นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 2 ไทรถเข็
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
3
ไทรถเข็น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 4Editor’s
talk
ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ “เด็ก ผู้ใหญ่ และสัตว์” ซึ่งกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เรียกกระแส โซเชียลให้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นอย่างหนัก ทั้งเห็นอกเห็นใจ ทั้งโกรธเกรี้ยวโกรธา บ้างก็ออกมาเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมา แสดงความรับผิดชอบ ข่าวแรก... เป็นข่าวที่คุณพ่อและคุณแม่ชาวอเมริกัน พา ลูกชายวัย 4 ขวบ ไปเที่ยวสวนสัตว์ในเมืองซินซินาติ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา แล้วเกิดพลัดตกลงไปในกรงของลิงกอริลลา จนทำ�ให้ในที่สุดเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ต้องตัดสินใจยิงเจ้าฮารัมบี หรือฮารัมเบ (Harambe/Harumbe) กอริลลาพันธุ์หายาก วัยเพียง 17 ปี ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาจบชีวิตลงไปอย่างน่าสงสาร กับอีกข่าวหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในสวนสัตว์กลางกรุงซานดิเอโก ประเทศชิลี เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์ต้องตัดสินใจยิงสิงโตถึง 2 ตัวทิ้ง เพื่อช่วยชีวิตชายคนหนึ่งที่กระโดดลงไปในกรงของพวกมัน เพื่อหวัง จะฆ่าตัวตาย แน่นอนว่าบุคคลในข่าวทั้งสองนั้น ล้วนแล้วแต่ได้รับการ กล่าวโทษจากสังคมมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวแรกนั้น ถึงกับ มีกระแสประท้วงสวนสัตว์ซินซินาติ จะไม่สนับสนุนการทำ�งานของ สวนสัตว์ และจะไม่พาลูกหลานเข้าชมสวนสัตว์แห่งนี้อีก เจ้าหน้าที่ ที่ได้ตัดสินใจยิงเจ้าฮารัมบีก็ถูกตำ�หนิว่าทำ�เกินกว่าเหตุ ส่วนที่หนัก ที่สุดก็เห็นจะเป็น นายดีออน ดิคเคอร์สัน กับ นางมิเชลล์ เกร็กก์ พ่อและแม่ของเด็กน้อย ที่กำ�ลังถูกกระแสสังคมประณามว่าทั้งสอง ได้ปล่อยปละละเลยลูกชาย จนเจ้าฮารัมบีต้องสังเวยชีวิตของมันไป อันที่จริงกรณีคล้ายคลึงกันนี้ ก็เคยเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2539 ที่สวนสัตว์บรู๊กฟิล์ด ในสหรัฐอเมริกา เมื่อด็กชายวัย 3 ขวบ พลัดตกลงไปในกรงของกอริลลาซึ่งอยู่ต่ำ�ลงไปประมาณ 6 เมตร จน ได้รับบาดเจ็บ ไม่สามารถขยับตัวได้ ท่ามกลางความตื่นตกใจของ เจ้าหน้าที่และนักท่องเที่ยวที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะนั้น เจ้า “บินติ จัว” กอริลลาเพศเมีย ได้ทำ�เรื่องสุดอัศจรรย์ โดยมันเดินเข้าไปประคอง ร่างเด็กน้อยและอุ้มขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะนำ�ตัวเด็กไปวาง ใกล้กับประตูกรงเพื่อส่งตัวเด็กชายให้กับเจ้าหน้าที่สวนสัตว์อย่าง ปลอดภัย อีกกรณี ในปี 2529 ลีแวน เมอริต เด็กชายวัย 5 ขวบ พลัดตกลงไปในกรงกอริลลาที่สวนสัตว์เจอร์ซีและมีอาการบาดเจ็บ เจ้า “แยมโบ” กอริลลาเพศผู้สายพันธ์ุซิลเวอร์แบ็ค ก็ได้เดินเข้ามา ยืนดูและพยายามสะกิดหลังเด็กให้ตื่น พร้อมทำ�ท่าลักษณะเหมือน คอยคุ้มกันไม่ให้กอริลลาตัวอื่นๆ เข้ามาใกล้ จนเมื่อเด็กชายได้สติ และเริ่มร้องไห้ แยมโบจึงถอยห่าง เปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วย เหลือลีแวน เมอริต อย่างปลอดภัย
จากกรณีการปลิดชีพเจ้าฮารัมบีและสิงโต 2 ตัวนั้น จะเห็นได้ว่าเมื่อเกิดเหตุคับขันต้องตัดสินใจ ในที่สุดมนุษย์ ก็ เลือกที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทั้งๆ ที่สัตว์เหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราว ที่เกิดขึ้นนี้เลยแม้แต่นอ้ ย แต่ดว้ ยความทีไ่ ม่ใช่พวกพ้องเผ่าพันธุ์ เดียวกัน มันจึงต้องกลับกลายเป็น “แพะรับบาป” ไป ไม่ว่า พวกมันจะเป็นสัตว์ที่หายากหรือใกล้จะสูญพันธุ์เพียงใดก็ตาม และที่น่าเศร้าใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือสัตว์ที่ถูกปลิดชีพเหล่านั้น ล้วนแต่เป็น “สัตว์ป่า” เป็นสัตว์ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ อยู่ในป่า แต่พวกมันกลับถูกนำ�มา “จองจำ�” ไว้ในพื้นที่ที่มนุษย์ สร้างขึ้น เพื่อ “การศึกษา” หรือ “ความบันเทิง” อะไรก็ตาม สุดแล้วแต่ที่มนุษย์จะยกมากล่าวอ้างและสุดท้ายมันก็ถูกพราก ชีวิตไป ในพื้นที่ที่มันไม่ได้เป็นผู้เลือกหรือมีสิทธิ์ใดๆ ในพื้นที่ เหล่านี้เลย มนุษย์เอ๋ย... พวกเจ้าเรียนรู้อะไรบ้างจากเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นนี้ จะต้องมีสัตว์ผู้บริสุทธิ์อีกกี่สิบกี่ร้อยตัว ที่จะต้องมา ล้มหายตายจากไป เพราะน้ำ�มือของ “ผู้มีอารยธรรม” อย่าง พวกเจ้า? ด้วยความเศร้าใจ วีรวรรณ คชรัตน์ บรรณาธิการ
นิตยสารสะบายดี บุรรี มั ย์ ห้างหุน้ ส่วนจ�ำกัด เค.เอส. ริชเชส 40/70 ถ. อินจันทร์ณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรรี มั ย์ 31000
http://www.sabaideeburiram.com
ติดต่อลงโฆษณา 085 612 1010, 087 458 8547
บรรณาธิการบริหาร วีรนุช คชรัตน์ บรรณาธิการ วีรวรรณ คชรัตน์ ผูจ้ ดั การทัว่ ไป วรพช คชรัตน์ ทีป่ รึกษา ผศ.สุธามาศ คชรัตน์ อ.วันดี เธียรสวัสดิก์ จิ ทีป่ รึกษาฝ่ายต่างประเทศ ผศ.เรืองศักดิ์ อัมไพพันธ์ ทีป่ รึกษาฝ่ายสุขภาพและกีฬา ผศ.พรพรรณ ค�ำเมือง ทีป่ รึกษาฝ่ายภาษาไทยและวรรณคดีไทย ผศ.บุณย์เสนอ ตรีวเิ ศษ ทีป่ รึกษาฝ่ายโบราณคดีและประวัตศิ าสตร์บรุ รี มั ย์ รศ.ดร.สมมาตร์ ผลเกิด ฝ่ายช่างภาพและกราฟฟิคดีไซน์ วัฒนา จันทร์เจริญ, พัชรพร ปัตตังเว, ภาคิไนย ปรินรัมย์ นักเขียนกิตติมศักดิ์ วิวฒั น์ โรจนาวรรณ นักเขียนประจ�ำคอลัมน์ วิภาวี สิงหวศิน, พีรยิ า หาญบ�ำรุงธรรม ฝ่ายการตลาด วรัญญา ละขะไพ
Contents 20th June 2016
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
27 6
15 18 ฅ.ฅนบุรีรัมย์
6 พระราชปัญญาวิสารัท หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม
44
สะบายพุง
15 ไนท์บาซาร์ บุรีรัมย์
แหล่งรวมความอร่อยกว่าร้อยเมนู
มหัศจรรยเมืองแปะ
18
ปะคำ�
เที่ยวเมืองปะ สักการะพระผุด ชมปราสาทโคกงิ้วและทับหลังโบราณ กาลครั้งหนึ่ง
31 27 ฝักบัว อินทร์ - คำ� สโมสร
ภาพเก่าเล่าเรื่อง
างป่าช้าและเก็บศพ 31 การล้ ไร้ญาติ ภายใต้เทวบัญชา ของ “โป๊ยเซียนโจวซือ”
ตำ�นานเมืองบุรีรัมย์
ด 38 เรืปราสาทเขาปลายบั ่องเล่าโบราณ ตำ�นานแห่งปราสาทหลังเก่า
อักษราร่ายรำ�
40 ปริญญาเอก แล้วไง ตะลุยต่างแดน
44 วัดเทียนมู่
พุทธสถานสำ�คัญแห่งเมืองเว้
น ปรียบเสมือนกระจก คอลั““ใจเราก็ มน์กาลครั้งเหนึ ่ง 6 ไทรถเข็
เรารับรู้เองได้ ถ้าใจเราสงบแล้ว ใจเราก็จะสะอาดขึ้น ใสขึ้น ใจเรานี้ปกติแล้วมันใสสะอาด ที่มันมัวหมอง เพราะมีความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรัก ความเกลียด ความชัง มาครอบงำ� จึงทำ�ให้ใจพร่ามัว การให้ทาน การสร้างศีลภาวนา นั้นคือการทำ�ใจให้สะอาด””
พระราชปัญญาวิสารัท หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม ท่ามกลางพายุข่าวและกระแสโซเชียล ที่ ก ระหน่ำ � แชร์ พ ฤติ ก รรมและภาพลั ก ษณ์ อั นไม่ สง่ า งามและเป็ น ที่ น่ า กั ง ขาของเหล่ า ภิ ก ษุ ส งฆ์ และสามเณรที่ได้แพร่ภาพออกมาตามสื่อต่างๆ ไม่เว้นในแต่ละวัน ซึง่ ล้วนมีผลให้เกิดการโยกคลอน สั่นไหวต่อความมั่นคงของสถาบันพระพุทธศาสนา เนื่ อ งจากพระภิ ก ษุ ส งฆ์ คื อ หนึ่ งในสี่ พุ ท ธบริ ษั ท ที่ มีความสำ�คัญยิ่งต่อความอยู่รอดปลอดภัยของ ศาสนาพุทธ อันเป็นศาสนาหลักของชาติ และเป็น ที่พึ่งทางจิตใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน แต่อีกด้าน ก็ยังคงมีเรื่องราวดีๆ ที่เล็ดลอดออกมายึดโยงจิตใจ ของผู้คน ให้ยังคงเลื่อมใสและมั่นคงต่อพระธรรม คำ�สอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป เมื่อ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา ปรากฏภาพ ของพระภิกษุในวัยชราภาพรูปหนึ่งถูกแชร์ต่อกัน บนโลกออนไลน์พร้อมกับคำ�บรรยายว่า “แม้จะเป็น พระผู้ใหญ่ได้รับสมณศักดิ์ถึงชั้นราช แต่หลวงปู่ก็ยัง
คงปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด คอยปัดกวาด ลานวัดเป็นตัวอย่างที่ดีแก่พระลูกวัดโดยสม่ำ�เสมอ” ด้วยความเลื่อมใสและศรัทธาในฐานะที่ท่านเป็นพระ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบและเป็นที่เคารพนับถือเลื่อมใส ศรัทธาของพวกเราชาวบุรีรัมย์และประชาชนที่รู้จัก ท่านโดยทั่วไป วันนี้คอลัมน์ “ฅ.ฅนบุรีรัมย์” จะขอพา ผู้อ่าน ไปกราบนมัสการ “พระราชปัญญาวิสารัท” หรือทีเ่ รารูจ้ กั ท่านในนาม “หลวงปูเ่ หลืองงฉนฺทาคโม” เจ้าอาวาสวัดกระดึงทองตำ�บลบ้านด่าน อำ�เภอบ้าน ด่านจังหวัดบุรีรัมย์ อย่างใกล้ชิด ในโอกาสนี้พวกเรา ได้รับความเมตตาจากท่าน ซึ่งท่านกรุณาอนุญาตให้ สัมภาษณ์เรื่องราวของท่านตั้งแต่ก่อนที่จะก้าวเข้ามา อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ และอีกหลากหลายเรื่องราวที่ น่าสนใจและเป็นธรรมทานแก่พวกเราทุกคน “พระราชปัญญาวิสารัท” หรือ “หลวงปู่ เหลือง ฉนฺทาคโม” นามเดิม “เหลือง ทรงแก้ว” ภูมิลำ�เนาเดิมของอยู่ที่บ้านนาตัง หมู่ 2 ตำ�บลสมอ 1
อำ�เภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ บิดาชื่อเที่ยงทรงแก้ว มารดาท่านชื่อเบียน ทองเชิด ท่านถือกำ�เนิดเมื่อวัน อังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 เวลาใกล้รุ่ง แรม 4 ค่ำ� เดือน 6 ปีเถาะ เป็นบุตรคนที่ 6 จากบุตร และธิดาทั้งหมด 8 คน ชาย 6 คน และหญิง 2 คน พออายุได้ 11 ปี ก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประชาบาล วัดนิลาเทเวศร์ บ้านนาตัง จนจบประถม 3 ก็ได้ออก จากโรงเรียน พอดีพระพี่ชายคนโตของท่านซึ่งบวช อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมาได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ก็เลย พาท่านไปอยูท่ ว่ี ดั ป่าศรัทธาราม จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มบวชขาวตั้งแต่อายุ 16 ปี คือนุ่งขาวห่มขาว สมาทานศีล 8 ตามระเบียบของวัดป่า โดยมีพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นผู้คอยแนะนำ�พร่ำ�สอน ทั้ง ในเรื่องของข้อวัตรปฏิบัติ การกราบไหว้ ประเคน สิ่งของพระและให้รู้จักเคารพครูบาอาจารย์ พอถึงปี พ.ศ. 2490 ท่านก็ได้บวชพระที่วัดสุทธจินดา โดยมี พระพุทธวงศาจารย์เจ้าอาวาสวัดสุทธจินดา เป็น
หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม ฅ.ฅนบุรีรัมย์
พระอุปัชฌาย์ แล้วไปจำ�พรรษาอยู่ที่วัดป่าศรัทธารวม จังหวัดนครราชสีมา จากการเป็นลูกวัดป่า หลวงปู่ได้เดินทางไปธุดงค์และไปปฏิบัติกรรมฐาน อยู่ที่วัดหลายแห่ง จนในที่สุดปี พ.ศ. 2501 ท่านก็ได้กลับมาจำ�พรรษาอยู่ที่วัด กระดึงทอง จังหวัดบุรีรัมย์ จนถึงปัจจุบัน ด้วยความเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลวงปู่จึงได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดกระดึงทอง และได้รับตำ�แหน่งเป็นเจ้าคณะตำ�บลในปี พ.ศ. 2515 เป็นเจ้าคณะอำ�เภอเมืองบุรีรัมย์ฝ่ายธรรมยุต ในปี พ.ศ. 2521 เป็นเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ฝ่ายธรรมยุติในปี พ.ศ. 2523 ได้รับตราตั้งเป็นพระราชาคณะชั้น สามัญ ที่พระชินวงศาจารย์ ในปี พ.ศ. 2528 และเป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชปัญญาวิสารัท ในปี พ.ศ. 2535 ปัจจุบันท่านดำ�รงตำ�แหน่งที่ปรึกษา เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ฝ่ายธรรมยุต กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงปู่ค่ะ พวกเรามากราบนมัสการหลวงปู่และ ขออนุญาตสัมภาษณ์ท่าน พร้อมกับจะขอหลักธรรมคำ�สอนจากหลวงปู่ค่ะ คนเราทำ�ดีได้ดี ทำ�บุญได้บุญ ทำ�ชั่วได้ชั่ว วันเดือนปีไม่ดีไม่ชั่ว เป็น เครื่องกำ�หนดนับเท่านั้น ความดีความชั่วนี้เราทำ�เอง ไม่มีวันทำ�ให้ บางคนโชค ไม่ดีไปโทษวันเดือนปี วันเดือนปีมันพูดไม่เป็น คนต่างหากเป็นผู้ทำ�ดีทำ�ชั่ว ไม่ใช่ วันเดือนปีทำ�ให้ ให้ทำ�ความเข้าใจตรงนี้ วันดีก็เพราะคนเป็นผู้ว่าดี วันชั่วก็เพราะ คนเป็นผูว้ า่ ชัว่ ไปโทษมันไม่ได้ ชาวโลกทัง้ หลายมักจะไปโทษว่ามันไม่ดี วันเดือนปี มันทำ�อะไรไม่เป็น ให้ทำ�ความเข้าใจตรงนี้ด้วย ตรงนี้แหละคือธรรมะ หลวงปู่ออกบวชตั้งแต่อายุเท่าไร และทำ�ไมถึงตัดสินใจออกบวชคะ ตั้งแต่อายุได้ 16 ปี พอออกจากโรงเรียนแล้วพระพี่ชายมาเยี่ยมบ้าน แล้วพาไปบวชด้วย ที่บวชเพราะอยากบวชเอง สมัยก่อน บ้านไหนมีลูกเยอะๆ เขาก็อยากจะให้ลูกอยู่ช่วยงาน แต่ทำ�ไมโยมพ่อ ของหลวงปู่ถึงอนุญาตให้ลูกบวชกันทุกคน โยมพ่ออยากให้บวชหรืออย่างไรคะ ก็พี่น้องที่เป็นผู้ชายบวชทั้ง 5 คนเลย แต่ก่อนโยมพ่อเป็นอาจารย์ใหญ่ คนนับถือทั้งหมู่บ้าน โยมพ่อเคยบวชเรียนมาก่อนก่อนที่จะมามีครอบครัว พอ มีลูกก็ให้บวช วัวควายเต็มคอก ไปจ้างให้คนอื่นมาเลี้ยง แต่ลูกชายบวชหมด (หัวเราะ) สมัยก่อนตระกูลของหลวงปู่จะคอยช่วยดูแลวัดวาอาราม ปู่ย่าตา ยายก็คอยดูแลช่วยเหลือวัดต่างๆ ตั้งแต่บวชมา หลวงปู่เคยคิดจะสึกไหมคะ ก็เคยคิดอยู่ เพราะมีพี่สาวคนหนึ่งน้องสาวคนหนึ่ง ก็เลยเป็นห่วง แต่ต่อมาเขามีครอบครัว ก็เลยไม่ห่วงและไม่สึก เพราะพอบวชแล้วพระธุดงค์ ท่านก็พาออกไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ตั้งแต่เป็นเด็ก อาตมาอยู่วัดตั้งแต่อายุ 16 ปี
7
ทีแรกอยู่กับหลวงปู่ดุลย์ พอหลวงปู่ฝั้นท่านมาเยี ่ยมหลวงปู่ดุลย์ เมื่อก่อน นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ หลวงปู่ฝั้นท่านอยู่โคราช พอหลวงปู่ฝั้นจะกลับ ท่านก็เลยฝากไปโคราช ด้วย เมื่อก่อนเดินทางไปโคราชก็ไปโดยรถไฟ ไปอยู่โคราช 5 ปีรวม ตั้งแต่เป็นเด็กจนเป็นพระ หลวงปู่เคยเดินธุดงค์ไปประเทศอื่นบ้างไหมคะ ไปอยู่ พม่าก็ไป เวียดนามก็ไป เขมรก็ไป ไปแบบเดินธุดงค์จริงๆ ไม่มรี ถมีรา จะมีบา้ งก็ขนึ้ รถไฟไปสระบุรี นอกนัน้ ก็เดิน อาตมาไปเดินธุดงค์ ตัง้ แต่เด็กติดตามอาจารย์ไป พระธุดงค์เป็นพระทีต่ งั้ ใจปฏิบตั ิ ปฏิบตั จิ ริงๆ ด้วยความเข้มงวดกวดขัน ไม่กลัวตาย เดินธุดงค์ก็เดินจริงๆ ไม่ใช่เดิน คุยกันเดินไปภาวนาไปพร้อม ถ้าไม่จำ�เป็นไม่ให้พูดกัน เดินอย่างเป็น อิสระไม่ขึ้นแก่ใครทั้งนั้น แต่ก็ทำ�ด้วยความสมัครใจ ค่ำ�ตรงไหนนอนตรง นั้น ข้าวถ้ามีก็ได้ฉัน ไม่มีก็ไม่ได้ฉัน เป็นอย่างนี้ จะตัดต้นไม้ก็ไม่ได้ ขุด ดินก็ไม่ได้ ผลไม้มีมากมายก็เก็บกินเองไม่ได้ ถ้ามีคนถวายก็จะได้ฉัน ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ฉัน เงินก็ถือไม่ได้ ไปไหนจึงต้องเดิน บางทีมีรถยนต์มา เขานิมนต์ให้ขึ้นรถก็ไม่ขึ้นนะโยม เพราะเราต้องการทรมานตัวเอง ชีวิต ของพระธุดงค์นี่น่าสงสารมาก ซื่อสัตย์จริงๆ เขาให้ก็เอาเขาไม่ให้ก็ไม่ได้ เอาเฉพาะของที่เขาให้ หลวงปู่คะ แล้วจะทำ�อย่างไรล่ะคะถ้าหากไปธุดงค์แล้วไม่มีหมู่บ้าน แล้ว จะได้ฉันหรือคะ ก็ฉันแต่น้ำ� แต่น้อยนักที่ไม่ได้ฉัน เวลาไปธุดงค์ก็จะเลือกพักที่ พอเดินบิณฑบาตถึง แต่หา้ มไม่ให้ไปนอนในวัดหรือหมูบ่ า้ น ต้องนอนในป่า ห่างจากหมู่บ้านอย่างน้อย 25 เส้น นั่นคือกฎของพระกรรมฐาน และถ้า ไปบิณฑบาตได้ก็ได้ฉัน ไม่ได้ก็อดไป ฉันแต่น้ำ�
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 8 ไทรถเข็
เวลาไปเดินธุดงค์ หลวงปู่เคยเจอสัตว์ร้าย เจอภูตผีปีศาจอะไรอย่างที่เขาเล่าลือบ้างไหมคะ มีทกุ อย่าง มาหมด ไม่วา่ จะผี ปีศาจ สัตว์ปา่ สัตว์ดง มาให้เห็นหมด เจอในลักษณะทีม่ า เป็นนิมิตบ้าง มาให้เห็นเป็นตัวบ้าง ส่วนมากจะมาในทางนิมิต เป็นพวกผีปีศาจ เทวดา ตามถ้ำ� ตามเหว พวกนี้ให้เห็นตัวก็ได้ ไม่เห็นตัวก็ได้ ถ้าจะเห็นตัวต้องแดดอ่อนๆ ในป่าลึกๆ ก็จะเห็น ให้เห็นเป็นชั่วครู่ชั่วคราวก็หายไป บางทีเดินมาตอนที่เราเดินจงกรมอยู่ แล้วก็เดินผ่านไป เดิน แป๊บเดียวเท่านั้นเอง แล้วก็หายเงียบไป มโนภาพอย่างนี้มีมาในนิมิตอยู่ คือส่วนมากเราจะอยู่ในป่าช้า นอนก็นอนในป่าช้า ก็จะไปเจอพวกที่ไม่มีทางที่จะไป เราไปสวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตาให้ ให้มีทางไป มันมี หลายอย่างนะโยม เรื่องอย่างนี้ เขาเรียกประสบการณ์โดยตรง ถ้าว่าผีมีไหม ผีไม่มี จะมีแค่ ทุกอย่างที่เขียนในตำ�รา บางอย่างนั้นไม่มีตัวมีตน มีแค่ในตำ�รา ในนิมิตของเรา นิมิตก็เหมือนกับ เราดูโทรทัศน์ มันมาแสดงให้เห็นในนิมิต เทวดุจเทวดา มาแสดงให้เห็นแต่เราต้องรักษาศีลให้ สะอาด บริสุทธิ์ ใจเป็นกลาง ถ้าใจไม่สงบก็ไม่ได้เห็น มันก็เหมือนกระจกนั่นแหละ ถ้ากระจก มันมัว มีอะไรมาผ่านเราก็มองไม่เห็นมัน ก็เหมือนกับใจเรานี่แหละ ถ้ามันสงบ มันใสมีอะไร มาผ่านเราก็มองเห็นมัน แรกๆ ที่บวชหลวงปู่กลัวผีไหมหรือเคยถูกผีหลอกไหมคะ กลัวๆ อาตมาเป็นคนกลัวผี (หัวเราะ) มีคนตายนี่ไม่กล้าลงมาหรอก แต่พอไปอยู่ วัดป่า วัดอยู่ในป่าช้าก็เลยหายกลัว ไปอยู่กลางป่าช้าหลวง ก็ต้องฝึกจิต สวดมนต์ ไหว้พระ ทุกวัน เดินจงกรม สมาธิไม่ขาด แต่ว่าอาตมาก็ไม่เคยเจอผีหลอกนะ ที่ว่ากลัวผีคือเราคิดไปเอง จิตเราคิดไปเอง ผีไม่มีหรอก คนมันกลัว แค่กิ่งไม้หักก็กลัวแล้ว (หัวเราะ) จิตปรุงแต่ง คือถ้าเรา ทำ�ใจเข้มแข็ง คนที่ตายแล้วมันมาพูดมาหลอกเราได้ก็ดีน่ะสิเราจะได้ถามมันว่าตายแล้วเป็นไง อยู่ยังไงกินยังไง เราจะได้ถามมัน แต่ผีก็แปลกนะถ้าคนไม่กลัวมันก็ไม่หลอก ถ้าคนกลัวผี ผี มันก็จะไปหลอกคนนั้น ตั้งแต่ฝึกจิตอาตมาก็ไปมาหมดทุกที่ที่ไหนว่าผีดุ ที่ไหนเฮี้ยน ไปหมด เราจะได้ฝึกจิตใจตัวเราเองด้วย
หลวงปู่เคยเจออย่างที่เป็นวิญญาณแล้วมาบอกเราว่า มา ขอส่วนบุญส่วนกุศลไหมคะ มี ตอนที่อาตมาไปธุดงค์กับท่านเจ้าคุณอริยะ ที่ป่าช้าบ้านนาเพียง (จ.กาฬสินธุ์) แถวภูพาน ใกล้ตีนเขา ตอนค่ำ�แดดอ่อนๆ มีผู้หญิง 3 คน เดินมา เป็นผู้หญิง จริงๆ นะ เขาอยู่ในป่า เป็นแม่ป่า เป็นนางไม้นุ่งผ้าซิ่น มานั่งเคี้ยวหมาก พวกนี้เขาจะไม่กล้ามองดูหน้าเรานะ เขาจะมองต่ำ� เวลาเขากลับ พอพ้นเขตป่า ร่างผู้หญิง
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ไทรถเข็น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 0 1 3 คนนั้นก็หายไปเลย ในขณะที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
เราต้องทำ�ใจเป็นกลาง ไม่รักไม่ชังไม่ดีไม่ชั่ว บางที เราก็อธิษฐานบ้างก่อนจะเข้าไปในป่าในดง เราก็ จะบอกว่าถ้าที่นี่มีเทวดุจเทวดา ผีป่านางไม้จริง ก็ ให้มาปรากฏตัว ถ้าไม่เห็นก็แปลว่าไม่มีอธิษฐาน ในใจของเรา ทีนี้ก็ทำ�ใจให้เป็นกลางๆ ส่วนพวก วิญญาณถ้ามีก็จะมาให้เห็น ถ้าไม่มาในคราวที่นั่ง ก็มาในคราวที่นอน พวกพราย ผี วิญญาณ เขา อยากมาเพ่นพ่านอยู่ใกล้ๆ เรา เพราะว่าเขาก็ได้ อานิสงส์ด้วย เหมือนกับเวลาเราไปทำ�บุญ เราก็ต้อง แผ่เมตตาด้วย เวลาเราทำ�บุญเราแผ่เมตตา ถ้าคนแผ่เมตตา ใจ ไม่นิ่ง เขาจะได้บุญกุศลด้วยไหมคะ ก็ได้ คือว่าอันนี้ ไม่ทุกรายหรอก แต่เรา อย่าไปเข้าใจว่าที่เราแผ่เมตตานั้นจะส่งถึงผู้ตาย ทั้งหมด เราต้องนึกถึอชื่อเขา จะมีผู้เป็นสื่อนั่นก็คือ เทวดาผู้มีหูทิพย์ตาทิพย์ เขาจะเป็นคนไปบอกข่าว ให้ผู้ตายเรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนมากนัก เป็น ประสบการณ์ตรง การทำ�บุญนั้นเขาเรียกว่า “ทำ�ดี” ทำ�ดี หมายความว่าเมื่อทำ�แล้วมีประโยชน์แก่ตัวเอง และ แก่ผู้อื่นด้วย อันนั้นคือความดี ถ้าทำ�แล้วตัวเองดี และผู้อื่นเดือดร้อนไม่ดี หรือตัวเองเดือดร้อน แล้ว ผู้อื่นเดือดร้อนด้วยนั้นก็ไม่ดีเหมือนกัน บุญกับบาป อย่างนี้มันขึ้นอยู่กับใจ คนเรานั้นจะทำ�อะไรต้องคิด ในใจก่อนจึงจะกระทำ� อย่างเช่น หากว่าเราคดิที่ จะทำ�บุญนี้ไม่ใช่คิดก็ได้ทำ�เลย บางทีก็ต้องนั่งคิด นอนคิดเสียก่อน คิดว่าจะทำ�บุญก็ได้บุญ ได้บาป เหมือนกัน นั่งคิดนอนคิดท่าจะทำ�แต่บาปก็ได้แต่ บาป เพราะคนเรานั้นคิดแล้วจึงทำ� ก็โยงมาถึงตรง นี้ละว่าจะได้บุญหรือจะได้บาป ว่ามันได้ตอนไหน
มันได้ตั้งแต่ที่เราเริ่มคิดถ้าเราคิดที่จะทำ�บุญ เรา ก็ได้บุญแล้ว แค่เราคิดว่าจะไปทำ�บุญแล้วคิดว่า จะเอาอะไรไปทำ�บุญดี ไปหาซื้อข้าวซื้อของ เพื่อ โภชนาการหรือดอกไม้ธูปเทียนเพื่อไปทำ�บุญอันนี้ เราก็เริ่มได้บุญแล้วนะ หลวงปู่คะ ทุกวันนี้กิจวัตรประจำ�วันของหลวงปู่มี อะไรบ้างค่ะ มีสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เดินปัดกวาด ทำ�ความสะอาด นอกนั้นก็มีท่องบ่นสาธยายบ้าง อะไรบ้างอันเป็นหน้าที่ของพระ คือมันเป็นวินัย ของพระอยู่แล้ว ถ้าไม่ทำ�มันก็บาป พระก็บาปเป็น ไม่ใช่ไม่บาปนะ (หัวเราะ) อย่าเข้าใจผิดนะว่าพระ บาปไม่เป็น มีทั้งหลายทั้งพระผิดและพระถูก ซึ่ง ตามปกติก็ต้องสวดมนต์ไหว้พระ ปัดกวาดโบสถ์ วิหารลานเจดีย์ ดูแลวัด ส่วนในห้องน้ำ�นี่ต้องดูแล เป็นประจำ�แล้วก็บิณฑบาต แต่ว่าปัจจุบันอาตมา ก็ไม่ได้ไปออกบิณฑบาตแล้ว เพราะว่าเท้ามันชา มาก
หลวงปูเ่ คยไปโปรดญาติโยมในต่างประเทศไหมคะ เคย อาตมาเคยไปจำ�พรรษาที่เยอรมัน ปีหนึ่ง ส่วนไปเที่ยวนั้นไปมาหลายประเทศ อาตมา บวชแล้วก็ไปอยู่กับหลายอาจารย์ คิดดูว่า อาตมา บวชตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490 อาตมาเป็นพระธรรมทูต ในต่างแดน ทุกวันนี้เราก็จะเห็นข่าว คนมีปัญหา ขัดแย้งกัน ฆ่ากัน อะไรพวกนี้ค่ะหลวงปู่ หลวงปู่ช่วยกรุณา แนะนำ�หลักธรรมที่จะนำ�ไปใช้ในชีวิตประจำ�วัน หน่อยค่ะ ทำ�ความดีน่ะโยม สุดท้้ายก็ไม่พ้นเรื่อง การรักษาศีล 5 นอกจากนี้ ก็จะมีหลักสำ�คัญ ในหลักศาสนา นั่นก็คือ ให้ทาน รักษาศีลภาวนา มีอยู่ 3 วิธีนี้แหละ นอกจากนี้ ก็อยากให้คนเรา เคารพนับถือพระเจ้า 5 พระองค์ นี่สำ�คัญมากนะ พระเจ้าองค์แรก ก็คือพระพุทธ พระเจ้าองค์ที่ 2 ก็คือพระธรรม พระเจ้าองค์ที่ 3 ก็คือพระสงฆ์ พระเจ้าองค์ที่ 4 ก็คือพ่อแม่ และพระเจ้าองค์ที่ 5
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
liBRary Cafe “เติมเต็มวันสบายๆ ด้วยร้านคาเฟ่รูปแบบใหม่ สไตล์ Chic & Chill ที่มีหนังสือให้ทุกท่าน เลือกอ่านกว่าหนึ่งพันเล่ม พร้อมดื่มด่ำ�ไปกับ กาแฟถ้วยโปรด ในมุมอ่านหนังสือที่สบายที่สุด แห่งแรกและแห่งเดียว ในจังหวัดบุรีรัมย์” The Library Cafe' Buriram
Drink Read Chill คาเฟ่อยู่ในโครงการบุรีรัมย์ คาสเซิล หลังสนามไอโมบาย สเตเดียม ใกล้ Watsons คาเฟ่เปิดวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 10.30 - 21.00 เสาร์ - อาทิตย์ 10.00 - 21.00 น. โทร 044600844
12
หลวงปู่เหลือง ฉนฺทาคโม ฅ.ฅนบุรีรัมย์
21
ก็คือ ไทรถเข็ ครูบาอาจารย์ คนเราบางคนเวลาจะนอนก็นอนเหมือนกับ น คนที่ไคอลั ม่มีหัวมนอนปลายเท้ า ่งนอนหลับไปแบบวัวแบบควาย ไม่รู้ น์กาลครั้งหนึ บุญคุณ ฉะนั้น ก่อนนอนให้กราบที่หมอน และระลึกถึงพระคุณ ของพระเจ้า 5 พระองค์ กราบครั้งแรกก็ให้นึกถึงบุญคุณของ พระพุทธ กราบครั้งที่สองก็ให้นึกถึงบุญคุณของพระธรรม กราบ ครั้งที่สามก็ให้นึกถึงบุญคุณของพระสงฆ์ กราบครั้งที่สี่ก็ให้นึกถึง บุญคุณของพ่อแม่ และกราบครั้งที่ห้าก็ให้นึกถึงบุญคุณของครูบา อาจารย์ อย่างที่อาตมาบอก ทีนี้ก็กลายเป็นคนมีหัวนอนปลาย เท้าแล้ว (หัวเราะ) ทีนี้เมื่อเราเป็นคนที่รู้จักสำ�นึกบุญคุณ จะทำ� อะไรก็จะเจริญรุ่งเรือง ทำ�มาค้าขึ้น มีสติสัมปชัญญะไปหมด ก่อนนมัสการลากลับ หลวงปู่ยังคงย้ำ�เรื่องพระเจ้า 5 พระองค์ ท่านว่าสำ�คัญมาก ให้สาธุชนชาวพุทธได้น้อมรับไป ปฏิบัติ เป็นสิ่งที่ถูกที่ควรกระทำ�อย่างยิ่ง การเดินทางมานมัสการ หลวงปู่ในวันนี้ ทำ�ให้ทีมงานรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจไปตามๆ กัน และ ยังได้ถือโอกาสนำ�หลักธรรมคำ�สอน และเรื่องราวดีๆ ของหลวง ปู่มาฝากผู้อ่านด้วย หวังว่า ฅ.ฅน ฉบับนี้จะเป็นธรรมทานให้ ทุกๆ ท่านได้ข้อคิด และนำ�ไปปฏิบัติในชีวิตประจำ�วันกันอย่าง มีสตินะคะ สวัสดีค่ะ
แอดสกายคอฟฟี่
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
แอด อ่าวไทย
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 41 ไทรถเข็
แอดเสรี
ไนท์บาซ่าร์
15
สะบายพุง
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ไนท์บาซ่าร์
แหล่งรวมความอร่อยกว่าร้อยเมนู หลังจากทีต่ ะลอนหาร้านอาหารอร่อย มาให้ ทุกท่านได้ตามไปชิมกัน ไม่วา่ จะเป็นอาหารอีสานรสเด็ด อาหารไทยสไตล์ฟวิ ชัน่ ฟูด้ ทีร่ วบรวมทัง้ อาหารไทยและ อาหารนานาชาติหน้าตาน่ารับประทาน ไหนจะสเต๊กเอย ต้มยำ�กุง้ พิซซ่า พล่าแซลมอน สารพัดตำ� รวมไปถึง ขนมหวานรับประทานเพลินของร้านอาหารหลายๆ ร้าน ในจังหวัดบุรรี มั ย์กนั มาแล้ว ฉบับนี.้ .. จะขอเปลีย่ นสไตล์ การชิมอาหารในร้าน จากใช้ชอ้ นใช้จานอย่างดี มานัง่ รับประทานกันแบบง่ายๆ สไตล์ตวั ใครตัวมันกันบ้างดีกว่า อ๊ะ...! ตัวใครตัวมันทีว่ า่ นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไป นัง่ ทานคนเดียวนะคะ แต่วนั นีเ้ ราจะไปปักหลักทีร่ า้ นใด ร้านหนึง่ แล้วบริหารต้นขาด้วยการเดินไปซือ้ เมนูกบั แกล้ม อืน่ ๆ มารับประทานควบคูก่ บั จานหลักของเราที่ "ตลาด ไนท์บาซ่าร์" กันค่ะ
จุดเริม่ ต้นของเราอยูท่ ห่ี า้ งทวีกจิ หน้าอำ�เภอ แล้วขับรถตรงไปทางทิศตะวันออกบนถนนจิระ จนถึง สีแ่ ยกสวนรมย์บรุ ี มีจดุ สังเกตง่ายๆ ก็คอื เป็นสีแ่ ยก ไฟแดงแยกทีส่ องจากจุดทีเ่ ราเริม่ ต้น ทางด้านขวามือ ก่อนถึงไฟแดงจะเป็นร้านขายดอกไม้สดและร้านผลไม้ อยูน่ บั สิบร้าน เมือ่ ก่อนการจราจรบนถนนเส้นนีย้ งั ไม่ แออัดพลุกพล่านอย่างทุกวันนี้ ติดจะเงียบเสียด้วยซ้�ำ แต่เมือ่ ย้ายตลาดไนท์มาอยูบ่ ริเวณนี้ ก็ท�ำ ให้การจราจร บนถนนสายนีห้ นาแน่นมากถึงมากทีส่ ดุ โดยเฉพาะ ช่วงเย็นหลังเลิกงาน อนั เป็นเวลาทีบ่ รรดาคุณแม่บา้ น และอาจรวมไปถึงคุณพ่อบ้านที่เสร็จสิ้นภารกิจจาก การทำ�งาน แล้วแวะรับลูกๆ จากโรงเรียนและแวะ มาหาอะไรอร่อยๆ รับประทานเป็นมือ้ อาหารว่างหรือ อาหารเย็น บางครอบครัวอาจจะซือ้ หาอาหารสดหรือ อาหารสำ�เร็จรูปกลับไปหุงหาหรือรับประทานกันเอง ทีบ่ า้ น เวลานีแ้ หละทีเ่ มืองบุรรี มั ย์ของเราได้มโี อกาส กลายเป็นแบบเมืองหลวงของประเทศไทยไปชัว่ คราว เพราะการจราจรที่ส่ีแยกนี้มีสภาพเป็นอัมพาตไป อย่างสิน้ เชิง คล้ายๆ กับการจราจรของกรุงเทพเมือง ฟ้าอมรอย่างไรอย่างนัน้ เมือ่ เราเลีย้ วขวาเข้าไปประมาณ 100 เมตร ก็จะพบกับตลาดเย็นขนาดใหญ่ท่เี รียกกันว่าตลาด “ไนท์บาซ่าร์ (night bazaar)” แต่เดิมตลาดไนท์ของ เมืองบุรีรัมย์ต้งั อยู่บริเวณถนนหน้าโรงเรียนฮั่วเคี้ยว ใกล้กบั เซียนซือ คนบุรรี มั ย์สว่ นใหญ่มกั เรียกว่า “ตลาด โต้รงุ่ ” อาหารทีข่ ายในตลาดโต้รงุ่ ในตอนนัน้ จะเน้น
ไปทีอ่ าหารสำ�เร็จรูปประเภทอาหารตามสัง่ บะหมี่ ก๋วยเตีย๋ วหรือขนมหวาน ไม่มอี าหารสดอย่างเช่น ในตลาดไนท์ปจั จุบนั นี้ เมือ่ ไรทีม่ กี ารจัดเทศกาล งานงิ้วตลาดไนท์หน้าโรงเรียนฮั่วเคี้ยวก็จะคึกคัก เป็นพิเศษ หลายปีตอ่ จากนัน้ ก็ได้มกี ารย้ายตลาด โต้รงุ่ ไปอยูบ่ ริเวณถนนหน้าสำ�นักงานเทศบาลเมือง บุรรี มั ย์หลังเก่าทีถ่ กู รือ้ ออกไป ส่วนอาหารทีข่ าย ใน ตลาดโต้รงุ่ ใหม่นย้ี งั คงเน้นไปทีอ่ าหารสำ�เร็จรูป ต่อมาเมือ่ นายปริญญา สมานประทาน เป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบุรรี มั ย์กไ็ ด้ยา้ ย ตลาดโต้รุ่งอีกครั้งหนึ่งมาอยู่ในที่ต้ังในปัจจุบันนี้ และมีชอ่ื เรียกว่าตลาดไนท์ (บาซ่าร์) และไม่เคย ได้ยนิ ใครเรียกตลาดนีว้ า่ ตลาดโต้รงุ่ อีก เมือ่ ขับรถเข้าไปถึงตลาดไนท์ สิง่ แรก ที่ ต้องทำ�และค่อนข้างลำ�บากก็คือการหาที่จอดรถ ทีเ่ หมาะๆ พร้อมคิดเมนูอาหารไว้ลว่ งหน้า เพราะ ทีน่ ม่ี เี มนูให้เลือกเป็นร้อยชนิด ไม่วา่ จะเป็นอาหาร เส้น ประเภทก๋วยเตีย๋ ว บะหมี่ เย็นตาโฟ ผัดไทย ราดหน้า ขนมจีน หมีย่ � ำ หรือประเภทข้าว อาทิ ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวผัดหมู กุง้ ไก่ ข้าวผัดกะเพรา ข้าวแกงสารพัดเมนู หรือ จะเป็นขนมหวานทัง้ หลาย ทัง้ ขนมไทย จำ�พวก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ลอดช่อง สังขยา อีกทัง้ ขนมฝรัง่ จำ�พวกเบเกอรี่ พิซซ่า แซนด์วชิ โดนัทขนมปัง คุกกี้ ขนมปังสังขยา ไอศกรีม นอกจากนีก้ ย็ งั มีพวกอาหารเบาๆ หรืออาหาร
ไทรถเข็น มน์กอนาลครั ้งหนึ่ปงน่ั น้�ำ ผักผลไม้รวม น้�ำ เต้าหู้ 6 1 เพือ่ สุขภาพ อย่าคอลั งนมสดร้ น้�ำ ผลไม้
เต้าฮวย และผลไม้สดนานาชนิด ทีจ่ ดั ใส่ถงุ อย่างเรียบร้อยพร้อมเปิด ทานได้เลย หรือจะซือ้ กลับไปล้างให้สะอาด และแช่เย็นก็ดไี ปอีกแบบ ส่วนเมนูทเ่ี ดินผ่านทีไร ก็ยว่ั น้�ำ ลายเห็นจะไม่พน้ ส้มตำ�หลากหลายเมนู และรสชาติ ไม่วา่ จะเป็นตำ�ไทย ตำ�มัว่ ตำ�ซัว่ ตำ�ลาว ตำ�ทะเล ขายคู่ กับข้าวเหนียว ไก่ยา่ ง แคปหมู และขนมจีน ทัว่ ทัง้ ตลาดไนท์มแี ม่คา้ ส้มตำ�นับสิบร้าน แต่กระนัน้ ก็ไม่วายต้องยืนรอคิวกันแทบทุกร้าน วันนีข้ อจัดแบบหนักๆ เมนูแรก ข้าวคะน้าหมูกรอบไข่ดาว ไม่สกุ พร้อมต้มยำ�รวมมิตรน้�ำ ข้น มาซดให้คล่องคอ ระหว่างทีร่ อให้ อาหารจานด่วนยกมาเสิรฟ์ ถึงโต๊ะ เราก็ออกไปเดินดูเมนูอน่ื ๆ ไม่นานนัก มือซ้ายก็ถอื ตำ�ป่า แคบหมู หมูปง้ิ มือขวาถือน้�ำ ละมุดปัน่ พ่วงด้วย ทองหยอดขนมเปียกปูน ขนมปังสังขยา อย่างละนิดละหน่อย แถมด้วย
A Center of All Foods ปลาหมึกไข่ยา่ งจิม้ น้�ำ จิม้ รสแซ่บ และด้วยความหิว จนตาลาย เราก็เริม่ ต้น กิน กิน แล้วก็กนิ สุดท้าย ก็จะมานัง่ คิดทีหลังว่า ซือ้ อาหารตอนหิวทีไร เป็น แบบนีท้ กุ ที สัง่ อาหารเยอะปานประหนึง่ ว่าจะไม่ได้ ทานไปอีกเป็นเดือน ก่อนกลับก็ไม่ลืมซื้อขนมหวานกลับไป กินต่อทีบ่ า้ น และไม่ลมื ทีจ่ ะหาอะไรอุน่ ๆ กลับไปดืม่ จะได้นอนหลับสบาย เดินไปซือ้ น้�ำ เต้าหูเ้ พิม่ อีกถุง นับรวมๆ เงินค่าเสียหายจากการกิน ในวันนีอ้ ยูท่ ่ี ราวๆ 240 บาท อิม่ (จนจุก) ทีต่ ลาด แถมยังได้ของ ติดไม้ตดิ มือกลับไปรับประทานต่อทีบ่ า้ นได้อกี มือ้ นอกจากอาหารสำ�เร็จรูปแล้ว ใกล้ๆ กับ บริเวณตลาดไนท์ยังมีตลาดสดให้ไปเดินเลือกซื้อ เลือกหาอาหารสดไว้ไปประกอบอาหารได้อีกด้วย เรียกว่าคุม้ สุดๆ แต่จะมาตลาดไนท์ทง้ั ที ต้องดู เวลาดีๆ ก่อนนะคะ ช่วง 16.00 - 17.40 น. จะเป็น ช่วงทีผ่ คู้ นพลุกพล่านมาก แต่หากเลยช่วงนีไ้ ปแล้ว ก็จะเริม่ มีทจ่ี อดรถ การจราจรไม่คอ่ ยติดขัด ผูค้ น เริม่ บางตา วันไหนมีการแข่งขันฟุตบอล ยิง่ ถ้าเป็น นัดใหญ่ๆ ด้วยแล้ว หลังจบการแข่งขันจะหาทีว่ า่ ง ได้ยากมาก ส่วนใหญ่รา้ นทีไ่ นท์จะขายอยูจ่ นดึกดืน่ บางร้านก็อยูก่ นั จนถึงเทีย่ งคืน แต่ถา้ มาดึกไประวัง จะพลาดร้านอร่อยๆ หลายร้านนะคะ เดีย๋ วจะหาว่า ไม่เตือน
Buriram night bazaar is located near the traffic light junction at Romburi park. Driving eastward along Jira road with Taweekit department store behind you, turn right at the second traffic light. Then drive along the street for about 100 metres, Buriram night bazaar is in front of you. The first and the hardest thing for everyone who comes to the night bazaar is finding the place for parking your car. If you want to buy some materials for your own cooking, go to the fresh food market in the south section. But if you don’t like cooking and just want to find something ready to be your meal, go straight to the big building in the north. Here, there are a variety of food ready to be ordered for eat- in or take away such as noodles, rice, sweets, drinks. The food which is a must –have in all markets is somtam, sticky rice, and gril ed chickens. Buriram night bazaar was formerly located on the street in front of Hua Kiew Chinese School. Many years later it was moved to situate on the street in front of the old building of Buriram Municipality Office. At last, when Mr. Parinya samanpratharn was the mayor of the municipality, the night bazaar was moved to its present place. Many shops are open to serve very late. Some shops open until midnight. But going at such a late time, you may miss some menus you would like to eat.
15
หมบู่ า้ นทอ่ งเที่ยวไหม “บนิตา้ มหั นสนวนนอก” ยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ศจรรย์เมืองแปะ
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 81 ไทรถเข็
ปราสาทวัดโคกงิ้ว (อโรคยาศาล)
ปะคำ�
Pakham เที่ยวเมืองปะ สักการะพระผุด ชมปราสาทโคกงิ้วและทับหลังโบราณ เตรียมตัวเดินทางกันอีกครัง้ หลังจากทีร่ ๆี รอๆ เพราะสภาพฝนฟ้าอากาศที่ดูจะไม่เป็นใจให้พวกเรา เดินทางเอาเสียเลย จะว่าไปอากาศแบบนี้ ก็เหมาะกับ การท่องเทีย่ วชมสถานทีต่ า่ งๆ อยูไ่ ม่นอ้ ย เพราะท้องฟ้า ครึม้ ไม่มแี ดดทำ�ให้เราไม่เหนือ่ ยไม่เพลีย และไม่รอ้ นจน เกินไป จุดหมายปลายทางในวันนี้ ก็คอื “อำ�เภอปะคำ�” เมืองทีม่ คี �ำ ขวัญว่า “เมืองปะ พระทองคำ� ถ้ำ�จารึกพันปี ควาญดีศรีปะคำ�” ได้ยนิ มาว่าทีน่ .่ี .. เป็นแหล่งอารยธรรม และมีวตั ถุโบราณหลายชิน้ ไม่วา่ จะเป็นพระผุด ทับหลัง ปราสาทเก่า วัดสำ�คัญ และศิลาจารึก ทั้งยังมีแหล่ง ท่องเทีย่ วตามธรรมชาติอกี ด้วย เราออกเดินทางเวลา 11.00 น. โดยเส้นทาง บุรรี มั ย์ - นางรอง โชคดีทว่ี นั นีอ้ ากาศไม่รอ้ นนัก ฝนฟ้า ก็ท�ำ ท่าจะโปรยปรายลงมา ทำ�ให้การเดินทางในช่วงสาย ยังคงเย็นสบายเหมือนในตอนเช้า ปกติการเดินทางจาก บุรรี มั ย์ไปอำ�เภอนางรองใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่ เนื่องจากกำ�ลังมีการก่อสร้างปรับปรุงให้เป็นถนนสี่เลน การเดินทางในวันนีจ้ งึ อยูท่ ร่ี าวๆ 50 นาที สองข้างทาง ตลบอบอวลไปด้วยฝุ่นละอองของดินและหินที่มาจาก การทำ�ถนน
เราแวะทานอาหารเช้าที่ร้านข้าวขาหมูช่อื ดัง ของอำ�เภอนางรอง ตามคติ “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” หลังจากอิม่ หนำ�สำ�ราญแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ ใช้ เวลานัง่ รถราวๆ 20 นาที เราก็เดินทางถึงอำ�เภอปะคำ� สถานทีแ่ รกทีพ่ วกเราไปเยีย่ มชมก็คอื ปราสาทวัดโคกงิว้ ทันทีทก่ี า้ วลงจากรถและสัมผัสกับบรรยากาศภายในวัด ก็ร้สู ึกได้ถึงความสงบเย็นที่แผ่ซ่านผ่านชั้นผิวหนังเข้าสู่ ข้างในหัวใจ ความเย็นนัน้ อาจเป็นไปได้วา่ เกิดจากการที่ แสงแดดไม่สามารถส่องผ่านชั้นเมฆที่อ้มุ ฝนลงมาได้ แต่ส�ำ หรับความรูส้ กึ สงบทีส่ มั ผัสได้นน้ั แน่นอนว่ามิได้เป็น ผลมาจากสภาพอากาศภายนอกแต่อย่างใด หากแต่เกิด จากความเงียบและไม่วนุ่ วาย ด้วยว่า “วัด” เป็นสถานทีซ่ ง่ึ ผูค้ นไม่สง่ เสียงเอะอะมะเทิง่ เป็นสถานทีส่ �ำ หรับ “พระ” และ “ผูค้ น” ทีเ่ ลือ่ มใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จะมาหา ความสุขจากรส “พระธรรม” และความเงียบทีว่ า่ นี้ ได้ เปลี่ยนเป็นความสงบเย็นที่สามารถเกิดขึ้นได้ในจิตใจ ของทุกผูท้ ม่ี าเยือน เมือ่ เดินเรือ่ ยๆ เข้าไปในวัด เราก็จะเห็นโบสถ์ หลังหนึง่ ขนาดไม่ใหญ่นกั วัดแห่งนีเ้ คยมีขา่ วโด่งดังไปทัว่ เมื่อปี 2550 ว่ามีผู้พบเห็นพระพุทธรูปเนื้อสำ�ริด 2 องค์
พระผุดที่ถูกพบในสระ ปราสาทวัดโคกงิ้ว
ปะคำ� มหัศจรรย์เมืองแปะ
ขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 8 นิว้ สูง 12 นิว้ ซึง่ เรียกกันว่า “พระผุด” โผล่ขน้ึ ในสระน้�ำ เก่าแก่ภายในวัดเมือ่ ครัง้ ทีน่ �ำ้ ลด ด้วยเหตุนเ้ี องจึงทำ�ให้ประชาชนผูเ้ ลือ่ มใสจากทัว่ สารทิศ แห่แหนกันเข้ามากราบไหว้ นำ�ภาชนะมาตักน้�ำ ในสระกลับไปอาบบ้าง ดืม่ บ้าง เชือ่ กันว่า ช่วยรักษาโรคต่างๆ แก้ปวดแก้เมือ่ ย แต่ทเ่ี ห็นจะไม่พลาดเลยก็คอื บรรดาชาวขูดชาวขอ ทัง้ หลายทีแ่ ห่กนั ไปขอหวย ไปขูดหาเลขเด็ดกันเป็นทิวแถว เพียงแค่เห็นคล้ายๆ ว่าจะเป็น เลขอะไรก็รบี เร่งนำ�ไปตีหวยและหาซือ้ กันจนเจ้ามือต้องประกาศอัน้ เลขนัน้ ไปตามๆ กัน เมือ่ สักการะพระผุดในโบสถ์เป็นทีเ่ รียบร้อยแล้วพวกเราก็พากันเดินอ้อมไปทาง ด้านหลังวัด พบกับปรางค์ปราสาทหลังเก่าทีเ่ รียกกันว่า “ปราสาทโคกงิว้ ” สันนิษฐาน กันว่าบริเวณทีต่ ง้ั ปราสาทโคกงิว้ แห่งนีอ้ าจเคยเป็นทีต่ ง้ั ของ “อโรคยาศาล” อันหมายถึง สถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลแห่งหนึง่ ในจำ�นวนทัง้ หมด 102 แห่ง ทีไ่ ด้ถกู สร้างขึน้ ทัว่ ราชอาณาจักรขอมระหว่างปี พ.ศ. 1723 - 1761 เพือ่ รักษาผูเ้ จ็บป่วยตามพระบรมราชโองการของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทวัดโค้กงิว้ เป็นปราสาทขนาดเล็ก เป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธนิกาย มหายาน ก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีแผนผังเป็นรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า หันหน้าไป ทาง ทิศตะวันออก มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 ประกอบด้วยสิง่ ก่อสร้าง 5 องค์ประกอบ คือ ปราสาทประธาน วิหารหรือบรรณาลัย กำ�แพงแก้ว ประตูซมุ้ และสระน้� ำ เราเดินชม ปรางค์ปราสาทวัดโคกงิว้ ทีย่ งั มีรอ่ งรอยความงดงามในอดีตหลงเหลืออยูบ่ า้ ง ชวนให้นกึ อัศจรรย์ใจว่า คนในสมัยนัน้ ไม่มอี ปุ กรณ์หรือสิง่ อำ�นวยความสะดวกในการก่อสร้างดังเช่น ในปัจจุบนั อาศัยเพียงกำ�ลังคนและช้างม้าวัวควายทีม่ อี ยู่ แต่เหตุไฉนจึงสามารถก่อสร้าง สิง่ มหัศจรรย์ดว้ ยก้อนหินขนาดมหึมาได้ถงึ เพียงนี้ จะต้องใช้จ�ำ นวนคนมากมายเพียงใด จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จงึ ได้แล้วเสร็จ หรือคนในสมัยก่อนจะมีรา่ งกายทีก่ �ำ ยำ�สูงใหญ่ จนทำ�ให้หนิ เหล่านีก้ ลายเป็นเหมือนก้อนหินก้อนกรวดเล็กๆ เบาๆ ยกได้อย่างง่ายดาย กระนัน้ หรือ ปรางค์ปราสาทเก่าหลังนีเ้ ล็กมาก เมือ่ เทียบกับปราสาทพนมรุง้ หรือปราสาท เมืองต่� ำ ปราสาททัง้ สองแห่งนัน้ คงจะต้องใช้แรงงานคนในการก่อสร้าง แรงงานสัตว์ใน การชักลากและบรรทุกก้อนอิฐก้อนหินอยูเ่ ป็นแรมเดือนหรือแรมปี มันช่างเป็นอะไรทีน่ า่ อัศจรรย์ใจเสียจริง เราออกเดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปคือ “วัดโพธิย์ อ้ ย” ซึง่ ตัง้ อยูห่ า่ งจาก ปราสาทวัดโคกงิว้ เพียง 10 นาที โดยรถยนต์ ถนนหนทางแลดูสะอาดสะอ้าน ต้นไม้ ใบหญ้าขึน้ เขียวชอุม่ สองข้างทาง ต้นไม้เหล่านีค้ งได้รบั แร่ธาตุมาจากดินทีม่ สี ว่ นผสมของ ลาวาภูเขาไฟเป็นแน่จงึ มีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนีบ้ ริเวณนีย้ งั มีความอุดมสมบูรณ์ ของสัตว์ปา่ อีกด้วย ซึง่ เมือ่ ไม่นานมานีม้ ขี า่ วคนเข้าไปหาเห็ดและของป่าแล้วถูกหมีปา่ กัด อาจเพราะอำ�เภอปะคำ�อยูใ่ กล้เขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ปา่ ดงใหญ่ เป็นพืน้ ทีป่ า่ สงวนแห่งชาติ ได้รบั การประกาศจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น “มรดกโลกทางธรรมชาติ”
19
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ต้นมะเด่ือภายในวัดโพธิ์ย้อย
พระพุทธรูปโบราณที่พบในบริเวณปราสาทวัดโคกงิ้ว
หินเสี่ยงทาย
บริเวณอนุสรณ์สถานประชาชนอีสานใต้
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 02 ไทรถเข็
ภายใต้ชอ่ื “กลุม่ ดงพญาเย็น - เขาใหญ่” ป่าดงใหญ่เป็นป่าสงวนทีอ่ ดุ มสมบูรณ์ แห่งสุดท้ายของจังหวัดบุรรี มั ย์ ทีส่ �ำ คัญยังเป็นต้นน้�ำ สำ�คัญของห้วยลำ�นางรอง และห้วยลำ�ปลายมาศอีกด้วย เขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ปา่ ดงใหญ่แห่งนี้ อยูใ่ นพืน้ ที่ ป่าสงวนแห่งชาติปา่ ดงใหญ่ ซึง่ ครอบคลุมท้องทีต่ �ำ บลนางรอง (อำ�เภอนางรอง) ตำ�บลโนนดินแดง (อำ�เภอโนนดินแดง) ตำ�บลโคกมะม่วง และตำ�บลหูท�ำ นบ (อำ�เภอปะคำ�) มีสตั ว์ปา่ และพืชพันธุน์ านาชนิด ทีไ่ ด้อาศัยป่าแห่งนีเ้ ป็นทีห่ ลบภัย ขยายพันธุแ์ ละอาศัยอยู่ ซึง่ เรือ่ งของป่าดงใหญ่น้ี คอลัมน์มหัศจรรย์ในสะบายดี บุรรี มั ย์ ฉบับที่ 23 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ได้เคยพาผูอ้ า่ น ไปกางเต็นท์ นอนดูดาวท่ามกลางอากาศหนาวเย็นกันมาแล้ว “วัดโพธิย์ อ้ ย” เป็นวัดทีม่ อี ายุไม่เก่าแก่มากนัก แต่มคี วามสำ�คัญ ด้วย เป็นทีเ่ ก็บรักษาโบราณวัตถุตา่ งๆ ทีข่ ดุ ค้นพบในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ ทับหลัง 5 ชิน้ ใบเสมา 3 แผ่น เสาศิลา 5 หลัก ชิน้ ส่วนเสากรอบประตูและฐานศิวลึงค์ อย่างละชิน้ ทับหลังที่ต้งั อยู่ทางด้านหน้าของฐานพระประธานในศาลาหลังเก่า เป็นทับหลังทีเ่ คลือ่ นย้ายมาจากปราสาทวัดโคกงิว้ ส่วนทับหลังทางด้านขวา สลัก เป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณประทับในซุ้มเรือนแก้ว แวดล้อมด้วย ลาย พันธุ์พฤกษา ทับหลังด้านซ้ายสลักเป็นภาพเล่าเรือ่ งการถวายสตรีให้กบั บุคคล ผูม้ อี �ำ นาจซึง่ อาจเป็นกษัตริยห์ รือเทพ มีภาพบุคคลนัง่ เรียงกันภายในซุม้ มีลาย พันธุพ์ ฤกษาล้อมรอบ และทีป่ ลายทับหลังทัง้ 2 ข้าง เป็นภาพมังกรหันหน้าออก คาดลายก้านต่อดอก ส่วนทับหลังทีอ่ ยูด่ า้ นหลังพระประธานด้านขวา สลักภาพ พระอิศวรทรงโคในซุม้ เรือนแก้วเหนือหน้ากาล มือทัง้ สองยึดจับทีท่ อ่ นพวงมาลัย 2 ข้าง มีลายมาแบ่งทีเ่ สีย้ วเป็นรูปบุคคลนัง่ ในซุม้ เหนือดอกบัว มีกา้ นประกอบ นอกจากนีย้ งั มีทบั หลังบนกุฏอิ กี 1 ชิน้ สลักเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ เหนือหน้ากาล มือยึดท่อนพวงมาลัย ข้างพระอินทร์เป็นภาพสิงห์ยนื ทับหลัง ทัง้ 5 ชิน้ นีส้ ร้างขึน้ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 เป็นศิลปะขอมแบบเกลีย้ ง และ บาปวน นอกจากนีแ้ ล้วยังมีโบราณวัตถุอน่ื ๆ เช่น เสาศิลาซึง่ สลักเป็นรูปโยคี ภายในซุม้ และใบเสมาทีส่ ลักเป็นรูปธรรมจักรอย่างสวยงาม ปักกระจายอยูร่ อบ อุโบสถมีชน้ิ ส่วนฐานศิวลึงค์และหลักศิลาจารึกประจำ�อโรคยาศาลอยูอ่ กี ด้วย
กระเบื้อ ในบริเวณงรอูปนนุสกรณแล์สะโซ่ที่แสดงถึงเสรีภาพ ถาน
หลักศิลาจารึกทีอ่ ยูท่ ว่ี ดั โพธิย์ อ้ ยนีเ้ รียกว่า “จารึกด่านปะคำ�” ซึง่ มีเนือ้ หาคือ จารึกด้านที่ 1 การกล่าวนมัสการเทพประจำ�โรงพยาบาล ตามด้วยสรรเสริญพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และพระเทวีพร้อมกล่าวถึงมูลเหตุทส่ี ร้าง “โรงพยาบาล” จารึกด้านที่ 2 ได้กล่าวถึงจำ�นวนเจ้าหน้าทีป่ ระจำ�โรงพยาบาลตลอดจนหน้าทีข่ องแต่ละคน จารึก ด้านที่ 3 กล่าวถึงจำ�นวนสิง่ ของเครือ่ งใช้ทพ่ี ระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้อทุ ศิ ไว้เพือ่ ใช้ใน โรงพยาบาลแต่ละแห่ง และจารึกด้านที่ 4 กล่าวสรรเสริญและอำ�นวยพรแก่พระราชา ผูไ้ ด้กระทำ�กุศล อีกทัง้ ประกาศข้อห้ามต่างๆ ในโรงพยาบาล เป็นทีน่ า่ เสียดายว่าเราไม่สามารถนำ�ภาพของทับหลังชิน้ ต่างๆ มาให้ชมได้ อย่างชัดเจน เนือ่ งจากทางวัดได้น�ำ ทับหลังมาโบกปูนตรงฐานของพระพุทธรูปในศาลา หลังเก่าเอาไว้ เพือ่ กันไม่ให้ถกู ขโมยไป และปัจจุบนั ศาลาหลังเก่าอยูใ่ นสภาพทีช่ �ำ รุด ทรุดโทรม ทางวัดจึงไม่อนุญาตให้เข้าไปถ่ายทำ� เนือ่ งจากเกรงจะเกิดอุบตั เิ หตุจากไม้ ทีห่ กั และผุ จึงได้แต่เก็บภาพรวมของศาลาหลังเก่าพร้อมทับหลังชิน้ ใหญ่มาให้ชมกัน เราเดินทางต่อไปยังอนุสรณ์สถานประชาชนอีสานใต้ ทีว่ ดั โคกเขา ตำ�บล โคกมะม่วง อนุสรณ์สถานแห่งนี้ ถูกสร้างขึน้ เพือ่ บรรจุอฐั ขิ องผูท้ เ่ี สียชีวติ จากการต่อสู้ ระหว่างกองทัพปลดแอก ประชาชนเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิต์ แห่งประเทศไทย กับ รัฐบาลเผด็จการ ในปี พ.ศ. 2519 - 2523 เพือ่ ให้อ�ำ นาจการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยคืนสูป่ ระชาชน หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 เราหยุดเพือ่ ชม ถ่ายภาพและรำ�ลึกถึงเหล่าผู้กล้าชั่วครู่ แล้วออกเดินทางต่อไป ระหว่างทางเราแวะถ่ายภาพทุง่ ดอกดาวเรืองสีเหลืองอร่ามบนพืน้ ทีน่ บั สิบไร่ พืชดอกเศรษฐกิจทีส่ ร้างได้มหาศาลให้กบั บรรดาเกษตรกรผูป้ ลูก อีกไม่กว่ี นั ทุง่ สีเหลือง เรืองรองแห่งนีก้ จ็ ะถึงฤดูเก็บเกีย่ ว เหลือเพียงสีเขียวชอุม่ รอเวลาทีด่ อกตูมจะเบ่งบาน และเวียนกลับมาเป็นทุง่ ดอกดาวเรืองสีทองอีกครัง้ หลังจากเก็บภาพบรรยากาศทุ่งดาวเรืองสีเหลืองทองอร่าม นับสิบๆ ไร่ กันเป็นทีเ่ รียบร้อย เราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดมุง่ หมายสุดท้ายในการเดินทางวันนี้ “ฝายปะคำ�”
มหัศจรรย์แห่งท้องนา ณ ห้วยแสงเหนือ มหัศจรรย์เมืองแปะ
21
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
9
ศาลาหลังเก่าซึ่งเป็นที่เก็บ ทับหลังหลายแผ่นของวัดโพธิ์ย้อย
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 22 ไทรถเข็ เราออกเดินทางกันต่ออีกไม่เกิน 10 นาที ก็มองเห็นวิวฝาย
และสายน้�ำ ทอแสงเป็นประกายระยิบระยับ ยามเมือ่ เกลียวคลืน่ กระทบ แสงอาทิตย์ทม่ี เี หลืออยูน่ อ้ ยนิดบนท้องฟ้า ด้วยเมฆฝนเริม่ เกาะกลุม่ กัน เป็นก้อน เตรียมตัวกลัน่ ลงมาเป็นหยดน้�ำ ฝนไหลเย็น คืนความชุม่ ชืน้ ให้กบั ผืนป่าและบรรดาต้นไม้ใบหญ้าได้ หวิว หวิว... สายลมเย็นเอือ่ ยเฉือ่ ยฉิว พัดปลิวเส้นผม ให้ พลิว้ ไหว เหมือนกำ�ลังเต้นระบำ�ในบทเพลงของสายลมทีบ่ รรเลงยามที่ อากาศเป็นใจเช่นนี้ ไม่นานนัก เราก็ถงึ ทีห่ มาย “ฝายปะคำ�” “ฝายปะคำ�” หรือ “หน่วยส่งบำ�รุงและรักษาน้ำ�ลำ�ปลายมาศ” ตัง้ อยูบ่ น ตำ�บลโคกมะม่วง อำ�เภอปะคำ� ซึง่ เป็นฝายคอนกรีตทดน้�ำ ขนาดใหญ่ทส่ี �ำ คัญของชาวอำ�เภอปะคำ� เพือ่ ใช้ในการเกษตรเพาะปลูก พืชผักนานาชนิดแล้วยังเป็นแหล่งทำ�มาหากินของชาวบ้านทีจ่ ะพากัน แวะเวียนมาหว่านแห และจับปลาอยูเ่ สมอ ตรงขอบฝายปะคำ�แห่งนี้ มีดา้ นหนึง่ เป็นลักษณะเนินสูงเหมือนกับหลังเต่า มีโขดหินทีเ่ ป็นเพิงผา และเป็นโพรงลึกเข้าไปด้านใน ชาวบ้านแถบนีพ้ ากันเรียกว่า “ถ้ำ�เป็ด ทอง” และบริเวณถ้�ำ แห่งนีน้ เ่ี องทีเ่ ป็นทีเ่ ก็บซ่อนจารึก 3 แผ่น อยูบ่ น ผนังถ้ำ�ด้านนอกอันเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์สุวรรณภูมิ (southeast asia) ทีส่ �ำ คัญแห่งหนึง่ ในอีสานและสองฝัง่ โขง สมัยก่อนถ้ำ�เป็ดทองยังคงเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำ�คัญทาง ประวัตศิ าสตร์และเป็นทีน่ า่ คลัง้ ไคล้ของนักโบราณคดี เนือ่ งด้วยผนังถ้�ำ ด้านนอกของถ้�ำ เป็ดทอง มีการจารึกอักษรปัลลวะของอินเดียใต้ เป็น ภาษาสันสฤต ซึง่ นักวิชาการสันนิษฐานว่าทำ�ขึน้ ราวๆ หลัง พ.ศ. 1100 โดยคำ�สัง่ ของเจ้าชายจิตรเสนทีต่ อ่ ไปจะเสวยราชย์เป็นกษัตริยก์ มั พูชา ในพระนาม “มเหนทรวรมัน” แต่เป็นทีน่ า่ เสียดายอย่างยิง่ เมือ่ มีการสร้างฝายทดน้� ำ จึง ทำ�ให้น�ำ้ ล้นเข้าท่วมบริเวณทางเข้าออกถ้�ำ แห่งนี้ ทำ�ให้ไม่มผี ใู้ ดสามารถ เข้าไปชมร่องรอยประวัตศิ าสตร์ ถ้�ำ โบราณและจารึกแห่งนีอ้ กี เลย หลังจากที่เก็บบรรยากาศและสูดอากาสบริสุทธิ์กันอย่าง เต็มปอดแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางกลับกันดีกว่า ฉบับหน้ามหัศจรรย์ เมืองแปะ จะพาทุกท่านไปค้นพบสถานทีท่ อ่ งเทีย่ วทีส่ วยงามทีใ่ ดนัน้ อย่าลืมติดตามอ่านกันให้ได้นะคะ สวัสดีคะ่
ปะคำ� มหัศจรรย์เมืองแปะ
23
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ฝายปะคำ� หรือ “หน่วยส่งบำ�รุงและรักษาน้�ำ ลำ�ปลายมาศ”
24
ปะคำ� มหัศจรรย์เมืองแปะ
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 42 ไทรถเข็
ปากทางเข้าถ้ำ�เป็ดทอง
อนุสรณ์สถานประชาชนอีสานใต้
วินยั เหล็ก 10 ข้อ กองทัพปลดแอก ประชาชนแห่งประเทศไทย
Pakham : Land of Ancient sanctuary and Lintels It was a cloudy morning when we kicked off. The rain was about to hit. Our destination is Pakham (pronounced [pa. kham), a district in the southwestern part of Buriram. Taking a trip to Pakham is not hard. Just take the road no. 208 from Buriram to Nangrong and then turn left to take the road no. 2118 from Nangrong to Pakham. The first place we visited was Prasat Wat Khok Ngiew (Khok Ngiew Sanctuary/ปราสาทวัด โคกงิว้ ) in Pakham subdistrict. We got into the church to see 2 Buddha images made of bronze at the size of about 8 x 12 inches. In the year 2007 there was news widely spread that these Buddha images bobbed up in the nearly-dry swamp of the temple. Thousands of people who got the information came to worship the images and took some water from the swamp to drink and bathe to relieve their il ness. At the back of the temple was a ruined pagoda, supposed to be one of 102 Arokhayasan (อโรคยาศาล) or the hospitals in the period of King Jayavarman 7 of Cambodia,
ทุ่งดอกดาวเรือง
constructed during the year 1180-1218. From the debris seen, we can imagine that in the past it was one of the beautiful pagodas. The next place for this trip is Wat Pho Yoi which is about 10 minutes by car from the first stop. At this temple many pieces of ancient things were displayed: 5 lintels, 3 battlements, 5 stone pil ars, and each of the frame post and the base of Siwa Leung. We were told that the lintels were transported from Ban Khok Prasart sanctuary or Ban Khok Ngiew sanctuary, 3 kms in the northern part of Pakham . All lintels were made in 16th century in the Plain and Papuan styles of Khmer art. Moreover, there are many other interesting things waiting for your visit such as stone inscriptions which its contents are mostly about medical in the past. Our next visit was the South Isan People Memorials which is situated in Khokkhao Temple, Khok Mamuang subdistrict. It was constructed as a stupa of the peo who died during 1976 - 1980 from the fight for demorcracy with the authoritarian government at that time. After a visit to Wat Pho Yoi we then went straight to a marigold garden to take some photos for Sabaidee fans. On a very big piece of land, planting marigold trees becomes a new and successful career that makes a lot of income for the vil agers. After a short visit we hurriedly drove forward to the next destination. What I can tell you now is that it is a good place that you would want to see. Bye for now.
4 สวนน้ำ�หรรษา ท้าลมร้อนในบุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดีบุรีรัมย์
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
แอด สยามคิดดี
22
ทุ่งปอเทือง
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 62 ไทรถเข็
The Royal
ฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
In - Kham Samosorn กรอบนอก นุ่มใน หอมกลิ่นใบเตย รสชาติหวานมัน
ขนมฝักบัว
คุณชลิต มณีวรรณ ในสมัยทีผ่ เู้ ขียนยังเป็นเด็กๆ พอได้ยนิ ชือ่ “ขนมฝักบัว” เมือ่ ไร... เมือ่ นัน้ ... แถมคิดไปอีกว่า ขนมฝักบัวจะต้องมีสว่ นผสมของเม็ดบัว หรือส่วนใด ส่วนหนึง่ ของดอกบัวอย่างแน่นอน เวลาจะทานก็เฝ้า มองหาว่าเม็ดบัวอยูต่ รงไหน พอโตขึน้ มาจึงได้รวู้ า่ ทีม่ า ของชือ่ ขนมฝักบัวนัน้ มาจากรูปทรงอันกลมๆ เล็กๆ ขอบบาง ตรงกลางหนาคล้ายกับดอกบัวบานนัน่ เอง เด็กในยุคสมัยนี้ หลายคนอาจไม่รจู้ กั ขนมฝักบัว ด้วยว่า หาทานยากขึน้ ไม่คอ่ ยมีทอดขายมากมายหลายแห่ง เหมือนในอดีต ทีส่ �ำ คัญยิง่ ยุคสมัยเปลีย่ นไป คนทีจ่ ะ สืบทอดและมีความสามารถในการทำ�ขนมโบราณ ก็นอ้ ยลงไปเรือ่ ยๆ อีกทัง้ วัฒนธรรมฝรัง่ ทีเ่ ข้ามาอย่าง เต็มตัว ทำ�ให้เด็กยุคใหม่หนั ไปให้คณุ ค่าอาหารการกิน แบบฝรัง่ มังค่ามากขึน้ รูจ้ กั แต่พซิ ซ่า แฮมเบอร์เกอร์ กันเป็นส่วนใหญ่ วันนีส้ ะบายดี บุรรี มั ย์ จะขอย้อนยุค
พาท่านผู้อ่านทุกท่านไปทำ�ความรู้จักกับขนมฝักบัว เจ้าเก่า เจ้าอร่อย ทีย่ งั คงความเป็นต้นตำ�รับโดยใช้สตู ร ดัง้ เดิมมาตัง้ แตสมัยโบราณ “ฝักบัวอินทร์-คำ� สโมสร” หรือทีล่ กู ค้าเรียก จนติดปากว่า “ฝักบัวหน้าสระว่ายน้ำ�” เพราะขายอยูท่ ่ี หน้าสระว่ายน้�ำ เทศบาลเมืองบุรรี มั ย์ โดยมีคณุ อาทิตย์ และคุณรมิดา มณีวรรณ เจ้าของร้านรุน่ ปัจจุบนั เป็น ผูส้ บื ทอดความอร่อยมาจากรุน่ คุณปูอ่ นิ ทร์ - คุณย่าคำ� มณีวรรณ และคุณต้อย - ทองสุข งามเจริญ มากว่า 60 ปีแล้ว คุณอาทิตย์และคุณรมิดาจะคอยผสมแป้ง ตามสูตรทีเ่ ป็นมรดกตกทอดและให้ลกู ชายทัง้ 2 คน น้องตี๋ - นายชลิต และน้องทศ - ณณฐ มณีวรรณ ช่วยกัน นำ�ไปทำ�ขาย ส่งมอบความอร่อยให้กบั ลูกค้า นอกจาก สร้างรายได้พิเศษแล้ว ยังเป็นการสืบทอดขนมฝักบัว สูตรโบราณไว้ให้คนรุน่ หลังได้ชมิ กันอีกด้วย
สลัดโรว์ การทำ�ขนมฝักบัวไม่ได้ง่ายอย่างที่เราเห็น เวลาไปซือ้ ขนมฝักบัวหลายๆ คนคงเคยรูส้ กึ สนุก คิด อยากจะลองทอดบ้าง ดูไม่นา่ จะยาก แต่วา่ ทีจ่ ริงแล้ว ไม่งา่ ยเลย ต้องใช้ความอดทน ความเป็นมืออาชีพและ มีใจรักในการทำ�ขนม เพราะต้องใส่ใจทุกรายละเอียด เริม่ ตัง้ แต่การคัดสรรวัตถุดบิ ในการทำ�ขนม แช่ขา้ วสาร ให้ออ่ นตัว นำ�ใบเตยมาล้างให้สะอาด ตัดหัวตัดท้าย แล้วปั่น นำ�น้ำ�ใบเตยและกากที่ปั่นได้ไปโม่พร้อมกับ ข้าวสารทีแ่ ช่แล้วให้ละเอียด ใส่ถงุ ผ้าแล้วใช้ของหนัก มาวางทับทิง้ ไว้ตลอดทัง้ คืน เพือ่ ให้ได้สว่ นทีเ่ รียกกันว่า “แป้ง” แล้วนำ�แป้งสีเขียวทีไ่ ด้ มานวดผสมกับน้�ำ ตาล ในตอนเช้าของอีกวันแล้วพักแป้งไว้รอทอดในตอนเย็น สิง่ ทีท่ �ำ ให้ลกู ค้าติดใจในฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร ก็คอื รสชาติความอร่อยกลมกล่อมลงตัวไม่หวานจนเกินไป เป็นความอร่อยทีไ่ ม่เคยเปลีย่ น จากรุน่ สูร่ นุ่ จนถึงปัจจุบนั
28
ฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร กาลครั้งหนึ่ง
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 82 ไทรถเข็
คุณอาทิตย์ มณีวรรณ
Phakbua In-Kham Samosorn
เตาโม่แป้ง
คุณณณฐ มณีวรรณ
ขนมฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร เปิดขายอยูท่ ห่ี น้าสระว่ายน้�ำ เทศบาล แต่ชว่ งหน้าร้อนทีผ่ า่ นมาอากาศร้อนหนักหนาสาหัส ต้องนัง่ อยูห่ น้ากระทะร้อนๆ แถมบางวันยังเจอพายุฝนฟ้าเข้าอีก ก็เลยย้ายไปขายอยูท่ ถ่ี นนคนเดินเซราะกราว ช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 16.00 - 22.00 น. หน้าหนาวย้อนกลับมาเมือ่ ไหร่ ก็จะกลับไปนัง่ ทอดฝักบัวขายทีห่ น้าสระว่ายน้�ำ อีกครัง้ ท่านใดทีอ่ ยากจะสัง่ ขนมฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร สำ�หรับงานนอกสถานทีก่ ม็ บี ริการนะคะ โทรสอบถามข้อมูลได้ทหมายเลข 081 - 718 6496 และ 086 - 721 2588 ขนมไทยสูตรโบราณหาทานยาก อย่าลืมมาทานกันให้ได้นะคะ
Crispy outside, soft inside, sweetie and creamy with pandan flavor Phakbua is a kind of Thai sweet, a favorite for Thai people in the old day. It is made of rice flour, coconut milk, sugar and pandan leaves for its flavour. Nowadays a lot of children do not know it and some have never tasted it. In - Kham Samosorn Phakbua has been made for sale for more than 60 years. Khun Arthit and Khun Ramida Maneewan have made the mixture with the original formular received from their parents. Their children, Tee - Chalit, and Tod - Nanod fry and sell it. Before, they served it in front of the swimming pool near the tennis court, but it has been moved to Sroew Ground walking street and served only on weekends from 4 - 10 p.m. Call 081 - 718 6496 or 086 721 2588 for more information.
Contact
ตำ�ถาด
ร้านถั่วทอด เกี๊ยวกรอบ โรงเรียนอนุบาล ตัง้ อยูต่ รงสามแยกก่อนถึงร้านซาซากิ เยือ้ งโรงเรียนอนุบาลบุรรี มั ย์ ร้านเปิดทุกวัน จันทร์ - ศุกร์ 9.00 - 16.30 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 9.00 - 20.00 น. โทร : 088 371 3762
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 03 ไทรถเข็
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
Art Gallery: Souvenir: Art workshop
Watercolor FOR KIDS
เปนที่รวมการจัดแสดงงานสีน้ำ งานศิลปะ โปสการด ของที่ระลึก งานออกแบบดีไซนแปลกๆที่หายากจากนักออกแบบ สินคาทองถิ่นที่คัดสรรแลว หนังสือภาพสวยๆ อุปกรณงานศิลปะ
ความถนัดทางสถาปตย
พบกับหลักสูตร คอรสสีน้ำสำหรับเด็ก (Watercolor for kids) การทำความคุนเคยกับสีน้ำ การควบคุมมือในการลงสีน้ำงายๆ การเรียนรูลักษณะเดนของสัตวตางๆ ดอกไม คน สนุกๆกับภาพสีไหล การลงสี Animal colourful, Easy Composition ความถนัดทางสถาปตย เนนการรับรูและการมองอยางมีจินตนาการ, การจัดองคประกอบและทฤษฎีทางศิลปะและสถาปตยกรรม, การฝกทักษะการวาดภาพและกระบวนการออกแบบ
"มาลองเขียนสีน้ำ แลวคุณจะรักสีน้ำ "
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ สีน้ำอะเตอลิเยร ในโครงการ Buriram Castle
Facebook; Srinam Artelier Tel 086-245-8552(พี่น้ำ), 062-325-8552(อ.พร)
Watercolor And Sketching
ภาพเก่าเล่าเรื่อง วิวัฒน์ โรจนาวรรณ/ โครงการตามหาเมืองแป๊ะ/www.facebook/”Wiwat Rojanawan”
การล้างป่าช้าและเก็บศพไร้ญาติ ภายใต้เทวบัญชาของ “โป๊ยเซียนโจวซือ” ภาพเก่าเล่าเรื่องในฉบับนี้ เป็นตอนต่อจาก ฉบับที่ 29 ที่ได้นำ�ภาพถ่ายขาวดำ� ซึ่งถ่ายขึ้นเมื่อ 54 ปีก่อน มาตีพิมพ์ เพราะต้องการให้คนรุ่นนี้ ได้เห็น วิถีชีวิตของชาวจีนในตัวเมืองบุรีรัมย์ ตลอดจนสภาพ บ้านเรือนของเมืองเราในช่วงนั้น หลังจากแจกนิตยสารได้ไม่นาน มีบางท่าน สอบถามมาว่า วิธีการลางป่าช้าหรือขุดศพไร้ญาตินั้น ทำ�อย่างไร และลงมือกระทำ�โดยผู้ใด ดังนั้น “ภาพเก่า เล่าเรื่อง” ฉบับนี้ จึงนำ�ภาพถ่ายในชุดเดียวกัน แต่มี มุมถ่ายต่างกัน รวมทัง้ ได้เขียนถึงสิง่ สำ�คัญของการเก็บ ศพไร้ญาติ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งหนึ่ง คำ�ว่า “ล้างป่าช้า” หมายถึง การขุดศพ ที่ฝังอยู่ใต้สุสานของวัดขึ้นมา แล้วทำ�พิธีทางศาสนา ให้กับศพเหล่านั้น เป็นศพที่ฝังไว้นาน ถูกปล่อยปะ ละเลย และไม่มีญาติของผู้ตายมาดูแลเซ่นไหว้ เป็น เวลานาน หรืออีกทางหนึ่ง เนื่องจากพื้นที่ของป่าช้า แน่นหรือเต็ม จนศพรายต่อๆ ไป ไม่มีที่ฝัง จึงต้อง มีการขุดศพออก เพื่อให้สุสานมีพื้นที่ว่างสำ�หรับการ บรรจุศพรายใหม่หรือทางวัดที่ต้องการพื้นที่สำ�หรับ การก่อสร้างอาคารใหม่ ซึ่งการ “ล้างป่าช้า” แบบที่ เล่าไว้ข้างต้น เกิดขึ้นกับวัดวาอารามทั่วๆ ไป แต่สำ�หรับ “การล้างป่าช้าและเก็บศพที่ ไร้ญาติ” ในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2504 นั้น ได้ดำ�เนินการโดย “มูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน” ซึ่ง
2
31
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ภาพเก่าเล่าเรื่อง 1 เป็นองค์กรศาสนาของชาวจีนโพ้นทะเลในจังหวัด บุรีรัมย์ที่นับถือลัทธิเต๋า และ “โป๊ยเซียนโจวซือ” หรือ “เทพแปดเซียน” นายณรงค์ ธำ�รงค์อนันต์สกุล หรือ “เหล่าซืออ๋า” รองประธานคณะกรรมการมูลนิธิ สว่างจรรยาธรรมสถาน จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็น ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบด้านพิธีกรรมทางศาสนาของ มูลนิธแิ ห่งนี้ เปิดเผยว่าการเก็บศพไร้ญาติทจ่ี งั หวัด บุรรี มั ย์ ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2504 จนถึง
พล่าปลาแซลมอน
ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ. 2548 ดำ�เนินการภายใต้กรอบ ของลัทธิเต๋าและดำ�เนินการภายใต้เทวบัญชา “โป๊ยเซียนโจวซือ” ซึ่งมีขั้นตอนการดำ�เนินการ ที่สืบต่อกันมาจากประเทศจีน อันมีผู้นำ�เข้1ามา ปฏิบตั กิ ารครัง้ แรกทีอ่ �ำ เภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2466 จากนั้นจึงมีการนำ�มาปฏิบัติ เป็นแบบเดียวกันในเครือข่าย “เม้ง” ทั่วประเทศ เหล่าซืออ๋ายังบอกอีกว่าทุกเครือข่าย “เม้ง” จะต้องยึดแนวทางเดียวกัน คือ นับถือ “โป๊ยเซียนโจวซือ” ที่มีทั้งหมด 8 องค์ เป็นหลัก ซึ่งจะต้องใช้ค�ำ สวดภาษาแต้จว๋ิ จะต้องมีกระถาง ละอองธูปขององค์ท่านโป๊ยเซียนโจวซือจะต้อง
3
32
ภาพเก่าเล่าเรื่อง วิวัฒน์ โรจนาวรรณ/ โครงการตามหาเมืองแป๊ะ/www.facebook/”Wiwat Rojanawan”
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 2มี 3“ไม้ก”่ีไทรถเข็ ที่ทำ�จากไม้หลิวหรือไม้ทับทิม และจะต้องมีพิธี
เข้าทรงเพือ่ รับ “เทวบัญชา” ก่อนออกปฏิบตั งิ าน โดยเฉพาะ ในงานล้างป่าช้าเก็บศพไร้ญาติ ก็จะมีขั้นตอนปฏิบัติงาน โดยเฉพาะอีกหลายขั้นตอน ไม่สามารถเล่าอย่างละเอียด ได้ในพื้นที่ตรงนี้ นอกจากนี้เหล่าซืออ๋าบอกอีกว่า ผู้ที่ต้องการ กราบไหว้ “โป๊ยเซียนโจวซือ” ให้ไปไหว้ขอพรได้ที่ชั้น 2 ของอาคาร มูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน จังหวัดบุรีรัมย์ ถ.สมรรถการ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เวลา 08.00 -17.00 น. ของทุกวัน.
คำ�บรรยายภาพ
2
4
หลังจากเสร็จสิน้ จากการขุดศพไร้ญาติมาตลอดทัง้ วัน ตรงกลางของภาพจะเห็น มีคนยกสิง่ ของทีด่ เู หมือนตะกร้าไม้ ซึง่ ภายในตะกร้านัน้ จะบรรจุ “กี”่ ไว้ 1 ชิน้ ตอนใช้งานจะต้องให้ผู้ชาย 2 คนถือไม้กี่นี้ไว้คนละข้าง “ก่ี” เป็นเครื่องมือ ติดต่อระหว่างมนุษย์กับ “โป๊ยเซียนโจวซือ” การติดต่อกันระหว่างคนกับ เทพเจ้า จะต้องเริ่มต้นโดยมนุษย์ 2 คนนี้ สวดมนต์วิงวอนต่อ “โป๊ยเซียน โจวซือ” เมื่อ “โป๊ยเซียนโจวซือ “ ลงมาประทับยังร่างทรง 2 คนที่ถือ “กี่” คนละข้างนี ้ โดยเขียนเป็นอักษรจีนแล้วต้องมีคนอ่า5นอักษรจีนดังกล่าวดังๆ เป็นการบอกว่า “โป๊ยเซียนโจวซือ” มีโองการและคำ�บัญชาให้ดำ�เนินการ อย่างไรต่อไป ภาพที่ 5 : ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าตอนนี้ “โป๊ยเซียนโจวซือ” เข้า คนถือไม้กี่ หรือคนทรงเรียบร้อยแล้ว การชูไม้กี่ขึ้นเหนือศรีษะนั้นแสดงว่า “โป๊ยเซียน โจวซือ” กำ�ลังจะก้าวยังตำ�แหน่งที่องค์เจ้าเห็นว่ามีสิ่งปกติเกิดขึ้น อาจจะมี “ซากศพ” อยู่ตรงใดตรงหนึ่งของบริเวณบ้านหรือมิฉะนั้นก็เป็นการสำ�รวจ บ้านเรือนตามปกติทเี่ จ้าของบ้านได้ตงั้ โต๊ะอัญเชิญไว้หน้าบ้าน (ภาพนีถ้ า่ ยไว้ ในช่วงเดียวกันของการล้างป่าช้าเพื่อเก็บศพไร้ญาติครั้งแรกของจังหวัด บุรีรัมย์ในปี พ.ศ. 2504) ภาพที่ 6 : ร่างทรงพร้อมกับไม้กี่และคณะผู้ติดตามเดินทางไปสำ�รวจ ณ บริเวณสถานีรถไฟบุรรี มั ย์ในช่วงของการล้างป่าช้าเพือ่ เก็บศพไร้ญาติครัง้ แรก ของจังหวัดบุรีรัมย์ ในปี พ.ศ. 2504 ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถสืบทราบได้ว่า การเก็บศพไร้ญาติครั้งแรกนี้กินเวลากี่วันตั้งแต่วันและเดือนไหนบ้าง เมื่อ ทราบแล้วจะมาเล่าสู่การฟังในโอกาสต่อไป
ภาพที่ 1 : กะโหลกศพไร้ญาติที่ถูกขุดขึ้นมาจากหลุมศพในวัดต่างๆ ในเขต จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2504 ซึ่งทาง มูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน จังหวัดบุรรี มั ย์และชาวบุรรี มั ย์ ได้จดั การล้างป่าช้าเพือ่ เก็บศพไร้ญาติมาทำ�การ ฌาปนกิจ ตามภาพเป็นกะโหลกทีไ่ ด้รบั การทำ�ความสะอาดและเตรียมนำ�เข้า เมรุ เพื่อทำ�พิธีทางพุทธศาสนาต่อไป ภาพที่ 2 : ในภาพนี้จะเห็นกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่เป็นสตรีหลายวัยนั่งทำ� ความสะอาดกระดูกส่วนต่างๆ ของ ศพไม่มญี าติ ทีข่ ดุ ได้จากวัดต่างๆ ในเขต จังหวัดบุรรี มั ย์ ซึง่ ดำ�เนินการโดย มูลนิธสิ ว่างจรรยาธรรมสถาน จังหวัดบุรรี มั ย์ หรือ “เซียนซือตั๊วบุรีรัมย์” ภายใต้เทวบัญชาของ “โป๊ยเซียนโจวซือ” ซึ่ง ปฏิบัติตามความคติเชื่อของ “ลัทธิเต๋า” ของชาวจีนโพ้นทะเลที่มาอาศัยอยู่ ในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2504 ส่วนบริเวณที่เห็นในภาพถ่ายคือบริเวณ สามแยกโรงแรมแกรนด์ต่อเนื่องไปจนถึงรางรถไฟ ภาพที่ 3 : ที่เห็นอยู่ในอ้อมแขนของสตรีในภาพ คือ ศพกุมารทอง หรือ ศพทีย่ งั ไม่เน่าสนิท ทีข่ ดุ ขึน้ มาจากหลุมศพภายในวัดแห่งหนึง่ ครัง้ ทีม่ กี ารล้าง ป่าช้าเมือ่ ปี พ.ศ. 2504 โดย “โป๊ยเซียนโจวซือ” เข้าทรงผ่านร่างทรงผูถ้ อื ไม้ “ก่ี” 2 คน จากนั้นก็จะพาไป “ชี้” ยังพื้นดิน เมื่อขุดดินลงไปมักจะพบกับ “ซากศพ” เสมอๆ ส่วนสตรีทา่ นนีโ้ อบอุม้ ซากศพซึง่ ย่อมมีกลิน่ ไม่พงึ ปรารถนา แบบไม่แสดงอาการรังเกียจ เนื่องจากมั่นใจว่าจะต้องได้รับ “บุญใหญ่” ใน วันหน้า จากการนำ�ซากศพไม่มญี าติเหล่านีไ้ ปทำ�ความสะอาดและไปเผาตามพิธี ทางพุทธศาสนาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ภาพที่ 4 : จากภาพนี้ จะเห็นชายและหญิงกลุ่มหนึ่ง หน้าตาบอกชัดเจนว่า เป็นคนเชือ้ สายจีน ถ่ายภาพร่วมกันภายในป่าช้าของวัดแห่งหนึง่ ในเมืองบุรรี มั ย์
6
เจ้าของภาพทั้งหมด : มูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน จังหวัดบุรีรัมย์
5
2
6
ภาพเก่าเล่าเรื่อง วิวัฒน์ โรจนาวรรณ/ โครงการตามหาเมืองแป๊ะ/www.facebook/”Wiwat Rojanawan”
35
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
Buriram Update
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 43 ไทรถเข็
“สนามช้างฯ” สานต่อ ความยิง่ ใหญ่ “บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์” ปี2 นักบิดชัน้ นำ�เมืองไทย ร่วม100 คน ตบเท้าชิง ตัว๋ “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์” “ช้างฯ เซอร์กติ ” สนามแข่งระดับโลกของเมืองไทย สานต่อ ความสำ�เร็จศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย “บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปีย้ นชิพ” ปีท่ี 2 ตัง้ เป้าหมายผลักดันนักกีฬาไทยก้าว สูร่ ะดับสากล มอบสิทธิไ์ วด์การ์ด “เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์” แก่แชมป์ประจำ� ปี เตรียมดวลความเร็ว 4 สนาม ออกสตาร์ทเรซแรก 2-3 กรกฎาคม นี้ ยอดนักบิดชัน้ นำ�ของไทยกว่า 100 คน ตบเท้าเข้าร่วมการแข่งขัน พร้อมรุกตลาดออนไลน์เต็มสูบหวังขยายกลุม่ เป้าหมาย และเข้าถึงแฟน ทุกกลุม่ โดยในฤดูกาล 2016 จะดวลความเร็วทัง้ สิน้ 4 สนาม เปิด ฉากสนามแรกในวันที่ 2-3 มิถนุ ายนนี,้ สนาม 2 วันที่ 13-14 สิงหาคม นี,้ สนาม 3 วันที่ 10-11 กันยายนนี้ และสนาม 4 วันที่ 19-20 พฤศจิกายนนี้ ซึง่ ทัง้ หมดจะชิงชัยกันที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชัน่ แนล เซอร์กติ จ.บุรรี มั ย์ สำ�หรับ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปีย้ นชิพ 2016 จะ ดวลความเร็วสนามแรกระหว่างวันที่ 2-3 กรกฎาคมนี้ ทีส่ นาม ช้าง อินเตอร์เนชัน่ แนล เซอร์กติ จ.บุรรี มั ย์ โดยจะถ่ายทอดสด ออนไลน์ผา่ นเว็บไซต์ www.bric.co.th ด้วยระบบสตรีมมิง่ ผ่านยู ทูป ชาแนล www.youtube.com/bricchannel และทางเฟสบุก๊ แฟนเพจ www.facebook.com/BuriramUnitedInternationalCircuit
เทศกาลมอเตอร์สปอร์ตสุดยิง่ ใหญ่ “บุรรี มั ย์ เฟสติวลั ออฟ สปีด 2016” มีควิ ดวลความเร็วระหว่างวันที่ 10-12 มิถนุ ายนนี้ ทีส่ นามช้าง อินเตอร์ เนชัน่ แนล เซอร์กติ จ.บุรรี มั ย์ โดยรวบรวม 4 รายการใหญ่ของเอเชียมาไว้ในสุด สัปดาห์น้ี ได้แก่ จีที เอเชีย ซีรสี ,์ ทีซอี าร์ เอเชีย ซีรสี ,์ เอเชียน ฟอร์มลู า่ เร โนลต์ และ เรโนลต์ คลีโอ คัพ ไชน่า ซีรสี ์ สำ�หรับ บุรรี มั ย์ เฟสติวลั ออฟ สปีด ซึง่ จัดขึน้ เป็นครัง้ ที่ 2 ได้รบั ความสนใจจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตอย่างมาก ขณะทีก่ ารแข่งขัน จีที เอเชีย ซีรสี ์ 2016 สนามถัดไปจะโยกไปดวลความเร็วที่ สนามโอกายาม่า อินเตอร์เนชัน่ แนล เซอร์กติ ประเทศญีป่ นุ่ ระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคมนี้
BURIRAM’S BEST BUYS นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ตึกแถวบ้านหนองโพรง 2 ห้องนอน 2 ห้องน้� ำ 1 ห้องครัว พร้อมพืน้ ทีซ่ กั ล้าง ทีจ่ อดรถ แถมฟรี ปัม๊ น้�ำ และถังน้�ำ ใกล้หา้ งสรรพสินค้าต่างๆ ทางสัญจรหลายทาง โทร คุณสุชาดา 088 803 8231 คุณก้อง 086 879 9931
ขาย
บ้านพร้อมอยู่ ใกล้สนามช้าง 3 ห้องนอน 2 ห้องน้� ำ 1 ห้องครัว พร้อมเฟอร์นเิ จอร์ ห้องรับแขก ใกล้สนามช้าง อินเตอร์เนชัน่ แนล เซอร์กติ โทร คุณมยุรี ประดับวิทย์ 098 014 6882 คุณก้อง 086 879 9931
ขาย
สนใจลงโฆษณาขาย/เช่า บ้าน ที่ดิน ห้องพัก โรงแรม อพาร์ทเมนต์ คอนโด โทร. 087 4588547 คุณโจ้ 085 6121010 คุณก้อย
12ราศี
เปิดดวง
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 63 ไทรถเข็
ประจำ�เดือนมิถุนายน 2559
- ประสบการณ์การตรวจดวงตั้งแต่อายุ 16 ปี
- ปัจจุบันอยู่สังกัดของเว็บไซต์ ญาณเทพ (www.yantep.com) - ปี 2558 ติดอันดับ 57 หมอดูระดับพระกาฬ ในนิตยสารแพรว (fortune) - รับจองคิวตรวจดวงทุกวันทาง
ราศีพฤษภ (15 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน)
ราศีเมษ (14 เมษายน – 14 พฤษภาคม)
การงาน มีเกณฑ์คิดทีจ่ ะเปลี่ยนงานใหม่ คุณจะมี เพือ่ นร่วมงานคอยพึง่ พาอาศัยคุณอยู่ ถ้าหนักเกินไป ให้ปฎิเสธบ้าง การเงิน ระวังจะหมดไปกับการเข้าสังคม งานสังสรรค์ รายจ่ายยาวเป็นหางว่าว ทำ�ให้คณุ หงุดหงิดได้งา่ ยๆ ความรัก ระวังการพูดจาใส่อารมณ์กับคนรัก อาจ เกิดปัญหาที่ยากจะแก้ไข คนโสดช่วงนี้มีเสน่ห์
การงาน เจ้านายเห็นผลงาน ลงทุนเห็นกำ�ไร อนาคต อันใกล้คุณจะได้รับข่าวดีจากความมานะของคุณ การเงิน มีโอกาสได้เงินมาแบบฟลุคๆ ระวังสุขภาพ ที่เกิดจากการทานอาหาร หรือทานมากเกินไป ความรัก เรียบง่ายไม่มปี ญั หาหนักหนาคาใจ เป็น เดือนทีเ่ หมาะแก่การหาทริปท่องเทีย่ ว พักผ่อน ทำ�บุญ
ราศีกรกฎ (17 กรกฎาคม – 16 สิงหาคม)
การงาน เป็นเดือนที่คุณจะเริ่มวางแผนทำ�อะไร หลายๆ อย่างผุดขึน้ มามากมาย คิดให้ชา้ รอบคอบ จะช่วยคัดสรรงานที่ดีให้คุณ การเงิน เป็นช่วงเวลาทีย่ งั ไม่เหมาะจะเริม่ ลงทุนใดๆ ความรัก ต่างคนต่างยุง่ อาจห่างกันซักพัก คนโสด มีความสุขกับชีวติ ส่วนตัวและเพือ่ นฝูง คนมีครู่ ะวัง มีปากเสียงกันเพราะความเข้าใจผิด
การงาน การงานเดือนนีจ้ ะสร้างความน่ารำ�คาญใจให้ กับคุณ การอดทนให้ผ่านไป เป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่เหมาะที่จะเปลี่ยนงานใดๆ ในระยะนี้ การเงิน หมดไปกับการเสาะแสวงหาที่เที่ยว ที่กิน และการจ่ายหนี้สิน ความรัก มีโอกาสได้เจอใครใหม่ๆ สำ�หรับใครที่ คุยเผื่อเลือก หรือกำ�ลังคบหลายคน ระวังรถไฟ จะชนกัน หรืออาจถูกจับได้ให้ระวัง
ราศีมังกร ( 15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์)
การงาน ระวังถูกตำ�หนิ หรือเกิดความผิด พลาดในงาน รอบคอบอย่าประมาท คุณอาจท้อถอย กับงานได้งา่ ยๆ หากใครกำ�ลังเรียนระมัดระวังเกรด ตก ขยัน ตั้งใจ และมีสติจะช่วยให้ดีขึ้น ความรัก ใครทีม่ คี นรัก หรือกำ�ลังคุย คุณอาจได้พบกับ คนใหม่ หรือความรักใหม่ ใครไม่อยากนอกใจ ระวัง อย่าให้ความหวังใครเด็ดขาด คนโสดสนุกกับการอยู่ คนเดียว เหมาะกับการหาเวลาพักผ่อน หรือท่องเทีย่ ว
ราศีพิจิก (17 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม)
การงาน เป็นเดือนทีเ่ หมาะกับการวางแผน ต่อยอดธุรกิจ มีแนวโน้มว่าจะดีขนึ้ เป็นลำ�ดับ ขอแค่ คุณตัง้ ใจและเชือ่ มัน่ ในตนเอง ระวังปัญหาสุขภาพ จะเข้ามากวนใจ พกยาไว้เวลาเดินทางไปไหน การเงิน อาจจะมีเรือ่ งใช้จา่ ยภายในบ้านมากขึน้ อย่าง เห็นได้ชดั ความรัก ระยะนีห้ มัน่ ดูแลใจ ถามไถ่กนั เพราะมีโอกาสมีมือที่ 3 มาแทรกกลาง คนโสดมี โอกาสถูกมอง หรือได้รับความสนใจมากขึ้น
ราศีกุมภ์ (13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม)
การงาน เดือนนีม้ เี รือ่ งจุกจิกๆ เข้ามาก วนใจไม่ขาดสาย ทัง้ เรือ่ งเงิน งาน เพือ่ นร่วมงาน ชีวติ ส่วนตัว ระวังมีเรือ่ งขุน่ ข้องหมองใจกับคนใน บ้าน จะมีงานยากมาให้คณุ ต้องฝ่าฟัน ความรัก ให้ระวังความไม่เชือ่ ใจ หรือช่างระแวง จะเป็นเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้ง อย่าคิดมากจะดีเอง
ราศีมิถุน (15 มิถุนายน – 16 กรกฎาคม)
การงาน เกณฑ์จะได้ยา้ ยงานสูง ใครกำ�ลังมองหา งาน จะได้พบโอกาสในไม่ชา้ การเดินทางมีมากขึน้ ระมัดระวังรายจ่าย จงมีสติทุกครั้งที่เดินทาง ความรัก ระยะนี้ต้องการพัฒนาไปอีกขั้นสำ�หรับ ใครที่กำ�ลังคุยๆ อยู่ การวางอนาคตให้ความรัก เป็นสิง่ จำ�เป็นต่อคุณและคนรัก หาเวลาดูแลกันให้ มากขึ้นจะดี คนโสดจะรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ งาน และเพื่อนจะช่วยคุณได้
ราศีสิงห์ (17 สิงหาคม – 16 กันยายน)
การงาน คุณกำ�ลังกังวลถึงอนาคตต่อจากนี้ โดยเฉพาะคนทำ�งาน มีงานหนัก งานเครียด พยายาม อย่ามีปากเสียงหรือไปขัดคอใคร เสีย่ งทำ�งานร่วมกัน ลำ�บาก การเงิน มีเรือ่ งให้เสียเงินโดยใช่เหตุ ประหยัดไว้ ก็จะดี อดทนและมุง่ มัน่ และอย่ากังวลกับอนาคตเกินไป แล้วจะดีเอง ความรัก ทัง้ คนมีคแู่ ละคนโสด ช่วงนีจ้ ะดู เหงาใจ ถึงแม้มใี ครอยูใ่ นใจแต่กย็ งั เหงาอยู่ อดทนกับ ความเหงาซักพัก หรือหาอะไรน่ารักๆ ทำ�ร่วมกันจะดี
ราศีตุลย์ (18 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน)
092 294 3269
ราศีกันย์ (17 กันยายน – 17 ตุลาคม)
การงาน คนรอบตัวจะพาคุณใช้เงินมาก ขึน้ หรืออาจเป็นคุณทีพ่ าคนรอบตัวจ่ายเยอะเสียเอง การเงิน ระมัดระวังการจ่ายง่าย - เข้ายาก ระยะนี้ พลังใจในการทำ�งานหดหาย ภายนอกอาจดูร่าเริง แต่ภายในยังดูเศร้าหมอง ควรหาเวลาผ่อนคลายเติม ความสดชื่นให้ชีวิต ความรัก มีโอกาสตกหลุมรักใครได้งา่ ย ระวังรักซ้อน เจอคนมีเจ้าของ ราศีธนู (16 ธันวาคม - 14 มกราคม)
การงาน จะได้รับโอกาสใหม่ๆ ด้านการ ทำ�งานในเร็วๆ นี้ ใครที่เพิ่งเปลี่ยนงาน หรือตกงาน จะได้รบั ภาวะแรงกดดันหนักหน่อยจากรอบข้าง ขอเพียง ไม่ลมื เป้าหมาย ค้นหาตนเองและเดินหน้าต่อ สุขภาพ ถือว่าดีไม่มีปัญหา ความรัก มีโอกาสถูกคนรักนอกใจ พูดคุยกันให้มาก อย่าให้ความเครียดและงานมาทำ�ให้รกั จางลง คนโสด จะสนุกกับชีวิตโสดของคุณ
ราศีมีน (15 มีนาคม – 13 เมษายน)
การงาน เหมาะกับการเริม่ ต้นทำ�อะไรใหม่ๆ งานใหม่ ย้ายที่อยู่ หรือเปลี่ยนตัวเอง การเงิน การลงทุนในธุรกิจขนาดกลางขึน้ ไป ให้ขยับ ไปหลังเดือนนี้จะดีกว่า เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ความรัก ระวังพากันเสียเงินไปกับเรื่องไร้สาระ คน โสดระยะนี้จะได้รับความสนใจจากคนรอบข้างมาก ขึ้น หากกำ�ลังคบหาดูใจกับใครมีโอกาสสมหวังสูง
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
Street Food น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 83 ไทรถเข็
สตรีท ฟูด้ : 10 ร้านอาหารข้างถนน ทีไ่ ม่ควร... พลาด!
โรตีเซราะกราว (โรตีหน้าสระว่ายน้ำ�)
ร้านอาหารปักษ์ใต้
Saroe Ground Roti ประเภท : โรตี ทีต่ ง้ั ร้าน : หน้าสระว่ายน้� ำ เวลาเปิด - ปิด : 09.30 - 20.00 น. จันทร์ - ศุกร์ ขายทีห่ น้าสระว่ายน้�ำ เทศบาล เสาร์ - อาทิตย์ ขายทีถ่ นนคนเดินเซราะกราว เบอร์โทร : 0935637383 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณวรเชษฐ เกียรติธนบดี
Puk Tai Krua Koon Yai ประเภท : อาหารใต้ ทีต่ ง้ั ร้าน : 58 ถนนรมย์บรุ ี เวลาเปิด - ปิด : 03.00 - 13.30 น. ปิดร้าน : ไม่มี เบอร์โทร : 0818774830 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณกรรณิกา โพธิท์ อง
ข้าวแกงประไพศรี (ข้าวแกงคุณไพ)
ถั่วทอด (ถั่วทอดข้างอนุบาล)
Khao Kang Praphaisri ประเภท : ข้าวราดแกง ทีต่ ง้ั ร้าน : ตรงข้ามสระว่ายน้�ำ เทศบาล เวลาเปิด - ปิด : 07.00 - 14.00 น. ปิดร้าน : วันอาทิตย์ เบอร์โทร : 0611533306 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณประไพ ฉิมชาติ
Thua Thod (Fried Bean Cake) ประเภท : คาโค เกีย๊ วทอด ปอเปีย๊ ะ ทีต่ ง้ั ร้าน : สามแยกโรงเรียนอนุบาลบุรรี มั ย์ เวลาเปิด - ปิด : 09.00 - 16.30 น. ปิดร้าน : ไม่มี เบอร์โทร : 0883713762 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณผกาพันธ์ เสาร์สงิ ห์
ร้านชุมพล (ปาท่องโก๋ตลาดโพธิ์) Choompon Patonggo ประเภท : ปาท่องโก๋ กาแฟโบราณ ไข่ลวก ทีต่ ง้ั ร้าน : 78/16 ถ.หลังสถานีรถไฟ เวลาเปิด - ปิด : 04.30 - 17.00 น. ปิดร้าน : ไม่มี เบอร์โทร : 044611313 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณทิฐนิ นั ท์ รัตนบรรณกิจ
ร้านผัดไทยชายเล็ก Pad Thai Chai Lek ประเภท : ผัดไทย ทีต่ ง้ั ร้าน : ตรงข้ามสระว่ายน้�ำ เทศบาล เวลาเปิด - ปิด : 08.00 - 19.00 น. ปิดร้าน : ไม่มี เบอร์โทร : 0899176226 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณอภิสทิ ธิ์ พัลวัล
Street Food นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
39
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ร้านป้าอ้อน (ขนมจีนซอยมหาราชา) Pha Aon Khanom Jeen ประเภท : ขนมจีน ส้มตำ� ขนมหวาน ทีต่ ง้ั ร้าน : ซอยโรงแรมบุรเี ทล เวลาเปิด - ปิด : 07.30 - 16.00 น. วันปิดร้าน : หยุดวันเทศกาล เบอร์โทร : 0945741581 0842822548 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณอ้อน สวัสดิส์ งิ ห์
ตำ�ผลไม้ Spicy Fruit Salad (Somtam) ประเภท : ส้มตำ�ผลไม้ ทีต่ ง้ั ร้าน : ข้างลายไหม เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 16.00 น. ปิดร้าน : ไม่มี เบอร์โทร : 0878784014 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณละเมิด นิเลิศรัตน์
ร้านลุงแดงไก่ย่างเขาสวนกวาง Lung Dang Kaiyang Khao Suan Kwang ประเภท : ไก่ยา่ ง ส้มตำ� อาหารอีสาน ทีต่ ง้ั ร้าน : ปากซอยโรงแรม The Zell ตรง ข้ามปัม้ แก๊ส LPG เวลาเปิด - ปิด : 10.00 - 20.00 น. ปิดร้าน : ไม่แน่นอน เบอร์โทร : 0816844451 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณนราทัศน์ บุญนิยม
ร้านครัวพิมายเมี่ยงปลาเผา Krua Pimai Miang Pla Pao ประเภท : ปลาจุม่ ปลาเผา ทีต่ ง้ั ร้าน : 16-16 ถนนรมย์บรุ ี เวลาเปิด - ปิด : 05.00 - 23.00 น. ปิดร้าน : ไม่แน่นอน เบอร์โทร : 0843113522 ชือ่ เจ้าของร้าน : คุณภัทธิรา นุเรศรัมย์
Street Food
ปราสาทเขาปลายบัด
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 04 ไทรถเข็
เรื่องเล่าโบราณ ตำ�นานแห่งปราสาทหลังเก่า คนบุรีรัมย์จำ�นวนไม่น้อยอาจยังไม่รู้ว่าคำ�ขวัญของ จังหวัดบุรรี มั ย์ทอ่ นทีว่ า่ “ถิน่ ภูเขาไฟ” นัน้ จริงๆ แล้วหมายถึง อะไรกันแน่ ส่วนใหญ่มกั จะเข้าใจว่า หมายถึงภูเขาไฟกระโดง แต่เพียงอย่างเดียว เพราะเราอยู่ใกล้เขากระโดงและทราบว่า เขากระโดงนี้เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อนซึ่งปัจจุบันดับสนิทแล้ว หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า inactive volcano แต่อันที่จริงแล้วจังหวัดบุรีรัมย์นับเป็น “ถิ่น” แห่ง “ภูเขาไฟ” จริงๆ เพราะเหตุวา่ ในพืน้ ทีข่ องบุรรี มั ย์มกี ารค้นพบ ภูเขาไฟทัง้ หมด 6 ลูกด้วยกัน ทีเ่ รารูจ้ กั กันเป็นส่วนใหญ่กค็ อื ภูเขาไฟกระโดง ในเขตอำ�เภอเมืองบุรรี มั ย์ ภูเขาไฟพนมรุง้ และ ภูเขาไฟอังคาร ในเขตอำ�เภอเฉลิมพระเกียรติ นอกจากนีแ้ ล้วยังมี ภูเขาไฟทีเ่ รามักไม่คอ่ ยได้ยนิ ชือ่ และไม่เป็นทีร่ จู้ กั นัก คือ ภูเขาไฟ ปลายบัดหรือไปรบัดในเขตอำ�เภอประโคนชัย (ปลายบัด 1) และ อำ�เภอเฉลิมพระเกียรติ (ปลายบัด 2 ) ภูเขาไฟหลุบ ในเขต อำ�เภอเฉลิมพระเกียรติ และ ภูเขาไฟเขาคอก ในเขตอำ�เภอ ประโคนชัย ภูเขาไฟปลายบัด (หรือไปรบัด) ภูเขาไฟหลุบ และ ภูเขาไฟเขาคอก ไม่ได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเทีย่ ว เนือ่ งมาจาก สภาพแวดล้อม ความสวยงาม และการเดินทางทีค่ อ่ นข้างลำ�บาก แต่หากท่านเป็นผูท้ ตี่ ดิ ตามข่าวสารบ้านเมือง คงทราบกันดีวา่ ภูเขาไฟปลายบัดอันเป็นทีต่ งั้ ของปราสาทหินเขาปลายบัดหรือ ไปรบัดนัน้ กำ�ลังเป็นข่าวโด่งดังไปทัว่ โลกกรณีทพี่ พิ ธิ ภัณฑ์ศลิ ปะ เมโทรโพลิแทน (The Metropolitan Museum) ในมหานคร นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จดั แสดงนิทรรศการประติมากรรมและมีพระโพธิสัตว์สำ�ริดแบบประโคนชัยซึ่งระบุว่า นำ�ไปจากปราสาทเขาปลายบัด อ.ละหานทราย (ซึง่ ปัจจุบนั คือ อำ�เภอเฉลิมพระเกียรติ) อันเป็นที่มาของกระแสทวงคืนของ ชาวไทยโดยเฉพาะชาวประโคนชัยและชาวบุรีรัมย์
หากแต่เขาปลายบัดและปราสาทเขาปลายบัดมิได้ เป็นเพียงแหล่งที่มาของประติมากรรมสำ�ริดที่กำ�ลังต้องการ คำ�ตอบอยู่ ณ ขณะนีเ้ ท่านัน้ แต่ยงั เก็บงำ�และซ่อนเร้นเรือ่ งราว ลึกลับอันน่าอัศจรรย์ใจให้กบั ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง จน กลายเป็นตำ�นานเล่าขานสืบต่อกันมา เรื่องมีอยู่ว่า... ชุมชนบ้านโคกเมือง เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่างเขาปลายบัดและเขาพนมรุ้ง (อุทยานประวัติศาสตร์ พนมรุง้ ในปัจจุบนั ) เป็นหมูบ่ า้ นทีม่ คี วามอุดมสมบูรณ์ ร่มรืน่ ชาวบ้านทำ�มาหากินด้วยการปลูกผัก หาปลา ทำ�เรือกสวน ไร่นาตามสภาพของท้องถิ่น เมื่อเสร็จจากหน้านาผู้หญิงก็จะ ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมและทอผ้าเอาไว้ใช้ในครัวเรือน ผู้ชาย ก็ถักแห สานกระบุงตะกร้าตามถนัด อาหารการกิน พืชผัก ผลไม้สว่ นใหญ่ใช้การขอหรือแลกเปลีย่ น เรือ่ งเงินทองไม่นบั เป็นปัจจัยสำ�คัญที่สุดในชีวิตดั่งเช่นทุกวันนี้ สมัยนั้นยังไม่มี ไฟฟ้าใช้ แสงสว่างส่วนใหญ่จะมาจากการจุดไต้จุดคบหรือ ตะเกียงน้ำ�มันก๊าดหรือน้ำ�มันมะพร้าว ซึ่งก็ไม่ได้สว่างไสว มากมายนักและเมื่อความมืดแผ่มาปกคลุม โดยเฉพาะใน วันพระจะมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึน้ บนท้องฟ้าจะปรากฏ ดวงไฟสีเหลืองนวลสว่างไสว ลอยขึน้ มาช้าๆ จุดทีล่ อยขึน้ นัน้ มาจากทางปราสาทเขาปลายบัด และลอยมุง่ ตรงไปยังปราสาท เขาพนมรุง้ ประมาณสัก 2 ทุม่ ดวงไฟดวงนัน้ ก็จะลอยกลับไป และลับหายไปในทิศทางที่เป็นที่ตั้งของปราสาทเขาปลายบัด ผูค้ นทีพ่ บเห็นได้แต่คาดเดากันไปต่างๆ นานา เพราะว่าไม่มี ผูใ้ ดรูค้ วามจริง แต่การคาดเดานัน้ ออกมาในทางทีค่ ล้ายๆ กันว่า เหมือนเป็นการเดินทางเพือ่ ไปเข้าเฝ้าหรือทำ�พิธอี ย่างใดอย่างหนึง่ ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้วก็เดินทางกลับ พอพูดถึงเรือ่ งนีท้ �ำ ให้ผเู้ ขียนนึกถึงเรือ่ งทีเ่ คยได้รบั ฟัง จากคนเฒ่าคนแก่เมือ่ กว่าห้าสิบปีมาแล้ว เกีย่ วกับตำ�นานของ
ตำ�นานเขาปลายบัด
ตำ�นานเมืองบุรีรัมย์
41
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
การสร้างปราสาทหินเขาพนมรุง้ และปราสาทหินเขาอังคาร ท่าน เล่าว่าในการสร้างปราสาททัง้ สองหลังนี้ มีเรือ่ งเล่าว่า เป็นการ สร้างแข่งขันกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย โดยพนันกันว่าใคร จะสร้างปราสาทได้สูงกว่ากัน ฝ่ายหญิงสาวสร้างปราสาทหิน พนมรุ้งก็กลัวจะแพ้จึงช่วยกันสร้างทั้งวันทั้งคืน ตอนกลางคืน ก็จดุ คบเพลิงให้แสงสว่าง ฝ่ายผูช้ ายซึง่ สร้างปราสาทเขาอังคาร พอมองเห็นคบเพลิงทีส่ ว่างไสวของปราสาทหินพนมรุง้ ก็อยาก เห็นหน้าสาวๆ จึงหยุดงานของตัวเองและมานัง่ คุยกับหญิงสาว คุยไปมือก็ชว่ ยเขาก่อปราสาทไปจนเช้า พอกลับไปก็เหนือ่ ยและ ง่วงนอน เป็นอย่างนี้จนถึงกำ�หนดนัดหมายก็เลยแพ้ เพราะ สร้างได้นอ้ ยกว่า จึงเป็นทีม่ าว่าทำ�ไมปราสาทหินเขาอังคาร จึง ต่ำ�กว่าปราสาทพนมรุ้ง เรื่องนี้ทำ�ให้ผู้เขียนจินตนาการไปว่า ตอนกลางคืนฝ่ายชายก็คงต้องถือคบไฟนำ�ทางมาที่ปราสาท หินเขาพนมรุ้งทุกค่ำ�คืนเป็นแน่ เรื่องดวงไฟที่ปราสาทเขาปลายบัดนี้ คุณลีนวัตร วาลีประโคน ยืนยันว่าได้รบั ฟังมาจากแม่เฒ่าถึงสองคน ได้เล่า ให้ฟังต่างเวลาและสถานที่ และผู้เล่าทั้งสองต่างก็ไม่รู้จักกัน แต่กลับเล่าเรือ่ งราวได้แบบเดียวกันและทีน่ า่ ตืน่ เต้นไปกว่านัน้ ท่านทัง้ สองยืนยันว่าท่านได้พบเห็นมาด้วยตัวเอง ท่านไปนอน หมอบดูดว้ ยตนเองตัง้ แต่สมัยเด็กๆ มิได้เป็นเรือ่ งทีถ่ กู แต่งขึน้ แต่อย่างใด และยังเล่าอีกว่าเมื่อก่อนปราสาทเขาปลายบัด ไม่ได้เหลือเพียงเศษซากปรักหักพังเฉกเช่นทุกวันนี้ เคยเป็น ปราสาทที่สมบูรณ์ สวยงาม รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ แต่ จากการขุดหาสมบัตแิ ละกาลเวลา ก็ท�ำ ให้มสี ภาพอย่างทีเ่ ห็น ปัจจุบนั ดวงไฟทีเ่ คยเป็นความเชือ่ และปรากฏการณ์ อันเร้นลับ ซึง่ ครัง้ หนึง่ เคยเป็นเรือ่ งน่าอัศจรรย์ของบรรดาผูค้ น ในหมู่บ้านโคกเมือง อ.ประโคนชัย นั้น ได้ค่อยๆ เลือนลาง และหายไปตามกาลเวลา ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม...
ขอขอบคุณ คุณลีนวัตร วาลีประโคน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ องค์การบริหารส่วนตำ�บลจรเข้มาก
ายรำ� 42 อักษราร่ไทรถเข็ น
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
24 คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
ปริญญาเอกแล้ว... ยังไง? ปริญญาเอก...แล้วยังไง กลืนกินชีวิต...วันวัย
กระดาษเปื้อนหมึก...หนึ่งใบ เสียรู้สิ้นไร้จินตนา
ปริญญาเอก...แล้วยังไง ผ่านกลัวผ่านเขลา...มาเท่าไร
กว่าจะข้ามขุนเขา...ลูกใหญ่ คืนวันหวั่นไหวกับอิสรา
ปริญญาเอก...แล้วยังไง คำ�ตอบแห่งคำ�ถาม...วิจัย
รู้รอบลึกกว้าง...สว่างไฉน เพียงตกใต้วาทกรรมงำ�กะลา
ปริญญาเอก...แล้วยังไง ความดีความงาม...ล้วนเลศนัย
เมื่อนิยามความจริง...ยังเลื่อนไหล เกณฑ์กดข่มไว้หลายมาตรา
ปริญญาเอก...ที่เป็นไป ปรัชญาหลักการ...หลุดลอยไกล ปริญญาเอก...ที่ฝันใฝ่ ต้านสู้กระแสธาร...แห่งพาลภัย
ทุรทุนโถมซัด...พลัดไถล กร่อนผุศึกษาไทยแดนสนธยา
กล้าทำ�กล้าเชื่อ...สิ่งที่ใช่ ขบถสมัยนิยมบริโภคา
อักษรา
ปริญญาเอก...ปริญญาใคร เป็นแสงส่องสว่าง...ทางไท
จิตวิญญาณสำ�นึก...ตรึกไตร่ หรือเพียงจะรับใช้ศักดินา
ปริญญาเอก...ปฏิญญาใด ผลิดอกออกผล...จากต้นใบ
แบกทานคาดหวัง...บนหลังไหล่ ดุษฎีแห่งหทัยปริญญา
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
SF
4444
วัดเว้เทีเมื ยนมู ่ องมรดกโลก ตะลุตะลุ ยต่ยาต่งแดน างแดน
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 44 ไทรถเข็
วัดเทียนมู่
พุทธสถานสำ�คัญแห่งเมืองเว้
Tien Mu Pagoda (ต่อจากฉบับที่แล้ว) หลังจากเก็บกระเป๋าเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้ว พวกเรา ก็มารวมตัวกันอีกครัง้ เมือ่ ครบทุกคนแล้ว ก็ออกเดินทางกันต่อ ทันที สถานที่แรกที่เราจะไปกันในวันนี้ก็คือ “เจดีย์วัดเทียนมู่ (Thien Mu Pagoda)” ซึง่ เป็นพุทธสถานทีส่ �ำ คัญมากแห่งหนึง่ เดินทางออกจากทีพ่ กั ไม่ถงึ 15 นาที เราก็เดินทางมาถึง วัดเทียนมู่จุดหมายแรกของเรา พอลงจากรถ อ้าว! เขาหาย ไปไหนกันหมด หันซ้ายหันขวาก็เห็นบรรดาคุณลุงคุณป้าทีม่ า ทัวร์เดียวกัน กำ�ลังยืนต่อรองราคาของฝากทีข่ ายอยูข่ า้ งบริเวณ วัด นึกขำ�ทีย่ งั ไม่ทนั เดินเข้าไปในวัดเลยก็เริม่ ช้อปกันแล้ว แต่ก็ ไม่น่าแปลกใจนักเพราะของฝากที่นี่ราคาไม่แพง ถูกใจนักช้อป กันเลยทีเดียว เราเดินเข้าวัดจากทางด้านหน้าซึง่ อยูร่ มิ ฝัง่ แม่น�้ำ หอม วัดเทียนมูแ่ ห่งนีเ้ ป็นพุทธศิลปะ นิกายเซน ได้รบั อิทธิพลมาจาก นิกายมหายาน สร้างขึน้ ในปี พ.ศ. 2144 โดยขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) ผูป้ กครองเมืองเว้ในสมัยนัน้ ขุนนางเหวียนฮวาง มักจะล่องเรือในแม่น้ำ�หอมเพื่อเยี่ยมเยียน ถามสารทุกข์สุกดิบ
และความเป็นอยูข่ องชาวบ้านชาวเมืองโดยรอบ มีเรือ่ งเล่าว่า เคยมี คนเห็นหญิงสูงอายุคนหนึ่ง (หรือเทพธิดา) สวมชุดสีแดง-ฟ้า มานัง่ เช็ดแก้มอยูบ่ ริเวณภูเขาซึง่ เป็นทีต่ งั้ วัดเทียนมูใ่ นปัจจุบนั หญิงผูน้ ไี้ ด้บอกว่า วันหนึง่ จะมีผยู้ งิ่ ใหญ่มาสร้างเจดียบ์ ริเวณนี้ และจะนำ�สันติสขุ มาสูเ่ มือง เมือ่ ขุนนางเหวียนฮวางทราบเรือ่ ง ก็ได้มดี �ำ ริให้กอ่ สร้างเจดียน์ ขี้ นึ้ และให้ชอื่ ว่า Chua Thien Mu ซึ่งหมายถึงเจดีย์นางฟ้า คนไทยเรียกกันว่าวัดเทพธิดาราม ทางเดินเข้าวัดมีบนั ไดสูงทอดขึน้ ไปเผยให้เห็นเจดีย์ ทรงเก๋ง 8 เหลีย่ ม สูง 7 ชัน้ ซึง่ เชือ่ กันว่าเป็นตัวแทนภพชาติ ต่างๆ ของพระพุทธเจ้า เมื่อเดินขึ้นไปจะพบว่าด้านซ้าย-ขวา ของเจดีย์ มีศลิ าจารึกและระฆังสำ�ริดขนาดใหญ่ หนักถึง 2,000 กิโลกรัมตั้งอยู่ เราได้รับการบอกเล่าว่าระฆังใบนี้ตีเพียงแค่ ครั้งเดียวดังไกลไปเป็น 10 กิโลเมตร ทางด้านขวาของเจดีย์ มีหนิ แกะสลักรูปเต่าตัวใหญ่ ไกด์แนะนำ�ว่า หากมาทีน่ จี่ ะต้อง ลูบระฆัง 7 ที พร้อมกับลูบหัวเต่า 7 ครั้งจะช่วยให้ “แข็ง ใหญ่ และยาว” เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาลูกทัวร์ได้อย่างดี เมือ่ ไกด์อธิบายต่อไปว่า ทีว่ า่ “แข็ง” หมายถึงสุขภาพแข็งแรง “ใหญ่” ก็หมายถึงมีกิจการใหญ่โต และ “ยาว” ก็หมายถึง มีอายุยืนยาว ทุกคนก็เลยร้อง อ๋อออ... ออกมาแบบยาวๆ ไม่ทราบว่าตอนแรกคิดอะไรกันอยู่ เดินเลยเจดียไ์ ปอีกหน่อยจะมองเห็นประตูทางเข้าสู่ บริเวณภายในวัด มีรปู ปัน้ เทพเจ้า 6 องค์ ยืนปกปักรักษาไม่ให้ ความชั่วร้ายผ่านเข้ามา เมื่อเดินพ้นประตูเข้าไป จะสัมผัสได้ ถึงบรรยากาศอันร่มรืน่ ด้วยต้นไม้ใหญ่นอ้ ยนานาชนิด มองเห็น โบสถ์ขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้คนมากมายเข้ามากราบไหว้บูชา เมื่อ คารวะสิง่ ศักดิส์ ทิ ธิด์ า้ นในอุโบถสเป็นทีเ่ รียบร้อยแล้ว พวกเราก็ เดินออกไปทางด้านซ้ายของอุโบสถ ซึง่ มีทางเดินให้ออ้ มไปด้าน หลัง จะเห็นรถออสตินคันเก่าสีฟ้าจอดอยู่คันหนึ่ง รถคันนี้ มีประวัตวิ า่ เป็นรถของพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึก๊ (Thick Quang Doc) อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเทียนมู่ในขณะนั้น ในสมัยนั้น รัฐบาลโงดินห์เดียมซึ่งนับถือคาทอลิก มีพฤติกรรมฉ้อราษฎร์บงั หลวง ได้สงั่ การให้ท�ำ ลายและทำ�ร้าย ผู้นับถือศาสนาพุทธซึ่งมีมากกว่า 90% อย่างรุนแรง จนท่าน เจ้าอาวาส ทิจ กวาง ดึก๊ ทนไม่ไหวออกมาประกาศอุทศิ ชีวติ เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาโดยการเผาตนเอง ท่านได้ขับรถ ออสตินสีฟ้าคันนี้ไปที่กรุงไซง่อน (เมืองโฮจิมินห์ ในปัจจุบัน) และเผาตัวเองเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2506 แต่รัฐบาล ก็ไม่สนใจ ยิง่ สัง่ กวาดล้างพระสงฆ์หนักมากขึน้ จนมีพระสงฆ์ อีกหลายรูปประท้วงโดยการเผาตัวเอง การเรียกร้องครั้งนั้น ทำ�ให้กลุม่ ทหารผูน้ บั ถือศาสนาพุทธลุกขึน้ ต่อต้านรัฐบาล โดย การนำ�ของหัวหน้าเสนาธิการกองทัพเทียน วัน ดง และนายพล สำ�คัญๆ อีกหลายนาย ในทีส่ ดุ ประธานาธิบดีโงดินห์เดียมและน้องชายก็ถกู ทหารยิงประหารในวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 ปัจจุบัน รถออสตินสีฟ้าคันนี้รวมทั้งฝุ่นธุลีของร่างกายท่านและหัวใจ ของท่านถูกนำ�มาเก็บไว้ในสถูปทองคำ�ที่วัดแห่งนี้ แต่เป็นที่ น่าเสียดายว่าทางวัดไม่ได้เปิดให้เข้าชมสถูปทองคำ�อีกแล้ว
เวียดนาม
ตะลุยต่างแดน
45
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ด้านหลังของโบสถ์ปลูกต้นชาดัดไว้เป็นจำ�นวนมาก มีทงั้ ปลูกบนโต๊ะหินอ่อน และใน กระถาง ยิ่งเพิ่มความสวยงามและร่มรื่นให้กับวัดได้เป็นอย่างดี หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวเมือง เว้ วัดเทียนมู่หรือวัดนางฟ้าแห่งนี้ เป็นอีกที่เที่ยวที่งดงามแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด หลังจากชมความงาม เก็บภาพถ่ายและทำ�การเคารพสักการะเรียบร้อยแล้ว ก็ถงึ เวลา เดินทางกลับแต่ขากลับนี้ จะต้องเดินอ้อมออกอีกทางและไปโผล่บริเวณด้านข้างวัด ซึง่ มีจดุ ขายของ ที่ระลึกก็เลยหวานหมูนักช้อปอีกรอบ ฉบับหน้าจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ ติดตามอ่านให้ได้ นะคะ สวัสดีค่ะ
สำ�นักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์
ลม้ ลุตำ�แหน่ กนยืน ง งานว่ า ง ไทรถเข็ 40 64จังหวัดบุรีรัมย์ ประจำ�เดือน มิถุนายน 2559 อักษราร่ายรำ� คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
สำ�นักงานจัดหางาน จังหวัดบุรีรัมย์ เว็บไซต์ : www.doe.go.th/buriram
โรงเรียนกวดวิชาคุมอง นางรอง 1. ครูผู้ช่วย (12 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 21+ (ปวส.+) สนใจติดต่อ 284/5 ถ.ภักดีบริรกั ษ์ ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรรี มั ย์ 30310 โทร. 095-3986644 คุณดวงธิดา โรจน์กนก ผู้บริหาร บจก.สวัสดีเอ็ดดูเคชั่นเซ็นเตอร์ 1. หัวหน้าฝ่ายบัญชีและการเงิน (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 27+ (ป.ตรี) 2. หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาด (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 27+ (ป.ตรี) 3. เจ้าหน้าที่ประสานงานขาย (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22+ (ป.ตรี) 4. แม่บ้าน (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) สนใจติดต่อ 91 ม.13 ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร. 044-612290 คุณวิสากุล ปุนยะสาร เจ้าหน้าที่บุคคล บ.รมิภาส จำ�กัด 1. พนักงานขาย (2 อัตรา) ช (อายุ) 21+ (ม.3 - ป.ตรี) 2. พนักงานจัดส่งสินค้า (4 อัตรา) ช (อายุ) 21-35 (ป.6 - ม.6) 3. ธุรการ (Admin) (2 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 21-45 (ปวช. - ป.ตรี) สนใจติดต่อ 388/1 ม.2 ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044-620818 คุณรังสรรค์ สิทธิการค้า กรรมการผู้จัดการ บจก.บุรีรัมย์สยามมอเตอร์ 1. พนักงานขับรถ (2 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ปวส. - ปวช.) สนใจติดต่อ 235-241 ถ.สุนทรเทพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร.044-611777 คุณคมศักดิ์ ภัทรานนท์อุทัย กรรมการผู้จัดการ ร้านพงษ์เทพการช่าง 1. พนักงานทั่วไป (2 อัตรา) ช (อายุ) 18+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) สนใจติดต่อ 82 ถ.อิสาณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร. 081-3907992บ คุณอัจฉราภรณ์ ชิดรัมย์ บจก.ราชสีมา พี.เอเอส แอนด์ ดี 1. พนักงานไอที (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ปวช. ขึ้นไป) สนใจติดต่อ 50-52 ถ.รมย์บุรี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร. 044-618688, 081-9667455 คุณจารินี รวมพล ฝ่ายบุคคล บจก.สตึกไบโอแมส 1. BOARD OPERATOR (4 อัตรา) ช (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 2. FIELD OPERATOR (2 อัตรา) ช (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) สนใจติดต่อ 111 ม.6 ต.ดอนมนต์ อ.สตึก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร. 044-666237-40, 089-6250022 คุณเบจภรณ์ ขุนบำ�รุง
ร้านมินธาดา แซท แอนด์ แอร์ 1. พนักงานขาย (2 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ปวช. ขึ้นไป) 2. ช่างไฟฟ้า (5 อัตรา) ช (อายุ) 20+ (ปวช. ขึ้นไป) 3. ลูกมือช่าง (2 อัตรา) ช (อายุ) 20+ (ปวช. ขึ้นไป) สนใจติดต่อ 402/12-14 ม.10 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร. 044-690137 คุณโสพิน ทองมินธาดา บจก.ไทยน้ำ�ทิพย์ 1. พนักงานขาย (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 21 - 30 (ปวส. - ป.ตรี) 2. ผู้จัดการพัฒนาร้านค้า (4 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 21 - 30 (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 369 ม.6 ถ.ราชสีมา-โชคชัย ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โทร. 044 - 218055 - 7 คุณอนุชิต สุมหิรัญ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา บุรีรัมย์ 1. อาจารย์แนะแนว (10 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22-32 (ป.ตรี) 2. อาจารย์ประจำ�สาขาคอมพิวเตอร์ (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22-32 (ป.ตรี) 3. อาจารย์ประจำ�คณะรัฐศาสตร์ (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22-32 (ป.โท) สนใจติดต่อ 333 ม.8 ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000 โทร. 044-666583 คุณพิชญ์ชญา นาสองสี หัวหน้างานสำ�นักงานอธิการบดี บจก.แอ๊ดวานซ์ ไบโอพาวเวอร์ 1. ACC & FIN SUPERVISOR (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 2. ACC & FIN (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 3. PROCUREMENT (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ)25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 4. ADMIN (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 5. เครื่องชั่ง (2 อัตรา) ช (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 6. SHIFT SUPERVISOR (2 อัตรา) ช (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรีิ) 7. BOARD OPERATOR (4 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 8. FIELD OPERATOR (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี 9. ELECTRICAL (2 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 10. พนักงานบัญชี (2 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ปวส.-ป.ตรี) 11. LOCAL (2 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ม.6-ปวส.) 12. LOADER (4 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ม.6-ปวส.) 13. WATER TREATMENT (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25-35 (ม.6-ปวส.) สนใจติดต่อ 100 ม.6 ต.ดอนมนต์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โทร. 089 - 6250022 คุณเบญจภรณ์ ขุนบำ�รุง ฝ่ายบุคคล/ธุรการ
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
น คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง 84 ไทรถเข็
เสรี