Sabaidee Buriram Magazine Issue 32

Page 1

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


2

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

พระราชินี


Contents 4 ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

18 26

30

บรรณาธิการบริหาร วีรนุช คชรัตน์ บรรณาธิการ วีรวรรณ คชรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป วรพช คชรัตน์ ที่ปรึกษา ผศ.สุธามาศ คชรัตน์ อ.วันดี เธียรสวัสดิ์กิจ ที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศ ผศ.เรืองศักดิ์ อัมไพพันธ์ ที่ปรึกษาฝ่ายสุขภาพและกีฬา ผศ.พรพรรณ ค�ำเมือง ที่ปรึกษาฝ่ายภาษาไทยและวรรณคดีไทย ผศ.ดร.บุณย์เสนอ ตรีวิเศษ ที่ปรึกษาฝ่ายโบราณคดีและประวัติศาสตร์บุรีรัมย์ รศ.ดร.สมมาตร์ ผลเกิด ช่างภาพ วัฒนา จันทร์เจริญ ช่างภาพรับเชิญ ยุรธีร์ ภูริภัทรเศรษฐ์ กราฟฟิกดีไซน์ ปรัชญา ชัดทัน, พัชราภรณ์ ปัตตังเว นักเขียนประจ�ำคอลัมน์ วิภาวี สิงหวศิน, วิวัฒน์ โรจนาวรรณ, อารดา นิรันต์พานิช ฝ่ายการตลาด วรัญญา ละขะไพ, ทวีรัตน์ อ่อนซาผิว, ปรัชญานนท์ สังวาลรัมย์

6

นิตยสารสะบายดี บุรรี มั ย์ ห้างหุน้ ส่วนจ�ำกัด เค.เอส. ริชเชส 40/70 ถ. อินจันทร์ณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรรี มั ย์ 31000

http://www.sabaideeburiram.com

ติดต่อลงโฆษณา 085 - 6121010, 087 - 4588547


6 ดินดิบ คาเฟ่14 บ้านจาน18

สุชาติ เพิ่มฤทธิ์

กว่าจะมาเป็นทองแผ่นหนึ่ง

รสชาติที่เกินบรรยาย ในบรรยากาศที่ไม่ธรรมดา

เกาะราวรถไฟ ไต้เห็ดป่า ชมก้ามปูยักษ์ เครื่องจักสานไม้ไผ่

14 สุภาษิตจีนบทหนึ่งกล่าวว่า “เจี๋ยซู๋ เซียน เติง (捷足先登) แปลว่า นกที่ตื่นเช้าจะได้หนอน ตัวใหญ่ก่อน หรืออาจถอดความได้อีกว่า คนที่ตื่น แต่เช้านั้น จะได้รับโอกาสดีๆ มากกว่าคนที่ตื่นสาย คิดไปคิดมาก็น่าจะจริง เพราะประโยชน์ของการ ตื่นเช้า อย่างพื้นฐานที่สุดที่เราทราบกัน ก็คือการ ได้ตื่นมารับอากาศสดชื่น แถมอากาศในตอนเช้า ยังมีวิตามินที่ดีกับร่างกายอีกด้วย แล้วก็ยังมีเวลา สำ�หรับการออกกำ�ลังกาย การได้ทำ�กิจวัตรต่างๆ อย่างไม่เร่งร้อนจนเกินไปนัก จนถึงการได้มีเวลา คิดทบทวนถึงเป้าหมายในชีวิตอีกด้วย พูดถึงเป้าหมายในชีวิต สัปดาห์ก่อน ฉันได้อ่านบทความของ รศ.ดร.อรัญญา ตุ้ยคัมภีร์ จากคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ท่าน กล่าวว่า “หนังสือ Self Help เล่มหนึ่ง ได้เขียน บรรยายถึงฉากสนามฟุตบอล ที่มีชายผู้เป็นพ่อนั่ง เกาะขอบสนามฟุตบอล ที่มี “โจ” ลูกชายของเขา กำ�ลังอยู่ในสนามแข่งขัน และได้ครองลูกบอลอยู่ บริเวณหน้าประตู “ยิงเลย โจ ยิงเลย !!!” ผู้คนรอบ สนาม รวมทั้งผู้เป็นพ่อตะโกนเชียร์เสียงดังลั่น แต่ โจกลั บ ผ่ า นลู ก ไปให้ เ พื่ อ นของเขาเป็ น ผู้ ยิ ง แทน หลายต่อหลายครั้ง หลังการแข่งขันสิ้นสุดลง ผู้เป็น พ่อได้ถามโค้ชว่า “โจ ฝีมือยิงลูกบอลไม่ดีเลยหรือ

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ต้อม โตเกียว 26 กับความทรงจำ�ที่หอมอร่อย

วงเวียนรัชกาลที่ 1 30 ก่อนความทรงจำ�จะเลือนหาย

สุสานจักรพรรดิ ไ คดิ ง ห์ Tomb of Khai Dinh 44

44

Editor’s talk

ครับ” โค้ชตอบว่า “โจฝีมือดีทีเดียว แต่ที่เขาไม่ยอม ยิงประตู ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเขากลัวจะยิงพลาด มากกว่าครับ” มีหลายครั้งที่คนเราไม่ว่าจะอายุเท่าไร ก็ตาม ได้ใช้ชีวิตบนความกลัว... กลัวที่จะผิดพลาด เหมือนกับโจ กล่าวคือ ไม่กล้าที่จะตั้งเป้าหมาย ในชีวิต ไม่กล้าที่จะคาดหวังใดๆ เกี่ยวกับชีวิตใน วันข้างหน้าของตนเอง ด้วยเหตุผลหลักๆ ประการ เดียว คือ “กลัวว่าจะล้มเหลว หรือกลัวว่าจะไป ไม่ถึงฝัน” ความกลัวนี้มักทำ�ให้คนจำ�นวนไม่น้อย ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างไร้ทิศทาง ไม่มีความกระฉับ กระเฉง ไม่มีชีวิตชีวา และที่สำ�คัญ ไม่ได้รู้สึกว่า ตนมีคุณค่าอะไร ไร้พลัง และยังเต็มไปด้วยความ เบื่อหน่าย ที่เรียกว่า “ใช้ชีวิตอย่างไม่มีเป้าหมาย” นั่นเอง อ่านถึงบรรทัดนี้ ฉันก็กลับมาคิดทบทวน กับตัวเอง ว่า “เป้าหมายในชีวิตของฉันคืออะไร?” ถ้าย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนเพิ่ง จบการศึกษาออกมาเป็นบัณฑิตไฟแรง “เป้าหมาย ในชีวิต” ของฉันในตอนนั้นคงเป็น “งานและเงิน ที่มั่นคง” แต่เมื่อวันเวลาผันผ่านไป ก็ได้พัดพาเอา กระบวนการคิดแบบ “ทุนนิยม” ให้แผ่วบางลง

และถ้าหากใครจะถามถึงเป้าหมายในชีวิตของฉัน ในตอนนี้ ฉันจะตอบว่า มันคือ “งานที่ทำ�แล้ว มีความสุข ครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน สุขภาพที่แข็งแรง มิตรที่ดี และเรื่องดีๆ ในชีวิต” การได้ทำ�หนังสือ ก็ถือเป็นหนึ่งในงาน ที่รัก และนับเป็นเรื่องดีๆ ในชีวิตเช่นกัน เมื่อวาน ตอนเช้า ฉันขับรถไปถึงออฟฟิศบ้านสะบายดี ยัง ไม่ทันลงจากรถ ก็ได้สังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของ หญิงชายคู่หนึ่ง ขับเลี้ยวเข้ามาในซอย จนมาหยุด ที่หน้าบ้านสะบายดี ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะลงจากรถ มาหยิบนิตยสารที่เราตั้งแจกฟรีไว้ที่หน้าบ้าน แล้ว เธอก็กลับมาขึ้นรถ แล้วทั้งคู่ก็ขับออกไป การได้เห็นผู้อ่านรัก และชื่นชม ถึงขนาด ตั้งใจขับรถมารับหนังสือของเรา เป็นหนึ่งในที่สุด ของความภาคภูมิใจในชีวิตคนทำ�หนังสือแล้วค่ะ ฉบับนี้ พวกเราเดินทางกันมาถึงเล่ม 32 แล้ว ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน ที่ให้การ สนับสนุนกันตลอดมา จนถึงเล่มนี้นะคะ ดิฉันขอให้ ทุกท่านมีความสุขกับสะบายดี บุรีรัมย์ ตลอดไปค่ะ ด้วยรัก วีรวรรณ คชรัตน์


6

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ลุงชาติ และ ลุงบ็อกซ์

กว่าจะมาเป็นทองแผ่นหนึ่ง สุชาติ เพิ่มฤทธิ์ ผู้สืบสานการตีทองคำ�เปลว

การเดินทางครั้งใหม่ของพวกเราเริ่มต้นกัน อีกครั้ง จุดหมายปลายทางของเราคือ บ้านโคกสูง อำ�เภอกระสัง เพื่อออกตามหา “อาชีพในตำ�นาน” ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ก็เป็นหนึ่งในการเดินทาง ที่เรา ได้ทั้งความอิ่มใจและความรู้ไปพร้อมๆ กันค่ะ ออกเดินทางจาก อ.เมือง ตั้งแต่เช้า ไปตาม เส้นทาง บุรีรัมย์ - สุรินทร์ ด้วยความที่เราเดินทาง กันเช้ามาก ฉันก็เลยนั่งหลับๆ ตื่นๆ อยู่หลายยก แต่อยู่ๆ ก็รับรู้ถึงอาการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จน ต้องลืมตาขึ้นอย่างตกใจ ภาพถนนที่อยู่เบื้องหน้า ทำ�ให้ฉันเกือบจะอุทานออกมา อุแม่เจ้า รถของเรา กำ�ลังแล่นเข้าสู่โลกพระจันทร์หรือนี่ สภาพถนนที่ เป็นหลุมเป็นบ่อ ขรุขระ ตะปุ่มตะปํ่า ลึกบ้างตื้นบ้าง

ทำ�ให้ต้องชะลอความเร็วของรถ จนชาวบ้านทีเ่ ดินอยู่ ริมถนนสามารถเดินแซงขึ้นหน้ารถของเราไปได้อย่าง สบายๆ พลขับก็พยายามหาทางที่จะทำ�ให้พวกเรา หัวสั่นหัวคลอนน้อยที่สุด เวลานัดหมายก็ใกล้เข้ามา ทุกทีๆ แต่จะให้ทำ�อย่างไรได้ มีทางเดียวคือ “ทำ�ใจ” สะกดอารมณ์ไม่ให้โยกไหวไปตามแรงกระแทกของ รถ ด้วยการนึกถึงเรื่องขำ�ๆ เพื่อคลายเครียด กลับไป ฉันจะไปอำ�เพื่อนเล่นสักหน่อยว่าบุรีรัมย์ของเราก็มีดี เหมือนกัน อุบลราชธานีมีสามพันโบก บุรีรัมย์เราก็มี สามพันหลุม (หรืออาจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ�) ฮา... จริงด้วย ฉันไม่รู้สึกหงุดหงิดสักเท่าไหร่เลย โชคดีว่า ระยะทางบนโลกพระจันทร์ ไม่ไกล นัก เพียง 3 – 4 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อเราเดินทาง

สุชาติ เพิ่มฤทธิ์


กว่าจะมาเป็นทองแผ่นหนึ่ง ฅ.ฅนบุรีรัมย์

7

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

มาถึงโรงเรียนโคกสูง ซึ่งเป็นจุดนัดพบ เรา ก็ได้พบกับ “ช่างทำ�ทองคำ�เปลว” ยืนรอเราอยู่ หลังจากพูดจาปราศรัย ทักทายกันพอหอมปาก หอมคอแล้ว เราก็เริ่มงานในทันที

ของป้าปรวย (พี่เขยของลุงสุชาติ) เขาทำ�งานอยู่ ที่กรุงเทพฯ แถวสามเสน ทำ�อาชีพนี้มาก่อน เขา ก็อยากให้เรามีอาชีพที่จะทำ�ให้เรามีรายได้เสริม ที่เอามาทำ�เองที่บ้านได้ โดยในช่วงแรกๆ ก็ไป อยู่ ไปเรียนกับเขาก่อน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ลุงได้ สานต่ออาชีพทำ�ทองคำ�เปลว

แนะนำ�ตัวหน่อยค่ะ ลุงชาติ : สวัสดีครับ ลุงชื่อชาติ - สุชาติ เพิ่มฤทธิ์ ลุงเป็นคนบุรีรัมย์โดยกำ�เนิด เกิดที่บ้านโคกสูง ลุงช่วยเล่าวิธีการทำ�ทองคำ�เปลวให้หน่อยค่ะ ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ลุงชาติ : เริ่มต้นจากอุปกรณ์ ในการทำ� ได้แก่ ทองคำ�ที่รีดจนเป็นแผ่นแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะรับ ทำ�ไมลุงชาติถึงมาทำ�อาชีพตีทองคำ�เปลวคะ มาจากผู้ว่าจ้างให้ทำ�ทองคำ�เปลว ตามปริมาณ ลุงชาติ : จะเรียกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริมก็ได้ ที่ลูกค้าต้องการ กระดาษแก้ว เป็นกระดาษแผ่น เพราะว่าจะทำ�ก็ต่อเมื่อมีใบสั่งจากลูกค้า เพราะ บางๆ แต่มีความเหนียว ลักษณะคล้ายผ้าขาว อาชีพหลักของลุงคือการทำ�นา เหมือนกับคน บาง ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดประมาณ 5x5 นิ้ว แถวนี้ ก่อนนี้ลุงทำ�งานประจำ�อยู่ในกรุงเทพฯ กุบ เป็นกล่องที่ทำ�จากหนังวัว ใช้สำ�หรับใส่ แต่ช่วงปี พ.ศ. 2554 ที่กรุงเทพฯ เกิดน้ำ�ท่วม กระดาษแก้วที่วางแผ่นทองคำ�ไว้แล้ว แท่นหิน ครัง้ ใหญ่ ก็เกิดผลกระทบต่องานทีท่ ำ� ลุงเลยย้าย รองตี คือ แท่นหินแกรนิตพื้นเรียบ และ ค้อน กลับมาอยู่บุรีรัมย์ ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้มีอาชีพ ทองเหลือง ก็เป็นค้อนขนาดใหญ่ อะไรเป็นหลักเป็นฐานให้กับครอบครัว พี่ชาย ส่วนขั้นตอนและวิธีในการทำ� เริ่มต้น

จากการนำ�ทองคำ�บริสุทธิ์ท่ผี ่านการรีดมาแล้ว มาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดประมาณ 1x1 ซม. แล้วจึงนำ�ไปวางลงตรงกลางของกระดาษแก้ว แผ่นทองคำ� 1 ชิ้น ต่อกระดาษแก้ว 1 แผ่น จาก นั้นก็นำ�กระดาษแก้วทั้งหมด มาวางซ้อนกันให้ เป็นปึก แล้วบรรจุใส่กบุ ให้เต็มพอดี จากนัน้ วาง กุบลงบนแท่นหินแกรนิต แต่สมัยนี้เราต้องคิด ให้ล้ำ�หน้าวิทยาการ เราจึงทำ�กุบให้มีรูสอดไม้ ด้านข้าง เพือ่ ช่วยล็อคกุบให้อยูก่ บั ทีเ่ วลาตี ไม่ ขยับเขยือ้ น ง่ายต่อการตี จากนั้น เราจะใช้ค้อน ทองเหลือง ตีลงบนกุบ โดยไม่หยุดพัก หรือ อาจจะหยุดเป็นบางครั้งเพื่อกลับด้านกุบ แล้ว ตีซ้ำ� วนไปอย่างนี้ จนได้แผ่นทองที่มีขนาด ตามต้องการ หลังจากนั้น เราก็จะนำ�แผ่นทอง ที่ได้ไปวางใส่ในกระดาษแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่า เดิม แล้วนำ�ไปตีเพิ่มเพื่อให้ได้แผ่นทองคำ�เปลว ที่บางและมีความกว้างเพิ่มขึ้น แล้วก็จะไปถึง ขั้นตอนในการตัดซึ่งป้าปรวย (ภรรยาลุงชาติ) จะเป็นคนทำ� ใช้เวลาในการตีแต่ละครั้งนานเท่าไหร่คะ ลุงชาติ : จริงๆ มันก็ไม่มีเวลาแน่นอน คนที่ ตีมานาน จะรู้ด้วยตัวเองว่ามันได้ที่แล้วหรือยัง ภาษาวัยรุ่นก็คงเรียกว่า ต้องใช้ฟีลลิ่ง (หัวเราะ) ส่วนใหญ่ใช้เวลาราวๆ 6 – 7 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับ ความแข็งแรงของคนตีด้วย (หัวเราะ) แต่ต้อง ห้ามหยุดตีนะ เพราะว่าความร้อนจากการทีเ่ รา ใช้ค้อนตีจะทำ�ให้กุบและแผ่นทองด้านในร้อน และขยายตัว ถ้าหยุด ก็ตอ้ งเริม่ ตีใหม่ ลุงจะผลัด กันตีกบั ลุงบ๊อกซ์ ญาติของลุง ช่วยกันตีตั้งแต่ยัง มีพุง จนตอนนี้มีกล้ามท้องแล้ว (หัวเราะ)


8

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ปัญหาของการทำ�อาชีพนี้อยู่ตรงไหนคะ ลุงชาติ : สำ�หรับตัวลุง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความ เหนื่อยหรือลำ�บากเลย เพราะว่ามันเป็นอาชีพ ที่ทำ�ให้เราภูมิใจ ทำ�ให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นมา แต่ที่อาจเป็นปัญหาหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็น ความน้อยใจ คงเป็นที่ปัจจุบัน คนนิยมหันไป ใช้ทองคำ�เปลว ที่ผลิตได้จากกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ซึ่งมีส่วนผสมในการทำ�ที่ต่างกัน คือ ไม่ได้ใช้ทองคำ�บริสุทธิ์ ทำ�ให้ทองคำ�เปลว ของเขา ราคาถูกกว่าของเรา ซึ่งใช้แรงงานคน และส่วนผสมที่ราคาสูง ทำ�ให้คนที่จะมารับซื้อ ทองคำ�เปลวจากเราก็น้อยลง รายได้ที่เคยมี ก็ ลดน้อยลงไปด้วย

ป้าปรวย กับการตัดแผ่นทองคำ�เปลว

คุณลุงมีลูกหลานที่อยากจะมาสืบทอดอาชีพ ที่หาชมได้ยากแบบนี้บ้างมั้ยคะ ลุงชาติ : ลุงมีลูก แต่ว่าลูกเขาก็ไม่อยากมาทำ� หรอก เพราะว่ามันเหนื่อย ทั้งเหนื่อย ทั้งร้อน ทั้งลำ�บาก เขาก็อยากไปทำ�อาชีพที่เขาใฝ่ฝัน แต่ว่าเราก็ได้สอนญาติพี่น้อง และคนในชุมชน ที่สนใจ เราคิดว่าแม้จะไม่ใช่เงินก้อนใหญ่อะไร นัก แต่เราก็ทำ�อาชีพอย่างอื่น เช่น ทำ�นา ทำ�ไร่ เลี้ยงสัตว์ ปลูกผัก แล้วก็กินอยู่อย่างพอเพียง เท่านี้ เราก็เลี้ยงตัวเอง และครอบครัวได้แล้ว (หัวเราะ) หลังจากที่เราได้พูดคุยกับลุงสุชาติ และลุงบ๊อกซ์ที่โรงเรียนโคกสูงแล้ว เราก็ขับรถ

มุ่งหน้าต่อไปยังบ้านของลุงสุชาติ เพื่อเรียนรู้ วิธีการตัดแผ่นทองคำ�จากป้าปรวย แนะนำ�ตัวหน่อยค่ะ ป้าปรวย : สวัสดีจ้า ป้าชื่อปรวย เพิ่มฤทธิ์ เป็นภรรยาของลุงชาติ ป้ามีหน้าที่คอยช่วย ตัดแผ่นทองคำ�ใส่พิมพ์ นับจำ�นวน เตรียมส่ง ลูกค้า อุปกรณ์ของการตัดแผ่นทองใส่พิมพ์ ก็จะมี โต๊ะเตี้ย สำ�หรับนั่งทำ�บนพื้น หรือถ้า ใครจะนั่งเก้าอี้ ก็สามารถเอาไปทำ�บนโต๊ะได้ หมอน สำ�หรับรองแผ่นทอง พิมพ์ สำ�หรับใส่ ทองคำ�เปลวที่เสร็จแล้ว ไม้ไผ่ สำ�หรับตัด และจัดรูปทองคำ�เปลว เริ่มจากการที่เรานำ�ทองคำ�ที่อยู่บน กระดาษแก้วที่ตีเสร็จแล้วมาวางลงบนหมอน รอง นำ�พิมพ์ที่ต้องการมาวาง แล้วเอาไม้ไผ่ ไปแตะแผ่นทองคำ�มาวางบนพิมพ์ ตัดให้ได้ รูปเท่ากับแผ่นพิมพ์ เป็นอันว่าเสร็จ เป็นไงง่า ยมั้ย (หัวเราะ) มันดูเหมือนง่ายมากเลยนะ แต่ถ้า คนทำ�ไม่เป็น ทองก็จะติดไปทั่ว ขาดบ้าง หลุดบ้าง ทำ�ให้เสียเวลา และเสียเศษทองคำ� ซึ่งปกติเศษทองที่เหลือที่นำ�ไปใส่พิมพ์ไม่ได้ เราก็จะเอามารวมๆ กันเป็นก้อนแล้วหลอม นำ�กลับมาใช้ใหม่ บางทีก็จะมีคนที่มารับซื้อ ไปขายต่อ เพราะทองคำ�บริสุทธิ์ สามารถเอา ไปทำ�ได้หลายอย่าง เช่น ขนม เครื่องสำ�อาง


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


10

กว่าจะมาเป็นทองแผ่นหนึ่ง ฅ.ฅนบุรีรัมย์

01

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

แต่ละครั้งในการตี จะได้ทองคำ�เปลวประมาณกี่แผ่นคะ ป้าปรวย : ก็แล้วแต่จำ�นวนทองกับขนาดของพิมพ์ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ทอง 2 บาท ได้ประมาน 7,000 - 8,000 แผ่น นำ�ไป ขายต่อ ก็ตกที่ราคาแผ่นละประมาณ 5.8 – 6 บาท เมื่อก่อน เคยทำ�หลายพิมพ์ ทั้งพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก พิมพ์จิ๋ว แต่ตอนนี้ ขี้เกียจ (หัวเราะ) เพราะพอมีหลายพิมพ์ ก็ต้องใช้เวลานานขึ้น เลยทำ�แค่ขนาดเดียว มีอะไรอยากจะฝากถึงผู้อ่านมั้ยคะ ป้าปรวย : ก็อยากให้ช่วยอุดหนุนงานฝีมือที่พวกเราทำ� จะ ซื้อไปถวายวัด หรือนำ�ไปปิดทองพระ หรือเครือ่ งดนตรีไทย สร้างความสวยงาม และมูลค่าให้กับสิ่งของก็ได้ ส่วนใครที่ อยากสั่งซื้อ หรือจะเข้ามาศึกษาเรียนรู้วิธีการทำ� ก็สามารถ ติดต่อเข้ามาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 083 – 3821686 ยินดี และเต็มใจสอน แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่ง่ายเลยกว่าจะทำ�เป็น แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ อาชีพตีทองคำ�เปลวที่สะบายดี บุรีรัมย์ นำ�มาให้ทุกท่านได้อ่านกันในวันนี้ นอกจากจะเป็น อาชีพที่กำ�ลังจะสาบสูญไปแล้ว ยังเต็มไปด้วยความประณีต ละเอียดอ่อนทุกกระเบียดนิ้ว สำ�หรับฉบับหน้า เราจะพาไป รู้จักกับ “ฅ.ฅนบุรีรัมย์” ท่านใด อย่าลืมติดตามให้ได้นะคะ สวัสดีค่ะ

moon river


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

โตเกียวมารีน


21

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


41

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ดิDinนDibดิบCafe’ คาเฟ่

รสชาติ...ที่เกินบรรยาย ในบรรยากาศ...ที่ไม่ธรรมดา

“ฉ่าาา” เสียงอาหารชนิดหนึ่งถูกวาง ลงทอดในกระทะที่กำ�ลังร้อนได้ที่ กลิ่นหอมของ สมุนไพรลอยมากระทบจมูก ถ้าหากทายไม่ผิด คงจะเป็นใบมะกรูด และพริกแห้ง ที่นำ�มาทอด ให้กรอบ เพื่อเป็นส่วนผสมของอาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งผลพลอยได้ เกิดความหอมกับความหิวขึ้นมา ในเวลาไล่เลี่ยกัน พร้อมๆ กับส่งผลให้แต่ละคน ต้องจาม ฮัดดดชิ้ว! กันไปหลายตลบ อันเป็น เครื่องแสดงว่าอาหารนั้นอร่อยมากจริงๆ สะบายพุงฉบับนีจ้ ะพาท่านออกเดินทาง จากตัวเมืองบุรีรัมย์ มุ่งตรงไปบนถนน เส้นทางสู่ อำ�เภอลำ�ปลายมาศ พอขับรถออกไปถึงกิโลเมตร ที่ 21 ให้สังเกตทางด้านซ้ายมือ ท่านจะพบกับ ร้านที่มีกระถางจำ�นวนมากวางจำ�หน่าย มีป้าย เขียนบอกว่า “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน” และไม่ไกล จากกันมากนัก จะมองเห็นป้ายเล็กๆ ด้านหน้า เขียนว่า “ดินดิบ คาเฟ่ (Din Dib Cafe´)” “ดินดิบ คาเฟ่” ร้านอาหารสไตล์ฟิวชั่น (fusion style) ผสมผสานอย่างลงตัว ท่ามกลาง บรรยากาศที่ตกแต่งด้วยเครื่องปั้นดินเผาต่างๆ อาทิ กระถาง โคมไฟ แจกัน โอ่ง และของที่ระลึก จากดินเผา และดินดิบ ซึ่งหมายถึง วิธีการเผา เครื่องปั้นดินเผาโดยไม่ใช้เตาเผา อันเป็นที่มาของ ชื่อร้าน “ดินดิบ คาเฟ่” ซึ่งมี คุณแมงบี้ - ธงธวัช มือชงเครื่องดื่ม และคุณแมงคราม - ธงทิว เชฟ มือทอง สองพี่น้องตระกูล “วรธงไชย” ผู้ซึ่งเป็น ทั้งเจ้าของร้าน เจ้าของสูตร และยังเป็นผู้รังสรรค์

เมนูอาหาร และเครื่องดื่มที่แสนอร่อยออกมาให้ ลูกค้าได้รับประทานกันอย่างมีความสุข จากความเคยชิน ที่คลุกคลีอยู่ในครัว กับคุณย่ามาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ได้หล่อหลอมให้ กลายมาเป็นความรักในการทำ�อาหาร แมงคราม จึงตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า “โตไป ฉันจะเป็นเชฟ” กว่าแมงครามจะผ่านด่านคุณแม่ “รำ�พึง” ซึ่งค้าน หัวชนฝาว่า “ไม่ให้เรียนเชฟ” ก็ทำ�เอาคุณพ่อ “ทำ�นุ วรธงไชย” เหนื่อยเอาการ เพราะไม่ว่าจะ เกลี้ยกล่อม หว่านล้อมอย่างไร คุณแม่ก็ไม่เห็นดี เห็นงามไปด้วย ในที่สุด... แมงครามจึงได้เลือกเดินทาง ตามหาความฝัน ส่วนแมงบี้ ผู้ซึ่งรักการ “ดื่ม” เป็นชีวิตจิตใจ ได้ลงมือปรุงไปชิมไป ปรับสูตร เครื่องดื่ม จนคิดว่า “เออ... อร่อยนะ ถ้าเราชอบ ลูกค้าก็คงชอบเหมือนกัน” ในที่สุด ครอบครัว วรธงไชย ก็มีวันนี้... ทั้งเมนูอาหารและสีสันในการ ตกแต่งร้านที่ช่วยกันทำ�เอง กำ�กับเอง เอาใจใส่ และประณีตในทุกรายละเอียด เพื่อให้ลูกค้าได้รับ สิ่งที่ดีที่สุดกลับไป ทั้งรสชาติอาหาร ความเป็น กันเองและความอบอุ่น อาหารทุกเมนู ต้องผ่านการตรวจสอบ ความสด และสะอาด จากเชฟแมงคราม เริ่มต้น ด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน “ลุยสวนดินดิบ” ซึ่ง คนรักสุขภาพต้องไม่พลาด ด้วยผักปลอดสารพิษ ที่สดสะอาด ห่อด้วยแผ่นแป้งบางนุ่ม เคล้าน้ำ�จิ้ม รสชาติเปรี้ยวหวาน ทานได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล

เรื่องแคลอรี่ ต่อด้วยต้มยำ�ไก่บ้าน รสชาติจัดจ้าน ที่หอมเครื่องต้มยำ� เนื้อไก่นุ่ม และไม่มีกลิ่นคาว ห่อหมกทะเล ทะเลเหือด ปูผัดผงกะหรี่ ปูผัด พริกไทยดำ� ไก่ทอดสมุนไพร ข้าวผัดปู และเมนู สำ�หรับคนรักยำ� “ยำ�ปลาดุกฟู” ความกรอบฟู ของปลาดุก แกล้มกับยำ�มะม่วง โรยเม็ดมะม่วง หิมพานต์ จัดว่าเป็นอีกเมนูเด็ด ที่ไม่ควรพลาด หรือจะเป็นอาหารจานด่วน ผัดซีอิ๊ว กระเพรา หมู ไก่ ฯลฯ และที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ ทุกเช้า วันเสาร์ จะมีเมนูพิเศษที่เพิ่มจากเมนูปกติ เช่น ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ� พะโล้ ต้มเลือดหมู เกาเหลา ฯลฯ เชฟบอกว่า เมนูอาหารจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่ กับช่วงเวลา และวัตถุดิบในช่วงฤดูนั้นๆ ที่สำ�คัญ ทุกเมนู ไม่มีผงชูรส และปลอดสารพิษเจือปน ในอาหารแน่นอนค่ะ อาหารอร่อย ต้องคูก่ บั เครือ่ งดืม่ ดับร้อน แก้วแรก “ดินดิบ” เครื่องดื่มเฉพาะของทางร้าน ทีผ่ สมกาแฟโบราณกับชาไทยเข้าด้วยกัน เกิดเป็น สีดินดิบ ตามชื่อของร้าน ซึ่งมีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ตามด้วย “โมจิโต้” น้ำ�ลิ้นจี่ผสม


15

ดินดิบ คาเฟ่ สะบายพุง

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

รัมเรซิ่น

ซาโมซ่ากล้วย

มะนาว มีส่วนผสมของ “ใบสะระแหน่” หรือ “มิ้นท์” และเมนู เครื่องดื่มที่คอแอลกอฮอล์ต้องลอง อาทิ รัมเรซิ่น รัมซินนามอน ซึ่งใช้ส่วนผสมอย่างดี ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด 5 – 10 เท่า ไม่หวังกำ�ไรเยอะ เพราะอยากให้ลูกค้าที่แวะมาชิมครั้งแรก อยาก กลับมารับประทานกันอีก ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง “ซาโมซ่ากล้วย” และ “โรตีฝอยทอง” ที่นอกจากหน้าตาน่ารับประทานแล้ว รสชาติก็ ไม่ทำ�ให้ผิดหวังอย่างแน่นอน โปรโมชั่นพิเศษตอนนี้ เพียงลูกค้า ถ่ายภาพแล้วอัพโหลดรูป พร้อมเช็คอินลงเฟสบุ๊ก จะได้รับทันที ของหวานประจำ�วันฟรีหนึ่งที่ต่อหนึ่งโต๊ะด้วยนะคะ “ดินดิบ คาเฟ่” เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 22.00 น. ครัวปิดเวลา 20.30 น. สามารถโทรศัพท์ สอบถามเมนูอาหารในวันนั้นๆ สั่งอาหาร และจองโต๊ะล่วงหน้า ได้ที่หมายเลข 085 774 8773 หลังจากได้อิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราขอแนะนำ� อีกนิดว่า ก่อนกลับต้องไม่พลาดที่จะเดินชมความสวยงามของ “พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองบัวโคก” ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้น โดย “อาจารย์ทำ�นุ วรธงไชย” ผู้ที่สร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ขึ้นมา ด้วย จุดประสงค์ที่จะให้นักเรียน และผู้สนใจเข้ามาศึกษาเยี่ยมชมได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งบรรยากาศดี มีมุมให้ถ่ายรูป และยังมีพิพิธภัณฑ์ ให้ชมอย่างเพลิดเพลินครบครัน อย่าลืมแวะไปชิมให้ได้นะคะ รับประกันว่า อร่อยติดใจจนต้องกลับไปอีกอย่างแน่นอนค่ะ

โรตีฝอยทอง

พี่แมงบี้ และน้องแมงคราม

หลากรส หลายสไตล์ ในบรรยากาศ ที่แสนอบอุ่น Din Dib Cafe’ is a new restaurant in fusion style, located at Kilometer #21 on the left of Buriram - Lamplaimat road. It takes you only about 30 minutes by car. The restaurant has its name after the earthenware surrounding. Din Dib Cafe’ is run by two brothersof Worathongchai family, Khun Mangbie - Thongthawat who is responsible for making all types of drinks and Khun Mangkram - Thongthew who creates all menus of delicious food and sweets. A variety of menus of drinksand foodsare waiting for you to try. Once you try it, you’ll love it, I bet. Din Dib Cafe´is open daily from 08.00 a.m. – 22.00 p.m. (kitchen closes at 20.30 p.m.) Explore your own favorites by yourself. For more info or for booking, call 085 – 7748773.


61

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

Robinson


หมู่บา้ นทอ่ งเที่ยวไหม “บา้ นสนวนนอก”

15

นิตมหั ยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ศจรรย์เมืองแปะ


81

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ต้นหมากเม่า

บ้านจาน

เกาะราวสะพานรถไฟ ไต้เห็ดป่า ชมก้ามปูยักษ์ เครื่องจักสานไม้ไผ่

Ban Jaan : Bush Walk Trekking and Enjoying Nature

(ต่อจากเล่มทีแ่ ล้ว) หลังจากกลับมาจาก ้นำ�ตก แบบครบ 32 แล้ว ก็พยายามกึ่งเดินกึ่งไต่ กลับไปสมทบกับพรรคพวกที่รออยู่บนฝั่งอย่าง ระมัดระวังทีส่ ดุ เพราะทุกก้าวทีเ่ หยียบลงไป มีทั้ง ตะไคร่น้ำ� หนาม เศษกิ่งไม้ ที่อาจทำ�ให้หกล้ม ก้นจ้ำ�เบ้า บาดเจ็บ และเปียกปอนไปทั้งตัว ในทีส่ ดุ ก็ถงึ เวลาเดินป่า เพียงแค่ไม่กก่ี า้ ว จากริมลำ�ชี เราก็ได้เริ่มต้นผจญภัย บุกป่าฝ่าดง กันจริงๆ จังๆ เสียที บริเวณที่เราเดินขึ้นจากน้ำ� ไม่ใช่จุดจอดเรือ จึงทำ�ให้เราหาทางเดินค่อนข้าง ลำ�บาก รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กๆ ตามประสาคน ห่างป่า ไม่รู้ว่าก้าวต่อไปข้างหน้า จะต้องพบเจอ กับอะไรบ้าง จากนั้นยิ่งเริ่มรู้สึกวิตกกังวลเพิ่มขึ้น เมือ่ ได้ยนิ พรานบูรณ์ ผูช้ ำ�นาญการเดินป่าบ้านจาน และช่ำ�ชองเรื่องสมุนไพร พูดขึ้นมาว่า “โอย... ยากเลย มาขึ้นฝั่งเอาตรงทางที่คนเค้าไม่เดินกัน” เอาแล้วไง แล้วทีนี้เราจะไปยังไงกันต่อ ระหว่างที่

ต้นก้ามปูยักษ์

น้องนนท์ ผู้เชิญชวนให้เราเดินทางมาเที่ยวที่นี่ กำ�ลังเดินไปเดินมา เพื่อช่วยพรานบูรณ์หาทางที่ ง่ายและสะดวกที่สุด ที่จะลัดเลาะไปบรรจบกับ เส้นทางเดินในป่า พวกเราก็เก็บอุปกรณ์ต่างๆ ใส่ กระเป๋า เหลือไว้แต่เพียงกล้องตัวใหญ่ กล้องวีดโิ อ และกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ในที่สุด ก็ได้ยินเสียง ที่ทำ�ให้ใจชื้นขึ้นมา “ไป... ไปทางนี้กัน” หลังจากดีใจได้เพียงไม่กี่วินาที พวกเรา ก็มาเจอเข้ากับความยากของการเดินป่า บางจุด ต้องข้ามเถาวัลย์ที่พันไปมา บางทีต้องก้มมุดลอด คลานเข่า ใครที่สวมกางเกงขายาวเป็นต้องเปื้อน ใครใส่กางเกงขาสัน้ เป็นต้องได้แผลถลอกปอกเปิก ลอดพลางคิดไปพลางว่า นี่ฉันกำ�ลังอยู่ในระหว่าง การรับน้องใหม่ตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหรือ อย่างไร ฮา... ด้วยป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้สูงใหญ่ ใบหนา จึงทำ�ให้ต้นไม้เล็กๆ ที่งอกขึ้นมาทีหลัง

ต้องแย่งกันถีบตัวขึ้นให้สูงสุดเท่าที่จะทำ�ได้ เพื่อ แย่งพื้นที่ที่จะสามารถรับแสงจากดวงอาทิตย์ อัน เป็นแหล่งกำ�เนิดของกระบวนการสร้างอาหาร ของมัน ตามทางเดินเต็มไปด้วยเศษใบไม้และกิง่ ไม้ ที่ร่วงหล่นตามกาลเวลาทับถมกันอยู่ และแล้ว เราก็พบกับทางเดินเล็กๆ ทีพ่ อ จะดูออกว่าถูกใช้เป็นทัง้ ทางสำ�หรับเดิน ขีจ่ กั รยาน และขับมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านที่มาเก็บของป่า พรานบูรณ์บอกว่า ถ้าอยากได้เห็ดเผาะ จะต้อง ถือไม้แล้วเขี่ยตามใกล้ๆ โคนต้นไม้ เพราะมันมัก จะซุกซ่อนอยู่ใต้ใบไม้ที่ทับถมกันอยู่ ถ้าหากเจอ เพียงหนึ่งดอก ก็รับรองได้ว่าจะเจอดอกอื่นๆ อีก มาก พวกเราก็ทำ�ตามคำ�แนะนำ�ของพราน บางที ก็เขี่ยไปเจอกบ อึ่งอ่าง หอยทากหรือกิ้งกือ ไม่เจอ เห็ดเผาะสักเม็ด สำ�หรับกิ้งกือ เราพบว่ามันมีสีสัน แตกต่างจากกิ้งกือที่เราพบเห็นตามบ้านทั่วไป คือ ลำ�ตัวเป็นสีเทาปนแดง มีเปลือกเป็นสีเทาอ่อนๆ

เห็ดที่ชาวบ้านเก็บได้


19 19

บ้านจาน

มหัศจรรย์บ้เามืนจาน องแปะ มหัศจรรย์เมืองแปะ

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ต้นหมากเม่า ฝายชุมชนบ้านจาน

ส่วนช่วงระหว่างข้อต่อของเปลือกและขาของ มัน เป็นสีแดงเลือดหมู แลดูสวยงามกว่ากิ้งกือ ตัวสีแดงหรือสีดำ�ล้วน ที่เจอบ่อยๆ ตามกระถาง หรือโคนต้นไม้ในสวนรอบบ้าน เราเดินกันต่อไปเรือ่ ยๆ อย่างไม่รทู้ ศิ ทาง จนมาเจอเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง เห็นแวบแรกก็ให้ นึกขำ�ว่า ใครหนอช่างกล้าเอาจีวรพระมาผูกไว้ กับต้นไม้ หรือจะเป็นพระธุดงค์ที่ทำ�สัญลักษณ์ไว้ เผื่อท่านเดินธุดงค์หลงลึกเข้าไปในป่าแล้วหาทาง ออกมาไม่ได้ จึงพากันหยุดยืนคุย จนพรานบูรณ์ ต้องหันมาช่วยแก้ข้อสงสัยว่า ชาวบ้านเชื่อกันว่า การนำ�เอาผ้าสบงหรือจีวรของพระ มาผูกไว้กับ ต้นไม้ เรียกว่า “การบวชต้นไม้” ซึ่งเป็นการบวช เช่นเดียวกับ “การบวชพระ” เชื่อกันว่าเป็นพิธี ที่ทำ�ขึ้นเพื่อยับยั้งไม่ให้คนตัดต้นไม้ หากใครฝืน ตัดไปก็จะเป็นบาป เพราะต้นไม้ต้นนี้บวชแล้ว แต่ที่ชาวบ้านพากันเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากว่า ล่าสุดที่เกิดไฟไหม้ลุกลาม กินพื้นที่ป่าบ้านจาน ไปมาก หลังจากเหตุการณ์สงบ เมื่อเข้ามาสำ�รวจ ก็พบว่าจีวรของพระที่นำ�มาบวชต้นไม้นั้นไม่ไหม้ สร้างความอัศจรรย์ใจ และความศรัทธาให้กับ ชาวบ้านในหมู่บ้านยิ่งนัก จากนั้นพรานก็พูดต่อ ว่า “ไป เราไปดูก้ามปูยักษ์กัน”

สะพานรถไฟ ที่สร้างขึ้นในสมัย ร.5

ตลอดทางที่เดินไปอีกหลายร้อยเมตร ในใจยังคงไม่ชัดเจนกับคำ�ว่า “ก้ามปูยักษ์” เอ... หรือว่าเมื่อก่อน บริเวณนี้เคยเป็นทะเล หรือว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอ๊ะ หรือจะเป็นรูปปั้นปู คิดไป คิดมา พาลนึกไปถึงนวนิยาย “เพชรพระอุมา” ของ “พนมเทียน” ที่กำ�ลังติดอย่างงอมแงม ต้อง อ่านก่อนนอนอยู่ในช่วงนี้ การเดินทางไปยังขุม เพชร โดยการนำ�ทางของ “รพินทร์” นายพราน ใหญ่ กับคณะนายจ้างของเขาพร้อมด้วยลูกหาบ คนสนิท ระหว่างทางจะต้องผจญกับสัตว์นานา ชนิดที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ เช่นตะขาบตัวเท่า ฝาบ้าน และงูยักษ์ตัวเท่ากับขบวนรถไฟ คิดไป พลางยิ้มไปอย่างสนุกสนาน กระทั่งได้ยนิ เสียง พรานพูดขึน้ ว่า “นี่ไง ก้ามปูยักษ์” ฉันรีบหันขวับ ไปอย่างรวดเร็ว หมายจะได้เห็นก้ามใหญ่ๆ ของ ปูตัวยักษ์ แต่ก็ต้องผิดคาด กลับกลายเป็นต้น ฉำ�ฉาขนาดใหญ่ หรือที่เรียกกันว่า “ต้นก้ามปู” หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “ต้นจามจุรี” แผ่กิ่งก้านสาขา กินรัศมีของพื้นที่รอบๆ ลำ�ต้นของมันนับสิบเมตร รากที่ใหญ่และหยั่งลึกประกอบกับการเกิดอยู่ใน ป่าลึก คงเป็นสาเหตุที่ทำ�ให้มันมีขนาดใหญ่ และ มีอายุยืนกว่า 200 ปี ตามคำ�บอกเล่าของพราน บูรณ์

เห็ดขอน

หลั ง ชื่ น ชมกั บ ความใหญ่ โ ตมโหฬาร ของก้ามปูยักษ์ได้สักครู่ เราก็ออกเดินเท้ากันต่อ เพือ่ ไปยังแลนมาร์คจุดต่อไป ซึง่ เป็นจุดทีช่ า่ งภาพ หลายคนแวะเวียนกันมาเก็บภาพของ “สะพาน ทางรถไฟ” ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 น้องนนท์เล่าให้ฟังว่า ทางรถไฟตรงนี้เคยตกเป็น เป้าระเบิดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ว่าไม่โดน ระเบิด จึงรอดมาให้เราได้ถ่ายรูปของเก่าแก่ ซึ่ง สวยงาม และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ระหว่างที่เรากำ�ลังเก็บภาพทางรถไฟ อย่างสนุกสนาน ก็ได้ยินเสียงพรานบูรณ์ตะโกน ออกมาว่า “ทุกคน หลบเร็ว รถไฟกำ�ลังมา!” แต่ระยะทาง ที่จะวิ่งลงจากรางรถไฟไปด้านล่าง ก็ต้องใช้เวลาสักพัก เพราะทั้งชัน ทั้งลาด และลื่น น้องนนท์จึงไล่ให้พวกเราวิ่งไปยืนที่สะพานเหล็ก ที่ติดกับรางรถไฟ แล้วจับราวสะพานซึ่งห่างจาก รถไฟที่กำ�ลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง เพียงไม่ถึง 2 เมตร ตากล้อง 2 คน พากันกระหืดกระหอบ วิ่งไป เพื่อให้พ้นรัศมีของแรงลมที่เกิดจากความ เร็วรถ และตรงไปยังทางทีห่ วั รถจักรจะเคลือ่ นตัว ผ่าน เพื่อเก็บภาพรถไฟแล่นออกจากสะพาน ใน วินาทีที่รถไฟแล่นเข้ามาถึงบริเวณที่พวกเรายืน อยู่ ดูเหมือนว่าเวลาและทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัว จะหยุดเคลื่อนไหว ตัวสะพานสั่นระริก เสียงล้อ

กิ้งกือสีสวย


20

บ้านจาน

มหัศจรรย์เมืองแปะ

02

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง


ของม้าเหล็กที่บดขยี้กับรางรถไฟ สร้างความหวาดเสียวเป็น ที่สุด พวกเราถูกตรึงไว้ให้อยู่ระหว่างความน่นิตาสะพรึ งกลัวจากบุรีรัมย์ ยสารสะบายดี ทั้งสองด้าน ด้านหน้าเป็นเหวลึกต่ำ�ลงสู่เบื้องล่าง ด้านหลัง เป็นรถไฟที่กำ�ลังแล่นผ่านอย่างรวดเร็ว และเสียงดังกึกก้อง พวกเรายืนขาสั่น มือกอดราวสะพานไว้แน่น ประหนึ่งว่ามัน ช่างน่าพิศวาสเสียนี่กระไร... เพียงไม่กี่วินาที พวกเราก็ถอน หายใจออกมาพร้อมๆ กัน โดยไม่รู้ตัว เพิ่งรู้สึกว่า ตลอดเวลา ที่รถไฟแล่นผ่าน เราลืมแม้กระทั่งการหายใจ พอรู้สึกว่าเรา ปลอดภัยแล้ว ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ หัวเราะให้กับความ หวาดกลัวของพวกเราเอง ที่ในเวลานั้นขาทั้งสองข้างสั่นเสีย ยิ่งกว่าสะพานที่ถูกล้อรถไฟบดขยี้ลงไปเสียด้วยซ้ำ� พวกเราเดินวกกลับไปทางเดิม เพื่อหาทางออกจาก ป่า ระหว่างทางก็ได้พบกับกลุ่มชาวบ้าน ที่กำ�ลังตระเวนขับ รถมอเตอร์ไซค์ออกหาของป่าเป็นกลุ่ม 4 – 5 คน ตะกร้ารถ ด้านหน้า มีเห็ดหลากหลาย พืชพันธ์ุสมุนไพร และผลไม้ป่า หลายชนิด ชาวบ้านท่านหนึ่งใจดี ยื่นกิ่งไม้ที่มีผลไม้ชนิดหนึ่ง อยู่เต็มไปหมดให้เราชิม ลูกของมันเป็นลูกเล็กๆ ขนาดเท่า ลูกปัด รสเปรี้ยว แต่ทำ�ให้สดชื่น เขาเรียกมันว่า “หมากเม่า” ในที่สุด พวกเราก็วกกลับมาจนถึงทางออก ผู้ร่วม ผจญภัยทั้งหมด ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “หิวแล้ว” เรา จึงเดินทางไปยังบ้านป้าของน้องนนท์ เพื่อทำ�อาหารเที่ยง สำ�หรับรับประทานกันในยามบ่ายแก่ๆ แต่เมื่อไปถึง... สำ�รับ กับข้าวชุดหนึ่งตั้งอยู่เรียบร้อยแล้ว มีปลาทอด ส้มตำ� ผัด เห็ดเผาะ น้ำ�พริก ผักจิ้ม ไข่ต้ม ข้าวสวยร้อนๆ พร้อมผลไม้ เป็นขนุนเนื้อดี และมะพร้าวน้ำ�หอมลูกใหญ่ วางเตรียมเอาไว้ ให้พวกเรา ด้วยความหิว แต่ละคนนั่งรับประทานอาหาร แทบไม่ได้พูดคุยกัน มี น้องเมย์ – สมฤทัย คำ�หมื่น ทีมงาน สะบายดี มาคอยเป็นแม่ค้าส้มตำ�คอยตำ�เพิ่มให้เราอีกหลาย ครก พวกเราจึงนำ�สิ่งของที่เตรียมมาเป็นอาหารมื้อนี้ จำ�พวก ปลาสด และเครื่องส้มตำ�สารพัดอย่าง มอบไว้ให้ที่บ้านป้า ของน้องนนท์ เป็นการตอบแทน หลังจากรับประทานกันจนอิ่มแปร้แล้ว น้องนนท์ ก็พาเราไปพบกับคุณตาเลิศ และคุณยายพร สองสามีภรรยา ผู้เป็นตำ�นานรักแห่งคุ้มบ้านนี้ น้องนนท์เล่าว่า ทั้งสองท่าน แต่งงานอยู่กินกันมานานแล้ว ทั้งคู่ก็ยังคงครองรักครองเรือน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข คุณตาเลิศอายุ 80 ปลายๆ แต่ยัง กระฉับกระเฉง มีฝีมือในการสานกระบุง ตะกร้า สุ่มไก่และ อีกหลายอย่างจากไม้ไผ่ คุณตาเริ่มต้นจากการตัด เหลาและ สานด้วยฝีมือของท่านเอง นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมา ก็จะ ช่วยอุดหนุนเครื่องจักสานของตาเอาไปไว้ใช้ เส้นทางที่เราเดินไปในวันนี้ พรานบูรณ์บอกว่า เรา ผ่านไปเพียง 3 - 4 จุดเท่านั้น จากทั้งหมด 12 จุด ในพื้นที่ ป่าแห่งนี้ ยังมีธรรมชาติ และความสวยงาม ที่รอให้เราเข้าไป สัมผัสอีกมากมาย เราบอกกับตัวเอง ว่าหากมีเวลา เราจะ กลับมาที่ป่าแห่งนี้อีก กิจกรรมสุดท้ายของทริปนี้ ขอยกยอด ไปเล่าให้ฟังในฉบับหน้านะคะ บอกได้เพียงว่าสนุกอย่าบอก ใครเลยค่ะ อย่าลืมติดตามให้ได้นะคะ สวัสดีค่ะ


22

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ชาวบ้านที่รวมตัวกันออกหาของป่า

We trekked off in troubles because the place we walked up from the She River is not the normal landing. Hunter Boon, our group leader spent awhile to find the best way we should take. At last, he found it and we got a start. Along the way through the jungle we saw a lot of things such as frogs, toads, snails, etc., but none of Poh mushroom (เห็ดเผาะ) we expected. Among hundreds of trees and bushes appeared a small path big enough for walking, biking and motorcycling. We met a group of villagers with some wild fruits, herbs and various kinds of mushroom.

เห็ดที่ขึ้นตามต้นไม้ ดอกใหญ่ แต่มีพิษ

อาหารมื้อเที่ยงที่แสนเอร็ดอร่อย

We saw some trees tied up with yellow robes, normally worn by monks. Hunter Boon explained that to the villagers, the trees with yellow robes have already ordained and they wouldn’t cut them down. Recently, there was a big surprise when a fire caught up and burned quite a large area of the jungle, but not the yellow robes. The other tree we saw is the giant Monkey Pod tree (ต้นก้ามปูยักษ์) at the age of over 200 years according to Hunter Boon. After a long time of trekking, we walked out of the jungle and walked up the railway. While taking some photos, a train came close. All of us ran toward

the bridge and stayed there.The speed of the train forced us to hold on the rail of the iron bridge, fearing that we would be pulled in under the train because of the windypower.The camera man tried his best to find the best and the safest spot to take beautiful pictures for you.

ไผ่ที่ใช้ทำ�เครื่องจักสานสารพัดชนิด

คุณตาเลิศผู้มีฝีมือในการจักสาน


ปะคำ�

23

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


มหัศจรรย์เมืองแปะ

42

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

SF


4 สวนน้ำ�หรรษา ท้าลมร้อนในบุรีรัมย์

นิตยสารสะบายดีบุรีรัมย์

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

The Royal ว่าง


62

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ต้อม โตเกียว Tom Tokyo

กับ ความทรงจำ�ที่... หอม... อร่อย หนึง่ ในความทรงจำ�ของพวกเราทุกคน ในขณะทีย่ งั เป็นนักเรียน นอกจากคุณครูทเ่ี รารักทีส่ ดุ กลัวทีส่ ดุ วิชาทีช่ อบ ทีส่ ดุ เพือ่ นทีส่ นิททีส่ ดุ กิจกรรมหรือมุมทีโ่ ปรดทีส่ ดุ แล้ว เรา ทุกคน ย่อมต้องมีรา้ นอาหาร หรือร้านขนม ทีเ่ ราชอบทีส่ ดุ ใน โรงเรียนอีกด้วย กาลครัง้ หนึง่ ฉบับนี้ จะขอพาทุกท่านย้อนเวลา กลับไปค้นหาความทรงจำ�เกีย่ วกับร้านขนมแสนโปรด ในช่วงที่ ยังเรียนในโรงเรียนมัธยมกัน “ต้อม โตเกียว” เป็นร้านขายขนมโตเกียวร้านหนึง่ ในโรงเรียนประจำ�จังหวัดบุรรี มั ย์ของเรา ซึง่ มีลกั ษณะแตกต่าง ไปจากร้านอืน่ ๆ ในโรงอาหาร ตรงทีเ่ มือ่ ก่อน... ร้านจะตัง้ อยู่ บนรถเข็น พ่วงไว้กบั รถมอเตอร์ไซค์อกี ต่อหนึง่ สามารถย้ายไป

ขายตามทีต่ า่ งๆ ได้ตามต้องการ อาจเรียกให้ดทู นั สมัยว่ารถเข็นโมบาย (mobile pushcart / รถเข็นเคลือ่ นที)่ เชือ่ ว่าหลายๆ คนทีเ่ รียนจบจาก โรงเรียนบุรรี มั ย์พทิ ยาคม และชอบกินขนมโตเกียว คงยังพอจำ�กันได้ โตเกียวเป็นขนมไทยทีด่ ดั แปลงมาจากขนมของญีป่ นุ่ โดยนำ� มาปรับสูตรและรูปลักษณ์ให้ถกู ปากคนไทย แล้วเรียกชือ่ ตามใจคนไทย อีกเช่นกันว่า “ขนมโตเกียว” ซึง่ ไม่สามารถหาทานได้ทเ่ี มืองโตเกียว ประเทศญีป่ นุ่ เช่นเดียวกับทีเ่ ราไม่สามารถหาขนมจีนได้ทป่ี ระเทศจีน นัน่ เอง ฮา... ยังจำ�ได้ดวี า่ เมือ่ นำ�แป้งทีผ่ สมตามสูตรเฉพาะของพีต่ อ้ ม เทลง บนกระทะทีม่ คี วามร้อนพอเหมาะ แผ่แป้งเป็นแผ่นวงรีบางๆ แล้วใส่ไส้ ตามทีต่ อ้ งการ เมือ่ ถึงเวลาทีแ่ ป้งเริม่ สุกก็จะส่งกลิน่ หอมหวนมายวนยัว่ นำ�้ ลายของทุกคนทีย่ นื รายล้อมรถเข็นอยู่ บางครัง้ ไม่ได้ตง้ั ใจจะไปกิน แต่พอได้กลิน่ หอมๆ ทีล่ อยมาจากโรงอาหาร 3 แล้วล่ะก็ เป็นต้องเดินไป ต่อแถวรอซือ้ อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้หลายต่อหลายครัง้ พีต่ อ้ ม - สมควร เห็มภาค เล่าให้ฟงั ว่า ได้เริม่ เข้าสูเ่ ส้นทาง การขายขนมโตเกียวครัง้ แรกเมือ่ ราวๆ ปี พ.ศ. 2528 ด้วยการเป็นลูกมือ ให้กบั “น้าละไม” น้าสาวของพีต่ อ้ มก่อน จากนัน้ จึงได้ขยับขยายมา มีรถเข็นเป็นของตัวเอง ช่วงเช้าจะไปขายทีห่ น้าโรงเรียนอนุบาลบุรรี มั ย์ ในช่วงสายจนถึงเย็นก็ยา้ ยมาขายประจำ�อยูท่ โ่ี รงเรียนบุรรี มั ย์พทิ ยาคม


ต้อม โตเกียว กาลครั้งหนึ่ง

27

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

The Fragrance & Delicious Memory ทำ�อย่างนีเ้ ป็นเวลากว่า 10 ปี ต่อมา เมือ่ พีต่ อ้ มมีครอบครัว จึงย้ายมาขายประจำ�อยูท่ ่ี โรงเรียนบุรรี มั ย์พทิ ยาคมเพียงทีเ่ ดียว ส่วนพีพ่ ชั ชา การนา ภรรยาคนสวย รับหน้าที่ ขายขนมโตเกียวตามตลาดคลองถม และงานเทศกาลต่างๆ ขนมโตเกียวมีหลายไส้ นอกจากไส้หวานทีม่ คี รีมหอมๆ ไส้เค็มใส่ไส้กรอก กับหมูสบั ปรุงรสกำ�ลังดี และขนมแพนเค้กนุม่ ฟูแล้ว ทีร่ า้ นพีต่ อ้ มยังมีขนมโตเกียว ตาข่ายอีกด้วย หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ อะไรคือโตเกียวตาข่าย บอกไว้กอ่ นเลย นะคะว่า หากไปสัง่ โตเกียวตาข่ายจากร้านอืน่ ละก็ ไม่มขี ายอย่างแน่นอน พีต่ อ้ มเล่าว่า นานมาแล้ว มีนกั เรียนคนหนึง่ ชอบกิน “เส้นเข็มขัด” ของ ขนมโตเกียวเป็นพิเศษ จึงขอให้พต่ี อ้ มทำ�ขนมโตเกียวโดยใช้ขวดทีบ่ บี แป้งออกมาเพือ่ ทำ�ส่วนเข็มขัดมาใช้บบี แป้งไขว้ไปมาจนได้รปู ร่างคล้ายแผ่นตาข่าย แทนการเทแป้ง ลงไปแผ่ให้เป็นแผ่นเต็มๆแบบเดิม จากนัน้ เป็นต้นมาขนมโตเกียวตาข่ายก็กลายเป็นที่ รูจ้ กั กันอย่างแพร่หลายในหมูน่ กั เรียนโรงเรียนบอพอ (บ.พ.) การใส่ใจในความต้องการของลูกค้า และการรักษาคุณภาพของสินค้าให้ได้ มาตรฐานตลอดเวลานีเ่ อง จึงเป็นเหตุผลทีท่ ำ�ให้รา้ นขนมโตเกียวของพีต่ อ้ ม ยังคง เป็นทีน่ ยิ มของลูกค้ามาจนถึงทุกวันนี้ ไม่วา่ จะเห็นร้านขายโตเกียวทีไ่ หน เป็นต้อง นึกถึง “ต้อมโตเกียว” ทุกครัง้ ไป สำ�หรับท่านใดทีส่ นใจจะสัง่ ขนมโตเกียว ก็สามารถ สอบถามได้ทห่ี มายเลขโทรศัพท์ 098 420 0156 เชือ่ ว่า ขนมโตเกียวกรอบนอก นุม่ ใน รสชาติหวานมันเจ้านี้ จะเป็นทีถ่ กู ปากของเด็กๆ และเป็นไทม์แมชชีน (time machine) เครือ่ งย้อนเวลาหาอดีต ให้ศษิ ย์เก่าชาวบอพอทีไ่ ด้อา่ นกาลครัง้ หนึง่ ฉบับนี้ อยากลิม้ ลอง และรำ�ลึกถึงรสชาติ (ชีวติ ) ในอดีต กับ... “ต้อมโตเกียว” อีกครัง้ ขอให้อม่ิ อร่อยและมีความสุขนะคะ

Everyone must have memories of his own. Some may be sweet and we want to keep them in mind forever. Somemay be so painful, but unforgettable.We are going to bring you backward to the time when you were studying at a high school to find out your favorite sweet shop at school. Being a student at Buriram Provincial High School, “BorPor” or “BuriramPittayakhom School” I remembered that my favorite sweet was Tokyo at Pi Tom- SomkuanHempark’s mobile pushcart.As I know, there is nothing related to Tokyo, a city of Japan and there is no Tokyo sold in Japan. Everyday a lot of students queued up to buy Tokyo. Tokyo is a kind of sweet similar to pancake. It is made of flour, eggs, sugar with some stuff such as sausages and seasoning pork chop, Foithong( ฝอยทอง), and eggs. The special Tokyo at Pi Tom’s shop is that it is made as a net of flour that you cannot buy anywhere else. If you would like to taste it or buy it for your children, call 098-4200156. Hope you enjoy it. ร้าน พิกัด โทร เวลา

: : : :

ต้อม โตเกียว โรงอาหาร 3 โรงเรียนบุ​ุรีรัมย์พิทยาคม 098 420 0156 10.30 - 13.00 น.


8

ฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร

Buriram Update

กาลครั้งหนึ่ง

82

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง พรีม่าโกลด์ มอบแผ่นภาพทองคำ� สัญลักษณ์สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด งานหัตถศิลป์ทำ�จากทองคำ� 99.9% ให้แก่สโมสร พร้อมยกเครื่องประดับ ไปจัดรายการพิเศษ ที่จังหวัดบุรีรัมย์

วันที่ 30 ก.ค. 59 เวลา 14.30 น. ณ ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บุรีรัมย์ คุณกรุณา ชิดชอบ เป็นผู้แทนสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รับมอบแผ่นภาพทองคำ� PRIMA ART ซึ่งผลิตจากทองคำ� 99.9% “สัญลักษณ์สโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” มูลค่า 280,000 บาท จากคุณชลวิชา ฤกษ์วิทูรกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท พรีม่าโกลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำ�กัด ในโอกาสครบรอบ 24 ปี “PRIMA 24th Anniversary” โดยมี คุณยุทธชัย พงศ์พณิช รองนายกเทศมนตรี เมืองบุรีรัมย์ คุณวัฒชนะ แก้วสุริยอร่าม ผู้จัดการทั่วไป Life style สื่อมวลชน และแฟนคลับสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย ์ยูไนเต็ด ร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ภายในงานยังมีกิจกรรมเดินแบบเครื่องประดับ ลวดลายอ่อนหวาน ผสมผสานอัญมณีอย่างลงตัว โดยแขก VIP บุคคลที่มีชื่อเสียง และลูกค้าใน จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับความสนใจจากผู้คนที่ไปชมเครื่องประดับเป็นจำ�นวนมาก

คุณชลวิชา ฤกษ์วิทูรกุล เปิดเผยว่าสินค้าภายใต้แบรนด์ PRIMA มี หลากหลายรูปแบบ เหมาะเป็นเครื่องประดับให้กับทุกเพศ ทุกวัย จึงได้นำ� เครื่องประดับ “พรีม่าไดมอนด์” ที่ทำ�จากเพชรแท้ คุณภาพสูง ผ่านการ คัดสรรเพชร และได้รับการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพ จากโรงงานที่ได้รับ มาตรฐานระดับ ISO คุณภาพสินค้าส่งออก และเครื่องประดับทองคำ� ผลิตจาก ทองคำ�บริสุทธิ์ 99.99% จากประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงพรีม่าอาร์ต งาน หัตถ์ศิลป์ทองคำ� 99.9% งานศิลปะบนทองคำ�บริสุทธิ์ในรูปแบบของของขวัญ และของตกแต่งบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากชาวจังหวัดบุรีรัมย์เป็น อย่างดีมาก

เปนที่รวม การจัดแสดงงานสีน้ำ งานศิลปะ โปสการด ของที่ระลึก

พบกับหลักสูตร คอรสสีน้ำสำหรับเด็ก (Watercolor for kids) การวาดภาพ ระบายสีน้ำ

การควบคุมมือในการลงสีน้ำงายๆ การเรียนรูลักษณะเดนของสัตวตางๆ ดอกไม คน สนุกๆกับภาพสีไหล การลงสี Animal colourful, Easy Composition

ความถนัดทางสถาปตย เนนการรับรูและการมองอยางมีจินตนาการ,

การจัดองคประกอบและทฤษฎีทางศิลปะและสถาปตยกรรม, การฝกทักษะการวาดภาพและกระบวนการออกแบบ

"มาลองเขียนสีน้ำ แลวคุณจะรักสีน้ำ "

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ สีน้ำอะเตอลิเยร ในโครงการ Buriram Castle

Facebook; Srinam Artelier Tel 093-245-4655 (พี่น้ำ), 093-451-4655(อ.พร)

ภาพ/ข่าว : สำ�นักงานจังหวัดบุรีรัมย์


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

พรีมาร์โกลด์


03

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

Buriram Car wash & Spa

บุรีรัมย์ คาร์วอช แอนด์ สปา ในช่วงปีที่ผ่านมาคาร์แคร์ เป็น ธุรกิจหนึ่งที่ชาวบุรีรัมย์นิยมลงทุนเปิดให้ บริการกับบรรดา “คนรักรถ” ทั้งหลาย ซึ่งเรามักจะรู้จัก และใช้บริการกัน ในส่วน ของการล้างและทำ�ความสะอาดเท่านั้น แต่ต้นเดือนที่ผ่านมา คาร์แคร์แห่งหนึ่ง ได้เปิดตัวขึ้นภายใต้ชื่อ “Buriram Car Wash & Spa” (บุรีรัมย์ คาร์ วอช แอนด์ สปา) เป็นคาร์แคร์แห่งใหม่ ในบริเวณ ย่านการค้า Box Square ตรงกันข้าม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ให้บริการ ดูแลรถทุกคันอย่างครบวงจร และไม่ใช่ เพียงการล้าง และทำ�ความสะอาดรถ แต่ ยังรวมไปถึงการ “ทำ�สปารถ” อีกด้วย วันนี้ เราจะพาท่านไปรู้จักกับ เจ้าของร้านคาร์แคร์ที่ทันสมัย และใส่ใจ ในการบริการ คุณยิ้ม - ศุภชัย และ คุณ อ้อม - พรพรรณ สมโสภาพ กันค่ะ แนะนำ�ตัวหน่อยค่ะ คุณยิ้ม : ผมชื่อยิ้ม - ศุภชัย สมโสภาพ เมื่ อ ก่ อ นผมเป็ น อาจารย์ ส อนช่ า งยนต์ เป็นคนรักรถ ไม่ว่าจะรถยนต์ หรือรถ มอเตอร์ไซค์ ก่อนนี้มีโอกาสถอยบิ๊กไบค์ คู่ใจมาหนึ่งคัน และด้วยความที่ค่อนข้าง หวงรถพอสมควร ผมก็มักจะพบว่า ใน บางครั้ง การที่เราล้างรถเอง ทำ�ความ สะอาดเอง ยังดีกว่าเอาไปให้ร้านทำ�ให้

เสียอีก เพราะเราให้ความใส่ใจมากกว่า ผมจึงเกิดความคิดที่อยากจะทำ�คาร์แคร์ ขึ้นมาอย่างจริงจัง เลยปรึกษาภรรยา คุณอ้อม ซึ่งเป็นอาจารย์สอนการตลาด อยู่แล้ว อ้อมก็แนะนำ�ว่า ถ้าจะเปิดร้าน ทั้งที ร้านของเราก็ต้องแตกต่างจากร้าน คาร์แคร์ทั่วๆ ไป ผมซึ่งมีความถนัดทางนี้ อยู่แล้ว ก็รับผิดชอบเรื่องหาข้อมูล เลือก วัสดุ เครื่องมือ ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ที่จะเอามา ใช้ในร้านทั้งหมด ถ้าคนที่รักรถมาเห็น ก็ จะรู้เลยว่าเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ลูกค้า จริงๆ และผมคิดว่าคนที่รักรถแบบเดียว กับผม ก็คงกำ�ลังมองหาคาร์แคร์ดีๆ ที่จะ ไว้วางใจได้ในการดูแลรถเขาเป็นอย่างดี เหมือนกัน ผมจึงเปิดร้าน Buriram Car Wash and Spa ขึ้นมาครับ เห็นในชื่อร้านมีคำ�ว่า “สปา” ด้วย สปา สำ�หรับรถเป็นอย่างไรคะ จริงๆแล้วการทำ�สปาหมายถึง การให้บริการเพื่อสุขภาพต่างๆ อย่างของ คนก็จะมีทั้งสปาผม สปาผิว สปาเล็บ ในส่วนของรถก็จะหมายถึงการดูแลรถ เพื่อสุขภาพของรถและผู้ใช้งาน ซึ่งเราจะ ทำ�ความสะอาดตั้งแต่เบาะ แผงคอนโซล ช่องแอร์ เพดานของห้องโดยสาร ภายใน ของรถทั้งหมด ด้วยเครื่องเป่าไอร้อน ที่ อุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่า


3311

Buriram wash หลังสถานีรถไฟบุ รีรนิัมตย์Car เคยมี วงเวี&ยนน้Spaำ�พุ ยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ภาพเก่าเล่าเรื่อง

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

“ความสุขของลูกค้าคือความสำ�เร็จของเรา” เชื้อโรค จากนั้นก็อบโอโซน เพื่อฆ่าเชื้อโรค ที่อาจเหลืออยู่อีกครั้งหนึ่ง และเพื่อกำ�จัด กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ ทั้งภายในช่อง แอร์ และภายในห้องโดยสาร นอกจากนี้แล้วยังมีบริการอะไรอีกคะ มีการเคลือบแก้ว การหล่อลื่น กระจกรถยนต์ เรามีการให้บริการเกี่ยวกับ การดูแลรถมอเตอร์ไซค์แบบครบวงจร ทั้ง ขนาดปกติ และบิ๊กไบค์ ซึ่งดูแลตั้งแต่ห้อง เครื่อง โซ่ เคลือบสี ไปจนถึงหมวกกันน็อค ที่มีทั้งการเคลือบแก้ว และทำ�สปาภายใน หมวกกันน็อค ด้วยขัน้ ตอนทีเ่ หมือนกันกับ รถยนต์เลยครับ นอกจากนี้แล้ว เราก็ยังมี บริการล้างรถจักรยานอีกด้วยครับ

ร้าน พิกัด โทร เปิด

: บุรีรัมย์ คาร์วอช แอนด์ สปา : ตลาด Box Square ตรงข้าม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ : 098 359 7488 และ 095 994 1541 : ทุกวัน เวลา 9.30 - 20.00 น.

ระหว่างรอให้รถได้ทำ�สปา ท่าน ยังสามารถไปเดินช้อป ชิม ชิล กันอย่าง เพลิดเพลิน ในร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณ ใกล้ๆ กันได้อกี ด้วย เปิดบริการทุกวัน ตัง้ แต่ เวลา 9.30 - 20.00 น. หรือโทรศัพท์มา จองคิวได้ที่หมายเลข 098 359 7488 และ 095 994 1541 ดูแลครบวงจร รองรับรถทุกประเภท แถมยังตั้งอยู่ใกล้ แหล่งของกินขนาดนี้ ก็อย่าลืมแวะไปใช้ บริการกันให้ได้นะคะ


32

วงเวียนรัชการที่ 1 ภาพเก่าเล่าเรื่อง

23

ไทรถเข็น

วงเวียนรัชกาลที่ 1

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ก่อนความทรงจำ�จะเลือนหาย วงเวียน ทีม่ อี ยูใ่ นตัวเมืองบุรรี มั ย์ เคยมีอยู่ 3 แห่งด้วยกัน แห่งที่ 1 คือ วงเวียนรัฐธรรมนูญ เคยตัง้ อยูท่ ถ่ี นนจิระ หน้าศาลากลางจังหวัด หลังที่สร้างด้วยไม้ วงเวียนนี้ คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ประเทศเมื่อปี พ.ศ. 2475 ไม่เกิน 4 - 5 ปี วงเวียนแห่งนี้ ถูกรื้อทิ้งไปแล้ว แห่งที่ 2 คือ วงเวียนน้ำ�พุ ซึ่งในเวลาต่อมาได้สร้างเป็น วงเวียนหอนาฬิกา สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2505 ทุกวันนี้ยังอยู่ที่เดิม คือ หลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ บริเวณสี่แยก ถนนนิวาศ ตัดกับ ถนนรมย์บุรี แห่งที่ 3 คือ วงเวียนรัชกาลที่ 1 ซึ่งมีนามเป็นทางการว่า “พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” วงเวียนใหม่ล่าสุดนี้ อยู่ ตรงบริเวณที่ ถนนสายบุรีรัมย์ - สตึก ตัดกับสายบุรีรัมย์ - ประโคนชัย ในอดีตก่อนที่จะมี การสร้างวงเวียน ชาวบุรีรัมย์จะเรียกกันว่า “สี่แยกวิทยาลัยเกษตร” วงเวียนแห่งนี้ มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2542 เท่ากับว่าเปิดมา 17 ปีเต็มแล้ว ซึ่งเป็นเวลานานพอที่จะทำ�ให้ใครหลายๆ คน อาจลืมเลือนไปได้ว่า ก่อนหน้าที่จะเป็น วงเวียนรัชกาลที่ 1 ที่เคยอยู่ตรงนี้มีหน้าตาอย่างไร กลัวจะเป็นไปตาม คำ�พูดเกี่ยวกับเรื่องความทรงจำ�ของมนุษย์ ที่ว่า “ของกิน ไม่กิน ก็เน่า ของเก่า ไม่เล่า ก็ลืม” ฉบับนี้ จึงมารื้อฟื้น ภาพถ่ายและความหลัง ที่ไม่เก่ามากกันดีกว่า 1. วงเวียนรัชกาลที่ 1 มีการจัดทำ�พิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2538 โดย “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร” ได้เสด็จ พระราชดำ�เนินทรงวางศิลาฤกษ์ ณ บริเวณที่กำ�หนดสร้างวงเวียน ตรงกับช่วงที่ นายพร เพ็ญพาส ดำ�รงตำ�แหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดบุรรี มั ย์ โดยมีกรมศิลปากร และจังหวัดบุรรี มั ย์ เป็นผูอ้ อกแบบ และดำ�เนินการก่อสร้าง ในวงเงิน 15 ล้านบาท

รถบรรทุกกำ�ลังมุ่งหน้าไปศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องใช้ แว่นขยายดู จึงจะมองเห็นยอดหลังคาของศาลากลางจังหวัด บุรีรัมย์อยู่ลิบๆ ซึ่งทางขวามือของภาพ ที่เลยสี่แยกไปจะเป็น หมู่บ้านจิระนคร ที่ยังว่างเปล่า ภาพนี้ถ่ายขึ้นปี พ.ศ. 2538 ก่อนมีการขยายถนน (เจ้าของภาพ นายวิวัฒน์ โรจนาวรรณ)

ป้ายประชาสัมพันธ์ เชิญชวนให้ประชาชนมาเข้าเฝ้ารับเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมงกุฏราชกุมาร เสด็จ พระราชดำ�เนินมาวางศิลาฤกษ์ พระบรมราชานุสาวรีย์ หรือ วงเวียนรัชกาลที่ 1 ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2538 (เจ้าของภาพ นายวิวัฒน์ โรจนาวรรณ)

วงเวียนรัชกาลที่ 1 ที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย โดยได้อัญเชิญพระบรมรูป ไปประดิษฐาน ณ แท่นฐานแล้ว และ เตรียมการที่จะทำ�การเปิด อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2542

บริเวณสี่แยกถนนบุรีรัมย์ - สตึก ตัดกับ ถนนบุรีรัมย์ - ประโคนชัย หลังจาก ขยายถนนแล้ว และเตรียมทำ�พิธีวาง


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ภาพมุมสูงของ วงเวียนรัชกาลที่ 1 นายทรงกฤษณ์ ประกอบผล ขึ้นพารามอเตอร์ถ่าย เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 (เจ้าของภาพ : นายวิวัฒน์ โรจนาวรรณ) 2. สำ�หรับวัตถุประสงค์ของการสร้างวงเวียนแห่งนี้ จัดขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงก่อตั้งเมืองบุรีรัมย์ ในช่วงปี พ.ศ. 2321 3. เมื่อวันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2542 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำ�เนินมาทรงเปิด พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช และสวนเฉลิมพระเกียรติ ณ บริเวณวงเวียน เมื่อเวลา 17.00 น. ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว นายชาติสง่า โมฬีชาติ ดำ�รงตำ�แหน่งผู้ว่าราชการ จังหวัดบุรีรัมย์

ศิลาฤกษ์ ชายที่ถีบจักรยาน มุ่งหน้าไปทางศาลากลางจังหวัด ตึกสีขาว คือ อาคารของบริษัทไทยสมุทรประกันภัย จำ�กัด (ภาพนำ�มาจากหนังสือ ที่ระลึก “พิธีวางศิลาฤกษ์พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลก ของ จังหวัดบุรีรัมย์ ปี พ.ศ. 2538)

ภาพเก่าเล่าเรื่อง วิวัฒน์ โรจนวรรณ/โครงการตามหาเมืองแป๊ะ/ www.facebook/”Wiwat Rojanawan”


43

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

จูดี้


63

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ค็อกพิท บุรีรัมย์ ไทร์เซ็นเตอร์ ปลายเดือนที่แล้ว ได้มีโอกาสออกไปถ่ายรูป เก็บภาพ บรรยากาศ ความสวยงามของธรรมชาติ และเรื่องราวต่างๆ ที่อำ�เภอ กระสัง ด้วยรถยนต์คันขาวคู่ใจ แต่เผลอใช้อย่างสมบุกสมบันเกินไป หน่อย ทั้งบุกน้ำ� ลุยโคลน ขึ้นเขา ลงห้วย ตั้งแต่ถนนคอนกรีต ไปยัน ถนนลูกรัง ดินแดง มีหลุมเฉียดพัน ขากลับมาในเมือง รถเกิดอาการ เสียงดังตรงล้อหน้าฝั่งคนขับ จึงตัดสินใจนำ�เข้าศูนย์บริการทันที จน เสียเงินร่วมกว่าสองหมื่นบาท แต่เมื่อขับรถวันต่อมา ปรากฏเสียงนั้น ดังขึ้นกว่าเดิม จะว่าช่างวินิจฉัยโรคของรถในครั้งนี้ไม่ถูก หรือเหตุใด ก็ตาม จึงตัดสินใจนำ�รถเข้าอู่ “เสรียางยนต์” หลังจากที่นำ�รถเข้าซ่อม ที่อู่ ผลปรากฏว่า เสียงดังหายสนิท และเสียเงินเพียงสองพันบาท จึงได้ มีโอกาสพูดคุยกับ คุณเสรี พงศ์พณิช เจ้าของ “เสรียางยนต์” ที่ออก มาต้อนรับขับสู้ด้วยรอยยิ้ม และคำ�พูดที่ชวนให้ใจเย็นลง ว่า “ไม่เป็นไร หรอกครับ ถือเสียว่า เป็นการเรียนรู้” เมื่อช่วงต้นเดือน ก็ออกไปเตร็ดเตร่ เก็บภาพบรรยากาศของ ท้องทุ่ง บนถนนเส้น บุรีรัมย์ – นางรอง ที่กำ�ลังมีการก่อสร้างเพื่อขยาย ถนนอยู่ คงเป็นด้วยเศษของมีคม อาทิ พวกแก้ว หิน เศษปูนแตก หรือ จะเป็นตะปู ที่ทำ�ให้ขากลับ เป็นต้องได้แวะอู่ซ่อมรถอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ จำ�ต้องเลือกอู่ที่ใกล้ที่สุด เพื่อถนอมล้อให้ได้มากเท่าที่จะทำ�ได้ หลังจาก วิ่งบดล้อไม่นาน ก็พบอู่เปิดใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อหน้าอู่ว่า “Cockpit Buriram Tire Center” โดยไม่รั้งรอ ก็ขับรถเข้าไปเลย

คุณบี - พิมพ์วดี พงศ์พณิช และน้องแบบบี้


ค็อกพิท บุรีรัมย์ ไทร์ เซ็นเตอร์ มหัศจรรย์เมืองแปะ

37

นิตยสารสะบายดี ย์ ณ หลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจกู้ชีพยางรถแล้ว ก็ได้มีโอกาสพบเจ้ าของอูบุร่ ีรัม“คุ แบงก์ - ศักรินทร์ พงศ์พณิช” ซึ่งมาพร้อมกับภรรยา “คุณบี - พิมพ์วดี พงศ์ พณิช” และลูกสาวน้องแบบบี้ ด้วยความรู้สึกเอะใจในความคล้ายคลึงบาง อย่าง จึงสอบถามออกไปถึงที่มาของร้าน และได้ความกลับมาทันทีว่า คุณ แบงก์ เป็นลูกชายของ “คุณเสรี” จึงขออนุญาตให้คุณแบงก์ พาเดินชมทั่วๆ อาณาบริเวณ ร้านค็อกพิท บุรีรัมย์ ไทร์เซ็นเตอร์ (Cockpit Buriram Tire Center) ตั้งอยู่บนถนนเส้นบุรีรัมย์ - นางรอง มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์ ก่อนถึงห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาบุรีรัมย์ เล็กน้อย เปิดให้บริการเกี่ยวกับ ยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นล้อแม็กซ์ ระบบช่วงล่าง เบรก โช้คอัพ น้ำ�มันเครื่อง ตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ โดยบรรดาช่างที่ผ่านการอบรมตาม มาตรฐาน มีความชำ�นาญในการดูแลรถทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ สามารถทำ�งานเสร็จ ได้ภายใน 1 วัน ด้วยเครื่องมือที่มีความทันสมัย แม่นยำ� ละเอียด ได้มาตรฐาน นำ�เข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศอิตาลี ในจำ�นวนที่เพียงพอ ต่อการให้บริการลูกค้าพร้อมกันได้ครั้งละมากๆ ด้วยรูปลักษณ์ของร้านแห่งใหม่ที่ดูสะอาด โปร่งตา ทำ�ให้ไม่รู้สึก น่ากลัวสำ�หรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่จะเลี้ยวรถเข้าไปรับบริการ แล้วนั่งอ่าน หนังสือรอรับรถกลับได้เลย เพราะในการแวะเข้ามาสลับยาง ตรวจล้อ และ ตั้งศูนย์ล้อ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น ในห้องนั่งรอแสนสบาย กว้างขวาง มีแอร์เย็นฉ่ำ� ห้องน้ำ�สะอาด เปิดเพลงคลอเบาๆ มุมหนังสือ ฟรี ไวไฟ และเครื่องดื่มบริการฟรีอีกด้วย ที่สำ�คัญคือเราจะสามารถมองเห็น การทำ�งานของช่างได้ในทุกขั้นตอนจากห้องนั่งรอนี้ จึงมั่นใจได้ในบริการที่ โปร่งใส และเชื่อถือได้ ช่วงนี้ ทางร้านยังมีโปรโมชั่นดีๆ มาฝากลูกค้า เพียงผ่อนยาง 0% นาน 6 เดือน เมื่อเปลี่ยนยาง 4 เส้นที่ร้าน จะได้รับบัตรสมาชิก Cockpit ซึ่ง มีสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขแล้ว ยังได้รับโปรโมชั่นพิเศษจากทางร้านอีกคือ เมื่อ กลับมารับบริการเกี่ยวกับช่วงล่างที่ร้านจะได้รับส่วนลดค่าอะไหล่ถึง 5% สำ�หรับท่านใดที่รถมีปัญหา ไม่สามารถนำ�มาเข้าอู่ได้ ก็ยังมีบริการ นอกสถานที่ จะมีช่างแสตนด์บายอยู่ตลอดเวลาช่วงทำ�การ ทุกวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 8.00 – 18.00 น. หยุดวันอาทิตย์ หมายเลขโทรศัพท์ 044 634 777 และ 090 270 2700 Facebook fanpage : Cockpit Buriram Tire Center

รวดเร็ว ทันใจ บริการฉับไว ด้วยทีมช่างมืออาชีพ

เปิดบริการทุกวันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 8.00 – 18.00 น. หยุดวันอาทิตย์ โทรศัพท์ 044 - 634777 , 090 - 2702700 Facebook fanpage : Cockpit Buriram Tire Center Photy by : ยุรธีร์ ภูรภิ ทั รเศรษฐ์


83

12ราศี

เปิดดวง

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ประจำ�เดือนกรกฎาคม 2559

- ประสบการณ์การตรวจดวงตั้งแต่อายุ 16 ปี

- ปัจจุบันอยู่สังกัดของเว็บไซต์ ญาณเทพ (www.yantep.com) - ปี 2558 ติดอันดับ 57 หมอดูระดับพระกาฬ ในนิตยสารแพรว (fortune) - รับจองคิวตรวจดวงทุกวันทาง

ราศีพฤษภ (15 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน)

ราศีเมษ (14 เมษายน – 14 พฤษภาคม)

การงาน เดือนนีท้ า่ นต้องใช้ความอดทนสูง บางครัง้ อึดอัดจนอยากหนีปัญหา การเงิน มีเรื่องให้เสียเงินโดยใช่เหตุ อย่าคิดถึง อนาคตจนลืมทำ�ปัจจุบันให้ดี ความรัก ทั้งคนมีคู่ และคนโสด ช่วงนี้จะดูเหงาใจ ถึงแม้มีใครอยู่ในใจแต่ก็ยังเหงาอยู่ อดทนกับความ เหงาซักพัก หรือหาอะไรน่ารักๆ ทำ�ร่วมกันจะดี

การงาน ระยะนี้พลังใจในการทำ�งานหดหาย การเงิน คนรอบตัวจะพาคุณใช้เงินมากขึน้ หรืออาจ เป็นคุณที่พาคนรอบตัวจ่ายเยอะเสียเอง ภายนอก อาจดูรา่ เริง แต่ภายในยังดูเศร้าหมอง ควรหาเวลา ผ่อนคลายเติมความสดชื่นให้ชีวิต ความรัก มีโอกาสตกหลุมรักใครได้งา่ ย ระวังรักซ้อน เจอคนมีเจ้าของ

ราศีกรกฎ (17 กรกฎาคม – 16 สิงหาคม)

การงาน จะได้รบั โอกาสใหม่ๆ มีลทู่ างทำ�งานใหม่ๆ ใครทีเ่ พิง่ เปลีย่ นงาน หรือตกงาน จะได้รบั ภาวะแรง กดดันหนักหน่อยจากรอบข้าง แต่สุดท้ายแล้ว พ้น เดือนนีไ้ ป เรือ่ งดีๆ จะเข้ามา สุขภาพถือว่าดีไม่มปี ญั หา ความรัก มีโอกาสถูกคนรักนอกใจ มีปัญหาจุกจิก เข้ามาได้ง่าย พูดคุยกันให้มาก อย่าให้ความเครียด และงานมาทำ�ให้รักจางลง คนโสดจะสนุกกับชีวิต โสดของคุณ ราศีตุลย์ (18 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน)

การงาน ระวังถูกตำ�หนิ หรือเกิดความผิดพลาด ในงาน รอบคอบอย่าประมาท คุณอาจท้อถอยกับ งานได้ง่ายๆ ความรัก ใครที่มีคนรัก หรือกำ�ลังคุย คุณอาจ ได้พบกับคนใหม่ หรือความรักใหม่ ใครไม่อยาก นอกใจ ระวังอย่าให้ความหวังใครเด็ดขาด คนโสด สนุกกับการอยู่คนเดียว เหมาะกับการหาเวลาพัก ผ่อน หรือท่องเที่ยว

ราศีมังกร ( 15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์)

การงาน เดือนนีจ้ ะสร้างความน่ารำ�คาญใจให้กบั คุณ การอดทนให้ผ่านไป เป็นทางออกที่ดีที่สุด การเงิน หมดไปกับการเสาะแสวงหาที่กิน ที่เที่ยว และการจ่ายหนี้สิน ความรัก มีโอกาสได้เจอใครใหม่ๆ ใครมีครู่ ะวังความ เบื่อหน่ายจะเข้ามาครอบงำ�ชีวิตรัก เดือนนี้ควรหา เวลาพักผ่อนเล็กๆก็จะช่วยได้เยอะ

ราศีมิถุน (15 มิถุนายน – 16 กรกฎาคม)

การงาน เป็นเดือนที่เหมาะกับการเริ่มต้นทำ�อะไร ใหม่ๆ งานใหม่ วางแผนชีวติ ครึง่ ปีหลังในเดือนนีม้ กั สำ�เร็จ ยกเว้นเรือ่ งการลงทุนในธุรกิจ ให้ขยับไปหลัง เดือนนี้จะดีกว่า การเงิน เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ความรัก ระวังพากันเสียเงินไปกับเรื่องไร้สาระ คนโสด ระยะนีจ้ ะได้รบั ความสนใจจากคนรอบข้างมาก ขึ้น หากกำ�ลังคบหาดูใจกับใครมีโอกาสสมหวังสูง ราศีกันย์ (17 กันยายน – 17 ตุลาคม)

ราศีสิงห์ (17 สิงหาคม – 16 กันยายน)

การเงิน/การงาน ระวังการเงินจะหมดไปกับการ เข้าสังคม งานสังสรรค์ รายจ่ายยาวเป็นหางว่าว ทำ�ให้คณุ หงุดหงิดได้งา่ ยๆ มีเกณฑ์คดิ ทีจ่ ะเปลีย่ น งานใหม่ จะมีเพือ่ นร่วมงานคอยพึง่ พาอาศัยคุณอยู่ ถ้ามันหนักเกินไป ให้ปฎิเสธบ้าง ความรัก ระวังการพูดจาใส่อารมณ์กับคนรัก อาจ เกิดปัญหาที่ยากจะแก้ไข คนโสดช่วงนี้มีเสน่ห์

การงาน เจ้านายเห็นผลงาน ลงทุนเห็นกำ�ไร อนาคต อันใกล้คุณจะได้รับข่าวดีจากความมานะของคุณ การเงิน มีโอกาสได้เงินมาแบบฟลุคๆ สุขภาพ ระวังสุขภาพทีเ่ กิดจากการทานอาหาร หรือ ทานมากเกินไป ความรัก เรียบง่ายไม่มีปัญหาหนักหนาคาใจ ราศีธนู (16 ธันวาคม - 14 มกราคม)

ราศีพิจิก (17 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม)

การเงิน/การงาน เดือนนี้มีเรื่องจุกจิกๆเข้ามา กวนใจไม่ขาดสาย ทัง้ เรือ่ งเงิน งาน เพือ่ นร่วมงาน ชีวิตส่วนตัว ระวังมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับคนใน บ้าน จะมีงานยากมาให้คุณต้องฝ่าฟัน ความรัก ให้ระวังความไม่เชื่อใจ หรือช่างระแวง จะเป็นเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้ง อย่าคิดมากจะดีเอง

ราศีกุมภ์ (13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม)

การงาน เป็นเดือนที่เหมาะกับการวางแผนต่อ ยอดธุรกิจ มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเป็นลำ�ดับ ระวัง ปัญหาสุขภาพจะเข้ามากวนใจ การเงิน อาจจะมีเรื่องใช้จ่ายภายในบ้านมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ความรัก ระยะนีห้ มัน่ ดูแลใจกัน ถามไถ่กนั เพราะ มีโอกาสมีมือที่ 3 มาแทรกกลาง คนโสดมีโอกาส ถูกมอง หรือได้รับความสนใจมากขึ้น

092 294 3269

การเงิน/การงาน เป็นเดือนที่คุณจะเริ่มวางแผนทำ� อะไรหลายๆอย่างผุดขึ้นมามากมาย คิดให้ช้า ให้ รอบคอบ จะช่วยคัดสรรงานที่ดีให้คุณ เป็นช่วงเวลา ที่ยังไม่เหมาะจะเริ่มลงทุนใดๆ ความรัก ต่างคนต่างยุ่ง อาจห่างกันซักพัก คนโสด มีความสุขกับชีวิตส่วนตัว และเพื่อนฝูง คนมีคู่ระวัง มีปากเสียงกันเพราะความเข้าใจผิด

ราศีมีน (15 มีนาคม – 13 เมษายน)

การงาน เกณฑ์จะได้ย้ายงานสูง ใครกำ�ลังมองหา งาน จะได้พบโอกาสในไม่ช้า การเดินทางมีมากขึ้น ระมัดระวังรายจ่าย ความรัก ระยะนี้ต้องการพัฒนาไปอีกขั้นสำ�หรับใคร ที่กำ�ลังคุยๆอยู่ การวางอนาคตให้ความรักเป็นสิ่ง จำ�เป็นต่อคุณและคนรัก พยายามหาเวลาดูแลกัน ให้มากขึ้นจะดี คนโสดจะรู้สึกเหงาเป็นพิเศษ งาน และเพื่อนจะช่วยคุณได้


39 นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

แอดภูมิเปาโล


04

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

พระพิรุณ

“เทพแห่งฝน ผู้โปรดปรานความซื่อสัตย์” ฤดูฝนได้พดั พาเอาความชุม่ ชืน้ มาสูท่ กุ ชีวติ ต้นไม้ใบหญ้า กลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง ชีวิตเล็กๆ ที่กำ�ลังแทรกตัวผุดขึ้นจาก ผืนดิน ได้น้ำ�หล่อเลี้ยงจนชุ่มฉ่ำ� ก่อเกิดเป็นชีวิตใหม่ น้ำ�ฝนมิได้ สร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึน้ กับผืนดินและผืนป่าเท่านัน้ หากแต่ ยังสร้างความชุม่ ชืน่ ใจ ให้เกิดกับบรรดาชาวไร่ชาวนาและชาวสวน ซึ่งมี “น้ำ�ฝน” เป็นที่พึ่งหลักของชีวิต สายฝนที่กระหน่ำ�เทลงมา ครัง้ แล้วครัง้ เล่า วันแล้ววันเล่า จึงเป็นสัญญาณอันดี บ่งบอกว่า ปีนี้ พืชพันธุธ์ ญ ั ญาหารคงจะอุดมสมบูรณ์เป็นแน่ อีกไม่กเี่ ดือนข้างหน้า ท้องทุ่งสีเขียวขจีอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ก็จะเปลี่ยนไปกลับกลาย ไปเป็น “ทุ่งรวงทอง” เหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา และช่วงฤดูฝน เช่นนี้ เรื่องใดไหนเล่าที่จะน่าสนใจ ให้นำ�มาเล่าขานสืบทอดเป็น “ตำ�นาน” ได้ดีไปกว่าเรื่องของ “ฝน” คนไทยเชื่อเรื่อง ผีสางนางไม้ เทพเทวดาอารักษ์ และ เหล่าทวยเทพทัง้ หลาย ว่าเป็นผูป้ กป้อง ดูแลและสร้างโลกนีข้ นึ้ มา “ฤดูฝน” ก็เช่นเดียวกัน ทุกคนเชือ่ ว่า “พระพิรณ ุ ” เป็นเทพแห่งฝน แม้วา่ เรือ่ งราวของ “พระพิรณ ุ ” อาจไม่ได้เกีย่ วข้องกับตำ�นานทีม่ ี ต้นกำ�เนิดในจังหวัดบุรีรัมย์โดยตรง แต่ “พระพิรุณ” นั้น ถือเป็น เทพสากลทีม่ ตี ำ�นานปรากฏอยูใ่ นหลายประเทศทัว่ โลก ประเทศไทย เอง ก็ได้รับเอาความเชื่อนี้เข้ามาเช่นกัน ในประเทศไทย พระพิรุณเป็นที่รู้จักในฐานะของ “เทพ แห่งฝนและน้ำ�ทัง้ หลาย” เป็นผูร้ กั ษาความสุขสวัสดีแห่งมวลมนุษย์ ทั้งปวง เป็นโลกบาล (หัวหน้าเทวดาในชั้นจาตุมหาราช) ประจำ� ทิศประจิม (ทิศตะวันตก) อาศัยอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งถือว่า เป็นชั้นที่สูงที่สุด มีพระสมุทร พระคงคาเทวี ลำ�น้ำ� สระ น้ำ�พุ เป็นบริวาร มีพระวรกายงดงามมากด้วยว่ามีผวิ ขาวผ่อง สวมเกราะ ทองคำ� ถือบ่วงบาศ และอาโภค ทรงจระเข้ นาค หรือมังกร เป็น พาหนะ (แต่ความเชื่อของไทย มักจะให้ทรงนาค เนื่องจากได้รับ อิทธิพลจากพงศาวดารจีนว่า พญานาคมีหน้าที่ให้น้ำ�) พระพิรณ ุ มีพระมเหสีชอื่ “วารุณ”ี ซึง่ เชือ่ กันว่าเป็นเทพี แห่งเหล้า แต่พระพิรุณกลับไม่เคยเสพเหล้าเลยแม้แต่หยดเดียว พระพิรณ ุ มีโอรส - ธิดากับเหล่าบรรดาชายา และนางสนมมากมาย พระธิดาที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีของคนไทยก็คือ นางมณีเมขลา เทพธิดาประจำ�มหาสมุทร ผู้ถือดวงแก้วหลอกล่อไปมาให้รามสูร ขว้างขวาน จนทำ�ให้เกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ หรือที่เรารู้จักกันในเรื่อง

“พระมหาชนก” นางมณีเมขลาเป็นผูช้ ว่ ยเหลือเจ้าชายมหาชนก ผู้มีบุญญาธิการเมื่อครั้งเรืออับปาง ในยุคแรกที่ศาสนาพราหมณ์นับถือคัมภีร์พระเวท พระ พิรุณ เป็นเทพที่ได้รับการบูชากราบไหว้มากที่สุดองค์หนึ่ง โดย อยูใ่ นฐานะเทพผูส้ ร้างสรวงสวรรค์ เป็นผูด้ แู ลท้องฟ้า สภาพอากาศ น้ำ� และการเกษตรกรรม เป็นเทพแห่งความสัตย์จริง เป็นเทพผูร้ บั วิญญาณของคนตายไปยังโลกหลังความตาย เป็นเทพผู้ดูแลการ โคจรของดวงดาว เป็นผู้ลงโทษคนทำ�ผิดคำ�สาบาน ฯลฯ เรียกได้ ว่า ทำ�แทบจะทุกตำ�แหน่งกันเลยทีเดียว แม้พระพิรณ ุ จะทรงเปีย่ มไปด้วยความเมตตากรุณา แต่ก็ ทรงเกลียดความเท็จเป็นที่สุด กล่าวกันว่าไม่มีใครที่พูดความเท็จ โดยที่พระพิรุณจะไม่ทรงทราบได้เลย และเมื่อใครกล่าวเท็จหรือ ผิดสัญญา ท่านก็จะใช้วรุณบาศ ซึ่งเป็นบ่วงบาศวิเศษคล้องตัว ผู้ประพฤติผิดคำ�สาบาน ไปให้พญายมราชเพื่อให้นำ�ไปลงทัณฑ์ หรือบางครั้งก็จะบันดาลให้ผู้กล่าวมุสานั้นเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งทาง ตรงกันข้าม หากใครรักษาคำ�สัตย์หรือเกรงกลัวต่อบาป ท่านก็จะ ปูนบำ�เหน็จให้มีความสุขความเจริญ และถึงกับช่วยให้พ้นมฤตยู ในบางครัง้ บางหนอันเป็นทีม่ าของประเพณีการดืม่ น้ำ�สาบาน และ คำ�สาบานที่ว่าถ้าไม่จริงขอให้ฟ้าผ่านั่นเอง สืบเนือ่ งจากการทีพ่ ระพิรณ ุ เป็นเทพทีร่ กั ษาความซือ่ สัตย์ ไม่ชอบการโกหก จึงมีเรื่องเล่าว่า กาลครั้งหนึ่งมีพระราชานาม พระเจ้าหริศจันทร์ ผู้เป็นเจ้าเมืองอโยธยา (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเมือง อยุธยา ในประเทศไทยแต่อย่างใด) พระเจ้าหริศจันทร์ครองราชย์ มานานแต่ไม่มีพระโอรสสืบสกุลสักที จึงไปทำ�พิธีขอพระพิรุณให้ ตนเองมีลูกชาย พระพิรุณได้ปรากฏกายขึ้นในพิธีบวงสรวงและ ได้ยื่นข้อเสนอว่า หากพระองค์ดลบันดาลให้พระเจ้าหริศจันทร์ มีลกู ตามประสงค์แล้ว พระเจ้าหริศจันทร์จะต้องนำ�เอาลูกมาเป็น เครือ่ งบูชายัญให้กบั พระองค์ (ในบางเรือ่ งเล่ามีการวิเคราะห์วา่ เมือ่ ถึงเวลาบูชายัญจริงๆ พระพิรุณก็คงจะไม่ทรงรับ และน่าจะให้พร พ่อลูกคูน่ ี้ เหมือนกับกรณีของเทวดาหรือเทพอืน่ ๆ เพราะต้องการ ทดสอบศรัทธา และความซือ่ สัตย์เท่านัน้ ) พระเจ้าหริศจันทร์ยอมรับ ข้อเสนอของพระพิรณ ุ โดยดีเพือ่ จะได้มลี กู ชายสมใจ แม้วา่ สุดท้าย จะต้องเอาลูกไปบูชายัญให้กับพระพิรุณก็ตาม (ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับหน้า)


พระพิรุณ

ตำ�นานเมืองบุรีรัมย์

41

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

+

Rain isone of the most important things for farmers and gardeners. There is a story about God of rain, PraPiroon (พระพิรุณ), retold from generations to younger generations. His story appears in many countries’ folklores throughout the world and so does Thailand. PraPiroon is the God of rain and water, and is a very kind god, usually helps people who are in troubles. Though he is kind, he hates liars and dishonest people. People who tell a lie or don’t keep their words will be sent to King of Death, Paya Yom, to get punishment. It was said that no one can tell a lie without hisreception. This leads to the swearing words “If I …. (tell a lie), may I get lightning” and drinking water for an oath. PraPiroon lives in Dusit, the highest heaven. PraSamutr (พระสมุทร), PraKongka Tewee (พระคงคาเทวี), rivers, pools, and waterfalls are his followers. His wife is “Queen Warunee”, the Goddess of liquor. He also had other wives. One who is very well known to Thai people is “Maneemakhala” who had a crystal marble and threw it to “Ramasoon” and caused lightning and thunder, or the one who helped Prince Mahachanok when he had a shipwreck. To show that helovesintegrity, a story is widely told. (To be continued)


42 24 ไทรถเข็น รอนะบุตร

อักษราร่ายรำ� คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

รอนะบุตร มาตุกุณาลสะท้านสะทกวิกฤติ เพราะเกาทัณฑ์

ถเมินระรานประหารประชิด

โลหิตาละไหลทะลักถะถั่น จะทรงกาย

กระเสือกกระสนจะหยัดจะยัน

ปีกขยับก็รวดก็ร้าว ณ กาย จะคืนรัง

กระนั้นกุณาลก็มั่นก็หมาย

บุตรระโหยระหิวสิแล้วกระมัง ประการใด

จะวุ่นจะว้าละล้าละลัง

อกกระอักกุทัณฑะปักประลัย บ่จำ�นน

จะเหินถลาจะฝ่าจะไป

รอนะบุตร… มาตุจะรุดผจญ มิกลัวเกรง

สรีร์จะลาญพิการพิกล

ปากประคองกระยาบ่ยั่นบ่เยง ลุรวงรัง

ผิโลหิตาชโลมละเลง

บุตรทวิชก็อิ่มประนอประทัง ณ ที่นั้น

ชเนตตีก็มรณัง

อีทิงสังฉันท์ ๒๐ ปาลิตา ผลประดับเพ็ชร์ ประพันธ์


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


44

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ Tomb of Khai Dinh หลังจากที่เราได้ชมความสวยงามของ “พระราชวังต้องห้าม” หรือ “พระราชวังไดนอย” ซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์ยาลอง แห่งราชวงศ์เหงียนกันมาแล้ว เราก็ออกเดินทาง มุ่งหน้าสู่สถานที่สำ�คัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองเว้ นั่นก็คือ “สุสานจักรพรรดิไคดิงห์” จักรพรรดิไคดิงห์ (Khải Định) กษัตริย์ องค์ท่ี 12 ของราชวงศ์เหงียน ขึน้ ครองราชย์ในปี พ.ศ. 2459 โดยได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคม พระองค์ถูกกล่าวหาว่าเป็น คนขายชาติ เพราะร่วมมือและช่วยเหลือรัฐบาล ฝรั่งเศส เข้าต่อต้านขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราช ของชาวเวียดนามกลุ่มต่างๆ

ราชวงศ์เหงียนแตกต่างจากราชวงศ์อน่ื โดยจะไม่มีการฝังร่างของสมาชิกในราชวงศ์ไว้ ในหมู่บ้าน หากแต่นำ�ไปฝังไว้ในสุสานจักรพรรดิ ที่กระจายอยู่บนเนินเขาทั้งสองฝั่งของแม่นำ�้ หอม ทางทิศตะวันตกและทิศใต้ของเมืองเว้ พวกเราต้ อ งเดิ น ขึ้ น เนิ น เขาลู ก เล็ ก ๆ ท่ามกลางสภาพอากาศที่ขมุกขมัว อุณหภูมิลด ต่ำ�ลงเหลือเพียงราวๆ 20 – 22 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าก็ดูไม่ปลอดโปร่งเอาเสียเลย บรรยากาศ ช่างเหมาะกับการเดินชม “สุสาน” เสียนี่กระไร มองเผินๆ จากด้านหน้าของสุสาน ในเวลาเช่นนี้

ทำ�ให้ใจกระหวัดนึกไปถึงปราสาทผีสงิ หรือไม่ก็ ปราสาทของท่านเคาท์แดร็คคูลา่ จากภาพยนตร์ สยองขวัญของฝรั่งขึ้นมา... ความคิดแวบเข้ามา พร้อมความเย็นยะเยือกที่มากับเสียงลมซู่ใหญ่ ปะทะเข้ากับร่างกาย เล่นเอาขนลุกขนพองเลย ทีเดียว กล่าวกันว่า สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ เป็นสุสานที่สวยงามที่สุดของราชวงศ์เหงียน เพราะเป็นสุสานแห่งเดียวในประเทศเวียดนาม ที่ มี ก ารผสมผสานกั น ระหว่ า งสถาปั ต ยกรรม ตะวันออกกับตะวันตก จึงทำ�ให้บริเวณด้านนอก


เวีนาม สุสานจักรพรรดิ ไคดิงห์ ตะลุยต่างแดน

45

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ดูคล้ายคลึงกับปราสาทในแถบยุโรป ที่เราเคย ได้เห็นในภาพยนตร์ตะวันตกหลายเรื่อง สุสาน แห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขา ห่างจากเมืองเว้ ราวๆ 10 กิโลเมตร สร้างขึ้นจากคอนกรีตเสริมเหล็ก อย่างดี เพื่ อ ให้ ก ารสร้ า งสุ ส านแห่ ง นี้ แ ล้ ว เสร็จ พระเจ้าไคดิงห์ได้มีการเรียกเก็บภาษีจาก ประชาชนเพิ่มมากขึ้น ทำ�ให้ประชาชนได้รับ ความเดือดร้อนมากมาย จึงต่างพากันด่าทอและ เกลียดชังพระองค์ไปทัว่ อย่างไรก็ตาม พระองค์ ได้ สิ้ น พระชนม์ ไ ปก่ อ นที่ สุ ส านจะแล้ ว เสร็ จ ทำ�ให้หน้าที่ในการสร้างสุสานต่อตกเป็นของ จักรพรรดิ “เบ๋าได่” พระราชโอรสของพระองค์ สุสานแห่งนี้ใช้เวลาสร้างทั้งสิ้นกว่า 11 ปี จึง แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2474 จากนั้นก็กลับถูกทิ้ง ร้าง และไม่มีผู้ใดให้ความสนใจอีกเลย จนภาย หลังได้มีการบูรณะสุสานขึ้น เพื่อเปิดให้เป็น สถานที่ท่องเที่ยว ด้านหน้าทางเดินขึ้นสุสาน จะพบกับ บันไดมังกร ที่ได้รับการตกแต่งขึ้นอย่างสวยงาม ราวๆ 30 – 40 ขั้น เพื่อจะไปถึงชั้นแรกของ สุสาน มีรูปสลักหินเป็นรูปช้าง ม้า ข้าราชการ พลเรือนต่างๆ บริเวณกลางลานด้านหน้า จะมี แผ่นจารึกที่เขียนขึ้นด้วยอักษรภาษาจีน โดย พระเจ้าเบ๋าได่ เป็นผู้นิพนธ์ขึ้น เพื่อรำ�ลึกถึง พระบิดา ด้านข้างทั้งสองฝั่ง มีบันไดเล็กๆ ประมาณ 20 ขั้น เพื่อขึน้ ไปยังชัน้ บนของสุสาน

บนเพดานห้องโถงภายในสุสาน มีภาพเขียนที่ งดงามมากภาพหนึ่ง ชื่อว่า “มังกรในม่านเมฆ” ใต้ ภ าพมี เรื่ อ งราวบรรยายไว้ ทุ ก รายละเอี ย ด และทุกขั้นตอนในการรังสรรค์ภาพออกมา โดย จิตรกรผู้มีฝีมือสูงส่ง และมีฝีเท้าเป็นเลิศ ด้วย ความเกลียดชังและเคียดแค้นในตัวจักรพรรดิ ไคดิงห์ ที่แฝงอยู่ในความรูส้ กึ ประชาชน รวมถึง ตัวจิตรกรผู้น้ที ี่ถูกบังคับให้มาวาดภาพในสุสาน เขาจึงใช้เท้าวาดต่างมือ และนอนวาดจนภาพ เสร็ จ สมบู ร ณ์ อั น เป็ น เครื่ อ งหมายที่ แ สดงถึ ง ความเกลียดชัง ที่มีต่อจักรพรรดิไคดิงห์ อย่าง มากมาย ด้านซ้ายและขวาของห้องโถง ประดับ ด้วยภาพเฟรสโก* สีสันสวยงาม ตกแต่งด้วยการ ฝังกระจกสี และกระเบื้องนับเป็นพันๆ ชิ้น บอก เล่าเรื่องราวต่างๆ อาทิ สัตว์ ต้นไม้ และดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ ข้าวของ เครื่องใช้ รวม ไปถึง รูปปั้นสำ�ริดขนาดเท่าองค์จริงของพระเจ้า ไคดิงห์ ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2465 รวมอยู่ด้วย เมื่อเดินออกมาจากสุสาน ชั้นบน เรา จะมองเห็นธรรมชาติภายนอก รายล้อมไปด้วย สีเขียวของต้นไม้และหุบเขาเวียดนามอันสวยงาม แสงอาทิตย์โบกมือลา ความมืดค่อยๆ คืบคลาน ปกคลุมพื้นที่ของขอบฟ้า พวกเราเดินกลับไป ขึ้นรถ ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ “หรือว่านี่... จะเป็น

หยาดเหงื่อของชาวเมืองที่ถูกขูดรีดภาษี หรือ จะเป็นน้ำ�ตาของประชาชนผู้เดือดร้อนและ แร้นแค้นในอดีต?” ฉันนั่งจินตนาการเพลินจนเผลอม่อย หลับไปเมื่อไรไม่ทันรู้ตัว หมายเหตุ * ภาพเฟรสโก (Fresco) หมายถึงการวาดภาพ ลงบนปูนฉาบที่ยังเปียกอยู่ โดยใช้น้ำ�ละลายสี ลงไปในปูน ที่ยังไม่แห้ง เมื่อสีเริ่มซึมลงไปในผนัง ก็จะเริ่มเป็นเนื้อเดียว กับปูน พร้อมกับที่ผนังเริ่มแข็งตัว จากนั้นจะอยู่ในสภาพที่ แข็งตัวเป็นอย่างมาก (http://www.oknation.net/blog/ phaen/2007/12/09/entry-1)


สำ�นักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์

ลแหน่ ้ม ลุก นงยืนงานว่าง ไทรถเข็ ตำ � 64จังหวัดบุรีรัมย์ ประจำ�เดือน สิงหาคม 2559 40 อักษราร่ายรำ� คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

สำ�นักงานจัดหางาน จังหวัดบุรีรัมย์

เว็บไซต์ : www.doe.go.th/buriram

บจก. เอชทูโอ วอเตอร์ซิสเต็มส์ 1. พนักงานธุรการ (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ปวส.+) สนใจติดต่อ 140/89 ม.7 ต.อิสาณ อ.เมือง จ. บุรีรัมย์ โทร. 091 - 6731316 มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา บุรีรัมย์ 1. อาจารย์แนะแนว (16 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22+ (ป.ตรี) 2. อาจารย์ประจำ�คณะรัฐศาสตร์ (5 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25+ (ป.โท) 3. พนักงานทำ�ความสะอาด (5 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20-50 (ไม่จำ�กัดวุฒิ) 4. นักการชาย (5 อัตรา) ช (อายุ) 20-50 (ไม่จำ�กัดวุฒิ) สนใจติดต่อ 333 ม.8 ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 666583 คุณพิชญ์ชญา นาสองสี บจก. ทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ 1. พนักงานคลังสินค้า (2 อัตรา) ช (อายุ) 22+ (ม.3+) 2. พนักงานจัดเรียงสินค้า (2 อัตรา) ช (อายุ) 22+ (ม.3+) 3. พนักงานจัดซื้อ (2 อัตรา) ญ (อายุ) 25+ (ปวช.+) สนใจติดต่อ 274 ม.8 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร.044 - 625734 ต่อ 112, 088 - 5863459 คุณวรรณวิษา ประกฎหาร บจก. เบสท์-แพค คอนกรีต (2) 1. โฟร์แมน (1 อัตรา) ช (อายุ) 20+ (ปวส.+) 2. พนักงานบัญชี (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ปวส.+) สนใจติดต่อ 224 ม.2 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 087 - 2434449 คุณกังวาน ผู้จัดการ บจก. ไอคิว โมเดิร์นเทรด 1. PC ไฟฟ้า (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ม.3+) 2. PC เครื่องมือช่าง (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ม.3+) 3. พนักงานขาย (10 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ม.3+) 4. พนักงานฝ่ายจัดซื้อ (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ม.3+) สนใจติดต่อ 154 ม.2 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 666494, 091 - 3797450 คุณอ๊อด ฝ่ายบุคคล บจก. คิดถึงเบเกอรี่ 1. พนักงานขาย (10 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 19+ (ม.3+) 2. พนักงานฝ่ายผลิต (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 19+ (ป.6+) สนใจติดต่อ 631 ม.1 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 088 - 5527473 คุณเยาวลักษณ์ เทียมเลิศ ฝ่ายบุคคล

บจก. โตโยต้านางรอง ผู้แทนจำ�หน่ายโตโยต้า 1. พนักงานการเงิน (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20-35 (ปวส.+) 2. พนักงานจัดซื้อ (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20-35 (ปวส.+) 3. พนักงานไอที (1 อัตรา) ช (อายุ) 20-35 (ป.ตรี) 4. พนักงานขาย (10 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20-35 (ปวช.+) สนใจติดต่อ 222/16 ถ.โชคชัย - เดชอุดม ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 631367 คุณหนึ่งฤทัย ผจก.แผนกบุคคล บมจ. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน 1. พนักงานขายเครื่องสำ�อาง (2 อัตรา) ญ (อายุ) 22-30 (ม.3+) 2. พนักงานป้องกันการสูญเสีย (1 อัตรา) ช (อายุ) 22-30 (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 125 ม.6 ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร.044-600600 ต่อ 612 คุณเกตนภา สีลาดหา ผู้จัดการแผนกบุคคล หจก. ธนัช ไพศาล 1. กรรมกร (10 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 18+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) สนใจติดต่อ 61 ม.1 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 093 - 3856588 คุณธนัชพร ร้านอะลาว สาขาทวีกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ 1. ผู้จัดการ (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22+ (ป.ตรี) 2. แคชเชียร์ (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ปวส.+) 3. กุ๊กครัวร้อน (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) 4. ผู้ช่วยกุ๊ก (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) 5. ครัวส้มตำ� (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) 6. ครัวเตรียมอาหาร (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 18+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) 7. เสิร์ฟ (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 18+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) 8. ล้างจาน (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 18+ (ไม่จำ�กัดวุฒิ) สนใจติดต่อ 274 ม.8 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 089 - 5781415 คุณกนกเกล้า บจก. นารายณ์อินเตอร์เทรด 1. เจ้าหน้าที่บัญชี (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 23-35 (ปวส.+) 2. เจ้าหน้าที่ซ่อมบำ�รุง (2 อัตรา) ช (อายุ) 23-35 (ปวส.+) 3. จนท.ค่าแรง/PAYROLL (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 23-35 (ปวส.+) 4. พนักงานฝ่ายผลิต (50 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 18-45 (ไม่จำ�กัดวุฒิ) สนใจติดต่อ 130 ม.13 ต.โคกกลาง อ.ลำ�ปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 661572 คุณไอลวิล เขมะบุณยะปานนท์ จนท.แรงงานสัมพันธ์


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ศิริพงษ์


84

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

Cresco Hotel


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.