Sabaidee Buriram Magazine Issue 35

Page 1

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ปก Cresco Hotel


2

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

Editor's talk ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา พวกเราทุกคนล้วนเคยชินกับ “รูปที่มีทุกบ้าน” ... พระจริยวัตรอันงดงาม น�้ำพระทัยที่เปี่ยมล้น ไปด้วยพระเมตตาของพระองค์ พระราชกรณียกิจทีแ่ สนหนักหน่วง ทั้งขึ้นเหนือ ล่องใต้ จนเรียกได้ว่า ไม่มีแผ่นดินแม้แต่ตารางนิ้วใด ในเมืองไทยที่พระองค์จะไม่ทรงรู้จัก และเนื่องจากพระองค์ได้ ทรงแบกประเทศไทยทั้งประเทศ พร้อมทั้งคนไทยอีกกว่า 70 ล้าน ชีวิตไว้บนพระอังสา (บ่า) นี่เอง ประเทศไทยของเราจึงได้สงบสุข ร่มเย็น ในน�้ำมีปลา ในนามีข้าว ทุกย่างก้าวที่พระองค์ทรงเหยียบ ไปในดินแดนทุรกันดาร แผ่นดินแตกระแหงก็กลับพลิกฟื้นขึ้น อีกครัง้ ท้องฟ้าทีเ่ คยแห้งแล้ง ก็กลับสร้างหยาดฝนลงมาให้ชาวนาได้ ชืน่ ใจ และไม่วา่ จะเกิดเหตุเภทภัยใดๆ แก่ประเทศ แต่ดว้ ยพระบารมี ปกเกล้าฯ ประเทศของเราก็ผา่ นทุกวิกฤตมาได้อย่างปลอดภัยทุกครัง้ วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 เวลา 1 ทุ่มตรง คือ วัน และเวลา ที่ดวงใจของพสกนิกรชาวไทยทุกคนได้แตกออก เป็นเสีย่ งๆ ภายหลังจากทีพ่ วกเราได้ทราบข่าวจากแถลงการณ์ของ ส�ำนักพระราชวังผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ด้วยประโยคสัน้ ๆ ว่า “เสด็จ สวรรคต” ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ กลายเป็นความจริงที่ยากเหลือ เกินที่ชาวไทยทุกคนจะกล�้ำกลืนยอมรับได้ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้... แผ่นดินสยามประเทศของเรา ก็ดูเหมือนจะถูกปิดสวิตช์ ความเงียบเหงาได้กระจายออกไปในทุก หย่อมหญ้า ความเศร้าโศกแทรกตัวอยู่ในทุกละอองไอของอากาศ เสียงสะอื้น ภาพหยาดน�้ำตาของประชาชน คนแล้วคนเล่า ปรากฏ สู่สายตาของผู้คนทั่วโลก และถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงผ่านมานานนับ เดือนแล้ว แต่ความสูญเสียทีย่ งิ่ ใหญ่ครัง้ นี้ ยังกอดรัดดวงใจของพวก เราทุกคนอย่างมิเสื่อมคลาย แม้จะเข้าใจดีว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้น เป็นสัจธรรม ที่ในที่สุด ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราทุกคนต่างก็ต้องกลับไปสู่ที่ท่ีเรา จากมา “น�้ำคืนสู่น�้ำ ดินคืนสู่ดิน ฝุ่นละอองคืนกลับไปในอากาศ” แต่มันก็ยากเหลือเกิน ที่จะยอมรับว่า ในเวลานี้ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา ได้เสด็จสวรรคตแล้ว

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา... ดิฉันขอยืนยันว่า ไม่มีการท�ำงาน ครัง้ ไหน จะเสียน�ำ้ ตามากมายเท่ากับครัง้ นีอ้ กี แล้ว วันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นวันที่พวกเราท�ำงานกันอย่างยากล�ำบากที่สุดในชีวิต หลังได้รับการยืนยันข่าวร้ายจากแถลงการณ์ พวกเราจึงตกลงกัน ว่าเราจะยกหนังสือในเล่มเดือนตุลาคมทั้งหมดออก แล้วเปลี่ยน เนือ้ หาทัง้ หมดเป็นเรือ่ งราวของพระองค์ เพือ่ ถวายเป็นราชสดุดแี ด่ “ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรา” ซึ่งทุกท่านคงได้เห็นไปในเดือนที่ แล้ว แต่ละค�ำแต่ละตัวอักษรที่ได้ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือแต่ละเล่ม ล้วนแต่บรรจุไว้ซึ่งความอาลัยของพสกนิกรตัวเล็กๆ อย่างพวกเรา ทีมงานนิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ แม้จะเกิดมาในช่วงที่พระองค์ ทรงเข้าสู่วัยเกษียณแล้ว แต่ไม่มีสักวันที่ดิฉันจะไม่เห็นพระองค์ทรงงานหนัก และด้วย ตัวอย่างที่ได้จาก “พระราชา” ของเรานี้เอง ดิฉัน ครอบครัว และ ทีมงานทุกคน จึงได้ตั้งปณิธานว่า พวกเราจะขอเดินตามรอยของ พ่อ สืบสานต่อพระปณิธานที่พระองค์ได้ทรงวางแนวทางเอาไว้ จะปฏิบัติตนให้เป็นพสกนิกรที่ดีของพระบรมราชจักรีวงศ์ “เป็น คนท�ำหนังสือ” ทีด่ ี ทีม่ ปี ระโยชน์ และมีจรรยาบรรณต่อผูอ้ า่ นสืบไป

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นางสาววีรวรรณ คชรัตน์


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

26 28

6

12

16 40

6 26 ป้าปราณี ซาลาเปา ไอติมลาลูน 12 28 ภาพเก่าเล่าเรื่อง โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง 16 40 เมืองโบราณฮอยอัน

นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล

รู้จักกับพ่อเมืองคนใหม่ของชาวบุรีรัมย์

ไอศกรีมสดใหม่ หลากหลายรสชาติ เข้มข้นหวานมัน

ดนตรีในวิถีธรรมชาติ

บรรณาธิการบริหาร วีรนุช คชรัตน์ บรรณาธิการ วีรวรรณ คชรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป วรพช คชรัตน์ ที่ปรึกษา ผศ.สุธามาศ คชรัตน์, อ.วันดี เธียรสวัสดิ์กิจ ที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศ ผศ.เรืองศักดิ์ อัมไพพันธ์ ที่ปรึกษาฝ่ายสุขภาพและกีฬา ผศ.พรพรรณ ค�ำเมือง ที่ปรึกษาฝ่ายภาษาไทยและวรรณคดีไทย ผศ.ดร.บุณย์เสนอ ตรีวิเศษ ที่ปรึกษาฝ่ายโบราณคดีและประวัติศาสตร์บุรีรัมย์ รศ.ดร.สมมาตร์ ผลเกิด นักเขียนประจ�ำคอลัมน์ วิภาวี สิงหวศิน, วิวัฒน์ โรจนาวรรณ, อารดา นิรันต์พานิช อาร์ตไดเรคเตอร์ พัชรพร ปัตตังเว, ภาคิไนย ปรินรัมย์ ช่างภาพ วัฒนา จันทร์เจริญ ฝ่ายการตลาด วรัญญา ละขะไพ, ทวีรัตน์ อ่อนซาผิว, ปาลิกา แสงบุตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ ศศิวิมล ตรุโนภาส, ปิยะพร มนต์แก้ว

คุณภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลง รสชาติที่ไม่อาจเปลี่ยนใจ

องค์ราชันในดวงใจตลอดกาล ...ตลอดไป

Hoi An Ancient Town

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ห้างหุ้นส่วนจ�ำกัด เค.เอส. ริชเชส 40/70 ถ. อินจันทร์ณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ 31000

http://www.sabaideeburiram.com ติดต่อลงโฆษณา 085 - 6121010, 087 - 4588547


4

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

SF


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

Robinson


6

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์


นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ฅ. ฅน บุรีรัมย์

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

รูจ้ ักกับพอ่ เมืองคนใหมข่ องชาวบุรีรัมย์

นายอนุสรณ์ แกว้ กังวาล เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จังหวัดบุรีรัมย์ของเรา ได้มีโอกาสต้อนรับ “นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล” ผู้ว่าราชการจังหวัด คนใหม่ของเมือง เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงอยากทราบที่มาที่ไป รวมถึง แนวคิดในการวางนโยบายเพื่อพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์จากท่านผู้ว่าฯ คนใหม่ท่านนี้อย่างแน่นอน “ฅ.ฅน บุรีรัมย์” จึงไม่รอช้าที่จะพา ผู้อ่านทุกท่านไปร่วมรู้จักกับพ่อเมืองคนใหม่ของพวกเรากันค่ะ สะบายดี : สวัสดีค่ะ ท่านช่วยเล่าประวัติ และความเป็นมาของ ท่านให้ชาวบุรีรัมย์ได้ทราบได้ไหมคะ สวัสดีครับ ผมชื่อ อนุสรณ์ แก้วกังวาล ความจริงผมเกิดที่ กรุงเทพมหานคร แต่ได้เรียนหนังสืออยู่ตามต่างจังหวัด เพราะว่าคุณ พ่อรับราชการ คุณพ่อย้ายไปไหนก็ตามไปเรียนที่นั่น ทั้งสุราษฎร์ธานี เพชรบุรี และขอนแก่น จนกระทั่งช่วงมัธยมจึงได้ย้ายกลับไปเรียนที่ สวนกุหลาบวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรามคำ�แหงในกรุงเทพฯ เมื่อเรียนจบ ผมก็เข้ารับราชการเป็นปลัดอำ�เภอ ทำ�งานอยู่ ในกรมการปกครอง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2546 มีการแยกหน่วยงาน ปฏิรูประบบราชการ จัดตั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผมก็ เลยได้มาอยู่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผมทำ�งานในกรมนี้ ตั้งแต่เป็นผู้อำ�นวยการกลุ่มงาน แล้วก็เป็นผู้อำ�นวยการศูนย์ป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัยเขต 10 ดูแลจังหวัดทางภาคเหนือ ลำ�ปาง ลำ�พูน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน จากนั้นก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นรองอธิบดี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จนได้รับพระบรมราชโองการ แต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดในปี พ.ศ. 2558 และล่าสุด ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ แทนท่านผู้ว่าฯ เสรี สีหะไตร ที่เกษียณไปแล้ว ตั้งวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นมาครับ

สะบายดี : เมื่อทราบว่าจะได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ท่านมี มุมมองอย่างไรต่อจังหวัดของเราบ้างคะ จังหวัดบุรีรัมย์ในเวลานี้เป็นเมืองที่เจริญเติบโต แข็งแกร่ง และเข้มแข็ง เป็นอันดับ 5 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นรอง เพียง นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในบริบทความเป็นบุรีรัมย์แบบใหม่ ความเป็นปราสาท 2 ยุค ทั้งยุคเก่ายุคใหม่ มีการนำ�กีฬามายกระดับและขับเคลื่อนจังหวัด ทั้ง ฟุตบอลและรถแข่ง ซึ่งผมมองว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก อยากจะ มาทำ�งานตรงนี้ เพื่อมาต่อยอดให้บุรีรัมย์ขับเคลื่อนอย่างแข็งแกร่ง ขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ สะบายดี : บุรีรัมย์ตอนนี้ มีภาพลักษณ์ในแง่ของการเป็นเมือง กีฬา ท่านจะต่อยอดจากตรงนี้ หรือสนับสนุนด้านนี้อย่างไรคะ เมื่อก่อนบุรีรัมย์เป็นเมืองเงียบๆ แม้กระทั่งเป็นเมืองผ่าน ก็อาจจะยังไม่ใช่เลยนะครับ ที่นี่เป็นเมืองที่ต้องตั้งใจแวะเข้ามา คนที่ ผ่านมาก็ไม่คอ่ ยจะแวะพักทีน่ ่ี แต่กลับไปนอนโคราช หรือไม่กส็ รุ นิ ทร์ แทน เราไม่มีอะไรรองรับการมาใช้ชีวิตในพื้นที่จังหวัดมากนัก จึง ถือว่าน่าจะเป็นความโชคดีที่มีคนบุรีรัมย์ที่มีใจรักจังหวัดของตนเอง อยากจะพัฒนาจังหวัดให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น และกล้าที่จะทำ� ในสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ถึงหรือไม่กล้าทำ� จนบุรีรัมย์มาถึงจุดนี้ได้ โดยมี กีฬาเป็นจุดเริ่มต้น แรกๆ ทุกคนอาจจะมองว่า คิดดีแล้วเหรอที่จะทำ�ฟุตบอล ทีจ่ งั หวัดนี้ ขนาดจังหวัดใหญ่ๆ ยังไม่กล้าทำ�แบบนี้ แต่ดว้ ยวิสยั ทัศน์ และความทุ่มเททุกทรัพยากรที่มีอยู่ ทีมฟุตบอลของบุรีรัมย์ จึงกลาย เป็นทีมฟุตบอลระดับแนวหน้า มีสนามฟุตบอลทีย่ ง่ิ ใหญ่และสวยงาม มากที่สุดในประเทศ ทำ�ให้บุรีรัมย์ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว

7


8

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง “ BURIRAM ... destination of spirit, speed, sport and happiness”

จากที่สมัยก่อนคนนอกจะรู้จักบุรีรัมย์ด้วยประโยคที่ว่า “บุรีรัมย์ ้ ตำ�นำ�กิน” คนฟังแล้ว โอ้โห! ลำ�บากแห้งแล้งขนาดนั้นเลยเหรอ ขนาดน้ำ�ที่ใช้ ยังต้องตำ�มาจากดิน แต่ทุกวันนี้ ร้านรวงต่างๆ โรงแรม และบริบทของความ เป็นเมืองแห่งความสุขมันเต็มไปหมดทุกพื้นที่เลย แล้วก็จะยิ่งเจริญงอกงาม มากขึ้นเรื่อยๆ ชาวต่างชาตินอกจากจะรู้จัก กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือภูเก็ต แล้ว อีกจังหวัดหนึ่งที่เขารู้จักตอนนี้ก็คือ บุรีรัมย์ ก็จากการที่ีเรามีสโมสร ฟุตบอลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย และจากสนามแข่งรถที่ ถือว่าเป็นมาตรฐานโลก ทำ�ให้ในทุกครั้งที่มีการแข่งขันระดับโลก ก็จะมีคน ต่างชาติเข้ามาเต็มเมืองไปหมดเลย บุรีรัมย์เป็นจังหวัดที่ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เรียกว่าจากคนที่นอน ่ ควำ�หน้า กลายเป็นลุกขึ้นยืนเลยก็ได้ และกำ�ลังจะก้าวกระโดดไปอีก นี่คือ สิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของคนบุรีรัมย์ เราต้องช่วยกันไปต่อยอด และทำ�ให้ มันดีมากขึ้นไปอีก เพราะงานขนาดใหญ่ระดับนี้ ไม่สามารถที่จะทำ�ได้ด้วย คนเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกันเสริม ช่วยกัน ผลักดันด้วย จึงจะทำ�ให้บุรีรัมย์แข็งแรงและเจริญรุ่งเรืองไปยิ่งกว่านี้ สะบายดี : ท่านวางแผนที่จะพัฒนาหรือส่งเสริมจังหวัดบุรีรัมย์อย่างไร บ้างคะ ผมอยากจะนำ�วัฒนธรรมเข้ามาเสริมการกีฬาที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ครับ เรามีกีฬาสากลอย่างฟุตบอล และรถแข่ง ในขณะเดียวกันเราก็มีกีฬา วัฒนธรรม อย่างแข่งเรือ และแข่งว่าว ซึ่งเป็นประเพณีที่แข็งแรง นอกจาก นั้นยังมีปราสาทหินพนมรุ้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนข้างนอกอยากเข้ามา ดู โดยเฉพาะประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง และการชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์ ลอดซุ้มประตู ซึ่งคนบุรีรัมย์เห็นอยู่ทุกปีก็อาจรู้สึกเฉยๆ ทำ�ให้งานที่เคยจัด อย่างยิ่งใหญ่ ก็ค่อยๆ ลดขนาดลงทุกปี แต่ในขณะเดียวกันความเป็นสากล ในเมืองกลับเติบโตขึ้น ทำ�ให้วัฒนธรรมถูกบีบเล็ก จึงนำ�สิ่งนี้มาส่งเสริม ฟื้นฟู กับสิ่งที่เรามีอยู่แล้วให้แข็งแรงมากขึ้น ดึงวัฒนธรรมเรากลับมาให้เหมือนเดิม ให้เติบโตไปด้วยกัน ผมเชื่อว่าจะทำ�ให้บุรีรัมย์กลายเป็นจุดหมายปลายทาง ของนักท่องเที่ยวได้หลากหลายมากขึ้น วันก่อนผมเข้าไปที่สนามแข่งรถ Chang International Circuit เห็นป้ายที่เขียนว่า “Destination of Speed” ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า นี่แหละคือเส้นทางของบุรีรัมย์ แต่ไม่ใช่แค่ Speed (ความเร็ว) นะ บุรีรัมย์

จะต้องเป็นจุดหมายปลายทางในทุกๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องของ Spirit (จิต วิญญาณ) ก็คือจุดดั้งเดิมของความเป็นบุรีรัมย์ที่เรามีอยู่ ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี รวมไปถึงที่แนวทางของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เก่าๆ คือหลักธรรมนูญ 9 ดี (เป็นคนดี มีปัญญาดี รายได้สมดุล สังคมดี สุขภาพดี สิ่งแวดล้อมดี หลุดพ้นอาชญากรรม การจัดตั้งกองทุนพึ่งพา ตนเอง การสร้างความเข้มแข็งของคณะกรรมการหมู่บ้าน) จึงได้เป็นชื่อ ที่เราจะเอามาขับเคลื่อนร่วมกันว่า “Buriram, destination of spirit, speed, sport and happiness” ซึ่งทุกเป้าหมายปลาย ทางก็คือทำ�ให้คนบุรีรัมย์ และคนที่เข้ามาที่บุรีรัมย์มีความสุข สมกับชื่อ “เมืองบุรีรัมย์ เมืองแห่งความรื่นรมย์ นครแห่งความสุข” สะบายดี : ขอถามถึงชีวิตส่วนตัวบ้าง ท่านมีงานอดิเรกอะไรบ้างคะ ออกกำ�ลังกาย หรือชอบกีฬาอะไรเป็นพิเศษไหม โดยส่วนตัวผมเป็นนักฟุตบอลเก่าอยู่แล้ว (ตำ�แหน่งกองหน้า) พออายุมากขึ้นก็เปลี่ยนไปเล่นเทนนิส ทุกวันนี้ก็ยังหาเวลาว่างหลังจาก ทำ�งานไปออกกำ�ลังกาย เล่นฟุตบอล (ปัจจุบันเล่นตำ�แหน่งกองกลาง) ทำ�ให้ได้รู้จักกับหลายหน่วยงานที่เขาไปเล่นฟุตบอลด้วยกัน ทั้งทางด้าน ยุติธรรม ด้านตำ�รวจ ทหาร และประชาชนทั่วไป กีฬาทำ�ให้คนเราได้ รู้จักกันเร็วขึ้น การเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ไม่มีเวลาทำ�งานที่แน่นอน เรียกได้ว่าทำ�งานตั้งแต่เช้ายันเย็น 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ต้อง เบรกงานตัวเองนิดนึง เพื่อไปเล่นกีฬา เล่นเสร็จแล้วค่อยมาทำ�ต่อจนถึง ห้าทุ่ม - เที่ยงคืนทุกวัน จะเป็นแบบนี้ บางวันถ้าไม่เล่นฟุตบอลก็จะไป ตีเทนนิส ซึ่งก็จะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เขาเล่นเทนนิสกัน ทำ�ให้เรามีเครือข่าย มากขึ้น ทำ�งานได้รวดเร็วขึ้น เพราะระบบราชการถ้ามัวแต่มาประชุม กันเป็นทางการแบบนี้มันไปได้ไม่รวดเร็วนัก การใช้วิธีนี้จะทำ�ให้รู้จักคน ได้รวดเร็ว แล้วก็ค่อนข้างที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดี สามารถคุยกันได้ทุก เรื่องครับ สะบายดี : สุดท้ายนีท้ า่ นมีอะไรจะฝากถึงคนบุรรี มั ย์บา้ งไหมคะ ตอนนี้บุรีรัมย์เป็นเมืองแห่งโอกาส เป็นเป้าหมายปลายทาง ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น spirit speed sport แล้วก็ happiness ที่เรา สามารถช่วยทำ�ให้แข็งแรงขึ้นได้ อย่ามองว่ามันเป็นเพียงหน้าที่ของใคร คนใดคนหนึ่ง เราต้องเข้าไปร่วมกระบวนการตั้งแต่ต้นทางเลยนะครับ ไปมีส่วนร่วม เพราะเมื่อเรามีส่วนร่วมในการทำ�อะไรสักอย่างแล้ว เราก็ จะมีความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วม เกิดความรักในสิ่งนั้น เราก็จะอยากทำ� สิ่งนั้นให้ดีที่สุด หวงแหน แก้ไข ปรับปรุง ถ้ามีใครมาทำ�ให้เกิดสิ่งไม่ดีกับ เมือง เราก็จะช่วยกันป้องกัน ขจัดสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้พ้นจากเมืองของ เราไป เพราะฉะนั้นจึงฝากคนบุรีรัมย์ให้ช่วยกัน เสริม เติมแต่ง ต่อยอด ในสิ่งที่ทำ�กันทุกวันนี้นะครับ อย่าใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่จนลืมที่จะ ใช้พลังของตนเองมาช่วยกันหนุนนำ� และต่อยอดจากสิ่งที่ดีอยู่แล้วนี้ให้ดี ยิ่งๆ ขึ้นไป บุรีรัมย์คงไม่หยุดอยู่แค่นี้ วันข้างหน้าเชื่อได้เลยว่า บุรีรัมย์จะ เป็นเมืองเป้าหมายปลายทางของนักลงทุน และนักท่องเที่ยว ที่จะต้อง นึกถึงจังหวัดบุรีรัมย์มาเป็นจังหวัดต้นๆ ของการเดินทางเข้ามาในพื้นที่ นี้อย่างแน่นอนครับ

...


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


01

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

โฆษณา


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


21

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

บรรยากาศในร้านตกแต่งแบบคาเฟ่ญี่ปุ่น

LA LUNE Ice cream

ICE CREAM IN MOH FAI (HOT POT) - Keep Cool Keep Happy This is may be a small ice cream shop, but don’t expect cups of ordinary ice creams. Not only do they serve their ice cream in moh fai (hot pot), but the flavors are also out of the ordinary: milk, seasonal fruits, beer and, our favorite, Red Bull vodka. La Lune is a new homemade ice cream shop recently opened in Box Square, Buriram. It’s now ready to serve and fulfill the needs of ice cream lovers. It is a franchise of Yotse Ice-cream Moh Fai, a very popular ice cream shop in Bangkok. What makes La Lune stand out from other ice cream shops in town is the way they serve (at least) four scoops of ice cream in a hot pot (moh fai) with dry ice that produces smoke and coolness with many special and (a little bit) quirky choices such as beer or red bull flavors. In a Japanese Café decoration style, La Lune is run by Khun Namwah – Patranya Khankaew, an amazing lively Bangkok girl. La Lune’s name is French means “the Moon” which looks like a scoop of ice cream.

La Lune can serve up to 40 seats at a time. You also can reserve the place for an ice Cream Party. For more information, please call 098 890 1852, Facebook fanpage : La Lune ไอติมหม้อไฟ or Instagram : Laluneicecream. Just inform the officers there that you’ve got the information from Sabaidee Buriram Magazine, you’ll get one free chunk.

ไอศกรีมหลายหลายรสแสนอร่อย มาในหม้อไฟ


La Lune ไอติมหม้อไฟ ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริเวณย่านการค้า Box Square มีร้านไอศกรีมโฮมเมด ที่ตกแต่งร้านด้วยบรรยากาศสไตล์คาเฟ่ญี่ปุ่น แสน น่ารักมาเปิดให้บริการ ด้วยความที่ชื่นชอบการรับประทานไอศกรีม ในร้าน ที่มีบรรยากาศดีๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เราจึงไม่พลาดที่จะชักชวนทีมงานไป ทดลองชิมหลังเลิกงาน และเมื่อได้สัมผัสกับบรรยากาศของร้านและรสชาติ ของไอศกรีมแล้ว พวกเราก็ได้ตกลงใจกันในทันทีว่าจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อเก็บข้อมูลมาทำ�คอลัมน์ “สะบายพุง” ให้ผู้อ่านได้พบกับบรรยากาศ ใหม่ๆ ของการรับประทานไอศกรีมกันให้ได้ ร้านไอศกรีมแห่งนี้มีชื่อว่า “La Lune (ลาลูน) ไอติมหม้อไฟ” เป็นร้านแฟรนไชส์ของร้านไอศกรีมโฮมเมดชื่อดัง “ไอติมหม้อไฟ ยศเส” ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีของคนกรุงเทพฯ มากว่า 25 ปีแล้ว โดยมี “คุณน้ำ�ว้า ภัทรัญญา ขันแก้ว” เป็นเจ้าของสาขาแห่งนี้ คุณน้ำ�ว้าเป็นชาวกรุงเทพฯ มาร่วมงานบวชของเพื่อนที่จังหวัดบุรีรัมย์ และเมื่อขับรถผ่านบ็อกซ์สแควร์ ก็รู้สึกว่าเป็นทำ�เลที่ดี ประกอบกับเห็นว่าธุรกิจของจังหวัดบุรีรัมย์นั้นกำ�ลัง เติบโต จึงอยากจะเปิดร้านขายอะไรสักอย่างขึ้นมา และด้วยความที่ชอบกิน ไอติมยศเสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้ติดต่อเข้าไปเพื่อเปิดเป็นร้านไอศกรีม La Lune ขึ้นมา ด้วยความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองตามแบบฉบับของ คนเก่งและคนรุ่นใหม่ โดยคำ�ว่า “La Lune” เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าพระจันทร์ ซึ่งคุณน้ำ�ว้าบอกว่าเพราะไอศกรีมนั้นเมื่อตักมาเพื่อเสิร์ฟจะเห็นเป็นก้อน กลมๆ มองดูคล้ายกับพระจันทร์ จุดเด่นของร้าน La Lune ไอติมหม้อไฟ แห่งนี้ นอกจากการเสิร์ฟ ไอศกรีม 4 ก้อนขึ้นไป โดยใส่ลงในหม้อไฟที่ใช้ปฏิกิริยาทางวิทยาศาสตร์ ทำ�ให้มีควันลอยออกมาจากปล่องควันแล้ว ตัวไอศกรีมเองก็ได้รับการผลิต อย่างใส่ใจในเรื่องของวัตถุดิบ และรสชาติที่เข้มข้น และที่สำ�คัญคือไม่มีทาง

คุณน้ำ�ว้า - ภัทรัญญา ขันแก้ว

สะบายพุง

13

ไอศกรีมสดใหม่ หลากหลายรสชาติ เขม้ ขน้ หวานมัน นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

หาไอศกรีมรสชาติแบบนี้ได้จากที่อื่นนอกจากร้านในเครือไอศกรีมยศเส เท่านั้น โดยมีเมนูต่างๆ เช่น เมนู “โคตรมัน” ซึ่งเป็นไอศกรีมมะพร้าวที่มีเนื้อ มะพร้าวมันๆ ปนอยู่ในเนื้อไอศกรีม และเมนู “มิ้นท์ชิพ”, “แอ้ปโย่”, “ฮอร์ลิคไวท์มอลท์”, “ยาคูลท์ปีโป้” หรือ “นูเทลล่า” “โคตรนม” คือชื่อของรสชาติที่ขายดีตลอดกาลของร้าน มีความ เป็นนมเข้มข้นสมชื่อ ผู้คนทุกเพศทุกวัยเมื่อได้ชิมแล้วเป็นต้องกลับมาทานอีก ตามมาด้วย “บานาน่าชีส” ที่อบอวลด้วยกลิ่นกล้วยหอม และได้รสของชีส เข้มข้น คุณน้ำ�ว้าถึงกับออกปากว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนบุรีรัมย์จะชอบรสชาตินี้ มากขนาดนี้ ในช่วงเปิดร้านใหม่ๆ นั้นถึงกับทำ�ให้สต๊อกสินค้ารวนกันเลยที เดียว และอีกเมนูหนึ่งที่กำ�ลังนิยมกันมากไม่แพ้รสที่กล่าวมาแล้วก็คือ “ช็อคโกแล็ตบราวนี่” ที่ทุกคำ�ล้วนเต็มไปด้วยรสชาติเข้มข้นของช็อคโกแล็ต นอกจากนี้ยังมีรสผลไม้หมุนเวียนตามฤดูกาล อย่าง กระท้อน น้อยหน่า สละ มะนาว สตรอเบอร์รี เสาวรสครีมชีส และรสชาติสำ�หรับผู้ใหญ่อย่าง รัมเรซิ่น ดาร์คช็อคโกแลตบรั่นดี ลิ้นจี่โชจู กระทิงแดงวอดก้า รวมถึงรสชาติที่มาจาก เครื่องดื่มคุ้นลิ้นของคนไทยอย่าง นมเย็น ชาเย็น ชาเขียว และกาแฟ ภายในร้ า นได้ แรงบั น ดาลใจจากการที่ คุ ณ น้ำ�ว้ า มี โ อกาสได้ ไ ป ประเทศญี่ปุ่นบ่อยๆ และรู้สึกชอบบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองของ ร้านกาแฟที่นั่นมาก จึงตกแต่งร้านด้วยสไตล์คาเฟ่ญี่ปุ่น ที่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งแต่อบอุ่นไปพร้อมๆ กันด้วยการประกอบของสีเทา สีขาวและสีของไม้จริง ของตกแต่งบางชิ้นก็เป็นของที่ถือติดมือมาจากประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ทางร้านสามารถรับรองลูกค้าได้พร้อมกันกว่า 40 ท่าน สามารถ ติดต่อเพื่อจองร้านสำ�หรับจัดงานปาร์ตี้ไอศกรีมน่ารักๆ ได้ด้วยนะคะ สำ�หรับ ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษก็คือ เพียงบอกกับพนักงานที่ร้านว่า “มาจากนิตยสาร สะบายดี บุรีรัมย์” ท่านผู้อ่านจะได้รับสิทธิ์ซื้อไอศกรีม 4 ลูก แถมฟรี 1 ลูก ทันที!!! ขอให้มีความสุขกับรสชาติสุดโปรดนะคะ บ๊ายบายค่ะ

ร้าน : ไอติมหม้อไฟลาลูน La Lune พิกัด : บ็อกซ์สแควร์ ฝั่งทิศใต้ โทร : 098 - 8901852 เปิดทำ�การ : วันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา : 12.00 - 22.30 น. Facebook Fanpage : La Lune ไอติมหม้อไฟ Instagram : Laluneicecream


41

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

major


หมู่บา้ นทอ่ งเที่ยวไหม “บา้ นสนวนนอก”

15

นิตมหั ยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ศจรรย์เมืองแปะ


61

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

A LITTLE SCHOOL IN A WIDE FIELD

โรงเรียนเล็กในทุง่ กวา้ ง

ดนตรีในวิถีธรรมชาติ โรงเรียนชีวิต ที่ไมได ่ ม้ ีเพียงเสียงดนตรี


โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง มหัศจรรย์เมืองแปะ

17

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ เชื่ อ ว่ า ผู้ อ่ า นทั้ ง หลายคงเคยได้ ยิ น ชื่ อ และเรื่ อ งราว ต่างๆ ของกลุ่มเด็กๆ ที่เรียกตัวเองว่า “โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง” กันมาบ้างไม่มากก็น้อย บางท่านอาจเคยได้รับทราบจากในข่าว โทรทัศน์ หรือพบเห็นในสื่อออนไลน์ต่างๆ ทั้ง Facebook และ Youtube บางท่านอาจได้เคยชมการแสดงสดของพวกเขาเหล่านี้ มาแล้วด้วยซ้ำ� ทีมงานสะบายดี บุรีรัมย์ ได้รู้จัก “โรงเรียนเล็กใน ทุ่งกว้าง” ครั้งแรกจากคลิปวีดิโอชื่อ สีสันไร้เดียงสา ที่บันทึกการ บรรเลงเพลง El Condor Pasa ของเด็กๆ บริเวณริมอ่างเก็บน้ำ� ป่าภูเขาไฟ ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ และด้วยเสน่ห์แห่งความ ไร้เดียงสานี่เอง ที่ทำ�ให้พวกเราทุกคนต่างให้ความสนใจ อยาก ทราบถึงเรื่องราวความเป็นมา และแรงบันดาลใจของพวกเขาให้ มากขึ้น วันนี้ “มหัศจรรย์เมืองแปะ” มีความยินดีเหลือเกินที่จะ พาผู้อ่านทุกท่านไปทำ�ความรู้จักกับเรื่องราวแสนมหัศจรรย์ของ พวกเขาเหล่านี้ในอีกมุมหนึ่งที่มีอะไรมากกว่าเสียงดนตรีกันค่ะ “โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง” ก่อตั้งขึ้นโดย ครูลี่ - พิชัย อุ้ยเหง่า อดีตนักดนตรีอาชีพผู้มีประสบการณ์ทางดนตรียาวนาน กว่า 20 ปี ซึ่งมีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดวิชาชีวิต ให้กับเด็กๆ ใน พื้นที่บ้านเกิด เพื่อสืบสานเรื่องราว และความงามของวัฒนธรรม ที่ได้เคยสัมผัสมาเมื่อครั้งยังเด็ก ที่มีทั้งความงดงาม ความมีน้ำ�ใจ มีปรัชญาในการดำ�เนินชีวิต มีการหวงแหนในสิ่งที่เป็นสมบัติอัน สืบทอดกันมา ซึ่งรวมถึงเสียงดนตรีจากการที่ได้ฟังผู้เฒ่าผู้แก่เป่า แคนให้ฟัง ที่ยังคงฝังอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำ� ประกอบกับ การที่ครูลี่เองมีความสามารถทางดนตรีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงได้ ตัดสินใจนำ�ดนตรีเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสอนเด็กๆ อย่างใน ทุกวันนี้ พวกเรานั่งลงพูดคุยกับครูลี่ในอาคารไม้ที่โปร่งโล่งมี หลังคามุงจาก ที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนากว้างสุดสายตา ต้นข้าวชูใบ เขียวสดชื่น เพราะได้รับน้ำ�และแดดอย่างเต็มที่ พร้อมภาพของ ภูเขาอังคารที่มองเห็นอยู่ไม่ไกล...เพียงสุดแปลงนา มีเสียงดนตรี เคล้าเสียงหัวเราะอันสดใสของเด็กๆ แว่วมาจากมุมนู้นมุมนี้ของ พื้นที่ ประกอบเป็นบรรยากาศที่แสนสุข สบาย และผ่อนคลาย จนต้องถามตัวเองว่าที่นี่คือจังหวัดบุรีรัมย์จริงหรือ? หากหลับไป ในตอนที่รถเคลื่อนออกจากบ้าน แล้วตื่นขึ้นมาพบที่นี่เลย พวกเรา คงไม่มีใครเชื่อได้ลง ว่าที่นี่คือสถานที่ในจังหวัดบุรีรัมย์เป็นแน่ ด้านหลังตัวอาคารมีบอ่ เก็บน้ำ� และแปลงดินขนาดย่อม สำ�หรับปลูกผักหลากชนิดกระจายอยูร่ มิ ฝัง่ ซึง่ มีปา้ ยไม้ทเ่ี ขียนชื่อ เจ้าของ ชื่อแปลงผัก และชนิดของผัก บอกเอาไว้อย่างชัดเจน เพราะการเข้าเป็นสมาชิกของที่นี่นั้นไม่ใช่เพียงการเดินมายื่น ใบสมัครแล้วเลือกหยิบเครื่องดนตรีที่ชอบมาเริ่มหัดได้เลย แต่จะ ต้องเริ่มต้นจากการปลูกผัก ซึ่งเป็นวิธีที่ครูลี่ใช้ในการตัดสินใจว่า เด็กแต่ละคนมีความพยายาม และความตั้งใจ ที่มากพอสำ�หรับ เครื่องดนตรีประเภทใดบ้าง โดยอ้างอิงจากความเอาใจใส่ และ วิธีการดูแลรักษาแปลงผักของเด็กๆ นั่นเอง


81

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ครูลี่ใช้เวลาเพียง 7 เดือน นับจากวันแรกที่ตัดสินใจเปิดบ้าน และทุ่งนาของครอบครัวทำ�เป็น “โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง” แห่งนี้ เด็ก ทุกคนไม่มีพื้นฐานทางดนตรีมาก่อน อ่านโน้ตเพลงไม่เป็น บางคนก็มา เพราะสนใจในดนตรี แต่บางคนก็มาเพราะผู้ปกครองอยากให้ลูกๆ ได้มี กิจกรรมอื่นบ้าง นอกจากการเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือ เริ่มต้นจาก การปลูกผัก ฝึกสมาธิ ปรับสมดุลจิตใจด้วยการมีสติรู้ตัวในทุกๆ การ กระทำ� ช่วยกันทำ�ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม เพื่อใช้ ในชีวิตประจำ�วัน ไว้กิน ไว้ใช้ และที่เหลือมากพอจึงนำ�ไปขาย พร้อมกับ ค่อยๆ หัดเรียนดนตรีไปด้วยอย่างไม่เร่งร้อน ไม่บีบบังคับ แต่ปล่อยให้ เป็นการสอนตามจังหวะที่เด็กๆ พร้อมจะรับรู้ ครูลี่ย้ำ�กับพวกเราเสมอ ว่าทั้งหมดที่ถ่ายทอดให้กับเด็กๆ นั้นเป็น “วิชาชีวิต” โดยดนตรีเป็น เพียงสื่อหนึ่งที่ครูลี่ได้นำ�มาใช้สอนวิชาชีวิตให้กับเด็กๆ เท่านั้น

ชั้นบนของอาคารที่ได้มาด้วยน้ำ�พักน้ำ�แรงของเด็กๆ

แม้จะเริ่มต้นอย่างค่อนข้างโดดเดี่ยว และไร้คนเข้าใจ แต่ครูลี่ กลับมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา และยังคงทำ�ต่อไปอย่างมุ่งมั่น จนกระทั่ง สามารถพิสูจน์ตัวเองให้กับคนในครอบครัว และคนในหมู่บ้านได้เห็น ว่าสิ่งที่กำ�ลังทำ�นั้นได้ผลเพียงใด สามารถปรับสมดุลในจิตใจของเด็กๆ ให้มีสมาธิมากขึ้น เรียนรู้ได้ดีขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น และหันมา สนใจการทำ�กิจกรรมอื่นๆ นอกจากการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ทำ�ให้ ปัจจุบนั การทำ�กิจกรรมของทางกลุม่ ได้รบั ความร่วมมืออย่างดีจากคนใน หมู่บ้าน และผู้ปกครองของเด็กๆ โดยมี ครูแก้ว - กิตติมา พูลวงษ์ (แก้ว the Voice 2) เพื่อนที่เคยทำ�งานด้วยกันในช่วงที่เป็นครูอาสา อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตอนนี้เธอทำ�งานประจำ�อยู่ที่กรุงเทพมหานคร เมื่อมีเวลาว่างก็จะมาช่วยสอนเด็กๆ ด้วยอีกแรงหนึ่ง การออกแสดงเปิดหมวก เริ่มมาจากการที่กลุ่มโรงเรียนเล็ก ในทุ่งกว้างต้องการเงินทุนมาใช้สร้างอาคารสำ�หรับใช้ฝึกซ้อม และทำ� กิจกรรมในช่วงฤดูฝน รวมถึงสร้างห้องน้ำ�ที่ถูกสุขอนามัยสำ�หรับทุกคน โดยการใช้เพียง “รถกระบะแก่ๆ” (ตามคำ�เรียกของครูลี่) ขนอุปกรณ์ และเด็กๆ ไปตระเวนแสดงตามงานต่างๆ ในอำ�เภอใกล้เคียง เริ่มต้น จากการไปแล้วโดนปฏิเสธไม่ให้แสดง ไปจนถึงได้เงินหลักร้อย หลักพัน เมื่อได้เงินมา ก็ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การทำ�บัญชี และวางแผนการใช้เงิน ด้วยตัวเอง เมื่อมีเงินมากพอก็นำ�มาซื้ออุปกรณ์ที่จำ�เป็นในการก่อสร้าง และไม่สามารถหาสิ่งอื่นมาทดแทนได้เท่านั้น เช่น เสาปูน ตะปู หรือ ปูน เพราะแม้แต่เสาไม้ทุกต้นที่นำ�มาสร้างเป็นอาคารนี้ ก็ล้วนมาจาก ผู้ปกครองของเด็กๆ ในกลุ่มช่วยหามาให้ การก่อสร้างก็เป็นการลงแรง


โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง มหัศจรรย์เมืองแปะ

ด้วยตัวเองของครูลี่และเด็กๆ ช่วยกันทำ� ช่วยกันออกแบบทั้งสิ้น และ เมื่อมีเงินเหลือจากการสร้างอาคารแล้ว ก็ยังได้จัดสรรไว้สำ�หรับเป็น ต้นทุนในการทำ�สินค้า และเป็นทุนเล่าเรียนของเด็กๆ ในกลุ่มอีกด้วย เมื่อถามถึงความรู้สึกในปัจจุบันเกี่ยวกับโครงการที่ได้สร้าง ขึ้นมาด้วยตัวเองนี้กับครูลี่ เราก็ได้รับคำ�ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มว่า “พอใจกับพัฒนาการของเด็กๆ มาก เพราะเริ่มต้นจากการทำ�ตาม ความฝันคือการที่เด็กสามารถสืบทอดมรดกของปู่ย่าตายายให้ คงอยู่ในตัวเขา สามารถนำ�มาถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ให้ไม่สูญหาย แล้วเขามีความสุขกับมันก็พอ ไม่ได้คาดหวังอะไรจากตัวเด็กๆ เลย อยู่ที่ว่าเราได้ให้เค้าเต็มที่แล้วหรือยัง ถ้าเราทำ�หน้าที่ของครูเต็มที่ แล้ว เราจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราทำ� แต่ถ้าเราไม่ได้เต็มที่กับเขา เรา ก็ไม่สมควรถูกเรียกว่าครู เพราะครูนับเป็นพ่อแม่คนที่สองของลูก มันจะรู้สึกไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้ทำ�จริงๆ” และเมื่อเราได้ถามต่อไปถึงคำ�จำ�กัดความของคำ�ว่า “ครู” ในความคิดของครูลี่คืออะไร ก็ได้คำ�ตอบว่าครูอาจารย์ย่อมอนุเคราะห์ ศิษย์ตามหลักการ ทักขิณทิส (ทิศเบื้องขวา) ของ “ทิศหก” ในศาสนา พุทธ คือ ฝึกฝนแนะนำ�ให้เป็นคนดี สอนให้เข้าใจแจ่มแจ้ง สอนศิลปะ วิทยาให้สิ้นเชิง ยกย่องให้ปรากฏในหมู่คณะ และสร้างเครื่องคุ้มภัย ในสารทิศ ซึ่งข้อสุดท้ายนี้เอง ที่ครูลี่ให้ความสำ�คัญเป็นพิเศษ “การ ป้องกันภัยให้แก่ลูกศิษย์” โดยนอกจากภัยจากภายนอกแล้ว ยังได้ รวมถึงภัยจากภายในจิตใจของตัวเองด้วย นี่เองจึงเป็นสาเหตุสำ�คัญ

19

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ ที่ครูลี่ได้ทุ่มเทแรงพลังไปกับการปรับสมดุลของจิตใจให้กับลูกศิษย์ เป็นอันดับแรก เพื่อเตรียมความพร้อมให้พวกเขาสามารถรับมือกับ เรื่องราวต่างๆ ในโลกที่จะเข้ามา ทั้งในวันนี้และในอนาคตด้วยจิตใจที่ เข้มแข็งและสงบนิ่ง เมื่อมองจากมุมของคนนอกอย่างเราแล้ว ก็ย่อมอยากรู้ว่า “โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง” จะเติบโตต่อไปในทิศทางใด มีแผนการใน อนาคตอย่างไรต่อไป เมื่อกลุ่มเล็กๆ ที่อบอุ่นได้กลายเป็นที่รู้จักอย่าง แพร่หลายไปเช่นนี้แล้ว ครูลี่จะสามารถควบคุมสิ่งแวดล้อมและจิตใจ ของเด็กๆ ให้ยังคงสงบนิ่งได้หรือไม่ เมื่อเด็กๆ เติบโตและก้าวต่อไป จะใช้ชีวิตแบบไหน จะยังคงรักในเสียงดนตรี และบรรเลงมันออกมา อย่างมีชีวิตชีวาอยู่หรือไม่ ...คำ�ตอบไม่ได้ลอยไปกับสายลมหรอกค่ะ แต่คำ�ตอบเหล่านี้อยู่ที่พวกเราทุกคนจะต้องช่วยกันเป็นกำ�ลังใจ และ เป็นแรงสนับสนุนพวกเขาอย่างนี้ไปอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ดึง ตัวเองออกจากเส้นแบ่งที่ชื่อว่า “คนนอก” เปิดหัวใจของพวกเราออก ให้กว้าง แล้วเฝ้าดูพวกเขาเติบโตด้วยสายตาที่เข้าใจในแนวทางและ อุดมการณ์ของพวกเขากันนะคะ ท่ า นผู้ อ่ า นสามารถแวะเข้ า ไปให้ กำ�ลั ง ใจครู ลี่ แ ละเด็ ก ๆ สมาชิกกลุ่ม “โรงเรียนเล็กในทุ่งกว้าง” ได้ที่ ตำ�บลถาวร อำ�เภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ หรือเข้าไปติดตามผลงาน และอัปเดทข่าว ตารางกิจกรรมของเด็กๆ ได้ทาง Facebook : ร.ร.เล็กในทุ่งกว้าง ค่ะ


02

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

มหัศจรรย์

ครูลี่ - พิชัย อุ้ยเหง่า


นิตยสารสะบายดีบุรีรัมย์

Whenforthethose earth has music who listen. นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

Plato, a philosopher in classical Greece and the founder of the Academy in Athens, once said “I would teach children music, physics, and philosophy; but most importantly music. For the patterns in music and all the arts are the keys to learning” A month or two ago some of you may have heard the news about a group of children, self-called “A little school in a wide field”. Some may have seen them on TV or online. Some may have seen their live show at Saroe Ground Walking Street. We, Sabaidee Buriram have firstly seen their performance via the VDO clip named “SeeSan Rai Diangsa” (Color of the Innocence)” which showing this group of kids performing a very classic song “El Condor Pasa” at the reservoir near the volcanic forest, Tambon Thaworn in Amphur Chalermprakiat. Their charming innocence draws our intention and interest. We needed to know more about them and their inspiration. And today we will get to know them more in “A little school in a wide field”. “A little school in a wide field” is founded by Teacher Lee - Pichai Uuyngao, or Kruu Lee, an experienced musician who dedicates himself to teach music to those children in his hometown so that the kids can appreciate a beauty of their origin culture and philosophy of their lives that have been handed down from generation to generation through musics. Among a large area of rice fields, “A little school in a wide field” is located in a small hut made out of leaves without walls or roof. The school is filled with pleasant atmosphere, the feeling of happiness, as well as the sounds of music from every corner. Next to the hut, there are beds of various types of vegetables with the name of the owner and of the vegetable itself. The children who come to learn music here have to show their attention and triumph through planting and looking after all the vegetable before being accepted by Kruu Lee. It is about 7 months now from the first day that Kruu Lee has started this little school. All of his students have none of the music background before coming here. Some of them joined the school because they are interested in music. Some come because their parents forced them to since they spent too much time on TV or online games. The students are trained to meditate in order to remain focus

in every activity. They learn bit by bit depends on their readiness. Kruu Lee called his teaching “the life subject” and music is the only material he uses to teach this subject. Though his project has started with people’s doubt. Is it gonna work? Is it gonna be worth the time? Is he crazy? But Kruu Lee just didn’t give them the time of day. He tried his best to prove what he has done to the children is very beneficial for them. Now, his children have longer focus and can learn better. Less time spending on TV or computer games. This made the parents understand him and his project more. So, now, his friend - Teacher Kaew - Kittima Poolwong or Kruu Kaew who once was a contestant from the Voice 2 TV show and used to work with Kruu Lee in Chiangmai has decided to come and help whenever she has a free time. The idea of “street performance” has started to gain the budget so that they can improve their “school building”, their toilet and their activity area when the rain comes. Using the old pick-up car carrying the children and music instuments from Chalermprakiat to Buriram is not a fun thing. Many times the area’s or event’s owner don’t allow them to perform. Sometimes they ended up getting only a few hundred baht…but they never give up. When the band gets the money from its performances, Kru Lee will teach the kids how to manage the money. They spend the money to buy necessary materials for their construction work such as nails, cement posts or cement. And if they have some left, those money will be kept for children’s. Kruu Lee told us that he doesn’t expects anything from the children …not even a bit. He just want to do his best for what he believes. And he will never regret of what he has done. When we asked Kruu Lee “What is a teacher?” he then said “teacher is a person who do everything to encourage, prevent and protect his students from any harms, both from inside their mind and the harms around them.” To the world, a Little School in a Wide Field’s project maybe a little thing. Kruu Lee may be just a small teacher, but we guarantee that to his students he is such a big hero! Those who’d like to support and contact Kruu Lee can visit him and his children at Tambon Thaworn, Amphur Chalermprakiat or Facebook fanpage : ร.ร.เล็กในทุ่งกว้าง


22

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

โฆษณา Brainschool โฆษณา รุ่งนธี


42

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

โรงแรมเครสโก้ อบอุ่น สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน


I

“โรงแรมเครสโก้” เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา ด้วยภาพลักษณ์ที่ต้องการเน้นความสะดวกสบาย และอบอุ่น เหมือนอยู่บ้าน พร้อมการบริการอันสมบูรณ์แบบ จากพนักงานที่สุภาพ โดย “คุณท๊อป - ณัฐพล ว่องวุฒิญาณ” นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ ไฟแรง ของจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ก่อตั้งโรงแรมเครสโก้ เล่าให้พวกเราฟังถึงที่มาของ โรงแรมแห่งนี้ว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่เป็นคนชอบท่องเที่ยว ทั้ง การขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจเที่ยวทั่วประเทศไทย และการได้ไปขับรถเที่ยว ทั่วยุโรป มีโอกาสได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ และสถานที่ต่างๆ มากมาย ทำ�ให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจจนเก็บเอาเรื่องราวเหล่านั้นมารวบรวม และ ต่อยอดเป็นไอเดียที่จะทำ�สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในจังหวัดบุรีรัมย์ “Cresco” เป็นภาษาละตินที่มีความหมายตรงกับคำ�ว่า Rise หรือ Growth ในภาษาอังกฤษ ซึ่งหมายถึงการเติบโต และการเริ่มต้นใหม่ มีสัญลักษณ์เป็นรูปหน้าต่างที่เปิดอยู่ ซึ่งสื่อถึงการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ด้านโรงแรมให้กับแขกที่มาพัก ตัวอาคารได้รับการสร้าง และตกแต่งใน สไตล์ผสมผสานระหว่าง Minimalist และ Industrial loft มีการโชว์พื้น ผิวของเหล็ก ปูน อิฐ และไม้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับสีเขียวของต้นไม้ภายในสวน ที่เกิดจากการเว้นพื้นที่ระหว่างตัวอาคารอย่างใส่ใจ เพื่อให้เกิดการแยก โซนอย่างชัดเจน สร้างความเป็นส่วนตัวระหว่างผู้ที่มาเข้าพัก กับผู้ที่มาใช้ บริการร้านอาหาร ห้องประชุม ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ� ห้องพักจำ�นวน 40 ห้อง แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ตามขนาด และ การใช้งาน ได้แก่ Novem, Epic Suite และ Copia Family Suite ที่ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน มีสิ่งอำ�นวยความสะดวกครบครัน มั่นใจ ได้ในความสะอาดและปลอดภัย ร้านอาหาร “1 Up Cuisine” มีทั้งเมนูอาหารไทย อาหารยุโรป และเมนูค็อกเทล รวมไปถึงวัตถุดิบพิเศษที่หาไม่ได้จากร้านอื่นในบุรีรัมย์ เช่นล็อบสเตอร์ ฟัวกราส์ และเห็ดทรัฟเฟิล ในราคาที่สมเหตุสมผล ปรุง โดยเชฟจากภัตตาคารระดับ 5 ดาว และมีห้องสัมมนาที่สามารถรองรับได้ สูงสุดถึง 130 คน ฟิตเนสบรรยากาศดี เต็มไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐานดีที่สุด ใน ระดับเดียวกับกองทัพอเมริกัน และนักกีฬาของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีการจัดวางอุปกรณ์ออกกำ�ลังกายภายในห้องที่ทำ�ให้รู้สึกสบายๆ มีโซน วิ่งที่สามารถมองลงมาเห็นสระว่ายน้ำ� มีห้อง STEAM (ห้องอบไอน้ำ�) มี ล็อคเกอร์ส่วนตัว น้ำ�ดื่ม ผ้าเช็ดตัว ห้องอาบน้ำ� และบริการซักผ้า มีระบบ สมาชิกสุด exclusive ที่จำ�กัดจำ�นวนเพียง 50 ท่านเท่านั้น เพื่อควบคุม มาตรฐาน และอำ�นวยความสะดวกสบายให้แก่สมาชิกให้มากที่สุด มีสระว่ายน้ำ�ระบบเกลือที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง ดวงตา ฟัน และ ชุดว่ายน้ำ�มากกว่า มีส่วนของสระเด็ก รวมถึงห่วงยางเอาไว้คอยบริการ พิ เ ศษด้ ว ยม้ า นั่ ง ที่ ยื่ น เข้ า มาในสระว่ า ยน้ำ�เพื่ อ สามารถเล่ น น้ำ�และ สนุกสนานกับเพื่อนนอกสระได้ด้วย

Cresco Hotel นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์ Another Perfect Stay Cresco Hotel is a brandnew hotel that has just been officially opened since September 19, this year. This hotel stands up to the five stars standard all the way! From the minute you step in the door of the hotel you are treated with a smile and a fabulous service. It’s exceptionally clean, confortable and warmly welcome. The food is fantastic! The staff is very nice. The hotel has a relaxing atmosphere, making you feel just like you are staying at home. This modern hotel is run by Mr. Nattapol Wongwuttiyan or Khun Top, the young blood business man of Buirram city. Whole of Cresco Hotel is inspired by his travel experiences all around Thailand by his bigbike and the experience from driving around Eurpoe. “Cresco” means rise or growth in Latin language. It means the new start or the new coming of something good. Cresco Hotel’s logo is an opening window which means “new experience for the guest”. Cresco Hotel design is very beautiful with the minimallist and industrial loft style. There are separated zone between meeting room, fitness and swimming pool for the guest privacy. The grounds and landscaping are relaxing and picturesque. There are 3 room types which are Novem, Epic Suite and Copia Family Suite which have been finely decorated and fully furnished. There is also a 1Up Cuisine restaurant which is an excellent restaurant serving both Thai, European and Cocktail food. Cresco Hotel is located on the road from Buriram to i-mobile Stadium, opposite to Bangjak Petrol. Call 044 634 901 for more information. Facebook fanpage is Cresco Hotel – Buriram. Website is www.crescoburiram. com. Restaurant is opened from 10am – 11pm. Fitness is opened from 6 am – 10 pm.


8

ฝักบัวอินทร์ - คำ� สโมสร กาลครั้งหนึ่ง

62

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ป า ปราณี ้ ซาลาเปา ขนมจีบ บ๊ะจ่าง

คุณภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลง รสชาติที่ไม่อาจเปลี่ยนใจ

Aunty Pranee's Chinese steamed stuff bun, dumpling and rice dumpling Located in the heart of Buriram city at the old fruit market, there is a very old but still popular among Buriram folk called Pa Pranee Salapao, Kanom Jeeb and Bajang shop (in English Aunty Pranee Chinese steamed stuff bun, dumpling and rice dumling. Even though the shops around had moved in and out for so many times but this small food shop still remains the same. All started in 1975, Aunty Sansanee Sae-ueang had a fruit shop in this fruit market. Due to some unknown reasons, all the shop around her had been closed or moved out, and she was the only one left and still opened the fruit shop there. While still being unsure about the future, her elder sister, Aunty Pranee had moved back from Surin to stay with her during her medical

treatment time. Aunty Pranee opened this dumpling shop and soon after that it became very well known in this area. Salopao or steamed bun is a famous Chinese snack sold mostly in Chinese restaurant or by sidewalk vendors. Here at Aunty Pranee there are different varieties based on stuffing, minced-pork with salted egg, bamboo shoot with salted egg, taro, green bean and cream. There are also a Kanom Jeeb (steamed stuff dumpling) and Bajang (steamed stuff rice dumpling) too. These tasty treats make a perfect appetizer Aunty Pranee’s Chinese steamed stuff bun, dumpling and rice dumpling located at the corner of the old fruit market next to Chotchuang Furniture but this November it will be moved to the building at the opposite site. Open daily from 6 am to 4 pm. For more information please call 044 612 213.


ป้าปราณี ซาลาเปา กาลครั้งหนึ่ง

27

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ที่ตลาดผลไม้เก่าของเทศบาล มีร้านเก่าแก่ร้านหนึ่งตั้งอยู่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 และแม้ร้านรวงอื่นๆ ภายในตลาดแห่งนี้จะหมุนเวียนเปลี่ยนหน้ามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ร้าน ตรงหัวมุมติดกับร้านโชติชว่ งเฟอร์นเิ จอร์นก้ี ย็ งั ไม่เคยย้ายไปไหน เพียงเปลีย่ นจากเดิมทีเ่ ป็น ร้านขายผลไม้ มาเป็นร้านขายซาลาเปา ขนมจีบ และบ๊ะจ่าง ชื่อดังของจังหวัดบุรีรัมย์ ...วันนี้ “กาลครั้งหนึ่ง” ขอพาท่านผู้อ่านมาร่วมนวดแป้ง ตักไส้ แล้วจับจีบ ปั้นซาลาเปาในตำ�นาน ไปพร้อมๆ กับพวกเราที่ร้าน “ปราณี ซาลาเปา” ค่ะ ร้านปราณี ซาลาเปา เริ่มต้นจากการที่ คุณป้าศันสนีย์ แซ่อึ้ง เปิดร้านขาย ผลไม้อยู่ที่ตลาดผลไม้ของเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2518 เมื่อขายได้สักพัก ร้านค้า ใกล้เคียงต่างก็พากันปิดตัว หรือไม่ก็ย้ายออกไปหาทำ�เลอื่น จนสุดท้ายเหลือเพียงร้านของ คุณป้าศันสนีย์ที่ยังคงเปิดอยู่ร้านเดียว ขณะที่กำ�ลังลังเลกับอนาคตของร้าน ก็ตรงกับช่วง ที่พี่สาวของป้าศันสนีย์ ป้าปราณี แซ่อึ้ง มาจากจังหวัดสุรินทร์ เพื่อรักษาตัวอยู่ที่บ้านกับ ป้าศันสนีย์ เมื่อปรึกษากันแล้วป้าปราณีจึงเสนอให้ทำ�ซาลาเปาขายเพิ่มอีกทางหนึ่ง เพื่อเพิ่ม รายได้ให้กับทางร้าน และสูตรซาลาเปาของป้าปราณีก็ประสบความสำ�เร็จ เป็นที่ชื่นชอบ ของคนบุรีรัมย์มากจนทำ�ให้สองพี่น้องต้องเลิกขายผลไม้แล้วเพิ่มเมนู ขนมจีบ และบ๊ะจ่าง เข้ามาอีก มาถึงตอนนี้ทางร้านมีเมนู ซาลาเปา ไส้หมูสับไข่เค็ม ไส้หน่อไม้ไข่เค็ม ไส้เผือก ไส้ถั่วแดง และไส้ครีม ขนมจีบไส้หมูบดผสมเนื้อปู และบ๊ะจ่างที่ประกอบด้วย ข้าว กุ้งแห้ง ถั่วลิสง กุนเชียง ไข่แดง และเนื้อหมู เมื่อดูจากจำ�นวนของลูกค้าที่แวะเวียนมาตลอดเวลาที่ ร้านเปิดทำ�การ ก็สามารถการันตีความอร่อยและความนิยมได้เป็นอย่างดี พวกเราสามารถ แยกที่อยู่ของลูกค้าได้ไม่ยากเลย เพราะคนที่อาศัยอยู่ในเขตอำ�เภอเมืองนั้นมักจะแวะเวียน มาซื้อคราวละไม่มาก แต่ก็บ่อยจนสามารถทักทายพูดคุยเรื่องราวประจำ�วันได้ เรียกว่ารู้จัก ตั้งแต่รุ่นแม่จนรุ่นลูก แต่หากว่าเป็นลูกค้าที่มาจากต่างอำ�เภอ แวะมาครั้งใด ก็มักจะซื้อในแบบที่เรียกว่าแทบจะเหมาไปจน หมดร้านเลยทีเดียว สินค้าขายดีที่สุดตลอดกาลของร้านคือ ซาลาเปาไส้ หมูสับไข่เค็ม ซาลาเปาไส้หน่อไม้ไข่เค็ม ซึ่งโดดเด่นด้วยไส้ที่ ปรุงรสอย่างกลมกล่อม และแป้งที่ให้สัมผัสนุ่มเหนียว กำ�ลังดี และขนมจี บ ไส้ ห มู บ ดผสมเนื้ อ ปู ที่ มี ร สสั ม ผั ส และรสชาติ อันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่สามารถหาที่อื่นมาทดแทนได้ ตัง้ แต่เดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป เนือ่ งจากทาง เทศบาลมีการรื้อตลาดผลไม้แห่งนี้ ร้านป้าปราณีจึงได้ย้ายไป อยู่ที่ร้านแห่งใหม่ เป็นตึกแถวหัวมุมฝั่งตรงข้ามร้านเดิมนะคะ

ป้าศันสนีย์ แซ่อึ้ง

ร้าน : ปราณี ซาลาเปา พิกัด : ตึกแถวหัวมุม ตรงข้ามตลาดผลไม้เก่า ของเทศบาลบุรีรัมย์ โทร : 044 - 612213 เวลา : 06.00 - 16.00 น. เปิดทำ�การ : ทุกวันไม่เว้นวันหยุด


82

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ทั้ง 2 พระองค์เสด็จฯ ประทับยืนบนศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ให้ราษฎรที่เฝ้าละอองธุลีพระบาท ชื่นชมพระบารมี ภาพ : นางพวงเพชร ประกายขวัญ

องคร์ าชันในดวงใจ ตลอดกาล ...ตลอดไป สำ�หรับพสกนิกรชาวบุรีรัมย์ ย่อมทราบดีว่า พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ 9 เคยเสด็จฯ บุรีรัมย์ 4 ครั้งด้วยกัน แต่ครั้งที่ชาวบุรีรัมย์จำ�ได้ อย่างที่เรียกว่า “ตราตรึงในหัวใจที่สุด” ก็คือ การเสด็จฯ บุรีรัมย์ ครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2498 ซึ่งการเสด็จฯ ครั้งแรกนี้ ทำ�ให้ชาว บุรีรัมย์แตกตื่นกันทั้งจังหวัด คนเฒ่าคนแก่เล่าขานกันจนถึงวันนี้ ว่า “ขโมยขโจร ยังหยุดทำ�เลว แล้วพากันมาเข้าเฝ้าในหลวง กับราชินี” ในห้วงเวลาที่ฟ้ามัวหม่นเช่นนี้ ผมและชาว “สะบายดี บุรีรัมย์” ขอนำ�ภาพถ่ายที่สะสมไว้ อันเกี่ยว การเสด็จฯ บุรีรัมย์ ครั้งแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 มาตีพิมพ์ ใน “สะบายดี บุรีรัมย์” ฉบับที่ 36 ประจำ�เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ภาพถ่ายชุดนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าความทรงจำ�ที่เริ่ม ต้นเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ได้ทอดยาวมา จนถึงวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ชาวบุรีรัมย์ทุกคน ยังมี “พ่อหลวง” พระองค์นี้อยู่ในใจ มิเคยเลือนหายไปเลย

เสด็จฯ ณ บริเวณบันไดทางลงจากสถานีรถไฟบุรีรัมย์

ซุ้มประตูรับเสด็จฯ จัดทำ�โดยชาวจีนโพ้นทะเลในเมืองบุรีรัมย์ ตั้งอยู่บริเวณหลังสถานีรถไฟ ใกล้กับวงเวียนหอนาฬิกา ภาพถ่าย : ครอบครัวโอฬารวณิช


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ภาพของ 2 พระองค์ซึ่งเสด็จฯ ลงจาก ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ทรงปฏิสันถารกับราษฎรที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และมีการทูลเกล้าถวายสิ่งของด้วย ภาพที่ : ครอบครัวโรจนาวรรณ

ภาพของ 2 พระองค์ซึ่งเสด็จฯ ลงจาก ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ทรงปฏิสันถารกับราษฎรที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และมีการทูลเกล้าถวายสิ่งของด้วย ภาพที่ : ครอบครัวสินสุวงศ์


03

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ล้นเกล้าทั้ง 2 พระองค์ เสด็จฯ ประทับหน้ามุขของศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ (ปัจจุบันรื้อไปแล้ว) โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานกระแสพระราชดำ�รัสกับราษฏรที่มาเฝ้าฯ ภาพถ่าย : กำ�จร ศิริพานิช

ภาพการเสด็จฯ ลงจากรถไฟพระที่นั่ง ที่สถานีรถไฟอำ�เภอลำ�ปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เพื่อทรงเยี่ยมเยียนราษฎร ที่กราบทูลขอให้พระราชดำ�เนิน ภาพ : ห้องภาพช่างไทยฮั้ว อ.ลำ�ปลายมาศ จ.บุรีรัมย์

ภาพเก่าเล่าเรื่อง วิวัฒน์ โรจนวรรณ / โครงการตามหาเมืองแป๊ะ www.facebook / “Wiwat Rojanawan”


ค็อกพิท บุรีรัมย์ ไทร์ เซ็นเตอร์

มหัศจรรย์เมืองแปะ

37

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

โฆษณา Qoo Hotel

สะบายดี บุรีรัมย์ ชวนอ่านกวีนิพนธ์ “ปรากฏในผุกร่อน” ที่เขียนจากชีวิต และจิตวิญญาณ ของ บุณย์เสนอ ตรีวิเศษ วางแผงแล้ววันนี้ ราคาเล่มละ ๑๒๐ บาท

ขอเชิญร่วมงานพิธี “เห่เรือน้อมเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้าถวายอาลัย พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ธ สถิตในดวงใจของคนไทยทั้งแผ่นดิน” ใน งานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประจำ�ปี 2559 ซึ่ง อำ�เภอสตึก ร่วมกับ อบจ.บุรีรัมย์ เทศบาลตำ�บลสตึก, หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตอำ�เภอสตึก ส่วนราชการ หน่วยงาน สถาน ศึกษา และภาคเอกชน จะร่วมกันจัดขึ้นในระหว่างวันที่ระหว่างวันที่ 26 - 27 พ.ย. 59 นี้ที่ บริเวณลำ�น้ำ�มูล หน้าที่ว่าการอำ�เภอสตึก พี่วิระ เกรัมย์


23

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ประจำ�เดือน พฤศจิกายน 2559

ราศี เมษ (14 เมษายน – 14 พฤษภาคม)

ราศี พฤษภ (15 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน)

ราศี เมถุน (15 มิถุนายน – 16 กรกฎาคม)

การงาน/การเงิน ระวังเงินจะหมดไปกับการท่องเที่ยว งานบุญ งานสังสรรค์ รายจ่ายยาวเป็นหางว่าว มีเกณฑ์ คิดจะเปลี่ยนงานใหม่ ใครหวังงานใหม่มีโอกาสสมหวัง จะมีเพื่อนร่วมงานคอยพึ่งพาอาศัยคุณ ให้ปฎิเสธบ้าง ความรัก ระวังการพูดจาใส่อารมณ์กับคนรัก อาจเกิด ปัญหาที่ยากจะแก้ไข คนโสดช่วงนี้มีเสน่ห์

การงาน/การเงิน เดือนนี้ท่านต้องใช้ความอดทนสูง บางครั้งอาจอึดอัดจนอยากหนีปัญหา การเงินมีเรื่อง ให้เสียเงินโดยใช่เหตุ อย่าคิดถึงหรือยึดติดกับอดีตมาก เกินไป ความรัก ทั้งคนมีคู่ และคนโสด ช่วงนี้จะดูเหงาใจ ถึง แม้มีใครอยู่ในใจแต่ก็ยังเหงาอยู่ อดทนกับความเหงา ซักพัก หรือหาอะไรน่ารักๆ ทำ�ร่วมกันจะดี

การงาน/การเงิน คุณจะได้รับข่าวดีมากจากเรื่องงาน การเงินคล่องตัวมากขึ้น เงินที่ถูกหยิบยืมไปมีโอกาส ได้คืน การยื่นกู้มีแนวโน้มว่าจะสำ�เร็จ ระวังการพูดถึง บุคคลที่สาม อาจทำ�ให้คุณเดือดร้อน ความรัก เดือนนี้เป็นเดือนของคนโสด ที่จะมีโอกาส แอบชอบ หรือตกหลุมรักใครเข้า อาจเรียกได้ว่าเป็น ช่วงที่มีเสน่ห์ สำ�หรับคนมีคู่ให้ระวังการมีปากเสียงกัน เพราะคนอื่น

ราศี กรกฎ (17 กรกฎาคม – 16 สิงหาคม)

ราศี สิงห์ (17 สิงหาคม – 16 กันยายน)

ราศี กันย์ (17 กันยายน – 17 ตุลาคม)

การงาน จะได้รับโอกาสใหม่ๆ หรือลู่ทางทำ�งานใหม่ๆ ใครที่เพิ่งเปลี่ยนงาน หรือตกงาน อาจจะได้รับภาวะ แรงกดดันหนักหน่อยจากรอบข้าง แต่สุดท้ายเมื่อพ้น เดือนนี้ไปแล้วเรื่องดีๆ จะเข้ามา สุขภาพ ระวังปัญหาจากตับ หรือระบบขับถ่าย ความรัก มีโอกาสถูกคนรักนอกใจ มีปัญหาจุกจิกเข้ามา ได้ง่าย พูดคุยกันให้มาก คนโสดจะสนุกกับชีวิตโสดของ คุณ

การงาน เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดี เหมาะกับการคิด เปลี่ยนแปลงการงาน หรือการตั้งเป้าหมายอะไรใหม่ๆ การเงิน ไม่ขัดสน มีใช้เรื่อยๆ ไม่ขาดมือ แต่ควรระวัง อย่าประมาทเป็นดีที่สุด ความรัก เดือนนี้เป็นเดือนของคนโสด ที่จะมีโอกาส แอบชอบ ตกหลุมรักใครเข้า หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น ช่วงที่มีเสน่ห์ สำ�หรับคนมีคู่ให้ระวังการมีปากเสียงกัน เพราะคนอื่น

การงาน/การเงิน เป็นเดือนทีเ่ หมาะสำ�หรับการเริม่ ต้น ทำ�อะไรใหม่ๆ งานใหม่ๆ การวางแผนชีวิตในครึ่งปีหลัง ในเดือนนี้มักสำ�เร็จ ยกเว้นเรื่องการลงทุนในธุรกิจ ให้ ขยับไปหลังเดือนนี้จะดีกว่า มีเรื่องให้จ่ายตลอดเวลา ความรัก คนมีคู่ ให้ระวังการพากันเสียเงินไปกับเรื่อง ที่ไร้สาระ คนโสดในระยะนี้จะได้รับความสนใจจากคน รอบข้างมากขึ้น หากกำ�ลังคบหาดูใจกับใครมีโอกาส สมหวังสูง

ราศี ตุลย์ (18 ตุลาคม – 16 พฤศจิกายน)

ราศี พิจิก (17 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม)

ราศีธนู (16 ธันวาคม - 14 มกราคม)

การงาน ระวังถูกตำ�หนิ หรือเกิดความผิดพลาดในงาน รอบคอบอย่าประมาท คุณอาจท้อถอยกับงานได้ง่ายๆ ความรัก ใครที่มีคนรัก หรือกำ�ลังคุย คุณอาจได้พบกับ คนใหม่ หรือความรักใหม่ ใครไม่อยากนอกใจ ระวัง อย่าให้ความหวังใครเด็ดขาด คนโสดสนุกกับการอยู่คน เดียว เหมาะกับการหาเวลาพักผ่อน หรือท่องเที่ยว

การงาน/การเงิน มีงานหลายอย่างจะต้องรีบสะสาง ในช่วงนี้ ให้ระวังความประมาทเหม่อลอย เพราะจะ ทำ�ให้การทำ�งานผิดพลาด ใครที่กำ�ลังเรียน เตรียมตัว รับศึกหนักจากการมอบหมายให้ทำ�รายงาน หมุนเงิน แทบไม่ทัน มีเกณฑ์เสียเงินเพราะความประมาท หรือ ข้าวของเครื่องใช้ชำ�รุดเสียหาย ความรัก คนมีคู่ระวังมีปากเสียงกันเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ คนโสดมีโอกาสเจอคู่บุญ

การงาน อยู่ในช่วงชั่งใจ และมีความเครียด หาเวลา พักผ่อน หรือขอคำ�ปรึกษา ขอกำ�ลังใจจากคนรอบข้าง จะช่วยให้ผ่านพ้นไปได้ ช่วงนี้เดินทางบ่อย หมั่นดูแล ความปลอดภัย ความรัก ผู้ที่มีคู่หรือมีครอบครัว ให้ระวังปัญหาจาก ความเข้าใจผิด คนโสดสนุกกับการอยู่คนเดียว เหมาะ กับการหาเวลาพักผ่อน หรือท่องเที่ยว

ราศี มังกร (15 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์)

ราศี กุมภ์ (13 กุมภาพันธ์ – 14 มีนาคม)

ราศี มีน (15 มีนาคม – 13 เมษายน)

การงาน/การเงิน นับเป็นเดือนที่คุณจะเริ่มวางแผนทำ� อะไรหลายๆ อย่าง มีไอเดียผุดขึ้นมามากมาย คิดให้ช้า ให้รอบคอบ จะช่วยคัดสรรงานที่ดีให้คุณ เป็นช่วงเวลา ที่ยังไม่เหมาะจะเริ่มลงทุนใดๆ คุณจะได้รับความสนใจ จากคนรอบตัวมากขึ้น ระวังการถูกขอความช่วยเหลือ ความรัก คนโสดมีความสุขกับชีวิตส่วนตัว และเพื่อนฝูง คนมีคู่ ต่างคนต่างยุ่ง อาจต้องห่างกันซักพัก ระวังการ มีปากเสียงกันเพราะความเข้าใจผิด

การงาน/การเงิน มีงานหลายอย่างจะต้องรีบสะสาง ในช่วงนี้ ให้ระวังความประมาทเหม่อลอย เพราะจะ ทำ�ให้การทำ�งานผิดพลาด ใครที่กำ�ลังเรียน เตรียมตัว รับศึกหนักจากการมอบหมายให้ทำ�รายงานหมุนเงิน แทบไม่ทัน มีเกณฑ์เสียเงินเพราะความประมาท หรือ ข้าวของเครื่องใช้ชำ�รุดเสียหาย ความรัก คนมีคู่ระวังมีปากเสียงกันเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ คนโสดมีโอกาสเจอคนฐานะดี

การงาน/การเงิน เป็นเดือนที่เหมาะกับการวางแผน ต่อยอดธุรกิจ มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเป็นลำ�ดับ ให้ระวัง ปัญหาสุขภาพจะเข้ามากวนใจ การเงินอาจจะมีเรื่องใช้ จ่ายภายในบ้านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความรัก คนมีคู่ระยะนี้ให้หมั่นดูแลใจและถามไถ่กัน เพราะมีโอกาสจะมีมือที่สามมาแทรกกลาง คนโสดจะ มีโอกาสถูกมอง หรือได้รับความสนใจมากขึ้น


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


43

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

ฤดูฝน เป็นช่วงเวลาทีส่ งิ่ มีชวี ติ งอกงามและเจริญเติบโต ต้นกล้าเล็กๆ ทีถ่ กู ปักลงไปบนพืน้ นา เมือ่ ได้รบั แสงแดด น้ำ� และ ปุย๋ บำ�รุงอย่างเต็มที่ ก็งอกงามเขียวขจี ความแห้งแล้งได้สนิ้ สุด ลงแล้ว เมื่อหยาดฝนแห่งชีวิตไหลหลั่งลงสู่ผืนดิน ฤดูฝน อันเป็นฤดูของการทำ�นา อาชีพหลักที่อยู่คู่ กับชาวไทยมาแต่โบราณกาล เนื่องจากอาหารหลักของพวก เราชาวไทยคือ “ข้าว” และกว่าจะมาเป็นข้าวแต่ละเม็ดให้เรา ได้รับประทานนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย ชาวนาต้องตรากตรำ� ทำ�งาน หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน อาบเหงื่อต่างน้ำ�ยาวนาน อาจเป็นเรือ่ งชินตาของคนหัวเมืองอย่างพวกเรา ทีเ่ มือ่ ถึงฤดูฝนน้ำ�หลาก ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ฤดูการทำ�ไร่ไถนา หว่านข้าว ดำ�นา ได้มาถึงแล้ว นาข้าวที่ชูใบเขียวชอุ่ม ล้อลมโบกไหวตามสองข้าง ทางนั้นทำ�ให้รู้สึกสดชื่นรื่นใจทุกครั้งที่มองเห็น แต่หากไม่ใช่ ลูกหลานชาวนาก็คงไม่มีทางรู้ว่าการทำ�นานั้นต้องอาศัยความ อดทน ความรู้ ความหวัง และกำ�ลังใจมากมายเพียงใด ไหนจะ ต้องคอยง้องอนลมฟ้าอากาศ ปริมาณน้ำ� สายลม แสงแดด ซึ่งเป็นตัวกำ�หนดความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นและ ควบคุมได้ดว้ ยตนเอง ด้วยเหตุนชี้ าวนาส่วนใหญ่ จึงมีความเชือ่ เกีย่ วกับฤกษ์งามยามดี ผีสางนางไม้ และการประกอบพิธกี รรม ต่างๆ ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นลงมือทำ�นาไปจนถึงหลังการเก็บเกี่ยว พิธีกรรมต่างๆเหล่านี้ ไม่มีผลพิสูจน์ได้แน่นอน หากแต่ช่วย สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวนาทั้งหลายได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เริม่ ต้นจากเดือนหกหรือช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูฝน จะมี “พิธีแฮกไถนา” หรือ “การแรก

ไถนา” โดยจะทำ�ในเวลาเช้าของวันฟู ซึ่ง “วันฟู” คือ “วัน เฟื่องฟู” ที่จะนำ�พาไปสู่ความก้าวหน้า โดยในแต่ละเดือนจะมี วันฟูราว 3 – 4 วัน เจ้าของนาจะเป็นผูท้ ำ�พิธดี ว้ ยตัวเอง โดยอาจ เลือกบูชาระหว่าง “พระแม่ธรณี” หรือ “ผีตาแฮก” (ผีตาแฮก เป็นผีประจำ�ท้องไร่ท้องนา เชื่อกันว่าเป็นผีที่ปกปักรักษาพืช สวนไร่นา และทำ�ให้ข้าวกล้าเจริญงอกงามและอุดมสมบูรณ์) แล้วแต่ใครจะนับถือองค์ไหน ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องถึงสำ�รับที่จัดมา เซ่นไหว้ด้วย โดยหากเป็นการไหว้พระแม่ธรณีจะใช้พาหวาน (สำ�รับของหวานเท่านั้น) หากเป็นผีตาแฮกจะใช้พายา (สำ�รับ อาหารคาว เหล้า หมาก พลู และบุหรี่) การกระทำ�พิธีจะเลือกทำ�ในนาแปลงใดก็ได้ แล้ว บอกกล่าวกับท่านว่า “มื้อนี้เป็นมื้อสันต์วันดี จะทำ�การแฮก ไถนา ขอให้เทพเจ้า (ออกชื่อ) จงช่วยคุ้มกันรักษา ขยับขยาย ทีใ่ ห้ได้ท�ำ นาอย่างสุขสบาย” จากนัน้ ก็ไถนาไปในทิศทางทีต่ าม เกล็ดนาค ไถวน 3 รอบก็เป็นการเสร็จพิธี วันต่อมาจึงเริ่มไถนา ได้ พิธีนี้มีเป้าหมายเพื่อให้เทพเจ้าคุ้มครองรักษาทั้งคน สัตว์ ข้าวกล้า และยังเป็นการขออนุญาตต่อเทพเจ้า เพื่อเตรียมดิน ปลูกข้าวในปีนั้นๆ ตามความเชื่อที่ยึดถือปฏิบัติกันสืบมา นอกจากพิธแี ฮกไถนาหรือแรกไถนา ซึง่ ทำ�ขึน้ ก่อนทีจ่ ะ มีการไถนาจริงตามความเชือ่ ทีว่ า่ จะทำ�ให้เทพเจ้าคุม้ ครองรักษา ทั้งคน สัตว์ ข้าวกล้า และขออนุญาตต่อเทพเจ้า เพื่อเตรียมดิน ปลูกข้าวในปีนั้น ๆ นอกจากนี้ อีกพิธีหนึ่ง ที่จัดขึ้นในเดือนหก เช่นกัน คือ “พิธีเลี้ยงผีปู่ตา” (ติดตามต่อในฉบับหน้า)


ทำ�นา

วิถีโบราณ สืบสานวัฒนธรรม

35

นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

Rice The Grain of Culture, The Grain of Life.

For almost a hundred percent of Thai population and more than half of this earthy humanity, rice is life. Over the centuries, rice has shaped the landscape, culture and character of the Thai people It is the essence of our life. It permeates all aspects of the life of people from all walks of life. Rice is in music, particularly folk songs. It is in various forms of the arts – from poems to paintings to sculptures. It is in tradition, folklore, ritual and even language. For most of us, life without rice is simply unthinkable. Yet rice is almost always taken for granted. As societies become more affluent, they are becoming less attached to rice. The rich rice cultural heritage is fast disappearing, and we need to do something before there is nothing left to preserve. As rice is a main crop and a staple of Thailand, farming has been a major career for Thai people for more than century. Growing rice is a very hard job. Unluckily, rice product does not depend upon how hard the farmers work, but it is based on water, which is mostly from rain and it comes unpredictably. In around mid-year or May, when the first rain comes, it is the beginning of “rice growing season”. Farmers always have a ceremony of “the first plough” which is when farmers pay respect and ask for a permission to grow rice from their Gods. Rice is the only crop that Thai farmers arranges to give ‘blessings’ at

every stages of its life, from planting to harvesting. It is done to boost morale and reduce worries, with the hope that the produce will be abundant and will ultimately bring joy, happiness and stability to the farmers, their families and the community as a whole. They aim at requesting the power that be to bless the lives of the farmers so that they be free from harm and/or calamities and achieve prosperity throughout the year, and more specifically to ask for rains before they prepare the land for planting and also throughout the crop season. The first plough ceremony starts when the farmers bring a set of food and sweets to sacrifice either God of Earth or Phee Ta Hag (ผีตาแฮก), the spirits of farms. If they sacrifice the God of Earth, they must prepare sweets only, but if they do with Phee Ta Hag, they prepare food, Areca catechu (หมาก), betel leaves (พลู) and cigarettes. After that they plough their paddies, either in the traditional manner with a plough drawn by a water buffalo, or with a more modern way using “Kubota”, mechanical plough, for three rounds in the way of the Naka’s scales. While doing this they have to pray using only good words asking for good things. On the following day, they can start to plough and working in the farms.


63

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

โฆษณา


นินิตตยสารสะบายดี ยสารสะบายดี บุบุรรีรัีมรย์ัมย์ นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

โฆษณา


83

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์


04

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง

HOI - AN THE ANCIENT TOWN

เมืองโบราณฮอยอัน

เช้าวันนี้มีอากาศเย็นสดชื่น สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย คณะทัวร์ของเราเก็บข้าวของขึ้นรถ เพื่อเดินทาง ออกจากเมืองเว้ จังหวัดเถื่อเทียนเว้ ประเทศเวียดนาม มุ่งหน้าสู่จังหวัดกว่างนาม อันเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณที่ชาวไทยหลายคนใฝ่ฝัน อยากเดินทางมาเยือนให้ได้สักครั้ง เพื่อตามรอยละครโทรทัศน์เรื่อง “ฮอยอัน ฉันรักเธอ” ซึ่งถ่ายทำ�ที่เมืองโบราณฮอยอันแห่งนี้ ฮอยอัน จึงกลายเป็นแลนด์มาร์คสำ�คัญที่ถือว่า หากเดินทางมาเที่ยวเวียดนามแล้ว... ต้องไม่พลาด ฉันหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ จนเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงไกด์ทักทาย “ซิน จ่าว” ซึ่งแปลว่า “สวัสดี” แล้วก็อธิบายให้คณะ ของเราทราบว่า พวกเรากำ�ลังจะถึงที่จอดรถเมืองโบราณ ขอให้ทุกคนรีบเตรียมกระเป๋าสตางค์ และกล้องถ่ายรูปให้เรียบร้อย และกำ�ชับ ว่าให้เวลาพวกเราทั้งหมด 2 ชั่วโมง ในการเดินเที่ยวชม เมื่อเดินลงจากรถ ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 10.15 น. ร้านค้าต่างๆ กำ�ลังเริ่ม ตั้งแผง คณะทัวร์ทุกคนตื่นเต้นกับสิ่งแปลกตาตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนโบราณรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาด ข้าวของเครื่องใช้ ของฝาก อาหารการกิน ที่มีทั้งเหมือนและแตกต่างจากเมืองไทย


เมืองโบราณ ฮอยอัน ตะลุยต่างแดน

41

“ฮอยอัน” เมืองโบราณแห่งนีเ้ ป็นเมืองทีม่ ขี นาดเล็ก ตัง้ นิอยูตยสารสะบายดี ร่ มิ ฝัง่ ทะเลจีนใต้บุรีรัมย์ บริเวณปากแม่น้ำ�ทูโบน ทางตอนกลางของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พวกเรา เดินตามไกด์ไปยังบ้านเก่าหลังหนึ่ง บ้านเลขที่ 101 ซึ่งเป็นบ้านของคนจีนในตระกูล Tan Ky นับเป็นบ้านไม้ที่เก่าแก่และสวยงามที่สุดของเมืองฮอยอัน สร้างขึ้นเมื่อ 75 ปี ที่แล้ว และใช้เป็นที่อาศัยมากว่า 5 ชั่วอายุคน ภายในบ้านแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างลงตัว มีการตกแต่งอย่างสมัยโบราณ ตั้งแต่ ห้องสมุด ห้องรับแขก ห้องครัว และห้องนอน หลังจากที่ฟังเรื่องราวของบ้านเลขที่ 101 กันแล้ว ไกด์ก็พาพวกเราออกเดินออกมา ทางประตูหลัง ซึ่งด้านหลังของบ้านหลังนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งจุด ที่นักท่องเที่ยวมักจะมา ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เพราะตัวตึกเป็นสีเหลืองอร่าม ด้านหลังบ้านมีถนนสายเล็ก และ คลองซึ่งแบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง มีเรือลำ�ใหญ่จอดอยู่กลางแม่น้ำ� ไกด์ยังบอกอีกว่า น่าเสียดายที่พวกเรามีเวลาไม่มากนัก ไม่เช่นนั้นจะพาชมบ้านเลขที่ 22 และ 77 ซึ่งมี ความสวยงามไม่แพ้กัน พวกเราเดินต่อไปยัง “สะพานญี่ปุ่น” ที่ทอดข้ามลำ�คลอง เพื่อกั้นแบ่งเขต ชุมชนของชาวญี่ปุ่นที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง เดิมทีเมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดย มีคลองสายหนึ่งคั่นอยู่ตรงกลาง ตัวสะพานนี้สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่น ทำ�ให้มีลักษณะ สถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตรงกลางของสะพานยังถูกจัดเป็นห้องเล็กๆ สำ�หรับประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ผู้คนที่ผ่านไปมา ได้เข้าไปสักการะบูชากันอีกด้วย หลังจากที่ชมจุดท่องเที่ยวของเมืองโบราณกันพอหอมปากหอมคอแล้ว บรรดาลูกทัวร์ทั้งหลาย ก็วาดลวดลายนักช้อปมืออาชีพ ต่อราคาของฝากกันอย่าง สนุกสนาน ที่นี่มีให้ซื้อตั้งแต่ ไปรษณียบัตร 3 มิติ ที่ทำ�เป็นรูปร่างสะพาน หรือสถาน ที่ท่องเที่ยวของเวียดนาม รวมไปถึงกระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้า และของขึ้นชื่อหลาก หลาย ที่สามารถซื้อได้ถูกกว่าที่เมืองไทย ส่วนคนที่มีเงินติดตัวมาน้อย หรือไม่ชอบ ช้อปปิ้ง ก็พากันเดินถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน เมื่อเวลาหมดลง ทุกคนทยอยเดินขึ้นรถ พร้อมด้วยเสียงบ่น เสียงพูดคุย และเสียงหัวเราะกันอย่างเซ็งแซ่ เนื่องจากของบางชิ้นมีคนในกลุ่มซื้อได้ในราคาที่ถูก มาก แต่บางคนซื้อได้ในราคาที่แพงกว่า ขึ้นอยู่กับความสามารถในการต่อรองราคา ของแต่ละคน ระหว่างที่รถเคลื่อนตัวออก บ้านหลายๆ หลัง ที่มองเห็นได้ชัดเจน ก็ เริ่มเล็กลงเรื่อยๆ จนลับตาไป ความสวยงาม สีสัน วัฒนธรรม และความโรแมนติก นี่กระมัง... เสน่ห์ของฮอยอัน ที่ทำ�ให้ใครต่อใครลุ่มหลง มิรู้ลืม


สำ�นักงานจัดหางานจังหวัดบุรีรัมย์

ตำจังมหวั�น์กแหน่ ง งานว่ า ง 2440 คอลั าลครั ้ ง หนึ ่ ง ดบุรีรัมย์ ประจำ�เดือน พฤศจิกายน 2559 ลม้ นลุก ยืน ไทรถเข็ อักษราร่ายรำ�

สำ�นักงานจัดหางาน จังหวัดบุรีรัมย์

เว็บไซต์ : www.doe.go.th/buriram

บจก. เบสท์ - แพค คอนกรีต (2) 1. วิศวกรสนาม (2 อัตรา) ช (อายุ) 24+ (ปวส.-ป.ตรี) 2. ผู้ช่วยวิศวกรประสานงาน (1 อัตรา) ช (อายุ) 24+ (ปวช.-ปวส.) 3. ธุรการซ่อมบำ�รุง (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 24+ (ปวช.-ป.ตรี) 4. พนักงานควบคุมการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ (1 อัตรา) ช (อายุ) 20+ (ม.6+) 5. พนักงานขับรถสิบล้อ (2 อัตรา) ช(อายุ) 24+ (ไม่จำ�กัด) 6. พนักงานขับรถคอนกรีตผสมเสร็จ(2 อัตรา) ช (อายุ) 24+ (ไม่จำ�กัด) 7. พนักงานขับรถเทรเลอร์ (3 อัตรา) ช (อายุ) 24+ (ไม่จำ�กัด) 8. ช่างซ่อมบำ�รุงเครื่องยนต์ (1 อัตรา) ช (อายุ) 25+(ไม่จำ�กัด) 9. พนักงานบัญชี (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 24+ (ปวช.-ป.ตรี) 10. พนักงานขายประจำ�สำ�นักงาน (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 24+ (ปวช.-ป.ตรี) 11. พนักงานสินค้าสำ�เร็จรูป (STOCK) (2 อัตรา) ช (อายุ) 22+ (ไม่จำ�กัด) สนใจติดต่อ 150 ม.2 ถ.บุรรี มั ย์-สตึก (กม.13) ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรรี มั ย์ โทร. 044 - 664333 - 6 คุณเพ็ญพรรณ ส่งสุข ฝ่ายบุคคล

บจก. โตโยต้านางรอง ผู้แทนจำ�หน่ายโตโยต้า 1. พนักงานขาย (30 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20-35 (ปวส.+) 2. พนักงานฝ่ายจัดซื้อ (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20-35 (ปวส.+) 3. พนักงานฝ่ายบุคคล (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20-35 (ปวส.+) 4. พนักงานช่างเทคนิค (5 อัตรา) ช (อายุ) 20-35 (ปวช.+) สนใจติดต่อ 222/16 ถ.โชคชัย-เดชอุดม ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 631367 ต่อ 701 คุณหนึ่งฤทัย ผู้จัดการแผนกบุคคล

ร้านน้ำ�หอมสปา 1. พนักงานนวดสปา (6 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 18-50 (ม.3+) สนใจติดต่อ 36/123-124 ถ.อินจันทร์ณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 062 - 9093816 คุณสุภัทรา ศรีเพชร

บมจ. เสริมสุข 1. พนักงานขาย (3 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 23-35 (ม.3+) 2. พนักงานส่งสินค้า (2 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 23-30 (ม.3+) สนใจติดต่อ 40 ถ.ลำ�ดวน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 614062, 087 - 8770404 คุณวีรยุทธ รวงกลาง ฝ่ายบุคคล

บจก. สยามนิสสันบุรีรัมย์ (2006) 1. แม่บ้าน (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัด) สนใจติดต่อ 519 ม.10 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 602173 - 5 คุณปทิตตา สุขเกษม พนักงานการเงินและบัญชี หจก. ทรงวิทย์อะไหล่ยนต์ 1. พนักงานขาย (2 อัตรา) ช (อายุ) 23+ (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 360 ม.10 ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 111351 คุณทรงวิทย์ โคตรเวียง เจ้าของกิจการ วรรณวิศา แมนชั่น อพาร์ทเม้นท์ 1. ผู้ช่วยผู้จัดการอาคาร (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 20+ (ปวช.-ป.ตรี) สนใจติดต่อ 97/5 ซ.วุฒินันท์ ถ.หลักเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 601225 - 7 ฝ่ายบุคคล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น 1. พนักงานขายสินค้ากลุ่มทรู (4 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22+ (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 311 ถ.จิระ ชั้น 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 086 - 4124245 คุณภิญญาพัชญ์ อาภรณ์พงษ์ เจ้าหน้าที่บุคคล บจก. กรีน อีสาน ฟู้ด 1. เลขานุการ (1 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 22+ (ป.ตรี) สนใจติดต่อ 177 ม.11 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ สนใจสมัครทาง E-mail : Norman.Chwang@gmail.com

บจก. เบียร์สมบูรณ์สุข 1. ช่างเบียร์สด (2 อัตรา) ช (อายุ) 25+ (ปวช.) 2. พนักงานยกของ (10 อัตรา) ช (อายุ) 18+ (ไม่จำ�กัด) 3. พนักงานเชียร์เบียร์ (PG) (5 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ไม่จำ�กัด) สนใจติดต่อ 47/101-102 ถ.ธานี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 044 - 620888 คุณละมัย นามวาส ฝ่ายบุคคล

บจก. นีโอ นคร 1. ธุรการ (1 อัตรา) ญ (อายุ) 23-35 (ปวส.-ป.ตรี) 2. พนักงานขาย (1 อัตรา) ญ (อายุ) 23-30 (ปวส.-ป.ตรี) สนใจติดต่อ 555 ม.9 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 091 - 8341834 คุณสุภัทรีย์ พาพาน เจ้าหน้าที่โครงการ บจก. ไอคิว โมเดิร์นเทรด 1. หัวหน้าแผนกคลังเฌอร่า (1 อัตรา) ช (อายุ) 18+ (ม.6+) 2. หัวหน้าแผนกประปา (1 อัตรา) ช (อายุ) 18+ (ม.6+) สนใจติดต่อ 154 ม.2 ต.กระสัง อ.เมือง จ. บุรีรัมย์ โทร. 044 - 666494 - 9 ฝ่ายบุคคล บจก. ไอด้าเทค 1. พนักงานบัญชี (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ปวส.+) 2. ธุรการ (1 อัตรา) ญ (อายุ) 20+ (ปวส.+) สนใจติดต่อ 459 ม.1 ถ.บุรีรัมย์-ประโคนชัย ต.อิสาณ อ.เมือง จ. บุรีรัมย์ โทร. 044 - 637179 คุณธนารักษ์ นิลบ่อ พนักงานบัญชี หจก. ทรัพย์มงคล 1. พนักงานฝ่ายขาย (20 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25+ (ม.6+) 2. ผู้จัดการฝ่ายตัวแทน (10 อัตรา) ช/ญ (อายุ) 25+ (ม.6+) สนใจติดต่อ 919 ม.9 ต.ลำ�ปลายมาศ อ.ลำ�ปลายมาศ จ. บุรีรัมย์ โทร. 093 - 1136633, 044 - 110121 คุณปภาวี ไกรสร


นิตยสารสะบายดี บุรีรัมย์

ศิริพงษ์


44

ไทรถเข็น

คอลัมน์กาลครั้งหนึ่ง


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.