Exhibition by Songwoot Kaewvisit 1 - 30 July 2017
I Subhashok The Arts Centre
LIVE A LIFE
1
Director Sithikaj Angsuvarnsiri Jongsuwat Angsuvarnsiri Curator Suphita Charoenwattanamongkhol Graphic Designer Saruda Suansa-ard Photographer Preecha Pattaraumpornchai Translator Jongsuwat Angsuvarnsiri Proofreader Chol Janepraphaphan Linjie Zhou Chathip Suwanthong Coordinator Suchada Klinchun Chuthamat Suwannasri Production Phansak Kaeosalapnil Boonyakorn Jaroenpol 2
Live a Life Let them live their lives; let their hearts be free
ให้ชีวิตมีสิทธิ์ใช้ ให้หัวใจได้เป็นอิสระ
Humans are born with over 100 billion brain cells, each connecting the nerve ends together like webs that eventually reach its peak at around the age of 10, then slowly decreasing to 50 billion cells in adulthood. Nature has given us a precious time during childhood-the most important time to be creative and for imaginations to grow powerfully.
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับเซลล์สมอง 100,000 ล้านเซลล์ โดยแต่ละ เซลส์จะเชื่อมโยงปลายประสาทเข้าหากัน โยงใยเจริญเติบโตอย่าง เต็มที่สูงสุดในช่วงอายุประมาณ 10 ขวบ หลังจากนั้นก็จะชะลอและ ลดลงเรื่อยๆ โดยเหลือประมาณแค่ 50,000 ล้านเซลล์เท่านั้นในวัย ผู้ใหญ่ ธรรมชาติได้มอบของขวัญที่มีค่าให้กับชีวิตมนุษย์นั่นคือช่วง “วัยเด็ก” ช่วงเวลาที่สำ�คัญ วัยที่จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เติบโตอย่างทรงพลัง
Although the childhood stage allows the brain to absorb and learn with maximum capacity, it is unfortunate that many children have that opportunity taken away from them by adults. In Thailand, especially, the education system is contaminated with greed and corruption that becomes a vicious cycle which ruins the future of these children. The innocence of a child is toyed by a group of adults that dictates the way a child should think or act for their personal gains.
แม้วา่ วัยเด็กจะเป็นวัยทีส่ มองมนุษย์เปิดรับการเรียนรูอ้ ย่างเต็มทีส่ งู สุด แต่กเ็ ป็นเรือ่ งน่าเศร้าทีใ่ นเวลาเดียวกันจินตนาการ มหัศจรรย์ของเด็กๆ มักถูกยับยั้งหรือท�ำลายลงด้วยน�้ำมือของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ประเทศไทยที่อ�ำนาจและความโง่เขลาถูกใช้ปะปนเละเทะในวัฏจักร อุบาทว์ของระบบการศึกษา เด็กไทยส่วนใหญ่จึงต้องเติบโตท่ามกลาง ความเสี่ยง อนาคตต้องพังทลายลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ความไร้เดียง สาของเด็กกลายเป็นเครือ่ งเล่นให้ผใู้ หญ่กลุม่ หนึง่ ครอบง�ำ และก�ำหนด บทบาทชีวติ ให้ ผูใ้ หญ่ทที่ ศั นคติคบั แคบมักน�ำผลประโยชน์ และความ รู้สึกของตนมาปิดกั้นอิสระในการคิดและการใช้ชีวิตของเด็กๆ เสมอ ชีวิตน้อยๆ ถูกตัดสินให้เดินไปอย่างที่ผู้อื่นต้องการโดยไร้ทางปฏิเสธ
Songwoot grew up in a small village in Khonkaen and had a childhood that was full of doubts and confusion and questions that were never answered too. Even growing as an adult now, Kaewvisit still yearns for the lost childhood and the opportunities he could have had but never did. The artist would like to use his art as a voice to speak out for millions of children whose creativities freedom and opportunities to think for themselves were taken away.
ศิลปิน ทรงวุฒิ แก้ววิศิษฏ์ เติบโตขึ้นมาในอำ�เภอมัญจาคีรี อำ�เภอ เล็กๆของจังหวัดขอนแก่น เคยมีวยั เด็กทีส่ บั สนและเต็มไปด้วยคำ�ถาม ที่ไม่เคยได้รับคำ�ตอบ เมื่อวันเวลาผ่านมาจนปัจจุบัน ในร่างของผู้ใหญ่ หัวใจของเขายังคงโหยหาบางสิ่งที่ขาดหายไปในวัยเด็ก และในวันนี้ ประสบการณ์ชีวิตทำ�ให้เขารู้ซึ้งแล้วถึงคำ�ตอบของคำ�ถามที่เคยสงสัย มานาน ศิลปินจึงเลือกใช้วิถีแห่งการสร้างงานศิลปะเสมือนกระบอก เสียงแทนเด็กๆ จำ�นวนมากที่ถูกริดรอนโอกาสในเสรีภาพแห่งสติ ปัญญา และ จินตนาการ
3
Interview with the artist “The older we get, the more experience we have been through good and bad times, and it’s made me appreciate and love my root, my family and my community that had shaped who I am today. What I had gone through when I was a child became a big inspiration that pushes me to create this series of works. I want to discuss about the children whose ways of seeing and thinking have been confined by the boundaries that adults had defined. I really feel for them…” We were all once a child. We had wanted for the grown ups to understand us; but once we grew up, we forget those pleading eyes, the exact ones that we used to have. Kids these days have to face the constant pressure just like in the old days, just like what I have experienced before. There were many incidents that had scarred me until today. It is unbelivable that even today, the education system has not improved it at all. I created this series of work with my sincerest feelings. I used motifs that symbolize my childhood such as stationery, papers, pencils and playdough. I even based This series of work was very challenging for me: the more I painted, the more I felt like I was able to go back in time and started to remember about my past. Some were funny and made me smile, and some were so sad that I became numb and my tears were falling. the portraits on the children in my neighbourhood. I’ve always been observing their growth and see myself in them. I tried to introduce new techniques, new colour combinations, in order to convey my thoughts as clearly as possible. I tried to add that personality into the works by showing the finger prints, the burnt marks, the pressed marks or scratch marks. It sort of makes you understand about the nature of the objects as well as a person who created them. I truly hope that the audience wi.ll begin to realise the importance and values of these children’s lives through the simple artistic language that I had used.
4
“...ยิ่งอายุมากขึ้น ผ่านเวลา ผ่านประสบการณ์ทั้งสุขและทุกข์ ผม ยิ่งรู้สึกรักรากเหง้าบ้านเกิดที่ผมกำ�เนิดมา รักครอบครัว ผู้คน วิถี ชีวติ ทีห่ ล่อหลอมตนเองขึน้ มาในวันนี้ เรือ่ งราววัยเด็ก และความเป็น จริงที่ผมเติบโตขึ้นในอำ�เภอเล็กๆ ของจังหวัดขอนแก่น กลับกลาย เป็นแรงบันดาลใจขนาดใหญ่ เป็นแรงกระ ตุน้ ให้ผมได้สร้างสรรค์ผล งานศิลปะชุดนีข้ นึ้ ผลงานของผมพูดถึงเด็กๆ ทีถ่ กู ตีกรอบโดยระบบ ความคิดของผู้ใหญ่ เป็นมุมมองที่เห็นใจและสงสารพวกเขามาก... เราทุกคนก็เคยเป็นเด็ก ผมและคุณเคยเป็นเด็ก เราเคยอยากให้ ผู้ใหญ่เข้าใจเราแต่พอเราโตเป็นผู้ใหญ่ เรากลับลืม...ลืมใส่ใจแวว ตาที่ร้องขอความเข้าใจนั้น ลืมคิดไปว่าเด็กๆก็มีชีวิตของตนเอง เด็กๆ ในยุคปัจจุบันยังคงต้องเจอแรงกดดันการถูกบีบบังคับ การ หลอกลวงทางวาทกรรม ไม่ต่างกันกับเด็กๆในอดีต ผมเองก็เคยได้ เจอมา มีหลายเรื่องที่จำ�ฝังใจไม่น่าเชื่อว่าวันเวลาผ่านไป แต่ระบบ การศึกษาและความคิดของผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ไม่ได้ พัฒนาขึ้นเลย ผมสร้างงานจิตรกรรมชุดนี้อย่างตรงไปตรงมา ใช้สัญลักษณ์ในวัย เด็ก เครื่องมือเครื่องไม้ในการเรียน อุปกรณ์การสร้างสรรค์ สมัย เด็กๆ มาบอกเล่า ทัง้ กระดาษ ดินสอ ดินนำ�้ มัน ทีช่ อบเอามาปัน้ เป็น ตัวโน้นตัวนี้ รวมทั้งภาพของเด็กๆ ในละแวกบ้านที่เขามีตัวตนจริง ผมเฝ้ามองความเป็นไปของพวกเขา โดยเห็นภาพตัวเราเองในสมัย เด็กๆ ซ้อนทับในภาพชีวติ นัน้ ผลงานชุดนีท้ า้ ทายผมมาก ทัง้ วิธคี ดิ ที่ ยิง่ ท�ำยิง่ เหมือนได้ยอ้ นเวลายิง่ จ�ำได้ ยิง่ ด�ำดิง่ ลงไปในความทรงจ�ำว่า เราเคยเจออะไรมา ทัง้ ตลกขบขัน หรือบางภาพนีก่ เ็ ป็นประสบการณ์ เศร้ามากๆ เหตุการณ์ทเี่ คยร้องไห้จนตัวชาก็มี วิธกี ารท�ำงานของผม คือศึกษาหาเทคนิคใหม่ คู่สีใหม่ เพื่อจะสื่อสาร เนื้อหาให้สมบูรณ์ ทีส่ ดุ การถ่ายทอดอารมณ์ความรูส้ กึ ผ่านเอกลักษณ์เฉพาะของวัตถุ ชนิดต่างๆ เช่น ลายนิ้วมือที่ติดบนดินน�้ำมัน รอยเผา รอยขูดขีด อารมณ์ ที่สื่อผ่านรอยกดทับ รอยเจาะของดวงตา จมูก ปาก ต้อง ท�ำ ความเข้าใจในวัตถุไปพร้อมๆ กับการสร้างตัวตนสมมติในงาน จิตรกรรมมันยากมากในตอนแรก แต่พอผมเข้าใจก็สามารถเป็น อันหนึ่งอันเดียวกันได้ ผมหวังอย่างยิ่งว่าสีสันละมุน ภาษา ศิลปะ ที่เรียบง่ายครั้งนี้จะสร้างส�ำนึกให้ผู้ใหญ่อย่างเราเห็นคุณค่า ของชี วิตเด็กๆมากขึน้ ผ่านความทรงจ�ำของผูช้ มและตัวผมเองร่วมกัน...”
5
ฉันร้องไห้ในวันแห่งความรัก / Heartbreak in Valentine’s Day, 2016 120 x 95 cm. Oil on canvas
6
อมยิ้ม / Little smile, 2016 69 x 49 cm. Oil on canvas
7
Cry gentle, 2016 130 x 105 cm. Oil on canvas
8
หู้ / Whoo, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas
9
เจ้าหญิง / Princess, 2016 105 x 90 cm. Oil on canvas
10
หนึ่งตา หนื่งทางมอง หนึ่งก้าวเดิน / 1 eye, 1Perspective, 1 choice 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas
11
อารมณ์ในชั้นเรียนวิชาคณิ ตศาสตร์ / When I study Maths, 2016 69 x 49 cm. Oil on canvas 12
งง / Confused, 2016 69 x 49 cm. Oil on canvas 13
เศษกระดาษ 1 / Scrap 1, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas
14
เศษกระดาษ 2 / Scrap 2, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas
15
เศษกระดาษ 3 / Scrap 3, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas 16
เด็กชายตาโต / Big eyes boy, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas 17
ยิ้มหวาน / Sweet smile, 2016 170 x 140 cm. Oil on canvas
18
ผู้รอบรู้ / Intellectual, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas
19
นักคิด / Thinker, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas
20
สองด้านในความคิด / 2 perspectives, 2016 185 x 150 cm. Oil on canvas
21
อืม / Umm… 175 x 140 cm. Oil on canvas
22
หยาดเหงื่อและหยดน้ำ�ตา / Exhausted, 2016 185 x 150 cm. Oil on canvas
23
บอม / Bomb, 2016 185 x 150 cm. Oil on canvas
24
ปริมาตรของจินตนาการ / squash creativity 2016 185 x 150 cm. Oil on canvas
25
คิดๆๆๆ / think think think, 2016 185 x 150 cm. Oil on canvas
26
ภูมิแพ้กรุงเทพฯ / Sick of Bangkok, 2016 195 x 155 cm. Oil on canvas
27
ความง่วงที่ฉันไม่อาจจะทนได้ / Yawn, 2017 155 x 120 cm. Oil on canvas
28
งงๆ ผมไม่เข้าใจ หรือคุณไม่เข้าใจ / Who does not know? You or me? 2016 185 x 150 cm. Oil on canvas
29
สองด้านของชีวิต / 2 kinds of life, 2016 105 x 130 cm. Oil on canvas
30
ก่อนวัยอันควร / Before maturity, 2016 145 x 185 cm. Oil on canvas
31
ความเบื่อหน่าย / Boring, 2016 110 x 90 cm. Oil on canvas
32
ร่องรอยของจินตนาการกับมิคกี้เม้าเพื่อนฉัน / Mickey mouse burn mark, 2017 140 x 115 cm. Oil on canvas
33
เรื่องราวประวัติศาสตร์ไทยที่อยู่เบื้องหลังฉันที่มีแต่ความสงสัยและมึนงง / Confused about history, 2016 180 x 150 cm. Oil on canvas
34
ร่องรอยของจินตนาการกับมิคกี้เม้าเพื่อนฉัน / Mickey mouse burn mark, 2017 140 x 115 cm. Oil on canvas
35
บอนไซกับผลไม้ดินน้ำ�มัน / Bonsai and oil clay fruit, 2016 160 x 120 cm. Oil on canvas
36
Logistic cars, 2016 120 x 160 cm. Oil on canvas
37
38
39
40
41
About Artist
Songwoot Kaewvisit Songwoot Kaewvisit,born 1977, graduate, from the Bachelor and master of Art, from Faculty of Painting, Sculpture and Graphic Arts, Silpakorn University. Songwoot’s artwork is well known and he has had many exhibitions in Thai and abroad while achieving many awards, such as the best prize subject king of democracy for install the new building Council Thailand Bangkok in 2012, Awarded the best prize contemporary painting Panasonic Thailand 15th in 2013. He is interested in the subject of the individual, not producing realistic portraits, but reflecting stories of life, state of mind, and emotions of the human-being. The faces in his art are replaced by objects, creating a personalized inner expression similar to real people; some of his works highlight children with oil clay style (or different moldable media) for the head. The result is a portrait that seems to lack a life, a head without their own mind in it. It’s criticism of the social and education system that makes people into robots, authorities able to turn them into whatever they want, just as if they were made of clay or paper.
42
ทรงวุฒิ แก้ววิศิษฎ์ เกิดในปี 2520 ที่อำ�เภอมัญจคีรี จังหวัด ขอนแก่น ศึกษาวิชาจิตรกรรมทั้งในระดับปริญญาตรีและ ปริญญาโท จาก คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผลงานของเขาได้รับการยอมรับในวงกว้าง ถูกจัดแสดงทั้งในและต่าง ประเทศ รวมถึงการได้รับรางวัล มากมาย อาทิ The 1st prize of the excellent art competition of Asian supported by group of Philip Morris Company ในปี 2003, Awarded the special prize of the 16th “BRING GOOD TO LIFE” art exhibition supported by Toshiba Co.Ltd. ในปี 2004 รวมถึงรางวัลดีเด่นจากการ ประกวด “84 พรรษา ธรรมราชาประชาธิปไตย” ในปี 2012 เพื่อนำ�ผลงาน ไปติดตั้ง ณ รัฐสภาแห่งใหม่ และThe best prize contemporary painting Panasonic Thailand 15st ในปี 2013 เป็นต้น จากความสนใจในเรือ่ งของบุคคลและการอุปมา ผลงานของ ทรงวุฒิ เป็น งานจิตรกรรมภาพบุคคลทีไ่ ม่ใช่ภาพเหมือน แต่เป็นภาพทีส่ ะท้อนชีวติ สภาวะจิตใจ อารมณ์ ความรูส้ กึ ของบุคคล โดยใบหน้าของบุคคลเหล่า นั้นได้ถูกเปลี่ยนให้วัตถุเข้าไปแทนที่คล้ายกับการสร้างส�ำนวนแบบ บุคคลวัต (personification) ที่เปรียบเปรยให้วัตถุสิ่งของมีลักษณะ คล้ายกับมนุษย์ และในผลงาน ของเขาบางครั้งมนุษย์ก็กลับคล้ายกับ สิ่งของด้วยเช่นกัน โดย เฉพาะเรื่องราวของเด็กๆ ที่เขาสนใจ ในช่วง หลัง ทรงวุฒิวาด ภาพดินน�้ำมัน ผสมกับวัตถุต่างๆ เพื่อเล่าเรื่องราว ที่เขาได้รับรู้ รวมถึงการวิพากษ์ระบบการศึกษา สังคม ผ่านภาพเด็ก นักเรียนที่มีใบหน้าเป็นดินน�้ำมันบิดเบี้ยวผิดเพี้ยน
43
The exhibition “Live a life” will be on display between 1-30 July 2017 at Subhashok The Arts Centre. Tel: +662 2585580 ext. 401 +662 6620299 / +668 68911893 https://www.facebook.com/sacbangkok, E-mail : Manager@sac.gallery 44