หนังสือแนะนำ�แหล่งท่องเทีย่ วและของดี จังหวัดสมุทรปราการ
Issue 21 ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๒๑ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓ Vol. 7 | No. 21 July - August 2020
Folk Arts: The magnificence with a tale องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ
4
สารจาก...
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ
ยุทธศาสตร์ส�ำคัญในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของจังหวัด สมุทรปราการ นอกจากการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้เป็น อุตสาหกรรมสะอาดที่อยู่กับชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และส่งเสริมพัฒนาระบบเศรษฐกิจในมิติอื่นๆ แล้ว การพัฒนา กิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ศิลปวัฒนธรรม ก็เป็นหนึ่ง ในเป้าหมายส�ำคัญในการพัฒนาด้วยเช่นกัน ความได้ เ ปรี ย บประการหนึ่ ง ของจั ง หวั ด สมุ ท รปราการ คือความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจ ของชาวจังหวัดสมุทรปราการเป็นพืน้ ฐาน ประกอบกับการส่งเสริม การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ทางจังหวัดได้วางแนวทางมาอย่าง ต่อเนื่อง ท�ำให้ตลอดทั้งปีของจังหวัดสมุทรปราการมีประเพณี ที่ ดึ ง ดู ด นั ก ท่ อ งเที่ ย วจากต่ า งถิ่ น เข้ า มาชื่ น ชมและร่ ว มสนุ ก ในงานประเพณีกนั อย่างหนาตา ไล่มาตัง้ แต่ตน้ ปีอย่างงานเทศกาล โคมไฟนานาชาติ งานสงกรานต์พระประแดง ซึ่งจะมีประเพณี แห่หงส์ธงตะขาบของพี่น้องชาวมอญ ประเพณีแห่หลวงพ่อปาน ประเพณีรบั บัว ประเพณีแห่ผา้ ห่มองค์พระสมุทรเจดีย์ ซึง่ ล้วนเป็น เอกลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการมาแต่ดงั้ เดิม นอกจากงานประเพณีซึ่งช่างฝีมือชาวจังหวัดสมุทรปราการ จะได้ มี โ อกาสแสดงฝี มื อ อั น เป็ น ศิ ล ปะท้ อ งถิ่ น ผ่ า นผลงาน ต่างๆ แล้ว ในงานส�ำคัญหรือพิธกี รรมเล็กๆ กระทัง่ สินค้าชุมชน ก็ล้วนมีผลิตผลทางภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดส่งผ่านกันมาทั้งสิ้น และความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมดังที่ว่านี้เอง ที่เป็นแรงหนุน ให้ เ กิ ด ความยั่ ง ยื น ด้ า นการท่ อ งเที่ ย วของจั ง หวั ด ซึ่ ง ทาง คณะผู้บริหารก็ได้เล็งเห็นความส�ำคัญและวางนโยบายในการ ส่งเสริมภูมิปัญญาเหล่านี้ให้สามารถคงอยู่ รวมถึงต่อยอดและ พัฒนาอย่างสร้างสรรค์ตอ่ ไป
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
5
Message from...
Samutprakan Provincial Administrative Organization
Another significant strategy in driving Samutprakan’s economy forward aside from promoting the industrial segment into a sustainable green industry alongside the community and environment, or promoting various dimensions of economic development, is to boost the development of eco-tourism as well as cultural art activities. One of Samutprakan’s best advantages is the cultural strength forged by the unity and harmony of Samutprakan residents, together with the cultural tourism promotion that the province has continuously been planning on. As a result, the province keeps attracting more tourists with an array of traditions and festivals all year long, ranging from the International Lantern Festival, Phra Pradaeng Songkran Festival with the signature Swan And Centipede Flag Procession by the Mon fellows, Luang Pho Pan Procession, Rap Bua (Lotus Receiving) Festival, to Phra Samut Chedi Red Robe Procession, all of which have been exclusive charms and identity of Samutprakan since the beginning. In addition to the traditions and festivals, Samutprakan craftsmen are presented with numerous opportunities to demonstrate their local art skills through various works at both major events and small ceremonies. Even community products are all the fruitful production from local wisdom inherited through generations. Evidently, this cultural strength is a key driving force towards sustainable tourism within the province that the administrative team has long foreseen the importance and laid out policies to further preserve, creatively enhance and promote local wisdom in the future
July - August 2020
ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๒๑ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓ Vol. 7 / No. 21 July - August 2020
ที่ปรึกษา
นายวิมล มงคลเจริญ
ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่ นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสมุทรปราการ คณะท�ำงาน
นายธนวัฒน์ กล�่ำพรหมราช รองปลัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวทองดี กูลศิริ หัวหน้าส�ำนักปลัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด นางสุรีวัน สุขพัตร์ หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป นางสาววชิราภรณ์ บุญเสริฐ นักประชาสัมพันธ์ช�ำนาญการ นางสาวชนันรัตน์ สมณศักดิ์ นักประชาสัมพันธ์ช�ำนาญการ นางปวีณา สีค�ำ เจ้าพนักงานธุรการช�ำนาญงาน นางสาววรลักษณ์ เมฆสังข์ ผู้ช่วยนักประชาสัมพันธ์ จัดพิมพ์โดย
องค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ถนนสุทธิภิรมย์ ต�ำบลปากน�้ำ อ�ำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ๑๐๒๗๐ โทรศัพท์ ๐ ๒๓๘๙ ๐๖๐๐ แฟกซ์ ๐ ๒๓๙๕ ๔๕๖๐ ต่อ ๒๐๙ ผลิตโดย
โรงพิมพ์ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย โทรศัพท์ ๐ ๓๕๒๔ ๘๐๐๐ ต่อ ๘๕๓๓, ๘๕๕๕, ๘๕๕๖ โทรสาร ๐ ๓๕๒๔ ๘๐๐๐ ต่อ ๘๕๔๕
consultant
Mr. Wimol Mongkolcharoen
Chief Administrator of the PAO Acting as Chief Executive of the Samutprakan PAO working group
Mr. Tanawat Klamprommarach Deputy Chief Administrator of the Samutprakan PAO Miss Tongdee Kulsiri Head of the office of the PAO Mrs. Sureewan Sugapat Chief of General Administration Subdivision Miss Wachiraporn Boonsert Public Relations Officer, Professional Level Miss Chananrat Sommanasak Public Relations Officer, Professional Level Mrs. Paweena Sikham General Service Officer, Experienced Level Miss Woralak Maeksang Public Relations Assistant Published by
Samutprakan Provincial Administrative Organization Suthipirom Road, Paknam Subdistrict, Mueang Samutprakan District, Samutprakan Province 10270 Tel. 0 2389 0600 Fax 0 2395 4560 ext. 209 created by
Mahachulalongkornrajavidyalaya Press Mahachulalongkornrajavidyalaya University Tel. 0 3524 8000 ext. 8533, 8555, 8556 Fax 0 3524 8000 ext. 8545
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
7
Editor'S Talk
welcome ทุกๆ ครั้งที่ได้ ไปเที่ยวชมงานประเพณี หรือ ร่วมในพิธีส�ำคัญในจังหวัดสมุทรปราการ นอกจาก จะรูส้ กึ ได้ถงึ ความศรัทธาอันยิง่ ใหญ่ทดี่ งึ ความร่วมใจ ของคนในแต่ละชุมชนเข้าไว้อย่างเป็นอันหนึง่ อันเดียว ซึ่ ง แสดงให้ เ ห็ น ผ่ า นความงดงามตระการตา ของพิ ธี เ หล่ า นั้ น แล้ ว สิ่ ง หนึ่ ง ที่ เ รามั ก อดไม่ ไ ด้ คือการใช้เวลาพินิจพิเคราะห์ถึงรายละเอียดของ งานฝีมอื ทีส่ อดแทรกอยูใ่ นองค์ประกอบของงานพิธี ที่ ล ้ ว นแล้ ว แต่ เ ป็ น ฝี มื อ ของช่ า งในแต่ ล ะท้ อ งถิ่ น ซึง่ ต่างประดิดประดอยสร้างสรรค์อย่างประณีตบรรจง ไม่ละเลยแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ และด้วยงานฝีมือเหล่านั้นเอง เป็นที่มาให้เรา หยิบเอาความน่าสนใจของเครื่องประกอบในงาน ประเพณีและพิธีกรรมของคนท้องถิ่น ซึ่งยึดโยง ความเชื่ อ และความศรั ท ธาผ่ า นยุ ค สมั ย มาสู ่ ค น รุ ่ น ปั จ จุ บั น ที่ ยั ง สื บ สานอั ต ลั ก ษณ์ ท างภู มิ ป ั ญ ญา เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยหวังว่าในโอกาสต่อไป ที่คุณผู้อ่านได้เข้าร่วมงานประเพณีหรืองานส�ำคัญ ต่างๆ ไปจนถึงพิธกี รรมของชาวจังหวัดสมุทรปราการ จะได้เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในงานอย่างถ่องแท้ ยิง่ ขึน้
Every time we visit a traditional festival or attend an important ceremony in Samutprakan, aside from being able to w i t n e ss s u c h a m a z i n g fa i t h t h a t harmoniously unites the people within the community via the events magnificence, we could not help cherishing all the meticulous elements crafted by local artisans, even their tiniest details. In fact, these handicrafts have inspired us to present the fascinating aspects of local ritual and ceremonial objects bound to their beliefs, faith, identity, and local wisdom, which have been heartily preserved through the change of eras to the present generation. We truly hope that during your next visit to a traditional festival, significant event, or ceremony of Samutprakan residents, you will be able to better comprehend the underlying meanings of each artwork. As usual, this issue of @SAMUTPRAKAN still selects and serves intriguing stories and tourist attractions in Samutprakan to our dear readers, making sure your every destination in Samutprakan is filled with precious memories
facebook.com/ samut.magz.54
และเช่นเดียวกับที่ผ่านมา @SAMUTPRAKAN ฉบับนี้ ยังคงคัดสรรเรื่องราวและสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจของจังหวัดสมุทรปราการมาสู่คุณผู้อ่าน อย่ า งเต็ ม อิ่ ม เพื่ อ ให้ ทุ ก จุ ด หมายปลายทางใน สมุ ท รปราการของคุ ณ มี เ รื่ อ งเล่ า ต่ อ ได้ อ ย่ า ง ไม่สนิ้ สุด
July - August 2020
contents
issue 21
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓ July - August 2020
42
76 36
Update 12
MUST VISIT
แหล่งท่องเทีย ่ วใหม่ๆ ทีห ่ า้ มพลาด
พิพิธภัณฑ์พญาวานร ในวัดบางพลีน้อย Phaya Wanon Museum in Wat Bang Phli Noi
14
The Origin
เกร็ดน่ารู้เมืองปากน�้ำ Paknam Tips
เกร็ดต่างๆ ทีน ่ า่ สนใจ ของเมืองปากน�ำ้
16 Once Upon A Time เรือ ่ งเก่าเล่าอดีต
ลัดโพธิ์ ลัดน�้ำ ลัดทาง Lat Pho: Bypassing the water. Bypassing the route. 18 Travel FACTS
เรือ ่ งท่องเทีย ่ วน่ารู้
20 SMPK Event
Feature
28 Cover journey
อัปเดตสมุทรปราการ
สมุทรปราการจัดพิธีบวงสรวง ขออนุญาตพระแม่ธรณีตอกเสาเข็ม เดินหน้าโครงการ Sky Walk Samutprakan Held Offering Ceremony to Mother Earth Goddess For Pile Driving Permission And Gear forward Skywalk Project
ศิลป์พื้นบ้าน ในความงามมีเรื่องเล่า Folk Arts: The magnificence with a tale 66 Art Tales
22 Local Language
68 Getting Around
ภาษาสมุทร
ทะแย Tha Yae
24 Get Ready
พร้อมเทีย ่ ว
มี ๕ แอปพลิเคชันคู่ใจ จะเที่ยวถึงไหนก็ไปกัน With 5 travel buddy applications, the sky is the limit.
26 Map
แผนทีท ่ อ ่ งเทีย ่ ว
พร้อมเทีย ่ วเมืองปากน�ำ้
เส้นทางศิลป์
เทีย ่ วรอบเมือง
ก้าวเท้าเข้า “สุวรรณภูมิ” ท่องอดีตของดินแดนปัจจุบัน Inside “Suvarnabhumi”: A Journey to the past of today’s land
76 Solo Traveler เทีย ่ วคนเดียว
ไปเช้าเย็นกลับ เที่ยวพระสมุทรเจดีย์ ได้ครบทุกรส One-Day Trip Discover all flavors of Phra Samut Chedi
108 118
88
Green Trip
98 Culture of paknam
112 Café Story Lasunya Kafe 84 Nature งานศิลปะพืน ้ บ้าน ส่วนผสมที่กลมกล่อมของดีไซน์ Attractions กระเป๋าสานใบจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความอร่อย เทีย ่ วธรรมชาติ ของชาวบ้านผู้โตมาในป่าจาก Lasunya Kafe: สวนสาธารณะป้อมปีกกา Handwoven Nipa-Palm Where design meets สวนหย่อนใจใกล้บ้านของชาวปากน�้ำ Leaf Bag The local wisdom deliciousness Pom Peek Ka Public Park of the villagers who grew up Rockk Cafe Coffee & Inspire The recreation park close among nipa-palm forests ร้านกาแฟของนักดนตรีรอ็ ก ทีล่ ะมุน to home of Paknam People ด้วยบรรยากาศของห้องนัง่ เล่นและต้นไม้ 102 Souvenir Rockk Cafe Coffee & Inspire 88 Going Green สุดยอดผลิตภัณฑ์ชม ุ ชน A Rock Musician’s cafe ชุมชนสีเขียว กินดี มองโลกดี กุ้งอบกรอบโอคุง with a mellow vibe of เรื่องเล่าของกะลา ธรรมชาติข้างทาง ไม่พงึ่ วัตถุกนั เสีย living room and trees ที่กลายมาเป็นภาชนะเลอค่า Eat Well. Live Well. ในถาดทองเหลือง Okung Shrimp Snack. 122 Stay Overnight The Tale of Coconut No Preservative Added. แนะน�ำทีพ ่ ก ั ในสมุทรปราการ Shells From sideways ปัญจะรีสอร์ท ปูนเปลือย ปูนสี nature to gracious Brilliant ส่วนผสมที่ลงตัวของการพักผ่อน containers in a brass tray Corner Panja Resort Raw concrete, colored concrete, a harmony Lifestyle 108 Gourmet for a good rest 82 Concept 94 Local Taste ความน้อยที่มากมาย 128 Viewfinder คุยหน้าเตากับอาหารพืน ้ บ้าน 82 Concept: มุมสวยสมุทรปราการ แกงส้มพริกสด Less is More Kaeng Som Phrik Sot 130 Calendar ปฏิทน ิ ท่องเทีย ่ ว
10
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
11
Update Must Visit | The Origin | OncE Upon a Time | Travel Facts | SMPK Event | Local Language | Get Ready | Map
July - August 2020
12
| Must Visit | Ph aya Wa non Mus eum
ทุ กองค์ ป ระกอบของพิ พิ ธ ภัณ ฑ์มีค วาม เชื่ อ มโยงกั บ พญาวานรทั้ ง หมด ตั้ ง แต่ หัวเสาก�ำแพง ประติมากรรมทีซ่ มุ้ บันไดทางเข้า บานประตู แ กะสลั ก วานรเกยู ร และมายู ร เสาภายในแกะสลั ก รู ป วานรแบบนู น ต�่ ำ ประกอบทั่ ว ตั ว เสา ทั้ ง เพดานและผนั ง เป็ น งานจิตรกรรมทีเ่ ล่าเรือ่ งราวเกีย่ วกับรามเกียรติ์ อั น มี พ ญาวานรอย่ า งหนุ ม านเป็ น ทหารเอก พร้อมส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุและรูปปัน้ วานร จ�ำนวนมาก เมื่อมาถึงที่นี่ สิ่งที่ควรท�ำเป็นอันดับแรก คือสักการะพญาวานร หลังจากชืน่ ชมความงาม และความประณีตของฝีมือช่าง จากรูปสลัก งานประติมากรรมต่างๆ จึงค่อยเดินขึ้นชั้น ๒ เพื่ อ ไปยั ง ลานอั น เป็ น ที่ ตั้ ง ของพญาวานร ในท่านั่งปักหลักองค์ลอย ความสูงรวมฐาน ๑๕ เมตร มีการตกแต่งอย่างสวยงามและ สอดแทรกเรื่องราวของพญาวานรไว้ทุกส่วน ไม่ว่าก�ำแพงระเบียง ระฆัง ฐานพญาวานร ฯลฯ ซึง่ พญาวานรนีเ้ ป็นเรือ่ งราวตัง้ แต่สมัยพุทธภูมิ ที่เล่าถึงการบ�ำเพ็ญเพียรของพญาวานรเพื่อ ที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ โดยมีวานรบริวารอีก ๘๐,๐๐๐ ตัว คอยอารักขา ที่ นี่ เ ป็ น หนึ่ ง ในสถานที่ ท ่ อ งเที่ ย วเชิ ง อนุรักษ์ ซึ่งชาวจังหวัดสมุทรปราการได้น�ำ ของมี ค ่ า มามอบให้ วั ด เก็ บ รั ก ษา รวบรวม และจัดแสดงให้คนได้เข้าชม และหากสังเกต จะเห็นว่าหน้าวัดนี้หันไปทางคลอง อันบอกถึง การเดินทางในอดีตที่ผู้คนสัญจรโดยทางน�้ำ และทุ ก ๆ ปี ใ นวั น รั บ กฐิ น ก็ จ ะจั ด ให้ มี ก าร แข่งเรือพายที่ล�ำน�้ำสายนี้ด้วย
พิพิธภัณฑ์พญาวานร ในวัดบางพลีน้อย หากขับรถอยู่บนถนนบางนา-ตราด มุ่งหน้า เข้ากรุงเทพฯ ช่วงอ�ำเภอบางบ่อ จะมองเห็น ป้ายเชิญชวนให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์พญาวานร อยู ่ ริ ม ทาง ด้ ว ยความสงสั ย เราจึ ง เบี่ ย ง พวงมาลัยเข้าไปตามค�ำเชิญชวนนั้น เมื่อข้าม สะพานข้ า มคลองบางพลี น ้ อ ย จึ ง มองเห็ น ประติมากรรมลอยตัวของพญาวานรองค์ใหญ่ ตั้งอยู่เหนืออาคารพิพิธภัณฑ์ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
พิพธิ ภัณฑ์พญาวานร จัดแบ่งพืน้ ทีอ่ อกเป็น ๒ ชั้น จัดสร้างโดยหลวงพ่ออนันต์ วิสุทโธ แห่ ง วั ด บางพลี น ้ อ ย ที่ มี ลู ก ศิ ษ ย์ ลู ก หาและ ชาวบ้านให้ความศรัทธาอยู่มากมาย ด้วยเป็น พระนักพัฒนาทีเ่ ปีย่ มเมตตาและเชีย่ วชาญงาน ด้านต่างๆ ทั้งเรื่องการรักษาโรคแผนโบราณ และเครื่องรางวัตถุมงคลอันเป็นที่เลื่องลือ
13
Phaya Wanon Museum
in Wat Bang Phli Noi s we were driving on BangnaTrat Road heading to Bangkok, in Bang Bo District area, we spotted a roadside signboard inviting us to visit Phaya Wanon (Monkey King) Museum. Out of curiosity, we crossed Bang Phli Noi Bridge and saw an enormous round-relief sculpture of Phaya Wanon on top of the museum building.
A
Phaya Wanon Museum is divided into two levels and was established by Luang Pho Anan Wisuttho of Wat Bang Phli Noi, a widely revered Buddhist developer monk with many fields of expertise including traditional medicine and renowned sacred amulets. Every element of the museum was associated with Phaya Wanon, for example, the decorations on the pillar and wall tops, the sculptures at the arched entrance stairway, and the wooden door panels carved with Ke Yun Monkey and Ma Yun Monkey. Inside, the interior pillars were carved in bas-relief with monkeys whereas the ceiling and walls were garnished with mural paintings depicting partial stories from the Ramakian with the Monkey King, Hanuman, as the great soldier. There were also exhibition zones for a large number of antiques and monkey king statues.
wonderfully decorated and embedded with stories of Phaya Wanon in every inch including the terrace walls, the bell, and the statue base. The stories traced back to Buddha’s time when Phaya Wanon perseveringly practiced virtues in order to be born as a human being while being guarded by 80,000 servant monkeys.
The first should-do matter when coming here was paying homage to Phaya Wanon. Therefore, after admiring the meticulosity of carvings and sculptures, we went up the stairs to the second floor where the enormous round-relief sculpture of Phaya Wanon sitting tight and holding a baton was installed. The 15-meter tall (including the base) statue was
This place is one of eco-tourism destinations that Samutprakan residents have donated their treasured items to the temple to further conserve, gather and exhibit to the public. Also, with a quick notice, the temple faces the canal, which reflects how people traveled by water in the past. Every year, on Kathina Robe Receiving Day, a boat race is also held at this canal.
พิพิธภัณฑ์พญาวานร วัดบางพลีน้อย เลขที่ ๑ ต�ำบลบางพลีน้อย อ�ำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐ ๒๓๓๗ ๖๔๖๕ เปิดให้เข้าชม : เวลา ๐๘.๐๐-๑๘.๐๐ นาฬิกา Phaya Wanon (Monkey King) Museum, Wat Bang Phli Noi
1 Bang Phli No Sub-District, Bang Bo District, Samutprakan Tel. 0 2337 6465 Open from 08.00 am - 06.00 pm
July - August 2020
14
| The Or igin
Paknam Tips เกร็ดน่ารู้เมืองปากน�้ำ
ตลาดปากน�ำ้ ตลาดสดเก่าแก่ทอี่ ดุ มด้วยอาหาร ทะเลสด
หลายคนอาจไม่รวู้ า่ ตลาดปากน�ำ้ ทีเ่ ห็นกันอยูท่ กุ วันนีเ้ คยเป็น สถานีรถไฟปากน�้ำมาก่อน เมื่อรถไฟสายนี้สิ้นสุดสัมปทานลง พื้ น ที่ ทั้ ง หมดได้ ถู ก ปรั บ เปลี่ ย นไปจนแทบไม่ เ ห็ น ร่ อ งรอยเดิ ม และกลายเป็นตลาดสดที่เป็นศูนย์กลางการค้าและจับจ่ายของ ชาวปากน�ำ้ มาเนิน่ นาน นอกจากอาหารการกิ น ที่ อุ ด มสมบู ร ณ์ ทั้ ง ผั ก สด เนื้ อ สั ต ว์ เครือ่ งปรุง อาหารการกินต่างๆ แล้ว ตลาดปากน�ำ้ ยังขึน้ ชือ่ ในเรือ่ ง อาหารทะเลสด ซึ่งมีทั้งวางขายในแผงด้านในและริมทางเดินไปยัง ท่าเรือ ซึง่ ชาวประมงจะมาขึน้ ทีต่ ลาดปากน�ำ้ ตัง้ แต่เช้าตรู่ และเป็นที่ รู้กันว่าหากอยากได้วัตถุดิบจากท้องทะเลที่มีคุณภาพและราคาดี ทีน่ มี่ ไี ม่แพ้ตลาดอาหารทะเลไหนๆ
กินลม ชม “สะพานชมภูมปิ ระเทศ ป้อมพระจุลจอมเกล้า”
หากได้ ไ ปเที่ ย วชมพิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ห รื อ พั ก ผ่ อ นหย่ อ นใจที่ ป ้ อ ม พระจุลจอมเกล้า จะมองเห็นสะพานซึง่ ทอดยาวออกไปในแม่นำ�้ เจ้าพระยา สะพานแห่งนีม้ ชี อื่ เต็มว่า “สะพานชมภูมปิ ระเทศ ป้อมพระจุลจอมเกล้า” ซึง่ สร้างขึน้ เพือ่ เป็นการเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ มีลกั ษณะเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาวประมาณ ๑๑๐ เมตร กว้าง ๒.๕๐ เมตร เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาทางเรือ ด้านหน้าสะพานก่อสร้างลานคอนกรีตเสริมเหล็กรูปครึ่งวงกลมพื้นที่ ๑๕๐ ตารางเมตร ฐานรากชนิดมีเสาเข็ม พืน้ และเสาเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ราวลูกกรงจับท�ำด้วยไม้เนื้อแข็ง ปลายสะพานก่อสร้างศาลาพัก ขนาด ๖x๖ เมตร พร้อมบันไดทางขึ้นลงเรือและโซ่กันตก พร้อมระบบไฟฟ้า ส่องสว่างที่อ�ำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวซึ่งนิยมมาเดินกินลม ชมสะพานในยามเย็น Chawet: The symbol of sacred guardian spirits at Chao Pho Kromma Luang Khongphet Shrine
Paknam Market: The oldest fresh market abundant with fresh seafood Many may not realize that the familiar Paknam Market today used to be Paknam Railway Station. When the railway concession ended, the entire area was completely transformed into a fresh market, which has been a trading and shopping center among Paknam locals for so long. Aside from the abundance of fresh vegetables, meat, seasoning ingredients, and food variety, Paknam Market is also famous for the-second-to-none quality fresh seafood straight from the sea at a good price, available at the stalls inside the market, and along the walkway towards the pier.
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
The shrine has been deeply respected by the people of Bang Chalong Sub-District, Bang Phli District, and neighboring areas for over 200 years. Legend has it that when Kromma Luang Khongphet, the great general back in the Sukothai period, was defeated by the Myanmar army, he led the retreat back to Baan Bang Chalong. After he passed away, he reappeared in a dream asking a general to help search for the idol of Mae Ya hidden in a mountain cave in Kong Krai Lat District, Sukhothai. However, since only Mae Ya shrine was found, it was invited back to Bang Chalong and located next to Chao Pho Kromma Luang Khongphet Shrine, with “Chawet”, a carved wood in the shape of a Buddhist boundary marker, as the representative of the two sacred guardian spirits, Kromma Luang Khongphet and Mae Ya. Thereafter, Chawet bathing ceremony has become a significant tradition of Bang Chalong held on April 22-23 of every year.
15
ความงดงามของ “มัสยิดดารอสอาดะห์” หัวใจของชาวชุมชนปากลัด
ความงดงามของ “มัสยิดดารอสอาดะห์” สถาปัตยกรรมทีต่ งั้ ตระหง่าน อยูก่ ลางชุมชนปากลัด อ�ำเภอพระประแดง ซึง่ มีชาวมุสลิมอาศัยอยูเ่ ป็น กลุ่มใหญ่นั้น มีประวัติความเป็นมาอยู่เบื้องหลังที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะก่อนจะเดินทางมาถึงการเป็นสถานประกอบศาสนกิจหลังปัจจุบนั มัสยิดดารอสอาดะห์ผา่ นการก่อสร้างมาแล้ว ๓ ครัง้ ด้วยกัน ในครัง้ แรกนัน้ สร้างขึน้ ใน พ.ศ. ๒๓๖๗ เป็นไม้สกั ชัน้ เดียว ใต้ถนุ สูง เรือนไทยแบบมลายู หลังคาเป็นกระเบื้องวาว เสาไม้สักใหญ่หลายต้น มีนอกชานหรือระเบียง ประตูไม้สกั หนาสูงประมาณ ๓ เมตร ใต้ถนุ สูง บริเวณโดยรอบเป็นสวน มีสระน�้ำอยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนหลังที่ ๒ สร้างขึน้ เมือ่ พ.ศ. ๒๔๖๕ เพือ่ ทดแทนมัสยิดเรือนไม้เดิมทีห่ มดสภาพ ตามกาลเวลา เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น มีรูปทรงแบบ ผสมผสาน เช่น เสาแบบโรมัน หลังคาทรงจัว่ แบบไทย หน้าต่าง-ประตู แบบอาหรับ ยอดโดมแบบมลายู โดยมีผู้ออกแบบชาวอินโดนีเซียและ ช่างชาวไต้หวันเป็นผูท้ ำ� การก่อสร้าง ส่ ว นมั ส ยิ ด หลั ง ที่ ๓ หรื อ หลั ง ปั จ จุ บั น ก่ อ สร้ า งขึ้ น เมื่ อ ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นอาคารเสริมเหล็ก ๓ ชัน้ และมีชนั้ ใต้ดนิ มีพนื้ ทีใ่ ช้สอย ทั้งสิ้น ๑,๙๐๕ ตารางเมตร รองรับผู้ท�ำละหมาดได้ถึง ๑,๒๐๐ คน พร้อมสถาปัตยกรรมอันงดงาม และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวชุมชน ปากลัดแห่งนี้ The grace of “Masjid Daros Adah”: the heart of Pak Lat Community The grace of “Masjid Daros Adah” architecture amidst Pak Lat Community, Phra Pradaeng District, where a large group of Muslims live, has quite an interesting history because it had been under construction over three times before becoming the current religious place. In 1824, it was first established into a one-story teakwood building with a high-raised basement, Thai-Malay architectural design, glossy roof tiles, several enormous teakwood pillars, a terrace, a three-meter tall thick door panels, a garden in the surrounding, and a pond in the west. Reconstructed in 1922 to replace the deteriorated wooden Masjid, the second steel-reinforced concrete building had a mixed feature of Roman pillars, Thai gable roofs, Arabian windows and doors, and Malay Dome. It was designed by Indonesian designers and constructed by Taiwanese technicians. The third or the current Masjid was established in 2003 into a three-story steel-reinforced building with a basement and a utility space of 1,905 square meters that could accommodate up to 1,200 worshippers during Salat times. It is equipped with magnificent architecture and is the spiritual anchor of Pak Lat Community members.
July - August 2020
16
| On cE Upon a T ime | Lat Pho
ลัดโพธิ์
ลัดน�้ำ ลัดทาง Lat Pho:
Bypassing the water. Bypassing the route. ภาพอดีตทีเ่ ห็นอยูน่ ี้ คือภาพคลองลัดโพธิท์ เี่ พิง่ สร้างแล้วเสร็จ และภาพระหว่างการก่อสร้าง ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานภูมิพล ๑ และสะพานภู มิ พ ล ๒ โครงการอันเนื่อ งมา จากพระราชด�ำริของพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ที่พระราชทานไว้ ตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๓๘ เพือ่ บรรเทาปัญหาอุทกภัย และการจราจรบริเวณกรุงเทพฯ ด้านใต้ตอ่ เนือ่ ง ไปถึงจังหวัดสมุทรปราการในคราวเดียวกัน ด้วยแนวพระราชด�ำริ “ลัดน�้ำ” และ “ลัดทาง” ในการลั ด น�้ ำ นั้ น ทรงให้ ยึ ด หลั ก การ “เบีย่ งน�ำ้ ” คือย่นระยะทางในการระบายน�ำ้ ลงสู่ ทะเล เวลาที่น้�ำทะเลลด และปิดกั้นน�้ำทะเล เข้าพื้นที่เมื่อน�้ำทะเลหนุนสูง ด้วยการขยาย คลองลั ด โพธิ์ ที่ ตื้ น เขิ น เพี ย ง ๑-๒ เมตร ยาว ๖๐๐ เมตร และกว้าง ๑๐-๑๕ เมตร ให้กว้างขึ้น เพื่อใช้ระบายน�้ำที่หลากและท่วม สองฝั่งของแม่น�้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเลให้ทัน ก่ อ นน�้ ำ ทะเลหนุ น และปิ ด คลองลั ด โพธิ์ เมื่อน�้ำทะเลหนุนเพื่อหน่วงน�้ำทะเลให้ลัดเลาะ ไปตามแนวแม่ น�้ ำ เจ้ า พระยาที่ ค ดโค้ ง ถึ ง ๑๘ กิโลเมตร เมื่อถึงเวลาน�้ำลงก็เปิดประตู ระบายน�้ำออกทางคลองลัดโพธิ์ จะท�ำให้น�้ำ ไม่สามารถขึ้นไปท่วมตัวเมืองได้ โดยในการ เวนคืนที่ดินนั้น ทรงมีรับสั่งอยู่เสมอว่า อย่าให้ ชาวบ้านเดือดร้อน การเวนคืนทีด่ นิ ต้องยุตธิ รรม ไม่เอาเปรียบคนในพืน้ ทีซ่ งึ่ เสียสละเพือ่ ส่วนรวม กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ส่วนพระราชด�ำริ “ลัดทาง” นัน้ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิ ต ร ทรงตระหนั ก ว่ า ปัญหาทีส่ ำ� คัญทีส่ ดุ อย่างหนึง่ ของชาวกรุงเทพฯ คือปัญหาการจราจร ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะน�ำไปสูป่ ญ ั หาอืน่ ๆ ต่อไป ทัง้ ปัญหาเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของราษฎร จึงพระราชทาน โครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพาน ภู มิ พ ล ๑ และสะพานภู มิ พ ล ๒ อั น เป็ น โครงข่ายถนนวงแหวนรอบกรุงเทพฯ ที่ช่วย คลี่คลายปัญหาการจราจรจากถนนในแนวรัศมี ที่กระจายออกจากพื้นที่ศูนย์กลางเมือง ซึ่งแม้ จะเป็นถนนวงแหวนรอบเล็กแต่มีคุณประโยชน์ มหาศาลในการ “ลัดทาง” และแก้ปัญหาจราจร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้านใต้ ต่อเนื่องไปจนถึง อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
17
P
hotos from the past you are currently witnessing were photos of Khlong Lat Pho Canal after its completion and the Industrial Ring Road, Bhumibol Bridge 1 and 2 during their construction. All projects were initiated by His Majesty King Bhumibol Adulyadej The Great (Rama IX) since 1995 (B.E. 2538) to alleviate the flood situations and traffic congestion from Southern Bangkok to Samutprakan at the same time according to “Lat Nam” (Bypassing the water) and “Lat Thang” (Bypassing the Route). To bypass the water, the King applied the principle of “water diversion”, cutting down the distance of water drainage route towards the sea during low tides, and blocking the seawater from overflowing into the area during high sea tides. Thus, Khlong Lat Pho Canal, formerly 1-2 meters shallow and 10-15 meters wide, was expanded to drain flash flood water that overflowed both banks of the Chao Phraya River into the sea just in time before the high sea tide returned and to block Khlong Lat Pho Canal when the seawater got high to delay the seawater by letting it travel along the 18-kilometer long winding bends of the Chao Phraya River. When it was time for low tide, the floodgate would be reopened to flush the water outwards Khlong Lat Pho Canal, preventing the city from being flooded. Moreover, the King strongly insisted the land expropriation must be proceeded with justice and never to take advantage of the locals who sacrificed for the larger public. Regarding “Bypassing the Route”, His Majesty King Bhumibol Adulyadej The Great realized one of the most severe problems for Bangkokians was traffic congestion and how it, without a proper solution, would lead to other problems including economic, and the people’s quality of life. Consequently, He graciously bestowed the construction initiatives of Industrial Ring Road, Bhumibol Bridge 1 and 2, forming into a ring road network around Bangkok, dispersing the traffic from downtown areas. Despite being a smaller ring road, it offered tremendous benefits in “bypassing the route” and solving the severe traffic condition of Southern Bangkok and all the way to Phra Pradaeng District, Samutprakan.
July - August 2020
18
| Tr ave l Facts
Let’s find out more about Samutprakan and its visitors. รู้เรื่องผู้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ และรู้จักจังหวัดสมุทรปราการให้มากยิ่งขึ้น
เปิดยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยว ในแผนพัฒนาจังหวัดสมุทรปราการ
การท่องเที่ยวเป็น ๑ ใน ๔ ประเด็นยุทธศาสตร์ ซึ่งบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาจังหวัดสมุทรปราการ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเทีย่ วเชิงนิเวศ ประวัตศิ าสตร์ และ ศิลปวัฒนธรรม โดยการพัฒนาแหล่งท่องเทีย่ ว สินค้า การบริการและประชาสัมพันธ์ให้เป็นทีร่ จู้ กั และประทับใจของนักท่องเทีย่ ว ทัง้ นี้ ได้จดั สรรงบประมาณด�ำเนินการประจ�ำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ไว้ ดังนี้
Unveil Tourism Strategies in Samutprakan Provincial Development Plan Tourism is one of the four major strategies in Samutprakan Provincial 5-Year Development Plan (2018-2022). It aims to promote ecotourism activities, history, and cultural art by developing tourist attractions, products, services and boosting public relations to create awareness and a good impression among tourists. The operating budget allocation for 2020 are as follows:
โครงการที่ ๑ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม และสิ่งอ�ำนวยความสะดวก เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวประจ�ำจังหวัด
๔๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โครงการที่ ๒
To develop the infrastructure of transportation and public facilities that link to tourist attractions in the province at a total of
เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน การท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ
Project 1
43,000,000 baht.
๑๙๕,๒๐๐,๐๐๐ บาท Project 2
to enhance Samutprakan Tourism competitiveness at a total of
195,200,000 baht.
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
19
โครงการที่ ๓ ส่งเสริมเส้นทางสินค้าโอทอป และบริการเพื่อการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรปราการ
๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท Project 3
to promote OTOP product routes and services for Samutprakan Tourism at a total of
โครงการที่ ๔
50,000,000 baht.
เพิ่มศักยภาพด้านการรักษา ความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว จังหวัดสมุทรปราการ
๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท Project 4
to raise the safety and security measures for tourists to promote a better image of Samutprakan Tourism at a total of
10,000,000 baht.
รวมงบประมาณ ในการด�ำเนินการทั้งสิ้น
๒๙๘,๒๐๐,๐๐๐ บาท Altogether, the total operating budget is 298,200,000 baht.
ที่มา : แผนพัฒนาจังหวัดสมุทรปราการ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) ฉบับทบทวน ประจ�ำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ Source: Samutprakan Provincial 5-Year Development Plan (2018-2020) Revised Edition for the Fiscal Year 2020 July - August 2020
20 | SMP K E vent
อบจ. สมุทรปราการจัดพิธีบวงสรวง ขออนุญาตพระแม่ธรณีตอกเสาเข็ม เดินหน้าโครงการ Sky Walk เมือ่ วันที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๓๙ นาฬิ ก า ที่ อุ ท ยานการเรี ย นรู ้ แ ละ หอชมเมื อ งสมุ ท รปราการ นายชนม์ ส วั ส ดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ เป็ น ประธานในพิ ธี บ วงสรวงขออนุ ญ าต พระแม่ธรณีเพื่อตอกเสาเข็มโครงการก่อสร้าง ทางเดิ น ยกระดั บ เชื่ อ มต่ อ สถานี ร ถไฟฟ้ า บี ที เ อส สายสี เ ขี ย ว (Sky Walk) บริ เ วณ ถนนสุขุมวิท-ถนนประโคนชัย หรือจากสถานี รถไฟฟ้าปากน�้ำ มายังอุทยานการเรียนรู้และ หอชมเมืองสมุทรปราการ โดยมี นายวิมล มงคลเจริญ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมุทรปราการ นายอิทธิชยั ชูเรณู ปลัดเทศบาล ปฏิบตั หิ น้าทีน่ ายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พนั ก งาน สมาชิ ก สภาองค์ ก ารบริ ห ารส่ ว น จังหวัดสมุทรปราการ และสมาชิกสภาเทศบาล นครสมุทรปราการ เข้าร่วมพิธี โครงการก่อสร้างทางเดินยกระดับเชือ่ มต่อ สถานีรถไฟฟ้าบีทเี อส สายสีเขียว (Sky Walk) กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
เป็นโครงการทีส่ ร้างขึน้ เพือ่ อ�ำนวยความสะดวก แก่ประชาชน ในการเข้าถึงบริการจากหน่วยงาน ราชการ รวมถึ ง ส่ ง เสริ ม การท่ อ งเที่ ย ว ศึ ก ษาประวั ติ ศ าสตร์ อั น ยาวนานจากอดี ต จนถึงปัจจุบนั ของจังหวัดสมุทรปราการ ซึง่ ได้ รวบรวมและจัดแสดงไว้ที่อุทยานการเรียนรู้ และหอชมเมืองสมุทรปราการด้วย ส�ำหรับโครงการนี้ ทางองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดได้ตั้งงบประมาณในการก่อสร้าง ทางเดิ น ยกระดั บ เชื่ อ มต่ อ สถานี ร ถไฟฟ้ า ๓ เส้ น ทาง โดยเส้ น ทางแรกเป็ น เส้ น ทาง สีเหลือง เชือ่ มกับเส้นทางสีนำ�้ เงินเข้าสูอ่ ทุ ยาน การเรี ย นรู ้ แ ละหอชมเมื อ งสมุ ท รปราการ ซึ่งจะผ่านถนนประโคนชัยเข้าสู่ถนนศรีสมุทร อันมีสถานที่ส�ำคัญ คือ ส�ำนักงานธนารักษ์ พื้นที่สมุทรปราการ ส�ำนักงานสรรพากรพื้นที่ สมุทรปราการ สูช่ นั้ ๒ ของอุทยานการเรียนรู้ และหอชมเมืองสมุทรปราการ เส้นทางที่ ๒ สายสีน�้ำเงิน เชื่อมจากรถไฟฟ้า BTS ไปยัง ศาลจังหวัดสมุทรปราการ และเส้นทางที่ ๓ สายสีเขียว เชื่อมจากรถไฟฟ้า BTS ไปยัง
เทศบาลนครสมุทรปราการ โดยมีความยาวทัง้ สิน้ ๖๕๐ เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง ๔๘๕,๗๐๐,๐๐๐ บาท และจะใช้ร ะยะเวลา ก่อสร้าง ๑,๐๙๕ วัน ทัง้ นี้ โครงการจะมีอาคารขึน้ ลง พร้อมลิฟต์ และห้องน�้ำส�ำหรับผู้พิการ มีบันไดเลื่อนเพื่อ อ�ำนวยความสะดวกให้แก่เด็ก สตรี และผูส้ งู อายุ และติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้และอุปกรณ์ ดับเพลิงด้วย
21
Samutprakan PAO Held Offering Ceremony to Mother Earth Goddess For Pile Driving Permission And Gear forward Sky walk Project n March 9, 2020, at 09.39 am, at Samutprakan Learning Park and City Tower, Chonsawat Asavahame, Chairman of Samutprakan Chamber of Commerce, presided at the offering ceremony to Phra Mae Thorani (Mother Earth Goddess) for permission to start the pile driving operation as a part of Sky Walk Construction from BTS Skytrain Green Line stations on Sukhumvit Road to Prakhonchai Road or Paknam BTS Station to Samutprakan Learning Park and City Tower. The ceremony w a s a l s o a t te n d e d b y W i m o n Mongkhoncharoen, Chief Administrator of Samutprakan Provincial Administrative Organization (PAO), acting on behalf of Samutprakan
O
Mayor, Itthichai Churenu, Municipal Clerk, acting on behalf of Mayor of Samutprakan City Municipality, together with the heads of governmental sectors, government officers, staffs, members of Samutprakan PAO Council and members of Samutprakan City Municipality Council. BTS Skytrain Green Line Station Linkage Sky Walk construction project was initiated to provide greater convenience for the public in accessing services by government agencies, to promote Samutprakan tourism and history from ancient times to the present, compiled and exhibited at Samutprakan Learning Park and City Tower.
For the project, PAO had set a Sky Walk construction budget to bridge 3 routes of BTS Skytrain stations. The first route is the Yellow Route, which connects with the Blue Route and leads to Samutprakan Learning Park And City Tower, passing Prakhonchai Road into Si Samut Road. Landmarks along the route include Office of Samutprakan Provincial Treasury, Samutprakan Area Revenue Office and the second floor of Samutprakan Learning Park And City Tower. The second route or the Blue Route connects from BTS Skytrain to Samutprakan Provincial Court. The third one is the Green Route, linking from BTS Skytrain to Samutprakan City Municipality. Altogether, the Sky Walk is 650 meters in distance, under a construction budget of 485,700,000 baht, and a construction period of 1,095 days. The project will offer up-down buildings, elevators, restrooms for disabled passengers, and escalators for more convenience of children, ladies and elders, and also install a fire alarm system and fire distinguishing equipment. July - August 2020
22
| Loc al La nguage
ทะแย
Tha Yae “ทะแย” มาจากค�ำภาษามอญว่า “ฮะเย่ะ” แปลได้ว่าร้องเพลง ดังนั้น เมื่อเราได้ยินค�ำว่า “ทะแยมอญ” ก็แปลได้ว่าการร้องเพลงมอญ นั่นเอง ในสมัยโบราณ คนมอญปากลัดจะนิยม เล่นทะแยมอญกันในทุกโอกาส ไม่ว่าจะงาน ขึ้นบ้านใหม่ งานบวช งานกฐิน งานศพ ส�ำหรับ การร้ อ งเพลงของคนมอญนั้ น มี ท้ั ง แบบร้ อ ง อย่างเดียว และร้องแบบมีการร�ำเข้ามาประกอบ เนื้อหาของเพลงมีท้ังการหยอกล้อหยอกเอิน การโต้ตอบ การเกี้ยวพาราสี ส่วนเครื่องดนตรี ที่ นิ ย มใช้ จ ะเป็ น ประเภทซอสามสาย จะเข้ ขลุ่ย นอกจากนั้นชาวมอญเองยังมีการแสดง ซึง่ ถือเป็นศิลปะชัน้ สูงทีเ่ รียกว่า “ร�ำมอญ” โดยใช้ เครื่องดนตรีหลายชนิดในนามของวงปี่พาทย์ เพื่ อ ประกอบการร� ำ โดยชาวมอญปากลั ด ได้ ต ้ น แบบการร� ำ รู ป แบบนี้ ม าจากชาวมอญ ปากเกร็ดทางฝั่งจังหวัดนนทบุรี นอกจากนั้ น ชาวมอญยั ง นิ ย มเพลงเรื อ ซึง่ เป็นเพลงทีใ่ ช้รอ้ งเกีย้ วพาราสีในช่วงระหว่าง เล่นเรือ ท�ำนองเพลงจะเป็นตัวบอกถึงจังหวะ
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
23
ของฝีพาย จังหวะดนตรีเป็นแบบไหน จังหวะ ฝี พ ายก็ เ ป็ น แบบนั้ น ปั จ จุ บั น ด้ ว ยยุ ค สมั ย ที่เปลี่ยนไป จึงมีจ�ำนวนคนมอญอยู่น้อยมาก ที่จะร้องเพลงมอญได้ นอกจากเรื่องของการ ร้ อ งร� ำ ท� ำ เพลงแล้ ว มอญปากลั ด ยั ง นั บ ถื อ ศาสนาพุทธควบคู่กับการนับถือผีด้วย ผีที่มี ความส� ำ คั ญ ต่ อ การด� ำ เนิ น ชี วิ ต ของพวกเขา เป็นอย่างมากคือผีบรรพบุรษุ (ผีเรือน) ซึง่ สถิตอยู่ ตามเสาเอกของบ้าน และผีเจ้าพ่อ ซึ่งถือว่าเป็น ผีที่คุ้มครองคนในบ้าน มอญปากลั ด มี ป ระเพณี ที่ เ เบ่ ง ออกเป็ น ๒ รูปแบบใหญ่ๆ คือ ประเพณีเกี่ยวกับชีวิต และประเพณีชุมชน โดยประเพณีที่เกี่ยวกับ ชีวิตเป็นเสมือนการรับรองสถานภาพใหม่ของ บุคคลให้สังคมทราบและเป็นแนวปฏิบัติทาง สั ง คม โดยใช้ ค วามเชื่ อ และความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ เป็ น เครื่ อ งรั บ รอง มั ก อ้ า งถึ ง พุ ท ธศาสนา และผี บ รรพบุ รุ ษ ส่ ว นประเพณี ข องชุ ม ชน เป็นหัวใจที่ท�ำให้คนในชุมชนมีความสามัคคีกัน เช่น ประเพณีสงกรานต์พระประแดง ประเพณี ส่งข้าวสงกรานต์
Tha Yae” comes from the Mon word “Ha Ye”, which means singing. Therefore, when we hear “Tha Yae Mon”, it simply means singing Mon songs.
“
In ancient times, Mon Pak Lat would perform Tha Yae Mon on all sorts of occasions from housewarming ceremony, ordination ceremony, Kathin ceremony to funerals. There were two types of Mon singing: the singing alone and the singing with a dance. The lyrics could be amusing, teasing, flirtatious or antiphonal. The popular musical instruments were classical Thai threestringed fiddle, three-stringed zither, and flute. In terms of high-art Mon performance, "Ram Mon (Mon Dance)" was usually performed to various musical instruments by a traditional Mon Pi Phat ensemble. The Mon Pak Lat received the dance style from the Mon Pak Kret in Nonthaburi. Moreover, Phleng Ruea (Boat Song) was also popular among Mon people as a courting song during a boat sail. The song melody usually determined
the paddling rhythm. As time changes, Mons who can still sing traditional Mon songs at the present become few in numbers. Other than singing and dancing, Mon Pak Lat have long been faithful in Buddhism and Ghosts at the same time. The ghosts that play an important role on their way of life are Phi Banpha Burut (Ancestor Ghosts), also known as Phi Ruean (Household Ghosts), residing in the main post of the house, and Phi Chao Pho (Lord Father Ghosts), who protect the family members. Mon Pak Lat traditions can be divided into two large categories: life-related traditions and community traditions. The former category is a way to certify a person’s new status to the public and serve as social practice guidelines using faith and sacredness as certifiers and often referred to Buddhism and ancestor ghosts. The latter is a key essential to the unity and harmony within the community, for instance, Phra Pradaeng Songkran Tradition and Song Khao Songkran Tradition (Mon Rice Offering Tradition). July - August 2020
24 | Ge t R e ady
มี ๕ แอปพลิเคชันคู่ใจ
จะเที่ยวถึงไหนก็ไปกัน
With 5 travel buddy applications,
the sky is the limit.
คู่มือการเที่ยวยุคนี้ไม่ใช่การพกพาไกด์บุ๊กติดกระเป๋าอีกต่อไปแล้ว เพราะการพกสมาร์ตโฟนแค่เครื่องเดียว จะช่วยจัดการความยุ่งยาก ในการเดินทางของคุณได้ทั้งหมดตั้งแต่วันที่เริ่มแพลนไปจนวันกลับ เราขอแนะน�ำให้คุณดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อคนรักการท่องเที่ยว เหล่านีม้ าไว้ แล้วทริปไหนๆ ก็จะง่ายไปหมด In this era, a travel guide is no longer carrying around a guidebook in your pocket because a smartphone can fix all your travel hassle from the day you start planning the trip to the day you return. We recommend downloading the following applications designed for travel-enthusiasts that make any trip a piece of cake.
Travel Expense Tracker จัดการเงินให้ทริปฉลุย
ความจริงทีน่ า่ เจ็บปวดคือเมือ่ ไปเทีย่ วแล้ว เงินหมดตั้งแต่ยังไม่จบทริป เพราะเผลอ จับจ่ายเพลินไปไม่รตู้ วั Travel Expense Tracker จะช่วยคุณวางแผน การใช้เงินระหว่างทริปด้วยบันทึกรายรับ (ทีอ่ าจไม่ม)ี รายจ่ายทีเ่ กิดขึน้ ตลอดการเดินทาง และช่วยค�ำนวณการเงินให้พอใช้ตลอดทั้งทริป โดยไม่ตอ้ งห่วงหน้าพะวงหลังว่า เอ๊ะ ! เงินจะพอมัย้ จะกินอะไรแพงๆ อีกสักมือ้ สองมือ้ ได้หรือเปล่า
Travel Expense Tracker: Keep your budget organized for a smooth trip
One of the most painful truths when going on a trip is running out of budget even before the trip ends. Travel Expense Tracker helps you organize your spending during the trip. It keeps track of income (although unlikely to happen) and expenses and manages enough flow for the whole trip so you will not constantly be agitated if you could afford a couple more luxurious meals.
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
25
Google Trips มีอะไรให้บอกกู๋
ปกติเรามักใช้ Google Maps ในการหา เส้นทางที่ไม่คุ้นเคย แต่ Google Trips ช่วยคุณได้มากกว่า Google Maps เพราะ นอกจากแผนที่เดินทางแล้วยังมีฟีเจอร์ ที่แนะน�ำที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ทั้งสถานที่ใกล้เคียง สถานที่ที่คุณ น่าจะชอบ หรือเลือกสถานทีต่ ามประเภททีค่ ณ ุ สนใจได้ แหล่งช้อปปิง้ ข้ อมู ลร้ า นอาหาร เส้นทางพร้อ มหมายเลขให้ โทรศัพ ท์ จ องโต๊ ะ ได้ทนั ที และยังแนะน�ำแพลนเทีย่ วในแต่ละวันด้วยการวางเส้นทางไว้ ให้ เป็นล�ำดับ ค�ำแนะน�ำเมือ่ เกิดเหตุฉกุ เฉินระหว่างทริป เรียกว่ามีแอปฯ นี้ แอปฯ เดียว ก็อนุ่ ใจ
Google Trips: Need something? Leave it to Uncle Goo.
Normally, Google Maps is an ally that helps us cope with unfamiliar routes but Google Trip can be handier than you imagined. Besides the travel maps, it has features that recommend accommodations, tourist attractions, neighboring places you might find interested, shopping destinations, restaurant information including the direction and contact number for a quick reservation, as well as optional daily travel plans prioritizing destinations along the route, or even emergency advice. With this one application, you can enjoy the trip at ease.
กันลืมด้วย PackPoint
เรือ่ งง่ายๆ ทีห่ ลายครัง้ ก็ทำ� เอาหลายคนพลาด อย่างนึกไม่ถงึ กับการจัดกระเป๋าเตรียมข้าวของ เพื่อออกเดินทาง หากของที่ลืมเป็นของใช้ จุกจิกคงไม่ยากทีจ่ ะหาซือ้ เอาข้างหน้า แต่ถา้ ของจ�ำเป็นทีไ่ ม่ได้มขี ายในร้านสะดวกซือ้ แล้ว เกิดลืมขึน้ มา ท�ำเอาทริปนัน้ เฉาได้เลย แอปพลิเคชัน PackPoint เป็น แอปฯ ทีอ่ อกแบบมาเพือ่ คนขีล้ มื ด้วยดีไซน์ทใี่ ห้คณ ุ ได้จดั ตารางท่องเทีย่ ว พร้อมเช็กลิสต์จ�ำนวนข้าวของที่ต้องเตรียมไป นึกอะไรออกก็บันทึกไว้ แต่เนิน่ ๆ ถึงเวลาจัดลงกระเป๋า คว้ารองเท้าออกไปได้เลย
Forget to forget with PackPoint
Packing travel bags is an easy task that many have failed unexpectedly. If it is miscellaneous knickknacks you forget, it would not be difficult to grab a new one along the way. However, if it is something indispensable that is unavailable at convenience stores, the whole trip could go sour. PackPoint is an application designed to help forgetful people organize their travel plans and checklist of what and how much should be packed. If something popped in your mind, just jot it down early so that when the time comes, you can pack in one go, grab your bags and ready to leave.
TAGTHAi ทักทายไทย
TAGTHAi อ่านว่า ทักทาย เป็นแอปพลิเคชัน ๓ ภาษา ที่ประกอบด้วย ไทย จีน และ อังกฤษ ทีเ่ สนอตัวเป็นผูช้ ว่ ยในการออกแบบ วางแผนเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยว ๔ รูปแบบ ทัง้ เทีย่ วในเมือง เทีย่ วแนวผจญภัย ท่องเทีย่ ว ธรรมชาติ และเที่ยวทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม โดยคุณ สามารถสร้างทริปของตัวเองแล้วให้แอปฯ ช่วยประมวลผลแนะน�ำตาราง เที่ยวที่ค�ำนวณเวลาจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งให้ โดยอัตโนมัติ สามารถ เลือกสายการบิน ทีพ่ กั พร้อมเปรียบเทียบราคาได้ ในแอปฯ เดียว และ ยังมีปมุ่ SOS ทีส่ ามารถขอความช่วยเหลือและติดต่อกับต�ำรวจท่องเทีย่ ว ต�ำรวจสายตรวจและปฏิบตั กิ ารพิเศษในพืน้ ทีไ่ ด้ทนั ที
TAGTHAi THAI Greetings
TAGTHAi, Thai for “greeting”, is a tri-lingual application consisting of Thai, Chinese and English. It offers assistance in planning a trip to interesting tourist destinations in four different styles: the city tour, the adventure tour, the nature tour, and the history, art and culture tour. Simply create your own trip and let the application process and recommend a travel schedule that automatically calculates timing from one stop to the next. You can also choose the airlines, accommodations, and compare prices within one application. Moreover, there is also an SOS button where you can immediately ask for help and contact tourist police or patrol and special operation police in the neighborhood.
ขับรถเที่ยวไทยไปกับ Thailand Tourism Map
แอปพลิ เ คชั น เส้ น ทางท่ อ งเที่ ย วทั่ ว ไทย ทีค่ รอบคลุมทัง้ ๗๗ จังหวัด ทีค่ ณ ุ สามารถ ค้ น หาแหล่ ง ท่ อ งเที่ ย วที่ เ ป็ น จุ ด หมายและ ใกล้เคียงซึง่ เน้นความอันซีน ทัง้ ยังมีขา่ วสาร เทศกาลท่องเที่ยวที่ชวนให้ออกเดินทางไปสัมผัสด้วยตัวเอง รับรองว่า จะให้มมุ มองใหม่จนคุณติดใจและอาจยกเลิกแพลนต่างประเทศไปเลย
A Road Trip in Thailand with Thailand Tourism Map
An application that offers tourism routes across 77 provinces in Thailand. You can search for your targeted tourist attractions or nearby places (mostly unseen), and find updated news on festivals and sightseeings that invite you to start a journey, experience it in person, and fall in love with the new perspectives that you might end up canceling your trip abroad for good.
July - August 2020
26 | map
1
Baan Khlong Bon Folk Museum
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านคลองบน
2
Baan Bang Krasop Learning Center ศูนย์การเรียนรู้บ้านบางกระสอบ
3
Lasunya KafÉ 4
Wat Phra Samut Chedi วัดพระสมุทรเจดีย์
5
6 Phi Suea Samut Fort ป้อมผีเสื้อสมุทร Pom Peek Ka Public Park สวนสาธารณะป้อมปีกกา
7
Sakhla Village
หมู่บ้านสาขลา
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
27
8
Suvarnabhumi Airport Museum พิพิธภัณฑ์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
9 12
82 Concept
10
11
Rockk Café Panja Resort ปัญจะรีสอร์ท Coffee & Inspire
Phaya Wanon Museum in Wat Bang Phli Noi พิพิธภัณฑ์พญาวานร ในวัดบางพลีน้อย
tourist map of samutprakan แผนที่ท่องเที่ยวสมุทรปราการ
July - August 2020
28 | Cove r Jou rneY
Folk Arts:
The magnificence with a tale ศิลป์พื้นบ้าน ในความงามมีเรื่องเล่า
“ศิลปะพื้นบ้าน” คือความงามที่ถ่ายทอดออกมาเพื่อประโยชน์ใช้สอย ในท้องถิ่น โดยการสร้างสรรค์ซึ่งสะท้อนถึงวิถีและอัตลักษณ์ของผู้คน ในท้องถิ่นนั้น และเรามักได้ชื่นชมผลงานเหล่านี้ผ่านงานประเพณี และพิธีกรรมส�ำคัญ ที่ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญจะได้แสดงฝีมือที่ได้เรียนรู้ และฝึกปรือสานต่อกันมาจากคนรุ่นเก่า @SAMUTPRAKAN ฉบับนี้ พาคุณไปรูจ้ กั กับช่างฝีมอื ผูอ้ ยูเ่ บือ้ งหลัง ความงดงามของเครือ่ งประกอบงานประเพณีและพิธกี รรม พร้อมเรือ่ งเล่า ทีท่ ำ� ให้เรารูถ้ งึ ความหมายทีซ่ อ่ นอยูใ่ นงานศิลป์อย่างมีทมี่ าทีไ่ ป Folk Arts” are the portrayal of beauty for the local benefits through creations that reflect the local way of life and identity. We can appreciate these works of art at important traditional festivals, rituals, and ceremonies where expert artisans demonstrate their skills and knowledge inherited and practiced from their forefathers.
“
This issue of @SAMUTPRAKAN will introduce you to master craftsmen behind magnificent traditional festivals and ceremonial objects along with the stories that will enlighten you on the hidden meanings of these masterpieces.
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
29
July - August 2020
30 | Cove r Jou rneY | Ba na na Stalk-C arvi ng
แทงหยวก
ภูมิปัญญาชาวบ้าน สู่ศิลป์ในงานพิธี
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
31
Banana Stalk-Carving
From a local wisdom to artistic crafts in wedding ceremony แทงหยวกเป็ น ศิ ล ปะพื้ น บ้ า นที่ ไ ม่ ใ ช่ แ ค่ มี ต้นกล้วยหน้าบ้านแล้วใครก็จะท�ำได้ แต่ต้อง อาศัยประสบการณ์ความช�ำ่ ชองของช่างโบราณ ซึ่ง ลุงบุญแถม เพชรประดิษฐ์ คือหนึ่งในนั้น
ด้ ว ยต้ น กล้ ว ยเอง มี คุ ณ ประโยชน์ หลายประการ รวมไปถึงส่วนของหยวกกล้วย ที่ ห ลายคนอาจมองว่ า เป็ น ขยะ จึ ง มั ก จะ ทิ้งขว้าง ทว่าด้วยภูมิปัญญาของคนไทยใน อดีต ได้นำ� เอาหยวกกล้วยมาแกะสลักลวดลาย เพื่อใช้ประกอบในพิธีกรรมและงานบุญต่างๆ โดยพิธีกรรมที่น�ำการ “แทงหยวก” หรือเรียก อีกชื่อว่าการแกะสลักหยวกกล้วยมาใช้เป็น
ส่วนประกอบในงานนัน้ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท หลักๆ คือ งานมงคล เช่น งานตัดจุก งานก่อ พระเจดีย์ทราย งานบวชนาค งานขึ้นบ้านใหม่ ซึง่ งานมงคลเหล่านีจ้ ะแทงหยวกเป็นเศวตฉัตร และบุ ษ บก เพื่ อ ใช้ ป ระดั บ บนขั น บาตร หรื อ กระถางน�้ ำ มนต์ ที่ น� ำ ไปประกอบพิ ธี โดยจะตั้งวางไว้ที่หน้าบ้านหรือทางเข้าหลัก ของงาน หรือถ้าเป็นงานแต่งงาน ก็จะแทงหยวก เป็ น ซุ ้ ม และตกแต่ ง เพิ่ ม ด้ ว ยกล้ ว ยไม้ เ พื่ อ เป็นทางเดินให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้เดินลอดซุ้ม เข้างานเพื่อความเป็นสิริมงคล หรือบางที่ก็จะ แทงหยวกให้ มี ลั ก ษณะเป็ น กอแล้ ว ปั ก เพิ่ ม ด้วยดอกกุหลาบลงไปเพือ่ ใช้เป็นฐานรับน�ำ้ สังข์
ลุงบุญแถมในวัย ๗๔ ปี กับผลงานการแทงหยวก ลุงบุญแถมอยู่กับศิลปะพื้นบ้านนี้มาเกือบทั้งชีวิต Uncle Bunthaem, 74 years old, and his banana stalk-carving work. He had been mingling with this folk art his entire life.
July - August 2020
32
| Cove r Jou rneY
anana Stalk-Carving is a folk art that not anyone who grows banana trees in their garden can specialize in fact, it requires experiences and sophisticated skills of ancient artisans such as Uncle Bunthaem Phetpradit.
B
แบบสเกตช์วาดด้วยมือของลุงบุญแถมก่อนเริ่มท�ำงาน Uncle Bunthaem's hand-sketched design before beginnning the work.
แต่หากเป็นงานอวมงคล เช่น งานศพ หรืองานตั้งอัฐิ คนสมัยก่อนจะนิยมแทงหยวก ในการประกอบปะร�ำพิธี ตั้งบนฐานปูนที่ใช้ เป็ น เตาเผาแบบถาวร หรื อ เป็ น เมรุ ล อย ที่ ส ามารถเคลื่ อ นย้ า ยได้ ซึ่ ง พอเราได้ เ ห็ น แบบร่างงานแทงหยวกทีล่ งุ บุญแถมเคยสเกตช์ ไว้ ในอดี ต แล้ ว ด้ ว ยลายเส้ น และความ หนักเบาของจังหวะในการใช้ดินสอฝนระบาย ต้ อ งบอกว่ า สมุ ท รปราการมี ช ่ า งฝี มื อ ดี ซ่อนตัวอยู่ และช่างไทยก็ไม่แพ้ชาติไหนในโลก ด้วยความละเอียดของเนื้องานที่ลุงบุญแถม บรรจงฝีมือลงไป แต่ปัจจุบันลักษณะของการ แทงหยวกที่ใช้ ในงานพิธีกรรมต่างๆ ได้ถูก เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามความเหมาะสม เช่น เมื่ อ เป็ น งานศพ จะนิ ย มแทงหยวกประดั บ บนฐานปูนที่ใช้ส�ำหรับตั้งโลงศพเพื่อเตรียม เผาหลอก ส่วนเวลาเผาจริง เขาจะน�ำศพไป เผาต่อที่วัด
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
Banana plant is full of splendid benefits including its stalk, often underestimated as a useless part and thus wasted. Nonetheless, with the local wisdom of Thai people in the old days, banana stalks were carved with intricate patterns and featured in religious ceremonies and merit-making events. There are two types of ceremonies that feature the art of Banana Carving, generally known in Thai as “Thaeng Yuak” (Banana Stalk-Piercing): auspicious ceremonies and funerals. At the auspicious topknot-cutting ceremony, sand pagoda forming tradition, ordination ceremony, traditional Thai housewarming ceremony, the banana stalks are carved into the shape of Sawettachat (white royal umbrella) and Bussabok (pavilion throne with multi-tiered pointed roofs) to decorate the water bowls, the monk’s alms bowls, or the large holy water bowl, usually placed at the housefront or
33
the main entrance of the ceremony. At wedding ceremonies, they are crafted into an arched entrance decorated with orchid flowers for the bride and groom to walk through for good fortune, and sometimes into clusters with roses as the bases of the water trays that receive the blessed water poured from the conch shell. On the other hand, at inauspicious ceremonies like funeral or ash-collecting ceremony, ancient people installed carved banana stalks atop the cement stand for a bier, used as a permanent crematorium or the movable crematorium. When we first saw Uncle Bunthaem’s old sketches of banana stalk-carving, the exquisiteness of each pencil stroke pattern, weight and rhythm could not hide the fact that Samutprakan was a sanctuary of highly skillful craftsmen or that Thai craftsmen were second to none.
At present, the traditional use of banana stalk carvings in rituals has partially changed for more appropriateness. For example, at funerals, carved pieces are decorated on the cement bier, under the casket at the sandalwood flower laying ceremony before the bodies are further transferred to the temple for actual cremation. Uncle Bunthaem, 74 years old, is a local of Phra Pradaeng by birth, who had always been interested in banana stalk-carving. Growing up among nature, fields and rice paddies, he naturally grew familiar with banana trees. His father was an alto xylophonist and whenever he went to perform music at temples, Uncle Bunthaem always tagged along with him to observe the alto xylophone playing. From home to the temple, his father would row his boat loaded with music instruments through moats and,
July - August 2020
34 | Cove r Jou rneY
along the way, Uncle Bunthaem would always spot elders helping each other cut the banana tree for the carving. It was not until one day when he was in Grade 2 that as he followed his father to an event and was out running down the moats during the break like usual, he ran into adults busy carving banana stalks. He stood there watching with excitement and could not help feeling how amazing it was. With underlying love for arts, when Uncle Bunthaem was a student, his drawing was honored with a Merit Award from Hem Vejakorn, a greatly influential artist of Thailand back in the era. Every day of practicing his drawing and xylophone, Uncle Bunthaem never missed the slightest chance during the break running to peek on the elders or traditional craftsmen as they were enthusiastically carving banana stalks. Grade 3 was when Uncle Bunthaem began to cut banana trees from the garden, collect leftover banana stalks, kept practicing on the carving according to what he had crystallized from experiences down the moat, and gradually mastered the art. He told us, “In those eras, I didn’t go anywhere on Saturday-Sunday because aside from my duty to climb the palm trees and cut the banana trees, I spent most of my time carving banana stalks using the files and hacksaws I borrowed from my brother who was a carpenter.” Uncle Bunthaem started to gain recognition in Phra Pradaeng neighborhood from his meticulous banana stalk carving of a Bussabok that supported the holy water bowl at his own son’s topknot cutting ceremony. It is true that Banana stalk-carving is a refined folk art that requires both skills and experiences, but it is as equally important to choose the right type of stalk for each carving pattern. The softer stalks are carved with decorative patterns in the middle and sandwiched with harder stalks that carry Kra Chang patterns. Moreover, extremely soft stalks are more appropriate for Fish-Tooth Kra Chang patterns. Colorful papers are inserted to accentuate the carving patterns, in the replacement of natural materials used by ancient craftsmen.
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ลุงบุญแถมวัย ๗๔ ปี เป็นชาวพระประแดง โดยก�ำเนิด ที่เริ่มมีความสนใจในเรื่องของ การแทงหยวกมาตั้งแต่เล็กๆ ชีวิตลุงบุญแถม สมั ย ยั ง เด็ ก ก็ เ หมื อ นเด็ ก บ้ า นสวนทั่ ว ไป ที่ใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติตามท้องไร่ท้องนา เรียกว่าตั้งแต่เกิดลืมตามาก็เห็นต้นกล้วยแล้ว พ่อของลุงบุญแถมเป็นนักดนตรีระนาดเอก เวลาทีพ่ อ่ ต้องไปแสดงดนตรีตามวัด ลุงบุญแถม จะต้องติดตามพ่อไปด้วยเป็นประจ�ำ โดยการ เดินทางจากบ้านไปวัดนั้น พ่อจะใช้วิธีแจวเรือ ขนเครื่องดนตรีผ่านร่องสวน ที่ระหว่างทาง ลุงบุญแถมมักจะได้เห็นคนเฒ่าคนแก่ก�ำลัง ช่ ว ยกั น ตั ด ต้ น กล้ ว ยเพื่ อ น� ำ มาแทงหยวก จนในช่วงชั้นประถมฯ ปีที่ ๒ ขณะลุงบุญแถม ตามพ่อไปออกงานเพื่อเรียนรู้การตีระนาดเอก ในช่ ว งว่ า ง ลุ ง บุ ญ แถมก็ มั ก จะไปวิ่ ง เล่ น
ตามท้องร่องอีกเช่นเคย จนไปเจอพวกผู้ ใหญ่ ก� ำ ลั ง แทงหยวกกั น อยู ่ ลุ ง บุ ญ แถมยื น มอง ด้วยความตื่นเต้น ในใจก็นึกไปว่า “โห…นี่มัน สิ่งมหัศจรรย์เลยนะ” และนอกจากลุงบุญแถม จะมีใจรักในเรือ่ งของศิลปะเป็นพืน้ ฐานอยูแ่ ล้ว สมัยลุงบุญแถมเป็นนักเรียน เขายังเคยวาดภาพ จนได้ รั บ รางวั ล ดี เ ด่ น จาก คุ ณ เหม เวชกร ซึ่งถือเป็นจิตรกรคนส�ำคัญของประเทศไทย ในสมัยนั้นเลยทีเดียว ในทุกวันของการฝึกวาดรูปและฝึกซ้อม ตีระนาด ลุงบุญแถมไม่เคยหยุดทีจ่ ะใช้เวลาว่าง ในการวิ่งไปแอบดูคนเฒ่าคนแก่ หรือช่างฝีมือ โบราณของชุมชนที่พวกเขาก�ำลังขะมักเขม้น ในการแทงหยวก กระทั่ ง จนวั น หนึ่ ง สมั ย มั ธ ยมฯ ปี ที่ ๓ เป็ น ช่ ว งอายุที่ลุงบุญแถม เริ่ ม ขึ้ น น�้ ำ ตาล เข้ า สวนตั ด กล้ ว ย เขาจึ ง
35
หน้าบ้านของลุงบุญแถมกับพื้นที่ท�ำงานที่เต็มไปด้วยวัสดุอุปกรณ์ และอัลบั้มภาพผลงานแทงหยวก รวมถึงโล่ประกาศเกียรติคุณหลายรางวัล The front of Uncle Bunthaem's house and his working space is packed with materials.
ลงมื อ แทงหยวกด้ ว ยวิ ช าที่ ตั ว เองแอบ ครูพกั ลักจ�ำมาจากประสบการณ์ชวี ติ ในท้องร่อง โดยลุ ง บุ ญ แถมน� ำ หยวกกล้ ว ยที่ ช าวบ้ า น เขาทิ้งแล้ว มานั่งทดลองแกะสลักลวดลาย ด้วยตัวเองจนเกิดเป็นความช�ำนาญ ลุงบุญแถม เล่ า ให้ เ ราฟั งถึ งภาพความทรงจ�ำของแกว่า “สมั ย นั้ น เสาร์ - อาทิ ต ย์ ไ ม่ ไ ด้ ไ ปไหนหรอก หน้าทีค่ อื ต้องไปขึน้ น�ำ้ ตาลและจะใช้เวลาไปกับ การปี น ตั ด ต้ น กล้ ว ยมาแทงหยวกนี่ แ หละ” ส่วนอุปกรณ์ ในการแทงหยวก ก็ไปขอตะไบกับ เลือ่ ยเหล็กมาจากพีช่ ายซึง่ เป็นช่างไม้ และเมือ่ เข้าสู่วัยของการมีครอบครัว ลุงบุญแถมก็เริ่ม มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันจนกลายเป็นที่รู้จัก ในอ� ำ เภอพระประแดงจากการแทงหยวก ในงานพิธีตัดจุกลูกชายของตัวเอง ซึ่งเป็นการ แทงหยวกเป็นบุษบกที่ใช้กับกระถางน�้ำมนต์ ในพิธีตัดจุกลูกชาย ส�ำหรับการแทงหยวกอันเป็นศิลปะพืน้ บ้าน ที่ต้องอาศัยความประณีตศิลป์น้ัน เรื่องของ ฝีมือและประสบการณ์ก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่อง ที่ส�ำคัญพอกันคือการเลือกประเภทของหยวก ให้เหมาะสมกับลวดลายที่ต้องการแกะสลัก ซึ่งส่วนของหยวกที่มีลักษณะนิ่มจะถูกน�ำมา แกะลวดลายเพือ่ ประดับไว้ ในช่วงกลาง ประกบ ๒ ด้านด้วยหยวกส่วนแข็งที่แกะเป็นลวดลาย กระจั ง ขณะที่ ห ยวกส่ ว นที่ อ ่ อ นมากๆ นั้ น เขาจะใช้ส�ำหรับแกะสลักเป็นลวดลายฟันปลา ส่วนกระดาษสีๆ ที่สอดไว้ด้านในก็เพื่อให้เห็น ลวดลายของงานแกะสลักที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งสมัย อดีตช่างจะใช้วัสดุธรรมชาติแทนกระดาษสี เหล่านี้
เรียนรู้การแทงหยวก กับลุงบุญแถมได้ที่ เลขที่ ๙/๑ หมู่ ๑ ต�ำบลทรงคนอง อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๑๓๓๒ ๙๐๖๕ Learn more about the art of Banana Stalk-Carving from Uncle Bunthaem at
9/1 Moo 1, Song Khanong Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 08 1332 9065 July - August 2020
36 | Cove r Jou rneY | Pra s at f ro m pap er and bam b o o
ปราสาท จากกระดาษและไม้ไผ่
ศิลปะมอญจากความศรัทธา
Prasat from paper and bamboo The Mon art of faith
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
37
บอกได้ เ ลยว่ า นี่ คื อ การน� ำ ศาสตร์ ข องการ ออกแบบทางทัศนศิลป์และการออกแบบงาน สถาปัตยกรรมมารวมเข้าไว้ด้วยกันได้อย่าง น่ามหัศจรรย์ ในรูปแบบของการสร้างปราสาท เพื่ อ ใช้ จั ด พิ ธี ศ พของพระมอญชั้ น ผู ้ ใ หญ่ หรือ “เมรุปราสาทมอญ” การจะสร้ า งเมรุ ป ราสาทมอญขึ้ น มา สั ก หลั ง นั้ น ต้ อ งเตรี ย มการและด� ำ เนิ น การ ก่อสร้างกันล่วงหน้านานเป็นปี หรือบางหลัง ถ้ารายละเอียดเยอะหน่อย ก็อาจใช้เวลาสร้างกัน นาน ๒-๓ ปี การสร้างเมรุปราสาทมอญนี้ อาจเทียบได้กบั การสร้างเมรุเผาศพของคนไทย หากความต่างกันจะเป็นเรื่องของรายละเอียด
ในงานโครงสร้าง ลวดลายการตอกฉลุ และ โทนสีที่ใช้ โดยหากเป็นช่างฝีมือดีในประเทศ พม่ า เอง ค่ า จ้ า งของการออกแบบและการ จั ด สร้ า งเมรุ ป ราสาทมอญอาจมี ร ายได้ ถึ ง หลั ก ล้ า น ส่ ว นภาพทั้ ง หมดที่ ผู ้ อ ่ า นก� ำ ลั ง เห็นอยู่นี้เป็นช่วงของการประกอบส่วนต่างๆ ของการก่อสร้างเมรุปราสาทมอญ ส�ำหรับพิธศี พ ของพระมอญชั้ น ผู ้ ใ หญ่ ที่ วั ด อาษาสงคราม พระอารามหลวง ในอ� ำ เภอพระประแดง เข้าด้วยกัน โดยมีผู้ออกแบบคือคนรุ่นใหม่ วัย ๓๐ เศษ ที่อาศัยอยู่ในชุมชนชาวมอญ ซึ่งได้รับไม้ต่อมาจากรุ่นพ่อซึ่งเป็นช่างโบราณ เป็ น ผู ้ ค วบคุ ม งานและลงมื อ ท� ำ ด้ ว ยตั ว เอง ร่วมกับชาวบ้านและพระสงฆ์ July - August 2020
38 | Cove r Jou rneY
สีร้อนแรงคือสีที่บอกถึงความเป็นศิลปะมอญ การสร้างปราสาท ๑ หลัง ต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจและความสามัคคีของกลุ่มผู้สร้างสรรค์งาน The vibrant colors indicate the Mon art. Building a Prasat requires both devotion and the unison among artisans.
มอญเป็ น ชนชาติ ที่ มี อ ารยธรรมเก่ า แก่ มีวัฒนธรรมและประเพณีที่สืบทอดต่อกันมา อย่ า งเคร่ ง ครั ด เรื่ อ งของการนั บ ถื อ ผี ส าง เป็ น หนึ่ ง ในความเชื่ อ ที่ มี ค วามส� ำ คั ญ มาก และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวที่ท�ำให้ชุมชนมอญ อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข พิธีกรรม อั น สื บ เนื่ อ งมาจากความเชื่ อ ในเรื่ อ งผี มี อ ยู ่ ในทุกช่วงชีวติ ของชาวมอญ ตัง้ แต่เกิด แต่งงาน มีลกู กระทัง่ จนวันทีส่ นิ้ ชีวติ นอกจากความเชือ่ เรื่องผีแล้ว ชาวมอญเองยังมีความเชื่อทาง พระพุ ท ธศาสนา โดยความเชื่ อ ทั้ ง สองนี้ ได้ ห ลอมรวมจนท� ำ ให้ เ กิ ด วั ฒ นธรรมของ ชาวมอญขึน้ ชาวมอญเชื่อในเรื่องการท�ำความดีละเว้น ความชั่ว พวกเขาเชื่อกันว่าการสั่งสมความดี ไว้มากๆ โดยเฉพาะการท�ำบุญ เมือ่ ตายไปแล้ว จะได้ขึ้นสวรรค์ และนั่นท�ำให้พวกเขานิยม ท�ำความดีด้วยการท�ำบุญผ่านพระสงฆ์ซึ่งเป็น ตัวแทนของพระพุทธศาสนา ซึง่ พระพุทธศาสนา ในอดี ต ของชาวมอญนั้ น มี พ ระมหากษั ต ริ ย ์ เป็นผู้อุปถัมภ์ แต่เนื่องจากปัจจุบันชาวมอญ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ในประเทศพม่ า สู ญ สิ้ น แผ่ น ดิ น มายาวนาน ขาดผู ้ น� ำ ซึ่ ง เป็ น พระมหากษั ต ริ ย ์ พระสงฆ์ จึ ง กลายเป็ น ผู ้ น� ำ คนส� ำ คั ญ ของชาวมอญ ยิ่งโดยเฉพาะพระสงฆ์ที่มีศีลาจารวัตรสูงส่ง จะเป็ น ที่ นั บ ถื อ และยอมรั บ ของชาวมอญ เป็นอย่างมาก เมือ่ มีการมรณภาพของพระสงฆ์ ชัน้ ครูหรือเจ้าอาวาส การสร้างเมรุปราสาทมอญ จึ ง เป็ น พิ ธี ก รรมส� ำ คั ญ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จากทั้ ง ใน รู ป แบบของการลงขั น กั น เองของชาวมอญ หรืออาจมีโยมอุปถัมภ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ซึ่งทุกวันนี้ช่างผู้ช�ำนาญในการออกแบบและ สร้างเมรุปราสาทมอญในรูปแบบของมอญ จริ ง ๆ ที่ อ าศั ย อยู ่ ใ นจั ง หวั ด สมุ ท รปราการ แทบจะไม่เหลืออยูแ่ ล้ว หนึง่ ในนัน้ คือ ช่างณะ หรือ คุณกฤษณะ ปุณณะการี ในการเตรียมการก่อสร้างเมรุปราสาทมอญ ของพระมอญชั้ น ผู ้ ใ หญ่ ที่ วั ด อาษาสงคราม พระอารามหลวงนี้ ช่างณะบอกกับเราว่ามีการ เตรียมการในการออกแบบและหาวัสดุมาตัง้ แต่ เมือ่ เดือนกรกฎาคม ปี ๒๕๖๒ ซึง่ ถึงวันทีเ่ รา ได้สนทนากันอยูน่ กี้ เ็ ป็นเวลานาน ๖ เดือนแล้ว
39 he miraculous integration between the science of visual art design and architectural design is portrayed in the form of Prasat (castle) building to arrange a funeral ceremony for high ranking Mon Monks or “Meru Prasat Mon (Mon Crematorium)”.
T
In order to build a Meru Prasat Mon, the preparation and building processes require at least a year in advance although those with extra special details can take up to two to three years. The Meru Prasat Mon is comparable to Thai crematorium but with different structural details, perforating patterns, and color tones. If crafted by skillful artisans in Myanmar, the design and the construction fee could worth some millions. The photos presented herewith were taken during the assembly of Meru Prasat Mon for the funeral of a high ranking Mon monk at Wat Asa Songkhram, a Royal monastery, in Phra Pradaeng District, with a 30-year old new generation living in a Mon community, who inherited the knowledge and skills from his ancient-artisan father, as the designer and the taskmaster who also participated in the making along with villagers and monks.
ช่างณะผู้รับไม้ต่อมาจากรุ่นพ่อกับความรู้ในการสร้างปราสาทมอญ มันคือทั้งศาสตร์และศิลป์ Artisan Na, who inherited the science and art of Mon Prasat construction from his father. Mon is a nation with ancient civilization, long and strictly inherited cultures and traditions. Ghost worshipping is one of many dearly significant beliefs and a spiritual anchor that keeps the Mon community in a peaceful harmony. The rituals based on the belief in ghosts exist in every life stage of Mon people from their birth, marriage, having children, and until their dying day. However, as Mon people are also faithful in Buddhism, the two beliefs
have been merged together and formed into the Mon culture. The Mons believe in doing good deeds and refraining from bad deeds. The more merits they earn, they could go to heaven after they pass away. Thus, they enthusiastically make merits via Buddhist monks, the representatives of Buddhism, once patronized by their kings in the old days. However, since the Mons in Myanmar have long lost their land and lacked of a king as their leader, the monks have become vital leaders of the Mons. The noble monks with a higher level of moral conduct, in particular, are profoundly respected and accepted among the Mons. When a Venerable Teacher monk or an abbot passes away, Meru Prasat Mon building is an important process that can take place either because Mon locals chip in or certain sponsors cover the expenses. Nowadays, it is extremely rare to find artisans, who are truly skilled in designing and building authentic Mon Meru Prasat Mon, in Samutprakan but one of them is Na or Kritsana Punnakari. In order to prepare the construction of Meru Prasat Mon for a high ranking Mon monk at Wat Asa Songkhram, the royal monastery, Artisan Na revealed that the design and material searching had begun since July 2019, and, as we were speaking, it had been six months since.
July - August 2020
40 | Cove r Jou rneY
การสร้ า งเมรุ ป ราสาทมอญ มี ลั ก ษณะ ร่ ว มกั น หลายประการกั บ เมรุ พ ระศพของ พระบรมวงศานุวงศ์ไทย เช่น คติความเชือ่ เรือ่ ง เขาพระสุเมรุ ตัวปราสาทประกอบด้วยอาคารทีม่ ี ยอดแหลม มีทางขึน้ ๔ ทาง ซ้อนด้วยหลังคา หลายชัน้ ตัวอาคารแบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลักๆ คือ ส่วนฐานพร้อมระเบียง ตัวเรือน และส่วนยอด หากเป็นพิธีเผาศพพระมอญระดับชั้นผู้ ใหญ่ ระดับสูงมากๆ จะนิยมสร้างตัวเรือนซ้อนทับกัน ขึน้ หลายชัน้ โดยวัสดุหลักๆ ทีใ่ ช้ ในการก่อสร้าง เป็นวัสดุที่หาได้ง่าย คือ ไม้ไผ่ ไม้ยูคาลิปตัส แป้ ง เปี ย ก กระดาษเขี ย นลายสี สั น ฉู ด ฉาด ในแบบฉบับของศิลปะมอญ ส่วนลวดลายที่ ประดับตกแต่งตัวปราสาทก็จะเป็นลวดลาย ทีค่ ล้ายคลึงกับศิลปะแบบพม่า โดยลวดลายบน กระดาษทัง้ หมดทีเ่ กิดขึน้ นัน้ ใช้การวาดมือแล้ว บรรจงตอกด้วยสิว่ ยึดกระดาษทีต่ อกลายแล้ว ด้วยไม้ไผ่เพือ่ เพิม่ ความแข็งแรงในการหยิบจับ แล้วจึงค่อยตกแต่งเพิ่มรายละเอียดอีกรอบ โดยตัวไม้ ไผ่นั้น ช่างผู้ช�ำนาญต้องรู้จักเลือก หน้าไม้ด้วย เพราะหากเลือกไม่เป็น ไม้ ไผ่ที่ น�ำมาใช้กจ็ ะถูกมอดกินได้งา่ ย
“สี สั น ลวดลายที่ เ ห็ น อยู ่ บ นกระดาษ ทั้ ง หมดนี้ จริ ง ๆ แล้ ว มาจากความหมาย ของทองและเพชรนิ ล จิ น ดาที่ ต ้ อ งสว่ า งไสว เปล่งปลัง่ ขึน้ มา โดยเราใช้วธิ ปี รับรูปแบบด้วย การใช้ สี ส ดเหล่ า นี้ แ ทนค่ า แทนความหมาย ซึ่งก็อยู่ที่ว่าช่างคนไหนจะเลือกใช้สีโทนร้อน หรื อ โทนเย็ น อย่ า งสี แ ดงหรื อ สี ช มพู ที่ เ ห็ น ผมใช้อยู่นี่ก็แทนค่าของเพชรพลอยโดยมีการ ใส่ลวดลายของดอกไม้เข้าไป ต้องบอกว่าถ้าให้ ช่ า งผู ้ ช� ำ นาญมานั่ ง ออกแบบกั น ๑๐ คน ทัง้ ๑๐ คนก็จะเลือกใช้สแี ละลายทีไ่ ม่เหมือนกัน เลย เพราะช่างแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์ ในการ ออกแบบทีต่ า่ งกัน ดีเทลงานเหล่านีไ้ ม่ได้มอี ะไร บังคับตายตัว เพียงแต่ต้องท�ำภายใต้เงื่อนไข ของโครงหลั ก ๆ คื อ ต้ อ งมี ฐ าน ตั ว เรื อ น (ชัน้ ทีใ่ ช้เผา) และชัน้ ยอด ซึง่ เหล่านีเ้ ป็นศิลปะ ในแบบมอญทัง้ หมด” สถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้นในพิธีศพพระสงฆ์ มอญนั้น ถื อ เป็ น หั ต ถศิ ล ป์ ที่เ กิ ด จากความ ศรัทธาของชาวมอญทีม่ ตี อ่ พระพุทธศาสนาและ สืบสานกันมาจากรุน่ สูร่ นุ่ อันก่อให้เกิดพิธกี รรม อืน่ ๆ อีก เช่น มอญร้องไห้ แย่งศพมอญ ร�ำมอญ
ไกวศพ และทั้ ง หมดนี้ จึ ง แสดงให้ เ ห็ น ว่ า การออกแบบไปจนการสร้างเมรุปราสาทมอญ เพื่อจัดพิธีศพพระมอญชั้นครูบาอาจารย์นั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานออกแบบ แต่ยังถือเป็น สื่อกลางในการเล่าเรื่องราวของศิลปะในการ สร้างปราสาทส�ำหรับพิธีศพพระสงฆ์เพื่อให้ คนรุ่นใหม่ได้รู้จักด้วย ขณะเดียวกันส�ำหรับ คนนอกพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการหรือแม้แต่ คนในท้องถิ่น การได้มีโอกาสมาร่วมงานพิธี เผาศพพระมอญ ก็ถือเป็นการได้มาเรียนรู้ เชิงวัฒนธรรม เพือ่ ท�ำความรูจ้ กั กับภูมปิ ญ ั ญา พืน้ ถิน่ และศิลปะของท้องถิน่ นัน้ ๆ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
41
The construction of Meru Prasat Mon shares many common features with the royal crematorium for Thai Royal Family, for example, the beliefs in Mount Meru, the Prasat with a number of spires four stairways, and tiered roofs. The structure comprises three major parts: the base with a terrace, the main building, and the top tier. At the funeral ceremony for a senior or very high-ranking Mon monks, the main building is generally built with several overlapping layers featuring rather common construction materials such as bamboo, eucalyptus wood, starch paste, brilliant color papers with decorative patterns following the Mon art style. Similar to Burmese art, the elaborate patterns on the Prasat are hand-drawn on papers, skillfully perforated with chisels, fixed on bamboo for better durability when
grabbed before being garnished in details. Builders must be able to skillfully select the right type of bamboo to prevent wood-eating weevils. “All these colors and patterns on the papers actually represent the bright magnificent gold and jewels. We adjust the pattern and use these vibrant colors instead, although it depends on each artist whether to go with a warm or cold color tone. The red or pink I’m using here represents the precious gems but with additional floral patterns. Let’s say if we have 10 craft masters to come and work on the design, we’ll get completely different colors and patterns because everyone has his own unique style. There is no fixed rule for these decorative details as long as they meet the major criteria that there must be a base, a main
งานก่อสร้างเมรุปราสาทมอญ วัดอาษาสงคราม พระอารามหลวง ซอยพระแม่ดวงหทัยนิรมล ต�ำบลตลาด อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐ ๒๔๖๓ ๑๔๖๖
building (to be cremated), and a top tier, all in traditional Mon art style.” The architectures in funeral ceremonies for Mon monks are craftsmanship from the Mon’s faith in Buddism inherited over generations, which has brought along other funeral rituals such as Mon Rong Hai (Lamenting Mons), Yaeng Sop Mon (Mon Body Snatching), Ram Mon (Mon Dance), and Kwai Sop (Body Cradling). Thus, they are not just another design works but also a medium to depict stories through the art in building Meru Prasat Mon that new generations, Samutprakan locals and non-locals who attend the Mon Monk funeral ceremonies may discover more about the genuine local wisdom, culture, and art.
The Construction of Meru Prasat Mon, Wat Asa Songkhram - Royal Monastery
Soi Phra Mae Duang Haruethai Niramon, Talat Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 0 2463 1466 July - August 2020
42 | Cove r Jou rneY | Fa brics A nd P erf orat ed Pap er
ผืนผ้าและกระดาษตอกลาย บอกความหมายของธงตะขาบ
Fabrics And Perforated Paper: The whisper of the meaning of centipede flags กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
43
S
ธงตะขาบตอกลาย เมื่อตกแต่งด้วยธงและพู่เพิ่มแล้ว Perforated centipede flags decorated with flags and tassels.
wan and centipede flag procession is a tradition of Mon people in Phra Pradaeng to pay their homage to the Lord Buddha and to dedicate the merit to their ancestors. The key to the strong interconnection of the Mon tradition and culture, which have become a part of the local lifestyle is religion. Mon people in Phra Pradaeng believe in Theravada Buddhism, are knowledgeable in arts and literature, and are interested in Tripitaka, explaining their bond with the temple. The Mon temples also play a significant role in religious studies and stories. As a result, to understand the importance of traditions, it is essential to first understand religious beliefs. The swan and centipede flag procession derives from how the swan is a symbolic animal of the Mon nation and believed to be a representative of the Lord Buddha. Therefore, wherever the Mon migrate to, swan pillars are built in front of every Mon temple. The centipede flags or “A Lai Thia Ki” are flags crafted by Mon people as offerings to the Lord Buddha. There is a ceremony for draping these flags on the swan pillars. Once they are raised upon the pillars, it declares that the merit has taken place.
การชักธงตะขาบขึ้นเสา ธงงดงามด้วยลวดลาย ความประณีต และสัดส่วนที่พอดีกับเสา Raising the centipede flag with meticulous patterns and proportion up the pillars. At one point, this ancient Mon tradition
การแห่หงส์ธงตะขาบ ประเพณีของชาวมอญ ในอ� ำ เภอพระประแดงนั้ น เป็ น การบู ช า พระพุทธเจ้า และยังเป็นการท�ำบุญอุทศิ ส่วนกุศล ให้บรรพบุรษุ ทีล่ ว่ งลับไปแล้ว หัวใจส�ำคัญของ ประเพณีและวัฒนธรรมของคนมอญที่โยงใย จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคือศาสนา คนมอญ พระประเเดงนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาท มีความรู้ด้านอักษรศาสตร์ มีความสนใจใน พระไตรปิฎก ท�ำให้มีความผูกพันกับวัด และ วัดของคนมอญเองก็ยังมีบทบาททั้งในเรื่อง การเรียนรูว้ ชิ าและเรือ่ งราวทางศาสนา การท� ำ ความรู ้ จั ก ถึ ง ความส� ำ คั ญ ของ ประเพณีตา่ งๆ จึงจ�ำเป็นต้องเข้าใจถึงความเชือ่ ในศาสนาก่อน ในประเพณีแห่หงส์ธงตะขาบ ซึ่ ง เป็ น ประเพณี บุ ญ ส� ำ คั ญ นั้ น มาจากหงส์
ที่ เ ป็ น สั ต ว์ สั ญ ลั ก ษณ์ ป ระจ� ำ ชาติ ม อญและ เชื่ อ ว่ า เป็ น ตั ว แทนของพระพุ ท ธเจ้ า ดั ง นั้ น เมื่อชาวมอญอพยพไปอยู่ที่ใดจะมีการสร้าง เสาหงส์อยู่หน้าวัดมอญทุกวัด ส่วนธงตะขาบ หรือ “อะลายเทียะกี” คือธงทีช่ าวมอญท�ำขึน้ เพือ่ สักการบูชาพระพุทธเจ้า โดยจะมีพิธีแขวนไว้ บนเสาหงส์ นั้ น เมื่ อ มี การชั กธงขึ้ น เสาหงส์ จะเป็นการประกาศว่า บุญได้เกิดขึน้ แล้ว ครั้งหนึ่งประเพณีเก่าแก่แต่โบราณของ มอญนี้เกือบถูกท�ำให้หายไป เพราะกระแส นิยมชาติไทยในสมัย จอมพล ป. พิบลู สงคราม แต่ แ ล้ ว ชาวมอญในไทยก็ ไ ด้ จั บ มื อ กั น เพื่ อ ร่วมฟืน้ ฟูประเพณีดงั้ เดิมทีเ่ ป็นอัตลักษณ์ไม่ให้ ถูกลืมเมื่อ ๓๐-๔๐ ปีที่แล้ว หนึ่งในนั้นคือ ลุงเล็ก หรือ คุณพีระ กาบแก้ว ซึ่งอนุรักษ์ การท�ำธงตะขาบด้วยมือ
was almost wiped off due to the trend of Thai nationalism during Plaek Phibunsongkhram’s era. Fortunately, Mon people in Thailand gradually reunited to revive their ancient tradition and prevent this precious identity from being forgotten 30 to 40 years ago and one of the crew was Uncle Lek-Phira Kapkaew, who conserves centipede flag handcrafting. “I am crazy for the tradition and I will keep working on it until I can’t no more,” said Uncle Lek as he rested his hands from unrolling an enormous centipede flag for us. To him, the appropriate size of each flag depended on the height of the swan pillars. “I have to go see the pillars myself to create the right size of flags so that when the wind blows, the flags can sway beautifully and proportionately.”
July - August 2020
44 | Cove r Jou rneY
“ผมเป็นคนบ้าประเพณี และจะท�ำไปจน ท�ำไม่ไหว” ลุงเล็กพักมือจากการคลี่ธงตะขาบ ขนาดใหญ่ให้เราดู ซึง่ ขนาดความกว้างยาวของ ธงตะขาบแต่ละธงนั้น ส�ำหรับเขาแล้วขึ้นอยู่ ที่ว่าขนาดของเสาหงส์นั้นสูงเท่าไร เพื่อที่จะได้ ค�ำนวณขนาดของธงให้มีสัดส่วนเหมาะสมกัน “ผมต้องไปดูเสา เพื่อจะให้ธงที่ท�ำพอดีกับเสา เวลาลมพั ด ตั ว ตะขาบที่ เ ป็ น ธงจะได้ พ ลิ้ ว ใน อากาศสวยสมส่วน” ธงตะขาบเป็นธงยาวแนวดิ่งจากฟ้าสู่ดิน ท�ำด้วยผ้า มีไม้ไผ่ เชือกหรือด้าย และกระดาษสี แบบกระดาษทองตอกลาย “ที่ ต ้ อ งท� ำ เป็ น ตัวตะขาบเพราะเป็นไปตามเรื่องคติธรรมและ เรื่องทางโลก ในทางโลกนั้นตัวตะขาบเปรียบ เสมื อ นเป็ น ประเทศ ว่ า ถ้ า มี ผู ้ น� ำ แข็ ง แกร่ ง ประเทศก็จะเดินหน้าไปได้ตลอด เพราะตะขาบ เป็นสัตว์ที่มีลูกเยอะ เวลามีภัยอันตรายอะไร ตะขาบจะรวบลู ก เอาไว้ ในอ้ อ มกอดเพื่ อ ป้องกันภัยจากภายนอกทัง้ หมด เปรียบว่าลูกๆ คือประชาชน ตัวตะขาบเป็นประเทศชาติ” รายละเอียดในตัวธงตะขาบทีเ่ ป็นปริศนาธรรม ทุกส่วนจากหัวถึงหางจะมี ๒๒ ปล้อง ขาทั้ง ๒ ข้าง นับได้ ๒๐ คู่ คือ ๔๐ ขา มีหนวด ๒ เส้น มีหาง ๒ หาง มีเขีย้ ว ๒ เขีย้ ว มีตา ๒ ข้าง ตัวเลขเหล่านี้มีความหมายตรงกับ จํานวนหลักธรรมคาํ สอนของพระพุทธเจ้าทัง้ สิน้ เช่น ตา ๒ ข้าง คือ ความกตัญญู เขีย้ ว ๒ ข้าง คือ หิรโิ อตตัปปะ เป็นต้น ลุ ง เล็ ก ใช้ ผ ้ า ตามขนาดความยาวของ ตัวตะขาบ เตรียมกระดาษหนังสือพิมพ์ส�ำหรับ ลงลาย ก่อนจะตอกลายลงกระดาษสีบนผ้า “ผมเขียนลายไม่เก่ง แต่จะขอให้คนเขียนลาย เก่งออกแบบให้ แล้วจะเอามาลอกลาย วางลาย ตามขนาด มี ค นบอกว่ า งานธงของผมเป็ น กะเทย เพราะผมท� ำ ทั้ ง ด้ า นหน้ า ด้ า นหลั ง บางคนบอกไม่รู้ส่วนไหนหน้าส่วนไหนหลัง ผมก็ไม่รู้ด้วยเหมือนกัน แต่ผมจะท�ำธงสวย จากทุกด้าน และไม่ชอบใช้หลายสี เพราะผม จะงงเอง” ลุงเล็กหัวเราะอารมณ์ดี แล้วใช้มือ กับนิ้วลูบไล่ไปตามลายบนกระดาษทองที่ตอก เป็นลายนูน “ส่วนนี้คือส่วนที่ต้องใช้ความ อุตสาหะในการท�ำ”
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
เสาหงส์จะมีที่หน้าวัดมอญทุกวัด ส่วนธงตะขาบ คือธงที่ชาวมอญท�ำขึ้นเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้า Swan pillars are seen in front of every Mon temple whereas centipede flags are crafted by the Mon as offerings to the Lord Buddha.
45 Centipede flags are vertical from the sky to the earth. It is made of fabrics, bamboo sticks, rope or thread, and color papers just like the perforated golden paper, “The centipede was chosen in accordance with the moral teachings and secular matters. In the secular aspect, the centipede was compared to a country. With a strong leader, the country could continuously move forward. Centipede was known to have lots of babies, and for how it wrapped itself around the babies when in danger to protect them from all harms outside. So, the babies were compared to the people and the centipede to the country.” The details on the centipede flags are filled with Dharma puzzles. From head to toe, there are 22 segments, 20 pairs of legs, two antennas, two fangs and two eyes. These numbers match perfectly with the numbers in Buddhist teachings, for example, two eyes stand for gratitude and two fangs for Hiri-Ottappa (moral shame and moral dread). Uncle Lek measured the fabrics to the length of the centipede, prepared the newspapers for pattern crafting before perforating the pattern on color papers on the fabrics. “I’m not good at drawing patterns but I would ask
ลมที่พัดธงเปรียบเสมือนพัดคติธรรม ให้ลอยไปในอากาศให้พรคนที่มางานบุญ The wind that sways the flag is believed to take the moral teaching up in the air blessing people attending the merit-making ceremony.
people who are good at it to design for me. Then, I would copy the patterns and adjust them to each flag. People say my flags are ambiguous and they cannot tell the front from the back. I have no idea either. It is just my habit to make sure they are beautifully crafted on both sides and I don’t like using too many colors because I’m going to confuse myself,” Uncle Lek laughs before gently running his fingers over the perforated golden paper with embossed patterns “This part takes a lot of perseverance in the making.” To be honest, there are ready-made and computer-perforated centipede flags for sale, but to hand-perforate
patterns the way Uncle Lek does, there are only a few laypersons who know how-to left because it takes time. Other than that, there are skillful monks working on this at each temple. First, the pattern must be drawn. Then, it is time to pierce lines of fine dots on the paper along the traces creating bumps. Next, multiple perforated papers are subtly layered up allowing a peek of overlapped colors. “Centipede flags with perforated patterns are the symbol of Phra Pradaeng. Other Mon communities prefer stitching laces to create patterns.”
รายละเอียดในตัวธงตะขาบที่เป็นปริศนาธรรม มีทุกส่วนจากหัวถึงหาง The details on centipede flags carries Dhamma puzzles from their head to their tail. July - August 2020
46 | Cove r Jou rneY
ลุงเล็ก หรือ คุณพีระ กาบแก้ว กับการท�ำธงตะขาบที่บ้าน Uncle Lek or Phira Kapkaew and his centipede flag crafting at home. The changes in traditions from the past to the present are not only lost in time. Uncle Lek gave us a point, “Traditions create men and men create traditions to develop harmony, unity, and a sense of sharing. We must be careful not to fall into the trap of commercialized traditions that turn traditions into a matter of formal procedures and people working in the cultural field a mere list of components, or else, the fun, the unity, and their true meanings will vanish.” Making centipede flags, to Uncle Lek, has never been just about passing on the tradition, but also about purifying the mind while working with the Buddhist teachings to let go, let life unfold itself naturally for whatever rises must fall and whatever falls can be reborn.
ความจริงเดี๋ยวนี้มีธงตะขาบส�ำเร็จรูปขาย หรื อ ใช้ ค อมพิ ว เตอร์ ท� ำ ก็ เ ป็ น ลายตอกได้ แต่การตอกลายของธงตะขาบด้วยมือแบบที่ ลุงเล็กท�ำนี้ เหลือฆราวาสท�ำเป็นอยู่ไม่กี่คน เท่ า นั้ น เพราะเป็ น งานฝี มื อ ที่ ต ้ อ งใช้ เ วลา นอกจากนั้นยังมีพระสงฆ์ที่มีฝีมือท�ำประจ�ำ แต่ละวัดด้วย การตอกลายธงต้องมีการเขียนลายก่อน แล้วตอกลายไข่ปลาละเอียดบนกระดาษให้เป็น ลายและได้ความนูน เมื่อตัดลายแล้วจะมีการ ซ้อนกระดาษไว้หลายชั้น ท�ำให้เห็นเป็นสีสอด โผล่เหลือบขึน้ มา ถ้าไม่ดใู กล้ๆ จะไม่เห็นเลยว่า เป็นการซ้อนกันอยู่ของกระดาษ “ธงตะขาบ ตอกลายนี่เป็นสัญลักษณ์ของพระประแดงนะ มอญที่ อื่ น นิ ย มการใช้ ลู ก ไม้ ม าเย็ บ ต่ อ เป็ น ลวดลายมากกว่า” ความเปลี่ ย นแปลงของประเพณี จ าก สมัยก่อนจนถึงวันนี้ ไม่ใช่แค่การสูญหายไป ตามห้วงเวลา แต่ลงุ เล็กยังให้ขอ้ คิดว่า “ประเพณี สร้ า งคน คนสร้ า งประเพณี ให้ เ กิ ด ความ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
สามัคคี ร่วมใจ แบ่งปัน ปัจจุบนั เราต้องระวัง ตกหลุมกับดักของความเป็นประเพณีพาณิชย์ ที่ท�ำให้ประเพณีกลายเป็นเรื่องพิธีการ ท�ำให้ คนท�ำงานด้านวัฒนธรรมเป็นเพียงองค์ประกอบ ความสนุ ก พร้ อ มใจและความหมายจริ ง ๆ จึงหายไป” การท�ำธงตะขาบส�ำหรับลุงเล็ก จึงไม่ใช่ เป็นเพียงแค่งานฝีมือสืบสานประเพณี แต่ยัง ขัดเกลาจิตใจไปพร้อมการท�ำงานด้วยคติธรรม ของการปล่อยวาง ให้ทุกอย่างเป็นไปตาม ธรรมชาติ เมื่ อ มี ก็ ดั บ และเมื่ อ ดั บ ก็ มี ก าร เกิดใหม่ เป็นไปตามวัฏสงสาร “สิ้ น ผมไป ธรรมชาติ ข องมนุ ษ ย์ ก็ จ ะ มี ค นอื่ น ลุ ก ขึ้ น มาท� ำ ต่ อ จนได้ แต่ ลึ ก ๆ ก็ อ ดเป็ น ห่ ว งไม่ ไ ด้ ว ่ า ประเพณี จ ะขาดตอน ผมอยากสอนให้คนรุ่นใหม่ท�ำฟรีๆ อยากให้ สื บ ทอดวิ ช า และเอาไปท� ำ เป็ น อาชี พ จริ ง ๆ เพราะยิ่ ง คนท� ำ เป็ น น้ อ ย วิ ช าเขาจะยิ่ ง เป็ น ที่ต้องการ”
47
ทุกวันที่ ๑๓ เมษายนของทุกปี จะมีประเพณีแห่หงส์ธงตะขาบของชาวมอญพระประแดง Every year on April 13th, swan and centipede flag procession of Mon-Phra Pradaeng is held.
ทุ ก วั น ที่ ๑๓ เมษายนของทุ ก ปี จะมี ประเพณี แ ห่ ห งส์ ธ งตะขาบของชาวมอญ พระประแดง แต่ ล ะหมู ่ บ ้ า นจะผลั ด กั น เป็ น เจ้าภาพในการจัดงาน โดยใช้วดั ประจ�ำหมูบ่ า้ น เป็นที่จัดขบวนแห่จากแต่ละหมู่บ้านไปยังวัด เจ้าภาพ มีพิธีเปิดงานแล้วแห่กลับวัดต่างๆ เมื่ อ ถึ ง วั ด จะมี ก ารท� ำ พิ ธี ถ วายธง จากนั้ น ชาวบ้ า นจะน� ำ ธงตะขาบผู ก เชื อ กชั ก ขึ้ น บน เสาหงส์เล็กน้อย แล้วกล่าวค�ำบูชาธงตะขาบ เป็นภาษามอญ เพื่อปัดเป่าให้เคราะห์ร้าย ออกไปจากหมูบ่ า้ น จากนัน้ น�ำธงตะขาบชักขึน้ เสา อีกระลอก ชาวบ้านจะจับสายสิญจน์ต่อมือกัน คล้ายที่ท�ำในการกรวดน�้ำ แล้วชักธงตะขาบขึ้น เสาหงส์จนสุด นอกจากถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว ยั ง เป็ น การรํ า ลึ ก และแสดงความกตั ญ ญู ของชาวมอญที่มีต่อบรรพบุรุษด้วย “สีแดงของธงนั่นไง ที่หมายถึงว่าเราท�ำ กุศลให้ผู้วายชนม์” และสุดท้ายก่อนที่เราจะ เก็บอุปกรณ์เข้าที่ และม้วนธงเก็บเพื่อเอาไป ถวายพระที่วัดนั้น ลุงเล็กก็เสริมเป็นข้อคิด พร้อมรอยยิ้มว่า “คนที่รักในการท�ำ ท�ำจนตาย ท�ำให้ตาย ก็จะท�ำ เพราะเราอิ่มธรรมและได้ท�ำในสิ่งที่ เรารัก”
“When I cease to exist, naturally, others will rise and continue the art. Still, I cannot help but worrying the tradition will discontinue. I want to teach new generations for free, to pass on this knowledge hoping they could make a career out of it because the fewer people can master it, the more it becomes demanded.” On April 13th of every year, the swan and centipede flag procession of the Mon in Phra Pradaeng is held and hosted by a different village on a rotating basis. Each village sets up a centipede parade at its neighboring temple before heading to the hosted temple to attend the opening ceremony. After returning to the home temple, villagers will join a flag offering ceremony, tie the centipede flags, raise them up the swan pillars a little
bit, say prayers in Mon language to ward off bad luck from the village, hold the holy thread in a similar fashion to pouring water of dedication, and continue raising the centipede flags all the way to the pillar tops. The tradition aims not only to present offerings to the Lord Buddha but also to express the Mon’s recollection and gratitude towards their ancestors. “It’s the red color on the flag that means we are making merits for the deceased.” And lastly, before we were about to tidy up and roll the flags up to offer them to the monks at the temple, Uncle Lek added with a smile, “People who love what they do will do it to the end of their lives comes what may. For me, I’m blessed by Dharma and getting to do what I love.”
เรียนรู้การท�ำธงตะขาบกับลุงเล็ก เลขที่ ๖๕/๒ หมู่ ๑๐ หมู่บ้านเว่ขะราว ต�ำบลบางพึ่ง อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๑๖๘๙ ๑๘๘๑ Learn how to make centipede flags with Uncle Lek 65/2 Moo 10, Vekharao, Bang Phueng Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 08 1689 1881 July - August 2020
48 | Cove r Jou rneY | Sa ba i, Wai s t-Lengt h Top, and P ha Lo i C hai
สไบ เสือ ้ เอวลอย และผ้าลอยชาย
Sabai, Waist-Length Top, and Pha Loi Chai
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
สไบเป็นหัวใจของการแต่งตัวแบบมอญ จนมีคนพูดว่า “ถ้าไม่คาดไม่มอญ” Sabai is the heart of Mon dressing and even said “without it, is not the real Mon style”.
49 raditions and festivals in Samutprakan can practically be considered among the most colorful and eye-catching, particularly the Mon traditions and festivals in Phra Pradaeng. Whether they are life-related or community traditions, they do not only help establish the unity and cooperation among community members, but also introduce us to the local dress culture.
T
เสื้อแบบมอญของผู้ชาย Mon style shirt for men
แทบจะเรียกได้วา่ งานประเพณีทสี่ มุทรปราการ นั้ น เป็ น เทศกาลที่ มี สี สั น สดใสและสะดุ ด ตา มากทีส่ ดุ โดยเฉพาะประเพณีและเทศกาลมอญ พระประแดง ไม่วา่ จะเป็นประเพณีเกีย่ วกับชีวติ หรือประเพณีชุมชน ที่นอกจากจะท�ำให้เกิด ความสามัคคีรว่ มมือร่วมใจกันของคนในชุมชน แล้วยังท�ำให้เรารู้จักถึงวัฒนธรรมการแต่งตัว ของคนในชุมชนด้วย
ผ้าถุงลายแปลงนา เสือ้ ขาว ผ้าทอ คือสิง่ ที่ ครอบครัวโกยเก็บไว้ได้จากดินแดนของตัวเอง “ในหีบผ้าทีบ่ า้ นอายุเกือบ ๒๐๐ ปีของคุณย่า เราพบเพียงแค่ผ้าถุงสีเทาๆ ทึมๆ กับเสื้อ พอดี ท รงเข้ า รู ป แขนยาวถึ ง ข้ อ ศอก มีผ้า พันหน้าอก พอมายุคหลังทีม่ กี ารฟืน้ ฟูประเพณี ถึงมีผ้านุ่งเป็นโสร่งแดง นี่คือรุ่นที่ลุกขึ้นมา กู้ชาติ ผ้าผีผ้าบูชาประจ�ำบ้านถูกท�ำให้กลาย เป็นผ้านุ่งโสร่งแดง มอญแต่ละบ้านจะมีผ้า
Although Mon apparels may not be very flashy or have much variety, they have been strongly inherited and preserved. Suwanna Ma-Klan, who has always been fond of and rooted in the Mon traditions, has been helping out numerous Mon traditions and festivals in Song Khanong Community, Phra Pradaeng since she was a teenager and even after her recent retirement from her full-time job. She told us stories behind Mon costumes how they were such simple clothes yet full of meanings from the past. According to her family, when the Mon were defeated by the Burmese and had to escape to Thailand, it was a life and death situation. “Everyone just grabbed whatever they could. Beautiful or not was not even an option.” It was also true that the Burmese Luntaya fabric pattern was originally Mon’s but when the Mon were defeated, these patterns were adopted and decorated as if they were Burmese patterns.
ถึงแม้ว่าเครื่องแต่งกายของคนมอญเอง จะไม่ได้หวือหวาหรือมีมากมายหลายแบบนัก แต่ถือได้ว่ามีความแข็งแรงในการสืบทอดได้ เหนี่ยวแน่นน่านับถือ คุณสุวรรณา มากลั่น ผู ้ ที่ มี ค วามรั ก และฝั ง ใจในประเพณี ข อง คนมอญมาตลอด และท�ำงานประเพณีมอญ ของชุมชนทรงคนอง พระประแดง มาตัง้ แต่อายุ สาวรุน่ จนถึงตอนนีท้ เี่ พิง่ เกษียณจากงานประจ�ำ เล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังชุดมอญว่าเป็นเสื้อผ้า ที่ เ รี ย บง่ า ยแต่ มี ค วามหมายสื บ มาจากสมั ย โบราณ ดั่งเรื่องในครอบครัวที่มีการเล่าว่า ตอนที่ ม อญถู ก พม่ า ตี แ ตกจนต้ อ งหนี ม าอยู ่ ทีไ่ ทยนัน้ เป็นภาวะของการหนีตาย “ใครคว้า อะไรได้ ก็ เ อามา ไม่ ไ ด้ เ ห็ น ความสวย ไม่สวยหรอก” และความจริงผ้าลายลุนตยา ที่เป็นลายผ้าของชุดพม่านั้น เป็นลายผ้ามอญ มาก่อน แต่เมื่อมอญถูกพม่าตีแตก ลายผ้า าถุงของผู้หญิงเรียกว่า “หนิ่นฮ์” มีลายผ้าละเอียดสวยกว่า เหล่ า นี้ ไ ด้ ถู ก น� ำ ไปแต่ง ไปใช้จนเหมือ นเป็น ผ้Women’s sarongs called “Hnin” have more elaborate patterns. ลายผ้าของพม่าไป July - August 2020
50 | Cove r Jou rneY
เครื่องปั่นด้ายโบราณ อยู่ที่บ้านของผู้สืบสานประเพณี A traditional thread spinning machine at a house of the villagers who inherited the tradition. A woven sarong with Plaeng Na pattern, a white top, and a piece of woven cloth were all herancestors managed to snatch when fleeing from her homeland. “In our grandmother’s nearly 200-year-old fabric chest at our house, we found only a dull greyish sarong, a fitted blouse with elbow-length sleeves, and a Sabai (shawl).” It was only after the revival of traditions that red sarong was introduced. Known as the national reunification generation, even Household Pha Phi (Ghost Cloth) and Pha Bucha (Worshipping Cloth) were also changed to red sarong. Every Mon house had a piece of cloth called “Pha Phi”, believing the ghosts of their forefathers will protect the family members when wrapped around the person who is sick. It is a must-have worship item in every house. Our faith in both Buddhism and ghosts have long been inherited.” We glanced around Suwanna’s cloth collections and could barely see how all the tailored clothes neatly folded and hung differed from the familiar Thai outfits. “We, Mon people, are just like Thai people now. In the old days, women wore blouses with a round neck, elbow-length sleeves, well-fitted, button-up and front slit. In later generations, young women wore long-sleeved blouses while grown-up or married women commonly wore three-quarter sleeve blouses that were loose fit, waist-length, not covering the hip. However, when attending significant merit-making ceremonies, they would still wrap a Sabai over their tops, which must always cover the left shoulder and leave the right open, to
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
help prevent incidental exposure when bowing and wearing sheer blouses. Moreover, at festive events, they would casually drape the cloth around their necks letting both ends hanging down at the front. Obviously, Sabai was the heart of Mon dressing that people said that dressing without it was not the real Mon style.” In Mon language, Sabai is pronounced “Hyad Hrim To”, women’s sarong “Hnin”, and the men’s sarong “Kloet”. The difference is the women’s fabric patterns are more elaborate. When putting on a men’s Sarong, tying the corners on both ends together in the middle will allow the wearer to walk more comfortably. Since women’s sarong has to be draped to the left, the woman cannot walk with a long stride but it helps make her walking movement appear much gentler and more graceful. Another essential identity item for men is a sash over the shoulders. To see Mon lady outfits with sophisticated details, you must come to the Saba event, where the ladies put on their most beautiful outfits. Although its original purpose to encourage the bonding between young men and women has subsided, Saba tradition continues to be held as a way to inherit and preserve ancient traditional culture, and way of life. With Suwanna’s kind recommendation, we had an opportunity to meet another Mon cloth expert, Channarong Khuean-Noi, who had demonstrated his skills crafting countless Mon outfits for auspicious ceremonies
51
คุณสุวรรณา มากลั่น กับการตัดเย็บเสื้อผ้างานประเพณีมอญ Suwanna Maklan and traditional Mon costume tailoring.
แพตเทิร์นยึดตามแบบเดิม จะเป็นเสื้อเอวลอยเสมอสะดือ เผยให้เห็นเอวเห็นสะดือนิดๆ ยามใส่ The blouse reserves its original pattern at navel length, slightly revealing the waist and the navel when worn.
ที่เรียกว่า ‘ผ้ า ผี ’ ที่ เ ชื่ อ ว่ า เป็ น ปู ่ ย ่ า ตายาย ที่คอยรักษาเวลาเราไม่สบาย ครอบครัวเรา จะเอามาคลุมมาห่ม เพือ่ ให้บรรพบุรษุ คุม้ ครอง ทุ ก บ้ า นต้ อ งมี บู ช า เราถื อ ทั้ ง พุ ท ธถื อ ทั้ ง ผี นีเ่ ป็นสิง่ ทีส่ บื ทอดต่อกันมา” เรากวาดตามองเสื้ อ ผ้ า ของสะสมของ คุ ณ สุ ว รรณา เสื้ อ ผ้ า ตั ด ที่ พั บ และแขวนอยู ่ แทบมองไม่ออกว่าแตกต่างกับชุดไทยที่คุ้นตา อย่างไร “มอญเราเป็นเหมือนไทยแล้ว เสือ้ ผูห้ ญิง เมื่ อ ก่ อ นเป็ น เสื้ อ คอกลมติ ด คอ มี แ ขน เลยศอก เข้ารูป มีกระดุมผ่าหน้า ยุคหลังเป็น แขนกระบอกยาวถ้าเป็นสาวๆ แต่ถา้ เป็นผู้ ใหญ่ หรื อ แต่ งงานแล้ ว แขนจะยาวเลยศอกเป็น ๓ ส่วน ตัวหลวม ความยาวของล�ำตัวเสื้อจะ อยูแ่ ค่เอว ไม่คลุมสะโพก แต่ในงานบุญส�ำคัญ ยังห่มสไบจีบเป็นพลีตออกงาน และการพาดสไบ จะปิดซ้ายเปิดขวาเสมอ สไบจะช่วยกันโป๊ เวลาก้มหรือผ้าบางได้ เป็นเจตนาในการใช้งาน ถ้ า เป็ น งานรื่ น เริ ง จะคล้ อ งคอปล่ อ ยชาย ห้อยบนตัว จะเห็นว่าสไบเป็นหัวใจของการ แต่งตัวแบบมอญ จนมีคนพูดว่า ถ้าไม่คาด ไม่มอญจริง” ผ้าสไบในภาษามอญเรียกว่า “หยาดฮะหริม่ โต่ะ” ผ้ า ถุ ง เรี ย กว่ า “หนิ่ น ฮ์ ” โสร่ ง ของผู ้ ช าย เรียกว่า “เกลิจก์” ต่างที่ลายผ้าของผู้หญิง จะมีความละเอียดสวยกว่า เวลานุ่งโสร่งของ ผู้ชายจะผูกให้มุม ๒ ข้างมาพบกันตรงกลาง ท�ำให้กา้ วเท้าเดินได้คล่องกว่า ผ้านุง่ ของผูห้ ญิง จะนุ่งป้ายไปทางซ้าย ท�ำให้ก้าวเท้าได้ไม่กว้าง แต่กท็ ำ� ให้กริ ยิ าการเดินของผูห้ ญิงนัน้ ดูแช่มช้า น่ามอง และทางฝ่ายผู้ชายก็ต้องมีผ้าขาวม้า คาดบ่าเป็นอัตลักษณ์ การจะเห็ น ชุ ด สาวมอญที่ ตั ด ใส่ ส วยมี ลูกเล่นนั้น ต้องมางานสะบ้า ที่นายบ่อนหรือ สาวๆ จะใส่เสื้อผ้าตัดสวยกันเต็มที่ แม้วันนี้ ความหมายของประเพณีที่จะมีการดูตัวของ ชายหนุม่ หญิงสาวจะจางไป แต่กเ็ ป็นการสืบทอด ประเพณี และสื่ อ ถึ ง วั ฒ นธรรมการใช้ ชี วิ ต ในแบบดัง้ เดิมให้คงไว้ ด้วยการชีแ้ นะของคุณสุวรรณา เราได้รจู้ กั กับผู้ที่คร�่ำหวอดในวงการเสื้อผ้ามอญอีกท่าน คือ คุณชาญณรงค์ เขือ่ นน้อย ทีไ่ ด้แสดงฝีมอื ท� ำ เสื้ อ ผ้ า ให้ ค นมอญได้ ใส่ ใ นงานบุ ญ และ งานประเพณีมานานกว่า ๔๐ ปี ในวัย ๖๖ ปี ในวันนี้ คุณชาญณรงค์ยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่ ของคนท� ำ งานประเพณี ใ นเรื่ อ งของการรั บ ตัดเสื้อ และเป็นศูนย์รวมของเสื้อผ้าคนมอญ July - August 2020
52
| Cove r Jou rneY
and traditional festivals the past 40 years. At the current age of 66 years old, Channarong is still wellknown among people who work with traditional cloth tailoring business and has a center for Mon outfits for both men and women, which he has personally been collecting and making, with up to some hundreds of pieces as he said, “enough to make a parade.” Having mingled in this beautiful business nearly half a century, he revealed that traditional Mon costumes did not have drastic changes, “The pattern remains pretty much the same, the blouse at the navel length, slightly revealing the waist and the navel, which is similar to what Aung San Su Kyi wears. However, if the blouse is three-inches longer from the waist, it becomes the pattern of Thai Ruean Ton. The sleeves could be extended three-four inches further from off-shoulders, similar to the Thai Chitlada blouse, but it could also feature a Chinese collar or a round neck.” Fabrics, on the other hand, tended to differ according to fashion trends and personal preferences, for instance, laces with extraordinary patterns, or adding fun layers of different colors with the inner blouse or the fabric on top. “We also constantly assign works to other tailors. Even as we’re speaking, we have an 80-year old tailor who still
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
has the kick and keeps making clothes at his own pace although not as many as before.” According to Channarong, Mon men’s tops could be colorful and flowery or plain shirts with a round neck. Regarding the lower body wraparound clothes, Channarong explained that ladies usually wore a sarong with about one-inch rim similar to a skirt rim matching it with a golden or copper alloy belt depending on their financial status. The more interesting part was how Chong Kraben (lower body wraparound cloth most often passed between the legs and tucked at the back) was worn by men and women. “And if you let the end of the Chong Kraben down and untucked, it becomes Pha Loi Chai. When wearing such casual style, men would tie a sash around their waists or rest it over their shoulders.” Nowadays, the Thai-Mon identity clothes are popularly worn during traditional festivals or important events, but the vivid colors in such simple patterns are undeniably remarkable and impressive every time we see it. Many could not resist to bring their own shawl or scarf and drape it over their shoulders instead of a Sabai when attending merit-making ceremonies or Mon festivals because just a tiny piece of cloth can already say a lot about their heartfelt participation with the locals.
53
ชุดมอญจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเสื้อผ้า มีแต่เนื้อผ้าที่มักจะต่างไปตามสมัยนิยม There is no change of patterns to Mon apparel. Only their fabrics are changed according to trends.
แล้วแต่ว่าจะเป็นแบบคอจีน หรือคอกลมก็ได้ ซึ่ ง ก็ เ อามาจากชุ ด ไทยเรื อ นต้ น ที่ ยื น หยั ด มานานแล้ว” ไม่มกี ารเปลีย่ นแปลงในรูปแบบของเสือ้ ผ้า มี แ ต่ เ นื้ อ ผ้ า ที่ มั ก จะต่ า งไปตามสมั ย นิ ย ม และความนิยมของผูส้ วมใส่ เช่น เป็นผ้าลูกไม้ ลายแปลกๆ หรือผ้าเนื้ออื่นๆ จะมีลูกเล่น เป็ น การซ้ อ นสี ด ้ ว ยเสื้ อ ตั ว ใน หรื อ จะเป็ น เนื้ อ ผ้ า ตั ว นอก “เรายั ง แจกงานให้ ช ่ า งตั ด ได้เรื่อยๆ วันนี้ยังมีช่างตัดเสื้ออายุ ๘๐ ที่ยัง ตัดไหว แกก็ตัดไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เยอะ เหมือนสมัยก่อน” เสื้อของผู้ชายนั้น คุณชาญณรงค์บอกว่า เป็นเสื้อแบบมอญ ที่เป็นเสื้อลายดอกสดใส หรือเป็นผ้าเรียบ และเป็นคอกลม ส่วนผ้านุ่ง หรื อ กางเกงนั้ น คุ ณ ชาญณรงค์ อ ธิ บ ายว่ า ของผูห้ ญิงจะตัดเป็นผ้าถุงป้าย มีขอบประมาณ ๑ นิว้ นิดๆ เหมือนเป็นขอบกระโปรง สมัยก่อน เป็นผ้าถุงรัดเข็มขัดทองหรือนากตามฐานะ และที่น่าสนใจ คือมีการนุ่งโจงกระเบนทั้งชาย และหญิง “พอปล่อยชายโจงกระเบนลงมา ทั้ ง ชายและหญิ ง เป็ น งานสะสมและท� ำ มา ก็ จ ะกลายเป็ น ผ้ า ลอยชาย ที่ เ รี ย กว่ า ผู ้ ช าย อย่ า งต่ อ เนื่ อ งจนมี ป ริ ม าณเป็ น ร้ อ ยๆ ชุ ด จะใส่โสร่งลอยชาย แล้วมีผ้าขาวม้าคาดพุง หรือพาดบ่านัน่ ไง” “มากพอทีจ่ ะใส่เป็นขบวนเลยทีเดียว” เขาว่า คุ ณ ชาญณรงค์ ค ลุ ก คลี กั บ วงการสวยๆ ถึ ง แม้ ว ่ า วั น นี้ อั ต ลั ก ษณ์ ใ นเสื้ อ ผ้ า ของ งามๆ นี้มาเกือบครึ่งศตวรรษ และบอกว่า คนมอญ-ไทย จะเป็นที่นิยมเฉพาะแต่งตัวกัน ชุดประเพณีของคนมอญไม่มกี ารเปลีย่ นแปลง ในงานประเพณี แ ละโอกาสส� ำ คั ญ แต่ เ ราก็ ในเรื่องของแบบที่หวือหวานัก “แพตเทิร์น ปฏิ เ สธถึ ง ความมี สี สั น สดใสในรู ป แบบที่ ยั ง คงยึ ด ตามแบบเดิ ม ๆ เป็ น เสื้ อ เอวลอย เรียบง่ายนี้ไม่ได้เลยว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ติดตา เสมอสะดื อ เผยให้ เ ห็ น เอวเห็ น สะดื อ นิ ด ๆ และประทั บ ใจในทุ ก ครั้ ง ที่ ไ ด้ พ บเห็ น และ ตามแบบที่อองซาน ซูจี ใส่ แต่ถ้าปลายเสื้อ หลายครั้งที่หลายๆ คนก็อาจจะอดใจไม่ได้ ตรงส่วนเอวยาวลงมาอีก ๓ นิ้ว จะเป็นแบบ ที่ จ ะพกเอาผ้ า พั น คอไปพาดบ่ า ต่ า งสไบ ของชุดไทยเรือนต้น แขนเสื้อที่เป็นเสื้อแบบ ยามไปร่ ว มงานบุ ญ หรื อ งานประเพณี ม อญ ไหล่ตกเลยลงมาสักสามสี่นิ้ว ก็ปรับเป็นการ เพราะเพี ย งแค่ ผ ้ า ผื น นิ ด เดี ย วก็ บ ่ ง บอกถึ ง ต่อแขนจากหัวไหล่ คล้ายเสือ้ ทรงไทยจิตรลดา การแสดงความร่วมใจไปกับพวกเขา ความรู้เรื่องเครื่องแต่งกาย ชาวมอญ คุณสุวรรณา มากลั่น เลขที่ ๓๕ หมู่ ๘ ต�ำบลทรงคนอง อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๑๕๕๓ ๙๙๒๐ คุณชาญณรงค์ เขื่อนน้อย เลขที่ ๓๐๘ ซอยบ้านแซ่ ๔ ต�ำบลตลาด อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๐๕๘๙ ๐๔๙๓
For more knowledge about Mon outfits:
Suwanna Ma-klan 35 Moo 8, Song Khanong Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 08 1553 9920 Channarong Khuean-Noi 308 Soi Baan Sae 4, Talat Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 08 0589 0493 July - August 2020
54
| Cove r Jou rneY | Phua ng M a Ho t T rad i t ional Mobile
ศิลปะพื้นบ้านจากกระดาษที่ไม่ใช่ใครก็ท�ำได้แต่ต้องอาศัยประสบการณ์และความช�ำนาญ A folk craft from paper that can only be made by experienced experts.
พวงมโหตร
เครื่องแขวนโบราณ แผ่นกระดาษว่าวตอกตัดฉลุ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ถ้ า ใครเคยเห็ น พวงอุ บ ะท� ำ ด้ ว ยผ้าตาดทอง ซึ่งห้อยประดับอยู่ตามคันดาลฉัตร (ฉัตรที่มี รู ป ทรงมุ ม ฉาก) ที่ อ ยู ่ ต รงกลางขององค์ พระพุ ท ธรู ป ก็ อ าจเกิ ด ค� ำ ถามว่ า รู ป ทรง ของพวงอุบะนี้ ช่างดูคุ้นๆ คล้ายกับรูปทรง ของกระดาษตั ด ฉลุ ที่ ใ ช้ ต กแต่ ง ตามงาน ท�ำบุญขึ้นบ้านใหม่ของคนต่างจังหวัดอย่างไร อย่างนั้นเลย และนั่นคือสมมุติฐานที่เกิดขึ้น กับกระดาษตัดฉลุลวดลายที่ว่านี้ซึ่งเรียกว่า “พวงมโหตร”
55
Phuang Ma Hot Traditional Mobile
Embossed, Cut and Perforated kite paper f you happen to come across Uba (tassel bunches) made of golden brocade decorated on Khan Dan Chat (multiple-tiered umbrella with two right angles on the handle) hanging above a Buddha image, you would find their shapes and patterns similar to the perforated paper ornaments at housewarming events in the upcountry. That is an assumption on this perforated papers called “Phuang Ma Hot”.
I
An ancient artisan who inherited folk legends told us that Phuang Ma Hot was a further adaptation of Khan Dan Chat to decorate the venue during auspicious occasions, for instance, ordination ceremonies, wedding
ceremonies, topknot cutting ceremonies, and housewarming ceremonies. At temples, Phuang Ma Hot would be a common scene in forest robe offering ceremonies, Kathina robe offering ceremonies, or Thet Mahachat (the Great Birth Sermon) ceremonies, mostly featured in the middle of the venue so people attending the event could see clearly and often garnished with extra rainbow papers for an even more eye-catching effect. Phuang Ma Hot is another local wisdom that requires a great deal of patience and determination of the crafter, and hence, Phuang Ma Hot perforation is considered a craftsmanship of Thai artisans.
ช่ า งฝี มื อ โบราณสื บ ต� ำ นานพื้ น ถิ่ น เล่ า ให้เราฟังว่า พวงมโหตร คือการน�ำเอารูปแบบ ของคันดาลฉัตรมาประยุกต์ ในการท�ำ เพื่อใช้ ประดับตามงานมงคลต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่ง งานโกนจุก หรืองานท�ำบุญขึน้ บ้านใหม่ เป็นต้น ส่วนถ้าเป็นตามวัด ก็จะใช้พวงมโหตร เพือ่ ประดับในงานผ้าป่า กฐิน หรือเทศน์มหาชาติ โดยจะติ ด ตกแต่ ง ไว้ บ ริ เ วณกึ่ ง กลางของ สถานที่ ที่ ค นในงานสามารถเห็ น ได้ เ ด่ น ชั ด และติดระบายตกแต่งเพิ่มด้วยกระดาษสายรุ้ง เพือ่ ให้สวยงามดึงดูดสายตายิง่ ขึน้ พวงมโหตร July - August 2020
56 | Cove r Jou rneY
จึ ง ถื อ เป็ น อี ก หนึ่ ง ภู มิ ป ั ญ ญาชาวบ้ า นตาม ท้ อ งถิ่ น ซึ่ ง กว่ า จะได้ แ ต่ ล ะชิ้ น แต่ ล ะอั น นั้ น ไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งง่ า ย ต้ อ งใช้ ทั้ ง ความใจเย็ น และ ความมุง่ มัน่ ของผูท้ ำ� ฉะนัน้ งานตัดพวงมโหตร จึงถือเป็นงานศิลปหัตถกรรมของช่างฝีมอื คนไทย กระบวนการท� ำ เครื่ อ งแขวนโบราณ ประเภทนี้มีอุ ป กรณ์ ห ลัก คือ กระดาษว่า ว สีต่างๆ กรรไกร กระดาษแข็ง ดินสอ เชือก และไม้บรรทัด ในขั้นตอนของการพับกระดาษ เองนั้นจะต้องพับเป็นรูปทรงจรวด โดยพับไป ทางเดียวกันทั้งหมดทุกแผ่น ยิ่งถ้าอยากได้ ความละเอียดและพวงยาว จะต้องพับกระดาษ หลายชั้ น ตั ด ให้ มีช ่ อ งไฟถี่ๆ ซึ่ง ความยาก ในขั้นตอนนี้คือผู้ตัดต้องมีใจที่นิ่ง ถ้าตัดแบบ คนรุ่นใหม่ใจร้อนที่แอบมีความกล้าๆ กลัวๆ ก็อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ง่าย บางคน อาจจะตัดเบี้ยว หรือเผลอตัดโดนนิ้วตัวเองก็มี
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
พวงมโหตรมั ก จะมาคู ่ กั บ กระดาษติ ด หน้าบัน ซึ่งกระดาษแกะลายประเภทนี้จะใช้ ติ ด บริ เ วณหน้ า ต่ า งหรื อ ตามราวบั น ไดบ้ า น ติ ด ตามขื่ อ แป เพื่ อ ตกแต่ ง สถานที่ เ พิ่ ม ความน่าสนใจยิ่งขึ้น ถ้าน�ำไปตกแต่งตามวัด ก็ จ ะติ ด กั น ตามบริ เ วณปะร� ำ พิ ธี ห รื อ ตกแต่ ง ตามศาลา ส� ำ หรั บ การตั ด กระดาษติ ด หน้ า บั น นั้ น จะต้องมีการวาดลวดลายบนแผ่นกระดาษว่าว หลากสี ขึ้ น มาก่ อ น จากนั้ น จึ ง ใช้ วิ ธี ก ารตั ด และตอก กระทั่งเกิดเป็นลายฉลุ ซึ่งลวดลาย โดยทั่วไปที่นิยมใช้กันมีอยู่หลายรูปแบบ เช่น งานแต่งงาน จะนิยมตัดกระดาษติดหน้าบัน เป็ น พานหอยสั ง ข์ ซึ่ ง ไม่ ใ ช่ ทุ ก คนจะวาด ออกมาได้ดี และบางครั้งคู่บ่าวสาวก็อาจจะ ขอให้ ผู ้ ตั ด เว้ น พื้ น ที่ ป ลายกระดาษด้ า นล่ า ง ๒ แผ่นไว้ส�ำหรับใส่ชื่อตัวเองและว่าที่คู่ชีวิต
57
The key equipments in the making processes of this traditional mobile are various colored kite papers, scissors, cardboard, pencils, rope, and rulers. To start with, every piece of kite paper must be folded into a rocket shape and in the same direction. For more detailed and longer tassel bunches, the more layers need to be folded. Then, they must be thoroughly cut and perforated. The challenging part is how the crafter must always stay calm. If too hasty or nervous, it can easily cause mistakes, distorted patterns, or even a finger cut. Phuang Ma Hot usually comes in pair with papercrafts for the pediments. These types of perforated papers are used to liven up the atmosphere by decorating house windows, banisters, crossbeams, and purlins, although, at temples, they are decorated on the temporary pavilions built for special occasions or the hall. Prior to the papercraft cutting for the pediments, patterns must be drawn on various colored kite papers and followed by cutting and embossing patterns, which may be varied according to occasions. For wedding ceremonies, one of the most popular patterns is Phan Hoi Sang (auspicious conch shell tray) that not everyone
July - August 2020
58 | Cove r Jou rneY
ด้วยการใช้สวิ่ ค่อยๆ ตอกเติมลงไปจนปรากฏ เป็นชือ่ และน�ำไปตกแต่งสถานทีข่ องการจัดงาน ส่วนถ้าเป็นงานบวช ลายยอดนิยมจะเป็น ลายธรรมจักร หรือลายที่คนโบราณนิยมตัด กันมากในอดีตก็มักจะเป็นลายจากปีนักษัตร ๑๒ ราศี แต่ถา้ ใครอยากได้ลายใหญ่ๆ อย่าง เช่น ลายพระพิฆเนศ หรือลายตัวละครจาก วรรณคดีรามเกียรติ์ ซึ่งถือเป็นลายระดับสูง การสัง่ ตัดกระดาษลวดลายเหล่านีจ้ ะต้องใช้ชา่ ง ทีผ่ า่ นพิธคี รอบครูมาแล้วเท่านัน้ ไม่เช่นนัน้ ผูต้ ดั อาจจะประสบกับเรือ่ งร้ายเข้าตัวได้ ส�ำหรับการ ตัดกระดาษนัน้ หากไม่ใช้วธิ ตี ดั และตอกตัดฉลุ ก็สามารถใช้กรรไกรตัดกระดาษเป็นลายอิสระ ได้ เ ช่ น กั น แต่ ต ้ อ งอาศั ย ความช� ำ นาญของ ผูต้ ดั ในฝีมอื การตัดตามจินตนาการ ลายอิสระ ที่นิยมตัดกันก็เช่น ลายดอกพิกุล ลายกนก หรือลายกระจัง เป็นต้น ปัจจุบันนอกจากการตกแต่งพวงมโหตร ตามงานท�ำบุญขึ้นบ้านใหม่อย่างที่ได้กล่าว ไปแล้ ว ในข้ า งต้ น ถ้ า ใครอยากเห็ น การ ตกแต่ ง สถานที่ โ ดยใช้ พ วงมโหตรมาเพิ่ ม
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
สีสันบรรยากาศให้กับพื้นที่ แนะน�ำให้ไปชมที่ วัดกองแก้ว ในต�ำบลบางยอ แต่พวงมโหตร ทีแ่ ขวนตกแต่งกันอยูท่ วี่ ดั จะใช้วสั ดุทแี่ ตกต่าง จากที่เราเห็นโดยทั่วไปตรงการตัดพวงมโหตร ส� ำ หรั บ ตกแต่ ง วั ด กองแก้ ว นั้ น เป็ น การใช้ กระดาษสาแทนกระดาษว่าว เพราะแม้กระดาษสา จะมี ร าคาที่ สู ง กว่ า แต่ ก็ อ ยู ่ ไ ด้ ค งทนกว่ า สีไม่ซีดง่ายเมื่อต้องโดนแดดแบบกระดาษว่าว นอกจากการน� ำ พวงมโหตรไปตกแต่ ง ตามศาลาวั ด แล้ ว หากใครมี โ อกาสได้ ไปร่ ว มประเพณี ตั ก บาตรทางน�้ ำ ในจั ง หวั ด สมุทรปราการ ก็จะมีโอกาสได้เห็นพวงมโหตร หลากสีที่ชาวบ้านนิยมตกแต่งไว้ ในส่วนของ ปะร�ำพิธีทางน�้ำ บริเวณที่พระสงฆ์บิณฑบาต นอกจากนั้นหากใครมีโอกาส เราก็อยากให้ คุณลองไปล่องเรือชมวิถีชาวบ้านในคลองแค ซึ่งคลองนี้สวยจับใจจริงๆ โดยปัจจุบันก็มี กลุ ่ ม ชาวบ้ า นเจ้ า ของเรื อ โดยสารบางเจ้ า สร้ า งฐานกิ จ กรรมให้ ค วามรู ้ ต ่ า งๆ ในเชิ ง หัตถศิลป์เพิ่มเข้าไปในช่วงของการล่องเรือ รวมทั้งฐานของการตัดพวงมโหตรด้วย
59
can master. Sometimes, the bride and groom would request to leave some space at the bottom of two pieces of paper so the couple could gently stake their names on them with the chisels before putting them up as a part of the venue decoration. At ordination ceremonies, the popular patterns are Dhamma Chak (the Wheel of Dhamma) and, among ancient people, the animal patterns from the 12 zodiac signs. However, highly regarded patterns such as Ganesha and the characters from the Ramakian literature, must only be performed by artisans who have been through a sacred Khrop Khru ceremony (to indoctrinate the art
pupils) otherwise the artisans could encounter unfortunate events. Moreover, instead of cutting, embossing and perforating, the crafter can also use scissors to freely cut the paper into the patterns of his own imagination. The popular ones include Dok Pikun, Kanok, and Kra Chang. At present, other than the aforementioned housewarming ceremonies, if you wish to see the vibrant venue decoration featuring Phuang Ma Hot, our recommendation is to visit Wat Kong Kaew in Bang Yo Sub-District. Nonetheless, it must be noted that all the Phuang Ma Hot at Wat Kong Kaew are specially made of mulberry papers in replacement of kite papers because
ช่วงที่ไม่มีเทศกาลหรืองานพิธีที่ตกแต่งด้วยพวงมโหตร สามารถเข้าชมได้ที่ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านคลองบน เลขที่ ๓๒/๔ หมู่ ๒ ซอยเพชรหึงษ์ ๕๗ ต�ำบลบางกอบัว อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๕๖๘๕ ๓๒๒๓ เปิดบริการ เวลา ๑๐.๐๐-๑๖.๐๐ นาฬิกา
in spite of a higher cost, they are more durable and do not easily become pale when exposed to sunlight. In addition to the temple halls, if you have a chance to attend an alms-giving tradition on boats in Samutprakan, you will be able to witness numerous Phuang Ma Hot in vivid colors decorated by villagers at the temporary pavilions where monks receive offerings. We would also like to invite you on a cruise to observe the local ways of life in Khlong Khae, a breathtaking canal. Currently, a group of villagers, who own Bang Kachao cruises, also offer educational activity bases on craftsmanship and Phuang Ma Hot crafting during the cruise.
When there is no festival or ceremony decorated with Phuang Ma Hot, please visit: Baan Khlong Bon Folk Museum
32/4 Moo 2, Soi Phetchahueng 57, Bang Ko Bua Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 08 5685 3223 Open from 10.00am - 04.00pm July - August 2020
60 | Cover JourneY | Decorative Elements, Imaginary Creatures and Tradition of Faith
งานตกแต่งเรือพระในประเพณีรับบัว งานประเพณีของชาวบางพลีซึ่งจัดขึ้น ๑๔ ค�่ำ เดือน ๑๑ ในทุกปี Buddha image boat decoration in Rab Bua Tradition, a local Bang Phli tradition held on the 14th day of the waxing moon of the 11th lunar month of every year.
เครื่องตกแต่ง สัตว์ในจินตนาการ และประเพณี แห่งศรัทธา กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ทุกๆ คราวทีม่ กี ารจัดงานประเพณีรบั บัว ทีว่ ดั บางพลีใหญ่ใน อ�ำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจะจัดขึ้นก่อน วันออกพรรษา ๑ วันนั้น สิ่งที่ผู้ร่วมงานจดจ่อรอคอย นอกจากการถวายดอกบัวนมัสการหลวงพ่อโตโดยการ โยนดอกบัวลงล�ำเรือพระที่แห่อยู่กลางล�ำน�้ำแล้ว คือ การเฝ้าชมขบวนเรือติดตาม ทีจ่ ะล่องล�ำน�ำ้ ไปตามเส้นทาง คลองส� ำ โรงช่ ว งบริ เ วณที่ มี ก ารจั ด งาน โดยทุ ก ๆ ปี แต่ ล ะต� ำ บลในอ� ำ เภอบางพลี จ ะประดั บ ประดาเรื อ อย่ า งสวยงามและสร้ า งสรรค์ ทั้ ง ยั ง มี ก ารประกวด เพื่อชิงรางวัล สร้างสีสันให้กับงานประเพณีรับบัว หรือ บ้างก็เรียกว่าประเพณีโยนบัวนีอ้ กี ด้วย
61
Decorative Elements, Imaginary Creatures and Tradition of Faith n every Rab Bua (Lotus Flower Receiving) Festival at Wat Bang Phli Yai Nai, Bang Phli District, Samutprakan, annually held one day prior to the end of Buddist Lent Day, one of the most anticipated activities beside paying homage by throwing lotus flowers onto the boat that carries the simulated Buddha image of Luang Pho To amidst the water, is the fascinating boat procession that cruise along Khlong Samrong Canal. Every year, each sub-district in Bang Phli District would beautifully and creatively decorate their boat. There is also a decoration competition to bring vibrancy to the Rab Bua Festival, also known as Lotus Throwing Festival.
O
สั ต ว์ ใ นจิ น ตนาการ คื อ องค์ ป ระกอบหลั ก ในการตกแต่งเรือในขบวนแห่ ซึ่งแต่เดิมนั้น มี ก ารออกแบบตามอย่ า งเรื อ พระราชพิ ธี ก่ อ นจะมี ก ารเปลี่ ย นแปลงในภายหลั ง ที่การออกแบบจะอิงกับสัตว์หิมพานต์ อาทิ สิ ง ห์ ปั ก ษี ไอยรา คนธรรพ์ ครุ ฑ ฯลฯ โดยแต่ละต�ำบลจะส่งเรือเข้าร่วมประกวดกัน ทุกปี Imaginary creatures are the main component in boat procession decoration, originally designed after the Royal Barge and later based on Himmaphan mythical creatures, for instance, Singh, Paksi, Aiyara, Khon Than, and Garuda, built and submitted by each sub-districts to the competition every year. July - August 2020
62 | Cove r Jou rneY
ปี พ.ศ. ๒๔๗๘-๒๔๘๑ ได้รื้อฟื้นประเพณี รับบัวขึ้นมาใหม่ แล้วให้แต่ละต�ำบลท�ำการ ตกแต่งเรือ ซึง่ เป็นเรือติดตามในขบวนเรือพระ ส่งเข้าประกวดประชันกันภายในงาน ซึ่งการ ประกวดเรือนั้นก็เป็นหนึ่งในประเพณีรับบัว มาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องเรือติดตามในขบวน ซึ่งจะล่องตาม หลังเรือพระนี้ คุณชูศรี สัตยานนท์ ประธาน สภาวัฒนธรรมอ�ำเภอบางพลี เล่าให้เราฟังว่า ในอดีตการประดับตกแต่งเรือจะเป็นการจ�ำลอง จากเรื อ พระราชพิ ธี ใ นกระบวนพยุ ห ยาตรา ทางชลมารคของพระมหากษั ต ริ ย ์ ที่ เ สด็ จ พระราชด�ำเนินถวายผ้าพระกฐิน ซึ่งโขนเรือ ก็ จ ะออกแบบเป็ น รู ป สั ต ว์ ในวรรณคดี เช่นเดียวกับโขนเรือในกระบวนเรือพระราชพิธี “แต่ ล ะต� ำ บลจะมี ค รู ช ่ า งซึ่ ง มี ฝ ี มื อ ในการแกะสลักเป็นคนออกแบบตกแต่งเรือ มี ค นในท้ อ งถิ่ น ซึ่ ง เป็ น สาวงามในชุ ม ชน เป็ น คนพายเรื อ เอง และต้ อ งพายกั น อย่ า ง พร้อมเพรียงด้วย ไม่ได้มเี รือลากจูงอย่างทุกวันนี้
เล่ากันว่าแต่ดงั้ เดิมนัน้ ทุกวันขึน้ ๑๓ ค�ำ่ เดือน ๑๑ ชาวบ้านต่างอ�ำเภอจะพายเรือมาที่ อ�ำเภอบางพลี พร้อมกับร้องร�ำท�ำเพลงกัน ครื้นเครง ระหว่างทางก็จอดเรือเยี่ยมบ้าน คนรูจ้ กั คุน้ เคยกันไปด้วย หากตกค�ำ่ มืดดึกดืน่ ที่ บ ้ า นไหน เจ้ า ของบ้ า นที่ เ ป็ น ชาวบางพลี ก็ จ ะเลี้ ย งดู ปู เ สื่ อ ให้ น อนค้ า งเสี ย ด้ ว ยกั น จนเช้าวันรุง่ ขึน้ ซึง่ เป็นวันขึน้ ๑๔ ค�ำ่ เดือน ๑๑ ซึง่ เป็นวันโยนบัว ชาวบ้านต่างอ�ำเภอก็จะพายเรือ มาขอรับดอกบัวจากชาวบางพลี เพราะว่าที่ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
อ�ำเภอบางพลี นั้ น เป็ น ที่ ลุ่ ม และมี บึ งบั ว มาก เมื่อขบวนเรือพระซึ่งได้อัญเชิญหลวงพ่อโต มาประดิษฐานในล�ำเรือล่องมาถึง ชาวบ้าน ก็จะโยนดอกบัวที่เตรียมไว้ลงในเรือ โดยมี คนในเรื อ คอยช่ ว ยเก็ บ ดอกบั ว ไปวางไว้ ที่ หน้ า ตั ก หลวงพ่ อ โต เสมื อ นการน� ำ ดอกไม้ มาบูชาพระพุทธรูปนัน่ เอง มีระยะหนึ่งที่ประเพณีรับบัวนี้เลือนหาย ไปจากอ�ำเภอบางพลี กระทั่งช่วงที่ นายชื้น วรศิริ นายอ�ำเภอซึ่งรับต�ำแหน่งอยู่ระหว่าง
63 It is said that initially, on every 13th day of the waxing moon of the 11th lunar month, villagers from various districts would row their boats to Bang Phli District, merrily singing and dancing along the way. Sometimes, they would stop over at their friend’s houses. When night falls, the local Bang Phli homeowners would give a warm welcome and offer their guests to stay overnight. Come next morning of the 14th day of the waxing moon of the 11th lunar month, Rab Bua Festival Day, villagers from various districts would paddle their boats to receive lotus flowers from Bang Phli residents because Bang Phli District was a lowland with abundant lotus ponds. Soon as the boat that enshrined Luang Pho To arrived, the villagers would toss the lotus flowers onto the boat and the boat crew would help collect the flowers and place them on Luang Pho To’s lap as if offering them to the Buddha image.
There was a time when Rab Bua Festival had subsided from Bang Phli District. However, when Chuen Worasiri served as the District Chief Officer from 1935-1938, he revived Rab Bua tradition and requested each Sub-District to decorate and submit the boat that would join the Buddha image procession to the competition at the event, thus the boat decoration
competition has become an integral part of Rab Bua Festival to the present days. Regarding the fleet that cruised behind the buddha image boat, Chusi Sattayanon, the president of Bang Phli District Cultural Council, told us that in the past, the boat decoration was a simulation of the Royal barges in the Royal Barge Procession of the King who proceeded to present the Royal Kathina Robes. The figureheads were also designed with similar mythical creatures to those of the Royal Barges. “Each sub-district had master artisans with exceptional carving skills to design the boat decoration whereas a crew of local beautiful ladies to paddle the boat in perfect harmony. There were no tug boats like the present. Some boats might incorporate certain local animals like ducks and chicken, reflecting the varied local way of life.”
หากเป็นเมื่อก่อน การออกแบบตกแต่งเรือจะท�ำโดยครูช่างของแต่ละต�ำบลท�ำกันเอง แต่ปัจจุบันจะอาศัยช่างที่มีทักษะเป็นผู้ออกแบบและจัดท�ำ In former times, the boat decorations were designed by master artisans of each sub-district but are now designed and produced by hired experts.
Together with the era change and the much-scared number of master artisans in less sub-districts, the boat decorations at the present are mostly carried out by hired experts in design and production. Moreover, the decorative creature patterns on the boats no longer adhere to those of the Royal Barge and, instead, have adopted Himmapan mythical creatures or imaginary creatures depicted by poets or painters as the prototypes, including the Garuda, Phayak (Tiger), Phayanakharat (King of Naga), Paksi (Birds), Singha (lion), Aiyara (elephant), Hongsa (Swan), and Khon Than (Gandharvas). The designs depend on the craftsmen who create accompanying stories to enlighten the committee and event participants of the background of each boat. Besides July - August 2020
64 | Cove r Jou rneY
กว่าจะออกมาเป็นสัตว์ประจ�ำเรือแต่ละตัว ช่างจะวาดลวดลายตามแบบบนโฟมก้อนและโฟมแผ่น จากนั้นจึงท�ำการแกะ และขัดถูเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงามด้วยกระดาษทราย ก่อนจะท�ำการลงสีและตกแต่ง To craft each boat mythical creature, craftsmen must draw patterns according to the design on foam blocks and sheets, carve, polish with sandpaper to beautiful shapes before further painting and decoration.
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
เรือบางล�ำอาจมีสัตว์ท้องถิ่นประกอบอยู่บ้าง เช่น เป็ด ไก่ ซึ่งก็จะสะท้อนวิถีของท้องถิ่น นัน้ ๆ ออกมา” ด้ ว ยยุ ค สมั ย ที่ เ ปลี่ ย นไป ประกอบกั บ ครูช่างที่มีฝีมือเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้มีอยู่ทุกต�ำบล เช่ น เมื่ อ ก่ อ น การตกแต่ ง ล� ำ เรื อ ที่ เ ห็ น อยู ่ ในปัจจุบัน จึงเป็นการว่าจ้างผู้มีความช�ำนาญ ในการออกแบบและจัดท�ำ ซึง่ รูปแบบของสัตว์ บนเรือก็ไม่ได้ยึดตามแบบของเรือพระราชพิธี เช่นอดีตแล้ว หากแต่มกี ารน�ำเอาสัตว์หมิ พานต์ หรื อ สั ต ว์ ในจิ น ตนาการที่ ก วี ห รื อ จิ ต รกร พรรณนาถึงมาเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นครุฑ พยัคฆ์ พญานาคราช ปักษี สิงห์ ไอยรา หงส์ คนธรรพ์ ฯลฯ แล้วแต่ว่าช่างจะสร้างสรรค์ ออกมาในรูปแบบใด แล้วสร้างเรือ่ งราวประกอบ เพื่ อ อธิ บ ายให้ ค ณะกรรมการผู ้ ตั ด สิ น และ ผูร้ ว่ มงานได้เข้าใจถึงทีม่ าทีไ่ ปของเรือแต่ละล�ำ นอกจากเรื อ ประเภทสวยงาม ยั ง มี ก าร ประกวดเรื อ ประเภทสร้ า งสรรค์ ที่ ช ่ า ง ผู้ออกแบบมักจินตนาการโดยยึดโยงเรื่องราว กั บ สถานการณ์ ป ั จ จุ บั น และเรื อ ประเภท ตลกขบขั น เรี ย กรอยยิ้ ม จากผู ้ ม าชมงาน อยู่สองฝั่งคลอง ในการตกแต่ ง เรื อ ประเภทสวยงาม สั ต ว์ บ นล� ำ เรื อ แต่ ล ะล� ำ จะมี สั ต ว์ อ ยู ่ จ� ำ นวน มากน้อยต่างกันไป ขึน้ อยูก่ บั ความต้องการของ ต�ำบลทีส่ ง่ เข้าประกวด บนล�ำเรือประกอบด้วย เครื่องสักการะ เครื่องสูง หรือเครื่องแสดง พระอิสริยยศ เช่น ฉัตร จามร ธง ประดับประดา ทั่วทั้งล�ำเรือ ตัวสัตว์นั้นท�ำขึ้นจากโฟมก้อน
65
และโฟมแผ่น ที่น�ำมาวาดลวดลายตามแบบ แกะออกมาตามลวดลายที่ ว าด แล้ ว จึ ง น� ำ กระดาษทรายมาขั ด ถู เ พื่ อ ให้ ไ ด้ รู ป ทรงที่ สวยงาม จากนัน้ ช่างจะท�ำการลงสีและตกแต่ง อุปกรณ์ต่างๆ ตีโครงที่กราบเรือ พร้อมทั้ง โครงหน้า โครงกลาง และโครงหลังเรือ ให้ได้ รูปทรงทีส่ วยงาม ลงสีพนื้ เรือ แล้วน�ำชิน้ ส่วน ต่างๆ มาติดตั้งและตกแต่งให้สวยสมบูรณ์ ก่อนเข้าร่วมพิธแี ห่ในงานประเพณี ท่ามกลางความงดงามและความรื่นเริง ระหว่างพิธี สิ่งที่เราได้ซึมซับหลังจากได้ถวาย ดอกบั ว สู ่ ล� ำ เรื อ คื อ การได้ ชื่ น ชมฝี มื อ ทาง ศิลปะของครูชา่ งพืน้ บ้านในอดีต ซึง่ ส่งต่อและ ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยโดยคนรุ่นปัจจุบัน ทีแ่ ม้สงั คมจะขยายตัวและจะเปิดรับเอาสิง่ ใหม่ๆ เข้ามาอยู่ร่วมกัน แต่ก็ไม่ละทิ้งวิถีแห่งศรัทธา ทีช่ าวบางพลียดึ ถือและปฏิบตั กิ นั มาเนิน่ นาน บรรยากาศในประเพณีรับบัว ที่เกิดจากศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และเป็นหนึ่งในวันส�ำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่น The atmosphere at Rab Bua Festival, arisen from the faith of Buddhists, is an important day that attracts tourists from different regions.
from beauty category, the creativity category encourages designer artisans to unleash their imagination but still linked with the current circumstances while the humor category keeps putting a smile on people’s faces on both sides of the canal. For the boat decoration in the beauty category, the number of animals on each boat may vary due to the preferences of the sub-district that submits. Throughout the hull is garnished with worship items and the royal regalia or the symbol that signifies the royal titles, for instance, Chat (Royal umbrella), Chamon (a whip of yak hair), and flags. The creatures are made of foam blocks and foam sheets that must be drawn and carved with patterns according to the design and polished with sandpaper to a beautiful shape. Then, the artisans start painting, installing equipment, assembling the creature frames at the gunwales along with the bow, the hull and the stern, painting the boat’s bottom, securing all the parts, and complete the finishing touch before joining the procession at the festival. Enclosed by the alluring charm and amusement during the lotus throwing ceremony, it is a marvelous opportunity to appreciate the artistic skills of the local master craftsmen from the past, passed down generations and adjusted to the era changes by today’s generation, who, despite all the society expansion that welcome and live in harmony with new things, have never forsaken the tradition of faith that Bang Phli people have long abided by and practiced.
ประเพณีรับบัว วัดบางพลีใหญ่ใน ต�ำบลบางพลีใหญ่ อ�ำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๑๙๒๕ ๒๘๔๔ Rab Bua (Lotus Flower Receiving) Festival at Wat Bang Phli Yai Nai
Bang Phli Yai Sub-District, Bang Phli District, Samutprakan Tel. 08 1925 2844
July - August 2020
66 | Ar t Tales
ท่องดินแดนสุวรรณภูมิ ไปกับเรือ่ งเล่าทีอ่ ยู่เบือ้ งหลัง
Journey into Suvarnabhumi and the stories behind.
ศาลาไทยภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สะท้อนศิลปะไทยทั้งสถาปัตยกรรมและจิตรกรรม
The Thai pavilion inside Suvarnabhumi Airport echoes Thai traditional architecture and painting.
ประติมากรรมรูปปั้นยักษ์ จ�ำลองจาก วัดพระศรีรตั นศาสดาราม ภายในชั้น๖ ของตัวอาคาร
A giant sculpture simulated from Wat Phra Si Rattana Satsadaram on the fourth floor of the building. กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ทุกส่วนของการค�ำนวณโครงสร้าง ของอาคารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ล้วนมีความหมายทีส่ มั พันธ์กบั เลข ๙
Journey into Suvarnabhumi and the stories behind.
67
เพียงใช้เส้นทางเชือ่ ม จากอาคารผู้โดยสารขาออกที่อยู่ชั้น๖ ประตู ๘ ก็ไปถึงอาคารพิพิธภัณฑ์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้โดยง่าย
Simply take the corridor from the Departure Hall, Passenger Terminal Building on Level 4, Gate 8 to conveniently reach Suvarnabhumi Airport Museum.
สวนหย่อมที่ให้ ความร่มรืน่ นอกตัวอาคาร
แวะสักการะศาลพญานาค ที่ตั้ง อยู ่ ทั้ง ๔ มุ ม เพือ่ ความเป็นสิรมิ งคล ตามความเชือ่ ที่ยึดถือกันมา Visit and pay respect to King Naga Shrines on all four corners for good luck according to old beliefs.
A small park that provides cool shade outside the building.
รูปปั้นกินรี พนมมือ ต้อนรับเข้าสู่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
A Kinnari sculpture with palms pressed together to welcome visitors to Suvarnabhumi Airport. July - August 2020
68 | G e tti n g A round | Ins ide “ S uva rna b humi ”
ก้าวเท้าเข้า
หากไม่มีการเดินทางด้วยเครื่องบินแล้ว ก็แทบไม่จ�ำเป็นต้องเดินทางไป สนามบินสุวรรณภูมิ และเมื่อมาที่นี่แล้ว ไม่มีใครคิดเผื่อเวลามากไปกว่า การไปเช็กอินเพื่อรอขึ้นเครื่องบินและเดินทางจากไป หรือไม่ก็เผื่อเวลา เพี ย งเพื่ อ ไปรอรั บ ผู ้ เ ดิ น ทางมาถึ ง แต่ วั น นี้ เ รามี เ หตุ ผ ลให้ ใ ช้ เ วลาที่ นี่ มากกว่านั้น เมื่อประตูอีกบานได้เปิดขึ้น
ท่องอดีตของ ดินแดนปัจจุบัน
จากตัวอาคารผู้โดยสารขาออกทีอ่ ยูช่ นั้ ๓ ประตู ๘ และเดินตามทางเชือ่ ม ออกไปยังอาคารฝั่งตรงข้ามที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารนั้น คือการเดินทาง ไปสู ่ พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ท ่ า อากาศยานสุ ว รรณภู มิ ที่ เ ปิ ด ให้ บ ริ ก ารเมื่ อ วั น ที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๙ เพือ่ เป็นการน้อมส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคณ ุ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พื้นที่ ๙๐๐ ตารางเมตรนี้ เป็นทริปเล็กๆ ที่จะพาเราไปรู้จักกับเรื่องราวของเบื้องหลังท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิและเรื่องน่าสนใจในรายละเอียดเบื้องหลังที่เราไม่เคยรู้
“สุวรรณภูม”ิ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
69
Inside “Suvarnabhumi” A Journey to the past of today’s land ithout a plane trip, there is hardly any reason to travel to Suvarnabhumi Airport and even when here, people mostly spare time for checking-in and waiting for boarding time before taking off, or just waiting to pick up someone recently landed. Today, we would like to introduce good reasons to spend time longer here.
W
From the Departure Hall, Passenger Terminal Building on Level 4, Gate 8 and down the corridor to the rooftop of the opposite building is the pathway to the Suvarnabhumi Airport Museum, inaugurated on November 14, 2016 (B.E. 2559) in remembrance of His Majesty King Bhumibol Adulyadej The Great and His graciousness upon Suvarnabhumi Airport. This 900square meter museum was where we began a small journey to the background details and fascinating
aspects of Suvarnabhumi Airport we never knew before. Duk or Phumchai Krasaenut, our lecturer, showed us around all nine exhibition rooms, smoothly sectioned with an easily comprehensible flow of stories and media. In the first room, “The Shining Light in Thai Sky”, there was a five-minute-long video on the beginning of the Airport, reflecting how King Rama IX paid a wonderfully close attention to such procedure. The second room exhibited photos that illustrated the prosperity in the land of Suvarnabhumi including the wallpapers that replicated the way of life back in the era, the transportation routes in the Land of Gold, the transitional period from boat to air travel, the aviation affairs and balloon flying. This room was named “Suvarnabhumi... The Golden Land”.
July - August 2020
70
| Ge tti n g A rou nd
คุณดุ๊ก หรือ ภูมิใจ กระแสร์นุช วิทยากร ของเรา พาท่ อ งพิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ทั้ ง ๙ ห้ อ ง ของนิทรรศการ ซึ่งแบ่งสัดส่วนให้ติดตามได้ ลื่นไหล ทั้งเรื่องราวและสื่อประกอบ เริ่มกันที่ ห้องแรกชือ่ ว่า “ใต้ฟา้ พระบารมี” มีวดิ โี อความยาว ๕ นาที เล่าการเริ่มต้นของการเกิดสนามบิน ที่ ท� ำ ให้ เ ราได้ เ ห็ น ว่ า ในหลวงรั ช กาลที่ ๙ เอาพระทัยใส่ต่อการก�ำเนิดของสนามบินนี้ อย่างใกล้ชิด ห้องที่ ๒ เป็นห้องที่แสดงภาพอธิบาย จุดเริ่มต้นของความเป็นสุวรรณภูมิ แสดงเป็น ภาพวอลล์ เ ปเปอร์ บ นผนั ง จ� ำ ลองวิ ถี ชี วิ ต ของคนในยุคนั้น และมีเส้นทางการเดินทาง ไปมาหาสู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ เราได้เห็น การเดินทางทางเรื อ ต่ อ เนื่ อ งไปยั ง ประวั ติ ของการเดินทางทางอากาศ กิจการการบิน ทีม่ กี ารบินบอลลูน ห้องนีใ้ ช้ชอื่ ว่า “แผ่นดินนี... ้ แผ่นดินทอง” ในห้องที่ ๓ ที่ชื่อว่า “วันเวลาแห่งความ ส�ำเร็จ” บอกเล่าเกีย่ วกับประวัตศิ าสตร์การบิน และการเริ่มต้นกิจการการบินภายในประเทศ เช่นเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๔ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ นัน้ ประเทศไทยได้มนี กั บิน ชาวฝรั่งเศส-เบลเยียม น�ำเครื่องบินมาบินโชว์ ทีส่ นามม้าสระปทุม จนท�ำให้เกิดมีการคัดเลือก นักเรียนไทยไปเรียนการบินทีฝ่ รัง่ เศส ๒ ปีครึง่ แล้วยังมีภาพเก่าของดอนเมืองก่อนที่จะเป็น สนามบิน พร้อมประวัติการบินที่ดอนเมือง ให้เราอ่านและดูภาพด้วย
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
71 generate and transmit the air through a network of pipes towards the evaporative cooling units, which enlightened us on what we once assumed as air conditioners. Also, there was a soil profile simulation that explained the ground readjustment to systematically support the airport construction within 3 years, significantly shortened from the original schedule of 30 years. As for the construction of the strong and durable control tower, only a 1.5-meter tall pillar could be cast per day until it reached a total height of 132.2 meters. There was an explanation of the miraculous structure that could support such tremendous weight with only eight main pillars to create maximum functional space, carefully designed for utmost stability, and flexibility when experiencing an earthquake.
The third room “New Era of Success” portrayed aviation history and the beginning of domestic aviation affairs. For example, on February 2, 1916 (B.E. 2454), during the reign of King Rama VI, Thailand welcomed a FrenchBelgian pilot to demonstrate aircraft aviation at Sapathum Horse Racing Course, which led to the selection of Thai student representatives to study aviation in France for two and a half years. There were also ancient photos of Don Mueang before it became an airport and descriptions of aviation history at Don Mueang.
In the fourth room “The Pride of Perfection” let us understand, feel confident and proud of the design engineering with the Airport Flood Prevention Plan. The fifth room elaborated on “The 9 Wonders of Suvarnabhumi Airport” and the airport’s interior design engineering. For example, the synthetic fabric membrane roofs that effectively reduced noise and heat while improving air ventilation and energy-saving capacity, the air conditioning system without an air conditioner by installing a system that circulated water to
The walls of the passenger terminal building were made of bulletproof glass, known for its durability against the wind and storm. If broken, they could be fixed within half an hour. The laminate inside the glass facades that helped filter and control the appropriate amount of sunlight to transmit into the airport allowed us to witness the cleverness behind the energy-saving design as well as behind-the-scenes stories regarding the entire operational system transferring from Don Mueang Airport. What kept us longer in this room was the excitement journeying into invisible knowledge.
During the reign of King Rama VII, as Thailand was stepping into the era of commercial aviation, the King granted a scholarship to Group Captain Luean Phongsophon to further his study on aviation science in the USA and, after his graduation, brought a two-seater aircraft back to Thailand, later named Nang Sao Siam (Miss Siam). We also learned the development of Thai national airlines even before the first commercial flight and gradually the cross-continental flight. Then, at the Suvarnabhumi Airport establishment section, there was a photo gallery of King Rama IX performing His royal duties and aerial photographs taken since 2001 (B.E. 2544) until the construction was completed.
July - August 2020
72
| Ge tti n g A rou nd
ช่วงรัชกาลที่ ๗ ไทยเริ่มเข้าสู่ยุคการบิน พาณิชย์ มีการพระราชทานทุนให้นาวาอากาศเอก เลื่อน พงษ์โสภณ ไปเรียนการบินที่อเมริกา และเมือ่ เรียนส�ำเร็จได้มกี ารซือ้ เครือ่ งบิน ๒ ทีน่ งั่ กลั บ มาเมื อ งไทย ตั้ ง ชื่ อ ว่ า นางสาวสยาม และยังให้เรารู้ความเป็นมาของสายการบิน แห่งประเทศไทยตั้งแต่ก่อนการบินพาณิชย์ ครั้งแรกจนได้บินข้ามทวีป ก่อนจะพาเราเข้าสู่ การเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในห้องนี้ มีภาพพระราชกรณียกิจที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงาน และยังมีภาพถ่ายทางอากาศตั้งแต่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จนกระทั่งด�ำเนินการก่อสร้าง แล้วเสร็จ ในห้องที่ ๔ ห้อง “เส้นทางสู่ความภูมิใจ” ท�ำให้เรามั่นใจ เข้าใจ และภูมิใจในวิศวกรรม การออกแบบด้ ว ยแผนการป้ อ งกั น น�้ ำ ท่ ว ม ของสนามบิ น ห้ อ งที่ ๕ เป็ น การเล่ า ด้ ว ย โมเดลใหญ่ “๙ มหัศจรรย์สวุ รรณภูม”ิ เล่าเรือ่ ง วิ ศ วกรรมการออกแบบในสนามบิ น เช่ น กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
หลังคาทีใ่ ช้ผา้ ใยสังเคราะห์นนั้ สามารถกันเสียง กันความร้อน ระบายอากาศ และประหยัดไฟ ระบบปรับอากาศของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ ไ ม่ ใ ช้ เ ครื่ อ งปรั บ อากาศ แต่ ใ ห้ ภ ายใน เย็ น สบายด้ ว ยระบบการใช้ น�้ ำ หมุ น เวี ย น เป็นลม ส่งผ่านท่อออกไปทางเครือ่ งเป่าลมเย็น ไขปริศนาตู้เป่าลมเย็นในสนามบิน ที่เราคิด ไปว่าเป็นลมจากเครื่องปรับอากาศ หรือการจ�ำลองชัน้ ดินทีอ่ ธิบายถึงการปรับ พื้ น ดิ น ให้ พ ร้ อ มรองรั บ การก่ อ สร้ า งอย่ า งมี ระบบ ย่อเวลาจาก ๓๐ ปี เป็น ๓ ปี การสร้าง หอบังคับการบิน ทีห่ ล่อความสูงของเสาได้วนั ละ ๑.๕ เมตร จนได้หอความสูง ๑๓๒.๒ เมตร ที่ท้ังแข็งแรงคงทน หรือการอธิบายถึงความ อัศจรรย์ของโครงสร้างที่รับน�้ำหนักมหาศาล ไว้ด้วยเสาเพียง ๘ ชุด เพื่อให้เกิดพื้นที่ใช้สอย ได้เต็มที่ โดยที่การออกแบบนั้นต้องรอบคอบ เพื่อให้เกิดความมั่นคงแข็งแรง และค�ำนวณ ให้มีความยืดหยุ่นในยามมีแผ่นดินไหว
73
ส่ ว นผนั ง กระจกอาคารผู ้ โ ดยสารที่ เ ป็ น กระจกทั้ ง หมด แต่ เ ป็ น วั ส ดุ ที่ ค งทนกั น ลม กั น พายุ หากแตกก็ ซ ่ อ มได้ ภ ายในไม่ เ กิ น ครึ่งชั่วโมง และยังเป็นกระจกกันกระสุนด้วย ส่ ว นแผ่ น ฟิ ล ์ ม ภายในกระจกท� ำ หน้ า ที่ กรองแสง และก� ำ หนดปริ ม าณแสงให้ ส ่ อ ง เข้ามาภายในสนามบิน ท�ำให้เราได้เห็นถึง ความฉลาดในการออกแบบ และการใช้งาน ที่ประหยัดพลังงาน รวมถึงเบื้องหลังการย้าย สนามบินจากดอนเมือง ที่ท�ำให้เราใช้เวลา ในห้ อ งนี้ อ ยู ่ น านเพราะสนุ ก กั บ การท่ อ งไป ในองค์ความรู้ที่เรามองไม่เห็น ห้องที่ ๖ “อัตลักษณ์ไทยสู่สากล” เราได้รู้ ความหมายของรูปปั้นกินรี ๓๖ ตน ที่แสดงถึง การต้อนรับด้วยการพนมมือ และปีกทีห่ มายถึง การบิ น มี ภ าพสเกตช์ ล ายเส้ น จากมื อ ของ สถาปนิก HelmutJahm ชาวอเมริกนั และเกร็ด ของเทวต�ำนานการกวนเกษียรสมุทร ซึ่งเป็น ตอนหนึ่งในรามเกียรติ์ที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเลือก เพราะเป็นภาพต�ำนานการกวนน�้ำ อมฤต ในความหมายของความอดทนในการ สร้าง เพื่อผลลัพธ์อยู่เป็นอมตะ นอกจากนั้น ยั ง อธิ บ ายความหมายของภาพประดั บ ใน สนามบินว่ามาจากศิลปินท่านไหนด้วย
The sixth room “Thai Heritage Architecture” introduced us to the meaning of 36 Kinnari statues where their two palms pressed together to represent the kind hospitality and their two wings the flying. The room also featured hand-sketches of airport architectural design by Helmut Jahm, an American-based architect, and the anecdotes on the sculptures of “the Churning of the Milk Ocean”, a scene from the Ramayana chosen by King Rama IX because of its relation to the Nectar of Immortality to imply a great amount of perseverance in the construction for immortal results. Furthermore, it also explained the meanings of numerous paintings decorated in the airport together with the artists. The seventh room, “A World Class Suvarnabhumi”, exhibited a simulation of future airport extension plans. The eighth room “Airport of Smiles” was a portrayal of airport services and surrounding environments. Lastly, the ninth room “Suvarnabhumi Airport: The Sky is No Limit” unveiled hidden meanings behind every building structure calculated to meet the
auspicious number 9. For example, the 441-meter long and 45-meter tall passenger terminal, when split by digits and added together, they make number 9. Getting to know the background of Suvarnabhumi Airport after a museum trip gave us a special feeling towards the national airport, which was a world-class airport. We were impressed, inspired, and prouder than ever. And since we were already in the Nong Ngu Hao neighborhood, the former name of the current location of Suvarnabhumi Airport, we decided to explore the area a little further, especially on the local beliefs that the area served as a sanctuary to various animals and ancient temples, therefore, even when replaced with new buildings, the original owners still earned a respect. What caught our eyes were King Naga Shrines at all four corners of the airport. Since the area was called Nong Ngu Hao (Thai for Cobra Swamp), sacred King Nagas were invited and enshrined for a good fortune, according to the beliefs.
July - August 2020
74
| Ge tti n g A rou nd
The King Naga Shrine at the first airport corner was Phaya Ananta Nakkharatchao Wisutthewa Shrine, situated in the Northeast, opposite S u va r n a b h u m i A i r p o r t Po l i ce Station. At the second corner was Phaya Mutchalin Nakkarat Shrine, situated in the Southeast, near the airport entrance and exit on Bang Na Trat side of the road. The third corner was Nakhathibodi Sisuttho Wisutthewa Shrine, situated in the Northwest, opposite Suvarnabhumi Post Office whereas the fourth corner housed Wirunpakkhe Maha Nakkaratchao Shrine, situated in the Southwest. When we arrived at Phaya Mutchalin Nakkharat Shrine, people who were paying respect told us that the four shrines would be most visited and worshipped on Saturday and Sunday. Believing King Nagas were the protectors of the area and paying their respect accordingly gave them comfort. Therefore, we planned a visit to every corner to also pay our respect to the sacred guardians at a leisurely pace. During our visit, we were delighted by the serenity, the fresh air, the cool evening breeze and the new, up-close, and different perspectives of the airplanes taking off and landing. Having a chance to discover the precious history of Suvarnabhumi Airport at the museum and to explore the surroundings helped us see a clearer overall picture and the significant roles of all elements and background works in the gradual achievement of this world-class airport.
นอกจากการเข้าชมจะไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมีวิทยากร น� ำ ชมอย่ า งสนุ ก สนาน และสามารถก� ำ หนดเวลาได้ มากน้ อ ยตามสะดวก ส่ ว นการเข้ า ชมเป็ น หมู ่ ค ณะ ควรท� ำ การนั ด หมายล่ ว งหน้ า โดยแบ่ ง เป็ น รอบ คื อ รอบเช้ า ๐๙.๐๐-๑๒.๐๐ นาฬิ ก า และรอบบ่ า ย ๑๓.๐๐-๑๖.๐๐ นาฬิ ก า พร้ อ มมี บ ริ ก ารน�้ ำ ดื่ ม และ อาหารว่าง ส่วนการสักการะศาลพญานาค ๔ มุมรอบสนามบิน ในแผนทีข่ องกูเกิลมีการระบุจดุ ทัง้ ๔ มุมอยูแ่ ล้ว สามารถ ใส่ ชื่ อ ของศาลแต่ ล ะศาล แล้ ว ขั บ รถไปแต่ ล ะจุ ด ตาม ความสะดวกของเวลาและศรั ท ธาได้ เ ลย สามารถท� ำ ทุกอย่างได้ภายในเวลา ๑-๒ ชัว่ โมง
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
Besides the free admission, you will be entertainingly guided around the museum by a lecturer and able to plan a longer or shorter visit at your convenience. For a group visit, it is best to make a prior reservation. The morning session starts from 09.00 am to 12.00 pm and the afternoon session from 01.00 pm to 04.00 pm. Drinking water and snacks are also provided. To worship King Naga Shrines at four airport corners, simply search the name of each shrine in Google Maps and drive straight to each corner at your own pace and faith since all can be done within 1-2 hours.
75
ห้องที่ ๗ มีการจ�ำลองภาพแผนในอนาคต ของสนามบินว่าจะมีการขยายส่วนไหน ในห้อง ที่ใช้ชื่อว่า “ศักยภาพระดับโลก” ส่วนห้องที่ ๘ “ท่าอากาศยานแห่งรอยยิม้ ” คือภาพการบริการ และสิ่ ง แวดล้ อ มโดยรอบ และห้ อ งสุ ด ท้ า ย ห้ อ งที่ ๙ “แสงทองส่ อ งทางสู ่ ป ลายฟ้ า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” เล่าความหมาย ที่ซ่อนไว้ ในทุกส่วนของการค�ำนวณโครงสร้าง ของอาคารที่ เ ป็ น เลข ๙ ความก้ า วไกล ของความยาวอาคารผู้โดยสาร ทีย่ าว ๔๔๑ เมตร เมื่อแยกมาบวกกัน มีผลลัพธ์เป็น ๙ หรือ ความสู ง ของอาคารผู ้ โ ดยสาร ๔๕ เมตร ซึ่งบวกกันได้ ๙ เป็นต้น การได้รู้จักเบื้องหลังของท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิหลังจากที่ได้ท่องไปในพิพิธภัณฑ์ แห่ ง นี้ ท� ำ ให้ เ ราเกิ ด ความรู ้ สึ ก พิ เ ศษต่ อ สนามบินแห่งชาติซึ่งเป็นสนามบินระดับโลก ทัง้ เต็มไปด้วยความประทับใจ เกิดความคิดใหม่ มีความภูมิใจเพิ่มขึ้น และไหนๆ ก็มาแวะเวียน รอบๆ ย่านหนองงูเห่า ชื่อเดิมก่อนจะเป็น ที่ตั้งของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว เราขอ
ออกส�ำรวจบริเวณนี้ต่ออีกหน่อย ด้วยความ สนใจที่ เ กี่ ย วเนื่ อ งกั บ ความเชื่ อ ของพื้ น ที่ บริ เ วณนี้ ว่ า เคยเป็ น ที่ อ ยู ่ อ าศั ย ของสั ต ว์ นานาชนิ ด และเคยมี วั ด เก่ า แก่ ท� ำ ให้ เ มื่ อ มี สิง่ ก่อสร้างใหม่มาแทนที่ ก็ตอ้ งให้ความเคารพ แก่เจ้าของเดิม ที่สะดุดตาเรา คือ ศาลพญานาคที่มีทั้ง ๔ มุ ม ของสนามบิ น ซึ่ ง สาเหตุ ที่ เ ป็ น พญานาคนั้น อาจเป็นเพราะพื้นทีเ่ ดิมทีเ่ รียกว่า หนองงู เ ห่ า มี งู อ ยู ่ เ ยอะมาก ท� ำ ให้ มี ก าร อั ญ เชิ ญ พญานาคและตั้ ง ศาลไว้ เ พื่ อ เป็ น สิริมงคลตามความเชื่อ ศาลพญานาค ๔ มุมของสนามบิน คือ ศาลพญาอนันตนาคราชเจ้าวิสุทธิเทวา ตั้งอยู่ ทางตะวั น ออกเฉี ย งเหนื อ ตรงข้ า มสถานี ต� ำ รวจภู ธ รสุ ว รรณภู มิ มุ ม ที่ ๒ คื อ ศาล พญามุ จ ลิ น ท์ น าคราช ทางทิ ศ ตะวั น ออก เฉียงใต้ ใกล้ทางเข้าออกสนามบิน ด้านถนน บางนา-ตราด มุมที่ ๓ คือ ศาลองค์นาคาธิบดี ศรี สุ ท โธ วิ สุ ท ธิ เ ทวา อยู ่ ด ้ า นทิ ศ ตะวั น ตก เฉี ย งเหนื อ ตรงข้ า มไปรษณี ย ์ สุ ว รรณภู มิ
พิพิธภัณฑ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เลขที่ ๙๙๙ หมู่ ๑ ต�ำบลหนองปรือ อ�ำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เปิดให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ นาฬิกา ติดต่อวิทยากรน�ำชมพิพิธภัณฑ์ได้ที่ โทรศัพท์ ๐๖ ๒๕๙๓ ๙๙๙๖
และมุมที่ ๔ คือ ศาลท้าววิรปู กั เขมหานาคราชเจ้า ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมื่ อ เราไปถึ ง ศาลพญามุ จ ลิ น ท์ น าคราช คนที่ก�ำลังมาสักการะบอกว่า ที่ศาลนี้มักมี คนมาสั กการะกั น ในวั น เสาร์ และวัน อาทิต ย์ มากกว่า เพราะเชือ่ กันว่ามีองค์พญานาคปกปัก รักษาพื้นที่นี้ การกราบไหว้ตามความเชื่อนั้น ท�ำให้เขาสบายใจเราจึงตั้งพิกัดและค�ำนวณ เส้นทางการเดินทางไปในแต่ละมุม เพือ่ สักการะ สิ่ ง ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ใ นแต่ ล ะจุ ด อย่ า งไม่ รี บ ร้ อ น ความสบายใจในแต่ละจุดทีเ่ ราค้นพบจากการใช้ เวลารอบๆ บริเวณนีค้ อื ความสดชืน่ ของอากาศ และลมสบายในยามเย็น พร้อมกับได้ค้นพบ มุมมองเครื่องบินขึ้นและลงสนามบินได้ล�ำโต และสวยแปลกตา การได้รู้ที่มาของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากพิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ และการได้ ออกมาชมพื้น ที่ โดยรอบ ช่ ว ยเติ ม เต็ ม ให้ เ ห็ น ภาพใหญ่ ไ ด้ อย่างกระจ่างใจ ว่ากว่าจะเสร็จสมบูรณ์มาเป็น สนามบิ น ระดั บ โลกนี้ ล้ ว นมี อ งค์ ป ระกอบ และเบื้องหลังที่ส�ำคัญเพียงใด
Suvarnabhumi Airport Museum
999 Moo 1, Nong Prue Sub-District, Bang Phli District, Samutprakan Free Entry: Monday-Friday from 09.00 am - 16.00 pm Contact for a museum tour lecturer at Tel. 06 2593 9996 July - August 2020
76
| Solo Trav eler | One-Day T ri p
ไปเช้า เย็นกลับ
เที่ยวพระสมุทรเจดีย์ ได้ครบทุกรส
ถ้ า คุ ณ ไม่ ใ ช่ ค นในพื้ น ที่ ข องเมื อ งปากน�้ ำ พอนึ ก อยากจะไปเที่ ย ว ย่านพระสมุทรเจดีย์สักหน่อย คุณก็คงเกิดค�ำถามว่า แล้วฉันจะเริ่ม ตรงไหนดีละนี่ ขอแนะน�ำให้เริ่มจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวเลยค่ะ ไปลงที่ สถานีปากน�้ำ จากนั้นก็ไปขึ้นเรือตรงท่าเรือตลาดปากน�้ำเพื่อข้ามไป ยังฝั่งพระสมุทรเจดีย์ ส�ำหรับค่าโดยสารเรือต่อคนที่จ่ายเพียงแค่ ๖ บาทนั้นถูกแสนถูก เมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว แถมการนั่งเรือท�ำให้เราไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องการจราจรหรือ การวนรถเพื่อหาที่จอดรถด้วย รวมทั้งการไม่ขับรถยนต์ออกจากบ้าน สัก ๑ วัน คุณก็ช่วยโลกได้แล้วกับการไม่สร้างมลภาวะที่เป็นพิษ เพิม่ ในอากาศ
นกนางนวล หนึ่งในสัญลักษณ์ที่บอกถึงความเป็นจังหวัดสมุทรปราการไปเสียแล้ว Seagulls, one of Samutprakan’s s symbols. กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
77
One-Day Trip Discover all flavors of Phra Samut Chedi I
f you are not a Paknam local but considering a trip around Phra Samut Chedi, you may be questioning where to start. Our recommendation is with the BTS Green Line. Take off at Paknam Station and catch a ferry ride at Paknam Market Pier to cross to Phra Samut Chedi bank at only six baht per person, an extremely low price compared to bringing your personal car. Besides, taking a boat ride helps save you from unnecessary headaches with the traffic jam and endless search for a parking spot and helps save the earth by generating less toxic air pollution for the day. Soon as you land on Phra Samut Chedi side, exploring the market by the pier can be somewhat entertaining. Try savories and delights of various nations and head on to Wat Phra Samut
Chedi to pay respect and paste gold leaves before prostrating to worship the Buddha image enshrined inside the Vihara. Phra Samut Chedi was commonly known as Phra Chedi Klang Nam (Pagoda Amidst the Water) because its original site was an island amidst the water, however, the shore on the right bank of the river silted up and gradually connected to the main island where Phra Chedi stood. Therefore, when watching from afar, it appeared as if Phra Chedi was floating in water. Although in the following time, natural mudflows accumulated around the Chedi, the former name Phra Chedi Klang Nam had already become a part of the land on the west bank of the Chao Phraya River. Following a photographer friend’s recommendation to visit the rivercrossing suspension bridge by an old pier in front of Phra Samut Chedi, it felt as if we were taking a private bridge trip because not many people knew about the place when it was actually one of the prettiest spots to take photos or check-in. The bridge led us to Phi Suea Samut Fort in the middle of the island at the mouth of the Chao Phraya River. On top of its mangrove forest nature trail, the history of the fort built since the reign of King Rama II itself was as equally interesting. Back then, there was a sand beach among the water in the northern area of the fort where King Rama II initiated a plan to build Phra Chedi but was not carried out.
ส�ำหรับช่างภาพแล้ว ช่วงพระอาทิตย์ตกคือ จังหวะของแสงที่ลงตัวที่สุด รวมถึงการท่องเที่ยว ในฤดูร้อนบ้านเรา ช่วงเย็นคือช่วงที่อุณหภูมิ ก�ำลังพอเหมาะ For Photographers, sunset hours offer the most magical lighting and comfortable temperature during a summer trip in Thailand. July - August 2020
78
| Solo Trav eler
เมื่อข้ามฟากมายังพระสมุทรเจดีย์แล้ว การเดินตลาดที่อยู่บริเวณท่าเรือยังเป็นอะไร ทีบ่ นั เทิงใจมาก จะกินข้าวกินขนมอะไรมีหมด ทุ ก สั ญ ชาติ เสร็ จ แล้ ว ค่ อ ยเดิ น ต่ อ ไปยั ง วัดพระสมุทรเจดียเ์ พือ่ ไหว้พระปิดทอง จากนัน้ จึ ง ค่ อ ยไปก้ ม กราบองค์ พ ระพุ ท ธรู ป ที่ ประดิษฐานอยูท่ างด้านในของพระวิหารต่อ ส� ำ หรั บ พระสมุ ท รเจดี ย ์ นั้ น แต่ เ ดิ ม เขา เรี ย กกั น โดยทั่ ว ไปว่ า พระเจดี ย ์ ก ลางน�้ ำ เนื่องด้วยบริเวณที่ก่อสร้างพระสมุทรเจดีย์ ในสมั ย อดี ต นั้ น มี ลั ก ษณะเป็ น เกาะกลางน�้ ำ จนต่อมาชายตลิง่ ฝัง่ ขวาของแม่นำ�้ ส่วนทีต่ นื้ เขิน ก็ค่อยๆ เริ่มงอกออกมาจนเชื่อมติดกับเกาะ อันเป็นทีต่ งั้ ของตัวองค์พระเจดีย์ ซึง่ ในสมัยนัน้ หากออกมายื น มองจากระยะไกลๆ แล้ ว จะดูเหมือนว่ามีเจดีย์ลอยอยู่ในน�้ำ จนต่อมา ด้วยความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอันท�ำให้ เกิดภาวะดินโคลนไหลสะสมมาท่วมอยู่รอบๆ องค์พระเจดีย์ ก็เป็นผลท�ำให้ชอื่ ขององค์พระเจดีย์ กลางน�้ำที่เคยถูกเรียกในอดีตได้กลายมาเป็น ส่ ว นหนึ่ ง ของแผ่ น ดิ น ด้ า นฝั ่ ง ตะวั น ตกของ แม่นำ�้ เจ้าพระยาไปเสียแล้ว เพื่ อนช่ า งภาพคนหนึ่ง เคยแนะน�ำฉันว่า ถ้ามีโอกาสได้ข้ามเรือมาทางฝั่งนี้แล้ว ขอให้ ลองแวะไปที่สะพานแขวนข้ามแม่น�้ำซึ่งอยู่ตรง บริ เ วณท่ า เรื อ เก่ า หน้ า องค์ พ ระสมุ ท รเจดี ย ์ ความรู้สึกเหมือนได้มาเที่ยวบนสะพานส่วนตัว เพราะน้อยคนนักทีจ่ ะรูจ้ กั สะพานแห่งนี้ ทัง้ ๆ ที่ คื อ มุ ม เช็ ก อิ น และมุ ม ของการยื น ถ่ า ยรู ป ที่สวยที่สุด ทั้งสะพานแห่งนี้ยังน�ำพาเราไป สู ่ ตั ว ป้ อ มผี เ สื้ อ สมุ ท รซึ่ ง ตั้ ง อยู ่ ก ลางเกาะ ปากแม่น�้ำเจ้าพระยา ซึ่งนอกจากจะมีเส้นทาง ศึ ก ษาธรรมชาติ ป ่ า ชายเลนที่ น ่ า สนใจแล้ ว เรื่ อ งราวของป้ อ มผี เ สื้ อ สมุ ท รก็ ยั ง น่ า สนใจ เพราะเป็ น ป้ อ มปราการที่ ส ร้ า งขึ้ น ตั้ ง แต่ สมั ย รั ช กาลที่ ๒ ในสมั ย นั้ น ส่ ว นเหนื อ ของตั ว ป้ อ มมี ห าดทรายเกิ ด ขึ้ น ที่ ก ลางน�้ ำ รั ช กาลที่ ๒ ทรงมี พ ระราชด� ำ ริ จ ะสร้ า ง พระเจดี ย ์ ขึ้ น ที่ ห าดทรายนี้ ทว่ า ก็ ยั ง ไม่ ไ ด้ มีการก่อสร้างเกิดขึ้น กระทั่งมาถึงสมัยรัชกาลที่ ๓ จึงมีการ จัดสร้างและให้ปรับปรุงตัวป้อมบนเกาะกลางน�ำ้ เสียใหม่ โดยสร้างก�ำแพงปีกกาขยายออกไปทัง้ ๒ ด้านแลดูคล้ายกับผีเสือ้ อันน�ำมาซึง่ ชือ่ ของ ป้อมผีเสื้อสมุทร จนมาถึงช่วงหนึ่งในยุคสมัย กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
In the reign of King Rama III, the King ordered the construction and renovation of the fort amidst the water, expanding both sides of parapets shaped similarly to a butterfly, thus, the name Phi Suea Samut (Butterfly of the Ocean) Fort. During the severe epidemic of Cholera, His Majesty King Chulalongkorn (Rama V) graciously set up many temporary nursing stations that scattered across Bangkok and transferred certain groups of soldiers to Phi Suea Samut Fort, believing that the epidemic would not be able to traverse such place amidst the water. On the fort walls, there were 1-foot wide square holes, each drilled with brass plates with holes. When speaking through these square holes, our voice traveled inside of the fort loud and clear. It was constructed by the wisdom of ancient craftsmen as a communication channel between those inside and outside the fort.
Before leaving home to Phra Samut Chedi, my mother repeated over and over not to forget to buy some Kung Yiat (Stretched Shrimps) at Sakhla Village back home. Kung Yiat is an OTOP product from the local wisdom of villagers in Baan Sakhla, Na Kluea Sub-District, Phra Samut Chedi District. Although the dish was initially a local household menu, its nicely sweet and salted flavors, unlike general salted shrimps, and its unusual stretchedness made it an irresistible local delight and a famous must-buy souvenir. With a squeeze of lime juice, you would be able to experience Kung Yiat with three flavors. A Sakhla aunty shared with us the secrets behind the famous Kung Yiat making. First, banana shrimps must be thoroughly cleansed without removing the shells and the heads. In order to keep the shrimps beautifully straightened, a stone chopping board
79
และรู ป ทรงของกุ ้ ง เหยี ย ดเองก็ น ่ า กิ น กว่ า กุง้ ตัวงอ จากทีแ่ ค่ทำ� กินกันเองในครอบครัวของ ชาวบ้าน ก็เลยกลายมาเป็นสินค้าขึ้นชื่อของ บ้านสาขลา ทีใ่ ครแวะมาก็เป็นต้องซือ้ กลับบ้าน ยิง่ ก่อนกิน หากบีบมะนาวใส่เพิม่ เข้าไปสักหน่อย คุ ณ จะได้ ลิ้ ม ลองกั บ กุ ้ ง เหยี ย ดแบบสามรส ครบทีเดียว คุ ณ ป้ า ชาวสาขลาท่ า นหนึ่ ง เล่ า ถึ ง ที่ ม า ของสูตรลับก่อนจะมาเป็นกุ้งเหยียดให้ฟังว่า ขั้นตอนแรก คือการเอากุ้งแชบ๊วยไปล้างให้ สะอาดก่อนโดยไม่ต้องปอกเปลือกและไม่ตัด หัวกุง้ ออก โดยการจะท�ำให้กงุ้ มีลกั ษณะล�ำตัว เหยียดตรงในขัน้ ตอนนีไ้ ด้ ก็คอื การใช้เขียงหิน ทับตัวกุ้งเอาไว้ จากนั้นจึงเอากุ้งใส่ลงภาชนะ พร้อมด้วยน�้ำสะอาด เติมน�้ำตาลและเกลือ น�ำไปต้มไฟอ่อนประมาณครึ่งชั่วโมง หากเริ่ม มีน�้ำออกมาจากตัวกุ้งเมื่อใดก็ ให้ต้มต่อไปอีก ประมาณ ๑ ชัว่ โมง จนน�ำ้ เริม่ แห้งจึงค่อยเปิดฝา ซึ่งเทคนิคส�ำคัญอยู่ที่ห้ามเปิดฝาหม้อเด็ดขาด จนกว่ า กุ ้ ง จะสุ ก มิ เ ช่ น นั้ น ตั ว กุ ้ ง จะงอทั น ที หลังคุยกับคุณป้าผูเ้ ปิดขายกุง้ เหยียดทีห่ น้าบ้าน ของตัวเองแล้ว ฉันใช้เวลาในช่วงบ่ายที่เหลือ เดินเทีย่ วหมูบ่ า้ นสาขลาอีกสักเล็กน้อย
ของรัชกาลที่ ๕ ทีม่ กี ารแพร่ระบาดของโรคห่า ครั้งใหญ่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง เรือนพยาบาลชั่วคราวกระจายไว้หลายแห่ง ในกรุงเทพฯ โดยมีการอพยพทหารส่วนหนึ่ง มาไว้ที่ป้อมผีเสื้อสมุทร เพราะมีความเชื่อว่า การอาศั ย อยู ่ ใ นพื้ น ที่ ที่ ตั้ ง อยู ่ ก ลางน�้ ำ เช่ น นี้ เชื้ อ โรคจากโรคระบาดจะไม่ ส ามารถข้ า ม มาถึงได้ บนตั ว ก� ำ แพงป้ อ มจะมี ช ่ อ งสี่ เ หลี่ ย ม ขนาดใหญ่ความกว้างประมาณ ๑ ฟุต ถูกเจาะ เอาไว้ พ ร้ อ มกั บ ตะแกรงแผ่ น ทองเหลื อ ง ที่ถูกเจาะให้เป็นรูๆ เช่นกัน ซึ่งหากใครลอง ไปยื น ส่ ง เสี ย งพู ด ผ่ า นทางช่ อ งสี่ เ หลี่ ย มนี้
เสียงทีเ่ ราพูดจะดังเข้าไปถึงด้านในของตัวป้อม ได้ยนิ ถึงหูของคนทีย่ นื อยูด่ า้ นในนัน้ อย่างชัดเจน นี่คือการก่อสร้างด้วยภูมิปัญญาตามแบบฉบับ ของช่างโบราณสมัยก่อน เพื่อเป็นช่องติดต่อ ระหว่างผูท้ อี่ ยูด่ า้ นในตัวป้อมและนอกป้อม ก่อนออกจากบ้านมาเที่ยวพระสมุทรเจดีย์ วันนี้ แม่ของฉันย�ำ้ แล้วย�ำ้ อีกว่าขากลับอย่าลืม ซื้อกุ้งเหยียดที่หมู่บ้านสาขลาติดกลับมาด้วย ซึง่ กุง้ เหยียดถือเป็นสินค้าโอทอปจากภูมปิ ญ ั ญา ชาวบ้านทีอ่ าศัยอยูใ่ นบ้านสาขลา ต�ำบลนาเกลือ อ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์ โดยแต่เดิมนัน้ กุง้ เหยียด เป็ น แค่ เ มนู อ าหารที่ ช าวบ้ า นท� ำ กิ น กั น เอง ในครอบครัว แต่ดว้ ยรสชาติหวานเค็มทีต่ า่ งจาก กุ้งเค็มทั่วไปที่มีแต่รสชาติความเค็มเท่านั้น July - August 2020
80 | Solo Trav eler
หมู ่ บ ้ า นสาขลาเป็ น ชุ ม ชนโบราณ ริมปากแม่นำ�้ เจ้าพระยา มีประวัตศิ าสตร์ยาวนาน มาตั้ ง แต่ ส มั ย อยุ ธ ยา พื้ น ที่ นี้ เ คยเป็ น ที่ พั ก ชัว่ คราวของกองทัพพม่าทีเ่ ดินทางยกทัพผ่านมา ซึ่งในระหว่างนั้นผู้ชายในหมู่บ้านได้ยกทัพไป ช่วยสูร้ บในพระนครกันหมด เหลือเพียงชาวบ้าน ที่เป็นผู้หญิงและเด็ก สถานการณ์นั้นเองที่ได้ สร้างวีรสตรีให้เกิดขึน้ มากมาย เพราะในช่วงที่ ผู้ชายไม่อยู่ ผู้หญิงทั้งหมู่บ้านก็ต้องลุกขึ้นมา ถื อ ดาบแกว่ ง ไกวเพื่ อ สู ้ กั บ กองทั พ พม่ า ที่ พ ยายามจะมาตั้ ง ฐานชั่ ว คราวในหมู ่ บ ้ า น ของตัวเอง จนในที่สุดวีรสตรีเหล่านี้ก็ได้รับ ชั ย ชนะ และเป็ น ที่ ม าของชื่ อ บ้ า นสาขลา ซึ่งแต่เดิมเรียกว่าหมู่บ้านสาวกล้ามาก่อน
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
แต่ก่อนชาวบ้านที่นี่ยึดอาชีพท�ำนาเกลือ เป็ น หลั ก ก่ อ นจะเปลี่ ย นมาท� ำ ฟาร์ ม กุ ้ ง ฟาร์มหอย หาเลี้ยงชีพกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ จึ ง ไม่ แ ปลกที่ ห มู ่ บ ้ า นนี้ จ ะเป็ น แหล่ ง ของ อาหารทะเล ทั้งอาหารทะเลสด และอาหาร ทะเลแปรรูป นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว หมู่บ้า นสาขลายั งมี วั ด ขึ้ น ชื่ อ ที่ ชื่ อ วั ด สาขลา ภายในวัดแห่งนีเ้ ป็นทีป่ ระดิษฐานของหลวงพ่อโต องค์ ใหญ่ซึ่งเป็นพระประธานทางด้านในของ ตัวโบสถ์ รวมไปถึงพระปรางค์เอียงสมัยอยุธยา ที่ถือว่าเป็นอันซีนแห่งเดียวในประเทศไทยเลย ก็วา่ ได้ โดยหนึง่ กิจกรรมทีค่ นนิยมท�ำเมือ่ มาถึง วัดแห่งนี้คือการเดินลอดโบสถ์ที่ทางวัดได้ขุด เอาไว้เพือ่ เป็นอุโมงค์ อันมาจากความเชือ่ ทาง
พระพุทธศาสนาว่าหากพุทธศาสนิกชนใดได้มี โอกาสเดินลอดโบสถ์สักครั้งในชีวิต จะถือว่า ได้บุญมาก ซึ่งภายใต้ โบสถ์ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ นั ก ท่ อ งเที่ ย วสั ก การะอี ก มากมาย เช่ น หลวงพ่ อ บั ว เข็ ม และโบราณวั ต ถุ ที่ ท างวั ด ขุดพบในตอนที่ท�ำการขุดใต้ โบสถ์ ลูกนิมิต สมัยโบราณที่ถูกฝังไว้นานเป็น ๑๐๐ ปี และ พระเก่ า ที่ ถู ก ขุ ด ขึ้ น มาอั น เป็ น ศิ ล ปะของ ช่างโบราณสมัยอยุธยา เป็นต้น ใครว่าการออกเดินทางท่องเที่ยวต้องใช้ เวลามากมาย เห็นไหม ไปเช้าเย็นกลับก็เทีย่ ว ได้แล้วง่ายๆ ได้ทงั้ ความรู้ ได้บญ ุ และได้กงุ้ เหยียด กลับมาฝากแม่ดว้ ย
81
must be placed on top of the shrimps. Then, add the shrimps into a container, follow with clean water, sugar, and salt, and let boil over low heat for half an hour. When the juice starts seeping out, continue boiling for another hour, wait until the water starts to dry, and open the cover. However, it would be absolutely forbidden to open the cover before the shrimps are cooked or they would curl up immediately. After a conversation with the aunty, I spent the rest of the afternoon wandering around Sakhla Village a little further. Sakhla Village is an ancient community at the estuary of the Chao Phraya River with a long history since the Ayutthaya period. It was once a temporary
resting area of the Burese troops as they marched through. At the time, since all male villagers went to fight the battle in the capital city, there were only women and children left. With bravery, all the women in the village grabbed swords and fought against the Burmese troops that were trying to settle a temporary base in their village and gradually won the victory. Such heroic action became the former village name, Sao Kla (Brave Ladies), before later changed to Sakhla. In the past, salt-farming was the main local occupation before turning into shrimp farming and shell farming until the present. Unsurprisingly, the village is an abundant source for
seafood both fresh and processed. Aside from the food, Sakhla Village is also home to Wat Sakhla, a wellknown temple that features an enormous principle image of Luang Pho To in the Ordination Hall and the leaning pagoda from the Ayutthaya period, only seen in Thailand. A popular activity when visiting the temple is walking through a tunnel beneath the Ordination Hall, based on the Buddhist belief that any Buddhist who takes such a walk at least once in a lifetime, would be tremendously blessed. The tunnel also enshrines many other sacred items for travelers to pay homage to including, Luang Pho Bua Khem and artifacts discovered during the tunnel excavation such as a 100-year old sacred round stone embedded underground, and ancient Buddha images crafted with Ayutthaya Art. Who said traveling would take a lot of time when a day trip could be so easy, educational, blessed and allow you to bring Kung Yiat home as a souvenir?
วัดพระสมุทรเจดีย์ ต�ำบลปากคลองบางปลากด อ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ป้อมผีเสื้อสมุทร ต�ำบลปากคลองบางปลากด อ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ หมู่บ้านสาขลา ต�ำบลนาเกลือ อ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ Wat Phra Samut Chedi
Pak Khlong Bang Pla Kot Sub-District, Phra Samut Chedi District, Samutprakan Phi Suea Samut Fort
Pak Khlong Bang Pla Kot Sub-District, Phra Samut Chedi District, Samutprakan Sakhla Village
Na Kluea Sub-District, Phra Samut Chedi District, Samutprakan
July - August 2020
82
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
83
Green Trip Nature Attractions | Going Green
July - August 2020
84 | N at u r e Attractions | P o m P e e k K a P u b l i c Pa r k
หลั ง เสร็ จ จากการจั บ จ่ า ยข้ า วของใน ตลาดปากน�ำ้ เราเหลือเวลาเตร็ดเตร่อยูล่ ะแวก นั้ น อี ก พั ก หนึ่ ง เพื่ อ รอเวลาให้ ร ้ า นอาหาร ริมทางรอบๆ วงเวียนท้ายบ้านเปิดขายยามค�ำ่ จะได้ซอื้ ติดมือกลับบ้านไปด้วย และแดดอ่อนๆ ตอนเย็ นแบบนี้ ไ ม่ มี อะไรดีเท่า กับการได้ไป นั่ ง เล่ น ใต้ ร ่ ม ไม้ ใ นสวนสาธารณะสั ก แห่ ง ซึ่งหากจะมองหาสวนที่อยู่ใกล้ย่านใจกลาง ปากน�้ำที่สุด สวนสาธารณะป้อมปีกกาเห็นจะ เป็นค�ำตอบเดียวในตอนนี้ จากวงเวียนท้ายบ้าน เรามุ่งหน้าไปยัง สวนสาธารณะป้อมปีกกาทีอ่ ยูไ่ ม่ไกล ต้นไทรใหญ่ ยืนตระหง่านต้อนรับเราอยูต่ รงทางเข้า ลมพัด โชยโบกใบเล็กใบน้อยปลิวไหวรับกันเป็นทอด เช่ น เดี ย วกั บ ม่ า นไทรที่ พ ลิ้ ว ไปตามแรงลม ไทรเก่ า แก่ ต ้ น นี้ อ ยู ่ คู ่ กั บ ชุ ม ชนท้ า ยบ้ า นมา แสนนานแล้ว คุณป้าทีอ่ าศัยร่มเงาอยูโ่ บกหมวก ในมือแทนพัดเพือ่ เร่งแรงลมไปมา พร้อมบอก กับเราว่าตัง้ แต่เกิดมาก็เห็นเป็นต้นใหญ่โตแล้ว หากจะให้นบั อายุกนั จริงๆ ว่ากันว่าอยูค่ กู่ นั กับ ป้อมปีกกามานานกว่า ๒๐๐ ปีทเี ดียว
ป้อมปีกกา หนึ่งในป้อมปืนโบราณเมืองหน้าด่านปากน�้ำเจ้าพระยา อายุกว่า ๒๐๐ ปี Peek Ka Fort, one of the ancient cannon forts in the outpost city at the estuary of the Chao Phraya River, 200 years old.
สวนสาธารณะป้อมปีกกา
สวนหย่อนใจใกล้บ้านของชาวปากน�้ำ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
85
มุมออกก�ำลังกายของชาวปากน�้ำ A favorite workout corner of Paknam locals.
Pom Peek Ka Public Park
The recreation park close to home of Paknam People fter shopping at Paknam Market, we still had some spare time to stroll around the neighborhood waiting for evening street food stalls around Wong Wian Thai Baan (Thai Baan Roundabout) to open and grab some delicious food home. When the evening sun became more gentle, there was nothing better than sitting in the tree shade in some parks and the closest one to downtown Paknam at the moment was Pom Peek Ka Public Park.
A
ต้นไทรเก่าแก่ที่อยู่คู่ป้อมปีกกา ที่ยามเย็นจะมีคนมาอาศัยร่มเงาท�ำกิจกรรม An ancient Banyan tree that stood alongside Peek Ka Fort where people hide in its cool shade doing various activities in the evening.
From Wong Wian Thai Baan, we headed towards Pom Peek Ka Public Park not too far away, where a gigantic banyan tree stood majestically welcoming us at the entrance as its tiny leaves and curtain-like aerial roots swayed in the cool breeze. This ancient banyan tree had long stood alongside the Thai Baan Community. According to an auntie, who hid in the tree shade waving a hat in her hands instead of a fan, since she was born, the tree was already so large and it was said to have been with Peek Ka Fort far more than 200 years. July - August 2020
86 | N atur e At t ract ions
ความที่เป็นคนชอบประวัติศาสตร์ ท�ำให้ เราเดิ น เข้ า ไปสั ม ผั ส ป้ อ มปี ก กา ซึ่ ง เป็ น หมุ ด หมายส� ำ คั ญ ของสวนสาธารณะแห่ ง นี้ ป้อมนีเ้ ป็นหนึง่ ในป้อมปืนโบราณเมืองหน้าด่าน ปากน�้ำเจ้าพระยาที่ยังหลงเหลืออยู่ในจังหวัด สมุทรปราการ เมื่อสืบถึงที่มาของป้อมปีกกา แห่งนี้ จึงได้รวู้ า่ สร้างขึน้ ตัง้ แต่สมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่ อ พระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว ทรงมีพระราชด�ำริจะเสริมสร้างเมืองให้มั่นคง เข้มแข็ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นแม่กองในการ อ�ำนวยการสร้าง และมีอีกป้อมหนึ่งที่สร้างขึ้น มาพร้อมกัน คือ ป้อมตรีเพชร ทีต่ ำ� บลนางเกรง ซึ่ ง อยู ่ ท างทิ ศ เหนื อ ของสมุ ท รปราการ ส่ ว นป้ อ มปี ก กาอยู ่ ท างทิ ศ ใต้ และในสมั ย สงครามโลกครัง้ ที่ ๒ ป้อมแห่งนีก้ ไ็ ด้ทำ� หน้าที่ เป็นหลุมหลบภัยสาธารณะให้ชาวบ้านในชุมชน ได้ ใช้ร่วมกัน ปัจจุบันบริเวณป้อมปีกกาได้รับ การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นสวนสาธารณะ ที่เอื้อ ประโยชน์ต่อคนในชุมชนและผู้คนที่แวะเวียน เข้ามา เมื่ อ ตะวั น คล้ อ ย ผู ้ ค นในละแวกก็ เ ริ่ ม ทยอยกั น เข้ า มาในสวนซึ่ ง มี พื้ น ที่ ข นาด ๓.๗๗ ไร่นี้ บ้างหามุมนั่งพักผ่อนเช่นเดียว กับเรา บ้างมาในชุดกีฬาพร้อมลูกบาสเกตบอล ลูกบอลในมือ เพราะภายในสวนนีม้ กี ารจัดสร้าง สนามบาสเกตบอล สนามฟุตซอล ให้คนได้มา ออกก�ำลังกายกัน หนุม่ น้อยในชุดเตรียมพร้อม ลงแข่งในแมตช์เล็กๆ กับเพือ่ นๆ เล่าให้ฟงั ว่า พวกเขามี ที่ นี่ เ ป็ น ที่ ฝ ึ ก ซ้ อ มกี ฬ าไปในตั ว หนึ่ ง ในนั้ น เป็ น ตั ว แทนจั ง หวั ด เลยที เ ดี ย ว จุ ด เริ่ ม ต้ น การเป็ น นั ก กี ฬ าของเขาก็ ม าจาก สวนสาธารณะป้อมปีกกาแห่งนี้นี่แหละ สวนสาธารณะป้อมปีกกา จะยิ่งมีชีวิตชีวา ในยามค�่ำ แม้พื้นที่จะไม่ใหญ่โตกว้างขวางนัก แต่ก็ดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาเยียวยาตัวเองด้วย ธรรมชาติภายในสวน ไม่ว่าจะเพื่อนฝูง คู่รัก หรือครอบครัว ต่างได้อาศัยพืน้ ทีแ่ ห่งนีก้ ระชับ สัมพันธภาพ ไม่วา่ จะเป็นเพียงนัง่ คุยกันเงียบๆ พากันจ๊อกกิง้ หรือเดินออกก�ำลังกาย ไปจนถึง เล่นกีฬากันอย่างจริงจัง เป็นความสุขทีเ่ กิดขึน้ ได้จากความเรียบง่าย ซึง่ ในความเรียบง่ายนีเ้ องไม่ใช่หรือ ทีจ่ ะพาเรา กลับมาอยูก่ บั ความสุขทีแ่ ท้จริง กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ปืนโบราณ หลักฐานส�ำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดสมุทรปราการ Ancient Cannon, a historically significant evidence of Samutprakan.
87 Our love for history drew us to Peek Ka fort, the significant landmark of the public park. It was one of the ancient cannon forts of the outpost city at the estuary of the Chao Phraya River that still remained in Samutprakan these days. With a little research, we realized it was established since the reign of His Majesty King Nangklao (King Rama III), who initiated the plan to strengthen the city and appointed Chao Phraya Phra Khlang (Dis) as the chief of the construction. Built at the same time, Tri Phet Fort was the other fort built in Nan Kreng Sub-District in the north of Samutprakan, and Peek Ka Fort in the south. During World War II, it served as a public air raid shelter for local villagers within the community. Today, the surroundings of Peek Ka Fort has been developed into a favorable public park for community members and passerby. When the sun got much lower, people in the neighborhood started dropping by this 3.77-rai (6,032 sqm) park. Some were looking for a corner to relax like us and some came in sportswear or with a ball in their hands because this park also provides a basketball court and a futsal court so people could come and exercise. A young boy in a sports outfit ready to join a small match with
his fellows told us that they used the place as their practice arena, and that one of them was a representative of the province, whose athlete career started out at this very park, Pom Peek Ka Public Park.
สนามบาสเกตบอลที่นักกีฬาและคนทั่วไปได้ใช้เป็นที่ฝึกซ้อม The basketball court where athletes and the public come to practice.
Pom Peek Ka Public Park was even more lively at night time. Although it might not have been very spacious, it could still invite people to come by and heal themselves with nature inside the park. Friends, lovers, and family all used the place to tighten up their relationship whether by having a quiet conversation, jogging, walking or seriously playing sports together. It was a small happiness from simplicity but was it not this simplicity that had brought us back to our real happiness.
สวนสาธารณะป้อมปีกกา เลขที่ ๕๑ ซอยท้ายบ้าน ๒ ต�ำบลปากน�้ำ อ�ำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๙ ๗๐๐๘ ๔๕๑๓ Pom Peek Ka Public Park
51 Soi Thai Baan 2, Paknam Sub-District, Mueang Samutprakan, Samutprakan Tel. 09 7008 4513
July - August 2020
88 | Goi n g Green | T h e Ta le of C o c onut S hell s
เรื่องเล่าของกะลา
ธรรมชาติข้างทางที่กลายมาเป็น ภาชนะเลอค่าในถาดทองเหลือง The Tale of Coconut Shells From sideways nature to gracious containers in a brass tray
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
89
hen the world and nature cry for help, local wisdom is an alternative cure, which has also brought about containers made of coconut shells. With a quick glance, the shiny glazed coconut shells with meticulous hand-painted gold patterns can easily be mistaken as Bencharong, traditional Thai five-colored porcelains.
W
คนสมัยก่อนใช้ประโยชน์จากกะลามะพร้าวสารพัดรูปแบบ รวมทั้งใช้ตักตวงข้าวสาร Ancient people used coconut shells in various ways including scooping and measuring rice grains.
ในวั น ที่ โ ลกและธรรมชาติ ต ้ อ งการความ ช่ ว ยเหลื อ ภู มิ ป ั ญ ญาท้ อ งถิ่ น คื อ อี ก หนึ่ ง หนทางทีจ่ ะช่วยเยียวยาโลกใบนีไ้ ด้ และนัน่ เอง จึงเป็นที่มาของภาชนะที่ท�ำจากกะลามะพร้าว ซึ่ ง ถ้ า มองเพี ย งผ่ า นๆ ความเงาของกะลา ที่ ถู ก เคลื อ บไว้ แ ละลวดลายสี ท องที่ บ รรจง วาดด้ ว ยมื อ อาจมี โ อกาสท� ำ ให้ ห ลายคน เข้าใจผิดไปว่านี่คือถ้วยชามเบญจรงค์
“นี่ไง เวลาตักข้าว คนโบราณเขาจะบอกว่า เอ้า ! ไปตักข้าวสารมาหุงสัก ๒ ทะนานสิ ก็ ห มายถึ ง ให้ ไ ปตวงข้ า วสารมา ๒ กะลา เพราะสมัยก่อนเวลาคนโบราณเขาจะหุงข้าวกันที เขาต้องคิดดีๆ ว่าจะหุงเท่าไหร่ จะกินกันกี่คน เพื่อไม่ให้เหลือทิ้งเหลือขว้าง แล้วสมัยก่อน ไม่มบี า้ นไหนเขาใช้กระป๋องนมตักข้าวสารกันนะ เขาใช้กะลานี่แหละ อย่างลุงจะหุงข้าวกินเอง ทุกวันนี้ ก็จะหุงประมาณทะนานครึง่ กินคนเดียว ที่บ้านของ ลุงแดง ไกรสมโภชน์ ชาวสวน ได้ ๓ มื้อ” และอดีตช่างไม้ ในหมู่ ๒ ของต�ำบลบางกอบัว ซึ่งลุงแดงไม่เพียงแต่เก่งเรื่องงานช่างเท่านั้น กับข้าวกับปลาสูตรโบราณของลุงแดงก็อร่อย ไม่แพ้ ใคร อย่างวันที่เราแวะมานี้ เราสังเกต เห็นว่าลุงแดงน�ำส่วนต่างๆ จากต้นมะพร้าวมา ใช้เยอะมากในการท�ำอาหาร ไม่วา่ จะคัน้ กะทิสด มาท�ำแกงกะทิหัวปลี ผัดฉ่าใส่กรุบมะพร้าว (กะลามะพร้าวอ่อน) หรือแม้กระทัง่ การใช้กะลา มะพร้าวตาเดียวในการตักข้าวสาร ซึ่งกะลา ตาเดี ย วที่ ว ่ า นี้ ลุ ง แดงใช้ ม าสิ บ กว่ า ปี แ ล้ ว เห็นจะได้ ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นกะลาตาเดียว ลุงแดงว่าเพราะมันหายาก คนโบราณเขาถือว่า เป็นของมงคล เหมาะกับการใช้ตักข้าวสาร ซึ่งเป็นของสูง และความรู้ ใหม่ที่เราได้จาก ลุ ง แดงคื อ ค� ำ โบราณว่ า “ทะนานตั ก ข้ า ว” ซึ่งแปลว่ากะลาตักข้าว
Uncle Daeng Kraisomphot is a farmer and a former wood craftsperson of Mu 2, Bang Ko Bua Sub-District, who can also cook amazing traditional dishes. As we dropped by his house, we noticed how he interestingly utilized various parts of coconut trees in cooking, for example, fresh coconut milk in Kaeng Kathi Hua Pli (Banana Blossom Curry), young coconut shells in Phat Cha Sai Krup Ma Phrao (Spicy Stir-fried Young Coconut Shells with Herbs), or even one-eyed coconut shell to scoop rice grains, which had been used more than ten years. Uncle Daeng said that according to ancient people, one-eyed coconut shells were rare, auspicious, and thus, proper for scooping rice grains and other sacred items. We also learned a new traditional word “Tha-nan Tak Khao” or coconut-shell rice scooper. “When ancient people said to go and scoop about two Tha-nans of rice grains for cooking, it meant two
July - August 2020
90 | Goi n g Green
ลุงแดงแสดงขั้นตอนให้เราดูถึงการเพิ่มมูลค่าให้กับกะลามะพร้าว จากกะลาไร้ค่าแห้งๆ กลายมาเป็นภาชนะจากกะลาที่ให้อารมณ์คล้ายถ้วยชามเบญจรงค์ Uncle Daeng demonstrated how he transformed worthless dried coconut shells into containers similar to Bencharong ceramics.
นอกจากใช้กะลามะพร้าวส�ำหรับตักข้าวสาร นี่แหละใส่ปลา มันจะได้ ไม่ต้องเห็นหน้ากัน แล้ ว ในยุ ค หลั ง ๆ ที่ ผู ้ ค นเลิ ก ใช้ วั ส ดุ โ ฟม เวลาที่เราไม่อยากให้มันกัดกัน” และหันมาใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่ายในการท�ำ ส่ ว นกะลาลวดลายชดช้ อ ยวาดด้ ว ยมื อ หีบห่อหรือภาชนะเพื่อบรรจุขนมหรืออาหาร สี่ ห ้ า ใบที่ ว างเรี ย งอยู ่ ใ นถาดทองเหลื อ งนั้ น ชุมชนในพื้นถิ่นของจังหวัดสมุทรปราการเอง ลุ ง แดงเล่ า ว่ า มั น เกิ ด จากการที่ ลุ ง อยากน� ำ ก็ ต ่ า งพยายามสรรหาของที่ มี อ ยู ่ ใ นท้ อ งถิ่ น ของที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเพิ่มมูลค่าให้กับมัน ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และไม่เป็นภาระ ซึง่ อันดับแรกของการท�ำภาชนะกะลามะพร้าวนี้ ในการสร้างขยะเพิ่มให้กับโลก มาประยุกต์ ใช้ คือการคัดกะลาที่มีความแก่ เพราะกะลาแก่ ในชีวิตประจ�ำวัน ไม่ว่าจะใช้ส�ำหรับเพื่อเป็น จะมีความแข็งแรง ไม่เหมือนพวกกะลาอ่อน ภาชนะใส่ผลไม้หรือบรรจุอาหารแห้งก็ตาม ทีม่ คี วามเหีย่ วและเกิดราได้งา่ ย ส่วนขนาดของ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญา กะลาก็ขนึ้ อยูก่ บั ว่าเราวางแผนไว้วา่ จะเอาไปใส่ ชาวบ้ า นในช่ ว งเวลาที่ ผ ่ า นมา ก็ ค ล้ า ยจะ อะไร เราก็ใช้เลื่อยผ่าลงไปที่ตัวกะลามะพร้าว พลิกวิกฤติในยามที่โลกก�ำลังต้องการความ เพื่ อ ให้ ไ ด้ ข นาดลึ ก ตามที่ ต ้ อ งการ จากนั้ น ช่ ว ยเหลื อ ให้ เ ป็ น โอกาส เพราะชาวบ้ า น เอาลูกมะพร้าวทีถ่ กู หัน่ ครึง่ แล้วไปแช่นำ�้ สัก ๒ วัน หลายชุมชนได้นำ� วัสดุจากธรรมชาติทดี่ เู หมือน เพื่ อ จะได้ เ อาเนื้ อ ด้ า นในออกได้ ง ่ า ย และ จะไม่ มี ป ระโยชน์ ม าท� ำ การอั ป ไซเคิ ล สร้ า ง ปล่อยแห้งไว้ แล้วจึงค่อยเอากระดาษทราย คุณประโยชน์และหน้าทีใ่ ห้มนั ใหม่ จนกลายเป็น มาขัดเสี้ยนที่ผิวของกะลาออก เจาะรูท�ำมือจับ สิ่งประดิษฐ์ที่คนต่างถิ่นมาเห็นก็ต้องยกนิ้วให้ และขึ้นลายด้วยสีทอง แล้วจึงเคลือบเงาเป็น “สมัยตอนลุงเด็กๆ นะ อ่างล้างเท้าก็ยัง อันดับสุดท้าย ซึ่งการเคลือบที่ดีและปลอดภัย ต้องมีกะลาลอยอยู่ในนั้น เขาเอาไว้ ใช้ตักน�้ำ ทีส่ ดุ คือเคลือบด้วยน�ำ้ มันจากเทียนไข ส่วนฐาน เพื่ อ ล้ า งเท้ า กะลามั น สารพั ด ประโยชน์ ม า ก็ ใช้วงไม้ ไผ่เป็นตัวรับ เพื่อให้กะลาสามารถ แต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่คนสมัยนี้ไม่ค่อยเห็นค่า ตั้งอยู่ได้ ไม่กลิ้งไปตามระนาบของผิวโต๊ะหรือ อย่างบ้านไหนเลี้ยงปลากัด เขาก็จะใช้กะลา พืน้ บ้านที่บางครั้งอาจมีความขรุขระ กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
กลับจากบ้านลุงแดง เราได้ความรู้เรื่อง กะลามาเต็มๆ มันช่วยตอกย�้ำว่าธรรมชาติ รอบตัวล้วนมีคุณ ไม่ว่ามันจะเป็นแค่เศษเสี้ยว หรือถูกทิง้ ขว้างไว้ ในถังขยะหรือทีโ่ กยผงก็ตาม มันอยู่แค่ว่าเรามีเวลานั่งพินิจมันดีๆ และให้ คุณค่ากับมันไหม
91 non-locals must raise their thumbs up. “When I was a kid, even in the water basin, there had to be a coconut shell floating, which was used to scoop up water for feet washing. Coconut shells have forever been versatile but these days they are taken for granted. When raising Siamese Fighting Fish, people kept them separated in these shells to avoid them from relentlessly fighting each other.”
coconut-shell scoopers of rice grains. In the past, when they cooked rice, they had to estimate well enough for everyone to finish without wasting any. Back then, there was no milk can and such. They used these coconut shells. Take me, for example, I usually cook one and a half Tha-nans of rice, the portion that covers three meals for one person.”
Besides the coconut shell rice scooper, later generations have turned their backs on foam containers and preferred food packaging made of friendlier and degradable materials. Local communities in Samutprakan, too, have been searching for alternative local materials, that are neither harmless to consumers or burdensome to the earth. To turn the earth crisis into a golden opportunity, many villagers have combined creativity and local wisdom in upcycling natural materials that seemed useless, embedding them with new valuable benefits and functions, and transforming them into new inventions that
Regarding those four or five coconut shells with delicately hand-crafted patterns displayed in a brass tray, Uncle Daeng said it started when he felt the urge to add value to local natural resources. The first step of crafting coconut shell containers was to handpick mature coconut shells that were strong and durable, unlike young shells that could easily wither and grow fungus. The size depended on what you planned to store in the container. Next was to cut the coconut shell with a saw to the depth you preferred, soak the half-cut shells in the water over two days for easier coconut meat removal, and leave them to dry. Then, it was time to thoroughly scrub off all splinters with sandpaper, drill a hole to install the handles, hand-paint the pattern with gold color, and coat with the best and safest oil from the candle. A bamboo ring could be used as the base to keep the coconut shell standing and not rolling off the table. After returning from Uncle Daeng’s house, we learned a lot about coconut shells and how precious the nature around us could be including the smallest fractions and those abandoned. The only matter was whether we had paid enough attention or placed enough value on them.
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านคลองบน เลขที่ ๓๒/๔ ซอยเพชรหึงษ์ ๕๗ หมู่ ๒ ต�ำบลบางกอบัว อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๕๖๘๕ ๓๒๒๓ ลุงแดง ไกรสมโภชน์ เจ้าของพิพิธภัณฑ์ Baan Khlong Bon Folk Museum
32/4 Soi Phetchahueng 57, Mu 2, Bang Ko Bua Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 08 5685 3223 Contact: Uncle Daeng Kraisomphot, the museum owner July - August 2020
92
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
93
Lifestyle Local Taste | Culture of paknam | Souvenir
July - August 2020
94 | LOC AL TA S T E | K aeng S om P hri k S ot
แกงส้มพริกสด ซึ่งผู้ปรุงให้ความเห็นว่ามีความคล้ายคลึงกับแกงมะตาดของชาวมอญ สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการผสมผสานทางวัฒนธรรมของต�ำบลบ้านใกล้เรือนเคียง Kaeng Som Phrik Sot, similar to the Mon’s Kaeng Matat, was assumed a result of the cultural integration of neighboring sub-districts. กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
95
hortly after the last pounding sound, we could smell a wonderful fragrance of Kaeng Som Phrik Sot (Hot And Sour Soup with Fresh Chilli), a uniquely delicious dish by Duangjai Chayanon of Baan Bang Krasop Learning Center, that must be tried in person. The dish had always been on the menu list for VIP guests and even praised by Dr. Sumet Tantivejkul, Secretary-General of the Chaipattana Foundation, during his visit.
S
กะปิ ส่วนผสมส�ำคัญในเครื่องแกง Shrimp Paste, a key ingredient of curry paste.
มะขามเปียกที่ให้ความเปรี้ยวคู่กับมะนาวสด Ripe Tamarind juice for sourness.
แกงส้มพริกสด
Kaeng Som Phrik Sot สิ้ น เสี ย งโขลกพริ ก แกงไม่ น าน เราก็ ไ ด้ กลิ่นแกงส้มหอมฉุยมาจากเตา ได้ยินมาว่า แกงส้มพริกสด ฝีมอื ของ คุณดวงใจ ฉายายนต์ แห่งศูนย์การเรียนรูบ้ า้ นบางกระสอบนี้ รสชาติ เด็ดขาดไม่เหมือนใคร ถ้าอยากชิมต้องมา ถึงถิ่น และก็เป็นถ้วยนี้เหมือนกันที่ต้องมีอยู่ ในส� ำ รั บ รั บ รองแขกระดั บ วี ไ อพี ทุ ก โอกาส กระทัง่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิ ชัยพัฒนา ก็เคยชมเปาะเมือ่ คราวมาดูงานทีน่ ี่ คุณดวงใจมีฝีมือท�ำอาหารสืบทอดมาจาก คุณยายจนถึงคุณแม่ เธอเล่าว่าแกงส้มพริกสดนี้ เป็นแกงโบราณ คนอายุ ๗๐ ขึน้ ไปถึงจะเคยท�ำ คนอายุ ๕๐ กว่าจะเคยกินตอนเด็ก แต่สว่ นใหญ่ ไม่รู้ว่าท�ำยังไง เพราะสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครท�ำ กันแล้ว “แต่ละครอบครัวก็จะใช้ผักแตกต่างกันไป ล้วนเป็นผักพื้นบ้านที่เราหามาได้ อาจจะแกง โดยใส่ผกั อย่างใดอย่างหนึง่ หรือผักหลายอย่าง ผสมกัน แกงกับกุ้งหรือปลา ปลาช่อนหรือ ปลาดุ ก ก็ ไ ด้ แต่ ถ ้ า เป็ น ของบ้ า นเราจะใช้
Duangjai, who inherited amazing cooking skills from her grandmother and mother, explained that Kaeng Som Phrik Sot was a traditional soup that only people older than 70 had made them, people in their 50s had some when they were kids, but most people would have no clue how to because nobody made it anymore. “Each family used different kinds of local vegetables in the neighborhood. The soup could feature one or more vegetables, shrimps, snake-head fish, or catfish but at our house, we use banana blossom as the key ingredient and mixed with other vegetable choices. Today, for example, we cook with lotus stems, morning glory, Sesbania flowers and shrimps.”
หัวปลีเป็นหลักผสมกับผักอื่นๆ อย่างวันนี้เรา ใส่สายบัว ผักบุง้ สวน ดอกโสน แกงกับกุง้ ” หัวปลีนี้มีคุณค่าทางอาหารนัก นอกจาก ช่วยบ�ำรุงน�ำ้ นมในแม่ลกู อ่อน ยังช่วยรักษาโรค กระเพาะอักเสบ บ�ำรุงล�ำไส้ ลดการเกิดแผล ในกระเพาะ สายบัวช่วยขับปัสสาวะ แก้รอ้ นใน ผักบุง้ ก็ชว่ ยบ�ำรุงสายตา บ�ำรุงสมอง โสนดอก จิว๋ ๆ นัน่ มีสารต้านอนุมลู อิสระ เรียกว่าถ้วยนี้ นอกจากอร่อยแล้วยังสรรพคุณล้นเหลือ เครือ่ งแกงของแกงส้มพริกสด เครือ่ งน้อย แต่อร่อยหนัก คุณดวงใจปอกหอมแดงต�ำกับ กะปิพอแหลก แบ่งเนือ้ กุง้ ทีเ่ ตรียมไว้มา ๑ ใน ๔ ส่วน ต้มเนื้อกุ้งเอามาต�ำใส่กันเพื่อให้ ได้ น�ำ้ แกงทีเ่ ข้มข้นกลมกล่อม แล้วค่อยใส่พริกสด ลงไปต�ำพอบุบเท่านัน้ “คล้ายๆ เครือ่ งแกงเลียง หรือน�ำ้ พริกกะปิ” เธอบอกก่อนจะตักเครือ่ งแกง ลงหม้ อ ที่ น�้ ำ ก� ำ ลั ง เดื อ ด หั ว ปลี หั่ น ฝอยแช่ น�ำ้ มะนาวเอาไว้กนั ด�ำใส่ตามลงไป พอหัวปลีนมิ่ จึงตามด้วยผักบุง้ สวน สายบัว “ผักไหนสุกช้า ใส่ก่อน สุกง่ายใส่ทีหลัง ปรุงรสด้วยน�้ำตาล วัตถุดิบก่อนลงมือปรุง มะพร้าว น�ำ้ ปลา มะนาว พอผักสุกดีกช็ มิ ก่อน Raw ingredients
July - August 2020
96 | LOC AL TA S T E
Banana blossom is highly nutritious. Besides nourishing breastmilk in nursing mothers, it is known to help treat gastritis, nourish intestines, and reduce the cause of stomach ulcers. While lotus stem helps promote diuresis and treat mouth ulcers, morning glory helps nourish the eyes and brain, and tiny Sesbania flowers are rich with anti-oxidants. Therefore, the bowl was not only delicious but also packed with health benefits. To prepare the curry paste, Duangjai peeled the shallots and slightly smashed them with shrimp paste and boiled shrimp meat (a quarter of what she prepared) for a much richer and more mellow soup. Then, add some lightly crushed fresh chili. “Similar to the paste of Kaeng Liang (Thai Spicy Mixed Vegetable Soup) or Nam Phrik Kapi (Spicy Shrimp Paste Dip)”, she said before scooping the paste into the boiling water and following with fine slices of banana blossom previously soaked in the water with lime juice to prevent the browning. When cooked and soft, add morning glory and lotus stems. “Add vegetables that take time to cook first and easily cooked ones later. Season with coconut sugar, fish sauce, and lime juice. When nicely cooked, taste once and add ripe tamarind juice to prevent the vegetables from becoming mushy, which would not taste good. Add the rest of fresh shrimps but never leave them too long on the stove to keep them beautifully bouncy and delicious. Turn off the heat and drop Sesbania Flowers in last to give the soup a beautiful color.”
ขั้นตอนการปรุงก่อนเสิร์ฟลงถ้วย Cooking steps before served.
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
97
แกงส้มพริกสดถ้วยนี้ เด่นน�ำด้วยรสเปรี้ยว ตามด้วยเค็ม เจือหวานเล็กน้อย ตามล�ำดับ Kaeng Som Phrik Sot with distinctive sourness, saltiness, and a hint of sweetness. That bowl of Kaeng Som Phrik Sot was distinctive with sourness, followed with saltiness and a hint of sweetness. She pointed out that in the past, every family in the area grew lime trees and lime was what brought out the sharp sourness and coconut sugar was also home-made. She also noticed that Kaeng Som Phrik Sot was very similar to Kaeng Ma Tat of Mon people both
the flavor and the richness of the soup with pounded fish meat in the paste. “It could be because Bang Krasop is close to Song Khanong where the Mons live. We offered our soup to some Mons and they said it tasted like what their grandmothers used to cook for them. I guess it is, in a way, a food cultural integration.”
ศูนย์การเรียนรู้บ้านบางกระสอบ
เลขที่ ๗ หมู่ ๓ ต�ำบลบางกระสอบ อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๖ ๕๔๔๑ ๖๔๙๓
ครัง้ หนึง่ แล้วใส่นำ�้ มะขามเปียกลงไป ทีต่ อ้ งใส่ มะขามเปียกตอนนี้เพราะมันจะเป็นตัวรัดผัก ไม่ ใ ห้ ผั ก เปื ่ อ ย ไม่ อ ย่ า งนั้ น ผั ก จะไม่ อ ร่ อ ย เสร็จแล้วค่อยใส่กุ้งสดที่เหลือ กุ้งไม่ต้องอยู่ บนเตานานจะได้ เ นื้ อ กุ ้ ง เด้ ง อร่ อ ย ไม่ แ ข็ ง แล้วปิดไฟ ใส่ดอกโสนลงไปทีหลังสุด จะท�ำให้ แกงมีสสี วย” แกงส้มพริกสดถ้วยนีเ้ ด่นน�ำด้วยรสเปรีย้ ว ตามด้วยเค็ม หวานเจือเล็กน้อย เธอเล่าว่า สมัยก่อนคนแถบนีป้ ลูกมะนาวกันทุกครัวเรือน และมะนาวก็ท�ำให้รสเปรี้ยวแหลมจัดจ้านขึ้น ส่ ว นน�้ ำ ตาลมะพร้ า วก็ ท� ำ กั น เอง จึ ง เป็ น เครือ่ งปรุงรสทีเ่ ป็นของพืน้ บ้านจริงๆ และเธอ ยั ง ให้ ข ้ อ สั ง เกตอี ก ว่ า แกงส้ ม พริ ก สดนี้ มี ค วามคล้ า ยกั บ แกงมะตาดของชาวมอญ ทัง้ รสชาติและน�ำ้ แกงทีข่ น้ นัวจากการต�ำปลาลง ในเครือ่ งแกง “อาจจะเพราะบางกระสอบอยู ่ ใ กล้ กั บ ทรงคนองซึง่ มีคนมอญอาศัยอยู่ เราเคยเอาแกง เราไปให้คนมอญกิน เขาบอกว่าเหมือนสมัย คุณย่าคุณยายเขาท�ำให้กินเลย คิดว่าคงเป็น การผสมผสานทางวั ฒ นธรรมการกิ น ด้ ว ย เหมือนกัน” ข้าวสวยร้อนๆ แกงส้มส่งกลิน่ หอมชวนกิน ถ้าจะให้มอื้ นีอ้ ร่อยล�ำ้ เข้าไปอีก คุณดวงใจแนะน�ำ ว่า “บ้านเราจะกินกับไข่เจียวใบปรง ใบปรง อ่อนๆ เด็ดจากต้นในสวนนี่แหละค่ะ หรือไม่ ก็หมูเค็ม ปลาสลิด ปลาสลิดสมุทรปราการ ขึน้ ชือ่ อยูแ่ ล้ว”
To take a bowl of steamy rice and aromatic Kaeng Som to another level, Duangjai suggested “We usually pair them with Young Cycad Leaf Omelet from the garden, salted pork, or Samutprakan’s famous crispy snakeskin gourami.”
Baan Bang Krasop Learning Center 7 Moo 3, Bang Krasop Sub-District, Phra Pradaeng District, Samutprakan Tel. 06 5441 6493
July - August 2020
98 | Culture of pa k na m | H a n dwoven N i pa-Palm Leaf Bag
กระเป๋าสานใบจาก ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้าน ผู้โตมาในป่าจาก Handwoven Nipa-Palm Leaf Bag The local wisdom of the villagers who grew up among nipa-palm forests
เขาว่ากันว่าถ้าคนเราศีลเสมอกัน ความสัมพันธ์ ก็งอกงามอยู่ได้นาน เช่นกันกับกระเป๋าสาน ด้ ว ยใบจากโดย คุ ณ ป้ า บุ ญ เกิ ด กิ ม เยื้ อ น วัย ๗๔ ปี ผูเ้ กิดในยุค พ.ศ. ๒๔๙๙ ซึง่ พ.ศ. นี้ ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์สมัยก่อนที่ชื่อ ๒๔๙๙ อั น ธพาลครองเมื อ ง คุ ณ ป้ า บอกกั บ เราว่ า ความยากที่สุดของการท�ำกระเป๋าสานใบจาก คือขั้นตอนการเลือกใบจาก ที่ต้องเลือกเฉพาะ ใบจากที่มีทรงเรียวงามเท่านั้น ถึงจะน�ำมา สานเข้ากันได้อย่างลงตัว ไม่มีต�ำหนิ มนุษย์เราเกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน ความทรงจ�ำในช่วงวัยเด็กเหล่านั้นก็จะคอย ติดตามเราไปในทุกที่ ถ้าเราโตมาในบ้านที่ เต็มไปด้วยเทคโนโลยี เราก็อาจคุน้ เคยกับการ ใช้ชีวิตแบบพึ่งพาแต่สิ่งอ�ำนวยความสะดวก สบาย ล� ำ บากไม่ เ ป็ น แต่ ถ ้ า เราเติ บ โตมา ในป่ า จากที่ ภ าพคุ ้ น เคยจากชี วิ ต ในวั ย เด็ ก ของเราในช่วงหลังเลิกเรียนตอนเย็นทุกๆ วัน คื อ ภาพของสมาชิ ก ครอบครั ว ก� ำลั ง ช่ ว ยกั น เย็บตับจาก (ใบจากที่พับทบกันกับแกนไม้ไผ่ เพื่อมุงหลังคา) เราก็จะถูกหล่อหลอมในเรื่อง ของการให้ความส�ำคัญกับธรรมชาติรอบตัว และการท�ำงานฝีมอื โดยไม่ใช้เครือ่ งทุน่ แรงใดๆ “สมุ ท รปราการบ้ า นเราป่ า จากเยอะ เวลากลับจากโรงเรียน ป้าก็ต้องวิ่งไปช่วย ครอบครั ว นั่ ง เย็ บ ตั บ จากเพื่ อ ท� ำ มุ ง หลั ง คา มีทงั้ ท�ำหลังคาบ้านตัวเอง และอีกส่วนหนึง่ พ่อแม่ ก็จะขนใส่เรือไปขาย เงินที่ได้มันไม่เท่าไหร่ หรอก แต่ก็พอมาใช้จ่ายในครอบครัวได้บ้าง กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
“กระเป๋าสานใบจาก” จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ราคาเพียงใบละ ๕๐-๑๐๐ บาท “Handwoven Nipa-Palm Leaf Bag” from local wisdom ranging from 50-100 baht each.
99
T
hey say that when birds of a feather flock together, the relationship tends to flourish for a long time. The same goes with handwoven nipa-palm bags by Aunt Bunkoet Kimyuean, 74 years old, who was born in B.E. 2499 (1956), reminding us of a Thai movie called 2499 Dang Bireley's and Young Gangsters. She told us that the most challenging part of the weaving was the leaf searching process because only beautifully slender nipa-palm leaves could be woven together flawlessly. Whatever environment you were born in, your childhood memory follows you everywhere. If you grew up in a house surrounded by technologies, you would be familiar with a lifestyle that keeps depending on assistive facilities and cannot put up with hardship. On the contrary, if you grew up among nipa-palm forests, your familiar childhood memory after school every evening would be your family members sewing nipa-palm leaf thatches (folded nipa-palm leaves knitted to bamboo sticks for roof-thatching), and you would be nurtured to place an importance to the nature around us and work on handicrafts without a single laborsaving equipment. “My home, Samutprakan, was abundant with nipa-palm forests. When I got
back from school, I had to run to help my family stitching up nipa-palm leaf thatches for roofing. Some were for my own house, but the rest, my parents would sail out their boat to sell them. It wasn’t a lot of money but it was enough for family expenses. The sewing has to be trained at a very young age. When I was still tiny, I helped my parents sew a few thatches a day but it was because I also did other activities in the meantime like weaving nipa-palm leaves into birds and carp fish.” Aunty Bunkoet who was sitting there masterly weaving a bag with nipapalm leaves must have told us because of this. They say that Thai families in the past were much closer and tighter than Thai families nowadays, partly because there were not as many distractions from the world outside as the present. With all the mobile phones and tablets, today’s family members hardly have time to see each other. As for the nipa-palm bag Aunty Bunkoet was working on before our eyes, we truly believed that if world-famous brand designers from abroad had a chance to see it, her bag design would have been duplicated for sure. Aunty Bunkoet said her woven nipa-palm bag might have been a wonder to many but to locals who had
July - August 2020
100 | Culture of pa k na m start with traveling into the nipa-palm forest, carefully search and handpick only the flawlessly smooth leaves, which can be extremely rare.” Recently, a lot of customers are i n te re ste d i n A u n t B u n ko e t ’s handwoven nipa-palm leaf bags either as a souvenir packaging or a present. Aunt Bunkoet’s nipa-palm leaf bags are available at only 35 baht each, an incredibly low price for such meticulous handicraft. In addition, there are also medium to large handwoven nipa-palm leaf containers for those who are interested in using them to organize their belongings or displaying them in a showcase, each available at only 50 baht and 100 baht respectively.
been living among nipa-palm forests since birth, it was nothing exciting. In former times, ancient people would casually weave these bags and keep them at home and only sling a few bags over their shoulders when they had to enter the nipa-palm forest, collect and carry their fruits back home. At the present, there are merely four people left in Phra Samut Chedi District who can actually weave nipa-palm bags: Aunt Bunkoet, a grandmother, and two teenage orphan sisters that Aunt Bunkoet has recently passed on her knowledge to. Nipa-palm bag weaving takes a lot of perseverance. While a skilled person would take about 15 minutes per
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
bag, an amateur could take several hours. Since the income per bag is nothing much, it is most important that the weaver genuinely loves folk handicrafts and appreciates the values of the art inherited from ancestors. “A lot of people including children and adults asked what I kept laboring myself for. Although it may seem worthless but I know whoever gets to try it will definitely recognize its value. These days, nobody really considers preserving this bag weaving art. They usually say it is a waste of time laboring for hours in an exchange of so little money and how they would rather do something else. I totally get that because to make one bag, we have to
101
การเย็ บ ตั บ จากต้ อ งฝึ ก กั น ตั้ ง แต่ เ ด็ ก ๆ ตอนเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยก ป้าช่วยพ่อแม่เย็บที วันหนึง่ ๆ ป้าก็ทำ� ได้สกั สองสามตับ แต่มนั ก็มี กิจกรรมอย่างอื่นในช่วงระหว่างช่วยพ่อแม่ ด้ ว ยนะ คื อ เอาใบจากมาสานเป็ น นกบ้ า ง สานปลาตะเพียนบ้างตามประสา” คุ ณ ป้ า บุ ญ เกิ ด ซึ่ ง ก� ำ ลั ง นั่ ง สานกระเป๋ า ใบจากด้วยท่าทีทะมัดทะแมง เล่าให้เราฟัง ถึงชีวิตวัยเด็กของเธอ และคงด้วยเหตุผลนี้ กระมัง เขาถึงว่าครอบครัวคนไทยสมัยก่อน จะมีความสนิทแนบแน่นกว่าครอบครัวคนไทย ในสมัยปัจจุบัน เพราะวิถีชีวิตคนไทยในอดีต ไม่ได้มีสิ่งเร้าจากโลกภายนอกมากมายแบบ เช่นทุกวันนี้ ไหนจะโทรศัพท์ ไหนจะแท็บเล็ต จนครอบครัวแทบไม่มเี วลาได้มองหน้ากัน
ส่วนกระเป๋าสานใบจากที่คุณป้าบุญเกิด ก�ำลังสานอยูต่ รงหน้าเรานี้ เราเชือ่ เหลือเกินว่า ถ้าเจ้าของแบรนด์ดังระดับโลกในต่างประเทศ ได้มาเห็นกระเป๋าใบนี้ละก็ รับรองว่ากระเป๋า คุ ณ ป้ า จะต้ อ งโดนลอกเลี ย นแบบแน่ น อน คุณป้าบุญเกิดเล่าว่าการสานกระเป๋าใบจาก ที่เห็นอยู่นี้อาจเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ส�ำหรับ หลายๆ คน แต่สำ� หรับคนพืน้ ถิน่ ทีอ่ ยูก่ บั ป่าจาก มาตั้งแต่เกิดแล้ว การสานกระเป๋าใบจากไม่ใช่ เรือ่ งใหม่อะไรเลย เพราะในอดีต คนโบราณก็มกั จะนั่งสานกระเป๋าพวกนี้ติดบ้านเอาไว้ พอเวลา จะเข้าป่าไปตัดลูกจาก ก็จะสะพายกระเป๋าไปด้วย เพือ่ ใช้สำ� หรับบรรจุลกู จากตอนขากลับ การสานกระเป๋าใบจากในปัจจุบนั นัน้ มีคนท�ำ ได้จริงๆ อยูแ่ ค่ ๔ คน ในอ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์
คนหนึ่ ง คื อ คุ ณ ป้ า บุ ญ เกิ ด อี ก คนเป็ น รุ ่ น คุณยาย ส่วนอีก ๒ คนเป็นเด็กก�ำพร้าพีน่ อ้ ง ในช่วงอายุรุ่นๆ ที่คุณป้าบุญเกิดเพิ่งถ่ายทอด วิ ช าให้ การสานกระเป๋ า ใบจากนั้ น ต้ อ งใช้ ความอดทน ส�ำหรับคนที่ช�ำนาญแล้วใช้เวลา สานต่อ ๑ ใบ ก็ตกประมาณ ๑๕ นาที แต่ถา้ มือใหม่หัดสานก็ ใช้เวลากันหลายชั่วโมงอยู่ ส่วนรายได้ต่อใบก็ไม่ได้มากอะไรนัก ฉะนั้น ผู ้ ที่ จ ะสานกระเป๋ า ใบจากได้ นั้ น สิ่ ง ส� ำ คั ญ คือต้องมีใจรักในงานหัตถกรรมพื้นบ้านและ รู ้ คุ ณ ค่ า ในศาสตร์ ข องการสานที่ ถู ก ส่ ง ต่ อ มาจากบรรพบุรษุ “มีหลายคนตัง้ แต่เด็กยันผู้ ใหญ่เดินเข้ามา ทั ก ป้ า ว่ า โอ๊ ย ! มานั่ ง หลั ง ขดหลั ง แข็ ง ท�ำอะไรเนี่ย ป้าก็ได้แต่คิดว่ามันอาจจะดูเป็น ของที่ ไ ม่ ไ ด้ มี ร าคาอะไรนะ แต่ ใ ครก็ ต ามที่ ลองได้ไปใช้ก็จะเข้าใจคุณค่าของมัน ทุกวันนี้ ไม่ค่อยมีใครคิดที่จะอนุรักษ์การสานกระเป๋านี้ ไว้หรอก เขาบอก แหม ! นัง่ ท�ำตัง้ นาน ได้ ใบละ ไม่กบี่ าทเอง เสียเวลา เอาเวลาไปท�ำอย่างอืน่ ดีกว่า แต่ป้าก็เข้าใจเขานะ เพราะการนั่งสาน กระเป๋าใบหนึง่ ต้องใช้เวลา ตัง้ แต่เดินเข้าป่าจาก เพื่อไปเฟ้นหาใบจากสวยๆ มาท�ำ คือใบจาก มีเต็มป่า แต่ใบทีส่ วยเรียบทัง้ ใบจริงๆ ไม่มที ตี่ ิ ไม่ขาดไม่ผนุ นั้ หาล�ำบาก” ทุ ก วั น นี้ มี ผู ้ ให้ ค วามสนใจกระเป๋ า สาน ใบจากเป็ น จ� ำ นวนมาก ทั้ ง อยากได้ ไ ปใส่ ของช�ำร่วยและซือ้ เป็นของฝาก โดยกระเป๋าสาน ใบจากของคุณป้าบุญเกิดขายในราคาเพียง ใบละ ๓๕ บาทเท่านั้น ซึ่งถือเป็นราคาที่ถูก จนน่าตกใจมากกับงานท�ำมือที่ต้องใช้ความ ประณีตขนาดนี้ นอกจากกระเป๋าสานใบจากแล้ว คุณป้าบุญเกิดยังสานใบจากเป็นกระทงใส่ของ ที่มีทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ไว้ ให้ส�ำหรับ ผู้ที่สนใจเพื่อน�ำไปใส่ของหรือตั้งโชว์ตามตู้ หรื อ โต๊ ะ ท� ำ งาน ในราคาใบละ ๕๐ บาท และ ๑๐๐ บาทเท่านัน้
ด้วยกระบวนการท�ำที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและความประณีต ปัจจุบันทั้งอ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์จึงมีผู้ที่สามารถสานกระเป๋าใบจากได้เพียง ๔ คนเท่านั้น Since the production processes require great perseverance and meticulosity, there are only four people in the entire Phra Samut Chedi District who can still weave Nipa-Plam leaf bags. กระเป๋าสานใบจาก ติดต่อคุณป้าบุญเกิด เลขที่ ๓๐/๑ หมู่ ๒ ต�ำบลนาเกลือ อ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๘๒๒๒ ๙๓๓๕
Handwoven Nipa-Palm Leaf Bag Contact Aunt Bunkoet
30/1 Moo 2, Na Kluea Sub-District, Phra Samut Chedi District, Samutprakan Tel. 08 8222 9335 July - August 2020
102 | Souvenir | Okung Shrimp Snack
กินดี มองโลกดี กุ้งอบกรอบโอคุง
ไม่พึ่งวัตถุกันเสีย
Eat Well. Live Well. Okung Shrimp Snack. No Preservative Added.
Eat Well Live Well (กินดีอยู่ดี) คือคอนเซปต์หลักของโอคุงโดยกุ้งที่น�ำมาใช้ในการแปรรูปล้วนส่งตรงมาจากฟาร์มกุ้งที่ด�ำเนินธุรกิจมายาวนานจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก “Eat Well. Live Well.” is the key concept of Okung Crispy Shrimp Snack. The shrimps used in processing are straight from the shrimp farms long operated since his father’s generation. กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
103
ในโลกเราที่ ทุ ก วั น นี้ มี ห ลายอย่ า งที่ เ กิ น การควบคุ ม ของมนุ ษ ย์ อ ย่ า งเราจริ ง ๆ ไหนจะฝุ ่ น ไหนจะไวรั ส ไหนจะเศรษฐกิ จ ที่ ค าดเดาทิ ศ ทางไม่ ไ ด้ สิ่งเหล่า นี้ล้วนเป็น ผลกระทบโดยตรงที่ ส ่ ง ผลต่ อ ทั้ ง ร่ า งกาย และจิตใจของคนในสังคม ซึง่ เราคงไม่สามารถ จั ด การกั บ ปั ญ หาที่ เ กิ ด ขึ้ น บนโลกทั้ ง ใบได้ แต่เราจัดการให้ตวั เองมีความสุขได้โดยเริม่ จาก การกินดี Eat Well Live Well คือคอนเซปต์ของ กุ ้ ง อบกรอบโอคุ ง ที่ เ ชื่ อ ว่ า ถ้ า คนเรากิ น ดี สิ่ ง ที่ เ รากิ น เข้ า ไปจะสร้ า งประโยชน์ ใ ห้ กั บ ร่างกาย ซึง่ เมือ่ คนเรามีสขุ ภาพร่างกายทีด่ แี ล้ว การใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันก็จะด�ำเนินไป ด้วยพลังบวกทีเ่ ป็นสุข กุ ้ ง อบกรอบโอคุ ง เป็ น การต่ อ ยอดจาก ธุ ร กิ จ ฟาร์ ม กุ ้ ง ของรุ ่ น พ่ อ ที่ ด� ำ เนิ น ธุ ร กิ จ มา ๔๐ กว่าปีแล้ว กระทั่งจนมาถึงรุ่นลูกซึ่งเป็น คนรุน่ ใหม่ได้ ใช้วธิ กี ารแปรรูปสินค้าจากความรู้ ความเชี่ยวชาญของตนที่มีอยู่แล้วในเรื่องกุ้ง ให้เข้ากับยุคสมัยและเทรนด์ของการกินอาหาร เพือ่ สุขภาพ กับผลิตภัณฑ์กงุ้ อบกรอบในรูปแบบ ของการกินเล่นเพือ่ เป็นอาหารว่าง ซึง่ หลายคน ทีช่ อบกินพวกขนมถุง มันฝรัง่ ถุง คงมีปญ ั หา คล้ายๆ กัน คือแม้จะหยิบขนมในถุงขึ้นมา กินเพลินขนาดไหน ก็ยังต้องคอยยับยั้งชั่งใจ ตัวเองในเรือ่ งของปริมาณทีก่ นิ เข้าไป เพราะไหน จะน�้ำตาล ไหนจะความเค็มของปริมาณเกลือ
T
he world today is full of things beyond our control with all the fine particulate matter, the viruses, and the unpredictable economics. Inevitably, they leave a direct negative impact on our body and mind, and although we may not be able to solve every problem on this planet, we can still manage ourselves to stay happy starting with a good diet. “Eat Well. Live Well.” is the key concept of Okung Shrimp Snack, believing that if we eat healthy food, it will benefit our body and when we are strong and healthy, we can live everyday life full of positive and happy energy.
Okung Shrimp Snack is an extension from his father’s shrimp farming business, which had been operated for over forty years. The new-generation son has decided to embrace product processing methods, maximize his existing shrimp expertise to keep up with the new era and health-oriented eating trend, and gradually come up with a new product, Crispy Shrimp Snack. Many people who are addicted to packaged snacks and potato chips share a common problem: however addictive munching on the snack can be, they always have to constantly restrain themselves not to be overloaded with sugar, salt and preservatives. That is why Okung Shrimp Snack is the answer that will help solve these issues because it is made of fresh shrimps and all the processes from scooping the shrimps off the pond, to frying, baking to remove excess oil and packaging are completed within one day only. Such a short production time helps preserve the natural sweetness, tightness and crispiness of the shrimp. Since Okung Shrimp Snack is also free of preservatives and monosodium glutamate, customers can be certain of its healthy nutrition: both calcium and protein from the shrimp meat. The first Okung product that accessed the market was the original flavored Crispy Shrimp Snack which featured shrimp meat and merely three percent of salt, an extremely low amount compared to common packaged
July - August 2020
104 | Souve nir
ทีม่ ากเกินความจ�ำเป็น และยังมีวตั ถุกนั เสียอีก ซึง่ กุง้ อบกรอบโอคุงนีแ่ หละทีจ่ ะช่วยตอบโจทย์ ให้กับปัญหาการกินเหล่านี้ได้ เพราะกุ้งที่น�ำ มาใช้ ในผลิตภัณฑ์ของโอคุงทัง้ หมดเป็นกุง้ สด และกระบวนการผลิ ต หลั ง จากน� ำ กุ ้ ง ขึ้ น มา จากบ่อ กระทั่งจนน�ำไปทอดและอบรีดน�้ำมัน จนถึงขั้นตอนการบรรจุลงหีบห่อเพื่อพร้อม จ�ำหน่าย กระบวนการเหล่านี้ใช้เวลาทั้งสิ้น เพียง ๑ วันเท่านัน้ ผลที่ เ กิ ด ขึ้ น จากกระบวนการผลิ ต ที่ ใ ช้ ระยะเวลาสั้น จึงท�ำให้กุ้งอบกรอบของโอคุง มีความหวานและความแน่นกรอบของเนื้อกุ้ง ไม่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสียหรือผงชูรสใดๆ จึงมั่นใจได้ ในเรื่องของปริมาณสารอาหารที่มี ทัง้ แคลเซียมและโปรตีนจากเนือ้ กุง้ โดยสินค้า ตัวแรกของโอคุงที่ถือเป็นการเปิดตลาด คือ กุ้งอบกรอบรสดั้งเดิม ที่มีส่วนผสมของกุ้ง และเกลือเพียง ๓ เปอร์เซ็นต์เท่านัน้ ซึง่ ถือว่า น้อยมากเมื่อเทียบกับขนมถุงที่ขายกันอยู่ใน ตลาดทุกวันนี้ และหลังเปิดตัวดัวยกุง้ อบกรอบ รสแรกไปไม่นาน โอคุงก็สร้างสรรค์กงุ้ อบกรอบ รสชาติใหม่ตามมา คือ กุ้งอบกรอบสมุนไพร ที่บรรจุไว้ ในกระบอกรูปทรงกลม เป็นกุ้งที่ ผสมด้วยหอม กระเทียม ใบมะกรูด พริก มะม่ ว งหิ ม พานต์ จนออกมาเป็ น รสชาติ
กลมกล่อมทีค่ นไทยคุน้ เคยเป็นอย่างดี จะกินเล่น ก็ได้ กินคู่กับผักแบบเมี่ยงก็ได้ หรือจะกิน กับข้าวต้มก็ยงั ได้ ส่วนสินค้าตัวที่ ๓ ของโอคุง ซึง่ เพิง่ วางขายเมือ่ เดือนกันยายนในปีทผี่ า่ นมา คื อ กุ ้ ง อบกรอบรสต้ ม ย� ำ รสชาติ จี๊ ด จ๊ า ด ถึงเครือ่ งต้มย�ำ ชนิดหลับตากินก็ให้นกึ ว่าตัวเอง ก�ำลังนัง่ กินต้มย�ำกุง้ จากหม้อไฟ อ่านถึงตรงนี้ ผูอ้ า่ นบางท่านอาจเกิดค�ำถามว่า เอ๊ะ ! ผลิตภัณฑ์ประเภทของกิน ถ้าไม่ใส่ วัตถุกันเสีย แล้วอาหารจะอยู่ได้นานจริงเหรอ ค� ำ ตอบคื อ ส� ำ หรั บ ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ข องโอคุ ง แล้ ว ด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่ว่าจะเป็นกุ้งหรือ ส่วนผสมสมุนไพร ล้วนใช้วธิ กี ารปรุงสุกทัง้ หมด ซึ่งถือเป็นการถนอมอาหารที่ดีที่สุด จึงท�ำให้ ผลิตภัณฑ์กงุ้ อบกรอบของโอคุงมีอายุอยูไ่ ด้นาน กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
๔ เดือน นับจากวันผลิตที่ระบุไว้ข้างหีบห่อ ส่ ว นถ้ า เป็ น กุ ้ งอบกรอบที่ อ ยู ่ ในบรรจุภัณ ฑ์ ประเภท Box Set (กล่องกระดาษ) จะมีหอ่ ฟอยล์ ทีผ่ า่ นเทคโนโลยีการไล่อากาศอยูด่ า้ นในอีกชัน้ ท�ำให้สนิ ค้ายืดอายุออกไปอีก อยูไ่ ด้นานถึง ๑ ปี ซึ่งต้องบอกว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ ผลิตภัณฑ์โอคุงถือว่าเป็นจุดสนใจแรกในการ ดึงดูดลูกค้า เพราะหีบห่อใช้สีแดงแรงฤทธิ์ ผสมด้ ว ยสี ส ้ ม และโลโก้ ที่ ใ ช้ สั ญ ลั ก ษณ์ กุ้งลูกตาโต หน้าตาบ้องแบ๊ว โดยนอกจาก ผลิ ต ภั ณ ฑ์ กุ ้ ง อบกรอบโอคุ ง จะผ่ า นการ ตรวจสอบมาตรฐานจากกรมปศุ สั ต ว์ แ ละ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารแล้ว บรรจุภณ ั ฑ์เอง ก็ยงั ได้รบั รางวัลคัดสรร OTOP Select 2019 ด้านการพัฒนาบรรจุภณ ั ฑ์อกี ด้วย
105 snacks in the market these days. Soon after, Okung returned with new flavors. The second flavor in line, Herb Crispy Shrimp Snack in a circular cylinder package, was crispy shrimps mixed with garlic, kaffir lime leaves, chilies and cashew nuts and mellowly seasoned. It could be enjoyed as snacks, wrapped with vegetables like Miang Kham, or paired with a bowl of soft-boiled rice. The third flavor, recently released last September, was Tom Yam Crispy Shrimp Snack. With our eyes closed, its beautiful Tom Yam zest and aroma felt as if actual Tom Yam off the hot pot. At this point, some readers may start to question, “Wait! Can food products without preservatives actually last?” The answer is, for Okung products, all shrimp and herbal ingredients are thoroughly cooked, which is considered the best way to preserve food, allowing Okung Shrimp Snack to last up to four months from the manufactured date specified on the package. However, Crispy Shrimp Snacks in Box Set packages, there is another layer of foil wrap that has to go through inside air exhaustion technology, which extends the shelf life up to one year. Moreover, Okung packaging designs are the first point that attracts customers: the vivid red mixed with orange, and the shrimp logo with cute and innocent eyes. Additionally, Okung Shrimp Snack products have been certified by the Department of Livestock Development and several Food Products Standards and the packaging itself has also received the OTOP Select 2019 award for packaging development.
กุ้งอบกรอบโอคุง เลขที่ ๒๗/๑ หมู่ ๘ ต�ำบลในคลองบางปลากด อ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๑๙๒๘ ๐๖๕๘ Okung Shrimp Snack 27/1 Moo 8, Nai Khlong Bang Pla Kot Sub-District, Phra Samut Chedi District, Samutprakan Tel. 08 1928 0658
July - August 2020
106
Brilliant Corner Gourmet | CafÉ Story | Stay Overnight | Viewfinder | Calendar
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
107
July - August 2020
108 | Gour met | 82 Concept
82 Concept
ความน้อยที่มากมาย เพิ่งเดือนมกราคมนี้เอง ที่ทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีร้านอาหารอีกแห่ง ที่เป็นทั้งสีสัน และเป็นที่สังสรรค์ “82 Concept” เป็นร้านชานเมืองที่มีการน�ำเสนอ สถาปัตยกรรมทันสมัย สะอาดตา คล้ายแกลเลอรีหรืออาคารพิพิธภัณฑ์ที่เรียบด้วย เส้นสายและมากด้วยทรงของอาคาร ที่ คุณนนทวัฒน์ เจริญชาศรี สถาปนิก เป็นผูอ้ อกแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์ของการเข้าถึงทุกกลุ่ม เข้าใจทุกวัย ของหุ้นส่วนทั้ง ๔ คน ที่บังเอิญ เกิดในปีเดียวกัน คือปี ค.ศ. ๑๙๘๒ อันเป็นที่มาของชื่อร้าน กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
109
82 Concept
Less is More t was recently in January that the route to Suvarnabhumi Airport welcomed a new sensational hangout spot called “82 Concept”, an outskirt restaurant with a modern and sleek architecture similar to a gallery or a museum. The balanced lessness of the lines and the moreness of the building shapes were designed by Nonthawat Charoenchasi, the architect, to meet every group and age of all four partners all born in 1982.
I
ความเด่นของ 82 Concept ให้ความแช่มชืน่ ตื่นเต้นตั้งแต่เอารถเข้ามาจอด ทุกคนหยิบ กล้ อ งถ่ า ยรู ป ขึ้ น มาจ่ อ ตั้ ง แต่ ก ่ อ นเข้ า ร้ า น เพราะสะดุดตาด้วยความโปร่งของอาคารที่มี แสงส่องเข้าเกือบทุกด้าน ร้านนี้แบ่งออกเป็น ๓ โซน คือ All Day Cafe ที่สะอาดตาน่านั่ง เพราะใช้ โทนเขียวขาว สว่าง มีแสงสวยส่อง เข้ามาจากเช้าถึงเย็น ต้นไม้ฟอกอากาศอย่าง ต้นยางอินเดีย คือส่วนหนึ่งของพื้นที่ มุมนี้ เป็นมุมอาหารเช้า กลางวัน และยืดยาวไปจน นั่งท�ำงานได้แบบไม่ต้องเปลี่ยนมุม เพราะมี
ที่ เ สี ย บปลั๊ ก ตามโต๊ ะ ให้ ค วามสะดวกแบบ ไม่ต้องกังวลในการติดต่อกับโลกภายนอกเลย ชั้น ๒ ของโซนนี้ คือบาร์ที่จะมีชีวิตใน ตอนเย็น ความเท่ของบรรยากาศต่างจากคาเฟ่ ข้างล่าง ชวนให้พกั ผ่อน นัง่ คนเดียว หรือนัดกัน มาสั ง สรรค์ และดื่ ม เครื่ อ งดื่ ม ให้ เ ย็ น ใจ อี ก ส่ ว นที่ ต ่ อ เนื่ อ งกั น ไป คื อ โซน Eatery ที่มีโต๊ะนั่งกินข้าวหน้ากว้าง วางอาหารได้เยอะ ท� ำ ให้ ไ ม่ อึ ด อั ด และยั ง มี ก ารวางสั ด ส่ ว น ให้ ค วามเป็ น ส่ ว นตั ว สู ง ตกแต่ ง ให้ มี สี สั น มีความสดชื่นที่แตกต่าง
82 Concept greeted us with its exciting distinctiveness as we were parking our car. Everyone immediately brought out their cameras and took several shots even before heading inside, attracted by the translucent building that drew in bright sunlight from all corners. The restaurant was divided into three zones: All Day Cafe with a clean, cozy and inviting atmosphere in green and white with beautiful sun rays from morning to evening. Equipped with air purifier plants like Indian Rubber trees, this corner served breakfast and lunch although it enabled customers to smoothly continue their works without having to change to a new corner with sufficient power plugs and free Wi-Fi.
July - August 2020
110 | Gour met
All Day Cafe มีอาหารเช้าเป็นจุดเด่น และ เป็น All Day Breakfast ด้วยเพราะละแวกนั้น ไม่มีร้านอาหารเปิดช่วงเช้าเลย 82 Concept จึงเป็นทีฝ่ ากท้องในยามเช้า เมนูเด่นเป็นอาหาร ชุดแบบเอเชี ย กั บ ชุ ด ข้ า วต้ ม พร้ อ มกั บ ข้ า ว ๕ อย่ า ง มี ป ลาสลิ ด ทอดจากบางบ่ อ กุ น เชี ย งทอดแบบแห้ ง ๆ รสชาติ ดี ม าจาก เจ้าอร่อยในเยาวราช ย�ำไข่เค็ม ย�ำผักกาดดอง และผั ด ผั ก ตามฤดู ก าล เมนู อ าหารเช้ า แบบยุโรป จะเป็นไข่คน ไส้กรอก มะเขือเทศย่าง ผักโขม ถั่วในซอสแบบอังกฤษ และเบค่อน ส่ ว นกาแฟมี ทั้ ง กาแฟไทยคั ด เลื อ กเมล็ ด มาอย่างดี และมีกาแฟดริป เลือกเมล็ดกาแฟ จากบราซิล ลาว เคนยา
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
อาหารกลางวั น จานเดี ย วที่ น ่ า ลอง คื อ เป็ดแพนเค้ ก ซึ่ งเป็ น เป็ ด กงฟี กับ แพนเค้ ก ราดด้ ว ยน�้ ำ เชื่ อ มเมเปิ ล กั บ เมนู อิ ต าเลี ย น ฝีมือเชฟโอ หรือ คุณตนัย พจน์อารีย์ หุ้นส่วน หลังครัวของที่น่ี ส่วนโซน Eatery ให้บริการ ทัง้ อาหารกลางวันและเย็น มีอาหารไทยรสชาติ จัดจ้านอย่างผัดผักสามเหม็น กับกลิ่นหอมฉุน ของผักกระเฉด ชะอม และสะตอ ใส่วุ้นเส้น พร้อมปลาสลิดทอดลงไปให้มคี วามกรอบกรุบเพิม่ แกงคั่วเนื้อปูใบชะพลูเสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่ขาว และทีจ่ ะลืมไม่ได้ ไม่วา่ จะกินข้าวหรือไม่กนิ ข้าว ก็ตาม คือเครื่องดื่มที่บาร์ กับม็อกเทลและ ค็อกเทล ทีม่ กี าแฟเป็นส่วนผสมปรุงรสเครือ่ งดืม่ ทีส่ ดชืน่ และหอมอวลไปด้วยกลิน่ ของกาแฟ
111
On the second floor of this zone, there was a bar that would come alive in the evening. Its cool vibe and invigorating drinks made it an amazing place to chill out alone or with friends. Moving to the next zone, Eatery offered extra large dining tables that could comfortably host plenty of dishes. It was nicely sectioned for high privacy with fresh and colorful decorations All Day Cafe breakfast was indeed the highlight of the restaurant and the neighborhood as 82 Concept was the only place that offered breakfast menus. The signature Asian-style breakfast set served soft-boiled rice with five savory side dishes such as Bang Bo Crispy Snakeskin Gourami, Fried Chinese Sausage from a tasty source in Yaowarat, Savory Salted Egg Salad, Spicy Pickled Mustard Green Salad and fried seasonal vegetables. For European style breakfast set, it consisted of scrambled eggs, sausages, grilled tomatoes, spinaches,
British baked beans, and bacon. There were Thai coffee made of well-selected beans and Drip Coffee made of imported beans from Brazil, Laos, and Kenya.
82 Concept
The tempting single-dish for lunch to try would be Duck Pancake, or Duck Confit served with Pancakes drizzled with maple syrup, an Italian dish by Chef O or Tanai Phot-ari, the partner in charge of the cafe’s kitchen. Eatery Zone, on the other hand, served lunch and dinner with addictive bold Thai flavors including Phat Phak Sam Men (Stir-Fried Glass Noodles with Water Minosa, Acacia Pennata, stink beans, and crispy snakeskin gourami), and Kaeng Khua Nuea Pu Bai Cha Phlu (Spicy Crab Meat Curry with Betel Leaves), served with rice vermicelli. With or without the meal, we would recommend checking out a delightful array of beverages at the bar especially mocktails and cocktails that featured aromatic coffee.
82 Concept
เลขที่ ๘๑ หมู่ ๖ ต�ำบลบางโฉลง อ�ำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๖ ๔๔๕๘ ๘๒๖๒ เปิดบริการทุกวัน เวลา ๐๗.๐๐-๒๒.๐๐ นาฬิกา ส่วนคาเฟ่ เปิดบริการ เวลา ๐๗.๐๐-๒๒.๐๐ นาฬิกา ส่วนร้านอาหาร เปิดบริการ เวลา ๑๑.๐๐-๒๒.๐๐ นาฬิกา
81 Moo 6, Bang Chalong Sub-District, Bang Phli District, Samutprakan Tel. 06 4458 8262 Open Daily from 07.00am - 10.00pm Cafe Open from 07.00am - 10.00pm Restaurant Open from 07.00am - 10.00pm
July - August 2020
112 | CAFÉ STORY | Las unya K afÉ
Lasunya Kafe
ส่วนผสมที่กลมกล่อมของดีไซน์และความอร่อย
Lasunya KafÉ
Where design meets deliciousness กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
113
อาคารสไตล์นอร์ดกิ สีขาว ทีม่ มี มุ ถ่ายรูปเช็กอิน ยั่วใจสายโซเชียลไปเสียทุกมุม เช่นเดียวกับ ที่เพื่อนของเราคนหนึ่งโพสต์ลงอินสตาแกรม จนเราต้องขอเอาอย่าง ตามแกะรอยมาถึง ที่นี่บ้าง เมื่อมาถึง เราจึงได้รู้ว่า Lasunya Kafe คือ Cafe & Co-working Space ที่เกิดจากการ รวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนในสายงานออกแบบ ตกแต่ง ผลิตสินค้าและบริการ อาหาร ฯลฯ ถึง ๑๖ อาชีพ ทีร่ โี นเวตบ้านหลังนีใ้ ห้เป็นโชว์รมู เฟอร์นิเจอร์ โค-เวิร์กกิงสเปซ และคาเฟ่ที่มี หลายเมนูอร่อยให้เรานั่งหลบมุมพักผ่อนหรือ นั่งท�ำงานได้ทั้งวัน ภายในอาคารสีขาวที่เปิด ช่องแสงให้มีแสงแดดส่องเข้ามาภายในอาคาร จึงเกิดแสงและเงาที่ท�ำให้ภาพที่ถ่ายออกมา สวยด้วยแสงธรรมชาติและน่าสนใจ คุณก้อง หรือ ศุภฤทธิ์ จรุงชัยนานนท์ หนึ่งในหุ้นส่วนของที่นี่เล่าให้ฟังว่า เดิมทีที่นี่ ต้องต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาดูงานเฟอร์นิเจอร์ อยูแ่ ล้ว เพราะทีน่ เี่ ป็นโรงงานผลิตโซฟาแบรนด์ Lasunya ที่ส่งออกประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เป็ น หลั ก ดั ง นั้ น การเกิ ด ขึ้ น ของคาเฟ่ กึ่ ง ร้ า นอาหารภายในบ้ า นหลั ง นี้ จึ ง ไม่ ย ากเลย “น้ อ งสาวของผม (คุ ณ เก้ หรื อ ลลิ ฐ า จรุงชัยนานนท์) ชื่นชอบในการท�ำเค้ก ท�ำขาย เป็นงานอดิเรกตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ประเทศจีน แล้ ว ผมก็ มี หุ้ น ส่ ว นที่ เ ป็ น เชฟ ท�ำครัวกลาง ผลิ ต อาหารส่ ง เป็ น เบื้ อ งหลั ง ให้ ค าเฟ่ ดั ง ๆ หลายที่ และมี รุ ่ น พี่ อี ก คนที่ ชื่ น ชอบใน บรรยากาศของร้านกาแฟ เปิดร้านกาแฟอยูแ่ ล้ว ส่ ง เมล็ ด และให้ ค� ำ ปรึ ก ษาเกี่ ย วกั บ การเปิ ด ร้ า นกาแฟให้ กั บ ร้ า นหลายแห่ ง ในจั ง หวั ด เชียงใหม่และกรุงเทพฯ”
July - August 2020
114 | CAFÉ STORY
A
white Nordic-style building with plenty of irresistibly photogenic check-in corners resembling one of our friend’s posts on Instagram tempted us to follow the traces ourselves. After the arrival, we learned that Lasunya Kafé is a cafe & co-working space formed by a group of friends from 16 different fields of expertise such as design, decoration, production, services, and food, who renovated this old house into a furniture showroom, a co-working space and a cafe with delicious menus inviting people to find their favorite corner to hang out or work all day long. Inside the white building, numerous skylights were installed to allow natural sunlight to enter, creating intriguing light and shadow that added a beautiful dimension to photos. Kong or Suppharit Charunchainanon, one of the cafe’s partners, revealed that, from the beginning, this place was used to welcome customers who dropped by to look around for furniture since it was a sofa manufacturing factory for the brand named Lasunya that mainly exported to the Scandinavian countries. The emergence of the cafe & restaurant came naturally not only because “my sister” (Ke or Lalita Charungchainanon) was a passionate cake baker who had been baking as a hobby since she was still studying in China, but also because he happened to have a chef-partner, who stationed at the central kitchen, producing and delivering behind-the-scene food to many famous cafes, as well as a cafeenthusiast senior, who had his own coffee shop, and had been sending coffee beans and giving advice on starting a cafe business to many cafes in Chiang Mai and Bangkok.”
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
The more we heard from Kong, the more we wanted to find out. For the coffee menu, there are Single Origins from Nan and Lasunya Special House Blend, but if you love taking photos, Kong recommended Lasunya Coffee, the blue coffee, and Black Orange, the coffee with orange juice. Meanwhile, non-coffee drinkers must try Black Cocoa, the satisfyingly rich black cocoa drink.
ได้ฟังคุณก้องเล่าก็ยิ่งท�ำให้เราอยากชิม เริ่ ม กั น ที่ เ ครื่ อ งดื่ ม ที่ มี ก าแฟซิ ง เกิ ล ออริ จิ น จากน่าน และเฮาส์เบลนด์ของ Lasunya เอง แต่ถ้าเป็นสายถ่ายรูป คุณก้องแนะน�ำว่าให้สั่ง Lasunya Coffee กาแฟที่มีสีฟ้า และ Black Orange กาแฟผสมน�้ ำ ส้ ม แต่ ถ ้ า ไม่ ช อบ ดื่มกาแฟ จิ้มไปที่ Black Cocoa เลยค่ะ โกโก้ สีด�ำรสชาติเข้มข้นแก้วนี้ไม่ผิดหวัง
115
July - August 2020
116 | CAFÉ STORY The best-selling dishes are Po Pia Khlui Kung (Crispy Shrimp Rolls) and Calamari. The seafood here features raw ingredients from the local fishermen on Lanta Island with guaranteed freshness, which, in a way, helps support a sustainable fishery. Another thumbs-up dish is Mu Thot Chaew Ma Kham (Deep-Fried Pork Served with Spicy Tamarind Dipping Sauce), which the chef specifically picks marbled pork loin with just the right amount of fat to make sure the fried pork turns out tender and perfectly juicy, and matches brilliantly with the restaurant’s zesty tamarind dipping sauce. Every layer of Lasagna menu with the restaurant’s name is filled with flavorful bolognese sauce prepared with dry-aged beef from Korat and aromatic and creamy parmesan and cheddar cheeses. Spaghetti Carbonara is served with Al Dante pasta topped with egg yolk. For Asian options, try Ba Mi Pok Si Khrong Pa Lo (Egg Noodles with Tender Braised Pork Ribs in Chinese Five Spices), Khao Na Mu Spicy Miso (Stir-Fried Pork Shoulder Slices with Spicy Miso Rice), beautifully fragranced with ginger and sesame oil, or Khao Khai Khon Nuea Op, which is marbled beef shank braised in rich sauce over four hours to melt-in-the-mouth tenderness, served with a soft, creamy omelet.
เมนูขายดีที่สุดของร้าน คือ เปาะเปี๊ยะ ขลุย่ กุง้ และคาลามารี อาหารทะเลทีน่ ใี่ ช้วตั ถุดบิ ชาวประมงพื้นบ้านที่เกาะลันตา จึงได้ทั้งความ สดใหม่ และเป็นการสนับสนุนประมงแบบ ยั่งยืนด้วย อีกจานยกให้ หมูทอดแจ่วมะขาม เชฟเลื อ กเนื้ อ หมู ส ่ ว นปี ก สั น นอกที่ มี ไ ขมั น แทรกอยูพ่ อดีกบั เมนูหมูทอด ท�ำให้ทอดออกมา เนื้อนุ่ม ฉ�่ำก�ำลังดี บวกกับซอสแจ่วมะขาม สูตรเด็ดของร้านที่เข้ากันอย่างลงตัว ส่วนเมนูลาซานญ่าที่พ้องกับชื่อร้านนั้น สอดแทรกทุ ก ชั้ น แป้ ง ลาซานญ่ า ด้ ว ยซอส โบโลเนสเนื้อดรายเอจจากโคราชรสเข้มข้น บวกกั บ ความหอมมั น ของชี ส ๒ ชนิ ด ทั้ ง พาร์ เ มซานและเชดดาร์ ส่ ว นสปาเกตตี คาโบนารา กรุ บ ลิ้ น ด้ ว ยเส้ น ลวกสุ ก ระดั บ Al Dente เสิร์ฟพร้อมไข่แดง แต่ถ้าชอบอาหาร กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
เอเชีย บะหมี่ป๊อกซี่โครงอ่อนพะโล้ เด็ดด้วย เนื้อหมูพะโล้นุ่มลิ้น หรือข้าวหน้าหมูสไปซี่ มิโซะ ที่เชฟผัดสันคอหมูสไลซ์กับเต้าเจี้ยว รสเผ็ ด มี ก ลิ่ น หอมของขิ ง และน�้ ำ มั น งา กั บ ข้ า วไข่ ข ้ น เนื้ อ อบ ที่ ใ ช้ เ นื้ อ น่ อ งลายตุ ๋ น ในซอสรสเข้มข้นนาน ๔ ชั่วโมง จนนุ่มละลาย ในปาก กินคู่กับไข่ข้นนุ่มๆ เค้ ก โฮมเมดรสมื อ คุ ณ เก้ นั้ น ให้ ร สชาติ นุม่ ละมุน ชวนลองทัง้ Black Chocolate Fudge และ Basque Cheesecake ไปจนถึงเค้ก ปราบเซียนอย่างเค้กแครอตที่หาร้านอร่อย กินได้ยาก และยังมีเค้กน�ำเข้าจากฝรั่งเศส อย่าง Chocolate Lava ที่เป็นขวัญใจคนรัก ช็อกโกแลตด้วย ยั่ ว ลิ้ น ขนาดนี้ ไม่ แ ปลกใจเลยว่ า ท� ำ ไม เผลอนิดเดียวพากันสั่งมาเต็มโต๊ะ
Homemade cakes by Ke are tender, mellowly delicious and appetizing. Some must-tries are Black Chocolate Fudge, Basque Cheesecake, Carrot Cake, which can be difficult to master or find the really good ones, and French Chocolate Lava, a popular choice among chocolate fans. With everything looking so tempting, no wonder why the next thing we knew our table was already fully served.
117
Lasunya Kafe เลขที่ ๒๕๙ ต�ำบลบางด้วน อ�ำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๙ ๕๙๔๓ ๑๔๖๓ เปิดบริการทุกวัน เวลา ๐๗.๐๐-๒๑.๓๐ นาฬิกา
Lasunya KafÉ
259 Bang Duan Sub-District, Mueang Samutprakan, Samutprakan Tel. 09 5943 1463 Open daily from 07.00am - 09.30pm July - August 2020
108 | Gour met | 82 Concept
82 Concept
ความน้อยที่มากมาย เพิ่งเดือนมกราคมนี้เอง ที่ทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีร้านอาหารอีกแห่ง ที่เป็นทั้งสีสัน และเป็นที่สังสรรค์ “82 Concept” เป็นร้านชานเมืองที่มีการน�ำเสนอ สถาปัตยกรรมทันสมัย สะอาดตา คล้ายแกลเลอรีหรืออาคารพิพิธภัณฑ์ที่เรียบด้วย เส้นสายและมากด้วยทรงของอาคาร ที่ คุณนนทวัฒน์ เจริญชาศรี สถาปนิก เป็นผูอ้ อกแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์ของการเข้าถึงทุกกลุ่ม เข้าใจทุกวัย ของหุ้นส่วนทั้ง ๔ คน ที่บังเอิญ เกิดในปีเดียวกัน คือปี ค.ศ. ๑๙๘๒ อันเป็นที่มาของชื่อร้าน กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
109
82 Concept
Less is More t was recently in January that the route to Suvarnabhumi Airport welcomed a new sensational hangout spot called “82 Concept”, an outskirt restaurant with a modern and sleek architecture similar to a gallery or a museum. The balanced lessness of the lines and the moreness of the building shapes were designed by Nonthawat Charoenchasi, the architect, to meet every group and age of all four partners all born in 1982.
I
ความเด่นของ 82 Concept ให้ความแช่มชืน่ ตื่นเต้นตั้งแต่เอารถเข้ามาจอด ทุกคนหยิบ กล้ อ งถ่ า ยรู ป ขึ้ น มาจ่ อ ตั้ ง แต่ ก ่ อ นเข้ า ร้ า น เพราะสะดุดตาด้วยความโปร่งของอาคารที่มี แสงส่องเข้าเกือบทุกด้าน ร้านนี้แบ่งออกเป็น ๓ โซน คือ All Day Cafe ที่สะอาดตาน่านั่ง เพราะใช้ โทนเขียวขาว สว่าง มีแสงสวยส่อง เข้ามาจากเช้าถึงเย็น ต้นไม้ฟอกอากาศอย่าง ต้นยางอินเดีย คือส่วนหนึ่งของพื้นที่ มุมนี้ เป็นมุมอาหารเช้า กลางวัน และยืดยาวไปจน นั่งท�ำงานได้แบบไม่ต้องเปลี่ยนมุม เพราะมี
ที่ เ สี ย บปลั๊ ก ตามโต๊ ะ ให้ ค วามสะดวกแบบ ไม่ต้องกังวลในการติดต่อกับโลกภายนอกเลย ชั้น ๒ ของโซนนี้ คือบาร์ที่จะมีชีวิตใน ตอนเย็น ความเท่ของบรรยากาศต่างจากคาเฟ่ ข้างล่าง ชวนให้พกั ผ่อน นัง่ คนเดียว หรือนัดกัน มาสั ง สรรค์ และดื่ ม เครื่ อ งดื่ ม ให้ เ ย็ น ใจ อี ก ส่ ว นที่ ต ่ อ เนื่ อ งกั น ไป คื อ โซน Eatery ที่มีโต๊ะนั่งกินข้าวหน้ากว้าง วางอาหารได้เยอะ ท� ำ ให้ ไ ม่ อึ ด อั ด และยั ง มี ก ารวางสั ด ส่ ว น ให้ ค วามเป็ น ส่ ว นตั ว สู ง ตกแต่ ง ให้ มี สี สั น มีความสดชื่นที่แตกต่าง
82 Concept greeted us with its exciting distinctiveness as we were parking our car. Everyone immediately brought out their cameras and took several shots even before heading inside, attracted by the translucent building that drew in bright sunlight from all corners. The restaurant was divided into three zones: All Day Cafe with a clean, cozy and inviting atmosphere in green and white with beautiful sun rays from morning to evening. Equipped with air purifier plants like Indian Rubber trees, this corner served breakfast and lunch although it enabled customers to smoothly continue their works without having to change to a new corner with sufficient power plugs and free Wi-Fi.
July - August 2020
110 | Gour met
All Day Cafe มีอาหารเช้าเป็นจุดเด่น และ เป็น All Day Breakfast ด้วยเพราะละแวกนั้น ไม่มีร้านอาหารเปิดช่วงเช้าเลย 82 Concept จึงเป็นทีฝ่ ากท้องในยามเช้า เมนูเด่นเป็นอาหาร ชุดแบบเอเชี ย กั บ ชุ ด ข้ า วต้ ม พร้ อ มกั บ ข้ า ว ๕ อย่ า ง มี ป ลาสลิ ด ทอดจากบางบ่ อ กุ น เชี ย งทอดแบบแห้ ง ๆ รสชาติ ดี ม าจาก เจ้าอร่อยในเยาวราช ย�ำไข่เค็ม ย�ำผักกาดดอง และผั ด ผั ก ตามฤดู ก าล เมนู อ าหารเช้ า แบบยุโรป จะเป็นไข่คน ไส้กรอก มะเขือเทศย่าง ผักโขม ถั่วในซอสแบบอังกฤษ และเบค่อน ส่ ว นกาแฟมี ทั้ ง กาแฟไทยคั ด เลื อ กเมล็ ด มาอย่างดี และมีกาแฟดริป เลือกเมล็ดกาแฟ จากบราซิล ลาว เคนยา
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
อาหารกลางวั น จานเดี ย วที่ น ่ า ลอง คื อ เป็ดแพนเค้ ก ซึ่ งเป็ น เป็ ด กงฟี กับ แพนเค้ ก ราดด้ ว ยน�้ ำ เชื่ อ มเมเปิ ล กั บ เมนู อิ ต าเลี ย น ฝีมือเชฟโอ หรือ คุณตนัย พจน์อารีย์ หุ้นส่วน หลังครัวของที่น่ี ส่วนโซน Eatery ให้บริการ ทัง้ อาหารกลางวันและเย็น มีอาหารไทยรสชาติ จัดจ้านอย่างผัดผักสามเหม็น กับกลิ่นหอมฉุน ของผักกระเฉด ชะอม และสะตอ ใส่วุ้นเส้น พร้อมปลาสลิดทอดลงไปให้มคี วามกรอบกรุบเพิม่ แกงคั่วเนื้อปูใบชะพลูเสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่ขาว และทีจ่ ะลืมไม่ได้ ไม่วา่ จะกินข้าวหรือไม่กนิ ข้าว ก็ตาม คือเครื่องดื่มที่บาร์ กับม็อกเทลและ ค็อกเทล ทีม่ กี าแฟเป็นส่วนผสมปรุงรสเครือ่ งดืม่ ทีส่ ดชืน่ และหอมอวลไปด้วยกลิน่ ของกาแฟ
111
On the second floor of this zone, there was a bar that would come alive in the evening. Its cool vibe and invigorating drinks made it an amazing place to chill out alone or with friends. Moving to the next zone, Eatery offered extra large dining tables that could comfortably host plenty of dishes. It was nicely sectioned for high privacy with fresh and colorful decorations All Day Cafe breakfast was indeed the highlight of the restaurant and the neighborhood as 82 Concept was the only place that offered breakfast menus. The signature Asian-style breakfast set served soft-boiled rice with five savory side dishes such as Bang Bo Crispy Snakeskin Gourami, Fried Chinese Sausage from a tasty source in Yaowarat, Savory Salted Egg Salad, Spicy Pickled Mustard Green Salad and fried seasonal vegetables. For European style breakfast set, it consisted of scrambled eggs, sausages, grilled tomatoes, spinaches,
British baked beans, and bacon. There were Thai coffee made of well-selected beans and Drip Coffee made of imported beans from Brazil, Laos, and Kenya.
82 Concept
The tempting single-dish for lunch to try would be Duck Pancake, or Duck Confit served with Pancakes drizzled with maple syrup, an Italian dish by Chef O or Tanai Phot-ari, the partner in charge of the cafe’s kitchen. Eatery Zone, on the other hand, served lunch and dinner with addictive bold Thai flavors including Phat Phak Sam Men (Stir-Fried Glass Noodles with Water Minosa, Acacia Pennata, stink beans, and crispy snakeskin gourami), and Kaeng Khua Nuea Pu Bai Cha Phlu (Spicy Crab Meat Curry with Betel Leaves), served with rice vermicelli. With or without the meal, we would recommend checking out a delightful array of beverages at the bar especially mocktails and cocktails that featured aromatic coffee.
82 Concept
เลขที่ ๘๑ หมู่ ๖ ต�ำบลบางโฉลง อ�ำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๖ ๔๔๕๘ ๘๒๖๒ เปิดบริการทุกวัน เวลา ๐๗.๐๐-๒๒.๐๐ นาฬิกา ส่วนคาเฟ่ เปิดบริการ เวลา ๐๗.๐๐-๒๒.๐๐ นาฬิกา ส่วนร้านอาหาร เปิดบริการ เวลา ๑๑.๐๐-๒๒.๐๐ นาฬิกา
81 Moo 6, Bang Chalong Sub-District, Bang Phli District, Samutprakan Tel. 06 4458 8262 Open Daily from 07.00am - 10.00pm Cafe Open from 07.00am - 10.00pm Restaurant Open from 07.00am - 10.00pm
July - August 2020
122 | Stay Overnigh t | Pa nja Resort
ปัญจะรีสอร์ท
ปูนเปลือย ปูนสี ส่วนผสมที่ลงตัว ของการพักผ่อน กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
123
Panja Resort
Raw concrete, colored concrete, a harmony for a good rest ปัญจะรีสอร์ท เป็นที่พักที่เริ่มต้นขึ้นจากธุรกิจ ของครอบครัว บนผืนดินซึง่ เป็นมรดกตกทอด จากรุ่นคุณปู่คุณย่ามาสู่รุ่นหลาน ซึ่งทีแรก ก็เปิดเป็นเพียงแค่ส่วนของอพาร์ตเมนต์ให้เช่า แต่ทำ� ไปท�ำมา ด้วยความทีเ่ จ้าของสถานทีแ่ ห่งนี้ เกิดมาในครอบครัวใหญ่ เลยมักจะมีญาติๆ คอยแวะมาเยีย่ มเยียนอยูบ่ อ่ ยๆ รวมทัง้ บางครัง้ เพื่อนๆ หรือญาติๆ ของผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ที่ เดินทางมาเทีย่ วหากันจากต่างจังหวัด พอมาถึง ที่ นี่ แ ล้ ว ก็ ต ้ อ งมองหาที่ พั ก ที่ อ ยู ่ ใ กล้ ๆ กั น สักคืนสองคืน วันหนึง่ คุณถาวรศักดิ์ ปัญญาภาส เจ้าของ สถานที่ แ ละผู ้ อ อกแบบที่ พั ก แห่ ง นี้ ก็ เ ลย ตัดสินใจสร้างปัญจะรีสอร์ท รีสอร์ทแบบบ้านๆ ขึน้ มา โดยคุณถาวรศักดิเ์ ล่าว่า ในวันทีต่ ดั สินใจ ที่ จ ะท� ำ ธุ ร กิ จ ที่ พั ก เพิ่ ม ขึ้ น อี ก ส่ ว นหนึ่ ง นั้ น ภาพในหั ว ของเขาที่ ยื น มองไปยั ง ผื น ที่ ดิ น ตรงหน้าเป็นเพียงป่ารกเต็มไปด้วยต้นโกงกาง เขาจินตนาการโดยใช้ลกั ษณะของภูมสิ ถาปัตย์ เป็นตัวก�ำหนดภาพของปัญจะรีสอร์ททีเ่ ขาตัง้ ใจ อยากให้ เ ป็ น เขาอยากให้ มี บ ่ อ น�้ ำ บ่ อ ใหญ่ ทีไ่ ม่ใช่บอ่ ทรงกลมธรรมดา แต่จะต้องเป็นบ่อน�ำ้ ทรงคดโค้ งอิ ส ระ แล้ ว จึ งค่ อ ยวางต�ำแหน่ง ของตัวบ้านพัก จัดวางผังลงไปยังที่ว่างรอบๆ บ่ อ น�้ ำ นั้ น ซึ่ ง พอค� ำ นวณพื้ น ที่ อ อกมาแล้ ว ก็สามารถจัดสร้างบ้านพักได้ทั้งหมดจ�ำนวน ๒๑ หลัง
July - August 2020
124 | Stay Overnigh t anja Resort began as a common apartment for rental, a family business on a piece of land inherited from the forefathers generation. However, because the landlord was born in a large family, he got frequent visits from his relatives, and sometimes friends and family of his apartment tenants who visited them from upcountry would look for a place nearby to stay for a couple of nights.
P
One day, Thawonsak Panyaphat, the owner and the designer, decided to build Panja Resort in a cozy house style. He revealed that on the day he decided to build another accommodation section, he looked over the land before him filled with wilderness dense with mangrove trees and started envisioning Panja Resort as he intended using the landscape architecture. He knew he wanted a large pond that was not an ordinary round kind but rather a dynamic-
shaped curving pond. Then, he plotted the villas in the layout on the empty spaces around the pond. After space calculation, the place could fit a total of 21 villas. The accommodation rooms in each villa shared the same size of utility space. The difference was that six villas comprise two interconnecting rooms, another six are detached single villas whereas three villas came with a private terrace that stretched into the pond, although every room could enjoy the water view in the pond. Thawonsak told us that since we were living in a tropical zone, having water close by the accommodation helps lighten up the relaxing atmosphere. Aside from the design that allowed every villa to see the pond water, the resort had planted plenty of coconut trees to wheel in the relaxing vibe as if resting by the beach.
โดยรู ป แบบห้ อ งพั ก ของแต่ ล ะหลั ง นั้ น มีขนาดพืน้ ทีใ่ ช้สอยเท่ากันหมด จะต่างกันก็ตรง บ้านพักจ�ำนวน ๖ หลัง เป็นรูปแบบห้องพัก แบบเชื่อมต่อ โดยใน ๑ หลัง จะมีห้องพัก จ�ำนวน ๒ ห้อง เปิดเชือ่ มหากันได้ และประเภท บ้ า นพั ก แบบหลั ง เดี่ ย วอี ก จ� ำ นวน ๖ หลั ง รวมไปถึงบ้านพักพร้อมระเบียงส่วนตัวยืน่ ลงไป ที่ บ ่ อ น�้ ำ อี ก ๓ หลั ง ซึ่ ง บ้ า นพั ก ทุ ก หลั ง จะสามารถมองเห็นน�้ำในบ่อน�้ำได้ คุณถาวรศักดิ์บอกกับเราว่า ด้วยสภาพ อากาศของบ้านเราที่เป็นเขตร้อนชื้น การมีน�้ำ อยู ่ ใ กล้ ๆ บริ เ วณที่ พั ก ท� ำ ให้ บ รรยากาศ ของการพักผ่อนเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย ซึง่ นอกจากการออกแบบทีต่ งั้ ใจให้บา้ นทุกหลัง สามารถมองเห็ น น�้ ำ ในบ่ อ น�้ ำ ได้ แ ล้ ว ที่ พั ก แห่งนีย้ งั มีตน้ มะพร้าวทีป่ ลูกไว้เป็นจ�ำนวนมาก เพือ่ เพิม่ บรรยากาศของการพักผ่อนทีเ่ หมือนกับ ได้นอนอยู่ใกล้ชายทะเล กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
125
ในฤดูกาลท่องเที่ยว นอกจากปัญจะรีสอร์ทจะแน่นขนัดด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติแล้ว บริเวณสระน�้ำจะเป็นพื้นที่ที่คึกคักมาก มีคนออกมานั่งพักผ่อนและว่ายน�้ำกันทั้งวัน During travel seasons, Panja Resort is fully packed with Thai and overseas tourists. Its swimming pool area is particularly popular for hanging out and swimming all day.
July - August 2020
126 |
Stay Ov ernigh t
ส่ ว นการตกแต่ ง สวนและการจั ด วาง พืชพรรณไม้ประเภทต่างๆ นั้น มีการวางผัง ไว้ ก ่ อ นล่ ว งหน้ า อย่ า งชั ด เจน ว่ า ผู ้ เ ข้ า พั ก บ้านหลังไหนเดินออกมาจากประตูบ้านหรือ ประตูห้องนอนแล้ว จะต้องเจอกับต้นอะไร หรือกลิน่ ดอกไม้ชนิดไหนทีจ่ ะช่วยสร้างอารมณ์ เพื่ อ ตอบรั บ เวลาของการพั ก ผ่ อ นในช่ ว ง ต่างๆ ได้ ส่วนพืน้ ทีต่ รงกลางของปัญจะรีสอร์ท คือส่วนของคลับเฮาส์และสระว่ายน�้ำ ที่เวลา นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า ที่มาเช่าพักกันเป็นประจ�ำอย่างชาวฟินแลนด์ และชาวนอร์เวย์ เขาจะเช่ากันแบบระยะยาว
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
๗-๑๐ วั น ซึ่ ง แต่ ล ะวั น พวกเขาก็ มั ก จะ ไม่ออกไปไหนกัน นอกจากนัง่ ๆ นอนๆ อยูต่ รง สระว่ายน�้ำนี่ พอตื่นมาตอนเช้าก็เดินออกมา ว่ายน�้ำ ว่ายเสร็จก็กลับเข้าห้องพัก ตกบ่าย ก็ อ อกมานอนอาบแดดว่ า ยน�้ ำ กั น อี ก รอบ จนตกเย็น ก็ สั่ งอาหารกิ น กั น ตรงสระว่ า ยน�้ ำ ชีวติ วนเวียนอยูแ่ บบนี้ เพราะส�ำหรับนักท่องเทีย่ ว จากเมืองหนาวแล้ว การพักผ่อนในสถานที่ แบบนี้คือสวรรค์ของพวกเขาเลย ในส่วนของรายละเอียดการตกแต่งเอง ปัญจะรีสอร์ทถูกออกแบบโดยใช้ โครงสร้าง หลั ก เป็ น งานปู น เปลื อ ยและเหล็ ก ซึ่ ง ง่ า ย
ต่อการดูแลรักษา แต่ถ้าจะให้เป็นปูนเปลือย ทั้ ง หมด ก็ ค งดู จื ด ชื ด ไปนิ ด คุ ณ ถาวรศั ก ดิ์ เลยเติ ม สี เ ข้ า ไปในส่ ว นของคลั บ เฮาส์ ด ้ ว ย การใช้วัสดุปูนสีส�ำเร็จรูปเพื่อเพิ่มสีสันให้กับ ตัวอาคาร สร้างความสนุกและความตื่นตัว ให้กับกลุ่มลูกค้าที่มาเข้าพัก โดยราคาบ้านพัก ของปัญจะรีสอร์ทอยู่ที่ ๑,๑๐๐-๑,๓๐๐ บาท ต่อคืน และด้วยความที่สถานที่ตั้งเองอยู่ใกล้ ท่ า อากาศยานสุ ว รรณภู มิ จึ ง สะดวกต่ อ นักท่องเทีย่ วต่างชาติสำ� หรับการมาแวะพักผ่อน สั ก คื น สองคื น ก่ อ นจะเช็ ก เอาต์ เ พื่ อ ออก เดินทางไปยังสนามบิน
127
The garden decoration and botanical plant layout had been clearly planned in advance that whenever customers stepped out of the villa or bedroom, which kind of plants or beautiful flower fragrance could shape their relaxing mood at the right hours. The central area of Panja Resort was preserved for the club house and the swimming pool. Foreign tourists, especially the regular 7-10 day longer-stay customers like Finnish and Norwegian people, would hardly leave the resort and mostly hang around the swimming pool. After waking up in the morning, they would come to swim and, when done, return to their rooms. Come afternoon, they would be back for a sunbathe and another swim. In the evening, they would order and enjoy their dinner
ปัญจะรีสอร์ท เลขที่ ๕๖๘/๑๒ หมู่ ๑ ต�ำบลบางบ่อ อ�ำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โทรศัพท์ ๐๘ ๔๗๕๗ ๑๓๙๒
by the pool. They would spend their holidays like this on repeat because for tourists from cold countries, the resort would be their dream paradise. For the decoration details, Panja Resort main structure was designed with raw concrete and steel for a friendly maintenance. However, to bring life to the building and customers, Thawonsak infused more colors into the clubhouse using instant color concrete. The accommodation price of Panja Resort ranged from 1,100 - 1,300 baht per night. Its close location to Suvarnabhumi Airport made it a truly convenient place for foreign travelers to drop by and spend a couple of nights before checking out and head on to the Airport.
Panja Resort
568/12 Moo 1, Bang Bo Sub-District, Bang Bo District, Samutprakan Tel. 08 4757 1392 July - August 2020
128 | VI E WFI NDER
Folklore ต�ำนานพื้นบ้าน
การแสดงโขน งานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์ / ธารา Khon performance, Phra Samut Chedi Worshipping Festival / Thara
กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
129
การละเล่นหมากรุกคน ณ ชุมชนคลองตาเจี่ย ต�ำบลบางปู / บดินทร์ Human Chess play at Khlong Ta Chia Community, Bang Pu Sub-District / Bodin
ประเพณีก่อพระเจดีย์ทราย ห่มผ้าพระปรางค์เอน ณ วัดสาขลา ต�ำบลนาเกลือ / อรอนงค์ Sand Pagoda Building and the Leaning Pagoda Robe Wrapping Traditions at Wat Sakhla, Na Kluea Sub-District / On-anong July - August 2020
Samutprakan 2020 Event Calendar 130 | Cale n da r
งานประเพณีรบ ั บัว ประจ�ำปี ๒๕๖๓ Rab Bua (Lotus Receiving) Festival 2020 กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๖๓
ปฏิทินท่องเที่ยว จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ๒๕๖๓
วันขึน้ ๑๔ ค�ำ เดือน ๑๑ ช่วงเดือนตุลาคม บริเวณคลองส�ำโรง หน้าวัดบางพลีใหญ่ใน ต�ำบลบางพลีใหญ่ อ�ำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ On the 14th day of the waxing moon of the 11th lunar month (October) At Khlong Samrong Canal, in front of Wat Bang Phli Yai Nai, Bang Phli Yai Sub-District, Bang Phli District, Samutprakan
งานประเพณีแห่ผา้ ห่ม องค์พระสมุทรเจดีย์ และงานนมัสการ องค์พระสมุทรเจดีย์ ประจ�ำปี ๒๕๖๓
วันแรม ๕ ค�ำ เดือน ๑๑ ช่วงเดือนตุลาคม บริเวณวัดพระสมุทรเจดีย์ ต�ำบลปากคลองบางปลากด อ�ำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
131
Phra Samut Chedi Red Robe Procession and Phra Samut Chedi Worshipping Ceremony 2020 On the fifth day of the waning moon of the 11th lunar month (October) At Wat Phra Samut Chedi, Pak Khlong Bang Pla Kot Sub-District, Phra Samut Chedi District, Samutprakan
July - August 2020