้ ่
่
่
่ ่
่ ่
่ ่ ่
้ ่
่ ้
่ ้ ่
่ ่
่
่
่
่ ่
้ ้
้
่ ่ ่ ่
่
ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://web.facebook.com/SamasukhoPikkhu/
ภัทเทกร ัตตสู ตร อตีตํ นานฺ วาคเมยฺย นปฺปฏิกงฺ เข อนาคตํ ยท ตีตมฺปหีนนฺ ตํ อปฺปตฺตญฺจ อนาคตํ ปจจุปฺปนฺ นญฺจ โย ธมฺมํ ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสติ อสํหริ ํ อสงฺ กป ุ ป ฺ ํ ตํ วิทธ ฺ า มนุ พรฺ ห ู เย อชฺเชว กิจจฺ มาตปฺปํ โก ชญฺญา มรณํ สุเว อะตีตงั นาน๎ วาคะเมยยะ นั ปปะฏิกงั เข อะนา ่ ล่ ่ วงแล ้ว, ไม่ คะตัง - บุคคลไม่ควรคํานึ งถึงสิงที ่ ยั ่ งไม่มาถึง ควรมุ่งหวังสิงที ยะทะตีต ม ั ปะหีนันตัง อัป ปั ต ตัญจะ อะนาคะ ่ ่ ้นก็เป็ นอันละไปแล ้ว, ตัง - สิงใดล่ วงไปแล ้ว, สิงนั ่ ยั ่ งไม่มาถึง, ก็เป็ นอันยังไม่ถงึ และสิงที
ดู ก รภิก ษุ ท ้งหลาย ั ก็ บุ ค คลย่ อ มง่ อ นแง่ นใน ธรรมปัจจุบน ั (หมายถึงชีวต ิ หรือขันธ ์ ๕)อย่างไร คือ ปุ ถุ ช นผู ไ้ ม่ ไ ด ส้ ดับ แล ว้ ในโลกนี ้ เป็ นผู ้ ไม่ได ้เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไม่ได ฝ ้ ึ กในธรรมของพระอริยะ ไม่ ไดเ้ ห็ นสัตบุรุษ ไม่ ฉลาดใน ธรรมของสัต บุ รุษ ไม่ ไ ด ฝ ้ ึ กในธรรม ของสัตบุรุษ ย่อมเล็งเห็ นรูปโดยความเป็ น อัตตา บา้ ง เล็งเห็ นอัตตาว่ามีรูปบา้ ง เล็งเห็ นรูปในอัตตา บา้ ง เล็ งเห็ นอัตตาในรูป บา้ ง ย่อมเล็ งเห็ นเวทนา โดยความเป็ นอัตตาบา้ ง เล็งเห็ นอัตตาว่ามีเวทนา บา้ ง เล็ งเห็ นเวทนาในอัตตาบา้ ง เล็งเห็ นอัตตาใน เวทนาบ า้ ง ย่ อ มเล็ ง เห็ น สัญ ญา โดยความเป็ น อัตตาบา้ ง เล็ งเห็ นอัตตาว่ามีสญ ั ญาบา้ ง เล็ งเห็ น
ปัจจุปปันนัญจะ โย ธัมมัง ตัตถะ ตัตถะ วิปัส สะติ, อะสังหิรงั อะสังกุปปั ง ตัง วิทธา มะนุ พร๎ ูหะ เย - ก็บุคคลใดเห็นแจ ้งธรรมปัจจุบน ั , ไม่งอ ่ นแง่น ไม่ ค ลอนแคลนในธรรมนั้ นๆ ได ,้ บุ ค คลนั้ นพึง เจริญธรรมนั้นเนื องๆ ให ้ปรุโปร่งเถิด,
สัญญาในอัตตาบา้ ง เล็ งเห็ นอัตตาในสัญญาบา้ ง
อัชเชวะ กิจจะมาตัปปั ง โก ชัญญา มะระณัง ้ สุเว - พึงทําความเพียรเสียในวันนี แหละ, ใครเล่า จะรู ้ความตายในวันพรุง่
อัต ตาว่ า มี ว ิญ ญาณบ า้ ง เล็ ง เห็ น วิ ญ ญาณใน
พระไตรปิ ฎกฉบับ สยามร ฐั เล่ม ที่ ๑๔ ขอ้ ที่ ๕๗๑ หน้าที่ ๒๘๔
ย่ อ มเล็ งเห็ นสั ง ขารโดยความเป็ นอัต ตาบ า้ ง เล็ งเห็ น อัต ตาว่า มีส งั ขารบ า้ ง เล็ งเห็ นสังขารใน อัต ตาบ า้ ง เล็ ง เห็ นอัต ตาในสัง ขารบ า้ ง ย่ อ ม เล็งเห็ นวิญญาณโดยความเป็ นอัตตาบา้ ง เล็งเห็ น อัตตาบ ้าง เล็งเห็นอัตตาในวิญญาณบ ้าง ้ั ้ ชือว่ ่ าง่อ นแง่น ดูกรภิกษุ ท งหลาย อย่างนี แล ในธรรมปัจจุบน ั
Youtube ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://www.youtube.com/user/grongitum สวนโมกข์ไพศาลี อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ T 0851983255
อดีตคืออะไร ่ ่ านมา คนโดยทั่วไปมักคิดว่า อดีตคือเรืองราวที ผ่ ่ ว้ บา้ ง เดือนทีแล ่ ว้ บา้ ง ปี ทีแล ่ ้วบา้ ง นานแลว้ วันทีแล จนถึง ชาติท ี่แล ว้ บ า้ ง นี่ คือ ความหมายของคํ า ว่ า ” อดี ต ”ตามความเข า้ ใจของคนทั่วไป แต่ ใ นทาง ่ งจบไปแลว้ ศาสนาพุทธ”อดีต”หมายถึงการปรุงทีปรุ นั่ นแหละคือ อดีต จะปรุ ง จบไปแล ว้ กี่วิน าทีก ี่นาทีก ี่ เดือนกีปี่ ศาสนาพุทธเราถือว่าเป็ นอดีตหมด การรู ้ความตามจริงว่าอดีตคืออะไรจึงต ้องรู ้อย่าง ้ ้น นี ้ คําพูดหรือความคิดพูดจบคิดจบนั่นคืออดีตทังนั ่ ล่ ่ วงเลยผ่ านมาแลว้ ละไปแล ้ว พระพุ ท ธ อดีตคือสิงที องค ์ตรสั ว่าอย่าไปอาลัยถึง คําว่าอย่าไปอาลัยถึงใน ่ ้ หมายถึง อย่าไปดึงอดีตมาคิดว่ามันเป็ นปัจจุบน ทีนี ั อย่ า ไปดึง อดีต มาคิด ว่ า มัน เป็ นของจริง ต อ้ งระลึก ่ าลังเกิด ตามความจริงว่าอดีตมันคืออดีต ไม่ใช่สงที ิ่ กํ อยู่ใ นปั จจุบ น ั นั กดับทุ กข ์จะปล่อ ยวางได ้ ไม่ ย ึดมั่น ถือมั่นได ้ ไม่เ ป็ นทุกข ์กับอดีตได ้ ตอ้ งฝึ กตนเองดว้ ย ่ ปรุ ่ งจบไปแล ้วไม่ว่า อุบายเช่นนี ้ คือให ฝ ้ ึ กระลึกว่า สิงที ่ ่ นเป็ นอดีตมันจึงกลายเป็ นสิง่ เมือใด มันคืออดีต เมือมั ่ มอ ้ การปรุงจบลง อย่าไปคิดว่ามัน ทีไม่ ี ยู่จริงนับตังแต่ มีจริงมันยัง เกิดอยู่ จริงหรือมันเป็ นเช่นนั้ นจริงๆ คิด แบบนั้ นเห็ น แบบนั้ นเรีย กว่า เป็ นมิจ ฉาทิฐ ิ ฝึ กระลึก ่ ่สินไปแล ้ ใหม่ ว่า มัน คือ อดีต มัน คือ สิงที ว้ กลายเป็ น ของไม่ จริงไปแลว้ อย่ า ไปดึงมาแล ว้ ทึก ทักว่า มัน คือ ของจริง การปรุ ง คื อ กาล เวลา ปรุ ง จบคื อ อดี ต กาลเวลามันว่างเปล่าไม่มใี ครเป็ นเจ ้าของ อดีตมันก็ ว่างเปล่า ไม่มใี ครเป็ นเจ ้าของ ทุกๆคนทดลองระลึกดู ได ้ เพียงฝึ กระลึกว่า อะไรๆก็คอื อดีต
มีผ ัส สะใดๆมากระทบ พอกระทบแล ว้ มีก ารปรุ ง สิ่งใด ้ ้ ้ นปั จ จุบ น ขึนมา ให ร้ ะลึก เลยว่ า มัน เป็ นอดีต ทังนั ั ไม่ มี ่ ลองหาดูได ้ อะไรทีคิดว่ามันเป็ นปัจจุบน ั พอพบแล ้วปรุง มันก็กลายเป็ นอดีตทันที ผัสสะทุกผัสสะจึงอย่าไปคิดว่า ่ ม้ น ้ ้ น ปัจจุบน มันเป็ นปัจจุบน ั เพราะทีแท ั เป็ นอดีตทังนั ั ้ คือ ความว่ า งเปล่ า อดีต มัน ก็ ส ินไปหายไปกลายเป็ น ้ ความว่างเปล่าเหมือนกัน ขยัฏเฐนะ หมายความว่าสิน ไปแล ้ว สูญไปแล ้ว เลือนหายไปแล ้ว ผ่านไปแล ้ว นั่นคือ ่ งแต่งพอปรุงจบมันก็กลายเป็ นอดีตทันที พอมัน สิงปรุ ่ ่ นปัจจุบน เป็ นอดีต สิงใดๆที เป็ ั จึงหาไม่ พบ ใครพบอะไร เห็ นอะไรแลว้ คิดว่าพบจริงเห็ นจริง นั่ นคือการดึงอดีต ่ ้นเป็ นของมีอยู่จริง คือใส่อต มาใส่ตวั ตนใส่ว่าสิงนั ั ตาให ้ อดีตนั่นเอง พระพุทธเจ ้าจึงตร ัสว่าผูน ้ ั้นคือผูง้ ่อนแง่นใน ่ ้ราวในธรรมชาติ ธรรม แปลเป็ นภาษาง่ายคือผู ้ไม่รู ้เรืองรู ่ ดั ่ บสินไปแล ้ ไม่รู ้ว่าอดีตมันคือสิงที ้วไปคิดว่ามันยังไม่ดบ ั ไม่สน ิ ้ เลยรู ้สึกว่ามันยังคงอยู่หรือกําลังมีสภาพแบบนั้น อยู่ นี่ แหละเรีย กว่า ใส่อ ต ั ตาให ส้ งที ิ่ ่กลายเป็ นอากาศ ้ ธาตุแล ้วมีตวั ตนขึนมาโดยไม่ รู ้ตัว นั ก ดับ ทุก ข ์ไม่ ต อ้ งไปทํา อะไรกับอดีต มันผ่ านมา ่ ผ่ า นไปก็ เ รืองของมั น เพีย งแค่ใ ห ร้ ู ้ความตามจริง คือ ระลึก ว่ า มัน คือ อดีต มัน เป็ นอดีตไปแล ว้ ปั จ จุ บ ัน ว่ า ง ้ น้ หาปัจจุบน ้ เปล่าไม่มอ ี ะไรทังสิ ั ไม่ได ้เลย ธรรมชาตินีมี ่ นอดีตไปแล ้วทังนั ้ ้น ปรุงอะไรเห็ นอะไร แต่กาลเวลาทีเป็ ่ ้ นจบก็ ร ะลึก รู ้ว่า มัน คือ อดีต ต อ้ ง คิด อะไร กระทํ า สิงนั ้ งๆจึง จะรู ้ว่า พอระลึกว่า ทดลองฝึ กระลึกตามแบบนี จริ มันเป็ นอดีต มันจะว่าง มันจะไม่ มีการปรุงอัตตาตัวตน ่ ้ ของสิงใดๆขึ นมา สุดท ้ายมันจะเกิดความรู ้สึกปล่อยวาง เพราะรู ้ความจริงแล ้วว่า มันเป็ นอดีต มิใช่ปัจจุบน ั
่ ้นคือปัจจุบน แต่ถา้ ไม่ระลึกแบบนี ้ มันจะรู ้สึกว่าสิงๆนั ั ่ ้นมีอต ้ และรู ้สึกเลยไปถึงว่าสิงๆนั ั ตาตัวตนขึนมา ต ้อง ทําหรือต ้องระลึก อย่าไปคิดจะไม่เข ้าใจ ทําแล ้วมันจะ ้ ว่างมันจะเกิดปัญญาเข ้าใจขึนมาเอง ่ น นี่ คือวิธเี จริญวิปัสสนาหรือการรู ้ความตามทีเป็ ่ จริง อย่ า งหนึ่ ง ซึงจะส่ ง ผลให ผ ้ ู ร้ ะลึก เช่น นี ้ เข า้ ใจ ่ นจริง จนถึงอาจรู ้แจ ้งเห็นจริงในสิง่ ธรรมชาติตามทีเป็ ้ ทังปวงได ้ด ้วยอุบายเช่นนี ้ การปฏิบต ั ธิ รรมต ้องเป็ นไป ่ ่ เพือรู ้ความจริง ความจริงทีรู ้มันจะไปจัดการทําลาย ธาตุเลวคืออวิชชา และทิฏฐิเลวคือความเห็ นผิดและ ่ ก ดับ ทุ ก ข ์ สัญ ญาเลวคือ ปปั ญ จสัญ ญาเอง หน้า ทีนั เพีย งระลึกตามความจริงว่าอดีตคืออดีต ปั จจุบน ั คือ ความว่ า งเปล่ า กํ า หนดสิ่งใดๆเป็ นปั จ จุ บ ันไม่ ไ ด ้ ้ ง มีแ ต่ก าลเวลาที่ไม่ มีใ ครเป็ นเจ า้ ของ ธรรมชาตินี จึ การปรุง คือ การเกิดของกาลเวลาอย่ างหนึ่ ง มัน ว่า ง ่ กาลเวลา เปล่าจากตัวตนเหมือนกาลเวลาอย่างอืน ้ างกัน มันเกิดมันจึงต ้อง ทุกชนิ ดมีชว่ งเวลายาวสันต่ ้ ดับ กลายเป็ นอดีต กาลเวลาสินไปกลายเป็ นอดีต ่ นอยู่เป็ นปัจจุบน ตลอดเวลา หาทีมั ั ไม่มี มันจึงเป็ นสิง่ ้ ้องระลึกให ้ได ้ ว่างเปล่าไร ้ตัวตนไม่มีอยู่จริง ตรงจุดนี ต เช่นนั้นจริงๆ ว่ามันเป็ นอดีต มันไม่มีอยู่จริงๆแล ้ว ไป ่ ไม่ ่ มอ ดึงมันมาก็ระลึกรู ้ว่ากําลังไปดึงสิงที ี ต ั ตาหรือไม่มี อยู่จริงๆแลว้ มาปรุงหรือมาทําอะไรก็ตามสามารถทํา ได ้ แต่ทํ า โดยรู ้ว่า มัน เป็ นของปลอมของไม่ จ ริง ของ หลอกลวงของไม่ มี ส าระแก่ น สาร (แรกๆอาจระลึก ละเอีย ดเช่น นี ้เป็ นตัว ช่ว ยก่อ นได ้ แต่ ฝึ กไปสัก ระยะ ้ ว ช่ว ย ใช ้ระลึก แค่ว่ า มัน เป็ นกาลเวลา มัน ต อ้ งทิงตั ้ เป็ นอดีต มันไร ้สาระ สันๆแค่ สามคําเท่านั้นพอ)
ปัญหาในการปฏิบต ั ท ิ ุกๆอาการเกิดจากข ้อแรก คือ อวิชชาทดาให เ้ กิดความเขา้ ใจผิด )ความไมม รู (้ จ็มนด าไปสูมการปฏิบต ั ท ิ ผิ ตด ด เรตยกวมากาัดกรปดุม เมึ ด กรปดุมเมึดตมอไปจ็มผิดตามๆกัน แรกผิด ความไมมรู ้ ทดาให ้เกิดทิฏฐิเาว สัญญาเาว คือทดา ด ผิ ด ดๆ รู ้ผิดๆ จดา ใหเ้ กิดความเข ้าใจผิด ศ็กษาเรือมทต ผิด ๆ เายทด า สิดมผิด ๆ ผาผิด ๆจ็ม ตามมา ผาผิด ๆนตด แหาปทตดจปทด า ให น ้ ั ก ดับ ทุ ก ข ท์ ุ ก คนมตปั ญ หา หนั ก บา้ มเบาบ า้ ม มากบ า้ มน้อยบ า้ ม แตมไมม มตปั ญ หาเาย เปึ นไปได ้ยาก การปฏิบต ั ท ิ ถู ตด กอวิชชาชตนด้ าจปทดาให ้ เนิด นช า้ ไมม อ ยูม ใ นทาม โดยเฉพาปทด า ให ไ้ มม รู จ้ ัก ด นมิจฉาทิฐ ิ ไมมรู ้วมา มิจฉาทิฐ ิ คือไมมรู ้วมาอปไรบา้ มทตเปึ ด าคัญเทมาๆกับสัมมาทิฐ ิ มิจฉาทิฐเิ ปึ นเรือมสด
อวิ ช ชาจปทด า ให ส ้ นใจแตม จ ปรู ส้ ัม มาทิ ฐ ิ าื มให ้ ้ ความสดาคัญการรู ้มิจฉาทิฐ ิ จนาืมขันตอนสด าคัญขอม ด การปฏิบต ั ท ิ พรปพุ ต ทธเจ ้าตร ัสไว ้วมาจมรู ้มิจฉาทิฐแิ า ้วาป มิจฉาทิฐ ิ แาปอยมาปรปมาทในการาปมิจฉาทิฐ ิ อวิชชา ด าให ้นักดับทุกข ์ไมมรู ้จักมิจฉาทิฐ ิ จ็มไมมคด นตดแหาปทตจปทด ิ า ป มิ จ ฉ า ทิ ฐิ เ า ย ป ร ป ม า ทใ น ก า ร า ป มิ จ ฉ า ทิ ฐิ โดยเฉพาปมิ จ ฉาทิฐ ิสด า คัญ ทตดต อ้ มรู ้แาปต อ้ มาปเปึ น อันดับแรกๆขอมการปฏิบต ั ิ ชตวต ิ มนุ ษย ์าว้ นมตสารพิษติดตัวมาแตมอ ้อนแตมออก สารพิษ ทตดวมา คือ มิจ ฉาทิฐ ิ ตราบใดทตดไมม ทด า าายสารพิษ ้ หรือความรู ้อันเปึ นสัมมาทิฐใิ สมามไปมากแคม ตมอให ้ใสมนดาดต ้ ทใสม ้ ไหน นด าดต ตด ามไปกึกาายเปึ นนด าผสมสารพิ ษอยูมด ต ใคร ด นกึเปึ นอันตรายทัมนั ้ ้น นักดับทุกข ์กึเชมนกัน ศ็กษา ดืมกิ ด ดถู ก ตรม แตมทด า ไมจ็ม มต ธรรมปปฏิบ ต ั ิธ รรมปแม เ้ ปึ นสิมทต ด ดจต ากธรรมปทตดต ด ปัญหา หรือได ้รบั ผากรปทบในทามทตไมม ด กตรม นัด นเปึ นเพราป ธรรมปดตๆเหามานั้นถูกเจือดว้ ย ทตถู ด อยูมในทุกๆชตวต ด มตการทดาาายสารพิษ สารพิษทตมต ิ เมือไมม ้ ทใสม ด เาย นด าดต ตด เพิมมาใหมม กึกาายเปึ นนด ้าดตเจือสารพิษอยูม ด ดตอยมามไมมมท ต ามหาตกเาตยม ด ว้ ยเหตุ นต ้นตด แหาป พรปพุ ท ธเจ า้ จ็ม ตร สั วม า ต อ้ มรู ้ มิจฉาทิฐใิ นความเปึ นมิจฉาทิฐ ิ แาปมตสติมค ต วามเพตยราป ้ั มิจฉาทิฐ ิ ไมม ปรปมาทในการาปมิจ ฉาทิฐท ิ มกาามวั นทัม้ กาามคืน อยมามรตบเรมมดุจบุรุษทตดรตบเรมมดับไฟบนศตรษป ไฟ ไหม ศ ้ รต ษปผู ใ้ ด เขารตบเรมม ดับไฟรวดเรึวแคมไหน นั กดับ ทุกข ์กึควรรตบเรมมาปมิจฉาทิฐใิ ห ้รวดเรึวปานนั้น ชตวต ิ มนุ ษย ์า ้วนมตสารพิษติดตัวมาแตมอ ้อนแตมออก สารพิษ ทตดวมา คือ มิจ ฉาทิฐ ิ ตราบใดทตดไมม ทด า าายสารพิษ ้ หรือความรู ้อันเปึ นสัมมาทิฐใิ สมามไปมากแคม ตมอให ้ใสมนดาดต ้ ทใสม ้ ไหน นด าดต ตด ามไปกึกาายเปึ นนด าผสมสารพิ ษอยูมด ต ใคร ด ้ ้ ดืมกินกึเปึ นอันตรายทัมนัน
นั กดับทุกข ์กึ เชมนกัน ศ็กษาธรรมปปฏิบต ั ธ ิ รรมป แม เ้ ปึ นสิดมทตดถู ก ตรม แตม ทด า ไมจ็ม มตปั ญ หา หรือได ร้ บ ั ด ด ด ด ผากรปทบในทามทตไมมดจต ากธรรมปทตดตทถู ต กตรม นันเปึ น ด อยูมใน เพราป ธรรมปดตๆเหามานั้นถูกเจือด ้วยสารพิษทตมต ทุ ก ๆชตว ิต เมืดอไมม มตก ารทด า าายสารพิษ เาย นด ้ าดตท ตดใสม ด เพิมมาใหมม กึกาายเปึ นนด ้าดตเจือสารพิษอยูมดอ ต ยมามไมมมต ด ด ้วยเหตุนตนต ้ ด แหาป พรปพุ ทธเจ ้าจ็มตรสั ทามหาตกเาตยม วมา ต อ้ มรู ้มิจ ฉาทิฐ ใิ นความเปึ นมิจฉาทิฐ ิ แาปมตส ติมต ความเพตยราปมิจฉาทิฐ ิ ไมมปรปมาทในการาปมิจฉาทิฐ ิ ้ ้ ทัมกาามวั นทัมกาามคื น อยมามรตบเรมมดุจบุรุษทตดรตบเรมมดับ ไฟบนศตรษปทตเดตยวเทตยว ด ๑ การเหึนวมาสิมใดมต สารปแกมนสาร นตด คือมิจฉาทิฐ ิ ด ้อมฝ็ กทดาาาย เพราปถา้ ไมม รู ้วิธเต าิกใหส้ ารป ข ้อแรกทตต ด เสตย แา ว้ ไปศ็ก ษาธรรมปเรือมใดๆยม อ มไปให ส้ ารปใน ด ้ ด ด ด เ ศษ เรือมนั นๆ ความย็ดมันถือมัน ความรู ้ส็กวมารู ้สิมวิ ไดข ้ อมวิเศษ ไดข ้ อมสดาคัญจปตามมา ความตอ้ มการ ด นพิษ เปึ น อยากรู ้อยากได อ้ ยากเปึ นจปตามมา ซ็มเปึ โทษเปึ นภัยอยมามใหญมหาวมขอมนักดับทุกข ์ทุกคน ถ ้า ด ใครมตความรู ้ส็กไปให ส้ ารปกับสิมใดๆ ความทุกข ์ยมอ ม เกิด ตามมาอยม า มแนม นอน ความหามผิ ด เข า้ ใจผิ ด ้ั ดปฏิบ ต ปฏิบ ต ั ิผิด ผาาัพ ธ ์ทตดผิด ๆยม อ มเกิด ทุ ก ๆคร มทต ั ิ ด ด ธรรมด ้วยการให ้สารปในสิมทตปฏิบต ั ิ หาายคนมอมข ้าม ความสดาคัญ ข อ้ นต ้ ไมม า ปมิจฉาทิฐ ข ิ อ้ นต ้ ฝ็ กอปไรกึ ใ ห ้ สารปสดา คัญ ให ค ้ มา ให ค ้ วามไมม ธ รรมดาใสมามไปในตัว ด ด ธรรมปทตฝ็ ก บันปาายขอมการฝ็ กจ็ม มตค วามไมม ป กติ อยมามใดอยมามหน็ด มตามมา ดัมนั้นหากยัมเาิกให ้สารปไมม ด เปึ นหรือไมม เ กม ม ไมม จด า เปึ นต อ้ มไปฝ็ กธรรมปเรือมใดๆ จนกวมาจปรู ้จักวิธเต าิกใหส้ ารปได ้ดัมใจน็ กโนม นแหาปคมอย ด ไปฝ็ กธรรมปเรือมอปไรกึ ได ้
๒ เมืดอเาิกให ส้ ารปได เ้ กมมๆ ตมอไปต อ้ มฝ็ กมอม ทุ ก ๆสรรพสิดมทตดเกิด คือ การเกิด ขอมกาาเวาา ทิม้ ด ความรู ้ส็กวมามตตวั ตนคนสัตว ์สิมขอมด ้วยวิธม ต อมทุก ด นกาาเวาา ซ็มเปึ ด นเรือมทต ด ดต อ้ มฝ็ กต อ้ มทด า ให ้ สิมเปึ ด นๆ ด อยมาปรุมวมาทดา ชดานาญกมอนไปฝ็ กธรรมปเรือมอื ทดาไม ทดาไมตอ้ มทดา ต ้อมทดาตามจ็มจปเขา้ ใจวมาทดา ด ทดาไม อยมาไปคิด ความคิดความสมสัยกึเปึ นเรือมไร ้ สารป เปึ นการเกิด ขอมกาาเวาา ทด า าายความ สมสัย ทุกๆอยมามใหห้ มด หันมาฝ็ กเาิกให ส้ ารป แาป ด อกาาเวาา แาปอยมาไปปรุมอปไร ปรุมสิมด มอมทุกสิมคื ใดกึ ร ปา็ก วม า มัน คือ กาาเวาา ต อ้ มเอาจริม เอาจัม ขนาดนต ้ การปฏิ บ ัต ิ จ ปได ไ้ มม มต ปั ญ หาใดๆโดย เดึดขาด
้ ๓ เมืด อเกิด การปรุ มใดๆข็นมาให ร้ ปา็ก วม า มัน คือ ้ ด มแตมม กาาเวาา ขันตอนการฝ็ กาดาดับตมอไปกึคอ ื สิมปรุ ้ ทุก ชนิ ด มันคือ กาาเวาาทตดเกิดปุ๊ บดับ ปั๊บ สินไปหายไป กาายเปึ นอดตตทันทตคด ิ อปไรปรุมอปไรสมสัย อปไรนัด นคือ ด นอดตตไปแา ้ว ปัจจุบน กาาเวาาทตเปึ ั จ็มวมามเปามา การคิด ด ด วมามตสมใดเปึ ิ นปั จ จุบน ั นั นคือมิจฉาทิฐ ิ คือทิฏ ฐิเ าวกับ สัญญาเาวมันปรุมออกมา เพราปชตวต ิ ยัมมตธาตุเาวเจือ อยูม า ้ามธาตุเาวออกเสตยด ้วยความเหึนถูก คือเหึนวมามัน ด นไปกาายเปึ ้ ้ ้ น ปัจจุบน แคมกาาเวาา ทตสิ นอดตตทัมนั ั วมาม เปามา มันจ็มเปึ นขอมไร ้สารปไร ้แกมนสาร เาิกให ้สารป เาิก คิด วม า จริม สิดมทตดคิด วม า จริม ความจริม มัน ดับไปแา ว้ แา ว้ อวิชชาไปด็มมันมาปรุมวมามันยัมมตสมนั ิด ้นอยูมจริมๆ จ็มเกิด ตัวตน เกิดความเหึ นผิดวมา รู ้จริมเหึ นจริมไดจ้ ริม มตตวั กู ด ามๆอยูมจริม อยูมจริมมตตวั ตนขอมสิมตม ด แจมมาแา ้ ถ ้าฝ็ กตามทตชต ้ว ความรู ้ส็กวมามตอปไรจริมๆ มันจปหายไปเอม ความคิดวมาได ้วมามตวมาเปึ นมันจปไปเกิด ปัญหาตมามๆจปหมดไป การปฏิบต ั จิ ปโปรมมโามมเบา เยึนทัม้ นอกทั้มใน ไมม มตว ิต กกัม วาไมม มต ว ิจ ิก ิจ ฉาไมม มตก ารหาม ตนเอมเมาตนเอม ไมม มตก ารเหึ น อปไรวิเ ศษหรือ พิเ ศษ ้ ความมมมายจปสินไป นตด เรตยกวมาเปึ นผูเ้ ข ้ากรปแสนิ พพาน ้ แาว้ ทตนตจปไปศ็ กษาหรือฝ็ กธรรมปบทใดๆ ธรรมปทุก ๆ บทกึ จปไมม กมอโทษกมอพิษกมอภัยให บ้ ุคคาผู น ้ ้ันอตกเายไป ตาอดกาา
ยังมีตอ ่ ตอนที่ ๒
สรุ ป ปั ญ หาทุ ก ปั ญ หาของการปฏิบ ต ั ิค ือ เพราะมี ่ ต้ วั อวิชชา จึงมีมจิ ฉาทิฐ ิ คือมีตวั กูของกู ปฏิบต ั เิ พือให กูรู ้ เข ้าใจ ได ้ เป็ น อย่างใดอย่างหนึ่ ง และยังมีมจิ ฉาทิฐ ิ ไปใส่ ต ัว ตนให ท ้ ุ ก ๆสิ่ งที่ ศึ ก ษา ว่ า มี อ ยู่ จ ริง มี ส าระ ่ วกู ได ้หรือเป็ น หรือ น่ ายินดี น่ ารู ้ น่ าได ้ จึงปฏิบต ั เิ พือตั ่ ธรรมดาขึนมา ้ มีคณ ุ วิเศษทีไม่ วิธ ีแ ก ไ้ ข คือ ต อ้ งละต อ้ งท าลายมิ จ ฉาทิ ฐ ิใ ห ไ้ ด ้ ่ ก่ อ นที่จะไปปฏิบ ัต ิธ รรมเรืองใดๆ มิ จ ฉาทิ ฐ ิย ังไม่ ถู ก ่ ทาลาย อย่าเพิงไปปฏิบต ั ธิ รรมทุกประเภท หยุดเสีย เว ้น เ สี ย หั น ม าฝึ ก ท าลาย มิ จ ฉ าทิ ฐ ิ ก่ อ นก ารท า ลา ย มิจ ฉาทิฐ ไิ ด แ้ ก่ก ารมีส ติร ะลึก ชอบ ระลึก อุบ ายที่แยบ ่ ้องทามีเ พียงแค่นี ้ อย่าเพิงไปฝึ ่ คาย กิจทีต กคิดฝึ กปรุง ที่เขาสอนกัน อยู่ ส อนกัน ผิ ด ๆทั้งนั้ น ให ค ้ ิ ด ก่ อ นละ มิจฉาทิฐ ิ ใครคิดก่อนย่อมมีปัญหาทุกคน หนักเบาเร็ว ช ้าเท่านั้นเอง แต่ต ้องมีปัญหาภายหลังแน่ นอน ้ ลองไปฝึ กกันดูนะ แค่สามอย่างนี พอแล ว้ ยังไม่ ่ ่นๆ ท าสามหัว ข อ้ นี ้ให ช ต อ้ งไปฝึ กเรืองอื ้ านาญ เสียก่อน แล ้วธรรมชาติจะไหลไปเองว่าต ้องทาอะไร ต่อไปอย่ า งไร อย่ า ไปอยากได อ้ ยากเป็ นเลยท าให ้ ่ นๆที ่ ่ เกิดความอยากไปฝึ กเรืองอื เขาบอกว่ าทาแล ้ว ้ ้ ้ จะได ้จะเป็ น ธาตุเลวมันปรุงขึนมาทังนัน มันจะชวน ให เ้ ราอยู่ ก บ ั มัน ต่ อไปอีก เป็ นกัป ๆกัล ป์ ๆ ธาตุ เ ลว สัญญาเลวมันหลอกเรามาหลายกัป หลายกัลป์ พอ ้ ้ ย เสียที เลิกเสียที ตาสว่างเสียที รือโครงเรื อนทิงเสี ่ ้ แบบทีพระพุ ทธเจา้ รือมาแล ้ว ดว้ ยอุบายชอบง่ายๆ ้ สันๆสามอุ บ ายนี ้พอแล ว้ และควรรีบ เร่ง ท าอย่ า ง ่ รวดเร็วดังอุปมาทีพระพุ ทธเจ ้าตรสั ไว ้ว่า บุรุษรีบดับ ่ ไฟทีไหม ศ ้ ีร ษะเร็ว ปานใด มนุ ษย ค์ วรฝึ กดับ ทุ ก ข ์ รวดเร็วปานนั้น
่ นกาลเวลา อุบายแยบคายคือ ฝึ กระลึกว่าทุกสิงเป็ เพื่อท าลายความรู ้สึกว่ามีตวั ตน ท าลายความรู ้สึก ่ ่ งใดออกเสี ่ ว่าสิงใดเป็ นเจ ้าสิงสิ ย ระลึกต่อว่ากาลเวลา ้ ้ ทังหมดสิ นไป ดับไป หายไป เป็ นอดีต ทุ ก ปั จ จุ บ ัน ่ ขณะ ไม่ มีของจริงความจริงของสิงใดๆเหลื ออยู่เลย ่ ่ ่ ่ ่ ่ ้ ้ ้น ทีคิด ทีรู ้ทีเห็ น ทีผัส สะคือ สิงทีเกิด ขึนในอดีต ทังนั ไม่ ใ ช่เ กิดในปั จ จุ บ ัน เลยสัก สิ่ง การปฏิบ ัต ิธ รรมก็ เช่น กัน เป็ นกาลเวลาอย่ า งหนึ่ งเป็ นอดีตอย่ า งหนึ่ ง เป็ นสิ่งที่ไม่ มี อ ยู่ จ ริงในปั จ จุ บ ัน ไม่ ไ ด ก ้ าลัง เกิดใน ่ ยว ด ้วยเหตุนีมั ้ นจึงเป็ นสิงไร ่ ้สาระ ไร ้ ปัจจุบน ั สักสิงเดี แก่นสาร เป็ นของไม่จริง ของหลอกลวง ไม่ใช่ตวั ตน ่ ่ คนสัตว ์อะไรเลย ไม่มใี ครทาอะไรทีไหนเมื อใดไม่ มส ี งิ่ ่ ใดเป็ นเจ ้าของสิงใด มีแต่การเดินทางของกาลเวลา ้ และทุกๆกาลเวลามันจบไปแล ้วสินไปแล ้ว ไม่มค ี ้างคา ไปดึง มาอยู่ ใ นปั จ จุ บ ันไม่ ไ ด เ้ ลย ไปคิด ว่ า มัน เป็ น ปั จ จุ บ ัน ก็ ไ ม่ ไ ด ้ คิด ว่ า มี ห รือไม่ มี ก็ ไ ม่ ไ ด ้ ฝึ กด ว้ ย ้ อุบ ายอย่ า งนี ไปจนกว่ า ชีว ิต จะหาไม่ ถ า้ ยังไม่ ต าย ่ กคนมีอยู่แค่นีถ ้ ้า หรือยังไม่ตร ัสรู ้อย่าเลิกฝึ ก หน้าทีทุ ้ ดทุกข ์ ต ้องการสินสุ
่ ่เขีย นให อ้ ่ า นในวัน นี ้ เป็ นแค่ห ลัก การและ สิงที ่ ่ าทาไมต ้องระลึกเช่นนี ้ ระลึกเพือ ่ เหตุผล ทีมาที ไปว่ ่ อะไร และต ้องระลึกอย่างไร อ่านทาความเข ้าใจ เมือ เขา้ ใจดีแลว้ อย่าไปคิดไปปรุงไปจา หรือไปแตกลูก ่ ้แล ้วเข ้าใจแล ้ว ให ้สนใจเฉพาะเรือง ่ แตกหลาน เมือรู ที่ต อ้ งท า ฝึ กท าอย่ า ไปฝึ กคิด ท าก็ ค ือ ระลึก ชอบ ่ ่ ้องระลึกแลว้ นั่นเอง ให ค้ วามสาคัญเฉพาะเรืองที ต ่ ่ ฝึ กฝนระลึกให ม ้ ากๆ ไม่ ต อ้ งย อ้ นไปคิ ดในเรืองที ่ ่อธิบ ายนี คื ้ อ สิงปรุ ่ ง แต่ ง อธิบ ายโดยปริย าย เรืองที เห มื อ นกั น ไร ส้ า ระ เห มื อ นกั น เป็ นก าลเวลา เหมือนกัน จึงไม่ มีใครเป็ นเจ ้าของ เป็ นอดีตทันทีท ี่ อ่านจบจึงเป็ นของหลอกลวงของไม่จริงเหมือนกัน ไร ้ค่าไม่มรี าคา ใช ้แล ้วหรือรู ้แล ้วก็ทงไปเหมื ิ้ อนขยะ อย่าเก็บมาภูมิใ จว่ารู ้ว่าเข ้าใจ คาอธิบายเป็ นเพียง พลอยประดับ เพชรแท อ้ ยู่ท อุ ี่ บายแยบคายสามตัว เท่านั้ น ฝึ กระลึกจนเห็ นว่าการปรุงทุกชนิ ดเป็ นสิง่ เป็ นทุกข ์จะได ้เลิกคิดเลิกปรุง หรือจะคิดจะปรุงอะไร ก็มีสม ั มาสติสม ั มาสมาธิสม ั มาญาณะคอยควบคุม ความคิด ทุ ก ๆความคิด อย่ า ไปคิด อะไรล่ ว งหน้า ่ อย่าลังเลสงสัย สงสัยสิงใดก็ ไร ้สาระอย่าไปสงสัยมัน มัน แค่ ก าลเวลา ความสงสัย ก็ อ ดี ต ของไม่ จ ริง เหมือนกัน ฝึ กอุบายชอบให ท ้ ุกช็อทอย่าเผลอ ทา ้ ทุ ก ข ไ์ ด ้ เช่น นี ้ไปอย่ า งต่ อ เนื่ อง ชีว ิต ก็ จ ะเย็ น ขึน ่ ยาก จนสุดท ้ายก็ไม่รู ้จะทุกข ์กับเรืองอะไร เป้ าอยู่ท ี่ ไม่ ต อ้ งทุ ก ข ์อีก แล ว้ อย่ า ไปวาดหวัง ว่า จะได อ้ ะไร ่ เป็ นอะไร จะไดด้ ม ี ีเ ป็ นมันเป็ นเรืองหลอกเด็ ก ใคร เป็ นผูใ้ หญ่ในวัฏสงสารอย่าไปโดนหลอกเป็ นเด็กๆ อยู่เลย
ข้อควรระวัง ถ ้าไม่จาเป็ นอย่าไปสร ้างสถานการณ์จาลองมาฝึ ก ระลึก ชอบ ให ใ้ ช ้ของจริง ที่ก าลัง ผัส สะอยู่ น่ ั นแหละ ่ ระลึกชอบ เห็นต ้นไมใ้ บหญ ้าคนสัตว ์สิงของก็ ระลึกว่า ่ มัน คือ กาลเวลา และเป็ นกาลเวลาทีเป็ นอดีตไปแล ว้ ่ ไม่มต ี วั ตนจริงของสิงใดๆหลงเหลื ออยู่ในปัจจุบน ั ขณะ การระลึกก็ เช่นกัน ระลึกแลว้ เป็ นอดีตทันที เห็ นแลว้ ่ เป็ นอดีตทันที ปัจจุบน ั จึงไม่มีของจริงของสิงใดๆหลง ้ ้ทุกสิง่ เหลืออยู่ ถ ้ายังมีความรู ้สึกว่ามีสงใดก็ ิ่ ระลึกยาให หายไปจากความรู ้สึกให ไ้ ด ้ แม ม้ ีก ารกระท าการงาน ้ ้ ระลึกแล ้วจบมันก็จะ ใดๆอยู่ก็สามารถระลึกแบบนี ได ท างานด ว้ ยความว่ า ง มี ก ารปรุ ง แต่ ง ความคิดใดๆ เกิดขึน้ ก็ระลึกว่ามันคือกาลเวลา และเป็ นกาลเวลาที่ เป็ นอดีตไปแล ้ว ไม่ใช่ของจริง ระลึกแค่น้ันให ้จบแค่น้ัน ่ ม ทดลองทาดูจะรู ้ว่า มันจะ ไม่ ต ้องไปปรุงอะไรเพิมเติ ว่า ง ปล่ อ ยวาง แต่ ย งั คิดได ท ้ าการงาน เหมือ นชีว ิต แยกออกเป็ นสองส่วน ส่วนหนึ่ งมีสติคุม มีสมาธิห ล่อ ้ เลี ยงประคองความว่ า งไว ้ แต่ อ ี ก ส่ ว นสามารถท า กิจกรรมต่างๆ โดยไม่ มีความรู ้สึกว่ามีผู ท ้ า มีแต่ก าร กระทาทุกอย่างตามปกติ แต่ทาโดยไม่มผ ี ูท้ า
้ การเกิดทุกคราวคือการเกิดกาลเวลาขึนมา หนึ่ งช่วง เมื่อกาลเวลาเกิด กาลเวลาย่อมดับลง ไปในช่ว งใดช่ว งหนึ่ งตามระยะเวลาของแต่ ล ะ กาลเวลา เมื่อ”การเกิด ”เป็ นกาลเวลา จึงไม่ มี ใครเป็ นเจ า้ ของกาลเวลา เหมือ นไม่ มีใ ครเป็ น เจา้ ของกลางวันกลางคืน และกลางวันกลางคืน ้ ย่อ มมิใ ช่สงที ิ่ ่มีต วั ตนอยู่จ ริงๆ การเกิด ขึนของ ่ งไม่มีใครเป็ นเจา้ ของ และมิใช่เป็ น ทุกสรรพสิงจึ ่ มี ่ ตวั ตน สิงที คนสัต ว ส์ ่ิงของคือ กาลเวลาอย่ า งหนึ่ ง มี คุณสมบัตเิ หมือนกาลเวลาทั่วไป คือไม่มใี ครเป็ น ่ ตวั ตนอยู่จริงๆ กาลเวลา เจา้ ของ และมิใช่สงที ิ่ มี ว่า งจากตัว ตนแบบใด คนสัต ว ส์ ่ิงของย่ อ มว่ า ง จากตัวตนแบบนั้น นักดับทุกข ์จึงควรรู ้จักวิธน ี าธรรมชาติขอ้ นี ้ ่ าลายความรู ้สึกว่าสังขาร มาฝึ กระลึกชอบเพือท ้ ทังหลายมี ตวั ตน การทาลายมิใช่ทาลายตัวตน แต่เ ป็ นการท าลายความรู ้สึก ว่า มีตวั ตนของสิ่ง ่ ใดๆออกเสียตามทีพระพุ ทธเจ ้าตร ัสไว ้
สิ่งที่ ต อ้ งฝึ กท าลาย คื อ ความรู ส้ ึก ว่ า มี ต ัว ตน มิ ไ ด ท ้ าลายตัว ตนของสิ่งใดๆ ความรู ส้ ึก ว่ า มี ตัว ตนเกิด จากอวิชชาความไม่ รู ้จริง จะท าลาย ความรู ส้ ึก ว่ า มี ต ัว ตนออกเสี ยได จ้ ึง ต อ้ งสร า้ ง ้ ความรู ้จริงขึนมา สังขารทุกชนิ ดคือกาลเวลาคือ คือ ความรู ้จริง เมื่อรู ้จริง ต อ้ งนาความรู ้จริง คือ ”สังขารทุกชนิ ดคือกาลเวลา”มาระลึกชอบ ฝึ ก ระลึก ชอบว่าอะไรๆคือ กาลเวลา ฝึ กระลึก เพีย ง ่ เท่านี ้ แต่ทาบ่อยๆ ความรู ้สึกว่าสิงใดๆมี ตวั ตนอยู่ จริงๆมันจะหายไป ต อ้ งทดลองฝึ กระลึกดู จึงจะ พบว่า ความรู ้สึก ว่ามีตวั ตนมันหายไปจริงๆ ฝึ ก ต่อเนื่ อง มันจะแยกความรู ้ว่างจากตัวตนต่างจาก ความรู ้สึกว่ามีตวั ตนมันต่างกันอย่างไร ฝึ กต่อไป ก็ จ ะพบอีก ว่ า เวลาเกิด ความรู ส้ ึก ว่ า มี ต ัว ตน ้ ขึนมาย่ อมเกิดความรู ้สึกเป็ นทุกข ์ตามมา แต่พอ ว่างจากความรู ้สึกว่ามีตวั ตนทุกข ์จะหายไป และ จะ ว่ า งจากความรู ส้ ึ ก ว่ า มี ต ั ว ตนได ก ้ ็ตอ ้ งมี สัมมาสติระลึกว่าอะไรๆก็คอื ”กาลเวลา” ข อ้ ส าคัญการระลึก ต่า งจากความคิด ระลึก แล ้วต ้องหยุดคิด ไม่มก ี ารคิดต่อ ระลึกคือการจับ ่ ่ สิงใดแล ้วระลึกว่าสิงคือกาลเวลา คืออดีต คือของ ไม่จริง คือของไร ้สาระ แล ้วจบจะไม่มก ี ารคิดการ ปรุงต่อ
ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://web.facebook.com/SamasukhoPikkhu/
ความคิดเป็ นกาลเวลาอย่างหนึ่ ง ย่อมเป็ นสิง่ ่ มเี จ ้าของ เหมือนกลางวันกลางคืน เริมคิ ่ ด ทีไม่ ่ ก็เริมกาลเวลา เลิกคิดกาลเวลาช่วงนั้นก็สนสุ ิ้ ด ไม่ ใช่ส ่งที ิ ่มีต วั ตน ไม่ ใช่ค วามคิด ของใครของ อะไร เป็ นปฏิ ก ิ ร ย ิ าที่ เกิด ดับ ตามธรรมชาติ ่ ้ ้ เป็ นไปชัวขณะ ไม่ ย่ งยื ั น (สินไปๆ) ตังอยู ่ ไ ม่ ไ ด ้ ่ นาน(ผ่ านมาผ่ านไป)เป็ นของชัวคราว(ขยั ฏเฐ นะ) ่ ดว้ ยเหตุท่ีมันเป็ นของชัวคราวผ่ านมาผ่ า น ้ ไป ตังอยู่ไม่ได ้นาน ไม่มค ี ้างคา เกิดแล ้วดับ สิน้ ไปๆตลอดเวลา มัน จึงเกิด แล ว้ กลายเป็ นอดีต ้ ้ น คิด ทันที ทุ ก ๆความคิด ล ว้ นแต่ค ือ อดีต ทังนั ปุ๊ บกลายเป็ นอดีต ปั๊บตลอดเวลา พระพุทธเจา้ จึงตรัส ว่า มันคือ ของหลอกลวงของไม่ จ ริง นั ก ดับ ทุ ก ข จ์ ึง อย่ า ไปคิด ว่ า ความคิด คือ ของจริง หรือไปคิดว่าความคิดเป็ นของเรา มันไม่ มีใ คร เป็ นเจ ้าของความคิด เพราะความคิดเกิดปุ๊ บดับ ปั๊ บ ก ล า ย เ ป็ น อ ดี ต ทั น ที ก ล า ย เ ป็ น ข อ ง หลอกลวงทันที กลายเป็ นของไม่ จ ริงทันที ไป คิดว่าความคิดคือของจริงหรือเป็ นความคิดของ เรา นั่นคือเห็นผิดเป็ นมิจฉาทิฐต ิ ้องละความเห็ น ้ ผิ ด ๆแบบนี ทัน ที ด ว้ ยสัม มาสติ ร ะลึก ชอบว่ า ้ นเป็ นของไม่ ความคิดคือกาลเวลา และตอนนี มั จริงไปแลว้ เป็ นของหลอกลวงไปแลว้ ไม่ใช่ของ ่ ใคร คิดเรืองอะไรก็ ตามคิดจบก็ เป็ นอดีต ทันที เป็ นของไม่จริงทันที
ดังนั้นเมื่อความคิดคือกาลเวลา กาลเวลาย่อม ไม่มต ี วั ตน ไม่มเี จ ้าของ มีเกิดมีดบ ั กลายเป็ นของ หลอกลวงของไม่ จ ริงตลอดเวลา จึงเป็ นของไม่ มี สาระแก่ น สาร เป็ นสิ่งไร ้สาระ ไร ค้ ่ า ต อ้ งระลึก เช่นนี ้ อย่า ไปคิด ว่า ความคิด คือ ความจริง รู ้จริง เห็ น จริง เข า้ ใจจริง ถู ก ต อ้ งจริง ๆ ต อ้ งระลึก ว่ า ความคิดคือ กาลเวลา และทุ กๆความคิด คืออดีต ทั้งนั้ น ไม่ ใ ช่ข องจริง คิ ด จบก็ ก ลายเป็ นอดี ต กลายเป็ นของหลอกลวง ไม่ ใช่ตวั ตน ไม่ ใช่ของ จริง ไร ้สาระ อย่าไปให ้สาระกับมัน การระลึก เช่น นี ้บ่ อ ยๆ จะท าให ม ้ ี ก ารท าลาย ความเห็ น ว่ า มีต วั ตนคนสัต ว ไ์ ปทีล ะเล็ ก ละน้อ ย ทาลายความเห็ นว่าความคิดมีสาระแก่นสารเป็ น ่ ของจริงไปเรือยๆ นั่นคือเป็ นการทาลายความยึด มั่นถื อ มั่นในความคิ ด ความเห็ น ของตนว่ า ถู ก ท าลายความทะนงตนความมัว เมาในความคิด ่ ความเห็น ทาลายสักกายทิฏฐิไปเรือยๆ ความหลง ผิดหลงยึดมั่นถือมั่นจะเบาบาง จะมีการปล่อยปลง ้ ความ ไม่หลงตนไม่หลงรู ้ไม่หลงธรรม ไปทีละขัน ลังเลสงสัยในธรรมชาติก็จะเหือดหายไป เพราะรู ้ ่ นจริงมากขึน ้ เชือในเหตุในผล ่ ธรรมชาติตามทีเป็ ่ ่ ไม่งมงาย เข ้าใจกลไกของเหตุปัจจัยทีมาที ไปของ ่ างๆ ย่อ มเชือในเหตุในผลมากกว่ ่ ่ ่ นใน สิงต่ าเชือมั ความคิดความเห็นความเข ้าใจของตน ่ ่ นกาลเวลาไม่ ใช่ตวั ตน เริมมองเห็ นว่าทุกสิงเป็ มีแต่อดีตไม่ใช่ของจริง ไร ้สาระไร ้แก่นสารไม่ใช่ตวั ไม่ ใช่ตนมากเท่าใดบุคคลผู น ้ ้ั นย่อมใกลน ้ ิ พพาน ้ มากเท่านัน
มีแต่กาลเวลา ไม่ใช่ตัวตนคนสัตว์ มีแต่อดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน มีแต่ของปลอม ไม่ใช่ของจริง มีแต่สิ่งไร้สาระ ไม่ใช่สิ่งมีสาระ Youtube ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://www.youtube.com/user/grongitum สวนโมกข์ไพศาลี อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ T 0851983255
่ าคัญตอ้ งระลึกใหเ้ ป็ น เช่นจะระลึกว่าไร ้สาระ ทีส ป รุ ง อ ะ ไ ร ขึ ้น ม า ใ ห ้ร ะ ลึ ก ว่ า ไ ร ส้ า ร ะ ทั น ที ท า ่ ดจะปรุง แลว้ หยุดแค่ ความรู ้สึกว่ามันไร ้สาระทีจะคิ ่ ม นั้น อย่าปรุงอะไรเพิมเติ หรือจะระลึกว่า”ขยัฏเฐนะ”มันคืออดีต ก็ระลึกใน สิ่งที่ก าลัง ท าอยู่ไ ม่ ว่า ท าอะไร ต อ้ งระลึก ว่า มันคือ อดีต ไม่ ต อ้ งไปปรุงว่า มันเป็ นอดีต อย่า งไร หรือไม่ ้ าทุกสิงนั ่ ้น ต ้องไปปรุงว่ากาลังทาอะไร ให ้ระลึกสันๆว่ ่ เห็ ่ นก็อดีต สิงที ่ ท ่ าก็อดีต คิด ล ้วนแต่เป็ นอดีต สิงที ้ อะไรขึนมาก็ ร ะลึก ว่ า มัน คือ อดีต คิด ต่ อไปได ท ้ า อะไรต่อไปได ้ แต่มีการระลึกควบคู่ไปด ้วยว่ามันคือ อดีต ่ สติ ่ ไปจับ กาลเวลาก็เช่นกัน ใช ้ระลึกทับทุกๆสิงที ้ ้ น ้ ว่ามันคือกาลเวลา มันเป็ นกาลเวลาทังหมดทั งสิ ่ ไม่ว่าจะเป็ นคนสัตว ์สิงของ ความคิดความรู ้สึก มัน ล ้วนแต่เป็ นกาลเวลา การระลึกชอบมิจาเป็ นต ้องหยุดทาอะไร ทาไปได ้ ตามปกติ แต่ระลึกควบคูไ่ ปกับการทาภาระต่างๆ ว่า มันไร ้สาระ มัน เป็ นอดีต มัน เป็ นกาลเวลา ถ า้ ท า ถูกตอ้ งมันจะทางานต่างๆดว้ ยความว่างจากตัวตน ชีว ิต จะต อ้ งเย็ น ตลอดเวลาขณะที่ท าการงานถ า้ ระลึกถูกต ้อง
เห็นทุกอย่างเป็ นอดีต มันจะเดินโดยไม่มผ ี ูเ้ ดิน ่ ่ ทาโดยไม่มผ ี ูท ้ า คิดอะไรอยู่ก็ระลึกควบไปว่าสิงที ่ ่คิด คือ อดีต มัน ก็ จ ะคิดโดยไม่ มี ผู ค คิด เรืองที ้ ิด ่ เห็นอะไรมันก็ล ้วนแต่เป็ นเรืองการเห็นในอดีต มัน แค่กาลเวลาในอดีต ไม่ใช่ปัจจุบน ั ปั จจุบน ั มันไม่ ่ ้ มีก าลเวลา มัน มีแ ต่ก าลเวลาทีดับไปแล ว้ สินไป ้ นจะทาใหไ้ ม่ คด แลว้ ระลึกไดแ้ บบนี มั ิ ว่าอะไรคือ ของจริง ตัวเราจริงๆไม่มี ใครๆก็ไม่มี อะไรๆก็ไม่มี เห็ น ทุ ก สิ่งเป็ นอดีต หมด ทุ ก สิ่งก็ จ ะหายไป ไม่ เหลือ อะไรเป็ นปั จ จุ บ น ั คิด ว่า สิ่งใดเป็ นปั จ จุ บ น ั ่ ้ มัน จะมี ต ัว กู มี ค วามรู ส้ ึก ว่ า สิงนั นเป็ นของจริง ้ ขึนมา จึงมีก ารให ส้ าระ ยึดมั่น ก่อ ภาวะความมี ่ี นสุ ้ ด ความเป็ น มีเกิดมีตายไม่มท ี สิ ทดลองแยกแยะดู ระหว่ า งระลึ ก ว่ า อะไรๆ ่ ก ่ าลังทาอยู่คอ รอบตัวคืออดีตหมด สิงที ื กาลเวลา ในอดีต ไม่ ใ ช่ปั จ จุ บ ัน กับ ระลึก ว่ า ทุ ก สิ่งก าลัง ้ เกิด ขึนจริ ง ๆในขณะนี ้ ความว่า งเย็ นจะต อ้ งผิด กัน ท าบ่ อ ยๆจะเข า้ ใจธรรมชาติต ามที่เป็ นจริง ้ มากขึนเอง อย่าเพิ่งไปคิดไปสงสัย ฝึ กพบความ ่ ว่างไปเรือยๆให ม้ ากๆ ความเขา้ ใจจะเกิดตามมา เอง
้ เพราะคิด ว่ า การกระท าต่ า งๆก าลัง เกิด ขึ น จริง ๆเป็ นปั จ จุ บ น ั มัน เลยเดินโดยมีผู เ้ ดิน ลอง ้ ้ นมันคืออดีต เดินแต่ระลึกว่าการเดินที่เกิดขึนนั ้ มันเกิด แลว้ ดับ แลว้ ผ่ านไปแลว้ สินไปแล ว้ ไม่ ใ ช่ ่ ดว่า ปัจจุบน ั มันคืออดีต การกระทาทุกอย่างทีคิ กาลังท าอยู่ข ณะนี ้ ระลึก เสียใหม่ ว่ามันคือ อดีต ่ ่เกิด อย่าไปคิดว่ามันกาลังเกิดขึนจริ ้ ทุกสิงที งๆ ้ ้น ธรรมชาตินี ้ ตอนนี ้ ใหร้ ะลึกว่ามันคืออดีตทังนั ปั จ จุบ น ั คือ ความว่า งเปล่า ไม่ มีอ ยู่จ ริง จับ สิ่งที่ เป็ นปั จ จุบ น ั ไม่ ได ้ สัมผัสไดแ้ ต่อดีต สัม ผัส อดี ต แล ้วอวิชชา ธาตุเลวมันคิดว่าเป็ นปัจจุบน ั ทิฐเิ ลว สัญญาเลวมันเลยเกิดตามมา รู ้ความจริงว่ามัน คืออดีต แล ้วระลึกตามความจริงว่าอดีต ธาตุเลว ทิฐเิ ลว สัญญาเลว มันก็จะหายไป ตัวกูของกู มัน ก็จะหายไป ลองระลึกดู อะไรๆก็อดีต แลว้ จะพบ ความว่างเย็นไม่เป็ นทุกข ์
Youtube ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://www.youtube.com/user/grongitum สวนโมกข์ไพศาลี อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ T 0851983255
้ ๔.ขันตอนการละมิ จฉาทิฐ ิ ต ้องนาความรู ้ที่ เป็ นสัม มาทิฐ ม ิ าเป็ นอุบ ายแยบคายในการละ มิจฉาทิฐ ิ มิจ ฉาทิฐเิ กิดเมื่อใด ต อ้ งมีส ติระลึก ่ าจัดมิจฉาทิฐใิ หห้ ายไป ถึงอุบายแยบคายเพือก ให เ้ ร็ว ที่สุ ด สติที่ละมิจ ฉาทิฐ ไิ ด จ้ ึง จะเรีย กว่ า สัมมาสติ
ทาไมต ้องมีอบ ุ ายแยบคาย เพราะถ ้าไม่มี อุบายแยบคาย จะทาให ้การปฏิบต ั เิ นิ่ นช ้า ไม่ ได ้ผล ดังพุทธพจน์บทนี ้
่ อุบายแยบคายเริมจากจุ ดใด ๑.รู จ้ ัก สัม มาทิ ฐ ิว่ า เป็ นอย่ า งไร และรู จ้ ัก ้ มิจ ฉาทิฐ วิ ่ า เป็ นอย่ า งไร รู ้ทังสองอย่ า ง รู ้อย่ า ง เดียวไม่ได ้
้ อไปตอ้ งรู ้ว่าสัมมาทิฐ(ิ รวมทังสั ้ มมา ๒.ขันต่ ่ อืนๆ๘อย่ าง)มีสองแบบคือแบบสาสวะ(ตอ้ งเกิด) กับแบบอนาสวะ(ไม่ต ้องเกิด)
หลัก สัง เกตง่ า ยๆคือ สัม มาทิ ฐ ิส าสวะ เป็ น ความเห็ นถูกแบบมีตวั ตนอยู่ สัมมาทิฐแิ บบอนา สวะ เป็ นความเห็ นถู ก ที่จะไหลไปสู่ ค วามเลิก มี ตัวตน ้ ส าคัญ คือต อ้ งฝึ กทังละมิ ้ ๓.ขอ้ นี ก็ จ ฉาทิฐ ค ิ ู่ ไปกับการสร ้างสัมมาทิฐ ิ นักดับทุกข ์เก่งคือผูล้ ะ ่ ่ มิจ ฉาทิฐ เิ ก่ ง ๆสัม มาทิฐ ริ ู ้แค่ เ รืองสองเรื องแล ว้ นาไปใช ้ละมิ จ ฉาทิฐ ไิ ด เ้ ก่งๆ จึง จะส าเร็จ ผล รู ้ สัมมาทิฐม ิ ากแต่ละมิจฉาทิฐไิ ม่ เป็ นจะปฏิบต ั ไิ ม่ ได ้ผล
ตัวอย่างสัมมาทิฐท ิ จ่ี าเป็ นต ้องใช ้
เ มื่ อใ ด เ ห็ น ต่ า ง จ า ก สั ม ม า ทิ ฐิ ต ้อ ง ดั บ ความเห็ น แบบนั้ นทัน ที นี่ คือ การละมิ จ ฉาทิฐ ิ อย่ า ประมาท อย่ า ปล่ อ ยให ม ้ ี ค วามเห็ น ผิ ด ๆ ความเห็ นถู ก จะไร ค ้ ่ า ถ า้ ปล่ อ ยให ม ้ ี เ ห็ นผิ ด ่ หลงเหลืออยู่ กิจทีสาคัญคือการละมิจฉาทิฐ ิ
รู ้สัม มาทิฐ แิ ต่ ไ ม่ ล ะมิ จ ฉาทิฐ ก ิ ารปฏิบ ต ั ิจ ะ เ ห มื อ นพ ายเ รือใ นอ่ า ง สั ม ม าทิ ฐ ิ ก็ ฟู ม ฟั ก มิจ ฉาทิฐ ก ิ ็ ท ะนุ ถ นอม การปฏิบ ต ั ิจงึ ไม่ ไ ปไหน ตอ ้ งฝึ กมี ส ัม มาสติ ร ะลึ ก อุ บ ายแยบคายละ มิจ ฉาทิฐ ท ิ ุ ก คร งที ั้ ่เกิด มิจ ฉาทิฐ ิ จึง จะเรีย กว่ า เป็ นการปฏิบต ั แิ บบไม่เนิ่ นช ้า
่ี าคัญคือ”สาระไม่มใี นเบญจขันธ ์” สัมมาทิฐท ิ ส ่ี ควรนาไปใช ้เป็ นอุบายแยบคายทันทีทไปให ส้ าระ ่ กับสิงใดๆ ฝึ กเลิกใหส้ าระด ้วยการมีสติระลึกว่า"ไร ้ ่ สาระ" ไร ้สาระคืออุบายทีแยบคาย ใช ้ไดก้ บ ั ทุกๆ ้ ่ ่ ครงที ั เป็ นทุกข ์ไม่ว่าเรืองอะไร เลิกใหส้ าระก็จะเลิก ทุ ก ข ์ และจะได ค้ วามรู ้สึก ว่า งจากตัว ตนคนสัต ว ์ เ ป็ นข อ งแ ถ ม ทุ ก ค ร ั้ง ที่ ใ ช ้ อุ บ ายแ ย บ คาย มี ประโยชน์อย่างนี ้ มีสติละมิจฉาทิฐค ิ อื การฝึ กอย่าง ้ ้ ่ นี นาอุบายนี ไปปร ับใช ้กับอุบายอืนๆ ่ี นสัมมาสติคอ ่ี กอุบายแยบคาย สติทเป็ ื สติทระลึ เพื่อท าลายความรู ้สึก ว่ามีต วั ตนเท่านั้ น และเมื่อ ระลึก แล ว้ จะต อ้ งหยุด คิด หยุด ปรุ งได ท ้ น ั ที ท าให ้ ทุ ก ข ด ์ ั บ ตั ว กู ข องกู ด ั บ ตั ณ หาอุ ป าทานดั บ ้ั ่ จะต ้องพบความว่างจากตัวตนคนสัตว ์ ทุกๆครงที มีสม ั มาสติ ผลคือจะทาใหย้ ่นเวลาการเวียนว่า ย ตายเกิด หรือจนถึงขนาดไม่ต ้องเวียนว่ายตายเกิด ่ี จ้ ะต ้องไม่รู ้สึกว่าได ้อะไร ก็เป็ นไปได ้ สัมมาสติทแท เป็ นอะไร มีแต่ความรู ้สึกว่างเย็น ไม่เบลอไม่เครียด ไม่ ก ดดัน ราคะโทสะโมหะจะเบาบาง ปล่อ ยวาง ่ เคยยึ ่ อะไรๆได ้มากขึน้ เลิกยึดในสิงที ด เลิกให ้สาระ ่ ่ ่ ้อย ในสิงทีเคยให ้สาระ ชีวต ิ จะเป็ นอิสระจากเครืองร รัด ไม่จงใจไม่ครุน ่ คิดคือการไม่ใหส้ าระ ฝึ กเก่งๆก็ ้ ้ จะสามารถต่อ ยอดจนสินภพสิ นชาติ ไม่ ต อ้ งมา เวียนว่ายตายเกิดอีกแล ้วตลอดกาล Youtube ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://www.youtube.com/user/grongitum สวนโมกข์ไพศาลี อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ T 0851983255
ละ”ตัวกู”แบบลัดสัน ้ ๑ .ฝึ กหยุด ปรุง แต่ง ด ว้ ยวิธ ีร ะลึก ว่ า ไร ้สาระ อย่ า ไปคิด มัน หรือ ไร ้สาระอย่า ไปปรุง มัน แค่ ้ั ย วเมื่อคิด อะไรหรือปรุงอะไร ระลึก ระลึก ครงเดี ถูกตอ้ งมันจะตอ้ งว่าง เย็ น ไม่ปรุงอะไร ถา้ ระลึก ่ แล ้วมีการปรุงสิงใดต่ อแบบนั้นยังไม่ใช่ระลึกชอบ ้ั ยวทุก สิงจะต ่ ไร ้สาระถูก ตอ้ งระลึกครงเดี อ้ งดับ หมด จุดนั้ นจะพบว่าความว่างจากตัวกูมน ั เป็ น อย่างไร ๒ .การระลึก ต อ้ งฝึ กระลึก ว่า มันไร ้สาระทุ ก ๆ ่ ่คิด ใหม้ ากเท่าทีจะท ่ าได ้ ฝึ กระลึกแบบนี ้ เรืองที ได ส้ ัก ระยะหนึ่ ง เมื่ อระลึ ก มัน จะต อ้ งว่ า งจาก ความคิดได ้นานขึน้ อย่าฝึ กเวลาอยู่น่ิ งๆไม่ได ้ทา อะไร ให ฝ ้ ึ กขณะที่ใช ้ชีว ิต ระหว่ า งวัน ฝึ กทุ ก ๆ เมื่อ เท่ า ที่จะท าได ้ เมื่อพบความว่า งนานๆ ให ้ สัง เกตเปรีย บเทีย บความแตกต่ า งระหว่า งการ ้ ปรุงกับการหยุดปรุง เวลาปรุงจะมีตวั กูผุดขึนมา เวลาหยุดปรุงตัวกูมน ั จะหายไป ดังนั้นต่อไปควร หันมาสนใจฝึ กดับ ที่ความรู ้สึก ว่า มีต วั กูเ ท่ า นั้ น เขาเรียกว่ามีสติละมิจฉาทิฐ ิ ความรู ้สึกว่ามีตวั กู คือ ความเห็ นผิด ฝึ กละความเห็ นผิด ก็ จ ะบรรลุ สัมมาทิฐ ิ ละตัวกูได ้ก็จะพบว่าความว่างจากตัวกู ของจริง มัน เป็ นอย่ า งไร เวลารู ้สึก ว่ า มีต วั กู ม ัน เป็ นอย่างไร เวลารู ้สึกว่ามีตวั กูจะไดเ้ ลิกปรุงเสีย ่ ้นตอของปัญหา ใช ้วิธเี ลิกคิดเลิกปรุงดับทีต
้ บทุกข ์ในชีวต ๓.การฝึ กเลิกใหส้ าระ จะได ้ทังดั ิ จริงๆ ได ้ และจะพบความว่างจากตัวตนคนสัตว ์จริงๆ จะพบ อาการสักว่าของจริงๆว่ามันเป็ นอย่างไร ใครทาไดจ้ ะ ปล่อยวางเก่ง ราคะ โทสะ โมหะ จะเบาบาง ชีวต ิ จะเย็น ้ ทุ ก ข ย์ ากขึน ้ ตน ขึน ้ ตอความทุ ก ข เ์ กิด จากการให ้ ่ ้นตอ คือใช ้วิธรี ะลึกว่า ไร ้สาระ สาระดับทุกข ์ต ้องดับทีต อย่าไปคิดมัน ระลึกบ่อยๆมันก็จะว่าง ปล่อยวาง ไม่รู ้จะ ่ ทุกข ์กับเรืองอะไร ไร ้สาระ ไร ้แก่นสาร เป็ นอุบายแยบ ้ ดทุกข ์จึงควร คาย ของพระพุทธเจา้ ผู ต ้ อ้ งการ สินสุ ้ หมั่นฝึ กฝน พระองค ต์ ร สั ไว ว้ ่ า ให ท ้ าทังกลางวั น ทัง้ กลางคืน นักปฏิบต ั จิ งึ ควรทดลองฝึ กทดลองทาตามที่ ่ พระองค ์ตร ัส อย่าเพิงไปกลั วว่ามันเป็ นไปไม่ได ้ ลองทา ดูจะรู ้ว่ามันเป็ นไปได ้ ๔.มนุ ษย ์ต ้องคิด แต่ต ้องรู ้จักควบคุมความคิด ฝึ กไร ้ ่ สาระเพือหยุ ดคิดได ้หยุดคิดเป็ นก่อน จึงจะรู ้วิธค ี วบคุม ความคิด หยุดคิดไม่เป็ นย่อมควบคุมความคิดไม่ได ้ ้ ทงหมด ้ั สังขารเหล่านี แม้ ่ ่ั จึงเป็ นของไม่เทียงเป็ นไปชวขณะ ่ ่ ่ั น เป็ นสิงเปลี ยนแปลงได้ ไม่ยงยื ่ เปื่ อยเน่ า หวันไหว โยกคลอน ้ ตังอยู ่ได้ไม่นาน แปรผันได้ ่ั เป็ นของชวคราว ไร ้สาระ เป็ นเช่นก ับ ของหลอกลวง พยับแดด และฟองน้ า ๕๖/๓๕๑/๙๕
ต ัวอย่าง ผลจากการฝึ กไร ้สาระ
ผมฝึ กมาทุกสายแต่ไม่ไช่ ่ มาฟังอาจารย ์พูดในยูทูปมันคนละเรืองเลยแล ้วมัน เป็ นปัจจัตตังจริงๆแล ้วมันมีอานุ ภาพทาลายล ้าง อวิชชามหาศาลเลย เหาะเหินเดินบนอากาศมาแลก ก็ไม่เอา ผมหามานานแล ้วคร ับแต่ปัญญาไม่มค ี ร ับ ผมเจอแล ้วดีไจมากคร ับเลิกโง่ซะที ้ าไมเขาไม่เอามาเผยนะ ธรรมะง่ายๆตรงๆแบบนี ท เอาอะไรมาเป็ นโลกีย ์หมดเลย ้ แรกก็ไม่เสียเวลามากขนาดนี ้ ถ ้าผมเจอธรรมะนี แต่ ่ ทีแรกผมไม่ รู ้ว่าสติชอบมันเป็ นแบบไหนค ้นหาคอม พังไปโทรศัพท ์หลายอันอ่านหนังสือตาแทบบอด ้ นง่ายเหมือนปอก แล ้วก็โลกียะ มันต ้องอย่างนี มั กล ้วยเข ้าปากเลยคร ับกินทางสายยางก็ว่าได ้ผมงม ้ งหมดแล ้ งายมานาน ตอนนี ทิ ้ว ไม่เอาแล ้ว ไร ้สาระ
ละตัวกูแบบลัดสั้น
พิสู จ น์ดูได ้ เวลามี ทุ ก ข ์ ให ร้ ะลึก ทัน ทีว่ า “ไร ้ ้ ้น”ไร ้สาระอย่าไปคิด สาระ” อะไรๆก็ไร ้สาระทังนั มัน” ทุกข ์น้อยๆจะหายไป ชีวต ิ จะว่างเย็น ปล่อย ้ วาง ทุ ก ข ห ์ นั ก ๆอาจผุ ด ขึนมาใหม่ ก็ ไ ร ้สาระ ใหม่ ต อ้ งอาศัย การฝึ กท าบ่ อ ยๆ ยิ่งท ายิ่งดับ ทุ ก ข ไ์ ด เ้ ก่ ง เพราะทุ ก ข เ์ กิด จากการให ส้ าระ ้ ้น ทุกข ์จึงดับได ้ทันทีเมือเลิ ่ กให ้สาระเก่งๆ ทังนั
พระพุทธเจ ้า ตรัสว่า “อนัตตา อสาระกัฏเฐนาติ” หมายความว่า “ความว่างจากตัวตน ย่อมมีได ้ เพราะเห็นความไร ้สาระแก่นสาร”
เราบอกแล้ว สาระย่อมไม่มีในเบญจขันธ์นี้. ภิกษุผู้มีความเพียรอันปรารภแล้ว มีสัมปชัญญะมีสติ พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลายอย่างนี้ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน. ๑๗/๑๓๖/๒๔๗
ให้สาระสิง่ ใด แล้วไม่ทุกข์ยอ่ มไม่มี จะปล่อยวางได้กต็ อ้ งเลิกให้สาระ จะไม่ยดึ มัน่ ได้กต็ อ้ งเลิกให้สาระ จะเลิกอยากได้กต็ อ้ งเลิกให้สาระ จะไม่ยนิ ดียนิ ร้ายได้กต็ ้องเลิกให้สาระ “ไร้สาระ”ตัวเดียวถอนได้ถงึ รากถึงโคน FB……. เพจ ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://web.facebook.com/SamasukhoPikkhu สวนโมกข์ไพศาลี อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ T 0851983255
้ ้ ้ ่ ้ ้
่
่
ให้สาระสิง่ ใด แล้วไม่ทุกข์ยอ่ มไม่มี จะปล่อยวางได้กต็ อ้ งเลิกให้สาระ จะไม่ยดึ มัน่ ได้กต็ อ้ งเลิกให้สาระ จะเลิกอยากได้กต็ อ้ งเลิกให้สาระ จะไม่ยนิ ดียนิ ร้ายได้กต็ ้องเลิกให้สาระ “ไร้สาระ”ตัวเดียวถอนได้ถงึ รากถึงโคน FB……. เพจ ธรรมะติดดิน สมสุโขภิกขุ https://web.facebook.com/SamasukhoPikkhu สวนโมกข์ไพศาลี อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ T 0851983255