สวัสดีครับ สำ�หรับวารสารเนียฉบับนี้ก็เป็นฉบับสุดท้ายของปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ แล้ว นับเป็นอีกปีหนึ่งที่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายที่บ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะเป็นการ เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ หรือวิกฤติน้ำ�ท่วมที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หรือแม้แต่ที่ โรงเรียนเราก็มีหลายสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้น อาทิ การมีพี่ปิ๊กซึ่งเป็นสุภาพสตรี ที่มาเป็นประธานนักเรียน เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ ไม่เกิดขึ้นมานานหลัง จากประธานนักเรียนที่เป็นผู้หญิงคนล่าสุดนั้นก็คือ พี่ปุ๋ย รุ่น ๒๔ ห่าง กันถึง ๖ ปีเลยทีเดียว สำ�หรับแมวบินก็มีการเปลี่ยนแปลงอะไรต่าง ๆ มากมายเช่น กัน อย่างเช่นมีการเปลี่ยนประธานชุมนุมแทนพี่ โหลซึ่งจบไปแล้วกลาย เป็นพี่อิม คนปัจจุบัน หรือการกำ�เนิดของวารสารเนียที่น้อง ๆ อ่าน อยู่นี้ นึก ๆ ดูแล้ว ปีปีหนึ่งนั้นช่างเป็นเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก น้อง ๆ เคยลองคิดกันบ้างรึเปล่าครับว่าในแต่ละวัน เราใช้เวลาได้ อย่างคุ้มค่าแล้วหรือยัง ? หากเรามัวแต่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ เคยลงมือทำ�อะไรสักอย่าง ชีวิตของเราคงพลาดโอกาสอะไรต่าง ๆ มากมายเป็นแน่ วารสาร เนีย ฉบับที่ ๕ “ สองก้าว ” ฉบับนี้ ทีมงานของเรายัง คงติดอุปสรรคต่าง ๆ อันเกิดจากปัญหาน้ำ�ท่วม ทำ�ให้คอลัมน์บางส่วนนั้นอาจ ต้องงด แต่ว่าพวกเราก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสรรหาสารประโยชน์ดี ๆ มาให้ อยากให้ทุกคนเป็นกำ�ลังใจให้เราด้วย และเราก็ขอเป็นกำ�ลังใจ ให้ผู้ประสบภัย และอาสาสมัครผู้มีน้ำ�ใจอันงดงามทุกท่านครับ
สวัสดีปี ใหม่ พ.ศ.๒๕๕๕ ล่วงหน้า พี่ โหล ชลากร สถิวัสส์ บรรณาธิการ
WHAT HAPPENED? ภาพ ; กองบรรณาธิการ
8 OCT 20 OCT HAPPENING SINKING CITY LET’S PANIC @HOUSE*2 HOUSE RCA THEATRE
EXHIBITION
Bangkok Art and Culture Centre
8 NOV X JAPAN
20 NOV BANGKOK
2011 GOVERNER WORLD TOUR IN BIG CLEANING DAY BANGKOKNOI BANGKOK IMPACT ARENA MUANG THONG THANI
แมวบิน FLY TO LEARN KNOWING iTrend ลุยสวน โรงเล่า MAIN COURSE GET A TASTE OF ณ ปัจจุบันขณะ MSอึน DO-D หนังสือเดินทาง EN ROUTE ESSENTIAL MEGAPHONE 4 ช่องกับชลากร
10 12 14 17 19 22 25 49 51 53 56 60 62 68 71 75
แมวบิน
เรื่อง ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade
เปลี่ยน เชื่อหรือไม่ว่า ร้อยละ 80 ของขยะที่เราสร้างขึ้นทุกวัน สามารถนำ�ไปรีไซเคิลได้ ?
ให้เป็น ทอง เชื่อมั้ยล่ะว่าขยะมีค่ามากกว่าที่คิด ?
พอพูดถึงการรี ไซเคิล น้องๆ อาจเข้าใจว่าจะรี ไซเคิลที ก็ต้องเอาพลาสติกไปหลอม เอาแก้วเอากระป๋องไปหลอม เอา กระดาษมายีๆๆ แล้วขึ้นรูป ใหม่ ยุ่งยากจะตาย เด็กๆ อย่างพวก เราทำ�ไม่ ได้หรอก แน่นอนครับว่าบ้านของคนธรรมดาอย่างเราๆ ทุกคนคงไม่มีเตาหลอมหรือเครื่องจักรสำ�หรับรี ไซเคิลติดบ้านกันอยู่ ในวันหนึ่งนั้นมีขยะเกิดขึ้นถึง 4.1 หมื่นตัน โดยที่ร้อย แล้ว ดังนั้นเรื่องรี ไซเคิลปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโรงงานแปรรูปเขา ละ 20 มาจากเมืองหลวงของเรา กรุงเทพมหานคร ร้อยละ ไป เราแค่หาวัตถุดิบมาขายให้ โรงงานเหล่านั้นก็พอ 30 มาจากเมืองพัทยาและเขตเทศบาลต่างๆ ที่เหลือมาจากพื้นที่ นอกเขตเทศบาล และการกำ�จัดขยะเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 500 ทำ�ยังไงล่ะ ? บาท อาจจะดูเหมือนไม่มาก แต่ 500 บาทนี้หมายถึงค่าใช้จ่ายใน ไม่ยากเลยครับน้องๆ เพราะเรามีคนกลางที่จะมารับของ กระบวนการกำ�จัดขยะต่อ 1 ตันเท่านั้นครับ นั่นหมายความว่าในวัน จากบ้านเราไปส่งถึงมือโรงงานรี ไซเคิลอยู่แล้วนั่นก็คือซาเล้งหรือรถ หนึ่งนั้น เราสูญเสียงบประมาณไปกับขยะไปมากถึงวันละ 20 ล้าน รับซื้อของเก่านั่นเอง ในเมื่อเราไม่ต้องไปไหนไกลกว่าหน้าบ้านของ บาทเลยทีเดียว เราแล้ว ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพียงแค่น้องๆ ลองเดินสำ�รวจบ้านตัว เองสักรอบ หาที่ว่างๆ แล้วเอาพาชนะที่ ไม่ ใช่แล้ว เช่น กะละมัง ไม่เพียงเท่านั้น เทคโนโลยีกำ�จัดขยะที่ดีที่สุดที่เรามีอยู่ ถัง กล่องลังเก่าๆ มาตั้งไว้ เท่านี้เองครับ แล้วเมื่อไรก็ตามที่น้องๆ ตอนนี้คือการเผา ซึ่งมีข้อจำ�กัดอยู่มากมาย ทั้งรองรับขยะใน มีขยะที่รี ไซเคิลได้ติดมือกลับบ้านมาก็แค่มาหย่อนใส่ถังนี้ พอสัก ปริมาณที่จำ�กัด ทั้งปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้มหาศาล ระยะหนึ่งเมื่อเรารวมกันได้เยอะๆ ก็แค่ออกไปโบกมือเรียกซาเล้งมา ที่สำ�คัญคือมีค่าใช้จ่ายแพง ในขณะที่วิธีที่ถูกลงมาคือการฝังกลบก็มี รับซื้อ ขยะก็ฟรี ค่าเดินทางก็ ไม่ต้องเสีย ไม่มีเงินที่หาง่ายกว่านี้ ข้อจำ�กัดไม่แพ้กัน เพราะที่ดินที่สามารถนำ�มาใช้ฝังขยะได้นั้นเหลือ อีกแล้ว น้อยและมีราคาแพงขึ้นทุกที (ยิ่งในเมืองยิ่งไม่ต้องพูดถึง) ก่อให้ หากน้องๆ อยากรู้ว่าอันไหนรี ไซเคิลได้ อันไหนรี ไซเคิล เกิดมลภาวะทางกลิ่น อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะมีเชื้อโรคและสารพิษปน ไม่ ได้ วิธีแยกนั้นไม่ยากเลย ขยะไหนที่ย่อยสลายไม่ ได้เหมือนเศษ เปื้อนในดินและแหล่งน้ำ�ใต้ดินอีกต่างหาก อาหาร ใบไม้ เศษผักผลไม้ ล้วนนำ�ไปรี ไซเคิลได้ ใหม่แทบทั้งสิ้น ครับ ดังนั้น ทั้งเศษกระดาษ ใบปลิวที่เราได้รับแจกมา ขวด เมื่อขยะกลายเป็นปัญหาที่มากมายและมีข้อจำ�กัดรอบด้าน น้ำ� แก้วน้ำ�พลาสติก กระป๋องเครื่องดื่ม นาฬิกาเรือนเก่าที่เสีย เสียขนาดนี้ ทางออกที่ดีที่สุดที่พวกเราทุกคนสามารถทำ�ได้ ในตอน แล้ว เคสคอมพิวเตอร์ ขวดแชมพู กระป๋องแป้ง ปากกาหมึกหมด นี้ก็คือการคืนชีวิตให้ขยะอีกครั้งด้วยการรี ไซเคิล ทำ�ขยะไม่ ให้เป็น ฟอยล์ เตารีด ใบพัดพัดลมที่แตก หัวเตาแก๊สที่ตัน ฯลฯ แปลง ขยะ เผลอๆ เรายังทำ�ขยะให้กลายเป็นเงินมาใช้เล่นได้ด้วยครับ เป็นเงินได้หมดเลย 10 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
อย่างบ้านพี่ โหลก็มี กล่องลังใบโตกับถังอีก ๒ ใบ ตั้งในห้องครัว กล่องใหญ่ ใช้ ใส่พวกเศษกระดาษซึ่งมี มากหน่อย ส่วนถังอีกสอง ใบใช้ ใส่พวกพลาสติกและ ของอื่นๆ รวบรวมแล้วขายเดือนละ ครั้ง ได้ครั้งละ ประมาณ 40 – 50 บาท เป็นเศษกระดาษ โลละ 4 บาท 5 กิโล และพลาสติกรวมโลละ 10 บาท 2 กิโล ที่เหลือก็มักจะเป็น ของอย่างอื่น เช่น กระป๋องแป้งตรางู หรือของใช้ ในบ้านที่เสีย แล้วก็มาขายรวมด้วย 40 – 50 บาทต่อเดือนเหมือนจะไม่มากนัก แต่ก็เอาไปซื้อข้าวซื้อขนม จ่ายค่ารถไปโรงเรียนได้หลายเที่ยวอยู่นา ที่สำ�คัญเงินได้ฟรีๆ ใครจะไม่เอาล่ะ เพราะฉะนั้นแล้ว สำ�หรับพี่ โหล ขยะก็เหมือนเงิน ทอง จะทิ้งทั้งที่มันยังมีค่าก็น่าเสียดาย แถมทิ้งไปมันก็ทำ�ลายสิ่ง แวดล้อมอีกต่างหาก เมื่อซื้อเครื่องดื่มมาสักขวด หรือได้รับใบปลิว อะไรมา หากไม่ลำ�บากนักหรือกำ�ลังกลับบ้านพอดีก็นำ�มารวบรวม ไว้ ไม่นานมันก็มากพอขายเอง การขายของเก่าให้ซาเล้งแบบนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายอันมหาศาลที่ประเทศต้องสูญไปกับการ ทำ�ลายขยะทุกวันๆ ยังเป็นการปลูกฝังตัวเราเองให้รู้จักแยกขยะให้ เป็นนิสัย แยกของที่รี ไซเคิลได้ – ย่อยสลายได้ออกจากกัน ซึ่ง ช่วยลดภาระของคนงานที่ โรงแยกขยะได้อีกต่อ ส่วนของที่เราเอา มาขายได้ เงินก็เข้ากระเป๋าเรา แถมยังสร้างงานสร้างอาชีพให้ซา เล้งซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนคนที่มีรายได้น้อยได้อีกต่างหาก ต่อจากนี้ เสียงแตรแปลกๆ ของซาเล้งหรือเสียงประกาศ จากรถกระบะรั บ ซื้ อ ของเก่ า คงจะไม่ ใ ช่ เ สี ย งรบกวนที่ น่ า รำ � คาญ สำ�หรับน้องๆ อีกต่อไป คงกลายเป็นเสียงระฆังที่เราเฝ้ารอที่จะได้ เงินค่าขนมมาฟรีๆ แล้วล่ะเนอะ ll NYA~ JOURNAL ll
อ้างอิง http://www.thaienvimonitor.net/Database/garbage.htm#garbage2 http://www.tungsong.com/Environment/Garbage_n/default.asp http://www.thaienvimonitor.net/Concept/priority4.htm
จะลดภาระค่าใช้จ่ายประเทศและช่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งกว่า นี้อีกได้ โดยการ “ลด” การสร้างขยะด้วย บริโภคอาหารแต่พอดี ไม่เหลือทิ้ง และขยะบางประเภทที่มีข้อจำ�กัดในการขายให้ซาเล้ง หน่อย เช่น โฟม ถุงก๊อบแก๊บ ถุงบรรจุภัณฑ์สินค้าต่างๆ ซึ่ง ไม่ค่อยรับซื้อ (เว้นเสียแต่รวบรวมได้ปริมาณมากจริงๆ) โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ถุงร้อนเปื้อนเศษอาหารและแวรปพลาสติกห่อหุ้มอาหาร ที่เขาไม่รับซื้อเพราะมันจะเน่าเสียและส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์เสียก่อน ที่จะถึงโรงงาน (ที่จริงแล้วมีเครื่องจักรที่สามารถทำ�ความสะอาด ขยะเหล่านี้ ได้ก่อนเข้ากระบวนการรี ไซเคิล) ก็ต้องลดการใช้ ให้น้อย ที่สุดและนำ�มาใช้ซ้ำ�ให้ ได้มากที่สุดนะครับ ll 11
FLY TO LEARN
เรื่อง ; วรกานต์ วินิจชัยมงคล @w_worrkan
เรียนกับความฝัน (2)
มุมมองของความฝัน พอมาถึงม.๖ เหล่าเด็กเอ็นท์ทั้งหลาย ก็มาถึงทางแยกสำ�คัญในชีวิตอีกครั้ง
เพราะต้องเลือกสายเรียนที่เป็นด่านสุดท้ายก่อนที่พวกเราจะออกสู่สังคม จริง ชีวิตจริง ไม่ว่าจะเรียนวิศวะ เรียนหมอ เรียนสถาปัตย์ เรียนบัญชี เรียน รัฐศาสตร์ เรียนอักษร ฯลฯ พี่กานต์เองก็เพิ่งผ่านช่วงเวลานั้นไม่นาน และก็ ได้ เห็นบรรยากาศและความรู้สึกของเพื่อนๆ วัยเดียวกัน ที่น่าสังเกตก็คือ ปัจจัย ที่เด็กวัยนี้เลือกคณะที่จะเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นไม่ ใช่ความใฝ่ฝันที่แท้จริงซะแล้ว หลายคนถูกครอบครัวผลักดันว่าให้เรียนอย่างนู้นอย่างนี้จะมีงานทำ� ไม่ตกงาน รายได้ดี การงานมั่นคง หลายคนก็ ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเรียนได้หรือเปล่า ก็ เปลี่ยนใจเบนเส้นทางของตนเองเอาดื้อๆ ยังไม่ทันได้แม้แต่ลองสอบหรือลองยื่น คะแนนไปสมัครเรียนด้วยซ้ำ� และหลายคนก็ ไม่มั่นใจในระบบการรับนักศึกษา ที่เปลี่ยนแปลงทุกปี ประกอบกับความวิตกกังวลที่เด็กวัยนี้ทุกคนต้องเจอ คือ ความกลัวว่าจะไม่มีที่เรียน เมื่อติดสถาบันไหนได้ก็จะคว้าไว้ก่อน แล้วพอต่อมานักเรียนเหล่านั้นพบว่า “นี่ ไม่ ใช่ตัวเรา” เมื่อมาสัมผัสชีวิตจริงในรอบรั้วมหาวิทยาลัย สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือต้องการออกจากที่เรียนเพื่อหาช่องทางการเรียนอื่นๆ หรือที่เขาเรียกว่า “เด็กซิ่ว” ไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยแข่งกับรุ่นน้องปี ต่อไป เสียเวลาฟรีๆ ไปปีนึงเต็มๆก็ยอม ค่าลงทะเบียนเรียนหลายหมื่นบาทก็ต้องทิ้งมันไป ยิ่งเดี๋ยวนี้จำ�นวนเด็กซิ่วเพิ่มขึ้น มากทุกๆปี ในหมู่นักศึกษา 10 คนมีเด็กซิ่วอย่างน้อยล่ะ 1 คน บางคณะก็มากถึง 2-3 คน 12 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
สิ่งที่พี่กานต์อยากจะแนะนำ�น้องๆ ทุกคนซึ่งยังอยู่ ใน วัยที่ยังเลือกได้ อยากให้น้องๆ ถามตัวเองอีกครั้งว่าเราอยาก เป็นอะไรกันแน่ ไม่ต้องถามหรอกค่ะว่าเราเรียนเพื่ออะไร เพราะคำ�ตอบก็คือเราเรียนเพื่ออนาคตแน่อยู่แล้ว ลองมอง ย้อนไปตั้งแต่สมัยเด็กว่าเราเคยอยากเป็นอะไร นั่นอาจจะ เป็นคำ�ตอบที่แท้จริงของเราก็ ได้ เพราะนั่นคือความใฝ่ฝันที่ บริสุทธิ์ ไม่ถูกเบนเบี่ยงด้วยความจริงหรือความเข้าใจอะไรที่ เรารับรู้เมื่อเราโตขึ้น อย่าเพิ่งไปคิดว่า เฮ้ย ความฝันนั้น เว่อร์ ไปหรือเปล่า ความฝันนี้มันเกินตัวไปหรือเปล่า ลอง คิดก่อนเถอะค่ะ ถ้าทุกคนพยายามบังคับทางของตัวเองให้ พอมีชีวิตรอดในสังคมเท่านั้น โลกนี้คงไม่มีบุคคลสำ�คัญของ ประวัติศาสตร์หรือผู้ที่ประสบความสำ�เร็จในชีวิตและอาชีพ อย่างยิ่งใหญ่จนชื่อดังก้องโลกอย่างที่มีมากมายในวันนี้แน่ๆ อย่าจำ�กัดเส้นทางของเราด้วยทางเลือกที่เราคุ้นชิน ครู ข้าราชการ พ่อค้าแม้ขาย นักกฎหมาย นักธุรกิจ วิศวกร เพราะความจริง โอกาสทางการศึกษานั้นมีหลาย แขนงละเอียดมาก แต่เพราะค่านิยมต่างๆ ทำ�ให้เราได้ยิน และรู้จักแต่สายการเรียนหลักๆ เท่านั้น และที่มีหลากหลาย มากกว่านั้นอีกคืออาชีพในสังคมจริงๆ เราเดินไปแต่ละที่ก็ เจอผู้คนที่ต่างหน้าที่การงานมากมาย พี่กานต์ขอยกตัวอย่าง ให้ ลองนึกดูนะคะว่าอาชีพที่เกี่ยวข้องกับปากกาด้ามนี้มีอะไร บ้าง? อาชีพที่พี่กานต์มองเห็นว่าเกี่ยวข้องกับปากกาด้ามนี้ คือ นักออกแบบลายปากกา นักออกแบบลักษณะด้ามปากกา ผู้พัฒนาคุณภาพน้ำ�หมึก ผู้ผลิตแม่พิมพ์ต้นแบบในการขึ้นรูป พลาสติกให้เป็นทรงปากกา ผู้พิมพ์ลายบนปากกา พ่อค้า คนกลาง ตัวแทนจำ�หน่ายตามห้างร้านต่างๆ นักวิจัยการ ตลาด ผู้ทดลองคุณภาพปากกา คนที่ ไปไล่ตามจับการลอก เลียนแบบและละเมิดลิขสิทธิ์ลาย นักออกแบบสื่อโฆษณา และบรรจุภัณฑ์ ฯลฯ เห็นไหมว่าการงานหน้าที่นั้นมีอะไร มากมายกว่าที่เราได้ยินตามปกติจริงๆ นี่ยังไม่แปลกเท่าไร นัก น้องเคยได้ยินไหมว่ามีอาชีพนักชิมไอศกรีม นักทดลอง ความนุ่มของเตียงรุ่นใหม่ พนักงานเก็บขี้หมา นางแบบที่ ขายแต่ความงามของมือและขาในโฆษณาผลิตภัณฑ์ คนรับ ซื้อยุงตาย อาชีพเหล่านี้มีจริงๆ และผู้ที่บุกเบิกอาชีพเหล่านี้ ก็ประสบความสำ�เร็จและมีรายได้ดีมากเสียด้วย เห็นไหมคะ ว่าอาชีพที่ประสบความสำ�เร็จได้ ไม่เพียงจำ�กัดที่สิ่งที่เรารู้จัก จริงๆ นอกจากความหลากหลายของอาชีพแล้ว “เรียน จบไปมีงานทำ�หรือเปล่า?” เป็นอุปสรรคใหญ่ยักษ์ที่ทำ�ให้เรา สั่นคลอนใจมากๆ กับสิ่งที่เราอยากเรียน ในความเห็นของพี่ กานต์ พี่คิดว่าสภาพสังคมเดี๋ยวนี้จะมายึดว่าคณะนี้เรียนจบ มีงานทำ�ชัวร์คงจะใช้ ไม่ ได้แล้ว เพราะมีคนมากมายเรียนด้วย ความเชื่อมั่นว่าเรียนแล้วไม่ตกงาน แต่ ไม่ ได้เรียนด้วยความ ชอบส่วนตัวจริงๆ สุดท้ายเมื่อจบมาก็จะพบกับบัณฑิตใหม่ ที่คิดเหมือนกัน มาเหมือนกันเปี๊ยบ แล้วอาชีพที่เคยเข้าใจ ll NYA~ JOURNAL ll
ว่ายังไงก็อยู่รอดก็กลายเป็นอาชีพที่มีเกินความต้องการของ ตลาดแรงงานอยู่ดี ถ้าไม่มี ใจรัก แล้วจะมีแรงที่ ไหนผลักดัน ตัวเองให้แข่งขันกับคนอื่นได้ จริงไหมคะ ? เช่นนั้นแล้ว ถ้าสิ่งที่เราอยากเรียน สิ่งที่เราอยาก เป็นและอยากทำ�เป็นอาชีพในอนาคตเป็นสิ่งที่มีน้อยในสังคม หลายคนอาจมองว่ามันเป็นความเสี่ยงที่จะไม่มีงานทำ� ลอง มามองมุมกลับบ้าง ถ้าเราคือส่วนน้อย เราก็มีคู่แข่งน้อยเช่น กัน ยิ่งถ้าสิ่งที่เราจะเป็นนั้นเป็นที่ต้องการมากแต่แทบมีคนทำ� น้อยมากหรือไม่มี ใครทำ�มาก่อน มันก็คือ....โอกาสทั้งนั้นเลย นะคะ
“ ตลอดชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง เราทำ�งาน ประมาณ 80,000 ชั่วโมง 80,000 ชั่วโมงนี้ อาจเป็นความทุกข์ตลอดชีวิตหากเราอยู่กับสิ่ง ที่เราไม่ชอบ แต่ถ้าเราได้ทำ�งานกับสิ่งที่เรารัก จริงๆ เราจะไม่รู้สึกว่า 80,000 ชั่วโมงนั้นคือ การทำ�งานเลย มันคือการเล่น การได้สนุก และความสุขทั้งนั้น ” แปลงจากคำ�พูดของบัณฑิต อึ้งรังษี ในหนังสือ ต้องเป็นที่หนึ่งให้ ได้ คุณบัณฑิต อึ้งรังษี คนคนนี้มีความฝันแต่วัยเยาว์ว่า อยากเป็นวาทยากร หรือ คอนดัคท์เตอร์วงออเครสตร้า เขา เติบโตท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนรอบข้างว่าอาชีพ แปลก ๆ อย่างงี้แทบไม่มี ใครสนใจ เรียนไปก็ ไม่มีอนาคต แต่เมื่อเติบโตขึ้น เขาก็ ได้พิสูจน์ตนเองแก่ชาวไทยและชาว โลกโดยการเอาชนะการประกวดและก้าวสู่ตำ�แหน่งวาทยากร อันดับหนึ่งของโลก รายได้ปีละหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ คนคนนี้คือแรงบันดาลใจอันดีเยี่ยมสำ�หรับทุกคนที่มีความฝัน และอยู่ ในสถานการณ์เช่นเดียวกัน หากคนไทยทำ�อะไรด้วย ความตั้งใจจริงก็ ไม่แพ้ชาติใดในโลกหรอกค่ะ สุดท้ายนี้ พี่กานต์อยากย้ำ�อีกครั้งให้น้องๆ รีบมอง หาเส้นทางความใฝ่ฝันของตัวเอง เพราะเมื่อเราเลือกผิดแล้ว มันเปลี่ยนยาก หรือมันอาจเปลี่ยนชีวิตเราไปทั้งชีวิต จะทุกข์ หรือสุขมันก็ขึ้นอยู่กับว่าทุกครั้งที่เราต้องเลือก เราเลือกถูก ทางหรือเปล่า อย่าให้อะไรจำ�กัดความฝันของเรา และอย่า รอช้าเดินตามเส้นทางของตัวเองนะคะ ขอให้น้องๆ ทุกคนมีความสุขกับการเรียนรู้ความฝัน ของตัวเองค่ะ
ll 13
KNOWING เรื่อง ; กลยุทธ์ แก้วยศ
ดีจริง หรือ ซ้ำ�เติม ? เราคงจะเคยได้ยินเรื่องของเจ้า EM Ball ก้อนจุลินทรีย์มหัศจรรย์ตามสื่อต่างๆ กันมาบ้างนะครับ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนเกิดข้อถกเถียงต่างๆนานา บ้างว่าใช้ ได้ผลจริง บ้าง ว่าไม่ ได้ช่วยอะไรซ้ำ�ร้ายจะยิ่งทำ�ให้น้ำ�เน่าเสียไปกว่าเก่า แล้วตกลงว่า...มันใช้ ได้จริงหรือเปล่า?
เรามาทำ�ความรู้จักกับเจ้า EM Ball กันก่อนดีกว่า EM ย่อมาจาก Effective Microorganisms แปลว่ากลุ่มจุลินทรีย์ที่มี ประสิทธิภาพซึ่งได้มาจากการหมักหัวเชื้อจุลินทรีย์เข้ากับเศษอินทรียวัตถุอย่างเช่น ซาก พืช เศษอาหาร โปรตีนจากน้ำ�นม หอยเชอร์รี่บด ฯลฯ เรานิยมนำ�มาใช้ประโยชน์ หลายอย่าง เช่น นำ�ไปปรับสภาพดินและทำ�ลายศัตรูพืชก่อนปลูกพืชผัก ใช้ล้างสุขภัณฑ์ ล้างพื้น กำ�จัดกลิ่น และที่นิยมมากในช่วงนี้คือใช้บำ�บัดน้ำ�เสียซึ่งก็คือน้ำ�ท่วมขังนั่นเอง เพราะ EM มีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพความสมดุลของสิ่งแวดล้อมโดยที่ ไม่เป็นอันตราย ต่อสิ่งมีชีวิต ขณะเดียวกันก็ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารเคมีอื่นได้เพราะสารเคมีจะไปฆ่า จุลินทรีย์ ใน EM และทำ�ให้ EM ที่ ใช้หมดประสิทธิภาพไป สรรพคุณดีขนาดนี้ทำ�ไมถึงมีคนออกมาบอกว่ามันจะยิ่งทำ�ให้น้ำ�เน่าเสียละ? ก็เพราะว่ามีคนนำ�มันไปใช้อย่างผิดวิธี ไงล่ะ การใช้ EM Ball ที่ถูกวิธีคือ หลัง จากปั้นเจ้าลูก EM Ball เสร็จแล้วจะต้องนำ�ไปหมักบ่มต่ออย่างน้อย 10 – 15 วัน (หรือ มากกว่านั้นขึ้นอยู่กับปริมาณ) เพื่อให้จุลินทรีย์ ได้กินอาหารและขยายพันธุ์ ใน EM Ball ถ้าหากไม่ทำ�เช่นนี้ ปั้นเสร็จแล้วโยนลงน้ำ�เสียเลย จุลินทรีย์ดีๆ ก็จะตาย แบคทีเรียก็จะ มากินอาหารใน EM Ball กลายเป็นทำ�ให้น้ำ�ขุ่นเน่าเสียยิ่งกว่าเดิมเสียอีก สรุปแล้วคือ หากใช้ EM Ball อย่างถูกวิธี รับรองเลยว่าจะทำ�ให้น้ำ�สะอาดอย่าง แน่นอน แต่ข้อเสียของมันก็มีนะ นั่นคือความสะอาดนั้นจะอยู่ ได้ ไม่นาน อยู่ ได้แค่ประมาณ 7 วัน นอกจากนี้ยังไม่ควรใช้ภายในตัวบ้านด้วยเพราะทรายและเศษวัตถุใน EM Ball ที่ ลอยเต็มบ้านของน้องๆ ทำ�ให้ทำ�ความสะอาดยากหรือเข้าไปอุดปลั๊กไฟได้ ส่วนภาพในหน้าขวามือนี้คือ Infographic เรื่องของ EM Ball จาก ดร. วิยดา กุนทีกาญจน์ (ปริญญาเอกด้านจุลชีววิทยา) คณะเทคโนโลยีชีวภาพ ม.อัสสัมชัญ ครับ ทำ�ให้เราเข้าใจมันได้ง่ายขึ้นมากทีเดียว
ll NYA~ JOURNAL ll
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 11
GREEN CLEANING ทำ�ความสะอาดแบบปลอดสารพิษ เพียงโรยผง Baking Soda ในจุดที่ต้องการทำ�ความสะอาดให้ ทั่ว ทิ้งไว้สักพัก แล้วเช็ดล้างด้วยน้ำ�อุ่น ใช้แปรงขัด แล้วฉีดน้ำ� ตามก็ได้ หรือ ใช้ผง baking soda ผสมกับน้ำ� คนให้เข้ากัน แล้วใช้ขัดถูได้เลยค่ะ อีกวิธี โรยผง Baking Soda ให้ทั่วบริเวณ คราบดำ� แล้วเทน้ำ�ส้มสายชูตาม จะฟู่ๆ แล้วทิ้งไว้สักพัก ฉีดน้ำ� คราบเชื้อราจะหลุดออกมาเป็นแผ่นๆเลยค่ะ ทดลองทำ�มาแล้ว ค่ะ ได้ผลจริงๆ - การกำ�จัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก็เช่นกัน ใช้ผง Baking Soda โรยบริเวณขยะ ระหว่างรอให้คนมาเก็บไป - เช็ดล้างคราบน้ำ�มัน เช่นกัน โรย Baking Soda ทิ้งไว้ สักพัก แล้วใช้น้ำ�อุ้นล้างออก - ภาชนะหรือข้าวของบางอย่างที่เราเก็บไม่ทัน แล้ว ถูกน้ำ�ท่วม ก็เอาแช่ Baking Soda ค้างคืนไว้เลยค่ะ ฆ่าเชื้อโรค แล้วก็กำ�จัดกลิ่นให้หมดไป - ใช้baking soda ผสมกับผงซักฟอก เพื่อทำ�ความ สะอาดผ้าต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบ และกำ�จัด กลิ่นค่ะ - ใช้ baking soda ผสมน้ำ�อุ่นทำ�ความสะอาดโซฟาผ้า และ พรม ลองดูนะคะ เข้าไปดูบ้านคราวนี้ลองติด Baking Soda กับน้ำ�ส้มสายชูไปด้วยค่ะ เผื่อจะใช้กำ�จัดคราบสกปรก และกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกไป และยังไม่ทิ้งสารพิษตกค้าง ปลอดภัยกับคน และสิ่งแวดล้อมด้วยนะคะ
สุดสัปดาห์นี้ คงมีหลายๆคนแวะเข้าไปดูบ้านที่น้ำ�ท่วม และอีกหลายๆคนที่เริ่มทำ�ความสะอาดบ้าน มีคำ�ถามมากมาย ว่าเราจะใช้อะไรทำ�ความสะอาดบ้านกันดี ในความเห็นของ กานต์ เราควรใช้สิ่งที่ทำ�ความสะอาดได้ดี ไม่แพง เป็นมิตรกับ สิ่งแวดล้อม และปลอดภัยกับ..เรา..คนที่ต้องทำ�ความสะอาด ด้วยค่ะ ถ้าเราต้องสูตรดมสารเคมีมากๆระหว่างทำ�ความ สะอาดก็คงไม่ดีเป็นแน่ เราจึงมีคำ�แนะนำ�สำ�หรับของที่หา ง่ายๆ ปลอดภัยเป็นของติดครัวของหลายๆบ้าน อย่าง Baking Soda หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต ที่เราใช้ในการทำ�ขนมเค้กนั่น ล่ะ และน้ำ�ส้มสายชูค่ะ ทั้งโซเดียม ไบคาร์บอเนต และน้ำ�ส้มสายชูจะว่าไปแล้ว ที่มา : inhabitat.com ก็สามารถทำ�ความสะอาดได้ทุกพื้นที่ ตลอดจนช่วยกำ�จัดกลิ่น ที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ไม่มีสาร พิษ และช่วยกำ�จัดกลิ่น สำ�หรับ Baking Soda นั้น มีการค้น พบมานานแล้วว่ามันสามารถกำ�จัดเชื้อราได้ และปลอดภัยกับ สิ่งแวดล้อม งานวิจัยจาก มหาวิทยาลัยคอร์แนล ได้ใช้ Baking Soda ผสมน้ำ� ฉีดให้กับพืชเพื่อกำ�จัดเชื้อราด้วย จึงปลอดภัย กับสิ่งแวดล้อม ชัวร์ค่ะ…หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป วิธี ใช้ก็ง่ายๆค่ะ มาดูว่าเราจะใช้มันทำ�ความสะอาดอะไรได้บ้าง - ทำ�ความสะอาดเชื้อรา และคราบดำ�บนพื้นและผนัง 16 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
iTrend
เรื่อง ; กองบรรณาธิการ
พาชม office ของ facebook เ
ราพูดถึง facebook มาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฟีเจอร์ใหม่ๆ เรื่องของข่าวคราว อัพเดทต่างๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฟซบุ๊คกลาย เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่สำ�คัญขึ้นมาในชีวิตเราในปัจจุบัน iTrend ฉบับนี้จะพาไปทัวร์เบื้องหลัง social network ที่มีประชากรมากที่สุดใน โลก พอจะตั้งเป็นประเทศใหม่ได้เลยนี้ว่าเค้าอยู่กันทำ�งานกันยังไง ( ออฟฟิศของ Facebook ตั้งอยู่ที่เมือง Palo Alto, California )
กรอบรูปโลโก้ของเฟซบุ๊คที่เต็มไปด้วยลายเซ็น อยากจะรู้จริงๆ ว่าลายเซ็นพวกนี้เป็นของใครกันนะ
แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่พนักงานที่อยู่ใน บริเวณที่เป็นออฟฟิศก็น้อยมาก
ll NYA~ JOURNAL ll
ห้องทานอาหารและนั่งเล่น ของบรรดาพนักงานเฟซบุ๊ค
ll 17
ไอเดียที่ดีย่อมเกิดในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง ไร้ซึ่งสิ่งรบกวนทั้งใจและ กาย นี่เป็นเหตุผลที่ห้องทำ�งานของเฟซบุ๊คนั่น น่าทำ�งานเหลือเกิน
ล ... โล่งเกินไปรึเปล่า = = จุดบรรจบของทุกไอเดียจะถูกนำ�มากลั่นกรองที่นี่ ห้องประชุมสไตล์ โมเดิร์นสมกับเป็นเจ้าพ่อ social network จริงๆ
เพราะไอเดียเกิดได้ไม่เลือกที่ ที่นี่จึงมีกระ ดานอยู่แทบทุกที่ให้จดความคิดไว้กันลืม
18 ll
ขอบคุณภาพจาก -- inside facebook
ll NYA~ JOURNAL ll
๑ . ธ ร า อาค ส
้ ี น น ั ว ง ึ ถ . .. ม ่ ิ ร แรกเ
ลุยสวน
เรื่อง ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade ภาพ ; กษิดิษ รุจาคม @PatZX
บนเนื้อที่ ๒๕ ไร่ ๓ งาน ๑๘ ตารางวา และ เป็นเวลากว่า ๓๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ โรงเรียนสวน กุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี บ้านของเราแห่งนี้ก่อตั้ง ขึ้น น้องๆ เชื่อไหมครับว่าในบรรดาทุกสิ่งทุกอย่างใน รอบรั้วโรงเรียนเรามีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่อยู่เคียง คู่ โรงเรียนมาตั้งแต่เริ่มแรก และในโอกาสนี้ ลุยสวน ขอนำ�พาน้องๆ ทุกคนมารู้จักอาคารที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ ที่สุดในโรงเรียนของเรา อาคาร สธ.๑ นั่นเองครับ
หลังจากที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศสถาปนา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ๒ (ผาสุก มณีจักร) ขึ้นเมื่อ วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๑ (อย่าเพิ่งงง นั่นคือชื่อแรกสุดของ โรงเรียนเรานั่นเอง) โรงเรียนของเราก็ ไม่ ได้มีสภาพพร้อมรับ นักเรียนมาศึกษาได้ทันที เพราะยังเป็นเพียงที่นาเปล่าๆ ที่ กำ�ลังอยู่ ในขั้นการถมและปรับสภาพพื้นที่เท่านั้น ไม่มีอาคาร เรียนสักหลัง (ถ้าน้องๆ อยากรู้ว่าที่ดินสมัยนั้นก่อนที่จะเป็น โรงเรียนเราเป็นยังไง ลองมองผ่านหน้าต่างไปด้านหลังอา คารสธ.๒ แบบนั้นแหละครับ) เราจึงต้องฝากนักเรียนชาย ไปเรียนที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นักเรียนหญิงก็เรียน ที่ โรงเรียนสตรีนนทบุรี จนกระทั่งในปีการศึกษาต่อมา ปี ๒๕๒๒ โรงเรียนของเราได้รับงบประมาณในการสร้างอาคารเรียน ชั่วคราวและอาคารเรียนถาวร รวมเป็น ๒ หลัง เมื่ออะไรๆ ก็พร้อมแล้ว เราจึงได้ย้ายนักเรียนที่ฝากเรียนไว้ที่สวนใหญ่ และสตรีนนท์กลับมาเรียนที่บ้านของเราครับ ต่อมาวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๕ ในสมัยของท่านผู้ อำ�นวยการอัมพา แสนทวีสุข ท่านผู้อำ�นวยการคนแรกของ
20 ll
โรงเรียนเรา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระนามาภิไธยย่อ “สธ.” ให้เป็นนามของอาคาร เรียนสองหลังแรกของโรงเรียน และทรงเปิดอาคารเรียน ทั้ง ๒ หลังนี้ด้วยพระองค์เอง อาคารเรียนถาวรที่เคยไม่มี ชื่อจึงมีชื่อว่า สธ.๑ ซึ่งเป็นชื่อที่เราเรียกขานมาจนปัจจุบัน นี้ ส่วนอาคารเรียนอีกหลังที่ทรงเปิดคือ อาคาร สธ. ๒ ซึ่ง ตั้งอยู่ตรงข้ามกับอาคาร สธ.๑ นั่นเอง (สร้างแล้วเสร็จเมื่อ ปี ๒๕๒๔ ส่วนอาคารเรียนชั่วคราวนั้นเป็นเพียงอาคารโครง เหล็กและผนังไม้อัด จึงไม่ ได้ทำ�พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ต่อ มาเสื่อมโทรมลงมากจึงสร้างอาคาร สธ.๔ ขึ้นแทนที่ ในปี ๒๕๓๙) โดยอักษรพระนามาภิไธยย่อ สธ ที่ประดับอยู่บน อาคารในวันนั้น ทำ�ขึ้นจากโฟมพ่นสีทอง ซึ่งเป็นผลงาน ของนายอมร นิพันธ์ประศาสน์ อาจารย์หัวหน้าหมวดวิชา ศิลปศึกษาในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นวัสดุโลหะพ่นสีทอง) นับแต่นั้นมา อาคารสธ.๑ ก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ นักเรียนโรงเรียนเราได้ ใช้เวลาอยู่ด้วยทุกวัน เพราะเมื่อถึง
ll NYA~ JOURNAL ll
เวลาพักกลางวัน เราต้องมารับประทานอาหารที่ โรงอาหาร ชั้น๑ (เช่นเดียวกับอาจารย์ที่รับประทานอาหารในห้อง อาหารครู “สุโขสโมสร”) ยามถึงเวลาเรียน นักเรียนต่าง ก็กระจายแยกย้ายไปเรียนตามห้องเรียนต่าง ๆ ที่มีทั้งหมด ๓๒ ห้องในอาคารนี้ นอกจากโรงอาหารและห้องเรียนแล้ว อาคาร สธ.๑ ยังมีห้องสำ�คัญอื่นๆ อีก ได้แก่ ชั้น ๒ มีห้องพักครูกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศูนย์การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ และบันไดทางเชื่อมระหว่าง อาคาร ๖ และอาคาร ๔ ชั้น ๓ มีห้องพักครูกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ และห้องเรียนคอมพิวเตอร์ ชั้น ๔ ชั้นบนสุดก็มีห้องพักครูกลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี (บางส่วน) และทางเดินเชื่อม ระหว่างอาคารสธ. ๔ แม้ว่ากิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่อาคาร สธ.๑ แห่ง นี้อาจจะไม่ โดดเด่นมากเท่าลานพระรูป หอประชุม หรือ สนามฟุตบอล แต่ สธ.๑ ก็มีความสำ�คัญในฐานะที่เป็น อาคารหลังแรกที่อยู่เคียงคู่ โรงเรียนเรามาตั้งแต่เปิดสอน พี่
ll NYA~ JOURNAL ll
โหลเชื่อว่า ในระยะเวลา ๖ ปีที่น้องๆ อยู่ที่นี่ มาต่อแถว เบียดเสียดซื้ออาหารและช่วยกันหาโต๊ะว่าง ๆ กับเพื่อนช่วง พักกลางวัน และก็ต้องมีอย่างน้อยปีนึงแหละที่ ได้มีห้องโฮ มรูมในอาคารหลังนี้ คงจะเป็นช่วงเวลาที่จะได้สร้างความ ผูกพันกับอาคารสธ.๑ ไม่มากก็น้อย
เป็นเวลากว่า ๓๐ ปีแล้วที่อาคาร สธ.๑ นี้ยังคงเป็น บ้านอีกหลังของชาวสวนกุหลาบนนท์ที่ ใช้ศึกษาและ สร้างความทรงจำ�ในวัยเยาว์อันสนุกสนานตั้งแต่สมัย รุ่นพี่รุ่นที่ ๑ รู้อย่างนี้แล้ว พวกเราชาวสวนนนท์ก็ ต้องใส่ ใจดูแล ช่วยกันรักษาความสะอาด ถนอมโต๊ะ เรียนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และไม่ขีดเขียนกำ�แพง ช่วยกันนะครับ เพื่อให้อาคาร สธ.๑ แห่งนี้เป็นที่ที่ เปี่ยมล้นด้วยบรรยากาศเก่าๆ ที่น่าระลึกถึง และ รักษามนต์ขลังความเป็นโรงเรียนเราไว้ ได้ตลอดไป ll 21
โรงเล่า
เรื่อง/ภาพ ; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz
ส
วัสดีครับทุกคน บ้านแห้งกันรึยังครับ? บ้านผมแห้ง แล้วครับ ทันทีที่มีข่าวว่าน้ำ�เข้ากรุงเทพ บ้านผมก็ แห้งทันทีเลย (แหม มันน่าจะชวนกันไปรื้อบิ๊กแบ๊ก ล้อเล่น) การได้มีประสบการณ์การเป็นผู้ประสบภัยด้วยตัวเอง นี่มันสุดยอดจริงๆนะครับ มี โอกาสครั้งหน้าลองใช้บริการน้อง น้ำ�กันดู ทีนี้ถ้าเราพูดถึงเรื่องของการประสบภัย ก็ต้องนึกถึง อาหารในยามยาก (และไม่ยาก) ของมนุษยชาติ “บะหมี่กึ่ง สำ�เร็จรูป“ นั่นเอง บะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูป (หรือที่ผมมักจะเรียกย่อๆน่ารักๆว่า บะกึ่ง) เกิดจากการคิดค้นประดิษฐ์ของ อัน-โด โมโมฟุกุ (ผู้ก่อตั้งและ ประธานบริษัทในกลุ่มนิชชิน – ซึ่งปัจจุบันยี่ห้อนี้ล้มหายตาย ไปจากประเทศไทยแล้ว) ในปี 1958 จากการที่อันโดได้เห็น สภาพของผู้คนที่พากันไปยืนต่อแถวนานเพื่อรอกินราเมน (ramen) ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บกลางฤดูหนาวของโอซาก้า เพียงเพื่อรอกินราเมนร้อนๆคลายหนาวเท่านั้น เพราะช่วงนั้น เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเพิ่งจะแพ้สงครามโลก ข้าวยากหมากแพง รา เมนซึ่งเป็นอาหารที่ ให้พลังงานสูงและราคาถูกจึงเป็นอาหาร อันโอชะในยุคนั้น (จนถึงปัจจุบัน) อันโดทดลองนำ�เส้นราเมนที่ ได้จากแป้งผสมกับน้ำ�ซุปกระดูกไก่ (torikara) มาทอดในน้ำ�มัน ปาล์มเพื่อไล่ความชื้นออกไป ทำ�ให้เก็บไว้ ได้นาน และแค่เพียง เติมน้ำ�ร้อน เส้นก็จะคืนสภาพเดิม สามารถกินได้ทันที ไม่ต้อง ปรุงอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะว่าเส้นผสมกับน้ำ�ซุปกระดูกไก่ แล้ว ทำ�ให้เกิดอาหารที่เรียกว่าบะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูปขึ้นมา โดย มีชื่อผลิตภัณฑ์ว่า “ชิกิ้นราเมน” (chicken ramen)
หนึ่งในยี่ห้อบะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูปที่มีชื่อเสียงในไทยก็คือ “ มาม่า ” ที่กลายเป็นชื่อที่ทุกคนเรียกติดปากแทนคำ�ว่าบะหมี่ กึ่งสำ�เร็จรูปไปแล้ว (generic name – โกเต๊ก ซีร็อกซ์ แฟ๊บ ฯลฯ) ทั้งๆที่มาม่าไม่ ใช่บะหมี่ยี่ห้อแรกในไทย แต่เป็นยี่ห้อที่ 4 ตามหลัง ซันวา ยำ�ยำ� ไวไว ด้วยซ้ำ� -(จากการสำ�รวจของบริษัท ซินโนเวต ในปี 2007 มา ม่าเป็นตามสินค้าอันดับ 2 ที่ผู้บริโภคชาวไทยนึกถึง ส่วนอัน ดัน 1 คือ โนเกีย) -ผู้ ให้กำ�เนิดมาม่าคือ บริษัท ไทยเพรซิเด้นท์ ฟูดส์ จำ�กัด(มหาชน) หรือ TF ซึ่งอยู่ ใต้ร่มธงของเครือสหพัฒน์ -ปัจจุบัน คนไทยทานบะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูป 6 ล้านซอง ต่อวัน และเป็นการทานมาม่ามากกว่า 50%
มาม่า เริ่มเข้าสู่ตลาดเมืองไทยเป็นครั้งแรก เมื่อเดือน เมษายน พ.ศ 2515 แต่ ได้รับการต้อนรับไม่ดีเท่าที่ควร เพราะ ผู้บริโภคไม่คุ้นเคยกับการ “ชงบะหมี่” ประกอบกับราคาในยุค นั้น เมื่อเทียบกับบะหมี่รถเข็นทั่วไปจัดว่าค่อนข้างแพง แม้ว่า ลู่ทางตลาดจะไม่แจ่มใสนัก แต่ทางผู้ผลิตอย่างสหพัฒน์ก็ ยังมีความมั่นใจ และตัดสินใจที่จะดำ�เนินการต่อ ต่อมาในปี พ.ศ 2516 ประเทศไทยมีภาวะเหตุการณ์ทางการเมืองไม่สงบ ตลอดจนประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ น้ำ�มันขึ้นราคา วัตถุดิบ ขาดแคลน อุตสาหกรรมโดยทั่วไปประสบกับความเดือดร้อน อย่างหนัก อาหารมีราคาแพงหาซื้อลำ�บาก แต่เนื่องจากมาม่า มีการสต๊อกวัตถุดิบไว้เป็นจำ�นวนมาก จึงสามารถดำ�เนินการ ในตอนแรกที่วางจำ�หน่ายนั้น ยังไม่เป็นที่รู้จักอย่าง ผลิตต่อไปได้ ด้วยการซื้อหาบริโภคได้สะดวกง่ายดาย ตลอด แพร่หลายกันสักเท่าไหร่ จนเกิดมีเหตุการณ์การลักพาตัว จนราคาที่ ไม่แพงจนเกินไปนัก มาม่าจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ประกันโดยกลุ่มฝักใฝ่ฝ่ายซ้ายจัด (ต่อต้านจักรวรรดิญี่ปุ่น) อย่างรวดเร็ว ที่จังหวัดนากาโน่ โดยมีการถ่ายทอดสดเหตุการณ์ และ ต่อไปเรามาพูดถึงอะไรที่อยู่ ในซองของมาม่ากันเถอะ นำ � เสนอข่ า วเกี่ ย วกั บ การช่ ว ยเหลื อ ตั ว ประกั น และคลี่ ค ลาย เหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นปลาย ครับ เราแกะซองออกมา เราก็จะเจอกับขดเส้นทรงสี่เหลี่ยม เครื่องปรุงในซองนั้นคืออะไรกันนะ เดือนกุมภาพันธ์ (โดยถ่ายทอดสดอยู่ตลอดเวลาเป็นเวลาถึง และซองเครื่องปรุง 10 วัน มิหนำ�ซ้ำ�ยังเป็นรายการที่มีเปอร์เซ็นต์ผู้ชมมากที่สุดใน ตัวแทนของมาม่าได้อธิบายกับเราว่า ประวัติศาสตร์ของโทรทัศน์ญี่ปุ่นด้วยคือราว 90%) นั่นก็รวม “MSG เป็นสารที่มีอยู่ ในธรรมชาติ โดยเฉพาะอาหาร ไปถึงภาพที่เจ้าหน้าที่ตำ�รวจกำ�ลังกินบะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูปแบบ ถ้วย (คัพนูเดิ้ล)อยู่ ในสถานที่เกิดเหตุ แทนข้าวกล่อง (bento) สด เช่น ผักสด, เนื้อไก่สด จะมีกรดกลูตามิคแอซิค ซึ่งเป็น ที่แข็งจากความเย็นจนกินไม่ ได้อีกด้วย ทำ�ให้คนญี่ปุ่นได้รู้จัก ที่มาของรสชาติที่กลมกล่อม ซึ่งผงชูรสได้แก่เกลือของกรดก และเห็นถึงประโยชน์ ความสะดวกสบายของคัพนูเดิ้ล จึง ลูตามิคนี้ และผงชูรสถูกจัดอยู่ ในประเภทสาร GRAS โดย ทำ�ให้มันกลายเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่นโดยทั่วไปจนถึงทุกวันนี้ องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา โดยปกติ จ ะมี ผู้ บ ริ โ ภคกลุ่ ม เล็ ก ๆที่ มี ป ฏิ กิ ริ ย าแพ้ แล้วยังแพร่หลายไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก พัฒนาไปในรูป แบบต่างๆ มีหลากหลายยี่ห้อ และรสชาติตามแต่ละท้องถิ่น ผงชูรสในขณะที่คนส่วนใหญ่ ไม่แพ้ ซึ่งบะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูปทุก ชนิด จะมีปริมาณผงชูรสในแต่ละผลิตภัณฑ์จะแสดงให้เห็นใน ด้วย ll NYA~ JOURNAL ll
ll 23
ตารางส่วนผสมที่ระบุอยู่บนซอง (ซึ่งโดยทั่วไปแล้วปริมาณจะ ไม่มากกว่า 1 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค) ส่วนการจะตรวจดูว่าที่ผสมอยู่ ในซองเครื่องปรุงนั้น เป็นเนื้อสัตว์หรือโปรตีนเกษตร ตรวจได้ที่ข้อมูลส่วนประกอบ ที่สำ�คัญ หากเป็นเนื้อสัตว์จะระบุชัดเจน เช่น มาม่าคัพรส เป็ดพะโล้จะระบุ เป็ดอบแห้ง หากเป็นคัพหมูสับก็ระบุเป็นเนื้อ หมูอบแห้ง หากเป็นโปรตีนเกษตรก็จะระบุเป็นโปรตีนเกษตร หรือหมูเจ เป็นต้น “
นานมากเป็นปีเป็นชาติก็คงไม่น่าจะบูด ซึ่ง ถ้าอ้างอิงจากวัน หมดอายุบนซองแล้วก็นานถึงหนึ่งปีเต็มๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ใน ประเทศที่มีอากาศร้อนอย่างประเทศไทย มาม่าที่ถูกเก็บไว้ นานเกิน 4 เดือน ก็จะเริ่มสูญเสียรสชาติไปทีละนิดๆ ซึ่งหาก เป็นประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น ก็อาจจะเริ่มสูญเสียรสชาติ ที่ 6-8 เดือน รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าเก็บมันไว้นานเกินไปนะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นให้ โทษตัวเองได้ วันนี้เราก็ ได้รู้ทั้งประวัติความเป็นมาและรายละเอียด นอกจากความรู้เรื่องของเครื่องปรุงแล้ว เรายังได้ อย่างลึกซึ้งของมาม่ากันแล้ว ถึงแม้เราจะรู้ว่ามาม่านั้นทาน ความรู้ดีๆเกี่ยวกับกรรมวิธีผลิตมาม่าอีกด้วย สะดวกแค่ ไหน แต่ก็อย่าทานบ่อยเกินไปนะครับ ผงชูรส หรือ MSG นั้น หากสะสมในร่างกายเราเป็นปริมาณมากๆก็จะ “การผลิตบะหมี่เริ่มจากการคัดสรรแป้งสาลีที่เหมาะ ทำ�ให้เกิดโทษได้ ที่สำ�คัญยังทำ�ให้เราอ้วนขึ้นอีกต่างหาก สมต่อการผลิตเพื่อให้ ได้เส้นบะหมี่ที่เหนียวนุ่ม จากนั้นนวด แป้งและรีดเป็นแผ่น ตัดเป็นเส้น ผ่านการนึ่งด้วยไอน้ำ� ราด ก่อนจะจากกัน ขอทิ้งท้ายเรื่องของอุบัติภัยน้ำ�ท่วม ด้วยน้ำ�ซุปที่หอมน่ารับประทาน จากนั้นบะหมี่แต่ละก้อนจะ ไหนเป็นคนไทยก็ช่วยกันนะครับ ตอนนี้มีข่าวออกมาน่ากลัว จัดใส่บล็อค หรือถ้วยทอด และผ่านเข้ากะทะที่มีน้ำ�มันปาล์ม มาก เกิดจลาจล เกิดอะไรวุ่นวายไปหมด ยังไงเราคนไทยก็ ร้อน (ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตน้ำ�มันปาล์มบริสุทธิ์มากเป็นที่ 2 รักกันไว้ดีกว่า แล้วเราจะได้ฝ่าวิกฤตบ้าๆนี่ ไปพร้อมๆกัน วัน ของโลก มาม่าใช้น้ำ�มันปาล์มในกระบวนการผลิตแต่ละวันไม่ นี้ความรู้รอบตัวหมดสมองเพียงเท่านี้ ขอกล่าวอำ�ลาไปต้มน้ำ� น้อยกว่า 40 ตัน) กระบวนการทอดจะควบคุมอุณหภูมิด้วย ร้อนไว้ ใส่มาม่าก่อนนะครับผู้อ่านทุกคน อ้อ ลืม สิ่งที่สำ�คัญ ไอน้ำ� โดยอุณหภูมิคงที่สม่ำ�เสมอเพื่อให้การทอดสุกอย่างทั่ว ที่สุด และจะไม่ย้ำ�ไม่ ได้เลย ... ถึง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบ Indirect heat system คือระบบแลกเปลี่ยนความร้อนกับไอน้ำ� ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของ ญี่ปุ่น ในการทอดจะมี ก ารเติ ม น้ำ � มั น ใหม่ อ ยู่ ต ลอดเวลา โดยอัตโนมัติทดแทนน้ำ�มันที่พร่องไปเนื่องจากติดไปกับก้อน บะหมี่ นอกจากนี้บริษัทได้ทำ�การตรวจสอบคุณภาพของน้ำ�มัน ทุก ๆ 3 ชั่วโมงเพื่อให้ความมั่นใจต่อผู้บริโภคว่าน้ำ�มันจะยังมี คุณภาพได้มาตรฐานตลอดเวลา (น้ำ�มันที่ ได้มาตรฐานจะผ่าน การตรวจสอบปริมาณ Acid Value และ Peroxide Value) ดังนั้นคำ�กล่าวที่ว่าอาหารทอดใช้น้ำ�มันทอดซ้ำ�หลายครั้งจึงไม่ เกิดกับผลิตภัณฑ์ ของ มาม่า แน่นอน สำ�หรับผลิตภัณฑ์ส่งออก เราจะมีรายละเอียดเกี่ยว กับสารอาหารบนแต่ละซอง โดยทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว ซึ่งบะหมี่กึ่ง สำ�เร็จรูปประเภททอดมีพลังงานประมาณ 300 กว่าแคลอรี ต่อซอง 60 g โดยที่พลังงานคนเราต้องการคือ 2000-2500 แคลอรีต่อวัน สารที่ ให้พลังงานได้แก่ คาร์ โบไฮเดรท โปรตีน และ น้ำ�มัน สารอาหารอื่นที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ วิตามิน A เหล็ก และไอโอดีน มีการเสริมในปริมาณที่ร่างกายต้องการ ต่อ 1 มื้อ ดังนั้น เมื่อรับประทานมาม่า ท่านจะได้รับแร่ธาตุ และวิตามินดังกล่าว และเพื่อให้ ได้คุณค่าทางอาหารยิ่งขึ้น ควรเติมผัก ไข่ และเนื้อสัตว์ ตามชอบ “ และแม้ว่ามาม่าจะดูเป็นอาหารที่สามารถเก็บไว้ ได้
เพื่ อ ให้ ไ ด้ คุ ณ ค่ า ทางอาหารยิ่งขึ้น
ควรเติมผัก ไข่
และเนื้อสัตว์
ตามชอบ!!!!
24 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
MAIN COURSE
เรื่อง ; วรกานต์ วินิจชัยมงคล @w_worrakan ภาพ ; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz
สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน NYA~ ฉบับนี้ คือฉบับฉลองสองก้าว ของแมวบิน ฉะนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้แน่นอนก็คือ ประวัติความเป็นมา ของชุมนุมที่มีแนวคิด “ แปลกประหลาด “ “ไม่เหมือนใคร“ ที่สุด ในโรงเรียน แถมยังมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจไม่ใช่เล่น ชุมนุมอาสาสนุก ผู้ให้กำ�เนิดวารสารเล่มนี้ขึ้นมา
“ ชุมนุมแมวบิน ” สมัยที่พี่โหล ประธานชุมนุมแมวบินรุ่นแรก เป็น นักเรียนม.๔ ( พ.ศ.๒๕๕๑ ) พี่โหลได้รับแรงบันดาลใจจาก ภาพยนตร์หลายเรื่องและหนังสือหลายเล่ม จึงเกิดความคิด ที่อยากทำ�สิ่งต่าง ๆ ให้เป็นประสบการณ์ และเริ่มต้นลงมือ ทำ�สิ่งที่ชอบ สิ่งที่อยากทำ�ตามความใฝ่ฝันให้เป็นจริง จึง ได้ลงมือทำ�โปสเตอร์รณรงค์เรื่องต่าง ๆ หลายประเด็น ใน ชื่อของ CHLARK ( ชลาร์ค ) ซึ่งเป็นชื่อที่เพื่อนร่วมห้อง ของพี่โหลตั้งให้ มีที่มาจากชื่อจริงของพี่โหล คือ ชลากร นั่นเอง
ในภาพนี้ ---> โปสเตอร์รณรงค์ให้ชาวไทยเชื่อมั่นในความสามารถของชาว ไทยด้วยกันเอง นับเป็นโปสเตอร์โครงการแรกสุดของชลาร์ค ซึ่งต่อมาคือ จุดเริ่มต้นเส้นทางอันยิ่งใหญ่ของแมวบิน
ปลายปีการศึกษา ๒๕๕๒ มีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งนับเป็นสีสันของโรงเรียนทุกๆ ปีคือการเลือกตั้งประธาน นักเรียนคนใหม่ นี่เองคือช่วงเวลาที่ แมวบิน ถือกำ�เนิดขึ้น จุดเริ่มต้นของแมวบินนั้นค่อนข้างทุลักทุเล เริ่มแรกเลย สมาชิก3คนของพรรคแมวบินเป็นสมาชิกอีกชุดนึง คือพี่นาว กับเพื่อนอีกสองคน แต่ด้วยเหตุสุดวิสัยบางอย่าง ทั้งสองก็ต้องถอนตัวออกไปจากการร่วมพรรค เวลากระชั้นชิดเข้ามา ใกล้จะถึงกำ�หนดปิดรับสมัครพรรคเต็มที่ พี่นาว ตัดสินใจชวนพี่โหล เพื่อนร่วมห้อง สมัยมัธยมต้นมาร่วมพรรค ซึ่งพี่โหลเองก็มีความใฝ่ฝันอยากเป็นประธานนักเรียนตั้งแต่ครั้งยังเรียนประถมศึกษา จึงยินดีร่วมทาง ในตำ�แหน่งหัวหน้าพรรคแมวบิน ซึ่งต่อมาก็ได้ทาบทามพี่ภูมิมาร่วมเป็นแกนหลักของแมวบินอีกคน หนึ่ง เมื่อครบสามคนแล้ว ชื่อของสามผู้บุกเบิกก็ได้ถูกกรอกลงไปในใบสมัครเลือกตั้งประธานนักเรียนเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ในนามของ “พรรคแมวบิน” นับเป็นครั้งแรกที่ชื่อของแมวบินถูกนำ�มาใช้อย่างเป็นทางการ เราจึงนับวันนั้นเป็นวันก่อตั้งแมวบินค่ะ นั่น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ชุมนุมแมวบินมีวันเกิดแน่นอน ไม่ได้นับอายุตามรอบปีการศึกษาเช่นเดียวกับชุมนุมอื่น ๆ นโยบายที่แมวบินนำ�มาชูโรงคือเรื่องของทำ�ให้คณะกรรมการนักเรียน หรือ ก.น. เปิดกว้างมากขึ้น กล่าวคือเปิดโอกาสให้เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ในโรงเรียนได้รู้ว่าพี่ ๆ ก.น.เขาทำ�งานอะไรและสร้างผลงานอะไรกัน บ้าง สามารถมาให้คำ�แนะนำ� ร้องเรียน เสนอให้จัดกิจกรรม หรือมาร่วมด้วยช่วยงานก.น.ได้อย่างเสรี และ ส่งเสริมทุกกิจกรรมที่ดีและสร้างสรรค์ แต่น่าเสียดายที่เมื่อผลการเลือกตั้งออกมานั้นพรรคแมวบินไม่ได้เป็นผู้ ชนะคะแนนเสียงอันดับ ๑ ถึงกระนั้น พรรคแมวบินก็ไม่ได้ปิดตัวลง แต่ยังคงรักษาเจตจำ�นงที่จะจัดกิจกรรมที่ดีและสร้างสรรค์ต่อ ไป พรรคแมวบินจึงได้เปลี่ยนบทบาทกลายมาเป็นชุมนุมแมวบินในปีการศึกษาต่อมา (อาจจะเรียกว่าโชคดีที่แมว บินไม่ได้ชนะก็ได้ เพราะหากแมวบินชนะการเลือกตั้งในวันนั้น ก็อาจไม่มีชุมนุมแมวบินในวันนี้)
ในมหกรรมงานโรงเรียน วันสวนนนท์ ปริทัศน์ ประจำ�ปีการศึกษา ๒๕๕๒ แมวบินได้เปิดตัว ประชาสัมพันธ์ว่าชุมนุมแมวบินจะเกิดขึ้นในปีการศึกษา หน้า นิทรรศการประวัติความเป็นมาต่าง ๆ และวิสัย ทัศน์ของแมวบินก็ถูกจัดแสดงในวันนี้ นอกจากนี้ แมว บินยังมีกิจกรรมอีกกิจกรรมหนึ่ง คือการจำ�หน่ายคุ้กกี้ การกุศล ซึ่งทำ�โดยนักเรียนผู้พิการทางการรับฟัง ราย
ได้มอบให้ โรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระราชูปถัมภ์ แท้จริงแล้วแมวบินในขณะนั้นยังไม่มีสถานภาพ เป็นอะไรเลย และยังไม่เป็นชุมนุมเช่นกัน ที่ได้จัดแสดง นี้เป็นเพราะพี่โหลและพี่มะนาวต่างก็มีชุมนุมที่ตนเอง เป็นประธาน โดยพี่โหลเป็นประธานชุมนุมภาษาอังกฤษ สร้างสรรค์ และพี่มะนาวเป็นประธานชุมนุมพัซเซิล แอนด์ ริดเดิล ด้วยความบังเอิญเป็นอย่างยิ่งที่ซุ้มของ
ทั้งสองชุมนุมได้พื้นที่ติดกัน ทั้งพี่โหลและพี่มะนาวจึงจับ มือกันจัดกิจกรรมร่วมกันในซุ้มเดียว และใช้อีกซุ้มเป็น พื้นที่ประชาสัมพันธ์ชุมนุมแมวบิน นอกจากนี้ พี่โหลก็ได้นำ�คุกกี้การกุศล นี้ไปจำ�หน่ายในงานเกษตรแฟร์ ที่มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ และได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน จำ�นวนมาก นับเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่แมวบินได้ออกไป
มีบทบาทในสถานที่ภายนอกโรงเรียน เมื่อเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา ๒๕๕๓ แมวบินไม่รีรอที่จะก่อตั้งเป็นชุมนุม แมวบินขึ้นทันที และได้ดำ�เนินกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ต่าง ๆ มากมาย
ชุมนุมแมวบินมุ่งเน้นให้สมาชิกเสนอสิ่งต่าง ๆ ที่ตนเองอยากทำ� แล้วทางผู้ดูแลชุมนุมจะจัดการให้ ทุกอย่าง นื้ก็เพื่อประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ดีของทุกคน มีการจัดกิจกรรมทั้งภายในห้องเรียน , กิจกรรมเปิดที่ทุกคนนอก ชุมนุมก็สามารถมีส่วนร่วมได้ จนถึงกิจกรรมที่ออกไปลงมือทำ�นอกโรงเรียน แมวบินจึงเป็นชุมนุมอันดับต้น ๆ ที่ นักเรียนภายในโรงเรียนรู้จัก เรามุ่งมั่นที่จะดำ�เนินกิจกรรมชุมนุมอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การทำ�โครงการขออนุญาตจัดกิจกรรมจาก ทางโรงเรียนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว การใช้สื่อประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ จนถึงการลงมือทำ�กิจกรรมและเก็บบันทึก ผลเพื่อนำ�เสนอในโอกาสต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เพราะชุมนุมแมวบิน มีหลักในการดำ�เนินกิจกรรมชุมนุมข้อที่ ๕ คือ “ แรง บันดาลใจ ” ซึ่งหมายถึงการแสดงให้ทุกคนเห็นว่า ชุมนุม นั้นมีศักยภาพในการทำ�ในสิ่งที่เรารัก เราชอบได้มาก เพียงใด และเป็นกำ�ลังใจให้นักเรียนได้เริ่มต้นเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองชอบและสร้างสรรค์อย่างแท้จริง
“ ทำ�อะไรก็ได้ที่ใจอยากทำ� ขอให้เป็นเรื่องดี และสร้างสรรค์ก็พอ ”
ll 33
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 35
Gallery
O
O
พี่นาว ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ ผู้ก่อตั้งชุมนุมแมวบิน ความจริงพี่ไม่ค่อยกล้าเรียกว่าตัวเองเป็นผู้ก่อ ตั้งชุมนุมแมวบินซักเท่าไหร่ เพราะสิ่งที่พี่ได้ทำ�ให้ชุมนุมนี้ ยังน้อยมากนักถ้าเทียบกับพี่โหล พี่กานต์ หรือแม้กระทั่ง น้องๆทำ� ชื่อชุมนุมพี่ก็ไม่ได้คิด ตอนหาเสียงพี่ก็ไม่ได้ช่วย มาก คนที่ทำ�ให้แมวบินยังมีชีวิตอยู่ได้หลังเลือกตั้งก้ไม่ใช่ พี่ และสิ่งที่หลายๆคนยังไม่รู้ก็คือ ขนาดชื่อพี่เองยังไม่ได้ เป็นสมาชิกชุมนุมแมวบินเลยครับ นี่คือเหตุผล ที่พี่ไม่ อยากถูกเรียกว่าเป็นผู้ก่อตั้งแมวบินซักเท่าไหร่ ชื่อเมวบินเกิดขึ้นมาจากเพื่อนพี่คนนึงได้ยินมุข ตลกหื่นๆผิด พี่โหล ที่เป็นทั้งหัวหน้าพรรคและประธาน คนแรก เกิดขึ้นจากการที่พี่แค่พูดลอยๆตอนพักกลาง วันว่า ลงเลือกตั้งกันมั้ย แม้กระทั่งโลโก้แมวสีเหลืองที่เรา ใช้กันทุกวันนี้ ก็เกิดจากเศษกระดาษที่ใช้ไปแล้วหน้านึง ปากกาเขียนซีี และแผ่นซีดีเกมที่พี่ไม่ได้เล่นแต่มันแถม หนังสือมา เอามาร่าง มาวาด จนได้เป็นแมวบิน คือชุม นุมนี้ทุกอย่างมันเกิดจากเรื่องบังเอิญเล็กๆน้อยๆ ที่ใคร จะไปคิดว่ามันจะกลายเป็นชุมนุมใหญ่ถึงสองปีแถมมีผล งานที่คนรู้จักทั้งโรงเรียนได้ หลังจากวันที่มันกลายเป็น แบบนั้น พี่ไม่เคยดูถูก “เรื่องเล็กๆ” อีกเลย โลกเรามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดมาจากความ คิดเล็กๆ พี่น้องร้านซ่อมจักรยานมองขึ้นฟ้า เห็นนก บินแล้วรู้สึกว่า ฉันอยากบินจังเลย เช่นเดียวกับคนอีก ค่อยโลกที่มีความต้องการจะบิน แต่สองพี่น้องนี่ไม่ได้ หยุดแค่ความคิดอยากจะบิน เค้าเอาปีกติดท้ายจักรยาน ทดลองปั่นจากเนิน ล้มครั้งแล้วครั้งเล่า เอาที่ผิดมา ปรับปรุง วันนึงเค้าสองคนก็บินได้ ทั่วโลกรู้จักในนามพี่
น้องตระกูลไรท์ สิ่งที่เค้าแตกต่างจากคนอื่นที่อยากจะบิน คืออะไร นั่นคือการ “ลงมือทำ�” การลงมือทำ� ทำ�ให้เรื่องตลกเล็กๆกลายเป็น ชุมนุมแมวบินได้จนถึงทุกวันนี้ มันเป็นเรื่องที่ฟังดูน่า เหลือเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว พี่ต้องขอบคุณพี่โหลมาก ที่ ทำ�ให้แมวบินมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ พี่โหลคือคนคิด กิจกรรม วางแผน วางแนวทางให้แมวบิน โครงการ ใหม่ๆ แปลกๆ พี่ทึ่งกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของ คนๆนี้มาก อยากให้น้องๆทุกคนดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ใน ฐานะประธานชุมนุม หรือรองประธานนักเรียน แต่ใน ฐานะคนที่กล้าคิด และกล้าทำ� น้องจะกลายเป็นคนที่ยิ่ง ใหญ่ถ้าน้องกล้าในสิ่งที่ดี หนึ่งในไม่กี่เรื่องที่พี่ทำ�ให้ชุมนุมแมวบินที่พอจะยืด ได้ก็คงเป็นเรื่องของโลโก้ อย่างที่พี่บอกว่า มันเกิดจาก ของเหลือสามสี่อย่างที่ตกอยู่แถวนั้นมาประกอบกัน แต่ สิ่งที่สำ�คัญกว่านั้นอยู่ข้างใน ... ตอนพี่ร่างโลโก้นี้ พี่ วาดผิด ขีดฆ่าทิ้งแล้วหลายรอบ เพราะเหตุผลเดียวคือ พี่วาดยังไงแมวมันก็ไม่ยิ้ม ตาเบี้ยวบ้าง ปากเบี้ยวบ้าง พยายามกี่ทีกี่ทีมันก็ไม่ยอมยิ้มซักที พี่เลยตัดสินใจ ยิ้ม ... แล้ววาดมันอีกที น่าประหลาดใจมาก แมวตัวที่พยายามเท่าไหร่ มันก็ไม่ยอมยิ้มนี่ก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันที แล้วมันก็ กลายเป็นโลโก้แมวบินที่เราใช้กันมาจนทุกวันนี้ แมวบินก็เหมือนกัน พอเราทำ�งานด้วยใจ ส่งยิ้ม ให้ด้วยใจ คนที่ผ่านมาเห็นก็จะยิ้มได้ คนที่เดือดร้อนก็จะ ยิ้มได้ นี่คงเป็นเหตุผลในการคงอยู่ของแมวบิน :)
พี่โหล ชลากร สถิวัสส์ ประธานชุมนุมแมวบิน รุ่นที่ ๑ บอกตรง ๆ ว่าในช่วงก่อนที่จะจบ พี่โหลลุ้น มากว่าชุมนุมแมวบินจะมาถึงปีที่สองนี้ได้หรือไม่ เพราะ ในปีที่แล้วทั้งพี่โหลและพี่มะนาวก็ต้องควบทั้งงานก.น.และ งานชุมนุม จึงไม่สามารถแบ่งปันเวลาให้กิจกรรมต่าง ๆ ของแมวบินได้อย่างเต็มที่ พอถึงท้ายเทอมก็หวั่น ๆ อยู่ว่าจะไปต่อไหวหรือเปล่า จะมีใครมาช่วยดูแลต่อหรือ เปล่า และจะได้รับความนิยมมากเท่าเดิมหรือเปล่า ก็ โชคดีมากที่ได้น้องอิมอาสามาช่วยเป็นประธานชุมนุมต่อ ให้ แถมยังมีเพื่อน ๆ ของน้องอิมที่ยกกันมาเป็นทีมและ ดูแลชุมนุมแมวบินได้อย่างดีกว่าที่คาดคิดไว้มาก ( มาก จริง ๆ ) พี่ดีใจมากที่เราสามารถก้าวมาถึงปีที่ ๒ ได้ อย่างเต็มภาคภูมิ ในโอกาสวันเกิด ๒ ปีของแมวบินนี้ พี่ขอขอบคุณน้อง ๆ แมวบินทุกคนที่มาช่วยสืบทอด ชุมนุมนี้ต่อจากพี่ ขอบคุณน้อง ๆ สมาชิกแมวบินปีที่ แล้ว ( ตอนแมวบินครบรอบ ๑ ปียังไม่มีโอกาสได้บอก ) และขอบคุณทุก ๆ คนเลยที่มีส่วนร่วมส่งเสริมแมวบินให้ อยู่ได้ทุกวันนี้ เพียงแค่น้อง ๆ รู้จักชื่อของแมวบิน พี่ก็ ดีใจมากแล้ว ยิ่งมาช่วยหยอดเงินบริจาค มาซื้อของ มาร่วมกิจกรรมเรายิ่งดีใจใหญ่ แมวบินอยู่ได้ก็เพราะสิ่ง นี้ กิจกรรมของเราคงแป้กอย่างเลวร้ายอย่างแน่นอน ถ้าไม่ได้รับความสนใจจากทุกคน หวังว่าเราจะยังคงอยู่ เพื่อได้จัดกิจกรรมดี ๆ ให้ทุกคนจนถึงปีต่อไปนะครับ ขอบคุณจากใจ
พี่อิม รมย์รวินท์ ทองมา ประธานชุมนุมแมวบิน รุ่นที่ ๒ เกิดมาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าตัวเองจะได้มาเป็น ประธานชุมนุมที่ยิ่งใหญ่อย่างชุมนุมแมวบิน ก่อนที่จะได้ มาอยู่ ณ จุดนี้ เรียกได้ว่าเป็นนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง ที่แทบจะไม่ได้อยู่ในสายตาของคนอื่น อาจจะเป็นเพราะ ส่วนสูงของเราก็ได้มั้ง 555555 เราเป็นนักเรียนที่รัก กิจกรรมคนหนึ่ง เขามีงานอะไรก็ทำ� ตอนม.๓ ก็เป็น พี่เลี้ยงอาสางานลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ แล้วก็เป็น สต๊าฟรับน้องม.๑ รุ่น ๓๕ และการเป็นสต๊าฟรับน้อง ม. ๑ นี่ก็เป็นการเริ่มต้นของการเป็นประธานชุมนุมแมวบิน เพราะพี่โหลได้เชิญชวนให้มาเป็นประธานชุมนุมแมวบิน โดยทักเราว่า น้องเฟน โฟโต้เรนเจอร์ ( แต่หนูชื่ออิมนะ พี่ TT ) ( บก. : ไม่รู้ เห็นตัวขนาดเท่ากัน ตอนนั้น แยกไม่ถูก ) มาเป็นประธานชุมนุมแมวบินเถอะ =[]= เรียกได้ว่าอึ้งเลย เพราะตลอดปี ๕๓ ชุมนุมโฟโต้เรน เจอร์หากินกับพี่เขาตลอด พี่เขาไว้ใจให้เราเป็นประธาน เลยหรอเนี่ย แต่จริงๆแล้วพี่เขาก็ชวนทุกคนแหละนะ ตลอด ๑ เทอม ที่ได้มาเป็นประธานชุมนุมแมวบินรู้สึกว่า ชุมนุมแมวบินมันยิ่งกว่าคำ�ว่าชุมนุม คือเราได้ทำ�ในสิ่ง ที่ไม่เคยทำ�มาก่อน อย่างเช่นการเสนอผลงานชุมนุมต่อ คณะกรรมการตรวจโรงเรียน การถือกล่องรับบริจาค การมอบเงินบริจาค ให้สัมภาษณ์ชุมนุมประชาสัมพันธ์ ขอสัมภาษณ์คนดังอย่าง Empty การเขียนคอลัมน์ ลงนิตยสารเนีย เราคิดว่าถ้าเราไม่ได้มาอยู่ ณ จุดนี้ เราคงไม่ได้ทำ�อะไรแบบนี้แน่นอน อยู่แค่ ๑ เทอม ก็รู้สึก ว่า คุ้มค่าสุดๆเลย :D
โครงการ mom-made toys หรือ ของเล่นที่แม่สร้าง เกิดจากแม่กลุ่มเล็กๆที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษมารวมตัวกัน ระหว่างแม่ กลุ่มเด็กตาบอด เด็กออทิสติกและเด็กพิการทางสมอง เนื่องจาก แม่ๆมองเห็นแล้วว่า ของเล่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้าง พัฒนาการ ทั้งทางร่างกายและสมองของเด็กพิเศษ แต่ว่าปัจจุบัน ของเล่นที่ออกแบบมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ กลับไม่มี ในท้องตลาด ครั้งนี้จึงถึงเวลาที่แม่ๆจะสวมวิญญาณดี ไซเนอร์มือใหม่ ที่ แม้จะวาดรูปไม่ค่อยเป็นแต่พวกเธอเข้าใจดีว่าลูกชอบเล่นอะไร เธอ จะหยิบดินสอขึ้นมาวาดแบบสเกตช์ของเล่น หลังจากนั้นบริษัทของ เล่นใจดีที่ชื่อ แปลนทอยส์ จะมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงในการผลิตออกมา จริง ของเล่นตัวจริงจะเสร็จออกมาให้เราเห็นในวันแม่ปีหน้า และ หากใครอยากร่วมสมทบทุนในการผลิต เราก็จะผลิตออกมาแจก จ่ายในเด็กพิเศษทั่วประเทศให้ทันสิ้นปีนี้คะ เด็กพิเศษก็คือ เด็กที่มีความต้องการเป็นพิเศษในบางด้านก็ เท่านั้น เด็กที่พิการทางสมอง หรือที่หมอเรียกเด็ก CP ย่อมาจาก Celebral Palsy พวกเขาขยับร่างกายไม่ ได้ หรือ ได้แค่บางส่วน เขา จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษในเรื่องการกิน การเคลื่อนไหว การขับ ถ่าย เด็กที่มีภาวะออทิสซึ่มนี่เราแทบแยกไม่ออกเลยนะคะ ว่า พวกเขาพิเศษอย่างไร เพราะอาการของน้องแต่ละคนแตกต่างกัน มาก ด้วยความที่พวกเขาเปิดประสาทการรับรู้มากกว่าคนทั่วไป ทุก อย่างจึงดูวุ่นวายและรีบเร่งสำ�หรับเด็กๆกลุ่มนี้ ไปหมด ทำ�อีกอย่าง ยังไม่เสร็จก็จะไปทำ�อีกอย่าง ดูเหมือนเป็นคนสมาธิสั้น บางคนยุ่ง เกินที่จะเรียนรู้ว่าต้องเรียกแม่ ว่าแม่ หรือไม่สามารถสื่อสารกับ คนอื่นได้ และไม่รู้จักว่าอารมณ์ไหนคือดี ใจ เศร้า โกรธ หัวเราะ มี พัฒนาการก้าวกระโดด เรื่องง่ายๆในการใช้ชีวิตประจำ�วันไม่ ได้ เข้า กับเพื่อนไม่ ได้ บางคนไม่สนใจโลกภายนอก บางคนชอบโวยวาย บางคนชอบเดินเขย่ง บางคนชอบพูดโดยการสูดหายใจเข้าแทน น้องๆพวกนี้จึงต้องการการดูแลเรื่องพัฒนาการเฉพาะด้าน เป็นสำ�คัญ อีกกลุ่มคือ น้องที่มีอาการพิการทางสายตา คุณแม่หรือ คนที่ดูแลก็ต้องคอยสอนให้เขา รู้จักการฝึกฟังเสียงและสัมผัสเพื่อ ให้เขาสามารถดำ�เนินชีวิตได้ด้วยตนเอง เรียกว่า เด็กพิเศษ บางครั้ง เราอาจจะฟังแล้วรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขากับเด็กปกติ ทั่วไป แต่จริงๆแล้ว เด็กทุกคนก็คือเด็กที่มีหัวใจเป็นเด็กเหมือนๆกัน 48 ll
รักสนุก ชอบเล่น ใสสื่อ บริสุทธ์ิ หรือแม้แต่บางครั้งก็อาจจะดื้อเห มือนๆกัน เข้าใจถึงความแตกต่าง แต่รักและปฏิบัติต่อพวกเขาอย่าง เท่าเทียมนะคะ หลายๆคนสงสัยว่า ทำ�ไมแม่ๆถึงต้องลุกขึ้นมาทำ�ของเล่น ให้ลูกๆ ทำ�ไมไม่ ไปทำ�หนังสือ ไม่ทำ�โครงการพยาบาล ไม่จัดตั้ง กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ หรืออะไรที่มันดูยิ่งใหญ่ๆ หรือมีประโยชน์ กว่าแค่ของเล่น… รู้มั้ยคะว่า ของเล่นสำ�หรับเด็กพิเศษ มันสำ�คัญอย่างไร ขอ อธิบายให้เห็นภาพว่า สำ�หรับเด็กพิการทางสมอง ปกติน้องขยับตัว ไม่ ได้ แม่ต้องคอยนวด คอยบิดแขนขา ให้กล้ามเนื้อได้ ใช้งานบ้าง แต่พอน้องๆเหล่านี้เห็นของเล่นที่น่ารักๆ เขาเกิดพลังบางอย่างที่ อยากจะเอื้อมมือ ยกแขนไปคว้ามันมา เห็นเพียงแค่นี้ แม่ๆก็ปลื้มนำ�้ ตาซึมแล้วคะ ของเล่นมันเปรียบเหมือนเครื่องกายภาพบำ�บัด หรือน้อง ออทิสติกที่ปกติ แม่เรียกไม่เคยหัน วิ่งไปทั่วบ้าน กลับยอมนั่งลงนิ่งๆ มีสมาธิมาเล่นของเล่นกับคุณแม่ อย่างน้องตาบอดก็สามารถเรียน รู้การสัมผัส ฝึกการแยกแยะเสียงได้ดี หากของเล่นชิ้นนั้นสร้างมา เพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ ของเล่นที่ผู้ ใหญ่นึกว่าเป็นแค่ของที่เอาไว้เล่น จริงๆแล้วไม่ ใช่แค่เรื่องเล่นๆนะคะ ไม่ ได้พูดให้สงสาร แต่อยากให้เข้าใจสภาพความเป็นจริง ว่า เด็กพิเศษเหล่านี้ หลายต่อหลายคนอยู่ ในครอบครัวที่มีฐานะไม่ ค่อยดี แต่ของเล่นที่ออกแบบมาเพื่อเด็กพิเศษกลับเป็นของเล่นจาก เมืองนอก ของเล่นบ้านเราก็มองข้ามเด็กกลุ่มนี้ ไป แม่จึงต้องหาอะไร ให้ลูกเล่นตามมีตามเกิด ดัดแปลงเอาอันโน่นอันนี้มาทำ� จากของ เก่าๆบ้าง จากขยะบ้าง จากของใช้ ในบ้านบ้าง เด็กพิการทางสมองบางคนชอบเล่นถุงก๊อปแก๊ป เพราะ ชอบเสียงกับที่มันลอยได้ เด็กพิการทางสายตาเอาหนังยางมารัด ขวดยาคูลท์ แล้วดีดฟังเสียงเล่น เด็กออทิสติกบางคนชอบเล่น กระทะ ตะหลิว เครื่องครัว ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ได้ประโยชน์จริงบ้าง ไม่ จริงบ้าง ตามมีตามเกิด ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเล่น จึงเป็นสาเหตุสำ�คัญว่า ทำ�ไมแม่ถึงต้องมาออกแบบของเล่นให้น้องๆ ส่วนใครที่สนใจจะสนับสนุนหรือเป็นกำ�ลังใจ เข้าไปทักทาย เราได้ที่ เฟซบุ๊ค mom-made toys ได้เลยคะ
ll NYA~ JOURNAL ll
GET A TASTE OF เรื่อง ; สรานันท์ มะปรางทอง @canunize
อร่อยยังชีพ!!!
ใน
สภาวะน้ำ�ท่วมเยี่ยงนี้ หลายๆคนคงติดเกาะอยู่บ้านเป็นแน่แท้ การจะรอเรือสักลำ�นึงขนของบริจาค มาให้ก็แสนจะยาวนาน บางคนต้องดั้นด้น ลุยน้ำ� ฝ่าดงจระเข้ออกไปรอรับเลยก็มี แต่ประเด็นไม่ ได้อยู่ตรงนั้น!! (เกริ่นให้ดูลำ�บากทำ�ไม?) ประเด็นอยู่ที่ว่าของบริจาคทั้งหลายทั้งแหล่นั้นจะต้องมีสิ่งนี้อย่างแน่นอนมันก็คือ “มาม่าแมน” แอ่น เอน แอ๊นน~ หลายท่านอาจงงว่า ”มาม่าแมน” นี้คืออะไร ไม่ต้องสงสัยไป มันก็คือบะหมี่สำ�เร็จรูปที่แสนธรรมดา นี่แหละ ที่เรียกมาม่าแมนเพราะว่า มันได้ช่วยประทังความหิวชาวเรามานักต่อนักแล้ว วันนี้เราจะมาเจาะ ประเด็นเรื่อง บะหมี่กึ่งสำ�เร็จรูปต่างๆที่มีอยู่ ในจักรวาลของเรานี้ ด้วยจิตวิญญาณแห่งชิมแห่งเมืองไทย เลทสะโก!!! (ปล.ขอเรียกไอ้พวกบะหมี่นี้ว่ามาม่านะครับ) เริ่มด้วยด้วยหลักการทั่วไปของการกินมาม่า 1.ฉีกซอง 2.ใส่น้ำ�ร้อน 3.รอสามนาที (หลายๆคนอาจคิดว่าทำ�ไมต้องรอสามนาที ด้วย ความจริงแล้วมันเป็นอุบาย ให้ท่านนึกถึงอุลตร้าแมนที่มีชีวิต อยู่ ในโลกมนุษย์ ได้เพียงสามนาที มาม่าแมนของเราก็เช่นกัน ถ้า มันอยู่มากกว่านี้จะขยายตัวเป็นเศษเละๆรวมกับมวลน้ำ�ไหลเข้าสู่ กรุงเทพ…ไม่ ใช่แล้วววว ว! - - ) อันมาม่าในจักรวาลนี้มีหลายแบบ เราขอเริ่มต้นด้วย 1.มาม่ายุคคลาสสิค ไอจำ�พวกนี้เป็นยุคแรกๆของมาม่า มี หลากหลายยี่ห้อ เช่น มาม่า เอฟเอฟ ไวไว บลาๆๆๆ รสชาติของ มาม่ายุคคลาสสิคนี้คือ ธรรมดามากสามัญสุดๆ เครื่องปรุงประกอบ ไปด้วย ผงชูรส น้ำ�มัน พริกป่นโง่ๆซองนึง เวลาที่เราลิ้มรสไป ทำ�ให้ รู้สึกถึงความดั้งเดิมแบบสุดๆ เสมือนกินก๋วยเตี๋ยวที่ ใส่แต่ผงชูรส แม้ว่ารสชาติมาม่ายุคคลาสสิคจะเหมือนกัน แต่ทว่าเอฟเอฟเป็นเจ้า เดียวในยุคคลาสสิคของมันเปรี้ยวก้นโด่ง!! 2.มาม่ายุคกำ�ลังพัฒนา มาม่ายุ คนี้จะมีการพัฒนาในด้านของรสชาติเด่นๆ เช่น - มาม่ารสต้มโคล้ง ให้ความรู้สึก เหมือนกินต้มโคล้งก็ ไม่ปาน (ปล .ถ้าเกิดใคร ไม่รู้จักต้มโคล้งแนะนำ�ว่าตอนต้มให้ก้มหัวไป ข้างหน้าเอามือแตะพื้น คุณจะได้รสชาติของ ll NYA~ JOURNAL ll
ll 49
ต้มโคล้งอย่างแท้จริง ^^ ) -ต้มยำ�มีทั้งแบบข้นและแบบน้ำ�ใส จะว่าไป ความอร่อยก็ ต่างกัน เพราะน้ำ�ใสเป็นหมู น้ำ�ข้นเป็นกุ้ง 555 - มาม่ารสชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเป็ดพะโล้ ต้มแซ่บ บลาๆๆๆ โดยหัวใจหลักของยุคนี้คือการลอกเลียนแบบแกง ต่างๆในประเทศไทยนั่นเอง ประหนึ่งว่าท่านกำ�ลัง ลิ้มรสแกงนั้นด้วยตัวท่านเอง อีกทั้งในยุคนี้ยัง รวมไปถึง พวกมาม่าสัปเพเหระที่ ไว้ล่อตาล่อ ใจเด็กๆด้วย อาทิ ยำ�ยำ� ช้างน้อยเป็นต้น !! (หลายคนอาจเกิดไม่ทันเมื่อก่อน ซองละ 2 บาทเท่านั้นเอง วะ ฮ่ะๆ .... แสดงถึงอายุ ) 3. มาม่ายุคโลกาภิวัตน์ มาม่าในยุคนี้เต็ม เปี่ยมไปด้วยจินตนาการของผู้สร้าง จุดเด่น ไม่ ได้อยู่ที่รสชาติ แต่ว่าอยู่ที่การปรับปรุง เพิ่มความแปลก ทั้งๆที่รสมันก็เหมือนเดิม เช่น ต้มยำ�มันกุ้ง อันที่จริงมันก็เหมือน ต้มยำ�กุ้งน้ำ�ข้นนั่นแหละ แค่รสชาติมันมีความเข้มข้นกว่ามีมันกุ้งแถม แล้วเติมคำ�ว่า ”มัน”เข้าไปเท่านั้นเอง รสเย็นตาโฟ เป็นการวิวัฒน์ จากชามก๋วยเตี๋ยวมาสู่ ในรูปแบบของซองมาม่าโดยไม่ ได้เพิ่มคุณค่า ทางอาหารอะไรเลย 4มาม่านอกรีต เป็นมาม่าที่ชาวบ้านไม่ค่อยรู้จักกัน ได้แก่ จำ�พวก มาม่ารสเนื้อ มาม่าราเมง Spicy Garlic รสโชยุ รสราเมง
80 ll
ซุปไก่ รสชาติของพวกนี้จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าเป็นรสเนื้อก็ เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นอิสลาม ซุปไก่ก็เหมาะกับคนที่ ไม่มีเวลากิน ซุปไก่สกัด เพิ่มพลังให้สมอง!! ( - - ) 5.มาม่าไอที หน้าที่ของมันคือไม่ ได้เอาไว้กิน แต่เอาไว้ ให้ ชาวบ้านส่งชิงโชคทางโทรศัพท์มือถือ แสกนด้วยโค้ดต่างๆ แล้วจะ เห็นข้อความที่ซ่อนภายในเป็นการประหยัดเนื้อที่ โฆษณาดีแท้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มาม่าทั้งหลายที่อยู่ ในจักรวาลนี้ ไม่ว่าเราจะ ออกรสชาติมาหลากหลายเท่าไหร่ ซองจะสวยแค่ ไหน พัฒนาไป ถึงยุคไหนแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ ไม่เคยเปลี่ยนคือ หลังซองของพวกมัน ตรงส่วนประกอบไม่เคยมีอันไหนครบร้อยเปอร์เซ็นต์สักอัน ....เจริญ ล่ะพ่อ! ทำ�ให้เราแอบคิดในใจว่า ไอ้ส่วนประกอบที่เหลือมันไม่ผ่าน อย.หรือไงกัน มันถึงทำ�ให้เราเห็นแค่นี้ หรือว่าในส่วนประกอบที่หาย ไปนี้ อาจจะมีพลังงานหรือวิญญาณอยู่ก็เป็นได้ เหอๆ สุดท้ายนี้ก่อน จะจบคอลัมน์ อยากจะขอว่าก่อนตายขอให้เห็นส่วนประกอบข้างใน เหมือนกับรูปหน้าซองสักทีเถอะ (แอบคิดในใจว่าที่ผ่านมามันหลอก ลวงผู้บริโภค หรือเปล่าเนี่ย?)….. ลาล่ะท่าน ก่อนติดคุก สวัสดีพี่ น้องชาวไทย
ll NYA~ JOURNAL ll
ณ ปัจจุบันขณะ
เรื่อง ; ปิยะนุช พริ้งพงษ์ ภาพ ; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz
อาสา
ช่วงนี้มีหนึ่งคำ�ที่เราจะได้ยินบ่อยคำ�หนึ่ง พอๆกับคำ�ว่า มวลน้ำ� จระเข้ หรือ กรีนแมมบ้า นั่นก็คือคำ�ว่า “จิตอาสา“ เราทุกคนเคยได้ยินคำ�ว่าจิตอาสา แต่ที่จริงแล้วไอ้จิตอาสา หรือ Volunteerism Heart นี้ คืออะไร มีความเป็นมายังไง นี่คือ คอลัมน์ ณ ปัจจุบันขณะ ในฉบับนี้ จากข้อมูลของคุณสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด -แกนนอนกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง) คำ�ว่า “จิตอาสา” มีการใช้ครั้ง แรกหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิประมาณ 1 ปี โดยคนทำ�งานแผน พัฒนาของ สสส นั่งคิดกัน 3 คน ผม ในทีแรกจะใช้คำ�ว่า “อาสา สมัคร” เหมือนที่ผ่าน ๆ มา แต่มันซ้ำ�แล้ว ไม่สะดุดหู จึงประดิษฐ์คำ� ว่า “จิตอาสา” มาใช้แทนกัน อาสาสมัคร หมายถึง ผู้เสนอตัว กระทำ�เพื่อผู้อื่น และ ผลของการกระทำ�นั้นเป็นประโยชน์ส่งผลดี คนที่ขับเครื่องบินชนตึก 9/11 คือ อาสาสมัครหรือไม่ คำ�ตอบคือไม่ ใช่ คนชนตึก ขาดองค์ ประกอบสุดท้ายในการเป็นอาสาสมัคร คือ ผลของการกระทำ�นั้น ไม่มีความชอบธรรม ในขณะที่ อาสาสมัคร จะต้องนำ�ตัวเองเข้าสู่ เงื่อนไขที่ตัวเองมีความลำ�บาก ต้องเสียสละ
นี่คือ เบ้าหลอมและสร้าง “จิตใหญ่ ใจกว้าง” ll NYA~ JOURNAL ll
+ คณะแพทย์จากอเมริกากลุ่มหนึ่งบินมาที่วัดย่านยาว (สึ นามิ) แต่ถูกปฏิเสธเพราะหมอเยอะแล้ว จึงไปเป็นอาสาแบกไม้สร้าง บ้านพักชั่วคราว + ดร หญิง คนหนึ่ง มาช่วยขัดห้องน้ำ�ที่อาสาสมัครใช้กัน ขัดทุกห้อง กวาดถูที่ทำ�งาน ไม่เกี่ยงงอน ยิ้มแย้ม + ผู้จัดการแผนกของธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง มาทำ�อาหาร เลี้ยงคนที่ช่วยงานประสบภัยในห้องครัวเงียบ ๆ + ฝรั่งอาสา สกรีนเสื้อยืดคำ�ว่า Hot & Dirty พวกนี้เสนอ ตัวทำ�งานกลางแจ้ง งานหนัก สกปรก งานที่คนอื่นไม่อยากทำ� แต่ อาสาพร้อมทำ� การทำ�งานอาสาสมัคร แม้ ไม่ ได้คาดหวังสิ่งตอบแทน แต่ กระบวนการอาสาสมัครจะหล่อหลอมคนให้จิตใหญ่ โดยการขยาย จิตที่คับแคบมองแค่ตน แต่ ในหมู่คนทำ�งานอาสาสมัครก็ยังมีการ แข่งขันกันกลาย ๆ บางแห่งแข่งกันทำ�ดีจนถึงขนาดยิงกัน คนมัก เข้าใจผิด คิดว่า “อาสาสมัคร” คือ “สมัครเล่น” คือ ไม่ต้องมีอะไร มาก ทำ�แค่ ใจก็พอแล้ว แค่นี้ก็ดีถมไป ฉะนั้น สิ่งที่สังคมต้องการคือ “อาสาสมัครมืออาชีพ” มากกว่า สมัครอาสาเล่น ๆ อย่างที่ ศูนย์ ศปภ ดอนเมือง จนท พูดออกโทรโข่งว่า “ไม่ต้องแย่งกันนะ ครับ ทุกคนได้แพ็คของ ผมรับรอง” ฟังดูแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก ll 51
“ ในทุกวิกฤติการณ์ จะเกิดการปรากฎของ อาสาสมัคร และ นักฉวยโอกาส เสมอ ” การเป็นอาสาสมัคร ต้องเข้าใจสถานการณ์ภาพรวม แล้ว วางตนเองอยู่ ในบทบาทที่หนุนเสริมต่อกลไกในการทำ�งาน ทั้ง ทางตรง และ ทางอ้อม เกิดสภาพ “คนท่วมงาน” ในขณะที่มีงาน จำ�นวนมากขาดคนทำ� หัวใจคือ การจัดการอาสาสมัครในสภาวะ วิกฤติ คนที่มีประสบการณ์ทำ�งานด้านภัยพิบัติ จะถูกงานเข้ารุมตี จริง ๆ เขาต้องการคนช่วย แต่เขาไม่พร้อมมาสอนงานคนใหม่ที่ ไม่มี ประสบการณ์ ประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญ คนมีทักษะ ที่ประยุกต์กับ สถานการณ์ภัยพิบัติได้ แต่ติดว่าเขาทำ�งานองค์กร โจทย์คือ ทำ�ยัง ไงให้คนเหล่านี้มาช่วยได้ งานอาสานั้น มี 2 ประเภท คือ งานอาสาสมัครที่มีทักษะเฉพาะตัวสูง งานอาสาใช้แรงงานทั่วไป อันแรกหายาก อันหลังคนเยอะมาก หน่วยไหนทำ�งานได้ แม้ยามสภาวะวิกฤติ หน่วยนั้นจะมีงานมหาศาลเข้าตี กุญแจสำ�คัญก็ ยังคงเป็นเรื่องการบริหารจัดการในสภาวะที่วุ่นวาย ขาดความพร้อม จุดเด่นของภาคประชาชนในสถานการณ์วิกฤติคือ ยืดหยุ่น และ สามารถขยายขีดความสามารถของส่วนนี้แบบไม่จำ�กัด ไม่เหมือนรัฐ การนำ�มุมมองในการบริหารองค์กรในสถานการณ์ปกติมา อธิบายงานในสถานการณ์ภัยพิบัติทำ�ได้ยาก ต้องคิดกรอบ บริหาร ภาวะวิกฤติ มีคนถามว่า อาสาสมัครต้องใช้อะไรทำ�งาน ตอบคือ “ใช้ ใจ ใช้มือ ใช้หัว” ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ ได้ และใช้มากด้วย สำ�หรับคนที่อยากเป็นอาสาแต่ ไม่มีคนจ่ายงาน อย่าไปโกรธใคร หรือโกรธระบบ คุณสามารถไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ใช้เวลาดูเขาทำ�แล้ว หาช่องว่างเข้าเสียบ คนอยากเป็นอาสา อย่าคิดว่าเดินมาที่ป้ายรับ อาสาสมัคร หรือ หน้างานแล้วจะได้งานทำ�ทันที ลองมองมุมกลับ คนที่ต้องจ่ายงานดู สำ�หรับคนที่มาเป็นอาสาแล้ว ต้องพยายามมอง หาโอกาสที่จะเปิดพื้นที่ ให้อาสาใหม่เข้ามาช่วยเพิ่ม สอนงานเพื่อน อย่าเก็บงานไว้ทำ�คนเดียวคนที่เป็นอาสาอยู่แล้ว จะรู้ว่าหน้างาน เป็นอย่างไร และรู้ว่าเพื่อนคนไหนที่สนใจ มีความพร้อม จึงไปดึงคน เหล่านี้ช่วยเสริม หลายคนมีคำ�ถามกับสังคมว่าทำ�ไมความวุ่นวายของสังคม จึงมากนัก การแข่งขันที่ร้อนแรงในทุกๆด้าน การทำ�ลายสิ่งแวดล้อม การเอาเปรียบผู้ด้อยโอกาส การปล่อยมลพิษสู่สังคม การว่าร้าย เสียดแทง การแก่งแย่งชิงดี ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มาจากสาเหตุเบื้องต้น คล้ายๆกันคือ ความเห็นแก่ตัว หรือเอาแต่ ได้ ในส่วนตนเป็นหลัก ทำ�อย่างไรจะลดความเอาแต่ ได้ลงบ้าง ตรงกันข้ามกับการ เอาเข้ามาใส่ตัวก็คือ “ การให้ “ แก่คนอื่นออกไป เมื่อคนต่างๆเริ่ม มองออกไปสู่ภายนอก แค่นอกจากตัวเองเท่านั้นเอง มองเห็นผู้อื่น อย่างลึกซึ้งแท้จริงมากขึ้น เริ่มเข้าใจมุมมองของคนอื่น เขาต้องการ 52 ll
อะไร เขาอยู่ ในสภาพไหน เราช่วยอะไรได้บ้าง มองเห็นสังคม เห็น ความเป็นไป เห็นแนวทางที่จะช่วยกันลดปัญหา เริ่มให้ เริ่มสละสิ่ง ที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น เวลา แรงงาน เงิน สิ่งของ อวัยวะหรือแม้ กระทั่งสละความเป็นตัวเราของเรา ซึ่งนั่นเป็นหนทางการพัฒนา จิตใจแต่ละคนได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ เนื้อแท้ของความเป็นอาสาสมัครนั้นอยู่ที่จิตใจ คือมี ‘จิต อาสา’ ที่ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น หรือนึกถึงส่วนรวม จะเป็น ครู พ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ ก็สามารถเป็นอาสาสมัคร ได้ตลอดเวลาหากมีจิตใจที่คำ�นึงถึงส่วนรวมอยู่เสมอ เรา จำ�เป็นต้องตระหนักอยู่เสมอว่า ‘ อาสาสมัคร ’ นั้นไม่ ใช่ เป็นอาชีพ หากคือสำ�นึกที่สมควรมีอยู่คู่กับความเป็นมนุษย์ ของเราจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ”
...พระไพศาล วิสาโล
ปัจจุบันได้มีวาระแห่งชาติการให้และอาสาช่วยเหลือ สังคมแล้ว เป็นการร่วมมือกันรณรงค์ส่งเสริม “ จิตอาสา “ ให้เกิด ขึ้นในประเทศไทย เป็นการปลุกน้ำ�ใจคนไทยให้งอกงามกลับมาอีก ครั้งหนึ่ง มาช่วยกันดูแลสังคมไทยร่วมกัน ดูแลสิ่งแวดล้อม ชุมชน ตลอดจนปัญหาต่างๆรอบๆตัว อย่างน้อย มองออกมานอกกรอบของ เรื่องตัวเอง ออกมาดูคนอื่น เห็นใจ เข้าใจคนอื่นกันมากขึ้น ร่วมกัน สร้างสรรค์สิ่งดี ทำ�ดี ให้เป็นรูปธรรมกันมากขึ้นในสังคมไทย มิใช่ เพียงแต่วิจารณ์ ต่อว่าใครหรือคนกลุ่มใดที่ควรรับผิดชอบ แต่ออก มารับผิดชอบ มีส่วนร่วมด้วยกัน เพียงแค่คนไทยแต่ละคน ลุกขึ้นมาทำ�ความดีกัน คนละนิด คนละนิดเดียวเท่านั้น ประเทศชาติของเราน่าจะงดงามขึ้น อีกไม่น้อย เช่น เพียงร่วมกันบริจาคเงินกันเพียงคนละ ๑๐ บาท เรา ก็จะมีงบประมาณช่วยเหลือสังคมขึ้นมาทันที ๖๐๐-๗๐๐ ล้านบาท ถ้าเราอาสาช่วยเหลือสังคมคนละเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อปี เราก็จะมี ถึง ๖๐-๗๐ ล้านชั่วโมงที่คนมาช่วยเหลือกัน เราลองนึกดูกันซิคะว่า สังคมเราจะเป็นอย่างไร ถ้าคนไทยมีจิตอาสากันเต็มแผ่นดิน ความ สุขสงบของสังคมคงอยู่ ไม่ ไกลเกินเอื้อม เรามาช่วยกันสร้าง “ จิต อาสา “ กันเถอะค่ะ
“จิ ต อาสาคื อ สิ่ ง สวยงามที่ สุ ด ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด”
ll NYA~ JOURNAL ll
M S อึน เรื่อง ; กานต์ พันธ์จันทร์ @kenoyama ตอน น้ำ� น้องเอม เด็กน่ารัก says: ไง เขาเลิกตัดไฟแล้ว? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ยัง เครื่องปั่นไฟเพิ่งใช้ได้หนะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: อ่อ แล้วน้ำ�เริ่มลดยัง? น้องอาร์ม เด็กนรก says: เรื่อยๆอ่ะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: น้องแกเป็นไงบ้าง? น้องอาร์ม เด็กนรก says: ย้ายไปอยู่ศูนย์อพยพกับแม่ตั้งนานและ น้องเอม เด็กน่ารัก says: อ้าว แล้วไหงนายไม่ไปกับเขาด้วยล่ะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: กลัวขโมย น้องเอม เด็กน่ารัก says: กำ� เดี๋ยวพอแกอยากออกก็ออกไม่ได้หรอก น้องอาร์ม เด็กนรก says: เตรียมใจกับเครื่องปั่นไฟไว้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง 55 น้องเอม เด็กน่ารัก says: 55555 น้องอาร์ม เด็กนรก says: แล้วพัทยาเป็นไงบ้าง? น้องเอม เด็กน่ารัก says: ก็โอนะ แต่อยู่นานๆแล้วเริ่มเบื่อ น้องอาร์ม เด็กนรก says: เกือบเดือนแล้วหนิ แต่อยู่โรงแรมนานๆไม่จนเอาเรอะเธอ น้องเอม เด็กน่ารัก says: ไม่ได้อยู่โรงแรม อยู่บ้านญาติ น้องอาร์ม เด็กนรก says: อ๋อ ll NYA~ JOURNAL ll
น้องเอม เด็กน่ารัก says: แล้วแกมีอะไรกิน? น้องอาร์ม เด็กนรก says: แปปนะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: อื้ม ...... น้องอาร์ม เด็กนรก says: มาและๆ ไปอึมา น้องเอม เด็กน่ารัก says: บอกว่า”ไปเข้าห้องน้ำ�”ก็ได้นะ = = น้องอาร์ม เด็กนรก says: 5555 น้องเอม เด็กน่ารัก says: ...... น้องอาร์ม เด็กนรก says: ........ น้องเอม เด็กน่ารัก says: เป็นห่วงนะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: อื้ม ขอบใจนะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: อื้ม น้องอาร์ม เด็กนรก says: ไปนอนแล้วนะ น้องเอม เด็กน่ารัก says: อ้าว ไหงวันนี้นอนเร็วล่ะ? น้องอาร์ม เด็กนรก says: วันนี้ไม่ใช่เวรเฝ้าของฉันน่ะ เลยรีบนอนเอาแรง น้องเอม เด็กน่ารัก says: เวรเฝ้า? ช่างเถอะๆ รีบไปนอนเถอะ น้องอาร์ม เด็กนรก says: ฝันดีนะ บายยย น้องเอม เด็กน่ารัก says: บาย น้องอาร์ม เด็กนรก is offline ฝันดีนะ ...
ll 53
ช่
วงเวลาแห่งความยากลำ�บากที่คนไทยจะต้องร่วมกันฝ่าฟันให้ ได้ครั้งนี้ หลาย ๆ คนคงจะยุ่งกับการเป็น “ ผู้ ให้ ” โดยการ เป็นอาสาสมัคร ขณะเดียวกันอีกหลายคนก็เป็น “ ผู้รับ ” ความ ช่วยเหลือในฐานะผู้ประสบอุทกภัย ปิดเทอมยาวครั้งนี้ดูเหมือน เหล่าสมาชิกชุมนุมแมวบินจะทนอยู่บ้านกันเฉย ๆ ไม่ ได้ จึงรวม ตัวกันมารับบริจาคเงินร่วมกับชุมนุมโฟโต้เรนเจอร์ เพื่อนำ�เงินไป สมทบทุนการฟื้นฟูวัดและศาสนสถานต่าง ๆ ที่เสียหายจากภัยน้ำ� ท่วม ที่สะพานลอยหน้าห้างพันทิพย์งามวงวานศ์ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกท่านที่แบ่งปันน้ำ�ใจ กันมา เงินจำ�นวน ๒,๑๐๐ บาทได้มอบให้รายการ “ ชุมชนนิมนต์ ยิ้ม ” ของสถานี โทรทัศน์ ไทยทีวีสีช่อง ๓ ได้ ไปดำ�เนินการตาม วัตถุประสงค์แล้วค่ะ ชุมนุมแมวบินขอเป็นกำ�ลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยทุกท่าน ไม่ ว่าจะอยู่ท้องที่ ใด ยากลำ�บากแค่ ไหน เราเชื่อมั่นว่าน้ำ�ใจของคน ไทยจะช่วยให้ทุกคนกลับมามีความสุขได้ดั่งเดิมและมาฉลองปี ใหม่ ด้วยกันนี้ทันแน่ ๆ สู้ ๆ นะคะ :) ll NYA~ JOURNAL ll
ll 55
56 ll
ทำ�ดี ก็ DO-D
เรื่อง ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade
ซื้อของแบบพอเพี้ยง พอเพียง หลายคนคงเบ้หน้าแล้วว่าเรื่องอะไรน่าเบื๊อน่าเบื่อ จริงอยู่ ครับว่าเรื่องนี้ ไม่ ใช่เรื่องใหม่ พอถึงวันพ่อที่พวกเราจะต้องจัดป้าย นิเทศเกี่ยวกับโครงการพระราชดำ�ริ เชื่อว่าเกือบทุกคนเลยจะนึกถึง “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นอย่างแรก เราพูดถึงกันทุกปี แต่ เราเข้าใจกันจริงหรือเปล่า? แล้วเรานำ�มาปรับใช้มากแค่ ไหน? หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพระราชดำ�รัสครั้งแรก ตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ แต่มามีบทบาทมากในช่วงปี ๒๕๔๐ ที่เกิดวิกฤติ เศรษฐกิจในประเทศไทย สำ�นักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้หยิบยกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอ เพียงขึ้นมา พร้อมเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทางเศรษฐกิจมากมายมาร่วม กันกลั่นกรองและบรรจุลงในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๙ เมื่อแผนนี้ ได้รับพระบรมราชานุญาตจึงได้เผยแพร่ออก สู่สาธารณชนครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ซึ่ง ไม่เพียงแต่จะนำ�มาใช้ ในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางในการดำ�รงชีวิตของประชาชนให้พึ่งพาตนเองได้ อย่างยั่งยืนอีกด้วย หลักเศรษฐกิจพอเพียงไม่ ใช่สิ่งที่เข้าใจยากอะไรเลยหาก เราจะนำ�มาประยุกต์ ใช้ ในชีวิตประจำ�วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง การใช้จ่าย ประกอบด้วยหลักพื้นฐานใหญ่ๆทั้งสิ้น ๓ ข้อดังนี้ พอประมาณ ไม่มากไม่น้อยเกินไป คิดก่อนซื้อเสมอว่า เราจำ�เป็นต้องซื้อมันจริงๆหรือเปล่า ดูราคาด้วยว่ามันแพงเกินฐานะ ของเราไหม ถ้าเราเป็นเด็กนักเรียนธรรมดาๆ จะซื้อเสื้อแบรนด์เนม ตัวละหลายร้อยหรือเป็นหลักพันทุกครั้งก็คงไม่เหมาะสม เงินที่เรา จะจ่ายต้องไม่มากจนเราเดือดร้อนหรือถึงขั้นต้องอดข้าวกลางวันที่ โรงเรียนทั้งเดือนเพื่อซื้อของไม่จำ�เป็น และต้องไม่เดือดร้อนผู้อื่นด้วย มีเหตุผล รอบคอบ รู้จักเปรียบเทียบของประเภทเดียว กันหลายๆชิ้น เพื่อให้ ได้ชิ้นที่เหมาะในการใช้งานที่สุด คุ้มค่าที่สุด และราคาเหมาะสมที่สุด ของบางชิ้นอาจจะถูกแต่อายุการใช้งาน สั้น สู้ซื้อของคุณภาพดีๆ ราคาอาจจะสูงขึ้นมาหน่อยแต่สามารถ ใช้ ได้นานกว่ามาก มีภูมิคุ้มกัน คิดถึงอนาคตหลังจากที่เราซื้อของด้วย เช่น ถ้าเราซื้อเสื้อแพงๆสักตัว เราต้องนึกถึงว่าพรุ่งนี้เราจะมีเงินกินข้าว ที่ โรงเรียนหรือเปล่า? มีเสื้อตัวอื่นที่ถูกกว่านี้หรือเปล่า? ถ้าหาได้ เราก็จะประหยัดเงิน มีเงินเก็บมากขึ้น ยิ่งเป็นของชิ้นใหญ่ๆอย่าง คอมพิวเตอร์ เปียโน หรือแม้แต่บ้านสักหลังที่เราจะต้องผ่อนจ่าย เรายิ่งต้องคิดให้ละเอียดว่าเราจะบริหารเงินอย่างไรให้ชำ�ระหนี้ ได้ ตรงเวลาโดยที่เรายังมีเงินใช้จ่ายส่วนตัว และมีเงินเก็บด้วย ll NYA~ JOURNAL ll
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอีก ๒ อย่างที่เราต้องพิจารณา ควบคู่ ไปด้วย นั่นคือ ความรู้ เราก็ควรจะรู้จักสิ่งที่เราอยากได้ก่อน ที่เราจะซื้อ ถ้าเราซื้ออูคูเลเล่รุ่นสุดยอดราคาเป็นหมื่นๆ ทั้งๆที่เรา ยังเล่นไม่เป็นหรือแค่ระดับฝึกหัด หรือถ้าเราซื้อกระต่ายเพราะแค่ นึกอยากเลี้ยงแต่ ไม่เคยศึกษาวิธีเลี้ยงเลย กระต่ายก็อาจตายและ เราก็จะเสียเงินไปเปล่าๆได้ อีกสิ่งหนึ่งก็คือ ศีลธรรม เช่นหากเรา จะซื้อเหล้าซื้อบุหรี่ทั้งที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ก็ ไม่ ใช่เรื่องที่ถูกต้อง หรือ การคำ�นึงถึงผลกระทบต่อผู้อื่น เช่น สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้า ที่ทำ�ลายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ถึงมันจะดูยุ่งยาก แต่การใช้หลักเหล่านี้ ในการเลือกซื้อ ก่อนควักเงินจ่ายนั้น ก็จะช่วยให้เราใช้จ่ายอย่างมีสติและรอบคอบ ยิ่งขึ้น ยิ่งเป็นเงินที่พ่อแม่ ให้หรือเป็นเงินที่เราเก็บหอมรอมริบมานาน แสนนานยิ่งต้องคิดมากๆ เราอาจอยากได้ของบางอย่างที่ ไม่จำ�เป็น เพียงชั่ววูบ ถ้าซื้อโดยไม่คิดสุดท้ายก็ต้องเสียดายเงิน สู้เก็บเงิน ไว้ ใช้จ่ายสิ่งอื่นๆที่จำ�เป็นจะดีกว่า แต่ถ้าคิดไปคิดมาเราอยากได้มัน จริงๆ วางแผนการใช้จ่ายมาเรียบร้อยแล้ว ก็ซื้อไปเถอะครับ หลัก เศรษฐกิจพอเพียงไม่ ได้ลิดรอนอิสระในการจับจ่ายจนบั่นทอนความ สุขของน้องๆขนาดนั้น แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงนี้ยังช่วยให้เราได้สินค้าที่ดีและ คุ้มค่าที่สุด อีกทั้งยังช่วยให้เรามีเงินเก็บมากขึ้นด้วย เคยมีสารคดี ชีวิตคนต่างจังหวัดที่เคยเข้ามาในกรุงเทพและหวังจะมีชีวิตที่ดี แต่ ทุกอย่างก็ ไม่ ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง จึงต้องกลับภูมิลำ�เนาเดิม เมื่อ ได้ ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ได้พึ่งพาตัวเอง จากเดิมที่เขาเป็นคน ที่แทบไม่มีเงินติดตัวเลย (แม้แต่เงินกลับต่างจังหวัดก็ต้องขอแม่) ปรากฏว่ าเขากลายเป็นคนที่กล้ าพูดได้อย่ างเต็มปากว่ าเขามีเงิน เหลือกิน เหลือใช้ เหลือเก็บ โอ้ โฮ เราอยู่กับพ่อแม่มาแต่เล็กจนโต พ่อแม่ยังไม่เคยกล้าพูดขนาดนี้ เขาคนนี้ยังเป็นวิทยากรที่ช่วยอบรม การดำ�รงชีวิตแบบพึ่งพาตนเองให้คนอื่นๆอีกด้วย อย่างเกษตรกรคน หนึ่ง จากเดิมที่จนมาก ตอนนี้เขามีชีวิตที่มีคุณภาพและสามารถส่ง เสียลูกให้เรียนจบมหาวิทยาลัยได้ เพราะเขารู้จักใช้ชีวิตด้วยหลัก เศรษฐกิจพอเพียงนี่แหละครับ
เศรษฐกิจพอเพียงนี่วิเศษจริง ๆ
อ้างอิง : http://th.wikipedia.org/wiki/เศรษฐกิจพอเพียง
ll 57
เทศกาล
เรื่อง ; วิริยา แพะขำ�
มารู้จักกับ “ ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ ”
เมื่ อ เข้ า ใกล้ วั น สำ � คั ญ ที่ สุ ด วั น หนึ่ ง ของปี อ ย่ า งวั น พ่ อ แห่งชาติ หรือวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บ้านเมืองของเราจะเริ่มมีกลิ่น อายของบรรยากาศงานเฉลิมฉลองมหามงคลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการ ฉายสารคดีเทิดพระเกียรติหรือการถวายพระพรโดยองค์กรต่าง ทั้งภาครัฐและเอกชนผ่านทางสื่อต่าง ๆ การประดับธงตามบ้าน เรือนหรือที่ทำ�การของหน่วยงาน การจัดทำ�นิทรรศการเกี่ยวกับ พระราชประวัติและการทรงงานของพระองค์ ฯลฯ จะมีสิ่งหนึ่งที่ เราพบเห็นเป็นประจำ�และเหมือนกันทุกที่นั่นคือตราสัญลักษณ์งาน เฉลิมพระเกียรตินั่นเอง ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรตินั้นเป็นเหมือน “ โลโก้ ” ของงานโอกาสพิเศษต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดหาแบบจากประชาชน ที่ส่งเข้าร่วมประกวดมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย จากนั้นพระองค์จะทรง พระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานตราสัญลักษณ์ ๑ แบบสำ�หรับใช้ ในงานเฉลิมพระเกียรติในวโรการนั้น ๆ ในรั ช สมั ย ของพระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู่ หั ว ภู มิ พ ล อดุลยเดช เราเหล่าประชาชนก็ ได้พบเห็นตราสัญลักษณ์งาน เฉลิมพระเกียรติมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งนั้นผู้ออกแบบก็จะ แฝงความหมายในส่วนต่าง ๆ ของตราสัญลักษณ์ต่างกันไปตาม แต่ โอกาส และในครั้งล่าสุดที่จะถึงนี้ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ก็ จ ะเป็ น อี ก หนึ่ ง วั น สำ � คั ญ ของประวั ติ ศ าสตร์ ที่ พ ระบาทสมเด็ จ พระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระชนมายุได้ ๘๔ พรรษา หรือ ๗ รอบ ซึ่ ง รั ฐ บาลก็ ไ ด้ เ ตรี ย มการจั ด พิ ธี เ ฉลิ ม ฉลองวโรกาสมหามงคลนี้ อย่างสมพระเกียรติและถูกต้องตามราชประเพณีภายใต้ชื่อ “ งาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระ ราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ” หรืออีกชื่อหนึ่งซึ่งเป็นชื่อพระราชทานว่า “พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ” ท่านผู้อ่านคงจะได้เห็นหน้าตาของตราสัญลักษณ์ของงานนี้ จากปกด้านในแล้ว ตรานี้เป็น ๑ ใน ๑๑๒ แบบที่สร้างสรรค์ด้วยผู้ เข้าร่วมประกวด ๖๓ คน ออกแบบโดยคุณ สิริ หนูแดง ทีนี้เรา จะมาดูกันครับว่าในตราสัญลักษณ์นี้ ผู้ออกแบบได้แฝงความหมาย ไว้อย่างไรบ้าง
การนำ�ตราสัญลักษณ์เหล่านี้ ไปใช้ ใช่ว่าจะนำ�ไปใช้ ได้ตามชอบนะ ครับ เพราะมีข้อปฏิบัติอยู่ว่าหากผู้ขออนุญาตนำ�ไปใช้จัดโครงการ หรือกิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น กิจกรรมระดมทุนการกุศล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสนั้น ๆ หรือการนำ�ตรา สัญลักษณ์ ไปใช้ทำ�สินค้าที่ระลึกต่าง ๆ จะต้องนำ�ผ่านการพิจารณา จากสำ�นักราชเลขาธิการเสียก่อน แต่ถ้าเป็นโครงการหรือกิจกรรม เทิดพระเกียรติที่ ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก็สามารถนำ�ไปใช้ ได้เลย เพียง แต่ต้องแจ้งให้สำ�นักราชเลขาธิการทราบเพื่อบันทึกรวบรวมได้ แต่สำ�หรับประชาชนคนทั่วไปอย่างเรา ๆ ก็สามารถนำ�ธง ที่มีตราสัญลักษณ์ประดับคู่กับธงชาติที่หน้าบ้านหรือที่ทำ�งานได้ โดย ไม่ต้องแจ้งให้หน่วยงานใด ๆ ทราบก็ ได้ครับ ดังนั้นก็ขอเชิญชวนทุก คนร่วมประดับธงเพื่อร่วมกันแสดงความจงรักภักดีและร่วมเทิดพระ เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราเนื่องในวโรกาสมหา มงคลนี้นะครับ อ้างอิง : http://www.phuketcustoms.net/index.php?lay=show &ac=article&Id=539329523&Ntype=11 , http://th.wikipedia.org
ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีรัชดาภิเษก ( พ.ศ.๒๕๑๔ ) 58 ll
ตราสัญลักษณ์พระราชพิธ เฉลิมพระชนมพรรษา ( พ.ศ.๒๕๓๐ )
ll NYA~ JOURNAL ll
ธีมหามงคล ๕ รอบ )
ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ( พ.ศ.๒๕๔๒ )
ll NYA~ JOURNAL ll
ตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี ( พ.ศ.๒๕๔๙ )
ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ( พ.ศ.๒๕๕๐ ) ll 59
หนังสือเดินทาง เรื่อง ; กองบรรณาธิการ
่าจดจำ� น ่ ี ท ย า ม ก งราวมา อ ่ ื ร เ ต ิ ว ี ช บันทึก ดินทาง เ ร น ็ า ป ก เ ่ ี ท ง อ ื อ ับหนังส ื่องราวข ก ร เ บ ก ึ พ ท ป น ั ไ บ ณ ุ จะพาค ที่สามารถ ~ ง ่ ิ A Y ส ง ่ ึ N น ร ห ็นอีก รณาธิกา ร บ งก็ได้ ง า ้ อ บ ก า หนังสือ เป ม ่ ุ ม น น ้ ึ ห ข ทึกอะไร ับนี้ สาม น ั บ ฉ บ ง ก า า ท ย น ิ อ จะรู้สึก จ หนังสือเด า อ ณ ุ ค ี ท แพท กษิดิษ รุจาคม @Patzx ช่างภาพ รส บาง 3 ง อ ่ ื ร เ 3 เล่ม 3
เรื่องไม่ธรรมดา ของคนธรรมดาที่ “บินได้”
ไต่ฟ้ากินเมฆ สรศักดิ์ สุบงกช ซีเอ็ดยูเคชั่น
โหล ชลากร สถิวัสส์ @scjade บรรณาธิการ, คอลัมนิสท์ เมื่อวันหนึ่ง “ เจ้า “ อยากจะบอก “ ความในใจ “
ความในใจของข้าพเจ้า สำ�นักพิมพ์ดีเอ็มจี
รายการแฟนพันธุ์แท้ที่ประสบความสำ�เร็จอย่างด โดยรวบรวมประสบการณ์น่าสนใจของสุดยอดแฟนพันธ แปลกใหม่ ให้สาระความรู้ความบันเทิงครบถ้วน เล่มแร บงกช สุดยอดแฟนพันธุ์แท้เครื่องบินรบ 2547 กับเรื่องจ ชีวิตลูกผู้ชายเดินด หลัง พ.ต.ท. ทักษ นับว่าเป็นเครื่องบ ไทย และยังเป็นเ กองกำ�ล จึงนับเป ธรรมดา
“ เกิดเป็นเจ้า ต้องรับใช้ประชาชน ”
ตั้งแต่เด็ก ๆ เราได้ฟังนิทานก็มักจะจินตนาการโลกของเชื้อพระวงค์ว่า เป็นชนชั้นสูง แต่งกายงดงาม ได้ทานอาหารอร่อย ๆ และมีงานสังสรรค์กับ ชนชั้นสูงด้วยกันทุกวัน แต่หนังสือเล่มนี้จะเปิดมุมมองใหม่ให้เรารู้ว่าแท้จริงแล้ว ราชวงศ์ของแผ่นดินไทยนั้นทั้งผูกพันใกล้ชิดกับปวงชนและพยายามเพื่อปวงชน ไม่เหมือนชาติใด ๆ ในโลก หนังสือเล่มนี้ได้ถอดความบทพระราชทานสัมภาษณ์ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย จำ�หน่ายราคาเล่มละ ๒๙๙ บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายนำ�ขึ้น ทูลเกล้า ฯ ถวายสมทบทุนมูลนิธิจุฬาภรณ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง 60 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
กานต์ กานต์ พันธุ์จันทร์ @kenoyama คอลัมนิสท์
ดี ได้ถูกถ่ายทอดมาเป็นหนังสือ ธุ์แท้ทั้งหลายมานำ�เสนอในแง่มุม รกนี้จะเป็นเรื่องของคุณสรศักดิ์ สุ จริงสุดทึ่ง ... บันทึกนาทีระทึกแห่ง ดิน ผู้เหินฟ้าไปกับเครื่อง F-16 ไล่ ษิณ ชินวัตร โดยเครื่องบิน F-16 นี้ บินที่ทันสมัยที่สุดในกองทัพอากาศ เครื่องที่มีการใช้มากถึงครึ่งหนึ่งใน ลังทางอากาศของสหรัฐอเมริกา ป็นเกียรติ ศักดิ์ศรีสูงสุด ที่คน าจะได้รับจากกองทัพอากาศ
วิชัยเพิ่งกลับจากประเทศจีน ไปตลาดขายของก๊อป ไปกำ�แพงเมืองจีน ไปขึ้นรถไฟฟ้า ไปดูหน้าน้องเขย ไปเจอโจรล้วงกระเป๋า และเข้าห้องน้ำ�ที่นั่น!
บันทึกการเดินทางของนายวิชัย มาตกุล
คนไทยเชื้อสายจีนที่ไม่เคยไปประเทศจีนมาก่อน แต่ฝันว่าอยากไปกำ�แพง เมืองจีน อยากเห็นสนามกีฬารังนกสักครั้งและซื้อรองเท้าไนกี้สักคู่
วิชัย มาตกุล สำ�นักพิมพ์แซลมอน
อ่าา...ชื่อหนังสือเขาเล่าไปแทบจะหมดแล้วนะ เอาเป็นว่าจะเล่ายาวกว่านี่หน่อยแล้วกัน เมืองจีน เมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีประชากรมากที่สุดในโลก เมืองที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าแท้และเทียมใหญ่ที่สุด เมืองที่มีปัญหาเรื่องการเข้าห้องน้ำ�มากที่สุด สำ�หรับตัวผม รู้จักเมืองจีนแค่ว่าเป็ดปักกิ่งมีชื่อเดียวกับเมืองหลวง ส่งแพนด้ามาให้เลี้ยงบ้านเรา แล้วก็ ไม่มีขนมจีนในประเทศเขาเท่านั้นเองครับ ที่นี้พี่วิชัยก็ไม่เคยไปเช่นกัน(ใช่ครับ นายวิชัย มาตกุลผู้เขียนแหละ ไม่ ได้รู้จักกับพี่เขาหรอกครับ กระแดะเรียกไปงั้น) วันนึงเขาได้มีโอกาสไปเที่ยวแผ่นดินใหญ่นี้กับผองเพื่อน ซึ่งถ้าใครมีโอกาสได้อ่านผลงานก่อนหน้านี้หรือติดตามบล็อคของพี่เขาก็จะทราบว่า การเขียนของพี่เขา แสบมาก แสบจนคนอ่านฮากันจนปวดตับเลยล่ะครับ ทั้งเรื่องโน้นเรื่องนี้เรื่องนั้น ไม่อยากจะเล่าแล้วครับเดี๋ยวไม่ สนุก ลองไปหาอ่านกันนะครับกับ “บันทึกการเดินทางของนายวิชัย มาตกุล คนไทยเชื้อสายจีนที่ไม่
เคยไปประเทศจีนมาก่อน แต่ฝันว่าอยากไปกำ�แพงเมืองจีน อยากเห็นสนามกีฬารังนกสักครั้ง และซื้อรองเท้าไนกี้สักคู่”
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 61
EN ROUTE
เรื่อง ; ธีธัช มานิตพิศาลกุล @KiraYK
บรรยากาศหลังอาคารรัฐสภากรุงเบิร์น
ห่าน (มั้ง) ที่ ไม่กลัวคนถ่ายรูปเลย
62 ll
ปิ ด เทอมนี้ ผ มมี โ อกาสได้ ลี้ ภั ย น้ำ � ท่ ว ม(ซึ่ ง สุ ด ท้ า ยก็ ห นี ไ ม่ ร อด)ไปท่ อ งเที่ ย วกั บ ครอบครัวที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาครับ การได้มาที่นี่ก็เหมือนกับการมาเปิดโลกที่ ไม่เคย ได้เห็นหลายอย่าง ทั้งการดำ�เนินชีวิต สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม เทคโนโลยี ภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ที่ล้วนต่างจากประเทศไทยของเราหรือประเทศในแถบนี้ โดยสิ้นเชิง แน่นอนว่า ภูมิประเทศ วิว บรรยากาศทั้งหลายที่สวิสนั้นแตกต่างจากไทยมาก มองไปทางไหนจึงสวยไป หมด ก็เหมือนกับที่ชาวต่างชาติมาเที่ยวไทยนั่นแหละครับ เค้าไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบไทย เรา เค้าก็บอกว่าประเทศเราสวย ทั้งๆที่เราก็รู้สึกเฉยๆไม่เห็นจะสวยตรงไหน โดยบรรยากาศ ที่สวิสส่วนมากจะเป็นภูเขาสลับกับทะเลสาบ มีเมฆบางๆและ… เดี๋ยวก่อน! คอลัมน์นี้ ไม่ ใช่คอลัมน์นำ�เที่ยวครับ ฉะนั้นขอหยุดการพรรณนาแต่เพียง เท่านี้ สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนเห็นในประเทศนี้คือ ความเป็นอยู่ ระเบียบ และลักษณะของคนใน ชาติเขาครับ
1.อำ�นวยความสะดวก ตามสถานที่ต่างๆจะมีสิ่งอำ�นวย
ความสะดวกมากมาย(ถึงบางอย่างจะเสียเงินก็เถอะ) เช่น รถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ และยังสามารถเดินทางข้าม ประเทศได้อีกต่างหาก ตามสถานีรถไฟที่เป็นสถานที่ท่อง เที่ยวจะมีบริการฝากกระเป๋าเดินทางครับ ซึ่งทำ�ให้นักท่อง เที่ยวสะดวกมากๆ นอกจากนั้นยังมีตั๋วสำ�หรับนักท่องเที่ยวที่ชื่อว่า Swiss Pass ซึ่งเหมือน “บัตรเบ่ง”เลย เพราะเราจะเดินทางไป ที่ ไหนด้วยพาหนะใดก็ตาม เมื่อเราแสดงเจ้าบัตรเบ่งนี่ ให้นายตรวจ ดู เราก็จะผ่านการตรวจตั๋วได้อย่างรวดเร็ว (สรุปง่ายๆคือ เราใช้เจ้า Swiss Pass นี่เดินทางด้วยพาหนะใด ไปไหนก็ ได้ ภายในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ ในเวลาจำ�กัดครับ) เห็นไหมครับ เขาอำ�นวยความ สะดวกแก่นักท่องเที่ยวแค่ ไหน 2.Honest System ต่อไปเป็นสิ่งที่ทำ�ให้ผมอึ้งได้อีก ข้อนึง คือคนที่นี่เค้าจะไว้ ใจกันมากครับ ทำ�ให้เกิดระบบบางอย่าง ขึ้นมา พี่ขอตั้งชื่อระบบนี้ว่า “Honest System” หรือ “ระบบแห่ง ความซื่อสัตย์” ขอยกตัวอย่างเจ้าระบบนี้เลยแล้วกันครับ วันแรก ที่ผมมาถึงโรงแรม เขาติดป้ายไว้ที่lobbyว่า เขาจะอยู่ที่lobbyเวลา 8.00-11.00 และ 16.00-18.00 เท่านั้น ... แล้วเวลาที่เหลือล่ะ? เค้า ก็เอาไปทำ�กิจกรรมของเขาครับ เดินเขา เล่นสกี หรืออะไรก็ว่าไป นอกเหนือจากเวลานั้น เขาจะให้เราดูแลตัวเองครับ เขาจะติดป้าย อีกแผ่นนึง แสดงรายละเอียดว่า ถ้าเราต้องการอย่างนู้น เราต้อง ทำ�อย่างนี้นะ เช่น ผมจะเข้าเช็คอินเข้าห้องพักตอน2ทุ่ม ซึ่งเลยเวลา ของพนักงานที่จะอยู่หน้าlobbyไปแล้ว ผมก็จะสามารถหยิบกุญแจ ห้องที่จองไว้ที่lobby ได้เลย ... เห้ย!! อันนี้ทำ�ผมงงมากครับ จึงเกิด คำ�ถามที่ว่า ถ้าเราหยิบกุญแจห้องอื่นไปขโมยของในห้องเขาก็ ได้สิ (ก่อนออกจากโรงแรมที่นี่จะต้องฝากกุญแจไว้ที่เขาก่อนครับ) และคำ� ตอบก็คือ “ได้ครับ” แต่ ไม่มี ใครเขาทำ�กัน เพราะอย่างที่ผมบอกไป แล้วนะครับว่า คนที่นี่เขาไว้ ใจกัน และซื่อสัตย์มากๆ ดังนั้นระบบนี้ จึงได้ผล พนักงานโรงแรมสบาย ไม่ต้องเฝ้าlobbyทั้งวัน มีเวลาว่าง มากมาย ระบบแห่งความซื่อสัตย์นี้มีอีกตัวอย่างหนึ่งครับ เวลาขึ้น รถเมล์ นักท่องเที่ยวที่มีบัตรเบ่งSwiss Pass ก็ขึ้นได้ตามปกติ ส่วน ชาวสวิสเองจะต้องซื้อตั๋วซึ่งอยู่ตามป้ายรถเมล์ต่างๆ ซึ่งเท่าที่ผม สังเกตคือ ไม่เคยเห็นนายตรวจมาตรวจตั๋วเลยครับ ขึ้นกี่รอบๆก็ ไม่ เคยเห็น ด้วยความสงสัยจึงลองไปสังเกตที่ป้าย รถเมล์ คนสวิสเขา
เขตชนบทของสวิส เครื่องกดตั๋วรถไฟอัตโนมัติ
ก็กดตั๋วตามระยะทางที่เขาจะเดินทางจริงๆ นี่จึงเป็นระบบที่น่าสนใจ มากๆ ถ้ามีที่ประเทศเราคงจะดี ไม่น้อย … 3.อยู่กับธรรมชาติ การใช้ชีวิตของชาวสวิสจะรบกวน ธรรมชาติน้อยมากครับ แม้แต่ ในเมืองหลวงอย่างเบิร์น (Bern) เอง ก็ยังมีพื้นที่สีเขียวให้เห็นมากมาย หรือตามชนบท ประชาชนของเขา จะอยู่กันอย่างเบาบาง มีการเลี้ยงวัวหรือแกะบ้าง และมีพื้นที่สีเขียว จำ�นวนมาก นอกจากนั้นไม่ว่าจะในเมืองหรือชนบท น้ำ�ในคลองหรือ ทะเลสาบจะใสสะอาดมากๆ มีสีฟ้าถึงเขียวมรกต (บางทีตอนเด็กๆที่ เราระบายสีส่วนที่เป็นพื้นน้ำ�แล้วต้องใช้สีฟ้าเสมออาจจะเป็นเพราะ เหตุนี้ก็ ได้) นอกจากนี้ สัตว์ต่างๆที่อาศัยในเมืองยังไม่กลัว ผู้คนอีกด้วย ตามสถานที่ต่างๆจะมีสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ร่วม กับผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ห่าน นกกระจอก ทั้งนี้พี่คิดว่า เนื่องจากไม่มี ใครไปทำ�อันตรายพวกมันก่อน มันก็เลยไม่ ค่อยจะกลัวผู้คนครับ
ll 63
น้ำ�ใสไหลเย็นเห็นตัวเป็ดที่เมือง Thun
แม้แต่เมืองใหญ่อย่าง Luzern น้ำ�ก็ยังใสสะอาด
4.ตรงต่อเวลา หากพูดถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลายๆคนคงนึกถึงนาฬิกาคุณภาพดี ซึ่งนี่ก็ทำ�ให้คนสวิสใส่ ใจกับ เรื่องเวลามากๆ (ไม่เกี่ยวกันเลยเนอะ - -“) คนสวิสก็เหมือนคนญี่ปุ่น เลยครับ เรื่องเวลาสำ�คัญมากๆ หากเรามาสายตามเวลานัดแม้เพียง 1 นาที คุณอาจจะโดนตำ�หนิได้ และเวลารถไฟออกตามสถานีรถไฟก็ จะออกจากชานชาลาตามเวลาที่ตรงกับตารางเป็นหลักนาทีเช่นกัน ข้อดีข้อนี้ที่เห็นได้ชัดคือ เค้าสามารถกำ�หนดเวลาที่จะถึงสถานีปลาย ทางได้แน่นอน ทำ�ให้เราสามารถวางแผนกิจกรรมของเราที่ปลาย ทางได้ง่ายยิ่งขึ้น (ไม่เหมือนประเทศไทยที่รถไฟมาถึงสถานีปลาย ทางช้าไม่ต่ำ�กว่า2ชั่วโมง - -“) 5.เอาใจใส่ตนเองและผู้อื่น ที่ประเทศนี้ ให้ความ สำ�คัญกับแรงงานมากครับ สินค้าอะไรก็ตามที่มีการใช้แรงงาน มนุษย์มาก ราคาก็จะแพงมากตามไปด้วย เช่น ผมไปพิสูจน์ราคา อาหารไทย ทำ�โดยคนไทย สไตล์สวิตเซอร์แลนด์ ในซูริค (Zurich) มาแล้วครับ ข้าวไก่ผัดเม็ดมะม่วงจานหนึ่งราคา 14.50 ฟรังค์ หรือ ประมาณ 500 บาทไทย รสชาติก็ … แบบว่า … มันเยิ้มมากครับ
64 ll
แถมจืดอีกต่างหาก จะว่าห่วยก็ ได้มั้งนะ ดังนั้นคนที่นี่ส่วนใหญ่ทั้ง คนสวิสเองหรือนักท่องเที่ยวก็จะนิยมทำ�อาหารกันเอง แน่นอนว่าใน โรงแรมที่พักก็จะมีครัวในโรงแรมเช่นกัน นอกจากนี้ร้านค้าทุกชนิด ตั้งแต่ห้างใหญ่ๆยันโชว์ห่วยเล็กๆจะปิดตรงเวลา คือปิด 17.00 น. และไม่เปิดในวันอาทิตย์ ดังนั้นถ้าไปซื้อวัตถุดิบช้าหมายความว่าคุณ จะอดอาหารมื้อนั้นแน่ๆ ถ้าซวยหนักขนาดลืมซื้อวัตถุดิบในวันเสาร์ และไม่มีอาหารติดตัวเลย วันอาทิตย์คุณเตรียมตัวอดอาหารทั้งวัน ได้เลยครับ ดังนั้นคนที่นี่จะต้องเอาใจใส่ตนเองมากๆเลยครับ นอกจากเอาใจใส่ตัวเองแล้ว เรื่องการเอาใจใส่ผู้อื่นก็ ไม่ ได้ น้อยหน้า คนที่นี่เองก็มีน้ำ�ใจไม่แพ้คนไทยเลยครับ โดยเฉพาะคนที่ สูงอายุหน่อย ที่นี่เค้าเอาใจใส่นักท่องเที่ยวมากๆ ตั้งแต่ร้านค้าต่างๆ เจ้าหน้าที่สถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่ประชาชนของเขา ขอเล่าเหตุการณ์ที่ผมได้พบเจอมาด้วยตัวเองเลยครับ คือ ขณะที่ผมกำ�ลังจะเดินทางไปเมือง St.Gallen (อ่านว่า เซนต์กาเลน) ซึ่งอยู่ทางเหนือของประเทศ แล้วมีชาวสวิสสูงอายุมาถามว่าเราจะ ไปไหน เค้าคงฟังผิดน่ะครับเป็น South… เค้าซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ ค่อยได้ก็พยายามจะบอกว่า รถไฟที่จะไปทาง South อะ ขบวนBนะ ไม่ ใช่ขบวน A ที่ผมกำ�ลังจะไป (ซึ่งจริงๆแล้ว ขบวนA ที่ผมนั่งน่ะ ถูกแล้ว) ถึงขั้นขึ้นรถไฟมาตามพวกพี่ ให้ลงจากรถไฟเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่รถไฟก็กำ�ลังจะออกจากชานชาลาอยู่แล้วแท้ๆ สุดท้ายก็อธิบายกัน อยู่นานแหละครับ กว่าเค้าจะเข้าใจ แต่นี่ก็เป็นการแสดงว่าคนสวิส เค้าเอาใจใส่เราครับ นอกจากนี้ ตอนที่กำ�ลังเที่ยวหรือแม้แต่กำ�ลัง ทำ�กิจกรรมในโรงแรม(อย่าคิดลึกครับ แค่ทำ�อาหาร หรือเดินไปอาบ น้ำ�ในห้องน้ำ�รวมอะไรทำ�นองนั้น) ก็จะมีพนักงานโรงแรมหรือนักท่อง เที่ยวชาติอื่น และคนสวิสเองที่จะทักทายเราไปตลอดทาง แต่ส่วน มากเค้าจะคิดว่าเราเป็นคนจีนครับ โดนทักทายว่า “หนีห่าว” ตั้งหลายรอบแหนะ (ฮา) ทั้ ง หมดนี้ ก็ เ ป็ น เรื่ อ งเล่ า เล็ ก ๆ น้ อ ยๆในดิ น แดนอั น ไกลโพ้ น จากประเทศ ของเรา ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่ผมเล่ามา ไม่ ว่าจะเรื่องประเทศของเขา คนของเขาดี อย่างนู้นอย่างนี้ (จริงๆที่ ไม่ดีก็มีครับ เพียง แต่ ไม่ ได้กล่าวถึง) ทุกอย่างมาจาก “สถาบัน
ครอบครัว” ของเขาครับ ครอบครัวของคนสวิสส่วนใหญ่นั้นอบอุ่น มากๆ ไปเที่ยวที่ ไหน จะเห็นพ่อแม่จูงลูกหรือพาน้องหมา ขึ้นเขา ล่องเรือ ไปด้วยกันทุกที่ และจากระบบ Honest System ที่กล่าวไป ทำ�ให้คนสวิสเองมีเวลาอยู่กับครอบครัวมาก ต่างจากประเทศไทยที่ พ่อแม่ทำ�งานตามเวลาราชการยังไม่พอ บางท่านยังหางานพิเศษทำ� ตอนเย็นอีก ครอบครัวของเราจึงดูไม่ค่อยอบอุ่น ปัญหาสังคมจึงมี มากขึ้นทุกวัน ดังนั้นเด็กๆควรหาเวลาอยู่กับครอบครัวเยอะๆนะครับ ผมว่ามันดีกว่าการเอาเวลาไปนั่งอยู่ที่หน้าจอเยอะเลย
สมาพันธรัฐสวิส Switzerland
ก่อนจบ: ถ้ามี โอกาสไปเหยียบสวิส อย่าลืมไปเยี่ยมชม โครงการ CERN (โครงการที่ทดลองยิงอิเล็กตรอนเพื่อศึกษาการ กำ�เนิดโลก) ที่นครเจนีวา (Geneva) นะครับ เพิ่งเปิดให้คนนอกเข้า ชมได้เพียง1 ปีเท่านั้น มัน … สุดยอดมากครับ
โครงการ LHC ของ CERN
เมืองหลวง เบิร์น เมืองใหญ่สุด ซูริก ภาษาทางการ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาอิตาลี การปกครอง ประชาธิปไตยทางตรง สหพันธ์สาธารณรัฐ - สภาสหพันธ์ - ประธานาธิบดี โดรีส เลอตาร์ พื้นที่รวม 41,285 ตร.กม. (15,940 ตร.ไมล์) ประชากร (ก.ย. 2551) 7,581,520 คน ความหนาแน่น 176 คน/ตร.กม. (472 คน/ตร.ไมล์) สกุลเงิน ฟรังก์สวิส (CHF) เขตเวลา CET (UTC+1) โดเมนบนสุด .ch รหัสโทรศัพท์ 41 ll 65
ว่างแล้ว ... ไปไหน? เรื่อง ; wikalenda.com
20 - 25 OCT NOV และการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ น้ำ�ท่วม ดินถล่ม ที่เกิด บ่อยครั้งและรุนแรงมากขึ้น ในสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงของ โลกนี้ การเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจเพื่อปรับตัว ป้ อ งกั น และพร้ อ มรั บ มื อ กั บ สถานการณ์ ที่ อ าจเกิ ด ขึ้ น จึ ง เป็ น เรื่องสำ�คัญ นิทรรศการ เมืองจมน้ำ� Let’s Panic เป็นการสร้าง แบบจำ�ลองในความเป็นไปได้ ของสถานการณ์ต่างๆทางสภาวะ แวดล้อม ผ่านผลงานของศิลปินและนักออกแบบที่ใช้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์โดยใช้เงื่อนไขของสภาวะที่อาจเกิดขึ้นเมื่อ กรุงเทพฯ ต้องประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ในจินตนาการอิง ความเป็ น ไปได้ จ ริ ง ของฝนล้ า นปี ที่ ต กไม่ ห ยุ ด และท้ายสุดเมื่อ เมืองจมน้ำ� ศิลปินและนักออกแบบสร้างแนวคิดต่างๆ เพื่อจำ�ลอง บรรยากาศ นำ�เสนออารมณ์ ความรู้สึกเพื่อช่วยเหลือเยียวยาใน หลากหลายความเป็นไปได้ เพื่อสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล เพื่อสร้างความตื่นตัวที่นำ�ไปสู่การสร้างจิตสำ�นึก ในการใช้ชีวิต เพื่อรักษาสภาพแวดล้อม
้ “เมืองจมนำ�”
ดำ�เนินงานโดย ฝ่ายนิทรรศการหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ กลุ่มเครือข่าย Design for Disasters
สถานที่ : ชั้น 8 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร --------------------------------
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครร่วมกับเครือข่าย Design for Disasters ขอเชิญชมนิทรรศการเพื่อสร้างจิตสำ�นึกและการตระหนักรู้ เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันและความเป็นไปได้ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในอนาคตผ่านผลงานศิลปินและนักออกแบบ 15 ท่าน ในสภาวะทางสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน ปัญหาใหญ่ที่สุด ที่โลกกำ�ลัง เผชิญอยู่ในขณะนี้คือ สภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่ส่งผล ให้เกิดสภาพอากาศที่แปรปรวน ฤดูกาลที่คุ้นเคยได้ผิดแปลกไปจากเดิม 66 ll
ll NYA~ JOURNAL ll
14 - 14 DEC MAR วันที่ 14 ธันวาคม 2554 – 14 มีนาคม 2555 รวม 90 วันแทน เพื่อความเหมาะสมทุกด้าน อีกทั้งการเลื่อนยังอยู่ในเงื่อนไขของ สมาคมพืชสวนนานาชาติ สามารถเชื่อมโยงการจัดงานปีใหม่ และตรุษจีนได้ด้วย สำ�หรับนักท่องเที่ยวที่จองงานล่วงหน้า 14 ล้านบาท หากไม่เลื่อนการเดินทางจะคืนเงินค่าตั๋วให้ โดยแจ้งที่ ประชุมครม.ต่อไป.
“ราชพฤกษ์”
เลื่อนงานมหกรรมพืชสวนโลก 14 ธันวาคม 2554 – 14 มีนาคม 2555 จาก เดิมจัด 9 พฤศจิกายน 2554 -15 กุมภาพันธ์ 2555 เหตุน้ำ�ท่วม เตรียมงาน ไม่พร้อม-อีกสารพัดปัญหา ------------------------------- เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2554 ที่ห้องประชุมสำ�นักงานวิจัยและ พัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 จ.เชียงใหม่ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายก รัฐมนตรีและรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษารองนายกฯ และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ประชุมความคืบหน้าการจัดงานมหกรรมพืชสวน โลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือใช้ เวลาประชุมกว่า 2 ชั่วโมง นายชุมพล เปิดเผยว่า ปัญหาอุทกภัยเป็นบริเวณกว้างพื้นที่ภาค กลาง ประกอบกับถนนสายเอเชียเส้นทางหลักที่ใช้สัญจรมาจ.เชียงใหม่ ยัง ใช้ไม่ได้ ประชาชนมีความทุกข์ยากกับเหตุอุทกภัย และงานมหกรรมพืช สวนโลกครั้งนี้เป็นจัดเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร จึงมีความเห็นตรงกันว่าการเปิดงานจากที่กำ�หนดไว้ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 -15 กุมภาพันธ์ 2555 จะไม่ทัน แม้การเตรียม งานคืบหน้า 80-90% แต่มีอีกหลายส่วนยังมีปัญหา จึงเลื่อนจัดงานไปเป็น
ll NYA~ JOURNAL ll
ll 67
ESSENTIAL
เรื่อง ; กองบรรณาธิการ ภาพ ; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @lemonoiz
LET’s SPEAK OUT LOUD
MEGAPHONE
MEGAPHONE
เรืื่อง/ภาพ ; กองบรรณาธิการ
พื้นที่สำ�หรับทุกความคิดที่อยากพูดดังๆแต่ใจไม่กล้าพอ
น้ํ ำ�ท่วมนี้ ได้ ให้ อะไรเพื่อน มนุษย์แล้วบ้าง?
น้ำ�
ท่วมครั้งนี้ เราทุกคนเห็นอะไรมากับน้ำ� กันบ้าง อาจจะงูกรีนแมมบ้า จระเข้ ตัว เห้ นักการเมืองนิสัยไม่ดี ประชาชนเลือดร้อน คน เห็นแก่ตัว พ่อค้าโก่งราคา ดูแย่ใช่มั้ยครับ แต่ยังมี สิ่งหนึ่งในสถานการณ์แบบนี้ สิงที่เรามักจะเห็นเป็น ประจำ�จนชินตาก็คือเรื่องของน้ำ�ใจ เรื่องของการให้ ไม่ว่าจะให้เงิน ให้แรงกาย ให้กำ�ลังใจ แม้มันจะเป็น เรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่สำ�หรับผู้ประสบภัย สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก มากจนทำ�ให้เราลืมด้านลบของ นักการเมืองอมของบริจาค ส.ส.พังบิ๊กแบ๊ก หรือเกม การเมืองระหว่างเกิดภัยพิบัติลงไปได้เลย MEGAPHONE อยากรู้ว่าตั้งแต่เกิดเหตุ ภัยพิบัติขึ้นมา พวกคุณได้ “ให้” อะไรกับใครไปแล้ว บ้าง มาบอกเล่าประสบการณ์ดีๆซึ่งกันและกัน อย่าง น้อยคนที่ยังไม่ได้เริ่มขยับตัวออกไปช่วยใครเลยจะได้ เกิดแรงบันดาลใจในการออกไป “ให้” อย่างคุณก็ได้
I’ve found that among its other benefits, giving liberates the soul of the giver. Maya Angelou
70 ll
“ แพ็คของล่องเรือช่วยน้ำ�ท่วม ทุกอาทิตย์ที่วัดหงษ์ทอง ไปช่วยกันได้ค่ะ ”
“ ได้ทำ�บุญปล่อยปลาหมดอ่าง “ ไปช่ว ไปตามกระแสน้ำ� T T ” โรงเรียนก
ll NYA~ JOURNAL ll
“ ไปโต้รุ่งที่ศปภ.มาหนึ่งคืนครับ ”
“ โดนเพื่อนหลอกไปโต้รุ่งที่ศปภ.มา หนึ่งคืนทั้งที่ไม่มีอะไรให้ทำ�ครับ ”
“ ดูแลช่วยเหลือผู้พักพิง และ ทำ�ทุกอย่างที่โรงเรียนค่ะ ” “ เป็นอาสาฯ อยู่สภากาชาด ครับ ” “ บ้านหนูเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวค่ะ ไม่ใช่ สำ�หรับคนนะคะ แต่สำ�หรับรถยนต์ รวมแล้ว เกือบๆ 40 คัน ค่ะ”
วยแพ็คข้าวกล่องที่ “ กำ�ลังจะไปช่วยเหลือหลาย ๆ ที่ กับคณะสิงห์อาสา ” กับเพื่อนค่ะ > < ” ll NYA~ JOURNAL ll
“ ลงพื้นที่ช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยค่ะ ” ll 71
PHOTOHUNT
เราอยู่กันมาจนถึงสิ้นปีแล้ว คงจะไม่พูดถึงกิจกรรมใหญ่ส่งท้ายปีอย่างกีฬาสีไม่ได้เลย ภาพด้านล่างนี้คือส่วนหนึ่งของลีลาการโบกประชันธงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่ม ต้นเทศกาลกีฬาสีอันสนุกสนานของโรงเรียนเราที่ใคร ๆ ก็ต่างเฝ้ารอ ภาพบนคือภาพ ต้นแบบ และภาพล่างมีจุดผิดเพี้ยนอยู่ทั้งหมด 10 จุด ลองหาดูนะครับ !!
หาครบแล้วจะพิมพ์ เขียน หรือวงรูปมาก็ได้ ส่งคำ�ตอบมาร่วมสนุกกันที่เฟซบุ๊คชุมนุมแมวบิน /flyingcatclub หรือ เฟซบุ๊ควารสารเนีย /nyajournal หรือทวิตเตอร์ @flyingcatclub ตอบถูกต้องครบถ้วนคนแรกรับรางวัลไปเลย ตุ๊กตา แมวกวักน่ารัก ส่วนคนที่ส่งคำ�ตอบที่ถูกต้อง 4 คนต่อมา เราก็มีของที่ระลึกจากแมวบินให้นะครับ 74 ll
ll NYA~ JOURNAL ll