ยอดหญิงมือสังหาร 1 : มรณะประกาศิต (Grave Mercy)

Page 1

His Fair Assassin Grave Mercy

มรณะ ประกาศิต

ยอดหญิ ง มื อ สั ง หาร เล่ ม 1

Robin LaFevers ลมตะวัน แปล

เ ขี ย น


1

บริตตานี 1485 ข้ามีปื้นสีแดงก�่ำพาดตั้งแต่ไหล่ซ้ายลงไปถึงสะโพกขวา เป็นรอยอันเกิดจาก ยาพิษของแม่หมอที่แม่ใช้ขับข้าออกจากครรภ์ แม่หมอบอกว่าการที่ข้ารอดมา ได้นั้นมิใช่ปาฏิหาริย์ ทว่าเป็นสัญญาณว่าข้าคือธิดาแห่งองค์มรณะเทพ ได้ยินว่าพ่อโกรธจัดและลงไม้ลงมือกับแม่ ทั้งที่นางยังนอนไร้เรี่ยวแรง และหลั่งเลือดอยู่บนเตียงคลอด จนกระทั่งแม่หมอบอกว่า หากแม่ของข้าได้ หลับนอนกับเทพแห่งความตายจริง องค์เทพก็คงไม่ยอมนิ่งเฉยขณะที่พ่อทุบตี นางแน่ ข้าเหลือบมองกวิลโล่ ว่าที่สามีของข้า และสงสัยว่าพ่อได้เล่าเรื่อง สายเลือดของข้าหรือไม่ ข้าเดาว่าไม่ เพราะใครจะยอมจ่ายถึงสามเหรียญเงิน เพื่อคนเช่นข้ากัน อีกทั้งกวิลโล่ก็ดูนิ่งเฉยเกินจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของข้า หากพ่อ หลอกเขา คงไม่ดีต่อชีวิตคู่ของเราแน่ การที่เราสมรสกันในกระท่อมของกวิลโล่ แทนที่จะเป็นโบสถ์ยิ่งท�ำให้ข้ากังวล ข้ารู้สึกถึงสายตาถมึงทึงของพ่อจึงเงยหน้าขึ้น แววมีชัยในดวงตาคู่นั้น ท�ำให้ข้าหวาดกลัว เพราะหากเขาเป็นฝ่ายชนะ ข้าก็ย่อมเป็นฝ่ายแพ้แม้จะยัง ไม่เข้าใจว่าเรื่องใดก็ตาม ทว่าข้าก็ยังยิ้ม อยากให้เขาเชื่อว่าข้ามีความสุข เพราะ

1


ยอดหญิงมือสังหาร 1 ไม่มีสิ่งใดกวนใจเขาได้มากกว่าความสุขของข้า แต่แม้ขา้ จะโกหกพ่อได้โดยง่าย การโกหกตัวเองนัน้ ยากกว่า ข้ากลัวจับใจ กลัวชายผูซ้ งึ่ แต่นไี้ ปจะเป็นเจ้าของข้า ข้าก้มมองมือใหญ่โตของเขา มือทีเ่ หมือน พ่อ มีเศษดินในซอกเล็บและคราบไคลในรอยย่นของผิวหนัง ความคล้ายคลึงจะ สิน้ สุดลงตรงนัน้ หรือไม่ หรือเขาก็จะใช้มอื นัน้ ต่างไม้ตะบองเช่นเดียวกัน นี่คือการเริ่มต้นใหม่ ข้าย�้ำกับตัวเอง และแม้จะหวาดหวั่นเพียงใด ข้าก็ ไม่อาจดับความหวังอันริบหรีไ่ ด้ กวิลโล่ปรารถนาข้าพอจะจ่ายถึงสามเหรียญเงิน ที่ใดมีความปรารถนา ก็ย่อมมีที่ให้ความกรุณาด้วยใช่หรือไม่ มันคือสิ่งเดียวที่ คอยรั้งไม่ให้เข่าข้ากระทบกันและไม่ให้มือข้าสั่น นอกจากนี้ก็ยังมีนักบวชที่มา ประกอบพิธี เพราะแม้เขาจะเป็นเพียงนักบวชบ้านป่า กิรยิ าทีเ่ ขาเหลือบมองข้าม พระคัมภีร์มาก็ท�ำให้ข้ามั่นใจว่าเขารู้ว่าข้าเป็นใคร คือสิ่งใด ขณะทีน่ กั บวชพึมพ�ำค�ำสุดท้ายของบทประกอบพิธี ข้าก็จอ้ งสายประค�ำ ใยป่านเนือ้ หยาบซึง่ ร้อยลูกประค�ำไว้เก้าเม็ด บ่งบอกว่าเขาเป็นผูย้ ดึ ถือวิถโี บราณ กระทั่งยามที่เขาพันเชือกรอบข้อมือของเราและอวยพรจากพระผู้เป็นเจ้ากับ นักบุญโบราณทัง้ เก้าให้การสมรสของเรา ข้าก็หลุบตาต�ำ่ กลัวจะเห็นแววสะใจใน ดวงตาของพ่อ กลัวสิ่งที่อาจปรากฏบนสีหน้าของสามีข้า หลังเสร็จพิธี นักบวชก็สาวเท้าสกปรกของตนออกไป รองเท้าแตะหนัง เนื้อหยาบกระทบพื้นดังลั่น เขาไม่เสียเวลาดื่มฉลองกับเราด้วยซ�้ำ พ่อของข้าก็ เช่นกัน ฝุ่นจากเกวียนที่พ่อขับจากไปยังไม่ทันหยุดตลบดีเมื่อสามีหมาดๆ ตบ บั้นท้ายข้าพร้อมค�ำรามในคอและบุ้ยปากไปทางชั้นลอย ข้าก�ำหมัดแน่นเก็บอาการสั่นเทาและเดินไปยังบันไดง่อนแง่น ขณะที่ กวิลโล่เติมพลังด้วยเบียร์เอลอีกเหยือก ข้าก็ปีนขึ้นไปยังชั้นลอยและเตียงที่จาก นี้ไปต้องนอนร่วมกับเขา ข้าคิดถึงแม่ยิ่งนัก เพราะแม้นางจะหวาดกลัวข้า นางก็ ต้องให้คำ� แนะน�ำอย่างสตรีในคืนวันแต่งงานได้ ทว่าแม่และน้องสาวของข้าหนีไป นานแล้ว คนหนึ่งหนีกลับไปยังอ้อมแขนของความตาย ขณะที่อีกคนหนีไปสู่ อ้อมแขนของพ่อค้าเร่ที่ผ่านมา ข้าย่อมรูว้ า่ เกิดอะไรขึน้ ระหว่างชายหญิง กระท่อมของเราเล็กและพ่อก็

2


มรณะประกาศิต เสียงดัง หลายต่อหลายคืนทีก่ ารเคลือ่ นไหวอย่างเร่งร้อนร่วมกับเสียงครวญคราง ก้องไปทั่วกระท่อมมืดๆ ของเรา พ่อข้ามักจะดูบูดบึ้งน้อยลงในวันถัดมา ขณะที่ แม่บูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม ข้าพยายามปลอบตัวเองว่าไม่ว่าเตียงสมรสนั้นจะเลวร้าย เพียงใด ก็ไม่มีทางแย่ไปกว่าโทสะลุ่นๆ และก�ำปั้นหนักๆ ของพ่อเป็นแน่ ชั้นลอยนั้นทั้งอุดอู้ทั้งอับ อวลกลิ่นราวกับไม่เคยมีใครเปิดหน้าต่าง หยาบๆ ทีท่ า้ ยห้อง เตียงซึง่ ท�ำขึน้ จากไม้และเชือกมีฟางกองอยูต่ า่ งฟูก นอกจาก นั้น ก็มีเพียงหมุดสองสามตัวส�ำหรับแขวนเสื้อผ้าและหีบไม้หน้าตาเรียบๆ ที่ ปลายเตียง ข้านั่งลงที่ขอบหีบและรอ เพียงไม่นานเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังลั่นจากบันได ก็บอกว่ากวิลโล่กำ� ลังมา ปากของข้าแห้งผาก ท้องไส้ปน่ั ป่วน ข้ายืนขึน้ ไม่อยาก ถูกข่มด้วยความสูงของเขา เมื่อเขาเข้ามาในห้อง ข้าก็บังคับให้ตัวเองมองหน้าอีกฝ่ายได้ในที่สุด ดวงตายิบหยีอย่างหมูตอนโลมเลียร่างข้าอย่างหืน่ กระหาย ตัง้ แต่ศรี ษะจรดปลาย เท้าก่อนจะย้อนกลับมาที่ทรวงอก การที่พ่อบังคับให้ข้าผูกเสื้อจนแน่นนั้นได้ผล เพราะกวิลโล่แทบไม่ยอมมองสิ่งอื่นเลย เขาเขย่าเหยือกเอลมาทางชุดของข้า ท�ำให้ของเหลวกระฉอกลงบนพืน้ “ถอดออกซะ” ความหืน่ กระหายปรากฏชัดใน น�้ำเสียง ข้าจ้องผนังทางด้านหลังของอีกฝ่าย ปลายนิ้วสั่นระริกขณะเอื้อมไปยัง เชือกผูกชุดกระโปรงชัน้ นอก แต่ยงั ไม่เร็วพอ ไม่เคยเร็วพอ เขาก้าวยาวๆ สามก้าว มาตบหน้าข้าอย่างแรง “เดี๋ยวนี้!” เขาค�ำรามขณะที่ศีรษะข้าสะบัดไปด้านหลัง น�้ำย่อยเอ่อขึ้นมาจุกที่คอหอยและข้าก็กลัวว่าจะอาเจียนออกมา เรื่อง ระหว่างเราจะเป็นเช่นนี้สินะ นี่คือสาเหตุที่เขายอมจ่ายสามเหรียญเงิน ข้าแก้เชือกจนเสร็จ ถอดชุดออก ยืนอยู่ต่อหน้าเขาโดยสวมเพียงชุด ซับในและกระโปรง อากาศอับๆ ซึ่งเมื่อครู่ยังอุ่นเกินไปกลับเย็นเยียบเมื่อสัมผัส ถูกผิว “กระโปรง” เขาตะคอก หายใจแรง ข้าแก้เชือกออกและถอดกระโปรง ขณะที่ข้าหันไปพาดมันลงบนม้านั่ง

3


ยอดหญิงมือสังหาร 1 ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆ กวิลโล่ก็เอื้อมมาคว้าตัวข้า เขาว่องไวจนน่าประหลาดใจทั้งที่ ตัวโตและทึ่มทื่อถึงเพียงนี้ แต่ข้าไวกว่า ข้าฝึกหลบโทสะของพ่อมานานปี ข้าสะบัดหนี หมุนตัวจนพ้นเงื้อมมือ และท�ำให้เขาโกรธ ที่จริงแล้วข้า ไม่ได้คดิ เลยว่าจะหนีไปทีไ่ หน เพียงแต่หวังจะถ่วงสิง่ อันไม่อาจหลีกเลีย่ งได้ออก ไปอีกนิด เสียงปังดังขึน้ เมือ่ เหยือกเอลซึง่ พร่องไปครึง่ หนึง่ กระทบเข้ากับผนังทาง ด้านหลังข้า ท�ำให้เอลกระเซ็นไปทั่วห้อง เขาค�ำรามและโผเข้าใส่ ทว่าบางสิ่งใน ตัวข้าไม่ยอม—ไม่อาจ—ปล่อยให้เขาได้ดังใจง่ายๆ ข้ากระโดดหลบ แต่ไม่ไกลพอ ข้ารู้สึกถึงแรงกระชาก ตามด้วยเสียงแควกเมื่อซับใน บางๆ เปื่อยยุ่ยของข้าขาดคามือ ความเงียบก้องไปทั่วชั้นลอย เป็นความเงียบที่เปี่ยมไปด้วยความ ตกตะลึงจนแม้เสียงหายใจหอบของกวิลโล่ก็ยังหยุดลง ข้ารู้สึกถึงดวงตาที่กวาด ไปตามแนวหลัง เห็นรอยปูดโปนสีแดงน่ารังเกียจและแผลเป็นที่ยาพิษทิ้งไว้ ข้า เอี้ยวคอไปเห็นใบหน้าของเขาซีดเผือดราวกับชีสที่ยังไม่ได้บ่ม ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเราสบตากัน เขารู้—รู— ้ ว่าถูกหลอกแล้ว เขากู่ร้องดังลั่น เป็นเสียงแห่งโทสะ อันทุ้มต�่ำทอดยาวที่สื่อถึงความโกรธและกลัวพอๆ กัน จากนั้นมือหยาบกร้านของเขาก็ฟาดเข้าที่กะโหลก ท�ำให้ข้าทรุดฮวบ ความรวดร้าวที่เกิดขึ้นเมื่อความหวังดับวูบนั้นร้ายกาจยิ่งกว่าก�ำปั้นและรองเท้า ของเขาเสียอีก เมื่อโทสะของกวิลโล่สงบลงแล้ว เขาก็ก้มลงกระชากผมข้า “คราวนี้ข้า จะไปหานักบวชตัวจริง เขาจะเผาแกทิ้ง ไม่ก็จับแกกดน�้ำ หรืออาจจะทั้งสอง อย่าง” เขาลากข้าลงบันไดไป หัวเข่าข้ากระแทกบันไดทุกขั้นอย่างเจ็บปวด เขา ลากข้าไปถึงครัวก่อนจะผลักข้าลงไปในห้องเก็บของสดใต้ดินเล็กจ้อย กระแทก ประตูปิด และลั่นดาล เนือ้ ตัวข้าเต็มไปด้วยรอยช�ำ้ กระดูกอาจจะหักด้วยซ�ำ้ ข้านอนแนบแก้ม ระบมเข้ากับพื้นดินเย็นๆ และอดยิ้มไม่ได้ ข้าหลบหนีชะตาที่พ่อลิขิตไว้ส�ำเร็จ ผู้ชนะคือข้า ไม่ใช่เขา

4


มรณะประกาศิต เสียงถอดกลอนปลุกให้ขา้ สะดุง้ ตืน่ ข้าผุดลุกขึน้ ในท่านัง่ และกระชับเศษชุดซับใน ขาดรุ่งริ่งเข้ากับตัว เมื่อประตูเปิดออก ข้าก็ตะลึงเมื่อเห็นนักบวชบ้านป่าคนนั้น ชายขี้กลัวตัวเล็กคนเดียวกับที่อวยพรให้ชีวิตคู่ของเราเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน กวิลโล่ไม่ได้มาด้วย และวินาทีใดก็ตามทีป่ ราศจากพ่อของข้าหรือกวิลโล่กถ็ อื เป็น วินาทีแห่งความสุข นักบวชเอี้ยวคอไปมองด้านหลังก่อนจะกวักมือให้ข้าตามมา ข้าลุกขึ้น และห้องใต้ดินก็หมุนติ้ว ข้ายันผนังไว้ รอให้อาการซาลง นักบวชกวักมืออีกครัง้ เร่งร้อนกว่าเดิม “เรามีเวลาไม่มากนักก่อนเขาจะกลับมา” ค�ำพูดของเขาท�ำให้สมองข้าโปร่งอย่างทีไ่ ม่มสี งิ่ อืน่ ใดท�ำได้ หากเขามา ทีน่ โ่ี ดยทีก่ วิลโล่ไม่รู้ ก็แปลว่าเขาต้องมาช่วยข้าแน่ๆ “ก�ำลังไป” ข้าผละจากผนัง ก้าวข้ามกระสอบหัวหอมอย่างระมัดระวัง และตามนักบวชบ้านป่าเข้าไปในครัว มืดมิดซึง่ มีเพียงแสงจากถ่านทีค่ อุ ยูใ่ นเตาผิง ข้าควรจะสงสัยว่านักบวชเจอข้าได้ อย่างไร ว่าเขามาช่วยข้าท�ำไม แต่ไม่เลย สิ่งเดียวที่ข้าคิดคือเขาไม่ใช่ทั้งกวิลโล่ และพ่อของข้า เรื่องอื่นล้วนไม่ส�ำคัญ เขาน�ำข้าออกไปทางประตูหลัง และในวันทีเ่ ต็มไปด้วยเรือ่ งน่าประหลาด ใจเช่นนี้ ข้าก็ได้เจอเรื่องเช่นนั้นอีกเมื่อเห็นแม่หมอชราประจ�ำหมู่บ้านของเรารอ อยู่ หากข้าไม่ต้องใช้สมาธิทั้งหมดกับการสาวเท้าไปทีละข้าง ก็คงถามไปแล้วว่า นางมาท�ำอะไรที่นี่ ทว่าตอนนี้ข้าท�ำได้เพียงประคองตนไม่ให้ล้มคะม�ำ ขณะที่ก้าวออกไปสู่ยามค�่ำคืน เสียงถอนใจอย่างโล่งอกก็หลุดจาก ล�ำคอของข้า ภายนอกนัน้ มืดมิดและความมืดก็เป็นสหายของข้าเสมอมา เกวียน เล่มหนึง่ รออยูใ่ กล้ๆ นักบวชบ้านป่าประคองข้าขึน้ นัง่ ท้ายเกวียน พยายามสัมผัส ถูกข้าให้น้อยที่สุด ก่อนจะเร่งฝีเท้าอ้อมไปยังที่นั่งคนขับและปีนขึ้นไป เขาเอี้ยว คอมามองข้าก่อนจะหลบตาราวกับถูกไฟลวก “ข้างหลังนั่นมีผ้าห่ม” เขาพึมพ�ำ ขณะกระตุ้นเจ้าลาแก่ให้เดินไปยังถนนปูหิน “คลุมตัวเสีย” พื้นเกวียนแข็งๆ กดกระดูกกับเนื้อตัวช�้ำๆ ของข้าจนปวดระบม และ ผ้าห่มผืนบางก็ทั้งหยาบทั้งเหม็นกลิ่นลา แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ยังอยากได้เพิ่มอีก สักผืนไว้รองนั่ง “ท่านจะพาข้าไปไหน”

5


ยอดหญิงมือสังหาร 1 “ไปลงเรือ” เรือแปลว่ามีน�้ำ และการข้ามน�้ำก็แปลว่าข้าจะไปไกลจากเงื้อมมือของ พ่อ กวิลโล่ และศาสนจักร “เรือล�ำที่ว่าจะพาข้าไปไหน” ข้าถามแต่นักบวช ไม่ตอบ ความอ่อนล้าเข้าครอบง�ำ ข้าไม่มีแรงจะเค้นเอาค�ำตอบจากเขาเหมือน ผู้ที่ต้องเลือกเด็ดลูกไม้อันมีอยู่น้อยนิดท่ามกลางพุ่มหนาม ข้าเอนกายลงบน เกวียนและปล่อยให้ฝีเท้ากุบกับของลาขับกล่อม และการเดินทางข้ามบริตตานีของข้าก็เริ่มขึ้นเช่นนั้น ข้าถูกลักลอบขน ไปราวกับสินค้าต้องห้าม ซ่อนตัวอยู่ในกองหัวผักกาดหรือฟางที่ท้ายเกวียน ปลุกให้ตนื่ ด้วยเสียงพึมพ�ำร้อนรนและมือทีร่ บั ข้าจากนักบวชบ้านป่าไปสูแ่ ม่หมอ เครือข่ายลับของผู้ยึดถือวิถีแห่งนักบุญโบราณและมุ่งมั่นจะช่วยให้ข้าพ้นจาก เงื้อมมือของศาสนจักร เหล่านักบวชบ้านป่าผู้เงอะงะสวมชุดคลุมเหม็นอับนั้นมี ใจอารีก็จริง แต่นิ้วมือของพวกเขาไม่คุ้นชินกับความอ่อนโยนหรือเห็นใจใดๆ ที่ ข้าชอบที่สุดคือเหล่าแม่หมอ มือหยาบกร้านแตกระแหงเหล่านั้นอ่อนโยนราว กับขนลูกแกะ กลิ่นฉุนจัดของสมุนไพรนับร้อยชนิดติดตัวราวกับเงาหอมหวาน พวกนางมักจะให้ทิงเจอร์ดอกฝิ่นเพื่อคลายอาการบาดเจ็บของข้า ขณะที่เหล่า นักบวชให้เพียงค�ำปลอบโยนและบางคนก็ไม่เต็มใจด้วยซ�้ำ เมื่อข้าตื่นขึ้นในคืนที่น่าจะเป็นคืนที่ห้าของการเดินทาง ข้าก็ได้กลิ่น เค็มๆ ของทะเลและจ�ำเรื่องเรือได้ ข้าชันตัวขึ้นนั่ง ดีใจที่รอยช�้ำระบมน้อยลงและ ซี่โครงก็ไม่แสบร้อนแล้ว เราแล่นเข้าไปในหมู่บ้านประมงเล็กๆ ข้ากระชับผ้าห่ม สู้ไอเย็น สงสัยว่าจากนี้จะเป็นเช่นไรต่อ สุดเขตหมูบ่ า้ นมีโบสถ์หนิ ตัง้ อยู่ นักบวชบ้านป่าคนสุดท้ายบังคับเกวียน เข้าไปยังทีน่ นั้ และข้าก็โล่งอกเมือ่ เห็นตราสมอศักดิส์ ทิ ธิข์ องเซนต์แมร์ผเู้ ป็นหนึง่ ในนักบุญโบราณที่ประตู นักบวชหยุดม้า “ลงไป” ข้าไม่แน่ใจว่าน�้ำเสียงของเขาฉายแววอ่อนล้าหรือเหยียดหยามกันแน่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การเดินทางของข้าก็ใกล้สิ้นสุดแล้ว ข้าจึงเมินเสียและไต่ลง จากเกวียนโดยไม่ลืมกระชับผ้าห่มให้แน่นเพราะเกรงจะเป็นที่อุจาดตา หลังผูกม้าเสร็จ เขาก็น�ำข้าไปยังชายหาดซึ่งมีเรือรออยู่เพียงล�ำเดียว

6


มรณะประกาศิต มหาสมุทรสีด�ำดุจหมึกแผ่ไกลสุดสายตา ท�ำให้เรือดูเล็กจ้อย กะลาสีชรานั่งคุดคู้อยู่ที่หัวเรือ เปลือกหอยสีขาวราวกับกระดูกห้อยอยู่ กับเชือกทีค่ อ บ่งบอกว่าเขาเป็นผูน้ บั ถือเซนต์แมร์ ข้าสงสัยว่าเขาคิดอย่างไรทีถ่ กู ปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อกรรเชียงเรือพาคนแปลกหน้าออกไปยังทะเลอันมืดมิด ดวงตาสีฟ้าซีดของกะลาสีปราดมองข้าก่อนจะพยักหน้า “ขึ้นมา เรา ไม่ได้มีเวลาทั้งคืน” เขายื่นไม้พายให้และข้าก็จับมันไว้เพื่อประคองตนขณะ ก้าวขึ้นเรือ เรือล�ำน้อยโคลงหนักจนข้ากลัวว่ามันจะโยนข้าตกน�้ำเย็นเฉียบอยู่ครู่ หนึ่ง แต่แล้วมันก็ตั้งตรงและนักบวชก็ก้าวลงมา ท�ำให้ล�ำเรือจมลึกกว่าเดิม กะลาสีชราค�ำรามในคอ ก่อนจะสอดไม้พายคืนที่และเริ่มกรรเชียง เราไปถึงเกาะขนาดเล็กเมือ่ ย�ำ่ รุง่ แต้มสีชมพูทขี่ อบฟ้าทิศตะวันออกพอดี แสงอ่อนๆ ยามเช้าท�ำให้มันดูรกร้าง เมื่อเราเข้าใกล้ ข้าก็เห็นเสาหินตั้งอยู่ข้าง โบสถ์และตระหนักว่านี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แต่โบราณ ล�ำเรือบดเข้ากับกรวดเมื่อกะลาสีชรากรรเชียงเรือขึ้นเกยหาด เขา พยักพเยิดไปทางป้อมหิน “ลงไปได้แล้ว อธิการิณีแห่งเซนต์มอร์เทนรออยู่” เซนต์มอร์เทนรึ นักบุญผูอ้ ปุ ถัมภ์ความตาย ข้าสัน่ ไปทัง้ ร่าง มองนักบวช ซึ่งหลบตาราวกับแค่มองข้าก็ถือเป็นกิเลสยวนใจจนเกินไป ข้ายังกุมผ้าห่มแน่นขณะปีนลงจากเรืออย่างเก้ๆ กังๆ ไปยืนในน�้ำตื้น ใจข้าทั้งซาบซึ้งและหงุดหงิดในคราวเดียวกัน จึงถอนสายบัวนิดหนึ่ง จงใจให้ ผ้าห่มไหล่หลุดจากบ่าเพียงชั่วครู่ เพียงเท่านีก้ พ็ อแล้ว หลังพอใจกับเสียงอุทานของนักบวชและเสียงเดาะ ลิ้นของกะลาสีชรา ข้าก็กลับหลังหันและลุยน�้ำเย็นเฉียบขึ้นฝั่งไป อันที่จริง ข้า ไม่เคยแม้แต่จะเผยข้อเท้าให้ใครเห็นด้วยซ�ำ้ เพียงแต่ขนุ่ เคืองเต็มแก่ทถี่ กู ปฏิบตั ิ ราวกับเป็นนางยั่วสวาท ทั้งที่ข้าเพียงแต่ระบมและเจ็บไปทั้งตัว เมื่อถึงหย่อมหญ้าที่ขึ้นอยู่ระหว่างก้อนหิน ข้าก็เอี้ยวคอไปมองเรือ แต่ มันออกทะเลไปแล้ว ข้าหันกลับมาและมุ่งหน้าไปยังอาราม ใคร่จะรู้ว่าผู้นับถือ มรณะเทพต้องการสิ่งใดจากตน

7


ยอดหญิงมือสังหาร 1

2

เสาหินโบราณสองต้นคือปากทางเข้าสู่ตัวอาราม ฝูงไก่ในลานเพิ่งตื่น ก�ำลังคุ้ย เขี่ยดินหามื้อเช้า เมื่อข้าเข้าใกล้ พวกมันก็ขันกุ๊กๆ แล้วกระพือปีกหนีไป ข้าหยุดอยูท่ ปี่ ระตู ปรารถนาจะซุกกายหลับทีไ่ หนสักแห่งจนกว่าสมอง จะโปร่ง แต่กะลาสีบอกว่าอธิการิณีรอข้าอยู่ และแม้ข้าจะไม่รู้จักอธิการิณีที่ไหน มากนัก ข้าก็คิดว่าพวกนางคงไม่ชอบรอใคร หั ว ใจข้ า เต้ น รั ว ขณะเงื้ อ มื อ ขึ้ น เคาะ ประตู บ านหนาเปิ ด ออกทั น ที เผยให้เห็นหญิงร่างเตี้ยหน้าตาธรรมดาสวมแต่งกายด้วยสีด�ำตั้งแต่ศีรษะจรด ปลายเท้า นางกวักมือเรียกข้าเข้าไปโดยไม่พูดอะไร ข้าเดินตามนางผ่านห้องที่แทบจะไร้เครื่องเรือนไปยังทางเดินซึ่งขึงขัง ไม่แพ้กนั ทีท่ อดไปยังใจกลางของอาราม ผูน้ ำ� ทางของข้าเคาะประตูทปี่ ดิ อยูห่ นึง่ ที “เข้ามาได้” เสียงหนึ่งสั่ง ผูน้ ำ� ทางเปิดประตูและเรียกข้าเข้าไป เครือ่ งเรือนภายในห้องดูเรียบง่าย แต่แข็งแรง แสงยามเช้าสาดผ่านหน้าต่างทิศตะวันออกเข้ามา สายตาของข้าถูก สตรีทนี่ งั่ อยูห่ ลังโต๊ะตัวโตกลางห้องดึงดูดไว้ในทันที นางสวมชุดและผ้าคลุมศีรษะ สีด�ำ ใบหน้าขาวเผือดงามโดดเด่น นางชี้ไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งโดยไม่เงยหน้า ฝีเท้าของข้าก้องเบาๆ ในห้อง นั้นขณะขยับไปหาโต๊ะ ข้ากระชับผ้าห่มแน่นขึ้นแล้วนั่งลง

8


มรณะประกาศิต ท่านอธิการิณีละสายตาจากงานตรงหน้าและข้าก็สบเข้ากับดวงตาที่ เย็นเยียบและเป็นสีฟ้าราวกับท้องทะเล “อิสเม ริเยนน์” ข้าสะดุ้ง ตกใจที่นางรู้ชื่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ เด็กน้อย” ข้าไม่รวู้ า่ ค�ำตอบทีน่ างต้องการคืออะไร รูเ้ พียงว่าทันใดนัน้ ก็ถกู ครอบง�ำ ด้วยความปรารถนาให้นางพอใจในตัวข้า “เพราะข้าท�ำให้สามีหมาดๆ ขุ่นเคือง หรือเจ้าคะ” “ท�ำให้เขาขุน่ เคืองรึ” อธิการิณหี วั เราะน้อยๆ และนัน่ ก็ทำ� ให้ขา้ ยิง่ ชอบ นางขึ้นไปอีก “เท่าที่ได้ยิน เขากลัวเจ้าจนแทบท�ำกางเกงแฉะ” ความละอายอันคุ้นชินแล่นขึ้นไปถึงแก้ม ข้าก้มหน้ามองตัก “คนผิดไม่ใช่เจ้าหรอก ลูกเอ๋ย” นางเอ่ยอย่างอ่อนโยนจนข้าอยากจะ ร�่ำไห้ ข้าไม่เคยหลั่งน�้ำตาสักหยด ไม่ว่าจะยามที่ถูกพ่อทุบตีหรือกวิลโล่ซ้อม แต่ ถ้อยค�ำอันอ่อนโยนเพียงไม่กี่ค�ำจากสตรีนางนี้กลับท�ำให้ข้าอยากสะอื้นราวกับ ทารก “ว่ามาซิ” นางดึงปากไก่และกระปุกหมึกเข้าหาตัว “เจ้ารู้เรื่องตอนที่ ตนเกิดไหม” ข้าแอบมองใบหน้าของอีกฝ่าย แต่นางจดจ่ออยู่กับการเขียนข้อความ ลงบนม้วนกระดาษ “รูเ้ พียงว่าแม่ไม่อยากมีขา้ นางขอยาพิษจากแม่หมอมา หวัง จะขับข้าออกจากครรภ์” “แต่เจ้าก็รอดมาได้” นางเงยหน้าขึ้น ถ้อยค�ำนั้นแผ่วเบาแต่ทรงพลัง ราวกับเสียงตะโกนในห้องอันนิ่งงันนั่น ข้าสบตากับท่านอธิการิณีตรงๆ “แต่ข้าก็รอดมาได้” “เจ้ารู้ไหมว่านั่นแปลว่าอะไร” “นอกเหนือจากการที่ต้องใช้ชีวิตในเงามืด คอยหลบก�ำปั้นและสายตา ของผู้คนจะได้ไม่ท�ำให้ใครหวาดกลัวโดยไม่จ�ำเป็นน่ะหรือเจ้าคะ” “ใช่ นอกเหนือจากเรื่องพวกนั้น” เสียงของนางไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง นางชะโงกมาข้างหน้า ดวงตาเป็นประกายมุ่งมั่น “พวกเขาไม่ได้อ้างรึ อิสเม ว่า

9


ยอดหญิงมือสังหาร 1 เจ้าคือธิดาขององค์มรณะเทพ” ข้าพยักหน้าอย่างระมัดระวัง “เช่นนั้นนั่นละ หลังผ่านการทดสอบมากมาย เจ้าก็มาอยู่ที่นี่” “การทดสอบหรือเจ้าคะ” ข้าถาม “นั่นคือทั้งชีวิตของข้ารึ เป็นแค่การ ทดสอบที่ต้องผ่านไปให้ได้” “เจ้ามาสูเ่ ราหลังผ่านการเคีย่ วกร�ำมาอย่างหนัก เด็กน้อย และข้าก็ไม่ใช่ คนทีจ่ ะมานึกเสียใจกับเรือ่ งเช่นนัน้ มีแต่การเคีย่ วกร�ำอย่างหนักเท่านัน้ ทีจ่ ะท�ำให้ เราได้ดาบที่แข็งแกร่งที่สุด” “แล้วเรานี่คือใครกันเจ้าคะ” ข้านิ่งไปทั้งร่าง รอฟังค�ำตอบ “เจ้าได้ลี้ภัยมายังอารามแห่งเซนต์มอร์เทน แม้ความจริงแล้ว มอร์เทน จะมาก่อนนักบุญใดๆ ก่อนพระคริสต์ด้วยซ�้ำ” “เป็นเทพโบราณที่ตอนนี้เราเรียกว่านักบุญ” ข้าพึมพ�ำ “ใช่ หนึ่งในเทพโบราณ เทพที่ศาสนจักรไม่อาจเขี่ยทิ้งได้ง่ายๆ เราจึง เรียกพระองค์ว่านักบุญ แต่ตราบเท่าที่เรารับใช้องค์เทพ พระองค์ก็ไม่สนหรอก ว่าเราจะเรียกด้วยนามใด” “คนเราจะรับใช้มรณะเทพได้อย่างไรเจ้าคะ” ข้าจะต้องเข็นรถเก็บศพ ไปชั่วชีวิตอย่างนั้นหรือ คุณแม่อธิการไม่สะทกสะท้านเลย “เราปฏิบัติตามบัญชาของมอร์เทน ยามที่ทรงประสงค์จะเปลี่ยนแปลงลวดลายในผืนผ้าแห่งชีวิตให้เป็นไปตาม เจตจ�ำนงของพระองค์” ข้ามองนางอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าผืนผ้าเกี่ยวอะไรกับมอร์เทน นาง ถอนใจและผละจากโต๊ะ “บางทีเราน่าจะดื่มอะไรกันสักหน่อย” ข้าอยากขอให้นางเล่าต่อว่าชีวิตของธิดาแห่งมรณะเทพนั้นเป็นเช่นไร แต่คิดว่าสตรีตรงหน้าคงไม่ชอบคนโง่จึงสงบปากไว้ นางหยิบเหยือกไวน์และแก้วเจียระไนสองใบออกมาจากตูท้ างด้านหลัง จากนั้นจึงรินไวน์และส่งแก้วใบหนึ่งให้ข้า แก้วเจียระไนใบนั้นประณีตยิ่งกว่า สิ่งใดที่ข้าเคยเห็นมา ข้าถือมันอย่างกล้าๆ กลัวๆ เกรงว่ามันจะแตกคามือ

10


มรณะประกาศิต “ทีอ่ ารามแห่งนี้ เรามีหน้าทีฝ่ กึ ฝนผูท้ ถี่ อื ก�ำเนิดจากเทพแห่งความตาย เราสอนให้พวกนางปฏิบตั หิ น้าทีข่ องตนอย่างว่องไวและมีประสิทธิภาพ องค์เทพ มักจะประทานพรพิเศษให้ธิดาแต่ละคน เป็นทักษะที่จะช่วยให้เจ้าท�ำงานส�ำเร็จ ดังพระประสงค์” พระประสงค์ ค�ำนั้นเปี่ยมด้วยความเป็นไปได้ ข้าจิบไวน์เพื่อตั้งสติ ลิ้มรสหวานสดชื่นที่ปลายลิ้น “ขอข้าเดาเรือ่ งเกีย่ วกับตัวเจ้าสักหน่อยได้ไหม” คุณแม่อธิการถาม ข้า พยักหน้าและนางก็พูดต่อ “เจ้าไม่เคยล้มป่วยด้วยโรคไข้ หวัด หรือท้องเดิน กระทั่งกาฬโรคก็ไม่อาจท�ำอะไรเจ้าได้ ถูกหรือไม่” ดวงตาของข้าเบิกกว้างที่นางล่วงรู้อย่างน่าอัศจรรย์เช่นนั้น “ท่านรู้ได้ อย่างไรเจ้าคะ” นางยิม้ “และข้าก็รวู้ า่ เจ้ารอดชีวติ จากการทุบตีทที่ ารุณทีส่ ดุ ทัง้ ยังหาย ดีในไม่กี่วัน เจ้าเคยมีความฝันเป็นลางบอกเหตุความตายหรือไม่” “ไม่เจ้าค่ะ” ข้าส่ายหน้า เสียใจที่ท�ำให้นางผิดหวัง “แต่บางครั้งข้าก็ บอกได้ว่าใครใกล้จะตาย” นางเอียงคอไปด้านหนึ่ง “ว่าต่อสิ” ข้าก้มมองไวน์ในแก้ว “บางครั้งข้าก็เห็นพวกเขาจางลง คล้ายกับ เปลวไฟในตะเกียงที่หรี่ลง มีอยู่ครั้งหนึ่งข้าเห็นสัญลักษณ์บนตัวช่างตีเหล็ก เขามีปื้นสีด�ำจางๆ รูปเกือกม้าที่หน้าผาก หลังจากนั้นสามวันเขาก็ตาย” นางโน้มตัวมาข้างหน้าอย่างสนอกสนใจ “เขาตายอย่างไร” “ถูกม้าที่เขาก�ำลังสวมเกือกอยู่ถีบเข้าที่ศีรษะเจ้าค่ะ” “อา” รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง “มอร์เทนประทานพร ที่ทรงอ�ำนาจนักให้เจ้า” นางหยิบปากไก่ขึ้นมาจดลงบนม้วนกระดาษตรงหน้า เหงื่อหยดเล็กๆ เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของข้า และข้าก็จิบไวน์อีกอึกเพื่อตั้งสติ การเผยความลับเก่าเก็บเป็นเรื่องล�ำบากนัก “เอาละ” นางมองข้าอีกครั้ง “เจ้ามีคุณสมบัติพร้อมที่จะท�ำงานให้เรา” “ซึ่งคือ...”

11


ยอดหญิงมือสังหาร 1 “เราสังหารคน” ค�ำพูดของคุณแม่อธิการฟังคล้ายกับหินก้อนใหญ่ที่ ร่วงลงกลางห้องอันเงียบงัน น่าตื่นตะลึงจนข้าชาไปทั้งตัว ข้าได้ยินเสียงแก้ว เจียระไนแตกเปรื่องเมื่อแก้วในมือร่วงลงพื้น ท่านอธิการิณไี ม่สนใจแก้วแตกใบนัน้ “จริงอยูท่ คี่ นมากมายสิน้ ชีวติ โดย ไม่ต้องอาศัยเรา แต่ก็มีคนที่สมควรตายทว่ายังไม่ถึงที่เสียที เราช่วยให้พวกเขา ไปสู่โลกหน้าตามบัญชาของมอร์เทน” “แต่องค์เทพไม่น่าจะต้องให้พวกเราช่วยเหลือนี่เจ้าคะ” โทสะของท่านอธิการิณลี กุ วาบและข้าก็เพิง่ ประจักษ์ถงึ ความแข็งกร้าว ทีก่ อ่ นหน้านีร้ บั รูไ้ ด้เพียงเลือนราง “เจ้าเป็นใครจึงจะมาก�ำหนดว่าเทพแห่งความ ตายต้องการสิ่งใดหรือไม่ มอร์เทนคือเทพเจ้าที่อยู่มาแต่ครั้งโบราณกาล และ พระองค์ก็ไม่ประสงค์จะถูกหลงลืมและจางหายไปจากโลกนี้ นั่นคือสาเหตุที่ทรง ยืน่ มือเข้ามาในกิจการของหมูม่ นุษย์” นางจ้องข้าอยูค่ รูห่ นึง่ ก่อนอาการตึงเครียด จะเลือนหาย คล้ายกับคลืน่ ทีค่ นื สูท่ ะเล “เจ้ารูอ้ ะไรเกีย่ วกับเหล่าเทพโบราณบ้าง” นางถาม “รูเ้ พียงว่าครัง้ หนึง่ บริตตานีเคยมีเทพเจ้าอยูเ่ ก้าองค์ แต่ตอนนีเ้ ราเรียก ทุกองค์ว่านักบุญ และเราก็ต้องถวายเครื่องสักการะหรือสวดภาวนาต่อเทพทั้ง หลายบ้างหากไม่อยากให้ล่วงเกินหรือท�ำให้เหล่าเทพพิโรธเจ้าค่ะ” “เกือบถูกแล้ว” อธิการิณีเอนหลังพิงพนัก “แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เทพ โบราณมิใช่ทั้งมนุษย์และพระผู้เป็นเจ้า หากแต่อยู่ระหว่างกลาง พวกเขาคือ ผู้พ�ำนักรุ่นแรกบนแผ่นดินเรา ผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าส่งมาท�ำตามพระประสงค์ในโลก ที่ทรงสร้างขึ้น” “ทีแรก ความสัมพันธ์ระหว่างเทพกับมนุษย์ก็ไม่ดีนัก พวกเขาปฏิบัติ ต่อเราเฉกเช่นที่เราท�ำกับวัวควายหรือแกะ แต่ไม่นานเราก็รู้จักเคารพพวกเขา ด้วยบทสวดภาวนาหรือเครือ่ งสักการะ ท�ำให้เราอยูร่ ว่ มกันได้อย่างสงบสุข กระทัง่ ศาสนจักรในยุคต้นก็ยังปล่อยให้เราบูชาเทพโบราณ แม้เราจะเริ่มเรียกพวกเขา ว่านักบุญแล้วก็ตาม แต่พักหลังนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับที่ฝรั่งเศสกลืน อาณาจักรและดินแดนที่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อรวบอ�ำนาจทั้งหมดไว้ในมือตน

12


มรณะประกาศิต พระสันตะปาปาองค์ล่าสุดก็พยายามก�ำจัดวิถีโบราณให้สิ้น ปรารถนาจะให้ ค�ำสวดภาวนาและเครื่องสักการะทั้งหมดเป็นของโบสถ์ตนเท่านั้น “บัดนีผ้ คู้ นมากขึน้ เรือ่ ยๆ จึงพากันหลงลืมวิถโี บราณและธรรมเนียมใน การเคารพเทพเจ้าแห่งบริตตานี แต่ไม่ใช่ทกุ คนหรอก บ้างก็ยงั เปล่งเสียงภาวนา และถวายเครือ่ งสักการะ หากไม่มกี ารบูชาและปวารณาตนเหล่านัน้ เทพโบราณ ก็จะเลือนหายไปจากโลกนี้ เจ้าย่อมเข้าใจว่าเหตุใดมอร์เทนจึงไม่ตอ้ งการให้เป็น เช่นนั้น องค์เทพทรงดื่มกินศรัทธาและการบูชาของเราเช่นเดียวกับที่เรากิน ขนมปังและเนื้อ และจะอดตายหากขาดมัน “เราจึงมีหน้าที่ถวายการรับใช้และศรัทธาในพระองค์ หากเจ้าเลือกอยู่ ที่นี่และปวารณาตน เจ้าจะต้องปฏิญาณว่าจะรับใช้มอร์เทนตามแต่จะทรงบัญชา ในทุกเรื่อง ในทุกวิถีทาง เรามีหน้าที่ปฏิบัติตามพระประสงค์ เข้าใจหรือไม่” “นั่นไม่ใช่การฆาตกรรมหรือเจ้าคะ” “ไม่ เจ้าคงไม่คิดจะให้ราชินีซักผ้าหรือขลิบลูกไม้ด้วยตัวเองใช่ไหม พระนางมีนางสนองพระโอษฐ์คอยปฏิบัติงานเหล่านั้น และเราก็เช่นกัน เราคือ นางสนองพระโอษฐ์ของมรณะเทพ เมื่อเราลงมือตามพระประสงค์ การสังหารก็ คือพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์” นางโน้มตัวมาข้างหน้า ราวกับกระหายจะล่อลวงข้าด้วยสิ่งที่มอร์เทน มอบให้ “หากเจ้าเลือกอยู่กับเรา เจ้าจะได้รับการฝึกฝนศาสตร์ของพระองค์ เจ้า จะรู้วิธีสังหารคนมากกว่าที่คิดฝันถึง เราจะสอนวิธีอ�ำพรางตน กลอุบาย และ ทักษะทั้งหลายที่จะท�ำให้บุรุษหน้าไหนในโลกนี้ก็ไม่อาจคุกคามเจ้าได้อีก” ข้านึกถึงพ่อและกวิลโล่ นึกถึงคนในหมูบ่ า้ นทีท่ มุ่ เทเหลือเกินเพือ่ ท�ำให้ ชีวิตข้าทุกข์ระทม เหล่าเด็กชายที่ปาหินใส่ข้า ชายแก่ที่ถ่มน�้ำลายและจ้องข้า อย่างพรั่นพรึงราวกับกลัวจะถูกข้าฉวยวิญญาณออกไปจากร่างชราเหี่ยวย่น เหล่านั้น ชายหนุ่มที่ตะปบกระโปรงข้าในที่มืด เดาถูกว่าพ่อไม่สนใจความ ปลอดภัยหรือชื่อเสียงของข้าหรอก การฆ่าคนเหล่านั้นไม่ใช่ภาระใดๆ เลย ข้า รู้สึกเหมือนแมวที่ถูกโยนลงจากที่สูงแต่กลับลงยืนสี่ขาได้ ท่านอธิการิณเี อ่ยขึน้ อีกครัง้ ราวกับอ่านใจข้าออก “พวกเขาจะไม่เหมือน

13


ยอดหญิงมือสังหาร 1 คนเหล่านั้นไปเสียหมดหรอกนะ” ข้าเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจและนางก็พูดต่อ “คนที่มอร์เทนส่งเจ้า ไปสังหาร พวกเขาจะไม่เหมือนคนเลี้ยงหมูนายนั้นไปเสียหมดหรอกนะ” หูข้าหนวกต่อค�ำเตือนของนาง ข้ามั่นใจว่าชายทุกคนเป็นเช่นนั้น และ ยินดีสังหารทุกคนทิ้ง แต่นางย�้ำอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าข้าเข้าใจดี “องค์เทพจะขอให้เจ้าเสียสละ แต่ไม่ใช่หน้าทีข่ องเจ้าทีจ่ ะกังขา หน้าทีข่ องเจ้าคือรับใช้ดว้ ยความรักและเชือ่ ฟัง” อารมณ์จางๆ ปรากฏขึน้ บนใบหน้าของนาง เป็นความเจ็บปวดในอดีตทีข่ า้ ได้แต่ คาดเดา “งานของเราเป็นเช่นนัน้ ” นางว่า “ศรัทธาโดยไร้ขอ้ กังขา เจ้าท�ำได้ไหม” “ถ้าข้าปฏิเสธล่ะเจ้าคะ” “เจ้าก็จะถูกส่งไปไกลจากที่นี่ และยกให้ชายผู้อารีที่ก�ำลังมองหา ภรรยา” ข้าชั่งใจทั้งที่ไม่มีอะไรต้องคิดเลย ได้หลบลี้จากโลกของผู้ชายและฝึก ฆ่าพวกเขา หรือถูกยกให้ใครง่ายๆ เหมือนแกะตัวหนึ่ง “คุณแม่อธิการเจ้าคะ หากท่านคิดว่าข้ามีคุณสมบัติที่จะรับใช้ ข้าก็เต็มใจ” นางยิ้มและเอนหลังพิงเก้าอี้ “เจ้ามีคุณสมบัติอยู่แล้ว เจ้าผ่านการ ทดสอบบทแรกแล้วด้วยซ�้ำ” บางสิ่งในรอยยิ้มของนางท�ำให้ข้าหวั่นใจ “หรือเจ้าคะ” ท่านอธิการิณีพยักพเยิดไปยังเศษแก้วบนพื้น “ไวน์ของเจ้ามีพิษ เพียงจิบเดียวก็คร่าชีวติ ชายทีต่ วั โตกว่าเจ้าสองเท่าได้แล้ว แต่เจ้าแค่ไม่สบายกาย นิดหน่อยเท่านั้น” ข้าตกใจจนพูดอะไรไม่ออกทีน่ างสารภาพว่าเพิง่ วางยาข้าไปได้หน้าตา เฉยถึงเพียงนั้น และนึกถึงอาการร้อนๆ มึนๆ ก่อนหน้า “มาเถอะ” ท่านอธิการิณเี ดินไปทีป่ ระตู และเปิดมัน “แอนนิธจะพาเจ้า ไปพัก ขอต้อนรับสู่อาราม” 14


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.