บทที่ 4
แรงจูงใจในกำรเดินทำงท่ องเทีย่ ว
By ; อ.นำำขวัญ วงศ์ ประทุม
Topic • ความหมาย
แรงจูงใจ : ต้ นกำำเนิดแห่ งพฤติกรรม
แรงจูงใจ นักท่ องเทีย่ ว เกิดจำก ? แนวคิดทำงจิตวิทยำ (psychological )
+ =
แนวคิดทำงสั งคมวิทยำ (sociological)
แรงจูงใจทำงกำรท่ องเทีย่ ว หมำยถึง เครือข่ ำยทั้งหมดของพลังทำงวัฒนธรรมและพลังชีววิทยำ
ควำมหมำยของ แรงจูงใจ คือ ? Longman dictionary of contemporary English “to provide [someone] with a [strong] reason for doing something” Motive [n.] = a reason for action
ทฤษฎีของ Maslow
พฤติกรรมนักท่ องเทีย่ ว แรงจูงใจบำงอย่ ำงเร้ ำ
ควำมกระตือรือร้ น ขวนขวำยทีจ่ ะทำำ กิจกรรมนั้นๆ
เป้ำหมำย รำงวัล (reward)
แรงจูงใจในกำรเดินทำงท่ องเทีย่ ว กำรจูงใจหรือแรงจูงใจ ( Motivation ) หมำยถึง ควำมต้ องกำรทีเ่ กิดขึน้ จำกกำรถูกกระตุ้น หรือยัว่ ยุให้ บุคคลเคลือ่ นไหวหรือแสดงพฤติกรรม ไป ยังจุดหมำยปลำยทำงหรือเป้ำหมำยทีก่ ำำ หนดไว้ โดยมี แรงจูงใจเป็ นแรงผลักดันให้ พฤติกรรมแสดงออกมำ เช่ น แรงจูงใจในกำรแสวงหำอำหำร แรงจูงใจในกำร ไปเดินทำงพักผ่ อน
The Colosseum, Romeอิตำลี
Central Park, New Yorkสหรัฐอเมริกำ
สำเหตุของกำรเกิดแรงจูงใจ พิบูล ทีปะปำล (2545) กล่ ำวถึงสำเหตุของแรงจูงใจไว้ ดังนี้ 1) แรงจูงใจทีเ่ กิดขึน้ จำกตัวผลิตภัณฑ์ (Product Buying Motives) ได้ แก่ แรงจูงใจทีเ่ กิดขึน้ กับผู้ บริโภคทีต่ ้ องกำรสิ นค้ ำและบริกำรมำเพือ่ ตอบสนอง ควำมต้ องกำรให้ ได้ รับควำมพอใจ
แม่ น้ำำ 5 สี ทีโ่ คลัมเบีย
สำเหตุของกำรเกิดแรงจูงใจ 2) แรงจูงใจทีเ่ กิดจำกเหตุผล (Rational Buying Motives) เป็ น แรงจูงใจทีเ่ กิดจำกกำรพิจำรณำของผู้ซื้ออย่ ำงมีเหตุผลก่อน ตัดสิ นใจซื้อ แรงกระตุ้นประเภทนีไ้ ด้ แก่ - ควำมประหยัด - ประสิ ทธิภำพและสมรรถภำพในกำรใช้ - ควำมเชื่อถือได้ - ควำมทนทำนถำวรของสิ นค้ ำ
สำเหตุของกำรเกิดแรงจูงใจ 3) แรงจูงใจทีเ่ กิดจำกอำรมณ์ (Emotion Buying Motives) สำมำรถแบ่ งได้ ดงั นี้ - กำรเอำอย่ำง แข่ งดีกนั เพือ่ ไม่ ให้ น้อยหน้ ำผู้อนื่ - ต้ องกำรเป็ นจุดเด่ นเป็ นเอกเทศ - ต้ องกำรกำรคล้อยตำมผู้อนื่ - ต้ องกำรควำมสะดวกสบำย กำรพักผ่ อน - ต้ องกำรควำมสำ ำรำญ สนุกสนำน เพลิดเพลินใจ
เกำะนำมิ ประเทศเกำหลี
สำเหตุของกำรเกิดแรงจูงใจ 4) แรงจูงใจทีเ่ กิดจำกกำรอุปถัมภ์ ของร้ ำนค้ำ (Patronage Buying Motives) เกิดจำกสำเหตุต่อไปนี้ - ให้ บริกำรดีเป็ นทีพ่ อใจ - รำคำย่ อมเยำสมเหตุสมผล - ทำำเลทีต่ ้งั สะดวกในกำรทีจ่ ะไปซื้อ - มีสินค้ ำให้ เลือกได้ หลำยอย่ ำง - ชื่อเสี ยงของร้ ำนดีเป็ นทีเ่ ชื่อถือได้ - ควำมเคยชินในกำรซื้อ
อันดับที่ 3 สิ งคโปร์ แอร์ ไลน์
อันดับที่ 2 สำยกำรบินคำเธ่ ย์ แปซิฟิค
แรงจูงใจทีก่ ่อให้ เกิดพฤติกรรมกำรตัดสิ นใจในกำรเดิน ทำงของนทท. สุ รีรัตน์ เตชำทวีวรรณ (2545) 1) สิ่ งกระตุ้นควำมต้ องกำรในกำรท่ องเทีย่ ว หมำยถึง สิ่ ง จูงใจต่ ำงๆ ของสถำนทีท่ ่ องเทีย่ วหรือช่ วงเวลำทีจ่ ูงใจให้ นทท.ตัดสิ นใจไปเทีย่ วได้ 2) สิ่ งกลัน่ กรองควำมต้ องกำร คือสิ่ งต่ ำง ๆ ทีท่ ำำ ให้ ควำม ต้ องกำรถูกระงับไปหรือทำำให้ นทท.มีควำมรู้สึกต่ อกำรเดินทำง ลดน้ อยลง Ex. ปัจจัยทำงเศรษฐกิจ ปัจจัยทำงสั งคม ปัจจัย
แรงจูงใจทีก่ ่อให้ เกิดพฤติกรรมกำรตัดสิ นใจในกำรเดิน ทำงของนทท. 3) สิ่ งกระทบ หมำยถึง ข้ อมูลข่ ำวสำรต่ ำง ๆ ที่ นทท.ได้ รับทั้งทำงตรง และทำงอ้อม 4) บทบำทของนทท. หมำยถึง สถำนภำพของ นทท.ทีแ่ ตกต่ ำงกันในสถำนกำรณ์ หรือช่ วงเวลำทีแ่ ตก ต่ ำงกันและส่ งผลให้ เกิดพฤติกรรมกำรตัดสิ นใจหรือ รู ปแบบกำรท่ องเทีย่ วนั้นแตกต่ ำงกันออกไป
ทฤษฎีแรงจูงใจ • ทฤษฎีแรงจูงใจแบ่ งออกได้ เป็ นทฤษฎีใหญ่ ๆ คือ • ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behavioral View of Motivation) • ทฤษฎีกำรเรียนรู้ทำงสั งคม(Social Learning View of Motivation) • ทฤษฎีพทุ ธินิยม (Cognitive View of Motivation) • ทฤษฎีมำนุษยนิยม (Humanistic View of Motivation)
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม (Behavioral View of Motivation) ทฤษฎี นี้ ให้ ควำมสำ ำคัญกับประสบกำรณ์ ในอดีต (Past Experience) ว่ ำมีผลต่ อแรงจูงใจของบุคคลเป็ นอย่ ำงมำก ดังนั้นทุกพฤติกรรมของมนุษย์ถ้ำวิเครำะห์ ดูแล้ วจะเห็นว่ ำได้ รับ อิทธิพลทีเ่ ป็ นแรงจูงใจมำจำกประสบกำรณ์ ใน อดีตเป็ นส่ วน มำก โดยประสบกำรณ์ ในด้ ำนดีและกลำยเป็ นแรงจูงใจทำงบวก ทีส่ ่ งผลเร้ ำให้ มนุษย์ มคี วำมต้ อง กำรแสดงพฤติกรรมในทิศทำง นั้นมำกยิง่ ขึน้ ทฤษฎีนีเ้ น้ นควำมสำ ำคัญของสิ่ งเร้ ำภำยนอก (Extrinsic Motivation)
ทฤษฎีกำรเรียนรู้ ทำงสั งคม (Social Learning View of Motivation)
ทฤษฎีนีเ้ ห็นว่ ำแรงจูงใจเกิดจำกกำรเรียนรู้ ทำง สั งคม โดยเฉพำะอย่ ำงยิง่ กำรสร้ ำงเอกลักษณ์ และ กำรเลียนแบบ (Identification and Imitation) จำก บุคคลทีต่ นเองชื่นชม หรือคนทีม่ ีชื่อเสี ยงในสั งคมจะ เป็ นแรงจูงใจทีส่ ำ ำคัญในกำรแสดงพฤติกรรมของ บุคคล
ทฤษฎีพทุ ธินิยม (Cognitive View of Motivation)
• ทฤษฎีนีเ้ ห็นว่ ำแรงจูงใจในกำรกระทำำพฤติกรรมของมนุษย์ น้ันขึน้ อยู่กบั กำรรับรู้ (Perceive) สิ่ งต่ ำง ๆ ทีอ่ ยู่รอบตัว โดยอำศัยควำมสำมำรถทำง ปัญญำเป็ นสำ ำคัญ มนุษย์ จะได้ รับแรงผลักดันจำกหลำย ๆ ทำงในกำร แสดงพฤติกรรม ซึ่งในสภำพเช่ นนี้ มนุษย์ จะเกิดสภำพควำมไม่ สมดุล (Disequilibrium) ขึน้ เมื่อเกิดสภำพเช่ นว่ำนีม้ นุษย์ จะต้ อง อำศัย ขบวนกำรดูดซึม (Assimilation) และกำรปรับ (Accomodation) ควำม แตกต่ ำงของประสบกำรณ์ ทไี่ ด้ รับใหม่ ให้ ้เข้ ำกับประสบกำรณ์ เดิมของ ตนซึ่งกำรจะทำำได้ จะต้ องอำศัยสติปัญญำเป็ นพืน้ ฐำนทีส่ ำ ำคัญทฤษฎีนี้ เน้ นเรื่องแรงจูง ใจภำยใน(intrinsic Motivation) นอกจำกนั้นทฤษฎีนี้ ยังให้ ควำมสำ ำคัญกับเป้ ำหมำย วัตถุประสงค์ และกำรวำงแผน
• ทฤษฎีนีใ้ ห้ ควำมสำ ำคัญกับระดับของควำมคำด หวัง (Level of Aspiration) โดยทีเ่ ขำกล่ ำวว่ ำคน เรำมีแนวโน้ มทีจ่ ะตั้ง ควำมคำดหวังของตนเอง ให้ สูงขึน้ เมือ่ เขำทำำงำนหนึ่งสำ ำเร็จ และตรงกัน ข้ ำมคือจะตั้งควำมตำดหวังของตนเองต่ำ ำลง เมือ่ เขำทำำงำนหนึ่งแล้วล้มเหลว
ทฤษฎีมำนุษยนิยม
(Humanistic View of Motivation)
แนวควำมคิดนีเ้ ป็ นของ[[มำสโลว์ ]] (Maslow) ที่ ได้ อธิบำยถึงลำำดับควำมต้ องกำรของมนุษย์ โดยทีค่ วำมต้ องกำรจะเป็ น ตัวกระตุ้นให้ มนุษย์ แสดงพฤติกรรมเพือ่ ไปสู่ ควำมต้ องกำรนั้น ดังนี้ ถ้ ำเข้ ำใจควำมต้ องกำรของมนุษย์กส็ ำมำรถ อธิบำยถึงเรื่องแรงจูงใจของมนุษย์ ได้ เช่ น เดียวกัน
องค์ ประกอบของแรงจูงใจ นักจิตวิทยำปัจจุบันได้ ศึกษำและสรุ ปว่ ำ องค์ ประกอบของแรงจูงใจ มี 3 ด้ ำนคือ - องค์ ประกอบทำงด้ ำนกำยภำพ (Biological Factor) ในองค์ ประกอบด้ ำนนีจ้ ะ พิจำรณำถึงควำมต้ องกำรทำงกำยภำพของมนุษย์ เช่ น ควำมต้ องกำรปัจจัย 4 เพือ่ จะดำำรง ชีวติ อยู่ได้ - องค์ ประกอบทำงด้ ำนกำรเรียนรู้ (Learned Factor) องค์ ประกอบด้ ำนนีเ้ ป็ น ผลสื บเนื่องต่ อจำกองค์ ประกอบข้ อ 1 ทั้งนีเ้ พรำะมนุษย์ ทุกคนไม่ สำมำรถได้ รับกำรตอบ สนองควำมต้ องกำรในปริมำณ ชนิด และคุณภำพตำมที่ตนเองต้ องกำร และในหลำย ๆ ครั้ง สิ่ งแวดล้ อมเป็ นตัววำงเงือ่ นไขในกำรสร้ ำงแรงจูงใจของมนุษย์ - องค์ ประกอบทำงด้ ำนควำมคิด (Cognitive Factor)
ประเภทของแรงจูงใจ
นักจิตวิทยำได้ แบ่ งลักษณะของแรงจูงใจออกเป็ นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ดงั นี้ กลุ่มที่1 แรงจูงใจฉับพลัน (Aroused Motive) คือแรง จูงใจทีก่ ระตุ้นให้ มนุษย์ แสดงพฤติกรรม ออกมำทันทีทนั ใด แรงจูงใจสะสม (Motivational Disposition หรือ Latent Motive) คือแรงจูงใจทีม่ อี ยู่แต่ ไม่ ได้ แสดงออกทันที จะค่ อย ๆ เก็บสะสมไว้ รอกำรแสดงออกในเวลำ ใดเวลำหนึ่งต่ อ
ประเภทของแรงจูงใจ
กลุ่มที่ 2 แรงจูงใจภำยใน (Intrinsic Motive) คือแรง จูงใจทีไ่ ด้ รับอิทธิพลมำจำกสิ่ งเร้ ำภำยในตัวของบุคคลผู้น้ ัน แรงจูงใจภำยนอก (Extrinsic Motive) คือแรงจูงใจทีไ่ ด้ รับ อิทธิพลมำจำกสิ่ งเร้ ำภำยนอก กลุ่มที่ 3 แรงจูงใจปฐมภูมิ (Primary Motive) คือแรง จูงใจอันเนื่องมำจำกควำมต้ องกำรทีเ่ ห็นพืน้ ฐำนทำงร่ ำงกำย เช่ น ควำมหิว, กระหำย แรงจูงใจทุตยิ ภูมิ (Secondary Motive) คือแรงจูงใจทีเ่ ป็ นผลต่ อเนื่องมำจำกแรงจูงใจขั้นปฐมภูมิ
แรงจูงใจภำยในและภำยนอก (Intrinsic and Extrinsic Motivation)
นักจิตวิทยำหลำยท่ ำนไม่ เห็นด้ วยกับ ทฤษฎีพฤติกรรมนิยมทีอ่ ธิบำยพฤติกรรม ด้ วยแรงจูงใจทำงสรีระและแรงจูงใจ ทำง จิตวิทยำโดยใช้ ทฤษฎีกำรลดแรงขับ เพรำะมี ควำมเชื่อว่ ำ พฤติกรรมบำงอย่ ำงของมนุษย์ เกิดจำกแรงจูงใจภำยใน
แรงจูงใจภำยใน หมำยถึง แรงจูงใจทีม่ ำจำกภำยในตัวบุคคล และเป็ นแรงขับทีท่ ำำ ให้ บุคคลนั้นแสดงพฤติกรรมโดยไม่ หวังรำงวัลหรือแรงเสริมภำยนอก ควำมมีสมรรถภำพ (Competence) ไวท์ ได้ อธิบำยว่ ำ ควำมมีสมรรถภำพเป็ นแรงจูงใจภำยใน ซึ่งหมำยถึงควำม ต้ องกำรทีจ่ ะมีปฏิสัมพันธ์ กบั สิ่ งแวดล้ อมได้ อย่ ำงมี ประสิ ทธิภำพไวท์ ถือว่ ำมนุษย์ เรำต้ องกำรปรับตัวให้ เข้ ำกับ สิ่ งแวดล้ อมมำตั้งแต่ วยั ทำรกและพยำยำมทีจ่ ะปรับปรุงตัว อยู่เสมอควำมต้ องกำรมีสมรรถภำพจึงเป็ นแรงจูงใจภำยใน
ควำมอยำกรู้ อยำกเห็น (Curiosity) ควำม อยำกรู้ อยำกเห็นเป็ นแรงจูงใจภำยในทีท่ ำำ ให้ เกิด พฤติกรรมทีอ่ ยำกค้ นคว้ ำสำ ำรวจสิ่ งแวดล้ อม ดัง จะเห็นได้ จำกเด็กวัย 2-3 ขวบจะมีพฤติกรรมที่ ต้ องกำรจะสำ ำรวจสิ่ งแวดล้ อมรอบ ๆ ตัว โดยไม่ รู้ จักเหน็ดเหนื่อย
มอว์ และมอว์ (Maw and Maw, 1964, 1965) ได้ เน้ นควำม สำ ำคัญของควำมกระตือรือร้ นว่ ำเป็ นองค์ ประกอบสำ ำคัญของ กำรเรียนรู้ ควำมคิดสร้ ำงสรรค์ และสุ ขภำพจิต ควำมต้ องกำ พัฒนำตน (Growth Needs) ก็เป็ นควำมต้ องกำรทีท่ ำำ ให้ เกิด แรงจูงใจภำยใน
รู ปแบบของแรงจูงใจ • บุคคลแต่ ละคนมีรูปแบบแรงจูงใจทีแ่ ตกต่ ำงกัน ซึงนักจิตวิทยำได้ แบ่ ง รู ปแบบ แรงจูงใจของมนุษย์ ออกเป็ นหลำยรู ปแบบทีส่ ำ ำคัญ มีดงั นี้ • 1. แรงจูงใจใฝ่ สั มฤทธิ์ (Achievement Motive) หมำยถึง แรงจูงใจทีเ่ ป็ น แรงขับให้ บุคคลพยำยำมทีจ่ ะประกอบพฤติกรรมทีจ่ ะประสบสั มฤทธิ ผลตำมมำตรฐำนควำมเป็ นเลิศ (Standard of Excellence) ทีต่ นตั้งไว้ บุคคลทีม่ ีแรงจูงใจใฝ่ สั มฤทธิ์จะไม่ ทำำ งำนเพรำะหวังรำงวัล • แต่ ทำำ เพือ่ จะประสบควำมสำ ำเร็จตำมวัตถุประสงค์ ทตี่ ้งั ไว้ ผู้มีแรงจูงใจใฝ่ สั มฤทธิ์จะมีลกั ษณะสำ ำคัญ ดังนี้
1. มุ่งหำควำมสำ ำเร็จ (Hope of Success) และกลัวควำม ล้ มเหลว (Fear of Failure) 2. มีควำมทะเยอทะยำนสู ง 3. ตั้งเป้ำหมำยสู ง 4. มีควำมรับผิดชอบในกำรงำนดี 5. มีควำมอดทนในกำรทำำงำน 6. รู้ ควำมสำมำรถทีแ่ ท้ จริงของตนเอง 7. เป็ นผู้ทที่ ำำ งำนอย่ ำงมีกำรวำงแผน 8. เป็ นผู้ทตี่ ้งั ระดับควำมคำดหวังไว้ สูง
2..แรงจูงใจใฝ่ สั มพันธ์ (Affiliative Motive)ผู้ทมี่ ี แรงจูงใจใฝ่ สั มพันธ์ มักจะเป็ นผู้ทโี่ อบอ้อมอำรี เป็ นทีร่ ักของเพือ่ น มีลกั ษณะเห็นใจผู้อนื่ ซึ่งเมือ่ ศึกษำจำกสภำพครอบครัวแล้วผู้ทมี่ แี รงจูงใจใฝ่ สั มพันธ์ มกั จะเป็ นครอบครัวทีอ่ บอุ่น บรรยำกำศ ในบ้ ำนปรำศจำก กำรแข่ งขัน พ่อแม่ ไม่ มลี กั ษณะ ข่ มขู่ พีน่ ้ องมีควำมรักสำมัคคีกนั ดี ผู้มแี รงจูงใจใฝ่ สั มพันธ์ จะมีลกั ษณะสำ ำคัญ ดังนี้
1. เมือ่ ทำำสิ่ งใด เป้ำหมำยก็เพือ่ ได้ รับกำร ยอมรับจำกกล่ม 2. ไม่ มคี วำมทะเยอทะยำน มีควำมเกรงใจสู ง ไม่ กล้ ำแสดงออก 3. ตั้งเป้ำหมำยต่ำ ำ 4. หลีกเลีย่ งกำรโต้ แย้ งมักจะคล้อยตำมผู้อนื่
3. แรงจูงใจใฝ่ อำำนำจ (Power Motive) สำ ำหรับผู้ที่ มีแรงจูงใจใฝ่ อำำนำจนั้น พบว่ ำ ผู้ทมี่ แี รงจูงใจแบบ นีส้ ่ วนมำกมักจะพัฒนำมำจำกควำมรู้ สึกว่ ำ ตนเอง "ขำด" ในบำงสิ่ งบำงอย่ ำงทีต่ ้ องกำร อำจจะเป็ น เรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้ ทำำ ให้ เกิดมีควำมรู้ สึกเป็ น "ปมด้ วย" เมือ่ มีปมด้ วยจึงพยำยำมสร้ ำง "ปมเด่ น" ขึน้ มำเพือ่ ชดเชยกับสิ่ งทีต่ นเองขำด ผู้มี แรงจูงใจใฝ่ อำำนำจจะมีลกั ษณะสำ ำคัญ ดังนี้
1. ชอบมีอำำ นำจเหนือผู้อนื่ ซึ่งบำงครั้ง อำจจะออกมำในลักษณะกำรก้ ำวร้ ำว 2. มักจะต่ อต้ ำนสั งคม 3. แสวงหำชื่อเสี ยง 4. ชอบเสี่ ยง ทั้งในด้ ำนของกำรทำำงำน ร่ ำงกำย และอุปสรรคต่ ำง ๆ 5. ชอบเป็ นผู้นำำ
4. แรงจูงใจใฝ่ ก้ำวร้ ำว (Aggression Motive)ผู้ทมี่ ี ลักษณะแรงจูงใจแบบนีม้ กั เป็ นผู้ที่ได้ รับกำรเลีย้ งดูแบบ เข้ มงวดมำกเกินไป บำงครั้งพ่อแม่ อำจจะใช้ วธิ ีกำร ลงโทษทีร่ ุนแรงเกินไป ดังนั้นเด็กจึงหำทำงระบำยออก กับผู้อนื่ หรืออำจจะเนื่องมำจำกกำรเลียนแบบ บุคคล หรือจำกสื่ อต่ ำง ๆ ผู้มแี รงจูงใจใฝ่ ก้ำวร้ ำว จะมีลกั ษณะที่ สำ ำคัญดังนี้ 1. ถือควำมคิดเห็นหรือควำมสำ ำคัญของตนเป็ นใหญ่ 2. ชอบทำำร้ ำยผู้อนื่ ทั้งกำรทำำร้ ำยด้ วยกำยหรือวำจำ
5. แรงจูงใจใฝ่ พึง่ พำ (Dependency Motive)สำเหตุของ กำรมีแรงจูงใจแบบนีก้ เ็ พรำะกำรเลีย้ งดูทพี่ ่ อแม่ ทะนุ ถนอมมำกเกินไป ไม่ เปิ ดโอกำสให้ เด็กได้ ช่วยเหลือ ตนเอง ผู้ทมี่ แี รงจูงใจใฝ่ พึง่ พำ จะมีลกั ษณะสำ ำคัญ ดังนี้ 1. ไม่ มนั่ ใจในตนเอง 2. ไม่ กล้ำตัดสิ นใจในเรื่องต่ ำง ๆ ด้ วยตนเอง มักจะลังเล 3. ไม่ กล้ำเสี่ ยง 4. ต้ องกำรควำมช่ วยเหลือและกำำลังใจจำกผู้อนื่
Philip Pearce (นักจิตวิทยำสั งคม) เชื่อว่ ำไม่ มีทฤษฏีใดโดด ๆ มำอธิบำยพฤติกรรมของนัก ท่ องเทีย่ วได้ อย่ ำงชัดเจนแต่ ถ้ำ ทฤษฎีระมิดแห่ งแรงจูงใจของ Maslow
+
ทฤษฏีแรงจูงใจใฝ่ สั มฤทธิ์ (Achievement motivation)
+
ทฤษฏีมูลเหตุแห่ งแรงจูงใจ (attribution theory)
เข้ ำใจแรงจูงใจของนทท.ได้
บันได 5 ขั้น แทนลำำดับขั้นควำมต้ องกำรของมนุษย์ ตำมทฤษฎีของมำสโลว์
ลักษณะของแรงจูงใจ • • • • •
แรงจูงใจเกิดเนื่องจำกควำมต้ องกำรทีย่ งั ไม่ ได้ รับกำรตอบสนอง แรงจูงใจเป็ นตัวกระตุ้นให้ เกิดกำรกระทำำหรือแสดงพฤติกรรม แรงจูงใจเป็ นตัวกำำหนดพฤติกรรมต่ ำงๆ ทีแ่ สดงออกมำ แรงจูงใจจะเป็ นตัวลดควำมเครียดหรือควำมไม่ สมดุล แรงจูงใจจะแตกต่ ำงกันในแต่ ละบุคคลและในเวลำทีเ่ ปลีย่ นแปลง
µ¦ Á¦ ¸¥ ¦ ¼ o(Learning) ªµ¤ o° µ¦ ¸É¥´ ŤnÅ o ¦ ´ µ¦ ° ° (Unfilled Needs)
ªµ¤Á ¦¸¥ (Tension)
¦ ´ (Drive)
¡ § · ¦¦ ¤ (Behavior)
¤Ã £µ¡ µ ªµ¤ · (Cognitive Processes)
¨ ªµ¤Á ¦¸¥ (Tension Reduction)
Á jµ®¤µ¥ (Goal)
แรงจูงใจทีท่ ำำ ให้ คนเดินทำง มี 2 ประเภท - แรงผลัก Push Factors ควำมต้ องกำรทีเ่ กิดขึน้ จำกสภำวะภำยในทีต่ ้ องกำรอยำกเดินทำงท่ องเทีย่ ว และ - ในขณะเดียวกันสิ่ งทีด่ งึ ดูดให้ เลือกเดินทำงไปยัง จุดหมำยปลำยทำงใดนั้นขึน้ กับแรงดึง Pull Factors ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยนีถ้ อื ว่ำเป็ นปัจจัยหลักทีท่ ำำ ให้ คน เดินทำงท่ องเทีย่ ว
แรงผลัก Push Factors
• ควำมต้ องกำรทำงกำยภำพ physical
เช่ น หำกเรำต้ องทำำงำนหนัก ร่ ำงกำยก็ย่อมต้ องกำรพักผ่ อน กำรเดินทำงท่ องเทีย่ วจึงเป็ นทำงเลือกหนึ่งในกำรพักผ่ อน
• หลีกหนีควำมจำำเจ ควำมเครียด Escape เช่ น กำรเดินทำง ไปทำำงำนและกลับบ้ ำน ทำำงำนเหมือนเดิมทุกๆ วัน กำรเจอ สภำพรถติด ก็อยำกหลีกหนีสิ่งเดิมๆ ไปในทีแ่ ปลกๆ ใหม่ ๆ
• ต้ องกำรพบสิ่ งใหม่ ๆ สถำนทีใ่ หม่ ๆ Novelty
• ควำมภูมใิ จทีไ่ ด้ ไปในสถำนที่ใหม่ ๆ Esteem / Resting • กำรเดินทำงซึ่งเกิดจำกควำมต้ องกำรทีจ่ ะศึกษำเรียนรู้ เกีย่ วกับวัฒนธรรม ชนชำติ กำรดำำรงชีวติ ทีแ่ ตกต่ ำงไป จำกที่อยู่เดิม To know and to understand / Educational Vacation • ควำมต้ องกำรเดินทำงเพือ่ ให้ โอกำสในกำรเข้ ำสั งคมและ หำโอกำสทีจ่ ะติดต่ อสั มพันธ์ กบั เพือ่ นใหม่ ๆ Social interaction
• แรงผลักข้ ำงต้ นเป็ นเพียงสำเหตุทจี่ ุดชนวน ควำมต้ องกำรในกำรเดินทำงท่ องเทีย่ ว • กำรตัดสิ นใจในกำรเลือกเดินทำงไปยังทีใ่ ดนั้น ขึน้ อยู่กบั ลักษณะเฉพำะของแหล่งท่ องเทีย่ ว ซึ่ง จะดึงดูดให้ นักท่ องเทีย่ วเดินทำงไป ณ จุดหมำย ปลำยทำงเหล่ ำนั้นเพือ่ ตอบสนองควำมต้ องกำร ทีเ่ กิดขึน้ ปัจจัยเหล่ำนีค้ อื
แรงดึง Pull Factors
แรงดึง คือ
ปัจจัยทีด่ งึ ดูดให้ นักท่ องเทีย่ วเข้ ำ ไปในแหล่งท่ องเทีย่ วนั้นๆ ด้ วย วิธีกำรใดวิธีกำรหนึ่ง เพือ่ ช่ วยให้ นักท่ องเทีย่ วตัดสิ นใจได้ ง่ำยขึน้ ในกำรเลือกจุดหมำยปลำยทำง Ex.
กำรประชำสั มพันธ์ กำรท่ องเทีย่ ว กำรลดรำคำโรงแรมช่ วงหน้ ำฝน เทศกำล งำนสำ ำคัญต่ ำงๆ ล้ วนแต่ เป็ นเป็ นแรงดึงสำ ำคัญที่ทำำ ให้ นักท่ องเทีย่ วเดินทำง
มูลเหตุจูงใจให้ คนท่ องเทีย่ ว ซึ่งประกอบทั้งแรงผลักดันและแรงดึงดูด ได้ แก่ • ต้ องกำรหลีกหนีชีวติ ประจำำวันอันสั บสนวุ่นวำยชั่วระยะเวลำ หนึ่ง • กำรเอำอย่ำงกัน คนอืน่ นำำมำเล่ ำให้ เกิดควำมต้ องกำรอยำกท่ อง เทีย่ ว • ต้ องกำรแสงอำทิตย์ โดยเฉพำะประเทศทีอ่ ยู่ทำงซีกโลกเหนือ • แสวงหำควำมสุ ขทำงเพศรส
มูลเหตุจูงใจให้ คนท่ องเทีย่ ว • ฐำนะทำงเศรษฐกิจดี คนมีรำยได้ สูง ทำำให้ คน อยำกท่ องเทีย่ วมำกขึน้ • ต้ องกำรควำมตืน่ เต้ น ผจญภัย • ต้ องกำรพักผ่ อนหำควำมสนุกสนำนเพลิดเพลิน • เยีย่ มชมสถำนทีต่ ่ ำงๆ เช่ น อนุสำวรีย์ สถำน ทีท่ ำงประวัตศิ ำสตร์ ควำมแปลกประหลำดและ
แรงจูงใจในกำรท่ องเทีย่ วทีส่ ำ ำคัญ และ กระตุ้นให้ คนเดินทำงท่ องเทีย่ วมำกขึน้ ได้ แก่
1. แรงจูงใจด้ ำนกำยภำพ และจิตวิทยำ (Physical and Psychological Motive) ได้ แก่ ควำมต้ องกำรกำรพักผ่ อนทั้ง ร่ ำงกำยและจิตใจ เพือ่ หลีกหนีจำกควำมจำำเจ และควำมยุ่งยำก ต่ ำงๆ ไปหำมุมสงบเพือ่ รักษำสุ ขภำพ อำบน้ำ ำแร่ รักษำโรคตำม คำำแนะนำำของแพทย์ เล่นกีฬำ ว่ ำยน้ำ ำ เล่ นสกี เล่ นเรือใบ ตก ปลำ กำรเทีย่ วชมธรรมชำติ กำรซื้อของ กำรท่ องเทีย่ วเพือ่ แสวงหำควำมเพลิดเพลิน และได้ พกั ผ่ อนจิตใจของตนเองด้ วย เช่ น กำรไปทัวร์ “สมำธิ” (Meditation Tour)
2. แรงจูงใจทำงด้ ำนวัฒนธรรมและกำรศึกษำ (Culture / Personal Education Motive) เป็ นแรงจูงใจ ในควำมอยำกรู้ อยำกเห็น อยำกรู้ จัก คน สถำนที่ และประเทศทีไ่ ม่ เคยรู้จักมำก่ อน สนใจอยำกรู้ เกีย่ วกับศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี สถำปัตยกรรม นำฏศิลป์ ศิลปะพืน้ บ้ ำน เทศกำล สถำนทีส่ ำ ำคัญทำงประวัตศิ ำสตร์ ธรรมชำติ และเพือ่ กำรศึกษำให้ มคี วำมรู้ควำมเข้ ำใจว่ ำเชื้อชำติ อืน่ ๆ มีควำมรู้ควำมเข้ ำใจว่ ำเชื้อชำติอนื่ ๆ มีควำมเป็ นอยู่ อย่ำงไรทำำให้ เกิดกิจกรรมกำรท่ องเทีย่ วเชิงอนุรักษ์ (EcoTourism) อย่ำงแพร่ หลำยในปัจจุบนั
3. แรงจูงใจทำงด้ ำนสั งคมและควำมสำ ำคัญระหว่ ำง บุคคล (Social / Interpersonal / Ethnic Motive) ได้ แก่ กำรไปพบปะ เยีย่ มญำติหรือเพือ่ น เยีย่ ม สถำนทีเ่ กิด ไปเป็ นเพือ่ นผู้อนื่ กำรได้ พบหรือรู้ จักกับ มิตรใหม่ ซึ่งอำจจะต่ ำงเชื้อชำติ ศำสนำกับตน เป็ นกำรแสวงหำมิตรภำพ ประสบกำรณ์ และสิ่ งแวด ล้อมใหม่ ๆ โดยหลีกหนีจำกสิ่ งแวดล้อมทีค่ ุ้นเคย เป็ นกำรชั่วครำว
4. แรงจูงใจทำงด้ ำนกำรทำำงำนและธุรกิจ (Business / Work Related Motive) ได้ แก่ กำรไป เจรจำติดต่ อธุรกิจทั้งภำครัฐและ เอกชนตลอดจนกำรติดตำมผล กำรเข้ ำร่ วมประชุ ม สั มมนำ กำรเดินทำงไปโดยมีภำระงำนเกีย่ วข้ องเป็ นบำง ส่ วนด้ วย หรือกึง่ ทำำงำนกึง่ เทีย่ ว Ex. เป็ นผู้สื่อข่ ำวงำนกีฬำเอเชี่ยนเกมส์
- กำรติดต่ อธุรกิจเนื่องจำกจะใช้ เทคโนโลยีทที่ นั สมัยแล้ว - กำรได้ พบปะพูดจำด้ วยตนเองในสถำนทีข่ องคู่ เจรจำฝ่ ำยใดฝ่ ำยหนึ่ง ย่ อมขยำยผลควำมสำ ำเร็จของ ธุรกิจออกไป - กิจกรรมกำรท่ องเทีย่ วก่อนและหลังกำรประชุม (Pre and Post Tour) เป็ นกิจกรรมทีข่ ำดไม่ ได้ ในกำร ประชุ มนำนำชำติของโลก
5. แรงจูงใจทำงด้ ำนกำรบันเทิงและสิ่ งเพลิดเพลิน (Entertainment / Amusement / Pleasure / Pastime Motive) ได้ แก่ กำรไปเทีย่ วชมสวนสนุก(theme parks) สถำนทีบ่ ันเทิง ต่ ำงๆ กำรได้ ดูกฬ ี ำและกิจกรรมบันเทิง ซึ่งให้ ควำมเพลิดเพลิน เช่ น ขบวนพำเหรดรถบุปผำชำติ กำรแสดงแสง – เสี ยง กำร แข่ งรถ กำรได้ ไปเทีย่ วยำมว่ ำง กำรแสวงหำสิ่ งเพลิดเพลินของ แต่ ละบุคคลทีม่ ีลกั ษณะหลำกหลำย กำรได้ ดูชมธรรมชำติ ชีวติ สั ตว์ ยังเป็ นกิจกรรมกำรท่ องเทีย่ วที่นักท่ องเที่ยวชื่นชอบมำก กำร พัฒนำอนุรักษ์ แหล่งท่ องเทีย่ วไว้ ให้ ดี จะเป็ นแรงจูงใจให้ นักท่ อง เทีย่ วทุกตลำดหลักยังคงมำเที่ยวต่ อไป และถือได้ ว่ำเป็ นปัจจัยที่ สำ ำคัญทีท่ ำำ ให้ กำรท่ องเทีย่ วยัง่ ยืน
6. แรงจูงใจในด้ ำนศำสนำ (Religious Motive) ได้ แก่ กำรมีโอกำสได้ ไปร่ วมแสวงบุญ ศึกษำธรรมะ ฝึ กสมำธิ เข้ ำร่ วมพิธีกรรมทำงศำสนำ ทีต่ นเคำรพนับถือ กำรได้ ไปเคำรพสถำนทีศ่ ักดิ์สิทธิ์ ต่ ำงๆ กำรทำำบุญทำำทำน บริจำค ช่ วยให้ เกิดควำมสุ ข ทำงใจแก่นักท่ องเทีย่ ว และถือว่ ำเป็ นกำรพักผ่ อนทำง จิตใจด้ ำย
7. แรงจูงใจทำงด้ ำนสถำนภำพและเกียรติภูมิ (Presetting and Status Motive) กำรเดินทำงไปบำงครั้งอำจสร้ ำงชื่อเสี ยง ยกฐำนะ และเกียรติภูมขิ องตนให้ สูงขึน้ เช่ น กำรเดินทำงไปประชุมสั มมนำ ติดต่ อธุรกิจ หรือศึกษำต่ อในต่ ำงประเทศ ฯลฯ กำรได้ มี โอกำสเดินทำงไปทำำกิจกรรมต่ ำงๆ เหล่ ำนีจ้ ะ
กำรเดินทำง ท่ องเทีย่ วอำจมิได้ เกิดขึน้ เพรำะแรงจูงใจอย่ ำงใดอย่ ำงหนึ่งเพียง อย่ ำงเดีย่ ว แต่ อำจเกิดจำกแรงจูงใจหลำย อย่ ำงผสมผสำนกันไป Ex. กำรไปศึกษำหำควำมรู้ และมีโอกำสได้ รับสุ ขภำพในเวลำเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ มแี รง จูงใจใดเป็ นแรงกระตุ้นทีเ่ ด่ นชัดทีส่ ุ ด
• ควำมสะดวกเกีย่ วกับกำรจองตัว๋ และกำรจัดบริกำรของ บริษทั นำำเทีย่ ว ซึ่งสำมำรถจัดได้ ท้งั ส่ วนบุคคล เป็ นหมู่ คณะ และกำรจัดทัวร์ แบบเบ็ดเสร็จ (Package) • กำรคมนำคมสะดวกรวดเร็ว • ร่ วมกิจกรรมกีฬำ • ศึกษำค้ นคว้ ำทำงด้ ำนวัฒนธรรมและโบรำณคดี • กำรศึกษำ • เยีย่ มญำติหรือเพือ่ น • ธุรกิจ ประชุม สั มมนำ
แรงผลัก
นทท.
แรงดึง
อยำกเดินทำง เดินทำง
พึงพอใจ
ประเมินผล
ไม่ พงึ พอใจ
ทฤษฎีมูลเหตุแห่ งแรงจูงใจ (determinant) ได้ แก่ 1) โชค 2) โอกำส 3) ควำมเพียรพยำยำม 4) ควำมอยำกลำำบำกของงำน เป็ นปัจจัยทีผ่ สมผสำนกันก่ อให้ เกิดพฤติกรรมของ นทท.ซึ่งโดยส่ วนใหญ่ แล้ วจะเกิดแรงจูงใจในระยะยำว (Long-Term motivation) > แรงจูงใจระยะสั้ น ๆ (shortterm motivation)
ประสบกำรณ์ แบ่ งได้ 2 แบบคือ
• Positive Experience (ประสบกำรณ์ บวก) ได้ แก่ สิ่ งต่ ำงๆ ทีน่ ักท่ องเทีย่ วได้ รับหรือสั มผัสในส่ วนทีเ่ ป็ นทีพ่ อใจ ก่ อ ให้ เกิดควำมประทับใจ • Negative Experience (ประสบกำรณ์ ลบ) ได้ แก่ เหตุกำรณ์ หรือสิ่ งต่ ำงๆ ทีน่ ักท่ องเทีย่ วได้ รับหรือสั มผัสใน ส่ วนทีไ่ ม่ เป็ นทีน่ ่ ำพอใจไม่ ว่ำจะเป็ นกำรบริกำร กำรปฏิบัติ ตนของเจ้ ำของสถำนทีห่ รือสิ่ งแวดล้ อมต่ ำงๆ
สรุป
กำรทีบ่ ุคคลได้ รับกำรกระตุ้นเพือ่ ให้ เกิดกำรกระทำำ หรือพฤติกรรมบำงอย่ำงทีต่ ้ องกำร ซึ่งเกีย่ วข้ องกับ กำรตัดสิ นใจเดินทำงท่ องเทีย่ ว โดยมีองค์ ประกอบ หลักทีส่ ำ ำคัญคือ 1) สิ่ งกระตุ้นให้ เกิดกำรท่ องเทีย่ ว 2) แรงจูงใจหรือสิ่ งทีก่ ระตุ้นให้ คนเดินทำง ซึ่งเกิด จำกปัจจัยผลัก และปัจจัยดึง
กิจกรรมท้ ำยบท บทที่ 4
ให้ อ่ำนแล้ วจำำแนกว่ ำข้ อไหนเป็ น positive experience หรือ negative experience พร้ อมทั้งบอกประเภทของนักท่ องเทีย่ ว
1. นักศึกษำหญิงชำวนิวซีเเลนด์ เดินทำงมำพักอยู่กบั ครอบครัวของเพือ่ นทีเ่ ป็ นชำวไทย 3 วัน พ่อ แม่ ของ เพือ่ นชำวไทยคนนั้นก็ให้ กำรต้ อนรับพูดคุยด้ วยเป็ น อย่ ำงดี เธอเองก็ชอบอำหำรไทยและก็ได้ บอกเจ้ ำของ บ้ ำนด้ วยว่ ำชอบอำหำรมำก วันรุ่งขึน้ เธอได้ ไปพูดคุยกับ สำวใช้ เกีย่ วกับอำหำรและชีวติ ควำมเป็ นอยู่ คืนนั้นเอง เพือ่ นคนไทยก็เลยต่ อว่ ำและข้ อร้ องให้ เธอออกจำกบ้ ำน เป็ นกำรด่ วน
2. นักท่ องเทีย่ วหนุ่มสำวแคนำดำได้ แสดงทัศนของตนใน กำรเดินทำงท่ องเทีย่ วปำรีส ดังนี้ ประสบกำรณ์ กำรท่ อง เทีย่ วของเจ้ ำภำพคือกำรได้ ไปท่ องเทีย่ วทีห่ อเอฟเฟลเป็ น ครั้งแรก ข้ ำพเจ้ ำคิดว่ ำหอเอฟเฟลเป็ นเสมือนสั ญลักษณ์ ระหว่ ำงชำติ ข้ ำพเจ้ ำมีควำมรู้ สึกเหมือนไม่ ใช่ ตวั ของ ข้ ำพเจ้ ำขณะทีย่ นื อยู่บนนั้น มันดูสะอำดกว่ ำทีค่ ดิ และมี คนมำเทีย่ วไม่ มำก นักท่ องเทีย่ วคนอืน่ ๆ ส่ งเสี ยงรบกวน บ้ ำง แต่ ข้ำพเจ้ ำไม่ รู้ สึกเพรำะเกิดควำมรู้สึกคุ้มค่ ำประทับ ใจกับทิวทัศน์ รอบๆ ตัว ข้ ำพเจ้ ำใช้ เวลำอยู่ทนี่ ้ ันเป็ นเวลำ
3. นักท่ องเทีย่ วหญิงสู งอำยุชำวอังกฤษได้ เดินทำงจำก ประเทศสิ งคโปร์ บรรยำยควำมรู้ สึกของตนทีไ่ ด้ เยีย่ ม ชมสถำนทีต่ ่ ำงๆ ว่ ำ “ฉันไม่ ชอบสภำพทีส่ ั บสนจำำเจ รถนำำเทีย่ วก็ร้อนมำกและมัคคุเทศก์กพ็ ยำยำมหำผล ประโยชน์ โดยกำรทีต่ ้ อนรับนักท่ องเทีย่ วให้ ไปซื้อ ของทีร่ ้ ำนของเพือ่ นตนเอง นอกจำกนีน้ ักท่ องเทีย่ ว คนอืน่ ก็มสี ่ วนทำำให้ ฉันประสำท พวกนีจ้ ะ ไม่ สนใจ คนอืน่ แย่งกันซื้อของและปล่อยให้ คณะทัวร์ รอนำน กว่ำ 2 ชั่วโมง
4. นักท่ องเทีย่ วชำวอเมริกนั อำยุ 54 ปี เป็ นรอง ประธำนของบริษทั ทีท่ ำำ เกีย่ วกับงำนวิจยั ค้ นคว้ ำแห่ ง หนึ่งได้ ไปเทีย่ วประเทศจีน ได้ บรรยำยประสบกำรณ์ ของตนดังนี้ กำรทีก่ ลุ่มชำวจีนให้ ควำมสนใจและกระตือรือร้ นทีจ่ ะ รู้ จกั ชำวอเมริกนั กำรไปไหนมีคนคอยตำมมอง ข้ ำพเจ้ ำคิดว่ ำเป็ นสิ่ งวิเศษสุ ด กำรไปเมืองจีนครำวนี้ จำำให้ ข้ำพเจ้ ำรู้ สึกว่ำตนเหมือนเป็ นคนทีม่ ชี ื่อเสี ยงทั้งๆ ทีไ่ ม่ ใช่ เลย
5. นักท่ องเที่ยวชำวอเมริกนั อำยุ 37 ปี ทำำงำนเกีย่ วกับงำน โฆษณำ ได้ บรรยำยประสบกำรณ์ ของเธอ ดังนี้ เดือนพฤษภำคม 1979 ฉันได้ เดินทำงจำกฮ่ องกงไปเทีย่ ว กวำงตุ้งเป็ นเวลำ 4 วัน โดยไปกับกลุ่มนักท่ องเที่ยวทีม่ ีชำติ ต่ ำงๆ และอำยุต่ำงๆ กัน ถึงแม้ ว่ำฉันจะไม่ เป็ นชื่นชอบกำรไป ไหนกับกลุ่มคนมำก แต่ กำรทัศนำจรครั้งนีก้ ท็ ำำ ให้ ฉันสนุกได้ ฉันคิดว่ ำคนจีนให้ บริกำรนักท่ องเที่ยวดีเยีย่ ม เห็นได้ จำกกำร พยำยำมที่จะเอำใจนักท่ องเทีย่ วทุกคน มัคคุเทศก์ กใ็ ห้ บริกำร และพยำยำมตอบคำำถำมทุกคน (ทั้งๆ ทีพ่ ูดภำษำอังกฤษไม่ ใคร่ ดี) เอำใจแม้ กระทั่งนักท่ องเทีย่ วที่ทำำ ควำมรำำคำญให้ คนอืน่
6. นักกำรธนำคำรชำวอเมริกนั ได้ เดินทำงไปเยีย่ มน้ ำสะใภ้ ทีส่ โมสรแห่ งหนึ่งในประเทศอังกฤษ หลังจำกทีถ่ ูกแนะนำำ ตัวแล้ ว สมำชิกทีส่ โมสรก็เล่ ำให้ ฟังเกีย่ วกับเรื่องรำวต่ ำงๆ ในประเทศอังกฤษ เช่ น รักบีฟ้ ุตบอล กำรพนัน อำหำร และแฟชั่นเป็ นต้ น กำรพูดคุยหยอกล้ ออย่ ำงเป็ นกันเอง มี กำรถกปัญหำในเรื่องทีเ่ กีย่ วกับฉัน ประเทศอเมริกำและ อืน่ ๆ ฉันคิดว่ ำวิธีทจี่ ะทำำให้ นักท่ องเทีย่ วกลับไปอีกก็คอื กำร ให้ ควำมเป็ นเพือ่ นเพรำะนักท่ องเทีย่ วมีควำมรู้สึกต้ องกำร ควำมเท่ ำเทียมกัน ไม่ อยู่โดดเดีย่ วหรืออยู่อย่ ำงคนแปลก
7. นักศึกษำชำวแคนำดำได้ รำยงำนเหตุกำรณ์ ทเี่ กีย่ วข้ องกับ ควำมสั มพันธ์ ระหว่ ำงนักท่ องเทีย่ วกับเจ้ ำของประเทศ ประสบกำรณ์ ทดี่ ที สี่ ุ ดของฉันเกิดขึน้ ทีเ่ มือง Antilles ประเทศ ฝรั่งเศส ทีน่ ั่นฉันได้ พบกับสำมีภรรยำชำวดัชท์ เขำ กระตือรือร้ นและสนใจทีร่ ู้จักพวกเรำ เขำกำำลังจะไปมอลศิลำโล ในวันรุ่งขึน้ และเขำยินดีทจี่ ะให้ พวกเรำร่ วมเดินทำงไปด้ วย เรำ นั่งเบียดกันมำกในรถของเขำและได้ เยีย่ มชมสถำนทีส่ ำ ำคัญและ ศึกษำเรื่องรำวของประเทศนั้น ในระหว่ ำงนั้นพวกเรำพยำยำม ทำำควำมรู้จักกัน เป็ นประสบกำรณ์ อนั วิเศษทีไ่ ด้ ร้ ูจักเขำ และเขำ ปฏิเสธทีจ่ ะให้ เรำออกค่ ำใช้ จ่ำยเรื่องน้ำ ำมัน
8. นักท่ องเทีย่ วชำวอเมริกนั หญิงสู งอำยุได้ เล่ ำ ประสบกำรณ์ ไปอังกฤษของเธอ ดังนี้ ข้ ำพเจ้ ำเดินทำงไปท่ องเทีย่ วทีเ่ มืองเล็กๆ เมืองหนึ่งใน มลฑลเวลล์ และมีโอกำสได้ แวะดืม่ น้ำ ำชำทีร่ ้ ำนแห่ งหนึ่ง ข้ ำพเจ้ ำใช้ เวลำ 1 ชั่วโมง พูดคุยและรับประทำนขนม ดืม่ น้ำ ำชำกับเจ้ ำของร้ ำนซึ่งเป็ นสุ ภำพสตรีชรำ 2 คน ทั้ง 2 คน ให้ กำรต้ อนรับจนข้ ำพเจ้ ำรู้ สึกเหมือนกับได้ แวะเยีย่ ม บ้ ำนเพือ่ นเก่ ำ
9. นักท่ องเทีย่ วชำวอเมริกนั หญิงอำยุ 30 ปี เดินทำง ไป Virgin Island ได้ เล่ำประสบกำรณ์ ของตนดังนี้ ฉันรู้ สึกไม่ สบำยใจมำกทีเ่ ห็นควำมแตกต่ ำงอย่ ำง เป็ นได้ ชัดระหว่ ำงชำวพืน้ เมืองและกลุ่มนักท่ องเทีย่ ว ทำำให้ ฉันรู้ สึกมีควำมผิดทีม่ ำหำควำมสนุก ในขณะที่ เจ้ ำของประเทศเองอยู่ในสภำพทีเ่ ลวร้ ำยมำกและไม่ มี ควำมสะดวกเอำซะเลย เพรำะถูกพวกเรำรุกสถำนที่ ทำำมำหำกินของเขำ
10. นักท่ องเทีย่ วชำวอเมริกนั เป็ นผู้จดั กำรฝ่ ำยกำรตลำด ได้ เขียนเล่ ำประสบกำรณ์ ของตนเกีย่ วกับควำมยำกจนที่ ได้ พบเห็นทีป่ ระเทศฟิ ลิปินส์ ดังนี้ ประสบกำรณ์ อนั แปลกประหลำดของฉันคือ กำรได้ เห็นคนเป็ นพันๆ คนอำศัยอยู่ในบ้ ำนทีม่ ลี กั ษณะเป็ นห้ อง สี่ เหลีย่ มแคบๆ ทำำด้ วยกล่ องกระดำษในมะนิลำ ซึ่งห่ ำง จำกบริเวณนี้ 100 คูหำ ทีจ่ ะเป็ นบ้ ำนส่ วนตัวใหญ่ โต หรู หรำของคนมีเงิน ฉันรู้ สึกเศร้ ำทีฉ่ ันไม่ สำมำรถจะ ช่ วยเหลือคนเป็ นพันๆ ทีอ่ ยู่ในสภำพทีห่ มดหวังในชีวติ ฉันเต็มใจทีจ่ ะให้ เขำในสิ่ งทีฉ่ ันมี ถ้ ำฉันจะทำำได้
11. นักธุรกิจชำวออสเตรเรียคนหนึ่งได้ เดินทำงมำประชุม ณ ประเทศไทยเป็ นเวลำ 5 วัน และได้ พกั อยู่ในโรงแรมที่ มีชื่อแห่ งหนึ่ง วันหนึ่งเขำรีบทีจ่ ะเข้ ำประชุมให้ ทนั เวลำ จนกระทัง่ ลืมกระเป๋ ำเงิน ซึ่งมีเงินจำำนวนมำกและเอกสำ รสำ ำคัญๆ ไว้ ในห้ องพัก เมื่อเขำนึกได้ ก็ กลับมำยังห้ อง พักปรำกฏว่ ำห้ องพักได้ ถูกจัดไว้ เรียบร้ อย และกระเป๋ ำเงิน ของเขำวำงอยู่หน้ ำกระจกแต่ งตัว โดยทีท่ ุกอย่ ำงในกระเป๋ ำ เงินอยู่ครบ ทำำให้ เขำรู้ สึกว่ ำพนักงำนทำำควำมสะอำดห้ อง เป็ นคนซื่อสั ตย์ ทั้งทีม่ โี อกำสแต่ กไ็ ม่ ทำำ
12. Mr. John นักท่ องเทีย่ วชำวอเมริกนั ได้ เดินทำงมำ เทีย่ วในเมืองไทย โดยมำพักอยู่กบั เพือ่ นทีเ่ ป็ นคนไทย เขำ ได้ รับกำรต้ อนรับจำกเพือ่ นชำวไทยเป็ นอย่ ำงดี เพือ่ นชำว ไทยพำไปเทีย่ วสถำนทีต่ ่ ำงๆ ทำำให้ Mr. John ได้ เห็นศิลปะ วัฒนธรรมของไทย รวมทั้งได้ รู้ จกั กับคนไทยอีกหลำยคน และรู้สึกประทับใจในควำมโอบอ้ อมอำรีและควำมมีน้ำำใจ ของคนไทยเป็ นอย่ ำงมำก และกล่ ำวกับเพือ่ นของตนว่ ำถ้ ำมี โอกำสจะมำเทีย่ วเมืองไทยอีกและจะชวนเพือ่ นมำด้ วยและ ยินดีต้อนรับ ถ้ ำเพือ่ นชำวไทยจะไปเทีย่ วทีอ่ เมริกำ
13.นักท่ องเทีย่ วชำวญีป่ ุ่ นกลุ่มหนึ่งได้ เดินทำงมำกับ บริษัททัวร์ และมีโอกำสได้ แวะชมวัดพระ ศรีรัตนศำสดำรำม เขำเหล่ำนั้นรู้ สึกตืน่ ตำตืน่ ใจใน ควำมงำมอันอ่อนช้ อยของศิลปกรรมของไทย และ ขณะทีก่ ำำ ลังช่ วยกันถ่ ำยรู ปก็ได้ ยนิ ตะโกนอย่ ำงเกรี้ยว กรำดของเจ้ ำหน้ ำทีด่ ูแลวัดบอกให้ ถอยมำจำกสถำนที่ นั้น เพรำะเป็ นเขตหวงห้ ำม นักท่ องเทีย่ วชำวญีป่ ุ่ นก็ปฎิบัตติ ำมแต่ โดยดีแต่ กร็ ู้ สึกว่ ำไม่ อยำกเดินไปไหน
กำรบ้ ำน 1. เขียนเล่ำประสบกำรณ์ เดินทำงท่ องเทีย่ ว หรือใช้ บริกำร (เช่ น โรงแรม ร้ ำนอำหำร ฯลฯ) 2. วิเครำะห์ โดยใช้ ทฤษฎีของ Maslow (ดัง ตัวอย่ำงในตำรำง) ว่ ำประสบกำรณ์ ครั้งนั้น ตอบ สนองควำมต้ องกำรขั้นไหน/ตอบสนองต่ อ ควำมรู้ สึกอะไร อย่ ำงไร
แบ่ งกลุ่มกลุ่ม ละ 2-3 คน ศึกษำข้ อมูล งำนวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้ องกับแรงจูงใจในกำรท่ องเทีย่ ว • ชื่อเรื่อง • วัตถุประสงค์ ในกำรศึกษำ • กลุ่มเป้ ำหมำยในกำรศึกษำ • พืน้ ทีศ่ ึกษำ • กรอบวิจัยในกำรศึกษำ • ผลกำรวิจยั