน งานการท่องเที่ยวเชิงศาสนาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๘ มกราคมที่ผ่านมา ได้น�ำคณะ พระภิกษุและผู้สนใจรวมกันประมาณ ๑๐๐ รูป/คน ไปตาม รอยธรรมทั่ ว ภาคอี ส าน เริ่ ม จากดอนธาตุ ก ลางแม่ น�้ ำ มู ล ที่พิบูลมังสาหารอันเป็นเจดียสถานพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล แล้วตามรอย ๒ บูรพวิปัสสนาจารย์ >> อ่านต่อหน้า ๙


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

จ�ำลอง ฝั่งชลจิตร

ำลั ง คิ ด ว่ า จะเขี ย นเรื่ อ งอะไรที่ อ ่ า น สบายๆ และเป็นประโยชน์ บังเอิญ เหลือบไปเห็นหนังสือ ‘ประวัติวัดประดู่ พั ฒ นาราม’ จั ด พิ ม พ์ เ นื่ อ งในวาระ ๖๐ ปี ชาตกาล พระครูปริยัติคุณาสัย (รั่น อาริโย) วางอยู่บนกองหนังสือใกล้ๆ มือ ท่ามกลางห้วงยามที่บ้านเมืองลุกเป็น ไฟ เขียนเรื่องเย็นๆ อย่างนี้จะดีที่สุด ที่เลือกเขียนเพราะมีเหตุอย่างน้อย ๓ ประการ ๑. ผมเป็นเด็กวัดประดู่ ๒. พระครูปริยัติคุณาสัยบวชเป็น สามเณรตอนผมอยู่วัดประดู่ ซึ่งถือว่าร่วม สมัยกัน ๓. ผมกั บ พระครู ป ริ ยั ติ คุ ณ าสั ย เป็นศิษย์พระครูพิศาลพัฒนกิจ (บุญรอด ฆงฺคสุวณฺโณ) ด้วยกัน หนังสือเล่มนี้เขียนโดยพระครูปริยั ติ คุ ณ าสั ย ที่ ผู ้ ศ รั ท ธาเลื่ อ มใสเรี ย กว่ า ‘มหารั่น’ “ข้ า พเจ้ า จ� ำ พรรษาอยู ่ วั ด ประดู ่ พัฒนาราม ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งในขณะ นั้นยังเป็นสามเณรอยู่ ได้พบเห็นผู้คนเข้า มาปฏิบัติธรรมในวัดประดู่พัฒนารามเป็น จ�ำนวนมาก และได้ยินค�ำบอกเล่าเกี่ยว กั บ วั ด ประดู ่ พั ฒ นารามว่ า เป็ น วั ด ที่ มี ความส�ำคัญ...” เนื้อหาของหนังสือเกี่ยวกับวัดประดู่ สมเด็ จ พระสั ง ฆราช (สี ) กั บ วั ด ประดู ่ ประวั ติ พ ระครู พิ ศ าลพั ฒ นกิ จ อดี ต เจ้ า อาวาส และประวัติพระครูปริยัติคุณาสัย เอง ต�ำนานการสร้างวัดประดู่ อาจารย์ น้อม อุปรมัย อดีต ส.ส.จังหวัดนครฯ เล่า ไว้ว่า สมัยสมเด็จพระราเมศวรอพยพผู้คน จากภาคเหนื อ และอี ส านมาตั้ ง ถิ่ น ฐาน ทางภาคใต้ ผ สมผสานกั บ คนพื้ น เมื อ งที่ ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อน ในขบวนอพยพมีพระ พนมวังกับนางเสดียงทองผู้เป็นภริยา ได้ นิมนต์พระอนุรุธมหาเถรมาด้วย ต่อมา นางเสดียงทองนิมนต์สร้างวัดในป่าประดู่ ซึ่งเป็นที่ดินของนางเมื่อ พ.ศ.๑๙๑๕ จน

กลายเป็นส�ำนักวิปัสสนาที่รุ่งเรืองมาก อีกข้อมูลอ้างจากสารนครศรีธรรมราช ปีที่ ๒๘ เดือนเมษายน ๒๕๔๒ บอก เล่าว่า “พ.ศ.๒๓๑๙ รัชสมัยสมเด็จพระเจ้า ตากสินแต่งตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนู) มีชายาชื่อ หม่อมทองเหนียว เข้า รับต�ำแหน่งเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๒๗ มีธิดาองค์หนึ่ง ชื่อเล็ก หรือคุณเล็ก ได้สมรสกับเจ้าพระยา นครศรี ธ รรมราช (พั ด ) คุ ณ หญิ ง ซึ่ ง เป็ น พี่ ส าวของเจ้ า พระยานครศรี ธ รรมราช (พัด) เป็นผู้สร้างวัดประดู่” จากหลั ก ฐานแสดงว่ า วั ด ประดู ่ มี อยู ่ ก ่ อ นแล้ ว และได้ บู ร ณะใหม่ ใ นสมั ย เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัด) ต่อมา พ.ศ. ๒๔๗๐ สมัยรัชกาลที่ ๗ ตระกูล ณ นคร และพุทธบริษัทร่วมกันบูรณะอุโบสถ พ.ศ. ๒๔๙๘ เจ้าพระยาบดินทรเดชานุชิต (แย้ม ณ นคร) เจ้าเมือง ได้บริจาคทรัพย์ ซ่อมอุโบสถครั้งใหญ่ พ.ศ. ๒๕๐๕ เกิ ด วาตภั ย หลั ง คา อุ โ บสถเสี ย หาย พระวิ ห ารสมเด็ จ พระ สังฆราช (สี) พังทั้งหลัง กระเบื้องหลังคา เก๋ ง พระเจ้ า ตากหลุ ด ปลิ ว ทั้ ง หลั ง ศาลา กุ ฏิ พั ง เสี ย หาย พระครู พิ ศ าลพั ฒ นกิ จ เจ้ า อาวาสได้ เ ชิ ญ ชวนพุ ท ธบริ ษั ท ร่ ว ม บู ร ณะอย่ า งต่ อ เนื่ อ งเรื่ อ ยมา จน พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้ซ่อมแซมอุโบสถครั้งใหญ่ โดย

นครศรีธรรมราช

หน้า ๓

วั ด ประดู ่ อี ก ครั้ ง พ.ศ.๒๓๑๒ สมเด็ จ พระเจ้ า ตากสิ น กอบกู ้ เ อกราชส� ำ เร็ จ และทรงมีพระราชประสงค์จะฟื้นฟูพระ พุ ท ธศาสนาหลั ง พม่ า เผาท� ำ ลายพระ ไตรปิฏก จึงอาราธนาพระวันรัตกลับขึ้น ไปกรุ ง ธนบุ รี เ พื่ อ ช่ ว ยฟื ้ น ฟู พ ระพุ ท ธศาสนา โดยไปจ�ำพรรษา ณ วัดบางหว้า ใหญ่ หรื อ วั ด ระฆั ง โฆสิ ต าราม สมเด็ จ พระเจ้ า กรุ ง ธนบุ รี ส ถาปนาพระวั น รั ต เป็นสมเด็จพระสังฆราชในปีเดียวกัน เรื่ อ งราวเกี่ ย วกั บ สมเด็ จ พระ สั ง ฆราช (สี ) น่ า อั ศ จรรย์ ยิ่ ง นั ก หลั ง ถู ก ถอดยศในสมั ย พระเจ้ า กรุ ง ธนบุ รี เมื่ อ สมเด็ จ พระพุ ท ธยอดฟ้ า จุ ฬ าโลก ทรงปราบดาภิ เ ษก และสถาปนากรุ ง รัตนโกสินทร์ ทรงถวายสมณฐานันดรศั ก ดิ์ แ ก่ ส มเด็ จ พระสั ง ฆราช (สี ) เป็ น สมเด็ จ พระสั ง ฆราชรู ป แรกแห่ ง กรุ ง รัตนโกสินทร์ หลักฐานเกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราชชาวนครซึ่ ง เป็ น บั ว บรรจุ พ ระอั ฐิ ยั ง อยู่ที่วัดประดู่พัฒนาราม พ่ อ เคยบวชที่ วั ด ประดู ่ เป็ น ศิ ษ ย์ พระครู ป ลั ด บุ ญ รอด เมื่ อ ลู ก ๆ เข้ า มา เรียนหนังสือในตัวจังหวัด พ่อจึงน�ำมา ฝากให้ อ ยู ่ ที่ วั ด กั บ พระอาจารย์ ผมมา อยู ่ วั ด ประดู ่ ปี ๒๕๑๐ ตอนอยู ่ วั ด ก็ รู ้ ประวั ติ ค ร่ า วๆ ผมมาอยู ่ วั ด ประดู ่ ก ่ อ น สามเณรรั่ น และออกจากวั ด ต้ น ๆ ปี ๒๕๑๔ ส่วนสามเณรรั่นได้ศึกษาเล่าเรียน อย่างขยันขันแข็ง สอบได้นักธรรมเอก เปรียญธรรม ๔ ประโยค ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิ ท ยาลั ย ปริ ญ ญาโทสาขา ปรัชญา มหาวิทยาลัยเดลี และปริญญา โท สาขาวรรณคดีอังกฤษ มหาวิทยาลัย มีรัส ประเทศอินเดีย เป็ น พระภิ ก ษุ ผู ้ มี ภู มิ ค วามรู ้ แ ละ ภูมิธรรมน่าเลื่อมใสศรัทธา ปั จ จุ บั น เป็ น เจ้ า อาวาสวั ด ประดู ่ พั ฒ นาราม เป็ น ผู ้ ร วบรวมศรั ท ธาของ พุ ท ธบริ ษั ท มาร่ ว มพั ฒ นาวั ด ให้ เ จริ ญ ก้าวหน้าสืบไปอีกหลายๆ ปี

เปลี่ ย นจากกระเบื้ อ ง เ ค ลื อ บ ดิ น เ ผ า เ ป ็ น กระเบื้ อ งเคลื อ บมุ ง หลั ง คา ใส่ ช ่ อ ฟ้ า ใบ ระกา สร้ า งก� ำ แพงแก้ ว แล้ ว อั ญ เชิ ญ พระพุ ท ธมงคลนิ ร มิ ต เข้ า ไปประดิ ษ ฐาน พระครู พิ ศ าลพั ฒ นกิ จ เป็ น เจ้ า อาวาส ตั้ ง แต่ พ.ศ.๒๔๙๔ จนถึ ง พ.ศ.๒๕๓๗ ได้ บู ร ณะวั ด เป็ น เวลา ๔๓ ปี จนได้ ชื่ อ ใหม่ว่า วัดประดู่พัฒนาราม เกี่ ย วกั บ สมเด็ จ พระสั ง ฆราช (สี ) มหารั่นบันทึกไว้ว่า สมเด็จฯ เป็นชาวนคร ได้ศึกษาระดับปฐมที่วัดพระพรหม บ้าง ก็ว่าวัดป่าตอ อ�ำเภอพระพรหม ปัจจุบัน “พ.ศ.๒๒๗๙ ได้บรรพชาเมื่ออายุ ๑๕ ปี แล้วเจ้าอาวาสวัดพระพรหม หรือวัดป่าตอ ได้น�ำมาฝากให้อยู่จ�ำพรรษา ณ วัดประดู่” ต่ อ มา พ.ศ.๒๒๘๔ ได้ อุ ป สมบทที่ วั ด ประดู ่ เ มื่ อ อายุ ๒๐ ปี บ ริ บู ร ณ์ โดยมี พระสังฆราชา คณะลังกาแก้ว เจ้าอาวาส ขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้เข้าศึกษา พระไตรปิ ฎ กที่ วั ด พระลานและศึ ก ษา วิปัสสนาธุระที่วัดประดู่ ภิกษุสีมีความรู้ แตกฉานทั้ ง สองฝ่ า ย “หลั ง จากนั้ น ก็ ไ ด้ เดิ น ทางไปสู ่ ก รุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา เพื่ อ เผยแผ่ พระพุทธศาสนาและศึกษาวิปัสสนาเพิ่ม เติมจากวัดป่าแก้ว” วั ด ป่ า แก้ ว มี พ ระพนรั ต หรื อ พระ วันรัตเป็นเจ้าส�ำนักและปกครองสงฆ์ฝ่าย วิ ป ั ส สนาธุ ร ะ ภิ ก ษุ สี อ ยู ่ จ� ำ พรรษาที่ วั ด ท่ า นผู ้ อ ่ า นที่ ส นใจหนั ง สื อ เล่ ม นี้ พนัญเชิง พ.ศ.๒๓๐๙ ได้รับการแต่งตั้ง อาจต้องไปกราบขอจากพระครูปริยัติ ให้เป็นพระวันรัตเจ้าส�ำนักวัดป่าแก้ว พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาเสียแก่ คุณาสัยด้วยตัวเองนะครับ พม่ า พระวั น รั ต (สี ) กลั บ มาพ� ำ นั ก ณ


หน้า ๔

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

ชวนชควดินคยุ สุธรรม ชยันต์เกียรติ

มี

เพื่อนฝูงเขาเขียนเรื่อง “น�้ำพ่าห์” มาฝากให้ลงใน รักบ้านเกิด ผมเลยเจียดพื้นที่ชวนคิดชวนคุยของ ผมให้ลงข้อเขียนของคุณโพธิ์ เกื้อเพชรแก้ว ซึ่งเห็นว่า เป็นประโยชน์ของผู้อ่านไม่มากก็น้อย ลองติดตามดู

เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส เมื่อตรุษสารทพระวสาได้อาศัย สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย มาจ�ำไกลอารามในยามเย็น ฯ (นิราศภูเขาทอง, สุนทรภู่) ฮะแอ้ ม ..สวั ส ดี ค รั บ นครอั น งามสง่ า แห่ ง ราชา ผู้ทรงธรรม ของเรายังมีภาษาไทยโบราณหลงเหลืออยู่ มากมาย เราพูดกันอยู่ทุกวี่วันแบบไม่รู้ตัว เช่น ไปไซร (ไปท�ำไม-ตามภาษาเขียนเสียงเพี้ยนเล็กน้อยจึงสื่อได้ไม่ ชัดเจนเท่าค�ำพูด) ไซร =ไซร้, พลวก (พังลงมา) สุนทรภู่ ก็ใช้ค�ำนี้ในงานประพันธ์ของท่าน ค�ำว่าพ่าห์ก็เหมือนกัน เราได้ยินแต่ครุฑพ่าห์ คือรูปครุฑสยายปีกที่หัวหนังสือ ราชการ แต่คนคอนยังใช้ค�ำว่าพ่าห์ในอีกหลายความ หมาย เช่น เรียกส่วนต่อเติมของบ้านที่ล้นออกมาจาก ตัวเรือนหลักว่าพ่าห์ (พาไล) ซึ่งอาจใช้เป็นที่เก็บฟืนและ ให้สุนัขนอนในเวลากลางคืน กับเรียกน�้ำท่วมว่าน�้ำพ่าห์ เป็นต้น พ่าห์ = แผ่, กระจายออก (flooding) นั่นเอง เมืองนครฯ มีหลายสิ่งคล้ายกรุงศรีอยุธยา เช่น ประชาชนมีศรัทธาสูงในพระพุทธศาสนา ภูมิประเทศ ก็เป็นที่ราบลุ่มใกล้เคียงกัน ตัวเมืองเป็นดอนเตี้ยๆ ตั้ง ขวางเส้นทางน�้ำไว้ น�้ำพ่าห์จึงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ อี ก อย่ า งหนึ่ ง ที่ เ หมื อ นกั น มาก ผมได้ แ ต่ ห วั ง ว่ า เมืองนครฯ เราก็คงจะไม่สิ้นคนดีเช่นเดียวกัน (แต่สถิติ อาชญากรรมสูงเหลือเกิน คดีฆ่านี่บางปีมาเป็นอันดับ ๑ - โฮ..) พอถึงหน้าน�้ำ มันท่วมนองไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง มองไปทางไหนก็มีแต่น�้ำ..และน�้ำ แถมท่วมอยู่นาน ๒-๓ เดื อ น ที่ ก รุ ง เก่ า เรี ย กฤดู น�้ ำ หลากเพราะน�้ ำ ไหลหลาก มาจากทุกสารทิศโดยเฉพาะจากทางเหนือ ก็หลากมา

โดย : นครา nagara@nakhonforum.com

ท่วมนั่นแหละ จนบางปีกองทัพพม่าที่ล้อมเมืองอยู่ต้อง ยกกลับไปเพราะทหารแช่น�้ำจนเท้าเปื่อยกันถ้วนทั่วทุก ตัวคน แต่คนนคร ฯ เราเรียกน�้ำท่วมด้วยภาษาศิลป์ว่า “น�้ำพ่าห์”... เ ก๋ มั้ ย..!!!.. เพราะน�้ำพ่าห์ทุกปีลุ่มน�้ำปากพนังดั้งเดิมจึงไม่มี ปลวก แต่ทุกวันนี้ ด้วยการระบายน�้ำลงทะเลที่รวดเร็ว ของคลองขุดหลายสายท�ำให้น�้ำไม่ค่อยพ่าห์แล้ว และ ผู้คนนิยมถมที่ก่อนปลูกบ้านเรือนท�ำให้ปลวกที่ติดมากับ ดินถมอาละวาดเป็นปัญหามาก เดื อ น ๑๑ ฝนฟ้ า เริ่ ม เทหนั ก ที่ จ ริ ง มั น เริ่ ม ประปรายมาตั้งแต่ปลายเดือน ๑๐ แต่มาชุกเอาจริงๆ ในเดือน ๑๑ ตกห่าเล็กห่าใหญ่ทั้งวัน วันละไม่ต�่ำกว่า ๑๐ ห่า ฝนหน้านี้ก็แปลกจริงๆ ครึ้มมาไม่ทันไรเป็นตก ไม่ต้องไหว้ครูหรือดูชั้นเชิงกันแบบฝนพรัด(ฝนเดือน ๖ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้หอบเมฆด�ำตั้งเค้าลอยข้ามหัว เราไปมาอยู่ร่วม ๒ สัปดาห์กว่าจะตกได้) เมื่อมันตกแช่ ติดต่อกันสัก ๓ วันเท่านั้นก็ได้เรื่อง..น�้ำจากเรือกสวนไร่ นาไหลลงคูลงบาง บางเล็กบางใหญ่ไหลลงแม่น�้ำ แม่น�้ำ ระบายลงทะเลไม่ทันมันก็เอ่อท้นล้นฝั่งจน.. “พ่าห์”.. เท่านั้นเอง เมื่ อ น�้ ำ พ่ า ห์ เ ต็ ม ที่ เราจะเข็ น เรื อ ที่ “ลาพอน” (ตอกหมัน, ยาชัน, ทาน�้ำมันยาง) ไว้เรียบร้อยแล้วลง น�้ ำ เรื อ พายเป็ น พาหนะที่ ต ้ อ งมี เ หมื อ นคนในเมื อ งมี รถยนต์ ปกติเราเก็บเรือไว้ใต้ถุนที่มีเสาเรือนสูงเมตรเศษ ต่อให้น�้ำพ่าห์สูงยังไงก็ไม่จมพื้นกระดานเรือน ยกเว้น แต่ในปีที่ “น�้ำพ่าห์ใหญ่” จริงๆ เช่น ในปี พศ.๒๕๑๘, ๒๕๓๑ เป็นต้น ซึ่งในปีมหาอุทกภัยเช่นนี้ ท้องทุ่งแล กว้างเวิ้งว้าง ลมแรงและบางวันคลื่นลูกโตราวท้องทะเล หารอยต่อระหว่างแม่น�้ำกับท้องทุ่งไม่เจอ เรืออีสูสู (เรือ หางยาวใหญ่ใช้เครื่อง ISUZU ๔ สูบ แบบที่วิ่งโดยสาร ในคลองแสนแสบ)จึงแล่นผ่านท้องนาได้เลยประหยัด เวลากว่าวิ่งคดเคี้ยวไปตามล�ำน�้ำ เรือพายนั้นถ้าเป็นเรือ มาด (โกลนจากไม้ ซุ ง และเสริ ม กราบให้ สู ง ขึ้ น ด้ ว ยไม้ กระดานหนา) จะนิยมเรือไม้ตะเคียน ส่วนเรือต่อ (ต่อ จากไม้กระดานทั้งล�ำ) แม้ไม้เลวๆ ก็ใช้ได้ดี เรือต่อจะรั่ว ง่ายเพราะมีรอยเชื่อมต่อมากกว่าและ >> อ่านต่อหน้า ๑๐

หนังสือพิมพ์รักบ้านเกิด ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ กลับมาพบกับท่านผู้อ่าน ผู้มีอุปการคุณ เหมือนเดิม วันตรุษจีนปี ๒๕๕๗ มาเร็วมาก กว่า ‘รักบ้านเกิด’ ฉบับนี้จะถึงมือท่าน พี่น้องชาวจีนก็เฉลิมฉลอง วันตรุษจีนกันเรียบร้อยแล้ว ขณะวันมาฆบูชาที่ชาวนครและ ชาวใต้พร้อมใจกันไปแห่ผ้าขึ้นธาตุก็ตรงกับวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์พอดิบพอดี งานประเพณีแห่ผ้าขึ้น ธาตุปีนี้จัดใหญ่โตเหมือนเดิม วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ จะมีหรือไม่มีการเลือกตั้งก็ตาม กกต. ได้แจ้งราย ชื่อผู้สมัครพรรคต่างๆ ให้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ดังนี้ เขต ๑ นางบุณยนุช สมพันธ์ (ชาติพัฒนา) นายประสิทธิ์ ขันตะชล (ภูมิใจไทย) นายนิภาภูเบศวร์ ฝั่งชลจิตต์ (เพื่อ ไทย) จ.ส.อ.นิเวศน์ รุ่งเรือง (เพื่อแผ่นดิน), เขต ๒ นาย ไชยวัฒน์ ไกรฤกษ์ (ภูมิใจไทย) นายนัฏฐ์ประชา เกื้อสกุล (เพื่อไทย), เขต ๓ ไม่สามารถด�ำเนินการรับสมัคร เขต ๔ นายบุ ญ เสริ ม หั ท ยานนท์ (ชาติ พั ฒ นา) จ.ส.อ.ประยู ร ณ์ เดชะนะ (พลั ง สหกรณ์ ) นายมาโนช เสนาชู (ภู มิ ใ จไทย) นายอนันต์ คลังจันทร์ (ชาติไทยพัฒนา) จ.ส.อ.ประกอบ แต้มสีทอง (เพื่อไทย), เขต ๕ นายอดิศักดิ์ ไชยรัตน์ (พลัง สหกรณ์ ) นายสมยศ หนู ห นอง (ชาติ ไ ทยพั ฒ นา) นาย อุดมเกียรติ ปานมี (เพื่อไทย), เขต ๖ นายสมชาย ลิ่มพันธ์ (ชาติ ไ ทยพั ฒ นา) นายอารี ไกรนรา (เพื่ อ ไทย), เขต ๗ นางกชพร ราชรักษ์, เขต ๘ ไม่สามารถด�ำเนินการรับสมัคร, เขต ๙ นายสมพงค์ มากชุม (ชาติพัฒนา) นายไพศาล ยิ่งยง (ชาติไทยพัฒนา) นายวิภาค ศรีจันทร์ (เพื่อไทย) บางทีบุคคล เหล่านี้อาจเป็นเพียงผู้สมัครเท่านั้น

พิชัย บุณยเกียรติ

มาโนช เสนพงศ์

ปฏิรูปหรือไม่ปฏิรูป วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ การเลือกตั้งนายก อบจ. นครฯ ต้องมีแน่ๆ หมายเลข ๑ พิชัย บุ ณ ยเกี ย รติ (กลุ ่ ม ประชาธิ ป ไตย) หมายเลข ๒ นายมาโนช เสนพงศ์ (กลุ่มประชาธิปัตย์สร้างสรรค์) และ หมายเลข ๓ นพ.อิสระ หัสดินทร์ (ผู้ สมั ค รอิ ส ระ) พอใจใครเลื อ กคนนั้ น นพ.อิสระ หัสดินทร์ ชื่อเหล่านี้เป็นของจริง ศักดิ์พิรุณ โยธา, วิรายุทธิ์ เสี ย งเพราะ, ศุ ภ ศั ก ดิ์ ปรุ ง แต่ ง , นั น ทวุ ฒิ นุ ้ ย ผุ ด และ กรรณิ ก าร์ พิ ณ ทอง ๕ นั ก เรี ย นชั้ น ปวส.๓ ว.ช่ า งศิ ล ปนครฯ สอบผ่านเกณฑ์การคัดเลือกโควต้าคณะจิตรกรรมฯ ม.ศิลปากร ประเภทศิลปะเด่น ได้ที่เรียนแล้วแน่นอน ‘รัก


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

หน้า ๕

จากไปไม่หวนกลับ ขอแสดงความเสี ย ใจกั บ ครอบครัวและลูกหลานของ ‘ลุ ง เฉลิ ม พงศ์ วั ช ร’ อดี ต พนั ก งาน ธ.ออมสิ น นั ก ประชาสัมพันธ์อาวุโสที่เป็น ขวัญใจของเด็กๆ ครั้งธนาคารอยู ่ บ ริ เ วณสถานี ร ถไฟ ฌาปนกิ จ แล้ ว เมื่ อ ๒๖ ธั น วาคม ๒๕๕๖ สิ่ ง ศั ก ดิ์ สิทธิน์ ำ� ดวงวิญญาณของ ท่าน ไปสูส่ คุ ติแล้วอย่างแน่แท้

บ้านเกิด’ ขอแสดงความยินดีกับครูอาจารย์และน้องๆ ทุกคน ดร.กณพ เกตุชาติ (โจ) ให้การต้อนรับ ดร.อธิปัตย์ บ�ำรุง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงานและคณะ ซึ่งเดินทาง มาเยี่ ย มดู ง าน โครงการผลิ ต ไฟฟ้ า จากน�้ ำ เสี ย ของ โรงงาน สกั ด น�้ ำ มั น ปาล์ ม บ.เกษตรลุ ่ ม น�้ ำ นพ.ภาณุ ม าศ ญาณเวทย์ ส กุ ล ผอ.ส� ำ นั ก งานป้ อ งกั น ควบคุ ม โรคที่ ๑๑ จังหวัดนครฯ ฝากเตือนพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ให้ระวังโรคมือ เท้า ปาก ในเด็กที่เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ อีวี ๗๑ ที่ติดต่อ โดยการสัมผัสโดยตรงกับน�้ำมูก น�้ำลาย เสมหะ จากตุ่มแผล พุ พ องหรื อ อุ จ จาระของผู ้ ป ่ ว ยที่ มี เ ชื้ อ ข้ อ สั ง เกตหลั ง ติ ด เชื้ อ ๓-๗ วัน เด็กๆ จะมีไข้ มีเม็ดพุพองใสๆ ขึ้นในปาก โดยเฉพาะ กระพุ้งแก้ม ลิ้น เหงือก ๑-๒ วันต่อมาจะเริ่มมีแผลในปาก ท�ำให้เจ็บ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยและเจ็บคอ หรืออาจพบผื่นที่ ผิวหนังตามมือ เท้า ควรไปพบแพทย์เพื่อป้องกันอันตรายจาก ภาวะแทรกซ้อน ศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนอนุบาลควรกวดขัน ให้มาก

บริษัท สิงห์อรฉัตร จ�ำกัด โดย คุ ณ ชนั น ธ ธนานราสิน ร่วมกับ หอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช, นายก สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวนครศรีธรรมราช, เทศบาลนคร นครศรีธรรมราช, บริษัท ฮอนด้าศรีนคร จ�ำกัด, บริษัท อีซูซุ นครมอเตอร์ เซลส์ (๑๙๙๑) จ�ำกัด สาขาหัวอิฐ, โรงแรมราว ดี, สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน และสถานีวิทยุมีดี เอฟเอ็ม จัด กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติครั้งแรก ประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ บริเวณด้านหน้าลานสิงห์เฮาส์ โดยมีเครือข่ายพันธมิตรร่วม สนับสนุนของรางวัลมากมายท่ามกลางความสุข สนุกสนาน ของเด็กๆ และผู้ปกครอง เมื่อวันเด็กที่ผ่านมา

ศ.ดร.นิตย์ ศ รี แสงเดื อ น อธิการบดี ว.เทคโนโลยี ภาคใต้ เป็นประธานจัดงานจัดการแข่งขันและมอบรางวัลแก่ผู้ ชนะและโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ ‘เล่าเรื่องเมืองน่าอยู่’ ทั้ง รูปแบบการเขียนไทย-อังกฤษและเล่าปากเปล่าไทย-อังกฤษ ที่ ได้รับการสนับสนุนจากเครือ ปูนซิเมนต์ไทย, ธ.ไทยพาณิชย์ และผาทองทุ่งสง

จิตรกรผู้มีผลงานออกแบบตกแต่ง นักเลงพระเครื่อง สมเกียรติ ประดู่ เพิ่งออกจากห้องบันทึกเสียงออกผลงาน เพลงชุด ‘มหาลัยบันเทิง’ สังกัดค่ายกรีนไลฟ์ เพลงทุกเพลง ล้วนกลั่นจากสมองตัวเอง ปลายๆ กุมภาหาฟังทางยูทูป สถานี วิทยุทั่วไปและเคเบิ้ลทีวีช่องเพลง

อบรมหนุ่มๆ นักศึกษา ว.เทคนิคนครฯ ไปแล้ว เมื่อวัน ที่ ๒๒ ธันวาคม ฮอนด้าศรีนครร่วมกับส�ำนักงานขนส่งจังหวัด นครฯ จัดอบรมขับขี่ปลอดภัยและสอบใบอนุญาตขับขี่ให้กับ นักศึกษาสาวๆ ว.อาชีวศึกษานครฯ...ด้วยปรารถนาให้น้องๆ ทุกคนปลอดภัย น่าสนใจ...ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุน ภาคที่ ๖ สานั ก งานคณะกรรมการส่ ง เสริ ม การลงทุ น จั ด สัมมนา ‘ส่งเสริม SMEs กับสิทธิประโยชน์ BOI’ วันที่ ๒๖- ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๗ ที่จังหวัดนครฯ กระบี่ และภูเก็ต ตามล�ำดับ สุ รั ต น์ นุ ช เจริ ญ หน.ส� ำ นั ก งานหนั ง สื อ เดิ น ทาง ชั่ ว คราว สุ ร าษฎร์ ฯ แจ้ ง ว่ า ช่ ว งมี ก ารชุ ม นุ ม ส� ำ นั ก งานไม่ สามารถท� ำ หนั ง สื อ เดิ น ทางได้ ดั ง นั้ น ผู ้ จ� ำ เป็ น เร่ ง ด่ ว นให้ ติ ด ต่ อ ท� ำ ได้ ที่ ส� ำ นั ก งานชั่ ว คราวห้ า งสรรพสิ น ค้ า เซ็ น ทรั ล บางนา ชั้น ๕ โทร.๐๒-๓๘๓๘๔๐๒-๔ และส�ำนักงานชั่วคราว ห้างเทสโกโลตัส ปิ่นเกล้า ชั้น ๕ โทร.๐๒-๔๓๓-๐๒๘๐-๗ เริ่มแล้ววันนี้ อาหารเซ็ทโปรโมชั่น เซ็ทญี่ปุ่นเพียง หรื อ โทร.สอบถามที่ ๐๗๗-๒๗๔๙๔๐, ๐๗๗-๒๗๔๙๔๒ ๒๘๐ บาท / เซ็ทเวียตนาม เพียง ๑๘๐ บาท บริการทุกวัน ที่ห้องอาหารปทุมมาศ โรงแรมทวินโลตัส และ ๐๗๗- ๒๗๔๙๔๓

ปาลิ ก า จึ ง ไพศาล ร่ ว มแสดงความยิ น ดี กั บ คู่บ่าวสาว พงศ์ศักดิ์ - บุศรา ในงานมงคลสมรส ณ โรงแรม ทวินโลตัส เมื่อวันที่ ๕ ม.ค. ๕๗ ยุ ท ธกิ จ มานะจิ ต ต์ ประธานและคณะกรรมการ สภาอุ ต สาหกรรมจั ง หวั ด นครฯ ร่ ว มแสดงความยิ น ดี กั บ ปาลิ ก า (บุ ๋ น ) จึ ง ไพศาล เนื่ อ งในโอกาสเปิ ด บู ติ ค เพชร แห่งใหม่ที่ชั้น ๑ สหไทยพลาซ่า นครฯ เร็วๆ นี้

Not only you are contented with our fine diamond and gold jewels, but community also enjoys.


หน้า ๖

นครศรีธรรมราช

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

ก่

อนก่อสร้าง เอ เอ็น คอนโด หรือ ‘AN Condo’ (อาคารชุด) สูง ๗ ชั้น ขนาด ๗๙ ยู นิ ต บริ เ วณทางเข้ า มหาวิ ท ยาลั ย วลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เมื่ อ ปลายปี ๒๕๕๕ ชยพล กั๋ ง เซ่ ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อนานันท์ พร็อพเพอร์ตี้ จ�ำกัด เจ้าของโครงการ เปิดเผยว่า บริ ษั ท ใช้ ข ้ อ มู ล วิ จั ย ความต้ อ งการของ

บุคลากรและนักศึกษากว่า ๑,๐๐๐ คน มาช่วยตัดสินใจ ผลวิจัยเมื่อต้นปี ๒๕๕๕ พบว่าบุคลากรของวลัยลักษณ์ มีความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ท�ำงาน, เดินทางสะดวก และการซื้อคอนโดเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ทว่า กว่าโครงการจะเป็นจริง ชยพลต้องทุ่มเท แรงกายแรงใจระดมเงิ น มาไถ่ ถ อนที่ ดิ น จาก บริ ษั ท บริ ห ารสิ น ทรั พ ย์ กรุ ง เทพพาณิ ช ย์ จ� ำ กั ด เขาส� ำ เร็ จ ปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จาก ม.ราชภัฏนครฯ ไม่มีประการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์เลย “ที่ดินของพ่อมีปัญหา เราถูกแบงค์ฟ้อง ระหว่าง เจรจากับแบงค์พ่อเสีย พ่อตรอมใจเพราะครอบครัวเสีย พี่ชายคนโต ผมไม่มีเงิน ยอดหนี้สูงถึง ๑๓ ล้าน” พ่อแม่เป็นคนขยันท�ำงานและกล้าลงทุน

แม่ - กนกพรเป็ น ชาวบ้ า นสวนจั น ทร์ ต.ตลิ่ ง ชั น อ.ท่าศาลา เรียนตัดเย็บจากโรงเรียนสอนตัดเสื้อแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง ตอนครอบครัวย้ายมาอยู่ในซอยสันติ ณิชาภา ทิพย์เสนา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขาย เล่าว่า-ทีแรกแม่ท�ำขนมจีนขาย แต่การท�ำขนมจีนรบกวนเพื่อน บ้าน เลยเปลี่ยนไปขายยาเส้นที่ตลาดหัวอิฐ “แม่เห็น ร้านขายเสื้อผ้าซึ่งขายดีมาก แม่มีผ้าเหลืออยู่เลยมาตัด เย็บแล้วน�ำมาแขวนไว้ใต้ร่มที่นั่งขายยาเส้น ขายดี พวก แม่ค้าเห็นเขาชอบก็ซื้อไป จากเย็บวันละตัวเพิ่มเป็นสอง ตัว พอร้านผ้าข้างๆ เห็นเขาบอกว่าไม่ต้องขายเอง เขาจะ เอาไปขาย แต่เขาจะเอาเยอะ แม่จะขอเป็นลูกจ้าง เขา บอกแม่อายุเยอะแล้ว เขาไม่เอา แม่ก็เลยคิดว่าฉันก็ท�ำ เองดีกว่า”

พ่อ- เมธาสิทธิ์ เป็นชาวบ้าน ต.นาเหรง อ.นบพิต�ำ เป็นนักลงทุนที่ท้าทาย พอเห็นงานเสื้อผ้าไปได้ดีจึงไป ชวนหลานๆ จากบ้านมาช่วยเป็นลูกมือ กิจการได้รับ ความช่วยเหลือเรื่องผ้าทั้งจากร้านจิมมี่ และร้านผ้าที่ สุโหงโกลก ร้านฮอลลีวู้ดหาจักรมาช่วย กิจการค่อยๆ เติบโตได้ซื้ออาคารพาณิชย์หลังวัดเสาธงทองสินค้าติด ยี่ห้อเคพีกนกพร ลูกค้าเป็นผู้หญิงวัยท�ำงานจนถึงสูง วัย ต่อมาคู่แข่งเพิ่มขึ้นทั้งในท้องถิ่นและเสื้อผ้าโรงงาน ที่ขายถูกกว่า ช่ ว งนั้ น พ่ อ หั น ไปจั บ ธุ ร กิ จ รั บ เหมา รถบรรทุ ก ลงทุ น ท� ำ นากุ ้ ง แบ็ ค โฮ กิ จ การขนส่ ง ในนาม ‘ชิ ด ชม ขนส่ ง ’ และลงหุ ้ น กั บ ญาติ ตั้ ง ศู น ย์ ข ายรถ VCM ที่ ท่าศาลา ๓-๔ ปี จนเจอพิษเศรษฐกิจตกต�่ำปี ๒๕๔๐ กิจการล้มระเนระนาดพร้อมหนี้สินก้อนใหญ่ ชยพลเล่ า ต่ อ ไปว่ า เขาโชคดี ที่ มี ญ าติ ๆ อย่ า ง ธีระพงส์ ช่วยชู ลูกชายของป้า (พี่สาวแม่) กิตติศักดิ์ ศิริมานะกุล หลานชายของพ่อซึ่งมีประสบการณ์ด้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง ณิชาภา ทิพย์เสนา ที่จบ ปริญญาตรีสาขาการตลาด “เราคุยกับทีมงาน เราเจรจาต่อรองขอลดดอกเบี้ย ตอนนั้นธนาคารขายให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ ไปแล้ว เราขอช�ำระเงินต้นกับดอกเบี้ยเขาตกลง บอร์ดให้ช�ำระ ๕ ล้าน ๘ แสน ช�ำระก้อนเดียวไถ่ถอนออกมา ๑๐ กว่า แปลง ผมรวบรวมเงินได้ ๔ ล้านกว่า พี่ธีระพงศ์ยืมพรรค พวกมาให้จนครบ เราจะตอบแทนเขาด้วยเงินปันผล” ชยพลเล่ า ว่ า “พ่ อ อยากท� ำ รี ส อร์ ต พ่ อ ซื้ อ ที่ ดิ น ที่ไหนก็อยากท�ำรีสอร์ตทั้งนั้น แต่เราถามตนเองว่าท�ำ คอนโดฯ ดีมั้ย จากมุมมองปริมาณคน ตอนนั้นบริษัท เชฟรอนจะมาท�ำท่าเทียบเรือ ประชากรก็มากขึ้น มูลค่า ที่ ดิ น ก� ำ ลั ง ปรั บ ตั ว ที่ ดิ น เราอยู ่ ใ กล้ ม หาวิ ท ยาลั ย ถ้ า เปรียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ เขาท�ำหอพัก อพาร์ทเม้นต์ --จะไหวมั้ย จะคืนทุนให้ผู้ลงทุนกับเราไหวมั้ย กลัวจะ ไม่ไหว..ลองฉีกแนว เปลี่ยนเป็นคอนโดฯ ดีกว่า มันคืน ทุนเร็ว เราตอบโจทย์ให้ผู้ร่วมทุนได้ง่ายกว่า” ณิ ช าภา ช่ ว ยเพิ่ ม เติ ม ข้ อ มู ล “ผลการวิ จั ย จาก ชุมชนวลัยลักษณ์ ความต้องการความปลอดภัยสูงมาก ตอนนั้ น วลั ย ลั ก ษณ์ เ พิ่ ง เป็ น เมื อ ง เพราะท่ า ศาลามี ความต้องการ..มีเชฟรอนและบุคลากรของวลัยลักษณ์” ชยพลกั บ หุ ้ น ส่ ว นช่ ว ยกั น หาข้ อ มู ล เกี่ ย วกั บ การ บริ ห าร ข้ อ กฎหมายและอื่ น ๆ “คุ ย กั บ คนแปดในสิ บ โอเค ทุกคนมองถึงอนาคต บ�ำเหน็จบ�ำนาญในชีวิต.. เป็นแนวคิดของบริษัทที่อยากมีชีวิตที่มั่นคงในบั้นปลาย ท�ำวิจัยต้นปี ๒๕๕๕ ธันวาเราตัดสินใจตั้งบริษัท..เรา หาทุนเพิ่ม โดยดึงบริษัทจ�ำหน่ายสินค้ามาเป็นหุ้นส่วน ผู้จ�ำหน่ายอุปกรณ์ก่อสร้าง หรือลิฟต์ของบริษัทลิซ่า เรา จะไม่ให้หุ้นส่วนผู้มีพระคุณเสียหาย” AN Condo เปิดตัวเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ที่ห้างสรรพสินค้าโอเชี่ยน ณิชาภาเล่าว่า “ยอดจองวัน แรก ๓๒ ห้องค่ะ เหตุผลที่จอง—ส่วนใหญ่ลงทุนเพื่อ ให้เช่า ณ ตอนนี้ผู้จองอยู่กรุงเทพฯ หรืออยู่ต่างจังหวัดก็ มี โอนเงินผ่อนดาวน์ ทุกคนมองความเป็นไปได้ วันเปิด เราเชิญผู้ใหญ่มาร่วม ท�ำให้เกิดความมั่นใจ กลยุทธ์ของ เราคือเงินจองน้อย ถ้าต้องการคืนเราคืนเงินจองให้ แต่ ยังไม่มีใครคืน..มีแต่จะฝากขาย เราบอกไปตรงๆ เราขอ ขายของโครงการให้หมดก่อน แต่ถ้าขายเองก็ได้เราจะ ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสัญญา ถ้าจองแล้วไม่มาท�ำ สัญญา ขอยกเลิก เราจะคืนเงิน >> อ่านต่อหน้า ๙


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

มมี ค� ำ ถาม ท� ำ ไม? (Why) จึ ง เกิ ด ปรากฎการณ์ ลุ ก ขึ้ น สู ้ ข องมวลมหา ประชาชนจ�ำนวนมากและยืดเยื้อยาวนาน มาจนถึ ง วั น นี้ ก็ ไ ด้ พ ยายามหาเหตุ ผ ล ว่ า มู ล เหตุ จู ง ใจที่ ท� ำ ให้ ก ารลุ ก ขึ้ น สู ้ ค รั้ ง นี้ ก็น่าจะมาจากความรู้สึกที่ไม่เห็นด้วย กั บ การทุ จ ริ ต คอรั ป ชั่ น ของนั ก การเมื อ ง และข้ า ราชการรวมถึ ง ความร่ ว มมื อ ของ ภาคธุ ร กิ จ ที่ ส นั บ สนุ น ให้ เ กิ ด การทุ จ ริ ต คอรัปชั่นอย่างกว้างขวางในประเทศไทย ผนวกเข้ากับเป้าหมายลึกๆ ที่อยากเห็น การเปลี่ ย นแปลงทางการเมื อ งที่ ดี ก ว่ า เดิม เป็นปัจจัยที่ท�ำให้เกิดวิกฤติทางการ เมืองในครั้งนี้ ผมมีความคิดของผมแบบ คนไม่ ไ ด้ เ ลื อ กข้ า ง แต่ เ ลื อ กจะเห็ น การ เปลี่ ย นแปลงการเมื อ งไทยให้ ดี ก ว่ า เดิ ม นี่ เ ป็ น เป้ า หมายของผม ซึ่ ง ก็ มี ค� ำ ถาม ต่ อ มาจะเปลี่ ย นแปลงอะไร? แล้ ว ต้ อ ง ท� ำ อย่ า งไร? กลั บ มาดู ต ้ น ตอของปั ญ หา การทุจริตคอรัปชั่นมาจากผู้บริหารบ้าน เมือง รัฐบาล ส.ส. ข้าราชการ นักธุรกิจ ไม่ท�ำหน้าที่ของตัวเองอย่างซื่อสัตย์ ทั้ง ที่ พ วกเขารู ้ ดี ว ่ า ต้ อ งท� ำ งานด้ ว ยความ ซื่อสัตย์ ยุติธรรม ถูกกฎหมาย ไม่ผิดศีล ธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพ เพื่อ ผลประโยชน์ ข องส่ ว นรวมและประเทศ ชาติโดยรวม พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ “ท�ำ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง” กลับมาดูที่ภาค ประชาชนผู ้ เ ป็ น เจ้ า ของประเทศเองก็ ยั ง ขาดจิ ต ส� ำ นึ ก เพื่ อ ส่ ว นรวมและจิ ต สาธารณะ จิ ต ส� ำ นึ ก ความเป็ น พลเมื อ ง ที่ ตื่ น รู ้ ใ นการเลื อ กตั ว แทนเข้ า ไปบริ ห าร ประเทศตามระบอบประชาธิปไตยที่มีการ เลือกตั้ง แต่ ใ นสถานการณ์ ที่ ต ้ อ งเลื อ กใน เวลานี้ กั บ การท� ำ อะไรก่ อ น-หลั ง ปฏิ รู ป การเมืองก่อนเลือกตั้ง เลือกตั้ง-ปฏิรูป การเมือง ในกฎของเกมแลกเปลี่ยน เมื่อ คุ ณ เลื อ กก็ ต ้ อ งแลก คื อ เมื่ อ ผมเลื อ ก ให้ มี ก ารปฏิ รู ป การเมื อ งก็ ต ้ อ งแลกกั บ การที่ ถู ก ผลั ก ให้ ไ ปอยู ่ กั บ ฝั ่ ง มวลมหา ประชาชน (ก�ำนันสุเทพ) แต่ถ้าผมเลือก ให้มีการเลือกตั้งวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ แล้ว ปฏิรูปการเมือง ผมก็ถูกผลักให้ไปอยู่ฝั่ง รั ฐ บาล (เครื อ ข่ า ยทั ก ษิ ณ ) ทั้ ง ที่ ค วาม จริงผมพยายามถามตัวเองว่าผมรักก�ำนัน สุเทพมั้ย ก็ไม่ใช่ ผมรักชอบคุณทักษิณและ รัฐบาลก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน นั่นหมายความว่า ถ้ า ผมเลื อ กการปฏิ รู ป ทางการเมื อ งด้ ว ย การปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองควบคู่

นครศรีธรรมราช

ถ้าค�ำตอบคือ ผมเลือกการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจควบคู่กับปฏิรูปจิตส�ำนึกภาคประชาชนระดับปัจเจกบุคคล ผมเลือกเพราะผมเลือก ส่วนท่านผู้อ่านจะคิดอย่างไร? ผมเคารพความคิดของทุกท่านครับ เพราะผมแยกแยะได้ว่า “ผมรักประเทศไทย” ไปกับการปฏิรูปจิตส� ำนึกภาคประชาชน ระดับปัจเจกบุคคล อย่างนี้ผมจะต้องอยู่ ฝ่ า ยไหนครั บ ? ท� ำ ไมผมจึ ง มี ค วามคิ ด ความเชื่อว่าเมื่อต้องเลือกความรักแทน ความเกลี ย ดชั ง ผมเลื อ กที่ จ ะเห็ น การ ปฏิรูปการเมืองที่สร้างกลไกการปกครอง ให้ เ กิ ด การพั ฒ นาเศรษฐกิ จ บนความ เสมอภาค และความเป็นธรรมในสังคม ไม่ว่ามันจะเรียกชื่อว่าอะไรก็ตาม? ผลลัพธ์ทางการเมืองและการปกครองคือการ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความ ยั่งยืน อาจวัดได้จากการกระจายรายได้ และการสร้ า งหลั ก ประกั น คุ ณ ภาพชี วิ ต ของประชาชนในประเทศให้มีชีวิตอย่างมี ความสุข กลั บ มาที่ ค� ำ ถาม ท� ำ ไม? (Why) แล้ ว อะไรที่ เ ป็ น สาเหตุ ข องปั ญ หานี้ ซึ่ ง แน่นอนมันคงเป็นเรื่องยาว แต่สรุปสั้นๆ แบบง่ า ยๆ ก็ คื อ การปฏิ รู ป โครงสร้ า ง ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดย ใช้ ก ฎหมายรั ฐ ธรรมนู ญ ที่ ผ ่ า นมาตั้ ง แต่ ปี ๒๔๗๕-๒๕๑๗-๒๕๔๐-๒๕๕๐ ได้ มี การพัฒนากลุ่มคนในสังคมไทยได้แบบนี้ กลุ ่ ม ที่ ๑ ชนชั้นน� ำ นักการเมืองข้ า ราชการ-นั ก ธุ ร กิ จ ที่ อ าศั ย อ� ำ นาจ ทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ให้กับ ตนเองและพวกพ้ อ ง-บริ ว าร จนท� ำ ให้ อาชีพนักการเมืองกลายเป็นอาชีพที่สร้าง ความมั่งคั่งให้กับวงศ์ตระกูลได้อย่างน่า อั ศ จรรย์ ส่ ง ผลให้ ข ้ า ราชการระดั บ บนกลาง-ล่าง ที่รับใช้นักการเมืองได้รับผล บุญตามมาด้วย นี่คือความจริง (ผลลัพธ์) ให้เห็นแทงตามีอยู่จริง กลุ่มที่ ๒ นักธุรกิจขนาดใหญ่-ขนาด กลาง ที่อาศัยโอกาสและความได้เปรียบ จากนักการเมือง-ข้าราชการ-กฎหมายที่ เอื้ออ�ำนวยในการท�ำธุรกิจสร้างอาณาจักร และความมั่งคั่ง-ร�่ำรวย จากระบบเศรษฐกิ จ แบบทุ น นิ ย มเสรี ผลลั พ ธ์ ก็ คื อ มี ก ลุ ่ ม นักธุรกิจขนาดใหญ่ไม่กี่ตระกูลครองความ ได้เปรียบในประเทศนี้ และมีหลายคนได้ แปลงร่างเป็นนักธุรกิจการเมืองทั้งระดับ ชาติและท้องถิ่นควบคู่ไปด้วย

กลุ ่ ม ที่ ๓ ชนชั้ น กลางที่ ไ ด้ รั บ ประโยชน์ จ ากการพั ฒ นาเศรษฐกิ จ แบบ ทุ น นิ ย มเสรี ท� ำ ให้ พ วกเขาอยู ่ ใ นโซน (Zone) ปลอดภัย เป้าหมายในชีวิตคือมี ฐานะพออยู่ได้อย่างสบาย แต่อีกด้านหนึ่ง กลุ ่ ม นี้ ยั ง ต้ อ งการเปลี่ ย นแปลงชี วิ ต ให้ ดี กว่าเดิม กลุ่มที่ ๔ คนส่วนใหญ่ชนชั้นล่าง ที่มี ฐานะยากจน ต้องทนอยู่ให้ได้ ชีวิตคือการ ดิ้นรนต่อสู้ ปากกัดตีนถีบ ต้องการหนีให้ พ้นจากความยากจน อยากเห็นชีวิตของ ตนเองและครอบครัวดีขึ้นเช่นกัน จากโครงสร้างของกลุ่มคนในสังคม ไทยและสังคมโลกในวันนี้ ความขัดแย้ง ทางการเมื อ งจึ ง มาจากกลุ ่ ม ชนชั้ น บน เป็ น หลั ก พวกเขานั ก การเมื อ ง นั ก การ ปกครอง นักธุรกิจการเมือง เกิดการแย่ง ชิ ง อ� ำ นาจ ผลประโยชน์ ที่ ไ ม่ ล งตั ว (ถ้ า ลงตัวก็กอดคอกันบริหารประเทศ) ส่งผล ให้กลุ่มคนชั้นกลางและชั้นล่างที่เป็นเครือ ข่ า ยและได้ รั บ ข้ อ มู ล ชุ ด ความคิ ด ความ เชื่อ ของคู่ขัดแย้ง เข้าร่วมขบวนแถวของคู่ ความขัดแย้งด้วยความยินยอมและสมัคร ใจส่ ว นหนึ่ ง พลั ง ที่ ผ ลั ก ดั น ให้ ชุ ด ความ คิด ความเชื่อ ของผู้คนแบ่งฝ่ายกันอย่าง ชัดเจนในเวลานี้ คือพลังทางความคิดของ กลุ ่ ม นั ก วิ ช าการ ผู ้ น� ำ ทางความคิ ด นั ก

หน้า ๗

สื่อสารมวลชน อาศัยช่องทางการสื่อสาร ที่รวดเร็วและเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางใน ยุคโซเชียลมีเดีย ท�ำให้ชุดความคิด ความ เชื่อ แบ่งแยกฝ่ายกันชัดเจนมากขึ้นอย่าง ไม่ เ คยปรากฏมาก่ อ น ถ้ า หากเราดู ต าม กระบวนการปรากฏผล (Process of Manifestation) ความคิด- ความรู้สึกการกระท�ำ- ผลลัพธ์ เราจึงเห็นได้จาก การกระท�ำของคู่ขัดแย้งและผลที่ปรากฏ เป็นจริงในเวลานี้ ท�ำให้เราตระหนักว่า ท� ำ ไมปรากฏการณ์ เ ช่ น นี้ จึ ง เกิ ด ขึ้ น ? และความรุ น แรงก็ มี ม ากขึ้ น ตามล� ำ ดั บ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา มาถึงค�ำถาม ท�ำไมปรากฏการณ์เช่น นี้ จึ ง เกิ ด ขึ้ น ? มั น ท� ำ ให้ ผ มต้ อ งตระหนั ก แทนตระหนกตกใจ ต้องท�ำความเข้าใจ ถึงสาเหตุและเป้าหมายของคู่ขัดแย้งและ ต้องแยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงกับข้อคิด เห็นต่างๆ ที่รับเข้ามามากยิ่งขึ้น ท�ำไมหรือครับ? เพราะผมต้องตอบ ค�ำถามตัวเองให้ได้ว่าผมเลือกแบบไหน? เพราะทุ ก การเลื อ กในแต่ ล ะครั้ ง ต้ อ ง มี ก ารแลกเสมอนั่ น เอง และถ้ า ค� ำ ตอบ คือ ผมเลือกการปฏิรูปโครงสร้างทางการ เมือง เศรษฐกิจควบคู่กับปฏิรูปจิตส�ำนึก ภาคประชาชนระดั บ ปั จ เจกบุ ค คล ผม เลือกเพราะผมเลือก ส่วนท่านผู้อ่านจะคิด อย่างไร? ผมเคารพความคิดของทุกท่าน ครั บ เพราะผมแยกแยะได้ ว ่ า “ผมรั ก ประเทศไทย” ไพโรจน์ เพชรคง ๑๙/๑/๕๗


หน้า ๘

เรือ่ งจากปก

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

<< ต่อจากหน้า ๑

รั ฐ วิ ส าหกิ จ เอกชน และสื่ อ มวลชน จั ด กิ จ กรรมงาน มาฆบู ช าแห่ ผ ้ า ขึ้ น ธาตุ น านาชาติ ที่ เ มื อ งนครประจ� ำ ปี ๒๕๕๗ อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและ อนุ รั ก ษ์ ป ระเพณี อั น เป็ น เอกลั ก ษณ์ ห นึ่ ง เดี ย วของ ประเทศไทย ประเพณี แ ห่ ผ ้ า ขึ้ น ธาตุ เ ป็ น ประเพณี ที่ มี ต� ำ นาน โบราณหนึ่งเดียวของชาวนคร โดยชาวพุทธในจังหวัด นครฯ และจังหวัดใกล้เคียงพร้อมใจกันน�ำผ้าพระบฎ มาห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งปฏิบัติสืบเนื่องกันมา ยาวนานกว่า ๗๘๐ ปี ในปี ๒๕๕๗ จังหวัดนครฯ และโดยภาคส่วนต่างๆ ก�ำหนดสถานที่จัดงานมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติ ที่เมืองนครอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ไว้ดังนี้ กิจกรรมการส่งเสริมพระพุทธศาสนา

มี ก ารสวดมนต์ ตั้ ง จิ ต ภาวนา พระสงฆ์ แ สดงธรรมทุ ก วัน จัดที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร กิจกรรมสาธิตท�ำ ผ้ า พระบฎ และนิ ท รรศการผ้ า พระบฎจากทุ ก ภู มิ ภ าค รวมถึ ง การจั ด แสดงศิ ล ปวั ฒ นธรรม จั ด บริ เ วณสวน สาธารณะศรีธรรมาโศกราช และสนามหน้าเมือง โดยเฉพาะวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวัน มาฆบูชา ช่วงเช้าจะมีพิธีท�ำบุญตักบาตร ช่วงบ่าย เวลา ๑๕.๐๐ น. จะมีขบวนแห่ผ้าพระบฎพระราชทาน ๕ ผืน เป็นผ้าพระบฏในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จ พระนางเจ้ า ฯ พระบรมราชิ นี น าถ, สมเด็ จ พระบรมโอรสาธิราช สยามบรมราชกุมาร, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารี และพระเจ้ า ลู ก เธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี น�ำโดยขบวน เกี ย รติ ย ศ ต่ อ จากนั้ น ก็ เ ป็ น ขบวนแห่ ผ ้ า พระบฎของ

ในสมัยอาณาจักรศรีวิชัย ราว พ.ศ. ๑๗๗๓ ใน สมั ย พระเจ้ า สามพี่ น ้ อ ง คื อ พระเจ้ า ศรี ธ รรมโศก มหาราช พระเจ้าจันทรภาณุและพระเจ้าพงษาสุระ ทรงประกอบพระราชพิธีวิสาขะสมโภชพระบรมธาตุ ครั้งแรกเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับพุทธศาสนิกชน ครา นั้น ชาวเมืองอินทรปัตซึ่งอยู่แถวลุ่มแม่น�้ำโขงลงเรือ น� ำ พระบฏไปถวายเป็ น พุ ท ธบู ช าพระทั น ตธาตุ คื อ พระเขี้ยวแก้วที่เกาะลังกา (ประเทศศรีลังกา) แต่เรือ ถูกมรสุม หัวหน้าพุทธศาสนิกชนกลุ่มนี้เสียชีวิตเหลือ เพียงบริวารรอดขึ้นฝั่งที่ท่าศาลาราว ๑๐ คน ส่วน พระบฏถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งที่ปากพนัง ในรั ช กาลที่ ๔ ทรงมี พ ระราชประสงค์ ใ ห้ พุทธศาสนิกชนจัดพิธีทางศาสนาพุทธ ในวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๓ ชาวเมืองจึงจัดให้มีการเวียนเทียนรอบ พระบรมธาตุเจดีย์อีกวัน ประชาชนที่มาจากต่างเมือง

จึงได้ถือเป็นโอกาสเอาผ้าที่เตรียมมาแห่ขึ้นห่มพระธาตุ ด้ ว ยเหตุ นี้ ประเพณี แ ห่ ผ ้ า ขึ้ น ธาตุ ข องเมื อ งนครจึ ง มี ปี ล ะ ๒ ครั้ ง คื อ ในวั น เพ็ ญ เดื อ นสาม (วั น มาฆบู ช า) และในวันเพ็ญเดือนหก (วันวิสาขบูชา) สมัยก่อนการ คมนาคมไม่สะดวก ประชาชนจึงนิยมเข้าร่วมประเพณีนี้ ในวันเพ็ญเดือนสามมากกว่าวันเพ็ญเดือนหก เพราะไม่มี อุปสรรคเรื่องน�้ำท่วม ผ้ า พระบฏ เป็ น ผ้ า ที่ เ ขี ย นเรื่ อ งราวพุ ท ธประวั ติ การท�ำผ้าพระบฏเป็นงานวิจิตรและต้นทุนสูง ผู้ศรัทธา จึงใช้เป็นผ้าขาว ผ้าเหลืองหรือผ้าแดง กางเหนือศีรษะ แห่แหนประโคมด้วยเครื่องดนตรีไปตามถนนหนทาง มาห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์เป็นพุทธบูชา สมัยก่อน ประชาชนที่อยู่ไกลจะเดินทางมาปูเสื่อกางมุ้งนอนรอใน วัดพระบรมธาตุฯ ก็มี

หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ซึ่งเคลื่อนจากสนามหน้า เมืองไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อน�ำขึ้นห่ม องค์พระธาตุเจดีย์ และช่วงค�่ำจะเป็นกิจกรรมส่งเสริม พระพุ ท ธศาสนาและเวี ย นเที ย น ณ บริ เ วณลานโพธิ์ วั ด พระมหาธาตุ ว รมหาวิ ห าร จึ ง ขอเชิ ญ ชวนนั ก ท่ อ งเที่ยว มาร่วมงานมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุนานาชาติที่เมือง นครศรีธรรมราช ประเพณี แ ห่ ผ ้ า ขึ้ น ธาตุ เ ป็ น สั ญ ลั ก ษณ์ ที่ โ ดดเด่ น แสดงให้ เ ห็ น ความศรั ท ธาและความเกี่ ย วโยงระหว่ า ง พุทธบริษัทกับองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ยืนยันความมี ชีวิตและมีคุณค่า และเป็นเอกลักษณ์ประจ�ำจังหวัด ซึ่ง เป็ น เหตุ ผ ลส� ำ คั ญ ในการน� ำ เสนอให้ อ งค์ ก ารยู เ นสโก ขึ้นทะเบียนประกาศเป็นมรดกโลก

รายงาน โรงละครองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนี้การรับสมัครและการจับฉลากหมายเลข เสร็จเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่ามีผู้สมัครเพียง ๓ คน อบจ. ที่ลาออกไปก่อนหมดวาระ หมายเลข ๒.นายมาโนช ได้แก่ หมายเลข ๑.นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก เสนพงศ์ และหมายเลข ๓. นายแพทย์อิสระ หัสดินทร์ ที่ยื่นใบสมัครในวันสุดท้าย นายสนั่ น ศิ ล ารั ต น์ ผู ้ อ� ำ นวย การการเลื อ กตั้ ง ประจ� ำ องค์ ก าร บริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การเลือกตั้งนายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช จะมี ก ารเลื อ กตั้ ง ในวั น อาทิ ต ย์ ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ 2557 ระหว่างเวลา ๐๘.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น. ซึ่งขณะนี้ องค์ ก ารบริ ห ารส่ ว นจั ง หวั ด นครฯ ได้ โ ฆษณาประชาสั ม พั น ธ์ ห ลายรู ป แบบ เพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้ มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ ๑ ล้านคน ออกมาใช้ สิ ท ธิ์ ณ หน่ ว ยเลื อ กตั้ ง ที่ ท่านมีชื่ออยู่ เพื่อเลือกสรรคนดีเป็น ตัวแทนมาพัฒนาท้องถิ่นภายใต้การ

นายแพทย์อิสระ หัสดินทร์

ปกครองตามระบอบประชาธิ ป ไตยอั น มี พ ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายสนั่น ศิลารัตน์ กล่าวเพิ่มว่า การเตรียมการ เลือกตั้งมีความพร้อม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ มีหน่วย ๑,๙๔๙ หน่วย เจ้าหน้าที่ประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน ผู้มีสิทธิ์ที่ยัง สงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ ประสานงานการเลือกตั้งประจ�ำ อบจ.นครฯ โทร. ๐๗๕๓๔๒-๓๑๒ โทรสาร ๐๗๕-๓๔๕-๘๐๖


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ << ต่อจากหน้า ๖

จองให้ แต่ขอให้ปิดโครงการก่อน เราอยากให้ท่านเป็น เจ้าของด้วยกันกับเราๆ น่าดีใจที่หุ้นส่วน กรรมการยัง จองไว้ เราไม่รู้ว่าโครงการ ๒ - ๓ จะเริ่มเมื่อไร เราอยาก เก็บห้องไว้” สถานปนิกของโครงการ คือ นิยุติ ถิ่นนคร (อาจารย์ หิน มวล.) เป็นผู้ออกแบบให้อาคารชุดสวยงามถูกใจ ขณะนี้ยังเหลืออาคารชุด ๒ ยูนิต กับอาคารพาณิชย์ ๒ ยูนิต เท่านั้น ณิ ช าภามี ป ระสบการณ์ ก ารใช้ ชี วิ ต ในคอนโดฯ ช่ ว งเรี ย นที่ ม หาวิ ท ยาลั ย เทคโนโลยี ร าชมงคลธั ญ บุ รี (คลอง ๖) “เราคิดว่าจะช่วยให้ลูกค้าเรามีรายได้อย่างไร เรา ปล่อยโฆษณาตัวหนึ่งออกไป เราได้ผลตอบรับลูกค้าเข้า มาหาเรา และหลังทราบข่าวคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบฯ ๕,๐๐๐ ล้านบาทก่อสร้างศูนย์การแพทย์ที่วลัยลักษณ์ ลูกค้าเริ่มให้ความสนใจ เรามองแผนการตลาดเหมือน การออมเงินให้เขา ลูกค้าบางคนถือเงินสดมาพอเห็น แผนการตลาดเขาเปลี่ ย นจากจองห้ อ งเดี ย วเป็ น สอง ห้อง..เขาซึ้งใจ..เขามาซื้อกับเรา..เราจะดูแลลูกค้าให้ ทุกๆ เดือน” ชยพลพูดให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ว่า “ค่าเช่าเท่ากับ

นครศรีธรรมราช

หน้า ๙

ดีที่สุด เราต้องปรับเปลี่ยนให้ลูกค้าพอใจ เราก็จะประสบความส�ำเร็จ ถ้าโครงการ แรกได้รับการยอมรับ โครงการต่อไปจะดี ขึ้น ในอนาคตจะมีโครงการ ๒ มีตึกอีกตึก เราอยากให้เป็นชุมชน” ณิ ช าภา เสริ ม ว่ า “โครงการต่ อ ไป เราจะท� ำ ให้ ดี ขึ้ น ฝ่ า ยไหนมี อุ ป สรรคจะ เขียนเป็นข้อๆ ไว้หารือแก้ปัญหากัน เรา หวังว่าโครงการ ๒ ต้องสมบูรณ์แบบกว่า โครงการแรก..คาดว่าน่าจะเป็นปี ๒๕๕๗ แผนงานก่ อ สร้ า ง แผนการตลาด แผน ค่าผ่อน” ซึ่งหมายถึงลูกค้าที่ให้เช่าห้องจะได้รับค่าเช่า การขายต้องพร้อมเรารอให้เศรษฐกิจสังคมมันนิ่งเสีย เพียงพอกับค่าผ่อนแต่ละเดือน ก่อน” “เราจัดการให้เขาไม่มีปัญหาเรื่องการผ่อน แผน ชยพลกล่าว “ศูนย์การแพทย์วลัยลักษณ์ตอก การตลาดของเราท�ำให้นักศึกษาพาไปคุยกับผู้ปกครอง เข็มวันไหนเราต้องตอกพร้อมๆ กัน” ผู้ปกครองมาซื้อไว้เอง..ไม่ขายก็ยังได้ค่าเช่าอยู่ เงินลงทุน ๑ ล้าน ๙ หมื่น คุณลง ๓ - ๔ แสน เมื่อเปิดแล้วปล่อย ให้เช่า” AN Condo วางแผนเปิดให้โอนเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๖ “แต่ ป ั ญ หาสภาพแวดล้ อ ม ดิ น ฟ้ า อากาศและ อื่นๆ ท�ำให้เราขยายเวลา ๓ เดือน – ฝนตก ถนนทางเข้า ไม่สะดวก งานชิ้นแรกเป็นหน้าตา ลูกค้าเข้าอยู่ได้ แต่ ไม่ประทับใจ เราอย่าเปิดดีกว่า เราหวังว่านักศึกษาเปิด เทอมใหม่วันไหนเราอยากเปิด เราอยากให้ลูกค้าได้เงิน ตั้งแต่เดือนแรก” ชยพลยอมรับด้วยรอยยิ้ม “ลูกค้าเรา น่ารักมาก เขาเข้าใจ..มีนาปิดเทอม..ไม่รีบเข้าแบงค์ไม่ เปิดอาคาร ท�ำไงให้ลูกค้าไม่เสียประโยชน์ที่จะได้..ถ้าไม่

กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เป็นวันขึ้น ๘ ค�่ำ เดือน ๓ วันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๓ ตรงกับ วันมาฆบูชา วันเสาร์ที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เป็นวันแรม ๘ ค�่ำ เดือน ๓ วันศุกร์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เป็นวันแรม ๑๔ ค�่ำ เดือน ๓

<< ต่อจากหน้า ๒ พระอาจารย์เสาร์ - พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ในเมือง อุบล ก่อนที่จะเข้าร่วมปฏิบัติบูชาอาจารยบูชาพระอาจารย์ ชา สุภัทโท ร่วมกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ร่วม ๑,๐๐๐ รูป และคณะศิษยานุศิษย์นับหมื่นชีวิต ต่อด้วยการจาริกไปอยู่ ภาวนา ณ เบื้องตีนองค์พระธาตุพนมที่ได้รับโอกาสพิเศษ เข้าสักการะพระอุรังคธาตุถึงในกรุองค์พระธาตุ ก่อนที่จะ แวะไปนมัสการอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์ หลุ ย ส์ พระอาจารย์ ห ลวงตามหาบั ว ที่ วั ด ป่ า สุ ท ธาวาส สกลนคร แวะดูรอยมนุษย์โบราณหลายพันปีที่บ้านเชียง แล้วไปอยู่รุกขมูลข้ามคืนบนลานวิปัสสนาพันปีที่ภูพระบาท อ�ำเภอบ้านผือ อุดรธานี มีอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ไป เปิดประเด็นเรื่องแดนภาวนาและรอยธรรมสมัยทวารวดี ก่อนที่จะไปแวะชมสรรพเสมาพันปีที่พิพิธภัณฑ์ขอนแก่น

แล้วแวะชมฮูบแต้มสิมอีสานที่บ้านไผ่ ก่อนที่จะจบท้ายด้วย การดูรอยพุทธส�ำคัญในปราสาทหินพิมายที่อุทยานเอื้อเฟื้อ ให้เข้าชมจนถึงค�่ำท่ามกลางแสงสีสวยงาม และมีแผนจะ น�ำร่องอีก ๒ รายการ ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๖ กุมภาพันธ์ ที่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และ ๑๓ - ๑๖ มีนาคม ที่ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น นครราชสีมา พวกเราเชื่ อ มั่ น ว่ า การปฏิ บั ติ บู ช านั้ น มี ไ ด้ ห ลายแนว และแนวนี้ที่เน้นการจาริกเรียนรู้ร่วมภาวนาอาจเป็นอีกแนว หนึ่ ง โดยหวั ง ว่ า ที่ เ มื อ งนครและภาคใต้ ซึ่ ง ถื อ เป็ น อี ก ฐาน ส�ำคัญและได้เริ่มกันมาก่อนน่าที่จะได้พิจารณาขับเคลื่อน เช่นกัน โดยผมเพิ่งได้หนังสือเล่มใหม่ ชื่อ Pilgrimage and Buddhist Art ที่พิพิธภัณฑ์แห่งสมาคมเอเชีย (Asia Society Museum) ร่วมกับส�ำนักพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยเยล

จัดพิมพ์ประกอบนิทรรศการส�ำคัญเมื่อ ๓ ปีก่อนให้หลัก คิดที่ได้จากการศึกษาวิจัยหลายกรณีศึกษาการจาริกแสวง บุญของผู้คนในเอเชีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ภูฏาน และ ไทย ว่า การจาริกแสวงบุญที่ท�ำกันมานั้น มี ๔ องค์ ประกอบส�ำคัญ คือ การเตรียมการเดินทางอันศักดิ์สิทธิ์, การเดินทางจาริก, กิจกรรม ณ สถานอันศักดิ์สิทธิ์ และ การกลับคืนสู่ชีวิตและโลก ซึ่งควรแก่การขบคิดขับเคลื่อน อย่างยิ่ง หวังว่ากิจกรรมมาฆบูชาของชาวเราทั้งหลาย ไม่ว่าจะ ที่พระบรมธาตุเจดีย์เมืองนคร หรือที่ไหนๆ ตลอดจนบุญ จาริกทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเดือนมาฆะนี้จะน�ำมาซึ่งความสุข สงบ เย็น และเป็นประโยชน์ให้ยิ่งๆ ขึ้นตามสมควรด้วยการ พิจารณา ๔ หลักคิดที่ยกมานี้ หากที่ภาคตะวันออกเฉียง เหนือลงตัวและทางเมืองนครพร้อมพอก็จะหวนกลับมาฟื้น คืนที่เมืองนครครับ. ๒๐ มกราคม ๒๕๕๗


หน้า ๑๐

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

รศ.วิมล ด�ำศรี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช (แทน รศ.วิมล ด�ำศรี)

ระรั ต นธั ช มุ นี (ม่ ว ง รตนธชเถร) อดี ต เจ้ า อาวาสวั ด ท่ า โพธิ์ ว รวิ ห าร มี ส มณศั ก ดิ์ ว ่ า ‘พระรัตนธัชมุนีศรีธรรมราช สังฆนายกตรีปฎกคุณาลังการ ศีลสมาจารวินยสุนทร ยติคณิศรบวรสังฆาราม คามวาสี’ เคยเป็นเจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช และมณฑลปัตตานี เป็นผู้อ�ำนวยการการศึกษามณฑล

นครศรี ธ รรมราชและมณฑลปั ต ตานี เพื่ อ ให้ จั ด การ พระศาสนาและการศึ ก ษาใน ๒ มณฑล และเป็ น ผู ้ ก่ อ ตั้ ง โรงเรี ย นเบญจมราชู ทิ ศ ท่ า นเป็ น สหชาติ ใ น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระรัตนธัชมุนี มีความสามารถทางกวีนิพนธ์ด้วย ทั้ ง กลอนสด กลอนเพลงบอก และโคลงกลอนอื่ น ๆ ตั ว อย่ า งที่ ย กมานี้ เ ป็ น เพลงบอก เรื่อง ‘ศาลาโกหก’ ศาลาประดู่หก

เครดิตรูป www.hotelsguidethailand.com

<< (ต่อจากหน้า ๔) ิ ด ค น ชว ชวนคยุ “กร้อ” (พลิกคว�่ำง่าย) ไม่ “ทิ่” (เสถียร) เท่าเรือมาด เรือพายทุกล�ำจะมีน�้ำขังอยู่ใต้ ท้องเรือเสมอ จึงต้องใส่กะลาไว้อันหนึ่งคอยวิดน�้ำออก เดิมบ้านผมมีเรือมาด ๒ ล�ำ ตอนหลังบิดาท่านต่อไอ้ล�ำเล็กเพิ่มอีกล�ำให้ผมกะพี่สาวพายไปโรงเรียน เป็นเรือต่อ ไม้ยาง นั่งได้แค่ ๒ คนแคมก็ปริ่มน�้ำ หัวน�้ำใหม่ น�้ำสะอาดใสแจ๋ว บางปีที่น�้ำพ่าห์สูงจนจมคอกวัว เราต้องสละ ไม้เคี่ยมนอกชาน ๖-๗ แผ่น เอาไปทอดให้วัวอยู่แทน เอาเรือไปหาตัดหญ้าในทุ่งนา มาเลี้ยงมัน หญ้าต่างๆ ในทุ่งนารวมทั้งข้าวพันธุ์พื้นเมือง “โล่” (พรวดพ้นน�้ำ) ขึ้นมา มากมาย ผักบุ้งยอดอ่อนงามเป็นแพ แต่ตามยอดหญ้าอุดมไปด้วยมด แมลงสารพัด ชนิด กิ้งกือ แมงตด ก็มาก มดด�ำ มดคันไฟ หนีน�้ำเกาะกันเป็นก้อนเท่าลูกมะนาว งานนี้จึงไม่เหมาะกับคนกลัวกิ้งกือหรือแพ้พิษมดคันไฟ ที่มากับน�้ำฝนใหม่คือปลา มากมาย ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ เด็กๆ เราชอบกันมากเพราะแค่มีเบ็ดสักคัน รับรองว่า มีปลากิน ถ้าพ่อไม่เหลาคันไม้ไผ่ให้ก็ตกด้วยเบ็ดกระป๋องเกี่ยวเหยื่อหย่อนลงทาง “ล่อง” (ช่อง, ร่อง) ใต้ถุนบ้านก็ได้เหมือนกัน แต่ตกด้วยคันเบ็ดสนุกกว่าเพราะ สามารถหย่อนเหยื่อไปได้ไกล ปลาที่ตกได้มักเป็นปลาหมอ ได้ปลาอื่นปนมาบ้าง เช่น ปลาหางแดง(แก้มช�้ำ),ปลาหมอช้างเหยียบ (ตะกรับ) ฯลฯ ปลาหมอนี่พวกมัน

มีนครามหาสถาน นามขนานนครฯ สถิตย์ ประจิมทิศและบูรพา มีทุ่งนาเรียง มีสนามหญ้าอยู่หน้าเมือง เจริญเรื่องครั้งโบราณ ป้อมปราการถะเกิงยศ ยังปรากฏเสียง..... เป็นเมืองเอก ณ ปักษ์ใต้ พลไพร่ก็พร้อมเพรียง รุกขาเรียงแถวิถี เมทนีดล มีศาลาหน้านครินทร์ พื้นเป็นดินก่อด้วยอิฐ หลังคาปิดบังร้อน ทั้งได้ซ่อนฝน ศาลานี้มีเป็นหลัก ที่ส�ำนักประชาชน ผู้เดินหนได้หยุดอยู่ ทุกฤดูกาล มีประดู่อยู่หกต้น ซึ่งสูงพ้นแต่หลังคา รอบศาลากิ่งโตใหญ่ แผ่อยู่ไพศาล อยู่ในถิ่นปราจีนถนน เป็นที่ชนได้ส�ำราญ แต่ก่อนกาลดึกด�ำบรรพ์ เป็นส�ำคัญกล่าว ชาวบ้านนอกออกส�ำเหนียก นิยมเรียกค�ำสั้นสั้น ชอบแกล้งกลั่นพูดห้วนห้วน ตัดส�ำนวนยาว เรียกว่าศาลาโดหก โดยหยิบยกวัตถุกล่าว เรียกกันฉาวทั่วทั้งบ้าน มีพยานโข นิยมวัตถุประจักษ์เห็น ตามกาลเป็นสมัยก่อน ใช่เติมทอนหันเห ไปทางเฉโก กระบิลเมืองเรียกกันอยู่ คือประดู่ว่าโด ไม่ใช่พึ่งโผล่ไม่ใช่พึ่งนึก เรียกมาดึกด�ำ ชนต่างด้าวชาวต่างเมือง ไม่รู้เรื่องประถมถิ่น พูดเล่นลิ้นปลายฝีปาก จึงถลากถล�ำ เรียกว่าศาลาโกหก ซึ่งแกล้งยกเอาความระย�ำ ตัดถ้อยค�ำที่เป็นจริง เปลี่ยนออกทิ้งไป หามีศาลาโกหกไม่ เป็นค�ำใกล้ “โด” กับ “โก” เมื่อใครโผล่ขึ้นสักค�ำ ชวนกันซ�้ำใหญ่ ถ้าโดหกคือโกหกอย่างทีน่ กึ จะจารึกไว้ท�ำไม เพราะผู้ใหญ่ปกครองถิ่น ใช่ว่ากินทราย โดยค�ำโกหกลามกมาก แบ่งเป็นภาคของความชั่ว ไม่ให้กลั้วติดถิ่น ในแผ่นดินสยาม จึงทรงโปรดเกล้ากรุณา ให้เรียกศาลาสัจจนาม สมกับความศรีวิไล มีอยู่ในแดน

ออกลูกกันตั้งแต่เมื่อเดือน ๖ นู่น พอฝนแรกกระหน�่ำจนบ่อบึงที่เคยแห้งขอดดินแห้ง แตกระแหงล้นปรี่ไปด้วยน�้ำฝนใหม่ ๒-๓ วันให้หลังจะเห็นลูกปลาหมอตัวเท่าลูกน�้ำ ออกันเป็นฝูงที่ขอบบ่อ คนเฒ่าคนแก่บอกว่าแม่ปลาหมอไข่ฝากดินไว้ก่อนตัวมันตาย เน่าเปื่อยไป แต่ไข่ไม่ยักตาย พอได้น�้ำใหม่มันก็ฟักออกเป็นลูกปลา พอโตเท่าปลาย นิ้วมือเรียก “ลูกหมอเม่า” (เม่า = ข้าวเม่า) คนเริ่มช้อนมาแกงคั่วเผ็ด (แกงพริก) แกงลูกปลารสชาติมีฝาดปนแต่ก็ยังมีผู้นิยมกันมาก พวกที่รอดปากเหยี่ยวปากกามา ได้มีอีกมากมายจนถึงเดือน ๑๑, ๑๒ อันเป็นหน้าน�้ำมันก็โตได้ที่ “ทรามกิน” (น่ากิน) พอดี ที่ว่าโตได้ที่นี่ที่จริงก็ยังเล็กอยู่ดี แต่ปลาหมอหน้าน�้ำนี่รสชาติดี เนื้อตัวหัวหาง มันอ่อนนุ่มไม่แข็งเหมือนหัวไอ้โจรอย่างปลาหน้าแล้ง จึงเหมาะที่จะแกงส้มกับยอด ผักบุ้ง หรือจะเจี้ยน (คลุกเกลือ ขมิ้น กระเทียม พริกไทย ทอดจนสุกกรอบ) ก็เอร็ด เหลือหลาย ใครตกได้ “แม่หมอ” ตัวโตเท่าปลาหมอจากบ่อเลี้ยงในปัจจุบันถือว่า โชคดีเป็นพิเศษ ปูท้องแดง (ปูนิ่ม) เป็นเหยื่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดส�ำหรับพิชิตปลาหมอ น�้ำนมขุ่นขาวในเนื้อปูจะแพร่กลิ่นกระจายไปในน�้ำยั่วน�้ำลาย อย่าว่าแต่ปลาหมอที่ “ตายเพราะปาก” เลย ขนาด (ไก่แก่) แม่ปลาช่อนที่ระแวงภัยสูง ประสบการณ์สอน ให้มันไม่กินเหยื่อซี้ซั้ว เมื่อมาเจอะเนื้อปูหอมหวานขาวเป็นปุยวางอยู่ตรงหน้า มัน จะดมกลิ่นอย่างเชื่องช้าระแวดระวัง แม้จะได้กลิ่นมนุษย์ติดอยู่ที่เหยื่อบ้างก็ไม่อาจ สะกดกิเลสได้ มันฮุบเหยื่อเต็มค�ำแล้วกระชากสุดแรงเกิดจนคันเบ็ดหลุดจากมือ..!!!.. (อ่านต่อฉบับหน้า)


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

ผศ.ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์

มื อ งเก่ า อี ก เมื อ งหนึ่ ง ซึ่ ง อยู ่ ติ ด กั บ จั ง หวั ด นครศรี ธ รรมราช แต่ เ ดิ ม เคยมี ฐานะเป็ น เมื อ งขนาดเล็ ก ๆ ขึ้ น กั บ เมื อ ง นครศรีธรรมราช ปัจจุบันยกฐานะขึ้นเป็น อ�ำเภอ ขึ้นกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมือง นี้ คื อ “เมื อ งท่ า ทอง” หรื อ “อ� ำ เภอ กาญจนดิษฐ์” ในปัจจุบัน “ท่ า ทอง” มี ลั ก ษณะเป็ น พื้ น ที่ ร าบ ริ ม ภู เ ขา อั น เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของพื ด เขา นครศรีธรรมราช มีล�ำน�้ำไหลผ่าน ชาวบ้าน เรียกกันว่าคลองท่าทอง ท�ำให้พื้นที่อุดม สมบู ร ณ์ ม ากกว่ า พื้ น ที่ อื่ น ๆ ในจั ง หวั ด สุ ร าษฎร์ ธ านี ชื่ อ เสี ย งของท่ า ทองเริ่ ม ปรากฏชัดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ๑๙ โดยพิจารณาจากร่องรอยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในพื้นที่ โดยเฉพาะ ที่ ถ�้ ำ คู ห า (ในท้ อ งที่ ต� ำ บลช้ า งขวา) และ ถ�้ ำ พระนิ่ ม (ในท้ อ งที่ ต� ำ บลท่ า ทอง) ซึ่ ง มี พ ระพุ ท ธไสยาสน์ ขนาดใหญ่ อ ยู ่ ใ นถ�้ ำ เป็ น ฝี มื อ ช่ า งท้ อ งถิ่ น ที่ ก ่ อ สร้ า งไว้ ใ นราว พุทธศตวรรษที่ ๑๘ – ๑๙ อันเป็นช่วงเวลา ที่พระพุทธศาสนาเถรวาทลังกาวงศ์เจริญ รุ่งเรืองสูงสุดในอาณาจักรนครศรีธรรมราช นอกจากล�ำน�้ำท่าทอง (หรือคลองท่า ทอง) จะเป็นท่าน�้ำที่มีเรือสินค้าจากต่างถิ่น เข้ามาซื้อขายสินค้าแล้ว ในช่วงสมัยรัชกาล ที่ ๓ แห่ ง กรุ ง รั ต นโกสิ น ทร์ เจ้ า พระยา นครศรี ธ รรมราช (น้ อ ย) หรื อ เจ้ า พระยา นครน้ อ ย มั ก ใช้ พื้ น ที่ ล ะแวกท่ า ทองถึ ง บ้ า นดอนเป็ น อู ่ ต ่ อ เรื อ ส� ำ เภาและเรื อ รบ ขนาดใหญ่ ไ ปถวายพระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว ส� ำ หรั บ ใช้ เ ตรี ย มการ สงครามกั บ ญวณเพื่ อ ป้ อ งกั น พระราช อาณาเขตทางทะเลด้ า นตะวั น ออกจนถึ ง ด้านกัมพูชา เจ้าพระยาผู้นี้เดินทางขึ้นล่อง ระหว่ า งนครฯ กั บ ท่ า ทองถึ ง บ้ า นดอนอยู ่ เสมอๆ จนผู้คนในสมัยนั้นเรียกขานกันอีก ชื่อว่า “เจ้าคุณบ้านดอน” และ “เจ้าคุณ ท่าทอง” ที่เมืองท่าทองมีวัดเก่าแก่อยู่วัดหนึ่ง ชื่ อ “วั ด ถ�้ ำ คู ห า” มี เ รื่ อ งเล่ า สื บ ต่ อ กั น มา ว่ า มี พรานป่ ากลุ่ มหนึ่งได้ไ ล่ ติด ตามฝูงโค ป่ า ฝู ง หนึ่ ง จนฝู ง โคกระเจิ ด กระเจิ ง ไป หลายทิ ศ หลายทาง โคตั ว หนึ่ ง ได้ เ ดิ น หนีเข้าไปซ่อนตัวในถ�้ำในบริเวณนั้น แต่

ภายในถ�้ำคูหา

เครดิตรูป : surat.nfe.go.th

เมื่ อ นายพรานติ ด ตามเข้ า ไปค้ น หาก็ ไ ม่ พบ พยายามอยู ่ ห ลายวั น ก็ ไ ม่ ส� ำ เร็ จ จึ ง บนบานให้เทวดาดลบันดาลให้พบโคป่าตัว นั้น หลังจากนั้นได้ช่วยกันค้นหาอีกในไม่ ช้าก็พบวัวตัวหนึ่งก�ำลังยืนนิ่ง ส่วนหัวจม อยู่ในหิน เมื่อเข้าไปใกล้ก็เห็นเหลือเพียง ท่อนหางพวกพรานเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น เพราะเทพเจ้าบันดาล ให้เป็นไป จึงละจาก การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แล้วพร้อมใจสร้างวัดไว้ ทางทิศตะวันออกของถ�้ำ ด้วยเหตุที่เป็นถ�้ำ ที่โคหายเข้าไป จึงมีผู้เรียกว่า “ถ�้ำโคหาย” ต่ อ มากร่ อ นลงเหลื อ แต่ “โคหา” แล้ ว เปลี่ยนเป็น “คูหา” ในที่สุด ครั้นเมื่อมีผู้ สร้างวัดขึ้นจึงเรียกวัดนี้ว่า “วัดถ�้ำคูหา” ภายในถ�้ ำ คู ห ามี พ ระพุ ท ธไสยาสน์ องค์ ห นึ่ ง ยาวประมาณ ๔ วา เป็ น พระ พุ ท ธรู ป ปู น ปั ้ น ศิ ล ปะอยุ ธ ยาตอนปลาย นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปอื่น ๆ อยู่ภายใน ถ�้ำเป็นจ�ำนวนมาก อีกทั้งภาพปูนปั้นและ ลายปู น ปั ้ น ผสมดิ น ศิ ล ปะทวารวดี ที่ ติ ด อยู่กับเพดานถ�้ำ ในวันแรม ๑๓ – ๑๔ ค�่ำ เดื อ นห้ า ของทุ ก ปี วั ด มี ง านนมั ส การและ สรงน�้ำพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายใน ถ�้ ำ โดยมี พ ระพุ ท ธไสยาสน์ เ ป็ น ประธาน วันดังกล่าวมีผู้ไปเที่ยวชมและนมัสการและ สรงน�้ำพระกันอย่างเนืองแน่นทุกปี นอกจากวั ด ถ�้ ำ คู ห าแล้ ว ที่ เ มื อ งท่ า ทองหรืออ�ำเภอกาญจนดิษฐ์ยังมีวัดเก่าแก่ อีกวัดหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องเล่าที่สัมพันธ์กับการ สร้างพระธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช คือ วัด “เขาพระนิ่ม” มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ว่า พระพุทธรูปในถ�้ำแห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ สมั ย สร้ า งพระธาตุ เ จดี ย ์ น ครศรี ธ รรมราช ผู ้ ส ร้ า งเป็ น เศรษฐี ผู ้ ห นึ่ ง ซึ่ ง เลื่ อ มใสพระพุ ท ธศาสนามาก เดิ น ทางโดยเรื อ ส� ำ เภา บรรทุกทรัพย์สินเต็มล�ำ เพื่อน�ำไปร่วมสร้าง

พระธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช แต่เมื่อมา ถึ ง กลางอ่ า วบ้ า นดอนเกิ ด ลมพายุ จึ ง น� ำ เรือเข้าไปหลบคลื่นลมที่ใกล้ภูเขาลูกหนึ่ง บริวารได้ขึ้นส�ำรวจบนเกาะซึ่งมีสภาพเป็น ภูเขาพบเพิงถ�้ำ จึงน�ำความเล่าให้เศรษฐี ฟังเศรษฐีจึงตกลงใจ น�ำทรัพย์สินทั้งหมด

หน้า ๑๑

สร้ า งพระพุ ท ธไสยาสน์ ขึ้ น ในบริ เ วณเพิ ง ถ�้ำ เพราะเห็นว่าคลื่นลมแรง และระยะทาง ก็ ไ กลกว่ า จะถึ ง เมื อ งนครศรี ธ รรมราชคง ต้องใช้เวลานาน กาลเวลาผ่านไปหลายปี มีชาวประมงผู้หนึ่งมาพบถ�้ำนี้ และเมื่อเอา มือไปกดพระพุทธรูปไสยาสน์ รู้สึกนิ่มมือ ผิดปกติ จึงเรียกว่า “พระนิ่ม” การที่เป็น เช่นนี้ สันนิษฐานว่าเดิมน่าจะเป็นพระพุทธ รูปดินดิบ เมื่อถูกความชื้นนานวันเข้าก็อาจ จะอ่อนนิ่มได้ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะมีผู้ ปิดทองค�ำเปลวไว้หนา เมื่อแตะเข้าก็รู้สึก นิ่มมือ ต่อมาเมื่อมีวัดขึ้นที่นี่ก็เรียกชื่อวัดนี้ ว่า “วัดเขาพระนิ่ม” ล่วงเลยมาถึง พ.ศ.๒๔๔๑ กระทรวง มหาดไทยได้แก้ไขระเบียบการปกครองท้อง ที่ทั่วพระราชอาณาจักร เมืองท่าทองก็ได้ รั บ การเปลี่ ย นชื่ อ มาเป็ น “กาญจนดิ ษ ฐ์ ” อั น เป็ น ค� ำ ภาษาสั น สกฤตที่ มี ค วามหมาย เดียวกับ ค�ำว่า “ท่าทอง” ขึ้นอยู่ในเขต ปกครองจั ง หวั ด สุ ร าษฎร์ ธ านี สื บ มาถึ ง ปัจจุบัน

ร้อยกรอง ท�ำนองไทย อ่าน เขียน ขับร้อง ท�ำนองไทยสยาม นั่นคือความเป็นปราชญ์ในศาสตร์ศิลป์ ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือระบือระบิล วาวแววศิลปะและวัฒนธรรมไทย บรรพชนค้นคว้าศึกษาร่วมสร้างสรรค์ จนถึงขั้นพิสุทธิ์ผุดผ่องใส พริ้งไพเราะเซาะซึ้งถึงแก่นใจ ลีลาไทยสยามงามเหลือเกิน อ่านร้อยกรองคล้องคละสระอักษร เสียงสูงต�่ำฟอนฟัดมิขัดเขิน แสนเสนาะโลมเล้าใจให้เพลิดเพลิน นั่งนอนเดินซาบซึ้งตรึงวิญญาณ์ เขียน ร้อยแก้วร้อยกรองลบองแบบ ใช้ค�ำแยบแนบเนียนเขียนภาษา สละสลวยสวยโวหารวรรณนา อีกทั้งอุปมาพาชื่นใจ เขียน ร่าย กาพย์ กลอน โคลง และฉันท์ ต้องเลือกสรรค�ำดีที่สดใส ให้สื่อความสื่อเสียงเคียงคู่ไป ฉันทลักษณ์รักษาไว้ให้เที่ยงตรง ขับร้องท�ำนองไทยให้ไพเราะ อย่างอ่านท�ำนองเสนาะมิเลือนหลง การขับร้องต้องขยันหมั่นบรรจง มักมีผู้เสริมส่งในวงวรรณ ทั้งร้อยกรองท�ำนองไทยในแต่ละภาค เป็นสิ่งที่ไม่ยากจะสร้างสรรค์ ค่าว ล�ำ เพลงบอก ทอกโต้กัน จงรักษาให้คงมั่นคู่ชาติไทย รศ.ดร.สืบพงศ์ ธรรมชาติ อาศรมวัฒนธรรมวลัยลักษณ์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ บนเครื่องบินหาดใหญ่-ดอนเมือง(กรุงเทพฯ) พฤหัสบดี ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๗


หน้า ๑๒

นครศรีธรรมราช

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นพ.อรรถกร วุฒิมานพ

อายุ ร แพทย์ โ รคหั ว ใจและหลอดเลื อ ด

รคกล้ า มเนื้ อ หั ว ใจขาดเลื อ ดเป็ น ปัญหาทางสุขภาพที่ได้รับความสนใจ มากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นสาเหตุ การเสียชีวิต อันดับต้นๆ ของประชากร ไทย จากฉบั บ ที่ แ ล้ ว เราได้ ท ราบถึ ง สาเหตุ อาการของโรคกล้ า มเนื้ อ หั ว ใจ ขาดเลือดไปแล้ว ในฉบับนี้ เรามาว่ากัน ถึงแนวทางการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจ ขาดเลือด ในระยะฉั บ พลั น เมื่ อ เกิ ด อาการ เจ็บหน้าอกที่สงสัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้อ หั ว ใจขาดเลื อ ด สิ่ ง แรกที่ ต ้ อ งท� ำ คื อ ไป โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด หลังจากที่ได้รับ การตรวจร่างกาย และตรวจวินิจฉัยเพิ่ม เติ ม แล้ ว ได้ รั บ การวิ นิ จ ฉั ย ว่ า เป็ น กล้ า ม เนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งแบ่งออกเป็นสอง กลุ ่ ม คื อ กลุ ่ ม เอสที ย ก (STEMI) และ non STEMI

ในสมอง (อัตราเกิดประมาณ ร้อยละ ๑) วิ ธี ที่ ส อง การท� ำ ขยายหลอด เ ลื อ ด เ ลี้ ย ง หั ว ใ จ ( P r i m a r y P C I ) โดยการสวนเส้ น เลื อ ดหั ว ใจ (Cardiac catheterization) และท� ำ บอลลู น ใส่ ขดลวดถ่ า งขยายหลอดเลื อ ดที่ ตี บ โดย วิ ธี ไ ม่ ต ้ อ งผ่ า ตั ด ท� ำ โดยใส่ เ ครื่ อ งมื อ เข้ า ทางเส้นเลือด จนไปถึงหัวใจ หลังจากนั้น ก็ท�ำการฉีดสารทึบแสง และถ่ายเอ็กซ์เรย์ ดูเส้นเลือดที่ตีบ แล้วใช้บอลลูนถ่างขยาย รอยตีบนั้น และอาจใส่ขดลวดดามรอยตีบ นั้นเพื่อลดการตีบซ�้ำ

ในกลุ่มที่ได้รับการวินิฉัยว่า STEMI ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดเลี้ยง หัวใจจนไม่มีเลือดไปเลี้ยงส่วนปลายเลย อย่างฉับพลัน การรักษาจึงมุ่งเน้นเพื่อ เปิ ด เส้ น เลื อ ดที่ ตั น นั้ น ให้ เ ร็ ว ที่ สุ ด ซึ่ ง มี สอง วิธี คือ การให้ยาสลายลิ่มเลือด และ การท�ำบอลลูนถ่างขยายหลอดเลือด วิธีที่หนึ่ง การให้ยาสลายลิ่มเลือด (Thrombolysis) ซึ่งมีหลายตัว ได้แก่ Streptokinase alteplase, reteplase, จ ะ เ ลื อ ก วิ ธี ใ ด นั้ น เ พื่ อ ใ ห ้ เ กิ ด tenecteplase ซึ่งสามารถเปิดเส้นเลือด ประโยชน์ สู ง สุ ด กั บ ผู ้ ป ่ ว ย ขึ้ น กั บ ความ ที่ตันได้ ผลข้างเคียงคือ อาจท�ำให้มีการ พร้อมของโรงพยาบาลรวมทั้งเครื่องมือ ที่ ตกเลื อ ดในต� ำ แหน่ ง ต่ า งๆ โดยเฉพาะ มี อ ยู ่ ความรุ น แรงและภาวะแทรกซ้ อ น

ของโรคที่ เ กิ ด ขึ้ น ระยะเวลาที่ เ ริ่ ม เกิ ด อาการ รวมถึงระยะเวลาในการส่งตัวไป โรงพยาบาลที่ท�ำการรักษาได้ ข้อห้าม ในการให้ยา ปัจจัยเรื่องระยะเวลาที่ผู้ป่วย เกิดอาการ จนถึงได้รับการรักษาวิธีใดวิธี หนึ่ง จะเป็นปัจจัยที่ส�ำคัญในการตัดสิน ใจเลือกวิธี เนื่องจากหัวใจส�ำคัญของการ รักษาคือเปิดเส้นเลือดที่ตีบให้ได้เร็วที่สุด

ยาในกลุ ่ ม statin แก่ ผู ้ ป ่ ว ย หลั ง เกิ ด ACS ท� ำ ให้ ดั ช นี บ อกภาวการณ์ อั ก เสบ และภาวะแทรกซ้อนของโรค เช่น ภาวะ เกิดเส้นเลือดตีบซ�้ำ อาการเจ็บหน้าอกซ�้ำ และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ลดลงได้ ยาในกลุ ่ ม นี้ เช่ น simvastatin Atorvastatin pravastatin fluvastation rosuvastatin เป็นต้น ผลข้างเคียงที่อาจเกิด เช่น ปวด เมื่อยตามตัว เกิดตับอักเสบ - ยากลุ ่ ม ปิ ด กั น บี ต ้ า (betablocker) เป็นยาที่ช่วยลดอัตราการเต้น ของหัวใจ ลดอาการแน่นหน้าอก และ ช่ ว ยลดความดั น โลหิ ต ควรให้ ภ ายใน ๒๔ ชม.หากไม่มีข้อห้ามดังต่อไปนี้ หัวใจ วาย, หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย น้ อ ย (low output state) มี ป ั จ จั ย เสี่ยงต่อภาวะช็อคเนื่องจากหัวใจ, ความ เสี่ยงอื่นๆ เช่น หัวใจเต้นช้า โรคหอบหืด ยากลุ่มนี้ มีหลายตัว เช่น carvedilol, bisoprolol, atenolol, metoprolol, propranolol ผลข้ า งเคี ย ง : อาการหน้ า มื ด ชี พ จรเต้ น ช้ า ความดั น โลหิ ต ต�่ ำ ภาวะ หลอดลมตีบ หากมี ข ้ อ ห้ า ม ไม่ ส ามารถให้ ย า กลุ่ม Beta-blocker ก็อาจจะพิจารณา ให้ยา verapamil หรือ Diltiazem แทน

นอกจากการเปิดเส้นเลือดที่ตันแล้ว การรักษาร่วมด้วยยาอื่น จะมีส่วนช่วยใน การลดภาวะแทรกซ้ อ น และเพิ่ ม อั ต รา การรอดชีวิตของผู้ป่วย ได้แก่ - แอสไพริน (Aspirin) เป็นยาต้านเกร็ดเลือด มี ค ว า ม ส� ำ คั ญ ตั้ ง แ ต ่ ยุ ค แรกๆ ของการรักษากล้าม เนื้ อ หั ว ใจขาดเลื อ ด จนถึ ง ปั จ จุ บั น สามารถลดอั ต รา การตายได้มากมาย ขนาด ของยาที่ใช้ ๑๖๐-๓๐๐ mg ผู ้ ป ่ ว ยควรรั บ ประทานยา แอสไพริ น ไปตลอดชี วิ ต เพื่อป้องกันการตีบซ�้ำ ผลข้ า งเคี ย ง : การ แพ้ยา การมีเลือดออกตาม ต�ำแหน่งต่างๆ รวมทั้งเลือด ออกทางเดินอาหาร - ยาต้ า นเกร็ ด เลื อ ด ตั ว ที่ ส อง ซึ่ ง ในปั จ จุ บั น ฉบั บ หน้ า มาอ่ า นเรื่ อ งการรั ก ษา มี ห ลายตั ว ได้ แ ก่ clopi- ต่อครับ dogrel, prasogrel, Ticagrelor เป็นต้น ล้วนมีข้อมูลว่าช่วย ลดอัตราการตายของผู้ป่วยได้ ระยะเวลา การได้ยาควรอย่างน้อย ๑ ปี ขึ้นกับการ รักษาที่ได้รับ และผลข้างเคียงที่เกิด ผล ข้างเคียง การมีเลือดออกในต�ำแหน่งต่างๆ เช่นทางเดินอาหาร - ยาละลายลิ่ ม เลื อ ด (anticoagulant) เช่ น heparin, fondaprinux, enoxaprarin ซึ่งจะให้ร่วม กับยาอื่นในช่วงแรกๆ (ประมาณ ๒-๘ วัน) และต้ อ งเฝ้ า ระวั ง ภาวะเลื อ ดออกที่ อ าจ เกิดได้ - ยาลดไขมันกลุ่ม statin มีหลัก ฐานทางการแพทย์ สนับสนุนว่า การให้


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

สุเมธ รุจิวณิชย์กุล

sumet_arch@hotmail.com กุ ม ภาพั น ธ์ ” เดื อ นแห่ ง ความรั ก สากล... เรายั ง คาดหวั ง ที่ จ ะเห็ น คนไทยรักกัน ไม่ว่าจะมีความคิดเหมือนกัน หรือต่างกัน เพราะทุกคนล้วนเป็นพี่น้อง เพื่อนฝูงร่วมชาติเดียวกันที่อยากเห็นบ้าน เมืองมีความเจริญรุ่งเรืองและน่าอยู่กันทั้ง นั้น ซึ่งก็เป็นจุดยืนเดียวกันกับหนังสือพิมพ์ “รักบ้านเกิด” ที่ได้ก่อก�ำเนิดขึ้นเมื่อ ๒ ปี ที่ แ ล้ ว ในอั น ที่ จ ะน� ำ เสนอข้ อ คิ ด เห็ น ดี ๆ เชิงบวกให้แก่สังคมชาวนคร เพื่อเป็นการ จุดประกายแก่ชาวเมืองให้ช่วยกันคิดต่อไม่ ว่าจะมีความเห็นต่างกันหรือไม่ก็ตาม เราก็ จะท�ำหน้าที่กันต่อไปโดยไม่น�ำเรื่องราวที่มี อคติหรือจินตนาการส่วนตัวอันจะเป็นการ เพิ่มรอยแตกร้าวออกไปอีกท่ามกลางความ เปราะบางทางการเมืองไทยในขณะนี้ ปัญหาใหญ่ของเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากทุกแห่งเกี่ยวกับความเป็นอยู่ในชีวิต ประจ�ำวันก็คือ ปัญหาการจราจร ปัญหา น�้ ำ กิ น น�้ ำ ทิ้ ง ปั ญ หาพลั ง งาน และปั ญ หา ขยะ โดยทุกเมืองก็จะมีผู้บริหารเมืองเป็น ผู้จัดการเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ซึ่งมักเป็น นโยบายหาเสียงเมื่อต้องการเข้ามาท�ำงาน ให้บ้านเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราชเราก็ มีปัญหาเหมือนที่อื่นแหละครับที่ชาวเมือง ก�ำลังเฝ้ามองการจัดการหรือการแก้ปัญหา ของผู้ที่เขามอบหมายให้มาท�ำหน้าที่นี้อย่าง อดทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องขยะในตัว เมื อ ง ผมก็ ข อร่ ว มคิ ด ด้ ว ยคนในมุ ม มองที่ อาจต้องทบทวนนับหนึ่งกันใหม่ หากเป็น ประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ช่วยคิดกันต่อนะครับ ในอดี ต บ้ า นเมื อ งเราผู ้ ค นยั ง ไม่ ม าก การน� ำ ขยะไปทิ้ ง ยั ง สถานที่ ต ่ า งๆ ที่ ห ่ า ง ไกลบ้านตัวเองเป็นเรื่องของตัวใครตัวมัน กัน แต่ต่อมาทางเทศบาลเข้ามารับขยะจาก ครัวเรือนในเมืองก็จะน�ำไปถมที่ถมทางกัน (ถนนสายพั ฒ นาการคู ข วางเป็ น สายหนึ่ ง ที่ มี ก ารน� ำ ขยะไปถมท� ำ แนวถนน แต่ เ มื่ อ ต้องการท�ำถนนที่สามารถรับน�้ำหนักรถได้ ก็ ต ้ อ งรื้ อ ขยะออกไป) และเมื่ อ ต้ อ งมี ก าร หาสถานที่ทิ้งขยะที่เป็นเรื่องเป็นราวก็ไปใช้ พื้นที่สาธารณะที่ติดพื้นที่ที่เทศบาลสมัยนั้น

www.nakhonforum.com

เตรียมจัดเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของ เมือง (คือสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ๘๔ ในปัจจุบัน) ผมไม่แน่ใจว่าสมัยนั้นได้มีการ วิเคราะห์เรื่องสิ่งแวดล้อมก่อนหรือไม่ ไม่ ว่าการซึมซับของน�้ำเสียจากขยะที่จะลงไป ในชั้นทรายที่เป็นแหล่งน�้ำใต้ดิน ไม่ว่าการ แก้ปัญหาเรื่องกลิ่นขยะที่โชยเข้ามายังแหล่ง ที่ พั ก อาศั ย ของชุ ม ชน ไม่ ว ่ า กระบวนการ ก�ำจัดขยะให้ถูกต้องตามหลักวิชา และอีก หลายๆ เรื่องที่ต้องค�ำนึงถึง แต่ปัจจุบันผม เชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบปัญหาและ พยายามแก้ไข นับตั้งแต่การรณรงค์ในเรื่อง การแยกขยะจากครั ว เรื อ นที่ เ ป็ น ต้ น ทาง การขนส่งโดยรถเก็บขยะที่ทันสมัยและหลีก เลี่ยงช่วงเวลาการเดินทางตามวิถีชีวิตปกติ ของชาวเมือง และน�ำไปทิ้งรวมยังสถานที่ ทิ้งขยะทุ่งท่าลาด ซึ่งเป็นปลายทางรอการ ก� ำ จั ด ต่ อ ไป และกระบวนการก� ำ จั ด ขยะ เป็ น แบบฝั ง กลบเป็ น ชั้ น ๆ ที่ ไ ด้ อ อกแบบ ไว้ (Sanitary Landfill) แต่ในขณะนี้ไม่ สามารถด�ำเนินการให้ทันต่อขยะที่ล้นหลาม กองเป็นภูเขาที่มาจากอ�ำเภอต่างๆ ในเมือง นคร และที่ผ่านมาทราบว่ายังมีรถขนขยะ จากต่ า งจั ง หวั ด ใกล้ เ คี ย งอี ก ทั้ ง ๆ ที่ ต ้ อ ง เดินทางมาไกลเป็นระยะทางร่วมร้อยกว่า กิโลเมตร ทางเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ชุดเก่าได้แก้ปัญหาโดยมีโครงการให้เอกชน มาสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าโดยใช้ขยะเป็น เชื้อเพลิง เรียกว่า Refuse Derived Fuel (RDF) แต่ว่ายังไม่ได้มีการสร้างจนถึงทุก วันนี้ก็ไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรต่อไป ผมมีมุมมองที่แยกแยะเป็นประเด็นให้ช่วย กันคิดต่อดังนี้ครับ ๑. การรับขยะมูลฝอยจากที่อื่นๆ มา ก�ำจัดที่นครต้องจ�ำกัดแหล่งที่มาหรือไม่ ปั จ จุ บั น ขยะที่ ข นมารวมกั น ที่ ทุ ่ ง ท่ า ลาดมีมากกว่า ๓๐๐ ตันต่อวัน ในขณะที่ ยังไม่มีระบบก�ำจัดไม่ว่าแบบเตาเผา (Combustion) หรือการน�ำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น เป็นปุ๋ย เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ฯลฯ เพื่ อ ลดปริ ม าณลงให้ ทั น ต่ อ ขยะที่ เ พิ่ ม ขึ้ น ผมเสนอให้แต่ละอ�ำเภอรวมกลุ่มกันมีสถาน ที่ก�ำจัดขยะแต่ละ Zone จะดีกว่าไหม เช่น ใน Zone พื้นที่อ�ำเภอสิชลรวมกับอ�ำเภอ ขนอม Zone พื้ น ที่ อ� ำ เภอทุ ่ ง สง อ� ำ เภอ

นาบอน อ�ำเภอทุ่งใหญ่ ก็รวมตัวกันอีกกลุ่ม เป็นต้น ส่วนอ�ำเภอใกล้เคียงในระยะทาง ๒๐ - ๓๐ กิโลเมตร ก็สามารถมารวมกับ อ�ำเภอเมืองได้ น่าจะช่วยลดปริมาณขยะที่ ต้องมาสุมอยู่ที่เดียวได้ เรื่องนี้ผมเคยเสนอ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการก�ำกับดูแลการ จัดท�ำผังเมืองรวมของแต่ละอ�ำเภอแล้ว แต่ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไม่มีข้อก�ำหนดหลักเกณฑ์ ตามกฎหมายให้แต่ละอ�ำเภอต้องจัดเตรียม ที่ ทิ้ ง ขยะก็ ไ ม่ จ� ำ เป็ น ต้ อ งระบุ ใ นผั ง แม่ บ ท จึงไม่เกิดพื้นที่ทิ้งขยะแต่ละ Zone ผมคิด ว่ า เรื่ อ งนี้ เ ป็ น เรื่ อ งส� ำ คั ญ ที่ ต ้ อ งพิ จ ารณา ปรับปรุงแก้ไขให้ได้ อ�ำเภอเมืองคงจะท�ำตัว เป็นม้าอารีอยู่ไม่ได้กี่ปีหรอกครับ อีกหน่อย ม้ า ตั ว นี้ เ ป็ น หวั ด ปอดบวมตายเสี ย ก่ อ น เพราะขยะจะท่วมเมือง ๒. สถานที่ทิ้งขยะมูลฝอยของเมือง นครขณะนี้เหมาะสมหรือไม่ ตามที่ เ ล่ า ความเป็ น มาของสถานที่ ทิ้งขยะมูลฝอยในตอนต้นแล้วว่า ในอดีตไม่ ได้เป็นปัญหาอะไรมากนักเพราะปริ ม าณ ยังไม่มากนัก จึงไม่ได้ค�ำนึงหรือพิจารณา ถึงสิ่งแวดล้อม แต่มา ณ วันนี้บริเวณนี้เป็น ส่วนต่อเนื่องกับสวนสาธารณะอันเปรียบ เสมือนปอดของเมืองรวมทั้งเป็นแหล่งน�้ำ ส�ำรองของเมือง (โดยความจงใจให้เป็นหรือ ไม่ก็ตาม) ที่อยู่ใกล้เมืองที่สุดอันเป็นเรื่องที่ ถูกต้องตามหลักการวางผังเมือง สวนพระ ศรีนครินทร์ ๘๔ อันเป็นสวนที่ตั้งชื่อเพื่อ เฉลิมพระเกียรติในสมเด็จย่าแห่งนี้ได้สร้าง ความผูกพันกับชาวเมืองมานานพอสมควร โดยเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน เป็นที่จัดกิจกรรมของเมือง(เช่นเทศกาลงาน เดือนสิบ ฯลฯ) เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ทางด้าน ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเป็นสวนสัตว์ ที่ได้เคยวางแผนไว้จะย้ายจากพื้นที่ ๑๐ ไร่ ในปัจจุบัน (เนื่องจากติดพื้นที่กิจกรรมเมือง จนรบกวนความเป็นอยู่ของสัตว์) ออกไป อยู่บริเวณติดกับพื้นที่ทิ้งขยะซึ่งมีพื้นที่กว่า ๑๐๐ ไร่ และยังมีพื้นที่เหลืออีกประมาณ ๒๐๐ ไร่ที่จะเป็นสวนน�้ำและค่ายเยาวชน และลู ก เสื อ แต่ เ นื่ อ งจากสิ่ ง แวดล้ อ มที่ เป็นมลพิษ แผนการดังกล่าวนี้ต้องถูกล้ม เลิ ก ไปโดยปริ ย าย เพราะไม่ ส ามารถสู ด อากาศบริสุทธิ์ได้หากมีกลิ่นไม่พึงประสงค์

หน้า ๑๓

และปะปนด้วยเชื้อโรคที่กระจายไปทั่วใน อากาศ ผมยังนึกไม่ออกว่าเราควรย้ายสวน สาธารณะออกไปหาที่อยู่ใหม่ หรือควรย้าย สถานที่ ทิ้ ง ขยะมู ล ฝอยออกไปแทน หาก เหตุผลว่าสถานที่ทิ้งขยะมูลฝอยอยู่ห่างไกล จากตัวเมืองจะเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการ ขนส่งขยะ ผมก็ยังสงสัยว่าอ�ำเภออื่นไกลๆ ที่อุตส่าห์ขนขยะมาทิ้งตัวเมืองนครเขาแก้ ปัญหาอุปสรรคนี้อย่างไร และอาจมีค�ำถาม ว่ า ถ้ า จะย้ า ยสถานที่ ทิ้ ง ขยะออกไปจะมี ชุมชนใดยอมให้ไปตั้งได้ นั่นนะซีครับนี่คือ ประเด็นส�ำคัญที่ต้องช่วยกันคิด แต่ผมคิด ว่ายังมีพื้นที่อื่นที่พอจะหากันได้ในขณะนี้ ถ้าพยายามช่วยกัน มิฉะนั้นอาจไม่มีโอกาส หาพื้นที่ที่เหมาะสมได้อีกในอนาคต ๓. หากไม่ ย ้ า ยสถานที่ ทิ้ ง ขยะมู ล ฝอยในปัจจุบันจะจัดการอย่างไร ประเด็ น ๒ ข้ อ ข้ า งต้ น นี้ ห ากไม่ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็คงต้องมาช่วย คิ ด แก้ ป ั ญ หาอย่ า งจริ ง จั ง และรวดเร็ ว ทั น ต่อปัญหาที่ก�ำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต การ รณรงค์ ใ ห้ คั ด แยกขยะจากต้ น ทางเพื่ อ น�ำบางส่วนกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ (Recycle) อั น เป็ น การลดปริ ม าณขยะเบื้ อ ง ต้นก็ดี การมีโรงไฟฟ้าโดยใช้ขยะเป็นเชื้อ เพลิ ง ก็ ดี อาจจะต้ อ งมี ร ะบบการจั ด การ ก�ำจัดอย่างครบวงจร (Integrated Solid Waste Management) ซึ่งก็ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ ต ้ อ งท� ำ พร้ อ มๆ กั น ทั น ที ผมคิ ด ว่ า ใน ประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญและมีหลายแห่ง ที่ประสบความส�ำเร็จในการอยู่ร่วมกันใน เขตเมืองเป็นแบบอย่างที่สามารถไปดูงาน ได้ เช่นโรงเผาขยะแบบปิดของเทศบาล นครภู เ ก็ ต เป็ น ต้ น และจะต้ อ งเดิ น หน้ า ปฏิ บั ติ ก ารทั น ที โ ดยไม่ ค วรจะรี ร อด้ ว ย เหตุผลต่างๆ นานาอีกแล้ว การจั ด การกั บ ปั ญ หาต่ า งๆ นี้ ไม่ เพียงแต่จะต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ทราบเท่านั้น ยังจะต้องท�ำประชาพิจารณ์ ฟังความเห็นจากประชาชนอีกด้วย ซึ่งอาจ ถือเป็นการ “ปฏิรูป” ครั้งส�ำคัญเกี่ยวกับสิ่ง แวดล้อมโดยการร่วมกันกับพลเมืองช่วยคิด แก้ไขปัญหาในระยะยาวที่ผู้บริหารเมืองจะ ต้องมีความกล้าพอที่จะด�ำเนินการในขณะ ที่ ก ระแสการเรี ย กร้ อ งสิ ท ธิ ข องพลเมื อ ง ก�ำลังเข้มแข็ง มิฉะนั้นการไปแก้เมื่อปัญหา ทับถมกันมากเกินกว่าจัดการได้มันก็สายไป แล้ว และเมื่อนั้นชาวเมืองอาจไม่สามารถ อดทนต่อปัญหาได้อีกต่อไป


หน้า ๑๔

นครศรีธรรมราช

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

บั บ นี้ กิ จ กรรมที่ น� ำ เสนอยั ง อยู ่ ใ น กลุ่มป่าดินหินน�้ำ ค่ะ คราวนี้จะพา ไปท�ำความรู้จักโลก ด้วยการเรียนรู้เรื่อง หิน หิน กันใน “กิจกรรมนักธรณีน้อย” นั่นเองค่ะ นักธรณีน้อย ผู ้ เ ข้ า ร่ ว มกิ จ กรรมจะได้ ท� ำ การ ส� ำ รวจ ตรวจสอบลั ก ษณะของหิ น และ แร่ การจ� ำ แนกหิ น และแร่ และส� ำ รวจ ปรากฏการณ์ ท างธรณี วิ ท ยาของเขา ขุนพนม กิจกรรมนักธรณีน้อยเริ่มต้นด้วย วิทยากรพูดคุยเรื่อง ส่วนประกอบของ โลก วั ฏ จั ก รของหิ น การเกิ ด หิ น และ แร่ หลังจากนั้นถ้าเป็นผู้เข้าร่วมกิจกรรม ระดั บ ประถมศึ ก ษาจะท� ำ กิ จ กรรม จ� ำ แนกหิ น จากหิ น ตั ว อย่ า ง โดยการ สังเกตลักษณะเนื้อหิน สี รอยขนาน รอย

แร่ วิ ท ยากรน� ำ ผู ้ เ ข้ า ร่วมกิจกรรมไปส�ำรวจ ปรากฏการณ์ทางธรณี ภายในถ�้ ำ น�้ ำ ลอดใต้ เขาขุ น พนม เป็ น ถ�้ ำ ที่ มีน�้ำไหลผ่านตลอดทั้ง ถ�้ำ แต่ละจุดจะมีระดับ น�้ำไม่เท่ากัน ซึ่งผู้เข้า ร่ ว มกิ จ กรรมจะต้ อ ง เตรียมไฟฉายและแต่ง ตั ว ให้ รั ด กุ ม ปรากฏการณ์ทางธรณีที่พบ เช่น หินงอกหินย้อย ล�ำน�้ำใต้ดิน โพรงถ�้ำ รอยแยก รอยแตก การทับถมของตะกอน การยุบตัว เป็นต้น ใช้เวลาเดินทาง ๑.๓๐ ชั่วโมง รวมระยะ ทาง ๖๕๐ เมตร ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้อง สังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ ภายในถ�้ำ และ บั น ทึ ก ข้ อ มู ล ลงในใบกิ จ กรรมในคู ่ มื อ ค่ายฯ แล้วน�ำมาน�ำเสนอ และวิทยากร สรุปกิจกรรมเมื่อออกจากถ�้ำ กิจกรรมนักธรณีน้อยนี้จะท�ำให้เรา ได้สัมผัสและรับรู้ได้ว่า “โลกสวย” นั้นมี อยู่จริง อยู่ที่เราจะมองเห็นหรือไม่... ฉบั บ นี้ ล อดถ�้ ำ กั น แล้ ว ฉบั บ นี้ จ ะ พาแหงนหน้ามองท้องฟ้ากันนะคะ

หยัก การท�ำปฏิกิริยากับกรด และทดสอบ สมบั ติ ข องแร่ ตั ว อย่ า ง โดยสั ง เกตจากสี ความวาว ความแข็ง และการท�ำปฏิกิริยา กับกรด จนครบตามจ�ำนวนตัวอย่าง ใน ระหว่างการจ�ำแนกหินและแร่ ผู้เข้าร่วม กิจกรรมจะต้องบันทึกลงในใบกิจกรรม หลั ง จากนั้ น วิ ท ยากรน� ำ ผู ้ เ ข้ า ร่ ว ม กิจกรรมเดินทางขึ้นถ�้ำเขาขุนพนม (บันได ๒๔๕ ขั้น) เพื่อส�ำรวจปรากฏการณ์ทาง ธรณี วิ ท ยาของเขาขุ น พนม ได้ แ ก่ รอย

คดโค้ ง รอยแตก รอยแยก การพั ด พา ตะกอน การสะสมตะกอน การยุ บ ตั ว การกร่อน และอื่นๆ รวมทั้งบันทึกลักษณะ ทางกายภาพ เช่น พืช สัตว์ ร่องรอยการ กระท�ำของมนุษย์ เป็นต้น ส� ำ หรั บ ในระดั บ มั ธ ยมศึ ก ษาขึ้ น ไป หลั ง จากพู ด คุ ย เรื่ อ งส่ ว นประกอบของ โลก วั ฏ จั ก รของหิ น การเกิ ด หิ น และ

รับความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับใน วงการวิชาการอย่างกว้างขวาง ส� ำ หรั บ การวิ จั ย ดั ง กล่ า วได้ เ ก็ บ รวบรวมผักพื้นบ้านจ�ำนวน ๒๒ ชนิด มา ท� ำ การสกั ด และทดสอบว่ า มี ฤ ทธิ์ ยั บ ยั้ ง เชื้อ Helicobacier pylori ซึ่งเป็นเชื้อ ที่ ก ่ อ ให้ เ กิ ด โรคทางเดิ น อาหารหรื อ ไม่ โดยพบว่ า ชะมวงเป็ น พื ช ที่ อ อกฤทธิ์ ดี ที่ สุ ด จึ ง น� ำ มาแยกสารที่ ต ้ อ งการจน สามารถได้ ส ารซึ่ ง มี ฤ ทธิ์ ใ นระดั บ ดี ม าก เป็นสารที่มีค่าความเข้มข้นต�่ำที่สามารถ ยับยั้งเชื้อได้ หรือ MIC ประมาณ ๗.๘ ไมโครกรัมต่อมิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นสาร ตัวใหม่ที่ยังไม่มีการค้นพบมาก่อน โดยตั้ง ชื่อว่า “ชะมวงโอน” (Chamuangone) เพื่ อ แสดงให้ เ ห็ น ว่ า เป็ น การค้ น พบใน ประเทศไทย

เซลล์ ป กติ แม้ ว ่ า ขั้ น ตอนการน� ำ สาร ดั ง กล่ า วไปใช้ รั ก ษาโรคมะเม็ ง ยั ง ต้ อ ง มี ก ระบวนการวิ จั ย เพิ่ ม เติ ม อี ก หลาย ขั้ น ตอน เพื่ อ การรั ก ษาที่ ไ ด้ ผ ลมากขึ้ น ทั้งนี้ ยังได้ศึกษาต่อถึงความเป็นไป หรือลดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา” ได้ ใ นการออกฤทธิ์ ยั บ ยั้ ง เชื้ อ โปรโตซั ว ร์ รศ.ดร.ภก.ภาคภูมิ กล่าว ซึ่ ง เป็ น โรคระบาดที่ พ บบ่ อ ยในภาคใต้ โดยสารชะมวงโอนสามารถยั บ ยั้ ง โปรใบชะมวง หรื อ ที่ ท างปั ก ษ์ ใ ต้ เ รา โตซัวร์ได้ดี จึงน�ำชะมวงโอนไปทดสอบ เรียกว่า ต้นส้มมวง ถือเป็นไม้ไทยใกล้ กั บ เซลล์ ม ะเร็ ง ปอด และเซลล์ ม ะเร็ ง มือที่คนท้องถิ่นแถบภาคตะวันออกแถว เม็ดเลือดขาว จนพบว่าสารชะมวงโอนมี เมืองจันทร์ไปจนถึงตราด และแถวปักษ์ ฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งได้ดี ใต้บ้านเรา นิยมเก็บยอดและใบอ่อนมา “ความส� ำ เร็ จ จากงานวิ จั ย ที่ ไ ด้ ปรุงอาหารประเภทต้มส้ม แกงส้ม โดย โครงสร้ า งใหม่ ข องสารที่ มี ฤ ทธิ์ ต ้ า น ต้มกับกระดูกหมู กระดูกวัว หรือซี่โครง มะเร็งจากชะมวงโอนครั้งนี้ สามารถน�ำ หมู ที่เรียกกันว่า ซี่โครงหมูต้มใบชะมวง ไปใช้ ดั ด แปลงพั ฒ นาต้ า นมะเร็ ง ที่ อ อก ฤทธิ์ ดี ขึ้ น และลดอาการข้ า งเคี ย งต่ อ ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

ณะเภสั ช ฯ มอ.ค้ น พบสารชนิ ด ใหม่ ใ น “ใบชะมวง” ออกฤทธิ์ ต้านมะเร็ง นับเป็นการค้นพบครั้งแรก ของโลก พร้อมตั้งชื่อว่า “ชะมวงโอน” ระบุ ใ ช้ เ ป็ น สารต้ น แบบที่ น� ำ ไปพั ฒ นา โครงสร้างสู่ยาต้านมะเร็งในอนาคต รศ.ดร.ภก.ภาคภูมิ พาณิชยปการนั น ท์ ผอ.สถานวิ จั ย ยาสมุ น ไพรและ เทคโนโลยีชีวภาพทางเภสัชกรรม คณะ เภสัชศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับนายอภิรักษ์ สกุลปักษ์ นักศึกษาทุนโครงการปริญญาเอก กาญจนาภิเษก ภาควิชาเภสัชเวทและ เภสั ช พฤกษศาสตร์ ท� ำ การศึ ก ษาวิ จั ย คุ ณ สมบั ติ มี ฤ ทธิ์ ต ้ า นมะเร็ ง และต้ า น แบคที เ รี ย ก่ อ โรคทางเดิ น อาหารจาก “ใบชะมวง” ได้ ส� ำ เร็ จ เป็ น ครั้ ง แรก ของโลก หลังจากใช้เวลาศึกษาค้นคว้า นานกว่ า ๒ ปี ซึ่ ง ผลงานดั ง กล่ า วได้ รั บ การตี พิ ม พ์ ใ นวารสารนานาชาติ Food Chemistry ซึ่งเป็นวารสารที่ได้


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช หน้า

๑๕

อาจารย์แก้ว

นเดื อ นมกราคมของทุ ก ปี จะเป็ น เวลาของงาน มหกรรมสินค้าไอทีระดับโลก หรือ CES ที่จัดขึ้นใน ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา เป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีให้ ทั่วโลกได้ยลโฉมนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งตรงจากผู้ผลิตทั่ว โลกตลอดระยะเวลาการจัดงาน ๔ วัน ถือเป็นจุดส�ำคัญ ของวงการเทคโนโลยี ที่ จ ะมี ก ารเปิ ด เผยผลงานการ สร้างสรรค์ชิ้นใหม่ๆ นวัตกรรมที่เราไม่เคยได้พบเห็นมา ก่อน ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต, ทีวี, คอมพิวเตอร์, เครื่อง เสียง ฯลฯ บริษัทชั้นน�ำต่างๆ ก็ใช้งานนี้โฆษณาสินค้า ล่ ว งหน้ า ไปในตั ว วั น นี้ ผ มขอเลื อ กมา ๑๐ สุ ด ยอด เทคโนโลยีที่คาดว่าจะเกิดในปี ๒๐๑๔ ให้เราได้ติดตาม กันครับ

๒. Lenovo ThinkPad X1 Carbon นี่ อ าจจะเป็ น แค่ โ น้ ต บุ ๊ ค อี ก เครื่ อ งที่ น ่ า สนใจงาน CES ครั้งนี้ แม้ Lenovo ThinkPad X1 Carbon รุ่น อัพเกรดใหม่ปี ๒๐๑๔ จะไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรที่แปลก ใหม่เหมือนอย่างของ Asus ที่เราเพิ่งกล่าวไปก่อนหน้า แต่ ThinkPad X1 Carbon ก็มาแรงทั้งในแง่ของสเปค และความหรูหรามีระดับเสียจริงๆ อัลตราบุ๊ค หน้าจอ ๑๔ นิ้ ว เครื่ อ งนี้ ใ ช้ ซี พี ยู ตั ว แรงรุ ่ น ล่ า สุ ด อย่ า ง Intel Core i7 Haswell ใส่แรมสูงสุดถึง 8GB หน้าจอของมัน ก็จัดได้ว่า ยิ่งกว่า Full HD เข้าไปแล้วด้วยความละเอียด ๒๕๖๐ x ๑๔๔๐ พิกเซล แล้วก็ยังรองรับการเชื่อมต่อ ผ่ า นระบบ 4G, NFC พร้ อ มแบตเตอรี่ ใ ช้ ง านได้ น าน ๙ ชม.สิ่ ง ที่ น ่ า สนใจที่ สุ ด ก็ คื อ แถบเมนู ร ะบบสั ม ผั ส ที่ ด้านบนของแผงปุ่มคีย์บอร์ด ที่ออกแบบมาเพื่อทดแทน แถวของปุ่มฟังก์ชั่น f1-f12 ซึ่งเจ้าแผงปุ่มสัมผัสแบบ ใหม่นี้สามารถเปลี่ยนค�ำสั่งต่างๆ ได้อัตโนมัติความความ ๑. Asus Transformer Book Duet TD300 อุปกรณ์แบบกึ่งแท็บเล็ต กึ่งโน้ตบุ๊ค มีมาให้เห็นกัน เหมาะสมของโปรแกรมที่คุณก�ำลังใช้งานอยู่ แล้วมันก็ ซักพักแล้ว นับตั้งแต่ที่ระบบ Windows 8 เริ่มให้ความ ยังดูบาง เรียบหรู วัสดุดี เหมาะสมจะเป็นตัวแทนจาก ส�ำคัญกับการใช้หน้าจอสัมผัสมากขึ้น มีทั้งโน้ตบุ๊คพลิก Windows ไปสู้ศึกกับ MacBook Air จริงๆ หน้าจอได้, พับกลับทาง, ถอดแยกจอ ฯลฯ แต่อย่างไร ก็ตาม ต้องยอมรับว่า Windows 8 ยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติ ๓. Sony Xperia Z1 ในงาน CES ยังอาจจะไม่ค่อยมีการเปิดตัวมือถือ การที่สมบูรณ์แบบที่สุดส�ำหรับการน�ำไปใช้เป็นแท็บเล็ต ไม่ว่าจะด้วยการขาดแอพ หรืออะไรอื่นก็ตามแต่จาก รุ่นใหม่ๆ มากนัก เชื่อว่าหลายๆ ค่ายคงเก็บไปเปิดตัว จุดนี้เองที่ Asus ได้สังเกตเห็นและพยายามแก้ไข จนได้ ตอนงานมือถือโลก MWC ที่ก�ำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า ออกมาเป็น Asus Transformer Book Duet TD300 แทน อย่างไรก็ตาม การมาของ Sony Xperia Z1 ใน ที่มาพร้อมคุณสมบัติการ dual-boot หรือพูดง่ายๆ ก็ งาน CES 2014 ก็ยังถือเป็นอีกรุ่นน่าสนใจอยู่ดี จริงอยู่ คือ คุณสามารถสลับเปลี่ยนระหว่างระบบ Windows ที่ Sony ดูเหมือนจะโดดลงมาร่วมวงท�ำมือถือไซส์มินิ และ Android ได้ตามใจ เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊ค Windows, ช้ากว่าชาวบ้านซักหน่อย เพราะ HTC One mini และ แท็บเล็ต Windows, โน้ตบุ๊ค Android และ แท็บเล็ต Samsung Galaxy S4 mini ก็เปิดตัวมาได้พักใหญ่แล้ว Android ส� ำ หรั บ รุ ่ น ที่ เ พิ่ ง เปิ ด ตั ว นี้ ม าพร้ อ มหน้ า จอ แต่สิ่งหนึ่งที่ท�ำให้ Sony Xperia Z1 Compact แตก ๑๓.๓ นิ้ว Full HD ใช้ซีพียู Intel Core เต็มประสิทธิภาพ ต่าง และน่าประทับใจกว่ามือถือรุ่นเล็กของค่ายอื่นๆ ก็ ระดับคอมพิวเตอร์ น�้ำหนักเครื่องอยู่ที่ ๑.๙ กก. นอกจาก คือ แม้ขนาดจะเล็กลง แต่สเปคด้านในยังคงจัดเต็มแทบ นี้ ยั ง จะมี รุ ่ น หน้ า จอ ๑๑ นิ้ ว ตามมาอี ก ในไม่ ช ้ า ด้ ว ย เหมือนรุ่นเรือธงเลยนั่นเอง สิ่งที่ถูกลดสเปคลงมาจาก ราคาเริ่มต้นในต่างประเทศอยู่ที่ราวๆ ๒๐,๐๐๐ บาท รุ่นใหญ่ก็มีเพียงแต่ขนาดหนาจอที่ลงมาเหลือ ๔.๓ นิ้ว แต่เตรียมตัวจ่ายมากขึ้นกว่านี้ได้เลยถ้าคุณต้องการสเปค กับความละเอียดระดับ 720p ซึ่งก็ยังถือว่าคมมากแล้ว ส� ำ หรั บ ขนาดหน้ า จอไซส์ เ ท่ า นี้ เ พราะมี ค วามละเอี ย ด ที่คุ้มพอจะหามาใช้งานจริง

พิ ก เซลถึ ง 341ppi แต่ น อกจากนั้ น คุ ณ จะได้ ก ล้ อ ง ขั้นเทพขนาด ๒๐.๔ ล้านพิกเซล, ซีพียู quad-core Snapdragon 800 และแรม 2GB Z1 Compact ยังมี หลากสีสันสดใสให้เลือกได้ตามใจ น่าจะตอบโจทย์คน ที่ ไ ม่ ต ้ อ งการสมาร์ ท โฟนขนาดใหญ่ เ บิ้ ม แต่ ยั ง มี ส เปค ระดับเรือธงได้เป็นอย่างดี

๔. LG Flexible OLED TV เมื่ อ พู ด ถึ ง ความล�้ ำ หน้ า ด้ า นเทคโนโลยี ใ นวงการ ที วี พนั น ได้ เ ลยว่ า ยั ก ษ์ ใ หญ่ จ ากแดนกิ ม จิ ต ้ อ งจั ด เต็ ม กว่าใคร โดยทั้ง Samsung และ LG ต่างก็ใช้พื้นที่งาน CES 2014 อวดผลงานทีวีจอโค้ง ที่คุณสามารถควบคุม ได้ว่าจะให้ทีวีของคุณโค้งรับมุมมองมากน้อยแค่ไหนได้ โดยตรงจากปุ่มรีโมท จุดที่แตกต่างกันและท�ำให้ชอบ LG มากกว่าก็คือ ในขณะที่ Samsung ยังเป็นแค่ตัวต้นแบบ แต่ LG Flexible OLED TV ก�ำลังจะวางขายภายใน ช่วงสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้าแล้ว แถมเทคโนโลยี OLED ยังท�ำให้จอภาพของ LG ตระการตามากกว่า และบาง กว่าอีกด้วย ส่วนรายละเอียดอื่นๆ นั้นยังไม่มีการเปิด เผยอย่างเป็นทางการมากเท่าไหร่นัก ว่ากันว่า LG ได้ ซุ่มท�ำทีวีจอโค้งเปลี่ยนรูปได้แบบนี้มานานกว่า ๑ ปีแล้ว โดยการโค้งของจอภาพหมายความว่า คุณจะสามารถ รับชมทุกบริเวณของจอภาพได้ในระยะห่างที่เท่าเทียม กันจากทุกจุด สอดคล้องกับสรีระและสายตาของคนเรา และให้ภาพที่ท�ำให้เกิดบรรยากาศเสมือน ๓ มิติได้สมจริง ยิ่ ง ขึ้ น ด้ ว ยส่ ว นความโค้ ง ของที วี ก็ ส ามารถปรั บ แต่ ง ให้เหมาะสมได้โดยค�ำนึงจากระยะห่างระหว่างระหว่าง ดวงตาของคุ ณ , ต� ำ แหน่ ง ที่ คุ ณ นั่ ง รั บ ชมที วี รวมทั้ ง จ�ำนวนคนที่ร่วมดูทีวีไปกับคุณด้วยแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อหน้าจอ OLED ขนาด ๗๗ นิ้ว ที่อาจจะยอดเยี่ยม ที่สุด สามารถปรับแต่งให้โค้งงอเข้ากับมุมมองของดวงตา อ่ายต่อฉบับหน้า


หน้า ๑๖

นครศรีธรรมราช

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

Tarzanboy

นหลงฤดู ข องค�่ ำ คื น ที่ ผ ่ า นมา ท� ำ ให้ ใครหลายคนสะบักสะบอมไปตามๆ กัน โดยเฉพาะโต๊ด หนุ่มน้อยแสนซื่อ ทน หนาวไม่ไหว หยิบเอาเสื้อผ้าที่แห้งสนิท มาเปลี่ยน สุดท้ายก็ไม่เหลือชุดใดอีกเลย ...เปียกชนิดคั้นน�้ำหุงข้าวได้ บนลานก้อนหินสองเกลอ หรือสอง ก้อน เต็มไปด้วย เป้ เสื้อผ้าหลากสี กางเกง ใน กางเกงนอก ข้าวของระเกะระกะ บาง คนเดินชะเง้อหา ชามเอย หม้อสนามเอย อยู่ไหนหว่า... เราอาบแดดยามเช้าขับไล่ ความหนาวเหน็บแบบเข้ากระดูก...จนสาย การเดินทางตามแผนการใหญ่ก็ยังไม่เริ่ม “อืม ลมฝน...อ๋อ นี่เหรอชื่อลูกชาย แหมไม่ แ ย้ ม ๆ กั น มั่ ง เลย ตรู ว ่ า มั น พายุ ชัดๆ” พี่กอล์ฟเจ้าของแผนการใหญ่ตัดพ้อ ต่อว่าทั้งชุดกางเกงตัวเดียว “ผมว่าแล้ว พี่บอยต้องอุบอะไรไว้ ตอนไปไหว้เจ้าที่เมื่อเที่ยงวาน พี่แกถามผม ว่า อยากรู้จริงเหรอ ลมฝนน่ะเป็นอย่างไร” โต๊ ด ที่ พึ่ ง จะจั ด การกั บ ผมเผ้ า อั น รุ ง รั ง ให้ เป็นระเบียบได้ ตั้งข้อสังเกตมาอีกคน “ช่วงหลังเขาหลวงเปลี่ยนไปมาก ปี ให้หลังนี้ ผมห่วงมาก ดอกไผ่บานไปทั้ง ภู และค่ อ ยๆ ตายลง ฝนก็ ต กๆ หยุ ด ๆ แปลกๆ มีกลิ่นไอร้อนมันมากกว่า กลิ่นลม อะไรไม่รู้ ผมว่ามันปกคลุมไปทั่วเขาหลวง นะ น่าจะเป็นเจ้าลมตัวนี้ ดอกไผ่ตกใจบาน พร้อมกันทั้งกอเล็กกอใหญ่อย่างที่เราเห็น นั่ น ไง สี น�้ ำ ตาลกลางสี เ ขี ย วนั่ น หมายถึ ง กอไผ่ก�ำลังจะตายครับ หากตายหมดนั้น มันจะโล่งไปเลย ....ผมสงสัยว่าอะไรจะมา แทน แล้วมันจะทันท่วงทีที่จะยึดเกาะผิว ดินสันเขารึเปล่า พืชจ�ำพวกข้อไก่ ก็ตาย ด้วย...” ระหว่างทานข้าวเช้าตอนเที่ยง ผม อธิบายสิ่งที่กังวลให้เพื่อนๆ ฟัง “...ผม รอฝนแบบนี้แหละ มันไม่ตก มานานมาก ที่ตกก่อนหน้านี้ มันเป็นพายุ

จากฝั่งทะเลโน้น ทะเลนี้ ไม่ใช่ฝนประจ�ำ ที่เคยตก ถ้าฝนแบบนี้มา ...ผมเชื่อว่า เขา หลวงอย่างที่ผมเคยเห็นจะฟื้น” ใช่ หาก ลมฝนส่ ง สั ญ ญาณแห่ ง ความห่ ว งใยบ้ า ง บางชีวิตก็ยังคงอยากด�ำรงอยู่ “อ๋อ ที่แดงๆ นั่นไผ่ตายเหรอ เออ ผมว่า ท�ำไมมันตายพร้อมๆ กัน” บางคน เริ่มเห็นเค้า “ลมฝน...ในแบบ... ลมฝน จ�ำเป็น ต่อเขาหลวงครับ ไม่ใช่ ฝนในแบบ ลมๆ แล้งๆ” ผมแน่ใจก่อนจะตั้งชื่อลูกชาย เคี้ยวผัดไส้กรอกไป เหม่อมองไปยัง ทิวเขาตระหง่านข้างหน้า สายตาไม่อาจ มองผ่านทิวเขาสูงแต่ทว่าใจกลับลอยล่อง ข้ามผ่านไปไกล...ไกล ถึง...ลูกชายในม้วน ผ้าอ้อมกลม คิดถึงรอยยิ้มทั้งยามหลับและ ตื่น ก่อนจากมาแทบท�ำให้ขาผมอ่อนพับ รอก่อนเจ้าลูกชายที่รัก พ่อก�ำลังกลับบ้าน แต่ขอกลับทางทิวเขาสลับซับซ้อนนั้นน่ะ

ผ ม ยิ้ ม ขี้ โ ก ง มุ ม ปากกับตัวเอง แว่วได้ยิน เสียงภรรยา ว่า...อย่าไป นานนะ !! ๗ วันเองจ้าๆ ห้าวันที่เหลือเนี่ยแหละ ก�ำลังกลับบ้าน “ทิ ว นั้ น เหรอบอยที่ เ ราจะไป แล้ ว โน่นอีกล่ะ ไปด้วยมั้ย โอย..ท�ำไมมันหลาย ยอดว่ะนั่น” ใครบางคนตั้งค�ำถามพร้อมเป้ ขึ้นหลัง “อ่า..ครับ ข้ามนี่ไป ลงไปนั่น ข้ามไป นั่นอีก และ เอ่อ แวะลง...เนินลมฝน แล้ว ถ้าไปต่อ ก็ข้ามนั่น เดินไปทิวนั้น โน่น ลง หุบ ...แล้วขึ้นนั่น อ่า ...ตกลงเดือนครึ่งใช่ มั้ย จะได้ไปอีกโน่น อีกยอด” ผมไล่เรียง แต่ละยอดทิวเขาหลวงที่เด่นตระหง่านใน โทนสีน�้ำเงินเข้มนั้นให้สมาชิกหลงผิดดู “เฮ้ย เอาจริงเหรอ” เสียงเบิร์ดเจ้า เก่าท�ำตาโต “เอ๊ะ มีเนินอะไรนะ ลมฝน ...มีเนินนี้ ด้วยเหรอ แล้วจะเจอแบบเมื่อคืนอีกม๊ะ” “โอย ไม่เอาแล้ว ลูกไม่ลบหลู่อีกแล้ว บอกไว้ก่อนนะพี่บอย เมื่อกี้ตอนตั้งอาหาร ผมขอแล้ว ไม่ไหว ยังกะแช่น�้ำขั้วโลก” เสียง กิตสมาชิกอีกคนบ่นอ้อนวอนต่อพายุ ใน ทุกเช้า เราจะตั้งอาหารขอขมาต่อเจ้าที่ เจ้าทาง อันเป็นกิจวัตรของคนเดินป่าต้อง ท�ำ บางสิ่งไร้ตัวตน แต่มี...ชีวิต ไม่มีอะไร ให้พิสูจน์แต่หากอยากสื่อสาร สารนั้นก็ถึง ด้วยเจตนา ฟ้าสีฟ้า ตะวันร้อนแรง และขุนเขา ยังคงสูงชัน ขึ้นๆ ลงๆ ปีนๆ ลอดๆ และ คลานคลุกไปกับดินโคลนบนความสูงพัน

หกร้อย เหมือน ลูกหมาตกท่อ นั่นคือค�ำ ตอบยามดูสภาพแต่ละคน สันเขาบางช่วง เป็นทุ่งหญ้าสลับป่าต�่ำ กล้วยไม้สารพัด ยังคงมีให้เห็นตลอดทาง บนคาคบนั่น ใน ดงหญ้าก็มี ตามพื้นดินก็หลายชนิด ผมพา มุ ด ลอดคลานไปในช่ ว งสุ ด ท้ า ยตามแนว ล�ำธารที่ไหลลงสู่ทิศตะวันออก จ�ำได้ว่าการพยายามสู่...หลุมอุกาบาต เป้ า หมายในหลายปี ก ่ อ นนั้ น หาก เบี่ ย งผิ ด องศาไปสั ก นิ ด ก็ จ ะไม่ ส ามารถ หาเจอได้เลย ครานี้ผมไม่แน่ใจ แต่ก็ตั้งใจ แน่วแน่ว่า ...ที่เมฆม้วนตามลมลงไปอย่าง ที่ เ ห็ น นั่ น แหละ ต้ อ งใช่ . ..ที่ นั่ น ทุ ่ ง หญ้ า เขียวสองทุ่งเล็กๆ ต้องปรากฏ และเหนือ จากทุ่งหญ้าในองศาตะวันออก ตรงตะวัน โผล่ออกพอดี คือ...เนินลมฝน เป้าหมาย ในใจวันนี้ ขาข้างหนึ่งของผมจมลงไปใน บ่อโคลนถึงเข่า นั่นแหละ !! ผมถึงแน่ใจ ว่า ใช่แล้ว ถึงเป้าหมายข้างนี้แล้ว หมอก จากไปเผยให้ เ ห็ น ทุ ่ ง หญ้ า ขจี โ ล่ ง อยู ่ ใ น สายตา หลุ ม อุ ก ากาตคื อ ทุ ่ ง หญ้ า ในพรุ สันเขา มีน�้ำเจิ่งนองอยู่ใต้ผิวหญ้าที่ปกคลุม นั้นตลอดปี บางช่วงเป็นหลุมโคลนหาก ไม่สังเกต ไม่ต้องห่วง บางคนที่ก้าวพลาด ...จมลงไปทันที “ทานข้าวกันก่อนดีกว่าครับ ข้างบน ผมว่าไม่มีน�้ำ ซ้ายมือมีอีกทุ่งหนึ่ง ถัดไปน�้ำ


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗ จะไหลไปรวม แถวนั้นร่มรื่น ผมเคยมา ๓ ครั้งแล้ว แต่...คราวนั้นไม่เห็นทุ่งนี่ งงๆ เหมือนกัน” หุงข้าวไปผมนั่งปรึกษากับเทียนไป ยามแบบ นี้ ผ มมั ก จะเช็ ค ..จากคนรู ้ ใ จ ว่ า สถานการณ์ เ รา เป็นไงบ้าง คนอื่นๆ เป็นไง โดยนิสัยผมจะบอก กล่าวทีมทุกระยะว่า ต่อไปน่าจะเอาอย่างไร จะ นพ.รังสิต ทองสมัคร์ เจออะไรบ้าง หรือไม่ก็นั่งประเมินกันดูว่า ตรงนี้ ตรงนั้นใช่ที่เราเคยมารึเปล่า เรื่องแบบนี้ผมเชื่อมั่น ในทีม ใช่ ตรงนี้ผมเคยมากับเทียนแล้วสองครั้ง แล้วเนินลมฝนอยู่ไหนคราวนั้น “บนเนินนี้แหละ แต่มันเหมือนกันสามสี่เนิน ต้องขึ้นให้ถูก หากหมอกคลุมหลุดแล้วหลุดเลย” ผมตัดสินใจเล็งเนินด้านตะวันออก จากร่องล�ำธารเสียงลมหวีดหวิวคล้ายอาการ ลมขณะสัมผัสทุ่งหญ้า และก็จริงดั่งคาด ทุ่งหญ้า หลังเต่า บนเนื้อที่ไม่เกิน ๑๐๐ ตารางวา ผิวหญ้า สูงเพียงตาตุ่ม รอบๆ คือแนวป่าแคระ ที่เต็มไป ด้วยกล้วยไม้นานาชนิด เสียงลมกรีดยอดหญ้า บ่งบอกถึง สูงสุดเนินนี้มีเพียงหญ้า ไม่มีไม้ยืนต้น สักต้นเดียว “เนินลมฝน...” ผมอุทานแผ่วเบา “ถึงแล้วเหรอ โอ้โห้ งี้เลยเหรอ” พวกเราทิ้งเป้หลังลงกับพื้นพรมหญ้า และ ค่อยๆ กระจายยืนกินลมชมวิวโดยรอบ ....นั่น ไง หลุมอุกาบาต สายหมอกในหุบที่ ลมหอบขึ้นสูง เผยให้เห็นทุ่งหญ้าในป่าพรุที่เรา เพิ่งผ่านมา นั่นคือหลุมอุกาบาตในความหมายของ ผม ถัดไปคือแนวสันเขาด้านตะวันตกที่เราปีนป่าย ตลอดวัน และสูงสุดนั่น ใช่แล้ว ยอดฝามี มองไถล ลงเนินไปอีก แนวสันเขาร้อยเล่ห์ และผาเหยียบ เมฆ เมฆขาวก้อนสุดท้ายสลายไปกับความร้อน แรงของตะวัน ท�ำให้มองได้ไกลถึง โน่นยอดหกพู เขานัน ....หึๆ ทมึนกลางอ่าวไทยนั่น สมุยดอกรึ !!! “นั่นอะไรบอย” เสียงใครบางคนเอ่ยถามถึง กลุ่มขาวๆ บนพื้นล่าง อันหมายถึง หมู่บ้านในฝั่ง ตะวันออกของเขาหลวง “เมื อ งมนุ ษ ย์ !!” ผมตอบล้ อ เลี ย นพร้ อ ม หัวเราะด้วยไม่หันกลับไปมอง “นอนนี่ๆๆ” ผมคิดว่า แผนการเดินป่าครั้งนี้ คงเป็นฉบับย่อแล้วแหละ “เอ้า นอนก็นอน” ความจริงผมก็แอบเห็น ด้วยโดยไม่อยากให้ใครปฏิเสธ สายลมกรีดยอดหญ้า ผมชอบเสียงนี้จัง กลิ่น ไอดิ น หอมจางๆ ที่ น อนนุ ่ ม หนากลางหมู ่ เ มฆนี้ ยากที่จะเดินผ่านเลยไป ออกเดินตอนเที่ยง หลบ นอนตอนบ่าย บนเส้นทางอันไกลพ้น ผมเพียงคิด ว่า เป้าหมายนั้นไม่ส�ำคัญอีกต่อไป การได้ละเมียด ละไมอ้อยอิ่งแบบนี้ น่าจะเป็นรูปแบบของการเดิน ป่ามากกว่า การตะบี้ตะบันเดินทางไกลสุดหล้า จะ ข้ามยอดนั้น ป่ายยอดนี้ จะเหยียบภูสูงนั่น .... รึเปล่า....เรามิเคยพักตามองระหว่างรอยเท้า ความห่างและสิ่งมากมายระหว่างนั้น อาจ บรรจุความลับอันยิ่งใหญ่ แม้จะมองในสายตาหอยทาก สิ่งใดอยู่ไกล ฟ้าฟากนั่นจึงรั้นค้นหา เพราะยามหันมองกลับมา มีแต่ความหยาบ กระด้างแห่งทรงจ�ำ

นครศรีธรรมราช

หน้า ๑๗

เป็นครั้งแรกที่รวบรวมช่างภาพฝีมือดีกว่า ๒๐ ท่าน กับภาพถ่ายสุดยอดเมืองนคร กว่า ๒๐๐ ภาพ จัดท�ำเป็นหนังสือปกแข็งเล่มใหญ่ ทั้งสี่ภาพเป็นเพียงตัวอย่างบาง ส่วนจาก “ภาคทะเล” รอติดตามและสั่งจองเป็นเจ้าของได้เร็วๆ นี้ครับ


หน้า ๑๘

นครศรีธรรมราช

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นภสร มีบุญ

อลั่ลล้า พาเพลิน ฉบับต้อนรับวันหวานๆ เทศกาลแห่งความรักฉบับนี้ ขออวยพรให้ ทุกครอบครัวมีความสุข สดใส และพร้อมที่ จะแบ่งปันความรักให้แก่กันและกันด้วยหัวใจ ที่มีธรรมะค่ะ ..พาท่านผู้อ่านไปนั่งชิมนั่งชม รับลมเย็นๆ กับบรรยากาศสบายๆ แบบเป็น กันเอง ที่ร้าน “เรือนรับรอง” เรือนเล็กๆ ที่มี เสียงดนตรีขับกล่อมในยามค�่ำคืน และรสชาติ อาหารพื้ น บ้ า นที่ ถู ก ปากและคุ ้ น ลิ้ น ของคน ปักษ์ใต้แบบเราๆ ความแตกต่างและความ ลงตัวของร้านนี้จะอยู่ที่ เป็นเรือนรับรองที่เล็ก พื้นที่แม้จะไม่กว้างขวางโอ่โถงนัก แต่ดูจาก เฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรมาตกแต่ง สวยงามลงตัว กับเรือนไม้ ที่ประยุกต์จากพื้นที่เดิม ต่อยื่น ออกมา พร้อมกับมุมน่ารักๆ ที่ดีไซน์ไว้ให้กับ ลูกค้าไว้มาเก็บภาพประทับใจกลับไปอีกทั้ง การเอาใจใส่ลูกค้าทุกคน กลุ่มของลูกค้าที่ร้าน เรือนรับรองก็มีทั้งลูกค้าครอบครัวที่เข้ามาใช้ บริการในช่วงเย็นๆ มาล้อมวงทานข้าวพาลูก หลานมาวิ่งเล่นรับอากาศชานเมือง ที่ยังคงสูด อากาศกันได้อย่างเต็มปอด หลังจากนั้นก็พา กันกลับบ้าน แล้วลูกค้าชุดใหม่กลุ่มวัยรุ่นวัย คนท�ำงานก็จะเข้ามาแทนที่ มานั่งรับประทาน อาหาร พบปะ พูดคุยตามประสาเพื่อนฝูงหรือ

คนรู้ใจ คลอเคล้ากับเสียงดนตรีไพเราะที่มีไว้ บริการทุกค�่ำคืนจนถึงเที่ยงคืนเลยเชียว มีคน แอบบอกว่าบางทีลูกค้าที่นั่ง ก็เกือบจะรู้จัก และสามารถพูดคุยกันได้ข้ามโต๊ะ หรือไม่ก้อ รู้จักกันทั้งร้าน เรียกว่าได้อิ่มอร่อยทั้งอาหาร และได้อิ่มสุขทางอารมณ์จริงๆ เกือบลืมย�้ำค่ะ

..ที่นี่ยังมีบริการ FREE WI FI ส�ำหรับลูกค้า วันนี้มีโอกาสมาเยือนอย่างไม่เป็นทาง การ และได้พูดคุยกับเจ้าของร้านชายหนุ่ม อารมณ์ดี พี่สุรินทร์ สิริชยานนท์ บจก. โอเค พรี ค ลาสท์ ซึ่ ง ตั้ ง อยู ่ ริ ม ถนนอ้ อ มค่ า ย และ เจ้ า ของร้ า นเรื อ นรั บ รอง ด้ ว ยเหตุ ที่ ห ลาน สาวอยากเปิดร้านกาแฟ แต่อาคารพาณิชย์ ด้านหน้ายังไม่เสร็จ ก็เลยมาคิดกันว่าลองเปิด ร้านเล็กๆ พลางๆ ไปก่อน ประกอบกับตัว เองชอบเที่ยว และเดินทางบ่อย ไปพบเจอ เฟอร์นิเจอร์ไม้สวยที่ด่านสิงขรเลยอดใจไม่ ไหว ต้องขนกลับมาหาที่จัดวาง หาที่วางได้ ยังไม่โดนใจก็เลยต้องตกแต่งสถานที่วางให้ เหมาะสม สุดท้ายก็ยาวมาเป็น ร้าน “เรือน รับรอง” ในปัจจุบันค่ะ โดยได้รับการแนะน�ำ ดูแลในการตกแต่งร้านจาก คุณสนธยา คงชัย สถาปนิกหนุ่มผู้มากด้วยประสบการณ์ และ ตอนนี้ก็ก�ำลังจะเพิ่มจุดถ่ายภาพให้กับลูกค้าที่

เข้ามาใช้บริการ พี่สุรินทร์ยังคุยกับเราอีกว่า การท�ำงานด้านบริการหวังก�ำไรไม่มาก หวัง ความสุขและความสบายใจของลูกค้าที่มาใช้ บริการมากกว่า จุดเด่นของที่ร้านบอกได้เลย ว่าถ้าลูกค้ามีอาหารทะเลสดติดมือมา ทาง กุ๊กของเราไม่เคยคิดค่าบริการ จัดท�ำให้ด้วย ความเต็มใจ ตามที่ลูกค้าจะต้องการ ..และนี่ คือเสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของร้านเรือนรับรองค่ะ .. ส่วนในเรื่องของกิจกรรมคอนเสิร์ตที่ทาง ร้านได้จัด ..บอกกับท่านผู้อ่านได้เลยค่ะว่าที่ นี่นักร้อง-ศิลปิน คุณภาพคับแก้วจริงๆ จาก คอนเสิร์ตครั้งแรกที่ผ่านมา อุ๊ & แอม ก็ได้รับ การตอบรับอย่างดี ทุกคนมีความสุขที่ได้มา สัมผัสกับศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทย อย่างใกล้ชิด ในปีพ.ศ. ๒๕๕๗ ทางร้านเรือน รับรองก็จะมีคอนเสิร์ตอีกประมาณ ๖ ครั้ง ให้ได้ติดตามกัน และในวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ นี้ ก็พลาดไม่ได้นะคะกับศิลปินวงน่า รักอีกหนึ่งวง “วัชราวลี” วงที่จะท�ำให้ทุกคน มีความสุขและรอยยิ้มในเสียงเพลงของพวก เขา บัตรราคา ๓๐๐.-บาท/ท่าน จองได้ที่ โทร. ๐๗๕-๔๕๑-๗๓๓ อย่าพลาดนะคะ พบเจอร้านอาหารดีๆ สถานที่พักน่า สนใจ แจ้ ง รายละเอี ย ดกั น ได้ น ะคะ โอลั่ ล ล้าพากินพาเที่ยว โทร.๐๘-๑๖๐๗-๔๓๕๗ ล้ อ จะหมุ น คั น เร่ ง จะท� ำ งานไปเยี่ ย มเยื อ น ทันทีค่ะ ขอบคุณ : ร้านเรือนรับรอง, ภาพสวยๆ จากพี่ปรีชา แก้วนิล และทีมช่างภาพ รับสิทธิ : ส่วนลด ๑๐% ส�ำหรับแฟน คลับ นสพ.รักบ้านเกิด (ยกเว้นวันคอนเสิร์ต วัชราวลี) ส�ำรองโต๊ะจัดเลี้ยง-สังสรรค์ล่วงหน้าที่ “ร้านเรือนรับรอง” โทร. ๐๗๕-๔๕๑-๗๓๓

ด�ำเนินการโดย..บริษัท เอส.พี.เอ.คอมพิวเตอร์ จ�ำกัด และ บริษัท เพชรไพลิน ดีเวลลอปเม้นท์ จ�ำกัด สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ติดต่อเช่าพื้นที่ โทร.082-2922437 (คาดว่าจะแล้วเสร็จราวกลางปี 2556)


ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗

นครศรีธรรมราช

โรงแรมทวิ น โลตั ส และกองทั พ ภาค ที่ ๔ ร่วมจัดโครงการ ส่งยิ้มส่งใจ สู่ ๓ จังหวัด ชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งก�ำลังใจให้กับข้าราชการ ทหารผู้เสียสละ ปฏิบัติภารกิจ ณ สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้ เนื่ อ งในโอกาส เทศกาลแห่ ง ความรัก มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ ๖ โดยในปี ๒๕๕๗ นี้ ทางโรงแรมทวินโลตัส ได้ ส ่ ง มอบสิ่ ง ของให้ เ หล่ า ข้ า ราชการทหาร เหมื อ นเช่ น เคย และขอเรี ย นเชิ ญ บุ ค คลที่ สนใจ ร่วมส่งก�ำลังใจให้เหล่าข้าราชการทหาร

หน้า ๑๙

ณ ๓ จั ง หวั ด ชายแดนภาคใต้ ไ ด้ โ ดยสนั บ สนุ น สินค้าอุปโภคและบริโภค ที่เป็นของใหม่เท่านั้น ได้ ณ โรงแรมทวินโลตัส ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ม.ค. ๓ ก.พ.๕๗ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ๐๗๕-๓๒๓๗๗๗ ต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ “ท่านคือหนึ่งในก�ำลังใจของเหล่าทหาร กล้า มาร่วมส่งยิ้มส่งใจ สู่ ๓ จังหวัดชายแดน ภาคใต้ ได้ที่โรงแรมทวินโลตัส”


หน้า ๒๐

นครศรีธรรมราช

ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๙ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.