บทที่ 6 กฎระเบียบของการปฏิสัมพันธ์กันทางสังคม

Page 1

บทที่ 6 กฎระเบีย บของการ ปฏิส ัม พัน ธ์ก ัน ทาง สัง คม By ; อ.นำา ขวัญ วงศ์ป ระทุ ม Page 1

Free Powerpoint TemplatesFree Powerpoint Templates


Topic ความหมาย ความแตกต่ างข้ าม วัฒนธรรมในกฎระเบียบ ของการปฏิสัมพันธ์ กนั ทาง สั งคม Free Powerpoint Templates

Page 2


ความหมายของโครงสร้ างของสั งคม (Social Structure)

พจนานุกรมศัพท์ สังคมวิทยาฉบับ ราชบัณฑิตยสถานกล่ าวว่ า โครงสร้ าง หมายถึง องค์ ประกอบทีม่ ีส่วนต่ างๆ สั มพันธ์ กนั อย่ างมีระเบียบ และดำารงอยู่ ได้ ถาวรตามสมควร โครงสร้ างของ สั งคม คือ ระบบความสั มพันธ์ ของ สถาบันต่ างๆ ของสั งคมในขณะใดขณะ Free Powerpoint Templates หนึ่ง Page 3


กฎระเบี ย บของการปฏิาสงของสั ัม พันงคม ธ์ก ัน ทาง ความหมายของโครงสร้ สังStructure) คม (Social

มาร์ วนิ อี.ออลเซน(Marvin E.Olsen) ได้ อธิบายความหมายโครงสร้ างของสั งคม ซึ่ง สรุปได้ โครงสร้ างของสั งคม คือ ลักษณะของ ส่ วนประกอบต่ างๆ ของสั งคม ซึ่งเป็ นเสมือน การจำาลองภาพนิ่งของระบบความสั มพันธ์ ใน สั งคมมนุษย์ในขณะใดขณะหนึ่ง เนื่องจาก กระบวนการทีส่ มาชิกในสั งคมมีการกระทำา ระหว่ างกันเป็ นสิ่ งเคลือ่ นไหวอยู่เสมอ

Free Powerpoint Templates

Page 4


กฎระเบี ย บของการปฏิาสงของสั ัม พันงคม ธ์ก ัน ทาง ความหมายของโครงสร้ สังStructure) คม (Social

เจมส์ ดับเบิลยู ศานเดน (James W.Vander Zanden) กล่าวว่ า โครงสร้ างของสั งคม หมายถึง เค้ าโครงของความ สั มพันธ์ ระหว่างสมาชิกในสั งคมที่ มีความเชื่อมโยงผูกพันระหว่ างกัน Free Powerpoint Templates

Page 5


กฎระเบี ย บของการปฏิสางของสั ัม พัน ธ์ ก ัน ทาง ความหมายของโครงสร้ งคม สัง คม

(Social Structure)

สรุปได้ ว่า โครงสร้ างของสั งคม หมายถึง ส่ วนต่ างๆ ทีป่ ระกอบกันเป็ น ระบบความสั มพันธ์ ของสั งคมมนุษย์ ส่ วนประกอบดังกล่ าวจะต้ องเป็ นเค้ าโครง ทีป่ รากฏในสั งคมมนุษย์ ทุกๆ สั งคม แม้ จะมีรายละเอียดย่ อยแตกต่ างกันไปใน แต่ ละสั งคมก็ตาม Free Powerpoint Templates

Page 6


รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม 1) รู ปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคมตามแนวของขงจือ้ แนวคิดอันเป็ นพืน้ ฐานของขงจือ้ เขาเริ่มการ ปฏิเสธการกำาหนดอำานาจเด็จขาดแห่ งสวรรค์ ในการ ควบคุมชะตากรรมของมนุษย์ โดยให้ ความสำ าคัญต่ อการ ฝึ กฝนปฏิบัติตนของมนุษย์เป็ นหลัก เมื่อมนุษย์ ฝึกฝน ดีแล้วควรมีลกั ษณะอ่อนน้ อมถ่ อมตนต่ อเพือ่ นมนุษย์ ด้วย กัน ดังนั้นเขาจึงจัดรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ระหว่ างมนุษย์ กับสั งคมไว้ดงั นี้ คือ

Free Powerpoint Templates

Page 7


รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม รู ปแบบการปฏิสัมพันธ์ ระหว่ างมนุษย์ กบั สั งคม ขั้นพืน้ ฐาน ตามแนวคิดของขงจือ๊ ทีไ่ ด้ กระทำาการศึกษา ในสั งคมหรือสั งคมบูรณาญาสิ ทธิราชจีน ขงจือ๊ มีทศั นะ ว่ าชาวจีนยังมีระบบความปฏิสัมพันธ์ กนั ทีย่ งั หละหลวม อยู่ โดยเฉพาะความปฏิสัมพันธ์ ระหว่ าง - ปกครอง – ผู้ถูกปกครอง - บิดามารดา – บุตรธิดา - สามี – ภรรยา - พี่ – น้ อง - เพือ่ น – เพือ่ ฝูง Free Powerpoint Templates

Page 8


รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม ดังนั้นขงจือ๊ จึงจัดรูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ข้นั พืน้ ฐานของสั งคมชาวจีนไว้ ๕ รู ปแบบ ดังนี้ 1) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่าง ปกครองกับผู้ใต้ การ ปกครอง 2) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างบิดามารดากับบุตร ธิดา 3) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสามีกบั ภรรยา 4) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างพีก่ บั น้ อง 5) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างเพือ่ นกับเพือ่ น Free Powerpoint Templates

Page 9


รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ระหว่ างมนุษย์ กบั สั งคมขั้นพืน้ ฐานตามแนวของขงจื๊อ ขงจื๊อมีแนวคิดต่ อไปว่ า สั งคมขั้นพืน้ ฐาน ยังไม่ มกี ารปฏิสัมพันธ์ ข้นั พืน้ ฐานดี คือ ครอบครัวไม่ ดเี ท่ าทีค่ วร ถ้ าการปฏิสัมพันธ์ ข้นั พืน้ ฐานดี สิ่ งทีจ่ ะติดตามมาก็คอื การ ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสั งคมชาวจีนจะดีขนึ้ ด้ วย ขงจื๊อจัดรูปแบบ สายปฏิสัมพันธ์ ตามแนวปรัชญาจริยธรรม ๔ ประการ คือ 1) บิดามารดาพึงมีเมตตาต่ อบุตรธิดาและบุตรธิดาพึง กตัญญูต่อบิดามารดา 2) สามีภริยาพึงมีความรักและความชื่อสั ตย์ ต่อกัน 3) ญาติ พีน่ ้ องพึงมีความสามัคคีรักใคร่ ปรองดองกัน 4) มิตรสหายพึงมีความชื่อสั ตย์ จริงใจต่ อกัน Free Powerpoint Templates

Page 10


รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ระหว่ างมนุษย์ กบั พฤติกรรม ทางสั งคมขั้นพืน้ ฐานของปัจเจกชนตามแนวขงจื๊อ ขงจือ๊ มี แนวคิดขั้นพืน้ ฐานว่า ปัจเจกชนของชาวจีนยังมีพฤติกรรมยังไม่ มี ระบบหรือระเบียบเรียบร้ อยเท่ าทีค่ วรหรือพอจะเป็ นบรรทัดฐาน ให้ แก่ อนุชนเอาเป็ นตัวอย่ าง ดังนั้น ขงจือ๊ จึงมีแนวคิดทีจ่ ะแก้ไข หรือปรับปรุงพฤติกรรมของปัจเจกชนโดยจัดรูปแบบการ ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างปัจเจกชนกับพฤติกรรมตามแนวปรัชญา จริยธรรม ๕ ประการ คือ - ความสุ ภาพ - ความโอบอ้ อมอารี - ความจริงใจ - ความตั้งใจจริง Free Powerpoint Templates - ความเมตตากรุ ณา Page 11


รู ปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม การปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคมมี ๒ แบบ คือ 1) การปฏิสัมพันธ์ แบบปฐมภูมิ 2) ความสั มพันธ์ แบบทุตยิ ภูมิ

Free Powerpoint Templates

Page 12


รู ปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม 1) การปฏิสัมพันธ์ แบบปฐมภูมิ เป็ นการปฏิสัมพันธ์ ในกลุ่มขนาดเล็กลักษณะของการ ปฏิสัมพันธ์ แบบใกล้ชิด คุ้นเคย และส่ วนตัว จนกระทัง่ สมาชิกรู้ สึก ถึงความเป็ นพวกเดียวกัน หรือความเป็ นพวกเรา สมาชิกเกิด อารมณ์ ร่วม Ex. ความรัก ความพอใจ ความเห็นอกเห็นใจ ความรู้อ่อน ไหวคล้อยตามกันซึ่งเกินจากการพบหน้ าตากันบ่ อยครั้ง และคุ้น เคยกันดี จนเห็นถึงความเป็ นส่ วนตัวของกันและกัน ความสั มพันธ์ แบบนีจ้ ะพบได้ จากกลุ่มครอบครัว กลุ่มเพือ่ นเป็ นต้ น Free Powerpoint Templates

Page 13


รู ปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคม 2) การปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคมแบบทุตยิ ภูมิ เป็ นความสั มพันธ์ อย่ างเป็ นทางการ ลักษณะความ สั มพันธ์ เป็ นทางการ ห่ างเหิน เพราะเกีย่ วข้ องสั มพันธ์ เฉพาะตามบทบาทเพือ่ ผลประโยชน์ ทกี่ าำ หนดไว้ การปะทะ สั งสรรค์ เกิดขึน้ บางกาลเทศะกับบุคคล หรือตามข้ อบังคับ ของกลุ่ม การปะทะสั งสรรค์ จงึ เป็ นเพียงบางส่ วนเสี้ยวของ บุคคลนั้น ความผูกพันอย่ างลึกซึ่งไม่ ปรากฏในกลุ่มเช่ นนี้ Ex. องค์กรอาชีพ ชมรม สโมสร ฯลฯ ในสั งคม ใหญ่ เช่ น สั งคมเมือง Free Powerpoint Templates

Page 14


รูปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคมการเมือง รู ปแบบการปฏิสัมพันธ์ ทางมนุษย์ กบั สั งคมการเมืองนั้น มนุษย์ ยดึ ถือในการจัดระเบียบตามการปฏิสัมพันธ์ ตามบรรทัดฐานทาง สั งคมของโดยจัดรูปแบบไว้ ดงั นีค้ อื 1) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ใต้ การปกครอง 2) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างศาสนากับศาสนา 3) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างปัจเจกบุคคลกับปัจเจกบุคล 4) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างปัจเจกบุคคลกับสถาบันครอบครัว 5) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสถาบันครอบครัวกับกลุ่มบุคคล 6) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่มบุคคลกับกลุ่มบุคคล 7) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่มบุคคลกับกลุ่มสั งคม 8) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างกลุ่มสั งคมกับสั งคม 9) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสั งคมกับสั งคมหรือรัฐกับรัฐ 10) การปฏิสัมพันธ์ ระหว่ างสั งคมกับสั งคมโลก Free Powerpoint Templates Page 15


การปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคมตามแนวการจัดระเบียบ การจัดระเบียบตามแนวการปฏิสัมพันธ์ ทางมนุษย์ กบั สั งคม หมายถึง มนุษย์ เรามีการปฏิสัมพันธ์ กบั สั งคมหรือพฤติกรรมทีแ่ สดง สถานภาพหรือบทบาทหรือตามการจัดระเบียบทางสั งคมอย่ างไร มนุษย์ เกิดมาในสั งคมก็จะพบสิ่ งแวดล้ อมไปด้ วยผู้คนเป็ นจำานวนมาก ๆ เริ่มแรกอย่ างน้ อยก็มพี ่อแม่ ในระยะแรกแห่ งชีวติ มนุษย์ จะมีพฤติกรรม ไปตามธรรมชาติ ยังไม่ มจี ุดมุ่งหมาย แต่ พ่อแม่ กจ็ ะตอบสนองความ ต้ องการเลีย้ งดูทะนุถนอม ต่ อมาเมือ่ เด็กหิวก็จะขยับตัวหรือร้ อง แม่ ก็ จะให้ อาหารหรือคนอืน่ ๆ ก็หันมาสนใจพฤติกรรมเช่ นนีเ้ มือ่ เด็กทำา หลายครั้งและได้ รับผลการตอบสนอง ทำาให้ เด็กเรียนรู้ถงึ การสั มพันธ์ ระหว่ างเงือ่ นไขกับผลทีจ่ ะได้ รับ ดังนั้น เมือ่ ต้ องการสิ่ งใดก็จะแสดง พฤติกรรมซึ่งจะก่อให้ เกิดผลนั้น ๆ ด้ วยเหตุนี้ จึงควรจัดระเบียบภาค บังคับให้ มนุษย์ มีพฤติกรรมเดินตามการปฏิสัมพันธ์ ทางมนุษย์ กบั Free Powerpoint Templates Page 16 สั งคม


องค์ ประกอบของโครงสร้ างทางสั งคม

โครงสร้ างสั งคมมีองค์ ประกอบ สำ าคัญ 2 ประการ คือ 1. การจัดระเบียบทางสั งคม 2. สถาบันทางสั งคม

Free Powerpoint Templates

Page 17


องค์ ประกอบของโครงสร้ างทางสั งคม 1) การจัดระเบียบทางสั งคม การจัดระเบียบทางสั งคม หมายถึง แบบแผน หรือกฎเกณฑ์ ทเี่ กีย่ วกับความสั มพันธ์ ระหว่ างบุคคล และกลุ่ม เป็ นสิ่ งทีส่ มาชิกในสั งคมใช้ เป็ นแบบแผน ดำาเนินชีวติ ร่ วมกันเพือ่ ให้ สังคมมีระเบียบและสงบสุ ข องค์ ประกอบของการจัดระเบียบทางสั งคม ประกอบ ด้ วย 1. บรรทัดฐาน (Norms) 2. สถานภาพ (Status) 3. บทบาท (Role) Free Powerpoint Templates

Page 18


องค์ ประกอบของโครงสร้ างทางสั งคม 1.1) บรรทัด ฐาน (Norms) หมายถึง มาตรฐานใน การประพฤติป ฏิบ ัต ิ ที่ส ัง คมยอมรับ ว่า ดี และถูก ต้อ ง ได้แ ก่ 1.วิถ ีป ระชาหรือ วิถ ีช าวบ้า น (Folkways) เป็น บรรทัด ฐานที่ค นยอมรับ และปฏิบ ัต ิต ามโดย ทั่ว ไปจนเกิด ความเคยชิน ไม่ม ีก ฎหมายหรือ ข้อ บัง คับ ใด ๆให้ป ฏิบ ัต ิ ในกรณีท ี่ม ีก ารละเมิด วิถ ี ประชาจะไม่ม ีบ ทลงโทษ จะมีเ พีย งคำา ติฉ ิน นิน ทาว่า ประพฤติป ฏิบ ัต ิใ นทางไม่ช อบไม่ค วรเท่า นั้น จึง มี ความสำา คัญ ในสัง คมน้อ ย ประโยชน์ข องวิถ ีป ระชา คือ เป็น แนวปฏิบ ัต ิใ ห้ก ับ คนจำา นวนมาก ที่อ ยูใ ่ นสัง คมเดีย วกัน ให้ส ามารถดำา เนิน ชีว ิต ไปได้ โดยปกติ เช่น วิถ ีป ระชาในเรื่อ งการแต่ง กายให้ เหมาะสม เป็น ต้น Free Powerpoint Templates

Page 19


Free Powerpoint Templates

Page 20


Free Powerpoint Templates

Page 21


Free Powerpoint Templates

Page 22


องค์ ประกอบของโครงสร้ างทางสั งคม 1.2) จารีตหรือกฎศีลธรรม (Mores) เป็ นบรรทัดฐานทางสั งคมทีก่ าำ หนดให้ คนในสั งคมประพฤติปฏิบัตอิ ย่ างเข้ มงวด เป็ น ข้ อห้ าม (Taboo) และข้ อกำาหนดให้ กระทำา ทีม่ ี ความชัดเจนและมั่นคงกว่าวิถปี ระชา โดยคนใน สั งคมนั้นถือว่ าแนวประพฤติดงั กล่ าวเป็ นสิ่ งทีถ่ ูก ต้ องดีงาม และมีผลต่ อสวัสดิภาพของคนจำานวน มาก หากผู้ใดละเมิดจะได้ รับการต่ อต้ านทีร่ ุ นแรง กว่ าวิถปี ระชา Free Powerpoint Templates

Page 23


Free Powerpoint Templates

Page 24


Free Powerpoint Templates

Page 25


องค์ ประกอบของโครงสร้ างทางสั งคม 1.3)กฎหมาย (Laws) เป็ นกฎเกณฑ์ ความประพฤติที่ กำาหนดไว้ ให้ คนในสั งคมปฏิบัตติ าม โดยมี องค์ กรหรือสถาบันทีค่ วบคุม มิให้ คนใน สั งคมฝ่ าฝื นและมีการกำาหนดบทลงโทษผู้ ฝ่ าฝื นไว้ อย่ างชัดเจน Free Powerpoint Templates

Page 26


Free Powerpoint Templates

Page 27


ความแตกต่ างกฎหมายกฎระเบียบของการปฏิสัมพันธ์ กนั ทางสั งคม

กฎหมาย - มีองค์ กรหน่ วยงานในการตัดสิ นข้ อขัดแย้ ง - มีอาำ นาจในการบังคับใช้ กบั ทุกคนเป็ นการทัว่ ไปไม่ มี ข้ อยกเว้ น - มีการกำาหนดแนวทางการปฏิบัตหิ รือห้ ามการปฏิบัติ รวมถึงระดับของการกระทำาผิดทีช่ ัดเจน Free Powerpoint Templates

Page 28


Free Powerpoint Templates

Page 29


หนัง สือ รวบรวมพวกกฏแปลกๆของโรงเรีย นต่า งๆในญี่ป ุ่น 1. ในเวลาเรีย น อนุญ าตให้จ ามได้แ ค่ส ามครั้ง เท่า นัน ้ หากจาม เกิน สามครั้ง ให้ไ ปห้อ งพยาบาล 2. เวลาจะสั่ง นำ้า มูก เพื่อ ไม่ใ ห้ร บกวนเวลาเรีย น ให้แ บ่ง สั่ง ทีล ะ นิด ๆ 3.เวลาเรีย นให้น ั่ง หลัง ตรง หน้า ต้อ งห่า งจากโต๊ะ 30 เซนติเ มตร 4. การจดโน๊ต ลงในสมุด ต้อ งใช้ไ ม้บ รรทัด วางทาบและจดให้ เรีย บร้อ ย 5. ห้า มพูด คุย กัน ไม่ว ่า จะในระหว่า งเรีย นหรือ ตอนพัก 6. ห้า มถ่า ยรูป ตัว หนัง สือ บนกระดานดำา 7. ห้า มอวดคนอื่น ว่า "เมือ ่ คืน อ่า นหนัง สือ ไม่ไ ด้น อนเลย " ในวัน สอบ

Free Powerpoint Templates

Page 30


• • • • • • • •

• • •

8. ห้า มถามคำา ตอบจากเพื่อ นหรือ ครูใ นห้อ งสอบ 9. ห้า มพับ แขนเสื้อ 10. ห้า มเอาแผ่น รองเขีย นมาใช้เ ป็น พัด 11. นัก เรีย นต้อ งปรบมือ ต้อ นรับ อาจารย์ท ุก ครั้ง ที่อ าจารย์เ ข้า มาสอน 12. ห้า มนัก เรีย นชายแอบมองโรงยิม ที่ใ ช้ซ ้อ มวอลเล่ย ์บ อลของนัก เรีย น หญิง 13. ห้า มแกล้ง ทำา เป็น จมนำ้า ตอนเรีย นชั่ว โมงว่า ยนำ้า 14. หากวิ่ง มาราธอนเข้า เส้น ชัย ไม่ไ ด้ใ นเวลา จะถูก ทำา โทษโดยให้ว ิ่ง เพิ่ม 15. เพื่อ ไม่ใ ห้น ัก เรีย นแตกตื่น ตกใจ เวลามีผ ู้ต ้อ งสงสัย เข้า มา จะประกาศว่า "มีข องมาส่ง ด่ว น" หากได้ย ิน ประกาศแบบนี้ ให้น ัก เรีย นและอาจารย์อ พยพ กัน อย่า งเงีย บๆ อย่า กระโตกกระตาก 16. ห้า มมองหว่า งขาของเพื่อ นต่า งเพศ และห้า มจิน ตนาการใดๆทั้ง นั้น 17. ห้า มจู๋จ ี๋ก ัน ในที่ท อ ี่ าจารย์เ ห็น 18. ห้า มนัก เรีย นที่เ ป็น แฟนกัน กลับ บ้า นด้ว ยกัน

Free Powerpoint Templates

Page 31


• • • • • • • • • • •

19. เวลามาโรงเรีย น นัก เรีย นชายให้ล งสถานี XXX ส่ว นนัก เรีย นหญิง ให้ล ง สถานีZZZ 20. หากต้อ งการจะคุย กับ เพื่อ นเพศตรงข้า ม ให้ก รอกข้อ มูล ลงในใบขอ อนุญ าตคุย ไปยื่น เมื่อ ได้ร ับ อนุญ าตแล้ว ให้ไ ปคุย กัน ไ้​้ด ้ท ี่ห ้อ งสนทนา 21. หากไม่ม ีเ หตุผ ลจำา เป็น ห้า มนัก เรีย นกับ อาจารย์ค บเป็น แฟนกัน 22. เวลาคุย กับ อาจารย์ต ่า งเพศ ต้อ งอยู่ห ่า งอย่า งน้อ ย 20 เซน 23. ห้า มโทรไปบ้า นเพื่อ นต่า งเพศ ไม่ว ่า จะด้ว ยเหตุผ ลอะไรก็ต าม 24. ห้า มปิด เรื่อ งที่ค บกัน เป็น ความลับ 25. หากจะคบใครเป็น แฟน ต้อ งนัด พูด คุย กับ ผู้ป กครองทั้ง สองฝ่า ย 26. ห้า มคบเป็น แฟนกัน โดยไม่ไ ด้ร ับ อนุญ าตจากทั้ง พ่อ แม่แ ละอาจารย์ 27. ผู้จ ัด การชมรมกีฬ า ต้อ งคิด ว่า คนในชมรมทุก คนเป็น แฟนของตัว เอง ห้า มคบกับ ใครคนใดคนหนึ่ง ในชมรม 28. ห้า มเอาช็อ กโกแลตมาให้ก ัน ในวัน วาเลนไทน์ 29. ห้า มถ่า ยปุร ิค ุร ะกับ เพศตรงข้า ม

Free Powerpoint Templates

Page 32


• • • • • • • • • • • • • •

30. ห้า มให้ผ ู้ช ายมาส่ง มารับ ทีโ่ รงเรีย น 31. ห้า มไปแวะขีก ่ วางระหว่า งทางกลับ บ้า น 32. ห้า มแซวนัก ท่อ งเทีย ่ ว 33. ห้า มไปขีด เขีย นเล่น ตามเถ้า ถ่า นภูเ ขาไฟ 34. นัก เรีย นควรมาโรงเรีย นด้ว ยความรู้ส ก ึ เหมือ นไปเข้า ค่า ยทัศ นศึก ษาทุก วัน 35. หากขโมยแอปเปิ้ล จากต้น จะถูก ไล่อ อก 36. ห้า มดื่ม สุร าขณะเดิน ทางไป-กลับ จากโรงเรีย น 37. ห้า มเดิน สูบ บุห รี่ใ นโรงเรีย น 38. ในตะกร้า จัก รยาน ให้ใ ส่ไ ด้แ ต่ค ัป ปะ (เสื้อ กัน ฝน) เท่า นั้น 39.ข้า มขับ รถ, ขี่ม อเตอร์ไ ซค์ หรือ รถไถนามาโรงเรีย น (!?) 40. วัน ทีอ ่ ากาศดีใ ห้ใ ส่ช ุด ยูน ิฟ อร์ม เท่า นั้น แต่ถ ้า วัน ฝนตกจะใส่ช ุด พละมาเรีย นก็ไ ด้ 41. เมื่อ มาถึง แล้ว ให้เ ปลี่ย นชุด เป็น ชุด พละ แม้ว า่ จะไม่ใ ช่ว น ั ที่ม พ ี ละก็ต าม 42. ก่อ นกลับ บ้า นทุก วัน ต้อ งยื่น ใบบอกว่า หลัง จากถึง บ้า นแล้ว จะออกไปไหนให้ก ับ ทางโรงเรีย นด้ว ย 43.ระหว่า งไป-กลับ โรงเรีย นห้า มแวะจั_โก้

Free Powerpoint Templates

Page 33


• 44. ถ้า เจอคนน่า สงสัย เข้า มาวอแวด้ว ย หากจวนตัว ให้ก ัด เค้า อย่า งเต็ม แรงเป็น วิธ ีส ุด ท้า ย • 45. ห้า มเอาขนมมากิน ที่โ รงเรีย น ยกเว้น อุไ มโบ (ชื่อ ขนมที่เ ป็น แท่ง ๆ ข้า วโพดกรอบรสต่า งๆ) ให้เ อามากิน ได้ แต่ต ้อ งกิน ตอนพัก • 46. ห้า มเอาการ์ต ูน หรือ ของที่ไ ม่เ กีย ่ วข้อ งกับ การเรีย นมาที่โ รงเรีย น ยกเว้น เอามาให้อ าจารย์ • 47. ห้า มขี่ม อเตอร์ไ ซค์ม าโรงเรีย น ทว่า มอเตอร์ไ ซค์ข องอาจารย์ใ หญ่ เป็น ข้อ ยกเว้น • 48. ห้า มเดิน ที่ร ะเบีย งโดยไม่ม ีธ ุร ะ • 49. ก่อ นจะเดิน ข้า มระเบีย งฟากนึง ไปอีก ฟาก ต้อ งมองซ้า ย มองขวา และมองซ้า ยอีก ทีว ่า ไม่ม ีค นเดิน มา • •

50. นัก เรีย นชายให้เ ดิน ระเบีย งสำา หรับ นัก เรีย นชายเท่า นั้น ส่ว นนัก เรีย นหญิง ก็ ต้อ งใช้ร ะเบีย งสำา หรับ นัก เรีย นหญิง เท่า นั้น 51. ใครเตะหมูจ ะถูก ไล่อ อก ...

Free Powerpoint Templates

Page 34


• • • • • • • • • •

52. หากจะไปไหนที่ต ้อ งออกจากบ้า นเกิน สามเสาไฟฟ้า ต้อ งใส่ช ุด ยูน ิฟ อร์ม ของโรงเรีย น 53. ใครที่แ ต่ง ตัว ผิด ระเบีย บจะโดนทำา โทษโดยการเขีย นไดอารี่แ ลกกับ รอง อาจารย์ใ หญ่เ ป็น เวลาครึ่ง ปี 54. ห้า มแซว ห้า มมองศีร ษะของคนที่ม ีผ มน้อ ยแล้ว หัว เราะ 55. คณะกรรมการนัก เรีย นจะต้อ งเช็ค กระโปรงนัก เรีย นหญิง ทุก คนทุก วัน ว่า ใครพับ กระโปรงขึ้น (ให้ม ัน สั้น ) หรือ เปล่า 56. นัก เรีย นชายต้อ งถอนขนจมูก มาให้เ รีย บร้อ ย และนัก เรีย นหญิง ต้อ ง เขีย นคิ้ว มาทุก ครั้ง 57. นัก เรีย นทุก คนต้อ งใส่ช ั้น ในมาโรงเรีย น 58. ห้า มใส่เ สื้อ อะโลฮ่า มาโรงเรีย น (!!) 59. ห้า มพัน ผ้า พัน คอโดยไม่ม ีเ สื้อ โค้ท 60. ไม่ใ ส่ส ้น สูง มาโรงเรีย น 61. ผู้ช ายต้อ งใส่ย ูน ิฟ อร์ม ผู้ช าย ผู้ห ญิง ต้อ งใส่ช ุด ยูน ิฟ อร์ม ผู้ห ญิง เท่า นั้น

Free Powerpoint Templates

Page 35


• • • • • • • • • • • •

62. ใครเอามือ ถือ มาโรงเรีย นจะถูก หัว หน้า อาจารย์ห ัก เป็น สองท่อ น และถ้า ใคร เอาการ์ต ูน มาจะถูก หัว หน้า อาจารย์ฉ ีก ทิ้ง 63. นัก เรีย นที่จ ะทาลิป มัน ต้อ งไปขอลายเซ็น อนุญ าตจากอาจารย์ห ้อ งพยาบาล ก่อ นทุก ครั้ง 64. ร่ม ที่เ อามาใช้ท ี่โ รงเรีย นต้อ งเป็น สีด ำา หรือ ร่ม พลาสติก ใสๆเท่า นั้น 65. ห้า มเอาไพ่ม าเล่น ที่โ รงเรีย น แต่เ อาคารุต ะมาได้ 66. อนุญ าตให้น ัก เรีย นหญิง ห้อ ยพวงกุญ แจที่เ ป็น ตุ๊ก ตาได้ค นละตัว เท่า นั้น 67. ห้า มเอาคัพ ราเม็ง มากิน แทนกล่อ งข้า ว 68. ห้า มเอาปืน มาโรงเรีย น 69. ห้า มไปทำา งานที่ค าบาคุร ะในช่ว งปิด เทอมหน้า ร้อ น 70. จะไปค้า งบ้า นเพื่อ น ต้อ งมีผ ู้ป กครองไปด้ว ยเท่า นั้น 71. ของที่ซ ื้อ ในงานเทศกาลต่า งๆ ต้อ งถือ กลับ ไปกิน ที่บ ้า น (ห้า มยืน กิน เดิน กิน ใน งาน มัน ดูไ ม่ง าม) 72. วัน หยุด ห้า มออกจากบ้า นไปเที่ย วช่ว งเช้า 73. ห้า มสบตากับ เด็ก โรงเรีย นอื่น

Free Powerpoint Templates

Page 36


• • • • • • • • • • • • •

74. วัน หยุด อนุญ าตให้ไ ปเล่น โบลิ่ง ได้ แต่ห ้า มเล่น เกิน 2 เกม และห้า มเล่น ทีม ผสมหญิง ชาย หรือ เล่น กับ ผู้ใ หญ่ 75. ห้า มพูด ภาษาท้อ งถิ่น 76. ต้อ งพกลูก ประคำา ตลอดเวลา (โรงเรีย นเกี่ย วกับ พุท ธศาสนา) 77. กล้ว ย, ไส้ก รอก หรือ กับ ข้า วทีใ ่ ส่ใ นโอเบงโต ต้อ งหั่น เป็น แว่น ๆเท่า นั้น 78. ห้า มเอาซูช ิใ ส่ก ล่อ งข้า วมากิน ที่โ รงเรีย น 79. ห้า มขีม ่ อเตอร์ไ ซค์เ ข้า มาถึง ในห้อ งเรีย น 80. ห้า มขับ ขีร่ ถแทรกเตอร์ =_=; 81. ห้า มนัก เรีย น Hitch Hike! 82. โรงเรีย นของเรามีบ างส่ว นทีเ่ คยได้ร ับ การสาปแช่ง ทำา ให้ต อ ้ งมีก ารห้า มเข้า บางพืน ้ ที่ เป็น ระยะสามเมตรโดยรอบ 83. ห้า มค้น หา 7 สิง่ มหัศ จรรย์ข องโรงเรีย น 84. ห้า มพกใบมีด , ของมีค มทีไ ่ ม่เ หมาะสมกับ เด็ก นัก เรีย นมัธ ยมมาทีโ่ รงเรีย น 85. ห้า มใส่ค อนแทคเลนซ์ม าโรงเรีย น 86. นัก เรีย นต้อ งผูก เนคไทของทางโรงเรีย นทุก ครั้ง หากใครลืม เอาเนคไทมา ให้ต ด ั กระดาษ สีเ ดีย วกับ เนคไทแล้ว ทำา เป็น รูป เนคไทติด ที่เ สือ ้ แทน

Free Powerpoint Templates

Page 37


• 87. ใครที่ผ มหยิก โดยธรรมชาติม าตั้ง แต่เ ด็ก จะต้อ งเอารูป ถ่า ยที่พ ิส จ ู น์ไ ด้ว ่า ผมหยิก ตาม ธรรมชาติจ ริง ๆมาแสดง • 88. หากขึ้น ลิฟ ท์แ ล้ว มีผ ู้ช ายเข้า มา ให้ล งชัน ้ ถัด ไปทัน ที • 89. หากจำา เป็น ต้อ งไปทำา ธุร ะที่ห ้อ งผูช ้ ายโสด ให้เ ปิด ประตูท ิ้ง ไว้ • 90. ห้า มตัง้ ครรภ์

Free Powerpoint Templates

Page 38


การปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคมตามแนวทางสถานภาพ (States) สถานภาพ (Status) หมายถึง ตำาแหน่ งหรือฐานะทีไ่ ด้ จากการเป็ นสมาชิกของ สั งคม ซึ่งสมาชิกในสั งคม แต่ ละคนอาจจะมีหลายสถานภาพหรือ หลายตำาแหน่ งก็ได้ เช่ น เป็ นครู นักศึกษา แม่ ลูก ภรรยา ในเวลา เดียวกัน เป็ นต้ น 2. สถานภาพที่ได้ มาด้ วยความสามารถ (Achived Status) เช่ น แพทย์ ครู วิศวกร ตำารวจ เป็ นต้ น

Free Powerpoint Templates

Page 39


สถานภาพแบ่ งออกเป็ น 2 ประเภท ได้ แก่ 1. สถานภาพทีต่ ดิ ตัวมาแต่ กาำ เนิด (Ascribed Status) เช่ น เพศ เชื้อชาติ บุตร ธิดา มารดา เป็ นต้ น

Free Powerpoint Templates

Page 40


การปฏิสัมพันธ์ ทางสั งคมตามแนวบทบาท (Roles)

บทบาท (Role) หมายถึง หน้ าทีข่ องคนทีไ่ ด้ มาจาก สถานภาพ เช่ น -พ่อแม่ มหี น้ าทีใ่ นการอบรมเลีย้ งดูบุตรธิดา - ครู มหี น้ าทีใ่ นการสั่ งสอนให้ ความรู้แก่นักเรียน - ตำารวจมีหน้ าทีใ่ นการรักษากฎหมาย - แพทย์ มหี น้ าทีใ่ นการรักษาผู้เจ็บป่ วย เป็ นต้ น Free Powerpoint Templates

Page 41


Free Powerpoint Templates

Page 42


Free Powerpoint Templates

Page 43


การปฏิส ัม พัน ธ์ท างสัง คมตมแนวการ ควบคุม

กลุ่มคนทุกชนิดย่ อมพยายามทีจ่ ะแสดงพฤติกรรม ของตนเองให้ เป็ นไปตามการจัดระเบียบทาสั งคมหรือตาม บทบาทหรือสถานภาพเพือ่ จะรักษาเสถียรภาพของสั งคม รักษาระเบียบแบบแผนของกลุ่ม โดยพยายามพัฒนา เทคนิควิธีในการควบคุมทางสั งคม เพือ่ จะให้ ผ้ ูคนเป็ น สมาชิกของกลุ่มปฏิบัตติ ามการจัดระเบียบทางสั งคมหรือ บรรทัดฐานทางสั งคมหรือของกลุ่มและห้ ามมิให้ ปฏิบัติ นอกเหนือไปจากนั้น ทั้งนีเ้ พือ่ จะดำาเนินการไปสู่ เป้าหมาย ของกลุ่มสั งคม ฉะนั้นการปฏิสัมพันธ์ ระหว่ างมนุษย์ กบั การควบคุ มทางสั งคม Free Powerpoint Templates Page 44


การปฏิส ัม พัน ธ์ท างสัง คมตมแนวการ ควบคุม

1) เพือ่ ให้ สมาชิกทุกคนช่ วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีจะ ควบคุมกลุ่มชนเหล่ านั้นโดยทางอ้ อม 2) เพือ่ ให้ สมาชิกทุกคนช่ วยกันรักษามติมหาชน และควบคุม ปัจเจกชน 3) เพือ่ ให้ สมาชิกทุกคนช่ วยกันรักษาและเคารพนับถือเชื่อฟัง ครอบครัว ครอบครัวสามารถทีจ่ ะตักเตือนสมาชิกของตนเองมิให้ ฝ่าฝื น บรรทัดฐาน 4) เพือ่ ให้ สมาชิกทุกคนไดรับการศึกษาตามความสามารถของตน เมือ่ ปัจเจกชนได้ รับการศึกษาดีหรือสู ง การศึกษานั้นความคุมเขาโดย อัตโนมัติ 5) เพือ่ ให้ สมาชิกทุกคนช่ วยกันรักษาระเบียบวินัยและกฎหมาย บ้ านเมืองของเราไว้ อย่ างเคร่ งครัด ถ้ าสมาชิกฝ่ าฝื นกฎ กติกา กฎหมาย Free Powerpoint Templates สามารถลงโทษได้ Page 45


การปฏิส ัม พัน ธ์ท างสัง คมตมแนวการ ควบคุม

6) เพือ่ ให้ สมาชิกทุกคนรักษากฎระเบียบของชุมชน ชุมชนสามารถทีจ่ ะตั้งกฎระเบียบขึน้ มาได้ เพือ่ ควบคุมสมาชิก ของตน 7) เพือ่ ให้ สมาชิกทุกคนรักษากฎ กติกาและความเชื่อถือ ในศาสนา ศาสนาสอนให้ มนุษย์ ทาำ แต่ ความดีเท่ านั้น ถ้ าใครฝ่ าฝื น คือคนบาปและถูกกฎหมายลงโทษด้ วย 8) เพือ่ สมาชิกทุกคนเคารพยำาเกรงและเชื้อฟังภาวะผู้นำา ถ้ าสมาชิกผู้ใดล่วงละเมิดกฎระเบียบและไม่ เชื้อฟังผู้นำาแล้ ว ผู้นำา สามารถลงโทษได้ Free Powerpoint Templates

Page 46


การศึกษาความแตกต่ างทางวัฒนธรรมแนวทางหนึ่งทีส่ ะท้ อนมุมมองทาง วัฒนธรรมในหลายมิติ ของฮอฟสตีด (Hofstede and Hofstede, 2005)

มิติทางวัฒนธรรมได้ 4 ด้ าน คือ 1) ระยะห่ างเชิงอำานาจ (power distance: PD) 2) ความเป็ นปัจเจกนิยม/คติรวมหมู่ (individualism /collectivism: IDV) 3) การให้ ความสำ าคัญต่ อบุรุษและสตรี (masculinity/femininity: MAS) 4) การหลีกเลีย่ งความไม่ แน่ นอน (uncertainty avoidance: UAI) จากกลุ่มตัวอย่ างทีเ่ ป็ นพนักงานของบริษทั IBM จาก 66 Free Powerpoint Templates ประเทศทัว่ โลก จำานวนกว่า 116,000 คน Page 47


การศึกษาความแตกต่ างทางวัฒนธรรมแนวทางหนึ่งทีส่ ะท้ อนมุมมองทาง วัฒนธรรมในหลายมิติ ของฮอฟสตีด (Hofstede and Hofstede, 2005)

มิติที่ 1 “ระยะห่ างเชิงอำานาจ” หมายถึง การทีบ่ ุคคลพิจารณาความแตกต่ างของ สถานภาพทางสั งคมถึงความเท่ าเทียมกัน บางวัฒนธรรมมี การแบ่ งแยกสู ง ระหว่ างผู้ทมี่ สี ถานภาพทางสั งคมแตกต่ าง กัน Ex. เจ้ านายกับลูกน้ อง ในสั งคมทีม่ คี วามแตกต่ าง ทางอำานาจสู ง บุคคลจะรู้ สึกถึงความแตกต่ างระหว่ างบุคคล ค่ อนข้ างมาก Ex.ผู้บริหารจะรู้สึกว่ าตนเองมีอาำ นาจเหนือกว่ า พนักงานอย่ างมาก และสั งคมทีม่ คี วามแตกต่ างในด้ าน อำานาจต่ำ า ผู้บริหารหรือผู้ทอี่ ยู่ในสถานภาพทางสัPage งคมสู ง Free Powerpoint Templates 48


การศึกษาความแตกต่ างทางวัฒนธรรมแนวทางหนึ่งทีส่ ะท้ อนมุม มองทางวัฒนธรรมในหลายมิติ ของฮอฟสตีด (Hofstede and Hofstede, 2005)

มิติที่ 2 “ความเป็ นปัจเจกนิยม/คติรวมหมู่” อธิบายได้ ว่า สั งคมทีม่ คี วามเป็ นปัจเจกนิยม จะเป็ น สั งคมที่ความผูกพันระหว่างบุคคลในสั งคมเป็ นไปอย่ างไม่ แน่ นแฟ้ น ผู้คนต่ างให้ ความสำ าคัญกับตนเองหรือครอบครัวเป็ น ลำาดับแรก รวมทั้งมีความเป็ นตัวของตัวเองทางความคิดและ การกระทำา ส่ วนสั งคมแบบคติรวมหมู่ ผู้คนในสั งคมจะมีความ ผูกพันอย่ างเหนียวแน่ น ให้ ความสำ าคัญกับกลุ่มมากกว่ าตัว บุคคล มีความซื่อสั ตย์ และจงรักภักดีต่อกัน ให้ การดูแลคุ้มครอง ช่ วยเหลือซึ่งกันและกัน Free Powerpoint Templates

Page 49


Free Powerpoint Templates

Page 50


การศึกษาความแตกต่ างทางวัฒนธรรมแนวทางหนึ่งทีส่ ะท้ อนมุมมองทาง วัฒนธรรมในหลายมิติ ของฮอฟสตีด (Hofstede and Hofstede, 2005)

มิติที่ 3 “ความสำ าคัญของบุรุษ/สตรี” หมายถึง การทีส่ ั งคมให้ ความเสมอภาคทางเพศ สั งคมทีเ่ น้ นลักษณะความเป็ นบุรุษเพศสู งจะแบ่ งแยก บทบาททางเพศอย่ างชัดเจน บทบาทหน้ าทีบ่ างอย่ างได้ รับ การสงวนไว้สำาหรับบุรุษโดยเฉพาะ เช่ น หน้ าทีเ่ กีย่ วกับการ ตัดสิ นใจ ความกล้าหาญ การคิดวิเคราะห์ และวางแผน ระดับสู ง ส่ วนสั งคมทีม่ ีความเสมอภาคสู ง (feminine) หมายถึง สตรีและบุรุษจะมีความเกรงใจและ ประนีประนอมต่ อกัน มีสิทธิเท่ าเทียมกันในเรื่องต่ างๆ สตรี มีความเสมอภาคเท่ ากับบุรุษและสามารถทำาหน้ าทีผ่ ู้นำาได้ Free Powerpoint Templates

Page 51


Free Powerpoint Templates

Page 52


การศึกษาความแตกต่ างทางวัฒนธรรมแนวทางหนึ่งทีส่ ะท้ อนมุมมองทาง วัฒนธรรมในหลายมิติ ของฮอฟสตีด (Hofstede and Hofstede, 2005)

มิตทิ ี่ 4 “การหลีกเลีย่ งความไม่ แน่ นอน” เป็ นตัวชี้วดั ทางวัฒนธรรมด้ านหนึ่ง อัน เป็ นการบ่ งชี้ถงึ ความรู้ สึกนึกคิดของบุคคลว่ ารู้ สึก อย่ างไรกับสถานการณ์ ทเี่ กิดความไม่ แน่ นอน ซึ่งไม่ อาจคาดการณ์ ได้ ผู้คนในบางสั งคมอาจรู้ สึกว่ าเป็ น เรื่องปกติ หรือบางสั งคมอาจรู้ สึกว่ าความไม่ แน่ นอน ทีจ่ ะเกิดขึน้ เป็ นสิ่ งทีส่ ร้ างความยุ่งยากใจ ซึ่งทำาให้ เกิดพฤติกรรมการหลีกเลีย่ งความไม่ แน่ นอนดังกล่ าว โดยสะท้ อนออกมาในรู ปแบบการตัดสิ นใจ Free Powerpoint Templates

Page 53


Free Powerpoint Templates

Page 54


Free Powerpoint Templates

Page 55


ตารางแสดงการประเมินค่ านิยมทางมิติวฒ ั นธรรมของ Hofstede ในบางประเทศ ประเทศ

ระยะห่ างเชิงอำานาจ

หลีกเลีย่ งความไม่ ปัจเจกนิยม แน่ นอน

ออสเตรเลีย ต่ำ า ปานกลาง ออสเตรีย ต่ำ ามาก สู ง เบลเยียม สู ง สู งมาก แคนาดา ต่ำ า ปานกลาง จีน สู งมาก ต่ำ า โครเอเชีย สู ง สู งมาก สาธารณรัฐ ปานกลาง สู ง เช็ก เดนมาร์ ก ต่ำ ามาก ต่ำ า ฟิ นแลนด์ ต่ำ า Templates ปานกลาง Free Powerpoint

สู งมาก ปานกลาง สู ง สู งมาก ปานกลาง ต่ำ า

ความสำ าคัญต่ อบุรุษ

สู ง สู ง ต่ำ า ปานกลาง สู ง ปานกลาง

แผนอนาคตระยะ ยาว

ต่ำ า ต่ำ า

ต่ำ า สู งมากทีส่ ุ ด ต่ำ ามาก

ปานกลาง ปานกลาง สู ง สู ง

ต่ำ ามาก ต่ำ า

ปานกลาง ปานกลาง

Page 56


ตารางแสดงการประเมินค่ านิยมทางมิติวฒ ั นธรรมของ Hofstede ในบางประเทศ ประเทศ

ระยะห่ างเชิงอำานาจ

หลีกเลีย่ งความไม่ ปัจเจกนิยม แน่ นอน

ฝรั่งเศส สู ง สู งมาก เยอรมนี ต่ำ า สู ง กรีซ สู ง สู งทีส่ ุ ด ฮ่ องกง สู ง ต่ำ า ฮังการี ปานกลาง สู งมาก อินเดีย สู ง ปานกลาง อินโดนีเซีย สู ง ปานกลาง อิตาลี ปานกลาง สู ง ญี่ปุ่น ปานกลาง สู งมาก มาเลเซี ย Powerpoint สู งมากที ส่ ุ ด ต่ำ า Free Templates

สู ง สู ง ต่ำ า ต่ำ า สู งมาก ปานกลาง ต่ำ ามาก สู ง ปานกลาง ต่ำ า

ความสำ าคัญต่ อบุรุษ

ปานกลาง สู ง ปานกลาง ปานกลาง สู งมาก ปานกลาง ปานกลาง สู ง สู งมาก ปานกลาง

แผนอนาคตระยะ ยาว

ต่ำ า ต่ำ า

สู งมาก ปานกลาง สู ง ต่ำ า สู งมาก Page 57


ตารางแสดงการประเมินค่ านิยมทางมิติวฒ ั นธรรมของ Hofstede ในบางประเทศ ประเทศ

ระยะห่ างเชิงอำานาจ

นิวซีแลนด์ นอร์ เวย์ ฟิ ลิปปิ นส์ รัสเซีย สิ งคโปร์

ต่ำ า ต่ำ า สู งมาก สู งมาก สู ง

เกาหลีใต้ สเปน สวีเดน ไต้ หวัน

สู ง ปานกลาง ต่ำ า ปานกลาง

หลีกเลีย่ งความไม่ ปัจเจกนิยม แน่ นอน

ปานกลาง ปานกลาง ปานกลาง สู งมาก ต่ำ ามาก

สู งมาก สู งมาก ต่ำ า สู ง

Free Powerpoint Templates

สู ง สู ง ต่ำ า ต่ำ า ต่ำ า

ต่ำ า ปานกลาง สู ง ต่ำ ามาก

ความสำ าคัญต่ อบุรุษ

ปานกลาง ต่ำ ามาก สู ง ต่ำ า ปานกลาง

ต่ำ า ปานกลาง ต่ำ ามาก ปานกลาง

แผนอนาคตระยะ ยาว

ต่ำ า ปานกลาง ต่ำ ามาก ปานกลาง

สู ง ต่ำ ามาก ต่ำ า สู งมาก Page 58


ตารางแสดงการประเมินค่ านิยมทางมิติวฒ ั นธรรมของ Hofstede ในบางประเทศ ประเทศ

ระยะห่ างเชิงอำานาจ

ไทย สู ง ตุรกี สู ง สหราช ต่ำ า อาณาจักร สหรัฐอเมริกา ปานกลาง เวียดนาม สู ง

หลีกเลีย่ งความไม่ ปัจเจกนิยม แน่ นอน

ความสำ าคัญต่ อบุรุษ

สู ง สู งมาก

ต่ำ า ต่ำ า

ต่ำ า ปานกลาง ปานกลาง

ต่ำ า

สู งมาก

สู ง

ปานกลาง สู งมาก ต่ำ า ต่ำ า

แผนอนาคตระยะ ยาว

ต่ำ า

สู ง ต่ำ า ปานกลาง สู งมาก

ที่มา: Hofstede and Hofstede (2005)

Free Powerpoint Templates

Page 59


สรุป

การปฏิส ัม พัน ธ์ หมายถึง การกระทำาทางสั งคมซึ่งกันและกัน ผู้ที่ ปฏิสัมพันธ์ กนั ต่ างมีแต่ ละฝ่ ายเป็ นเป้ าหมายในใจ คือ เรา กระทำาการทางสั งคมต่ อผู้อนื่ และผู้อนื่ กระทำาการทางสั งคมต่ อ เรา ลักษณะของการปฏิสัมพันธ์ คือ ผู้กระทำา ผู้ถูกระทำา/ตีความ ผู้ถูกกระทำา/ตีความ

Free Powerpoint Templates

ผู้กระทำา Page 60


การแปลความหมายผิดอาจนำาไปสู่ การปฏิสัมพันธ์ ทเี่ ป็ น ปัญหาได้

ในบางกรณีอาจมีการแปลความหมายของ พฤติกรรมทีโ่ ต้ ตอบกันผิดไปจากเจตนาของผู้แสดง พฤติกรรม ซึ่งจะทำาให้ เกิดปัญหาในการโต้ ตอบกัน ได้ เพราะฉะนั้นการปฏิสัมพันธ์ อาจเกิดปัญหาขึน้ ถ้ าคู่ปฏิสัมพันธ์ ไม่ สามารถเข้ าใจความหมายที่ ต้ องการสื่ อต่ อกันได้ บางครั้งถ้ าเป็ นเรื่องทีไ่ ม่ สำาคัญ มากก็ไม่ เป็ นไร แต่ ถ้าเป็ นเรื่องทีเ่ กีย่ วข้ องกับชีวติ ทรัพย์ สินหรือความปลอดภัย อาจก่ อความเสี ยหาย Free Powerpoint Templates ร้ ายแรงได้ Page 61


คำา ถามท้า ยบท บทที่ 6

1.

กฎระเบียบมีความสำ าคัญอย่ างไรต่ อการ ปฏิสัมพันธ์ กนั ทางสั งคมบ้ าง อธิบาย พร้ อม ยกตัวอย่ างประกอบ ?

Free Powerpoint Templates

Page 62


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.