ส่วนที่ 4 4 3 ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาในพื้นที่ชายแดน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชี

Page 1

ความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาในพื้นที่ชายแดน อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย สิทธิชาติ สมตา และพรพินันท์ ยี่รงค์

บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาหาความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เนื่องด๎วยปัญหาความเหลื่อมล้​้าเป็นปัญหาที่มีความเรื้อรัง และเป็นบํอเกิดแหํงความเหลื่อมล้​้าทางสังคม และเศรษฐกิจในปัจจุบัน ฉะนั้นจึงตระหนักได๎วําควรต๎องมีการหาแนวทางในการแก๎ไขอยํางเรํงดํวน พบวําปัจจัยตัวผู๎เรียน ที่มีผลตํอผลการเรียน คือ เพศ การรํวมแขํงขันวิชาการหรือกีฬา และการเป็นตัวแทนของโรงเรียน ขณะที่ในด๎านของปัจจัย ครอบครัว ได๎แกํ วุฒิการศึกษา อาชีพ และการท้างานของผู๎ปกครอง ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์ผู๎อ้านวยการโรงเรียนพบวํา ความเพี ยงพอสิ่ง อ้านวยความสะดวกตํ อการเรียนการสอน และระบบความปลอดภัย ขึ้นอยูํกับ งบประมาณที่ แตํล ะ โรงเรียนได๎ หากโรงเรียนมีขนาดเล็กก็จะได๎ รับงบประมาณน๎อยตามจ้ านวนของนั กเรียน ซึ่ง ท้าให๎เกิดการขาดแคลน ทรัพยากรที่มีความส้าคัญ แตํกลับไมํได๎ท้าให๎ผลการเรียนน๎อยกวํา โดยที่สํวนใหญํครูมีจ้านวนเพียงพอตํอความต๎องการ หากแตํมีการขาดแคลนในบางเอกวิชา มีการอบรมการเรียนการสอน และการสํงผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ขณะเดียวกัน ระบบการประเมินครูก็แตกตํางกันไปในแตํละโรงเรียน ส้าหรับหลักสูตรการเรียนการสอน โรงเรียนต๎องยึดหลักสูตร แกนกลางเป็นหลัก และมีหลักสูตรที่เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อรองรับสายอาชีพอยําง หลักสูตรทวิศึก ษา สอดคล๎องกับบริบทของ พื้นที่ นอกจากนั้น ผู๎ปกครองได๎มีสํวนเข๎ามาในเรื่องของการชํวยดูแลสอดสํอง สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม และติดตาม ผลการเรียนอยํางตํอเนื่อง ในสํวนของความเหลื่อมล้​้าภายในโรงเรียน ด๎วยความที่พื้นที่อ้าเภอเชียงแสนเป็นพื้นที่ที่เชื่อมตํอ กับชายแดนของประเทศเพื่อนบ๎าน ท้าให๎มีชนกลุํมน๎อย และชาวลาวข๎ามมาท้างาน และพาลูกมาเข๎าโรงเรียน ซึ่งสํวนใหญํ ไมํมีสัญชาติ หรือไมํมีบัตรประชาชน และขาดความแข็งแรงทางด๎านภาษา เป็นอุปสรรคอยํางมากตํอการเรียน ส้าหรับ ความเหลื่อมล้​้าระหวํางโรงเรียน เกิดขึ้นจากความแตกตํางของบประมาณระหวํางโรงเรียนขนาดเล็ก และขนาดใหญํ ตลอดจนโรงเรียนรัฐบาล และโรงเรียนเอกชน ท้าให๎นักเรียนในแตํละโรงเรียนได๎รับโอกาสในการเข๎าถึงทรัพยากรไมํเทํา เทียมกัน บทน้า ประเทศไทยด้าเนินการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกในปี 2542 ถือวํามีความส้าคัญตํอการศึกษาไทยอยํางมาก ด๎วย ความพยายามและการจัดสรรทรัพยากรในการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ จึงได๎จัดท้าพระราชบัญญัติการศึกษาแหํงชาติขึ้นมา เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศไทยด๎วยงบประมาณที่คิดเป็นสองเทําภายใน 10 ปี ทั้งนี้ ถึงแม๎วําการ เพิ่ ม งบประมาณการศึกษาที่ เพิ่ ม ขึ้น จะชํ ว ยให๎ป ระชากรวั ย เรีย นสามารถเข๎า ถึง การศึกษามากขึ้น ในเชิ ง ปริม าณ แตํ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษากลับมีแนวโน๎มลดลง เชํน O-NET, PISA, และ TIMSS (อัมมาร ดิลกะ และสมเกียรติ, 2554)


อยํ า งไรก็ต าม ในปี 2552 หลั ง การปฏิรูป การศึกษา 10 ปี ผํา นมา ส้ า นั กงานรับรองมาตรฐานและประเมิ นคุณ ภาพ การศึกษา (NESQA) ได๎ด้าเนินตรวจสอบคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนทั่วประเทศไทย พบวําโรงเรียนจ้านวน 3,243 จาก 15,515 โรงเรียน ไมํผํานข๎อก้าหนดการประเมินคุณภาพขั้นต่้า นอกจากนี้ยังพบวําสํวนใหญํโรงเรียนที่มีคุณภาพต่้าอยูํใน พื้นที่ชนบท (Lounkaew, 2013) จะเห็นได๎วําการปฏิรูปการศึกษาของไทยในชํวงที่ผํานมานั้นไมํสามารถลงถึงห๎องเรียน และนักเรียนเทําที่ควร เนื่องจากสํวนใหญํจะเริ่มด๎วยการปฏิรูปโครงสร๎างกระทรวงมากกวําการเริ่มที่ห๎องเรียน (สมเกียรติ, 2560) ท้าให๎การปฏิรูปการศึกษาไมํประสบความส้าเร็จสํงผลให๎เกิดความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษา ปัญหาความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยังไมํสามารถแก๎ไขได๎ตลอดชํวงที่ผํานมา เนื่องจากสาเหตุ ของปัญหาความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษานั้นมีมากมายจนมองไมํเห็นหนทางและจับต๎องไมํถูกวําควรริเริ่มแก๎ไขหรือปฏิรูป กันอยํางไร ทํามกลางชํวงเวลาที่ผํานมาหลังการปฏิรูปการศึกษาครั้งแรกจนถึงปัจจุบันใกล๎ครบสองทศวรรษ ประเทศไทย ยังไมํสามารถท้าให๎คุณภาพการศึกษาของประเทศดีขึ้นและเทําเทียมกันได๎อยํางเป็นรูปธรรม เนื่องจากคุณภาพทางการ ศึกษามีสํวนส้าคัญตํอการสร๎างเสริมทุนมนุษย์ (Capital Human) ไมํวําจะเป็นเรื่องทักษะ ความรู๎ ความสามารถ ซึ่งมีผล ตํออัตราการตอบแทนแตํละบุคคลและเป็นองค์ประกอบส้าคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศ ทั้งนี้ ความไมํ เทําเทีย มกันในการศึกษาคือความไมํเทํา เทียมกัน ในการผลิตของทุ นมนุษย์ ซึ่งไมํเพียงแตํม าตรการกระจาย การศึกษาไมํเทํากันที่เกิดขึ้นจริงในสังคม แตํยังรวมไปถึงประสิทธิภาพของนโยบายการศึกษา (Jirada and Yoshi, 2013) คุณภาพทางการศึกษานอกจากหลั กสูต รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้น ฐานที่มีความส้า คัญตํ อนักเรีย นแล๎ วนั้ น คุณภาพของครูก็มีความส้าคัญด๎วยเชํนกันในการถํายทอดความรู๎ การพัฒนาตนเองของครู และการพัฒนานักเรียนได๎มาก น๎อยเพียงใด สิ่งที่ควรท้าความเข๎าใจคือ จ้านวนครูในแตํละโรงเรียนมีจ้านวนไมํเทํากันขึ้นอยูํกับจ้านวนนักเรียนของ โรงเรียนนั้นๆ หากโรงเรียนมีนักเรียนจ้านวนมากก็จะท้าให๎มีครูมากขึ้นตามจ้านวนนักเรียนจะท้าให๎โรงเรียนดังกลําวมีครู เพียงพอตํอการสอนของแตํละระดับชั้นมัธยมศึกษา ซึ่งจะพบเห็นในโรงเรียนในเขตเมืองเป็นหลัก ตรงกันข๎ามกับโรงเรียน พื้นที่ชนบทที่มีจ้านวนักเรียนน๎อยท้าให๎จ้านวนครูลดลง ท้าให๎ครูในแตํละกลุํมสาระการเรียนรู๎มีไมํเพียงพอตํอการสอนจาก จ้ า นวนครู ที่ ล ดลงท้ า ให๎ค รู ต๎ อ งรั บ ภาระการสอนเพิ่ ม ขึ้ น เชํ น โดยปกติ ต๎ อ งรั บ ผิ ด ชอบสอนวิ ช าค ณิ ต ศาสตร์ ร ะดั บ มัธยมศึกษาตอนต๎นเพียงอยํางเดียว แตํด๎วยจ้านวนครูที่ต๎องลดลงตามจ้านวนนักเรียนจึงจ้าเป็นที่ต๎องสอนวิชาคณิตศาสตร์ ทั้งในระดับมัธยมศึกษาตอนต๎นและตอนปลาย ด๎วยภาระที่เพิ่มขึ้นท้าให๎ประสิทธิภาพในการท้างานของครูลดลงตามไปด๎วย สํงผลตํอคุณ ภาพทางการศึกษาของนัก เรียนและเหตุ การณ์ เหลํา นี้เกิด ขึ้นกับ โรงเรียนในพื้นที่ ชนบท จึงน้ าไปสูํ ความ แตกตํางกันทางผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและปัญหาความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาระหวํางโรงเรียนในเขตเมืองและโรงเรียน พื้นที่ชนบท ทั้งนี้จากการพิจารณาผลคะแนน O-NET ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 กับสัดสํวนครูตํอนักเรียนประจ้าปี 2558 แตํละ โรงเรียนของจังหวัดเชียงราย พบวํามีความสัมพันธ์เชิงบวกระหวํางคะแนน O-NET กับสัดสํวนครูตํอนักเรียน หากจ้านวน สัดสํวนครูตํอนักเรียนเพิ่มสูงขึ้นจะสํงผลให๎คะแนน O-NET เพิ่มขึ้นตาม รวมทั้งมีความสัมพันธ์เชิงบวกอยํางมากกับ โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม และโรงเรียนด้ารงราษฎร์สงเคราะห์ เมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่นๆ ในจังหวัดเชียงราย ยกเว๎น โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนเอง ท้าให๎ผล คะแนน O-NET สูง ถึงแม๎สัดสํวนครูตํอนักเรียนจะคํอนข๎างน๎อยเมื่อเทียบกับโรงเรียนอื่นๆ (ดังรูปที่ 1)


รูปที่ 1 สัดสํวนคะแนน O-NET ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 กับสัดสํวนครูตํอนักเรียนประจ้าปี 2558 60 50

จุฬาภรณ์

สามัคคี ด้ารงราษฎร์

คะแนน O-NET

40

30 20 10 0 0

5

10

15

20

25

30

สัดสํวนครูตํอนักเรียน

ที่มา : ส้านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 นอกจากความแตกตํางในผลลัพธ์ของการศึกษา ซึ่งเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากปัจจัยตํางๆที่มากกวําแคํคุณภาพของ การเรียนการสอน แตํครอบคลุมไปถึงปัจจัยตํางๆที่มีความเกี่ยวข๎องทั้งหมด ตั้งแตํปัจจัยเฉพาะของนักเรียนแตํละคน ปัจจัยทางด๎านครอบครัว ไปจนถึงปัจจัยที่เกี่ยวข๎องกับสถานศึกษา (นณริฎ, 2559) ทั้งนี้การศึกษาของประเทศไทยในระยะ หลังเริ่มเล็งเห็นมูลเหตุของความเหลื่อมล้​้าที่เพิ่มขึ้นอยํางมากในการเข๎าถึงอุดมศึกษา โดยเฉพาะในระดับปริญญาตรี วํา ไมํได๎เกิดขึ้นจากการขาดแคลนปัจจัยระยะสั้นเพียงอยํางเดียว แตํต๎นเหตุส้าคัญเกิดจากความเหลื่อมทางปัจจัยระยาวที่ รวมถึงภูมิหลังทางครอบครัว และคุณภาพการศึกษาที่ได๎รับตั้งแตํวัยเด็ก (ดิลกะ, 2555) จากการส้ารวจทางเศรษฐกิจและ สังคมของครัวเรือนของประเทศไทยเกี่ยวกับความไมํเทําเทียมกันของการกระจายการศึกษาของไทยในปี 2011 จ้านวนปี ในการเข๎าเรียนของระดับประเทศอยูํในระดับกลางๆ ประมาณ 7.63 ปี และคําสัมประสิทธิ์จีนีของประเทศไทยเป็น 0.349 โดยจังหวัดที่ตั้งอยูํใกล๎เขตกรุงเทพมหานครมีความเทําเทียมกันมากขึ้นในการศึกษายกเว๎นสมุทรสาคร ขณะที่จังหวัดใน ภาคเหนือของประเทศไทยมีความไมํเทําเทียมกันอยํางรุนแรงในการศึกษาโดยเฉพาะอยํางยิ่งจังหวัดชายแดน (Jirada and Yoshi, 2013) บทความความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาในที่นี้หมายถึงความแตกตํางในผลสัมฤทธิ์ของการศึกษา โดยพิจารณาถึง ปัจจัยพื้นฐานที่แตกตํางกัน ไมํวําจะเป็นปัจจัยสํวนบุคคลของนักเรียนแตํละคน ปัจจัยทางด๎านครอบครัว และปัจจัย ทางด๎านโรงเรียน ซึ่งปัจจัยเหลํานี้ตํางมีสํวนท้าให๎นักเรียนแตํละคนได๎รับความรู๎ ความเข๎าใจที่ไมํเทํากัน จึงสะท๎อนออกมา เป็นผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่แตกตํางตามไปด๎วย เพื่อศึกษาชํองวํางความเหลื่อมล้​้าของผลผลสัมฤทธิ์ดังกลําวและเพื่อ


ศึกษาถึงปัจจัยที่ท้าให๎ผลผลสัมฤทธิ์ของเด็กนักเรียนในวัยเดียวกันมีความแตกตํางกัน งานวิ จัยได๎เลือกใช๎ผลการเรียนเฉลี่ย (GPA) ในการศึกษาเรื่องความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาของพื้นที่อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยด๎านผู๎เรียน และครอบครัวที่มีผลตํอผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษา ในอ้าเภอเชียงแสน 2. เพื่อวิเคราะห์ความแตกตํางของปัจจัยด๎านสภาพแวดล๎อมของโรงเรียนที่มีตํอผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา 3. เพื่อให๎ข๎อเสนอแนะทางนโยบายตํอการลดชํองวํางของผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา กรอบแนวคิดในการวิจัย รูปที่ 2 กรอบแนวคิดในการวิจัยความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาในพืน้ ทีช่ ายแดน อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย การวิเคราะปัจจัยที่ที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ตัวแปรตาม คือ ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPA) ตัวแปรอิสระ ได๎แกํ 1. ปัจจัยตัวผู๎เรียน เชํน เพศ อายุ 2. ปัจจัยทางครอบครัว เชํน การศึกษาของพํอแมํ

การวิเคราะห์ถดถอยพหุ (Multiple Regression) กดหกด และ การแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ (Cross-tabulation)

การวิเคราะห์ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมของโรงเรียน จากการสัมภาษณ์ผู้อ้านวยการสถานศึกษา

การวิเคราะห์เนื้อหา กดหกด (Content Analysis)

แนวทางการลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้​้าทางการ ศึกษาภายใน และระหว่าง โรงเรียน

วิธีด้าเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตั้งแตํปีที่ 1 – 6 ในโรงเรียนมัธยมศึกษาของพื้นที่ชายแดน อ้าเภอเชียง แสน จังหวัดเชียงราย ปีการศึกษาที่ 2560 ได๎แกํ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคมทั้งหมด 880 คน และโรงเรียนบ๎านแซว วิทยาคม 292 คน 1.2 กลุํมตัวอยําง ได๎แกํ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 จากโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคมจ้านวน 161 คน และ โรงเรีย นบ๎ านแซววิ ทยาคมจ้านวน 137 คน รวมทั้งสิ้ น 298 คน โดยวิธี การสุํม กลุํม ตัว อยํา งแบบก้าหนด (Quota Sampling)


2. ตัวแปรที่ศึกษา 2.1 ตัวแปรต๎น แบํงออกเป็น 3 ปัจจัย ดังนี้ 2.1.1 ปัจจัยด๎านผู๎เรียน ได๎แกํ อายุ เพศ จ้านวนชั่วโมงที่ใช๎ในการทบทวนบทเรียน จ้านวนชั่วโมงที่ใช๎ใน การท้าการบ๎าน จ้านวนชั่วโมงที่ใช๎ในการค๎นคว๎าข๎อมูลในห๎องสมุด/อินเตอร์เน็ต ประสบการณ์เรียนซ้​้าชั้น ประสบการณ์ การเรียนชั้นอนุบาล ทัศนคติตํอโรงเรียน ทัศนคติตํอห๎องเรียน การมาโรงเรียนสาย และกิจกรรมหลังเลิกเรียน การแขํงขัน วิชาการ/กีฬา และการเป็นตัวแทนของโรงเรียน 2.1.2 ปัจจัยด๎านครอบครัว ได๎แกํ วุฒิการศึกษาของผู๎ปกครอง การท้างานของผู๎ปกครอง อาชีพของ ผู๎ปกครอง จ้านวนพี่น๎อง ล้าดับการเกิด การอยูํอาศัยกับครอบครัว ขนาดของครอบครัว สถานะของครอบครัว ระยะทาง จากที่อยูํอาศัยถึงโรงเรียน ลักษณะการเดินทางการโรงเรียน เบี้ยเลี้ยง ทรัพยากรภายในบ๎าน การรับค้าปรึกษา การได๎รับ รางวัล/ค้าชมเชยจากผู๎ปกครอง และการท้างานเสริม 2.2 ตัวแปรตาม คือ ผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (Grade Point Average: GPA) ปีการศึกษา 2560 3. ประเด็นการสัมภาษณ์เชิงลึก 3.1 สิ่งอ้านวยสะดวกทางด๎านกายภาพทีส่ ํงเสริมการเรียนการสอน เชํน ห๎องสมุด ห๎องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ ศูนย์การเรียนรู๎ ฯลฯ ระบบรักษาความปลอดภัย อาทิ สารวัตรนักเรียน กล๎องวงจรปิด รปภ. และงบประมาณในการ กํอสร๎าง 3.2 บุคลากรทางการศึกษา ได๎แกํ ความเพียงพอของครู หลักสูตรอบรมการเรียนการสอน การมีครูตรงตามสาขา ที่เชี่ยวชาญ การมีครูช้านาญการพิเศษ การจ๎างครูตํางชาติ การประเมินจากครูภายนอก 3.3 หลักสูตรและกระบวนการการเรียนการสอน ได๎แกํ กิจกรรมเสริมส้าหรับการพัฒนาผลการเรียน การมีอิสระ ในการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร ความรํวมมือกับหนํวยงานภายนอก การสํงเสริมความเป็นเลิศด๎านวิชาการ กิจกรรม แขํงขัน การมีสํวนรํวมของผู๎ปกครอง 3.4 ความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษา ภายในโรงเรียน และระหวํางโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล เครื่องมือที่ใช๎ในการวิจัยในครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) ซึ่งแบํงออกเป็น 2 สํวน ได๎แกํ ลักษณะ สํวนบุคคลของตัวนักเรียน จ้านวน 19 ข๎อ และข๎อมูลพื้นฐานทางครอบครัว จ้านวน 14 ข๎อ และการสัมภาษณ์เชิงลึก (Indepth Interview) เกี่ยวกับข๎อมูลของโรงเรียน การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู๎วิจัยขอหนังสือจากส้านักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยแมํฟ้าหลวงถึงผู๎บริหารโรงเรียนที่เป็นกลุํมตัวอยําง เพื่อ ขอความรํวมมือในการจัดเก็บข๎อมูลและแจกแบบสอบถามให๎ กลุํมตัวอยํางจ้านวน 298 ชุด พร๎อมทั้งขอความอนุเคราะห์ ในการสัมภาษณ์ผู๎บริการสถานศึกษาในแตํละแหํง


การวิเคราะห์ข้อมูล ผู๎วิจัยด้าเนินการวิเคราะห์ข๎อมูลโดยใช๎โปรแกรมส้าเร็จรูปทางสถิติ และการวิเคราะห์ข๎อมูลเชิงปริมาณ โดยเลือก ข๎อมูลที่สอดคล๎องกับจุดประสงค์ และสมมติฐานของงานวิจัย ดังนี้ 1. การวิ เคราะห์ ปั จ จั ย ด๎ า นผู๎ เรี ย น และด๎ า นครอบครั ว ที่ มี ผ ลตํ อผลสั ม ฤทธิ์ ท างการศึก ษาของนั กเรีย นชั้ น มัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ด๎วยสถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Analysis) 2. การวิ เคราะห์ ปั จ จั ย ด๎ า นผู๎ เรี ย น และด๎ า นครอบครั ว ที่ มี ผ ลตํ อผลสั ม ฤทธิ์ ท างการศึ ก ษาของนั กเรีย นชั้ น มัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ด๎วยการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) 3. การวิเคราะห์การแจกแจงตารางแบบไขว๎ (Cross-tabulation) ระหวํางผลการเรียนกับข๎อมูลลักษณะสํวนตัว ของนักเรียน และพื้นฐานทางครอบครัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 4. การวิเคราะห์ปัจจัยด๎านโรงเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ด๎วยการ วิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัย 1 .จากการวิเคราะห์ข๎อมูลจากแบบสอบถามในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาในพื้นที่ชายแดนอ้าเภอเชียงแสน พบวํากลุํมตัวอยํางสํวนใหญํมีเกรดเฉลี่ยรวมอยูํระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นร๎อยละ 36.5 รองมาได๎แกํ เกรด 3.00 – 3.49 และ 0.00 – 2.49 ร๎อยละ 25.9 และ 19.1 ตามล้าดับ โดยเป็นเพศหญิงร๎อยละ 59.3 มากกวําเพศชายที่มีสัดสํวนอยูํ ร๎อยละ 40.7 สํวนใหญํมีพฤติกรรมการทบทวนบทเรียนอยูํที่ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมงตํอสัปดาห์ ร๎อยละ 41.7 ท้า การบ๎านประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมงตํอวัน ร๎อยละ 30.2 และเข๎าห๎องสมุดประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมงตํอสัปดาห์ ร๎อย ละ 36.1 ทั้งนี้กลุํมตัวอยํางไมํได๎มีการเรียนพิเศษเสริม ร๎อยละ 89.6 ไมํมีประสบการณ์ในการซ้​้าชั้น ร๎อยละ 95.9 และเคย เรียนชั้นอนุบาลมากกวํา 1 ปี ร๎อยละ 93.0 รวมถึงสํวนใหญํร๎อยละ 72.4 ไมํเคยมาโรงเรียนสาย นอกจากนี้ นักเรียนสํวน ใหญํมีสํวนรํวมในการแขํงขันทางวิชาการ และเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแขํงขันภายนอก ทั้งนี้ ทัศนคติของนักเรียนที่มีตํอ โรงเรียนในแตํละด๎านเฉลี่ยรวมอยูํที่ประมาณ 3.55 หรืออยูํในระดับดี ขณะเดียวกันทัศนคติของเด็กที่มีตํอห๎องเรียนมี คะแนนไมํตํางกันมากเฉลี่ยรวมอยูํที่ประมาณ 3.68 หรืออยูํในระดับดีเชํนเดียวกัน ด๎านปัจจัยพื้นฐานทางครอบครัว พบวําผู๎ปกครองของกลุํมตัวอยํางที่ตอบแบบสอบถามสํวนใหญํมีวุฒิการศึกษา ในระดับต่้ากวํามัธยมศึกษา ร๎อยละ 53.9 ท้างานประเภทรับจ๎าง ร๎อยละ 63.2 และประกอบอาชีพเกษตร ร๎อยละ 50.9 มี พี่น๎องรวมตัวเองประมาณ 1 - 2 คน ซึ่งเป็นพี่คนโต และคนรองกวําร๎อยละ 90 ทั้งนี้ กลุํมตัวอยํางสํวนมากมีการอาศัยอยูํ กับทั้งพํอและแมํ ร๎อยละ 58.2 เป็นครอบครัวเดี่ยว ร๎อยละ 59.7 และมีสถานะทางครอบครัวที่สมบูรณ์หรืออยูํด๎วยกัน ร๎อยละ 65.4 ส้าหรับระยะทางจากบ๎านมาโรงเรียนของเด็กในกลุํมตัวอยํางสํวนใหญํอยูํระหวําง 5 - 10 กิโลเมตร ร๎อยละ 67.6 และมากกวํา 10 กิโลเมตร ร๎อยละ 32.4 มีเดินทางโดยรถรับจ๎าง/รถรับสํงเป็นหลัก รองลงมาคือ ผู๎ปกครองมาสํง และรถรับจ๎าง ซึ่งได๎รับเบี้ยเลี้ยงเฉลี่ยวันละ 20 - 80 บาท ในด๎านของทรัพยากรทางการศึกษาภายในบ๎าน เด็กสํวนใหญํมี อุปกรณ์ครบครันตั้งแตํห๎องสํวนตัว คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต โต๏ะเขียนหนังสือ สถานที่สงบ มือถือ ยกเว๎นเครื่องเกมที่ร๎อย


ละ 86.9 ไมํมีเป็นของตนเอง ผู๎ปกครองของกลุํมตัวอยํางสํวนมากจะมีการให๎รางวัลหรือให๎ค้าชมเชยแกํเด็กร๎อยละ 70.7 ขณะที่ร๎อยละ 95.0 ไมํมีการท้างานเสริม 2. ผลการศึกษาปัจจัยที่สํงผลตํอการผลสั มฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัด เชียงราย ในด๎านของตัวผู๎เรียน พบวํามี 3 ปัจจัย ที่มีผลตํอผลการเรียนเฉลี่ย (GPA) ของนักเรียน ได๎แกํ เพศหญิง (Pvalue = 0.000, B = 0.396) การเข๎ารํวมแขํงขันกีฬา/วิชาการ (P-value = 0.008, B = 0.215) และการเป็นตัวแทนของ โรงเรียน (P-value = 0.040, B = 0.144) ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 คําสถิติของตัวแปรอิสระด๎านตัวผู๎เรียนที่มผี ลตํอผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษานักเรียนมัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตัวแปรอิสระ b Std. Error Beta t P-value เพศหญิง*** 0.396 0.064 0.338 6.183 0.000 การเข๎ารํวมแขํงขันทางวิชาการ/กีฬา** 0.215 0.081 0.155 2.652 0.008 การเป็นตัวแทนของโรงเรียน* 0.144 0.069 0.121 2.066 0.040 คําคงที่ 2.426 0.078 31.025 0.000 หมายเหตุ : R = 0.174, R2 = 0.165, S.E.E = 0.527 * = นัยส้าคัญสถิติระดับ 0.05 ** = นัยส้าคัญสถิติระดับ 0.01 *** = นัยส้าคัญสถิติระดับ 0.001

3. ผลการศึกษาปัจจัยที่สํงผลตํอการผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัด เชียงราย ในด๎านของปัจจัยผู๎เรียน พบวํามี 9 ปัจจัย ที่มีผลตํอผลการเรียนเฉลี่ย (GPA) ของนักเรียน ได๎แกํ วุฒิการศึกษา ของผู๎ปกครองระดับปริญญาตรี (P-value = 0.016, B = -0.304) ผู๎ปกครองท้างานรับจ๎าง (P-value = 0.023, B = 0.162) ผู๎ปกครองมีอาชีพรับราชการ/ทหาร/ต้ารวจ (P-value = 0.011, B = 0.467) ผู๎ปกครองมีอาชีพนักธุรกิจ/เจ๎าของ กิจการ (P-value = 0.000, B = 0.815) การอยูํอาศัยกับพํอ/แมํคนใดคนหนึ่ง (P-value = 0.010, B = 0.299) การอยูํ อาศัยกับญาติ (P-value = 0.003, B = 0.305) การหยําร๎าง (P-value = 0.035, B = -0.236) การแยกกันอยูํ (P-value = 0.002, B = -0.457) และเบี้ยเลี้ยงประจ้าวัน (P-value = 0.042, B = -0.175) ดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 คําสถิติของตัวแปรอิสระด๎านครอบครัวที่มีผลตํอผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษานักเรียนมัธยมศึกษา อ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ตัวแปรอิสระ วุฒิการศึกษาของผู๎ปกครองระดับปริญญาตรี* ผู๎ปกครองท้างานรับจ๎าง** ผู๎ปกครองมีอาชีพรับราชการ/ทหาร/ต้ารวจ* ผู๎ปกครองมีอาชีพนักธุรกิจ/เจ๎าของกิจการ***

b Std. Error -0.304 0.126 0.162 0.071 0.467 0.182 0.815 0.212

Beta -0.148 0.137 0.157 0.220

t P-value -2.421 0.016 2.288 0.023 2.564 0.011 3.839 0.000


ตัวแปรอิสระ คําคงที่

b Std. Error Beta t P-value 3.431 0.338 10.140 0.000

หมายเหตุ : R = 0.089, R2 = 0.076, S.E.E = 0.555 * = นัยส้าคัญสถิติระดับ 0.05 ** = นัยส้าคัญสถิติระดับ 0.01 *** = นัยส้าคัญสถิติระดับ 0.001

4. การแจกแจงข้อมูลแบบไขว้ระหว่างผลการเรียนเฉลี่ยและปัจจัยตัวผู้เรียน ผลการวิเคราะห์ข๎อมูลเกี่ยวกับผลการเรียนเฉลี่ย (Grade Point Average : GPA) ตํอปัจจัยพื้นฐานสํวนบุคคล พบวํา ผลการเรียนเฉลี่ยของเพศหญิงดีกวําผู๎ชาย จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นเพศชาย ร๎อยละ 94.7 และเพศหญิงร๎อยละ 5.3 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.00 – 2.49 99 คิดเป็นเพศชายร๎อยละ 55.9 และเพศหญิงร๎อยละ 44.1 และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นเพศชายร๎อยละ 42.7 และเพศหญิงร๎อยละ 57.3 ขณะที่ผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็นเพศชายร๎อยละ 27.2 และเพศหญิงร๎อยละ 72.8 ดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและเพศ ชาย หญิง GPA 0.00 - 1.99 94.7% 5.3% GPA 2.00 - 2.49 55.9% 44.1% GPA 2.50 - 2.99 42.7% 57.3% GPA > 3.00 27.2% 72.8% รวม 40.9% 59.1% ผลการเรียนเฉลี่ยมีผลตํอปัจจัยทางด๎านเข๎ารํวมการแขํงขันทางวิชาการหรือกิจกรรมอื่นๆ พบวํา นักเรียนที่มีผล การเรียนเฉลี่ยดีเข๎ารํวมการแขํงขันทางวิชาการหรือกิจกรรมอื่นๆ จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป เคยเข๎ารํวมการแขํงขันร๎อยละ 84.8 และไมํเคยเข๎ารํวมแขํงขันร๎อยละ 15.2 รองลงมาคือ ผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นเคยเข๎ารํวมการแขํงขันร๎อยละ 75.7 และไมํเคยเข๎ารํวมแขํงขันร๎อยละ 24.3 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.00 – 2.49 คิดเป็นเคยเข๎ารํวมแขํงขันร๎อยละ 73.5 และไมํเคยเข๎ารํวมแขํงขันร๎อยละ 26.5 และผลการเรียนเฉลี่ย ระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นไมํเคยเข๎ารํวมแขํงขันร๎อยละ 52.6 และเคยเข๎ารํวมแขํงขันร๎อยละ 47.4 ดังตารางที่ 4 ตารางที่ 4 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและการเข๎ารํวมแขํงขัน ไม่เคย เคย GPA 0.00 - 1.99 47.4% 52.6% GPA 2.00 - 2.49 26.5% 73.5% GPA 2.50 - 2.99 24.3% 75.7% GPA > 3.00 15.2% 84.8%


รวม

ไม่เคย 22.1%

เคย 77.9%

ผลการเรียนเฉลี่ยมีผลตํอปัจจัยทางด๎านการเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการท้ากิจกรรมในโรงเรียน/นอกโรงเรียน พบวํา นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยดีเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการท้ากิจกรรมในโรงเรียน/นอกโรงเรียน จากกลุํม ตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็นตัวแทนของโรงเรียนร๎อยละ 66.4 และไมํตัวแทนของโรงเรียนร๎อย ละ 33.6 รองลงมาคือ ผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นตัวแทนของโรงเรียนร๎อยละ 62.1 และไมํตัวแทน ของโรงเรียนร๎อยละ 37.9 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.00 – 2.49 คิดเป็นตัวแทนของโรงเรียนร๎อยละ 67.6 และไมํ ตัวแทนของโรงเรียนร๎อยละ 32.4 และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นตัวแทนของโรงเรียนร๎อยละ 31.6 และไมํตัวแทนของโรงเรียนร๎อยละ 68.4 ดังตารางที่ 5 ตารางที่ 5 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและการเป็นตัวแทนโรงเรียน ไม่เคย เคย GPA 0.00 - 1.99 68.4% 31.6% GPA 2.00 - 2.49 32.4% 67.6% GPA 2.50 - 2.99 37.9% 62.1% GPA > 3.00 33.6% 66.4% รวม 37.4% 62.6% 5. การแจกแจงข้อมูลแบบไขว้ระหว่างผลการเรียนเฉลี่ยและปัจจัยครอบครัว ผลการวิเคราะห์ข๎อมูลเกี่ยวกับผลการเรียนเฉลี่ย (Grade Point Average : GPA) ตํอปัจจัยพื้นฐานทาง ครอบครัว พบวํา นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยดีผู๎ปกครองมีวุฒิการศึกษาต่้ากวํามัธยมศึกษา จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียน เฉลี่ยระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นผู๎ปกครองมีวุฒิการศึกษาต่้ากวํามัธยมศึกษาร๎อยละ 52.6 รองลงมาคือ พํ อหรือแมํจบ มัธยมศึกษาร๎อยละ 26.3 และพํอหรือแมํจบปริญญาตรีร๎อยละ 21.1 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.00 – 2.49 คิดเป็น ผู๎ปกครองมีวุฒิการศึกษาต่้ากวํามัธยมศึกษาและพํอหรือแมํจบมัธยมศึกษาร๎อยละ 47.1 ในอัตราเทํากัน รองลงมาคือ พํอ หรือแมํจบปริญญาตรีร๎อยละ 5.9 และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นผู๎ปกครองมีวุฒิการศึกษาต่้ากวํา มัธยมศึกษาร๎อยละ 53.4 รองลงมาคือ พํอหรือแมํจบมัธยมศึกษาร๎อยละ 37.9 และพํอหรือแมํจบปริญญาตรีร๎อยละ 8.7 ขณะที่ผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็นผู๎ปกครองมีวุฒิการศึกษาต่้ากวํามัธ ยมศึกษาร๎อยละ 53.6 รองลงมา คือ พํอหรือแมํจบมัธยมศึกษาร๎อยละ 36.0 พํอหรือแมํจบปริญญาตรีร๎อยละ 7.2 และพํอหรือแมํจบสูงกวําปริญญาตรีร๎อย ละ 3.2 ดังตารางที่ 6 ตารางที่ 6 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและวุฒิการศึกษาของผู๎ปกครอง


GPA 0.00 - 1.99 GPA 2.00 - 2.49 GPA 2.50 - 2.99 GPA > 3.00 รวม

ต่้ากว่ามัธยมศึกษา จบมัธยมศึกษา จบป.ตรี จบสูงกว่าป.ตรี 52.6% 26.3% 21.1% 0.0% 47.1% 47.1% 5.9% 0.0% 53.4% 37.9% 8.7% 0.0% 53.6% 36.0% 7.2% 3.2% 52.7% 37.4% 8.5% 1.4%

นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยดีผู๎ปกครองท้างานรับจ๎าง จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นพํอหรือแมํท้างานเต็มเวลาร๎อยละ 47.7 รองลงมาคือ พํอหรือแมํท้างานรับจ๎างร๎อยละ 42.1 และอื่นๆ เชํน รอ ฤดูกาล ร๎อยละ 10.5 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.00 – 2.49 คิดเป็นพํอหรือแมํท้างานรับจ๎างร๎อยละ 44.1 รองลงมาคือ พํอหรือแมํท้างานเต็มเวลาร๎อยละ 29.4 อื่นๆ เชํน เชํน รอฤดูกาล ร๎อยละ 17.6 และพํอหรือแมํท้างาน เป็นก๎ะ (Part-Time) ร๎อยละ 8.8 และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นพํอหรือแมํท้างานรับจ๎างร๎อยละ 66.0 รองลงมาคือ พํอหรือแมํท้างานเต็มเวลาร๎อยละ 17.5 พํอหรือแมํท้างานเป็นก๎ะ (Part-Time) ร๎อยละ 8.7 และอื่นๆ เชํน เชํน รอฤดูกาล ร๎อยละ 7.8 ขณะที่ผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็นพํอหรือแมํท้างานรับจ๎างร๎อยละ 67.2 รองลงมาคือ พํอหรือแมํท้างานเต็มเวลาร๎อยละ 20.0 อื่นๆ เชํน เชํน รอฤดูกาล ร๎อ ยละ 7.2 และพํอหรือแมํท้างาน เป็นกะ (Part-Time) ร๎อยละ 5.6 ดังตารางที่ 7 ตารางที่ 7 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและการท้างานของผู๎ปกครอง เต็มเวลา เป็นกะ รับจ้าง อื่นๆ GPA 0.00 - 1.99 47.4% 0.0% 42.1% 10.5% GPA 2.00 - 2.49 29.4% 8.8% 44.1% 17.6% GPA 2.50 - 2.99 17.5% 8.7% 66.0% 7.8% GPA > 3.00 20.0% 5.6% 67.2% 7.2% รวม 22.1% 6.8% 62.3% 8.9% นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยดีผู๎ปกครองมีอาชีพเกษตรกร จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นผู๎ปกครองมีอาชีพเกษตรร๎อยละ 52.6 รองลงมาคือ ผู๎ปกครองมีอาชีพค๎าขายร๎อยละ 31.6 ผู๎ปกครองมีอาชีพ แมํบ๎านร๎อยละ 10.5 และผู๎ปกครองมีอาชีพพนักงานบริษัท/พนักงานธนาคารร๎อยละ 5.3 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวํา ง 2.00 – 2.49 คิดเป็นผู๎ปกครองมีอาชีพเกษตรร๎อยละ 50.0 รองลงมาคือ ผู๎ปกครองมีอาชีพค๎าขายร๎อยละ 32.4 ผู๎ปกครอง มีอาชีพรับจ๎างร๎อยละ 11.8 และผู๎ปกครองมีอาชีพแมํบ๎านร๎อยละ 5.9 และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็น ผู๎ปกครองมีอาชีพเกษตรร๎อยละ 45.6 รองลงมาคือ ผู๎ปกครองมีอาชีพค๎าขายร๎อยละ 24.3 และผู๎ปกครองมีอาชีพรับจ๎าง


ร๎อยละ 13.6 ขณะที่ผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็นผู๎ปกครองมีอาชีพเกษตรร๎อยละ 52.4 รองลงมาคือ ผู๎ปกครองมีอาชีพรับจ๎างร๎อยละ 16.1 และผู๎ปกครองมีอาชีพค๎าขายร๎อยละ 13.7 ดังตารางที่ 8 ตารางที่ 8 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและอาชีพของผู๎ปกครอง ค้าขาย พนักงานบริษัท รับราชการ นักธุรกิจ แม่บ้าน เกษตรกร พนักงานรัฐ ว่างงาน GPA 0.00 - 1.99 31.6% 5.3% 0.0% 0.0% 10.5% 52.6% 0.0% 0.0% GPA 2.00 - 2.49 32.4% 0.0% 0.0% 0.0% 5.9% 50.0% 0.0% 0.0% GPA 2.50 - 2.99 24.3% 3.9% 4.9% 1.0% 2.9% 45.6% 1.9% 1.9% GPA > 3.00 13.7% 4.8% 4.8% 4.8% 2.4% 52.4% 0.0% .8% รวม 21.1% 3.9% 3.9% 2.5% 3.6% 49.6% .7% 1.1%

อื่นๆ 0.0% 11.8% 13.6% 16.1% 13.6%

นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยดีอาศัยอยูํกับพํอแมํทั้งคูํ จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นอาศัยอยูํกับพํอแมํทั้งคูํร๎อยละ 78.9 รองลงมาคือ อาศัยอยูํกับพํอหรือแมํคนใดคนหนึ่งและอาศัยอยูํกับญาติร๎อยละ 10.5 ในอัตราเทํากัน ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.00 – 2.49 คิดเป็นอาศัยอยูํกับพํอแมํทั้งคูํร๎อยละ 61.8 รองลงมา คือ อาศัยอยูํกับพํอหรือแมํคนใดคนหนึ่งร๎อยละ 26.5 และอาศัยอยูํกับญาติร๎อยละ 11.8 และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นอาศัยอยูํกับพํอแมํทั้งคูํร๎อยละ 47.6 รองลงมาคือ อาศั ยอยูํกับญาติร๎อยละ 27.2 และอาศัยอยูํกับพํอ หรือแมํคนใดคนหนึ่งร๎อยละ 25.2 ขณะที่ผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็นอาศัยอยูํกับพํอแมํทั้งคูํร๎อยละ 63.2 รองลงมาคือ อาศัยอยูํกับญาติร๎อยละ 23.2 และอาศัยอยูํกับพํอหรือแมํคนใดคนหนึ่งร๎อยละ 13.6 ดังตารางที่ 9 ตารางที่ 9 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและการอยูํอาศัยกับครอบครัว พ่อแม่ พ่อ/แม่ ญาติ GPA 0.00 - 1.99 78.9% 10.5% 10.5% GPA 2.00 - 2.49 61.8% 26.5% 11.8% GPA 2.50 - 2.99 46.6% 25.2% 27.2% GPA > 3.00 63.2% 13.6% 23.2% รวม 58.0% 19.2% 22.4% นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยดีสถานะครอบครัวสมบูรณ์หรือพํอแมํอยูํด๎วยกัน จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ย ระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นสถานะครอบครัวอยูํด๎วยกันร๎อยละ 78.9 รองลงมาคือ สถานะครอบครัวหยําร๎างร๎อยละ 15.8 และสถานะครอบครัวพํอหรือแมํเสียชีวิตร๎อยละ 5.3 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.00 – 2.49 คิดเป็นสถานะ ครอบครัวอยูํด๎วยกันร๎อยละ 64.7 รองลงมาคือ สถานะครอบครัวแยกกันอยูํร๎อยละ 17.6 สถานะครอบครัวหยําร๎างร๎อย ละ 14.7 และสถานะครอบครัวพํอหรือแมํเสียชีวิตร๎อยละ 5.3 และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นสถานะ ครอบครัวอยูํด๎วยกันร๎อยละ 53.4 รองลงมาคือ สถานะครอบครัวหยําร๎างร๎อยละ 26.2 สถานะครอบครัวแยกกันอยูํร๎อยละ 12.6 และสถานะครอบครัวพํอหรือแมํเสียชีวิตร๎อยละ 7.8 ขณะที่ผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็น สถานะ


ครอบครัวอยูํด๎วยกันร๎อยละ 73.6 รองลงมาคือ สถานะครอบครัวหยําร๎างร๎อยละ 16.8 สถานะครอบครัวพํอหรือแมํ เสียชีวิตร๎อยละ 7.2 และสถานะครอบครัวแยกกันอยูํร๎อยละ 2.4 ดังตารางที่ 10 ตารางที่ 10 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและการอยูํอาศัยกับครอบครัว อยู่ด้วยกัน หย่าร้าง แยกกันอยู่ เสียชีวิต GPA 0.00 - 1.99 78.9% 15.8% 0.0% 5.3% GPA 2.00 - 2.49 64.7% 14.7% 17.6% 2.9% GPA 2.50 - 2.99 52.4% 26.2% 12.6% 7.8% GPA > 3.00 73.6% 16.8% 2.4% 7.2% รวม 65.1% 19.9% 7.8% 6.8% นักเรียนที่มีผลการเรียนเฉลี่ยดีได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 50 – 79 บาท จากกลุํมตัวอยํางผลการเรียนเฉลี่ย ระหวําง 0.00 – 1.99 คิดเป็นได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 50 – 79 บาท ร๎อยละ 84.2 รองลงมาคือ ได๎รับเงินมาโรงเรียน จ้านวน 20 – 49 บาท ร๎อยละ 10.5 และได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 80 – 109 บาท ร๎อยละ 5.3 ตํอมาผลการเรียนเฉลี่ย ระหวําง 2.00 – 2.49 คิดเป็นได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 20 – 49 บาท ร๎อยละ 50.0 รองลงมาคือ ได๎รับเงินมาโรงเรียน จ้านวน 50 – 79 บาท ร๎อยละ 44.1 และได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 80 – 109 บาท และมากกวํา 110 บาท ร๎อยละ 2.9 ในอัตราเทํากัน และผลการเรียนเฉลี่ยระหวําง 2.50 – 2.99 คิดเป็นได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 50 – 79 บาท ร๎อยละ 59.8 รองลงมาคือ ได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 20 – 49 บาท ร๎อยละ 34.3 และได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 80 – 109 บาท ร๎อยละ 5.9 ขณะที่ผลการเรียนเฉลี่ยมากกวํา 3.00 ขึ้นไป คิดเป็นได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 20 – 49 บาท ร๎อยละ 48.4 รองลงมาคือ ได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 50 – 79 บาท ร๎อยละ 44.4 ได๎รับเงินมาโรงเรียนจ้านวน 80 – 109 บาท ร๎อยละ 5.6 และได๎รับเงินมาโรงเรียนมากกวํา 110 บาท ร๎อยละ 1.6 ดังตารางที่ 11 ตารางที่ 11 ผลการแจกแจงข๎อมูลแบบไขว๎ระหวํางผลการเรียนเฉลี่ยและเบี้ยเลี้ยงประจ้าวัน 20 – 49 บาท 50 – 79 บาท 80 – 109 บาท มากกว่า 110 บาท GPA 0.00 - 1.99 10.5% 84.2% 5.3% 0.0% GPA 2.00 - 2.49 50.0% 44.1% 2.9% 2.9% GPA 2.50 - 2.99 34.3% 59.8% 5.9% 0.0% GPA > 3.00 48.4% 44.4% 5.6% 1.6% รวม 40.9% 52.7% 5.4% 1.1%


6. ผลการวิเคราะห์ความแตกตํางของโรงเรียนมัธยมศึกษาที่เก็บข๎อมูลกลุํมตัวอยําง 2 แหํง ในอ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได๎แกํ โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม และโรงเรียนบ๎านแซววิทยาคม ประกอบด๎วยประเด็นเกี่ยวกับ สิ่ง อ้านวยทางกายภาพ บุคลากรทางการศึกษา หลักสูตรการเรียนการสอน และความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษา ดังตารางที่ 12 ตารางที่ 12 สรุปความแตกตํางของโรงเรียนมัธยมศึกษาในอ้าเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ประเด็นการสัมภาษณ์ เชียงแสนวิทยาคม บ้านแซววิทยาคม 1. สิ่งอ้านวยความสะดวกด้านกายภาพ 1.1 สิ่งอ้านวยสะดวกทางด๎าน + ทางโรงเรียนมีห๎องสมุด ซึ่งพึง่ ถูกสร๎างใหมํ - ขาดแคลนหนังสือในห๎องสมุด กายภาพที่สงํ เสริมการเรียน ได๎รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางกอง ปัจจุบนั มีจ้านวนแคํ 2,000 เลํม การสอน (เชํน ห๎องสมุด สลาก และผู๎ปกครอง ต๎องการเพิ่มอีก 1,000 เลํม ตาม ห๎องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ - นอกจากนี้ ยังมีศูนย์วิทยาศาสตร์ แตํมีความ เกณฑ์มัธยมศึกษา ศูนย์การเรียนรู๎ ฯลฯ) เกําแกํ และเริ่มพุพัง ซึ่งก้าลังท้าเรื่องรื้อถอน - ขาดแคลนอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ ปัจจุบนั สิ่งอ้านวยความสะดวกยังไมํเพียง ต๎องมี + คอมพิวเตอร์มีเพียงพอ ใน การตํอเติมเพิ่ม อัตราสํวน 1 : 6 + มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟเกือบทั่วพื้นที่ของ + มีห๎องค๎นคว๎าข๎อมูลเพิ่มเติม โรงเรียน ยกเว๎นพื้นที่เกษตกรรม 1.2 สิ่งอ้านวยความสะดวก + มีแผนที่จะขยายห๎องสมุดที่ได๎รับการสร๎างใหมํ + มี WIFI ใช๎งานในทุกตึก มีการติดตั้ง ทางด๎านกายภาพที่เป็น ให๎กลายเป็น ‘ห๎องสมุดมัลติมีเดีย’ อินเตอร์เน็ต 3 ระบบ ได๎แกํ MONET จุดเดํนของโรงเรียน และมี ใช๎ กั บ เค รื่ อง ค อม พิ ว เต อร์ เป็ น ความแตกตํางโรงเรียนอืน่ สั ญ ญาณใยแก๎ ว ที่ สํ ง ตรงมาจาก มหาวิทยาลัยแมํฟ้าหลวง TT&T และ ToT ทั้งสามระบบจะใช๎แยกกันคนละ สํวน ถ๎าสัญญาณไหนขัดข๎องหรือขาด หาย สามารถใช๎ ท ดแทนกัน ได๎ สํ ว น WIFI มี ก ารป้ อ งกั น โดยรหั ส ของ นักเรียน 1.3 ระบบรักษาความ + มีรปภ.คอยดูแลบริเวณหน๎าประตู และครูเวร - ไมํมีกล๎องวงจรปิด ปลอดภัย (อาทิ สารวัตร ในการตรวจสอบนักเรียนในชํวงเช๎า ซึ่งปกติจะมี + มี ผู๎ รั ก ษาความปลอดภั ย ที่ เ ข๎ า มา นักเรียน กล๎องวงจรปิด รปภ.) ทั้งหมด 3 ประตู ในชํวงเย็นนักเรียนจะไปขึ้นรถ ชํวยดูแลสอดสํอง รวมทั้งภารโรง และ กลับบ๎านทีป่ ระตู๎ 2 รปภ. ก็จะเข๎าไปดูแลไมํให๎ ครูเวร เกิดอุบัติเหตุ + มี ค ณะควบคุ ม ความประพฤติ ที่ + มีการติดตั้งกล๎องวงจรปิดทัง้ หมด 30 ตัว แตํ รํวมกับทางจังหวัด ลักษณะคล๎ายกับ


ประเด็นการสัมภาษณ์

1.4 งบประมาณในการสร๎าง สิ่งอ้านวยความสะดวกเพื่อ การเรียนการสอน

เชียงแสนวิทยาคม ยังไมํครอบคลุมทั่วทุกจุด โดยเฉพาะบนอาคาร ชั้นเรียน ก้าลังขออนุมัติงบประมาณเพื่อติดตั้ง อีก 12 จุด + ได๎รับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ เป็น ส้าคัญ แตํกลุํมที่มบี ทบาทในการให๎ความ ชํวยเหลือด๎านงบประมาณเพิ่มเติม คือ ชุมชน กลุํมศิษย์เกํา และชมรมผูป๎ กครอง

บ้านแซววิทยาคม สารวัตรนักเรียนในสมัยกํอน

+ ส้ า นั ก งานกองสลากกั บ ทํ า เรื อ มี งบประมาณรายปี + ทํ า เรื อ ให๎ ง บประมาณสร๎ า งวง ดุริยางค์ + กองสลากสร๎างอาคารเรียนพัฒนาสูํ อาเซียน และห๎องสมุด + การจัดสรรงบประมาณประจ้าปี จะ แบํ ง สั ด สํ ว นร๎ อ ยละ 25 ส้ า หรั บ สาธารณูปโภคพื้นฐาน แบํงออกเป็น 2 สํวน ได๎แกํ งบบ้ารุงคุณภาพที่เป็น งานประจ้าทั่วไป และ เงินฉุกเฉิน อีก ร๎อยละ 75 แบํงออกเป็ นเงินกันร๎อย ละ 5 งานประจ้าร๎อยละ 30 และงาน ยกระดั บ อี ก ร๎ อ ยละ 40 เชํ น การ พั ฒ นาผู๎ เ รี ย นสูํ ค วามเป็ น เลิ ศ ทวิ ศึกษา การด้ารงคุณภาพ - งบประมาณไมํ เพี ย งพอ เนื่ องจาก จ้านวนนักเรียนน๎อย ท้าให๎คูณจ้านวน เงินรายหัวได๎งบประมาณไมํมาก เมื่อ เที ย บกั บ โรงเรี ย นประจ้ า อ้ า เภอ สามารถเรี ย กเก็ บ 3,500 - 4,000 บาทตํ อ เทอม แตํ ส้ า หรั บ โรงเรี ย น ทั่วไปไมํสามารถท้าได๎ เพราะจะท้าให๎ นักเรี ย นย๎ า ยไปที่ อื่น ดั ง นั้ น ส้ า หรับ โรงเรียนประจ้าต้าบล ต๎องอาศัยชํวง โอกาสที่ คะแนน O-NET สู ง และไป แขํงตํางประเทศ ก็จะสามารถแขํงขัน กับโรงเรียนอื่นๆได๎


ประเด็นการสัมภาษณ์ 2. บุคลากรทางการศึกษา 2.1 ความเพียงพอของ บุคลากรทางการศึกษา

เชียงแสนวิทยาคม

บ้านแซววิทยาคม

+ มีครูเพียงพอในแตํละชั้นเรียน ซึ่งจ้านวน นักเรียนมีทั้งหมด 881 คน สํวนครูและบุคลากร มีทั้งหมด 70 คน ดังนั้น จ้านวนครูจึงเกินเกณฑ์ มา 2 คน ซึ่งเกินในบางเอกวิชา เชํน คอมพิวเตอร์ และขาดในบางเอก เชํน ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน สังคมศึกษา

+ จ้ า นวนนั ก เรีย นทั้ ง หมด 292 คน ครูข๎าราชการ 25 คน บุคลากรอัตรา จ๎าง 28 คน จ้านวนครูตํอนักเรียนเกิน จากเกณฑ์ ข องสพฐ. ที่ ก้ า หนดให๎ มี นั ก เรี ย น 20 คน ตํ อ ครู 1 คน ซึ่ ง เกณฑ์ จ ะแตกตํ า งกั น ไป ในระดั บ มั ธ ยมศึก ษาจะใช๎ ค รูส องคนตํ อ หนึ่ ง ห๎อ ง โดยของโรงเรีย นมี ทั้ ง หมด 10 ห๎อง ฉะนั้ น จ้ า นวนครูจึ ง เกิน เกณฑ์ แตํ สิ่ ง ที่ ข าดคื อ ครู ใ นรายวิ ช าตํ า งๆ เชํน ชีววิทยา จ้านวนครูที่เกินมาเป็น ครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป + มีเครือขํายการอบรม 3 แหํง ได๎แกํ ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ มํ ฟ้ า ห ล ว ง ประสานงานโดยศูนย์วิชาการ และ ม. ราชภัฏเชี ย งราย พวก STEM ที่ เป็ น วิทยาศาสตร์ โดยทางราชภัฏได๎ใช๎ ที่ โรงเรียนนี้เป็นฐานในการฉีดสเต็ม + มี ก ารอบรมของสํ ว นกลางตาม นโยบายของภาครัฐ โดยครูต๎องอบรม ไมํ น๎ อ ยกวํ า 40 ชั่ ว โมงตํ อ ปี เพื่ อ พัฒนาตนเอง

2.2 หลักสูตรอบรมการเรียน การสอน หรือการพัฒนา ตนเองให๎กับครู

+ ครูมีการเข๎าไปอบรมตามสถานศึกษาตํางๆ เชํน มหาวิทยาลัยแมํฟา้ หลวง พร๎อมทั้งยังได๎เข๎า ประกวดการเรียนการสอน ได๎รางวัลชนะเลิศ และตํอยอดไปศึกษาตํางประเทศ + เมื่อหนังสือเชิญเข๎าอบรมมา ครูที่ได๎รับการ อนุญาตให๎ไปอบรม ต๎องมีการจัดให๎ครูคนอื่นเข๎า มารับผิดชอบคาบเรียนแทน อยํางไรก็ตาม สํวน ใหญํการอบรมครูจะถูกจัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์

2.3 การมีครูที่สอนตรงตาม สาขาที่เชีย่ วชาญ

+ ไมํ มี ค รู ส อนข๎ า มเอก ยกเว๎ น ครู บ างคนที่ มี + ไมํ มีครูส อนข๎ามเอก เนื่องจากพอ ความช้านาญการที่ก้าลังสอนวิชาคหกรรม แตํมี พ บ ปั ญ ห า ก า ร ข า ด แ ค ล น ก็ ใ ช๎ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด๎านสังคมศึกษา งบประมาณของโรงเรียนในการจ๎างครู ภายนอกมาแทน + มีครูจ้านวนมากทีส่ ํงผลงานในการขอเลื่อน + มีครูที่ได๎วิทยฐานะปัจจุบันทั้งหมด วิทยฐานะ เพราะทาง 4 คน ที่ เป็ น ช้ า นาญการพิ เศษ และ ช้ า นาญการอี ก 9 คน ซึ่ ง มี ที่ ก้ า ลั ง

2.4 การมีครูช้านาญการ พิเศษ


ประเด็นการสัมภาษณ์

เชียงแสนวิทยาคม

2.5 การจ๎างครูตํางชาติเข๎ามา - เคยมี ค รู ที่ เ ป็ น ชาวตํ า งประเทศเข๎ า มาสอน สอน ภาษาอังกฤษในปีกํอน แตํคําใช๎จํายคํอนข๎างสูง ถึ ง ปี ล ะ 1 แสนบาท ซึ่ ง ทางคณะกรรมการ การศึกษาพื้นที่ได๎สนับสนุนคนในพื้นที่แทน จึง ได๎เลิกจ๎างไป + มีครูชาวจีน 2 คน ที่ท้าความรํวมมือกับทาง มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย 2.6 การประเมินครูจาก - มีหนํวยงานที่เข๎ามาประเมินภาพรวมของ หนํวยงานภายนอก โรงเรียน แตํไมํมีการประเมินครู ซึ่งการประเมิน ครูจะเป็นการประเมินภายในโรงเรียนส้าหรับ การปรับขึ้นเงินเดือนเพียงเทํานัน้

บ้านแซววิทยาคม สํง ผลงานเพื่ อเลื่ อนเป็ น ช้ า นาญการ พิเศษ 1 คน ที่ เหลื อเป็ น ครูธ รรมดา คส.1 ทางโรงเรี ย นได๎ สํ ง ครู ที่ มี คุ ณ สมบั ติ พ ร๎ อ มเป็ น ช้ า นาญการ ทั้งหมด และจะเลื่อนเป็นช้านาญการ พิเศษในอนาคต - ไมํ มี การจ๎ า งครูตํ า งประเทศเข๎า มา สอน เนื่องจากมีครูสอนภาษาอังกฤษ 3 คน ภาษาจีน 1 คน และมีนักศึกษา ฝึกวิชาชีพ 1 คน เข๎ามาชํวยสอน

+ การประเมินครู จะแบํงออกเป็น 3 ลั ก ษณะ ได๎ แ กํ ครู อั ต ราจ๎ า ง ครู พนักงานราชการ และครูผู๎ชํวย จะท้า การประเมิน ทุก 4 เดือน เนื่องจากมี ประสบการณ์น๎อย ครูคส.2 คส.3 ใช๎ วิธีการนิเทศกันเอง คส.3 จะท้าการ ดู แ ล คส.2 และดู แ ลด๎ ว ยกั น เอง ขณะที่ ร องผู๎ อ้ า นวยการก็ จ ะท้ า การ ดูแลในภาพรวมทั้งหมดอีกที + ฝ่า ยนิเทศของเขตพื้นที่เข๎ามาดู เฉพาะเจาะจง เชํน การลดเวลาเรียน ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล น อ ก จ า ก นี้ มี ผู๎ท รงคุณ วุ ฒิของเขตพื้ นที่ เข๎า มาดู ปี ละ 1 ครั้ง + ทางโรงเรียนได๎เข๎าโครงการ ‘การ พัฒนาการศึกษาอยํางยั่งยืน’ที่จัดโดย ส้านักงานกองทุนสนับสนุนการสร๎าง เสริมสุขภาพ ได๎ประเมินผู๎อ้านวยการ


ประเด็นการสัมภาษณ์

เชียงแสนวิทยาคม

3. หลักสูตรและกระบวนการการเรียนการสอน 3.1 กิจกรรมเสริมส้าหรับการ + ครูภายในโรงเรียนได๎ท้าการน้านักเรียนเข๎ามา พัฒนาผลการเรียน (เชํน การ ติ ว เสริ ม ส้ า หรั บ การสอบ O-NET ซึ่ ง ทาง เตรียมความพร๎อมส้าหรับ ผู๎อ้านวยการพยายามที่จะใช๎ครูภายในมากกวํา สอบ O-NET, A-NET, GAT, ครู จ ากภายนอก เพื่ อ ท้ า การชี้ วั ด วํ า นั ก เรี ย น PAT หรือตามรายวิชา) พัฒนาจากครูของโรงเรียนเอง หรือครูที่อื่น

3.2 หลักสูตรพิเศษ (เชํน + หลั ก สู ต รที่ เ พิ่ ม มาจากหลั ก สู ต รทั่ ว ไป คื อ English Program, หลักสูตรทวิศึกษา มีทั้งหมด 4 สาขาวิชา ได๎แกํ Trilingual Program เป็นต๎น) ไฟฟ้า ชํางเชื่อม บัญชี คอมพิวเตอร์ธุรกิจ + โครงการโรงเรียนคุณธรรม โดยน้าคุณธรรม 3 ด๎าน ได๎แกํ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ และ ความซื่อสัตย์ ควบคูํไปกับการท้าห๎องเรียนพิเศษ โดยคัดเอานักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต๎นหัว กะทิ 10 กวํ า คน เพี ย งห๎ อ งเรี ย นเดี ย ว ท้ า ข๎อตกลงกับ ผู๎ ป กครองรับ ประกัน เด็ กนั กเรีย น ก ลุํ ม นี้ วํ า หา ก จ บ ก า ร ศึ ก ษ า ต๎ อง ไ ด๎ เข๎ า มหาวิ ท ยาลั ย ที่ ต๎ อ งการ โดยมี ค วามเชื่ อ วํ า นักเรียนที่ มีความสามารถจะไปได๎ เร็ว กวํ าเด็ ก ปกติ ซึ่ง ท้า การป้อนสื่ อตํ างๆ ทั้ งหนัง สือ และ ทรัพยากรอื่นๆให๎เด็กไปศึกษาที่บ๎า น ไมํ มีการ เก็บคําใช๎จํายเพิ่มเติม เพราะงบอุดหนุน 3.3 การมีอิสระในการพัฒนา - ต๎องยึดหลักสูตรแกนกลางเป็นหลัก ซึ่งต๎อง และปรับปรุงหลักสูตรการ เชื่อมโยงกับการบริหารงบประมาณให๎ตรงตาม

บ้านแซววิทยาคม ของโรงเรียนทั้ง 2 ทําน ซึ่งจะท้าการ ติดตามนิเทศการเรียนการสอน + O-NET ในชํ ว ง 3 ปี ที่ ผํ า นมา ได๎ อั น ดั บ 15 ของเขตพื้ น ที่ จั ง หวั ด เชี ย งราย และพะเยา ถ๎ า แคํจั ง หวั ด เชี ย งรายอยูํ ที่ อั น ดั บ 6 ขณะที่ ใ นปี กํอน ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 และ 6 คะแนน ONET ของทางโรงเรียนเป็น อันดับ 1 ของ 5 อ้าเภอ พร๎อมทั้งอยูํ ในอันดับ 14 ของจังหวัดเชียงรายและ พะเยา ซึ่ ง มี โ รงเรีย นมั ธ ยมวั ด มงกุฎ กษัตริย์จากสพม.กรุงเทพฯ คอยเข๎า มาชํวยติวเสริม +/- ไมํมีห๎องเรียนพิเศษ + นักเรียนสายวิทยาศาสตร์จะมุํงเข๎า มหาวิทยาลัย สํวนสายศิลป์ได๎ความ รํวมมือทวิกับวิทยาลัยการอาชีพ เชียงราย เป็นเด็กกลุํมชําง สาขา อาหารและโภชนาการ เรียนจบได๎ 2 วุฒิ ปวช. และ ม.6 ส้าหรับมัธยมตอน ปลาย ห๎อง 1 จะถูกวางให๎ไปในด๎าน ของสาธารณสุข และพยาบาล หรือ วิทยาศาสตร์ ครุศาสตร์ สายศิลป์ได๎ ท้าทวิรํวมกับวิทยาลัยการอาชีพ สํวน ใหญํจะเป็นเด็กในพื้นที่ทีมฐี านะ ยากจน จะได๎ไปเรียนปวส. 1 ปี และ ท้างานอีก 1 ปี รํวมกับอมตะนคร โควตาทั้งหมด 10 คน อุตฯโรงงาน +/- การประเมินหลักสูตรปีละ 1 ครั้ง สํวนปรับปรุงหลักสูตรปีละ 2 - 3 ครั้ง


ประเด็นการสัมภาษณ์ เรียนการสอนในอนาคต

3.4 ความรํวมมือกับ หนํวยงานภายนอก อาทิ ภาคเอกชน ภาครัฐ สถาบันการศึกษาอื่นๆ

เชียงแสนวิทยาคม กรอบนโยบาย

+ หลักสูตรทวิศึกษาที่เพิ่มขึ้นมาได๎ทา้ ความ รํวมมือกับวิทยาลัยการอาชีพเวียงเชียงรุ๎ง และ เทคนิคกาญจนา

บ้านแซววิทยาคม ขึ้ น อยูํ กั บ นโยบายของหลั ก สู ต รใน ชํวงเวลานั้น ลําสุดได๎มี การปรับปรุง ไปในปี 2557 กํ อนหน๎ า คือปี 2551 และ 2554 อีกทีคือปี 2559 ปรับเป็น ระยะตามกรอบของสพฐ. อยํ างไรก็ ต า ม ห ลั ก สู ต ร เน๎ น ใ ช๎ หลั ก สู ต ร แกนกลาง + มี ค วามรํ ว มมื อ กั บ ส้ า นั ก งาน กองทุ น สนั บ สนุ น การสร๎ า งเสริ ม สุ ข ภาพ (สสส.) ในด๎ า นการพั ฒ นา อาชีพของนักเรียน และวิทยาลัยการ อาชีพ + เปิ ด ชํ องทางในการรํว มมื อกั บ วิ ท ย า ลั ย เ ท ค โ น โ ล ยี ส ย า ม ข อ ง กรุงเทพฯ ซึ่งได๎เปิดสาขาสาธารณสุข ชีวอนามัย + รํวมมือกับโฮมโปรให๎เรียน 6 ปี และท้างานควบคูํกันไป

3.5 การสํงเสริมความเป็นเลิศ + ทางโรงเรียนได๎ตั้งเป้าหมายให๎คะแนน O-NET + ชํ ว ง 2 - 3 ปี ที่ ผํ า นมา จ้ า นวน ด๎านวิชาการ ติดหนึ่งใน 5 ของจังหวัดเชียงราย นักเรียนลดลง แตํปีนี้จ้านวนนักเรียน เพิ่มขึ้นกวําร๎อยละ 15 ทั้งที่โรงเรียน อื่น ลดลง เพราะคะแนน O-NET สู ง ท้ า ให๎ โ รงเรี ย นต๎ อ งพยายามรั ก ษา ระดับคะแนนให๎อยูํภายใน 10 อันดับ ไมํอยํางนั้น เด็กจะไปเข๎าโรงเรียนอื่น แทน 3.6 กิจกรรมแขํงขันทาง + มีการสํงนักเรียนบางกลุํมเข๎าไปรํวมตอบ + มีการจัดแขํงขันหัตถกรรมในระดับ วิชาการ กีฬา หรือศิลปะ ปัญหาทางวิชาการทีไ่ ด๎รับเชิญจากหนํวยงาน จังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ และสถาบันการศึกษาตํางๆ ซึ่งลําสุดได๎อันดับ 6 รวมถึงมีนักกีฬา + มีการเข๎ารํวมแขํงขันกีฬาบาสเก็ตบอลที่ ที่ ไ ปแขํ ง เยาวชนแหํง ชาติ 2 คน ใน


ประเด็นการสัมภาษณ์

เชียงแสนวิทยาคม บ้านแซววิทยาคม จังหวัดเชียงใหมํ ซึ่งลําสุดพึ่งได๎รับรางวัล ด๎านของการชกมวยไทย ชาย 1 คน ชนะเลิศมา โดยมีครูทชี่ ํวยดูแลและฝึกสอนอยําง หญิ ง 1 คน เป็ น ตั ว แทนของจั ง หวั ด ใกล๎ชิดตลอดทั้งปี เชียงราย + มี กี ฬ ากลุํ ม กี ฬ าสี และมี ก ารจั ด กี ฬ าฟุ ต ซอลต๎ า นยาเสพติ ด โดย หนํวยงานที่มาเข๎ารํวม ได๎แกํ อ้าเภอ เชี ย งแสน ทหารพราน และต้ า รวจ ภายในท๎องที่ 3.7 การมีสํวนรํวมของ + มีชมรมผู๎ปกครองที่เข๎ามามีสวํ นรํวมในการ + ผู๎ปกครองเข๎ามามีสํวนรํวมในเรื่อง ผู๎ปกครอง สอดสํองดูแล และสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม ของการท้าหลักสูตรการเรียนการสอน โดยโรงเรี ย นได๎ ท้ า การตั้ ง เป้ า หมาย สูงสุดของชีวิต หรือ Goal Setting ได๎ เอาแผนของการวิ จั ย มา เชํ น TED talk การกระตุ๎ น ในเกิ ด การจั ด การ ด๎านการศึกษาที่ดีที่สุด หนึ่งคื อ การ ตั้ ง เป้ า หมายในการตั้ ง เกรด 1.44% สองคื อ ผู๎ ป กครองต๎ อ งมี สํ ว นรํ ว ม 0.99% สามคื อ การรายงานและ ทบทวน 0.84% ซึ่งให๎ผู๎ปกครอง ครู และคณะกรรมการบริหารการศึกษา ลงนามวําเด็กตั้งเกรดเป้าหมายในแตํ ละเทอม และผู๎ป กครองต๎ องมี สํว นรู๎ เห็นตํอเกรดของเด็ก ท้าทุกอยํางเพื่อ ท้ า ให๎ เ กรดถึ ง เป้ า หมาย ถ๎ า เกรดไมํ ตรงตามเป้ า หมายก็ จ ะรายงาน ผู๎ปกครองเป็นระยะ 4. ความคิดเห็นต่อความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษา 4.1 ความเหลื่อมล้​้าภายใน - เด็กสํวนใหญํในโรงเรียนไมํมีสญ ั ชาติจา้ นวน + ไมํพบถึงความแตกตํางของเด็กทั้ง โรงเรียน มาก เพราะตามผู๎ปกครองที่เข๎ามาท้างาน ท้า ฐานะ สถานะทางสังคม ท้าให๎ผลลัพธ์ ให๎ผลการเรียนไมํดีมาก ทางการศึกษาจึงไมํมีความแตกตําง +/- มีชนกลุํมน๎อย คือ ชนเผําม๎ง ที่มา


ประเด็นการสัมภาษณ์

4.2 ความเหลื่อมล้​้าระหวําง โรงเรียน

เชียงแสนวิทยาคม

บ้านแซววิทยาคม จากบ๎านธารทอง อยูํมากวํา 30 ปี มี บัตรประชาชน หรือมีสัญชาติ ถูก เรียกกวํา ‘กลุํมม๎งเกํา’ คิดเป็น สัดสํวนร๎อยละ 30 ของนักเรียน ทั้งหมด สํวน ‘กลุํมม๎งใหมํ’ ที่อพยพ มาจากถ้​้ากระบอกภายใน 5 - 10 ปี จะไมํได๎รับสัญชาติ จ้านวนอยูํที่ 5 - 6 คน อีกสํวนหนึ่งเป็นเด็กชายขอบที่ ข๎ามฝั่งมาจากสปป.ลาว ติดมาจากแมํ ที่เป็นชาวลาว ที่มาแตํงกับพํอทีเ่ ป็น ชาวไทย จึงท้าให๎เด็กไมํมีสัญชาติ ซึ่งมี จ้านวนเพียง 2 - 3 คน - เชียงแสนวิทยาคมเป็นโรงเรียนขนาดกลาง +/- ไมํมีความแตกตํางระหวําง ขณะที่โรงเรียนราษฎร์ประชาเป็นโรงเรียนขนาด โรงเรียนรัฐบาลด๎วยกันเอง แตํหาก ใหญํ จึงได๎รับงบประมาณคํอนข๎างมาก ส้าหรับ เป็นโรงเรียนเอกชนจะมีความ เชียงแสนวิทยาคม ผูป๎ กครองสํวนใหญํก็ แตกตํางในเรื่องของงบประมาณอยําง ประกอบอาชีพเกษตรกร มีรายได๎ไมํมาก ท้าให๎ มาก ขาดทรัพยากรบางอยํางที่เด็กในเมืองไมํมี เชํน ห๎องเรียนพิเศษ นอกจากนี้ เด็กนักเรียนยัง จ้าเป็นต๎องชํวยพํอแมํในการท้างานหลังเลิกเรียน

หมายเหตุ: + คือ ปัจจัยเชิงบวก – คือ ปัจจัยเชิงบวก +/- คือ ก้ากึ่ง

การอภิปรายผล 1. ปัจจัยด๎านตัวผู๎เรียน เพศหญิงมีผลการเรียนที่ดีกวําเพศชาย นอกจากนี้ นักเรียนที่มีโอกาสได๎เข๎ารํวมการแขํงขันทาง วิชาการ หรือกีฬาตํางๆ ตลอดจนการเป็นตัวแทนของโรงเรียนเชํนกัน ซึ่งเป็นเหตุเป็นผล เนื่องจาก นักเรียนที่ต๎องเข๎า รํวมแขํงขันทางวิชาการ หรือกีฬา ไมํวําในภายในโรงเรียน ก็มีโอกาสที่จะการเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแขํงขัน ภายนอก ซึ่งนักเรียนที่ได๎รับการคัดเลือกต๎องเป็นเด็กที่มีความรู๎ความสามารถ และฝึกฝนมาเป็นอยํางดี 2. ปัจจัยด๎านครอบครัว เด็กที่ผู๎ปกครองมีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรี มีผลการเรียนที่น๎อยกวําเด็กที่ผู๎ปกครองมีวุฒิ การศึกษาต่้ากวํามัธยมศึกษา ซึ่งขัดแย๎งกับงานของ Ahuja, Chucherd, & Pootrakul (2006) ที่กลําววําหาก ผู๎ปกครองมีการศึกษาต่้ ากวําปริญญาตรีจะไมํ สํงผลดีตํอการศึกษาของเด็ก ขณะเดียวกัน ผลการเรียนของเด็กที่ ผู๎ปกครองรับราชการ ทหาร หรือต้ารวจ ตลอดจนเป็นนักธุรกิจ หรือเจ๎าของกิจการ สูงกวําเด็กที่ผู๎ปกครองมีอาชีพ ค๎าขาย ในทางตรงกันข๎าม เด็กที่มีผู๎ปกครองท้างานรับจ๎างกลับมีคําคะแนนที่ดีกวําเด็กที่พํอหรือแมํท้างานเต็มเวลา


3. ความแตกตํางระหวํางโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม และโรงเรียนบ๎านแซววิทยาคม 3.1. สิ่งอ้านวยความสะดวกทางกายภาพ พบวําโรงเรียนบ๎านแซววิทยาคมมีการขาดแคลนทรัพยากรบางอยําง เชํน หนังสือ อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัย ไมํมีกล๎องวงจรปิดส้าหรับการสอดสํอง ดูแล ซึ่งทางโรงเรียนเน๎นใช๎บุคลากรในการเข๎ามาชํวยควบคุมดูแลแทน ทั้งนี้ สํวนส้าคัญของทรัพยากรที่ทั้งสอง แหํงมีอยํางครบถ๎วน คือ สัญญาณอินเตอร์เน็ต WIFI ที่มีกระจายอยูํทั่วทั้งพื้นที่ของโรงเรียน โดยที่โรงเรียนบ๎าน แซววิทยาคมมีการติดตั้งหลากหลายระบบ อยํางไรก็ตาม ทั้งสองแหํงได๎รับงบประมาณจากหนํวยงานภายนอก ในการกํอสร๎างสิ่งอ้านวยความสะดวก แตํกระนั้นงบประมาณที่โรงเรียนบ๎านแซววิทยาคมได๎รับจากสํวนกลางยัง ไมํเพียงพอ เนื่องจากจ้านวนนักเรียนน๎อย ท้าให๎งบประมาณรายหัวน๎อยตามไปด๎วย ซึ่งทางโรงเรียนก็ไมํสามารถ ที่ จ ะเก็ บ คํ า ใช๎ จํ า ยเพิ่ ม ได๎ เพราะครอบครั ว ของเด็ ก มี รายได๎ น๎ อ ย รวมทั้ ง จะท้ า ให๎ เด็ ก ย๎ า ยไปโรงเรี ย นอื่ น ขณะเดียวกัน โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคมได๎รับการสนับสนุนงบประมาณจากกลุํมตํางๆ ได๎แกํ ชุมชน กลุํมศิษย์ เกํา และผู๎ปกครอง 3.2. บุคลากรทางการศึกษา โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคมเป็นโรงเรียนที่มีขนาดคํอนข๎างใหญํเมื่อเทียบกับโรงเรียนบ๎าน แซววิทยาคม เมื่อจ้านวนนักเรียนมีมาก ก็ท้าให๎จ้านวนครูสูงขึ้นเชํนกัน อยํางไรก็ตาม ทั้งสองแหํงมีจ้านวนครู เกินเกณฑ์ที่ส้านักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้ นฐาน (สพฐ.) ก้าหนดไว๎ แตํมีการขาดแคลนในบางเอกวิชา ถึง กระนั้นทางโรงเรียนไมํมีการให๎ครูสอนข๎ามเอก นอกจากนี้ ยังได๎มีการสํงครูไปอบรมเพื่อพัฒนาการเรียนการ สอนตามหนํวยงานภายนอกที่สํงหนังสือเชิญเข๎ามา และการสนับสนุนให๎สํงผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะ ทั้งนี้ ไมํมี การจ๎างครูชาวตํางประเทศ เพราะคําใช๎จํายสูง ส้าหรับการประเมินครู ทางโรงเรียนบ๎านแซววิทยาคมมีระบบ การประเมินที่หลากหลาย และมองภาพเชิงลึกกวําทางโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม 3.3. หลักสูตรกระบวนการการเรียนการสอน ทางโรงเรียนบ๎านแซววิทยาคมมีกิจกรรมติวเสริม O-NET ส้าหรับการ เรียนตํอมหาวิทยาลัยเข๎มข๎น โดยมีสถาบันการศึกษาจากกรุงเทพฯ เข๎ามาชํวยเหลือ สํวนโรงเรียนเชียงแสน วิทยาคมได๎ใช๎บุคลากรครูภายในโรงเรียนในการชํวยติวเสริม ทั้งนี้ ทางโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคมมีหลักสูตร พิเศษ คือ หลักสูตรทวิ ที่สามารถเรียนจบสายวิชาชีพไปพร๎อมกับสายสามัญในหลายสาขาวิชา และมีการท้า ห๎องเรียนคุณธรรมที่รวบรวมเด็กที่มีความสามารถทางวิชาการมารวมกันเพื่อพัฒนาทักษะการเรียน ขณะที่ โรงเรียนบ๎านแซววิทยาคมไมํมีห๎องเรียนพิเศษ แตํมีหลักสูตรทวิที่ท้าความรํวมมือกับวิทยาลัยการอาชีพจังหวัด เชียงรายส้าหรับนักเรียนสายศิลป์ ในสํวนความอิสระในการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตร ทั้ง 2 โรงเรียนต๎องยึด หลักสูตรแกนกลางเป็นหลัก ในด๎านของความรํวมมือ แตํละโรงเรียนมีความรํวมมือในหลักสูตรทวิศึกษากับ หนํวยงานเอกชน สถาบันการศึกษา และหนํวยงานราชการ พร๎อมทั้งมีการสํงเสริมความเป็นเลิศทางวิชาการ ด๎วยการตั้งเป้าหมายคะแนน O-NET ไว๎เป็นอันดับต๎นๆของจังหวัดเชียงราย นอกจากนั้น ได๎มีการสนับสนุนให๎ เข๎ า รํ ว มแขํ ง ขั น ทางวิ ช าการ และกี ฬ า เชํ น โรงเรี ย นเชี ย งแสนวิ ท ยาคมี ม ความโดดเดํ น ในด๎ า นของกี ฬ า บาสเกตบอล ขณะเดียวกัน โรงเรียนบ๎านแซววิทยาคมมีความโดดเดํนในด๎านของศิลปะมวยไทย ทั้งนี้ การมีสํวน รํวมของผู๎ปกครองของทั้งสองโรงเรียนมีความแตกตํางกัน โดยโรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม ผู๎ปกครองจะชํวยดูแล ทั่วไป และชํว ยสนับ สนุน งบประมาณเพิ่ม เติม จากงบประมาณสํวนกลางที่ได๎ รับ หากแตํโ รงเรีย นบ๎ านแซว


วิทยาคมได๎สนับสนุนให๎ผู๎ปกครองเข๎ามามีสํวนรํวมอยํางมากในการตั้ง เป้าหมาย ติดตาม และรายงานผลการ เรียนอยํางตํอเนื่อง 3.4. ความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษา ส้าหรับความเหลื่อมล้​้าภายใน โรงเรียนเชียงแสนวิทยาคม เด็กที่เข๎ามาเรียนสํวน ใหญํไร๎สัญชาติ ซึ่งตามครอบครัวที่เข๎ามาท้างานในประเทศไทย ท้าให๎เด็กกลุํมนั้นผลการเรียนต่้ากวําเด็กคนอื่นๆ ขณะที่โรงเรียนบ๎านแซววิทยาคม เด็กสํวนใหญํฐานะใกล๎เคียงกัน ท้าให๎ผลการเรียนไมํแตกตํางกันมาก แตํก็พบ เด็กไร๎สัญชาติชาวลาว และกลุํมม๎งที่เข๎ามาใหมํไมํมีสัญชาติเข๎ามาศึกษาเชํนเดียวกัน สํวนความเหลื่อมล้​้าระหวําง โรงเรียน ด๎วยความที่โรงเรียนเชียงแสนวิทยาเป็นโรงเรียนขนาดกลาง ท้าให๎มีความล้าบากในการของบประมาณ เมื่อเทียบกับโรงเรียนขนาดใหญํอยําง โรงเรียนราษฎร์ประชานุเคราะห์ รวมทั้งยังขาโอกาสในการเรียนพิเศษ อยํางเด็กที่เรียนในเมือง และต๎องชํวยเหลืองานของพํอแมํหลังเลิกเรียน เพราะผู๎ปกครองของนักเรียนสํวนใหญํ ประกอบอาชีพเกษตรกร ขณะเดี ยวกัน โรงเรียนบ๎านแซววิทยาคมไมํพบความเหลื่อมล้​้าระหวํางโรงเรียนรัฐ ด๎วยกันเอง แตํมีความเหลื่อมล้​้ากับโรงเรียนเอกชนในเรื่องของงบประมาณที่น๎อยกวํา ข้อเสนอแนะ จากผลการศึกษา ท้าให๎มองเห็นถึงความเหลื่อมล้​้าของโรงเรียนที่อยูํชายแดนที่ขาดทรัพยากรทางการเรียนที่ ส้าคัญ ซึ่งท้าให๎ยากตํอการบรรลุเป้าหมายด๎านผลการเรียน ซึ่งเป็นผลตํอเนื่องไปยังอนาคตของเด็กนักเรียน โดยสิ่งที่ผู๎ออก นโยบายทางการศึกษาต๎องตระหนักอยํางมาก คือ การเข๎าใจบริบทของพื้นที่ ซึ่งในแตํละพื้นที่ยํอมมีลักษณะเฉพาะที่ท้าให๎ หลักสูตรแกนกลางไมํสามารถที่จะตอบโจทย์การศึกษาที่เหมาะสมของเด็กได๎ทั้งหมด ซึ่งตัวแปรส้าคัญที่ท้าให๎การศึกษา ของนักเรียนชายขอบมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือ บุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งครู และผู๎บริหารที่ต๎องหาหลักสูตรมี เหมาะสม เชํน หลักสูตรทวิศึกษา ที่สอดคล๎องกับบริบทของพื้นที่ เนื่องจากนักเรียนสํวนหนึ่ง ไมํได๎มีความต๎องการที่จะเข๎า มหาวิทยาลัน แตํจบการศึกษาไปเพื่อประกอบอาชีพ ทั้งนี้ การมีสํวนรํวมของผู๎ปกครองก็มีความส้าคัญด๎วยเชํน ในการรํวม สนับสนุนในด๎านตํางๆ ตลอดจนชมรมศิษย์เกํา และชุมชนในละแวกใกล๎เคียงก็สามารถที่จะชํวยพัฒนาการศึกษาของ นักเรียนได๎เชํนกัน นอกจากนั้น ผู๎บริหารจัดการหลักสูตร และงบประมาณของสํวนกลางควรที่จะให๎อิสระกับโรงเรียนมาก ขึ้น แตํต๎องมีการติดตามและประเมินผลอยํางตํอเนื่อง ตลอดจนควรมีการพิจารณาการให๎งบประมาณที่มีความยืดหยุํน มากกวําใช๎จ้านวนนักเรียนในการก้าหนดงบประมาณที่ได๎รับ เอกสารอ้างอิง Dilaka Lathapipat and Lars M. Sondergaard. (2015). Thailand - Wanted: a quality education for all. Washington, D.C.: World Bank Group. Hanushek, E. A. (1979). Conceptual and empirical issues in the estimation of educational production function. Journal of human resources, Volume 14 Issue 3, 351–388. Hanushek, E. A. (2002). Publicly provided education. In A. J. Auerbach & M. Feldstein (Eds.). Handbook of public economics, Volume 4, 2045–2141. Amsterdam: Elsevier.


Jirada Prasartpornsirichoke and Yoshi Takahashi (2013) Assessing Inequalities in Thai Education. Journal of east Asian studies, Volume 18, 1-26. Thai Journals Online (ThaiJO). Kiatanantha Lounkaew. (2013). Explaining urban–rural differences in educational achievement in Thailand: Evidence from PISA literacy data. Economic of Education Review 37, 213-225. แบ๏งค์ งานอรุณโชติ และถิรภาพ ฟักทอง. (2555). สูง ต่้า ไมํเทํากัน: ท้าไมระบบการศึกษาจึงสร๎างความเหลื่อมล้​้า. หนังสือชุดถมชํองวํางทางสังคมล้าดับ 3. เครือขํายถมชํองวํางทางสังคม ส้านักงานคณะกรรมการสุขภาพ แหํงชาติ. นนทบุร:ี ส้านักพิมพ์ศยาม. ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์. (2555). ผลกระทบของการสร๎างความรับผิดชอบทางการศึกษาตํอสัมฤทธิผลของนักเรียนไทย. เอกสารประกอบการสัมมนาวิชาการประจ้าปี 2554. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. นณริฎ พิศลยบุตร. (2559). ความเหลื่อมล้​้าทางการศึกษาของไทย: ข๎อสรุปจากผลการสอบปิซํา (PISA). สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์. สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์. (2560). ปฏิรูปการศึกษาไทยแล๎วไปไหน. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. ค๎นหา จาก http://tdri.or.th/tdri-insight/2017-01-12. อัมมาร สยามวาลา, ดิลกะ ลัทธพิพัฒน์ และสมเกียรติ ตั้งกิจวานิย์. (2555). การปฏิรูปการศึกษารอบใหมํ: สูํ การศึกษาที่มีคุณภาพอยํางทั่วถึง. เอกสารประกอบการสัมมนาวิชาการประจ้าปี 2554 ของสถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาประเทศไทย.


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.