นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ปก Brain School
2
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
เมื่อหลายสิบปีก่อน ขณะที่ฉันก�ำลังนั่งอยู่ในรถยนต์ กับพ่อและแม่ แม้จะจ�ำไม่ได้แล้วว่าพวกเราก�ำลังพูดคุยกัน เรื่องอะไร แต่ก็จ�ำได้ดีว่าจู่ๆ พ่อก็พูดทีเล่นทีจริงขึ้นมาว่า “โอ๊ย... เดี๋ยวอีกไม่กี่ปีพ่อก็ไม่อยู่แล้ว” ทันทีที่พ่อพูดจบ ประโยค แม่ก็พูดสวนขึ้นมา “แต่แม่ไม่... แม่จะอยู่ดูลูก ประสบความส�ำเร็จ จะอยู่มีความสุข จะอยู่ไปอีกนานๆ” หลังบทสนทนานั้นไม่กี่ปี พ่อก็ย้ายไปอยู่กับปู่ย่า บนสวรรค์ เหลือพวกเราอยู่กับแม่และยาย แต่ชีวิตพวกเรา ก็มีความสุขกันดีตามอัตภาพมาจนถึงทุกวันนี้ หลายครั้งเมื่อมีคนพูดถึง “ความตาย” ฉันก็มัก จะย้อนกลับไปนึกถึงบทสนทนาในรถยนต์วันนั้น แล้วก็แอบตั้ง ข้อสังเกตว่า “แท้ท่ีจริงแล้ว... เราทุกคน ต่างก็มีมุมมอง ต่อ “ความตาย” ที่แตกต่างกัน” บางคน... มองว่าความตาย เป็นจุดจบ บางคน... มองว่าความตายคือการพลัดพรากจาก ของและคนที่รัก บางคน... มองว่าการตาย คือโอกาสที่จะได้ กลับไปอยู่ร่วมกับคนที่เรารักอีกครั้ง แต่บางคน... ก็มองว่า ความตาย คือการได้รีบู๊ทชีวิต (reboot) เริ่มต้นใหม่ที่เลข 0 สุ ด ท้ า ย ฉั น ก็ ไ ด้ ข ้ อ สรุ ป กั บ ตั ว เอง ว่ า สิ่ ง ที่ ท� ำ ให้ คนเรามองความตายต่างกัน น่าจะมาจากประสบการณ์ อายุ ความแข็งแกร่งของจิตใจ และสิ่งรอบข้างในชีวิตที่แตกต่างกัน ฉันเคยตั้งค�ำถามกับเพื่อนสนิทหลายคนว่า “คนเรา มีชีวิตอยู่ไปท�ำไม?” และค�ำตอบที่ได้รับก็แตกต่างกันออกไป อีกเช่นกัน เพื่อนบางคนตอบอย่างจริงจังว่า อยู่ไปก็เพื่อท�ำงาน จะได้เก็บเงิน เมื่อมีเงินแล้วก็จะได้ไปเที่ยว แต่ตอนนี้ก็ยัง ไม่ได้เที่ยวสักที เพราะต้องท�ำงานอยู่ตลอดเวลา แต่เพื่อน บางคนก็ให้ค�ำตอบอย่างน่าคิดว่า “เราคิดว่าการที่เรามีชีวิตอยู่ น่าจะมีความสุขกว่าการที่เราตายว่ะ” ถึงจะรู้ดีว่า เพื่อนคนนี้ ยังไม่เคยตายมาก่อน (ฉันก็ไม่เคย) แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกคล้อยตาม
ความคิดนี้ของเพื่อนนะ แม้จะยังแอบสงสัยลึกๆ ว่า “เอ...หรือ จริงๆ ตายไปแล้ว อาจจะสนุกกว่าการมีชีวิตอยู่ก็ได้นะ คนที่ เขาจากไปแล้ว จึงไม่มีใครกลับมาสักคน” กระทั่งวันหนึ่ง ฉันถามแม่ไปว่า “จริงๆ แล้ว แม่ว่า คนเรามีชีวิตอยู่ไปท�ำไม?” แม่มองมาที่ฉัน แล้วตอบว่า “คนอื่นๆ อยู่ไปท�ำไม แม่ไม่รู้ แต่ส�ำหรับแม่แล้ว แม่ท�ำให้เราเกิดมา เราก็ต้องอยู่เพื่อแม่” เออ... จริงแฮะ มีเหตุผล เพราะส�ำหรับ ฉันแล้ว “แม่ก็ต้องอยู่เพื่อฉันเหมือนกัน” อันที่จริง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสื่อถึงความคิดแบบบุพการี นิยมหรอกนะ เพราะแม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่กล้าออกตัว ว่าตัวเอง เป็นลูกกตัญญู ที่สมควรจะได้รับรางวัลลูกดีเด่นในงานวันแม่ แต่อย่างใด แต่ฉันว่า มันจะง่ายกว่านี้ ถ้าเราเปลี่ยนค�ำถามจาก "อยู่ไปท�ำไม?" เป็น "จะอยู่ไปเพื่อใคร?" ในโลกนี้ แต่ละคนมีต่างสิ่งยึดเหนี่ยวที่ต่างกันออกไป บางคนอาจจะมีพ่อ มีแม่ มีคนรัก มีเพื่อน หรือแม้แต่อาจจะ มีเพียงแค่ตัวของเขาเองเท่านั้นเป็นสิ่งยึดเหนี่ยว ฉันจึงไม่ด่วน ตัดสินคนที่ฆ่าตัวตาย ว่าเขาโง่ หรือไม่มีสมอง เพราะ ณ นาที นั้น เขาอาจไม่เหลือสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยวอีกแล้วในโลกนี้ก็เป็นได้ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ชีวิตของเราทุกคน ล้วนมีค่า แม้ในบางจังหวะเวลา เราอาจจะมองว่า ชีวิตของเรา จบแล้ว หมดแล้ว หรือพอแล้ว แต่ “เราถามคนอื่นหรือยัง?” เพราะถึงแม้ว่าในตอนนี้ใครบางคน อาจจะไม่ได้อยู่ เพื่อเราอีกต่อไปแล้ว แต่ตัวของเราเอง อาจจะต้องรักษาหัวใจ ของเราให้มันยังเต้นอยู่ เพื่อใครอีกหลายคนก็ได้นะคะ ด้วยรัก วีรวรรณ คชรัตน์ บรรณาธิการ
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
6 16 28
12
32 44
6 28 VT แหนมเนือง 12 32 ฝายบ้านจาน อุโมงค์หวิงห์ม็อก 16 44
ดร.เสกข์สรร ธีระวาณิชย์
ท�ำธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล พัฒนา แบ่งปัน สร้างสรรค์ เพื่อสังคม
อร่อย สุขภาพดี สไตล์เวียดนาม
วิถีน�้ำ วิถีชีวิต (ต่อจากเล่มที่แล้ว)
บรรณาธิการบริหาร วีรนุช คชรัตน์ บรรณาธิการ วีรวรรณ คชรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป วรพช คชรัตน์ ที่ปรึกษา ผศ.สุธามาศ คชรัตน์ อ.วันดี เธียรสวัสดิ์กิจ ที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศ ผศ.เรืองศักดิ์ อัมไพพันธ์ ที่ปรึกษาฝ่ายสุขภาพและกีฬา ผศ.พรพรรณ ค�ำเมือง ที่ปรึกษาฝ่ายภาษาไทยและวรรณคดีไทย ผศ.ดร.บุณย์เสนอ ตรีวิเศษ ที่ปรึกษาฝ่ายโบราณคดีและประวัติศาสตร์บุรีรัมย์ รศ.ดร.สมมาตร์ ผลเกิด ช่างภาพ วัฒนา จันทร์เจริญ ช่างภาพรับเชิญ ยุรธีร์ ภูริภัทรเศรษฐ์ กราฟฟิกดีไซน์ พัชรพร ปัตตังเว, ภาคิไนย ปรินรัมย์ นักเขียนประจ�ำคอลัมน์ วิภาวี สิงหวศิน, วิวัฒน์ โรจนาวรรณ, อารดา นิรันต์พานิช ฝ่ายการตลาด วรัญญา ละขะไพ, ทวีรัตน์ อ่อนซาผิว, ปรัชญานนท์ สังวาลรัมย์
ต�ำผลไม้ลายไหม
สารพัดต�ำ ต�ำสารพัด
เมื่อมนุษย์อวกาศเหยียบดวงจันทร์ มาเหยียบแผ่นดินบุรีรัมย์
Vinh Moc Tunnel
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด เค.เอส. ริชเชส 40/70 ถ. อินจันทร์ณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000
http://www.sabaideeburiram.com ติดต่อลงโฆษณา 085 - 6121010, 087 - 4588547
4
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา ภายในบริเวณ โครงการบุรีรัมย์ คาสเซิล เต็มไปด้วยบรรดาผู้ปกครอง และ บุตรหลานกว่า 200 ชีวิต มารวมตัวกัน เพื่อร่วมงาน “Brainschool Buriram Grand Opening” การเปิดตัวอย่างเป็น ทางการ ของสถาบันพัฒนาทักษะทางความคิด Brainschool ซึ่งเพิ่งจะมาเปิดให้บริการในจังหวัดบุรีรัมย์เมื่อเร็วๆ นี้ คุณสิบทิศ อภิวัฒนาวงศ์ หนึ่งในผู้บริหารสถาบัน Brainschool ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาของการก่อตั้ง Brainschool สาขาบุรีรัมย์แห่งนี้ ว่า “Brainschool สาขาบุรีรัมย์ เกิดจาก การรวมตัวกันของเหล่าคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งมีลูกเล็กๆ อายุ 1 ขวบ ถึง 8 ขวบ ที่มีความคิดอยากหาสถานที่สำ�หรับเสริมพัฒนาการ ของลูก แต่ในจังหวัดบุรีรัมย์มีเพียงเนอสเซอรีทั่วๆ ไป พวกเรา จึงต้องพาลูกไปเรียนเสริมที่จังหวัดใกล้เคียง ทั้งนครราชสีมา และกรุงเทพฯ กินเวลาในการเดินทางไป - กลับ และสิ้นเปลือง ค่าใช้จ่ายมาก ในการที่จะให้ลูกได้เรียนเพียง 45 - 60 นาที ซึ่ง ก็ยังรู้สึกว่าเป็นเพียงการพาลูกไปเล่นสนุกเท่านั้น แต่ไม่ได้เน้น ไปที่การพัฒนาทักษะต่างๆ อย่างจริงจัง
พวกเราพ่อๆ แม่ๆ จึงเกิดความคิดที่จะเปิดสถาบัน พัฒนากระบวนการคิดของเด็กขึ้น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน การช่วยสร้างเยาวชนรุ่นใหม่ๆ ให้เป็นมาตรฐานของจังหวัด บุรีรัมย์ เพราะเมื่อเราเป็นพ่อแม่เองแล้ว เราก็ได้ตระหนักว่า ที่บุรีรัมย์มีผู้ปกครองที่อยากส่งเสริมลูกได้มีพัฒนาการทาง สมองที่ดี รวมถึงได้มีทักษะการใช้ชีวิตที่ดีอีกหลายครอบครัว แต่ยังไม่พบว่ามีสถาบันที่สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ พวกเรา จึงได้ปรึกษาหารือ รวบรวมข้อมูล และไปศึกษาหลักสูตรจาก บรรดาโรงเรียนสอนเสริมพัฒนาการสำ�หรับเด็กเล็กๆ หลาย สถาบัน จนได้ข้อตกลงร่วมกันว่า Brainschool คือตัวเลือก ที่ดีที่สุด จึงได้ติดต่อและดำ�เนินการนำ�สถาบัน Brainschool มาจัดตั้งขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ผู้ปกครองคนอื่นๆ ได้มี โอกาสให้ลูกได้เข้าฝึกฝนทักษะ และกระบวนการทางสมอง ด้วยครับ” Brainschool หลักสูตรการพัฒนาทักษะการคิดเชิง เหตุผล (Critical Thinking) และการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) สำ�หรับเด็กอายุ 1-8 ปี จาก Hansol Education บริษัทด้านการศึกษาอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ โดย ดร. ยัง จูโอ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษาของเกาหลีใต้ ได้ทำ�งานร่วมกับทีมวิจัยของ Hansol กว่า 40 ท่าน เป็นระยะ เวลากว่า 3 ปี ในการพัฒนาหลักสูตร Brainschool ขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้มีการนำ�หลักสูตรนี้ไปทดลองใช้กับชั้นเรียน ตัวอย่างเพื่อทำ�การปรับปรุงจุดด้อยต่างๆ อีก เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อให้ได้หลักสูตรทางการศึกษาที่ดีที่สุด ซึ่งหลักสูตรนี้ จะเป็นการกระตุ้นสมองของเด็กทั้ง 2 ซีก ไปพร้อมๆ กัน ผ่านกิจกรรมบูรณาการกว่า 3,000 กิจกรรม โดยเด็กๆ จะได้ ลงมือทำ�จริง ทำ�ให้สามารถแก้ปัญหาในชีวิตประจำ�วัน โดย เน้นไปที่พัฒนาเรื่องการต่อยอดความคิด ความกล้าแสดงออก จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์
“เพราะความฉลาด สร้างได้”
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ทำ�ไมต้องเกาหลีใต้? เพราะประเทศเกาหลีใต้ เป็นชาติที่มีความคล้ายคลึง กับไทยในหลายด้าน แต่ก็สามารถพัฒนาศักยภาพของตนให้ โดดเด่นขึ้นมาในระดับโลกได้อย่างรวดเร็ว เมื่อนำ�หลักสูตรมา ใช้ในประเทศไทย ก็มีการปรับสื่อการเรียนให้เข้ากับวัฒนธรรม ของไทย แต่ยังคงเนื้อหา และกระบวนความคิดหลักๆ เอาไว้ เหมือนเดิม หลักสูตรของ Brainschool เป็นการเรียนรู้ผ่าน กิจกรรมที่เด็กๆ จะได้ลงมือทำ�จริง ได้ฝึกกระบวนการคิดว่า ในสถานการณ์ต่างๆ นั้นจะแสดงความคิดอย่างไร ได้ความรู้ รอบตัว เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้รอบด้าน โดยแบ่งเด็ก ออกเป็นกลุ่มย่อย 4 - 6 คน ให้ครูสามารถดูแล และกระตุ้น เด็กได้อย่างทั่วถึง ด้วยการป้อนคำ�ถามแล้วให้เด็กตอบกลับมา โดยไม่มีการตัดสินถูก - ผิด เพียงเน้นไปที่การกล้าแสดงออก และกระบวนการคิดของเด็ก อย่างไม่บีบบังคับ ซึ่งวิธีนี้ได้รับ การวิจัยว่าทั้งสนุก และดีสำ�หรับเด็ก โดยกิจกรรมของ Brain school จะถูกออกแบบให้ตรงตามช่วงอายุ พัฒนาการ และวัย ของเด็ก หัวใจสำ�คัญอีกอย่างในหลักสูตรของ Brainschool คือการพัฒนาผู้ปกครองร่วมไปด้วย โดยเมื่อเด็กๆ เข้ามาเรียน ครบ 1 ชั่วโมงแล้ว จะมีการเชิญผู้ปกครองเข้ามาพบปะ พูดคุย กับครูของเด็กโดยใช้เวลาราว 15 นาที เพื่อให้ผู้ปกครอง ทราบว่าวันนี้เด็กทำ�กิจกรรมอะไรบ้าง ครูกระตุ้นเด็กแบบไหน และบอกแนวทางให้ผู้ปกครองได้สามารถนำ�กลับไปกระตุ้นลูก ด้วยตัวเองต่อได้ที่บ้าน นอกจากหลักสูตรที่ดีแล้ว โครงสร้าง การออกแบบ อาคารสถานที่ของ Brainschool Buriram ก็ยังถูกออกแบบ ให้เหมาะสมกับการทำ�กิจกรรมของเด็กๆ อีกด้วย โดยสถาบัน
ตั้งอยู่ในพื้นที่ 250 ตร.ม. บริเวณโครงการบุรีรัมย์ คาสเซิล ภายในแบ่งออกเป็น 5 ห้องเรียน สามารถรองรับนักเรียนได้ สูงสุดถึง 60 คน ภายในโรงเรียนมีการติดตั้งห้องสุขา ห้อง อาบน้ำ� โดยใช้สุขภัณฑ์สำ�หรับเด็กโดยเฉพาะ มีระบบ CCTV ระบบประตูรักษาความปลอดภัย ที่ไม่สามารถเปิดเข้าจาก ภายนอกได้ ภายในห้องเรียนมีเครื่องฟอกอากาศด้วยระบบ โอโซน ซึ่งจะเปิดทำ�งานทุกครั้งหลังเลิกเรียน เพื่อฆ่าเชื้อโรค ภายในห้อง ส่วนโซนภายนอกห้องเรียนได้รับการตกแต่ง ให้ เหมาะสมกับความสนใจของเด็ก และยังมีสนามเด็กเล่นตั้งอยู่ ที่หน้าโรงเรียนอีกด้วย นอกจากนั้น อาหาร และเครื่องดื่ม ของโรงเรียน ก็ได้รับการดูแลโดยนักโภชนาการ จึงมั่นใจได้ว่า เด็กๆ ที่นี่ จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ภายใต้การควบคุมของ ผู้เชี่ยวชาญ
Brainschool บุรีรัมย์ ตั้งอยู่ในโครงการ บุรีรัมย์ คาสเซิล ตรงข้ามทางเข้าสวนศิวะ เปิดทำ�การทุกวันเวลา 08.00 - 17.00 น. โทรศัพท์ 062 - 0100888 สามารถพาบุตรหลาน เข้ามาทดลอง และศึกษาหลักสูตรก่อนตัดสินใจ พร้อมรับ โปรโมชั่นแจกและแถมมากมาย เฉพาะวันนี้ จนถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559 เท่านั้น
6
ดร. เสกข์สรร ธีระวาณิชย์
ฅ. ฅน บุรีรัมย์
6
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
เสี่ยป่า ดร.เสกขส์ รร ธีระวาณิชย์ ทำ�ธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล พัฒนา แบ่งปัน สร้างสรรค์ เพื่อสังคม
ดร.เสกข์สรร ธีระวาณิชย์ และคุณจันทน์ทรา ธีระวาณิช (ภรรยา)
ในแวดวงนั ก ธุ ร กิ จ ใหญ่ ชั้ น นำ�ของวงการสั ม ปทานเหมื อ งหิ น ท่าทราย อสังหาริมทรัพย์ หมู่บ้านจัดสรร ร้านขายยา บริษัทเครือข่าย รวมถึงภาคการศึกษา วัฒนธรรม และในแวดวงผู้พิพากษา เชื่อได้เลยว่า คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อของ “เสี่ยป่า – ดร.เสกข์สรร ธีระวาณิชย์” นักธุรกิจผู้บุกเบิก และเริ่มทำ�ธุรกิจจากมือเปล่า ไม่มีทรัพย์สินใดๆ ติดตัว มาเลย ไม่มีแม้แต่บ้าน ตั้งใจทำ�งาน ทั้งขายยาจีน ขายของโชห่วยอยู่ที่ หน้าตลาดสด ขยัน อดออม ซื่อสัตย์ วิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ค้าขายแบบ ตรงไปตรงมา จนประสบความสำ�เร็จ มีทรัพย์สินมากมาย และครอบครอง ที่ดินหลายพันไร่ทั่วประเทศ จนเป็นผู้ที่มีที่ดินมากเป็นอันดับต้นๆ ของ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นบุคคลต้นแบบ ที่ประสบความสำ�เร็จเป็นอย่างสูงในทุกๆ ด้าน ทั้งในแง่ของชีวิตครอบครัว ธุรกิจการค้า และในการทำ�คุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้แก่สังคม วันนี้ ฅ.ฅน บุรีรัมย์ รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ พาท่านผู้อ่าน มารู้จักกับบุคคลต้นแบบท่านนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกันค่ะ สะบายดี : ท่านช่วยเล่าประวัติ ชีวิต และความเป็นมาให้พวกเราได้ฟัง หน่อยค่ะ คุณพ่อและคุณแม่ของผมมาจากซัวเถา ประเทศจีน ย้ายรกราก มาเมืองไทย เสื่อผืนหมอนใบ แบบนั้นเลยครับ มากันมือเปล่าๆ ก็มาทำ�มา หากินที่จังหวัดบุรีรัมย์ ผมเกิดที่อำ�เภอห้วยราช นอกตัวเมืองบุรีรัมย์ไปอีก สมัยนั้นไกลจากตัวเมืองบุรีรัมย์มาก ต้องขี่ม้าเข้ามาในเมือง พ่อผมเปิดร้าน ขายยาจีน ก็ใช้วิชาที่ติดตัวมา คือวิชาปรุงยาจีน เป็นร้านหมอแมะ ขายยาจีน (แพทย์แผนจีน มีการรักษาโดยวิธีการแบบแพทย์ทางเลือก เช่น การกดจุด การฝังเข็ม หรือการรักษาด้วยสมุนไพรจีนโบราณ) จากนั้นครอบครัวเราก็ย้ายเข้ามาอยู่ในอำ�เภอเมือง แต่ก็ยังคงยึด อาชีพการเปิดร้านขายยาอยู่เหมือนเดิม พอผมแต่งงานกับคุณจันทน์ทรา ก็ ย้ายออกมาอยู่กันเอง โดยแทบไม่มีสมบัติอะไรมาด้วยเลย ตอนนั้นผมกับ ภรรยาเลยตัดสินใจเช่าห้องแถวตรงบริเวณตลาดสด คิดจะทำ�การค้า แต่ก็ ไม่รู้ว่าจะทำ�อะไร จะเริ่มยังไงดี จึงได้ตัดสินใจเริ่มทำ�ในสิ่งที่ผมถนัดและรู้ดี ที่สุด ซึ่งก็คือการขายยจีน พวกเราจึงเปิดบริษัทยาชื่อ “บุรีรัมย์เวชภัณฑ์” จากนั้น ก็เริ่มนำ�สูตรยาแผนโบราณจีนของบรรพบุรุษตระกูลผม ที่ส่งต่อมาจากคุณทวด คุณปู่ คุณพ่อ มาจนถึงผม เป็นสูตรดั้งเดิม มาจาก เมืองจีน เรานำ�สูตรยาของเรามาผลิตขาย ในชื่อ “ยาสตรีสิงเห” ซึ่งเป็นยา บำ�รุงร่างกายสำ�หรับสตรี ใช้แทนการอยู่ไฟ ยาตัวนี้ขายดีมาก คนรู้จักกัน ทั่วประเทศ รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย พอธุรกิจตรงนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เราก็เริ่มคิดวางแผนอนาคต ให้กับลูกๆ ซึ่งเราตั้งเป้าหมายเอาไว้สองอย่าง อย่างแรก คือเราต้องให้ลูก
ทุกคนได้เรียนจบสูงๆ อย่างน้อยทีส่ ดุ ต้องจบปริญญาโทจากต่างประเทศ และ อย่างที่สอง ก็คือ เราต้องสร้างความมั่นคงให้กับลูกๆ (คุณจันทน์ทรา) ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันมีชีวิตลำ�บากมาก ฉันอยาก เรียนหนังสือ ตอนนั้นก็ไม่มีโอกาส สมัยนั้นขายของ ทำ�แต่งาน หาเงินหมุน ไปวันๆ ตอนนั้นฉันคิดเพียงว่า ทำ�อย่างไรลูกเราถึงจะไม่เป็นเหมือนเรา เขา ต้องไม่เหมือนเรา เขาต้องไม่เจอในสิ่งที่เราเจอ ต้องมีชีวิตที่ดีกว่าเรา ทำ� อย่างไรให้เขาได้เรียนรู้มากกว่าเราได้ไปให้ไกลกว่าที่เราเป็นอยู่ อย่างน้อยให้ เขาได้เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศ ได้รู้มากที่สุด เท่าที่เราจะทำ�ได้ ก็เลยตัดสินใจว่า เอาละ ฉันจะต้องส่งลูกเราเรียนให้จบปริญญาโทที่ต่าง ประเทศให้ได้เป็นอย่างน้อย มาถึงวันนี้ เป้าหมายที่ฉันตั้งไว้ตอนนั้น สำ�เร็จหมดแล้วค่ะ ลูกๆ ทั้ง 4 คน เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศทุกคน ทั้งออสเตรเลีย อเมริกา อังกฤษ และตอนนี้ลูกๆ ทั้ง 4 คน ก็มีชีวิตและครอบครัวที่ดี (คุณเสกข์สรร) ส่วนเรื่องการสร้างความมั่นคงให้กับลูกๆ สมัยนั้น ผมกับคุณจันทน์ทรามานั่งปรึกษาหารือกัน ว่าเราจะทำ�ยังไงดี เราจึงจะมี ความมั่นคง สร้างความปลอดภัยให้ลูก สุดท้ายเราก็คิดเห็นตรงกัน เราจะ ซื้อที่ดินเก็บไว้ให้ลูกเยอะๆ ด้วยเหตุผลเดียวเลยว่า ที่ดินมันมีพื้นที่จำ�กัด เราทำ�ให้มันงอกเงยออกมาไม่ได้ ส่วนเงินนั้น เราสามารถหาตอนไหนก็ได้ ฉะนั้นพอมีจังหวะและมีทำ�เลดีๆ เข้ามา ผมก็รีบซื้อหาเก็บไว้ ผมซื้อที่ดิน เยอะมาก ซื้อจนหมดตัวเลย เรียกได้ว่ามีเท่าไร ก็ทุ่มซื้อหมดเลย ผมถึงขั้น
ดร.เสกข์สรร ธีระวาณิชย์ และครอบครัว
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ดร.เสกข์สรร ธีระวาณิชย์ และครอบครัว กับอีกหนึ่งธุรกิจมาแรงในขณะนี้ บ.พระรามเก้า เน็ตเวิร์ค
กู้เงินจากธนาคารมาซื้อที่ดินเก็บ ผมอยากได้ที่ดินมากๆ สมัยนั้นผมยังไม่รู้ หรอกว่าจะเอาไปทำ�อะไร รู้แค่ว่าผมอยากได้มาก อนาคตมันต้องมีค่าแน่ๆ ผมซื้อหมดตัวเลย เรียกได้ว่า ถ้าไม่เกิดก็ดับไปเลย สมัยนั้น ที่ดินรอบนอกเมืองบุรีรัมย์ราคาถูกมากๆ ผมชอบซื้อ ที่ดิน พอเห็นมันราคาถูกมาก ผมก็ชักชวนให้เพื่อนๆ มาซื้อไว้ จะได้อยู่ ใกล้ๆ กัน แต่เพื่อนก็ไม่มีใครสนใจ จนเพื่อนบางคนถึงกับแซวว่า “มันบ้า ไปแล้ว มันซื้อที่ดินไปทำ�ไมตั้งเยอะแยะ จนมันหมดตัวแล้ว จะเอาที่ดิน ไปทำ�อะไร สงสัยมันจะไปเปลี่ยนอาชีพ ไปทำ�นาแล้วเหรอ” เพื่อนบางคน ถึงกับหัวเราะเยาะ ดูถูกผมด้วยซ้ำ� แต่ผมกับภรรยาก็ไม่เสียความตั้งใจนะ คำ�พูดเหล่านั้นทำ�อะไรความตั้งใจผมไม่ได้ ผมก็เก็บเงินซื้อที่มาตลอด ตอน นั้นคนจะขายที่ดิน รู้เลยว่าจะขายที่ต้องมาที่ผม สมัยนั้นที่ดินราคาถูก ไม่มี ใครอยากได้หรอก เขาก็มาหาแต่ผม ผมก็ซื้อจนเงินหมด ผมจำ�ได้ ลูกๆ ทั้ง 4 คน พอใครมีเงินค่าขนมเหลือ ก็จะเอามาให้ บอกผมว่า ให้ป๊าเอาไปซื้อที่ นะ คิดๆ แล้วก็ยังขำ�ตัวเองอยู่ถึงทุกวันนี้ ลูกๆ ซึมซับความคิดของผมตั้งแต่ เด็กๆ เลย ผมมีที่ดินเยอะมาก แต่ไม่รู้จะเอาไปทำ�อะไร มีที่ดินแปลงหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ดินแปลงใหญ่พอสมควร มองดูมีหินเยอะมาก ขรุขระไปหมดผม กับภรรยาก็นั่งคิดว่า จะทำ�อะไรดี จะขุดบ่อน้ำ�ยังยาก จะปลูกอะไรก็ยาก เพราะแถวนั้นมันแห้งแล้ง จะไปทำ�อะไรได้ มองไปทางไหนก็มีแต่หิน จึงได้ ปรึกษาเพื่อนและผู้ใหญ่หลายท่าน สุดท้ายผมก็คิดว่าที่ตรงนี้เหมาะที่สุดกับ การทำ�เหมืองหิน ตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่องนี้ งมๆ คลำ�ๆ กันไป งูๆ ปลาๆ ผม กับภรรยาศึกษาหาข้อมูล ไปกู้เงินจากธนาคารมาเพื่อลงทุน ทำ�เหมืองหิน ชื่อ “เหมืองหินราช” ซึ่งตอนทำ�ช่วงแรกๆ นั้นยากมาก เพราะเราเริ่มจาก ศูนย์จริงๆ ไม่มีความรู้ ไม่มีเครื่องมือ หรือเครื่องจักรอะไรเลย ล้มลุกคลุก คลานกันมาพอสมควร แต่โชคดีที่เพื่อนๆ คอยช่วยเหลือกันตลอด ทั้งให้คำ� แนะนำ� และส่งคนมาช่วยทำ�ให้เราเติบโตจนอยู่มาได้ทุกวันนี้ สะบายดี : นอกจากธุรกิจเหมืองหินราช และยาสตรีสิงเหแล้ว ท่านยังมี ธุรกิจอื่นๆ อีกไหมคะ นอกจากทำ�เหมืองหิน ผมก็ยังทำ�ธุรกิจอีกหลายอย่าง แต่ที่เป็น หลักๆ ตอนนี้คือ บริษัทเครือข่ายขายตรง ชื่อว่า บริษัท พระรามเก้า เน็ตเวิร์ค เป็นธุรกิจที่ผมทำ�มาได้ 3 ปีกว่าๆ ก็ถือได้ว่าเติบโตเร็วเกินความคาดหมาย มีสมาชิกมากกว่า 2 หมื่นคน มี 10 สาขา ทั่วประเทศไทย จุดมุ่งหมายในการ เปิดบริษัทนี้ มีอยู่ 2 อย่าง อย่างแรก คือ ต้องการให้สูตรยาจีนที่ได้รับสืบทอด มาจากบรรพบุรุษผม เป็นที่แพร่หลาย ต้องการให้ผู้คนมีสุขภาพดี จาก การทานยาจีนแผนโบราณ อย่างที่สอง คือ ต้องการส่งมอบโอกาส ส่งมอบ
คุณภาพชีวิตดีๆ ธุรกิจนี้ได้สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้คน บางคนทำ�เป็นอาชีพเสริม บางคนทำ�เป็นอาชีพหลัก เรามีทีมงานค้นคว้า คัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่ดีที่สุด ในราคาไม่แพง ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ใช้แล้วเห็นผลได้จริง เรามีสินค้ามากมาย ที่กำ�ลังเป็นที่ รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ยาสมุนไพรจีน ปาซินซุ่ย และซินแป๊ะฮ้อ กาแฟรังนก เพื่อสุขภาพ เอ็มไนน์พลัส สินค้านวัตกรรม “Biotic M9 Nano จุลินทรีย์เพื่อ ชีวิต” ซึ่งได้รับการยอมรับจากสำ�นักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ (สวทช.) ว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรม ที่ช่วยให้ระบบอวัยวะภายใน ร่างกายดีขึ้น ล่าสุดเมื่อเดือนสิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา บริษัทพระราม 9 เน็ตเวิร์ค ของเราก็เพิ่งได้รับรางวัลสุดยอดผลิตภัณฑ์ ดีเด่น ปี 2016 สะบายดี : ทราบมาว่านอกจากธุรกิจส่วนตัว ท่านยังได้ทำ�งานเพื่อสังคม และชุมชนอีกมากมายหลายอย่างด้วย ครับ ทางด้านสังคม ผมได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นประธาน ผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชน และครอบครัว จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน รวมเป็นเวลากว่า 19 ปีแล้ว ผมมีหน้าที่ร่วม พิจารณาคดี ดูแล เยียวยาเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำ�กว่า 18 ปี ที่ต้องโทษ และมีประวัติไม่ดี ให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม มีการจัดกิจกรรม ให้ความรู้ กับเยาวชนถึงกฎหมาย โทษภัย ความผิด และติดตามความประพฤติหลัง จากออกจากสถานแรกรับ เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กเหล่านั้นจะกลับตัว มาเป็น พลเมืองดีของสังคม ทางด้านการศึกษา ผมมีความเชื่อว่า ต้นกล้าที่ได้รับการปลูก การดูแล และเอาใจใส่เป็นอย่างดี ย่อมจะเติบโตมาเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง สมบูรณ์ ออกดอก ออกใบให้ร่มเย็น และทำ�ประโยชน์ให้แก่สังคม ผมจึง ให้ความสำ�คัญเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กและเยาวชนในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผม ผมได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ จาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 จนถึง พ.ศ. 2553 และปัจจุบันดำ�รงตำ�แหน่งเป็น กรรมการสภาวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ รวมเวลากว่า 13 ปี ที่ ผมทำ�งานในเรื่องของการวางนโยบายการบริหารงานภายในมหาวิทยาลัย ราชภัฏบุรีรัมย์ อีกทั้งผมยังได้รับการเลือกให้เป็นประธานกรรมการโรงเรียน ฮั่วเคี้ยว ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ไม่แสวงหาผลกำ�ไร เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เรา ได้จัดงานต้อนรับท่านกงสุลใหญ่ ซึ่งเดินทางมาจากประเทศจีน เพื่อเข้า ร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียนเรา ผมได้เจรจากับท่านกงสุล มีการทำ�ข้อ ตกลงความร่วมมือกัน ในเรื่องของการสนับสนุนจัดหาครูคนจีนมาสอน ภาษาจีนที่โรงเรียนฮั่วเคี้ยว เพราะเรากำ�ลังพัฒนาโรงเรียนฮั่วเคี้ยวให้ขึ้น
8
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานวโรกาสให้ครอบครัวธีระวาณิชย์เข้าเฝ้าฯ
เป็นโรงเรียนอันดับหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ โดยการหาอาจารย์เจ้าของ ภาษามาสอนทั้งภาษาจีน และภาษาอังกฤษ ส่วนในแง่ของ ทางวัฒนธรรม ผมเป็นประธานสภาวัฒนธรรม จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลารวมกว่า 23 ปี เพื่อรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามของคนไทย ให้อยู่กับ เมืองไทย และไม่สูญหายไป โดยสภาวัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ ทำ�หน้าที่ เป็นศูนย์กลางการสนับสนุน เผยแพร่ข่าวสาร และศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ วัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดบุรีรัมย์ สะบายดี : ทราบมาว่า ท่านยังได้มีการบริจาคทรัพย์สินส่วนตัวให้กับ หน่วยงานต่างๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการพัฒนาองค์กรอีกด้วย มี หน่วยงานใดบ้างค่ะ ผมได้ช่วยเหลือองค์กรภาครัฐ และเอกชนมาตลอด เท่าที่มี โอกาสจะได้ช่วยครับ ก็มีทั้งการบริจาคเงิน บริจาคที่ดิน ตามแต่หน่วยงาน นั้นๆ จะขาด จะต้องการอะไร อย่างล่าสุด ผมเพิ่งจะบริจาคเงินเพื่อก่อตั้ง มูลนิธิสงเคราะห์เด็ก ของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ อีกทั้ง ยังได้ช่วยเหลือบริจาคทุนทรัพย์ให้แก่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ในการจัดซื้อ เครื่องมือแพทย์ และปรับปรุงห้องพักผู้ป่วยใน นอกนั้นก็มีการบริจาคที่ดินแปลงใหญ่ให้แก่โรงเรียนฮั่วเคี้ยว เพื่อสร้างโรงเรียนฮั่วเคี้ยวแห่งที่ 2 อีกทั้งยังบริจาคที่ดินให้สำ�หรับสร้าง ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดบุรีรัมย์ และได้บริจาคที่ดินเพื่อก่อสร้าง วิทยาลัยสารพัดช่าง แห่งที่ 2 บริจาคที่ดินให้บ้านพักกระทรวงสาธารณสุข ด้วยครับ สะบายดี : ด้วยสายตาของนักธุรกิจ ท่านคิดว่าบุรีรัมย์ในอนาคตจะเป็น ไปในแนวทางไหนคะ ผมคิดว่า จังหวัดบุรีรัมย์ของเรามีการพัฒนาทางด้านคมนาคม สาธารณูปโภค อย่างรวดเร็ว อีกไม่นานนี้ บุรีรัมย์จะขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในโซนอีสานใต้ ดูจากการที GDP (เศรษฐกิจ จังหวัด) บุรีรัมย์เราเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด ในปีที่ผ่านมา มูลค่าที่ดิน พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัว เราเป็นเมืองกีฬาที่ครบเครื่อง มีจุดเด่น สามารถดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาได้อีกมากมายมหาศาล
สะบายดี : อยากขอให้ท่านช่วยแนะนำ�วิธีการทำ�ธุรกิจ และหลักการ ดำ�เนินชีวิต ที่จะนำ�ใปสู่การประสบความสำ�เร็จให้กับผู้อ่านด้วยค่ะ ผมขอฝากไว้ 3 อย่าง คือ จะต้องมีความตั้งใจจริง มี ความรับผิดชอบ และที่สำ�คัญที่สุดคือ ต้องซื่อสัตย์สุจริต ผมเชื่อว่า ที่ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะการเป็นคนที่ตั้งใจจริง รับผิดชอบ และซื่อสัตย์ เวลาที่เราต้องการโอกาส ต้องการความช่วยเหลือ คนที่จะยื่นมือเข้า มาช่วย เขาก็จะมองตรงนี้เป็นอย่างแรก ถ้าเราไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็คง ยากที่จะมีใครให้โอกาสและช่วยเหลือครับ ต้องยอมรับและชื่นชมว่า “เสี่ยป่า – ดร.เสกข์สรร ธีระวาณิชย์” นั้น เป็นนักธุรกิจรุ่นใหญ่ ที่มากด้วยประสบการณ์ และมีวิสัยทัศน์ที่ กว้างไกล ตั้งแต่การเริ่มสะสมที่ดิน ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีใครสนใจ การ กล้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อยู่เสมอ และไม่ปล่อยให้ความกลัวการล้มเหลว เข้ามาขัดขวางแผนการทางธุรกิจเลย สะบายดีบุรีรัมย์ ขอขอบพระคุณ ที่ท่าน และครอบครัวได้ให้เกียรติมาให้สัมภาษณ์กับเราในวันนี้ และหวัง เหลือเกินว่า ฅ.ฅน บุรีรัมย์ ฉบับนี้ จะให้แง่คิดจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ดีๆ ให้ผู้อ่านทุกท่าน ในการที่จะทำ�ธุรกิจ ควบคู่กับการทำ�ประโยชน์ดีๆ เพื่อตอบแทนสังคม แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
ดร. เสกข์สรร - คุณจันทน์ทรา ธีระวาณิชย์ บริจาคเงินให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
01
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
SF
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
21
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
วีทีแหนมเนือง
วีที แหนมเนือง สะบายพุง
กุ้งพันอ้อย
ก๋วยจั๊บญวน
หากไม่นับเมนูผัก - น้ำ�พริก อาหาร ยอดฮิตของไทยแล้ว หลายคนที่ชอบทานผัก ก็มักจะนึกถึงอาหารเวียดนาม และเมื่อพูดถึง อาหารเวียดนาม เมนูที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึง เป็นอันดับแรก ก็เห็นจะเป็น “แหนมเนื อ ง” อาหารเวียดนามยอดฮิตของคนไทย ซึ่งมีผักสด หลายชนิดมาเป็นส่วนประกอบหลัก กลายเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ สามารถชักชวนกันไปทาน ได้ในทุกโอกาสและบ่อยครั้ง โดยไม่ต้องกังวล ว่าน้ำ�หนัก คอเรสเตอรอล หรือปริมาณน้ำ�ตาล ในเลือดจะพุ่งกระฉูด เมื่อช่วงต้นๆ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มี ร้ า นอาหารเวี ย ดนามชื่ อ ดั ง ระดั บ ประเทศ มาเปิดสาขาในโครงการ บุรีรัมย์ คาสเซิล ซึ่งอยู่ ด้านหลังสนาม ไอ - โมบาย สเตเดียม ซึ่งจริงๆ แล้ว ชาวบุรีรัมย์ส่วนใหญ่ต่างก็รู้จักร้านนี้เป็น
อย่างดี แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปรับประทาน กันถึงถิ่น ที่จังหวัดอุดรธานี หลายคนจึง เลือกที่จะสั่งดิลิเวอรี่ มารับประทานผ่านการ ขนส่งของไปรษณีย์ไทย หรือรถประจำ�ทาง ร้านที่ว่านี้ ก็คือ “ร้านวีที แหนมเนือง สาขา บุรีรัมย์ คาสเซิล” นั่นเอง ร้าน วีที แหนมเนือง สาขา บุรีรัมย์ คาสเซิล เป็นร้านอาหารเวียดนามที่ให้บริการ โดย คุณทอง กุลธัญวัฒน์ และ คุณณฐพล ธนทรัพย์อำ�ไพ เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นชาวจังหวัด อุดรธานีทั้งสองท่าน โดยมี คุณนุช - เอมอร ธนทรัพย์อำ�ไพ ลูกสาวคุณณฐพล รับหน้าที่ เป็นผู้จัดการ บรรยากาศภายในร้าน ตกแต่ง แบบโปร่ง เพื่อให้รู้สึกสบายตา และติดแอร์ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามานั่งรับประทานกันอย่าง สบายตัว สบายใจ ขึ้นชื่อว่าอาหารเวียดนามแล้ว เมนูที่ ขาดไม่ได้เลย เห็นจะเป็น “แหนมเนือง” ซึ่ง มีผักสดๆ สารพัดชนิด จัดวางมาบนจานอย่าง สวยงาม หมูย่างที่ผ่านการผสมเครื่องปรุงสูตร พิเศษของทางร้าน น้ำ�จิ้มที่มีรสชาติหวานนำ� แบบที่คอผักและคนรักสุขภาพต้องห้ามพลาด เลยทีเดียว นอกจากนี้ ก็จะมี ปอเปี๊ยะทอด ปอเปี๊ยะสด กุ้งพันอ้อย หมูยอ แหนมซี่โครงหมู แหนมหมูใบมะยม ไส้กรอกอีสาน ขาหมูยัดไส้ บั่นฮอย (หมูสามชั้นปรุงรส เสิร์ฟพร้อมเส้น หมี่) และพันหอม (ไข่เจียว หมู และผัก มัด รวมกันด้วยต้นหอม) ก็มีให้เลือกอิ่มอร่อยได้ ตามต้องการ นอกจากเมนูจานหลักแล้ว ทางร้าน ยังมีอาหารจานเดียว อย่าง “ก๋วยจั๊บญวน” ที่ ประกอบด้วยเส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่ม กระดูกหมู
13
เคี่ยวจนเปื่อยกำ�ลันิงตดียสารสะบายดี หมูยอหั่นเป็บุนรีรชิัม้นย์พอคำ� ้นำ�ซุปร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมอย่าบอกใคร เหมาะกับช่วงฤดูฝนแบบนี้เป็นอย่างยิ่ง วีที แหนมเนือง ตั้งอยู่ในโครงการ บุรีรัมย์ คาสเซิล ร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 - 21.00 น. สอบถามรายละเอียด หรือ จองโต๊ะได้ที่หมายเลข 093 - 3266755 และ 095 - 7783329 ทาง Line ID : 0957783329 Facebook Fanpage : วีที แหนมเนือง สาขา บุรีรัมย์ คาสเซิล ส่วนโปรโมชั่นพิเศษตอนนี้ เพียงมา รับประทานอาหารที่ร้าน ถ่ายภาพ และเช็คอิน ก็จะได้รับ “น้ำ�มะนาวโซดา” เย็นๆ ฟรีทันที 1 แก้วต่อ 1 โต๊ะด้วยค่ะ ก่อนกลับ คุณนุชยังแอบกระซิบว่า อีกไม่นาน จะมีเมนู “ข้าวเกรียบปากหม้อ” ในแบบเวียดนามแท้ๆ มาให้พวกเราได้อร่อย เพิ่มขึ้นไปอีก อย่าลืมมาชิมกันให้ได้นะคะ
แหนมเนือง
VT Nam Nueng Buriram Castle Taste of Vietnam VT Namnueng @ Buriram Castle is located at Buriram Castle, recently opened for those who love Vietnamese food and their health. VT Namnueng is the most favorite Vietnamese food in Udornthanee and it is also very well known throughout Thailand. Some people love it so much that they order it to be delivered through post office or bus route. A variety of menus are to be served at VT Namnueng @ Buriram Castle such as Namnueng, Porpia (Spring roll) -
both fresh and fried, sugar cane wrapped with shrimp, Moo Yor (Pork roll); Nam (Sour pork); Isan sausages, Vietnamese noodles etc. All kinds of menus come with many types of fresh vegetables. VT Namnueng Buriram Castle is opened daily from 10 a.m. to 9.00 p.m. For more information or booking, please call 093 - 3266755 or 095 - 7783329 and Line ID: 0957783329. Check in at VT Namnueng Buriram Castle, you will get a glass of Lemon Soda for free.
คุณนุช - เอมอร ธนทรัพย์อำ�ไพ (ขวา) และคุณอา - สุพัตรา บรรณารักษ์กุล (ซ้าย)
41
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
Robinson
หมู่บา้ นทอ่ งเที่ยวไหม “บา้ นสนวนนอก”
15
นิตมหั ยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ศจรรย์เมืองแปะ
อ่าวไทย
61
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
ฝายบ้านจาน
มหัศจรรย์เมืองแปะ
17
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
(ต่อจากเล่มที่แล้ว) หลังจากรับประทานมือ้ กลางวันกันอย่างอิม่ หนำ�ทีบ่ า้ นของ คุณย่าทองพูน แสงกล้า และคุณย่าทองพันธ์ ปรึกกระโทก ย่าของน้อง นนท์ ต่อด้วยไปชมฝีมือการทำ�เครื่องจักสานของ ตาเลิศ – ยายพร สองสามี – ภรรยา คู่ทุกข์คู่ยาก ตำ�นานรักแห่งบ้านจาน ผู้มีวิชา การสานกระบุง ตะกร้า ไม้ไผ่อันเป็นภูมิปัญญาไทย และภูมิปัญญา ชาวบ้านแล้วนั้น พวกเราก็เก็บข้าวเก็บของ เตรียมพร้อมกับการ สัมผัสวิถีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสำ�หรับพวกเรา ชาวเมือง แล้ว มันคือสิ่งแปลกใหม่ คือความสนุกครั้งใหม่ และคือการผจญภัย ครั้งเล็กๆ เลยทีเดียว เราขับรถออกจากบ้านของคุณย่าไปไม่เกิน 2 กิโลเมตร ก็ถึงจุดที่นัดหมายกับกลุ่มช่างภาพท้องถิ่นที่มาร่วมทริป ของเราอีกจำ�นวนหนึ่ง ซึ่งทุกคนต่างก็ยืนรอเราอยู่แล้ว “ฝายบ้านจาน” หรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “หนองไผ่ หนองฮาง” เป็นโครงการชลประทานขนาดเล็ก ซึ่งหมายถึง งาน พัฒนาแหล่งน้ำ�ขนาดเล็ก ที่กรมชลประทานได้ก่อสร้างขึ้น เพื่อแก้ ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ให้มีน้ำ�ดื่มน้ำ�ใช้ เพียงพอกับความต้องการ ตลอดจนมีน้ำ�ไว้ใช้ในการเกษตร อันเป็น ความจำ�เป็นขั้นพื้นฐานของประชาชนในชนบท หรือพื้นที่ห่างไกล เมื่อก่อนบริเวณฝายบ้านจานแห่งนี้ เคยเป็นหนองน้ำ�เก่ามาก่อน ต่อมา ในปี พ.ศ. 2541 ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อขุดลอก และขยายเพิ่มเติม โดยมีกรมชลประทาน ซึ่งเป็นหน่วยงาน ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เ ป็ นผู ้ ดู แ ล สายลมเอื่อยๆ พัดมากระทบกับผืนน้ำ�ในฝาย ก่อให้เกิด เป็นระลอกคลื่นขนาดเล็ก กระทบกันเป็นทอดๆ ก่อนจะม้วนเกลียว คลื่นเข้ากระทบกับฝั่งฝายแล้วสลายตัวไป ระลอกแล้ว ระลอกเล่า ครั้งแล้ว ครั้งเล่า วนเวียนไปอย่างไม่รู้จบ ลักษณะที่เห็นทำ�ให้หวน ระลึกถึงหลักธรรมคำ�สอนของพระพุทธองค์ขึ้นมาทันใด ฉันตั้ง คำ�ถามกับตัวเองว่าสภาพอย่างนี้หรือเปล่านะ ที่เปรียบได้กับหลัก แห่ง “ไตรลักษณ์” คือ สภาพธรรมชาติของสรรพสิ่ง ที่ล้วนต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งสิ้น เกลียวคลื่นที่ซัดสาดและม้วนตัวอยู่ตลอดเวลา ก่อให้เกิดเสียง อันไม่สามารถเลียนแบบให้เห็นภาพได้ นอกเสียจากว่า จะได้มา ดื่มด่ำ�และสัมผัสด้วยตนเองเท่านั้น เวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ แล้ว แต่แสงแดดยังคงร้อนแรง สาดแสงจ้า ประหนึ่งว่าพระอาทิตย์พยายามทำ�หน้าที่ของตน อย่างสุดกำ�ลัง ไม่มีการออมแรง จนกว่าแสงสุดท้ายของวันจะมา เยือนและต้องชักรถศึกลับขอบฟ้าไป พวกเราจัดข้าวของที่เตรียม มาให้เข้าที่เข้าทาง ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำ�หน้าที่ของตน บ้างก็ ไปเก็บภาพบรรยากาศ บ้างก็พากันออกเดินมองหาก้อนหินเพื่อมา วางเป็นหินสามเส้าต่างเตาถ่าน ก่อกองไฟเพื่อจัดเตรียมอาหารเย็น
81
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
ด้วยวางแผนไว้ตั้งแต่ก่อนออกเดินทางแล้วว่า เราจะ ลองดูว่า ถ้าไม่มีเตาถ่าน เราจะย่างหมู ย่างเห็ดที่เรา เตรียมมาได้หรือไม่ อย่างไร ห่างจากบริเวณที่ตั้งของพวกเราราวๆ 200 เมตร เราพบกองไฟเก่าที่ดับมานานแล้ว คงจะเป็นของ บรรดานักท่องเที่ยว หรือชาวบ้าน ที่พากันมาจับปลา แล้วนำ�มาปิ้งกินกัน สังเกตได้จากกิ่งไม้ขนาดใหญ่เท่า นิ้วหัวแม่มืออวบๆ 2 กิ่ง ที่นำ�มาตัดกิ่งแยกให้เป็นรูป ตัว Y และตัดปลายให้แหลม เพื่อไว้ปักลงบนดิน ให้สูง ขึ้นมาเหนือพื้นดินราวหนึ่งฟุตครึ่ง ตั้งห่างกันประมาณ 40 เซนติเมตร สำ�หรับวางไม้เสียบชิ้นเนื้อ หรือปลา ไว้ด้านล่าง ซึ่งในบัดนี้ เหลือเพียงเถ้าถ่านทิ้งไว้ให้ดู ต่างหน้า ไม่นานก็ได้ยินเสียงของน้องๆ ที่พากันออกไป หาก้อนเส้า ต่างพากันเดินกลับมามือเปล่า เราจึงต้อง ใช้วิธีการ “ขุด” หาก้อนหินที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาแทน บริเวณที่เรานั่ง เป็นถนนที่ตัดผ่านขอบฝาย เล็กน้อย เชือ่ มต่อกับป่าบ้านจาน ทีพ่ วกเราเพิง่ เดินผ่าน กันมาอย่างเหน็ดเหนื่อยในช่วงเช้า แต่เมื่อได้พักผ่อน หย่อนขาลงในน้ำ�เย็นๆ ก็คลายความเมื่อยล้าลง รู้สึกได้ ว่ามีกำ�ลังวังชาขึน้ มาอีกครัง้ เด็กน้อยพากันวิง่ เล่นอย่าง สนุกสนาน กระโดดน้ำ�เสียงดังตูมตามอยู่เป็นระยะๆ น้ำ�บริเวณนี้ มีทั้งจุดที่ลึกท่วมศีรษะ และตื้นแค่หัวเข่า มองเห็นพวกลิงทะโมน 5 – 6 คน วิ่งไล่กัน ปีนขึ้นไป บนกิ่งไม้ที่ยื่นไปเหนือผืนน้ำ� แล้วก็พากันกระโดดลงมา เสียงดัง ตูม... ตูม... ตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักๆ ยิ่ง มองเห็นเราถือกล้องจับภาพ พวกเขาก็ยงิ่ สนุก พากันคิด ท่าทางทีแ่ ปลกและพิสดารมากขึน้ ไปอีก บ้างก็จบั มือกัน ทีละ 3 - 4 คน แล้วกระโดดพร้อมๆ กัน แรกๆ ตากล้อง ของทางเราก็ทำ�ท่าสนุกสนานไปกับการถ่ายรูปเจ้าลิง น้อยกลุ่มนี้ แต่พอหันไปอีกที ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่พากัน ชูคออยู่ในน้ำ�ทั้งหมด โผล่ให้เห็นเฉพาะส่วนหัวและมือ ที่ถือกล้องชูไว้อย่างระมัดระวัง ถัดจากบริเวณทีเ่ ด็กๆ เล่นน้ำ�กันนัน้ มีชาวบ้าน 3 คน แม่ ลูกสาว ลูกชาย และเจ้าหมาน้อยสีขาวหม่นๆ ตัวหนึ่ง พากันเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้ากองใหญ่ ตะกร้าผ้า ผงซักฟอก เก้าอี้ตัวเล็ก และกะละมัง มานั่ง ซักล้างผ้ากันอยู่บนฝั่งฝาย ส่วนเจ้าหมาน้อยขนปุกปุย ตัวนั้นก็คงจะรู้สึกร้อน พักเดียวก็กระโดดลงไปดำ�ผุด ดำ�ว่ายในน้ำ�อย่างสนุกสนาน ชาวบ้านที่นี่ได้ประโยชน์ จากฝายบ้านจานเป็นอย่างมาก ทั้งใช้อาบ ใช้ซักล้าง และใช้ในการเกษตรกรรม หลังจากทีก่ องไฟเริม่ ใจอ่อน ยอมติดให้พวกเรา ได้ใช้กัน เราก็เริ่มย่างเห็ด ไส้กรอก และหมูที่หมักมา นั่งคุยไป ย่างไป แบ่งส่วนแบ่งให้กับเด็กน้อยที่พากัน
มาเป็นนายแบบให้กับเราในวันนี้ เมื่อหมูสุก เราก็นำ�มา หั่นบนเขียง ได้ยินเสียงเด็กๆ คุยกันด้วยภาษาท้องถิ่น จับใจความจากคนหนึ่งได้ว่า “นี่มันเขียงคนรวยนี่นะ” ทำ�เอาพวกเราชะงัก เพราะความจริงแล้วมันก็เป็นเพียง เขียงไม้รปู ทรงสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า ราคา 75 บาท เมือ่ ซักถาม ได้ความว่า เขียงทีบ่ า้ นของน้องๆ เป็นเขียงกลมๆ หนักๆ ไม่เคยเห็นเขียงแบนๆ เบาๆ แบบที่เรานำ�มาใช้เลย และ เพราะเหตุนี้ เขียงเก่าๆ ของเรา จึงกลายร่างเป็น “เขียง คนรวย” ไปโดยปริยาย (ฮา) พอแดดร่มลมตก ก็มีเสียงกรุ๋งกริ๋งๆ แว่วมา ตามสายลม หันไปตามทิศทางที่คาดว่าน่าจะเป็นที่มา ของเสียง แต่ก็หาต้นเสียงไม่เจอ จนกระทั่งน้องนนท์ ต้องเฉลยว่า “เสียงกระดิ่งจากคอควายครับพี่ ตอนนี้ เป็นเวลาที่ชาวบ้านเค้าพาควายกลับเข้าคอก เดี๋ยวจะ เดินผ่านเส้นทางนี้แหละครับ” พวกเราจึงตั้งตารอเพื่อ
ปิ้งเห็ด ปิ้งหมู บนกองไฟก้อนเส้า
ลูกหมากเม่าสุุก
ฝายบ้านจาน
มหัศจรรย์เมืองแปะ
19
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
02
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
จะได้เห็นที่มาของเสียง กว่าครึ่งชั่วโมง เราจึงมองเห็นเงาดำ�ทะมึนของฝูงควาย นับสิบค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า และแช่มช้อย ราวกับรู้ว่าพวกเราได้ ตั้งกล้องรอถ่ายรูปอยู่แล้ว จากนั้นผู้เป็นเจ้าของก็ต้อนควายทั้งฝูงลงไปล้างตัว ยังอีกฝั่งของฝาย ซึ่งมีระดับน้ำ�สูงไม่เกินเข่า เจ้าทะโมนน้อยสองคนก็พากัน วิ่งไปกระโดดขี่หลังควาย พร้อมกับส่งเสียง “ยอๆๆ” แล้วกระโดดลงน้ำ�เสียง ตูมตาม มาเป็นระยะๆ ทำ�เอาพวกเราถึงกับนั่งไม่ติด ต้องตามไปดูด้วยความ อยากรู้ อยากดู และอยากเห็น ภาพที่เห็นเบื้องหน้า ทำ�ให้เราเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ท้องฟ้า ยามนี้เป็นสีชมพูอ่อนๆ สะท้อนกับผืนน้ำ�ยามใกล้ค่ำ� เด็กน้อยบ้างวิ่งไล่กัน บ้างก็กระโดดขี่หลังควาย คนที่เก่งก็ลงมาช่วยอีกคน ปลุกปล้ำ�อยู่กับควาย ตัวนั้นเสียจนมันรำ�คาญ แกล้งเบี่ยงตัวจนคนตัวเล็กตกน้ำ�เสียงดังตูมใหญ่ แต่ด้วยแข็งแรงเป็นทุนเดิม จึงไม่มีใครย่อท้อ ลุกขึ้นและพยายามใหม่อีกครั้ง จนสำ�เร็จ ทั้งวักน้ำ�สาดใส่กันเองบ้าง สาดใส่ควายบ้าง คนที่เหลือก็ช่วยกัน อาบน้ำ�ให้ควาย ช่างเป็นภาพที่แสนงดงาม และสร้างความอิ่มเอิบใจให้เรา อย่างมาก เป็นภาพที่ไม่มีทางพบเห็นได้ในเมืองอย่างแน่นอน ยิ่งในปัจจุบัน “ควาย” เป็นสัตว์ที่กำ�ลังใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากเกษตรกรหันมาใช้ “ควาย เหล็ก” หรือ “รถไถ” ซึ่งให้ความรวดเร็ว และสะดวกกับคนมากขึ้น หากแต่ “ควายแท้ๆ” ที่เหลืออยู่นี่เอง ที่ได้สร้างความประทับใจให้กับพวกเราไปอีก นานเท่านาน ก่อนกลับบ้าน เราไม่ลืมที่จะดับกองไฟ ไม่ใช่เพียงแค่เอาดินกลบ แต่ต้องเอาน้ำ�มาเทราด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเป็นประกายไฟ ไปทำ�ลาย ป่า ทำ�ลายฝายบ้านจานแห่งนี้ให้เสียหาย กล่าวอำ�ลาเกลียวคลื่น ที่ยังคง ซัดสาดเข้าหาฝั่งอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน เวลานี้ เสียงจิ้งหรีดเรไรเริ่มกรีดร้อง ฝูงนกที่เริ่มบินกลับรัง เตรียมพร้อมรับกับความมืดที่กำ�ลังสยายปีกคืบคลาน เข้ามา สายลมเย็นๆ พัดแรงขึ้นๆ ฝนทำ�ท่าเหมือนกำ�ลังจะตก พวกเราจึงรีบ เก็บของขึ้นรถ แล้วโบกมืออำ�ลาฝายบ้านจานและธรรมชาติรอบกาย ขอบคุณการเดินทางครั้งนี้ ขอบคุณเพื่อนร่วมทางทุกคน ขอบคุณ ธรรมชาติที่สรรสร้างความสวยงามอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ขอบคุณเหล่ามนุษย์ นักอนุรักษ์ทั้งหลาย ที่ช่วยกันรักษา “ป่า และฝายบ้านจาน” ให้คงอยู่เป็น สมบัติของชาติ และยังประโยชน์ให้อนุชนรุ่นหลังสืบไปขอบคุณจากหัวใจของ พวกเราทุกคน
ฝายบ้านจาน
มหัศจรรย์เมืองแปะ
21
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
24
ฝายบ้านจาน
มหัศจรรย์เมืองแปะ
22
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
Ban Jaan Dam Way of Water, Way of Life Ban Jaan Dam is normally called “Nong Phai Nong Hang”. It is a small irrigation project constructed in 1998 by Royal Irrigation Department in order to reduce people’s shortage of water for their daily life and farms. Before the dam construction, there was a pond in this place. We used some stones dug up from the ground instead of a fire stove and used some sticks instead of charcoal for setting up fire. We just wanted to check if we could be able to cook without electric rice cooker, gas stove, or microwave. It took quite a long time to successfully set the fire. After that everyone of us vigorously helped each other to grill pork, sausages, fish and mushroom that we prepared from home. While waiting for the food to be cooked, we notice a group of 5 - 6 boys climbing up a tree and then jumping from the branch of the tree down into the water again and again. When they saw that all of us were interested in them and also the photographers were taking their pictures, they created new and moreinteresting actions such as holding
hands of each other and jump into the water together just to get our intention. We also saw a mother with two children came to wash their clothes at the dam’s side. When our food was cooked, we sat in a circle and had dinner together with those boys who happily joined us. It’s a new and good lifestyle we’ve never experienced before. So simple, but very much happy. It was late afternoon when we heard sound of something from the distance. Nong Non told us that it was the sound of the bells that were tied up to the buffaloes’ necks. This was a signal that it’s time to go home. A herd of buffaloes stopped at the dam and got a bath before going straight home. Two boys ran to the dam and jumped into the water. No to take a bath, but riding the buffaloes and helped them wash their bodies. It was such a beautiful scene to see. Not only the way they played, but also the love they share. We waved bye - bye to all of them and I promised to myself “I’ll come back”.
4 สวนน้ำ�หรรษา ท้าลมร้อนในบุรีรัมย์
นิตยสารสะบายดีบุรีรัมย์
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
42
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
MAJOR CINEPLEX
สุดยอดอาณาจักรภาพยนตร์แห่งใหม่ ของชาวบุรีรัมย์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดตัวโรงภาพยนตร์มาตรฐานระดับ โลกแห่งใหม่ของจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสาขาที่ 100 ของเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ณ ห้างสรรพสินค้า Big C อำ�เภอเมือง จังหวัด บุรีรัมย์ ประกอบไปด้วย 5 โรงภาพยนตร์ รองรับผู้เข้าชมได้มาก ถึง 1,311 ที่นั่ง มีทั้งที่นั่งแบบธรรมดา และแบบฮันนีมูน (Honey moon seat) พร้อมระบบการฉายแบบดิจิตอล (Digital) ทำ�ให้ ได้ภาพและเสียงที่คมชัดสมจริง ภายในโรงภาพยนตร์ตกแต่งด้วยบรรยากาศหรูหราและ เป็นมิตร มีเก้าอี้นั่งรอ พร้อมบริการจุดชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ กระจายอยู่ทั่วบริเวณ เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า พร้อม บริการอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งอาหารว่าง และเครื่องดื่ม แถมยังมี โปรโมชั่น Bucket Set Movie ให้ลูกค้าสามารถซื้อน้ำ�อัดลม และ ป๊อปคอร์นไปรับประทาน แล้วยังเก็บแก้วน้ำ�และถังป๊อปคอร์นไว้ เป็นที่ระลึกได้อีกด้วย
เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ และการ เลือกที่นั่ง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้จัดให้มีการขายตั๋วด้วยเครื่องขายตั๋ว อัตโนมัติ หรือ E - Ticket รวมถึงระบบสมาชิก บัตร M – Generation ที่ให้สิทธิ์ในการซื้อบัตรชมภาพยนตร์ในราคาพิเศษ พร้อมทั้งสิทธิ ประโยชน์อีกมากมาย เช่น สะสมแต้ม ใช้แต้มแลกของรางวัล สิทธิใน เดือนเกิด และการใช้แต้มเพื่ออัพเกรดเป็นสมาชิก VIP ที่จะได้รับสิทธิ สุดพิเศษมากขึ้นไปอีก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ มีแอพพลิเคชั่น Major Movie Plus ที่ลูกค้าสามารถเช็ครอบฉายได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ� โดย สามารถจอง ซื้อตั๋ว และชมภาพยนตร์ตัวอย่างได้อย่างจุใจ สามารถ ตั้งระบบเตือนเมื่อทำ�การจอง หรือซื้อตั๋ว ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ทำ�ให้ คุณไม่พลาดรอบฉายของภาพยนตร์เรื่องโปรด นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถทำ�การเช็ครอบฉายและจองตั๋ว ชมภาพยนตร์ได้ ทางหมายเลขโทรศัพท์ 044 - 690439 เวลาทำ�การ จันทร์ - ศุกร์ 10.30 - 21.00 น. เสาร์ - อาทิตย์ 09.30 - 21.00 น.
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
รว่ มสรา้ งฝันความบันเทิงระดับโลก ของชาวบุรีรัมย์
10
กว่าจะมาเป็นทองแผ่นเดียวกัน ฅ.ฅนบุรีรัมย์
62
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
moon river
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
โตเกียวมารีน
8
ฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร กาลครั้งหนึ่ง
82
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
Somtam or papaya salad is one of the most favorite kinds of food for Thai people throughout Thailand. Somtam lovers can have it at any time of the day and for some people, they can eat Somtam more than once in a day. To satisfy customers, plenty of new menus of Somtam are always created to attract those who are addicted to Somtam. Among several Somtam shops situated in Buriram, Lai Mai Fruit Salad is one of the most favorite for customers. This may be because at this shop, apart from various menus of papaya salad, you can also order many different delicious menus of fruit salad, for example, Tam Klauy (banana salad), Tam Hua Plee (banana flower salad), Tam Subpharot
(pineapple salad), Yam Kraton (santol salad), Tam Makam (tamarind salad), Tam Mayom (star gooseberry salad), and the latest menu of Tam Miang Takrai (lemon grass salad). The menu mostly ordered by the customers is Tam Look Yor (Noni fruit salad). Lai Mai Fruit Salad is not the name of the shop, but it is named after Lai Mai Silk Shop nearby. Pa Miaw - Lamerd Nilertrat who owns the shop told us that she liquidated this business from Pa Krathin, the first owner. It is nearly 40 years up to now. Pa Miaw opens the shop for all preparation at 8.00 a.m. She starts serving her customers from about 10 a.m. to 4.30 p.m. or until the last serve. For more information, call 087-8784014.
2729
อม ลโตเกี ยว ตำ�ต้ผลไม้ ายไหม กาลครั้งหนึ่ง กาลครั้งหนึ่ง
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
“ส้มตำ�” ไม่ใช่เพียงอาหารในดวงใจชาวอีสานเท่านั้น หากแต่ เป็นอาหารคุ้นลิ้นของคนไทยเกือบทุกคน บ่อยครั้งที่เมื่อเราไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามภายใน 7 วัน เป็นต้องบ่นคิดถึงส้มตำ�กันแทบ ทุกราย ดังนั้นเมื่อจะพูดถึง “ส้มตำ�” ใน คอลัมน์ “กาลครั้งหนึ่ง” กันทั้งที ก็ย่อมต้องคัดสรรร้านที่มีเอกลักษณ์คือ “ความอร่อย” จนกลายเป็นตำ�นาน ที่ไม่ว่าใครก็ตาม เมื่อได้ลิ้มชิมรสเพียงครั้งเดียว ก็จะต้องติดอกติดใจ จน ต้องหวนกลับมาใหม่อีกครั้ง และร้านที่เราจะพาไปแซ่บในฉบับนี้ ก็ไม่มีชื่อ ร้านแต่อย่างใด มีเพียงชื่อเรียกที่ติดปากกันในกลุ่มลูกค้าว่า “ร้านตำ�ผลไม้ ลายไหม” ตามทำ�เลที่ตั้ง ที่อยู่ติดกับร้านลายไหม ร้านของฝากเก่าแก่ของ บุรีรัมย์นั่นเอง ส้มตำ�ลายไหม คือส้มตำ�รสจัดจ้าน ครบรส ทั้งเผ็ด เค็ม เปรี้ยว หวาน เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน รับประทานคู่กับผัดหมี่ แคบหมู ไข่ต้ม ข้าวเหนียว หรือเส้นขนมจีน แนมด้วยผักสดก็อร่อย “ป้าเหมียว – ละเมิด นิเลิศรัตน์” เจ้าของร้าน เล่าให้เราฟังว่า สืบทอดร้านนี้ต่อมาจาก “ป้ากระถิน” เจ้าของรุ่นแรก ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงคนรู้จักกัน แต่ป้ากระถิน ก็ได้ถ่ายทอดสูตรเด็ดเคล็ดลับมาให้จนหมดเปลือก และยังให้รับช่วงกิจการ ต่ออีกด้วย ซึ่งเมื่อนับย้อนไปถึงเมื่อสมัยป้ากระถินยังขายอยู่จนถึงทุกวันนี้ ก็กินเวลารวมกว่า 37 ปีแล้ว นอกจากเมนูส้มตำ�ทั่วไปอย่าง ตำ�ซั่ว ตำ�ไทย ตำ�ลาว ตำ�ผสม ตำ�ปู ปลาร้า ตำ�ถั่ว ตำ�แตง ตำ�ปู และตำ�พริกกระเทียมแล้ว ป้าเหมียวยังมีเมนู ตำ�ผลไม้ตามฤดูกาล ที่หมุนเวียนมาให้ลูกค้าได้รับประทานกันตลอดทั้งปี เริ่มต้นด้วยจานเด็ดที่หารับประทานได้ยากอย่าง “ตำ�กล้วย” ที่ป้าเหมียว บอกกับพวกเราว่า หากไม่ใช่กล้วยตานีแล้วล่ะก็ จะไม่ยอมใช้กล้วยชนิดอื่น มาตำ�ขายอย่างเด็ดขาด เพราะอาหารจานนี้จะต้องใช้กล้วยดิบมาตำ� แล้วนำ�
ส้มตำ�ไทย
ตำ�สับปะรด
ป้าเหมียว - ละเมิด นิเลิศรัตน์
ไปคลุกเคล้ากับส่วนผสมอื่นๆ เช่น สับปะรด มะเขือเปราะ ฯลฯ ซึ่งหากใช้กล้วยดิบชนิดอื่น ก็จะได้รสชาติที่แตกต่างกัน โดยบาง ร้านอาจตำ�คู่กับมะยม ก็จะมีความอร่อยและรสชาติที่แตกต่าง กันไป แล้วแต่สูตรของแต่ละร้าน นอกจากนี้ยังมีเมนู ตำ�หัวปลี ตำ�สับปะรด ตำ�กระท้อน ตำ�มะขาม ตำ�มะยม รวมถึงเมนูใหม่ ล่าสุดที่ทุกท่านไม่ควรพลาดคือ “ตำ�เมี่ยงตะไคร้” และเมนูที่ ขายดีและเด็ดที่สุดของร้านเห็นจะเป็น “ตำ�ลูกยอ” ที่ลูกค้า ถามถึงอยู่ตลอดเวลา จนป้าเหมียวต้องบรรจุเป็นเมนูประจำ�ไป เรียบร้อย ร้านส้มตำ�ลายไหมเปิดขายทุกวัน โดยป้าเหมียวจะไป เตรียมของตั้งแต่ 08.00 น. พร้อมขายก่อน 10.00 น. แล้ว ขายไปจนกว่าของจะหมดราวๆ 16.30 น. สามารถโทรศัพท์ไป สอบถามเมนู และสั่งส้มตำ�ล่วงหน้าได้กับป้าเหมียว ที่หมายเลข โทรศัพท์ 087 - 8784014 แต่หากรับสายช้าบ้างก็อย่าว่ากัน นะคะ เพราะที่ร้านมีป้าเหมียวขายอยู่คนเดียว ถ้าอยากทาน ของอร่อย ก็ต้องอดใจรอกันหน่อยค่ะ
ร้าน พิกัด โทร เวลา
: ตำ�ผลไม้ลายไหม : ข้างร้านลายไหม (สี่แยกร้านหนังสือดอกหญ้า) : 087 - 8784014 : 10.00 - 16.30 น.
03
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
Big C
3311
Buriram Carwash Spaำ�พุ หลังสถานีรถไฟบุ รีรนิัมตย์ยสารสะบายดี เคยมีวงเวี&ยบุนน้ รีรัมย์ ภาพเก่าเล่าเรื่อง
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ว่าง
32
ภาพเก่าเล่าเรื่อง วิวัฒน์ โรจนวรรณ/โครงการตามหาเมืองแป๊ะ/ ไทรถเข็น www.facebook/”Wiwat Rojanawan”
23
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
มนุษย์อวกาศคนนี้ ก็คือ “นีล อาร์มสตรอง” ชาวอเมริกันซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่อาศัยยานอวกาศที่ชื่อ “อะพอลโล 11” พร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ไปเหยียบ ดวงจันทร์ (โดยนักบินคนที่ 3 รออยู่บนยานอวกาศ) ประวัติศาสตร์โลกได้บันทึกไว้ว่า เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 เวลาสากล 20.18 น. ซึ่ง ผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ต่างก็ทราบกันดี และพอจะมีความทรงจำ� เกี่ยวกับเรื่องนี้เหลืออยู่ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำ�หรับ มนุษยชาติทั้งมวล จึงมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกในช่วงที่ ยานอะพอลโล 11 กำ�ลังร่อนลงแตะพื้นดวงจันทร์ เมื่อ นีล อาร์มสตรอง กับเพื่อน ย่างเท้าย่ำ�ไปบนพื้นผิวดวงจันทร์ จนเกิดเป็นรอยรองเท้าประทับแน่น เห็นได้ชัดเจนติดตา มาจนถึงวันนี้ การเป็นอเมริกันชนของ นีล อาร์มสตรอง การ เป็นคนดังระดับโลก และภาระหน้าที่ของการเป็น นักบิน อวกาศ ทำ�ให้ไม่คิดว่า วันหนึ่ง นีล อาร์มสตรอง จะมีโอกาส เดินทางมาประเทศไทย และมีจุดมุ่งหมายที่จะไปจังหวัด
นีล อาร์มสตรอง ถ่ายบนศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ (หลังไม้/ถูกรื้อถอนแล้ว) ซ้ายมือของ นีล คือ นายประทีป โรจนากาศ อดีตผู้อำ�นวยการการประถมศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์และศรีสะเกษ ในวันนั้น นายประทีป ทำ�หน้าที่เป็นล่าม ผู้ชายคนกลางคือ เจ้าหน้าที่ของสำ�นักข่าวอเมริกัน (USIS) จังหวัดขอนแก่น ถัดมาคือ นายสุรวุฒิ บุญญานุสาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในขณะนั้น ส่วนผู้ที่อยู่ด้านหลังสุดคือ นายบุญทิศ ดวงจันทร์ ทำ�หน้าที่อักษรเลข ในวันนั้น
นีล อาร์มสตรอง ถ่ายภาพร่วมกับ ข้าราชการ และชาวบ้านอำ�เภอกระสัง หน้าฟาร์มหมูที่ตำ�บลหนองเต็ง อ.กระสัง ก่อนที่จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไป จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นจังหวัดในเป้าหมายหลัก แต่จังหวัดบุรีรัมย์พลอยได้รับอานิสงส์ด้วย ซึ่งความดีทั้งหมด ต้องยกให้ฝรั่งสวมสูท ที่ชื่อ นายกานต์ คูนซ์ ที่ยืนอยู่ด้านขวามือของนีล เนื่องจากเป็นคนกำ�หนดโปรแกรมการเดินทางครั้งนี้. (เจ้าของภาพ นายกานต์ คูนซ์)
ภาพเก่าเล่าเรื่อง วิวัฒน์ โรจนาวรรณ/ โครงการตามหาเมืองแป๊ะ/www.facebook/”Wiwat Rojanawan”
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
33
สุรินทร์ ตามจดหมายของเด็กนักเรียนของโรงเรียนสิรินธร ที่เขียนไปเชิญให้มาเล่าเรื่องการพิชิตดวงจันทร์ด้วยตัวเขา เอง และทางรัฐบาลสหรัฐ-อเมริกาก็ใจดี ได้สนองตอบให้ ด้วยการดำ�เนินการให้ นีล อาร์มสตรอง ได้เดินทางมาถึง จังหวัดสุรินทร์ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2512 หลังจาก พิชิตดวงจันทร์มาแล้ว 5 เดือนพอดี กำ�หนดการเดินทางไปยังจังหวัดสุรินทร์ของนีล อาร์มสตรอง หนังสือพิมพ์หลายๆ ฉบับ ต่างก็ได้พร้อมใจ ลงข่าวกันอย่างคึกโครม แต่พอใกล้จะถึงวันที่กำ�หนดไว้ กลับมีข่าวใหม่ว่า นีล อาร์มสตรอง จะแวะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อน ในช่วงเช้า จากนั้นตอนบ่าย จึงจะเดินทางต่อไปที่ จังหวัดสุรินทร์ เรามาดูภาพเก่ากันดีกว่าว่า นีล อาร์มสตรอง หลังจากเหยียบดวงจันทร์มแล้ว 5 เดือน เขาก็มาเหยียบ มสตรอง มาถึงเมืองบุรีรัมย์ ด้วยเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งลงจอดที่บริเวณสนามหญ้าของศาลากลางจังหวัด แผ่นดินบุรีรัมย์ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เขาเหยียบ นีบุลรีรัมอาร์ ย์ ช่วงเช้าของวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2512 (เจ้าของภาพ นายกานต์ คูนซ์) ย่างไปที่ไหนบ้าง หมายเหตุ : นีล อาร์มสตรอง มีชื่อเต็มว่า “นีล อัลเดน อาร์มสตรอง” เขาเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555 รถยนต์ยี่ห้อแลนด์โรเวอร์ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของผู้ใด นำ� นีล อาร์มสตรอง โชว์ตัวรอบเมืองบุรีรัมย์ มีทั้งผู้เข้ามาจับมือ และผู้ที่นั่งตามรถยนต์ที่นีลยืนอยู่ ด้านหลังรถ (ภาพของนายสวง บุญเพชร)
43
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
63
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
พี่วิระ เกรัมย์ เกิดในครอบครัว ชาวนา เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำ�นวนพี่น้อง ทั้งหมด 7 คน ด้วยความที่เป็นคนขยันหมั่น เพียรและเสียสละ จึงได้รบั ความไว้วางใจจาก เพือ่ นบ้าน เลือกให้เป็นผูใ้ หญ่บา้ น บ้านโคลด ้น อำ�เภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เพียงพอ อย่างพอเพียง : ตัตำ�บลสองชั ้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน ด้วยความมุ่งมั่นทำ�งานอย่างเต็มที่ เกษตรทฤษฎีใหม่ อ่ ส่วนรวม จึงได้รบั คัดเลือกให้เป็น ภายใต้โครงการพระราชดำ�ริ ทำ�งานเพื ผู้ใหญ่บ้านดีเด่นประจำ�ปี พ.ศ. 2557 และ เมื่อปี พ.ศ. 2556 ในขณะที่ดำ�รงตำ�แหน่ง ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรกระสัง ไม่อาจโต้แย้งได้เลยว่าจังหวัดบุรรี มั ย์ จำ�กัด ก็ได้เป็นประธานโครงการกลุม่ ประกวด ของเรานัน้ ขับเคลือ่ นด้วยพลังของเกษตรกร แข่งขันชุมชนชาวนาต้นแบบ (ข้าวพันไร่) มาเนิ่นนาน ประชากรส่วนใหญ่ล้วนเป็น เพือ่ เตรียมความพร้อมในการเข้าสูป่ ระชาคม เกษตรกร เนื่องด้วยอาชีพแต่ดั้งเดิมครั้ง เศรษฐกิจอาเซียน (AEC) หรือที่เรียกว่า ปู่ย่าตายายก็คือการเกษตรกรรม ยึดการ โครงการ “The Farmer เกมเกษตรกร” ทำ�ไร่ไถนา ปลูกผัก ทำ�สวนเป็นหลัก และ ซึ่งเป็นโครงการที่กรมการข้าว ร่วมมือกับ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่การเกษตรทฤษฎีใหม่ได้ บริษัท ฟาร์ม แชนเนล (ประเทศไทย) จำ�กัด รับการพิสูจน์ให้เห็นจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ว่าคือหนทางรอดหนึ่งของชีวิต จำ�กัด จัดขึน้ เพือ่ กระตุน้ ให้ชาวนาเห็นความ สะบายดี บุรรี มั ย์ ฉบับนีจ้ งึ พาผูอ้ า่ น สำ�คัญของการวางแผนปลูกข้าวเพื่อให้ได้ ทุกท่านมาทำ�ความรูจ้ กั กับหนึง่ ในเกษตรกร ผลผลิตที่มีคุณภาพ ในปริมาณที่ต้องการ ที่ประสบความสำ�เร็จในเส้นทางสายนี้ ด้วย ลดต้นทุน และได้มาตรฐาน GAP โดยตำ�บล การดำ�เนินชีวติ ให้เป็นไปตามแนวพระราชดำ�ริ สองชั้น อำ�เภอกระสัง ได้เป็นตัวแทนของ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั คือการ ชาวนาภาคอีสาน ไปแข่งขันกับตัวแทนของ ทำ�เกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวทางเศรษฐกิจ ภาคเหนือ คือตำ�บลสันมะเค็ด อำ�เภอพาน พอเพียง จังหวัดเชียงราย
วิระ เกรัมย์
พีว่ ริ ะได้รบั การยอมรับว่าเป็นเกษตรกร หัวก้าวหน้าคนหนึ่งของตำ�บลสองชั้น เพราะ จากเดิมที่เคยทำ�นาแบบหว่านแห้ง แล้วรอให้ ฝนตก บางปีน้ำ�แล้ง บางปีน้ำ�ท่วม ทำ�ให้ได้ ผลผลิตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับ ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ� ศัตรูพืชระบาด ปัจจัย การผลิตมีราคาแพง เป็นเหตุให้ต้นทุนการ ผลิตสูง มีรายได้ไม่แน่นอน และทำ�ให้ดิน เสื่อมความสมบูรณ์ จึงคิดหาวิธีแก้ปัญหา ทั้งจากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง และ ขอความรูจ้ ากเจ้าหน้าทีห่ น่วยงานต่างๆ อีกทัง้ ยังหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ โดยศึกษาจากเอกสาร ตำ�รา การศึกษาดูงาน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักวิชาการ เกษตร เช่น ความรู้เรื่องการทำ�การเกษตร แบบไร่นาสวนผสม การปลูกพืช การเลี้ยง สัตว์ จากนั้นก็นำ�ความรู้ที่ได้ ไปถ่ายทอด ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น โดยการไปเป็น วิทยากร และการเปิดที่นาของตัวเองเป็น ศูนย์เรียนรู้การทำ�นา ให้กับนักศึกษาจาก กศน. (การศึกษานอกระบบ และการศึกษา ตามอัธยาศัย) และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาค รัฐและเอกชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจน บุคคลทั่วไปได้เข้ามาทดลอง และศึกษา เกี่ยวกับการทำ�ไร่นาสวนผสม ในรูปแบบ ต่างๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อีกหนึ่งองค์กรที่มีความสัมพันธ์กับ พี่วิระมาอย่างยาวนาน ก็คือ หจก.ศิริพงษ์
ค็อกพิท บุรีรัมย์ ไทร์ เซ็นเตอร์ แมชีนเนอรี่ ที่คอยสนับสนุนเรื่องเครื่องจักรกลการเกษตรในการดำ�เนินโครงการ ต่างๆ ตั้งแต่การใช้รถแทรกเตอร์เตรียมดิน การดำ�นาด้วยรถดำ�นา ไปจนถึงการ เก็บเกี่ยวผลผลิตโดยรถเกี่ยวนวดข้าวคูโบต้า ช่วยทำ�ให้ประหยัดเวลา และยังช่วย เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพอีกด้วย ปัจจุบันแปลงนาของพี่วิระ มีการปลูกข้าวพันธุ์ กข 105 (ข้าวหอมมะลิ) โดยใช้รูปแบบการทำ�นาทั้งหมด 3 วิธี ได้แก่ ทำ�นาหว่านแห้ง 40 ไร่ ทำ�นาหยอด โดยใช้เทคโนโลยีเครื่องหยอดข้าวของคูโบต้า 2 ไร่ และทำ�นาดำ�โดยใช้รถดำ�นา ของคูโบต้า 3 ไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย 600 กิโลกรัมต่อไร่ ไว้สำ�หรับจำ�หน่าย บริโภค ในครัวเรือน และเก็บเป็นเมล็ดพันธุ์ในปีต่อๆ ไป มีการปลูกผลไม้ และผักต่างๆ ตามคันนา เลี้ยงเป็ด ไก่ ให้หากินตามธรรมชาติ เลี้ยงหมู ปลาดุก ปลานิล และกบ โดยคำ�นึงถึงความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และรักษาสภาพแวดล้อมเป็นสำ�คัญ ก่อน ปลูกข้าว และหลังการเก็บเกี่ยวข้าว พี่วิระจะปลูกปอเทือง เพื่อใช้เป็นปุ๋ยสดบำ�รุง ดิน เลิกใช้สารเคมีกำ�จัดศัตรูพืช ทำ�เกษตรกึ่งอินทรีย์โดยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ร่วมกับ ปุ๋ยเคมี และวางแผนที่จะทำ�การเกษตรแบบอินทรีย์โดยใช้สารสกัดจากธรรมชาติ และปุ๋ยหมักต่างๆ แทนปุ๋ยอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ในอนาคต ท่านใดต้องการติดต่อพี่วิระ เพื่อขอข้อมูล และนัดหมายการเข้าเยี่ยมชม ศึกษาดูงาน สามารถติดต่อพี่วิระได้โดยตรง ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084 - 5146398 หรือแวะเข้าไปพูดคุยได้ที่ 38 หมู่ที่6 ตำ�บลสองชั้น อำ�เภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์
มหัศจรรย์เมืองแปะ
37
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
“แม้วา่ ในอนาคต ผมจะไม่ได้เป็น ผูใ้ หญ่บา้ น หรือมีบทบาทใดๆ ในหมูบ่ า้ น แล้ว ผมก็ยินดีเสียสละตัวเองเพื่อชุมชน และจะให้ความร่วมมือกับชุมชน เพื่อ ตอบแทนทีค่ นในชุมชนไว้ใจผมมาตลอด ผมยินดีจะให้ใช้พนื้ ทีข่ องผมในการทดลอง และศึกษาการทำ�เกษตรแบบใหม่เสมอ” นายวีระ เกรัมย์
พี่วิระ เกรัมย์
83
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
12ราศี
เปิดดวง ประจำ�เดือน กันยายน 2559
- ประสบการณ์การตรวจดวงตั้งแต่อายุ 16 ปี
- ปัจจุบันอยู่สังกัดของเว็บไซต์ ญาณเทพ (www.yantep.com) - ปี 2558 ติดอันดับ 57 หมอดูระดับพระกาฬ ในนิตยสารแพรว (fortune) - รับจองคิวตรวจดวงทุกวันทาง ราศีเมษ (14 เมษายน – 14 พฤษภาคม)
การงาน จะได้รับข่าวดีจากเรื่องงาน แต่ระวังการพูดถึงบุคคลทีส่ าม อาจทำ�ให้คณุ เดือด ร้อน การเงิน เงินทีถ่ กู หยิบยืมไปมีโอกาสได้คนื หรือเงิน ที่คุณจะไปหยิบยืม ยื่นกู้ มีแนวโน้มว่าจะสำ�เร็จ รายจ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับการซื้อของกิน ความรัก คนโสดมีโอกาสได้เจอคนใหม่ๆ คนมีคู่ ระวังเรื่องการมีปากเสียง ราศีกรกฎ (17 กรกฎาคม – 16 สิงหาคม)
การเงิน/การงาน งานหลายอย่างจะต้อง รีบสะสางในช่วงนี้ ระวังความประมาท เหม่อลอย จะทำ�ให้การทำ�งานผิดพลาด ใครที่กำ�ลังเรียน เตรียมรับศึกหนักจากการมอบหมายให้ท�ำ รายงาน หมุนเงินแทบไม่ทัน มีเกณฑ์เสียเงินเพราะความ ประมาท หรือข้าวของเครื่องใช้ชำ�รุด ความรัก คนมีครู่ ะวังมีปากเสียงกันเพราะเรือ่ งเงินๆ ทองๆ คนโสดมีโอกาสเจอคนฐานะดี ราศีตุลย์ (18 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน)
การงาน เป็นเดือนที่เหมาะกับการเริ่ม ต้นทำ�อะไรใหม่ๆ การวางแผนชีวิตช่วงครึ่งปีหลัง ในเดือนนีม้ กั สำ�เร็จ ยกเว้นเรือ่ งการลงทุนในธุรกิจ ให้ขยับไปหลังจากเดือนนี้จะดีกว่า การเงิน เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ความรัก ระวังพากันเสียเงินไปกับเรือ่ งไร้สาระ คน โสดระยะนีจ้ ะได้รบั ความสนใจจากคนรอบข้างมาก ขึน้ หากกำ�ลังคบหาดูใจกับใครมีโอกาสสมหวังสูง ราศีมังกร (15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์)
การงาน/การเงิน งานหลายอย่างจะ ต้องรีบสะสาง ระวังความประมาท จะทำ�ให้การ ทำ�งานผิดพลาด รายจ่ายเข้ามาพร้อมๆกัน ระวัง หมุนเงินไม่ทัน ไม่ควรให้ใครหยิบยืม หรือไปค้ำ� ประกันใคร ไม่ควรลงทุนในงานที่มีความเสี่ยงสูง ความรัก คนมีคมู่ โี อกาสตัง้ ครรภ์ หรือได้รบั ข่าวดี จากคนรัก คนโสดยังไม่มโี อกาสได้พบเจอใคร แต่ มีความสุขดี
ราศีเมถุน (15 มิถุนายน – 16 กรกฎาคม)
ราศีพฤษภ (15 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน)
การงาน เดือนนีเ้ ป็นช่วงเวลาทีด่ ี เหมาะ กับการคิดเปลี่ยนแปลงการงาน หรือตั้งเป้าหมาย อะไรใหม่ๆ การเงิน ไม่ขัดสนมีใช้เรื่อยๆไม่ขาดมือ ระวังอย่า ประมาทเป็นดีที่สุด ความรัก เป็นเดือนของคนโสด ที่จะมีโอกาสแอบ ชอบ หรือตกหลุมรักใครเข้า อาจเรียกได้ว่าเป็น ช่วงที่มีเสน่ห์ สำ�หรับคนมีคู่ระวังมีปากเสียงกัน เพราะคนอื่น ราศีสิงห์ (17 สิงหาคม – 16 กันยายน)
การงาน เดือนนี้คุณจะจัดสรรเวลาได้ อย่างลงตัว อาจจะมากหน่อย แต่ผา่ นไปได้ เตรียม วางแผนท่องเทีย่ วได้ไม่ยาก และจะเป็นการเดินทาง ที่ดี การเงิน สามารถควบคุมค่าใช้จา่ ยได้เป็นระบบมาก ขึ้น แต่ถ้าได้เก็บออมไว้ก็จะดีมาก ความรัก คนมีคู่ให้ระวังปัญหาด้านการเงินของทั้ง คู่ คนโสดยังไม่มีโอกาสได้พบเจอใคร ราศีพิจิก (17 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม)
การงาน/สุขภาพ เป็นเดือนที่เหมาะกับ การวางแผนต่อยอดธุรกิจ มีแนวโน้มว่าจะดีขนึ้ เป็น ลำ�ดับ ระวังปัญหาสุขภาพจะเข้ามากวนใจ การเงิน อาจจะมีเรื่องใช้จ่ายภายในบ้านมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ความรัก ระยะนีห้ มัน่ ดูแลใจและถามไถ่กนั เพราะ มีโอกาสมีมือที่สามมาแทรกกลาง คนโสดมีโอกาส ถูกมอง หรือได้รับความสนใจมากขึ้น ราศีกุมภ์ (13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม)
การงาน/การเงิน เดือนนีม้ เี รือ่ งจุกจิกเข้ามา กวนใจไม่ขาดสาย ทัง้ เรือ่ งเงิน งาน เพือ่ นร่วมงาน และ ชีวิตส่วนตัว ระวังมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับคนใน บ้าน จะมีงานยากมาให้คุณต้องฝ่าฟัน ความรัก ให้ระวังความไม่เชื่อใจ หรือช่างระแวง จะเป็นเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้ง อย่าคิดมากจะดีเอง
092 294 3269
การงาน ระวังถูกตำ�หนิ หรือเกิดความผิด พลาดในงาน อย่าประมาท คุณอาจท้อถอยกับงาน ได้ง่ายๆ ความรัก ผู้ที่มีคู่ หรือมีครอบครัว ให้ระวังปัญหา จากความเข้าใจผิด คนโสดสนุกกับการอยู่คนเดียว เหมาะกับการหาเวลาพักผ่อน หรือท่องเที่ยว
ราศีกันย์ (17 กันยายน – 17 ตุลาคม)
การงาน เป็นเดือนทีค่ ณุ จะเริม่ วางแผนทำ� อะไรหลายๆอย่างที่ผุดขึ้นมามากมาย คิดให้ช้า ให้ รอบคอบ จะช่วยคัดสรรงานที่ดีให้คุณ การเงิน ช่วงนี้เป็นช่วงเหมาะในการวางแผนเก็บเงิน ซือ้ อะไรซักอย่าง เพือ่ เป็นรางวัลชีวติ ให้ตวั คุณเองได้ ความรัก ต่างคนต่างยุ่ง อาจห่างกันซักพัก คนโสด มีความสุขกับชีวติ ส่วนตัว และเพือ่ นฝูง คนมีครู่ ะวัง มีปากเสียงกันเพราะความเข้าใจผิด ราศีธนู (16 ธันวาคม - 14 มกราคม)
การงาน เจ้านายเห็นผลงาน ลงทุนเห็น กำ�ไร อนาคตอันใกล้คุณจะได้รับข่าวดีจากความ มานะของคุณ การเงิน มีโอกาสได้เงินมาแบบฟลุคๆ สุขภาพ ระวังสุขภาพที่เกิดจากการทานอาหาร หรือ ทานมากเกินไป ความรัก เรียบง่ายไม่มีปัญหาหนักหนาคาใจ ราศีมีน (15 มีนาคม – 13 เมษายน)
การงาน เดือนนีจ้ ะสร้างความน่ารำ�คาญใจ ให้กับคุณ การอดทนให้ผ่านไปเป็นทางออกที่ดีที่สุด การเงิน หมดไปกับการเสาะแสวงหาทีเ่ ทีย่ ว ทีก่ นิ และ การจ่ายหนี้สิน ความรัก มีโอกาสได้เจอใครใหม่ๆ ใครมีครู่ ะวังความ เบื่อหน่ายจะเข้ามาครอบงำ�ชีวิตรัก ควรหาเวลาเพื่อ พักผ่อนเล็กๆก็จะช่วยได้เยอะ
39 นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
แอดภูมิเปาโล
04
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
พระพิรุณ
“เทพแห่ ง ฝน ผู้โปรดปรานความซื่อสัต ย ์” (ภาคจบ) (ต่อจากฉบับที่แล้ว) หลังจากนั้นพระเจ้าหริศจันทร์ และพระราชินี ก็ทรงมีพระโอรสตามต้องการ แต่ด้วยความรักที่มีต่อ ลูกชาย ทั้งพระเจ้าหริศจันทร์และพระราชินี จึงไม่ ยอมยกลูกของตนให้เป็นเครื่องบูชายัญแก่พระพิรุณ ตามที่ได้เคยรับปากไว้ ไม่ว่าพระพิรุณจะทวงสัญญา สักกี่ครั้งก็ตาม พระเจ้าหริศจันทร์ก็จะทรงหาข้ออ้าง ในการผัดผ่อนอยู่เสมอ จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จาก พระโอรสองค์น้อยๆ ก็เติบใหญ่จนเป็นเจ้าชายหนุ่ม เมื่ อ พระพิ รุ ณ กลั บ มาทวงสั ญ ญาอี ก ครั้ ง พระเจ้ า หริศจันทร์ก็ยังคงหาเหตุผลมาอ้าง เพื่อที่พระองค์ จะได้ไม่ต้องยกพระโอรสให้เป็นเครื่องบูชายัญอีก เช่นเคย จนในที่สุดพระพิรุณก็หมดความอดทน จึง ทรงดลบั น ดาลให้ พ ระเจ้ า หริ ศ จั น ทร์ ป่ ว ยเป็ น โรค ท้องมาน (โรคท้องมาน คือ อาการที่มีน้ำ�ในช่องท้อง มาก ทำ�ให้อวัยวะภายในค่อยๆ เน่าเปื่อยสร้างความ ทุกข์ทรมานแสนสาหัส และหากปล่อยทิ้งไว้นานก็ อาจถึงแก่ชีวิตได้) ด้วยผิดคำ�สัตย์ที่เคยได้สาบานไว้ ในสมัยปัจจุบันบทบาทของพระพิรุณได้ถูก ปรับลดลงมาก ทรงเป็นเพียงเทพแห่งสภาพอากาศ และเป็นโลกบาลแห่งทิศตะวันตกตามความเชื่อของ ชาวฮินดู ดังนั้น เวลาคนกล่าวคำ�สาบานจึงไม่มีใคร กล่าวอ้างพระพิรุณว่าขอให้เป็นโรคท้องมาน แต่มัก จะสาบานว่า “ขอให้โดนฟ้าผ่า” อันเป็นหน้าที่ของ พระอิ น ทร์ ผู้ ซึ่ ง เข้ า มารั บ บทบาทเป็ น เจ้ า ผู้ ค รอง สวรรค์แทนพระพิรุณ ที่จะประทานสายฟ้าลงมาใส่คน ที่ทำ�ผิดคำ�สาบาน หน้าที่ของพระพิรุณในความเชื่อปัจจุบันคือ ควบคุมการทำ�งานของเทวดากลุ่มวลาหก อันได้แก่ วัสสวลาหกเทพ (เทพแห่งเมฆฝน), สีตวลาหกเทพ (เทพแห่งความหนาวเย็น), อุณหวลาหกเทพ (เทพแห่ง
ความร้อน), อัพภวลาหกเทพ (เทพแห่งเมฆหมอก) และหมู่นาคที่อาศัยอยู่บนวิมานในอากาศ จะเห็น ได้ว่าพระพิรุณไม่เพียงเป็นเทพแห่งฝนเท่านั้น แต่ พระพิ รุ ณ ก็ ยั ง มี ต้ อ งรั บ ผิ ด ชอบเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งของ สภาพอากาศทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลก นับว่าเป็นเทพ ที่มีความสำ�คัญต่อเกษตรกร และเหล่าผู้ประกอบอาชีพ ที่ต้องอาศัยความเมตตาจากสภาพดินฟ้าอากาศเป็น อย่างยิ่ง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความเชื่อว่า พระพิ รุ ณ เป็ น ผู้ ป ระทานฝน จึ ง มี ก ารใช้ พ ระพิ รุ ณ เป็นสัญลักษณ์ของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับ การเกษตรกรรม รวมไปถึงสถาบันการศึกษาที่มีแนว นโยบายเน้นไปในเรื่องของการพัฒนาความรู้ ความ สามารถทางการเกษตรให้กับประเทศ อาทิ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ มหาวิ ท ยาลั ย แม่ โจ้ เป็ น ต้ น อี ก ทั้ ง ในทางศาสนา พราหมณ์ เมื่ อ จะกระทำ�พิ ธี ที่ เ กี่ ย วกั บ การเกษตร ก็ มั ก จะอั ญ เชิ ญ พระพิ รุ ณ มาร่ ว มงานด้ ว ยเสมอ ตามความเชื่ อ ที่ ว่ า จะทำ�ให้ ฝ นตกต้ อ งตามฤดู ก าล และส่ ง ผลให้ พ ื ช พั น ธุ ์ ธ ั ญ ญาหารอุ ด มสมบู ร ณ์ ปัจจุบันความเชื่อในเรื่องของทวยเทพ และ เทวดาทั้งหลาย ยังคงมีปรากฏให้เห็นอยู่ในหลาย วัฒนธรรมทั่วโลก และอาจจะเพราะในช่วงปีหลังๆ มานี้ บนโลกของเรามีคนไม่รักษาคำ�สัตย์เพิ่มมากขึ้น จนน่ า ตกใจกระมั ง จึ ง ทำ�ให้ พ ระพิ รุ ณ ทรงพิ โรธ แล้วทรงดลบันดาลให้พวกเราต้องพบเจอกับสภาพ อากาศที่แปรปรวน ทั้งอากาศร้อนจัดที่ทำ�สถิติสูง ที่สุดในรอบ 20 ปี ทั้งอากาศหนาวเย็นรุนแรงที่สุด ในรอบ 50 ปี ทั้งการมีฝนตกต่อเนื่องยาวนานจนเกิด น้ำ�ท่ ว มใหญ่ ใ นหลายเมื อ งทั่ ว โลก แล้ ว ยั ง รวมถึ ง พายุหลงฤดูที่เกิดขึ้นถี่และรุนแรงขึ้นทุกๆ ปี ดังนั้น นอกจากที่จะต้องช่วยกันลดโลกร้อนแล้ว เราอาจ ต้องช่วยกันรักษาสัญญาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยนะคะ
พระพิรุณ
เทพแห่งฝน ผู้โปรดปรานความซื่อสัตย์
41
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
King Haritchan, the king of Ayothaya had no son so he performed a ceremony to ask for a son from PraPiroon, but he had to promise that the son would be given back to PraPiroon for sacrifice. King Haritchan accepted the promise. Later, he had a lovely prince. PraPiroon asked him to do as promised, but, every time, he avoided the sacrifice because of love. PraPiroon who hated insincerity was very angry so he made King Haritchan seriously sick by having a lot of water in his stomach which is called “โรคท้องมาน” in Thai language. In Thailand, PraPiroon is widely known and respected as a very important god for those whose work is related to rain or water such as farmers. Therefore, government offices and agricultural institutions use the image of PraPiroon as their symbols, for example Ministry of Agriculture and Cooperatives, Kasetsart University, Mae Jo University, and every Agricultural College throughout Thailand. Whenever they have important activity or ceremony they have to perform the invitation and paying respect to PraPiroon. This is done based on their beliefs that there would be enough rain and the crops are abundant.
42
ยายจำ�ปีอีตาบุญ
อักษราร่ายรำ�
24
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
ยายจำ�ปีอีตาบุญ ตามหา กลิ่นไอ - กรุ่นไอแดด สีแสด สายรุ้ง คลุ้งโคลนปลัก กองฟาง หญ้าแฝก กาฝากรัก หายาก จริงนัก ในเมืองกรุง บ้านนา ป่าดอน แต่ก่อนเก่า เรือนเหย้า ยอดล้วน มวลแฝกยุ่ง ตีไผ่ ใส่ฝา หญ้าคามุง กลางทุ่ง ท้ายนา ข้างป่าดอน เสียงไก่ โห่ร้อง ก้องเซ็งแซ่ ตาบุญ - ตกแคร่ แน่ะ “ไก่หอน” เมียร้อง ก้องนา จากที่นอน “ไก่หอน ที่ไหน ไก่ขันโว้ย” หอมกรุ่น กลิ่นไอ - อุ่นไอแดด สีแสด ส่องนาน คลานโก่งโก่ย ตาบุญ- บิดเอว ร้องโอดโอย ชี้โบ้ย โหยหา ข้าวปลามัน หอมกลิ่น ข้าวนึ่ง ในหวดนึ่ง จากยาย คนหนึ่ง ในเรือนนั่น ข้าวเหนียว ร้อนร้อน แกงบอนคัน ผักหวาน ต้มมัน ยาย “จำ�ปี” “บักหำ� อยู่ใส มากินข้าว อีสาว ดาวเดือน มาเร็วรี่ กินข้าว สาก่อน ลูกคนดี อิ่มท้อง อ้วนพี ไปโรงเรียน” ตามหา กลิ่นไอ -กรุ่นไอแดด สีแสด สายรุ้ง ทุ่งสีเปลี่ยน จากดิน เป็นอิฐ ช่างผิดเพี้ยน จากไม้ ไผ่เปลี่ยน เป็นเฌอร่า จากป่า เป็นตึก ช่างผิดเพี้ยน ทุ่งหญ้า โล่งเตียน เป็นซีเมนต์...
เขียนให้ “แม่จำ�ปี - พ่อบุญธรรม เตมิยะ” เนื่องในวันแม่ที่ผ่านมา ยายจำ�ปี = มารดาผู้ให้กำ�เนิด ตาบุญ (บุญธรรม) = บิดาบังเกิดเกล้า สาวเดือน สาวดาว = พี่สาวทั้งสอง บักหำ�ในคราวนั้น บัดนี้คือข้าพเจ้า ผู้แต่งแต้มบทกวีเพื่อบูชาคุณของท่านทั้งหลาย ที่กล่าวมา... --- ก้อนดิน หินแห่ ---
ในวันที่ 27 - 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา สำ�นักงาน ท่องเที่ยว และกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดโครงการ “เปิด หมู่บ้านท่องเที่ยวบ้านสนวนนอก” ขึ้น โดยมี บริษัท เค.เอส. ริชเชส ในนามนิตยสาร สะบายดี บุรีรัมย์ เป็นผู้ประสานงาน เพื่อประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยว และโฮมสเตย์แห่งใหม่ บ้านสนวนนอก อำ�เภอห้วยราช จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เป็นที่รู้จัก มากยิ่งขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวที่เป็นคนรุ่นใหม่ และสนใจการ ท่องเที่ยวในแบบวิถีชาวบ้าน เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม และชีวิต ของชาวชนบท ที่เป็นคนไทยเชื้อสายเขมร ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมือและการตอบรับ เป็นอย่างดี จากเหล่าบล็อกเกอร์ นักเขียน และนักเดินทาง ที่รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ โดยสามารถติดตามการ รีวิวได้ที่ Facebook Fanpage ดังต่อไปนี้ เที่ยวจนไม่มีจะ แดก, ไปไหนดี, ชิลไปไหน, เที่ยวก่อนตาย, บันทึกคนขี้เที่ยว, เพื่อนนักสะพายเป้ และเที่ยวแบบกู หรือติดตามเฟซบุ๊กเพจ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
44
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
(ต่อจากเล่มที่แล้ว) หลังจากที่ปีนป่ายเนินเขาขนาดย่อม เพื่อไปเที่ยวชมความงามของสุสานจักรพรรดิ์ ไคดิงห์กันแล้ว พวกเราก็เตรียมตัวเดินทางต่อ ไปยังสถานที่ต่อไป ท่ามกลางอากาศที่ยังคง ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ไกด์เจ้าประจำ�บอกกับพวกเรา ว่า สถานีหน้าจะพาไปชมความเป็นอยู่ และ เรื่องราวชีวิตจริง ที่เคยเกิดขึ้นในสมัยสงคราม เวียดนาม อีกทั้งยังไม่ลืมที่จะเตือนให้พวกเรา เตรียมตัวเตรียมใจมุดลงไปใต้ดิน เพื่อสัมผัส และเรียนรู้ว่าชาวเวียดนามในสมัยโน้นสามารถ ใช้ชีวิตให้อยู่รอดในสภาวะคับขันกันได้อย่างไร จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเราได้ใช้เวลาในการนั่ง จินตนาการถึงสิ่งที่จะได้พบเห็นกันตามสะดวก อีกพักใหญ่ จนกระทั่งรถบัสของเราได้เดินทาง มาถึงหลุมหลบภัยที่ชื่อ “อุโมงค์หวิงห์ม็อก”
อุโมงค์หวิงห์ม็อก
VINH MOC TUNNELS
“อุโมงค์หวิงห์ม็อก” หรือ Vinh Moc Tunnels เป็นอุโมงค์ใต้ดิน ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อให้คนทั้งหมู่บ้านใช้เป็นที่หลบภัยจากการ ทิง้ ระเบิดทางเครือ่ งบิน ในสมัยสงครามเวียดนาม มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า หลุมขนาดเพียงเท่านี้ จะจุคนได้ทั้งหมดเลยหรือ? แน่นอนว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่เคยอยู่ที่นี่ ได้พากันอพยพหนีไปอยู่ในส่วนอื่นของประเทศ ในพื้นที่ที่ปลอดสงครามกันหมดแล้ว แต่ยังคงมี ชาวบ้านอีกราวๆ 300 ชีวิต ที่ยังอาศัยอยู่ใน อุโมงค์แห่งนี้เป็นเวลานานถึง 5 ปี นับตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2509 ถึง พ.ศ. 2514 แม้ว่าจะต้อง อาศัยอยู่ด้วยความลำ�บาก อัตคัด ขัดสน และ หวาดผวา ก็ตาม อุโมงค์หวิงห์ม็อกแห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจาก ตัวเมืองเว้มาทางทิศเหนือราว 65 กิโลเมตร เมื่อ มองจากทางด้านบนแล้ว อาจจะรู้สึกว่าอุโมงค์ แห่งนี้ดูเล็กมาก ยิ่งเมื่อเห็นทางเข้าก็ยิ่งรู้สึกว่า ไม่น่าจะสามารถจุคนจำ�นวน 300 คน ได้เลย แต่ความจริงแล้ว พื้นที่ภายในอุโมงค์แห่งนี้ มี ความยาวถึง 2,000 เมตร แบ่งออกเป็น 3 ชั้น และมีทางเข้าออกทั้งหมดถึง 13 ทาง เหตุผลที่ ต้องสร้างทางเข้าออกไว้มากมายนั้น ก็เพื่อใช้ เป็นช่องทางในการหลบหนีจากศัตรูนั่นเอง
อุโมงค์หวิงห์ม็อก ตะลุยต่างแดน
บรรยากาศโดยรอบๆ บริเวณอุโมงค์หวิงห์ม็อกนั้น เต็มไปด้วยความเขียวขจี จมูกรับรู้ได้ถึงกลิ่นที่รู้สึกคุ้นเคย ลอยมาจากที่ใดสักแห่ง แต่กลับนึกไม่ออกว่าเป็นกลิ่นของ อะไร ไกด์พาเราเดินเข้าไปชมในส่วนของพิพิธภัณฑ์ทาง ด้านใน ซึ่งเป็นที่ๆ รวบรวมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการรบ บางส่วนเป็นอาวุธที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว และอีกบาง ส่วนยังไม่เคยได้ผ่านการใช้งานมาก่อนเลย เช่น หัวระเบิด จากนั้นไกด์ก็พาคณะทัวร์ของพวกเราลอดปากทางเข้า เพื่อ เข้าสู่ตัวอุโมงค์ เวลาเดินต้องระวังตัวให้ดี เพราะศีรษะของ เราอาจกระแทกเข้ากับเพดานอุโมงค์ซึ่งไม่สูงมาก พวกเรา ทุกคนต่างเดินตามไกด์ไปอย่างกระชั้นชิด เพราะกลัวหลง ทาง สังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นเพดาน ทางเดิน ผนังห้อง หรือห้องแต่ละห้องล้วนแล้วแต่เกิดจากการขุดดินเพื่อแบ่ง สัดส่วนภายในอุโมงค์ให้เป็นห้องต่างๆ ขนาดเล็ก ทั้งด้าน ซ้าย ด้านขวา บางห้องสำ�หรับอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัว เมื่อเทียบขนาดตัวคนกับขนาดห้องแล้ว นึกไม่ออกเลยว่า ผู้คนในสมัยนั้นต้องใช้ความพยายามและความอดทนกัน
45
บุรีรัมย์ าง มากแค่ไหน เพื่อให้มีชีวิตรอดให้นิตได้ยสารสะบายดี เพราะห้องขนาดกว้ อย่างมากที่สุด กว้างเพียง 1.5 – 2 เมตร แต่ต้องอยู่กัน อย่างแออัด และที่สำ�คัญ ก็คือไม่ได้มีอุปกรณ์อำ�นวยความ สะดวกสบายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว มีห้องหลายห้องที่เป็นจุดเด่นในการเข้าชม อาทิ ห้องคลอด ห้องประชุม เป็นต้น ทางเดินภายในถ้ำ�นั้น เลี้ยวลดคดเคี้ยวอยู่ตลอดบางครั้งต้องเดินลง บางตอนต้อง เดินขึ้น จนในที่สุด พวกเราก็ทะลุออกมาอีกด้านหนึ่งของ อุโมงค์ และเมื่อออกมาครบทุกคนแล้ว ไกด์ให้เวลาพวกเรา เดินชมอย่างอิสระต่ออีก 15 นาที และที่จุดนี้เอง เราก็ถึง บางอ้อกับกลิ่นคุ้นๆ นั้น มันคือกลิ่น “ทะเล” นั่นเอง เพราะ จากหน้าผาของอุโมงค์หวิงห์ม็อก เราสามารถมองเห็นวิว ทะเลที่สวยงามได้ สายลมที่ลอยมากระทบใบหน้า และ เนื้อตัวอยู่ตลอดเวลา ให้ความรู้สึกเย็น แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกได้ถึงความเหนอะหนะ เหนียวตัวตามคุณสมบัติของ ลมจากท้องทะเลทั่วๆ ไปเช่นกัน ระหว่างทางเดินชมวิวนี้ จะมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้านำ� ผลไม้ จำ�พวก มะละกอ สับปะรด รวมถึงผลไม้อีกหลายชนิด พร้อมด้วยน้ำ�เย็นๆ และขนม มาวางขายให้กับนักท่องเที่ยว แล้วแต่ว่าใครอยากช่วยอุดหนุนสินค้าอะไร อุโมงค์แห่งนี้ สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปี แต่หากมาในฤดูฝน ก็อาจ เดินทางลำ�บากหน่อย เนื่องจากพื้นดินจะเปียกแฉะ พวกเราขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ พร้อมกับละออง ของฝนที่ค่อยๆ โปรยปรายลงมา ความเหน็ดเหนื่อยที่สะสม มาตลอดทั้งวัน ทำ�ให้รู้สึกง่วงงุนอย่างรวดเร็ว ไม่ยินดียินร้าย กับเสียงบรรยายของไกด์ที่คลอมาเบาๆ กับบทเพลงภาษา เวียดนาม เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับลูกทัวร์ ท่ามกลาง เสียงฝนที่กระหน่ำ�เทลงมา ได้ยินชื่อๆหนึ่งเข้ามากระทบกับ โสตสัมผัส “พรุ่งนี้ เราจะเดินทางไปฮานอยกัน” ได้ยินเสียงจากใจตัวเองว่า “ฮานอย เหรอ ... ชื่อคุ้นจัง...แล้วเจอกันนะ”
สำ�นักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์
ลแหน่ ้ม ลุก นงยืนงานว่าง ไทรถเข็ ตำ � 64จังหวัดบุรีรัมย์ ประจำ�เดือน กันยายน 2559 40 อักษราร่ายรำ� คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
สำ�นักงานจัดหางาน จังหวัดบุรีรัมย์
เว็บไซต์ : www.doe.go.th/buriram
ร้าน ช. พานิชย์ 1. พนักงานขับรถยนต์ (2 อัตรา) ช (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัด) สนใจติดต่อ 193/3-4 ม.9 ถ.วงแหวนทิศเหนือ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 086 - 4106287, 086 - 8734611 คุณประภารัตน์ สิงหรา ณ อยุธยา บจก. คิดถึงเบเกอรี่ 1. พนักงานขาย (10 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 19+ (ม.3) 2. พนักงานฝ่ายผลิต (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 19+ (ป.6+) 3. พนักงานบัญชี (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ปวช.+) 4. พนักงานคลังสินค้า (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ปวช.+) สนใจติดต่อ 631 ม.1 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 088 - 5527473 คุณเยาวลักษณ์ เทียมเลิศ ฝ่ายบุคคล บจก. นันทพัชร์ อินฟินิตี้ 1. พนักงานบัญชี (1 อัตรา) ญ (อายุ) ไม่เกิน 30 (ป.ตรี) 2. พนักงานขาย (5 อัตรา) ช/ญ (อายุ) ไม่เกิน 35 (ไม่จำ�กัด) 3. ช่างติดตั้ง (2 อัตรา) ช (อายุ) ไม่เกิน 35 (ไม่จำ�กัด) สนใจติดต่อ 674/8 ม.1 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 081 - 8339188 นายเอกรักษ์ ขวัญแก้ว กรรมการผู้จัดการ บจก. สุขกายสุขใจ (โรงแรมเดอะเซอร์เคิล) 1. พนักงานรักษาความปลอดภัย (1 อัตรา) ช (อายุ) 25+ (ไม่จำ�กัด) 2. พ่อครัว/แม่ครัว (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25+ (ไม่จำ�กัด) สนใจติดต่อ 254 ม.1 ถ.จิระนครซอย2 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 602222, 081 - 8234168 คุณณัฐวุฒิ สรพิพัฒน์เจริญ บจก. นารายณ์อินเตอร์เทรด 1. พนักงานเย็บจักร/ฝ่ายผลิต (50 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 18+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) 2. เจ้าหน้าที่ช่างซ่อมบำ�รุง (2 อัตรา) ช (อายุ) 18-45 (ม.6+) 3. เจ้าหน้าที่บัญชีประจำ�สาขา (1 อัตรา) ช/ญ 18-45 (ปวส.+) สนใจติดต่อ 130 ม.13 ต.โคกกลาง อ.ลำ�ปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 661572 คุณไอลวิล เขมะบุณยะปานนท์ หจก. รอยัลริชพลัสไลฟ์ 1. เลขานุการ (3 อัตรา) ญ (อายุ) 22+ (ปวส.+) 2. ประชาสัมพันธ์ (5 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22+ (ปวส.+) 3. การตลาด (5 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22+ (ปวส.+) สนใจติดต่อ 8/39 ถ.ปลัดเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 625579 คุณธษา คนัยรัมย์
สนง. ตัวแทนนายฉัตร เชี่ยวชาญวิศวกิจ 1. ที่ปรึกษาทางการเงิน (20 อัตรา) ช/ญ (อายุ) ไม่เกิน 45 (ป.ตรี) 2. ผู้ช่วยธุรการ (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ปวส.+) สนใจติดต่อ 33/5-6 ถ.ธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 612753, 081 - 9550725 คุณฉัตร เชี่ยวชาญวิศวกิจ หจก. บุรีรัมย์แสงเจริญการยาง 1. ช่างช่วงล่าง (รถสิบล้อ) (2 อัตรา) ช (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัด) 2. ช่างยนต์, ซ่อมช่วงล่าง (4 อัตรา) ช (อายุ) 20+ (ปวส.) สนใจติดต่อ 365 ม.3 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 611097, 081 - 8787066 คุณพิมพ์ลดา คงชนัยรุ่งโรจน์ บจก. ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) 1. วิศวกรเครื่องกลหนัก (2 อัตรา) ช (อายุ) 25+ (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 30/2 ม.4 ถ.บุรีรัมย์-ประโคนชัย ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 614431, 086 - 3658117 คุณเอกราช ชิดชอบบจก. ยิ่งเจริญ ก่อสร้างบุรีรัมย์ 1. ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ (1 อัตรา) ช (อายุ) 35-45 (ป.ตรี+) 2. หัวหน้าฝ่ายบัญชี (1 อัตรา) ญ (อายุ) 30-45 (ป.ตรี) 3. วิศวกรโยธา (1 อัตรา) ช (อายุ) 25-45 (ป.ตรี) 4. พนักงานตรวจสอบสภาพรถ (1 อัตรา) ช (อายุ) 25-45 (ปวส.-ป.ตรี) 5. ธุรการบัญชี (1 อัตรา) ญ (อายุ) 25-45 (ป.ตรี) 6. ผู้ช่วยช่างไฟ (1 อัตรา) ช (อายุ) 25-45 (ปวช.-ปวส.) 7. ครูฝึกภาคสนาม (3 อัตรา) ช (อายุ) 25-45 (ปวส.-ป.ตรี) 8. พนักงานขับรถเกรด (1 อัตรา) ช (อายุ) 25-45 (ม.3+) 9. พนักงานขับรถเครน (1 อัตรา) ช (อายุ) 25-45 (ม.3+) สนใจติดต่อ 326/28-29 ถ.ท่าช้าง ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 681058, 044 - 681458 คุณประกาศิต วงษ์คุย บจก. เอเอเอ็ม แคปปิตอล นางรอง 1. พนักงานบริการสินเชื่อ (2 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 200/3 ถ.โชคชัย-เดชอุดม ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โทร. 098 - 2585785 นายยุทธภูมิ คล้ายพันธุ์ บ. ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำ�กัด 1. เจ้าหน้าที่ป้องกันการสูญเสีย (1 อัตรา) ช (อายุ) 25+ (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 55 ม.1 ต.บ้านบัว อ.เมือง จ. บุรีรัมย์ โทร. 044 - 110800 ต่อ 205 คุณสุมิตรา สุขสุวรรณ์ ฝ่ายบุคคล
นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์
ศิริพงษ์
84
ไทรถเข็น
คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง
Cresco Hotel