slack Magazine vol.01

Page 1

slack :

01

DEC 2013

นิตยสารสำ�หรับอ่าน-ช้า-ช้า

ชีพจรลงเท้า VOL.01 60.-

18 ตะลอน 7 ถนนน่าเดินในกทม. l 48 เที่ยวตลาดน�้ำ อโยธยา l 41 ตะลุยปารีส และอื่น ๆ อีกมากมาย


ฉันมาช่วย ให้นายท�ำวันนี้ให้ดี นี่เป็นวิธีเดียว ที่จะเปลี่ยน อนาคตของนายได้ (ประโยคที่โดราเอม่อนใช้แนะนำ�ตัวกับโนบิตะในการพบกันครั้งแรก)


speak

ค่อยๆพูด

ออกไปเดิน มีอยูส่ องสามเรือ่ งทีผ่ มอยากจะใช้ขนึ้ ต้นบทบรรณาธิการสุดพิเศษของ slack ฉบับแรกนี้ แต่หลังจาก ตัดสินใจอยูน่ านแล้วยังไม่ได้ ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะขึน้ ต้นด้วยการบอกคุณผูอ้ า่ นเลยว่าผมตัดสินใจไม่ได้ เรื่องแรก โควทที่อยู่หน้าก่อนบทบรรณาธิการนี้ คือประโยคแรกของการ์ตูนสุดอมตะของโลก ไม่มี อะไรที่น่าเอามาอยู่ในเล่มแรกมากไปกว่านี้อีกแล้ว และนี่คือความจริง ทุกวันนี้โลกของเราแย่มากครับ เราไหลตามกระแสทุนนิยม บริโภคนิยม ผูค้ นใช้ชวี ติ อย่างรีบเร่ง เราลืมใส่ใจจุดเล็กๆของชีวติ เราลืมใส่ใจ คุณภาพชีวติ มีนกั วิชาการท�ำนายถึงสถานการณ์อนั เลวร้ายทีอ่ าจเกิดขึน้ ได้จริงในอนาคตมากมายจากการ ท�ำพฤติกรรมเหล่านี้ต่อไป และมันโหดร้ายมากครับ เราต้องเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ และนั่นคือจุดยืนของเรา นิตยสาร slack “ฉันมาเพื่อช่วยให้นายท�ำวันนี้ให้ดี เพราะนี่เป็นวิธีเดียวที่จะเปลี่ยนอนาคตของนายได้” เรื่องต่อมาคือ ทุกวันนี้คุณเดินกันบ่อยแค่ไหนครับ? เดี๋ยวนี้ทุก ๆ เช้า ผมเลือกที่จะประหยัดค่าวิน มอเตอร์ไซค์สิบยี่สิบบาท ตื่นให้เช้ากว่าเดิมสักนิด แล้วใช้วิธีเดินเอา การเดินท�ำให้เราได้พบอะไรหลาย ๆ อย่างที่อยู่ข้างทางครับ ผมได้สูดกลิ่นดอกไม้หอม ๆ จากรั้วบ้านป้าแตน ผมได้แวะอุดหนุนหมูปิ้งนม สดของพีอ่ ว้ น ผมได้กล่าวทักทายคุณลุงทีอ่ อกมาวิง่ ออกก�ำลังกายตอนเช้า ผมได้เห็นเด็กประถมข้างบ้าน งอแงไม่อยากไปโรงเรียน ในทางวิชาการแล้ว ผมก็ได้สขุ ภาพทีด่ มี าด้วย เรือ่ งพวกนีเ้ ล่ากันมันไม่เข้าใจครับ เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน จะเดินท�ำไม ผมบอกได้แค่ ต้องลองมาเดินเองครับ กรุงเทพมหานคร แม้เราจะรู้กันดีว่ามีทางเท้าที่ไม่สะดวกในการเดินเท่าไหร่นัก แต่ผมก็ยังอยาก ให้ทุกคนออกไปเดิน slack ฉบับนี้เราจึงจะพาคุณทัวร์ 7 ถนนน่าเดินในกทม. เตรียมยาแก้ปวดไว้ให้ดี และเรื่องสุดท้ายก็คือ ถ้าเป็นไปได้ กรุณา อ่าน-ช้า-ช้า ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ บรรณาธิการ . นิตยสารฉบับนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนวิชา JR 432 Publication & Web design Production ของ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ภาควิชาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เท่านั้น มิได้มีเจตนาในการละเมิดลิขสิทธิ์ ของข้อเขียนและภาพถ่ายใด ๆ เพื่อน�ำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ทั้งสิ้น จึงเรียนมา ณ ที่นี้ : slack

3


stack

สารบัญ

“ชีพจรลงเท้า” slack ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 พฤศจิกายน 2556 :

6 spread เล่าสู่กันฟัง

story

56 slur หูหาเรื่อง

เรื่องของเรื่อง 18

8 slow ช้าแต่ชัวร์

strangers

10 stuff เรื่องเล่าจากข้าวของ

เหตุแห่งความหวาน 14 snooze คิดว่าดีก็ทำ�ไป

ความตายบนทางม้าลาย 41 scope ส่องทางไกล

“ปารีส” เมืองเดินได้

staff

58 slate ภาพ-พา-ยล

ยินดีที่ได้รู้จัก

กระแส “เมืองเนิบช้า”

ความตายบนทางม้าลาย

44

48 scape หนีกรุง

ความตายบนทางม้าลาย 60 spoof เรื่องนี้ไม่ได้สอนว่า

ตลาดน�้ำอโยธยา

กระต่ายกับเต่า

12 spring ด้วยความเคารพ

spoonful

อาหารเป็นมิตร

BANGKOK FOOTPATH skimming

52

62 space พื้นที่ว่าง

หนังสือเดินทาง 50

หนี

ทีมงาน

บรรณาธิการบริหาร ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ กองบรรณาธิการ ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์​์ ภาณุพงศ์ สัมฤทธิ์ผ่อง บรรณาธิการศิลปกรรม ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ บรรณาธิการภาพ ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์

พิสูจน์อักษร ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์ ภาณุพงศ์ สัมฤทธิ์ผ่อง ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและการตลาด ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ บรรณาธิการผู้พิมพ์โฆษณา ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์

นิตยสาร slack ห้อง 816 อาคารมายเพลส 2 ชั้น 8 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 02-516-1888 ต่อ 816 โทรสาร 02-516-9919 slackmag@gmail.com www.facebook.com/slackmag www.twitter.com/slackmag


:

: slack

5


spread

เล่าสู่กันฟัง

ชมรมชวนหัวเราะ

แบนโฆษณา

อาหารขยะ แอพช่วยไม่ช็อป

ส� ำ หรั บ นั ก ช้ อ ปที่ อ ยากรู ้ เ ท่ า ทั น ทุนนิยมขอแนะน�ำ buycott แอพพลิ เคชัน่ ตัวใหม่ทชี่ ว่ ยให้ขอ้ มูลว่าสินค้าทีเ่ รา หยิบลงรถเข็นนัน้ ท�ำให้ใครรวยขึน้ บ้าง ที่ ส�ำคัญเมื่อใช้แอพตัวนี้สแกนไปที่บาร์โค้ด จะปรากฏเส้นทางของสินค้านั้น ๆ ตั้งแต่ ผู้ผลิตไปจนถึงบริษัทแม่ ซึ่งบางครั้งเส้น ทางของสินค้าก็ถูกท�ำให้ซับซ้อนมากกว่า ทีค่ วรเป็น นัน่ เพราะบริษทั แม่อย่าง koch และ Monsanto ไม่ต้องการให้ลูกค้าสาว ถึงข้อมูลส�ำคัญได้ง่าย ๆ ส� ำ หรั บ ตั ว อย่ า งการใช้ ง าน เช่ น ถ้าสแกนไปที่กล่องซีเรียลยี่ห้อชนิดหนึ่ง แอพจะบอกได้ทันทีว่าสินค้าชนิดนี้ผลิต โดย 1 ใน 36 กลุ่มธุรกิจที่บริจาคเงินกว่า 150,000 ดอลลาร์เพื่อคัดค้านการติด ฉลากจีเอ็มโอ อีวาน พาร์โด โปรแกรมเมอร์อิสระ วัน 26 ปี ทีใ่ ช้เวลาพัฒนาแอพช่วยไม่ชอ้ ป ตัวนี้ราว 16 เดือน และปล่อยออกมาให้ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้พรี ทั้งระบบ ปฏิบัติการแอนดรอยด์และไอโอเอส 6

: slack

เสียงหัวเราะถือเป็นยารักษาโรค ขนานเอกทีห่ ลายประเทศก�ำลังเลือกใช้ เป็นหนทางบ�ำบัดผู้คนที่จ่อมจมอยู่กับ ความเครียดมากขึ้นทุกวัน จนเกิดเป็น ชมรมหัวเราะในหลายประเทศ ไม่เว้น แม้แต่พี่ใหญ่อย่างประเทศจีน ชมรมนี้ตั้งอยู่ในเมืองเซียะเหมิน มณฑลฟูเจียน เต็มไปด้วยสมาชิกหลาก หลายอาชีพกว่า 100 คน มุงคลาย เครียดผู้คนจากความวิตกกังวล รวม ถึงบรรเทาผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจ โลก โดยผูอ้ บรมจะให้คำ� แนะน�ำถึงการ ผ่อนคลายตามความพอใจจากจิตใจ ของผู้เข้าร่วม ชมรมชวนหัวเราะเริ่มก่อตั้งครั้ง แรกในประเทศอินเดีย เมื่อประมาณ 13 ปีที่แล้ว ผ่านชั้นเรียนโยคะหัวเราะ และได้ ข ยายตั ว จนปั จ จุ บั น มี ช มรม หัวเราะเกิดขึ้นใน 60 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย

กลุ่มผู้บริโภคชาวเกาหลีเรียกร้อง ให้มมี าตรการเข้มงวดเพือ่ ปกป้องสุขภาพ เด็ก ๆ เนื่องจากเกิดปัญหาเด็กน�้ำหนัก เกินราว 1 ใน 5 ทางการเกาหลีใต้ไม่ได้นิ่งนอนใจ รั ฐ มนตรี ส าธารณสุ ข รี บ ออกมาแถลง จ� ำ กั ด การแพร่ ภ าพโฆษณาอาหารที่ มี แคลอรี่สูง น�้ำตาลและเกลือสูงในเวลา 17.00 – 19.00 น. รวมถึงห้ามฉายคั่น รายการส�ำหรับเด็กตลอดวัน อาหารดั ง กล่ า วล้ ว นแต่ ข องชอบ ของเด็กทั้งนั้น ได้แก่ แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า บะหมีก่ งึ่ ส�ำเร็จรูป ซ็อกโกแลต ไอศ ครีม และขนมต่าง ๆ รายงานจากองค์การอนามัยโลก ระบุ 2 ทางเลือกได้ผลที่สุดเพื่อป้องกัน เยาวชนกินอาหารด้อยโภชนาการ คือ มาตรการห้ามขายอาหารขยะในโรงเรียน และการจ� ำ กั ด การโฆษณา ซึ่ ง ข้ อ แรก ทางการประกาศห้ามเรียบร้อยเมื่อเดือน มีนาคมปีที่ผ่านมา


ขี้เหร่ก็อร่อย

จ่ายเงินเดือน

สุนัขยาม

กาชาดเนปาลในกรุงกาฐมาณฑุ ตัดสินใจจ้างสุนัขจรจัดสีด�ำตัวหนึ่งไว้ เป็ น เจ้ า หน้ า ที่ รั ก ษาความปลอดภั ย หลังจากมันพักฟื้นจากการบาดเจ็บที่ นั่นจนหายดี เจ้าหน้าที่กาชาดต่างลงมติเห็น ชอบเพื่อจ้างเพื่อนร่วมงานใหม่ตัวนี้ ประธานสภากาชาดกล่าวว่า มันท�ำ หน้ า ที่ ดี เ สี ย จนแทบไม่ ต ้ อ งจ้ า งยาม กะดึก ค่าจ้างที่สุนัขได้รับเป็นเงินเดือน ละ 1,000 รูปี (ราว 460 บาท) นอกจาก นี้ยังได้ค่าล่วงเวลาส�ำหรับวันหยุดด้วย เงินทีไ่ ด้เจ้าหน้าทีจ่ ะเป็นธุระจัดการซือ้ อาหารและขนมส�ำหรับสุนขั รวมถึงให้ เนื้อมันอย่างน้อยวันละมื้อ พวกเขาหวั ง จะท� ำ ให้ ค นเห็ น คุณค่าและปฏิบัติต่อสุนัขฉันมิตรมาก ขึ้น เนื่องจากเฉพาะในเมืองหลวงก็มี สุนัขพเนจรกว่า 10,000 ตัว ซึ่งเสี่ยง ต่อการถูกรถชนและยาเบื่อ

เจเนเรชั่นวอล์ค

สมาพันธ์หัวใจโลกได้ท�ำการส�ำรวจ พฤติกรรมประชาชน 7,367 คน จาก 6 ประเทศ ด้วยค�ำถามง่ายๆ 2 ข้อ ข้อแรก ปกติแล้ว คิดว่าตัวเองใช้เวลาเดินช้าๆ และเดินในระดับปกติเป็นเวลาเท่าไร และ สอง ใช้เวลากับการเดินในระดับทีเ่ ร็วกว่า ปกติเป็นเวลาเท่าไร แทนที่ ผ ลส� ำ รวจจะออกมาเป็ น เวลาโดยเฉลี่ย กลับกลายเป็นว่าผู้ตอบ แบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนใช้ เวลาเดินนานเท่าไร ผู้ใหญ่ 1 ใน 3 ใน สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรไม่ ทราบว่าเมื่อต้องเดินเร็วตนจะใช้เวลา เท่าไร ขณะที่อินเดียสัดส่วนอยู่ที่ 1 ใน 6 ส่วนบราซิล จีน และสเปน อยู่ที่ 1 ใน 4 จากผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 55 เดาว่าตนเดินด้วยจังหวะก้าว เร็วน้อยกว่า 30 นาทีต่อวัน เราจึงอาจ ประมาณการได้ว่ากลุ่มคนที่ตอบว่า ไม่ ทราบ อาจใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาทีตอ่ วัน จากมุมมองของสมาพันธ์หัวใจโลก เราควรให้ความส�ำคัญกับการออกก�ำลัง กายและการเดินพอๆ กับการรับประทาน อาหาร โดยสมาพันธ์แนะน�ำว่า ควรให้ เวลากับการออกก�ำลังกายและการเดิน เร็ว ครั้งละไม่ต�่ำกว่า 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์

เคยมีผลส�ำรวจว่า ชาวเมืองผู้ดีทิ้ง อาหารที่ซื้อมาไปถึงร้อยละ 20 และ 2 ใน 3 ของปริมาณนี้ ยังอยู่ในสภาพ ‘กินได้’ และถ้าคิดเป็นมูลค่าอาหารเหลือทิ้งแล้ว แต่ละหลังคาเรือนอยู่ที่ 480 ปอนด์ต่อ ปี หรือ 680 ปอนด์ต่อปีต่อ 1 ครอบครัว แต่ จ ากการส� ำ รวจของ Global Food Security ของอังกฤษ พบข้อมูล ล่าสุดว่า ผักผลไม้ที่ยังกินได้แต่หน้าตาไม่ สวยราวร้อยละ 40 ไปไม่ถึงมือผู้ค้าปลีก เพราะถูกผู้ปลูกคัดลอก เนื่องจากด้อย มาตรฐาน ทั้งขนาด รูปทรง และหน้าตา จนถูกส่งไปเป็นอาหารสัตว์หรือไม่ก็โยน ทิ้งไป ซึ่งคิดเป็นปริมาณมากถึง 15 ล้าน ตันต่อปี ขณะที่ชาวอังกฤษราว 5 ล้าน คนยังอยู่ในภาวะยากจนและไม่มีอาหาร กินเพียงพอ สาเหตุ ส ่ ว นหนึ่ ง เพราะผู ้ ค ้ า ปลี ก เริ่ม ‘ตั้งมาตรฐาน’ ของพืชผักผลไม้ที่ วางจ�ำหน่ายบนแผงสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อใช้ รูปลักษณ์ภายนอกดึงดูดผู้บริโภค ที่ยอม จ่ายในราคาแพงขึ้นเพราะคิดว่าเก็บได้ นานและดูน่ารับประทาน : slack

7


slow

ช้าแต่ชัวร์

เรื่อง : วิทยา เรืองฤทธิ์ ภาพประกอบ : moomanow

กระแส “เมืองเนิบช้า” “เมืองเนิบช้า” หรือ slow city เป็นกระ แสที่ในแวดวงวิชาการพูดคุยกันมากขึ้น หลายเมืองใหญ่ในโลกเริ่มมีแนวความ คิดแบบนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น London, Vancouver หรือ Kyoto ด้วยเหตุทวี่ า่ คน สมัยใหม่ตอ้ งการเมืองทีน่ า่ อยู่ ไม่โกลาหล อลหม่าน เมืองทีใ่ ห้คณ ุ ค่า ให้ความส�ำคัญ กับคน มากกว่ารถยนต์ เมืองเนิบช้าในความหมายของนัก วิชาการกลุ่มนี้ ไม่ได้หมายความหยุดทุก สิ่งทุกอย่างแล้วหมุนเข็มนาฬิกาถอยหลัง แต่เป็นการสร้างดุลยภาพระหว่างสมัย ใหม่กับของดั้งเดิมที่สนับสนุนให้ชีวิต มี ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยต้องมีการจัดการ อย่างเป็นระบบ ซึ่งเมืองเนิบช้าที่ว่ากันนี้ เป็นกระแสที่ต่อเนื่องมาจากแนวคิดเรื่อง slow life ที่ถูกจุดประกายขึ้นโดยคาร์โล เปรตินี่ (Carlo Petrini) ชาวอิตาลี เพื่อ ต่อต้านการเปิดร้านอาหารแมคโดนัลด์ใน ประเทศอิตาลี ด้วยแนวคิด slow food หรือการกินดีที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของการผลิตอาหาร เนื้อสัตว์ และพื ช พั นธุ ์ พื้ นบ้ า นที่ โ ตช้าแต่ใ ห้รสดี การเร่งกินอาหารเพียงชนิดเดียว ท�ำให้ เกษตรกรต้องเร่งผลิต ต้องปลูกพืชเลี้ยง สัตว์คราวละมากๆ บนผืนดินเดียวกัน เจ้าของสวนบอกว่ามะม่วงนอกฤดูกาลได้ ราคาดี เมือ่ ทุกคนในหมูบ่ า้ นปลูกกันหมด แมลงวันทองก็ระบาดไปทั่ว เพราะไม่มี โซนพืชธรรมชาติชนิดอื่นกั้นเลย แนวคิดนี้ได้ขยายตัวน�ำไปสู่การใช้ 8

: slack

ชี วิ ต อี ก หลายเรื่ อ งที่ ไ ด้ รั บ ผลกระ ทบจากการพัฒนาแบบเร่งสี เร่ง โต เช่น slow travel ให้ความ ส�ำคัญและใส่ใจกับผู้คนและ วัฒนธรรมท้องถิน่ ทีเ่ ราไปเยือน slow school เปิดโอกาสให้เด็ก ได้เล่น เรียนรู้ เติบโตตามวัยโดยไม่ เร่งรัดยัดเยียดเกินไป แต่รู้ลึกเรื่องราก วัฒนธรรมที่อยู่รอบตัว และในที่สุดกับ เมืองเนิบช้า หรือ slow city ที่พูด ถึงการท�ำเมืองให้น่าอยู่โดย ค�ำนึงถึงเรือ่ งมลพิษ การ จราจร วิ ถี ชี วิ ต และ ความสัม พันธ์ข องผู้ค น เมืองเนิบช้าทั้ง 32 แห่งใน โครงการของเขาจึงมีสไตล์ชีวิต ที่ เ น้ น อาหารการกิ น แบบอิ ต าลี ผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้อาหาร ดัดแปลงพันธุกรรม มีแผนงานที่จะสร้าง สิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตเนิบ ช้า เป็นต้นว่า ขยายเขตคนเดินเท้า ปลูกต้นไม้ตามจัตรุ สั สวนสาธารณะ ของเมือง ไม่ให้เสาอากาศทีวีปักระเกะ ระกะรกสายตา เอาป้ายโฆษณาที่เป็น มลพิษทางสายตาลง รวมทัง้ ป้ายไฟนีออน ด้วย ทางสภาเมืองจะส่งเสริมประชาชน ให้ใช้จักรยาน และท�ำทางจักรยานให้ทั่ว เมือง ส่งเสริมให้ใช้พลังงานที่เกิดขึ้นใหม่ ได้ และจะน�ำเอาระบบขนส่งมวลชนแบบ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาใช้ หลายคนอาจมี ค� ำ ถามอยู ่ ใ นใจ


ท�ำไมต้องท�ำชีวิตให้ช้าลงด้วยนะ ซึ่งค�ำ ตอบนั้ น ก็ อ ยู ่ ร อบๆ ตั ว เราที่ พ บว่ า ทุกวันนี้ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่ง รีบ ร้อยแปดพันประการไม่ว่า จะเป็นการใช้รถใช้ถนนอย่างด่ วนๆ อาหารจานด่วน สนทนากัน อย่างเร่งรีบ SMS กันทุกลมหายใจ หรื อ เที่ ย วแบบทั ว ร์ ดู นั่ น นี่ แ บบชะโงก ทัวร์ แม้ความเร็วจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ อยู่ไม่น้อย แต่หากมากไปก็อาจท�ำให้เรา ลืมรายละเอียดส�ำคัญๆ รอบกายได้ เช่น ลืมให้เวลากับคนที่เรารัก ลืมใส่ใจความ อร่ อ ยของอาหารรสเลิ ศ ที่ อ ยู ่ ต รงหน้ า หรือลืมแม้กระทั่งความสุขที่อยู่สองข้าง ทางระหว่างบ้านถึงที่ท�ำงาน ความเร็ว นอกจากจะเป็ น ตั ว การส� ำ คั ญ ในการ บั่นทอนความสุขทางใจแล้ว ในทางการ แพทย์เค้าบอกว่าความเร่งรีบก่อให้เกิด โรค Hurry Sickness Syndrome ท�ำให้ คนที่ ใ ช้ ชี วิ ต เร่ ง รี บ เกิ น ไป รู ้ สึ ก หายใจ ไม่ทันหรือหายใจหอบ หัวใจเต้นเร็ว ส่ง ผลให้แขนขาหมดแรง ใจหวิว และท�ำให้ เกิดโรคต่างๆตามมา ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น ก็ คือ ความรีบเร่งยังเป็นตัวการที่ก่อให้เกิด มลพิษแก่สิ่งแวดล้อม เพราะความเร่งรีบ ท�ำให้ต้องใช้สารเคมีมากมายเพื่อ กระตุ้นผลผลิตทางการเกษตร และเพิ่ ม ศั ก ยภาพทางการ ผลิตในภาคอุตสาหกรรม นั ก วิ จั ย จากมหา วิ ท ยาลั ย เฮิ ร ์ ต ฟอร์ ด เชียร์ (University Of Herfordshier) ประเทศ อั ง กฤษ ได้ ท� ำ การวิ จั ย พบว่าในรอบ 20 ปีที่ผ่าน มา คนเมืองอย่างเราๆใช้ชีวิต เร่งรีบมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด โดยความเร่งรีบนี้สามารถวัดได้จาก

ความเร็วในการเดิน ซึ่งปัจจุบันคนทั่ว โลกเดินเร็วขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ของความเร็วที่เราใช้เดินกันในช่วง พ.ศ. 2537 ส่วนแชมป์ในการเดินเร็วนั้นตก เป็นของประชากรจากเกาะสิงคโปร์ ซึ่ง เดินเร็วมากกว่าในอดีตถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว ซึง่ ตัวเลขนีถ้ อื ได้วา่ เป็นดรรชนี วัดความเร่งรีบและความเจริญเติบโตแบบ ก้าวกระโดดของประเทศเล็กๆ แห่งนี้ได้ เป็นอย่างดี นั ก คิ ด ชาวญี่ ปุ ่ น บางท่ า นไปไกล กว่านั้นเพราะเชื่อว่าการใช้ชีวิตที่เนิบช้า นี่แหล่ะที่ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ขี่จักรยาน ลดการใช้พลังงานโดยไม่จ�ำเป็น อันเป็น สิ่งที่เราสามารถปฏิบัติได้โดยส่วนตัวนั้น สามารถยั บ ยั้ ง ปี ศ าจบางตั ว ที่ ว อชิ ง ตั น ไม่ให้ก่อสงครามได้ เพราะหากเราใช้ พลั ง งานเชิ ง อนุ รั ก ษ์ เ ช่ น พลั ง งานแสง อาทิตย์ แหล่งน�้ำมันที่เป็นเสมือนทองด�ำ ของการแย่ ง ชิ ง ให้ ไ ด้ ม าซึ่ ง การครอบ ครองของมหาอ�ำนาจไร้ค่าไปซะแล้ว จะ มีชนวนอะไรเล่าที่จะจุดขึ้นมาก่อเหตุได้ ท่านว่าไปนั่น? เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้า Slow ที่ แปลโดยปกติว่า “ช้า” นี้ เริ่มถูกขยาย ความให้ไปไกลมากกว่าตัวของมันเองซะ แล้วครับ นอกจากความต้องการแต่เดิม ที่ จ ะชลอความเร่ ง รี บ ในสั ง คมที่ ยื น อยู ่ บนการแข่งขันชนะคะคาน ใช้แต่ความ รวดเร็วเพื่อแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ได้รับ การขยายเสริมต่อให้ครอบคลุมไปในเรือ่ ง วัฒนธรรมประเพณี อัตลักษณ์ชุมชน สิ่ง แวดล้อม สุขภาพ การใช้ชีวิต และออก มาในแนวต้าน “โลกานุวัตร” ที่ถั่งโถม มาพร้อมกับการไหลบ่าของสังคมทุนนิยม กลายๆ ไปด้วยซ�้ำ : CK : slack

9


stuffs

เรื่องเล่าจากข้าวของ

เรื่อง : อภิรดา มีเดช ภาพประกอบ : moomanow

เหตุแห่งความหวาน เป็น

เทรนด์หลักของคนรักสุขภาพว่าต้องหันหลังให้กับความหวาน ไม่แปลกหรอก เพราะของหวาน ๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพถ้าบริโภคจนเกินพอดี ท�ำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บทัง้ เบาหวาน รวม ถึงภาวะระบบไหลเวียนโลหิตบกพร่อง ยังแถมด้วยพุงอวบ ๆ แขนขาย้วย ๆ อีกด้วย ที่ส�ำคัญ รู้สึกไหมว่า อาหารต่าง ๆ ในยุคสมัยนี้โดยเฉพาะของคาวกลับมีรสหวานขึ้นเรื่อย ๆ ของบางอย่างที่ไม่จ�ำเป็นต้อง หวานก็กลายเป็นของหวานซะได้ ขนาดอาหารเหนือขึ้นชื่ออย่างน�้ำพริกอ่อง ที่คนเหนือยืนยันว่าของแท้ต้องไม่ใส่น�้ำตาลเจ้า เดี๋ยว นี้ไปหารับประทานที่ไหนก็ตาม รับรองว่าต้องหวานน�ำ เฮ้อ...กระนั้นก็เถอะ ชีวิตคนเราขาดความหวานได้เสียที่ไหน ไม่อย่างนั้นก็จืดชืดกันไปหมด ยิ่งกว่านั้น ไอ้น�้ำตาลที่ให้ความหวานแก่อาหารชนิดต่าง ๆ ในสมัยโบร�่ำโบราณ ถือเป็นของสูงเชียวนะประมาณว่า ผู้มีอันจะ กินเท่านั้นถึงจะมีไว้ในครอบครองได้ หวานน่ะหวานได้ แต่หวานยังไง ให้พอชื่นอกชื่นใจ

หวานกันเป็นตัน

ข้อมูลของส�ำนักงานคณะกรรมการอ้อย และน�้ำตาลทรายระบุว่า ปี 2550 คนไทย บริโภคน�้ำตาลเฉลี่ย 33.2 กิโลกรัมต่อคน ต่อปี แสดงว่าคนไทยบริโภคน�้ำตาล 23 ช้อนชาต่อวัน ถือเป็นปริมาณมากกว่าที่ ควรจะเป็นเกือบ 2 เท่า ลองเอาน�้ำตาลที่คนไทยกินทั้งชีวิต (อายุขยั เฉลีย่ อยูท่ ี่ 70 ปี) มาชัง่ รวมกัน จะ มีน�้ำหนักเท่ากับรถยนต์ขนาดกลางถึง 2 10 slack :

คัน เพราะเดี๋ยวนี้รถหนักแค่คันละตัน เท่านั้น องค์ ก ารอนามั ย โลกต้ อ งออกมา แนะน�ำว่า แต่ละวันควรบริโภคน�้ำตาลไม่ เกิ น ร้ อ ยละ 10 ของปริ ม าณพลั ง งาน ทั้งหมดที่ร่างกายต้องการ ยกตัวอย่าง ส�ำหรับผู้ที่ต้องการพลังงาน 2,000 กิโล แคลอรีต่อวัน ก็ควรกินน�้ำตาล 200 กิโล แคลอรี คุณค่าทางโภชนาการของน�ำ้ ตาล 1

ช้อนชา (4 กรัม) ให้พลังงานรวม 16 กิโล แคลอรี ฉะนัน้ ต่อวันจึงควรบริโภคน�ำ้ ตาล ไม่เกินกว่า 50 กรัม หรือ 12.5 ช้อนชา ส�ำหรับเด็กและผู้สูงอายุก็ควรบริโภคให้ น้อยกว่านี้ นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยมีอัตรา การบริโภคน�้ำตาลสูงขึ้น จากประมาณ 5 กิโลกรัมต่อคนเมือ่ ปี 2510 มาเป็น 29-30 กิโลกรัมต่อคนในปี 2551


ได้มากขึ้น ดูอย่างบริษัทที่ยืนยงและท�ำ มะรุม กระเจี๊ยบแล้ว ยังผสมข้าวเหนียว อเมริกนั ชนส่วนใหญ่บริโภคน�ำ้ ตาลคนละ ก�ำไรมาตลอดอย่างโคคาโคลาสิ พวกเขา ข้าวกล้อง และเกลือลงไปก่อนน�ำไปอบ 2-3 ปอนด์ หรื อ ราว 1 กิ โ ลกรั ม ต่ อ ขายอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ น�้ำผสมคาเฟอีน แห้งแล้วป่นเป็นผงอีกที เมื่องานวิจัยให้ผลน่าพอใจ ผงนัว สัปดาห์ คนอเมริกันซึ่งมีเพียงร้อยละ 5 และน�้ำตาล จึ ง กลั บไปผลักดันกิจการภายในชุมชน ของประชากรโลก กลับบริโภคน�้ำตาล หวานอย่างได้สุขภาพ กว่า 1 ใน 3 ของที่ผลิตทั้งโลก หรือปีละ เมื่อน�้ำตาลกลายเป็นผู้ร้าย แล้วเราจะหา โดยมีเครือข่ายอินแปง ที่อ�ำเภอกุดบาก เป็นผู้รับช่วงผลิต จ�ำหน่าย และบริโภค 10 ล้านตัน อะไรมาเติมความหวานล่ะ กันเองในท้องถิ่น ไม่น่าแปลกใจว่ากว่าครึ่งของคน รู้จัก ‘ผงนัว’ ไหม ผงนัวจะออกรสได้ดเี มือ่ ได้รบั ความ อเมริกันมีปัญหาน�้ำหนักเกิน และ 1 ใน ค�ำว่า ‘นัว’ เป็นภาษาอีสาน แปล 3 หรือ 38 ล้านคน อ้วนลงพุง ทั้งนี้ มี ว่ากลมกล่อม ผงนัวถือเป็นภูมปิ ญ ั ญาท้อง ร้อน อย่างเวลาต้มแกงจืด ควรใส่ผงนัว สาเหตุมาจากน�้ำตาลที่เติมในอาหาร ใน ถิน่ จากสกลนคร แต่ดงั้ เดิม ชาวบ้านจะน�ำ หลังสุดก่อนยกลง ส่วนอาหารประเภท รอบ 20 ปี ปริมาณน�้ำตาลที่คนอเมริกัน พืชผักต่าง ๆ ไปตากแห้ง แล้วน�ำมาต�ำให้ ย�ำหรือส้มต�ำ ก็ให้ผสมผงนัวในน�้ำร้อน รับเข้าไปพุ่งพรวดถึง 6 เท่าตัว คือจาก ละเอียด เก็บไว้ปรุงอาหารต่าง ๆ ในครัว ก่อนน�ำมาเติมในอาหาร เพือ่ เพิม่ รสหวาน 11-68 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เรือน ไม่วา่ จะเป็นต้ม แกง แจ่ว อ่อม ฯลฯ ตามธรรมชาติ เพียงเท่านี้ ก็หวานกลมกล่อม ยิ่ง บางทีสาเหตุส�ำคัญอาจมาจากน�้ำ ด้วยรสชาติทไี่ ม่ตา่ งจากผงชูรสทว่า อั ด ลมทั้ ง หลาย เนื่ อ งจากน�้ ำ อั ด ลม 1 ได้ใจเรื่องสุขภาพ เพราะส่วนประกอบ กว่าน�้ำต้มกระดูก โดยไม่ต้องเติมน�้ำตาล กระป๋อง มีนำ�้ ตาล 39 กรัม เท่ากับน�ำ้ ตาล ของผงนัวมาจากธรรมชาติล้วน ๆ เป็น แต่อย่างใด เพราะอย่าลืมกันว่า ข้าวและแป้ง 10 ช้อนชา หรือเกือบเท่าปริมาณแนะน�ำ ทีม่ าของงานวิจยั กลับสูช่ มุ ชนของสถาบัน ต่อวันเข้าไปแล้ว ทว่าจากสถิติวัยรุ่นชาย เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตสกลนคร ต่าง ๆ ที่เรารับประทานเข้าไป เมื่อย่อย ส่วนใหญ่ดื่มอั้ก ๆ 3 กระป๋องครึ่งต่อวัน ที่พยายามสืบสานภูมิปัญญาหวาน ๆ ที่ แล้วจะได้น�้ำตาลที่ร่างกายต้องการหรือ กลูโคสที่เพียงพอแล้ว ขณะที่วัยรุ่นหญิงดื่มเฉลี่ย 2 กระป๋อง ใกล้สูญหาย ฉะนัน้ น�ำ้ ตาลจึงเป็นแค่สว่ นเสริม... ครึ่งต่อวัน จากการศึกษาพัฒนาก็มาลงตัวที่ 2 การเติมน�ำ้ ตาลหรือเพิม่ ความหวาน สูตรหลัก คือรสมันหวาน และรสเปรี้ยว เติมความหวานให้ชีวิต...เท่านั้นเอง เป็นวิธที งี่ า่ ยทีส่ ดุ ทีจ่ ะท�ำให้สนิ ค้ามีรสชาติ แต่ละสูตร นอกจากประกอบด้วยผักพื้น : CK ดีขึ้น และแน่นอน เมื่อลูกค้าติดใจก็ขาย บ้านหลากชนิด อาทิ ผักหวาน ใบหม่อน

น�้ำตาลที่มองไม่เห็น

น�้ำตาลทราย VS อ้อย

กว่าจะได้น�้ำตาลทราย 1 ช้อนชา รู้ไหมว่าต้องใช้อ้อยยาวเท่าไหร่ ค�ำตอบคือ 15 นิ้ว หรือประมาณหนึ่งไม้บรรทัดกว่า ๆ น�้ำอัดลม 1 กระป๋อง มีน�ำตาล 39 กรัม เท่ากับน�้ำตาลทราย 10 ช้อนชา ดังนั้น ดื่มน�้ำอัดลมกระป๋องหนึ่ง เท่ากับกินอ้อยยาว 12.5 ฟุต (1 ฟุต เท่ากับ 30 ซม. นั่นคือ ต้องเคี้ยวอ้อยยาว 3.75 เมตร สนุกปากไปเลยไหมล่ะ) แล้วใครล่ะที่สามารถกินอ้อยยาวขนาดนี้ได้ ถ้าไม่ใช่...ช้าง ทีนกี้ ไ็ ม่ตอ้ งแปลกใจแล้วว่า ท�ำไมน�ำ้ อัดลมถึงท�ำให้คนอ้วนได้ขนาด น้อง ๆ ช้าง : slack

11


spring

12 slack :

ด้วยความเคารพ

เรื่อง/ภาพประกอบ : Timmipedia


: slack

13


snooze

คิดว่าดีก็ทำ�ไป

ความตาย

บนทางม้าลาย เป็นเรื่องแปลกไหม ที่ใครสักคนหนึ่งจะถูกรถชน ตายบนทางม้าลาย คงไม่แปลก ถ้าเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ... หรือประเทศไทย

ทุกวันนี้ ผมเรียกตัวเองว่าเป็น ‘คนเดินถนน’ ค่อนข้างเต็ม รูปแบบ เพราะหลังเลิกใช้รถยนต์ไปแล้ว ผมค้นพบว่า วิธีไปให้ ถึงจุดหมายที่ดีที่สุดก็คือการเดิน เวลาผมเดินอยูบ่ นทางเท้า เช่น ถนนพหลโยธินหรือสุขมุ วิท ทีม่ ที างเท้าค่อนข้างสะดวกสบายกว่าถนนอืน่ เวลามีรถแล่นออก จากซอย ออกจากปัม๊ น�ำ้ มัน หรือออกจากตึก พวกเขาไม่เคยหยุด อย่างสุภาพให้ ‘คน’ ได้เดินไปก่อน แต่จะ ‘เสือกหัวรถ’ ออกมา ทันควัน แม้ว่าเท้าของคนจะก้าวลงไปบนทางนั้นอยู่ก่อนแล้ว และ ‘คน’ ก็ต้องหลบรถอยู่เสมอ แล่นตามมาเกือบเสยเข้าปะทะ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็คงกระเด็นไปไกลไม่ต�่ำกว่า 20 เมตร วินาทีนั้น ผมได้แต่นึกข�ำ เพราะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ กลับ กลายเป็นผู้ก่อทุกข์ให้ราษฎร์ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าจะโดยรูปแบบไหนก็ตาม วันนั้น ผมไม่ได้ถามมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ว่าเพราะอะไรเขา ถึงต้องเบรก และเพราะอะไรเขาถึงต้องเปลีย่ นเส้นทางกะทันหัน 14 slack :

เรื่อง : โตมร ศุขปรีชา ภาพประกอบ : moomanow

เพื่อไม่ให้ต้องไปพบหน้ากับต�ำรวจ แต่จะมีอะไรซับซ้อนมากมายนักเล่า เราล้วนเดาได้ไม่ใช่หรอ? ผมขี่จักรยาน และถึงขั้นซื้อจักรยานพับได้มาขี่ เพื่อให้ สามารถเดินทางได้ไกลขึน้ ด้วยการน�ำจักรยานขึน้ รถไฟฟ้า หรือ รถไฟใต้ดิน รถใต้ดินนั้นมีกฏอยู่ว่า จักรยานจะต้อง ‘พับได้’ ถึงจะ เอาขึ้นรถได้ ผมก็พับ แล้วพามันลงไปใต้ดินตามกฏ ส่วนรถไฟ ฟ้าบีทีเอสดีกว่าในเรื่องนี้ เพราะยอมให้เอาจักรยานขึ้นไปได้ ไม่ว่ามันจะคันใหญ่ขนาดไหนโดยไม่ต้องพับ แต่บีทีเอสก็คน แน่นขนัดเหลือแสนการน�ำจักรยานขึ้นไปบนนั้น จึงถูกมองด้วย สีหน้ารังเกียจเหยียดหยามอยูค่ รามครัน ว่าเสียเงินเท่ากัน แต่มา กีดกัน ‘พืน้ ที’่ มากกว่า โดยใช้เครือ่ งจักรกลง่ายๆ อย่างจักรยาน และที่จริง รถใต้ดินก็ไม่แพ้กันในเรื่องนี้ โดยเฉพาะถ้าเป็น ยามเช้าหรือเย็น ที่คนแน่นจนหนุ่มๆ ต้องบรรจงเก็บเป้ากางเกง และกันไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นมันอาจไปสีเสียดเข้ากับบั้นท้าย เป้า หรือหลังมือของใครทีจ่ บั เอาไว้ตาเป็นมันตัง้ แต่ตน้ ได้ ผูค้ นจะมอง จักรยานราวกับมันเป็นสิ่งแปลกปลอมของสังคม ใครน�ำจักยานขึน้ รถไฟฟ้าได้เป็นประจ�ำ ต้องถือว่าเป็นผูม้ ี หัวใจแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ ในระยะหลัง ผมจึงไม่ได้พาจักรยานขึน้ รถไฟฟ้า เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะใต้ดินหรือบนดิน หรือถ้าจะพาขึ้นไปด้วย ก็ ต้องเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม และรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวให้ดี ว่าจักรยานไม่ใช่พาหนะที่คนกรุงเทพฯโปรดปรานเท่าไหร่นัก


สวนสาธารณะในกรุงเทพฯเท่าที่ผมรู้จักและเข้าไปใช้ บริการนั้น มีอยู่ไม่กี่แห่งที่ยินดีต้อนรับจักรยาน สวนลุมพินีมี เวลาจ�ำกัด คือต้อนรับจักรยานเฉพาะช่วงกลางวัน ในเวลาทีแ่ ดด เปรี้ยงและร้อนอบอ้าว ส่วนจตุจักรที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า ทั้งสองแบบ เราจะเอาจักรยานเข้าไปได้ แต่เอาเข้าไปได้แค่ จูง ขี่ไม่ได้เพราะมีคนมากมายออกก�ำลังกาย จักรยานอาจไป เฉี่ยวชนได้ อันเป็นข้อหาที่เป็นไปได้อย่างยิ่ง เพราะมักมีพวก ชอบขี่จักรยานแบบ ‘บ้าพลัง’ เอาจักรยานความเร็วสูงมาขี่ใน สวนสาธารณะขนาดกระจ้อยร้อยไม่สมศักดิ์ศรีเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯอยู่เป็นประจ�ำ ด้วยเหตุนี้ จึงเหลือแค่สวนรถไฟ ที่สามารถขี่จักรยานได้ แต่สวนนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่ชุมชน ถ้าเอาจักรยานขึ้นรถไฟฟ้าไป ก็ ต้องผ่านสวนจตุจักรก่อน เพราะฉะนั้น สิ่งที่พึงท�ำ ก็คือการเอา จักรยานใส่รถไฟฟ้า แล้วจูงมันตัดผ่านสวน ก่อนจะขีไ่ ปอีกระยะ หนึง่ แล้วเข็นข้ามถนนเข้าไปยังสวนรถไฟให้เป็นทีส่ งั เวชใจยิง่ นัก ส่วนจะขี่จักรยานบนท้องถนน ก็ไม่มีเลนจักรยาน (เหมือ นเกียวโต, อัมสเตอร์ดัม, สิงคโปร์, เบอร์ลิน ฯลฯ) ไม่มีความ ปลอดภัย ทั้งจากอุบัติเหตุและควันพิษ จนสามารถพนันกับตัว เองได้ว่าจะเสือกตายด้วยอะไรก่อนกัน ระหว่างถูกรถชนหรือ เป็นมะเร็งปอด ในระยะหลัง การเดินจึงกลายเป็นการเดินทางที่ผมชอบ ผมเคยเดินจากบ้านไปออฟฟิศ เป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร โดย ใช้เวลาราว ๆ 1 ชัว่ โมง 45 นาที (แต่ไปหยุดพักทีร่ า้ นกาแฟกลาง ทางเสีย 2 ชั่วโมง)

น่ า แปลก ที่ ก ารเดิ น ให้ ค วามรู ้ สึ ก ปลอดภั ย กว่ า การขี่ จักรยาน หรือแม้แต่การซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่กอ็ กี นัน่ แหละ ทีเ่ มืองอันได้ชอื่ ว่า ‘กรุงเทพฯ’ แห่งนี้ ไม่ Encourage การเดินทางอืน่ มากนัก เพราะนอกเหนือไปจากการ ขับรถยนต์ อันมีถนนหนทางเรียบสบายและปรับปรุงอยู่ตลอด เวลา (จนก่อให้เกิดรถติดมหาศาล) และรถไฟฟ้าอันเป็นเครื่อง เชิดหน้าชูตาว่าเจริญแล้ว การเดินทางด้วยวิธีอื่น ๆ ก็ดูเหมือน จะเป็นได้แค่ ‘จัณฑาล’ ของการเดินทางเท่านั้น ผมอยากให้กรุงเทพฯมี Shared Space แต่เหนือกว่า นั้น ก็คืออยากให้กรุงเทพฯมีความ ‘เมตตา’ ที่มนุษย์พึงมีให้กับ มนุษย์ โดยตระหนักว่า มนุษย์แต่ละคนก็คือมนุษย์ และรถยนต์ แต่ละคันก็คือรถยนต์ คือไม่ได้แม้แต่อยู่ใน ‘วรรณะ’ ใด ๆ ในการเดินทางของ กรุงเทพฯด้วยซ�้ำ ถ้าเราสังเกตดู เราจะเห็นว่า คนเดินถนนต้อง ‘หลีกทาง’ ให้กับคนขับรถยนต์อยู่เสมอ ราวกับว่า รถยนต์คือเทพ คือพนา หนะอันสูงส่ง ยามตามคอนโดฯก็จะตะเบ๊ะพร้อมส่งเสียงดัง ท�ำความเคารพให้กับรถยนต์ แต่ถ้าคุณคนเดิมเดินเข้าไป พวก เขาอาจตะคอกถามว่า “มาหาใคร!” ให้ตกใจเล่นก็ได้ เวลาผมเดินอยู่บนทางเท้า เช่น บนถนนพหลโยธินหรือ สุขุมวิท ที่มีทางค่อนข้างสะดวกกว่าถนนอื่น เวลามีรถแล่นออก จากซอย ออกจากปั๊มน�้ำมัน หรืออกจากตึก พวกเขาไม่เคยหยุด อย่างสุภาพให้ ‘คน’ ได้เดินไปก่อน แต่จะ ‘เสือกหัวรถ’ ออกมา ทันควัน แม้ว่าเท้าของคนจะก้าวลงไปบนทางนั้นอยู่ก่อนแล้ว slack 15 :


และ ‘คน’ ก็ต้องหลบรถอยู่เสมอ หลายคนถึงกับสะดุ้งโหยงให้ ผมเห็นด้วยซ�้ำ เมื่อพวกเขาเห็นว่ารถยนต์ก�ำลังจะออกมาจาก ซอย และพวกเขาก็ต้องหลบ ไม่ตอ้ งพูดถึงการข้ามถนนบนทางม้าลาย ซึง่ เป็นเรือ่ งบัดสี น่าละอาย และแสดงให้เห็นกมลสันดานอันแท้จริงของความ เมตตาในประเทศที่เรียกว่าตัวเองเป็นพุทธ เวลาข้ามถนน ผมจึงบอกใคร ๆ ว่า เราต้อง ‘ฝึก’ พวก ที่นั่งอยู่ในรถยนต์ด้วยกัน เราต้อง ‘ฝึก’ พวกเขาให้รู้ว่า ’คน’ ก็มี ‘สิทธิ’ มากพอๆ กับ ‘รถ’ เหมือนกัน เวลาข้ามถนนบน ทางม้าลาย เมื่อได้จังหวะที่เหมาะสม (เช่น ไม่ใช่ข้ามถนนตอน รถได้สัญญาณไฟเขียว) หรือแม้แต่เดินไปตามถนน แต่มีตรอก ซอกซอยหรือทางรถทีท่ บั กับทางเท้า เราจึงควรสาวเท้าเดินด้วย จังหวะคงที่ อย่าหยุดเดิน แล้วถ้ามีรถออกมา เราก็ควรส่งสายตา ของเราไปมองสายตาของ ‘คน’ ที่อยู่ในรถ ให้พวกเขาได้รับรู้ว่า สิ่งที่ก�ำลังเคลื่อนที่อยู่ตรงนี้ คือสิ่ง มีชีวิต และเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับคนที่อยู่ในรถ ผมสนุกกับการท�ำเช่นนี้มากและยังไม่เคยพบปัญหาใดๆ อาจเพราะในจิตใต้ส�ำนึกของตัวเองตระหนักอยู่เสมอว่า ได้เสีย ภาษีโดยไม่ได้ขอเงินที่เหลือ-แต่บริจาคให้รัฐ มาเป็นเวลาหลาย ปี แล้ว บางทีผมอาจเสียภาษีในแต่ละปีมากกว่าคนส่วนใหญ่ที่ ขับรถอยู่บนท้องถนนด้วยซ�้ำ อย่าว่าแต่คนที่ ‘โกง’ ภาษีผู้นั่ง อยู่ในรถคันใหญ่ๆเลย ผมจึงรู้สึกว่าตัวเองมีสิทธิกับพื้นที่ตรงนั้น มากพอๆกับรถยนต์ และรถยนต์ตอ่ ให้ราคาแพงแค่ไหน ก็ไม่เคย 16 slack :

มีคุณค่าสูงกว่ามุนษย์ ในบางเมืองของยุโรป คอนเซ็ปต์ Shared Space เริม่ เป็น ทีใ่ ช้กนั อย่างแพร่หลาย มันคือการทีใ่ ครๆ ก็เข้ามาใช้ถนนได้ โดย มี ‘สิทธิเท่าเที่ยมกัน’ เรียกว่าเป็นการ ’แชร์’ หรือแบ่งปัน เช่น จักรยาน คนเดิน รถเข็นเด็ก รถยนต์ รถเข็นผัก รถเข็นคนพิการ ฯลฯ ต่างก็เข้ามาเพื่อใช้ถนนบางเส้นได้ ตรงไหนของถนนก็ได้ โดยที่แต่ละคนตระหนักถึง ‘สิทธิ’ ของคนอื่นก่อน จากนั้นจึงรู้ ว่า ‘หน้าที่’ ที่แต่ละคนต้องปฏิบัติคืออะไร ผมอยากให้กรุงเทพฯมี Shared Space แต่เหนือกว่า นั้นก็คืออยากให้กรุงเทพฯมีความ ‘เมตตา’ ที่มนุษย์พึงมีให้กับ มนุษย์โดยตระหนักว่า มนุษย์แต่ละคนก้คือมนุษย์ และรถยนต์ แต่ละคันก็คือรถยนต์ นอกจากเลิกใช้รถยนต์ ผมยังเลิกใช้นาฬิกาข้อมือด้วย บางทีอาจเป็นเพราะผมร�ำคาญ ‘สัญญะ’ ที่ติดมากับสิ่ง เหล่านั้น เราขับรถเพราะอะไร ใส่นาฬิกาข้อมือเพราะอะไร แต่อาจบางที-คงเป็นเพราะผมชอบการเดินมากขึ้น และ เมื่อได้เดินมากขึ้น ผมก็ค้นพบว่า มันเป็นการเดินทางที่แช่มช้า เสียจนเราไม่จ�ำเป็นต้องเร่งร้อนดูเวลา แต่เปิดโอกาสให้เราได้ หันมา ‘ดู’ ผู้คนรอบข้างที่เราไม่อาจเห็นได้ชัดเจนนักจากการ นั่งรถหรือแม้แต่ขี่จักรยาน การเดินจึงเป็นบทสรรเสริญชีวติ ทีช่ า้ ลงด้วยตัวของมันเอง แม้อาจท�ำให้ต้องตายบนทางม้าลายก็ตามที : CK


: slack

17


story

เรื่องมีอยู่ว่า


ตะลอนทัวร์ 7 ถนนน่าเดินในกรุงเทพฯ พบกับเมืองฟ้าอมรนี้ในอีกหลาย มุม ที่ถ้าไม่ลงมาเดินเองก็คง ไม่รู้ ผูกเชือกรองเท้าให้ แน่น เราจะพาคุณไป บัดเดี๋ยวนี้ !!


จะพาเที่ยวถนนในกรุงเทพมหานครทั้งที จะไม่พูดถึงที่นี่ไม่ได้เลย ถนนสายแรกใน ประเทศไทยที่สร้างด้วยวิธีแบบตะวันตก ถนนสายอารยธรรมที่เรายังคงได้กลิ่น อายรัตนโกสินทร์ลอยออกมาอยู่เนืองๆ ถนนเจริ ญ กรุ ง เป็ น ถนนที่ พ ระบาท สมเด็ จ พระจอมเกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว โปรด เกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๐๔ แล้วเสร็จใน พ.ศ.๒๔๐๗ สาเหตุของการสร้างมาจากการทีพ่ ระองค์ ได้ทรงรับค�ำกราบบังคมทูลอธิบายจาก ชาวต่างประเทศว่า ในประเทศทางยุโรป นั้ น จะสร้ า งถนนที่ ส ามารถใช้ ไ ด้ ทุ ก ฤดูกาล โดยใช้อิฐและหินก้อนใหญ่ ก้อนเล็กปูเป็นชัน้ ๆ ท�ำให้พระองค์ สนพระทั ย มาก ประกอบกั บ

20 slack :

กงสุลจากประเทศต่างๆ ได้เข้าชื่อถวาย ฎีกา ขอพระราชทานถนนโดยได้กราบ บังคมทูลว่า “ชาวยุโรปเคยขี่รถขี่ม้า เที่ยวตาก อากาศ ได้ความสบายไม่มีไข้ เข้ามาอยู่ กรุงเทพมหานครไม่มีถนนหนทางที่จะขี่ รถขี่ม้าไปเที่ยวพากันเจ็บไข้เนือง ๆ” พระองค์ จึ ง ทรงพระกรุ ณ าโปรด เกล้าฯ ให้ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สมุหพระกลาโหมเป็นแม่กอง และพระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง เป็ น นายงาน สร้ า งถนน จากวั ด พระเชตุ พ นวิ ม ล มังคลาราม ผ่านส�ำเพ็ง (ย่ า นการค้ า ของชาว จี น ) ผ่ า นบางรั ก (ย่านการค้าของ

ชาวตะวันตก) ถึงบางคอแหลม (ถนนตก) ถนนเจริญกรุง แบ่งเป็น ๒ ตอน คื อ ถนนเจริ ญ กรุ ง ในเขตก� ำ แพงเมื อ ง เริ่มจากบริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมล มังคลารามจนถึงสะพานด�ำรงสถิตย์ ต่อ กับถนนเจริญกรุงตอนนอกก�ำแพงเมือง จนถึงต�ำบลดาวคะนอง เมื่อสร้างถนนเจริญกรุงเสร็จใหม่ ๆ นั้น ยังไม่ได้พระราชทานนาม จึงเรียก กันทั่วไปว่า ถนนใหม่ และชาวยุโรปเรียก ว่า นิวโรด (New Road) ต่อมา พระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรด เกล้าฯ พระราชทานนามถนนว่า “ถนน เจริญกรุง” ซึง่ มีความหมายถึงความเจริญ รุ่งเรืองของบ้านเมือง เช่นเดียวกับชื่อ ถนนบ�ำรุงเมืองและถนนเฟื่องนคร ที่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในคราว เดียวกัน


ร้านคั้นกี่ น�้ำเต้าทอง

ข้าวต้มแปลงนาม เดินขึ้นมาทางวงเวียนโอเดียน ไม่นาน เราก็ พ บกั บ ตรอกแปลงนามตั้ ง ของ ร้านข้ามต้มแปลงนาม 24 น. ที่เราจะ มาทานกันในวันนี้ ร้านนี้เขาเปิด 24 ชั่วโมงตามชื่อร้านเลยค่ะ มีกับข้าวให้ เลือกถึง 40 กว่าอย่าง เราสั่งผัด แขนงหมูกรอบ กับผัดปลาช่อง กับผักกาดดอง รสชาติอร่อยมาก ทานกับข้าวต้มร้อนๆ ในยามดึกๆ ที่อากาศเริ่มเย็นก็อร่อยสุด ๆ

ร้านนี้เขาเปิดมา 100 กว่าปีแล้วค่ะ ขายน�้ ำ ขม น�้ ำ หวาน แบบโบราณ ภายในร้านจะมีน�้ำเต้าสีทองสองอัน อันหนึ่งบรรจุน�้ำขม อันหนึ่งบรรจุน�้ำ หวาน ลูกค้าที่เข้ามาทานก็เดินมาสั่ง แล้ว ยืนดื่ม กันหน้าร้านเลย แก้วละ 10 บาทเท่านั้น สรรพคุณมีมากมาย บ� ำ รุ ง สุ ข ภาพ ปรั บ สมดุ ล พลั ง หยิ น และหยาง หน้าร้านจึงเต็มไปด้วยอา แปะแถวเยาวราชมาดืม่ น�ำ้ ขมกันโฮกๆ ส่วนเราลองดืม่ ทัง้ สองแบบสรุปแล้วว่า น�้ำหวานเหมาะกับเรามากกว่าน�้ำขม เพราะน�้ำขมนั้นขมเอาเรื่องเลยล่ะค่ะ

ลอดช่องสิงคโปร์ ร้านลอดช่องสิงคโปร์รา้ นแรกของเมือง ไทย ที่ขายมากว่า 60 ปีเดิมทีชื่อว่า ร้านสิงคโปร์โภชนา เพราะในอดีตมี โรงหนังสิงคโปร์หรือโรงหนังเฉลิมบุรี อยุบ่ นถนนเส้นนี้ แต่ตอ่ มาหลายคนมัก เรียกสั้นๆ ว่า ร้านลอดช่องสิงคโปร์ จึง เปลี่ยนชื่อให้จ�ำง่ายๆ ว่าร้านลอดช่อง สิงคโปร์แทน ความอร่อยของร้านนี้ คือแป้งหนึบๆ น�ำ้ กะทิหอมหวาน เวลา ทานตอนอากาศร้อนๆ จะชือ่ นใจมากๆ ราคา 20 บาท/ถ้วย เท่านั้น

: slack

21


ย่านการค้าที่อยู่ใกล้เคียงกับถนนเจริญกรุงนั้นมีอีกมาก เช่น ถ้าถามเด็กผู้ชายแล้ว สถานที่ยอดฮิตที่พวกเขาชอบมาซื้อ ของเล่น โมเดล เครืองใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป และเกม กัน ก็คง ไม่พ้นในส่วนของสะพานเหล็ก เลยออกมานิดหน่อย ส�ำหรับคนที่ชอบเรื่องของเสียง ดนตรี เวิ้งนาครเขษม คือย่านขายเครื่องดนตรีที่โด่งดังมาก เครื่องดนตรีมากมายหลายชนิด หลายประเทศ ในราคาย่อม เยาว์ แะคุณภาพดี ส�ำหรับคนทีต่ อ้ งการจักรยานสักคันไว้ขรี่ บั อากาศหนาวที่ ก�ำลังจะมาถึงเล่น ๆ เราขอแนะน�ำย่านวรจักร แหล่งค้าปลีกและ ส่งจักรยานและอะไหล่มานานหลายสิบปี มีจกั รยานมากมายทัง้ ใหม่ เก่า ไทย เทศให้เลือกซื้อเลือกหา ถ้าจะหาซือ้ ของเก่า ของมือสอง ราคาถูกทีใ่ หญ่ทสี่ ดุ และ น่าเดินดูทสี่ ดุ ของกรุงเทพมหานครคือ ย่านคลองถม เห็นทีจะไม่ ผิด ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันเสาร์ เวลาหลัง 17.00 น. เป็นต้นไป จะ เป็นเวลาเริ่มของ “ตลาดไฟฉาย” ซึ่งจะตั้งของขายกันจนถึงวัน อาทิตย์ ส�ำหรับบางคนที่ไม่ชอบเดินถือไฟฉายหาของ หรือไม่ สนุกกับการต้องเบียดเสียดผู้คนเดินดูของเวลากลางคืนมืดๆ ก็

22 slack :

ขอแนะน�ำให้เปลี่ยนจากการช็อปค�่ำคืนวันเสาร์มาเป็นช่วงเช้า วันอาทิตย์ ณ ที่นี่ ตลาดคลองถมวันอาทิตย์ ตลาดคลองถมวันอาทิตย์ ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่ ถนน หลวง ถนนวรจักร ถนนเจริญกรุง ถนนเสือป่า ตามซอกซอย แถวนั้น จะเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่เอาของมาวางขายกันเต็ม ไปหมด เนื่องจากวันอาทิตย์เป็นวันที่บริษัทห้างร้านแถวๆ นั้น หยุดจึงสามารถตั้งแผงหน้าร้านได้ สินค้าที่มีขาย เรียกได้ว่าหลากหลายวาไรตี้มีทุกอย่าง เช่น เครื่องมือช่าง, อะไหล่รถยนต์, อุปกรณ์เครื่องใช้ส�ำนักงาน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, หนังวีดีโอ/วีซีดี/ดีวีดี, เสื้อผ้า, รองเท้าเก่า-ใหม่, ของเล่นเด็ก, ของสะสม, แสตมป์, ธนบัตรเก่า, นาฬิกา, อุปกรณ์ เครื่องครัว, ของเลหลังค้างสต็อค และอื่นๆ เยอะแยะไปหมด มี ทัง้ ของใหม่และของเก่าให้เลือกซือ้ หาในราคาย่อมเยา ต่อรองได้ แผ่นเสียง, เทป, ซีดีอัลบั้มเก่าๆ ของศิลปินคนใดที่อยากฟังแล้ว หาซือ้ ทีอ่ นื่ ไม่ได้ ให้ลองมาทีน่ ี่ และถ้ารีโมททีว,ี เครือ่ งเสียง, แอร์ หายหรือเสียลองมาเดินดู ท่านที่ชอบประดิษฐ์คิดค้นมาเดินหาชิ้นส่วนของ จะมา หาไอเดียก็ไม่ผดิ หวัง ให้เดินตามตรอกซอกซอยให้ทวั่ ๆ ของบาง อย่างไม่คดิ ว่าจะเอามาขายก็อาจจะพบเจอได้ทนี่ ี่ ของช�ำร่วยจาก


สายการบินมาเลหลังขายถูก นานๆ มาที ของเล่นใหม่แกะกล่อง แต่เก่าเก็บจากห้างทีเ่ ลิกกิจการไปแล้วหรือตกรุน่ ไป หลายปีแล้ว เอามาขายถูกมากๆ ก็พบเจออยูบ่ อ่ ยๆ สินค้าอะไรทีก่ ำ� ลังฮิต มา ดูที่นี่รับรองราคาไม่แพงแน่ หลายร้านที่ขายเป็นอาชีพเป็นเจ้า ประจ�ำเก่าแก่ชนิดที่เรียกว่ามาทุกอาทิตย์ต้องเจอ ถนนพาหุรัด เป็นถนนในท้องที่แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขต พระนคร กรุงเทพมหานคร เริ่มตั้งแต่ถนนบ้านหม้อ (สี่แยก บ้านหม้อ) ไปทางทิศตะวันออก ตัดกับถนนตรีเพชร (สี่แยก พาหุรดั ) จนถึงถนนจักรเพชร ตามประวัติ ถนนพาหุรดั เป็นถนน ทีพ่ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 ทรงพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยทรงใช้ทรัพย์ส่วนพระองค์ของ สมเด็จพระเจ้าบรม วงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย กรมพระเทพนารีรัตน์ พระราช ธิดา ซึ่งประสูติจาก สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ และสิ้นพระชนม์ขณะพระชันษา 10 ปี จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ถนนขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลพระราชทานและพระราชทานนาม ถนนว่า “ถนนพาหุรัด” ซึง่ ชาวไทยเชือ้ สายอินเดีย หรือคนไทยเรียกกันห้วน ๆ ว่า “แขก” ได้อพยพหนีความยากล�ำบากจากอินเดีย มาพึง่ พระบรม โพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ของไทย ตัง้ แต่สมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเริ่ม เข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณ ถนนพาหุรัดและส่วนใหญ่นิยมท�ำการ ค้าผ้า ท�ำให้คนไทยจึงเรียกกันติดปากว่า แขกขายผ้า ท�ำให้ทกุ วันนี้ ถนนพาหุรดั กลายเป็นแหล่งขายผ้าตัดเสือ้ เสือ้ ผ้าส�ำเร็จรูปสารพัดชาติ ทัง้ ชุดไทย ชุดการแสดงนาฎศิลป์ ชุด จีน โดยเฉพาะ “ส่าหรี” อุปกรณ์ตัดเย็บ รวมไปเครื่องประดับ ตกแต่งแบบอินเดีย ก�ำยาน น�้ำมันหอม เทียนหอม ของใช้แบบ อินเดีย เครื่องเทศ และอาหารอินเดียมากที่สุด แต่สิ่งที่ท�ำให้ ถนนพาหุรัด ยังมีมนต์เสน่ห์นอกเหนือจาก ที่อื่น ๆ เพราะมีชุมชนเล็ก ๆ ที่ยังคงด�ำเนินวิถีชีวิตแบบภารตะ อยู่ จนเป็นที่มาของชื่อที่หลาย ๆ คนขนานนาม พาหุรัด ว่าเป็น ลิตเติ้ล อินเดีย (Little India) เมืองไทย ทั้งนี้ ส�ำหรับสถานที่ส�ำคัญในบริเวณนั้น ยังมี วัดคุรุดวา ราศรีคุรุสิงห์สภา (วัดซิกข์) เป็นวัดซิกข์แห่งแรกของไทย ห้างดิ โอลด์สยาม ห้างเซ็นทรัล วังบูรพา และ ตลาดส�ำเพ็ง แหล่งการ ค้าที่มีสินค้านานาชนิดให้เลือกช้อปเลือกชิมอีกด้วย : slack

23


ถนนราชด�ำเนิน มีระยะทางตั้งแต่ถนนหน้าพระลานเลียบ สนามหลวงไปทางทิศเหนือ ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และป้อมมหากาฬ จนถึงถนนศรีอยุธยา(หน้าลานพระบรม รูปทรงม้า) ซึ่งถนนแห่งนี้ประกอบด้วยถนน 3 สายย่อย ซึ่งได้แก่ ถนนราชด�ำเนินใน,ถนนราชด�ำเนินกลาง,ถนน ราชด�ำเนินนอก อีกทั้งถนนแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ ส�ำคัญต่างๆ มากมายในบริเวณสองฟากฝั่งถนน เริ่มต้นที่บริเวณ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” จุดเด่น อันเป็นเอกลักษณ์สำ� คัญของย่านราชด�ำเนิน อนุสาวรียแ์ ห่ง นี้ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางวงเวียนระหว่างถนนราชด�ำเนินกลางกับ ถนนดินสอ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ถูกสร้างขึ้นเพื่อ เป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์การเปลีย่ นแปลงการปกครองจาก ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เลยถัดมาไม่ไกลเป็นบริเวณ “สะพานผ่านฟ้าลีลาศ” สะพานแห่งนี้อยู่คู่กรุงเทพฯ มาอย่างยาวนานโดยไม่รู้ได้ ว่าสร้างเมื่อตอนไหน แต่ได้มีการสันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง พร้อมกับถนน เเต่เดิมนั้นเป็นสะพานโครงเหล็ก ซึ่งต่อมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ สร้างสะพานใหม่ให้มีลักษณะงดงามมากขึ้น พระองค์ได้ ทรงพระราชทานชื่อสะพานว่า "ผ่านฟ้าลีลาศ" อันเป็นชื่อ ใหม่ของเเห่งสะพานนี้ อีกทั้งบริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่อง เที่ยว อาทิ "นิทรรศน์รัตนโกสินทร์" อาคารนิทรรศการ ถาวรเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกรุงรัตนโกสินทร์ "พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ พ ระบาทสมเด็ จ พระปกเกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว " พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้ส่วนพระองค์ของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนาง เจ้าร�ำไพพรรณีพระบรมราชินี พร้อมจัดแสดงภาพถ่าย เอกสาร และพระราชประวัติของพระองค์ และ "ป้อม มหากาฬ" 1 ใน 14 ป้อมของก�ำเเพงพระนครที่พระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ สร้างขึน้ เพือ่ ป้องกันรักษาพระนคร โดยในปัจจุบนั เป็น 1ใน 2 ป้อมที่ยังคงเหลือให้ได้ชม ถึงแม้ว่าย่านราชด�ำเนินในเวลานี้ จะดูคึกคักเป็น พิเศษกว่าช่วงเวลาใด แต่ไม่ว่าช่วงเวลาไหนย่านแห่งนี้ก็ได้ รับความนิยมอย่างไม่เคยเสื่อมคลายตลอดทุกยุคทุกสมัย 24 slack :


: slack

25


ถนนพระอาทิตย์ เป็นถนนที่มีระยะทาง ระหว่างประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เลี ย บฝั ่ ง แม่ น�้ ำ เจ้ า พระยาไปจนถึ ง บริ เ วณป้ อ มพระสุ เ มรุ ค ่ ะ ซึ่ ง ชื่ อ ของ ถนนพระอาทิ ต ย์ นั้ น น� ำมาจาก “ป้ อ ม พระอาทิตย์ หรือป้อมพระสุเมรุ” นั่นเอง ซึ่งเป็นป้อมปราการ 1 ใน 14 ป้อม ที่ พระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธยอดฟ้ า จุ ฬ า โลกมหาราชโปรดเกล้ า ฯ ให้ ส ร้ า งขึ้ น เมื่อสถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานี ซึ่ง ปัจจุบันเหลือเพียงสองป้อมเท่านั้น และ อีกแห่งก็คือ “ป้อมมหากาฬ” ปั จ จุ บั น

26 slack :

ถนนพระอาทิตย์กลายเป็นย่านความสุข คลาสสิคที่หาได้ในเมืองกรุง ความเก่าแก่ มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ให้มาเยือนย่านเก่าแห่งนี้ ส�ำหรับคนชอบบรรยากาศชิลล์ๆ ติสต์ๆ ขอแนะน�ำว่าควรอย่างแรงที่จะ ไปนั่งเล่น นอนเล่น เดินเล่นที่ “สวน สาธารณะสันติชยั ปราการ” ซึง่ อยูบ่ ริเวณ โดยรอบป้อมพระสุเมรุนั่นเอง ความโร แมนติก และคลาสสิคบังเกิดขึ้นที่นี่ด้วย ท�ำเลของสวนทีต่ ดิ กับแม่นำ�้ เจ้าพระยาค่ะ ภายในบริเวณสวนยังมี “พระที่นั่ง สันติชัยปราการ” ที่มีตราสัญลักษณ์งาน

เฉลิ ม พระเกี ย รติ ม าประดั บ ไว้ พร้ อ ม กับท่ารับเสด็จขึ้นลงเรือพระที่นั่ง เพื่อ น้ อ มเกล้ า ฯ ถวายเป็ น ที่ จั ด พระราช ประเพณีตา่ งๆ ทีเ่ กีย่ วกับแม่นำ�้ เจ้าพระยา ที่ นี่ มี วิ ว ของคุ ้ ง แม่ น�้ ำ เจ้ า พระยา ที่สวยงามมาก แถมตกเย็นจะได้สัมผัส บรรยากาศของแสงสวยๆ จากสะพาน พระรามแปดอี ก ด้ ว ย ขอบอกว่ า ฟิ น สุดๆ ค่ะ และสวนสันติชัยปราการนั้น นับเป็นสวนสาธารณะเพียงไม่กี่แห่งของ กรุ ง เทพฯ ที่ เ ปิ ด โอกาสให้ ป ระชาชน สามารถชมกระบวน พยุ ห ยาตราทางชลมารค ในพระราชพิ ธี ถ วายผ้ า พระกฐินได้อย่างชัดเจน อีกด้วย


ถนนพระจันทร์ เป็นถนนที่มีมาตั้งแต่รัช สมั ย พระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธยอดฟ้ า จุฬาโลกมหาราช แต่มีลักษณะเป็นถนน พูนดินให้สงู ขึน้ ยังไม่เป็นลักษณะของการ ปูอิฐหรือมีทางระบายน�้ำ ซึ่งลักษณะเช่น นีเ้ ริม่ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถนนพระจั น ทร์ เ ป็ น ถนนเลี ย บ ก�ำแพงพระราชวังบวรสถานมงคลหรือวัง หน้าด้านทิศใต้ เริม่ ต้นจากปลายถนนหน้า วัดมหาธาตุบริเวณหน้าพระราชวังบวร สถานมงคลเลียบพระราชวังไปสู่แม่น�้ำ เจ้าพระยาด้านป้อมพระจันทร์ ชื่อ ถนนพระจันทร์มาจากชื่อ ป้อมพระจันทร์บน ก� ำ แพงเมื อ ง ด้านริมแม่น�้ำ เจ้ า พระยา

ซึ่งต่อมาได้ถูกรื้อไป ในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรด เกล้าฯ ให้ขยายถนนเดิมให้กว้างขึ้น ทรง เริ่มสร้างถนนใหม่รอบพระบรมมหาราช วัง และถนนเลียบก�ำแพงพระนครด้าน ในจนเชื่อมถึงกัน เริ่มจากถนนเดิมคือ ถนนพระจันทร์ไปถนนพระอาทิตย์ ถนน พระสุเมรุ ถนนมหาไชย ถนนจักรเพชร และถนนมหาราช ซึ่งชื่อถนนเหล่านี้มา จากชื่อป้อมบนก�ำแพงพระนครทั้งสิ้น กรุ ง เทพฯ ฝั ่ ง พระนครจั ด ได้ ว ่ า มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ที่ดึงดูดนัก ท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ โ ดดเด่ น และเป็ น ที่ รู ้ จั ก กั น ดี ข องนั ก ท่ อ งเที่ ย วทุ ก คนคงหนี ไ ม่ พ ้ น พระบรม มหาราชวัง ศูนย์กลางความงดงามของ กรุงรัตนโกสินทร์ ซึง่ หากเดินลัดเลาะผ่าน ท่าช้าง และตลาดพระเครือ่ งทีต่ งั้ เรียงราย

แบกะดินอยู่หน้าวัดมหาธาตุฯ ก็จะมาถึง “ตลาดท่าพระจันทร์” ตลาดเล็กๆ บริเวณ ด้านหน้าท่าเรือข้ามฟากท่าพระจันทร์ ริ ม แม่ น�้ ำ เจ้ า พระยาและมหาวิ ท ยาลั ย ธรรมศาสตร์พอดิบพอดี ท่าพระจันทร์ เริ่มคึกคักตั้งแต่ แสงแดดเริ่มทอแสง เป็นสัญญาณบ่ง บอกว่าเช้าวันใหม่มาถึงแล้ว ร้านรวง ต่างๆ ก็ทยอยเปิดเพื่อท�ำการค้าขาย โดยเฉพาะร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตีย๋ วเจ๊ออ๋ ย ซึง่ เป็นก๋วยเตีย๋ วต้มย�ำ ใบต�ำลึงพร้อมเครือ่ งรสชาติกลมกล่อม เสิรฟ์ พร้อมเกีย๊ วกรอบๆ ก๋วยเตีย๋ วเนือ้ ขึ้นชื่อ ร้านมิตรโภชนา มีให้เลือกทั้ง เนื้อเปื่อย เนื้อสด เครื่องใน และเนื้อ

: slack

27


นอกจากนี้ ที่ นี่ ยั ง ได้ รั บ การ ออกแบบให้สามารถใช้เป็นที่ออกก�ำลัง กายได้ ห ลายประเภท เช่ น การเต้ น แอโรบิค ร�ำมวยจีน หรือกีฬาฮิปๆ หน่อย อย่าง สเก็ต เต้นบีบอย อะไรก็ตามแต่ก็ สามารถค่ะ นอกจากตัวป้อมแล้ว ในบริเวณ สวนแห่งนี้ยังมี “ต้นล�ำพู” ดั้งเดิมอัน เป็นที่มาของชื่อ “บางล�ำพู” ต้นสุดท้าย ที่ยังหลงเหลือไว้ให้ศึกษาอีกด้วย ที่อยู่ มานานตั้งแต่ก่อนมีสร้างสวนและพระที่ นั่งฯ แต่หลังจากในเหตุการณ์น�้ำท่วมเมื่อ ปี พ.ศ. 2554 ต้นล�ำพูต้นนี้ได้ตายลง ทาง ก.ท.ม.ได้มาตัดทิ้งจนเหลือแต่ตอ นอกจากนี้ ค วามชิ ล ล์ ความเก่ า แล้ว เสน่ห์ของย่านพระอาทิตย์ยังเลื่อง ลือไปถึงเรื่องช้อปของดี ราคาประหยัด ของมือสอง มือหนึ่งจากต่างประเทศตาม ตรอกซอกซอยที่ใครดวงดีจะเจอ และได้ ไป ส่วนเรื่องของคนชอบตระเวนชิมก็ไม่

28 slack :

น้อยหน้าเลยทีเดียว เพราะที่นี่มีทั้งร้าน อาหารเก่าแก่อย่าง “โรตีมะตะบะ” ทีเ่ ปิด กว่าหลายช่วงอายุคน และร้านอาหารเก๋ๆ อย่าง “Joy Luck Club” ที่ไม่ว่าใครผ่านไปผ่านมา ต้องแวะ เรียกได้ว่าเป็น The must !!! ของถนนพระอาทิตย์เลยทีเดียว นอกจากนี้ ยั ง มี ร ้ า นอร่ อ ยอย่ า ง “บ้านพระอาทิตย์” หรือ ที่มาสังสรรค์ เฮฮากับเพื่อนฝูงอย่าง “ร้านกินดื่ม” อีก ด้วยค่ะ แถมไม่ต้องห่วงเรื่องกลับบ้าน ไม่ได้กลางดึก ลองไปนอนชิลล์รับลมที่ “นาวาลัย ริเวอร์ รีสอร์ท” เอาเป็นว่า ใครยังไม่เคยไปเดินชิลล์ ชิม ช้อป แถวนั้น เราจะถือว่า คุณเป็น คนเชยมาก! (ฮ่าๆ ล้อเล่นนะคะ) วันหยุด วันว่าง วันเบื่อ หรือวันธรรมดา อยากให้ ลองไปสัมผัสบรรยากาศตรงนั้นดูนะคะ รั บ รองว่ า ย่ า นพระอาทิ ต ย์ มี อ ะไรที่ น ่ า ค้นหามากกว่าที่คุณคิดไว้


ตุน๋ โรตีมะตะบะทีข่ ายมาสิบกว่าปีของ ร้านโรตี-มะตะบะ ท่าพระจันทร์ ข้าว หน้าเป็ดรสชาติเยี่ยมที่ ร้านนิวย่งฮั้ว โภชนา ขนมปังกรอบอร่อย ร้านท่าพระ จันทร์ ทีม่ รี สกระเทียม และเนยน�ำ้ ตาล ถุงละ 20 บาท เอ็นไก่ทอด ไก่ทอด-หมู ทอด เจ้าอร่อยที่ตั้งขายอยู่ริมฟุตบาต ร้านขนมคุณแอ๊ว ท่าพระจันทร์ ขาย ขนมพวกเบเกอร์รี่ ขอบอกอร่อยสุดๆ ขนมไทยหากินยากๆ ที่นี่ก็มีขาย อิ่ ม สบายท้ อ งกั น แล้ ว ควรเดิ น ย่อยกันซะหน่อย แถมแดดร่มลมตก ลมพัดเอื่อยๆ นาฬิกาก็เดินมาถึงเวลา สี่โมงเย็นพอดิบพอดี ขอแวะไปใช้เงิน ในกระเป๋าก่อนกลับที่ “ลานคนเมือง ท่าพระจันทร์” หรือ “ลานวัฒนธรรม” ลานกว้ า ง ข้ า งก� ำ แพงบริ เ วณหน้ า ประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่ง

ท่าพระจันทร์ จะเห็นพื้นที่เล็กๆ แต่ อั ด แน่ น ด้ ว ยผู ้ ค น ทั้ ง พ่ อ ค้ า แม่ ค ้ า นักศึกษา และวัยรุ่น เดินเดินดูของ กระจุ ก กระจิ ก กิ๊ บ เก๋ ไม่ ว ่ า จะเป็ น ของกิน เสื้อผ้า กระเป๋า หนังสือหนัง ราคาถูก โปสการ์ด ซีดีเพลงร้านฮิต และอื่นๆ จิปาถะ ให้เลือกซื้อเลือกชม กันมากมาย ส่วนถัดไปบรรดานักเลงพระไม่ ควรพลาด เพราะที่นี่ถือเป็นศูนย์รวม พระเครื่องขนาดใหญ่ระดับประเทศ จน ได้ชื่อว่าเป็นตลาดพระเครื่องที่เก่าแก่ และใหญ่ทสี่ ดุ ในประเทศไทยเลยทีเดียว ไล่เรียงตั้งแต่ร้านขนาดใหญ่ไปจนถึง แผงขนาดเล็กแบกะดิน วัตถุมงคลที่มี ให้บูชา มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึง หลักล้าน!!! ราคาสุดท้ายนี่ใครฟังก็ตาโต ด้วยความตกใจ ไม่อยากเชือ่ ว่าจะมีพระ

เครื่องราคาเป็นล้านอยู่ตามตรอกซอก ซอยเก่าๆ นี่จริงๆ นึกว่าจะมีอยู่แต่ใน ห้างสรรพสินค้าเสียอีก ดังนั้นใครที่มา แถวนี้จึงมักเห็นเซียนพระ จดจ่ออยู่กับ การใช้แว่นขยายส่องดูพระเครื่องในมือ เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าพระเครื่อง แต่ละองค์ของแท้ หรือของเทียม สิ่งที่ น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดส�ำหรับมือใหม่หัด ส่องเครือ่ งราง คงเป็นพวกของขลังอย่าง ตะกรุดและปลัดขิก แม้อย่างหลังรูปร่าง หน้าตาจะไม่น่าดู สาวๆ เห็นเข้าก็ต้อง เบือนหน้าหนี แต่ในด้านให้คุณ ว่ากัน ว่าช่วยปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตราย และช่วยให้ท�ำมาค้าขึ้น จึงไม่แปลกถ้า ของขลังเหล่านี้จะขายดีจนเป็นเหตุให้ ทางเท้าแถวท่าพระจันทร์ ติดขัดจากการ ที่มีคนมุ่งดูวัตถุมงคลต่างๆ เป็นประจ�ำ ทุกวี่วันนั่นเอง : slack

29


ถนนเยาวราช เป็นถนนสายหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ระยะ ทางความยาวตลอดเส้นทางประมาณ 1 กิโลเมตร ได้รับการ กล่าวขานและขนานนามว่าเป็น “ถนนมังกร” ปัจจุบัน เป็น แหล่งชุมชนชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นจ�ำนวนมาก “เยาวราช” มีความพิเศษกว่าตลาดอื่นๆ ตรงที่ได้ชื่อ ว่าเป็นตลาดสองภาค ทั้งภาคกลางวัน และภาคกลางคืน ซึ่ง เสน่ห์ของทั้ง 2 ช่วงเวลาก็แตกต่างกันออกไป ในช่วงกลางวัน จะคึกคักด้วยผู้คนในวัยคุณพ่อคุณแม่ เรื่อยไปจนรุ่นสูงวัย ยิ่ง ในช่วงเทศกาลส�ำคัญต่างๆ ของชาวไทยเชื้อสายจีน เยาวราช ก็จะยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ เพราะผู้คนตั้งแต่รุ่นอาม่า ยันอาม่วย ต่างก็หิ้วตะกร้ามาจับจ่ายซื้อของในตลาด ทั้งของเซ่นไหว้ และข้าวปลาอาหารกันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารแห้ง อาหารสด อาหารทะเลจากเมืองจีน ผัก ผลไม้ ดอกไม้แห้ง ดอกไม้สด เครื่องปรุงสารพัดชนิดทั้ง หมู เห็ด เป็ด ไก่ เครื่อง ยาจีน ขนมตามเทศกาล หรือจะเป็นเกาลัด แปะก้วย คั่วกัน สดใหม่ ซึ่งถือเป็นของขึ้นชื่อประจ�ำย่านนี้ ส่วนบางรายก็มา เยาวราชเพื่อหาของกินให้อิ่มท้องกันเลยทีเดียว ทั้งติ่มซ�ำ ต้น ต�ำรับ ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปา เนื้อนุ่ม ขนมจีบ ฮะเก๋า เป็นต้น พอล่วงเลยเข้าสู่ยามเย็นตะวันลับขอบฟ้า เวลาเลิกงาน และกลับบ้านของใครหลายคน เยาวราชก็ยังไม่หลับใหล แต่ กลับเริ่มคึกคักอีกครั้งพร้อมต้อนรับตลาดภาคกลางคืนกัน ตั้งแต่ห้าโมงเย็น ไปจนถึงเที่ยงคืน แต่บางร้านก็ลากยาวกว่า จะปิดร้านก็ตอนเช้าวันใหม่ตีสี่นู้นแน่ะครับ เวลาช่วงเย็นๆ แบบนี้เยาวราชเป็นเสมือนจุดนัดพบของชาวกรุงที่จะมานัด เจอกันเป็นแก๊งค์ เป็นกลุ่มใหญ่ เหล่าพ่อค้าแม่ค้าก็ตั้งร้าน เต็มสองฟากถนนเยาวราช รวมถึงตามซอกซอยอื่นๆ การมา เที่ยวเยาวราชยามค�่ำคืนนอกจากจะได้กินอาหารอร่อย ยัง ได้นั่งชมแสงไฟจากร้านค้า ที่เมื่อตัดกับสีด�ำสนิทของท้องฟ้า ถนนสายนีก้ ส็ ว่างไสวสวยงาม สมกับเป็นแสงสียามค�ำ่ คืนของ กรุงเทพฯเสียจริง 30 slack :


: slack

31


ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กระทะทองเหลือง ความโดดเด่นของร้านนี้คือเขา ใช้กระทะทองเหลืองในการคัว่ โดยอา เฮียเจ้าของร้านทีส่ บื ต่อการท�ำมาตัง้ แต่ รุ่นพ่อ จนวันนี้ก็ 30 กว่าปีแล้ว ใช้เส้น ใหญ่คั่วจนแห้ง น�้ำมันน้อย หอม เส้น นุ่มรสชาตินั้นเข้าไปถึงเส้น ไม่ต้องปรุง อะไรเลยก็อร่อย หมึกกรุบกรอบ ไข่ที่ สุกก�ำลังพอดี ไม่เละ และไก่รสชาติดี ท�ำให้เราลืมก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ทั้งหลายที่ เคยกินมาเลย แม้ราคาจะแพงไปหน่อย ชามละ 50 บาทแต่ความอร่อยขนาดนี้ เราก็ยอมจ่ายให้อาเฮียแกไปเลย

ก๋วยจั๊บโรงหนังอ้วนโภชนา บริ เ วณโรงหนั ง ไชน่ า ทาวน์ ร าม่ า ที่ น่ี เ ป็ น ที่ ตั้ ง ของร้ า นก๋ ว ยจั๊ บ ชื่ อ ดั ง ร้ า นก๋วยจับ๊ อ้วนโภชนา หรือก๋วยจับ๊ โรงหนัง เพราะตั้งอยู่ทางเข้าโรงหนัง ซึ่งโรงหนัง แห่งนี้ยังเปิดบริการอยู๋ค่ะ เป็นโรงหนัง เก่าๆ นั่งทานไปก็นั่งดูบรรยากาศแบบ โรงหนังย้อนยุคไปได้บรรยากาศชะมัด ส่วนก๋วยจั๊บร้านเฮียอ้วยนั้นถูกใจเรามาก เพราะเส้นเขาจะหนึบๆ ไม่เหมือนเส้น ก๋วยจั๊บทั่วไป ตัวน�้ำซุปก็หอม เผ็ดร้อน พริกไทยเขาบอกว่าเวลาทานร้อนๆ จะ ช่วยขับลมได้ดีมากๆ ราคา 50 บาท/ถ้วย

ข้าวแกงเจ็กปุ้ย(ข้าวแกงเก้าอี้ดนตรี) ข้าวแกงร้านนี้เขาไม่มีโต๊ะค่ะ มีแต่ เกาอี้วางๆ ให้นั่ง ที่มาของข้าวแกงเก้าอี้ ดนตรีคือลูกค้าที่จะมาทานในร้านต้องรอ เก้าอี้ว่าง ซึ่งคนที่นั่งทานนั้นขอบอกว่า เยอะมาก รวมกับคนทีม่ าต่อแถวซือ้ ไปอีก ซึ่งแถวยาวมาก ขนาดเราไปถึงกว่าจะได้ ทานนานมาก แต่พอทานแล้วก็สมใจเลย ล่ะค่ะ เพราะเป็นข้าวแกงที่อร่อยจริงๆ โดยเฉพาะแกงกะกรี่หมูที่เข้มข้น หมูนุ่ม เวลาเขาราดมาก็จะราดน�้ำแกงมาท่วม ข้าวสวยร้อนๆ เวลาตักกินตอนหิวๆ นี่จะ ฟินและอร่อยสุดๆ นอกจากนัน้ ยังมีกบั ข้า วอื่นๆ ที่น่ากินอีกมากมาย ข้าวราดสอง อย่างคิดราคา 40 บาท

32 slack :

มานพ สุกี้รถกระบะ ปิ ด ท้ า ยเราเดิ น กลั บ มาทางวง เวียนโอเดียนเพือ่ เดินมาทานสุกี้ ทีร่ า้ น มานพสุกี้รถกระบะ จุดเด่นของร้าน นี้คือเขาใช้รถกระบะเก่าๆมาท�ำเป็น ร้าน มีสุกี้ให้เลือกทั้งน�้ำและแห้ง น�้ำสุ กี้รสชาติกลมกล่อม หมูนุ่มๆ ใส่น�้ำจิ้ม สุกี้ ปิดท้ายยามดึกคืนนีแ้ บบมีความสุข


ถนนสีลม ย่านธุรกิจการค้าส�ำคัญแห่ง หนึ่งของกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยส�ำนักงาน ร้านค้า ในช่วงกลางวัน ส่วนในช่วงกลาง คืนจะมีการตั้งร้านขายของสองฟากฝั่ง ถนนทางเดินตลอดแนวถนนสีลมนับเป็น แหล่งจับจ่ายอีกแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วย สินค้าหลากหลายชนิด เช่นของที่ระลึก เสื้อผ้า และยังเป็นที่รู้จักในฐานะของ แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของกรุงเทพฯ สถานบันเทิง และร้านค้าส่วนใหญ่จะเปิด

ประมาณ 2 ทุ่ม ปิดเวลาประมาณตี 2 ถนนสีลมในปัจจุบันไม่ใช่ถนนสาย เล็กๆ ที่มีคลองคู่ขนานและเป็นย่านที่พัก อาศัยที่สุขสงบอีกต่อไป หากแต่เป็นย่าน ธุรกิจที่ทันสมัยที่สุดของกรุงเทพฯ. นอกจากถนนสี ล มแล้ ว ยั ง มี ซ อย พัฒน์พงษ์ เป็นซอยย่อยแยกออกมาจาก ถนนสีลมซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีของชาวต่าง ชาติ ปัจจุบันเป็นแหล่งสถานบันเทิง

: slack

33


ถนนข้าวสาร เป็นประตูสู่การท่องเที่ยว ก่อนจะเดินทางไปตาม ภาคต่าง ๆ ของเมืองไทย ส�ำหรับนักเดินทางชาวต่างชาติจาก ทั่วทุกมุมโลกก็ว่าได้ โดยเฉพาะแบ็คแพ็คเกอร์ที่หลงใหลการ ท่องเที่ยวราคาประหยัด เพราะที่นี่มีที่พักราคาถูก มีสิ่งอ�ำนวย ความสะดวกครบครัน ตลอดระยะทาง 500 เมตร จะเรียงราย ด้วยเกสท์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านขายของทีร่ ะลึก ร้านเสือ้ ผ้า และ 34 slack :

บริการท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมายครบวงจร ทั้งบริการโทรศัพท์ ทางไกล โทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ อินเทอร์เน็ต ท�ำ ผม ท�ำเล็บ นวดแผนไทย หรือแม้กระทั่งสมัครวีซ่า และบัตร นักเรียนที่นี่มีให้หมด ส�ำหรับสาว ๆ ก็ต้องไปเลือกซื้อสินค้าที่วางเรียงรายให้ได้ ช้อปปิ้งกันมากมาย เช่น เสื้อผ้าดีไซน์เก๋ ๆ, กระเป๋า, รองเท้า,


สินค้าแฮนด์เมดจากทัว่ ประเทศ, ซีดเี พลง, เครือ่ งประดับ เป็นต้น หรือจะไปนัง่ ถักผมเปีย ร้อยผมลูกปัด ท�ำผมทรงเดดร็อกเพลิน ๆ ชมวิถีชีวิตผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เข้าท่าดี อ๊ะ ๆ แต่ไหน ๆ ถนนข้าวสารก็เป็นเหมือนหน้าตาของ ประเทศแล้ว จะไม่มีอาหารไทยอร่อย ๆ ให้ชิมได้อย่างไรล่ะ ที่ ถนนข้าวสารนอกจากจะมีร้านอาหารเก๋ ๆ หลากหลายสไตล์

บรรยากาศดี ๆ รสชาติแจ่ม ๆ แล้ว ยังมีรถเข็นริมข้างทางที่ขาย อาหารไทยทั้งคาวและหวานราคาถูกแสนถูก ไม่ว่าจะเป็น ผัด ไทย, ข้าวเหนียวหมูปิ้ง, ข้าวไข่เจียว, เคบับ, ข้าวเหนียวมะม่วง, โรตี, ลูกชิ้นปิ้ง ให้เลืยกเพียบเลยนะ

: slack

35


“ย่านข้าวสาร” หรือ “ตรอกข้าวสาร” ถือเป็นอีกหนึ่งย่านที่มี ความคึกคักและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่าง ชาติ ย่านข้าวสารแห่งนี้เป็นจุดศูนย์รวมที่รวบรวมสิ่งต่างๆ ไว้ อย่างมากมายอย่างไม่นา่ เชือ่ ไม่วา่ จะเป็นนักท่องเทีย่ วหลายเชือ้ ชาติ ร้านอาหารหลากรสชาติ สินค้านานาชนิด อีกทัง้ บรรยากาศ ยามค�่ำคืนที่คึกครื้นก็ถือเป็นหนึ่งเอกลักษณ์ของย่านแห่งนี้ ก่อนที่จะมาเป็นย่านข้าวสารที่คึกคักนั้น ย่านแห่งนี้เป็น ย่านเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งใช้เป็นตรอกที่ขายข้าวสาร โดยเป็นแหล่งค้าขายข้าวสารที่ใหญ่ที่สุดของเขตพระนคร จึง เรียกย่านี้ว่า ”ตรอกข้าวสาร” ในเวลาต่อมาเมื่อมีนักท่องเที่ยว ต่างประเทศเข้ามาในช่วงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเป็นปีแห่งการเฉลิม ฉลองกรุงเทพมหานครครบรอบ 200 ปี และเข้ามาเช่าห้อง พักอาศัยเพื่อเที่ยวชมเมืองหลวงของไทยในช่วงเทศกาลส�ำคัญ นี้ และในระยะหลังเริ่มมีชาวต่างชาติมาเยือนเป็นระยะ จึงได้ กลายเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแบบแบ็คแพ็ก เกอร์ที่มาท่องเที่ยวประเทศไทยจนเป็นที่โด่งดังในที่สุด ก่อน ที่จะมาปรับเปลี่ยนรูปแบบอีกทีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมากลาย เป็นย่าน บันเทิงยามราตรีที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งของ กรุงเทพมหานคร หากมีโอกาสมาเยือนแล้วนั้น ก็จะพบกับบรรยากาศที่ คราคร�่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมายหลายเชื้อชาติ มีร้านขาย สินค้าต่างๆมากมายหลายชนชาติให้ได้เลือกชมหรือเลือกซือ้ โดย เฉพาะในยามราตรีนนั้ ย่านแห่งนีจ้ ะคึกคักมากเป็นพิเศษ อีกทัง้ ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ของไทยเรานั้น ย่านแห่งนี้ก็ถือเป็น อีกหนึ่งย่านที่ได้รับความนิยมในการมาเล่นน�้ำในวันสงกรานต์ ของทุกๆ ปี บรรยากาศในช่วงเทศกาลนี้จะคึกคักและเต็มไป ด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลกที่มารวมตัวกันใน ช่วงเทศกาลนี้ นอกจากจะเป็นจุดหมายของนักท่องเทีย่ วหลากหลายเชือ้ ชาติ ย่านข้าวสารแห่งนี้ยังเป็นจุดศูนย์รวมอาหารหลากรสชาติ และหลายเชื้อชาติอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารชาติไทยเราเอง อย่างเช่น “ผัดไทย” ก็ได้รับความนิยมจนกลายมาเป็นอาหาร ยอดฮิตของย่านแห่งนี้ไปแล้ว หรือจะเป็นอาหารชาติอื่นๆก็มี ให้เลือกสรรมากมาย อาทิ เคบับ พิซซ่า ซูชิ ให้ได้ลองลิ้มชิมรส อีกทั้งใน “ซอยรามบุตรี” ริมรั้ววัดชนะสงครามที่อยู่ในละแวก เดียวกันนั้น ก็ยังเป็นที่ตั้งของร้านค้าร้านอาหารอีกมากมาย นับ ได้วา่ หากใครทีก่ ำ� ลังอยากชิมอาหารนานาชาติแล้ว ถ้าได้มาย่าน นี้ก็ไม่ท�ำให้ผิดหวัง 36 slack :

ตามสบาย ร้านอาหารน้องใหม่น่ารักๆ อีกร้านหนึ่งย่านถนนข้าวสาร ที่ บรรยากาศในร้านตกแต่งด้วยการโชว์ผนังปูนขัดมันสไตล์ ลอฟท์ คอนเทมโพราร์ ร่วมสมัย เน้นความดิบเรียบเท่ ดูสุขุม นุม่ ลึก ร้านแบ่งเป็นสามส่วนคือด้านหน้า ด้านในร้าน และสวน เล็กๆ ด้านหลังร้าน ร้านเปิดตั้งแต่10โมงเช้า ขายอาหารไทย และเครื่องดื่มในช่วงกลางคืน มีเบียร์สดขาย ส่วนเครื่องดื่ม เด็ดดวงทีม่ าแล้วห้ามพลาดทีจ่ ะสัง่ ก็ตอ้ งนีเ่ ลย ค็อกเทลต้มย�ำ ที่เจ้าของร้านเป็นคนคิดสูตรขึ้นมาเอง ถ้าใครผ่านมาแถวนี้ ก็ลองแวะมาลองชิมเครื่องที่ว่านี่ดู....ว่าจะเด็ดดวงถูกใจคุณ ขนาดไหน

ชา บาร์ ร้านนั่งชิลสไตล์เรคโทรคูหาเล็กๆในซอยรามบุตรตรี ข้างๆ ถนนข้าวสาร เป็นร้านนัง่ ดืม่ อีกร้านทีไ่ ด้รบั ความนิยมมาก โดย เฉพาะชาวต่างชาติทงั้ หลายต่างพากันมานัง่ จิบเบียร์เย็นๆฟัง เพลงคลาสสิค แถมยังมีอาหารอร่อยๆให้ได้ริ้มรสกันอีกด้วย แต่ที่โดดเด่นเลยก็คือเจ้าของร้านเป็นคนน่ารักทักทายและ เอาใจลูกค้าเป็นอย่างดีค่ะ


Green House บาร์&เรสเตอรอง

มัลลิแกนส์ ไอริช บาร์ ข้าวสาร

ร้านตัง้ อยูบ่ ริเวณริมถนนรามบุตรี ตกแต่ง เรี ย บง่ า ยสบายสไตล์ โ มเดิ ร ์ น ภายใน แบ่ ง ออกเป็ น 4โซน โซนแรกโซนที่ พั ก (รับเฉพาะชาติต่างชาติ) โซนที่สองร้าน อาหารและบาร์ เมนูแนะน�ำของที่นี่คือ Schnitze(manin dish)อาหารอิสราเอล รสชาติอร่อย และคอกเทลที่ชื่อว่า ไหม ไทย เป็นที่นิยมสั่งกันของลูกค้า โซนที่ สามส่วนของร้านกาแฟและเบอร์เกอรี่ และโซนสุดท้ายอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เรียก ได้ว่าครบครั้น สะดวกสะบาย บริการน่า รัก ราคาเป็นกันเอง ท�ำให้ บรรดาชาวต่าง ชาติต่างแวะเวียนกันเข้ามาฝากท้องและ ใช้บริการกันอย่างไม่ขาดสาย

ผั บ สไตล์ ไ อริ ช ที่ เ ปิ ด ให้ บ ริ ก ารตลอด 24 ชั่วโมง มีทั้งอาหารไทยและอาหาร นานาชาติ ที่นี่เค้าประกาศตัวว่าน�ำเข้า เบียร์ด�ำ Guinness จากไอร์แลนด์มา ขายราคาถูกที่สุดในกรุงเทพฯ (เสิร์ฟ ในแก้วไพท์เย็นเฉียบ) คนโสดคอทอ แดงต้องถูกใจกับเครื่องดื่มที่มีให้เลือก หลายชนิด แถมยังมีช่วง Happy Hour เอาใจถึง 2 รอบ ตั้งแต่บ่าย 3 จนถึง 2 ทุ่ม และมาชนแก้วยามดึกอีกครั้งตอน ตี 2- ตี 4 พร้อมเพลิดเพลินไปกับดนตรี แจ๊สฟังสบายทั้งแบบเปิดแผ่นและเล่น สดในบรรยากาศสบาย ๆ เน้นสไตล์คัน ทรี่ฟังง่าย ไม่หนักเกินไป

999 เวสท์ อ่านว่า “ทริปเปิลไนน์เวสท์” บางคน อาจไม่คุ้นชื่อ แต่ถ้าบอกว่านี่คือ ซูซี่ผับ เก่า ขาประจ�ำข้าวสารเป็นต้องร้องอ๋อ 999 West ตกแต่งใหม่ให้มีบรรยากาศ คันทรี่ เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มองหา เครื่องดื่มราคาเป็นกันเอง ชูคอนเซ็ปต์ เป็นสปอร์ตบาร์สไตล์อเมริกัน เน้นเรื่อง กีฬามันๆ และมีกจิ กรรมสารพันเกีย่ วกับ กีฬาภายในร้าน เช่น พูล, โต๊ะโกล และ ทีวีช่องกีฬาให้เลือกดู ดื่มไป เชียร์ไปกัน แบบอินกับเกมทัง้ ในและนอกจอ เพราะ บางคืนก็มีจัดแข่งขันพูลเป็นครั้งคราว น่าจะถูกใจคุณสาวๆ ทีช่ อบผูช้ ายบุคลิก แบบสปอร์ตแมน แบบไม่ต้องสแกนเกย์ ด้าหาเก้งกวางให้เหนื่อยจิต มีนหน้าตา หนุ่มๆ ที่นี่ค่อนข้างผ่าน ส่วนมากเป็น ชาวต่างชาติ ใครอยากฝึกภาษาหาเพือ่ น ใหม่แบบอินเตอร์ก็จัดไปอย่าให้เสีย...

: slack

37


แม้กรุงเทพมหานครจะไม่ใช่เมืองที่ดี ที่เหมาะสมแก่การเดินเท่าใดนัก แต่เราก็ยัง อยากให้ทุกคนออกไปเดิน ดังที่คุณโตมร ศุขปรีชา กล่าวเอาไว้ว่า “การเดินนั้น เป็นการสรรเสริญชีวติ ทีช่ า้ ลงด้วยตัวของมันเอง” การเดินท�ำให้เราได้สมั ผัสสิง่ ต่าง ๆ รอบตัว ตรอก ซอก ซอย ที่รถเข้าไม่ถึง ในนั้นมีขุมสมบัติ ทั้งอาหาร รสชาติเยี่ยม ที่ท่องเที่ยวสวยงามแปลกตา ผู้คนที่มีอัธยาศัยดี สิ่งเหล่านี้เรา ไม่อยากพบเห็นได้จากกรอบแคบ ๆ ของกระจกรถยนต์อย่างแน่นอน จริงอยู่ ว่ามันอาจจะแลกมาด้วยความปวดเมื่อยที่เท้า หรือการต้องเจอกับอุปสรรค เช่น อากาศที่ร้อนไปซักหน่อย ควันพิษและไอเสียที่มากไปซักนิด แต่เราเชื่อว่า ถ้าเราทุกคนออกมาเดินกันมากขึ้น กรุงเทพมหานครต้องเป็นเมืองที่น่าอยู่ขึ้น อย่างแน่นอน

ขอขอบคุณ Kapook Travel Sanook Travel Wongnai.com Chillpainai.com กรุงเทพฯ น่ารู้ ตอน ถนนประวัติศาสตร์, สนพ.มติชน ThaidPhoto.com สมาชิกเว็บบอร์ด Pantip.com ทุกท่าน : CK

38 slack :


: slack

39



scope

ส่องทางไกล

เรื่อง : ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์

La Rue De Paris ปารีส เมืองที่เป็นมิตรกับการเดิน

: slack

41


ปารีส เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่เป็นทุก อย่างของประเทศนี้จนเกิดส�ำนวนน่ารักว่า “เมื่อปารีสจาม ฝรั่งเศสเป็นหวัด” มหานครแห่งนี้มีประชากร 12 ล้านคน ติด อันดับหนึ่งในเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในยุโรป เคยเป็นเมือง ใหญ่ที่สุดของโลกตะวันตกอยู่ราวพันปีในช่วงศตวรรษที่ 19 ตามด้วยเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในโลกช่วงศตวรรษที่ 16 -19 และ ประวัติศาสตร์โลกช่วงส�ำคัญต้องเอ่ยกล่าวถึงฝรั่งเศสทุกครั้ง ปารีสมีความแตกต่างจากเมืองหลวงอื่น ๆ ตรงมีกษัตริย์ ที่ยิ่งใหญ่ ท�ำให้ทุกอย่างในเมืองมีความอหังการ แม้เวลาจะล่วง เลยมาพันปี ผู้คนชาวปารีสยังคงอาศัยในเมืองเดิม ถนนเดิม ตึก เดิม ทุกอย่างมีมเี รือ่ งราวทีซ่ อ้ นทับอยูจ่ นให้ความรูส้ กึ เหมือนอยู่ ในเมืองที่ทุกหนทุกแห่งเป็นพิพิธภัณฑ์ และนี่คือเรื่องราวของปารีสที่ถูกเล่าขาน ปารีสเป็นเมืองทีอ่ นุรกั ษ์อาคารเก่าภายในเมืองไว้ในสภาพ เดิมมาหลายร้อยปี แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างในปารีสถูก หยุดเวลาเอาไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลง ปารีสมีปรับปรุงเมืองปารีส 42 slack :

โดยรวมให้ดีขึ้นในทุกด้านทั้งในแง่ของภาพลักษณ์ การบริหาร จัดการพืน้ ที่ ระบบคมนาคม ซึง่ ในอนาคตอันใกล้นจี้ ะมีโครงการ ใหม่ออกมาเปลี่ยนแปลงผังเมืองตลอดเวลา สวนสาธารณะปารีสเหมาะแก่การพักผ่อนย่อนใจผูค้ นเป็น อย่างยิ่ง ตามข้อมูลแล้วในปารีสมีต้นไม้ 100,300 ต้น มีสวน สาธารณะ 465 แห่ง ซึง่ อุดมสมบูรณ์ขนาดมีสตั ว์เลีย้ งลูกด้วยนม ถึง 32 ชนิด เมื่อพ้นจากฤดูหนาว ผู้คนจะออกจากห้องมาอยู่กับ แดดในทีก่ ลางแจ้ง สวนสาธารณะจึงกลายเป็นศูนย์รวมของผูค้ น ใช้นั่งรับแดด ปิกนิก สังสรรค์กับเพื่อนพ้อง นั่งอ่านหนังสือ หรือ พาลูกมาวิ่งเล่นให้เท้าได้สัมผัสดินและหญ้า ถัดจากการนั่งรับแดดที่สวนสาธารณะ พื้นที่ริมฝั่งแม่น�้ำ แซนเป็นมรดกโลกแห่งแรกของโลก (ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะ ฝรั่งเศสเป็นพี่ใหญ่ใน UNESCO และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้ เกิดมรดกโลก) ความสัมพันธ์ระหว่างแม่น�้ำแซนกับชาวปารีส ในยุคนี้เปลี่ยนรูปแบบจากเดิมไปมาก เพราะไม่ได้ใช้เป็นเส้น ทางหลักในการค้าขาย คนในยุคนี้ใช้แม่น�้ำแซนเพื่อการพักผ่อน


ใช้ล่องเรือชมความงามของเมืองทั้งสองฝั่งแม่น�้ำ นั่งท�ำกิจกรรม สบาย ๆ สะพานไม้ตรงพิพธิ ภัณฑ์ลฟู วร์ทชี่ อื่ Pont des Arts ถ้า สังเกตดี ๆ จะเห็นว่าตรงซี่ลูกกรงบนสะพานมีคนเอาแม่กุญแจ สลักชื่อมาล็อกไว้เต็มไปหมด การล็อกกุญแจแบบนี้เพิ่งมีเมื่อไม่ กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง เพราะมันไม่ใช่ธรรมเนียมของชาวปารีส แต่ เดินทางมาพร้อมกับนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี เรื่องวัฒนธรรมการกินของคนฝรั่งเศสถือได้ว่าเป็นศิลปะ ขัน้ สูงทีท่ กุ คนในสังคมต้องเรียนรูแ้ ต่ทว่า คนฝรัง่ เศสไม่ได้ใส่ใจ ในรายละเอียดการดืม่ กาแฟเท่าชาวอิตาลี (ชือ่ ชนิดของกาแฟมัก เป็นภาษาอิตาลี) แต่รา้ นขายกาแฟถือเป็นวัฒนธรรมของฝรัง่ เศส โดยแท้ (ขนาดค�ำว่า café ที่ใช้กันทั่วโลกยังเป็นภาษาฝรั่งเศส) ช่วงหน้าร้อน ทุกร้านจะยกเก้าอี้มาตั้งบนทางเท้าหน้า ร้านเพื่อให้ลูกค้าได้นั่งรับแดด จิบกาแฟ มองดูผู้คน (บ้างก็นั่ง พูดถึงคนที่เดินผ่านไปมา อย่างที่บ้านเราเรียกว่านินทา แต่ที่ นั่นเรียกว่าวิจารณ์ และแลกเปลี่ยนความเห็นตามเสรีภาพที่ พวกเขามีอย่างเต็มเปี่ยม) ส�ำหรับพวกเขาแล้วการเข้าร้าน

กาแฟอย่างสตาร์บัคส์ถือเป็นกิจกรรมที่ดูดีมีรสนิยมในเกือบ ทุกประเทศ ยกเว้นแค่ในฝรั่งเศส ซึ่งไม่ชื่นชมการผลิตแบบ แมส และรังเกียจวิถีบริโภคนิยมแบบอเมริกา ชาวฝรั่งเศส คนไหนดื่มกาแฟสตาร์บัคส์จึงอาจถูกคนรอบข้างค่อนขอดได้ ว่าช่างไม่รู้จักเลือกกินเอาเสียเลย ร้านกาแฟในฝรัง่ เศสทีค่ นไทยน่าจะอินทีส่ ดุ คงเป็น Café de le Paix ร้านที่ได้ชื่อว่าแพงที่สุดในปารีส ร้านนี้นักธุรกิจ ชั้นสูงชอบใช้เป็นที่นัดเซ็นสัญญา แต่ถ้ามองย้อนกลับไปสมัย ที่ปรีดี พนมยงค์ เรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส และเป็นนายกสมาคม นักเรียนไทย เขาใช้ร้านกาแฟแห่งนี้เป็นที่ประชุมจนเกิดการ เปลี่ยนแปลงครั้งส�ำคัญของการเมืองไทย ลืมบอกไปว่า ชื่อ ของร้านกาแฟแห่งนี้แปลว่าร้านกาแฟแห่งสันติภาพ ในทัง้ นีป้ ารีสเป็นเมืองศูนย์กลางทีน่ กั ท่องเทีย่ วทุกคนที่ จะมายุโรปต้องแวะ แต่พอมีสายการบินโลว์คอสต์มากขึน้ คน ก็เริ่มแวะปารีสน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นจ�ำนวนนักท่องเที่ยวใน ปารีสก็ยังมากมายมหาศาลอยู่ดี ในปี 2010 ปารีสมีนักท่อง เที่ยวมาเยือนราว 42 ล้านคน ถือเป็นเมืองหลวงที่มีคนมา เที่ยวมากที่สุดในโลก สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตคือ วิหารนอ เทรอดาม ปีละ 12 ล้านคน พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ปีละ 8 ล้าน คน (ครองต�ำแหน่งพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีคนไปเที่ยวมากที่สุด ในโลก) ตามด้วยหอไอเฟล ปีละ 6 ล้านคน (ครองต�ำแหน่ง อนุสาวรีย์ที่ต้องเสียค่าเข้าชมที่มีนักท่องเที่ยวไปมากที่สุดใน โลก) ถ้าเรานับรวมตั้งแต่เปิดบริการมา หอไอเฟลมีนักท่อง เที่ยวมาเยือนแล้วทั้งหมดราว 200 ล้านคน ปารี ส ได้ ชื่ อ ว่ า เป็ น เมื อ งหลวงที่ เ หมาะแก่ ก ารเดิ น ทางเท้าเป็นอย่างยิ่ง ในสมัยที่วางผังเมืองนักออกแบบให้ ความพิถีพิถันประณีต เพื่อให้เมืองหลวงมีการสวยงามและ สามารถเดินไปมาได้สะดวก ซึ่งกางแผนที่เมืองหลวงปารีส ไม่จ�ำเป็นต้องกลัวหลงเพราะเดินไปทางไหนก็เป็นไปตามนั้น (ต่างจากบางเมืองทีใ่ ช้เนวิเกเตอร์นำ� ทาง ยังมีโอกาสทีจ่ ะหลุด ออกไปจากแผนที่) และทั้งหมดนี่เองคือเรื่องราวของดินแดนน�้ำหอมแห่ง ยุโรป : CK

: slack

43


strangers

ยินดีที่ได้รู้จัก

g i B , d l r o W e l t t i L . l r i G

เรื่อง : ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ ภาพ : ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์

คนไทยคนหนึง่ เขียนเล่าเรือ่ งราวการท่องเทีย่ วของตัวเองลงในบล๊ อก www.iroamalone.com เธออายุเพียง 25 และแต่ละสถานที่ที่เธอ เดินทางไปก็ไม่ใช่ธรรมดา ไม่วา่ จะเป็นโปรตุเกส สโลวีเนีย บอสเนียฯ มอน เตเนโกร โครเอเชีย เทือกเขาอัลไต และอะไรทีช่ อื่ ไม่คนุ้ หูอกี มาก ทีส่ �ำคัญ เราเรียกเธอว่า เธอ! เธอคือผู้หญิง! เธอชื่อมิ้นท์! 44 slack :


วิตน้อยลง “ พอเงืเรามี่อคนไขในชี วามสุขมากขึ้น

มณฑล กสานติกุล คือหญิงสาววัย 25 ปี เธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่พ่อแม่ไปรับ ไปส่งที่โรงเรียนทุกวันจนถึง ม.6 วัยเด็ก ของมิ้นท์ไม่ได้ไปท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก คุณแม่ก็พยายามส่งมิ้นท์ไปเรียนภาษาที่ ออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 15 ปี ตอนไปเรียนภาษาคนเดียวที่ต่าง ประเทศทุกครั้ง มิ้นท์บอกว่าเธอร้องไห้ โฮ จนเมื่อเรียนปริญญาตรีที่คณะอักษร ศาสตร์ เอกภาษาสเปน ที่จุฬาลงกรณ์ มหาวิ ท ยาลั ย เธอตั ด สิ น ใจต่ อ เวลาให้ ชีวิตวัยเรียนด้วยการไปเรียนต่อปริญญา โทด้านวรรณกรรมที่ประเทศสเปน ระยะ เวลา 3 ปีที่ต้องใช้ชีวิตที่นั่นเปลี่ยนความ คิดเธอแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เธอได้ เรียนรู้ว่าการใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย งานพิเศษที่มิ้นท์ท�ำระหว่างเรียน ที่สเปนคือเป็นไกด์ให้นักท่องเที่ยวที่โฮส เทลแห่งหนึ่ง งานนี้เปิดหูเปิดตาให้มิ้นท์ เจอนักเดินทางที่หลากหลาย หลายคน เป็นผู้หญิงที่เดินคนเดียว พวกเธอเป็น แรงบันดาลใจส�ำคัญที่ท�ำให้มิ้นท์ตัดสิน ใจลองเดินทางคนเดียวดูสักตั้ง สถานที่ ที่เธอเลือกเที่ยวคนเดียวเป็นที่แรกหลัง เรียนโทจบคือ หมู่เกาะแอตแลนติกใน ประเทศโปรตุเกส เที่ยวคนเดียวสนุกตรงไหน เราถาม ไปตรง ๆ “สนุก เพราะสุดท้ายไปเที่ยวคน เดียวแต่เราไม่เคยอยู่คนเดียว” จากทริปโปรตุเกส 3 อาทิตย์ ตาม ติดมาด้วยสโลวีเนีย ออสเตรีย สวิตเซอร์ แลนด์ บอสเนียฯ มอนเตเนโก โครเอเชีย

ฮังการี จากการท่องเที่ยวที่เคยคาดหวัง จะท�ำให้ค้นพบตัวเอง แต่สิ่งที่มิ้นท์ได้ค้น พบระหว่างการเที่ยวคนเดียวคือ คนอื่น “เดินทางคนเดียวเราต้องเจอความ เหงา ท�ำให้เรามองทุกอย่างไม่ซับซ้อน ไม่คิดเยอะ ปล่อยวางมากขึ้นกับทุกเรื่อง แต่กอ่ นเราไม่กล้าชวนคนอืน่ คุยเพราะเรา ยึดกับตัวเอง เดีย๋ วนีเ้ รามองคนแปลกหน้า เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เราก็คุยได้ เพราะเรา ก็ยงั ไม่รวู้ า่ เขาจะเป็นเพือ่ นเราไหม พอคิด แบบนี้เราก็ได้เจอคนใหม่ ๆ ตลอดเวลา แต่ละเส้นทางมีนักท่องเที่ยวที่แตกต่าง กันไป เราสนุกที่ได้ฟังเรื่องราวของเขา” “พอเงื่อนไขในชีวิตน้อยลง เรามี ความสุขมากขึ้น” แม่ของเธอบอกว่า “ในเมื่อชอบ เดินทาง ท�ำไมแกไม่ท�ำอะไรระหว่างนั้น ให้เป็นงานล่ะ” ประโยคจุดประกายจาก แม่ ก ลายเป็ น ที่ ม าของบล็ อ กเที่ ย วคน เดียวของเธอ เป้าหมายที่มิ้นท์ตั้งเอาไว้ คื อ การเที่ ย วคนเดี ย วให้ ทั่ ว โลกภายใน ระยะเวลา 1 ปี พยายามบรรลุ bucket list ยาวเหยียดที่เธอเขียนไว้ในบล็อกให้ ส�ำเร็จ แล้วน�ำเรื่องราวของจังหวะชีวิตที่ ขึ้นบ้าง ลงบ้าง มาบอกต่อ เธอจะไม่เดิน เพื่อตัวเองอีกแล้ว “เวลากลับมาจากการเดินทางคน เดี ย ว เรารู ้ สึ ก มั่ น ใจในตั ว เองมากขึ้ น เหมือนประสบความส�ำเร็จในการเอาชนะ บางอย่าง ฉันดุแลตัวเองได้ ฉันไม่ต้องพึ่ง ใคร อันนีเ้ ป็นความรูส้ กึ ส�ำคัญทีผ่ หู้ ญิงทุก คนต้องมี เราก็โอเคนะ อยากให้ผหู้ ญิงคน อื่นได้รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน” slack 45 :


ชายคนหนึ่งท�ำงานหนักตลอดทั้งชีวิต นอนวันละ 4 ชั่วโมง ตื่นเช้ามืดเพื่อไปประชุม เผชิญความเครียดทัง้ วัน กลับบ้านอีกทีกค็ ำ�่ มืด ไม่เคยลาพักร้อน เมื่ออายุได้ 43 ปี เขา และภรรยาแบกเป้ท่องเที่ยวไปทั่วยุโรปเป็น เวลา 1 เดือน ทันทีที่กลับมา เขาตัดสินใจยื่น ใบลาออก บินขึน้ เชียงใหม่และเปิดร้านหนังสือ เป็นของตัวเอง

BOOK SELLER, DREAM TRAVEL 46 slack :


นี่คือเรื่องจริงโดยย่อที่เหมือยนิยายของ สิโรตม์ จิระประยูร เจ้าของ The Booksmith ร้านหนังสือเล็ก ๆ แห่งใหม่กลาง เมืองเชียงใหม่ ทีร่ มุ่ รวยเสน่หจ์ นใครหลาย คนพากันตกหลุมรัก “It’s a dream job” สิโรตม์กล่าว เจือยิม้ “ครัง้ หนึง่ ไปอังกฤษ ผมกรอกช่อง อาชีพในแบบฟอร์มว่า It’s a dream job. I want to be a bookseller. หัวใจผม พองโตมาก คิดในใจว่าชีวิตกูไม่ไปไหน แล้ว อยากเป็นคนขายหนังสือ” เขาบ่มเพาะความฝันนี้ถึง 43 ปี แม้ จะบ้าหนังสือเข้าเส้นตั้งแต่เด็กแต่เพราะ ครอบครัวอยากให้ท�ำงานค้าขาย เมื่อ เรียนจบ งานแรกที่เขาท�ำคือขายเครื่อง ส�ำอาง ในบริษัทเครือสหพัฒน์ สิโรตม์ใช้ เวลา 9 ปีที่นี่ก่อนจะเขยิบเข้าใกล้ความ ฝันด้วยการย้ายไปท�ำงานที่เอเชียบุ๊คส์ ต�ำแหน่งสุดท้ายบนนามบัตรคือ กรรมการ ผูจ้ ดั การ พ่วงด้วยสถิตเิ ปิดร้านหนังสือ 67 ร้านภายในเวลา 8 ปี วันหนึ่งระหว่างแบกเป้เดินทางกับ ภรรยาอยู่ที่สาธารณรัฐเชก เขาพบร้าน ขายหนังสือมือสองชื่อ Shakespeare and Sons ความฝันทีอ่ ยากมีรา้ นหนังสือ วูบเข้ามา “ผมอยากแบ๊กแพ็กตัง้ แต่ตอนเรียน แต่เพิ่งได้ท�ำครั้งแรกตอนอายุ 43 ปี ถึงรู้ ว่าโลกใหญ่กว่าทีเ่ ห็นเยอะ เราโง่มากทีท่ งิ้ เวลา ความฝัน ความตั้งใจ สิ่งที่อยากท�ำ ไปยีส่ บิ กว่าปี เราอยากได้สงิ่ นัน้ กลับมาอีก ครั้ง” ความกล้ า หาญในการเปิ ด ร้ า น หนังสือในสังคมที่การอ่านไม่แข็งแรงว่า

LLER.

“การเดินทางท�ำให้ชีวิตเราเปลี่ยน

น่าสนใจแล้ว แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ The Booksmith กลับท�ำก�ำไรทุกเดือน จนเข้า สูเ่ ดือนที่ 5 พบว่ามีเงินหมุนเลีย้ งตัวเองได้ สบาย ๆ เมื่อถามความรู้สึกของการได้เห็น ความฝันเป็นจริง สิโรตม์ตอบว่า “ผมฝัน อยากมี small life หรือชีวิตเล็ก ๆ แต่มี คุณค่า ได้ท�ำสิ่งที่อยากท�ำอยู่ในที่ที่อยาก อยู่ ชีวิตผมเล็กลง มีร้านหนังสือร้านเดียว แต่รู้สึกลงตัว ตื่นมานั่งมองภรรยารดน�้ำ ต้ น ไม้ ก็ มี ค วามสุ ข ถามว่ า เหนื่ อ ยไหม โคตรเหนื่อยเลยนะ ท�ำงาน 7 วันต่อ อาทิตย์ แต่เหนื่อยกาย ไม่เหนื่อยใจ มัน ท�ำให้เรามีเวลาสังเกตสิ่งเล็ก ๆ รอบข้าง บางทีกอ็ ดยิม้ กับตัวเองไม่ได้ รูย้ งั งีล้ าออก ตั้งนานแล้ว” “การเดินทางท�ำให้ชวี ติ เราเปลีย่ น” สิโรตม์ยำ�้ “ผมอยากบอกนักศึกษาทีก่ ำ� ลัง จะจบว่า 2-3 ปีแรก อย่าซื้อรถ อย่าซื้อ บ้าน อย่าสร้างภาระผูกพันให้ชวี ติ ผมเคย ผ่านจุดนัน้ มาแล้ว ยิง่ กว่าติดคุกอีก ท�ำงาน เก็บเงินแล้วไปเที่ยวต่างประเทศให้ได้ปี ละครั้ง ออกไปดูโลก ไปเปิดสมอง เก็บ เกี่ยวประสบการณ์ เก็บวัตถุดิบส�ำหรับ การท�ำงานในวันข้างหน้าใครจะว่าอะไร ให้ถือว่าเป็นการลงทุนชีวิต” “จุดทีต่ นื่ เต้นทีส่ ดุ ของการเดิน ไม่ได้ อยู ่ ที่ ก ารเดิ น ทาง แต่ อ ยู ่ ที่ เ ราได้ แ รง บันดาลใจอะไรกลับมา เราจะกลั่นกรอง ผลิตอะไรหลังจากนั้น” ถึงไม่ได้บอก แต่เรารูว้ า่ The Booksmith คือผลผลิตนั้น : CK : slack

47


scape

หนีกรุง

เรื่อง/ภาพ : ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์

เที่ยว กิน นินทา ที่ตลาดน�้ำอโยธยา เมือ่ เดินทางถึงพระนครศรีอยุธยา โดยเริม่ ต้นตัง้ หลักกันที่ ท่ารถน�ำเที่ยว ซึ่งค่าราคาน�ำเที่ยวขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไปแวะ ชม (ราคาเหมารวมกับค่าทิปคนขับเรียบร้อยแล้ว) หลังจากต่อ รองกับค่ารถคุณลุงได้แล้ว คุณลุงพาพวกเราขึ้นรถสองแถวซึ่ง สภาพเหมาะแก่การเยี่ยมชมเมืองเก่าแห่งนี้เสียจริง แนะน�ำว่า ให้เกาะรถดี ๆ ตอนเวลาเลีย้ วทางโค้งหรือขึน้ ลงสะพาน มิฉะนัน้ ท่านจะได้ลงไปสัมผัสพื้นท้องถนน จุดหมายเริ่มต้นของการเดินครั้งนี้คือ ตลาดน�้ำอโยธยา “ตลาดน�้ำอโยธยา” เป็นตลาดน�้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน ประเทศไทยด้วยเนื้อที่กว่า 60 ไร่ อาจท�ำให้เราต้องใช้เวลาทั้ง 48 slack :

วันในการเดินจนครบทั่วทั้งพื้นที่ที่กว้างใหญ่แห่งนี้ จากการสอบถามผู้คนแถวนั้นท�ำให้ทราบว่าบรรยากาศ ในตลาดน�้ำอโยธยาช่วงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ผู้คนจะน้อย ชนิดที่ ว่าเงียบเป็นป่าช้า แต่หากว่าเป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ ตลาด น�้ำจะมีนักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษมองไปทางไหนก็จะเห็นกลุ่ม นักเรียน – นักศึกษาเดินทางมาทัศนศึกษากันเต็มไปหมด ไม่แปลกที่โรงเรียนจะพาเด็ก ๆ มาทัศนศึกษาที่นี่ ด้วยว่า ตลาดน�ำ้ อโยธยาเป็นสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วเชิงอนุรกั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรม การมาที่นี่จึงเหมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายต่อหลายตัว เพราะได้ทั้งความรู้เชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ได้ทั้งการ


เรียนรู้วิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวไทยในสมัยก่อน และยังได้ เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าต่างๆ อีกด้วย ภายในตลาดน�ำ้ อโยธยานัน้ ออกแบบเป็นเรือนไม้ทรงไทย มีสระน�้ำอยู่ตรงกลางตลาดและมีทางเดินบริเวณรอบ ซึ่งตลอด ทางจะมีร้านขายสินค้าและอาหารมากมาย สินค้าส่วนใหญ่จะ คละเคล้ากันไปหลายประเภท เช่น สินค้า OTOP เรียกได้ว่ามีให้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ แถมราคายังสบาย กระเป๋าอีกด้วย และแน่นอนว่าสิ่งที่พลาดไม่ได้อีกอย่างของ การมาเดินตลาดก็คือ การชิม! บอกตรงๆ ว่าชิมกันไม่หมด จริงๆ เพราะด้านในมีอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มให้เลือก เป็นจ�ำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ไก่ย่าง ส้มต�ำ ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว ห่อหมก อาหารทะเล หมูสะเต๊ะนมสด หมูย่าง โรตีสายไหม ขนมตาล ขนมถ้วย กล้วยปิ้ง ทับทิมกรอบ ไอศกรีม ชา กาแฟ น�้ำตาลสด ฯลฯ ให้สาธยายกันทั้งวันก็คงไม่หมด ซึ่งบางร้านก็ ตั้งขายอยู่ในโซนอาหาร บางร้านก็ขายอยู่บนเรือที่จอดคอยท่า อยู่ริมน�้ำ ใครจะนั่งสบาย ๆ ในโซนอาหารหรือจะนั่งชิว ๆ ริม น�้ำก็ได้ทั้งนั้น จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของตลาดน�้ำอโยธ ยา คือการน�ำชื่ออ�ำเภอทั้งหมดของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งหมด มาตั้งเป็นชื่ออาคาร สถานที่ เพื่อให้ผู้ที่มาเยือนได้รู้จัก สินค้าของแต่ละอ�ำเภอ และสามารถ จดจ�ำชือ่ อ�ำเภอต่าง ๆ ของ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี เช่น ตลาดบางซ้าย เครื่องจักรสาน ตลาดบางบาล ขนมของฝาก ตลาดบางปะหัน โรตี, ขนม, ของฝาก ตลาดเสนา กุ้งสด, ปลาเผา ลานการแสดง กรุงศรีอยุธยาเป็นต้น หลังจากทีเ่ ดินส�ำรวจตลาดน�ำ้ เสร็จสิน้ แล้ว จุดหมายต่อไป ของการเดินทางครัง้ นีค้ อื วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมือ่ มาถึงทีห่ มายก็เป็นเวลาเย็นแล้วท�ำให้ไม่มเี วลาส�ำรวจ อะไรมากมายแต่ผเู้ ขียนขอเล่าประวัตวิ ดั แห่งนีใ้ ห้ผเู้ ขียนได้เข้าใจ พอสังเขป วั ด มหาธาตุ เ ป็ น วั ด ที่ เ ก่ า แก่ แ ละมี ป ระวั ติ ที่ ไ ม่ ค ่ อ ยจะ ชัดเจน บางฉบับบอกว่า ในปี พ.ศ. 1917 บางฉบับก็บอก พ.ศ. 1927 แต่อย่างไรก็ตาม ได้ใช้เวลาก่อสร้างไปเป็นจ�ำนวนมาก ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระปรางค์เคยพังลงมาเกือบ ครึง่ องค์ถงึ ชัน้ ครุฑ ปรางค์ของวัดนีเ้ ดิมทีเดียวสร้างด้วยศิลาแลง แต่จะด้วยเหตุผลประการใดไม่ทราบ จึงยังมิได้ซ่อมแซม ให้คืนดีดังเดิม ในรัชกาลนั้น ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ทรงบูรณะใหม่ รวมเป็นความสูง 25 วา แต่ก็ได้พังทลายลงมา : slack

49


อีกรอบในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงน�ำก�ำลัง ทหารไปช่วยกันสร้างยอดพระปรางค์ดว้ ย ไม้สกั ชัน้ เยีย่ มและได้สถาปนาให้เป็นพระ ปรางค์ประจ�ำชาติ ในที่สุดพระปรางค์วัดมหาธาตุยัง คงอยู่ตลอดไป เมื่อได้เวลาสมควรสถานที่ต่อไป ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดตกเสียก่อน จุ ด ห ม า ย ป ล า ย ท า ง ข อ ง ก า ร เดิ น ทางครั้ ง นี้ คื อ วั ด โลกยสุ ธ าราม จ.พระนครศรีอยุธยาหรือ วัดพระนอน วัดแห่งนีอ้ ยูใ่ กล้กบั เขตพระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรรเพชญ์ ด้วยเค้าโครง ของสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่หลงเหลือใน พระอารามร้างที่ถูกผลาญด้วยไฟแห่ง สงครามนั้น แสดงให้เห็นถึงคุณค่าและความ ส� ำ คั ญ ของวั ด โลกยสุ ธ ารามในอดี ต สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้ได้สร้างขึ้นในสมัย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาตอนต้ น ตรงกั บ รั ช สมั ย สมเด็ จ พระนคริ น ทราธิ ร าช พระมหา กษัตริย์พระองค์ที่ 6 แห่งกรุงศรีอยุธยา ผู้ทรงเป็นพระราชบิดาเจ้าสามพระยา ความเชื่ อ และวิ ธี ก ารบู ช า ทุ ก วั น นี้ วั ด โลกยสุ ธ ารามมั ก มี ผู ้ เ ดิ น ทางมาสั ก กา ระพระพุทธไสยาสน์อยู่เสมอ จนกลาย เป็ น สั ญ ลั ก ษณ์ ท่ี ส� ำ คั ญ ของอุ ท ยาน ประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ยังมีค วามเชื่อแพร่หลายในหมู่ผู้ ที่ เ ลื่ อ มใสศรั ท ธาว่ า การได้ ม านมั ส การ พระพุทธไสยาสน์ วัดโลกยสุธารามซึ่งมี พระพักตร์ที่เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี ถือ เป็นดังนิมิตหมายอันดีที่ช่วยส่งเสริมสิริ มงคลในชีวิต และให้คุณค่าด้านเมตตา มหานิยมแก่ผู้นั้นด้วย 50 slack :


เมือ่ ได้เวลาสมควรแล้ว คุณลุงน�ำคณะเดินทาง ไปส่งทีส่ ถานีรถไฟเพือ่ ขึน้ รถไฟกลับบ้าน ช่วงนัน้ เป็น เวลาที่ขึ้นรถไฟฟรีเพื่อลดการติดขัดจราจรภายใน เมือง ระหว่างนัง่ โบกกีไ้ ด้ชมวิวทัศน์บรรยากาศแบบ ดั้งเดิม กลิ่นอายของหญ้ากับเสียงร้องของแมลง ไพเราะ ราวกับเป็นการอ�ำลาเพื่อให้ทุกท่านได้กลับ มาเยี่ยมชมอีกครั้ง : CK : slack

51


spoonful

อาหารเป็นมิตร

เรื่อง/ภาพ : ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์

Green Piece 52 slack :


ทุกครั้งที่พูดถึงอาหารสุขภาพ เราจะมี ภาพเหล่าผักและธัญพืชหน้าตารสชาติ จืดชืดเด้งขึ้นมาในหัว แต่เมื่อได้พบเมนู ‘ย�ำข้าวกล้องทอด’ ของร้าน Be Organic ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรีนซูเปอร์ มาร์เก็ตอย่าง Lemon Farm ความคิดเรา ก็ เปลี่ ยนไป เพราะอาหารดี ๆ จานนี้ หน้าตาสวยเก๋แถมยังอร่อยลิ้นเกินคาด “ย� ำ ข้ า วกล้ อ งทอดท� ำ ให้ ค นสมั ย ใหม่กนิ ข้าวได้งา่ ย ได้อร่อยขึน้ ” พีแ่ ขลดา จิตตปัญญา ผู้จัดการส่วนส่งเสริมสุขภาพ และตลาดพิเศษของเลมอนฟาร์มบอกเรา แล้วเล่าที่มาของเมนูจานนี้ให้ฟังว่า ทาง ร้ า นอยากท� ำ อาหารตามแนวคิ ด แบบ ‘แมคโครไบโอติกส์’ ซึง่ เน้นกินอาหารตาม ธรรมชาติ ไม่ใส่สารเคมีสงั เคราะห์ และไม่ ปรุงรสจัดจนเสียรสดั้งเดิมของอาหาร จึง หยิบวัตถุดิบออร์แกนิกของเลมอนฟาร์ม อย่างข้าวซึง่ ถือเป็นอาหารทีด่ ที สี่ ดุ ส�ำหรับ มนุษย์ รวมถึงผักตามฤดูกาลมาปรุงให้ หน้าตาน่ากินและทานง่าย กระบวนการท�ำย�ำข้าวกล้องทอด หนึง่ จาน เริม่ จากคัดเอาข้าวกล้องออร์แก นิกแท้มาหุงให้สุกน�ำมาคลุกเคล้ากับหัว หอมใหญ่ ผักชี ขิง งา ปรุงรสด้วยน�้ำมัน และซีอิ๊วอย่างละนิด แล้วปั้นข้าวเป็นลูก จากนั้นก็เอาไปทอดให้กรอบอร่อยก่อน จะจัดใส่จาน กินตอนยังร้อนพร้อมน�้ำย�ำ รสนุ่มนวลที่ท�ำจากน�้ำแครอต โซยุ และ น�ำ้ มะนาว ตามด้วยผักเคียงสดฉ�ำ่ ชนิดต่าง

ร้าน be Organic เปิดทุกวัน 11.00 – 21.00 น. ชั้น 1 The Portico ซอย หลังสวน (150 เมตรจาก BTS ชิดลม) โทร. 0-2652-1975

ๆ พี่แขลดาอธิบายว่าการย�ำเป็น วิธีประกอบอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราไม่ผ่านความร้อนซ�้ำ ไม่มีน�้ำมัน ทั้ง ยังท�ำให้ลูกค้าได้ทานผักมากขึ้น ส่วน รสชาติทตี่ ง้ั ใจให้ไม่จดั จ้านนัน้ ก็สง่ ผลดีตอ่ สุขภาพกายและใจ “แมคโครไบโอติกส์ ถือว่าอาหารอร่อยโดยไม่ตอ้ งแซบได้ แถม ถ้าได้กนิ อาหารรสกลาง ๆ เราจะรูส้ กึ ผ่อน คลาย รู ้ สึ ก สบายกว่ า กิ น อาหารรสจั ด ด้วย” หลายคนอาจมองว่ า เมนู ที่ ดี ต ่ อ สุขภาพไม่ค่อยหลากหลาย แต่พี่แขลดา อธิบายว่าความจริงแล้วขึ้นอยู่กับความ สนุกในการพลิกแพลงของคนท�ำ “พอ หลงรักอาหารประเภทนี้ เราจะมีวธิ ที ำ� ให้ มันหลากหลาย อย่างเมนูแมคโครไบโอติก ส์ของทีร่ า้ น Be Organic ตอนนีม้ เี ป็นร้อย อย่าง แต่เรามีจุดยืนอยู่ว่าเมนูในร้านต้อง มีส่วนผสมออร์แกนิกเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ท�ำให้บางทีต้องขออภัยลูกค้าเหมือนกัน ว่า ช่วงนี้ไม่มีเมนูนี้ เพราะหาวัตถุดิบ ออร์แกนิกตามฤดูกาลไม่ได้” ถึงตอนนี้ร้าน be Organic เปิดมา ได้เกือบครึง่ ปีแล้ว โดยมีลกู ค้าทัง้ ไทยและ ต่างชาติที่รักสุขภาพผลัดกันมาฝากท้อง ถ้าอยากรูว้ า่ อาหารร้านนีด้ แี ละอร่อยจริง หรือไม่ คงต้องไปลองสั่ง ‘ย�ำข้าวกล้อง ทอด’ มาชิมสักจาน : CK

: slack

53


skimming

หนังสือเดินทาง

เรื่อง : ภูมิ บัวพิพัฒน์วงศ์

เคยเอะใจไหมว่า… “ท�ำไม เราต้องถ่ายภาพอาหารก่อนกิน” “ท�ำไม เราต้องเช็กอินสถานที่เก๋ๆ เพื่อบอกใคร” “อะไรท�ำให้เราเฝ้ามองหน้าจอได้ทั้งวัน” “และอะไรท�ำให้เราก้มลงถ่ายภาพเท้าตัวเอง”

ชายหนุ่มผู้ก้มลงถ่ายภาพเท้าตัวเอง

วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ เขียน/ถ่ายภาพ สำ�นักพิมพ์ Mars Space ISBN 978-616-754-515-8 ราคา 225 บาท

54 slack :


จากวันวานสู่วันนี้ จากจินตนาการ สู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อการด�ำเนิน ชีวติ ในยุค 2000 ซึง่ เต็มไปด้วยเทคโนโลยี วิทยาการอันล�้ำสมัย การใช้ชีวิตของเรา เป็นปัจเจกมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เรากลับสร้างโลกจ�ำลองของเราเองเพื่อ ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนผ่านเทคโนโลยีต่างๆ วุฒชิ ยั ผูซ้ งึ่ คร�ำ่ หวอดและมีงานเขียนด้าน เทคโนโลยีผู้ซึ่งอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านทั้ง เศรษฐกิ จ การเมื อ ง วั ฒ นธรรม และ เทคโนโลยีจากยุคอนาล็อคสูย่ คุ ดิจติ อลจึง ได้ถ่ายทอดมุมมองผ่านประสบการณ์ให้ เราได้ยอ้ นกลับมามองกัน การใช้ชวี ติ จาก ก า ร เ ป ลี่ ย น ผ ่ า น ที่ เ กิ ด ขึ้ น จั ง มั ก มี ประสบการณ์และความทรงจ�ำจากยุค หนึ่งสู่ยุคหนึ่งจนถึงปัจจุบัน พฤติกรรม การใช้เทคโนโลยีทั้งการพร�่ำบอกความ รู้สึกนึกคิด ความเป็นไปในสเตตัส การ

แชร์ภาพถ่าย การบอกสถานที่ที่อยู่หรือ Location Place การถ่ายรูปสิ่งต่าง รูป ตัวเอง การแบ่งปันหรือ share สิ่งต่างๆ สะท้อนถึงอะไรหลายๆอย่าง ทีพ่ อได้อา่ น ก็เอ๊ะ!!! บางอย่างนี่เป็นเรานี่หว่า การเปลี่ ย นแปลงของเทคโนโลยี และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเสมือน กระจกสะท้ อ นให้ เ ราได้ เ ห็ น หลายสิ่ ง หลายอย่าง บางครัง้ แค่เราลองกลับไปคิด ตั้งค�ำถามง่ายๆกับตัวเองบ้าง เราอาจได้ ค�ำตอบดีๆ ก็ได้ สองเท้าของผู้ชายคนนี้ ก้าวผ่าน ชีวิต เรื่องราว เก็บเกี่ยวประสบการณ์จน สะท้อนออกมาเป็นเรือ่ งราวทีม่ มี มุ น่ามอง ให้กบั ผูอ้ า่ นอย่างเราให้ได้สะกิดต่อมความ คิ ด ให้ ท� ำ งาน กระตุ ก การเปลี่ ย น พฤติกรรมบางอย่างเพื่อความเป็นมนุษย์ บนโลกแห่งความจริงเสียบ้าง การถ่ายภาพเท้าตัวเอง อาจมีความ หมายมากกว่าการถ่ายภาพธรรมดาก็ได้ หากเรามองเท้าตัวเองอาจเห็นความเป็น จริง ณ จุดที่ยืน และความเป็นไปที่จะ เกิดขึ้น การมีเวลาก้มมองเท้าตัวเอง อาจ หมายถึงการกลับมารู้จักและส�ำรวจตัว เองบ้าง อย่ามัวแต่ไปส่อง (ส�ำรวจ) เฟส บุ๊คคนอื่น จนไม่รู้จักตัวเอง

เท้าของคุณตอนนีเ้ ปลือยเปล่า หรื อ เปลี่ ย นรองเท้ า มาบ่ อ ยมาก น้อยแค่ไหน? : CK

: slack

55


หูหาเรื่อง

W A L K 56 slack :

เรื่อง : ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ

Forever, whenever I never wanna die I never wanna die I never wanna die I’m on my knees I never wanna die

slur


จ�ำความรู้สึกตอนเราสามารถเดิน ได้ครั้งแรกกันได้มั้ยครับ? ผมจ�ำไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นความสุข มหาศาลแน่ ๆ ที่วันนึงเราจะสามารถ ท�ำได้เหมือนพ่อแม่ สามารถเดินไปไหนมา ไหนเองได้ไม่ต้องรอให้ใครมาอุ้ม แน่นอน สิ่งต่อมาที่เราจะได้เรียนรู้ หลังจากการเดินก็คอื แม้วา่ มันจะสะดวก สบายและรวดเร็วกว่าคลานเยอะ แต่สิ่ง หนึ่งที่ก็เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน ก็คือการล้ม เพราะสองขานั้นช่างยากต่อการรักษา สมดุ ล เมื่ อ สะดุ ด เข้ า กั บ อะไรสั ก อย่ า ง เหลือเกิน Dave Grohl อดีตมือกลองของ วงในต�ำนานอย่าง Nirvana ที่ผันตัวเอง มาเป็นนักร้องน�ำ และมือกีตาร์ ของวง Foo Fighters แต่งเพลงชือ่ Walk นีข้ นึ้ มา เพราะได้แรงบันดาลใจจากการหัดลูกสาว เดินได้เป็นครั้งแรก ถ้าล้ม ก็แค่ลุกขึ้นยืนใหม่ เรียนรู้ที่จะก้าวเดินใหม่อีกครั้ง หลังจากพ้นร่มเงาอันเต็มไปด้วย ความอื้อฉาวของ Kurt Cobain ที่เป่าหัว ตัวเองลาโลก Dave Grohl ก็ก้าวมาจาก ชุดกลองทีม่ กั ถูกนักร้อง และมือกีตาร์ มือ เบส บังบนเวที ออกมาเป็นผูช้ ายแถวหน้า (Front Man) กับเขาบ้าง ผมตามวงนี้มาตลอดตั้งแต่หัวเราะ งอหายกับมิวสิกวิดิโอเพลง Big Me จาก อัลบัม้ แรก ทีล่ อ้ เลียนโฆษณาลูกอม Mentos บน MTV ซึ่งหากอ่านประวัติย้อน กลับไปการก�ำเนิดของ Foo Fighters ถือ เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่เชื่อในขีดจ�ำกัด ของตัวเอง และกล้าท�ำอะไรบางอย่าง แม้ไม่เคยท�ำ หรือไม่คดิ ว่าจะท�ำได้ดว้ ยซ�ำ้ Dave ยอมรับว่าเคยเกือบกลาย เป็นแค่ มือกลอง อีกคนหนึ่งที่เล่นให้กับ

วงอื่นๆหลังจากการยุติวง Nirvana ซึ่ง ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง คนคงลืมเขาไปแล้ว หรือ โผล่มาอีกทีก็หัวล้าน พุงพลุ้ยคนจ�ำ ไม่ได้ แล้วก็แค่อุทานว่า “ เฮ้ นี่มัน Dave จาก Nirvana เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วนี่ ไม่น่าเชื่อว่าเขาเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ “ เหมือนที่คนรู้สึกกับ Kris Novoselic มือ เบส Nirvana ที่อิ่มตัวกับดนตรีไปตั้งแต่ สิ้น Nirvana แต่เขาเลือกทีจ่ ะไม่เป็นแค่มอื กลอง ลุ ก ขึ้ น มาท� ำ เองทุ ก อย่ า งในอั ล บั้ ม แรก ตั้งแต่ร้อง และเล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้น ตามที่ฝันอยากท�ำอัลบั้มในแบบของตัว เอง ก่ อ นที่ จ ะเติ ม เต็ ม สมาชิ ก ในวงจน กลายเป็น Foo Fighters วงร็อกระดับ Grammy Award ที่ก�ำลังจะกลายเป็น ต�ำนานคลาสสิค เขาจะมาถึงจุดนีไ้ ด้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ เพราะเขาสามารถเรียนรู้ท่จะลุกขึ้นและ ก้าวเดินใหม่ได้เองอีกครั้ง คราวนี้ ไ ม่ มี พ ่ อ แม่ ม าคอยจู ง มื อ คอยประคอง เขาลุ ก ขึ้ น และออกเดิ น ด้วยตัวเอง เพลง Walk นี้ เดิมทีจะถูกบรรจุอยู่ ในอัลบัม้ Echoes, Silence, Patience & Grace แต่Dave ตัดสินใจน�ำมันมาใส่เป็น แทร็คสุดท้ายของอัลบั้มล่าสุด Wasting Light เพราะมันเข้ากับคอนเซ็ปท์ของ อัลบั้มที่ว่าด้วย “โอกาสที่สอง” และเพื่อ ปิดอัลบั้มด้วยเพลงที่มีเนื้อหาในแง่บวก Walk คว้ารางวัลมาถึง 3 รางวัล ได้แก่ MTV Award for Best Rock Video ในปี 2011, Grammy Award for Best Rock Performance ในปี 2012 และ Grammy Award for Best Rock Song ในปีเดียวกัน : CK : slack

57


slate

ภาพ-พา-ยล

still walking

ปีใหม่เป็นเทศกาลที่คนส่วนใหญ่มุ่งหน้ากลับสู่บ้านเกิดเพื่อพบปะกับคนใน ครอบครัว บรรยากาศโดยร่วมก็คงต้องบอกได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความ ชืน่ มืน่ ทว่าหากลงลึกไปในแต่ละครอบครัว ไม่ใช่ทกุ บ้านทีจ่ ะมีความสุขเมือ่ ทุกคนกลับมาอยู่พร้อมหน้า คนทีไ่ ม่กลับบ้าน ก็จะถูกเสียงติตงิ จากญาติพนี่ อ้ ง ส่วนคนทีน่ านๆกลับ มาเจอกัน หลังจากทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันแล้ว ช่วงเวลาต่อจาก นั้นก็มีทั้งการคุยโม้โอ้อวด ปรับทุกข์ และอาจเลยเถิดถึงขึ้นรื้อฟื้นความหลัง จนน�ำไปสู่การถกเถียงหรือมีปากเสียงกัน 58 slack :

เรื่อง : นกไซเบอร์

Still Walking คือหนังครอบครัวทีส่ ะท้อน ห้วงอารมณ์ข้างต้นได้อย่างดี ภาพยนตร์ ของผู้ก�ำกับ ฮิโรคาสุ โคริเอดะ เจ้าของ ผลงาน Nobody Knows อันลือลั่น ปี 2009 นับเป็นยุคทองของหนังครอบครัว ญี่ปุ่นเพราะทั้ง Still Walking, Tokyo Sonatra, Departures ต่างพาเหรดคว้า รางวัลจากเวทีประกวดหนังทั่วโลกอย่าง ถ้วนหน้า ซึ่ง ฮิโรคาสุ โคริเอดะ ได้รางวัล ผู้ก�ำกับยอดเยี่ยมจากหลายเวที ส่วน ฮิโร ชิ อาเบะ ได้รางวัลนักแสดงน�ำ หนังเฝ้ามองชีวิตความเป็นไปของ ครอบครั ว หนึ่ ง กิ น เวลาประมาณ 24 ชั่ ว โมง หากแต่ ใ นหนึ่ ง วั น นั้ น ช่ า งแสน


ยาวนาน เพราะมันเป็น วันครบรอบวัน ตายปีที่ 15 ของ จุนเป พี่ชายคน โตผู ้ ล ่ ว งลั บ จาก การจมนํ้า เรียวตะ ลูกชายคนเล็กช่าง เขี ย นภาพตกงาน เดิ น ทางกลั บ บ้ า น พร้อมกับภรรยาม่าย สาว และ อัทสึชิ ลูก ติดของเธอ โดยมีพี่สาว คนกลางที่ พ ยายามจะ รับภาระครอบครัวแทน พี่น้อง กับสามีไม่เอาไหน และลูกสาว ลูกชายวัยไล่เลี่ยกับ อัทสึชิ มาก่อนแล้ว โทชิโกะ แม่บา้ นผูค้ อยเอาอกเอาใจ ทุกคนในครอบครัวง่วนกับการท�ำอาหาร เลี้ยงคน 9 ชีวิต ขณะที่ เคียวเฮ พ่อบ้า งานทีเ่ คยเป็นแพทย์ฝมี อื ดี หนีออกไปเดิน เล่นนอกบ้านเพียงล�ำพัง แม้เวลาจะผ่าน มานาน แต่ทั้งคู่ก็ยังท�ำใจกับการสูญเสีย จุนเป ไปไม่ได้ โทชิโกะคาดหวังว่าลูกชาย สุดที่รักจะดูแลในยามแก่ชรา เคียวเฮ หมายมั่นให้ลูกชายคนโตสืบทอดกิจการ คลีนิกต่อจากเขา ดังนั้น เมื่อบทสนทนามีเรื่องของ คนตายเข้ามาเกี่ยว ความเจ้ากี้เจ้าการ ของแม่ ค�ำพูดขวานผ่าซากของพ่อ มัก ท�ำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหาร ในครัว หรือ ห้องนั่งเล่นดูอิหลักอิเหลื่อทุกครั้ง บทของหนังเป็นไปแบบราบเรียบ คล้ ายสารคดี ไม่ มี จุ ด ไคล์ แมกซ์ ออก จะน่ า เบื่ อ ส� ำ หรั บ คนที่ ไ ม่ ใ ช่ ค อหนั ง

ดราม่า มุมมองหนังถ่ายทอดให้คนดูเป็น ผู้สังเกตการณ์พฤติกรรมกับค�ำพูดของ คนในบ้านแบบละเอียดยิบ กระนั้น เรื่อง ราวที่น�ำเสนอก็เป็นเพียงกิจวัตรประจ�ำ วันธรรมดา แต่สารัตถะนีเ่ องทีแ่ ฝงไปด้วย บาดแผล ความทุกข์ ความเศร้า และปม ความลับในใจมากมายของสมาชิกในบ้าน ถือเป็นหนังครอบครัวที่แฝงถึงปรัชญา การใช้ชีวิต ความตาย ความสัมพันธ์ของ คนใมนคอบครัวได้ดีเยี่ยม มุ ม กล้ อ งบางครั้ ง จั บ ไปที่ สิ่ ง ของ หรือ มองสะท้อนผ่านกระจก ให้อารมณ์ ที่แปลกไปอีกแบบ การถ่ายภาพของหนัง สวยงามแบบเป็นธรรมชาติ ไร้การปรุง แต่ง ดูเนียนตา สร้างความรู้สึกเงียบสงบ ท�ำให้เราสบายใจและผ่อนคลายมาก ตัวละครมีมติ แิ ละความย้อนแย้งใน ตัวเองสูง อาทิ เรียวตะ ที่ต้อต้านความ คิดพ่อ ทุ่มเถียงความคิดของแม่ตลอด กลับแอบเก็บเรียงความอาชีพในฝันทีเ่ คย เขียนว่าอยากเป็นหมอเอาไว้ รวมถึงยอม สวมชุดนอนแปลกๆที่แม่ซื้อให้ ด้านตัว ละครแม่เองแม้ภายนอกดูเหมือนว่ามีนํ้ าใจ แต่กเ็ ลือกทีร่ กั มักทีช่ งั และมีความคิด เคียดแค้นฝังลึกในใจตัว พ่อ ปากก็บอกว่า รังเกียจลูกติดของ เรียวตะ แต่กลับหวังใจ ว่า อัทสึชิ จะอยากเป็นแพทย์เหมือนเขา ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะมีสายใยบางๆกระ หวัดพันเกี่ยวกันไว้ การไม่ ย อมปล่ อ ยให้ อ ดี ต ผ่ า นไป ท�ำให้ครอบครัวนี้จมอยู่กับความหลังจน ไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ คนที่ควรจะ ตายไปแล้วจึงยังคงเดินวนเวียนอยูเ่ หมือน ผีเสื้อที่ด�ำรงชีวิตอยู่ในฤดูหนาว

Still Walking (2008) ชื่ออังกฤษ - Still Walking ชื่อญี่ปุ่น - Aruitemo Aruitemo ชื่อไทย - วันที่หัวใจก้าวเดิน เข้าฉาย - มิถุนายน 2008 ความยาว - 115 นาที กำ�กับ - ฮิโรคาสุ โคริเอดะ เขียนบท - ฮิโรคาสุ โคริเอดะ นำ�แสดง - ฮิโรชิ อาเบะ รุย นัทสึคาวะ คาสึยะ ทาคาฮาชิ คิริน คิคิ โยชิโอะ ฮาราดะ ฯลฯ

: CK

: slack

59


spoof

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

เรื่อง : มานนท์ ภาพประกอบ : moomanow

กระต่ายกับเต่า 2 The Revenge of the Rabb กาลครั้งหนึ่ง ณ จักรวาลอันไกลโพ้น ... เออ ดูสตาร์วอร์ไปไหม เรา เอาเป็นว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว หลังจากกระต่ายแพ้ เต่าไปในการวิ่งกรีฑามาราธอน 10,000 เมตร ชาย เอ้ย ตัวผู้ ... กระต่ายอับอายเป็นยิ่งนัก เพราะครั้งหนึ่งมันเคยได้ชื่อว่า เป็นสัตว์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก (พอดีช่วงนั้นเสือชีต้าถูกจับได้ว่า โด๊ปยา.. คณะกรรมการโอลิมปิกสัตว์สากลเลยไม่นับสถิติ) จาก เหตุการณ์พา่ ยแพ้ในวันนัน้ กระต่ายแค้นมาก และมาท้าเต่าว่าขอ รีแมทช์แก้มอื การแข่งครัง้ ทีแ่ ล้วอีกสักที คราวนีถ้ า้ แข่งขันแพ้ใน การวิ่ง มันจะยอมรับว่าแพ้เต่า แลไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีกเลย เต่า มองกระต่ายด้วยความเมตตา มันรับปาก แต่ มี เงื่อนไขข้อหนึ่งว่า ... “ข้ายอมแข่งวิง่ กับท่าน แต่คราวนีข้ า้ ไม่ขอจับเวลา เพราะ ข้ายอมรับว่า ท่านวิ่งเร็วกว่าข้าอยู่แล้ว” กระต่ายเมื่อเห็นเต่ายอมรับว่าตนวิ่งเร็วกว่า ก็กระหยิ่ม ยิ้มย่อง แต่ในใจก็ยังไม่หายแค้นอยู่ดี “คราวที่แล้วข้าท้าแก คราวนี้ข้าให้แกก�ำหนดกติกาก็ได้ ... เจ้าเต่าจงว่ามา” เต่ากล่าวว่า “คราวนี้ข้าขอวิ่งไกลแทนวิ่งเร็ว ใครวิ่งได้ ไกลกว่า ชนะ” กระต่ายท่านมีชื่อเล่นว่า ต่ายฟาย ค่อย ๆ คิด เราวิ่ง

60 slack :

เร็วกว่ามัน ถ้าคิดตามสูตรฟิสิกส์ที่เราเคยเรียนตอนม.4 ระยะ ทางจะเท่ากับความเร็วคูณเวลา ดังนั้นถ้าเราวิ่งเร็วกว่า หากวิ่ง ในเวลาเท่ากัน เราก็จะวิ่งได้ไกลกว่า สงสัยเต่ามันจะเรียนศิลป์ ภาษามา มันเลยไม่รู้ กระต่าย (ซึ่งมีฉายาว่า ต่ายฟาย) จึงตอบ รับพร้อมกระหยิ่มยิ้มย่องว่า “ตกลง... แล้ว เวลาในการวิ่งเท่าไหร่ล่ะ” “หนึ่ง ชีวิต เท่ากัน” !!!!!!!!!!!!!! กระต่าย (ชื่อเล่นว่าฟาย) ถึงกับตะลึงงัน เต่ากล่าวต่อ เราจะวิ่งแข่งกันตลอดชีวิต สิ้นสุดแค่ตาย ในหนึ่งชีวิตที่เหลือของเราทั้งสองตัว เราต้องวิ่งแข่งกันทุกวัน จนกว่าจะตาย แล้วให้ลูกหลานของเราตัดสินว่า ใครวิ่งได้ระยะ ทางมากกว่า แล้วชัยชนะและความพ่ายแพ้จะถูกบันทึกและจดจ�ำ แก่ลูกหลานของเราในอนาคต ตกลงไหม กระต่ายไม่ได้เตรียมใจมาเช่นนั้น แต่เมื่อมาท้าเขาแล้ว การกลับบ้านมือเปล่าจึงเป็นทางลงที่ไม่สวยงามนัก มันจึงตอบ ตกลงไป และแล้วการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้นในวันรุ่งขึ้น กระต่ายตัดสินใจวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ ที่สุดในชีวิต เพราะมันเชื่อแต่หลักวิทยาศาสตร์ ว่ายิ่งเพิ่มความเร็ว มันก็มี โอกาสที่จะชนะมากกว่า มันจึงทิ้งครอบครัวพี่น้อง เพื่อวิ่งแข่ง ตลอดทั้งวัน ตลอดทั้งคืน ข้าวปลาไม่กิน (เออ กระต่ายทาน


bit หญ้าไม่ใช่เหรอครับผู้เขียน) เพราะชีวิตมันรู้จักแต่ค�ำว่าแข่งขัน ชัยชนะ และศักดิ์ศรี ส่วนเต่า วันรุ่งขึ้นมันก็เริ่มวิ่ง.. จริง ๆ แล้วน่าจะเรียกว่า เดินทางมากกว่า มันค่อยๆ เดินทางผ่านทุ่งหญ้า ทะเล ภูเขา พร้อมกับทักทาย นก ปลา และผูค้ น (คนโบราณคุยกับเต่ารูเ้ รือ่ ง ครับ ไม่ได้สื่อสารทางขูดกระดองขอหวยอย่างเดียว) มันค่อยๆ เดินทางไปในวันต่อวัน เท่าทีม่ นั จะเดินได้ เหนือ่ ยก็พกั ผ่อนนอน หลับ สัตว์ข้างทางล�ำบากก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไป หลายปีต่อมา สัตว์ทั้งคู่ก็รู้แพ้รู้ชนะ เต่าแก่ๆ ตัวหนึ่ง เดินมาถึงเส้นชัยของมัน ซึ่งอยู่ที่หลุม ศพของกระต่าย ซึ่งรกร้างต้นหญ้าวัชพืชขึ้นเต็มไปหมด เพราะ ปราศจากการดูแล ที่หลุมศพจารึกว่า “แด่พ่อและสามี ผู้สนใจ แต่ตัวเอง” กระต่ายวิ่งด้วยความแค้น ให้ความแค้นขับเคลื่อนชีวิต ไปเรื่อย ๆ แม้มันจะท�ำในสิ่งที่เต่าไม่มีวันท�ำได้อย่างการวิ่งด้วย ความเร็วสูงสุด มันวิง่ ได้ระยะทางทีเ่ ต่าวิง่ อีกทัง้ ชีวติ ทีเ่ หลือของ มันก็อาจจะไม่ชนะก็ได้ แต่เต่าก็วงิ่ มาเรือ่ ยจนถึงวันทีไ่ ด้เห็นหลุมศพของ “คูแ่ ข่ง” ของมัน มันจ้องมองหลุมศพอยู่นานพร้อมกับร�ำพึงว่า “เพือ่ นรัก ข้ายอมแพ้ทา่ น ทีข่ า้ ตัดสินใจก�ำหนดกติกาเช่น

นี้ เพราะอยากให้ท่านรู้ว่าชีวิตไม่ได้มีแต่การแข่งขันอย่างเดียว หากชีวิตมันเป็นการแข่งขัน มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าของโลกใบ นี้ น่าเสียดายที่ท่าน ไม่ได้มองเห้นมันในขณะที่มีชีวิตอยู่ วันนี้ ท่านคงเห็นแล้วว่าการแพ้ หรือการชนะของเรา ไม่ได้เป็นสิ่งที่ ส�ำคัญอะไรเลย ไม่ส�ำคัญว่าเมื่อชีวิตอยู่เราจะแพ้ใครหรือชนะ ใคร เพราะสุดท้ายความตายก็ชนะเราเสมอ สิ่งที่เราคิดและท�ำ ในชีวิตของเราต่างหาก ที่คนรุ่นหลังจะตัดสินว่าเราด�ำเนินชีวิต ได้อย่างชนะใจพวกเขาหรือไม่ หรือแม้สิ่งที่เราท�ำจะกลายเป็น ประวัติศาสตร์ สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์เพียง บรรทัดเดียว เราเป็นเพียงตัวละครเล็ก ๆ ที่ผ่านมาแล้วก็จะ ผ่านไปแค่นั้น” เต่าเฒ่าถอนหายใจ แล้วก็เดินทางต่อ เพราะการแข่งขัน มันยังไม่จบ เพราะส�ำหรับมัน สัญญาที่ให้ไว้กับ “เพื่อนรัก” นั้น เป็นสิ่งที่มันต้องท�ำต่อ เต่าชราค่อย ๆ เดินไป เดินไป และหาย ไปกับกาลเวลา

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “จงเชื่อ ในเต่า เพราะเต่าเป็นพระเอก!!” : CK

: slack

61


space

ที่ว่าง

เรื่อง : วิชญ์พล พลพิทักษ์ชัย ภาพประกอบ : moomanow

หนี ท่ามกลางตึกสูง มองเห็นสวนสีเขียวเล็ก ๆ บึงน้ำ�อยู่ใจกลาง เงาบนน้ำ�สะท้อนภาพตึกใหญ่ คล้ายสิ่งลวงตา ที่ไม่อาจเข้าถึง ยังใจกลางสวนนั้นได้เลย อยากไปยืนกลางสวนนั้น อยากหนี จากทุกสิ่งที่กำ�ลังเกิดขึ้นนอกสวน ที่เขาว่ามันยิ่งใหญ่ และทำ�ให้มีความสุข แต่ก็ไม่รู้นะว่า เมื่ออยู่ในสวนแล้ว จะปิดตามองไม่เห็น ตึกสูงเหล่านั้น ได้อย่างไร เพราะตึกก็สูงกว่ายอดไม้ รถก็สูงกว่ายอดหญ้า และมันอาจหอมหวานกว่า อยากมีภูมิคุ้มกันมากกว่านี้ เผื่อจะหนีมัน ได้สักวัน : CK

62 slack :




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.