NYA~ Journal vol.8

Page 1





E

Editor’s Talk สวัสดีครับแฟน ๆ ชาวเนียทุกท่าน ห่างหายกันไปร่วม ๒ เดือน ใน ที่สุดฤดูกาลสอบของเหล่าทีมงานก็ผ่านพ้นไปเสียที เราได้กลับมาพบกันอีก แล้วนะครับ สำ�หรับธีมของเล่มนี้ “ เมษาโปเกม่อน ” บอกได้เลยว่าไม่ได้เกี่ยวอะไร กับเทศกาลใด ๆ ในเดือนเมษายนเลย มันเริ่มต้นมาจากการที่เหล่าทีมงานเล่น ทวีตปล่อยมุขรำ�ลึกความหลังวัยเด็กเกี่ยวกับโปเกม่อนเข้า พี่โหลก็ซึมซับเข้า เรื่อย ๆ และเริ่มหยิบโปเกม่อนเล่มเก่า ๆ มาอ่าน จนถึงขั้นหยิบเกมบอยมาเล่น เลยทีเดียว เมื่อมีรุ่นน้องหลายคนก็นึกอยากเล่นเหมือนกันพอดี คราวนี้ก็กู่ไม่ กลับกันเลยทีเดียว ไป ๆ มา ๆ ก็ได้รับเลือกเป็นธีมของเล่มนี้แหละครับ แต่การหยิบเกมบอยเครื่องเก่า ๆ กลับมาเล่นก็ชวนให้สงสัยว่าทำ�ไม เราถึงหยุดเล่นมันไป ใช่แค่เพราะเราเล่นจบเกมอย่างเดียวหรือ ? ยิ่งพอมี เพื่อนตัวดีมาทักว่าโตป่านนี้ยังเล่นเกมบอยอยู่อีก ไม่อายบ้างหรือไง แล้วพี่ ตอบไปว่า “ เอ้า ก็ของมันสนุกแล้วจะเลิกเล่นทำ�ไม ” พี่เลยนึกได้ว่าความ จริงแล้วโลกของเราคงมีคนอีกมากมายที่ละทิ้งความชอบและความรู้สึกสนุกใน วัยเด็กของเราไปเพียงเพราะอายคนรอบข้าง ถ้าเกิดเราไม่สามารถหาสิ่งที่สนุก และทำ�ให้หัวใจของเราอิ่มเอิบได้อย่างแท้จริงเหมือนของเล่นวัยเด็กของเรามา ทดแทน เราก็คงไม่อาจชะล้างความเครียดในใจไปอย่างสมบูรณ์ได้ พี่ว่าถ้ามัน เป็นสิ่งที่ดี สนุก เราก็ชอบ เราก็ไม่เห็นต้องทิ้งมันไปเนอะ วารสารเนียฉบับนี้เราก็ยังคงคัดสรรสาระบันเทิงมาเสิร์ฟแก่ท่านผู้อ่าน ที่รักทุกท่านโดยเฉพาะเช่นเคย ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับเนีย ฉบับที่ ๘ “ เมษาโปเกม่อน ” กันนะครับ แล้วพบกันในโอกาสหน้า พี่โหล ชลากร สถิวัสส์ บรรณาธิการ


เรื่อง - ชลากร สถิวัสส์ @scjade แมวบิน

เมื่อเอเลี่ยนบุก!! สวัสดีครับน้อง ๆ ทุกคนและท่านผู้อ่านเนียทุกท่าน เปิดมาเจอชื่อบทความครั้งนี้คงจะรู้สึก ประหลาดใจกันไม่น้อยว่าเอเลี่ยนจะมาบุกยึดครองโลกของเราเมื่อไหร่อย่างไร แต่ไม่ต้องตกใจไปครับ เอ เลี่ยนที่พี่ว่านี้ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวที่เรามักจะติดภาพสิ่งมีชีวิตหัวกลม ๆ ตาโต ๆ นั่งยานอวกาศมายิงปืนถล่ม โลกแต่อย่างใด หากแต่เป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ต่างหาก น้อง ๆ เคยได้ยินคำ�นี้กันบ้างหรือเปล่าครับ ? ถ้าไม่เคย เรามาทำ�ความรู้จักกับมันกันดีกว่า เอเลี่ยนสปีชีส์ (Alien Species) ( หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ในวงการว่า เอเลี่ยน ) หมายถึงสิ่งมีชีวิต ที่มาอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมหนึ่ง ๆ ซึ่งไม่ใช่ถิ่นกำ�เนิดเดิมของมัน หากสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นสามารถปรับตัว ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้นและขยายพันธุ์ต่อไปได้ก็จะเกิดผลกระทบต่อสมดุลของระบบนิเวศที่มีแต่เดิม ลองยกตัวอย่างให้เรานึกภาพได้ง่าย ๆ สมมติว่าน้องผู้อ่านอาศัยอยู่กับครอบครัวที่บ้านอย่างปกติสุข อยู่ดี ดี๊ก็มีใครไม่รู้เปิดประตูบ้านเข้ามาอาศัยในบ้านของน้องซะเฉย ๆ ไล่ก็ไม่ไป นานเข้าก็ดั๊นพาลูกพาเมียเข้ามา อาศัยด้วย ที่อยู่ก็ที่อยู่ของเรา อาหารก็อาหารของเรา กลายเป็นว่าเราก็ต้องเดือดร้อนทั้งที่อยู่ในบ้านของ เราแท้ ๆ ระบบนิเวศก็เช่นกันครับ เมื่อมีสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นเข้ามาอาศัย สิ่งมีชีวิตที่เป็นเจ้าของที่อยู่เดิมก็จะ ได้รับผลกระทบ น้อง ๆ เชื่อไหมว่ารอบตัวเรานั้นมีเอเลี่ยนแฝงตัวอยู่ในธรรมชาติอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปลาซัคเกอร์ ปลานิล ปลาหมอสี หอยเชอร์รี่ เต่าญี่ปุ่น ผักตบชวา ดอกบัวตอง ต้นไมยราพยักษ์ ฯลฯ ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อที่เราได้ยินจนคุ้นหูมาแต่เด็กทั้งนั้น จนไม่น่าเชื่อเลยว่ามันล้วนเป็นแขกที่ไม่พึงปรารถนา ถ้าถามว่า แล้วเอเลียนเหล่านี้รุกรานมาถึงบ้านของเราได้อย่างไร ? ก็อาจมีบ้างที่สิ่งมีชีวิตจะย้าย ถิ่นฐานเพื่อหาที่อยู่ที่ดีกว่าตามกลไกของธรรมชาติ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาในปัจจุบันส่วนใหญ่ไม่ได้มีสาเหตุเช่น นั้น ต้นเหตุสำ�คัญที่แท้จริงคือมนุษย์นั่นเอง สัตว์หลายชนิดที่กลายเป็นเอเลียนล้วนมีพื้นเพเคยเป็นสัตว์ เลี้ยงของคนเราทั้งนั้น เช่น ปลาหมอสี ที่เหล่าพ่อค้าพยายามผสมพันธุ์ปลาให้ได้ตัวที่สวยดีสุด ในครอก หนึ่งมีเป็นร้อยเป็นพันตัว อาจมีตัวที่มีแววสวยพอขายได้สิบกว่าตัวเท่านั้น ทีเหลือก็ไม่เลี้ยงเก็บไว้ให้เปลือง ทุน เทลงแม่น้ำ�ลำ�คลองซะดีกว่า เต่าญี่ปุ่นก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ใกล้ตัวพวกเราไม่น้อย เราสามารถพบเห็นเต่าญี่ปุ่นวางขายตาม ร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วไป ตัวใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อย มีสีเขียวสดใสและมีแถบสีแดงสดพาดหน้าน่า เอ็นดู ราคาไม่กี่สิบบาทหรือร้อยต้น ๆ ก็ซื้อได้ไม่ยาก แต่เมื่อโตแล้วนี่สิ ใหญ่กว่ากล่องดินสอหรือชามข้าว ที่บ้านเสียอีก สีเขียวสวย ๆ ก็กลายเป็นสีน้ำ�ตาลเข้มทึม ๆ ถ้าคนเลี้ยงไม่มีใจผูกพันอะไรด้วยก็จะลงเอยโดย การเอาไปปล่อยซะส่วนใหญ่ และยังมีสัตว์อีกมากมายที่เราหลงเสน่ห์ความน่ารักของมันในตอนเด็ก ๆ เท่านั้น เมื่อมันโต ไม่ น่ารัก ไม่สวยเหมือนเดิม พอเราเบื่อ เราก็จะสวมบทเป็นคนใจบุญเอาพวกมันไปปล่อยตามธรรมชาติด้วย ความคิดเข้าตัวเองที่ว่า เราได้เพิ่มสัตว์ให้สิ่งแวดล้อม ดีจะตาย ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็มีนะครับ เช่น มีคน แห่ปล่อยปลาซัคเกอร์เพราะคนขายบอกว่าเป็นปลาสีดำ�สามารถบูชาราหูได้ ตอนที่พี่อ่านเจอข่าวนี้ก็สุดจะ บรรยายจริง ๆ



ดอกบัวตอง

ปลาจระเข้ หรืออัลลิเกเตอร์ การ์ ที่มีผู้เลี้ยงปล่อยลงสู่ แม่น้ำ� เมื่อชาวบ้านพบเจอก๊อกสั่นขวัญผวากันเลยทีเดียว

ดอกปืนนกไส้ ผักตบชวา

พูดถึงสัตว์แล้ว ทางด้านพืชก็ไม่ต่างกันสักเท่าไรนักคือเริ่มต้นการนำ�เข้าพืชพันธุ์ สวยงามมาจำ�หน่ายเป็นไม้ประดับ แต่มันต่างกันตรงที่เราควบคุมการขยายพันธุ์ของพืชไม่ได้ เลย ต่อให้ยิ่งเลี้ยงมันยิ่งเติบโตสวยงามไม่ได้คิดจะเอาไปปล่อย พืชเอเลียนของเราก็มีสิทธิ์ ย้ายที่อยู่ได้เหมือนกันด้วยอิทธิพลของลม สัตว์ที่เป็นพาหะต่าง ๆ ( เช่น นก แมลง หรือ แม้แต่คนที่ใส่กางเกงขายาวแล้วมีเมล็ดพืชที่มีขนหนามเกาะติดไปด้วย ) ยิ่งอากาศบ้านเรา เอื้ออำ�นวยให้พืชสามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายมาก ๆ ทีนี้ล่ะก็ไม่มีใครห้ามมันได้แล้ว อาจจะดูไม่ค่อยมีผลกระทบต่อชีวิตประจำ�วันของพวกเราสักเท่าไร แต่การแพร่ ขยายของเอเลียนสปีชีส์นั้นสร้างความเสียหายมหาศาลจริง ๆ ครับ อย่างในระบบนิเวศ ขอ เล่าเรื่องของหอยเชอร์รี่ เห็นตัวดำ� ๆ แบบนี้ ดูไม่ค่อยน่าภิรมย์สักเท่าไร แต่จริง ๆ แล้ว หอยเชอร์รี่ก็เคยเป็นสัตว์เลี้ยงนะครับ เปลือกของมันมีสีทองสวยจึงเป็นที่นิยมเลี้ยงในตู้ปลา แน่นอนว่าท้ายสุดแล้วก็มีคนไทยใจบุญปล่อยหอยเชอรี่คืนสู่ธรรมชาติ แล้วเจ้าหอยเชอ์รีก็ดัน ผสมพันธุ์กับหอยโข่งไทยได้ซะอีก หอยเชอร์รีจึงเริ่มเปลี่ยนจากสีทองกลายเป็นสีดำ�ซึ่งเป็น ลักษณะของหอยโข่งไทย มันสามารถผสมพันธุ์กันได้อย่างกลมกลืนกันมาก ทุกวันนี้เราอาจ บอกได้ว่าเราไม่สามารถพบเห็นหอยเชอร์รี่แท้ ๆ ตัวสีทอง ๆ ในแหล่งน้ำ�ธรรมชาติในไทยได้ แล้ว ขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถพบหอยโข่งไทยสายพันธุ์แท้ได้อีกแล้ว นั่นไม่ได้ต่างอะไร จากการสูญพันธุ์เลย เรื่องมันไม่ได้จบอยู่แค่นั้น เพราะหอยเชอร์รี่ที่แพร่พันธุ์ทั่วไทยกลับกลายเป็น อาหารโปรดของนกปากห่างที่อพยพมาจากบังกลาเทศในช่วงฤดูหนาว ในเมื่อมีอาหารอุดม สมบูรณ์ เจ้านกปากห่างก็ติดใจเมืองไทยไม่ยอมบินกลับบ้านเกิด เดือดร้อนไปถึงนกน้ำ�ทั้ง หลายซึ่งเป็นเจ้าบ้านที่ถูกแย่งทั้งที่ทำ�รังและอาหาร เป็นเหตุให้นกน้ำ�ในไทยมีจำ�นวนลดลง จากเรื่องนี้ เราสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าหากมีเอเลียนเพิ่มขึ้นเพียงชนิดเดียว ก็ส่งผลกระทบ ต่อระบบนิเวศทั้งหมดได้ เอเลียนสปีชีส์ก็มีผลร้ายในเชิงเศรษฐกิจเช่นกัน เพราะบ่อยครั้งพวกมันก็ไม่ได้มา ตัวเปล่า หากแต่ยังพกเอาโรคร้ายที่ไม่เคยระบาดในพื้นทีนั้น ๆ หรือพกพยาธิมาแพร่กระจาย ด้วย ทำ�ให้เราต้องคอยสาละวนยุ่งกับการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ต้องเสียเงินไปกับการกำ�จัด เอเลียน เอาสารเคมีมาพ่นทำ�ลายวัชพืชต่างถิ่นซึ่งเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดมลพิษและปัญหาสุขภาพ ตามมาเป็นทอด ๆ หรือหากจะกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไม่นานมานี้ ช่วงที่เกิดน้ำ�ท่วม ผักตบชวาก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ขัดขวางการระบายน้ำ�ให้เป็นไปได้ช้าลงหรือต้องหยุดชะงัก แม้หลายปัญหานั้นจะเกิดขึ้นมานานแล้วและบานปลายเกินกว่าจะจัดการให้จบลง ทีเดียว แต่ทุกสิ่งก็สามารถแก้ไขได้โดยเริ่มต้นที่ตัวเรา เลี้ยงสัตว์หรือปลูกพืชที่เป็นสิ่งมีชีวิต ในท้องถิ่นของเรา หรือหากชอบพืชสัตว์ต่างถิ่นก็ควรศึกษาให้ดีก่อน อย่าหลงเชื่อคำ�พูดของ พ่อค้าที่หวังแต่จะขาย เมื่อซื้อมาเลี้ยงแล้วก็ต้องควบคุมและขอให้เลี้ยงจริง ๆ รับผิดชอบ ชีวิตของสัตว์ที่เราซื้อมาจริง ๆ หากคิดจะปล่อยล่ะก็...อย่าว่าแต่จะเป็นการสร้างปัญหาแก่ ธรรมชาติเลย ถ้าเราเลี้ยงเขา อยู่กับเขามานานจนเขาเติบใหญ่ จะลืมความผูกพันทั้งหมด แล้วปล่อยเขาไปเพียงเพราะเขาไม่สวยเหมือนเคยแล้ว มันก็คงไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย จริงไหมครับ ?

~

กิ้งก่าอิกัวน่า

ข้อมูลประกอบ : http://www.fisheries.go.th/if-chiangmai/web3/index. php?option=com_content&view=article&id=86:2010-03-18-16-0830&catid=29:2009-10-27-15-09-10&Itemid=85 , http://www.thaipost.net/sunday/240509/5152


เรื่อง/ภาพ - พิทวัส นันทมานพ @blackmercy

F

Fly to learn


Guten Tag! Hallo! Grüß Gott! สวัสดีครับ! คำ�แปลก ๆ ข้างต้นเป็นคำ�ทักทายของชาวเยอรมัน ทุกคนคงจะเคยได้ยิน ชื่อและรู้จักประเทศเยอรมนีมาบ้าง บางคนรู้แค่ว่ามันเป็นประเทศหนึ่งในยุโรป บางคนอาจ จะเคยได้ยินเรื่องของฮิตเลอร์ บางคนชอบรถ BMW หรืออาจจะเคยไปเที่ยวประเทศนี้มาแล้ว บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับประเทศนี้ให้มากขึ้น ผ่านประสบการณ์ 1 ปีของนักเรียนแลก เปลี่ยนคนนึงในเยอรมนีครับ ก่อนอื่นคงต้องเกริ่นก่อนเลยว่าการไปใช้ชีวิตในต่างเมืองต่างประเทศเป็นเวลา 1 ปี ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน คงจะเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน หรือบางคนอาจจะเห็นว่า เป็นการเสียเวลาไปเปล่า ๆ เรียนก็ช้ากว่าเพื่อน จบไม่พร้อมกัน ไปต่างประเทศมีเงินก็ไปได้จะ ไปลำ�บากทำ�ไม ฯลฯ เรามาลองมองผ่านมุมของนักเรียนแลกเปลี่ยนจริง ๆ กันบ้างครับ

จะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ต้องทำ�อย่างไร?

ตั้ว พิทวัส นันทมานพ

แน่นอนว่าต้องมีการสมัคร แล้วจะสมัครที่ไหนยังไง ต้องทำ�อะไร บ้าง?? ตรงนี้ผมขออ้างอิงกับโครงการของผม คือโครงการของมูลนิธิ AFS นะครับ ของที่อื่นอาจมีวิธีการและขั้นตอนแตกต่างกันไปนะ ทุกโรงเรียน มีฝ่ายแนะแนวครับ ให้ลองไปติดต่อครูแนะแนวดู หรืออย่างโรงเรียนของ เราก็มีครูท่านนึงเป็นคนจัดการเรื่องโครงการแลกเปลี่ยน พอถึงเวลารับ สมัครก็ไปขอใบสมัครจากครูมากรอกเลย ติดรูปและจ่ายเงินค่าสมัครให้ เรียบร้อย จากนั้นจะถึงวันสอบ การสอบจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ สอบข้อ เขียนและสอบสัมภาษณ์ จะเป็นการสอบคนละวันกัน สอบข้อเขียนก่อน เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด วัดทักษะภาษาเรานั่นแหละ ความยากก็ปาน กลาง ใครสื่อสารภาษาอังกฤษได้โอเคก็น่าจะทำ�ได้หมด ถ้าไม่มั่นใจก็ไป หาโหลดข้อสอบเก่าๆมาลองทำ�กันได้ พอถึงวันสัมภาษณ์ก็จะแบ่งเป็นสอง ตอนอีก (โรงเรียนเราเป็นสนามสอบด้วยครับ) ไปถึงจะให้สอบเขียนอีกนิด หน่อย เป็นการวัดทัศนคติของเราแบบเน้นๆ จากนั้นจะแบ่งนักเรียนเป็น กลุ่มๆ มีพี่ๆรุ่นก่อนหน้ามาเป็นสต๊าฟฟ์ (เรียกพี่ๆเหล่านี้ว่า Returnee) เค้าจะให้เราทำ�กิจกรรมต่างๆเช่น เต้น เล่าเรื่อง ร้องเพลง แสดงบทบาท สมมติ ฯลฯ กิจกรรมทั้งหมดจะเป็นการวัดว่าเราเข้ากับผู้อื่นได้มั้ย มีความ สามัคคีรึเปล่า ทำ�งานแบบ team work ได้หรือไม่ ระหว่างที่ทำ�กิจกรรม ก็จะมีเจ้าหน้าที่อีกคนคอยเรียกให้นักเรียน 1 คนของกลุ่มออกไปหา กรรมการสัมภาษณ์(จริงๆ) ตอนนี้จะพูดภาษาอังกฤษทั้งหมด เค้าจะถาม เกี่ยวกับตัวเรา ครอบครัว พ่อแม่ เพื่อน และจะให้สุ่มจับเศษกระดาษขึ้น มา 1 แผ่น จะมีหัวข้อเรื่องเขียนอยู่ เราต้องเล่าเรื่องเกี่ยวกับหัวข้อที่จับได้ ออกมา (แน่นอนว่าภาษาอังกฤษ) เล่าสักประมาณ 5 นาทีก็เสร็จ เดินกลับ ไปเข้ากลุ่มและทำ�กิจกรรมต่อ การสอบสัมภาษณ์กินเวลาทั้งวัน หลังจาก นั้นก็เฝ้ารอการประกาศผลครับ


เฮ้ย! สอบติด! แล้วยังไงต่อละเนี่ย?!?! ผมว่าประสบการณ์การ “รู้ผลสอบ” ของผมนั้นไม่เหมือนใคร แน่ๆ ขอเล่าละเอียดหน่อยละกัน คือหลังจากสอบสัมภาษณ์เสร็จประมาณ บ่ายสาม ผมก็กลับบ้าน และค่ำ�วันนั้นคุณแม่อยากไปกินไอติมสเวนเซนส์ ตอนนั้นประมาณสองถึงสามทุ่มละ ผมกำ�ลังกินบานาน่าสปลิทอย่าง เอร็ดอร่อย แล้วมือถือก็ดังขึ้น เบอร์ไม่รู้จัก

ไปอยู่ตั้ง 1 ปี เตรียมตัวยังไง?

ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองจะต้องไปเผชิญโลก ณ เยอรมนี ผมคิดได้ว่าเรา ต้องทำ�อะไรสักอย่างแล้วล่ะ ไม่งั้นตายหยังเขียดแน่นอน อย่างแรกคือไป ลงคอร์สสอนภาษาเยอรมันก่อนเลย เอากับมันสักตั้ง ผมสืบทราบมาว่ามี ที่มหาลัยรามคำ�แหงเปิดสอนอยู่ เลยจัดคอร์สแรกไป จบมาแบบงงๆ จำ� ศัพท์ได้ไม่กี่คำ� ไวยากรณ์อย่าพูดถึง ไม่รู้เรื่องครับ ไม่ใช่ว่าเค้าสอนไม่ดี นะ แต่เราเรียนไม่รู้เรื่องเองต่างหาก (ฮา) เลยไปลองลงที่สถาบันเกอเธ่ดู ผม: “ฮัลโหล สวัสดีครับ” บ้าง ลงใหม่ตั้งแต่แรกเลย คราวนี้จริงจังหน่อยละ โอเคเรียนซ้ำ�แบบเดิม ปลายสาย: “ฮัลโหล นั่นพิทวัสรึเปล่า?” รู้เรื่องขึ้นมาเหมือนกัน เรียนได้ทั้งหมด 3 คอร์ส ก็หมดเวลา ต้องจาก ผม: “ครับ ใช่ครับ” ประเทศไทย ปลายสาย: “นี่ครูกมลวรรณนะ เธอสอบติด AFS นะ จะไปรึเปล่า?” ส่วนเรื่องเสื้อผ้า ผู้ชายคงไม่มีอะไรมาก เค้าก็ใส่เสื้อผ้าเหมือน // ห้ะ รู้ผลสอบแล้วเรอะ?!?!? // คนไทยนี่ล่ะครับ เสื้อยืดแขนยาว, เสื้อเชิ้ต, กางเกงขาสั้น, กางเกงยีนส์ ผม: “อะไรนะครับครู ทำ�ไมรู้ผลเร็วจังครับ?” พวกเครื่องกันหนาวที่ต้องมีคือ แจ็กเก็ตแบบดีๆหน่อย เพราะเราต้องไป ปลายสาย: “เออนั่นแหละ เธอสอบติด จะเอาหรือไม่เอา?” เจอหนาวของจริง หิมะจริง หนาวยาวๆ ไม่ใช่ลมหนาวสองสามวันแบบ ผม: “เอ่อ ครูครับ ผมยังไม่รู้เลยครับ ที่สอบนี่แค่ลองสอบเฉยๆอะครับ” ประเทศไทย นอกนั้นที่สำ�คัญมากคือ หมวกไหมพรม, ถุงมือ, ผ้าพันคอ ปลายสาย: “เอ้า ตัดสินใจเร็วๆเข้า ไม่งั้นครูจะเอาให้คนอื่นแล้วนะ” และรองเท้าดีๆ (อาจจะต้องไปซื้อรองเท้าลุยหิมะที่นู่นได้) ส่วนพวกผู้หญิง // เห้ย นี่มันวันสัมภาษณ์ จริงๆตรูต้องมีเวลาตัดสินใจไม่ใช่หรือฟะ?? // นี่เห็นแคร์เรื่องแฟชั่นกันมาก เสื้อที่ใส่ในไทยแบบแขนกุด หรือมีรอยขาดรุ่ง ผม: “ครับๆ ผมขอคุยกับคุณพ่อผมก่อนนะครับ ริ่ง เอาทิ้งไว้นี่ได้เลย อย่าคิดจะเอาไปเชียวนะครับ เปลืองที่เปล่าๆ นอกนั้น ปลายสาย: “โอเค อีก 10 นาทีครูโทรมาใหม่นะ” ก็เหมือนผู้ชายครับ กระเป๋าเดินทางจะจำ�กัดน้ำ�หนักอยู่ที่ 23 kg บวกกับ *ตรู๊ดๆๆๆ* กระเป๋า carry-on อีก 6 kg นะครับ ควรจะมีของฝากติดไม้ติดมือไปให้ครอบครัวอุปถัมภ์ด้วย เอา จากนั้นอึ้งกันทั้งบ้านรอบโต๊ะไอติม มีเวลาให้ 10 นาที กับการ อะไรก็ได้ที่แสดงถึงความเป็นไทย ไม่ควรเอาของที่แตกหักง่าย พวกเครื่อง ติดสินใจครั้งใหญ่ เพราะมันคือสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตวัยรุ่นของคนคนนึงได้เลย เบญจรงค์จะสวยมาก มันแตกง่ายแต่ถ้าจะเอาไปต้องแพ็คดีๆ ส่วนคำ�ถาม และราคาของมันก็คือเงินจำ�นวน 330,000 บาทถ้วน... สำ�คัญอีกเรื่องคือ “จะเอาโน้ตบุคไปดีรึเปล่า?” แน่นอนว่าทุกคนต้องอยา หลังจากครูโทรมาอีกรอบ คราวนี้ให้คุณพ่อคุยแทนละ สรุปว่า กอัพรูปขึ้นเฟซบุ๊ก อยากติดต่อกับเพื่อนที่ไทย อยาก Skype กับพ่อแม่ ผม คุณพ่อให้ไปครับ จังหวะนั้นยังไม่รู้ตัวเองว่าควรจะดีใจดีมั้ยเนี่ย ฮ่าๆ ก็อยากครับ แต่ความเห็นของผมคือ “มันเป็นการปิดกั้นเรากับประสบกา เวลาผ่านไป รับเอกสารจาก AFS มาเรียบร้อย เหตุการณ์ต่อมา รณ์ใหม่ๆนี่หว่า” ด้วยเหตุนี้จึงไม่เอาไปครับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เอา ก็จะเป็นการไปเข้าค่ายเตรียมความพร้อมครับ ค่ายนี้ชื่อ Pre Departure ไปคือ โทรศัพท์มือถือ, iPod และกล้อง Orientation Camp จะจัดรวมกับประเทศอื่นในโซนยุโรปด้วย ค่ายนี้ ประมาณ 2 เดือนก่อนเดินทาง ก็มีอีเมลเข้ามาหาผม แจ้งว่าผม ทำ�ให้รู้จักเพื่อนๆ AFS เยอะมาก รู้จักพี่ๆ Returnee ที่เคยไปเยอรมนีมา ได้ครอบครัวอุปถัมภ์แล้ว!! ครอบครัวนี้ชื่อ Schaaf Family ครับ อาศัยอยู่ ได้เห็นหน้าเพื่อนๆรุ่นเดียวกันที่กำ�ลังจะไปล่มหัวจมท้ายกันที่เยอรมนี (ฮา) ที่เมือง Stuttgart อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนีครับ ผมรีบเขียนอีเมล พี่ๆสอนภาษาเยอรมันอย่างง่ายให้ บอกเล่าประสบการณ์และข้อคิดต่างๆ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมเข้าไปอยู่กับเค้าทันที จากนั้นก็หาข้อมูลเกี่ยวกับ ที่เค้าได้ไปเจอมา ค่ายนั้นสนุกมาก หลังจากนั้น 5 เดือน ก็ถึงวันเดินทาง.... เมืองนี้ไปเรื่อย


วันที่ต้องลาจากประเทศไทย คืนก่อนบินนอนไม่หลับครับ มันเป็นคืนสุดท้ายที่อธิบายไม่ถูกจริงๆ พรุ่งนี้ เราจะไปอยู่ที่ใหม่อีก 1 ปี จะเป็นยังไงนะ? จะเจออะไรนะ? ต้องลาจากเพื่อนๆอันเป็น ที่รัก พ่อแม่ ครูอาจารย์ จะต้องอยู่ห่างกันเกือบหมื่นกิโลเมตรแน่ะ .... แม่มาปลุกตอน ตีห้า ขนของขึ้นรถ มุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ รวมพล คุยกัน ฟังกำ�หนดการ พวก เรา AFS Germany #49 มี 48 คน ต้องบินจากกรุงเทพสู่ Abu Dhabi สหรัฐอาหรับเอ มิเรตส์ แล้วเปลี่ยนเครื่องต่อตรงถึง Frankfurt เลย บินทั้งหมด 14 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่ ของ AFS ไปด้วยสองสามคน เมื่อเวลามาถึง ผมกอดพ่อ กอดแม่ กอดน้อง กอดเพื่อนๆ ที่มาส่ง หันหลังให้ทุกอย่าง แล้วเดินผ่านประตูเข้าไป (เหยดดดดดด 5555+) Bis nächtes Kapitel, แล้วพบกันตอนหน้าครับ กับสิ่งที่ผมพบเจอใน ประเทศเยอรมนี

fortgesetzt werden


เรื่อง - ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz

i

iTrend

(กรุ๊ป)โรงเรียนของเราน่าอยู่ เมื่อไม่กี่วันก่อน เราทุกคนคงได้ยิน meme สุดฮิต “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่“ ซึ่งก็ขอท้าวความให้คนที่ไม่ได้ติดตาม ข่าวสารอะไรกับเค้าเลยได้รู้เรื่องด้วย เรื่องของเรื่องก็คือเด็กชายโต๊ด แห่งห้องม.1/9 โรงเรียนหนึ่ง ได้กระทำ�พฤติเกรียนโดยการฟ ลัดกรุ๊ปแชทด้วยเครื่องหมายจุด ..................................................................................... (เยอะมาก) จนเพื่อนๆเอือมระอา ทน ไม่ไหว ต้องขับไล่ไสส่งออกจากกรุ๊ปไป โดยมีเด็กชายบอล หัวหน้าห้องผู้เที่ยงธรรมเป็นผู้ตัดสินใจ เด็กชายโต๊ดหลังจากถูกเพื่อน เฉดหัวออกมาแล้ว ก็เริ่มปฏิบัติการทวงแค้น ด้วยการอัดคลิปวิดิโอระบายความคับแค้นข้องใจของตนต่อเด็กชายบอลออกมาถึง สามคลิปติด!! (เด็กสมัยนี้งอนเพื่อนแล้วมันอัดคลิปวิดิโอด่ากันเชียวเรอะ) ก่อนจะจบท้ายคลิปสุดท้ายว่า “เรื่องนี้ ถึง ครู อังคณา แน่!!“ แล้วโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คก็มีการแชร์คลิปนี้กันสนุกสนาน มีการทำ�คลิปล้อเลียน มีการแต่งเพลงให้เด็กชายโต๊ด ที่ติงต๊องหนัก เข้าไปคือโทรทัศน์ทุกช่องนำ�ไปวิเคราะห์เป็นข่าวเด่น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับเอาไปลงข่าวหน้าหนึ่ง มีถึงขั้นเชิญครูอังคณาตัวจริงมา สัมภาษณ์กันเลยทีเดียว แต่ที่ติงต๊องที่สุดก็คือ กระทรวงไอซีทีก็ยังออกมาเต้นแร้งเต้นกากับเค้าด้วย โอ้ ปวดกบาลกับประเทศชาติตู ... เข้าเรื่องซะทีครับ หลายๆคนคงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในเฟซบุ๊ค โดยเฉพาะในส่วนของ Group ... ถ้าพูดถึงกรุ๊ป หรือกลุ่มในเฟซบุ๊ค คุณมีเพื่อนกลุ่มไหนมากที่สุดครับ ? แน่นอนครับว่า วัยเรียนอย่างเราก็ต้องมีกลุ่มเพื่อนโรงเรียน มหาวิทยาลัย เต็มไปหมด ถูกมั้ย ? เฟซบุ๊คก็เล็งเห็นถึงจุดนี้ครับ เลยงัดเอาโปรเจ็คต์เดิม ที่คิดจะทำ�ตั้งแต่สมัยตัวเองยังชื่อว่า The Facebook อยู่ (เก่าจริงนะเนี่ย) มาทำ�ใหม่อีกครั้ง โปรเจ็คต์นั้นก็คือ “Group for Schools“ นั่นเอง ซึ่ง ไอ้เข้าฟีเจอร์นี้มันต่างอะไรยังไงกับกรุ๊ป แบบปกติ faceblog.in.th ได้สรุปมาให้คร่าวๆดังนี้ครับ

+ คนที่เข้าไป Join กรุ๊ปโรงเรียนนั้นได้ จะต้องเป็นสมาชิก ของโรงเรียนนั้นเท่ากัน (ต้องใช้อีเมลโรงเรียนเพื่อยืนยันตัว) + สามารถสร้างกรุ๊ปย่อยในกรุ๊ปโรงเรียนได้ เช่น กรุ๊ปเด็ก สายวิทย์ กรุ๊ปวิชาสังคม 101 ฯลฯ + โดยที่เวลามีอะไรอัปเดตในกรุ๊ป สมาชิกจะได้ Notifications และอีเมลแจ้งเตือนถ้วนหน้ากัน + สามารถแชร์ไฟล์จำ�พวกเล็กเชอร์, assignments, ตาราง เรียน และอื่นๆ ได้ ขนาดไฟล์ที่แชร์นั้นแชร์ได้สูงสุดถึง 25 MB


แน่นอนว่า บริการนี้ ... ยังไม่มีในไทยครับ แหะๆ เอามาเรียกน้ำ�ย่อยกันก่อนเฉยๆ อย่างที่เราเห็นแล้วก็คือ ความสะดวก แทนที่เราจะต้องไปตั้งกรุ๊ปของห้องเอง ก็เอามารวมกันซะทีนี่ซะเลย หรือในกรณีที่เป็นกรุ๊ปของวิชานั้นๆ เราก็จะมีอาจารย์ที่ ปรึกษาอยู่ในกรุ๊ปด้วยเลย ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะมีอาจารย์หัวใส ปรับใช้ฟีเจอร์นี้เป็นการสอนแบบออนไลน์ ส่งงานออนไลน์ ได้อีก ด้วย ผู้อ่านที่สนใจจะดูตัวอย่างกรุ๊ปของโรงเรียนต่างๆที่เมืองนอก ก็สามารถลองเข้าไปชิมลางดูก่นได้ที่ facebook.com/about/ groups/schools นะครับ (แต่ละโรงเรียนเค้าสวยกันจริงๆเชียว ถ้าวันไหนมีของประเทศไทย ขอให้โรงเรียนเราสวยแบบนี้บ้าง) แต่ก็ อย่าลืมว่าการอยู่กับคนหมู่มาก เราต้องรักษามารยาทนะครับ อย่าเกรียน อย่าฟลัดแชท ไม่งั้นคุณอาจจะถูกเพื่อนๆ รุมถีบไสไล่ส่งเหมือนเด็กชายโต๊ด ต้องมาทำ�คลิปร้องขอความเห็นใจก็เป็นได้ ว่าแต่ เอ .... ถ้าเป็นโรงเรียนเรานี่ “เรื่องนี้“ จะถึงใครดีครับ :D faceblog.in.th


เรื่อง - Villetewtew / ภาพ - กษิดิษ รุจาคม @PatZX

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน สำ�หรับสถานที่ที่เราจะมา ทำ�ความรู้จักในคอลัมน์ลุยสวนครั้งนี้เป็นอีกที่หนึ่งที่พวกเราชาวสวนนนท์ น่าคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเป็นทุกเช้าที่เราเดินเข้าโรงเรียน และทุกเย็นที่เราจะออกจากโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน พวกเราล้วนเดินผ่าน ที่นี่เป็นประจำ� อีกทั้งยังเป็นสถานที่สำ�คัญอีกแห่งที่พวกเราเคารพและ มักจะไหว้ด้วยความนับถือทุกครั้งที่เราเดินผ่าน แต่ถึงแม้จะใกล้ชิดเสีย ขนาดนี้แต่พวกเราส่วนใหญ่คงไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าไปสักเท่าไรนัก จึงคง ไม่ค่อยรู้จักว่าภายในที่นี้มีอะไรอย่างไรบ้าง ผมจึงเลือกที่นี่มาแนะนำ�แก่ เพื่อน ๆ พี่น้องชาวสวนนนท์และผู้อ่านวารสารเนียทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่ ห้องจาริกานุสรณ์ ( ลพชัย แก่นรัตนะ ) ครับ ถ้าเปรียบเทียบกับของโรงเรียนทั่วไป ห้องจาริกานุสรณ์ ของ เราก็คือห้องแห่งเกียรติยศที่รวบรวมประวัติและผลงานอันน่าชื่นชมของ โรงเรียนไว้ภายในห้องแห่งนี้ ห้องนี้คือห้องที่มีกระจกสีฟ้า ๆ ตั้งอยู่ ที่ชั้น ๑ อาคารสธ.๓ ทางฝั่งที่ติดกับหอพระประจำ�โรงเรียนและสวน เฉลิมพระเกียรติ ฯ นั่นเอง ห้องนี้เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่มีประวัติความ เป็นมาเริ่มต้นในสมัยท่านผู้อำ�นวยการสุโข วุฒิโชติ ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะ มารับราชการที่โรงเรียนของเราเสียอีก ในปีพ.ศ.๒๕๒๔ ท่านผ.อ.สุโข ได้ มีโอกาสไปศึกษาดูงานท่านจังหวัดเฮียวโกะ โกะเบ ประเทศญี่ปุ่น ท่าน ก็ได้สังเกตว่าทุกโรงเรียนที่ท่านเข้าไปเยี่ยมชมนั้นล้วนมีห้องเกียรติยศ ที่รวบรวมผลงานความสำ�เร็จอันน่าภาคภูมิใจของโรงเรียน จึงเป็นแรง

บันดาลใจให้ท่านดำ�ริสร้างหอจาริกานุสรณ์ ( วงศ์เจริญสิน ) ที่โรงเรียนนว มิทราชินุทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ ที่ท่านเป็นผู้อำ�นวย การอยู่ในขณะนั้น ( ตั้งชื่อวงเจริญสิน เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้สนับสนุนการ จัดสร้าง ) ต่อมา ในปีพ.ศ.๒๕๔๒ ท่านผ.อ.สุโขก็ย้ายมารับราชการที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรีของเรา ในขณะนั้น ที่ตั้งของห้อง จาริกานุสรณ์ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของห้องปกครอง จนกระทั่งพ.ศ.๒๕๔๔ เมื่อห้องปกครองได้แยกย้ายไปอยู่ในอาคารหลังใหม่ ทางโรงเรียนก็ได้รับ งบสนับสนุนจากคุณลพชัย แก่นรัตนะ จำ�นวน ๑.๕ ล้านบาท และได้รับ ความช่วยเหลือจากศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่นที่ ๙๐ ท่าน หนึ่งมาเป็นสถาปนิกให้ เมื่อก่อสร้างเสร็จ ห้องจาริกานุสรณ์แห่งนี้ก็ได้มีการจัดพิธีเปิด อย่างเป็นทางการโดยท่านอธิบดี ดร.กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๕ เวลา ๒๑.๐๐ น. ชื่อห้อง “ จาริกานุสรณ์ ” นี้ ได้มาจากห้องจาริกานุสรณ์ ซึ่งเป็นห้องพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัย ตั้งอยู่ที่ชั้น ๑ อาคารสวนกุหลาบ ( ตึกยาว ) และใส่ชื่อ ( ลพ ชัย แก่นรัตนะ ) ท้ายชื่อห้องจาริกานุสรณ์ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้สนับสนุน เงินทุน รวมมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ ๒ ล้านบาท ภายในห้องจาริกานุสรณ์นั้นมีสิ่งสำ�คัญเก็บรักษาอยู่มากมาย อาทิ รูปหล่อของท่านผู้อำ�นวยการอัมพา แสนทวีสุข ท่านผู้อำ�นวยการ


ท่านแรกของโรงเรียนเรา ( ในระยะหลัง มีการอัญเชิญไปตั้งบนเวทีในพิธี วันไหว้ครู เพื่อให้ผู้บริหารของโรงเรียนและนักเรียนได้ทำ�พิธีสักการะ ) ภาพของคุณผาสุก และคุณเง็ก มณีจักร ผู้บริจาคที่ดินก่อสร้างโรงเรียน ประวัติความเป็นมาของโรงเรียนและภาพถ่ายเก่าแก่ และถ้วยรางวัล เกียรติยศระดับสูงต่าง ๆ โดยปกติห้องจาริกานุสรณ์จะปิดตลอดเวลา จะ เปิดบ้างเป็นบางโอกาสหากมีคณะศึกษาดูงานจากโรงเรียนอื่น และเปิด เพื่อทำ�พิธีสักการะในช่วงเช้าของวันสถาปนาโรงเรียน วันที่ ๓๐ มีนาคม ของทุกปี ก่อนเริ่มพิธีบริเวณลานอเนกประสงค์ และนี่คือที่มาที่ไปของห้องจาริกานุสรณ์ ( ลพชัย แก่นรัตนะ ) แห่งนี้ครับ ส่วนตัวผมเองก็เคยมีโอกาสได้เข้าไปภายในห้องเพียงครั้งเดียว แต่ก็อยากเชิญชวนให้เพื่อน ๆ ชาวสวนกุหลาบหาโอกาสเข้าไปเยี่ยมชม ภายในห้องให้ได้อย่างน้อยสักครั้งในชีวิตที่เราอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ ผมเชื่อ ว่าทุกคนจะได้รับความรู้สึกบางอย่าง จะรู้สึกว่าโรงเรียนของเรานั้นช่างน่า อยู่ น่าดูแลรักษาอย่างบอกไม่ถูกยังไงยังงั้น ยังไงก็...ลองเข้าไปให้ได้สัก ครั้งนะครับ สำ�หรับคอลัมน์ลุยสวนครั้งนี้ ผมขอลาแต่เพียงเท่านี้ แล้วพบ กันในโอกาสหน้าครับ สวัสดีครับ

~

อ้างอิง : หนังสืออนุสรณ์ S.K.N. 25th ANNIVERSARY


เรื่อง - Villetewtew / ภาพ - กษิดิษ รุจาคม @PatZX

M

Main Course



สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ท่านผู้อ่านคงเคยเห็นการประชันธงในช่วงงาน กีฬาสีมาแล้วใช่มั้ยคะ ในตอนนั้นท่านผู้อ่านบางท่านอาจรู้สึกสงสัยว่าพวกเขา ไปฝึกฝนกันจากไหน แล้วถ้าหากสนใจจะสามารถเข้าไปฝึกฝนได้อย่างไร… คอลัมน์เมนคอร์สครั้งนี้ขอนำ�พาท่านผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับชุมนุม Flag War ซึ่งเป็นที่มาของเหล่าพี่ ๆ ที่โบกธงท่าเท่ ๆ กับเพลงมันส์ ๆ ให้เราชมกันใน โอกาสพิเศษต่าง ๆ ขอเชิญพบกับประธานของชุมนุมนี้ พี่ตาล กชพรรณ ณ สงขลา ค่ะ Q : แนะนำ�ตัวหน่อยค่ะ A: พี่ชื่อ กชพรรณ ณ สงขลา อายุ 17 ปี เกิดวันที่ 11 เม.ย. 2537 อยู่สาย ศิลป์คำ�นวณ เป็นประธานชุมนุมแฟลกวอร์ เกรดเฉลี่ยขณะเป็นประธาน ชุมนุม… 3.66 Q : ชุมนุมแฟลกวอร์มีความเป็นมายังไงคะ A : มันมีจุดเริ่มต้นมาจากการประชันธงของโรงเรียนที่จัดขึ้นมานานแล้ว ประธานชุมนุมคนก่อนก็เลยเห็นว่าน่าจะจัดตั้งชุมนุมนี้เพื่อให้ผู้ที่สนใจการโบก ธงได้เข้ามาเรียนรู้เพิ่มขึ้น Q : แล้วชุมนุมมีผลงานอะไรบ้างคะ A : ก็มีการประชันธงกีฬาสีในโรงเรียน เป็นตัวแทนของโรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัย นนทบุรีไปทำ�การแสดงที่ค่ายลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ครั้งที่ 18 เปิดงานกรีฑา 11 สวน แล้วก็มีไปแสดงที่เมืองทอง Q : บรรยากาศในชุมนุมเป็นอย่างไรคะ A : เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันนะ มีอะไรก็พูดกันคุยกัน ให้ความเคารพซึ่ง กันและกัน Q : มาเป็นประธานได้อย่างไร และมีความรู้สึกอย่างไรกับหน้าที่นี้ A : รุ่นพี่ปีที่แล้วเขาจับมาเป็น (หัวเราะ) ก็คือรุ่นพี่ปีที่แล้วเขาเลือกไว้ และก็ รู้สึกดีใจที่รุ่นพี่และน้องๆเห็นความสามารถ รู้สึกดี Q : มีหลักในการดูแลสมาชิกอย่างไรบ้างคะ A : แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน ไม่ใช้ อารมณ์ คืออยู่กันเหมือนเพื่อนเหมือนครอบครัว


Q : แบ่งเวลาอย่างไรคะระหว่างการเรียนกับกิจกรรม A : ถ้าจะพูดว่าเป็นคนบ้ากิจกรรมก็ได้นะ แต่ว่า พอกลับบ้านไปก็จะเป็นอีกโหมดเลย กลับบ้าน ไปก็จะอ่านหนังสือ Q : งานอดิเรกของพี่ตาลคืออะไรหรอคะ A : ของพี่ก็มีวาดรูป เล่นดนตรี ฟังเพลง Q : ความสุขที่ได้จากชุมนุมนี้คืออะไรคะ A : รุ่นน้องรัก ให้ความเคารพ เข้ามาพูดคุย Q : ชุมนุมให้อะไรกับพี่บ้างคะ A : ให้รู้จักแบ่งเวลา รู้จักเป็นผู้นำ�ที่ดี Q : โรงเรียนในอุดมคติของพี่ตาลเป็นอย่างไร A : เป็นโรงเรียนที่แบบ…น่าอยู่อ่ะ เข้ามาแล้ว เหมือนไม่ใช่โรงเรียน เข้ามาแล้วเหมือนเป็นบ้าน เป็นครอบครัว มีอาจารย์น่ารัก มีรุ่นน้องน่ารัก มี รุ่นพี่ที่น่ารัก Q : น้องๆที่สนใจอยากจะเข้าชุมนุมจำ�เป็นต้องมี พื้นฐานอะไรมาก่อนรึเปล่าคะ A : ไม่มีเลยนะ ส่วนมากน้องที่เข้ามาใน ชุมนุมก็ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย อย่างพี่ก็เริ่ม ต้นที่ชุมนุมนี้ ไม่มีพื้นฐานอะไรมาก่อน เหมือนกัน Q : ติดตามผลงานของชุมนุมได้จากทางไหนได้ บ้างคะ A : มาโรงเรียนช่วงกีฬาสี หรือไม่ก็ดู ทางYoutubeเลย



Q : สุดท้ายแล้ว ขอให้พี่ตาลฝากอะไรถึงน้องๆที่คิดจะทำ�ชุมนุมที่ ตัวเองชอบหน่อยค่ะ A : ถ้าเราชอบอะไรก็ทำ�มันให้เต็มที่ไปเลย แต่ก็อย่าลืมเรื่องการ เรียน แบ่งเวลาให้ถูกด้วย ก็จบบทสัมภาษณ์เพียงเท่านี้แหละค่ะ พี่ตาลเป็นรุ่นพี่ที่ อัธยาศัยดี ตอบคำ�ถามสั้นๆแต่ฟังแล้วก็เข้าใจได้ง่ายมากค่ะ หวัง ว่าจะไขข้อข้องใจของท่านผู้อ่านได้บ้างไม่มากก็น้อย แล้วอย่าลืม ที่พี่ตาลกล่าวไว้ในตอนท้ายนะคะ ‘ชอบอะไรก็ทำ�มันให้เต็มที่ไป เลย แต่ก็อย่าลืมเรื่องการเรียน แบ่งเวลาให้ถูกด้วย’ สำ�หรับคอลัมน์เมนคอร์สครั้งนี้ วิลล์ขอตัวไปชมพี่ ๆ เขาฝึกซ้อม โบกธงต่อดีกว่า แล้วพบกันในโอกาสหน้านะคะ เราจะพาท่านผู้ อ่านไปทำ�ความรู้จักกับใครนั้นต้องติดตามกันให้ได้ สวัสดีค่ะ


เรื่อง - นิรุช ศรีสุวัฒน์ @Cffeet

ด้วยความที่พี่โหลของเราอยากจะทำ�ฉบับโปเกมอนขึ้นมาสักฉบับ นึง พี่เองก็เลยได้รับคำ�สั่งพิเศษสำ�หรับคอลัมน์ Hobby Hut ฉบับนี้โดย เฉพาะ ว่าให้ไปหาคนที่ชอบเล่นเกมโปเกมอนเป็นงานอดิเรกนั่นเอง พอได้รับคำ�สั่งนี้มาปุ๊บ พี่ก็คิดถึงพี่คนนึงขึ้นมาทันที เลย และเจ้าตัวก็ตอบรับยอมให้สัมภาษณ์ทันทีพร้อมกับคำ� ว่า “ เพื่อโปเกม่อน ” นั่นเอง สวัสดีครับ แนะนำ�ตัวกันก่อนเลย - สวัสดีครับ ผมชื่อโจครับ ทำ�ไมถึงชอบเล่นเกมโปเกม่อนครับ - เห็นพี่ชายเล่นตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว และก็โดย ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ชอบเกมที่มีการพัฒนาการด้วย มันเป็น อะไรที่ตื่นเต้นมาก ปกติชอบเล่นภาคไหนที่สุด - ปกติชอบเล่นภาค Fire Red, Leaf Green มากที่สุด เพราะเป็นภาคออริจินัลที่ถูกปรับปรุงแล้วน่าเล่นมาก มีโปเกม่อนตัวโปรดหรือเปล่า ตัวอะไร - ถ้าเป็นโปเกม่อนตัวโปรดก็คงเป็นปิ๊กาจูแหละ มันเป็นเหมือน ตัวแทนของโปเกม่อนเลย ไม่รู้ทำ�ไมเหมือนกันเวลาเล่นทีไรก็ต้องจับปิ๊กาจู มาใช้ด้วย (หัวเราะ) คิดว่าเสน่ห์ของเกมโปเกม่อนอยู่ตรงไหน - คิดว่าเสน่ห์ของโปเกม่อนคือการเห็นการวิวัฒนาการของ มันซึ่งมีเงื่อนไขหลายรูปแบบมากในการพัฒนาร่าง เป็นเอกลักษณ์ที่ ไม่เหมือนเกมอื่นเลย นอกจากโปเกม่อนแล้ว เล่นเกมอื่นๆอีกบ้างไหม หรือมี กิจกรรมอื่นทำ�ในยามว่างอีกบ้างไหมเอ่ย - ถ้าเป็นกิจกรรมอย่างอื่นก็คงเป็นดูหนังหรือซี รีย์เกาหลี ไม่ก็เล่น DotA หรือ HON คิดว่าข้อดีข้อเสียของการเล่นเกมมีอะไรบ้าง - ข้อดีของการเล่นเกมคือรู้จักการวางแผน ฝึก การเข้าสังคม ฝึกสมองและฝึกอีกหลายอย่าง ถ้าเรามอง เห็นประโยชน์ของมัน ส่วนข้อเสียของการเล่นเกมคือ ทำ�ให้หมกมุ่น ไม่สุงสิงกับใครและอาจจะได้รับพฤติกรรม ก้าวร้าวจากเกมที่เล่น สุดท้ายนี้ อยากจะฝากอะไรให้ผู้อ่านบ้าง - ก็อยากจะฝากถึงทุกคนว่า เกมทุกเกมมันมี ประโยชน์มากกว่าที่เราคิดอยู่ที่เราจะมองเห็นประโยชน์ ของมันรึเปล่า

K

Knowing

โจ

ณัฐพงศ์

ชางอิน



เรื่อง/ภาพ - กองบรรณาธิการ

F

Focus


วิถี

THE HISTORY OF

ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของวงการเกมเริ่มต้นขึ้นในช่วงศตวรรษที่ ๒๐ จวบจนปัจจุบัน มี วีดีโอเกมที่ถือกำ�เนิดขึ้นมากมายนับแสนนับล้านเกมสำ�หรับเครื่องเล่นเกมคอนโซลหลากหลายรุ่น บางเกมก็มีตัวตนอยู่ได้ในระยะเวลาหนึ่ง บางเกมเกิดขึ้นมาได้ไม่นานก็หายไปจากกระแสอย่าง รวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้ผลิตเกมรายใดก็ตามจะสร้างสรรค์ผลงานให้กลายเป็นเกมยอดฮิต ตลอดกาล จะมีก็เพียงเกม ซูเปอร์ มาริโอ บรอส ที่ได้รับความนิยมยังไม่มีวันหยุด ใครจะรู้ว่า ๑๑ ปีต่อมาที่เกมมาริโอเกิดขึ้น ( ค.ศ.๑๙๘๕ ) จะมีอีกเกมหนึ่งที่เปลี่ยนโลกแห่งจินตนาการ และความฝันของเด็กและผู้คนทั้งโลกได้ตลอดมา นั่นคือ พ็อคเก็ต มอนสเตอร์ หรือโปเกม่อน นั่นเอง การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่นี้เริ่มต้นจากเด็กชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ชื่อ ซาโตชิ ทาจิริ ( เกิด ๒๘ กุมภาพันธ์ ๑๙๖๕ ) ผู้ชอบการจับแมลงและลูกอ๊อดเป็นชีวิตจิตใจ เขามีแรงบันดาลใจ ที่จะสร้างสิ่งที่จะทำ�ให้เด็กคนอื่น ๆ ได้สัมผัสความสนุกในงานอดิเรกเช่นเดียวกับเขาบ้าง เมื่อโต ขึ้นเขาจึงตัดสินใจทำ�ความใฝ่ฝันของเขาให้กลายเป็นความจริง

แห่งการ ผจญภัย

ได้ เริ่มขึ้น แล้ว

ซาโตชิได้ก่อตั้งบริษัทพัฒนาเกมนามว่า Game Freak ร่วมกับเค็น ซูกิโมริ และเหล่าเพื่อนของเขาในค.ศ. ๑๙๘๙ ในปีเดียวกันนั้น บริษัทนินเท็นโด้ ผู้ผลิตเครื่อง เล่นเกมรายใหญ่ได้เปิดตัวเครื่องเกมบอย ซึ่งสามารถเชื่อม ต่อระหว่างหลายเครื่องได้ด้วยสายเคเบิ้ล ซาโตชิจึงได้ไอ


โปเกม่อนสองภาคแรกที่ออกสู่ตลาดคือภาคเร้ด และ กรีน ซึ่ง ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่สูงเป็นประวัติการณ์ หรือดูจากจำ�นวนคนที่เข้าร่วมงานแจกโปเกม่อนในตำ�นาน ‘ มิว ’ ของ นิตยสารโคโระโคโระซึ่งมีจำ�นวนมากถึง ๗๖,๐๐๐ พัน จากที่ประกาศไว้ ตอนแรกว่าจะแจกมิวให้แก่ผู้เข้าร่วมงานเพียง ๒๐ คนเท่านั้น ด้วยความ สำ�เร็จนี้ เกมฟรีคจึงได้ออกโปเกม่อนภาคบลู ซึ่งปรับปรุงกราฟิกและเสียง ตามมา อีกทั้งยังเกิดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เกี่ยวกับโปเกม่อนอีกมากมาย เช่น • การ์ดเกมจากค่าย Media Factory ( เปิดตัวในเดือนตุลาคม ค.ศ.๑๙๙๖ ) • การ์ตูนมังงะหลายภาค ภาคแรกสุดเป็นการ์ตูนมุขตลกแสบที่ อิซามุ เร้ด และปิ๊ปปี้เป็นตัวเอก ( ออกในเดือนพฤศจิกายน ๑๙๙๖ ) • การ์ตูนแอนิเมชัน ออกอากาศทางโทรทัศน์ครั้งแรกในเดือน เมษายน ค.ศ.๑๙๙๗ ชื่อ ซาโตชิ ของตัวเอกนั้นมาจากผู้ให้กำ�เนิดโปเก ม่อน ซาโตชิ ทาจิริ นั่นเอง และแน่นอนชื่อคู่แข่งของซาโตชิซึ่งเป็น ตัวเอกอีกคนหนึ่งของเรื่องก็มาจากชื่อชิเงรุ มินาโมโตะ ผู้พาความฝัน ของซาโตชิมาสู่ค่ายนินเท็นโด้นั่นเอง ภาคแอนิเมชันนี้ได้นำ�ไปสู่ภาค เดอะ มูฟวี่ ตอน การแก้แค้นของมิวทู ( ค.ศ.๑๙๙๖ ) ที่ฉายในโรง ภาพยนตร์และกวาดรายได้อีกมากมาย • นิตยสาร Pokemon Wonderland ( สิงหาคม ๑๙๙๗ ) สำ�หรับประชาสัมพันธ์ข่าวใหม่ ๆ เกี่ยวกับเกมและสินค้าของโปเกม่อน ๕๐ หน้า รวมถึงลงการ์ตูนมังกะอีก ๑๓๐ หน้า ( ไม่ได้ออกเป็นประจำ� )

• ร้านจำ�หน่ายสินค้า Pokemon Center ที่โตเกียว ( เมษายน ๑๙๙๘ ) เมื่อโปเกม่อนประสบความสำ�เร็จอย่างล้นหลามในญี่ปุ่น ชื่อ เสียงจึงได้ขจรไกลข้ามทวีปไปถึงอเมริกาเหนือ สินค้าโปเกม่อนก็เพิ่ม ขึ้นอย่างท่วมท้น ในค.ศ.๑๙๙๙ นินเท็นโด้ก็ได้ออกเกมภาคโกลด์ และ ซิลเวอร์2 ออกมาสำ�หรับเล่นกับเกมบอยคัลเลอร์ ในภาคนี้มีการ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นจำ�นวนสายพันธุ์โปเกม่อน เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนจากจอขาวดำ�มาเป็นจอสี และลูกเล่นต่าง ๆ มากมาย เช่น กิจกรรมตามวันเวลา เพศและการเพาะพันธุ์โปเกม่อน การวิวัฒนาการด้วยค่าความสุข ฯลฯ ในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ค.ศ.๒๐๐๖ ที่ผ่านมาก็เพิ่งมีการฉลอง ครบรอบ ๑๐ ปีโปเกม่อน จนถึงตอนนี้ โปเกม่อนยังคงเติบโตอย่างต่อ เนื่องไม่หยุดยั้ง มีทั้งภาคใหม่ ๆ ที่ดำ�เนินเนื้อเรื่องตามการ์ตูน และภาค ที่เป็นเกมแบบ Arcade รวมทั้งหมดจนถึงปัจจุบันมีมากกว่า ๔๐ ภาค สำ�หรับเล่นกับเครื่องเล่นเกมของบริษัทนินเท็นโด้ ๗ รุ่น ยังไม่รวมถึง เวอร์ชันการ์ตูนและของเล่นของสะสมอื่น ๆ อีกมากมาย เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่พวกเราชื่นชมในโปเกม่อนนั้นคงไม่ใช่ในแง่ ของความสำ�เร็จทางธุรกิจ หากแต่เป็นสิ่งดี ๆ ที่เราได้รับจากการ์ตูนและ เกมนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งจินตนาการ ความฝัน ข้อคิดต่าง ๆ ความสุขที่ เราได้เฝ้ารอหน้าโทรทัศน์ด้วยความตื่นเต้นเพื่อดูแอนิเมชัน และความสุข ที่เราได้รับเมื่อได้ย้อนรำ�ลึกถึงความทรงจำ�ดี ๆ ที่เรามีครั้งยังวัยเยาว์

เดียสร้างเกม “ Capsule Monster ” ที่สามารถส่งแมลงผ่านสายเคเบิ้ล ได้ตามที่เขาใฝ่ฝันตั้งแต่เด็ก แต่ในช่วงแรก นินเท็นโด้ปฏิเสธที่จะให้การ สนับสนุนโครงการนี้ แต่ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนใหม่ของซาโตชิ คือ ชิเงรุ มินาโมโตะ ที่มาช่วยเจรจาให้ โครงการนี้จึงเริ่มได้รับทุนสนับสนุน จากนินเท็นโด้ในที่สุด กว่าโครงการนี้จะสำ�เร็จได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เพราะเกือบทำ�เกมฟรีค ล้มละลายไปแล้ว และยังมีพนักงานที่ต้องออกจากงานถึง ๕ คนเนื่องจาก

ปัญหาทางการเงิน อีกทั้งซาโตชิก็ต้องโหมงานหนักมาก หลังจากใช้ เวลาพัฒนา ๖ ปี ในที่สุด ความใฝ่ฝันของซาโตชิก็เป็นจริงเมื่อเกมนี้ก็ได้ เปิดตัวในชื่อ Pocket Monster1 ในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๙๖ สำ�หรับเล่นกับเครื่องนินเท็นโด้ เกมบอย เกมนี้สมมติให้ผู้เล่นเป็นตัวเอก ที่ออกเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ จับและฝึกสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า โปเกม่อน ให้แข็งแกร่ง สู้กับเหล่าผู้นำ�ประจำ�เมืองนั้นและรวบรวมโปเกม่อนให้ได้ ๑๕๑ ตัว เพื่อก้าวสู่การเป็นจ้าวแห่งโปเกม่อน ( Pokemon Master )

1 โปเกม่อน แผลงมาจากคำ�ว่า Pocket Monster ในสำ�เนียงภาษาญี่ปุ่น ( โพ – เคท – โตะ – มอน – สุ – ต้า ) ที่ต้องเปลี่ยนชื่อจากเดิม Capsule Monster ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่มีชื่อคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของเจ้าอื่น 2 ภาคโกลด์และซิลเวอร์ สร้างต่อจากภาคแรกที่ได้ปูเนื้อหาไว้ก่อนหน้าแล้วว่าจะมีภาคต่อ เช่น คาสึมิมีโทเกปี้ การปรากฏตัวของโฮโอและโปเกม่อน อื่น ๆ ที่ไม่ได้มีอยู่ใน ๑๕๑ ตัวแรก http://bulbapedia.bulbagarden.net/wiki/History_of_Pok%C3%A9mon






ในเมื่อเป็นถึงสุดยอดเกมและการ์ตูนระดับโลกแล้ว ก็ต้องมีสินค้าให้ เหล่าแฟนพันธุ์แท้ผู้คลั่งไคล้ได้ตามล่ามาครอบครองสะสมเป็นคอลเลคชัน โปเก ม่อนไม่ได้มีเพียงแค่เกมบอย ตุ๊กตุ่น การ์ดเกมเท่านั้นหรอกนะ เขาผลิตสินค้าน่า รักน่าเก็บอีกมากมายมหาศาล มีอะไรบ้างไปดูกัน!!

1. Pocket Pikachu (Nintendo) 2. Poke’mon Fishing Game (Tomy, $49.95) 3. Manafi Tamagotchi (TOMY ) 4. Pokemon Blocks Basic Set (Bandai $79.95) 5. DX Monster Ball (Tomy, $39.95)


6. Pokemon Monster Collection: Block Bag (Arceus, $59.95) 7. Pokemon Heart Gold/Silver Trainer Set - Boys (TakaraTomy, $89.95) 8. Pokemon DP Crane Game (Takara Tomy, $99.95) 9. Pokemon AG: Mezase! Pokemon Master Game ($49.95)

10. Pokemon Q Small Pikachu R/C RC Car (Takara Tomy, $29.95) 11. Pokemon Trainer Watch (Tomy, $49.95) 12. Pokemon Diamond/Pearl: Curry Sauce (Sinnoh, $5.95) 13. 9”x10” Pikachu Lunch Plate ($29.95) 14. First generation Pokedex (Tiger, $39.99) ภาพและราคาจาก toysnjoys.com


เรื่อง/ภาพ - กองบรรณาธิการ

หนังสือเดินทาง เชื่อไหมว่าโปเกมอนนั้นไม่ได้มีแต่ภาคของซาโตชิที่เราดูเป็นการ์ตูนแอนิเมชันในทีวีเท่านั้น นะ!? ที่เป็นการ์ตูนมังงะนั้นยังมีอีกหลายเวอร์ชันเลย และนี่คือโปเกมอนสารพัดภาคที่สามารถพบ เจอในได้ในเมืองไทย เรารวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านรู้จักกันแล้วครับ

โปเกมอน

โคซากุ อานาคุโบะ , บงกชคอมมิค ครั้งแรกของการจับโลกโปเกม่อนใส่ในหนังสือการ์ตูน จากเกม RPG สุดสนุกกลายมาเป็นการ์ตูนตลกแสบ นำ�โดยอิ ซามุ เร้ด ปิ๊กาจู และโปเกม่อนคู่ใจ ปิ๊บปี้พูดได้และนิสัยร้าย เหลือแสน ตลอดเส้นทางการผจญภัยของเร้ดไม่เคยมีวันเบื่อเลย เพราะมีปิ๊บปี้ตัวป่วนนี่แหละที่นำ�ปัญหาชวนปวดหัวมาให้ตลอด เวลา เรื่องนี้จะฮาแค่ไหนต้องหาอ่านให้ได้!!

โปเกมอน สเปเชียล ฮิเดโนริ คุซากะ , เอ็นอีดี หากคุ ณ เป็นคนหนึ่งที่เป็นแฟนตัวยงของโปเกม่ อ นในเกมบอย คุณห้ามพลาดโปเกมอนภาคนี้เป็นอันขาด!! นี่คือเรื่องราวที่สร้างขึ้นจากส ตอรีในเกม ของเด็กหนุ่มโปเกมอนเทรนเนอร์อัจฉริยะนามว่า เร้ด ถึงแม้ เร้ดจะต้องต่อสู้กับแก๊งค์ร็อคเก็ต และกลุ่มคนอีกมากมายที่ต้องการเอา โปเกมอนไปใช้ในทางไม่ดี เขาก็ยังมีคู่หูคู่ชีพ ปิ๊กาจู และเพื่อนผู้แข็งแกร่ง อีกมากมายร่วมฝ่าฝันอุปสรรคและมุ่งมั่นสู่การเป็นโปเกมอนมาสเตอร์ให้ได้


โปเกมอน เก็ต อาซาดะ มิโฮ , สยามอินเตอร์คอมิคส์ อีกหนึ่งเรื่องราวการผจญภัยสุดสนุกของ ชู และปิ๊กา จูที่สามารถพูดคุยกับชูได้คนเดียวผ่านไมโครโฟนพิเศษ ตลอด การเดินทางชูก็ได้พบกับเพื่อนใหม่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะ เกิดปัญหาใด เขาและปิ๊กาจูก็จะสามารถร่วมใจ กันแก้ไขปัญหานั้นให้สำ�เร็จ และนั่นยิ่งพิสูจน์ มิตรภาพอันแน่นแฟ้นของทั้งสองได้อย่างดี พบ กับตำ�นานอันน่าประทับใจนี้ได้ในโปเกมอน เก็ต

พ็อคเก็ตมอนส์เตอร์ ( แอนิเม ) บันได และสำ�นักพิมพ์อื่น ๆ

นี่คือเวอร์ชันที่เราคุ้นตามากที่สุด คือภาคที่มีซาโตชิ คาสึมิ และทาเคชิ ดำ�เนินเรื่องอยู่ ๓ คนหลัก ๆ นี้นี่เอง จริง ๆ แล้ว ๓ คนนี้มีบทได้แสดงเฉพาะในภาคแอนิเมชันเท่านั้น แต่ก็ยังมีหลาย สำ�นักพิมพ์ที่ใช้วิธีแคปเจอร์ภาพแต่ละฉากในแอนิเมมาเรียบเรียงใหม่และเติมคำ�พูดลงไปเป็นหนังสือ การ์ตูนก็ได้อรรถรสไปอีกแบบหนึ่ง

โปเกมอน ปิ๊บปี้ผจญภัย โทชิฮิโระ โอโนะ , วิบูลย์กิจคอมมิคส์

ครั้งแรก ครั้งเดียวของการนำ�โปเกมอนมาทำ�เป็นการ์ตูนแนวเด็กผู้หญิง ภาคนี้มีตัวเอกเป็นสาว น้อยน่ารักนามว่า มารอน ที่พยายามใกล้ชิดกับเด็กชายที่เธอชอบ กับโปเกมอนคู่ใจอีก ๒ ตัว คือปิ๊กา จูและปิ๊บปี้ที่แสนสุภาพและขี้อาย ( แน่นอนว่าเป็นปิ๊บปี้คนละตัวกับเวอร์ชันแรกสุด ) และเป็นอีกภาค หนึ่งที่โปเกมอนสามารถพูดได้ โปเกมอนภาคนี้เต็มไปด้วยความน่ารักและอบอุ่น เด็กผู้ชายก็อ่านได้นะ รับรองได้เลย

โปเกมอน ปิ๊กาจู เจ้าหนูสายฟ้า โทชิฮิโระ โอโนะ

เวอร์ชันนี้แสดงนำ�โดยซาโตชิ คาสึมิ และทาเคชิ แม้จะเป็นเรื่องของการผจญภัยและไขว่คว้า เข็มกลัดจากผู้นำ�โรงยิมแต่ไม่ใช่เนื้อเรื่องเดียวกับแอนิเม ( จริง ๆ เรียกว่าคนละเรื่องเลยแค่ชื่อตัวเอก เหมือนกันจะถูกกว่า ) เป็นภาคที่ลายเส้นสวยน่าอ่านและมีเนื้อหาตื่นเต้นระทึกใจไม่แพ้ภาคอื่น ๆ เลย แต่ว่าหาอ่านยากหน่อยเพราะไม่มีสำ�นักพิมพ์ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง ๆ ในไทย ถ้าใครพบเจอต้องรีบ คว้าไว้เลยนะ ( ภาคสุดท้าย เล่มสุดแรร์ที่กองบ.ก.เคยมีถูกสายน้ำ�พัดพาไปแล้วจึงต้องนำ�ภาพเวอร์ชันญี่ปุ่น จากอินเตอร์เน็ตมาประกอบ ขออภัยด้วยนะครับ )











เรื่อง - อานันท์ วชิรานุโรจน์

K

Knowing

็ กว่าจะเปน


สวัสดีครับแฟน ๆ ชาวเนียทุกคน ไหน ๆ เล่มนี้เราก็กำ�ลังพูดถึงเกมการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดในประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่ง นั่นคือโปเกมอนกันแล้ว ถ้าไม่กล่าวถึงนินเทนโด ซึ่งเป็นบ้านเกิด ของทั้งเกมโปเกมอน และเครื่องเล่นเกมบอยที่ได้ชื่อว่าเหมาะกับการเล่นเกมโปเกมอนเป็นที่สุด ก็คงรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ถ้าบอกท่านผู้อ่านว่าบริษัทนี้เก่าแก่มากเพราะก่อตั้งมาตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 ท่านผู้อ่านคงจะต้องทึ่งแน่ ๆ ผมเองก็เช่นกัน นินเทนโดผู้เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ เกมมีความเป็นมาอย่างไร ขอเชิญอ่านได้ในคอลัมน์ Knowing ครั้งนี้ครับ

1889

ประวัติศาสตร์ของนินเทนโดเริ่มต้นที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 1889 เมื่อคุณฟุซาจิโร่ ยา มะอุจิ ( 22 พ.ย. 1859 – ม.ค. 1940 ) ได้ก่อตั้งบริษัท “ นินเทนโด คปไป ” ขึ้นซึ่งผลิตไพ่ฮา นาฟุดะ ( การ์ดเกมชนิดหนึ่งของญี่ปุ่น ) ยี่ห้อไดโทเรียว และวางจำ�หน่ายในช็อป ๒ แห่งคือ ที่เกียวโตและโอซาก้า เมื่อไดโทเรียวได้รับความนิยมมาก นินเทนโด คปไปจึงได้เพิ่มสายการ ผลิตไพ่โปกเกอร์แบบตะวันตกต่อมา และได้ขยายกิจการจนมีธุรกิจในเครือหลายประเภท เช่น โรงงานผลิตของเล่น โรงแรม แท็กซี่ อาหาร ภายหลังมีการเปลี่ยนชื่อบริษัททั้งหมดในเครือ มาเป็น นินเทนโด ในปี 1963

1964 แต่หลังจากที่นินเทนโดประสบภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตกในปี 1964 กิจการย่อย ต่าง ๆ ของนินเทนโดก็มีอันเป็นไปแทบทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจผลิตการ์ดเกมซึ่งเป็นจุดตั้งต้น ของนินเทนโด มูลค่าหุ้นของนินเทนโดตกจาก 900 เยนเหลือเพียง 60 เยน มีเพียงกิจการผลิต ของเล่นที่ยังเหลือรอดอยู่ ในขณะนั้นที่นินเทนโดต้องขับเคี่ยวกับคู่แข่งอย่างบันไดและโทมี่ ก็มี วิศวกรของนินเทนโดคนหนึ่งที่ชื่อ กุนเปย์ โยโกอิ ได้นำ�ความรู้ด้านวิศวกรรมไฟฟ้ามาสร้างของ เล่นอิเล็คทรอนิกส์ เช่น เครื่องปาลูกเบสบอล เครื่องทดสอบความรัก นินเทนโดเล็งเห็นว่า หากเปลี่ยนสายการผลิตเป็นของเล่นอิเล็คทรอนิกส์จะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ดีมากกว่า ของเล่นแบบธรรมดา จึงเริ่มหันมาทุ่มกับสายการผลิตนี้มากขึ้น


4

ในสมัยนั้น วีดิโอเกมเป็นสิ่งที่หายากและไม่แพร่หลาย แต่นินเทนโดก็ได้อาศัยจังหวะ นี้พัฒนาวีดิโอเกมสำ�หรับเล่นในบ้านของตนขึ้นร่วมกับมิตซูบิชิ อิเล็กทริกส์ และเกิดเป็นวีดิโอ เกมรุ่นแรกสุดของนินเทนโด คือเครื่อง Color TV Game 6 ในปี 1977 และได้สร้างเกมขึ้น หลายเกมซึ่งโด่งดังมากในเวลาต่อมา อาทิ Donkey Kong และ Super Mario และอีกสามปี ต่อมา นินเทนโดก็ได้ปฏิวัติวงการวีดิโอเกมอีกครั้งโดยการสร้างเครื่องเล่นเกมแบบพกพาตระ กูล Game & Watch ซึ่งมีเกมชื่อดังให้เลือกเล่นถึง 59 เกม ( รวมถึง Legend of Zelda ก็เกิด ในยุคนี้ ) แม้ว่าสมัยนั้นจะเริ่มมีหลายค่ายที่พยายามย่อเครื่องเล่นเกมให้เหลือขนาดที่พกพา ได้บ้างแล้ว เช่น เครื่อง Microvision แต่ก็ไม่มีผลิตภัณฑ์จากค่ายใด เลยที่ประสบความสำ�เร็จ เกมแอนด์วอทช์เป็นที่นิยมมากและมียอด จำ�หน่ายทั่วโลกถึง 43.4 ล้านเครื่อง

1977

1989

ปี 1989 นินเทนโดก็เขย่าวงการเกมอีกครั้งโดยการเปิดตัวเครื่องเล่นเกม ตระกูล Game Boy ซึ่งออกแบบโดยกุนเปย์ โยโคอิ เจ้าเก่า ( เขาเป็นผู้ออกแบบ เกมแอนด์วอทช์เช่นกัน ) เกมบอยใช้ระบบประมวลผลแบบ Z80 และหน้าจอ LCD สีเขียว มีปุ่มกากบาทและ A B เหมือยจอยของเครื่องแฟมิคอม ต่อมาก็ได้เปิดตัว เกมบอย คัลเลอร์ ซึ่งเป็นที่เฝ้ารอของเหล่าคอเกมนับล้านในปี 1998 เกมบอย คัล เลอร์มีความเร็วในการประมวลผลมากกว่ารุ่นแรก 2 เท่า ตลับเกมมีความจุมากขึ้น จนมีสมรรถนะเทียบเท่าแฟมิคอม และที่สำ�คัญที่สุดคือเปลี่ยนมาเป็นระบบหน้าจอ สี ตระกูลเกมบอยกวาดรายได้อย่างถล่มทลาย มียอดจำ�หน่ายมากกว่า 200 ล้าน เครื่องทั่วโลก


จนถึงยุคปัจจุบัน นินเทนโดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องเล่นเกม แบบพกพาสายใหม่คือ Nintendo DS เมื่อปี 2004 ( DS ย่อมาจาก Dual Screen ) แม้ว่าตอนแรกจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะไม่สามารถเอาชนะคู่ปรับยักษ์ใหญ่ อย่าง PSP จากค่ายโซนี่ได้ แต่ผลปรากฏว่าในปี 2011 NDS มียอดขยายมากถึง 151.06 ล้านเครื่อง ขณะที่ PSP มียอดขาย 71.3 ล้านเครื่อง และทำ�ให้นิน เทนโดยังคงรุ่งโรจน์จนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้จะประสบความสำ�เร็จมามากมาย แต่นินเทนโดเอง ก็เคยพลาดพลั้งบ้างเหมือนกัน เช่น การสร้างเครื่อง Virtual Game ที่มีรูปทรงคล้ายแว่น ใส่เพื่อเล่นเกมแบบ 3มิติ แต่มีเพียงเส้นสีแดงบนพื้นหลังสีดำ�จึงถูกวิจารณ์ อย่างหนักว่าเล่นแล้วไม่สบายตา สายตาเสีย ขายไม่ดีจนต้องยกเลิกสายการผลิตไป หรือในสมัย ที่นินเทนโดใช้แฟมิคอมขับเคี่ยวกับเพลย์สเตย์ชันของ โซนี่ นินเทนโดเชื่อว่าระบบแผ่นซีดีเกมนั้นยังมีข้อเสียอีกมาก มีข้อดีสู้ระบบตลับเกมไม่ได้ นินเทนโดจึงทุ่มเทกับแฟมิคอมมากกว่า จะสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่มาแข่งขัน แต่ปรากฏว่าเมื่อเทคโนโลยีหัวอ่านแผ่น ซีดีนั้นพัฒนาขึ้น และซีดีมีความจุข้อมูลมากกว่าตลับเกมมาก ข้อเสียของเพลย์ สเตย์ชันจึงน้อยลงและมีผู้พัฒนาเกมให้เล่นกับเพลย์สเตย์ชันมากขึ้น ในศึกนี้ นินเทนโดจึง เป็นฝ่ายแพ้ไป

2004

อย่างไรก็ดี นินเทนโดก็เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องการนำ� ประสบการณ์ของตน และข้อผิดพลาดของคู่แข่งมาปรับใช้กับตนเอง ไม่ให้ปัญหาเดิม ๆ เกิดขึ้นอีก ยกตัวอย่าง ในปี 1989 เกิดวิกฤติการณ์ อุตสาหกรรมวีดิโอเกมถล่มทลาย ผู้ครองตลาดเจ้าใหญ่ใน ขณะนั้นคือ อาตาริ (Atari) ได้รับความเสียหายไปเต็ม ๆ นิน เทนโดจึงนำ�ข้อผิดพลาดของอาตาริมาดำ�เนินกุลยุทธ์ของตน ด้วยความระมัดระวังและไม่ผิดพลาดตามอีก ปัจจุบัน นินเทนโดเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็น อันดับ 3 ของญี่ปุ่น มีสำ�นักงานตั้งอยู่ใน ๙ ประเทศ มีรายได้ในปี 2008 เป็นจำ�นวน 1.62 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้าของเครื่องเกม Nintendo DS ที่ดูทันสมัย สุด ๆ จะอยู่ยงคงกระพันมานานขนาดนี้ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ผูกพัน กับเกมของนินเทนโดมาก ๆ จำ�ได้เลยว่าวันที่แม่ซื้อเกมบอยคัลเลอร์ ซึ่งเป็นเครื่องเกมเครื่องแรกของผม ผมดีใจมากจนร้องไห้เลย จนถึง วันนี้ก็ยังคงชื่นชอบและติดตามเกมของนินเทนโดไม่เปลี่ยนแปลง แฟน ๆ ชาวเนียคนไหนชอบเหมือนผมก็มาคุยกันได้นะครับ สำ�หรับครั้งนี้ขอ ลาแต่เพียงเท่านี้ แล้วพบกันในโอกาสหน้าครับ :))))

NOW

~

http://www.rakgames.com/index.php/special-scoop/ rakgames-classic/80-rakgames-classic/2937-rakgames-classic-20--by-pon-gamesmag


เรื่อง - ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz

ณ ปัจจุบันขณะ

ฤา คนไทย กระหาย การอ่าน ??

เมื่อสัปดาห์ก่อนที่ NYA~ เล่มนี้จะออก ประเทศไทยของเราได้จัดงานมหกรรมอย่างหนึ่งขึ้นมา ซึ่งผมขอสารภาพเลยว่าผมเป็นคนเดินงานอีเวน ท์น้อยมาก ไม่อยากจะอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะๆเท่าไหร่ จะตายเอา โดยเฉพาะคอนเสิร์ตนี่ ขอบอกเลยว่า ไปไม่ได้จริงๆครับ คงตายตรงนั้น แต่ก็ยกให้ งานนี้งานนึงครับ มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่เท่าไหร่ลืมไปแล้ว จำ�ไม่ได้ ไปหาอ่านกันเอง อาจจะแหกคอกเล่มนี้หน่อยนึง เพราะชีวิตวัยเด็กของผมนั้นไม่ได้มีเกมเป็นส่วนหนึ่งมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เหตุผลง่ายๆคือบ้านจนครับ เครื่อง เกมเครื่องแรกของผมคือเครื่อง Megadrive ซึ่งกว่าจะได้ก็คือมันกำ�ลังเลิกฮิตและลดราคา เช่นกันกับเกมพกพาเครื่องแรกคือ Gameboy Advance ซึ่ง ตอนนั้นมันลดราคาลงสุดๆเพราะ Advance SP ออกจำ�หน่าย เห็นมั้ยครับ ชีวิตรันทด วัยเด็กของผมเลยอยู่กับสองอย่าง ของเล่น แล้วก็ หนังสือ เกริ่นไปแล้วว่าบ้านผมจน และผมก็รู้สึกว่าเลโก้เป็นของเล่นที่แพงนะ แต่ไม่รู้ทำ�ไมแม่ทุ่มซื้อเลโก้ให้ผมเหลือเกิน รู้แค่ว่ามันสนุกดี และจนบัดนี้ มันก็ยังเล่นได้ ช่วงที่ผมบ้าหุ่นยนตร์ ผมก็มีหุ่นยนตร์ ช่วงที่ผมบ้ามังกร ผมก็มีมังกรเล่น โดยไม่ต้องซื้อห่นยนตร์หรือมังกรเหมือนเด็กคนอื่นๆ นั่นเพราะ ผมมีเลโก้ นิสัยติดของเล่นของผมยังติดมาจนโต ทุกวันนี้ผมก็ยังบ้าของเล่นอยู่


แต่ช้าก่อน ... มันไม่เกี่ยวอะไรกับหัวข้อเรื่องเลยนี่หว่า ... เออ จริงด้วยครับ งั้น เราจะพักเรื่องของเล่นไว้ฉบับหน้าหรือโอกาสหน้า เราจะมาเข้าเรื่องที่ผม อยากจะเล่าวันนี้ ความชอบอีกอย่างของผม หนังสือ ผมเติบโตมากับหนังสือตั้งแต่เด็ก เพราะหนึ่ง บ้านผมไม่มีเกม และสอง บ้านผมไม่มีคอม บอกแล้วว่าบ้านผมจน พ่อผมชอบอ่านหนังสือมาก พ่ออ่านหนังสือการเมือง สงคราม กฏหมาย แม่ผมก็ชอบอ่านหนังสือมาก แม่อ่านนิยาย สาระความรู้ต่างๆ เมื่อพ่อผมอ่านหนังสือ แม่ผมอ่านหนังสือ เอาล่ะสิครับ บ้าน เงียบ ในฐานะเด็กคนนึงซึ่งพ่อแม่เข้าโลกส่วนตัวไปแล้ว ไม่มีใครคุยใครเล่น ด้วย (บ้านผมไม่มีพี่เลี้ยงอะไรทำ�นองนั้นครับ ด้วยเหตุผลเดิม จน) เด็กทุก คนย่อมร้องไห้ครับ ปากคำ�จากบุพการีบอกว่าผมร้องไห้จ้าเลย ... เดือด ร้อนพ่อแม่ต้องหาวิธี จะทำ�ยังไงให้ได้อ่านหนังสือโดยไม่มีลูกรบกวน อย่า กระนั้นเลย จับมันนั่งตัก อ่านไปด้วยกันนี่แหละ นั่นแหละครับชีวิตผม รู้จักทมยันตีก่อนวอลท์ ดิสนี่ย์ เสียอีก หลังจากนั้นผมก็อ่านเรื่อยมา อ่านตั้งแต่หนังสือการ์ตูนเด็กเล็ก การ์ตูนเด็กโต การ์ตูนวัยรุ่น การ์ตูนผู้ใหญ่ (แอบอ่าน) นิยาย หรือแม้แต่ หนังสือกฏหมาย การเมืองยากๆ เสพย์ติดหนังสือ เสพย์ติดห้องสมุด นั่น แหละครับวัยเด็กของผม ทีนี้ถามว่ามันเกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้ยังไง เคยได้ยินมั้ยครับว่า ... คนไทย อ่านหนังสือ เฉลี่ยแค่ปีละ 7 บรรทัดเท่านั้น ผมเชื่อว่าทุกคนเคยได้ยิน และก็คงจะตั้งคำ�ถามในใจด้วยว่า จริงดิ อย่างน้อยการที่คุณเปิดอ่านนิตยสารเล่ม นี้ ทนอ่านมาถึงหน้านี้ แถมยังทนอ่านคอลัมน์นี้มาถึง บรรทัดนี้ได้ แปลว่าคุณคงเป็นคนที่รักการอ่านพอควร คนแบบคุณคงจะคิดเหมือนผมสินะครับว่า มันเอา บรรทัด (และบรรทัดฐาน) ที่ไหนมาวัดวะ ตมั่นใจว่าปีๆ นึงตูอ่านหนังสือไปไม่ต่ำ�กว่าล้านบรรทัด เอาแค่ในไอ้ หนังสือเรียนที่บังคับตูท่องๆนี่ก็เกินครึ่งล้านแล้ว แล้วมัน จะวัดยังไง วัดจากไหน จำ�นวนคนซื้อหนังสือเหรอ แล้ว ถ้าคนยืมเพื่อนอ่านไม่นับว่าอ่านรึไง ฯลฯ หลายคำ�ถาม ถูกถามกันมาหลายปีแต่ไม่เคยมีใครได้คำ�ตอบ และ แน่นอน ยังไม่มีใครออกข่าวใหม่ซะทีว่าตัวเลขบรรทัด มันขยับเพิ่มขึ้นหรือลดลงรึยัง ยังคงอยู่ที่ 7 บรรทัด มา นับสิบปีแล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นในภาพครับ งานมหกรรม หนังสือแห่งชาติเป็นอะไรที่คนเบียดเสียดกันมากกกก (ผมพูดในฐานะคนไม่ค่อยได้เดินงานแบบนี้ สำ�หรับคนที่

ร่วมงานแบบนี้บ่อยๆอาจจะชินและคิดว่ามันก็สบายดีก็ได้ แต่ผมว่าไม่) งานหนังสือมีไว้ทำ�อะไร ผมลองแบ่งคนที่จะมาเดินงานหนังสือ (ไม่นับบรรดานักเขียน-สำ�นักพิมพ์ หรือบรรดาพนักงานพาร์ทไทม์นะครับ) ได้ออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มที่ 1 ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าอยู่กลุ่มนี้ มางานหนังสือเพราะ หวังของถูกครับ นี่แหละ อย่างที่บอกว่าบ้านผมจน (วันนี้ถล่มตัวเองหลาย รอบจริงๆ) เป้าหมายหลักของผมมีอยู่สามอย่าง คือหนึ่ง หนังสืออกใหม่ ในราคาพิเศษ เฉพาะงานนี้เท่านั้น จบงานนี้ไป เดินตามนายอินทร์ ซีเอ็ด ไม่มีราคานี้แล้วนะจ๊ะ แถมไม่ได้ของแถมอีกตะหาก สองคือหนังสือเก่า ราคาสุดถูก แม้ราคาข้างปกมันจะเคยเป็นร้อยเป็นพัน แต่พออยู่ในกระบะ นี้มันเหลือแค่ยี่สิบบาทเท่านั้นก็คว้าโดยไม่คิดล่ะครับทีนี้ หนังสือเป็นสิ่งที่แปลกอย่างนึง คือสภาพมันไม่คงทนเลย กระดาษนั้นฉีกขาดเปื่อยยุ่ยได้ง่ายมาก แต่ว่าเนื้อหาข้างในนั้น ผ่านไปสิบ ปีมันก็ยังคงมีคุณค่าอยู่ จึงไม่แปลกที่หนังสือเก่าจะเป็นที่ต้องการมาก ใน วงการนักสะสม (ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ใช่) หนังสือการ์ตูนดังๆที่หายากๆ และทางสำ�นักพิมพ์ไม่มีทีท่าว่าจะผลิตใหม่นั้น มีการประมูลกันชุดละเป็น หมื่น (ทั้งๆที่มันเล่มละแค่ยี่สิบกว่าบาท) เห็นมั้ยล่ะครับ วงการนี้น่ากลัว จริงๆ อย่าเผลอถลำ�เข้าไปแบบชลากรนะครับ มีหมดตัวแน่นอนครับ ฮ่าๆ ๆ เป้าหมายที่สามของคนประเภทผมก็คือ หนังสือต่างประเทศรา คาไทยๆครับ ของพวกนี้หาซื้อเวลาปกติไม่ได้ ราคาบางเล่มสั่งจากนอก


อาจถึงขั้นต้องขายตับขายไตและขายตัวกันเลยทีเดียว เล่มนึงอยู่ที่หลักพันขึ้น แต่ในงานนี้มันจะมี วางจำ�หน่ายที่หลักร้อยเท่านั้น เล่มที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่ไปเดินงานรอบแรกก็คืออัลติเมทสุดยอดโคตรมหากาฬไบโอกราฟฟี่ ชีวประวัติของ Iron Man (มันไม่ได้ชื่อนี้หรอกครับ จำ�ไม่ได้) แต่เผอิญว่าวันแรกที่ไปนั้นไม่มีเงินพอ เพราะเงินเดือนยังไม่ออก อีกสามวันต่อมา ผมกลับเข้าไปยังที่นั่นพร้อมเงินหนึ่งฟ่อนใหญ่ วันนี้แก จะต้องตกเป็นของฉัน แต่ ... หมดไปเมื่อช่วงเที่ยงนี่เองครับน้อง ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายโมง ผม ... น้ำ�ตารื้น กลับเข้าเรื่องดีกว่า คนกลุ่มที่สองที่จะมาเดินงานหนังสือก็คือกลุ่มแฟนคลับนักเขียน หรือแฟนคลับหนังสือพิมพ์ คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยสนใจเรื่องราคาหรือหนังสือไหนดีไม่ดีอยู่แล้วครับ เป้า หมายหลักของพวกเค้าคือ “ลายเซ็นต์“ อันนี้เป็นอะไรที่เดปท์ชีวิตมาก คือผมไม่รู้ว่าจะเอาลยเซ็นนักเขียนไปทำ�ไม ผมชื่นชอบ นักเขียนทุกคน แต่ไม่เคยรู้สึกว่าต้องการลายเซ็นต์ของเค้า ขอแค่ให้พี่สร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมา ให้ผมก็พอครับ ผมพอใจแล้ว ... พนักงานสำ�นักพิมพ์หนึ่งบอกว่านักเขียนเล่มที่ผมพึ่งซื้อนี่อยู่ข้าง ใน จะเข้าไปขอลายเซ็นต์มั้ย ผมตอบว่าไม่ครับ ไม่เป็นไร พี่พนักงานทำ�หน้าอึ้งเหมือนเห็นผี ... มัน แปลกตรงไหน (วะ) ครับ แค่เราจะเลือกไม่รักหรือชอบใครแค่ที่ตัวบุคคล แต่เคารพกันที่ผลงาน เนี่ย ... กลุ่มที่สาม ผมมองว่าคนกลุ่มนี้เห็นการอ่านเป็นแฟชั่น เห็นงานหนังสือเป็นอีเวนท์อะไร ซักอย่างที่ชั้นต้องเดินอ่ะ ไม่งั้นจะแบบว่าตกเทรนด์ แล้วก็ เพื่อนๆที่มหาลัยก็จะล้อเงี้ยอ่ะค่ะ ว่า แบบ เซาะกราวจังเลยเธอ ... พฤติเกรียนของคนกลุ่มนี้คือ ถ่ายรูปดะเลยครับ งานก็เบียดเป็นปลากระป๋องอยู่แล้ว เจ๊ยังเพิ่มความติดขัดด้วยการหยุดถ่ายรูปแม่มทุกที่เลย แล้วนั่น ทำ�อะไรต่อครับ ก้มหน้า ... ทวี ต!! ทวีตครับ พระเจ้า เจ๊พวกนี้จะรายงานสถานการณ์และพิกัด ประหนึ่งเป็นนักข่าวเนชั่น ต้อง รายงานอะไรละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอครับ แต่ก็นั่นแหละ ช่างมันเถอะ ไม่ว่าคุณจะอ่านหนังสือเพราะอะไร ตั้งใจหรือแฟชั่น สุดท้ายมันก็คือหนังสือ และคุณ ก็ได้อ่าน พี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยญรงค์สิงห์ บรรณาธิการนิตยสาร a day เคยพูดไว้ว่า “คุณค่าขั้นต่ำ�ที่สุดของหนังสือ ก็คืออย่างน้อยเราได้ฝึกการอ่าน“ หนังสือทุกเล่มมีคุณค่าขั้นต่ำ�นั้น แต่อะไรล่ะที่จะทำ�ให้หนังสือนั้นยกตัวเองขึ้นมาเป็น “หนังสือที่ควรค่าแก่การอ่าน“ หนังไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป หนังสือจำ�นวนมาก ผมกล้าพูดได้เลยว่า “เปลือง“ ทั้งเงินทั้ง เวลา นอกจาจะไม่ได้ให้อะไรกลับมาหาเราแล้ว ยังมีแต่จะฉุดให้เราลงไปในทางต่ำ�ด้วยซ้ำ� เป็นการ ลงทุนที่สูญเปล่า หนักหน่อยก็เรียกได้ว่าขาดทุน ย้อนกลับไปที่ “7 บรรทัด“ ของคนไทย ถ้า 7 บรรทัดนั้นคือสาระ คือความรู้ ... ผมว่ามันก็เป็น 7 บรรทัดที่คุ้มค่าล่ะนะ :D

~


เรื่อง - ชลากร สถิวัสส์ @scjade

E

En Route

สองผู้แก่ตะลอนสะพานเหล็ก

เช้าวันจันทร์วันหนึ่งของเดือนมีนาคม เมื่อ ๒ บ.ก.ของเนียเกิดไม่มีเรียนพร้อมกันจึงชวนกันไปตะลุยแหล่งขายเครื่องเล่นเกมที่ใหญ่ที่สุดใน เมืองไทย อันมีนามว่า “ สะพานเหล็ก ” นั่นเอง !!! ๑๐ โมง ๔๐ กว่า ๆ ( แอบมาสายนิด ) พี่โหลพบกับพี่มะนาวที่อนุสาวรีย์ ฯ ก่อนที่จะจับรถเมล์สาย ๘ มุ่งตรงสู่ที่หมาย ใช้เวลาประมาณ ๔๐ นาทีท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดบ้าง พอไหลแล่นได้บ้าง เมื่อรถไปถึงแยกวรจักรและมองเห็นป้ายของเวิ้งนาครเขษมใกล้ ๆ แล้ว เราสองสหายก็ ลงจากรถที่ป้ายใกล้ ๆ นั้นและเดินตัดเวิ้ง ฯ ไปไม่ไกลก็มาถึงที่หมายของวันนี้แล้ว สะพานเหล็ก !! หากเรานั่งรถสาย ๘ มาเราจะสามารถตะลุยช็อปปิ้งที่แหล่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศได้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นเยาวราช สำ�เพ็ง ( แหล่ง สินค้าเบ็ดเตล็ด ) พาหุรัตน์ ( แหล่งขายผ้า ) คลองถม ( แหล่งของอิเล็กทรอนิกส์ ) เวิ้งนาครเขษม ( แหล่งขายเครื่องดนตรี ) ปากคลองตลาด ( แหล่ง ขายดอกไม้ ) สะพานเหล็กก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่นี่ตั้งอยู่ในพื้นที่เล็ก ๆ ข้างสะพานข้ามคลองรอบกรุง เมื่อเราเดินไปถึงจะพบกับร้านค้าและแผงขายเกม และสินค้าอื่น ๆ มากมาย แต่ละซอยจะเรียกว่าสะพาน ๑ , สะพาน ๒ , สะพาน ๓ ไล่ไปเรื่อย ๆ ภารกิจหลักของพี่โหลในวันนี้คือมาซื้อเกมบอย Light เพื่อเก็บเข้าคอลเล็คชันเกมบอย หลังจากที่จู่ ๆ ก็กลับมาบ้าเกมบอยอีกครั้ง ส่วนพี่ มะนาวมาช็อปปิ้งเดินดูของเฉย ๆ เมื่อเดินทางไปถึงแล้วเราสองคนก็ตรงดิ่งไปที่ร้านที่พี่โหลเคยซื้อเกมบอยเครื่องก่อนหน้านั่นคือร้าน Love Games Shop ซึ่งเป็นร้านเดียวที่พี่เห็นว่ามีขายเครื่องเล่นเกมรุ่นเก่า ๆ สำ�หรับนักสะสม แต่ตอนที่ไปถึงร้านยังไม่เปิดซะนี่ เราสองคนก็เลยเดินร่อนไปทั่วฆ่า เวลา ที่นี่มีร้านขายเครื่องเล่นเกมหลายสิบร้านให้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะเป็น Nintendo DS, Wii, Playstation , Xbox หรือจะเป็นเครื่องเกมรุ่นบุกเบิก สำ�หรับเหล่ามานิแอคโดยเฉพาะอย่าง Game Watch, Famicom, Megadrive ฯลฯ ก็มีเช่นกัน รวมถึงแผ่นเกมแท้และเถื่อนปะปนกันไป แม้จะเป็น วันจันทร์แต่เราก็เห็นทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เลือกซื้อของกันอย่างคึกคัก ( เด็กสวนใหญ่ก็เยอะนะ เขาเดินทางสะดวกมาก ) ไม่ว่าจะเดินผ่านร้านไหนเหล่า พ่อค้าแม่ขายก็จะเอ่ยปากเชิญชวนให้เข้ามาไปดูของร้านเขา แต่ตอนนี้เป้าหมายเดียวของพี่ยังไม่เปิดร้าน ไม่ว่าร้านไหนจะเรียกแค่ไหนก็ไม่สนใจล่ะน่า =____=)


ถ้าพูดถึงที่นี่แล้ว คนที่รู้จักแทบทุกคนก็มักจะเข้าใจว่าเป็นแหล่ง ขายเกม แต่ที่จริงแล้วที่นี่มีขายอะไรมากกว่านั้นอีกนะ นอกจากอุปกรณ์ เกมแล้วยังมีปืนบีบีกันและอะไหล่นาฬิกาให้เลือกซื้อเลือกซ่อมอีกหลาย ร้าน ที่สำ�คัญ ที่นี่ยังเป็นแหล่งขายของสะสมการ์ตูนแอนิเมที่ใหญ่ที่สุดอีก ด้วย ที่ซอยซ้ายสุดของสะพานเหล็กมีทางเชื่อมกับอาคารที่ชื่อ ภิรมย์ พลาซ่า ที่นี่มีขายของสะสมสำ�หรับคอแอนิเมและเหล่าโอตาคุ มีทั้งฟิก เกอร์ ตัวต่อโมเดล ( พี่มะนาวสอยกันดั้มมา ๒ ตัว ) อาร์ตบุ๊ค กาชาปอง ( ของเล่นไข่หยอดเหรียญ ) การ์ดเกม และของสะสมสุดแรร์ของแท้จาก ญี่ปุ่นอีกมากมาย ไม่เพียงเท่านั้น ในอาคารนี้ยังเป็นแหล่งซื้อ – ขาย – เทิร์นกล้องถ่ายรูปด้วย ที่นี่มีของขายมากมายจริง ๆ หลังจากที่เดินฆ่าเวลาและแวะไปดูที่ร้าน Love Games Shop ว่าเปิดหรือยังหลายครั้งจนคนที่ร้านแถวนั้นเริ่มไม่ทักทายให้ไปดูของร้าน เขาแล้ว พี่โหลจึงตัดสินใจโทรถามเจ้าของร้านว่าจะเปิดเมื่อไหร่ ปรากฏ ว่าเขาจะเปิดตอนเที่ยงครึ่ง เช่นเดียวกับร้านค้าส่วนใหญ่ที่นั่นที่มักจะเปิด กันเวลานั้น สองผู้ไม่รู้จึงต้องเดินฆ่าเวลากันต่อไป พี่และพี่มะนาวเดินไป ดูเครื่องดนตรีที่เวิ้ง และไปกินมื้อกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวนั้น กลับมา อีกทีก็พบว่าม่านเหล็กที่ใช้ปิดร้านนั้นเปิดแล้ว แต่ในร้านก็ไม่มีใครอยู่และ ประตูก็ล็อคอยู่เสียด้วย ก็เลยต้องเดินฆ่าเวลากันต่อไป จนเกือบบ่ายสาม ที่เดินวนทั่วสะพานเหล็กสิบกว่ารอบแล้ว พี่จึงตัดสินใจไปดูอีกครั้ง ถ้า ครั้งนี้ยังไม่เปิดจะโทรจี้ซะเลย โชคดีกว่าร้านนี้เปิดพอดี จึงทราบความว่า พี่เขาออกไปซื้อกาแฟดื่มสวนกับตอนที่เรามาครั้งแรกพอดี- -“ ภายในร้านนี้มีเครื่องเล่นเกมยุคเก่ามากมายวางเรียงกันบนชั้น อย่างเป็นระเบียบ ด้านซ้ายก็มีตู้เก็บตลับเกมเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยแฟมิคอม นินเทนโด 64 เกมบอย เครื่องเล่นเกมสุดคลาสสิคสารพัด ส่วนด้านขวา พี่โหลจัดแจงสอยเกมบอย Light รุ่นหาได้ยากมาครอบครองสมความคาด หมาย ไม่ว่าจะสอบถามเกี่ยวกับสินค้าชิ้นไหน พี่เจ้าของร้านก็สามารถ เล่ารายละเอียดได้ลึกอณู ตัวนี้เป็นของลิมิเต็ด ผลิตเพียงกี่ร้อยกี่พันชิ้น กี่ร้อยชิ้น ผลิตตั้งแต่ปีไหน ผู้คนเขาแย่งชิงกันอย่างไรก็รู้หมด ทำ�เอาพี่ มะนาวซึ้งไปเลยว่าการเป็นแฟนพันธุ์แท้และได้ทำ�งานอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก นั้นเป็นอะไรที่เท่และน่าอิจฉาจริง ๆ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ทริปของเราสองคนก็จบลงเพียงเท่านี้ ระหว่างทางขากลับเราก็นั่งพูดคุยเกี่ยวกับการได้ทำ�งานอยู่กับความใฝ่ฝัน ตลอดเส้นทาง เสียทรัพย์ซื้อสุขสมฤดี <3 สำ�หรับน้อง ๆ คนไหนที่อยากจะไปลองจับจ่ายที่สะพานเหล็ก บ้าง จากประสบการณ์ที่พี่ลองมาแล้วหลายเส้นทางพบว่าวิธีที่สะดวกและ ประหยัดที่สุดคือการนั่งรถเมล์สาย ๑๖๖ ( หรือรถตู้ ) จากปากเกร็ดบ้าน เราไปอนุสาวรีย์ และต่อรถเมล์สาย ๘ ไปลงแถวเวิ้งนาครเขษม ค่าใช้ จ่ายขาละ ๒๕ – ๓๙ บาท เดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาทีในสภาพ การจราจรปกติครับ

และเน้นย้ำ�สักนิดว่าที่สะพานเหล็กนั้นมีเครื่องเล่นเกมขายร้อย แปดพันเก้า และมีทั้งของแท้ของปลอมขายปะปนกันไปทั้งที่คนขายตั้งใจ และไม่ตั้งใจ หากเราอยากได้เครื่องอะไรควรจะศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ( ของปลอมบางอย่างอาจมีราคาเท่าของแท้มือสอง ) หรือถ้าจะให้ดีก็ ควรขอยืมเพื่อนที่มีเครื่องเกมนั้นมาเล่น เราจะได้รู้ว่าของแท้เป็นอย่างไร น้ำ�หนักเท่าไหร่ กราฟิกแค่ไหน เวลาเลือกซื้อจริง ๆ จะได้แยกออกได้ เพราะเครื่องเกมบางเครื่องก็มีของเลียนแบบออกมาเร็วมากและบางทีเรา ดูภายนอกก็แยกไม่ออก เสียเงินทีไม่น้อย เลือกซื้อของที่เราต้องการนั้น ดีที่สุดนะครับ ที่สำ�คัญ ได้อะไรมาเล่นก็อย่าเผลอติดงอมแงม แบ่งเวลา ให้การเรียน การพักผ่อน และคนรอบข้างด้วยนะจ๊ะ <3


เรื่อง - จารุ วิมลนิตยา @punsangre

ปั้น


โอ้ะโอ่ว! สลามัตปากี~ ชาวเนียอีกครั้ง อ่าห์…ช่างเป็นเดือนที่ ร้อนอบอ้าวอะไรเช่นนี้ ปกติช่วงนี้ก็ร้อนจนเป็นอาจิณกันอยู่แล้ว ยังจะมี ปรากฎการณ์ “ซัน เอาท์เทจ” (Sun Outage) มาซ้ำ�เติมให้ร้อนยิ่งขึ้นไป อีก โฮ่ยยย…อยากจะเรียกเซนิกาเมะมาใช้ปืนใหญ่น้ำ�ใส่หน้าแบบเน้น ๆ สักทีจริง ๆ เอ่อ…ว่าแต่ไอตัวเซนิกาเมะท่านผู้อ่านพอจะคุ้น ๆ ชื่อกันรึปล่าว ??? คิดช้าจัง…เฉลยไปเลยล่ะกัน~ มันคือชื่อของหนึ่งในสิ่งมีชีวิตใน โลกจำ�ลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ! หรือที่รู้จักกันในนาม… “Pokémon” เชื่อว่าเหล่าเด็กผู้ชาย(อย่างผม)จะต้องเคยเล่นเป็นเทรนเนอร์ผู้ ฝึกสัตว์เลี้ยงที่มีชื่อว่า “ โปเกม่อน ” นี้แน่นอน อาจจะผ่าน ๆ มือกันมา บ้าง หรือเล่นจนไม่เป็นอันกินกันเลยก็คงจะมี ได้พามันออกไปผจญภัย ทำ�ให้มันเติบโต เพื่อไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นเทรนเนอร์…. สัก 5-6 ปีที่แล้วเด็กทุกคนแทบจะถือเครื่องเล่นเกมส์ที่ถือว่า ล้ำ�ยุคที่สุดในยุคนั้น แล้วก็อีกนั่นแหละที่หน้าจอของทุกเครื่องเกมส์นี้จะ เห็นตัวละครเด็กผู้ชาย/หญิงเดิน ๆ วิ่ง ๆ อยู่ตามทุ่งหญ้าพร้อมกับสัตว์ ประหลาดที่ติดตัวแบบไปไหนไหนไปกัน เมื่อเจ้านายของมันเจอปัญหา มันก็พร้อมที่จะถูกเรียกออกมาเสมอ.. แน่นอนว่าตัวผมเองก็เป็นสาวกของเกมส์ที่ยิ่งใหญ่นี้เช่นกัน แม้ว่าผมจะได้สัมผัสกับเกมส์นี้ช้ากว่าชาวบ้านไปสักหน่อย ภาคแรกที่ผม ได้เล่นคือภาค “ แซฟไฟร์ ” ซึ่งถือว่าใหม่ล่าสุดที่สุดในแล้วช่วงนั้น แค่ เสียบตลับแล้วเลื่อนสวิตช์เปิดเครื่อง ก็จะได้เข้าไปสู่โลกอีกใบที่มีสิ่งที่โลก ของแห่งความเป็นจริงของเราไม่เคยมี แค่เริ่มเล่น….ก็ติดทันทีครับ ! มันช่างสนุกอะไรเยี่ยงนี้ !!! การ เห็นโปเกม่อนของเรากระทืบโปเกม่อนฝ่ายตรงข้ามจนหมดสภาพต่อสู้ เป็นความสะใจที่ยากจะหาอะไรมาแทนจริงๆ ! เนื้อเรื่องก็ผสานเข้ากับตัว เกมส์ที่เป็นแบบโอเพ่นเวิลด์ได้อย่างดี หลาย ๆ ฉากก็น่าตื่นตาตื่นใจ การ ที่ได้ฝึกโปเกม่อน ให้มีค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นจนพัฒนาร่าง ผมเห็นการ พัฒนาร่างมาเป็นสิบ ๆ ครั้ง แต่ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่มันเปลี่ยนร่าง อยู่ดี ยิ่งเป็นตอนที่เข้าไปสู้กับสี่จตุรเทพแล้ว ลุ้นกับแบบนั่งไม่ติด เล่นไป เฮไป เหงื่อท่วมหน้าเลยทีเดียว ความกดดันที่ว่าถ้าตายแล้วต้องออกไปสู้ ใหม่แต่เริ่มมันทำ�ให้การต่อสู้สนุกอย่างที่ไม่มีเกมส์ใด ๆ จะให้เราเท่านี้อีก แล้วจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าเกมส์ตลับเล็ก ๆ นี้จะให้อะไรมากมายกับผมจน ยากที่จะอธิบาย แต่เมื่อมีความนิยม ก็ต้องมีวันเสื่อมไป โปเกม่อนได้หายออก ไปจากชีวิตของผมและอีกหลาย ๆ คน จากหลาย ๆ สาเหตุ วุฒิภาวะที่ ต้องก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น การเรียนที่หนักมากขึ้น เวลาที่น้อย

ลง เริ่มจากคนนึงเลิก เพื่อนเลิกตาม เพื่อนของเพื่อนก็เลิกตามไปอีก จน สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร ก็ใช่ว่าทุกคนจะทิ้งมันไปเลยซะเมื่อไหร่ ผมกล้าพูดเลยว่าทุก คนที่เคยเล่นยังคงเก็บเครื่องและตลับเกมส์ที่ตัวเองเคยชอบไว้ เพียงแต่ไม่ หยิบออกมาเล่นเท่านั้นเอง อาจะเป็นเพราะมันพังแล้ว หรืออาจจะเป็น ผลจากการพัฒนาขึ้นของวงการเกมส์ทั่วโลกที่ก้าวเข้าไปสู่ยุคของ Nexgen ด้วยเครื่องเล่นที่ภาพสวยกว่า ระบบเสียงที่เยี่ยมกว่า การควบคุมที่อิสระ มากกว่าเครื่องเล่นที่ต้องใช้ตลับที่โบราณ ต่างจากความสุดยอดของเครื่อง เกมส์ยุคใหม่ๆอย่างสิ้นเชิง อย่างเกมส์โปเกม่อนนี้ก็ใช่ว่าเมื่อหมดยุคของ GBA ก็เลิกผลิตไป ซะเลย เครื่องเกมส์รุ่นใหม่ๆอย่าง NintendoDS ก็ยังคงสานต่อซีรี่ส์เกมส์ นี้ออกมาอย่างต่อเนื่องจนผู้ซื้อของแท้กระเป๋าแฟ่บกันไปตาม ๆ กัน ทั้ง การเอาภาคเก่ามาทำ�ใหม่ รวมไปถึงการวางโครงเรื่องใหม่ทั้งหมดเพื่อสร้าง เป็นภาคใหม่ ๆ ออกมาให้แฟน ๆ ได้เล่นแบบไม่ขาดมือ ซึ่งก็ก็ถือเป็น เรื่องที่ดี แล้วเกมส์อื่น ๆ ล่ะ ? เกมส์ใน GBA มันมีไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนเกมส์ อย่างเกมส์ Contra เล่นกี่ทีก็ไม่เคยผ่าน ยากชิบเป๋ง ก็ได้แต่เล่นวน ๆ อยู่แค่นั้น เริ่มใหม่ ยิง ๆ ตาย แล้วก็เริ่มใหม่ จนถึงวันนี้ก็ไม่มีการพัฒนาต่อออกมา ผมเคยเอา ตลับ 99 in 1 ของ GBA ไปเล่นที่โรงเรียน มีแต่เพื่อน ๆ มาขอยืมเล่น ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มีไอโฟน ไอพอด ซึ่งมันก็มีเกมส์ให้เล่นตั้งมากมายเหมือนกัน จะมาเล่นเกมส์โบราณ ๆ ทำ�ไมกันอีก แต่ผมก็ส่งเครื่องให้ไปอยู่ดี แล้วผม ได้เห็นสีหน้าของคนที่เล่นเกมส์โบราณ ๆ นี้แล้ว ก็ประหลาดใจ ผู้คนเริ่ม เข้ามาล้อมข้างหลัง จ้องมองไปที่หน้าจอเล็ก ๆ ตายที่โห่ทั้งวง พอฆ่าได้ ล่ะเฮกันใหญ่เชียว คนเล่นก็มือชื้นซะเครื่องแทบช็อตเลย ตลกดีนะครับ ถึงแม้ว่า ภาพ เสียง การควบคุม และอีกหลาย ๆ อย่างระหว่างเกมส์ยุค โบราณกับยุคใหม่ ๆ จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ก็ยังคงมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ไม่ต่าง กันเลยแม้แต่น้อย…. “ความสนุก” ที่ได้เล่นนั่นเอง จนมาถึงตอนนี้ ผมก็ยังเล่นเกมส์โปเกม่อนใน GBA อยู่ ถึงจะ ไม่ค่อยมีเวลามาเล่นสักเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่ใช่ภาระอะไร แค่เปิดเครื่องมัน ก็เล่นได้เลย มีเวลาว่างสักนิดสักหน่อย ผมก็แอบหยิบขึ้นมา ขอเชือดสัก ตัวก็ยังดี(ฮา) ที่ผมมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนั้น ไม่ใช่ว่าจะอยากให้เลิกเล่นเกมส์ ใหม่ ๆ แล้วหันมาจับของเก่า หรอกนะครับ แค่อยากจะบอกว่า….ค่านิยม มันเป็นแค่เครื่องมือทางการตลาด ความชอบต่างหากคือสิ่งที่จะกำ�หนด ว่าเราควรจะทำ�อะไร (ความจริงคือเครื่องซื้อมาตั้งแพง เล่นให้มันคุ้ม ๆ กัน หน่อยก็ดีนะครับทุกคน ! XD) แล้วเจอกันฉบับหน้าครับ!

~


เรื่อง - กานต์ พันธ์จันทร์ @kenoyama

M

M S อึน

ตอน (ไม่)เก่า(แต่)เก็บ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ไง น้องอาร์ม เด็กนรก says: โย่ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ทำ�ไรอยู่? น้องอาร์ม เด็กนรก says: เล่นโปเกมอนอยู่มีอะไร น้องเอม เด็กน่ารัก says: ติดเกมส์ = = น้องอาร์ม เด็กนรก says: 555 น้องเอม เด็กน่ารัก says: แล้วทำ�ไมจู่ๆเล่นโปเกม่อนล่ะ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ไม่รู้สิ คงคิดถึงมั้ง? น้องเอม เด็กน่ารัก says: คิดถึง? น้องอาร์ม เด็กนรก says: เคยมั้ยล่ะ จู่ๆก็คิดถึงเวลาสมัยก่อน คิดถึงความรู้สึกสมัยก่อน น้องเอม เด็กน่ารัก says: แบบนั้นเขาไม่ได้เรียกเพ้อเหรอ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ไม่รู้ดิ อาจจะใช่ก็ได้ 555 แต่ก็นั่นแหละ มันต้องมีบ้างแหละ

น้องเอม เด็กน่ารัก says: เหรอ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ไม่ต้องมาเหรอเลย ตอนช่อง 7 เอาเซเลอร์มูนกลับมาฉายก็เห็นเธอ กรี๊ดกร๊าดอยู่ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ช่อง 9 เหอะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: อย่างเป๊ะอ่ะ = = น้องเอม เด็กน่ารัก says: ทำ�ไมยะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: เห็นมั้ยล่ะ ทุกคนเค้าก็เคยกันแหละ แต่ก็แปลก ผู้ใหญ่ชอบบอกว่าไร้สาระ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: เวลาเราดูการ์ตูนเล่นเกมส์ไรเงี้ย น้องเอม เด็กน่ารัก says: อ๋อ คงเพราะเขาคิดว่ามันไม่มีประโยชน์มั้ง น้องอาร์ม เด็กนรก says: อย่างไหนล่ะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: พวกอ่านหนังสือ ช่วยงานบ้างไรเงี้ยมั้ง ไม่รู้สิ ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เลย ;p น้องอาร์ม เด็กนรก says: น่าเบื่อแย่ ชีวิตวัยเด็กที่ไม่ได้เล่นสนุกเนี่ย น้องเอม เด็กน่ารัก says: ก็จริงนะ


แต่อย่าเล่นมากจนติดเป็นนิสัยล่ะ เดี๋ยวเอาแต่เล่นจนไม่ทำ�การทำ�งาน ไม่รู้กาละเทศะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: คร๊าบบบบบบบบ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ไอ้นี่ เตือนดีๆยังมาประชด น้องอาร์ม เด็กนรก says: 5555 น้องเอม เด็กน่ารัก says: เอ้อ อย่าลืมนัดพรุ่งล่ะ ไม่ใช่เอาแต่เล่นโปเกมอนแล้วตื่นสายล่ะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: กี่โมงนะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: 9 น้องอาร์ม เด็กนรก says: โอเคๆ ไม่สายแน่ๆ ไปจับเรจิร๊อคต่อล่ะ บาย น้องเอม เด็กน่ารัก says: อย่าสายนะ = =* น้องอาร์ม เด็กนรก is offline

...


G

เรื่อง/ภาพ - กันฑ์อเนก จันทร์จิรธร @bstzz

Get a taste of

ย่างเข้าเดือนเมษายนทีไร อากาศก็ยิ่งร้อนเข้าไปทุกวัน ๆ บาง คนก็หาวิธีดับร้อนด้วยการทานไอศกรีมหรือน้ำ�อัดลมรสชาติต่าง ๆ แต่หา รู้ไม่ว่า ยังมีของหวานซึ่งสามารถดับร้อนได้อย่างดีและได้ประโยชน์จากผล ไม้และวัตถุดิบจากธรรมชาติด้วย นั่นก็คือ “ ซอฟท์ครีม ” ตัวซอฟท์ครีม นั้นเกิดขึ้นในเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้นำ�เอานมวัวสด ๆ จากวัว ที่ขึ้นชื่อของฮอกไกโดมาผสมกับชา หรือผลไม้ต่าง ๆ มาทำ�เป็นไอศกรีม แต่รสชาติและเนื้อจะนุ่มลิ้นกว่า จึงเรียกกันว่าซอฟท์ครีม แต่ว่าถ้าพี่ ๆ น้อง ๆ อยากลองทานแล้ว ไม่ต้องบินไปไกลถึงฮอกไกโดก็ได้ครับ เพียง แค่มาที่เซ็นทรัลพลาซ่าแจ้งวัฒนะ เดินขึ้นไปชั้น 3 โซนกลาง ก็จะเจอ ร้านที่ชื่อว่า “ Ho-mu ” ซึ่งเป็นร้านซอฟท์ครีมที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติแท้ๆ ที่เราจะพาไปชิมกันครับ ร้าน Ho-mu เป็นร้านเล็ก ๆ ตกแต่งด้วยสีเขียว มีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร้านประมาณ 8 ที่นั่งกับอีก 2 โต๊ะ ข้างหน้าร้านจะมีซอฟท์ครีมยักษ์ตั้งอยู่ ส่วนที่มาของชื่อร้านนั้นมาจากคำ�ว่าบ้าน ซึ่งแสดงถึงความอบอุ่นนั่นเอง ครับ เมนูที่ผมจะชิมนั้นคือ “ ซอฟท์ครีมกล้วย ” เพราะว่าเป็นเมนู ที่แปลกใหม่ดี และหลาย ๆ เสียงก็กล่าวมาว่าอร่อยไม่แพ้จากซอฟท์ ครีมชาเขียว เมนูหลักของร้านนั่นเอง ซึ่งจากที่ผมได้ชิมแล้ว รสชาติของ ตัวซอฟท์ครีมนั้น ก็คงจะบอกได้ว่าอร่อยสมคำ�ล่ำ�ลือจริง ๆ ครับ ด้วย รสชาติของกล้วยที่หวานมัน ผสมกับนมสดจากฮอกไกโดแล้ว ก็เข้ากันได้ดี จริง ๆ ครับ และตัวซอฟท์ครีมนั้นก็ไม่หวานถึงขนาดเลี่ยนจนเกินไปด้วย แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบรสกล้วย ที่ร้านเขาก็ยังมีรสชาติอื่น ๆ ให้ เลือกอีกนะครับ เช่นชาเขียว ที่ใช้ชาเขียวสั่งตรงจากญี่ปุ่นโดยเฉพาะ งา ดำ� วานิลลา สตรอเบอร์รี่ และมะม่วงครับผม และถ้าใครอยากหาท็อปปิ้ง มาทานคู่กันกับซอฟท์ครีมแล้ว ที่ร้านเขาก็มีท็อปปิ้งให้เลือกมากกว่า 18 อย่างด้วยกันเลยนะครับ สนนราคาท็อปปิ้งอย่างละ 10 บาทครับผม ส่วน ราคาซอฟท์ครีมนั้น ถ้าใส่โคนจะราคา 49 บาท แต่ถ้าใส่ถ้วย ราคาจะเริ่ม ต้นที่ 65 บาทครับผม สำ�หรับฉบับหน้า Get a taste of จะนำ�พี่ ๆ น้อง ๆ ไป ลองชิม อาหารร้านไหน ติดตามกันได้นะครับ

~


เรื่อง -ปิยะนุช พริ้งพงษ์

พูด สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ทุกท่าน ที่ผ่านมาเราก็ได้เรียนรู้เรื่องของการเขียนมาพอสมควรแล้ว ใน โอกาสนี้ แพรวขอหยิบยกวิธีการสื่อสารความคิดอีกวิธีหนึ่งนั่นคือการพูด มานำ�เสนอแก่ทุกท่าน การพูดนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนมาก แต่ สำ�หรับเด็กวัยเรียนอย่างเราล่ะ ? นอกการการพูดคุยกับคนในครอบครัว เพื่อน และครูอาจารย์ ก็ต้องมีบ้างที่เราจะต้องไปอ่านเรียงความหรือนำ� เสนอโครงงานของเราต่อหน้าเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน แต่เพราะการพูดต่อหน้าคนจำ�นวนมากไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น ประจำ�ในชีวิตเรา อาจทำ�ให้เราเกิดความประหม่าหรือผิดพลาดเพราะ ขาดความเชี่ยวชาญได้ แพรวจึงขอนำ�หลักง่าย ๆ แต่ครบถ้วนที่อาจารย์ที่ มหาวิทยาลัยสอนแพรวมามาแบ่งปันต่อแก่ผู้อ่านทุกท่านค่ะ เตรียมให้พร้อม ซ้อมให้ดี การซักซ้อมบ่อย ๆ จะช่วยให้เรา จดจำ�เนื้อหาได้แม่นยำ�ยิ่งขึ้น และพบข้อบกพร่องได้ ซึ่งช่วยให้เรามีเวลา ปรับปรุงให้ดีก่อนถึงวันที่ต้องพูดจริง ๆ ท่าที่สง่า หน้าตาสุขุม บุคลิกภาพเป็นสิ่งสำ�คัญมากในการ พูดในที่สาธารณะ ควรยืนตรง ไม่ส่ายตัวหรือขยับเท้าไปมา ( หลายคน เป็นโดยไม่รู้ตัว ) ถือไมค์ในท่าที่เหมาะสม อย่าพูดเร็ว ค่อย ๆ พูดช้า ๆ เรียบ ๆ ก่อนให้เราปรับตัวกับบรรยากาศได้แล้วค่อยปรับเปลี่ยนไปตาม เนื้อหาจะดีกว่าค่ะ ทักที่ประชุมไม่วกวน ไม่ควรเกริ่นเข้าเนื้อหาเลยโดยที่ยังไม่ทัน ทักทายผู้ฟังของเราก่อน ปกติมีอาจารย์และเพื่อน ๆ แต่ถ้ามีมากกว่านั้น ไม่ควรกล่าวทักทายเกิน ๓ คน เพราะจะเยิ่นเย้อไปค่ะ ( เช่น อ่านเรียง ความในพิธีวันแม่ : กราบเรียนท่านผู้อำ�นวยการ ท่านรองผู้อำ�นวยการ ท่านผู้ปกครอง ครูอาจารย์ และสวัสดีเพื่อน ๆ ชาวสวนกุหลาบนนท์ทุก คน ควรรวบให้เหลือประธานในพิธี แขกผู้มีเกียรติ และนักเรียนชาวสวน กุหลาบนนท์ ) เริ่มต้นให้โน้มน้าว เรื่องราวให้กระชับ บทเกริ่นมีส่วนอย่างมาก ในการดึงความสนใจผู้ฟังให้ตั้งใจฟังการพูดของเราโดยตลอดได้ จึงควรให้ ความสำ�คัญ เตรียมบทนำ�ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจกว่าจะที่เราเขียนอย่าง

ภาษา พาไป

เป็นทางการในฉบับรายงาน และไม่ต้องพูดทุกอย่างที่คิด พยายามเตือน ตัวเองอย่าให้ออกนอกเรื่อง มิฉะนั้นการพูดของเราจะเยิ่นเย้อและเกิน เวลาได้ ตาจับที่ผู้ฟัง เสียงดังให้พอดี คือต้องรู้จักมีปฎิสัมพันธ์กับผู้ฟัง หากเรามัวแต่ก้มหน้าอ่านบทของเราและไม่ให้ความสนใจผู้ฟัง ผู้ฟังก็ไม่ จำ�เป็นต้องให้ความสนใจเราเช่นกัน และรักษาระดับเสียงของเราให้เหมาะ สม ได้ยินชัดเจน อาจใช้วิธีสังเกตเพื่อนที่อยู่ท้ายห้องว่าสนใจเราอยู่หรือ เปล่า หรือทำ�ท่าพยายามเงี่ยหูฟังเราอยู่หรือเปล่า หากคิดว่าเพื่อนของ เราไม่ได้ยินชัดเจนก็ควรพูดให้ดังยิ่งขึ้น อย่าให้มีเอ้ออ้า หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น ลืมบทหรือเปิด ไฟล์งานนำ�เสนอ ควรพูดคุยกับผู้ฟังในเรื่องอื่นที่จำ�ได้ไปก่อน ( และต้อง เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่พูดอยู่ด้วย ) เช่น ที่มาของโครงงาน หรือแนะนำ� สิ่งที่ผู้ฟังจะได้เห็นในไฟล์นำ�เสนอ อย่าปล่อยให้เกิดช่องว่างเพราะความ สนใจของผู้ฟังก็อาจขาดช่วงตามได้ ดูเวลาให้พอครบ หากพูดนานเกินไป สมาธิของผู้ฟังก็จะลดลง ตามไปด้วย อีกทั้งจะเป็นการล่วงเกินเวลาของเพื่อนที่จะนำ�เสนอรายต่อ ไป ควรคัดเลือกเนื้อหาเท่าที่จำ�เป็นและซักซ้อมบ่อย ๆ เพื่อสังเกตว่าการ พูดแต่ละครั้งเราใช้เวลาเท่าไร แล้วจึงนำ�ไปปรับปรุง สรุปจบให้จับใจ ควรทิ้งข้อคิดแก่ผู้ฟัง หรือตอกย้ำ�ใจความ สำ�คัญอีกครั้งเพื่อให้ผู้ฟังจดจำ�เนื้อหาในการพูดของเราได้ดียิ่งขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดการพูด รอยยิ้มเป็นสเน่ห์อันทรงพลังที่ จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ฟังสนใจเราและอยากรับฟังสิ่งที่เราพูด แน่นอนว่าใน ทางตรงกันข้าม หากใบหน้าเราดูเครียด อารมณ์ไม่ผ่องใส ผู้ฟังก็จะรู้สึก เครียดตามและไม่เพลิดเพลินกับการพูดของเรา จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เราก็สามารถนำ�แต่ละข้อมาเรียงกัน ได้ว่า เตรียมให้พร้อม ซ้อมให้ดี ท่าทีสง่า หน้าตาสุขุม ทักที่ประชุมไม่ วกวน เริ่มต้นให้โน้มน้าว เรื่องราวให้กระชับ ตาจับที่ผู้ฟัง เสียงดังให้ พอดี อย่าให้มีเอ้ออ้า ดูเวลาให้พอครบ สรุปจบให้จับใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส ตลอดการพูด แพรวขอเพิ่มเติมสักนิดว่าเราต้องมีความมั่นใจด้วย ถ้าเรา มีความมั่นใจ เราก็จะสามารถพูดได้อย่างราบรื่นและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ได้อย่างรวดเร็ว ความมั่นใจนี้ได้มาจากการฝึกฝนและพัฒนาตนเองบ่อย ๆ เชื่อเถอะค่ะว่าหากเรามีความมั่นใจแล้ว การพูดต่อหน้าคนจำ�นวน มากจะไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้นหรือน่าอายเลย กลับเป็นเรื่องสนุกเสียด้วยซ้ำ� รู้อย่างนี้แล้วท่านผู้อ่านอย่าลืมนำ�หลักที่กล่าวมาด้านบนไปใช้นะคะ แพรว รับรองว่ามันจะช่วยให้การพูดของท่านผู้อ่านดีขึ้นอย่างแน่นอน ! สำ�หรับฉบับนี้แพรวขอลาไปก่อน ท่านผู้อ่านท่านใดมีข้อสงสัย เกี่ยวกับภาษาไทยหรืออยากให้แพรวนำ�เรื่องใดมานำ�เสนอก็ส่งข้อความมา ได้ที่เพจเฟซบุ๊คของวารสารเนียนะคะ พบกันในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ :D

~




PHOTOHUNT

ฉบับนี้เราลองมาเปลี่ยนกติกาเพื่อให้เข้ากับธีมของเล่มกันสักเล็กน้อย ถ้าโรงเรียนของเรามีโปเกม่อนอาศัยอยู่ด้วยจะเป็นยังไงนะ ? คงสนุกน่า ดูเลย ลองหาดูว่าในภาพมีโปเกม่อนทั้งหมดกี่ตัว เมื่อรู้แล้วส่งคำ�ตอบมาเป็นเมสเสจเข้าแฟนเพจของวารสารเนีย /nyajournal ผู้ที่ตอบถูก ๕ คนแรก จะได้รับรางวัลที่ระลึกจากชุมนุมแมวบินนะจ๊ะ !!




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.