FREE MAGAZINE ONLINE / ปีที่1 ฉบับที่4
เดือนสิงหาคม 2560
1
TRAVELGRAPHY TALK
เผลอแปปเดียว นิตยสาร Travelgraphy ก็เข้าสู่เล่มที่ 4 ก็ขอ กราบสวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ครับ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่าน มา ทีมงาน Travelgraphy พยายาม สรรหาสถานที่ท่องเที่ยวและเนื้อหาพร้อมเทคนิคการ ถ่ายภาพมาน�ำเสนอกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแฟนเพจ Travelgraphy และในนิตยสารออนไลน์แห่งนี้ เพื่อ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ทุกท่านทางด้านการท่องเที่ยว และการถ่ายภาพอย่างต่อเนื่องครับ มาเข้าเรื่องของเนื้อหาฉบับนี้ ก็จะมีเนื้อหาของ สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร และเหนือ สุดแดนสยาม พร้อมทั้งเทคนิคการถ่ายภาพ ที่ยังคง เสิร์ฟอย่างต่อเนื่อง ทั้งข้อมูลเนื้อหาและรูปภาพ ให้ทุก ท่านได้ดาวน์โหลดกันฟรีๆ เพื่อเก็บไปดูแบบ offline กันได้ทุกที่ทั่วโลก สุดท้ายอยากจะขอฝากแฟนเพจTravelgraphy ให้ มิ ต รรั ก ทุ ก ๆท่ า นกดติ ด ตามเนื้ อ หาและความ เคลื่อนไหวรวมทั้งกิจกรรมของพวกเรา เพราะเราจะมี กิจกรรมถ่ายภาพในเร็วๆนี้ครับ วรุตม์ หนันเรือง บรรณาธิการบริหาร
C O N T E N T
TRAVELGRAPHY STAFF บรรณาธิการบริหาร วรุตม์ หนันเรือง หัวหน้ากองบรรณาธิการ นวพล เกษมโสภา กองบรรณาธิการ วรท กุมภ์ประดิษฐ์ อนงค์นาฎ จึงมงคลสวัสดิ์ ปัทมา สุรินทร์คำ� ยุทธชัย วัฒนะบุตร เอกชัย สุนทรเดช รัฐพล หงสไกร Ammalin PALAMY กราฟิก-ออกแบบรูปเล่ม วรุตม์ หนันเรือง ติดต่อโฆษณา 08-6369-5657 / 08-9455-0903 ติดต่อ Travelgraphy เลขที่ 8/88 ซ.ลาดพร้าว107 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240 E-Mail : travelgraphythailand@gmail.com Tel. 0-2013-3754 / 08-6369-5657
คลิ๊กเลือกหัวข้อที่ต้องการ
ศิลปะการถ่ายภาพ (ตอนจบ)
ป่าในกรุง
ทริปเหนือเมื่อฤดูฝน
3
5
Photo of The Month
เนินช้างศึก เป็นอีกจุดที่เหมาะแก่การถ่ายภาพทางช้างเผือก ส�ำหรับภาพนี้ถ่ายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เนินช้างศึกนั้นเป็นจุดชมวิวบนยอดเขา ในเขตพรมแดน ไทย-พม่า นักท่องเที่ยวที่มาเหมืองปิล๊อก นิยมมาแวะชมวิวที่เห็น ทิวทัศน์ได้รอบตัวแบบ 360 องศา โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว มี หมอกปกคลุมตามยอดเขา จึงเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก อากาศ บนเนินช้างศึกค่อนข้างหนาว บางช่วงฤดูอาจมีฝนตก และลมแรง จึงควรเตรียมเสื้อกันหนาว เสื้อกันฝนเผื่อไปด้วย ด้านบนนั้นไม่มี สิ่งอ�ำนวยความสะดวก ควรเตรียมอาหารและของใช้ที่จ�ำเป็นไปให้ พร้อม ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างคือไฟฉาย..
7
AUTO FOCUS
THE ART OF PHO
“ศิลปะการ องค์ประกอบภาพคือสิ่งสำ�คัญ
OTOGRAPHY #2
รถ่ายภาพ” ญที่ไม่ควรมองข้าม (ตอนจบ)
เรื่องและภาพ นวพล เกษมโสภา www.56photo.net
9
Auto Focus ฉบับนี้เรากลับมาพบกันกับหัวข้อ “ศิลปะการถ่ายภาพ” ในตอนจบครับ ใน ฉบับนี้จะขอพูดถึงการน�ำเรื่องของหลักศิลปะการถ่ายภาพมาประยุกต์ใช้ในงานถ่ายภาพกันครับ ครั้งที่แล้วเราได้พูดถึงในส่วนของหลักการจัดองค์ประกอบภาพที่ใช้บ่อยๆและให้ผลดีอย่าง มากในการถ่ายภาพ มาในฉบับนี้เราจะขอพูดถึงหลักศิลปะการถ่ายภาพที่เหลือกันนะครับว่ามี หลักการใดบ้างที่เราสามารถน�ำมาประยุกต์ใช้กับงานถ่ายภาพของเรา และส่งผลให้งานของเรา ออกมาสวยงามและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ เส้นต่างๆ ,ความสมดุล-สมมาตร ,ความซ�้ำซ้อน ,พื้นผิว ,เงาสะท้อน ,กรอบภาพ , Hi-Key, Low-Key และภาพSilhouette. หลัก การของศิลปะการถ่ายภาพเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผมน�ำมาใช้เป็นตัวช่วยในเรื่องของแนวคิดวิธีการคิด และมองหาสิ่งต่างๆ รวมไปถึงการเลือกฉากหลังต่างๆที่จะน�ำเข้ามาประกอบลงในภาพถ่ายเพื่อ ส่งเสริมให้ตัวแบบหรือวัตถุหลักของผมนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น ทีนี้เรามาดูกันว่าในแต่ละหลักการของ ศิลปะการถ่ายภาพที่ผมได้กล่าวมานั้น จะสามารถช่วยเราได้อย่างไรบ้าง
LINEs (เส้น)
เส้นต่างๆไม่ว่าจะเป็นเส้นตรง เส้นโค้ง หรือ เส้นน�ำสายตา เราสามารถมองหาและใช้เส้นต่างๆ นั้นเข้ามาประกอบเข้าไปในภาพ เพื่อสร้างมิติแนวลึกให้กับภาพได้ หรือเพื่อบอกระยะทาง หรือ เป็นทิศทางน�ำสายตาผู้ดูภาพไป สู่วัตถุหลักในภาพถ่ายนั้น และ เส้ น ต่ า งๆยั ง สามารถใช้ ดึ ง ดู ด สายตาเข้าไปในภาพ ใช้เป็นส่วน เติมเต็มพื้นที่ภาพท�ำให้ภาพดูน่า สนใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เรา จะต้ อ งฝึ ก ให้ ตั ว เราเองเป็ น คน ช่างสังเกตทั่วบริเวณที่เราไปถ่าย ภาพว่ามีแนวเส้นในส่วนไหนบ้าง ที่เราจะใส่ลงไปในภาพถ่ายนั้น ^ ในภาพนี้สิ่งที่ผมมองเห็นตามแนวเส้นไป ผม ^ ในหลายๆสถานที่ที่เราไปถ่ายภาพมีเส้น เห็นเลข9จึงทำ�การวางเฟรมภาพให้ได้แนวเส้น มากมายและหลากหลายให้ เราได้ เ ล่ น กั บ มั น ของเลข 9 เพียงแต่เรานั้นจะต้องเป็นคนช่างสังเกตและมอง หาเส้นนั้นๆให้เจอ
** ในงานบางประเภทเราสามารถสร้างสรรค์เส้นขึ้นมา เองได้ เพื่อท�ำให้งานถ่ายภาพของเรานั้นมีความน่าสนใจ ของในภาพนี้คือเส้นของแสงที่เราสร้างขึ้นจากการลาก แสงไฟฉายในขณะถ่ายภาพ จะเห็นได้ว่า”เส้น”ต่างที่ เราน�ำมาประกอบลงในภาพถ่ายของเรานั้นมันสามารถ สร้างความน่าสนใจของภาพได้เป็นอย่างมาก นอกจาก เราจะต้องเป็นคนช่างสังเกตแล้ว เรายังต้องมีจินตนาการ ที่ ดี เ พื่ อ ที่ จะสามารถน�ำเส้น ต่างๆที่เราพบเจอมาสร้าง ประโยชน์ในงานของเราได้อย่างไม่ยากเย็น.
Symmetrical Balance (สมดุลแบบสมมาตร)
สมดุลแบบสมมาตร คือ การจัดองค์ประกอบภาพที่เน้นให้ขนาดรูปร่าง หรือรูปทรงของวัตถุ ตลอดจนน�้ำหนักของสีเกิดความสมดุลมีน�้ำหนักเท่ากันทั้ง 2 ด้าน เปรียบได้กับการพับครึ่งของ หน้ากระดาษแล้วจะได้รูปร่างของวัตถุที่ทับซ้อนกันพอดีท�ำให้เกิดความรู้สึกมั่นคง แลดูสง่า มี ความเท่าเทียมกัน นิยมใช้กับภาพที่ดูเป็นทางการ และเมื่อต้องถ่ายภาพที่ดูจะเป็นทางการผมมัก จะใช้หลักการนี้ในการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาพบุคคล สินค้า อาหาร อาคารต่างๆ ภาพที่ได้จะ ออกมาดูสง่างามและมีพลังในตัวเองเนื่องจากความสมดุลของสิ่งที่อยู่ในภาพนั้นเองครับ < การใช้หลักสมดุลแบบ สมมาตรมักจะให้ผลของ ภาพที่ดีเสมอ ในด้าน ความรู ้ สึ ก ที่ ต ้ อ งการน� ำ เสนอภาพที่ดุเรียบง่ายใน งานแบบทางการ.
< ในการถ่ายภาพบุคคลก็ เช่นกัน เมื่อพบกับสถานที่ ที่มีรูปทรงแบบสมมาตร ก็ วางเฟรมและตัวแบบใน ภาพสำ�หรับงานนั้นๆ ก็จะมี ภาพในลักษณะอยู่ในอัลบัม นี้เสมอ
11
ภ า พ ถ่ า ย ใ น ด้ า น สถาปั ต ยกรรมการวางเฟรม ภาพให้ เ ป็ น แบบสมมาตร ถือว่าเป็นสิ่งที่สำ�คัญยิ่ง มัน จะช่ ว ยให้ ภ าพถ่ า ยของสิ่ ง ก่อสร้างนั้นดูมั่นคง แข็งเรง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องมีแต่ภาพ ตรงๆในงานทั้ ง หมดนะครั บ ผมแค่ บ อกว่ า มั น จำ�เป็ น ต้ อ ง มี ภ าพในแบบสมมาตรด้ า น ตรงด้วยในทุกๆงานเป็นหลัก ก่อน เมื่อได้ภาพที่สมบูรณ์ แล้ว เราจะถ่ายด้านข้าง จะ เอียงซ้าย ตะแคงขวา ก็จัด ไปตามจินตนาการของผู้ถ่าย เองเองได้ แต่ขอให้เน้นภาพ มาตรฐานของงานลั ก ษณะนี้ ก่อนก็เท่านั้นครับ 13
Pattern (ความซ�้ำซ้อน)
ความซ�้ำซ้อน เป็นหลักศิลปะการถ่ายภาพที่เน้นลักษณะความซ�้ำซ้อนของวัตถุ โดยใช้เส้น รูปร่าง รูปทรง ฯลฯ ช่วยสร้างให้ภาพดูสวยงามแปลกตา และอาจจะเลือกใช้สีสันมาเข้ามาช่วย สร้างจุดเด่นให้กับภาพ ในส่วนของหลักการนี้ผมมักจะใช้มองหาฉากหลังที่น่าสนใจส�ำหรับงาน ถ่ายภาพเกือบจะทุกประเภทของงานเลยก็ว่าได้ครับ เพราะเมื่อเราใช้หลักการนี้ในการมองหา ฉากหลัง ถึงแม้ฉากหลังนั้นจะดูเยอะแต่การที่มีรูปร่างลวดลายซ�้ำๆนั้นเอง มันจะช่วยให้ภาพถ่าย ของเรานั้นดูดีและไม่รกตา
^ ในปัจจุบันเราจะมองหาฉากหลังที่มีความซ้ำ�ของรูปร่าง ^ แม้แต่เส้นของแสงเงาในลักษณะอย่างในภาพนี้ เราก็ ได้ไม่ยาก เพราะในแต่ละสถานที่ที่เราไปถ่ายภาพจะมีวัตถุ สามารถนำ�เสนอด้วยหลักของ Pattern ได้เช่นกัน. ลักษณะนี้มากมาย.
< การใช้ความซ�้ำๆด้วยชื่อหรือตราสินค้านั้นถือเป็นหลักทางจิตวิทยาที่จะ ช่วยให้ผู้ที่ได้เห็นภาพถ่ายจดจ�ำชื่อและเครื่องหมายการค้าได้อย่างรวดเร็ว
แม้ไม่ได้คิดอะไรมากในการถ่ายภาพอย่างเช่นในภาพนี้ ที่เป็นการถ่ายภาพ แบบธรรมดาๆเพียงแค่ว่างวัตถุไว้บนพื้นที่มีรูปทรงและสีซ�้ำๆมันก็ช่วยให้ ภาพนี้สามารถดึงดูดสายตาให้มองเข้าไปในภาพได้ >
Texture (พื้นผิว)
หลักศิลปะการถ่ายภาพที่ว่าด้วยการเน้นลักษณะของพื้นผิว ผมชอบใช้หลักการนี้ถ่ายภาพ วัตถุสิ่งของต่างๆโดยการไล่น�้ำหนักของโทนสี ที่แตกต่างกันด้วยแสงและเงา จะท�ำให้เห็นลักษณะ ของพื้นผิวได้เด่นชัดมากขึ้น เช่น ลวดลายของใบไม้ เนื้อไม้ เนื้อผ้า พื้นดินที่แตกระแหง ผิวขรุขระ ของหิน เป็นต้น พื้นผิวของวัตถุต่างๆมีความส�ำคัญต่อความรูปสึกเมื่อมองภาพ พื้นผิวที่เรียบนั้น จะให้ความรู้สึก ไหลลื่น คล่องตัว รวดเร็ว และสวยงาม ในขณะเดียวกันพื้นผิวขรุขระ หยาบหรือ เป็นเส้นนูนสูงต�่ำ ก็จะให้ความรู้สึกหยาบกระด้าง แข็งแกร่ง และก็ให้ความรู้สึกที่มั่นคงได้ด้วย
^ ประแจเหล็กนี้ เน้นให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง และน้ำ�หนักด้วยพื้นผิวของโลหะได้เป็นอย่างดี
^ ความเก่าที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานของวัตถุ ก็สามารถนำ�เสนอด้วยพื้นผิวของวัตถุนั้นได้เช่นกัน
15
^ พื้นผิวของเนื้อผ้าให้ความรู้สึกถึง ความนุ่มนวล เบาสบาย และอบอุ่น
^ ในการถ่ายภาพอาหารนอกจากพื้นผิวของตัวอาหาร แล้วพื้น ผิวของภาชนะและพื้นผิวของพื้นฉากก็มี ส่วนสำ�คัญในการสร้างมิติให้กับภาพได้เป็นอย่างมาก
Reflections (เงาสะท้อน)
เงาสะท้อน เป็นอีกหนึ่งหลักการของศิลปะการถ่ายภาพที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจลงไปใน ภาพได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเงาสะท้อนของพื้นผิวของหินขัด กระจกหรือแหล่งน�้ำ สิ่งเหล่า นี้พบได้โดยทั่วไปในทุกๆที่ ดังนั้นไม่ว่างานไหนๆที่เราต้องไปถ่ายภาพก็อย่าลืมน�ำเสนอผลงาน ด้วยภาพที่มีเงาสะท้อนลงในอัลบั้มที่เราเป็นผู้ถ่ายทอดเพื่อเพิ่มความหลากหลายของภาพถ่าย ข้อดีของภาพเงาสะท้อนมักจะท�ำให้ผู้ที่ได้เห็นภาพมีความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อ มองภาพเสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาพอะไรก็ตาม หน้าที่ของเราคือจะต้องพยายาม หามุมภาพที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพเงาสะท้อนในสถานที่นั้นๆมาให้ได้
< กับงานถ่ายภาพสินค้าเราก็มักจะได้พบเห็นภาพที่ใช้หลักศิลปะการถ่าย ภาพให้มีเงาสะท้อนอยู่บ่อยๆ และผมเองก็ถ่ายงานในลักษณะนี้อยู่บ่อย ครั้งก็เช่นกัน
< อุปสรรคมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอในการ ทำ�งาน อย่างในงานนี้ฝนตกอย่างหนัก หลายชั่วโมงติดต่อกัน ทำ�ให้ไม่สามารถ เข้าไปถ่ายภาพได้ในหลายๆจุดเพราะ น้ำ�ท่วม เราก็หาจุดที่แสงดีๆถ่ายภาพ เงาสะท้อนมาซะเลย
Framing (กรอบภาพ) “การใส่กรอบภาพ”ไม่ได้หมายถึงการไป ซื้อรอบมาใส่ภาพนะครับ ซึ่งจากที่ได้พูด คุยกับหลายคน เขาเข้าใจเช่นนั้นจริงๆ ใน ความหมายของ Framing ก็คือการหาตัว บีบบังคับสายตาของผู้ดูภาพให้มองไปยัง สิ่งที่เราต้องการให้เขามอง ด้วยการสร้าง กรอบขึ้นในตัวภาพถ่ายจะเป็นอะไรก็ได้ ทีสามารถเป็นตัวบังคับกรอบของสายตา ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อจุดประสงค์ ที่ต้องการทำ� วัตถุหลักในภาพนั้นดูโดดเด่นน่าสนใจขึ้น กรอบภาพนั้นมีอยู่ทั่วทุกที่ เราหากรอบ ภาพได้ไม่ยากนัก
^ การนำ�เสนอภาพเงาสะท้อนนั้น เราไม่ จำ�เป็ น ต้ อ งเก็บ ตัววัตถุจริงไว้ ในภาพก็ได้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับการนำ� เสนอภาพนั้นๆของผู้ถ่ายภาพแต่ละ บุคคล เพราะศิลปะไม่มีข้อจำ�กัดใด ใดทั้งสิ้น
^ กรอบภาพมีความสามารถในการนำ�พาสายตา ของผู้ ดู ภ าพไปสู่ สิ่ ง ที่ เราต้ อ งการให้ เขามองได้ อย่างมีประสิทธิภาพ
17
ภาพนี้เป็นการถ่ายภาพที่เผลอ และไม่ใช่บ่อยครั้งที่เรา จะได้เจอภาพเหล่านี้ได้ง่ายๆ ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่ได้นึกถึง เรื่องของกรอบภาพ เราอาจจะเน้นไปที่กิริยาของตัว บุคคลโดยไม่ได้เก็บกรอบหน้าต่างมาแบบนี้ก็เป็นได้.
ทั้ง2ภาพนี้ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ จะเห็นได้ว่าแม้จะไม่สามารถตั้งค่าใดใดในการถ่ายภาพได้ แต่หากเราใช้หลักศิลปะการถ่ายภาพเข้าช่วย เราก็สามารถ ได้ภาพถ่ายที่น่าสนใจมาเก็บไว้ได้ การสร้างกรอบภาพนั้นมีพลังในการบังคับสายตาของผู้ดูให้มองไปยังเป้าหมายที่เราต้องการได้เป็นอย่างดี ดังที่ท่านได้ เห็นและรู้สึกได้จากภาพธรรมดาๆทั้ง2ภาพนี้ว่าท่านเห็นอะไรเป็นสิ่งแรกใน2ภาพนี้
Hi-Key และ Low-Key
ภาพแบบ Hi-Key คือภาพที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นโซนสว่าง 70-80% แต่ยังคงรายละเอียด ของเนื้อภาพบนตัวแบบไว้ได้อย่างครบถ้วน การถ่ายภาพ Hi-Key นั้นไม่ใช่การถ่ายภาพ over จน เสียรายละเอียด อย่างที่หลายๆคนเข้าใจผิดและถ่าย over จนภาพเสียรายละเอียดบนตัวแบบ ไป แบบนี้จะไม่เรียกว่า Hi-Key อารมณ์ของภาพ Hi-Key นั้นผมมักจะใช้ในการภาพที่ต้องการให้ ภาพนั้นออกแนวความบริสุทธิ์ สดใสไร้เดียงสา ความอ่อนหวาน และความรัก ภาพแบบ Low-Key จะตรงกันข้ามกับ Hi-Key คือภาพที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาพจะเป็นโซน มืด แต่ตัวแบบต้องยังคงมีรายละเอียดครบถ้วนเช่นกัน ภาพเน้นไปทางโทนหม่นๆและเล่นแสง เงาเพื่อสร้างอารมณ์ภาพเป็นหลัก ทิศทางของแสงจะมาจากด้านข้างซะเป็นส่วนใหญ่ งานแนว Low-Key ของผมจะไปทาง portrait, และ Sexy Art จนถึง Art Nude Low-Key นั้นสามารถ สื่ออารมณ์ของภาพได้หลากหลาย ทั้งดูลึกลับน่าค้นหา สื่อถึงความหลงใหล สามารถแสดงความ เข้มแข็ง และความเศร้าหมอง ความอ่อนแอ หรือความน่ากลัวได้ 19
^ ภาพแบบ Hi key นั้นจะเป็นภาพที่มีContrastต่ำ� และมีส่วนที่เป็น Shadow ที่เบาบางไม่แข็งกระด้าง จึงเป็นภาพที่ดูแล้วนุ่มให้ความรู้สึกสดใส ร่าเริง
^ อารมณ์ของ Hi-Key นั้นจะออกไปในโทน สว่างที่ดูแล้วเนียนตา เมื่อถ่ายภาพคู่รัก ภาพ จึงส่งอารมณ์ให้ดูแล้วมีความสุข
^ สื่อถึงความสุขุม ความเข้มแข็งของผู้ชายได้เป็น อย่างดี ^ สื่ออารมณ์แนวเซ็กซี่ชวนให้ค้นหา และความ น่าหลงใหล
^ สื่ออารมณ์เหงา เศร้า อ้างว้างโดดเดี่ยว ทั้งนี้ก็ยัง ขึ้นอยู่กับการแสดงสีหน้าของตัวแบบอีกด้วย
Silhouette (ภาพเงาด�ำ)
ภาพเงาด�ำ หรือ ซิลลูเอท เป็นภาพประเภทที่แสดงเพียงรูปทรงเงาสีด�ำทึบของวัตถุหลักใน ภาพที่เราต้องการถ่ายภาพ ความสวยงามของภาพนั้นนอกจากรูปร่างของตัวแบบแล้ว ยังมาจาก แสงสีที่ปรากฏอยู่เป็นฉากหลังของตัวแบบอีกด้วย ด้วยความที่ตัวแบบด�ำทึบ มันจึงตัดกับแสงสี ของฉากด้านหลังพูดง่ายๆก็คือการถ่ายภาพย้อนแสงนั้นแหละครับ ตัวแบบในภาพนั้นจึงโดดเด่น ขึ้นมาในทันที และเป็นภาพอีกสไตล์ที่ผมใช้บ่อยมากๆเช่นกัน
ภาพถ่าย คือการนำ�เอา แสง ,เงา และสี มาผสมผสานกับอารมณ์ของนักถ่ายภาพ เพื่อถ่ายทอด อารมณ์ความรู้สึก ทัศนคติ ความรู้และประสบการณ์ รวมถึงค่านิยมของผู้ถ่ายภาพ หรือตัวของผู้ที่อยู่ ในภาพไปสู่ผู้ชม “ภาพเพียงภาพเดียวสามารถแทนคำ�พูดนับพันคำ�” ซึ่งก็หมายถึงการสื่อสารแทน คำ�พูดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยภาพถ่าย ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเราสามารถนำ�มาประยุกต์ใช้ได้กับทุกๆงานถ่ายภาพ และตัวผมเองก็ยังคงใช้ หลักของศิลปะการถ่ายภาพเป็นสิ่งชี้นำ�ในการทำ�งานอยู่เสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำ�ตาม หลักการเสมอไป เพียงแค่ให้นำ�หลักการนั้นมาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ของการทำ�งานที่ไม่มีความ แน่นอนตายตัว และจงคิดสิ่งใหม่ๆวิธีการใหม่ๆให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมออย่ายึดติดกับวิธี การเดิมๆ แล้วการทำ�งานถ่ายภาพจะสนุกและมีชีวิตชีวาที่ไม่ซ้ำ�ซากจำ�เจ เนื้อที่ของ Auto Focus ใน ฉบับนี้ก็หมดลงแล้ว ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการถ่ายภาพ แล้วพบกันใหม่ในฉบับหน้า สวัสดีครับ... 21
23
เทคนิคการถ่ายภาพย้อนแสง ในช่วงเวลากลางวัน ปัญหาใหญ่สำ�หรับหลายท่านที่ถ่ายภาพย้อนแสง จะเกิดเงา ดำ�ในส่วนที่ไม่โดนแสงตกกระทบ ทำ�ให้ภาพบางส่วนสว่าง ภาพบางส่วนมืด วิธีแก้ไขง่ายๆ ให้ถ่ายภาพในระบบวัดแสง เฉลี่ยทั้งภาพ โดยถ่ายให้ติดโทน Under อย่าลืมตั้งค่าไฟล์ภาพ เป็น RAW เพื่อจะเข้ากระบวนการทางโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อดึงค่าในส่วนเงามืดให้สว่างขึ้น หรือถ้าไม่ถนัดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ กล้องบางยี่ห้อ จะมี โหมดเปิดเงามืด หรือ Active-D Lighting ก็ให้เปิดโหมด นี้ เพื่อให้เปิดรายละเอียดในส่วนเงามืดให้สว่างขึ้น โดยส่วน สว่างก็จะไม่สูญเสียรายละเอียดไปครับ
Photography Technique
25
Show time เรื่อง/ภาพ : กองบรรณาธิการ
ป่แหล่างเรีในกรุ ง ยนรู้ธรรมชาติใน
นเมืองกรุง
27
ถ้าจะพูดถึงป่า หลายท่านอาจจะนึกถึงต่างจังหวัด ซึ่งแต่ละพื้นที่มีลักษณะพื้นป่าที่แตก ต่างกันขึ้นอยู่กับภูมิประเทศของจังหวัดนั้นๆ แต่ส�ำหรับคนเมืองหลวงแล้ว ถ้าไม่มีเวลาที่จะไป สัมผัสผืนป่าที่ต่างจังหวัด วันนี้ทีมงาน Travelgraphy จะพาทุกท่านมาสัมผัสกับ “ป่าในกรุง” ที่ อยู่ในกรุงเทพมหานครครับ
ป่าในกรุง เกิดขึ้นจาก ปตท ที่ริเริ่มปลูกป่าเพื่อเป็นปอดให้กับพื้นที่เมืองหลวงของ ประเทศไทย ที่เริ่มมีพื้นที่น้อยลงขึ้นทุกวัน (ป่าคอนกรีตแทนป่าไม้) ซึ่งตอนนี้ทีมงานเราจะพา ไปที่ “ป่าในกรุง” สุขาภิบาล2 เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลักษณะนิเวศที่(เกือบ)ครบ วงจร การเดินทางไม่ยาก มีป้ายบอกทางตลอดช่วง แต่สถานที่จอดรถ ถ้ามาเร็ว ก็สามารถจอดได้ ถ้าช่วงเย็น ทางเจ้าหน้าที่จะแนะน�ำให้ไปจอดอีกที่ ซึ่งบริเวณ “ป่าในกรุง” ไม่มีที่จอดรถให้ ต้อง อาศัยร้านกาแฟ หรือร้านค้าใกล้ๆ ที่มีที่จอดรถแทนครับ ภ า ย ใ น บ ริ เ ว ณ โ ค ร ง ก า ร ประกอบไปด้ ว ยพื้ น ที่ ไ ม่ ม ากแต่ ก็ ไ ม่ เล็กจนเกินไป มีทางเดินที่ทางโครงการ จัดไว้ให้อย่าลลงตัว ทั้งห้องนิทรรศการ ห้องฉายวีดีทัศน์ และป่ากลางแจ้ง แนะน�ำให้เดินตามเข็มนาฬิกา (วน ซ้าย) โดยครั้งนี้ทีมงาน Travelgraphy ได้ลองเดินตามที่ทางโครงการเตรียม
ไว้ให้ ซึ่งใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงเท่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่ลงทะเบียนเข้าพื้นที่ ให้ลงแค่คนเดียวนะครับ ระบุเวลาเข้า จ�ำนวนผู้เข้าชม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น อ๋อเกือบลืมไป ภายในบริเวณป่าในกรุง ไม่อนุญาตให้น�ำอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดเข้าไปข้างในนะครับ ดังนั้นจัดการให้เสร็จก่อนเข้า ชมนะครับ หลังจากที่ลงทะเบียนบริเวณด้านหน้าเสร็จแล้ว ก็จะเป็นทางเดินเข้าภายในบริเวณ พื้นที่ป่าในกรุง พื้นที่แรกที่เราจะได้สัมผัสคือ “ก�ำแพงดิน” ที่เป็นก�ำแพงสร้างขึ้นสองข้าง ตรง กลางเป็นทางเดิน มีพืชพรรณไม้ตกแต่งอย่างสวยงาม เหมาะแก่การถ่ายรูป จะเดี่ยวหรือจะถ่ายคู่ ก็สวยงามลงตัวทีเดียวเชียว ภายในบริเวณก�ำแพงดินนั้น จะมีจุดบริการน�้ำดื่มไว้ดับกระหายด้วย นะครับ
29
ถัดออกมาจากก�ำแพงดิน เดินมาไม่ถึง 10 ก้าว ก็จะพบกับห้องนิทรรศการ ที่ภายในจะติด แอร์เย็นฉ�่ำ ที่ประกอบด้วยข้อมูลลักษณะพืชพรรณต่างๆ รวมถึงประวัติชื่อเขตของกรุงเทพ ที่น�ำ ชื่อต้นไม้มาตั้งชื่ออีกด้วยนะครับ ผมใช้เวลาอยู่ในห้องนี้พอประมาณ เพลินกับวีดีทัศน์และข้อมูล ต่างๆ พาจินตนาการให้คิดถึงความส�ำคัญของต้นไม้และพื้นที่ป่า ที่เป็นสิ่งส�ำคัญต่อมนุษย์โลกของ เราอย่างยิ่ง หลังจากที่เติมเต็มข้อมูลต่างๆเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาออกไปดูพื้นที่ป่าในกรุงสักทีครับ เราเลือกที่จะขึ้นด้านบน ชั้น2 ที่เป็นพื้นที่ของพืชสมุนไพรต่างๆ ที่ปลูกบนชั้นดาดฟ้า รวมถึงเป็น จุดดูวิวแบบย่อมๆได้อีกที่หนึ่ง ถ้าไม่ติดที่ว่าร้อน (เพราะไปช่วงเกือบเที่ยง) ก็คงจะนั่งถ่ายรูปกัน เพลินมากกว่านี้ครับ
31
ไม่รอช้า ถึงเวลาที่จะเดิน ส�ำรวจพื้นที่ป่าในกรุง ตามเส้นทาง ศึกษาธรรมชาติ ยกระดับจากพื้น ดิน ที่มีทางเดินที่สะดวกสะบาย ท่ า มกลางต้ น ไม้ น ้ อ ยใหญ่ ที่ เ รี ย ง รายอยู่สองข้างทางเดิน ชวนให้ เพลิดเพลินในการถ่ายรูปได้ชนิดไม่ วางกล้องกันเลยทีเดียวเชียว เดิน ไปสักพัก ก็เจอข้อมูลต่างๆ ที่ทางโครงการจัดท�ำให้ความรู้แก่ผู้ที่เข้าชม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลต้นไม้ ต่างๆ หรือนกชนิดต่างๆ ที่พบในโครงการ ใครที่อยากถ่ายนก ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ส�ำหรับ การฝึกนะครับ อย่าลืมน�ำเลนส์เทเลโฟโต้ ติดไม้ติดมือมาด้วยนะครับ
มาถึงไฮไลท์ส�ำคัญของเราครับ คือ Observation Tower หรือ หอชมป่า ที่เป็นจุดที่สูง ที่สุดของโครงการป่าในกรุง สามารถชมวิว 360องศา แต่ต้องพิสูจน์ร่างกายนิดหน่อย ต้องเดินขึ้น บันไดวน แนะน�ำอย่ามองขั้นบันได เพราะจะท�ำให้เวียนศีรษะได้ จนถึงขั้นบนสุด จะเป็นทางเดิน เล็กๆรอบตัวอาคาร ด้านหน้าจะมองไปเห็นพื้นที่โครงการทั้งหมด ด้านหลังจะมองเห็นพื้นที่สนาม บินสุวรรณภูมิ ส�ำหรับผมใช้เวลาอยู่ข้างบนเกือบๆ 20 นาที (เพราะวันที่ไปไปวันธรรมดา ช่วงเช้า คนเลยไม่เยอะ) ตั้งกล้องถ่ายภาพพื้นที่โครงการทั้งหมด รวมทั้งนั่งดูยืนดูเครื่องบินขึ้นลง (เพราะ ผมเป็นคนที่ชอบดูเครื่องบินขึ้นลงมากๆ ให้ดูทั้งวันก็ได้) มองดูนาฬิกาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก จนกระทั่งจะเดินลง ก้าวเท้าแรกเท่านั้นแหละครับ “ตะคริวกิน” โอ้โห ได้แต่พูดออกมาเบาๆ ยืน ยืดเส้นอีกราวๆ 3-4 นาที อาการดีขึ้น ค่อยเดินลงมาด้านล่างสุด ที่จะเป็นทางเดินบนพื้นดินวน ไปบรรจบกับทางเดินช่วงแรกที่เราเดินออกมาจากห้องนิทรรศการ น่าเสียดายที่วันนี้ผมมาไม่ทัน รอบฉายวีดีทัศน์ในอีกห้อง ที่มีรอบฉายเป็นรอบๆ ใครที่มีเวลา แนะน�ำให้เข้าไปชมวีดีทัศน์ด้วย นะครับ
33
35
มองดูนาฬิกา ผมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเต็มๆ กับการแวะมา ถ่ายภาพและศึกษาธรรมชาติที่โครงการ “ป่าในกรุง” ที่เป็นพื้นที่สีเขียว ที่เหมาะแก่การศึกษาหาความรู้ พักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงเป็นอีกสถาน ที่ฝึกถ่ายภาพนก ในเขตกรุงเทพมหานคร ที่คุณไม่ต้องออกต่างจังหวัด เหมาะส�ำหรับคนที่มีเวลาน้อย แต่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ที่ธรรมชาติ รอให้เรามาสัมผัสได้ทุกเมื่อ ฉบับหน้าผมจะพาทุกท่านไปสถานที่ไหน ติดตามกันได้ในนิตยสาร Travelgraphy ฉบับถัดไป สวัสดีครับ ...
37
Photography Technique
เสน่ห์ของภาคกลางคือ การเกษตร ที่เรียกได้ว่าเป็นอู่ข้าวอู่น�้ำของคน ไทย และเป็นแหล่งผลิตสินค้าด้านการเกษตรที่มากมาย ส่งได้ตลอดทั้งปี บางพื้นที่อาจจะปลูกข้าว บางพื้นที่อาจจะปลูกถั่ว หรืออะไรก็แล้วแต่สภาพ ของพื้นที่นั้นๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูเพาะปลูก เน่ห์ของที่นี่คือการลงพื้นที่เกษตร หลายท่านอาจจะเห็นภาพจากมุมระดับสายตา ภาพนี้ถ่ายด้วยโดรน DJI บินเหนือระดับพื้นดิน 300 เมตร เพื่อให้เห็น พื้นที่ที่ก�ำลังเตรียมดิน และพื้นที่ที่ก�ำลังเพาะปลูก แสดงถึงความตัดกันของ พื้นดินและสีครับ ส่วนเทคนิคการบังคับโดรน ไม่ยากครับ แค่เราท�ำความ เข้าใจ และวางแผนมุมที่จะถ่ายดีๆ เพราะแบตเตอรี่1ก้อน บินได้ไม่นาน การขึ้นบินแต่ละครั้ง จึงส�ำคัญเป็นอย่างมากครับ
39
41
Life Traveler
เรื่องและภาพ : วรุตม์ หนันเรือง Facebook : Warut Nanruang
ทริปเหนือเมื่อฤดูฝน
ฤดูฝน เป็นช่วง Low season ของฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ช่วงนี้คือ ช่วงที่เหมาะสมส�ำหรับคนงบน้อย ไม่ชอบแย่งคนอื่นเที่ยว เพราะด้วย ฤดูกาลที่คาดเดาไม่ได้ว่าวันไหนฝนจะตก ต้องเตรียมใจรับกับความผิด หวังไว้ล่วงหน้า วิวที่จะไปอาจจะไม่สวยเท่ารีวิว แต่ส�ำหรับผม แค่ได้ เที่ยว หลีกหนีจากป่าคอนกรีต แค่นี้ก็พอใจแล้ว
43
ทริปนี้น่าจะเป็นปุ๊บปั๊บทัวร์อีกหนึ่งทริป วางแผนวันอังคาร วันศุกร์เดินทาง โดยเป้าหมาย ของทริปนี้คือ 2 จังหวัด เชียงราย และเชียงใหม่ ในระยะเวลา 5 วัน ผมเริ่มต้นเดินทางกลางคืน วันศุกร์ 11 สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาว การเดินทางช่วงออกจากกรุงเทพ เรียกได้ว่าการจราจร ก�ำลังติดระดับกลาง แน่นอนมันจะติดแค่ช่วงด่านเก็บเงินวงแหวนตะวันออก หลังจากนั้นก็ทาง สบายแล้ว ออกเดินทางตั้งแต่เวลาประมาณ 4 ทุ่ม ขับรถฮอนด้าซิตี้ คู่ใจคู่กาย ไปเรื่อยๆ โดยเป้า หมายแรกที่จะไปนั่นก็คือ วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง จังหวัดล�ำปาง หรือที่รู้จักกันในชื่อ วัดเฉลิม พระเกียรติ ที่มีความพิเศษของที่นี่คือ เจดีย์ ที่ตั้งอยู่อย่างกระจัดกระจายบริเวณหน้าผา บนยอด เขาสูง 815 เมตร เหนือระดับน�้ำทะเล ซึ่งผมเดินทางมาถึงวัดก็ช่วง 7โมงเช้าพอดี ไม่รอช้าครับ รีบซื้อตั๋วเพื่อขึ้นรถที่ทางคณะกรรมการวัดจัดเตรียมไว้ให้ ในราคา 100บาท (ไป-กลับ) เพราะเส้น ทางขึ้นไปยังจุดเดินเท้าเป็นทางคดเคี้ยวและลาดชันเป็นอย่างมาก ต้องอาศัยรถที่จัดเตรียมไว้ให้ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวครับ ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้นครับ ใครที่ชอบถ่ายรูป แนะน�ำนั่งช่วงท้ายของรถ เพราะวิวเบื้องหลังที่ขับผ่านมา สุดจะบรรยายจริงๆ
หลั ง จากลงรถตรงจุ ด ลานกว้างเสร็จ เราก็ต้องเดิน ขึ้ น บั น ไดและทางเดิ น ไปอี กราวๆ 1 กิโลเมตร จุดนี้ถือว่า เป็ น ด่ า นวั ด ใจและก� ำ ลั ง ขา เป็นอย่างดีครับ ซึ่งเดินขึ้นไป เรื่อยๆ สลับหยุดถ่ายรูปวิว และพืชพรรณต่างๆ ใช้เวลา เพียง 30 นาที ก็เดินถึงบริเวณ ยอดภูแล้วครับ ไม่รอช้าครับ รี บ หยิ บ กล้ อ งขึ้ น มาถ่ า ยรู ป ทะเลหมอก ที่พัดมาเรื่อยๆ ซึ่ง ช่วงที่เราไปโชคดีมากครับ มี ให้ถ่ายตลอดช่วง ตั้งกล้องถ่าย ภาพนิ่ง สลับกับถ่าย TimeLapse เพื่อฆ่าเวลาให้ร่างกาย ที่เดินขึ้นเขาได้พักหายเหนื่อย ไปในตัว
45
จุดเด่นของยอดเขาวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง ก็คือเจดีย์บนยอด เขาหิน ที่มีอย่างกระจัดกระจายเต็มยอดเขา ทั้งเล็กและใหญ่สลับกันไป รวมทั้งศาลาปฎิบัติธรรม ที่ก่อสร้างขึ้นบริเวณหน้าผาที่เป็นอีกหนึ่งที่ที่ เหมาะกับผู้ที่อยากมาปฎิบัติธรรมท่ามกลางบรรยากาศความเงียบสงบ เราใช้เวลาถ่ายรูปที่เจดีย์ต่างๆเกือบๆชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่จะต้องบอกลา สถานที่แห่งนี้ นับว่าเป็นความคุ้มค่ามากๆ และประทับใจกับความ Unseen ที่ก�ำลังเป็นสถานที่ยอดฮิตอีกหนึ่งแห่งของจังหวัดล�ำปาง เมือง ที่มีอะไรให้น่าค้นหาอีกมากมาย ครั้งหน้าคงตั้งใจมาเที่ยวล�ำปางให้ มากกว่านี้ โดยหลังจากที่เราลงจากเขา ด้วยความหิวโหย ไม่รอช้าครับ หาอะไรรองท้อง ก่อนจะเดินทางไปสู่จังหวัดเชียงรายกันต่อ 47
49
เมื่อออกจากวัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง เราใช้เส้นเส้น1035 มาเรื่อยๆ เพราะอยากชื่นชม กับธรรมชาติของบรรากาศป่าเขาและทุ่งข้าวช่วงหน้าฝน จนมาสะดุดตากับอ�ำเภอหนึ่ง ซึ่งเป็น ทางสิ้นสุดทางหลวง 1035 ที่มาบรรจบกับเส้น 120 ที่อ�ำเภอวังเหนือ อ�ำเภอที่เหนือสุดของ จังหวัดล�ำปาง ที่มีพื้นที่ติดกับจังหวัดเชียงรายและพะเยา ที่มีลักษณะถูกภูเขาล้อมรอบ ท�ำให้ อดใจไม่ไหว ต้องจอดรถลงไปถ่ายรูปให้เห็นตัวอ�ำเภอโดยมีฉากหลังเป็นภูเขา ให้ความยิ่งใหญ่ และน่าค้นหาไม่น้อย ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ถ้ามีเวลา จะมาพักที่นี่สักคืน ไม่รอช้าเดินทางออก จากวังเหนือ เราใช้เส้นทาง120 ตัดเข้า 118 เข้าตัวจังหวัดเชียงราย โดยเป้าหมายของเราไม่ใช่ที่ ตัวจังหวัดเชียงราย เพราะคืนแรกที่เราจะนอนนั่นก็คือ “ภูชี้ฟ้า”
แน่นอน นี่คือครั้งแรกของผมที่ขับรถมาที่ ภูชี้ฟ้า ในเมื่อไม่แน่ใจเส้นทาง ก็ต้องเปิด GPS ให้ น�ำเส้นทาง ถ้าใครที่ขับรถตาม GPS จะรู้ว่ามันจะพาเราลัดเลาะไปตามถนนที่ใกล้ที่สุด ผมคิดไว้ แค่ ถ้าไม่ใช่ทางลูกรัง ไปได้หมด โดยครั้งนี้ GPS ตัวดีพาผมขับมาที่เส้นทาง 1020 ดีใจครับ เป็น ทางใหญ่ มีเกาะกลางถนน รถวิ่งง่าย ไม่นานเท่านั้น GPS บอกให้เลี้ยวซ้ายเข้าเส้น 1306 ซึ่งเป็น ทาง 2 ช่อง รถวิ่งสวนทางกัน แต่ถนนค่อนข้างโล่ง ขับได้สบายๆ 80-90 กม/ชม ขับตามเส้นทาง
นี้เพลินดีครับ มีฝนตกสลับแดดออก ท่ามกลางทุ่งข้าวสีเขียวทอดยาวไกลไปบรรจบกับภูเขาน้อย ใหญ่สลับกัน ชอบมากๆกับฟิลลิ่งแบบนี้ ขับรถเพลินเลยครับ ขับมาเรื่อยก็จะถึงทางตัดเข้าเส้น 1152 ทางก็เป็นเหมือนที่ผ่านมา ขับมาเรื่อยๆ ทางดีบ้างไม่ดีบ้าง เป็นธรรมดาของเส้นทางสาย รอง จนมาถึงสามแยกที่ตัดกับเส้น 1020 แน่นอนครับว่ามันลัดได้เยอะจริงๆ ขับไปตามป้ายบอก ทางและ GPS เรื่อยๆ ทางดีมากครับ 4 ช่องจราจร รถน้อย จนถึงจุดกลับรถ เพราะเราจะเข้าไป ยัง ภูชี้ฟ้า ตามเส้นทาง 4018 ความสนุก เสียว ตื่นเต้น ก�ำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ
51
53
ขับเข้าทาง 4018 ก็มีป้ายต้อนรับบอกว่าภูชี้ฟ้า เราแน่ใจว่ามาถูกทางแล้วครับ พอขับไป ไม่ถึง 200 เมตร ก็เจอป้าย ทางลาดชัน ไม่เหมาะกับรถบรรทุก ในใจคิดหนักแล้ว แต่มันก็คงจะ คล้ายๆกับทางขึ้นภูทับเบิกแหละ (ซึ่งผมไปมาแล้ว 3ครั้ง) แน่นอนครับ ด้วยความที่ว่ามันเป็นทาง สายรองของสายรอง หรือพูดง่ายๆ ทางหลวงชนบท ชร4018 ต้องอาศัยความคุ้นเคยหรือความ ช�ำนาญของคนขับเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด เพราะทางช่วงแรกมันก็เหมือนๆทางขึ้นลงเขาทั่วไป ใช้เกียร์ D2 ไปเรื่อยๆ สลับ D3 บ้างบางจังหวะ อย่างที่บอกครับ ผมเองค่อนข้างรู้ใจรถคันนี้ ที่ อยู่ด้วยกันมา 6ปี ขึ้นลงเขามาก็มาก เลยรู้จังหวะรถว่าจังหวะไหนควรเร่ง จังหวะไหนควรผ่อน สลับกับดูแผนที่เส้นทางจาก GPS ซึ่งช่วยได้มาก เพราะมันจะบอกว่าข้างหน้าจะเลี้ยวซ้ายหรือ ขวา ทางโค้งแคบหรือกว้าง ผมเลยสบายใจระดับหนึ่ง แต่พอขับผ่านหมู่บ้านพญาพิภักดิ์ ความ สนุก ความเสียว ความกังวลเริ่มเข้ามาแล้วครับ เพราะตลอด 1.5กิโลเมตรต่อไปนี้ คือทางลงเขา ที่มีความชันราวๆ 40องศา สลับโค้งซ้าย-ขวา หักศอก ผสมกับทางแคบ ท�ำได้เพียงอย่างเดียว ใส่ เกียร์ D2 ประคองเบรคไปเรื่อยๆ จนผ่านตรงจุดนี้ไปได้ ทางก็จะโหดลงเล็กน้อย แต่ก็มีสลับโค้ง เรื่อยๆครับ เราใช้เวลาราวๆ 1.30 ชั่วโมง จากทางเข้า จนเดินทางมาถึงที่พัก ระยะทางเพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้น แต่เราจอดรถถ่ายรูปกันค่อนข้างบ่อย ตรงไหนสวยก็จอด เพราะช่วงที่ไป ไม่ค่อย มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปเยอะ เรียกได้ว่า ชิลตามแบบที่ต้องการ จนมาถึงที่พัก เรา Walk in เข้ามา หาสถานที่กางเต๊นท์ ที่เป็นจุดที่สวยที่สุดนั่นก็คือ GoodView ภูชี้ฟ้า ที่เบื้องหน้าคือมุมชมดวง อาทิตย์ตกที่สวยอันดับต้นๆของภูชี้ฟ้า คืนนี้เรากางเต๊นท์ที่นี่กันครับ
55
57
ตื่นเช้ามาหาอะไรรองท้อง ก่อน จะเดินทางขึ้นชม ภูชี้ฟ้า ในช่วงสายๆ เพราะจากการสอบถามกั บ พี่ เ จ้ า ของ ที่พักบอกว่า “ช่วงนี้ตอนเช้าก็มองไม่ เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เพราะหมอกเยาะ เป็นช่วงฝนตก กว่าหมอกจะหายก็ช่วง สายแล้ว ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว” เรา เลยขึ้นบนยอดภูชี้ฟ้าในช่วงสายๆ ไม่ผิด หวังจริงๆครับ วันนี้ทะเลหมอกมาซะจน หนาตา มีบางครั้งมองไม่เห็นในระยะเกิน กว่า 5 เมตร สลับกับฟ้าโปร่งในช่วงเวลา สั้นๆ ต้องอาศัยกล้องติดกับขาตั้งตลอด เวลา เพื่อไม่ให้พลาดจังหวะส�ำคัญไป อย่างน่าเสียดาย
59
ยอดภูชี้ฟ้า ตั้งอยู่ชายแดนไทย-ลาว สู ง เ ห นื อ ร ะ ดั บ น�้ ำ ท ะ เ ล ป า น ก ล า ง 1,628เมตร มีหมอกค่อนข้างหนา ลมแรง ระดับปกติ แต่ไม่แรงเท่าภูทับเบิก ความ สวยงามของที่นี่คือ จุดยอดภูชี้ฟ้า และจุด ลานกว้างก่อนถึงยอดภู ที่เป็นที่นิยมถ่าย ภาพของนักท่องเที่ยวหลายๆคน ถ้าหาก มองจากบริ เ วณภู ชี้ ฟ ้ า ก็ จ ะเห็ น หมู ่ บ ้ า น เชียงตอง หมู่บ้านเล็กๆท่ามกลางหุบเขา ของ สปป.ลาว ไม่ว่าจะมองไปมุมไหน ก็ น่าถ่ายภาพไปเสียหมด ผมใช้เวลากับการ ถ่ายภาพรวมถึงชื่นชมกับความสวยงาม อยู่สักพัก ก็ต้องเดินทางต่อ โดยเรามีการ เปลี่ยนเป้าหมายเล็กน้อย เพราะคืนนี้ เรา จะไปนอนพักที่ ดอยแม่สลอง ว่าจะมีอะไร น่าท่องเที่ยวบ้าง ติดตามได้ในฉบับหน้า ครับ ฉบับนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ ...
61
63