NYA~ Journal vol.6 (v2)

Page 1




WHAT’s ON NYA !?

แมวบิน FLY TO LEARN ลุยสวน KNOWING MAIN COURSE iTrend Hobby Hut Gallery โรงเล่า MSอึน ESSENTIAL Get a taste of ภาษา พาไป 4 ช่องกับชลากร

6 9 11 17 21 29 31 34 41 46 47 48 49 51


W

photo ; กองบรรณาธิการ, สภานักเรียน

What’s happened?

1 JAN NEW YEAR’S DAY

10 JAN ELECTION

FOR SKN STUDENT COUNCIL’S PRESIDENT

14 JAN CHILDREN’S DAY

16 JAN TEACHER’S DAY SUANKULARB NONTHABURI


ละครสัตว์

ทารุณกรรมอย่างเอิกเกริก

สวัสดีครับน้อง ๆ ทุกคน ในช่วงที่พี่โหลลี้ภัยน้ำ�ท่วมจากกรุงเทพมาพักอาศัยที่บ้าน ที่จังหวัดกาญจนบุรีนี้ พี่โหลได้มีโอกาสไปเที่ยวกับครอบครัวหลายต่อหลายแห่งเลย หนึ่งใน นั้นคือสวนสัตว์แห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ที่นี่ก็เหมือนกับสวนสัตว์ทั่วไป มีทั้งส่วนซาฟารี ที่นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้าไปสัมผัสและให้อาหารสัตว์ได้อย่างใกล้ชิด กับอีกส่วนที่จัด แสดงสัตว์ในกรงหรือพื้นที่ปิด หลายตัวก็นั่งเหงาอยู่ตัวเดียวในกรง พี่โหลเห็นก็หวังว่านั่น เป็นความตั้งใจที่ผู้เชี่ยวชาญเขาต้องการแยกดูแลสัตว์เหล่านั้นให้เติบโตพอที่จะได้ย้าย ไปอยู่ที่เลี้ยงที่กว้างขวางกว่า และได้ใช้ชีวิตกับเพื่อนร่วมฝูงใกล้เคียงกับที่เป็นตาม ธรรมชาติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่โหลมาเห็นที่นี่แล้วคงจะไม่ได้รู้สึกเหมือนกับนักท่อง เที่ยวคนอื่น ๆ ก็คือการแสดงความสามารถของสัตว์ น้อง ๆ ก็คงจะเคยดูกัน ใช่ไหมครับ ที่มีเสือกระโดดลอดห่วง หมาเดินสองขา หมีไต่ถังอะไรทำ�นอง นี้ ส่วนที่โหลไปดูมานี้ก็คือโชว์ช้าง ก็มีตั้งแต่เอาช้างมาคุกเข่าทำ�ท่าสวัสดี เอาช้างมาตีกอล์ฟ ให้คนดูมานอนและให้ช้างเดินข้ามและอีกสารพัดท่า แต่ที่พี่โหลเห็นแล้วตกใจมากที่สุดแทนที่จะทึ่งในความสามารถของช้าง เหมือนคนอื่นคือการให้ช้างตัวโต ๆ มายืน ๒ ข้างบนถังน้ำ�มันใบใหญ่ และยิ่งหวาดเสียวขึ้นไปอีกเมื่อผู้ฝึกสั่งให้ช้างเชือกนั้นเปลี่ยนท่ามายืน ๒ ขาด้วยเท้าหน้า ท่าที่อันตรายอย่างนั้นถ้าช้างตกลงมาบาดเจ็บก็ไม่รู้ จะว่ายังไง ส่วนใหญ่สวนสัตว์มักจะเปิดทำ�การทุกวัน ในแต่ละวันช้าง เชือกหนึ่งก็ต้องมีการแสดงหลายรอบ ยิ่งมีความเสี่ยงที่ช้างและสัตว์ แสดงอื่น ๆ อีกทวีคูณ และเมื่อมาค้นคว้าในอินเตอร์เน็ทแล้วก็พบว่าการ ทารุณสัตว์ที่ใช้ในการแสดงนั้นมีเบื้องหลังที่น่าเศร้าซ่อนอยู่อีกมากมาย ตั้งแต่แรกเริ่ม สัตว์ต่าง ๆ จะถูกจับออกมาจากป่าและถูกกักขังอยู่ในสภาพ แวดล้อมที่คับแคบไม่เหมาะสมกับขนาดของสัตว์ ซึ่งมักจะเป็นกรงคอนกรีตหรือ กรงเหล็กแคบ ๆ ที่อยู่หลังฉากการแสดง มีโซ่ล่าม ถูกตัดขาดจากสังคมเพื่อนร่วม สายพันธุ์ อีกทั้งยังได้รับอาหารและการรักษาโรคที่ไม่เพียงพอ

แมวบิน


การฝึกสัตว์ให้แสดงเป็นนั้นคงจะเป็นช่วงเวลาที่ทรมานและยาวนาน ที่สุดในสวนสัตว์และคณะละครสัตว์ที่ไม่ใส่ใจในสวัสดิภาพของสัตว์ สัตว์ ดุร้ายอย่างเสือและสิงโตต้องถูกถอดเขี้ยวเล็บออกเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจ เกิดแก่ผู้ฝึก นั่นเป็นเหตุให้เกิดแผลเรื้อรังและการติดเชื้ออันนำ�ไปสู่การเสียชีวิต ได้ หมีหรือช้างที่ถูกฝึกอย่างหนักเพื่อมาแสดงท่าทางที่เราเห็นว่าสวยงามนั้นล้วนถูก ตรึงให้อยู่ในท่าทางหนึ่งโดยโซ่หรือเชือกล่ามเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกันจนกว่าสัตว์เหล่า นั้นจะจำ�ท่าได้และร่างกายเริ่มปรับตัวกับการทำ�ท่านั้นได้ ( ลองนึกภาพตัวเราเองต้องดันพื้นและค้าง ท่านั้นเป็นเวลานาน ) เมื่อทำ�ได้ท่าหนึ่งก็จะต้องถูกตรึงไว้ให้จำ�ท่าใหม่ท่าต่อไป แน่นอนว่าการฝึกฝนสัตว์เหล่า นี้ไม่ได้ง่ายและน่ารักเหมือนที่เราฝึกน้องหมาที่บ้าน ที่เมื่อทำ�ได้ก็จะให้ขนมและคำ�ชมเชย สัตว์ในคณะละครสัตว์ เหล่านี้ถูกฝึกโดยการทำ�ให้หวาดกลัว หากไม่สามารถทำ�ท่าที่ผู้ฝึกต้องการได้ก็จะถูกทุบตีหรืออดอาหาร เรียกได้ว่า สัตว์ที่เราได้ชมบนเวทีหรือลานแสดงนั้นเป็นเพียงไม่กี่ตัวที่แข็งแรงพอจะรอดมาได้ โดยที่เราไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านั้นมี สัตว์กี่ตัวที่บาดเจ็บหรือล้มตายไปแล้ว หรือสัตว์ที่เราเห็นว่าแสดงอยู่นั้นพลาดท่าเกิดอุบัติเหตุระหว่างฝึกมาแล้วกี่ครั้ง บนเวทีจริง ถึงคราวที่สัตว์เหล่านั้นจะต้องแสดงท่าทางต่าง ๆ ที่ถูกฝึกมา ไม่ว่าจะแคบ ร้อน หรือลำ�บาก เพียงใดก็ต้องทำ� หลายท่าที่เราเห็นนั้นไม่ใช่ท่าที่เหมาะสมกับสรีระของสัตว์ อย่างเช่นช้างที่ยืน ๒ ขาที่พี่โหลได้ยก ตัวอย่างไว้ก็ไม่เหมาะ เพราะธรรมชาติไม่ได้ออกแบบให้ช้างเทน้ำ�หนักตัวหลายตันลงบนขาเพียง ๒ ข้าง ( แน่นอน ไม่ใช่บนถังน้ำ�มันด้วย ) หรือจะเป็นท่าแกว่งเท้า ห้อยขาต่าง ๆ ล้วนแล้วไม่ใช่ท่าที่ช้างทำ�ในธรรมชาติ เมื่อปฏิบัติต่อ เนื่องไปนาน ๆ โครงสร้างร่างกายของสัตว์เหล่านี้อาจบิดเบี้ยวและกลายเป็นสัตว์พิการในที่สุด เมื่อสัตว์เหล่านั้นกลายเป็นสัตว์พิการและไม่สามารถออกแสดงได้อีกต่อไป ก็เท่ากับว่าหมดประโยชน์สำ�หรับ คณะละครสัตว์นั้นแล้ว ชีวิตนักแสดงก็เดินทางมาถึงบั้นปลายที่มืดมนแล้ว สัตว์พิการที่ทั้งแสดงก็ไม่ได้หรือจะเอา มาโชว์ในกรงก็ไม่ได้ หากเลี้ยงไว้ต่อไปก็รังแต่จะเป็นภาระค่าใช้จ่ายสำ�หรับคณะละครสัตว์หรือสวนสัตว์ สวนสัตว์ก็ อาจจัดการโดยการเอาไปปล่อยตามยถากรรม หรือบางที่ที่ใจร้ายหน่อยก็อาจยิงหรือฉีดยาให้ตายแล้วเอาประโยชน์ จากเนื้อหรือผืนหนังของสัตว์อีกที ฉะนั้นแล้ว หากน้อง ๆ คนไหนมีแผนจะไปเที่ยวสวนสัตว์ในช่วงวันหยุด พี่โหลอยากจะให้น้อง ๆ ได้ศึกษา ตัวเลือกสวนสัตว์ที่จะไปก่อนให้ดีว่าเขามีการดูแลปฏิบัติต่อสัตว์ดีหรือเปล่า โดยมากสวนสัตว์ใหญ่ ๆ ที่เรารู้จักเช่น สวนสัตว์ดุสิต ( เขาดินวนา ) สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ จะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะอยู่ในความ ดูแลและการรักษามาตรฐานขององค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชาอุปถัมภ์ ( ออส. , องค์การรัฐวิสาหกิจ )


แต่ถ้าเราจะไปเยี่ยมชมสวนสัตว์ของเอกชนที่พบเห็นได้ในต่างจังหวัดก็ ควรจะพิจารณาเสียหน่อย และสามารถงดส่งเสริมการแสดงละครสัตว์ ได้โดยการไม่เข้าชม หรือเขียนข้อเสนอแนะลงในแบบสำ�รวจความคิด เห็น พวกโชว์เหล่านี้เราคงดูกันมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้ไม่ดูอีกเราก็คงรู้ว่า เดี๋ยวก็เจอพรานเอามือแหย่ปากจระเข้ ช้างเตะบอล อะไรแบบนี้อยู่ แล้วเนอะครับ หรือจะดีกว่านั้นอีกหากเราจะสัมผัสชีวิตสัตว์อย่างใกล้ชิด และเป็นธรรมชาติโดยแท้จริงโดยการเปลี่ยนจากไปเที่ยวสวนสัตว์เป็น ไปเยี่ยมชมมูลนิธิที่ดูแลและฟื้นฟูสัตว์ป่า เช่น วัดป่าหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน ( วัดเสือ ) จ.กาญจนบุรี ศูนย์อนุรักษ์ช้างกาญจนบุรี หรือ บ้านช. ช้างชรา มูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย ( มีศูนย์กระจายใน หลายจังหวัดทั่วประเทศ ) มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า จ.เพชรบุรี ฯลฯ ซึ่ง สถานที่ประเภทนี้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในสังคม และเป็นที่น่าสนใจยิ่ง ขึ้น ไม่เพียงเพราะเขาช่วยดูแลสัตว์ป่าต่าง ๆ เช่น สัตว์ที่พิการจากการ แสดง ช้างเร่ร่อนในตัวเมือง และฟื้นฟูสัตว์เพื่อนำ�ไปปล่อยคืนป่า เขา

ยังเปิดให้คนทั่วไปได้เยี่ยมชมและสัมผัสชีวิตของสัตว์ป่าก่อนกลับคืนสู่ ธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด หรือจะไปเป็นอาสาสมัคร ๑ วัน ( หรือหลาย วัน ) ไปให้อาหารสัตว์ อาบน้ำ�ช้าง สนุกและมีความสุขในแบบที่เราไม่ เคยประสบพบเจอเลยล่ะ ทั้งหมดนี้ พี่โหลอยากฝากน้อง ๆ ไว้ว่า การได้สัมผัสชีวิต สัตว์ที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ นั้น ให้ความสุข ให้อะไรเรามากกว่าการชม สัตว์ที่ถูกปรับแต่งพฤติกรรมโดยมนุษย์มากมาย ว่าง ๆ ก็ลองไปค้นพบ สิ่งเหล่านั้นด้วยตนเองกันนะครับ พบเห็นการทารุณสัตว์ ใช้แรงงานสัตว์เกินควร แจ้ง - สมาคมพิทักษ์สัตว์ (ไทย) โทรศัพท์ 0-2373-2886 www.thaiaga.org - สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย 0-2236-2176 www.thaispca.org

STOOLEN

เก้าอี้สตูลจากไม้เก่าและโครงล้อจักรยานเก่า

เรายังติดใจในลวดลาย และtextureของเศษไม้เก่า เวลาเอามารวมกันในรูปทรงใหม่ หลังจากที่เสนอเรื่องนำ�ไม้เก่า มาตกแต่งผนังใหม่ คราวนี้เป็นการนำ�เศษไม้ท่อนยาวๆหลากหลายขนาด เล็กบ้างหนาบ้าง และเอามารวมกัน เป็นรูปทรงกลมให้แน่น ครอบด้วยขอบโลหะอลูมีเนียมจากกงล้อจักรยานเก่า ทุกอย่าง เป็นการรีไซเคิล (recycle) นำ�วัสดุไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ งานชิ้นนี้เป็นของ Uhuru Design’s สามารถสั่งซื้อได้ ทางออนไลน์ แต่คงเป็นการยากที่จะจัดส่งและอาจจะแพง ถ้า ยังไงก็ลองดัดแปลงทำ�เองดูเพื่อช่วยลดปริมาณขยะให้กับบ้าน เมืองเรา และได้ของชิ้นใหม่ที่ใช้ประโยชน์ได้อีก ที่สำ�คัญดูดีเลย ทีเดียวแหละ เห็นมั้ยคะว่า ไอเดียเล็กๆน้อยๆ ก็สามารถช่วย โลกของเราได้ แถมยังสร้างรายได้ให้เราอีกไม่น้อยเลย ที่มา: www.inhabitat.com http://www.uhurudesign.com/work.php?w=2


text : วรกานต์ วินิจชัยมงคล (@w_worrakan) , ชลากร สถิวัสส์ (@scjade)

F

Fly to learn

ภาษาอังกฤษ ง่ายนี๊สสสเดียว สวัสดีค่ะ ท่ามกลางกระแสนิยมของสมาคมอาเซียน เหล่าประเทศสมาชิกทั้งหลายรวมถึงเมืองไทยของเราต่างก็ตื่นตัวที่จะปรับตัวให้ เท่าทันความเปิดกว้างเหล่านี้ ทั้งในเรื่องการค้า แรงงาน การคมนาคม สารพัด ในแง่ของการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ วัยเรียนอย่างพวกเราก็ เห็นจะเป็นการส่งเสริมให้เรียนรู้ภาษาเพื่อนบ้านในอาเซียนเป็นภาษาที่ ๓ กันมากขึ้น แต่เรื่องการเรียนภาษาที่ ๓ ก็ไม่ได้เพิ่งมามีเมื่ออาเซียนเกิด ขึ้น หากแต่เป็นค่านิยมหนึ่งที่พบเห็นได้ไม่น้อยเลยในสังคมของเรา คุณพ่อคุณแม่ก็น่าจะเคยพูดให้น้อง ๆ ลองไปเรียนภาษาโน้นภาษานี้เพื่อเพิ่ม ช่องทางในการเรียนและการทำ�งานในอนาคตใช่ไหมคะ แต่พอพูดเรื่องภาษาที่ ๓ แล้ว น้อง ๆ หลายคนคงจะส่ายหน้ารัวแล้วเซโนย์แบบไม่ต้องคิดทันที “ ภาษาที่สองยังไม่รอดเลย แล้วจะไป ถึงสามได้ยังไงล่ะแม่ ” นี่คือสิ่งที่เราจะมาคุยกันวันนี้ค่ะ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เราเรียนมาตลอดชีวิต ตั้งแต่อนุบาลยันมหาลัย ทำ�ไมเราถึง ใช้ในชีวิตจริงไม่ได้สักที ? ถึงแม้ว่านานน้านนาน ๆ ทีเราจะมีโอกาสได้คุยกับฝรั่ง นอกนั้น ๙๙ % ของแต่ละวันเราก็ใช้ภาษาไทย แต่พี่กานต์ก็ไม่ อยากให้น้อง ๆ ละเลยภาษาอังกฤษเลย เพราะภาษาอังกฤษมีผลมากต่อผลการเรียนของเรา สมมติว่าเราเรียนได้เกรด ๔ ทุกวิชา แต่มาติดภาษา อังกฤษได้ ๑ ได้ ๒ ก็คงฉุดเกรดเฉลี่ยฮวบเลย ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราได้คะแนนวิชาอื่นไม่ค่อยดี แต่ทำ�อังกฤษได้ ๔ เกรดวิชานี้ก็ช่วยดึงเกรด เฉลี่ยเราขึ้นมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทักษะด้านภาษาอังกฤษเป็นตัวตัดสินความได้เปรียบเสียเปรียบของเราเลยนะคะ ดังนั้น ในฉบับนี้พี่กานต์กับพี่โหลก็ได้คุยกันว่ามีวิธีอะไรที่น่าจะช่วยเสริมสร้างทักษะภาษาอังกฤษให้น้อง ๆ ได้บ้าง ว่าแล้วก็ขอแนะนำ� แยกเป็นเรื่อง ฟัง พูด อ่าน เขียน เลยค่ะ

ฟัง

ถ้าแนะนำ�ให้ไปดูหนังฝรั่งคงจะธรรมดาเกินไปแถมคงจะไม่ได้ ผลสักเท่าไหร่ด้วย เพราะเรามักจะเพ่งสมาธิไปอ่านคำ�บรรยายภาษา ไทยมากกว่าที่จะฟังเสียงซาวด์แทร็ค สุดท้ายก็ไม่ค่อยได้อะไรจากการ ฟังอยู่ดี เมื่อไหร่ที่ซื้อดีวีดีหนังฝรั่งมาดู ลองเปลี่ยนซับไตเติ้ลมาเป็น ภาษาอังกฤษบ้างเป็นยังไงคะ ? แล้วพยายามเน้นดูภาพและฟังเสียง แทน หากฟังไม่ทันค่อยมองต่ำ�ลงมาอ่านซับไตเติ้ล วิธีนี้จะช่วยให้เรา อ่านภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นอีกด้วย แม้ว่าอาจจะมีบางคำ�ที่เราไม่รู้ความ หมายมาก่อน แต่การได้เห็นเนื้อเรื่องก็จะช่วยให้เราพอเดาความหมาย ได้และจำ�ได้อีกด้วย แล้วเมื่อเชี่ยวชาญพอแล้ว ลองปิดซับไตเติ้ลและ ฟังกันแบบเนื้อ ๆ กันเลยค่ะ สำ�หรับน้อง ๆ ที่ชอบเล่นคอม ในเวลาว่างลองเพิ่มเว็บ youtube เป็นเว็บโปรดของน้อง ๆ อีกเว็บหนึ่ง ที่เว็บนี้มีวีดิโอมากมาย มหาศาลให้เลือกดู มีทั้งสาระและบันเทิง จะดูอะไรก็ได้ขอให้เป็น ภาษาอังกฤษเป็นใช้ได้ เพียงเท่านี้เราก็จะสร้างความคุ้นเคยกับการฟัง

ภาษาอังกฤษได้เรื่อย ๆ แต่ว่าเว็บไซต์นี้มีอะไรให้ดูมากมายไม่มีหมด อย่าดูเพลินจนลืมเวลานะคะ

พูด

หากชีวิตของเราแทบจะไม่ได้เจอฝรั่งเลยจนไม่รู้จะหาโอกาส พูดภาษาอังกฤษกับใครที่ไหน ลองพูดกับตัวเองสิคะ โดยการ ” คิด ” เป็นภาษาอังกฤษ พูดในใจนี่แหละ ยามว่าง ๆ นั่งเล่นเบื่อ ๆ รถ ติด เล่นเกม ทำ�อะไรคนเดียวลองเปลี่ยนมาคิดเป็นภาษาอังกฤษจะ ช่วยได้เยอะทีเดียว จะบ่นเรื่อยเปื่อยหรือจะคิดเป็นการเป็นงานก็ลองดู เฮ้อ ร้อนจัง น่าเบื่อจัง กลับบ้านไปต้องทำ�อะไรบ้าง รถติดเหลือเกิน อะไรก็ว่าไป การคิดเป็นภาษาอังกฤษจะช่วยให้เราสามารถเรียบเรียง ประโยคในสมองได้เร็วยิ่งขึ้น พอถึงโอกาสต้องพูดภาษาอังกฤษกับใคร แล้วก็จะพูดได้คล่องปร๋อเหมือนเป็นภาษาแม่ของเราเลย แล้วยังช่วยให้ พูดเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น คิดยังไงก็พูดออกไปได้เลย เรื่องไวยากรณ์ ไม่ต้องไปหนักใจ


แต่เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องพูดเนี่ย “ ความกล้า ” ขาดไม่ได้ เลย สำ�คัญที่สุดจริง ๆ หากเราไม่กล้าพูด การสนทนาก็ไม่อาจเริ่ม ต้นได้ ดังนั้นเวลาเจอชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ฝรั่งหรือนักท่อง เที่ยวที่มาถามทาง อย่ามัวปัด ๆ ให้เพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษเป็นมาพูด แทนทุกครั้งนะคะ ลองเป็นคนพูดเองบ้าง หรือเวลาไปตามสถานที่ ท่องเที่ยวแล้วเห็นฝรั่งกางแผนที่ทำ�ท่างง ๆ ลองเป็นเจ้าบ้านที่ดีเสนอ ตัวเข้าช่วยเหลือก็ดี การมีคนไม่รู้จักมาชวนคุยนี่เป็นเรื่องธรรมดาของ ฝรั่งเลยนะคะ ไม่ต้องกลัว ได้ฝึกพูดแล้วยังได้แสดงน้ำ�ใจช่วยเหลือนัก ท่องเที่ยวอีก รับรองว่าสนุกและสุขใจจนหยุดยิ้มไม่ได้เลยล่ะค่ะ

อ่าน

ลองเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของเราให้ใกล้ชิดภาษา อังกฤษมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนภาษาในโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เฟซบุ๊ค และลองหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราสนใจมาเป็นเว็บหลักที่เรา เข้าไปเช็คบ่อย ๆ เวลาเดินทางไปไหนพบเจอภาษาอังกฤษก็อย่าปล่อยให้มันผ่านตาไป ลอง แปลตามในใจ หรือจะหาหนังสือภาษาอังกฤษล้วน ๆ สักเล่มมาเป็นหนังสือคู่ใจ ไปไหนก็ ติดตัวไปอ่านด้วย ลองเข้าร้านหนังสือต่างประเทศสักครั้งแล้วจะรู้ว่ามีหนังสือน่าอ่านมากมาย เลยล่ะค่ะ ราคาอาจจะแพงกว่าหนังสือของไทยสักนิดแต่ก็ได้สาระอัดแน่นคุ้มราคาเลย เจอคำ� ไหนที่ไม่รู้ความหมายเมื่อไหร่ก็ขีดเส้นใต้เอาไว้ แล้วมาค้นหาความหมายทีหลังนะคะ

เขียน

ไม่ว่าจะเขียนสั้นหรือเขียนยาว ก่อนอื่นให้ลองคิดก่อนว่าถ้าเราจะเขียนเป็นภาษาไทย เราจะเขียนอย่างไรบ้าง แล้วค่อยแปลเป็นภาษา อังกฤษดู ( ถ้าเขียนยาวหน่อยก็ควรร่างในกระดาษอื่นก่อนถ้าทำ�ได้ ) เพราะหากคิดเป็นภาษาอังกฤษเลย เราอาจถูกจำ�กัดความคิดของเราด้วย ความไม่มั่นใจหรือคำ�ศัพท์ที่เราไม่รู้ซึ่งจะทำ�ให้สิ่งที่เราเขียนไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่เราต้องการ สำ�หรับหลักไวยากรณ์หรือแกรมม่านั้นก็อย่าลืมดูสถานการณ์ว่าเป็นทางการแค่ไหน เพราะฝรั่งเจ้าของภาษาเองเขาก็ไม่ได้เคร่งครัดขนาด นั้น ( เวลาคุยกันเองก็จงใจวิบัติกันเลยก็มี ) ถ้าเกิดจะเขียนอะไรกันเอง ๆ เช่น อัพเฟซบุ๊ค เขียนจดหมายหาเพื่อนชาวต่างชาติ จะเขียนอะไร ให้ถูกหลักเป็นพิธีรีตองก็กระไรอยู่ อย่าไปเครียดอะไรมากมาย ขอให้เราสื่อสิ่งที่เราอยากบอกให้ได้ครบถ้วนก็พอ แต่ถ้าจะเขียนสิ่งที่เป็นทางการ หน่อย เช่น เรียงความ หรือข้อสอบที่เราจะต้องอธิบายเยอะ ก็คงถึงเวลาที่เราจะต้องงัดสิ่งที่เราเรียนมาตลอดมาใช้ให้เต็มที่ โดยมากพวกเรามักจะพลาดเรื่องการใช้กริยาให้ถูกต้องกับประธานเอกพจน์และพหูพจน์ และใช้ tense ผิดความหมาย อย่างแรกก็คง ระวังกันไม่ยาก เพียงแต่ต้องสังเกตรูปของประธานให้ดีแล้วเลือกใช้กริยาให้ถูกต้อง แต่เรื่อง tense นี่สิที่มันซับซ้อนเหลือเกินและมีความหมาย ใกล้เคียงกันจนไม่รู้จะเลือกใช้อันไหนดี จะหาในพจนานุกรมแบบคำ�ศัพท์ก็ไม่ได้ ตรงนี้เราคงต้องถามเพื่อนที่เก่ง ๆ หรืออาจารย์ให้ช่วยอธิบายให้ ชัดเจน tense หลายแบบสามารถแปลเป็นภาษาไทยได้ซึ่งจะช่วยให้เราจำ�ได้ง่ายกว่า ไว้มีโอกาสพี่กานต์จะนำ�เรื่องนี้มาพูดกันเต็ม ๆ นะคะ และนี่ก็คือวิธีที่จะช่วยให้ภาษาอังกฤษของน้อง ๆ แข็งแรงขึ้นได้ เอาไว้ภาษาอังกฤษของเราแกร่งกล้ามั่นใจเต็มร้อยเมื่อไหร่แล้วอยากจะ เรียนภาษาที่ ๓ หลักนี้ก็ยังใช้กับภาษาอื่น ๆ ได้นะคะ พี่โหลก็ฝากมาว่า ไม่ว่าจะเรียนภาษาอะไรก็ตาม เราควรปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้ใกล้ชิด กับภาษาที่เราเรียนมากขึ้น เพื่อช่วยให้เราซึมซับและพร้อมนำ�ไปใช้จริงได้เสมอ ยิ่งเป็นภาษาที่ ๓ ซึ่งไม่เหมือนภาษาอังกฤษที่เรามีโอกาสได้เห็น ได้ซึมซับเป็นประจำ� เรายิ่งต้องหมั่นทบทวนและฝึกฝนบ่อย ๆ ไม่งั้นลืมแน่ ๆ ค่ะ สำ�หรับครั้งนี้ Fly to learn ขอลาไปก่อน พบกับพี่กานต์ในโอกาสหน้านะคะ ขอให้มีความสุขกับการใช้ภาษาต่างประเทศค่ะ สวัสดีค่ะ



text : ชลากร สถิวัสส์ (@scjade) photo : ชลากร สถิวัสส์ , suannonweb.com: qzaar , GunNz~ , satoru

ากกล่าวถึงสถานที่ที่มีกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากที่สุด หอประชุมสิรินธรา ลัยคงเป็นที่แรก ๆ ที่ทุกคนจะนึกถึง ถึงจะดูใหม่และหรูหราขนาดนี้ แต่ อาคารหมายเลข ๗ นี้ นับเป็นอาคารอีกหลังหนึ่งที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ยุคแรก เริ่มของโรงเรียนและมีประวัติศาสตร์เคียงคู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรีของ เรามาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ที่นี่จะมีความเป็นมาน่าสนใจอย่างไร ลุย สวน ขอนำ�เสนอ ณ บัดนี้ครับ หลังจากที่โรงเรียนของเรามีอายุได้ ๖ ปี สมัยของท่านผู้อำ�นวยการอัมพา แสน ทวีสุข ในปีพ.ศ.๒๕๒๗ โรงเรียนได้รับงบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการเป็นจำ�นวน ๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท และได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากสมาคมผู้ปกครองและครู ฯ อีกเป็น จำ�นวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างอาคารหลังใหม่นี้คือเพื่อใช้เป็นหอ ประชุมใหญ่ของโรงเรียน และในปีเดียวกันก็ได้เกิดเป็นอาคารหลังใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลังหนึ่งใน รอบรั้วโรงเรียนแห่งนี้ พิธีเปิดหอประชุมแห่งนี้มีขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ นับ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้พระราชทานนามแก่หอประชุมว่า “ สิรินธราลัย ” อันเป็นชื่อที่เราเรียกขานจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ศาสตราจารย์ ดร.ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์เป็นประธานในพิธีเปิด หอประชุมแห่งนี้ด้วย เดิมทีนั้น หอประชุมสิรินธราลัยเป็นเพียงอาคารผนังปูนธรรมดา ใช้ประตูเหล็กม้วน คล้ายกับที่เราเห็นบ่อย ๆ ตามร้านค้าและอาคารพาณิชย์ เมื่อถึงเวลาใช้หอประชุมก็เพียงเปิด ประตูเหล็กนี้ขึ้นก็มีแสงจากภายนอกส่องเข้ามาทำ�ให้ด้านในสว่างขึ้นมากทีเดียว และใช้พัดลม ติดเพดานในการระบายอากาศ กว่าจะเป็นหอประชุมที่สวยงามดังที่เราเห็นในตอนนี้ ที่มีทั้ง ผนังบุฉนวนกันเสียง ระบบเครื่องปรับอากาศ ระบบแสงสี ห้องควบคุมอุปกรณ์โสตทัศนศึกษา เหนือประตูทางเข้า เพดานไฟหลุม ฯลฯ ที่นี่ก็ได้รับการปรับปรุงในสมัยของท่านผู้อำ�นวยการ ท่านต่าง ๆ รวม ๘ ท่าน โดยการปรับปรุงครั้งใหญ่ครั้งล่าสุดคือการหุ้มผนังหอประชุมด้านหน้า และด้านในด้วยแผ่นไม้ ผนังภายในบุด้วยผ้า เปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์ ในช่วงปิดภาคเรียน ปีการศึกษา ๒๕๕๒ สู่ปีการศึกษา ๒๕๕๓ อาคารสิรินธราลัย เป็นอาคารปูน ๒ ชั้น มีบันไดขึ้น – ลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ของอาคาร โดยมีชั้นบนใช้เป็นหอประชุมดังที่กล่าวไว้ข้างต้น สำ�หรับชั้นล่างนั้นก็มีสถานที่ สำ�คัญของโรงเรียนอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ ห้องสมุดติณสูลานนท์ ซึ่งตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแด่พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย หรืออีกชื่อ หนึ่งก็คือ ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก ซึ่งควบคุมและดูแลโดยบุคลากรของงานห้อง สมุด และมีนักเรียนสมาชิกชุมนุมห้องสมุดคอยหมุนเวียนมาช่วยเหลือและให้บริการ


ข้อมูลเชิงกายภาพ อาคาร ๗ หอประชุมสิรินธราลัย

ที่ตั้ง : หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้านหน้าติดกับลานอเนกประสงค์ ด้านซ้ายติดกับอาคาร ๖ และห้องพักรปภ. ด้านขวาติดกับห้องสมุดสวนเสริมปัญญา ด้านหลังติดสระน้ำ�พุ ชั้นบน : หอประชุมสิรินธราลัย ห้องควบคุมอุปกรณ์โสตทัศนศึกษา เวที ห้องแต่งตัวนักแสดง หลังเวที ๒ ห้อง ห้องน้ำ�ชาย – หญิง ๒ ห้อง ชั้นล่าง : ห้องสมุดติณสูลานนท์ ห้องสมุดสมเด็จพระเทพ ฯ ห้องสมุดดิจิตอล ห้องสมุด สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์กราฟิก ( ห้องมัลติมีเดีย ) ความกว้าง : ๒๔ เมตร ความลึก : ๔๘ เมตร



ภายในแบ่งเป็น ๔ ส่วน ได้แก่ (๑.) พื้นที่หลักของห้องสมุด (๒.) ห้องสมุดสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งกั้นพื้นที่ ด้วยผนังกระจก อยู่ด้านหลังเคาท์เตอร์บริการ ได้รับทุนสนับสนุน สร้างจากสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย (๓.) ห้องสมุดดิจิตอล ซึ่งเป็นห้องค้นคว้าความรู้ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ และ (๔.) ห้องสมุด สมเด็จพระเทพ ฯ ซึ่งเก็บรวบรวมบทพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีไว้ทุกเล่ม ตั้งอยู่ด้านขวาของ ประตูทางเข้า เดิมทีเป็นห้องจัดประทับเสวยพระสุธารส ( น้ำ�ดื่ม ) เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จพระราชดำ�เนินทรงเปิดอาคารสธ.๓ และทอด พระเนตรบรรยากาศภายในโรงเรียน เมื่อพ.ศ.๒๕๓๕ และในโอกาส เดียวกัน พระองค์ได้พระราชทานบทสักวาที่พระองค์พระราชนิพนธ์ที่ ศาลากลางน้ำ�หลังโรงเรียน และเขียนด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์ เอง มีความว่า

ห้องสมุดติณสูลานนนท์ได้รับรางวัลที่รับรองมาตรฐาน คุณภาพของห้องสมุดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง อาทิ - เกียรติบัตรและโล่เกียรติยศ โรงเรียนพัฒนาห้องสมุดดีเด่น ( ได้รับจากกรมสามัญศึกษา ปีพ.ศ.๒๕๓๔ ) - โล่ประกาศเกียรติคุณ ห้องสมุดโรงเรียนที่มีผลงานดีเด่น ( ได้รับจากสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ปีพ.ศ.๒๕๓๕ ) - ได้รับคัดเลือกจากกรมสามัญศึกษาให้เป็นห้องสมุดเฉลิม พระเกียรติกาญจนาภิเษกระดับกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษาส่วนกลาง กลุ่มที่ ๙ ( ปีการศึกษา ๒๕๓๙ ) ปัจจุบัน ห้องสมุดติณสูลานนท์มีตำ�รา ๓๑,๙๓๖ เล่ม ( ปีการศึกษา ๒๕๕๑ ) วันจันทร์ – ศุกร์เปิดให้บริการเวลา ๗.๐๐ – ๑๖.๓๐ น. วันเสาร์ ๗.๓๐ – ๑๔.๐๐ น. และปิดทำ�การในวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีนักเรียนใช้บริการเดือนละประมาณ ๒,๔๐๐ คน ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เก็บข้อมูลการยืม – คืนหนังสือด้วยบาร์โค้ด บนบัตรประจำ�ตัวนักเรียน ( เริ่มใช้ในสมัยของท่านผู้อำ�นวยการดุษฎี พงษ์ศาสตร์ ประมาณปีพ.ศ.๒๕๓๙ ) อ่านมาถึงตรงนี้ น้อง ๆ ผู้อ่านคงจะเข้าใจความเป็นมาของ อาคารหลังนี้กันแล้ว ทีนี้เราลองมาไล่ดูกันว่าตั้งแต่เราเข้ามาที่โรงเรียน นี้ อยู่ ๖ ปีจนกระทั่งจบการศึกษาไป ที่นี่มีความเกี่ยวพันกับชีวิตวัย เรียนของเรามากแค่ไหน มาลองดูกันนะครับ วันยื่นใบสมัครเข้าเป็นนักเรียน – วันจับสลากเข้าศึกษา - วัน รายงานตัวและชำ�ระค่าใช้จ่าย – วันปฐมนิเทศ – ประชุมระดับ – วัน ตรวจสุขภาพประจำ�ปี – ค่ายคุณธรรม – กิจกรรมติวเข้มก่อนสอบเข้า มหาวิทยาลัย - วันกุหลาบอำ�ลา และครั้งสุดท้ายที่จะได้ขึ้นหอประชุม สิรินธราลัยคือวันปัจฉิมนิเทศ กว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่งก็คืองาน เลี้ยงรุ่น หลังจากที่เราจบการศึกษาไปแล้ว ๒ ปี นอกจากกิจกรรมเหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับพวกเราทุกคนโดยตรง แล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่มากมาย ได้แก่ งานสัปดาห์ วันวิทยาศาสตร์ งานสัปดาห์ห้องสมุด พิธีมุทิตาจิตสำ�หรับอาจารย์ ที่เกษียณอายุราชการ วันมอบตัว ( ใช้เป็นที่ประชุมของผู้ปกครอง ) กิจกรรมในโครงการประเทศไทยใสสะอาด และโครงการครอบครัวพอ เพียง กิจกรรมอบรมโดยองค์กรภายนอก พิธีมอบรางวัลบุคลากรดี เด่นประจำ�ปีการศึกษา การแสดงผลงานของโรงเรียนในการประเมิน สถานศึกษา งานเลี้ยงสำ�เร็จการศึกษาระดับชั้นม.ต้น ห้องโครงการ พิเศษ พิธีทำ�บุญเนื่องในวันสถาปนาโรงเรียน งานเลี้ยงศิษย์เก่า เคย ใช้เป็นสถานที่จัดพิธีไหว้ครู กิจกรรมแสดงดนตรีวันรีแล็กซ์เดย์ ( มีถึง ปีการศึกษา ๒๕๕๒ ) สภาโจ๊กสัญจรเยือนนครปากเกร็ด ( พ.ศ.๒๕๕๔ บทสักวาพระราชทานดังกล่าวถูกจัดเก็บไว้ในห้องสมุดติณสู ลานนท์แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของสำ�คัญอีกหลายอย่างที่เก็บรักษาไว้ ) งานฉลองในโอกาสที่โรงเรียนได้รับรางวัลพระราชทาน งานฉลองวง ที่นี่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพระบรมรูปปั้นของพระมหากษัตริย์รัชกาลต่าง EMPTY ชนะประกวด Hot Music Award 2011 เป็นที่พักพิงชั่วคราว ของผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ ฯลฯ นอกจากนี้ บุคคลภายนอก ๆ และของที่ระลึกที่โรงเรียนและหน่วยงานภายนอกที่มาเยี่ยมเยือน มอบให้ , ถ้วยรางวัลที่ใช้ในมหกรรมกีฬาภายในของโรงเรียน ( กีฬาสี ) ก็สามารถขอเช่าหอประชุมสิรินธราลัยเพื่อใช้จัดงานต่าง ๆ ได้ เราจึง พบเห็นหอประชุมใช้เป็นที่จัดงานมงคลสมรส หรืองานแถลงผลการ ฯลฯ ดำ�เนินการของบริษัทได้เป็นครั้งคราว ...

สักวาแต่ก่อนมาโรงเรียนนี้ เออก็ตั้งสิบปีเข้าแล้วหน้า ได้พบครูและนักเรียนที่เปลี่ยนมา ก็ล้วนมีหน้าตาที่เบิกบาน ได้นั่งเล่นเย็นใจที่ในสวน แลก็ล้วนผู้รู้ดูสุขศานต์ บุพผชาติงามจริงยิ่งสำ�ราญ ยินกลอนกานท์ขับกล่อมพร้อมกันเอย


จากทั้งหมดกล่าวมา เราสรุปได้ว่าอาคาร ๗ สิรินธราลัยนี้เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งของโรงเรียนที่มี ความสำ�คัญทั้งในฐานะที่เป็นอาคารที่อยู่คู่กับโรงเรียน ของเรามาช้านาน และเป็นที่ที่มีสิ่งต่าง ๆ มากมายเกิด ขึ้นกับชีวิตของนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรีคนหนึ่ง เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว พี่โหลหวังว่าจากนี้ ไป อาคารสิรินธราลัยนี้จะมีความหมายสำ�หรับน้อง ๆ มากขึ้น และน้อง ๆ จะช่วยกันรักษาความสะอาด ช่วยกันดูแลอาคารหลังนี้ให้เป็นบ่อเกิดสิ่งดี ๆ แก่ชีวิต ของพวกเราชาวสวนนนท์ตลอดไปนะครับ

อ้างอิง : หนังสืออนุสรณ์ ๒๒ ปี สวนกุหลาบนนท์ , หนังสืออนุสรณ์ ๒๔ ปี สวนกุหลาบนนท์ ๒๕๒๑ – ๒๕๔๕ , หนังสืออนุสรณ์ S.K.N. 25th ANNIVERSARY , รายงานการพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ประจำ�ปี ๒๕๕๑ , th.wikipedia.org/wiki/โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย_นนทบุรี


text : กองบรรณาธิการ

2012 แตก? ไม่แตก? เมื่อเราก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ 2012 แล้ว กระแสหนึ่งที่คงจะ มาแรงเป็นอันดับต้น ๆ คงไม่พ้นเรื่องโลกจะแตกในปีนี้หรือไม่ หาก เรามองย้อนกลับไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรื่องโลกแตกกลายเป็นเรื่องโด่ง ดัง เพราะในอดีตที่ผ่านมาก็มีการทำ�นายหลายครั้งว่าโลกจะมาถึงจุด สิ้นสุดในวันนี้ ๆ มีนวนิยายและภาพยนตร์วิทยาศาสตร์มากมาย จน มาถึงเหตุการณ์ล่าสุดในยุคสมัยของเราก็คือ Y2K ( เหตุการณ์ความ แตกตื่นในวงการคอมพิวเตอร์ เมื่อเลขปี 99 จะกลับไปเป็น 00 เมื่อขึ้น ศตวรรษใหม่ ) แต่แล้วเราก็ยังคงอยู่รอดกันมาได้จนถึงวันนี้ และคราวนี้ก็ตัวจุดกระแสวันโลกาวินาศขึ้นมาอีกครั้งก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง 2012 วันสิ้นโลก ผลงานจากค่ายโคลัมเบีย พิคเจอร์ ซึ่งเข้าฉายเมื่อปลายปีพ.ศ. 2552 ด้วยเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ ถ่ายทอดหายนะครั้งยิ่งใหญ่ได้สมจริง และระยะเวลาที่เหลือเพียง ๒ ปี เศษนับจากวันที่ภาพยนตร์เข้าฉาย มหันตภัยก็จะเกิดขึ้น เรื่องนี้จึงกลับ มาเป็นที่โจษจันอีกครั้งหนึ่ง ไหน ๆ เราก็มาถึงปีที่เขาว่าเป็นปีสุดท้าย ของโลกแล้ว ผมขอนำ�ข้อมูลที่น่าสนใจจากเว็บไซต์สมาคมดาราศาสตร์ ไทยมานำ�เสนอครับ

ปีนี้จะมีดาว Planet X หรือดาว Nibiru มาชนโลกหรือไม่ ? เป็นดาว 2 ดวงที่เราได้ยินชื่อบ่อยมากหากพูดถึงวันโลกแตก แท้จริงแล้ว X ใน Planet X คือเลข 10 ของโรมัน ดาวดวงนี้คือดาว เคราะห์ดวงที่ 10 ในระบบสุริยะ ( ถัดไปจากดาวพลูโต ดาวเคราะห์ดวง ที่ 9 ) ที่นักดาราศาสตร์เชื่อว่ามีและเฝ้าค้นหาอยู่แต่ยังไม่พบ และถ้า หากเจอเข้าจริง ๆ สักวันหนึ่ง ดาวดวงนี้ก็จะมีวงโคจรกลม ๆ รอบดวง อาทิตย์เหมือนกับดาวดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะ เช่น ดาวพุธ โลก ดาว พฤหัสบดี ซึ่งจะไม่มาชนเราหรอกครับ ส่วนดาวนิบิรุนั้นปรากฏอยู่ในจารึกของชาวสุเมเรียนเท่านั้น เป็นเพียงตำ�นานว่าเป็นดาวที่มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาและอารยธรรมขั้น สูงเหมือนมนุษย์ แม้ดาวนิบิรุจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่สนใจเรื่องลี้ลับ

K

Knowing

อย่างมาก แต่ไม่มีหลักฐานใดเลยที่สามารถยืนยันได้ว่าดาวนิบิรุมีตัวตน อยู่จริง ทั้งวงการวิทยาศาสตร์และนักวิชาการด้านสุเมเรียนก็ไม่มีใคร ยอมรับเรื่องนี้ ดาวนิบิรุจึงเป็นเพียงจิตนาการเท่านั้นครับ

แล้วจะมีอุกกาบาตพุ่งชนโลกหรือไม่ ? ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า ทุกวันนี้ก็มีเทหวัตถุพุ่งเข้าสู่โลก เป็นปกติ มีทั้งสะเก็ดดาวหาง เศษซากของดาวเคราะห์น้อยมากมาย ที่เข้ามาใกล้โลกจนถูกชั้นบรรยากาศของโลกดึงดูดลงมา แต่เกือบ ทั้งหมดก็ถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศทั้งสิ้น อุกกาบาตที่ใหญ่หน่อย อาจจะเหลือเป็นก้อนเล็กก้อนน้อยตกลงมาถึงพื้นโลกบ้าง สำ�หรับ อุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่จนสามารถก่อให้เกิดมหันตภัยร้ายแรง หรือดาว เคราะห์น้อยที่มีวงโคจรตัดกับโลก ทางนาซ่าก็มีหน่วยงานที่คอยสังเกต และตรวจตราวัตถุอันตรายนี้อยู่ และเขาก็ยืนยันว่า โลกของเรายังคง ปลอดภัยจากวัตถุจากฟากฟ้าอย่างน้อย ๆ ก็อีกร้อยปีครับ

ปี 2012 เป็นปีสุดท้ายที่มีในปฏิทินของชาวมายา หมายความว่าปีนี้โลกจะสิ้นสูญแล้วใช่ไหม ? สมมติง่าย ๆ ว่าผมให้ท่านผู้อ่านลองเขียนปฏิทินนับจากวัน นี้เป็นต้นไปโดยไม่กำ�หนดว่าให้หยุดเขียนเมื่อถึงวันที่เท่าไร เมื่อท่านผู้ อ่านเขียนไปเรื่อย ๆ ได้ปฏิทินของหลายเดือนหรือหลายปีข้างหน้า จน กระทั่งเบื่อ เมื่อย หรือมีสิ่งรบกวนทำ�ให้ต้องหยุดเขียน แม้ว่าปฏิทิน จะสิ้นสุดในวันที่ท่านผู้อ่านเขียน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ากาล เวลาจะสิ้นสุดเพียงเท่านั้น หลังจากวันสุดท้ายที่เขียนก็ย่อมมีวันต่อ ไป เพียงแต่ผู้เขียนปฏิทินหยุดเขียนไปเท่านั้นเอง จริงไหมครับ ? และ ในกรณีของชาวมายาเขาเขียนปฏิทินตั้งแต่ปี 3114 ล่วงหน้าเป็นเวลา 5,126 ปี มาสิ้นสุดเอาปีนี้ ก็เหมือนกันเลย เขาหยุดเขียนที่ปีนี้ไม่ได้ หมายความว่าโลกจะแตกปีนี้หรอกครับ


ปีนี้จะมีเหตุการณ์ที่ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะเรียงตัวกัน ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่บนโลก ความจริงแล้ว การเรียงตัวกันของดาวเคราะห์นั้นเป็นเรื่อง ปกติมากครับ เพียงแต่ผู้ที่ไม่ได้สนใจเรื่องดาราศาสตร์จะไม่ค่อยทราบ ปีนึงก็เกิดเหตุการณ์นี้อยู่หลายครั้ง และเหล่าผู้ที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์ ก็ชื่นชอบเสียด้วยเพราะเขาจะสามารถถ่ายภาพดาวเคราะห์หลายดวง อยู่ในภาพเดียวกันได้ แม้ว่าดาวเคราะห์แต่ละดวงต่างก็มีแรงดึงดูด และสนามแม่เหล็กของตนเอง แต่ระยะห่างระหว่างดาวเคราะห์แต่ละ ดวงนั้นไกลมาก ๆ จนไม่มีผลอะไรต่อโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลกเลยครับ และหากผู้อ่านเคยได้ยินข่าวลือที่คล้าย ๆ กัน แต่เปลี่ยนดาวเคราะห์ เป็นโลก ดวงอาทิตย์ และศูนย์กลางกาแล็กซี่ทางช้างเผือก นั่นก็ เหมือนกัน เราอยู่ห่างไกลกันมากเกินกว่าจะเป็นอันตรายครับ นอกจากกรณีเหล่านี้ ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีก เช่น ปีนี้แม่เหล็กขั้ว โลกจะพลิก ดวงอาทิตย์จะเกิดการลุกจ้ามาถึงโลก จันทรุปราคาเต็ม ดวงทำ�ให้เกิดภัยพิบัติ ฯลฯ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในบรรดาข่าวลืออีก มากมายที่ผู้ไม่มีความรู้จริงกุขึ้น บ้างก็ทำ�เพื่อหาประโยชน์เข้าตนเอง ( อย่างเมื่อปีพ.ศ.2529 ที่ดาวหางฮัลเล่ย์เข้าใกล้โลกก็มีผู้ปล่อยข่าวว่าชั้น บรรยากาศของโลกจะหายไปหรือปนเปื้อนก๊าซพิษ จึงมีการหลอกขาย อุปกรณ์กักเก็บอากาศหรือยาสร้างอากาศกันอย่างแพร่หลาย ) เพื่อ กระตุ้นให้มีคนเข้าเว็บไซต์ของตนเยอะ ๆ บ้างก็เชื่อข่าวลือแล้วบอกต่อ ด้วยความไม่รู้ กลายเป็นแตกตื่นและตึงเครียดกันไปถ้วนหน้า ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในแขนงที่ เกี่ยวข้องก็ได้อธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข่าวลือต่าง ๆ ไว้หมดแล้ว จึง เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องเลือกรับสื่อที่เชื่อถือได้ อย่างไรก็ตามถึง ปีนี้โลกจะไม่ถึงคราวสูญสลาย แต่เราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะยังมีภัย ธรรมชาติต่าง ๆ ที่พร้อมเกิดขึ้นอีกมากมาย ซึ่งล้วนเป็นผลพวงมาจาก ภาวะโลกร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้น เราคนไทยก็คงทราบดี เพราะน้ำ�ท่วม ใหญ่เมื่อปีที่แล้วนั้นก็เกิดขึ้นเพราะปริมาณน้ำ�ฝนที่มากผิดปกติอันเกิด จากภาวะโลกร้อน ประกอบกับการตัดไม้ทำ�ลายป่าและการขาดความ ใส่ใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหา จึงได้กลายเป็นความเสียหายครั้ง ใหญ่เป็นประวัติการณ์ ในเมื่อโลกจะไม่แตกปีนี้ เราก็ต้องอยู่กับโลกต่อ ไป และต้องไม่หยุดแก้ไขและฟื้นฟูปัญหาสิ่งแวดล้อมนะครับ สุดท้ายนี้ขอฝากอะไรไว้เล็กน้อย ถ้าพูดถึงปี 2012 แล้วอด คิดเรื่องวันสิ้นโลกไม่ได้ ลองเปลี่ยนมาเรียกปี 2555 ดีกว่าจะได้พ้องกับ เสียงหัวเราะ แล้วปีนี้จะเป็นปีแสนสุขของพวกเราทุกคนอีกปีหนึ่งนะ ครับ อ้างอิง : เว็บไซต์สมาคมดาราศาสตร์ไทย http://thaiastro.nectec. or.th/library/faqs/faq_doomsday.php

( ภาพดินสอของไฮเมนที่ใช้จดสิทธิบัตร A คือภาพผ่าครึ่งของดินสอ ที่สามารถเห็นไส้แกรไฟต์และยางลบที่อยู่คนละด้านกัน B คือปลาย ดินสอด้านสำ�หรับเขียน C คือปลายดินสอด้านสำ�หรับลบ )

รู้รอบ สวนนนท์


หลายระยะหลายร้อยปีที่ผ่านมา แท่งที่เรียกว่า “ ดินสอ ” ที่เราใช้วาดเขียนกันอยู่ทุกวันนี้นั้นได้รับการพัฒนาสารพัดรูปแบบ รู้ ไหมว่าเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๑ ที่ผ่านมานับเป็นอีกวันสำ�คัญของ เจ้าแท่งไม้สอดไส้ถ่านเขียนได้นี้ มันเป็นวันครบรอบ ๑๕๐ ปีของการ จดสิทธิบัตรนวัตกรรมที่ผนวกดินสอและยางลบเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก ของโลก เจ้าของไอเดียนี้มีชื่อว่า ไฮเมน ลิปแมน (Hymen Lipman) ชาวเมืองฟิลลาเดลเฟีย เมืองหนึ่งของรัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา จดสิทธิบัตรครั้งนี้ไว้เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๐๑ โดยหน้าตาของเจ้า ดินสอล้ำ�ยุค ( ในสมัยนั้น ) แตกต่างกับดินสอที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ไป หน่อยตรงที่คุณไฮเมนได้ฝังยางลบไว้ในแท่งไม้ กลายเป็นดินสอที่ด้าน หนึ่งเขียนได้ด้วยถ่านดำ�แกรไฟต์ และอีกด้านหนึ่งลบได้ด้วยยางลบ ต่อมาปรากฏว่ามีผู้ผลิตเครื่องเขียนเจ้าหนึ่งที่ชื่อ เอเบอร์ฮาร์ท เฟเบอร์ (Eberhard Faber -- ต่อมาถูกเทคโอเวอร์โดย เฟเบอร์ คาส เทล ) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาการยึดก้อนยางลบเข้ากับแท่งดินสอด้วยปลอก โลหะโต้แย้งว่าดินสอของไฮเมนนั้นไม่สามารถจดสิทธิบัตรได้ เพราะทั้ง ดินสอและยางลบนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีอยู่แล้ว และการนำ�ทั้งสองสิ่งนี้ มารวมเข้าด้วยกันก็ไม่ก่อให้เกิดอรรถประโยชน์ใหม่ขึ้นมา เรื่องนี้ก็เลย ต้องไปจบลงที่ศาลฎีกา โดยสรุปว่าสิทธิบัตรของไฮเมนเป็นอันต้องถูก ยกเลิกไป สำ�หรับการเฉลิมฉลองครบรอบ ๑๕๐ ปีเมื่อปี ๒๕๕๑ ที่ผ่าน มานี้ก็มีเว็บไซต์หลายแห่งหยิบยกประวัติศาสตร์ของเจ้ายางลบปลาย ดินสอของไฮเมนขึ้นมาเล่าใหม่อีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็มีเว็บไซต์หลายแห่งที่เข้าใจผิดว่าเป็นวันครบรอบ ๑๕๐ ปีของการประดิษฐ์ดินสอแท่งแรก ของโลก ( การนำ�แกรไฟต์มาใช้เขียนเกิดขึ้นครั้งแรกที่อังกฤษเมื่อปีพ.ศ.๒๑๐๘ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าแกรไฟต์ได้รับการพัฒนาโดยการหุ้มด้วยแท่ง ไม้เป็นดินสอเมื่อใด ; กอง บก. ) และในหมู่ชาวอินเตอร์เน็ตที่สนใจเรื่องขีด ๆ เขียน ๆ นี้ก็ถือกันอย่างไม่เป็นทางการว่าวันที่ ๓๐ มีนาคมของทุกปี เป็นวันแห่งดินสอครับ

ยางลบ

ปลายดินสอ

ที่มา : http://www.dek-d.com/content/education/22331/ทำ�ไมบนดินสอถึงมียางลบ.php แปลใหม่อีกครั้งจาก http://www.pencils.com/hymen-lipman-pencil-patent

ประธานนักเรียนคนแรกของโรงเรียนเรามีชื่อว่า พี่สันต์ สันติพงษ์ เป็นนักเรียนโรงเรียนสวน กุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี รุ่นที่ ๘ O ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นไม้ประจำ�โรงเรียนเป็นต้นไม้ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงปลูกไว้เมื่อวัน ที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๕ อยู่ที่สวนหลังลานพระบรมราชานุสาวรีย์ O จริยธรรม ๓ ประการที่เราท่องกันทุกเช้า เป็นสิ่งที่ท่านผู้อำ�นวยการอัมพา แสนทวีสุข ท่านผู้ อำ�นวยการคนแรกของโรงเรียนแต่งขึ้นเอง O ห้องโสตทัศนศึกษา และห้องปฏิบัติการภาษา ( Sound Lab หรืออีกชื่อคือ CD-ROM ) เคยตั้งอยู่ ในห้องสมุดติณสูลานนท์ด้วย ก่อนที่จะย้ายไปเมื่ออาคารสธ.๔ ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๙ O



วัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน ทุกท่านคงเคย ได้ยินชื่อเสียงของชุมนุม ลูนาติก เซอร์เคิล กันมาบ้าง แล้ว และวารสาร NYA โชคดีที่จะได้พูดคุยกับประธาน ของชุมนุมนี้ เพราะลูนาติก เซอร์เคิลเป็นชุมนุมหนึ่ง ที่พิเศษมาก ๆ ตรงที่เป็นชุมนุมอิสระที่ก่อตั้งขึ้นโดย นักเรียน ควบคุมดูแลนักเรียนเอง และอยู่ยงคงกระพัน มาเป็นปีที่ ๔ แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ลูนาติก เซอร์เคิล ยังเป็นชุมนุมขนาดใหญ่ที่ใคร ๆ ต่างก็อยากจะเป็นส่วน หนึ่งของชุมนุมนี้ สังเกตได้จากวันเปิดรับสมาชิกชุมนุม ใหม่ประจำ�ปีการศึกษานี้ที่ผ่านมา บู๊ธของลูนาติก

เซอร์เคิลนั้นเนื่องแน่นด้วยน้อง ๆ ที่มาขอ สมัครสมาชิกตลอด เวลา เรียกได้ว่าพี่ ๆ ของชุมนุมต้องปิดรับสมัครก่อนเวลา ที่ตั้งใจไว้เพราะเต็มเร็วมาก ๆ ชุมนุมอิสระที่ ประสบความสำ�เร็จมาได้ถึงขนาดนี้เขามีแนวคิด เทคนิคอย่างไร คอลัมน์ Main Course ฉบับนี้ เราจะมาหาคำ�ตอบกันค่ะ


สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยรบกวนพี่นัท แนะนำ�ตัวเองสักเล็กน้อยค่ะ

สวัสดีครับ ชื่อนายณัฐวรณ์ ชัยศิริ อายุ ๑๘ ปี อยากจะบอกว่าอายุปีเนี้ย ( แก่ ชิบเป๋งเลย ) เท่ากับอายุประธานคนที่แล้วเมื่อ ต้นปีเลย เพิ่งมาเป็นประธานชุมนุมปีนี้ปีแรก ได้ประสบการณ์อะไรมาเยอะ เจอเรื่องน่ากลัว ๆ เรื่องน่าตื่นเต้น ประหลาด ๆ เต็มไปหมด เลย อยู่ห้องม.๖ / ๑๕ ห้องแผนญี่ปุ่น ถามว่า เรียนญี่ปุ่นเป็นไงบ้าง ? ก็....ถู ๆ ไถ ๆ ....

ชุมนุมลูนาติก เซอร์เคิลนั้นมีความ เป็นมาอย่างไร และทำ�อะไรบ้างคะ

เริ่มจากพี่ ๆ ๗ คนที่เป็นผู้ก่อตั้ง ชอบ วาดการ์ตูนเหมือนกันแล้วคุยกันขำ� ๆ ว่าใน ๗ คนไม่มีใครเต็มเต็งสักคน เลยเป็นที่มาของ ชื่อ Lunatic ลูนาติกแปลว่าคนที่มีอาการทาง ประสาทชนิดหนึ่ง ถ้าเราไปดูตามศรีธัญญา หรือโรงพยาบาลบ้าทั้งหลาย จะมีป้ายเขียน ภาษาอังกฤษว่า Lunartic บวกกับคำ�ว่า Circle ( เซอร์เคิล คือคำ�ที่ใช้เรียกกลุ่มนักวาด การ์ตูนอิสระ พบเห็นได้ตามงานการ์ตูนต่าง ๆ : บ.ก. ) ก็ได้เป็นชื่อชุมนุมลูนาติกเซอร์เคิลดังที่ เห็นกันนี้ แล้วก็...มาสค็อตของชุมนุมที่เป็น กระต่ายหน้าโรคจิตตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงปัจจุบัน กระต่ายตัวนี้เป็นกระต่ายจาก Alice in Wonderland ช่วงนั้นพี่ ๆ เขาก็มีตัวประหลาดที่วาดกันเองในกลุ่ม ชื่อรู หนุ่ม พี่เขาก็เอาคอนเซ็ปต์ตัวประหลาดรูหนุ่มกับกระต่ายวันเดอร์แลนด์ มารวมกันได้เป็นกระต่ายอลิซบ้า ไม่น่ารัก และนี่คือชีวประวัติส่วน หนึ่งของชุมนุมลูนาร์ติก จนกระทั่งสองสามปีให้หลังก็มีประธานชุมนุม หน้าตาบ้า ๆ แบบนี้แหละมาบริหารงาน

เป็นชุมนุมที่มีสมาชิกเยอะขนาดนี้ พี่นัทมีหลักการดูแล สมาชิกอย่างไรให้ทั่วถึงและมีความสุขบ้างคะ

เราไม่มีหลักอะไรเลย จริง ๆ หลักการในการปกครองของ เราคือ พี่กับน้อง แค่นั้น เราไม่กำ�หนดบรรทัดฐาน เราไม่เผด็จการ เราแค่ ...เออ คุณเป็นน้องนะ เราเป็นพี่ เราแก่กว่า แต่สิ่งที่คุณทำ� มา เราจะไม่ปิดกั้นและกดดัน น้องมีอะไรก็เสนอมา เราก็รับฟัง ถ้ามี อะไรไม่ดีเราจึงค่อยทักท้วง หรือถ้าน้องสงสัยอะไรก็ถามมาได้ พี่ก็จะ ตอบ ถ้าพี่ตอบไม่ได้ พี่ก็จะนั่งอึ้ง...แล้วก็หันไปถามรองประธานว่า

เฮ้ย ยังไงวะ แล้วรองประธานก็จะถามสต๊าฟฟ์จนกระทั่งวนกลับมา ถามประธาน“ ยังไงอ่ะพี่ ? ” เราก็...ช็อคกันไป... ดังนั้น ระบบของเราก็ ง่าย ๆ สบาย ๆ มีแค่พี่กับน้อง เท่านั้น การสั่งงานก็มีทั่วถึงบ้าง ไม่ทั่วถึงบ้าง แต่สุดท้ายเราก็ตาม งานน้อง ๆ จนได้ เราพยายามบริหารงานให้ดีที่สุด ไม่ถึงขั้นเข้มงวด เบ็ดเสร็จ เอาพอมีเดียม ๆ กลาง ๆ

ชุมนุมลูนาติก เซอร์เคิลมีเคล็บลับอย่างไรถึงได้ประสบความ สำ�เร็จและอยู่มาต่อเนื่องถึงขนาดนี้

ความสำ�เร็จมาจาก...รองประธาน ปีที่แล้ว ๒ – ๓ ปีที่แล้ว ที่เป็นสาววาย ประธานปีนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย แค่วาดโปสเตอร์...แปะ แล้วน้อง ๆ ก็กรูเข้ามาเอง ไม่มีเคล็ดลับอะไร ส่วนมากเด็ก ๆ จะ กรูเข้ามาเองแล้วถามว่า “ พี่คับ นี่ชุมนุมอะไรคับ ? ” พอพี่ตอบไปว่า


แนวคิดของชุมนุมมาทำ�โครงการ แก้ไขปัญหาหรือพัฒนาสังคมใน โรงเรียน พี่นัทคิดว่าชุมนุมของพี่นัท จะทำ�อะไรคะ

จะทำ�อะไรหรือ ? ....เราจะต้องมีการ วางแผน เราต้องรู้ว่าโจทย์เขาต้องการ ให้เราทำ�อะไร เราต้องตีโจทย์ให้ได้ก่อน แล้วก็วางโครงคร่าว ๆ ไม่ได้ละเอียดทั้งหมด คิดไปสัก ๕๐ – ๖๐% ถ้าทำ�ได้เราก็จะทำ� ถ้าทำ�ไม่ทัน...เราก็ทำ�ไม่ทัน แต่ว่ากันจริง ๆ แล้ว...ของอย่างงี้เรา ก็ทำ�ได้แค่สนับสนุนและส่งเสริมเขาเท่านั้น เพราะจะให้ทำ�พวงกุญแจก็ใช่ว่า เราทำ�มา ทุกปีก็จริง แต่ถ้าทำ�พวงกุญแจรีบอร์น วัน พีซ ลูฟี่ยืดแขนไปสอยดึงบุหรี่คนอื่นทิ้ง มัน ก็ใช่ที่ อาจจะพอเขียนการ์ตูนรณรงค์เรื่อง นี้ได้บ้างแต่มันก็ดูไร้แก่นสารไปนิด สิ่งที่เรา ทำ�ได้จึงทำ�ได้แค่สนับสนุนคนอื่นจริง ๆ จะ ลงสนามไปแก้ด้วยตัวเองก็คงไม่ค่อยได้อะไร นัก

ท่ามกลางปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นกับ เด็ก แล้วผู้ใหญ่มักจะโทษว่าเป็น เพราะสื่อต่าง ๆ รวมถึงการ์ตูน พี่นัท มีความคิดอย่างไรต่อทัศนคตินี้คะ

“ ชุมนุมวาดการ์ตูน ” น้องก็จะตอบกลับว่า “ งั้นพี่ ขอลงชื่.... ” เรา จะถามกลับทันทีว่าน้องรู้หรือเปล่าว่าพี่มีโครงการ มีโปรเจ็คท์ จะทำ�อย่างงู้นอย่างงี้ ทั้งปีจะมีอะไรอย่าง งู้นอย่างงี้....แล้วน้องก็จะเดินหนีไป ที่ตอนนี้ชุมนุมมีสมาชิกมากขนาด นี้ เพราะเด็กในชุมนุมอยากจะฝึกฝีมือด้านนี้ พัฒนาและต่อยอดฝีมือ เรียนเสริมเพิ่มเติม อยากมีความรู้ด้านนี้ติดตัวไปบ้าง คนเก่าก็ไม่ออก กลายเป็นสต๊าฟฟ์กันหมดแล้ว ก็มีน้อง ๆ สมาชิกใหม่ ๔๐ – ๕๐ คน ปัจจุบันนี้มีสมาชิกทั้งหมด ๖๕ คน จึงต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษา ๒ คน ที่ถามว่าอยู่มาต่อเนื่องถึงขนาดนี้ได้ก็เพราะมีสมาชิกเก่า ๆ ที่ไม่อยาก ออกอย่างว่าแหละ ส่วนตัวประธานก็เป็น ตัวประกอบมานาน เราก็ซึบซับเรื่องบ้า ๆ ติงต๊อง แปลก ๆ จน กระทั่งได้เป็นประธานในปีที่สี่นี้แหละ

หากจู่ ๆ โรงเรียนมีโจทย์ให้ทุกชุมนุมต้องนำ�ผลงานหรือ

ไม่คิดว่ามันผิดนะ เพราะว่าเด็ก ๆ ก็ ก็ ก็ซึมซับมาจากทางนู้นบ้าง ทางนี้บ้าง และการ์ตูนก็เป็นส่วนหนึ่งใน นั้นจริง ๆ ถามว่าพี่มีมั้ย มี้ เราก็ไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐศรีอะไร คน เราไม่มีทางดี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ในโลกหรอก มันก็ต้องมีบ้างแหละ สื่อ การ์ตูนพวกนี้ก็มีทั้ง ๑. การ์ตูนโป๊ ๒. โทรทัศน์ แต่พี่ว่ามันก็ไม่น่าเป็น ปัญหาเพราะว่าเรามีหน่วยงานที่คัดกรอง เซ็นเซอร์ทุกอย่างแม้กระทั่ง ตอนชิซูกะอาบน้ำ� แต่หลัง ๆ ทางบริษัทต้นสังกัดของญี่ปุ่นเขาก็ป้องกัน มากขึ้น ถึงยังไงมันก็มีสิ่งล่อแหลมหลุดรอดมาอยู่ดีจากฝีมือนักเขียนรุ่น ใหม่ ๆ ไม่เหมือน เมื่อก่อนที่นักเขียนจะวาดโป๊ยังไงก็ไม่ผิด เพราะสมัยนั้นคนอ่านการ์ตูน ก็มีแค่กลุ่มผู้ใหญ่กับเด็กเล็กจริง ๆ ถึงจะอ่าน การ์ตูนที่เด็กอ่านก็ไม่ได้มี อะไรเลย ดังนั้นของพวกนี้ก็จะเข้าถึงกลุ่มผู้ใหญ่เท่านั้น มีการ์ตูนเรื่องนึงชื่อคอบร้า เป็นการ์ตูนเก่าที่วัยคุณพ่อน่าจะ รู้จักดี ถึงมันจะมีฉากโป๊ แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่ง ที่แฝงอยู่ในสังคม ในชีวิตจริงของเรา แต่เดี๋ยวนี้การ์ตูนมันเข้าถึงคน


ทุกวัย สิ่งล่อแหลมก็เลยเข้าถึงมากขึ้นด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะทำ�อะไรได้ มากมายหรอก เพราะเรามีอักษรศีลธรรม ใส่มาไม่ว่าหรอก นะ...เรา ก็โต ๆ กันแล้ว แต่สำ�นักพิมพ์ครับ ช่วยแกะออกบ้างเฮอะ เปิดมา แต่ละหน้าก็ผ่าง ผ่าง ผ่าง ผ่าง ควับ ควาก ฉึก หน้านึงมีไม่ต่ำ�กว่า ๕ ตัว เยอะเกินไป.... ๓. ก็เป็นเรื่องปัญหาอินเตอร์เน็ต เว็บการ์ตูนโป๊ทั้งหลาย ถามว่ากันได้มั้ย ? กันได้สิ เพราะเรามีไฟร์วอลล์ เคยไหม เหมือนจะ เข้าไปได้ละ โหลดปื๊ดดดด ติดไฟร์วอลล์ อื่มมมม แต่ปัจจุบันก็นะ ปัญหาในไทย ถึงมันจะมีการแบนเว็บนู้นเว็บนี้มากมายแต่มันก็แบนได้ ไม่หมดอยู่แล้ว เพราะมันก็มีเว็บของต่างประเทศอยู่ดี ก็มีแต่ที่โรงเรียน แหละที่พอแบนได้ พอถึงบ้านก็เปิดดูได้ ๒๔ ชั่วโมง แต่ถามว่าเมื่อเรา โตไปกว่านั้นแล้ว เราก็มีสิทธิ์ดูได้ ขอแค่อย่าหมกมุ่นไปฉกกางเกงใน ใครมาดมก็พอ ในญี่ปุ่นเขาก็มีพวกโอตาคุอยู่ แต่โอตาคุพวกนี้เขาก็ไม่ ได้ชั่วร้าย ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นจอมปีศาจหื่นกระหาย ไม่ใช่แบบว่า เดินเห็นผู้หญิงน่ารัก...อุ๊ย สวย น่ารัก ลวนลาม แต่โอตาคุที่ญี่ปุ่น ก็มีอิทธิพลให้เกิดปัญหาในประเทศไทยบางส่วน ไทยก็มีโอตาคุเหมือน กัน แต่ก็มีแค่ช่วงนี้กับสองสามปีก่อน ก่อนหน้านั้นก็คงมีแต่ไม่ได้เรียก ว่าโอตาคุ เป็นแค่แฟนพันธุ์แท้ รู้เรื่องอะไรประจำ�ของเค้า เพราะงั้น ปัญหาตรงนี้ ถามว่าจะแก้ได้ง่าย ๆ ไหม ? คิด ยังไง ? ...เราก็ไม่คิดอะไร ตายด้านแล้ว จะหาว่าอะไรก็ว่ามา... ถ้า ไม่ใช่เราค่อยเถียงกลับไป ถ้าไม่เชื่อก็หยุดเถียง ขอฝากอีกอย่างละกัน เรื่องเกี่ยวกับโอตาคุแบบนี้ ช่วงมองไอโอตาคุ ไอบ้านี่ในแง่ดีบ้างหน่อย เถอะ ใช่ว่าโอตาคุพวกนี้จะปล้นบ้านปล้นเมืองซะทีที่ไหนล่ะ ถ้าแบบ กูจะขับกันดั้ม อะไรงั้นก็...เกินไป อันนั้นมึงบ้า

งานอดิเรกในยามว่างของพี่นัทคืออะไรคะ

๑. เขียนการ์ตูน ๒. เล่นเกม ๓. ฟังเพลงการ์ตูน ๔. ฟังเพลง ( อื่น ๆ เพลงไทย ลูกทุ่ง เพลงเกม ) ๕. ดูหนัง เอ้อ แล้วก็มีงานอดิเรกอีกอย่างนึงเพิ่มขึ้นมา คืองาน พาร์ทไทม์ ซึ่งปัจจุบันก็รับบ้างไม่รับบ้าง ไม่สิ...รับบ้าง ไม่มีใครจ้าง บ้าง ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะเราไม่ได้โปรโมตตัวเอง ส่วนใหญ่ก็ได้งาน มาจากคนรู้จัก และอาจารย์ ก็มีอ.วิมล ตัวสั่งเลย แกไปสอนที่ไหน กลับบ้านก็ถามเลย มีวันไหนเดือนไหนว่างบ้าง ได้ชั่วโมงเท่านี้ทำ�ไหม ? ส่วนใหญ่ก็ไปยืนเฝ้าบู๊ธ ยืนขายขนม ขายอาหาร แจกโบรชัวร์ของ โรงเรียนเรียนพิเศษ ล่าสุดก็ไปแจกที่อเวนิว ไปยืนหัวเกรียน ๆ ใส่เสื้อ ยืด กางเกงยีนส์ธรรมดา งานอดิเรกสุดท้ายต่อจากพาร์ทไทม์คือคอสเพลย์ นี่เป็นสิ่ง ใหม่ที่เราเพิ่งคิดจะลองเลย ...แต่มีอุปสรรคคือความอัตคัตขัดสนของ ประธาน ชุดแพงมาก ชุดไหนทำ�เองได้ก็ทำ� แต่ไม่ได้ทำ�เองหรอก...ให้ พระบิดาทำ� คุณพ่อเก่งหลายอย่าง แต่ไม่ได้ถึงขั้นตัดชุดอะไรหรอก ก็ แค่แก้นิดแก้หน่อย เพราะส่วนมากชุดที่เอามาคอสเนี่ยมันก็ดัดแปลง ได้จากของที่มีอยู่แล้ว อย่างชุดรีบอร์นก็เอาสูทพ่อมา กางเกงพ่อใส่ไม่ ได้ก็ซื้อใหม่ สีดำ�เหมือนกันก็พอ หมวกก็...โง่ ๆ ใบนึง แต่งเอาหน่อย ได้แล้ว เราเป็นรีบอร์นละ ครั้งเดียวในชีวิตจริง ๆ ถามว่าคอสเพล ย์เราเคยคอสมีกี่งานแล้ว แค่ ๒ งานคืองานวันต่อต้านยาเสพติดของ


โรงเรียน และอีกงานคืองานสวนนนท์ปริทรรศน์ แต่งเหมือนชุดแฟนซี แต่งเป็นมาสค็อตตัวเองที่ตัวเองเขียนมา คอสเพลย์มันเป็นสิ่งที่สุดจะหยั่งถึงสำ�หรับคนที่กระเป๋าตังค์ แบน... ถ้าเราอยากเป็นคอสเพลเยอร์จริง ๆ เนี่ย...ต้องรวย และต้อง อ่านการ์ตูน ไม่ต้องเป็นโอตาคุก็ได้ อยากคอสใครคอสไปเล้ย

พี่นัทคิดว่าตัวเองอ่านการ์ตูนเยอะไหมคะ

เยอะ เยอะมาก มโหฬาร มหาศาล ตั้งแต่การ์ตูนไทย การ์ตูนญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ไปทุกเรื่อง การ์ตูนไทยก็อ่าน ตั้งแต่เด็ก ๆ อย่างขายหัวเราะ สาวดอกไม้กับนายกล้วยไข่ อยู่ที่บ้าน มีเป็นชั้นเลย ซื้อตั้งแต่ที่ยังเล่มละ ๑๐ บาท จนตอนนี้ ๑๕ บาทแล้ว สมัยพี่เด็ก ๆ มันก็มีแค่สามสี่แบรนด์ แต่มันก็เป็นหนึ่งในรากฐานที่เรา ซึบซับเรื่องการ์ตูนมาจนโต แต่สไตล์การวาดกับลายเส้นของเราก็คนละ แนวกัน จนโตมาหน่อย อยู่ประถมก็ไม่อ่านอะไรมากมายหรอก มุ่งแต่ เรียน อยากมากก็ติดเกม ....ป.๖ ตัวดีเลย เริ่มต้นการเดินสายเก็บ การ์ตูน แต่ตอนนั้นอยากอ่านเรื่องอะไรก็เก็บ เก็บ เก็บ ไม่ได้เก็บตาม เล่มด้วย อยากเก็บอะไรก็เก็บ เก็บข้ามเล่มด้วย เห็นเรื่องใหม่หยิบปุ๊บ จ่ายตังค์ แล้วมาดูเลขเล่ม ....ไม่ใช่เล่ม ๑ อ่าน...ไม่ชอบ โยนทิ้ง นั่น คือวิถีตอนม.๖ ตอนม.๒ นี่เต็มตัว ยอมรับว่าเป็นช่วงที่ผลาญเงินทองพ่อแม่ ชิบเป๋งเลย อ่ะ ร้านป้าหน้าโรงเรียนนี่แหละ เดินเข้าโรงเรียนก็ต้องหัน ไปมองก่อน มีอะไรมั้ยวันนี้ สแกน ๆ มาละ...เก็บ อย่างงี้ทุกวัน วัน ละตั้งกี่เล่ม เช้าได้ตังค์มาปุ๊บ ถลุงหมด แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นไม่มีตังค์กิน ข้าวกลางวันนะ นี่แหละชีวิตเหลวแหลกของประธาน ปัจจุบันก็ซื้อ วันนี้ก็เพิ่งถลุงมา วันนี้ก็เพิ่งถลุงมาเล่มนึง แต่ก็ลดลงบ้าง เพราะเราก็ ต้องรู้ว่าเราจะสอบแล้ว แต่ก็ยังอ่านอยู่ คือเราไม่ได้อะไร เรียน ๆ เล่น ๆ สบายปนกันไป แต่คะแนนก็ไม่ได้โง่ ๆ ปีที่แล้วได้ ๓ นะเว้ยยย ขึ้น มาตั้งเย้อออ ( แต่ปีนี้ไม่รู้จะเท่าไหร่ ) แต่เราก็ต้องทำ�ล่ะ เพราะเรา ปฏิญาณตนไว้แล้วว่า เราคือลูกที่ดี เราจะเลวยังไงก็ต้องทำ�ให้พ่อแม่ ดีใจให้ได้ นั่นคือบรรทัดฐานของประธาน เพราะงั้น....ที่ถามว่าอ่านการ์ตูนเยอะไหม ? ....ก็อย่างที่ร่าย ไปนั่นแหละ

ถามตรง ๆ เลยว่า พี่นัทคิดว่าตัวเองเป็นโอตาคุหรือเปล่า

เป็นเว่ยเฮ่ย เป็นจ่ะ คือเราไม่อยากปิดบังตัวเองอยู่แล้ว ถามว่าเราอยู่สายอะไร ? โลลิ โชตะ สาวดุ้น สาวแว่น สาวเมด หู แมว หูหมา หูกระต่าย หูทั้งหลาย หุ่นยนต์ ฯลฯ แต่โชตะนี่ไม่ได้ อ่านเยอะนะ บางเรื่องเปิดเจอก็ อ่าน ๆ ไปเหอะ แต่พอไกลเข้าก็เริ่ม ออกวายละ ก็จะรู้สึกเหมือนคิดผิดที่ซื้อเล่มนี้มา ตอนซื้อก็น่าอ่านนะ เล่มนี้ ดูท่าจะเป็นการ์ตูนแอ็คชัน แอ็คชัน.....

ในช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบนี่พี่นัทเคยเสียสมาธิเพราะมี การ์ตูนอยู่ในหัวตลอดหรือเปล่า แล้วพี่นัททำ�อย่างไร

เสีย แต่ถึงเราจะอ่านการ์ตูนก็จริง เราก็ไม่ได้คิดอะไรตาม การ์ตูนแบบนั้น เพราะเราเป็นนักเขียนการ์ตูนเอง ส่วนมากจะเสีย สมาธิเพราะมีไอเดียโง่ ๆ มั่ววววอยู่ในหัว อยากทำ�อย่างโง้น อยาก เขียนอย่างงี้ อยากออกแบบตัวการ์ตูนแบบนี้ แต่มันไม่ได้ทำ�ไง มัน เลยค้างอยู่ในหัว พออ่านหนังสือมันก็เรื่อย ๆ ....แล้วพอนึกพล็อตอะ ไรได้ก็จด แล้วพี่นัททำ�ยังไง ? ....แก้ไม่หายซะทีว่ะ เลยพยายามห่าง ๆ บ้าง แต่หนังสือเรียนก็ไม่ค่อยได้อ่านอยู่ดี เลยต้องอาศัยการเก็บ ๆ ตอนเรียนในห้องเอา ปัญหาอย่างงี้มันแก้ไม่ตกจริง ๆ ถ้าจะแก้ให้ตก จริง ๆ มันก็ตกไปแล้ว และก็แก้ไปแล้ว ( บ.ก.: ???? )

สำ�หรับพี่นัทแล้ว การอ่านการ์ตูน สอนอะไร หรือให้ข้อคิด ในการดำ�เนินชีวิตแก่พี่นัทบ้าง การ์ตูนหลายเรื่องความหมายก็ดี ไอ้ที่พี่อ่านมันก็เยอะแยะ มากมายมหาศาลบานตะไทมโหฬาร กองเป็นภูเขา การ์ตูนดี ๆ หาง่า ยมั้ย ก็ง่าย หายากมั้ยก็ยาก บางเรื่องนี่โคตรไร้แก่นสาร ไม่มีอะไรเลย สาระและข้อคิดส่วนมากก็....เกี่ยว กับเรื่องการกระทำ� สิ่งที่เราจะทำ�เนี่ย ถ้าเราคิด อยากจะทำ� เรารอเวลาไม่ได้ เราต้องทำ� เรา ต้องเริ่มต้น ถ้ามีจุดเริ่มต้น ทุกอย่างจะดำ�เนิน ไป ไม่ว่าจะดีเลิศหรือล้มเหลว มันก็ขึ้นอยู่กับเรา เท่านั้นแหละ

พี่นัทคิดว่า ความสุขที่ได้เขียน การ์ตูนของพี่นัทคืออะไรคะ

คือความเพลิดเพลิน คือ ความภูมิใจที่เรามีผลงาน มีหน้ามีตา ในระดับหนึ่งในสังคม ผลงานของพี่ก็มีแปะตาม เว็บไซต์นู้นเว็บไซต์นี้ มีไปทั่วจนเจ้าของเว็บเขาจะ ดึงตัวเราไปเขียนการ์ตูนจริง ๆ จัง ๆ แล้ว แต่ก็ยัง ไม่ถึงขั้นแจ้งเกิด เพราะการ์ตูนเราก็ยังงั่ง ๆ โง่ ๆ เขียนได้ตอนสองตอนก็... ต่อไม่ได้ ปัจจุบันเราก็เลยค้นหาสัจธรรม จะไม่ แบบว่า คิดแบบนี้ได้ละ เขียนเลย ...ต้องวางแผน ก่อน ตลอดทุกครั้งที่ผ่านมา วางแม่งตอนเดียว ทุกเรื่อง เขียนไม่จบสักเรื่อง นี่คืออุปสรรคของนัก เขียนทั้งหลาย ถ้าถามว่า คิดว่าจะมีตอนต่อไปหรือเปล่า...นั่งน้ำ�ลายยืด แล้วเราก็มีเฟซบุ๊ค นั่งเสนอหน้า


ตามแฟนเพจของคนอื่น แล้วก็ตั้งแฟนเพจของตัวเองซะด้วยซ้ำ� เอาไป ทักพวกเพจที่ตั้งเป็นตัวละครต่าง ๆ ทักนู่นทักที่ จนเรามีไลค์เกินร้อย ไปแล้ว ส่วนเรื่องที่เขาจะดึงเราไปอยู่สำ�นักพิมพ์ของเขาเนี่ย ก็เป็นแค่ เรื่องที่คิดไว้เฉย ๆ ได้คุยกับเหล่าเจ้าของเว็บก็ได้ความว่า ในอนาคต เราจะสร้างเป็นสำ�นักพิมพ์ของตัวเอง เขาพูดอย่างงี้เลย เราจะแข่งกับ

สยามอินเตอร์ ไทยสตูดิโอแล้ว ที่กล้าคิดตั้งงี้เพราะเขาอยู่ในวงการนี้ มาก่อน แต่ยังไงมันก็เป็นแค่แผนในอนาคต แต่ก็เพิ่งคุยกันมาไม่นาน นะ แต่ที่ไม่ค่อยคืบหน้าเพราะเกิดปรากฎการณ์เว็บบอร์ดเงียบเป็น ป่าช้า เราก็ต้องเป็นผีเฝ้าบอร์ด แต่ตอนที่เขามีนัดคุยอะไรกันเราก็โดน ดึงไปด้วย แล้วก็ได้ฟังได้ซึมซับว่าเออ เขามีระบบการทำ�งานอย่างงี้นะ

สำ�หรับพี่นัทแล้ว โรงเรียนในอุดมคติของพี่นัทเป็น ยังไงคะ อาหารดี ดนตรีเพราะ นอนสบาย ผอ.ดีมีสมอง มีระเบียบวินัย เข้าใจเด็ก แค่นี้น้องก็สบายใจแล้วแจ้ อ้อ ขออีกอัน เป็นศูนย์อพยพหนีน้ำ�ท่วมได้ด้วย

หากอยากจะติดตามผลงานของลูนาติก ฯ หรือพูด คุยกับพี่ ๆ ในชุมนุมนี้จะติดต่อได้ทางไหนบ้างคะ

ติดต่อกับสต๊าฟฟ์ของชุมนุมก็ได้ หรือ ติดต่อพี่ ๆ ศิษย์เก่าชาวลูนาติกก็ดี นอกจากนี้เราก็มีเฟซ สำ�หรับพูดคุยกับพวกเรา และลงผลงานต่าง ๆ ที่วาดโดยชาว ลูนาติกสารพัดรุ่น ชื่อเฟซตามชื่อชุมนุมเลย Lunatic Circle ลองไปหาดูกันได้ ...

ถ้าเราคิดอยากจะทำ�

� ำ ท ง อ ้ ต า เร ้ ด ไ ่ ไม า ล เว อ ร า เร

เราต้องเริ่มต้น ไม่ว่าผลจะออกมาดีเลิศหรือล้มเหลว

มันก็ขึ้นอยู่กับเราเท่านั้นแหละ




text : ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ (@lemonoiz)

i

iTrend

appเฉพาะคนรู้ใจ หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราคงเห็น Social Network Application น้องใหม่มาแรง (มาก) มาแป๊บๆก็คว้าตำ�แหน่ง iPhone App of the week ไปครองทันที แอพพลิเคชั่นที่เรากำ�ลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Path ครับ ถึงจะพึ่งมีชื่อเสียงเมื่อไม่นานมานี้ จนกระทั่งถูกขนานนามว่าน้องใหม่ แต่ความจริงแล้ว Path แจ้งเกิดมาได้เป็นปีแล้วครับ แพงแต่ว่าสมัย นั้นหน้าตาของมัน ธรรมดามากกกกกก ทำ�อะไรก็ไม่ค่อยได้ ที่สำ�คัญคือรับเพื่อนได้แค่ 50 คนเนี่ยนะ แถมเชื่อมต่อกับเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์ก็ไม่ได้ ไอ้แอพกระจอกงอกง่อยแบบนี้มันจะมีไว้ทำ�ไมวะ จึงกลายเป็นแอพที่ถูกทิ้งอย่างไม่มีใครสนใจใยดี หนึ่งปีผ่านไป Path ก็กลับมาอีกครั้งในรูปโฉมใหม่สีแดงสวย ปรับให้รับเพื่อนเพิ่มได้เป็น 150 คน และลูกเล่​่นอีกเพียบ น่าใช้ขึ้นเป็นกอง และแน่นอน เมื่อมันน่าใช้ ใครก็หันมาใช้ Path กลับมาผงาดอีกครั้งในฐานะแอพพลิเคชั่นสไตล์อบอุ่น (คือถ้าเปรียบ facebook หรือ twitter เป็น โรงอาหารในคาบพัก มีเด็กนักเรียนส่งเสียงตะโกนเจี๊ยวจ๊าว ... Path ก็เหมือนการปิดประตูห้องเรียน จับกลุ่มคุยกัน แลกเปลี่ยนสารทุกข์สุกดิบกัน อย่างอบอุ่น)

ไอเดียหลักของ Path คือการ “Share life” ซึ่งก็หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆครับ Path คือการแชร์เรื่องส่วนตัวที่ส่วนตั๊วส่วนตัว อธิบาย ให้เข้าใจง่ายๆก็คือ แน่นอนว่า เรื่องที่เรากล้าบอกเพื่อนสนิทมากๆ ย่อมไม่ถูกพูดออกไปให้ใครก็ไม่รู้ได้ยินถูกมั้ยครับ นั่นแหละ Path คือพื้นที่ของ พ่อ แม่ แฟน เพื่อนรักที่สนิทกันปานจะสวนทวารดม (เกินไป) โดยไม่ต้องแอ๊บดูดี ไม่ต้องกลัวโดนหาว่าทวีตหื่น ไร้สาระ ก็นี่มันเรื่องส่วนตัว!! แน่นอนครับ เพราะสามารถมีเพื่อนได้แค่ 150 คน แถมต้องเป็นคนที่เราสนิทมากๆ ฉะนั้น ปัญหาเรื่องโฆษณากวนใจ ดิชั้นชื่อส้ม ทำ�งาน ได้เดือนละหมื่นสอง สนใจจะร่วม@%^#@ ... รับรองว่าไม่มีมาระคายเคืองสายตาแน่นอน แต่แน่นอนครับ ของดีๆชิ้นใดเข้ามาไทย พี่ไทยสามารถทำ�ให้มันเน่าได้ทุกชิ้นไป (กรณีศึกษา : Hi5 ) วิธีการใช้ Path แบบผิดๆที่ว่าก็คือ การรับ add มั่วซั่ว รู้จักไม่รู้จักก็รับหมด (เหมือนเฟซบุ๊ค -- ซึ่งความจริงเฟซบุ๊คก็ไม่จำ�เป็นต้องรับ add ดะ นะครับ เห็นหลายคนเที่ยวบ่นว่า เฟ ซบุ๊คกำ�ลังจะมีแต่สก๊อย มีแต่โฆษณาหาเงินผ่านเน็ต เอ็งก็อย่าไปรับ add มันสิวะ!!!) แล้วพอเพื่อนเต็มก็ต้องมาไล่ลบ แล้วก็บ่นว่าไม่สนุกเลย รับ เพื่อนได้น้อยจัง (พวกนี้ตรรกะป่วยกรวยไตมาก)


“ใช้ Path แล้วหนูจะกลายเป็นคนโลกแคบ มีเพื่อนแค่ 150 คน ตลอดชีวิตมั้ยคะ?“ อันนี้ไม่ต้องกังวลครับ Path เวอร์ชั่นกลับมาใหม่ ไอล์บีแบ๊คนี้มีความสามารถในการเลือกที่จะแชร์บางเรื่องที่ไม่ได้ส่วนตัวนัก พอจะให้ชาวบ้านรู้ได้ (ในใจลึกๆก็แอบอยากบอกให้รู้แหละ) ออกสู่ สังคมภายนอกอย่าง facebook และ twitter ได้ด้วย ส่วนเรื่องที่ว่า 150 คนน้อยไปมั้ย สำ�หรับผม ผมว่าเยอะไปด้วยซ้ำ�ครับ ลองคิดดูตามความ เป็นจริงละกัน ชีวิตคุณมีเพื่อนที่สนิทถึงขั้นอยากบอกมันว่า “แก เมื่อกี๊สั่งขี้มูก เขียวอื๋อเลยอ่ะ แต่เผอิญสูดกลับ ลงคออร่อยมากเลยเธอ“ ซักกี่คน ครับ ผมเชื่อว่าไม่เกินยี่สิบคนด้วยซ้ำ�ถูกมั้ย ถึงได้บอกไงครับว่านี่คือ “app เฉพาะคนรู้ใจ” เท่านั้น (แต่แบบในตัวอย่างก็เกินไปนะครับ สนิทกันแค่ ไหนก็ไม่ต้องบอกขนาดนั้นก็ได้ สงสารเพื่อนที่กำ�ลังกินข้าวอยู่บ้าง)

เล็กๆน้อยๆกับ Path จาก faceblog.in.th Path ไม่มี Username ..แค่รู้จักชื่อกันก็พอละ เดี๋ยวไปล้วง จาก Contacts มาให้ ดูเป็นมนุษย์ดี O Path ไม่มีเซเล็บ ไม่ต้องมาอ้อนแฟนคลับในนี้ ร้อยห้าสิบ คนไม่คุ้มหรอก O Path ไม่มีลิงก์เด็ด คลิปเจ๋งมาแชร์ มีแต่เพลงที่เราฟังและ อยากแบ่งให้เพื่อนฟังจริงๆ O Path ไม่มีคนแปลกหน้า หรือถ้าเผลอแอดมาแล้วก็กดลบ ไปไม่ยากเล้ย O Path จึงไม่ต้องพยายามหล่อ ไม่ต้องไปก็อปคำ�คมคนอื่น มาพูดเหมือนเป็นของตัวเอง (อุ๊ยห์) O Path จึงมีแต่เพื่อน พี่น้อง ญาติมิตรสนิทกันเท่านั้น ทีนี้ อยากหาว อยากนอนอยากตื่นก็จิ้มไปจ้ะ O


H

text : นิรุช ศรีสุวัฒน์ (@cffeet)

Hobby Hut

“ส้มจุก” สิรภัทร กิจวิสสาสะ

สวัสดีครับน้องๆทุกคน ขอต้อนรับสู่ คอลัมน์ใหม่ของ NYA~ นะครับ คอลัมน์ Hobby Hut นี้พี่จะพาเราไป รู้จักกับงานอดิเรกต่างๆ เชื่อว่าหลายๆคนเวลา ต้องกรอกแบบฟอร์ม ถ้าเจอช่อง “ งานอดิเรก ” ส่วนใหญ่ก็คงจะเขียนว่า อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือ เล่นคอมพิวเตอร์ คงจะมีเพียงไม่กี่คนที่มีงาน อดิเรกเป็นงานอดิเรกจริงๆ มากกว่าแค่ดูหนังฟัง เพลงอ่านหนังสือหรือนั่งเล่นคอม ใน NYA~Journal หลังจากที่พี่ๆทีมงาน ประกาศไปได้ไม่นานว่าอยากหาน้องๆที่มีงาน อดิเรก ก็มีน้องคนหนึ่งติดต่อพี่มาทันที ...

y


สวัสดีครับ แนะนำ�ตัวเลย

ค่ะ หนูชื่อนางสาวสิรภัทร กิจวิสสาละ ชื่อเล่น ส้มจุกค่ะ อายุ 16 ปีอยู่ ม.4/2 ค่ะ

วันนี้มีงานอดิเรกอะไรจะมาแนะนำ�กัน

งานอดิเรกของส้มก็ ขี่ม้าค่ะ

ลองแนะนำ�กันคร่าวๆหน่อย ขี่ม้านี่คือยังไงเอ่ย?

การขี่ม้าเป็นการออกกำ�ลังกายรูปแบบนึงที่มีอันตรายสูงมาก เป็นกีฬาที่ท้าทายมากเลยค่ะ เพราะสำ�หรับคนที่ขี่ม้า มันเหมือนกับการ ทำ�ความรู้จักเพื่อนใหม่ที่ไม่ใช่คน เพื่อนที่เราได้นั้นก็คือม้าตัวที่เราเลือก ว่าจะขี่ ก็เหมือนวันแรกที่เราเปิดเรียนน่ะค่ะ เราก็จะหาเพื่อนใหม่ที่นิสัย เข้ากับเรา แต่คราวนี้ เราต้องมาหาม้าที่มีนิสัยเข้ากับเราได้ บางคนก็เจอในครั้งแรกที่ขี่ แต่ของส้มนี่ ขี่ไปตั้ง2ปีเพิ่งจะมา เจอ กว่าการขี่ม้าจะออกมาเป็นกีฬาได้เนี่ย ต้องใช้เวลาฝึกพอสมควรค่ะ

น้องส้มช่วยแนะนำ�การฝึกแบบคร่าวๆให้หน่อยได้ไหมเอ่ย

อย่างเริ่มแรกเราก็ต้องไปทำ�ความคุ้นเคยกับม้าที่เราจะขี่ (ใน ครั้งแรกจะต้องมีคนจูงม้าให้เราก่อน) เมื่อทำ�ความคุ้นเคยแล้ว เราก็ขึ้น บนหลังม้าตัวนั้น เราก็จะเริ่มจากการเดิน ในระหว่างนี้ก็จะมีครูสอนมา คอยอธิบายวิธีการจับจังหวะอะไรแบบนี้ค่ะ เราก็เริ่มจากการเดินอย่าง นี้ไปเรื่อยๆค่ะ แล้วครูก็จะให้คนที่จูงม้าของเราพาวิ่งเบาๆ ซึ่งเรียกว่าวิ่ง เรียบ เมื่อเราวิ่งไปซักพัก ก็จะสามารถยกตัวตามจังหวะไปได้ พอเราสามารถวิ่งเรียบยกตัวได้คล่อง ครูถึงจะสอนเราวิ่งใน จังหวะที่เร็วขึ้นที่เรียกว่าวิ่งขโยก โดยอันนี้จะไม่ต้องยกตัวแล้วค่ะ ให้นั่ง ไปกับอานแล้วไสเอวไปตามจังหวะ โดยการที่จะฝึกวิ่งขโยก ส่วนมากครู จะหาเชือกที่เรียกว่าคลุมสำ�หรีบตีวงมาผูกม้าของเราคะ เพื่อไม่ให้ม้าวิ่ง เร็วจนเกินไปแล้วยังมีเชือกอยู่ในมือครู เพื่อป้องกันอันตราย เนื่องจาก การวิ่งขโยกไม่ต้องยกตัวให้เมื่อยเล่น ผู้ที่ขี่ม้าเป็นจึงชอบที่จะวิ่งลักษณะ นี้มากกว่าค่ะ พอเราวิ่งได้ครบทั้ง2แบบแล้ว เราก็จะเขียนวิธีการยืนโกลน ค่ะ (แบบในหนังที่เค้าขี่ม้าแล้วไม่นั่งไปกับอาน) ซึ่งอันนี้จะเป็นพื้นฐาน ของการขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขว้างค่ะ การยืนโกลนนานๆมันเป็นอะไรที่ เมื่อยมากๆ ก็เลยจะใช้กันในเวลาแข่งม้าและข้ามเครื่องกีดขว้าง ที่เรา จะต้องยืนก็เพราะเวลาเรายืน เราจะใช้เข่าหนีบลำ�ตัวม้า ซึ่งเป็นการช่วย ม้าไม่ให้ต้องรับน้ำ�หนักมากเกินไป คนที่ขี่ม้าส่วนมากก็จะเป็นพวกรัก ความเร็วอะไรประมาณนี้ด้วยค่ะ

อุบัติเหตุได้ เพราะการออกกำ�ลังกายอย่างอื่นเราจะให้เครื่องออกกำ�ลัง กาย แต่การขี่ม้าเรากำ�ลังออกกำ�ลังกายกับสัตว์ ซึ่งมีอารมณ์อ่อนไหว แค่ได้ยินเสียงดัง เค้าก็จะเกิดอาการตื่นกลัว วิ่งเตลิดทันที ถ้าเราไม่มีสติ เราก็จะตกม้า แต่ถ้าเรามีสติ เราก็จะสามารถปลอบให้เค้าหายตื่นกลัวได้ ง่ายๆค่ะ (แอบเหมือนการนั่งทำ�สมาธิ) ยิ่งเมื่อไหร่ที่เราขี่ข้ามสิ่งขีดขว้าง ตกปุ๊ป อย่างหวังเลยค่ะว่าจะสบายดีขึ้นขี่ใหม่ได้ ไม่หัวแตกก็แขนหัก บางคนถึงกับไหล่หลุดก็มีค่ะ แต่ไม่ยักกะมีคนเลิกขี่

น้องส้มเริ่มขี่ม้าตั้งแต่ตอนไหนครับ

สำ�หรับส้ม ส้มขี่ม้ามาตั้งแต่ป.2 ก็ ประมาณ8ปีแล้ว

โห ขี่มานานขนาดนี้น้องส้มขี่ถึงระดับไหนแล้วครับเนี่ย

ส้มก็ขี่ถึงระดับข้ามสิ่งกีดขว้างแล้ว คือเรียนครบหมดแล้วค่ะ

แล้วเคยตกม้าบ้างไหมครับ

ชีวิตนี้เคยตกม้า2ครั้ง แบบไม่รู้ตัวเลย

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้น้องส้มเริ่มขี่ม้าครับ

ส้มขี่ม้าเพราะดูภาพยนต์เรื่องอะไรจำ�ไม่ได้แล้วค่ะ แม่นางเอก เค้าเป็นนักแข่งม้า พ่อเค้าเป็นนักฝึกม้า แต่แม่นางเอกเค้าประสบ อุบัติเหตุขณะแข่งม้าจนเสียชีวิต พ่อนางเอกเค้าเลยเลิกอาชีพนี้ หัน ไปทำ�นาแทน นางเอกเลยไม่ได้ขี่ม้า แต่วันนึงเค้าไปเก็บลูกม้าลายมา ได้ เค้าก็เลี้ยงม้าลายมาจนโต ด้วยความที่ข้างบ้านเค้าเป็นสนามแข่ง ม้า ม้าลายตัวนั้นเลยฝันว่าอยากเป็นม้าแข่ง (วันๆมันแข่งกับบุรุษไปรษ นีย์) นางเอกกับม้าลาย เค้าแอบวิ่งกันแล้วแอบลงแข่ง แต่พ่อเค้าก็รู้ เค้า ก็ทะเลาะกัน แต่พ่อเค้าก็เกิดอยากให้ลูกเค้าได้ทำ�ตามความฝันต่อจาก แม่อะไรแบบนี้ค่ะ เลยตัดสินใจฝึกม้าลายให้ คือม้าทุกตัวจะมีปัญหากับ ที่แคบ ทำ�ให้เวลาเข้าซองปล่อยตัวม้าแข่ง ม้าจะเกิดอาการตื่นกลัว แต่ พ่อของนางเอกเค้าสามารถฝึกม้าให้ไม่กลัวซองได้ เค้าก็ฝึกม้าลายตัว นี้ จนถึงวันแข่ง ผลปรากฏคือนางเอกชนะการแข่งขัน เท่านั้นแหละค่ะ ร้องบอกแม่กับพ่อว่าจะขี่ม้า (เมื่อก่อนแม่ส้มขี่ม้าค่ะ) แต่พ่อไม่ให้ T^T พ่อบอกอันตราย แต่ส้มดันเป็นหลานคนเดียว ปู่ตามใจ 55555 เลยได้ขี่ พ่อเห็นแววว่าชอบ เลยโอเค อนุญาตให้ขี่ต่อได้

ปกติน้องส้มเรียนขี่ม้าอยู่ที่ไหนเหรอครับ

ส้มขี่ม้าจนทุกวันนี้ซื้ออานซื้อบังเหียนเป็นของตัวเองหมดแล้ว ค่ะ ถ้าไม่ติดว่าบ้านเล็กไม่มีที่เลี้ยงม้า คงขอพ่อซื้อด้วย เพราะเมื่อก่อน แต่งงานแม่ส้มเรียนขี่ม้าที่สระบุรี ส้มเลยเรียนขี่ม้าที่นั่นค่ะ แล้วมันไกล ดูจะเป็นกีฬาที่อันตรายพอสมควรเลยนะครับ พอสมควร แม่เลยบอกว่าที่นครปฐม(บ้านยาย)แม่ก็เคยเรียน เลยไป จากที่กล่าวมานี่ ทุกขั้นตอนมันอันตรายมากค่ะ ทำ�ให้เวลาที่ขี่ เรียนที่นั่นอีก จนถึงตอนม.1ค่ะ เรียนเป็นครบทุกอย่างแล้ว มันก็ไม่มี ม้าสมาธิห้ามขาด เพราะถ้าไม่มีสมาธิเพียงแค่วินาที วินาทีนั้นก็อาจเกิด ปัญหาว่าจะขี่ที่อื่นไม่ได้ ปัญหาเดียวคือม้าตัวโปรดอยู่นครปฐม พอดีกับ


มันเหมือน ได้ทำ�ความรูจ้ กั กับเพื่อนใหม่ ที่ไม่ใช่คน ว่าช่วงนั้นม้าตัวโปรดตัวนั้นเค้าตายค่ะ ส้มเลยเฮิร์ท ย้ายมาขี่ตรงคลอง ประปา แจ้งวัฒนะค่ะ เมื่อก่อนนี่ตอนเรียนปิดเทอมปุ๊ปส้มย้ายไปบ้าน ยายทันทีค่ะ นอนอยู่จนเปิดเทอมค่อยกลับมากรุงเทพ

ค่าใช้จ่ายโดยรวมๆสำ�หรับคนที่ขี่ม้าเป็นงานอดิเรกนี่ ประมาณไหนเหรอครับ

มันแล้วแต่คนค่ะ แล้วก็แล้วแต่สถานที่ที่เราไปขี่ด้วย ราคาก็ เริ่มตั้งแต่100ขึ้นไป ราคา100บาทนี่เป็นราคาของหลวงค่ะ แบบไปขี่ ตามค่ายทหาร ส่วนถ้าของเอกชนก็จะราคาเพิ่มขึ้นมาอีก ตอนนี้ที่ส้มขี่ ราคา6000บาท 10ครั้ง ส่วนมากเดี๋ยวนี้เค้าจะเป็นระบบจ่ายล่วงหน้า หมดแล้วค่ะ แล้วก็ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นก็พวกหมวก กางเกง ถุงมือ ของที่ ต้องมีเป็นของส่วนตัว อ๊อ มีแส้ด้วย ไม่ใช่แส้นางแบบแบบในทีวีนะคะ แส้ขี่ม้า รองเท้าบูท บางคนจะใช้บูทสั้นที่ต้องมีแช็บ กับบูทยาว บูทสั้น มันพกพาสะดวกค่ะ แต่ไม่สามารถใช้เข้าร่วมการแข่งขันได้ ของอย่างอื่น พวกอาน บังเหียน ผ้ารองอานอะไรแบบนี้เค้าก็มีให้ค่ะ แต่เราก็สามารถ ซื้อเป็นของส่วนตัวได้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ ถ้ามีเพื่อนๆอยากลองขี่ม้าเป็นงานอดิเรกบ้าง น้อง ส้มจุกมีอะไรจะแนะนำ�บ้างไหม

บอกว่า มันสนุกมากๆนะ อยากให้ทุกคนมาลอง (ไม่ใช่ขี่ม้า ชายหาดนะ มันไม่เหมือนกัน) ม้าชายหาดมันเป็นม้าแกลบ ขี่แล้วเจ็บหลัง+อันตรายมั่กๆๆๆๆๆ (ประสบการณ์ตัวเองอีกเนี่ยแหละค่ะ) ขี่ตอนประมาณ5โมงกว่าๆกับเพื่อน(จริงๆคือคู่แข่ง) เพื่อนมัน โกง มันถามพี่เจ้าของว่าตัวไหนวิ่งเร็วกว่า มันเอาตัวนั้นไปเสร็จ ให้ตัว ช้ามาให้ส้ม แต่ทว่า ม้าส้มดันอยากกลับบ้านจัด วิ่งเริ่ดจะกลับบ้านเลย เจ้าของยังจับไม่ทัน แต่ส้มขี่ม้าเป็นเลยไม่ค่อยสะทกสะท้าน(ที่ไม่ค่อย เพราะคุมม้าได้ แต่ลงมาขาสั่น) แม่บอกรู้มั้ยคนมองทั้งร้านอาหารเลย เป็นงานอดิเรกที่น่าสนใจมากๆเลยนะครับ นอกจาก

จะได้ออกกำ�ลังกายแล้วยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แถมยังได้ทักษะด้านการขี่ม้าติดตัวมาด้วย ยังมีงานอดิเรก ที่น่าสนใจอย่างนี้อีกเพียบ ติดตามต่อใน Hobby Hut ใน NYA~ Journal ฉบับหน้า



G

Gallery







text : ตะวันนา โกเมนธรรมโสภณ

โรงเล่า หลังจากช่วงวิกฤตการณ์มหาอุทกภัยในประเทศไทย หลายพื้นที่ขาดแคลนน้ำ� ขาดแคลนอาหาร NYA~ Journal ก็เช่นกัน เราขาดแคลนทีมงานเป็นอย่างมาก (เกี่ยวอะไรกับน้ำ�ท่วม?) บก.โหล จึงตัดสินใจเปิดรับสมัครนักเขียนหน้าใหม่ที่จะเข้ามาร่วมงานกับเรา โดยให้เขียนบอกเล่าเรื่องราว “กีฬาสี“ ในแบบ ของตัวเองออกมาให้ทีมงานได้อ่าน ไม่นานเราก็ได้เรื่องเล่าที่น่าสนใจ “พี่วิว” (รุ่น ๓๒) นักเขียนมือใหม่ที่น่าจับตามองจึงได้เข้ามาร่วมงานกับเราตั้งแต่ฉบับนี้เป็นต้นไป ประเดิม ด้วยเรื่องเล่าวันกีฬาสีอันแสนอบอุ่น ก่อนที่จะเริ่มฝากผลงานของตัวเองจริงจังในฉบับหน้า น้อง ๆ คนไหนอยากจะสัมผัสประสบการณ์สุดสนุกกับการทำ�วารสารอย่างพี่วิวและพี่ ๆ ทีมงานเนียล่ะก็ อย่ารอช้า จะเป็นนักวาดนักเขียนนักออกแบบหรือส่วนไหนก็ได้ขอการทำ�วารสาร อยากจะทำ�สักครั้งหรือหลาย ครั้งก็ได้ ติดต่อและส่งผลงานกันมาได้นะครับ!! สวัสดีค่ะทุกคน^O^ ขออนุญาตแนะนำ�ตัวก่อนเลยนะคะ ฉันชื่อ วิลล์ อยู่ ม.5 สายศิลป์ ภาษาญี่ปุ่น ในบทความนี้จะบอกเล่าถึงประสบการณ์ในงานกีฬาสีของฉันให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ในงานกีฬาสีปีนี้ แม้ห้องของฉันจะได้รับมอบหมายให้ทำ�พาเหรดแฟนตาซี แต่ส่วนตัว ของฉันเองก็ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการประชันธงในปีนี้เช่นกัน ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ฉันไม่ได้โบกธงค่ะ แต่ด้วยความบังเอิญที่ฉันเป็นเพื่อนสนิทของ หัวหน้าโบกธงสีม่วงหรือที่เรียกง่ายๆว่า ‘เฮดธง’ นั่นแหละค่ะ ทำ�ให้ฉันได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใน การประชันธงครั้งนี้ จุดเริม่ ต้นจริงๆคือ เพือ่ นของฉันคนนีข้ อให้คนในกลุม่ มาอยูเ่ ป็นเพือ่ นในช่วงฝึกซ้อม ระหว่างปิดภาคเรียน ฉันที่ช่วงปิดเทอมค่อนข้างจะว่างจึงอาสามาช่วยอีกแรง แล้วหลังจากนั้น ฉันก็มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศและได้รู้จักพี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่โบกธงไปโดยปริยาย ยอมรับเลยว่า ฉันไม่คิดว่าการโบกธงจะต่างจากที่ฉันคิดขนาดนี้ ก่อนที่จะเข้ามามีส่วน ร่วม ฉันคิดว่าการโบกธงคงเป็นอะไรที่ไม่ยากและทุกคนก็คงจะแบ่งแยกกันซ้อมเป็นสีๆไป แต่ ไม่ใช่เลยค่ะ ทั้งการโบกธงที่ฉันคิดว่าไม่ยากนั้น แท้จริงแล้วแสนจะยากค่ะ แม้แต่ท่าเบสิคสุดๆฉัน ยังพลาดเอาธงมาฟาดหัวตัวเองเลย TOT (แต่สุดท้ายก็ลองจนทำ�ได้นะ 555) ในการซ้อม แต่ละสีก็ไม่ได้แบ่งแยกกันซ้อมอย่างชัดเจน (ช่วงแรกๆบางสียังเรียงแถวนับ จังหวะกันด้วยซ้ำ�) พอฝึกท่าแต่ละท่าได้แล้ว แต่ละสีก็ต่างเอาท่าไปรวมกับเพลง คิดท่าใหม่ๆเจ๋งๆ ถ้าสีอื่นอยากได้ พวกเขาก็จะขอกัน พวกเขาสลับกันมาฝึกตรงกลางซึ่งจะได้เห็นเงาของตัวเองจาก ประตูห้องสมุดที่เปรียบเสมือนกระจกเงา ในบางครั้งพวกเขาก็สลับกันปิดเพลงของตนเพื่อให้สีอื่น ได้ซ้อมแบบจริงๆจังๆบ้าง อาจเป็นเพราะเวลาที่อยู่ด้วยกันทำ�ให้พวกเขาสนิทกันมาก พวกเขาซ้อม ด้วยกันตั้งแต่เช้าจรดเย็นในช่วงปิดเทอม(ช่วงปิดเทอมท้ายๆฉันไม่ได้ไปดูเพราะน้ำ�ท่วมบ้าน) พอ เปิดเทอมพวกเขาก็ซ้อมจนมืดค่ำ� ยิ่งใกล้วันประชันก็ยิ่งดึกมากขึ้นไปอีก แต่ก็ไม่ได้กดดันอะไรมาก นะคะ เพื่อนของฉันบอกถ้าเคร่งเครียดหรือกดดัน ส่วนใหญ่จะยิ่งโบกไม่เอาไหน พวกเขาเลยเลือก โบกกันแบบสบายๆ น่าเสียดายมากที่วันสุดท้ายของการซ้อมฉันไม่ได้อยู่ดึกเพราะต้องกลับไปเตรียมเครื่อง สำ�อางค์และหาวิธีแต่งหน้าให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ที่จะโบกสำ�หรับวันประชันธงที่จะมีขึ้นในวันต่อมา ในวันประชันนั้น ฉันตื่นสายมากเลยค่ะ เพราะคืนก่อนฉันค่อนข้างเพลียจึงลืมตั้งนาฬิกา ปลุก(แถมยังเผลอหลับทั้งๆที่ไม่ได้ล้างเครื่องสำ�อางค์ที่ลองกับตัวเองเลย =O=) เช้าวันนั้นฉันกังวล มากจนแทบร้องไห้ เพราะบ้านฉันไกลจากโรงเรียนมาก ฉันจึงคิดไปต่างๆนานาว่าถ้าฉันไปแต่ง


หน้าทำ�ผมให้น้องๆและเพื่อนๆไม่ทันจะเป็นอย่างไร พวกเขาคงจะโกรธฉันมากแน่ๆที่ทำ�วันสำ�คัญ ของพวกเขาพัง แต่สุดท้ายฉันก็มาทันค่ะ (แม้จะเลยเวลานัดไปประมาณ 1ชั่วโมงก็ตาม TT…ต้อง ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง TAT) ตอนประชันธง ฉันรู้สึกตื่นเต้นอยู่นิดหน่อยค่ะ แต่ฉันคิดว่าพวกเขาต้องตื่นเต้นกว่าฉัน เป็นร้อยเท่าแน่ >~< ในวันกีฬาสีซึ่งเป็นวันประกาศผล ฉันก็ยังได้อยู่กับพวกเขาค่ะ^^ (แต่ช่วงเช้าฉันต้อง ช่วยเดินพาเหรดแฟนตาซีให้ห้องค่ะ) ฉันได้ยินอาจารย์บางท่านพูดก่อนประกาศผลในทำ�นองที่ว่า ท่าโบกของสีนี้สีนั้นง่าย สีนี้สีนั้นยาก ลึกๆฉันโกรธแทนพวกเขานะ คนที่โบกธงและได้เข้าไปใกล้ ชิดก็คงจะรู้ว่าท่าไหนยากท่าไหนง่าย … ฉันก็ได้แต่เถียงใจเท่านั้นแหละค่ะ ถ้าเถียงออกไปตรงๆคงไม่พ้นถูกหาว่าเข้าข้างสีนั้น สีนี้แน่ ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันจะขอนั้นมากเกินไปหรือเปล่า แต่อยากขอร้องให้ในอนาคตจัดหาคณะ กรรมการตัดสินที่มีความรู้ทางด้วยนี้หน่อยนะคะ (ไม่ใช่ว่าคณะกรรมการที่ตัดสินปีนี้ไม่ดี แต่พวก ท่านไม่รู้ทางด้านนี้จริงๆ) มันไม่ใช่เรื่องของอันดับแต่เป็นเรื่องของกำ�ลังใจค่ะ (ลองคิดว่าถ้าคนที่ ได้ยินไม่ใช่ฉันแต่เป็นน้องๆที่ตั้งใจกันมาก) พวกเขาทุกคนตั้งใจซ้อมมาก แล้วมาโดนตัดสินว่าท่า ยากท่าง่ายทั้งๆที่คนที่คิดแบบนี้ไม่ได้รู้อะไรเลย มันก็น่าให้ฉันโมโหแทนไม่ใช่หรอคะT^T หลังจากรู้ผล ยอมรับว่าสีฉันก็เสียใจไม่น้อย โดยเฉพาะน้องๆที่โบกเป็นปีแรก แต่ก็ต้อง ยอมรับผลแล้วเดินหน้าแผนการกินเลี้ยงฉลองต่อไป555 น่าแปลกใจที่ทุกสีเลือกที่จะฉลองในร้านเดียวกันหมด ถึงจะแยกโต๊ะแยกห้องเนื่องจาก งบประมาณอันจำ�กัดของกระเป๋าแต่ละสีและการตัดสินใจของแต่ละสี สีม่วงของฉันกับสีน้ำ�เงินที่สนิทกันที่สุด(ฉันคิดว่างั้นนะ)เลือกที่จะกินในห้อง สีของฉัน มีรุ่นพี่ที่จบไปแล้วมากันเยอะ รุ่นพี่เลยออกค่าห้องให้ค่ะ >O< ส่วนสีเขียวเลือกที่จะกินโต๊ะด้าน นอก (สีแดงกับสีเหลืองฉันไม่ทันได้สังเกตค่ะ) เพราะสีของฉันเปิดห้องฉันจึงได้ร้องเพลงสนุกๆและ เพลงเศร้าๆไปหลายเพลง (ทำ�ไมฉันรู้สึกว่าเวลาที่ฉันร้อง ทุกคนจะทยอยกันออกจากห้องก็ไม่รู้ T^T) ช่วงที่ทุกคนคุยกันในวันนั้นฉันไม่ค่อยได้อยู่ด้วยเนื่องจากพวกเขากินไปคุยไปอยู่นอกห้อง (ถ้าจะกินหมูกระทะต้องออกไปย่างที่โต๊ะข้างๆห้อง) ฉันมัวแต่ปิดหูร้องเพลงอยู่ข้างในห้อง555 เอาเป็นว่าวันนั้น รวมทั้งช่วงเวลาที่ผ่านมาที่ได้อยู่กับพวกเขา มันเป็นอะไรที่ดีอย่างบอก ไม่ถูกเลยล่ะ ฉันจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด ^--^ ต้องขอบคุณรุ่นพี่ตั้ว รุ่นพี่แพท รุ่นพี่พัด รุ่นพี่ดิว รุ่นพี่เต้ย รุ่นพี่แม็ค รุ่นพี่อะตอม และ รุ่นพี่คนอื่นที่เอ่ยไม่หมด ขอบคุณที่เอ็นดูหนูนะคะ ^^ ขอบคุณทุกคนในธงที่น่ารักกับฉันมาก ขอบคุณพี่ตาล พี่เจ พี่ยูกิ และพี่คนอื่นๆที่ยินดี ต้อนรับหนู^^ ขอบใจนะจ๊ะ อิง มายด์ มอส พี ณุก การ์ตูน เบนซ์ ไวท์ เปรียว เอฟ หวาน ที่ไม่รำ�คาญ พี่สาวซนๆคนนี้ (เอ๊ะ หรือรำ�คาญแต่ไม่พูด TOT) ขอบใจน้ามายด์1 มายด์2 กาญ…รักมากทั้ง3คนเลย>w< อ้อ! ขอบใจออมด้วยนะที่ช่วย เค้าแต่งหน้า :} ที่สำ�คัญต้องขอบใจนิ เพื่อนสุดที่รัก มั้วะ มั้วะ<3 ขอบใจที่ทำ�ให้เค้าเจอคนมากมายที่ดี กับเค้า>< ฉันอยากบอกว่า ทุกคนทุกสีทำ�ได้ดีมาก ฉันเชื่อมั่นในตัวทุกคนนะ สีไหนจะได้ที่เท่าไหร่ ไม่สำ�คัญอะไรกับฉันเลย เพราะสิ่งที่สำ�คัญและมีค่ายิ่งกว่าอะไร ฉันเชื่อว่าทุกคนรวมทั้งฉันได้รับ มันมาแล้ว^^ สิ่งนั้นก็คือ ‘มิตรภาพ’ ไงล่ะคะ ^___^



text ; กานต์ พันธ์จันทร์ @kenoyama

“ ใหม่ ” น้องอาร์ม เด็กนรก says: สวัสดีปีใหม่~ น้องเอม เด็กน่ารัก says: จะเดือนนึงแล้ว เลิกทักทายแบบนี้สะทีเถอะ 5555 น้องอาร์ม เด็กนรก says: นานๆจะปีใหม่ทีหนิ =3= น้องเอม เด็กน่ารัก says: นะ 5555 จะว่าไป..... ปีที่แล้วก็เจออะไรเยอะเหมือนกันเนอะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: อื้อ เจอแกเทศน์ใส่ก็เยอะเหมือนกัน น้องเอม เด็กน่ารัก says: แกสมควรได้รับมันนะ -;p น้องอาร์ม เด็กนรก says: .... น้องเอม เด็กน่ารัก says: ปีนี้หวังอะไรไว้ป่ะ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: จะให้? น้องเอม เด็กน่ารัก says: เปล่า ถามเฉยๆ น้องอาร์ม เด็กนรก says: เดี๋ย ตบฉลองปีใหม่ซะเนี่ย 5555 น้องเอม เด็กน่ารัก says: กล้าก็เอาสิ 5555 สรุปว่าไง น้องอาร์ม เด็กนรก says: ว่าไงอะไร น้องเอม เด็กน่ารัก says: ความคาดหวังในปีนี้ไง = = น้องอาร์ม เด็กนรก says:

M

อ๋อ ก็... น้องเอม เด็กน่ารัก says: ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: อยากหาแฟนเป็นตัวเป็นตนซักที น้องเอม เด็กน่ารัก says: ปีที่แล้วก็หวังแบบนี้ไม่ใช่เรอะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: เพราะปีที่แล้วไม่สมหวัง เลยยกมาไว้ปีนี้ไง 5555 น้องเอม เด็กน่ารัก says: == น้องอาร์ม เด็กนรก says: แล้วของแกล่ะ? น้องเอม เด็กน่ารัก says: ก็เหมือนเดิมแหละ อยากได้เกรดดีๆหน่อย น้องอาร์ม เด็กนรก says: .แค่นี้ยังไม่ดีพออีกเรอะ =[]=” น้องเอม เด็กน่ารัก says: ก็นะ เราว่ามันน้อยไปอ่ะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: ไอ้น้อยแกมันเกือบสองเท่าชั้นนะโว้ย = = น้องเอม เด็กน่ารัก says: 55555 เอาเป็นว่าเราสองคนก็พยายามให้ความหวังในปีนี้เป็น จริงกันนะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: อื้ม น้องเอม เด็กน่ารัก says: แล้วก็ตั้งใจเรียนหน่อย เดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก น้องอาร์ม เด็กนรก says: คร้าบบบบบบบบบบบบบบ แม่ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ใครแม่แกยะ = =*

M S อึน


E

Essential

วัยที่อยากเป็นผู้ ใหญ่ และวัยที่ผู้ ใหญ่อยากกลับไปเป็น

ก ็ ด เ น อ ื ม ห เ ้ ห ใ ง า ่ ย อ ก ุ ท บ ั ก ก ุ น ส ่ ต แ ่ ญ ห ใ ้ ู ผ ง า ่ ย อ มีความคิด ธีธัช มานิตพิศาลกุล (@KiraYK)

ชลากร สถิวัสส์ (@scjade)

อย่ากลัวเลอะ วัยแห่ง อย่ากลัวล้ม ความฝัน เพราะเธอเป็นฮีโร่ และ จินตนาการ :D ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ (@lemonoiz)

นิรุช ศรีสุวัฒน์ (@cfeet)

วัยสดใสที่เป็นแรงบันดาลใจให้วัยอื่นๆ กาน๖์ พันธ์จันทร์ (@kenoyama)


G

text :

Get a taste of

ชานมไข่มุก

DR.CUP

ช่วงนี้สภาพอากาศของประเทศไทยมักจะไม่ค่อยคงที่เท่า ไหร่ บางวันก็ร้อน ร้อนมาก บางวันก็เย็น บางวันก็หนาว โดยเฉพาะ อากาศร้อน คนส่วนใหญ่มักจะกระหายน้ำ� บางคนก็ดื่มน้ำ�เปล่า บาง คนก็ดื่มน้ำ�อัดลม บางคนก็ดื่มน้ำ�หวาน แต่ถ้าอยากจะหาอะไรมาดับ ร้อน แถมอิ่มท้องไปด้วย ผมขอแนะนำ�ร้านชานมไข่มุก Dr. Cup ครับ ร้านชานมไข่มุก Dr. Cup ตั้งอยู่ตรงตึกแถวทางด้านขวาของ ประตูหน้าโรงเรียนครับ แต่ต้องสังเกตดีๆ เพราะว่าร้านจะไม่ได้ตั้งข้าง หน้านะครับ จะอยู่ข้างในตัวตึก ส่วนเมนูของร้านนั้น มีทั้งชาเขียว, ชา นม และน้ำ�ผลไม้-ไอซ์สมาร์ทครับ ซึ่งราคาแก้วก็จะอยู่ที่แก้วเล็ก 20 บาท แก้วใหญ่ 30 บาท ถ้าเพิ่มไข่มุก, พุดดิ้ง หรือฟรุตสลัดด้วย ก็จะ คิดเพิ่มจากราคาธรรมดา 5 บาทครับผม และส่วนเมนูที่ผมจะลองนั้น คือ “ชานมเยลลี่แอปเปิ้ล” ครับ ตัวชานมของที่ร้านรสชาติกำ�ลังดี ไม่เลี่ยนมากครับ กลิ่นของ นมผสมกับชาได้เป็นอย่างดีโดยที่ไม่กลบกลิ่นของชามากเกินไปครับ ตัวน้ำ�แข็งก็ทำ�ให้รสชาติของชานมกลมกล่อมขึ้น ส่วนตัวเยลลี่แอปเปิ้ล รสชาติก็ออกเปรี้ยวอมหวาน ตัดกันกับชานมพอดีครับ ตัวเยลลี่ก็ไม่ เหนียวและไม่แข็งเกินไปครับ บรรยากาศของตัวร้านถือว่าโล่งและไม่อัดแน่นกันเกินไป ครับ พอนั่งดื่มยืนดื่มในร้านได้สบายครับ ที่ร้านมีบาร์ให้นั่งได้ประมาณ 4-5 คน อยู่ตรงข้ามส่วนที่ทำ�ชานมไข่มุกครับ แต่ในเรื่องการตกแต่งนั้น ยังถือว่าไม่มีอะไรมาก อาจจะเป็นเพราะร้านเพิ่งเปิดใหม่ด้วยก็เป็นได้ ครับ ร้านชานมไข่มุก Dr. Cup จะเปิดเวลาประมาณ 14:20 น. จนกระทั่งของจะหมดหรือไม่มีเด็กนักเรียน ครับผม ถ้าต้องการมาให้ ทันดื่มก็ต้องรีบหน่อยนะครับ เพราะว่าเครื่องดื่มประเภทชาและไข่มุก จะหมดก่อนเป็นอย่างแรกครับ ซึ่งตัวผมเองก็มาไม่ทันไข่มุกเช่นกัน ครับ และวันนี้ที่ร้านก็บอกว่าไม่ได้ต้มเพิ่มด้วย ดังนั้นหากใครต้องการ จะลองก็ต้องรีบนะครับ สำ�หรับฉบับหน้า Get a taste of จะนำ�พี่ๆ น้องๆ ไป ลอง ชิมอาหารร้านไหน ติดตามกันได้นะครับ


text ; ปิยะนุช พริ้งพงษ์

กับ .. แก่ .. แด่ .. ต่อ

ภาษา พาไป

สวัสดีค่ะ เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันในคอลัมน์ใหม่นี้ ภาษา พาไป ( สาบานว่าไม่ได้ปิ๊งชื่อนี้เพราะดูภาษาพลาซ่าของมาดามมด นะ ) จะนำ�เสนอเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องค่ะ สำ�หรับครั้งนี้ แพรวขอนำ�เสนอคำ� ๔ คำ�ที่มีความหมายใกล้เคียงกัน

ฉันให้ของขวัญกับเพื่อน ในที่นี้ ผู้ฟังอาจเข้าใจได้ ๒ ความหมาย คือ ( ๑. ) เพื่อนเป็น ผู้ได้รับของขวัญจากฉัน หรือ ( ๒. ) ทั้งฉันและเพื่อนนำ�ของขวัญไปให้ ใครอีกคนหนึ่งซึ่งประโยคไม่ได้ระบุไว้ จึงจะต้องปรับปรุงประโยคให้ และเรามักจะใช้ผิดกันอยู่เสมอ นั่นคือคำ�ว่า กับ แก่ แด่ ต่อ ค่ะ ชัดเจน เป็น ๑.ฉันให้ของขวัญแก่เพื่อน หรือ ๒.ฉันกับเพื่อนให้ของขวัญวันเกิดแก่น้องสาวที่อยู่ข้างบ้าน กับ เป็นคำ�สันธานที่ใช้เชื่อมประโยคที่มีใจความคล้อยตาม กันเข้าด้วยกัน เช่น แด่ เป็นคำ�บุพบทที่ใช้กับการให้เหมือนคำ�ว่า แก่ เลย แต่มี ๑.ฉันไปซื้อของขวัญ ความแตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ผู้รับมีศักดิ์สูงกว่าผู้ให้ เช่น ๒. เพื่อนไปซื้อของขวัญ ๑.ตัวแทนนักเรียนมอบพานดอกไม้แด่อาจารย์ในพิธีวันไหว้ครู เมื่อเชื่อมประโยคทั้งสองเข้าด้วยกัน จะได้ “ ฉันกับเพื่อนไป ๒.ชาวบ้านถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ ซื้อของขวัญ ” หรือถ้าเป็นการเชื่อมประโยคกับคำ�ก็จะได้ว่า “ ฉันไป ๓.หน่วยงานภาครัฐร่วมกันจัดกิจกรรมทำ�ความดีถวายเป็น ซื้อของขวัญกับเพื่อน ” ซึ่งเป็นการเชื่อมง่าย ๆ ที่เราเรียนกันมานาน พระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้ว ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ? แก่ เป็นคำ�บุพบทที่ใช้กับการให้ ใช้เชื่อมระหว่างผู้ให้และ ผู้รับ โดยที่ผู้รับนั้นมีศักดิ์น้อยกว่าหรือเท่ากับผู้ให้ เช่น แม่ให้ค่าขนมแก่ลูก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชพระราชทานทุนการศึกษาแก่ นักเรียนด้อยโอกาส บริษัทนำ�รายได้ส่วนหนึ่งบริจาคแก่องค์กรการกุศล ถ้าเทียบกับภาษาอังกฤษ คำ�ว่า แก่ นั่นก็เหมือน to ใน ประโยค A give something to B. นั่นเอง แต่คำ�นี้แหละเป็นคำ�หนึ่ง ที่เราใช้ผิดความหมายบ่อยที่สุดเลยค่ะ เพราะเรามักสับสนความหมาย ระหว่าง กับ และ แก่ ยิ่งในช่วงที่ผ่านมาเราจะได้ยินข่าวโทรทัศน์เรื่อง การบริจาคถุงยังชีพอยู่บ่อยครั้ง และแพรวสังเกตได้ว่ามีการใช้คำ�นี้ผิด บ่อยมากค่ะ อย่างเช่น อาสาสมัครนำ�ถุงยังชีพไปให้กับผู้ประสบภัยน้ำ�ท่วม X ต้อง แก้เป็น อาสาสมัครนำ�ถุงยังชีพไปให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำ�ท่วม O ประโยคนี้ใช้ กับ ผิดความหมายเราก็ยังพอเข้าใจว่าผู้ให้คือ อาสาสมัคร และผู้รับคือผู้ประสบภัย แต่หากเราไปใช้ในประโยคอื่น ๆ ก็อาจทำ�ให้เราเข้าใจไม่ตรงกันก็ได้ เช่น

ต่อ เป็นคำ�บุพบทที่ใช้กับสิ่งที่ทำ�กัน “ ต่อหน้า ” หรือเรื่อง “ ติดต่อ ” งานต่าง ๆ เช่น ๑.โจทย์ยื่นคำ�ร้องต่อศาล ๒.เขาทั้งสองเจรจาเรื่องนี้กันตัวต่อตัว ๓.หัวหน้าโครงการนำ�เสนอโครงการต่อที่ประชุมผู้บริหาร ๔.หากจะเข้าอาคารนี้ จะต้องแสดงบัตรประจำ�ตัวต่อเจ้า หน้าที่เสียก่อน ประโยคต่าง ๆ ที่แพรวมาเป็นตัวอย่างเหล่านี้คงจะช่วยให้ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ เข้าใจหลักการใช้ กับ แก่ แด่ ต่อ มากขึ้น เมื่อ รู้แล้วว่าแต่ละคำ�แตกต่างกันอย่างไรก็อย่าลืมนำ�ไปใช้จริง ๆ นะคะ เพราะทั้ง ๔ คำ�นี้มักจะปรากฏให้เราเห็นในข้อสอบบ่อย ๆ ไม่เพียง เท่านั้น ถ้าถึงเวลาที่เราต้องเขียนเรียงความหรือบทความส่งอาจารย์ แล้วเราสามารถใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องตามหลักภาษา ยิ่งทำ�ให้เราดู เป็นผู้เชี่ยวชาญและได้คะแนนเยอะขึ้นด้วยล่ะ สำ�หรับครั้งนี้ ภาษา พาที ขอลาไปก่อน พบกันโอกาสหน้า ใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องเพื่ออนุรักษ์สมบัติของชาติกันนะคะ สวัสดีค่ะ


text ; กองบรรณาธิการ

ว่างแล้ว ไปไหน

คนเปลี่ยนต้นไม้เป็นล

ลูกสาวเขาเพิ่งถูกรถชนเสียชีว ว่าจะพูดหรือทาอะไร คนขับร สามารถสร้างมนตร์สมมติอะไ หลังเกิดอุบัติเหตุ ผู้ชายที่เป็น

นักเขียนเปลี่ยนคนเป

An Oak Tree เป็นละครท

”พ่อ” จะแสดงโดยนักแส บทหรือชมหรือซ้อมละค

อยู่ในภวังค์ของการสะกดจิต จากการทำ�งานร่วมกันครั้งแร อารมณ์ขันที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งโ

An Oak Tree กำ�ล

สถาบันบริติชเคานซิล ร่วมกับ จะจัดการแสดงละครเวทีเรื่อง

ชาวไทยที่คุ้นหน้าคุ้นตาแ

ณ ศูนย์ศิลปการละคร สดใส รถไฟฟ้าสยาม 10 นาที และม

บัตรราคา 500 บาท นักเรียน บาท จาหน่ายที่ศูนย์หนังสือจ กุมารี หรือ โทร.จองบัตรได้ท

An Oak Tree เป็นงานลา

Drama Chula) ซึ่งเริ่มจากก ต่อเนื่องไปถึงการแสดงละคร ญี่ปุ่น) ในเดือนมีนาคม


ลูกสาว!

วิต ทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนแปลงไป เหมือนกับว่าเขากำ�ลังอยู่ในละคร แต่เขาไม่รู้ รถเป็นนักสะกดจิตบนเวที หลังจากอุบัติเหตุ มนตร์สะกดของเขาก็เสื่อมไป ไม่ ไรขึ้นมาได้อีก ทุกอย่างเป็นจริงตามที่ปรากฏ ทั้งสองได้มาพบกันเป็นครั้งแรก นพ่อขึ้นมาบนเวทีให้เขาสะกดจิต แต่เขาทาอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก…..

ป็นตัวละคร!

D

ช่วงเทศกาลวันเด็กเช่นนี้ แม้แต่ เด็กตัวโต ๆ อย่างเราก็ยังอดรู้สึกมีความสุข ตามไม่ได้เมื่อเห็นน้อง ๆ หนู ๆ ได้เล่นสนุกกับ กิจกรรมที่หน่วยงานต่าง ๆ จัดขึ้นและได้ใช้ เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่อย่างใกล้ชิด ในครั้งนี้ ทำ�ดีก็ Do-D จึงอยาก นำ�โอกาสดี ๆ ให้ทุกคนได้แบ่งปันน้ำ�ใจในการส่งเสริมเรื่อง “ เด็ก ๆ ” มานำ�เสนอครับ

ทำ�ดี ก็ Do-D

มูลนิธิบ้านครูน้อย ( ราษฎร์บูรณะ

, กรุงเทพ ฯ โทร 0-28713083 ) ดูแลเด็กด้อยโอกาส รับบริจาคเงิน อุปกรณ์การเรียนและของใช้ที่จำ�เป็น และรับอาสาสมัครดูแลเด็กหรือจัดกิจกรรมให้เด็ก เลขที่บัญชี 745-2-11433-4 ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขา ราษฏร์บูรณะ

ที่ใช้นักแสดงสองคน Tim Crouch จะแสดงเป็น “นักสะกดจิต” ส่วนตัว

มูลนิธิบ้านอุ่นรัก ( สังขละบุรี

สดงรับเชิญไม่ซ้ำ�กันทุกรอบ นักแสดงคนนี้จะแสดงโดยที่ไม่เคยอ่าน ครเรื่องนี้มาก่อน ทว่า เขาก็ไม่สามารถด้นบทตามอำ�เภอใจได้ แต่ต้องเหมือน An Oak Tree นับเป็นการแสดงรูปแบบใหม่ เน้นความสดและสมจริง ที่เกิด

รกของนักแสดงอาชีพทั้งสองคนบนเวที ผู้ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าติดตามและ โดยไม่รู้ตัว

หนังสือหรือจัดกิจกรรมให้เด็ก

ลังจะมาแสดงที่กรุงเทพฯ

บ ภาควิชาภาษาอังกฤษ และภาควิชาศิลปการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ง An Oak Tree นำ�แสดงโดย Tim Crouch และนักแสดงรับเชิญ แฟนละครเวที ในวันศุกร์ที่ 3 และเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 19:30 น. พันธุมโกมล ชั้น 6 อาคารมหาจักรีสิรินธร คณะอักษรฯ จุฬาฯ (เดินจากสถานี มีที่จอดรถในอาคารเดียวกัน)

น นิสิต นักศึกษาทุกสถาบัน 200 บาท ประชาชนทั่วไปที่อายุไม่เกิน 27 ปี 300 จุฬาฯ สาขาสยามสแควร์ และภาควิชาศิลปการละคร ห้อง 809 อาคารบรมราช ที่ 0 2218 4802 และ 08 1559 7252

าดับที่ 2 ในเทศกาลศิลปะการแสดงนานาชาติ (World Performances @ การแสดงนาฏยศิลป์ร่วมสมัยเรื่อง Nijinsky Siam เมื่อเดือนกันยายน และจะ รหุ่นยนต์เรื่อง Sayonara ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชีย (นอกประเทศ

, กาญจนบุรี โทร 034-595428 , www.baanunrak.org ) ดูแลเด็กด้อยโอกาส รับบริจาคเงิน ออนไลน์ อุปกรณ์การเรียน ของใช้ สำ�หรับเด็ก และรับอาสาสมัครสอน

มูลนิธิดวงประทีป ( คลองเตย ,

กรุงเทพฯ โทร 02-249-4880, 02671-4045-8 www.dpf.or.th ) ส่ง เสริมการศึกษาและเสริมสร้างคุณภาพ ชีวิตเด็ก รับบริจาคเงิน อาหาร อุปกรณ์การเรียน ของใช้สำ�หรับเด็ก เลขที่บัญชี 035-2-12984-3 ประเภทออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาพระราม 4

มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการ พัฒนา ( จตุจักร , กรุงเทพ , โทร

02-940-5265 , www.edfthai.org ) ขยายโอกาสทางการศึกษาของเด็ก ในพื้นที่ห่างไกล รับบริจาคเงินเป็น ทุนการศึกษา รับอาสาสมัครลงพื้นที่ งานสำ�นักงานและกิจกรรมของมูลนิธิ เลขที่บัญชี 319-2-77744-8 ประเภทบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขางามวงศ์วาน


PHOTOHUNT

เราอยู่กันมาจนถึงสิ้นปีแล้ว คงจะไม่พูดถึงกิจกรรมใหญ่ส่งท้ายปีอย่างกีฬาสีไม่ได้เลย ภาพ ด้านล่างนี้คือส่วนหนึ่งของลีลาการโบกประชันธงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นเทศกาล กีฬาสีอันสนุกสนานของโรงเรียนเราที่ใคร ๆ ก็ต่างเฝ้ารอ ภาพบนคือภาพต้นแบบ และภาพ ล่างมีจุดผิดเพี้ยนอยู่ทั้งหมด 10 จุด ลองหาดูนะครับ !!

หาครบแล้วจะพิมพ์ เขียน หรือวงรูปมาก็ได้ ส่งคำ�ตอบมาร่วมสนุกกันที่เฟซบุ๊คชุมนุมแมวบิน /flyingcatclub หรือ เฟซบุ๊ควารสารเนีย /nyajournal หรือทวิตเตอร์ @flyingcatclub ตอบถูกต้องครบถ้วนคนแรกรับรางวัลไปเลย ตุ๊กตา แมวกวักน่ารัก ส่วนคนที่ส่งคำ�ตอบที่ถูกต้อง 4 คนต่อมา เราก็มีของที่ระลึกจากแมวบินให้นะครับ




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.